📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

มชฺฌิมนิกาเย

มูลปณฺณาส-ฏีกา

(ปโม ภาโค)

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา

. สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยวนฺทนา สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส ปภวนิสฺสยวิสุทฺธิปฏิเวทนตฺถํ, ตํ ปน ธมฺมสํวณฺณนาสุ วิฺูนํ พหุมานุปฺปาทนตฺถํ, ตํ สมฺมเทว เตสํ อุคฺคหธารณาทิกฺกมลทฺธพฺพาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สพฺพหิตสุขนิปฺผาทนตฺถํ. อถ วา มงฺคลภาวโต, สพฺพกิริยาสุ ปุพฺพกิจฺจภาวโต, ปณฺฑิเตหิ สมาจริตภาวโต, อายตึ ปเรสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนโต จ สํวณฺณนายํ รตนตฺตยปณามกิริยา. อถ วา รตนตฺตยปณามกรณํ ปูชนียปูชาปุฺวิเสสนิพฺพตฺตนตฺถํ. ตํ อตฺตโน ยถาลทฺธสมฺปตฺตินิมิตฺตกสฺส กมฺมสฺส พลานุปฺปทานตฺถํ. อนฺตรา จ ตสฺส อสงฺโกจนตฺถํ. ตทุภยํ อนนฺตราเยน อฏฺกถาย ปริสมาปนตฺถํ. อิทเมว จ ปโยชนํ อาจริเยน อิธาธิปฺเปตํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อิติ เม ปสนฺนมติโน…เป… ตสฺสานุภาเวนา’’ติ. วตฺถุตฺตยปูชาหิ นิรติสยปุฺกฺเขตฺตสํพุทฺธิยา อปริเมยฺยปภาโว ปุฺาติสโยติ พหุวิธนฺตราเยปิ โลกสนฺนิวาเส อนฺตรายนิพนฺธนสกลสํกิเลสวิทฺธํสนาย ปโหติ. ภยาทิอุปทฺทวฺจ นิวาเรติ. ยถาห –

‘‘ปูชารเห ปูชยโต. พุทฺเธ ยทิ ว สาวเก’’ติอาทิ (ธ. ป. ๑๙๕; อป. ๑.๑๐.๑), ตถา

‘‘เย, ภิกฺขเว, พุทฺเธ ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา, อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๙๐, ๙๑),

‘‘พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ;

วรเมว หิ สา ปีติ, กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺส.

ธมฺโมติ กิตฺตยนฺตสฺส…เป… กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺส;

สงฺโฆติ กิตฺตยนฺตสฺส…เป… กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺสา’’ติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๙๐),

ตถา –

‘‘ยสฺมึ มหานาม สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑),

‘‘อรฺเ รุกฺขมูเล วา…เป…

ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา,

โลมหํโส น เหสฺสตี’’ติ จ. (สํ. นิ. ๒.๒๔๙);

ตตฺถ ยสฺส วตฺถุตฺตยสฺส วนฺทนํ กตฺตุกาโม, ตสฺส คุณาติสยโยคสนฺทสฺสนตฺถํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทินา คาถาตฺตยมาห. คุณาติสยโยเคน หิ วนฺทนารหภาโว, วนฺทนารเห จ กตา วนฺทนา ยถาธิปฺเปตํ ปโยชนํ สาเธตีติ. ตตฺถ ยสฺสา เทสนาย สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม. สา น วินยเทสนา วิย กรุณาปฺปธานา, นาปิ อภิธมฺมเทสนา วิย ปฺาปฺปธานา, อถ โข กรุณาปฺาปฺปธานาติ ตทุภยปฺปธานเมว ตาว สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โถมนํ กาตุํ ตมฺมูลกตฺตา เสสรตนานํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กิรตีติ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ อปเนตีติ อตฺโถ. อถ วา กิณาตีติ กรุณา, ปรทุกฺเข สติ การุณิกํ หึสติ วิพาธตีติ อตฺโถ. ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ กโรตีติ วา กรุณา. อถ วา กมิติ สุขํ, ตํ รุนฺธตีติ กรุณา. เอสา หิ ปรทุกฺขาปนยนกามตาลกฺขณา อตฺตสุขนิรเปกฺขตาย การุณิกานํ สุขํ รุนฺธติ วิพนฺธตีติ อตฺโถ. กรุณาย สีตลํ กรุณาสีตลํ, กรุณาสีตลํ หทยํ อสฺสาติ กรุณาสีตลหทโย, ตํ กรุณาสีตลหทยํ.

ตตฺถ กิฺจาปิ ปเรสํ หิโตปสํหารสุขาทิอปริหานิจฺฉนสภาวตาย, พฺยาปาทารตีนํ อุชุวิปจฺจนีกตาย จ ปรสตฺตสนฺตานคตสนฺตาปวิจฺเฉทนาการปฺปวตฺติยา เมตฺตามุทิตานมฺปิ จิตฺตสีตลภาวการณตา อุปลพฺภติ, ตถาปิ ปรทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติยา ปรูปตาปาสหนรสา อวิหึสาภูตา กรุณาว วิเสเสน ภควโต จิตฺตสฺส จิตฺตปสฺสทฺธิ วิย สีติภาวนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ. กรุณามุเขน วา เมตฺตามุทิตานมฺปิ หทยสีตลภาวการณตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา อสาธารณาณวิเสสนิพนฺธนภูตา สาติสยํ นิรวเสสฺจ สพฺพฺุตฺาณํ วิย สวิสยพฺยาปิตาย มหากรุณาภาวํ อุปคตา กรุณาว ภควโต อติสเยน หทยสีตลภาวเหตูติ อาห ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ. อถ วา สติปิ เมตฺตามุทิตานํ สาติสเย หทยสีติภาวนิพนฺธนตฺเต สกลพุทฺธคุณวิเสสการณตาย ตาสมฺปิ การณนฺติ กรุณาว ภควโต ‘‘หทยสีตลภาวการณ’’นฺติ วุตฺตา. กรุณานิทานา หิ สพฺเพปิ พุทฺธคุณา. กรุณานุภาวนิพฺพาปิยมานสํสารทุกฺขสนฺตาปสฺส หิ ภควโต ปรทุกฺขาปนยนกามตาย อเนกานิปิ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ อกิลนฺตรูปสฺเสว นิรวเสสพุทฺธกรธมฺมสมฺภรณนิรตสฺส สมธิคตธมฺมาธิปเตยฺยสฺส จ สนฺนิหิเตสุปิ สตฺตสงฺขารสมุปนีตหทยูปตาปนิมิตฺเตสุ น อีสกมฺปิ จิตฺตสีติภาวสฺส อฺถตฺตมโหสีติ. เอตสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ตีสุปิ อวตฺถาสุ ภควโต กรุณา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.

ปชานาตีติ ปฺา, ยถาสภาวํ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ปฺาว เยฺยาวรณปฺปหานโต ปกาเรหิ ธมฺมสภาวโชตนฏฺเน ปชฺโชโตติ ปฺาปชฺโชโต. สวาสนปฺปหานโต วิเสเสน หตํ สมุคฺฆาติตํ วิหตํ, ปฺาปชฺโชเตน วิหตํ ปฺาปชฺโชตวิหตํ. มุยฺหนฺติ เตน, สยํ วา มุยฺหติ, โมหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโห, อวิชฺชา, สฺเวว วิสยสภาวปฏิจฺฉาทนโต อนฺธการสริกฺขตาย ตโม วิยาติ ตโม, ปฺาปชฺโชตวิหโต โมหตโม เอตสฺสาติ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตโม, ตํ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ. สพฺเพสมฺปิ หิ ขีณาสวานํ สติปิ ปฺาปชฺโชเตน อวิชฺชนฺธการสฺส วิหตภาเว สทฺธาวิมุตฺเตหิ วิย ทิฏฺิปฺปตฺตานํ สาวเกหิ ปจฺเจกสมฺพุทฺเธหิ จ สวาสนปฺปหาเนน สมฺมาสมฺพุทฺธานํ กิเลสปฺปหานสฺส วิเสโส วิชฺชตีติ สาติสเยน อวิชฺชาปหาเนน ภควนฺตํ โถเมนฺโต อาห ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ.

อถ วา อนฺตเรน ปโรปเทสํ อตฺตโน สนฺตาเน อจฺจนฺตํ อวิชฺชนฺธการวิคมสฺส นิพฺพตฺติตตฺตา, ตถา สพฺพฺุตาย พเลสุ จ วสีภาวสฺส สมธิคตตฺตา, ปรสนฺตติยฺจ ธมฺมเทสนาติสยานุภาเวน สมฺมเทว ตสฺส ปวตฺติตตฺตา ภควาว วิเสสโต โมหตมวิคเมน โถเมตพฺโพติ อาห ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ‘‘ปฺาปชฺโชโต’’ติ ปเทน ภควโต ปฏิเวธปฺา วิย เทสนาปฺาปิ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.

อถ วา ภควโต าณสฺส เยฺยปริยนฺติกตฺตา สกลเยฺยธมฺมสภาวาวโพธนสมตฺเถน อนาวรณาณสงฺขาเตน ปฺาปชฺโชเตน สพฺพเยฺยธมฺมสภาวจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิธมิตตฺตา อนฺสาธารโณ ภควโต โมหตมวินาโสติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ. เอตฺถ จ โมหตมวิธมนนฺเต อธิคตตฺตา อนาวรณาณํ การณูปจาเรน สสนฺตาเน โมหตมวิธมนนฺติ ทฏฺพฺพํ. อภินีหารสมฺปตฺติยา สวาสนปฺปหานเมว หิ กิเลสานํ เยฺยาวรณปฺปหานนฺติ, ปรสนฺตาเน ปน โมหตมวิธมนสฺส การณภาวโต อนาวรณาณํ ‘‘โมหตมวิธมน’’นฺติ วุจฺจตีติ.

กึ ปน การณํ อวิชฺชาสมุคฺฆาโตเยเวโก ปหานสมฺปตฺติวเสน ภควโต โถมนานิมิตฺตํ คยฺหติ, น ปน สาติสยํ นิรวเสสกิเลสปฺปหานนฺติ? ตปฺปหานวจเนเนว ตเทกฏฺตาย สกลสํกิเลสคณสมุคฺฆาตสฺส โชติตภาวโต. น หิ โส ตาทิโส กิเลโส อตฺถิ, โย นิรวเสสอวิชฺชาปฺปหาเนน น ปหียตีติ.

อถ วา วิชฺชา วิย สกลกุสลธมฺมสมุปฺปตฺติยา นิรวเสสากุสลธมฺมนิพฺพตฺติยา สํสารปฺปวตฺติยา จ อวิชฺชา ปธานการณนฺติ ตพฺพิฆาตวจเนน สกลสํกิเลสคณสมุคฺฆาโต วุตฺโตเยว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ.

นรา จ อมรา จ นรามรา, สห นรามเรหีติ สนรามโร, สนรามโร จ โส โลโก จาติ สนรามรโลโก. ตสฺส ครูติ สนรามรโลกครุ, ตํ สนรามรโลกครุํ. เอเตน เทวมนุสฺสานํ วิย ตทวสิฏฺสตฺตานมฺปิ ยถารหํ คุณวิเสสาวหตาย ภควโต อุปการิตํ ทสฺเสติ. น เจตฺถ ปธานาปฺปธานภาโว โจเทตพฺโพ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโม. เอทิเสสุ หิ สมาสปเทสุ ปธานมฺปิ อปฺปธานํ วิย นิทฺทิสียติ ยถา ‘‘สราชิกาย ปริสายา’’ติ (จูฬว. ๓๓๖). กามฺเจตฺถ สตฺตสงฺขาโรกาสวเสน ติวิโธ โลโก, ครุภาวสฺส ปน อธิปฺเปตตฺตา ครุกรณสมตฺถสฺเสว ยุชฺชนโต สตฺตโลกสฺส วเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ. โส หิ โลกียนฺติ เอตฺถ ปุฺปาปานิ ตพฺพิปาโก จาติ ‘‘โลโก’’ติ วุจฺจติ. อมรคฺคหเณน เจตฺถ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา.

อถ วา สมูหตฺโถ โลกสทฺโท สมุทายวเสน โลกียติ ปฺาปียตีติ. สห นเรหีติ สนรา, สนรา จ เต อมรา จาติ สนรามรา, เตสํ โลโกติ สนรามรโลโกติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ. อมรสทฺเทน เจตฺถ วิสุทฺธิเทวาปิ สงฺคยฺหนฺติ. เต หิ มรณาภาวโต ปรมตฺถโต อมรา. นรามรานํเยว จ คหณํ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๕๗). ตถา หิ สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตูปการิตาย อปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณวิเสสสมงฺคิตาย จ สพฺพสตฺตุตฺตโม ภควา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมคารวฏฺานํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติ.

โสภนํ คตํ คมนํ เอตสฺสาติ สุคโต. ภควโต หิ เวเนยฺยชนุปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต โสภนํ, ตถา ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทุตวิลมฺพิต-ขลิตานุกฑฺฒน-นิปฺปีฬนุกฺกุฏิก-กุฏิลากุลตาทิ-โทสรหิต-มวหสิต-ราชหํส- วสภวารณ-มิคราชคมนํ กายคมนํ าณคมนฺจ วิปุลนิมฺมลกรุณา-สติวีริยาทิ-คุณวิเสสสหิตมภินีหารโต ยาว มหาโพธึ อนวชฺชตาย โสภนเมวาติ. อถ วา สยมฺภุาเณน สกลมปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน ปริชานนฺโต าเณน สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต. ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต, โลกนิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา คโต อธิคโตติ สุคโต, โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปฏิปนฺโนติ สุคโต. ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต’’ติอาทินา (มหานิ. ๓๘; จูฬนิ. ๒๗) นเยน อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. อถ วา สุนฺทรํ านํ สมฺมาสมฺโพธึ, นิพฺพานเมว วา คโต อธิคโตติ สุคโต. ยสฺมา วา ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ เวเนยฺยานํ ยถารหํ กาลยุตฺตเมว จ ธมฺมํ ภาสติ, ตสฺมา สมฺมา คทติ วทตีติ สุคโต ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. อิติ โสภนคมนตาทีหิ สุคโต, ตํ สุคตํ.

ปุฺปาปกมฺเมหิ อุปปชฺชนวเสน คนฺตพฺพโต คติโย, อุปปตฺติภววิเสสา. ตา ปน นิรยาทิวเสน ปฺจวิธา. ตาหิ สกลสฺสปิ ภวคามิกมฺมสฺส อริยมคฺคาธิคเมน อวิปาการหภาวกรเณน นิวตฺติตตฺตา ภควา ปฺจหิปิ คตีหิ สุฏฺุ มุตฺโต วิสํยุตฺโตติ อาห ‘‘คติวิมุตฺต’’นฺติ. เอเตน ภควโต กตฺถจิปิ คติยา อปริยาปนฺนตํ ทสฺเสติ, ยโต ภควา ‘‘เทวาติเทโว’’ติ วุจฺจติ. เตเนวาห –

‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;

ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;

เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖);

ตํตํคติสํวตฺตนกานฺหิ กมฺมกิเลสานํ อคฺคมคฺเคน โพธิมูเลเยว สุปฺปหีนตฺตา นตฺถิ ภควโต คติปริยาปนฺนตาติ อจฺจนฺตเมว ภควา สพฺพภวโยนิคติ-วิฺาณฏฺิติ-สตฺตาวาส-สตฺตนิกาเยหิ ปริมุตฺโต, ตํ คติวิมุตฺตํ. วนฺเทติ นมามิ, โถเมมีติ วา อตฺโถ.

อถ วา คติวิมุตฺตนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุปฺปตฺติยา ภควนฺตํ โถเมติ. เอตฺถ หิ ทฺวีหิ อากาเรหิ ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา อตฺตหิตสมฺปตฺติโต ปรหิตปฏิปตฺติโต จ. เตสุ อตฺตหิตสมฺปตฺติ อนาวรณาณาธิคมโต สวาสนานํ สพฺเพสํ กิเลสานํ อจฺจนฺตปฺปหานโต อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติโต จ เวทิตพฺพา, ปรหิตปฏิปตฺติ ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมเทสนโต วิรุทฺเธสุปิ นิจฺจํ หิตชฺฌาสยโต าณปริปากกาลาคมนโต จ. สา ปเนตฺถ อาสยโต ปโยคโต จ ทุวิธา ปรหิตปฏิปตฺติ, ติวิธา จ อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปกาสิตา โหติ. กถํ? ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ เอเตน อาสยโต ปรหิตปฏิปตฺติ, สมฺมาคทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปโยคโต ปรหิตปฏิปตฺติ, ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ คติวิมุตฺต’’นฺติ เอเตหิ จตุสจฺจปฏิเวธตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ติวิธาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, อวสิฏฺฏฺเน เตน ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน จาปิ สพฺพาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติปรหิตปฏิปตฺติ ปกาสิตา โหตีติ.

อถ วา ตีหิ อากาเรหิ ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา – เหตุโต ผลโต อุปการโต จ. ตตฺถ เหตุ มหากรุณา, สา ปมปเทน ทสฺสิตา. ผลํ จตุพฺพิธํ าณสมฺปทา ปหานสมฺปทา อานุภาวสมฺปทา รูปกายสมฺปทา จาติ. ตาสุ าณปหานสมฺปทา ทุติยปเทน สจฺจปฏิเวธตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ปกาสิตา โหนฺติ, อานุภาวสมฺปทา ปน ตติยปเทน, รูปกายสมฺปทา ยถาวุตฺตกายคมนโสภนตฺเถน สุคตสทฺเทน ลกฺขณานุพฺยฺชนปาริปูริยา วินา ตทภาวโต. อุปกาโร อนนฺตรํ อพาหิรํ กริตฺวา ติวิธยานมุเขน วิมุตฺติธมฺมเทสนา. โส สมฺมาคทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปกาสิโต โหตีติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ ทสฺเสติ. มหากรุณาสฺโจทิตมานโส หิ ภควา สํสารปงฺกโต สตฺตานํ สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาโร อนุปุพฺเพน ปารมิโย ปูเรตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคโตติ กรุณา สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ. ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธึ ทสฺเสติ. อนาวรณาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ อนาวรณาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจตีติ. สมฺมาคมนตฺเถน สุคตสทฺเทน สมฺมาสมฺโพธิยา ปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขลฺลิกตฺตกิลมถานุโยคสสฺสตุจฺเฉทาภินิเวสาทิ อนฺตทฺวยรหิตาย กรุณาปฺาปริคฺคหิตาย มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา ปกาสนโต สุคตสทฺทสฺส. อิตเรหิ สมฺมาสมฺโพธิยา ปธานาปฺปธานเภทํ ปโยชนํ ทสฺเสติ. สํสารมโหฆโต สตฺตสนฺตารณฺเหตฺถ ปธานํ ปโยชนํ, ตทฺมปฺปธานํ. เตสุ ปธาเนน ปรหิตปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ, อิตเรน อตฺตหิตสมฺปตฺตึ, ตทุภเยน อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ ภควโต จตุตฺถปุคฺคลภาวํ ทสฺเสติ. เตน จ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวํ อุตฺตมวนฺทนียภาวํ อตฺตโน จ วนฺทนกิริยาย เขตฺตงฺคตภาวํ ทสฺเสติ.

เอตฺถ จ กรุณาคหเณน โลกิเยสุ มหคฺคตภาวปฺปตฺตาสาธารณคุณทีปนโต ภควโต สพฺพโลกิยคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ, ปฺาคหเณน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานมคฺคาณทีปนโต สพฺพโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ. ตทุภยคฺคหณสิทฺโธ หิ อตฺโถ ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติอาทินา วิปฺจียตีติ. กรุณาคหเณน จ อุปคมนํ นิรุปกฺกิเลสํ ทสฺเสติ, ปฺาคหเณน อปคมนํ. ตถา กรุณาคหเณน โลกสมฺานุรูปํ ภควโต ปวตฺตึ ทสฺเสติ โลกโวหารวิสยตฺตา กรุณาย, ปฺาคหเณน สมฺาย อนติธาวนํ สภาวานวโพเธน หิ ธมฺมานํ สมฺํ อติธาวิตฺวา สตฺตาทิปรามสนํ โหตีติ. ตถา กรุณาคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติวิหารํ ทสฺเสติ, ปฺาคหเณน ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ จตุสจฺจาณํ จตุปฏิสมฺภิทาาณํ จตุเวสารชฺชาณํ.

กรุณาคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส คหิตตฺตา เสสาสาธารณาณานิ, ฉ อภิฺา, อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณานิ, ทส พลานิ, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, โสฬส าณจริยา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ, สตฺตสตฺตติาณวตฺถูนีติ เอวมาทีนํ อเนเกสํ ปฺาปเภทานํ วเสน าณจารํ ทสฺเสติ. ตถา กรุณาคหเณน จรณสมฺปตฺตึ, ปฺาคหเณน วิชฺชาสมฺปตฺตึ. กรุณาคหเณน อตฺตาธิปติตา, ปฺาคหเณน ธมฺมาธิปติตา. กรุณาคหเณน โลกนาถภาโว, ปฺาคหเณน อตฺตนาถภาโว. ตถา กรุณาคหเณน ปุพฺพการิภาโว, ปฺาคหเณน กตฺุตา. ตถา กรุณาคหเณน อปรนฺตปตา, ปฺาคหเณน อนตฺตนฺตปตา. กรุณาคหเณน วา พุทฺธกรธมฺมสิทฺธิ, ปฺาคหเณน พุทฺธภาวสิทฺธิ. ตถา กรุณาคหเณน ปเรสํ ตารณํ, ปฺาคหเณน สยํ ตรณํ. ตถา กรุณาคหเณน สพฺพสตฺเตสุ อนุคฺคหจิตฺตตา, ปฺาคหเณน สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺตตา ทสฺสิตา โหติ.

สพฺเพสฺจ พุทฺธคุณานํ กรุณา อาทิ ตนฺนิทานภาวโต, ปฺา ปริโยสานํ ตโต อุตฺตริ กรณียาภาวโต. อิติ อาทิปริโยสานทสฺสเนน สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ. ตถา กรุณาคหเณน สีลกฺขนฺธปุพฺพงฺคโม สมาธิกฺขนฺโธ ทสฺสิโต โหติ. กรุณานิทานฺหิ สีลํ ตโต ปาณาติปาตาทิวิรติปฺปวตฺติโต, สา จ ฌานตฺตยสมฺปโยคินีติ. ปฺาวจเนน ปฺากฺขนฺโธ. สีลฺจ สพฺพพุทฺธคุณานํ อาทิ, สมาธิ มชฺเฌ, ปฺา ปริโยสานนฺติ เอวมฺปิ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณทสฺสเนน สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ นยโต ทสฺสิตตฺตา. เอโส เอว หิ นิรวเสสโต พุทฺธคุณานํ ทสฺสนุปาโย, ยทิทํ นยคฺคาหณํ. อฺถา โก นาม สมตฺโถ ภควโต คุเณ อนุปทํ นิรวเสสโต ทสฺเสตุํ. เตเนวาห –

‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ;

กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน.

ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร;

วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๕; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; อป. อฏฺ. ๒.๗.๒๐; พุ. วํ. อฏฺ. ๔.๔; จริยา. อฏฺ. ๓.๑๒๒ ปกิณฺณกกถา);

เตเนว จ อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรนปิ พุทฺธคุณปริจฺเฉทนํ ปติ อนุยุตฺเตน ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อปิจ เม, ภนฺเต, ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖) วุตฺตํ.

. เอวํ สงฺเขเปน สกลสพฺพฺุคุเณหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา อิทานิ สทฺธมฺมํ โถเมตุํ ‘‘พุทฺโธปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ พุทฺโธติ กตฺตุนิทฺเทโส. พุทฺธภาวนฺติ กมฺมนิทฺเทโส. ภาเวตฺวา สจฺฉิกตฺวาติ จ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโส. นฺติ อนิยมโต กมฺมนิทฺเทโส. อุปคโตติ อปรกาลกิริยานิทฺเทโส. วนฺเทติ กิริยานิทฺเทโส. นฺติ นิยมนํ. ธมฺมนฺติ วนฺทนกิริยาย กมฺมนิทฺเทโส. คตมลํ อนุตฺตรนฺติ จ ตพฺพิเสสนํ.

ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา นิทฺเทสนเยน (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ๙๗) อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา สวาสนาย อฺาณนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมโต, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาวโต พุทฺธวาติ พุทฺโธ ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน เยฺยวิเสสสฺส กมฺมภาเวน อคฺคหณโต กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเวน อวคมนตฺถวเสเนว กตฺตุนิทฺเทโส ลพฺภตีติ พุทฺธวาติ พุทฺโธ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิโต สยมฺภุาเณน สห วาสนาย วิหตวิทฺธสฺตนิรวเสสกิเลโส มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโร ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ. ยถาห –

‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู. อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ๙๗; ปฏิ. ม. ๓.๑๖๑).

อปิ-สทฺโท สมฺภาวเน. เตน ‘‘เอวํ คุณวิเสสยุตฺโต โสปิ นาม ภควา’’ติ วกฺขมานคุเณ ธมฺเม สมฺภาวนํ ทีเปติ. พุทฺธภาวนฺติ สมฺมาสมฺโพธึ. ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา วฑฺเฒตฺวา จ. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. อุปคโตติ ปตฺโต, อธิคโตติ อตฺโถ. เอตสฺส ‘‘พุทฺธภาว’’นฺติ เอเตน สมฺพนฺโธ. คตมลนฺติ วิคตมลํ, นิทฺโทสนฺติ อตฺโถ. วนฺเทติ ปณมามิ, โถเมมิ วา. อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรรหิตํ, โลกุตฺตรนฺติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายโต จ สํสารโต จ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เอวํ วิวิธคุณคณสมนฺนาคโต พุทฺโธปิ ภควา ยํ อริยมคฺคสงฺขาตํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา, ผลนิพฺพานสงฺขาตํ ปน สจฺฉิกตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคโต, ตเมตํ พุทฺธานมฺปิ พุทฺธภาวเหตุภูตํ สพฺพโทสมลรหิตํ อตฺตโน อุตฺตริตราภาเวน อนุตฺตรํ ปฏิเวธสทฺธมฺมํ นมามีติ. ปริยตฺติสทฺธมฺมสฺสาปิ ตปฺปกาสนตฺตา อิธ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

อถ วา ‘‘อภิธมฺมนยสมุทฺทํ อธิคจฺฉิ, ตีณิ ปิฏกานิ สมฺมสี’’ติ จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ปริยตฺติธมฺมสฺสปิ สจฺฉิกิริยาสมฺมสนปริยาโย ลพฺภตีติ โสปิ อิธ วุตฺโต เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา สจฺจิกตฺวา’’ติ จ วุตฺตตฺตา พุทฺธกรธมฺมภูตาหิ ปารมิตาหิ สห ปุพฺพภาเค อธิสีลสิกฺขาทโยปิ อิธ ธมฺมสทฺเทน สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพํ. ตาปิ หิ มลปฏิปกฺขตาย คตมลา อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรา จาติ. ตถา หิ สตฺตานํ สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถาย กตมหาภินีหาโร มหากรุณาธิวาสเปสลชฺฌาสโย ปฺาวิเสสปริโธตนิมฺมลานํ ทานทมสํยมาทีนํ อุตฺตมธมฺมานํ สตสหสฺสาธิกานิ กปฺปานํ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ นิรวเสสานํ ภาวนาปจฺจกฺขกรเณหิ กมฺมาทีสุ อธิคตวสีภาโว อจฺฉริยาจินฺเตยฺยมหานุภาโว อธิสีลาธิจิตฺตานํ ปรมุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต ภควา ปจฺจยากาเร จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน มหาวชิราณํ เปเสตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ.

เอตฺถ จ ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน วิชฺชาสมฺปทาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน วิมุตฺติสมฺปทาย. ตถา ปเมน ฌานสมฺปทาย, ทุติเยน วิโมกฺขสมฺปทาย. ปเมน วา สมาธิสมฺปทาย, ทุติเยน สมาปตฺติสมฺปทาย. อถ วา ปเมน ขเยาณภาเวน, ทุติเยน อนุปฺปาเทาณภาเวน. ปุริเมน วา วิชฺชูปมตาย, ทุติเยน วชิรูปมตาย. ปุริเมน วา วิราคสมฺปตฺติยา, ทุติเยน นิโรธสมฺปตฺติยา. ตถา ปเมน นิยฺยานภาเวน, ทุติเยน นิสฺสฺสรณภาเวน. ปเมน วา เหตุภาเวน, ทุติเยน อสงฺขตภาเวน. ปเมน วา ทสฺสนภาเวน, ทุติเยน วิเวกภาเวน. ปเมน วา อธิปติภาเวน, ทุติเยน อมตภาเวน ธมฺมํ โถเมติ. อถ วา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา พุทฺธภาวํ อุปคโต’’ติ เอเตน สฺวากฺขาตตาย ธมฺมํ โถเมติ. ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สนฺทิฏฺิกตาย. ตถา ปุริเมน อกาลิกตาย, ปจฺฉิเมน เอหิปสฺสิกตาย. ปุริเมน วา โอปเนยฺยิกตาย, ปจฺฉิเมน ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพตาย ธมฺมํ โถเมติ. ‘‘คตมล’’นฺติ อิมินา สํกิเลสาภาวทีปเนน ธมฺมสฺส ปริสุทฺธตํ ทสฺเสติ, ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ เอเตน อฺสฺส วิสิฏฺสฺส อภาวทีปเนน วิปุลปริปุณฺณตํ. ปเมน วา ปหานสมฺปทํ ธมฺมสฺส ทสฺเสติ, ทุติเยน สภาวสมฺปทํ. ภาเวตพฺพตาย วา ธมฺมสฺส คตมลภาโว โยเชตพฺโพ. ภาวนาคุเณน หิ โส โทสานํ สมุคฺฆาตโก โหตีติ. สจฺฉิกาตพฺพภาเวน อนุตฺตรภาโว โยเชตพฺโพ. สจฺฉิกิริยานิพฺพตฺติโต หิ ตทุตฺตริกรณียาภาวโต อนฺสาธารณตาย อนุตฺตโรติ. ตถา ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน สห ปุพฺพภาคสีลาทีหิ เสกฺขา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สห อสงฺขตาย ธาตุยา อเสกฺขา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺตีติ.

. เอวํ สงฺเขเปเนว สพฺพธมฺมคุเณหิ สทฺธมฺมํ อภิตฺถวิตฺวา อิทานิ อริยสงฺฆํ โถเมตุํ ‘‘สุคตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุคตสฺสาติ สมฺพนฺธนิทฺเทโส, ตสฺส ‘‘ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน สมฺพนฺโธ. โอรสานนฺติ ปุตฺตวิเสสนํ. มารเสนมถนานนฺติ โอรสปุตฺตภาเว การณนิทฺเทโส. เตน กิเลสปฺปหานเมว ภควโต โอรสปุตฺตภาเว การณํ อนุชานาตีติ ทสฺเสติ. อฏฺนฺนนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. เตน สติปิ เตสํ สตฺตวิเสสภาเวน อเนกสหสฺสสงฺขาภาเว อิมํ คณนปริจฺเฉทํ นาติวตฺตนฺตีติ ทสฺเสติ มคฺคฏฺผลฏฺภาวานาติวตฺตนโต. สมูหนฺติ สมุทายนิทฺเทโส. อริยสงฺฆนฺติ คุณวิสิฏฺสงฺฆาฏภาวนิทฺเทโส. เตน อสภิปิ อริยปุคฺคลานํ กายสามคฺคิยํ อริยสงฺฆภาวํ ทสฺเสติ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาวโต.

ตตฺถ อุรสิ ภวา ชาตา สํวทฺธา จ โอรสา. ยถา หิ สตฺตานํ โอรสปุตฺตา อตฺตชาตตาย ปิตุ สนฺตกสฺส ทายชฺชสฺส วิเสเสน ภาคิโน โหนฺติ, เอวเมว เตปิ อริยปุคฺคลา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมสฺสวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตตาย ภควโต สนฺตกสฺส วิมุตฺติสุขสฺส อริยธมฺมรตนสฺส จ เอกนฺตภาคิโนติ โอรสา วิย โอรสา. อถ วา ภควโต ธมฺมเทสนานุภาเวน อริยภูมึ โอกฺกมมานา โอกฺกนฺตา จ อริยสาวกา ภควโต อุเรน วายามชนิตาภิชาติตาย นิปฺปริยาเยน ‘‘โอรสปุตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ. สาวเกหิ ปวตฺติยมานาปิ หิ ธมฺมเทสนา ‘‘ภควโต ธมฺมเทสนา’’อิจฺเจว วุจฺจติ ตํมูลิกตฺตา ลกฺขณาทิวิเสสาภาวโต จ.

ยทิปิ อริยสาวกานํ อริยมคฺคาธิคมสมเย ภควโต วิย ตทนฺตราย กรณตฺถํ เทวปุตฺตมาโร, มารวาหินี วา น เอกนฺเตน อปสาเทติ, เตหิ ปน อปสาเทตพฺพตาย การเณ วิมถิเต เตปิ วิมถิตา เอว นาม โหนฺตีติ อาห – ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ‘‘มารมารเสนมถนาน’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส กโตติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ขนฺธาภิสงฺขารมารานํ วิย เทวปุตฺตมารสฺสปิ คุณมารเณ สหายภาวูปคมนโต กิเลสพลกาโย ‘‘เสนา’’ติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทิ (สุ. นิ. ๔๓๘; มหานิ. ๒๘, ๖๘, ๑๔๙). สา จ เตหิ ทิยฑฺฒสหสฺสเภทา อนนฺตเภทา วา กิเลสวาหินี สติธมฺมวิจยวีริยสมถาทิคุณปหรเณหิ โอธิโส วิมถิตา วิหตา วิทฺธสฺตา จาติ มารเสนมถนา, อริยสาวกา. เอเตน เตสํ ภควโต อนุชาตปุตฺตตํ ทสฺเสติ.

อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต อริยา นิรุตฺตินเยน. อถ วา สเทวเกน โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต อุปคตานฺจ ตทตฺถสิทฺธิโต อริยา, อริยานํ สงฺโฆติ อริยสงฺโฆ, อริโย จ โส สงฺโฆ จาติ วา อริยสงฺโฆ, ตํ อริยสงฺฆํ. ภควโต อปรภาเค พุทฺธธมฺมรตนานมฺปิ สมธิคโม สงฺฆรตนาธีโนติ อริยสงฺฆสฺส พหูปการตํ ทสฺเสตุํ อิเธว ‘‘สิรสา วนฺเท’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

เอตฺถ จ ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส ปภวสมฺปทํ ทสฺเสติ, ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน ปหานสมฺปทํ สกลสํกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน าณสมฺปทํ มคฺคฏฺผลฏฺภาวทีปนโต. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอเตน ปภาวสมฺปทํ ทสฺเสติ สพฺพสงฺฆานํ อคฺคภาวทีปนโต. อถ วา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ อริยสงฺฆสฺส วิสุทฺธนิสฺสยภาวทีปนํ, ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ สมฺมาอุชุายสามีจิปฺปฏิปนฺนภาวทีปนํ, ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ อาหุเนยฺยาทิภาวทีปนํ, ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อนุตฺตรปุฺกฺเขตฺตภาวทีปนํ. ตถา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส โลกุตฺตรสรณคมนสพฺภาวํ ทีเปติ. โลกุตฺตรสรณคมเนน หิ เต ภควโต โอรสปุตฺตา ชาตา. ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน อภินีหารสมฺปทาสิทฺธํ ปุพฺพภาเค สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. กตาภินีหารา หิ สมฺมาปฏิปนฺนา มารํ มารปริสํ วา อภิวิชินนฺติ. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน ปฏิวิทฺธสฺตวิปกฺเข เสกฺขาเสกฺขธมฺเม ทสฺเสติ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน มคฺคผลธมฺมานํ ปกาสิตตฺตา. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ ทสฺเสติ. สรณคมนฺจ สาวกานํ สพฺพคุณานํ อาทิ, สปุพฺพภาคปฏิปทา เสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย มชฺเฌ, อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย ปริโยสานนฺติ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สงฺเขปโต สพฺเพ อริยสงฺฆคุณา ปกาสิตา โหนฺติ.

. เอวํ คาถาตฺตเยน สงฺเขปโต สกลคุณสํกิตฺตนมุเขน รตนตฺตยสฺส ปณามํ กตฺวา อิทานิ ตํนิปจฺจการํ ยถาธิปฺเปเต ปโยชเน ปริณาเมนฺโต ‘‘อิติ เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รติชนนฏฺเน รตนํ, พุทฺธธมฺมสงฺฆา. เตสฺหิ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา ยถาภูตคุเณ อาวชฺเชนฺตสฺส อมตาธิคมเหตุภูตํ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ. ยถาห –

‘‘ยสฺมึ มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ…เป… อุชุคตจิตฺโต โข มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).

จิตฺตีกตาทิภาโว วา รตนฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;

อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๕๐);

จิตฺติกตภาวาทโย จ อนฺสาธารณา พุทฺธาทีสุ เอว ลพฺภนฺตีติ.

วนฺทนาว วนฺทนามยํ ยถา ‘‘ทานมยํ สีลมย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐). วนฺทนา เจตฺถ กายวาจาจิตฺเตหิ ติณฺณํ รตนานํ คุณนินฺนตา, โถมนา วา. ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตนโต ปุฺํ, อตฺตโน สนฺตานํ ปุนาตีติ วา. สุวิหตนฺตราโยติ สุฏฺุ วิหตนฺตราโย. เอเตน อตฺตโน ปสาทสมฺปตฺติยา รตนตฺตยสฺส จ เขตฺตภาวสมฺปตฺติยา ตํ ปุฺํ อตฺถปฺปกาสนสฺส อุปฆาตกอุปทฺทวานํ วิหนเน สมตฺถนฺติ ทสฺเสติ. หุตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยา. ตสฺส ‘‘อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ตสฺสาติ ยํ รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปุฺํ, ตสฺส. อานุภาเวนาติ พเลน.

. เอวํ รตนตฺตยสฺส นิปจฺจกาเร ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺสา ธมฺมเทสนาย อตฺถํ สํวณฺเณตุกาโม, ตสฺสา ตาว คุณาภิตฺถวนวเสน อุปฺาปนตฺถํ ‘‘มชฺฌิมปมาณสุตฺตงฺกิตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ มชฺฌิมปมาณสุตฺตงฺกิตสฺสาติ นาติทีฆนาติขุทฺทกปมาเณหิ สุตฺตนฺเตหิ ลกฺขิตสฺส. ยถา หิ ทีฆาคเม ทีฆปมาณานิ สุตฺตานิ, ยถา จ สํยุตฺตงฺคุตฺตราคเมสุ ทฺวีสุ ขุทฺทกปมาณานิ, น เอวํ อิธ. อิธ ปน ปมาณโต มชฺฌิมานิ สุตฺตานิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มชฺฌิมปมาณสุตฺตงฺกิตสฺสาติ นาติทีฆนาติขุทฺทกปมาเณหิ สุตฺตนฺเตหิ ลกฺขิตสฺสติ อตฺโถ’’ติ. เอเตน ‘‘มชฺฌิโม’’ติ อยํ อิมสฺส อตฺถานุคตสมฺาติ ทสฺเสติ. นนุ จ สุตฺตานิ เอว อาคโม, กสฺส ปน สุตฺเตหิ องฺกนนฺติ? สจฺจเมตํ ปรมตฺถโต, สุตฺตานิ ปน อุปาทาย ปฺตฺโต อาคโม. ยเถว หิ อตฺถพฺยฺชนสมุทาเย ‘‘สุตฺต’’นฺติ โวหาโร, เอวํ สุตฺตสมุทาเย อยํ ‘‘อาคโม’’ติ โวหาโร. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. อาคมิสฺสนฺติ เอตฺถ, เอเตน เอตสฺมา วา อตฺตตฺถปรตฺถาทโยติ อาคโม, อาทิกลฺยาณาทิคุณสมฺปตฺติยา อุตฺตมฏฺเน ตํตํอภิปตฺถิตสมิทฺธิเหตุตาย ปณฺฑิเตหิ วริตพฺพโต วโร, อาคโม จ โส วโร จาติ อาคมวโร. อาคมสมฺมเตหิ วา วโรติ อาคมวโร, มชฺฌิโม จ โส อาคมวโร จาติ มชฺฌิมาคมวโร, ตสฺส.

พุทฺธานํ อนุพุทฺธานํ พุทฺธานุพุทฺธา, พุทฺธานํ สจฺจปฏิเวธํ อนุคมฺม ปฏิวิทฺธสจฺจา อคฺคสาวกาทโย อริยา. เตหิ อตฺถสํวณฺณนาคุณสํวณฺณนานํ วเสน สํวณฺณิตสฺส. อถ วา พุทฺธา จ อนุพุทฺธา จ พุทฺธานุพุทฺธาติ โยเชตพฺพํ. สมฺมาสมฺพุทฺเธเนว หิ วินยสุตฺตาภิธมฺมานํ ปกิณฺณกเทสนาทิวเสน โย ปมํ อตฺโถ วิภตฺโต, โส เอว ปจฺฉา ตสฺส ตสฺส สํวณฺณนาวเสน สงฺคีติกาเรหิ สงฺคหํ อาโรปิโตติ. ปรวาทมถนสฺสาติ อฺติตฺถิยานํ วาทนิมฺมถนสฺส, เตสํ ทิฏฺิคตภฺชนสฺสาติ อตฺโถ. อยฺหิ อาคโม มูลปริยายสุตฺตสพฺพาสวสุตฺตาทีสุ ทิฏฺิคติกานํ ทิฏฺิคตโทสวิภาวนโต สจฺจกสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๓๕๓) อุปาลิสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๒.๕๖) สจฺจกาทีนํ มิจฺฉาวาทนิมฺมถนทีปนโต วิเสสโต ‘‘ปรวาทมถโน’’ติ โถมิโตติ. สํวณฺณนาสุ จายํ อาจริยสฺส ปกติ, ยา ตํตํสํวณฺณนาสุ อาทิโต ตสฺส ตสฺส สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส วิเสสคุณกิตฺตเนน โถมนา. ตถา หิ สุมงฺคลวิลาสินีสารตฺถปกาสินีมโนรถปูรณีสุ อฏฺสาลินีอาทีสุ จ ยถากฺกมํ ‘‘สทฺธาวหคุณสฺส, าณปฺปเภทชนนสฺส, ธมฺมกถิกปุงฺควานํ วิจิตฺตปฏิภานชนนสฺส, ตสฺส คมฺภีราเณหิ โอคาฬฺหสฺส อภิณฺหโส นานานยวิจิตฺตสฺส อภิธมฺมสฺสา’’ติอาทินา โถมนา กตา.

. อตฺโถ กถียติ เอตายาติ อตฺถกถา, สา เอว อฏฺกถา ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ยถา ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗; ๒.๘) อาทิโตติอาทิมฺหิ ปมสงฺคีติยํ. ฉฬภิฺตาย ปรเมน จิตฺติสฺสริยภาเวน สมนฺนาคตตฺตา ฌานาทีสุ ปฺจวิธวสิตาสพฺภาวโต จ วสิโน, เถรา มหากสฺสปาทโย. เตสํ สเตหิ ปฺจหิ. ยาติ ยา อฏฺกถา. สงฺคีตาติ อตฺถํ ปกาเสตุํ ยุตฺตฏฺาเน ‘‘อยํ เอตสฺส อตฺโถ, อยํ เอตสฺส อตฺโถ’’ติ สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. อนุสงฺคีตา จ ยสตฺเถราทีหิ ปจฺฉาปิ ทุติยตติยสงฺคีตีสุ. อิมินา อตฺตโน สํวณฺณนาย อาคมนสุทฺธึ ทสฺเสติ.

. สีหสฺส ลานโต คหณโต สีหโฬ, สีหกุมาโร. ตํวํสชาตตาย ตมฺพปณฺณิทีเป ขตฺติยานํ, เตสํ นิวาสตาย ตมฺพปณฺณิทีปสฺส จ สีหฬภาโว เวทิตพฺโพ. อาภตาติ ชมฺพุทีปโต อานีตา. อถาติ ปจฺฉา. อปรภาเค หิ นิกายนฺตรลทฺธีหิ อสงฺกรตฺถํ สีหฬภาสาย อฏฺกถา ปิตาติ. เตน มูลฏฺกถา สพฺพสาธารณา น โหตีติ อิทํ อตฺถปฺปกาสนํ เอกนฺเตน กรณียนฺติ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘ทีปวาสีนมตฺถายา’’ติ. ตตฺถ ทีปวาสีนนฺติ ชมฺพุทีปวาสีนํ, สีหฬทีปวาสีนํ วา อตฺถาย สีหฬภาสาย ปิตาติ โยชนา.

. อปเนตฺวานาติ กฺจุกสทิสํ สีหฬภาสํ อปเนตฺวา. ตโตติ อฏฺกถาโต. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ, มโนรมํ ภาสนฺติ มาคธภาสํ. สา หิ สภาวนิรุตฺติภูตา ปณฺฑิตานํ มนํ รมยตีติ. เตเนวาห ‘‘ตนฺตินยานุจฺฉวิก’’นฺติ, ปาฬิคติยา อนุโลมิกํ ปาฬิภาสายานุวิธายินินฺติ อตฺโถ. วิคตโทสนฺติ อสภาวนิรุตฺติภาสนฺตรรหิตํ.

. สมยํ อวิโลเมนฺโตติ สิทฺธนฺตํ อวิโรเธนฺโต. เอเตน อตฺถโทสาภาวมาห. อวิรุทฺธตฺตา เอว หิ เถรวาทาปิ อิธ ปกาสียิสฺสนฺติ. เถรวํสทีปานนฺติ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถรา, มหากสฺสปาทโย. เตหิ อาคตา อาจริยปรมฺปรา เถรวํโส, ตปฺปริยาปนฺนา หุตฺวา อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปฺาปชฺโชเตน ตสฺส สมุชฺชลนโต เถรวํสทีปา, มหาวิหารวาสิโน, เตสํ. วิวิเธหิ อากาเรหิ นิจฺฉียตีติ วินิจฺฉโย, คณฺิฏฺาเนสุ ขีลมทฺทนากาเรน ปวตฺตา วิมติจฺเฉทนี กถา. สุฏฺุ นิปุโณ สณฺโห วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. อถ วา วินิจฺฉิโนตีติ วินิจฺฉโย, ยถาวุตฺตตฺถวิสยํ าณํ. สุฏฺุ นิปุโณ เฉโก วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ โยเชตพฺพํ. เอเตน มหากสฺสปาทิเถรปรมฺปราภโต, ตโต เอว จ อวิปรีโต สณฺโห สุขุโม มหาวิหารวาสีนํ วินิจฺฉโยติ ตสฺส ปมาณภูตตํ ทสฺเสติ.

๑๐. สุชนสฺส จาติ -สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน ‘‘น เกวลํ ชมฺพุทีปวาสีนเมว อตฺถาย, อถ โข สาธุชนโตสนตฺถฺจา’’ติ ทสฺเสติ. เตน จ ‘‘ตมฺพปณฺณิทีปวาสีนมฺปิ อตฺถายา’’ติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ อุคฺคหณาทิสุกรตาย เตสมฺปิ พหุการตฺตา. จิรฏฺิตตฺถนฺติ จิรฏฺิติอตฺถํ, จิรกาลฏฺิติยาติ อตฺโถ. อิทฺหิ อตฺถปฺปกาสนํ อวิปรีตปทพฺยฺชนสุนิกฺเขปสฺส อตฺถสุนยสฺส จ อุปายภาวโต สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิติยา สํวตฺตติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ทฺเว? สุนฺนิกฺขิตฺตฺจ ปทพฺยฺชนํ อตฺโถ จ สุนีโต’’ติ (อ. นิ. ๒.๒๐).

๑๑. ยํ อตฺถวณฺณนํ กตฺตุกาโม, ตสฺสา มหตฺตํ ปริหริตุํ ‘‘สีลกถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามี’’ติ. อถ วา ยํ อฏฺกถํ กตฺตุกาโม, ตเทกเทสภาเวน วิสุทฺธิมคฺโค คเหตพฺโพติ กถิกานํ อุปเทสํ กโรนฺโต ตตฺถ วิจาริตธมฺเม อุทฺเทสวเสน ทสฺเสติ ‘‘สีลกถา’’ติอาทินา. ตตฺถ สีลกถาติ จาริตฺตวาริตฺตาทิวเสน สีลสฺส วิตฺถารกถา. ธุตธมฺมาติ ปิณฺฑปาติกงฺคาทโย เตรส กิเลสธุนนกธมฺมา. กมฺมฏฺานานิ สพฺพานีติ ปาฬิยํ อาคตานิ อฏฺตึส, อฏฺกถายํ ทฺเวติ นิรวเสสานิ โยคกมฺมสฺส ภาวนาย ปวตฺติฏฺานานิ. จริยาวิธานสหิโตติ ราคจริตาทีนํ สภาวาทิวิธาเนน สหิโต. ฌานานิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ, สมาปตฺติโย จตสฺโส อรูปสมาปตฺติโย. อฏฺปิ วา ปฏิลทฺธมตฺตานิ ฌานานิ, สมาปชฺชนวสีภาวปฺปตฺติยา สมาปตฺติโย. ฌานานิ วา รูปารูปาวจรชฺฌานานิ, สมาปตฺติโย ผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติโย.

๑๒. โลกิยโลกุตฺตรเภทา ฉ อภิฺาโย สพฺพา อภิฺาโย. าณวิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๗๕๑) อาคตนเยน เอกวิธาทินา ปฺาย สํกเลตฺวา สมฺปิณฺเฑตฺวา นิจฺฉโย ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย.

๑๓. ปจฺจยธมฺมานํ เหตาทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ เหตุปจฺจยาทิภาโว ปจฺจยากาโร, ตสฺส เทสนา ปจฺจยาการเทสนา, ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาติ อตฺโถ. สา ปน นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรรหิตตาย สุฏฺุ ปริสุทฺธา, ฆนวินิพฺโภคสฺส สุทุกฺกรตาย นิปุณา สณฺหสุขุมา, เอกตฺตนยาทิสหิตา จ ตตฺถ วิจาริตาติ อาห ‘‘สุปริสุทฺธนิปุณนยา’’ติ. ปฏิสมฺภิทาทีสุ อาคตนยํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว วิจาริตตฺตา อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา.

๑๔. อิติ ปน สพฺพนฺติ อิติ-สทฺโท ปริสมาปเน, ปน-สทฺโท วจนาลงฺกาเร, เอตํ สพฺพนฺติ อตฺโถ. อิธาติ อิมิสฺสา อฏฺกถาย. น ตํ วิจารยิสฺสามิ ปุนรุตฺติภาวโตติ อธิปฺปาโย.

๑๕. อิทานิ ตสฺเสว อวิจารณสฺส เอกนฺตการณํ นิทฺธาเรนฺโต ‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘มชฺเฌ ตฺวา’’ติ เอเตน มชฺฌฏฺภาวทีปเนน วิเสสโต จตุนฺนํ อาคมานํ สาธารณฏฺกถา วิสุทฺธิมคฺโค, น สุมงฺคลวิลาสินีอาทโย วิย อสาธารณฏฺกถาติ ทสฺเสติ. ‘‘วิเสสโต’’ติ จ อิทํ วินยาภิธมฺมานมฺปิ วิสุทฺธิมคฺโค ยถารหํ อตฺถวณฺณนา โหติ เอวาติ กตฺวา วุตฺตํ.

๑๖. อิจฺเจวาติ อิติ เอว. ตมฺปีติ วิสุทฺธิมคฺคมฺปิ. เอตายาติ ปปฺจสูทนิยา. เอตฺถ จ ‘‘สีหฬทีปํ อาภตา’’ติอาทินา อฏฺกถากรณสฺส นิมิตฺตํ ทสฺเสติ, ‘‘ทีปวาสีนมตฺถาย, สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ, จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺสา’’ติ เอเตน ปโยชนํ, ‘‘มชฺฌิมาคมวรสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ เอเตน ปิณฺฑตฺถํ, ‘‘อปเนตฺวาน ตโตหํ สีหฬภาส’’นฺติอาทินา, ‘‘สีลกถา’’ติอาทินา จ กรณปฺปการํ. สีลกถาทีนํ อวิจารณมฺปิ หิ อิธ กรณปฺปกาโร เอวาติ.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิทานกถาวณฺณนา

. วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ ปมํ ตาว ปณฺณาสวคฺคสุตฺตาทิวเสน มชฺฌิมาคมสฺส วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ มชฺฌิมสงฺคีติ นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ยํ วุตฺตํ ‘‘มชฺฌิมาคมวรสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ, ตสฺมึ วจเน. ยา มชฺฌิมาคมปริยาเยน มชฺฌิมสงฺคีติ วุตฺตา, สา ปณฺณาสาทิโต เอทิสาติ ทสฺเสติ ‘‘มชฺฌิมสงฺคีติ นามา’’ติอาทินา. ตตฺถาติ วา ‘‘เอตาย อฏฺกถาย วิชานาถ มชฺฌิมสงฺคีติยา อตฺถ’’นฺติ เอตฺถ ยสฺสา มชฺฌิมสงฺคีติยา อตฺถํ วิชานาถาติ วุตฺตํ, สา มชฺฌิมสงฺคีติ นาม ปณฺณาสาทิโต เอทิสาติ ทสฺเสติ. ปฺจ ทสกา ปณฺณาสา, มูเล อาทิมฺหิ ปณฺณาสา, มูลภูตา วา ปณฺณาสา มูลปณฺณาสา. มชฺเฌ ภวา มชฺฌิมา, มชฺฌิมา จ สา ปณฺณาสา จาติ มชฺฌิมปณฺณาสา. อุปริ อุทฺธํ ปณฺณาสา อุปริปณฺณาสา. ปณฺณาสตฺตยสงฺคหาติ ปณฺณาสตฺตยปริคณนา.

อยํ สงฺคโห นาม ชาติสฺชาติกิริยาคณนวเสน จตุพฺพิโธ. ตตฺถ ‘‘ยา จาวุโส วิสาข, สมฺมาวาจา, โย จ สมฺมากมฺมนฺโต, โย จ สมฺมาอาชีโว, อิเม ธมฺมา สีลกฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) อยํ ชาติสงฺคโห. ‘‘โย จาวุโส วิสาข, สมฺมาวายาโม. ยา จ สมฺมาสติ, โย จ สมฺมาสมาธิ, อิเม ธมฺมา สมาธิกฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ อยํ สฺชาติสงฺคโห. ‘‘ยา จาวุโส วิสาข, สมฺมาทิฏฺิ, โย จ สมฺมาสงฺกปฺโป, อิเม ธมฺมา ปฺากฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ อยํ กิริยาสงฺคโห. ‘‘หฺจิ จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺธคณนํ คจฺฉติ, เตน วต เร วตฺตพฺเพ จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺเธน สงฺคหิต’’นฺติ (กถา. ๔๗๑) อยํ คณนสงฺคโห. อยเมว จ อิธาธิปฺเปโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ปณฺณาสตฺตยสงฺคหาติ ปณฺณาสตฺตยปริคณนา’’ติ.

วคฺคโตติ สมูหโต, โส ปเนตฺถ ทสกวเสน เวทิตพฺโพ. เยภุยฺเยน หิ สาสเน ทสเก วคฺคโวหาโร. เตเนวาห ‘‘เอเกกาย ปณฺณาสาย ปฺจ ปฺจ วคฺเค กตฺวา’’ติ. ปนฺนรสวคฺคสมาโยคาติ ปนฺนรสวคฺคสํโยคาติ อตฺโถ. เกจิ ปน สมาโยคสทฺทํ สมุทายตฺถํ วทนฺติ. ปทโตติ เอตฺถ อฏฺกฺขโร คาถาปาโท ‘‘ปท’’นฺติ อธิปฺเปโต, ตสฺมา ‘‘อกฺขรโต ฉ อกฺขรสตสหสฺสานิ จตุราสีตุตฺตรสตาธิกานิ จตุจตฺตาลีส สหสฺสานิ จ อกฺขรานี’’ติ ปาเน ภวิตพฺพนฺติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน นวกฺขโร ยาว ทฺวาทสกฺขโร จ คาถาปาโท สํวิชฺชติ, ตสฺมา ตาทิสานมฺปิ คาถานํ วเสน อฑฺฒเตยฺยคาถาสตํ ภาณวาโร โหตีติ กตฺวา ‘‘อกฺขรโต สตฺต อกฺขรสตสหสฺสานิ จตฺตาลีสฺจ สหสฺสานิ เตปฺาสฺจ อกฺขรานี’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ ปทภาณวารคณนาหิ อกฺขรคณนา สํสนฺทติ, เนตรถา. ภาณวาโรติ จ ทฺวตฺตึสกฺขรานํ คาถานํ วเสน อฑฺฒเตยฺยคาถาสตํ, อยฺจ อกฺขรคณนา ภาณวารคณนา จ ปทคณนานุสาเรน ลทฺธาติ เวทิตพฺพา. อิมเมว หิ อตฺถํ าเปตุํ สุตฺตคณนานนฺตรํ ภาณวาเร อคเณตฺวา ปทานิ คณิตานิ. ตตฺริทํ วุจฺจติ –

‘‘ภาณวารา ยถาปิ หิ, มชฺฌิมสฺส ปกาสิตา;

อุปฑฺฒภาณวาโร จ, เตวีสติปทาธิโก.

สตฺต สตสหสฺสานิ, อกฺขรานํ วิภาวเย;

จตฺตาลีส สหสฺสานิ, เตปฺาสฺจ อกฺขร’’นฺติ.

อนุสนฺธิโตติ เทสนานุสนฺธิโต. เอกสฺมึ เอว หิ สุตฺเต ปุริมปจฺฉิมานํ เทสนาภาคานํ สมฺพนฺโธ อนุสนฺธานโต อนุสนฺธิ. เอตฺถ จ อตฺตชฺฌาสยานุสนฺธิ ปรชฺฌาสยานุสนฺธีติ ทุวิโธ อชฺฌาสยานุสนฺธิ. โส ปน กตฺถจิ เทสนาย วิปฺปกตาย ธมฺมํ สุณนฺตานํ ปุจฺฉาวเสน, กตฺถจิ เทเสนฺตสฺส สตฺถุ สาวกสฺส ธมฺมปฏิคฺคาหกานฺจ อชฺฌาสยวเสน, กตฺถจิ เทเสตพฺพสฺส ธมฺมสฺส วเสน โหตีติ สมาสโต ติปฺปกาโร. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุจฺฉานุสนฺธิอชฺฌาสยานุสนฺธิยถานุสนฺธิวเสน สงฺเขปโต ติวิโธ อนุสนฺธี’’ติ. สงฺเขเปเนว จ จตุพฺพิโธ อนุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ‘‘เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘กึ นุ โข, ภนฺเต, โอริมํ ตีรํ, กึ ปาริมํ ตีรํ, โก มชฺเฌ สํสีโท, โก ถเล อุสฺสาโท, โก มนุสฺสคฺคาโห, โก อมนุสฺสคฺคาโห, โก อาวตฺตคฺคาโห, โก อนฺโตปูติภาโว’ติ’’ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑)? เอวํ ปุจฺฉนฺตานํ วิสฺสชฺเชนฺเตน ภควตา ปวตฺติตเทสนาวเสน ปุจฺฉานุสนฺธี เวทิตพฺโพ. ‘‘อถ โข อฺตรสฺส ภิกฺขุโน เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘อิติ กิร โภ รูปํ อนตฺตา… เวทนา… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ อนตฺตา, อนตฺตกตานิ กมฺมานิ กมตฺตานํ ผุสิสฺสนฺตี’ติ. อถ โข ภควา ตสฺส ภิกฺขุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย ภิกฺขู อามนฺเตสิ านํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ, ยํ อิเธกจฺโจ โมฆปุริโส อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ตณฺหาธิปเตยฺเยน เจตสา สตฺถุสาสนํ อติธาวิตพฺพํ มฺเยฺย ‘อิติ กิร โภ รูปํ อนตฺตา…เป… ผุสิสฺสนฺตี’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ (ม. นิ. ๓.๙๐) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ภควตา ปวตฺติตเทสนาวเสน ปรชฺฌาสยานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ พฺราหฺมณ เอตทโหสิ ‘ยํนูนาหํ ยา ตา รตฺติโย อภิฺาตา อภิลกฺขิตา จาตุทฺทสี ปฺจทสี อฏฺมี จ ปกฺขสฺส, ตถารูปาสุ รตฺตีสุ ยานิ ตานิ อารามเจติยานิ วนเจติยานิ รุกฺขเจติยานิ ภึสนกานิ สโลมหํสานิ, ตถารูเปสุ เสนาสเนสุ วิหเรยฺยํ อปฺเปว นามาหํ ภยเภรวํ ปสฺเสยฺย’นฺติ’’ (ม. นิ. ๑.๔๙) เอวํ ภควตา, ‘‘ตตฺราวุโส โลโภ จ ปาปโก โทโส จ ปาปโก โลภสฺส จ ปหานาย โทสสฺส จ ปหานาย อตฺถิ มชฺฌิมา ปฏิปทา, จกฺขุกรณี าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ปวตฺติตเทสนาวเสน อตฺตชฺฌาสยานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. เยน ปน ธมฺเมน อาทิมฺหิ เทสนา อุฏฺิตา, ตสฺส อนุรูปธมฺมวเสน วา ปฏิปกฺขธมฺมวเสน วา เยสุ สุตฺเตสุ อุปริ เทสนา อาคจฺฉติ, เตสํ วเสน ยถานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ อากงฺเขยฺยสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๖๕) เหฏฺา สีเลน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ อภิฺา อาคตา. วตฺถุสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๗๐) เหฏฺา กิเลเสน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ พฺรหฺมวิหารา อาคตา. โกสมฺพกสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๙๑) เหฏฺา ภณฺฑเนน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ สารณียธมฺมา อาคตา. กกจูปเม (ม. นิ. ๑.๒๒๒) เหฏฺา อกฺขนฺติยา วเสน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ กกจูปมา อาคตาติ.

วิตฺถารโต ปเนตฺถาติ เอวํ สงฺเขปโต ติวิโธ จตุพฺพิโธ จ อนุสนฺธิ เอตฺถ เอตสฺมึ มชฺฌิมนิกาเย ตสฺมึ ตสฺมึ สุตฺเต ยถารหํ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา วิฺายมานา นวสตาธิกานิ ตีณิ อนุสนฺธิสหสฺสานิ โหนฺติ. ยถา เจตํ ปณฺณาสาทิวิภาควจนํ มชฺฌิมสงฺคีติยา สรูปทสฺสนตฺถํ โหติ, เอวํ ปกฺเขปโทสปริหรณตฺถฺจ โหติ. เอวฺหิ ปณฺณาสาทีสุ ววตฺถิเตสุ ตพฺพินิมุตฺตํ กิฺจิ สุตฺตํ ยาว เอกํ ปทมฺปิ อาเนตฺวา อิมํ มชฺฌิมสงฺคีติยาติ กสฺสจิ วตฺตุํ โอกาโส น สิยาติ.

เอวํ ปณฺณาสวคฺคสุตฺตภาณวารานุสนฺธิพฺยฺชนโต มชฺฌิมสงฺคีตึ ววตฺถเปตฺวา อิทานิ นํ อาทิโต ปฏฺาย สํวณฺเณตุกาโม อตฺตโน สํวณฺณนาย ตสฺสา ปมมหาสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมเนว ปวตฺตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ปณฺณาสาสุ มูลปณฺณาสา อาที’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยถาปจฺจยํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตตฺตา ปฺตฺตตฺตา จ วิปฺปกิณฺณานํ ธมฺมวินยานํ สงฺคเหตฺวา คายนํ กถนํ สงฺคีติ, มหาวิสยตฺตา ปูชนียตฺตา จ มหตี สงฺคีตีติ มหาสงฺคีติ, ปมา มหาสงฺคีติ ปมมหาสงฺคีติ, ตสฺสา ปวตฺติตกาโล ปมมหาสงฺคีติกาโล, ตสฺมึ ปมมหาสงฺคีติกาเล. นิททาติ เทสนํ เทสกาลาทิวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ, โย โลกิเยหิ ‘‘อุโปคฺฆาโต’’ติ วุจฺจติ, สฺวายเมตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิโก คนฺโถ เวทิตพฺโพ, น ปน ‘‘สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๒๖) วิย อชฺฌาสยาทิเทสนุปฺปตฺติเหตุ. เตเนวาห ‘‘เอวํ เม สุตนฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาที’’ติ. กามฺเจตฺถ ยสฺสํ ปมมหาสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมน สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม, สา วิตฺถารโต วตฺตพฺพา. สุมงฺคลวิลาสินิยํ (ที. นิ. ฏี. ๑.นิทานกถาวณฺณนา) ปน อตฺตนา วิตฺถาริตตฺตา ตตฺเถว คเหตพฺพาติ อิมิสฺสา สํวณฺณนาย มหนฺตตํ ปริหรนฺโต ‘‘สา ปเนสา’’ติอาทิมาห.

นิทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. มูลปริยายวคฺโค

๑. มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา

อพฺภนฺตรนิทานวณฺณนา

. เอวํ พาหิรนิทาเน วตฺตพฺพํ อติทิสิตฺวา อิทานิ อภนฺตรนิทานํ อาทิโต ปฏฺาย สํวณฺเณตุํ ‘‘ยํ ปเนต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยสฺมา สํวณฺณนํ กโรนฺเตน สํวณฺเณตพฺเพ ธมฺเม ปทวิภาคํ ปทตฺถฺจ ทสฺเสตฺวา ตโต ปรํ ปิณฺฑตฺตาทิทสฺสนวเสน สํวณฺณนา กาตพฺพา, ตสฺมา ปทานิ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวนฺติ นิปาตปท’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปทวิภาโคติ ปทานํ วิเสโส, น ปทวิคฺคโห. อถ วา ปทานิ จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโค, ปทวิคฺคโห จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโคติ วา เอกเสสวเสน ปทปทวิคฺคหา ปทวิภาคสทฺเทน วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปทวิคฺคโห ‘‘สุภคฺจ ตํ วนฺจาติ สุภควนํ, สาลานํ ราชา, สาโล จ โส ราชา จ อิติปิ สาลราชา’’ติอาทิวเสน สมาสปเทสุ ทฏฺพฺโพ.

อตฺถโตติ ปทตฺถโต. ตํ ปน ปทตฺถํ อตฺถุทฺธารกฺกเมน ปมํ เอวํสทฺทสฺส ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ-สทฺโท ตาวา’’ติอาทิมาห. อวธารณาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อิทมตฺถปุจฺฉาปริมาณาทิอตฺถานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ‘‘เอวํคตานิ ปุถุสิปฺปายตนานิ (ที. นิ. ๑.๑๖๓), เอววิโธ เอวมากาโร’’ติ จ อาทีสุ อิทํ-สทฺทสฺส อตฺเถ เอวํ-สทฺโท. คต-สทฺโท หิ ปการปริยาโย, ตถา วิธาการ-สทฺทา จ. ตถา หิ วิธยุตฺตคต-สทฺเท โลกิยา ปการตฺเถ วทนฺติ. ‘‘เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุกฺกมณิกุณฺฑลาภรณา โอทาตวตฺถวสนา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรนฺติ, เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ สาจริยโกติ. โน หิทํ, โภ โคตมา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๖) ปุจฺฉายํ. ‘‘เอวํลหุปริวตฺตํ (อ. นิ. ๑.๔๘) เอวมายุปริยนฺโต’’ติ (ปารา. ๑๒) จ อาทีสุ ปริมาเณ.

นนุ จ ‘‘เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา, เอวมายุปริยนฺโต’’ติ เอตฺถ เอวํ-สทฺเทน ปุจฺฉนาการปริมาณาการานํ วุตฺตตฺตา อาการตฺโถ เอว เอวํ-สทฺโทติ? น, วิเสสสพฺภาวโต. อาการมตฺตวาจโก หิ เอวํ-สทฺโท อาการตฺโถติ อธิปฺเปโต ยถา ‘‘เอวํ พฺยา โข’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓๔, ๓๙๖), น ปน อาการวิเสสวาจโก. เอวฺจ กตฺวา ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจนา’’ติอาทีนิ อุปมาทิอุทาหรณานิ อุปปนฺนานิ โหนฺติ. ตถา หิ ‘‘ยถาปิ…เป… พหุ’’นฺติ (ธ. ป. ๕๓) เอตฺถ ปุปฺผราสิฏฺานิยโต มนุสฺสูปปตฺติ-สปฺปุริสูปนิสฺสย-สทฺธมฺมสฺสวน-โยนิโสมนสิการ- โภคสมฺปตฺติ-อาทิทานาทิ-ปุฺกิริยเหตุสมุทายโต โสภา-สุคนฺธตาทิคุณโยคโต มาลาคุณสทิสิโย ปหูตา ปุฺกิริยา มริตพฺพสภาวตาย มจฺเจน สตฺเตน กตฺตพฺพาติ โชติตตฺตา ปุปฺผราสิมาลาคุณาว อุปมา, เตสํ อุปมากาโร ยถา-สทฺเทน อนิยมโต วุตฺโตติ ‘‘เอวํ-สทฺโท อุปมาการนิคมนตฺโถ’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตํ. โส ปน อุปมากาโร นิยมิยมาโน อตฺถโต อุปมาว โหตีติ อาห ‘‘อุปมายํ อาคโต’’ติ. ตถา ‘‘เอวํ อิมินา อากาเรน อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อุปทิสิยมานาย สมณสารุปฺปาย อากปฺปสมฺปตฺติยา โย ตตฺถ อุปทิสนากาโร, โส อตฺถโต อุปเทโส เอวาติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ เต…เป… อุปเทเส’’ติ. ตถา ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติ เอตฺถ จ ภควตา ยถาวุตฺตมตฺถํ อวิปรีตโต ชานนฺเตหิ กตํ ตตฺถ สํวิชฺชมานคุณานํ ปกาเรหิ หํสนํ อุทคฺคตากรณํ สมฺปหํสนํ. โย ตตฺถ สมฺปหํสนากาโรติ โยเชตพฺพํ.

เอวเมวํ ปนายนฺติ เอตฺถ ครหณากาโรติ โยเชตพฺพํ, โส จ ครหณากาโร ‘‘วสลี’’ติอาทิขุํสนสทฺทสนฺนิธานโต อิธ เอวํ-สทฺเทน ปกาสิโตติ วิฺายติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปมาการาทโยปิ อุปมาทิวเสน วุตฺตานํ ปุปฺผราสิอาทิสทฺทานํ สนฺนิธานโต ทฏฺพฺพํ. เอวํ, ภนฺเตติ ปน ธมฺมสฺส สาธุกํ สวนมนสิกาเร สนฺนิโยชิเตหิ ภิกฺขูหิ อตฺตโน ตตฺถ ิตภาวสฺส ปฏิชานนวเสน วุตฺตตฺตา เอตฺถ เอวํ-สทฺโท วจนสมฺปฏิจฺฉนตฺโถ วุตฺโต. เตน เอวํ, ภนฺเต สาธุ, ภนฺเต, สุฏฺุ, ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺจ วเทหีติ ‘‘ยถาหํ วทามิ, เอวํ สมณํ อานนฺทํ วเทหี’’ติ โย เอวํ วทนากาโร อิทานิ วตฺตพฺโพ. โส เอวํสทฺเทน นิทสฺสียตีติ ‘‘นิทสฺสเน’’ติ วุตฺโตติ. เอวํ โนติ เอตฺถาปิ เตสํ ยถาวุตฺตธมฺมานํ อหิตทุกฺขาวหภาเว สนฺนิฏฺานชนนตฺถํ อนุมติคหณวเสน ‘‘สํวตฺตนฺติ วา โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตี’’ติ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทาการสนฺนิฏฺานํ เอวํ-สทฺเทน วิภาวิตนฺติ วิฺายติ. โส ปน เตสํ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนากาโร นิยมิยมาโน อวธารณตฺโถ โหตีติ อาห ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตีติอาทีสุ อวธารเณ’’ติ.

นานานยนิปุณนฺติ เอกตฺตนานตฺตอพฺยาปารเอวํธมฺมตาสงฺขาตา, นนฺทิยาวตฺตติปุกฺขลสีหวิกฺกีฬิตองฺกุสทิสาโลจนสงฺขาตา วา อาธาราทิเภทวเสน นานาวิธา นยา นานานยา, นยา วา ปาฬิคติโย, ตา จ ปฺตฺติอนุปฺตฺติอาทิวเสน สํกิเลสภาคิยาทิโลกิยาทิตทุภยโวมิสฺสกาทิวเสน กุสลาทิวเสน ขนฺธาทิวเสน สงฺคหาทิวเสน สมยวิมุตฺตาทิวเสน ปนาทิวเสน กุสลมูลาทิวเสน ติกปฺปฏฺานาทิวเสน จ นานปฺปการาติ นานานยา. เตหิ นิปุณํ สณฺหํ สุขุมนฺติ นานานยนิปุณํ. อาสโยว อชฺฌาสโย, เต จ สสฺสตาทิเภเทน, ตตฺถ จ อปฺปรชกฺขตาทิเภเทน อเนเก, อตฺตชฺฌาสยาทโย เอว วา สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติเหตุ เอตสฺสาติ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนนฺติ อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณํ อุปเนตพฺพาภาวโต, สงฺกาสนปกาสน-วิวรณ-วิภชน-อุตฺตานีกรณ-ปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ, อกฺขร-ปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตนฺติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

วิวิธปาฏิหาริยนฺติ เอตฺถ ปาฏิหาริยปทสฺส วจนตฺถํ (อุทา. อฏฺ. ๑; อิติวุ. อฏฺ. นิทานวณฺณนา; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑ เทวตาสํยุตฺต) ‘‘ปฏิปกฺขหรณโต, ราคาทิกิเลสาปนยนโต จ ปาฏิหาริย’’นฺติ วทนฺติ, ภควโต ปน ปฏิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ, เย หริตพฺพา. ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วตฺตุํ. สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ปฏิปกฺขา, เตสํ หรณโต ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ภควโต จ สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน ทิฏฺิปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติ. ‘‘ปฏี’’ติ วา อยํ สทฺโท ‘‘ปจฺฉา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘๕; จูฬนิ. ๔) วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต วิคตูปกฺกิเลเส จ กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปาฏิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปาฏิหาริยํ, อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน จ สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปาฏิหาริยานิ ภวนฺติ. ปาฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ, ปาฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิสมุทาเย ภวํ เอกเมกํ ปาฏิหาริยนฺติ วุจฺจติ. ปาฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ, ตสฺมึ วา นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยํ. ตสฺส ปน อิทฺธิอาทิเภเทน วิสยเภเทน จ พหุวิธสฺส ภควโต เทสนายํ ลพฺภมานตฺตา อาห ‘‘วิวิธปาฏิหาริย’’นฺติ.

น อฺถาติ ภควโต สมฺมุขา สุตาการโต น อฺถาติ อตฺโถ, น ปน ภควโต เทสิตาการโต. อจินฺเตยฺยานุภาวา หิ ภควโต เทสนา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุ’’นฺติ อิทํ วจนํ สมตฺถิตํ ภวติ, ธารณพลทสฺสนฺจ น วิรุชฺฌติ สุตาการาวิรชฺฌนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. น เหตฺถ อตฺถนฺตรตาปริหาโร ทฺวินฺนมฺปิ อตฺถานํ เอกวิสยตฺตา. อิตรถา เถโร ภควโต เทสนาย สพฺพถา ปฏิคฺคหเณ สมตฺโถ อสมตฺโถ จาติ อาปชฺเชยฺยาติ.

‘‘โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา’’ติ เอวํ วุตฺตาย นิยกชฺฌตฺตสงฺขาตาย สสนฺตติยา วตฺตนโต ติวิโธปิ เม-สทฺโท กิฺจาปิ เอกสฺมึเยว อตฺเถ ทิสฺสติ, กรณสมฺปทานสามินิทฺเทสวเสน ปน วิชฺชมานํ เภทํ สนฺธายาห ‘‘เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสตี’’ติ.

กิฺจาปิ อุปสคฺโค กิริยํ วิเสเสติ, โชตกภาวโต ปน สติปิ ตสฺมึ สุตสทฺโท เอว ตํ ตมตฺถํ วทตีติ อนุปสคฺคสฺส สุตสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร สอุปสคฺคสฺส คหณํ น วิรุชฺฌตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จา’’ติอาทิมาห. อสฺสาติ สุตสทฺทสฺส. กมฺมภาวสาธนานิ อิธ สุตสทฺเท สมฺภวนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วา อตฺโถ’’ติ. มยาติ อตฺเถ สตีติ ยทา เม-สทฺทสฺส กตฺตุวเสน กรณนิทฺเทโส, ตทาติ อตฺโถ. มมาติ อตฺเถ สตีติ ยทา สมฺพนฺธวเสน สามินิทฺเทโส, ตทา.

สุต-สทฺทสนฺนิธาเน ปยุตฺเตน เอวํ-สทฺเทน สวนกิริยาโชตเกน ภวิตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสน’’นฺติ. อาทิ-สทฺเทน สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ ปฺจทฺวาริกวิฺาณานํ ตทภินีหฏานฺจ มโนทฺวาริกวิฺาณานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. สพฺเพสมฺปิ วากฺยานํ เอว-การตฺถสหิตตฺตา ‘‘สุต’’นฺติ เอตสฺส สุตเมวาติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ. เอเตน อวธารเณน นิราสงฺกตํ ทสฺเสติ. ยถา จ สุตํ สุตเมวาติ นิยเมตพฺพํ, ตํ สมฺมา สุตํ โหตีติ อาห ‘‘อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ สุตนฺติ อสุตํ น โหตีติ อยเมตสฺส อตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ. อิมินา ทิฏฺาทิวินิวตฺตนํ กโรติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘น อิทํ มยา ทิฏฺํ, น สยมฺภุาเณน สจฺฉิกตํ, อถ โข สุตํ, ตฺจ โข สมฺมเทวา’’ติ. เตเนวาห – ‘‘อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อวธารณตฺเถ วา เอวํ-สทฺเท อยมตฺถโยชนา กรียตีติ ตทเปกฺขสฺส สุต-สทฺทสฺส อยมตฺโถ วุตฺโต ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ. เตเนวาห ‘‘อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. สวนสทฺโท เจตฺถ กมฺมตฺโถ เวทิตพฺโพ ‘‘สุยฺยตี’’ติ.

เอวํ สวนเหตุสุณนฺตปุคฺคลสวนวิเสสวเสน ปทตฺตยสฺส เอเกน ปกาเรน อตฺถโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปการนฺตเรหิปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺสาติ ยา สา ภควโต สมฺมุขา ธมฺมสฺสวนากาเรน ปวตฺตา มโนทฺวารวิฺาณวีถิ, ตสฺสา. สา หิ นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติตุํ สมตฺถา. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘โสตทฺวารานุสาเรนา’’ติ. นานปฺปกาเรนาติ วกฺขมานานํ อเนกวิหิตานํ พฺยฺชนตฺถคฺคหณานํ นานากาเรน. เอเตน อิมิสฺสา โยชนาย อาการตฺโถ เอวํ-สทฺโท คหิโตติ ทีเปติ. ปวตฺติภาวปฺปกาสนนฺติ ปวตฺติยา อตฺถิภาวปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนนฺติ ยสฺมึ อารมฺมเณ วุตฺตปฺปการา วิฺาณวีถิ นานปฺปกาเรน ปวตฺตา, ตสฺส ธมฺมตฺตา วุตฺตํ, น สุตสทฺทสฺส ธมฺมตฺถตฺตา. วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏีกรณํ ‘‘อยฺเหตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิฺาณวีถิยาติ กรณตฺเถ กรณวจนํ. มยาติ กตฺตุอตฺเถ.

เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสนนฺติ นิทสฺสนตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วุตฺตํ นิทสฺเสตพฺพสฺส นิทฺทิสิตพฺพตฺตาภาวาภาวโต. เตน เอวํ-สทฺเทน สกลมฺปิ สุตฺตํ ปจฺจามฏฺนฺติ ทสฺเสติ. สุต-สทฺทสฺส กิริยาสทฺทตฺตา สวนกิริยาย จ สาธารณวิฺาณปพนฺธปฏิพทฺธตฺตา ตตฺถ จ ปุคฺคลโวหาโรติ วุตฺตํ ‘‘สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสน’’นฺติ. น หิ ปุคฺคลโวหารรหิเต ธมฺมปพนฺเธ สวนกิริยา ลพฺภตีติ.

ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺสาติอาทิปิ อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ปุริมโยชนาย อฺถา อตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ อาการปฺตฺตีติ อุปาทาปฺตฺติ เอว ธมฺมานํ ปวตฺติอาการูปาทานวเสน ตถา วุตฺตา. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโสติ โสตพฺพภูโต ธมฺโม สวนกิริยากตฺตุปุคฺคลสฺส สวนกิริยาวเสน ปวตฺติฏฺานนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. จิตฺตสนฺตานวินิมุตฺตสฺส ปรมตฺถโต กสฺสจิ กตฺตุ อภาเวปิ สทฺทโวหาเรน พุทฺธิปริกปฺปิตเภทวจนิจฺฉาย จิตฺตสนฺตานโต อฺํ วิย ตํสมงฺคึ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน’’ติ. สวนกิริยาวิสโยปิ โสตพฺพธมฺโม สวนกิริยาวเสน ปวตฺตจิตฺตสนฺตานสฺส อิธ ปรมตฺถโต กตฺตุภาวโต, สวนวเสน จิตฺตปฺปวตฺติยา เอว วา สวนกิริยาภาวโต ตํกิริยากตฺตุ จ วิสโย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ตํสมงฺคิโน กตฺตุวิสเย’’ติ. สุตาการสฺส จ เถรสฺส สมฺมานิจฺฉิตภาวโต อาห ‘‘คหณสนฺนิฏฺาน’’นฺติ. เอเตน วา อวธารณตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา อยมตฺถโยชนา กตาติ ทฏฺพฺพํ.

ปุพฺเพ สุตานํ นานาวิหิตานํ สุตฺตสงฺขาตานํ อตฺถพฺยฺชนานํ อุปธาริตรูปสฺส อาการสฺส นิทสฺสนสฺส, อวธารณสฺส วา ปกาสนสภาโว เอวํ-สทฺโทติ ตทาการาทิอุปธารณสฺส ปุคฺคลปฺตฺติยา อุปาทานภูตธมฺมปพนฺธพฺยาปารตาย วุตฺตํ – ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. สวนกิริยา ปน ปุคฺคลวาทิโนปิ วิฺาณนิรเปกฺขา นตฺถีติ วิเสสโต วิฺาณพฺยาปาโรติ อาห ‘‘สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. ‘‘เม’’ติ สทฺทปฺปวตฺติยา เอกนฺเตเนว สตฺตวิสยตฺตา วิฺาณกิจฺจสฺส จ ตตฺเถว สโมทหิตพฺพโต ‘‘เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. อวิชฺชมานปฺตฺติวิชฺชมานปฺตฺติสภาวา ยถากฺกมํ เอวํ-สทฺท – สุต-สทฺทานํ อตฺถาติ เต ตถารูป-ปฺตฺติ-อุปาทานภูต-ธมฺมปพนฺธพฺยาปารภาเวน ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส, สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. เอตฺถ จ กรณกิริยากตฺตุกมฺมวิเสสปฺปกาสนวเสน ปุคฺคลพฺยาปารวิสยปุคฺคลพฺยาปารนิทสฺสนวเสน คหณาการคาหกตพฺพิสยวิเสสนิทฺเทสวเสน กตฺตุกรณพฺยาปารกตฺตุนิทฺเทสวเสน จ ทุติยาทโย จตสฺโส อตฺถโยชนา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ.

