📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มชฺฌิมนิกาเย
มูลปณฺณาส-ฏีกา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
๑. สํวณฺณนารมฺเภ ¶ ¶ รตนตฺตยวนฺทนา สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส ปภวนิสฺสยวิสุทฺธิปฏิเวทนตฺถํ, ตํ ปน ธมฺมสํวณฺณนาสุ วิฺูนํ พหุมานุปฺปาทนตฺถํ, ตํ สมฺมเทว เตสํ อุคฺคหธารณาทิกฺกมลทฺธพฺพาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สพฺพหิตสุขนิปฺผาทนตฺถํ. อถ วา มงฺคลภาวโต, สพฺพกิริยาสุ ปุพฺพกิจฺจภาวโต, ปณฺฑิเตหิ สมาจริตภาวโต, อายตึ ปเรสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนโต จ สํวณฺณนายํ รตนตฺตยปณามกิริยา. อถ วา รตนตฺตยปณามกรณํ ปูชนียปูชาปฺุวิเสสนิพฺพตฺตนตฺถํ. ตํ อตฺตโน ยถาลทฺธสมฺปตฺตินิมิตฺตกสฺส กมฺมสฺส พลานุปฺปทานตฺถํ. อนฺตรา จ ตสฺส อสงฺโกจนตฺถํ. ตทุภยํ อนนฺตราเยน อฏฺกถาย ปริสมาปนตฺถํ. อิทเมว จ ปโยชนํ อาจริเยน อิธาธิปฺเปตํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อิติ เม ปสนฺนมติโน…เป… ตสฺสานุภาเวนา’’ติ. วตฺถุตฺตยปูชาหิ นิรติสยปฺุกฺเขตฺตสํพุทฺธิยา อปริเมยฺยปภาโว ปฺุาติสโยติ พหุวิธนฺตราเยปิ โลกสนฺนิวาเส ¶ อนฺตรายนิพนฺธนสกลสํกิเลสวิทฺธํสนาย ปโหติ. ภยาทิอุปทฺทวฺจ นิวาเรติ. ยถาห –
‘‘ปูชารเห ปูชยโต. พุทฺเธ ยทิ ว สาวเก’’ติอาทิ (ธ. ป. ๑๙๕; อป. ๑.๑๐.๑), ตถา ¶ –
‘‘เย, ภิกฺขเว, พุทฺเธ ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา, อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๙๐, ๙๑),
‘‘พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ;
วรเมว หิ สา ปีติ, กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺส.
ธมฺโมติ กิตฺตยนฺตสฺส…เป… กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺส;
สงฺโฆติ กิตฺตยนฺตสฺส…เป… กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺสา’’ติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๙๐),
ตถา –
‘‘ยสฺมึ มหานาม สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑),
‘‘อรฺเ รุกฺขมูเล วา…เป…
ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา,
โลมหํโส น เหสฺสตี’’ติ จ. (สํ. นิ. ๒.๒๔๙);
ตตฺถ ยสฺส วตฺถุตฺตยสฺส วนฺทนํ กตฺตุกาโม, ตสฺส คุณาติสยโยคสนฺทสฺสนตฺถํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทินา คาถาตฺตยมาห. คุณาติสยโยเคน หิ วนฺทนารหภาโว, วนฺทนารเห จ กตา วนฺทนา ยถาธิปฺเปตํ ปโยชนํ สาเธตีติ. ตตฺถ ยสฺสา เทสนาย สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม. สา น วินยเทสนา วิย กรุณาปฺปธานา, นาปิ อภิธมฺมเทสนา วิย ปฺาปฺปธานา ¶ , อถ โข กรุณาปฺาปฺปธานาติ ตทุภยปฺปธานเมว ตาว สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โถมนํ กาตุํ ตมฺมูลกตฺตา เสสรตนานํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กิรตีติ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ อปเนตีติ อตฺโถ. อถ วา กิณาตีติ กรุณา, ปรทุกฺเข สติ การุณิกํ หึสติ วิพาธตีติ อตฺโถ. ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ กโรตีติ วา กรุณา. อถ วา กมิติ สุขํ, ตํ รุนฺธตีติ กรุณา. เอสา หิ ปรทุกฺขาปนยนกามตาลกฺขณา อตฺตสุขนิรเปกฺขตาย การุณิกานํ สุขํ รุนฺธติ วิพนฺธตีติ อตฺโถ ¶ . กรุณาย สีตลํ กรุณาสีตลํ, กรุณาสีตลํ หทยํ อสฺสาติ กรุณาสีตลหทโย, ตํ กรุณาสีตลหทยํ.
ตตฺถ กิฺจาปิ ปเรสํ หิโตปสํหารสุขาทิอปริหานิจฺฉนสภาวตาย, พฺยาปาทารตีนํ อุชุวิปจฺจนีกตาย จ ปรสตฺตสนฺตานคตสนฺตาปวิจฺเฉทนาการปฺปวตฺติยา เมตฺตามุทิตานมฺปิ จิตฺตสีตลภาวการณตา อุปลพฺภติ, ตถาปิ ปรทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติยา ปรูปตาปาสหนรสา อวิหึสาภูตา กรุณาว วิเสเสน ภควโต จิตฺตสฺส จิตฺตปสฺสทฺธิ วิย สีติภาวนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ. กรุณามุเขน วา เมตฺตามุทิตานมฺปิ หทยสีตลภาวการณตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา อสาธารณาณวิเสสนิพนฺธนภูตา สาติสยํ นิรวเสสฺจ สพฺพฺุตฺาณํ วิย สวิสยพฺยาปิตาย มหากรุณาภาวํ อุปคตา กรุณาว ภควโต อติสเยน หทยสีตลภาวเหตูติ อาห ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ. อถ วา สติปิ เมตฺตามุทิตานํ สาติสเย หทยสีติภาวนิพนฺธนตฺเต สกลพุทฺธคุณวิเสสการณตาย ตาสมฺปิ การณนฺติ กรุณาว ภควโต ‘‘หทยสีตลภาวการณ’’นฺติ วุตฺตา. กรุณานิทานา หิ สพฺเพปิ พุทฺธคุณา. กรุณานุภาวนิพฺพาปิยมานสํสารทุกฺขสนฺตาปสฺส หิ ภควโต ปรทุกฺขาปนยนกามตาย อเนกานิปิ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ อกิลนฺตรูปสฺเสว นิรวเสสพุทฺธกรธมฺมสมฺภรณนิรตสฺส สมธิคตธมฺมาธิปเตยฺยสฺส จ สนฺนิหิเตสุปิ สตฺตสงฺขารสมุปนีตหทยูปตาปนิมิตฺเตสุ น อีสกมฺปิ จิตฺตสีติภาวสฺส อฺถตฺตมโหสีติ. เอตสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ตีสุปิ อวตฺถาสุ ภควโต กรุณา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.
ปชานาตีติ ปฺา, ยถาสภาวํ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ปฺาว เยฺยาวรณปฺปหานโต ปกาเรหิ ธมฺมสภาวโชตนฏฺเน ปชฺโชโตติ ปฺาปชฺโชโต. สวาสนปฺปหานโต วิเสเสน หตํ สมุคฺฆาติตํ วิหตํ, ปฺาปชฺโชเตน วิหตํ ปฺาปชฺโชตวิหตํ. มุยฺหนฺติ เตน, สยํ วา มุยฺหติ, โมหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโห, อวิชฺชา, สฺเวว วิสยสภาวปฏิจฺฉาทนโต อนฺธการสริกฺขตาย ตโม วิยาติ ตโม, ปฺาปชฺโชตวิหโต ¶ โมหตโม เอตสฺสาติ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตโม, ตํ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ. สพฺเพสมฺปิ ¶ หิ ขีณาสวานํ สติปิ ปฺาปชฺโชเตน อวิชฺชนฺธการสฺส วิหตภาเว สทฺธาวิมุตฺเตหิ วิย ทิฏฺิปฺปตฺตานํ สาวเกหิ ปจฺเจกสมฺพุทฺเธหิ จ สวาสนปฺปหาเนน สมฺมาสมฺพุทฺธานํ กิเลสปฺปหานสฺส วิเสโส วิชฺชตีติ สาติสเยน อวิชฺชาปหาเนน ภควนฺตํ โถเมนฺโต อาห ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ.
อถ วา อนฺตเรน ปโรปเทสํ อตฺตโน สนฺตาเน อจฺจนฺตํ อวิชฺชนฺธการวิคมสฺส นิพฺพตฺติตตฺตา, ตถา สพฺพฺุตาย พเลสุ จ วสีภาวสฺส สมธิคตตฺตา, ปรสนฺตติยฺจ ธมฺมเทสนาติสยานุภาเวน สมฺมเทว ตสฺส ปวตฺติตตฺตา ภควาว วิเสสโต โมหตมวิคเมน โถเมตพฺโพติ อาห ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ‘‘ปฺาปชฺโชโต’’ติ ปเทน ภควโต ปฏิเวธปฺา วิย เทสนาปฺาปิ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.
อถ วา ภควโต าณสฺส เยฺยปริยนฺติกตฺตา สกลเยฺยธมฺมสภาวาวโพธนสมตฺเถน อนาวรณาณสงฺขาเตน ปฺาปชฺโชเตน สพฺพเยฺยธมฺมสภาวจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิธมิตตฺตา อนฺสาธารโณ ภควโต โมหตมวินาโสติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ. เอตฺถ จ โมหตมวิธมนนฺเต อธิคตตฺตา อนาวรณาณํ การณูปจาเรน สสนฺตาเน โมหตมวิธมนนฺติ ทฏฺพฺพํ. อภินีหารสมฺปตฺติยา สวาสนปฺปหานเมว หิ กิเลสานํ เยฺยาวรณปฺปหานนฺติ, ปรสนฺตาเน ปน โมหตมวิธมนสฺส การณภาวโต อนาวรณาณํ ‘‘โมหตมวิธมน’’นฺติ วุจฺจตีติ.
กึ ปน การณํ อวิชฺชาสมุคฺฆาโตเยเวโก ปหานสมฺปตฺติวเสน ภควโต โถมนานิมิตฺตํ คยฺหติ, น ปน สาติสยํ นิรวเสสกิเลสปฺปหานนฺติ? ตปฺปหานวจเนเนว ตเทกฏฺตาย สกลสํกิเลสคณสมุคฺฆาตสฺส โชติตภาวโต. น หิ โส ตาทิโส กิเลโส อตฺถิ, โย นิรวเสสอวิชฺชาปฺปหาเนน น ปหียตีติ.
อถ วา วิชฺชา วิย สกลกุสลธมฺมสมุปฺปตฺติยา นิรวเสสากุสลธมฺมนิพฺพตฺติยา สํสารปฺปวตฺติยา จ อวิชฺชา ปธานการณนฺติ ตพฺพิฆาตวจเนน ¶ สกลสํกิเลสคณสมุคฺฆาโต วุตฺโตเยว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ.
นรา ¶ จ อมรา จ นรามรา, สห นรามเรหีติ สนรามโร, สนรามโร จ โส โลโก จาติ สนรามรโลโก. ตสฺส ครูติ สนรามรโลกครุ, ตํ สนรามรโลกครุํ. เอเตน เทวมนุสฺสานํ วิย ตทวสิฏฺสตฺตานมฺปิ ยถารหํ คุณวิเสสาวหตาย ภควโต อุปการิตํ ทสฺเสติ. น เจตฺถ ปธานาปฺปธานภาโว โจเทตพฺโพ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโม. เอทิเสสุ หิ สมาสปเทสุ ปธานมฺปิ อปฺปธานํ วิย นิทฺทิสียติ ยถา ‘‘สราชิกาย ปริสายา’’ติ (จูฬว. ๓๓๖). กามฺเจตฺถ สตฺตสงฺขาโรกาสวเสน ติวิโธ โลโก, ครุภาวสฺส ปน อธิปฺเปตตฺตา ครุกรณสมตฺถสฺเสว ยุชฺชนโต สตฺตโลกสฺส วเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ. โส หิ โลกียนฺติ เอตฺถ ปฺุปาปานิ ตพฺพิปาโก จาติ ‘‘โลโก’’ติ วุจฺจติ. อมรคฺคหเณน เจตฺถ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา.
อถ วา สมูหตฺโถ โลกสทฺโท สมุทายวเสน โลกียติ ปฺาปียตีติ. สห นเรหีติ สนรา, สนรา จ เต อมรา จาติ สนรามรา, เตสํ โลโกติ สนรามรโลโกติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ. อมรสทฺเทน เจตฺถ วิสุทฺธิเทวาปิ สงฺคยฺหนฺติ. เต หิ มรณาภาวโต ปรมตฺถโต อมรา. นรามรานํเยว จ คหณํ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๕๗). ตถา หิ สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตูปการิตาย อปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณวิเสสสมงฺคิตาย จ สพฺพสตฺตุตฺตโม ภควา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมคารวฏฺานํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติ.
โสภนํ คตํ คมนํ เอตสฺสาติ สุคโต. ภควโต หิ เวเนยฺยชนุปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต โสภนํ, ตถา ¶ ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทุตวิลมฺพิต-ขลิตานุกฑฺฒน-นิปฺปีฬนุกฺกุฏิก-กุฏิลากุลตาทิ-โทสรหิต-มวหสิต-ราชหํส- วสภวารณ-มิคราชคมนํ กายคมนํ าณคมนฺจ วิปุลนิมฺมลกรุณา-สติวีริยาทิ-คุณวิเสสสหิตมภินีหารโต ยาว มหาโพธึ อนวชฺชตาย โสภนเมวาติ. อถ วา สยมฺภุาเณน สกลมปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน ปริชานนฺโต าเณน สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต. ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต, โลกนิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา คโต อธิคโตติ สุคโต, โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปฏิปนฺโนติ สุคโต. ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต’’ติอาทินา (มหานิ. ๓๘; จูฬนิ. ๒๗) นเยน อยมตฺโถ ¶ วิภาเวตพฺโพ. อถ วา สุนฺทรํ านํ สมฺมาสมฺโพธึ, นิพฺพานเมว วา คโต อธิคโตติ สุคโต. ยสฺมา วา ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ เวเนยฺยานํ ยถารหํ กาลยุตฺตเมว จ ธมฺมํ ภาสติ, ตสฺมา สมฺมา คทติ วทตีติ สุคโต ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. อิติ โสภนคมนตาทีหิ สุคโต, ตํ สุคตํ.
ปฺุปาปกมฺเมหิ อุปปชฺชนวเสน คนฺตพฺพโต คติโย, อุปปตฺติภววิเสสา. ตา ปน นิรยาทิวเสน ปฺจวิธา. ตาหิ สกลสฺสปิ ภวคามิกมฺมสฺส อริยมคฺคาธิคเมน อวิปาการหภาวกรเณน นิวตฺติตตฺตา ภควา ปฺจหิปิ คตีหิ สุฏฺุ มุตฺโต วิสํยุตฺโตติ อาห ‘‘คติวิมุตฺต’’นฺติ. เอเตน ภควโต กตฺถจิปิ คติยา อปริยาปนฺนตํ ทสฺเสติ, ยโต ภควา ‘‘เทวาติเทโว’’ติ วุจฺจติ. เตเนวาห –
‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖);
ตํตํคติสํวตฺตนกานฺหิ กมฺมกิเลสานํ อคฺคมคฺเคน โพธิมูเลเยว สุปฺปหีนตฺตา นตฺถิ ภควโต คติปริยาปนฺนตาติ อจฺจนฺตเมว ภควา สพฺพภวโยนิคติ-วิฺาณฏฺิติ-สตฺตาวาส-สตฺตนิกาเยหิ ปริมุตฺโต, ตํ คติวิมุตฺตํ. วนฺเทติ นมามิ, โถเมมีติ วา อตฺโถ.
อถ ¶ วา คติวิมุตฺตนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุปฺปตฺติยา ภควนฺตํ โถเมติ. เอตฺถ หิ ทฺวีหิ อากาเรหิ ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา อตฺตหิตสมฺปตฺติโต ปรหิตปฏิปตฺติโต จ. เตสุ อตฺตหิตสมฺปตฺติ อนาวรณาณาธิคมโต สวาสนานํ สพฺเพสํ กิเลสานํ อจฺจนฺตปฺปหานโต อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติโต จ เวทิตพฺพา, ปรหิตปฏิปตฺติ ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมเทสนโต วิรุทฺเธสุปิ นิจฺจํ หิตชฺฌาสยโต าณปริปากกาลาคมนโต จ. สา ปเนตฺถ อาสยโต ปโยคโต จ ทุวิธา ปรหิตปฏิปตฺติ, ติวิธา จ อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปกาสิตา โหติ. กถํ? ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ เอเตน อาสยโต ปรหิตปฏิปตฺติ, สมฺมาคทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปโยคโต ปรหิตปฏิปตฺติ, ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ คติวิมุตฺต’’นฺติ เอเตหิ จตุสจฺจปฏิเวธตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ติวิธาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, อวสิฏฺฏฺเน ¶ เตน ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน จาปิ สพฺพาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติปรหิตปฏิปตฺติ ปกาสิตา โหตีติ.
อถ วา ตีหิ อากาเรหิ ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา – เหตุโต ผลโต อุปการโต จ. ตตฺถ เหตุ มหากรุณา, สา ปมปเทน ทสฺสิตา. ผลํ จตุพฺพิธํ าณสมฺปทา ปหานสมฺปทา อานุภาวสมฺปทา รูปกายสมฺปทา จาติ. ตาสุ าณปหานสมฺปทา ทุติยปเทน สจฺจปฏิเวธตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ปกาสิตา โหนฺติ, อานุภาวสมฺปทา ปน ตติยปเทน, รูปกายสมฺปทา ยถาวุตฺตกายคมนโสภนตฺเถน สุคตสทฺเทน ลกฺขณานุพฺยฺชนปาริปูริยา วินา ตทภาวโต. อุปกาโร อนนฺตรํ อพาหิรํ กริตฺวา ติวิธยานมุเขน วิมุตฺติธมฺมเทสนา. โส สมฺมาคทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปกาสิโต โหตีติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ ทสฺเสติ. มหากรุณาสฺโจทิตมานโส หิ ภควา สํสารปงฺกโต สตฺตานํ สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาโร อนุปุพฺเพน ปารมิโย ปูเรตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคโตติ กรุณา สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ. ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธึ ทสฺเสติ ¶ . อนาวรณาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ อนาวรณาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจตีติ. สมฺมาคมนตฺเถน สุคตสทฺเทน สมฺมาสมฺโพธิยา ปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขลฺลิกตฺตกิลมถานุโยคสสฺสตุจฺเฉทาภินิเวสาทิ อนฺตทฺวยรหิตาย กรุณาปฺาปริคฺคหิตาย มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา ปกาสนโต สุคตสทฺทสฺส. อิตเรหิ สมฺมาสมฺโพธิยา ปธานาปฺปธานเภทํ ปโยชนํ ทสฺเสติ. สํสารมโหฆโต สตฺตสนฺตารณฺเหตฺถ ปธานํ ปโยชนํ, ตทฺมปฺปธานํ. เตสุ ปธาเนน ปรหิตปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ, อิตเรน อตฺตหิตสมฺปตฺตึ, ตทุภเยน อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ ภควโต จตุตฺถปุคฺคลภาวํ ทสฺเสติ. เตน จ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวํ อุตฺตมวนฺทนียภาวํ อตฺตโน จ วนฺทนกิริยาย เขตฺตงฺคตภาวํ ทสฺเสติ.
เอตฺถ จ กรุณาคหเณน โลกิเยสุ มหคฺคตภาวปฺปตฺตาสาธารณคุณทีปนโต ภควโต สพฺพโลกิยคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ, ปฺาคหเณน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานมคฺคาณทีปนโต สพฺพโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ. ตทุภยคฺคหณสิทฺโธ หิ อตฺโถ ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติอาทินา วิปฺจียตีติ. กรุณาคหเณน จ อุปคมนํ นิรุปกฺกิเลสํ ทสฺเสติ, ปฺาคหเณน อปคมนํ. ตถา กรุณาคหเณน โลกสมฺานุรูปํ ภควโต ปวตฺตึ ทสฺเสติ โลกโวหารวิสยตฺตา ¶ กรุณาย, ปฺาคหเณน สมฺาย อนติธาวนํ สภาวานวโพเธน หิ ธมฺมานํ สมฺํ อติธาวิตฺวา สตฺตาทิปรามสนํ โหตีติ. ตถา กรุณาคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติวิหารํ ทสฺเสติ, ปฺาคหเณน ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ จตุสจฺจาณํ จตุปฏิสมฺภิทาาณํ จตุเวสารชฺชาณํ.
กรุณาคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส คหิตตฺตา เสสาสาธารณาณานิ, ฉ อภิฺา, อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณานิ, ทส พลานิ, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, โสฬส าณจริยา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ, สตฺตสตฺตติาณวตฺถูนีติ เอวมาทีนํ อเนเกสํ ปฺาปเภทานํ วเสน าณจารํ ทสฺเสติ. ตถา กรุณาคหเณน จรณสมฺปตฺตึ, ปฺาคหเณน วิชฺชาสมฺปตฺตึ. กรุณาคหเณน อตฺตาธิปติตา, ปฺาคหเณน ธมฺมาธิปติตา. กรุณาคหเณน โลกนาถภาโว, ปฺาคหเณน ¶ อตฺตนาถภาโว. ตถา กรุณาคหเณน ปุพฺพการิภาโว, ปฺาคหเณน กตฺุตา. ตถา กรุณาคหเณน อปรนฺตปตา, ปฺาคหเณน อนตฺตนฺตปตา. กรุณาคหเณน วา พุทฺธกรธมฺมสิทฺธิ, ปฺาคหเณน พุทฺธภาวสิทฺธิ. ตถา กรุณาคหเณน ปเรสํ ตารณํ, ปฺาคหเณน สยํ ตรณํ. ตถา กรุณาคหเณน สพฺพสตฺเตสุ อนุคฺคหจิตฺตตา, ปฺาคหเณน สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺตตา ทสฺสิตา โหติ.
สพฺเพสฺจ พุทฺธคุณานํ กรุณา อาทิ ตนฺนิทานภาวโต, ปฺา ปริโยสานํ ตโต อุตฺตริ กรณียาภาวโต. อิติ อาทิปริโยสานทสฺสเนน สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ. ตถา กรุณาคหเณน สีลกฺขนฺธปุพฺพงฺคโม สมาธิกฺขนฺโธ ทสฺสิโต โหติ. กรุณานิทานฺหิ สีลํ ตโต ปาณาติปาตาทิวิรติปฺปวตฺติโต, สา จ ฌานตฺตยสมฺปโยคินีติ. ปฺาวจเนน ปฺากฺขนฺโธ. สีลฺจ สพฺพพุทฺธคุณานํ อาทิ, สมาธิ มชฺเฌ, ปฺา ปริโยสานนฺติ เอวมฺปิ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณทสฺสเนน สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ นยโต ทสฺสิตตฺตา. เอโส เอว หิ นิรวเสสโต พุทฺธคุณานํ ทสฺสนุปาโย, ยทิทํ นยคฺคาหณํ. อฺถา โก นาม สมตฺโถ ภควโต คุเณ อนุปทํ นิรวเสสโต ทสฺเสตุํ. เตเนวาห –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ;
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน.
ขีเยถ ¶ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร;
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๕; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; อป. อฏฺ. ๒.๗.๒๐; พุ. วํ. อฏฺ. ๔.๔; จริยา. อฏฺ. ๓.๑๒๒ ปกิณฺณกกถา);
เตเนว จ อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรนปิ พุทฺธคุณปริจฺเฉทนํ ปติ อนุยุตฺเตน ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อปิจ เม, ภนฺเต, ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖) วุตฺตํ.
๒. เอวํ สงฺเขเปน สกลสพฺพฺุคุเณหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา อิทานิ สทฺธมฺมํ โถเมตุํ ‘‘พุทฺโธปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ พุทฺโธติ กตฺตุนิทฺเทโส. พุทฺธภาวนฺติ กมฺมนิทฺเทโส. ภาเวตฺวา สจฺฉิกตฺวาติ จ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโส ¶ . ยนฺติ อนิยมโต กมฺมนิทฺเทโส. อุปคโตติ อปรกาลกิริยานิทฺเทโส. วนฺเทติ กิริยานิทฺเทโส. ตนฺติ นิยมนํ. ธมฺมนฺติ วนฺทนกิริยาย กมฺมนิทฺเทโส. คตมลํ อนุตฺตรนฺติ จ ตพฺพิเสสนํ.
ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา นิทฺเทสนเยน (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ๙๗) อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา สวาสนาย อฺาณนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมโต, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาวโต พุทฺธวาติ พุทฺโธ ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน เยฺยวิเสสสฺส กมฺมภาเวน อคฺคหณโต กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเวน อวคมนตฺถวเสเนว กตฺตุนิทฺเทโส ลพฺภตีติ พุทฺธวาติ พุทฺโธ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิโต สยมฺภุาเณน สห วาสนาย วิหตวิทฺธสฺตนิรวเสสกิเลโส มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโร ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ. ยถาห –
‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู. อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ๙๗; ปฏิ. ม. ๓.๑๖๑).
อปิ-สทฺโท ¶ สมฺภาวเน. เตน ‘‘เอวํ คุณวิเสสยุตฺโต โสปิ นาม ภควา’’ติ วกฺขมานคุเณ ธมฺเม สมฺภาวนํ ทีเปติ. พุทฺธภาวนฺติ สมฺมาสมฺโพธึ. ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา วฑฺเฒตฺวา จ. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. อุปคโตติ ปตฺโต, อธิคโตติ อตฺโถ. เอตสฺส ‘‘พุทฺธภาว’’นฺติ เอเตน สมฺพนฺโธ. คตมลนฺติ วิคตมลํ, นิทฺโทสนฺติ อตฺโถ. วนฺเทติ ปณมามิ, โถเมมิ วา. อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรรหิตํ, โลกุตฺตรนฺติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายโต จ สํสารโต จ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เอวํ วิวิธคุณคณสมนฺนาคโต พุทฺโธปิ ภควา ยํ อริยมคฺคสงฺขาตํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา, ผลนิพฺพานสงฺขาตํ ปน สจฺฉิกตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคโต, ตเมตํ พุทฺธานมฺปิ พุทฺธภาวเหตุภูตํ สพฺพโทสมลรหิตํ อตฺตโน อุตฺตริตราภาเวน อนุตฺตรํ ปฏิเวธสทฺธมฺมํ นมามีติ. ปริยตฺติสทฺธมฺมสฺสาปิ ตปฺปกาสนตฺตา อิธ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อถ ¶ วา ‘‘อภิธมฺมนยสมุทฺทํ อธิคจฺฉิ, ตีณิ ปิฏกานิ สมฺมสี’’ติ จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ปริยตฺติธมฺมสฺสปิ สจฺฉิกิริยาสมฺมสนปริยาโย ลพฺภตีติ โสปิ อิธ วุตฺโต เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา สจฺจิกตฺวา’’ติ จ วุตฺตตฺตา พุทฺธกรธมฺมภูตาหิ ปารมิตาหิ สห ปุพฺพภาเค อธิสีลสิกฺขาทโยปิ อิธ ธมฺมสทฺเทน สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพํ. ตาปิ หิ มลปฏิปกฺขตาย คตมลา อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรา จาติ. ตถา หิ สตฺตานํ สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถาย กตมหาภินีหาโร มหากรุณาธิวาสเปสลชฺฌาสโย ปฺาวิเสสปริโธตนิมฺมลานํ ทานทมสํยมาทีนํ อุตฺตมธมฺมานํ สตสหสฺสาธิกานิ กปฺปานํ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ นิรวเสสานํ ภาวนาปจฺจกฺขกรเณหิ กมฺมาทีสุ อธิคตวสีภาโว อจฺฉริยาจินฺเตยฺยมหานุภาโว อธิสีลาธิจิตฺตานํ ปรมุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต ภควา ปจฺจยากาเร จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน มหาวชิราณํ เปเสตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ.
เอตฺถ จ ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน วิชฺชาสมฺปทาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน วิมุตฺติสมฺปทาย. ตถา ปเมน ฌานสมฺปทาย, ทุติเยน วิโมกฺขสมฺปทาย. ปเมน วา สมาธิสมฺปทาย, ทุติเยน สมาปตฺติสมฺปทาย. อถ วา ปเมน ขเยาณภาเวน, ทุติเยน อนุปฺปาเทาณภาเวน. ปุริเมน วา วิชฺชูปมตาย, ทุติเยน วชิรูปมตาย. ปุริเมน วา วิราคสมฺปตฺติยา, ทุติเยน นิโรธสมฺปตฺติยา. ตถา ปเมน นิยฺยานภาเวน, ทุติเยน นิสฺสฺสรณภาเวน. ปเมน วา เหตุภาเวน, ทุติเยน อสงฺขตภาเวน. ปเมน วา ทสฺสนภาเวน, ทุติเยน วิเวกภาเวน. ปเมน วา อธิปติภาเวน, ทุติเยน อมตภาเวน ธมฺมํ ¶ โถเมติ. อถ วา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา พุทฺธภาวํ อุปคโต’’ติ เอเตน สฺวากฺขาตตาย ธมฺมํ โถเมติ. ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สนฺทิฏฺิกตาย. ตถา ปุริเมน อกาลิกตาย, ปจฺฉิเมน เอหิปสฺสิกตาย. ปุริเมน วา โอปเนยฺยิกตาย, ปจฺฉิเมน ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพตาย ธมฺมํ โถเมติ. ‘‘คตมล’’นฺติ อิมินา สํกิเลสาภาวทีปเนน ธมฺมสฺส ปริสุทฺธตํ ทสฺเสติ, ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ เอเตน อฺสฺส วิสิฏฺสฺส อภาวทีปเนน วิปุลปริปุณฺณตํ. ปเมน วา ปหานสมฺปทํ ธมฺมสฺส ทสฺเสติ, ทุติเยน สภาวสมฺปทํ. ภาเวตพฺพตาย วา ธมฺมสฺส คตมลภาโว โยเชตพฺโพ ¶ . ภาวนาคุเณน หิ โส โทสานํ สมุคฺฆาตโก โหตีติ. สจฺฉิกาตพฺพภาเวน อนุตฺตรภาโว โยเชตพฺโพ. สจฺฉิกิริยานิพฺพตฺติโต หิ ตทุตฺตริกรณียาภาวโต อนฺสาธารณตาย อนุตฺตโรติ. ตถา ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน สห ปุพฺพภาคสีลาทีหิ เสกฺขา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สห อสงฺขตาย ธาตุยา อเสกฺขา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺตีติ.
๓. เอวํ สงฺเขเปเนว สพฺพธมฺมคุเณหิ สทฺธมฺมํ อภิตฺถวิตฺวา อิทานิ อริยสงฺฆํ โถเมตุํ ‘‘สุคตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุคตสฺสาติ สมฺพนฺธนิทฺเทโส, ตสฺส ‘‘ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน สมฺพนฺโธ. โอรสานนฺติ ปุตฺตวิเสสนํ. มารเสนมถนานนฺติ โอรสปุตฺตภาเว การณนิทฺเทโส. เตน กิเลสปฺปหานเมว ภควโต โอรสปุตฺตภาเว การณํ อนุชานาตีติ ทสฺเสติ. อฏฺนฺนนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. เตน สติปิ เตสํ สตฺตวิเสสภาเวน อเนกสหสฺสสงฺขาภาเว อิมํ คณนปริจฺเฉทํ นาติวตฺตนฺตีติ ทสฺเสติ มคฺคฏฺผลฏฺภาวานาติวตฺตนโต. สมูหนฺติ สมุทายนิทฺเทโส. อริยสงฺฆนฺติ คุณวิสิฏฺสงฺฆาฏภาวนิทฺเทโส. เตน อสภิปิ อริยปุคฺคลานํ กายสามคฺคิยํ อริยสงฺฆภาวํ ทสฺเสติ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาวโต.
ตตฺถ อุรสิ ภวา ชาตา สํวทฺธา จ โอรสา. ยถา หิ สตฺตานํ โอรสปุตฺตา อตฺตชาตตาย ปิตุ สนฺตกสฺส ทายชฺชสฺส วิเสเสน ภาคิโน โหนฺติ, เอวเมว เตปิ อริยปุคฺคลา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมสฺสวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตตาย ภควโต สนฺตกสฺส วิมุตฺติสุขสฺส อริยธมฺมรตนสฺส จ เอกนฺตภาคิโนติ โอรสา วิย โอรสา. อถ วา ภควโต ธมฺมเทสนานุภาเวน อริยภูมึ โอกฺกมมานา โอกฺกนฺตา จ อริยสาวกา ภควโต อุเรน วายามชนิตาภิชาติตาย นิปฺปริยาเยน ‘‘โอรสปุตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ. สาวเกหิ ปวตฺติยมานาปิ หิ ธมฺมเทสนา ‘‘ภควโต ธมฺมเทสนา’’อิจฺเจว วุจฺจติ ตํมูลิกตฺตา ลกฺขณาทิวิเสสาภาวโต จ.
ยทิปิ ¶ ¶ อริยสาวกานํ อริยมคฺคาธิคมสมเย ภควโต วิย ตทนฺตราย กรณตฺถํ เทวปุตฺตมาโร, มารวาหินี วา น เอกนฺเตน อปสาเทติ, เตหิ ปน อปสาเทตพฺพตาย การเณ วิมถิเต เตปิ วิมถิตา เอว นาม โหนฺตีติ อาห – ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ‘‘มารมารเสนมถนาน’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส กโตติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ขนฺธาภิสงฺขารมารานํ วิย เทวปุตฺตมารสฺสปิ คุณมารเณ สหายภาวูปคมนโต กิเลสพลกาโย ‘‘เสนา’’ติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทิ (สุ. นิ. ๔๓๘; มหานิ. ๒๘, ๖๘, ๑๔๙). สา จ เตหิ ทิยฑฺฒสหสฺสเภทา อนนฺตเภทา วา กิเลสวาหินี สติธมฺมวิจยวีริยสมถาทิคุณปหรเณหิ โอธิโส วิมถิตา วิหตา วิทฺธสฺตา จาติ มารเสนมถนา, อริยสาวกา. เอเตน เตสํ ภควโต อนุชาตปุตฺตตํ ทสฺเสติ.
อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต อริยา นิรุตฺตินเยน. อถ วา สเทวเกน โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต อุปคตานฺจ ตทตฺถสิทฺธิโต อริยา, อริยานํ สงฺโฆติ อริยสงฺโฆ, อริโย จ โส สงฺโฆ จาติ วา อริยสงฺโฆ, ตํ อริยสงฺฆํ. ภควโต อปรภาเค พุทฺธธมฺมรตนานมฺปิ สมธิคโม สงฺฆรตนาธีโนติ อริยสงฺฆสฺส พหูปการตํ ทสฺเสตุํ อิเธว ‘‘สิรสา วนฺเท’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
เอตฺถ จ ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส ปภวสมฺปทํ ทสฺเสติ, ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน ปหานสมฺปทํ สกลสํกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน าณสมฺปทํ มคฺคฏฺผลฏฺภาวทีปนโต. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอเตน ปภาวสมฺปทํ ทสฺเสติ สพฺพสงฺฆานํ อคฺคภาวทีปนโต. อถ วา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ อริยสงฺฆสฺส วิสุทฺธนิสฺสยภาวทีปนํ, ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ สมฺมาอุชุายสามีจิปฺปฏิปนฺนภาวทีปนํ, ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ อาหุเนยฺยาทิภาวทีปนํ, ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อนุตฺตรปฺุกฺเขตฺตภาวทีปนํ. ตถา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส โลกุตฺตรสรณคมนสพฺภาวํ ทีเปติ. โลกุตฺตรสรณคมเนน หิ เต ภควโต โอรสปุตฺตา ชาตา. ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน อภินีหารสมฺปทาสิทฺธํ ¶ ปุพฺพภาเค สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. กตาภินีหารา หิ สมฺมาปฏิปนฺนา มารํ มารปริสํ วา อภิวิชินนฺติ. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน ปฏิวิทฺธสฺตวิปกฺเข เสกฺขาเสกฺขธมฺเม ทสฺเสติ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน มคฺคผลธมฺมานํ ปกาสิตตฺตา. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ ทสฺเสติ. สรณคมนฺจ สาวกานํ สพฺพคุณานํ อาทิ, สปุพฺพภาคปฏิปทา เสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย มชฺเฌ, อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย ¶ ปริโยสานนฺติ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สงฺเขปโต สพฺเพ อริยสงฺฆคุณา ปกาสิตา โหนฺติ.
๔. เอวํ คาถาตฺตเยน สงฺเขปโต สกลคุณสํกิตฺตนมุเขน รตนตฺตยสฺส ปณามํ กตฺวา อิทานิ ตํนิปจฺจการํ ยถาธิปฺเปเต ปโยชเน ปริณาเมนฺโต ‘‘อิติ เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รติชนนฏฺเน รตนํ, พุทฺธธมฺมสงฺฆา. เตสฺหิ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา ยถาภูตคุเณ อาวชฺเชนฺตสฺส อมตาธิคมเหตุภูตํ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ. ยถาห –
‘‘ยสฺมึ มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ…เป… อุชุคตจิตฺโต โข มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).
จิตฺตีกตาทิภาโว วา รตนฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๕๐);
จิตฺติกตภาวาทโย จ อนฺสาธารณา พุทฺธาทีสุ เอว ลพฺภนฺตีติ.
วนฺทนาว วนฺทนามยํ ยถา ‘‘ทานมยํ สีลมย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐). วนฺทนา เจตฺถ กายวาจาจิตฺเตหิ ติณฺณํ รตนานํ คุณนินฺนตา, โถมนา วา. ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตนโต ¶ ปฺุํ, อตฺตโน สนฺตานํ ปุนาตีติ วา. สุวิหตนฺตราโยติ สุฏฺุ วิหตนฺตราโย. เอเตน อตฺตโน ปสาทสมฺปตฺติยา รตนตฺตยสฺส จ เขตฺตภาวสมฺปตฺติยา ตํ ปฺุํ อตฺถปฺปกาสนสฺส อุปฆาตกอุปทฺทวานํ วิหนเน สมตฺถนฺติ ทสฺเสติ. หุตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยา. ตสฺส ‘‘อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ตสฺสาติ ยํ รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปฺุํ, ตสฺส. อานุภาเวนาติ พเลน.
๕. เอวํ ¶ รตนตฺตยสฺส นิปจฺจกาเร ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺสา ธมฺมเทสนาย อตฺถํ สํวณฺเณตุกาโม, ตสฺสา ตาว คุณาภิตฺถวนวเสน อุปฺาปนตฺถํ ‘‘มชฺฌิมปมาณสุตฺตงฺกิตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ มชฺฌิมปมาณสุตฺตงฺกิตสฺสาติ นาติทีฆนาติขุทฺทกปมาเณหิ สุตฺตนฺเตหิ ลกฺขิตสฺส. ยถา หิ ทีฆาคเม ทีฆปมาณานิ สุตฺตานิ, ยถา จ สํยุตฺตงฺคุตฺตราคเมสุ ทฺวีสุ ขุทฺทกปมาณานิ, น เอวํ อิธ. อิธ ปน ปมาณโต มชฺฌิมานิ สุตฺตานิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มชฺฌิมปมาณสุตฺตงฺกิตสฺสาติ นาติทีฆนาติขุทฺทกปมาเณหิ สุตฺตนฺเตหิ ลกฺขิตสฺสติ อตฺโถ’’ติ. เอเตน ‘‘มชฺฌิโม’’ติ อยํ อิมสฺส อตฺถานุคตสมฺาติ ทสฺเสติ. นนุ จ สุตฺตานิ เอว อาคโม, กสฺส ปน สุตฺเตหิ องฺกนนฺติ? สจฺจเมตํ ปรมตฺถโต, สุตฺตานิ ปน อุปาทาย ปฺตฺโต อาคโม. ยเถว หิ อตฺถพฺยฺชนสมุทาเย ‘‘สุตฺต’’นฺติ โวหาโร, เอวํ สุตฺตสมุทาเย อยํ ‘‘อาคโม’’ติ โวหาโร. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. อาคมิสฺสนฺติ เอตฺถ, เอเตน เอตสฺมา วา อตฺตตฺถปรตฺถาทโยติ อาคโม, อาทิกลฺยาณาทิคุณสมฺปตฺติยา อุตฺตมฏฺเน ตํตํอภิปตฺถิตสมิทฺธิเหตุตาย ปณฺฑิเตหิ วริตพฺพโต วโร, อาคโม จ โส วโร จาติ อาคมวโร. อาคมสมฺมเตหิ วา วโรติ อาคมวโร, มชฺฌิโม จ โส อาคมวโร จาติ มชฺฌิมาคมวโร, ตสฺส.
พุทฺธานํ อนุพุทฺธานํ พุทฺธานุพุทฺธา, พุทฺธานํ สจฺจปฏิเวธํ อนุคมฺม ปฏิวิทฺธสจฺจา อคฺคสาวกาทโย อริยา. เตหิ อตฺถสํวณฺณนาคุณสํวณฺณนานํ วเสน สํวณฺณิตสฺส. อถ วา พุทฺธา จ อนุพุทฺธา จ พุทฺธานุพุทฺธาติ โยเชตพฺพํ. สมฺมาสมฺพุทฺเธเนว หิ วินยสุตฺตาภิธมฺมานํ ปกิณฺณกเทสนาทิวเสน โย ปมํ อตฺโถ วิภตฺโต, โส เอว ปจฺฉา ตสฺส ตสฺส สํวณฺณนาวเสน สงฺคีติกาเรหิ สงฺคหํ อาโรปิโตติ. ปรวาทมถนสฺสาติ อฺติตฺถิยานํ วาทนิมฺมถนสฺส, เตสํ ทิฏฺิคตภฺชนสฺสาติ อตฺโถ. อยฺหิ ¶ อาคโม มูลปริยายสุตฺตสพฺพาสวสุตฺตาทีสุ ทิฏฺิคติกานํ ทิฏฺิคตโทสวิภาวนโต สจฺจกสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๓๕๓) อุปาลิสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๒.๕๖) สจฺจกาทีนํ มิจฺฉาวาทนิมฺมถนทีปนโต วิเสสโต ‘‘ปรวาทมถโน’’ติ โถมิโตติ. สํวณฺณนาสุ จายํ อาจริยสฺส ปกติ, ยา ตํตํสํวณฺณนาสุ อาทิโต ตสฺส ตสฺส สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส วิเสสคุณกิตฺตเนน โถมนา. ตถา หิ สุมงฺคลวิลาสินีสารตฺถปกาสินีมโนรถปูรณีสุ อฏฺสาลินีอาทีสุ จ ยถากฺกมํ ‘‘สทฺธาวหคุณสฺส, าณปฺปเภทชนนสฺส, ธมฺมกถิกปุงฺควานํ วิจิตฺตปฏิภานชนนสฺส, ตสฺส คมฺภีราเณหิ โอคาฬฺหสฺส อภิณฺหโส นานานยวิจิตฺตสฺส อภิธมฺมสฺสา’’ติอาทินา โถมนา กตา.
๖. อตฺโถ ¶ กถียติ เอตายาติ อตฺถกถา, สา เอว อฏฺกถา ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ยถา ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗; ๒.๘) อาทิโตติอาทิมฺหิ ปมสงฺคีติยํ. ฉฬภิฺตาย ปรเมน จิตฺติสฺสริยภาเวน สมนฺนาคตตฺตา ฌานาทีสุ ปฺจวิธวสิตาสพฺภาวโต จ วสิโน, เถรา มหากสฺสปาทโย. เตสํ สเตหิ ปฺจหิ. ยาติ ยา อฏฺกถา. สงฺคีตาติ อตฺถํ ปกาเสตุํ ยุตฺตฏฺาเน ‘‘อยํ เอตสฺส อตฺโถ, อยํ เอตสฺส อตฺโถ’’ติ สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. อนุสงฺคีตา จ ยสตฺเถราทีหิ ปจฺฉาปิ ทุติยตติยสงฺคีตีสุ. อิมินา อตฺตโน สํวณฺณนาย อาคมนสุทฺธึ ทสฺเสติ.
๗. สีหสฺส ลานโต คหณโต สีหโฬ, สีหกุมาโร. ตํวํสชาตตาย ตมฺพปณฺณิทีเป ขตฺติยานํ, เตสํ นิวาสตาย ตมฺพปณฺณิทีปสฺส จ สีหฬภาโว เวทิตพฺโพ. อาภตาติ ชมฺพุทีปโต อานีตา. อถาติ ปจฺฉา. อปรภาเค หิ นิกายนฺตรลทฺธีหิ อสงฺกรตฺถํ สีหฬภาสาย อฏฺกถา ปิตาติ. เตน มูลฏฺกถา สพฺพสาธารณา น โหตีติ อิทํ อตฺถปฺปกาสนํ เอกนฺเตน กรณียนฺติ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘ทีปวาสีนมตฺถายา’’ติ. ตตฺถ ทีปวาสีนนฺติ ชมฺพุทีปวาสีนํ, สีหฬทีปวาสีนํ วา อตฺถาย สีหฬภาสาย ปิตาติ โยชนา.
๘. อปเนตฺวานาติ ¶ กฺจุกสทิสํ สีหฬภาสํ อปเนตฺวา. ตโตติ อฏฺกถาโต. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ, มโนรมํ ภาสนฺติ มาคธภาสํ. สา หิ สภาวนิรุตฺติภูตา ปณฺฑิตานํ มนํ รมยตีติ. เตเนวาห ‘‘ตนฺตินยานุจฺฉวิก’’นฺติ, ปาฬิคติยา อนุโลมิกํ ปาฬิภาสายานุวิธายินินฺติ อตฺโถ. วิคตโทสนฺติ อสภาวนิรุตฺติภาสนฺตรรหิตํ.
๙. สมยํ อวิโลเมนฺโตติ สิทฺธนฺตํ อวิโรเธนฺโต. เอเตน อตฺถโทสาภาวมาห. อวิรุทฺธตฺตา เอว หิ เถรวาทาปิ อิธ ปกาสียิสฺสนฺติ. เถรวํสทีปานนฺติ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถรา, มหากสฺสปาทโย. เตหิ อาคตา อาจริยปรมฺปรา เถรวํโส, ตปฺปริยาปนฺนา หุตฺวา อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปฺาปชฺโชเตน ตสฺส สมุชฺชลนโต เถรวํสทีปา, มหาวิหารวาสิโน, เตสํ. วิวิเธหิ อากาเรหิ นิจฺฉียตีติ วินิจฺฉโย, คณฺิฏฺาเนสุ ขีลมทฺทนากาเรน ปวตฺตา วิมติจฺเฉทนี กถา. สุฏฺุ นิปุโณ สณฺโห วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. อถ วา วินิจฺฉิโนตีติ วินิจฺฉโย, ยถาวุตฺตตฺถวิสยํ าณํ. สุฏฺุ นิปุโณ เฉโก วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ โยเชตพฺพํ. เอเตน มหากสฺสปาทิเถรปรมฺปราภโต, ตโต เอว จ อวิปรีโต สณฺโห สุขุโม มหาวิหารวาสีนํ วินิจฺฉโยติ ตสฺส ปมาณภูตตํ ทสฺเสติ.
๑๐. สุชนสฺส ¶ จาติ จ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน ‘‘น เกวลํ ชมฺพุทีปวาสีนเมว อตฺถาย, อถ โข สาธุชนโตสนตฺถฺจา’’ติ ทสฺเสติ. เตน จ ‘‘ตมฺพปณฺณิทีปวาสีนมฺปิ อตฺถายา’’ติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ อุคฺคหณาทิสุกรตาย เตสมฺปิ พหุการตฺตา. จิรฏฺิตตฺถนฺติ จิรฏฺิติอตฺถํ, จิรกาลฏฺิติยาติ อตฺโถ. อิทฺหิ อตฺถปฺปกาสนํ อวิปรีตปทพฺยฺชนสุนิกฺเขปสฺส อตฺถสุนยสฺส จ อุปายภาวโต สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิติยา สํวตฺตติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ทฺเว? สุนฺนิกฺขิตฺตฺจ ปทพฺยฺชนํ อตฺโถ จ สุนีโต’’ติ (อ. นิ. ๒.๒๐).
๑๑. ยํ ¶ อตฺถวณฺณนํ กตฺตุกาโม, ตสฺสา มหตฺตํ ปริหริตุํ ‘‘สีลกถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามี’’ติ. อถ วา ยํ อฏฺกถํ กตฺตุกาโม, ตเทกเทสภาเวน วิสุทฺธิมคฺโค คเหตพฺโพติ กถิกานํ อุปเทสํ กโรนฺโต ตตฺถ วิจาริตธมฺเม อุทฺเทสวเสน ทสฺเสติ ‘‘สีลกถา’’ติอาทินา. ตตฺถ สีลกถาติ จาริตฺตวาริตฺตาทิวเสน สีลสฺส วิตฺถารกถา. ธุตธมฺมาติ ปิณฺฑปาติกงฺคาทโย เตรส กิเลสธุนนกธมฺมา. กมฺมฏฺานานิ สพฺพานีติ ปาฬิยํ อาคตานิ อฏฺตึส, อฏฺกถายํ ทฺเวติ นิรวเสสานิ โยคกมฺมสฺส ภาวนาย ปวตฺติฏฺานานิ. จริยาวิธานสหิโตติ ราคจริตาทีนํ สภาวาทิวิธาเนน สหิโต. ฌานานิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ, สมาปตฺติโย จตสฺโส อรูปสมาปตฺติโย. อฏฺปิ วา ปฏิลทฺธมตฺตานิ ฌานานิ, สมาปชฺชนวสีภาวปฺปตฺติยา สมาปตฺติโย. ฌานานิ วา รูปารูปาวจรชฺฌานานิ, สมาปตฺติโย ผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติโย.
๑๒. โลกิยโลกุตฺตรเภทา ฉ อภิฺาโย สพฺพา อภิฺาโย. าณวิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๗๕๑) อาคตนเยน เอกวิธาทินา ปฺาย สํกเลตฺวา สมฺปิณฺเฑตฺวา นิจฺฉโย ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย.
๑๓. ปจฺจยธมฺมานํ เหตาทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ เหตุปจฺจยาทิภาโว ปจฺจยากาโร, ตสฺส เทสนา ปจฺจยาการเทสนา, ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาติ อตฺโถ. สา ปน นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรรหิตตาย สุฏฺุ ปริสุทฺธา, ฆนวินิพฺโภคสฺส สุทุกฺกรตาย นิปุณา สณฺหสุขุมา, เอกตฺตนยาทิสหิตา จ ตตฺถ วิจาริตาติ อาห ‘‘สุปริสุทฺธนิปุณนยา’’ติ. ปฏิสมฺภิทาทีสุ อาคตนยํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว วิจาริตตฺตา อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา.
๑๔. อิติ ¶ ปน สพฺพนฺติ อิติ-สทฺโท ปริสมาปเน, ปน-สทฺโท วจนาลงฺกาเร, เอตํ สพฺพนฺติ อตฺโถ. อิธาติ อิมิสฺสา อฏฺกถาย. น ตํ วิจารยิสฺสามิ ปุนรุตฺติภาวโตติ อธิปฺปาโย.
๑๕. อิทานิ ตสฺเสว อวิจารณสฺส เอกนฺตการณํ นิทฺธาเรนฺโต ‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘มชฺเฌ ตฺวา’’ติ เอเตน มชฺฌฏฺภาวทีปเนน ¶ วิเสสโต จตุนฺนํ อาคมานํ สาธารณฏฺกถา วิสุทฺธิมคฺโค, น สุมงฺคลวิลาสินีอาทโย วิย อสาธารณฏฺกถาติ ทสฺเสติ. ‘‘วิเสสโต’’ติ จ อิทํ วินยาภิธมฺมานมฺปิ วิสุทฺธิมคฺโค ยถารหํ อตฺถวณฺณนา โหติ เอวาติ กตฺวา วุตฺตํ.
๑๖. อิจฺเจวาติ อิติ เอว. ตมฺปีติ วิสุทฺธิมคฺคมฺปิ. เอตายาติ ปปฺจสูทนิยา. เอตฺถ จ ‘‘สีหฬทีปํ อาภตา’’ติอาทินา อฏฺกถากรณสฺส นิมิตฺตํ ทสฺเสติ, ‘‘ทีปวาสีนมตฺถาย, สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ, จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺสา’’ติ เอเตน ปโยชนํ, ‘‘มชฺฌิมาคมวรสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ เอเตน ปิณฺฑตฺถํ, ‘‘อปเนตฺวาน ตโตหํ สีหฬภาส’’นฺติอาทินา, ‘‘สีลกถา’’ติอาทินา จ กรณปฺปการํ. สีลกถาทีนํ อวิจารณมฺปิ หิ อิธ กรณปฺปกาโร เอวาติ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทานกถาวณฺณนา
๑. วิภาควนฺตานํ ¶ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ ปมํ ตาว ปณฺณาสวคฺคสุตฺตาทิวเสน มชฺฌิมาคมสฺส วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ มชฺฌิมสงฺคีติ นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ยํ วุตฺตํ ‘‘มชฺฌิมาคมวรสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ, ตสฺมึ วจเน. ยา มชฺฌิมาคมปริยาเยน มชฺฌิมสงฺคีติ วุตฺตา, สา ปณฺณาสาทิโต เอทิสาติ ทสฺเสติ ‘‘มชฺฌิมสงฺคีติ นามา’’ติอาทินา. ตตฺถาติ วา ‘‘เอตาย อฏฺกถาย วิชานาถ มชฺฌิมสงฺคีติยา อตฺถ’’นฺติ เอตฺถ ยสฺสา มชฺฌิมสงฺคีติยา อตฺถํ วิชานาถาติ วุตฺตํ, สา มชฺฌิมสงฺคีติ นาม ปณฺณาสาทิโต เอทิสาติ ทสฺเสติ. ปฺจ ทสกา ปณฺณาสา, มูเล อาทิมฺหิ ปณฺณาสา, มูลภูตา วา ปณฺณาสา มูลปณฺณาสา. มชฺเฌ ภวา มชฺฌิมา, มชฺฌิมา จ สา ปณฺณาสา จาติ มชฺฌิมปณฺณาสา. อุปริ อุทฺธํ ปณฺณาสา อุปริปณฺณาสา. ปณฺณาสตฺตยสงฺคหาติ ปณฺณาสตฺตยปริคณนา.
อยํ สงฺคโห นาม ชาติสฺชาติกิริยาคณนวเสน จตุพฺพิโธ. ตตฺถ ‘‘ยา จาวุโส วิสาข, สมฺมาวาจา, โย จ สมฺมากมฺมนฺโต, โย จ สมฺมาอาชีโว ¶ , อิเม ธมฺมา สีลกฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) อยํ ชาติสงฺคโห. ‘‘โย จาวุโส วิสาข, สมฺมาวายาโม. ยา จ สมฺมาสติ, โย จ สมฺมาสมาธิ, อิเม ธมฺมา สมาธิกฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ อยํ สฺชาติสงฺคโห. ‘‘ยา จาวุโส วิสาข, สมฺมาทิฏฺิ, โย จ สมฺมาสงฺกปฺโป, อิเม ธมฺมา ปฺากฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ อยํ กิริยาสงฺคโห. ‘‘หฺจิ จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺธคณนํ คจฺฉติ, เตน วต เร วตฺตพฺเพ จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺเธน สงฺคหิต’’นฺติ (กถา. ๔๗๑) อยํ คณนสงฺคโห. อยเมว จ อิธาธิปฺเปโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ปณฺณาสตฺตยสงฺคหาติ ปณฺณาสตฺตยปริคณนา’’ติ.
วคฺคโตติ สมูหโต, โส ปเนตฺถ ทสกวเสน เวทิตพฺโพ. เยภุยฺเยน หิ สาสเน ทสเก วคฺคโวหาโร. เตเนวาห ‘‘เอเกกาย ปณฺณาสาย ปฺจ ปฺจ วคฺเค กตฺวา’’ติ. ปนฺนรสวคฺคสมาโยคาติ ปนฺนรสวคฺคสํโยคาติ อตฺโถ. เกจิ ปน สมาโยคสทฺทํ สมุทายตฺถํ วทนฺติ. ปทโตติ เอตฺถ อฏฺกฺขโร คาถาปาโท ‘‘ปท’’นฺติ อธิปฺเปโต, ตสฺมา ‘‘อกฺขรโต ฉ อกฺขรสตสหสฺสานิ จตุราสีตุตฺตรสตาธิกานิ จตุจตฺตาลีส สหสฺสานิ จ อกฺขรานี’’ติ ปาเน ¶ ภวิตพฺพนฺติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน นวกฺขโร ยาว ทฺวาทสกฺขโร จ คาถาปาโท สํวิชฺชติ, ตสฺมา ตาทิสานมฺปิ คาถานํ วเสน อฑฺฒเตยฺยคาถาสตํ ภาณวาโร โหตีติ กตฺวา ‘‘อกฺขรโต สตฺต อกฺขรสตสหสฺสานิ จตฺตาลีสฺจ สหสฺสานิ เตปฺาสฺจ อกฺขรานี’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ ปทภาณวารคณนาหิ อกฺขรคณนา สํสนฺทติ, เนตรถา. ภาณวาโรติ จ ทฺวตฺตึสกฺขรานํ คาถานํ วเสน อฑฺฒเตยฺยคาถาสตํ, อยฺจ อกฺขรคณนา ภาณวารคณนา จ ปทคณนานุสาเรน ลทฺธาติ เวทิตพฺพา. อิมเมว หิ อตฺถํ าเปตุํ สุตฺตคณนานนฺตรํ ภาณวาเร อคเณตฺวา ปทานิ คณิตานิ. ตตฺริทํ วุจฺจติ –
‘‘ภาณวารา ยถาปิ หิ, มชฺฌิมสฺส ปกาสิตา;
อุปฑฺฒภาณวาโร จ, เตวีสติปทาธิโก.
สตฺต สตสหสฺสานิ, อกฺขรานํ วิภาวเย;
จตฺตาลีส สหสฺสานิ, เตปฺาสฺจ อกฺขร’’นฺติ.
อนุสนฺธิโตติ ¶ เทสนานุสนฺธิโต. เอกสฺมึ เอว หิ สุตฺเต ปุริมปจฺฉิมานํ เทสนาภาคานํ สมฺพนฺโธ อนุสนฺธานโต อนุสนฺธิ. เอตฺถ จ อตฺตชฺฌาสยานุสนฺธิ ปรชฺฌาสยานุสนฺธีติ ทุวิโธ อชฺฌาสยานุสนฺธิ. โส ปน กตฺถจิ เทสนาย วิปฺปกตาย ธมฺมํ สุณนฺตานํ ปุจฺฉาวเสน, กตฺถจิ เทเสนฺตสฺส สตฺถุ สาวกสฺส ธมฺมปฏิคฺคาหกานฺจ อชฺฌาสยวเสน, กตฺถจิ เทเสตพฺพสฺส ธมฺมสฺส วเสน โหตีติ สมาสโต ติปฺปกาโร. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุจฺฉานุสนฺธิอชฺฌาสยานุสนฺธิยถานุสนฺธิวเสน สงฺเขปโต ติวิโธ อนุสนฺธี’’ติ. สงฺเขเปเนว จ จตุพฺพิโธ อนุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ‘‘เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘กึ นุ โข, ภนฺเต, โอริมํ ตีรํ, กึ ปาริมํ ตีรํ, โก มชฺเฌ สํสีโท, โก ถเล อุสฺสาโท, โก มนุสฺสคฺคาโห, โก อมนุสฺสคฺคาโห, โก อาวตฺตคฺคาโห, โก อนฺโตปูติภาโว’ติ’’ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑)? เอวํ ปุจฺฉนฺตานํ วิสฺสชฺเชนฺเตน ภควตา ปวตฺติตเทสนาวเสน ปุจฺฉานุสนฺธี เวทิตพฺโพ. ‘‘อถ โข อฺตรสฺส ภิกฺขุโน เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘อิติ กิร โภ รูปํ อนตฺตา… เวทนา… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ อนตฺตา, อนตฺตกตานิ กมฺมานิ กมตฺตานํ ผุสิสฺสนฺตี’ติ. อถ โข ภควา ตสฺส ภิกฺขุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย ภิกฺขู อามนฺเตสิ านํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ, ยํ อิเธกจฺโจ โมฆปุริโส อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ตณฺหาธิปเตยฺเยน เจตสา สตฺถุสาสนํ อติธาวิตพฺพํ มฺเยฺย ‘อิติ กิร โภ รูปํ อนตฺตา…เป… ผุสิสฺสนฺตี’ติ. ตํ กึ มฺถ ¶ , ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ (ม. นิ. ๓.๙๐) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ภควตา ปวตฺติตเทสนาวเสน ปรชฺฌาสยานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ พฺราหฺมณ เอตทโหสิ ‘ยํนูนาหํ ยา ตา รตฺติโย อภิฺาตา อภิลกฺขิตา จาตุทฺทสี ปฺจทสี อฏฺมี จ ปกฺขสฺส, ตถารูปาสุ รตฺตีสุ ยานิ ตานิ อารามเจติยานิ วนเจติยานิ รุกฺขเจติยานิ ภึสนกานิ สโลมหํสานิ, ตถารูเปสุ เสนาสเนสุ วิหเรยฺยํ อปฺเปว นามาหํ ภยเภรวํ ปสฺเสยฺย’นฺติ’’ (ม. นิ. ๑.๔๙) เอวํ ภควตา, ‘‘ตตฺราวุโส โลโภ จ ปาปโก โทโส จ ปาปโก โลภสฺส จ ปหานาย โทสสฺส จ ปหานาย อตฺถิ มชฺฌิมา ปฏิปทา, จกฺขุกรณี ¶ าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ปวตฺติตเทสนาวเสน อตฺตชฺฌาสยานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. เยน ปน ธมฺเมน อาทิมฺหิ เทสนา อุฏฺิตา, ตสฺส อนุรูปธมฺมวเสน วา ปฏิปกฺขธมฺมวเสน วา เยสุ สุตฺเตสุ อุปริ เทสนา อาคจฺฉติ, เตสํ วเสน ยถานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ อากงฺเขยฺยสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๖๕) เหฏฺา สีเลน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ อภิฺา อาคตา. วตฺถุสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๗๐) เหฏฺา กิเลเสน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ พฺรหฺมวิหารา อาคตา. โกสมฺพกสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๙๑) เหฏฺา ภณฺฑเนน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ สารณียธมฺมา อาคตา. กกจูปเม (ม. นิ. ๑.๒๒๒) เหฏฺา อกฺขนฺติยา วเสน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ กกจูปมา อาคตาติ.
วิตฺถารโต ปเนตฺถาติ เอวํ สงฺเขปโต ติวิโธ จตุพฺพิโธ จ อนุสนฺธิ เอตฺถ เอตสฺมึ มชฺฌิมนิกาเย ตสฺมึ ตสฺมึ สุตฺเต ยถารหํ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา วิฺายมานา นวสตาธิกานิ ตีณิ อนุสนฺธิสหสฺสานิ โหนฺติ. ยถา เจตํ ปณฺณาสาทิวิภาควจนํ มชฺฌิมสงฺคีติยา สรูปทสฺสนตฺถํ โหติ, เอวํ ปกฺเขปโทสปริหรณตฺถฺจ โหติ. เอวฺหิ ปณฺณาสาทีสุ ววตฺถิเตสุ ตพฺพินิมุตฺตํ กิฺจิ สุตฺตํ ยาว เอกํ ปทมฺปิ อาเนตฺวา อิมํ มชฺฌิมสงฺคีติยาติ กสฺสจิ วตฺตุํ โอกาโส น สิยาติ.
เอวํ ปณฺณาสวคฺคสุตฺตภาณวารานุสนฺธิพฺยฺชนโต มชฺฌิมสงฺคีตึ ววตฺถเปตฺวา อิทานิ นํ อาทิโต ปฏฺาย สํวณฺเณตุกาโม อตฺตโน สํวณฺณนาย ตสฺสา ปมมหาสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมเนว ปวตฺตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ปณฺณาสาสุ มูลปณฺณาสา อาที’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยถาปจฺจยํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตตฺตา ปฺตฺตตฺตา จ วิปฺปกิณฺณานํ ธมฺมวินยานํ สงฺคเหตฺวา คายนํ ¶ กถนํ สงฺคีติ, มหาวิสยตฺตา ปูชนียตฺตา จ มหตี สงฺคีตีติ มหาสงฺคีติ, ปมา มหาสงฺคีติ ปมมหาสงฺคีติ, ตสฺสา ปวตฺติตกาโล ปมมหาสงฺคีติกาโล, ตสฺมึ ปมมหาสงฺคีติกาเล. นิททาติ เทสนํ เทสกาลาทิวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ, โย โลกิเยหิ ‘‘อุโปคฺฆาโต’’ติ ¶ วุจฺจติ, สฺวายเมตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิโก คนฺโถ เวทิตพฺโพ, น ปน ‘‘สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๒๖) วิย อชฺฌาสยาทิเทสนุปฺปตฺติเหตุ. เตเนวาห ‘‘เอวํ เม สุตนฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาที’’ติ. กามฺเจตฺถ ยสฺสํ ปมมหาสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมน สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม, สา วิตฺถารโต วตฺตพฺพา. สุมงฺคลวิลาสินิยํ (ที. นิ. ฏี. ๑.นิทานกถาวณฺณนา) ปน อตฺตนา วิตฺถาริตตฺตา ตตฺเถว คเหตพฺพาติ อิมิสฺสา สํวณฺณนาย มหนฺตตํ ปริหรนฺโต ‘‘สา ปเนสา’’ติอาทิมาห.
นิทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. มูลปริยายวคฺโค
๑. มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา
อพฺภนฺตรนิทานวณฺณนา
๑. เอวํ ¶ ¶ พาหิรนิทาเน วตฺตพฺพํ อติทิสิตฺวา อิทานิ อภนฺตรนิทานํ อาทิโต ปฏฺาย สํวณฺเณตุํ ‘‘ยํ ปเนต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยสฺมา สํวณฺณนํ กโรนฺเตน สํวณฺเณตพฺเพ ธมฺเม ปทวิภาคํ ปทตฺถฺจ ทสฺเสตฺวา ตโต ปรํ ปิณฺฑตฺตาทิทสฺสนวเสน สํวณฺณนา กาตพฺพา, ตสฺมา ปทานิ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวนฺติ นิปาตปท’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปทวิภาโคติ ปทานํ วิเสโส, น ปทวิคฺคโห. อถ วา ปทานิ จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโค, ปทวิคฺคโห จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโคติ วา เอกเสสวเสน ปทปทวิคฺคหา ปทวิภาคสทฺเทน วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปทวิคฺคโห ‘‘สุภคฺจ ตํ วนฺจาติ สุภควนํ, สาลานํ ราชา, สาโล จ โส ราชา จ อิติปิ สาลราชา’’ติอาทิวเสน สมาสปเทสุ ทฏฺพฺโพ.