สพฺพสฺสปิ สทฺทาธิคมนียสฺส อตฺถสฺส ปฺตฺติมุเขเนว ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา สพฺพปฺตฺตีนฺจ วิชฺชมานาทิวเสน ฉสุ ปฺตฺติเภเทสุ อนฺโตคธตฺตา เตสุ ‘‘เอว’’นฺติอาทีนํ ปฺตฺตีนํ สรูปํ นิทฺธาเรนฺโต อาห – ‘‘เอวนฺติ จ เมติ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘เอว’’นฺติ จ ‘‘เม’’ติ จ วุจฺจมานสฺสตฺถสฺส อาการาทิโน ธมฺมานํ อสลฺลกฺขณภาวโต อวิชฺชมานปฺตฺติภาโวติ อาห – ‘‘สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. ตตฺถ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสนาติ ภูตตฺถอุตฺตมตฺถวเสน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย มายามรีจิอาทโย วิย อภูตตฺโถ, อนุสฺสวาทีหิ คเหตพฺโพ วิย อนุตฺตมตฺโถ จ น โหติ, โส รูปสทฺทาทิสภาโว, รุปฺปนานุภวนาทิสภาโว วา อตฺโถ สจฺจิกฏฺโ ปรมตฺโถ จาติ วุจฺจติ, น ตถา ‘‘เอวํ เม’’ติ ปทานํ อตฺโถติ. เอตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘กิฺเหตฺถ ต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สุตนฺติ ปน สทฺทายตนํ สนฺธายาห ‘‘วิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. เตเนว หิ ‘‘ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ, ‘‘โสตทฺวารานุสาเรน อุปลทฺธ’’นฺติ ปน วุตฺเต อตฺถพฺยฺชนาทิสพฺพํ ลพฺภติ.

ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโตติ โสตปถมาคเต ธมฺเม อุปาทาย เตสํ อุปธาริตาการาทิโน ปจฺจามสนวเสน ‘‘เอว’’นฺติ, สสนฺตติปริยาปนฺเน ขนฺเธ อุปาทาย ‘‘เม’’ติ วตฺตพฺพตฺตาติ อตฺโถ. ทิฏฺาทิสภาวรหิเต สทฺทายตเน ปวตฺตมาโนปิ สุตโวหาโร ‘‘ทุติยํ ตติย’’นฺติอาทิโก วิย ปมาทีนิ ทิฏฺมุตวิฺาเต อเปกฺขิตฺวาว ปวตฺโตติ อาห ‘‘ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต’’ติ อสุตํ น โหตีติ หิ สุตนฺติ ปกาสิโตยมตฺโถติ. อตฺตนา ปฏิวิทฺธา สุตฺตสฺส ปการวิเสสา ‘‘เอว’’นฺติ เถเรน ปจฺจามฏฺาติ อาห ‘‘อสมฺโมหํ ทีเปตี’’ติ. นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหตีติ เอเตน วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส นานปฺปการตํ ทุปฺปฏิวิชฺฌตฺจ ทสฺเสติ. สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปตีติ สุตาการสฺส ยาถาวโต ทสฺสิยมานตฺตา วุตฺตํ. อสมฺโมเหนาติ สมฺโมหาภาเวน, ปฺาย เอว วา สวนกาลสมฺภูตาย ตทุตฺตรกาลปฺาสิทฺธิ. เอวํ อสมฺโมเสนาติ เอตฺถาปิ วตฺตพฺพํ. พฺยฺชนานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตธารณเมว ตตฺถ กรณียนฺติ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปฺา ตตฺถ คุณีภูตาติ วุตฺตํ ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมายา’’ติอาทิ ‘‘ปฺาย ปุพฺพงฺคมา’’ติ กตฺวา. ปุพฺพงฺคมตา เจตฺถ ปธานตา ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑, ๒) วิย. ปุพฺพงฺคมตาย วา จกฺขุวิฺาณาทีสุ อาวชฺชนาทีนํ วิย อปฺปธานตฺเต ปฺา ปุพฺพงฺคมา เอติสฺสาติ อยมฺปิ อตฺโถ ยุชฺชติ. เอวํ สติปุพฺพงฺคมายาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน ยถาสมฺภวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺสาติ อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณสฺส, สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ, อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตสฺสาติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

โยนิโสมนสิการํ ทีเปติ เอวํ-สทฺเทน วุจฺจมานานํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺถานํ อวิปรีตสทฺธมฺมวิสยตฺตาติ อธิปฺปาโย. อวิกฺเขปํ ทีเปตีติ ‘‘มูลปริยายํ กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทิปุจฺฉาวเสน ปกรณปฺปตฺตสฺส วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส สวนํ สมาธานมนฺตเรน น สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ. วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺสาติอาทิ ตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนวเสน วุตฺตํ. สพฺพสมฺปตฺติยาติ อตฺถพฺยฺชนเทสกปโยชนาทิสมฺปตฺติยา. อวิปรีตสทฺธมฺมวิสเยหิ วิย อาการนิทสฺสนาวธารณตฺเถหิ โยนิโสมนสิการสฺส, สทฺธมฺมสฺสวเนน วิย จ อวิกฺเขปสฺส ยถา โยนิโสมนสิกาเรน ผลภูเตน อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปุฺตานํ สิทฺธิ วุตฺตา ตทวินาภาวโต, เอวํ อวิกฺเขเปน ผลภูเตน การณภูตานํ สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยานํ สิทฺธิ ทสฺเสตพฺพา สิยา อสฺสุตวโต สปฺปุริสูปนิสฺสยรหิตสฺส จ ตทภาวโต. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโตติอาทินา สมตฺถนวจเนน ปน อวิกฺเขเปน การณภูเตน สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จ ผลภูตสฺส สทฺธมฺมสฺสวนสฺส สิทฺธิ ทสฺสิตา. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยา – สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยา เอกนฺเตน อวิกฺเขปสฺส การณํ พาหิรงฺคตฺตา, อวิกฺเขโป ปน สปฺปุริสูปนิสฺสโย วิย สทฺธมฺมสฺสวนสฺส เอกนฺตการณนฺติ. เอวมฺปิ อวิกฺเขเปน สปฺปุริสูปนิสฺสยสิทฺธิโชตนา น สมตฺถิตาว, โน น สมตฺถิตา วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ สปฺปุริสปยิรุปาสนาภาวสฺส อตฺถสิทฺธตฺตา. เอตฺถ จ ปุริมํ ผเลน การณสฺส สิทฺธิทสฺสนํ นทีปูเรน วิย อุปริ วุฏฺิสพฺภาวสฺส, ทุติยํ การเณน ผลสฺส สิทฺธิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ เอกนฺตวสฺสินา วิย เมฆวุฏฺาเนน วุฏฺิปฺปวตฺติยา.

ภควโต วจนสฺส อตฺถพฺยฺชนปเภทปริจฺเฉทวเสน สกลสาสนสมฺปตฺติโอคาหนากาโร นิรวเสสปรหิตปาริปูริการณนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ภทฺทโก อากาโร’’ติ. ยสฺมา น โหตีติ สมฺพนฺโธ. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตินฺติ อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปุฺตาสงฺขาตํ คุณทฺวยํ. อปราปรวุตฺติยา เจตฺถ จกฺกภาโว, จรนฺติ เอเตหิ สตฺตา สมฺปตฺติภเวสูติ วา. เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๑). ปุริมปจฺฉิมภาโว เจตฺถ เทสนากฺกมวเสน ทฏฺพฺโพ. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยาติ ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสฺส อตฺถิตาย. สมฺมาปณิหิตตฺโต ปุพฺเพ จ กตปุฺโ สุทฺธาสโย โหติ ตทสุทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ทูรีภาวโตติ อาห – ‘‘อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหตี’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ (ธ. ป. ๔๓), ‘‘กตปุฺโสิ ตฺวํ อานนฺท, ปธานมนุยุฺช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗) จ. เตเนวาห ‘‘อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ. ปโยคสุทฺธิยาติ โยนิโสมนสิการปุพฺพงฺคมสฺส ธมฺมสฺสวนปโยคสฺส วิสทภาเวน. ตถา จาห ‘‘อาคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ. สพฺพสฺส วา กายวจีปโยคสฺส นิทฺโทสภาเวน. ปริสุทฺธกายวจีปโยโค หิ วิปฺปฏิสาราภาวโต อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ปริยตฺติยํ วิสารโท โหตีติ.

นานปฺปการปฏิเวธทีปเกนาติอาทินา อตฺถพฺยฺชเนสุ เถรสฺส เอวํสทฺทสุต-สทฺทานํ อสมฺโมหาสมฺโมสทีปนโต จตุปฏิสมฺภิทาวเสน อตฺถโยชนํ ทสฺเสติ. ตตฺถ โสตพฺพเภทปฏิเวธทีปเกนาติ เอเตน อยํ สุต-สทฺโท เอวํ-สทฺทสนฺนิธานโต, วกฺขมานาเปกฺขาย วา สามฺเเนว โสตพฺพธมฺมวิเสสํ อามสตีติ ทสฺเสติ. มโนทิฏฺิกรณา ปริยตฺติธมฺมานํ อนุเปกฺขนสุปฺปฏิเวธา วิเสสโต มนสิการปฏิพทฺธาติ เต วุตฺตนเยน โยนิโสมนสิการทีปเกน เอวํสทฺเทน โยเชตฺวา, สวนธารณวจีปริจยา ปริยตฺติธมฺมานํ วิเสเสน โสตาวธานปฏิพทฺธาติ เต อวิกฺเขปทีปเกน สุต-สทฺเทน โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต สาสนสมฺปตฺติยา ธมฺมสฺสวเน อุสฺสาหํ ชเนติ. ตตฺถ ธมฺมาติ ปริยตฺติธมฺมา. มนสานุเปกฺขิตาติ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา, เอตฺตกา เอตฺถ อนุสนฺธิโย’’ติอาทินา นเยน มนสา อนุ อนุ เปกฺขิตา. ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธาติ นิชฺฌานกฺขนฺติภูตาย, าตปริฺาสงฺขาตาย วา ทิฏฺิยา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม ‘‘อิติ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวา ปฏิวิทฺธา.

สกเลน วจเนนาติ ปุพฺเพ ตีหิ ปเทหิ วิสุํ วิสุํ โยชิตตฺตา วุตฺตํ. อตฺตโน อทหนฺโตติ ‘‘มเมท’’นฺติ อตฺตนิ อฏฺเปนฺโต. อสปฺปุริสภูมินฺติ อกตฺุตํ ‘‘อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’’ติ (ปารา. ๑๙๕) เอวํ วุตฺตํ อนริยโวหาราวตฺถํ, สา เอว อนริยโวหาราวตฺถา อสทฺธมฺโม. นนุ จ อานนฺทตฺเถรสฺส ‘‘มเมทํ วจน’’นฺติ อธิมานสฺส, มหากสฺสปตฺเถราทีนฺจ ตทาสงฺกาย อภาวโต อสปฺปุริสภูมิสมติกฺกมาทิวจนํ นิรตฺถกนฺติ? นยิทเมวํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ วทนฺเตน อยมฺปิ อตฺโถ วิภาวิโตติ ทสฺสนโต. เกจิ ปน ‘‘เทวตานํ ปริวิตกฺกาเปกฺขํ ตถาวจนนฺติ เอทิสี โจทนา อนวกาสาวา’’ติ วทนฺติ. ตสฺมึ กิร ขเณ เอกจฺจานํ เทวตานํ เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ภควา จ ปรินิพฺพุโต, อยฺจ อายสฺมา เทสนากุสโล, อิทานิ ธมฺมํ เทเสติ สกฺยกุลปฺปสุโต ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต, กึ นุ โข สยํ สจฺฉิกตํ ธมฺมํ เทเสติ, อุทาหุ ภควโตเยว วจนํ ยถาสุต’’นฺติ. เอวํ ตทาสงฺกิตปฺปการโต อสปฺปุริสภูมิสโมกฺกมาทิโต อติกฺกมาทิ วิภาวิตนฺติ. อปฺเปตีติ นิทสฺเสติ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถสุ ยถารหํ สตฺเต เนตีติ เนตฺติ, ธมฺโมเยว เนตฺติ ธมฺมเนตฺติ.

ทฬฺหตรนิวิฏฺา วิจิกิจฺฉา กงฺขา. นาติสํสปฺปนา มติเภทมตฺตา วิมติ. อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ ภควตา เทสิตตฺตา, สมฺมุขาวสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา, ขลิตทุรุตฺตาทิคหณโทสาภาวโต จ. เอตฺถ จ ปมาทโย ติสฺโส อตฺถโยชนา อาการาทิอตฺเถสุ อคฺคหิตวิเสสเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ทสฺสิตา, ตโต ปรา จตสฺโส อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วิภาวิตา, ปจฺฉิมา ปน ติสฺโส ยถากฺกมํ อาการตฺถํ นิทสฺสนตฺถํ อวธารณตฺถฺจ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา โยชิตาติ ทฏฺพฺพํ.

เอก-สทฺโท อฺเสฏฺาสหายสงฺขฺยาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗) อฺตฺเถ ทิสฺสติ, ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๘) เสฏฺตฺเถ, ‘‘เอโก วูปกฏฺโ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๐๕) อสหาเย, ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ สงฺขฺยายํ. อิธาปิ สงฺขฺยายนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส’’ติ. กาลฺจ สมยฺจาติ ยุตฺตกาลฺจ ปจฺจยสามคฺคิฺจ ขโณติ โอกาโส. ตถาคตุปฺปาทาทิโก หิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอกาโส ตปฺปจฺจยปฏิลาภเหตุตฺตา. ขโณ เอว จ สมโย. โย ‘‘ขโณ’’ติ จ ‘‘สมโย’’ติ จ วุจฺจติ, โส เอโกวาติ หิ อตฺโถ มหาสมโยติ มหาสมูโห. สมโยปิ โขติ สิกฺขาปทปูรณสฺส เหตุปิ. สมยปฺปวาทเกติ ทิฏฺิปฺปวาทเก. ตตฺถ หิ นิสินฺนา ติตฺถิยา อตฺตโน อตฺตโน สมยํ ปวทนฺตีติ. อตฺถาภิสมยาติ หิตปฏิลาภา. อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, อภิสมโย อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ปีฬนาทีนิ อภิสเมตพฺพภาเวน เอกีภาวํ อุปเนตฺวา วุตฺตานิ. อภิสมยสฺส วา ปฏิเวธสฺส วิสยภูโต อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ. ตาเนว ตถา เอกตฺเตน วุตฺตานิ. ตตฺถ ปีฬนํ ทุกฺขสจฺจสฺส ตํสมงฺคิโน หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ. สนฺตาโป ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตาปนํ ปริทหนํ.

ตตฺถ สหการีการณํ สนฺนิชฺฌํ สเมติ สมเวตีติ สมโย, สมวาโย. สเมติ สมาคจฺฉติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ เอตฺถ ตทาธารปุคฺคเลหีติ สมโย, ขโณ. สเมติ เอตฺถ, เอเตน วา สํคจฺฉติ สตฺโต, สภาวธมฺโม วา สหชาตาทีหิ อุปฺปาทาทีหิ วาติ สมโย, กาโล. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย อตฺถโต อภูโตปิ หิ กาโล ธมฺมปฺปวตฺติยา อธิกรณํ กรณํ วิย จ กปฺปนามตฺตสิทฺเธน รูเปน โวหรียตีติ. สมํ, สห วา อวยวานํ อยนํ ปวตฺติ อวฏฺานนฺติ สมโย, สมูโห ยถา ‘‘สมุทาโย’’ติ. อวยวสหาวฏฺานเมว หิ สมูโหติ. อวเสสปจฺจยานํ สมาคเม เอติ ผลํ เอตสฺมา อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติ จาติ สมโย, เหตุ ยถา ‘‘สมุทโย’’ติ. สเมติ สํโยชนภาวโต สมฺพนฺโธ เอติ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา สํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโย, ทิฏฺิ; ทิฏฺิสฺโชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺตีติ. สมิติ สงฺคติ สโมธานนฺติ สมโย, ปฏิลาโภ. สมยนํ, สมฺมา วา อยนํ อปคโมติ สมโย, ปหานํ. อภิมุขํ าเณน สมฺมา เอตพฺโพ อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีโต สภาโว. อภิมุขภาเวน สมฺมา เอติ คจฺฉติ พุชฺฌตีติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาวาวโพโธ. เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ สมย-สทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา. สมยสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร อภิสมยสทฺทสฺส อุทาหรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อสฺสาติ สมยสทฺทสฺส. กาโล อตฺโถ สมวายาทีนํ อตฺถานํ อิธ อสมฺภวโต, เทสเทสกปริสานํ วิย สุตฺตสฺส นิทานภาเวน กาลสฺส อปทิสิตพฺพโต จ.

กสฺมา ปเนตฺถ อนิยมิตวเสเนว กาโล นิทฺทิฏฺโ, น อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยเมตฺวาติ? อาห – ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยมํ อกตฺวา สมยสทฺทสฺส วจเนน อยมฺปิ คุโณ ลทฺโธ โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย วา อิเม’’ติอาทิมาห. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺตีติ. ตตฺถ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทวสิกํ ฌานผลสมาปตฺตีหิ วีตินามนกาโล, วิเสสโต สตฺตสตฺตาหานิ. สุปฺปกาสาติ ทสสหสฺสิโลกธาตุสํกมฺปนโอภาสปาตุภาวาทีหิ ปากฏา. ยถาวุตฺตเภเทสุ เอว สมเยสุ เอกเทสํ ปการนฺตเรหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โย จาย’’นฺติอาทิมาห. ตถา หิ าณกิจฺจสมโย อตฺตหิตปฏิปตฺติสมโย จ อภิสมฺโพธิสมโย, อริยตุณฺหีภาวสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย, กรุณากิจฺจปรหิตปฏิปตฺติธมฺมิกถาสมโย เทสนาสมโย เอว.

กรณวจเนน นิทฺเทโส กโตติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถาติ อภิธมฺมตทฺสุตฺตปทวินเยสุ. ตถาติ ภุมฺมกรเณหิ. อธิกรณตฺโถ อาธารตฺโถ. ภาโว นาม กิริยา, ตาย กิริยนฺตรลกฺขณํ ภาเวนภาวลกฺขณํ. ตตฺถ ยถา กาโล สภาวธมฺมปริจฺฉินฺโน สยํ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ อาธารภาเวน ปฺาโต ตงฺขณปฺปวตฺตานํ ตโต ปุพฺเพ ปรโต จ อภาวโต ‘‘ปุพฺพณฺเห ชาโต, สายนฺเห คจฺฉตี’’ติ จ อาทีสุ, สมูโห จ อวยววินิมุตฺโต อวิชฺชมาโนปิ กปฺปนามตฺตสิทฺโธ อวยวานํ อาธารภาเวน ปฺาปียติ ‘‘รุกฺเข สาขา, ยวราสิยํ สมฺภูโต’’ติอาทีสุ, เอวํ อิธาปีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อธิกรณฺหิ…เป… ธมฺมาน’’นฺติ. ยสฺมึ กาเล ธมฺมปุฺเช วา กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึ เอว กาเล ธมฺมปุฺเช จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ. ยถา จ ‘‘คาวีสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, ทุทฺธาสุ อาคโต’’ติ โทหนกิริยาย คมนกิริยา ลกฺขียติ, เอวํ อิธาปิ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ตสฺมึ สมเย’’ติ จ วุตฺเต ‘‘สตี’’ติ อยมตฺโถ วิฺายมาโน เอว โหติ ปทตฺถสฺส สตฺตาวิรหาภาวโตติ สมยสฺส สตฺตากิริยาย จิตฺตสฺส อุปฺปาทกิริยา ผสฺสาทีนํ ภวนกิริยา จ ลกฺขียติ. ยสฺมึ สมเยติ ยสฺมึ นวเม ขเณ, ยสฺมึ โยนิโสมนสิการาทิเหตุมฺหิ, ปจฺจยสมวาเย วา สติ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว ขเณ, เหตุมฺหิ, ปจฺจยสมวาเย วา ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อุภยตฺถ สมยสทฺเท ภุมฺมนิทฺเทโส กโต ลกฺขณภูตภาวยุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ขณ…เป… ลกฺขียตี’’ติ.

เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ ‘‘อนฺเนน วสติ, อชฺเฌเนน วสติ, ผรสุนา ฉินฺทติ, กุทาเลน ขณตี’’ติอาทีสุ วิย. วีติกฺกมฺหิ สุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา โอติณฺณวตฺถุกํ ปุคฺคลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา วิครหิตฺวา จ ตํ ตํ วตฺถุํ โอติณฺณกาลํ อนติกฺกมิตฺวา เตเนว กาเลน สิกฺขาปทานิ ปฺเปนฺโต ภควา วิหรติ สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุฺจ อเปกฺขมาโน ตติยปาราชิกาทีสุ วิย.

อจฺจนฺตเมว อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว เทสนานิฏฺานํ ปรหิตปฏิปตฺติสงฺขาเตน กรุณาวิหาเรน. ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺถโชตนตฺถํ. อุปโยควจนนิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘มาสํ อชฺเฌตี’’ติ.

โปราณาติ อฏฺกถาจริยา. อภิลาปมตฺตเภโทติ วจนมตฺเตน วิเสโส. เตน สุตฺตวินเยสุ วิภตฺติพฺยตฺตโย กโตติ ทสฺเสติ.

เสฏฺนฺติ เสฏฺวาจกํ วจนํ ‘‘เสฏฺ’’นฺติ วุตฺตํ เสฏฺคุณสหจรณโต. ตถา อุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต, ครุกรณารหตาย วา คารวยุตฺโต. วุตฺโตเยว, น ปน อิธ วตฺตพฺโพ วิสุทฺธิมคฺคสฺส อิมิสฺสา อฏฺกถาย เอกเทสภาวโตติ อธิปฺปาโย.

อปโร นโย (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑; สารตฺถ. ฏี. ๑.วินยานิสํสกถาวณฺณนา; วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๔๔; อิติวุ. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) – ภาควาติ ภควา, ภตวาติ ภควา, ภาเค วนีติ ภควา, ภเค วนีติ ภควา, ภตฺตวาติ ภควา, ภเค วมีติ ภควา, ภาเค วมีติ ภควา.

ภควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;

ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน.

ตตฺถ กถํ ภาควาติ ภควา? เย เต สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา คุณภาคา คุณโกฏฺาสา, เต อนฺสาธารณา นิรติสยา ตถาคตสฺส อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ. ตถา หิสฺส สีลํ, สมาธิ, ปฺา, วิมุตฺติ, วิมุตฺติาณทสฺสนํ, หิรี, โอตฺตปฺปํ, สทฺธา, วีริยํ, สติ สมฺปชฺํ, สีลวิสุทฺธิ, ทิฏฺิวิสุทฺธิ, สมโถ, วิปสฺสนา, ตีณิ กุสลมูลานิ, ตีณิ สุจริตานิ, ตโย สมฺมาวิตกฺกา, ติสฺโส อนวชฺชสฺา, ติสฺโส ธาตุโย, จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ อริยผลานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, จตุโยนิปฏิจฺเฉทกาณํ, จตฺตาโร อริยวํสา, จตฺตาริ เวสารชฺชาณานิ, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ, ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, ปฺจ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ปฺจ วิมุตฺตายตนาณานิ, ปฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา สฺา, ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ, ฉ คารวา, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ฉ สตตวิหารา, ฉ อนุตฺตริยานิ, ฉ นิพฺเพธภาคิยา สฺา, ฉ อภิฺา, ฉ อสาธารณาณานิ, สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา, สตฺต อริยธมฺมา, สตฺต อริยธนานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, สตฺต สปฺปุริสธมฺมา, สตฺต นิชฺชรวตฺถูนิ, สตฺต สฺา, สตฺต ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา, สตฺต ขีณาสวพลเทสนา, อฏฺ ปฺาปฏิลาภเหตุเทสนา, อฏฺ สมฺมตฺตานิ, อฏฺ โลกธมฺมาติกฺกมา, อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ, อฏฺ อกฺขณเทสนา, อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา, อฏฺ อภิภายตนเทสนา, อฏฺ วิโมกฺขา, นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ, นว สตฺตาวาสเทสนา, นว อาฆาตปฏิวินยา, นว สฺา, นว นานตฺตา, นว อนุปุพฺพวิหารา, ทส นาถกรณา ธมฺมา, ทส กสิณายตนานิ, ทส กุสลกมฺมปถา, ทส สมฺมตฺตานิ, ทส อริยวาสา, ทส อเสกฺขธมฺมา, ทส ตถาคตพลานิ, เอกาทส เมตฺตานิสํสา, ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา, เตรส ธุตคุณา, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, ปฺจทส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ, โสฬส อปรนฺตปนียา ธมฺมา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ, ปฺาส อุทยพฺพยาณานิ, ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมา, สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนิ, จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขาสมาปตฺติสฺจาริมหาวชิราณํ, อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาาณานิ ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนาณานิ จาติ เอวมาทโย อนนฺตาปริมาณเภทา อนฺสาธารณา นิรติสยา คุณภาคา คุณโกฏฺาสา สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตวิภาคา คุณภาคา อสฺส อตฺถีติ ‘‘ภาควา’’ติ วตฺตพฺเพ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวา ‘‘ภควา’’ติ วุตฺโต. เอวํ ตาว ภาควาติ ภควา.

ยสฺมา สีลาทโย สพฺเพ, คุณภาคา อเสสโต;

วิชฺชนฺติ สุคเต ตสฺมา, ภควาติ ปวุจฺจตีติ.

กถํ ภตวาติ ภควา? เย เต สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺเนหิ มนุสฺสตฺตาทิเก อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา สมฺมาสมฺโพธิยา กตมหาภินีหาเรหิ มหาโพธิสตฺเตหิ ปริปูริตพฺพา ทานปารมี, สีล, เนกฺขมฺม, ปฺา, วีริย, ขนฺติ, สจฺจ, อธิฏฺาน, เมตฺตา, อุเปกฺขาปารมีติ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย, ทานาทีนิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ, สจฺจาทีนิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ, องฺคปริจฺจาโค นยนธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาโคติ ปฺจ มหาปริจาคา, ปุพฺพโยโค, ปุพฺพจริยา, ธมฺมกฺขานํ, าตตฺถจริยา, โลกตฺถจริยา, พุทฺธิจริยาติ เอวมาทโย, สงฺเขปโต วา สพฺเพ ปุฺาณสมฺภารา พุทฺธกรธมฺมา, เต มหาภินีหารโต ปฏฺาย กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺเขยฺยานิ ยถา หานภาคิยา สํกิเลสภาคิยา ิติภาคิยา วา น โหนฺติ, อถ โข อุตฺตรุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหนฺติ, เอวํ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ อนวเสสโต ภตา สมฺภตา อสฺส อตฺถีติ ‘‘ภตวา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุตฺโต นิรุตฺตินเยน ต-การสฺส ค-การํ กตฺวา. อถ วา ภตวาติ เตเยว ยถาวุตฺเต พุทฺธกรธมฺเม วุตฺตนเยเนว ภริ สมฺภริ, ปริปูเรสีติ อตฺโถ. เอวมฺปิ ภตวาติ ภควา.

สมฺมาสมฺโพธิยา สพฺเพ, ทานปารมิอาทิเก;

สมฺภาเร ภตวา นาโถ, เตนาปิ ภควา มโตติ.

กถํ ภาเค วนีติ ภควา? เย เต จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา เทวสิกํ วฬฺชนกสมาปตฺติภาคา, เต อนวเสสโต โลกหิตตฺถํ อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ นิจฺจกปฺปํ วนิ ภชิ เสวิ พหุลมกาสีติ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา อภิฺเยฺยธมฺเมสุ กุสลาทีสุ ขนฺธาทีสุ จ เย เต ปริฺเยฺยาทิวเสน สงฺเขปโต วา จตุพฺพิธา อภิสมยภาคา, วิตฺถารโต ปน ‘‘จกฺขุ ปริฺเยฺยํ โสตํ…เป… ชรามรณํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๒๑) อเนเก ปริฺเยฺยภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ…เป… ชรามรณสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ’’ติอาทินา ปหาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรโธ…เป… ชรามรณสฺส นิโรโธ สจฺฉิกาตพฺโพ’’ติอาทินา สจฺฉิกาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติอาทินา, ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา จ อเนกเภทา ภาเวตพฺพภาคา จ ธมฺมา, เต สพฺเพ วนิ ภชิ ยถารหํ โคจรภาวนาเสวนานํ วเสน เสวิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา ‘‘เย อิเม สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา สาวเกหิ สาธารณา คุณภาคา คุณโกฏฺาสา, กินฺติ นุ โข เต วิเนยฺยสนฺตาเนสุ ปติฏฺเปยฺย’’นฺติ มหากรุณาย วนิ อภิปตฺถยิ, สา จสฺส อภิปตฺถนา ยถาธิปฺเปตผลาวหา อโหสิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา.

ยสฺมา เยฺยสมาปตฺติคุณภาเค อเสสโต;

ภชิ ปตฺถยิ สตฺตานํ, หิตาย ภควา ตโตติ.

กถํ ภเค วนีติ ภควา? สมาสโต ตาว กตปุฺเหิ ปโยคสมฺปนฺเนหิ ยถาวิภวํ ภชียนฺตีติ ภคา, โลกิยโลกุตฺตรา สมฺปตฺติโย. ตตฺถ โลกิเย ตาว ตถาคโต สมฺโพธิโต ปุพฺเพ โพธิสตฺตภูโต ปรมุกฺกํสคเต วนิ ภชิ เสวิ, ยตฺถ ปติฏฺาย นิรวเสสโต พุทฺธกรธมฺเม สมนฺนาเนนฺโต พุทฺธธมฺเม ปริปาเจสิ, พุทฺธภูโต ปน เต นิรวชฺชสุขูปสํหิเต อนฺสาธารเณ โลกุตฺตเรปิ วนิ ภชิ เสวิ, วิตฺถารโต ปน ปเทสรชฺชอิสฺสริยจกฺกวตฺติสมฺปตฺติ-เทวรชฺชสมฺปตฺติอาทิวเสน- ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติาณทสฺสน-มคฺคภาวนาผลสจฺฉิ- กิริยาทิ-อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวเสน จ อเนกวิหิเต อนฺสาธารเณ ภเค วนิ ภชิ เสวิ. เอวมฺปิ ภเค วนีติ ภควา.

ยา ตา สมฺปตฺติโย โลเก, ยา จ โลกุตฺตรา ปุถุ;

สพฺพา ตา ภชิ สมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ภควา มโตติ.

กถํ ภตฺตวาติ ภควา? ภตฺตา ทฬฺหภตฺติกา อสฺส พหู อตฺถีติ ภตฺตวา. ตถาคโต หิ มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริมิตนิรุปมปภาวคุณวิเสสสมงฺคิภาวโต สพฺพสตฺตุตฺตโม, สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตูปการิตาย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณ-อสีติอนุพฺยฺชน-พฺยามปฺปภาทิอนฺสาธารณ- วิเสสปฏิมณฺฑิต-รูปกายตาย ยถาภุจฺจ-คุณาธิคเตน ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน โลกตฺตยพฺยาปินา สุวิปุเลน สุวิสุทฺเธน จ ถุติโฆเสน สมนฺนาคตตฺตา อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตาสุ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิอาทีสุ สุปฺปติฏฺิตภาวโต ทสพลจตุเวสารชฺชาทินิรติสยคุณวิเสส-สมงฺคิภาวโต จ รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน, โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน, ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน, ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโนติ เอวํ จตุปฺปมาณิเก โลกสนฺนิวาเส สพฺพถาปิ ปสาทาวหภาเวน สมนฺตปาสาทิกตฺตา อปริมาณานํ สตฺตานํ สเทวมนุสฺสานํ อาทรพหุมานคารวายตนตาย ปรมเปมสมฺภตฺติฏฺานํ. เย ตสฺส โอวาเท ปติฏฺิตา อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา โหนฺติ, เกนจิ อสํหาริยา เตสํ ปสาทภตฺติ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา. ตถา หิ เต อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาเคปิ ตตฺถ ปสาทํ น ปริจฺจชนฺติ, ตสฺส วา อาณํ ทฬฺหภตฺติภาวโต. เตเนวาห –

‘‘โย เว กตฺู กตเวทิ ธีโร;

กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหตี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๗๘);

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺโท ิตธมฺโม เวลํ นาติวตฺตติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕) จ.

เอวํ ภตฺตวาติ ภควา นิรุตฺตินเยน เอกสฺส ต-การสฺส โลปํ กตฺวา อิตรสฺส ค-การํ กตฺวา.

คุณาติสยยุตฺตสฺส, ยสฺมา โลกหิเตสิโน;

สมฺภตฺตา พหโว สตฺถุ, ภควา เตน วุจฺจตีติ.

กถํ ภเค วมีติ ภควา? ยสฺมา ตถาคโต โพธิสตฺตภูโตปิ ปุริมาสุ ชาตีสุ ปารมิโย ปูเรนฺโต ภคสงฺขาตํ สิรึ อิสฺสริยํ ยสฺจ วมิ, อุคฺคิริ, เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ; ปจฺฉิมตฺตภาเวปิ หตฺถาคตํ จกฺกวตฺติสิรึ เทวโลกาธิปจฺจสทิสํ จตุทีปิสฺสริยํ จกฺกวตฺติสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยํ สตฺตรตนสมุชฺชลํ ยสฺจ ติณายปิ อมฺมาโน นิรเปกฺโข ปหาย อภินิกฺขมิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา อิเม สิริอาทิเก ภเค วมีติ ภควา. อถ วา ภานิ นาม นกฺขตฺตานิ, เตหิ สมํ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ภคา, สิเนรุยุคนฺธรอุตฺตรกุรุหิมวนฺตาทิภาชนโลกวิเสสสนฺนิสฺสยา โสภา กปฺปฏฺิยภาวโต, เตปิ ภเค วมิ ตนฺนิวาสิสตฺตาวาสสมติกฺกมนโต, ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปหาเนน ปชหีติ. เอวมฺปิ ภเค วมีติ ภควา.

จกฺกวตฺติสิรึ ยสฺมา, ยสํ อิสฺสริยํ สุขํ;

ปหาสิ โลกจิตฺตฺจ, สุคโต ภควา ตโตติ.

กถํ ภาเค วมีติ ภควา? ภาคา นาม สภาคธมฺมโกฏฺาสา, เต ขนฺธายตนธาตาทิวเสน, ตตฺถาปิ รูปเวทนาทิวเสน, ปถวิยาทิอตีตาทิวเสน จ อเนกวิธา. เต ภควา สพฺพํ ปปฺจํ สพฺพํ โยคํ สพฺพํ คนฺถํ สพฺพํ สํโยชนํ สมุจฺฉินฺทิตฺวา อมตํ ธาตุํ สมธิคจฺฉนฺโต วมิ อุคฺคิริ, อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ น ปจฺจาคมิ. ตถา เหส ‘‘สพฺพตฺถเมว ปถวึ อาปํ เตชํ วายํ, จกฺขุํ โสตํ ฆานํ ชิวฺหํ กายํ มนํ, รูเป สทฺเท คนฺเธ รเส โผฏฺพฺเพ ธมฺเม, จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ, จกฺขุสมฺผสฺสํ…เป… มโนสมฺผสฺสํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ สฺํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ สฺํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เจตนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เจตนํ, รูปตณฺหํ…เป… ธมฺมตณฺหํ, รูปวิตกฺกํ…เป… ธมฺมวิตกฺกํ, รูปวิจารํ…เป… ธมฺมวิจาร’’นฺติอาทินา อนุปทธมฺมวิภาควเสนปิ สพฺเพว ธมฺมโกฏฺาเส อนวเสสโต วมิ อุคฺคิริ, อนเปกฺขปริจฺจาเคน ฉฑฺฑยิ. วุตฺตํ เหตํ ‘‘ยํ ตํ, อานนฺท, จตฺตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺํ, ตํ ตถาคโต ปุน ปจฺจาคมิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘๓). เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา. อถ วา ภาเค วมีติ สพฺเพปิ กุสลากุสเล สาวชฺชานวชฺเช หีนปณีเต กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม อริยมคฺคาณมุเขน วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺโข ปริจฺจชิ ปชหิ, ปเรสฺจ ตถตฺตาย ธมฺมํ เทเสสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา (ม. นิ. ๑.๒๔๐), กุลฺลูปมํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถายา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๔๐). เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา.

ขนฺธายตนธาตาทิ-ธมฺมภาคามเหสินา;

กณฺหสุกฺกา ยโต วนฺตา, ตโตปิ ภควา มโตติ.

เตน วุตฺตํ –

‘‘ภาควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;

ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน’’ติ.

ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรตีติ ‘‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) วจนโต ธมฺมสฺส สตฺถุภาวปริยาโย วิชฺชตีติ กตฺวา วุตฺตํ. วชิรสงฺฆาตสมานกาโย ปเรหิ อเภชฺชสรีรตฺตา. น หิ ภควโต รูปกาเย เกนจิ สกฺกา อนฺตราโย กาตุนฺติ.

เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ วกฺขมานสฺส สกลสฺส สุตฺตสฺส ‘‘เอว’’นฺติ นิทสฺสนโต. สาวกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเตน ปฺจสุ าเนสุ ภควตา เอตทคฺเค ปิเตน มยา มหาสาวเกน สุตํ, ตฺจ โข มยาว สุตํ, น อนุสฺสุติกํ, น ปรมฺปราภตนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนโต. กาลสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ภควา-สทฺทสนฺนิธาเน ปยุตฺตสฺส สมย-สทฺทสฺส กาลสฺส พุทฺธุปฺปาทปฏิมณฺฑิตภาวทีปนโต. พุทฺธุปฺปาทปรมา หิ กาลสมฺปทา. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘กปฺปกสาเย กลิยุเค, พุทฺธุปฺปาโท อโห มหจฺฉริยํ;

หุตาวหมชฺเฌ ชาตํ, สมุทิตมกรนฺทมรวินฺท’’นฺติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๑; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑ รูปาทิวคฺควณฺณนา);

ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนภาวโต.

มงฺคลทิวโส สุขโณ สุนกฺขตฺตนฺติ อชฺช มงฺคลทิวโส, ตสฺมา สุนกฺขตฺตํ, ตตฺถาปิ อยํ สุขโณ. มา อติกฺกมีติ มา รตฺติวิภายนํ อนุทิกฺขนฺตานํ รตฺติ อติกฺกมีติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อุกฺกาสุ ิตาสุ ิตาติ อุกฺกฏฺา (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๕; อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๓๖). อุกฺกาสุ วิชฺโชตลนฺตีสุ ิตา ปติฏฺิตาติ มูลวิภูชาทิปกฺเขเปน (ปาณินิ ๓.๒.๕) สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. นิรุตฺตินเยน วา อุกฺกาสุ ิตาสุ ิตา อาสีติ อุกฺกฏฺา. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ภูมิภาคสมฺปตฺติยา มนุสฺสสมฺปตฺติยา อุปกรณสมฺปตฺติยา จ สา นครี อุกฺกฏฺคุณโยคโต ‘อุกฺกฏฺา’ติ นามํ ลภี’’ติ.

อวิเสเสนาติ น วิเสเสน, วิหารภาวสามฺเนาติ อตฺโถ. อิริยาปถ…เป… วิหาเรสูติ อิริยาปถวิหาโร ทิพฺพวิหาโร พฺรหฺมวิหาโร อริยวิหาโรติ เอเตสุ จตูสุ วิหาเรสุ. สมงฺคิปริทีปนนฺติ สมงฺคีภาวปริทีปนํ. เอตนฺติ ‘‘วิหรตี’’ติ เอตํ ปทํ. ตถา หิ ตํ ‘‘อิเธกจฺโจ คิหีหิ สํสฏฺโ วิหรติ สหนนฺที สหโสกี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) อิริยาปถวิหาเร อาคตํ; ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖๐; วิภ. ๖๒๔) ทิพฺพวิหาเร; ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗; ๒.๓๐๙; ๓.๒๓๐) พฺรหฺมวิหาเร; ‘‘โส โข อหํ อคฺคิเวสฺสน ตสฺสาเยว กถาย ปริโยสาเน ตสฺมึ เอว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทึ กโรมิ สมาทหามิ, เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อริยวิหาเร.

ตตฺถ อิริยนํ วตฺตนํ อิริยา, กายปฺปโยโค. ตสฺสา ปวตฺตนุปายภาวโต านาทิ อิริยาปโถ. านสมงฺคี วา หิ กาเยน กิฺจิ กเรยฺย คมนาทีสุ อฺตรสมงฺคี วา. อถ วา อิริยติ ปวตฺตติ เอเตน อตฺตภาโว, กายกิจฺจํ วาติ อิริยา, ตสฺสา ปวตฺติยา อุปายภาวโต ปโถติ อิริยาปโถ, านาทิ เอว. โส จ อตฺถโต คตินิวตฺติอาทิอากาเรน ปวตฺโต จตุสนฺตติรูปปพนฺโธ เอว. วิหรณํ, วิหรติ เอเตนาติ วา วิหาโร, อิริยาปโถ เอว วิหาโร อิริยาปถวิหาโร. ทิวิ ภโวติ ทิพฺโพ. ตตฺถ พหุลปฺปวตฺติยา พฺรหฺมปาริสชฺชาทิเทวโลเก ภโวติ อตฺโถ. ตตฺถ โย ทิพฺพานุภาโว, ตทตฺถาย สํวตฺตตีติ วา ทิพฺโพ, อภิฺาภินีหารวเสน มหาคติกตฺตา วา ทิพฺโพ, ทิพฺโพ จ โส วิหาโร จาติ ทิพฺพวิหาโร, จตสฺโส รูปาวจรสมาปตฺติโย. อารุปฺปสมาปตฺติโยปิ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. พฺรหฺมูนํ, พฺรหฺมาโน วา วิหารา พฺรหฺมวิหารา, จตสฺโส อปฺปมฺาโย. อริยานํ, อริยา วา วิหารา อริยวิหารา, จตฺตาริ สามฺผลานิ. โส หิ ภควา เอกํ อิริยาปถพาธนนฺติอาทิ ยทิปิ ภควา เอเกนปิ อิริยาปเถน จิรตรํ กาลํ อตฺตภาวํ ปวตฺเตตุํ สกฺโกติ, ตถาปิ ‘‘อุปาทินฺนกสรีรสฺส นาม อยํ สภาโว’’ติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ยสฺมา วา ภควา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโต เวเนยฺยานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต, นานาสมาปตฺตีหิ จ กาลํ วีตินาเมนฺโต วสตีติ เวเนยฺยสตฺตานํ อตฺตโน จ วิวิธํ หิตสุขํ หรติ อุปเนติ อุปฺปาเทติ, ตสฺมา วิวิธํ หรตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

สุภคตฺตาติ สิรีกามานวเสน โสภนตฺตา. เตเนวาห ‘‘สุนฺทรสิริกตฺตา สุนฺทรกามตฺตา จา’’ติ. ฉณสมชฺชอุสฺสเวติ เอตฺถ ฉณํ นาม ผคฺคุนมาสาทีสุ อุตฺตรผคฺคุนาทิ-อภิลกฺขิตทิวเสสุ สปริชนานํ มนุสฺสานํ มงฺคลกรณํ. สมชฺชํ นาม นฏสมชฺชาทิ. อุสฺสโว นกฺขตฺตํ. ยตฺถ คามนิคมวาสิโน ตโย สตฺต วา ทิวเส นกฺขตฺตโฆสนํ กตฺวา ยถาวิภวํ อลงฺกตปฏิยตฺตา โภเค ปริภุฺชนฺตา นกฺขตฺตกีฬนํ กีฬนฺติ. เตสํ ตํ ตเถว โหตีติ เตสํ มนุสฺสานํ ตํ ปตฺถนํ ตนฺนิวาสิเทวตานุภาเวน เยภุยฺเยน ตเถว โหติ, ปตฺถนา สมิชฺฌตีติ อตฺโถ. พหุชนกนฺตตายาติ อิมินา ‘‘สุนฺทรกามตฺตา’’ติ เอตสฺเสว ปทสฺส ปการนฺตเรน อตฺถํ วิภาเวติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – กมนียฏฺเน สุฏฺุ ภชียตีติ สุภคํ, สุภา อคา รุกฺขา เอตฺถาติ วา สุภคํ, สุนฺทรกิตฺติโยคโต วา ‘‘สุภค’’นฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺถํ วณฺเณนฺติ. เกจิ ปน ‘‘สุภาควเน’’ติ ปนฺติ, ‘‘สุนฺทรภูมิภาเค วเน’’ติ จสฺส อตฺถํ วทนฺติ. สุภคสฺส นาม ยกฺขสฺส วนํ เตน ปริคฺคหิตตฺตาติ ‘‘สุภควน’’นฺติ อฺเ. วนนํ ภตฺตีติอตฺเถ ตํ วนนํ กาเรตีติ เอตสฺมึ อตฺเถ วนยตีติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. เตเนวาห ‘‘อตฺตนิ สิเนหํ อุปฺปาเทตี’’ติ. ยาจนตฺเถ วนุเต อิติ วนนฺติ อุปจารกปฺปนาวเสน วน-สทฺโท เวทิตพฺโพ.

อุชุวํสาติ อุชุภูตวิฏปา. มหาสาลาติ มหารุกฺขา. อฺตรสฺมึ สาลมูเลติ อฺตรสฺส รุกฺขสฺส มูเล. วนปฺปติเชฏฺกรุกฺโขติ วนปฺปติภูโต เชฏฺกรุกฺโข. ตเมว เชฏฺกภาวนฺติ วนปฺปติภาเวนาคตํ เสฏฺภาวํ ปธานภาวํ. เตน หิ โส ‘‘สาลราชา’’ติ วุตฺโต. อุปคตานํ รฺชนฏฺเน ราชา, อฺสฺมิมฺปิ ตาทิเส รุกฺเข ราชโวหารํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุปติฏฺิตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พฺราหฺมณ ธมฺมิกาติ อาลปนํ. นิปฺปริยาเยน สาขาทิมโต สงฺฆาตสฺส สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเน อวยววิเสเส ปวตฺตมาโน มูล-สทฺโท. ยสฺมา ตํสทิเสสุ ตนฺนิสฺสเย ปเทเส จ รุฬฺหีวเสน ปริยายโต ปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺยา’’ติ เอตฺถ นิปฺปริยายมูลํ อธิปฺเปตนฺติ เอเกน มูล-สทฺเทน วิเสเสตฺวา อาห ‘‘มูลมูเล ทิสฺสตี’’ติ ยถา ‘‘ทุกฺขทุกฺขํ (สํ. นิ. ๔.๓๒๗), รูปรูป’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๔๙) จ. อสาธารณเหตุมฺหีติ อสาธารณการเณ. โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทานํ เอว อาเวณิเก เนสํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนโต มูลฏฺเน อุปการเก ปจฺจยธมฺเม ทิสฺสตีติ อตฺโถ.

ตตฺถาติ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา อุกฺกฏฺายํ วิหรติ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติ ยํ วุตฺตํ วากฺยํ, ตตฺต. สิยาติ กสฺสจิ เอวํ ปริวิตกฺโก สิยา, วกฺขมานากาเรน กทาจิ โจเทยฺย วาติ อตฺโถ. อถ ตตฺถ วิหรตีติ ยทิ สุภควเน สาลราชมูเล วิหรติ. น วตฺตพฺพนฺติ นานาานภูตตฺตา อุกฺกฏฺาสุภควนานํ, เอกํ สมยนฺติ จ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. อิทานิ โจทโก ตเมว อตฺตโน อธิปฺปายํ ‘‘น หิ สกฺกา’’ติอาทินา วิวรติ. อิตโร สพฺพเมตํ อวิปรีตํ อตฺถํ อชานนฺเตน วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพ’’นฺติ อาห. ตตฺถ เอตนฺติ ‘‘อุกฺกฏฺายํ วิหรติ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติ เอตํ วจนํ. เอวนฺติ ‘‘ยทิ ตาว ภควา’’ติอาทินา ยํ ตํ ภวตา โจทิตํ, ตํ อตฺถโต เอวํ น โข ปน ทฏฺพฺพํ, น อุภยตฺถ อปุพฺพอจริมํ วิหารทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ.

อิทานิ อตฺตโน ยถาธิปฺเปตํ อวิปรีตํ อตฺถํ, ตสฺส จ ปฏิกจฺเจว วุตฺตภาวํ, เตน จ อปฺปฏิวิทฺธตฺตํ ปกาเสนฺโต ‘‘นนุ อโวจุมฺห…เป… สาลราชมูเล’’ติ อาห. เอวมฺปิ ‘‘สุภควเน สาลราชมูเล วิหรตี’’จฺเจว วตฺตพฺพํ, น ‘‘อุกฺกฏฺาย’’นฺติ โจทนํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘โคจรคามนิทสฺสนตฺถ’’นฺติอาทิ.

อวสฺสํ เจตฺถ โคจรคามกิตฺตนํ กาตพฺพํ. ตถา หิ ตํ ยถา สุภควนาทิกิตฺตนํ ปพฺพชิตานุคฺคหกรณาทิอเนกปฺปโยชนํ, เอวํ คหฏฺานุคฺคหกรณาทิวิวิธปฺปโยชนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุกฺกฏฺากิตฺตเนนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปจฺจยคฺคหเณน อุปสงฺกมนปยิรุปาสนานํ โอกาสทาเนน ธมฺมเทสนาย สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฏฺาปเนน ยถูปนิสฺสยํ อุปริวิเสสาธิคมาวหเนน จ คหฏฺานคฺคหกรณํ, อุคฺคหปริปุจฺฉานํ กมฺมฏฺานานุโยคสฺส จ อนุรูปวสนฏฺานปริคฺคเหเนตฺถ ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ เวทิตพฺพํ. กรุณาย อุปคมนํ, น ลาภาทินิมิตฺตํ, ปฺาย อปคมนํ, น วิโรธาทินิมิตฺตนฺติ อุปคมนาปคมนานํ นิรุปกฺกิเลสตํ วิภาเวติ. ธมฺมิกสุขํ นาม อนวชฺชสุขํ. เทวานํ อุปการพหุลตา ชนวิวิตฺตตาย. ปจุรชนวิวิตฺตํ หิ านํ เทวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺนฺติ. ตทตฺถปรินิปฺผาทนนฺติ โลกตฺถนิปฺผาทนํ, พุทฺธกิจฺจสมฺปาทนนฺติ อตฺโถ. เอวมาทินาติ อาทิ-สทฺเทน อุกฺกฏฺากิตฺตนโต รูปกายสฺส อนุคฺคณฺหนํ ทสฺเสติ, สุภควนาทิกิตฺตนโต ธมฺมกายสฺส. ตถา ปุริเมน ปราธีนกิริยากรณํ, ทุติเยน อตฺตาธีนกิริยากรณํ. ปุริเมน วา กรุณากิจฺจํ, อิตเรน ปฺากิจฺจํ. ปุริเมน จสฺส ปรมาย อนุกมฺปาย สมนฺนาคมํ, ปจฺฉิเมน ปรมาย อุเปกฺขาย สมนฺนาคมํ ทีเปติ. ภควา หิ สพฺพสตฺเต ปรมาย อนุกมฺปาย อนุกมฺปติ, น จ ตตฺถ สิเนหโทสานุปติโต ปรมุเปกฺขกภาวโต, อุเปกฺขโก จ น จ ปรหิตสุขกรเณ อปฺโปสุกฺโก มหาการุณิกภาวโต.

ตสฺส มหาการุณิกตาย โลกนาถตา, อุเปกฺขกตาย อตฺตนาถตา. ตถา เหส โพธิสตฺตภูโต มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส สกลโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺโน มหาภินีหารโต ปฏฺาย ตทตฺถนิปฺผาทนตฺถํ ปุฺาณสมฺภาเร สมฺปาเทนฺโต อปริมิตํ กาลํ อนปฺปกํ ทุกฺขมนุโภสิ, อุเปกฺขกตาย สมฺมา ปติเตหิ ทุกฺเขหิ น วิกมฺปิ. ตถา มหาการุณิกตาย สํสาราภิมุขตา, อุเปกฺขกตาย ตโต นิพฺพินฺทนา. ตถา อุเปกฺขกตาย นิพฺพานาภิมุขตา, มหาการุณิกตาย ตทธิคโม. ตถา มหาการุณิกตาย ปเรสํ อภึสาปนํ, อุเปกฺขกตาย สยํ ปเรหิ อภายนํ. มหาการุณิกตาย ปรํ รกฺขโต อตฺตโน รกฺขณํ, อุเปกฺขกตาย อตฺตานํ รกฺขโต ปเรสํ รกฺขณํ. เตนสฺส อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตุตฺถปุคฺคลภาโว สิทฺโธ โหติ. ตถา มหาการุณิกตาย สจฺจาธิฏฺานสฺส จาคาธิฏฺานสฺส จ ปาริปูริ, อุเปกฺขกตาย อุปสมาธิฏฺานสฺส ปฺาธิฏฺานสฺส จ ปาริปูริ. เอวํ ปริสุทฺธาสยปโยคสฺส มหาการุณิกตาย โลกหิตตฺถเมว รชฺชสมฺปทาทิภวสมฺปตฺติยา อุปคมนํ, อุเปกฺขกตาย ติณายปิ อมฺมานสฺส ตโต อปคมนํ. อิติ สุวิสุทฺธอุปคมาปคมสฺส มหาการุณิกตาย โลกหิตตฺถเมว ทานวเสน สมฺปตฺตีนํ ปริจฺจชนา, อุเปกฺขกตาย จสฺส ผลสฺส อตฺตโน อปจฺจาสีสนา. เอวํ สมุทาคมนโต ปฏฺาย อจฺฉริยพฺภุตคุณสมนฺนาคตสฺส มหาการุณิกตาย ปเรสํ หิตสุขตฺถํ อติทุกฺกรการิตา, อุเปกฺขกตาย กายมฺปิ อนลํการิตา.

ตถา มหาการุณิกตาย จริมตฺตภาเว ชิณฺณาตุรมตทสฺสเนน สฺชาตสํเวโค, อุเปกฺขกตาย อุฬาเรสุ เทวโภคสทิเสสุ โภเคสุ นิรเปกฺโข มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ. ตถา มหาการุณิกตาย ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) กรุณามุเขเนว วิปสฺสนารมฺโภ, อุเปกฺขกตาย พุทฺธภูตสฺส สตฺต สตฺตาหานิ วิเวกสุเขเนว วีตินามนํ. มหาการุณิกตาย ธมฺมคมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ธมฺมเทสนาย อปฺโปสุกฺกตํ อาปชฺชิตฺวาปิ มหาพฺรหฺมุโน อชฺเฌสนาปเทเสน โอกาสกรณํ, อุเปกฺขกตาย ปฺจวคฺคิยาทิ เวเนยฺยานํ อนนุรูปสมุทาจาเรปิ อนฺถาภาโว. มหาการุณิกตาย กตฺถจิ ปฏิฆาตาภาเวนสฺส สพฺพตฺถ อมิตฺตสฺาย อภาโว, อุเปกฺขกตาย กตฺถจิปิ อนุโรธาภาเวน สพฺพตฺถ สิเนหสนฺถวาภาโว. มหาการุณิกตาย คามาทีนํ อาสนฺนฏฺาเน วสนฺตสฺสปิ อุเปกฺขกตาย อรฺฏฺาเน เอว วิหรณํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุริเมน จสฺส ปรมาย อนฺนุกมฺปาย สมนฺนาคมํ, ปจฺฉิเมน ปรมาย อุเปกฺขาย สมนฺนาคมํ ทีเปตี’’ติ.

นฺติ ‘‘ตตฺรา’’ติ ปทํ. เทสกาลปริทีปนนฺติ เย เทสกาลา อิธ วิหรณกิริยาวิเสสนภาเวน วุตฺตา, เตสํ ปริทีปนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ สมยํ…เป… ทีเปตี’’ติ อาห. ตํ-สทฺโท หิ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปฏินิทฺเทโส, ตสฺมา อิธ กาลสฺส, เทสสฺส วา ปฏินิทฺเทโส ภวิตุํ อรหติ, น อฺสฺส. อยํ ตาว ตตฺร-สทฺทสฺส ปฏินิทฺเทสภาเว อตฺถวิภาวนา. ยสฺมา ปน อีทิเสสุ าเนสุ ตตฺร-สทฺโท ธมฺมเทสนาวิสิฏฺํ เทสํ กาลฺจ วิภาเวติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปตี’’ติ. เตน ตตฺราติ ยตฺถ ภควา ธมฺมเทสนตฺถํ ภิกฺขู อาลปิ อภาสิ, ตาทิเส เทเส, กาเล วาติ อตฺโถ. น หีติอาทินา ตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. นนุ จ ยตฺถ ิโต ภควา ‘‘อกาโล โข ตาวา’’ติอาทินา พาหิยสฺส ธมฺมเทสนํ ปฏิกฺขิปิ, ตตฺเถว อนฺตรวีถิยํ ิโต ตสฺส ธมฺมํ เทเสตีติ? สจฺจเมตํ, อเทเสตพฺพกาเล อเทสนาย อิทํ อุทาหรณํ. เตเนวาห ‘‘อกาโล โข ตาวา’’ติ. ยํ ปน ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิฏฺมฺหา’’ติ (อุทา. ๑๐), ตมฺปิ ตสฺส อกาลภาวสฺเสว ปริยาเยน ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตสฺส หิ ตทา อทฺธานปริสฺสเมน รูปกาเย อกมฺมฺตา อโหสิ, พลวปีติเวเคน นามกาเย, ตทุภยสฺส วูปสมํ อาคเมนฺโต ปปฺจปริหารตฺถํ ภควา ‘‘อกาโล โข’’ติ ปริยาเยน ปฏิกฺขิปิ. อเทเสตพฺพเทเส อเทสนาย ปน อุทาหรณํ ‘‘อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔), วิหารโต นิกฺขมิตฺวา วิหารปจฺฉายายํ ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๖๓) จ เอวมาทิกํ อิธ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิตํ.

‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุพฺเพ รสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๑) ปทปูรณมตฺเต โข-สทฺโท, ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๑) อวธารเณ, ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๑) อาทิกาลตฺเถ. วากฺยารมฺเภติ อตฺโถ. ตตฺถ ปทปูรเณน วจนาลงฺการมตฺตํ กตํ โหติ, อาทิกาลตฺเถน วากฺยสฺส อุปฺาสมตฺตํ, อวธารตฺเถน ปน นิยมทสฺสนํ, ตสฺมา อามนฺเตสิ เอวาติ อามนฺตเน นิยโม ทสฺสิโต โหตีติ.

‘‘ภควาติ โลกครุทีปน’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ปุพฺเพปิ ภควา-สทฺทสฺส อตฺโถ วุตฺโตติ? ยทิปิ ปุพฺเพ วุตฺโต, ตํ ปนสฺส ยถาวุตฺเต าเน วิหรณกิริยาย กตฺตุวิเสสทสฺสนตฺถํ กตํ, น อามนฺตนกิริยาย, อิธ ปน อามนฺตนกิริยาย, ตสฺมา ตทตฺถํ ปุน ‘‘ภควา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ ตสฺสตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควาติ โลกครุทีปน’’นฺติ อาห. กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนนฺติ วกฺขมานาย มูลปริยายเทสนาย สวนโยคฺยปุคฺคลวจนํ. จตูสุปิ ปริสาสุ ภิกฺขู เอว เอทิสานํ เทสนานํ วิเสเสน ภาชนภูตา, อิติ สาติสยสาสนสมฺปฏิคฺคาหกภาวทสฺสนตฺถํ อิธ ภิกฺขุคหณนฺติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สทฺทตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ ภิกฺขโกติ ภิกฺขูติ ภิกฺขนธมฺมตาย ภิกฺขูติ อตฺโถ. ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ พุทฺธาทีหิปิ อชฺฌุปคตํ ภิกฺขาจริยํ อุฺฉาจริยํ อชฺฌุปคตตฺตา อนุฏฺิตตฺตา ภิกฺขู. โย หิ โกจิ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, โส กสิโครกฺขาทีหิ ชีวิกากปฺปนํ หิตฺวา ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉเนเนว ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคตตฺตา ภิกฺขุ, ปรปฏิพทฺธชีวิกตฺตา วา วิหารมชฺเฌ กาชภตฺตํ ภุฺชมาโนปิ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ, ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหชาตตฺตา วา ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขูติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาทินา นเยนาติ ‘‘ภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขุ, ภินฺทติ ปาปเก อกุสเล ธมฺเมติ ภิกฺขุ, ภินฺนตฺตา ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ภิกฺขู’’ติอาทินา วิภงฺเค (วิภ. ๕๑๐) อาคตนเยน. าปเนติ อวโพธเน, ปฏิเวทเนติ อตฺโถ.

ภิกฺขนสีลตาติอาทีสุ ภิกฺขนสีลตา ภิกฺขเนน อาชีวนสีลตา, น กสิวณิชฺชาทีหิ อาชีวนสีลตา. ภิกฺขนธมฺมตา ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑๕๓; มิ. ป. ๔.๕.๙) เอวํ วุตฺตภิกฺขนสภาวตา, น สมฺภาวนาโกหฺสภาวตา. ภิกฺขเน สาธุการิตา ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) วจนํ อนุสฺสริตฺวา ตตฺถ อปฺปมชฺชนา. อถ วา สีลํ นาม ปกติสภาโว, อิธ ปน ตทธิฏฺานํ. ธมฺโมติ วตํ. อปเร ปน ‘‘สีลํ นาม วตสมาทานํ, ธมฺโม นาม ปเวณีอาคตํ จาริตฺตํ, สาธุการิตาติ สกฺกจฺจการิตา อาทรกิริยา’’ติ วณฺเณนฺติ. หีนาธิกชนเสวิตนฺติ เย ภิกฺขุภาเว ิตาปิ ชาติมทาทิวเสน อุทฺธตา อุนฺนฬา. เย จ คิหิภาเว ปเรสุ อตฺถิกภาวมฺปิ อนุปคตตาย ภิกฺขาจริยํ ปรมกาปฺตํ มฺนฺติ, เตสํ อุภเยสมฺปิ ยถากฺกมํ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วจเนน หีนชเนหิ ทลิทฺเทหิ ปรมกาปฺตํ ปตฺเตหิ ปรกุเลสุ ภิกฺขาจริยาย ชีวิกํ กปฺเปนฺเตหิ เสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตภาวนิคฺคหํ กโรติ, อธิกชเนหิ อุฬารโภคขตฺติยกุลาทิโต ปพฺพชิเตหิ พุทฺธาทีหิ อาชีววิโสธนตฺถํ เสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต ทีนภาวนิคฺคหํ กโรตีติ โยเชตพฺพํ. ยสฺมา ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วจนํ อามนฺตนภาวโต อภิมุขีกรณํ, ปกรณโต สามตฺถิยโต จ สุสฺสูสาชนนํ สกฺกจฺจสวนมนสิการนิโยชนฺจ โหติ. ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขโวติ อิมินา’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ สาธุกสวนมนสิกาเรติ สาธุกสวเน สาธุกมนสิกาเร จ. กถํ ปน ปวตฺติตา สวนาทโย สาธุกํ ปวตฺติตา โหนฺตีติ? ‘‘อทฺธา อิมาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สกลสาสนสมฺปตฺติ หตฺถคตา ภวิสฺสตี’’ติ อาทรคารวโยเคน, กถาทีสุ อปริภวนาทินา จ. วุตฺตํ หิ ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? น กถํ ปริโภติ, น กถิกํ ปริโภติ, น อตฺตานํ ปริโภติ, อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ เอกคฺคจิตฺโต, โยนิโส จ มนสิ กโรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๕.๑๕๑). เตเนวาห ‘‘สาธุกสวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺตี’’ติ. สาสนสมฺปตฺติ นาม สีลาทินิปฺผตฺติ.

ปมํ อุปฺปนฺนตฺตา อธิคมวเสน. สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา สีลาทิคุณานุฏฺาเนน. ติณฺณํ ยานานํ วเสน อนุธมฺมปฏิปตฺติสพฺภาวโต สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา. สนฺติกตฺตาติ สมีปภาวโต. สนฺติกาวจรตฺตาติ สพฺพกาลํ สมฺปยุตฺตภาวโต. ยถานุสิฏฺนฺติ อนุสาสนิอนุรูปํ, อนุสาสนึ อนวเสสโต ปฏิคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. เอกจฺเจ ภิกฺขูเยว สนฺธายาติ เย สุตฺตปริโยสาเน ‘‘เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุ’’นฺติ วุตฺตา ปฺจสตา พฺราหฺมณปพฺพชิตา, เต สนฺธาย.

ปุพฺเพ สพฺพปริสสาธารณตฺเตปิ ภควโต ธมฺมเทสนาย ‘‘เชฏฺเสฏฺา’’ติอาทินา ภิกฺขูนํ เอว อามนฺตเน การณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ภิกฺขู อามนฺเตตฺวาว ธมฺมเทสนาย ปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘กิมตฺถํ ปน ภควา’’ติ โจทนํ สมุฏฺาเปสิ. ตตฺถ อฺํ จินฺเตนฺตาติ อฺวิหิตา. วิกฺขิตฺตจิตฺตาติ อสมาหิตจิตฺตา. ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาติ ตทา หิยฺโย ตโต ปรทิวเสสุ วา สุตธมฺมํ ปติ ปติ มนสา อเวกฺขนฺตา. ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน อาทิโต ปฏฺาย เทสนํ สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกนฺตีติ อิมเมวตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘เต อนามนฺเตตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ภิกฺขโวตีติ จ สนฺธิวเสน อิ-การโลโป ทฏฺพฺโพ ‘‘ภิกฺขโว อิตี’’ติ. อยํ หิ อิติ-สทฺโท เหตุ-ปริสมาปนาทิปทตฺถวิปริยาย-ปการาวธารณนิทสฺสนาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส ‘‘รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘รูป’นฺติ วุจฺจตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๗๙) เหตุอตฺเถ ทิสฺสติ; ‘‘ตสฺมา ติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทา, อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’ติ’’อาทีสุ ปริสมาปเน; ‘‘อิติ วา, อิติ เอวรูปา นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๓) อาทิอตฺเถ; ‘‘มาคณฺิโยติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺติ พฺยฺชนมภิลาโป’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๗๓) ปทตฺถวิปริยาเย; ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต, สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต, สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔) ปกาเร; ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ, กึ ปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๙๖) อวธารเณ; ‘‘สพฺพมตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, สพฺพํ นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕) นิทสฺสเน. อิธาปิ นิทสฺสเนว ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขโวติ หิ อามนฺติตากาโร, ตเมส อิติ-สทฺโท นิทสฺเสติ ‘‘ภิกฺขโวติ อามนฺเตสี’’ติ. อิมินา นเยน ‘‘ภทฺทนฺเต’’ติอาทีสุปิ ยถารหํ อิติ-สทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุพฺเพ ‘‘ภควา อามนฺเตสี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติ อิธ ‘‘ภควโต’’ติ สามิวจนํ อามนฺตนเมว สมฺพนฺธีอนฺตรํ อเปกฺขตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘ภควโต อามนฺตนํ ปฏิอสฺโสสุ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ภควโต’’ติ ปน อิทํ ปฏิสฺสวสมฺพนฺธเนน สมฺปทานวจนํ ยถา ‘‘เทวทตฺตสฺส ปฏิสฺสุโณตี’’ติ.

ยํ นิทานํ ภาสิตนฺติ สมฺพนฺโธ. เอตฺถาห – กิมตฺถํ ปน ธมฺมวินยสงฺคเห กริยมาเน นิทานวจนํ, นนุ ภควตา ภาสิตวจนสฺเสว สงฺคโห กาตพฺโพติ? วุจฺจเต – เทสนาย ิติอสมฺโมสสทฺเธยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํ. กาลเทสเทสกนิมิตฺตปริสาปเทเสหิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปิตา หิ เทสนา จิรฏฺิติกา โหติ อสมฺโมสธมฺมา สทฺเธยฺยา จ, เทสกาลกตฺตุโสตุนิมิตฺเตหิ อุปนิพทฺโธ วิย โวหารวินิจฺฉโย. เตเนว จ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘มูลปริยายสุตฺตํ อาวุโส, อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา เทสาทิปุจฺฉาสุ กตาสุ ตาสํ วิสฺสชฺชนํ กโรนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา อิมสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ ภาสิตํ. อปิจ สตฺถุสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. ตถาคตสฺส หิ ภควโต ปุพฺพรจนานุมานาคมตกฺกาภาวโต สมฺมาสมฺพุทฺธภาวสิทฺธิ. น หิ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺพรจนาทีหิ อตฺโถ อตฺถิ สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย เอกปฺปมาณตฺตา จ เยฺยธมฺเมสุ. ตถา อาจริยมุฏฺิธมฺมมจฺฉริยสาสนสาวกานุโรธาภาวโต ขีณาสวภาวสิทฺธิ. น หิ สพฺพโส ขีณาสวสฺส เต สมฺภวนฺตีติ สุวิสุทฺธสฺส ปรานุคฺคหปฺปวตฺติ. เอวํ เทสกสํกิเลสภูตานํ ทิฏฺิสีลสมฺปทาทูสกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อจฺจนฺตาภาวสํสูจเกหิ าณสมฺปทาปหานสมฺปทาภิพฺยฺชเกหิ จ สมฺพุทฺธวิสุทฺธภาเวหิ ปุริมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธิ, ตโต เอว จ อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺเมสุ สมฺโมหาภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธีติ ภควโต จตุเวสารชฺชสมนฺนาคโม อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติ จ นิทานวจเนน ปกาสิตา โหติ ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺตปริยาย อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโต, อิธ ปน ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ ปุถุชฺชนานํ ปฏิปตฺติวิภาคววตฺถาปกเทสนาทีปนโตติ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺถุสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ.

ตถา สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. าณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต นตฺถิ นิรตฺถิกา ปฏิปตฺติ, อตฺตหิตตฺถา วา. ตสฺมา ปเรสํ เอว อตฺถาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ ยถาปวตฺตํ วุจฺจมานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺตานํ อนุสาสนฏฺเน สาสนํ, น กพฺยรจนา, ตยิทํ สตฺถุจริตํ กาลเทสเทสกปริสาปเทเสหิ สทฺธึ ตตฺถ ตตฺถ นิทานวจเนหิ ยถารหํ ปกาสียติ, อิธ ปน ‘‘ปถวิยาทีสุ วตฺถูสู’’ติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. เตน วุตฺตํ ‘‘สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ. อปิจ สตฺถุโน ปมาณภาวปฺปกาสเนน สาสนสฺส ปมาณภาวทสฺสนตฺถํ นิทานวจนํ, ตฺจ เทสกปฺปมาณภาวทสฺสนํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน ‘‘ภควา’’ติ จ อิมินา ปเทน วิภาวิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ภควา’’ติ อิมินา ตถาคตสฺส ราคโทสโมหาทิสพฺพกิเลสมลทุจฺจริตาทิโทสปฺปหานทีปเนน วจเนน อนฺสาธารณสุปริสุทฺธาณกรุณาทิคุณวิเสสโยคปริทีปเนน ตโต เอว สพฺพสตฺตุตฺตมภาวทีปเนน อยมตฺโถ สพฺพถา ปกาสิโต โหตีติ อิทเมตฺถ นิทานวจนปฺปโยชนสฺส มุขมตฺตทสฺสนํ.

อพฺภนฺตรนิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.

สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา

นิกฺขิตฺตสฺสาติ เทสิตสฺส. เทสนาปิ หิ เทเสตพฺพสฺส สีลาทิอตฺถสฺส วิเนยฺยสนฺตาเนสุ นิกฺขิปนโต ‘‘นิกฺเขโป’’ติ วุจฺจติ. สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหตีติ สามฺโต ภควโต เทสนาสมุฏฺานสฺส วิภาคํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอตฺถายํ เทสนา เอวํสมุฏฺานา’’ติ เทสนาย สมุฏฺาเน ทสฺสิเต สุตฺตสฺส สมฺมเทว นิทานปริชานเนน วณฺณนาย สุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ. เอวฺหิ ‘‘อสฺสุตวา ภิกฺขเว ปุถุชฺชโน’’ติอาทินา, ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๘), ‘‘ตถาคโตปิ โข, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๒) จ ปวตฺตเทสนา อนุสนฺธิทสฺสนสุขตาย สุวิฺเยฺยา โหติ. ตตฺถ ยถา อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตนฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิปธานนยวเสน โสฬสวิธตํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตนิกฺเขปวเสน จตุพฺพิธภาวนฺติ อาห ‘‘จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ.

เอตฺถ จ ยถา อตฺตชฺฌาสยสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาหิ สทฺธึ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ ‘‘อตฺตชฺฌาสโย จ ปรชฺฌาสโย จ, อตฺตชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปรชฺฌาสโย จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปุจฺฉาวสิโก จา’’ติ อชฺฌาสยปุจฺฉานุสนฺธิสพฺภาวโต, เอวํ ยทิปิ อฏฺุปฺปตฺติยา อตฺตชฺฌาสเยนปิ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ, อตฺตชฺฌาสยาทีหิ ปน ปุรโต ิเตหิ อฏฺุปฺปตฺติยา สํสคฺโค นตฺถีติ นยิธ นิรวเสโส วิตฺถารนโย สมฺภวตีติ ‘‘จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ วุตฺตํ, ตทนฺโตคธตฺตา วา สมฺภวนฺตานํ เสสนิกฺเขปานํ มูลนิกฺเขปวเสน จตฺตาโรว ทสฺสิตา. ตถาทสฺสนฺเจตฺถ อยํ สํสคฺคเภโท คเหตพฺโพติ.

ตตฺรายํ วจนตฺโถ – นิกฺขิปียตีติ นิกฺเขโป, สุตฺตํ เอว นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป. อถ วา นิกฺขิปนํ นิกฺเขโป, สุตฺตสฺส นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป, สุตฺตเทสนาติ อตฺโถ. อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ การณภูโตติ อตฺตชฺฌาสโย. อตฺตโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ วา อตฺตชฺฌาสโย. ปรชฺฌาสเยปิ เอเสว นโย. ปุจฺฉาย วโส ปุจฺฉาวโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ ปุจฺฉาวสิโก. สุตฺตเทสนาวตฺถุภูตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติเยว อฏฺุปฺปตฺติ ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา. สา เอตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโก. อถ วา นิกฺขิปียติ สุตฺตํ เอเตนาติ สุตฺตนิกฺเขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิ เอว. เอตสฺมึ ปน อตฺตวิกปฺเป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย. ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย. ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตพฺโพ อตฺโถ. ปุจฺฉนวเสน ปวตฺตํ ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสิกํ, ตเทว นิกฺเขป-สทฺทาเปกฺขาย ปุลฺลิงฺควเสน ‘‘ปุจฺฉาวสิโก’’ติ วุตฺตํ. ตถา อฏฺุปฺปตฺติ เอว อฏฺุปฺปตฺติโกติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อปิเจตฺถ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณนิรเปกฺขตฺตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ สุตฺตนิกฺเขปภาโว ยุตฺโต เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ธมฺมตนฺติปนตฺถํ ปวตฺติตเทสนตฺตา. ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนาปวตฺติเหตุภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺติตานํ กถมฏฺุปฺปตฺติยํ อนวโรโธ, ปุจฺฉาวสิกอฏฺุปฺปตฺติกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติกานํ กถํ ปรชฺฌาสเย อนวโรโธติ? น โจเทตพฺพเมตํ. ปเรสฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิมุตฺตสฺเสว สุตฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฏฺุปฺปตฺติภาเวน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํ. ตถา หิ พฺรหฺมชาล (ที. นิ. ๑.๑) ธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ (ม. นิ. ๑.๒๙) วณฺณาวณฺณอามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ ‘‘อฏฺุปฺปตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ปเรสํ ปุจฺฉํ วินา อชฺฌาสยํ เอว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวเสน เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ปากโฏยมตฺโถติ.

อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถสิ ธมฺมตนฺติปนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. สมฺมปฺปธานสุตฺตนฺตหารโกติ อนุปุพฺเพน นิกฺขิตฺตานํ สํยุตฺตเก สมฺมปฺปธานปฏิสํยุตฺตานํ สุตฺตานํ อาวฬิ. ตถา อิทฺธิปาทหารกาทโย.

วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา สทฺธินฺทฺริยาทโย. อชฺฌาสยนฺติ อธิมุตฺตึ. ขนฺตินฺติ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตึ. มนนฺติ จิตฺตํ. อภินิหารนฺติ ปณิธานํ. พุชฺฌนภาวนฺติ พุชฺฌนสภาวํ, ปฏิวิชฺฌนาการํ วา.

อุปฺปนฺเน มาเน นิกฺขิตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ตีณิ ลิงฺคานิ. นามาทีนิ จตฺตาริ ปทานิ. ปมาทโย สตฺต วิภตฺติโย. มุฺจิตฺวา น กิฺจิ กเถติ สภาวนิรุตฺติยา ตเถว ปวตฺตนโต. คณฺิภูตํ ปทํ. ยถา หิ รุกฺขสฺส คณฺิฏฺานํ ทุพฺพินิพฺเพธํ ทุตฺตจฺฉิตฺจ โหติ, เอวเมวํ ยํ ปทํ อตฺถโต วิวริตุํ น สกฺกา, ตํ ‘‘คณฺิปท’’นฺติ วุจฺจติ. อนุปหจฺจาติ อนุทฺธริตฺวา.

เยน เยน สมฺพนฺธํ คจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส อนวเสสตํ ทีเปตีติ อิมินา อิมสฺส สพฺพ-สทฺทสฺส สปฺปเทสตํ ทสฺเสติ. สพฺพ-สทฺโท หิ สพฺพสพฺพํ ปเทสสพฺพํ อายตนสพฺพํ สกฺกายสพฺพนฺติ จตูสุ วิสเยสุ ทิฏฺปฺปโยโค. ตถา เหส ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๖) สพฺพสพฺพสฺมึ อาคโต. ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิตํ ปริยาเยนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) ปเทสสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ…เป… จกฺขุฺเจว รูปา จ…เป… มโน เจว ธมฺมา จา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓) เอตฺถ อายตนสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพํ สพฺพโต สฺชานาตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๕) สกฺกายสพฺพสฺมึ. ตตฺถ สพฺพสพฺพสฺมึ อาคโต นิปฺปเทโส, อิตเรสุ ตีสุปิ อาคโต สปฺปเทโส, อิธ ปน สกฺกายสพฺพสฺมึ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สกฺกายปริยาปนฺนา ปน เตภูมกธมฺมาว อนวเสสโต เวทิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑ สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา).

สจฺเจสูติ อริยสจฺเจสุ. เอเต จตุโร ธมฺมาติ อิทานิ วุจฺจมาเน สจฺจาทิเก จตฺตาโร ธมฺเม สนฺธาย วทติ. ตตฺถ สจฺจนฺติ วจีสจฺจํ. ิตีติ วีริยํ, ‘‘ธิตี’’ติ วา ปาโ, โส เอวตฺโถ. จาโคติ อโลโภ. ทิฏฺํ โส อติวตฺตตีติ ยสฺมึ เอเต สจฺจาทโย ธมฺมา อุปลพฺภนฺติ, โส ทิฏฺํ อตฺตโน อมิตฺตํ อติกฺกมติ, น ตสฺส หตฺถตํ คจฺฉติ, อถ โข นํ อภิภวติ เอวาติ อตฺโถ. สภาเว วตฺตติ อสภาวธมฺมสฺส การณาสมฺภวโต. น หิ นิสฺสภาวา ธมฺมา เกนจิ นิพฺพตฺตียนฺติ. อตฺตโน ลกฺขณํ ธาเรนฺตีติ ยทิปิ ลกฺขณวินิมุตฺตา ธมฺมา นาม นตฺถิ, ตถาปิ ยถา ทิฏฺิตณฺหาปริกปฺปิตาการมตฺตา อตฺตสุภสุขสสฺสตาทโย, ปกติยาทโย, ทพฺพาทโย, ชีวาทโย, กายาทโย โลกโวหารมตฺตสิทฺธา คคณกุสุมาทโยว สจฺจิกฏฺปรมตฺถโต น อุปลพฺภนฺติ, น เอวเมเต, เอเต ปน สจฺจิกฏฺปรมตฺถภูตา อุปลพฺภนฺติ, ตโต เอว สตฺตาทิวิเสสวิรหโต ธมฺมมตฺตา สภาววนฺโตติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อตฺตโน ลกฺขณํ ธาเรนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ภวติ หิ เภทาภาเวปิ สุขาวโพธนตฺถํ อุปจารมตฺตสิทฺเธน เภเทน นิทฺเทโส ยถา ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติ. ธารียนฺติ วา ยถาสภาวโต อวธารียนฺติ ายนฺตีติ ธมฺมา, กกฺขฬผุสนาทโย.

อสาธารณเหตุมฺหีติ อสาธารณการเณ, สกฺกายธมฺเมสุ ตสฺส ตสฺส อาเวณิกปจฺจเยติ อตฺโถ. กึ ปน ตนฺติ? ตณฺหามานทิฏฺิโย, อวิชฺชาทโยปิ วา. ยเถว หิ ปถวีอาทีสุ มฺนาวตฺถูสุ อุปฺปชฺชมานา ตณฺหาทโย มฺนา เตสํ ปวตฺติยา มูลการณํ, เอวํ อวิชฺชาทโยปิ. ตถา หิ ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติอาทินา ‘‘อปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒) ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๓) จ อนฺวยโต, ‘‘ขยา ราคสฺส…เป… วีตโมหตฺตา’’ติ พฺยติเรกโต จ เตสํ มูลการณภาโว วิภาวิโต.

ปริยาเยติ เทเสตพฺพมตฺถํ อวคเมติ โพธยตีติ ปริยาโย, เทสนา. ปริยายติ อตฺตโน ผลํ ปริคฺคเหตฺวา วตฺตติ ตสฺส วา การณภาวํ คจฺฉตีติ ปริยาโย, การณํ. ปริยายติ อปราปรํ ปริวตฺตตีติ ปริยาโย, วาโร. เอวํ ปริยายสทฺทสฺส เทสนาการณวาเรสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ยถารุตวเสน อคฺคเหตฺวา นิทฺธาเรตฺวา คเหตพฺพตฺถํ เนยฺยตฺถํ. เตภูมกา ธมฺมาว อนวเสสโต เวทิตพฺพา มฺนาวตฺถุภูตานํ สพฺเพสํ ปถวีอาทิธมฺมานํ อธิปฺเปตตฺตา.

การณเทสนนฺติ การณาปนํ เทสนํ. ตํ อตฺถนฺติ ตํ สพฺพธมฺมานํ มูลการณสงฺขาตํ, การณเทสนาสงฺขาตํ วา อตฺถํ. เตเนวาห ‘‘ตํ การณํ ตํ เทสน’’นฺติ. เอกตฺถเมตนฺติ เอตํ ปททฺวยํ เอกตฺถํ. สาธุ-สทฺโท เอว หิ ก-กาเรน วฑฺเฒตฺวา ‘‘สาธุก’’นฺติ วุตฺโต. เตเนว หิ สาธุสทฺทสฺส อตฺถํ วทนฺเตน อตฺถุทฺธารวเสน สาธุกสทฺโท อุทาหโฏ. ธมฺมรุจีติ ปุฺกาโม. ปฺาณวาติ ปฺวา. อทฺทุพฺโภติ อทูสโก, อนุปฆาตโกติ อตฺโถ. อิธาปีติ อิมสฺมึ มูลปริยายสุตฺเตปิ. อยนฺติ สาธุกสทฺโท. เอตฺเถว ทฬฺหีกมฺเมติ สกฺกจฺจกิริยายํ. อาณตฺติยนฺติ อาณาปเน. ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ หิ วุตฺเต สาธุกสทฺเทน สวนมนสิการานํ สกฺกจฺจกิริยา วิย ตทาณาปนมฺปิ วุตฺตํ โหติ. อายาจนตฺถตา วิย จสฺส อาณาปนตฺถตา เวทิตพฺพา.

อิทาเนตฺถ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. โสตินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ สวเน นิโยชนวเสน กิริยนฺตรปฏิเสธนภาวโต, โสตํ โอทหถาติ อตฺโถ. มนินฺทฺริยวิกฺเขปนิวารณํ อฺจินฺตาปฏิเสธนโต. ปุริมนฺติ ‘‘สุณาถา’’ติ ปทํ. เอตฺถาติ สุณาถ, มนสิ กโรถา’’ติ ปททฺวเย, เอตสฺมึ วา อธิกาเร. พฺยฺชนวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ โสตทฺวาเร วิกฺเขปปฏิพาหกตฺตา. น หิ ยาถาวโต สุณนฺตสฺส สทฺทโต วิปลฺลาสคฺคาโห โหติ. อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ มนินฺทฺริยวิกฺเขปปฏิพาหกตฺตา. น หิ สกฺกจฺจํ ธมฺมํ อุปธาเรนฺตสฺส อตฺถโต วิปลฺลาสคฺคาโห โหติ. ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ สุณาถาติ วิทหนโต. ธารณูปปริกฺขาสูติ อุปปริกฺขคฺคหเณน ตุลนตีรณาทิเก ทิฏฺิยา จ สุปฺปฏิเวธํ สงฺคณฺหาติ.