อตฺถโตติ ปทตฺถโต. ตํ ปน ปทตฺถํ อตฺถุทฺธารกฺกเมน ปมํ เอวํสทฺทสฺส ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ-สทฺโท ตาวา’’ติอาทิมาห. อวธารณาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อิทมตฺถปุจฺฉาปริมาณาทิอตฺถานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ‘‘เอวํคตานิ ปุถุสิปฺปายตนานิ (ที. นิ. ๑.๑๖๓), เอววิโธ เอวมากาโร’’ติ จ อาทีสุ อิทํ-สทฺทสฺส อตฺเถ เอวํ-สทฺโท. คต-สทฺโท หิ ปการปริยาโย, ตถา วิธาการ-สทฺทา จ. ตถา หิ วิธยุตฺตคต-สทฺเท โลกิยา ปการตฺเถ วทนฺติ. ‘‘เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุกฺกมณิกุณฺฑลาภรณา โอทาตวตฺถวสนา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรนฺติ, เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ สาจริยโกติ. โน หิทํ, โภ โคตมา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๖) ปุจฺฉายํ. ‘‘เอวํลหุปริวตฺตํ (อ. นิ. ๑.๔๘) เอวมายุปริยนฺโต’’ติ (ปารา. ๑๒) จ อาทีสุ ปริมาเณ.
นนุ ¶ จ ‘‘เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา, เอวมายุปริยนฺโต’’ติ เอตฺถ เอวํ-สทฺเทน ปุจฺฉนาการปริมาณาการานํ วุตฺตตฺตา อาการตฺโถ เอว ¶ เอวํ-สทฺโทติ? น, วิเสสสพฺภาวโต. อาการมตฺตวาจโก หิ เอวํ-สทฺโท อาการตฺโถติ อธิปฺเปโต ยถา ‘‘เอวํ พฺยา โข’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓๔, ๓๙๖), น ปน อาการวิเสสวาจโก. เอวฺจ กตฺวา ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจนา’’ติอาทีนิ อุปมาทิอุทาหรณานิ อุปปนฺนานิ โหนฺติ. ตถา หิ ‘‘ยถาปิ…เป… พหุ’’นฺติ (ธ. ป. ๕๓) เอตฺถ ปุปฺผราสิฏฺานิยโต มนุสฺสูปปตฺติ-สปฺปุริสูปนิสฺสย-สทฺธมฺมสฺสวน-โยนิโสมนสิการ- โภคสมฺปตฺติ-อาทิทานาทิ-ปฺุกิริยเหตุสมุทายโต โสภา-สุคนฺธตาทิคุณโยคโต มาลาคุณสทิสิโย ปหูตา ปฺุกิริยา มริตพฺพสภาวตาย มจฺเจน สตฺเตน กตฺตพฺพาติ โชติตตฺตา ปุปฺผราสิมาลาคุณาว อุปมา, เตสํ อุปมากาโร ยถา-สทฺเทน อนิยมโต วุตฺโตติ ‘‘เอวํ-สทฺโท อุปมาการนิคมนตฺโถ’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตํ. โส ปน อุปมากาโร นิยมิยมาโน อตฺถโต อุปมาว โหตีติ อาห ‘‘อุปมายํ อาคโต’’ติ. ตถา ‘‘เอวํ อิมินา อากาเรน อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อุปทิสิยมานาย สมณสารุปฺปาย อากปฺปสมฺปตฺติยา โย ตตฺถ อุปทิสนากาโร, โส อตฺถโต อุปเทโส เอวาติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ เต…เป… อุปเทเส’’ติ. ตถา ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติ เอตฺถ จ ภควตา ยถาวุตฺตมตฺถํ อวิปรีตโต ชานนฺเตหิ กตํ ตตฺถ สํวิชฺชมานคุณานํ ปกาเรหิ หํสนํ อุทคฺคตากรณํ สมฺปหํสนํ. โย ตตฺถ สมฺปหํสนากาโรติ โยเชตพฺพํ.
เอวเมวํ ปนายนฺติ เอตฺถ ครหณากาโรติ โยเชตพฺพํ, โส จ ครหณากาโร ‘‘วสลี’’ติอาทิขุํสนสทฺทสนฺนิธานโต อิธ เอวํ-สทฺเทน ปกาสิโตติ วิฺายติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปมาการาทโยปิ อุปมาทิวเสน วุตฺตานํ ปุปฺผราสิอาทิสทฺทานํ สนฺนิธานโต ทฏฺพฺพํ. เอวํ, ภนฺเตติ ปน ธมฺมสฺส สาธุกํ สวนมนสิกาเร สนฺนิโยชิเตหิ ภิกฺขูหิ อตฺตโน ตตฺถ ิตภาวสฺส ปฏิชานนวเสน วุตฺตตฺตา เอตฺถ เอวํ-สทฺโท วจนสมฺปฏิจฺฉนตฺโถ วุตฺโต. เตน เอวํ, ภนฺเต สาธุ, ภนฺเต, สุฏฺุ, ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺจ วเทหีติ ‘‘ยถาหํ วทามิ, เอวํ สมณํ อานนฺทํ วเทหี’’ติ โย เอวํ วทนากาโร อิทานิ วตฺตพฺโพ. โส เอวํสทฺเทน นิทสฺสียตีติ ‘‘นิทสฺสเน’’ติ วุตฺโตติ. เอวํ โนติ เอตฺถาปิ เตสํ ยถาวุตฺตธมฺมานํ อหิตทุกฺขาวหภาเว สนฺนิฏฺานชนนตฺถํ อนุมติคหณวเสน ¶ ‘‘สํวตฺตนฺติ วา โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตี’’ติ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทาการสนฺนิฏฺานํ เอวํ-สทฺเทน วิภาวิตนฺติ วิฺายติ. โส ปน เตสํ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนากาโร นิยมิยมาโน อวธารณตฺโถ โหตีติ อาห ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตีติอาทีสุ อวธารเณ’’ติ.
นานานยนิปุณนฺติ ¶ เอกตฺตนานตฺตอพฺยาปารเอวํธมฺมตาสงฺขาตา, นนฺทิยาวตฺตติปุกฺขลสีหวิกฺกีฬิตองฺกุสทิสาโลจนสงฺขาตา วา อาธาราทิเภทวเสน นานาวิธา นยา นานานยา, นยา วา ปาฬิคติโย, ตา จ ปฺตฺติอนุปฺตฺติอาทิวเสน สํกิเลสภาคิยาทิโลกิยาทิตทุภยโวมิสฺสกาทิวเสน กุสลาทิวเสน ขนฺธาทิวเสน สงฺคหาทิวเสน สมยวิมุตฺตาทิวเสน ปนาทิวเสน กุสลมูลาทิวเสน ติกปฺปฏฺานาทิวเสน จ นานปฺปการาติ นานานยา. เตหิ นิปุณํ สณฺหํ สุขุมนฺติ นานานยนิปุณํ. อาสโยว อชฺฌาสโย, เต จ สสฺสตาทิเภเทน, ตตฺถ จ อปฺปรชกฺขตาทิเภเทน อเนเก, อตฺตชฺฌาสยาทโย เอว วา สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติเหตุ เอตสฺสาติ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนนฺติ อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณํ อุปเนตพฺพาภาวโต, สงฺกาสนปกาสน-วิวรณ-วิภชน-อุตฺตานีกรณ-ปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ, อกฺขร-ปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตนฺติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
วิวิธปาฏิหาริยนฺติ เอตฺถ ปาฏิหาริยปทสฺส วจนตฺถํ (อุทา. อฏฺ. ๑; อิติวุ. อฏฺ. นิทานวณฺณนา; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑ เทวตาสํยุตฺต) ‘‘ปฏิปกฺขหรณโต, ราคาทิกิเลสาปนยนโต จ ปาฏิหาริย’’นฺติ วทนฺติ, ภควโต ปน ปฏิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ, เย หริตพฺพา. ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วตฺตุํ. สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ปฏิปกฺขา, เตสํ หรณโต ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ภควโต จ สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน ทิฏฺิปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติ ¶ . ‘‘ปฏี’’ติ วา อยํ สทฺโท ‘‘ปจฺฉา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘๕; จูฬนิ. ๔) วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต วิคตูปกฺกิเลเส จ กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปาฏิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปาฏิหาริยํ, อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน จ สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปาฏิหาริยานิ ภวนฺติ. ปาฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ, ปาฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิสมุทาเย ภวํ เอกเมกํ ปาฏิหาริยนฺติ วุจฺจติ. ปาฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ, ตสฺมึ วา นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ¶ ปาฏิหาริยํ. ตสฺส ปน อิทฺธิอาทิเภเทน วิสยเภเทน จ พหุวิธสฺส ภควโต เทสนายํ ลพฺภมานตฺตา อาห ‘‘วิวิธปาฏิหาริย’’นฺติ.
น อฺถาติ ภควโต สมฺมุขา สุตาการโต น อฺถาติ อตฺโถ, น ปน ภควโต เทสิตาการโต. อจินฺเตยฺยานุภาวา หิ ภควโต เทสนา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุ’’นฺติ อิทํ วจนํ สมตฺถิตํ ภวติ, ธารณพลทสฺสนฺจ น วิรุชฺฌติ สุตาการาวิรชฺฌนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. น เหตฺถ อตฺถนฺตรตาปริหาโร ทฺวินฺนมฺปิ อตฺถานํ เอกวิสยตฺตา. อิตรถา เถโร ภควโต เทสนาย สพฺพถา ปฏิคฺคหเณ สมตฺโถ อสมตฺโถ จาติ อาปชฺเชยฺยาติ.
‘‘โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา’’ติ เอวํ วุตฺตาย นิยกชฺฌตฺตสงฺขาตาย สสนฺตติยา วตฺตนโต ติวิโธปิ เม-สทฺโท กิฺจาปิ เอกสฺมึเยว อตฺเถ ทิสฺสติ, กรณสมฺปทานสามินิทฺเทสวเสน ปน วิชฺชมานํ เภทํ สนฺธายาห ‘‘เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสตี’’ติ.
กิฺจาปิ อุปสคฺโค กิริยํ วิเสเสติ, โชตกภาวโต ปน สติปิ ตสฺมึ สุตสทฺโท เอว ตํ ตมตฺถํ วทตีติ อนุปสคฺคสฺส สุตสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร สอุปสคฺคสฺส คหณํ น วิรุชฺฌตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จา’’ติอาทิมาห. อสฺสาติ สุตสทฺทสฺส. กมฺมภาวสาธนานิ อิธ สุตสทฺเท สมฺภวนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วา ¶ อตฺโถ’’ติ. มยาติ อตฺเถ สตีติ ยทา เม-สทฺทสฺส กตฺตุวเสน กรณนิทฺเทโส, ตทาติ อตฺโถ. มมาติ อตฺเถ สตีติ ยทา สมฺพนฺธวเสน สามินิทฺเทโส, ตทา.
สุต-สทฺทสนฺนิธาเน ปยุตฺเตน เอวํ-สทฺเทน สวนกิริยาโชตเกน ภวิตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสน’’นฺติ. อาทิ-สทฺเทน สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ ปฺจทฺวาริกวิฺาณานํ ตทภินีหฏานฺจ มโนทฺวาริกวิฺาณานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. สพฺเพสมฺปิ วากฺยานํ เอว-การตฺถสหิตตฺตา ‘‘สุต’’นฺติ เอตสฺส สุตเมวาติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ. เอเตน อวธารเณน นิราสงฺกตํ ทสฺเสติ. ยถา จ สุตํ สุตเมวาติ นิยเมตพฺพํ, ตํ สมฺมา สุตํ โหตีติ อาห ‘‘อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ สุตนฺติ อสุตํ น โหตีติ อยเมตสฺส อตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ ¶ . อิมินา ทิฏฺาทิวินิวตฺตนํ กโรติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘น อิทํ มยา ทิฏฺํ, น สยมฺภุาเณน สจฺฉิกตํ, อถ โข สุตํ, ตฺจ โข สมฺมเทวา’’ติ. เตเนวาห – ‘‘อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อวธารณตฺเถ วา เอวํ-สทฺเท อยมตฺถโยชนา กรียตีติ ตทเปกฺขสฺส สุต-สทฺทสฺส อยมตฺโถ วุตฺโต ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ. เตเนวาห ‘‘อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. สวนสทฺโท เจตฺถ กมฺมตฺโถ เวทิตพฺโพ ‘‘สุยฺยตี’’ติ.
เอวํ สวนเหตุสุณนฺตปุคฺคลสวนวิเสสวเสน ปทตฺตยสฺส เอเกน ปกาเรน อตฺถโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปการนฺตเรหิปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺสาติ ยา สา ภควโต สมฺมุขา ธมฺมสฺสวนากาเรน ปวตฺตา มโนทฺวารวิฺาณวีถิ, ตสฺสา. สา หิ นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติตุํ สมตฺถา. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘โสตทฺวารานุสาเรนา’’ติ. นานปฺปกาเรนาติ วกฺขมานานํ อเนกวิหิตานํ พฺยฺชนตฺถคฺคหณานํ นานากาเรน. เอเตน อิมิสฺสา โยชนาย อาการตฺโถ เอวํ-สทฺโท คหิโตติ ทีเปติ. ปวตฺติภาวปฺปกาสนนฺติ ปวตฺติยา อตฺถิภาวปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนนฺติ ยสฺมึ อารมฺมเณ ¶ วุตฺตปฺปการา วิฺาณวีถิ นานปฺปกาเรน ปวตฺตา, ตสฺส ธมฺมตฺตา วุตฺตํ, น สุตสทฺทสฺส ธมฺมตฺถตฺตา. วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏีกรณํ ‘‘อยฺเหตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิฺาณวีถิยาติ กรณตฺเถ กรณวจนํ. มยาติ กตฺตุอตฺเถ.
เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสนนฺติ นิทสฺสนตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วุตฺตํ นิทสฺเสตพฺพสฺส นิทฺทิสิตพฺพตฺตาภาวาภาวโต. เตน เอวํ-สทฺเทน สกลมฺปิ สุตฺตํ ปจฺจามฏฺนฺติ ทสฺเสติ. สุต-สทฺทสฺส กิริยาสทฺทตฺตา สวนกิริยาย จ สาธารณวิฺาณปพนฺธปฏิพทฺธตฺตา ตตฺถ จ ปุคฺคลโวหาโรติ วุตฺตํ ‘‘สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสน’’นฺติ. น หิ ปุคฺคลโวหารรหิเต ธมฺมปพนฺเธ สวนกิริยา ลพฺภตีติ.
ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺสาติอาทิปิ อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ปุริมโยชนาย อฺถา อตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ อาการปฺตฺตีติ อุปาทาปฺตฺติ เอว ธมฺมานํ ปวตฺติอาการูปาทานวเสน ตถา วุตฺตา. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโสติ โสตพฺพภูโต ธมฺโม สวนกิริยากตฺตุปุคฺคลสฺส สวนกิริยาวเสน ปวตฺติฏฺานนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. จิตฺตสนฺตานวินิมุตฺตสฺส ปรมตฺถโต กสฺสจิ กตฺตุ อภาเวปิ สทฺทโวหาเรน พุทฺธิปริกปฺปิตเภทวจนิจฺฉาย จิตฺตสนฺตานโต อฺํ วิย ตํสมงฺคึ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘จิตฺตสนฺตาเนน ¶ ตํสมงฺคิโน’’ติ. สวนกิริยาวิสโยปิ โสตพฺพธมฺโม สวนกิริยาวเสน ปวตฺตจิตฺตสนฺตานสฺส อิธ ปรมตฺถโต กตฺตุภาวโต, สวนวเสน จิตฺตปฺปวตฺติยา เอว วา สวนกิริยาภาวโต ตํกิริยากตฺตุ จ วิสโย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ตํสมงฺคิโน กตฺตุวิสเย’’ติ. สุตาการสฺส จ เถรสฺส สมฺมานิจฺฉิตภาวโต อาห ‘‘คหณสนฺนิฏฺาน’’นฺติ. เอเตน วา อวธารณตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา อยมตฺถโยชนา กตาติ ทฏฺพฺพํ.
ปุพฺเพ สุตานํ นานาวิหิตานํ สุตฺตสงฺขาตานํ อตฺถพฺยฺชนานํ อุปธาริตรูปสฺส อาการสฺส นิทสฺสนสฺส, อวธารณสฺส วา ปกาสนสภาโว เอวํ-สทฺโทติ ตทาการาทิอุปธารณสฺส ปุคฺคลปฺตฺติยา อุปาทานภูตธมฺมปพนฺธพฺยาปารตาย วุตฺตํ – ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. สวนกิริยา ปน ปุคฺคลวาทิโนปิ วิฺาณนิรเปกฺขา นตฺถีติ วิเสสโต วิฺาณพฺยาปาโรติ อาห ‘‘สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. ‘‘เม’’ติ สทฺทปฺปวตฺติยา เอกนฺเตเนว สตฺตวิสยตฺตา วิฺาณกิจฺจสฺส จ ตตฺเถว สโมทหิตพฺพโต ¶ ‘‘เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. อวิชฺชมานปฺตฺติวิชฺชมานปฺตฺติสภาวา ยถากฺกมํ เอวํ-สทฺท – สุต-สทฺทานํ อตฺถาติ เต ตถารูป-ปฺตฺติ-อุปาทานภูต-ธมฺมปพนฺธพฺยาปารภาเวน ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส, สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. เอตฺถ จ กรณกิริยากตฺตุกมฺมวิเสสปฺปกาสนวเสน ปุคฺคลพฺยาปารวิสยปุคฺคลพฺยาปารนิทสฺสนวเสน คหณาการคาหกตพฺพิสยวิเสสนิทฺเทสวเสน กตฺตุกรณพฺยาปารกตฺตุนิทฺเทสวเสน จ ทุติยาทโย จตสฺโส อตฺถโยชนา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ.
สพฺพสฺสปิ สทฺทาธิคมนียสฺส อตฺถสฺส ปฺตฺติมุเขเนว ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา สพฺพปฺตฺตีนฺจ วิชฺชมานาทิวเสน ฉสุ ปฺตฺติเภเทสุ อนฺโตคธตฺตา เตสุ ‘‘เอว’’นฺติอาทีนํ ปฺตฺตีนํ สรูปํ นิทฺธาเรนฺโต อาห – ‘‘เอวนฺติ จ เมติ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘เอว’’นฺติ จ ‘‘เม’’ติ จ วุจฺจมานสฺสตฺถสฺส อาการาทิโน ธมฺมานํ อสลฺลกฺขณภาวโต อวิชฺชมานปฺตฺติภาโวติ อาห – ‘‘สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. ตตฺถ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสนาติ ภูตตฺถอุตฺตมตฺถวเสน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย มายามรีจิอาทโย วิย อภูตตฺโถ, อนุสฺสวาทีหิ คเหตพฺโพ วิย อนุตฺตมตฺโถ จ น โหติ, โส รูปสทฺทาทิสภาโว, รุปฺปนานุภวนาทิสภาโว วา อตฺโถ สจฺจิกฏฺโ ปรมตฺโถ จาติ วุจฺจติ, น ตถา ‘‘เอวํ เม’’ติ ปทานํ อตฺโถติ. เอตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘กิฺเหตฺถ ต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สุตนฺติ ปน สทฺทายตนํ สนฺธายาห ‘‘วิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. เตเนว หิ ‘‘ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ, ‘‘โสตทฺวารานุสาเรน อุปลทฺธ’’นฺติ ปน วุตฺเต อตฺถพฺยฺชนาทิสพฺพํ ลพฺภติ.
ตํ ¶ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโตติ โสตปถมาคเต ธมฺเม อุปาทาย เตสํ อุปธาริตาการาทิโน ปจฺจามสนวเสน ‘‘เอว’’นฺติ, สสนฺตติปริยาปนฺเน ขนฺเธ อุปาทาย ‘‘เม’’ติ วตฺตพฺพตฺตาติ อตฺโถ. ทิฏฺาทิสภาวรหิเต สทฺทายตเน ปวตฺตมาโนปิ สุตโวหาโร ‘‘ทุติยํ ตติย’’นฺติอาทิโก วิย ปมาทีนิ ทิฏฺมุตวิฺาเต อเปกฺขิตฺวาว ปวตฺโตติ อาห ‘‘ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต’’ติ อสุตํ น โหตีติ หิ สุตนฺติ ปกาสิโตยมตฺโถติ. อตฺตนา ปฏิวิทฺธา สุตฺตสฺส ปการวิเสสา ‘‘เอว’’นฺติ เถเรน ปจฺจามฏฺาติ อาห ‘‘อสมฺโมหํ ทีเปตี’’ติ. นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหตีติ เอเตน ¶ วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส นานปฺปการตํ ทุปฺปฏิวิชฺฌตฺจ ทสฺเสติ. สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปตีติ สุตาการสฺส ยาถาวโต ทสฺสิยมานตฺตา วุตฺตํ. อสมฺโมเหนาติ สมฺโมหาภาเวน, ปฺาย เอว วา สวนกาลสมฺภูตาย ตทุตฺตรกาลปฺาสิทฺธิ. เอวํ อสมฺโมเสนาติ เอตฺถาปิ วตฺตพฺพํ. พฺยฺชนานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตธารณเมว ตตฺถ กรณียนฺติ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปฺา ตตฺถ คุณีภูตาติ วุตฺตํ ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมายา’’ติอาทิ ‘‘ปฺาย ปุพฺพงฺคมา’’ติ กตฺวา. ปุพฺพงฺคมตา เจตฺถ ปธานตา ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑, ๒) วิย. ปุพฺพงฺคมตาย วา จกฺขุวิฺาณาทีสุ อาวชฺชนาทีนํ วิย อปฺปธานตฺเต ปฺา ปุพฺพงฺคมา เอติสฺสาติ อยมฺปิ อตฺโถ ยุชฺชติ. เอวํ สติปุพฺพงฺคมายาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน ยถาสมฺภวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺสาติ อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณสฺส, สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ, อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตสฺสาติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โยนิโสมนสิการํ ทีเปติ เอวํ-สทฺเทน วุจฺจมานานํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺถานํ อวิปรีตสทฺธมฺมวิสยตฺตาติ อธิปฺปาโย. อวิกฺเขปํ ทีเปตีติ ‘‘มูลปริยายํ กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทิปุจฺฉาวเสน ปกรณปฺปตฺตสฺส วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส สวนํ สมาธานมนฺตเรน น สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ. วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺสาติอาทิ ตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนวเสน วุตฺตํ. สพฺพสมฺปตฺติยาติ อตฺถพฺยฺชนเทสกปโยชนาทิสมฺปตฺติยา. อวิปรีตสทฺธมฺมวิสเยหิ วิย อาการนิทสฺสนาวธารณตฺเถหิ โยนิโสมนสิการสฺส, สทฺธมฺมสฺสวเนน วิย จ อวิกฺเขปสฺส ยถา โยนิโสมนสิกาเรน ผลภูเตน อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปฺุตานํ สิทฺธิ วุตฺตา ตทวินาภาวโต, เอวํ อวิกฺเขเปน ผลภูเตน การณภูตานํ สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยานํ สิทฺธิ ทสฺเสตพฺพา สิยา อสฺสุตวโต สปฺปุริสูปนิสฺสยรหิตสฺส จ ตทภาวโต. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโตติอาทินา สมตฺถนวจเนน ปน อวิกฺเขเปน การณภูเตน สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จ ผลภูตสฺส สทฺธมฺมสฺสวนสฺส สิทฺธิ ทสฺสิตา. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยา – สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยา ¶ น ¶ เอกนฺเตน อวิกฺเขปสฺส การณํ พาหิรงฺคตฺตา, อวิกฺเขโป ปน สปฺปุริสูปนิสฺสโย วิย สทฺธมฺมสฺสวนสฺส เอกนฺตการณนฺติ. เอวมฺปิ อวิกฺเขเปน สปฺปุริสูปนิสฺสยสิทฺธิโชตนา น สมตฺถิตาว, โน น สมตฺถิตา วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ สปฺปุริสปยิรุปาสนาภาวสฺส อตฺถสิทฺธตฺตา. เอตฺถ จ ปุริมํ ผเลน การณสฺส สิทฺธิทสฺสนํ นทีปูเรน วิย อุปริ วุฏฺิสพฺภาวสฺส, ทุติยํ การเณน ผลสฺส สิทฺธิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ เอกนฺตวสฺสินา วิย เมฆวุฏฺาเนน วุฏฺิปฺปวตฺติยา.
ภควโต วจนสฺส อตฺถพฺยฺชนปเภทปริจฺเฉทวเสน สกลสาสนสมฺปตฺติโอคาหนากาโร นิรวเสสปรหิตปาริปูริการณนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ภทฺทโก อากาโร’’ติ. ยสฺมา น โหตีติ สมฺพนฺโธ. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตินฺติ อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปฺุตาสงฺขาตํ คุณทฺวยํ. อปราปรวุตฺติยา เจตฺถ จกฺกภาโว, จรนฺติ เอเตหิ สตฺตา สมฺปตฺติภเวสูติ วา. เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๑). ปุริมปจฺฉิมภาโว เจตฺถ เทสนากฺกมวเสน ทฏฺพฺโพ. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยาติ ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสฺส อตฺถิตาย. สมฺมาปณิหิตตฺโต ปุพฺเพ จ กตปฺุโ สุทฺธาสโย โหติ ตทสุทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ทูรีภาวโตติ อาห – ‘‘อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหตี’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ (ธ. ป. ๔๓), ‘‘กตปฺุโสิ ตฺวํ อานนฺท, ปธานมนุยฺุช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗) จ. เตเนวาห ‘‘อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ. ปโยคสุทฺธิยาติ โยนิโสมนสิการปุพฺพงฺคมสฺส ธมฺมสฺสวนปโยคสฺส วิสทภาเวน. ตถา จาห ‘‘อาคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ. สพฺพสฺส วา กายวจีปโยคสฺส นิทฺโทสภาเวน. ปริสุทฺธกายวจีปโยโค หิ วิปฺปฏิสาราภาวโต อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ปริยตฺติยํ วิสารโท โหตีติ.
นานปฺปการปฏิเวธทีปเกนาติอาทินา อตฺถพฺยฺชเนสุ เถรสฺส เอวํสทฺทสุต-สทฺทานํ อสมฺโมหาสมฺโมสทีปนโต จตุปฏิสมฺภิทาวเสน อตฺถโยชนํ ทสฺเสติ. ตตฺถ โสตพฺพเภทปฏิเวธทีปเกนาติ เอเตน อยํ สุต-สทฺโท เอวํ-สทฺทสนฺนิธานโต, วกฺขมานาเปกฺขาย วา สามฺเเนว ¶ โสตพฺพธมฺมวิเสสํ อามสตีติ ทสฺเสติ. มโนทิฏฺิกรณา ปริยตฺติธมฺมานํ อนุเปกฺขนสุปฺปฏิเวธา วิเสสโต มนสิการปฏิพทฺธาติ เต วุตฺตนเยน โยนิโสมนสิการทีปเกน เอวํสทฺเทน โยเชตฺวา, สวนธารณวจีปริจยา ปริยตฺติธมฺมานํ วิเสเสน โสตาวธานปฏิพทฺธาติ เต อวิกฺเขปทีปเกน สุต-สทฺเทน โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต สาสนสมฺปตฺติยา ¶ ธมฺมสฺสวเน อุสฺสาหํ ชเนติ. ตตฺถ ธมฺมาติ ปริยตฺติธมฺมา. มนสานุเปกฺขิตาติ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา, เอตฺตกา เอตฺถ อนุสนฺธิโย’’ติอาทินา นเยน มนสา อนุ อนุ เปกฺขิตา. ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธาติ นิชฺฌานกฺขนฺติภูตาย, าตปริฺาสงฺขาตาย วา ทิฏฺิยา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม ‘‘อิติ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวา ปฏิวิทฺธา.
สกเลน วจเนนาติ ปุพฺเพ ตีหิ ปเทหิ วิสุํ วิสุํ โยชิตตฺตา วุตฺตํ. อตฺตโน อทหนฺโตติ ‘‘มเมท’’นฺติ อตฺตนิ อฏฺเปนฺโต. อสปฺปุริสภูมินฺติ อกตฺุตํ ‘‘อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’’ติ (ปารา. ๑๙๕) เอวํ วุตฺตํ อนริยโวหาราวตฺถํ, สา เอว อนริยโวหาราวตฺถา อสทฺธมฺโม. นนุ จ อานนฺทตฺเถรสฺส ‘‘มเมทํ วจน’’นฺติ อธิมานสฺส, มหากสฺสปตฺเถราทีนฺจ ตทาสงฺกาย อภาวโต อสปฺปุริสภูมิสมติกฺกมาทิวจนํ นิรตฺถกนฺติ? นยิทเมวํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ วทนฺเตน อยมฺปิ อตฺโถ วิภาวิโตติ ทสฺสนโต. เกจิ ปน ‘‘เทวตานํ ปริวิตกฺกาเปกฺขํ ตถาวจนนฺติ เอทิสี โจทนา อนวกาสาวา’’ติ วทนฺติ. ตสฺมึ กิร ขเณ เอกจฺจานํ เทวตานํ เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ภควา จ ปรินิพฺพุโต, อยฺจ อายสฺมา เทสนากุสโล, อิทานิ ธมฺมํ เทเสติ สกฺยกุลปฺปสุโต ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต, กึ นุ โข สยํ สจฺฉิกตํ ธมฺมํ เทเสติ, อุทาหุ ภควโตเยว วจนํ ยถาสุต’’นฺติ. เอวํ ตทาสงฺกิตปฺปการโต อสปฺปุริสภูมิสโมกฺกมาทิโต อติกฺกมาทิ วิภาวิตนฺติ. อปฺเปตีติ นิทสฺเสติ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถสุ ยถารหํ สตฺเต เนตีติ เนตฺติ, ธมฺโมเยว เนตฺติ ธมฺมเนตฺติ.
ทฬฺหตรนิวิฏฺา วิจิกิจฺฉา กงฺขา. นาติสํสปฺปนา มติเภทมตฺตา วิมติ. อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ ภควตา เทสิตตฺตา, สมฺมุขาวสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา, ขลิตทุรุตฺตาทิคหณโทสาภาวโต ¶ จ. เอตฺถ จ ปมาทโย ติสฺโส อตฺถโยชนา อาการาทิอตฺเถสุ อคฺคหิตวิเสสเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ทสฺสิตา, ตโต ปรา จตสฺโส อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วิภาวิตา, ปจฺฉิมา ปน ติสฺโส ยถากฺกมํ อาการตฺถํ นิทสฺสนตฺถํ อวธารณตฺถฺจ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา โยชิตาติ ทฏฺพฺพํ.
เอก-สทฺโท อฺเสฏฺาสหายสงฺขฺยาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗) อฺตฺเถ ทิสฺสติ ¶ , ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๘) เสฏฺตฺเถ, ‘‘เอโก วูปกฏฺโ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๐๕) อสหาเย, ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ สงฺขฺยายํ. อิธาปิ สงฺขฺยายนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส’’ติ. กาลฺจ สมยฺจาติ ยุตฺตกาลฺจ ปจฺจยสามคฺคิฺจ ขโณติ โอกาโส. ตถาคตุปฺปาทาทิโก หิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอกาโส ตปฺปจฺจยปฏิลาภเหตุตฺตา. ขโณ เอว จ สมโย. โย ‘‘ขโณ’’ติ จ ‘‘สมโย’’ติ จ วุจฺจติ, โส เอโกวาติ หิ อตฺโถ มหาสมโยติ มหาสมูโห. สมโยปิ โขติ สิกฺขาปทปูรณสฺส เหตุปิ. สมยปฺปวาทเกติ ทิฏฺิปฺปวาทเก. ตตฺถ หิ นิสินฺนา ติตฺถิยา อตฺตโน อตฺตโน สมยํ ปวทนฺตีติ. อตฺถาภิสมยาติ หิตปฏิลาภา. อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, อภิสมโย อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ปีฬนาทีนิ อภิสเมตพฺพภาเวน เอกีภาวํ อุปเนตฺวา วุตฺตานิ. อภิสมยสฺส วา ปฏิเวธสฺส วิสยภูโต อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ. ตาเนว ตถา เอกตฺเตน วุตฺตานิ. ตตฺถ ปีฬนํ ทุกฺขสจฺจสฺส ตํสมงฺคิโน หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ. สนฺตาโป ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตาปนํ ปริทหนํ.
ตตฺถ สหการีการณํ สนฺนิชฺฌํ สเมติ สมเวตีติ สมโย, สมวาโย. สเมติ สมาคจฺฉติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ เอตฺถ ตทาธารปุคฺคเลหีติ สมโย, ขโณ. สเมติ เอตฺถ, เอเตน วา สํคจฺฉติ สตฺโต, สภาวธมฺโม วา สหชาตาทีหิ อุปฺปาทาทีหิ วาติ สมโย, กาโล. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย อตฺถโต อภูโตปิ หิ กาโล ธมฺมปฺปวตฺติยา อธิกรณํ กรณํ ¶ วิย จ กปฺปนามตฺตสิทฺเธน รูเปน โวหรียตีติ. สมํ, สห วา อวยวานํ อยนํ ปวตฺติ อวฏฺานนฺติ สมโย, สมูโห ยถา ‘‘สมุทาโย’’ติ. อวยวสหาวฏฺานเมว หิ สมูโหติ. อวเสสปจฺจยานํ สมาคเม เอติ ผลํ เอตสฺมา อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติ จาติ สมโย, เหตุ ยถา ‘‘สมุทโย’’ติ. สเมติ สํโยชนภาวโต สมฺพนฺโธ เอติ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา สํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโย, ทิฏฺิ; ทิฏฺิสฺโชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺตีติ. สมิติ สงฺคติ สโมธานนฺติ สมโย, ปฏิลาโภ. สมยนํ, สมฺมา วา อยนํ อปคโมติ สมโย, ปหานํ. อภิมุขํ าเณน สมฺมา เอตพฺโพ อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีโต สภาโว. อภิมุขภาเวน สมฺมา เอติ คจฺฉติ พุชฺฌตีติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาวาวโพโธ. เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ สมย-สทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา. สมยสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร อภิสมยสทฺทสฺส อุทาหรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อสฺสาติ สมยสทฺทสฺส ¶ . กาโล อตฺโถ สมวายาทีนํ อตฺถานํ อิธ อสมฺภวโต, เทสเทสกปริสานํ วิย สุตฺตสฺส นิทานภาเวน กาลสฺส อปทิสิตพฺพโต จ.
กสฺมา ปเนตฺถ อนิยมิตวเสเนว กาโล นิทฺทิฏฺโ, น อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยเมตฺวาติ? อาห – ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยมํ อกตฺวา สมยสทฺทสฺส วจเนน อยมฺปิ คุโณ ลทฺโธ โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย วา อิเม’’ติอาทิมาห. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺตีติ. ตตฺถ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทวสิกํ ฌานผลสมาปตฺตีหิ วีตินามนกาโล, วิเสสโต สตฺตสตฺตาหานิ. สุปฺปกาสาติ ทสสหสฺสิโลกธาตุสํกมฺปนโอภาสปาตุภาวาทีหิ ปากฏา. ยถาวุตฺตเภเทสุ เอว สมเยสุ เอกเทสํ ปการนฺตเรหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โย จาย’’นฺติอาทิมาห. ตถา หิ าณกิจฺจสมโย อตฺตหิตปฏิปตฺติสมโย จ อภิสมฺโพธิสมโย, อริยตุณฺหีภาวสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย, กรุณากิจฺจปรหิตปฏิปตฺติธมฺมิกถาสมโย เทสนาสมโย เอว.
กรณวจเนน ¶ นิทฺเทโส กโตติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถาติ อภิธมฺมตทฺสุตฺตปทวินเยสุ. ตถาติ ภุมฺมกรเณหิ. อธิกรณตฺโถ อาธารตฺโถ. ภาโว นาม กิริยา, ตาย กิริยนฺตรลกฺขณํ ภาเวนภาวลกฺขณํ. ตตฺถ ยถา กาโล สภาวธมฺมปริจฺฉินฺโน สยํ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ อาธารภาเวน ปฺาโต ตงฺขณปฺปวตฺตานํ ตโต ปุพฺเพ ปรโต จ อภาวโต ‘‘ปุพฺพณฺเห ชาโต, สายนฺเห คจฺฉตี’’ติ จ อาทีสุ, สมูโห จ อวยววินิมุตฺโต อวิชฺชมาโนปิ กปฺปนามตฺตสิทฺโธ อวยวานํ อาธารภาเวน ปฺาปียติ ‘‘รุกฺเข สาขา, ยวราสิยํ สมฺภูโต’’ติอาทีสุ, เอวํ อิธาปีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อธิกรณฺหิ…เป… ธมฺมาน’’นฺติ. ยสฺมึ กาเล ธมฺมปฺุเช วา กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึ เอว กาเล ธมฺมปฺุเช จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ. ยถา จ ‘‘คาวีสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, ทุทฺธาสุ อาคโต’’ติ โทหนกิริยาย คมนกิริยา ลกฺขียติ, เอวํ อิธาปิ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ตสฺมึ สมเย’’ติ จ วุตฺเต ‘‘สตี’’ติ อยมตฺโถ วิฺายมาโน เอว โหติ ปทตฺถสฺส สตฺตาวิรหาภาวโตติ สมยสฺส สตฺตากิริยาย จิตฺตสฺส อุปฺปาทกิริยา ผสฺสาทีนํ ภวนกิริยา จ ลกฺขียติ. ยสฺมึ สมเยติ ยสฺมึ นวเม ขเณ, ยสฺมึ โยนิโสมนสิการาทิเหตุมฺหิ, ปจฺจยสมวาเย วา สติ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว ขเณ, เหตุมฺหิ, ปจฺจยสมวาเย วา ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อุภยตฺถ สมยสทฺเท ภุมฺมนิทฺเทโส กโต ลกฺขณภูตภาวยุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ขณ…เป… ลกฺขียตี’’ติ.
เหตุอตฺโถ ¶ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ ‘‘อนฺเนน วสติ, อชฺเฌเนน วสติ, ผรสุนา ฉินฺทติ, กุทาเลน ขณตี’’ติอาทีสุ วิย. วีติกฺกมฺหิ สุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา โอติณฺณวตฺถุกํ ปุคฺคลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา วิครหิตฺวา จ ตํ ตํ วตฺถุํ โอติณฺณกาลํ อนติกฺกมิตฺวา เตเนว กาเลน สิกฺขาปทานิ ปฺเปนฺโต ภควา วิหรติ สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ตติยปาราชิกาทีสุ วิย.
อจฺจนฺตเมว อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว เทสนานิฏฺานํ ปรหิตปฏิปตฺติสงฺขาเตน กรุณาวิหาเรน. ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺถโชตนตฺถํ. อุปโยควจนนิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘มาสํ อชฺเฌตี’’ติ.
โปราณาติ ¶ อฏฺกถาจริยา. อภิลาปมตฺตเภโทติ วจนมตฺเตน วิเสโส. เตน สุตฺตวินเยสุ วิภตฺติพฺยตฺตโย กโตติ ทสฺเสติ.
เสฏฺนฺติ เสฏฺวาจกํ วจนํ ‘‘เสฏฺ’’นฺติ วุตฺตํ เสฏฺคุณสหจรณโต. ตถา อุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต, ครุกรณารหตาย วา คารวยุตฺโต. วุตฺโตเยว, น ปน อิธ วตฺตพฺโพ วิสุทฺธิมคฺคสฺส อิมิสฺสา อฏฺกถาย เอกเทสภาวโตติ อธิปฺปาโย.
อปโร นโย (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑; สารตฺถ. ฏี. ๑.วินยานิสํสกถาวณฺณนา; วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๔๔; อิติวุ. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) – ภาควาติ ภควา, ภตวาติ ภควา, ภาเค วนีติ ภควา, ภเค วนีติ ภควา, ภตฺตวาติ ภควา, ภเค วมีติ ภควา, ภาเค วมีติ ภควา.
ภควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;
ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน.
ตตฺถ กถํ ภาควาติ ภควา? เย เต สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา คุณภาคา คุณโกฏฺาสา, เต อนฺสาธารณา นิรติสยา ตถาคตสฺส อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ. ตถา หิสฺส สีลํ, สมาธิ, ปฺา, วิมุตฺติ, วิมุตฺติาณทสฺสนํ, หิรี, โอตฺตปฺปํ, สทฺธา, วีริยํ, สติ สมฺปชฺํ, สีลวิสุทฺธิ, ทิฏฺิวิสุทฺธิ, สมโถ, วิปสฺสนา, ตีณิ กุสลมูลานิ, ตีณิ สุจริตานิ, ตโย ¶ สมฺมาวิตกฺกา, ติสฺโส อนวชฺชสฺา, ติสฺโส ธาตุโย, จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ อริยผลานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, จตุโยนิปฏิจฺเฉทกาณํ, จตฺตาโร อริยวํสา, จตฺตาริ เวสารชฺชาณานิ, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ, ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, ปฺจ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ปฺจ วิมุตฺตายตนาณานิ, ปฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา สฺา, ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ, ฉ คารวา, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ฉ สตตวิหารา, ฉ อนุตฺตริยานิ, ฉ นิพฺเพธภาคิยา สฺา, ฉ อภิฺา, ฉ อสาธารณาณานิ, สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา, สตฺต อริยธมฺมา, สตฺต อริยธนานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, สตฺต สปฺปุริสธมฺมา, สตฺต นิชฺชรวตฺถูนิ, สตฺต ¶ สฺา, สตฺต ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา, สตฺต ขีณาสวพลเทสนา, อฏฺ ปฺาปฏิลาภเหตุเทสนา, อฏฺ สมฺมตฺตานิ, อฏฺ โลกธมฺมาติกฺกมา, อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ, อฏฺ อกฺขณเทสนา, อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา, อฏฺ อภิภายตนเทสนา, อฏฺ วิโมกฺขา, นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ, นว สตฺตาวาสเทสนา, นว อาฆาตปฏิวินยา, นว สฺา, นว นานตฺตา, นว อนุปุพฺพวิหารา, ทส นาถกรณา ธมฺมา, ทส กสิณายตนานิ, ทส กุสลกมฺมปถา, ทส สมฺมตฺตานิ, ทส อริยวาสา, ทส อเสกฺขธมฺมา, ทส ตถาคตพลานิ, เอกาทส เมตฺตานิสํสา, ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา, เตรส ธุตคุณา, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, ปฺจทส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ, โสฬส อปรนฺตปนียา ธมฺมา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ, ปฺาส อุทยพฺพยาณานิ, ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมา, สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนิ, จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขาสมาปตฺติสฺจาริมหาวชิราณํ, อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาาณานิ ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนาณานิ จาติ เอวมาทโย อนนฺตาปริมาณเภทา อนฺสาธารณา นิรติสยา คุณภาคา คุณโกฏฺาสา สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตวิภาคา คุณภาคา อสฺส อตฺถีติ ‘‘ภาควา’’ติ วตฺตพฺเพ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวา ‘‘ภควา’’ติ วุตฺโต. เอวํ ตาว ภาควาติ ภควา.
ยสฺมา สีลาทโย สพฺเพ, คุณภาคา อเสสโต;
วิชฺชนฺติ สุคเต ตสฺมา, ภควาติ ปวุจฺจตีติ.
กถํ ภตวาติ ภควา? เย เต สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺเนหิ มนุสฺสตฺตาทิเก อฏฺ ธมฺเม ¶ สโมธาเนตฺวา สมฺมาสมฺโพธิยา กตมหาภินีหาเรหิ มหาโพธิสตฺเตหิ ปริปูริตพฺพา ทานปารมี, สีล, เนกฺขมฺม, ปฺา, วีริย, ขนฺติ, สจฺจ, อธิฏฺาน, เมตฺตา, อุเปกฺขาปารมีติ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย, ทานาทีนิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ, สจฺจาทีนิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ, องฺคปริจฺจาโค นยนธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาโคติ ปฺจ มหาปริจาคา, ปุพฺพโยโค, ปุพฺพจริยา, ธมฺมกฺขานํ, าตตฺถจริยา, โลกตฺถจริยา, พุทฺธิจริยาติ ¶ เอวมาทโย, สงฺเขปโต วา สพฺเพ ปฺุาณสมฺภารา พุทฺธกรธมฺมา, เต มหาภินีหารโต ปฏฺาย กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺเขยฺยานิ ยถา หานภาคิยา สํกิเลสภาคิยา ิติภาคิยา วา น โหนฺติ, อถ โข อุตฺตรุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหนฺติ, เอวํ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ อนวเสสโต ภตา สมฺภตา อสฺส อตฺถีติ ‘‘ภตวา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุตฺโต นิรุตฺตินเยน ต-การสฺส ค-การํ กตฺวา. อถ วา ภตวาติ เตเยว ยถาวุตฺเต พุทฺธกรธมฺเม วุตฺตนเยเนว ภริ สมฺภริ, ปริปูเรสีติ อตฺโถ. เอวมฺปิ ภตวาติ ภควา.
สมฺมาสมฺโพธิยา สพฺเพ, ทานปารมิอาทิเก;
สมฺภาเร ภตวา นาโถ, เตนาปิ ภควา มโตติ.
กถํ ภาเค วนีติ ภควา? เย เต จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา เทวสิกํ วฬฺชนกสมาปตฺติภาคา, เต อนวเสสโต โลกหิตตฺถํ อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ นิจฺจกปฺปํ วนิ ภชิ เสวิ พหุลมกาสีติ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา อภิฺเยฺยธมฺเมสุ กุสลาทีสุ ขนฺธาทีสุ จ เย เต ปริฺเยฺยาทิวเสน สงฺเขปโต วา จตุพฺพิธา อภิสมยภาคา, วิตฺถารโต ปน ‘‘จกฺขุ ปริฺเยฺยํ โสตํ…เป… ชรามรณํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๒๑) อเนเก ปริฺเยฺยภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ…เป… ชรามรณสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ’’ติอาทินา ปหาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรโธ…เป… ชรามรณสฺส นิโรโธ สจฺฉิกาตพฺโพ’’ติอาทินา สจฺฉิกาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติอาทินา, ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา จ อเนกเภทา ภาเวตพฺพภาคา จ ธมฺมา, เต สพฺเพ วนิ ภชิ ยถารหํ โคจรภาวนาเสวนานํ วเสน เสวิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา ‘‘เย อิเม สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา สาวเกหิ สาธารณา คุณภาคา คุณโกฏฺาสา, กินฺติ นุ โข เต วิเนยฺยสนฺตาเนสุ ปติฏฺเปยฺย’’นฺติ มหากรุณาย วนิ อภิปตฺถยิ, สา จสฺส อภิปตฺถนา ยถาธิปฺเปตผลาวหา อโหสิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา.
ยสฺมา ¶ เยฺยสมาปตฺติคุณภาเค อเสสโต;
ภชิ ปตฺถยิ สตฺตานํ, หิตาย ภควา ตโตติ.
กถํ ¶ ภเค วนีติ ภควา? สมาสโต ตาว กตปฺุเหิ ปโยคสมฺปนฺเนหิ ยถาวิภวํ ภชียนฺตีติ ภคา, โลกิยโลกุตฺตรา สมฺปตฺติโย. ตตฺถ โลกิเย ตาว ตถาคโต สมฺโพธิโต ปุพฺเพ โพธิสตฺตภูโต ปรมุกฺกํสคเต วนิ ภชิ เสวิ, ยตฺถ ปติฏฺาย นิรวเสสโต พุทฺธกรธมฺเม สมนฺนาเนนฺโต พุทฺธธมฺเม ปริปาเจสิ, พุทฺธภูโต ปน เต นิรวชฺชสุขูปสํหิเต อนฺสาธารเณ โลกุตฺตเรปิ วนิ ภชิ เสวิ, วิตฺถารโต ปน ปเทสรชฺชอิสฺสริยจกฺกวตฺติสมฺปตฺติ-เทวรชฺชสมฺปตฺติอาทิวเสน- ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติาณทสฺสน-มคฺคภาวนาผลสจฺฉิ- กิริยาทิ-อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวเสน จ อเนกวิหิเต อนฺสาธารเณ ภเค วนิ ภชิ เสวิ. เอวมฺปิ ภเค วนีติ ภควา.
ยา ตา สมฺปตฺติโย โลเก, ยา จ โลกุตฺตรา ปุถุ;
สพฺพา ตา ภชิ สมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ภควา มโตติ.
กถํ ภตฺตวาติ ภควา? ภตฺตา ทฬฺหภตฺติกา อสฺส พหู อตฺถีติ ภตฺตวา. ตถาคโต หิ มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริมิตนิรุปมปภาวคุณวิเสสสมงฺคิภาวโต สพฺพสตฺตุตฺตโม, สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตูปการิตาย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณ-อสีติอนุพฺยฺชน-พฺยามปฺปภาทิอนฺสาธารณ- วิเสสปฏิมณฺฑิต-รูปกายตาย ยถาภุจฺจ-คุณาธิคเตน ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน โลกตฺตยพฺยาปินา สุวิปุเลน สุวิสุทฺเธน จ ถุติโฆเสน สมนฺนาคตตฺตา อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตาสุ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิอาทีสุ สุปฺปติฏฺิตภาวโต ทสพลจตุเวสารชฺชาทินิรติสยคุณวิเสส-สมงฺคิภาวโต จ รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน, โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน, ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน, ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโนติ เอวํ จตุปฺปมาณิเก โลกสนฺนิวาเส สพฺพถาปิ ปสาทาวหภาเวน สมนฺตปาสาทิกตฺตา อปริมาณานํ สตฺตานํ สเทวมนุสฺสานํ อาทรพหุมานคารวายตนตาย ปรมเปมสมฺภตฺติฏฺานํ. เย ตสฺส โอวาเท ปติฏฺิตา อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา โหนฺติ, เกนจิ อสํหาริยา เตสํ ปสาทภตฺติ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา. ตถา หิ เต อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาเคปิ ตตฺถ ปสาทํ น ปริจฺจชนฺติ, ตสฺส วา อาณํ ทฬฺหภตฺติภาวโต. เตเนวาห –
‘‘โย ¶ ¶ เว กตฺู กตเวทิ ธีโร;
กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหตี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๗๘);
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺโท ิตธมฺโม เวลํ นาติวตฺตติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕) จ.
เอวํ ภตฺตวาติ ภควา นิรุตฺตินเยน เอกสฺส ต-การสฺส โลปํ กตฺวา อิตรสฺส ค-การํ กตฺวา.
คุณาติสยยุตฺตสฺส, ยสฺมา โลกหิเตสิโน;
สมฺภตฺตา พหโว สตฺถุ, ภควา เตน วุจฺจตีติ.
กถํ ภเค วมีติ ภควา? ยสฺมา ตถาคโต โพธิสตฺตภูโตปิ ปุริมาสุ ชาตีสุ ปารมิโย ปูเรนฺโต ภคสงฺขาตํ สิรึ อิสฺสริยํ ยสฺจ วมิ, อุคฺคิริ, เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ; ปจฺฉิมตฺตภาเวปิ หตฺถาคตํ จกฺกวตฺติสิรึ เทวโลกาธิปจฺจสทิสํ จตุทีปิสฺสริยํ จกฺกวตฺติสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยํ สตฺตรตนสมุชฺชลํ ยสฺจ ติณายปิ อมฺมาโน นิรเปกฺโข ปหาย อภินิกฺขมิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา อิเม สิริอาทิเก ภเค วมีติ ภควา. อถ วา ภานิ นาม นกฺขตฺตานิ, เตหิ สมํ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ภคา, สิเนรุยุคนฺธรอุตฺตรกุรุหิมวนฺตาทิภาชนโลกวิเสสสนฺนิสฺสยา โสภา กปฺปฏฺิยภาวโต, เตปิ ภเค วมิ ตนฺนิวาสิสตฺตาวาสสมติกฺกมนโต, ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปหาเนน ปชหีติ. เอวมฺปิ ภเค วมีติ ภควา.
จกฺกวตฺติสิรึ ยสฺมา, ยสํ อิสฺสริยํ สุขํ;
ปหาสิ โลกจิตฺตฺจ, สุคโต ภควา ตโตติ.
กถํ ภาเค วมีติ ภควา? ภาคา นาม สภาคธมฺมโกฏฺาสา, เต ขนฺธายตนธาตาทิวเสน, ตตฺถาปิ รูปเวทนาทิวเสน, ปถวิยาทิอตีตาทิวเสน จ อเนกวิธา. เต ภควา สพฺพํ ปปฺจํ สพฺพํ โยคํ สพฺพํ คนฺถํ สพฺพํ สํโยชนํ สมุจฺฉินฺทิตฺวา อมตํ ธาตุํ สมธิคจฺฉนฺโต วมิ อุคฺคิริ, อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ น ปจฺจาคมิ. ตถา เหส ‘‘สพฺพตฺถเมว ปถวึ ¶ อาปํ ¶ เตชํ วายํ, จกฺขุํ โสตํ ฆานํ ชิวฺหํ กายํ มนํ, รูเป สทฺเท คนฺเธ รเส โผฏฺพฺเพ ธมฺเม, จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ, จกฺขุสมฺผสฺสํ…เป… มโนสมฺผสฺสํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ สฺํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ สฺํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เจตนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เจตนํ, รูปตณฺหํ…เป… ธมฺมตณฺหํ, รูปวิตกฺกํ…เป… ธมฺมวิตกฺกํ, รูปวิจารํ…เป… ธมฺมวิจาร’’นฺติอาทินา อนุปทธมฺมวิภาควเสนปิ สพฺเพว ธมฺมโกฏฺาเส อนวเสสโต วมิ อุคฺคิริ, อนเปกฺขปริจฺจาเคน ฉฑฺฑยิ. วุตฺตํ เหตํ ‘‘ยํ ตํ, อานนฺท, จตฺตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺํ, ตํ ตถาคโต ปุน ปจฺจาคมิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘๓). เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา. อถ วา ภาเค วมีติ สพฺเพปิ กุสลากุสเล สาวชฺชานวชฺเช หีนปณีเต กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม อริยมคฺคาณมุเขน วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺโข ปริจฺจชิ ปชหิ, ปเรสฺจ ตถตฺตาย ธมฺมํ เทเสสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา (ม. นิ. ๑.๒๔๐), กุลฺลูปมํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถายา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๔๐). เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา.
ขนฺธายตนธาตาทิ-ธมฺมภาคามเหสินา;
กณฺหสุกฺกา ยโต วนฺตา, ตโตปิ ภควา มโตติ.
เตน วุตฺตํ –
‘‘ภาควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;
ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน’’ติ.
ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรตีติ ‘‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) วจนโต ธมฺมสฺส สตฺถุภาวปริยาโย วิชฺชตีติ กตฺวา วุตฺตํ. วชิรสงฺฆาตสมานกาโย ปเรหิ อเภชฺชสรีรตฺตา. น หิ ภควโต รูปกาเย เกนจิ สกฺกา อนฺตราโย กาตุนฺติ.
เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ วกฺขมานสฺส สกลสฺส สุตฺตสฺส ‘‘เอว’’นฺติ นิทสฺสนโต. สาวกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเตน ปฺจสุ าเนสุ ภควตา เอตทคฺเค ปิเตน มยา มหาสาวเกน ¶ สุตํ, ตฺจ โข มยาว ¶ สุตํ, น อนุสฺสุติกํ, น ปรมฺปราภตนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนโต. กาลสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ภควา-สทฺทสนฺนิธาเน ปยุตฺตสฺส สมย-สทฺทสฺส กาลสฺส พุทฺธุปฺปาทปฏิมณฺฑิตภาวทีปนโต. พุทฺธุปฺปาทปรมา หิ กาลสมฺปทา. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘กปฺปกสาเย กลิยุเค, พุทฺธุปฺปาโท อโห มหจฺฉริยํ;
หุตาวหมชฺเฌ ชาตํ, สมุทิตมกรนฺทมรวินฺท’’นฺติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๑; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑ รูปาทิวคฺควณฺณนา);
ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนภาวโต.
มงฺคลทิวโส สุขโณ สุนกฺขตฺตนฺติ อชฺช มงฺคลทิวโส, ตสฺมา สุนกฺขตฺตํ, ตตฺถาปิ อยํ สุขโณ. มา อติกฺกมีติ มา รตฺติวิภายนํ อนุทิกฺขนฺตานํ รตฺติ อติกฺกมีติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อุกฺกาสุ ิตาสุ ิตาติ อุกฺกฏฺา (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๕; อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๓๖). อุกฺกาสุ วิชฺโชตลนฺตีสุ ิตา ปติฏฺิตาติ มูลวิภูชาทิปกฺเขเปน (ปาณินิ ๓.๒.๕) สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. นิรุตฺตินเยน วา อุกฺกาสุ ิตาสุ ิตา อาสีติ อุกฺกฏฺา. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ภูมิภาคสมฺปตฺติยา มนุสฺสสมฺปตฺติยา อุปกรณสมฺปตฺติยา จ สา นครี อุกฺกฏฺคุณโยคโต ‘อุกฺกฏฺา’ติ นามํ ลภี’’ติ.
อวิเสเสนาติ น วิเสเสน, วิหารภาวสามฺเนาติ อตฺโถ. อิริยาปถ…เป… วิหาเรสูติ อิริยาปถวิหาโร ทิพฺพวิหาโร พฺรหฺมวิหาโร อริยวิหาโรติ เอเตสุ จตูสุ วิหาเรสุ. สมงฺคิปริทีปนนฺติ สมงฺคีภาวปริทีปนํ. เอตนฺติ ‘‘วิหรตี’’ติ เอตํ ปทํ. ตถา หิ ตํ ‘‘อิเธกจฺโจ คิหีหิ สํสฏฺโ วิหรติ สหนนฺที สหโสกี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) อิริยาปถวิหาเร อาคตํ; ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖๐; วิภ. ๖๒๔) ทิพฺพวิหาเร; ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗; ๒.๓๐๙; ๓.๒๓๐) พฺรหฺมวิหาเร; ‘‘โส โข อหํ อคฺคิเวสฺสน ตสฺสาเยว กถาย ปริโยสาเน ตสฺมึ เอว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว ¶ ¶ จิตฺตํ สณฺเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทึ กโรมิ สมาทหามิ, เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อริยวิหาเร.
ตตฺถ อิริยนํ วตฺตนํ อิริยา, กายปฺปโยโค. ตสฺสา ปวตฺตนุปายภาวโต านาทิ อิริยาปโถ. านสมงฺคี วา หิ กาเยน กิฺจิ กเรยฺย คมนาทีสุ อฺตรสมงฺคี วา. อถ วา อิริยติ ปวตฺตติ เอเตน อตฺตภาโว, กายกิจฺจํ วาติ อิริยา, ตสฺสา ปวตฺติยา อุปายภาวโต ปโถติ อิริยาปโถ, านาทิ เอว. โส จ อตฺถโต คตินิวตฺติอาทิอากาเรน ปวตฺโต จตุสนฺตติรูปปพนฺโธ เอว. วิหรณํ, วิหรติ เอเตนาติ วา วิหาโร, อิริยาปโถ เอว วิหาโร อิริยาปถวิหาโร. ทิวิ ภโวติ ทิพฺโพ. ตตฺถ พหุลปฺปวตฺติยา พฺรหฺมปาริสชฺชาทิเทวโลเก ภโวติ อตฺโถ. ตตฺถ โย ทิพฺพานุภาโว, ตทตฺถาย สํวตฺตตีติ วา ทิพฺโพ, อภิฺาภินีหารวเสน มหาคติกตฺตา วา ทิพฺโพ, ทิพฺโพ จ โส วิหาโร จาติ ทิพฺพวิหาโร, จตสฺโส รูปาวจรสมาปตฺติโย. อารุปฺปสมาปตฺติโยปิ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. พฺรหฺมูนํ, พฺรหฺมาโน วา วิหารา พฺรหฺมวิหารา, จตสฺโส อปฺปมฺาโย. อริยานํ, อริยา วา วิหารา อริยวิหารา, จตฺตาริ สามฺผลานิ. โส หิ ภควา เอกํ อิริยาปถพาธนนฺติอาทิ ยทิปิ ภควา เอเกนปิ อิริยาปเถน จิรตรํ กาลํ อตฺตภาวํ ปวตฺเตตุํ สกฺโกติ, ตถาปิ ‘‘อุปาทินฺนกสรีรสฺส นาม อยํ สภาโว’’ติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ยสฺมา วา ภควา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโต เวเนยฺยานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต, นานาสมาปตฺตีหิ จ กาลํ วีตินาเมนฺโต วสตีติ เวเนยฺยสตฺตานํ อตฺตโน จ วิวิธํ หิตสุขํ หรติ อุปเนติ อุปฺปาเทติ, ตสฺมา วิวิธํ หรตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สุภคตฺตาติ สิรีกามานวเสน โสภนตฺตา. เตเนวาห ‘‘สุนฺทรสิริกตฺตา สุนฺทรกามตฺตา จา’’ติ. ฉณสมชฺชอุสฺสเวติ เอตฺถ ฉณํ นาม ผคฺคุนมาสาทีสุ อุตฺตรผคฺคุนาทิ-อภิลกฺขิตทิวเสสุ สปริชนานํ มนุสฺสานํ มงฺคลกรณํ. สมชฺชํ นาม นฏสมชฺชาทิ. อุสฺสโว นกฺขตฺตํ. ยตฺถ คามนิคมวาสิโน ตโย สตฺต วา ทิวเส นกฺขตฺตโฆสนํ กตฺวา ยถาวิภวํ อลงฺกตปฏิยตฺตา โภเค ปริภฺุชนฺตา นกฺขตฺตกีฬนํ ¶ กีฬนฺติ. เตสํ ตํ ตเถว โหตีติ เตสํ มนุสฺสานํ ตํ ปตฺถนํ ตนฺนิวาสิเทวตานุภาเวน เยภุยฺเยน ตเถว โหติ, ปตฺถนา สมิชฺฌตีติ อตฺโถ. พหุชนกนฺตตายาติ อิมินา ‘‘สุนฺทรกามตฺตา’’ติ เอตสฺเสว ปทสฺส ปการนฺตเรน อตฺถํ วิภาเวติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – กมนียฏฺเน สุฏฺุ ภชียตีติ สุภคํ, สุภา อคา รุกฺขา เอตฺถาติ วา สุภคํ, สุนฺทรกิตฺติโยคโต วา ‘‘สุภค’’นฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺถํ วณฺเณนฺติ. เกจิ ปน ‘‘สุภาควเน’’ติ ปนฺติ, ‘‘สุนฺทรภูมิภาเค ¶ วเน’’ติ จสฺส อตฺถํ วทนฺติ. สุภคสฺส นาม ยกฺขสฺส วนํ เตน ปริคฺคหิตตฺตาติ ‘‘สุภควน’’นฺติ อฺเ. วนนํ ภตฺตีติอตฺเถ ตํ วนนํ กาเรตีติ เอตสฺมึ อตฺเถ วนยตีติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. เตเนวาห ‘‘อตฺตนิ สิเนหํ อุปฺปาเทตี’’ติ. ยาจนตฺเถ วนุเต อิติ วนนฺติ อุปจารกปฺปนาวเสน วน-สทฺโท เวทิตพฺโพ.
อุชุวํสาติ อุชุภูตวิฏปา. มหาสาลาติ มหารุกฺขา. อฺตรสฺมึ สาลมูเลติ อฺตรสฺส รุกฺขสฺส มูเล. วนปฺปติเชฏฺกรุกฺโขติ วนปฺปติภูโต เชฏฺกรุกฺโข. ตเมว เชฏฺกภาวนฺติ วนปฺปติภาเวนาคตํ เสฏฺภาวํ ปธานภาวํ. เตน หิ โส ‘‘สาลราชา’’ติ วุตฺโต. อุปคตานํ รฺชนฏฺเน ราชา, อฺสฺมิมฺปิ ตาทิเส รุกฺเข ราชโวหารํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุปติฏฺิตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พฺราหฺมณ ธมฺมิกาติ อาลปนํ. นิปฺปริยาเยน สาขาทิมโต สงฺฆาตสฺส สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเน อวยววิเสเส ปวตฺตมาโน มูล-สทฺโท. ยสฺมา ตํสทิเสสุ ตนฺนิสฺสเย ปเทเส จ รุฬฺหีวเสน ปริยายโต ปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺยา’’ติ เอตฺถ นิปฺปริยายมูลํ อธิปฺเปตนฺติ เอเกน มูล-สทฺเทน วิเสเสตฺวา อาห ‘‘มูลมูเล ทิสฺสตี’’ติ ยถา ‘‘ทุกฺขทุกฺขํ (สํ. นิ. ๔.๓๒๗), รูปรูป’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๔๙) จ. อสาธารณเหตุมฺหีติ อสาธารณการเณ. โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทานํ เอว อาเวณิเก เนสํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนโต มูลฏฺเน อุปการเก ปจฺจยธมฺเม ทิสฺสตีติ อตฺโถ.
ตตฺถาติ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา อุกฺกฏฺายํ วิหรติ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติ ยํ วุตฺตํ วากฺยํ, ตตฺต. สิยาติ กสฺสจิ เอวํ ปริวิตกฺโก สิยา, วกฺขมานากาเรน กทาจิ โจเทยฺย วาติ อตฺโถ. อถ ตตฺถ วิหรตีติ ยทิ สุภควเน สาลราชมูเล วิหรติ. น วตฺตพฺพนฺติ นานาานภูตตฺตา ¶ อุกฺกฏฺาสุภควนานํ, เอกํ สมยนฺติ จ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. อิทานิ โจทโก ตเมว อตฺตโน อธิปฺปายํ ‘‘น หิ สกฺกา’’ติอาทินา วิวรติ. อิตโร สพฺพเมตํ อวิปรีตํ อตฺถํ อชานนฺเตน วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพ’’นฺติ อาห. ตตฺถ เอตนฺติ ‘‘อุกฺกฏฺายํ วิหรติ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติ เอตํ วจนํ. เอวนฺติ ‘‘ยทิ ตาว ภควา’’ติอาทินา ยํ ตํ ภวตา โจทิตํ, ตํ อตฺถโต เอวํ น โข ปน ทฏฺพฺพํ, น อุภยตฺถ อปุพฺพอจริมํ วิหารทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ.
อิทานิ อตฺตโน ยถาธิปฺเปตํ อวิปรีตํ อตฺถํ, ตสฺส จ ปฏิกจฺเจว วุตฺตภาวํ, เตน จ อปฺปฏิวิทฺธตฺตํ ปกาเสนฺโต ‘‘นนุ อโวจุมฺห…เป… สาลราชมูเล’’ติ อาห. เอวมฺปิ ‘‘สุภควเน ¶ สาลราชมูเล วิหรตี’’จฺเจว วตฺตพฺพํ, น ‘‘อุกฺกฏฺาย’’นฺติ โจทนํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘โคจรคามนิทสฺสนตฺถ’’นฺติอาทิ.