สพฺยฺชโนติ เอตฺถ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺชยตีติ พฺยฺชนํ, สภาวนิรุตฺติ. สห พฺยฺชเนนาติ สพฺยฺชโน, พฺยฺชนสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. อรณียโต อุปคนฺธพฺพโต อนุฏฺาตพฺพโต อตฺโถ, จตุปาริสุทฺธิสีลาทิโก. สห อตฺเถนาติ สาตฺโถ, อตฺถสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. ธมฺมคมฺภีโรติอาทีสุ ธมฺโม นาม ตนฺติ. เทสนา นาม ตสฺสา มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนา. อตฺโถ นาม ตนฺติยา อตฺโถ. ปฏิเวโธ นาม ตนฺติยา ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. ยสฺมา เจเต ธมฺมเทสนาอตฺถปฏิเวธา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาฬฺหา อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา อยํ ธมฺโม…เป… สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ. เอตฺถ จ ปฏิเวธสฺส ทุกฺกรภาวโต ธมฺมตฺถานํ เทสนาาณสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย ทุกฺโขคาหตา, ปฏิเวธสฺส ปน อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ตพฺพิสยาณุปฺปตฺติยา จ ทุกฺกรภาวโต ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา.

เทสนํ นาม อุทฺทิสนํ. ตสฺส นิทฺทิสนํ ภาสนนฺติ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘วิตฺถารโตปิ นํ ภาสิสฺสามีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ปริพฺยตฺตํ กถนํ วา ภาสนํ. สาฬิกายิว นิคฺโฆโสติ สาฬิกาย อาลาโป วิย มธุโร กณฺณสุโข เปมนีโย. ปฏิภานนฺติ สทฺโท. อุทีรยีติ อุจฺจารียติ, วุจฺจติ วา.

เอวํ วุตฺเต อุสฺสาหชาตาติ เอวํ ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถ ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺเต น กิร สตฺถา สงฺเขเปเนว เทเสสฺสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสิสฺสตีติ สฺชาตุสฺสาหา หฏฺตุฏฺา หุตฺวา. อิธาติ อิมินา วุจฺจมานอธิกรณํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อุปฺปตฺติฏฺานภูตํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘เทสาปเทเส นิปาโต’’ติ. โลกนฺติ โอกาสโลกํ. อิธ ตถาคโต โลเกติ หิ ชาติเขตฺตํ, ตตฺถาปิ อยํ จกฺกวาโฬ อธิปฺเปโต. สมโณติ โสตาปนฺโน. ทุติโย สมโณติ สกทาคามี. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมโณ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑) ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ทุติโย สมโณ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหตี’’ติ จ (อ. นิ. ๔.๒๔๑). อิเธว ติฏฺมานสฺสาติ อิมิสฺสา เอว อินฺทสาลคุหายํ ติฏฺมานสฺส.

. อสฺสุตวาติ เอตฺถ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๕๑) สุตนฺติ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริตํ, อุปธารณํ วา, สุตํ อสฺสตฺถีติ สุตวา. วา-สทฺทสฺส หิ อตฺโถ อตฺถิตามตฺตาทิวเสน อเนกวิโธ. ตถา หิ ‘‘อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฏุโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕๔; ปฏิ. ม. ๑.๑๔๐) อตฺถิตามตฺตํ อตฺโถ. ‘‘ธนวา โภควา, ลาภี อนฺนสฺสา’’ติ จ อาทีสุ พหุภาโว. ‘‘โรควา โหติ โรคาภิภูโต’’ติอาทีสุ กายาพาโธ. ‘‘กุฏฺี กุฏฺจีวเรนา’’ติอาทีสุ นินฺทา, ‘‘อิสฺสุกี มจฺฉรี สโ มายาวิโน เกฏุภิโน’’ติอาทีสุ อภิณฺหโยโค. ‘‘ทณฺฑี ฉตฺตี อลมฺพรี’’ติอาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒) สํสคฺโค. ‘‘ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๓) อุปมานํ, สทิสภาโวติ อตฺโถ. ‘‘ตํ วาปิ ธีรา มุนึ เวทยนฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๒๑๓) สมุจฺจโย. ‘‘เก วา อิเม กสฺส วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๙๖) สํสโย. ‘‘อยํ วา อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพพาโล สพฺพมูฬฺโห’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๘๑) วิภาวโน. ‘‘น วายํ กุมาโร มตฺตมฺาสี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) ปทปูรณํ. ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๗๐) วิกปฺโป. ‘‘สกฺยปุตฺตสฺส สิรีมโต (ที. นิ. ๓.๒๗๗), สีลวโต สีลสมฺปตฺติยา กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕) จ อาทีสุ ปสํสา. ‘‘ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๑๗, ๓๕๕) อติสโย. อิธาปิ อติสโย, ปสํสา วา อตฺโถ, ตสฺมา ยสฺส ปสํสิตํ, อติสเยน วา สุตํ อตฺถิ, โส สุตวาติ สํกิเลสวิทฺธํสนสมตฺถํ ปริยตฺติธมฺมสฺสวนํ, ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฏิปตฺติ จ ‘‘สุตวา’’ติ อิมินา สทฺเทน ปกาสิตา. อถ วา โสตพฺพยุตฺตํ สุตฺวา กตฺตพฺพนิปฺผตฺติวเสน สุณีติ สุตวา, ตปฺปฏิกฺเขเปน น สุตวาติ อสฺสุตวา.

อยฺหิ อ-กาโร ‘‘อเหตุกา ธมฺมา (ธ. ส. ๒.ทุกมาติกา), อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๔๖, ๑๐๔๗) ตํสหโยคนิวตฺติยํ อิจฺฉิโต. ‘‘อปจฺจยา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๗.ทุกมาติกา) ตํสมฺพนฺธีภาวนิวตฺติยํ. ปจฺจยุปฺปนฺนฺหิ ปจฺจยสมฺพนฺธีติ อปฺปจฺจยุปฺปนฺนตฺตา อตํสมฺพนฺธิตา เอตฺถ โชติตา. ‘‘อนิทสฺสนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๙.ทุกมาติกา) ตํสภาวนิวตฺติยํ. นิทสฺสนฺหิ ทฏฺพฺพตา. อถ วา ปสฺสตีติ นิทสฺสนํ, จกฺขุวิฺาณํ, ตคฺคเหตพฺพภาวนิวตฺติยํ ยถา ‘‘อนาสวา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๕.ทุกมาติกา), ‘‘อปฺปฏิฆา ธมฺมา (ธ. ส. ๑๐.ทุกมาติกา), อนารมฺมณา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๕๕.ทุกมาติกา) ตํกิจฺจนิวตฺติยํ, ‘‘อรูปิโน ธมฺมา (ธ. ส. ๑๑.ทุกมาติกา) อเจตสิกา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๕๗.ทุกมาติกา) ตพฺภาวนิวตฺติยํ. ตทฺถา หิ เอตฺถ ปกาสิตา. ‘‘อมนุสฺโส’’ติ ตพฺภาวมตฺตนิวตฺติยํ. มนุสฺสมตฺตํ นตฺถิ, อฺํ สมานนฺติ. สทิสตา หิ เอตฺถ สูจิตา. ‘‘อสฺสมโณ สมณปฏิฺโ, อนริโย’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓) จ ตํสมฺภาวนียคุณนิวตฺติยํ. ครหา หิ อิธ ายติ. ‘‘กจฺจิ โภโต อนามยํ, อนุทรา กฺา’’ติ (ชา. ๒.๒๐.๑๒๙) ตทนปฺปภาวนิวตฺติยํ, ‘‘อนุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๗.ติกมาติกา) ตํสทิสภาวนิวตฺติยํ. อตีตานฺหิ อุปฺปนฺนปุพฺพตฺตา อุปฺปาทิธมฺมานฺจ ปจฺจเยกเทสนิปฺผตฺติยา อารทฺธุปฺปาทิภาวโต กาลวิมุตฺตสฺส จ วิชฺชมานตฺตา อุปฺปนฺนานุกูลตา ปเคว ปจฺจุปฺปนฺนานนฺติ ตพฺพิทูรตาว เอตฺถ วิฺายติ ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๑.ติกมาติกา) ตทปริโยสานนิวตฺติยํ. ตนฺนิฏฺานฺหิ เอตฺถ ปกาสิตนฺติ. เอวมเนเกสํ อตฺถานํ โชตโก. อิธ ปน ‘‘อรูปิโน ธมฺมา อเจตสิกา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิย ตพฺภาวนิวตฺติยํ ทฏฺพฺโพ, อฺตฺเถติ อตฺโถ. เอเตนสฺส สุตาทิาณวิรหตํ ทสฺเสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาคมาธิคมาภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิตี’’ติ.

อิทานิ ตสฺส อตฺถํ วิวรนฺโต ยสฺมา ขนฺธธาตฺวาทิโกสลฺเลนปิ มฺนาปฏิเสธนสมตฺถํ พาหุสจฺจํ โหติ. ยถาห ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, พหุสฺสุโต โหติ? ยโต โข ภิกฺขุ ขนฺธกุสโล โหติ ธาตุ, อายตน, ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสโล โหติ, เอตฺตาวตา โข ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหตี’’ติ, ตสฺมา ‘‘ยสฺส หิ ขนฺธธาตุอายตนสจฺจปจฺจยาการสติปฏฺานาทีสูติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโห. อตฺถปริปุจฺฉนํ ปริปุจฺฉา. กุสเลหิ สห โจทนาปริหรณวเสน วินิจฺฉยกรณํ วินิจฺฉโย. มคฺคผลนิพฺพานานิ อธิคโม.

พหูนํ (ธ. ส. มูลฏี. ๑๐๐๗) นานปฺปการานํ กิเลสสกฺกายทิฏฺีนํ อวิหตตฺตา ตา ชเนนฺติ, ตาหิ วา ชนิตาติ ปุถุชฺชนา. อวิฆาตเมว วา ชน-สทฺโท วทติ. ปุถุ สตฺถารานํ มุขมุลฺโลกิกาติ เอตฺถ ปุถุ ชนา สตฺถุปฏิฺา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาติ วจนตฺโถ. ปุถุ สพฺพคตีหิ อวุฏฺิตาติ เอตฺถ ชเนตพฺพา, ชายนฺติ วา เอตฺถ สตฺตาติ ชนา, นานาคติโย, ตา ปุถู เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา. อิโต ปเร ชายนฺติ เอเตหีติ ชนา, อภิสงฺขาราทโย, เต เอเตสํ ปุถู วิชฺชนฺตีติ ปุถุชฺชนา. อภิสงฺขรณาทิอตฺโถ เอว วา ชน-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. โอฆา กาโมฆาทโย. ราคคฺคิอาทโย สนฺตาปา. เต เอว, สพฺเพปิ วา กิเลสา ปริฬาหา. ปุถุ ปฺจสุ กามคุเณสุ รตฺตาติ เอตฺถ ชายตีติ ชโน, ราโค เคโธติ เอวมาทิโก, ปุถุ ชโน เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา. ปุถูสุ วา ชนา ชาตา รตฺตาติ เอวํ ราคาทิอตฺโถ เอว วา ชนสทฺโท ทฏฺพฺโพ. รตฺตาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามกเรน ฉนฺทราเคน รตฺตา สารตฺตา. คิทฺธาติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิชฺฌาเนน คิทฺธา เคธํ อาปนฺนา. คธิตาติ คนฺถิตา วิย ทุมฺโมจนียภาเวน ตตฺถ ปฏิพทฺธา. มุจฺฉิตาติ กิเลสวเสน วิสฺีภูตา วิย อนฺกิจฺจา มุจฺฉํ โมหมาปนฺนา. อชฺโฌสนฺนาติ อนฺสาธารเณ วิย กตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา ิตา. ลคฺคาติ วงฺกทณฺฑเก วิย อาสตฺตา มหาปลิเป วา ยาว นาสิกคฺคา ปลิปนฺนปุริโส วิย อุทฺธริตุํ อสกฺกุเณยฺยภาเวน นิมุคฺคา, ลคิตาติ มกฺกฏาเลเป อาลคฺคภาเวน ปจฺจุฑฺฑิโต วิย มกฺกโฏ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ วเสน อาลคฺคิตา. ปลิพุทฺธาติ พทฺธา, อุปทฺทุตา วา. อาวุฏาติ อาวุนิตา, นิวุตาติ นิวาริตา. โอวุตาติ ปลิคุณฺิตา, ปริโยนทฺธา วา. ปิหิตาติ ปิทหิตา, ปฏิจฺฉนฺนาติ ปฏิจฺฉาทิตา. ปฏิกุชฺชิตาติ เหฏฺามุขชาตา. ปุถูนํ วา คณนปถมตีตานนฺติอาทินา ปุถุ ชโน ปุถุชฺชโนติ ทสฺเสติ.

‘‘อสฺสุตวา’’ติ เอเตน อวิชฺชนฺธตา วุตฺตาติ อาห ‘‘อนฺธปุถุชฺชโน วุตฺโต โหตี’’ติ. อารกตฺตา (สํ. นิ. ฏี. ๒.๓.๑) กิเลเสหิ มคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา. อนเยติ อวฑฺฒิยํ, อนตฺเถติ อตฺโถ. อนเย วา อนุปาเย. นอิริยนโต อวตฺตนโต. อเยติ วฑฺฒิยํ, อตฺเถ, อุปาเย วา. อรณียโตติ ปยิรุปาสิตพฺพโต. นิรุตฺตินเยน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา ปุริเมสุ อตฺถวิกปฺเปสุ. ปจฺฉิเม ปน สทฺทสตฺถวเสนปิ. ยทิปิ อริย-สทฺโท ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๕) วิสุทฺธาสยปโยเคสุ ปุถุชฺชเนสุปิ วตฺตติ. อิธ ปน อริยมคฺคาธิคเมน สพฺพโลกุตฺตรภาเวน จ อริยภาโว อธิปฺเปโตติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘พุทฺธา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘ปจฺเจกพุทฺธา ตถาคตสาวกา จ สปฺปุริสา’’ติ อิทํ อริยา สปฺปุริสาติ อิธ วุตฺตปทานํ อตฺถํ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน นิปฺปริยายโต อริยสปฺปุริสภาวา อภินฺนสภาวา. ตสฺมา ‘‘สพฺเพว วา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

เอตฺตาวตา หิ พุทฺธสาวโก วุตฺโต. ตสฺส หิ เอกนฺเตน กลฺยาณมิตฺโต อิจฺฉิตพฺโพ ปรโตโฆสมนฺตเรน ปมมคฺคสฺส อนุปฺปชฺชนโต. วิเสสโต จสฺส ภควาว กลฺยาณมิตฺโต อธิปฺเปโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘มมฺหิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๒). โส เอว จ อเวจฺจปสาทาธิคเมน ทฬฺหภตฺติ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (อุทา. ๔๕). กตฺุตาทีหิ ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺธาติ เอตฺถ กตํ ชานาตีติ กตฺู. กตํ วิทิตํ ปากฏํ กโรตีติ กตเวที. อเนเกสุปิ หิ กปฺปสตสหสฺเสสุ กตํ อุปการํ ชานนฺติ ปจฺเจกพุทฺธา ปากฏฺจ กโรนฺติ สติชนนอามิสปฏิคฺคหณาทินา, ตถา สํสารทุกฺขทุกฺขิตสฺส สกฺกจฺจํ กโรนฺติ กิจฺจํ, ยํ อตฺตนา กาตุํ สกฺกา. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยสหสฺเสสุปิ กตํ อุปการํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยฺจ ชานาติ, ปากฏฺจ กโรติ, สีโห วิย จ เอวํ สพฺพตฺถ สกฺกจฺจเมว ธมฺมเทสนํ กโรนฺโต พุทฺธกิจฺจํ กโรติ. ยาย ปฏิปตฺติยา ทิฏฺา นาม โหนฺติ, ตสฺสา อปฺปฏิปชฺชนภาโว, ตตฺถ จ อาทราภาโว อริยานํ อทสฺสนสีลตา จ, น จ ทสฺสเน สาธุการิตา จ เวทิตพฺพา. จกฺขุนา อทสฺสาวีติ เอตฺต จกฺขุ นาม น มํสจกฺขุ เอว, อถ โข ทิพฺพจกฺขุปีติ อาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุนา วา’’ติ. อริยภาโวติ เยหิ โยคโต ‘‘อริยา’’ติ วุจฺจนฺติ. เต มคฺคผลธมฺมา ทฏฺพฺพา.

ตตฺราติ าณทสฺสนสฺเสว ทสฺสนภาเว. วตฺถูติ อธิปฺเปตตฺถาปนการณํ. เอวํ วุตฺเตปีติ เอวํ อฺาปเทเสน อตฺตูปนายิกํ กตฺวา วุตฺเตปิ. ธมฺมนฺติ โลกุตฺตรธมฺมํ, จตุสจฺจธมฺมํ วา. อริยกรธมฺมา อนิจฺจานุปสฺสนาทโย วิปสฺสิยมานา อนิจฺจาทโย, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ.

อวินีโตติ น วินีโต, อธิสีลสิกฺขาทิวเสน น สิกฺขิโต. เยสํ สํวรวินยาทีนํ อภาเวน อยํ อวินีโตติ วุจฺจติ, เต ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ทุวิโธ วินโย นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สีลสํวโรติ ปาติโมกฺขสํวโร เวทิตพฺโพ, โส จ อตฺถโต กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม. สติสํวโรติ อินฺทฺริยรกฺขา, สา จ ตถาปวตฺตา สติ เอว. าณสํวโรติ ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูมี’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๐) วตฺวา ‘‘ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ วจนโต โสตสงฺขาตานํ ตณฺหาทิฏฺิทุจฺจริตอวิชฺชาอวสิฏฺกิเลสานํ สํวโร ปิทหนํ สมุจฺเฉทาณนฺติ เวทิตพฺพํ. ขนฺติสํวโรติ อธิวาสนา, สา จ ตถาปวตฺตา ขนฺธา, อโทโส วา. ปฺาติ เอเก, ตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. วีริยสํวโร กามวิตกฺกาทีนํ วิโนทนวเสน ปวตฺตํ วีริยเมว. เตน เตน คุณงฺเคน ตสฺส ตสฺส อคุณงฺคสฺส ปหานํ ตทงฺคปหานํ. วิกฺขมฺภเนน ปหานํ วิกฺขมฺภนปหานํ. เสสปทตฺถเยปิ เอเสว นโย.

อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรนาติอาทิ สีลสํวราทีนํ วิวรณํ. ตตฺถ สมุเปโตติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิสตฺโถ. เตน ‘‘สหคโต สมุปคโต’’ติอาทินา วิภงฺเค (วิภ. ๕๑๑) อาคตํ สํวรวิภงฺคํ ทสฺเสติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อนนฺตรสุตฺเต อาวิ ภวิสฺสติ.

กายทุจฺจริตาทีนนฺติ ทุสฺสีลฺยสงฺขาตานํ กายวจีทุจฺจริตาทีนํ มุฏฺสฺสจฺจสงฺขาตสฺส ปมาทสฺส อภิชฺฌาทีนํ วา อกฺขนฺติอฺาณโกสชฺชานฺจ. สํวรณโตติ ปิทหนโต ถกนโต. วินยนโตติ กายวาจาจิตฺตานํ วิรูปปฺปวตฺติยา วินยนโต อปนยนโต, กายทุจฺจริตาทีนํ วา วินยนโต, กายาทีนํ วา ชิมฺหปฺปวตฺตึ วิจฺฉินฺทิตฺวา อุชุกํ นยนโตติ อตฺโถ. ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนารหานํ กายทุจฺจริตาทีนํ ตถา ตถา อนุปฺปาทนเมว สํวรณํ วินยนฺจ เวทิตพฺพํ.

ยํ ปหานนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘นามรูปปริจฺเฉทาทีสุ วิปสฺสนาาเณสู’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ นามรูปปริจฺเฉทปจฺจยปริคฺคหกงฺขาวิตรณานิ น วิปสฺสนาาณานิ สมฺมสนากาเรน อปฺปวตฺตนโต? สจฺจเมตํ. วิปสฺสนาาณสฺส ปน อธิฏฺานภาวโต เอวํ วุตฺตํ. ‘‘นามรูปมตฺตมิทํ, นตฺถิ เอตฺถ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วา’’ติ เอวํ ปวตฺตาณํ นามรูปววตฺถานํ. สติ วิชฺชมาเน ขนฺธปฺจกสงฺขาเต กาเย, สยํ วา สตี ตสฺมึ กาเย ทิฏฺีติ สกฺกายทิฏฺิ. ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๑; ๔.๓๔๕) เอวํ ปวตฺตา มิจฺฉาทิฏฺิ. ตสฺเสว รูปารูปสฺส กมฺมาวิชฺชาทิปจฺจยปริคฺคณฺหนาณํ ปจฺจยปริคฺคโห. ‘‘นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) อาทินยปฺปวตฺตา อเหตุกทิฏฺิ. ‘‘อิสฺสรปุริสปชาปติปกติอณุกาลาทีหิ โลโก ปวตฺตติ นิวตฺตติ จา’’ติ ปวตฺตา วิสมเหตุทิฏฺิ. ตสฺเสวาติ ปจฺจยปริคฺคหสฺเสว. กงฺขาวิตรเณนาติ ยถา เอตรหิ นามรูปสฺส กมฺมาทิปจฺจยโต อุปฺปตฺติ, เอวํ อตีตานาคเตสุปีติ ตีสุปิ กาเลสุ วิจิกิจฺฉาปนยนาเณน. กถํกถีภาวสฺสาติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) อาทินยปฺปวตฺตาย สํสยปฺปวตฺติยา. กลาปสมฺมสเนนาติ ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๖๑; ๒.๑๑๓; ๓.๘๖, ๘๙) ขนฺธปฺจกํ เอกาทสสุ โอกาเสสุ ปกฺขิปิตฺวา สมฺมสนวเสน ปวตฺเตน นยวิปสฺสนาาเณน. อหํ มมาติ คาหสฺสาติ อตฺตตฺตนิยคหณสฺส. มคฺคามคฺคววตฺถาเนนาติ มคฺคามคฺคาณวิสุทฺธิยา. อมคฺเค มคฺคสฺายาติ โอภาสาทิเก อมคฺเค ‘‘มคฺโค’’ติ อุปฺปนฺนสฺาย.

ยสฺมา สมฺมเทว สงฺขารานํ อุทยํ ปสฺสนฺโต ‘‘เอวเมว สงฺขารา อนุรูปการณโต อุปฺปชฺชนฺติ, น ปน อุจฺฉิชฺชนฺตี’’ติ คณฺหาติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา’’ติ. ยสฺมา ปน สงฺขารานํ วยํ ปสฺสนฺโต ‘‘ยทิปิเม สงฺขารา อวิจฺฉินฺนา วตฺตนฺติ, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนา ปน อปฺปฏิสนฺธิกา นิรุชฺฌนฺเต วา’’ติ ปสฺสติ, ตสฺเสวํ ปสฺสโต กุโต สสฺสตคฺคาโห, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา’’ติ. ภยทสฺสเนนาติ ภยตุปฏฺานาเณน. สภเยติ สพฺพภยานํ อากรภาวโต สกลทุกฺขวูปสมสงฺขาตสฺส ปรมสฺสาสสฺส ปฏิปกฺขภาวโต จ สภเย ขนฺธปฺจเก. อภยสฺายาติ ‘‘อภยํ เขม’’นฺติ อุปฺปนฺนสฺาย. อสฺสาทสฺา นาม ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุ อสฺสาทวเสน ปวตฺตสฺา, ยา ‘‘อาลยาภินิเวโส’’ติปิ วุจฺจติ. อภิรติสฺา ตตฺเถว อภิรติวเสน ปวตฺตสฺา, ยา ‘‘นนฺที’’ติปิ วุจฺจติ. อมุจฺจิตุกมฺยตา อาทานํ. อนุเปกฺขา สงฺขาเรหิ อนิพฺพินฺทนํ, สาลยตาติ อตฺโถ. ธมฺมฏฺิติยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเท ปฏิโลมภาโว สสฺสตุจฺเฉทคฺคาโห, ปจฺจยาการปฏิจฺฉาทกโมโห วา, นิพฺพาเน ปฏิโลมภาโว สงฺขาเรสุ รติ, นิพฺพานปฏิจฺฉาทกโมโห วา. สงฺขารนิมิตฺตคฺคาโหติ ยาทิสสฺส กิเลสสฺส อปฺปหีนตฺตา วิปสฺสนา สงฺขารนิมิตฺตํ น มุฺจติ, โส กิเลโส, โย ‘‘สํโยคาภินิเวโส’’ติปิ วุจฺจติ. สงฺขารนิมิตฺตคฺคหณสฺส อติกฺกมนเมว วา ปหานํ.

ปวตฺติ เอว ปวตฺติภาโว, ปริยุฏฺานนฺติ อตฺโถ. นีวรณาทิธมฺมานนฺติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน นีวรณปกฺขิยา กิเลสา วิตกฺกวิจาราทโย จ คยฺหนฺติ.

จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน ยํ ปหานนฺติ สมฺพนฺโธ. เกน ปหานนฺติ? อริยมคฺเคเหวาติ วิฺายมาโนยมตฺโถ เตสํ ภาวิตตฺตา อปฺปวตฺติวจนโต. สมุทยปกฺขิกสฺสาติ เอตฺถ จตฺตาโรปิ มคฺคา จตุสจฺจาภิสมยาติ กตฺวา เตหิ ปหาตพฺเพน เตน เตน สมุทเยน สห ปหาตพฺพตฺตา สมุทยสภาคตฺตา, สจฺจวิภงฺเค จ สพฺพกิเลสานํ สมุทยภาวสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘สมุทยปกฺขิกา’’ติ ทิฏฺิอาทโย วุจฺจนฺติ. ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ วุปสนฺตตา. สงฺขตนิสฺสฏตา สงฺขารสภาวาภาโว. ปหีนสพฺพสงฺขตนฺติ วิรหิตสพฺพสงฺขตํ, วิสงฺขารนฺติ อตฺโถ. ปหานฺจ ตํ วินโย จาติ ปหานวินโย ปุริเมน อตฺเถน, ทุติเยน ปน ปหียตีติ ปหานํ, ตสฺส วินโยติ โยเชตพฺพํ.

ภินฺนสํวรตฺตาติ นฏฺสํวรตฺตา, สํวราภาวโตติ อตฺโถ. เตน อสมาทินฺนสํวโรปิ สงฺคหิโต โหติ. สมาทาเนน หิ สมฺปาเทตพฺโพ สํวโร ตทภาเว น โหตีติ. เอวฺหิ โลเก วตฺตาโร โหนฺติ ‘‘มหา วต โน โภโค, โส นฏฺโ ตถา อกตตฺตา’’ติ. อริเยติ อริโย. ปจฺจตฺตวจนฺเหตํ. เอเสเสติ เอโส โส เอว, อตฺถโต อนฺโติ อตฺโถ. ตชฺชาเตติ อตฺถโต ตํสภาโว, สปฺปุริโส อริยสภาโว, อริโย จ สปฺปุริสสภาโวติ อตฺโถ.

ตํ อตฺถนฺติ ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอวํ วุตฺตมตฺถํ. กสฺมา ปเนตฺถ ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา กตาติ? ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ‘‘ยสฺมา ปุถุชฺชโน อปริฺาตวตฺถุโก’’ติอาทินา (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒) สยเมว วกฺขติ. ธมฺโม อธิฏฺานํ เอติสฺสาติ ธมฺมาธิฏฺานา, สภาวธมฺเม นิสฺสาย ปวตฺติตเทสนา. ธมฺมวเสเนว ปวตฺตา ปมา, ปุคฺคลวเสน อุฏฺหิตฺวา ปุคฺคลวเสเนว คตา ตติยา, อิตรา ธมฺมปุคฺคลานํ โวมิสฺสกวเสน. กสฺมา ปน ภควา เอวํ วิภาเคน ธมฺมํ เทเสตีติ? เวเนยฺยชฺฌาสเยน เทสนาวิลาเสน จ. เย หิ เวเนยฺยา ธมฺมาธิฏฺานาย ธมฺมเทสนาย สุเขน อตฺถํ ปฏิวิชฺฌนฺติ, เตสํ ตถา ธมฺมํ เทเสติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ยสฺสา จ ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา เทสนาวิลาสปฺปตฺโต โหติ, สายํ สุปฺปฏิวิทฺธา, ตสฺมา เทสนาวิลาสปฺปตฺโต ธมฺมิสฺสโร ธมฺมราชา ยถา ยถา อิจฺฉติ, ตถา ตถา ธมฺมํ เทเสตีติ เอวํ อิมินา เวเนยฺยชฺฌาสเยน เทสนาวิลาเสน จ เอวํ วิภาเคน ธมฺมํ เทเสตีติ เวทิตพฺโพ.

ฉธาตุโรติ ปถวิธาตุ อาโป-เตโช-วาโย-อากาสธาตุ วิฺาณธาตูติ อิเมสํ ฉนฺนํ ธาตูนํ วเสน ฉธาตุโร. ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โสมนสฺสฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๒๔) วุตฺตานํ ฉนฺนํ โสมนสฺสูปวิจารานํ, ฉนฺนํ โทมนสฺสอุเปกฺขูปวิจารานฺจ วเสน อฏฺารสมโนปวิจาโร. สจฺจาธิฏฺานาทิวเสน จตุราธิฏฺาโน. ปฺาจกฺขุนา ทิฏฺธมฺมิกสฺส สมฺปรายิกสฺส จ อตฺถสฺส อทสฺสนโต อนฺโธ, ทิฏฺธมฺมิกสฺเสว ทสฺสนโต เอกจกฺขุ, ทฺวินฺนมฺปิ ทสฺสนโต ทฺวิจกฺขุ, เวทิตพฺโพ.

สฺวายํ นิทฺทิสีติ สมฺพนฺโธ. สฺวายนฺติ จ โส อยํ, ยถาวุตฺตเทสนาวิภาคกุสโล ภควาติ อตฺโถ. อปริฺาตวตฺถุโกติ ตีหิ ปริฺาหิ อปริฺาตกฺขนฺโธ. ขนฺธา หิ ปริฺาตวตฺถุ. อปริฺามูลิกาติ ปริชานนาภาวนิมิตฺตา ตสฺมึ สติ ภาวโต. ปริฺานฺหิ อวิชฺชาทโย กิเลสา ปฏิปกฺขา ตมฺมูลิกา จ สพฺพมฺนาติ. อริยานํ อทสฺสาวีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน ‘‘อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติอาทิกํ ปุถุชนสฺส วิเสสนภาเวน ปวตฺตํ ปาฬิเสสํ คณฺหาติ ปุถุชฺชนนิทฺเทสภาวโต. เตนาห ‘‘เอวํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสี’’ติ.

สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปถวีวารวณฺณนา

ตสฺสาติ ปุถุชฺชนสฺส. วสติ เอตฺถ อารมฺมณกรณวเสนาติ อารมฺมณมฺปิ วตฺถูติ วุจฺจติ ปวตฺติฏฺานภาวโตติ อาห ‘‘ปถวีอาทีสุ วตฺถูสู’’ติ. สกฺกายธมฺมานมฺปิ อารมฺมณาทินา สติปิ มฺนาเหตุภาเว มฺนาเหตุกตฺเตเนว เตสํ นิพฺพตฺติโตติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพสกฺกายธมฺมชนิตํ มฺน’’นฺติ. เอตฺถ จ ปถวีธาตุ เสสธาตูนํ สสมฺภาราสมฺภารภาวา สติปิ ปมาณโต สมภาเว สามตฺถิยโต อธิกานธิกภาเวน เวทิตพฺพา. สมฺภารนฺตีติ สมฺภารา, ปริวารา. ตํตํกลาเปหิ ลกฺขณปถวิยา เสสธมฺมา ยถารหํ ปจฺจยภาเวน ปริวารภาเวน จ ปวตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘สา หิ วณฺณาทีหิ สมฺภาเรหิ สทฺธึ ปถวีติ สสมฺภารปถวี’’ติ. ปถวิโตติ เอตฺถ ปุถุลฏฺเน ปุถุวี, ปุถุวี เอว ปถวี. สา หิ สติปิ ปริจฺฉินฺนวุตฺติยํ สพฺเพสํ สกลาปภาวานํ อาธารภาเวน ปวตฺตมานา ปุถุลา ปตฺถฏา วิตฺถิณฺณาติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, น ปน ตํ อนุปวิสิตฺวา ปวตฺตมานา อาปาทโย. สสมฺภารปถวิยา ปน ปุถุลภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อารมฺมณปถวิยํ วฑฺฒนผรณฏฺเหิ ปุถุลฏฺโ, อิตรสฺมึ รุฬฺหิยาว ทฏฺพฺโพ. อารมฺมณปถวีติ ฌานสฺส อารมฺมณภูตํ ปถวีสงฺขาตํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ. เตนาห ‘‘นิมิตฺตปถวีติปิ วุจฺจตี’’ติ. อาคมนวเสนาติ ปถวีกสิณภาวนาคมนวเสน. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อาโป จ เทวา ปถวี, เตโช วาโย ตทาคมุ’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๓๔๐).

สพฺพาปีติ จตุพฺพิธา ปถวีปิ. อนุสฺสวาทิมตฺตลทฺธา มฺนา วตฺถุ โหติเยว. ตถา หิ ‘‘กกฺขฬํ ขริคต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๑๗๓) ลกฺขณปถวีปิ อุทฺธรียติ. ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘ลกฺขเณ ทิฏฺเ มฺนา นตฺถิ, สฺชานาตีติ วุตฺตสฺา จ ทิฏฺิคฺคาหสฺส มูลภูตา ปิณฺฑคฺคาหิตา, สา ลกฺขเณ นกฺขมติ, ตสฺมา ลกฺขณปถวี น คเหตพฺพา’’ติ, ตทยุตฺตํ ลกฺขณปฏิเวธสฺส อิธ อนธิปฺเปตตฺตา. เตนาห ‘‘โลกโวหารํ คเหตฺวา’’ติ. น จ สพฺพสฺา ปิณฺฑคฺคาหิกา, นาปิ ทิฏฺิคฺคาหสฺเสว มูลภูตา, ตสฺมา ลกฺขณปถวิยาปิ กายทฺวารานุสาเรน อฺถา จ อุปฏฺิตาย มฺนา ปวตฺตเตว. เตเนว จ ‘‘อนุสฺสวาทิมตฺตลทฺธา’’ติ วุตฺตํ. ปถวิโตติ ปจฺจเต นิสฺสกฺกวจนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปถวีติ สฺชานาตี’’ติ อาห. ยสฺมา จตุพฺพิธมฺปิ ปถวึ ‘‘ปถวี’ติ สฺชานนฺโต เตน เตน นเยน ปถวีโกฏฺาเสเนว สฺชานาตีติ วุจฺจติ, น อาปาทิโกฏฺาเสน, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปถวิภาเคน สฺชานาตี’’ติ. โลกโวหารํ คเหตฺวาติ โลกสมฺํ อวิชหิตฺวา. เอเตน ลกฺขณปถวิยมฺปิ โวหารมุเขเนวสฺสา ปวตฺตีติ ทสฺเสติ.

ยทิ โลกโวหาเรน ตตฺถ ปวตฺติ, โก เอตฺถ โทโส, นนุ อริยาปิ ‘‘อยฺหิ ภนฺเต มหาปถวี’’ติอาทินา โลกโวหาเรน ปวตฺตนฺตีติ? น เอตฺถ โวหารมตฺเต อวฏฺานํ อธิปฺเปตํ, อถ โข โวหารมุเขน มิจฺฉาภินิเวโสติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สฺาวิปลฺลาเสน สฺชานาตี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ – อโยนิโสมนสิการสมฺภูตาย ‘‘สุภ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย วิปรีตสฺาย สฺชานาตีติ. เอเตน ทุพฺพลา ตณฺหามานทิฏฺิมฺนา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ กสฺมา สฺา คหิตาติ? ปากฏภาวโต. ยถา นาม อคฺคิมฺหิ มถิยมาเน ยทา ธูโม อุปลพฺภติ, กิฺจาปิ ตทา วิชฺชเตว ปาวโก อวินาภาวโต, ปากฏภาวโต ปน ธูโม ชาโตติ วุจฺจติ, น อคฺคิ ชาโตติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ยทิปิ ตตฺถ มฺนากิจฺจํ อตฺถิ, น ปน วิภูตํ อปากฏภาวโต สฺากิจฺจเมว วิภูตํ, ตํ ปน มฺนานุกูลํ มฺนาสหิตํ จาติ อาห ‘‘สฺาวิปลฺลาเสน สฺชานาตี’’ติ. เอวํ ปถวีภาคํ อมุฺจนฺโตเยว วา สฺชานาตีติ สมฺพนฺโธ. โย หิ วุตฺตปฺปเภทาย ปถวิยา ปถวิภาคํ อมุฺจนฺโตเยว อวิชหนฺโตเยว สีสปิณฺเฑ สุวณฺณสฺี วิย อนตฺตาทิสภาวํเยว ตํ อตฺตาทิวเสน สฺชานาติ, ตสฺส วเสน วุตฺตํ ‘‘ปถวี’’ติอาทิ. น วตฺตพฺพํ ปุถุชฺชนคฺคาหสฺส ยุตฺติมคฺคนนิวารณโตติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุมฺมตฺตโก วิย…เป… คณฺหาตี’’ติ. อริยานํ อทสฺสาวิตาทิเภทนฺติ อริยานํ อทสฺสาวิตาทิวิเสสํ วทนฺเตน ภควตาว เอตฺถ ยถาวุตฺตสฺชานเน การณํ วุตฺตนฺติ โยชนา.

เอวนฺติ ‘‘ปถวิภาเคน สฺชานาตี’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน. สฺชานิตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโสติ อาห ‘‘อปรภาเค…เป… คณฺหาตี’’ติ. ปปฺจสงฺขาติ ปปฺจโกฏฺาสา. ปปฺจนฺติ สตฺตา สํสาเร จิรายนฺติ เอเตหีติ ปปฺจา, มฺนฺติ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ปริกปฺเปนฺติ เอตาหีติ มฺนาติ ทฺวีหิปิ ปริยาเยหิ ตณฺหาทโยว วุตฺตาติ อาห ‘‘ตณฺหามานทิฏฺิปปฺเจหิ อิธ มฺนานาเมน วุตฺเตหี’’ติ. อชฺสฺส ชฺโต, อเสยฺยาทิกสฺส เสยฺยาทิโต คหณโต ทิฏฺิมฺนา วิย ตณฺหามานมฺนาปิ อฺถา คาโห เอวาติ อาห ‘‘อฺถา คณฺหาตี’’ติ. อารมฺมณาภินิโรปนาทินา ภินฺนสภาวานมฺปิ วิตกฺกาทีนํ สาธารโณ อุปนิชฺฌายนสภาโว วิย อนุคิชฺฌนุณฺณติปรามสนสภาวานมฺปิ ตณฺหาทีนํ สาธารเณน อารมฺมณปริกปฺปนากาเรน ปวตฺติ มฺนาติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘ตีหิ มฺนาหิ มฺตี’’ติอาทิ. อสฺสาติ ปุถุชฺชนสฺส, อุทยพฺพยานุปสฺสนาทีสุ วิย สุขุมนเยนปิ มฺนาปวตฺติ อตฺถีติ วิภาวนสุขตาย ถูลํเยว ตํ ทสฺเสตุกาโม ‘‘โอฬาริกนเยนา’’ติอาห. โอฬาริเก หิ วิภาเค ทสฺสิเต สุขุมวิภาวนา สุกราติ ทสฺเสตุํ อยมตฺถโยชนา วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. อชฺฌตฺติกาติ อินฺทฺริยพทฺธา สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนา นิยกชฺฌตฺตา วุตฺตา วิภงฺเค ปฏิสมฺภิทามคฺเค จ.

วิภงฺเคติ ธาตุวิภงฺเค (วิภ. ๑๗๓). พาหิราติ อนินฺทฺริยพทฺธา สงฺขารสนฺตานปริยาปนฺนา. กกฺขฬนฺติ ถทฺธํ. ขริคตนฺติ ผรุสํ. กกฺขฬภาโว กกฺขฬตฺตํ. กกฺขฬภาโวติ กกฺขฬสภาโว. พหิทฺธาติ อินฺทฺริยพทฺธโต พหิทฺธาภูตํ. อนุปาทินฺนนฺติ น อุปาทินฺนํ. อโยติ กาฬโลหํ. โลหนฺติ ชาติโลหํ วิชาติโลหํ กิตฺติมโลหํ ปิสาจโลหนฺติ จตุพฺพิธํ. ตตฺถ อโย สชฺฌุ สุวณฺณํ ติปุ สีสํ ตมฺพโลหํ เวกนฺตกโลหนฺติ อิมานิ สตฺต ชาติโลหานิ นาม. นาคนาสิกาโลหํ วิชาติโลหํ นาม. กํสโลหํ วฏฺฏโลหํ อารกุฏนฺติ ตีณิ กิตฺติมโลหานิ นาม. โมรกฺขกํ ปุถุกํ มลินกํ จปลกํ สลกํ อาฏลํ ภตฺตกํ ทุสิโลหนฺติ อฏฺ ปิสาจโลหานิ นาม. เตสุ เวกนฺตกโลหํ นาม สพฺพโลหจฺเฉทนสมตฺถา เอกา โลหชาติ. ตถา หิ ตํ วิกนฺตติ ฉินฺทตีติ วิกนฺตกนฺติ วุจฺจติ. วิกนฺตกเมว เวกนฺตกํ. นาคนาสิกาโลหํ โลหสทิสํ โลหวิชาติ หลิทฺทาทิวิชาติ วิย. ตถา หิ ตํ โลหาการํ โลหมลํ วิย ฆนสํหตํ หุตฺวา ติฏฺติ, ตาเปตฺวา ตาฬิตํ ปน ภินฺนํ ภินฺนํ หุตฺวา วิสรติ มุทุ มฏฺํ กมฺมนิยํ วา น โหติ. ติปุตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ กํสโลหํ. สีสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ วฏฺฏโลหํ. ชสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ อารกุฏํ. เตเนว ตํ กรเณน นิพฺพตฺตตฺตา กิตฺติมโลหนฺติ วุจฺจติ. ยํ ปน เกวลํ รสกธาตุ วินิคฺคตํ, ตํ ‘‘ปิตฺตล’’นฺติปิ วทนฺติ. ตํ อิธ นาธิปฺเปตํ, ยถาวุตฺตํ มิสฺสกเมว กตฺวา โยชิตํ กิตฺติมนฺติ วุตฺตํ. โมรกฺขกาทีนิ เอวํนามาเนเวตานิ. เตสุ ยสฺมา ปฺจ ชาติโลหานิ ปาฬิยํ วิสุํ วุตฺตาเนว, ตสฺมา เวกนฺตกโลเหน สทฺธึ วุตฺตาวเสสํ สพฺพํ อิธ โลหนฺติ เวทิตพฺพํ.

ติปูติ เสตติปุ. สีสนฺติ กาฬติปุ. สชฺฌนฺติ รชตํ. มุตฺตาติ หตฺถิกุมฺภชาทิกา อฏฺวิธาปิ มุตฺตา. ตถา หิ หตฺถิกุมฺภํ วราหทาา ภูชงฺคสีสํ วลาหกูฏํ เวฬู มจฺฉสีโร สงฺโข สิปฺปีติ อฏฺ มุตฺตาโยนิโย. ตตฺถ หตฺถิกุมฺภชา ปีตวณฺณา ปภาหีนา. วราหทาา วราหทาวณฺณาว. ภุชงฺคสีสชา นีลาทิวณฺณา สุวิสุทฺธา วฏฺฏลา จ. วลาหกชา ภาสุรา ทุพฺพิภาครูปา รตฺติภาเค อนฺธการํ วิธมนฺติโย ติฏฺนฺติ, เทวูปโภคา เอว จ โหนฺติ. เวฬุชา กรกุปลสมานวณฺณา น ภาสุรา, เต จ เวฬู อมนุสฺสโคจเร เอว ปเทเส ชายนฺติ. มจฺฉสีรชา ปาีนปิฏฺิสมานวณฺณา วฏฺฏลา ลฆโว จ โหนฺติ ปภาวิหีนา, เต จ มจฺฉา สมุทฺทมชฺเฌ เอว ชายนฺติ. สงฺขชา สงฺโขทรจฺฉวิวณฺณา โกลปฺปมาณาปิ โหนฺติ ปภาวิหีนาว. สิปฺปิชา ปภาวิเสสยุตฺตา โหนฺติ นานาสณฺานา. เอวํ ชาติโต อฏฺวิธาสุปิ มุตฺตาสุ ยา มจฺฉสงฺขสิปฺปิชา, ตา สามุทฺทิกา โหนฺติ, ภุชงฺคชาปิ กาจิ สามุทฺทิกา โหนฺติ, อิตรา อสามุทฺทิกา. ยสฺมา พหุลํ สามุทฺทิกาว มุตฺตา โลเก ทิสฺสนฺติ, ตตฺถาปิ สิปฺปิชาว, อิตรา กาทาจิกา. ตสฺมา สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๑๗๓) ‘‘มุตฺตาติ สามุทฺทิกา มุตฺตา’’ติ วุตฺตํ.

มณีติ เปตฺวา ปาฬิอาคเต เวฬุริยาทิเก เสโส โชติรสาทิเภโท สพฺโพปิ มณิ. เวฬุริยนฺติ วํสวณฺณมณิ. สงฺโขติ สามุทฺทิกสงฺโข. สิลาติ กาฬสิลา ปณฺฑุสิลา เสตสิลาทิเภทา อฏฺปิ สิลา. รชตนฺติ กหาปณาทิกํ วุตฺตาวเสสํ รชตสมฺมตํ. ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. โลหิตงฺโคติ รตฺตมณิ. มสารคลฺลนฺติ กพรมณิ ติณาทีสุ พหิภารา ตาลนาฬิเกราทโยปิ ติณํ นาม. อนฺโตสารํ ขทิราทิ อนฺตมโส ทารุขณฺฑมฺปิ กฏฺํ นาม. มุคฺคมตฺตโต ยาว มุฏฺิปฺปมาณา มรุมฺพา สกฺขรา นาม. มุคฺคมตฺตโต ปฏฺาย เหฏฺา วาลิกา นาม. กลนฺติ กปาลขณฺฑํ. ภูมีติ สสมฺภารปถวี. ปาสาโณติ อนฺโตมุฏฺิยํ อสณฺหนโต ปฏฺาย ยาว หตฺถิปฺปมาณํ ปาสาณํ, หตฺถิปฺปมาณโต ปน ปฏฺาย อุปริ ปพฺพโตติ. อยํ อโยอาทีสุ วิภาคนิทฺเทโส. นิมิตฺตปถวีติ ปฏิภาคนิมิตฺตภูตํ ปถวิกสิณํ. ตมฺปิ หิ ‘‘รูปาวจรติกจตุกฺกชฺฌานํ กุสลโต จ วิปากโต จ กิริยโต จ จตุตฺถสฺส ฌานสฺส วิปาโก อิเม ธมฺมา พหิทฺธารมฺมณา’’ติ วจนโต ‘‘พาหิรา ปถวี’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยา จ อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติเก นิมิตฺตปถวี, ตํ คเหตฺวา’’ติ. อุคฺคหนิมิตฺตฺเจตฺถ ตํคติกเมว ทฏฺพฺพํ, นิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปน ปุพฺเพ ภูมิคฺคหเณเนว คหิตนฺติ.

ตีหิ มฺนาหีติ วุตฺตํ มฺนาตฺตยํ สปรสนฺตาเนสุ สงฺเขปโต โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อหํ ปถวี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อหํ ปถวีติอาทีนา อชฺฌตฺตวิสยํ ทิฏฺิมฺนํ มานมฺนฺจ ทสฺเสติ อตฺตาภินิเวสาหํการทีปนโต. มม ปถวีติ อิมินา ตณฺหามฺนํ มานมฺนมฺปิ วา ปริคฺคหภูตายปิ ปถวิยา เสยฺยาทิโต มานชปฺปนโต. เสสปททฺวเยปิ อิมินานเยน มฺนาวิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปถวิกสิณชฺฌานลาภี ฌานจกฺขุนา คหิตฌานารมฺมณํ ‘‘อตฺตา’’ติ อภินิวิสนฺโต ตฺจ เสยฺยาทิโต ทหนฺโต อตฺถโต ‘‘อหํ ปถวี’’ติ มฺติ นาม, ตเมว ‘‘อยํ มยฺหํ อตฺตา’’ติ คหเณ ปน ‘‘มม ปถวี’’ติ มฺติ นาม. ตถา ตํ ‘‘ปรปุริโส’’ติ วา ‘‘เทโว’’ติ วา วาทวเสน ‘‘อยเมว ปเรสํ อตฺตา’’ติ วา อภินิวิสนฺโต ‘‘ปโร ปถวี, ปรสฺส ปถวี’’ติ มฺติ นาม. อิมินา นเยน เสสปถวีสุปิ ยถารหํ จตุกฺกํ นิทฺธาเรตพฺพํ.

เอวํ ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติ เอตฺถ จตุกฺกวเสน มฺนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มฺนาวตฺถุํ มฺนาโย จ วิภชิตฺวา อเนกวิหิตํ ตสฺส มฺนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อยนฺติ ยถาวุตฺโต ปุถุชฺชโน. ฉนฺทราคนฺติ พหลราคํ. อสฺสาเทตีติ นิกาเมติ, ‘‘อิเม เกสา มุทุสินิทฺธกุฺจิตนีโลภาสา’’ติอาทินา ตตฺถ รสํ วินฺทติ. อภินนฺทตีติ สปฺปีติกาย ตณฺหาย อภิมุโข นนฺทติ ปโมทติ. อภิวทตีติ อุปฺปนฺนํ ตณฺหาภินนฺทนาเวคํ หทเยน สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อโห เม เกสา’’ติ วาจํ นิจฺฉาเรติ. อชฺโฌสาย ติฏฺตีติ พลวตณฺหาภินิเวเสน คิลิตฺวา ปรินิฏฺาเปตฺวา ติฏฺติ. อฺตรํ วา ปน รชฺชนียวตฺถุนฺติ เกสาทิโต อฺตรํ วา กรจรณาทิปฺปเภทํ นิยกชฺฌตฺตปริยาปนฺนํ ราคุปฺปตฺติเหตุภูตํ วตฺถุํ. อิตีติ อิมินา สินิทฺธาทิปฺปกาเรนาติ ปตฺถยิตพฺพาการํ ปรามสติ. ตตฺถ นนฺทึ สมนฺนาเนตีติ เตสุ ภาวีสุ เกสาทีสุ สิทฺธํ วิย กตฺวา นนฺทึ ตณฺหํ สมนฺนาหรติ สมุปจาเรติ. ปณิทหตีติ ปตฺถนํ เปติ.

สมฺปตฺตึ นิสฺสาย ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติ, วิปตฺตึ นิสฺสาย ‘‘หีโนหมสฺมี’’ติ มานํ ชเนตีติ โยชนา. ปถวีโกฏฺาสภูตานํ เกสาทีนํ สมฺปตฺติวิปตฺตีหิ มานชปฺปนา ปถวิยา มฺนา โหตีติ อาห ‘‘เอวํ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ มานมฺนาย มฺตี’’ติ. อวยวพฺยติเรเกน สมุทายสฺส อภาวโต สมุทาโย ชีวาภินิเวโส อวยเวปิ โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ อาคตนเยน ปน เกสํ ‘ชีโว’ติ อภินิวิสตี’’ติ อาห. ‘‘เกสา นาเมเต อิสฺสรวิหิตา ปชาปตินิสฺสิตา อณุสฺจโย ปกติปริณาโม’’ติอาทินา นเยนเปตฺถ ทิฏฺิมฺนา เวทิตพฺพา.

อิมิสฺสา ปวตฺติยาติ นิกนฺติมานทิฏฺีนํ ปริยาทานสมุคฺฆาฏปฺปวตฺติยา. ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ยทิปิ ติสฺสนฺนมฺปิ มฺนานํ สมฺภโว ทสฺสิโต. ตณฺหามานมฺนานํ ปน เหฏฺา ทสฺสิตตฺตา ทิฏฺิมฺนา เอเวตฺถ วิเสสโต อุทฺธฏาติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘เอวมฺปิ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺตี’’ติ.

พาหิรมฺปิ ปถวึ ตีหิ มฺนาหิ มฺตีติ โยชนา. ตํ ปน มฺนาวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติ อาห. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.

อยํ ชีโวติ อยํ กาฬโลหํ ‘‘ชีโว อตฺตา’’ติ อภินิวิสติ เอกจฺเจ นิคณฺา วิย. เอวํ พาหิรํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺตีติ เอตฺถาปิ ‘‘ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ, ยา จ พาหิรา ปถวีธาตู’’ติอาทินา นเยน อาเนตฺวา วตฺตพฺโพ.

ปถวีกสิณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อยมฺปิ จ นโย ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอตฺเถว อนฺโตคโธติ ทฏฺพฺโพ กสิณานมฺปิ รูปสมฺาสมฺภาวโต. ปถวึ มฺตีติ เอตฺถ ยาทิโส มฺนาวตฺถุมฺนานํ วิตฺถารนโย วุตฺโต, ตาทิโส อิโต ปรํ วุตฺตนโยวาติ อาห ‘‘อิโต ปรํ สงฺเขเปเนว กถยิสฺสามา’’ติ, อตาทิโส ปน วิตฺถารโตปิ กถยิสฺสตีติ อตฺโถ.

ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘ปถวิยา’’ติ อิทํ ภุมฺมวจนํ, ตสฺมา, โส อตฺตปรตฺตทุปกรณานํ อาธารภาเวน ตํ มฺนาวตฺถุํ กปฺเปตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อหํ ปถวิยา’’ติอาทิ. นนุ จ อินฺทฺริยพทฺธานินฺทฺริยพทฺธปเภทสฺส ธมฺมปฺปพนฺธสฺส สสมฺภารปถวี จ อาธารนิสฺสโย, อิตรา อารมฺมณนิสฺสโย ตทารมฺมณสฺสาติ เอตฺถ นิพฺพิโรโธติ? น, มฺนาวตฺถุํ นิสฺสยภาเวน ปริกปฺปนโต. อยฺหิ ‘‘อห’’นฺติ ทิฏฺิมฺนาย มานมฺนาย จ วตฺถุภูตสฺส อตฺตโน ปถวิสนฺนิสฺสยํ กตฺวา ‘‘อหํ ปถวิยา’’ติ มฺติ, ตณฺหามฺนาย วตฺถุภูตสฺส อุปกรณสฺส ปถวึ สนฺนิสฺสยํ กตฺวา ‘‘มยฺหํ กิฺจนํ ปลิโพโธ ปถวิยา’’ติ มฺติ. ปโรติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ยฺวายํ อตฺถนโยติ สมฺพนฺโธ. วุตฺโต ปฏิสมฺภิทามคฺเค. เอเตเนว นเยนาติ ยฺวายํ ‘‘โส โข ปน เม อตฺตา อิมสฺมึ รูเป’’ติ สมุทายสฺส อาธารภาวทีปโน อตฺถนโย วุตฺโต, เอเตเนว นเยน. น หิ อวยวพฺยติเรเกน สมุทาโย ลพฺภติ, ตสฺมา สมุทาเย วุตฺตวิธิ อวยเวปิ ลพฺภตีติ อธิปฺปาโย. เตนาห โส โข ปน เม อยํ อตฺตา อิมิสฺสา ปถวิยาติ มฺนฺโตติ. ตสฺมึเยว ปนสฺส อตฺตนีติ เอตฺถ อสฺสาติ ปุถุชฺชนสฺส. ตสฺมึเยว อตฺตนีติ อชฺฌตฺติกพาหิรปถวีสนฺนิสฺสเย อตฺตนิ. ‘‘ปถวิยา มฺตี’’ติ ปทสฺสายํ วณฺณนา. เอวํ ‘‘ปถวิยา มฺตี’’ติ เอตฺถ อตฺตวเสน ทิฏฺิมานตณฺหามฺนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปรวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อสฺสาติ ปรสฺส. ตทาติ ปรวเสน มฺนายํ. ทิฏฺิมฺนา เอว ยุชฺชติ ตตฺถ นิจฺจาภินิเวสาทโย สมฺภวนฺตีติ กตฺวา. อวธารเณน มานตณฺหามฺนา นิวตฺเตติ. น หิ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา, ‘‘มยฺห’’นฺติ จ ปวตฺตลกฺขณา มานตณฺหา ปรสฺมึ ปรสฺส สนฺตกภาเวน คหิเต จ ปวตฺตนฺตีติ อธิปฺปาโย. อิตราโยปีติ มานตณฺหามฺนาโยปิ. อิจฺฉนฺติ อฏฺกถาจริยา. ปรสฺสปิ หิ ปถวีสนฺนิสฺสเยน สมฺปตฺติอิสฺสริยาทิกสฺส วเสน อตฺตนิ เสยฺยาทิภาวํ ทหโต ปณิทหโต จ จิตฺตํ ตถาภาวาย มานตณฺหามฺนา สมฺภวนฺตีติ อาจริยานํ อธิปฺปาโย. ‘‘ปโร ปถวี ปรสฺส ปถวี’’ติ เอตฺถาปิ อิเม ทฺเว ปการา สาธิปฺปายา นิทฺธาเรตพฺพา.

‘‘ปถวิโต สฺชานาตี’’ติ, ‘‘อาทิโต’’ติ จ อาทีสุ อนิสฺสกฺกวจเนปิ โต-สทฺโท ทิฏฺโติ อาห ‘‘ปถวิโตติ นิสฺสกฺกวจน’’นฺติ. สอุปกรณสฺสาติ หิรฺสุวณฺณคตสฺส ทาสโปริสาทินา วิตฺตุปกรเณน สอุปกรณสฺส, อตฺตโน วา ปรสฺส วา เตสํ อุปกรณสฺส วาติ อตฺโถ. ยถาวุตฺตปฺปเภทโตติ ลกฺขณาทิอชฺฌตฺติกาทิวุตฺตปฺปการวิภาคโต. อุปฺปตฺตึ วา นิคฺคมนํ วาติ ‘‘ตํ อณฺฑํ อโหสิ เหมมยํ, ตสฺมึ สยํ พฺรหฺมา อุปฺปนฺโน’’ติ พฺรหฺมณฺฑวาทวเสน วา ‘‘ทฺวีหิ อณูหิ ทฺวิอณุก’’นฺติ เอวํ ปวตฺตอณุกวาทวเสน วา ปถวิโต อุปฺปตฺตึ วา ‘‘สพฺโพยํ โลโก อิสฺสรโต วินิคฺคโต’’ติ อิสฺสรวาทวเสน อิสฺสรกุตฺตโต ปถวิโต นิคฺคมนํ วา มฺมาโนติ โยชนา. ปถวิโต วา อฺโ อาปาทิโก อตฺตาติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ จ ปุริมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป การกลกฺขณํ นิสฺสกฺกวจนํ, ทุติยสฺมึ อุปปทลกฺขณนฺติ ทฏฺพฺพํ. อตฺตโน ปริคฺคหภูตปถวิโต สุขปฺปตฺตึ ตโต เอว จ ปเรหิ เสยฺยาทิภาวํ กปฺเปนฺตสฺส วเสนเปตฺถ ตณฺหามานมฺนา เวทิตพฺพา. อปเรติ สารสมาสาจริยา. ตโต อฺํ อปฺปมาณํ อตฺตานํ คเหตฺวาติ ปุพฺเพ ภาวิตอาปาทิอปฺปมาณกสิณวเสน วา กาปิลกาณาททิฏฺิวเสน วา อปฺปมาณํ พฺยาปินํ อตฺตานํ คเหตฺวา. ปถวิโตติ ปจฺฉา อภาวิตอวฑฺฒิตปถวีกสิณสงฺขาตปถวิโต. พหิทฺธาปิ เม อตฺตาติ อิโต ปถวิโต พหิปิ เม อตฺตาติ อธิปฺปาโย.

เกวลนฺติ อนวเสสํ. มหาปถวึ ตณฺหาวเสน มมายติ, อยฺจ นโย จตุทีปิสฺสริเย ิตสฺส ทีปจกฺกวตฺติโน จ ลพฺเภยฺย, มณฺฑลิกราชมหามตฺตกุฏุมฺพิกานมฺปิ วเสน ลพฺภเตว เตสมฺปิ ยถาปริคฺคหํ อนวเสเสตฺวา มฺนาย สมฺภวโต. ‘‘เอวํ มมา’’ติ คาหสฺส ‘‘เอโสหมสฺมึ, เอโส เม อตฺตา’’ติ คาหวิธูรตาย วุตฺตํ ‘‘เอกา ตณฺหามฺนา เอว ลพฺภตี’’ติ. อิมินา นเยนาติ วุตฺตมติเทสํ วิภาเวตุํ ‘‘สา จาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สา จายนฺติ สา จ อยํ ตณฺหามฺนา โยเชตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. ยถา ปน ทิฏฺิมฺนามฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนา สมฺภวนฺติ, เอวํ ตณฺหามฺนามฺิเตน วตฺถุนา อตฺตานํ เสยฺยาทิโต ทหโต ตฺจ อตฺตนิยํ นิจฺจํ ตถา ตํสามิภูตํ อตฺตานฺจ ปริกปฺเปนฺตสฺส อิตรมฺนาปิ สมฺภวนฺตีติ สกฺกา วิฺาตุํ. ‘‘เม’’ติ หิ อิมินา อตฺถคฺคหณมุเขเนว อตฺตนิยสมฺพนฺโธ ปกาสียตีติ.

อภินนฺทตีติ อิมินา ตณฺหาทิฏฺาภินิเวสานํ สงฺคหิตตฺตา เต ทสฺเสนฺโต ‘‘อสฺสาเทติ ปรามสติ จา’’ติ อาห. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทวเสน เจตสฺส ทฺวยสฺส อสงฺกรโต ปวตฺติ เวทิตพฺพา, เอกจิตฺตุปฺปาเทปิ วา อธิปติธมฺมานํ วิย ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน ตสฺส ตสฺส พลวภาเวน ปวตฺติ. เอตสฺมึ อตฺเถติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินนฺทนตฺเถ. เอตนฺติ ‘‘ปถวึ อภินนฺทตี’’ติ เอตํ ปทํ. เยสํ วิเนยฺยานํ เยหิ ปการวิเสเสหิ ธมฺมานํ วิภาวเน กเต วิเสสาธิคโม โหติ, เตสํ เตหิ ปการวิเสเสหิ ธมฺมวิภาวนํ. เยสํ ปน เยน เอเกเนว ปกาเรน ธมฺมวิภาวเน กเต วิเสสาธิคโม โหติ, เตสมฺปิ ตํ วตฺวา ธมฺมิสฺสรตาย ตทฺนิรวเสสปฺปการวิภาวนฺจ เทสนาวิลาโส. เตนาห ‘‘ปุพฺเพ มฺนาวเสน กิเลสุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อภินนฺทนาวเสน ทสฺเสนฺโต’’ติ. ธมฺมธาตุยาติ สมฺมาสมฺโพธิยา. สา หิ สพฺพเยฺยธมฺมํ ยถาสภาวโต ธาเรติ อุปธาเรติ, สกลฺจ วิเนยฺยสตฺตสงฺขาตธมฺมปฺปพนฺธํ อปายทุกฺขสํสารทุกฺขปตนโต ธาเรติ, สยฺจ อวิปรีตปวตฺติอาการา ธาตูติ ธมฺมธาตูติ อิธาธิปฺเปตา. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ สมฺมาสมฺโพธีติ. สุปฺปฏิวิทฺธตฺตาติ สุฏฺุ ปฏิวิทฺธภาวโต, สมฺมา อธิคตตฺตาติ อตฺโถ. อภิกงฺขนสมฺปคฺคหปรามสนานํ วเสน อารมฺมเณ ปริกปฺปนาปวตฺติ มฺนา. ตตฺถ ‘‘มมํ, อห’’นฺติ จ อภินิเวสนํ ปริกปฺปนํ. เยน อชฺโฌสานํ โหติ, อยํ อภินนฺทนาติ อยเมเตสํ วิเสโส. สุตฺตาทิอวิรุทฺธาเยว อตฺตโนมติ อิจฺฉิตพฺพา, น อิตราติ สุตฺเตน ตสฺสา สงฺคหํ ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เทสนาวิลาสวิภาวนสฺส ปน สเหตุกเหตุสมฺปยุตฺตทุกาทิเทสนาย นิพทฺธตา นิทฺธาเรตพฺพา.

ตสฺสาติ เตน. าตสทฺทสมฺพนฺเธน เหตํ กตฺตริ สามิวจนํ. ตสฺมาติ อปริฺาตตฺตา. ‘‘อปริฺาต’’นฺติ ปฏิกฺเขปมุเขน ยํ ปริชานนํ วุตฺตํ, ตํ อตฺถโต ติวิธา ปริฺา โหตีติ ตํ สรูปโต ปวตฺติอาการโต จ วิภาเวนฺโต ‘‘โย หี’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ ยาย ปฺาย วิปสฺสนาภูมึ ปริชานาติ ปริจฺฉินฺทติ, สา ปริชานนปฺา าตปริฺา. สา หิ เตภูมกธมฺมชาตํ ‘‘อยํ วิปสฺสนาภูมี’’ติ าตํ วิทิตํ ปากฏํ กโรนฺตีเยว ลกฺขณรสาทิโต อชฺฌตฺติกาทิวิภาคโต จ ปริจฺฉิชฺช ชานาติ. อิธ ปน ปถวีธาตุวเสน เวทิตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘ปถวีธาตุํ ปริชานาตี’’ติอาทิ. ตีรณปริฺาติ กีรณวเสน ปริชานนกปฺา. สา หิ ปริวาเรหิ อนิจฺจตาทิอากาเรหิ อนิจฺจตาทิสภาวสฺส อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสฺส ตีรณวเสน สมฺมสนวเสน ตํ ปริจฺฉิชฺช ชานาติ. อคฺคมคฺเคนาติ อรหตฺตมคฺเคน. โส หิ อนวเสสโต ฉนฺทราคํ ปชหติ. อคฺคมคฺเคนาติ วา อคฺคภูเตน มคฺเคน, โลกุตฺตรมคฺเคนาติ อตฺโถ. อุภยถาปิ หิ สมุจฺเฉทปหานการี เอว ปฺา นิปฺปริยาเยน ปหานปริฺาติ ทสฺเสติ.

นามรูปววตฺถานนฺติ เอเตน ปจฺจยปริคฺคโหปิ สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺโพ นามรูปสฺส เหตุววตฺถานภาวโต. โสปิ หิ เหตุปจฺจยมุเขน นามรูปสฺส ววตฺถานเมวาติ. กลาปสมฺมสนาทิวเสน ตีรณปริฺา อนิจฺจาทิวเสน สมฺมสนภาวโต. ตสฺมาติ ยสฺมา ตา ปริฺาโย นตฺถิ, ตสฺมา. อถ วา ตสฺมา อปริฺาตตฺตาติ ยสฺมา อปริฺาตา ปถวี, ตสฺมา อปริฺาตตฺตา ปถวิยา ตํ ปถวึ มฺติ จ อภินนฺทติ จาติ.

ปถวีวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาโปวาราทิวณฺณนา

อาปํ อาปโตติ เอตฺถ อปฺโปติ, อปฺปายตีติ วา อาโป, ยสฺมึ สงฺฆาเต สยํ อตฺถิ, ตํ อาพนฺธนวเสน พฺยาเปตฺวา ติฏฺติ, ปริพฺรูเหตีติ วา อตฺโถ. อตฺถานํ อธิ อชฺฌตฺตํ. ปติ ปติ อตฺตานนฺติ ปจฺจตฺตํ. อุภเยนปิ สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนเมว วทติ. อาโป อาโปคตนฺติอาทีสุ อาพนฺธนเมว อาโป, ตเทว อาโปสภาวํ คตตฺตา อาโปคตํ, สภาเวเนว อาปภาวํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ. สิเนหนวเสน สิเนโห, โสเยว สิเนหนสภาวํ คตตฺตา สิเนหคตํ. พนฺธนตฺตํ รูปสฺสาติ อวินิพฺโภครูปสฺส พนฺธนภาโว, อวิปฺปกิรณวเสน สมฺปิณฺฑนนฺติ อตฺโถ. อุคฺคณฺหนฺโตติ ยถาปริจฺฉินฺเน อาโปมณฺฑเล ยถา อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปลพฺภติ, ตถา นิมิตฺตํ คณฺหนฺโต. วุตฺโตติ ‘‘อาปสฺมิ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตอาโป. โส หิ สสมฺภารอาโป, น ‘‘อาโปกสิณ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตอาโป. เสสนฺติ อารมฺมณสมฺมุติอาปานํ สรูปวิภาวนํ. ‘‘อาปํ อาปโต ปชานาตี’’ติอาทิปาฬิยา อตฺถวิภาวนฺเจว ตตฺถ ตตฺถ มฺนาวิภาคทสฺสนฺจ ปถวิยํ วุตฺตสทิสเมวาติ. ตตฺถ ‘‘ปถวีกสิณเมโก สฺชานาตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๖๐; อ. นิ. ๑๐.๒๕) วุตฺตํ, อิธ ‘‘อาโปกสิณเมโก สฺชานาตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ. ตตฺถ จ ‘‘ปถวีติ สฺชานาตี’’ติ วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘อาโปติ สฺชานาตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพนฺติ เอวมาทิ เอว วิเสโส. เสสํ ตาทิสเมว. เตน วุตฺตํ ‘‘ปถวิยํ วุตฺตสทิสเมวา’’ติ. โย ปเนตฺถ วิเสโส, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ มูลรโสติ มูลํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺตรโส. ขนฺธรสาทีสุปิ เอเสว นโย. ขีราทีนิ ปากฏาเนว. ยถา ปน เภสชฺชสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๑๘-๖๒๕), น เอวมิธ นิยโม อตฺถิ. ยํ กิฺจิ ขีรํ ขีรเมว. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ภุมฺมานีติ อาวาฏาทีสุ ิตอุทกานิ. อนฺตลิกฺขานีติ ปถวึ อปฺปตฺตานิ วสฺโสทกานิ, ปตฺตานิ ปน ภุมฺมาเนว. เอวํ วุตฺตา จาติ -สทฺเทน หิโมทกกปฺปวินาสกอุทกปถวิยาอนฺโตอุทกปถวีสนฺธารกอุทกาทึ ปุพฺเพ อวุตฺตมฺปิ สมุจฺจิโนติ.

เตชํ เตชโตติ เอตฺถ เตชนฏฺเน เตโช, เตชนํ นาม ทหนปจนาทิสมตฺถํ นิสานํ, ยํ อุณฺหตฺตนฺติ วุจฺจติ. เยน จาติ เยน เตโชคเตน กุปิเตน. สนฺตปฺปตีติ อยํ กาโย สมนฺตโต ตปฺปติ เอกาหิกชราทิภาเวน อุสุมชาโต โหติ. เยน จ ชีรียตีติ เยน อยํ กาโย ชีรียติ, อินฺทฺริยเวกลฺลตํ พลปริกฺขยํ วลิตาทิภาวฺจ ปาปุณาติ. เยน จ ปริฑยฺหตีติ เยน กุปิเตน อยํ กาโย ปริโต ฑยฺหติ, โส จ ปุคฺคโล ฑยฺหามีติ สตโธตสปฺปิโคสีตจนฺทนาทิเลปฺเจว ตาลวณฺฏวาตฺจ ปจฺจาสีสติ. เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉตีติ เยน อสิตํ วา โอทนาทิ, ปีตํ วา ปานกาทิ, ขายิตํ วา ปิขชฺชกาทิ, สายิตํ วา อมฺพปกฺกมธุผาณิตาทิ สมฺมเทว ปริปากํ คจฺฉติ, รสาทิภาเวน วิเวกํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ สรีรสฺส ปกติอุสุมํ อติกฺกมิตฺวา อุณฺหภาโว สนฺตาโป, สรีรทหนวเสน ปวตฺโต มหาทาโห ปริทาโห, สตวารํ ตาเปตฺวา อุทเก ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฏสปฺปิ สตโธตสปฺปิ, รสรุธิรมํสเมทอฏฺิอฏฺิมิฺชสุกฺกา รสาทโย. ตตฺถ ปุริมา ตโย เตชา จตุสมุฏฺานา, ปจฺฉิโม กมฺมสมุฏฺาโนว.

เตโชภาวํ คตตฺตา เตโชคตํ. อุสฺมาติ อุณฺหากาโร. อุสฺมาว อุสฺมาภาวํ คตตฺตา อุสฺมาคตํ. อุสุมนฺติ จณฺฑอุสุมํ. ตเทว อุสุมคตํ, สภาเวเนว อุสุมภาวํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ. กฏฺคฺคีติ กฏฺุปาทาโน อคฺคิ. สกลิกคฺคีอาทีสุปิ เอเสว นโย. สงฺการคฺคีติ กจวรํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนอคฺคิ. อินฺทคฺคีติ อสนิอคฺคิ. สนฺตาโปติ ชาลาย วา วีตจฺจิตงฺคารานํ วา สนฺตาโป. สูริยสนฺตาโปติ อาตโป. กฏฺสนฺนิจยสนฺตาโปติ กฏฺราสึ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนสนฺตาโป. เสเสสุปิ เอเสว นโย. เอวํ วุตฺตา จาติ. จ-สทฺเทน เปตคฺคิกปฺปวินาสกคฺคินิรยคฺคิอาทิเก อวุตฺเตปิ สมุจฺจิโนติ.

วายํ วายโตติ เอตฺถ วายนฏฺเน วาโย. กิมิทํ วายนํ นาม? วิตฺถมฺภนํ, สมุทีรณํ วา, วายนํ คมนนฺติ เอเก. อุทฺธงฺคมา วาตาติ อุคฺคารหิกฺกาทิปวตฺตกา อุทฺธํ อาโรหนวาตา. อโธคมา วาตาติ อุจฺจารปสฺสาวาทินีหรณตา อโธ โอโรหนวาตา. กุจฺฉิสยา วาตาติ อนฺตานํ พหิวาตา. โกฏฺาสยา วาตาติ อนฺตานํ อนฺโตวาตา. องฺคมงฺคานุสาริโน วาตาติ ธมนีชาลานุสาเรน สกลสรีเร องฺคมงฺคานิ อนุสฏา สมิฺชนปสารณาทินิพฺพตฺตกา วาตา. สตฺถกวาตาติ สนฺธิพนฺธนานิ กตฺตริยา ฉินฺทนฺตา วิย ปวตฺตวาตา. ขุรกวาตาติ ขุเรน วิย หทยมํสเฉทนผาลนกวาตา. อุปฺปลกวาตาติ หทยมํสสฺส สมุปฺปาฏนกวาตา. อสฺสาโสติ อนฺโตปวิสนกนาสิกาวาโต. ปสฺสาโสติ พหินิกฺขมนนาสิกาวาโต. เอตฺถ จ ปุริมา สพฺเพ จตุสมุฏฺานา, อสฺสาสปสฺสาสา จิตฺตสมุฏฺานาว.

วาโยคตนฺติ วาโยว วาโยคตํ, สภาเวเนว วาโยภาวํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ. ถมฺภิตตฺตํ รูปสฺสาติ อวินิพฺโภครูปสฺส ถมฺภิตภาโว. ปุรตฺถิมา วาตาติ ปุรตฺถิมทิสโต อาคตา วาตา. ปจฺฉิมาทีสุปิ เอเสว นโย. สรชาทีสุ สห รเชน สรชา, รชวิรหิตา สุทฺธา อรชา. สีตอุตุสมุฏฺานา, สีตวลาหกนฺตเร วา ชาตา สีตา. อุณฺหอุตุสมุฏฺานา, อุณฺหวลาหกนฺตเร วา ชาตา อุณฺหา. ปริตฺตาติ มนฺทา ตนุกวาตา. อธิมตฺตาติ พลววาตา. กาฬาติ กาฬวลาหกนฺตเร สมุฏฺิตา. เยหิ อพฺภาหโต ฉวิวณฺโณ กาฬโก โหติ, เตสํ เอตํ อธิวจนนฺติปิ เอเก. เวรมฺภวาตาติ โยชนโต อุปริ วายนวาตา. ปกฺขวาตาติ อนฺตมโส มกฺขิกายปิ ปกฺขายูหนวาตา. สุปณฺณวาตาติ ครุฬวาตา. กามํ เจเตปิ ปกฺขวาตาว, อุสฺสทวเสน ปน วิสุํ คหิตา. ตาลวณฺฏวาตาติ ตาลวณฺเณหิ กเตน, อฺเหิ วา กเตน เกนจิ มณฺฑลสณฺาเนน สมุฏฺาปิตวาตา. วิธูปนวาตาติ พีชนปตฺตเกน สมุฏฺาปิตวาตา. อิมานิ จ ตาลวณฺฏวิธูปนานิ อนุปฺปนฺนมฺปิ วาตํ อุปฺปาเทนฺติ, อุปฺปนฺนมฺปิ ปริวตฺเตนฺติ. อิธาปิ -สทฺโท อุทกสนฺธารกวาตกปฺปวินาสกวาตชาลาเปลฺลนกวาตาทิเก อวุตฺเตปิ สมุจฺจิโนติ. เอตฺถ จ ‘‘อาปํ มฺตี’’ติอาทีสุ ยสฺมา ตีหิ มฺนาหิ – ‘‘อหํ อาโปติ มฺติ, มม อาโปติ มฺตี’’ติอาทินา ปถวีวาเร วุตฺตนเยน สกฺกา มฺนาวิภาโค วิภาเวตุนฺติ วุตฺตํ ‘‘เสสํ วุตฺตนยเมวา’’ติ. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อิเมสุ ตีสุ วาเรสุ ยถารหํ มฺนาวิภาโค วิภาเวตพฺโพ.

เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน อิมินา จตุวารปริมาเณน เทสนาวิเสเสน. -สทฺโท พฺยติเรโก. เตน วกฺขมานํเยว วิเสสํ โชเตติ. ยฺวายนฺติ โย อยํ ลกฺขโณ นาม หาโร วุตฺโตติ สมฺพนฺโธ. โส ปน ลกฺขณหาโร ยํลกฺขโณ ตตฺถ วุตฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วุตฺตมฺหิ เอกธมฺเมติ กุสลาทีสุ ขนฺธาทีสุ วา ยสฺมึ กสฺมิฺจิ เอกธมฺเม สุตฺเต สรูปโต นิทฺธารณวเสน วา กถิเต. เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เตนาติ เย เกจิ ธมฺมา กุสลาทิภาเวน, รูปกฺขนฺธาทิภาเวน วา เตน วุตฺตธมฺเมน สมานลกฺขณา. วุตฺตา ภวนฺติ สพฺเพติ สพฺเพปิ กุสลาทิสภาวา, ขนฺธาทิสภาวา วา ธมฺมา สุตฺเต อวุตฺตาปิ ตาย สมานลกฺขณตาย วุตฺตา ภวนฺติ, อาเนตฺวา สํวณฺณนวเสนาติ อธิปฺปาโย.

เอตฺถ จ เอกลกฺขณาติ สมานลกฺขณา วุตฺตา. เตน สหจริตา สมานกิจฺจตา สมานเหตุตา สมานผลตา สมานารมฺมณตาติ เอวมาทีหิปิ อวุตฺตานํ วุตฺตานํ วิย นิทฺธารณํ เวทิตพฺพํ. อิตีติ อิมินา ปกาเรน. เตนาห ‘‘เอวํ เนตฺติยํ ลกฺขโณ นาม หาโร วุตฺโต’’ติ, เนตฺติปาฬิยํ (เนตฺติ. ๒๓) ปน ‘‘เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เกจิ โส หาโร ลกฺขโณ นามา’’ติ ปาโ อาคโต. ตสฺส วเสนาติ ตสฺส ลกฺขณหารสฺส วเสน. รูปลกฺขณํ อนตีตตฺตาติ รุปฺปนสภาเวน สมานสภาวตฺตา. วทนฺเตน ภควตา. เอตาติ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอวํ วุตฺตทิฏฺี. เอตฺถ จ สกฺกายทิฏฺิมฺนาทสฺสเนเนว สกลรูปวตฺถุกา ตณฺหามานมฺนาปิ ทสฺสิตา เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ตสฺมึเยว ปนสฺส ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา’’ติ. อถ วา ปถวึ อาปํ เตชํ วายํ เมติ มฺติ อภินนฺทตีติ จ วทนฺเตน วุตฺตนเยเนว สกลรูปวตฺถุกา ตณฺหามฺนา ตทนุสาเรน มานมฺนาปิ วุตฺตาว โหตีติ เอวมฺเปตฺถ อิตรมฺนาปิ นิทฺธาเรตพฺพา.

อาโปวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ภูตวาราทิวณฺณนา

. ‘‘ปถวึ มฺติ, ปถวิยา มฺตี’’ติอาทีหิ ปเทหิ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, รูปสฺมึ อตฺตานํ สมนุปสฺสตี’’ติอาทีนํ สกฺกายทิฏฺีนํ นิทฺธาริตตฺตา วุตฺตํ ‘‘เอวํ รูปมุเขน สงฺขารวตฺถุกํ มฺนํ วตฺวา’’ติ. เตสุ สงฺขาเรสุ สตฺเตสุปีติ ตทุปาทาเนสุปิ สตฺเตสุ. ธาตูสูติ ปถวีอาทีสุ จตูสุ ธาตูสุ. ‘‘ชาตํ ภูตํ สงฺขต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๐๗; สํ. นิ. ๕.๓๗๙) ภูต-สทฺโท อุปฺปาเท ทิสฺสติ, สอุปสคฺโค ปน ‘‘ปภูตมริโย ปกโรติ ปุฺ’’นฺติอาทีสุ วิปุเล, ‘‘เยภุยฺเยน ภิกฺขูนํ ปริภูตรูโป’’ติอาทีสุ หึสเน, ‘‘สมฺภูโต สาณวาสี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๕๐) ปฺตฺติยํ, ‘‘อภิภูโต มาโร วิชิโต สงฺคาโม’’ติอาทีสุ วิมถเน, ‘‘ปราภูตรูโป โข อยํ อเจโล ปาถิกปุตฺโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๓, ๒๕, ๓๑, ๓๒) ปราชเย, ‘‘อนุภูตํ สุขทุกฺข’’นฺติอาทีสุ เวทิยเน, ‘‘วิภูตํ วิภาวิตํ ปฺายา’’ติอาทีสุ ปากฏีกรเณ ทิสฺสติ. เต สพฺเพ รุกฺขาทีสูติ. อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. ‘‘กาโล ฆสติ ภูตานีติ (ชา. ๑.๒.๑๙๐), ภูตา โลเก สมุสฺสย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๒๐; สํ. นิ. ๑.๑๘๖) จ อาทีสุ อวิเสเสน สตฺตวาจโกปิ ภูตสทฺโท, อุปริ เทวาทิปเทหิ สตฺตวิเสสานํ คหิตตฺตา อิธ ตทวสิฏฺา ภูตสทฺเทน คยฺหนฺตีติ อาห ‘‘โน จ โข อวิเสเสนา’’ติ. เตเนวาห – ‘‘จาตุมหาราชิกานฺหิ เหฏฺา สตฺตา อิธ ภูตาติ อธิปฺเปตา’’ติ. โย หิ สตฺตนิกาโย ปริปุณฺณโยนิโก จตูหิปิ โยนีหิ นิพฺพตฺตนารโห, ตตฺถายํ ภูตสมฺา อณฺฑชาทิวเสน ภวนโต.

ภูเตติ วุตฺตเทสอาเทสิเต ภูเต. ภูตโต สฺชานาตีติ อิมินา ‘‘ภูตา’’ติ โลกโวหารํ คเหตฺวา ยถา ตตฺถ ตณฺหาทิมฺนา สมฺภวนฺติ, เอวํ วิปรีตสฺาย สฺชานนํ ปกาสียติ. สฺวายมตฺโถ เหฏฺา ‘‘ปถวิโต สฺชานาตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน สกฺกา ชานิตุนฺติ อาห ‘‘วุตฺตนยเมวา’’ติ. ยถา สุทฺธาวาสา สพฺพทา อภาวโต อิมํ เทสนํ นารุฬฺหา, เอวํ เนรยิกาปิ สพฺพมฺนานธิฏฺานโต. เอเตเนว เอกจฺจเปตานมฺเปตฺถ อสงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อปเร ปน ‘‘ทิฏฺิมฺนาธิฏฺานโต เตสมฺเปตฺถ สงฺคโห อิจฺฉิโตเยวา’’ติ วทนฺติ. ‘‘สมงฺคิภูตํ ปริจาเรนฺต’’นฺติอาทินา สุตฺเต วุตฺตนเยน. รชฺชตีติ ‘‘สุภา สุขิตา’’ติ วิปลฺลาสคฺคาเหน ตตฺถ ราคํ ชเนติ. เอวเมตฺถ รชฺชนฺโต จ น เกวลํ ทสฺสนวเสเนว, สวนาทิวเสนปิ รชฺชเตวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิสฺวาปิ…เป… อุตฺวาปี’’ติ อาห. ตตฺถ ฆายนาทิวเสน รชฺชนํ เตหิ อนุภูตคนฺธมาลาทิวเสน เจว วิสภาควตฺถุภูตานํ เตสํ ปริโภควเสน จ ยถานุภวํ อนุสฺสรณวเสน จ เวทิตพฺพํ. เอวํ ภูเต ตณฺหามฺนาย มฺตีติ วุตฺตนเยน ภูเต ปฏิจฺจ ฉนฺทราคํ ชเนนฺโต เตสํ ปฏิปตฺตึ อสฺสาเทนฺโต อภินนฺทนฺโต อภิวทนฺโต อชฺโฌสาย ติฏฺนฺโต ‘‘อีทิสี อวตฺถา มม อนาคตมทฺธานํ สิยา’’ติอาทินา วา ปน นเยน ตตฺถ นนฺทึ สมนฺนาเนนฺโต ภูเต ตณฺหามฺนาย มฺตีติ อตฺโถ. อปฺปฏิลทฺธสฺส ขตฺติยมหาสาลาทิภาวสฺส, สมฺปตฺตึ วิปตฺตินฺติ ชาติวเสน อุกฺกฏฺฏนิหีนตํ. ทหตีติ เปติ. โย เอวรูโป มาโนติ โย เอโส ‘‘อยํ ปุพฺเพ มยา สทิโส, อิทานิ อยํ เสฏฺโ อยํ หีนตโร’’ติ อุปฺปนฺโน มาโน. อยํ วุจฺจติ มานาติมาโนติ อยํ ภาราติภาโร วิย ปุริมํ สทิสมานํ อุปาทาย มานาติมาโน นามาติ อตฺโถ.

นิจฺจาติอาทีสุ อุปฺปาทาภาวโต นิจฺจา, มรณาภาวโต ธุวา, สพฺพทา ภาวโต สสฺสตา. อนิจฺจปฏิปกฺขโต วา นิจฺจา, ถิรภาวโต ธุวา, สสฺสติสมตาย สสฺสตา, ชราทิวเสน วิปริณามสฺส อภาวโต อวิปริณามธมฺมาติ มฺติ. สพฺเพ สตฺตาติ โอฏฺโคณคทฺรภาทโย อนวเสสา สฺชนฏฺเน สตฺตา. สพฺเพ ปาณาติ ‘‘เอกินฺทฺริโย ปาโณ ทฺวินฺทฺริโย ปาโณ’’ติอาทิวเสน วุตฺตา อนวเสสา ปาณนฏฺเน ปาณา. สพฺเพ ภูตาติ อนวเสสา อณฺฑโกสาทีสุ ภูตา สฺชาตาติ ภูตา. สพฺเพ ชีวาติ สาลิยวโคธูมาทโย อนวเสสา ชีวนฏฺเน ชีวา. เตสุ หิ โส วิรูหภาเวน ชีวสฺี. อวสา อพลา อวีริยาติ เตสํ อตฺตโน วโส วา พลํ วา วีริยํ วา นตฺถีติ ทสฺเสติ. นิยติสงฺคติภาวปริณตาติ เอตฺถ นิยตีติ. นิยตตา, อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตอเภชฺชมณิ วิย อวิชหิตปกติตา. สงฺคตีติ ฉนฺนํ อภิชาตีนํ ตตฺถ สงฺคโม. ภาโวติ สภาโวเยว, กณฺฑกานํ ติขิณตา, กปิฏฺผลาทีนํ ปริมณฺฑลาทิตา, มิคปกฺขีนํ วิจิตฺตวณฺณาทิตาติ เอวมาทิโก. เอวํ นิยติยา จ สงฺคติยา จ ภาเว จ ปริณตา นานปฺปการตํ ปตฺตา. เยน หิ ยถา ภวิตพฺพํ, โส ตเถว ภวติ. เยน น ภวิตพฺพํ, โส น ภวตีติ ทสฺเสติ. ฉสฺเววาภิชาตีสูติ กณฺหาภิชาติอาทีสุ ฉสุ เอว อภิชาตีสุ ตฺวา สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทนฺติ, อฺา สุขทุกฺขภูมิ นตฺถีติ ทสฺเสติ. วา-สทฺเทน อนฺตาทิเภเท ทิฏฺาภินิเวเส สงฺคณฺหาติ.

อุปปตฺตินฺติ อิมินา ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตนิกาเย ภูตานํ สหพฺยตํ อากงฺขตีติ ทสฺเสติ. สุขุปฺปตฺตินฺติ อิมินา ปน ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปนฺนสฺส สุขุปฺปตฺตึ. เอกจฺเจ ภูเต นิจฺจาติอาทินา เอกจฺจสสฺสติกทิฏฺึ ทสฺเสติ. อหมฺปิ ภูเตสุ อฺตโรสฺมีติ อิมินา ปน จตุตฺถํ เอกจฺจสสฺสติกวาทํ ทสฺเสติ.

ยโต กุโตจีติ อิสฺสรปุริสาทิเภทโต ยโต กุโตจิ. เอกา ตณฺหามฺนาว ลพฺภตีติ อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยน อิตรมฺนานมฺปิ สมฺภโว นิทฺธาเรตพฺโพ. วุตฺตปฺปกาเรเยว ภูเต ตณฺหาทิฏฺีหิ อภินนฺทตีติอาทินา วตฺตพฺพตฺตา อาห ‘‘วุตฺตนยเมวา’’ติ. โยชนา กาตพฺพาติ ‘‘โย ภูตปฺตฺติยา อุปาทานภูเต ขนฺเธ ปริชานาติ, โส ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาตี’’ติอาทินา โยชนา กาตพฺพา. อปเร ปเนตฺถ ภูตคาโมปิ ภูต-สทฺเทน สงฺคหิโตติ รุกฺขาทิวเสนปิ มฺนาวิภาคํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺติ, ตถา มหาภูตวเสนปิ, ตํ อฏฺกถายํ นตฺถิ.

ภูมิวิเสสาทินา เภเทนาติ ภูมิวิเสสอุปปตฺติวิเสสาทิวิภาเคน. อิทฺธิยาติ ปุฺวิเสสนิพฺพตฺเตน อานุภาเวน. กิฺจาปิ เทว-สทฺโท ‘‘วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๑๐; ๓.๑๐๒; ๕.๑๔๖-๑๔๘; ม. นิ. ๑.๔๘๖; อ. นิ. ๑๐.๑๕; อิติวุ. ๒๗) อชฏากาเส อาคโต, ‘‘เทโว จ โถกํ โถกํ ผุสายตี’’ติอาทีสุ เมเฆ, ‘‘อยฺหิ เทว กุมาโร’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๔, ๓๕, ๓๖) ขตฺติเย อาคโต, ‘‘ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคิภูโต ปริจาเรติ เทโว มฺเ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๘๓; ม. นิ. ๒.๒๑๑) วิย อิธ อุปปตฺติเทเวสุ อาคโต, เทว-สทฺเทน ปน วตฺตพฺพสตฺเต อนวเสสโต อุทฺธริตฺวา ตโต อิธาธิปฺเปเต ทสฺเสตุํ ‘‘เต ติวิธา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสา ฉ กามาวจรา อิธ เทวาติ อธิปฺเปตา อิตเรสํ ปทนฺตเรหิ นิวตฺติตตฺตาติ อธิปฺปาโย. ภูตา เทวาติ คหิเตสุ สตฺเตสุ ตณฺหาทิมฺนานํ ปวตฺตากาเรนปิ ติวิธลกฺขณนฺติ อาห ‘‘ภูตวาเร วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา’’ติ.

‘‘อฺตรสฺส อุปาสกสฺส ปชาปติ อภิรูปา โหตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๖๘) ปชาปติ-สทฺโท ฆรณิยํ อาคโต, ‘‘ปชาปติ กามทายี สุวณฺณวณฺณา เม ปชา โหตู’’ติอาทีสุ ทิฏฺิคติกปริกปฺปิเต, ‘‘ปชาปติสฺส เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลเกยฺยาถา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) เทวเชฏฺเก, อิธ ปน อธิปตีติ วทนฺติ, ตํ อุปริ พฺรหฺมุโน คยฺหมานตฺตา เตสํ มติมตฺตํ. เทวานนฺติ จาตุมหาราชิกาทิเทวานํ. มหาราชาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สกฺกสุยามสนฺตุสฺสิตสุนิมฺมิตวสวตฺติโน คหิตา. เตสนฺติ มหาราชาทีนํ. สตฺตสงฺขาตายาติ กามภูมิยํ สตฺตสงฺขาตาย. ปชาปตินฺติ ปชาปติภาวํ. ปชาปติภาเวน หิ มานํ ชปฺเปนฺโต ปชาปตึ มานมฺนาย มฺตีติ วุตฺโต.

เอกา ทิฏฺิมฺนาว ยุชฺชตีติ วุตฺตํ, ปชาปติโน ปน สมิปตํ สโลกตํ วา อากงฺขโต, ตถาภาวาย จิตฺตํ ปณิทหโต, ตถาลทฺธพฺพาย สมฺปตฺติยา อตฺตโน เสยฺยาทิภาวํ ทหโต จ ตณฺหามานมฺนาปิ สมฺภวนฺตีติ สกฺกา วิฺาตุํ. เย จ ธมฺมาติ อายุวณฺณาทิเก วทติ. ปชาปตินฺติ เอตฺถาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยน อิตรมฺนานมฺปิ สมฺภโว เวทิตพฺโพ.

พฺรูหิโตติ ปริวุทฺโธ. คุณวิเสเสหีติ ฌานาทีหิ วิสิฏฺเหิ คุเณหิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมตาย. พฺรหฺม-สทฺทสฺส สติปิ อวิเสสโต วิสิฏฺวาจกตฺเต ยตฺถ ยตฺถ ปนสฺส คุณวิเสสยุตฺตาทิรูปา ปวตฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สหสฺโสติ สหสฺสิยา โลกธาตุยา อธิปติภูโต. ปมาภินิพฺพตฺโตติ ปณีเตน ปมฌาเนน นิพฺพตฺโต, ปมชฺฌานภูมิยํ วา ปมํ อภินิพฺพตฺโต. คหิตาติ เวทิตพฺพา ปธานคฺคหเณน อปฺปธานานมฺปิ เกนจิ สมฺพนฺเธน คหิตภาวสิทฺธิโต. เอตฺถ จ พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา อธิปฺเปโต. โส หิ วณฺณวนฺตตาย เจว ทีฆายุกตาย จ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีหิ มหนฺโต พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา, ตสฺส ปน ปุโรหิตฏฺาเน ิตาติ พฺรหฺมปุโรหิตา, ปริสายํ ภวา ปริจารกาติ พฺรหฺมปาริสชฺชาติ เวทิตพฺพา. อุกฺกฏฺเกปุคฺคลภาวโต ปชาปติสฺมึ วิย พฺรหฺมนิ มฺนา วตฺตตีติ วุตฺตํ ‘‘ปชาปติวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา’’ติ. ตถา หิ พหุปุคฺคลภาวสามฺโต อาภสฺสรวาราทีนํ ภูตวารสทิสตา วุตฺตา.

ยถาวุตฺตปภาย อาภาสนสีลา วา อาภสฺสรา. เอกตลวาสิโนติ อิทํ ฌานนฺตรภูมีนํ วิย เหฏฺุปริภาวาภาวโต วุตฺตํ, านานิ ปน เนสํ ปริจฺฉินฺนาเนว. อาภสฺสเรหิ ปริตฺตา อาภา เอเตสนฺติ ปริตฺตาภา. อปฺปมาณา อาภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณาภา.

สุภาติ โสภนา ปภา. กฺจนปิณฺโฑ วิย สสฺสิริกา กฺจนปิณฺฑสสฺสิริกา. ตตฺถ โสภนาย ปภาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตพฺเพ ภา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ, อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตา. สุภาติ จ เอกคฺฆนา นิจฺจลา ปภา วุจฺจติ, ปริตฺตา สุภา เอเตสนฺติ ปริตฺตสุภา. อปฺปมาณา สุภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณสุภา.

วิปุลผลาติ วิปุลสนฺตสุขายุวณฺณาทิผลา.

สติปิ เทวพฺรหฺมาทีนํ ปุฺผเลน ฌานผเลน จ ปฏิปกฺขาภิภเว เยสํ ปน ปุถุชฺชนอสฺสตฺเตสุ อภิภูโวหาโร ปากโฏ นิรุฬฺโห จ, เตสํ วเสนายํ เทสนา ปวตฺตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อสฺภวสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. ยถา ปชาปติวาเร ‘‘อิเธกจฺโจ ปชาปติสฺมึเยวา’’ติอาทินา มฺนาปวตฺติ ทสฺสิตา, ตถา อิธาปิ ตํ ทสฺเสตุํ สกฺกาติ อาห ‘‘เสสํ ปชาปติวาเร วุตฺตนยเมวา’’ติ.

ภูตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อากาสานฺจายตนวาราทิวณฺณนา

. เอวํ สตฺตวเสน ภูมิกฺกมทสฺสเน สุทฺธาวาสานํ อคฺคหเณ การณํ นิทฺธาเรนฺโต ‘‘เอวํ ภควา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนาคามิขีณาสวาติ อนาคามิโน จ ขีณาสวา จ. กิฺจาปิ สุทฺธาวาสา อตฺเถว อเนกกปฺปสหสฺสายุกา, อุกฺกํสปริจฺเฉทโต ปน โสฬสกปฺปสหสฺสายุกาว, น ตโต ปรนฺติ อาห ‘‘กติปยกปฺปสหสฺสายุกา’’ติ. กามรูปภเวสุ ปวตฺตมานาปิ อากาสานฺจายตนาทิธมฺมา อรูปาวจรภาวโต ตํภูมิกโวหารํ น ลภนฺตีติ ‘‘ตตฺรูปปนฺนาเยวา’’ติ อวธาเรตฺวา วุตฺตํ. อภิภูวาเร วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา ยถารหนฺติ อธิปฺปาโย. น เหตฺถ วณฺณวนฺตตาทิ สมฺภวตีติ. ปชาปติวาเร วุตฺตนเยนาติ เอตฺถ ‘‘อหมสฺมิ อรูโป ปหีนรูปปฏิฆสฺโ’’ติอาทินา มานมฺนา เวทิตพฺพา.

อากาสานฺจายตนวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทิฏฺสุตวาราทิวณฺณนา

. รูปมุเขน มฺนาวตฺถุทสฺสนํ สงฺเขโปติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘วิตฺถารโตปี’’ติ. ตมฺปิ หิ ‘‘ยตฺถ เนว ปถวี, น อาโป, น เตโช, น วาโย, น อากาสานฺจายตน’’นฺติอาทิคฺคหณํ วิย สงฺเขปโต ปฺจโวการภวทสฺสนํ โหตีติ.

ทิฏฺนฺติ ยํ จกฺขุทฺวาเรน กตทสฺสนกิริยาสมาปนํ, ยฺจ จกฺขุ ทฺวยํ ปสฺสติ ปสฺสิสฺสติ สติ สมฺภเว ปสฺเสยฺย, ตํ สพฺพกาลนฺติ วิเสสวจนิจฺฉาย อภาวโต ทิฏฺนฺเตว วุตฺตํ ยถา ‘‘ทุทฺธ’’นฺติ. เตนาห ‘‘รูปายตนสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. อยฺจ นโย สุตาทีสุปิ โยเชตพฺโพ. สตฺตาติ รูปาทีสุ สตฺตา วิสตฺตาติ สตฺตา. สฺชนฏฺเน สามฺสทฺโทปิ เจส สตฺต-สทฺโท ‘‘อิตฺถิรูเป’’ติ วิสยวิเสสิตตฺตา อิธ ปุริสวาจโก ทฏฺพฺโพ. รตฺตาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามการเกน ฉนฺทราเคน รตฺตา สารตฺตา. คิทฺธาติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิคิชฺฌเนน คิทฺธา เคธํ อาปนฺนา. คธิตาติ คนฺถิตา วิย โลเภน ทุมฺโมจนียภาเวน อารมฺมเณ ปฏิพทฺธา. มุจฺฉิตาติ กิเลสวเสน วิสฺีภูตา วิย อนฺกิจฺจา มุจฺฉํ โมหํ อาปนฺนา. อชฺโฌสนฺนาติ วิสเย อฺสาธารเณ วิย กตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฏฺาเปตฺวา วิย ิตา. อิมินาติ สุวณฺณวณฺณาทิอากาเรน. มงฺคลํ อมงฺคลนฺติ อีทิสํ ทิฏฺํ มงฺคลํ, อีทิสํ อมงฺคลนฺติ. รูปสฺมึ อตฺตานํ สมนุปสฺสนนเยนาติ อิทํ เวทนาทิอรูปธมฺเม, รูปายตนวินิมุตฺตสพฺพธมฺเม วา อตฺตโต คเหตฺวา ตโต อชฺฌตฺติกํ, พาหิรํ วา รูปายตนํ ตสฺโสกาสภาเวน ปริกปฺเปตฺวา ‘‘โส โข ปน เม อยํ อตฺตา อิมสฺมึ รูปายตเน’’ติ มฺนฺโต ทิฏฺสฺมึ มฺตีติ อิมํ นยํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ปถวิโต มฺตี’’ติอาทีสุ ยถา ‘‘สอุปกรณสฺส อตฺตโน วา ปรสฺส วา’’ติอาทิมฺนาปวตฺติ ทสฺสิตา, เอวํ ‘‘ทิฏฺโต มฺตี’’ติอาทีสุ สกฺกา ตํ ทสฺเสตุนฺติ อาห ‘‘เตสํ ปถวีวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ.

อาหจฺจาติ วิสยํ อนฺวาย, ปตฺวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุปคนฺตฺวา’’ติ. อฺมฺสํสิเลเสติ จกฺขุรูปโสตสทฺทา วิย ทุเร อหุตฺวา อฺมฺํ อลฺลิยเน.

มนสา วิฺาตํ เกวลนฺติ อตฺโถ. อิตรานิปิ หิ มนสา วิฺายนฺตีติ. เสเสหิ สตฺตหิ อายตเนหิ ปฺตฺติยา อสงฺคหิตตฺตา ตมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมารมฺมณสฺส วา’’ติ วุตฺตํ. ทฺวีสุปิ วิกปฺเปสุ โลกุตฺตรานมฺปิ สงฺคโห อาปนฺโนติ อาห ‘‘อิธ ปน สกฺกายปริยาปนฺนเมว ลพฺภตี’’ติ. วิตฺถาโรติ มฺนานํ ปวตฺตนาการวิตฺถาโร. เอตฺถาติ เอเตสุ สุตวาราทีสุ.

ทิฏฺสุตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกตฺตวาราทิวณฺณนา

. สมาปนฺนกวาเรนาติ สมาปนฺนกปฺปวตฺติยา, รูปาวจรารูปาวจรฌานปฺปวตฺติยาติ อตฺโถ. สา หิ เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ เอกากาเรน ปวตฺตตีติ กตฺวา ‘‘เอกตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวฺจ กตฺวา วิปากชฺฌานปฺปวตฺติปิ อิธ สมาปนฺนกวารคฺคหเณเนว คหิตาติ ทฏฺพฺพา. อสมาปนฺนกวาเรนาติ กามาวจรธมฺมปฺปวตฺติยา. อุปจารชฺฌาเนนปิ หิ จิตฺตํ น สมฺมา เอกตฺตํ คตนฺติ วุจฺจตีติ.

โยชนาติ มฺนาโยชนา. ภินฺทิตฺวาติ วิภชิตฺวา. สาสนนเยนาติ ปาฬินเยน. ตตฺถ ‘‘เอกตฺตํ มฺตี’’ติอาทีสุ ‘‘เวทนํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา นเยน, ‘‘นานตฺตํ มฺตี’’ติอาทีสุ ปน ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺตวิธึ อนุคนฺตฺวา มฺนา เวทิตพฺพา.

ปถวีวาราทีสุ วุตฺเตน จ อฏฺกถานเยนาติ ‘‘อหํ เวทนาติ มฺติ, มม เวทนาติ มฺตี’’ติอาทินา, ‘‘อหํ รูปนฺติ มฺติ, มม รูปนฺติ มฺตี’’ติอาทินา จาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยถานุรูปํ วีมํสิตฺวา’’ติ, เอกตฺตนานตฺตภาเวสุ โย โยชนานโย สมฺภวติ, ตทนุรูปํ วิจาเรตฺวาติ อตฺโถ. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. อปเรติ สารสมาสาจริยา. ทิฏฺาภินิเวสํ วทนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ปุถุชฺชนสฺส มฺนา นาม สกฺกายํ ภินฺทิตฺวาว ยถาอุปฏฺิตวิสยวเสเนว ปวตฺตตีติ น ตตฺถ อยเมกตฺตนโย อยํ นานตฺตนโยติ วิภาควเสเนว, เอกตฺตสฺี อตฺตา โหตีติอาทีสุ จ อตฺตโน เอกตฺตนานตฺตสฺิตา วุตฺตา, น ปน เอกตฺตํ นานตฺตนฺติ เอวํ ปวตฺตสฺส ทิฏฺาภินิเวสสฺส เอกตฺตนานตฺตภาโวติ เอวเมตฺถ ตทุภยสฺส อิธ อนธิปฺเปตภาโว ทฏฺพฺโพ.

ยํ ยถาวุตฺตปุถุชฺชโน อนวเสสโต คณฺหนฺโต คเหตุํ สกฺโกติ, ตํ ตสฺส อนวเสสโต คเหตพฺพตํ อุปาทาย ‘‘สพฺพ’’นฺติ วุจฺจตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเมวา’’ติ อาห, สกฺกายสพฺพนฺติ อตฺโถ. สพฺพสฺมิมฺปิ เตภูมกธมฺเม อาทีนวทสฺสเน อสติ นิพฺพิทาภาวโต อสฺสาทานุปสฺสนาย ตณฺหา วฑฺฒเตวาติ อาห ‘‘สพฺพํ อสฺสาเทนฺโต สพฺพํ ตณฺหามฺนาย มฺตี’’ติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘สํโยชนิเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๓, ๕๗). ‘‘สพฺพมิทํ มยา นิมฺมิต’’นฺติ เตน นิมฺมิตมฺนาย อตฺตานํ เสยฺยาทิโต ทหนฺโต เตน มาเนน นิมฺมิตํ มฺติเยว นาม นิมฺมิตมฺนาย วินา ตถามานุปฺปตฺติยา อภาวโตติ อาห ‘‘อตฺตนา นิมฺมิตํ มฺนฺโต สพฺพํ มานมฺนาย มฺตี’’ติ. สพฺพํ นตฺถีติอาทินา นเยนาติ อาทิ-สทฺเทน นิยติวาทาทิเก สงฺคณฺหาติ. มหา เม อตฺตาติ อิมินา สพฺพโต อตฺตโน วิภูติปวตฺติวาทํ ทสฺเสติ. ‘‘สพฺพํ สพฺพตฺถก’’นฺติ ทิฏฺิวเสน – ‘‘อหํ สพฺพสฺมึ มยฺหํ กิฺจนํ ปลิโพโธ สพฺพสฺมึ, ปโร สพฺพสฺมึ ปรสฺส กิฺจนํ ปลิโพโธ สพฺพสฺมิ’’นฺติอาทินา นเยนเปตฺถ มฺนา สมฺภวตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เสสํ ปถวีวาเร วุตฺตนเยน เวทิตพฺพ’’นฺติ. อปิจ ‘‘สพฺโพยํ โลโก ปุริสมโย’’ติ เอวํทิฏฺิโก ปุริสสงฺขาตโต สพฺพโต, อตฺตโน อุปฺปตฺตึ วา นิคฺคมนํ วา มฺนฺโต ทิฏฺิมฺนาย สพฺพโต มฺติ, ตสฺมึเยว ปน ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามฺนา มานมฺนา จ เวทิตพฺพา. ตํเยว ปน สพฺพํ มยฺหํ อตฺตา กตฺตา สามีติ วา มฺนฺโต ‘‘สพฺพํ เม’’ติ มฺติ, ตถายํ ทิฏฺิตณฺหาภินนฺทนาหิ อภินนฺทนฺโต สพฺพํ อภินนฺทตีติ เอวมฺเปตฺถ มฺนานํ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.

นฺติ สกฺกายํ. อุกฺกํสคตสุขสหิตฺหิ ขนฺธปฺจกํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาที นิพฺพานนฺติ มฺติ, ตํ ปนตฺถโต สกฺกาโยเยวาติ. เอกธาติ ปฺจวิธมฺปิ นิพฺพานภาเวน เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํ. ยโตติ ยสฺมา. ปฺจหิ กามคุเณหีติ มนาปิยรูปาทีหิ ปฺจหิ กามโกฏฺาเสหิ, พนฺธเนหิ วา. สมปฺปิโต สุฏฺุ อปฺปิโต อลฺลีโน หุตฺวา ิโต. สมงฺคิภูโตติ สมนฺนาคโต. ปริจาเรตีติ เตสุ กามคุเณสุ กามโกฏฺาเสสุ ยถาสุขํ อินฺทฺริยานิ จาเรติ สฺจาเรติ อิโต จิโต จ อุปเนติ. อถ วา ลฬติ รมติ กีฬติ. เอตฺถ ทฺวิธา กามคุณา มานุสกา เจว ทิพฺพา จ. มานุสกา จ มนฺธาตุกามคุณสทิสา, ทิพฺพา ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทวราชสฺส กามคุณสทิสา. เอวรูเป กาเม อุปคตานฺหิ เต ทิฏฺธมฺมนิพฺพานสมฺปตฺตึ ปฺเปนฺติ. เตนาห ‘‘เอตฺตาวตา โข…เป… โหตี’’ติ. ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺขธมฺโม วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ปฏิลทฺธตฺตภาวสฺเสตํ อธิวจนํ, ทิฏฺธมฺเม นิพฺพานํ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ทุกฺขวูปสมนํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ. ปรมํ อุตฺตมํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานนฺติ ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ, ตํ ปตฺโต โหตีติ อตฺโถ. ปฺจธา อาคตนฺติ ยถาวุตฺตกามคุณสุขสฺส เจว จตุพฺพิธรูปาวจรชฺฌานสุขสฺส จ วเสน ปาฬิยํ ปฺจปฺปกาเรน อาคตํ. นิพฺพานํ อสฺสาเทนฺโตติ ปรมํ สุขํ นิสฺสรณนฺติ มฺนาย อสฺสาเทนฺโต.

‘‘อิมสฺมึ นิพฺพาเน ปตฺเต น ชายติ, น ชีรติ, น มียตี’’ติ เอวมฺปิ นิพฺพานสฺมึ มฺติ. ‘‘อิโต ปรํ ปรมสฺสาสภูตํ นตฺถี’’ติ คณฺหนฺโต นิพฺพานโต มฺติ. ตยิทํ นิพฺพานํ มยา อธิคตํ, ตสฺมา ‘‘นิพฺพานํ เม’’ติ มฺติ. ตโตเยว ตํ นิพฺพานํ ทิฏฺาภินนฺทนาย อภินนฺทติ. อยํ ตาเวตฺถ ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปน ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ นิทฺธาเรตพฺพา.

ยาทิโสติ ยถารูโป, เยหิ เชคุจฺฉาทิสภาเวหิ ปสฺสิตพฺโพติ อตฺโถ. เอสาติ อยํ. เตนสฺส อตฺตโน สุณนฺตานฺจ ปจฺจกฺขสิทฺธตมาห. อสุภาทิสภาเวน สห วิชฺชมานานํ รูปาทิธมฺมานํ กาโย สมูโหติ สกฺกาโย, อุปาทานกฺขนฺธา. ตถาติ ตสฺส ภาวภูเตน ปฏิกูลตาทิปฺปกาเรน. สพฺพมฺนาติ ปถวีอาทิเก สรูปาวธารณาทิวิภาคภินฺเน วิสเย ปวตฺติยา อเนกวิหิตา สพฺพา ตณฺหามฺนา.

เชคุจฺโฉติ ชิคุจฺฉนีโย. เตนสฺส อสุภาชฺทุคฺคนฺธปฏิกูลภาวํ ทสฺเสติ. สิทุโรติ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาโว. เตนสฺส อนิจฺจอทฺธุวขยวยปภงฺคุรสภาวํ ทสฺเสติ. อยนฺติ สกฺกาโย. ทุกฺโขติ น สุโข. เตนสฺส กิจฺฉกสิราพาธทุกฺขวุตฺติตํ ทสฺเสติ. อปริณายโกติ ปริณายกรหิโต. เตนสฺส อตฺตสุฺอสารวุตฺติตํ ทสฺเสติ. นฺติ สกฺกายํ. ปจฺจนีกโตติ สภาวปฏิปกฺขโต, สุภนิจฺจสุขอตฺตาทิโตติ อตฺโถ. คณฺหนฺติ คณฺหนฺโต, ตตฺถ สุภาทิคาหวเสน อภินิวิสนฺโตติ อตฺโถ.

อิทานิ ติสฺโสปิ มฺนา อุปมาหิ วิภาเวตุํ ‘‘สุภโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา มหาปริฬาเห วิปุลานตฺถาวเห จ อคฺคิมฺหิ สลภสฺส ปตนํ สุภสุขสฺาย, เอวํ ตาทิเส สกฺกาเย สลภสฺส ตณฺหามฺนาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สุภโต…เป… ตณฺหาย มฺนา’’ติ อิมินา.

คูถาที กีฏโก คูถราสึ ลทฺธา อสมฺปนฺเนปิ ตสฺมึ สมฺปนฺนาการํ ปวตฺตยมาโน อตฺตานํ อุกฺกํเสติ, เอวมเนกาทีนเว เอกนฺตเภทินิ สกฺกาเย นิจฺจสฺํ อุปฏฺเปตฺวา สมฺปตฺติมเทน ตตฺถ พาโล มานํ ชปฺเปตีติ อิมมตฺถมาห ‘‘นิจฺจสฺํ…เป… มาเนน มฺนา’’ติ.

ยถา พาโล มุทฺธธาตุโก สมฺมูฬฺโห โกจิ อาทาเส อตฺตโน ปฏิพิมฺพํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มฺเ อาทาสสามิโก, ยทิ อหมิมํ คเหตฺวา ติฏฺเยฺยํ, อนตฺถมฺปิ เม กเรยฺยา’’ติ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายนฺโต ตตฺถ อวิชฺชมานเมว กิฺจิ วิชฺชมานํ กตฺวา คณฺหิ, ตถูปโม อยํ พาโล สกฺกาเย อตฺตตฺตนิยคาหํ คณฺหนฺโตติ อิมมตฺถํ ทีเปติ ‘‘อตฺตา…เป… ทิฏฺิยา โหติ มฺนา’’ติ อิมินา.

สุขุมํ มารพนฺธนํ เวปจิตฺติพนฺธนโตปิ สุขุมตรตฺตา. เตนาห ภควา ‘‘อโห สุขุมตรํ โข, ภิกฺขเว, มารพนฺธน’’นฺติ.

พหุนฺติ อติวิย, อเนกกฺขตฺตุํ วา. วิปฺผนฺทมาโนปิ สกฺกายํ นาติวตฺตติ สํสารํ นาติวตฺตนโต. ยถาห ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, สมณา สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปนฺติ, เต, สกฺกายํเยว อนุปริธาวนฺติ เสยฺยถาปิ สา คทฺทุลพนฺธโน’’ติอาทิ. ยถา หิ สตฺตสุปิ อุจฺเฉทวิกปฺเปสุ สํสารนายิกานํ ตณฺหาทิฏฺีนํ ปหานํ สมฺภวติ, เอวํ สสฺสตวิกปฺเปสุปีติ กถฺจิ ปน ทิฏฺิคติกสฺส ภววิปฺปโมกฺโข. เตน วุตฺตํ ‘‘สกฺกายํ นาติวตฺตตี’’ติ.

สโสติ โส เอโส ปุถุชฺชโน. นิจฺจนฺติ สพฺพกาลํ.

นฺติ ตสฺมา สกฺกายมลีนสฺส ชาติยาทีนมนติวตฺตนโต. อสาตโตติ ทุกฺขโต.

ปสฺสํ เอวมิมนฺติ อสุภานิจฺจทุกฺขานตฺตสภาวํ ตํ สกฺกายํ วุตฺตปฺปกาเรน ยถาภูตวิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ปสฺสนฺโต. ปหายาติ สมุจฺเฉทวเสน สพฺพา มฺนาโย ปชหิตฺวา. สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ สกลสฺมาปิ วฏฺฏทุกฺขโต ปมุจฺจตีติ.

เอกตฺตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมนยวณฺณนา นิฏฺิตา.

เสกฺขวารทุติยนยวณฺณนา

. อธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส อนิยเมตฺวา วจนํ อุทฺเทโส, นิยเมตฺวา วจนํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘โยติ อุทฺเทสวจนํ, โสติ นิทฺเทสวจน’’นฺติ. สมฺปิณฺฑนตฺโถติ สมุจฺจยตฺโถ. สมฺปิณฺฑนฺจ สภาคตาวเสน โหตีติ อาห – ‘‘อารมฺมณสภาเคนา’’ติ, อารมฺมณสฺส สภาคตาย สทิสตายาติ อตฺโถ. เสกฺขํ ทสฺเสติ สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต, เสกฺขวิสยตฺตา จ ตสฺส วจนสฺส.

เกนฏฺเนาติ ยสฺมา าเณน อรณียโต อตฺโถ สภาโว, ตสฺมา เกนฏฺเน เกน สภาเวน เกน ลกฺขเณน เสกฺโข นาม โหตีติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน เสกฺขธมฺมาธิคเมน ปุคฺคเล เสกฺขโวหารปฺปวตฺติ, ตสฺมา ‘‘เสกฺขธมฺมปฏิลาภโต เสกฺโข’’ติ วุตฺตํ. เสกฺขธมฺมา นาม จตูสุ มคฺเคสุ, เหฏฺิเมสุ จ ตีสุ ผเลสุ สมฺมาทิฏฺิอาทโย. เตนาห ‘‘เสกฺขาย สมฺมาทิฏฺิยา…เป… เอตฺตาวตา โข ภิกฺขุ เสกฺโข โหตี’’ติ. เอวํ อภิธมฺมปริยาเยน เสกฺขลกฺขณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สุตฺตนฺติกปริยาเยนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สิกฺขตีติ อิมินา สิกฺขาตฺตยสมงฺคี อปรินิฏฺิตสิกฺโข เสกฺโขติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘สิกฺขตี’’ติอาทิ. สิกฺขาหิ นิจฺจสมาโยคทีปนตฺถฺเจตฺถ ‘‘สิกฺขติ สิกฺขตี’’ติ อาเมฑิตวจนํ. อถ วา สิกฺขนํ สิกฺขา, สา เอตสฺส สีลนฺติ เสกฺโข. โส หิ อปริโยสิตสิกฺขตฺตา ตทธิมุตฺตตฺตา จ เอกนฺเตน สิกฺขนสีโล, น อเสกฺโข วิย ปรินิฏฺิตสิกฺโข ตตฺถ ปฏิปฺปสฺสทฺธุสฺสุกฺโก, นาปิ วิสฺสฏฺสิกฺโข ปจุรชโน วิย ตตฺถ อนธิมุตฺโต. อถ วา อริยาย ชาติยา ตีสุ สิกฺขาสุ ชาโต, ตตฺถ วา ภโวติ เสกฺโข. อถ วา อิกฺขติ เอตายาติ อิกฺขา, มคฺคผลสมฺมาทิฏฺิ. สห อิกฺขายาติ เสกฺโข.

อนุโลมปฏิปทาย ปริปูรการีติ ยา สา สีลาทิกา วิปสฺสนนฺตา ทุกฺขนิโรธคามินิยา โลกุตฺตราย ปฏิปทาย อนุโลมนโต อนุโลมปฏิปทา, ตสฺสา สมฺปาทเนน ปริปูรการีติ. อิทานิ ตํ ปฏิปทํ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน ทสฺเสตุํ ‘‘สีลสมฺปนฺโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สีลสมฺปนฺโนติ ปาติโมกฺขสํวรสีเลน สมนฺนาคโต, ปริปุณฺณปาติโมกฺขสีโล วา. ปาติโมกฺขสีลฺหิ อิธ ‘‘สีล’’นฺติ อธิปฺเปตํ ปธานภาวโต. รูปาทิอารมฺมเณสุ อภิชฺฌาทีนํ ปวตฺตินิวารณสงฺขาเตน มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ปิธาเนน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร. ปริเยสนาทิวเสน โภชเน ปมาณชานเนน โภชเน มตฺตฺู. วิคตถินมิทฺโธ หุตฺวา รตฺตินฺทิวํ กมฺมฏฺานมนสิกาเร ยุตฺตตาย ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต. กถํ ปน ชาคริยานุโยโค โหตีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺพรตฺตา…เป… วิหรตี’’ติ วุตฺตํ. ยถาห ‘‘กถฺจ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต โหติ? อิธ ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน…เป… โสเธติ, เอวํ โข ภิกฺขุ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต โหตี’’ติ (วิภ. ๕๑๙). อิมสฺมึ ปนตฺเถติ ‘‘มฺติ, น มฺตี’’ติ จ วตฺตพฺพภาวสงฺขาเต อตฺเถ. โน ปุถุชฺชโน อธิปฺเปโต ‘‘อปฺปตฺตมานโส, อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ ปตฺถยมาโน’’ติ จ วุตฺตตฺตา.

สมฺปยุตฺตตฺตา มนสิ ภโวติ ราโค มานโส, มโน เอว มานสนฺติ กตฺวา จิตฺตํ มานสํ, อนวเสสโต มานํ สียติ สมุจฺฉินฺทตีติ อคฺคมคฺโค มานสํ, ตนฺนิพฺพตฺตตฺตา ปน อรหตฺตสฺส มานสตา ทฏฺพฺพา. ชเนสุตาติ ชเน สกลสตฺตโลเก วิสฺสุตา, ปตฺถฏยสาติ อตฺโถ.

นตฺถิ อิโต อุตฺตรนฺติ อนุตฺตรํ. ตํ ปน สพฺพเสฏฺํ โหนฺตํ เอกนฺตโต สทิสรหิตเมว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ, อสทิสนฺติ อตฺโถ’’ติ. ปตฺถยมานสฺสาติ ตณฺหายนฺตสฺส. ปชปฺปิตานีติ มานชปฺปนานิ. ยสฺมิฺหิ วตฺถุสฺมึ ตณฺหายนา ปตฺถยมานมฺนา สมฺภวติ, ตสฺมึเยว ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทีนิ ปชปฺปิตานิ สมฺภวนฺตีติ อธิปฺปาโย. ปเวธีตนฺติ ปริวาสิตํ. ปกปฺปิเตสูติ ตณฺหาทิฏฺิกปฺเปหิ ปริกปฺปิเตสุ อารมฺมเณสุ. โสตนฺติ กิเลสโสตํ. ตสฺมิฺหิ ฉินฺเน อิตรโสตํ ฉินฺนเมวาติ. วิทฺธสฺตนฺติ วินาสิตํ. ตฺจ โข โลมหํสมตฺตมฺปิ อเสเสตฺวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วินฬีกต’’นฺติ, วิคตาวเสสํ กตนฺติ อตฺโถ. อธิมุตฺติยา อิธาธิปฺเปตปตฺถนา ปากฏา โหตีติ ‘‘ตนฺนินฺโน’’ติอาทิ วุตฺตํ, น ปน กุสลจฺฉนฺทสฺส อธิมุตฺติภาวโต. อธิมุจฺจนฺโตติ โอกปฺเปนฺโต.

สพฺพาการวิปรีตายาติ ‘‘สุภํ สุขํ นิจฺจ’’นฺติอาทีนํ สพฺเพสํ อตฺตนา คเหตพฺพาการานํ วเสน ตพฺพิปรีตตาย, อนวเสสโต ธมฺมสภาววิปรีตาการคาหินิยาติ อตฺโถ. อภิวิสิฏฺเน าเณนาติ อสมฺปชานนมิจฺฉาชานนานิ วิย น ธมฺมสภาวํ อปฺปตฺวา นาปิ อติกฺกมิตฺวา, อถ โข อวิรชฺฌิตฺวา ธมฺมสภาวสฺส อภิมุขภาวปฺปตฺติยา อภิวิสิฏฺเน าเณน, าตปริฺาธิฏฺานาย ตีรณปริฺาย ปหานปริฺเกเทเสน จาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปถวีติ…เป… วุตฺตํ โหตี’’ติ. ปถวีภาวนฺติ ปถวิยํ อภิฺเยฺยภาวํ. ลกฺขณปถวี หิ อิธาธิปฺเปตา, ปริฺเยฺยภาโว ปนสฺสา ‘‘อนิจฺจาติปี’’ติอาทินา คหิโตติ. อภิฺตฺวาติ าตตีรณปหานปริฺาหิ เหฏฺิมมคฺคาเณหิ จ อภิชานิตฺวา. มามฺีติ อปฺปหีนานํ มฺนานํ วเสน มาติ มฺตีติ มา, ปหีนานํ ปน วเสน น มฺตีติ อมฺี, มา จ โส อมฺี จ มามฺีติ เอวเมตฺถ ปทวิภาคโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ เยน ภาเคน อมฺี, เตน มฺีติ น วตฺตพฺโพ. เยน ปน ภาเคน มฺี, เตน อมฺีติ น วตฺตพฺโพติ. เอวํ ปฏิกฺเขปปฺปธานํ อตฺถํ ทสฺเสตุํ อฏฺกถายํ ‘‘มฺี จ น มฺี จ น วตฺตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ปฏิกฺเขปปฺปธานตา เจตฺถ ลพฺภมานานมฺปิ มฺนานํ ทุพฺพลภาวโต เวทิตพฺพา. เตเนวาห – ‘‘อิตรา ปน ตนุภาวํ คตา’’ติ. มาติ จ นิปาตปทเมตํ, อเนกตฺถา จ นิปาตาติ อธิปฺปาเยน ‘‘เอตสฺมิฺหิ อตฺเถ อิมํ ปทํ นิปาเตตฺวา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. นิปาเตตฺวาติ จ ปกติอาทิวิภาคนิทฺธารเณ อนุมานนยํ มุฺจิตฺวา ยถาวุตฺเต อตฺเถ ปจฺจกฺขโตว ทสฺเสตฺวาติ อตฺโถ. ปุถุชฺชโน วิยาติ เอเตนสฺส อุปริมคฺควชฺฌตณฺหามานวเสน มฺนา น ปฏิกฺขิตฺตาติ ทีเปติ.

อถ วา มา มฺีติ ปริกปฺปกิริยาปฏิกฺเขปวจนเมตํ ‘‘มา รนฺธยุํ, มา ชีรี’’ติอาทีสุ วิย, น มฺเยฺยาติ วุตฺตฺโหติ. ยถา หิ ปุถุชฺชโน สพฺพโส อปฺปหีนมฺนตฺตา ‘‘มฺติ’’จฺเจว วตฺตพฺโพ, ยถา จ ขีณาสโว สพฺพโส ปหีนมฺนตฺตา น มฺติ เอว, น เอวํ เสกฺโข. ตสฺส หิ เอกจฺจา มฺนา ปหีนา, เอกจฺจา อปฺปหีนา, ตสฺมา อุภยภาวโต อุภยถาปิ น วตฺตพฺโพ. นนุ จ อุภยภาวโต อุภยถาปิ วตฺตพฺโพติ? น. ยา หิ อปฺปหีนา, ตาปิสฺส ตนุภาวํ คตาติ ตาหิปิ โส น มฺเยฺย วิภูตตราย มฺนาย อภาวโต, ปเคว อิตราหิ. เตนาห ภควา ‘‘มา มฺี’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มา มฺีติ ปริกปฺปกิริยาปฏิกฺเขปวจนเมตํ ‘มา รนฺธยุํ, มา ชีรี’ติอาทีสุ วิย, น มฺเยฺยาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. อยฺจสฺส อมฺนา วตฺถุโน ปริฺเยฺยตฺตา, น อเสกฺขสฺส วิย ปริฺาตตฺตา. ยฺหิ เอกนฺตโต ปริชานิตพฺพํ ปริชานิตุํ สกฺกา, น ตตฺถ ตพฺพิธุเร วิย ปุถุชฺชนสฺส มฺนา สมฺภวนฺติ. เตนาห ‘‘ปริฺเยฺยํ ตสฺสาติ วทามี’’ติ.

โอกฺกนฺตนิยามตฺตาติ อนุปวิฏฺสมฺมตฺตนิยามตฺตา, โอติณฺณมคฺคโสตตฺตาติ อตฺโถ. สมฺโพธิปรายณตฺตาติ อุปริมคฺคสมฺโพธิปฏิสรณตฺตา, ตทธิคมาย นินฺนโปณปพฺภารภาวโตติ อตฺโถ. อุภเยนปิ ตสฺส อวสฺสํภาวินี เสสปริฺาติ ทสฺเสติ. ปริฺเยฺยนฺติ ปริชานิตพฺพภาเวน ิตํ, ปริฺาตุํ วา สกฺกุเณยฺยํ. ตปฺปฏิปกฺขโต อปริฺเยฺยํ. ปุถุชฺชนสฺส วิยาติ เอเตน อิธาธิปฺเปตปุถุชฺชนสฺส ปริฺเยฺยภาวาสงฺกา เอว นตฺถิ อนธิการโตติ ทสฺเสติ. ‘‘มาภินนฺที’’ติ เอตฺถาปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

เสกฺขวารทุติยนยวณฺณนา นิฏฺิตา.

ขีณาสววารตติยาทินยวณฺณนา

. สภาโค ทิฏฺสจฺจตาทิสามฺเน. อารกา กิเลเสหิ อรหนฺติ ปทสฺส นิรุตฺตินเยน อตฺถํ วตฺวา ตํ ปาฬิยา สมาเนนฺโต ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปาปกาติ ลามกฏฺเน ทุคฺคติสมฺปาปนฏฺเน จ ปาปกา. สาวชฺชฏฺเน อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน จ อกุสลา. สํกิเลสํ อรหนฺติ, ตตฺถ วา นิยุตฺตาติ สํกิเลสิกา. ปุนพฺภวสฺส กรณสีลา, ปุนพฺภวผลํ อรหนฺตีติ วา โปโนภวิกา. สห ทรเถน ปริฬาเหน ปวตฺตนฺตีติ สทรา. ทุกฺโข กฏุโก, ทุกฺขโม วา วิปาโก เอเตสนฺติ ทุกฺขวิปากา. อนาคเต ชาติยา เจว ชรามรณานฺจ วฑฺฒเนน ชาติชรามรณิยาติ. เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กามฺจายํ สุตฺตนฺตวณฺณนา, อภิธมฺมนโย ปน นิปฺปริยาโยติ เตน ทสฺเสนฺโต ‘‘จตฺตาโร อาสวา’’ติอาทิมาห. สมุจฺฉินฺนา ปฏิปฺปสฺสทฺธาติ น เกวลํ สมุจฺฉินฺนา เอว, อถ โข ปฏิปฺปสฺสทฺธาปีติ มคฺคกิจฺเจน สทิสํ ผลกิจฺจมฺปิ นิทฺธาเรติ.

สีลวิโสธนาทินา ครูนํ ปฏิปตฺติยา อนุกรณํ ครุสํวาโส. อริยมคฺคปฏิปตฺติ เอว อริยมคฺคสํวาโส. ทส อริยาวาสา นาม ปฺจงฺควิปฺปหีนตาทโย. เย สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘ทสยิเม, ภิกฺขเว, อริยาวาสา, เย อริยา อาวสึสุ วา อาวสนฺติ วา อาวสิสฺสนฺติ วา. กตเม ทส? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต, เอการกฺโข, จตุราปสฺเสโน, ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ, สมวยสฏฺเสโน, อนาวิลสงฺกปฺโป, ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร, สุวิมุตฺตจิตฺโต, สุวิมุตฺตปฺโ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทส อริยาวาสา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๙).

วุสฺสตีติ วา วุสิตํ, อริยมคฺโค, อริยผลฺจ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ อติสยวจนิจฺฉาวเสน อรหา ‘‘วุสิตวา’’ติ วุตฺโต. กรณียนฺติ ปริฺาปหานภาวนาสจฺฉิกิริยมาห. ตํ ปน ยสฺมา จตูหิ มคฺเคหิ จตูสุ สจฺเจสุ กตฺตพฺพตฺตา โสฬสวิธนฺติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘จตูหิ มคฺเคหิ กรณีย’’นฺติ. สมฺมาวิมุตฺตสฺสาติ อคฺคมคฺคผลปฺาหิ สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธีนํ วเสน สุฏฺุ วิมุตฺตสฺส. สนฺตจิตฺตสฺสาติ ตโต เอว สพฺพกิเลสทรถปริฬาหานํ วูปสนฺตจิตฺตสฺส. ภินฺนกิเลสสฺส ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน. กตสฺส ปริฺาทิกิจฺจสฺส ปฏิจโย ปุน กรณํ นตฺถิ, ตโต เอว กรณียํ น วิชฺชติ น อุปลพฺภติ.

ภาราติ โอสีทาปนฏฺเน ภารา วิยาติ ภารา. วุตฺตฺหิ ‘‘ภารา หเว ปฺจกฺขนฺธา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๒๒). อตฺตโน โยนิโสมนสิการายตฺตนฺติ อตฺตุปนิพนฺธํ, สสนฺตานปริยาปนฺนตฺตา อตฺตานํ อวิชหนํ. ตยิทํ ยทิปิ สพฺพสฺมึ อนวชฺชธมฺเม สมฺภวติ, อกุปฺปสภาวาปริหานธมฺเมสุ ปน อคฺคภูเต อรหตฺเต สาติสยํ, เนตเรสูติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อตฺตโน ปรมตฺถฏฺเน วา’’ติ, อุตฺตมฏฺภาเวนาติ อตฺโถ.

สุตฺตนฺตนโย นาม ปริยายนโยติ นิปฺปริยายนเยน สํโยชนานิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภวราคอิสฺสามจฺฉริยสํโยชน’’นฺติ อาห, น ปน ‘‘รูปราโค’’ติอาทินา. ภเวสุ สํโยชนฺตีติ กิเลสกมฺมวิปากวฏฺฏานํ ปจฺจโย หุตฺวา นิสฺสริตุํ อปฺปทานวเสน พนฺธนฺติ. สติปิ หิ อฺเสํ ตปฺปจฺจยภาเว น วินา สํโยชนานิ เตสํ ตปฺปจฺจยภาโว อตฺถิ, โอรมฺภาคิยอุทฺธมฺภาคิยสงฺคหิเตหิ จ เตหิ ตํตํภวนิพฺพตฺตกกมฺมนิยโม ภวนิยโม จ โหติ, น จ อุปจฺฉินฺนสํโยชนสฺส กตานิปิ กมฺมานิ ภวํ นิพฺพตฺเตนฺตีติ เตสํเยว สํโยชนฏฺโ ทฏฺพฺโพ.

สมฺมา อฺายาติ อาชานนภูตาย อคฺคมคฺคปฺาย สมฺมา ยถาภูตํ ทุกฺขาทีสุ โย ยถา ชานิตพฺโพ, ตํ ตถา ชานิตฺวา. จิตฺตวิมุตฺติ สพฺพสฺส จิตฺตสํกิเลสสฺส วิสฺสคฺโค. นิพฺพานาธิมุตฺติ นิพฺพาเน อธิมุจฺจนํ ตตฺถ นินฺนโปณปพฺภารตา. นฺติ ปถวีอาทิกํ. ปริฺาตํ, น ปุถุชฺชนสฺส วิย อปริฺาตํ, เสกฺขสฺส วิย ปริฺเยฺยํ วา. ตสฺมาติ ปริฺาตตฺตา.

จตุตฺถปฺจมฉฏฺวารา ตตฺถ ตตฺถ กิเลสนิพฺพานกิตฺตนวเสน ปวตฺตตฺตา นิพฺพานวารา นาม. ตตฺถ ปถวีอาทีนํ ปริฺาตตฺตา อมฺนา, สา ปน ปริฺา ราคาทีนํ ขเยน สิทฺธาติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนวเสน ปาฬิ ปวตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปริฺาตํ ตสฺสาติ สพฺพปเทหิ โยเชตฺวา ปุน ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตาติ โยเชตพฺพํ. เอส นโย อิตเรสู’’ติ อาห. ตตฺถ อิตเรสูติ ปฺจมฉฏฺวาเรสุ. ยทิ เอวํ กสฺมา ปาฬิ เอวํ น ทิสฺสตีติ อาห ‘‘เทสนา ปน เอกตฺถ วุตฺตํ สพฺพตฺถ วุตฺตเมว โหตีติ สํขิตฺตา’’ติ.

น ขยา ราคสฺส วีตราโค สพฺพโส อปฺปหีนราคตฺตา. วิกฺขมฺภิตราโค หิ โสติ. พาหิรกคฺคหณฺเจตฺถ ตถาภาวสฺเสว เตสุ ลพฺภนโต, น เตสุ เอว ตถาภาวสฺส ลพฺภนโต. อิทานิ ยา สา ‘‘ปริฺาตํ ตสฺสา’’ติ สพฺพปเทหิ โยชนา วุตฺตา, ตํ วินาปิ นิพฺพานวารอตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ มฺนํ น มฺตีติ มฺนา นปฺปวตฺตตีติ อตฺโถ. มฺนาย มฺิตพฺพตฺเตปิ ตสฺสา วตฺถุอนฺโตคธตฺตาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

ยทิปิ ปริฺาตปทํ อคฺคเหตฺวา นิพฺพานวารเทสนา ปวตฺตา, เอวมฺปิ ‘‘ขยา’’ติอาทิปเทหิ ปริฺาสิทฺธิ เอว ปกาสียตีติ โก เตสํ วิเสโสติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. มคฺคภาวนาปาริปูริทสฺสนตฺถํ วุตฺโต, มคฺคกิจฺจนฺตา หิ ปริฺาโยติ อธิปฺปาโย. อิตเร…เป… เวทิตพฺพา วีตราคาทิกิตฺตนโตติ. ทฺวีหิ วา การเณหีติ ยถาวุตฺตการณทฺวเยน. อสฺสาติ ขีณาสวสฺส. อยํ วิเสโสติ อิทานิ วุจฺจมาโน วิเสโส. ยทิปิ ขีณาสโว เอกนฺเตน วีตราโค วีตโทโส วีตโมโห เอว จ โหติ, ยาย ปน ปุพฺพภาคปฏิปทาย วีตราคตาทโย สวิเสสาติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตีสุ หี’’ติอาทิมาห. ‘‘รตฺโต อตฺถํ น ชานาตี’’ติอาทินา (เนตฺติ. ๑๑) ราเค อาทีนวํ ปสฺสโต ‘‘ราโค จ นาม สุขาภิสงฺเคน อุปฺปชฺชติ, สุขฺจ วิปริณามโต ทุกฺขํ. ปเคว อิตร’’นฺติ สเหตุเก ราเค อาทีนวทสฺสนํ ทุกฺขานุปสฺสนาย นิมิตฺตํ, ทุกฺขานุปสฺสนา จ ปณิธิยา ปฏิปกฺขภาวโต อปฺปณิหิตวิโมกฺขํ ปริปุเรตีติ อาห ‘‘ราเค…เป… วีตราโค โหตี’’ติ. ตถา ‘‘ทุฏฺโ อตฺถํ น ชานาตี’’ติอาทินา (อิติวุ. ๘๘) โทเส อาทีนวํ ปสฺสโต ‘‘โทโส จ นาม ทุกฺขํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ, ตฺจ อุภยํ อนวฏฺิตํ อิตฺตรํ ปภงฺคู’’ติ สเหตุเก โทเส อาทีนวทสฺสนํ อนิจฺจานุปสฺสนาย นิมิตฺตํ, อนิจฺจานุปสฺสนา จ นิจฺจนิมิตฺตาทีนํ ปฏิปกฺขภาวโต อนิมิตฺตวิโมกฺขํ ปริปูเรตีติ อาห ‘‘โทเส…เป… โหตี’’ติ. ตถา ‘‘มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาตี’’ติอาทินา (อิติวุ. ๘๘) โมเห อาทีนวํ ปสฺสโต ‘‘โมโห นาม ยถาสภาวคฺคหณสฺส ปริพฺภมนฺโต’’ติ โมหสฺส วิกฺขมฺภนํ อนตฺตานุปสฺสนาย นิมิตฺตํ, อนตฺตานุปสฺสนาย จ อตฺตาภินิเวสสฺส ปฏิปกฺขภาวโต สุฺตํ วิโมกฺขํ ปริปูเรตีติ อาห ‘‘โมเห…เป… วีตโมโห โหตี’’ติ.

เอวํ สนฺเตติ ยทิ วีตราคตาทโย วิโมกฺขวิภาเคน วุตฺตา, เอวํ สนฺเต. ตสฺมาติ ยสฺมา วิโมกฺขมุขวิโมกฺขานํ วเสน นิยเมตฺวา น วุตฺตํ, ตสฺมา. ยํ กิฺจิ อรหโต สมฺภวนฺตํ วิภชิตฺวา วุจฺจตีติ วารตฺตยเทสนา กตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ยํ อรหโต’’ติอาทินา.

เอวํ วิมุตฺติวิภาเคน ขีณาสวสฺส วิภาคํ วารตฺตยเทสนานิพนฺธนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อวิภาเคนปิ ตตฺถ ปริฺาวิสยสฺส อนุสยวิสยสฺส จ วิภาคํ ตสฺส นิพนฺธนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อวิเสเสนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุเปกฺขาเวทนา วิเสสโต สงฺขารทุกฺขํ สมฺโมหาธิฏฺานนฺติ วุตฺตํ ‘‘สงฺขาร…เป… โมโห’’ติ. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.

ขีณาสววารตติยาทินยวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตถาคตวารสตฺตมนยวณฺณนา

๑๒. เยหิ (ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๗.จูฬสีลวณฺณนา; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๗๐) คุณวิเสเสหิ นิมิตฺตภูเตหิ ภควติ ‘‘ตถาคโต’’ติ อยํ สมฺา ปวตฺตา, ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. คุณเนมิตฺตกาเนว หิ ภควโต สพฺพานิ นามานิ. ยถาห –

‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;

คุเณน นามมุทฺเธยฺยํ, อปิ นามสหสฺสโต’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๑๓; อุทา. อฏฺ. ๕๓; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๗๖; ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๗.จูฬสีลวณฺณนา; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๗๐) –

ตถา อาคโตติ เอตฺถ อาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺตีติ ปฏิปาทคมนตฺโถ อาคต-สทฺโท, น าณคมนตฺโถ ‘‘ตถลกฺขณํ อาคโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๗๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐; อุทา. อฏฺ. ๑๘; อิติวุ. อฏฺ. ๓๘; เถรคา. อฏฺ. ๑.๑.๓; พุ. วํ. อฏฺ. ๒.พาหิรนิทาน; มหานิ. อฏฺ. ๑๔) วิย, นาปิ กายคมนาทิอตฺโถ ‘‘อาคโต โข มหาสมโณ, มาคธานํ คิริพฺพช’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๖๓) วิย. ตตฺถ ยทาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท, ตํ กรุณาปฺปธานตฺตา มหากรุณามุเขน ปุริมพุทฺธานํ อาคมนปฏิปทํ อุทาหรณวเสน สามฺโต ทสฺเสนฺโต ยํตํสทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธภาวโต ‘‘ยถา สพฺพโลก…เป… อาคตา’’ติ สาธารณโต วตฺวา ปุน ตํ ปฏิปทํ มหาปทานสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔) สมฺพหุลนิทฺเทเสน สุปากฏานํ อาสนฺนานฺจ วิปสฺสีอาทีนํ ฉนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ วเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา วิปสฺสี ภควา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยน อภินีหาเรนาติ มนุสฺสตฺต-ลิงฺคสมฺปตฺติ-เหตุ-สตฺถารทสฺสน-ปพฺพชฺชา-อภิฺาทิคุณสมฺปตฺติ-อธิการ-ฉนฺทานํ วเสน อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน กายปณิธานมหาปณิธาเนน. สพฺเพสฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ กายปณิธานํ อิมินาว นีหาเรน สมิชฺฌตีติ.

เอวํ มหาภินีหารวเสน ‘‘ตถาคโต’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ ปารมีปูรณวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา ทานปารมึ ปูเรตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน าเน สุตฺตนฺติกานํ มหาโพธิยานปฏิปทาย โกสลฺลชนนตฺถํ ปารมีกถา วตฺตพฺพา, สา ปน สพฺพาการสมฺปนฺนา จริยาปิฏกวณฺณนาย (จริยา. ปกิณฺณกกถา) วิตฺถารโต นิทฺทิฏฺา, ตสฺมา อตฺถิเกหิ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. ยถา ปน ปุพฺเพ วิปสฺสีอาทโย สมฺมาสมฺพุทฺธา อภินีหารสมฺปตฺติยํ ปติฏฺาย สุวิสุทฺธาย ปฏิปทาย อนวเสสโต สมฺมเทว สพฺพา ปารมิโย ปริปูเรสุํ, เอวํ อมฺหากมฺปิ ภควา ปริปูเรสีติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘สมตฺตึ สปารมิโย ปูเรตฺวา’’ติ. สติปิ องฺคปริจฺจาคาทีนํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ ‘‘ปฺจ มหาปริจฺจาเค’’ติ วิสุํ คหณํ, ตโตเยว จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณมฺปิ กตํ, ปริคฺคหปริจฺจาคภาวสามฺเปิ ธนรชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ กตํ.

คตปจฺจาคติกวตฺตปูรณาทิกาย ปุพฺพภาคปฏิปทาย สทฺธึ อภิฺาสมาปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพโยโค, ทานาทีสุเยว สาติสยปฏิปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพจริยา, สา จริยาปิฏกสงฺคหิตา. อภินีหาโร ปุพฺพโยโค, ทานาทิปฏิปตฺติ, กายวิเวกวเสน เอกจริยา วา ปุพฺพจริยาติ เกจิ. ทานาทีนฺเจว อปฺปิจฺฉตาทีนฺจ สํสารนิพฺพาเนสุ อาทีนวานิสํสานฺจ วิภาวนวเสน สตฺตานํ โพธิตฺตเย ปติฏฺาปนปริปาจนวเสน จ ปวตฺตา กถา ธมฺมกฺขานํ, าตีนํ อตฺถจริยา าตตฺถจริยา, สาปิ กรุณาย วเสเนว. อาทิ-สทฺเทน โลกตฺถจริยาทโย สงฺคณฺหาติ. กมฺมสฺสกตาณวเสน, อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานปริจยวเสน ขนฺธายตนาทิปริจยวเสน, ลกฺขณตฺตยตีรณวเสน จ าณจาโร พุทฺธิจริยา, สา ปน อตฺถโต ปฺาปารมีเยว, าณสมฺภารทสฺสนตฺถํ วิสุํ คหณํ. โกฏีติ ปริยนฺโต, อุกฺกํโสติ อตฺโถ.

จตฺตาโร สติปฏฺาเน ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา. พฺรูเหตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา. สติปฏฺานาทิคฺคหเณน อาคมนปฏิปทํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสติ. วิปสฺสนาสหคตา เอว วา สติปฏฺานาทโย ทฏฺพฺพา. เอตฺถ จ ‘‘เยน อภินีหาเรนา’’ติอาทินา อาคมนปฏิปทาย อาทึ ทสฺเสติ, ‘‘ทานปารมี’’ติอาทินา มชฺฌํ, ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน’’ติอาทินา ปริโยสานนฺติ เวทิตพฺพํ.

สมฺปติชาโตติ มุหุตฺตชาโต มนุสฺสานํ หตฺถโต มุตฺตมตฺโต, น มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโต. นิกฺขนฺตมตฺตฺหิ มหาสตฺตํ ปมํ พฺรหฺมาโน สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน อชินปฺปเวณิยา, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน ปฏิคฺคณฺหึสุ, มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺิโตติ. ยถาห ภควา มหาปทานเทสนายํ. เสตมฺหิ ฉตฺเตติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺเต. อนุธารียมาเนติ ธารียมาเน. เอตฺถ จ ฉตฺตคฺคหเณเนว ขคฺคาทีนิ ปฺจ กกุธภณฺฏานิปิ วุตฺตาเนวาติ ทฏฺพฺพํ. ขคฺคตาลวณฺฏโมรหตฺถกวาลพีชนีอุณฺหีสปฏฺฏาปิ หิ ฉตฺเตน สห ตทา อุปฏฺิตา อเหสุํ, ฉตฺตาทีนิเยว จ ตทา ปฺายึสุ, น ฉตฺตาทิคฺคาหกา. สพฺพา จ ทิสาติ ทสปิ ทิสา. นยิทํ สพฺพทิสาวิโลกนํ สตฺตปทวีติหารุตฺตรกาลํ ทฏฺพฺพํ. มหาสตฺโต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมทิสํ โอโลเกสิ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา ‘‘มหาปุริส อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา, จตสฺโส อนุทิสา; เหฏฺา, อุปรีติ สพฺพา ทิสา อนุวิโลเกตฺวา สพฺพตฺถ อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรา ทิสา’’ติ ตตฺถ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิ. อาสภินฺติ อุตฺตมํ. อคฺโคติ สพฺพปโม. เชฏฺโ เสฏฺโติ จ ตสฺเสว เววจนํ. อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ พฺยากาสิ.

อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนาติ สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ ‘‘ยฺหี’’ติอาทินา วิตฺถารโต ทสฺเสติ. ตตฺถ เอตฺถาติ –

‘‘อเนกสาขฺจ สหสฺสมณฺฑลํ,

ฉตฺตํ มรู ธารยุมนฺตลิกฺเข;

สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา,

น ทิสฺสเร จามรฉตฺตคาหกา’’ติ. (สุ. นิ. ๖๙๓);

อิมิสฺสา คาถาย. สพฺพฺุตฺาณเมว สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตจารตาย อนาวรณาณนฺติ อาห ‘‘สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺสา’’ติ. ตถา อยํ ภควาปิ คโต…เป… ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนาติ เอเตน อภิชาติยํ ธมฺมตาวเสน อุปฺปชฺชนกวิเสสา สพฺพโพธิสตฺตานํ สาธารณาติ ทสฺเสติ. ปารมิตานิสฺสนฺทา หิ เตติ.

วิกฺกมีติ อคมาสิ. มรูติ เทวา. สมาติ วิโลกนสมตาย สมา สทิสิโย. มหาปุริโส หิ ยถา เอกํ ทิสํ วิโลเกสิ, เอวํ เสสทิสาปิ, น กตฺถจิ วิโลกเน วิพนฺโธ ตสฺส อโหสีติ. สมาติ วา วิโลเกตุํ ยุตฺตา, วิสมรหิตาติ อตฺโถ. น หิ ตทา โพธิสตฺตสฺส วิรูปพีภจฺฉวิสมรูปานิ วิโลเกตุํ อยุตฺตานิ ทิสาสุ อุปฏฺหนฺตีติ.

เอวํ ‘‘ตถา คโต’’ติ กายคมนฏฺเน คต-สทฺเทน ตถาคต-สทฺทํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ าณคมนฏฺเน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เนกฺขมฺเมนาติ อโลภปฺปธาเนน กุสลจิตฺตุปฺปาเทน. กุสลา หิ ธมฺมา อิธ เนกฺขมฺมํ, น ปพฺพชฺชาทโย, ‘‘ปมชฺฌาน’’นฺติ (ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๗.จูฬสีลวณฺณนา; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๗๐) จ วทนฺติ. ปหายาติ ปชหิตฺวา. คโต อธิคโต, ปฏิปนฺโน อุตฺตริวิเสสนฺติ อตฺโถ. ปหายาติ วา ปหานเหตุ, ปหานลกฺขณํ วา. เหตุลกฺขณตฺโถ หิ อยํ ปหาย-สทฺโท. กามจฺฉนฺทาทิปฺปหานเหตุกํ ‘‘คโต’’ติ เหตฺถ วุตฺตํ คมนํ อวโพโธ, ปฏิปตฺติ เอว วา กามจฺฉนฺทาทิปฺปหาเนน จ ลกฺขียตีติ. เอส นโย ปทาเลตฺวาติอาทีสุปิ. อพฺยาปาเทนาติ เมตฺตาย. อาโลกสฺายาติ วิภูตํ กตฺวา มนสิกรเณน (ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๗.จูฬสีลวณฺณนา) อุปฏฺิตอาโลกสฺจานเนน. อวิกฺเขเปนาติ สมาธินา. ธมฺมววตฺถาเนนาติ กุสลาทิธมฺมานํ ยาถาวนิจฺฉเยน. ‘‘สปฺปจฺจยนามรูปววตฺถาเนนา’’ติปิ วทนฺติ.

เอวํ กามจฺฉนฺทาทินีวรณปฺปหาเนน ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘) วุตฺตาย ปมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทาย ภควโต ตถาคตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สห อุปาเยน อฏฺหิ สมาปตฺตีหิ อฏฺารสหิ จ มหาวิปสฺสนาหิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘าเณนา’’ติอาทิมาห. นามรูปปริคฺคหกงฺขาวิตรณานฺหิ วินิพนฺธภูตสฺส โมหสฺส ทูรีกรเณน าตปริฺายํ ิตสฺส อนิจฺจสฺาทโย สิชฺฌนฺติ, ตถา ฌานสมาปตฺตีสุ อภิรตินิมิตฺเตน ปาโมชฺเชน. ตตฺถ ‘‘อนภิรติยา วิโนทิตาย ฌานาทีนํ สมธิคโม’’ติ สมาปตฺติวิปสฺสนานํ อรติวิโนทนอวิชฺชาปทาลนาทีนิ อุปาโย, อุปฺปฏิปาฏินิทฺเทโส ปน นีวรณสภาวาย อวิชฺชาย เหฏฺา นิวรเณสุปิ สงฺคหทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. สมาปตฺติวิหารปฺปเวสวิพนฺธเนน นีวรณานิ กวาฏสทิสานีติ อาห ‘‘นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา’’ติ. ‘‘รตฺตึ อนุวิตกฺเกตฺวา อนุวิจาเรตฺวา ทิวา กมฺมนฺเต ปโยเชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๑) วุตฺตฏฺาเน วิตกฺกวิจารา ธูมายนาติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘วิตกฺกวิจารธูม’’นฺติ. กิฺจาปิ ปมชฺฌานุปจาเรเยว ทุกฺขํ, จตุตฺถชฺฌานุปจาเร จ สุขํ ปหียติ, อติสยปฺปหานํ ปน สนฺธายาห ‘‘จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหายา’’ติ.

อนิจฺจสฺส, อนิจฺจนฺติ จ อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา, เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจตํ คเหตฺวา ปวตฺตาย วิปสฺสนาเยตํ นามํ. นิจฺจสฺนฺติ สงฺขตธมฺเมสุ ‘‘นิจฺจา สสฺสตา’’ติ เอวํปวตฺตมิจฺฉาสฺํ. สฺาสีเสน ทิฏฺิจิตฺตานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. นิพฺพิทานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ นิพฺพิชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํ. วิราคานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นิโรธานุปสฺสนายาติ สงฺขารานํ นิโรธสฺส อนุปสฺสนาย. ยถา วา สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, อายตึ ปุนพฺภววเสน น อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา. เตเนวาห ‘‘นิโรธานุปสฺสนาย นิโรเธติ, โน สมุเทตี’’ติ. มุจฺจิตุกมฺยตา หิ อยํ พลปฺปตฺตาติ. ปฏินิสฺสชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา, ปฏิสงฺขาสนฺติฏฺนา หิ อยํ. อาทานนฺติ นิจฺจาทิวเสน คหณํ. สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณานํ วเสน เอกตฺตคฺคหณํ ฆนสฺา. อายูหนํ อภิสงฺขรณํ. อวตฺถาวิเสสาปตฺติ วิปริณาโม. ธุวสฺนฺติ ถิรภาวคฺคหณํ. นิมิตฺตนฺติ สมูหาทิฆนวเสน สกิจฺจปริจฺเฉทตาย จ สงฺขารานํ สวิคฺคหคฺคหณํ. ปณิธินฺติ ราคาทิปณิธึ. สา ปนตฺถโต ตณฺหาวเสน สงฺขาเรสุ นินฺนตา. อภินิเวสนฺติ อตฺตานุทิฏฺึ.

อนิจฺจทุกฺขาทิวเสน สพฺพธมฺมตีรณํ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา. สาราทานาภินิเวสนฺติ อสาเรสุ สารคฺคหณวิปลฺลาสํ. อิสฺสรกุตฺตาทิวเสน โลโก สมุปฺปนฺโนติ อภินิเวโส สมฺโมหาภินิเวโส. เกจิ ปน ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานนฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) ปวตฺตสํสยาปตฺติ สมฺโมหาภินิเวโส’’ติ วทนฺติ. สงฺขาเรสุ เลณตาณภาวคฺคหณํ อาลยาภินิเวโส. ‘‘อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๔, ๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗, ๘) วจนโต อาลโย ตณฺหา, สาเยว จกฺขาทีสุ รูปาทีสุ จ อภินิวิสนวเสน ปวตฺติยา อาลยาภินิเวโสติ เกจิ. ‘‘เอวํวิธา สงฺขารา ปฏินิสฺสชฺชียนฺตี’’ติ ปวตฺตํ าณํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา. วฏฺฏโต วิคตตฺตา วิวฏฺฏํ, นิพฺพานํ, ตตฺถ อารมฺมณกรณสงฺขาเตน อนุปสฺสเนน ปวตฺติยา วิวฏฺฏานุปสฺสนา, โคตฺรภู. สํโยคาภินิเวสนฺติ สํยุชฺชนวเสน สงฺขาเรสุ นิวิสนํ. ทิฏฺเกฏฺเติ ทิฏฺิยา สหชาเตกฏฺเ ปหาเนกฏฺเ จ. โอฬาริเกติ อุปริมคฺควชฺฌกิเลเส อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ, อฺถา ทสฺสเนน ปหาตพฺพาปิ ทุติยมคฺควชฺเฌหิ โอฬาริกาติ. อณุสหคเตติ อณุภูเต. อิทํ เหฏฺิมมคฺควชฺเฌ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ. สพฺพกิเลเสติ อวสิฏฺสพฺพกิเลเส. น หิ ปมาทิมคฺเคหิ ปหีนา กิเลสา ปุน ปหียนฺตีติ.

กกฺขฬตฺตํ กถินภาโว. ปคฺฆรณํ ทฺรวภาโว. โลกิยวายุนา ภสฺตสฺส วิย เยน วายุนา ตํตํกลาปสฺส อุทฺธุมายนํ, ถทฺธภาโว วา, ตํ วิตฺถมฺภนํ. วิชฺชมาเนปิ กลาปนฺตรภูตานํ กลาปนฺตรภูเตหิ สมฺผุฏฺภาเว ตํตํภูตวิวิตฺตตา รูปปริยนฺโต อากาโสติ เยสํ โย ปริจฺเฉโท, เตหิ โส อสมฺผุฏฺโว, อฺถา ภูตานํ ปริจฺเฉทสภาโว น สิยา พฺยาปีภาวาปตฺติโต, อพฺยาปิตาว อสมฺผุฏฺตาติ ยสฺมึ กลาเป ภูตานํ ปริจฺเฉโท, เตหิ อสมฺผุฏฺภาโว อสมฺผุฏฺลกฺขณํ. เตนาห ภควา อากาสธาตุนิทฺเทเส (ธ. ส. ๖๓๗) ‘‘อสมฺผุฏฺํ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ.

วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนํ. เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมานํ เจตนาวเสเนตํ วุตฺตํ ‘‘สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณ’’นฺติ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภงฺเค (วิภ. ๙๒) ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา เจตนาว วิภตฺตา. อภิสงฺขรณลกฺขณา จ เจตนา. ยถาห ‘‘ตตฺถ กตโม ปุฺาภิสงฺขาโร? กุสลา เจตนา กามาวจรา’’ติอาทิ. ผรณํ สวิปฺผาริกตา. อสฺสทฺธิเยติ อสทฺธิยเหตุ. นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ. เอส นโย โกสชฺเชติอาทีสุ. อุปสมลกฺขณนฺติ กายจิตฺตปริฬาหูปสมลกฺขณํ. ลีนุทฺธจฺจรหิเต อธิจิตฺเต ปวตฺตมาเน ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาวฏตาย อชฺฌุเปกฺขนํ ปฏิสงฺขานํ ปกฺขปาตุปจฺเฉทโต.

มุสาวาทาทีนํ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ ปฏิปกฺขภาวโต ปริคฺคาหกสภาวา สมฺมาวาจา สินิทฺธภาวโต สมฺปยุตฺตธมฺเม สมฺมาวาจาปจฺจยสุภาสิตานํ โสตารฺจ ปุคฺคลํ ปริคฺคณฺหาตีติ ตสฺสา ปริคฺคาหลกฺขณํ วุตฺตํ. กายิกกิริยา กิฺจิ กตฺตพฺพํ สมุฏฺาเปติ, สยฺจ สมุฏฺหนํ ฆฏนํ โหตีติ สมฺมากมฺมนฺต สงฺขาตาย วิรติยา สมุฏฺานลกฺขณํ ทฏฺพฺพํ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฏฺาปนํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิย. ชีวมานสฺส สตฺตสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา ชีวิตินฺทฺริยปฺปวตฺติยา, อาชีวสฺเสว วา สุทฺธิ โวทานํ. สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส จิตฺตสฺส สํกิเลสปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา สมฺมเทว ปคฺคณฺหนํ ปคฺคโห.

‘‘สงฺขารา’’ติ อิธ เจตนา อธิปฺเปตาติ วุตฺตํ ‘‘สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณ’’นฺติ. นมนํ อารมฺมณาภิมุขภาโว. อายตนํ ปวตฺตนํ. อายตนานํ วเสน หิ อายสงฺขาตานํ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติ. ตณฺหาย เหตุลกฺขณนฺติ วฏฺฏสฺส ชนกเหตุภาโว, มคฺคสฺส ปน นิพฺพานสมฺปาปกตฺตนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส.

ตถลกฺขณํ อวิปรีตสภาโว. เอกรโส อฺมฺานติวตฺตนํ อนูนานธิกภาโว. ยุคนทฺธา สมถวิปสฺสนาว. สทฺธาปฺา ปคฺคหาวิกฺเขปาติปิ วทนฺติ.

ขีโณติ กิเลเส เขปตีติ ขโย, มคฺโค. อนุปฺปาทปริโยสานตาย อนุปฺปาโท, ผลํ. ปสฺสทฺธิ กิเลสวูปสโม. ฉนฺทสฺสาติ กตฺตุกามตาฉนฺทสฺส. มูลลกฺขณํ ปติฏฺาภาโว. สมุฏฺานภาโว สมุฏฺานลกฺขณํ อารมฺมณปฏิปาทกตาย สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุปฺปตฺติเหตุตา. สโมธานํ วิสยาทิสนฺนิปาเตน คเหตพฺพากาโร, ยา สงฺคตีติ วุจฺจติ. สมํ สห โอทหนฺติ อเนน สมฺปยุตฺตธมฺมาติ วา สโมธานํ, ผสฺโส. สโมสรนฺติ สนฺนิปตนฺติ เอตฺถาติ สโมสรณํ. เวทนาย วินา อปฺปวตฺตมานา สมฺปยุตฺตธมฺมา เวทนานุภวนนิมิตฺตํ สโมสฏา วิย โหนฺตีติ เอวํ วุตฺตํ. โคปานสีนํ กูฏํ วิย สมฺปยุตฺตานํ ปาโมกฺขภาโว ปมุขลกฺขณํ. ตโต, เตสํ วา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุตฺตริ ปธานนฺติ ตตุตฺตริ, ปฺุตฺตรา หิ กุสลา ธมฺมา. วิมุตฺติยาติ ผลสฺส. ตฺหิ สีลาทิคุณสารสฺส ปรมุกฺกํสภาเวน สารํ. อยฺจ ลกฺขณวิภาโค ฉธาตุปฺจฌานงฺคาทิวเสน ตํตํสุตฺตปทานุสาเรน โปราณฏฺกถายํ อาคตนเยน จ กโตติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ปุพฺเพ วุตฺโตปิ โกจิ ธมฺโม ปริยายนฺตรปกาสนตฺถํ ปุน ทสฺสิโต. ตโต เอว จ ‘‘ฉนฺทมูลกา กุสลา ธมฺมา มนสิการสมุฏฺานา ผสฺสสโมธานา เวทนาสโมสรณา’’ติ, ‘‘ปฺุตฺตรา กุสลา ธมฺมา’’ติ, ‘‘วิมุตฺติสารมิทํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ, ‘‘นิพฺพาโนคธฺหิ อาวุโส พฺรหฺมจริยํ นิพฺพานปริโยสาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๖๖) จ สุตฺตปทานํ วเสน ‘‘ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อวิปรีตสภาวตฺตา. ตถานิ ตํสภาวตฺตา. อวิตถานิ อมุสาสภาวตฺตา. อนฺถานิ อฺาการรหิตตฺตา. ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ชาติปจฺจยา สมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปวตฺตนฏฺโติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ, น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา อฺโต โหตีติ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ. อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺโ, ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปํ ปาตุภาโวติ อตฺโถ. อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโติ เอตฺถาปิ น อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย น โหติ, น จ อวิชฺชํ วินา สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ, ยา ยา อวิชฺชา เยสํ เยสํ สงฺขารานํ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, อยํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ ปจฺจยภาโวติ อตฺโถ.

ภควา ตํ สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. เตนาติ ภควตา. ตํ วิภชฺชมานนฺติ โยเชตพฺพํ. นฺติ รุปายตนํ. อิฏฺานิฏฺาทีติ อาทิ-สทฺเทน มชฺฌตฺตํ สงฺคณฺหาติ, ตถา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนปริตฺตอชฺฌตฺตพหิทฺธาตทุภยาทิเภทํ. ลพฺภมานกปทวเสนาติ ‘‘รูปายตนํ ทิฏฺํ, สทฺทายตนํ สุตํ, คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฏฺพฺพายตนํ มุตํ, สพฺพํ รูปํ มนสา วิฺาต’’นฺติ (ธ. ส. ๙๖๖) วจนโต ทิฏฺปทฺจ วิฺาตปทฺจ รูปารมฺมเณ ลพฺภติ, รูปารมฺมณํ อิฏฺํ อนิฏฺํ มชฺฌตฺตํ ปริตฺตํ อตีตํ อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา ทิฏฺํ วิฺาตํ รูปํ รูปายตนํ รูปธาตุ วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตกนฺติ เอวมาทีหิ อเนเกหิ นาเมหิ.

เตรสหิ วาเรหีติ รูปกณฺเฑ (ธ. ส. ๖๑๖) อาคเต เตรส นิทฺเทสวาเร สนฺธายาห. เอเกกสฺมิฺจ วาเร จตุนฺนํ จตุนฺนํ ววตฺถาปนนยานํ วเสน ‘‘ทฺเวปฺาสาย นเยหี’’ติ อาห. ตถเมว อวิปรีตทสฺสิตาย อปฺปฏิวตฺติยเทสนตาย จ. ‘‘ชานามิ อภิฺาสิ’’นฺติ วตฺตมานาตีตกาเลสุ าณปฺปวตฺติทสฺสเนน อนาคเตปิ าณปฺปวตฺติ วุตฺตาเยวาติ ทฏฺพฺพา. วิทิต-สทฺโท อนามฏฺกาลวิเสโส เวทิตพฺโพ ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๙๖๖) วิย. น อุปฏฺาสีติ อตฺตตฺตนิยวเสน น อุปคจฺฉิ. ยถา รูปารมฺมณาทโย ธมฺมา ยํสภาวา ยํปการา จ, ตถา เน ปสฺสติ ชานาติ คจฺฉตีติ ตถาคโตติ เอวํ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘นิรุตฺตินเยน ปิโสทราทิปกฺเขเปน (ปาณินิ ๖.๓.๑๐๙) วา ทสฺสิ-สทฺทสฺส โลปํ, อาคต-สทฺทสฺส จาคมํ กตฺวา ตถาคโต’’ติ วณฺเณนฺติ.