อวสฺสํ เจตฺถ โคจรคามกิตฺตนํ กาตพฺพํ. ตถา หิ ตํ ยถา สุภควนาทิกิตฺตนํ ปพฺพชิตานุคฺคหกรณาทิอเนกปฺปโยชนํ, เอวํ คหฏฺานุคฺคหกรณาทิวิวิธปฺปโยชนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุกฺกฏฺากิตฺตเนนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปจฺจยคฺคหเณน อุปสงฺกมนปยิรุปาสนานํ โอกาสทาเนน ธมฺมเทสนาย สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฏฺาปเนน ยถูปนิสฺสยํ อุปริวิเสสาธิคมาวหเนน จ คหฏฺานคฺคหกรณํ, อุคฺคหปริปุจฺฉานํ กมฺมฏฺานานุโยคสฺส จ อนุรูปวสนฏฺานปริคฺคเหเนตฺถ ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ เวทิตพฺพํ. กรุณาย อุปคมนํ, น ลาภาทินิมิตฺตํ, ปฺาย อปคมนํ, น วิโรธาทินิมิตฺตนฺติ อุปคมนาปคมนานํ นิรุปกฺกิเลสตํ วิภาเวติ. ธมฺมิกสุขํ นาม อนวชฺชสุขํ. เทวานํ อุปการพหุลตา ชนวิวิตฺตตาย. ปจุรชนวิวิตฺตํ หิ านํ เทวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺนฺติ. ตทตฺถปรินิปฺผาทนนฺติ โลกตฺถนิปฺผาทนํ, พุทฺธกิจฺจสมฺปาทนนฺติ อตฺโถ. เอวมาทินาติ อาทิ-สทฺเทน อุกฺกฏฺากิตฺตนโต รูปกายสฺส อนุคฺคณฺหนํ ทสฺเสติ, สุภควนาทิกิตฺตนโต ธมฺมกายสฺส. ตถา ปุริเมน ปราธีนกิริยากรณํ, ทุติเยน อตฺตาธีนกิริยากรณํ. ปุริเมน วา กรุณากิจฺจํ, อิตเรน ปฺากิจฺจํ. ปุริเมน จสฺส ปรมาย อนุกมฺปาย สมนฺนาคมํ, ปจฺฉิเมน ปรมาย อุเปกฺขาย สมนฺนาคมํ ¶ ทีเปติ. ภควา หิ สพฺพสตฺเต ปรมาย อนุกมฺปาย อนุกมฺปติ, น จ ตตฺถ สิเนหโทสานุปติโต ปรมุเปกฺขกภาวโต, อุเปกฺขโก จ น จ ปรหิตสุขกรเณ อปฺโปสุกฺโก มหาการุณิกภาวโต.
ตสฺส มหาการุณิกตาย โลกนาถตา, อุเปกฺขกตาย อตฺตนาถตา. ตถา เหส โพธิสตฺตภูโต มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส สกลโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺโน มหาภินีหารโต ปฏฺาย ตทตฺถนิปฺผาทนตฺถํ ปฺุาณสมฺภาเร สมฺปาเทนฺโต อปริมิตํ กาลํ อนปฺปกํ ทุกฺขมนุโภสิ, อุเปกฺขกตาย สมฺมา ปติเตหิ ทุกฺเขหิ น วิกมฺปิ. ตถา มหาการุณิกตาย สํสาราภิมุขตา, อุเปกฺขกตาย ตโต นิพฺพินฺทนา. ตถา อุเปกฺขกตาย นิพฺพานาภิมุขตา, มหาการุณิกตาย ตทธิคโม. ตถา มหาการุณิกตาย ปเรสํ อภึสาปนํ, อุเปกฺขกตาย สยํ ปเรหิ อภายนํ. มหาการุณิกตาย ปรํ รกฺขโต อตฺตโน รกฺขณํ, อุเปกฺขกตาย อตฺตานํ รกฺขโต ปเรสํ รกฺขณํ. เตนสฺส อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตุตฺถปุคฺคลภาโว สิทฺโธ โหติ. ตถา มหาการุณิกตาย สจฺจาธิฏฺานสฺส จาคาธิฏฺานสฺส จ ปาริปูริ, อุเปกฺขกตาย อุปสมาธิฏฺานสฺส ปฺาธิฏฺานสฺส จ ปาริปูริ. เอวํ ปริสุทฺธาสยปโยคสฺส ¶ มหาการุณิกตาย โลกหิตตฺถเมว รชฺชสมฺปทาทิภวสมฺปตฺติยา อุปคมนํ, อุเปกฺขกตาย ติณายปิ อมฺมานสฺส ตโต อปคมนํ. อิติ สุวิสุทฺธอุปคมาปคมสฺส มหาการุณิกตาย โลกหิตตฺถเมว ทานวเสน สมฺปตฺตีนํ ปริจฺจชนา, อุเปกฺขกตาย จสฺส ผลสฺส อตฺตโน อปจฺจาสีสนา. เอวํ สมุทาคมนโต ปฏฺาย อจฺฉริยพฺภุตคุณสมนฺนาคตสฺส มหาการุณิกตาย ปเรสํ หิตสุขตฺถํ อติทุกฺกรการิตา, อุเปกฺขกตาย กายมฺปิ อนลํการิตา.
ตถา มหาการุณิกตาย จริมตฺตภาเว ชิณฺณาตุรมตทสฺสเนน สฺชาตสํเวโค, อุเปกฺขกตาย อุฬาเรสุ เทวโภคสทิเสสุ โภเคสุ นิรเปกฺโข มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ. ตถา มหาการุณิกตาย ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) กรุณามุเขเนว วิปสฺสนารมฺโภ ¶ , อุเปกฺขกตาย พุทฺธภูตสฺส สตฺต สตฺตาหานิ วิเวกสุเขเนว วีตินามนํ. มหาการุณิกตาย ธมฺมคมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ธมฺมเทสนาย อปฺโปสุกฺกตํ อาปชฺชิตฺวาปิ มหาพฺรหฺมุโน อชฺเฌสนาปเทเสน โอกาสกรณํ, อุเปกฺขกตาย ปฺจวคฺคิยาทิ เวเนยฺยานํ อนนุรูปสมุทาจาเรปิ อนฺถาภาโว. มหาการุณิกตาย กตฺถจิ ปฏิฆาตาภาเวนสฺส สพฺพตฺถ อมิตฺตสฺาย อภาโว, อุเปกฺขกตาย กตฺถจิปิ อนุโรธาภาเวน สพฺพตฺถ สิเนหสนฺถวาภาโว. มหาการุณิกตาย คามาทีนํ อาสนฺนฏฺาเน วสนฺตสฺสปิ อุเปกฺขกตาย อรฺฏฺาเน เอว วิหรณํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุริเมน จสฺส ปรมาย อนฺนุกมฺปาย สมนฺนาคมํ, ปจฺฉิเมน ปรมาย อุเปกฺขาย สมนฺนาคมํ ทีเปตี’’ติ.
ตนฺติ ‘‘ตตฺรา’’ติ ปทํ. เทสกาลปริทีปนนฺติ เย เทสกาลา อิธ วิหรณกิริยาวิเสสนภาเวน วุตฺตา, เตสํ ปริทีปนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ สมยํ…เป… ทีเปตี’’ติ อาห. ตํ-สทฺโท หิ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปฏินิทฺเทโส, ตสฺมา อิธ กาลสฺส, เทสสฺส วา ปฏินิทฺเทโส ภวิตุํ อรหติ, น อฺสฺส. อยํ ตาว ตตฺร-สทฺทสฺส ปฏินิทฺเทสภาเว อตฺถวิภาวนา. ยสฺมา ปน อีทิเสสุ าเนสุ ตตฺร-สทฺโท ธมฺมเทสนาวิสิฏฺํ เทสํ กาลฺจ วิภาเวติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปตี’’ติ. เตน ตตฺราติ ยตฺถ ภควา ธมฺมเทสนตฺถํ ภิกฺขู อาลปิ อภาสิ, ตาทิเส เทเส, กาเล วาติ อตฺโถ. น หีติอาทินา ตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. นนุ จ ยตฺถ ิโต ภควา ‘‘อกาโล โข ตาวา’’ติอาทินา พาหิยสฺส ธมฺมเทสนํ ปฏิกฺขิปิ, ตตฺเถว อนฺตรวีถิยํ ิโต ตสฺส ธมฺมํ เทเสตีติ? สจฺจเมตํ, อเทเสตพฺพกาเล อเทสนาย อิทํ อุทาหรณํ. เตเนวาห ‘‘อกาโล โข ตาวา’’ติ. ยํ ปน ตตฺถ วุตฺตํ ¶ ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิฏฺมฺหา’’ติ (อุทา. ๑๐), ตมฺปิ ตสฺส อกาลภาวสฺเสว ปริยาเยน ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตสฺส หิ ตทา อทฺธานปริสฺสเมน รูปกาเย อกมฺมฺตา อโหสิ, พลวปีติเวเคน นามกาเย, ตทุภยสฺส วูปสมํ อาคเมนฺโต ปปฺจปริหารตฺถํ ภควา ‘‘อกาโล โข’’ติ ปริยาเยน ปฏิกฺขิปิ. อเทเสตพฺพเทเส อเทสนาย ปน อุทาหรณํ ‘‘อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ ¶ รุกฺขมูเล นิสีทิ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔), วิหารโต นิกฺขมิตฺวา วิหารปจฺฉายายํ ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๖๓) จ เอวมาทิกํ อิธ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิตํ.
‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุพฺเพ รสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๑) ปทปูรณมตฺเต โข-สทฺโท, ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๑) อวธารเณ, ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๑) อาทิกาลตฺเถ. วากฺยารมฺเภติ อตฺโถ. ตตฺถ ปทปูรเณน วจนาลงฺการมตฺตํ กตํ โหติ, อาทิกาลตฺเถน วากฺยสฺส อุปฺาสมตฺตํ, อวธารตฺเถน ปน นิยมทสฺสนํ, ตสฺมา อามนฺเตสิ เอวาติ อามนฺตเน นิยโม ทสฺสิโต โหตีติ.
‘‘ภควาติ โลกครุทีปน’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ปุพฺเพปิ ภควา-สทฺทสฺส อตฺโถ วุตฺโตติ? ยทิปิ ปุพฺเพ วุตฺโต, ตํ ปนสฺส ยถาวุตฺเต าเน วิหรณกิริยาย กตฺตุวิเสสทสฺสนตฺถํ กตํ, น อามนฺตนกิริยาย, อิธ ปน อามนฺตนกิริยาย, ตสฺมา ตทตฺถํ ปุน ‘‘ภควา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ ตสฺสตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควาติ โลกครุทีปน’’นฺติ อาห. กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนนฺติ วกฺขมานาย มูลปริยายเทสนาย สวนโยคฺยปุคฺคลวจนํ. จตูสุปิ ปริสาสุ ภิกฺขู เอว เอทิสานํ เทสนานํ วิเสเสน ภาชนภูตา, อิติ สาติสยสาสนสมฺปฏิคฺคาหกภาวทสฺสนตฺถํ อิธ ภิกฺขุคหณนฺติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สทฺทตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ภิกฺขโกติ ภิกฺขูติ ภิกฺขนธมฺมตาย ภิกฺขูติ อตฺโถ. ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ พุทฺธาทีหิปิ อชฺฌุปคตํ ภิกฺขาจริยํ อฺุฉาจริยํ อชฺฌุปคตตฺตา อนุฏฺิตตฺตา ภิกฺขู. โย หิ โกจิ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, โส กสิโครกฺขาทีหิ ชีวิกากปฺปนํ หิตฺวา ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉเนเนว ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคตตฺตา ภิกฺขุ, ปรปฏิพทฺธชีวิกตฺตา วา วิหารมชฺเฌ กาชภตฺตํ ภฺุชมาโนปิ ภิกฺขาจริยํ ¶ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ, ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหชาตตฺตา วา ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขูติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาทินา นเยนาติ ‘‘ภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขุ, ภินฺทติ ปาปเก อกุสเล ธมฺเมติ ภิกฺขุ, ภินฺนตฺตา ¶ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ภิกฺขู’’ติอาทินา วิภงฺเค (วิภ. ๕๑๐) อาคตนเยน. าปเนติ อวโพธเน, ปฏิเวทเนติ อตฺโถ.
ภิกฺขนสีลตาติอาทีสุ ภิกฺขนสีลตา ภิกฺขเนน อาชีวนสีลตา, น กสิวณิชฺชาทีหิ อาชีวนสีลตา. ภิกฺขนธมฺมตา ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑๕๓; มิ. ป. ๔.๕.๙) เอวํ วุตฺตภิกฺขนสภาวตา, น สมฺภาวนาโกหฺสภาวตา. ภิกฺขเน สาธุการิตา ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) วจนํ อนุสฺสริตฺวา ตตฺถ อปฺปมชฺชนา. อถ วา สีลํ นาม ปกติสภาโว, อิธ ปน ตทธิฏฺานํ. ธมฺโมติ วตํ. อปเร ปน ‘‘สีลํ นาม วตสมาทานํ, ธมฺโม นาม ปเวณีอาคตํ จาริตฺตํ, สาธุการิตาติ สกฺกจฺจการิตา อาทรกิริยา’’ติ วณฺเณนฺติ. หีนาธิกชนเสวิตนฺติ เย ภิกฺขุภาเว ิตาปิ ชาติมทาทิวเสน อุทฺธตา อุนฺนฬา. เย จ คิหิภาเว ปเรสุ อตฺถิกภาวมฺปิ อนุปคตตาย ภิกฺขาจริยํ ปรมกาปฺตํ มฺนฺติ, เตสํ อุภเยสมฺปิ ยถากฺกมํ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วจเนน หีนชเนหิ ทลิทฺเทหิ ปรมกาปฺตํ ปตฺเตหิ ปรกุเลสุ ภิกฺขาจริยาย ชีวิกํ กปฺเปนฺเตหิ เสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตภาวนิคฺคหํ กโรติ, อธิกชเนหิ อุฬารโภคขตฺติยกุลาทิโต ปพฺพชิเตหิ พุทฺธาทีหิ อาชีววิโสธนตฺถํ เสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต ทีนภาวนิคฺคหํ กโรตีติ โยเชตพฺพํ. ยสฺมา ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วจนํ อามนฺตนภาวโต อภิมุขีกรณํ, ปกรณโต สามตฺถิยโต จ สุสฺสูสาชนนํ สกฺกจฺจสวนมนสิการนิโยชนฺจ โหติ. ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขโวติ อิมินา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ สาธุกสวนมนสิกาเรติ สาธุกสวเน สาธุกมนสิกาเร จ. กถํ ปน ปวตฺติตา สวนาทโย สาธุกํ ปวตฺติตา โหนฺตีติ? ‘‘อทฺธา อิมาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สกลสาสนสมฺปตฺติ หตฺถคตา ภวิสฺสตี’’ติ อาทรคารวโยเคน, กถาทีสุ อปริภวนาทินา จ. วุตฺตํ หิ ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? น กถํ ปริโภติ, น กถิกํ ปริโภติ, น อตฺตานํ ปริโภติ, อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ เอกคฺคจิตฺโต, โยนิโส จ มนสิ กโรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว ¶ , ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ ¶ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๕.๑๕๑). เตเนวาห ‘‘สาธุกสวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺตี’’ติ. สาสนสมฺปตฺติ นาม สีลาทินิปฺผตฺติ.
ปมํ อุปฺปนฺนตฺตา อธิคมวเสน. สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา สีลาทิคุณานุฏฺาเนน. ติณฺณํ ยานานํ วเสน อนุธมฺมปฏิปตฺติสพฺภาวโต สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา. สนฺติกตฺตาติ สมีปภาวโต. สนฺติกาวจรตฺตาติ สพฺพกาลํ สมฺปยุตฺตภาวโต. ยถานุสิฏฺนฺติ อนุสาสนิอนุรูปํ, อนุสาสนึ อนวเสสโต ปฏิคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. เอกจฺเจ ภิกฺขูเยว สนฺธายาติ เย สุตฺตปริโยสาเน ‘‘เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุ’’นฺติ วุตฺตา ปฺจสตา พฺราหฺมณปพฺพชิตา, เต สนฺธาย.
ปุพฺเพ สพฺพปริสสาธารณตฺเตปิ ภควโต ธมฺมเทสนาย ‘‘เชฏฺเสฏฺา’’ติอาทินา ภิกฺขูนํ เอว อามนฺตเน การณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ภิกฺขู อามนฺเตตฺวาว ธมฺมเทสนาย ปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘กิมตฺถํ ปน ภควา’’ติ โจทนํ สมุฏฺาเปสิ. ตตฺถ อฺํ จินฺเตนฺตาติ อฺวิหิตา. วิกฺขิตฺตจิตฺตาติ อสมาหิตจิตฺตา. ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาติ ตทา หิยฺโย ตโต ปรทิวเสสุ วา สุตธมฺมํ ปติ ปติ มนสา อเวกฺขนฺตา. ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน อาทิโต ปฏฺาย เทสนํ สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกนฺตีติ อิมเมวตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘เต อนามนฺเตตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ภิกฺขโวตีติ จ สนฺธิวเสน อิ-การโลโป ทฏฺพฺโพ ‘‘ภิกฺขโว อิตี’’ติ. อยํ หิ อิติ-สทฺโท เหตุ-ปริสมาปนาทิปทตฺถวิปริยาย-ปการาวธารณนิทสฺสนาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส ‘‘รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘รูป’นฺติ วุจฺจตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๗๙) เหตุอตฺเถ ทิสฺสติ; ‘‘ตสฺมา ติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทา, อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’ติ’’อาทีสุ ปริสมาปเน; ‘‘อิติ วา, อิติ เอวรูปา นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ¶ ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๓) อาทิอตฺเถ; ‘‘มาคณฺิโยติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺติ พฺยฺชนมภิลาโป’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๗๓) ปทตฺถวิปริยาเย; ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต, สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต, สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔) ปกาเร; ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ, กึ ปจฺจยา ชรามรณนฺติ ¶ อิติ เจ วเทยฺย, ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๙๖) อวธารเณ; ‘‘สพฺพมตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, สพฺพํ นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕) นิทสฺสเน. อิธาปิ นิทสฺสเนว ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขโวติ หิ อามนฺติตากาโร, ตเมส อิติ-สทฺโท นิทสฺเสติ ‘‘ภิกฺขโวติ อามนฺเตสี’’ติ. อิมินา นเยน ‘‘ภทฺทนฺเต’’ติอาทีสุปิ ยถารหํ อิติ-สทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุพฺเพ ‘‘ภควา อามนฺเตสี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติ อิธ ‘‘ภควโต’’ติ สามิวจนํ อามนฺตนเมว สมฺพนฺธีอนฺตรํ อเปกฺขตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘ภควโต อามนฺตนํ ปฏิอสฺโสสุ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ภควโต’’ติ ปน อิทํ ปฏิสฺสวสมฺพนฺธเนน สมฺปทานวจนํ ยถา ‘‘เทวทตฺตสฺส ปฏิสฺสุโณตี’’ติ.
ยํ นิทานํ ภาสิตนฺติ สมฺพนฺโธ. เอตฺถาห – กิมตฺถํ ปน ธมฺมวินยสงฺคเห กริยมาเน นิทานวจนํ, นนุ ภควตา ภาสิตวจนสฺเสว สงฺคโห กาตพฺโพติ? วุจฺจเต – เทสนาย ิติอสมฺโมสสทฺเธยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํ. กาลเทสเทสกนิมิตฺตปริสาปเทเสหิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปิตา หิ เทสนา จิรฏฺิติกา โหติ อสมฺโมสธมฺมา สทฺเธยฺยา จ, เทสกาลกตฺตุโสตุนิมิตฺเตหิ อุปนิพทฺโธ วิย โวหารวินิจฺฉโย. เตเนว จ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘มูลปริยายสุตฺตํ อาวุโส, อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา เทสาทิปุจฺฉาสุ กตาสุ ตาสํ วิสฺสชฺชนํ กโรนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา อิมสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ ภาสิตํ. อปิจ สตฺถุสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. ตถาคตสฺส หิ ภควโต ปุพฺพรจนานุมานาคมตกฺกาภาวโต สมฺมาสมฺพุทฺธภาวสิทฺธิ ¶ . น หิ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺพรจนาทีหิ อตฺโถ อตฺถิ สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย เอกปฺปมาณตฺตา จ เยฺยธมฺเมสุ. ตถา อาจริยมุฏฺิธมฺมมจฺฉริยสาสนสาวกานุโรธาภาวโต ขีณาสวภาวสิทฺธิ. น หิ สพฺพโส ขีณาสวสฺส เต สมฺภวนฺตีติ สุวิสุทฺธสฺส ปรานุคฺคหปฺปวตฺติ. เอวํ เทสกสํกิเลสภูตานํ ทิฏฺิสีลสมฺปทาทูสกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อจฺจนฺตาภาวสํสูจเกหิ าณสมฺปทาปหานสมฺปทาภิพฺยฺชเกหิ จ สมฺพุทฺธวิสุทฺธภาเวหิ ปุริมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธิ, ตโต เอว จ อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺเมสุ สมฺโมหาภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธีติ ภควโต จตุเวสารชฺชสมนฺนาคโม อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติ จ นิทานวจเนน ปกาสิตา โหติ ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺตปริยาย อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโต, อิธ ปน ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ ปุถุชฺชนานํ ปฏิปตฺติวิภาคววตฺถาปกเทสนาทีปนโตติ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺถุสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ.
ตถา ¶ สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. าณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต นตฺถิ นิรตฺถิกา ปฏิปตฺติ, อตฺตหิตตฺถา วา. ตสฺมา ปเรสํ เอว อตฺถาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ ยถาปวตฺตํ วุจฺจมานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺตานํ อนุสาสนฏฺเน สาสนํ, น กพฺยรจนา, ตยิทํ สตฺถุจริตํ กาลเทสเทสกปริสาปเทเสหิ สทฺธึ ตตฺถ ตตฺถ นิทานวจเนหิ ยถารหํ ปกาสียติ, อิธ ปน ‘‘ปถวิยาทีสุ วตฺถูสู’’ติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. เตน วุตฺตํ ‘‘สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ. อปิจ สตฺถุโน ปมาณภาวปฺปกาสเนน สาสนสฺส ปมาณภาวทสฺสนตฺถํ นิทานวจนํ, ตฺจ เทสกปฺปมาณภาวทสฺสนํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน ‘‘ภควา’’ติ จ อิมินา ปเทน วิภาวิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ภควา’’ติ อิมินา ตถาคตสฺส ราคโทสโมหาทิสพฺพกิเลสมลทุจฺจริตาทิโทสปฺปหานทีปเนน วจเนน อนฺสาธารณสุปริสุทฺธาณกรุณาทิคุณวิเสสโยคปริทีปเนน ตโต เอว สพฺพสตฺตุตฺตมภาวทีปเนน อยมตฺโถ สพฺพถา ปกาสิโต โหตีติ อิทเมตฺถ นิทานวจนปฺปโยชนสฺส มุขมตฺตทสฺสนํ.
อพฺภนฺตรนิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.
สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา
นิกฺขิตฺตสฺสาติ ¶ เทสิตสฺส. เทสนาปิ หิ เทเสตพฺพสฺส สีลาทิอตฺถสฺส วิเนยฺยสนฺตาเนสุ นิกฺขิปนโต ‘‘นิกฺเขโป’’ติ วุจฺจติ. สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหตีติ สามฺโต ภควโต เทสนาสมุฏฺานสฺส วิภาคํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอตฺถายํ เทสนา เอวํสมุฏฺานา’’ติ เทสนาย สมุฏฺาเน ทสฺสิเต สุตฺตสฺส สมฺมเทว นิทานปริชานเนน วณฺณนาย สุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ. เอวฺหิ ‘‘อสฺสุตวา ภิกฺขเว ปุถุชฺชโน’’ติอาทินา, ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๘), ‘‘ตถาคโตปิ โข, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๒) จ ปวตฺตเทสนา อนุสนฺธิทสฺสนสุขตาย สุวิฺเยฺยา โหติ. ตตฺถ ยถา อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตนฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิปธานนยวเสน โสฬสวิธตํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตนิกฺเขปวเสน จตุพฺพิธภาวนฺติ อาห ‘‘จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ.
เอตฺถ จ ยถา อตฺตชฺฌาสยสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาหิ สทฺธึ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ ¶ ‘‘อตฺตชฺฌาสโย จ ปรชฺฌาสโย จ, อตฺตชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปรชฺฌาสโย จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปุจฺฉาวสิโก จา’’ติ อชฺฌาสยปุจฺฉานุสนฺธิสพฺภาวโต, เอวํ ยทิปิ อฏฺุปฺปตฺติยา อตฺตชฺฌาสเยนปิ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ, อตฺตชฺฌาสยาทีหิ ปน ปุรโต ิเตหิ อฏฺุปฺปตฺติยา สํสคฺโค นตฺถีติ นยิธ นิรวเสโส วิตฺถารนโย สมฺภวตีติ ‘‘จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ วุตฺตํ, ตทนฺโตคธตฺตา วา สมฺภวนฺตานํ เสสนิกฺเขปานํ มูลนิกฺเขปวเสน จตฺตาโรว ทสฺสิตา. ตถาทสฺสนฺเจตฺถ อยํ สํสคฺคเภโท คเหตพฺโพติ.
ตตฺรายํ วจนตฺโถ – นิกฺขิปียตีติ นิกฺเขโป, สุตฺตํ เอว นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป. อถ วา นิกฺขิปนํ นิกฺเขโป, สุตฺตสฺส นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป, สุตฺตเทสนาติ อตฺโถ. อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ การณภูโตติ อตฺตชฺฌาสโย. อตฺตโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ วา อตฺตชฺฌาสโย. ปรชฺฌาสเยปิ เอเสว นโย. ปุจฺฉาย วโส ปุจฺฉาวโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ ¶ ปุจฺฉาวสิโก. สุตฺตเทสนาวตฺถุภูตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติเยว อฏฺุปฺปตฺติ ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา. สา เอตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโก. อถ วา นิกฺขิปียติ สุตฺตํ เอเตนาติ สุตฺตนิกฺเขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิ เอว. เอตสฺมึ ปน อตฺตวิกปฺเป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย. ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย. ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตพฺโพ อตฺโถ. ปุจฺฉนวเสน ปวตฺตํ ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสิกํ, ตเทว นิกฺเขป-สทฺทาเปกฺขาย ปุลฺลิงฺควเสน ‘‘ปุจฺฉาวสิโก’’ติ วุตฺตํ. ตถา อฏฺุปฺปตฺติ เอว อฏฺุปฺปตฺติโกติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อปิเจตฺถ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณนิรเปกฺขตฺตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ สุตฺตนิกฺเขปภาโว ยุตฺโต เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ธมฺมตนฺติปนตฺถํ ปวตฺติตเทสนตฺตา. ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนาปวตฺติเหตุภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺติตานํ กถมฏฺุปฺปตฺติยํ อนวโรโธ, ปุจฺฉาวสิกอฏฺุปฺปตฺติกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติกานํ กถํ ปรชฺฌาสเย อนวโรโธติ? น โจเทตพฺพเมตํ. ปเรสฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิมุตฺตสฺเสว สุตฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฏฺุปฺปตฺติภาเวน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํ. ตถา หิ พฺรหฺมชาล (ที. นิ. ๑.๑) ธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ (ม. นิ. ๑.๒๙) วณฺณาวณฺณอามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ ‘‘อฏฺุปฺปตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ปเรสํ ปุจฺฉํ วินา อชฺฌาสยํ เอว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวเสน เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ปากโฏยมตฺโถติ.
อตฺตโน ¶ อชฺฌาสเยเนว กเถสิ ธมฺมตนฺติปนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. สมฺมปฺปธานสุตฺตนฺตหารโกติ อนุปุพฺเพน นิกฺขิตฺตานํ สํยุตฺตเก สมฺมปฺปธานปฏิสํยุตฺตานํ สุตฺตานํ อาวฬิ. ตถา อิทฺธิปาทหารกาทโย.
วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา สทฺธินฺทฺริยาทโย. อชฺฌาสยนฺติ อธิมุตฺตึ. ขนฺตินฺติ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตึ. มนนฺติ จิตฺตํ. อภินิหารนฺติ ปณิธานํ. พุชฺฌนภาวนฺติ พุชฺฌนสภาวํ, ปฏิวิชฺฌนาการํ วา.
อุปฺปนฺเน มาเน นิกฺขิตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ตีณิ ลิงฺคานิ. นามาทีนิ จตฺตาริ ปทานิ. ปมาทโย สตฺต วิภตฺติโย. มฺุจิตฺวา น กิฺจิ กเถติ สภาวนิรุตฺติยา ¶ ตเถว ปวตฺตนโต. คณฺิภูตํ ปทํ. ยถา หิ รุกฺขสฺส คณฺิฏฺานํ ทุพฺพินิพฺเพธํ ทุตฺตจฺฉิตฺจ โหติ, เอวเมวํ ยํ ปทํ อตฺถโต วิวริตุํ น สกฺกา, ตํ ‘‘คณฺิปท’’นฺติ วุจฺจติ. อนุปหจฺจาติ อนุทฺธริตฺวา.
เยน เยน สมฺพนฺธํ คจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส อนวเสสตํ ทีเปตีติ อิมินา อิมสฺส สพฺพ-สทฺทสฺส สปฺปเทสตํ ทสฺเสติ. สพฺพ-สทฺโท หิ สพฺพสพฺพํ ปเทสสพฺพํ อายตนสพฺพํ สกฺกายสพฺพนฺติ จตูสุ วิสเยสุ ทิฏฺปฺปโยโค. ตถา เหส ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๖) สพฺพสพฺพสฺมึ อาคโต. ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิตํ ปริยาเยนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) ปเทสสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ…เป… จกฺขฺุเจว รูปา จ…เป… มโน เจว ธมฺมา จา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓) เอตฺถ อายตนสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพํ สพฺพโต สฺชานาตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๕) สกฺกายสพฺพสฺมึ. ตตฺถ สพฺพสพฺพสฺมึ อาคโต นิปฺปเทโส, อิตเรสุ ตีสุปิ อาคโต สปฺปเทโส, อิธ ปน สกฺกายสพฺพสฺมึ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สกฺกายปริยาปนฺนา ปน เตภูมกธมฺมาว อนวเสสโต เวทิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑ สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา).
สจฺเจสูติ อริยสจฺเจสุ. เอเต จตุโร ธมฺมาติ อิทานิ วุจฺจมาเน สจฺจาทิเก จตฺตาโร ธมฺเม สนฺธาย วทติ. ตตฺถ สจฺจนฺติ วจีสจฺจํ. ิตีติ วีริยํ, ‘‘ธิตี’’ติ วา ปาโ, โส เอวตฺโถ. จาโคติ อโลโภ. ทิฏฺํ โส อติวตฺตตีติ ยสฺมึ เอเต สจฺจาทโย ธมฺมา อุปลพฺภนฺติ, โส ทิฏฺํ อตฺตโน อมิตฺตํ อติกฺกมติ, น ตสฺส หตฺถตํ คจฺฉติ, อถ โข นํ ¶ อภิภวติ เอวาติ อตฺโถ. สภาเว วตฺตติ อสภาวธมฺมสฺส การณาสมฺภวโต. น หิ นิสฺสภาวา ธมฺมา เกนจิ นิพฺพตฺตียนฺติ. อตฺตโน ลกฺขณํ ธาเรนฺตีติ ยทิปิ ลกฺขณวินิมุตฺตา ธมฺมา นาม นตฺถิ, ตถาปิ ยถา ทิฏฺิตณฺหาปริกปฺปิตาการมตฺตา อตฺตสุภสุขสสฺสตาทโย, ปกติยาทโย, ทพฺพาทโย, ชีวาทโย, กายาทโย โลกโวหารมตฺตสิทฺธา คคณกุสุมาทโยว สจฺจิกฏฺปรมตฺถโต น อุปลพฺภนฺติ, น เอวเมเต, เอเต ปน สจฺจิกฏฺปรมตฺถภูตา อุปลพฺภนฺติ, ตโต เอว สตฺตาทิวิเสสวิรหโต ธมฺมมตฺตา สภาววนฺโตติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อตฺตโน ลกฺขณํ ธาเรนฺตี’’ติ วุตฺตํ ¶ . ภวติ หิ เภทาภาเวปิ สุขาวโพธนตฺถํ อุปจารมตฺตสิทฺเธน เภเทน นิทฺเทโส ยถา ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติ. ธารียนฺติ วา ยถาสภาวโต อวธารียนฺติ ายนฺตีติ ธมฺมา, กกฺขฬผุสนาทโย.
อสาธารณเหตุมฺหีติ อสาธารณการเณ, สกฺกายธมฺเมสุ ตสฺส ตสฺส อาเวณิกปจฺจเยติ อตฺโถ. กึ ปน ตนฺติ? ตณฺหามานทิฏฺิโย, อวิชฺชาทโยปิ วา. ยเถว หิ ปถวีอาทีสุ มฺนาวตฺถูสุ อุปฺปชฺชมานา ตณฺหาทโย มฺนา เตสํ ปวตฺติยา มูลการณํ, เอวํ อวิชฺชาทโยปิ. ตถา หิ ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติอาทินา ‘‘อปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒) ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๓) จ อนฺวยโต, ‘‘ขยา ราคสฺส…เป… วีตโมหตฺตา’’ติ พฺยติเรกโต จ เตสํ มูลการณภาโว วิภาวิโต.
ปริยาเยติ เทเสตพฺพมตฺถํ อวคเมติ โพธยตีติ ปริยาโย, เทสนา. ปริยายติ อตฺตโน ผลํ ปริคฺคเหตฺวา วตฺตติ ตสฺส วา การณภาวํ คจฺฉตีติ ปริยาโย, การณํ. ปริยายติ อปราปรํ ปริวตฺตตีติ ปริยาโย, วาโร. เอวํ ปริยายสทฺทสฺส เทสนาการณวาเรสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ยถารุตวเสน อคฺคเหตฺวา นิทฺธาเรตฺวา คเหตพฺพตฺถํ เนยฺยตฺถํ. เตภูมกา ธมฺมาว อนวเสสโต เวทิตพฺพา มฺนาวตฺถุภูตานํ สพฺเพสํ ปถวีอาทิธมฺมานํ อธิปฺเปตตฺตา.
การณเทสนนฺติ การณาปนํ เทสนํ. ตํ อตฺถนฺติ ตํ สพฺพธมฺมานํ มูลการณสงฺขาตํ, การณเทสนาสงฺขาตํ วา อตฺถํ. เตเนวาห ‘‘ตํ การณํ ตํ เทสน’’นฺติ. เอกตฺถเมตนฺติ เอตํ ปททฺวยํ เอกตฺถํ. สาธุ-สทฺโท เอว หิ ก-กาเรน วฑฺเฒตฺวา ‘‘สาธุก’’นฺติ วุตฺโต. เตเนว หิ สาธุสทฺทสฺส อตฺถํ วทนฺเตน อตฺถุทฺธารวเสน สาธุกสทฺโท อุทาหโฏ. ธมฺมรุจีติ ปฺุกาโม. ปฺาณวาติ ปฺวา. อทฺทุพฺโภติ อทูสโก, อนุปฆาตโกติ อตฺโถ. อิธาปีติ อิมสฺมึ มูลปริยายสุตฺเตปิ. อยนฺติ สาธุกสทฺโท. เอตฺเถว ทฬฺหีกมฺเมติ สกฺกจฺจกิริยายํ. อาณตฺติยนฺติ ¶ อาณาปเน. ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ หิ วุตฺเต สาธุกสทฺเทน สวนมนสิการานํ สกฺกจฺจกิริยา วิย ตทาณาปนมฺปิ วุตฺตํ โหติ. อายาจนตฺถตา วิย จสฺส อาณาปนตฺถตา เวทิตพฺพา.
อิทาเนตฺถ ¶ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. โสตินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ สวเน นิโยชนวเสน กิริยนฺตรปฏิเสธนภาวโต, โสตํ โอทหถาติ อตฺโถ. มนินฺทฺริยวิกฺเขปนิวารณํ อฺจินฺตาปฏิเสธนโต. ปุริมนฺติ ‘‘สุณาถา’’ติ ปทํ. เอตฺถาติ สุณาถ, มนสิ กโรถา’’ติ ปททฺวเย, เอตสฺมึ วา อธิกาเร. พฺยฺชนวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ โสตทฺวาเร วิกฺเขปปฏิพาหกตฺตา. น หิ ยาถาวโต สุณนฺตสฺส สทฺทโต วิปลฺลาสคฺคาโห โหติ. อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ มนินฺทฺริยวิกฺเขปปฏิพาหกตฺตา. น หิ สกฺกจฺจํ ธมฺมํ อุปธาเรนฺตสฺส อตฺถโต วิปลฺลาสคฺคาโห โหติ. ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ สุณาถาติ วิทหนโต. ธารณูปปริกฺขาสูติ อุปปริกฺขคฺคหเณน ตุลนตีรณาทิเก ทิฏฺิยา จ สุปฺปฏิเวธํ สงฺคณฺหาติ.
สพฺยฺชโนติ เอตฺถ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺชยตีติ พฺยฺชนํ, สภาวนิรุตฺติ. สห พฺยฺชเนนาติ สพฺยฺชโน, พฺยฺชนสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. อรณียโต อุปคนฺธพฺพโต อนุฏฺาตพฺพโต อตฺโถ, จตุปาริสุทฺธิสีลาทิโก. สห อตฺเถนาติ สาตฺโถ, อตฺถสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. ธมฺมคมฺภีโรติอาทีสุ ธมฺโม นาม ตนฺติ. เทสนา นาม ตสฺสา มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนา. อตฺโถ นาม ตนฺติยา อตฺโถ. ปฏิเวโธ นาม ตนฺติยา ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. ยสฺมา เจเต ธมฺมเทสนาอตฺถปฏิเวธา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาฬฺหา อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา อยํ ธมฺโม…เป… สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ. เอตฺถ จ ปฏิเวธสฺส ทุกฺกรภาวโต ธมฺมตฺถานํ เทสนาาณสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย ทุกฺโขคาหตา, ปฏิเวธสฺส ปน อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ตพฺพิสยาณุปฺปตฺติยา จ ทุกฺกรภาวโต ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา.
เทสนํ นาม อุทฺทิสนํ. ตสฺส นิทฺทิสนํ ภาสนนฺติ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘วิตฺถารโตปิ นํ ภาสิสฺสามีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ปริพฺยตฺตํ กถนํ วา ภาสนํ. สาฬิกายิว นิคฺโฆโสติ สาฬิกาย อาลาโป วิย มธุโร กณฺณสุโข เปมนีโย. ปฏิภานนฺติ สทฺโท. อุทีรยีติ อุจฺจารียติ, วุจฺจติ วา.
เอวํ ¶ วุตฺเต อุสฺสาหชาตาติ เอวํ ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถ ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺเต น ¶ กิร สตฺถา สงฺเขเปเนว เทเสสฺสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสิสฺสตีติ สฺชาตุสฺสาหา หฏฺตุฏฺา หุตฺวา. อิธาติ อิมินา วุจฺจมานอธิกรณํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อุปฺปตฺติฏฺานภูตํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘เทสาปเทเส นิปาโต’’ติ. โลกนฺติ โอกาสโลกํ. อิธ ตถาคโต โลเกติ หิ ชาติเขตฺตํ, ตตฺถาปิ อยํ จกฺกวาโฬ อธิปฺเปโต. สมโณติ โสตาปนฺโน. ทุติโย สมโณติ สกทาคามี. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมโณ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑) ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ทุติโย สมโณ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหตี’’ติ จ (อ. นิ. ๔.๒๔๑). อิเธว ติฏฺมานสฺสาติ อิมิสฺสา เอว อินฺทสาลคุหายํ ติฏฺมานสฺส.
๒. อสฺสุตวาติ เอตฺถ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๕๑) สุตนฺติ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริตํ, อุปธารณํ วา, สุตํ อสฺสตฺถีติ สุตวา. วา-สทฺทสฺส หิ อตฺโถ อตฺถิตามตฺตาทิวเสน อเนกวิโธ. ตถา หิ ‘‘อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฏุโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕๔; ปฏิ. ม. ๑.๑๔๐) อตฺถิตามตฺตํ อตฺโถ. ‘‘ธนวา โภควา, ลาภี อนฺนสฺสา’’ติ จ อาทีสุ พหุภาโว. ‘‘โรควา โหติ โรคาภิภูโต’’ติอาทีสุ กายาพาโธ. ‘‘กุฏฺี กุฏฺจีวเรนา’’ติอาทีสุ นินฺทา, ‘‘อิสฺสุกี มจฺฉรี สโ มายาวิโน เกฏุภิโน’’ติอาทีสุ อภิณฺหโยโค. ‘‘ทณฺฑี ฉตฺตี อลมฺพรี’’ติอาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒) สํสคฺโค. ‘‘ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๓) อุปมานํ, สทิสภาโวติ อตฺโถ. ‘‘ตํ วาปิ ธีรา มุนึ เวทยนฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๒๑๓) สมุจฺจโย. ‘‘เก วา อิเม กสฺส วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๙๖) สํสโย. ‘‘อยํ วา อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพพาโล สพฺพมูฬฺโห’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๘๑) วิภาวโน. ‘‘น วายํ กุมาโร มตฺตมฺาสี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) ปทปูรณํ. ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๗๐) วิกปฺโป. ‘‘สกฺยปุตฺตสฺส สิรีมโต ¶ (ที. นิ. ๓.๒๗๗), สีลวโต สีลสมฺปตฺติยา กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕) จ อาทีสุ ปสํสา. ‘‘ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๑๗, ๓๕๕) อติสโย. อิธาปิ อติสโย, ปสํสา วา อตฺโถ, ตสฺมา ยสฺส ปสํสิตํ, อติสเยน วา สุตํ อตฺถิ, โส สุตวาติ สํกิเลสวิทฺธํสนสมตฺถํ ปริยตฺติธมฺมสฺสวนํ, ตํ สุตฺวา ¶ ตถตฺตาย ปฏิปตฺติ จ ‘‘สุตวา’’ติ อิมินา สทฺเทน ปกาสิตา. อถ วา โสตพฺพยุตฺตํ สุตฺวา กตฺตพฺพนิปฺผตฺติวเสน สุณีติ สุตวา, ตปฺปฏิกฺเขเปน น สุตวาติ อสฺสุตวา.
อยฺหิ อ-กาโร ‘‘อเหตุกา ธมฺมา (ธ. ส. ๒.ทุกมาติกา), อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๔๖, ๑๐๔๗) ตํสหโยคนิวตฺติยํ อิจฺฉิโต. ‘‘อปจฺจยา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๗.ทุกมาติกา) ตํสมฺพนฺธีภาวนิวตฺติยํ. ปจฺจยุปฺปนฺนฺหิ ปจฺจยสมฺพนฺธีติ อปฺปจฺจยุปฺปนฺนตฺตา อตํสมฺพนฺธิตา เอตฺถ โชติตา. ‘‘อนิทสฺสนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๙.ทุกมาติกา) ตํสภาวนิวตฺติยํ. นิทสฺสนฺหิ ทฏฺพฺพตา. อถ วา ปสฺสตีติ นิทสฺสนํ, จกฺขุวิฺาณํ, ตคฺคเหตพฺพภาวนิวตฺติยํ ยถา ‘‘อนาสวา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๕.ทุกมาติกา), ‘‘อปฺปฏิฆา ธมฺมา (ธ. ส. ๑๐.ทุกมาติกา), อนารมฺมณา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๕๕.ทุกมาติกา) ตํกิจฺจนิวตฺติยํ, ‘‘อรูปิโน ธมฺมา (ธ. ส. ๑๑.ทุกมาติกา) อเจตสิกา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๕๗.ทุกมาติกา) ตพฺภาวนิวตฺติยํ. ตทฺถา หิ เอตฺถ ปกาสิตา. ‘‘อมนุสฺโส’’ติ ตพฺภาวมตฺตนิวตฺติยํ. มนุสฺสมตฺตํ นตฺถิ, อฺํ สมานนฺติ. สทิสตา หิ เอตฺถ สูจิตา. ‘‘อสฺสมโณ สมณปฏิฺโ, อนริโย’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓) จ ตํสมฺภาวนียคุณนิวตฺติยํ. ครหา หิ อิธ ายติ. ‘‘กจฺจิ โภโต อนามยํ, อนุทรา กฺา’’ติ (ชา. ๒.๒๐.๑๒๙) ตทนปฺปภาวนิวตฺติยํ, ‘‘อนุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๗.ติกมาติกา) ตํสทิสภาวนิวตฺติยํ. อตีตานฺหิ อุปฺปนฺนปุพฺพตฺตา อุปฺปาทิธมฺมานฺจ ปจฺจเยกเทสนิปฺผตฺติยา อารทฺธุปฺปาทิภาวโต กาลวิมุตฺตสฺส จ วิชฺชมานตฺตา อุปฺปนฺนานุกูลตา ปเคว ปจฺจุปฺปนฺนานนฺติ ตพฺพิทูรตาว เอตฺถ วิฺายติ ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๑.ติกมาติกา) ตทปริโยสานนิวตฺติยํ. ตนฺนิฏฺานฺหิ เอตฺถ ปกาสิตนฺติ. เอวมเนเกสํ อตฺถานํ โชตโก. อิธ ปน ‘‘อรูปิโน ธมฺมา อเจตสิกา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิย ตพฺภาวนิวตฺติยํ ¶ ทฏฺพฺโพ, อฺตฺเถติ อตฺโถ. เอเตนสฺส สุตาทิาณวิรหตํ ทสฺเสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาคมาธิคมาภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิตี’’ติ.
อิทานิ ตสฺส อตฺถํ วิวรนฺโต ยสฺมา ขนฺธธาตฺวาทิโกสลฺเลนปิ มฺนาปฏิเสธนสมตฺถํ พาหุสจฺจํ โหติ. ยถาห ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, พหุสฺสุโต โหติ? ยโต โข ภิกฺขุ ขนฺธกุสโล โหติ ธาตุ, อายตน, ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสโล โหติ, เอตฺตาวตา โข ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหตี’’ติ, ตสฺมา ‘‘ยสฺส หิ ขนฺธธาตุอายตนสจฺจปจฺจยาการสติปฏฺานาทีสูติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโห. อตฺถปริปุจฺฉนํ ปริปุจฺฉา. กุสเลหิ สห โจทนาปริหรณวเสน วินิจฺฉยกรณํ วินิจฺฉโย. มคฺคผลนิพฺพานานิ อธิคโม.
พหูนํ ¶ (ธ. ส. มูลฏี. ๑๐๐๗) นานปฺปการานํ กิเลสสกฺกายทิฏฺีนํ อวิหตตฺตา ตา ชเนนฺติ, ตาหิ วา ชนิตาติ ปุถุชฺชนา. อวิฆาตเมว วา ชน-สทฺโท วทติ. ปุถุ สตฺถารานํ มุขมุลฺโลกิกาติ เอตฺถ ปุถุ ชนา สตฺถุปฏิฺา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาติ วจนตฺโถ. ปุถุ สพฺพคตีหิ อวุฏฺิตาติ เอตฺถ ชเนตพฺพา, ชายนฺติ วา เอตฺถ สตฺตาติ ชนา, นานาคติโย, ตา ปุถู เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา. อิโต ปเร ชายนฺติ เอเตหีติ ชนา, อภิสงฺขาราทโย, เต เอเตสํ ปุถู วิชฺชนฺตีติ ปุถุชฺชนา. อภิสงฺขรณาทิอตฺโถ เอว วา ชน-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. โอฆา กาโมฆาทโย. ราคคฺคิอาทโย สนฺตาปา. เต เอว, สพฺเพปิ วา กิเลสา ปริฬาหา. ปุถุ ปฺจสุ กามคุเณสุ รตฺตาติ เอตฺถ ชายตีติ ชโน, ราโค เคโธติ เอวมาทิโก, ปุถุ ชโน เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา. ปุถูสุ วา ชนา ชาตา รตฺตาติ เอวํ ราคาทิอตฺโถ เอว วา ชนสทฺโท ทฏฺพฺโพ. รตฺตาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามกเรน ฉนฺทราเคน รตฺตา สารตฺตา. คิทฺธาติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิชฺฌาเนน คิทฺธา เคธํ อาปนฺนา. คธิตาติ คนฺถิตา วิย ทุมฺโมจนียภาเวน ตตฺถ ปฏิพทฺธา. มุจฺฉิตาติ กิเลสวเสน วิสฺีภูตา วิย อนฺกิจฺจา มุจฺฉํ โมหมาปนฺนา. อชฺโฌสนฺนาติ อนฺสาธารเณ วิย กตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา ิตา. ลคฺคาติ วงฺกทณฺฑเก วิย อาสตฺตา มหาปลิเป วา ยาว นาสิกคฺคา ปลิปนฺนปุริโส วิย อุทฺธริตุํ อสกฺกุเณยฺยภาเวน นิมุคฺคา ¶ , ลคิตาติ มกฺกฏาเลเป อาลคฺคภาเวน ปจฺจุฑฺฑิโต วิย มกฺกโฏ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ วเสน อาลคฺคิตา. ปลิพุทฺธาติ พทฺธา, อุปทฺทุตา วา. อาวุฏาติ อาวุนิตา, นิวุตาติ นิวาริตา. โอวุตาติ ปลิคุณฺิตา, ปริโยนทฺธา วา. ปิหิตาติ ปิทหิตา, ปฏิจฺฉนฺนาติ ปฏิจฺฉาทิตา. ปฏิกุชฺชิตาติ เหฏฺามุขชาตา. ปุถูนํ วา คณนปถมตีตานนฺติอาทินา ปุถุ ชโน ปุถุชฺชโนติ ทสฺเสติ.
‘‘อสฺสุตวา’’ติ เอเตน อวิชฺชนฺธตา วุตฺตาติ อาห ‘‘อนฺธปุถุชฺชโน วุตฺโต โหตี’’ติ. อารกตฺตา (สํ. นิ. ฏี. ๒.๓.๑) กิเลเสหิ มคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา. อนเยติ อวฑฺฒิยํ, อนตฺเถติ อตฺโถ. อนเย วา อนุปาเย. นอิริยนโต อวตฺตนโต. อเยติ วฑฺฒิยํ, อตฺเถ, อุปาเย วา. อรณียโตติ ปยิรุปาสิตพฺพโต. นิรุตฺตินเยน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา ปุริเมสุ อตฺถวิกปฺเปสุ. ปจฺฉิเม ปน สทฺทสตฺถวเสนปิ. ยทิปิ อริย-สทฺโท ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๕) วิสุทฺธาสยปโยเคสุ ปุถุชฺชเนสุปิ วตฺตติ. อิธ ปน อริยมคฺคาธิคเมน สพฺพโลกุตฺตรภาเวน จ อริยภาโว อธิปฺเปโตติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘พุทฺธา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘ปจฺเจกพุทฺธา ตถาคตสาวกา จ สปฺปุริสา’’ติ อิทํ อริยา สปฺปุริสาติ อิธ วุตฺตปทานํ อตฺถํ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน นิปฺปริยายโต อริยสปฺปุริสภาวา อภินฺนสภาวา. ตสฺมา ‘‘สพฺเพว วา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
เอตฺตาวตา ¶ หิ พุทฺธสาวโก วุตฺโต. ตสฺส หิ เอกนฺเตน กลฺยาณมิตฺโต อิจฺฉิตพฺโพ ปรโตโฆสมนฺตเรน ปมมคฺคสฺส อนุปฺปชฺชนโต. วิเสสโต จสฺส ภควาว กลฺยาณมิตฺโต อธิปฺเปโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘มมฺหิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๒). โส เอว จ อเวจฺจปสาทาธิคเมน ทฬฺหภตฺติ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (อุทา. ๔๕). กตฺุตาทีหิ ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺธาติ เอตฺถ กตํ ชานาตีติ กตฺู. กตํ วิทิตํ ปากฏํ กโรตีติ กตเวที. อเนเกสุปิ หิ กปฺปสตสหสฺเสสุ กตํ อุปการํ ชานนฺติ ปจฺเจกพุทฺธา ปากฏฺจ กโรนฺติ สติชนนอามิสปฏิคฺคหณาทินา ¶ , ตถา สํสารทุกฺขทุกฺขิตสฺส สกฺกจฺจํ กโรนฺติ กิจฺจํ, ยํ อตฺตนา กาตุํ สกฺกา. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยสหสฺเสสุปิ กตํ อุปการํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยฺจ ชานาติ, ปากฏฺจ กโรติ, สีโห วิย จ เอวํ สพฺพตฺถ สกฺกจฺจเมว ธมฺมเทสนํ กโรนฺโต พุทฺธกิจฺจํ กโรติ. ยาย ปฏิปตฺติยา ทิฏฺา นาม โหนฺติ, ตสฺสา อปฺปฏิปชฺชนภาโว, ตตฺถ จ อาทราภาโว อริยานํ อทสฺสนสีลตา จ, น จ ทสฺสเน สาธุการิตา จ เวทิตพฺพา. จกฺขุนา อทสฺสาวีติ เอตฺต จกฺขุ นาม น มํสจกฺขุ เอว, อถ โข ทิพฺพจกฺขุปีติ อาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุนา วา’’ติ. อริยภาโวติ เยหิ โยคโต ‘‘อริยา’’ติ วุจฺจนฺติ. เต มคฺคผลธมฺมา ทฏฺพฺพา.
ตตฺราติ าณทสฺสนสฺเสว ทสฺสนภาเว. วตฺถูติ อธิปฺเปตตฺถาปนการณํ. เอวํ วุตฺเตปีติ เอวํ อฺาปเทเสน อตฺตูปนายิกํ กตฺวา วุตฺเตปิ. ธมฺมนฺติ โลกุตฺตรธมฺมํ, จตุสจฺจธมฺมํ วา. อริยกรธมฺมา อนิจฺจานุปสฺสนาทโย วิปสฺสิยมานา อนิจฺจาทโย, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ.
อวินีโตติ น วินีโต, อธิสีลสิกฺขาทิวเสน น สิกฺขิโต. เยสํ สํวรวินยาทีนํ อภาเวน อยํ อวินีโตติ วุจฺจติ, เต ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ทุวิโธ วินโย นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สีลสํวโรติ ปาติโมกฺขสํวโร เวทิตพฺโพ, โส จ อตฺถโต กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม. สติสํวโรติ อินฺทฺริยรกฺขา, สา จ ตถาปวตฺตา สติ เอว. าณสํวโรติ ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูมี’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๐) วตฺวา ‘‘ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ วจนโต โสตสงฺขาตานํ ตณฺหาทิฏฺิทุจฺจริตอวิชฺชาอวสิฏฺกิเลสานํ สํวโร ปิทหนํ สมุจฺเฉทาณนฺติ เวทิตพฺพํ. ขนฺติสํวโรติ อธิวาสนา, สา จ ตถาปวตฺตา ขนฺธา, อโทโส วา. ปฺาติ เอเก, ตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. วีริยสํวโร กามวิตกฺกาทีนํ วิโนทนวเสน ¶ ปวตฺตํ วีริยเมว. เตน เตน คุณงฺเคน ตสฺส ตสฺส อคุณงฺคสฺส ปหานํ ตทงฺคปหานํ. วิกฺขมฺภเนน ปหานํ วิกฺขมฺภนปหานํ. เสสปทตฺถเยปิ เอเสว นโย.
อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรนาติอาทิ สีลสํวราทีนํ วิวรณํ. ตตฺถ สมุเปโตติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิสตฺโถ. เตน ‘‘สหคโต สมุปคโต’’ติอาทินา ¶ วิภงฺเค (วิภ. ๕๑๑) อาคตํ สํวรวิภงฺคํ ทสฺเสติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อนนฺตรสุตฺเต อาวิ ภวิสฺสติ.
กายทุจฺจริตาทีนนฺติ ทุสฺสีลฺยสงฺขาตานํ กายวจีทุจฺจริตาทีนํ มุฏฺสฺสจฺจสงฺขาตสฺส ปมาทสฺส อภิชฺฌาทีนํ วา อกฺขนฺติอฺาณโกสชฺชานฺจ. สํวรณโตติ ปิทหนโต ถกนโต. วินยนโตติ กายวาจาจิตฺตานํ วิรูปปฺปวตฺติยา วินยนโต อปนยนโต, กายทุจฺจริตาทีนํ วา วินยนโต, กายาทีนํ วา ชิมฺหปฺปวตฺตึ วิจฺฉินฺทิตฺวา อุชุกํ นยนโตติ อตฺโถ. ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนารหานํ กายทุจฺจริตาทีนํ ตถา ตถา อนุปฺปาทนเมว สํวรณํ วินยนฺจ เวทิตพฺพํ.
ยํ ปหานนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘นามรูปปริจฺเฉทาทีสุ วิปสฺสนาาเณสู’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ นามรูปปริจฺเฉทปจฺจยปริคฺคหกงฺขาวิตรณานิ น วิปสฺสนาาณานิ สมฺมสนากาเรน อปฺปวตฺตนโต? สจฺจเมตํ. วิปสฺสนาาณสฺส ปน อธิฏฺานภาวโต เอวํ วุตฺตํ. ‘‘นามรูปมตฺตมิทํ, นตฺถิ เอตฺถ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วา’’ติ เอวํ ปวตฺตาณํ นามรูปววตฺถานํ. สติ วิชฺชมาเน ขนฺธปฺจกสงฺขาเต กาเย, สยํ วา สตี ตสฺมึ กาเย ทิฏฺีติ สกฺกายทิฏฺิ. ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๑; ๔.๓๔๕) เอวํ ปวตฺตา มิจฺฉาทิฏฺิ. ตสฺเสว รูปารูปสฺส กมฺมาวิชฺชาทิปจฺจยปริคฺคณฺหนาณํ ปจฺจยปริคฺคโห. ‘‘นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) อาทินยปฺปวตฺตา อเหตุกทิฏฺิ. ‘‘อิสฺสรปุริสปชาปติปกติอณุกาลาทีหิ โลโก ปวตฺตติ นิวตฺตติ จา’’ติ ปวตฺตา วิสมเหตุทิฏฺิ. ตสฺเสวาติ ปจฺจยปริคฺคหสฺเสว. กงฺขาวิตรเณนาติ ยถา เอตรหิ นามรูปสฺส กมฺมาทิปจฺจยโต อุปฺปตฺติ, เอวํ อตีตานาคเตสุปีติ ตีสุปิ กาเลสุ วิจิกิจฺฉาปนยนาเณน. กถํกถีภาวสฺสาติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) อาทินยปฺปวตฺตาย สํสยปฺปวตฺติยา. กลาปสมฺมสเนนาติ ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๖๑; ๒.๑๑๓; ๓.๘๖, ๘๙) ขนฺธปฺจกํ เอกาทสสุ โอกาเสสุ ปกฺขิปิตฺวา สมฺมสนวเสน ปวตฺเตน นยวิปสฺสนาาเณน ¶ . อหํ มมาติ คาหสฺสาติ อตฺตตฺตนิยคหณสฺส. มคฺคามคฺคววตฺถาเนนาติ มคฺคามคฺคาณวิสุทฺธิยา. อมคฺเค มคฺคสฺายาติ โอภาสาทิเก อมคฺเค ‘‘มคฺโค’’ติ อุปฺปนฺนสฺาย.
ยสฺมา ¶ สมฺมเทว สงฺขารานํ อุทยํ ปสฺสนฺโต ‘‘เอวเมว สงฺขารา อนุรูปการณโต อุปฺปชฺชนฺติ, น ปน อุจฺฉิชฺชนฺตี’’ติ คณฺหาติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา’’ติ. ยสฺมา ปน สงฺขารานํ วยํ ปสฺสนฺโต ‘‘ยทิปิเม สงฺขารา อวิจฺฉินฺนา วตฺตนฺติ, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนา ปน อปฺปฏิสนฺธิกา นิรุชฺฌนฺเต วา’’ติ ปสฺสติ, ตสฺเสวํ ปสฺสโต กุโต สสฺสตคฺคาโห, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา’’ติ. ภยทสฺสเนนาติ ภยตุปฏฺานาเณน. สภเยติ สพฺพภยานํ อากรภาวโต สกลทุกฺขวูปสมสงฺขาตสฺส ปรมสฺสาสสฺส ปฏิปกฺขภาวโต จ สภเย ขนฺธปฺจเก. อภยสฺายาติ ‘‘อภยํ เขม’’นฺติ อุปฺปนฺนสฺาย. อสฺสาทสฺา นาม ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุ อสฺสาทวเสน ปวตฺตสฺา, ยา ‘‘อาลยาภินิเวโส’’ติปิ วุจฺจติ. อภิรติสฺา ตตฺเถว อภิรติวเสน ปวตฺตสฺา, ยา ‘‘นนฺที’’ติปิ วุจฺจติ. อมุจฺจิตุกมฺยตา อาทานํ. อนุเปกฺขา สงฺขาเรหิ อนิพฺพินฺทนํ, สาลยตาติ อตฺโถ. ธมฺมฏฺิติยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเท ปฏิโลมภาโว สสฺสตุจฺเฉทคฺคาโห, ปจฺจยาการปฏิจฺฉาทกโมโห วา, นิพฺพาเน ปฏิโลมภาโว สงฺขาเรสุ รติ, นิพฺพานปฏิจฺฉาทกโมโห วา. สงฺขารนิมิตฺตคฺคาโหติ ยาทิสสฺส กิเลสสฺส อปฺปหีนตฺตา วิปสฺสนา สงฺขารนิมิตฺตํ น มฺุจติ, โส กิเลโส, โย ‘‘สํโยคาภินิเวโส’’ติปิ วุจฺจติ. สงฺขารนิมิตฺตคฺคหณสฺส อติกฺกมนเมว วา ปหานํ.
ปวตฺติ เอว ปวตฺติภาโว, ปริยุฏฺานนฺติ อตฺโถ. นีวรณาทิธมฺมานนฺติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน นีวรณปกฺขิยา กิเลสา วิตกฺกวิจาราทโย จ คยฺหนฺติ.
จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน ยํ ปหานนฺติ สมฺพนฺโธ. เกน ปหานนฺติ? อริยมคฺเคเหวาติ วิฺายมาโนยมตฺโถ เตสํ ภาวิตตฺตา อปฺปวตฺติวจนโต. สมุทยปกฺขิกสฺสาติ เอตฺถ จตฺตาโรปิ มคฺคา จตุสจฺจาภิสมยาติ กตฺวา เตหิ ปหาตพฺเพน เตน เตน สมุทเยน สห ปหาตพฺพตฺตา สมุทยสภาคตฺตา, สจฺจวิภงฺเค จ สพฺพกิเลสานํ สมุทยภาวสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘สมุทยปกฺขิกา’’ติ ทิฏฺิอาทโย วุจฺจนฺติ. ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ วุปสนฺตตา. สงฺขตนิสฺสฏตา สงฺขารสภาวาภาโว. ปหีนสพฺพสงฺขตนฺติ วิรหิตสพฺพสงฺขตํ, วิสงฺขารนฺติ ¶ อตฺโถ. ปหานฺจ ตํ วินโย จาติ ปหานวินโย ปุริเมน อตฺเถน, ทุติเยน ปน ปหียตีติ ปหานํ, ตสฺส วินโยติ โยเชตพฺพํ.
ภินฺนสํวรตฺตาติ ¶ นฏฺสํวรตฺตา, สํวราภาวโตติ อตฺโถ. เตน อสมาทินฺนสํวโรปิ สงฺคหิโต โหติ. สมาทาเนน หิ สมฺปาเทตพฺโพ สํวโร ตทภาเว น โหตีติ. เอวฺหิ โลเก วตฺตาโร โหนฺติ ‘‘มหา วต โน โภโค, โส นฏฺโ ตถา อกตตฺตา’’ติ. อริเยติ อริโย. ปจฺจตฺตวจนฺเหตํ. เอเสเสติ เอโส โส เอว, อตฺถโต อนฺโติ อตฺโถ. ตชฺชาเตติ อตฺถโต ตํสภาโว, สปฺปุริโส อริยสภาโว, อริโย จ สปฺปุริสสภาโวติ อตฺโถ.
ตํ อตฺถนฺติ ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอวํ วุตฺตมตฺถํ. กสฺมา ปเนตฺถ ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา กตาติ? ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ‘‘ยสฺมา ปุถุชฺชโน อปริฺาตวตฺถุโก’’ติอาทินา (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒) สยเมว วกฺขติ. ธมฺโม อธิฏฺานํ เอติสฺสาติ ธมฺมาธิฏฺานา, สภาวธมฺเม นิสฺสาย ปวตฺติตเทสนา. ธมฺมวเสเนว ปวตฺตา ปมา, ปุคฺคลวเสน อุฏฺหิตฺวา ปุคฺคลวเสเนว คตา ตติยา, อิตรา ธมฺมปุคฺคลานํ โวมิสฺสกวเสน. กสฺมา ปน ภควา เอวํ วิภาเคน ธมฺมํ เทเสตีติ? เวเนยฺยชฺฌาสเยน เทสนาวิลาเสน จ. เย หิ เวเนยฺยา ธมฺมาธิฏฺานาย ธมฺมเทสนาย สุเขน อตฺถํ ปฏิวิชฺฌนฺติ, เตสํ ตถา ธมฺมํ เทเสติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ยสฺสา จ ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา เทสนาวิลาสปฺปตฺโต โหติ, สายํ สุปฺปฏิวิทฺธา, ตสฺมา เทสนาวิลาสปฺปตฺโต ธมฺมิสฺสโร ธมฺมราชา ยถา ยถา อิจฺฉติ, ตถา ตถา ธมฺมํ เทเสตีติ เอวํ อิมินา เวเนยฺยชฺฌาสเยน เทสนาวิลาเสน จ เอวํ วิภาเคน ธมฺมํ เทเสตีติ เวทิตพฺโพ.
ฉธาตุโรติ ปถวิธาตุ อาโป-เตโช-วาโย-อากาสธาตุ วิฺาณธาตูติ อิเมสํ ฉนฺนํ ธาตูนํ วเสน ฉธาตุโร. ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โสมนสฺสฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๒๔) วุตฺตานํ ฉนฺนํ โสมนสฺสูปวิจารานํ, ฉนฺนํ โทมนสฺสอุเปกฺขูปวิจารานฺจ วเสน อฏฺารสมโนปวิจาโร. สจฺจาธิฏฺานาทิวเสน จตุราธิฏฺาโน. ปฺาจกฺขุนา ทิฏฺธมฺมิกสฺส สมฺปรายิกสฺส จ อตฺถสฺส อทสฺสนโต อนฺโธ, ทิฏฺธมฺมิกสฺเสว ทสฺสนโต เอกจกฺขุ, ทฺวินฺนมฺปิ ทสฺสนโต ทฺวิจกฺขุ, เวทิตพฺโพ.
สฺวายํ ¶ นิทฺทิสีติ สมฺพนฺโธ. สฺวายนฺติ จ โส อยํ, ยถาวุตฺตเทสนาวิภาคกุสโล ภควาติ อตฺโถ. อปริฺาตวตฺถุโกติ ตีหิ ปริฺาหิ อปริฺาตกฺขนฺโธ. ขนฺธา หิ ปริฺาตวตฺถุ. อปริฺามูลิกาติ ปริชานนาภาวนิมิตฺตา ตสฺมึ สติ ภาวโต. ปริฺานฺหิ ¶ อวิชฺชาทโย กิเลสา ปฏิปกฺขา ตมฺมูลิกา จ สพฺพมฺนาติ. อริยานํ อทสฺสาวีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน ‘‘อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติอาทิกํ ปุถุชนสฺส วิเสสนภาเวน ปวตฺตํ ปาฬิเสสํ คณฺหาติ ปุถุชฺชนนิทฺเทสภาวโต. เตนาห ‘‘เอวํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสี’’ติ.
สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปถวีวารวณฺณนา
ตสฺสาติ ปุถุชฺชนสฺส. วสติ เอตฺถ อารมฺมณกรณวเสนาติ อารมฺมณมฺปิ วตฺถูติ วุจฺจติ ปวตฺติฏฺานภาวโตติ อาห ‘‘ปถวีอาทีสุ วตฺถูสู’’ติ. สกฺกายธมฺมานมฺปิ อารมฺมณาทินา สติปิ มฺนาเหตุภาเว มฺนาเหตุกตฺเตเนว เตสํ นิพฺพตฺติโตติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพสกฺกายธมฺมชนิตํ มฺน’’นฺติ. เอตฺถ จ ปถวีธาตุ เสสธาตูนํ สสมฺภาราสมฺภารภาวา สติปิ ปมาณโต สมภาเว สามตฺถิยโต อธิกานธิกภาเวน เวทิตพฺพา. สมฺภารนฺตีติ สมฺภารา, ปริวารา. ตํตํกลาเปหิ ลกฺขณปถวิยา เสสธมฺมา ยถารหํ ปจฺจยภาเวน ปริวารภาเวน จ ปวตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘สา หิ วณฺณาทีหิ สมฺภาเรหิ สทฺธึ ปถวีติ สสมฺภารปถวี’’ติ. ปถวิโตติ เอตฺถ ปุถุลฏฺเน ปุถุวี, ปุถุวี เอว ปถวี. สา หิ สติปิ ปริจฺฉินฺนวุตฺติยํ สพฺเพสํ สกลาปภาวานํ อาธารภาเวน ปวตฺตมานา ปุถุลา ปตฺถฏา วิตฺถิณฺณาติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, น ปน ตํ อนุปวิสิตฺวา ปวตฺตมานา อาปาทโย. สสมฺภารปถวิยา ปน ปุถุลภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อารมฺมณปถวิยํ วฑฺฒนผรณฏฺเหิ ปุถุลฏฺโ, อิตรสฺมึ รุฬฺหิยาว ทฏฺพฺโพ. อารมฺมณปถวีติ ฌานสฺส อารมฺมณภูตํ ปถวีสงฺขาตํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ. เตนาห ‘‘นิมิตฺตปถวีติปิ วุจฺจตี’’ติ. อาคมนวเสนาติ ปถวีกสิณภาวนาคมนวเสน. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อาโป จ เทวา ปถวี, เตโช วาโย ตทาคมุ’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๓๔๐).
สพฺพาปีติ จตุพฺพิธา ปถวีปิ. อนุสฺสวาทิมตฺตลทฺธา มฺนา วตฺถุ โหติเยว. ตถา หิ ‘‘กกฺขฬํ ขริคต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๑๗๓) ลกฺขณปถวีปิ อุทฺธรียติ. ยํ ¶ ปเนเก วทนฺติ ‘‘ลกฺขเณ ทิฏฺเ มฺนา นตฺถิ, สฺชานาตีติ วุตฺตสฺา จ ทิฏฺิคฺคาหสฺส มูลภูตา ปิณฺฑคฺคาหิตา, สา ลกฺขเณ นกฺขมติ, ตสฺมา ลกฺขณปถวี น คเหตพฺพา’’ติ, ตทยุตฺตํ ลกฺขณปฏิเวธสฺส อิธ อนธิปฺเปตตฺตา. เตนาห ‘‘โลกโวหารํ คเหตฺวา’’ติ. น จ สพฺพสฺา ปิณฺฑคฺคาหิกา ¶ , นาปิ ทิฏฺิคฺคาหสฺเสว มูลภูตา, ตสฺมา ลกฺขณปถวิยาปิ กายทฺวารานุสาเรน อฺถา จ อุปฏฺิตาย มฺนา ปวตฺตเตว. เตเนว จ ‘‘อนุสฺสวาทิมตฺตลทฺธา’’ติ วุตฺตํ. ปถวิโตติ ปจฺจเต นิสฺสกฺกวจนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปถวีติ สฺชานาตี’’ติ อาห. ยสฺมา จตุพฺพิธมฺปิ ปถวึ ‘‘ปถวี’ติ สฺชานนฺโต เตน เตน นเยน ปถวีโกฏฺาเสเนว สฺชานาตีติ วุจฺจติ, น อาปาทิโกฏฺาเสน, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปถวิภาเคน สฺชานาตี’’ติ. โลกโวหารํ คเหตฺวาติ โลกสมฺํ อวิชหิตฺวา. เอเตน ลกฺขณปถวิยมฺปิ โวหารมุเขเนวสฺสา ปวตฺตีติ ทสฺเสติ.
ยทิ โลกโวหาเรน ตตฺถ ปวตฺติ, โก เอตฺถ โทโส, นนุ อริยาปิ ‘‘อยฺหิ ภนฺเต มหาปถวี’’ติอาทินา โลกโวหาเรน ปวตฺตนฺตีติ? น เอตฺถ โวหารมตฺเต อวฏฺานํ อธิปฺเปตํ, อถ โข โวหารมุเขน มิจฺฉาภินิเวโสติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สฺาวิปลฺลาเสน สฺชานาตี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ – อโยนิโสมนสิการสมฺภูตาย ‘‘สุภ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย วิปรีตสฺาย สฺชานาตีติ. เอเตน ทุพฺพลา ตณฺหามานทิฏฺิมฺนา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ กสฺมา สฺา คหิตาติ? ปากฏภาวโต. ยถา นาม อคฺคิมฺหิ มถิยมาเน ยทา ธูโม อุปลพฺภติ, กิฺจาปิ ตทา วิชฺชเตว ปาวโก อวินาภาวโต, ปากฏภาวโต ปน ธูโม ชาโตติ วุจฺจติ, น อคฺคิ ชาโตติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. ยทิปิ ตตฺถ มฺนากิจฺจํ อตฺถิ, น ปน วิภูตํ อปากฏภาวโต สฺากิจฺจเมว วิภูตํ, ตํ ปน มฺนานุกูลํ มฺนาสหิตํ จาติ อาห ‘‘สฺาวิปลฺลาเสน สฺชานาตี’’ติ. เอวํ ปถวีภาคํ อมฺุจนฺโตเยว วา สฺชานาตีติ สมฺพนฺโธ. โย หิ วุตฺตปฺปเภทาย ปถวิยา ปถวิภาคํ อมฺุจนฺโตเยว อวิชหนฺโตเยว สีสปิณฺเฑ สุวณฺณสฺี วิย อนตฺตาทิสภาวํเยว ตํ อตฺตาทิวเสน สฺชานาติ, ตสฺส วเสน วุตฺตํ ‘‘ปถวี’’ติอาทิ. น วตฺตพฺพํ ปุถุชฺชนคฺคาหสฺส ยุตฺติมคฺคนนิวารณโตติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุมฺมตฺตโก วิย…เป… คณฺหาตี’’ติ ¶ . อริยานํ อทสฺสาวิตาทิเภทนฺติ อริยานํ อทสฺสาวิตาทิวิเสสํ วทนฺเตน ภควตาว เอตฺถ ยถาวุตฺตสฺชานเน การณํ วุตฺตนฺติ โยชนา.
เอวนฺติ ‘‘ปถวิภาเคน สฺชานาตี’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน. สฺชานิตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโสติ อาห ‘‘อปรภาเค…เป… คณฺหาตี’’ติ. ปปฺจสงฺขาติ ปปฺจโกฏฺาสา. ปปฺจนฺติ สตฺตา สํสาเร จิรายนฺติ เอเตหีติ ปปฺจา, มฺนฺติ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ปริกปฺเปนฺติ เอตาหีติ มฺนาติ ทฺวีหิปิ ปริยาเยหิ ตณฺหาทโยว วุตฺตาติ อาห ‘‘ตณฺหามานทิฏฺิปปฺเจหิ อิธ มฺนานาเมน วุตฺเตหี’’ติ. อชฺสฺส ชฺโต, อเสยฺยาทิกสฺส ¶ เสยฺยาทิโต คหณโต ทิฏฺิมฺนา วิย ตณฺหามานมฺนาปิ อฺถา คาโห เอวาติ อาห ‘‘อฺถา คณฺหาตี’’ติ. อารมฺมณาภินิโรปนาทินา ภินฺนสภาวานมฺปิ วิตกฺกาทีนํ สาธารโณ อุปนิชฺฌายนสภาโว วิย อนุคิชฺฌนุณฺณติปรามสนสภาวานมฺปิ ตณฺหาทีนํ สาธารเณน อารมฺมณปริกปฺปนากาเรน ปวตฺติ มฺนาติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘ตีหิ มฺนาหิ มฺตี’’ติอาทิ. อสฺสาติ ปุถุชฺชนสฺส, อุทยพฺพยานุปสฺสนาทีสุ วิย สุขุมนเยนปิ มฺนาปวตฺติ อตฺถีติ วิภาวนสุขตาย ถูลํเยว ตํ ทสฺเสตุกาโม ‘‘โอฬาริกนเยนา’’ติอาห. โอฬาริเก หิ วิภาเค ทสฺสิเต สุขุมวิภาวนา สุกราติ ทสฺเสตุํ อยมตฺถโยชนา วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. อชฺฌตฺติกาติ อินฺทฺริยพทฺธา สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนา นิยกชฺฌตฺตา วุตฺตา วิภงฺเค ปฏิสมฺภิทามคฺเค จ.
วิภงฺเคติ ธาตุวิภงฺเค (วิภ. ๑๗๓). พาหิราติ อนินฺทฺริยพทฺธา สงฺขารสนฺตานปริยาปนฺนา. กกฺขฬนฺติ ถทฺธํ. ขริคตนฺติ ผรุสํ. กกฺขฬภาโว กกฺขฬตฺตํ. กกฺขฬภาโวติ กกฺขฬสภาโว. พหิทฺธาติ อินฺทฺริยพทฺธโต พหิทฺธาภูตํ. อนุปาทินฺนนฺติ น อุปาทินฺนํ. อโยติ กาฬโลหํ. โลหนฺติ ชาติโลหํ วิชาติโลหํ กิตฺติมโลหํ ปิสาจโลหนฺติ จตุพฺพิธํ. ตตฺถ อโย สชฺฌุ สุวณฺณํ ติปุ สีสํ ตมฺพโลหํ เวกนฺตกโลหนฺติ อิมานิ สตฺต ชาติโลหานิ นาม. นาคนาสิกาโลหํ วิชาติโลหํ นาม. กํสโลหํ วฏฺฏโลหํ อารกุฏนฺติ ตีณิ กิตฺติมโลหานิ นาม. โมรกฺขกํ ปุถุกํ มลินกํ จปลกํ สลกํ อาฏลํ ภตฺตกํ ¶ ทุสิโลหนฺติ อฏฺ ปิสาจโลหานิ นาม. เตสุ เวกนฺตกโลหํ นาม สพฺพโลหจฺเฉทนสมตฺถา เอกา โลหชาติ. ตถา หิ ตํ วิกนฺตติ ฉินฺทตีติ วิกนฺตกนฺติ วุจฺจติ. วิกนฺตกเมว เวกนฺตกํ. นาคนาสิกาโลหํ โลหสทิสํ โลหวิชาติ หลิทฺทาทิวิชาติ วิย. ตถา หิ ตํ โลหาการํ โลหมลํ วิย ฆนสํหตํ หุตฺวา ติฏฺติ, ตาเปตฺวา ตาฬิตํ ปน ภินฺนํ ภินฺนํ หุตฺวา วิสรติ มุทุ มฏฺํ กมฺมนิยํ วา น โหติ. ติปุตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ กํสโลหํ. สีสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ วฏฺฏโลหํ. ชสตมฺเพ มิสฺเสตฺวา กตํ อารกุฏํ. เตเนว ตํ กรเณน นิพฺพตฺตตฺตา กิตฺติมโลหนฺติ วุจฺจติ. ยํ ปน เกวลํ รสกธาตุ วินิคฺคตํ, ตํ ‘‘ปิตฺตล’’นฺติปิ วทนฺติ. ตํ อิธ นาธิปฺเปตํ, ยถาวุตฺตํ มิสฺสกเมว กตฺวา โยชิตํ กิตฺติมนฺติ วุตฺตํ. โมรกฺขกาทีนิ เอวํนามาเนเวตานิ. เตสุ ยสฺมา ปฺจ ชาติโลหานิ ปาฬิยํ วิสุํ วุตฺตาเนว, ตสฺมา เวกนฺตกโลเหน สทฺธึ วุตฺตาวเสสํ สพฺพํ อิธ โลหนฺติ เวทิตพฺพํ.
ติปูติ เสตติปุ. สีสนฺติ กาฬติปุ. สชฺฌนฺติ รชตํ. มุตฺตาติ หตฺถิกุมฺภชาทิกา อฏฺวิธาปิ มุตฺตา. ตถา หิ หตฺถิกุมฺภํ วราหทาา ภูชงฺคสีสํ วลาหกูฏํ เวฬู มจฺฉสีโร สงฺโข ¶ สิปฺปีติ อฏฺ มุตฺตาโยนิโย. ตตฺถ หตฺถิกุมฺภชา ปีตวณฺณา ปภาหีนา. วราหทาา วราหทาวณฺณาว. ภุชงฺคสีสชา นีลาทิวณฺณา สุวิสุทฺธา วฏฺฏลา จ. วลาหกชา ภาสุรา ทุพฺพิภาครูปา รตฺติภาเค อนฺธการํ วิธมนฺติโย ติฏฺนฺติ, เทวูปโภคา เอว จ โหนฺติ. เวฬุชา กรกุปลสมานวณฺณา น ภาสุรา, เต จ เวฬู อมนุสฺสโคจเร เอว ปเทเส ชายนฺติ. มจฺฉสีรชา ปาีนปิฏฺิสมานวณฺณา วฏฺฏลา ลฆโว จ โหนฺติ ปภาวิหีนา, เต จ มจฺฉา สมุทฺทมชฺเฌ เอว ชายนฺติ. สงฺขชา สงฺโขทรจฺฉวิวณฺณา โกลปฺปมาณาปิ โหนฺติ ปภาวิหีนาว. สิปฺปิชา ปภาวิเสสยุตฺตา โหนฺติ นานาสณฺานา. เอวํ ชาติโต อฏฺวิธาสุปิ มุตฺตาสุ ยา มจฺฉสงฺขสิปฺปิชา, ตา สามุทฺทิกา โหนฺติ, ภุชงฺคชาปิ กาจิ สามุทฺทิกา โหนฺติ, อิตรา อสามุทฺทิกา. ยสฺมา พหุลํ สามุทฺทิกาว มุตฺตา โลเก ทิสฺสนฺติ, ตตฺถาปิ สิปฺปิชาว, อิตรา กาทาจิกา. ตสฺมา สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๑๗๓) ‘‘มุตฺตาติ สามุทฺทิกา มุตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
มณีติ ¶ เปตฺวา ปาฬิอาคเต เวฬุริยาทิเก เสโส โชติรสาทิเภโท สพฺโพปิ มณิ. เวฬุริยนฺติ วํสวณฺณมณิ. สงฺโขติ สามุทฺทิกสงฺโข. สิลาติ กาฬสิลา ปณฺฑุสิลา เสตสิลาทิเภทา อฏฺปิ สิลา. รชตนฺติ กหาปณาทิกํ วุตฺตาวเสสํ รชตสมฺมตํ. ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. โลหิตงฺโคติ รตฺตมณิ. มสารคลฺลนฺติ กพรมณิ ติณาทีสุ พหิภารา ตาลนาฬิเกราทโยปิ ติณํ นาม. อนฺโตสารํ ขทิราทิ อนฺตมโส ทารุขณฺฑมฺปิ กฏฺํ นาม. มุคฺคมตฺตโต ยาว มุฏฺิปฺปมาณา มรุมฺพา สกฺขรา นาม. มุคฺคมตฺตโต ปฏฺาย เหฏฺา วาลิกา นาม. กลนฺติ กปาลขณฺฑํ. ภูมีติ สสมฺภารปถวี. ปาสาโณติ อนฺโตมุฏฺิยํ อสณฺหนโต ปฏฺาย ยาว หตฺถิปฺปมาณํ ปาสาณํ, หตฺถิปฺปมาณโต ปน ปฏฺาย อุปริ ปพฺพโตติ. อยํ อโยอาทีสุ วิภาคนิทฺเทโส. นิมิตฺตปถวีติ ปฏิภาคนิมิตฺตภูตํ ปถวิกสิณํ. ตมฺปิ หิ ‘‘รูปาวจรติกจตุกฺกชฺฌานํ กุสลโต จ วิปากโต จ กิริยโต จ จตุตฺถสฺส ฌานสฺส วิปาโก อิเม ธมฺมา พหิทฺธารมฺมณา’’ติ วจนโต ‘‘พาหิรา ปถวี’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยา จ อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติเก นิมิตฺตปถวี, ตํ คเหตฺวา’’ติ. อุคฺคหนิมิตฺตฺเจตฺถ ตํคติกเมว ทฏฺพฺพํ, นิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปน ปุพฺเพ ภูมิคฺคหเณเนว คหิตนฺติ.
ตีหิ มฺนาหีติ วุตฺตํ มฺนาตฺตยํ สปรสนฺตาเนสุ สงฺเขปโต โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อหํ ปถวี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อหํ ปถวีติอาทีนา อชฺฌตฺตวิสยํ ทิฏฺิมฺนํ มานมฺนฺจ ทสฺเสติ อตฺตาภินิเวสาหํการทีปนโต. มม ปถวีติ อิมินา ตณฺหามฺนํ มานมฺนมฺปิ วา ปริคฺคหภูตายปิ ปถวิยา เสยฺยาทิโต มานชปฺปนโต. เสสปททฺวเยปิ อิมินานเยน มฺนาวิภาโค ¶ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปถวิกสิณชฺฌานลาภี ฌานจกฺขุนา คหิตฌานารมฺมณํ ‘‘อตฺตา’’ติ อภินิวิสนฺโต ตฺจ เสยฺยาทิโต ทหนฺโต อตฺถโต ‘‘อหํ ปถวี’’ติ มฺติ นาม, ตเมว ‘‘อยํ มยฺหํ อตฺตา’’ติ คหเณ ปน ‘‘มม ปถวี’’ติ มฺติ นาม. ตถา ตํ ‘‘ปรปุริโส’’ติ วา ‘‘เทโว’’ติ วา วาทวเสน ‘‘อยเมว ปเรสํ อตฺตา’’ติ วา อภินิวิสนฺโต ‘‘ปโร ปถวี, ปรสฺส ปถวี’’ติ มฺติ นาม. อิมินา นเยน เสสปถวีสุปิ ยถารหํ จตุกฺกํ นิทฺธาเรตพฺพํ.
เอวํ ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติ เอตฺถ จตุกฺกวเสน มฺนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มฺนาวตฺถุํ มฺนาโย จ วิภชิตฺวา อเนกวิหิตํ ตสฺส มฺนาการํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อยนฺติ ยถาวุตฺโต ปุถุชฺชโน. ฉนฺทราคนฺติ พหลราคํ. อสฺสาเทตีติ นิกาเมติ, ‘‘อิเม เกสา มุทุสินิทฺธกฺุจิตนีโลภาสา’’ติอาทินา ตตฺถ รสํ วินฺทติ. อภินนฺทตีติ สปฺปีติกาย ตณฺหาย อภิมุโข นนฺทติ ปโมทติ. อภิวทตีติ อุปฺปนฺนํ ตณฺหาภินนฺทนาเวคํ หทเยน สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อโห เม เกสา’’ติ วาจํ นิจฺฉาเรติ. อชฺโฌสาย ติฏฺตีติ พลวตณฺหาภินิเวเสน คิลิตฺวา ปรินิฏฺาเปตฺวา ติฏฺติ. อฺตรํ วา ปน รชฺชนียวตฺถุนฺติ เกสาทิโต อฺตรํ วา กรจรณาทิปฺปเภทํ นิยกชฺฌตฺตปริยาปนฺนํ ราคุปฺปตฺติเหตุภูตํ วตฺถุํ. อิตีติ อิมินา สินิทฺธาทิปฺปกาเรนาติ ปตฺถยิตพฺพาการํ ปรามสติ. ตตฺถ นนฺทึ สมนฺนาเนตีติ เตสุ ภาวีสุ เกสาทีสุ สิทฺธํ วิย กตฺวา นนฺทึ ตณฺหํ สมนฺนาหรติ สมุปจาเรติ. ปณิทหตีติ ปตฺถนํ เปติ.
สมฺปตฺตึ นิสฺสาย ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติ, วิปตฺตึ นิสฺสาย ‘‘หีโนหมสฺมี’’ติ มานํ ชเนตีติ โยชนา. ปถวีโกฏฺาสภูตานํ เกสาทีนํ สมฺปตฺติวิปตฺตีหิ มานชปฺปนา ปถวิยา มฺนา โหตีติ อาห ‘‘เอวํ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ มานมฺนาย มฺตี’’ติ. อวยวพฺยติเรเกน สมุทายสฺส อภาวโต สมุทาโย ชีวาภินิเวโส อวยเวปิ โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ อาคตนเยน ปน เกสํ ‘ชีโว’ติ อภินิวิสตี’’ติ อาห. ‘‘เกสา นาเมเต อิสฺสรวิหิตา ปชาปตินิสฺสิตา อณุสฺจโย ปกติปริณาโม’’ติอาทินา นเยนเปตฺถ ทิฏฺิมฺนา เวทิตพฺพา.
อิมิสฺสา ปวตฺติยาติ นิกนฺติมานทิฏฺีนํ ปริยาทานสมุคฺฆาฏปฺปวตฺติยา. ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ยทิปิ ติสฺสนฺนมฺปิ มฺนานํ สมฺภโว ทสฺสิโต. ตณฺหามานมฺนานํ ปน เหฏฺา ¶ ทสฺสิตตฺตา ทิฏฺิมฺนา เอเวตฺถ วิเสสโต อุทฺธฏาติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘เอวมฺปิ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺตี’’ติ.
พาหิรมฺปิ ปถวึ ตีหิ มฺนาหิ มฺตีติ โยชนา. ตํ ปน มฺนาวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติ อาห. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
อยํ ¶ ชีโวติ อยํ กาฬโลหํ ‘‘ชีโว อตฺตา’’ติ อภินิวิสติ เอกจฺเจ นิคณฺา วิย. เอวํ พาหิรํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺตีติ เอตฺถาปิ ‘‘ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ, ยา จ พาหิรา ปถวีธาตู’’ติอาทินา นเยน อาเนตฺวา วตฺตพฺโพ.
ปถวีกสิณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อยมฺปิ จ นโย ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอตฺเถว อนฺโตคโธติ ทฏฺพฺโพ กสิณานมฺปิ รูปสมฺาสมฺภาวโต. ปถวึ มฺตีติ เอตฺถ ยาทิโส มฺนาวตฺถุมฺนานํ วิตฺถารนโย วุตฺโต, ตาทิโส อิโต ปรํ วุตฺตนโยวาติ อาห ‘‘อิโต ปรํ สงฺเขเปเนว กถยิสฺสามา’’ติ, อตาทิโส ปน วิตฺถารโตปิ กถยิสฺสตีติ อตฺโถ.
ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘ปถวิยา’’ติ อิทํ ภุมฺมวจนํ, ตสฺมา, โส อตฺตปรตฺตทุปกรณานํ อาธารภาเวน ตํ มฺนาวตฺถุํ กปฺเปตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อหํ ปถวิยา’’ติอาทิ. นนุ จ อินฺทฺริยพทฺธานินฺทฺริยพทฺธปเภทสฺส ธมฺมปฺปพนฺธสฺส สสมฺภารปถวี จ อาธารนิสฺสโย, อิตรา อารมฺมณนิสฺสโย ตทารมฺมณสฺสาติ เอตฺถ นิพฺพิโรโธติ? น, มฺนาวตฺถุํ นิสฺสยภาเวน ปริกปฺปนโต. อยฺหิ ‘‘อห’’นฺติ ทิฏฺิมฺนาย มานมฺนาย จ วตฺถุภูตสฺส อตฺตโน ปถวิสนฺนิสฺสยํ กตฺวา ‘‘อหํ ปถวิยา’’ติ มฺติ, ตณฺหามฺนาย วตฺถุภูตสฺส อุปกรณสฺส ปถวึ สนฺนิสฺสยํ กตฺวา ‘‘มยฺหํ กิฺจนํ ปลิโพโธ ปถวิยา’’ติ มฺติ. ปโรติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยฺวายํ อตฺถนโยติ สมฺพนฺโธ. วุตฺโต ปฏิสมฺภิทามคฺเค. เอเตเนว นเยนาติ ยฺวายํ ‘‘โส โข ปน เม อตฺตา อิมสฺมึ รูเป’’ติ สมุทายสฺส อาธารภาวทีปโน อตฺถนโย วุตฺโต, เอเตเนว นเยน. น หิ อวยวพฺยติเรเกน สมุทาโย ลพฺภติ, ตสฺมา สมุทาเย วุตฺตวิธิ อวยเวปิ ลพฺภตีติ อธิปฺปาโย. เตนาห โส โข ปน เม อยํ อตฺตา อิมิสฺสา ปถวิยาติ มฺนฺโตติ. ตสฺมึเยว ปนสฺส อตฺตนีติ เอตฺถ อสฺสาติ ปุถุชฺชนสฺส. ตสฺมึเยว อตฺตนีติ อชฺฌตฺติกพาหิรปถวีสนฺนิสฺสเย ¶ อตฺตนิ. ‘‘ปถวิยา มฺตี’’ติ ปทสฺสายํ วณฺณนา. เอวํ ‘‘ปถวิยา มฺตี’’ติ เอตฺถ อตฺตวเสน ทิฏฺิมานตณฺหามฺนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปรวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อสฺสาติ ¶ ปรสฺส. ตทาติ ปรวเสน มฺนายํ. ทิฏฺิมฺนา เอว ยุชฺชติ ตตฺถ นิจฺจาภินิเวสาทโย สมฺภวนฺตีติ กตฺวา. อวธารเณน มานตณฺหามฺนา นิวตฺเตติ. น หิ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา, ‘‘มยฺห’’นฺติ จ ปวตฺตลกฺขณา มานตณฺหา ปรสฺมึ ปรสฺส สนฺตกภาเวน คหิเต จ ปวตฺตนฺตีติ อธิปฺปาโย. อิตราโยปีติ มานตณฺหามฺนาโยปิ. อิจฺฉนฺติ อฏฺกถาจริยา. ปรสฺสปิ หิ ปถวีสนฺนิสฺสเยน สมฺปตฺติอิสฺสริยาทิกสฺส วเสน อตฺตนิ เสยฺยาทิภาวํ ทหโต ปณิทหโต จ จิตฺตํ ตถาภาวาย มานตณฺหามฺนา สมฺภวนฺตีติ อาจริยานํ อธิปฺปาโย. ‘‘ปโร ปถวี ปรสฺส ปถวี’’ติ เอตฺถาปิ อิเม ทฺเว ปการา สาธิปฺปายา นิทฺธาเรตพฺพา.
‘‘ปถวิโต สฺชานาตี’’ติ, ‘‘อาทิโต’’ติ จ อาทีสุ อนิสฺสกฺกวจเนปิ โต-สทฺโท ทิฏฺโติ อาห ‘‘ปถวิโตติ นิสฺสกฺกวจน’’นฺติ. สอุปกรณสฺสาติ หิรฺสุวณฺณคตสฺส ทาสโปริสาทินา วิตฺตุปกรเณน สอุปกรณสฺส, อตฺตโน วา ปรสฺส วา เตสํ อุปกรณสฺส วาติ อตฺโถ. ยถาวุตฺตปฺปเภทโตติ ลกฺขณาทิอชฺฌตฺติกาทิวุตฺตปฺปการวิภาคโต. อุปฺปตฺตึ วา นิคฺคมนํ วาติ ‘‘ตํ อณฺฑํ อโหสิ เหมมยํ, ตสฺมึ สยํ พฺรหฺมา อุปฺปนฺโน’’ติ พฺรหฺมณฺฑวาทวเสน วา ‘‘ทฺวีหิ อณูหิ ทฺวิอณุก’’นฺติ เอวํ ปวตฺตอณุกวาทวเสน วา ปถวิโต อุปฺปตฺตึ วา ‘‘สพฺโพยํ โลโก อิสฺสรโต วินิคฺคโต’’ติ อิสฺสรวาทวเสน อิสฺสรกุตฺตโต ปถวิโต นิคฺคมนํ วา มฺมาโนติ โยชนา. ปถวิโต วา อฺโ อาปาทิโก อตฺตาติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ จ ปุริมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป การกลกฺขณํ นิสฺสกฺกวจนํ, ทุติยสฺมึ อุปปทลกฺขณนฺติ ทฏฺพฺพํ. อตฺตโน ปริคฺคหภูตปถวิโต สุขปฺปตฺตึ ตโต เอว จ ปเรหิ เสยฺยาทิภาวํ กปฺเปนฺตสฺส วเสนเปตฺถ ตณฺหามานมฺนา เวทิตพฺพา. อปเรติ สารสมาสาจริยา. ตโต อฺํ อปฺปมาณํ อตฺตานํ คเหตฺวาติ ปุพฺเพ ภาวิตอาปาทิอปฺปมาณกสิณวเสน วา กาปิลกาณาททิฏฺิวเสน วา อปฺปมาณํ พฺยาปินํ อตฺตานํ คเหตฺวา. ปถวิโตติ ปจฺฉา อภาวิตอวฑฺฒิตปถวีกสิณสงฺขาตปถวิโต. พหิทฺธาปิ เม อตฺตาติ อิโต ปถวิโต พหิปิ เม อตฺตาติ อธิปฺปาโย.
เกวลนฺติ ¶ อนวเสสํ. มหาปถวึ ตณฺหาวเสน มมายติ, อยฺจ นโย จตุทีปิสฺสริเย ิตสฺส ทีปจกฺกวตฺติโน จ ลพฺเภยฺย, มณฺฑลิกราชมหามตฺตกุฏุมฺพิกานมฺปิ วเสน ลพฺภเตว เตสมฺปิ ยถาปริคฺคหํ อนวเสเสตฺวา มฺนาย สมฺภวโต. ‘‘เอวํ มมา’’ติ คาหสฺส ‘‘เอโสหมสฺมึ, เอโส เม อตฺตา’’ติ คาหวิธูรตาย วุตฺตํ ‘‘เอกา ตณฺหามฺนา เอว ลพฺภตี’’ติ ¶ . อิมินา นเยนาติ วุตฺตมติเทสํ วิภาเวตุํ ‘‘สา จาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สา จายนฺติ สา จ อยํ ตณฺหามฺนา โยเชตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. ยถา ปน ทิฏฺิมฺนามฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนา สมฺภวนฺติ, เอวํ ตณฺหามฺนามฺิเตน วตฺถุนา อตฺตานํ เสยฺยาทิโต ทหโต ตฺจ อตฺตนิยํ นิจฺจํ ตถา ตํสามิภูตํ อตฺตานฺจ ปริกปฺเปนฺตสฺส อิตรมฺนาปิ สมฺภวนฺตีติ สกฺกา วิฺาตุํ. ‘‘เม’’ติ หิ อิมินา อตฺถคฺคหณมุเขเนว อตฺตนิยสมฺพนฺโธ ปกาสียตีติ.
อภินนฺทตีติ อิมินา ตณฺหาทิฏฺาภินิเวสานํ สงฺคหิตตฺตา เต ทสฺเสนฺโต ‘‘อสฺสาเทติ ปรามสติ จา’’ติ อาห. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทวเสน เจตสฺส ทฺวยสฺส อสงฺกรโต ปวตฺติ เวทิตพฺพา, เอกจิตฺตุปฺปาเทปิ วา อธิปติธมฺมานํ วิย ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน ตสฺส ตสฺส พลวภาเวน ปวตฺติ. เอตสฺมึ อตฺเถติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินนฺทนตฺเถ. เอตนฺติ ‘‘ปถวึ อภินนฺทตี’’ติ เอตํ ปทํ. เยสํ วิเนยฺยานํ เยหิ ปการวิเสเสหิ ธมฺมานํ วิภาวเน กเต วิเสสาธิคโม โหติ, เตสํ เตหิ ปการวิเสเสหิ ธมฺมวิภาวนํ. เยสํ ปน เยน เอเกเนว ปกาเรน ธมฺมวิภาวเน กเต วิเสสาธิคโม โหติ, เตสมฺปิ ตํ วตฺวา ธมฺมิสฺสรตาย ตทฺนิรวเสสปฺปการวิภาวนฺจ เทสนาวิลาโส. เตนาห ‘‘ปุพฺเพ มฺนาวเสน กิเลสุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อภินนฺทนาวเสน ทสฺเสนฺโต’’ติ. ธมฺมธาตุยาติ สมฺมาสมฺโพธิยา. สา หิ สพฺพเยฺยธมฺมํ ยถาสภาวโต ธาเรติ อุปธาเรติ, สกลฺจ วิเนยฺยสตฺตสงฺขาตธมฺมปฺปพนฺธํ อปายทุกฺขสํสารทุกฺขปตนโต ธาเรติ, สยฺจ อวิปรีตปวตฺติอาการา ธาตูติ ธมฺมธาตูติ อิธาธิปฺเปตา. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ สมฺมาสมฺโพธีติ. สุปฺปฏิวิทฺธตฺตาติ ¶ สุฏฺุ ปฏิวิทฺธภาวโต, สมฺมา อธิคตตฺตาติ อตฺโถ. อภิกงฺขนสมฺปคฺคหปรามสนานํ วเสน อารมฺมเณ ปริกปฺปนาปวตฺติ มฺนา. ตตฺถ ‘‘มมํ, อห’’นฺติ จ อภินิเวสนํ ปริกปฺปนํ. เยน อชฺโฌสานํ โหติ, อยํ อภินนฺทนาติ อยเมเตสํ วิเสโส. สุตฺตาทิอวิรุทฺธาเยว อตฺตโนมติ อิจฺฉิตพฺพา, น อิตราติ สุตฺเตน ตสฺสา สงฺคหํ ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เทสนาวิลาสวิภาวนสฺส ปน สเหตุกเหตุสมฺปยุตฺตทุกาทิเทสนาย นิพทฺธตา นิทฺธาเรตพฺพา.
ตสฺสาติ เตน. าตสทฺทสมฺพนฺเธน เหตํ กตฺตริ สามิวจนํ. ตสฺมาติ อปริฺาตตฺตา. ‘‘อปริฺาต’’นฺติ ปฏิกฺเขปมุเขน ยํ ปริชานนํ วุตฺตํ, ตํ อตฺถโต ติวิธา ปริฺา โหตีติ ตํ สรูปโต ปวตฺติอาการโต จ วิภาเวนฺโต ‘‘โย หี’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ ยาย ปฺาย วิปสฺสนาภูมึ ปริชานาติ ปริจฺฉินฺทติ, สา ปริชานนปฺา าตปริฺา. สา หิ เตภูมกธมฺมชาตํ ‘‘อยํ วิปสฺสนาภูมี’’ติ าตํ วิทิตํ ปากฏํ กโรนฺตีเยว ลกฺขณรสาทิโต อชฺฌตฺติกาทิวิภาคโต จ ปริจฺฉิชฺช ชานาติ. อิธ ปน ปถวีธาตุวเสน เวทิตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘ปถวีธาตุํ ปริชานาตี’’ติอาทิ. ตีรณปริฺาติ กีรณวเสน ปริชานนกปฺา. สา หิ ปริวาเรหิ อนิจฺจตาทิอากาเรหิ อนิจฺจตาทิสภาวสฺส อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสฺส ตีรณวเสน สมฺมสนวเสน ตํ ปริจฺฉิชฺช ชานาติ. อคฺคมคฺเคนาติ อรหตฺตมคฺเคน. โส หิ อนวเสสโต ฉนฺทราคํ ปชหติ. อคฺคมคฺเคนาติ วา อคฺคภูเตน มคฺเคน, โลกุตฺตรมคฺเคนาติ อตฺโถ. อุภยถาปิ หิ สมุจฺเฉทปหานการี เอว ปฺา นิปฺปริยาเยน ปหานปริฺาติ ทสฺเสติ.
นามรูปววตฺถานนฺติ เอเตน ปจฺจยปริคฺคโหปิ สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺโพ นามรูปสฺส เหตุววตฺถานภาวโต. โสปิ หิ เหตุปจฺจยมุเขน นามรูปสฺส ววตฺถานเมวาติ. กลาปสมฺมสนาทิวเสน ตีรณปริฺา อนิจฺจาทิวเสน สมฺมสนภาวโต. ตสฺมาติ ยสฺมา ตา ปริฺาโย นตฺถิ, ตสฺมา. อถ วา ตสฺมา อปริฺาตตฺตาติ ยสฺมา อปริฺาตา ปถวี, ตสฺมา อปริฺาตตฺตา ปถวิยา ตํ ปถวึ มฺติ จ อภินนฺทติ จาติ.
ปถวีวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาโปวาราทิวณฺณนา
อาปํ ¶ อาปโตติ เอตฺถ อปฺโปติ, อปฺปายตีติ วา อาโป, ยสฺมึ สงฺฆาเต สยํ อตฺถิ, ตํ อาพนฺธนวเสน พฺยาเปตฺวา ติฏฺติ, ปริพฺรูเหตีติ วา อตฺโถ. อตฺถานํ อธิ อชฺฌตฺตํ. ปติ ปติ อตฺตานนฺติ ปจฺจตฺตํ. อุภเยนปิ สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนเมว วทติ. อาโป อาโปคตนฺติอาทีสุ อาพนฺธนเมว อาโป, ตเทว อาโปสภาวํ คตตฺตา อาโปคตํ, สภาเวเนว อาปภาวํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ. สิเนหนวเสน สิเนโห, โสเยว สิเนหนสภาวํ คตตฺตา สิเนหคตํ. พนฺธนตฺตํ รูปสฺสาติ อวินิพฺโภครูปสฺส พนฺธนภาโว, อวิปฺปกิรณวเสน สมฺปิณฺฑนนฺติ อตฺโถ. อุคฺคณฺหนฺโตติ ยถาปริจฺฉินฺเน อาโปมณฺฑเล ยถา อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปลพฺภติ, ตถา นิมิตฺตํ คณฺหนฺโต. วุตฺโตติ ‘‘อาปสฺมิ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตอาโป. โส หิ สสมฺภารอาโป, น ‘‘อาโปกสิณ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตอาโป. เสสนฺติ อารมฺมณสมฺมุติอาปานํ สรูปวิภาวนํ. ‘‘อาปํ ¶ อาปโต ปชานาตี’’ติอาทิปาฬิยา อตฺถวิภาวนฺเจว ตตฺถ ตตฺถ มฺนาวิภาคทสฺสนฺจ ปถวิยํ วุตฺตสทิสเมวาติ. ตตฺถ ‘‘ปถวีกสิณเมโก สฺชานาตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๖๐; อ. นิ. ๑๐.๒๕) วุตฺตํ, อิธ ‘‘อาโปกสิณเมโก สฺชานาตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ. ตตฺถ จ ‘‘ปถวีติ สฺชานาตี’’ติ วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘อาโปติ สฺชานาตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพนฺติ เอวมาทิ เอว วิเสโส. เสสํ ตาทิสเมว. เตน วุตฺตํ ‘‘ปถวิยํ วุตฺตสทิสเมวา’’ติ. โย ปเนตฺถ วิเสโส, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ มูลรโสติ มูลํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺตรโส. ขนฺธรสาทีสุปิ เอเสว นโย. ขีราทีนิ ปากฏาเนว. ยถา ปน เภสชฺชสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๑๘-๖๒๕), น เอวมิธ นิยโม อตฺถิ. ยํ กิฺจิ ขีรํ ขีรเมว. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ภุมฺมานีติ อาวาฏาทีสุ ิตอุทกานิ. อนฺตลิกฺขานีติ ปถวึ อปฺปตฺตานิ วสฺโสทกานิ, ปตฺตานิ ปน ภุมฺมาเนว. เอวํ วุตฺตา จาติ จ-สทฺเทน หิโมทกกปฺปวินาสกอุทกปถวิยาอนฺโตอุทกปถวีสนฺธารกอุทกาทึ ปุพฺเพ อวุตฺตมฺปิ สมุจฺจิโนติ.
เตชํ เตชโตติ เอตฺถ เตชนฏฺเน เตโช, เตชนํ นาม ทหนปจนาทิสมตฺถํ นิสานํ, ยํ อุณฺหตฺตนฺติ วุจฺจติ. เยน จาติ เยน เตโชคเตน ¶ กุปิเตน. สนฺตปฺปตีติ อยํ กาโย สมนฺตโต ตปฺปติ เอกาหิกชราทิภาเวน อุสุมชาโต โหติ. เยน จ ชีรียตีติ เยน อยํ กาโย ชีรียติ, อินฺทฺริยเวกลฺลตํ พลปริกฺขยํ วลิตาทิภาวฺจ ปาปุณาติ. เยน จ ปริฑยฺหตีติ เยน กุปิเตน อยํ กาโย ปริโต ฑยฺหติ, โส จ ปุคฺคโล ฑยฺหามีติ สตโธตสปฺปิโคสีตจนฺทนาทิเลปฺเจว ตาลวณฺฏวาตฺจ ปจฺจาสีสติ. เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉตีติ เยน อสิตํ วา โอทนาทิ, ปีตํ วา ปานกาทิ, ขายิตํ วา ปิขชฺชกาทิ, สายิตํ วา อมฺพปกฺกมธุผาณิตาทิ สมฺมเทว ปริปากํ คจฺฉติ, รสาทิภาเวน วิเวกํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ สรีรสฺส ปกติอุสุมํ อติกฺกมิตฺวา อุณฺหภาโว สนฺตาโป, สรีรทหนวเสน ปวตฺโต มหาทาโห ปริทาโห, สตวารํ ตาเปตฺวา อุทเก ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฏสปฺปิ สตโธตสปฺปิ, รสรุธิรมํสเมทอฏฺิอฏฺิมิฺชสุกฺกา รสาทโย. ตตฺถ ปุริมา ตโย เตชา จตุสมุฏฺานา, ปจฺฉิโม กมฺมสมุฏฺาโนว.
เตโชภาวํ คตตฺตา เตโชคตํ. อุสฺมาติ อุณฺหากาโร. อุสฺมาว อุสฺมาภาวํ คตตฺตา อุสฺมาคตํ. อุสุมนฺติ จณฺฑอุสุมํ. ตเทว อุสุมคตํ, สภาเวเนว อุสุมภาวํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ. กฏฺคฺคีติ กฏฺุปาทาโน อคฺคิ. สกลิกคฺคีอาทีสุปิ เอเสว นโย. สงฺการคฺคีติ กจวรํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนอคฺคิ. อินฺทคฺคีติ อสนิอคฺคิ. สนฺตาโปติ ชาลาย วา วีตจฺจิตงฺคารานํ วา สนฺตาโป ¶ . สูริยสนฺตาโปติ อาตโป. กฏฺสนฺนิจยสนฺตาโปติ กฏฺราสึ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนสนฺตาโป. เสเสสุปิ เอเสว นโย. เอวํ วุตฺตา จาติ. จ-สทฺเทน เปตคฺคิกปฺปวินาสกคฺคินิรยคฺคิอาทิเก อวุตฺเตปิ สมุจฺจิโนติ.
วายํ วายโตติ เอตฺถ วายนฏฺเน วาโย. กิมิทํ วายนํ นาม? วิตฺถมฺภนํ, สมุทีรณํ วา, วายนํ คมนนฺติ เอเก. อุทฺธงฺคมา วาตาติ อุคฺคารหิกฺกาทิปวตฺตกา อุทฺธํ อาโรหนวาตา. อโธคมา วาตาติ อุจฺจารปสฺสาวาทินีหรณตา อโธ โอโรหนวาตา. กุจฺฉิสยา วาตาติ อนฺตานํ พหิวาตา. โกฏฺาสยา วาตาติ อนฺตานํ อนฺโตวาตา. องฺคมงฺคานุสาริโน วาตาติ ธมนีชาลานุสาเรน สกลสรีเร องฺคมงฺคานิ อนุสฏา สมิฺชนปสารณาทินิพฺพตฺตกา วาตา ¶ . สตฺถกวาตาติ สนฺธิพนฺธนานิ กตฺตริยา ฉินฺทนฺตา วิย ปวตฺตวาตา. ขุรกวาตาติ ขุเรน วิย หทยมํสเฉทนผาลนกวาตา. อุปฺปลกวาตาติ หทยมํสสฺส สมุปฺปาฏนกวาตา. อสฺสาโสติ อนฺโตปวิสนกนาสิกาวาโต. ปสฺสาโสติ พหินิกฺขมนนาสิกาวาโต. เอตฺถ จ ปุริมา สพฺเพ จตุสมุฏฺานา, อสฺสาสปสฺสาสา จิตฺตสมุฏฺานาว.
วาโยคตนฺติ วาโยว วาโยคตํ, สภาเวเนว วาโยภาวํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ. ถมฺภิตตฺตํ รูปสฺสาติ อวินิพฺโภครูปสฺส ถมฺภิตภาโว. ปุรตฺถิมา วาตาติ ปุรตฺถิมทิสโต อาคตา วาตา. ปจฺฉิมาทีสุปิ เอเสว นโย. สรชาทีสุ สห รเชน สรชา, รชวิรหิตา สุทฺธา อรชา. สีตอุตุสมุฏฺานา, สีตวลาหกนฺตเร วา ชาตา สีตา. อุณฺหอุตุสมุฏฺานา, อุณฺหวลาหกนฺตเร วา ชาตา อุณฺหา. ปริตฺตาติ มนฺทา ตนุกวาตา. อธิมตฺตาติ พลววาตา. กาฬาติ กาฬวลาหกนฺตเร สมุฏฺิตา. เยหิ อพฺภาหโต ฉวิวณฺโณ กาฬโก โหติ, เตสํ เอตํ อธิวจนนฺติปิ เอเก. เวรมฺภวาตาติ โยชนโต อุปริ วายนวาตา. ปกฺขวาตาติ อนฺตมโส มกฺขิกายปิ ปกฺขายูหนวาตา. สุปณฺณวาตาติ ครุฬวาตา. กามํ เจเตปิ ปกฺขวาตาว, อุสฺสทวเสน ปน วิสุํ คหิตา. ตาลวณฺฏวาตาติ ตาลวณฺเณหิ กเตน, อฺเหิ วา กเตน เกนจิ มณฺฑลสณฺาเนน สมุฏฺาปิตวาตา. วิธูปนวาตาติ พีชนปตฺตเกน สมุฏฺาปิตวาตา. อิมานิ จ ตาลวณฺฏวิธูปนานิ อนุปฺปนฺนมฺปิ วาตํ อุปฺปาเทนฺติ, อุปฺปนฺนมฺปิ ปริวตฺเตนฺติ. อิธาปิ จ-สทฺโท อุทกสนฺธารกวาตกปฺปวินาสกวาตชาลาเปลฺลนกวาตาทิเก อวุตฺเตปิ สมุจฺจิโนติ. เอตฺถ จ ‘‘อาปํ มฺตี’’ติอาทีสุ ยสฺมา ตีหิ มฺนาหิ – ‘‘อหํ อาโปติ มฺติ, มม อาโปติ มฺตี’’ติอาทินา ปถวีวาเร วุตฺตนเยน สกฺกา มฺนาวิภาโค วิภาเวตุนฺติ วุตฺตํ ‘‘เสสํ วุตฺตนยเมวา’’ติ. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อิเมสุ ตีสุ วาเรสุ ยถารหํ มฺนาวิภาโค วิภาเวตพฺโพ.
เอตฺตาวตาติ ¶ เอตฺตเกน อิมินา จตุวารปริมาเณน เทสนาวิเสเสน. จ-สทฺโท พฺยติเรโก. เตน วกฺขมานํเยว วิเสสํ โชเตติ. ยฺวายนฺติ โย อยํ ลกฺขโณ นาม หาโร วุตฺโตติ สมฺพนฺโธ. โส ปน ลกฺขณหาโร ยํลกฺขโณ ตตฺถ วุตฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘วุตฺตมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วุตฺตมฺหิ เอกธมฺเมติ กุสลาทีสุ ขนฺธาทีสุ วา ยสฺมึ กสฺมิฺจิ เอกธมฺเม สุตฺเต สรูปโต นิทฺธารณวเสน วา กถิเต. เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เตนาติ เย เกจิ ธมฺมา กุสลาทิภาเวน, รูปกฺขนฺธาทิภาเวน วา เตน วุตฺตธมฺเมน สมานลกฺขณา. วุตฺตา ภวนฺติ สพฺเพติ สพฺเพปิ กุสลาทิสภาวา, ขนฺธาทิสภาวา วา ธมฺมา สุตฺเต อวุตฺตาปิ ตาย สมานลกฺขณตาย วุตฺตา ภวนฺติ, อาเนตฺวา สํวณฺณนวเสนาติ อธิปฺปาโย.
เอตฺถ จ เอกลกฺขณาติ สมานลกฺขณา วุตฺตา. เตน สหจริตา สมานกิจฺจตา สมานเหตุตา สมานผลตา สมานารมฺมณตาติ เอวมาทีหิปิ อวุตฺตานํ วุตฺตานํ วิย นิทฺธารณํ เวทิตพฺพํ. อิตีติ อิมินา ปกาเรน. เตนาห ‘‘เอวํ เนตฺติยํ ลกฺขโณ นาม หาโร วุตฺโต’’ติ, เนตฺติปาฬิยํ (เนตฺติ. ๒๓) ปน ‘‘เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เกจิ โส หาโร ลกฺขโณ นามา’’ติ ปาโ อาคโต. ตสฺส วเสนาติ ตสฺส ลกฺขณหารสฺส วเสน. รูปลกฺขณํ อนตีตตฺตาติ รุปฺปนสภาเวน สมานสภาวตฺตา. วทนฺเตน ภควตา. เอตาติ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอวํ วุตฺตทิฏฺี. เอตฺถ จ สกฺกายทิฏฺิมฺนาทสฺสเนเนว สกลรูปวตฺถุกา ตณฺหามานมฺนาปิ ทสฺสิตา เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ตสฺมึเยว ปนสฺส ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา’’ติ. อถ วา ปถวึ อาปํ เตชํ วายํ เมติ มฺติ อภินนฺทตีติ จ วทนฺเตน วุตฺตนเยเนว สกลรูปวตฺถุกา ตณฺหามฺนา ตทนุสาเรน มานมฺนาปิ วุตฺตาว โหตีติ เอวมฺเปตฺถ อิตรมฺนาปิ นิทฺธาเรตพฺพา.
อาโปวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภูตวาราทิวณฺณนา
๓. ‘‘ปถวึ มฺติ, ปถวิยา มฺตี’’ติอาทีหิ ปเทหิ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, รูปสฺมึ อตฺตานํ สมนุปสฺสตี’’ติอาทีนํ สกฺกายทิฏฺีนํ นิทฺธาริตตฺตา วุตฺตํ ‘‘เอวํ รูปมุเขน สงฺขารวตฺถุกํ มฺนํ วตฺวา’’ติ ¶ . เตสุ สงฺขาเรสุ สตฺเตสุปีติ ตทุปาทาเนสุปิ สตฺเตสุ ¶ . ธาตูสูติ ปถวีอาทีสุ จตูสุ ธาตูสุ. ‘‘ชาตํ ภูตํ สงฺขต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๐๗; สํ. นิ. ๕.๓๗๙) ภูต-สทฺโท อุปฺปาเท ทิสฺสติ, สอุปสคฺโค ปน ‘‘ปภูตมริโย ปกโรติ ปฺุ’’นฺติอาทีสุ วิปุเล, ‘‘เยภุยฺเยน ภิกฺขูนํ ปริภูตรูโป’’ติอาทีสุ หึสเน, ‘‘สมฺภูโต สาณวาสี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๕๐) ปฺตฺติยํ, ‘‘อภิภูโต มาโร วิชิโต สงฺคาโม’’ติอาทีสุ วิมถเน, ‘‘ปราภูตรูโป โข อยํ อเจโล ปาถิกปุตฺโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๓, ๒๕, ๓๑, ๓๒) ปราชเย, ‘‘อนุภูตํ สุขทุกฺข’’นฺติอาทีสุ เวทิยเน, ‘‘วิภูตํ วิภาวิตํ ปฺายา’’ติอาทีสุ ปากฏีกรเณ ทิสฺสติ. เต สพฺเพ รุกฺขาทีสูติ. อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. ‘‘กาโล ฆสติ ภูตานีติ (ชา. ๑.๒.๑๙๐), ภูตา โลเก สมุสฺสย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๒๐; สํ. นิ. ๑.๑๘๖) จ อาทีสุ อวิเสเสน สตฺตวาจโกปิ ภูตสทฺโท, อุปริ เทวาทิปเทหิ สตฺตวิเสสานํ คหิตตฺตา อิธ ตทวสิฏฺา ภูตสทฺเทน คยฺหนฺตีติ อาห ‘‘โน จ โข อวิเสเสนา’’ติ. เตเนวาห – ‘‘จาตุมหาราชิกานฺหิ เหฏฺา สตฺตา อิธ ภูตาติ อธิปฺเปตา’’ติ. โย หิ สตฺตนิกาโย ปริปุณฺณโยนิโก จตูหิปิ โยนีหิ นิพฺพตฺตนารโห, ตตฺถายํ ภูตสมฺา อณฺฑชาทิวเสน ภวนโต.
ภูเตติ วุตฺตเทสอาเทสิเต ภูเต. ภูตโต สฺชานาตีติ อิมินา ‘‘ภูตา’’ติ โลกโวหารํ คเหตฺวา ยถา ตตฺถ ตณฺหาทิมฺนา สมฺภวนฺติ, เอวํ วิปรีตสฺาย สฺชานนํ ปกาสียติ. สฺวายมตฺโถ เหฏฺา ‘‘ปถวิโต สฺชานาตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน สกฺกา ชานิตุนฺติ อาห ‘‘วุตฺตนยเมวา’’ติ. ยถา สุทฺธาวาสา สพฺพทา อภาวโต อิมํ เทสนํ นารุฬฺหา, เอวํ เนรยิกาปิ สพฺพมฺนานธิฏฺานโต. เอเตเนว เอกจฺจเปตานมฺเปตฺถ อสงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อปเร ปน ‘‘ทิฏฺิมฺนาธิฏฺานโต เตสมฺเปตฺถ สงฺคโห อิจฺฉิโตเยวา’’ติ วทนฺติ. ‘‘สมงฺคิภูตํ ปริจาเรนฺต’’นฺติอาทินา สุตฺเต วุตฺตนเยน. รชฺชตีติ ‘‘สุภา สุขิตา’’ติ วิปลฺลาสคฺคาเหน ตตฺถ ราคํ ชเนติ. เอวเมตฺถ รชฺชนฺโต จ น เกวลํ ทสฺสนวเสเนว, สวนาทิวเสนปิ รชฺชเตวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิสฺวาปิ…เป… อุตฺวาปี’’ติ อาห. ตตฺถ ฆายนาทิวเสน รชฺชนํ เตหิ อนุภูตคนฺธมาลาทิวเสน เจว วิสภาควตฺถุภูตานํ เตสํ ¶ ปริโภควเสน จ ยถานุภวํ อนุสฺสรณวเสน จ เวทิตพฺพํ. เอวํ ภูเต ตณฺหามฺนาย มฺตีติ วุตฺตนเยน ภูเต ปฏิจฺจ ฉนฺทราคํ ชเนนฺโต เตสํ ปฏิปตฺตึ อสฺสาเทนฺโต อภินนฺทนฺโต อภิวทนฺโต อชฺโฌสาย ติฏฺนฺโต ‘‘อีทิสี อวตฺถา มม อนาคตมทฺธานํ สิยา’’ติอาทินา วา ปน นเยน ตตฺถ นนฺทึ สมนฺนาเนนฺโต ภูเต ตณฺหามฺนาย มฺตีติ อตฺโถ. อปฺปฏิลทฺธสฺส ขตฺติยมหาสาลาทิภาวสฺส, สมฺปตฺตึ วิปตฺตินฺติ ชาติวเสน อุกฺกฏฺฏนิหีนตํ. ทหตีติ เปติ. โย ¶ เอวรูโป มาโนติ โย เอโส ‘‘อยํ ปุพฺเพ มยา สทิโส, อิทานิ อยํ เสฏฺโ อยํ หีนตโร’’ติ อุปฺปนฺโน มาโน. อยํ วุจฺจติ มานาติมาโนติ อยํ ภาราติภาโร วิย ปุริมํ สทิสมานํ อุปาทาย มานาติมาโน นามาติ อตฺโถ.
นิจฺจาติอาทีสุ อุปฺปาทาภาวโต นิจฺจา, มรณาภาวโต ธุวา, สพฺพทา ภาวโต สสฺสตา. อนิจฺจปฏิปกฺขโต วา นิจฺจา, ถิรภาวโต ธุวา, สสฺสติสมตาย สสฺสตา, ชราทิวเสน วิปริณามสฺส อภาวโต อวิปริณามธมฺมาติ มฺติ. สพฺเพ สตฺตาติ โอฏฺโคณคทฺรภาทโย อนวเสสา สฺชนฏฺเน สตฺตา. สพฺเพ ปาณาติ ‘‘เอกินฺทฺริโย ปาโณ ทฺวินฺทฺริโย ปาโณ’’ติอาทิวเสน วุตฺตา อนวเสสา ปาณนฏฺเน ปาณา. สพฺเพ ภูตาติ อนวเสสา อณฺฑโกสาทีสุ ภูตา สฺชาตาติ ภูตา. สพฺเพ ชีวาติ สาลิยวโคธูมาทโย อนวเสสา ชีวนฏฺเน ชีวา. เตสุ หิ โส วิรูหภาเวน ชีวสฺี. อวสา อพลา อวีริยาติ เตสํ อตฺตโน วโส วา พลํ วา วีริยํ วา นตฺถีติ ทสฺเสติ. นิยติสงฺคติภาวปริณตาติ เอตฺถ นิยตีติ. นิยตตา, อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตอเภชฺชมณิ วิย อวิชหิตปกติตา. สงฺคตีติ ฉนฺนํ อภิชาตีนํ ตตฺถ สงฺคโม. ภาโวติ สภาโวเยว, กณฺฑกานํ ติขิณตา, กปิฏฺผลาทีนํ ปริมณฺฑลาทิตา, มิคปกฺขีนํ วิจิตฺตวณฺณาทิตาติ เอวมาทิโก. เอวํ นิยติยา จ สงฺคติยา จ ภาเว จ ปริณตา นานปฺปการตํ ปตฺตา. เยน หิ ยถา ภวิตพฺพํ, โส ตเถว ภวติ. เยน น ภวิตพฺพํ, โส น ภวตีติ ทสฺเสติ. ฉสฺเววาภิชาตีสูติ กณฺหาภิชาติอาทีสุ ฉสุ เอว อภิชาตีสุ ตฺวา สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทนฺติ, อฺา สุขทุกฺขภูมิ นตฺถีติ ทสฺเสติ. วา-สทฺเทน อนฺตาทิเภเท ทิฏฺาภินิเวเส สงฺคณฺหาติ.
อุปปตฺตินฺติ ¶ อิมินา ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตนิกาเย ภูตานํ สหพฺยตํ อากงฺขตีติ ทสฺเสติ. สุขุปฺปตฺตินฺติ อิมินา ปน ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปนฺนสฺส สุขุปฺปตฺตึ. เอกจฺเจ ภูเต นิจฺจาติอาทินา เอกจฺจสสฺสติกทิฏฺึ ทสฺเสติ. อหมฺปิ ภูเตสุ อฺตโรสฺมีติ อิมินา ปน จตุตฺถํ เอกจฺจสสฺสติกวาทํ ทสฺเสติ.
ยโต กุโตจีติ อิสฺสรปุริสาทิเภทโต ยโต กุโตจิ. เอกา ตณฺหามฺนาว ลพฺภตีติ อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยน อิตรมฺนานมฺปิ สมฺภโว นิทฺธาเรตพฺโพ. วุตฺตปฺปกาเรเยว ภูเต ตณฺหาทิฏฺีหิ อภินนฺทตีติอาทินา วตฺตพฺพตฺตา อาห ‘‘วุตฺตนยเมวา’’ติ. โยชนา กาตพฺพาติ ‘‘โย ภูตปฺตฺติยา อุปาทานภูเต ขนฺเธ ปริชานาติ, โส ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาตี’’ติอาทินา โยชนา กาตพฺพา. อปเร ปเนตฺถ ภูตคาโมปิ ภูต-สทฺเทน สงฺคหิโตติ รุกฺขาทิวเสนปิ ¶ มฺนาวิภาคํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺติ, ตถา มหาภูตวเสนปิ, ตํ อฏฺกถายํ นตฺถิ.
ภูมิวิเสสาทินา เภเทนาติ ภูมิวิเสสอุปปตฺติวิเสสาทิวิภาเคน. อิทฺธิยาติ ปฺุวิเสสนิพฺพตฺเตน อานุภาเวน. กิฺจาปิ เทว-สทฺโท ‘‘วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๑๐; ๓.๑๐๒; ๕.๑๔๖-๑๔๘; ม. นิ. ๑.๔๘๖; อ. นิ. ๑๐.๑๕; อิติวุ. ๒๗) อชฏากาเส อาคโต, ‘‘เทโว จ โถกํ โถกํ ผุสายตี’’ติอาทีสุ เมเฆ, ‘‘อยฺหิ เทว กุมาโร’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๔, ๓๕, ๓๖) ขตฺติเย อาคโต, ‘‘ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคิภูโต ปริจาเรติ เทโว มฺเ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๘๓; ม. นิ. ๒.๒๑๑) วิย อิธ อุปปตฺติเทเวสุ อาคโต, เทว-สทฺเทน ปน วตฺตพฺพสตฺเต อนวเสสโต อุทฺธริตฺวา ตโต อิธาธิปฺเปเต ทสฺเสตุํ ‘‘เต ติวิธา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสา ฉ กามาวจรา อิธ เทวาติ อธิปฺเปตา อิตเรสํ ปทนฺตเรหิ นิวตฺติตตฺตาติ อธิปฺปาโย. ภูตา เทวาติ คหิเตสุ สตฺเตสุ ตณฺหาทิมฺนานํ ปวตฺตากาเรนปิ ติวิธลกฺขณนฺติ อาห ‘‘ภูตวาเร วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา’’ติ.
‘‘อฺตรสฺส อุปาสกสฺส ปชาปติ อภิรูปา โหตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๖๘) ปชาปติ-สทฺโท ฆรณิยํ อาคโต, ‘‘ปชาปติ กามทายี สุวณฺณวณฺณา เม ปชา โหตู’’ติอาทีสุ ทิฏฺิคติกปริกปฺปิเต, ‘‘ปชาปติสฺส เทวราชสฺส ¶ ธชคฺคํ อุลฺโลเกยฺยาถา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) เทวเชฏฺเก, อิธ ปน อธิปตีติ วทนฺติ, ตํ อุปริ พฺรหฺมุโน คยฺหมานตฺตา เตสํ มติมตฺตํ. เทวานนฺติ จาตุมหาราชิกาทิเทวานํ. มหาราชาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สกฺกสุยามสนฺตุสฺสิตสุนิมฺมิตวสวตฺติโน คหิตา. เตสนฺติ มหาราชาทีนํ. สตฺตสงฺขาตายาติ กามภูมิยํ สตฺตสงฺขาตาย. ปชาปตินฺติ ปชาปติภาวํ. ปชาปติภาเวน หิ มานํ ชปฺเปนฺโต ปชาปตึ มานมฺนาย มฺตีติ วุตฺโต.
เอกา ทิฏฺิมฺนาว ยุชฺชตีติ วุตฺตํ, ปชาปติโน ปน สมิปตํ สโลกตํ วา อากงฺขโต, ตถาภาวาย จิตฺตํ ปณิทหโต, ตถาลทฺธพฺพาย สมฺปตฺติยา อตฺตโน เสยฺยาทิภาวํ ทหโต จ ตณฺหามานมฺนาปิ สมฺภวนฺตีติ สกฺกา วิฺาตุํ. เย จ ธมฺมาติ อายุวณฺณาทิเก วทติ. ปชาปตินฺติ เอตฺถาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยน อิตรมฺนานมฺปิ สมฺภโว เวทิตพฺโพ.
พฺรูหิโตติ ¶ ปริวุทฺโธ. คุณวิเสเสหีติ ฌานาทีหิ วิสิฏฺเหิ คุเณหิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมตาย. พฺรหฺม-สทฺทสฺส สติปิ อวิเสสโต วิสิฏฺวาจกตฺเต ยตฺถ ยตฺถ ปนสฺส คุณวิเสสยุตฺตาทิรูปา ปวตฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สหสฺโสติ สหสฺสิยา โลกธาตุยา อธิปติภูโต. ปมาภินิพฺพตฺโตติ ปณีเตน ปมฌาเนน นิพฺพตฺโต, ปมชฺฌานภูมิยํ วา ปมํ อภินิพฺพตฺโต. คหิตาติ เวทิตพฺพา ปธานคฺคหเณน อปฺปธานานมฺปิ เกนจิ สมฺพนฺเธน คหิตภาวสิทฺธิโต. เอตฺถ จ พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา อธิปฺเปโต. โส หิ วณฺณวนฺตตาย เจว ทีฆายุกตาย จ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีหิ มหนฺโต พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา, ตสฺส ปน ปุโรหิตฏฺาเน ิตาติ พฺรหฺมปุโรหิตา, ปริสายํ ภวา ปริจารกาติ พฺรหฺมปาริสชฺชาติ เวทิตพฺพา. อุกฺกฏฺเกปุคฺคลภาวโต ปชาปติสฺมึ วิย พฺรหฺมนิ มฺนา วตฺตตีติ วุตฺตํ ‘‘ปชาปติวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา’’ติ. ตถา หิ พหุปุคฺคลภาวสามฺโต อาภสฺสรวาราทีนํ ภูตวารสทิสตา วุตฺตา.