นิทฺโทสตาย อนุปวชฺชํ. ปกฺขิปิตพฺพาภาเวน อนูนํ. อปเนตพฺพาภาเวน อนธิกํ. อตฺถพฺยฺชนาทิสมฺปตฺติยา สพฺพาการปริปุณฺณํ. โน อฺถาติ ‘‘ตเถวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรเกน สมฺปาเทติ. เตน ยทตฺถํ ภาสิตํ, เอกนฺเตน ตทตฺถนิปฺผาทนโต ยถา ภาสิตํ ภควตา, ตเถวาติ อวิปรีตเทสนตํ ทสฺเสติ. คทอตฺโถติ เอเตน ตถํ คทตีติ ตถาคโตติ ท-การสฺส ต-กาโร กโต นิรุตฺตินเยนาติ ทสฺเสติ.

ตถา คตมสฺสาติ ตถาคโต. คตนฺติ จ กายวาจาปวตฺตีติ อตฺโถ. ตถาติ จ วุตฺเต ยํตํสทฺทานํ อพฺยภิจาริสมฺพนฺธิตาย ยถาติ อยมตฺโถ อุปฏฺิโตเยว โหติ, กายวจีกิริยานฺจ อฺมฺานุโลเมน วจนิจฺฉายํ กายสฺส วาจา, วาจาย จ กาโย สมฺพนฺธีภาเวน อุปติฏฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. อิมสฺมึ ปน อตฺเถ ตถาวาทีตาย ตถาคโตติ อยมฺปิ อตฺโถ สิทฺโธ โหติ. โส ปน ปุพฺเพ ปการนฺตเรน ทสฺสิโตติ อาห ‘‘เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต’’ติ.

ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสูติ เอเตน ยเทเก ‘‘ติริยํ วิย อุปริ อโธ จ สนฺติ โลกธาตุโย’’ติ วทนฺติ, ตํ ปฏิเสเธติ. เทสนาวิลาโสเยว เทสนาวิลาสมโย ยถา ‘‘ปุฺมยํ, ทานมย’’นฺติอาทีสุ.

นิปาตานํ วาจกสทฺทสนฺนิธาเน ตทตฺถโชตนภาเวน ปวตฺตนโต คต-สทฺโทเยว อวคตตฺถํ อตีตตฺถฺจ วทตีติ อาห ‘‘คโตติ อวคโต อตีโต’’ติ.

อถ วา อภินีหารโต ปฏฺาย ยาว สมฺมาสมฺโพธิ, เอตฺถนฺตเร มหาโพธิยานปฏิปตฺติยา หานฏฺานสํกิเลสนิวตฺตีนํ อภาวโต ยถา ปณิธานํ, ตถา คโต อภินีหารานุรูปํ ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. อถ วา มหิทฺธิกตาย ปฏิสมฺภิทานํ อุกฺกํสาธิคเมน อนาวรณาณตาย จ กตฺถจิปิ ปฏิฆาตาภาวโต ยถา รุจิ, ตถา กายวจีจิตฺตานํ คตานิ คมนานิ ปวตฺติโย เอตสฺสาติ ตถาคโต. ยสฺมา จ โลเก วิธ-ยุตฺต-คต-ปฺปการ-สทฺทา สมานตฺถา ทิสฺสนฺติ. ตสฺมา ยถาวิธา วิปสฺสีอาทโย ภควนฺโต, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธติ ตถาคโต, ยถายุตฺตา จ เต ภควนฺโต, อยมฺปิ ภควา ตถายุตฺโตติ ตถาคโต. อถ วา ยสฺมา สจฺจํ ตจฺฉํ ตถนฺติ าณสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา ตเถน าเณน อาคโตติ ตถาคโต. เอวมฺปิ ตถาคต-สทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ปหาย กามาทิมเล ยถา คตา,

สมาธิาเณหิ วิปสฺสิอาทโย;

มเหสิโน สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,

ตถา คโต เตน มโต ตถาคโต.

ตถฺจ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,

สภาวสามฺวิภาคเภทโต;

สยมฺภุาเณน ชิโน สมาคโต,

ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.

ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,

ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;

อนฺเนยฺเยน ยโต วิภาวิตา,

ยาถาวโต เตน ชิโน ตถาคโต.

อเนกเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,

ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;

วิจิตฺรเภทํ ตถเมว ทสฺสนํ,

ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.

ยโต จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,

กโรติ วาจายนุโลมมตฺตโน;

คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,

ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก.

ยถาภินีหารมโต ยถารุจิ,

ปวตฺตวาจา ตนุจิตฺตภาวโต;

ยถาวิธา เยน ปุรา มเหสิโน,

ตถาวิโธ เตน ชิโน ตถาคโตติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๓๘; ที. นิ. ฏี. ๑.๗ จูฬสีลวณฺณนา);

อารกตฺตาติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๕) พุทฺธานุสฺสติสํวณฺณนาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตาติ อิมินาสฺส ปโรปเทสรหิตสฺส สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติโน อนาวรณาณสงฺขาตสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส อธิคโม ทสฺสิโต.

นนุ จ (อิติวุ. อฏฺ. ๓๘) สพฺพฺุตฺาณโต อฺํ อนาวรณาณํ, อฺถา ฉ อสาธารณาณานิ พุทฺธาณานีติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺยาติ? น วิรุชฺฌติ วิสยปฺปวตฺติเภทวเสน อฺเหิ อสาธารณาณภาวทสฺสนตฺถํ เอกสฺเสว าณสฺส ทฺวิธา วุตฺตตฺตา. เอกเมว หิ ตํ าณํ อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมวิสยตาย สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ จ อาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคจารมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ วุตฺตํ. ยถาห ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙) ‘‘สพฺพํ สงฺขตาสงฺขตมนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติอาทิ, ตสฺมา นตฺถิ เนสํ อตฺถโต เภโท, เอกนฺเตน เจตํ เอวมิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ สาวรณตา อสพฺพธมฺมารมฺมณตา จ อาปชฺเชยฺย. น หิ ภควโต าณสฺส อณุมตมฺปิ อาวรณํ อตฺถิ, อนาวรณาณสฺส จ อสพฺพธมฺมารมฺมณภาเว ยตฺถ ตํ นปฺปวตฺตติ, ตตฺถาวรณสพฺภาวโต อนาวรณภาโวเยว น สิยา. อถ วา ปน โหตุ อฺเมว อนาวรณาณํ สพฺพฺุตฺาณโต, อิธ ปน สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย อนาวรณาณนฺติ สพฺพฺุตฺาณเมว อธิปฺเปตํ, ตสฺส จาธิคเมน ภควา สพฺพฺู สพฺพวิทู สมฺมาสมฺพุทฺโธติ จ วุจฺจติ, น สกิเมว สพฺพธมฺมาวโพธโต. ตถา จ วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) ‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ. สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถาณสมธิคเมน หิ ภควโต สนฺตาเน อนวเสสธมฺเม ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถตา อโหสีติ.

เอตฺถาห – กึ ปนิทํ าณํ ปวตฺตมานํ สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อุทาหุ กเมนาติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธาทิเภเทน ภินฺนานํ สงฺขตธมฺมานํ อสงฺขตสมฺมุติธมฺมานฺจ เอกชฺฌํ อุปฏฺาเน ทูรโต จิตฺตปฏํ อเวกฺขนฺตสฺส วิย ปฏิวิภาเคนาวโพโธ น สิยา, ตถา จ สติ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนฺตานํ อนตฺตากาเรน วิย สพฺเพ ธมฺมา อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณสฺส วิสยา โหนฺตีติ อาปชฺชติ. เยปิ ‘‘สพฺพเยฺยธมฺมานํ ิตลกฺขณวิสยํ วิกปฺปรหิตํ สพฺพกาลํ พุทฺธานํ าณํ ปวตฺตติ, เตน เต สพฺพวิทูติ วุจฺจนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ‘จรํ สมาหิโต นาโค, ติฏฺนฺโตปิ สมาหิโต’ติ อิทมฺปิ วจนํ สุวุตฺตํ โหตี’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตโทสานติวตฺติ. ิตลกฺขณารมฺมณตาย หิ อตีตานาคตสมฺมุติธมฺมานํ ตทภาวโต เอกเทสวิสยเมว ภควโต าณํ สิยา, ตสฺมา สกึเยว าณํ ปวตฺตตีติ น ยุชฺชติ.

อถ กเมน สพฺพสฺมึ วิสเย าณํ ปวตฺตติ, เอวมฺปิ น ยุชฺชติ. น หิ ชาติภูมิสภาวาทิวเสน ทิสาเทสกาลาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺเน เนยฺเย กเมน คยฺหมาเน ตสฺส อนวเสสปฏิเวโธ สมฺภวติ อปริยนฺตภาวโต เยฺยสฺส. เย ปน ‘‘อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปเนน สพฺพฺู ภควา, ตฺจ าณํ อนนุมานิกํ สํสยาภาวโต. สํสยานุพนฺธฺหิ โลเก อนุมานาณ’’นฺติ วทนฺติ, เตสมฺปิ ตํ น ยุตฺตํ. สพฺพสฺส หิ อปฺปจฺจกฺขภาเว อตฺถสฺส อวิสํวาทเนน เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปนสฺส อสมฺภวโต. ยฺหิ ตํ เสสํ, ตํ อปฺปจฺจกฺขนฺติ. อถ ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ, ตสฺส เสสภาโว เอว น สิยาติ? สพฺพเมตํ อการณํ. กสฺมา? อวิสยวิจารณภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘พุทฺธวิสโย ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ, โย จินฺเตยฺย, อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – ยํ กิฺจิ ภควตา าตุํ อิจฺฉิตํ สกลเมกเทโส วา, ตตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย ปจฺจกฺขโต าณํ ปวตฺตติ, นิจฺจสมาธานฺจ วิกฺเขปาภาวโต, าตุํ อิจฺฉิตสฺส จ สกลสฺส อวิสยภาเว ตสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติตา น สิยา, เอกนฺเตเนว จ สา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘สพฺเพ ธมฺมา พุทฺธสฺส ภควโต อาวชฺชนปฏิพทฺธา อากงฺขปฏิพทฺธา มนสิการปฏิพทฺธา จิตฺตุปฺปาทปฏิพทฺธา’’ติ (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต. อตีตานาคตวิสยมฺปิ ภควโต าณํ อนุมานาคมตกฺกคหณวิรหิตตฺตา ปจฺจกฺขเมว.

นนุ จ เอตสฺมิมฺปิ ปกฺเข ยทา สกลํ าตุํ อิจฺฉิตํ, ตทา สกึเยว สกลวิสยตาย อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณํ ปวตฺเตยฺยาติ วุตฺตโทสานติวตฺติเยวาติ? น, ตสฺส วิโสธิตตฺตา. วิโสธิโต หิ โส พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโยติ. อฺถา ปจุรชนาณสมานวุตฺติตาย พุทฺธานํ ภควนฺตานํ าณสฺส อจินฺเตยฺยตา น สิยา, ตสฺมา สกลธมฺมารมฺมณมฺปิ ตํ เอกธมฺมารมฺมณํ วิย สุววตฺถาปิเตเยว เต ธมฺเม กตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมตฺถ อจินฺเตยฺยํ, อนนฺตฺจ าณํ เยฺยํ วิย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยาวตกํ เยฺยํ, ตาวตกํ าณํ. ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺยํ. เยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺย’’นฺติ (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕). เอวเมกชฺฌํ, วิสุํ สกึ, กเมน วา อิจฺฉานุรูปํ สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ.

นฺติ ยถาวุตฺตํ ปถวีอาทิเภทํ. ปริฺาตนฺติ ปริโต สมนฺตโต สพฺพาการโต าตํ, ตํ ปริชานิตพฺพภาวํ กิฺจิ อเสเสตฺวา าตนฺติ อตฺโถ. อยเมว หิ อตฺโถ ‘‘ปริฺาตนฺต’’นฺติ อิมินาปิ ปเทน ปกาสิโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปริฺาตนฺตํ นามา’’ติอาทิมาห. เตน เตน มคฺเคน กิเลสปฺปหาเนน วิเสโส นตฺถีติ อิทํ ตํตํมคฺควชฺฌกิเลสานํ พุทฺธานํ สาวกานฺจ เตน เตน มคฺเคเนว ปหาตพฺพภาวสามฺํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สาวเกหิ พุทฺธานํ กิเลสปฺปหานวิเสสาภาวโต. ตถา หิ สมฺมาสมฺพุทฺธา เอว สวาสนกิเลเส ชหนฺติ, น สาวกา. เอกเทสเมวาติ อตฺตโน สนฺตานคตเมว. สสนฺตติปริยาปนฺนธมฺมปริฺามตฺเตนปิ หิ จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนา สมิชฺฌติ. เตเนวาห – ‘‘อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺเปมิ โลกสมุทยฺจ ปฺเปมี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕). อณุปฺปมาณมฺปิ …เป… นตฺถิ, ยโต ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน พุทฺธานํ มหาวชิราณํ ปวตฺตตีติ วทนฺติ.

ตถาคตวารสตฺตมนยวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตถาคตวารอฏฺมนยวณฺณนา

๑๓. ปุริมตณฺหาติ ปุริมตเรสุ ภเวสุ นิพฺพตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนตฺตภาวเหตุภูตา ตณฺหา. ตคฺคหเณเนว จ อตีตทฺธสงฺคหา อวิชฺชาสงฺขารา สทฺธึ อุปาทาเนน สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. เอตฺถาติ ‘‘ภวา ชาตี’’ติ เอตสฺมึ ปเท. เตน อุปปตฺติภเวนาติ ‘‘ภวา ชาตี’’ติ ชาติสีเสน วุตฺตอุปปตฺติภเวน. ภูตสฺสาติ นิพฺพตฺตสฺส. โส ปน ยสฺมา สตฺโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สตฺตสฺสา’’ติ. เอวฺจ ชานิตฺวาติ อิมินา ‘‘ภูตสฺส ชรามรณ’’นฺติ เอตฺถาปิ ‘‘อิติ วิทิตฺวา’’ติ อิทํ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.

ยทิปิ เตภูมกา อุปาทานกฺขนฺธา ‘‘ยํ กิฺจิ รูป’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒; ม. นิ. ๑.๒๔๔) เอกาทสสุ โอกาเสสุ ปกฺขิปิตพฺพา สมฺมสิตพฺพา จ, เต ปน ยสฺมา ภควตา ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหติ, กึปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน สมฺมสิตา, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท จ ปวตฺติปวตฺติเหตุภาวโต ปุริมสจฺจทฺวยเมว โหติ, ตสฺมา ตทภิสมยํ ‘‘มฺนาภาวเหตุ ปจฺจยาการปฏิเวโธ’’ติ วิภาเวนฺโต ‘‘ยํ โพธิรุกฺขมูเล…เป… ทสฺเสนฺโต’’ติ อาห. สํขิปฺปนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จาติ สงฺเขปา, อตีเต เหตุอาทโย ‘‘เหตุ, ผล’’นฺติ เอวํ สํขิปฺปนฺตีติ วา สงฺเขปา, อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จ. สงฺเขป-สทฺโท ภาคาธิวจนนฺติ ทฏฺพฺโพ. เตนาห ‘‘โกฏฺาสาติ อตฺโถ’’ติ. เต ปน อตีเต เหตุสงฺเขโป, เอตรหิ ผลสงฺเขโป, เอตรหิ เหตุสงฺเขโป, อายตึ ผลสงฺเขโปติ จตฺตาโร สงฺเขปา เอตสฺสาติ จตุสงฺเขโป, ตํ จตุสงฺเขปํ. เหตุผลสนฺธิ, ผลเหตุสนฺธิ, ปุน เหตุผลสนฺธีติ เอวํ ตโย สนฺธี เอตสฺสาติ ติสนฺธิ, ตํ ติสนฺธึ. อตีตปจฺจุปฺปนฺนานาคตเภทา ตโย อทฺธา เอตสฺสาติ ติยทฺโธ, ตํ ติยทฺธํ. สรูปโต อวุตฺตาปิ ตสฺมึ ตสฺมึ สงฺเขเป อากิรียนฺติ อวิชฺชาสงฺขาราทิคฺคหเณหิ ปกาสียนฺตีติ อาการา, อตีตเหตุอาทีนํ วา ปการา อาการา, เต เอเกกสงฺเขเป ปฺจ ปฺจ กตฺวา วีสติ อาการา เอตสฺสาติ วีสตากาโร, ตํ วีสตาการํ.

เอส สพฺโพติ เอส จตุสงฺเขปาทิปเภโท อนวเสโส ปจฺจโย. ปจฺจยลกฺขเณนาติ ปจฺจยภาเวน อตฺตโน ผลสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส ปจฺจยภาเวน, อวินาภาวลกฺขเณนาติ อตฺโถ. ยถา หิ ตณฺหํ วินา อวิชฺชาทโย วิฺาณสฺส ปจฺจยา น โหนฺติ, เอวํ ตณฺหาปิ อวิชฺชาทิเก วินาติ. เอตฺถ ทุกฺขคฺคหเณน วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนานํ, ภวคฺคหเณน จ ตณฺหาสงฺขารุปาทานานํ คหิตตา วุตฺตนยา เอวาติ น อุทฺธฏา.

อิทานิ เต วีสติ อากาเร ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬิยา วิภาเวตุํ ‘‘เอวเมเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ (ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๔๗) ปุริมกมฺมภวสฺมินฺติ ปุริเม กมฺมภเว, อตีตชาติยํ กมฺมภเว กยิรมาเนติ อตฺโถ. โมโห อวิชฺชาติ โย ตทา ทุกฺขาทีสุ โมโห, เยน มูฬฺโห กมฺมํ กโรติ, สา อวิชฺชา. อายูหนา สงฺขาราติ ตํ ตํ กมฺมํ กโรนฺโต ทานุปกรณาทิ สชฺชนาทิวเสน ยา ปุริมเจตนาโย, เต สงฺขารา. ปฏิคฺคาหกานํ ปน หตฺเถ เทยฺยธมฺมํ ปติฏฺาปยโต เจตนา ภโว. เอกาวชฺชนชวเนสุ วา ปุริมา เจตนา อายูหนา สงฺขารา, สตฺตมา ภโว. ยา กาจิ วา ปน เจตนา ภโว, สมฺปยุตฺตา อายูหนา สงฺขารา. นิกนฺติ ตณฺหาติ ยํ กมฺมํ กโรนฺตสฺส อุปปตฺติภเว ตสฺส ผลสฺส นิกามนา ปตฺถนา, สา ตณฺหา นาม. อุปคมนํ อุปาทานนฺติ ยํ กมฺมภวสฺส ปจฺจยภูตํ ‘‘อิทํ กมฺมํ กตฺวา อสุกสฺมึ นาม าเน กาเม เสวิสฺสามิ อุจฺฉิชฺชิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตํ อุปคมนํ คหณํ ปรามสนํ, อิทํ อุปาทานํ นาม. เจตนา ภโวติ ทฺวีสุ อตฺถวิกปฺเปสุ วุตฺตสฺส อายูหนสฺส อวสาเน วุตฺตเจตนา, ตติเย ปน อายูหนสมฺปยุตฺตเจตนา ภโว. อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ปุริมกมฺมภวสฺมึ อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยาติ อิเม ยถาวุตฺตา โมหาทโย ปฺจ ธมฺมา อตีตกมฺมภวสิทฺธา เอตรหิ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยภูตาติ อตฺโถ.

อิธ ปฏิสนฺธิวิฺาณนฺติ ยํ ภวนฺตรปฏิสนฺธานวเสน อุปฺปนฺนตฺตา ปฏิสนฺธีติ วุจฺจติ, ตํ วิฺาณํ. โอกฺกนฺติ นามรูปนฺติ ยา คพฺเภ รูปารูปธมฺมานํ โอกฺกนฺติ อาคนฺตฺวา ปวิสนฺตี วิย, อิทํ นามรูปํ. ปสาโท อายตนนฺติ อิทํ จกฺขาทิปฺจายตนวเสน วุตฺตํ. ผุฏฺโ ผสฺโสติ โย อารมฺมณํ ผุฏฺโ ผุสนฺโต อุปฺปนฺโน, อยํ ผสฺโส. เวทยิตํ เวทนาติ ยํ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน วา สฬายตนปจฺจเยน วา ผสฺเสน สหุปฺปนฺนํ วิปากเวทยิตํ, สา เวทนา. อิติ อิเม…เป… ปจฺจยาติ อิเม วิฺาณาทโย ปฺจ โกฏฺาสิกา ธมฺมา ปุริมภเว กตสฺส กมฺมสฺส กมฺมวฏฺฏสฺส ปจฺจยา, ปจฺจยภาวโต ตํ ปฏิจฺจ อิธ เอตรหิ อุปปตฺติภวสฺมึ อุปปตฺติภวภาเวน วา โหนฺตีติ อตฺโถ.

อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานํ โมโหติ ปริปกฺกายตนสฺส กมฺมกรณกาเล อสมฺโมหํ ทสฺเสติ. ทหรสฺส หิ จิตฺตปฺปวตฺติ ภวงฺคพหุลา เยภุยฺเยน ภวนฺตรชนกกมฺมายูหนสมตฺถา น โหตีติ. กมฺมกรณกาเลติ จ อิมินา สพฺโพ กมฺมสฺส ปจฺจยภูโต สมฺโมโห คหิโต, น สมฺปยุตฺโตว. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ปทโยชนายาติ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทีนํ ปทานํ สมฺพนฺเธน สห. อตฺถนิคมนนฺติ อิมสฺมึ อฏฺมวาเร เทสนตฺถนิคมนํ. นนฺทีติ เอวํ วุตฺตานํ สพฺพตณฺหานนฺติ ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ เอวํ นนฺทนตฺถสามฺโต เอกวจเนน วุตฺตานํ สพฺพตณฺหานํ สนฺตานารมฺมณสมฺปยุตฺตธมฺมปฺปวตฺติอาการาทิเภเทน อเนกเภทานํ สพฺพาสํ ตณฺหานํ. ขยเววจนาเนวาติ สมุจฺเฉทปหานเววจนาเนว. ‘‘อจฺจนฺตกฺขยา’’ติ หิ วุตฺตํ. จตุมคฺคกิจฺจสาธารณเมตนฺติ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ปหานกิจฺจสฺส สาธารณํ สามฺโต คหณํ เอตํ ขยาทิวจนนฺติ อตฺโถ. เตสํ ปน มคฺคานํ กเมน ปวตฺตนํ กิจฺจกเมเนว ทสฺเสตุํ ‘‘วิราคา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโต…เป… โยเชตพฺพ’’นฺติ อาห. ตถา สติปิ ขยาทิสทฺทานํ ปหานปริยายภาเว ปหาตพฺพาย ปน วิสยเภทภินฺนาย ตณฺหาย อนวเสสโต ปหีนภาวทีปนตฺถํ ขยาทิปริยายนฺตรคฺคหณํ กตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาหี’’ติอาทิมาห. ยถาวุตฺตสฺชนนาทิเหตุภูตาย ตณฺหาย ปหีนตฺตา ตปฺปหานทีปนํ กตฺวา วุจฺจมานํ ขยาทิวจนํ น กถฺจิ ธมฺมตํ วิโลเมตีติ วุตฺตํ ‘‘น กิฺจิ วิรุชฺฌตี’’ติ.

อุตฺตรวิรหิตนฺติ อตฺตานํ อุตฺตริตุํ สมตฺถตฺตา อุตฺตเรน อธิเกน วิรหิตํ. อยฺจสฺส อุตฺตรวิรหตา อตฺตโน เสฏฺภาเวนาติ อาห ‘‘สพฺพเสฏฺ’’นฺติ. ยถา สมฺมา-สํ-สทฺทา ‘‘อวิปรีตํ, สาม’’นฺติ อิเมสํ ปทานํ อตฺถํ วทนฺติ, เอวํ ปาสํสโสภนตฺเถปีติ อาห ‘‘สมฺมา สามฺจ โพธึ ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธิ’’นฺติ. พุชฺฌิ เอตฺถ ปฏิวิชฺฌิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สพฺพมฺปิ วา เนยฺยนฺติ รุกฺโข โพธิ, พุชฺฌติ เอเตนาติ ปน มคฺโค โพธิ, ตถา สพฺพฺุตฺาณํ, นิพฺพานํ ปน พุชฺฌิตพฺพโต โพธีติ อยเมตฺถ สาธนวิภาโค ทฏฺพฺโพ. ปณฺณตฺติยมฺปิ อตฺเถว โพธิ-สทฺโท ‘‘โพธิราชกุมาโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๒๔; จูฬว. ๒๖๘). อปเรติ สารสมาสาจริยา. เอตฺถ จ สอุปสคฺคสฺส โพธิ-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร อนุปสคฺคานํ อุทาหรเณ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

โลกุตฺตรภาวโต วา ตตฺถาปิ เหฏฺิมมคฺคานํ วิย ตตุตฺตริมคฺคาภาวโต จ ‘‘สิยา นุ โข อนุตฺตรา โพธี’’ติ อาสงฺกํ สนฺธาย ตํ วิธมิตุํ ‘‘สาวกาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อภินีหารสมฺปตฺติยา ผลวิเสสภูเตหิ าณวิเสเสหิ เอกจฺเจหิ สกเลหิ สทฺธึ สมิชฺฌมาโน มคฺโค อริยานํ ตํ ตํ าณวิเสสาทึ เทนฺโต วิย โหตีติ ตสฺส อสพฺพคุณทายกตฺตํ วุตฺตํ. เตน อนฺสาธารณาภินีหารสมฺปทาสิทฺธสฺส นิรติสย-คุณานุพนฺธสฺส วเสน อรหตฺตมคฺโค อนุตฺตรา โพธิ นาม โหตีติ ทสฺเสติ. สาวกปารมิาณํ อฺเหิ สาวเกหิ อสาธารณํ มหาสาวกานํเยว อาเวณิกํ าณํ. ปจฺเจกํ สจฺจานิ พุทฺธวนฺโตติ ปจฺเจกพุทฺธา. นนุ จ สพฺเพปิ อริยา ปจฺเจกเมว สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ ธมฺมสฺส ปจฺจตฺตํ เวทนียภาวโตติ? สจฺจํ, นยิทมีทิสํ ปฏิเวธํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยถา ปน สาวกา อฺสนฺนิสฺสเยน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ ปรโตโฆเสน วินา เตสํ ทสฺสนมคฺคสฺส อนุปฺปชฺชนโต, ยถา จ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อฺเสํ นิสฺสยภาเวน สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌนฺติ, น เอวเมเต, เอเต ปน อปรเนยฺยา หุตฺวา อปริณายกภาเวน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปจฺเจกํ สจฺจานิ พุทฺธวนฺโตติ ปจฺเจกพุทฺธา’’ติ.

อิตีติ กรียติ อุจฺจารียตีติ อิติกาโร, อิติ-สทฺโท. การณตฺโถ อนิยมรูเปนาติ อธิปฺปาโย, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ยสฺมา จา’’ติ. ปุพฺเพ ปน อิติ-สทฺทํ ปการตฺถํ กตฺวา ‘‘เอวํ ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตํ, อิธาปิ ตํ ปการตฺถเมว กตฺวา อโถ ยุชฺชติ. กถํ? วิทิตฺวาติ หิ ปทํ เหตุอตฺเถ ทฏฺพฺพํ ‘‘ปฺาย จสฺส ทิสฺวา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๑), ‘‘ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ โหตี’’ติ จ เอวมาทีสุ วิย, ตสฺมา ปการตฺเถปิ อิติ-สทฺเท ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส วิทิตตฺตาติ อยํ อตฺโถ ลพฺภเตว. ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ วิทิตฺวาติ เอตฺถาปิ เหตุอตฺเถ วิทิตฺวา-สทฺเท ยถาวุตฺตา อตฺถโยชนา ยุชฺชเตว. เอตฺถ จ ปมวิกปฺเป ปฏิจฺจสมุปาทสฺส วิทิตตฺถํ มฺนาภาวสฺส การณํ วตฺวา ตณฺหามูลกสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺสิตตฺตา เอตฺถ ตณฺหาปฺปหานํ สมฺมาสมฺโพธิยา อธิคมนการณํ อุทฺธตนฺติ ทสฺสิตํ, ตสฺมา ‘‘ปถวึ น มฺตี’’ติอาทิ นิคมนํ ทฏฺพฺพํ. ทุติยวิกปฺเป ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทเวทนํ ตณฺหาปฺปหานสฺส การณํ วุตฺตํ, ตํ อภิสมฺโพธิยา อภิสมฺโพธิมฺนาภาวสฺสาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ อยเมเตสํ ทฺวินฺนํ อตฺถวิกปฺปานํ วิเสโส, ตสฺมา ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ วุตฺตํ.

ตํ กุโต ลพฺภตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยตฺถ ยตฺถ หี’’ติอาทิ. สาสนยุตฺติ อยํ สาสเนปิ เอวํ สมฺพนฺโธ ทิสฺสตีติ กตฺวา. โลเกปิ หิ ยํ-ตํ-สทฺทานํ อพฺยภิจาริสมฺพนฺธตา สิทฺธา.

เอวํ อภิสมฺพุทฺโธติ วทามีติ อภิสมฺพุทฺธภาวสฺส คหิตตฺตา, อสพฺพฺุนา เอวํ เทเสตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ ‘‘สพฺพฺุตฺาณํ ทสฺเสนฺโต’’ติอาทิมาห.

วิจิตฺรนยเทสนาวิลาสยุตฺตนฺติ ปุถุชฺชนวาราทิวิภาคภินฺเนหิ วิจิตฺเตหิ ตนฺติ นเยหิ, ลกฺขณกมฺมตณฺหามฺนาทิวิภาคภินฺเนหิ วิจิตฺเตหิ อตฺถนเยหิ, อภินนฺทนปจฺจยาการาทิวิเสสาปเทสสิทฺเธน เทสนาวิลาเสน จ ยุตฺตํ. ยถา เต น ชานนฺติ, ตถา เทเสสีติ อิมินาปิ ภควโต เทสนาวิลาสํเยว วิภาเวติ. ตํเยว กิร ปถวินฺติ เอตฺถ ปถวีคหณํ อุปลกฺขณมตฺตํ อาปาทิวเสนปิ, ตถา ‘‘กีทิสา นุ โข อิธ ปถวี อธิปฺเปตา, กสฺมา จ ภูตรูปานิเยว คหิตานิ, น เสสรูปานี’’ติอาทินาปิ เตสํ สํสยุปฺปตฺติ นิทฺธาเรตพฺพา. อถ วา กถํ นามิทนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ. เตน อิมสฺมึ สุตฺเต สพฺพายปิ เตสํ สํสยุปฺปตฺติยา ปริคฺคหิตตฺตา ทฏฺพฺพา. อนฺตนฺติ มริยาทํ, เทสนาย อนฺตํ ปริจฺเฉทนฺติ อตฺโถ, โย อนุสนฺธีติ วุจฺจติ. โกฏินฺติ ปริยนฺตํ, เทสนาย ปริโยสานนฺติ อตฺโถ. อุภเยน สุตฺเต อชฺฌาสยานุสนฺธิ ยถานุสนฺธีติ วทติ.

อนฺตรากถาติ กมฺมฏฺานมนสิการอุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ อนฺตรา อฺา เอกา ตถา. วิปฺปกถาติ อนิฏฺิตา สิขํ อปฺปตฺตา. กงฺขณานุรูเปนาติ ตสฺมึ ขเณ ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ อชฺฌาสยานุรูเปน. อิทนฺติ อิทานิ วุจฺจมานํ มูลปริยายชาตกํ.

ทิสาปาโมกฺโขติ ปณฺฑิตภาเวน สพฺพทิสาสุ ปมุขภูโต. พฺราหฺมโณติ พฺรหฺมํ อณตีติ พฺราหฺมโณ, มนฺเต สชฺฌายตีติ อตฺโถ. ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเวท-ยชุเวท-สามเวทานํ. ปารคูติ อตฺถโส พฺยฺชนโส จ ปารํ ปริยนฺตํ คโต. สห นิฆณฺฑุนา จ เกฏุเภน จาติ สนิฆณฺฑุเกฏุภา, เตสํ. นิฆณฺฑูติ รุกฺขาทีนํ เววจนปฺปกาสกํ สตฺถํ. เกฏุภนฺติ กิริยากปฺปวิกปฺโป, กวีนํ อุปการาวหํ สตฺถํ. สห อกฺขรปฺปเภเทนาติ สากฺขรปฺปเภทา, เตสํ, สิกฺขานิรุตฺติสหิตานนฺติ อตฺโถ. อิติหาสปฺจมานนฺติ อาถพฺพณเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา ‘‘อิติห อส, อิติห อสา’’ติ อีทิสวจนปฏิสํยุตฺโต ปุราณกถาสงฺขาโต อิติหาโส ปฺจโม เอเตสนฺติ อิติหาสปฺจมา, เตสํ. ปทํ ตทวเสสฺจ พฺยากรณํ กายติ อชฺเฌติ เวเทติ จาติ ปทโก, เวยฺยากรโณ. โลกายตํ วุจฺจติ วิตณฺฑสตฺถํ. มหาปุริสานํ พุทฺธาทีนํ ลกฺขณทีปนคนฺโถ มหาปุริสลกฺขณํ. เตสุ อนูโน ปริปูรการีติ อนวโย.

มนฺเตติ เวเท. ยทิปิ เวโท ‘‘มนฺโต, พฺรหฺมํ, กปฺโป’’ติ ติวิโธ, มนฺโต เอว ปน มูลเวโท, ตทตฺถวิวรณํ พฺรหฺมํ, ตตฺถ วุตฺตนเยน ยฺกิริยาวิธานํ กปฺโป. เตน วุตฺตํ ‘‘มนฺเตติ เวเท’’ติ. ปณฺฑิตาติ ปฺาวนฺโต. ตถา หิ เต ปุถุปฺาตาย พหุํ สหสฺสทฺวิสหสฺสาทิปริมาณํ คนฺถํ ปากฏํ กตฺวา คณฺหนฺติ อุคฺคณฺหนฺติ, ชวนปฺตาย ลหุํ สีฆํ คณฺหนฺติ, ติกฺขปฺตาย สุฏฺุ อวิรชฺฌนฺตา อุปธาเรนฺติ, สติเนปกฺกสมฺปตฺติยา คหิตฺจ เนสํ น วินสฺสติ น สมฺมุสฺสตีติ. สพฺพมฺปิ สิปฺปนฺติ อฏฺารสวิชฺชาฏฺานาทิเภทํ สิกฺขิตพฺพฏฺเน สิปฺปนฺติ สงฺขฺยํ คตํ สพฺพํ พาหิรกสตฺถํ โมกฺขาวหสมฺมตมฺปิ น โมกฺขํ อาวหตีติ อาห ‘‘ทิฏฺธมฺมสมฺปรายหิต’’นฺติ. สมฺปิณฺฑิตา หุตฺวาติ ยถา มิตฺตา, ตถา ปิณฺฑิตวเสน สนฺนิปติตา หุตฺวา. ‘‘เอวํ คยฺหมาเน อาทินา วิรุชฺเฌยฺย, เอวํ อนฺเตนา’’ติ จินฺเตนฺตา าตุํ อิจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส ปุพฺเพนาปรํ อวิรุทฺธํ นิจฺฉยํ คเหตุํ อสกฺโกนฺตา น อาทึ, น อนฺตํ อทฺทสํสุ.

โลมสานีติ โลมวนฺตานิ, ฆนเกสมสฺสุวานีติ อตฺโถ. เกสาปิ หิ โลมคฺคหเณน คยฺหนฺติ ยถา ‘‘โลมนขํ ผุสิตฺวา สุทฺธิ กาตพฺพา’’ติ. กณฺณํ วิยาติ กณฺณํ, ปฺา, ตาย สุตฺวา กาตพฺพกิจฺจสาธนโต วุตฺตํ ‘‘กณฺณวาติ ปฺวา’’ติ.

ยสฺมา สตฺตานํ คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล อายุวณฺณาทิปริกฺขโย โหติ, ตสฺมา ตํ กาเลน กตํ วิย กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เนสํ อายุ…เป… ขาทตีติ วุจฺจตี’’ติ.

อภิฺายาติ กุสลาทิเภทํ ขนฺธาทิเภทฺจ เทเสตพฺพํ ธมฺมํ, เวเนยฺยานฺจ อาสยานุสยจริยาวิมุตฺติอาทิเภทํ, ตสฺส จ เนสํ เทเสตพฺพปฺปการํ ยาถาวโต อภิชานิตฺวา. ธมฺมํ เทเสมีติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกนิพฺพานหิตาวหํ สทฺธมฺมํ กถยามิ. โน อนภิฺายาติ ยถา พาหิรกา อสมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา วุตฺตวิธึ อชานนฺตายํ กิฺจิ ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ กเถนฺติ, เอวํ น เทเสมีติ อตฺโถ. สนิทานนฺติ สการณํ, เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยวเสน วา ปุจฺฉาย วา อฏฺุปฺปตฺติยา วา สนิมิตฺตํ เหตุอุทาหรณสหิตฺจาติ อตฺโถ. สปฺปาฏิหาริยนฺติ สนิสฺสรณํ สปฺปฏิหรณํ, ปจฺจนีกปฏิหรเณน สปฺปาฏิหาริยเมว กตฺวา เทเสมีติ อตฺโถ. อปเร ปน ‘‘ยถารหํ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิปาฏิหาริยสหิต’’นฺติ วทนฺติ, อนุสาสนิปาฏิหาริยหิตา ปน เทสนา นตฺถีติ. หิตูปเทสนา โอวาโท, สา เอว อนุสาสนี. อโนติณฺณวตฺถุวิสโย วา โอวาโท, โอติณฺณวตฺถุวิสยา อนุสาสนี. ปมูปเทโส วา โอวาโท, อิตรา อนุสาสนี. อลฺจ ปนาติ ยุตฺตเมว. นิฏฺมคมาสีติ อตฺถสิทฺธึ คตา.

ตถาคตวารอฏฺมนยวณฺณนา นิฏฺิตา.

อยํ ตาเวตฺถ อฏฺกถาย ลีนตฺถวณฺณนา.

เนตฺตินยวณฺณนา

อิทานิ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๔๙; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.เนตฺตินยวณฺณนา; อ. นิ. ฏี. เนตฺตินยวณฺณนา) ปกรณนเยน ปาฬิยา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม. สา ปนายํ อตฺถวณฺณนา ยสฺมา เทสนาย สมุฏฺานปโยชนภาชเนสุ ปิณฺฑตฺเถสุ จ นิทฺธาริเตสุ สุตรา โหติ สุวิฺเยฺยา จ, ตสฺมา สุตฺตเทสนาย สมุฏฺานาทีนิ ปมํ นิทฺธารยิสฺสาม. ตตฺถ สมุฏฺานํ ตาว ปริยตฺตึ นิสฺสาย มานุปฺปาโท, ปโยชนํมานมทฺทนํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘สุตปริยตฺตึ…เป… อารภี’’ติ. อปิจ เวเนยฺยานํ ปถวีอาทิภูตาทิเภทภินฺเน สกฺกาเย ปุถุชฺชนสฺส เสกฺขาทิอริยสฺส จ สทฺธึ เหตุนา มฺนามฺนวเสน ปวตฺติวิภาคานวโพโธ สมุฏฺานํ, ยถาวุตฺตวิภาคาวโพโธ ปโยชนํ, เวเนยฺยานฺหิ วุตฺตปฺปกาเร วิสเย ยถาวุตฺตานํ ปุคฺคลานํ สทฺธึ เหตุนา มฺนามฺนวเสน ปวตฺติวิภาคาวโพโธ ปโยชนํ.

อปิจ สมุฏฺานํ นาม เทสนานิทานํ. ตํ สาธารณํ อสาธารณนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณมฺปิ อชฺฌตฺติกพาหิรเภทโต ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณํ อชฺฌตฺติกสมุฏฺานํ นาม โลกนาถสฺส มหากรุณา. ตาย หิ สมุสฺสาหิตสฺส ภควโต เวเนยฺยานํ ธมฺมเทสนาย จิตฺตํ อุทปาทิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สตฺเตสุ จ การุฺตํ ปฏิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๙). เอตฺถ จ เหตาวตฺถายปิ มหากรุณาย สงฺคโห ทฏฺพฺโพ ยาวเทว สํสารมโหฆโต สทฺธมฺมเทสนาหตฺถทาเนหิ สตฺตสนฺตารณตฺถํ ตทุปฺปตฺติโต. ยถา จ มหากรุณา, เอวํ สพฺพฺุตฺาณํ ทสพลาณาทีนิ จ เทสนาย อพฺภนฺตรสมุฏฺานภาเว วตฺตพฺพานิ. สพฺพมฺปิ หิ เยฺยธมฺมํ, เตสํ เทเสตพฺพปฺปการํ, สตฺตานฺจ อาสยานุสยาทึ ยาถาวโต ชานนฺโต ภควา านาฏฺานาทีสุ โกสลฺเลน เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิจิตฺตนยเทสนํ ปวตฺเตสีติ. พาหิรํ ปน สาธารณํ สมุฏฺานํ ทสสหสฺสพฺรหฺมปริวาริตสฺส สหมฺปติมหาพฺรหฺมุโน อชฺเฌสนํ. ตทชฺเฌสนุตฺตรกาลฺหิ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณาชนิตํ อปฺโปสฺสุกฺกตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ธมฺมสฺสามี ธมฺมเทสนาย อุสฺสาหชาโต อโหสิ. อสาธารณมฺปิ อมฺภนฺตรพาหิรเภทโต ทุวิธเมว. ตตฺถ อพฺภนฺตรํ ยาย มหากรุณาย เยน จ เทสนาาเณน อิทํ สุตฺตํ ปวตฺติตํ, ตทุภยํ เวทิตพฺพํ. พาหิรํ ปน ปฺจสตานํ พฺราหฺมณชาติกานํ ภิกฺขูนํ ปริยตฺตึ นิสฺสาย มานุปฺปาทนํ, วุตฺตเมว ตํ อฏฺกถายํ.

ปโยชนมฺปิ สาธารณํ อสาธารณนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณํ อนุกฺกเมน ยาว อนุปาทาปรินิพฺพานํ วิมุตฺติรสตฺตา ภควโต เทสนาย. เตเนวาห ‘‘เอตทตฺถา ตถา, เอตทตฺถา มนฺตนา’’ติอาทิ (ปริ. ๓๖๖). เอเตเนว จ สํสารจกฺกนิวตฺติ สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺติ สสฺสตาทิมิจฺฉาวาทนิรากรณํ สมฺมาวาทปุเรกฺขาโร อกุสลมูลสมูหนนํ กุสลมูลสํโรปนํ อปายทฺวารปิทหนํ สคฺคโมกฺขทฺวารวิวรณํ ปริยุฏฺานวูปสมนํ อนุสยสมุคฺฆาตนํ ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ (อุทา. อฏฺ. ๑๘; อิติวุ. อฏฺ. ๓๘) ปุริมปฏิฺาอวิสํวาทนํ ตปฺปฏิปกฺขมารมโนรถวิสํวาทนํ ติตฺถิยธมฺมนิมฺมถนํ พุทฺธธมฺมปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทีนมฺปิ ปโยชนานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อสาธารณํ ปน เตสํ ภิกฺขูนํ มานมทฺทนํ. วุตฺตฺเจตํ อฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑) ‘‘เทสนากุสโล ภควา มานภฺชนตฺถํ ‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’นฺติ เทสนํ อารภี’’ติ. อุภยมฺเปตํ พาหิยเมว. สเจ ปน เวเนยฺยสนฺตานคตมฺปิ เทสนาพลสิทฺธิสงฺขาตํ ปโยชนํ อธิปฺปายสมิชฺฌนภาวโต ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธิยา ยถาการุณิกสฺส ภควโตปิ ปโยชนเมวาติ คณฺเหยฺย, อิมินา ปริยาเยนสฺส อพฺภนฺตรตาปิ เวทิตพฺพา.

อปิจ เวเนยฺยานํ ปถวีอาทิภูตาทิวิภาคภินฺเน สกฺกาเย ปุถุชฺชนสฺส เสกฺขาทิอริยสฺส จ สทฺธึ เหตุนา มฺนามฺนวเสน ปวตฺติวิภาคานวโพโธ สมุฏฺานํ, อิมสฺส สุตฺตสฺส ยถาวุตฺตวิภาคาวโพโธ ปโยชนนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เวเนยฺยานฺหิ วุตฺตปฺปกาเร วิสเย ยถาวุตฺตานํ ปุคฺคลานํ สทฺธึ เหตุนา มฺนามฺนานํ วเสน ปวตฺติวิภาคาวโพโธ อิมํ เทสนํ ปโยเชติ ‘‘ตนฺนิปฺผาทนปรายํ เทสนา’’ติ กตฺวา. ยฺหิ เทสนาย สาเธตพฺพํ ผลํ, ตํ อากงฺขิตพฺพตฺตา เทสกํ เทสนาย ปโยเชตีติ ปโยชนนฺติ วุจฺจติ. ตถา เวเนยฺยานํ สพฺพโส เอกเทสโต จ มฺนานํ อปฺปหานํ, ตตฺถ จ อาทีนวาทสฺสนํ, นิรงฺกุสานํ มฺนานํ อเนกาการโวหารสฺส สกฺกาเย ปวตฺติวิเสสสฺส อชานนํ, ตตฺถ จ ปหีนมฺนานํ ปฏิปตฺติยา อชานนํ, ตณฺหามุเขน ปจฺจยาการสฺส จ อนวโพโธติ เอวมาทีนิ จ ปโยชนานิ อิธ เวทิตพฺพานิ.

ภูมิตฺตยปริยาปนฺเนสุ อสงฺขาตธมฺมวิปฺปกตปริฺาทิกิจฺจสงฺขาตธมฺมานํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จ ปฏิปตฺตึ อชานนฺตา อสทฺธมฺมสฺสวนธารณปริจยมนสิการปรา สทฺธมฺมสฺสวน-ธารณปริจยปฏิเวธวิมุขา จ เวเนยฺยา อิมิสฺสา เทสนาย ภาชนํ. ปิณฺฑตฺถา ปน ‘‘อสฺสุตวา’’ติอาทินา อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อกุสลมูล-สมาโยโค โอลียนาติธาวนาปริคฺคโห อุปายวินิพทฺธานุพฺรูหนา มิจฺฉาภินิเวสสมนฺนาคโม อวิชฺชาตณฺหา-ปริสุทฺธิ วฏฺฏตฺตยานุปรโม อาสโวฆโยคคนฺถาคติตณฺหุปฺปาทุปาทานาวิโยโค เจโตขิล-เจโตวินิพทฺธอภินนฺทน-นีวรณสงฺคานติกฺกโม วิวาทมูลาปริจฺจาโค อนุสยานุปจฺเฉโท มิจฺฉตฺตานติวตฺตนํ ตณฺหามูลธมฺมสนฺนิสฺสยตา อกุสลกมฺมปถานุโยโค สพฺพกิเลส-ปริฬาหสารทฺธกายจิตฺตตาติ เอวมาทโย ทีปิตา โหนฺติ. ‘‘ปถวึ ปถวิโต สฺชานาตี’’ติอาทินา ตณฺหาวิจริตนิทฺเทโส มานชปฺปนา วิปริเยสาภินิเวโส สํกิเลโส สกฺกายปริคฺคโห พาลลกฺขณาปเทโส วงฺกตฺตยวิภาวนานุโยโค พหุการปฏิปกฺขทีปนา ติวิธนิสฺสยสํสูจนา อาสวกฺขยกถนนฺติ เอวมาทโย ทีปิตา โหนฺติ.

โสฬสหารวณฺณนา

๑. เทสนาหารวณฺณนา

ตตฺถ เย อุปาทานกฺขนฺธธมฺเม อุปาทาย ปถวีอาทิภูตาทิเภทา ปฺตฺติ, เต ปฺตฺติปฏิปาทนภาเวน ชาติชรามรณวิเสสนทุกฺขปริยาเยน จ วุตฺตา ตณฺหาวชฺชา เตภูมกธมฺมา ทุกฺขสจฺจํ. มฺนาภินนฺทนนนฺทีปริยาเยหิ วุตฺตา ตณฺหา สมุทยสจฺจํ. อยํ ตาว สุตฺตนฺตนโย. อภิธมฺมนเย ปน ยถาวุตฺตตณฺหาย สทฺธึ ‘‘อสฺสุตวา’’ติอาทินา ทีปิตา อวิชฺชาทโย, มฺนาปริยาเยน คหิตา มานทิฏฺิโย, ภวปเทน คหิโต กมฺมภโว จาติ สพฺเพปิ กิเลสาภิสงฺขารา สมุทยสจฺจํ. อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ. อริยธมฺมคฺคหเณน, ปริฺาภิกฺขุเสกฺขาภิฺาคหเณหิ, ราคาทิขยวจเนหิ, สมฺมาสมฺโพธิคหเณน จ มคฺคสจฺจํ. เกจิ ปน ตณฺหากฺขยาทิวจเนหิ นิโรธสจฺจํ อุทฺธรนฺติ, ตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ ตตฺถ ตณฺหากฺขยาทีนํ มคฺคกิจฺจภาวสฺส อุทฺธฏตฺตา.

ตตฺถ สมุทเยน อสฺสาโท, ทุกฺเขน อาทีนโว, มคฺคนิโรเธหิ นิสฺสรณํ, เตสํ ภิกฺขูนํ มานภฺชนํ ผลํ, ตถา ‘‘ยถาวุตฺตวิภาคาวโพโธ’’ติอาทินา วุตฺตํ ปโยชนฺจ. ตสฺส นิปฺผตฺติการณตฺตา เทสนาย วิจิตฺตตา จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ ยาถาวโต สภาวูปธารณฺจ อุปาโย, ปถวีอาทีสุ ปุถุชฺชนาทีนํ ปวตฺติทสฺสนาปเทเสน ปถวีอาทโย เอกนฺตโต ปริชานิตพฺพา, มฺนา จ ปหาตพฺพาติ อยเมตฺถ ภควโต อาณตฺตีติ. อยํ เทสนาหาโร.

๒. วิจยหารวณฺณนา

มฺนานํ สกฺกายสฺส อวิเสสเหตุภาวโต, กสฺสจิปิ ตตฺถ อเสสิตพฺพโต จ สพฺพคหณํ, สภาวธารณโต นิสฺสตฺตนิชฺชีวโต จ ธมฺมคฺคหณํ, ปติฏฺาภาวโต อาเวณิกเหตุภาวโต จ มูลคฺคหณํ, การณภาวโต เทสนตฺถสมฺภวโต จ ปริยายคฺคหณํ, สมฺมุขภาวโต สมฺปทานตฺถสมฺภวโต จ ‘‘โว’’ติ วจนํ, ตถารูปคุณโยคโต อภิมุขีกรณโต จ ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อาลปนํ. เทเสตุํ สมตฺถภาวโต เตสํ สตุปฺปาทนตฺถฺจ ‘‘เทเสสฺสามี’’ติ ปฏิชานนํ, เทเสตพฺพตาย ปฏิฺาตภาวโต, ยถาปฏิฺฺจ เทสนโต ‘‘ต’’นฺติ ปจฺจามสนํ, โสตพฺพภาวโต, สวนตฺถสฺส จ เอกนฺเตน นิปฺผาทนโต ‘‘สุณาถา’’ติ วุตฺตํ. สกฺกาตพฺพโต, สกฺกจฺจกิริยาย เอว จ ตทตฺถสิทฺธิโต ‘‘สาธุก’’นฺติ วุตฺตํ. ธมฺมสฺส มนสิกรณียโต ตทธีนตฺตา จ สพฺพสมฺปตฺตีนํ ‘‘มนสิ กโรถา’’ติ วุตฺตํ ยถาปริฺาตาย เทสนาย ปริพฺยตฺตภาวโต วิตฺถารตฺถสมฺภวโต จ ‘‘ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺตํ. ภควโต สเทวเกน โลเกน สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพวจนตฺตา, ตสฺส จ ยถาธิปฺเปตตฺถสาธนโต ‘‘เอว’’นฺติ วุตฺตํ. สตฺถุ อุตฺตมคารวฏฺานภาวโต, ตตฺถ จ คารวสฺส อุฬารปุฺภาวโต ‘‘ภนฺเต’’ติ วุตฺตํ. ภิกฺขูนํ ตถากิริยาย นิจฺฉิตภาวโต วจนาลงฺการโต จ ‘‘โข’’ติ วุตฺตํ. สวนสฺส ปฏิชานิตพฺพโต, ตถา เตหิ ปฏิปนฺนตฺตา จ ‘‘ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติ วุตฺตํ ปจฺจกฺขภาวโต, สกลสฺสปิ เอกชฺฌํ กรณโต ‘‘เอต’’นฺติ วุตฺตํ.

วุจฺจมานสฺส ปุคฺคลสฺส โลกปริยาปนฺนตฺตา โลกาธารตฺตา จ โลกํ อุปาทาย ‘‘อิธา’’ติ วุตฺตํ. ปฏิเวธพาหุสจฺจาภาวโต ปริยตฺติพาหุสจฺจาภาวโต จ ‘‘อสฺสุตวา’’ติ วุตฺตํ. ปุถูสุ, ปุถุ วา ชนภาวโต ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ วุตฺตํ. อนริยธมฺมวิรหโต อริยธมฺมสมนฺนาคมโต จ ‘‘อริยาน’’นฺติ วุตฺตํ. อริยภาวกราย ปฏิปตฺติยา อภาวโต, ตตฺถ โกสลฺลทมถาภาวโต ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสนฺตธมฺมสฺสวนโต สนฺตธมฺมสมนฺนาคมโต สพฺภิ ปาสํสิยโต จ ‘‘สปฺปุริสาน’’นฺติ วุตฺตํ. สปฺปุริสภาวกราย ปฏิปตฺติยา อภาวโต, ตตฺถ จ โกสลฺลทมถาภาวโต ‘‘สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปถวีวตฺถุกานํ มฺนานํ, อุปริ วุจฺจมานานฺจมฺนานํ มูลกตฺตา ปปฺจสงฺขานํ ‘‘ปถวึ ปถวิโต สฺชานาตี’’ติ วุตฺตํ. อนฺธปุถุชฺชนสฺส อหํการ-มมํการานํ กตฺถจิปิ อปฺปหีนตฺตา ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ปุพฺเพ อคฺคหิตตฺตา, สามฺโต จ คยฺหมานตฺตา, ปุคฺคลสฺส ปถวีอาทิอารมฺมณสภาคตาย ลพฺภมานตฺตา จ ‘‘โยปี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘โย’’ติ อนิยเมน คหิตสฺส นิยเมตพฺพโต ปฏินิทฺทิสิตพฺพโต จ; ‘‘โส’’ติ วุตฺตํ สาติสยํ สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนโต กิเลสเภทนสมฺภวโต จ ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุตฺตํ. สิกฺขาหิ สมนฺนาคมโต เสกฺขธมฺมปฏิลาภโต จ ‘‘เสกฺโข’’ติ วุตฺตํ. มนสา ลทฺธพฺพสฺส อรหตฺตสฺส อนธิคตตฺตา อธิคมนียโต จ ‘‘อปฺปตฺตมานโส’’ติ วุตฺตํ. อปเรน อนุตฺตรณียโต, ปรํ อนุจฺฉวิกภาเวน อุตฺตริตฺวา ิตตฺตา จ ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ. โยเคน ภาวนาย กามโยคาทิโต จ เขมํ สิวํ อนุปทฺทวนฺติ ‘‘โยคกฺเขม’’นฺติ วุตฺตํ. ฉนฺทปฺปวตฺติยา อุสฺสุกฺกาปตฺติยา จ ‘‘ปตฺถยมาโน’’ติ วุตฺตํ. ตทตฺถสฺส สพฺพโส สพฺพอิริยาปถวิหารสฺส สมถวิปสฺสนาวิหารสฺส ทิพฺพวิหารสฺส จ วเสน ‘‘วิหรตี’’ติ วุตฺตํ. เสกฺขสฺส สพฺพโส อภิฺเยฺยภาวฺเจว ปริฺเยฺยภาวฺจ าเณน อภิภวิตฺวา ชานนโต ‘‘อภิชานาตี’’ติ วุตฺตํ. เสกฺขสฺส สพฺพโส อปฺปหีนมฺนตาย อภาวโต ‘‘มา มฺี’’ติ วุตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. อิมินา นเยน อิโต ปรํ สพฺพปเทสุ วินิจฺฉโย กาตพฺโพ. สกฺกา หิ อฏฺกถํ ตสฺสา ลีนตฺถวณฺณนฺจ อนุคนฺตฺวา อยมตฺโถ วิฺูหิ วิภาเวตุนฺติ อติวิตฺถารภเยน น วิตฺถารยิมฺห. อิติ อนุปทวิจยโต วิจโย หาโร.

๓. ยุตฺติหารวณฺณนา

สกฺกายสฺส สพฺพมฺนานํ มูลภาโว ยุชฺชติ ปริกปฺปมตฺตกตฺตา โลกวิจิตฺตสฺส. พฺยาหุสจฺจทฺวยรหิตสฺส อนฺธปุถุชฺชนภาโว ยุชฺชติ ปุถุกิเลสาภิสงฺขารชนนาทิสภาวตฺตา. ยถาวุตฺตปุถุชฺชนสฺส วา วุตฺตปฺปการพาหุสจฺจาภาโว ยุชฺชติ ตสฺมึ สติ สพฺภาวโต. ตตฺถ อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อริยานํ สปฺปุริสานฺจ อทสฺสาวิตาทิ ยุชฺชติ อริยกรธมฺมานํ อริยภาวสฺส จ เตน อทิฏฺตฺตา อปฺปฏิปนฺนตฺตา จ ตถา ตสฺส ปถวิยา ‘‘อหํ ปถวี, มม ปถวี, ปโร ปถวี’’ติ สฺชานนํ ยุชฺชติ อหํการมมํการานํ สพฺเพน สพฺพํ อปฺปหีนตฺตา. ตถา สฺชานโต จสฺส ปถวึ กมฺมาทิกรณาทิวเสน คเหตฺวา นานปฺปการโต มฺนาปวตฺติ ยุชฺชติ สฺานิทานตฺตา ปปฺจสงฺขานํ. โย มฺติ, ตสฺส อปริฺาตวตฺถุกตา ยุชฺชติ ปริฺาย วินา มฺนาปหานาภาวโต. ‘‘อาปํ อาปโต สฺชานาตี’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อปริโยสิตสิกฺขสฺส อปฺปตฺตมานสตา ยุชฺชติ กตกิจฺจตาภาวโต. เสกฺขสฺส สโต โยคกฺเขมปตฺถนา ยุชฺชติ ตทธิมุตฺตภาวโต. ตถา ตสฺส ปถวิยา อภิชานนา ยุชฺชติ ปริฺาปหาเนสุ มตฺตโส การิภาวโต. ตโต เอว จสฺส ‘‘มา มฺี’’ติ วตฺตพฺพตา ยุชฺชติ วตฺถุปริฺาย วิย มฺนาปหานสฺสปิ วิปฺปกตภาวโต. เสกฺขสฺส ปถวิยา ปริฺเยฺยตา ยุชฺชติ ปริฺาตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา สพฺพโส อปริฺาตตฺตา จ. ‘‘อาปํ อาปโต’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อรหตฺตาทิยุตฺตสฺส ปถวิยาทีนํ อภิชานนา มฺนาภาโว จ ยุชฺชติ สงฺขาตธมฺมตฺตา, สพฺพโส กิเลสานํ ปหีนตฺตา, ตโต เอว จสฺส วีตราคาทิภาโว ตโต สมฺมเทว จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปฏิวิทฺธตาติ. อยํ ยุตฺติหาโร.

๔. ปทฏฺานหารวณฺณนา

กิสฺโสปิ มฺนา สกฺกายสฺส ปทฏฺานํ, มฺนานํ อโยนิโสมนสิกาโร ปทฏฺานํ, สุตทฺวยวิรโห อนฺธปุถุชฺชนภาวสฺส ปทฏฺานํ, โส อริยานํ อทสฺสาวิตาย ปทฏฺานํ, สา อริยธมฺมสฺส อโกวิทตาย ปทฏฺานํ, สา อริยธมฺเม อวินีตตาย ปทฏฺานํ. ‘‘สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สฺาวิปลฺลาโส มฺนานํ ปทฏฺานํ. สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขาติ. มฺนาสุ จ ตณฺหามฺนา อิตรมฺนานํ ปทฏฺานํ ‘‘ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิต’’นฺติ, (ที. นิ. ๑.๑๐๕-๑๐๙) ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; มหาว. ๑) จ วจนโต, ตณฺหาคตสฺเสว จ ‘‘เสยฺโยหมสฺมิ’’นฺติอาทินา มานชปฺปนาสพฺภาวตา. สพฺพาปิ วา มฺนา สพฺพาสํ มฺนานํ ปทฏฺานํ. ‘‘อุปาทานปจฺจยา ตณฺหา’’ติ หิ วจนโต ทิฏฺิปิ ตณฺหาย ปทฏฺานํ. ‘‘อหมสฺมิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๒; ๓.๓๙) อาทิวจนโต มาโนปิ ทิฏฺิยา ปทฏฺานํ. ตถา ‘‘อสฺมีติ สติ อิตฺถํสฺมีติ โหติ, เอวํสฺมีติ โหติ, อฺถาสฺมีติ โหตี’’ติอาทิวจนโต มานสฺสปิ ตณฺหาย ปทฏฺานตา ลพฺภเตว. เสกฺขา ธมฺมา สปฺปเทสโต มฺนาปหานสฺส ปทฏฺานํ. อเสกฺขา นิปฺปเทสโต มฺนาปหานสฺส ปทฏฺานํ. กมฺมภโว จ ชาติยา ปทฏฺานํ. ชาติ ชรามรณสฺส ปทฏฺานํ. ปจฺจยาการสฺส ยถาภูตาวโพโธ สมฺมาสมฺโพธิยา ปทฏฺานนฺติ. อยํ ปทฏฺาโน หาโร.

๕. ลกฺขณหารวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ มูลคฺคหเณน มูลปริยายคฺคหเณน วา ยถา ตณฺหามานทิฏฺิโย คยฺหนฺติ, เอวํ โทสโมหาทีนมฺปิ สกฺกายมูลธมฺมานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ สกฺกายสฺส มูลภาเวน เอกลกฺขณตฺตา. ‘‘อสฺสุตวา’’ติ อิมินา ยถา ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปริยตฺติปฏิเวธสทฺธมฺมานํ อภาโว คยฺหติ, เอวํ ปฏิปตฺติสทฺธมฺมสฺสปิ อภาโว คยฺหติ สทฺธมฺมภาเวน เอกลกฺขณตฺตา. อริยานํ อทสฺสนกามตาทิลกฺขณา. ‘‘อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติ อิมินา อริยธมฺมาธิคมสฺส วิพนฺธภูตํ อฺาณํ. ‘‘อริยธมฺเม อวินีโต’’ติ อิมินา อริยวินยาภาโว. โส ปนตฺถโต อริยวินเย อปฺปฏิปตฺติ เอว วาติ ตีหิปิ ปเทหิ ยถาวุตฺตวิสยา มิจฺฉาทิฏฺิ วิจิกิจฺฉา จ คหิตาว โหนฺติ. ตคฺคหเณน จ สพฺเพปิ อกุสลา ธมฺมา สงฺคหิตาว โหนฺติ สํกิเลสลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ‘‘สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.

‘‘ปถวึ ปถวิโต สฺชานาตี’’ติ อิทํ ทิฏฺิมฺนาทีนํ สฺาย การณภาวทสฺสนํ. ตตฺถ ยถา สฺา, เอวํ วิตกฺกผสฺสาวิชฺชาอโยนิโสมนสิการาทโยปิ ตาสํ การณนฺติ อตฺถโต เตสมฺเปตฺถ สงฺคโห วุตฺโต โหติ มฺนานํ การณภาเวน เอกลกฺขณตฺตา. ‘‘มฺตี’’ติ อิมินา มฺนากิจฺเจน ตณฺหามานทิฏฺิโย คหิตา ตาสํ กิเลสสภาวตฺตา. ตคฺคหเณเนว วิจิกิจฺฉาทินมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ กิเลสลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ตถา ตณฺหาย เหตุสภาวตฺตา ตคฺคหเณเนว อวสิฏฺากุสลเหตูนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ เหตุลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ตถา ตณฺหาทิฏฺีนํ อาสวาทิสภาวตฺตา ตคฺคหเณเนว อวสิฏฺาสโวฆโยคคนฺถนีวรณาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ อาสวาทิสภาวตฺตา เอกลกฺขณตฺตา. ตถา ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติอาทินา ปถวีอาทีนํ รูปสภาวตฺตา ตพฺพิสยานฺจ มฺนานํ รูปวิสยตฺตา ตคฺคหเณเนว สกลรูปกฺขนฺธวิสยาปิ มฺนา ทสฺสิตา โหนฺติ รูปวิสยลกฺขเณน อาสํ เอกลกฺขณตฺตา. เอวํ จกฺขายตนาทิวิสยาปิ มฺนา นิทฺธาเรตพฺพา. ‘‘อปริฺาต’’นฺติ ปริฺาปฏิกฺเขเปน ตปฺปฏิพทฺธกิเลสานํ ปหานปฏิกฺเขโปติ ทฏฺพฺโพ มคฺคกิจฺจภาเวน ปริฺาปหานานํ เอกลกฺขณตฺตา. อิมินา นเยน เสเสสุปิ ยถารหํ เอกลกฺขณา นิทฺธาเรตพฺพาติ. อยํ ลกฺขโณ หาโร.

๖. จตุพฺยูหหารวณฺณนา

ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ พฺยฺชนจฺฉายาย อตฺถํ คเหตฺวา ธมฺมคมฺภีรตํ อสลฺลกฺเขตฺวา อสทฺธมฺมสฺสวนาทินา วฺจิตา หุตฺวา สทฺธมฺมสฺสวนธารณปริจยมนสิการวิมุขา ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ ปุถุชฺชนเสกฺขาเสกฺขตถาคตานํ ปฏิปตฺติวิเสสํ อชานนฺตา จ เวเนยฺยา อิมิสฺสา เทสนาย นิทานํ. เต ‘‘กถํ นุ โข ยถาวุตฺตโทสวินิมุตฺตา ยถาวุตฺตฺจ วิเสสํ ชานนฺตา สมฺมาปฏิปตฺติยา อุภยหิตปรายณา สเวยฺยุ’’นฺติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโย. ปทนิพฺพจนํ นิรุตฺตํ, ตํ ‘‘เอว’’นฺติอาทินิทานปทานํ, ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติอาทิปาฬิปทานฺจ อฏฺกถายํ, ตสฺสา ลีนตฺถวณฺณนายฺเจว วุตฺตนเยน สุวิฺเยฺยตฺตา อติวิตฺถารภเยน น วิตฺถารยิมฺห.

ปทปทตฺถเทสนานิกฺเขปสุตฺตสนฺธิวเสน ปฺจวิธา สนฺธิ. ตตฺถ ปทสฺส ปทนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทสนฺธิ, ตถา ปทตฺถสฺส ปทตฺถนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทตฺถสนฺธิ, โย ‘‘กิริยาการกสมฺพนฺโธ’’ติ วุจฺจติ. นานานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส ตํตํอนุสนฺธีหิ สมฺพนฺโธ, เอกานุสนฺธิกสฺส ปน ปุพฺพาปรสมฺพนฺโธ เทสนาสนฺธิ. ยา อฏฺกถายํ ‘‘ปุจฺฉานุสนฺธิ อชฺฌาสยานุสนฺธิ ยถานุสนฺธี’’ติ ติธา วิภตฺตา. อชฺฌาสโย เจตฺถ อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโยติ ทฺวิธา เวทิตพฺโพ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา นิทานวณฺณนายํ วุตฺตเมว. นิกฺเขปสนฺธิ จตุนฺนํ สุตฺตนิกฺเขปานํ วเสน เวทิตพฺโพ. สุตฺตสนฺธิ อิธ ปมนิกฺเขปวเสเนว เวทิตพฺโพ. กสฺมา ปเนตฺถ มูลปริยายสุตฺตเมว ปมํ นิกฺขิตฺตนฺติ? นายมนุโยโค กตฺถจิ นปฺปวตฺตติ, อปิจ ยสฺมา มฺนามูลกํ สกฺกายํ, สพฺพมฺนา จ ตตฺถ เอว อเนกเภทภินฺนา ปวตฺตติ, น ตสฺสา สวิสยาย เลสมตฺตมฺปิ สารํ อตฺถีติ ปถวีอาทิวิภาคภินฺเนสุ มฺนาสุ จ สาติสยํ นิพฺเพธวิราคสฺชนนี อุปริ เสกฺขาเสกฺขตถาคตคุณวิภาวนี จ อยํ เทสนา. สุตฺตนฺตเทสนา จ วิเสสโต ทิฏฺิวินิเวนกถา, ตสฺมา สนิสฺสยสฺส ทิฏฺิคฺคาหสฺส อาทิโต อสารภาวทีปนํ อุปริ จ สพฺเพสํ อริยานํ คุณวิเสสวิภาวนมิทํ สุตฺตํ ปมํ นิกฺขิตฺตํ. กิฺจ สกฺกาเย มฺนามฺนามุเขน ปวตฺตินิวตฺตีสุ อาทีนวานิสํสวิภาวนโต สพฺเพสํ ปุคฺคลานํ ปฏิปตฺติวิภาคโต จ อิทเมว สุตฺตํ ปมํ นิกฺขิตฺตํ.

ยํ ปน เอกิสฺสา เทสนาย เทสนนฺตเรน สทฺธึ สํสนฺทนํ, อยมฺปิ เทสนาสนฺธิ, สา เอวํ เวทิตพฺพา. ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… นิพฺพานํ อภินนฺทตี’’ติ อยํ เทสนา. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต มนสิกรณีเย ธมฺเม นปฺปชานาติ, อมนสิกรณีเย จ ธมฺเม นปฺปชานาติ, โส มนสิกรณีเย ธมฺเม อปฺปชานนฺโต อมนสิกรณีเย จ ธมฺเม อปฺปชานนฺโต เย ธมฺมา น มนสิกรณียา, เต ธมฺเม มนสิ กโรติ…เป… อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปวฑฺฒติ. อนุปฺปนฺโน วา ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา ภวาสโว ปวฑฺฒติ, อนุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว ปวฑฺฒตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๗) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ตถา ‘‘ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ สุภนิมิตฺตํ มนสิ กริสฺสติ, ตสฺส สุภนิมิตฺตสฺส มนสิการา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสสฺสติ, โส สราโค สโทโส สโมโห สางฺคโณ สํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๙) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ตถา ‘‘จกฺขุฺจาวุโส ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา. ยํ เวเทติ ตํ สฺชานาติ, ยํ สฺชานาติ ตํ วิตกฺเกติ, ยํ วิตกฺเกติ ตํ ปปฺเจติ, ยํ ปปฺเจติ ตโตนิทานํ ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ตถา ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต รูปํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. เวทนํ…เป…, สฺํ…เป…, สงฺขาเร…เป…, วิฺาณํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. ยมฺปิ ตํ ทิฏฺํ…เป… ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ, โส โลโก โส อตฺตา โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามีติ, ตมฺปิ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ.

‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ…เป… นิพฺพานํ มาภินนฺที’’ติ อยํ เทสนา. ‘‘อิธ, เทวานมินฺท, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ, เอวฺเจตํ, เทวานมินฺท, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ, โส สพฺพํ ธมฺมํ อภิชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ อภิฺาย สพฺพํ ธมฺมํ ปริชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ ปริฺาย ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรติ, วิราคานุปสฺสี วิหรติ, นิโรธานุปสฺสี วิหรติ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๙๐) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ…เป… อภิสมฺพุทฺโธติ วทามี’’ติ อยํ เทสนา ‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก…เป… สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ, เวทนํ…เป…, สฺํ…เป…, สงฺขาเร…เป…, วิฺาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. ยมฺปิ ตํ ทิฏฺํ สุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ, โส โลโก โส อตฺตา โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ ‘นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อปิ ปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’ติ, ตมฺปิ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. โส เอวํ สมนุปสฺสนฺโต น ปริตสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) เอวมาทิเทสนาหิ สํสนฺทตีติ, อยํ จตุพฺยูโห หาโร.

๗. อาวตฺตหารวณฺณนา

‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ อิมินา โยนิโสมนสิการปฏิกฺเขปมุเขน อโยนิโสมนสิการปริคฺคโห ทีปิโต. ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติอาทินา สปฺปุริสูปนิสฺสยาทิปฏิกฺเขปมุเขน อสปฺปุริสูปนิสฺสยาทิปริคฺคโห ทีปิโต. เตสุ ปุริมนเยน อาสยวิปตฺติ กิตฺติตา, ทุติเยน ปโยควิปตฺติ. ปุริเมน จสฺส กิเลสวฏฺฏํ, ตฺจ ยโต วิปากวฏฺฏนฺติ สกลํ สํสารจกฺกมาวตฺตติ. ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติอาทินา ตตฺถ ติสฺโส มฺนา วุตฺตา. ตาสุ ตณฺหามฺนา ‘‘เอตํ มมา’’ติ ตณฺหาคฺคาโห, มานมฺนา ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ มานคฺคาโห, ทิฏฺิมฺนา ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ ทิฏฺิคฺคาโห. ตตฺถ ตณฺหาคฺคาเหน ‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจปริเยสนา’’ติอาทิกา (ที. นิ. ๒.๑๐๓; ที. นิ. ๓.๓๕๙; อ. นิ. ๓.๒๓; วิภ. ๙๖๓) นว ตณฺหามูลกา ธมฺมา อาวตฺตนฺติ. มานคฺคาเหน ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทิกา นว มานวิธา อาวตฺตนฺติ. ทิฏฺิคฺคาเหน ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิกา (สํ. นิ. ๔.๓๔๕) วีสติวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ อาวตฺตติ. ตีสุ จ คาเหสุ ยาย สฺาย ตณฺหาคฺคาหสฺส วิกฺขมฺภนา, สา ทุกฺขสฺา ทุกฺขานุปสฺสนา. ยาย สฺาย มานคฺคาหสฺส วิกฺขมฺภนา, สา อนิจฺจสฺา อนิจฺจานุปสฺสนา. ยาย ปน สฺาย ทิฏฺิคฺคาหสฺส วิกฺขมฺภนา, สา อนตฺตสฺา อนตฺตานุปสฺสนา. ตตฺถ ปมคฺคาหวิสภาคโต อปฺปณิหิตวิโมกฺขมุขํ อาวตฺตติ, ทุติยคฺคาหวิสภาคโต อนิมิตฺตวิโมกฺขมุขํ อาวตฺตติ, ตติยคฺคาหวิสภาคโต สุฺตวิโมกฺขมุขํ อาวตฺตติ.

เสกฺขคฺคหเณน อริยาย สมฺมาทิฏฺิยา สงฺคโห, ตโต จ ปรโตโฆสโยนิโสมนสิการา ทีปิตา โหนฺติ. ปรโตโฆเสน จ สุตวา อริยสาวโกติ อาวตฺตติ, โยนิโสมนสิกาเรน นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา อาวตฺตนฺติ, จตุพฺพิธฺจ สมฺปตฺติจกฺกํ. ‘‘มา มฺี’’ติ มฺนานํ วิปฺปกตปฺปหานตาคหเณน เอกจฺจาสวปริกฺขโย ทีปิโต โหติ, เตน จ สทฺธาวิมุตฺตทิฏฺิปฺปตฺตกายสกฺขิภาวา อาวตฺตนฺติ. ‘‘อรหํ ขีณาสโว’’ติอาทินา อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย ทสฺสิตา โหนฺติ, สีลกฺขนฺธาทิปาริปูริยา จ ทส นาถกรณา ธมฺมา อาวตฺตนฺติ. ‘‘น มฺตี’’ติ มฺนาปฏิกฺเขเปน ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ สมฺมาปฏิปตฺติ ทสฺสิตา, ตาย จ สาติสยา นิกนฺติปริยาทานมานสมุคฺฆาฏนทิฏฺิอุคฺฆาฏนานิ ปกาสิตานีติ อปฺปณิหิตานิมิตฺต-สุฺตวิโมกฺขา อาวตฺตนฺติ.

‘‘ตถาคโต’’ติอาทินา สพฺพฺุคุณา วิภาวิตาติ ตทวินาภาวโต ทสพล-จตุเวสารชฺชอสาธารณาณอาเวณิกพุทฺธธมฺมา อาวตฺตนฺติ. ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติอาทินา สทฺธึ เหตุนา วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุวิภาวเนน จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อาวตฺตนฺติ. ‘‘ตณฺหานํ ขยา’’ติอาทินา ตณฺหปฺปหานาปเทเสน ตเทกฏฺภาวโต ทิยฑฺฒสฺส กิเลสสหสฺสสฺส ปหานํ อาวตฺตติ. ‘‘สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ จ วุตฺตตฺตา ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ, ‘‘อิติ วิทิตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตสฺส มฺนาภาวเหตุภูตสฺส ปจฺจยาการเวทนสฺส สาวเกหิ อสาธารณาณจารภาโว ทสฺสิโต, เตน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริ ภควโต มหาวชิราณํ อาวตฺตตีติ. อยํ อาวตฺโต หาโร.

๘. วิภตฺติหารวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมา นาม เตภูมกา ธมฺมา สกฺกายสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เตสํ มฺนา ปทฏฺานํ ปปฺจสงฺขานิมิตฺตตฺตา โลกวิจิตฺตสฺส. ตยิเม กุสลา อกุสลา อพฺยากตาติ ติวิธา. เตสุ กุสลานํ โยนิโสมนสิการาทิ ปทฏฺานํ, อกุสลานํ อโยนิโสมนสิการาทิ, อพฺยากตานํ กมฺมภวอาวชฺชนภูตรูปาทิ ปทฏฺานํ. ตตฺถ กุสลา กามาวจราทิวเสน ภูมิโต ติวิธา, ตถา อพฺยากตา จิตฺตุปฺปาทสภาวา, อจิตฺตุปฺปาทสภาวา ปน กามาวจราว ตถา อกุสลา. ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธสุตกิจฺจาภาเวน ติวิโธ อสฺสุตวา. อนฺธกลฺยาณวิภาเคน ทุวิโธ ปุถุชฺชโน. สมฺมาสมฺพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกเภเทน ติวิธา อริยา. มํสจกฺขุทิพฺพจกฺขุปฺาจกฺขูหิ ทสฺสนาภาเวน ติวิโธ อทสฺสาวี. มคฺคผลนิพฺพานเภเทน ติวิโธ, นววิโธ วา อริยธมฺโม. สวนธารณปริจยมนสิการปฏิเวธวเสน ปฺจวิธา อริยธมฺมสฺส โกวิทตา. ตทภาวโต อโกวิโท. สํวรปหานเภเทน ทุวิโธ, ทสวิโธ วา อริยธมฺมวินโย, ตทภาวโต อริยธมฺเม อวินีโต. เอตฺถ ปทฏฺานวิภาโค เหฏฺา ทสฺสิโตเยว. ‘‘สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติอาทีสุ มฺนาวตฺถุวิภาโค ปาฬิยํ อาคโตว, ตถา อชฺฌตฺติกพาหิราทิโก จ อนฺตรวิภาโค.

มฺนา ปน ตณฺหามานทิฏฺิวเสน สงฺเขปโต ติวิธา, วิตฺถารโต ปน ตณฺหามฺนา ตาว กามตณฺหาทิวเสน อฏฺสตวิธา, ตถา ‘‘อสฺมีติ สติ อิตฺถํสฺมีติ โหตี’’ติอาทินา. เอวํ มานมฺนาปิ. ‘‘อสฺมีติ สติ อิตฺถํสฺมีติ โหตี’’ติอาทินา ปปฺจตฺตยํ อุทฺทิฏฺํ นิทฺทิฏฺฺจาติ. เอเตน ทิฏฺิมฺนายปิ อฏฺสตวิธตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อปิจ เสยฺยสฺส ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา มานมฺนาย นววิธตา ตทนฺตรเภเทน อเนกวิธตา จ เวทิตพฺพา. อยฺจ อตฺโถ หีนตฺติกตฺถวณฺณนาย วิภาเวตพฺโพ. ทิฏฺิมฺนาย ปน พฺรหฺมชาเล อาคตนเยน ทฺวาสฏฺิวิธตา ตทนฺตรเภเทน อเนกวิธตา จ เวทิตพฺพา. ‘‘อปริฺาต’’นฺติ เอตฺถ าตปริฺาทิวเสน เจว รูปมุขาทิอภินิเวสเภทาทิวเสน จ ปริฺานํ อเนกวิธตา เวทิตพฺพา. ตถา อฏฺมกาทิวเสน เสกฺขวิภาโค ปฺาวิมุตฺตาทิวเสน อเสกฺขวิภาโค จ. อยเมตฺถ ธมฺมวิภาโค. ปทฏฺานวิภาโค จ ภูมิวิภาโค จ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพาติ. อยํ วิภตฺติหาโร.

๙. ปริวตฺตหารวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ ‘‘สพฺพธมฺมา’’ติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา คหิตา, เตสํ มูลการณนฺติ จ ตณฺหามานทิฏฺิโย. ตถา อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโตติ. ยาวกีวฺจ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สุภโต สุขโต นิจฺจโต อตฺตโต สมนุปสฺสนวเสน ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ ตณฺหามานทิฏฺิคาหา น สมุจฺฉิชฺชนฺติ, ตาว เนสํ ปพนฺธูปรโม สุปินนฺเตปิ น เกนจิ ลทฺธปุพฺโพ. ยทา ปน เนสํ อสุภโต ทุกฺขโต อนิจฺจโต อนตฺตโต สมนุปสฺสนวเสน ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ ปวตฺตมานา อปฺปณิหิตานิมิตฺตสุฺตานุปสฺสนา อุสฺสกฺกิตฺวา อริยมคฺคาธิคมาย สํวตฺตนฺติ, อถ เนสํ ปพนฺธูปรโม โหติ อจฺจนฺตอปฺปฺตฺติกภาวูปคมนโต. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพธมฺมาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา คหิตา, เตสํ มูลการณนฺติ จ ตณฺหามานทิฏฺิโย’’ติ. ตถา อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต ตีหิปิ มฺนาหิ ปถวึ มฺติ ยาว นิพฺพานํ อภินนฺทติ, ตีหิปิ ปริฺาหิ ตสฺส ตํ วตฺถุ อปริฺาตนฺติ กตฺวา. ยสฺส ปน ตํ วตฺถุ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาตํ, น โส อิตโร วิย ตํ มฺติ. เตนาห ภควา ‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก…เป… สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ, เวทนํ…เป… อสติ น ปริตสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑). เสกฺโข ปถวึ มา มฺิ, ยาว นิพฺพานํ มาภินนฺทิ, อรหา สมฺมาสมฺพุทฺโธ จ ปถวึ น มฺติ, ยาว นิพฺพานํ นาภินนฺทติ, มฺนามฺิเตสุ วตฺถูสุ มตฺตโส สพฺพโส จ ปริฺาภิสมยสํสิทฺธิยา ปหานาภิสมยนิพฺพตฺติโต. ยสฺส ปน เตสุ วตฺถูสุ สพฺพโส มตฺตโส วา ปริฺา เอว นตฺถิ, กุโต ปหานํ, โส ยถาปริกปฺปํ นิรงฺกุสาหิ มฺนาหิ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา มฺเตว. เตนาห ภควา ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต รูปํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ, เวทนํ…เป…, สฺ…เป…’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๔๑). อยํ ปริวตฺโต หาโร.