ยถาวุตฺตปภาย อาภาสนสีลา วา อาภสฺสรา. เอกตลวาสิโนติ อิทํ ฌานนฺตรภูมีนํ วิย เหฏฺุปริภาวาภาวโต วุตฺตํ, านานิ ¶ ปน เนสํ ปริจฺฉินฺนาเนว. อาภสฺสเรหิ ปริตฺตา อาภา เอเตสนฺติ ปริตฺตาภา. อปฺปมาณา อาภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณาภา.
สุภาติ โสภนา ปภา. กฺจนปิณฺโฑ วิย สสฺสิริกา กฺจนปิณฺฑสสฺสิริกา. ตตฺถ โสภนาย ปภาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตพฺเพ ภา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ, อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตา. สุภาติ จ เอกคฺฆนา นิจฺจลา ปภา วุจฺจติ, ปริตฺตา สุภา เอเตสนฺติ ปริตฺตสุภา. อปฺปมาณา สุภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณสุภา.
วิปุลผลาติ วิปุลสนฺตสุขายุวณฺณาทิผลา.
สติปิ เทวพฺรหฺมาทีนํ ปฺุผเลน ฌานผเลน จ ปฏิปกฺขาภิภเว เยสํ ปน ปุถุชฺชนอสฺสตฺเตสุ อภิภูโวหาโร ปากโฏ นิรุฬฺโห จ, เตสํ วเสนายํ เทสนา ปวตฺตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อสฺภวสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. ยถา ปชาปติวาเร ‘‘อิเธกจฺโจ ปชาปติสฺมึเยวา’’ติอาทินา มฺนาปวตฺติ ทสฺสิตา, ตถา อิธาปิ ตํ ทสฺเสตุํ สกฺกาติ อาห ‘‘เสสํ ปชาปติวาเร วุตฺตนยเมวา’’ติ.
ภูตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อากาสานฺจายตนวาราทิวณฺณนา
๔. เอวํ ¶ สตฺตวเสน ภูมิกฺกมทสฺสเน สุทฺธาวาสานํ อคฺคหเณ การณํ นิทฺธาเรนฺโต ‘‘เอวํ ภควา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนาคามิขีณาสวาติ อนาคามิโน จ ขีณาสวา จ. กิฺจาปิ สุทฺธาวาสา อตฺเถว อเนกกปฺปสหสฺสายุกา, อุกฺกํสปริจฺเฉทโต ปน โสฬสกปฺปสหสฺสายุกาว, น ตโต ปรนฺติ อาห ‘‘กติปยกปฺปสหสฺสายุกา’’ติ. กามรูปภเวสุ ปวตฺตมานาปิ อากาสานฺจายตนาทิธมฺมา อรูปาวจรภาวโต ตํภูมิกโวหารํ น ลภนฺตีติ ‘‘ตตฺรูปปนฺนาเยวา’’ติ อวธาเรตฺวา วุตฺตํ. อภิภูวาเร วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา ยถารหนฺติ อธิปฺปาโย. น เหตฺถ วณฺณวนฺตตาทิ สมฺภวตีติ. ปชาปติวาเร วุตฺตนเยนาติ ¶ เอตฺถ ‘‘อหมสฺมิ อรูโป ปหีนรูปปฏิฆสฺโ’’ติอาทินา มานมฺนา เวทิตพฺพา.
อากาสานฺจายตนวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทิฏฺสุตวาราทิวณฺณนา
๕. รูปมุเขน มฺนาวตฺถุทสฺสนํ สงฺเขโปติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘วิตฺถารโตปี’’ติ. ตมฺปิ หิ ‘‘ยตฺถ เนว ปถวี, น อาโป, น เตโช, น วาโย, น อากาสานฺจายตน’’นฺติอาทิคฺคหณํ วิย สงฺเขปโต ปฺจโวการภวทสฺสนํ โหตีติ.
ทิฏฺนฺติ ยํ จกฺขุทฺวาเรน กตทสฺสนกิริยาสมาปนํ, ยฺจ จกฺขุ ทฺวยํ ปสฺสติ ปสฺสิสฺสติ สติ สมฺภเว ปสฺเสยฺย, ตํ สพฺพกาลนฺติ วิเสสวจนิจฺฉาย อภาวโต ทิฏฺนฺเตว วุตฺตํ ยถา ‘‘ทุทฺธ’’นฺติ. เตนาห ‘‘รูปายตนสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. อยฺจ นโย สุตาทีสุปิ โยเชตพฺโพ. สตฺตาติ รูปาทีสุ สตฺตา วิสตฺตาติ สตฺตา. สฺชนฏฺเน สามฺสทฺโทปิ เจส สตฺต-สทฺโท ‘‘อิตฺถิรูเป’’ติ วิสยวิเสสิตตฺตา อิธ ปุริสวาจโก ทฏฺพฺโพ. รตฺตาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามการเกน ฉนฺทราเคน รตฺตา สารตฺตา. คิทฺธาติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิคิชฺฌเนน คิทฺธา เคธํ อาปนฺนา. คธิตาติ คนฺถิตา วิย โลเภน ทุมฺโมจนียภาเวน อารมฺมเณ ปฏิพทฺธา. มุจฺฉิตาติ กิเลสวเสน วิสฺีภูตา วิย อนฺกิจฺจา มุจฺฉํ โมหํ อาปนฺนา. อชฺโฌสนฺนาติ วิสเย อฺสาธารเณ วิย กตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฏฺาเปตฺวา วิย ิตา. อิมินาติ สุวณฺณวณฺณาทิอากาเรน. มงฺคลํ อมงฺคลนฺติ อีทิสํ ทิฏฺํ มงฺคลํ, อีทิสํ อมงฺคลนฺติ ¶ . รูปสฺมึ อตฺตานํ สมนุปสฺสนนเยนาติ อิทํ เวทนาทิอรูปธมฺเม, รูปายตนวินิมุตฺตสพฺพธมฺเม วา อตฺตโต คเหตฺวา ตโต อชฺฌตฺติกํ, พาหิรํ วา รูปายตนํ ตสฺโสกาสภาเวน ปริกปฺเปตฺวา ‘‘โส โข ปน เม อยํ อตฺตา อิมสฺมึ รูปายตเน’’ติ มฺนฺโต ทิฏฺสฺมึ มฺตีติ อิมํ นยํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ปถวิโต มฺตี’’ติอาทีสุ ยถา ‘‘สอุปกรณสฺส อตฺตโน วา ปรสฺส ¶ วา’’ติอาทิมฺนาปวตฺติ ทสฺสิตา, เอวํ ‘‘ทิฏฺโต มฺตี’’ติอาทีสุ สกฺกา ตํ ทสฺเสตุนฺติ อาห ‘‘เตสํ ปถวีวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ.
อาหจฺจาติ วิสยํ อนฺวาย, ปตฺวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุปคนฺตฺวา’’ติ. อฺมฺสํสิเลเสติ จกฺขุรูปโสตสทฺทา วิย ทุเร อหุตฺวา อฺมฺํ อลฺลิยเน.
มนสา วิฺาตํ เกวลนฺติ อตฺโถ. อิตรานิปิ หิ มนสา วิฺายนฺตีติ. เสเสหิ สตฺตหิ อายตเนหิ ปฺตฺติยา อสงฺคหิตตฺตา ตมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมารมฺมณสฺส วา’’ติ วุตฺตํ. ทฺวีสุปิ วิกปฺเปสุ โลกุตฺตรานมฺปิ สงฺคโห อาปนฺโนติ อาห ‘‘อิธ ปน สกฺกายปริยาปนฺนเมว ลพฺภตี’’ติ. วิตฺถาโรติ มฺนานํ ปวตฺตนาการวิตฺถาโร. เอตฺถาติ เอเตสุ สุตวาราทีสุ.
ทิฏฺสุตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกตฺตวาราทิวณฺณนา
๖. สมาปนฺนกวาเรนาติ สมาปนฺนกปฺปวตฺติยา, รูปาวจรารูปาวจรฌานปฺปวตฺติยาติ อตฺโถ. สา หิ เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ เอกากาเรน ปวตฺตตีติ กตฺวา ‘‘เอกตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวฺจ กตฺวา วิปากชฺฌานปฺปวตฺติปิ อิธ สมาปนฺนกวารคฺคหเณเนว คหิตาติ ทฏฺพฺพา. อสมาปนฺนกวาเรนาติ กามาวจรธมฺมปฺปวตฺติยา. อุปจารชฺฌาเนนปิ หิ จิตฺตํ น สมฺมา เอกตฺตํ คตนฺติ วุจฺจตีติ.
โยชนาติ มฺนาโยชนา. ภินฺทิตฺวาติ วิภชิตฺวา. สาสนนเยนาติ ปาฬินเยน. ตตฺถ ‘‘เอกตฺตํ มฺตี’’ติอาทีสุ ‘‘เวทนํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา นเยน, ‘‘นานตฺตํ มฺตี’’ติอาทีสุ ¶ ปน ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺตวิธึ อนุคนฺตฺวา มฺนา เวทิตพฺพา.
ปถวีวาราทีสุ วุตฺเตน จ อฏฺกถานเยนาติ ‘‘อหํ เวทนาติ มฺติ, มม เวทนาติ มฺตี’’ติอาทินา, ‘‘อหํ รูปนฺติ มฺติ, มม รูปนฺติ มฺตี’’ติอาทินา จาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยถานุรูปํ ¶ วีมํสิตฺวา’’ติ, เอกตฺตนานตฺตภาเวสุ โย โยชนานโย สมฺภวติ, ตทนุรูปํ วิจาเรตฺวาติ อตฺโถ. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. อปเรติ สารสมาสาจริยา. ทิฏฺาภินิเวสํ วทนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ปุถุชฺชนสฺส มฺนา นาม สกฺกายํ ภินฺทิตฺวาว ยถาอุปฏฺิตวิสยวเสเนว ปวตฺตตีติ น ตตฺถ อยเมกตฺตนโย อยํ นานตฺตนโยติ วิภาควเสเนว, เอกตฺตสฺี อตฺตา โหตีติอาทีสุ จ อตฺตโน เอกตฺตนานตฺตสฺิตา วุตฺตา, น ปน เอกตฺตํ นานตฺตนฺติ เอวํ ปวตฺตสฺส ทิฏฺาภินิเวสสฺส เอกตฺตนานตฺตภาโวติ เอวเมตฺถ ตทุภยสฺส อิธ อนธิปฺเปตภาโว ทฏฺพฺโพ.
ยํ ยถาวุตฺตปุถุชฺชโน อนวเสสโต คณฺหนฺโต คเหตุํ สกฺโกติ, ตํ ตสฺส อนวเสสโต คเหตพฺพตํ อุปาทาย ‘‘สพฺพ’’นฺติ วุจฺจตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเมวา’’ติ อาห, สกฺกายสพฺพนฺติ อตฺโถ. สพฺพสฺมิมฺปิ เตภูมกธมฺเม อาทีนวทสฺสเน อสติ นิพฺพิทาภาวโต อสฺสาทานุปสฺสนาย ตณฺหา วฑฺฒเตวาติ อาห ‘‘สพฺพํ อสฺสาเทนฺโต สพฺพํ ตณฺหามฺนาย มฺตี’’ติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘สํโยชนิเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๓, ๕๗). ‘‘สพฺพมิทํ มยา นิมฺมิต’’นฺติ เตน นิมฺมิตมฺนาย อตฺตานํ เสยฺยาทิโต ทหนฺโต เตน มาเนน นิมฺมิตํ มฺติเยว นาม นิมฺมิตมฺนาย วินา ตถามานุปฺปตฺติยา อภาวโตติ อาห ‘‘อตฺตนา นิมฺมิตํ มฺนฺโต สพฺพํ มานมฺนาย มฺตี’’ติ. สพฺพํ นตฺถีติอาทินา นเยนาติ อาทิ-สทฺเทน นิยติวาทาทิเก สงฺคณฺหาติ. มหา เม อตฺตาติ อิมินา สพฺพโต อตฺตโน วิภูติปวตฺติวาทํ ทสฺเสติ. ‘‘สพฺพํ สพฺพตฺถก’’นฺติ ทิฏฺิวเสน – ‘‘อหํ สพฺพสฺมึ มยฺหํ กิฺจนํ ปลิโพโธ สพฺพสฺมึ, ปโร สพฺพสฺมึ ปรสฺส กิฺจนํ ปลิโพโธ สพฺพสฺมิ’’นฺติอาทินา นเยนเปตฺถ มฺนา สมฺภวตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เสสํ ปถวีวาเร วุตฺตนเยน เวทิตพฺพ’’นฺติ. อปิจ ‘‘สพฺโพยํ โลโก ปุริสมโย’’ติ เอวํทิฏฺิโก ปุริสสงฺขาตโต สพฺพโต, อตฺตโน อุปฺปตฺตึ วา นิคฺคมนํ วา มฺนฺโต ทิฏฺิมฺนาย สพฺพโต มฺติ, ตสฺมึเยว ปน ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามฺนา มานมฺนา จ เวทิตพฺพา. ตํเยว ปน สพฺพํ มยฺหํ อตฺตา กตฺตา ¶ สามีติ วา มฺนฺโต ‘‘สพฺพํ ¶ เม’’ติ มฺติ, ตถายํ ทิฏฺิตณฺหาภินนฺทนาหิ อภินนฺทนฺโต สพฺพํ อภินนฺทตีติ เอวมฺเปตฺถ มฺนานํ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
ตนฺติ สกฺกายํ. อุกฺกํสคตสุขสหิตฺหิ ขนฺธปฺจกํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาที นิพฺพานนฺติ มฺติ, ตํ ปนตฺถโต สกฺกาโยเยวาติ. เอกธาติ ปฺจวิธมฺปิ นิพฺพานภาเวน เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํ. ยโตติ ยสฺมา. ปฺจหิ กามคุเณหีติ มนาปิยรูปาทีหิ ปฺจหิ กามโกฏฺาเสหิ, พนฺธเนหิ วา. สมปฺปิโต สุฏฺุ อปฺปิโต อลฺลีโน หุตฺวา ิโต. สมงฺคิภูโตติ สมนฺนาคโต. ปริจาเรตีติ เตสุ กามคุเณสุ กามโกฏฺาเสสุ ยถาสุขํ อินฺทฺริยานิ จาเรติ สฺจาเรติ อิโต จิโต จ อุปเนติ. อถ วา ลฬติ รมติ กีฬติ. เอตฺถ ทฺวิธา กามคุณา มานุสกา เจว ทิพฺพา จ. มานุสกา จ มนฺธาตุกามคุณสทิสา, ทิพฺพา ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทวราชสฺส กามคุณสทิสา. เอวรูเป กาเม อุปคตานฺหิ เต ทิฏฺธมฺมนิพฺพานสมฺปตฺตึ ปฺเปนฺติ. เตนาห ‘‘เอตฺตาวตา โข…เป… โหตี’’ติ. ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺขธมฺโม วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ปฏิลทฺธตฺตภาวสฺเสตํ อธิวจนํ, ทิฏฺธมฺเม นิพฺพานํ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ทุกฺขวูปสมนํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ. ปรมํ อุตฺตมํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานนฺติ ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ, ตํ ปตฺโต โหตีติ อตฺโถ. ปฺจธา อาคตนฺติ ยถาวุตฺตกามคุณสุขสฺส เจว จตุพฺพิธรูปาวจรชฺฌานสุขสฺส จ วเสน ปาฬิยํ ปฺจปฺปกาเรน อาคตํ. นิพฺพานํ อสฺสาเทนฺโตติ ปรมํ สุขํ นิสฺสรณนฺติ มฺนาย อสฺสาเทนฺโต.
‘‘อิมสฺมึ นิพฺพาเน ปตฺเต น ชายติ, น ชีรติ, น มียตี’’ติ เอวมฺปิ นิพฺพานสฺมึ มฺติ. ‘‘อิโต ปรํ ปรมสฺสาสภูตํ นตฺถี’’ติ คณฺหนฺโต นิพฺพานโต มฺติ. ตยิทํ นิพฺพานํ มยา อธิคตํ, ตสฺมา ‘‘นิพฺพานํ เม’’ติ มฺติ. ตโตเยว ตํ นิพฺพานํ ทิฏฺาภินนฺทนาย อภินนฺทติ. อยํ ตาเวตฺถ ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปน ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ นิทฺธาเรตพฺพา.
ยาทิโสติ ยถารูโป, เยหิ เชคุจฺฉาทิสภาเวหิ ปสฺสิตพฺโพติ อตฺโถ. เอสาติ อยํ. เตนสฺส อตฺตโน สุณนฺตานฺจ ปจฺจกฺขสิทฺธตมาห. อสุภาทิสภาเวน สห วิชฺชมานานํ รูปาทิธมฺมานํ กาโย สมูโหติ สกฺกาโย, อุปาทานกฺขนฺธา. ตถาติ ตสฺส ภาวภูเตน ปฏิกูลตาทิปฺปกาเรน. สพฺพมฺนาติ ปถวีอาทิเก สรูปาวธารณาทิวิภาคภินฺเน ¶ วิสเย ปวตฺติยา อเนกวิหิตา สพฺพา ตณฺหามฺนา.
เชคุจฺโฉติ ¶ ชิคุจฺฉนีโย. เตนสฺส อสุภาชฺทุคฺคนฺธปฏิกูลภาวํ ทสฺเสติ. สิทุโรติ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาโว. เตนสฺส อนิจฺจอทฺธุวขยวยปภงฺคุรสภาวํ ทสฺเสติ. อยนฺติ สกฺกาโย. ทุกฺโขติ น สุโข. เตนสฺส กิจฺฉกสิราพาธทุกฺขวุตฺติตํ ทสฺเสติ. อปริณายโกติ ปริณายกรหิโต. เตนสฺส อตฺตสฺุอสารวุตฺติตํ ทสฺเสติ. ตนฺติ สกฺกายํ. ปจฺจนีกโตติ สภาวปฏิปกฺขโต, สุภนิจฺจสุขอตฺตาทิโตติ อตฺโถ. คณฺหนฺติ คณฺหนฺโต, ตตฺถ สุภาทิคาหวเสน อภินิวิสนฺโตติ อตฺโถ.
อิทานิ ติสฺโสปิ มฺนา อุปมาหิ วิภาเวตุํ ‘‘สุภโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา มหาปริฬาเห วิปุลานตฺถาวเห จ อคฺคิมฺหิ สลภสฺส ปตนํ สุภสุขสฺาย, เอวํ ตาทิเส สกฺกาเย สลภสฺส ตณฺหามฺนาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สุภโต…เป… ตณฺหาย มฺนา’’ติ อิมินา.
คูถาที กีฏโก คูถราสึ ลทฺธา อสมฺปนฺเนปิ ตสฺมึ สมฺปนฺนาการํ ปวตฺตยมาโน อตฺตานํ อุกฺกํเสติ, เอวมเนกาทีนเว เอกนฺตเภทินิ สกฺกาเย นิจฺจสฺํ อุปฏฺเปตฺวา สมฺปตฺติมเทน ตตฺถ พาโล มานํ ชปฺเปตีติ อิมมตฺถมาห ‘‘นิจฺจสฺํ…เป… มาเนน มฺนา’’ติ.
ยถา พาโล มุทฺธธาตุโก สมฺมูฬฺโห โกจิ อาทาเส อตฺตโน ปฏิพิมฺพํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มฺเ อาทาสสามิโก, ยทิ อหมิมํ คเหตฺวา ติฏฺเยฺยํ, อนตฺถมฺปิ เม กเรยฺยา’’ติ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายนฺโต ตตฺถ อวิชฺชมานเมว กิฺจิ วิชฺชมานํ กตฺวา คณฺหิ, ตถูปโม อยํ พาโล สกฺกาเย อตฺตตฺตนิยคาหํ คณฺหนฺโตติ อิมมตฺถํ ทีเปติ ‘‘อตฺตา…เป… ทิฏฺิยา โหติ มฺนา’’ติ อิมินา.
สุขุมํ มารพนฺธนํ เวปจิตฺติพนฺธนโตปิ สุขุมตรตฺตา. เตนาห ภควา ‘‘อโห สุขุมตรํ โข, ภิกฺขเว, มารพนฺธน’’นฺติ.
พหุนฺติ อติวิย, อเนกกฺขตฺตุํ วา. วิปฺผนฺทมาโนปิ สกฺกายํ นาติวตฺตติ สํสารํ นาติวตฺตนโต. ยถาห ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, สมณา สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปนฺติ, เต, สกฺกายํเยว อนุปริธาวนฺติ เสยฺยถาปิ สา คทฺทุลพนฺธโน’’ติอาทิ. ยถา หิ สตฺตสุปิ ¶ อุจฺเฉทวิกปฺเปสุ สํสารนายิกานํ ตณฺหาทิฏฺีนํ ปหานํ สมฺภวติ, เอวํ สสฺสตวิกปฺเปสุปีติ ¶ กถฺจิ ปน ทิฏฺิคติกสฺส ภววิปฺปโมกฺโข. เตน วุตฺตํ ‘‘สกฺกายํ นาติวตฺตตี’’ติ.
สโสติ โส เอโส ปุถุชฺชโน. นิจฺจนฺติ สพฺพกาลํ.
ตนฺติ ตสฺมา สกฺกายมลีนสฺส ชาติยาทีนมนติวตฺตนโต. อสาตโตติ ทุกฺขโต.
ปสฺสํ เอวมิมนฺติ อสุภานิจฺจทุกฺขานตฺตสภาวํ ตํ สกฺกายํ วุตฺตปฺปกาเรน ยถาภูตวิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ปสฺสนฺโต. ปหายาติ สมุจฺเฉทวเสน สพฺพา มฺนาโย ปชหิตฺวา. สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ สกลสฺมาปิ วฏฺฏทุกฺขโต ปมุจฺจตีติ.
เอกตฺตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปมนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
เสกฺขวารทุติยนยวณฺณนา
๗. อธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส อนิยเมตฺวา วจนํ อุทฺเทโส, นิยเมตฺวา วจนํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘โยติ อุทฺเทสวจนํ, โสติ นิทฺเทสวจน’’นฺติ. สมฺปิณฺฑนตฺโถติ สมุจฺจยตฺโถ. สมฺปิณฺฑนฺจ สภาคตาวเสน โหตีติ อาห – ‘‘อารมฺมณสภาเคนา’’ติ, อารมฺมณสฺส สภาคตาย สทิสตายาติ อตฺโถ. เสกฺขํ ทสฺเสติ สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต, เสกฺขวิสยตฺตา จ ตสฺส วจนสฺส.
เกนฏฺเนาติ ยสฺมา าเณน อรณียโต อตฺโถ สภาโว, ตสฺมา เกนฏฺเน เกน สภาเวน เกน ลกฺขเณน เสกฺโข นาม โหตีติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน เสกฺขธมฺมาธิคเมน ปุคฺคเล เสกฺขโวหารปฺปวตฺติ, ตสฺมา ‘‘เสกฺขธมฺมปฏิลาภโต เสกฺโข’’ติ วุตฺตํ. เสกฺขธมฺมา นาม จตูสุ มคฺเคสุ, เหฏฺิเมสุ จ ตีสุ ผเลสุ สมฺมาทิฏฺิอาทโย. เตนาห ‘‘เสกฺขาย สมฺมาทิฏฺิยา…เป… เอตฺตาวตา โข ภิกฺขุ เสกฺโข โหตี’’ติ. เอวํ อภิธมฺมปริยาเยน เสกฺขลกฺขณํ ทสฺเสตฺวา ¶ อิทานิ สุตฺตนฺติกปริยาเยนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สิกฺขตีติ อิมินา สิกฺขาตฺตยสมงฺคี อปรินิฏฺิตสิกฺโข เสกฺโขติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘สิกฺขตี’’ติอาทิ ¶ . สิกฺขาหิ นิจฺจสมาโยคทีปนตฺถฺเจตฺถ ‘‘สิกฺขติ สิกฺขตี’’ติ อาเมฑิตวจนํ. อถ วา สิกฺขนํ สิกฺขา, สา เอตสฺส สีลนฺติ เสกฺโข. โส หิ อปริโยสิตสิกฺขตฺตา ตทธิมุตฺตตฺตา จ เอกนฺเตน สิกฺขนสีโล, น อเสกฺโข วิย ปรินิฏฺิตสิกฺโข ตตฺถ ปฏิปฺปสฺสทฺธุสฺสุกฺโก, นาปิ วิสฺสฏฺสิกฺโข ปจุรชโน วิย ตตฺถ อนธิมุตฺโต. อถ วา อริยาย ชาติยา ตีสุ สิกฺขาสุ ชาโต, ตตฺถ วา ภโวติ เสกฺโข. อถ วา อิกฺขติ เอตายาติ อิกฺขา, มคฺคผลสมฺมาทิฏฺิ. สห อิกฺขายาติ เสกฺโข.
อนุโลมปฏิปทาย ปริปูรการีติ ยา สา สีลาทิกา วิปสฺสนนฺตา ทุกฺขนิโรธคามินิยา โลกุตฺตราย ปฏิปทาย อนุโลมนโต อนุโลมปฏิปทา, ตสฺสา สมฺปาทเนน ปริปูรการีติ. อิทานิ ตํ ปฏิปทํ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน ทสฺเสตุํ ‘‘สีลสมฺปนฺโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สีลสมฺปนฺโนติ ปาติโมกฺขสํวรสีเลน สมนฺนาคโต, ปริปุณฺณปาติโมกฺขสีโล วา. ปาติโมกฺขสีลฺหิ อิธ ‘‘สีล’’นฺติ อธิปฺเปตํ ปธานภาวโต. รูปาทิอารมฺมเณสุ อภิชฺฌาทีนํ ปวตฺตินิวารณสงฺขาเตน มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ปิธาเนน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร. ปริเยสนาทิวเสน โภชเน ปมาณชานเนน โภชเน มตฺตฺู. วิคตถินมิทฺโธ หุตฺวา รตฺตินฺทิวํ กมฺมฏฺานมนสิกาเร ยุตฺตตาย ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต. กถํ ปน ชาคริยานุโยโค โหตีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺพรตฺตา…เป… วิหรตี’’ติ วุตฺตํ. ยถาห ‘‘กถฺจ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต โหติ? อิธ ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน…เป… โสเธติ, เอวํ โข ภิกฺขุ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต โหตี’’ติ (วิภ. ๕๑๙). อิมสฺมึ ปนตฺเถติ ‘‘มฺติ, น มฺตี’’ติ จ วตฺตพฺพภาวสงฺขาเต อตฺเถ. โน ปุถุชฺชโน อธิปฺเปโต ‘‘อปฺปตฺตมานโส, อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ ปตฺถยมาโน’’ติ จ วุตฺตตฺตา.
สมฺปยุตฺตตฺตา มนสิ ภโวติ ราโค มานโส, มโน เอว มานสนฺติ กตฺวา จิตฺตํ มานสํ, อนวเสสโต มานํ สียติ สมุจฺฉินฺทตีติ อคฺคมคฺโค ¶ มานสํ, ตนฺนิพฺพตฺตตฺตา ปน อรหตฺตสฺส มานสตา ทฏฺพฺพา. ชเนสุตาติ ชเน สกลสตฺตโลเก วิสฺสุตา, ปตฺถฏยสาติ อตฺโถ.
นตฺถิ อิโต อุตฺตรนฺติ อนุตฺตรํ. ตํ ปน สพฺพเสฏฺํ โหนฺตํ เอกนฺตโต สทิสรหิตเมว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ, อสทิสนฺติ อตฺโถ’’ติ. ปตฺถยมานสฺสาติ ตณฺหายนฺตสฺส. ปชปฺปิตานีติ มานชปฺปนานิ. ยสฺมิฺหิ วตฺถุสฺมึ ตณฺหายนา ปตฺถยมานมฺนา สมฺภวติ, ตสฺมึเยว ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทีนิ ปชปฺปิตานิ สมฺภวนฺตีติ อธิปฺปาโย. ปเวธีตนฺติ ปริวาสิตํ. ปกปฺปิเตสูติ ตณฺหาทิฏฺิกปฺเปหิ ปริกปฺปิเตสุ อารมฺมเณสุ. โสตนฺติ กิเลสโสตํ ¶ . ตสฺมิฺหิ ฉินฺเน อิตรโสตํ ฉินฺนเมวาติ. วิทฺธสฺตนฺติ วินาสิตํ. ตฺจ โข โลมหํสมตฺตมฺปิ อเสเสตฺวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วินฬีกต’’นฺติ, วิคตาวเสสํ กตนฺติ อตฺโถ. อธิมุตฺติยา อิธาธิปฺเปตปตฺถนา ปากฏา โหตีติ ‘‘ตนฺนินฺโน’’ติอาทิ วุตฺตํ, น ปน กุสลจฺฉนฺทสฺส อธิมุตฺติภาวโต. อธิมุจฺจนฺโตติ โอกปฺเปนฺโต.
สพฺพาการวิปรีตายาติ ‘‘สุภํ สุขํ นิจฺจ’’นฺติอาทีนํ สพฺเพสํ อตฺตนา คเหตพฺพาการานํ วเสน ตพฺพิปรีตตาย, อนวเสสโต ธมฺมสภาววิปรีตาการคาหินิยาติ อตฺโถ. อภิวิสิฏฺเน าเณนาติ อสมฺปชานนมิจฺฉาชานนานิ วิย น ธมฺมสภาวํ อปฺปตฺวา นาปิ อติกฺกมิตฺวา, อถ โข อวิรชฺฌิตฺวา ธมฺมสภาวสฺส อภิมุขภาวปฺปตฺติยา อภิวิสิฏฺเน าเณน, าตปริฺาธิฏฺานาย ตีรณปริฺาย ปหานปริฺเกเทเสน จาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปถวีติ…เป… วุตฺตํ โหตี’’ติ. ปถวีภาวนฺติ ปถวิยํ อภิฺเยฺยภาวํ. ลกฺขณปถวี หิ อิธาธิปฺเปตา, ปริฺเยฺยภาโว ปนสฺสา ‘‘อนิจฺจาติปี’’ติอาทินา คหิโตติ. อภิฺตฺวาติ าตตีรณปหานปริฺาหิ เหฏฺิมมคฺคาเณหิ จ อภิชานิตฺวา. มามฺีติ อปฺปหีนานํ มฺนานํ วเสน มาติ มฺตีติ มา, ปหีนานํ ปน วเสน น มฺตีติ อมฺี, มา จ โส อมฺี จ มามฺีติ เอวเมตฺถ ปทวิภาคโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ เยน ภาเคน อมฺี, เตน มฺีติ น วตฺตพฺโพ. เยน ปน ภาเคน มฺี, เตน อมฺีติ น วตฺตพฺโพติ. เอวํ ปฏิกฺเขปปฺปธานํ อตฺถํ ทสฺเสตุํ อฏฺกถายํ ‘‘มฺี จ น มฺี จ น วตฺตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ปฏิกฺเขปปฺปธานตา เจตฺถ ¶ ลพฺภมานานมฺปิ มฺนานํ ทุพฺพลภาวโต เวทิตพฺพา. เตเนวาห – ‘‘อิตรา ปน ตนุภาวํ คตา’’ติ. มาติ จ นิปาตปทเมตํ, อเนกตฺถา จ นิปาตาติ อธิปฺปาเยน ‘‘เอตสฺมิฺหิ อตฺเถ อิมํ ปทํ นิปาเตตฺวา วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. นิปาเตตฺวาติ จ ปกติอาทิวิภาคนิทฺธารเณ อนุมานนยํ มฺุจิตฺวา ยถาวุตฺเต อตฺเถ ปจฺจกฺขโตว ทสฺเสตฺวาติ อตฺโถ. ปุถุชฺชโน วิยาติ เอเตนสฺส อุปริมคฺควชฺฌตณฺหามานวเสน มฺนา น ปฏิกฺขิตฺตาติ ทีเปติ.
อถ วา มา มฺีติ ปริกปฺปกิริยาปฏิกฺเขปวจนเมตํ ‘‘มา รนฺธยุํ, มา ชีรี’’ติอาทีสุ วิย, น มฺเยฺยาติ วุตฺตฺโหติ. ยถา หิ ปุถุชฺชโน สพฺพโส อปฺปหีนมฺนตฺตา ‘‘มฺติ’’จฺเจว วตฺตพฺโพ, ยถา จ ขีณาสโว สพฺพโส ปหีนมฺนตฺตา น มฺติ เอว, น เอวํ เสกฺโข. ตสฺส หิ เอกจฺจา มฺนา ปหีนา, เอกจฺจา อปฺปหีนา, ตสฺมา อุภยภาวโต อุภยถาปิ น วตฺตพฺโพ. นนุ จ อุภยภาวโต อุภยถาปิ วตฺตพฺโพติ? น. ยา หิ อปฺปหีนา, ตาปิสฺส ตนุภาวํ คตาติ ตาหิปิ โส น มฺเยฺย วิภูตตราย ¶ มฺนาย อภาวโต, ปเคว อิตราหิ. เตนาห ภควา ‘‘มา มฺี’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มา มฺีติ ปริกปฺปกิริยาปฏิกฺเขปวจนเมตํ ‘มา รนฺธยุํ, มา ชีรี’ติอาทีสุ วิย, น มฺเยฺยาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. อยฺจสฺส อมฺนา วตฺถุโน ปริฺเยฺยตฺตา, น อเสกฺขสฺส วิย ปริฺาตตฺตา. ยฺหิ เอกนฺตโต ปริชานิตพฺพํ ปริชานิตุํ สกฺกา, น ตตฺถ ตพฺพิธุเร วิย ปุถุชฺชนสฺส มฺนา สมฺภวนฺติ. เตนาห ‘‘ปริฺเยฺยํ ตสฺสาติ วทามี’’ติ.
โอกฺกนฺตนิยามตฺตาติ อนุปวิฏฺสมฺมตฺตนิยามตฺตา, โอติณฺณมคฺคโสตตฺตาติ อตฺโถ. สมฺโพธิปรายณตฺตาติ อุปริมคฺคสมฺโพธิปฏิสรณตฺตา, ตทธิคมาย นินฺนโปณปพฺภารภาวโตติ อตฺโถ. อุภเยนปิ ตสฺส อวสฺสํภาวินี เสสปริฺาติ ทสฺเสติ. ปริฺเยฺยนฺติ ปริชานิตพฺพภาเวน ิตํ, ปริฺาตุํ วา สกฺกุเณยฺยํ. ตปฺปฏิปกฺขโต อปริฺเยฺยํ. ปุถุชฺชนสฺส วิยาติ เอเตน อิธาธิปฺเปตปุถุชฺชนสฺส ปริฺเยฺยภาวาสงฺกา เอว นตฺถิ อนธิการโตติ ทสฺเสติ. ‘‘มาภินนฺที’’ติ เอตฺถาปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เสกฺขวารทุติยนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ขีณาสววารตติยาทินยวณฺณนา
๘. สภาโค ¶ ทิฏฺสจฺจตาทิสามฺเน. อารกา กิเลเสหิ อรหนฺติ ปทสฺส นิรุตฺตินเยน อตฺถํ วตฺวา ตํ ปาฬิยา สมาเนนฺโต ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปาปกาติ ลามกฏฺเน ทุคฺคติสมฺปาปนฏฺเน จ ปาปกา. สาวชฺชฏฺเน อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน จ อกุสลา. สํกิเลสํ อรหนฺติ, ตตฺถ วา นิยุตฺตาติ สํกิเลสิกา. ปุนพฺภวสฺส กรณสีลา, ปุนพฺภวผลํ อรหนฺตีติ วา โปโนภวิกา. สห ทรเถน ปริฬาเหน ปวตฺตนฺตีติ สทรา. ทุกฺโข กฏุโก, ทุกฺขโม วา วิปาโก เอเตสนฺติ ทุกฺขวิปากา. อนาคเต ชาติยา เจว ชรามรณานฺจ วฑฺฒเนน ชาติชรามรณิยาติ. เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กามฺจายํ สุตฺตนฺตวณฺณนา, อภิธมฺมนโย ปน นิปฺปริยาโยติ เตน ทสฺเสนฺโต ‘‘จตฺตาโร อาสวา’’ติอาทิมาห. สมุจฺฉินฺนา ปฏิปฺปสฺสทฺธาติ น เกวลํ สมุจฺฉินฺนา เอว, อถ โข ปฏิปฺปสฺสทฺธาปีติ มคฺคกิจฺเจน สทิสํ ผลกิจฺจมฺปิ นิทฺธาเรติ.
สีลวิโสธนาทินา ¶ ครูนํ ปฏิปตฺติยา อนุกรณํ ครุสํวาโส. อริยมคฺคปฏิปตฺติ เอว อริยมคฺคสํวาโส. ทส อริยาวาสา นาม ปฺจงฺควิปฺปหีนตาทโย. เย สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ทสยิเม, ภิกฺขเว, อริยาวาสา, เย อริยา อาวสึสุ วา อาวสนฺติ วา อาวสิสฺสนฺติ วา. กตเม ทส? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต, เอการกฺโข, จตุราปสฺเสโน, ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ, สมวยสฏฺเสโน, อนาวิลสงฺกปฺโป, ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร, สุวิมุตฺตจิตฺโต, สุวิมุตฺตปฺโ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทส อริยาวาสา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๙).
วุสฺสตีติ วา วุสิตํ, อริยมคฺโค, อริยผลฺจ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ อติสยวจนิจฺฉาวเสน อรหา ‘‘วุสิตวา’’ติ วุตฺโต. กรณียนฺติ ปริฺาปหานภาวนาสจฺฉิกิริยมาห. ตํ ปน ยสฺมา จตูหิ มคฺเคหิ จตูสุ สจฺเจสุ กตฺตพฺพตฺตา โสฬสวิธนฺติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘จตูหิ มคฺเคหิ ¶ กรณีย’’นฺติ. สมฺมาวิมุตฺตสฺสาติ อคฺคมคฺคผลปฺาหิ สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธีนํ วเสน สุฏฺุ วิมุตฺตสฺส. สนฺตจิตฺตสฺสาติ ตโต เอว สพฺพกิเลสทรถปริฬาหานํ วูปสนฺตจิตฺตสฺส. ภินฺนกิเลสสฺส ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน. กตสฺส ปริฺาทิกิจฺจสฺส ปฏิจโย ปุน กรณํ นตฺถิ, ตโต เอว กรณียํ น วิชฺชติ น อุปลพฺภติ.
ภาราติ โอสีทาปนฏฺเน ภารา วิยาติ ภารา. วุตฺตฺหิ ‘‘ภารา หเว ปฺจกฺขนฺธา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๒๒). อตฺตโน โยนิโสมนสิการายตฺตนฺติ อตฺตุปนิพนฺธํ, สสนฺตานปริยาปนฺนตฺตา อตฺตานํ อวิชหนํ. ตยิทํ ยทิปิ สพฺพสฺมึ อนวชฺชธมฺเม สมฺภวติ, อกุปฺปสภาวาปริหานธมฺเมสุ ปน อคฺคภูเต อรหตฺเต สาติสยํ, เนตเรสูติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อตฺตโน ปรมตฺถฏฺเน วา’’ติ, อุตฺตมฏฺภาเวนาติ อตฺโถ.
สุตฺตนฺตนโย นาม ปริยายนโยติ นิปฺปริยายนเยน สํโยชนานิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภวราคอิสฺสามจฺฉริยสํโยชน’’นฺติ อาห, น ปน ‘‘รูปราโค’’ติอาทินา. ภเวสุ สํโยชนฺตีติ กิเลสกมฺมวิปากวฏฺฏานํ ปจฺจโย หุตฺวา นิสฺสริตุํ อปฺปทานวเสน พนฺธนฺติ. สติปิ หิ อฺเสํ ตปฺปจฺจยภาเว น วินา สํโยชนานิ เตสํ ตปฺปจฺจยภาโว อตฺถิ, โอรมฺภาคิยอุทฺธมฺภาคิยสงฺคหิเตหิ จ เตหิ ตํตํภวนิพฺพตฺตกกมฺมนิยโม ภวนิยโม จ โหติ ¶ , น จ อุปจฺฉินฺนสํโยชนสฺส กตานิปิ กมฺมานิ ภวํ นิพฺพตฺเตนฺตีติ เตสํเยว สํโยชนฏฺโ ทฏฺพฺโพ.
สมฺมา อฺายาติ อาชานนภูตาย อคฺคมคฺคปฺาย สมฺมา ยถาภูตํ ทุกฺขาทีสุ โย ยถา ชานิตพฺโพ, ตํ ตถา ชานิตฺวา. จิตฺตวิมุตฺติ สพฺพสฺส จิตฺตสํกิเลสสฺส วิสฺสคฺโค. นิพฺพานาธิมุตฺติ นิพฺพาเน อธิมุจฺจนํ ตตฺถ นินฺนโปณปพฺภารตา. ตนฺติ ปถวีอาทิกํ. ปริฺาตํ, น ปุถุชฺชนสฺส วิย อปริฺาตํ, เสกฺขสฺส วิย ปริฺเยฺยํ วา. ตสฺมาติ ปริฺาตตฺตา.
จตุตฺถปฺจมฉฏฺวารา ตตฺถ ตตฺถ กิเลสนิพฺพานกิตฺตนวเสน ปวตฺตตฺตา นิพฺพานวารา นาม. ตตฺถ ปถวีอาทีนํ ปริฺาตตฺตา อมฺนา, สา ปน ปริฺา ราคาทีนํ ขเยน สิทฺธาติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนวเสน ปาฬิ ปวตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปริฺาตํ ตสฺสาติ สพฺพปเทหิ โยเชตฺวา ปุน ¶ ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตาติ โยเชตพฺพํ. เอส นโย อิตเรสู’’ติ อาห. ตตฺถ อิตเรสูติ ปฺจมฉฏฺวาเรสุ. ยทิ เอวํ กสฺมา ปาฬิ เอวํ น ทิสฺสตีติ อาห ‘‘เทสนา ปน เอกตฺถ วุตฺตํ สพฺพตฺถ วุตฺตเมว โหตีติ สํขิตฺตา’’ติ.
น ขยา ราคสฺส วีตราโค สพฺพโส อปฺปหีนราคตฺตา. วิกฺขมฺภิตราโค หิ โสติ. พาหิรกคฺคหณฺเจตฺถ ตถาภาวสฺเสว เตสุ ลพฺภนโต, น เตสุ เอว ตถาภาวสฺส ลพฺภนโต. อิทานิ ยา สา ‘‘ปริฺาตํ ตสฺสา’’ติ สพฺพปเทหิ โยชนา วุตฺตา, ตํ วินาปิ นิพฺพานวารอตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ มฺนํ น มฺตีติ มฺนา นปฺปวตฺตตีติ อตฺโถ. มฺนาย มฺิตพฺพตฺเตปิ ตสฺสา วตฺถุอนฺโตคธตฺตาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ยทิปิ ปริฺาตปทํ อคฺคเหตฺวา นิพฺพานวารเทสนา ปวตฺตา, เอวมฺปิ ‘‘ขยา’’ติอาทิปเทหิ ปริฺาสิทฺธิ เอว ปกาสียตีติ โก เตสํ วิเสโสติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. มคฺคภาวนาปาริปูริทสฺสนตฺถํ วุตฺโต, มคฺคกิจฺจนฺตา หิ ปริฺาโยติ อธิปฺปาโย. อิตเร…เป… เวทิตพฺพา วีตราคาทิกิตฺตนโตติ. ทฺวีหิ วา การเณหีติ ยถาวุตฺตการณทฺวเยน. อสฺสาติ ขีณาสวสฺส. อยํ วิเสโสติ อิทานิ วุจฺจมาโน วิเสโส. ยทิปิ ขีณาสโว เอกนฺเตน วีตราโค วีตโทโส วีตโมโห เอว จ โหติ, ยาย ปน ปุพฺพภาคปฏิปทาย วีตราคตาทโย สวิเสสาติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตีสุ หี’’ติอาทิมาห ¶ . ‘‘รตฺโต อตฺถํ น ชานาตี’’ติอาทินา (เนตฺติ. ๑๑) ราเค อาทีนวํ ปสฺสโต ‘‘ราโค จ นาม สุขาภิสงฺเคน อุปฺปชฺชติ, สุขฺจ วิปริณามโต ทุกฺขํ. ปเคว อิตร’’นฺติ สเหตุเก ราเค อาทีนวทสฺสนํ ทุกฺขานุปสฺสนาย นิมิตฺตํ, ทุกฺขานุปสฺสนา จ ปณิธิยา ปฏิปกฺขภาวโต อปฺปณิหิตวิโมกฺขํ ปริปุเรตีติ อาห ‘‘ราเค…เป… วีตราโค โหตี’’ติ. ตถา ‘‘ทุฏฺโ อตฺถํ น ชานาตี’’ติอาทินา (อิติวุ. ๘๘) โทเส อาทีนวํ ปสฺสโต ‘‘โทโส จ นาม ทุกฺขํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ, ตฺจ อุภยํ อนวฏฺิตํ อิตฺตรํ ปภงฺคู’’ติ สเหตุเก โทเส อาทีนวทสฺสนํ อนิจฺจานุปสฺสนาย นิมิตฺตํ, อนิจฺจานุปสฺสนา จ นิจฺจนิมิตฺตาทีนํ ปฏิปกฺขภาวโต อนิมิตฺตวิโมกฺขํ ปริปูเรตีติ อาห ‘‘โทเส…เป… โหตี’’ติ. ตถา ‘‘มูฬฺโห ¶ อตฺถํ น ชานาตี’’ติอาทินา (อิติวุ. ๘๘) โมเห อาทีนวํ ปสฺสโต ‘‘โมโห นาม ยถาสภาวคฺคหณสฺส ปริพฺภมนฺโต’’ติ โมหสฺส วิกฺขมฺภนํ อนตฺตานุปสฺสนาย นิมิตฺตํ, อนตฺตานุปสฺสนาย จ อตฺตาภินิเวสสฺส ปฏิปกฺขภาวโต สฺุตํ วิโมกฺขํ ปริปูเรตีติ อาห ‘‘โมเห…เป… วีตโมโห โหตี’’ติ.
เอวํ สนฺเตติ ยทิ วีตราคตาทโย วิโมกฺขวิภาเคน วุตฺตา, เอวํ สนฺเต. ตสฺมาติ ยสฺมา วิโมกฺขมุขวิโมกฺขานํ วเสน นิยเมตฺวา น วุตฺตํ, ตสฺมา. ยํ กิฺจิ อรหโต สมฺภวนฺตํ วิภชิตฺวา วุจฺจตีติ วารตฺตยเทสนา กตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ยํ อรหโต’’ติอาทินา.
เอวํ วิมุตฺติวิภาเคน ขีณาสวสฺส วิภาคํ วารตฺตยเทสนานิพนฺธนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อวิภาเคนปิ ตตฺถ ปริฺาวิสยสฺส อนุสยวิสยสฺส จ วิภาคํ ตสฺส นิพนฺธนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อวิเสเสนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุเปกฺขาเวทนา วิเสสโต สงฺขารทุกฺขํ สมฺโมหาธิฏฺานนฺติ วุตฺตํ ‘‘สงฺขาร…เป… โมโห’’ติ. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
ขีณาสววารตติยาทินยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตถาคตวารสตฺตมนยวณฺณนา
๑๒. เยหิ (ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๗.จูฬสีลวณฺณนา; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๗๐) คุณวิเสเสหิ นิมิตฺตภูเตหิ ภควติ ‘‘ตถาคโต’’ติ อยํ สมฺา ปวตฺตา, ตํ ทสฺสนตฺถํ ¶ ‘‘อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. คุณเนมิตฺตกาเนว หิ ภควโต สพฺพานิ นามานิ. ยถาห –
‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;
คุเณน นามมุทฺเธยฺยํ, อปิ นามสหสฺสโต’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๑๓; อุทา. อฏฺ. ๕๓; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๗๖; ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๗.จูฬสีลวณฺณนา; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๗๐) –
ตถา อาคโตติ เอตฺถ อาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺตีติ ปฏิปาทคมนตฺโถ อาคต-สทฺโท, น าณคมนตฺโถ ‘‘ตถลกฺขณํ อาคโต’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๗๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐; อุทา. อฏฺ. ๑๘; อิติวุ. อฏฺ. ๓๘; เถรคา. อฏฺ. ๑.๑.๓; พุ. วํ. อฏฺ. ๒.พาหิรนิทาน; มหานิ. อฏฺ. ๑๔) วิย, นาปิ กายคมนาทิอตฺโถ ‘‘อาคโต โข มหาสมโณ, มาคธานํ คิริพฺพช’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๖๓) วิย. ตตฺถ ยทาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท, ตํ กรุณาปฺปธานตฺตา มหากรุณามุเขน ปุริมพุทฺธานํ อาคมนปฏิปทํ อุทาหรณวเสน สามฺโต ทสฺเสนฺโต ยํตํสทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธภาวโต ‘‘ยถา สพฺพโลก…เป… อาคตา’’ติ สาธารณโต วตฺวา ปุน ตํ ปฏิปทํ มหาปทานสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔) สมฺพหุลนิทฺเทเสน สุปากฏานํ อาสนฺนานฺจ วิปสฺสีอาทีนํ ฉนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ วเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา วิปสฺสี ภควา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยน อภินีหาเรนาติ มนุสฺสตฺต-ลิงฺคสมฺปตฺติ-เหตุ-สตฺถารทสฺสน-ปพฺพชฺชา-อภิฺาทิคุณสมฺปตฺติ-อธิการ-ฉนฺทานํ วเสน อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน กายปณิธานมหาปณิธาเนน. สพฺเพสฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ กายปณิธานํ อิมินาว นีหาเรน สมิชฺฌตีติ.
เอวํ มหาภินีหารวเสน ‘‘ตถาคโต’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ ปารมีปูรณวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา ทานปารมึ ปูเรตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน าเน สุตฺตนฺติกานํ มหาโพธิยานปฏิปทาย โกสลฺลชนนตฺถํ ปารมีกถา วตฺตพฺพา, สา ปน สพฺพาการสมฺปนฺนา จริยาปิฏกวณฺณนาย (จริยา. ปกิณฺณกกถา) วิตฺถารโต นิทฺทิฏฺา, ตสฺมา อตฺถิเกหิ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. ยถา ¶ ปน ปุพฺเพ วิปสฺสีอาทโย สมฺมาสมฺพุทฺธา อภินีหารสมฺปตฺติยํ ปติฏฺาย สุวิสุทฺธาย ปฏิปทาย อนวเสสโต สมฺมเทว สพฺพา ปารมิโย ปริปูเรสุํ, เอวํ อมฺหากมฺปิ ภควา ปริปูเรสีติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘สมตฺตึ สปารมิโย ปูเรตฺวา’’ติ. สติปิ องฺคปริจฺจาคาทีนํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ ‘‘ปฺจ มหาปริจฺจาเค’’ติ วิสุํ คหณํ, ตโตเยว จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณมฺปิ กตํ, ปริคฺคหปริจฺจาคภาวสามฺเปิ ธนรชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ กตํ.
คตปจฺจาคติกวตฺตปูรณาทิกาย ปุพฺพภาคปฏิปทาย สทฺธึ อภิฺาสมาปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพโยโค, ทานาทีสุเยว สาติสยปฏิปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพจริยา ¶ , สา จริยาปิฏกสงฺคหิตา. อภินีหาโร ปุพฺพโยโค, ทานาทิปฏิปตฺติ, กายวิเวกวเสน เอกจริยา วา ปุพฺพจริยาติ เกจิ. ทานาทีนฺเจว อปฺปิจฺฉตาทีนฺจ สํสารนิพฺพาเนสุ อาทีนวานิสํสานฺจ วิภาวนวเสน สตฺตานํ โพธิตฺตเย ปติฏฺาปนปริปาจนวเสน จ ปวตฺตา กถา ธมฺมกฺขานํ, าตีนํ อตฺถจริยา าตตฺถจริยา, สาปิ กรุณาย วเสเนว. อาทิ-สทฺเทน โลกตฺถจริยาทโย สงฺคณฺหาติ. กมฺมสฺสกตาณวเสน, อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานปริจยวเสน ขนฺธายตนาทิปริจยวเสน, ลกฺขณตฺตยตีรณวเสน จ าณจาโร พุทฺธิจริยา, สา ปน อตฺถโต ปฺาปารมีเยว, าณสมฺภารทสฺสนตฺถํ วิสุํ คหณํ. โกฏีติ ปริยนฺโต, อุกฺกํโสติ อตฺโถ.
จตฺตาโร สติปฏฺาเน ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา. พฺรูเหตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา. สติปฏฺานาทิคฺคหเณน อาคมนปฏิปทํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสติ. วิปสฺสนาสหคตา เอว วา สติปฏฺานาทโย ทฏฺพฺพา. เอตฺถ จ ‘‘เยน อภินีหาเรนา’’ติอาทินา อาคมนปฏิปทาย อาทึ ทสฺเสติ, ‘‘ทานปารมี’’ติอาทินา มชฺฌํ, ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน’’ติอาทินา ปริโยสานนฺติ เวทิตพฺพํ.
สมฺปติชาโตติ มุหุตฺตชาโต มนุสฺสานํ หตฺถโต มุตฺตมตฺโต, น มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโต. นิกฺขนฺตมตฺตฺหิ มหาสตฺตํ ปมํ พฺรหฺมาโน สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน อชินปฺปเวณิยา, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน ปฏิคฺคณฺหึสุ, มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺิโตติ. ยถาห ภควา มหาปทานเทสนายํ. เสตมฺหิ ฉตฺเตติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺเต. อนุธารียมาเนติ ธารียมาเน. เอตฺถ จ ฉตฺตคฺคหเณเนว ขคฺคาทีนิ ปฺจ กกุธภณฺฏานิปิ วุตฺตาเนวาติ ทฏฺพฺพํ. ขคฺคตาลวณฺฏโมรหตฺถกวาลพีชนีอุณฺหีสปฏฺฏาปิ ¶ หิ ฉตฺเตน สห ตทา อุปฏฺิตา อเหสุํ, ฉตฺตาทีนิเยว จ ตทา ปฺายึสุ, น ฉตฺตาทิคฺคาหกา. สพฺพา จ ทิสาติ ทสปิ ทิสา. นยิทํ สพฺพทิสาวิโลกนํ สตฺตปทวีติหารุตฺตรกาลํ ทฏฺพฺพํ. มหาสตฺโต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมทิสํ ¶ โอโลเกสิ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา ‘‘มหาปุริส อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา, จตสฺโส อนุทิสา; เหฏฺา, อุปรีติ สพฺพา ทิสา อนุวิโลเกตฺวา สพฺพตฺถ อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรา ทิสา’’ติ ตตฺถ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิ. อาสภินฺติ อุตฺตมํ. อคฺโคติ สพฺพปโม. เชฏฺโ เสฏฺโติ จ ตสฺเสว เววจนํ. อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ พฺยากาสิ.
อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนาติ สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ ‘‘ยฺหี’’ติอาทินา วิตฺถารโต ทสฺเสติ. ตตฺถ เอตฺถาติ –
‘‘อเนกสาขฺจ สหสฺสมณฺฑลํ,
ฉตฺตํ มรู ธารยุมนฺตลิกฺเข;
สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา,
น ทิสฺสเร จามรฉตฺตคาหกา’’ติ. (สุ. นิ. ๖๙๓);
อิมิสฺสา คาถาย. สพฺพฺุตฺาณเมว สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตจารตาย อนาวรณาณนฺติ อาห ‘‘สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺสา’’ติ. ตถา อยํ ภควาปิ คโต…เป… ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนาติ เอเตน อภิชาติยํ ธมฺมตาวเสน อุปฺปชฺชนกวิเสสา สพฺพโพธิสตฺตานํ สาธารณาติ ทสฺเสติ. ปารมิตานิสฺสนฺทา หิ เตติ.
วิกฺกมีติ อคมาสิ. มรูติ เทวา. สมาติ วิโลกนสมตาย สมา สทิสิโย. มหาปุริโส หิ ยถา เอกํ ทิสํ วิโลเกสิ, เอวํ เสสทิสาปิ, น กตฺถจิ วิโลกเน วิพนฺโธ ตสฺส อโหสีติ. สมาติ วา วิโลเกตุํ ยุตฺตา, วิสมรหิตาติ อตฺโถ. น หิ ตทา โพธิสตฺตสฺส วิรูปพีภจฺฉวิสมรูปานิ วิโลเกตุํ อยุตฺตานิ ทิสาสุ อุปฏฺหนฺตีติ.
เอวํ ‘‘ตถา คโต’’ติ กายคมนฏฺเน คต-สทฺเทน ตถาคต-สทฺทํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ าณคมนฏฺเน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เนกฺขมฺเมนาติ อโลภปฺปธาเนน กุสลจิตฺตุปฺปาเทน ¶ . กุสลา หิ ¶ ธมฺมา อิธ เนกฺขมฺมํ, น ปพฺพชฺชาทโย, ‘‘ปมชฺฌาน’’นฺติ (ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๗.จูฬสีลวณฺณนา; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๗๐) จ วทนฺติ. ปหายาติ ปชหิตฺวา. คโต อธิคโต, ปฏิปนฺโน อุตฺตริวิเสสนฺติ อตฺโถ. ปหายาติ วา ปหานเหตุ, ปหานลกฺขณํ วา. เหตุลกฺขณตฺโถ หิ อยํ ปหาย-สทฺโท. กามจฺฉนฺทาทิปฺปหานเหตุกํ ‘‘คโต’’ติ เหตฺถ วุตฺตํ คมนํ อวโพโธ, ปฏิปตฺติ เอว วา กามจฺฉนฺทาทิปฺปหาเนน จ ลกฺขียตีติ. เอส นโย ปทาเลตฺวาติอาทีสุปิ. อพฺยาปาเทนาติ เมตฺตาย. อาโลกสฺายาติ วิภูตํ กตฺวา มนสิกรเณน (ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๗.จูฬสีลวณฺณนา) อุปฏฺิตอาโลกสฺจานเนน. อวิกฺเขเปนาติ สมาธินา. ธมฺมววตฺถาเนนาติ กุสลาทิธมฺมานํ ยาถาวนิจฺฉเยน. ‘‘สปฺปจฺจยนามรูปววตฺถาเนนา’’ติปิ วทนฺติ.
เอวํ กามจฺฉนฺทาทินีวรณปฺปหาเนน ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘) วุตฺตาย ปมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทาย ภควโต ตถาคตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สห อุปาเยน อฏฺหิ สมาปตฺตีหิ อฏฺารสหิ จ มหาวิปสฺสนาหิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘าเณนา’’ติอาทิมาห. นามรูปปริคฺคหกงฺขาวิตรณานฺหิ วินิพนฺธภูตสฺส โมหสฺส ทูรีกรเณน าตปริฺายํ ิตสฺส อนิจฺจสฺาทโย สิชฺฌนฺติ, ตถา ฌานสมาปตฺตีสุ อภิรตินิมิตฺเตน ปาโมชฺเชน. ตตฺถ ‘‘อนภิรติยา วิโนทิตาย ฌานาทีนํ สมธิคโม’’ติ สมาปตฺติวิปสฺสนานํ อรติวิโนทนอวิชฺชาปทาลนาทีนิ อุปาโย, อุปฺปฏิปาฏินิทฺเทโส ปน นีวรณสภาวาย อวิชฺชาย เหฏฺา นิวรเณสุปิ สงฺคหทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. สมาปตฺติวิหารปฺปเวสวิพนฺธเนน นีวรณานิ กวาฏสทิสานีติ อาห ‘‘นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา’’ติ. ‘‘รตฺตึ อนุวิตกฺเกตฺวา อนุวิจาเรตฺวา ทิวา กมฺมนฺเต ปโยเชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๑) วุตฺตฏฺาเน วิตกฺกวิจารา ธูมายนาติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘วิตกฺกวิจารธูม’’นฺติ. กิฺจาปิ ปมชฺฌานุปจาเรเยว ทุกฺขํ, จตุตฺถชฺฌานุปจาเร จ สุขํ ปหียติ, อติสยปฺปหานํ ปน สนฺธายาห ‘‘จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหายา’’ติ.
อนิจฺจสฺส, อนิจฺจนฺติ จ อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา, เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจตํ คเหตฺวา ปวตฺตาย วิปสฺสนาเยตํ นามํ. นิจฺจสฺนฺติ สงฺขตธมฺเมสุ ‘‘นิจฺจา สสฺสตา’’ติ เอวํปวตฺตมิจฺฉาสฺํ. สฺาสีเสน ทิฏฺิจิตฺตานมฺปิ ¶ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. นิพฺพิทานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ นิพฺพิชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํ. วิราคานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นิโรธานุปสฺสนายาติ ¶ สงฺขารานํ นิโรธสฺส อนุปสฺสนาย. ยถา วา สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, อายตึ ปุนพฺภววเสน น อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา. เตเนวาห ‘‘นิโรธานุปสฺสนาย นิโรเธติ, โน สมุเทตี’’ติ. มุจฺจิตุกมฺยตา หิ อยํ พลปฺปตฺตาติ. ปฏินิสฺสชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา, ปฏิสงฺขาสนฺติฏฺนา หิ อยํ. อาทานนฺติ นิจฺจาทิวเสน คหณํ. สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณานํ วเสน เอกตฺตคฺคหณํ ฆนสฺา. อายูหนํ อภิสงฺขรณํ. อวตฺถาวิเสสาปตฺติ วิปริณาโม. ธุวสฺนฺติ ถิรภาวคฺคหณํ. นิมิตฺตนฺติ สมูหาทิฆนวเสน สกิจฺจปริจฺเฉทตาย จ สงฺขารานํ สวิคฺคหคฺคหณํ. ปณิธินฺติ ราคาทิปณิธึ. สา ปนตฺถโต ตณฺหาวเสน สงฺขาเรสุ นินฺนตา. อภินิเวสนฺติ อตฺตานุทิฏฺึ.
อนิจฺจทุกฺขาทิวเสน สพฺพธมฺมตีรณํ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา. สาราทานาภินิเวสนฺติ อสาเรสุ สารคฺคหณวิปลฺลาสํ. อิสฺสรกุตฺตาทิวเสน โลโก สมุปฺปนฺโนติ อภินิเวโส สมฺโมหาภินิเวโส. เกจิ ปน ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานนฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) ปวตฺตสํสยาปตฺติ สมฺโมหาภินิเวโส’’ติ วทนฺติ. สงฺขาเรสุ เลณตาณภาวคฺคหณํ อาลยาภินิเวโส. ‘‘อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๔, ๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗, ๘) วจนโต อาลโย ตณฺหา, สาเยว จกฺขาทีสุ รูปาทีสุ จ อภินิวิสนวเสน ปวตฺติยา อาลยาภินิเวโสติ เกจิ. ‘‘เอวํวิธา สงฺขารา ปฏินิสฺสชฺชียนฺตี’’ติ ปวตฺตํ าณํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา. วฏฺฏโต วิคตตฺตา วิวฏฺฏํ, นิพฺพานํ, ตตฺถ อารมฺมณกรณสงฺขาเตน อนุปสฺสเนน ปวตฺติยา วิวฏฺฏานุปสฺสนา, โคตฺรภู. สํโยคาภินิเวสนฺติ สํยุชฺชนวเสน สงฺขาเรสุ นิวิสนํ. ทิฏฺเกฏฺเติ ทิฏฺิยา สหชาเตกฏฺเ ปหาเนกฏฺเ จ. โอฬาริเกติ อุปริมคฺควชฺฌกิเลเส อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ, อฺถา ทสฺสเนน ปหาตพฺพาปิ ทุติยมคฺควชฺเฌหิ โอฬาริกาติ. อณุสหคเตติ อณุภูเต. อิทํ เหฏฺิมมคฺควชฺเฌ อเปกฺขิตฺวา ¶ วุตฺตํ. สพฺพกิเลเสติ อวสิฏฺสพฺพกิเลเส. น หิ ปมาทิมคฺเคหิ ปหีนา กิเลสา ปุน ปหียนฺตีติ.
กกฺขฬตฺตํ กถินภาโว. ปคฺฆรณํ ทฺรวภาโว. โลกิยวายุนา ภสฺตสฺส วิย เยน วายุนา ตํตํกลาปสฺส อุทฺธุมายนํ, ถทฺธภาโว วา, ตํ วิตฺถมฺภนํ. วิชฺชมาเนปิ กลาปนฺตรภูตานํ กลาปนฺตรภูเตหิ สมฺผุฏฺภาเว ตํตํภูตวิวิตฺตตา รูปปริยนฺโต อากาโสติ เยสํ โย ปริจฺเฉโท, เตหิ โส อสมฺผุฏฺโว, อฺถา ภูตานํ ปริจฺเฉทสภาโว น สิยา พฺยาปีภาวาปตฺติโต, อพฺยาปิตาว ¶ อสมฺผุฏฺตาติ ยสฺมึ กลาเป ภูตานํ ปริจฺเฉโท, เตหิ อสมฺผุฏฺภาโว อสมฺผุฏฺลกฺขณํ. เตนาห ภควา อากาสธาตุนิทฺเทเส (ธ. ส. ๖๓๗) ‘‘อสมฺผุฏฺํ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ.
วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนํ. เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมานํ เจตนาวเสเนตํ วุตฺตํ ‘‘สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณ’’นฺติ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภงฺเค (วิภ. ๙๒) ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา เจตนาว วิภตฺตา. อภิสงฺขรณลกฺขณา จ เจตนา. ยถาห ‘‘ตตฺถ กตโม ปฺุาภิสงฺขาโร? กุสลา เจตนา กามาวจรา’’ติอาทิ. ผรณํ สวิปฺผาริกตา. อสฺสทฺธิเยติ อสทฺธิยเหตุ. นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ. เอส นโย โกสชฺเชติอาทีสุ. อุปสมลกฺขณนฺติ กายจิตฺตปริฬาหูปสมลกฺขณํ. ลีนุทฺธจฺจรหิเต อธิจิตฺเต ปวตฺตมาเน ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาวฏตาย อชฺฌุเปกฺขนํ ปฏิสงฺขานํ ปกฺขปาตุปจฺเฉทโต.
มุสาวาทาทีนํ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ ปฏิปกฺขภาวโต ปริคฺคาหกสภาวา สมฺมาวาจา สินิทฺธภาวโต สมฺปยุตฺตธมฺเม สมฺมาวาจาปจฺจยสุภาสิตานํ โสตารฺจ ปุคฺคลํ ปริคฺคณฺหาตีติ ตสฺสา ปริคฺคาหลกฺขณํ วุตฺตํ. กายิกกิริยา กิฺจิ กตฺตพฺพํ สมุฏฺาเปติ, สยฺจ สมุฏฺหนํ ฆฏนํ โหตีติ สมฺมากมฺมนฺต สงฺขาตาย วิรติยา สมุฏฺานลกฺขณํ ทฏฺพฺพํ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฏฺาปนํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิย. ชีวมานสฺส สตฺตสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา ชีวิตินฺทฺริยปฺปวตฺติยา, อาชีวสฺเสว วา สุทฺธิ โวทานํ. สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส จิตฺตสฺส สํกิเลสปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา สมฺมเทว ปคฺคณฺหนํ ปคฺคโห.
‘‘สงฺขารา’’ติ ¶ อิธ เจตนา อธิปฺเปตาติ วุตฺตํ ‘‘สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณ’’นฺติ. นมนํ อารมฺมณาภิมุขภาโว. อายตนํ ปวตฺตนํ. อายตนานํ วเสน หิ อายสงฺขาตานํ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติ. ตณฺหาย เหตุลกฺขณนฺติ วฏฺฏสฺส ชนกเหตุภาโว, มคฺคสฺส ปน นิพฺพานสมฺปาปกตฺตนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส.
ตถลกฺขณํ อวิปรีตสภาโว. เอกรโส อฺมฺานติวตฺตนํ อนูนานธิกภาโว. ยุคนทฺธา สมถวิปสฺสนาว. สทฺธาปฺา ปคฺคหาวิกฺเขปาติปิ วทนฺติ.
ขีโณติ ¶ กิเลเส เขปตีติ ขโย, มคฺโค. อนุปฺปาทปริโยสานตาย อนุปฺปาโท, ผลํ. ปสฺสทฺธิ กิเลสวูปสโม. ฉนฺทสฺสาติ กตฺตุกามตาฉนฺทสฺส. มูลลกฺขณํ ปติฏฺาภาโว. สมุฏฺานภาโว สมุฏฺานลกฺขณํ อารมฺมณปฏิปาทกตาย สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุปฺปตฺติเหตุตา. สโมธานํ วิสยาทิสนฺนิปาเตน คเหตพฺพากาโร, ยา สงฺคตีติ วุจฺจติ. สมํ สห โอทหนฺติ อเนน สมฺปยุตฺตธมฺมาติ วา สโมธานํ, ผสฺโส. สโมสรนฺติ สนฺนิปตนฺติ เอตฺถาติ สโมสรณํ. เวทนาย วินา อปฺปวตฺตมานา สมฺปยุตฺตธมฺมา เวทนานุภวนนิมิตฺตํ สโมสฏา วิย โหนฺตีติ เอวํ วุตฺตํ. โคปานสีนํ กูฏํ วิย สมฺปยุตฺตานํ ปาโมกฺขภาโว ปมุขลกฺขณํ. ตโต, เตสํ วา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุตฺตริ ปธานนฺติ ตตุตฺตริ, ปฺุตฺตรา หิ กุสลา ธมฺมา. วิมุตฺติยาติ ผลสฺส. ตฺหิ สีลาทิคุณสารสฺส ปรมุกฺกํสภาเวน สารํ. อยฺจ ลกฺขณวิภาโค ฉธาตุปฺจฌานงฺคาทิวเสน ตํตํสุตฺตปทานุสาเรน โปราณฏฺกถายํ อาคตนเยน จ กโตติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ปุพฺเพ วุตฺโตปิ โกจิ ธมฺโม ปริยายนฺตรปกาสนตฺถํ ปุน ทสฺสิโต. ตโต เอว จ ‘‘ฉนฺทมูลกา กุสลา ธมฺมา มนสิการสมุฏฺานา ผสฺสสโมธานา เวทนาสโมสรณา’’ติ, ‘‘ปฺุตฺตรา กุสลา ธมฺมา’’ติ, ‘‘วิมุตฺติสารมิทํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ, ‘‘นิพฺพาโนคธฺหิ อาวุโส พฺรหฺมจริยํ นิพฺพานปริโยสาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๖๖) จ สุตฺตปทานํ วเสน ‘‘ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อวิปรีตสภาวตฺตา. ตถานิ ตํสภาวตฺตา. อวิตถานิ อมุสาสภาวตฺตา. อนฺถานิ อฺาการรหิตตฺตา. ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ชาติปจฺจยา สมฺภูตํ ¶ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปวตฺตนฏฺโติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ, น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา อฺโต โหตีติ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ. อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺโ, ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปํ ปาตุภาโวติ อตฺโถ. อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโติ เอตฺถาปิ น อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย น โหติ, น จ อวิชฺชํ วินา สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ, ยา ยา อวิชฺชา เยสํ เยสํ สงฺขารานํ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, อยํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ ปจฺจยภาโวติ อตฺโถ.
ภควา ตํ สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. เตนาติ ภควตา. ตํ วิภชฺชมานนฺติ โยเชตพฺพํ. ตนฺติ รุปายตนํ. อิฏฺานิฏฺาทีติ อาทิ-สทฺเทน มชฺฌตฺตํ สงฺคณฺหาติ, ตถา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนปริตฺตอชฺฌตฺตพหิทฺธาตทุภยาทิเภทํ. ลพฺภมานกปทวเสนาติ ‘‘รูปายตนํ ¶ ทิฏฺํ, สทฺทายตนํ สุตํ, คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฏฺพฺพายตนํ มุตํ, สพฺพํ รูปํ มนสา วิฺาต’’นฺติ (ธ. ส. ๙๖๖) วจนโต ทิฏฺปทฺจ วิฺาตปทฺจ รูปารมฺมเณ ลพฺภติ, รูปารมฺมณํ อิฏฺํ อนิฏฺํ มชฺฌตฺตํ ปริตฺตํ อตีตํ อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา ทิฏฺํ วิฺาตํ รูปํ รูปายตนํ รูปธาตุ วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตกนฺติ เอวมาทีหิ อเนเกหิ นาเมหิ.
เตรสหิ วาเรหีติ รูปกณฺเฑ (ธ. ส. ๖๑๖) อาคเต เตรส นิทฺเทสวาเร สนฺธายาห. เอเกกสฺมิฺจ วาเร จตุนฺนํ จตุนฺนํ ววตฺถาปนนยานํ วเสน ‘‘ทฺเวปฺาสาย นเยหี’’ติ อาห. ตถเมว อวิปรีตทสฺสิตาย อปฺปฏิวตฺติยเทสนตาย จ. ‘‘ชานามิ อภิฺาสิ’’นฺติ วตฺตมานาตีตกาเลสุ าณปฺปวตฺติทสฺสเนน อนาคเตปิ าณปฺปวตฺติ วุตฺตาเยวาติ ทฏฺพฺพา. วิทิต-สทฺโท อนามฏฺกาลวิเสโส เวทิตพฺโพ ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๙๖๖) วิย. น อุปฏฺาสีติ อตฺตตฺตนิยวเสน น อุปคจฺฉิ. ยถา รูปารมฺมณาทโย ธมฺมา ยํสภาวา ยํปการา จ, ตถา เน ปสฺสติ ชานาติ คจฺฉตีติ ตถาคโตติ เอวํ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘นิรุตฺตินเยน ปิโสทราทิปกฺเขเปน (ปาณินิ ๖.๓.๑๐๙) วา ทสฺสิ-สทฺทสฺส โลปํ, อาคต-สทฺทสฺส จาคมํ กตฺวา ตถาคโต’’ติ วณฺเณนฺติ.
นิทฺโทสตาย ¶ อนุปวชฺชํ. ปกฺขิปิตพฺพาภาเวน อนูนํ. อปเนตพฺพาภาเวน อนธิกํ. อตฺถพฺยฺชนาทิสมฺปตฺติยา สพฺพาการปริปุณฺณํ. โน อฺถาติ ‘‘ตเถวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรเกน สมฺปาเทติ. เตน ยทตฺถํ ภาสิตํ, เอกนฺเตน ตทตฺถนิปฺผาทนโต ยถา ภาสิตํ ภควตา, ตเถวาติ อวิปรีตเทสนตํ ทสฺเสติ. คทอตฺโถติ เอเตน ตถํ คทตีติ ตถาคโตติ ท-การสฺส ต-กาโร กโต นิรุตฺตินเยนาติ ทสฺเสติ.
ตถา คตมสฺสาติ ตถาคโต. คตนฺติ จ กายวาจาปวตฺตีติ อตฺโถ. ตถาติ จ วุตฺเต ยํตํสทฺทานํ อพฺยภิจาริสมฺพนฺธิตาย ยถาติ อยมตฺโถ อุปฏฺิโตเยว โหติ, กายวจีกิริยานฺจ อฺมฺานุโลเมน วจนิจฺฉายํ กายสฺส วาจา, วาจาย จ กาโย สมฺพนฺธีภาเวน อุปติฏฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. อิมสฺมึ ปน อตฺเถ ตถาวาทีตาย ตถาคโตติ อยมฺปิ อตฺโถ สิทฺโธ โหติ. โส ปน ปุพฺเพ ปการนฺตเรน ทสฺสิโตติ อาห ‘‘เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต’’ติ.
ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสูติ เอเตน ยเทเก ‘‘ติริยํ วิย อุปริ อโธ จ สนฺติ โลกธาตุโย’’ติ ¶ วทนฺติ, ตํ ปฏิเสเธติ. เทสนาวิลาโสเยว เทสนาวิลาสมโย ยถา ‘‘ปฺุมยํ, ทานมย’’นฺติอาทีสุ.
นิปาตานํ วาจกสทฺทสนฺนิธาเน ตทตฺถโชตนภาเวน ปวตฺตนโต คต-สทฺโทเยว อวคตตฺถํ อตีตตฺถฺจ วทตีติ อาห ‘‘คโตติ อวคโต อตีโต’’ติ.
อถ วา อภินีหารโต ปฏฺาย ยาว สมฺมาสมฺโพธิ, เอตฺถนฺตเร มหาโพธิยานปฏิปตฺติยา หานฏฺานสํกิเลสนิวตฺตีนํ อภาวโต ยถา ปณิธานํ, ตถา คโต อภินีหารานุรูปํ ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. อถ วา มหิทฺธิกตาย ปฏิสมฺภิทานํ อุกฺกํสาธิคเมน อนาวรณาณตาย จ กตฺถจิปิ ปฏิฆาตาภาวโต ยถา รุจิ, ตถา กายวจีจิตฺตานํ คตานิ คมนานิ ปวตฺติโย เอตสฺสาติ ตถาคโต. ยสฺมา จ โลเก วิธ-ยุตฺต-คต-ปฺปการ-สทฺทา สมานตฺถา ทิสฺสนฺติ. ตสฺมา ยถาวิธา วิปสฺสีอาทโย ภควนฺโต, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธติ ตถาคโต ¶ , ยถายุตฺตา จ เต ภควนฺโต, อยมฺปิ ภควา ตถายุตฺโตติ ตถาคโต. อถ วา ยสฺมา สจฺจํ ตจฺฉํ ตถนฺติ าณสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา ตเถน าเณน อาคโตติ ตถาคโต. เอวมฺปิ ตถาคต-สทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ปหาย กามาทิมเล ยถา คตา,
สมาธิาเณหิ วิปสฺสิอาทโย;
มเหสิโน สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,
ตถา คโต เตน มโต ตถาคโต.
ตถฺจ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,
สภาวสามฺวิภาคเภทโต;
สยมฺภุาเณน ชิโน สมาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.
ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,
ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;
อนฺเนยฺเยน ยโต วิภาวิตา,
ยาถาวโต เตน ชิโน ตถาคโต.
อเนกเภทาสุปิ ¶ โลกธาตุสุ,
ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;
วิจิตฺรเภทํ ตถเมว ทสฺสนํ,
ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.
ยโต จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,
กโรติ วาจายนุโลมมตฺตโน;
คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,
ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก.
ยถาภินีหารมโต ยถารุจิ,
ปวตฺตวาจา ตนุจิตฺตภาวโต;
ยถาวิธา เยน ปุรา มเหสิโน,
ตถาวิโธ เตน ชิโน ตถาคโตติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๓๘; ที. นิ. ฏี. ๑.๗ จูฬสีลวณฺณนา);
อารกตฺตาติอาทีนํ ¶ ปทานํ อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๕) พุทฺธานุสฺสติสํวณฺณนาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตาติ อิมินาสฺส ปโรปเทสรหิตสฺส สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติโน อนาวรณาณสงฺขาตสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส อธิคโม ทสฺสิโต.
นนุ จ (อิติวุ. อฏฺ. ๓๘) สพฺพฺุตฺาณโต อฺํ อนาวรณาณํ, อฺถา ฉ อสาธารณาณานิ พุทฺธาณานีติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺยาติ? น วิรุชฺฌติ วิสยปฺปวตฺติเภทวเสน อฺเหิ อสาธารณาณภาวทสฺสนตฺถํ เอกสฺเสว าณสฺส ทฺวิธา วุตฺตตฺตา. เอกเมว หิ ตํ าณํ อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมวิสยตาย สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ จ อาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคจารมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ วุตฺตํ. ยถาห ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙) ‘‘สพฺพํ สงฺขตาสงฺขตมนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติอาทิ, ตสฺมา นตฺถิ เนสํ อตฺถโต เภโท, เอกนฺเตน เจตํ เอวมิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ สาวรณตา อสพฺพธมฺมารมฺมณตา จ อาปชฺเชยฺย. น หิ ภควโต าณสฺส อณุมตมฺปิ อาวรณํ อตฺถิ, อนาวรณาณสฺส จ อสพฺพธมฺมารมฺมณภาเว ¶ ยตฺถ ตํ นปฺปวตฺตติ, ตตฺถาวรณสพฺภาวโต อนาวรณภาโวเยว น สิยา. อถ วา ปน โหตุ อฺเมว อนาวรณาณํ สพฺพฺุตฺาณโต, อิธ ปน สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย อนาวรณาณนฺติ สพฺพฺุตฺาณเมว อธิปฺเปตํ, ตสฺส จาธิคเมน ภควา สพฺพฺู สพฺพวิทู สมฺมาสมฺพุทฺโธติ จ วุจฺจติ, น สกิเมว สพฺพธมฺมาวโพธโต. ตถา จ วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) ‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ. สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถาณสมธิคเมน หิ ภควโต สนฺตาเน อนวเสสธมฺเม ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถตา อโหสีติ.
เอตฺถาห – กึ ปนิทํ าณํ ปวตฺตมานํ สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อุทาหุ กเมนาติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธาทิเภเทน ภินฺนานํ สงฺขตธมฺมานํ ¶ อสงฺขตสมฺมุติธมฺมานฺจ เอกชฺฌํ อุปฏฺาเน ทูรโต จิตฺตปฏํ อเวกฺขนฺตสฺส วิย ปฏิวิภาเคนาวโพโธ น สิยา, ตถา จ สติ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนฺตานํ อนตฺตากาเรน วิย สพฺเพ ธมฺมา อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณสฺส วิสยา โหนฺตีติ อาปชฺชติ. เยปิ ‘‘สพฺพเยฺยธมฺมานํ ิตลกฺขณวิสยํ วิกปฺปรหิตํ สพฺพกาลํ พุทฺธานํ าณํ ปวตฺตติ, เตน เต สพฺพวิทูติ วุจฺจนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ‘จรํ สมาหิโต นาโค, ติฏฺนฺโตปิ สมาหิโต’ติ อิทมฺปิ วจนํ สุวุตฺตํ โหตี’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตโทสานติวตฺติ. ิตลกฺขณารมฺมณตาย หิ อตีตานาคตสมฺมุติธมฺมานํ ตทภาวโต เอกเทสวิสยเมว ภควโต าณํ สิยา, ตสฺมา สกึเยว าณํ ปวตฺตตีติ น ยุชฺชติ.
อถ กเมน สพฺพสฺมึ วิสเย าณํ ปวตฺตติ, เอวมฺปิ น ยุชฺชติ. น หิ ชาติภูมิสภาวาทิวเสน ทิสาเทสกาลาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺเน เนยฺเย กเมน คยฺหมาเน ตสฺส อนวเสสปฏิเวโธ สมฺภวติ อปริยนฺตภาวโต เยฺยสฺส. เย ปน ‘‘อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปเนน สพฺพฺู ภควา, ตฺจ าณํ อนนุมานิกํ สํสยาภาวโต. สํสยานุพนฺธฺหิ โลเก อนุมานาณ’’นฺติ วทนฺติ, เตสมฺปิ ตํ น ยุตฺตํ. สพฺพสฺส หิ อปฺปจฺจกฺขภาเว อตฺถสฺส อวิสํวาทเนน เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปนสฺส อสมฺภวโต. ยฺหิ ตํ เสสํ, ตํ อปฺปจฺจกฺขนฺติ. อถ ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ, ตสฺส เสสภาโว เอว น สิยาติ? สพฺพเมตํ อการณํ. กสฺมา? อวิสยวิจารณภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ¶ ‘‘พุทฺธวิสโย ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ, โย จินฺเตยฺย, อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – ยํ กิฺจิ ภควตา าตุํ อิจฺฉิตํ สกลเมกเทโส วา, ตตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย ปจฺจกฺขโต าณํ ปวตฺตติ, นิจฺจสมาธานฺจ วิกฺเขปาภาวโต, าตุํ อิจฺฉิตสฺส จ สกลสฺส อวิสยภาเว ตสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติตา น สิยา, เอกนฺเตเนว จ สา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘สพฺเพ ธมฺมา พุทฺธสฺส ภควโต อาวชฺชนปฏิพทฺธา อากงฺขปฏิพทฺธา มนสิการปฏิพทฺธา จิตฺตุปฺปาทปฏิพทฺธา’’ติ (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต. อตีตานาคตวิสยมฺปิ ภควโต าณํ อนุมานาคมตกฺกคหณวิรหิตตฺตา ปจฺจกฺขเมว.
นนุ ¶ จ เอตสฺมิมฺปิ ปกฺเข ยทา สกลํ าตุํ อิจฺฉิตํ, ตทา สกึเยว สกลวิสยตาย อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณํ ปวตฺเตยฺยาติ วุตฺตโทสานติวตฺติเยวาติ? น, ตสฺส วิโสธิตตฺตา. วิโสธิโต หิ โส พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโยติ. อฺถา ปจุรชนาณสมานวุตฺติตาย พุทฺธานํ ภควนฺตานํ าณสฺส อจินฺเตยฺยตา น สิยา, ตสฺมา สกลธมฺมารมฺมณมฺปิ ตํ เอกธมฺมารมฺมณํ วิย สุววตฺถาปิเตเยว เต ธมฺเม กตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมตฺถ อจินฺเตยฺยํ, อนนฺตฺจ าณํ เยฺยํ วิย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยาวตกํ เยฺยํ, ตาวตกํ าณํ. ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺยํ. เยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺย’’นฺติ (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕). เอวเมกชฺฌํ, วิสุํ สกึ, กเมน วา อิจฺฉานุรูปํ สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ.
ตนฺติ ยถาวุตฺตํ ปถวีอาทิเภทํ. ปริฺาตนฺติ ปริโต สมนฺตโต สพฺพาการโต าตํ, ตํ ปริชานิตพฺพภาวํ กิฺจิ อเสเสตฺวา าตนฺติ อตฺโถ. อยเมว หิ อตฺโถ ‘‘ปริฺาตนฺต’’นฺติ อิมินาปิ ปเทน ปกาสิโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปริฺาตนฺตํ นามา’’ติอาทิมาห. เตน เตน มคฺเคน กิเลสปฺปหาเนน วิเสโส นตฺถีติ อิทํ ตํตํมคฺควชฺฌกิเลสานํ พุทฺธานํ สาวกานฺจ เตน เตน มคฺเคเนว ปหาตพฺพภาวสามฺํ สนฺธาย วุตฺตํ, น สาวเกหิ พุทฺธานํ กิเลสปฺปหานวิเสสาภาวโต. ตถา หิ สมฺมาสมฺพุทฺธา เอว สวาสนกิเลเส ชหนฺติ, น สาวกา. เอกเทสเมวาติ อตฺตโน สนฺตานคตเมว. สสนฺตติปริยาปนฺนธมฺมปริฺามตฺเตนปิ หิ จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนา สมิชฺฌติ. เตเนวาห – ‘‘อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺเปมิ โลกสมุทยฺจ ปฺเปมี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕). อณุปฺปมาณมฺปิ ¶ …เป… นตฺถิ, ยโต ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน พุทฺธานํ มหาวชิราณํ ปวตฺตตีติ วทนฺติ.
ตถาคตวารสตฺตมนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตถาคตวารอฏฺมนยวณฺณนา
๑๓. ปุริมตณฺหาติ ¶ ปุริมตเรสุ ภเวสุ นิพฺพตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนตฺตภาวเหตุภูตา ตณฺหา. ตคฺคหเณเนว จ อตีตทฺธสงฺคหา อวิชฺชาสงฺขารา สทฺธึ อุปาทาเนน สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. เอตฺถาติ ‘‘ภวา ชาตี’’ติ เอตสฺมึ ปเท. เตน อุปปตฺติภเวนาติ ‘‘ภวา ชาตี’’ติ ชาติสีเสน วุตฺตอุปปตฺติภเวน. ภูตสฺสาติ นิพฺพตฺตสฺส. โส ปน ยสฺมา สตฺโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สตฺตสฺสา’’ติ. เอวฺจ ชานิตฺวาติ อิมินา ‘‘ภูตสฺส ชรามรณ’’นฺติ เอตฺถาปิ ‘‘อิติ วิทิตฺวา’’ติ อิทํ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
ยทิปิ เตภูมกา อุปาทานกฺขนฺธา ‘‘ยํ กิฺจิ รูป’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒; ม. นิ. ๑.๒๔๔) เอกาทสสุ โอกาเสสุ ปกฺขิปิตพฺพา สมฺมสิตพฺพา จ, เต ปน ยสฺมา ภควตา ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหติ, กึปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน สมฺมสิตา, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท จ ปวตฺติปวตฺติเหตุภาวโต ปุริมสจฺจทฺวยเมว โหติ, ตสฺมา ตทภิสมยํ ‘‘มฺนาภาวเหตุ ปจฺจยาการปฏิเวโธ’’ติ วิภาเวนฺโต ‘‘ยํ โพธิรุกฺขมูเล…เป… ทสฺเสนฺโต’’ติ อาห. สํขิปฺปนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จาติ สงฺเขปา, อตีเต เหตุอาทโย ‘‘เหตุ, ผล’’นฺติ เอวํ สํขิปฺปนฺตีติ วา สงฺเขปา, อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จ. สงฺเขป-สทฺโท ภาคาธิวจนนฺติ ทฏฺพฺโพ. เตนาห ‘‘โกฏฺาสาติ อตฺโถ’’ติ. เต ปน อตีเต เหตุสงฺเขโป, เอตรหิ ผลสงฺเขโป, เอตรหิ เหตุสงฺเขโป, อายตึ ผลสงฺเขโปติ จตฺตาโร สงฺเขปา เอตสฺสาติ จตุสงฺเขโป, ตํ จตุสงฺเขปํ. เหตุผลสนฺธิ, ผลเหตุสนฺธิ, ปุน เหตุผลสนฺธีติ เอวํ ตโย สนฺธี เอตสฺสาติ ติสนฺธิ, ตํ ติสนฺธึ. อตีตปจฺจุปฺปนฺนานาคตเภทา ตโย อทฺธา เอตสฺสาติ ติยทฺโธ, ตํ ติยทฺธํ. สรูปโต อวุตฺตาปิ ตสฺมึ ตสฺมึ สงฺเขเป อากิรียนฺติ อวิชฺชาสงฺขาราทิคฺคหเณหิ ปกาสียนฺตีติ อาการา, อตีตเหตุอาทีนํ วา ปการา อาการา, เต เอเกกสงฺเขเป ปฺจ ปฺจ กตฺวา วีสติ อาการา เอตสฺสาติ วีสตากาโร, ตํ วีสตาการํ.
เอส ¶ ¶ สพฺโพติ เอส จตุสงฺเขปาทิปเภโท อนวเสโส ปจฺจโย. ปจฺจยลกฺขเณนาติ ปจฺจยภาเวน อตฺตโน ผลสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส ปจฺจยภาเวน, อวินาภาวลกฺขเณนาติ อตฺโถ. ยถา หิ ตณฺหํ วินา อวิชฺชาทโย วิฺาณสฺส ปจฺจยา น โหนฺติ, เอวํ ตณฺหาปิ อวิชฺชาทิเก วินาติ. เอตฺถ ทุกฺขคฺคหเณน วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนานํ, ภวคฺคหเณน จ ตณฺหาสงฺขารุปาทานานํ คหิตตา วุตฺตนยา เอวาติ น อุทฺธฏา.
อิทานิ เต วีสติ อากาเร ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬิยา วิภาเวตุํ ‘‘เอวเมเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ (ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๔๗) ปุริมกมฺมภวสฺมินฺติ ปุริเม กมฺมภเว, อตีตชาติยํ กมฺมภเว กยิรมาเนติ อตฺโถ. โมโห อวิชฺชาติ โย ตทา ทุกฺขาทีสุ โมโห, เยน มูฬฺโห กมฺมํ กโรติ, สา อวิชฺชา. อายูหนา สงฺขาราติ ตํ ตํ กมฺมํ กโรนฺโต ทานุปกรณาทิ สชฺชนาทิวเสน ยา ปุริมเจตนาโย, เต สงฺขารา. ปฏิคฺคาหกานํ ปน หตฺเถ เทยฺยธมฺมํ ปติฏฺาปยโต เจตนา ภโว. เอกาวชฺชนชวเนสุ วา ปุริมา เจตนา อายูหนา สงฺขารา, สตฺตมา ภโว. ยา กาจิ วา ปน เจตนา ภโว, สมฺปยุตฺตา อายูหนา สงฺขารา. นิกนฺติ ตณฺหาติ ยํ กมฺมํ กโรนฺตสฺส อุปปตฺติภเว ตสฺส ผลสฺส นิกามนา ปตฺถนา, สา ตณฺหา นาม. อุปคมนํ อุปาทานนฺติ ยํ กมฺมภวสฺส ปจฺจยภูตํ ‘‘อิทํ กมฺมํ กตฺวา อสุกสฺมึ นาม าเน กาเม เสวิสฺสามิ อุจฺฉิชฺชิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตํ อุปคมนํ คหณํ ปรามสนํ, อิทํ อุปาทานํ นาม. เจตนา ภโวติ ทฺวีสุ อตฺถวิกปฺเปสุ วุตฺตสฺส อายูหนสฺส อวสาเน วุตฺตเจตนา, ตติเย ปน อายูหนสมฺปยุตฺตเจตนา ภโว. อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ปุริมกมฺมภวสฺมึ อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยาติ อิเม ยถาวุตฺตา โมหาทโย ปฺจ ธมฺมา อตีตกมฺมภวสิทฺธา เอตรหิ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยภูตาติ อตฺโถ.
อิธ ปฏิสนฺธิวิฺาณนฺติ ยํ ภวนฺตรปฏิสนฺธานวเสน อุปฺปนฺนตฺตา ปฏิสนฺธีติ วุจฺจติ, ตํ วิฺาณํ. โอกฺกนฺติ นามรูปนฺติ ยา คพฺเภ รูปารูปธมฺมานํ โอกฺกนฺติ อาคนฺตฺวา ปวิสนฺตี วิย, อิทํ นามรูปํ. ปสาโท อายตนนฺติ อิทํ จกฺขาทิปฺจายตนวเสน วุตฺตํ. ผุฏฺโ ผสฺโสติ โย อารมฺมณํ ผุฏฺโ ผุสนฺโต อุปฺปนฺโน, อยํ ผสฺโส. เวทยิตํ ¶ เวทนาติ ยํ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน วา สฬายตนปจฺจเยน วา ผสฺเสน สหุปฺปนฺนํ วิปากเวทยิตํ, สา เวทนา. อิติ อิเม…เป… ปจฺจยาติ อิเม วิฺาณาทโย ปฺจ โกฏฺาสิกา ธมฺมา ปุริมภเว กตสฺส กมฺมสฺส กมฺมวฏฺฏสฺส ปจฺจยา, ปจฺจยภาวโต ตํ ปฏิจฺจ อิธ เอตรหิ อุปปตฺติภวสฺมึ อุปปตฺติภวภาเวน วา โหนฺตีติ อตฺโถ.
อิธ ¶ ปริปกฺกตฺตา อายตนานํ โมโหติ ปริปกฺกายตนสฺส กมฺมกรณกาเล อสมฺโมหํ ทสฺเสติ. ทหรสฺส หิ จิตฺตปฺปวตฺติ ภวงฺคพหุลา เยภุยฺเยน ภวนฺตรชนกกมฺมายูหนสมตฺถา น โหตีติ. กมฺมกรณกาเลติ จ อิมินา สพฺโพ กมฺมสฺส ปจฺจยภูโต สมฺโมโห คหิโต, น สมฺปยุตฺโตว. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ปทโยชนายาติ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทีนํ ปทานํ สมฺพนฺเธน สห. อตฺถนิคมนนฺติ อิมสฺมึ อฏฺมวาเร เทสนตฺถนิคมนํ. นนฺทีติ เอวํ วุตฺตานํ สพฺพตณฺหานนฺติ ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ เอวํ นนฺทนตฺถสามฺโต เอกวจเนน วุตฺตานํ สพฺพตณฺหานํ สนฺตานารมฺมณสมฺปยุตฺตธมฺมปฺปวตฺติอาการาทิเภเทน อเนกเภทานํ สพฺพาสํ ตณฺหานํ. ขยเววจนาเนวาติ สมุจฺเฉทปหานเววจนาเนว. ‘‘อจฺจนฺตกฺขยา’’ติ หิ วุตฺตํ. จตุมคฺคกิจฺจสาธารณเมตนฺติ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ปหานกิจฺจสฺส สาธารณํ สามฺโต คหณํ เอตํ ขยาทิวจนนฺติ อตฺโถ. เตสํ ปน มคฺคานํ กเมน ปวตฺตนํ กิจฺจกเมเนว ทสฺเสตุํ ‘‘วิราคา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโต…เป… โยเชตพฺพ’’นฺติ อาห. ตถา สติปิ ขยาทิสทฺทานํ ปหานปริยายภาเว ปหาตพฺพาย ปน วิสยเภทภินฺนาย ตณฺหาย อนวเสสโต ปหีนภาวทีปนตฺถํ ขยาทิปริยายนฺตรคฺคหณํ กตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาหี’’ติอาทิมาห. ยถาวุตฺตสฺชนนาทิเหตุภูตาย ตณฺหาย ปหีนตฺตา ตปฺปหานทีปนํ กตฺวา วุจฺจมานํ ขยาทิวจนํ น กถฺจิ ธมฺมตํ วิโลเมตีติ วุตฺตํ ‘‘น กิฺจิ วิรุชฺฌตี’’ติ.
อุตฺตรวิรหิตนฺติ อตฺตานํ อุตฺตริตุํ สมตฺถตฺตา อุตฺตเรน อธิเกน วิรหิตํ. อยฺจสฺส อุตฺตรวิรหตา อตฺตโน เสฏฺภาเวนาติ อาห ‘‘สพฺพเสฏฺ’’นฺติ. ยถา สมฺมา-สํ-สทฺทา ‘‘อวิปรีตํ, สาม’’นฺติ อิเมสํ ปทานํ อตฺถํ วทนฺติ, เอวํ ปาสํสโสภนตฺเถปีติ อาห ‘‘สมฺมา สามฺจ โพธึ ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธิ’’นฺติ. พุชฺฌิ เอตฺถ ปฏิวิชฺฌิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สพฺพมฺปิ วา เนยฺยนฺติ รุกฺโข โพธิ, พุชฺฌติ เอเตนาติ ปน มคฺโค โพธิ, ตถา ¶ สพฺพฺุตฺาณํ, นิพฺพานํ ปน พุชฺฌิตพฺพโต โพธีติ อยเมตฺถ สาธนวิภาโค ทฏฺพฺโพ. ปณฺณตฺติยมฺปิ อตฺเถว โพธิ-สทฺโท ‘‘โพธิราชกุมาโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๒๔; จูฬว. ๒๖๘). อปเรติ สารสมาสาจริยา. เอตฺถ จ สอุปสคฺคสฺส โพธิ-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร อนุปสคฺคานํ อุทาหรเณ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
โลกุตฺตรภาวโต วา ตตฺถาปิ เหฏฺิมมคฺคานํ วิย ตตุตฺตริมคฺคาภาวโต จ ‘‘สิยา นุ โข อนุตฺตรา โพธี’’ติ อาสงฺกํ สนฺธาย ตํ วิธมิตุํ ‘‘สาวกาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อภินีหารสมฺปตฺติยา ผลวิเสสภูเตหิ าณวิเสเสหิ เอกจฺเจหิ สกเลหิ สทฺธึ สมิชฺฌมาโน ¶ มคฺโค อริยานํ ตํ ตํ าณวิเสสาทึ เทนฺโต วิย โหตีติ ตสฺส อสพฺพคุณทายกตฺตํ วุตฺตํ. เตน อนฺสาธารณาภินีหารสมฺปทาสิทฺธสฺส นิรติสย-คุณานุพนฺธสฺส วเสน อรหตฺตมคฺโค อนุตฺตรา โพธิ นาม โหตีติ ทสฺเสติ. สาวกปารมิาณํ อฺเหิ สาวเกหิ อสาธารณํ มหาสาวกานํเยว อาเวณิกํ าณํ. ปจฺเจกํ สจฺจานิ พุทฺธวนฺโตติ ปจฺเจกพุทฺธา. นนุ จ สพฺเพปิ อริยา ปจฺเจกเมว สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ ธมฺมสฺส ปจฺจตฺตํ เวทนียภาวโตติ? สจฺจํ, นยิทมีทิสํ ปฏิเวธํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยถา ปน สาวกา อฺสนฺนิสฺสเยน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ ปรโตโฆเสน วินา เตสํ ทสฺสนมคฺคสฺส อนุปฺปชฺชนโต, ยถา จ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อฺเสํ นิสฺสยภาเวน สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌนฺติ, น เอวเมเต, เอเต ปน อปรเนยฺยา หุตฺวา อปริณายกภาเวน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปจฺเจกํ สจฺจานิ พุทฺธวนฺโตติ ปจฺเจกพุทฺธา’’ติ.
อิตีติ กรียติ อุจฺจารียตีติ อิติกาโร, อิติ-สทฺโท. การณตฺโถ อนิยมรูเปนาติ อธิปฺปาโย, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ยสฺมา จา’’ติ. ปุพฺเพ ปน อิติ-สทฺทํ ปการตฺถํ กตฺวา ‘‘เอวํ ชานิตฺวา’’ติ วุตฺตํ, อิธาปิ ตํ ปการตฺถเมว กตฺวา อโถ ยุชฺชติ. กถํ? วิทิตฺวาติ หิ ปทํ เหตุอตฺเถ ทฏฺพฺพํ ‘‘ปฺาย จสฺส ทิสฺวา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๑), ‘‘ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ โหตี’’ติ จ เอวมาทีสุ วิย, ตสฺมา ปการตฺเถปิ อิติ-สทฺเท ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส วิทิตตฺตาติ อยํ อตฺโถ ลพฺภเตว. ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ วิทิตฺวาติ เอตฺถาปิ เหตุอตฺเถ วิทิตฺวา-สทฺเท ยถาวุตฺตา อตฺถโยชนา ยุชฺชเตว. เอตฺถ จ ปมวิกปฺเป ปฏิจฺจสมุปาทสฺส วิทิตตฺถํ มฺนาภาวสฺส การณํ ¶ วตฺวา ตณฺหามูลกสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺสิตตฺตา เอตฺถ ตณฺหาปฺปหานํ สมฺมาสมฺโพธิยา อธิคมนการณํ อุทฺธตนฺติ ทสฺสิตํ, ตสฺมา ‘‘ปถวึ น มฺตี’’ติอาทิ นิคมนํ ทฏฺพฺพํ. ทุติยวิกปฺเป ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทเวทนํ ตณฺหาปฺปหานสฺส การณํ วุตฺตํ, ตํ อภิสมฺโพธิยา อภิสมฺโพธิมฺนาภาวสฺสาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ อยเมเตสํ ทฺวินฺนํ อตฺถวิกปฺปานํ วิเสโส, ตสฺมา ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ วุตฺตํ.
ตํ กุโต ลพฺภตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยตฺถ ยตฺถ หี’’ติอาทิ. สาสนยุตฺติ อยํ สาสเนปิ เอวํ สมฺพนฺโธ ทิสฺสตีติ กตฺวา. โลเกปิ หิ ยํ-ตํ-สทฺทานํ อพฺยภิจาริสมฺพนฺธตา สิทฺธา.
เอวํ อภิสมฺพุทฺโธติ วทามีติ อภิสมฺพุทฺธภาวสฺส คหิตตฺตา, อสพฺพฺุนา เอวํ เทเสตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ ‘‘สพฺพฺุตฺาณํ ทสฺเสนฺโต’’ติอาทิมาห.
วิจิตฺรนยเทสนาวิลาสยุตฺตนฺติ ¶ ปุถุชฺชนวาราทิวิภาคภินฺเนหิ วิจิตฺเตหิ ตนฺติ นเยหิ, ลกฺขณกมฺมตณฺหามฺนาทิวิภาคภินฺเนหิ วิจิตฺเตหิ อตฺถนเยหิ, อภินนฺทนปจฺจยาการาทิวิเสสาปเทสสิทฺเธน เทสนาวิลาเสน จ ยุตฺตํ. ยถา เต น ชานนฺติ, ตถา เทเสสีติ อิมินาปิ ภควโต เทสนาวิลาสํเยว วิภาเวติ. ตํเยว กิร ปถวินฺติ เอตฺถ ปถวีคหณํ อุปลกฺขณมตฺตํ อาปาทิวเสนปิ, ตถา ‘‘กีทิสา นุ โข อิธ ปถวี อธิปฺเปตา, กสฺมา จ ภูตรูปานิเยว คหิตานิ, น เสสรูปานี’’ติอาทินาปิ เตสํ สํสยุปฺปตฺติ นิทฺธาเรตพฺพา. อถ วา กถํ นามิทนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ. เตน อิมสฺมึ สุตฺเต สพฺพายปิ เตสํ สํสยุปฺปตฺติยา ปริคฺคหิตตฺตา ทฏฺพฺพา. อนฺตนฺติ มริยาทํ, เทสนาย อนฺตํ ปริจฺเฉทนฺติ อตฺโถ, โย อนุสนฺธีติ วุจฺจติ. โกฏินฺติ ปริยนฺตํ, เทสนาย ปริโยสานนฺติ อตฺโถ. อุภเยน สุตฺเต อชฺฌาสยานุสนฺธิ ยถานุสนฺธีติ วทติ.
อนฺตรากถาติ กมฺมฏฺานมนสิการอุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ อนฺตรา อฺา เอกา ตถา. วิปฺปกถาติ อนิฏฺิตา สิขํ อปฺปตฺตา. กงฺขณานุรูเปนาติ ตสฺมึ ขเณ ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ อชฺฌาสยานุรูเปน. อิทนฺติ อิทานิ วุจฺจมานํ มูลปริยายชาตกํ.
ทิสาปาโมกฺโขติ ¶ ปณฺฑิตภาเวน สพฺพทิสาสุ ปมุขภูโต. พฺราหฺมโณติ พฺรหฺมํ อณตีติ พฺราหฺมโณ, มนฺเต สชฺฌายตีติ อตฺโถ. ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเวท-ยชุเวท-สามเวทานํ. ปารคูติ อตฺถโส พฺยฺชนโส จ ปารํ ปริยนฺตํ คโต. สห นิฆณฺฑุนา จ เกฏุเภน จาติ สนิฆณฺฑุเกฏุภา, เตสํ. นิฆณฺฑูติ รุกฺขาทีนํ เววจนปฺปกาสกํ สตฺถํ. เกฏุภนฺติ กิริยากปฺปวิกปฺโป, กวีนํ อุปการาวหํ สตฺถํ. สห อกฺขรปฺปเภเทนาติ สากฺขรปฺปเภทา, เตสํ, สิกฺขานิรุตฺติสหิตานนฺติ อตฺโถ. อิติหาสปฺจมานนฺติ อาถพฺพณเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา ‘‘อิติห อส, อิติห อสา’’ติ อีทิสวจนปฏิสํยุตฺโต ปุราณกถาสงฺขาโต อิติหาโส ปฺจโม เอเตสนฺติ อิติหาสปฺจมา, เตสํ. ปทํ ตทวเสสฺจ พฺยากรณํ กายติ อชฺเฌติ เวเทติ จาติ ปทโก, เวยฺยากรโณ. โลกายตํ วุจฺจติ วิตณฺฑสตฺถํ. มหาปุริสานํ พุทฺธาทีนํ ลกฺขณทีปนคนฺโถ มหาปุริสลกฺขณํ. เตสุ อนูโน ปริปูรการีติ อนวโย.
มนฺเตติ เวเท. ยทิปิ เวโท ‘‘มนฺโต, พฺรหฺมํ, กปฺโป’’ติ ติวิโธ, มนฺโต เอว ปน มูลเวโท, ตทตฺถวิวรณํ พฺรหฺมํ, ตตฺถ วุตฺตนเยน ยฺกิริยาวิธานํ กปฺโป. เตน วุตฺตํ ‘‘มนฺเตติ เวเท’’ติ. ปณฺฑิตาติ ปฺาวนฺโต. ตถา หิ เต ปุถุปฺาตาย พหุํ สหสฺสทฺวิสหสฺสาทิปริมาณํ คนฺถํ ปากฏํ กตฺวา คณฺหนฺติ อุคฺคณฺหนฺติ, ชวนปฺตาย ลหุํ สีฆํ คณฺหนฺติ, ติกฺขปฺตาย ¶ สุฏฺุ อวิรชฺฌนฺตา อุปธาเรนฺติ, สติเนปกฺกสมฺปตฺติยา คหิตฺจ เนสํ น วินสฺสติ น สมฺมุสฺสตีติ. สพฺพมฺปิ สิปฺปนฺติ อฏฺารสวิชฺชาฏฺานาทิเภทํ สิกฺขิตพฺพฏฺเน สิปฺปนฺติ สงฺขฺยํ คตํ สพฺพํ พาหิรกสตฺถํ โมกฺขาวหสมฺมตมฺปิ น โมกฺขํ อาวหตีติ อาห ‘‘ทิฏฺธมฺมสมฺปรายหิต’’นฺติ. สมฺปิณฺฑิตา หุตฺวาติ ยถา มิตฺตา, ตถา ปิณฺฑิตวเสน สนฺนิปติตา หุตฺวา. ‘‘เอวํ คยฺหมาเน อาทินา วิรุชฺเฌยฺย, เอวํ อนฺเตนา’’ติ จินฺเตนฺตา าตุํ อิจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส ปุพฺเพนาปรํ อวิรุทฺธํ นิจฺฉยํ คเหตุํ อสกฺโกนฺตา น อาทึ, น อนฺตํ อทฺทสํสุ.
โลมสานีติ โลมวนฺตานิ, ฆนเกสมสฺสุวานีติ อตฺโถ. เกสาปิ หิ โลมคฺคหเณน คยฺหนฺติ ยถา ‘‘โลมนขํ ผุสิตฺวา สุทฺธิ กาตพฺพา’’ติ. กณฺณํ วิยาติ กณฺณํ, ปฺา, ตาย สุตฺวา กาตพฺพกิจฺจสาธนโต วุตฺตํ ‘‘กณฺณวาติ ปฺวา’’ติ.
ยสฺมา ¶ สตฺตานํ คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล อายุวณฺณาทิปริกฺขโย โหติ, ตสฺมา ตํ กาเลน กตํ วิย กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เนสํ อายุ…เป… ขาทตีติ วุจฺจตี’’ติ.
อภิฺายาติ กุสลาทิเภทํ ขนฺธาทิเภทฺจ เทเสตพฺพํ ธมฺมํ, เวเนยฺยานฺจ อาสยานุสยจริยาวิมุตฺติอาทิเภทํ, ตสฺส จ เนสํ เทเสตพฺพปฺปการํ ยาถาวโต อภิชานิตฺวา. ธมฺมํ เทเสมีติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกนิพฺพานหิตาวหํ สทฺธมฺมํ กถยามิ. โน อนภิฺายาติ ยถา พาหิรกา อสมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา วุตฺตวิธึ อชานนฺตายํ กิฺจิ ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ กเถนฺติ, เอวํ น เทเสมีติ อตฺโถ. สนิทานนฺติ สการณํ, เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยวเสน วา ปุจฺฉาย วา อฏฺุปฺปตฺติยา วา สนิมิตฺตํ เหตุอุทาหรณสหิตฺจาติ อตฺโถ. สปฺปาฏิหาริยนฺติ สนิสฺสรณํ สปฺปฏิหรณํ, ปจฺจนีกปฏิหรเณน สปฺปาฏิหาริยเมว กตฺวา เทเสมีติ อตฺโถ. อปเร ปน ‘‘ยถารหํ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิปาฏิหาริยสหิต’’นฺติ วทนฺติ, อนุสาสนิปาฏิหาริยหิตา ปน เทสนา นตฺถีติ. หิตูปเทสนา โอวาโท, สา เอว อนุสาสนี. อโนติณฺณวตฺถุวิสโย วา โอวาโท, โอติณฺณวตฺถุวิสยา อนุสาสนี. ปมูปเทโส วา โอวาโท, อิตรา อนุสาสนี. อลฺจ ปนาติ ยุตฺตเมว. นิฏฺมคมาสีติ อตฺถสิทฺธึ คตา.
ตถาคตวารอฏฺมนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
อยํ ตาเวตฺถ อฏฺกถาย ลีนตฺถวณฺณนา.
เนตฺตินยวณฺณนา
อิทานิ ¶ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๔๙; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.เนตฺตินยวณฺณนา; อ. นิ. ฏี. เนตฺตินยวณฺณนา) ปกรณนเยน ปาฬิยา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม. สา ปนายํ อตฺถวณฺณนา ยสฺมา เทสนาย สมุฏฺานปโยชนภาชเนสุ ปิณฺฑตฺเถสุ จ นิทฺธาริเตสุ สุตรา โหติ สุวิฺเยฺยา จ, ตสฺมา สุตฺตเทสนาย สมุฏฺานาทีนิ ปมํ นิทฺธารยิสฺสาม. ตตฺถ สมุฏฺานํ ตาว ปริยตฺตึ นิสฺสาย มานุปฺปาโท, ปโยชนํมานมทฺทนํ. วุตฺตฺหิ อฏฺกถายํ ‘‘สุตปริยตฺตึ…เป… อารภี’’ติ. อปิจ เวเนยฺยานํ ปถวีอาทิภูตาทิเภทภินฺเน สกฺกาเย ปุถุชฺชนสฺส เสกฺขาทิอริยสฺส จ สทฺธึ เหตุนา มฺนามฺนวเสน ¶ ปวตฺติวิภาคานวโพโธ สมุฏฺานํ, ยถาวุตฺตวิภาคาวโพโธ ปโยชนํ, เวเนยฺยานฺหิ วุตฺตปฺปกาเร วิสเย ยถาวุตฺตานํ ปุคฺคลานํ สทฺธึ เหตุนา มฺนามฺนวเสน ปวตฺติวิภาคาวโพโธ ปโยชนํ.
อปิจ สมุฏฺานํ นาม เทสนานิทานํ. ตํ สาธารณํ อสาธารณนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณมฺปิ อชฺฌตฺติกพาหิรเภทโต ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณํ อชฺฌตฺติกสมุฏฺานํ นาม โลกนาถสฺส มหากรุณา. ตาย หิ สมุสฺสาหิตสฺส ภควโต เวเนยฺยานํ ธมฺมเทสนาย จิตฺตํ อุทปาทิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สตฺเตสุ จ การฺุตํ ปฏิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๙). เอตฺถ จ เหตาวตฺถายปิ มหากรุณาย สงฺคโห ทฏฺพฺโพ ยาวเทว สํสารมโหฆโต สทฺธมฺมเทสนาหตฺถทาเนหิ สตฺตสนฺตารณตฺถํ ตทุปฺปตฺติโต. ยถา จ มหากรุณา, เอวํ สพฺพฺุตฺาณํ ทสพลาณาทีนิ จ เทสนาย อพฺภนฺตรสมุฏฺานภาเว วตฺตพฺพานิ. สพฺพมฺปิ หิ เยฺยธมฺมํ, เตสํ เทเสตพฺพปฺปการํ, สตฺตานฺจ อาสยานุสยาทึ ยาถาวโต ชานนฺโต ภควา านาฏฺานาทีสุ โกสลฺเลน เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิจิตฺตนยเทสนํ ปวตฺเตสีติ. พาหิรํ ปน สาธารณํ สมุฏฺานํ ทสสหสฺสพฺรหฺมปริวาริตสฺส สหมฺปติมหาพฺรหฺมุโน อชฺเฌสนํ. ตทชฺเฌสนุตฺตรกาลฺหิ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณาชนิตํ อปฺโปสฺสุกฺกตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ธมฺมสฺสามี ธมฺมเทสนาย อุสฺสาหชาโต อโหสิ. อสาธารณมฺปิ อมฺภนฺตรพาหิรเภทโต ทุวิธเมว. ตตฺถ อพฺภนฺตรํ ยาย มหากรุณาย เยน จ เทสนาาเณน อิทํ สุตฺตํ ปวตฺติตํ, ตทุภยํ เวทิตพฺพํ. พาหิรํ ปน ปฺจสตานํ พฺราหฺมณชาติกานํ ภิกฺขูนํ ปริยตฺตึ นิสฺสาย มานุปฺปาทนํ, วุตฺตเมว ตํ อฏฺกถายํ.
ปโยชนมฺปิ สาธารณํ อสาธารณนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณํ อนุกฺกเมน ยาว อนุปาทาปรินิพฺพานํ ¶ วิมุตฺติรสตฺตา ภควโต เทสนาย. เตเนวาห ‘‘เอตทตฺถา ตถา, เอตทตฺถา มนฺตนา’’ติอาทิ (ปริ. ๓๖๖). เอเตเนว จ สํสารจกฺกนิวตฺติ สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺติ สสฺสตาทิมิจฺฉาวาทนิรากรณํ สมฺมาวาทปุเรกฺขาโร อกุสลมูลสมูหนนํ กุสลมูลสํโรปนํ อปายทฺวารปิทหนํ สคฺคโมกฺขทฺวารวิวรณํ ปริยุฏฺานวูปสมนํ อนุสยสมุคฺฆาตนํ ¶ ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ (อุทา. อฏฺ. ๑๘; อิติวุ. อฏฺ. ๓๘) ปุริมปฏิฺาอวิสํวาทนํ ตปฺปฏิปกฺขมารมโนรถวิสํวาทนํ ติตฺถิยธมฺมนิมฺมถนํ พุทฺธธมฺมปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทีนมฺปิ ปโยชนานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อสาธารณํ ปน เตสํ ภิกฺขูนํ มานมทฺทนํ. วุตฺตฺเจตํ อฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑) ‘‘เทสนากุสโล ภควา มานภฺชนตฺถํ ‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’นฺติ เทสนํ อารภี’’ติ. อุภยมฺเปตํ พาหิยเมว. สเจ ปน เวเนยฺยสนฺตานคตมฺปิ เทสนาพลสิทฺธิสงฺขาตํ ปโยชนํ อธิปฺปายสมิชฺฌนภาวโต ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธิยา ยถาการุณิกสฺส ภควโตปิ ปโยชนเมวาติ คณฺเหยฺย, อิมินา ปริยาเยนสฺส อพฺภนฺตรตาปิ เวทิตพฺพา.
อปิจ เวเนยฺยานํ ปถวีอาทิภูตาทิวิภาคภินฺเน สกฺกาเย ปุถุชฺชนสฺส เสกฺขาทิอริยสฺส จ สทฺธึ เหตุนา มฺนามฺนวเสน ปวตฺติวิภาคานวโพโธ สมุฏฺานํ, อิมสฺส สุตฺตสฺส ยถาวุตฺตวิภาคาวโพโธ ปโยชนนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เวเนยฺยานฺหิ วุตฺตปฺปกาเร วิสเย ยถาวุตฺตานํ ปุคฺคลานํ สทฺธึ เหตุนา มฺนามฺนานํ วเสน ปวตฺติวิภาคาวโพโธ อิมํ เทสนํ ปโยเชติ ‘‘ตนฺนิปฺผาทนปรายํ เทสนา’’ติ กตฺวา. ยฺหิ เทสนาย สาเธตพฺพํ ผลํ, ตํ อากงฺขิตพฺพตฺตา เทสกํ เทสนาย ปโยเชตีติ ปโยชนนฺติ วุจฺจติ. ตถา เวเนยฺยานํ สพฺพโส เอกเทสโต จ มฺนานํ อปฺปหานํ, ตตฺถ จ อาทีนวาทสฺสนํ, นิรงฺกุสานํ มฺนานํ อเนกาการโวหารสฺส สกฺกาเย ปวตฺติวิเสสสฺส อชานนํ, ตตฺถ จ ปหีนมฺนานํ ปฏิปตฺติยา อชานนํ, ตณฺหามุเขน ปจฺจยาการสฺส จ อนวโพโธติ เอวมาทีนิ จ ปโยชนานิ อิธ เวทิตพฺพานิ.
ภูมิตฺตยปริยาปนฺเนสุ อสงฺขาตธมฺมวิปฺปกตปริฺาทิกิจฺจสงฺขาตธมฺมานํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จ ปฏิปตฺตึ อชานนฺตา อสทฺธมฺมสฺสวนธารณปริจยมนสิการปรา สทฺธมฺมสฺสวน-ธารณปริจยปฏิเวธวิมุขา จ เวเนยฺยา อิมิสฺสา เทสนาย ภาชนํ. ปิณฺฑตฺถา ปน ‘‘อสฺสุตวา’’ติอาทินา อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อกุสลมูล-สมาโยโค โอลียนาติธาวนาปริคฺคโห อุปายวินิพทฺธานุพฺรูหนา มิจฺฉาภินิเวสสมนฺนาคโม อวิชฺชาตณฺหา-ปริสุทฺธิ ¶ วฏฺฏตฺตยานุปรโม อาสโวฆโยคคนฺถาคติตณฺหุปฺปาทุปาทานาวิโยโค เจโตขิล-เจโตวินิพทฺธอภินนฺทน-นีวรณสงฺคานติกฺกโม ¶ วิวาทมูลาปริจฺจาโค อนุสยานุปจฺเฉโท มิจฺฉตฺตานติวตฺตนํ ตณฺหามูลธมฺมสนฺนิสฺสยตา อกุสลกมฺมปถานุโยโค สพฺพกิเลส-ปริฬาหสารทฺธกายจิตฺตตาติ เอวมาทโย ทีปิตา โหนฺติ. ‘‘ปถวึ ปถวิโต สฺชานาตี’’ติอาทินา ตณฺหาวิจริตนิทฺเทโส มานชปฺปนา วิปริเยสาภินิเวโส สํกิเลโส สกฺกายปริคฺคโห พาลลกฺขณาปเทโส วงฺกตฺตยวิภาวนานุโยโค พหุการปฏิปกฺขทีปนา ติวิธนิสฺสยสํสูจนา อาสวกฺขยกถนนฺติ เอวมาทโย ทีปิตา โหนฺติ.
โสฬสหารวณฺณนา
๑. เทสนาหารวณฺณนา
ตตฺถ เย อุปาทานกฺขนฺธธมฺเม อุปาทาย ปถวีอาทิภูตาทิเภทา ปฺตฺติ, เต ปฺตฺติปฏิปาทนภาเวน ชาติชรามรณวิเสสนทุกฺขปริยาเยน จ วุตฺตา ตณฺหาวชฺชา เตภูมกธมฺมา ทุกฺขสจฺจํ. มฺนาภินนฺทนนนฺทีปริยาเยหิ วุตฺตา ตณฺหา สมุทยสจฺจํ. อยํ ตาว สุตฺตนฺตนโย. อภิธมฺมนเย ปน ยถาวุตฺตตณฺหาย สทฺธึ ‘‘อสฺสุตวา’’ติอาทินา ทีปิตา อวิชฺชาทโย, มฺนาปริยาเยน คหิตา มานทิฏฺิโย, ภวปเทน คหิโต กมฺมภโว จาติ สพฺเพปิ กิเลสาภิสงฺขารา สมุทยสจฺจํ. อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ. อริยธมฺมคฺคหเณน, ปริฺาภิกฺขุเสกฺขาภิฺาคหเณหิ, ราคาทิขยวจเนหิ, สมฺมาสมฺโพธิคหเณน จ มคฺคสจฺจํ. เกจิ ปน ตณฺหากฺขยาทิวจเนหิ นิโรธสจฺจํ อุทฺธรนฺติ, ตํ อฏฺกถาย วิรุชฺฌติ ตตฺถ ตณฺหากฺขยาทีนํ มคฺคกิจฺจภาวสฺส อุทฺธฏตฺตา.
ตตฺถ สมุทเยน อสฺสาโท, ทุกฺเขน อาทีนโว, มคฺคนิโรเธหิ นิสฺสรณํ, เตสํ ภิกฺขูนํ มานภฺชนํ ผลํ, ตถา ‘‘ยถาวุตฺตวิภาคาวโพโธ’’ติอาทินา วุตฺตํ ปโยชนฺจ. ตสฺส นิปฺผตฺติการณตฺตา เทสนาย วิจิตฺตตา จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ ยาถาวโต สภาวูปธารณฺจ อุปาโย ¶ , ปถวีอาทีสุ ปุถุชฺชนาทีนํ ปวตฺติทสฺสนาปเทเสน ปถวีอาทโย เอกนฺตโต ปริชานิตพฺพา, มฺนา จ ปหาตพฺพาติ อยเมตฺถ ภควโต อาณตฺตีติ. อยํ เทสนาหาโร.
๒. วิจยหารวณฺณนา
มฺนานํ ¶ สกฺกายสฺส อวิเสสเหตุภาวโต, กสฺสจิปิ ตตฺถ อเสสิตพฺพโต จ สพฺพคหณํ, สภาวธารณโต นิสฺสตฺตนิชฺชีวโต จ ธมฺมคฺคหณํ, ปติฏฺาภาวโต อาเวณิกเหตุภาวโต จ มูลคฺคหณํ, การณภาวโต เทสนตฺถสมฺภวโต จ ปริยายคฺคหณํ, สมฺมุขภาวโต สมฺปทานตฺถสมฺภวโต จ ‘‘โว’’ติ วจนํ, ตถารูปคุณโยคโต อภิมุขีกรณโต จ ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อาลปนํ. เทเสตุํ สมตฺถภาวโต เตสํ สตุปฺปาทนตฺถฺจ ‘‘เทเสสฺสามี’’ติ ปฏิชานนํ, เทเสตพฺพตาย ปฏิฺาตภาวโต, ยถาปฏิฺฺจ เทสนโต ‘‘ต’’นฺติ ปจฺจามสนํ, โสตพฺพภาวโต, สวนตฺถสฺส จ เอกนฺเตน นิปฺผาทนโต ‘‘สุณาถา’’ติ วุตฺตํ. สกฺกาตพฺพโต, สกฺกจฺจกิริยาย เอว จ ตทตฺถสิทฺธิโต ‘‘สาธุก’’นฺติ วุตฺตํ. ธมฺมสฺส มนสิกรณียโต ตทธีนตฺตา จ สพฺพสมฺปตฺตีนํ ‘‘มนสิ กโรถา’’ติ วุตฺตํ ยถาปริฺาตาย เทสนาย ปริพฺยตฺตภาวโต วิตฺถารตฺถสมฺภวโต จ ‘‘ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺตํ. ภควโต สเทวเกน โลเกน สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพวจนตฺตา, ตสฺส จ ยถาธิปฺเปตตฺถสาธนโต ‘‘เอว’’นฺติ วุตฺตํ. สตฺถุ อุตฺตมคารวฏฺานภาวโต, ตตฺถ จ คารวสฺส อุฬารปฺุภาวโต ‘‘ภนฺเต’’ติ วุตฺตํ. ภิกฺขูนํ ตถากิริยาย นิจฺฉิตภาวโต วจนาลงฺการโต จ ‘‘โข’’ติ วุตฺตํ. สวนสฺส ปฏิชานิตพฺพโต, ตถา เตหิ ปฏิปนฺนตฺตา จ ‘‘ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติ วุตฺตํ ปจฺจกฺขภาวโต, สกลสฺสปิ เอกชฺฌํ กรณโต ‘‘เอต’’นฺติ วุตฺตํ.
วุจฺจมานสฺส ปุคฺคลสฺส โลกปริยาปนฺนตฺตา โลกาธารตฺตา จ โลกํ อุปาทาย ‘‘อิธา’’ติ วุตฺตํ. ปฏิเวธพาหุสจฺจาภาวโต ปริยตฺติพาหุสจฺจาภาวโต จ ‘‘อสฺสุตวา’’ติ วุตฺตํ. ปุถูสุ, ปุถุ วา ชนภาวโต ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ วุตฺตํ. อนริยธมฺมวิรหโต อริยธมฺมสมนฺนาคมโต จ ‘‘อริยาน’’นฺติ วุตฺตํ. อริยภาวกราย ปฏิปตฺติยา อภาวโต, ตตฺถ โกสลฺลทมถาภาวโต ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสนฺตธมฺมสฺสวนโต สนฺตธมฺมสมนฺนาคมโต สพฺภิ ปาสํสิยโต ¶ จ ‘‘สปฺปุริสาน’’นฺติ วุตฺตํ. สปฺปุริสภาวกราย ปฏิปตฺติยา อภาวโต, ตตฺถ จ โกสลฺลทมถาภาวโต ‘‘สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปถวีวตฺถุกานํ มฺนานํ, อุปริ วุจฺจมานานฺจมฺนานํ มูลกตฺตา ปปฺจสงฺขานํ ‘‘ปถวึ ปถวิโต สฺชานาตี’’ติ วุตฺตํ. อนฺธปุถุชฺชนสฺส อหํการ-มมํการานํ กตฺถจิปิ อปฺปหีนตฺตา ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ปุพฺเพ ¶ อคฺคหิตตฺตา, สามฺโต จ คยฺหมานตฺตา, ปุคฺคลสฺส ปถวีอาทิอารมฺมณสภาคตาย ลพฺภมานตฺตา จ ‘‘โยปี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘โย’’ติ อนิยเมน คหิตสฺส นิยเมตพฺพโต ปฏินิทฺทิสิตพฺพโต จ; ‘‘โส’’ติ วุตฺตํ สาติสยํ สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนโต กิเลสเภทนสมฺภวโต จ ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุตฺตํ. สิกฺขาหิ สมนฺนาคมโต เสกฺขธมฺมปฏิลาภโต จ ‘‘เสกฺโข’’ติ วุตฺตํ. มนสา ลทฺธพฺพสฺส อรหตฺตสฺส อนธิคตตฺตา อธิคมนียโต จ ‘‘อปฺปตฺตมานโส’’ติ วุตฺตํ. อปเรน อนุตฺตรณียโต, ปรํ อนุจฺฉวิกภาเวน อุตฺตริตฺวา ิตตฺตา จ ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ. โยเคน ภาวนาย กามโยคาทิโต จ เขมํ สิวํ อนุปทฺทวนฺติ ‘‘โยคกฺเขม’’นฺติ วุตฺตํ. ฉนฺทปฺปวตฺติยา อุสฺสุกฺกาปตฺติยา จ ‘‘ปตฺถยมาโน’’ติ วุตฺตํ. ตทตฺถสฺส สพฺพโส สพฺพอิริยาปถวิหารสฺส สมถวิปสฺสนาวิหารสฺส ทิพฺพวิหารสฺส จ วเสน ‘‘วิหรตี’’ติ วุตฺตํ. เสกฺขสฺส สพฺพโส อภิฺเยฺยภาวฺเจว ปริฺเยฺยภาวฺจ าเณน อภิภวิตฺวา ชานนโต ‘‘อภิชานาตี’’ติ วุตฺตํ. เสกฺขสฺส สพฺพโส อปฺปหีนมฺนตาย อภาวโต ‘‘มา มฺี’’ติ วุตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. อิมินา นเยน อิโต ปรํ สพฺพปเทสุ วินิจฺฉโย กาตพฺโพ. สกฺกา หิ อฏฺกถํ ตสฺสา ลีนตฺถวณฺณนฺจ อนุคนฺตฺวา อยมตฺโถ วิฺูหิ วิภาเวตุนฺติ อติวิตฺถารภเยน น วิตฺถารยิมฺห. อิติ อนุปทวิจยโต วิจโย หาโร.
๓. ยุตฺติหารวณฺณนา
สกฺกายสฺส สพฺพมฺนานํ มูลภาโว ยุชฺชติ ปริกปฺปมตฺตกตฺตา โลกวิจิตฺตสฺส. พฺยาหุสจฺจทฺวยรหิตสฺส อนฺธปุถุชฺชนภาโว ยุชฺชติ ปุถุกิเลสาภิสงฺขารชนนาทิสภาวตฺตา. ยถาวุตฺตปุถุชฺชนสฺส วา วุตฺตปฺปการพาหุสจฺจาภาโว ยุชฺชติ ตสฺมึ สติ สพฺภาวโต. ตตฺถ อสฺสุตวโต ¶ ปุถุชฺชนสฺส อริยานํ สปฺปุริสานฺจ อทสฺสาวิตาทิ ยุชฺชติ อริยกรธมฺมานํ อริยภาวสฺส จ เตน อทิฏฺตฺตา อปฺปฏิปนฺนตฺตา จ ตถา ตสฺส ปถวิยา ‘‘อหํ ปถวี, มม ปถวี, ปโร ปถวี’’ติ สฺชานนํ ยุชฺชติ อหํการมมํการานํ สพฺเพน สพฺพํ อปฺปหีนตฺตา. ตถา สฺชานโต จสฺส ปถวึ กมฺมาทิกรณาทิวเสน คเหตฺวา นานปฺปการโต มฺนาปวตฺติ ยุชฺชติ สฺานิทานตฺตา ปปฺจสงฺขานํ. โย มฺติ, ตสฺส อปริฺาตวตฺถุกตา ยุชฺชติ ปริฺาย วินา มฺนาปหานาภาวโต. ‘‘อาปํ อาปโต สฺชานาตี’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อปริโยสิตสิกฺขสฺส อปฺปตฺตมานสตา ยุชฺชติ กตกิจฺจตาภาวโต. เสกฺขสฺส สโต โยคกฺเขมปตฺถนา ยุชฺชติ ตทธิมุตฺตภาวโต. ตถา ตสฺส ปถวิยา อภิชานนา ยุชฺชติ ปริฺาปหาเนสุ มตฺตโส การิภาวโต. ตโต เอว จสฺส ‘‘มา มฺี’’ติ วตฺตพฺพตา ยุชฺชติ วตฺถุปริฺาย ¶ วิย มฺนาปหานสฺสปิ วิปฺปกตภาวโต. เสกฺขสฺส ปถวิยา ปริฺเยฺยตา ยุชฺชติ ปริฺาตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา สพฺพโส อปริฺาตตฺตา จ. ‘‘อาปํ อาปโต’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อรหตฺตาทิยุตฺตสฺส ปถวิยาทีนํ อภิชานนา มฺนาภาโว จ ยุชฺชติ สงฺขาตธมฺมตฺตา, สพฺพโส กิเลสานํ ปหีนตฺตา, ตโต เอว จสฺส วีตราคาทิภาโว ตโต สมฺมเทว จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปฏิวิทฺธตาติ. อยํ ยุตฺติหาโร.