๑๐. เววจนหารวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมา สกลธมฺมา อนวเสสธมฺมา’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘มูลปริยายํ มูลการณํ อสาธารณเหตุ’’นฺติ ปริยายวจนํ, ‘‘มูลปริยายนฺติ วา มูลเทสนํ การณตถน’’นฺติ ปริยายวจนํ, ‘‘โว ตุมฺหากํ ตุมฺห’’นฺติ ปริยายวจนํ, ‘‘ภิกฺขเว, สมณา ตปสฺสิโน’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘เทเสสฺสามี กเถสฺสามี ปฺเปสฺสามี’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘สุณาถ โสตํ โอทหถ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาเรถา’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘สาธุกํ สมฺมา สกฺกจฺจ’’นฺติ ปริยายวจนํ, ‘‘มนสิ กโรถ จิตฺเต เปถ สมนฺนาหรถา’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘ภาสิสฺสามิ พฺยตฺตํ กเถสฺสามิ วิภชิสฺสามี’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘เอวํ, ภนฺเต, สาธุ สุฏฺุ ภนฺเต’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘ปจฺจสฺโสสุํ สมฺปฏิจฺฉึสุ สมฺปฏิคฺคเหสุ’’นฺติ ปริยายวจนํ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ เววจนํ วตฺตพฺพนฺติ. อยํ เววจโน หาโร.

๑๑. ปฺตฺติหารวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมา นาม สกฺกายธมฺมา, เต ขนฺธวเสน ปฺจธา ปฺตฺตา, อายตนวเสน ทฺวาทสธา, ธาตุวเสน อฏฺารสธา ปฺตฺตา. ‘‘มูล’’นฺติ วา ‘‘มูลปริยาย’’นฺติ วา มฺนา วุตฺตา, ตา ตณฺหามานทิฏฺิวเสน ติธา อนฺตรเภเทน อเนกธา จ ปฺตฺตา. อถ วา ‘‘สพฺพธมฺมา’’ติ เตภูมกธมฺมานํ สงฺคหปฺตฺติ, ‘‘มูลปริยาย’’นฺติ เตสํ ปภวปฺตฺติ, ‘‘โว’’ติ สมฺปทานปฺติ, ‘‘เทเสสฺสามิ ภาสิสฺสามี’’ติ ปฏิฺาปฺตฺติ, ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ จ อาณาปนปฺตฺติ, ‘‘อสฺสุตวา’’ติ ปฏิเวธวิมุขตาปฺตฺติ เจว ปริยตฺติวิมุขตาปฺตฺติ จ, ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ อนริยปฺตฺติ, สา อริยธมฺมปฏิกฺเขปปฺตฺติ เจว อริยธมฺมวิรหปฺตฺติ จ, ‘‘อริยาน’’นฺติ อสมปฺตฺติ เจว สมปฺตฺติ จ. ตตฺถ อสมปฺตฺติ ตถาคตปฺตฺติ, สมปฺตฺติ ปจฺเจกพุทฺธานฺเจว อุภโตภาควิมุตฺตาทีนฺจ วเสน อฏฺวิธา เวทิตพฺพา. ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติอาทิ ทสฺสนภาวนาปฏิกฺเขปปฺตฺติ, ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติอาทิ ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ สมฺมสนุปคานํ อินฺทฺริยานํ นิกฺเขปปฺตฺติ เจว ปภวปฺตฺติ จ, ตถา วิปลฺลาสานํ กิจฺจปฺตฺติ ปริยุฏฺานํ ทสฺสนปฺตฺติ กิเลสานํ ผลปฺตฺติ อภิสงฺขารานํ วิรูหนปฺตฺติ ตณฺหาย อสฺสาทนปฺตฺติ ทิฏฺิยา วิปฺผนฺทนปฺตฺติ, ‘‘เสกฺขา’’ติ สทฺธานุสารีสทฺธาวิมุตฺตทิฏฺิปฺปตฺตกายสกฺขีนํ ทสฺสนปฺตฺติ เจว ภาวนาปฺตฺติ จ ‘‘อปฺปตฺตมานโส’’ติ เสกฺขธมฺมานํ ิติปฺตฺติ, ‘‘อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ ปตฺถยมาโน’’ติ ปฺาย อภินิพฺพิทาปฺตฺติ, ‘‘อภิชานาตี’’ติ อภิฺเยฺยธมฺมานํ อภิฺาปฺตฺติ, ทุกฺขสฺส ปริฺาปฺตฺติ, สมุทยสฺส ปหานปฺตฺติ, นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยาปฺตฺติ, มคฺคสฺส ภาวนาปฺตฺติ, ‘‘มา มฺี’’ติ มฺนานํ ปฏิกฺเขปปฺตฺติ, สมุทยสฺส ปหานปฺตฺติ. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ วิตฺถาเรตพฺพํ. อยํ ปฺตฺติ หาโร.

๑๒. โอตรณหารวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมา นาม โลกิยา ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ อฏฺารส ธาตุโย ทฺเว สจฺจานิ เอกูนวิสติ อินฺทฺริยานิ ทฺวาทสปทิโก ปจฺจยากาโรติ, อยํ สพฺพธมฺมคฺคหเณน ขนฺธาทิมุเขน เทสนาย โอตรณํ. ‘‘มูล’’นฺติ วา ‘‘มูลปริยาย’’นฺติ วา มฺนา วุตฺตา, ตา อตฺถโต ตณฺหา มาโน ทิฏฺิ จาติ เตสํ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคโหติ อยํ ขนฺธมุเขน โอตรณํ. ตถา ‘‘ธมฺมายตนธมฺมธาตูหิ สงฺคโห’’ติ อยํ อายตนมุเขน ธาตุมุเขน จ โอตรณํ. ‘‘อสฺสุตวา’’ติ อิมินา สุตสฺส วิพนฺธภูตา อวิชฺชาทโย คหิตา, ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ อิมินา เยสํ กิเลสาภิสงฺขารานํ ชนนาทินา ปุถุชฺชโนติ วุจฺจติ, เต กิเลสาภิสงฺขาราทโย คหิตา, ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติอาทินา เยสํ กิเลสธมฺมานํ วเสน อริยานํ อทสฺสาวิอาทิภาโว โหติ, เต ทิฏฺิมานาวิชฺชาทโย คหิตาติ สพฺเพหิ เตหิ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคโหติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว โอตรณํ เวทิตพฺพํ. ‘‘สฺชานาติ มฺติ อภิชานาติ น มฺตี’’ติ เอตฺถาปิ สฺชานนมฺนาอภิชานนานุปสฺสนานํ สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนตฺตา วุตฺตนเยเนว โอตรณํ เวทิตพฺพํ. ตถา เสกฺขคฺคหเณน เสกฺขา, ‘‘อรห’’นฺติอาทินา อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย คหิตาติ เอวมฺปิ ขนฺธมุเขน โอตรณํ, อายตนธาตาทิมุเขน จ โอตรณํ เวทิตพฺพํ. ตถา ‘‘น มฺตี’’ติ ตณฺหาคาหาทิปฏิกฺเขเปน ทุกฺขานุปสฺสนาทโย คหิตา, เตสํ วเสน อปฺปณิหิตวิโมกฺขมุขาทีหิ โอตรณํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ปริฺาต’’นฺติ อิมินา ปริชานนกิจฺเจน ปวตฺตมานา โพธิปกฺขิยธมฺมา คยฺหนฺตีติ สติปฏฺานาทิมุเขน โอตรณํ เวทิตพฺพํ. นนฺทิคฺคหเณน ภวคฺคหเณน ตณฺหาคหเณน จ สมุทยสจฺจํ, ทุกฺขคฺคหเณน ชาติชรามรณคฺคหเณน จ ทุกฺขสจฺจํ, ‘‘ตณฺหานํ ขยา’’ติอาทินา นิโรธสจฺจํ, อภิสมฺโพธิยา คหเณน มคฺคสจฺจํ คหิตนฺติ อริยสจฺเจหิ โอตรณนฺติ. อยํ โอตรโณ หาโร.

๑๓. โสธนหารวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว…เป… อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา…เป… ปถวึ ปถวิโต สฺชานาตี’’ติ อารมฺโภ. ‘‘ปถวึ ปถวิยา สฺตฺวา ปถวึ มฺตี’’ติ ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิ. ตถา ‘‘ปถวิยา มฺติ ปถวิโต มฺติ ปถวึ เมติ มฺติ ปถวึ อภินนฺทตี’’ติ ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิ. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ อปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามี’’ติ ปทสุทฺธิ เจว อารมฺภสุทฺธิ จ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโยติ. อยํ โสธโน หาโร.

๑๔. อธิฏฺานหารวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมคฺคหณํ สามฺโต อธิฏฺานํ. ‘‘ปถวึ อาป’’นฺติอาทิ ปน ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ. ตถา ‘‘มูลปริยาย’’นฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘ปถวึ มฺติ…เป… อภินนฺทตี’’ติ. ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติ จ สามฺโต อธิฏฺานํ ตณฺหาทิคฺคาหานํ สาธารณตฺตา มฺนาย, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ, เอวํ สุตฺตนฺตรปทานิปิ อาเนตฺวา วิเสสวจนํ นิทฺธาเรตพฺพํ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย. ‘‘เสกฺโข’’ติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘กายสกฺขี ทิฏฺิปฺปตฺโต สทฺธาวิมุตฺโต สทฺธานุสารี ธมฺมานุสารี’’ติ. ตถา ‘‘เสกฺโข’’ติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสกฺขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ…เป… เสกฺเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๓). ‘‘อรห’’นฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘อุภโตภาควิมุตฺโต ปฺาวิมุตฺโต (ปุ. ป. ๑๓.๒; ๑๕.๑ มาติกา), เตวิชฺโช ฉฬภิฺโ’’ติ (ปุ. ป. ๗.๒๖, ๒๗ มาติกา) จ. ‘‘ขีณาสโว’’ติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถา’’ติอาทิ (ปารา. ๑๔). เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ‘‘อภิชานาตี’’ติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘มฺตี’’ติ. มฺนาภาโว หิสฺส ปหานปฏิเวธสิทฺโธ, ปหานปฏิเวโธ จ ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาปฏิเวเธหิ น วินาติ สพฺเพปิ อภิฺาวิเสสา มฺนาปฏิกฺเขเปน อตฺถโต คหิตาว โหนฺตีติ. ตถา ‘‘อรห’’นฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘วีตราคตฺตา วีตโทสตฺตา วีตโมหตฺตา’’ติ. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ สามฺวิเสสนิทฺธารณา เวทิตพฺพา. อยํ อธิฏฺาโน หาโร.

๑๔. ปริกฺขารหารวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมา นาม ปริยาปนฺนธมฺมา, เต กุสลากุสลาพฺยากตเภเทน ติวิธา. เตสุ กุสลานํ โยนิโสมนสิกาโร อโลภาทโย จ เหตู, อกุสลานํ อโยนิโสมนสิกาโร โลภาทโย จ เหตู, อพฺยากเตสุ วิปากานํ ยถาสกํ กมฺมํ, อิตเรสํ ภวงฺคมาวชฺชนสมนฺนาหาราทิ จ เหตู. เอตฺถ จ สปฺปุริสูปนิสฺสยาทิโก ปจฺจโย เหตุมฺหิ เอว สมวรุฬฺโห, โส ตตฺถ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺโพ. ‘‘มูล’’นฺติ วุตฺตานํ มฺนานํ เหตุภาโว ปาฬิยํ วุตฺโต เอว. มฺนาสุ ปน ตณฺหามฺนาย อสฺสาทานุปสฺสนา เหตุ. ‘‘สฺโชนิเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๒) หิ วุตฺตํ. มานมฺนาย ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโลโภ เหตุ เกวลํ สํสคฺควเสน ‘‘อหมสฺมี’’ติ ปวตฺตนโต. ทิฏฺิมฺนาย เอกตฺตนยาทีนํ อยาถาวคฺคาโห เหตุ, อสฺสุตภาโว ปุถุชฺชนภาวสฺส เหตุ, โส อริยานํ อทสฺสนสีลตาย, สา อริยธมฺมสฺส อโกวิทตาย, สา อริยธมฺเม อวินีตตาย เหตุ, สพฺพา จายํ เหตุปรมฺปรา ปถวีอาทีสุ ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ ติสฺสนฺนํ มฺนานํ เหตุ, เสกฺขารหาทิภาวา ปน มตฺตโส สพฺพโส จ มฺนาภาวสฺส เหตูติ. อยํ ปริกฺขาโร หาโร.

๑๖. สมาโรปนหารวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติอาทีสุ มูลปริยายคฺคหเณน อสฺสุตวาคหเณน สฺชานนมฺนาปริฺาคหเณหิ จ สํกิเลสธมฺมา ทสฺสิตา, เต จ สงฺเขปโต ติวิธา ตณฺหาสํกิเลโส ทิฏฺิสํกิเลโส ทุจฺจริตสํกิเลโสติ. ตตฺถ ตณฺหาสํกิเลโส ตณฺหาสํกิเลสสฺส, ทิฏฺิสํกิเลสสฺส, ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส จ ปทฏฺานํ, ตถา ทิฏฺิสํกิเลโส ทิฏฺิสํกิเลสสฺส, ตณฺหาสํกิเลสสฺส, ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส จ ปทฏฺานํ, ทุจฺจริตสํกิเลโสปิ ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส, ตณฺหาสํกิเลสสฺส, ทิฏฺิสํกิเลสสฺส จ ปทฏฺานํ. เตสุ ตณฺหาสํกิเลโส อตฺถโต โลโภว, โย ‘‘โลโภ ลุพฺภนา ลุพฺภิตตฺตํ สาราโค สารชฺชนา สารชฺชิตตฺต’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๓๘๙) อเนเกหิ ปริยาเยหิ วิภตฺโต. ตถา ทิฏฺิเยว ทิฏฺิสํกิเลโส, โย ‘‘ทิฏฺิคตํ ทิฏฺิคหนํ ทิฏฺิกนฺตาโร ทิฏฺิวิสูกํ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิต’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๐๕) อเนเกหิ ปริยาเยหิ, ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๐) ทฺวาสฏฺิยา ปเภเทหิ จ วิภตฺโต. ทุจฺจริตสํกิเลโส ปน อตฺถโต ทุสฺสีลฺยเจตนา เจว เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา จ, ยา ‘‘กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ กายวิสมํ วจีวิสม’’นฺติ (วิภ. ๙๑๓, ๙๒๔), ‘‘ปาณาติปาโต อทินฺนาทาน’’นฺติ (วิภ. ๙๑๓) จ อาทินา อเนเกหิ ปริยาเยหิ, อเนเกหิ ปเภเทหิ จ วิภตฺตา.

เตสุ ตณฺหาสํกิเลสสฺส สมโถ ปฏิปกฺโข, ทิฏฺิสํกิเลสสฺส วิปสฺสนา, ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส สีลํ ปฏิปกฺโข. เต ปน สีลาทโย ธมฺมา อิธ ปริฺาคหเณน เสกฺขคฺคหเณน ‘‘อรห’’นฺติอาทินา อริยตาทิคฺคหเณน จ คหิตา. ตตฺถ สีเลน ทุจฺจริตสํกิเลสปฺปหานํ สิชฺฌติ, ตถา ตทงฺคปฺปหานํ วีติกฺกมปฺปหานฺจ, สมเถน ตณฺหาสํกิเลสปฺปหานํ สิชฺฌติ, ตถา วิกฺขมฺภนปฺปหานํ ปริยุฏฺานปฺปหานฺจ. วิปสฺสนาย ทิฏฺิสํกิเลสปฺปหานํ สิชฺฌติ, ตถา สมุจฺเฉทปฺปหานํ อนุสยปฺปหานฺจ. ตตฺถ ปุพฺพภาเค สีเล ปติฏฺิตสฺส สมโถ, สมเถ ปติฏฺิตสฺส วิปสฺสนา, มคฺคกฺขเณ ปน สมกาลเมว ภวนฺติ. ปุพฺเพเยว หิ สุปริสุทฺธกายวจีกมฺมสฺส สุปริสุทฺธาชีวสฺส จ สมถวิปสฺสนา อารทฺธา คพฺภํ คณฺหนฺติโย ปริปากํ คจฺฉนฺติโย วุฏฺานคามินิวิปสฺสนํ ปริพฺรูเหนฺติ, วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺตี มคฺเคน ฆเฏนฺติ มคฺคกฺขเณ สมถวิปสฺสนา ปริปูเรติ. อถ มคฺคกฺขเณ สมถวิปสฺสนาภาวนาปาริปูริยา อนวเสสสํกิเลสธมฺมํ สมุจฺฉินฺทนฺติโย นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺตีติ. อยํ สมาโรปโน หาโร.

โสฬสหารวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจวิธนยวณฺณนา

๑. นนฺทิยาวฏฺฏนยวณฺณนา

‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติอาทีสุ สพฺพธมฺมมูลคฺคหเณน มฺนาคหเณน จ ตณฺหามานทิฏฺิโย คหิตา. มฺนานมฺปิ หิ มฺนา การณนฺติ ทสฺสิโตยมตฺโถ. ‘‘อสฺสุตวา’’ติอาทินา อวิชฺชามานทิฏฺิโย คหิตา, สพฺเพปิ วา สํกิเลสธมฺมา, ตถา สฺาอปริฺาตคฺคหเณน. ‘‘ขีณาสโว ปริกฺขีณภวสฺโชโน’’ติ เอตฺถ ปน อาสวา สฺโชนานิ จ สรูปโต คหิตานิ, ตถา นนฺทิคฺคหเณน ตณฺหาคหเณน จ ตณฺหา, เอวมฺเปตฺถ สรูปโต ปริยายโต จ ตณฺหา อวิชฺชา ตปฺปกฺขิยธมฺมา จ คหิตา. ตตฺถ ตณฺหาย วิเสสโต รูปธมฺมา อธิฏฺานํ, อวิชฺชาย อรูปธมฺมา, เต ปน สพฺพธมฺมคฺคหเณน ปถวีอาทิคฺคหเณน จ ทสฺสิตา เอว. ตาสํ สมโถ วิปสฺสนา จ ปฏิปกฺโข, เตสเมตฺถ คเหตพฺพากาโร เหฏฺา ทสฺสิโต เอว. สมถสฺส เจโตวิมุตฺติ ผลํ, วิปสฺสนาย ปฺาวิมุตฺติ. ตถา หิ ตา ‘‘ราควิราคา’’ติอาทินา วิเสเสตฺวา วุจฺจนฺติ, อิมาสเมตฺถ คหณํ สมฺมทฺาวิมุตฺตวีตราคาทิวจเนหิ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ตณฺหาวิชฺชา สมุทยสจฺจํ, ตปฺปกฺขิยธมฺมา ปน ตคฺคหเณเนว คหิตาติ เวทิตพฺพา. เตสํ อธิฏฺานภูตา วุตฺตปฺปเภทา รูปารูปธมฺมา ทุกฺขสจฺจํ, เตสํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจํ. ตณฺหาคหเณน เจตฺถ มายา-สาเยฺย-มานาติมาน-มทปฺปมาท-ปาปิจฺฉตา-ปาปมิตฺตตา-อหิริกาโนตฺตปฺปาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ, อวิชฺชาคหเณน วิปรีตมนสิการ-โกธูปนาห-มกฺข-ปฬาส-อิสฺสา-มจฺฉริย- สารมฺภโทวจสฺสตา-ภวทิฏฺิ-วิภวทิฏฺิอาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ, วุตฺตวิปริยาเยน อมายาอสาเยฺยาทิอวิปรีตมนสิการาทิวเสน, ตถา สมถปกฺขิยานํ สทฺธินฺทฺริยาทีนํ วิปสฺสนาปกฺขิยานํ อนิจฺจสฺาทีนฺจ วเสน โวทานปกฺโข เนตพฺโพติ. อยํ นนฺทิยาวฏฺฏสฺส น ยสฺส ภูมิ.

๒. ติปุกฺขลนยวณฺณนา

ตถา วุตฺตนเยน สรูปโต ปริยายโต จ คหิเตสุ ตณฺหาวิชฺชาตปฺปกฺขิยธมฺเมสุ ตณฺหา โลโภ, อวิชฺชา โมโห, อวิชฺชาย สมฺปยุตฺโต โลหิเต สติ ปุพฺโพ วิย ตณฺหาย สติ สิชฺฌมาโน อาฆาโต โทโส, อิติ ตีหิ อกุสลมูเลหิ คหิเตหิ, ตปฺปฏิปกฺขโต มฺนาปฏิกฺเขปปริฺาคหณาทีหิ จ กุสลมูลานิ สิทฺธานิเยว โหนฺติ. อิธาปิ ‘‘โลโภ สพฺพานิ วา สาสวกุสลากุสลมูลานิ สมุทยสจฺจํ, เตหิ นิพฺพตฺตา, เตสํ อธิฏฺานโคจรภูตา จ อุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทินา สจฺจโยชนา เวทิตพฺพา. ผลํ ปเนตฺถ ตโย วิโมกฺขา, ตีหิ ปน อกุสลมูเลหิ ติวิธทุจฺจริต-สํกิเลสมล-วิสมอกุสล-สฺา-วิตกฺกาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ. ตถา ตีหิ กุสลมูเลหิ ติวิธสุจริต-สมกุสล-สฺา-วิตกฺก-สทฺธมฺม-สมาธิ-วิโมกฺขมุข-วิโมกฺขา-ทิวเสน กุสลปกฺโข เนตพฺโพติ. อยํ ติปุกฺขลสฺส นยสฺส ภูมิ.

๓. สีหวิกฺกีฬิตนยวณฺณนา

ตถา วุตฺตนเยน สรูปโต ปริยายโต จ คหิเตสุ ตณฺหาวิชฺชาตปฺปกฺขิยธมฺเมสุ วิเสสโต ตณฺหาทิฏฺีนํ วเสน อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ, ทุกฺเข ‘‘สุข’’นฺติ จ วิปลฺลาสา, อวิชฺชาทิฏฺีนํ วเสน อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ, อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ จ วิปลฺลาสา เวทิตพฺพา. เตสํ ปฏิปกฺขโต มฺนาปฏิกฺเขปปริฺาคหณาทิสิทฺเธหิ สติวีริยสมาธิปฺินฺทฺริเยหิ จตฺตาริ สติปฏฺานานิ สิทฺธาเนว โหนฺติ. ตตฺถ จตูหิ อินฺทฺริเยหิ จตฺตาโร ปุคฺคลา นิทฺทิสิตพฺพา. กถํ? ทุวิโธ หิ ตณฺหาจริโต มุทินฺทฺริโย ติกฺขินฺทฺริโยติ, ตถา ทิฏฺิจริโต. เตสํ ปโม อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ วิปริยาสคฺคาหี สติพเลน ยถาภูตํ กายสภาวํ สลฺลกฺเขนฺโต ตํ วิปลฺลาสํ สมุคฺฆาเฏตฺวา สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. ทุติโย อสุเข ‘‘สุข’’นฺติ วิปริยาสคฺคาหี ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๑๐; ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๔, ๑๑๔; อ. นิ. ๖.๕๘) วุตฺเตน วีริยสํวรภูเตน วีริยพเลน ตํ วิปลฺลาสํ วิธเมนฺโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. ตติโย อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ อยาถาวคฺคาหี สมาธิพเลน สมาหิตจิตฺโต สงฺขารานํ ขณิกภาวสลฺลกฺขเณน ตํ วิปลฺลาสํ สมุคฺฆาเฏนฺโต อริยภูมึ โอกฺกมติ. จตุตฺโถ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณฆนวฺจิตตาย ผสฺสาทิธมฺมปุฺชมตฺเต อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ มิจฺฉาภินิเวสี จตุโกฏิกสุฺตามนสิกาเรน ตํ มิจฺฉาภินิเวสํ วิทฺธํเสนฺโต สามฺผลํ สจฺฉิกโรติ.

อิธาปิ สุภสฺาสุขสฺาหิ จตูหิปิ วา วิปลฺลาเสหิ สมุทยสจฺจํ, เตสํ อธิฏฺานารมฺมณภูตา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจนฺติอาทินา สจฺจโยชนา เวทิตพฺพา. ผลํ ปเนตฺถ จตฺตาริ สามฺผลานิ, จตูหิ จิตฺตวิปลฺลาเสหิ จตุราสโวฆ-โยค-กายคนฺถ-อคติ-ตณฺหุปฺปาท-สลฺลุปาทาน-วิฺาณฏฺิติ-อปริฺาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ. ตถา จตูหิ สติปฏฺาเนหิ จตุพฺพิธฌาน-วิหาราธิฏฺาน-สุขภาคิยธมฺม-อปฺปมฺา-สมฺมปฺปธาน-อิทฺธิปาทา- ทิวเสน โวทานปกฺโข เนตพฺโพติ. อยํ สีหวิกฺกีฬิตสฺส นยสฺส ภูมิ.

๔-๕. ทิสาโลจน-องฺกุสนยทฺวยวณฺณนา

อิเมสํ ปน ติณฺณํ อตฺถนยานํ สิทฺธิยา โวหาเรน นยทฺวยํ สิทฺธเมว โหติ. ตถา หิ อตฺถนยานํ ทิสาภูตธมฺมานํ สมาโลจนํ ทิสาโลจนํ, เตสํ สมานยนํ องฺกุโสติ ปฺจปิ นยา นิยุตฺตาติ เวทิตพฺพา.

ปฺจวิธนยวณฺณนา นิฏฺิตา.

สาสนปฏฺานวณฺณนา

อิทฺจ สุตฺตํ โสฬสวิเธ สุตฺตนฺตปฏฺาเน สํกิเลสนิพฺเพธาเสกฺขภาคิยํ, สพฺพภาคิยเมว วา ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมคฺคหเณน โลกิยกุสลานมฺปิ สงฺคหิตตฺตา. อฏฺวีสติวิเธน ปน สุตฺตนฺตปฏฺาเน โลกิยโลกุตฺตรสพฺพธมฺมาธิฏฺานํ าณเยฺยํ ทสฺสนภาวนํ สกวจนํ วิสฺสชฺชนียํ กุสลากุสลํ อนุฺาตํ ปฏิกฺขิตฺตํ จาติ เวทิตพฺพํ.

เนตฺตินยวณฺณนา นิฏฺิตา.

มูลปริยายสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๒. สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนา

๑๔. อปุพฺพปทวณฺณนาติ อตฺถสํวณฺณนาวเสน เหฏฺา อคฺคหิตตาย อปุพฺพสฺส อภินวสฺส ปทสฺส วณฺณนา อตฺถวิภชนา. ‘‘หิตฺวา ปุนปฺปุนาคตมตฺถ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. นิวาสฏฺานภูตา ภูตปุพฺพนิวาสฏฺานภูตา, นิวาสฏฺาเน วา ภูตา นิพฺพตฺตา นิวาสฏฺานภูตา, ตตฺถ มาปิตาติ อตฺโถ. ยถา กากนฺที มากนฺที โกสมฺพีติ ยถา กากนฺทสฺส อิสิโน นิวาสฏฺาเน มาปิตา นครี กากนฺที, มากนฺทสฺส นิวาสฏฺาเน มาปิตา มากนฺที, กุสมฺพสฺสนิวาสฏฺาเน มาปิตา โกสมฺพีติ วุจฺจติ, เอวํ สาวตฺถีติ ทสฺเสติ. อุปเนตฺวา สมีเป กตฺวา ภุฺชิตพฺพโต อุปโภโค, สวิฺาณกวตฺถุ. ปริโต สพฺพทา ภุฺชิตพฺพโต ปริโภโค, นิวาสนปารุปนาทิ อวิฺาณกวตฺถุ. สพฺพเมตฺถ อตฺถีติ นิรุตฺตินเยน สาวตฺถี-สทฺทสิทฺธิมาห. สตฺถสมาโยเคติ สตฺถสฺส นคริยา สมาคเม, สตฺเถ ตํ นครํ อุปคเตติ อตฺโถ. ปุจฺฉิเต สตฺถิกชเนหิ.

สโมหิตนฺติ สนฺนิจิตํ. รมฺมนฺติ อนฺโต พหิ จ ภูมิภาคสมฺปตฺติยา เจว อารามุยฺยานสมฺปตฺติยา จ รมณียํ. ทสฺสเนยฺยนฺติ วิสิขาสนฺนิเวสสมฺปตฺติยา เจว ปาสาทกูฏาคาราทิสมฺปตฺติยา จ ทสฺสนียํ ปสฺสิตพฺพยุตฺตํ. อุปโภคปริโภควตฺถุสมฺปตฺติยา เจว นิวาสสุขตาย จ นิพทฺธวาสํ วสนฺตานํ อิตเรสฺจ สตฺตานํ มนํ รเมตีติ มโนรมํ. ทสหิ สทฺเทหีติ หตฺถิสทฺโท, อสฺส-รถ-เภริ-สงฺข-มุทิงฺค-วีณา-คีต สมฺมตาฬสทฺโท, อสฺนาถ-ปิวถ-ขาทถาติ-สทฺโทติ อิเมหิ ทสหิ สทฺเทหิ. อวิวิตฺตนฺติ น วิวิตฺตํ, สพฺพกาลํ โฆสิตนฺติ อตฺโถ.

วุทฺธึ เวปุลฺลตํ ปตฺตนฺติ ตนฺนิวาสี สตฺตวุทฺธิยา วุทฺธึ, ตาย ปริวุทฺธิตาเยว วิปุลภาวํ ปตฺตํ, พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสนฺติ อตฺโถ. วิตฺตูปกรณสมิทฺธิยา อิทฺธํ. สพฺพกาลํ สุภิกฺขภาเวน ผีตํ. อนฺตมโส วิฆาสาเท อุปาทาย สพฺเพสํ กปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานมฺปิ อิจฺฉิ ตตฺถนิปฺผตฺติยา มนุฺํ ชาตํ, ปเคว อิสฺสริเย ิตานนฺติ ทสฺสนตฺถํ ปุน ‘‘มโนรม’’นฺติ วุตฺตํ. อฬกมนฺทาวาติ อาฏานาฏาทีสุ ทสสุ เวสฺสวณมหาราชสฺส นครีสุ อฬกมนฺทา นาม เอกา นครี, ยา โลเก อฬากา เอว วุจฺจติ. สา ยถา ปุฺกมฺมีนํ อาวาสภูตา อารามรามเณยฺยกาทินา โสภคฺคปฺปตฺตา, เอวํ สาวตฺถีปีติ วุตฺตํ ‘‘อฬกมนฺทาวา’’ติ. เทวานนฺติ เวสฺสวณปกฺขิยานํ จาตุมหาราชิกเทวานํ.

ชินาตีติ อิมินา โสต-สทฺโท วิย กตฺตุสาธโน เชต-สทฺโทติ ทสฺเสติ. รฺาติ ปเสนทิโกสลราเชน. ราชคตํ ชยํ อาโรเปตฺวา กุมาโร ชิตวาติ เชโตติ วุตฺโต. มงฺคลกพฺยตายาติอาทินา ‘‘เชยฺโย’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ ‘‘เชโต’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. สพฺพกามสมิทฺธิตายาติ สพฺเพหิ อุปโภคปริโภควตฺถูหิ ผีตภาเวน วิภวสมฺปนฺนตายาติ อตฺโถ. สมิทฺธาปิ มจฺฉริโน กิฺจิ น เทนฺตีติ อาห ‘‘วิคตมลมจฺเฉรตายา’’ติ, ราคโทสาทิมลานฺเจว มจฺฉริยสฺส จ อภาเวนาติ อตฺโถ. สมิทฺธา อมจฺฉริโนปิ จ กรุณาสทฺธาทิคุณวิรหิตา อตฺตโน สนฺตกํ ปเรสํ น ทเทยฺยุนฺติ อาห ‘‘กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จา’’ติ. เตนาติ อนาถานํ ปิณฺฑทาเนน. สทฺทตฺถโต ปน ทาตพฺพภาเวน สพฺพกาลํ อุปฏฺปิโต อนาถานํ ปิณฺโฑ เอตสฺส อตฺถีติ อนาถปิณฺฑิโก. ปฺจวิธเสนาสนงฺคสมฺปตฺติยาติ ‘‘นาติทูรํ นจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺน’’นฺติ เอกํ องฺคํ, ‘‘ทิวา อปฺปากิณฺณํ รตฺตึ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆส’’นฺติ เอกํ, ‘‘อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺส’’นฺติ เอกํ, ‘‘ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส อปฺปกสิเรน อุปฺปชฺชนฺติ จีวร…เป… ปริกฺขารา’’ติ เอกํ, ‘‘ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา’’ติ เอกํ, เอวเมเตหิ ปฺจวิธเสนาสนงฺเคหิ สมฺปนฺนตาย. ยทิ เชตวนํ ตถํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโมติ อาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ.

กีตกาลโต ปฏฺาย อนาถปิณฺฑิกสฺเสว ตํ วนํ, อถ กสฺมา อุภินฺนํ ปริกิตฺตนนฺติ อาห ‘‘เชตวเน’’ติอาทิ. ‘‘ยทิปิ โส ภูมิภาโค โกฏิสนฺถเรน มหาเสฏฺินา กีโต, รุกฺขา ปน เชเตน น วิกฺกีตาติ เชตวนนฺติ วตฺตพฺพตํ ลภี’’ติ วทนฺติ.

กสฺมา อิทํ สุตฺตมภาสีติ กเถตุกมฺยตาย สุตฺตนิกฺเขปํ ปุจฺฉติ. สามฺโต หิ ภควโต เทสนาการณํ ปากฏเมวาติ. โก ปนายํ สุตฺตนิกฺเขโปติ? อตฺตชฺฌาสโย. ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เอว หิ ภควา อตฺตโน อชฺฌาสเยน อิมํ สุตฺตํ เทเสตีติ อาจริยา. ยสฺมา ปเนส ภิกฺขูนํ อุปกฺกิลิฏฺจิตฺตตํ วิทิตฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู อิมาย เทสนาย อุปกฺกิเลสวิโสธนํ กตฺวา อาสวกฺขยาย ปฏิปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ อยํ เทสนา อารทฺธา, ตสฺมา ปรชฺฌาสโยติ อปเร. อุภยมฺปิ ปน ยุตฺตํ. อตฺตชฺฌาสยาทีนฺหิ สํสคฺคเภทสฺส สมฺภโว เหฏฺา ทสฺสิโตวาติ. เตสํ ภิกฺขูนนฺติ ตทา ธมฺมปฏิคฺคาหตภิกฺขูนํ. อุปกฺกิเลสวิโสธนนฺติ สมถวิปสฺสนุปกฺกิเลสโต จิตฺตสฺส วิโสธนํ. ปมฺหิ ภควา อนุปุพฺพิกถาทินา ปฏิปตฺติยา สํกิเลสํ นีหริตฺวา ปจฺฉา สามุกฺกํสิกํ เทสนํ เทเสติ เขตฺเต ขาณุกณฺฏกคุมฺพาทิเก อวหริตฺวา กสนํ วิย, ตสฺมา กมฺมฏฺานเมว อวตฺวา อิมาย อนุปุพฺพิยา เทสนา ปวตฺตาติ อธิปฺปาโย.

สํวรภูตนฺติ สีลสํวราทิสํวรภูตํ สํวรณสภาวํ การณํ, ตํ ปน อตฺถโต ทสฺสนาทิ เอวาติ เวทิตพฺพํ. สํวริตาติ ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน สมฺมา, สพฺพถา วา วาริตา. เอวํภูตา จ ยสฺมา ปวตฺติทฺวารปิธาเนน ปิหิตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘วิทหิตา หุตฺวา’’ติ. เอวํ อจฺจนฺติกสฺส สํวรสฺส การณภูตํ อนจฺจนฺติกํ สํวรํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อจฺจนฺติกเมว สํวรํ ทสฺเสนฺโต ยสฺมึ ทสฺสนาทิมฺหิ สติ อุปฺปชฺชนารหา อาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, โส เตสํ อนุปฺปาโท นิโรโธ ขโย ปหานนฺติ จ วุจฺจมาโน อตฺถโต อปฺปวตฺติมตฺตนฺติ ตสฺส จ ทสฺสนาทิ การณนฺติ อาห ‘‘เยน การเณน อนุปฺปาทนิโรธสงฺขาตํ ขยํ คจฺฉนฺติ ปหียนฺติ นปฺปวตฺตนฺติ, ตํ การณนฺติ อตฺโถ’’ติ.

จกฺขุโตปิ…เป… มนโตปีติ (ธ. ส. มูลฏี. ๑๔-๑๙) จกฺขุวิฺาณาทิวีถีสุ ตทนุคตมโนวิฺาณวีถีสุ จ กิฺจาปิ กุสลาทีนมฺปิ ปวตฺติ อตฺถิ, กามาสวาทโย เอว ปน วณโต ยูสํ วิย ปคฺฆรณกอสุจิภาเวน สนฺทนฺติ, ตสฺมา เต เอว ‘‘อาสวา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ หิ ปคฺฆรณอสุจิมฺหิ นิรุฬฺโห อาสว-สทฺโทติ. ธมฺมโต ยาว โคตฺรภุนฺติ ตโต ปรํ มคฺคผเลสุ อปฺปวตฺตนโต วุตฺตํ. เอเต หิ อารมฺมณวเสน ธมฺเม คจฺฉนฺตา ตโต ปรํ น คจฺฉนฺติ. นนุ ตโต ปรํ ภวงฺคาทีนิปิ คจฺฉนฺตีติ เจ? น, เตสมฺปิ ปุพฺเพ อาลมฺพิเตสุ โลกิยธมฺเมสุ สาสวภาเวน อนฺโตคธตฺตา ตโต ปรตาภาวโต. เอตฺถ จ โคตฺรภุวจเนน โคตฺรภุโวทานผลสมาปตฺติปุเรจาริกปริกมฺมานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. ปมมคฺคปุเรจาริกเมว วา โคตฺรภุ อวธินิทสฺสนภาเวน คหิตํ, ตโต ปรํ ปน มคฺคผลสมานตาย อฺเสุ มคฺเคสุ มคฺควีถิยํ สมาปตฺติวีถิยํ นิโรธานนฺตรฺจ ปวตฺตมาเนสุ ผเลสุ นิพฺพาเน จ อาสวานํ ปวตฺติ นิวาริตาติ เวทิตพฺพํ. สวนฺตีติ คจฺฉนฺติ, อารมฺมณกรณวเสน ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อวธิอตฺโถ อา-กาโร, อวธิ จ มริยาทาภิวิธิเภทโต ทุวิโธ. ตตฺถ มริยาทํ กิริยํ พหิ กตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อาปาฏลิปุตฺตา วุฏฺโ เทโว’’ติ. อภิวิธิ ปน กิริยํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อาภวคฺคา ภควโต ยโส ปวตฺตตี’’ติ. อภิวิธิอตฺโถ จายํ อา-กาโร อิธ คหิโตติ วุตฺตํ ‘‘อนฺโตกรณตฺโถ’’ติ.

มทิราทโยติ อาทิ-สทฺเทน สินฺธวกาทมฺพริกาโปติกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. จิรปาริวาสิยฏฺโ วิรปริวุตฺถตา ปุราณภาโว. อวิชฺชา นาโหสีติอาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ ภวตณฺหายา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๒) อิทํ สุตฺตํ สงฺคหิตํ. อวิชฺชาสวภวาสวานํ จิรปริวุตฺถตาย ทสฺสิตาย ตพฺภาวภาวิโน กามาสวสฺส จิรปริวุตฺถตา ทสฺสิตาว โหติ. อฺเสุ จ ยถาวุตฺเต ธมฺเม โอกาสฺจ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมาเนสุ มานาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อตฺตตฺตนิยาทิคฺคาหวเสน อภิพฺยาปนํ มทกรณวเสน อาสวสทิสตา จ เอเตสํเยว, น อฺเสนฺติ เอเตสฺเวว อาสว-สทฺโท นิรุฬฺโหติ ทฏฺพฺโพ. น เจตฺถ ทิฏฺาสโว นาคโตติ คเหตพฺพํ ภวตณฺหาย วิย ภวทิฏฺิยาปิ ภวาสวคฺคหเณเนว คหิตตฺตา. อายตํ อนาทิกาลิกตฺตา. ปสวนฺตีติ ผลนฺติ. น หิ ตํ กิฺจิ สํสารทุกฺขํ อตฺถิ, ยํ อาสเวหิ วินา อุปฺปชฺเชยฺย. ปุริมานิ เจตฺถาติ เอตฺถ เอเตสุ จตูสุ อตฺถวิตปฺเปสุ ปุริมานิ ตีณิ. ยตฺถาติ เยสุ สุตฺตาภิธมฺมปเทเสสุ. ตตฺถ ยุชฺชนฺติ กิเลเสสุเยว ยถาวุตฺตสฺส อตฺถตฺตยสฺส สมฺภวโต. ปจฺฉิมํ ‘‘อายตํ วา สํสารทุกฺขํ สวนฺตี’’ติ วุตฺตนิพฺพจนํ. กมฺเมปิ ยุชฺชติ ทุกฺขปฺปสวนสฺส กิเลสกมฺมสาธารณตฺตา.

ทิฏฺธมฺมา วุจฺจนฺติ ปจฺจกฺขภูตา ขนฺธา, ทิฏฺธมฺเม ภวา ทิฏฺธมฺมิกา. วิวาทมูลภูตาติ วิวาทสฺส มูลการณภูตา โกธูปนาห-มกฺข-ปฬาส-อิสฺสา-มจฺฉริย-มายา-สาเยฺย-ถมฺภ-สารมฺภ-มานาติมานา.

เยน เทวูปปตฺยสฺสาติ เยน กมฺมกิเลสปฺปกาเรน อาสเวน เทเวสุ อุปปตฺติ นิพฺพตฺติ อสฺส มยฺหนฺติ สมฺพนฺโธ. คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม อากาสจารี อสฺสนฺติ วิภตฺตึ ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. เอตฺถ จ ยกฺขคนฺธพฺพตาย วินิมุตฺตา สพฺพา เทวคติ เทวคฺคหเณน คหิตา. อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมาติ อกุสลกมฺมโต อวเสสา อกุสลา ธมฺมา อาสวาติ อาคตาติ สมฺพนฺโธ.

ปฏิฆาตายาติ ปฏิเสธนาย. ปรูปวา…เป… อุปทฺทวาติ อิทํ ยทิ ภควา สิกฺขาปทํ น ปฺเปยฺย, ตโต อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนอทินฺนาทานปาณาติปาตาทิเหตุ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปรูปวาทาทโย ทิฏฺธมฺมิกา นานปฺปการา อนตฺถา, เย จ ตนฺนิมิตฺตา เอว นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณาทิวเสน มหาทุกฺขานุภวาทิปฺปการา อนตฺถา, เต สนฺธาย วุตฺตํ. เต ปเนเตติ เอเต กามราคาทิกิเลส-เตภูมกกมฺมปรูปวาทาทิอุปทฺทวปฺปการา อาสวา. ยตฺถาติ ยสฺมึ วินยาทิปาฬิปเทเส. ยถาติ เยน ทุวิธาทิปฺปกาเรน อฺเสุ จ สุตฺตนฺเตสุ อาคตาติ สมฺพนฺโธ.

นิรยํ คเมนฺตีติ นิรยคามินิยา. ฉกฺกนิปาเต อาหุเนยฺยสุตฺเต. ตตฺถ หิ อาสวา ฉธา อาคตา อาสว-สทฺทาภิเธยฺยสฺส อตฺถสฺส ปเภโทปจาเรน อาสว-ปเท ปเภโทติ วุตฺโต, โกฏฺาสตฺโถ วา ปท-สทฺโทติ อาสวปเทติ อาสวปฺปกาเร สทฺทโกฏฺาเส อตฺถโกฏฺาเส วาติ อตฺโถ.

ตถา หีติ ตสฺมา สํวรณํ ปิทหนํ ปวตฺติตุํ อปฺปทานํ, เตเนว การเณนาติ อตฺโถ. สีลาทิสํวเร อธิปฺเปเต ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน ถกนภาวสามฺโต ทฺวารํ สํวริตฺวาติ เคหทฺวารสํวรณมฺปิ อุทาหฏํ. สีลสํวโรติอาทิ เหฏฺา มูลปริยายวณฺณนาย วุตฺตมฺปิ อิมสฺส สุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนํ ปริปุณฺณํ กตฺวา วตฺตุกาโม ปุน วทติ. ยุตฺตํ ตาว สีลสติาณานํ สํวรตฺโถ ปาฬิยํ ตถา อาคตตฺตา, ขนฺติวีริยานํ ปน กถนฺติ อาห ‘‘เตสฺจา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – ยทิปิ ‘‘ขโม โหติ…เป… สีตสฺส อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินิทฺเทเส ขนฺติวีริยานํ สํวรปริยาโย นาคโต, อุทฺเทเส ปน สพฺพาสวสํวรปริยายนฺติ สํวรปริยาเยน คหิตตฺตา อตฺเถว เตสํ สํวรภาโวติ.

ปุพฺเพ สีลสติาณานํ ปานฺตเรน สํวรภาโว ทสฺสิโตติ อิทานิ ตํ อิมินาปิ สุตฺเตน คหิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขนฺติวีริยสํวรา วุตฺตาเยว ‘‘ขโม โหติ สีตสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๔) ปาฬิยา ทสฺสนวเสน. ‘‘ตฺจ อนาสนํ, ตฺจ อโคจร’’นฺติ อยํ ปเนตฺถ สีลสํวโรติ ตฺจ ‘‘ยถารูเป’’ติอาทินา วุตฺตํ อยุตฺตํ อนิยตวตฺถุกํ รโห ปฏิจฺฉนฺนาสนํ, ตฺจ ยถาวุตฺตํ อยุตฺตํ เวสิยาทิโคจรํ, ‘‘ปฏิสงฺขาโยนิโส ปริวชฺเชตี’’ติ อาคตํ ยํ ปริวชฺชนํ, อยํ ปน เอตฺถ เอตสฺมึ สุตฺเต อาคโต สีลสํวโรติ อตฺโถ. อนาสนปริวชฺชเนน หิ อนาจารปริวชฺชนํ วุตฺตํ, อนาจาราโคจรปริวชฺชนํ จาริตฺตสีลตายสีลสํวโร. ตถา หิ ภควตา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘) สีลสํวรวิภชเน อาจารโคจรสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺเตน ‘‘อตฺถิ อนาจาโร, อตฺถิ อโคจโร’’ติอาทินา (วิภ. ๕๑๓, ๕๑๔) อนาจาราโคจรา วิภชิตฺวา ทสฺสิตา. อิทฺจ เอกเทเสน สมุทายนิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ สมุทฺทปพฺพตนิทสฺสนํ วิย.

สพฺพตฺถ ปฏิสงฺขา าณสํวโรติ เอตฺถ ‘‘โยนิโสมนสิกาโร, ปฏิสงฺขา าณสํวโร’’ติ วตฺตพฺพํ. น หิ ทสฺสนปหาตพฺพนิทฺเทเส ปฏิสงฺขาคหณํ อตฺถิ, ‘‘โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติ ปน วุตฺตํ. โยนิโสมนสิกรณมฺปิ อตฺถโต ปฏิสงฺขา าณสํวรเมวาติ เอวํ ปน อตฺเถ คยฺหมาเน ยุตฺตเมตํ สิยา. เกจิ ปน ‘‘ยตฺถ ยตฺถ ‘อิธ ปฏิสงฺขา โยนิโส’ติ อาคตํ, ตํ สพฺพํ สนฺธาย ‘สพฺพตฺถ ปฏิสงฺขา าณสํวโร’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. เตสํ มเตน ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทิกสฺส าณสํวเรน จ อสงฺคโห สิยา, ‘‘ทสฺสนํ ปฏิเสวนา ภาวนา จ าณสํวโร’’ติ จ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘สพฺพตฺถ ปฏิสงฺขา าณสํวโร’’ติ อิมินา สตฺตสุปิ าเนสุ ยํ าณํ, โส าณสํวโรติ ปริวชฺชนาทิวเสน วุตฺตา สีลาทโย สีลสํวราทโยติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต. เอวํ สติ สํวรานํ สงฺกโร วิย โหตีติ เต อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺคหิตคฺคหเณนา’’ติ วุตฺตํ ปริวชฺชนวิเสสสํวราธิวาสนวิโนทนานํ สีลสํวราทิภาเวน คหิตตฺตา, ตถา อคฺคหิตานํ คหเณนาติ อตฺโถ. เต ปน อคฺคหิเต สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ทสฺสนํ ปฏิเสวนา ภาวนา’’ติ อาห.

เอเตน สีลสํวราทินา กรณภูเตน, การณภูเตน วา. ธมฺมาติ กุสลากุสลธมฺมา. สีลสํวราทินา หิ สหชาตโกฏิยา, อุปนิสฺสยโกฏิยา วา ปจฺจยภูเตน อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา อุปฺปตฺตึ คจฺฉนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา อนิรุทฺธา อกุสลา ธมฺมา นิโรธํ คจฺฉนฺติ นิรุชฺฌนฺตีติ อตฺโถ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปหียนฺตี’’ติ อกุสลธมฺมานํ อนุปฺปาทปหานานิ เอว วุตฺตานิ, น กุสลธมฺมานํ อุปฺปาทาทโยติ? นยิทเมวํ ทฏฺพฺพํ, ‘‘โยนิโส จ โข, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต’’ติอาทินา กุสลธมฺมานมฺปิ อุปฺปตฺติ ปกาสิตาว อาสวสํวรณสฺส ปธานภาเวน คหิตตฺตา. ตถา หิ ปริโยสาเนปิ ‘‘เย อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา, เต ทสฺสนา ปหีนา โหนฺตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๘) อาสวปฺปหานเมว ปธานํ กตฺวา นิคมิตํ.

๑๕. ชานโต ปสฺสโตติ เอตฺถ ทสฺสนมฺปิ ปฺาจกฺขุนาว ทสฺสนํ อธิปฺเปตํ, น มํสจกฺขุนา ทิพฺพจกฺขุนา วาติ อาห ‘‘ทฺเวปิ ปทานิ เอกตฺถานี’’ติ. เอวํ สนฺเตปีติ ปททฺวยสฺส เอกตฺถตฺเถปิ. าณลกฺขณนฺติ าณสฺส สภาวํ, วิสยสฺส ยถาสภาวาวโพธนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ชานนลกฺขณฺหิ าณ’’นฺติ. าณปฺปภาวนฺติ าณานุภาวํ, าณกิจฺจํ วิสโยภาสนนฺติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘าเณน วิวเฏ ธมฺเม’’ติ. ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ จ ชานนทสฺสนมุเขน ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา ปวตฺตาติ อาห ‘‘าณลกฺขณํ าณปฺปภาวํ อุปาทาย ปุคฺคลํ นิทฺทิสตี’’ติ. ชานโต ปสฺสโตติ ‘‘โยนิโส จ มนสิการํ อโยนิโส จ มนสิการ’’นฺติ วกฺขมานตฺตา โยนิโสมนสิการวิสยชานนํ, อโยนิโสมนสิการวิสยทสฺสนํ. ตฺจ โข ปน เนสํ อาสวานํ ขยูปายสภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา อุปฺปาทนานุปฺปาทนวเสน น อารมฺมณมตฺเตนาติ อยมตฺโถ ยุตฺโตติ อาห ‘‘โยนิโสมนสิการํ…เป… อยเมตฺถ สาโร’’ติ.

‘‘ชานโต’’ติ วตฺวา ชานนฺจ อนุสฺสวาการปฏิวิตกฺกมตฺตวเสน น อิธาธิปฺเปตํ, อถ โข รูปาทิ วิย จกฺขุวิฺาเณน โยนิโสมนสิการาโยนิโสมนสิกาเร ปจฺจกฺเข กตฺวา เตสํ อุปฺปาทวเสน ทสฺสนนฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘ปสฺสโต’’ติ วุตฺตนฺติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฺตฺถาปิ หิ ‘‘เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต (อิติวุ. ๑๐๒), ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓), เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา (ม. นิ. ๑.๔๐๗), อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ จ อาทีสุ าณกิจฺจสฺส สามฺวิเสสทีปนวเสเนตํ ปททฺวยํ อาคตนฺติ. เกจีติ อภยคิริวาสิสารสมาสาจริยา. เต หิ ‘‘สมาธินา ชานโต วิปสฺสนาย ปสฺสโต ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสติ, เอวํ ชานนา สมโถ, ปสฺสนา วิปสฺสนา’’ติ จ อาทินา ปปฺเจนฺติ. เตติ ปปฺจา. อิมสฺมึ อตฺเถติ ‘‘ชานโต’’ติอาทินยปฺปวตฺเต อิมสฺมึ สุตฺตปทอตฺเถ นิทฺธาริยมาเน. น ยุชฺชนฺติ ชานนทสฺสนานํ โยนิโสมนสิการาโยนิโสมนสิการวิสยภาวสฺส ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา.

อาสวปฺปหานํ อาสวานํ อจฺจนฺตปฺปหานํ. โส ปน เนสํ อนุปฺปาโท สพฺเพน สพฺพํ ขีณตา อภาโว เอวาติ อาห ‘‘อาสวานํ อจฺจนฺตขยมสมุปฺปาทํ ขีณาการํ นตฺถิภาว’’นฺติ. อุชุมคฺคานุสาริโนติ กิเลสวงฺกสฺส กายวงฺกาทีนฺจ ปหาเนน อุชุภูเต สวิปสฺสเน เหฏฺิมมคฺเค อนุสฺสรนฺตสฺส. ตเทว หิสฺส สิกฺขนํ. ขยสฺมึ ปมํ าณํ. ตโต อฺา อนนฺตราติ ขยสงฺขาเต อคฺคมคฺเค ตปฺปริยาปนฺนเมว าณํ ปมํ อุปฺปชฺชติ, ตทนนฺตรํ ปน อฺํ อรหตฺตนฺติ. ยทิปิ คาถายํ ‘‘ขยสฺมึ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, สมุจฺเฉทวเสน ปน อาสเวหิ ขีโณตีติ มคฺโค ขโยติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘มคฺโค อาสวกฺขโยติ วุตฺโต’’ติ. สมโณติ สมิตปาโป อธิปฺเปโต. โส ปน ขีณาสโว โหตีติ ‘‘อาสวานํ ขยา’’ติ อิมสฺส ผลปริยายตา วุตฺตา, นิปฺปริยาเยน ปน อาสวกฺขโย มคฺโค, เตน ปตฺตพฺพโต ผลํ. เอเตเนว นิพฺพานสฺสปิ อาสวกฺขยภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ ชานโต เอว ปสฺสโต เอวาติ เอวเมตฺถ นิยโม อิจฺฉิโต, น อฺถา วิเสสาภาวโต อนิฏฺสาธนโต จาติ ตสฺส นิยมสฺส ผลํ ทสฺเสตุํ ‘‘โน อชานโต โน อปสฺสโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โย ปน น ชานาติ น ปสฺสติ, ตสฺส เนว วทามีติ อตฺโถ’’ติ. อิมินา ทูรีกตาโยนิโสมนสิกาโร อิธาธิปฺเปโต, โยนิโสมนสิกาโร จ อาสวกฺขยสฺส เอกนฺติกการณนฺติ ทสฺเสติ. เอเตนาติ ‘‘โน อชานโต โน อปสฺสโต’’ติ วจเนน. เต ปฏิกฺขิตฺตาติ เก ปน เตติ? ‘‘พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๒๒๘), อเหตู อปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๒๒๗) เอวมาทิวาทา. เตสุ หิ เกจิ อภิชาติสงฺกนฺติมตฺเตน ภวสงฺกนฺติมตฺเตน จ สํสารสุทฺธึ ปฏิชานนฺติ, อฺเ อิสฺสรปชาปติกาลาทิวเสน, ตยิทํ สพฺพํ ‘‘สํสาราทีหี’’ติ เอตฺเถว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ปุริเมน วา ปททฺวเยนาติ ‘‘ชานโต, ปสฺสโต’’ติ อิมินา ปททฺวเยน. อุปาโย วุตฺโต ‘‘อาสวกฺขยสฺสา’’ติ อธิการโต วิฺายติ. อิมินาติ ‘‘โน อชานโต, โน อปสฺสโต’’ติ อิมินา ปททฺวเยน. อนุปาโย เอว หิ อาสวานํ ขยสฺส ยทิทํ โยนิโส จ อโยนิโส จ มนสิการสฺส อชานนํ อทสฺสนฺจ, เตน ตถตฺตาย อปฺปฏิปตฺติโต มิจฺฉาปฏิปตฺติโต จ. นนุ ‘‘ปสฺสโต’’ติ อิมินา อโยนิโสมนสิกาโร ยถา น อุปฺปชฺชติ, เอวํ ทสฺสเน อธิปฺเปเต ปุริเมเนว อนุปายปฏิเสโธ วุตฺโต โหตีติ? น โหติ, อโยนิโสมนสิการานุปฺปาทนสฺสปิ อุปายภาวโต สติพเลน สํวุตจกฺขุนฺทฺริยาทิตา วิย สมฺปชฺพเลเนว นิจฺจาทิวเสน อภูตชานนาภาโว โหตีติ. เตนาห ‘‘สงฺเขเปน…เป… โหตี’’ติ. ตตฺถ สงฺเขเปนาติ สมาเสน, อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ วิตฺถารํ อกตฺวาติ อตฺโถ. าณํ…เป… ทสฺสิตํ โหติ ‘‘ชานโต’’ติอาทินา าณสฺเสว คหิตตฺตา. ยทิ เอวํ ‘‘สฺวายํ สํวโร’’ติอาทิ กถํ นียตีติ? าณสฺส ปธานภาวทสฺสนตฺถํ เอวมยํ เทสนา กตาติ นายํ โทโส, ตถา อฺตฺถาปิ ‘‘อริยํ โว ภิกฺขเว สมฺมาสมาธึ เทเสสฺสามิ สอุปนิสํ สปริกฺขาร’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๓๖) วิตฺถาโร.

ทพฺพชาติโกติ ทพฺพรูโป. โส หิ ทฺรพฺโยติ วุจฺจติ ‘‘ทฺรพฺยํ วินสฺสติ นาทฺรพฺย’’นฺติอาทีสุ. ทพฺพชาติโก วา สารสภาโว, สารุปฺปสีลาจาโรติ อตฺโถ. ยถาห ‘‘น โข ทพฺพ ทพฺพา เอวํ นิพฺเพเนฺตี’’ติ (ปารา. ๓๘๔, ๓๙๑; จูฬว. ๑๙๓). วตฺตสีเส ตฺวาติ วตฺตํ อุตฺตมงฺคํ, ธุรํ วา กตฺวา. โย หิ ปริสุทฺธาชีโว กาตุํ อชานนฺตานํ สพฺรหฺมจารีนํ, อตฺตโน วา วาตาตปาทิปฏิพาหนตฺถํ ฉตฺตาทีนิ กโรติ, โส วตฺตสีเส ตฺวา กโรติ นาม. ปทฏฺานํ น โหตีติ น วตฺตพฺพา นาถกรณธมฺมภาเวน อุปนิสฺสยภาวโต. วุตฺตฺหิ ‘‘ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิจฺจกรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๙๗).

อุปายมนสิกาโรติ กุสลธมฺมปฺปวตฺติยา การณภูโต มนสิกาโร. ปถมนสิกาโรติ ตสฺสา เอว มคฺคภูโต มนสิกาโร. อนิจฺจาทีสุ อนิจฺจนฺติอาทินาติ อนิจฺจทุกฺขอสุภอนตฺตสภาเวสุ ธมฺเมสุ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อสุภํ อนตฺตา’’ติอาทินา เอว นเยน, อวิปรีตสภาเวนาติ อตฺโถ. สจฺจานุโลมิเกน วาติ สจฺจาภิสมยสฺส อนุโลมวเสน. จิตฺตสฺส อาวฏฺฏนาติอาทินา อาวฏฺฏนาย ปจฺจยภูตา ตโต ปุริมุปฺปนฺนา มโนทฺวาริกา กุสลชวนปฺปวตฺติ ผลโวหาเรน ตถา วุตฺตา. ตสฺสา หิ วเสน สา กุสลุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสโย โหติ. อาวชฺชนา หิ ภวงฺคจิตฺตํ อาวฏฺฏยตีติ อาวฏฺฏนา. อนุ อนุ อาวฏฺเฏตีติ อนฺวาวฏฺฏนา. ภวงฺคารมฺมณโต อฺํ อาภุชตีติ อาโภโค. สมนฺนาหรตีติ สมนฺนาหาโร. ตเทวารมฺมณํ อตฺตานํ อนุพนฺธิตฺวา อุปฺปชฺชมานํ มนสิ กโรติ เปตีติ มนสิกาโร. อยํ วุจฺจตีติ อยํ อุปายปถมนสิการลกฺขโณ โยนิโสมนสิกาโร นาม วุจฺจติ, ยสฺส วเสน ปุคฺคโล ทุกฺขาทีนิ สจฺจานิ อาวชฺชิตุํ สกฺโกติ. อโยนิโสมนสิกาเร สจฺจปฏิกูเลนาติ สจฺจาภิสมยสฺส อนนุโลมวเสน. เสสํ โยนิโสมนสิกาเร วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ.

ยุตฺตินฺติ อุปปตฺติสาธนยุตฺตึ, เหตุนฺติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. เอตฺถาติ ‘‘อโยนิโส ภิกฺขเว…เป… ปหียนฺตี’’ติ เอตสฺมึ ปาเ. ตตฺถาติ วากฺโยปฺาสนํ. กสฺมา ปเนตฺถ อยมุทฺเทสนิทฺเทโส ปริวตฺโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘โยนิโส’’ติอาทิ. ตตฺถ มนสิการปทํ ทฺวินฺนํ สาธารณนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘โยนิโส อโยนิโสติ อิเมหิ ตาว ทฺวีหิ ปเทหี’’ติ วุตฺตํ. โยนิโสติ หิ โยนิโสมนสิกาโร, อโยนิโสติ จ อโยนิโสมนสิกาโร ตตฺถ อนุวตฺตนโต วกฺขมานตฺตา จ. สติปิ อนตฺถุปฺปตฺติสามฺเ ภวาทีสุ ปุคฺคลสฺส พหุลิสามฺํ ทสฺเสตฺวา ตํ ปริวตฺติตฺวา วิเสสทสฺสนตฺตํ นาวาทิ อุปมาตฺตยคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. จกฺกยนฺตํ อาหฏฆฏียนฺตนฺติ วทนฺติ.

อนุปฺปนฺนาติ อนิพฺพตฺตา. อารมฺมณวิเสสวเสน ตสฺส อนุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา, น รูปารมฺมณาทิอารมฺมณสามฺเน, นาปิ อาสววเสน. เตนาห ‘‘อนนุภูตปุพฺพํ อารมฺมณํ…เป… อฺถา หิ อนมตคฺเค สํสาเร อนุปฺปนฺนา นาม อาสวา น สนฺตี’’ติ. วตฺถุนฺติ สวิฺาณกาวิฺาณกปฺปเภทํ อาสวุปฺปตฺติการณํ. อารมฺมณํ อารมฺมณปจฺจยภูตรูปาทีนิ. อิทานิ อาสววเสนปิ อนุปฺปนฺนปริยาโย ลพฺภตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุภูตปุพฺเพปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปกติสุทฺธิยาติ ปุพฺพจริยโต กิเลสทูรีภาวสิทฺธาย สุทฺธิปกติตาย. ปาฬิยา อุทฺทิสนํ อุทฺเทโส, อตฺถกถนํ ปริปุจฺฉา. อชฺฌยนํ ปริยตฺติ, จีวรสิพฺพาทิ นวกมฺมํ, สมถวิปสฺสนานุโยโค โยนิโสมนสิกาโร. ตาทิเสนาติ ยาทิเสน ‘‘มนุฺวตฺถู’’ติมนสิการาทินา กามาสวาทโย สมฺภเวยฺยุํ, ตาทิเสน. อาสวานํ วฑฺฒิ นาม ปริยุฏฺานติพฺพตาย เวทิตพฺพา, สา จ อภิณฺหุปฺปตฺติยา พหุลีการโตติ เต ลทฺธาเสวนา พหุลภาวํ ปตฺตา มทฺทนฺตา ผรนฺตา ฉาเทนฺตา อนฺธาการํ กโรนฺตา อปราปรํ อุปฺปชฺชมานา เอกสนฺตานนเยน ‘‘อุปฺปนฺนา ปวฑฺฒนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปนฺนา ปวฑฺฒนฺตีติ วุจฺจนฺตี’’ติ. อิโต อฺถาติ อิโต อปราปรุปฺปนฺนานํ เอกตฺตคฺคหณโต อฺถา วฑฺฒิ นาม นตฺถิ ขณิกภาวโต.

โส จ ชานาตีติ ธมฺมุทฺธจฺจวิคฺคหาภาวมาห. การกสฺเสวาติ ยุตฺตโยคสฺเสว. ยสฺส ปนาติอาทินา อนุทฺเทสิกํ กตฺวา วุตฺตมตฺถํ ปุราตนสฺส ปุริสาติสยสฺส ปฏิปตฺติทสฺสเนน ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘มณฺฑลารามวาสีมหาติสฺสภูตตฺเถรสฺส วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตฺหิ สพฺรหฺมจารีนํ อายตึ ตถาปฏิปตฺติการณํ โหติ, ยโต เอทิสํ วตฺถุ วุจฺจติ. ตสฺมึ เยวาติ มณฺฑลาราเมเยว. อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวาติ อตฺตโน อุทฺเทสาจริยํ กมฺมฏฺานคฺคหณตฺถํ คนฺตุํ อาปุจฺฉิตฺวา. อาจริยํ วนฺทิตฺวาติ กมฺมฏฺานทายกํ มหารกฺขิตตฺเถรํ วนฺทิตฺวา. อุทฺเทสมคฺคนฺติ ยถาอารทฺธํ อุทฺเทสปพนฺธํ. ตทา กิร มุขปาเเนว พหู เอกชฺฌํ อุทฺทิสาเปตฺวา มโนสชฺฌายวเสน ธมฺมํ สชฺฌายนฺติ. ตตฺถายํ เถโร ปฺวนฺตตาย อุทฺเทสํ คณฺหนฺตานํ ภิกฺขูนํ โธรยฺโห, โส ‘‘อิทานาหํ อนาคามี, กึ มยฺหํ อุทฺเทเสนา’’ติ สงฺโกจํ อนาปชฺชิตฺวา ทุติยทิวเส อุทฺเทสกาเล อาจริยํ อุปสงฺกมิ. ‘‘อุปฺปนฺนา ปหียนฺตี’’ติ เอตฺถ อุปฺปนฺนสทิสา ‘‘อุปฺปนฺนา’’ติ วุตฺตา, น ปจฺจุปฺปนฺนา. น หิ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ อาสเวสุ มคฺเคน ปหานํ สมฺภวตีติ อาห ‘‘เย ปน…เป… นตฺถี’’ติ. วตฺตมานุปฺปนฺนา ขณตฺตยสมงฺคิโน. เตสํ ปฏิปตฺติยา ปหานํ นตฺถิ อุปฺปชฺชนารหานํ ปจฺจยฆาเตน อนุปฺปาทนเมว ตาย ปหานนฺติ.

๑๖. ยทิ เอวํ ทุติยปทํ กิมตฺถิยนฺติ? ปททฺวยคฺคหณํ อาสวานํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนภาวสมฺภวทสฺสนตฺถฺเจว ปหายกวิภาเคน ปหาตพฺพวิภาคทสฺสนตฺถฺจ. เตนาห ‘‘อิทเมว ปทํ คเหตฺวา’’ติ. อฺมฺปีติ าณโต อฺมฺปิ สติสํวราทึ. ทสฺสนาติ อิทํ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ทสฺสเนนาติ เหตุมฺหิ กรณวจเนน ตทตฺถํ วิวรติ. เอส นโยติ ตเมวตฺถํ อติทิสติ. ทสฺสเนนาติ โสตาปตฺติมคฺเคน. โส หิ ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ. ยทิปิ ตํ โคตฺรภุ ปมตรํ ปสฺสติ, ทิสฺวา ปน กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กิเลสปฺปหานสฺส อกรณโต น ตํ ทสฺสนนฺติ วุจฺจติ. อาวชฺชนฏฺานิยฺหิ ตํ าณํ มคฺคสฺส, นิพฺพานารมฺมณตฺตสามฺเน เจตํ วุตฺตํ, น นิพฺพานปฏิวิชฺฌเนน, ตสฺมา ธมฺมจกฺขุ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตเนน ภาวนํ อปฺปตฺตํ ทสฺสนํ นาม, ธมฺมจกฺขุฺจ ปริฺาทิกิจฺจกรณวเสน จตุสจฺจธมฺมทสฺสนํ ตทภิสมโยติ นุตฺเถตฺถ โคตฺรภุสฺส ทสฺสนภาวปฺปตฺติ. อยฺจ วิจาโร ปรโต อฏฺกถายเมว (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒) อาคมิสฺสติ. สพฺพตฺถาติ ‘‘สํวรา ปหาตพฺพา’’ติอาทีสุ. สํวราติ สํวเรน, ‘‘สํวโร’’ติ เจตฺถ สติสํวโร เวทิตพฺโพ. ปฏิเสวติ เอเตนาติ ปฏิเสวนํ, ปจฺจเยสุ อิทมตฺถิกตาาณํ. อธิวาเสติ ขมติ เอตายาติ อธิวาสนา, สีตาทีนํ ขมนากาเรน ปวตฺโต อโทโส, ตปฺปธานา วา จตฺตาโร กุสลกฺขนฺธา. ปริวชฺเชติ เอเตนาติ ปริวชฺชนํ, วาฬมิคาทีนํ ปริหรณวเสน ปวตฺตา เจตนา, ตถาปวตฺตา วา จตฺตาโร กุสลกฺขนฺธา. กามวิตกฺกาทิเก วิโนเทติ วิตุทติ เอเตนาติ วิโนทนํ, กุสลวีริยํ. ปมมคฺเคน ทิฏฺเ จตุสจฺจธมฺเม ภาวนาวเสน อุปฺปชฺชนโต ภาวนา, เสสมคฺคตฺตยํ. น หิ ตํ อทิฏฺปุพฺพํ กิฺจิ ปสฺสติ, เอวํ ทสฺสนาทีนํ วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ทสฺสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา

๑๗. กุสลากุสลธมฺเมหิ อาลมฺพิยมานาปิ อารมฺมณธมฺมา อาวชฺชนมุเขเนว ตพฺภาวํ คจฺฉนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มนสิกรณีเย’’ติ ปทสฺส ‘‘อาวชฺชิตพฺเพ’’ติ อตฺถมาห. หิตสุขาวหภาเวน มนสิกรณํ อรหนฺตีติ มนสิกรณียา, ตปฺปฏิปกฺขโต อมนสิกรณียาติ อาห ‘‘อมนสิกรณีเยติ ตพฺพิปรีเต’’ติ. เสสปเทสูติ ‘‘มนสิกรณีเย ธมฺเม อปฺปชานนฺโต’’ติอาทีสุ. ยสฺมา กุสลธมฺเมสุปิ สุภสุขนิจฺจาทิวเสน มนสิกาโร อสฺสาทนาทิเหตุตาย สาวชฺโช อหิตทุกฺขาวโห อกุสลธมฺเมสุปิ อนิจฺจาทิวเสน มนสิกาโร นิพฺพิทาทิเหตุตาย อนวชฺโช หิตสุขาวโห, ตสฺมา ‘‘ธมฺมโต นิยโม นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘อาการโต ปน อตฺถี’’ติ อาห.

วา-สทฺโท เยภุยฺเยน ‘‘มมํ วา หิ ภิกฺขเว (ที. นิ. ๑.๕, ๖), เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๘๖; ม. นิ. ๒.๗๙, ๘๐) วิกปฺปตฺโถ ทิฏฺโ, น สมุจฺจยตฺโถติ ตตฺถ สมุจฺจยตฺเถ ปโยคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา สมุจฺจยตฺถทีปกํ ปเนตํ สุตฺตปทํ สมุทาหฏํ.

กามาสโวติ ปฺจกามคุณสงฺขาเต กาเม อาสโว กามาสโว. เตนาห ‘‘ปฺจกามคุณิโก ราโค’’ติ. ภวาสวํ ปน เปตฺวา สพฺโพ โลโภ กามาสโวติ ยุตฺตํ สิยา. รูปารูปภเวติ กมฺมุปปตฺติเภทโต ทุวิเธปิ รูปารูปภเว ฉนฺทราโค. ฌานนิกนฺตีติ ฌานสฺสาโท. ‘‘สุนฺทรมิทํ านํ นิจฺจํ ธุว’’นฺติอาทินา อสฺสาเทนฺตสฺส อุปฺปชฺชมาโน สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิสหคโต ราโค ภเว อาสโวติ ภวาสโว. เอวนฺติ สพฺพทิฏฺีนํ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิสงฺคหโต ภวาสเวเนว ทิฏฺาสโว คหิโต ตํสหคตราคตายาติ อธิปฺปาโย. อปเร ปน ‘‘ทิฏฺาสโว อวิชฺชาสเวน จ สงฺคหิโต’’ติ วทนฺติ. เอตฺถ จ ‘‘ภวาสโว จตูสุ ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺตโลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ธ. ส. ๑๔๖๕) วจนโต ทิฏฺิสมฺปยุตฺตราคสฺส ภวาสวภาโว วิจาเรตพฺโพ, อถ ‘‘กามสหคตา สฺามนสิการา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๓๓๒) วิย อารมฺมณกรณตฺโถ สหคตตฺโถ, เอวํ สติ ภวาสเว ทิฏฺาสวสฺส สโมธานคมนํ กตํ น สิยา. น หิ ตมฺปโยคตพฺภาวาทิเก อสติ ตํสงฺคโห ยุตฺโต, ตสฺมา ยถาวุตฺตปาฬึ อนุสาเรน ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตโลโภปิ กามาสโวติ ยุตฺตํ สิยา. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกทุกฺขานฺหิ การณภูตา กามาสวาทโยปิ ทฺวิธา วุตฺตา.

อภิธมฺเม (ธ. ส. ๑๑๐๓) จ กามาสวนิทฺเทเส ‘‘กาเมสูติ กามราคทิฏฺิราคาทีนํ อารมฺมณภูเตสุ เตภูมเกสุ วตฺถุกาเมสู’’ติ อตฺโถ สมฺภวติ. ตตฺถ หิ อุปฺปชฺชมานา สา ตณฺหา สพฺพาปิ น กามจฺฉนฺทาทินามํ น ลภตีติ. ยทิ ปน โลโภ กามาสวภวาสววินิมุตฺโตปิ สิยา, โส ยทา ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺเตสุ จิตฺเตสุ อุปฺปชฺชติ, ตทา เตน สมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโว อาสววิปฺปยุตฺโตติ โทมนสฺสวิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตสฺส วิย ตสฺสปิ อาสววิปฺปยุตฺตตา วตฺตพฺพา สิยา ‘‘จตูสุ ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺตโลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปนฺโน โมโห สิยา อาสวสมฺปยุตฺโต, สิยา อาสววิปฺปยุตฺโต’’ติ. ‘‘กามาสโว อฏฺสุ โลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชตี’ติ (ธ. ส. ๑๔๖๕), ‘‘กามาสวํ ปฏิจฺจ ทิฏฺาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ (ปฏฺา. ๓.๓.๑๐๙) จ วจนโต ทิฏฺิสหคตราโค กามาสโว น โหตีติ น สกฺกา วตฺตุํ. กิฺจ อภิชฺฌากามราคานํ วิเสโส อาสวทฺวยเอกาสวภาโว สิยา, น อภิชฺฌาย จ โนอาสวภาโวติ โนอาสวโลภสฺส สพฺภาโว วิจาเรตพฺโพ. น หิ อตฺถิ อภิธมฺเม ‘‘อาสโว จ โนอาสโว จ ธมฺมา อาสวสฺส ธมฺมสฺส อาสวสฺส จ โนอาสวสฺส จ ธมฺมสฺส เหตุปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๓.๓.๑๖-๑๗) สตฺตโม นวโม จ ปฺโห. คณนายฺจ ‘‘เหตุยา สตฺตา’’ติ (ปฏฺา. ๓.๓.๔๐) วุตฺตํ, โน ‘‘นวา’’ติ. ทิฏฺิสมฺปยุตฺเต ปน โลเภ โนอาสเว วิชฺชมาเน สตฺตมนวมาปิ ปฺหา วิสฺสชฺชนํ ลเภยฺยุํ, คณนาย จ ‘‘เหตุยา นวา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, น ปน วุตฺตํ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺเต จ โลเภ โนอาสเว วิชฺชมาเน วตฺตพฺพํ วุตฺตเมว. ยสฺมา ปน สุตฺตนฺตเทสนา นาม ปริยายกถา, น อภิธมฺมเทสนา วิย นิปฺปริยายกถา, ตสฺมา พลวกามราคสฺเสว กามาสวํ ทสฺเสตุํ ‘‘กามาสโวติ ปฺจกามคุณิโก ราโค’’ติ วุตฺตํ, ตถา ภวาภินนฺทนนฺติ.

สามฺเน ภวาสโว ทิฏฺาสวํ อนฺโตคธํ กตฺวา อิธ ตโย เอว อาสวา วุตฺตาติ ตสฺส ตทนฺโตคธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ ทิฏฺาสโว’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถา หิ วกฺขติ ภวาสวสฺส อนิมิตฺตวิโมกฺขปฏิปกฺขตํ. จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณนฺติ อิทํ สุตฺตนฺตนยํ นิสฺสาย วุตฺตํ. สุตฺตนฺตสํวณฺณนา เหสาติ, ตทนฺโตคธตฺตา วา ปุพฺพนฺตาทีนํ. ยถา อตฺถโต กามาสวาทโย ววตฺถาปิตา, ตถา เนสํ อุปฺปาทวฑฺฒิโย ทสฺเสนฺโต ‘‘กามคุเณ’’ติอาทิมาห. อสฺสาทโต มนสิกโรโตติ ‘‘สุภสุขา’’ติอาทินา อสฺสาทนวเสน มนสิ กโรนฺตสฺส. จตุวิปลฺลาสปทฏฺานภาเวนาติ สุภสฺาทีนํ วตฺถุภาเวน. วุตฺตนยปจฺจนีกโตติ ‘‘กามา นาเมเต อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติอาทินา กามคุเณสุ อาทีนวทสฺสนปุพฺพกเนกฺขมฺมปฏิปตฺติยา ฉนฺทราคํ วิกฺขมฺภยโต สมุจฺฉินฺทนฺตสฺส จ อนุปฺปนฺโน จ กามาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ ปหียติ. ตถา มหคฺคตธมฺเมสุ เจว สกลเตภูมกธมฺเมสุ จ อาทีนวทสฺสนปุพฺพกอนิจฺจาทิมนสิการวเสน นิสฺสรณปฏิปตฺติยา อนุปฺปนฺนา จ ภวาสวอวิชฺชาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ ปหียนฺตีติ เอวํ ตณฺหาปกฺเข วุตฺตสฺส นยสฺส ปฏิปกฺขโต สุกฺกปกฺเข วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ.

ตโย เอวาติ อภิธมฺเม วิย ‘‘จตฺตาโร’’ติ อวตฺวา กสฺมา ตโย เอว อาสวา อิธ อิมิสฺสํ ทสฺสนาปหาตพฺพกถายํ วุตฺตา? ตตฺถ กามาสวสฺส ตณฺหาปณิธิภาวโต อปฺปณิหิตวิโมกฺขปฏิปกฺขตา เวทิตพฺพา. ภเวสุ นิจฺจคฺคาหานุสารโต เยภุยฺยโต ภวราคสมฺปตฺติโต ภวาสวสฺส อนิมิตฺตวิโมกฺขปฏิปกฺขตา, ภวทิฏฺิยา ปน ภวาสวภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, อนตฺตสฺาย าณานุภาวสิทฺธิโต อวิชฺชาสวสฺส สุฺตวิโมกฺขปฏิปกฺขตา. เอตฺถาติ เอติสฺสํ อาสวกถายํ. วณฺณิตนฺติ กถิตํ. อเภทโตติ สามฺโต.

๑๘. กามาสวาทีนนฺติ มนุสฺสโลกเทวโลกคมนียานํ กามาสวาทีนํ. นิรยาทิคมนียา ปน กามาสวาทโย ‘‘ทสฺสนา ปหาตพฺเพ อาสเว’’ติ เอตฺเถว สมารุฬฺหา. อถ วา ยทคฺเคน โส ปุคฺคโลทสฺสนาปหาตพฺพานํ อาสวานํ อธิฏฺานํ, ตทคฺเคน กามาสวาทีนมฺปิ อธิฏฺานํ. น หิ สมฺาเภเทน วตฺถุเภโท อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สามฺโต วุตฺตาน’’นฺติ. กสฺมา ปเนตฺถ ทสฺสนาปหาตพฺเพสุ อาสเวสุ ทสฺเสตพฺเพสุ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทินา วิจิกิจฺฉา ทสฺสิตาติ อาห ‘‘วิจิกิจฺฉาสีเสน เจตฺถา’’ติอาทิ. เอวนฺติ ยถา โสฬสวตฺถุกา วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, เอวํ อโยนิโสมนสิกาโรติ.

วิชฺชมานตํ อวิชฺชมานตฺจาติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๒๐) สสฺสตาสงฺกํ นิสฺสาย ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติ อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ, อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาสงฺกํ นิสฺสาย ‘‘ยโต ปภุติ อหํ, ตโต ปุพฺเพ น นุ โข อโหสิ’’นฺติ อตีเต อตฺตโน อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. กสฺมา? วิจิกิจฺฉาย อาการทฺวยาวลมฺพนโต. ตสฺสา ปน อตีตวตฺถุตาย คหิตตฺตา สสฺสตาธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการนิสฺสยตา ทสฺสิตา. เอวํ อาสปฺปนปริสปฺปนาปวตฺติกํ กตฺถจิปิ อปฺปฏิวตฺติเหตุภูตํ วิจิกิจฺฉํ กสฺมา อุปฺปาเทตีติ น โจเทตพฺพเมตนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กึ การณนฺติ น วตฺตพฺพ’’นฺติ. สฺเวว ปุถุชฺชนภาโว เอว. ยทิ เอวํ ตสฺส อโยนิโสมนสิกาเรเนว ภวิตพฺพนฺติ อาปนฺนนฺติ อาห ‘‘นนุ จ ปุถุชฺชโนปิ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติ. ตตฺถาติ โยนิโสมนสิกรเณ.

ชาติลิงฺคูปปตฺติโยติ ขตฺติยพฺราหฺมณาทิชาตึ คหฏฺปพฺพชิตาทิลิงฺคํ เทวมนุสฺสาทิอุปปตฺติฺจ. นิสฺสายาติ อุปาทาย.

ตสฺมึ กาเล สตฺตานํ มชฺฌิมปฺปมาณํ, เตน ยุตฺโต ปมาณิโก, ตทภาวโต, ตโต อตีตภาวโต วา อปฺปมาณิโก เวทิตพฺโพ. เกจีติ สารสมาสาจริยา. เต หิ ‘‘กถํ นุ โขติ อิสฺสเรน วา พฺรหฺมุนา วา ปุพฺพกเตน วา อเหตุโต วา นิพฺพตฺโตติ จินฺเตตี’’ติ อาหุ. เตน วุตฺตํ ‘‘เหตุโต กงฺขตีติ วทนฺตี’’ติ. อเหตุโต นิพฺพตฺติกงฺขาปิ หิ เหตุปรามสนเมวาติ.

ปรมฺปรนฺติ ปุพฺพาปรปฺปวตฺตึ. อทฺธานนฺติ กาลาธิวจนํ, ตฺจ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ.

วิชฺชมานตํ อวิชฺชมานตฺจาติ สสฺสตาสงฺกํ นิสฺสาย ‘‘ภวิสฺสามิ นุ โข อหมนาคตมทฺธาน’’นฺติ อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ, อุจฺเฉทาสงฺกํ นิสฺสาย ‘‘ยสฺมิฺจ อตฺตภาเว อหํ, ตโต ปรํ น นุ โข ภวิสฺสามี’’ติ อนาคเต อตฺตโน อวิชฺชมานตฺจ กงฺขตีติ เหฏฺา วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ.

ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานนฺติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา ‘‘ปฏิสนฺธึ อาทึ กตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อิทํ กถํ อิทํ กถ’’นฺติ ปวตฺตนโต กถํกถา, วิจิกิจฺฉา, สา อสฺส อตฺถีติ กถํกถีติ อาห ‘‘วิจิกิจฺโฉ โหตี’’ติ. กา เอตฺถ จินฺตา, อุมฺมตฺตโก วิย หิ พาลปุถุชฺชโนติ ปฏิกจฺเจว วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ตํ มหามาตาย ปุตฺตํ. มุณฺเฑสุนฺติ มุณฺเฑน อนิจฺฉนฺตํ ชาครณกาเล น สกฺกาติ สุตฺตํ มุณฺเฑสุํ กุลธมฺมตาย ยถา ตํ เอกจฺเจ กุลตาปสา, ราชภเยนาติ จ วทนฺติ.

สีติภูตนฺติ อิทํ มธุรกภาวปฺปตฺติยา การณวจนํ. ‘‘เสติภูต’’นฺติปิ ปาโ, อุทเก จิรฏฺาเนน เสตภาวํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ.

อตฺตโน ขตฺติยภาวํ กงฺขติ กณฺโณ วิย สูตปุตฺตสฺี. ชาติยา วิภาวิยมานาย ‘‘อห’’นฺติ ตสฺส อตฺตโน ปรามสนํ สนฺธายาห ‘‘เอวฺหิ สิยา กงฺขา’’ติ. มนุสฺสาปิ จ ราชาโน วิยาติ มนุสฺสาปิ เกจิ เอกจฺเจ ราชาโน วิยาติ อธิปฺปาโย.

วุตฺตนยเมว ‘‘สณฺานาการํ นิสฺสายา’’ติอาทินา. เอตฺถาติ ‘‘กถํ นุ โขสฺมี’’ติ ปเท. อพฺภนฺตเร ชีโวติ ปรปริกปฺปิตํ อนฺตรตฺตานํ วทติ. โสฬสํสาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สรีร-ปริมาณ-ปริมณฺฑล-องฺคุฏฺยวปรมาณุ-ปริมาณตาทิเก สงฺคณฺหาติ.

‘‘สตฺตปฺตฺติ ชีววิสยา’’ติ ทิฏฺิคติกานํ มติมตฺตํ, ปรมตฺถโต ปน สา อตฺตภาววิสยาวาติ อาห ‘‘อตฺตภาวสฺส อาคติคติฏฺาน’’นฺติ, ยตายํ อาคโต, ยตฺถ จ คมิสฺสติ, ตํ านนฺติ อตฺโถ.

๑๙. ยถา อยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชตีติ อยํ วุตฺตปฺปเภทา วิจิกิจฺฉา ยถา อุปฺปชฺชติ, เอวํ อโยนิโส มนสิกโรโต. เอเตน วิจิกิจฺฉาย อตฺตาภินิเวสสนฺนิสฺสยตมาห. ยถา หิ วิจิกิจฺฉา อตฺตาภินิเวสํ นิสฺสาย ปวตฺตติ, ยโต สา สสฺสตาธิจฺจสมุปฺปตฺติสสฺสตุจฺเฉทาการาวลมฺพินี วุตฺตา, เอวํ อตฺตาภินิเวโสปิ ตํ นิสฺสาย ปวตฺตติ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทินา อนฺโตคธาหํการสฺส กถํกถิภาวสฺส อตฺตคฺคาหสนฺนิสฺสยภาวโต. เตเนวาห ‘‘สวิจิกิจฺฉสฺส อโยนิโสมนสิการสฺส ถามคตตฺตา’’ติ. วิกปฺปตฺโถติ อนิยมตฺโถ. ‘‘อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ หิ วุตฺตํ. สุฏฺุ ทฬฺหภาเวนาติ อภินิเวสสฺส อติวิย ถามคตภาเวน. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ภเว. ปจฺจุปฺปนฺนเมวาติ อวธารเณน อนาคเต อตฺถิภาวํ นิวตฺเตติ, น อตีเต ตตฺถปิ สติ อตฺถิตาย อุจฺเฉทคฺคาหสฺส สพฺภาวโต. อตีเต เอว นตฺถิ, น อนาคเตปีติ อธิปฺปาโย.

สฺากฺขนฺธสีเสนาติ สฺากฺขนฺธปมุเขน, สฺากฺขนฺธํ ปมุขํ กตฺวาติ อตฺโถ. ขนฺเธติ ปฺจปิ ขนฺเธ. อตฺตาติ คเหตฺวาติ ‘‘สฺชานนสภาโว เม อตฺตา’’ติ อภินิวิสฺส. ปกาเสตพฺพํ วตฺถุํ วิย, อตฺตานมฺปิ ปกาเสนฺโต ปทีโป วิย, สฺชานิตพฺพํ นีลาทิอารมฺมณํ วิย อตฺตานมฺปิ สฺชานาตีติ เอวํทิฏฺิโตปิ ทิฏฺิคติโต โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตนาว อตฺตานํ สฺชานามี’’ติ. สฺวายมตฺโถ สฺํ ตทฺตรธมฺเม จ ‘‘อตฺตา อนตฺตา’’ติ จ คหณวเสน โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สฺากฺขนฺธสีเสนา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ขนฺธวินิมุตฺโต อตฺตาติ คณฺหโต สสฺสตทิฏฺิ, ขนฺธํ ปน ‘‘อตฺตา’’ติ คณฺหโต อุจฺเฉททิฏฺีติ อาห ‘‘สพฺพาปิ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโยวา’’ติ.

อภินิเวสาการาติ วิปริเยสาการา. วทตีติ อิมินา การกเวทกสตฺตานํ หิตสุขาวโพธนสมตฺถตํ อตฺตโน ทีเปติ. เตนาห ‘‘วจีกมฺมสฺส การโก’’ติ. เวเทตีติ เวทิโย, เวทิโยว เวเทยฺโย. อีทิสานฺหิ ปทานํ พหุลา กตฺตุสาธนตํ สทฺทสตฺถวิทู มฺนฺติ. อุปฺปาทวโต เอกนฺเตเนว วโย อิจฺฉิตพฺโพ, สติ จ อุทยพฺพยตฺเต เนว นิจฺจตาติ ‘‘นิจฺโจ’’ติ วทนฺตสฺส อธิปฺปายํ วิวรนฺโต อาห ‘‘อุปฺปาทวยรหิโต’’ติ. สารภูโตติ นิจฺจตาย เอว สารภาโว. สพฺพกาลิโกติ สพฺพสฺมึ กาเล วิชฺชมาโน. ปกติภาวนฺติ สภาวภูตํ ปกตึ, ‘‘วโท’’ติอาทินา วา วุตฺตํ ปกติสงฺขาตํ สภาวํ. สสฺสติสมนฺติ สสฺสติยา สมํ สสฺสติสมํ, ถาวรํ นิจฺจกาลนฺติ อตฺโถ. ตเถว สฺสตีติ เยนากาเรน ปุพฺเพ อฏฺาสิ, เอตรหิ ติฏฺติ, ตเถว เตนากาเรน อนาคเตปิ สฺสตีติ อตฺโถ.

ปจฺจกฺขนิทสฺสนํ อิทํ-สทฺทสฺส อาสนฺนปจฺจกฺขภาวํ กตฺวา. ทิฏฺิเยว ทิฏฺิคตนฺติ คต-สทฺทสฺส ปทวฑฺฒนมตฺตตํ อาห. ทิฏฺีสุคตนฺติ มิจฺฉาทิฏฺีสุ ปริยาปนฺนนฺติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘ทฺวาสฏฺิทิฏฺิอนฺโตคธตฺตา’’ติ. ทิฏฺิยา คมนมตฺตนฺติ ทิฏฺิยา คหณมตฺตํ. ยถา ปน ปพฺพตชลวิทุคฺคานิ ทุนฺนิคฺคมนานิ, เอวํ ทิฏฺิคฺคาโหปีติ อาห ‘‘ทุนฺนิคฺคมนฏฺเน คหน’’นฺติ. ตํ นาม อุทกํ, ตํ คเหตฺวา ตํ อติกฺกมิตพฺพโต กนฺตาโร, นิรุทกวนํ, ตํ ปวนนฺติปิ วุจฺจติ. อฺโ ปน อรฺปเทโส ทุรติกฺกมนฏฺเน กนฺตาโร วิยาติ, เอวํ ทิฏฺิปีติ อาห ‘‘ทุรติกฺกมนฏฺเนา’’ติอาทิ. วินิวิชฺฌนํ วิตุทนํ. วิโลมนํ วิปริณามภาโว. อนวฏฺิตสภาวตาย วิจลิตํ วิปฺผนฺทิตนฺติ อาห ‘‘กทาจี’’ติอาทิ. อนฺทุพนฺธนาทิ วิย นิสฺสริตุํ อปฺปทานวเสน อเสริภาวกรณํ พนฺธนฏฺโ, กิเลสกมฺมวิปากวฏฺฏานํ ปจฺจยภาเวน ทูรคตมฺปิ อากฑฺฒิตฺวา สํโยชนํ สํโยชนฏฺโ, ทิฏฺิปิ ตถารูปาติ วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺิสํโยชน’’นฺติ. พนฺธนตฺถํ ทสฺเสนฺโต กิจฺจสิทฺธิยาติ อธิปฺปาโย. เตเนวาห ‘‘ทิฏฺิสํโยชเนน…เป… มุจฺจตี’’ติ. ตตฺถ เอเตหีติ อิมินา ชาติอาทิทุกฺขสฺส ปจฺจยภาวมาห. ชาติอาทิเก ทุกฺขธมฺเม สรูปโต ทสฺเสตฺวาปิ ‘‘น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมา’’ติ วทนฺเตน ภควตา ทิฏฺิสํโยชนํ นาม สพฺพานตฺถกรํ มหาสาวชฺชํ สพฺพสฺสปิ ทุกฺขสฺส มูลภูตนฺติ อยมตฺโถ วิภาวิโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘กึ วา พหุนา, สกลวฏฺฏทุกฺขโตปิ น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ.

๒๐. นนุ เจตฺถ ทิฏฺิสํโยชนทสฺสเนน สีลพฺพตปรามาโสปิ ทสฺเสตพฺโพ, เอวฺหิ ทสฺสเนน ปหาตพฺพา อาสวา อนวเสสโต ทสฺสิตา โหนฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. สีลพฺพตปรามาโส กามาสวาทิคฺคหเณเนว คหิโต โหติ กามาสวาทิเหตุกตฺตา ตสฺส. อปฺปหีนกามราคาทิโก หิ กามสุขตฺถํ วา ภวสุทฺธตฺถํ วา เอวํ ภววิสุทฺธิ โหตีติ สีลพฺพตานิ ปรามสนฺติ, ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘๖; ม. นิ. ๒.๗๙), ‘‘ตตฺถ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙), ‘‘สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธิ สีลพฺพเตน สุทฺธี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๒) จ สุตฺเตวุตฺตํ สีลพฺพตํ ปรามสนฺติ. ตตฺถ ภวสุขภววิสุทฺธิอตฺถนฺติ ภวสุขตฺถฺจ ภววิสุทฺธิอตฺถฺจ. ตสฺส คหิตตฺตาติ สีลพฺพตปรามาสสฺส ทิฏฺิคฺคหเณน คหิตตฺตา ยถา ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๒๗๗). เตสนฺติ ทสฺสนปหาตพฺพานํ. ทสฺเสตุํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย. ตพฺพิปรีตสฺสาติ โยนิโสมนสิกโรโต กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส.

ตสฺสาติ ‘‘สุตวา’’ติอาทิปาสฺส. ตาวาติ ‘‘สุตวา’’ติ อิโต ปฏฺาย ยาว ‘‘โส อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ปทํ, ตาว อิมํ ปทํ อวธึ กตฺวาติ อตฺโถ. เหฏฺา วุตฺตนเยนาติ อริยสปฺปุริส-อริยธมฺม-สปฺปุริสธมฺม-มนสิกรณีย-อมนสิกรณียปทานํ ยถากฺกมํ มูลปริยาเย อิธ คเหตฺวา วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. วุตฺตปจฺจนีกโตติ ‘‘สุตวา อริยสาวโก, อริยานํ ทสฺสาวี, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี’’ติ เอเตสํ ปทานํ สพฺพากาเรน วุตฺตวิปรีตโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ, โกวิทวินีตปทานํ ปน น สพฺพปฺปกาเรน วุตฺตวิปรีตโต. อรหา หิ นิปฺปริยาเยน อริยธมฺเม โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต จ นาม. เตนาห ‘‘ปจฺจนีกโต จ สพฺพากาเรน…เป… อริยสาวโกติ เวทิตพฺโพ’’ติ. สงฺขารุเปกฺขาาณํ สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนา. เกจิ ปน ‘‘ภงฺคาณโต ปฏฺาย สิขาปตฺตวิปสฺสนา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ. ตทนุรูเปน อตฺเถนาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อนุรูเปน อริยฏฺเน, น ปฏิเวธวเสนาติ อธิปฺปาโย. กลฺยาณปุถุชฺชโน หิ อยํ. ยถา จสฺส ‘‘โยปิ กลฺยาณปุถุชฺชโน’’ติ อารภิตฺวา ‘‘โสปิ วุจฺจติ สิกฺขตีติ เสกฺโข’’ติ ปริยาเยน เสกฺขสุตฺเต (สํ. นิ. ๕.๑๓) เสกฺขภาโว วุตฺโต, เอวํ อิธ อริยสาวกภาโว วุตฺโต. วุฏฺานคามินีวิปสฺสนาลกฺขเณหิ เย อริยสปฺปุริสธมฺมวินยสงฺขาตา โพธิปกฺขิยธมฺมา ติสฺโส สิกฺขา เอว วา สมฺภวนฺติ, เตสํ วเสน อิมสฺส อริยสาวกาทิภาโว วุตฺโต. เตนาห ‘‘ตทนุรูเปน อตฺเถนา’’ติ. อริยสฺส สาวโกติ วา อริยสาวกตฺเถน เอว วุตฺโต ยถา ‘‘อคมา ราชคหํ พุทฺโธ’’ติ (สุ. นิ. ๔๑๐). สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาคฺคหณฺเจตฺถ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อนิวตฺติปฏิปทายํ ิตสฺส คหณตฺถนฺติ ยถาวุตฺตา อตฺถสํวณฺณนา สุฏฺุตรํ ยุชฺชเตว.

๒๑. ยถา ธาตุมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิฏฺโ ธาตุกมฺมฏฺานิโก อายตนาทิมุเขน อภินิวิฏฺโ อายตนาทิกมฺมฏฺานิโก, เอวํ สจฺจมุเขน อภินิวิฏฺโติ วุตฺตํ ‘‘จตุสจฺจกมฺมฏฺานิโก’’ติ. จตุโรฆนิตฺถรณตฺถิเกหิ กาตพฺพโต กมฺมํ, ภาวนา. กมฺมเมว วิเสสาธิคมสฺส านํ การณนฺติ, กมฺเม วา ยถาวุตฺตนฏฺเน านํ อวฏฺานํ ภาวนารมฺโภกมฺมฏฺานํ, ตเทว จตุสจฺจมุเขน ปวตฺตํ เอตสฺส อตฺถีติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานิโก. อุภยํ นปฺปวตฺตติ เอตฺถาติ อปฺปวตฺติ. อุคฺคหิตจตุสจฺจกมฺมฏฺาโนติ จ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ปาฬิโต อตฺถโต จ อุคฺคเหตฺวา มนสิการโยคฺคํ กตฺวา ิโต. วิปสฺสนามคฺคํ สมารุฬฺโหติ สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสเน ปติฏฺาย ตเทว นามรูปํ อนิจฺจาทิโต สมฺมสนฺโต. สมนฺนาหรตีติ วิปสฺสนาวชฺชนํ สนฺธายาห, ตสฺมา ยถา ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ วิปสฺสนาาณํ ปวตฺตติ, เอวํ สมนฺนาหรติ อาวชฺชตีติ อตฺโถ. กถํ ปเนตฺถ ‘‘มนสิ กโรตี’’ติ อิมินา ‘‘วิปสฺสตี’’ติ อยมตฺโถ วุตฺโต โหตีติ อาห ‘‘เอตฺถ…เป… วุตฺตา’’ติ. เอตฺถาติ จ อิมสฺมึ สุตฺเตติ อตฺโถ. วิปสฺสตีติ จ ยถา อุปริ วิเสสาธิคโม โหติ, เอวํ าณจกฺขุนา วิปสฺสติ, โอโลเกตีติ อตฺโถ. มคฺโคปิ วตฺตพฺโพ. ปุริมฺหิ สจฺจทฺวยํ คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสํ, อิตรํ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรํ.

อภินิเวโสติ วิปสฺสนาภินิเวโส วิปสฺสนาปฏิปตฺติ. ตทารมฺมเณติ ตํ รูปกฺขนฺธํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺเต. ยาถาวสรสลกฺขณํ ววตฺถเปตฺวาติ อวิปรีตํ อตฺตโน อารมฺมณํ สภาวจฺเฉทนาทิกิจฺจฺเจว อฺาณาทิลกฺขณฺจ อสงฺกรโต หทเย เปตฺวา. อิมินา ปุพฺเพ นามรูปปริจฺเฉเท กเตปิ ธมฺมานํ สลกฺขณววตฺถาปนํ ปจฺจยปริคฺคเหน สุววตฺถาปิตํ นาม โหตีติ ทสฺเสติ ยถา ‘‘ทฺวิกฺขตฺตุํ พทฺธํ สุพทฺธ’’นฺติ. เอวฺหิ าตปริฺาย กิจฺจํ สิทฺธํ นาม โหติ. ปจฺจยโต ปจฺจยุปฺปนฺนโต จ ววตฺถาปิตตฺตา ปากฏภาเวน สิทฺเธนปิ สิทฺธภาโว ปากโฏ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อหุตฺวา โหนฺตี’’ติ. อนิจฺจลกฺขณํ อาโรเปตีติ อสโต หิ อุปฺปาเทน ภวิตพฺพํ, น สโต, อุปฺปาทวนฺตโต จ เนสํ เอกนฺเตน อิจฺฉิตพฺพา ปจฺจยายตฺตวุตฺติภาวโต, สติ อุปฺปาเท อวสฺสํภาวี นิโรโธติ นตฺเถว นิจฺจตาวกาโสติ. สูปฏฺิตานิจฺจตาย จ อุทยพฺพยธมฺเมหิ อภิณฺหปฏิปีฬนโต ทุกฺขมนฏฺเน ทุกฺขํ. เตนาห ‘‘อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตฺตา ทุกฺขาติ ทุกฺขลกฺขณํ อาโรเปตี’’ติ. กตฺถจิปิ สงฺขารคเต ‘‘มา ชีริ มา พฺยาธิยี’’ติ อลพฺภนโต นตฺถิ วสวตฺตนนฺติ อาห ‘‘อวสวตฺตนโต อนตฺตาติ อนตฺตลกฺขณํ อาโรเปตี’’ติ. ปฏิปาฏิยาติ อุทยพฺพยาณาทิปรมฺปราย.

ตสฺมึ ขเณติ โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ. เอกปฏิเวเธเนวาติ เอกาเณเนว ปฏิวิชฺฌเนน. ปฏิเวโธ ปฏิฆาตาภาเวน วิสเย นิสฺสงฺคจารสงฺขาตํ นิพฺพิชฺฌนํ. อภิสมโย อวิรชฺฌิตฺวา วิสยสฺส อธิคมสงฺขาโต อวโพโธ. ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานนเมว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ ปริฺาปฏิเวโธ. อยํ ยถา าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา ทุกฺขสฺส สรูปาทิปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ปวตฺตึ คเหตฺวา วุตฺโต, น ปน มคฺคาณสฺส ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินาปิ วตฺตนโต. เตนาห ‘‘น หิสฺส ตสฺมึ สมเย’’ติอาทิ. ปหีนสฺส ปุน อปฺปหาตพฺพตาย ปกฏฺํ หานํ จชนํ สมุจฺฉินฺทนํ ปหานํ, ปหานเมว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ ปหานปฏิเวโธ. อยมฺปิ เยน กิเลเสน อปฺปหียมาเนน มคฺคภาวนาย น ภวิตพฺพํ, อสติ จ มคฺคภาวนาย โย อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส กิเลสสฺส ปทฆาตํ กโรนฺตสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺตสฺส าณสฺส ตถาปวตฺติยา ปฏิฆาตาภาเวน นิสฺสงฺคจารํ อุปาทาย เอวํ วุตฺโต. สจฺฉิกิริยา ปจฺจกฺขกรณํ, อนุสฺสวาการปริวิตกฺกาทิเก มุฺจิตฺวา สรูปโต อารมฺมณกรณํ อิทํ ตนฺติ ยถาสภาวโต คหณํ, สา เอว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ สจฺฉิกิริยาปฏิเวโธ. อยํ ปน ยสฺส อาวรณสฺส อสมุจฺฉินฺทนโต าณํ นิโรธํ อาลมฺพิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺส สมุจฺฉินฺทนโต ตํ สรูปโต วิภาวิตเมว ปวตฺตตีติ เอวํ วุตฺโต.

ภาวนา อุปฺปาทนา วฑฺฒนา จ, ตตฺถ ปมมคฺเค อุปฺปาทนฏฺเน, ทุติยาทีสุ วฑฺฒนฏฺเน, อุภยตฺถาปิ วา อุภยถาปิ เวทิตพฺพํ. ปมมคฺโคปิ หิ ยถารหํ วุฏฺานคามินิยํ ปวตฺตํ ปริชานนาทึ วฑฺเฒนฺโต ปวตฺโตติ ตตฺถาปิ วฑฺฒนฏฺเน ภาวนา สกฺกา วิฺาตุํ. ทุติยาทีสุปิ อปฺปหีนกิเลสปฺปหานโต ปุคฺคลนฺตรสาธนโต อุปฺปาทนฏฺเน ภาวนา, สา เอว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ ภาวนา ปฏิเวโธ. อยมฺปิ หิ ยถา าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา มคฺคธมฺมานํ สรูปปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติเมว คเหตฺวา วุตฺโต, ติฏฺตุ ตาว ยถาธิคตมคฺคธมฺมํ ยถาปวตฺเตสุ ผลธมฺเมสุปิ อยํ ยถาธิคตสจฺจธมฺเมสุ วิย วิคตสมฺโมโหว โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๙๙, ๓๕๖; มหาว. ๒๗, ๕๗). ยโต จสฺส ธมฺมตาสฺโจทิตา ยถาธิคตสจฺจธมฺมาวลมฺพินิโย มคฺควีถิโต ปรโต มคฺคผลปหีนาวสิฏฺกิเลสนิพฺพานานํ ปจฺจเวกฺขณา ปวตฺตนฺติ. ทุกฺขสจฺจธมฺมา หิ สกฺกายทิฏฺิอาทโย. อยฺจ อตฺถวณฺณนา ‘‘ปริฺาภิสมเยนา’’ติอาทีสุปิ วิภาเวตพฺพา. เอกาภิสมเยน อภิสเมตีติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภูตตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โน จ โข อฺมฺเน าเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

วิตณฺฑวาที ปนาห ‘‘อริยมคฺคาณํ จตูสุ สจฺเจสุ นานาภิสมยวเสน กิจฺจกรณํ, น เอกาภิสมยวเสน. ตฺหิ กาเลน ทุกฺขํ ปชานาติ, กาเลน สมุทยํ ปชหติ, กาเลน นิโรธํ สจฺฉิกโรติ, กาเลน มคฺคํ ภาเวติ, อฺถา เอกสฺส าณสฺส เอกสฺมึ ขเณ จตุกิจฺจกรณํ น ยุชฺชติ. น หิทํ กตฺถจิ ทิฏฺมฺปิ สุตฺตํ อตฺถี’’ติ. โส วตฺตพฺโพ – ยทิ อริยมคฺคาณํ นานาภิสมยวเสน สจฺจานิ อภิสเมติ, น เอกาภิสมยวเสน, เอวํ สนฺเต ปจฺเจกมฺปิ สจฺเจสุ นานกฺขเณเนว ปวตฺเตยฺย, น เอกกฺขเณน, ตถา สติ ทุกฺขาทีนํ เอกเทเสกเทสเมว ปริชานาติ ปชหตีติ อาปชฺชตีติ นานาภิสมเย ปมมคฺคาทีหิ ปหาตพฺพานํ สฺโชนตฺตยาทีนํ เอกเทเสกเทสปฺปหานํ สิยาติ เอกเทสโสตาปตฺติมคฺคฏฺาทิตา, ตโต เอว เอกเทสโสตาปนฺนาทิตา จ อาปชฺชติ อนนฺตรผลตฺตา โลกุตฺตรกุสลานํ, น จ ตํ ยุตฺตํ. น หิ กาลเภเทน วินา โส เอว โสตาปนฺโน จ อโสตาปนฺโน จาติ สกฺกา วิฺาตุํ.

อปิจายํ นานาภิสมยวาที เอวํ ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘มคฺคาณํ สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺตํ กึ อารมฺมณโต ปฏิวิชฺฌติ, อุทาหุ กิจฺจโต’’ติ? ชานมาโน ‘‘กิจฺจโต’’ติ วเทยฺย, ‘‘กิจฺจโต ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส กึ นานาภิสมเยนา’’ติ วตฺวา ปฏิปาฏิยานิทสฺสเนน สฺาเปตพฺโพ. อถ ‘‘อารมฺมณโต’’ติ วเทยฺย, เอวํ สนฺเต ตสฺส าณสฺส วิปสฺสนาาณสฺส วิย ทุกฺขสมุทยานํ อจฺจนฺตปริฺาสมุจฺเฉทา น ยุตฺตา อนิสฺสฏตฺตา. ตถา มคฺคทสฺสนํ. น หิ มคฺโค สยเมว อตฺตานํ อารพฺภ ปวตฺตตีติ ยุตฺตํ, มคฺคนฺตรปริกปฺปนาย ปน อนวฏฺานํ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตีณิ สจฺจานิ กิจฺจโต, นิโรธํ กิจฺจโต จ อารมฺมณโต จ ปฏิวิชฺฌตีติ เอวํ อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส มคฺคาณสฺส นตฺเถว นานาภิสมโย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘โย ภิกฺขเว ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติอาทิ. น เจตํ กาลนฺตรทสฺสนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โย นุ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ …เป… ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) เอกจฺจทสฺสนสมงฺคิโน อฺสจฺจทสฺสนสมงฺคิภาววิจารณายํ ตทตฺถสาธนตฺถํ อายสฺมตา ควมฺปติตฺเถเรน อาภตตฺตา, ปจฺเจกฺจ สจฺจตฺตยทสฺสนสฺส โยชิตตฺตา, อฺถา ปุริมทิฏฺสฺส ปุน อทสฺสนโต สมุทยาทิทสฺสนมโยชนิยํ สิยา. น หิ โลกุตฺตรมคฺโค โลกิยมคฺโค วิย กตการีภาเวน ปวตฺตติ สมุจฺเฉทกตฺตา, ตถา โยชเนน จ สพฺพทสฺสนํ ทสฺสนนฺตรปรมนฺติ ทสฺสนานุปรโม สิยาติ เอวํ อาคมโต ยุตฺติโต จ นานาภิสมโย น ยุชฺชตีติ สฺาเปตพฺโพ. เอวํ เจ สฺตฺตึ คจฺฉติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ คจฺฉติ, อภิธมฺเม (กถา. ๒๗๔) โอธิโสกถาย สฺาเปตพฺโพติ.

นิโรธํ อารมฺมณโตติ นิโรธเมว อารมฺมณโตติ นิยโม คเหตพฺโพ, น อารมฺมณโตวาติ. เตน นิโรเธ กิจฺจโตปิ ปฏิเวโธ สิทฺโธ โหติ. ตสฺมึ สมเยติ สจฺจานํ อภิสมเย. วีสติวตฺถุกาติอาทิ ‘‘ตีณิ สฺโชนานี’’ติ วุตฺตานํ สรูปทสฺสนํ. จตูสุ อาสเวสูติ อิทํ อภิธมฺมนเยน วุตฺตํ, น สุตฺตนฺตนเยน. น หิ สุตฺเต กตฺถจิ จตฺตาโร อาสวา อาคตา อตฺถิ. ยทิ วิจิกิจฺฉา น อาสโว, อถ กสฺมา ‘‘สกฺกายทิฏฺิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโส, อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทสฺสนา ปหาตพฺพา’’ติอาทิ. เอตฺถ ปริยาปนฺนตฺตาติ เอเตน สมฺมาสงฺกปฺปสฺส วิย ปฺากฺขนฺเธ กิจฺจสภาคตาย อิธ วิจิกิจฺฉาย อาสวสงฺคโห กโตติ ทสฺเสติ.

สพฺโพ อตฺตคฺคาโห สกฺกายทิฏฺิวินิมุตฺโต นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ…เป… วิภตฺตา’’ติ. สา หิ ทิฏฺิ เอกสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท สนฺตาเน จ ิตํ เอกฏฺํ, ตตฺถ ปมํ สหชาเตกฏฺํ, อิตรํ ปหาเนกฏฺํ, ตทุภยมฺปิ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ทิฏฺาสเวหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพถาปีติ สพฺพปฺปกาเรน, สหชาเตกฏฺปหาเนกฏฺปฺปกาเรหีติ อตฺโถ. อวเสสาติ ทิฏฺาสวโต อวสิฏฺา. ตโยปิ อาสวาติ กามาสวภวาสวอวิชฺชาสวา. ตถา หิ ปุพฺเพ ‘‘จตูสุ อาสเวสู’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา พหู เอเวตฺถ อาสวา ปหาตพฺพา, ตสฺมา พหุวจนนิทฺเทโส กโต ‘‘อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา’’ติ. โปราณานนฺติ อฏฺกถาจริยานํ, ‘‘ปุราตนานํ มชฺฌิมภาณกาน’’นฺติ จ วทนฺติ.

ทสฺสนา ปหาตพฺพาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

ทสฺสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.

สํวราปหาตพฺพอาสววณฺณนา

๒๒. สํวราทีหีติ สํวรปฏิเสวนอธิวาสนปริวชฺชนวิโนทเนหิ. สพฺเพสมฺปีติ จตุนฺนมฺปิ อริยมคฺคานํ. อยนฺติ สํวราปหาตพฺพาทิกถา ปุพฺพภาคปฏิปทาติ เวทิตพฺพา. ตถา หิ เหฏฺา ‘‘อุปกฺกิเลสวิโสธนํ อาทึ กตฺวา อาสวกฺขยปฏิปตฺติทสฺสนตฺถ’’นฺติ สุตฺตนฺตเทสนาย ปโยชนํ วุตฺตํ. น หิ สกฺกา อาทิโต เอว อริยมคฺคํ ภาเวตุํ, อถ โข สมาทินฺนสีโล อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘; ม. นิ. ๒.๑๖๘) เอวํ วุตฺตํ จตุราปสฺเสนปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชมาโน สมฺมสนวิธึ โอตริตฺวา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อาสเว เขเปติ. เตนาห ภควา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺโท อนุปุพฺพนินฺโน อนุปุพฺพโปโณ อนุปุพฺพปพฺภาโร, น อายตเกเนว ปปาโต, เอวํ โข, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา, น อายตเกเนว อฺาปฏิเวโธ’’ติ (อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕).

อิธาติ อยํ อิธ-สทฺโท สพฺพาการโต อินฺทฺริยสํวรสํวุตสฺส ปุคฺคลสฺส สนฺนิสฺสยภูตสาสนปริทีปโน, อฺสาสนสฺส ตถาภาวปฏิเสธโน จาติ วุตฺตํ ‘‘อิมสฺมึ สาสเน’’ติ. อาทีนวปฏิสงฺขาติ อาทีนวปจฺจเวกฺขณา. สมฺปลิมฏฺนฺติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๖.๕๘) ฆํสิตํ. อนุพฺยฺชนโสติ หตฺถปาทหสิตกถิตวิโลกิตาทิปฺปการภาคโส. ตฺหิ อโยนิโส มนสิกโรโต กิเลสานํ อนุ อนุ พฺยฺชนโต ‘‘อนุพฺยฺชน’’นฺติ วุจฺจติ. นิมิตฺตคฺคาโหติ อิตฺถิปุริสนิมิตฺตาทิกสฺส วา กิเลสวตฺถุภูตสฺส วา นิมิตฺตสฺส คาโห. อาทิตฺตปริยายนเยนาติ อาทิตฺตปริยาเย (สํ. นิ. ๔.๒๘; มหาว. ๕๔) อาคตนเยน เวทิตพฺพา อาทีนวปฏิสงฺขาติ โยชนา. ยถา อิตฺถิยา อินฺทฺริยนฺติ อิตฺถินฺทฺริยํ, น เอวมิทํ, อิทํ ปน จกฺขุเมว อินฺทฺริยนฺติ จกฺขุนฺทฺริยนฺติ. ติตฺถกาโก วิยาติ ติตฺเถ กาโก ติตฺถกาโก, นทิยา สมติกฺกมนติตฺเถ นิยตฏฺิติโก. อาวาฏกจฺฉโปติอาทีสุปิ เอเสว นโย.

เอวํ ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย จกฺขุนฺทฺริเย นิยตฏฺาโน สํวโร จกฺขุนฺทฺริยสํวโร. มุฏฺสฺสจฺจํ สติปฏิปกฺขา อกุสลธมฺมา. ยทิปิ อฺตฺถ อสงฺเขยฺยมฺปิ ภวงฺคจิตฺตํ นิรนฺตรํ อุปฺปชฺชติ, ปสาทฆฏฺฏนาวชฺชนุปฺปาทานํ ปน อนฺตเร ทฺเว เอว ภวงฺคจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อยํ จิตฺตนิยาโมติ อาห ภวงฺเค ‘‘ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ’’ติ.

ชวนกฺขเณ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ วาติอาทิ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๕; ธ. ส. มูลฏี. ๑๓๕๒) ปุน อวจนตฺถํ อิเธว สพฺพํ วุตฺตนฺติ ฉสุ ทฺวาเรสุ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. น หิ ปฺจทฺวาเร กายวจีทุจฺจริตสงฺขาโต ทุสฺสีลฺยสํวโร อตฺถีติ โส มโนทฺวารวเสน, อิตโร ฉนฺนมฺปิ ทฺวารานํ วเสน โยเชตพฺโพ. มุฏฺสฺสจฺจาทีนฺหิ สติปฏิปกฺขาทิลกฺขณานํ อกุสลธมฺมานํ สิยา ปฺจทฺวาเร อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว กายิกวาจสิกวีติกฺกมภูตสฺส ทุสฺสีลฺยสฺส ตตฺถ อุปฺปตฺติ ปฺจทฺวาริกชวนานํ อวิฺตฺติชนกตฺตาติ.

ยถา กินฺติ เยน ปกาเรน ชวเน อุปฺปชฺชมาโน อสํวโร ‘‘จกฺขุทฺวาเร อสํวโร’’ติ วุจฺจติ, ตํ นิทสฺสนํ กินฺติ อตฺโถ. ยถาติอาทินา นครทฺวาเร อสํวเร สติ ตํสมฺพนฺธานํ ฆราทีนํ อสํวุตตา วิย ชวเน อสํวเร สติ ตํสมฺพนฺธานํ ทฺวาราทีนํ อสํวุตตาติ อฺาสํวเร อฺาสํวุตตาสามฺเมว นิทสฺเสติ, น ปุพฺพาปรสามฺํ, อนฺโตพหิสามฺํ วา. สมฺพนฺโธ จ ชวเนน ทฺวาราทีนํ เอกสนฺตติปริยาปนฺนตาย เอว ทฏฺพฺโพ. ปจฺจยภาเวน ปุริมนิปฺผนฺนํ ชวนกาเล อสนฺตมฺปิ ภวงฺคาทิ ผลนิปฺผตฺติยา จกฺขาทิ วิย สนฺตํเยว นาม. น หิ ธรมานํเยว ‘‘สนฺต’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา สติ ทฺวารภวงฺคาทิเก ปจฺฉา อุปฺปชฺชมานํ ชวนํ พาหิรํ วิย กตฺวา นครทฺวารสมานํ วุตฺตํ. อิตรฺจ อนฺโตนครฆราทิสมานํ. ชวนสฺส หิ ปรมตฺถโต อสติปิ พาหิรภาเว อิตรสฺส จ อพฺภนฺตรภาเว ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺ’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๙) อาทิวจนโต อาคนฺตุกภูตสฺส กทาจิ กทาจิ อุปฺปชฺชมานสฺส ชวนสฺส พาหิรภาโว, ตพฺพิธุรสภาวสฺส อิตรสฺส อพฺภนฺตรภาโว จ ปริยายโต เวทิตพฺโพ. ชวเน วา อสํวเร อุปฺปนฺเน ตโต ปรํ ทฺวารภวงฺคาทีนํ อสํวรเหตุภาวาปตฺติโต นครทฺวารสทิเสน ชวเนน ปวิสิตฺวา ทุสฺสีลฺยาทิโจรานํ ทฺวารภวงฺคาทีสุ มุสนํ กุสลภณฺฑวินาสนํ ทฏฺพฺพํ. อุปฺปนฺเน หิ อสํวเร ทฺวาราทีนํ ตสฺส เหตุภาโว ปฺายติ, โส จ อุปฺปชฺชมาโนเยว ทฺวาราทีนํ สํวรูปนิสฺสยภาวํ ปฏิพาเหนฺโตเยว ปวตฺตตีติ อยฺเหตฺถ อสํวราทีนํ ปวตฺตินโย. ปฺจทฺวาเร รูปาทิอารมฺมเณ อาปาถคเต ยถาปจฺจยํ อกุสลชวเน อุปฺปชฺชิตฺวา ภวงฺคํ โอติณฺเณ มโนทฺวาริกชวนํ ตํเยว อารมฺมณํ กตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ, ปุน ตสฺมึเยว ทฺวาเร ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติอาทินา วิสยํ ววตฺถเปตฺวา ชวนํ ภวงฺคํ โอตรติ, ปุน วาเร รชฺชนาทิวเสน ชวนํ ชวติ, ปุนปิ ยทิ ตาทิสํ อารมฺมณํ อาปาถมาคจฺฉติ, ตํสทิสเมว ปฺจทฺวาเร รูปาทีสุ ชวนํ อุปฺปชฺชติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เอวเมว ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ตสฺมึ อสํวเร สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺต’’นฺติอาทิ. อยํ ตาว อสํวรปกฺเข อตฺถวณฺณนา.

สํวรปกฺเขปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สํวเรน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล สํวุโตติ วุตฺโตติ อาห ‘‘อุเปโตติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. เอกชฺฌํ กตฺวาติ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ ปทฺจ อตฺถโต อภินฺนํ สมานํ กตฺวา. อยเมว เจตฺถ อตฺโถ สุนฺทรตโร อุปริปาฬิยา สํสนฺทนโต. เตนาห ‘‘ตถาหี’’ติอาทิ. ยนฺติ อาเทโสติ อิมินา ลิงฺควิปลฺลาเสน สทฺธึ วจนวิปลฺลาโส กโตติ ทสฺเสติ, นิปาตปทํ วา เอตํ ปจฺจตฺตปุถุวจนตฺถํ. วิฆาตกราติ จิตฺตวิฆาตกรณา จิตฺตทุกฺขนิพฺพตฺตกา จ. ยถาวุตฺตกิเลสเหตุกา ทาหานุพนฺธา วิปากา เอว วิปากปริฬาหา. ยถา ปเนตฺถ อาสวา อฺเ จ วิฆาตกรา กิเลสวิปากปริฬาหา สมฺภวนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุทฺวาเรหี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว. เอตฺถ จ สํวรณูปาโย, สํวริตพฺพํ, สํวโร, ยโต โส สํวโร, ยตฺถ สํวโร, ยฺจ สํวรผลนฺติ อยํ วิภาโค เวทิตพฺโพ. กถํ? ปฏิสงฺขา โยนิโสติ หิ สํวรณูปาโย. จกฺขุนฺทฺริยํ สํวริตพฺพํ. สํวรคฺคหเณน คหิตา สติ สํวโร. อสํวุตสฺสาติ สํวรณาวธิ. อสํวรโต หิ สํวรณํ. สํวริตพฺพคฺคหเณน สิทฺโธ อิธ สํวรวิสโย. จกฺขุนฺทฺริยฺหิ สํวราณํ รูปารมฺมเณ สํวรียตีติ อวุตฺตสิทฺโธยมตฺโถ. อาสวตนฺนิมิตฺตกิเลสาทิปริฬาหาภาโว ผลํ. เอวํ โสตทฺวาราทีสุปิ โยเชตพฺพํ. สพฺพตฺเถวาติ มโนทฺวาเร ปฺจทฺวาเร จาติ สพฺพสฺมึ ทฺวาเร.

สํวราปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฏิเสวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา

๒๓. ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรนฺติอาทีสุ ‘‘สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา วุตฺตํ ปจฺจเวกฺขณเมว โยนิโส ปฏิสงฺขา. อีทิสนฺติ เอวรูปํ อิฏฺารมฺมณํ. ภวปตฺถนาย อสฺสาทยโตติ ภวปตฺถนามุเขน ภาวิตํ อารมฺมณํ อสฺสาเทนฺตสฺส. จีวรนฺติ นิวาสนาทิ ยํ กิฺจิ จีวรํ. ปฏิเสวตีติ นิวาสนาทิวเสน ปริภุฺชติ. ยาวเทวาติ ปโยชนปริมาณนิยมนํ. สีตปฏิฆาตาทิเยว หิ โยคิโน จีวรปฏิเสวเน ปโยชนํ. สีตสฺสาติ ธาตุกฺโขภโต วา อุตุปริณามโต วา อุปฺปนฺนสีตสฺส. ปฏิฆาตายาติ ปฏิพาหนตฺถํ ตปฺปจฺจยสฺส วิการสฺส วิโนทนตฺถํ. อุณฺหสฺสาติ อคฺคิสนฺตาปโต อุปฺปนฺนสฺส อุณฺหสฺส. ฑํสาทโย ปากฏาเยว. ปุน ยาวเทวาติ นิยตปโยชนปริมาณนิยมนํ. นิยตฺหิ ปโยชนํ จีวรปฏิเสวนสฺส หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนํ, อิตรํ กทาจิ กทาจิ. หิริโกปีนนฺติ สมฺพาธฏฺานํ. ยสฺมิฺหิ องฺเค วิวเฏ หิรีกุปฺปติ วินสฺสติ, ตํ หิริยา โกปนโต หิริโกปีนํ, ตสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถํ จีวรํ ปฏิเสวติ.

ปิณฺฑปาตนฺติ ยํ กิฺจิ อาหารํ. โส หิ ปิณฺโฑลฺเยน ภิกฺขนาย ปตฺเต ปตนโต ตตฺถ ตตฺถ ลทฺธภิกฺขาปิณฺฑานํ ปาโต สนฺนิปาโตติ ‘‘ปิณฺฑปาโต’’ติ วุจฺจติ. เนว ทวายาติ น กีฬนาย. น มทายาติ น พลมทมานมทปุริสมทตฺถํ. น มณฺฑนายาติ น องฺคปจฺจงฺคานํ ปีณนภาวตฺถํ. น วิภูสนายาติ น เตสํเยว โสภนตฺถํ, ฉวิสมฺปติอตฺถนฺติ อตฺโถ. อิมานิ จ ปทานิ ยถากฺกมํ โมห-โทส-สณฺาน-วณฺณ-ราคูปนิสฺสย-ปหานตฺถานิ เวทิตพฺพานิ. ปุริมํ วา ทฺวยํ อตฺตโน อตฺตโน สํกิเลสุปฺปตฺตินิเสธนตฺถํ, อิตรํ ปรสฺสปิ. จตฺตาริปิ กามสุขลฺลิกานุโยคสฺส ปหานตฺถํ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. กายสฺสาติ รูปกายสฺส. ิติยา ยาปนายาติ ปพนฺธฏฺิตตฺถฺเจว ปวตฺติยา อวิจฺเฉทนตฺถฺจ จิรกาลฏฺิตตฺถํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส ปวตฺตาปนตฺถํ. วิหึสูปรติยาติ ชิฆจฺฉาทุกฺขสฺส อุปรมณตฺถํ. พฺรหฺมจริยานุคฺคหายาติ สาสนมคฺคพฺรหฺมจริยานํ อนุคฺคหตฺถํ. อิตีติ เอวํ อิมินา อุปาเยน. ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามีติ ปุราณํ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนํ ปฏิหนิสฺสามิ. นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ นวํ ภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ. ตสฺสา หิ อนุปฺปนฺนาย อนุปฺปชฺชนตฺถเมว อาหารํ ปริภุฺชติ. เอตฺถ จ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนา นาม ยถาปวตฺตา ชิฆจฺฉานิมิตฺตา เวทนา. สา หิ อภุฺชนฺตสฺส ภิยฺโย ภิยฺโย ปวฑฺฒนวเสน อุปฺปชฺชติ, ภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนาปิ ขุทานิมิตฺตาว องฺคทาหสูลาทิเวทนา อปฺปวตฺตา. สา หิ ภุตฺตปจฺจยา อนุปฺปนฺนาว น อุปฺปชฺชิสฺสตีติ. วิหึสานิมิตฺตตา เจตาสํ วิหึสาย วิเสโส.

ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ ยาปนา จ เม จตุนฺนํ อิริยาปถานํ ภวิสฺสติ. ยาปนายาติ อิมินา ชีวิตินฺทฺริยยาปนา วุตฺตา, อิธ จตุนฺนํ อิริยาปถานํ อวิจฺเฉทสงฺขาตา ยาปนาติ อยเมตาสํ วิเสโส. อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จาติ อยุตฺตปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภคปริวชฺชเนน อนวชฺชตา, ปริมิตปริโภเคน ผาสุวิหาโร. อสปฺปายาปริมิตโภชนปจฺจยา อรติตนฺทีวิชมฺภิตาวิฺุครหาทิโทสาภาเวน วา อนวชฺชตา, สปฺปายปริมิตโภชนปจฺจยา กายพลสมฺภเวน ผาสุวิหาโร. ยาวทตฺถอุทราวเทหกโภชนปริวชฺชเนน เสยฺยสุขปสฺสสุขมิทฺธสุขาทีนํ อภาวโต อนวชฺชตา, จตุปฺจาโลปมตฺตฺีนโภชเนน จตุอิริยาปถโยคฺยตาปาทนโต ผาสุวิหาโร. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);

เอตฺตาวตา ปโยชนปริคฺคโห, มชฺฌิมา จ ปฏิปทา ทีปิตา โหติ.

เสนาสนนฺติ สยนฺจ อาสนฺจ. ยตฺถ หิ วิหาราทิเก เสติ นิปชฺชติ, อาสติ นิสีทติ, ตํ เสนาสนํ. อุตุปริสฺสยวิโนทนปฏิสลฺลานารามตฺถนฺติ อุตุเยว ปริสหนฏฺเน ปริสฺสโย, สรีราพาธจิตฺตวิกฺเขปกโร, อถ วา ยถาวุตฺโต อุตุ จ สีหพฺยคฺฆาทิปากฏปริสฺสโย จ ราคโทสาทิปฏิจฺฉนฺนปริสฺสโย จ อุตุปริสฺสโย, ตสฺส วิโนทนตฺถฺเจว เอกีภาวสุขตฺถฺจ. อิทฺจ จีวรปฏิเสวเน หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนํ วิย ตสฺส นิยตปโยชนนฺติ ปุน ‘‘ยาวเทวา’’ติ วุตฺตํ.

คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารนฺติ โรคสฺส ปจฺจนีกปฺปวตฺติยา คิลานปจฺจโย, ตโต เอว ภิสกฺกสฺส อนุฺาตวตฺถุตาย เภสชฺชํ, ชีวิตสฺส ปริวารสมฺภารภาเวหิ ปริกฺขาโร จาติ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาโร, ตํ. อุปฺปนฺนานนฺติ ชาตานํ นิพฺพตฺตานํ. เวยฺยาพาธิกานนฺติ พฺยาพาธโต ธาตุกฺโขภโต จ ตนฺนิพฺพตฺตโรคโต จ ชาตานํ. เวทนานนฺติ ทุกฺขเวทนานํ. อพฺยาพชฺฌปรมตายาติ นิทฺทุกฺขปรมภาวาย ปฏิเสวามีติ โยชนา. เอวเมตฺถ สงฺเขเปเนว ปาฬิวณฺณนา เวทิตพฺพา. นวเวทนุปฺปาทนโตปีติ น เกวลํ อายตึ เอว วิปากปริฬาหา, อถ โข อติโภชนปจฺจยา อลํสาฏกาทีนํ วิย นวเวทนุปฺปาทนโตปิ เวทิตพฺพาติ อตฺโถ.

ปฏิเสวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.

อธิวาสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา

๒๔. ขโมติ ขมนโก. กมฺมฏฺานิกสฺส จลนํ นาม กมฺมฏฺานปริจฺจาโคติ อาห ‘‘จลติ กมฺปติ กมฺมฏฺานํ วิชหตี’’ติ. อธิมตฺตมฺปิ อุณฺหํ สหติ, สหนฺโต จ น นคฺคสมณาทโย วิย สหติ, อถ โข กมฺมฏฺานาวิชหเนนาติ อาห ‘‘สฺเวว เถโร วิยา’’ติ. พหิจงฺกเมติ เลณโต พหิ จงฺกเม. อุณฺหภเยเนวาติ นรกคฺคิอุณฺหภเยเนว. เตนาห ‘‘อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา’’ติ, ตมฺปิ ‘‘มยา อเนกกฺขตฺตุํ อนุภูตํ, อิทํ ปน ตโต มุทุตร’’นฺติ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ าเน. อคฺคิสนฺตาโปว เวทิตพฺโพ สูริยสนฺตาปสฺส ปรโต วุจฺจมานตฺตา.

ปริสุทฺธสีโลหมสฺมีติ สพฺพถาปิ ‘‘วิสุทฺธสีโลหมสฺมี’’ติ มรณํ อคฺคเหตฺวา อวิปฺปฏิสารมูลิกํ ปีตึ อุปฺปาเทสิ. สห ปีตุปฺปาทาติ ผรณปีติยา อุปฺปาเทน สเหว. วิสํ นิวตฺติตฺวาติ ปีติเวเคน อชฺโฌตฺถตํ ทฏฺมุเขเนว ภสฺสิตฺวา. ตตฺเถวาติ สปฺเปน ทฏฺฏฺาเนเยว. จิตฺเตกคฺคตํ ลภิตฺวาติ ‘‘ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๖๖; ๓.๓๕๙; สํ. นิ. ๕.๓๗๖; อ. นิ. ๓.๙๖; ๑๑.๑๒) นเยน สมาธานํ ปาปุณิตฺวา.

ปจฺจเยสุ สนฺโตโส ภาวนาย จ อารมิตพฺพฏฺานตาย อาราโม อสฺสาติ ปจฺจยสนฺโตสภาวนาราโม, ตสฺส ภาโว ปจฺจย…เป… รามตา, ตาย. มหาเถโรติ วุฑฺฒตโร เถโร. วจนเมว ตทตฺถํ าเปตุกามานํ ปโถติ วจนปโถ.

อสุขฏฺเน วา ติพฺพา. ยฺหิ น สุขํ, ตํ อนิฏฺํ ‘‘ติพฺพ’’นฺติ วุจฺจติ. เอวํสภาโวติ ‘‘อธิวาสนชาติโย’’ติ ปทสฺส อตฺถมาห. มุหุตฺเตน ขเณว วาเต หทยํ ผาเลตุํ อารทฺเธเยว. อนาคามี หุตฺวา ปรินิพฺพายีติ อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายิ.

เอวํ สพฺพตฺถาติ ‘‘อุณฺเหน ผุฏฺสฺส สีตํ ปตฺถยโต’’ติอาทินา สพฺพตฺถ อุณฺหาทินิมิตฺตํ กามาสวุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา, สีตํ วา อุณฺหํ วา อนิฏฺนฺติ อธิปฺปาโย. อตฺตคฺคาเห สติ อตฺตนิยคฺคาโหติ อาห ‘‘มยฺหํ สีตํ อุณฺหนฺติ คาโห ทิฏฺาสโว’’ติ. สีตาทิเก อุปคเต สหนฺตี ขมนฺตี เต อตฺตโน อุปริ วาเสนฺตี วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อาโรเปตฺวา วาเสติเยวา’’ติ. น นิรสฺสตีติ น วิธุนติ. โย หิ สีตาทิเก น สหติ, โส เต นิรสฺสนฺโต วิธุนนฺโต วิย โหตีติ.

อธิวาสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.

ปริวชฺชนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา

๒๕. อหํ สมโณติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๖.๕๘) ‘‘อหํ สมโณ, กึ มม ชีวิเตน วา มรเณน วา’’ติ เอวํ อจินฺเตตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ คามปฺปเทสํ ปโยชนาทิฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. ปฏิกฺกมตีติ หตฺถิอาทีนํ สมีปคมนโต อปกฺกมติ. กณฺฏกา ยตฺถ ติฏฺนฺติ, ตํ กณฺฏกฏฺานํ. อมนุสฺสทุฏฺานีติ อมนุสฺสสฺจาเรน ทูสิตานิ, สปริสฺสยานีติ อตฺโถ. สมานนฺติ สมํ, อวิสมนฺติ อตฺโถ. อกาสิ วา ตาทิสํ อนาจารํ.

สีลสํวรสงฺขาเตนาติ ‘‘กถํ ปริวชฺชนํ สีล’’นฺติ ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อปิจ ‘‘จณฺฑํ หตฺถึ ปริวชฺเชตี’’ติ วจนโต หตฺถิอาทิปริวชฺชนมฺปิ ภควโต วจนานุฏฺานนฺติ กตฺวา อาจารสีลเมวาติ เวทิตพฺพํ.

ปริวชฺชนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.

วิโนทนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา

๒๖. อิติปีติ อิมินา การเณน, อโยนิโสมนสิการสมุฏฺิตตฺตาปิ โลภาทิสหคตตฺตาปิ กุสลปฏิปกฺขโตปีติอาทีหิ การเณหิ อยํ วิตกฺโก อกุสโลติ อตฺโถ. อิมินา นเยน สาวชฺโชติอาทีสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ อกุสโลติอาทินา ทิฏฺธมฺมิกํ กามวิตกฺกสฺส อาทีนวํ ทสฺเสติ, ทุกฺขวิปาโกติ อิมินา สมฺปรายิกํ. อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตีติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อาทีนววิภาวนา เวทิตพฺพา. อุปฺปนฺนสฺส กามวิตกฺกสฺส อนธิวาสนํ นาม ปุน ตาทิสสฺส อนุปฺปาทนํ, ตํ ปนสฺส ปหานํ วิโนทนํ พฺยนฺติกรณํ อนภาวคมนนฺติ จ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ปาฬิยํ ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปชหตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนธิวาเสนฺโต กึ กโรตีติ ปชหตี’’ติอาทิมาห. ปหานฺเจตฺถ วิกฺขมฺภนเมว, น สมุจฺเฉโทติ ทสฺเสตุํ ‘‘วิโนเทตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ วิกฺขมฺภนวเสเนว อตฺโถ ทสฺสิโต.

กามวิตกฺโกติ สมฺปโยคโต อารมฺมณโต จ กามสหคโต วิตกฺโก. เตนาห ‘‘กามปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก’’ติอาทิ. กามปฏิสํยุตฺโตติ หิ กามราคสงฺขาเตน กาเมน สมฺปยุตฺโต วตฺถุกามสงฺขาเตน ปฏิพทฺโธ จ. อุปฺปนฺนุปฺปนฺเนติ เตสํ ปาปวิตกฺกานํ อุปฺปาทาวตฺถาคหณํ วา กตํ สิยา อนวเสสคฺคหณํ วา. เตสุ ปมํ สนฺธายาห ‘‘อุปนฺนมตฺเต’’ติ, สมฺปติชาเตติ อตฺโถ. อนวเสสคฺคหณํ พฺยาปนิจฺฉาย โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สตกฺขตฺตุมฺปิ อุปฺปนฺเน’’ติ วุตฺตํ. าติวิตกฺโกติ ‘‘อมฺหากํ าตโย สุขชีวิโน สมฺปตฺติยุตฺตา’’ติอาทินา เคหสฺสิตเปมวเสน าตเก อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตกฺโก. ชนปทวิตกฺโกติ ‘‘อมฺหากํ ชนปโท สุภิกฺโข สมฺปนฺนสสฺโส รมณีโย’’ติอาทินา เคหสฺสิตเปมวเสเนว ชนปทํ อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตกฺโก. อุกฺกุฏิกปฺปธานาทีหิ ทุกฺเข นิชฺชิณฺเณ สมฺปราเย อตฺตา สุขี โหติ อมโรติ ทุกฺกรการิกาย ปฏิสํยุตฺโต อมรตฺถาย วิตกฺโก, ตํ วา อารพฺภ อมราวิกฺเขปทิฏฺิสหคโต อมโร จ โส วิตกฺโก จาติ อมรวิตกฺโก. ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺโตติ ปเรสุ อุปฏฺากาทีสุ สหนนฺทิกาทิวเสน ปวตฺโต อนุทฺทยตาปติรูปโก เคหสฺสิตเปเมน ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก. ลาภสกฺการสิโลกปฏิสํยุตฺโตติ จีวราทิลาเภน เจว สกฺกาเรน จ กิตฺติสทฺเทน จ อารมฺมณกรณวเสน ปฏิสํยุตฺโต. อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโตติ ‘‘อโห วต มํ ปเร น อวชาเนยฺยุํ, น เหฏฺา กตฺวา มฺเยฺยุํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กเรยฺยุ’’นฺติ อุปฺปนฺนวิตกฺโก.

กามวิตกฺโก กามสงฺกปฺปนสภาวตฺตา กามสงฺกปฺปปวตฺติยา สาติสยตฺตา จ กามนากาโรติ อาห ‘‘กามวิตกฺโก ปเนตฺถ กามาสโว’’ติ. ตพฺพิเสโสติ กามาสววิเสโส, ราคสหวุตฺตีติ อธิปฺปาโย. กามวิตกฺกาทิเก วิโนเทติ อตฺตโน สนฺตานโต นีหรติ เอเตนาติ วิโนทนํ, วีริยนฺติ อาห ‘‘วีริยสํวรสงฺขาเตน วิโนทเนนา’’ติ.

วิโนทนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.

ภาวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา

๒๗. ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวิตา พหุลีกตา วิชฺชาวิมุตฺติโย ปริปูเรนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๘๗) วจนโต วิชฺชาวิมุตฺตีนํ อนธิคโม ตโต จ สกลวฏฺฏทุกฺขานติวตฺติ อภาวนาย อาทีนโว, วุตฺตวิปริยาเยน ภควโต โอรสปุตฺตภาวาทิวเสน จ ภาวนาย อานิสํโส เวทิตพฺโพ. อุปริมคฺคตฺตยสมยสมฺภูตาติ ทุติยาทิมคฺคกฺขเณ ชาตา, ภาวนาธิการโต ทุติยมคฺคาทิปริยาปนฺนาติ อตฺโถ. นนุ จ เต โลกุตฺตรา เอว, กสฺมา วิเสสนํ กตนฺติ? นยิทํ วิเสสนํ, วิเสสิตพฺพํ ปเนตํ, โลกุตฺตรโพชฺฌงฺคา เอว อธิปฺเปตา, เต จ โข อุปริมคฺคตฺตยสมยสมฺภูตาติ. โพชฺฌงฺเคสุ อสมฺโมหตฺถนฺติ วิปสฺสนาฌานมคฺคผลโพชฺฌงฺเคสุ สมฺโมหาภาวตฺถํ. มิสฺสกนเยน หิ โพชฺฌงฺเคสุ วุจฺจมาเนสุ ตทงฺคาทิวิเวกทสฺสนวเสน วิปสฺสนาโพชฺฌงฺคาทโย วิภชิตฺวา วุจฺจนฺติ, น นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรโพชฺฌงฺคา เอวาติ โพชฺฌงฺเคสุ สมฺโมโห น โหติ โพชฺฌงฺคภาวนาปฏิปตฺติยา จ สมฺมเทว ปกาสิตตฺตา. อิธ ปนาติ อิมสฺมึ สุตฺเต, อิมสฺมึ วา อธิกาเร. โลกุตฺตรนโย เอว คเหตพฺโพ ภาวนามคฺคสฺส อธิกตตฺตา.

อาทิปทานนฺติ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๔๑๘) ‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺค’’นฺติ เอวมาทีนํ ตสฺมึ ตสฺมึ วากฺเย อาทิภูตานํ ปทานํ. อตฺถโตติ วิเสสวเสน สามฺวเสน จ ปทตฺถโต. ลกฺขณาทีหีติ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานโต. กมโตติ อนุปุพฺพิโต. อนูนาธิกโตติ ตาวตฺตกโต. วิภาวินาติ วิฺุนา.

สติสมฺโพชฺฌงฺเคติ สติสมฺโพชฺฌงฺคปเท. สรณฏฺเนาติ อนุสฺสรณฏฺเน. จิรกตาทิเภทํ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา านํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฏฺานํ. อุทเก อลาพุ วิย ปิลวิตฺวา คนฺตุํ อทตฺวา ปาสาณสฺส วิย นิจฺจลสฺส อารมฺมณสฺส ปนํ สารณํ อสมฺมุฏฺตากรณํ อปิลาปนํ. วุตฺตมฺปิ เหตํ มิลินฺทปฺเห. ภณฺฑาคาริโกติ ภณฺฑโคปโก. อปิลาเป กโรติ อปิลาเปติ. เถเรนาติ นาคเสนตฺเถเรน. สมฺโมสปจฺจนีกํ กิจฺจํ อสมฺโมโส, น สมฺโมสาภาวมตฺตํ. โคจราภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานาติ กายาทิอารมฺมณาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา.

โพธิยา ธมฺมสามคฺคิยา, องฺโค อวยโว, โพธิสฺส วา อริยสาวกสฺส องฺโค การณํ. ปติฏฺานายูหนา โอฆตรณสุตฺตวณฺณนายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑) –

‘‘กิเลสวเสน ปติฏฺานํ, อภิสงฺขารวเสน อายูหนา. ตณฺหาทิฏฺีหิ ปติฏฺานํ, อวเสสกิเลสาภิสงฺขาเรหิ อายูหนา. ตณฺหาวเสน ปติฏฺานํ, ทิฏฺิวเสน อายูหนา. สสฺสตทิฏฺิยา ปติฏฺานํ, อุจฺเฉททิฏฺิยา อายูหนา. ลีนวเสน ปติฏฺานํ, อุทฺธจฺจวเสน อายูหนา. กามสุขานุโยควเสน ปติฏฺานํ, อตฺตกิลมถานุโยควเสน อายูหนา. สพฺพากุสลาภิสงฺขารวเสน ปติฏฺานํ, สพฺพโลกิยกุสลาภิสงฺขารวเสน อายูหนา’’ติ –

วุตฺเตสุ ปกาเรสุ อิธ อวุตฺตานํ วเสน เวทิตพฺพา. ยา หิ อยํ โพธีติ วุจฺจตีติ โยเชตพฺพํ. ‘‘พุชฺฌตี’’ติ ปทสฺส ปฏิพุชฺฌตีติ อตฺโถติ อาห ‘‘กิเลสสนฺตานนิทฺทาย อุฏฺหตี’’ติ. ตํ ปน ปฏิพุชฺฌนํ อตฺถโต จตุนฺนํ สจฺจานํ ปฏิเวโธ, นิพฺพานสฺเสว วา สจฺฉิกิริยาติ อาห ‘‘จตฺตารี’’ติอาทิ. ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิยาติ ยถา องฺคานิ เอว ฌานมคฺคา, น องฺควินิมุตฺตา, เอวมิธาปีติ อตฺโถ. เสนงฺครถงฺคาทโย วิยาติ เอเตน ปุคฺคลปฺตฺติยา อวิชฺชมานปฺตฺติภาวํ ทสฺเสติ.

โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคาติ อิทํ การณตฺโถ องฺค-สทฺโทติ กตฺวา วุตฺตํ. พุชฺฌนฺตีติ โพธิโย, โพธิโย เอว องฺคาติ โพชฺฌงฺคาติ วุตฺตํ ‘‘พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติ. อนุพุชฺฌนฺตีติ วิปสฺสนาทีนํ การณานํ พุชฺฌิตพฺพานฺจ สจฺจานํ อนุรูปํ พุชฺฌนฺติ. ปฏิพุชฺฌนฺตีติ กิเลสนิทฺทาย อุฏฺหนโต ปจฺจกฺขภาเวน วา ปฏิมุขํ พุชฺฌนฺติ. สมฺพุชฺฌนฺตีติ อวิปรีตภาเวน สมฺมา จ พุชฺฌนฺติ. เอวํ อุปสคฺคานํ อตฺถวิเสสทีปนตา ทฏฺพฺพา. โพธิ-สทฺโท หิ สพฺพวิเสสยุตฺตํ พุชฺฌนํ สามฺเน คเหตฺวา ิโต.

วิจินาตีติ ‘‘ตยิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา วีมํสติ. โอภาสนํ ธมฺมานํ ยถาภูตสภาวปฏิจฺฉาทกสฺส สมฺโมหสฺส วิทฺธํสนํ ยถา อาโลโก อนฺธการสฺส. ยสฺมึ ธมฺเม สติ วีโร นาม โหติ, โส ธมฺโม วีรภาโว. อีรยิตพฺพโตติ ปวตฺเตตพฺพโต. โกสชฺชปกฺขโต ปติตุํ อปฺปทานวเสน สมฺปยุตฺตานํ ปคฺคณฺหนํ ปคฺคโห. อุปตฺถมฺภนํ อนุพลปฺปทานํ. โอสีทนํ ลยาปตฺติ, ตปฺปฏิปกฺขโต อโนสีทนํ ทฏฺพฺพํ. ปีณยตีติ ตปฺเปติ วฑฺเฒติ วา. ผรณํ ปณีตรูเปหิ กายสฺส พฺยาปนํ. ตุฏฺิ นาม ปีติ. อุทคฺคภาโว โอทคฺยํ, กายจิตฺตานํ อุกฺขิปนนฺติ อตฺโถ. กายจิตฺตทรถปสฺสมฺภนโตติ กายทรถสฺส จิตฺตทรถสฺส จ ปสฺสมฺภนโต วูปสมนโต. กาโยติ เจตฺถ เวทนาทโย ตโย ขนฺธา. ทรโถ สารมฺโภ, ทุกฺขโทมนสฺสปจฺจยานํ อุทฺธจฺจาทิกิเลสานํ, ตปฺปธานานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานํ อธิวจนํ. อุทฺธจฺจาทิกิเลสปฏิปกฺขภาโว ทฏฺพฺโพ, เอวฺเจตฺถ ปสฺสทฺธิยา อปริปฺผนฺทนสีติภาโว ทฏฺพฺโพ อสารทฺธภาวโต. เตนาห ภควา ‘‘ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๒).

สมาธานโตติ สมฺมา จิตฺตสฺส อาธานโต ปนโต. อวิกฺเขโป สมฺปยุตฺตานํ อวิกฺขิตฺตตา, เยน สสมฺปยุตฺตา ธมฺมา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส ธมฺโม อวิกฺเขโปติ. อวิสาโร อตฺตโน เอว อวิสรณสภาโว. สมฺปิณฺฑนํ สมฺปยุตฺตานํ อวิปฺปกิณฺณภาวาปาทนํ นฺหานียจุณฺณานํ อุทกํ วิย. จิตฺตฏฺิติปจฺจุปฏฺาโนติ ‘‘จิตฺตสฺส ิตี’’ติ (ธ. ส. ๑๑) วจนโต จิตฺตสฺส ปพนฺธิติปจฺจุปฏฺาโน. อชฺฌุเปกฺขนโตติ อุทาสีนภาวโต. สาติ โพชฺฌงฺคอุเปกฺขา. สมปฺปวตฺเต ธมฺเม ปฏิสฺจิกฺขติ อุปปตฺติโต อิกฺขติ ตทาการา หุตฺวา ปวตฺตตีติ ปฏิสงฺขานลกฺขณา, เอวฺจ กตฺวา ‘‘ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา คหเณ มชฺฌตฺตตา’’ติ อุเปกฺขากิจฺจาธิมตฺตตาย สงฺขารุเปกฺขา วุตฺตา. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ยถาสกกิจฺจกรณวเสน สมํ ปวตฺตนปจฺจยตา สมวาหิตา. อลีนานุทฺธตปฺปวตฺติปจฺจยตา อูนาธิกตานิวารณํ. สมฺปยุตฺตานํ อสมปฺปวตฺติเหตุกปกฺขปาตํ อุปจฺฉินฺทนฺตี วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปกฺขปาตุปจฺเฉทรสา’’ติ. อชฺฌุเปกฺขนเมว มชฺฌตฺตภาโว.

สพฺพสฺมึ ลีนปกฺเข อุทฺธจฺจปกฺเข จ อตฺถิกา ปตฺถนียา อิจฺฉิตพฺพาติ สพฺพตฺถิกา, ตํ สพฺพตฺถิกํ. สมานกฺขณปวตฺตีสุ สตฺตสุปิ สมฺโพชฺฌงฺเคสุ วาจาย กมปฺปวตฺติโต ปฏิปาฏิยา วตฺตพฺเพสุ ยํ กิฺจิ ปมํ อวตฺวา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺเสว ปมํ วจนสฺส การณํ สพฺเพสํ อุปการกตฺตนฺติ วุตฺตํ ‘‘สพฺเพส’’นฺติอาทิ. สพฺเพสนฺติ จ ลีนุทฺธจฺจปกฺขิกานํ, อฺถา สพฺเพปิ สพฺเพสํ ปจฺจยาติ.

‘‘กสฺมา สตฺเตว โพชฺฌงฺคา วุตฺตา’’ติ โจทโก สทฺธาโลภาทีนมฺปิ โพชฺฌงฺคภาวํ อาสงฺกติ, อิตโร สติอาทีนํเยว ภาวนาย อุปการตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ลีนุทฺธจฺจปฏิปกฺขโต สพฺพตฺถิกโต จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ลีนสฺสาติ อติสิถิลวีริยตาทีหิ ภาวนาวีถึ อโนตริตฺวา สํกุฏิตสฺส จิตฺตสฺส. ตทา หิ ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคา น ภาเวตพฺพา. ตฺหิ เอเตหิ อลฺลติณาทีหิ วิย ปริตฺโต อคฺคิ ทุสฺสมุฏฺาปิยํ โหตีติ. เตนาห ภควา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อุชฺชาเลตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ อลฺลานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺยา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). ธมฺมวิจยวีริยปีติสมฺโพชฺฌงฺคา ปน ภาเวตพฺพา, สุกฺขติณาทีหิ วิย ปริตฺโต อคฺคิ ลีนํ จิตฺตํ เอเตหิ สุสมุฏฺาปิยํ โหตีติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมิฺจ โข’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถาสกํ อาหารวเสน ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา…เป… ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย…เป… สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒). ตตฺถ สภาวสามฺลกฺขณปฏิเวธวเสน ปวตฺตมนสิกาโร…เป… ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ภาเวติ นาม.

อุทฺธจฺจสฺสาติ จิตฺตสฺส อจฺจารทฺธวีริยตาทีหิ สีติภาวปติฏฺิตภาวํ อโนติณฺณตาย, ตทา ธมฺมวิจยวีริยปีติสมฺโพชฺฌงฺคา น ภาเวตพฺพา. ตฺหิ เอเตหิ สุกฺขติณาทีหิ วิย อคฺคิกฺขนฺโธ ทุวูปสมยํ โหติ. เตนาห ภควา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺยา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคา ปน ภาเวตพฺพา, อลฺลติณาทีหิ วิย อคฺคิกฺขนฺโธ อุทฺธตํ จิตฺตํ เอเตหิ สุวูปสมยํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมิฺจ โข’’ติอาทิ. เอตฺถาปิ ยถาสกํ อาหารวเสน ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กายปสฺสทฺธิ จิตฺตปสฺสทฺธิ…เป… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒). ตตฺถ ยถาสฺส ปสฺสทฺธิอาทโย อุปฺปนฺนปุพฺพา, ตํ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา เตสํ อุปฺปาทนวเสน ตถา มนสิกโรนฺโตว ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ภาเวติ นาม. สติสมฺโพชฺฌงฺโค ปน สพฺพตฺถ พหูปกาโร. โส หิ จิตฺตํ ลีนปกฺขิกานํ ปสฺสทฺธิอาทีนํ วเสน ลยาปตฺติโต, อุทฺธจฺจปกฺขิกานฺจ ธมฺมวิจยาทีนํ วเสน อุทฺธจฺจปาตโต รกฺขติ, ตสฺมา โส โลณธูปนํ วิย สพฺพพฺยฺชเนสุ สพฺพกมฺมิกอมจฺโจ วิย จ ราชกิจฺเจสุ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺโพ. เตนาห ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔).

ตฺวา าตพฺพาติ (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๒๙) สมฺพนฺโธ. วฑฺฒิ นาม เวปุลฺลํ ภิยฺโยภาโว ปุนปฺปุนํ อุปฺปาโท เอวาติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ ชเนตี’’ติ. อภิวุทฺธึ ปาเปนฺโต นิพฺพตฺเตติ. วิวิตฺตตาติ วิวิตฺตภาโว. โย หิ วิเวจนียโต วิวิจฺจติ, ยํ วิวิจฺจิตฺวา ิตํ, ตทุภยํ อิธ วิวิตฺตภาวสามฺเน ‘‘วิวิตฺตตา’’ติ วุตฺตํ. เตสุ ปุริโม วิเวจนียโต วิวิจฺจมานตาย วิเวกสงฺขาตาย วิวิจฺจนกิริยาย สมงฺคี ธมฺมสมูโห ตาย เอว วิวิจฺจนกิริยาย วเสน วิเวโกติ คหิโต. อิตโร สพฺพโส ตโต ตโต วิวิตฺตสภาวตาย. ตตฺถ ยสฺมึ ธมฺมปุฺเช สติสมฺโพชฺฌงฺโค วิวิจฺจนกิริยาย ปวตฺตติ, ตํ ยถาวุตฺตาย วิวิจฺจมานตาย วิเวกสงฺขาตํ นิสฺสาเยว ปวตฺตติ, อิตรํ ปน ตนฺนินฺนตาตทารมฺมณตาหีติ วุตฺตํ ‘‘วิเวเก นิสฺสิต’’นฺติ. ยถา วา วิเวกวเสน ปวตฺตํ ฌานํ ‘‘วิเวกช’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ วิเวกวเสน ปวตฺโต โพชฺฌงฺโค ‘‘วิเวกนิสฺสิโต’’ติ ทฏฺพฺโพ. นิสฺสยฏฺโ จ วิปสฺสนามคฺคานํ วเสน มคฺคผลานํ เวทิตพฺโพ. อสติปิ ปุพฺพาปรภาเว ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทา’’ติ เอตฺถ ปจฺจยานํ สมุปฺปาทนํ วิย อภินฺนธมฺมาธารา นิสฺสยนภาวนา สมฺภวนฺตีติ. อยเมวาติ วิเวโก เอว. วิเวโก หิ ปหานวินยวิราคนิโรธา จ สมานตฺถา.

ตทงฺคสมุจฺเฉทนิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตตํ วตฺวา ปฏิปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตตาย อวจนํ ‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตี’’ติอาทินา ภาเวตพฺพานํ โพชฺฌงฺคานํ อิธ วุตฺตตฺตา. ภาวิตพฺโพชฺฌงฺคสฺส หิ เย สจฺฉิกาตพฺพา ผลโพชฺฌงฺคา, เตสํ กิจฺจํ ปฏิปสฺสทฺธิวิเวโก. อชฺฌาสยโตติ ‘‘นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสามี’’ติ มหนฺตอชฺฌาสยโต. ยทิปิ วิปสฺสนากฺขเณ สงฺขารารมฺมณํ จิตฺตํ, สงฺขาเรสุ ปน อาทีนวํ สุฏฺุ ทิสฺวา ตปฺปฏิปกฺเข นิพฺพาเน อธิมุตฺตตาย อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตตา ทาหาภิภูตสฺส ปุคฺคลสฺส สีตนินฺนจิตตฺตา วิย. น ปฏิสิทฺธา วิปสฺสนาปาทเกสุ กสิณารมฺมณาทิฌาเนสุ สติอาทีนํ นิพฺเพธภาคิยตฺตา. อนุทฺธรนฺตา ปน วิปสฺสนา วิย โพธิยา มคฺคสฺส อาสนฺนการณํ ฌานํ น โหติ, นาปิ ตถา เอกนฺติกํ การณํ, น จ วิปสฺสนากิจฺจสฺส วิย ฌานกิจฺจสฺส นิฏฺานํ มคฺโคติ กตฺวา น อุทฺธรนฺติ. เอตฺถ จ กสิณคฺคหเณน ตทายตฺตานิ อารุปฺปานิปิ คหิตานีติ ทฏฺพฺพานิ. ตานิปิ หิ วิปสฺสนาปาทกานิ นิพฺเพธภาคิยานิ จ โหนฺตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ ตนฺนินฺนภาวสพฺภาวโต. ยทคฺเคน หิ นิพฺพานนินฺนตา, ตทคฺเคน ผลนินฺนตาปิ สิยา. ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) อาทิวจนมฺเปตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ.

โวสฺสคฺค-สทฺโท ปริจฺจาคตฺโถ ปกฺขนฺทนตฺโถ จาติ โวสฺสคฺคสฺส ทุวิธตา วุตฺตา. โวสฺสชฺชนฺหิ ปหานํ, วิสฺสฏฺภาเวน นิราสงฺกปวติ จ, ตสฺมา วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺควเสน, มคฺคกฺขเณ สมุจฺเฉทวเสน ปฏิปกฺขสฺส ปหานํ โวสฺสคฺโค, ตถา วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ อารมฺมณกรเณน วิสฺสฏฺสภาวโต โวสฺสคฺโคติ เวทิตพฺพํ. ยถาวุตฺเตน ปกาเรนาติ ตทงฺคสมุจฺเฉทปกาเรน ตนฺนินฺนตทารมฺมณกรณปกาเรน จ. ปุพฺเพ โวสฺสคฺค-ปทสฺเสว อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา อาห ‘‘สกเลน วจเนนา’’ติ. ปริณมนฺตํ วิปสฺสนากฺขเณ, ปริณตํ มคฺคกฺขเณ. ปริณาโม นาม ปริปาโกติ อาห ‘‘ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกฺจา’’ติ. ปริปาโก จ อาเสวนลาเภน อาหิตสามตฺถิยสฺส กิเลสสฺส ปริจฺจชิตุํ นิพฺพานฺจ ปกฺขนฺทิตุํ ติกฺขวิสทสภาโว. เตนาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ. เอส นโยติ ยฺวายํ ‘‘ตทงฺควิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา สติสมฺโพชฺฌงฺเค วุตฺโต, เสเสสุ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทีสุปิ เอส นโยติ เอวํ ตตฺถ เนตพฺพนฺติ อตฺโถ.

เอวํ อาทิกมฺมิกานํ โพชฺฌงฺเคสุ อสมฺโมหตฺถํ มิสฺสกนยํ วตฺวา อิทานิ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรโพชฺฌงฺควเสน อตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธ ปนาติ อิมสฺมึ สพฺพาสวสุตฺตนฺเต. มคฺโค เอว โวสฺสคฺควิปริณามี ภาวนามคฺคสฺส อิธ อธิปฺเปตตฺตา. ตฺจ โขติ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ. สมุจฺเฉทโตติ สมุจฺฉินฺทนโต.

ทิฏฺาสวสฺส ปมมคฺควชฺฌตฺตา ‘‘ตโย อาสวา’’ติ วุตฺตํ. เตปิ อนปายคมนียา เอว เวทิตพฺพา อปายคมนียานํ ทสฺสเนเนว ปหีนตฺตา. สติปิ สมฺโพชฺฌงฺคานํ เยภุยฺเยน มคฺคภาเว ตตฺถ ตตฺถ สมฺโพชฺฌงฺคสภาวานํ มคฺคธมฺมานํ วเสน วุตฺตมคฺคตฺตยสมฺปยุตฺตา โพชฺฌงฺคาติ ปจฺเจกโพชฺฌงฺเค ‘‘โพชฺฌงฺคภาวนายา’’ติ อิมินา คณฺหนฺโต ‘‘มคฺคตฺตยสมฺปยุตฺตายา’’ติ อาห.

ภาวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๘. โถเมนฺโตติ อาสวปฺปหานสฺส สุทุกฺกรตฺตา ตาย เอว ทุกฺกรกิริยาย ตํ อภิตฺถวนฺโต. อสฺสาติ ปหีนาสวภิกฺขุโน. อานิสํสนฺติ ตณฺหาจฺเฉทาทิทุกฺขกฺขยปริโยสานํ อุทฺรยํ. เอเตหิ ปหานาทิสํกิตฺตเนหิ. อุสฺสุกฺกํ ชเนนฺโตติ เอวํ ธมฺมสฺสามินาปิ อภิตฺถวนียํ มหานิสํสฺจ อาสวปฺปหานนฺติ ตตฺถ อาทรสหิตํ อุสฺสาหํ อุปฺปาเทนฺโต. ทสฺสเนเนว ปหีนาติ ทสฺสเนน ปหีนา เอว. เตน วุตฺตํ ‘‘น อปฺปหีเนสุเยว ปหีนสฺี’’ติ.

สพฺพ-สทฺเทน อาสวานํ, อาสวสํวรานฺจ สมฺพนฺธวเสน ทุติยปมวิกปฺปานํ เภโท ทฏฺพฺโพ. ทสฺสนาภิสมยาติ ปริฺาภิสมยา ปริฺากิจฺจสิทฺธิยา. เตนาห ‘‘กิจฺจวเสนา’’ติ, อสมฺโมหปฏิเวเธนาติ อตฺโถ. สมุสฺสโย กาโย, อตฺตภาโว วา.

อนวชฺชปีติโสมนสฺสสหิตํ จิตฺตํ ‘‘อตฺตโน’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ อตฺถาวหตฺตา, น ตพฺพิปรีตํ อนตฺถาวหตฺตาติ ปีติสมฺปยุตฺตจิตฺตตํ สนฺธายาห ‘‘อตฺตมนาติ สกมนา’’ติ. เตนาห ‘‘ตุฏฺมนา’’ติ. อตฺตมนาติ วา ปีติโสมนสฺเสหิ คหิตมนา. ยสฺมา ปน เตหิ คหิตตา สมฺปยุตฺตตาว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปีติโสมนสฺเสหิ วา สมฺปยุตฺตมนา’’ติ. ยเทตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยตฺตา จาติ เวทิตพฺพํ.

สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.

๓. ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนา

๒๙. ตสฺมา ตํ ทสฺเสตฺวาติ ยสฺมา สุตฺตนฺตวณฺณนา สุตฺตนิกฺเขปํ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ยสฺมา จสฺส ธมฺมทายาทสุตฺตสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป, ตสฺมา ตํ นิกฺเขปํ ทสฺเสตฺวา, กเถตฺวาติ อตฺโถ. ลาภสกฺกาเรติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๖๓) ลาภสกฺการสงฺขาตาย อฏฺุปฺปตฺติยาติ เกจิ, ลาภสกฺกาเร วา อฏฺุปฺปตฺติยาติ อปเร. ยา หิ ลาภสกฺการนิมิตฺตํ ตทา ภิกฺขูสุ ปจฺจยพาหุลฺลิกตา ชาตา, ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ภควา อิมํ เทเสสีติ. ยมกมหาเมโฆติ เหฏฺาโอลมฺพนอุปริอุคฺคมนวเสน สตปฏโล สหสฺสปฏโล ยุคฬมหาเมโฆ. ติฏฺนฺติ เจว ภควติ กตฺถจิ นิพทฺธวาสํ วสนฺเต, จาริกํ ปน คจฺฉนฺเต อนุพนฺธนฺติ จ. ภิกฺขูนมฺปิ เยภุยฺเยน กปฺปสตสหสฺสํ ตโต ภิยฺโยปิ ปูริตทานปารมิสฺจยตฺตา ตทา มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชีติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสปี’’ติ.

สกฺกโตติ สกฺการปฺปโต. ครุกโตติ ครุการปฺปตฺโต. มานิโตติ พหุมโต มนสา ปิยายิโต จ. ปูชิโตติ มาลาทิปูชาย เจว จตุปจฺจยาภิปูชาย จ ปูชิโต. อปจิโตติ อปจายนปฺปตฺโต. ยสฺส หิ จตฺตาโร ปจฺจเย สกฺกตฺวาปิ อภิสงฺขเต ปณีตปณีเต อุปเนนฺติ, โส สกฺกโต. ยสฺมึ ครุภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา เต เทนฺติ, โส ครุกโต. ยํ มนสา ปิยายนฺติ พหุมฺนฺติ จ, โส พหุมโต. ยสฺส สพฺพเมตํ ปูชาวเสน กโรนฺติ, โส ปูชิโต. ยสฺส อภิวาทนปจฺจุฏฺานฺชลิกมฺมาทิวเสน ปรมนิปจฺจการํ กโรนฺติ, โส อปจิโต. ภควติ ภิกฺขุสงฺเฆ จ โลโก เอวํ ปฏิปนฺโน. เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ. ลาภคฺคยสคฺคปตฺตนฺติ ลาภสฺส จ ยสสฺส จ อคฺคํ อุกฺกํสํ ปตฺตํ.