๔. ปทฏฺานหารวณฺณนา
กิสฺโสปิ มฺนา สกฺกายสฺส ปทฏฺานํ, มฺนานํ อโยนิโสมนสิกาโร ปทฏฺานํ, สุตทฺวยวิรโห อนฺธปุถุชฺชนภาวสฺส ปทฏฺานํ, โส อริยานํ อทสฺสาวิตาย ปทฏฺานํ, สา อริยธมฺมสฺส อโกวิทตาย ปทฏฺานํ, สา อริยธมฺเม อวินีตตาย ปทฏฺานํ. ‘‘สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สฺาวิปลฺลาโส มฺนานํ ปทฏฺานํ. สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขาติ. มฺนาสุ จ ตณฺหามฺนา อิตรมฺนานํ ปทฏฺานํ ‘‘ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิต’’นฺติ, (ที. นิ. ๑.๑๐๕-๑๐๙) ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; มหาว. ๑) จ วจนโต, ตณฺหาคตสฺเสว จ ‘‘เสยฺโยหมสฺมิ’’นฺติอาทินา มานชปฺปนาสพฺภาวตา. สพฺพาปิ วา มฺนา สพฺพาสํ มฺนานํ ปทฏฺานํ ¶ . ‘‘อุปาทานปจฺจยา ตณฺหา’’ติ หิ วจนโต ทิฏฺิปิ ตณฺหาย ปทฏฺานํ. ‘‘อหมสฺมิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๒; ๓.๓๙) อาทิวจนโต มาโนปิ ทิฏฺิยา ปทฏฺานํ. ตถา ‘‘อสฺมีติ สติ อิตฺถํสฺมีติ โหติ, เอวํสฺมีติ โหติ, อฺถาสฺมีติ โหตี’’ติอาทิวจนโต มานสฺสปิ ตณฺหาย ปทฏฺานตา ลพฺภเตว. เสกฺขา ธมฺมา สปฺปเทสโต มฺนาปหานสฺส ปทฏฺานํ. อเสกฺขา นิปฺปเทสโต มฺนาปหานสฺส ปทฏฺานํ. กมฺมภโว จ ชาติยา ปทฏฺานํ. ชาติ ชรามรณสฺส ปทฏฺานํ. ปจฺจยาการสฺส ยถาภูตาวโพโธ สมฺมาสมฺโพธิยา ปทฏฺานนฺติ. อยํ ปทฏฺาโน หาโร.
๕. ลกฺขณหารวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ มูลคฺคหเณน มูลปริยายคฺคหเณน วา ยถา ตณฺหามานทิฏฺิโย คยฺหนฺติ, เอวํ โทสโมหาทีนมฺปิ สกฺกายมูลธมฺมานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ สกฺกายสฺส มูลภาเวน เอกลกฺขณตฺตา. ‘‘อสฺสุตวา’’ติ อิมินา ยถา ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปริยตฺติปฏิเวธสทฺธมฺมานํ อภาโว คยฺหติ, เอวํ ปฏิปตฺติสทฺธมฺมสฺสปิ อภาโว คยฺหติ สทฺธมฺมภาเวน เอกลกฺขณตฺตา. อริยานํ อทสฺสนกามตาทิลกฺขณา. ‘‘อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติ ¶ อิมินา อริยธมฺมาธิคมสฺส วิพนฺธภูตํ อฺาณํ. ‘‘อริยธมฺเม อวินีโต’’ติ อิมินา อริยวินยาภาโว. โส ปนตฺถโต อริยวินเย อปฺปฏิปตฺติ เอว วาติ ตีหิปิ ปเทหิ ยถาวุตฺตวิสยา มิจฺฉาทิฏฺิ วิจิกิจฺฉา จ คหิตาว โหนฺติ. ตคฺคหเณน จ สพฺเพปิ อกุสลา ธมฺมา สงฺคหิตาว โหนฺติ สํกิเลสลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ‘‘สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
‘‘ปถวึ ปถวิโต สฺชานาตี’’ติ อิทํ ทิฏฺิมฺนาทีนํ สฺาย การณภาวทสฺสนํ. ตตฺถ ยถา สฺา, เอวํ วิตกฺกผสฺสาวิชฺชาอโยนิโสมนสิการาทโยปิ ตาสํ การณนฺติ อตฺถโต เตสมฺเปตฺถ สงฺคโห วุตฺโต โหติ มฺนานํ การณภาเวน เอกลกฺขณตฺตา. ‘‘มฺตี’’ติ อิมินา มฺนากิจฺเจน ตณฺหามานทิฏฺิโย คหิตา ¶ ตาสํ กิเลสสภาวตฺตา. ตคฺคหเณเนว วิจิกิจฺฉาทินมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ กิเลสลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ตถา ตณฺหาย เหตุสภาวตฺตา ตคฺคหเณเนว อวสิฏฺากุสลเหตูนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ เหตุลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ตถา ตณฺหาทิฏฺีนํ อาสวาทิสภาวตฺตา ตคฺคหเณเนว อวสิฏฺาสโวฆโยคคนฺถนีวรณาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ อาสวาทิสภาวตฺตา เอกลกฺขณตฺตา. ตถา ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติอาทินา ปถวีอาทีนํ รูปสภาวตฺตา ตพฺพิสยานฺจ มฺนานํ รูปวิสยตฺตา ตคฺคหเณเนว สกลรูปกฺขนฺธวิสยาปิ มฺนา ทสฺสิตา โหนฺติ รูปวิสยลกฺขเณน อาสํ เอกลกฺขณตฺตา. เอวํ จกฺขายตนาทิวิสยาปิ มฺนา นิทฺธาเรตพฺพา. ‘‘อปริฺาต’’นฺติ ปริฺาปฏิกฺเขเปน ตปฺปฏิพทฺธกิเลสานํ ปหานปฏิกฺเขโปติ ทฏฺพฺโพ มคฺคกิจฺจภาเวน ปริฺาปหานานํ เอกลกฺขณตฺตา. อิมินา นเยน เสเสสุปิ ยถารหํ เอกลกฺขณา นิทฺธาเรตพฺพาติ. อยํ ลกฺขโณ หาโร.
๖. จตุพฺยูหหารวณฺณนา
ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ พฺยฺชนจฺฉายาย อตฺถํ คเหตฺวา ธมฺมคมฺภีรตํ อสลฺลกฺเขตฺวา อสทฺธมฺมสฺสวนาทินา วฺจิตา หุตฺวา สทฺธมฺมสฺสวนธารณปริจยมนสิการวิมุขา ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ ปุถุชฺชนเสกฺขาเสกฺขตถาคตานํ ปฏิปตฺติวิเสสํ อชานนฺตา จ เวเนยฺยา อิมิสฺสา เทสนาย นิทานํ. เต ‘‘กถํ นุ โข ยถาวุตฺตโทสวินิมุตฺตา ยถาวุตฺตฺจ วิเสสํ ชานนฺตา สมฺมาปฏิปตฺติยา อุภยหิตปรายณา สเวยฺยุ’’นฺติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโย. ปทนิพฺพจนํ นิรุตฺตํ, ตํ ‘‘เอว’’นฺติอาทินิทานปทานํ, ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติอาทิปาฬิปทานฺจ ¶ อฏฺกถายํ, ตสฺสา ลีนตฺถวณฺณนายฺเจว วุตฺตนเยน สุวิฺเยฺยตฺตา อติวิตฺถารภเยน น วิตฺถารยิมฺห.
ปทปทตฺถเทสนานิกฺเขปสุตฺตสนฺธิวเสน ปฺจวิธา สนฺธิ. ตตฺถ ปทสฺส ปทนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทสนฺธิ, ตถา ปทตฺถสฺส ปทตฺถนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทตฺถสนฺธิ, โย ‘‘กิริยาการกสมฺพนฺโธ’’ติ วุจฺจติ. นานานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส ตํตํอนุสนฺธีหิ สมฺพนฺโธ, เอกานุสนฺธิกสฺส ปน ปุพฺพาปรสมฺพนฺโธ เทสนาสนฺธิ. ยา อฏฺกถายํ ‘‘ปุจฺฉานุสนฺธิ อชฺฌาสยานุสนฺธิ ยถานุสนฺธี’’ติ ¶ ติธา วิภตฺตา. อชฺฌาสโย เจตฺถ อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโยติ ทฺวิธา เวทิตพฺโพ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา นิทานวณฺณนายํ วุตฺตเมว. นิกฺเขปสนฺธิ จตุนฺนํ สุตฺตนิกฺเขปานํ วเสน เวทิตพฺโพ. สุตฺตสนฺธิ อิธ ปมนิกฺเขปวเสเนว เวทิตพฺโพ. กสฺมา ปเนตฺถ มูลปริยายสุตฺตเมว ปมํ นิกฺขิตฺตนฺติ? นายมนุโยโค กตฺถจิ นปฺปวตฺตติ, อปิจ ยสฺมา มฺนามูลกํ สกฺกายํ, สพฺพมฺนา จ ตตฺถ เอว อเนกเภทภินฺนา ปวตฺตติ, น ตสฺสา สวิสยาย เลสมตฺตมฺปิ สารํ อตฺถีติ ปถวีอาทิวิภาคภินฺเนสุ มฺนาสุ จ สาติสยํ นิพฺเพธวิราคสฺชนนี อุปริ เสกฺขาเสกฺขตถาคตคุณวิภาวนี จ อยํ เทสนา. สุตฺตนฺตเทสนา จ วิเสสโต ทิฏฺิวินิเวนกถา, ตสฺมา สนิสฺสยสฺส ทิฏฺิคฺคาหสฺส อาทิโต อสารภาวทีปนํ อุปริ จ สพฺเพสํ อริยานํ คุณวิเสสวิภาวนมิทํ สุตฺตํ ปมํ นิกฺขิตฺตํ. กิฺจ สกฺกาเย มฺนามฺนามุเขน ปวตฺตินิวตฺตีสุ อาทีนวานิสํสวิภาวนโต สพฺเพสํ ปุคฺคลานํ ปฏิปตฺติวิภาคโต จ อิทเมว สุตฺตํ ปมํ นิกฺขิตฺตํ.
ยํ ปน เอกิสฺสา เทสนาย เทสนนฺตเรน สทฺธึ สํสนฺทนํ, อยมฺปิ เทสนาสนฺธิ, สา เอวํ เวทิตพฺพา. ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… นิพฺพานํ อภินนฺทตี’’ติ อยํ เทสนา. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต มนสิกรณีเย ธมฺเม นปฺปชานาติ, อมนสิกรณีเย จ ธมฺเม นปฺปชานาติ, โส มนสิกรณีเย ธมฺเม อปฺปชานนฺโต อมนสิกรณีเย จ ธมฺเม อปฺปชานนฺโต เย ธมฺมา น มนสิกรณียา, เต ธมฺเม มนสิ กโรติ…เป… อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปวฑฺฒติ. อนุปฺปนฺโน วา ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา ภวาสโว ปวฑฺฒติ, อนุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว ปวฑฺฒตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๗) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ตถา ‘‘ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ สุภนิมิตฺตํ มนสิ กริสฺสติ, ตสฺส สุภนิมิตฺตสฺส มนสิการา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสสฺสติ, โส สราโค สโทโส สโมโห สางฺคโณ สํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๙) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ตถา ‘‘จกฺขฺุจาวุโส ¶ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา ¶ เวทนา. ยํ เวเทติ ตํ สฺชานาติ, ยํ สฺชานาติ ตํ วิตกฺเกติ, ยํ วิตกฺเกติ ตํ ปปฺเจติ, ยํ ปปฺเจติ ตโตนิทานํ ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ตถา ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต รูปํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. เวทนํ…เป…, สฺํ…เป…, สงฺขาเร…เป…, วิฺาณํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. ยมฺปิ ตํ ทิฏฺํ…เป… ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ, โส โลโก โส อตฺตา โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามีติ, ตมฺปิ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ.
‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ…เป… นิพฺพานํ มาภินนฺที’’ติ อยํ เทสนา. ‘‘อิธ, เทวานมินฺท, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ, เอวฺเจตํ, เทวานมินฺท, ภิกฺขุโน สุตํ โหติ ‘สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายา’ติ, โส สพฺพํ ธมฺมํ อภิชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ อภิฺาย สพฺพํ ธมฺมํ ปริชานาติ, สพฺพํ ธมฺมํ ปริฺาย ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตาสุ เวทนาสุ อนิจฺจานุปสฺสี วิหรติ, วิราคานุปสฺสี วิหรติ, นิโรธานุปสฺสี วิหรติ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี วิหรตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๙๐) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ…เป… อภิสมฺพุทฺโธติ วทามี’’ติ อยํ เทสนา ‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก…เป… สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ, เวทนํ…เป…, สฺํ…เป…, สงฺขาเร…เป…, วิฺาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. ยมฺปิ ตํ ทิฏฺํ สุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ, โส โลโก โส อตฺตา โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ ‘นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อปิ ปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’ติ, ตมฺปิ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. โส เอวํ สมนุปสฺสนฺโต น ปริตสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) เอวมาทิเทสนาหิ สํสนฺทตีติ, อยํ จตุพฺยูโห หาโร.
๗. อาวตฺตหารวณฺณนา
‘‘อสฺสุตวา ¶ ¶ ปุถุชฺชโน’’ติ อิมินา โยนิโสมนสิการปฏิกฺเขปมุเขน อโยนิโสมนสิการปริคฺคโห ทีปิโต. ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติอาทินา สปฺปุริสูปนิสฺสยาทิปฏิกฺเขปมุเขน อสปฺปุริสูปนิสฺสยาทิปริคฺคโห ทีปิโต. เตสุ ปุริมนเยน อาสยวิปตฺติ กิตฺติตา, ทุติเยน ปโยควิปตฺติ. ปุริเมน จสฺส กิเลสวฏฺฏํ, ตฺจ ยโต วิปากวฏฺฏนฺติ สกลํ สํสารจกฺกมาวตฺตติ. ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติอาทินา ตตฺถ ติสฺโส มฺนา วุตฺตา. ตาสุ ตณฺหามฺนา ‘‘เอตํ มมา’’ติ ตณฺหาคฺคาโห, มานมฺนา ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ มานคฺคาโห, ทิฏฺิมฺนา ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ ทิฏฺิคฺคาโห. ตตฺถ ตณฺหาคฺคาเหน ‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจปริเยสนา’’ติอาทิกา (ที. นิ. ๒.๑๐๓; ที. นิ. ๓.๓๕๙; อ. นิ. ๓.๒๓; วิภ. ๙๖๓) นว ตณฺหามูลกา ธมฺมา อาวตฺตนฺติ. มานคฺคาเหน ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทิกา นว มานวิธา อาวตฺตนฺติ. ทิฏฺิคฺคาเหน ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิกา (สํ. นิ. ๔.๓๔๕) วีสติวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ อาวตฺตติ. ตีสุ จ คาเหสุ ยาย สฺาย ตณฺหาคฺคาหสฺส วิกฺขมฺภนา, สา ทุกฺขสฺา ทุกฺขานุปสฺสนา. ยาย สฺาย มานคฺคาหสฺส วิกฺขมฺภนา, สา อนิจฺจสฺา อนิจฺจานุปสฺสนา. ยาย ปน สฺาย ทิฏฺิคฺคาหสฺส วิกฺขมฺภนา, สา อนตฺตสฺา อนตฺตานุปสฺสนา. ตตฺถ ปมคฺคาหวิสภาคโต อปฺปณิหิตวิโมกฺขมุขํ อาวตฺตติ, ทุติยคฺคาหวิสภาคโต อนิมิตฺตวิโมกฺขมุขํ อาวตฺตติ, ตติยคฺคาหวิสภาคโต สฺุตวิโมกฺขมุขํ อาวตฺตติ.
เสกฺขคฺคหเณน อริยาย สมฺมาทิฏฺิยา สงฺคโห, ตโต จ ปรโตโฆสโยนิโสมนสิการา ทีปิตา โหนฺติ. ปรโตโฆเสน จ สุตวา อริยสาวโกติ อาวตฺตติ, โยนิโสมนสิกาเรน นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา อาวตฺตนฺติ, จตุพฺพิธฺจ สมฺปตฺติจกฺกํ. ‘‘มา มฺี’’ติ มฺนานํ วิปฺปกตปฺปหานตาคหเณน เอกจฺจาสวปริกฺขโย ทีปิโต โหติ, เตน จ สทฺธาวิมุตฺตทิฏฺิปฺปตฺตกายสกฺขิภาวา อาวตฺตนฺติ. ‘‘อรหํ ขีณาสโว’’ติอาทินา อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย ทสฺสิตา โหนฺติ, สีลกฺขนฺธาทิปาริปูริยา จ ทส นาถกรณา ธมฺมา อาวตฺตนฺติ. ‘‘น มฺตี’’ติ มฺนาปฏิกฺเขเปน ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ สมฺมาปฏิปตฺติ ทสฺสิตา, ตาย จ สาติสยา นิกนฺติปริยาทานมานสมุคฺฆาฏนทิฏฺิอุคฺฆาฏนานิ ¶ ปกาสิตานีติ อปฺปณิหิตานิมิตฺต-สฺุตวิโมกฺขา อาวตฺตนฺติ.
‘‘ตถาคโต’’ติอาทินา ¶ สพฺพฺุคุณา วิภาวิตาติ ตทวินาภาวโต ทสพล-จตุเวสารชฺชอสาธารณาณอาเวณิกพุทฺธธมฺมา อาวตฺตนฺติ. ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติอาทินา สทฺธึ เหตุนา วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุวิภาวเนน จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อาวตฺตนฺติ. ‘‘ตณฺหานํ ขยา’’ติอาทินา ตณฺหปฺปหานาปเทเสน ตเทกฏฺภาวโต ทิยฑฺฒสฺส กิเลสสหสฺสสฺส ปหานํ อาวตฺตติ. ‘‘สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ จ วุตฺตตฺตา ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ, ‘‘อิติ วิทิตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตสฺส มฺนาภาวเหตุภูตสฺส ปจฺจยาการเวทนสฺส สาวเกหิ อสาธารณาณจารภาโว ทสฺสิโต, เตน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริ ภควโต มหาวชิราณํ อาวตฺตตีติ. อยํ อาวตฺโต หาโร.
๘. วิภตฺติหารวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมา นาม เตภูมกา ธมฺมา สกฺกายสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เตสํ มฺนา ปทฏฺานํ ปปฺจสงฺขานิมิตฺตตฺตา โลกวิจิตฺตสฺส. ตยิเม กุสลา อกุสลา อพฺยากตาติ ติวิธา. เตสุ กุสลานํ โยนิโสมนสิการาทิ ปทฏฺานํ, อกุสลานํ อโยนิโสมนสิการาทิ, อพฺยากตานํ กมฺมภวอาวชฺชนภูตรูปาทิ ปทฏฺานํ. ตตฺถ กุสลา กามาวจราทิวเสน ภูมิโต ติวิธา, ตถา อพฺยากตา จิตฺตุปฺปาทสภาวา, อจิตฺตุปฺปาทสภาวา ปน กามาวจราว ตถา อกุสลา. ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธสุตกิจฺจาภาเวน ติวิโธ อสฺสุตวา. อนฺธกลฺยาณวิภาเคน ทุวิโธ ปุถุชฺชโน. สมฺมาสมฺพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกเภเทน ติวิธา อริยา. มํสจกฺขุทิพฺพจกฺขุปฺาจกฺขูหิ ทสฺสนาภาเวน ติวิโธ อทสฺสาวี. มคฺคผลนิพฺพานเภเทน ติวิโธ, นววิโธ วา อริยธมฺโม. สวนธารณปริจยมนสิการปฏิเวธวเสน ปฺจวิธา อริยธมฺมสฺส โกวิทตา. ตทภาวโต อโกวิโท. สํวรปหานเภเทน ทุวิโธ, ทสวิโธ วา อริยธมฺมวินโย, ตทภาวโต อริยธมฺเม อวินีโต. เอตฺถ ปทฏฺานวิภาโค เหฏฺา ทสฺสิโตเยว. ‘‘สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติอาทีสุ มฺนาวตฺถุวิภาโค ปาฬิยํ อาคโตว, ตถา อชฺฌตฺติกพาหิราทิโก จ อนฺตรวิภาโค.
มฺนา ¶ ปน ตณฺหามานทิฏฺิวเสน สงฺเขปโต ติวิธา, วิตฺถารโต ปน ตณฺหามฺนา ตาว กามตณฺหาทิวเสน อฏฺสตวิธา, ตถา ‘‘อสฺมีติ สติ อิตฺถํสฺมีติ โหตี’’ติอาทินา. เอวํ มานมฺนาปิ. ‘‘อสฺมีติ สติ อิตฺถํสฺมีติ โหตี’’ติอาทินา ปปฺจตฺตยํ อุทฺทิฏฺํ นิทฺทิฏฺฺจาติ ¶ . เอเตน ทิฏฺิมฺนายปิ อฏฺสตวิธตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อปิจ เสยฺยสฺส ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา มานมฺนาย นววิธตา ตทนฺตรเภเทน อเนกวิธตา จ เวทิตพฺพา. อยฺจ อตฺโถ หีนตฺติกตฺถวณฺณนาย วิภาเวตพฺโพ. ทิฏฺิมฺนาย ปน พฺรหฺมชาเล อาคตนเยน ทฺวาสฏฺิวิธตา ตทนฺตรเภเทน อเนกวิธตา จ เวทิตพฺพา. ‘‘อปริฺาต’’นฺติ เอตฺถ าตปริฺาทิวเสน เจว รูปมุขาทิอภินิเวสเภทาทิวเสน จ ปริฺานํ อเนกวิธตา เวทิตพฺพา. ตถา อฏฺมกาทิวเสน เสกฺขวิภาโค ปฺาวิมุตฺตาทิวเสน อเสกฺขวิภาโค จ. อยเมตฺถ ธมฺมวิภาโค. ปทฏฺานวิภาโค จ ภูมิวิภาโค จ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพาติ. อยํ วิภตฺติหาโร.
๙. ปริวตฺตหารวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ ‘‘สพฺพธมฺมา’’ติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา คหิตา, เตสํ มูลการณนฺติ จ ตณฺหามานทิฏฺิโย. ตถา อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโตติ. ยาวกีวฺจ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สุภโต สุขโต นิจฺจโต อตฺตโต สมนุปสฺสนวเสน ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ ตณฺหามานทิฏฺิคาหา น สมุจฺฉิชฺชนฺติ, ตาว เนสํ ปพนฺธูปรโม สุปินนฺเตปิ น เกนจิ ลทฺธปุพฺโพ. ยทา ปน เนสํ อสุภโต ทุกฺขโต อนิจฺจโต อนตฺตโต สมนุปสฺสนวเสน ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ ปวตฺตมานา อปฺปณิหิตานิมิตฺตสฺุตานุปสฺสนา อุสฺสกฺกิตฺวา อริยมคฺคาธิคมาย สํวตฺตนฺติ, อถ เนสํ ปพนฺธูปรโม โหติ อจฺจนฺตอปฺปฺตฺติกภาวูปคมนโต. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพธมฺมาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา คหิตา, เตสํ มูลการณนฺติ จ ตณฺหามานทิฏฺิโย’’ติ. ตถา อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต ตีหิปิ มฺนาหิ ปถวึ มฺติ ยาว นิพฺพานํ อภินนฺทติ, ตีหิปิ ปริฺาหิ ตสฺส ตํ วตฺถุ อปริฺาตนฺติ กตฺวา. ยสฺส ปน ตํ วตฺถุ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาตํ, น โส อิตโร วิย ตํ มฺติ. เตนาห ¶ ภควา ‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก…เป… สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ, เวทนํ…เป… อสติ น ปริตสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑). เสกฺโข ปถวึ มา มฺิ, ยาว นิพฺพานํ มาภินนฺทิ, อรหา สมฺมาสมฺพุทฺโธ จ ปถวึ น มฺติ, ยาว นิพฺพานํ นาภินนฺทติ, มฺนามฺิเตสุ วตฺถูสุ มตฺตโส สพฺพโส จ ปริฺาภิสมยสํสิทฺธิยา ปหานาภิสมยนิพฺพตฺติโต. ยสฺส ปน เตสุ วตฺถูสุ สพฺพโส มตฺตโส วา ปริฺา เอว นตฺถิ, กุโต ปหานํ, โส ยถาปริกปฺปํ นิรงฺกุสาหิ มฺนาหิ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ¶ มฺเตว. เตนาห ภควา ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต รูปํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ, เวทนํ…เป…, สฺ…เป…’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๔๑). อยํ ปริวตฺโต หาโร.
๑๐. เววจนหารวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมา สกลธมฺมา อนวเสสธมฺมา’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘มูลปริยายํ มูลการณํ อสาธารณเหตุ’’นฺติ ปริยายวจนํ, ‘‘มูลปริยายนฺติ วา มูลเทสนํ การณตถน’’นฺติ ปริยายวจนํ, ‘‘โว ตุมฺหากํ ตุมฺห’’นฺติ ปริยายวจนํ, ‘‘ภิกฺขเว, สมณา ตปสฺสิโน’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘เทเสสฺสามี กเถสฺสามี ปฺเปสฺสามี’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘สุณาถ โสตํ โอทหถ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาเรถา’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘สาธุกํ สมฺมา สกฺกจฺจ’’นฺติ ปริยายวจนํ, ‘‘มนสิ กโรถ จิตฺเต เปถ สมนฺนาหรถา’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘ภาสิสฺสามิ พฺยตฺตํ กเถสฺสามิ วิภชิสฺสามี’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘เอวํ, ภนฺเต, สาธุ สุฏฺุ ภนฺเต’’ติ ปริยายวจนํ, ‘‘ปจฺจสฺโสสุํ สมฺปฏิจฺฉึสุ สมฺปฏิคฺคเหสุ’’นฺติ ปริยายวจนํ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ เววจนํ วตฺตพฺพนฺติ. อยํ เววจโน หาโร.
๑๑. ปฺตฺติหารวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมา นาม สกฺกายธมฺมา, เต ขนฺธวเสน ปฺจธา ปฺตฺตา, อายตนวเสน ทฺวาทสธา, ธาตุวเสน อฏฺารสธา ¶ ปฺตฺตา. ‘‘มูล’’นฺติ วา ‘‘มูลปริยาย’’นฺติ วา มฺนา วุตฺตา, ตา ตณฺหามานทิฏฺิวเสน ติธา อนฺตรเภเทน อเนกธา จ ปฺตฺตา. อถ วา ‘‘สพฺพธมฺมา’’ติ เตภูมกธมฺมานํ สงฺคหปฺตฺติ, ‘‘มูลปริยาย’’นฺติ เตสํ ปภวปฺตฺติ, ‘‘โว’’ติ สมฺปทานปฺติ, ‘‘เทเสสฺสามิ ภาสิสฺสามี’’ติ ปฏิฺาปฺตฺติ, ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ จ อาณาปนปฺตฺติ, ‘‘อสฺสุตวา’’ติ ปฏิเวธวิมุขตาปฺตฺติ เจว ปริยตฺติวิมุขตาปฺตฺติ จ, ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ อนริยปฺตฺติ, สา อริยธมฺมปฏิกฺเขปปฺตฺติ เจว อริยธมฺมวิรหปฺตฺติ จ, ‘‘อริยาน’’นฺติ อสมปฺตฺติ เจว สมปฺตฺติ จ. ตตฺถ อสมปฺตฺติ ตถาคตปฺตฺติ, สมปฺตฺติ ปจฺเจกพุทฺธานฺเจว อุภโตภาควิมุตฺตาทีนฺจ วเสน อฏฺวิธา เวทิตพฺพา. ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติอาทิ ทสฺสนภาวนาปฏิกฺเขปปฺตฺติ, ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติอาทิ ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ สมฺมสนุปคานํ อินฺทฺริยานํ นิกฺเขปปฺตฺติ ¶ เจว ปภวปฺตฺติ จ, ตถา วิปลฺลาสานํ กิจฺจปฺตฺติ ปริยุฏฺานํ ทสฺสนปฺตฺติ กิเลสานํ ผลปฺตฺติ อภิสงฺขารานํ วิรูหนปฺตฺติ ตณฺหาย อสฺสาทนปฺตฺติ ทิฏฺิยา วิปฺผนฺทนปฺตฺติ, ‘‘เสกฺขา’’ติ สทฺธานุสารีสทฺธาวิมุตฺตทิฏฺิปฺปตฺตกายสกฺขีนํ ทสฺสนปฺตฺติ เจว ภาวนาปฺตฺติ จ ‘‘อปฺปตฺตมานโส’’ติ เสกฺขธมฺมานํ ิติปฺตฺติ, ‘‘อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ ปตฺถยมาโน’’ติ ปฺาย อภินิพฺพิทาปฺตฺติ, ‘‘อภิชานาตี’’ติ อภิฺเยฺยธมฺมานํ อภิฺาปฺตฺติ, ทุกฺขสฺส ปริฺาปฺตฺติ, สมุทยสฺส ปหานปฺตฺติ, นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยาปฺตฺติ, มคฺคสฺส ภาวนาปฺตฺติ, ‘‘มา มฺี’’ติ มฺนานํ ปฏิกฺเขปปฺตฺติ, สมุทยสฺส ปหานปฺตฺติ. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ วิตฺถาเรตพฺพํ. อยํ ปฺตฺติ หาโร.
๑๒. โอตรณหารวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมา นาม โลกิยา ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ อฏฺารส ธาตุโย ทฺเว สจฺจานิ เอกูนวิสติ อินฺทฺริยานิ ทฺวาทสปทิโก ปจฺจยากาโรติ, อยํ สพฺพธมฺมคฺคหเณน ขนฺธาทิมุเขน เทสนาย โอตรณํ. ‘‘มูล’’นฺติ วา ‘‘มูลปริยาย’’นฺติ วา มฺนา วุตฺตา, ตา อตฺถโต ตณฺหา มาโน ทิฏฺิ จาติ เตสํ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคโหติ อยํ ขนฺธมุเขน โอตรณํ. ตถา ‘‘ธมฺมายตนธมฺมธาตูหิ สงฺคโห’’ติ อยํ อายตนมุเขน ธาตุมุเขน จ โอตรณํ. ‘‘อสฺสุตวา’’ติ อิมินา สุตสฺส ¶ วิพนฺธภูตา อวิชฺชาทโย คหิตา, ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ อิมินา เยสํ กิเลสาภิสงฺขารานํ ชนนาทินา ปุถุชฺชโนติ วุจฺจติ, เต กิเลสาภิสงฺขาราทโย คหิตา, ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติอาทินา เยสํ กิเลสธมฺมานํ วเสน อริยานํ อทสฺสาวิอาทิภาโว โหติ, เต ทิฏฺิมานาวิชฺชาทโย คหิตาติ สพฺเพหิ เตหิ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคโหติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว โอตรณํ เวทิตพฺพํ. ‘‘สฺชานาติ มฺติ อภิชานาติ น มฺตี’’ติ เอตฺถาปิ สฺชานนมฺนาอภิชานนานุปสฺสนานํ สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนตฺตา วุตฺตนเยเนว โอตรณํ เวทิตพฺพํ. ตถา เสกฺขคฺคหเณน เสกฺขา, ‘‘อรห’’นฺติอาทินา อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย คหิตาติ เอวมฺปิ ขนฺธมุเขน โอตรณํ, อายตนธาตาทิมุเขน จ โอตรณํ เวทิตพฺพํ. ตถา ‘‘น มฺตี’’ติ ตณฺหาคาหาทิปฏิกฺเขเปน ทุกฺขานุปสฺสนาทโย คหิตา, เตสํ วเสน อปฺปณิหิตวิโมกฺขมุขาทีหิ โอตรณํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ปริฺาต’’นฺติ อิมินา ปริชานนกิจฺเจน ปวตฺตมานา โพธิปกฺขิยธมฺมา คยฺหนฺตีติ สติปฏฺานาทิมุเขน โอตรณํ เวทิตพฺพํ. นนฺทิคฺคหเณน ภวคฺคหเณน ตณฺหาคหเณน จ สมุทยสจฺจํ, ทุกฺขคฺคหเณน ชาติชรามรณคฺคหเณน จ ทุกฺขสจฺจํ, ‘‘ตณฺหานํ ขยา’’ติอาทินา ¶ นิโรธสจฺจํ, อภิสมฺโพธิยา คหเณน มคฺคสจฺจํ คหิตนฺติ อริยสจฺเจหิ โอตรณนฺติ. อยํ โอตรโณ หาโร.
๑๓. โสธนหารวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว…เป… อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา…เป… ปถวึ ปถวิโต สฺชานาตี’’ติ อารมฺโภ. ‘‘ปถวึ ปถวิยา สฺตฺวา ปถวึ มฺตี’’ติ ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิ. ตถา ‘‘ปถวิยา มฺติ ปถวิโต มฺติ ปถวึ เมติ มฺติ ปถวึ อภินนฺทตี’’ติ ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิ. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ อปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามี’’ติ ปทสุทฺธิ เจว อารมฺภสุทฺธิ จ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโยติ. อยํ โสธโน หาโร.
๑๔. อธิฏฺานหารวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมคฺคหณํ สามฺโต อธิฏฺานํ. ‘‘ปถวึ อาป’’นฺติอาทิ ปน ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ. ตถา ‘‘มูลปริยาย’’นฺติ ¶ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘ปถวึ มฺติ…เป… อภินนฺทตี’’ติ. ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติ จ สามฺโต อธิฏฺานํ ตณฺหาทิคฺคาหานํ สาธารณตฺตา มฺนาย, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ, เอวํ สุตฺตนฺตรปทานิปิ อาเนตฺวา วิเสสวจนํ นิทฺธาเรตพฺพํ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย. ‘‘เสกฺโข’’ติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘กายสกฺขี ทิฏฺิปฺปตฺโต สทฺธาวิมุตฺโต สทฺธานุสารี ธมฺมานุสารี’’ติ. ตถา ‘‘เสกฺโข’’ติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสกฺขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ…เป… เสกฺเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๓). ‘‘อรห’’นฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘อุภโตภาควิมุตฺโต ปฺาวิมุตฺโต (ปุ. ป. ๑๓.๒; ๑๕.๑ มาติกา), เตวิชฺโช ฉฬภิฺโ’’ติ (ปุ. ป. ๗.๒๖, ๒๗ มาติกา) จ. ‘‘ขีณาสโว’’ติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถา’’ติอาทิ (ปารา. ๑๔). เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ‘‘อภิชานาตี’’ติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘มฺตี’’ติ. มฺนาภาโว หิสฺส ปหานปฏิเวธสิทฺโธ, ปหานปฏิเวโธ ¶ จ ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาปฏิเวเธหิ น วินาติ สพฺเพปิ อภิฺาวิเสสา มฺนาปฏิกฺเขเปน อตฺถโต คหิตาว โหนฺตีติ. ตถา ‘‘อรห’’นฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘วีตราคตฺตา วีตโทสตฺตา วีตโมหตฺตา’’ติ. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ สามฺวิเสสนิทฺธารณา เวทิตพฺพา. อยํ อธิฏฺาโน หาโร.
๑๔. ปริกฺขารหารวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมา นาม ปริยาปนฺนธมฺมา, เต กุสลากุสลาพฺยากตเภเทน ติวิธา. เตสุ กุสลานํ โยนิโสมนสิกาโร อโลภาทโย จ เหตู, อกุสลานํ อโยนิโสมนสิกาโร โลภาทโย จ เหตู, อพฺยากเตสุ วิปากานํ ยถาสกํ กมฺมํ, อิตเรสํ ภวงฺคมาวชฺชนสมนฺนาหาราทิ จ เหตู. เอตฺถ จ สปฺปุริสูปนิสฺสยาทิโก ปจฺจโย เหตุมฺหิ เอว สมวรุฬฺโห, โส ตตฺถ ¶ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺโพ. ‘‘มูล’’นฺติ วุตฺตานํ มฺนานํ เหตุภาโว ปาฬิยํ วุตฺโต เอว. มฺนาสุ ปน ตณฺหามฺนาย อสฺสาทานุปสฺสนา เหตุ. ‘‘สฺโชนิเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๒) หิ วุตฺตํ. มานมฺนาย ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโลโภ เหตุ เกวลํ สํสคฺควเสน ‘‘อหมสฺมี’’ติ ปวตฺตนโต. ทิฏฺิมฺนาย เอกตฺตนยาทีนํ อยาถาวคฺคาโห เหตุ, อสฺสุตภาโว ปุถุชฺชนภาวสฺส เหตุ, โส อริยานํ อทสฺสนสีลตาย, สา อริยธมฺมสฺส อโกวิทตาย, สา อริยธมฺเม อวินีตตาย เหตุ, สพฺพา จายํ เหตุปรมฺปรา ปถวีอาทีสุ ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ ติสฺสนฺนํ มฺนานํ เหตุ, เสกฺขารหาทิภาวา ปน มตฺตโส สพฺพโส จ มฺนาภาวสฺส เหตูติ. อยํ ปริกฺขาโร หาโร.
๑๖. สมาโรปนหารวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติอาทีสุ มูลปริยายคฺคหเณน อสฺสุตวาคหเณน สฺชานนมฺนาปริฺาคหเณหิ จ สํกิเลสธมฺมา ทสฺสิตา, เต จ สงฺเขปโต ติวิธา ตณฺหาสํกิเลโส ทิฏฺิสํกิเลโส ทุจฺจริตสํกิเลโสติ. ตตฺถ ตณฺหาสํกิเลโส ตณฺหาสํกิเลสสฺส, ทิฏฺิสํกิเลสสฺส, ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส จ ปทฏฺานํ, ตถา ทิฏฺิสํกิเลโส ทิฏฺิสํกิเลสสฺส, ตณฺหาสํกิเลสสฺส, ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส จ ปทฏฺานํ, ทุจฺจริตสํกิเลโสปิ ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส, ตณฺหาสํกิเลสสฺส, ทิฏฺิสํกิเลสสฺส จ ปทฏฺานํ. เตสุ ตณฺหาสํกิเลโส อตฺถโต โลโภว, โย ‘‘โลโภ ลุพฺภนา ลุพฺภิตตฺตํ สาราโค สารชฺชนา สารชฺชิตตฺต’’นฺติอาทินา ¶ (ธ. ส. ๓๘๙) อเนเกหิ ปริยาเยหิ วิภตฺโต. ตถา ทิฏฺิเยว ทิฏฺิสํกิเลโส, โย ‘‘ทิฏฺิคตํ ทิฏฺิคหนํ ทิฏฺิกนฺตาโร ทิฏฺิวิสูกํ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิต’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๐๕) อเนเกหิ ปริยาเยหิ, ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๐) ทฺวาสฏฺิยา ปเภเทหิ จ วิภตฺโต. ทุจฺจริตสํกิเลโส ปน อตฺถโต ทุสฺสีลฺยเจตนา เจว เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา จ, ยา ‘‘กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ กายวิสมํ วจีวิสม’’นฺติ (วิภ. ๙๑๓, ๙๒๔), ‘‘ปาณาติปาโต อทินฺนาทาน’’นฺติ (วิภ. ๙๑๓) จ อาทินา อเนเกหิ ปริยาเยหิ, อเนเกหิ ปเภเทหิ จ วิภตฺตา.
เตสุ ¶ ตณฺหาสํกิเลสสฺส สมโถ ปฏิปกฺโข, ทิฏฺิสํกิเลสสฺส วิปสฺสนา, ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส สีลํ ปฏิปกฺโข. เต ปน สีลาทโย ธมฺมา อิธ ปริฺาคหเณน เสกฺขคฺคหเณน ‘‘อรห’’นฺติอาทินา อริยตาทิคฺคหเณน จ คหิตา. ตตฺถ สีเลน ทุจฺจริตสํกิเลสปฺปหานํ สิชฺฌติ, ตถา ตทงฺคปฺปหานํ วีติกฺกมปฺปหานฺจ, สมเถน ตณฺหาสํกิเลสปฺปหานํ สิชฺฌติ, ตถา วิกฺขมฺภนปฺปหานํ ปริยุฏฺานปฺปหานฺจ. วิปสฺสนาย ทิฏฺิสํกิเลสปฺปหานํ สิชฺฌติ, ตถา สมุจฺเฉทปฺปหานํ อนุสยปฺปหานฺจ. ตตฺถ ปุพฺพภาเค สีเล ปติฏฺิตสฺส สมโถ, สมเถ ปติฏฺิตสฺส วิปสฺสนา, มคฺคกฺขเณ ปน สมกาลเมว ภวนฺติ. ปุพฺเพเยว หิ สุปริสุทฺธกายวจีกมฺมสฺส สุปริสุทฺธาชีวสฺส จ สมถวิปสฺสนา อารทฺธา คพฺภํ คณฺหนฺติโย ปริปากํ คจฺฉนฺติโย วุฏฺานคามินิวิปสฺสนํ ปริพฺรูเหนฺติ, วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺตี มคฺเคน ฆเฏนฺติ มคฺคกฺขเณ สมถวิปสฺสนา ปริปูเรติ. อถ มคฺคกฺขเณ สมถวิปสฺสนาภาวนาปาริปูริยา อนวเสสสํกิเลสธมฺมํ สมุจฺฉินฺทนฺติโย นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺตีติ. อยํ สมาโรปโน หาโร.
โสฬสหารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจวิธนยวณฺณนา
๑. นนฺทิยาวฏฺฏนยวณฺณนา
‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติอาทีสุ ¶ สพฺพธมฺมมูลคฺคหเณน มฺนาคหเณน จ ตณฺหามานทิฏฺิโย คหิตา. มฺนานมฺปิ หิ มฺนา การณนฺติ ทสฺสิโตยมตฺโถ. ‘‘อสฺสุตวา’’ติอาทินา อวิชฺชามานทิฏฺิโย คหิตา, สพฺเพปิ วา สํกิเลสธมฺมา, ตถา สฺาอปริฺาตคฺคหเณน. ‘‘ขีณาสโว ปริกฺขีณภวสฺโชโน’’ติ เอตฺถ ปน อาสวา สฺโชนานิ จ สรูปโต คหิตานิ, ตถา นนฺทิคฺคหเณน ตณฺหาคหเณน จ ตณฺหา, เอวมฺเปตฺถ สรูปโต ปริยายโต จ ตณฺหา อวิชฺชา ตปฺปกฺขิยธมฺมา จ คหิตา. ตตฺถ ตณฺหาย วิเสสโต รูปธมฺมา อธิฏฺานํ, อวิชฺชาย อรูปธมฺมา, เต ปน สพฺพธมฺมคฺคหเณน ปถวีอาทิคฺคหเณน จ ทสฺสิตา เอว. ตาสํ สมโถ วิปสฺสนา จ ปฏิปกฺโข, เตสเมตฺถ คเหตพฺพากาโร เหฏฺา ทสฺสิโต เอว. สมถสฺส เจโตวิมุตฺติ ผลํ ¶ , วิปสฺสนาย ปฺาวิมุตฺติ. ตถา หิ ตา ‘‘ราควิราคา’’ติอาทินา วิเสเสตฺวา วุจฺจนฺติ, อิมาสเมตฺถ คหณํ สมฺมทฺาวิมุตฺตวีตราคาทิวจเนหิ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ตณฺหาวิชฺชา สมุทยสจฺจํ, ตปฺปกฺขิยธมฺมา ปน ตคฺคหเณเนว คหิตาติ เวทิตพฺพา. เตสํ อธิฏฺานภูตา วุตฺตปฺปเภทา รูปารูปธมฺมา ทุกฺขสจฺจํ, เตสํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจํ. ตณฺหาคหเณน เจตฺถ มายา-สาเยฺย-มานาติมาน-มทปฺปมาท-ปาปิจฺฉตา-ปาปมิตฺตตา-อหิริกาโนตฺตปฺปาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ, อวิชฺชาคหเณน วิปรีตมนสิการ-โกธูปนาห-มกฺข-ปฬาส-อิสฺสา-มจฺฉริย- สารมฺภโทวจสฺสตา-ภวทิฏฺิ-วิภวทิฏฺิอาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ, วุตฺตวิปริยาเยน อมายาอสาเยฺยาทิอวิปรีตมนสิการาทิวเสน, ตถา สมถปกฺขิยานํ สทฺธินฺทฺริยาทีนํ วิปสฺสนาปกฺขิยานํ อนิจฺจสฺาทีนฺจ วเสน โวทานปกฺโข เนตพฺโพติ. อยํ นนฺทิยาวฏฺฏสฺส น ยสฺส ภูมิ.
๒. ติปุกฺขลนยวณฺณนา
ตถา วุตฺตนเยน สรูปโต ปริยายโต จ คหิเตสุ ตณฺหาวิชฺชาตปฺปกฺขิยธมฺเมสุ ตณฺหา โลโภ, อวิชฺชา โมโห, อวิชฺชาย สมฺปยุตฺโต โลหิเต สติ ปุพฺโพ วิย ตณฺหาย สติ สิชฺฌมาโน อาฆาโต โทโส, อิติ ตีหิ อกุสลมูเลหิ คหิเตหิ, ตปฺปฏิปกฺขโต มฺนาปฏิกฺเขปปริฺาคหณาทีหิ จ กุสลมูลานิ สิทฺธานิเยว โหนฺติ. อิธาปิ ‘‘โลโภ สพฺพานิ ¶ วา สาสวกุสลากุสลมูลานิ สมุทยสจฺจํ, เตหิ นิพฺพตฺตา, เตสํ อธิฏฺานโคจรภูตา จ อุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทินา สจฺจโยชนา เวทิตพฺพา. ผลํ ปเนตฺถ ตโย วิโมกฺขา, ตีหิ ปน อกุสลมูเลหิ ติวิธทุจฺจริต-สํกิเลสมล-วิสมอกุสล-สฺา-วิตกฺกาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ. ตถา ตีหิ กุสลมูเลหิ ติวิธสุจริต-สมกุสล-สฺา-วิตกฺก-สทฺธมฺม-สมาธิ-วิโมกฺขมุข-วิโมกฺขา-ทิวเสน กุสลปกฺโข เนตพฺโพติ. อยํ ติปุกฺขลสฺส นยสฺส ภูมิ.
๓. สีหวิกฺกีฬิตนยวณฺณนา
ตถา วุตฺตนเยน สรูปโต ปริยายโต จ คหิเตสุ ตณฺหาวิชฺชาตปฺปกฺขิยธมฺเมสุ วิเสสโต ตณฺหาทิฏฺีนํ วเสน อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ ¶ , ทุกฺเข ‘‘สุข’’นฺติ จ วิปลฺลาสา, อวิชฺชาทิฏฺีนํ วเสน อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ, อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ จ วิปลฺลาสา เวทิตพฺพา. เตสํ ปฏิปกฺขโต มฺนาปฏิกฺเขปปริฺาคหณาทิสิทฺเธหิ สติวีริยสมาธิปฺินฺทฺริเยหิ จตฺตาริ สติปฏฺานานิ สิทฺธาเนว โหนฺติ. ตตฺถ จตูหิ อินฺทฺริเยหิ จตฺตาโร ปุคฺคลา นิทฺทิสิตพฺพา. กถํ? ทุวิโธ หิ ตณฺหาจริโต มุทินฺทฺริโย ติกฺขินฺทฺริโยติ, ตถา ทิฏฺิจริโต. เตสํ ปโม อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ วิปริยาสคฺคาหี สติพเลน ยถาภูตํ กายสภาวํ สลฺลกฺเขนฺโต ตํ วิปลฺลาสํ สมุคฺฆาเฏตฺวา สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. ทุติโย อสุเข ‘‘สุข’’นฺติ วิปริยาสคฺคาหี ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๑๐; ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๔, ๑๑๔; อ. นิ. ๖.๕๘) วุตฺเตน วีริยสํวรภูเตน วีริยพเลน ตํ วิปลฺลาสํ วิธเมนฺโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. ตติโย อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ อยาถาวคฺคาหี สมาธิพเลน สมาหิตจิตฺโต สงฺขารานํ ขณิกภาวสลฺลกฺขเณน ตํ วิปลฺลาสํ สมุคฺฆาเฏนฺโต อริยภูมึ โอกฺกมติ. จตุตฺโถ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณฆนวฺจิตตาย ผสฺสาทิธมฺมปฺุชมตฺเต อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ มิจฺฉาภินิเวสี จตุโกฏิกสฺุตามนสิกาเรน ตํ มิจฺฉาภินิเวสํ วิทฺธํเสนฺโต สามฺผลํ สจฺฉิกโรติ.
อิธาปิ สุภสฺาสุขสฺาหิ จตูหิปิ วา วิปลฺลาเสหิ สมุทยสจฺจํ, เตสํ อธิฏฺานารมฺมณภูตา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจนฺติอาทินา สจฺจโยชนา เวทิตพฺพา. ผลํ ปเนตฺถ จตฺตาริ สามฺผลานิ, จตูหิ จิตฺตวิปลฺลาเสหิ จตุราสโวฆ-โยค-กายคนฺถ-อคติ-ตณฺหุปฺปาท-สลฺลุปาทาน-วิฺาณฏฺิติ-อปริฺาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ. ตถา จตูหิ สติปฏฺาเนหิ ¶ จตุพฺพิธฌาน-วิหาราธิฏฺาน-สุขภาคิยธมฺม-อปฺปมฺา-สมฺมปฺปธาน-อิทฺธิปาทา- ทิวเสน โวทานปกฺโข เนตพฺโพติ. อยํ สีหวิกฺกีฬิตสฺส นยสฺส ภูมิ.
๔-๕. ทิสาโลจน-องฺกุสนยทฺวยวณฺณนา
อิเมสํ ปน ติณฺณํ อตฺถนยานํ สิทฺธิยา โวหาเรน นยทฺวยํ สิทฺธเมว โหติ. ตถา หิ อตฺถนยานํ ทิสาภูตธมฺมานํ สมาโลจนํ ทิสาโลจนํ, เตสํ สมานยนํ องฺกุโสติ ปฺจปิ นยา นิยุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
ปฺจวิธนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
สาสนปฏฺานวณฺณนา
อิทฺจ ¶ สุตฺตํ โสฬสวิเธ สุตฺตนฺตปฏฺาเน สํกิเลสนิพฺเพธาเสกฺขภาคิยํ, สพฺพภาคิยเมว วา ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺพธมฺมคฺคหเณน โลกิยกุสลานมฺปิ สงฺคหิตตฺตา. อฏฺวีสติวิเธน ปน สุตฺตนฺตปฏฺาเน โลกิยโลกุตฺตรสพฺพธมฺมาธิฏฺานํ าณเยฺยํ ทสฺสนภาวนํ สกวจนํ วิสฺสชฺชนียํ กุสลากุสลํ อนฺุาตํ ปฏิกฺขิตฺตํ จาติ เวทิตพฺพํ.
เนตฺตินยวณฺณนา นิฏฺิตา.
มูลปริยายสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนา
๑๔. อปุพฺพปทวณฺณนาติ ¶ อตฺถสํวณฺณนาวเสน เหฏฺา อคฺคหิตตาย อปุพฺพสฺส อภินวสฺส ปทสฺส วณฺณนา อตฺถวิภชนา. ‘‘หิตฺวา ปุนปฺปุนาคตมตฺถ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. นิวาสฏฺานภูตา ภูตปุพฺพนิวาสฏฺานภูตา, นิวาสฏฺาเน วา ภูตา นิพฺพตฺตา นิวาสฏฺานภูตา, ตตฺถ มาปิตาติ อตฺโถ. ยถา กากนฺที มากนฺที โกสมฺพีติ ยถา กากนฺทสฺส อิสิโน นิวาสฏฺาเน มาปิตา นครี กากนฺที, มากนฺทสฺส นิวาสฏฺาเน มาปิตา มากนฺที, กุสมฺพสฺสนิวาสฏฺาเน มาปิตา โกสมฺพีติ วุจฺจติ, เอวํ สาวตฺถีติ ทสฺเสติ. อุปเนตฺวา สมีเป กตฺวา ภฺุชิตพฺพโต อุปโภโค, สวิฺาณกวตฺถุ. ปริโต สพฺพทา ภฺุชิตพฺพโต ปริโภโค, นิวาสนปารุปนาทิ อวิฺาณกวตฺถุ. สพฺพเมตฺถ อตฺถีติ นิรุตฺตินเยน สาวตฺถี-สทฺทสิทฺธิมาห. สตฺถสมาโยเคติ สตฺถสฺส นคริยา สมาคเม, สตฺเถ ตํ นครํ อุปคเตติ อตฺโถ. ปุจฺฉิเต สตฺถิกชเนหิ.
สโมหิตนฺติ สนฺนิจิตํ. รมฺมนฺติ อนฺโต พหิ จ ภูมิภาคสมฺปตฺติยา เจว อารามุยฺยานสมฺปตฺติยา จ รมณียํ. ทสฺสเนยฺยนฺติ วิสิขาสนฺนิเวสสมฺปตฺติยา เจว ปาสาทกูฏาคาราทิสมฺปตฺติยา จ ทสฺสนียํ ปสฺสิตพฺพยุตฺตํ. อุปโภคปริโภควตฺถุสมฺปตฺติยา เจว นิวาสสุขตาย จ นิพทฺธวาสํ วสนฺตานํ อิตเรสฺจ สตฺตานํ มนํ รเมตีติ มโนรมํ. ทสหิ สทฺเทหีติ หตฺถิสทฺโท, อสฺส-รถ-เภริ-สงฺข-มุทิงฺค-วีณา-คีต สมฺมตาฬสทฺโท, อสฺนาถ-ปิวถ-ขาทถาติ-สทฺโทติ ¶ อิเมหิ ทสหิ สทฺเทหิ. อวิวิตฺตนฺติ น วิวิตฺตํ, สพฺพกาลํ โฆสิตนฺติ อตฺโถ.
วุทฺธึ เวปุลฺลตํ ปตฺตนฺติ ตนฺนิวาสี สตฺตวุทฺธิยา วุทฺธึ, ตาย ปริวุทฺธิตาเยว วิปุลภาวํ ปตฺตํ, พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสนฺติ อตฺโถ. วิตฺตูปกรณสมิทฺธิยา อิทฺธํ. สพฺพกาลํ สุภิกฺขภาเวน ผีตํ. อนฺตมโส วิฆาสาเท อุปาทาย สพฺเพสํ กปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานมฺปิ อิจฺฉิ ตตฺถนิปฺผตฺติยา มนฺุํ ชาตํ, ปเคว อิสฺสริเย ิตานนฺติ ทสฺสนตฺถํ ปุน ‘‘มโนรม’’นฺติ วุตฺตํ. อฬกมนฺทาวาติ อาฏานาฏาทีสุ ทสสุ เวสฺสวณมหาราชสฺส นครีสุ อฬกมนฺทา นาม เอกา นครี, ยา โลเก อฬากา เอว วุจฺจติ ¶ . สา ยถา ปฺุกมฺมีนํ อาวาสภูตา อารามรามเณยฺยกาทินา โสภคฺคปฺปตฺตา, เอวํ สาวตฺถีปีติ วุตฺตํ ‘‘อฬกมนฺทาวา’’ติ. เทวานนฺติ เวสฺสวณปกฺขิยานํ จาตุมหาราชิกเทวานํ.
ชินาตีติ อิมินา โสต-สทฺโท วิย กตฺตุสาธโน เชต-สทฺโทติ ทสฺเสติ. รฺาติ ปเสนทิโกสลราเชน. ราชคตํ ชยํ อาโรเปตฺวา กุมาโร ชิตวาติ เชโตติ วุตฺโต. มงฺคลกพฺยตายาติอาทินา ‘‘เชยฺโย’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ ‘‘เชโต’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. สพฺพกามสมิทฺธิตายาติ สพฺเพหิ อุปโภคปริโภควตฺถูหิ ผีตภาเวน วิภวสมฺปนฺนตายาติ อตฺโถ. สมิทฺธาปิ มจฺฉริโน กิฺจิ น เทนฺตีติ อาห ‘‘วิคตมลมจฺเฉรตายา’’ติ, ราคโทสาทิมลานฺเจว มจฺฉริยสฺส จ อภาเวนาติ อตฺโถ. สมิทฺธา อมจฺฉริโนปิ จ กรุณาสทฺธาทิคุณวิรหิตา อตฺตโน สนฺตกํ ปเรสํ น ทเทยฺยุนฺติ อาห ‘‘กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จา’’ติ. เตนาติ อนาถานํ ปิณฺฑทาเนน. สทฺทตฺถโต ปน ทาตพฺพภาเวน สพฺพกาลํ อุปฏฺปิโต อนาถานํ ปิณฺโฑ เอตสฺส อตฺถีติ อนาถปิณฺฑิโก. ปฺจวิธเสนาสนงฺคสมฺปตฺติยาติ ‘‘นาติทูรํ นจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺน’’นฺติ เอกํ องฺคํ, ‘‘ทิวา อปฺปากิณฺณํ รตฺตึ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆส’’นฺติ เอกํ, ‘‘อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺส’’นฺติ เอกํ, ‘‘ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส อปฺปกสิเรน อุปฺปชฺชนฺติ จีวร…เป… ปริกฺขารา’’ติ เอกํ, ‘‘ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา’’ติ เอกํ, เอวเมเตหิ ปฺจวิธเสนาสนงฺเคหิ สมฺปนฺนตาย. ยทิ เชตวนํ ตถํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโมติ อาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ.
กีตกาลโต ¶ ปฏฺาย อนาถปิณฺฑิกสฺเสว ตํ วนํ, อถ กสฺมา อุภินฺนํ ปริกิตฺตนนฺติ อาห ‘‘เชตวเน’’ติอาทิ. ‘‘ยทิปิ โส ภูมิภาโค โกฏิสนฺถเรน มหาเสฏฺินา กีโต, รุกฺขา ปน เชเตน น วิกฺกีตาติ เชตวนนฺติ วตฺตพฺพตํ ลภี’’ติ วทนฺติ.
กสฺมา อิทํ สุตฺตมภาสีติ กเถตุกมฺยตาย สุตฺตนิกฺเขปํ ปุจฺฉติ. สามฺโต หิ ภควโต เทสนาการณํ ปากฏเมวาติ. โก ปนายํ สุตฺตนิกฺเขโปติ? อตฺตชฺฌาสโย. ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เอว หิ ภควา อตฺตโน อชฺฌาสเยน อิมํ สุตฺตํ เทเสตีติ อาจริยา. ยสฺมา ปเนส ภิกฺขูนํ อุปกฺกิลิฏฺจิตฺตตํ วิทิตฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู อิมาย เทสนาย อุปกฺกิเลสวิโสธนํ กตฺวา อาสวกฺขยาย ปฏิปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ อยํ เทสนา อารทฺธา, ตสฺมา ปรชฺฌาสโยติ อปเร. อุภยมฺปิ ปน ยุตฺตํ. อตฺตชฺฌาสยาทีนฺหิ สํสคฺคเภทสฺส สมฺภโว เหฏฺา ทสฺสิโตวาติ. เตสํ ภิกฺขูนนฺติ ตทา ธมฺมปฏิคฺคาหตภิกฺขูนํ. อุปกฺกิเลสวิโสธนนฺติ สมถวิปสฺสนุปกฺกิเลสโต ¶ จิตฺตสฺส วิโสธนํ. ปมฺหิ ภควา อนุปุพฺพิกถาทินา ปฏิปตฺติยา สํกิเลสํ นีหริตฺวา ปจฺฉา สามุกฺกํสิกํ เทสนํ เทเสติ เขตฺเต ขาณุกณฺฏกคุมฺพาทิเก อวหริตฺวา กสนํ วิย, ตสฺมา กมฺมฏฺานเมว อวตฺวา อิมาย อนุปุพฺพิยา เทสนา ปวตฺตาติ อธิปฺปาโย.
สํวรภูตนฺติ สีลสํวราทิสํวรภูตํ สํวรณสภาวํ การณํ, ตํ ปน อตฺถโต ทสฺสนาทิ เอวาติ เวทิตพฺพํ. สํวริตาติ ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน สมฺมา, สพฺพถา วา วาริตา. เอวํภูตา จ ยสฺมา ปวตฺติทฺวารปิธาเนน ปิหิตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘วิทหิตา หุตฺวา’’ติ. เอวํ อจฺจนฺติกสฺส สํวรสฺส การณภูตํ อนจฺจนฺติกํ สํวรํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อจฺจนฺติกเมว สํวรํ ทสฺเสนฺโต ยสฺมึ ทสฺสนาทิมฺหิ สติ อุปฺปชฺชนารหา อาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, โส เตสํ อนุปฺปาโท นิโรโธ ขโย ปหานนฺติ จ วุจฺจมาโน อตฺถโต อปฺปวตฺติมตฺตนฺติ ตสฺส จ ทสฺสนาทิ การณนฺติ อาห ‘‘เยน การเณน อนุปฺปาทนิโรธสงฺขาตํ ขยํ คจฺฉนฺติ ปหียนฺติ นปฺปวตฺตนฺติ, ตํ การณนฺติ อตฺโถ’’ติ.
จกฺขุโตปิ…เป… มนโตปีติ (ธ. ส. มูลฏี. ๑๔-๑๙) จกฺขุวิฺาณาทิวีถีสุ ตทนุคตมโนวิฺาณวีถีสุ จ กิฺจาปิ กุสลาทีนมฺปิ ปวตฺติ อตฺถิ, กามาสวาทโย ¶ เอว ปน วณโต ยูสํ วิย ปคฺฆรณกอสุจิภาเวน สนฺทนฺติ, ตสฺมา เต เอว ‘‘อาสวา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ หิ ปคฺฆรณอสุจิมฺหิ นิรุฬฺโห อาสว-สทฺโทติ. ธมฺมโต ยาว โคตฺรภุนฺติ ตโต ปรํ มคฺคผเลสุ อปฺปวตฺตนโต วุตฺตํ. เอเต หิ อารมฺมณวเสน ธมฺเม คจฺฉนฺตา ตโต ปรํ น คจฺฉนฺติ. นนุ ตโต ปรํ ภวงฺคาทีนิปิ คจฺฉนฺตีติ เจ? น, เตสมฺปิ ปุพฺเพ อาลมฺพิเตสุ โลกิยธมฺเมสุ สาสวภาเวน อนฺโตคธตฺตา ตโต ปรตาภาวโต. เอตฺถ จ โคตฺรภุวจเนน โคตฺรภุโวทานผลสมาปตฺติปุเรจาริกปริกมฺมานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. ปมมคฺคปุเรจาริกเมว วา โคตฺรภุ อวธินิทสฺสนภาเวน คหิตํ, ตโต ปรํ ปน มคฺคผลสมานตาย อฺเสุ มคฺเคสุ มคฺควีถิยํ สมาปตฺติวีถิยํ นิโรธานนฺตรฺจ ปวตฺตมาเนสุ ผเลสุ นิพฺพาเน จ อาสวานํ ปวตฺติ นิวาริตาติ เวทิตพฺพํ. สวนฺตีติ คจฺฉนฺติ, อารมฺมณกรณวเสน ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อวธิอตฺโถ อา-กาโร, อวธิ จ มริยาทาภิวิธิเภทโต ทุวิโธ. ตตฺถ มริยาทํ กิริยํ พหิ กตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อาปาฏลิปุตฺตา วุฏฺโ เทโว’’ติ. อภิวิธิ ปน กิริยํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อาภวคฺคา ภควโต ยโส ปวตฺตตี’’ติ. อภิวิธิอตฺโถ จายํ อา-กาโร อิธ คหิโตติ วุตฺตํ ‘‘อนฺโตกรณตฺโถ’’ติ.
มทิราทโยติ ¶ อาทิ-สทฺเทน สินฺธวกาทมฺพริกาโปติกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. จิรปาริวาสิยฏฺโ วิรปริวุตฺถตา ปุราณภาโว. อวิชฺชา นาโหสีติอาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ ภวตณฺหายา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๒) อิทํ สุตฺตํ สงฺคหิตํ. อวิชฺชาสวภวาสวานํ จิรปริวุตฺถตาย ทสฺสิตาย ตพฺภาวภาวิโน กามาสวสฺส จิรปริวุตฺถตา ทสฺสิตาว โหติ. อฺเสุ จ ยถาวุตฺเต ธมฺเม โอกาสฺจ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมาเนสุ มานาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อตฺตตฺตนิยาทิคฺคาหวเสน อภิพฺยาปนํ มทกรณวเสน อาสวสทิสตา จ เอเตสํเยว, น อฺเสนฺติ เอเตสฺเวว อาสว-สทฺโท นิรุฬฺโหติ ทฏฺพฺโพ. น เจตฺถ ทิฏฺาสโว นาคโตติ คเหตพฺพํ ภวตณฺหาย วิย ภวทิฏฺิยาปิ ภวาสวคฺคหเณเนว คหิตตฺตา. อายตํ อนาทิกาลิกตฺตา. ปสวนฺตีติ ผลนฺติ. น หิ ตํ กิฺจิ สํสารทุกฺขํ ¶ อตฺถิ, ยํ อาสเวหิ วินา อุปฺปชฺเชยฺย. ปุริมานิ เจตฺถาติ เอตฺถ เอเตสุ จตูสุ อตฺถวิตปฺเปสุ ปุริมานิ ตีณิ. ยตฺถาติ เยสุ สุตฺตาภิธมฺมปเทเสสุ. ตตฺถ ยุชฺชนฺติ กิเลเสสุเยว ยถาวุตฺตสฺส อตฺถตฺตยสฺส สมฺภวโต. ปจฺฉิมํ ‘‘อายตํ วา สํสารทุกฺขํ สวนฺตี’’ติ วุตฺตนิพฺพจนํ. กมฺเมปิ ยุชฺชติ ทุกฺขปฺปสวนสฺส กิเลสกมฺมสาธารณตฺตา.
ทิฏฺธมฺมา วุจฺจนฺติ ปจฺจกฺขภูตา ขนฺธา, ทิฏฺธมฺเม ภวา ทิฏฺธมฺมิกา. วิวาทมูลภูตาติ วิวาทสฺส มูลการณภูตา โกธูปนาห-มกฺข-ปฬาส-อิสฺสา-มจฺฉริย-มายา-สาเยฺย-ถมฺภ-สารมฺภ-มานาติมานา.
เยน เทวูปปตฺยสฺสาติ เยน กมฺมกิเลสปฺปกาเรน อาสเวน เทเวสุ อุปปตฺติ นิพฺพตฺติ อสฺส มยฺหนฺติ สมฺพนฺโธ. คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม อากาสจารี อสฺสนฺติ วิภตฺตึ ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. เอตฺถ จ ยกฺขคนฺธพฺพตาย วินิมุตฺตา สพฺพา เทวคติ เทวคฺคหเณน คหิตา. อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมาติ อกุสลกมฺมโต อวเสสา อกุสลา ธมฺมา อาสวาติ อาคตาติ สมฺพนฺโธ.