ปจฺจยา จีวราทโย ครุกาตพฺพา เอเตสนฺติ ปจฺจยครุกา, อามิสจกฺขุกาติ อตฺโถ. ปจฺจเยสุ คิทฺธา คธิตา ปจฺจยานํ พหุลภาวาย ปฏิปนฺนาติ ปจฺจยพาหุลิกา. ภควโตปิ ปากฏา อโหสิ ปกติจาริตฺตวเสนาติ อธิปฺปาโย อฺถา อปากฏสฺเสว อภาวโต. ธมฺมสภาวจินฺตาวเสน ปวตฺตํ สโหตฺตปฺปาณํ ธมฺมสํเวโค, อิธ ปน โส ภิกฺขูนํ ลาภครุตาธมฺมวเสน เวทิตพฺโพ. สมณธมฺมวุตฺตีติ สมณธมฺมกรณํ. สาติ ธมฺมทายาทเทสนา. ปฏิพิมฺพทสฺสนวเสน สพฺพกายสฺส ทสฺสนโยคฺโค อาทาโสติ สพฺพกายิกอาทาโส.

ปิตุ-ทายํ, เตน ทาตพฺพํ, ตโต ลทฺธพฺพํ อรหภาเวน อาทิยนฺตีติ ทายาทา, ปุตฺตา. ตฺจ โลเก อามิสเมว, สาสเน ปน ธมฺโมปีติ ตตฺถ ยํ สาวชฺชํ อนิยฺยานิกฺจ, ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา, ยํ นิยฺยานิกํ อนวชฺชฺจ, ตตฺถ ภิกฺขู นิโยเชนฺโต ภควา อโวจ ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติ. ธมฺมสฺส เม ทายาทาติ มม ธมฺมสฺส โอคาหิโน, ธมฺมภาคภาคิโนติ อตฺโถ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ธมฺมโกฏฺาสสฺเสว สามิโน’’ติ (ม. นิ. อฏฺ.๑.๒๙). นิพฺพตฺติตธมฺโมติ อสํกิเลสิกานุตฺตราทิภาเวน ธมฺมสามฺโต นิทฺธาริตธมฺโม. ปริยาเยติ สภาวโต ปริวตฺเตตฺวา าเปติ เอเตนาติ ปริยาโย, เลโส, เลสการณํ วา. ตทภาวโต นิปฺปริยายธมฺโม มคฺคปฺปตฺติยา อปายปตนาทิโต อจฺจนฺตเมว วารณโต. อิตโร วุตฺตวิปริยายโต ปริยายธมฺโม อจฺจนฺตํ อปายทุกฺขวฏฺฏทุกฺขปาตนโต ปรมฺปราย วารณโต. ยถา หิ โลกิยํ กุสลํ ทานสีลาทิ วิวฏฺฏํ อุทฺทิสฺส นิพฺพตฺติตํ, อยํ ตํ อสมฺปาเทนฺตมฺปิ ตํ สมฺปาปกสฺส ธมฺมสฺส นิพฺพตฺตการณภาวปริยาเยน ปริยายธมฺโม นาม โหติ, เอวํ ตํ วฏฺฏํ อุทฺทิสฺส นิพฺพตฺติตํ, ยํ ตณฺหาทีหิ สวิเสสํ อามสิตพฺพโต อามิสนฺติ โลเก ปากฏํ อจฺฉาทนโภชนาทิ, ตสฺส, ตํสทิสสฺส จ ผลวิเสสสฺส นิมิตฺตภาวปริยาเยน ปริยายามิสนฺติ วุจฺจตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยํ ปนิทํ…เป… อิทํ ปริยายามิสํ นามา’’ติ.

‘‘สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยสฺส ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒, ๓) อาทิวจนโต สาวเกหิ อธิคโตปิ โลกุตฺตรธมฺโม สตฺถุเยวาติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิปฺปริยายธมฺโมปิ ภควโตเยว สนฺตโก’’ติ. สาวกานฺหิ ธมฺมทิฏฺิปจฺจยสฺสปิ โยนิโสมนสิการสฺส วิเสสปจฺจโย ปรโตโฆโส จ ตถาคตาธีโนติ เตหิ ปฏิวิทฺโธปิ ธมฺโม ธมฺมสฺสามิโนเยวาติ วตฺตุํ ยุตฺตํ. เตนาห ‘‘ภควตา หี’’ติอาทิ. ตตฺถ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺสาติ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ ยาว อิมสฺมา พุทฺธุปฺปาทา อสมฺโพธวเสน น อุปฺปนฺนสฺส อริยมคฺคสฺส. อุปฺปาเทตาติ นิพฺพตฺเตตา. ตํ ปเนตํ มคฺคสฺส ภควโต นิพฺพตฺตนํ, น ปจฺเจกพุทฺธานํ วิย สสนฺตาเนเยว, อถ โข ปรสนฺตาเนปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา’’ติ วุตฺตํ. ตยิทํ มคฺคสฺส อุปฺปาทนํ สฺชานนฺจ อตฺถโต ชานนฺเว อสมฺโมหปฏิเวธภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘มคฺคฺู มคฺควิทู’’ติ. อกฺขานํ ปนสฺส สุกุสลภาเวนาติ วุตฺตํ ‘‘มคฺคโกวิโท’’ติ. สตฺถารา ยถาคตํ มคฺคํ อนุคจฺฉนฺตีติ มคฺคานุคา ภควโต เอว ตํ มคฺคํ สุฏฺุ อธิคมนโต. ปจฺฉา ปรโต สมฺมา อนุ อนุ อาคตา ปฏิปนฺนาติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา.

ชานํ ชานาตีติ ชานิตพฺพเมว อภิฺเยฺยาทิเภทํ ชานาติ เอกนฺตหิตปฏิปตฺติโต. ปสฺสํ ปสฺสตีติ ตถา ปสฺสิตพฺพเมว ปสฺสติ. อถ วา ชานํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาเณน ชานิตพฺพํ ชานาติเยว. น หิ ปเทสาเณน ชานิตพฺพํ สพฺพํ เอกนฺตโต ชานาติ. ปสฺสํ ปสฺสตีติ ทิพฺพจกฺขุ ปฺาจกฺขุ ธมฺมจกฺขุ พุทฺธจกฺขุ สมนฺตจกฺขุสงฺขาเตหิ ปฺจหิ จกฺขูหิ ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติเยว. อถ วา ชานํ ชานาตีติ ยถา อฺเ สวิปลฺลาสา กามรูปปริฺาวาทิโน ชานนฺตาปิ วิปลฺลาสวเสน ชานนฺติ, น เอวํ ภควา. ภควา ปน ปหีนวิปลฺลาสตฺตา ชานนฺโต ชานาติเยว, ทิฏฺิทสฺสนสฺส จ อภาวา ปสฺสนฺโต ปสฺสติเยวาติ อตฺโถ. จกฺขุภูโตติ ปฺาจกฺขุมยตฺตา ตสฺส จ ปตฺตตฺตา สตฺเตสุ จ ตทุปฺปาทนโต ทสฺสนปริณายกฏฺเน โลกสฺส จกฺขุ วิย ภูโต. าณภูโตติ เอตสฺส จ เอวเมว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ธมฺมา โพธิปกฺขิยา, พฺรหฺมา มคฺโค, เตหิ อุปฺปนฺนตฺตา, เตสํวา ปตฺตตฺตา อธิคตตฺตา, โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนโต ‘‘ธมฺมภูโต, พฺรหฺมภูโต’’ติ จ เวทิตพฺโพ. วตฺตาติ จตุสจฺจธมฺมํ วทตีติ วตฺตา. จิรํ สจฺจปฺปฏิเวธํ ปวตฺเตนฺโต วทตีติ ปวตฺตา. อตฺถสฺส นินฺเนตาติ ธมฺมตาสงฺขาตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานฺจ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสตา, ปาปยิตา วา. อมตสฺส ทาตาติ อมตํ สจฺฉิกิริยํ สตฺเตสุ อุปฺปาเทนฺโต อมตํ ททาตีติ อมตสฺส ทาตา. โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ตทายตฺตภาวโต ธมฺมสฺสามี.

‘‘ยา จ นิพฺพานสมฺปตฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ;

สุโข วิปาโก ปุฺานํ, อธิปฺปาโย สมิชฺฌติ. (เปฏโก. ๒๓);

นิพฺพานปฏิสํยุตฺโต, สพฺพสมฺปตฺติทายโก’’ติ –

เอวมาทึ ภควโต วจนํ สุตฺวา เอว ภิกฺขู ทานาทิปุฺานํ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสยตํ ชานนฺติ, น อฺถาติ วุตฺตํ ‘‘ปริยายธมฺโมปิ…เป… ปฏิลภตี’’ติ. ‘‘เอทิสํ ปริภุฺจิตพฺพ’’นฺติ กปฺปิยสฺส จ จีวราทิปจฺจยสฺส ภควโต วจเนน วินา ปฏิคฺคโหปิ ภิกฺขูนํ น สมฺภวติ, กุโต ปริโภโคติ อาห ‘‘นิปฺปริยายามิสมฺปี’’ติอาทิ.

ปริยายามิสสฺส ภควโต สนฺตกภาโว ปริยายธมฺมสฺส ตพฺภาเวเนว ทีปิโต. ตเทว สามิภาวํ ทสฺเสนฺโตติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมาติ อตฺตาธีนปฏิลาภปฏิคฺคหตาย อตฺตโน สนฺตกตฺตา จ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ธมฺมามิเส.

ปจฺจยา จีวราทโย ปรมา ปาปุณิตพฺพภาเวน อุตฺตมมริยาทา เอตสฺส น อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อปฺปิจฺฉตาทโย จาติ ปจฺจยปรโม, ลาภครูติ อตฺโถ. ตณฺหุปฺปาเทสูติ ‘‘จีวรเหตุ วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, ปิณฺฑปาตเสนาสนอิติภวาภวเหตุ วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๑; อ. นิ. ๔.๙; อิติวุ. ๑๐๕) เอวํ วุตฺเตสุ จตูสุ ตณฺหุปฺปตฺติโกฏฺาเสสุ. อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิสลฺเลขปวิเวกาทโย อปฺปิจฺฉตาทโย.

ตตฺถาติ ตสฺมึ โอวาเท, เตสุ วา ธมฺมปฏิคฺคาหเกสุ ภิกฺขูสุ. ภวิสฺสติ วา เยสํ ตตฺถาติ โยชนา. อิมสฺมึ ปกฺเข ตตฺถาติ ตสฺมึ โอวาเท อิจฺเจว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อธิปฺปาโย อามิสทายาทตาย อุปฺปชฺชนกอนตฺถานุปฺปาทสฺส ธมฺมทายาทตาย อุปฺปชฺชนกอฏฺุปฺปตฺติยา จ อากงฺขา. เตนาห ‘‘ปสฺสตี’’ติอาทิ. ตตฺถ อามิเส อุปกฺขลิตานนฺติ อามิสเหตุ วิปฺปฏิปนฺนานํ. อตีตกาเลติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล. กปิลสฺส ภิกฺขุโน วตฺถุ กปิลสุตฺเตน, ‘‘สงฺฆาฏิปิอาทิตฺตา โหตี’’ติอาทินา ลกฺขณสุตฺเตน (สํ. นิ. ๒.๒๑๘) จ วิภาเวตพฺพํ. อามิสครุโก อปฺปคฺฆภาเวน กูฏกหาปโณ วิย นิตฺเตโช สมณเตเชน อนุชฺชลโต นิพฺพุตงฺคาโร วิย นิปฺปโภ จ โหตีติ โยชนา. ตโตติ ปจฺจยครุกภาวโต. วิวตฺติตจิตฺโตติ วินิวตฺติตมานโส, สลฺเลขวุตฺตีติ อตฺโถ.

ธมฺมทายาทาติ เอตฺตาวตา อนฺโตคธาวธารณํ วจนนฺติ เตน อวธารเณน นิวตฺติตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘มา อามิสทายาทา’’ติ ปฏิกฺเขโป ทสฺสิโต. ตเถว จ วิภาเวตุํ อธิปฺปายานิสํสวิภาวเนสุปิ ทสฺสิโต, ตถา อาทีนววิภาวเนน ธมฺมทายาทตาปฏิกฺเขโป. อปทิสิตพฺพาติ เหฏฺา กตฺวา วตฺตพฺพาติ. อาทิยาติ เอตฺถ ยสฺมา อา-กาโร มริยาทตฺโถ, ตสฺมา ธมฺมทายาทตาวิธุเรน อามิสทายาทภาเวน เหตุภูเตน, กรณภูเตน วา อาทิยํ วิเวจนํ วิฺูหิ วิสุํ กรณํ ววตฺถานสฺส โหตีติ อาห ‘‘วิสุํ กาตพฺพา’’ติ. เตนาห ‘‘วิฺูหิ คารยฺหา ภเวยฺยาถาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.

‘‘อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา…เป… โน อามิสทายาทา’’ติ ภิกฺขูสุ อตฺตโน กรุณายนากิตฺตนํ เตสํ มุทุกรณํ, ‘‘อหมฺปิ เตนา’’ติอาทิ ปน ตโตปิ สวิเสสํ มุทุกรณนฺติ อาห ‘‘อตีว มุทุกรณตฺถ’’นฺติ.

นาฬกปฏิปทาทโย นาฬกสุตฺตาทีสุ (สุ. นิ. ๖๘๔-๗๒๘) อาคตปฏิปตฺติโย. ตา ปน ยสฺมา นาฬกตฺเถราทีหิ ปฏิปนฺนา ปรมสลฺเลขวุตฺติภูตา อติอุกฺกฏฺปฏิปตฺติโย, ตสฺมา อิธ ธมฺมทายาทปฏิปทาย อุทาหรณภาเวน อุทฺธฏา. สกฺขิภูตาติ ตาย ปฏิปตฺติยา วุจฺจมานาย ‘‘กึ เม วินา ปฏิปชฺชนโก อตฺถี’’ติ อสทฺทหนฺตานํ ปจฺจกฺขกรเณน สกฺขิภูตา. อิมสฺมินฺติ ‘‘ตุมฺเห จ เม ภิกฺขเว ธมฺมทายาทา’’ติอาทิเก วากฺเย. เสสนฺติ ‘‘ตุมฺเห จ เม’’ติอาทิกํ สุกฺกปกฺเข อาคตํ ปาฬิปทํ. วุตฺตนยปจฺจนีเกนาติ ‘‘เตน ธมฺมทายาทภาเวน โน อามิสทายาทภาเวนา’’ติ เอวํ กณฺหปกฺเข วุตฺตนยสฺส ปฏิปกฺเขน.

๓๐. โถมนํ สุตฺวาติ ปฏิปชฺชนกสฺส ปุคฺคลสฺส ปสํสนํ สุตฺวา ยถา ตํ สปริสสฺส อายสฺมโต อุปเสนสฺส ปฏิปตฺติยา สีลโถมนํ สุตฺวา. นิปาตปทนฺติ อิมินา อิธ-สทฺทสฺส อนตฺถกตมาห. ปวาริโตติ ปฏิกฺเขปิโต. โย หิ ภุฺชนฺโต โภชเนน ติตฺโต ปริเวสเกน อุปนีตโภชนํ ปฏิกฺขิปติ, โส เตน ปวาริเตน ปฏิกฺเขปิโต นาม โหติ. เตนาห ‘‘ปวาริโตติ…เป… วุตฺตํ โหตี’’ติ. ปกาเรหิ ทิฏฺาทีหิ วาเรติ สงฺฆาทิเก ยาจาเปติ ภตฺเต กโรติ เอตายาติ ปวารณา, อาปตฺติวิโสธนาย อตฺตโวสฺสคฺโค โอกาสทานํ. สา ปน ยสฺมา เยภุยฺเยน วสฺสํวุตฺเถหิ กาตพฺพา วุตฺตา, ตสฺมา ‘‘วสฺสํวุตฺถปวารณา’’ติ วุตฺตํ. ปวาเรติ ปจฺจเย อิจฺฉาเปติ เอตายาติ ปวารณา, จีวราทีหิ อุปนิมนฺตนา. ปการยุตฺตา วารณาติ ปวารณา, วิปฺปกตโภชนตาทิจตุรงฺคสหิโต โภชนปฏิกฺเขโป. สา ปน ยสฺมา อนติริตฺตโภชนนิมิตฺตาย อาปตฺติยา การณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘อนติริตฺตปวารณา’’ติ วุตฺตา. ยาวทตฺถโภชนสฺส ปวารณา ยาวทตฺถปวารณา, ปริโยสิตโภชนสฺส อุปนีตาหารปฏิกฺเขโปติ อตฺโถ.

‘‘ภุตฺตาวี’’ติ วจนโต โภชนปาริปูริตา อิธาธิปฺเปตาติ อาห ‘‘ปริปุณฺโณติ โภชเนน ปริปุณฺโณ’’ติ. ปริโยสิโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย ‘‘โภชเนน โภชนกิริยาย ปริโยสิโต’’ติ. อฏฺกถายํ ปน อธิปฺเปตตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ โภชน-สทฺทสฺส โลโป วุตฺโต. ธาโตติ ติตฺโต. สาธกานีติ าปกานิ. ปริโยสิตโภชนํ สุหิตยาวทตฺถตาคหเณหิ ภุตฺตาวิตาทโย, ภุตฺตาวิตาทิคฺคหเณหิ วา อิตเร โพธิตา โหนฺตีติ อฺมฺํ เนสํ าปกาเปตพฺพตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ ฉหิปิ ปเทหิ อุทราวเทหกํ โภชนํ ทสฺสิตํ, ตฺจ โข ปริกปฺปนาวเสน. น หิ ภควา เอวํ ภุฺชติ. เตนาห ‘‘สพฺพฺเจตํ ปริกปฺเปตฺวา วุตฺต’’นฺติ.

‘‘สิยา เอว, นาปิ สิยา’’ติ จ อิทํ อตฺถทฺวยมฺปิ อิธ สมฺภวตีติ วุตฺตํ ‘‘อิธ อุภยมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. อถาติ อนนฺตรํ, มม โภชนสมนนฺตรเมวาติ อตฺโถ. ตํ ปน ยสฺมา ยถาวุตฺตกาลปจฺจามสนํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ตมฺหิ กาเล’’ติ วุตฺตํ. อปฺปรุฬฺหหริเตติ รุหมานติณาทิหริตรหิเต. อภาวตฺโถ จ อยํ อปฺป-สทฺโท ‘‘อปฺปิจฺโฉ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๕๒, ๓๓๖; สํ. นิ. ๒.๑๔๘) วิย.

กถิเตปีติ ปิ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ. เตน วาปสมีกรณาทึ สงฺคณฺหาติ. ตถา เหส วุตฺต-สทฺโท ‘‘โน จ โข ปฏิวุตฺต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๒๘๙) วาปสมีกรเณ ทิสฺสติ, ‘‘ปนฺนโลโม ปรทตฺตวุตฺโต’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๓๒) ชีวิตวุตฺติยํ, ‘‘ปณฺฑุปลาโส พนฺธนา ปวุตฺโต’’ติอาทีสุ (ปารา. ๙๒; ปาจิ. ๖๖๖; มหาว. ๑๒๙; ม. นิ. ๓.๕๙) อปคเม, ‘‘คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๕) ปาวจนภาเวน ปวตฺติเต, โลเก ปน ‘‘วุตฺตํ ปรายณ’’นฺติอาทีสุ (มหาภาส ๗.๒.๒๖) อชฺเฌเน ทิสฺสตีติ.

น เอตฺถ ปิณฺฑปาตโภชเนน ธมฺมทายาทตา นิวาริตา, ปิณฺฑปาตโภชนํ ปน อนาทริตฺวา ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตีติ เอตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปิณฺฑปาตํ…เป… วีตินาเมยฺยา’’ติ. ตตฺถ วีตินาเมยฺยาติ กมฺมฏฺานานุโยเคน เขเปยฺย. เตนาห ‘‘อาทิตฺตสีสูปมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา’’ติ. อาทิตฺตสีสูปมนฺติอาทิตฺตสีสูปมสุตฺตํ.

กิฺจาปีติ อยํ ‘‘ยทิปี’’ติ อิมินา สมานตฺโถ นิปาโต. นิปาโต จ นาม ยตฺถ ยตฺถ วากฺเย ปยุชฺชติ, เตน เตน วตฺตพฺพตฺถโชตโก โหตีติ อิธ ‘‘ปิณฺฑปาต’’นฺติอาทินา อนุฺาปสํสาวเสน วุจฺจมานสฺส อตฺถสฺส โชตโกติ อธิปฺปาเยน ‘‘อนุชานนปสํสนตฺเถ นิปาโต’’ติ วุตฺตํ, อนุฺาปสํสารมฺเภ ปน ‘‘อสมฺภาวนตฺเถ’’ติ วุตฺตํ สิยา ปุริเมเยว สมฺภาวนาวิภาวนโต อธิกตฺตานุโลมโต จ.

เอกวารํ ปวตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺขิปนํ กถํ ทีฆรตฺตํ อปฺปิจฺฉตาทีนํ การณํ โหตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺริจฺฉตาติ อตฺร อิจฺฉตีติ อตฺริจฺโฉ, ตสฺส ภาโว อตฺริจฺฉตา, อตฺถโต ปรลาภปตฺถนา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปุริเมเยว สกลาเภน อสนฺตุฏฺิ, ปรลาเภ จ ปตฺถนา, เอตํ อตฺริจฺฉตาลกฺขณ’’นฺติ (วิภ. อฏฺ. ๘๔๙). ปาปิจฺฉตาติ อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปายตา. ปาปา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตา. ยถาห ‘‘อสนฺตคุณสมฺภาวนตา ปฏิคฺคหเณ จ อมตฺตฺุตา, เอตํ ปาปิจฺฉลกฺขณ’’นฺติ (วิภ. อฏฺ. ๘๕๑). มหนฺตานิ วตฺถูนิ อิจฺฉติ, มหตี วา ตสฺส อิจฺฉาติ มหิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว มหิจฺฉตา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สนฺตคุณสมฺภาวนตา ปฏิคฺคหเณ จ อมตฺตฺุตา, เอตํ มหิจฺฉลกฺขณ’’นฺติ. ปจฺจเวกฺขมาโน นิวาเรสฺสตีติ โยชนา. อสฺส ภิกฺขุโน สํวตฺติสฺสติ ปิณฺฑปาตปฏิกฺเขโป.

มหิจฺโฉ ปุคฺคโล ยถา ปจฺจยทานวเสน ปจฺจยทายเกหิ ภริตุํ อสกฺกุเณยฺโย, เอวํ ปจฺจยปริเยสนวเสน อตฺตนาปีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโนปิ อุปฏฺากานมฺปิ ทุพฺภโร โหตี’’ติ. สทฺธาเทยฺยสฺส วินิปาตวเสน ปวตฺติยา อฺสฺส ฆเร ฉฑฺเฑนฺโต. ริตฺตปตฺโตวาติ เยสุ กุเลสุ ปฏิปิณฺฑวเสน ปวตฺตติ, เตสํ สพฺพปจฺฉิมํ อตฺตโน ยถาลทฺธํ ทตฺวา ตตฺถ กิฺจิ อลทฺธา ริตฺตปตฺโต วิหารํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชติ ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺเยนาติ อธิปฺปาโย. ยถาลทฺธปจฺจยปริโภเคน, ปุน ปริเยสนานาปชฺชเนน อตฺตโน สุภรตา, ยถาลทฺธปจฺจเยน อวฺํ อกตฺวา สนฺโตสาปตฺติยา อุปฏฺากานํ สุภรตา เวทิตพฺพา.

กถาวตฺถูนีติ อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตานํ กถานํ วตฺถูนีติ กถาวตฺถูนิ, อปฺปิจฺฉตาทโย เอว. ตีณีติ ตีณิ กถาวตฺถูนิ. อภิสลฺเลขิกาติ อติวิย กิเลเส สลฺลิขตีติ อภิสลฺเลโข, อปฺปิจฺฉ ตาทิคุณสมุทาโย, โส เอติสฺสา อตฺถีติ อภิสลฺเลขิกา, มหิจฺฉตาทีนํ ตนุภาวาย ยุตฺตรูปา อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตตา. เจโตวินีวรณสปฺปายาติ กุสลจิตฺตุปฺปตฺติยา นิวารกานํ นีวรณานํ ทูรีภาวกรเณน เจโตวินีวรณสงฺขาตานํ สมถวิปสฺสนานํ สปฺปายา. สมถวิปสฺสนาจิตฺตสฺเสว วา วิภูติภาวกรณาย สปฺปายา อุปการิกาติ เจโตวินีวรณสปฺปายา. เอกนฺตนิพฺพิทายาติอาทิ เยน นิพฺพิทาทิอานิสํเสน อยํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวินีวรณสปฺปายา จ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกํเสน วฏฺฏทุกฺขโต นิพฺพินฺทนตฺถาย. วิราคาย นิโรธายาติ ตสฺเสว วิรชฺชนตฺถฺจ นิรุชฺฌนตฺถฺจ. อุปสมายาติ สพฺพกิเลสวูปสมาย. อภิฺายาติ สพฺพสฺสปิ อภิฺเยฺยสฺส อภิชานนาย. สมฺโพธายาติ จตุมคฺคสมฺโพธาย. นิพฺพานายาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานาย. เอเตสุ หิ อาทิโต ตีหิ วิปสฺสนา วุตฺตา, ปุน ตีหิ มคฺโค, อิตเรน นิพฺพานํ. เตน สมถวิปสฺสนา อาทึ กตฺวา นิพฺพานปริโยสาโน อยํ สพฺโพ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม ทสกถาวตฺถุลาภิโน สมฺภวตีติ ทสฺเสติ. ปริปูเรสฺสนฺตีติ ตํสภาวโต อุปการโต จ สํวตฺติสฺสนฺติ. อปฺปิจฺฉตาทโย หิ เอกวารอุปฺปนฺนา อุปริ ตทตฺถาย สํวตฺติสฺสนฺติ. กถาวตฺถุปริปูรณํ สิกฺขาปริปูรณฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

อมตํ นิพฺพานนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุํ. อิตรา ปน เสกฺขาเสกฺขธมฺมปาริปูริยา ปริปุณฺณา. นิพฺพานปาริปูริ เจตฺถ ตทาวหธมฺมปาริปูริวเสน ปริยายโต วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อิทานิ ยายํ อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุกฺกมปริวุทฺธิยา คุณปาริปูริตา, ตํ อุปมาย สาเธนฺโต ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปาวุสฺสโกติ วสฺสานมาเส อุฏฺิโต. โส หิ จิรานุปฺปวตฺติ โหติ. ปพฺพตกนฺทรา ปพฺพเตสุ อุปจฺจกาธิจฺจกาปภวนิชฺฌราทินทิโย. สรสาขาติ ยตฺถ อุปริอุนฺนตปเทสโต อุทกํ อาคนฺตฺวา ติฏฺติ เจว สนฺทติ จ, เต. กุโสพฺภา ขุทฺทกตฬากา. กุนฺนทิโยติ ปพฺพตปาทโต นิกฺขนฺตา ขุทฺทกนทิโย. ตา หิ มหานทิโย โอตรนฺติโย ปริปูเรนฺติ. ปรมธมฺมทายาทนฺติ ปรมํ อุตฺตมํ ธมฺมทายาทภาวํ, ปรมํ ธมฺมทายชฺชํ วา. เต ภิกฺขูติ เต ธมฺมปฏิคฺคาหเก ภิกฺขู. สนฺนิโยเชนฺโตติ มูลคุเณหิ อปฺปิจฺฉตาทีหิ โยเชนฺโต.

อุคฺคเหตฺวาติ อตฺถโต พฺยฺชนโต จ อุปธารณวเสน คเหตฺวา อวิปรีตํ คเหตฺวา. สํสนฺเทตฺวาติ มม เทสนานุสาเรน มมชฺฌาสยํ อวิรชฺฌิตฺวา. ยถา อิเธว จินฺเตสีติ ยถา อิมิสฺสา ธมฺมทายาทเทสนาย จินฺเตสิ, เอวํ อฺตฺถาปิ ธมฺมโถมนตฺถํ คนฺธกุฏึ ปวิสนฺโต จินฺเตสิ. เอกชฺฌาสยายาติ สมานาธิปฺปายาย. มติยาติ ปฺาย. อยํ เทสนา อคฺคาติอาทิ ภควา ธมฺมเสนาปตึ คุณโต เอว ปคฺคณฺหาตีติ กตฺวา วุตฺตํ.

จิตฺตคติยาติ จิตฺตวเสน กายสฺส ปริณามเนน ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ กายสฺส จิตฺเตน สมานคติกตาธิฏฺาเนน. กถํ ปน กาโย ทนฺธปฺปวตฺติโก ลหุปริวตฺตนจิตฺเตน สมานคติโก โหตีติ? น สพฺพถา สมานคติโก. ยเถว หิ กายวเสน จิตฺตปริณามเน จิตฺตํ สพฺพถา กาเยน สมานคติกํ น โหติ. น หิ ตทา จิตฺตํ สภาวสิทฺเธน อตฺตโน ขเณน อวตฺติตฺวา ทนฺธวุตฺติกสฺส รูปธมฺมสฺส ขเณน วตฺติตุํ สกฺโกติ, ‘‘อิทํ จิตฺตํ อยํ กาโย วิย โหตู’’ติ ปน อธิฏฺาเนน ทนฺธคติกสฺส กายสฺส อนุวตฺตนโต ยาว อิจฺฉิตฏฺานปฺปตฺติ, ตาว กายคตึ อนุโลเมนฺตเมว หุตฺวา สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ จิตฺตํ กายคติกํ กตฺวา ปริณามิตํ นาม โหติ, เอวํ ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ อธิฏฺาเนน ปเคว ลหุสฺาย สุขุมสฺาย จ สมฺปาทิตตฺตา อภาวิติทฺธิปาทานํ วิย ทนฺธํ อวตฺติตฺวา ยถา ลหุํ กติปยจิตฺตวาเรเหว อิจฺฉิตฏฺานปฺปตฺติ โหติ, เอวํ ปวตฺตมาโน กาโย จิตฺตคติกภาเวเนว ปริณามิโต นาม โหติ, น เอกจิตฺตกฺขเณเนว ปวตฺติยา. เอวฺจ กตฺวา พาหุสมิฺชนปฺปสารณูปมาปิ อุปจาเรน วินา สุฏฺุตรํ ยุตฺตา โหติ, อฺถา ธมฺมตาวิโลมิตา สิยา. น หิ ธมฺมานํ ลกฺขณฺถตฺตํ อิทฺธิพเลน กาตุํ สกฺกา, ภาวฺถตฺตเมว ปน สกฺกาติ.

๓๑. ภควโต อธิปฺปายานุรูปํ ภิกฺขูนฺจ อชฺฌาสยํ ตฺวาติ วจนเสโส. เทสกาเล วิย ภาชนมฺปิ โอโลเกตฺวา เอว มหาเถโร ธมฺมํ กเถติ. ปกฺกนฺตสฺสาติ อิทํ อนาทเร สามิวจนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปกฺกนฺตสฺส สโต’’ติอาทิมาห. กิตฺตเกนาติ เกน ปริมาเณน. ตํ ปน ปริมาณํ ยสฺมา ปริเมยฺยสฺส อตฺถสฺส ปริจฺฉินฺทนํ โหติ, ตสฺมา ‘‘กิตฺตาวตาติ ปริจฺเฉทวจน’’นฺติ อาห. นุกาโร ปุจฺฉายนฺติ อยํ นุ-สทฺโท อิเธว ปุจฺฉายํ อาคโตติ กตฺวา วุตฺตํ. นุ-สทฺเทน เหตฺถ โชติยมาโน อตฺโถ กึ-สทฺเทน ปริมาโณ อตฺโถ ปริเมยฺยตฺโถ จ. เอตฺถ สํกิเลสปกฺโข วิเวกสฺส อนนุสิกฺขนํ อามิสทายาทตา, โวทานปกฺโข ตสฺส อนุสิกฺขนํ ธมฺมทายาทตาติ. ตีหิ วิเวเกหีติ วิเวกตฺตยคฺคหณํ ตทนฺโตคธตฺตา วิเวกปฺจกสฺส. วิเวกปฺจกคฺคหเณ ปนสฺส สรูเปน กายวิเวโก คหิโต น สิยา, ตทายตฺตตฺตา วา สตฺถารา ตทา ปยุชฺชมานวิเวกทสฺสนวเสน ‘‘ตีหิ วิเวเกหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฺตรมฺปีติ กสฺมา วุตฺตํ. น หิ กายวิเวกมตฺเตน ธมฺมทายาทภาโว สิชฺฌตีติ? น, วิเวกทฺวยสนฺนิสฺสยสฺเสว กายวิเวกสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา. เอวฺจ กตฺวา จิตฺตวิเวกคฺคหณมฺปิ สมตฺถิตํ โหติ. น หิ โลกิยชฺฌานาธิคมมตฺเตน นิปฺปริยายโต สตฺถุธมฺมทายาทภาโว อิจฺฉิโต, นิพฺพานาธิคเมน ปน โส อิจฺฉิโต, ตสฺมา สพฺพาปิ สาสเน วิเวกานุสิกฺขนา นิพฺพานโปณา นิพฺพานปพฺภารา นิพฺพาโนคธา จาติ วุตฺตํ ‘‘ติณฺณํ วิเวกานํ อฺตรมฺปี’’ติ. อสติ อาโลเก อนฺธกาโร วิย อสติ ธมฺมทายาทตาย เอกํสิยา อามิสทายาทตาติ อาห ‘‘อามิสทายาทาว โหนฺตี’’ติ. เอส นโย สุกฺกปกฺเขปีติ กณฺหปกฺขโต สาธารณวเสน ลพฺภมานํ อตฺถสามฺํ อติทิสติ, น อตฺถวิเสสํ ตสฺส วิสทิสตฺตา, อตฺถวิเสสเมว วา อติทิสติ วิสทิสูทาหรณูปายาเยน. ‘‘ติณฺณํ วิเวกานํ อฺตร’’นฺติ อิทํ อิธ น ลพฺภติ. ตโยปิ หิ วิเวกา, เตสุ เอโก วา อิตรทฺวยสนฺนิสฺสโย อิธ ลพฺภติ.

ทูรโตปีติ ทูรฏฺานโตปิ. เตนาห ‘‘ติโรรฏฺโตปี’’ติอาทิ. กามํ ‘‘ปฏิภาตู’’ติ เอตฺถ ปฏิ-สทฺทาเปกฺขาย ‘‘สาริปุตฺต’’นฺติ อุปโยควจนํ, อตฺโถ ปน สามิวจนวเสเนว เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อายสฺมโตเยว สาริปุตฺตสฺสา’’ติ. ภาโค โหตูติ อิมินาภาคตฺโถ ปฏิ-สทฺโทติ ทสฺเสติ ลกฺขณาทิอตฺถานํ อิธ อยุชฺชนโต. เตนาห ‘‘เอวํ สทฺทลกฺขเณน สเมตี’’ติ. ทิสฺสตูติ าเณน ทิสฺสตุ, ปสฺสตูติ วา อตฺโถ. อุปฏฺาตูติ าณสฺส ปจฺจุปติฏฺตุ. อุคฺคเหสฺสนฺตีติ วาจุคฺคตํ กริสฺสนฺติ. วาจุคฺคตกรณฺหิ อุคฺคโห. ปริยาปุณิสฺสนฺตีติ ตสฺเสว เววจนํ. ปุริปุจฺฉนาทินา วา อตฺถสฺส จิตฺเต อาปาทนํ ปฏฺปนํ ปริยาปุณนํ. การณวจนนฺติ ยถาวุตฺตสฺส การณภาเวน วจนํ ‘‘เหตุมฺหิ กรณวจน’’นฺติ กตฺวา. วุตฺตตฺถปจฺจามสนํ ตํ-สทฺเทน กรียตีติ. เตนาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ.

เอเกเนวากาเรนาติ อามิสทายาทตาสิทฺเธน อาทิยตาสงฺขาเตน เอเกเนว ปกาเรน. ตเมว หิ อาการํ สนฺธายาห ‘‘ภควตา วุตฺตมตฺถ’’นฺติ. อฺถา ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’ติ เอเกเนว อากาเรน โส อตฺโถ เถเรนปิ วุตฺโต. ตีหิ อากาเรหีติ อามิสทายาทปฏิปทาภูเตหิ ติณฺณํ วิเวกานํ อนนุสิกฺขนากาเรหิ. เอตฺตาวตาติ ‘‘อิธาวุโส…เป… นานุสิกฺขนฺตี’’ติ เอตฺตเกน กณฺหปกฺเข อุทฺเทสปาเน.

วิตฺถารโต สุวิภตฺโต โหติ อนวเสสโต สมฺมเทว นิทฺทิฏฺตฺตา. นนุ จ อุทฺเทเส สตฺถุโนปิ อาทิยตา ภควตา คหิตา, สา น นิทฺทิฏฺาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘โส จ โข’’ติอาทิ. สาวเก อนุคฺคณฺหนฺตสฺสาติ ‘‘อามิสทายาทา สตฺถุ สาวกา’’ติ สตฺถุ ปรปฺปวาทปริหรณตฺถมฺปิ ‘‘ตุมฺเหหิ ธมฺมทายาเทหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ เอวํ สาวเก อนุกมฺปมานสฺส. สาวกานํ ตํ น ยุตฺตํ สามีจิอภาวโตติ โยชนา. เอส นโยติ ยทิทํ ‘‘เอตฺตาวตายํ ภควา’’ติอาทินา กณฺหปกฺเข อุทฺเทสสฺส อตฺถวิภาคทสฺสนมุเขน สมฺพนฺธทสฺสนํ, เอส นโย สุกฺกปกฺเขปิ สมฺพนฺธทสฺสเนติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อยํ ตาเวตฺถ อนุสนฺธิกฺกมโยชนา’’ติ, สตฺถารา เทสิตาย อุทฺเทสเทสนาย มหาเถเรน เทสิตาย จ อนุสนฺธิกฺกเมน สมฺพนฺโธติ อตฺโถ. ยถานุสนฺธิ เอว เจตฺถ อนุสนฺธิ เวทิตพฺโพ.

อจฺจนฺตปวิวิตฺตสฺสาติ เอกนฺตอุปธิวิเวโก วิย อิตเรปิ วิเวโก สตฺถุ เอกนฺติกาวาติ. อนุสิกฺขนํ นาม อนุ อนุ ปูรณนฺติ ตปฺปฏิกฺเขเปน อาห ‘‘น ปริปูเรนฺตี’’ติ, น ปริพฺรูเหนฺตีติ อตฺโถ, น ปริปูเรนฺตีติ วา น ปริปาเลนฺตีติ อตฺโถ. ยทคฺเคน หิ วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ, ตทคฺเคน น ปริพฺรูเหนฺติ, น ปริปาเลนฺตีติ วา วตฺตพฺพตํ ลภนฺตีติ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อุทฺเทเส วิย อวิเสสวจเน กายวิเวกสฺเสว คหณํ กตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยทิ ปนา’’ติอาทิ. ปุจฺฉายาติ ปุจฺฉาโต อวิเสโส สิยา วิภาคสฺส อลพฺภมานตฺตา วิสฺสชฺชนสฺส. นนุ จ ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อวิเสสวจนโต ปาฬิยํ วิภาโค น ลพฺภเตวาติ? น, ปทนฺตเรน วิภาวิตตฺตา. เตนาห ‘‘เยสฺจ ธมฺมาน’’นฺติอาทิ. พฺยากรณปกฺโขติ วิสฺสชฺชนปกฺโข. วิสฺสชฺชนฺจ น ปุจฺฉา วิย อวิเสสโชตนา, อถ โข ยถาธิปฺเปตตฺถวิภชนนฺติ อธิปฺปาโย. อิมินา ปเทนาติ ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อิมินา ปเทน กายวิเวกํ อปริปูริยมานํ ทสฺเสตีติ อธิปฺปาโย. จิตฺตวิเวกํ อุปธิวิเวกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.

เอตฺถ จ นปฺปชหนฺตีติ ปหาตพฺพธมฺมานํ ปหานาภาววจนํ ปหานลกฺขณวิเวกาภาวทีปนํ, ตํ วตฺวา ปุน ‘‘วิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา’’ติ วจนํ ตโต สาติสยวิเวกาภาวทีปนนฺติ ตทุภยวิเวกาภาวทสฺสเนน ‘‘เยสฺจ ธมฺมาน’’นฺติอาทินาว ปาริเสสาเยน ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อิมินา วิเวกทฺวยมูลภูตกายวิเวกาภาวทสฺสนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวิคตตณฺหตาย ตํ ตํ ปริกฺขารชาตํ พหุํ ลนฺติ อาทิยนฺตีติ พหุลา, พหุลา เอว พาหุลิกา ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๖; อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘). เต ปน ยสฺมา ปจฺจยพหุลภาวาย ยุตฺตปฺปยุตฺตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘จีวราทิพาหุลฺลาย ปฏิปนฺนา’’ติ. สิกฺขาย อาทรภาวาภาวโต สิถิลํ อทฬฺหํ คณฺหนฺตีติ ‘‘สาถลิกา’’ติ วุตฺตํ. สิถิลนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, สิถิล-สทฺเทน วา สมานตฺถสฺส สาถล-สทฺทสฺส วเสน ‘‘สาถลิกา’’ติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อวคมนฏฺเนาติ อโธคมนฏฺเน, โอรมฺภาคิยภาเวนาติ อตฺโถ. อุปธิวิเวเกติ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตาย อุปธีหิ วิวิตฺเต. โอโรปิตธุราติ อุชฺฌิตุสฺสาหา.

อนิยเมเนวาติ กิฺจิ วิเสสํ อนามสิตฺวา ‘‘สาวกา’’ติ อวิเสเสเนว. นิยเมนฺโต‘‘เถรา’’ติอาทินา. ทสวสฺเส อุปาทายาติ ทสวสฺสโต ปฏฺาย. อิสฺสริเยติ ‘‘เสฏฺิฏฺานํ เสนาปติฏฺาน’’นฺติอาทีสุ วิย. อจิรกฺขโณภาเสน ลกฺขเวธโก อกฺขณเวธิ. ิติยนฺติ อวฏฺาเน. านโสติ ตงฺขเณเยว. ติฏฺตีติ อาธาราเธยฺยภาเวนาติ อาห ‘‘ตทายตฺตวุตฺติภาเวนา’’ติ. อุเปกฺขานุพฺรูหนา สตฺตสงฺขาเรสุ อุทาสีนตาปิ อสงฺขตาธิคมสฺส อุปาโยติ ตพฺพิปริยายโต จีวราทิมณฺฑนา น อุปธิวิเวกปาริปูริยา สํวตฺตตีติ อาห ‘‘จีวรปตฺต…เป… อปูรยมานา’’ติ. ตตฺถาติ เถรวาเร. อิธาติ มชฺฌิมนวกวาเรสุ. ตถา หิ ‘‘มชฺฌิมเถรกาเล’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๓๒. อิมสฺมิฺจ กณฺหปกฺเขติ อิมสฺมิฺจ นิทฺเทสวาเร กณฺหปกฺเข, น อุทฺเทสวาเร กณฺหปกฺเข. อุทฺเทสวาเร ปน กณฺหปกฺเข วุตฺตวิปริยาเยน คเหตพฺพตฺโถ ‘‘เอส นโย สุกฺกปกฺเขปี’’ติ อติเทเสน ทสฺสิโต. วุตฺตปจฺจนีกนเยนาติ ‘‘กายวิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ น ปริปูเรนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปจฺจนีกนเยน, ‘‘กายวิเวกํ อนุสิกฺขนฺติ ปริปูเรนฺตี’’ติอาทินา นเยน. เอตฺถาติ เอตสฺมึ สุกฺกปกฺเข. สงฺเขโปติ อตฺถสงฺเขโป. โยชนปรมฺปรายาติ คามนฺตโต ทูรภาเวน เอกํ ทฺเว ตีณีติ เอวํ โยชนานํ ปฏิปาฏิยา. อรฺวนปตฺถานีติ อรฺเสุ วนสณฺฑภูตานิ. ปนฺตานีติ ปริยนฺตานิ. อุปคนฺตุํ ยุตฺตกาโล ชราชิณฺณกาโล โคจรคาเม ทูเร คมนาคมนสมตฺถตาภาวโต. ‘‘เอวํ คุณวนฺเตสุ ทินฺนํ อโห สุทินฺน’’นฺติ ปจฺจยทายกานํ ปสาทํ ชเนนฺติ. ปาสํสาติ ปสํสิตพฺพา. อยมฺปิ มหาเถโรติอาทิ เอกํ อปฺปมาทวิหารินํ วุทฺธตรํ นิทฺทิสิตฺวา วทนฺตานํ วเสน วุตฺตํ. ปวิฏฺโ วิเวกฏฺานํ. สายํ นิกฺขมติ โยนิโสมนสิการํ อุปพฺรูเหตฺวาติ อธิปฺปาโย. กสิณปริกมฺมํ กโรติ, น ยํ กิฺจิ กิจฺจนฺตรํ. สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, น โมฆมนสิการํ. สพฺพถาติอาทิโต ตาว ตทงฺควเสน กิเลเสหิ จิตฺตํ วิเวเจนฺโต ตโต วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน ปฏิปสฺสทฺธิวเสนาติ สพฺพปฺปกาเรน จิตฺตวิเวกํ ปูเรติ. ปํสุกูลานิ ธาเรตีติ อิมินา พาหุลิกตาภาวํ ทสฺเสติ, อสิถิลํ สาสนํ คเหตฺวาติ อิมินา สาถลิกตาภาวํ, วิคตนีวรโณติ อิมินา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรตํ, ผลสมาปตฺตินฺติอาทินา ปวิเวกปุพฺพงฺคมตํ ทสฺเสติ.

๓๓. ตตฺราวุโสติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน ‘‘โลโภ จ ปาปโก’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ อุปริเทสนํ อนวเสสโต ปริยาทิยติ. โก อนุสนฺธีติ ยา สา ภควตา สํกิเลสปกฺเขน สห ธมฺมทายาทปฏิปตฺติภาวินี ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติอาทินา เทสนา อุทฺทิฏฺา, ตํ ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต’’ติอาทินา อารภิตฺวา อฏฺารสวารปฏิมณฺฑิตาย นิทฺเทสเทสนาย วิภชิตฺวา ตโต ปรํ ‘‘ตตฺราวุโส โลโภ จ ปาปโก’’ติอาทินยาย อุปริเทสนาย สมฺพนฺธํ ปุจฺฉติ. เอวนฺติ สํกิเลสปกฺเข ‘‘นปฺปชหนฺตี’’ติ ปหานาภาวทสฺสนวเสน, โวทานปกฺเข ‘‘ปชหนฺตี’’ติ ปหานสพฺภาวทสฺสนวเสนาติ เอวํ. อนิทฺธาริตสรูปา ยํ-ตํ-สทฺเทหิ ธมฺม-สทฺเทน สามฺโต เย ปหาตพฺพธมฺมา วุตฺตา, เต สรูปโต ทสฺเสตุนฺติ โยชนา. อิเม เตติ เอตฺถ กสฺมา โลภาทโย เอว ปหาตพฺพธมฺมา วุตฺตา, นนุ อิโต อฺเปิ โมหทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทโย ปหาตพฺพธมฺมา สนฺตีติ? สจฺจํ สนฺติ, เต ปน โลภาทีหิ ตเทกฏฺตา คหิตา เอว โหนฺตีติ วุตฺตา. อถ วา อิเมสํเยเวตฺถ คหเณ การณํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.

อิทานิ อุปจเยน อนุสนฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สาวกานํ ยสฺส ธมฺมสฺส ทายาทภาโว สตฺถุ อภิรุจิโต, โส ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน ภาเวตี’’ติอาทินา อกตฺเถตฺวา ‘‘วิเวกํ อนุสิกฺขนฺติ, เต จ ธมฺเม ปชหนฺติ, น จ พาหุลิกา’’ติอาทินา กถิตตฺตา เหฏฺา ปริยาเยเนว ธมฺโม กถิโตติ วุตฺตํ. ‘‘เต จ ธมฺเม นปฺปชหนฺติ, โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา’’ติอาทินา อามิสํ ปริยาเยนปิ กถิตํ. ‘‘สิยา จ เม ปิณฺฑปาโต’’ติอาทินา, ‘‘พาหุลิกา จ โหนฺตี’’ติอาทินา จ อามิสํ นิปฺปริยาเยนปิ กถิตํ. อถ วา ยายํ ภควตา อามิสทายาทปฏิกฺเขปนา ธมฺมทายาทตา วุตฺตา, ยฺจ ตทตฺถํ วิภชนฺเตน มหาเถเรน อตฺตนา วิเวกานุสิกฺขนาทิ วุตฺตํ, ตทุภยํ เหตุวเสน วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺราวุโส, โลโภ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เหตุนิโรเธน หิ สํกิเลสปกฺขสฺส, นิโรธเหตุสมฺปาทเนน จ โวทานปกฺขสฺส ตปฺปาปกตา.

อตีตเทสนานิทสฺสนนฺติ อตีตาย เถเรน ยถาเทสิตาย เทสนาย จ ปจฺจามสนํ. เตเนวาห ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส…เป… เทสนายนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ตตฺถาติ ยํ วุตฺตํ วิเสสโต ‘‘เยสํ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาหา’’ติ, เอตสฺมึ ปเท. ตตฺถ หิ ปหาตพฺพธมฺมา โลภาทโย สามฺโต วุตฺตา. ลามกาติ นิหีนา. โลภโทสา หิ เหตุโต ปจฺจยโต สภาวโต ผลโต นิสฺสนฺทโต สํกิลิฏฺปกติกา, อายตึ ทุกฺขสฺส ปาปนฏฺเน วา ปาปกา. ลุพฺภนลกฺขโณติ อารมฺมณสฺส อภิคิชฺฌนลกฺขโณ. ตถา หิ โส ลุพฺภนฺติ เตน, สยํ วา ลุพฺภติ, ลุพฺภนมตฺตเมว วา ตนฺติ ‘‘โลโภ’’ติ วุจฺจติ. รสาทีสุ อภิสงฺครโส, อปริจฺจาคปจฺจุปฏฺาโน, สํโยชนิเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาททสฺสนปทฏฺาโน. ทุสฺสนลกฺขโณติ อารมฺมเณ พฺยาปชฺชนลกฺขโณ. ตถา หิ โส ทุสฺสนฺติ เตน, สยํ วา ทุสฺสติ, ทุสฺสนมตฺตเมว วา ตนฺติ ‘‘โทโส’’ติ วุจฺจติ. รสาทีสุ วิสปฺปนรโส, สนิสฺสยทหนรโส วา, ทุสฺสนปจฺจุปฏฺาโน, อาฆาตวตฺถุปทฏฺาโน.

เตสูติอาทินา ทสฺสเนน โลภโทสานํ เอกนฺตโต ปหาตพฺพตาทสฺสนํ. อามิสทายาทสฺส ปจฺจยานํ ลาเภ โหตีติ อิทํ โลภสฺส อารมฺมณคฺคหณสภาวตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตณฺหาย วเสน ปน อนุคิชฺฌนํ สนฺธาย ‘‘อลทฺธํ ปตฺเถตี’’ติ อาห. อลาเภ ปจฺจยานํ อามิสทายาทสฺส โหตีติ อาเนตฺวา โยชนา. อลภนฺโตติ เอตฺถ ‘‘ปจฺจเย’’ติ วิภตฺตึ ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. วิฆาตวาติ ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺข’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๒๐; วิภ. ๑๙๐) วจนโต อิจฺฉาวิฆาตวา. โลโภ จ เทยฺยธมฺเม โหติ อามิสทายาทสฺสาติ สมฺพนฺโธ. เอส นโย อนนฺตรปเทปิ. เทยฺยธมฺเมติ จ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ สตฺตเกลายนาทิวเสนปิ ตสฺส โลภุปฺปตฺติสพฺภาวโต. ‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ’’ติ เอวมาทโย นว ตณฺหามูลกา. ปริปูเรติ อามิสทายาโทติ วิภตฺติวิปริณาโม เวทิตพฺโพ. อาวาสมจฺฉริยาทีนิ ปฺจ มจฺฉริยานิ.

มคฺคนฺติ อริยมคฺคํ. โส หิ กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ จ มคฺคียติ, สยํ วา สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิพฺพานํ มคฺคตีติ นิปฺปริยาเยน ‘‘มคฺโค’’ติ วุจฺจติ. เอโก อนฺโตติ อิตเรน อสมฺมิสฺโส เอโก โกฏฺาโส, หีนตาย วา ลามกฏฺเน เอโก อนฺโต. กามํ อฺเปิ กุสลธมฺมา เอเต อนฺเต อสมฺปโยคโต น อุเปนฺติ, เตหิ วิมุตฺตา เอว, อยํ ปน อจฺจนฺตวิมุตฺติยา น อุเปตีติ อาห ‘‘วิมุตฺโต เอเตหิ อนฺเตหี’’ติ. ตสฺมาติ อนฺตทฺวยวิมุตฺตตฺตา. เอเตสํ มชฺเฌ ภวตฺตาติ อิทํ มคฺคสฺส อุภยนฺตวิมุตฺตตาย เอว วุตฺตํ, น ตปฺปริยาปนฺนตาย, วฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ ปฏิปชฺชิตพฺพโต จ. ตถาติ ยถา อิตเรน อสมฺมิสฺสฏฺเน ลามกฏฺเน จ โลโภ เอโก อนฺโต, ตถา กามสุขลฺลิกานุโยโคติ อตฺโถ. เอส นโย เสเสสุปิ. มคฺคสฺส อนุปคมนฺจ เนสํ อนฺตานํ สพฺพโส อปฺปวตฺติกรเณเนว ทฏฺพฺพํ. ปุริมนเยนาติ ‘‘เอเต ทฺเว อนฺเต น อุเปตี’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน.

สจฺจานนฺติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ. ทสฺสนปริณายกฏฺเนาติ ทสฺสนสฺส ปริฺาภิสมยาทิเภทสฺส ปริโต สพฺพถา นยนฏฺเน ปวตฺตนฏฺเน. จกฺขุกรณีติ ธมฺมจกฺขุสฺส กรณี นิปฺผาทิกา. ตยิทํ สติปิ ปฏิปทาย ธมฺมจกฺขุโต อนฺตฺเต อวยววเสน สิชฺฌมาโน อตฺโถ สมุทาเยน กโต นาม โหตีติ อุปจารวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘มคฺโคเยว หิ มคฺคตฺถาย สํวตฺตติ มคฺเคน กาตพฺพกิจฺจกรณโต’’ติ. าณายาติ ยาถาวโต ชานนาย. เตนาห ‘‘วิทิตกรณฏฺเนา’’ติ. วิเสสาตภาวาปาทนฺหิ วิทิตกรณํ. วูปสมนโตติ สมุจฺฉินฺทนวเสน วูปสมนโต. ทุกฺขาทีนํ ปริฺเยฺยาทิภาโว วิย อภิฺเยฺยภาโวปิ มคฺควเสเนว ปากโฏ โหตีติ อาห ‘‘จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ อภิฺเยฺยภาวทสฺสนโต’’ติ, วิภาวนโตติ อตฺโถ. สมฺโพโธติ มคฺโค ‘‘สมฺพุชฺฌติ เอเตนา’’ติ กตฺวา. ตสฺสตฺถายาติ มคฺคกิจฺจตฺถาย. น หิ มคฺคโต อฺโ มคฺคกิจฺจกโร อตฺถิ. เตนาห ‘‘มคฺโคเยว หี’’ติอาทิ. อถ วา สมฺมาทิฏฺิ อุปฺปชฺชมานา สหชาตาทิปจฺจยภาเวน อิตเร อุปฺปาเทติ, เอวํ เสสมคฺคธมฺมาปีติ เอวมฺปิ มคฺคตฺถาย สํวตฺตนํ เวทิตพฺพํ. สจฺฉิกิริยาย ปจฺจกฺขกมฺมายาติ สจฺฉิกรณสงฺขาตปจฺจกฺขกมฺมาย. นิพฺพานายาติ วา อนุปาทิเสสนิพฺพานาย. อุปสมายาติ อิมินา สอุปาทิเสสนิพฺพานํ คหิตนฺติ. อยนฺติ ‘‘สา หิ สจฺจาน’’นฺติอาทินา ยถาวุตฺโต อตฺถนโย. เอตฺถาติ ‘‘จกฺขุกรณี’’ติอาทีสุ ปเทสุ. สาโร สุนฺทโร อนปนีโต. อิโต อฺถาติ ‘‘ทุกฺขสฺส ปริฺาย ทิฏฺิวิสุทฺธึ กโรตีติ จกฺขุกรณี’’ติอาทินา อตฺถวณฺณนาปปฺโจ เกวลํ วิตฺถารตฺถาย.

อยเมวาติ เอตฺถ อยนฺติ อิมินา อตฺตโน อฺเสฺจ ตสฺสํ ปริสายํ อริยานํ มคฺคสฺส ปจฺจกฺขภาวํ ทสฺเสติ. อาสนฺนปจฺจกฺขวาจี หิ อยํ-สทฺโท. อฺมคฺคปฏิเสธนตฺถนฺติ อฺสฺส นิพฺพานคามิมคฺคสฺส อตฺถิภาวปฏิเสธนตฺถํ. สตฺตาปฏิกฺเขโป หิ อิธ ปฏิเสธนํ อลพฺภมานตฺตา อฺสฺส มคฺคสฺส. พุทฺธาทีนํ สาธารณภาโว อนฺตา. เตนาห พฺรหฺมา สหมฺปติ –

‘‘เอกายนํ ชาติขยนฺตทสฺสี,

มคฺคํ ปชานาติ หิตานุกมฺปี;

เอเตน มคฺเคน ตรึสุ ปุพฺเพ,

ตริสฺสนฺติ เย จ ตรนฺติ โอฆ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๕.๓๘๔, ๔๐๙; มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ๑๐๗, ๑๒๑; เนตฺติ. ๑๗๐);

อารกตฺตาติ อิมินา นิรุตฺตินเยน อริย-สทฺทสิทฺธิมาห. อริปหานายาติ อตฺถวจนมตฺตํ. อรโย ปาปธมฺมา ยนฺติ อปคมนฺติ เอเตนาติ อริโย. อริเยน เทสิโตติ เอตฺถ อริยสฺส ภควโต อยนฺติ อริโย. อริยภาวปฺปฏิลาภายาติ เอตฺถ อริยกโร อริโยติ อุตฺตรปทโลเปน อริย-สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. ยสฺมา มคฺคงฺคสมุทาเย มคฺคโวหาโร โหติ, สมุทาโย จ สมุทายีหิ สมนฺนาคโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อฏฺหิ องฺเคหิ อุเปตตฺตา’’ติ, ตสฺมา อตฺตโน อวยวภูตานิ อฏฺ องฺคานิ เอตสฺส สนฺตีติ อฏฺงฺคิโก. ยสฺมา ปน ปรมตฺถโต องฺคานิเยว มคฺโค, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘น จ องฺควินิมุตฺโต’’ติ ยถา ‘‘ฉฬงฺโค เวโท’’ติ. สทิสูทาหรณํ ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺจงฺคิกตูริยาทีนิ วิยา’’ติ อาห. อาทิ-สทฺเทน จตุรงฺคินี เสนาติ เอวมาทีนํ สงฺคโห. มาเรนฺโต คจฺฉตีติ นิรุตฺตินเยน สทฺทสิทฺธิมาห. มคฺคตีติ คเวสติ. อริยมคฺโค หิ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรนฺโต ตํ คเวสนฺโต วิย โหตีติ. มคฺคียติ นิพฺพานตฺถิเกหิ วิวฏฺฏูปนิสฺสยปุฺกรณโต ปฏฺาย ตทตฺถํ ปฏิปตฺติโต. คมฺมตีติ เอเตน อาทิอนฺตวิปริยาเยน สทฺทสิทฺธิมาห ยถา ‘‘กกู’’ติ. ‘‘เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต’’ติ วตฺวา ตสฺส สพฺพลิงฺควิภตฺติวจนสาธารณตาย ‘‘กตมานิ ตานิ อฏฺงฺคานี’’ติ วุตฺตํ. นนุ จ องฺคานิ สมุทิตานิ มคฺโค อนฺตมโส สตฺตงฺควิกลสฺส อริยมคฺคสฺส อภาวโตติ? สจฺจเมตํ สจฺจปฏิเวเธน, มคฺคปจฺจยตาย ปน ยถาสกํ กิจฺจกรเณน ปจฺเจกมฺปิ ตานิ มคฺโคเยวาติ อาห ‘‘เอกเมกฺหิ องฺคํ มคฺโคเยวา’’ติ, อฺถา สมุทิตานมฺปิ เนสํ มคฺคกิจฺจํ น สมฺภเวยฺยาติ. อิทานิ ตเมวตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘สมฺมาทิฏฺิมคฺโค เจว เหตุ จา’’ติ วุตฺตํ.

สมฺมา อวิปรีตํ ปริฺาภิสมยาทิวเสน จตุนฺนํ สจฺจานํ ทสฺสนํ ปฏิวิชฺฌนํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สมฺมาทสฺสนลกฺขณา. สมฺมา อวิปรีตํ สมฺปยุตฺตธมฺเม นิพฺพานารมฺมเณ อภินิโรปนํ อปฺปนาลกฺขณํ เอตสฺสาติ สมฺมาอภินิโรปนลกฺขโณ มุสาวาทาทีนํ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ ปฏิปกฺขภาวโต สินิทฺธสภาวตฺตา สมฺปยุตฺตธมฺเม, สมฺมาวาจปฺปจฺจยสุภาสิตโสตารฺจ ชนํ สมฺมเทว ปริคฺคณฺหาตีติ สมฺมาวาจา สมฺมาปริคฺคโห ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สมฺมาปริคฺคหลกฺขณา. ยถา กายิกา กิริยา กิฺจิ กตฺตพฺพํ สมุฏฺาเปติ, สยฺจ สมุฏฺหนํ ฆฏนํ โหติ, ตถา สมฺมากมฺมนฺตสงฺขาตา วิรติปีติ สมฺมาสมุฏฺานลกฺขโณ สมฺมากมฺมนฺโต. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฏฺานํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิย. ชีวมานสฺส สตฺตสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา สุทฺธิ โวทานํ, อาชีวสฺเสว วา ชีวิตปฺปวตฺติยา สุทฺธิ โวทานํ เอเตนาติ สมฺมาโวทานลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว. โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคณฺหนํ อนุพลปฺปทานํ ปคฺคโห. อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา านํ, ตสฺส วา อนิสฺสชฺชนํ อุปฏฺานํ. อารมฺมเณ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สมฺมา, สมํ วา อาธานํ สมาธานํ. สมฺมา สงฺกปฺเปติ สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมเณ อภินิโรเปตีติ สมฺมาสงฺกปฺโป. สมฺมา วทติ เอตายาติ สมฺมาวาจา. สมฺมา กโรติ เอเตนาติ สมฺมากมฺมํ, ตเทว สมฺมากมฺมนฺโต. สมฺมา อาชีวติ เอเตนาติ สมฺมาอาชีโว. สมฺมา วายมติ อุสฺสหติ เอเตนาติ สมฺมาวายาโม. สมฺมา สรติ อนุสฺสรตีติ สมฺมาสติ. สมฺมา สมาธิยติ จิตฺตํ เอเตนาติ สมฺมาสมาธีติ เอวํ สมฺมาสงฺกปฺปาทีนํ นิพฺพจนํ เวทิตพฺพํ.

มิจฺฉาทิฏฺินฺติ สพฺพมฺปิ มิจฺฉาทสฺสนํ. ตปฺปจฺจนียกิเลเสติ เอตฺถ ตํ-สทฺเทน สมฺมาทิฏฺิ. น หิ มิจฺฉาทิฏฺิยา กิเลสา ปจฺจนียา, อถ โข สมฺมาทิฏฺิยา. อวิชฺชฺจาติ อวิชฺชาคฺคหณํ ตสฺสา สํกิเลสธมฺมานํ ปมุขภาวโต. เตนาห ‘‘อวิชฺชา, ภิกฺขเว, ปุพฺพงฺคมา อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑). ทสฺสนนิวารกสฺส สมฺโมหสฺส สมุคฺฆาเตน อสมฺโมหโต. เอตฺถ จ มิจฺฉาทิฏฺึ…เป… ปชหตีติ เอเตน ปหานาภิสมยํ, นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรตีติ เอเตน สจฺฉิกิริยาภิสมยํ, สมฺปยุตฺตธมฺเมติอาทินา ภาวนาภิสมยํ สมฺมาทิฏฺิกิจฺจํ ทสฺเสติ. ปริฺาภิสมโย ปน นานนฺตริยตาย อตฺถโต วุตฺโต เอว โหตีติ ทฏฺพฺโพ.

กถํ ปน เอกเมว าณํ เอกสฺมึ ขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ สาเธนฺตํ ปวตฺตติ. น หิ ตาทิสํ โลเก ทิฏฺํ, น อาคโม วา ตาทิโส อตฺถีติ น วตฺตพฺพํ. ยถา หิ ปทีโป เอกสฺมึเยว ขเณ วฏฺฏึ ทหติ, สฺเนหํ ปริยาทิยติ, อนฺธการํ วิธมติ, อาโลกฺจ วิทํเสติ, เอวเมตํ าณนฺติ ทฏฺพฺพํ. มคฺคสมงฺคิสฺส าณํ ทุกฺเขเปตํ าณํ, ทุกฺขสมุทเยเปตํ าณํ, ทุกฺขนิโรเธเปตํ าณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทายเปตํ าณนฺติ สุตฺตปทํ (วิภ. ๗๕๔) เอตฺถ อุทาหริตพฺพํ. ยถา จ สมฺมาทิฏฺิ ปุพฺพภาเค ทุกฺขาทีสุ วิสุํ วิสุํ ปวตฺติตฺวา มคฺคกฺขเณ เอกาว จตุนฺนํ าณานํ กิจฺจํ สาเธนฺตี ปวตฺตติ, เอวํ สมฺมาสงฺกปฺปาทโย ปุพฺพภาเค เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทินามกา หุตฺวา กามสงฺกปฺปาทีนํ ปชหนวเสน วิสุํ วิสุํ ปวตฺติตฺวา มคฺคกฺขเณ ติณฺณํ จตุนฺนฺจ กิจฺจํ สาเธนฺตา ปวตฺตนฺติ. สมฺมาสมาธิ ปน ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ นานาเยว หุตฺวา ปวตฺตตีติ กามฺเจตฺถ สมฺมาทิฏฺิยา สพฺเพปิ ปาปธมฺมา ปฏิปกฺขา, อุชุวิปจฺจนีกตาทสฺสนวเสน ปน สมฺมาทิฏฺิยา กิจฺจนิทฺเทเส มิจฺฉาทิฏฺิคฺคหณํ กตํ. เตเนว จ ‘‘ตปฺปจฺจนียกิเลเส จา’’ติ วุตฺตํ.

เยสํ กิเลสานํ อนุปจฺฉินฺทเน สมฺมาทิฏฺิ น อุปฺปชฺเชยฺย, เต มิจฺฉาทิฏฺิยา สหเชกฏฺตาย ตเทกฏฺาว ตปฺปจฺจนียกิเลสา ทฏฺพฺพา. สมฺมาสงฺกปฺปาทีนํ กิจฺจนิทฺเทเสปิ เอเสว นโย. โสตาปตฺติมคฺคาทิวเสน จตฺตาโร โลกุตฺตรมคฺคภาวสามฺเน เอกโต กตฺวา. โลภโทสา สมุทยสจฺจํ, ยสฺส ปน โส สมุทโย ตํ ทุกฺขสจฺจํ, ปหานภาโว มคฺคสจฺจํ, ยตฺถ ตํ ปหานํ, ตํ นิโรธสจฺจนฺติ อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ. กสฺมา ปเนตฺถ โลภโทสานํ วิสุํ อาทิโต จ คหณํ? วิสุํ คหณํ ตาว ตถาพุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน, อิเมหิ โลภโทเสหิ อามิสทายาทตา, ตปฺปหาเนน จ ธมฺมทายาทตาติ ทสฺสนตฺถํ, ตทนุสาเรน จตุสจฺจโยชนาย เอวํ เอเกกสฺส นิยฺยานมุขํ โหตีติ ทสฺสนตฺถฺจ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย. อาทิโต คหณํ ปน อติวิย โอฬาริกตาย สุปากฏภาวโต วกฺขมานานํ อฺเสฺจ ปาปธมฺมานํ มูลภาวโต ตเทกฏฺตาย จ เวทิตพฺพํ.

กุชฺฌนลกฺขโณติ กุปฺปนสภาโว, จิตฺตสฺส พฺยาปชฺชนาติ อตฺโถ. จณฺฑิกฺกํ ลุทฺทตา, กุรุรภาโวติ อตฺโถ. อาฆาตกรณรโสติ ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินา จิตฺเต อาฆาตสฺส กรณรโส. ทุสฺสนปจฺจุปฏฺาโนติ สปรสนฺตานสฺส วินาสนปจฺจุปฏฺาโน ลทฺโธกาโส วิย สปตฺโต. อุปนนฺธนํ นานปฺปการสฺส อุปรูปริ นนฺธนํ วิย โหตีติ กตฺวา. ตถา เหส ‘‘เวรอปฺปฏินิสฺสชฺชนรโส, โกธานุปพนฺธภาวปจฺจุปฏฺาโน’’ติ จ วุตฺโต. อปรกาเล อุปนาโหติอาทีติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘อุปนยฺหนา อุปนยฺหิตตฺตํ อาปนา ปนา สณฺปนา อนุสํสนฺทนา อนุปฺปพนฺธนา ทฬฺหีกมฺม’’นฺติอาทีนํ (วิภ. ๘๙๑) นิทฺเทสปทานํ อตฺถวณฺณนํ สงฺคยฺหติ. อุปนาหสมงฺคี หิ ปุคฺคโล เวรสฺส อนิสฺสชฺชนโต อาทิตฺตปูติอลาตํ วิย ชลติ เอว, จิตฺตฺจสฺส โธวิยมานํ อจฺฉจมฺมํ วิย, มสิมกฺขิตปิโลติกา วิย จ น สุชฺฌเตว.

ปรคุณมกฺขนลกฺขโณติ อุทกปุฺฉนิยา อุทกํ วิย ปเรสํ คุณานํ มกฺขนสภาโว. ตถาภูโต จายํ อตฺตโน การกํ คูเถน ปหรนฺตํ คูโถ วิย ปมตรํ มกฺเขติ เอวาติ ทฏฺพฺโพ. ตถา เหสฺส สปรสนฺตาเนสุ คุณํ มกฺเขตีติ มกฺโขติ วุจฺจติ. ยุคคฺคาโห สมธุรคฺคหณํ อสมานสฺสปิ อภูตสฺส สมาโรปนํ. สมภาวกรณํ สมีกรณํ. ปเรสํ คุณปฺปมาเณน อตฺตโน คุณานํ อุปฏฺานํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อาห ‘‘ปเรสํ คุณปฺปมาเณน อุปฏฺานปจฺจุปฏฺาโน’’ติ. ตถา เหส ปเรสํ คุเณ ฑํสิตฺวา วิย อตฺตโน คุเณหิ สเม กโรตีติ ปฬาโสติ วุจฺจติ.

ปรสมฺปตฺติขียนํ ปรสมฺปตฺติยา อุสูยนํ. อิสฺสติ ปรสมฺปตฺตึ น สหตีติ อิสฺสา. ตถา เหสา ‘‘ปรสมฺปตฺติยา อกฺขมนลกฺขณา’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถาติ ปรสมฺปตฺติยํ. อนภิรติรสา อภิรติปฏิปกฺขกิจฺจา. วิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา ปรสมฺปตฺตึ ปสฺสิตุมฺปิ อปฺปทานโต. นิคูหนลกฺขณํ อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวาสหนโต. อสุขายนํ น สุขนํ ทุกฺขนํ, อโรจนนฺติ อธิปฺปาโย.

กตสฺส กายทุจฺจริตาทิปาปสฺส ปฏิจฺฉาทนํ กตปาปปฏิจฺฉาทนํ. ตสฺส ปาปสฺส อาวรณภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ ตทาวรณปจฺจุปฏฺานา, มายา, ยาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภสฺมฉนฺโน วิย องฺคาโร, อุทกฉนฺโน วิย ขาณุ, ปิโลติกปฏิจฺฉาทิตํ วิย จ สตฺถํ โหติ. อวิชฺชมานคุณปฺปกาสนํ อตฺตนิ อวิชฺชมานสีลาทิคุณวิภาวนํ, เยน สาเยฺเยน สมนฺนาคตสฺส ปุคฺคลสฺส อสนฺตคุณสมฺภาวเนน จิตฺตานุรูปกิริยาวิหรโต ‘‘เอวํจิตฺโต, เอวํกิริโย’’ติ ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา กุจฺฉึ วา ปิฏฺึ วา ชานิตุํ น สกฺกา. ยโต –

‘‘วาเมน สูกโร โหติ, ทกฺขิเณน อชามิโค;

สเรน เนลโก โหติ, วิสาเณน ชรคฺคโว’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๖; วิภ. อฏฺ. ๘๙๔; มหานิ. อฏฺ. ๑๖๖) –

เอวํ วุตฺตยกฺกสูกรสทิโส โหติ.

จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตภาโว ถทฺธลูขภาโว. อปฺปติสฺสยวุตฺตีติ อนิวาตวุตฺติ. อมทฺทวากาเรน ปจฺจุปติฏฺติ, อมทฺทวตํ วา ปจฺจุปฏฺเปตีติ อมทฺทวตาปจฺจุปฏฺาโน, ถมฺโภ, เยน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล คิลิตนงฺคลสีโส วิย อชคโร, วาตภริตภสฺตา วิย จ ถทฺโธ หุตฺวา ครุฏฺานิเย จ ทิสฺวา โอนมิตุมฺปิ น อิจฺฉติ, ปริยนฺเตเนว จรติ. กรณสฺส อุตฺตรกิริยา กรณุตฺตริยํ. วิเสสโต ปจฺจนีกภาโว วิปจฺจนีกตา. ปเรน หิ กิสฺมิฺจิ กเต ตทฺทิคุณํ กรณวเสน สารมฺโภ ปวตฺตติ.

เสยฺยาทิอากาเรหิ อุนฺนมนํ อุนฺนติ. โอมาโนปิ หิ เอวํ กรณมุเขน สมฺปคฺคหวเสเนว ปวตฺตติ. ‘‘อหมสฺมิ เสยฺโย’’ติอาทินา อหํกรณํ สมฺปคฺคโห อหงฺกาโร. ปเร อภิภวิตฺวา อธิกํ อุนฺนมนํ อพฺภุนฺนติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพกาเล อตฺตานํ หีนโต ทหติ อปรกาเล เสยฺยโต’’ติ (วิภ. ๘๗๗).

มตฺตภาโว ชาติอาทึ ปฏิจฺจ จิตฺตสฺส มชฺชนากาโร, ยสฺส วา ธมฺมสฺส วเสน ปุคฺคโล มตฺโต นาม โหติ, โส ธมฺโม มตฺตภาโว. มทคฺคาหณรโส มทสฺส คาหณกิจฺโจ. มโท หิ อตฺตโน มชฺชนาการํ สมฺปยุตฺตธมฺเม คาเหนฺโต วิย ปวตฺตมาโน ตํสมงฺคึ ปุคฺคลมฺปิ ตถา กโรนฺโต วิย โหติ. อหงฺการวเสน ปุคฺคลํ อนิฏฺํ กโรนฺโต จิตฺตสฺส อุมฺมาทภาโว วิย โหตีติ อุมฺมาทปจฺจุปฏฺาโน. สติยา อนิคฺคณฺหิตฺวา จิตฺตสฺส โวสฺสชฺชนํ จิตฺตโวสฺสคฺโค, สติวิรหิโตติ อตฺโถ. ยถาวุตฺตสฺส โวสฺสคฺคสฺส อนุปฺปทานํ ปุนปฺปุนํ วิสฺสชฺชนํ โวสฺสคฺคานุปฺปทานํ. อิเมสํ โกธาทีนํ โลภาทีนมฺปิ วา. ลกฺขณาทีนีติ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานานิ. ปทฏฺานํ ปน ธมฺมนฺตรตาย น คหิตํ. นิพฺพจนํ ‘‘กุชฺฌตีติ โกโธ, อุปนยฺหตีติ อุปนาโห’’ติอาทินา สุวิฺเยฺยเมวาติ น วุตฺตํ, อตฺถโต ปน โกโธ โทโส เอว, ตถา อุปนาโห. ปวตฺติอาการมตฺตโต หิ กโต เนสํ เภโท, มกฺขปฬาสสารมฺภา ตทาการปฺปวตฺตา ปฏิฆสหคตจิตฺตุปฺปาทธมฺมา, มายาสาเยฺยถมฺภมทปฺปมาทา ตทาการปฺปวตฺตา โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทธมฺมา. ถมฺโภ วา มานวิเสโส จิตฺตสฺส ถทฺธภาเวน คเหตพฺพโต, ตถา มโท. ตถา หิ โส ‘‘มาโน มฺนา’’ติอาทินา วิภงฺเค (วิภ. ๘๗๘) นิทฺทิฏฺโ. อิธ ปน มานาติมานานํ วิสุํ คหิตตฺตา มชฺชนากาเรน ปวตฺตธมฺมา เอว ‘‘มโท’’ติ คเหตพฺพา. เสสานํ ธมฺมนฺตรภาโว ปากโฏ เอว.

กสฺมา ปเนตฺถ เอเต เอว อฏฺ ทุกา คหิตา, กิมิโต อฺเปิ กิเลสธมฺมา นตฺถีติ? โน นตฺถิ, อิเม ปน อามิสทายาทสฺส สวิเสสํ กิเลสาย สํวตฺตนฺตีติ ตํ วิเสสํ วิภาเวนฺเตน อามิสทายาทสฺส โลภาทีนํ ปวตฺตนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิเสสโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ เอตฺถาติ เอเตสุ โลภาทีสุ. อลภนฺโต อามิสนฺติ อธิปฺปาโย. ตตุตฺตริ อุปฺปนฺโน โกโธติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. สนฺเตปีติ วิชฺชมาเนปิ. อิสฺสตีติ อิสฺสํ ชเนติ. ปทุสฺสตีติ ตสฺเสว เววจนํ. ตถา หิ สา ‘‘อิสฺสติ ทุสฺสติ ปทุสฺสตี’’ติอาทินา นิทฺทิฏฺา. ยสฺมา วา อิสฺสํ ชเนนฺโต เอกํสโต ปทุฏฺจิตฺโต เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘ปทุสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อสฺสาติ อามิสทายาทสฺส. เอวํ ปฏิปนฺโนติ เอวํ อสนฺตคุณปฺปกาสนํ ปฏิปทํ ปฏิปนฺโน. โอวทิตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ เอเตน ถมฺโภ นาม โทวจสฺสกรโณ ธมฺโมติ ทสฺเสติ. กิฺจิ วทติ โอวาททานวเสน. ถมฺเภน…เป… มฺนฺโตติ อิมินา จ ถมฺภสฺส มานวิเสสภาวํ ทสฺเสติ, ถมฺเภน วา เหตุนาติ อตฺโถ. มตฺโต สมาโนติ มตฺโต โหนฺโต. กาม…เป… ปมชฺชตีติ เอเตน มทวเสน เอกํสโต ปมาทมาปชฺชตีติ ทสฺเสติ.

เอวนฺติ อิมินา อามิสทายาทสฺส โลภาทีนํ อุปฺปตฺติกฺกมทสฺสเนเนว อิธ ปาฬิยํ เนสํ เทสนากฺกโมปิ ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺโพ. น เกวลํ อิเมเหว, อถ โข อฺเหิ จ เอวรูเปหิ ปาปเกหิ ธมฺเมหิ อปริมุตฺโต โหตีติ สมฺพนฺโธ. เก ปน เตติ? อตฺริจฺฉตามหิจฺฉตาทโยติ. เอวํ มหาทีนวา อามิสทายาทตาติ ตโต พลวตโร สํเวโค ชเนตพฺโพติ อยเมตฺถ โอวาโท เวทิตพฺโพ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ สุตฺเต. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ วาเรสุ. นิพฺพิเสโสเยวาติ เอเตเนว ปมตรํ อิธ ทสฺสิตสจฺจโยชนานเยน สพฺพวาเรสุ โยเชตพฺโพติ เวทิตพฺโพ.

าณปริจยปาฏวตฺถนฺติ มคฺคสฺส อฏฺงฺคสตฺตงฺคตาทิวิเสสวิภาวนาย าณสฺส อาเสวนฏฺเน ปริจโย าณปริจโย, ตสฺส ปฏุภาวตฺถํ โกสลฺลตฺถํ. เอตฺถาติ อริยมคฺเค. เภโทติ วิเสโส. กโมติ องฺคานํ เทสนานุปุพฺพี. ภาวนานโยติ ภาวนาวิธิ. ‘‘กทาจิ อฏฺงฺคิโก, กทาจิ สตฺตงฺคิโก’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ปุน ‘‘อยํ หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โลกุตฺตรปมชฺฌานวเสนาติ โลกุตฺตรสฺส ปมชฺฌานสฺส วเสน. เอตฺถ จ เกจิ ฌานธมฺมา มคฺคสภาวาติ เอกนฺตโต ฌานํ มคฺคโต วิสุํ กตฺวา วตฺตุํ น สกฺกาติ ‘‘โลกุตฺตรปมชฺฌานสหิโต’’ติ อวตฺวา ‘‘โลกุตฺตรปมชฺฌานวเสน’’อิจฺเจว วุตฺตํ. อถ วา โลกุตฺตรปมชฺฌานวเสนาติ โลกุตฺตรา หุตฺวา ปมชฺฌานสฺส วเสนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อริยมคฺโค หิ วิปสฺสนาย ปาทกภูตสฺส, สมฺมสิตสฺส วา ปมชฺฌานสฺส วเสน อฏฺงฺคิโก โหติ. อถ วา อฌานลาภิโน สุกฺขวิปสฺสกสฺส, ฌานลาภิโน วา ปาทกมกตฺวา ปมชฺฌานสฺส, ปกิณฺณกสงฺขารานํ วา สมฺมสเน อุปฺปนฺโน อริยมคฺโค อฏฺงฺคิโก โหติ, สฺวาสฺส อฏฺงฺคิกภาโว ปมชฺฌานิกภาเวนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปมชฺฌานวเสนา’’ติ อาห. เอวํ ‘‘อวเสสชฺฌานวเสนา’’ติ เอตฺถาติ ยถารหํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ยทิ อริยมคฺโค สตฺตงฺคิโกปิ โหติ, อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘อฏฺงฺคิโก’’อิจฺเจว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุกฺกฏฺนิทฺเทสโต’’ติอาทิ. ยถา เจตฺถ ปฏิปทาย มคฺควเสน อฏฺงฺคิกสตฺตงฺคิกเภโท, เอวํ โพชฺฌงฺควเสน สตฺตงฺคิกฉฬงฺคิกเภโท เวทิตพฺโพ อปฺปีติกชฺฌานวเสน ฉฬงฺคิกตฺตา, มคฺควเสน ปน เทสนา อาคตาติ สฺวายํ เภโท อฏฺกถายํ น อุทฺธโฏ. อิโต ปรนฺติ อิโต อฏฺงฺคโต ปรํ อุกฺกํสโต, อวกํสโต ปน สตฺตงฺคโต ปรํ มคฺคงฺคํ นาม นตฺถีติ. นนุ มคฺควิภงฺเค (วิภ. ๔๙๓-๕๐๒) ปฺจงฺคิกวาเร ปฺเจว มคฺคงฺคานิ อุทฺธฏานิ, มหาสฬายตเน (ม. นิ. ๓.๔๓๑) จ ‘‘ยา ตถาภูตสฺส ทิฏฺิ, โย ตถาภูตสฺส สงฺกปฺโป, โย ตถาภูตสฺส วายาโม, ยา ตถาภูตสฺส สติ, โย ตถาภูต