ปฏิฆาตายาติ ปฏิเสธนาย. ปรูปวา…เป… อุปทฺทวาติ อิทํ ยทิ ภควา สิกฺขาปทํ น ปฺเปยฺย, ตโต อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนอทินฺนาทานปาณาติปาตาทิเหตุ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปรูปวาทาทโย ทิฏฺธมฺมิกา นานปฺปการา อนตฺถา, เย จ ตนฺนิมิตฺตา เอว นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณาทิวเสน มหาทุกฺขานุภวาทิปฺปการา อนตฺถา, เต สนฺธาย วุตฺตํ. เต ปเนเตติ เอเต กามราคาทิกิเลส-เตภูมกกมฺมปรูปวาทาทิอุปทฺทวปฺปการา อาสวา. ยตฺถาติ ¶ ยสฺมึ วินยาทิปาฬิปเทเส. ยถาติ เยน ทุวิธาทิปฺปกาเรน อฺเสุ จ สุตฺตนฺเตสุ อาคตาติ สมฺพนฺโธ.
นิรยํ คเมนฺตีติ นิรยคามินิยา. ฉกฺกนิปาเต อาหุเนยฺยสุตฺเต. ตตฺถ หิ อาสวา ฉธา อาคตา อาสว-สทฺทาภิเธยฺยสฺส อตฺถสฺส ปเภโทปจาเรน อาสว-ปเท ปเภโทติ วุตฺโต, โกฏฺาสตฺโถ วา ปท-สทฺโทติ อาสวปเทติ อาสวปฺปกาเร สทฺทโกฏฺาเส อตฺถโกฏฺาเส วาติ อตฺโถ.
ตถา ¶ หีติ ตสฺมา สํวรณํ ปิทหนํ ปวตฺติตุํ อปฺปทานํ, เตเนว การเณนาติ อตฺโถ. สีลาทิสํวเร อธิปฺเปเต ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน ถกนภาวสามฺโต ทฺวารํ สํวริตฺวาติ เคหทฺวารสํวรณมฺปิ อุทาหฏํ. สีลสํวโรติอาทิ เหฏฺา มูลปริยายวณฺณนาย วุตฺตมฺปิ อิมสฺส สุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนํ ปริปุณฺณํ กตฺวา วตฺตุกาโม ปุน วทติ. ยุตฺตํ ตาว สีลสติาณานํ สํวรตฺโถ ปาฬิยํ ตถา อาคตตฺตา, ขนฺติวีริยานํ ปน กถนฺติ อาห ‘‘เตสฺจา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – ยทิปิ ‘‘ขโม โหติ…เป… สีตสฺส อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินิทฺเทเส ขนฺติวีริยานํ สํวรปริยาโย นาคโต, อุทฺเทเส ปน สพฺพาสวสํวรปริยายนฺติ สํวรปริยาเยน คหิตตฺตา อตฺเถว เตสํ สํวรภาโวติ.
ปุพฺเพ สีลสติาณานํ ปานฺตเรน สํวรภาโว ทสฺสิโตติ อิทานิ ตํ อิมินาปิ สุตฺเตน คหิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขนฺติวีริยสํวรา วุตฺตาเยว ‘‘ขโม โหติ สีตสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๔) ปาฬิยา ทสฺสนวเสน. ‘‘ตฺจ อนาสนํ, ตฺจ อโคจร’’นฺติ อยํ ปเนตฺถ สีลสํวโรติ ตฺจ ‘‘ยถารูเป’’ติอาทินา วุตฺตํ อยุตฺตํ อนิยตวตฺถุกํ รโห ปฏิจฺฉนฺนาสนํ, ตฺจ ยถาวุตฺตํ อยุตฺตํ เวสิยาทิโคจรํ, ‘‘ปฏิสงฺขาโยนิโส ปริวชฺเชตี’’ติ อาคตํ ยํ ปริวชฺชนํ, อยํ ปน เอตฺถ เอตสฺมึ สุตฺเต อาคโต สีลสํวโรติ อตฺโถ. อนาสนปริวชฺชเนน หิ อนาจารปริวชฺชนํ วุตฺตํ, อนาจาราโคจรปริวชฺชนํ จาริตฺตสีลตายสีลสํวโร. ตถา หิ ภควตา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘) สีลสํวรวิภชเน อาจารโคจรสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺเตน ‘‘อตฺถิ อนาจาโร, อตฺถิ อโคจโร’’ติอาทินา (วิภ. ๕๑๓, ๕๑๔) อนาจาราโคจรา วิภชิตฺวา ทสฺสิตา. อิทฺจ เอกเทเสน สมุทายนิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ สมุทฺทปพฺพตนิทสฺสนํ วิย.
สพฺพตฺถ ปฏิสงฺขา าณสํวโรติ เอตฺถ ‘‘โยนิโสมนสิกาโร, ปฏิสงฺขา าณสํวโร’’ติ วตฺตพฺพํ ¶ . น หิ ทสฺสนปหาตพฺพนิทฺเทเส ปฏิสงฺขาคหณํ อตฺถิ, ‘‘โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติ ปน วุตฺตํ. โยนิโสมนสิกรณมฺปิ อตฺถโต ปฏิสงฺขา าณสํวรเมวาติ เอวํ ปน อตฺเถ คยฺหมาเน ยุตฺตเมตํ สิยา. เกจิ ปน ‘‘ยตฺถ ยตฺถ ‘อิธ ปฏิสงฺขา โยนิโส’ติ อาคตํ ¶ , ตํ สพฺพํ สนฺธาย ‘สพฺพตฺถ ปฏิสงฺขา าณสํวโร’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. เตสํ มเตน ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทิกสฺส าณสํวเรน จ อสงฺคโห สิยา, ‘‘ทสฺสนํ ปฏิเสวนา ภาวนา จ าณสํวโร’’ติ จ วจนํ วิรุชฺเฌยฺย, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘สพฺพตฺถ ปฏิสงฺขา าณสํวโร’’ติ อิมินา สตฺตสุปิ าเนสุ ยํ าณํ, โส าณสํวโรติ ปริวชฺชนาทิวเสน วุตฺตา สีลาทโย สีลสํวราทโยติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต. เอวํ สติ สํวรานํ สงฺกโร วิย โหตีติ เต อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺคหิตคฺคหเณนา’’ติ วุตฺตํ ปริวชฺชนวิเสสสํวราธิวาสนวิโนทนานํ สีลสํวราทิภาเวน คหิตตฺตา, ตถา อคฺคหิตานํ คหเณนาติ อตฺโถ. เต ปน อคฺคหิเต สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ทสฺสนํ ปฏิเสวนา ภาวนา’’ติ อาห.
เอเตน สีลสํวราทินา กรณภูเตน, การณภูเตน วา. ธมฺมาติ กุสลากุสลธมฺมา. สีลสํวราทินา หิ สหชาตโกฏิยา, อุปนิสฺสยโกฏิยา วา ปจฺจยภูเตน อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา อุปฺปตฺตึ คจฺฉนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา อนิรุทฺธา อกุสลา ธมฺมา นิโรธํ คจฺฉนฺติ นิรุชฺฌนฺตีติ อตฺโถ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปหียนฺตี’’ติ อกุสลธมฺมานํ อนุปฺปาทปหานานิ เอว วุตฺตานิ, น กุสลธมฺมานํ อุปฺปาทาทโยติ? นยิทเมวํ ทฏฺพฺพํ, ‘‘โยนิโส จ โข, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต’’ติอาทินา กุสลธมฺมานมฺปิ อุปฺปตฺติ ปกาสิตาว อาสวสํวรณสฺส ปธานภาเวน คหิตตฺตา. ตถา หิ ปริโยสาเนปิ ‘‘เย อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา, เต ทสฺสนา ปหีนา โหนฺตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๘) อาสวปฺปหานเมว ปธานํ กตฺวา นิคมิตํ.
๑๕. ชานโต ปสฺสโตติ เอตฺถ ทสฺสนมฺปิ ปฺาจกฺขุนาว ทสฺสนํ อธิปฺเปตํ, น มํสจกฺขุนา ทิพฺพจกฺขุนา วาติ อาห ‘‘ทฺเวปิ ปทานิ เอกตฺถานี’’ติ. เอวํ สนฺเตปีติ ปททฺวยสฺส เอกตฺถตฺเถปิ. าณลกฺขณนฺติ าณสฺส สภาวํ, วิสยสฺส ยถาสภาวาวโพธนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ชานนลกฺขณฺหิ าณ’’นฺติ. าณปฺปภาวนฺติ าณานุภาวํ, าณกิจฺจํ วิสโยภาสนนฺติ ¶ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘าเณน วิวเฏ ธมฺเม’’ติ. ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ จ ชานนทสฺสนมุเขน ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา ปวตฺตาติ อาห ‘‘าณลกฺขณํ าณปฺปภาวํ อุปาทาย ปุคฺคลํ นิทฺทิสตี’’ติ. ชานโต ปสฺสโตติ ‘‘โยนิโส จ มนสิการํ อโยนิโส จ มนสิการ’’นฺติ ¶ วกฺขมานตฺตา โยนิโสมนสิการวิสยชานนํ, อโยนิโสมนสิการวิสยทสฺสนํ. ตฺจ โข ปน เนสํ อาสวานํ ขยูปายสภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา อุปฺปาทนานุปฺปาทนวเสน น อารมฺมณมตฺเตนาติ อยมตฺโถ ยุตฺโตติ อาห ‘‘โยนิโสมนสิการํ…เป… อยเมตฺถ สาโร’’ติ.
‘‘ชานโต’’ติ วตฺวา ชานนฺจ อนุสฺสวาการปฏิวิตกฺกมตฺตวเสน น อิธาธิปฺเปตํ, อถ โข รูปาทิ วิย จกฺขุวิฺาเณน โยนิโสมนสิการาโยนิโสมนสิกาเร ปจฺจกฺเข กตฺวา เตสํ อุปฺปาทวเสน ทสฺสนนฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘ปสฺสโต’’ติ วุตฺตนฺติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฺตฺถาปิ หิ ‘‘เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต (อิติวุ. ๑๐๒), ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓), เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา (ม. นิ. ๑.๔๐๗), อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ จ อาทีสุ าณกิจฺจสฺส สามฺวิเสสทีปนวเสเนตํ ปททฺวยํ อาคตนฺติ. เกจีติ อภยคิริวาสิสารสมาสาจริยา. เต หิ ‘‘สมาธินา ชานโต วิปสฺสนาย ปสฺสโต ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสติ, เอวํ ชานนา สมโถ, ปสฺสนา วิปสฺสนา’’ติ จ อาทินา ปปฺเจนฺติ. เตติ ปปฺจา. อิมสฺมึ อตฺเถติ ‘‘ชานโต’’ติอาทินยปฺปวตฺเต อิมสฺมึ สุตฺตปทอตฺเถ นิทฺธาริยมาเน. น ยุชฺชนฺติ ชานนทสฺสนานํ โยนิโสมนสิการาโยนิโสมนสิการวิสยภาวสฺส ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา.
อาสวปฺปหานํ อาสวานํ อจฺจนฺตปฺปหานํ. โส ปน เนสํ อนุปฺปาโท สพฺเพน สพฺพํ ขีณตา อภาโว เอวาติ อาห ‘‘อาสวานํ อจฺจนฺตขยมสมุปฺปาทํ ขีณาการํ นตฺถิภาว’’นฺติ. อุชุมคฺคานุสาริโนติ กิเลสวงฺกสฺส กายวงฺกาทีนฺจ ปหาเนน อุชุภูเต สวิปสฺสเน เหฏฺิมมคฺเค อนุสฺสรนฺตสฺส. ตเทว หิสฺส สิกฺขนํ. ขยสฺมึ ปมํ าณํ. ตโต อฺา อนนฺตราติ ขยสงฺขาเต อคฺคมคฺเค ตปฺปริยาปนฺนเมว าณํ ปมํ อุปฺปชฺชติ ¶ , ตทนนฺตรํ ปน อฺํ อรหตฺตนฺติ. ยทิปิ คาถายํ ‘‘ขยสฺมึ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, สมุจฺเฉทวเสน ปน อาสเวหิ ขีโณตีติ มคฺโค ขโยติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘มคฺโค อาสวกฺขโยติ วุตฺโต’’ติ. สมโณติ สมิตปาโป อธิปฺเปโต. โส ปน ขีณาสโว โหตีติ ‘‘อาสวานํ ขยา’’ติ อิมสฺส ผลปริยายตา วุตฺตา, นิปฺปริยาเยน ปน อาสวกฺขโย มคฺโค, เตน ปตฺตพฺพโต ผลํ. เอเตเนว นิพฺพานสฺสปิ อาสวกฺขยภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ ชานโต เอว ปสฺสโต เอวาติ เอวเมตฺถ นิยโม อิจฺฉิโต, น อฺถา วิเสสาภาวโต อนิฏฺสาธนโต จาติ ตสฺส นิยมสฺส ผลํ ทสฺเสตุํ ‘‘โน อชานโต โน ¶ อปสฺสโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โย ปน น ชานาติ น ปสฺสติ, ตสฺส เนว วทามีติ อตฺโถ’’ติ. อิมินา ทูรีกตาโยนิโสมนสิกาโร อิธาธิปฺเปโต, โยนิโสมนสิกาโร จ อาสวกฺขยสฺส เอกนฺติกการณนฺติ ทสฺเสติ. เอเตนาติ ‘‘โน อชานโต โน อปสฺสโต’’ติ วจเนน. เต ปฏิกฺขิตฺตาติ เก ปน เตติ? ‘‘พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๒๒๘), อเหตู อปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๒๒๗) เอวมาทิวาทา. เตสุ หิ เกจิ อภิชาติสงฺกนฺติมตฺเตน ภวสงฺกนฺติมตฺเตน จ สํสารสุทฺธึ ปฏิชานนฺติ, อฺเ อิสฺสรปชาปติกาลาทิวเสน, ตยิทํ สพฺพํ ‘‘สํสาราทีหี’’ติ เอตฺเถว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปุริเมน วา ปททฺวเยนาติ ‘‘ชานโต, ปสฺสโต’’ติ อิมินา ปททฺวเยน. อุปาโย วุตฺโต ‘‘อาสวกฺขยสฺสา’’ติ อธิการโต วิฺายติ. อิมินาติ ‘‘โน อชานโต, โน อปสฺสโต’’ติ อิมินา ปททฺวเยน. อนุปาโย เอว หิ อาสวานํ ขยสฺส ยทิทํ โยนิโส จ อโยนิโส จ มนสิการสฺส อชานนํ อทสฺสนฺจ, เตน ตถตฺตาย อปฺปฏิปตฺติโต มิจฺฉาปฏิปตฺติโต จ. นนุ ‘‘ปสฺสโต’’ติ อิมินา อโยนิโสมนสิกาโร ยถา น อุปฺปชฺชติ, เอวํ ทสฺสเน อธิปฺเปเต ปุริเมเนว อนุปายปฏิเสโธ วุตฺโต โหตีติ? น โหติ, อโยนิโสมนสิการานุปฺปาทนสฺสปิ อุปายภาวโต สติพเลน สํวุตจกฺขุนฺทฺริยาทิตา วิย สมฺปชฺพเลเนว นิจฺจาทิวเสน อภูตชานนาภาโว ¶ โหตีติ. เตนาห ‘‘สงฺเขเปน…เป… โหตี’’ติ. ตตฺถ สงฺเขเปนาติ สมาเสน, อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ วิตฺถารํ อกตฺวาติ อตฺโถ. าณํ…เป… ทสฺสิตํ โหติ ‘‘ชานโต’’ติอาทินา าณสฺเสว คหิตตฺตา. ยทิ เอวํ ‘‘สฺวายํ สํวโร’’ติอาทิ กถํ นียตีติ? าณสฺส ปธานภาวทสฺสนตฺถํ เอวมยํ เทสนา กตาติ นายํ โทโส, ตถา อฺตฺถาปิ ‘‘อริยํ โว ภิกฺขเว สมฺมาสมาธึ เทเสสฺสามิ สอุปนิสํ สปริกฺขาร’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๓๖) วิตฺถาโร.
ทพฺพชาติโกติ ทพฺพรูโป. โส หิ ทฺรพฺโยติ วุจฺจติ ‘‘ทฺรพฺยํ วินสฺสติ นาทฺรพฺย’’นฺติอาทีสุ. ทพฺพชาติโก วา สารสภาโว, สารุปฺปสีลาจาโรติ อตฺโถ. ยถาห ‘‘น โข ทพฺพ ทพฺพา เอวํ นิพฺเพเนฺตี’’ติ (ปารา. ๓๘๔, ๓๙๑; จูฬว. ๑๙๓). วตฺตสีเส ตฺวาติ วตฺตํ อุตฺตมงฺคํ, ธุรํ วา กตฺวา. โย หิ ปริสุทฺธาชีโว กาตุํ อชานนฺตานํ สพฺรหฺมจารีนํ, อตฺตโน วา วาตาตปาทิปฏิพาหนตฺถํ ฉตฺตาทีนิ กโรติ, โส วตฺตสีเส ตฺวา กโรติ นาม. ปทฏฺานํ น โหตีติ น วตฺตพฺพา นาถกรณธมฺมภาเวน อุปนิสฺสยภาวโต. วุตฺตฺหิ ¶ ‘‘ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิจฺจกรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๙๗).
อุปายมนสิกาโรติ กุสลธมฺมปฺปวตฺติยา การณภูโต มนสิกาโร. ปถมนสิกาโรติ ตสฺสา เอว มคฺคภูโต มนสิกาโร. อนิจฺจาทีสุ อนิจฺจนฺติอาทินาติ อนิจฺจทุกฺขอสุภอนตฺตสภาเวสุ ธมฺเมสุ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อสุภํ อนตฺตา’’ติอาทินา เอว นเยน, อวิปรีตสภาเวนาติ อตฺโถ. สจฺจานุโลมิเกน วาติ สจฺจาภิสมยสฺส อนุโลมวเสน. จิตฺตสฺส อาวฏฺฏนาติอาทินา อาวฏฺฏนาย ปจฺจยภูตา ตโต ปุริมุปฺปนฺนา มโนทฺวาริกา กุสลชวนปฺปวตฺติ ผลโวหาเรน ตถา วุตฺตา. ตสฺสา หิ วเสน สา กุสลุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสโย โหติ. อาวชฺชนา หิ ภวงฺคจิตฺตํ อาวฏฺฏยตีติ อาวฏฺฏนา. อนุ อนุ อาวฏฺเฏตีติ อนฺวาวฏฺฏนา. ภวงฺคารมฺมณโต อฺํ อาภุชตีติ อาโภโค. สมนฺนาหรตีติ สมนฺนาหาโร. ตเทวารมฺมณํ อตฺตานํ อนุพนฺธิตฺวา อุปฺปชฺชมานํ มนสิ กโรติ เปตีติ มนสิกาโร. อยํ วุจฺจตีติ อยํ อุปายปถมนสิการลกฺขโณ โยนิโสมนสิกาโร นาม วุจฺจติ, ยสฺส วเสน ปุคฺคโล ทุกฺขาทีนิ สจฺจานิ อาวชฺชิตุํ สกฺโกติ ¶ . อโยนิโสมนสิกาเร สจฺจปฏิกูเลนาติ สจฺจาภิสมยสฺส อนนุโลมวเสน. เสสํ โยนิโสมนสิกาเร วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ.
ยุตฺตินฺติ อุปปตฺติสาธนยุตฺตึ, เหตุนฺติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. เอตฺถาติ ‘‘อโยนิโส ภิกฺขเว…เป… ปหียนฺตี’’ติ เอตสฺมึ ปาเ. ตตฺถาติ วากฺโยปฺาสนํ. กสฺมา ปเนตฺถ อยมุทฺเทสนิทฺเทโส ปริวตฺโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘โยนิโส’’ติอาทิ. ตตฺถ มนสิการปทํ ทฺวินฺนํ สาธารณนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘โยนิโส อโยนิโสติ อิเมหิ ตาว ทฺวีหิ ปเทหี’’ติ วุตฺตํ. โยนิโสติ หิ โยนิโสมนสิกาโร, อโยนิโสติ จ อโยนิโสมนสิกาโร ตตฺถ อนุวตฺตนโต วกฺขมานตฺตา จ. สติปิ อนตฺถุปฺปตฺติสามฺเ ภวาทีสุ ปุคฺคลสฺส พหุลิสามฺํ ทสฺเสตฺวา ตํ ปริวตฺติตฺวา วิเสสทสฺสนตฺตํ นาวาทิ อุปมาตฺตยคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. จกฺกยนฺตํ อาหฏฆฏียนฺตนฺติ วทนฺติ.
อนุปฺปนฺนาติ อนิพฺพตฺตา. อารมฺมณวิเสสวเสน ตสฺส อนุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา, น รูปารมฺมณาทิอารมฺมณสามฺเน, นาปิ อาสววเสน. เตนาห ‘‘อนนุภูตปุพฺพํ อารมฺมณํ…เป… อฺถา หิ อนมตคฺเค สํสาเร อนุปฺปนฺนา นาม อาสวา น สนฺตี’’ติ. วตฺถุนฺติ สวิฺาณกาวิฺาณกปฺปเภทํ อาสวุปฺปตฺติการณํ. อารมฺมณํ อารมฺมณปจฺจยภูตรูปาทีนิ ¶ . อิทานิ อาสววเสนปิ อนุปฺปนฺนปริยาโย ลพฺภตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุภูตปุพฺเพปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปกติสุทฺธิยาติ ปุพฺพจริยโต กิเลสทูรีภาวสิทฺธาย สุทฺธิปกติตาย. ปาฬิยา อุทฺทิสนํ อุทฺเทโส, อตฺถกถนํ ปริปุจฺฉา. อชฺฌยนํ ปริยตฺติ, จีวรสิพฺพาทิ นวกมฺมํ, สมถวิปสฺสนานุโยโค โยนิโสมนสิกาโร. ตาทิเสนาติ ยาทิเสน ‘‘มนฺุวตฺถู’’ติมนสิการาทินา กามาสวาทโย สมฺภเวยฺยุํ, ตาทิเสน. อาสวานํ วฑฺฒิ นาม ปริยุฏฺานติพฺพตาย เวทิตพฺพา, สา จ อภิณฺหุปฺปตฺติยา พหุลีการโตติ เต ลทฺธาเสวนา พหุลภาวํ ปตฺตา มทฺทนฺตา ผรนฺตา ฉาเทนฺตา อนฺธาการํ กโรนฺตา อปราปรํ อุปฺปชฺชมานา เอกสนฺตานนเยน ‘‘อุปฺปนฺนา ปวฑฺฒนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปนฺนา ปวฑฺฒนฺตีติ วุจฺจนฺตี’’ติ. อิโต อฺถาติ อิโต ¶ อปราปรุปฺปนฺนานํ เอกตฺตคฺคหณโต อฺถา วฑฺฒิ นาม นตฺถิ ขณิกภาวโต.
โส จ ชานาตีติ ธมฺมุทฺธจฺจวิคฺคหาภาวมาห. การกสฺเสวาติ ยุตฺตโยคสฺเสว. ยสฺส ปนาติอาทินา อนุทฺเทสิกํ กตฺวา วุตฺตมตฺถํ ปุราตนสฺส ปุริสาติสยสฺส ปฏิปตฺติทสฺสเนน ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘มณฺฑลารามวาสีมหาติสฺสภูตตฺเถรสฺส วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตฺหิ สพฺรหฺมจารีนํ อายตึ ตถาปฏิปตฺติการณํ โหติ, ยโต เอทิสํ วตฺถุ วุจฺจติ. ตสฺมึ เยวาติ มณฺฑลาราเมเยว. อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวาติ อตฺตโน อุทฺเทสาจริยํ กมฺมฏฺานคฺคหณตฺถํ คนฺตุํ อาปุจฺฉิตฺวา. อาจริยํ วนฺทิตฺวาติ กมฺมฏฺานทายกํ มหารกฺขิตตฺเถรํ วนฺทิตฺวา. อุทฺเทสมคฺคนฺติ ยถาอารทฺธํ อุทฺเทสปพนฺธํ. ตทา กิร มุขปาเเนว พหู เอกชฺฌํ อุทฺทิสาเปตฺวา มโนสชฺฌายวเสน ธมฺมํ สชฺฌายนฺติ. ตตฺถายํ เถโร ปฺวนฺตตาย อุทฺเทสํ คณฺหนฺตานํ ภิกฺขูนํ โธรยฺโห, โส ‘‘อิทานาหํ อนาคามี, กึ มยฺหํ อุทฺเทเสนา’’ติ สงฺโกจํ อนาปชฺชิตฺวา ทุติยทิวเส อุทฺเทสกาเล อาจริยํ อุปสงฺกมิ. ‘‘อุปฺปนฺนา ปหียนฺตี’’ติ เอตฺถ อุปฺปนฺนสทิสา ‘‘อุปฺปนฺนา’’ติ วุตฺตา, น ปจฺจุปฺปนฺนา. น หิ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ อาสเวสุ มคฺเคน ปหานํ สมฺภวตีติ อาห ‘‘เย ปน…เป… นตฺถี’’ติ. วตฺตมานุปฺปนฺนา ขณตฺตยสมงฺคิโน. เตสํ ปฏิปตฺติยา ปหานํ นตฺถิ อุปฺปชฺชนารหานํ ปจฺจยฆาเตน อนุปฺปาทนเมว ตาย ปหานนฺติ.
๑๖. ยทิ เอวํ ทุติยปทํ กิมตฺถิยนฺติ? ปททฺวยคฺคหณํ อาสวานํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนภาวสมฺภวทสฺสนตฺถฺเจว ปหายกวิภาเคน ปหาตพฺพวิภาคทสฺสนตฺถฺจ. เตนาห ‘‘อิทเมว ปทํ คเหตฺวา’’ติ. อฺมฺปีติ าณโต อฺมฺปิ สติสํวราทึ. ทสฺสนาติ อิทํ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ทสฺสเนนาติ เหตุมฺหิ กรณวจเนน ตทตฺถํ วิวรติ. เอส นโยติ ตเมวตฺถํ อติทิสติ. ทสฺสเนนาติ โสตาปตฺติมคฺเคน. โส หิ ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ ¶ วุจฺจติ. ยทิปิ ตํ โคตฺรภุ ปมตรํ ปสฺสติ, ทิสฺวา ปน กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กิเลสปฺปหานสฺส อกรณโต น ตํ ทสฺสนนฺติ วุจฺจติ. อาวชฺชนฏฺานิยฺหิ ตํ าณํ มคฺคสฺส, นิพฺพานารมฺมณตฺตสามฺเน เจตํ วุตฺตํ, น นิพฺพานปฏิวิชฺฌเนน, ตสฺมา ธมฺมจกฺขุ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตเนน ภาวนํ อปฺปตฺตํ ทสฺสนํ นาม, ธมฺมจกฺขฺุจ ปริฺาทิกิจฺจกรณวเสน จตุสจฺจธมฺมทสฺสนํ ตทภิสมโยติ นุตฺเถตฺถ โคตฺรภุสฺส ทสฺสนภาวปฺปตฺติ ¶ . อยฺจ วิจาโร ปรโต อฏฺกถายเมว (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒) อาคมิสฺสติ. สพฺพตฺถาติ ‘‘สํวรา ปหาตพฺพา’’ติอาทีสุ. สํวราติ สํวเรน, ‘‘สํวโร’’ติ เจตฺถ สติสํวโร เวทิตพฺโพ. ปฏิเสวติ เอเตนาติ ปฏิเสวนํ, ปจฺจเยสุ อิทมตฺถิกตาาณํ. อธิวาเสติ ขมติ เอตายาติ อธิวาสนา, สีตาทีนํ ขมนากาเรน ปวตฺโต อโทโส, ตปฺปธานา วา จตฺตาโร กุสลกฺขนฺธา. ปริวชฺเชติ เอเตนาติ ปริวชฺชนํ, วาฬมิคาทีนํ ปริหรณวเสน ปวตฺตา เจตนา, ตถาปวตฺตา วา จตฺตาโร กุสลกฺขนฺธา. กามวิตกฺกาทิเก วิโนเทติ วิตุทติ เอเตนาติ วิโนทนํ, กุสลวีริยํ. ปมมคฺเคน ทิฏฺเ จตุสจฺจธมฺเม ภาวนาวเสน อุปฺปชฺชนโต ภาวนา, เสสมคฺคตฺตยํ. น หิ ตํ อทิฏฺปุพฺพํ กิฺจิ ปสฺสติ, เอวํ ทสฺสนาทีนํ วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ทสฺสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๑๗. กุสลากุสลธมฺเมหิ อาลมฺพิยมานาปิ อารมฺมณธมฺมา อาวชฺชนมุเขเนว ตพฺภาวํ คจฺฉนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มนสิกรณีเย’’ติ ปทสฺส ‘‘อาวชฺชิตพฺเพ’’ติ อตฺถมาห. หิตสุขาวหภาเวน มนสิกรณํ อรหนฺตีติ มนสิกรณียา, ตปฺปฏิปกฺขโต อมนสิกรณียาติ อาห ‘‘อมนสิกรณีเยติ ตพฺพิปรีเต’’ติ. เสสปเทสูติ ‘‘มนสิกรณีเย ธมฺเม อปฺปชานนฺโต’’ติอาทีสุ. ยสฺมา กุสลธมฺเมสุปิ สุภสุขนิจฺจาทิวเสน มนสิกาโร อสฺสาทนาทิเหตุตาย สาวชฺโช อหิตทุกฺขาวโห อกุสลธมฺเมสุปิ อนิจฺจาทิวเสน มนสิกาโร นิพฺพิทาทิเหตุตาย อนวชฺโช หิตสุขาวโห, ตสฺมา ‘‘ธมฺมโต นิยโม นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘อาการโต ปน อตฺถี’’ติ อาห.
วา-สทฺโท เยภุยฺเยน ‘‘มมํ วา หิ ภิกฺขเว (ที. นิ. ๑.๕, ๖), เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๘๖; ม. นิ. ๒.๗๙, ๘๐) วิกปฺปตฺโถ ทิฏฺโ, น สมุจฺจยตฺโถติ ตตฺถ สมุจฺจยตฺเถ ปโยคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา สมุจฺจยตฺถทีปกํ ปเนตํ สุตฺตปทํ สมุทาหฏํ.
กามาสโวติ ¶ ปฺจกามคุณสงฺขาเต กาเม อาสโว กามาสโว. เตนาห ‘‘ปฺจกามคุณิโก ราโค’’ติ. ภวาสวํ ปน เปตฺวา สพฺโพ ¶ โลโภ กามาสโวติ ยุตฺตํ สิยา. รูปารูปภเวติ กมฺมุปปตฺติเภทโต ทุวิเธปิ รูปารูปภเว ฉนฺทราโค. ฌานนิกนฺตีติ ฌานสฺสาโท. ‘‘สุนฺทรมิทํ านํ นิจฺจํ ธุว’’นฺติอาทินา อสฺสาเทนฺตสฺส อุปฺปชฺชมาโน สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิสหคโต ราโค ภเว อาสโวติ ภวาสโว. เอวนฺติ สพฺพทิฏฺีนํ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิสงฺคหโต ภวาสเวเนว ทิฏฺาสโว คหิโต ตํสหคตราคตายาติ อธิปฺปาโย. อปเร ปน ‘‘ทิฏฺาสโว อวิชฺชาสเวน จ สงฺคหิโต’’ติ วทนฺติ. เอตฺถ จ ‘‘ภวาสโว จตูสุ ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺตโลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ธ. ส. ๑๔๖๕) วจนโต ทิฏฺิสมฺปยุตฺตราคสฺส ภวาสวภาโว วิจาเรตพฺโพ, อถ ‘‘กามสหคตา สฺามนสิการา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๓๓๒) วิย อารมฺมณกรณตฺโถ สหคตตฺโถ, เอวํ สติ ภวาสเว ทิฏฺาสวสฺส สโมธานคมนํ กตํ น สิยา. น หิ ตมฺปโยคตพฺภาวาทิเก อสติ ตํสงฺคโห ยุตฺโต, ตสฺมา ยถาวุตฺตปาฬึ อนุสาเรน ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตโลโภปิ กามาสโวติ ยุตฺตํ สิยา. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกทุกฺขานฺหิ การณภูตา กามาสวาทโยปิ ทฺวิธา วุตฺตา.
อภิธมฺเม (ธ. ส. ๑๑๐๓) จ กามาสวนิทฺเทเส ‘‘กาเมสูติ กามราคทิฏฺิราคาทีนํ อารมฺมณภูเตสุ เตภูมเกสุ วตฺถุกาเมสู’’ติ อตฺโถ สมฺภวติ. ตตฺถ หิ อุปฺปชฺชมานา สา ตณฺหา สพฺพาปิ น กามจฺฉนฺทาทินามํ น ลภตีติ. ยทิ ปน โลโภ กามาสวภวาสววินิมุตฺโตปิ สิยา, โส ยทา ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺเตสุ จิตฺเตสุ อุปฺปชฺชติ, ตทา เตน สมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโว อาสววิปฺปยุตฺโตติ โทมนสฺสวิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตสฺส วิย ตสฺสปิ อาสววิปฺปยุตฺตตา วตฺตพฺพา สิยา ‘‘จตูสุ ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺตโลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปนฺโน โมโห สิยา อาสวสมฺปยุตฺโต, สิยา อาสววิปฺปยุตฺโต’’ติ. ‘‘กามาสโว อฏฺสุ โลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชตี’ติ (ธ. ส. ๑๔๖๕), ‘‘กามาสวํ ปฏิจฺจ ทิฏฺาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ (ปฏฺา. ๓.๓.๑๐๙) จ วจนโต ทิฏฺิสหคตราโค กามาสโว น โหตีติ น สกฺกา วตฺตุํ. กิฺจ อภิชฺฌากามราคานํ วิเสโส อาสวทฺวยเอกาสวภาโว สิยา, น อภิชฺฌาย จ โนอาสวภาโวติ โนอาสวโลภสฺส สพฺภาโว วิจาเรตพฺโพ. น หิ อตฺถิ อภิธมฺเม ‘‘อาสโว จ ¶ โนอาสโว จ ธมฺมา อาสวสฺส ธมฺมสฺส อาสวสฺส จ โนอาสวสฺส จ ธมฺมสฺส เหตุปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๓.๓.๑๖-๑๗) สตฺตโม นวโม จ ปฺโห. คณนายฺจ ‘‘เหตุยา สตฺตา’’ติ (ปฏฺา. ๓.๓.๔๐) วุตฺตํ, โน ‘‘นวา’’ติ. ทิฏฺิสมฺปยุตฺเต ปน โลเภ โนอาสเว วิชฺชมาเน สตฺตมนวมาปิ ปฺหา วิสฺสชฺชนํ ลเภยฺยุํ, คณนาย จ ‘‘เหตุยา นวา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, น ปน วุตฺตํ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺเต จ โลเภ โนอาสเว วิชฺชมาเน วตฺตพฺพํ ¶ วุตฺตเมว. ยสฺมา ปน สุตฺตนฺตเทสนา นาม ปริยายกถา, น อภิธมฺมเทสนา วิย นิปฺปริยายกถา, ตสฺมา พลวกามราคสฺเสว กามาสวํ ทสฺเสตุํ ‘‘กามาสโวติ ปฺจกามคุณิโก ราโค’’ติ วุตฺตํ, ตถา ภวาภินนฺทนนฺติ.
สามฺเน ภวาสโว ทิฏฺาสวํ อนฺโตคธํ กตฺวา อิธ ตโย เอว อาสวา วุตฺตาติ ตสฺส ตทนฺโตคธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ ทิฏฺาสโว’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถา หิ วกฺขติ ภวาสวสฺส อนิมิตฺตวิโมกฺขปฏิปกฺขตํ. จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณนฺติ อิทํ สุตฺตนฺตนยํ นิสฺสาย วุตฺตํ. สุตฺตนฺตสํวณฺณนา เหสาติ, ตทนฺโตคธตฺตา วา ปุพฺพนฺตาทีนํ. ยถา อตฺถโต กามาสวาทโย ววตฺถาปิตา, ตถา เนสํ อุปฺปาทวฑฺฒิโย ทสฺเสนฺโต ‘‘กามคุเณ’’ติอาทิมาห. อสฺสาทโต มนสิกโรโตติ ‘‘สุภสุขา’’ติอาทินา อสฺสาทนวเสน มนสิ กโรนฺตสฺส. จตุวิปลฺลาสปทฏฺานภาเวนาติ สุภสฺาทีนํ วตฺถุภาเวน. วุตฺตนยปจฺจนีกโตติ ‘‘กามา นาเมเต อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติอาทินา กามคุเณสุ อาทีนวทสฺสนปุพฺพกเนกฺขมฺมปฏิปตฺติยา ฉนฺทราคํ วิกฺขมฺภยโต สมุจฺฉินฺทนฺตสฺส จ อนุปฺปนฺโน จ กามาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ ปหียติ. ตถา มหคฺคตธมฺเมสุ เจว สกลเตภูมกธมฺเมสุ จ อาทีนวทสฺสนปุพฺพกอนิจฺจาทิมนสิการวเสน นิสฺสรณปฏิปตฺติยา อนุปฺปนฺนา จ ภวาสวอวิชฺชาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ ปหียนฺตีติ เอวํ ตณฺหาปกฺเข วุตฺตสฺส นยสฺส ปฏิปกฺขโต สุกฺกปกฺเข วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ.
ตโย เอวาติ อภิธมฺเม วิย ‘‘จตฺตาโร’’ติ อวตฺวา กสฺมา ตโย เอว อาสวา อิธ อิมิสฺสํ ทสฺสนาปหาตพฺพกถายํ วุตฺตา? ตตฺถ กามาสวสฺส ตณฺหาปณิธิภาวโต อปฺปณิหิตวิโมกฺขปฏิปกฺขตา เวทิตพฺพา. ภเวสุ นิจฺจคฺคาหานุสารโต เยภุยฺยโต ภวราคสมฺปตฺติโต ภวาสวสฺส อนิมิตฺตวิโมกฺขปฏิปกฺขตา, ภวทิฏฺิยา ปน ¶ ภวาสวภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, อนตฺตสฺาย าณานุภาวสิทฺธิโต อวิชฺชาสวสฺส สฺุตวิโมกฺขปฏิปกฺขตา. เอตฺถาติ เอติสฺสํ อาสวกถายํ. วณฺณิตนฺติ กถิตํ. อเภทโตติ สามฺโต.
๑๘. กามาสวาทีนนฺติ มนุสฺสโลกเทวโลกคมนียานํ กามาสวาทีนํ. นิรยาทิคมนียา ปน กามาสวาทโย ‘‘ทสฺสนา ปหาตพฺเพ อาสเว’’ติ เอตฺเถว สมารุฬฺหา. อถ วา ยทคฺเคน โส ปุคฺคโลทสฺสนาปหาตพฺพานํ อาสวานํ อธิฏฺานํ, ตทคฺเคน กามาสวาทีนมฺปิ อธิฏฺานํ. น หิ สมฺาเภเทน วตฺถุเภโท อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สามฺโต วุตฺตาน’’นฺติ. กสฺมา ปเนตฺถ ทสฺสนาปหาตพฺเพสุ อาสเวสุ ทสฺเสตพฺเพสุ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทินา วิจิกิจฺฉา ทสฺสิตาติ อาห ‘‘วิจิกิจฺฉาสีเสน เจตฺถา’’ติอาทิ. เอวนฺติ ยถา โสฬสวตฺถุกา วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, เอวํ อโยนิโสมนสิกาโรติ.
วิชฺชมานตํ อวิชฺชมานตฺจาติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๒๐) สสฺสตาสงฺกํ นิสฺสาย ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติ อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ, อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาสงฺกํ นิสฺสาย ‘‘ยโต ปภุติ อหํ, ตโต ปุพฺเพ น นุ โข อโหสิ’’นฺติ อตีเต อตฺตโน อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. กสฺมา? วิจิกิจฺฉาย อาการทฺวยาวลมฺพนโต. ตสฺสา ปน อตีตวตฺถุตาย คหิตตฺตา สสฺสตาธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการนิสฺสยตา ทสฺสิตา. เอวํ อาสปฺปนปริสปฺปนาปวตฺติกํ กตฺถจิปิ อปฺปฏิวตฺติเหตุภูตํ วิจิกิจฺฉํ กสฺมา อุปฺปาเทตีติ น โจเทตพฺพเมตนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กึ การณนฺติ น วตฺตพฺพ’’นฺติ. สฺเวว ปุถุชฺชนภาโว เอว. ยทิ เอวํ ตสฺส อโยนิโสมนสิกาเรเนว ภวิตพฺพนฺติ อาปนฺนนฺติ อาห ‘‘นนุ จ ปุถุชฺชโนปิ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติ. ตตฺถาติ โยนิโสมนสิกรเณ.
ชาติลิงฺคูปปตฺติโยติ ขตฺติยพฺราหฺมณาทิชาตึ คหฏฺปพฺพชิตาทิลิงฺคํ เทวมนุสฺสาทิอุปปตฺติฺจ. นิสฺสายาติ อุปาทาย.
ตสฺมึ กาเล สตฺตานํ มชฺฌิมปฺปมาณํ, เตน ยุตฺโต ปมาณิโก, ตทภาวโต, ตโต อตีตภาวโต วา อปฺปมาณิโก เวทิตพฺโพ. เกจีติ สารสมาสาจริยา. เต หิ ‘‘กถํ นุ โขติ อิสฺสเรน ¶ วา พฺรหฺมุนา วา ปุพฺพกเตน วา อเหตุโต วา นิพฺพตฺโตติ จินฺเตตี’’ติ อาหุ. เตน วุตฺตํ ‘‘เหตุโต กงฺขตีติ วทนฺตี’’ติ. อเหตุโต นิพฺพตฺติกงฺขาปิ หิ เหตุปรามสนเมวาติ.
ปรมฺปรนฺติ ปุพฺพาปรปฺปวตฺตึ. อทฺธานนฺติ กาลาธิวจนํ, ตฺจ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ.
วิชฺชมานตํ อวิชฺชมานตฺจาติ สสฺสตาสงฺกํ นิสฺสาย ‘‘ภวิสฺสามิ นุ โข อหมนาคตมทฺธาน’’นฺติ อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ, อุจฺเฉทาสงฺกํ นิสฺสาย ‘‘ยสฺมิฺจ อตฺตภาเว อหํ, ตโต ปรํ น นุ โข ภวิสฺสามี’’ติ อนาคเต อตฺตโน อวิชฺชมานตฺจ กงฺขตีติ เหฏฺา วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ.
ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานนฺติ ¶ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา ‘‘ปฏิสนฺธึ อาทึ กตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อิทํ กถํ อิทํ กถ’’นฺติ ปวตฺตนโต กถํกถา, วิจิกิจฺฉา, สา อสฺส อตฺถีติ กถํกถีติ อาห ‘‘วิจิกิจฺโฉ โหตี’’ติ. กา เอตฺถ จินฺตา, อุมฺมตฺตโก วิย หิ พาลปุถุชฺชโนติ ปฏิกจฺเจว วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ตํ มหามาตาย ปุตฺตํ. มุณฺเฑสุนฺติ มุณฺเฑน อนิจฺฉนฺตํ ชาครณกาเล น สกฺกาติ สุตฺตํ มุณฺเฑสุํ กุลธมฺมตาย ยถา ตํ เอกจฺเจ กุลตาปสา, ราชภเยนาติ จ วทนฺติ.
สีติภูตนฺติ อิทํ มธุรกภาวปฺปตฺติยา การณวจนํ. ‘‘เสติภูต’’นฺติปิ ปาโ, อุทเก จิรฏฺาเนน เสตภาวํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ.
อตฺตโน ขตฺติยภาวํ กงฺขติ กณฺโณ วิย สูตปุตฺตสฺี. ชาติยา วิภาวิยมานาย ‘‘อห’’นฺติ ตสฺส อตฺตโน ปรามสนํ สนฺธายาห ‘‘เอวฺหิ สิยา กงฺขา’’ติ. มนุสฺสาปิ จ ราชาโน วิยาติ มนุสฺสาปิ เกจิ เอกจฺเจ ราชาโน วิยาติ อธิปฺปาโย.
วุตฺตนยเมว ‘‘สณฺานาการํ นิสฺสายา’’ติอาทินา. เอตฺถาติ ‘‘กถํ นุ โขสฺมี’’ติ ปเท. อพฺภนฺตเร ชีโวติ ปรปริกปฺปิตํ อนฺตรตฺตานํ วทติ. โสฬสํสาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สรีร-ปริมาณ-ปริมณฺฑล-องฺคุฏฺยวปรมาณุ-ปริมาณตาทิเก สงฺคณฺหาติ.
‘‘สตฺตปฺตฺติ ¶ ชีววิสยา’’ติ ทิฏฺิคติกานํ มติมตฺตํ, ปรมตฺถโต ปน สา อตฺตภาววิสยาวาติ อาห ‘‘อตฺตภาวสฺส อาคติคติฏฺาน’’นฺติ, ยตายํ อาคโต, ยตฺถ จ คมิสฺสติ, ตํ านนฺติ อตฺโถ.
๑๙. ยถา อยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชตีติ อยํ วุตฺตปฺปเภทา วิจิกิจฺฉา ยถา อุปฺปชฺชติ, เอวํ อโยนิโส มนสิกโรโต. เอเตน วิจิกิจฺฉาย อตฺตาภินิเวสสนฺนิสฺสยตมาห. ยถา หิ วิจิกิจฺฉา อตฺตาภินิเวสํ นิสฺสาย ปวตฺตติ, ยโต สา สสฺสตาธิจฺจสมุปฺปตฺติสสฺสตุจฺเฉทาการาวลมฺพินี วุตฺตา, เอวํ อตฺตาภินิเวโสปิ ตํ นิสฺสาย ปวตฺตติ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทินา อนฺโตคธาหํการสฺส กถํกถิภาวสฺส อตฺตคฺคาหสนฺนิสฺสยภาวโต. เตเนวาห ‘‘สวิจิกิจฺฉสฺส อโยนิโสมนสิการสฺส ถามคตตฺตา’’ติ. วิกปฺปตฺโถติ อนิยมตฺโถ. ‘‘อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ หิ วุตฺตํ. สุฏฺุ ทฬฺหภาเวนาติ อภินิเวสสฺส อติวิย ถามคตภาเวน. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ภเว. ปจฺจุปฺปนฺนเมวาติ อวธารเณน ¶ อนาคเต อตฺถิภาวํ นิวตฺเตติ, น อตีเต ตตฺถปิ สติ อตฺถิตาย อุจฺเฉทคฺคาหสฺส สพฺภาวโต. อตีเต เอว นตฺถิ, น อนาคเตปีติ อธิปฺปาโย.
สฺากฺขนฺธสีเสนาติ สฺากฺขนฺธปมุเขน, สฺากฺขนฺธํ ปมุขํ กตฺวาติ อตฺโถ. ขนฺเธติ ปฺจปิ ขนฺเธ. อตฺตาติ คเหตฺวาติ ‘‘สฺชานนสภาโว เม อตฺตา’’ติ อภินิวิสฺส. ปกาเสตพฺพํ วตฺถุํ วิย, อตฺตานมฺปิ ปกาเสนฺโต ปทีโป วิย, สฺชานิตพฺพํ นีลาทิอารมฺมณํ วิย อตฺตานมฺปิ สฺชานาตีติ เอวํทิฏฺิโตปิ ทิฏฺิคติโต โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตนาว อตฺตานํ สฺชานามี’’ติ. สฺวายมตฺโถ สฺํ ตทฺตรธมฺเม จ ‘‘อตฺตา อนตฺตา’’ติ จ คหณวเสน โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สฺากฺขนฺธสีเสนา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ขนฺธวินิมุตฺโต อตฺตาติ คณฺหโต สสฺสตทิฏฺิ, ขนฺธํ ปน ‘‘อตฺตา’’ติ คณฺหโต อุจฺเฉททิฏฺีติ อาห ‘‘สพฺพาปิ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโยวา’’ติ.
อภินิเวสาการาติ วิปริเยสาการา. วทตีติ อิมินา การกเวทกสตฺตานํ หิตสุขาวโพธนสมตฺถตํ อตฺตโน ทีเปติ. เตนาห ‘‘วจีกมฺมสฺส การโก’’ติ. เวเทตีติ เวทิโย, เวทิโยว เวเทยฺโย. อีทิสานฺหิ ปทานํ พหุลา กตฺตุสาธนตํ สทฺทสตฺถวิทู มฺนฺติ. อุปฺปาทวโต เอกนฺเตเนว วโย อิจฺฉิตพฺโพ, สติ จ อุทยพฺพยตฺเต เนว ¶ นิจฺจตาติ ‘‘นิจฺโจ’’ติ วทนฺตสฺส อธิปฺปายํ วิวรนฺโต อาห ‘‘อุปฺปาทวยรหิโต’’ติ. สารภูโตติ นิจฺจตาย เอว สารภาโว. สพฺพกาลิโกติ สพฺพสฺมึ กาเล วิชฺชมาโน. ปกติภาวนฺติ สภาวภูตํ ปกตึ, ‘‘วโท’’ติอาทินา วา วุตฺตํ ปกติสงฺขาตํ สภาวํ. สสฺสติสมนฺติ สสฺสติยา สมํ สสฺสติสมํ, ถาวรํ นิจฺจกาลนฺติ อตฺโถ. ตเถว สฺสตีติ เยนากาเรน ปุพฺเพ อฏฺาสิ, เอตรหิ ติฏฺติ, ตเถว เตนากาเรน อนาคเตปิ สฺสตีติ อตฺโถ.
ปจฺจกฺขนิทสฺสนํ อิทํ-สทฺทสฺส อาสนฺนปจฺจกฺขภาวํ กตฺวา. ทิฏฺิเยว ทิฏฺิคตนฺติ คต-สทฺทสฺส ปทวฑฺฒนมตฺตตํ อาห. ทิฏฺีสุคตนฺติ มิจฺฉาทิฏฺีสุ ปริยาปนฺนนฺติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘ทฺวาสฏฺิทิฏฺิอนฺโตคธตฺตา’’ติ. ทิฏฺิยา คมนมตฺตนฺติ ทิฏฺิยา คหณมตฺตํ. ยถา ปน ปพฺพตชลวิทุคฺคานิ ทุนฺนิคฺคมนานิ, เอวํ ทิฏฺิคฺคาโหปีติ อาห ‘‘ทุนฺนิคฺคมนฏฺเน คหน’’นฺติ. ตํ นาม อุทกํ, ตํ คเหตฺวา ตํ อติกฺกมิตพฺพโต กนฺตาโร, นิรุทกวนํ, ตํ ปวนนฺติปิ วุจฺจติ. อฺโ ปน อรฺปเทโส ทุรติกฺกมนฏฺเน กนฺตาโร วิยาติ, เอวํ ทิฏฺิปีติ อาห ‘‘ทุรติกฺกมนฏฺเนา’’ติอาทิ. วินิวิชฺฌนํ วิตุทนํ. วิโลมนํ วิปริณามภาโว. อนวฏฺิตสภาวตาย วิจลิตํ วิปฺผนฺทิตนฺติ อาห ‘‘กทาจี’’ติอาทิ. อนฺทุพนฺธนาทิ วิย นิสฺสริตุํ ¶ อปฺปทานวเสน อเสริภาวกรณํ พนฺธนฏฺโ, กิเลสกมฺมวิปากวฏฺฏานํ ปจฺจยภาเวน ทูรคตมฺปิ อากฑฺฒิตฺวา สํโยชนํ สํโยชนฏฺโ, ทิฏฺิปิ ตถารูปาติ วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺิสํโยชน’’นฺติ. พนฺธนตฺถํ ทสฺเสนฺโต กิจฺจสิทฺธิยาติ อธิปฺปาโย. เตเนวาห ‘‘ทิฏฺิสํโยชเนน…เป… มุจฺจตี’’ติ. ตตฺถ เอเตหีติ อิมินา ชาติอาทิทุกฺขสฺส ปจฺจยภาวมาห. ชาติอาทิเก ทุกฺขธมฺเม สรูปโต ทสฺเสตฺวาปิ ‘‘น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมา’’ติ วทนฺเตน ภควตา ทิฏฺิสํโยชนํ นาม สพฺพานตฺถกรํ มหาสาวชฺชํ สพฺพสฺสปิ ทุกฺขสฺส มูลภูตนฺติ อยมตฺโถ วิภาวิโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘กึ วา พหุนา, สกลวฏฺฏทุกฺขโตปิ น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ.
๒๐. นนุ เจตฺถ ทิฏฺิสํโยชนทสฺสเนน สีลพฺพตปรามาโสปิ ทสฺเสตพฺโพ, เอวฺหิ ทสฺสเนน ปหาตพฺพา อาสวา อนวเสสโต ทสฺสิตา โหนฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. สีลพฺพตปรามาโส กามาสวาทิคฺคหเณเนว คหิโต โหติ กามาสวาทิเหตุกตฺตา ตสฺส. อปฺปหีนกามราคาทิโก หิ กามสุขตฺถํ วา ภวสุทฺธตฺถํ ¶ วา เอวํ ภววิสุทฺธิ โหตีติ สีลพฺพตานิ ปรามสนฺติ, ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘๖; ม. นิ. ๒.๗๙), ‘‘ตตฺถ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙), ‘‘สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธิ สีลพฺพเตน สุทฺธี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๒) จ สุตฺเตวุตฺตํ สีลพฺพตํ ปรามสนฺติ. ตตฺถ ภวสุขภววิสุทฺธิอตฺถนฺติ ภวสุขตฺถฺจ ภววิสุทฺธิอตฺถฺจ. ตสฺส คหิตตฺตาติ สีลพฺพตปรามาสสฺส ทิฏฺิคฺคหเณน คหิตตฺตา ยถา ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๒๗๗). เตสนฺติ ทสฺสนปหาตพฺพานํ. ทสฺเสตุํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย. ตพฺพิปรีตสฺสาติ โยนิโสมนสิกโรโต กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส.
ตสฺสาติ ‘‘สุตวา’’ติอาทิปาสฺส. ตาวาติ ‘‘สุตวา’’ติ อิโต ปฏฺาย ยาว ‘‘โส อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ปทํ, ตาว อิมํ ปทํ อวธึ กตฺวาติ อตฺโถ. เหฏฺา วุตฺตนเยนาติ อริยสปฺปุริส-อริยธมฺม-สปฺปุริสธมฺม-มนสิกรณีย-อมนสิกรณียปทานํ ยถากฺกมํ มูลปริยาเย อิธ คเหตฺวา วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. วุตฺตปจฺจนีกโตติ ‘‘สุตวา อริยสาวโก, อริยานํ ทสฺสาวี, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี’’ติ เอเตสํ ปทานํ สพฺพากาเรน วุตฺตวิปรีตโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ, โกวิทวินีตปทานํ ปน น สพฺพปฺปกาเรน วุตฺตวิปรีตโต. อรหา หิ นิปฺปริยาเยน อริยธมฺเม โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต จ นาม. เตนาห ‘‘ปจฺจนีกโต จ สพฺพากาเรน…เป… อริยสาวโกติ เวทิตพฺโพ’’ติ. สงฺขารุเปกฺขาาณํ สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนา. เกจิ ปน ‘‘ภงฺคาณโต ปฏฺาย สิขาปตฺตวิปสฺสนา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ¶ . ตทนุรูเปน อตฺเถนาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อนุรูเปน อริยฏฺเน, น ปฏิเวธวเสนาติ อธิปฺปาโย. กลฺยาณปุถุชฺชโน หิ อยํ. ยถา จสฺส ‘‘โยปิ กลฺยาณปุถุชฺชโน’’ติ อารภิตฺวา ‘‘โสปิ วุจฺจติ สิกฺขตีติ เสกฺโข’’ติ ปริยาเยน เสกฺขสุตฺเต (สํ. นิ. ๕.๑๓) เสกฺขภาโว วุตฺโต, เอวํ อิธ อริยสาวกภาโว วุตฺโต. วุฏฺานคามินีวิปสฺสนาลกฺขเณหิ เย อริยสปฺปุริสธมฺมวินยสงฺขาตา โพธิปกฺขิยธมฺมา ติสฺโส สิกฺขา เอว วา สมฺภวนฺติ, เตสํ วเสน อิมสฺส อริยสาวกาทิภาโว วุตฺโต ¶ . เตนาห ‘‘ตทนุรูเปน อตฺเถนา’’ติ. อริยสฺส สาวโกติ วา อริยสาวกตฺเถน เอว วุตฺโต ยถา ‘‘อคมา ราชคหํ พุทฺโธ’’ติ (สุ. นิ. ๔๑๐). สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาคฺคหณฺเจตฺถ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อนิวตฺติปฏิปทายํ ิตสฺส คหณตฺถนฺติ ยถาวุตฺตา อตฺถสํวณฺณนา สุฏฺุตรํ ยุชฺชเตว.
๒๑. ยถา ธาตุมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิฏฺโ ธาตุกมฺมฏฺานิโก อายตนาทิมุเขน อภินิวิฏฺโ อายตนาทิกมฺมฏฺานิโก, เอวํ สจฺจมุเขน อภินิวิฏฺโติ วุตฺตํ ‘‘จตุสจฺจกมฺมฏฺานิโก’’ติ. จตุโรฆนิตฺถรณตฺถิเกหิ กาตพฺพโต กมฺมํ, ภาวนา. กมฺมเมว วิเสสาธิคมสฺส านํ การณนฺติ, กมฺเม วา ยถาวุตฺตนฏฺเน านํ อวฏฺานํ ภาวนารมฺโภกมฺมฏฺานํ, ตเทว จตุสจฺจมุเขน ปวตฺตํ เอตสฺส อตฺถีติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานิโก. อุภยํ นปฺปวตฺตติ เอตฺถาติ อปฺปวตฺติ. อุคฺคหิตจตุสจฺจกมฺมฏฺาโนติ จ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ปาฬิโต อตฺถโต จ อุคฺคเหตฺวา มนสิการโยคฺคํ กตฺวา ิโต. วิปสฺสนามคฺคํ สมารุฬฺโหติ สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสเน ปติฏฺาย ตเทว นามรูปํ อนิจฺจาทิโต สมฺมสนฺโต. สมนฺนาหรตีติ วิปสฺสนาวชฺชนํ สนฺธายาห, ตสฺมา ยถา ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ วิปสฺสนาาณํ ปวตฺตติ, เอวํ สมนฺนาหรติ อาวชฺชตีติ อตฺโถ. กถํ ปเนตฺถ ‘‘มนสิ กโรตี’’ติ อิมินา ‘‘วิปสฺสตี’’ติ อยมตฺโถ วุตฺโต โหตีติ อาห ‘‘เอตฺถ…เป… วุตฺตา’’ติ. เอตฺถาติ จ อิมสฺมึ สุตฺเตติ อตฺโถ. วิปสฺสตีติ จ ยถา อุปริ วิเสสาธิคโม โหติ, เอวํ าณจกฺขุนา วิปสฺสติ, โอโลเกตีติ อตฺโถ. มคฺโคปิ วตฺตพฺโพ. ปุริมฺหิ สจฺจทฺวยํ คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสํ, อิตรํ ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรํ.
อภินิเวโสติ วิปสฺสนาภินิเวโส วิปสฺสนาปฏิปตฺติ. ตทารมฺมเณติ ตํ รูปกฺขนฺธํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺเต. ยาถาวสรสลกฺขณํ ววตฺถเปตฺวาติ อวิปรีตํ อตฺตโน อารมฺมณํ สภาวจฺเฉทนาทิกิจฺจฺเจว อฺาณาทิลกฺขณฺจ อสงฺกรโต หทเย เปตฺวา. อิมินา ปุพฺเพ นามรูปปริจฺเฉเท กเตปิ ธมฺมานํ สลกฺขณววตฺถาปนํ ปจฺจยปริคฺคเหน สุววตฺถาปิตํ นาม โหตีติ ทสฺเสติ ยถา ‘‘ทฺวิกฺขตฺตุํ พทฺธํ สุพทฺธ’’นฺติ. เอวฺหิ าตปริฺาย กิจฺจํ สิทฺธํ นาม ¶ โหติ. ปจฺจยโต ปจฺจยุปฺปนฺนโต จ ววตฺถาปิตตฺตา ปากฏภาเวน สิทฺเธนปิ สิทฺธภาโว ปากโฏ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อหุตฺวา โหนฺตี’’ติ. อนิจฺจลกฺขณํ อาโรเปตีติ อสโต หิ ¶ อุปฺปาเทน ภวิตพฺพํ, น สโต, อุปฺปาทวนฺตโต จ เนสํ เอกนฺเตน อิจฺฉิตพฺพา ปจฺจยายตฺตวุตฺติภาวโต, สติ อุปฺปาเท อวสฺสํภาวี นิโรโธติ นตฺเถว นิจฺจตาวกาโสติ. สูปฏฺิตานิจฺจตาย จ อุทยพฺพยธมฺเมหิ อภิณฺหปฏิปีฬนโต ทุกฺขมนฏฺเน ทุกฺขํ. เตนาห ‘‘อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตฺตา ทุกฺขาติ ทุกฺขลกฺขณํ อาโรเปตี’’ติ. กตฺถจิปิ สงฺขารคเต ‘‘มา ชีริ มา พฺยาธิยี’’ติ อลพฺภนโต นตฺถิ วสวตฺตนนฺติ อาห ‘‘อวสวตฺตนโต อนตฺตาติ อนตฺตลกฺขณํ อาโรเปตี’’ติ. ปฏิปาฏิยาติ อุทยพฺพยาณาทิปรมฺปราย.
ตสฺมึ ขเณติ โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ. เอกปฏิเวเธเนวาติ เอกาเณเนว ปฏิวิชฺฌเนน. ปฏิเวโธ ปฏิฆาตาภาเวน วิสเย นิสฺสงฺคจารสงฺขาตํ นิพฺพิชฺฌนํ. อภิสมโย อวิรชฺฌิตฺวา วิสยสฺส อธิคมสงฺขาโต อวโพโธ. ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานนเมว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ ปริฺาปฏิเวโธ. อยํ ยถา าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา ทุกฺขสฺส สรูปาทิปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ปวตฺตึ คเหตฺวา วุตฺโต, น ปน มคฺคาณสฺส ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินาปิ วตฺตนโต. เตนาห ‘‘น หิสฺส ตสฺมึ สมเย’’ติอาทิ. ปหีนสฺส ปุน อปฺปหาตพฺพตาย ปกฏฺํ หานํ จชนํ สมุจฺฉินฺทนํ ปหานํ, ปหานเมว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ ปหานปฏิเวโธ. อยมฺปิ เยน กิเลเสน อปฺปหียมาเนน มคฺคภาวนาย น ภวิตพฺพํ, อสติ จ มคฺคภาวนาย โย อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส กิเลสสฺส ปทฆาตํ กโรนฺตสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺตสฺส าณสฺส ตถาปวตฺติยา ปฏิฆาตาภาเวน นิสฺสงฺคจารํ อุปาทาย เอวํ วุตฺโต. สจฺฉิกิริยา ปจฺจกฺขกรณํ, อนุสฺสวาการปริวิตกฺกาทิเก มฺุจิตฺวา สรูปโต อารมฺมณกรณํ อิทํ ตนฺติ ยถาสภาวโต คหณํ, สา เอว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ สจฺฉิกิริยาปฏิเวโธ. อยํ ปน ยสฺส อาวรณสฺส อสมุจฺฉินฺทนโต าณํ นิโรธํ อาลมฺพิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺส สมุจฺฉินฺทนโต ตํ สรูปโต วิภาวิตเมว ปวตฺตตีติ เอวํ วุตฺโต.
ภาวนา อุปฺปาทนา วฑฺฒนา จ, ตตฺถ ปมมคฺเค อุปฺปาทนฏฺเน, ทุติยาทีสุ วฑฺฒนฏฺเน, อุภยตฺถาปิ วา อุภยถาปิ เวทิตพฺพํ. ปมมคฺโคปิ หิ ยถารหํ วุฏฺานคามินิยํ ปวตฺตํ ปริชานนาทึ วฑฺเฒนฺโต ปวตฺโตติ ตตฺถาปิ วฑฺฒนฏฺเน ภาวนา ¶ สกฺกา วิฺาตุํ. ทุติยาทีสุปิ อปฺปหีนกิเลสปฺปหานโต ปุคฺคลนฺตรสาธนโต อุปฺปาทนฏฺเน ภาวนา, สา เอว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ ภาวนา ปฏิเวโธ. อยมฺปิ หิ ยถา าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา มคฺคธมฺมานํ สรูปปริจฺเฉเท ¶ สมฺโมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติเมว คเหตฺวา วุตฺโต, ติฏฺตุ ตาว ยถาธิคตมคฺคธมฺมํ ยถาปวตฺเตสุ ผลธมฺเมสุปิ อยํ ยถาธิคตสจฺจธมฺเมสุ วิย วิคตสมฺโมโหว โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๙๙, ๓๕๖; มหาว. ๒๗, ๕๗). ยโต จสฺส ธมฺมตาสฺโจทิตา ยถาธิคตสจฺจธมฺมาวลมฺพินิโย มคฺควีถิโต ปรโต มคฺคผลปหีนาวสิฏฺกิเลสนิพฺพานานํ ปจฺจเวกฺขณา ปวตฺตนฺติ. ทุกฺขสจฺจธมฺมา หิ สกฺกายทิฏฺิอาทโย. อยฺจ อตฺถวณฺณนา ‘‘ปริฺาภิสมเยนา’’ติอาทีสุปิ วิภาเวตพฺพา. เอกาภิสมเยน อภิสเมตีติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภูตตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โน จ โข อฺมฺเน าเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
วิตณฺฑวาที ปนาห ‘‘อริยมคฺคาณํ จตูสุ สจฺเจสุ นานาภิสมยวเสน กิจฺจกรณํ, น เอกาภิสมยวเสน. ตฺหิ กาเลน ทุกฺขํ ปชานาติ, กาเลน สมุทยํ ปชหติ, กาเลน นิโรธํ สจฺฉิกโรติ, กาเลน มคฺคํ ภาเวติ, อฺถา เอกสฺส าณสฺส เอกสฺมึ ขเณ จตุกิจฺจกรณํ น ยุชฺชติ. น หิทํ กตฺถจิ ทิฏฺมฺปิ สุตฺตํ อตฺถี’’ติ. โส วตฺตพฺโพ – ยทิ อริยมคฺคาณํ นานาภิสมยวเสน สจฺจานิ อภิสเมติ, น เอกาภิสมยวเสน, เอวํ สนฺเต ปจฺเจกมฺปิ สจฺเจสุ นานกฺขเณเนว ปวตฺเตยฺย, น เอกกฺขเณน, ตถา สติ ทุกฺขาทีนํ เอกเทเสกเทสเมว ปริชานาติ ปชหตีติ อาปชฺชตีติ นานาภิสมเย ปมมคฺคาทีหิ ปหาตพฺพานํ สฺโชนตฺตยาทีนํ เอกเทเสกเทสปฺปหานํ สิยาติ เอกเทสโสตาปตฺติมคฺคฏฺาทิตา, ตโต เอว เอกเทสโสตาปนฺนาทิตา จ อาปชฺชติ อนนฺตรผลตฺตา โลกุตฺตรกุสลานํ, น จ ตํ ยุตฺตํ. น หิ กาลเภเทน วินา โส เอว โสตาปนฺโน จ อโสตาปนฺโน จาติ สกฺกา วิฺาตุํ.
อปิจายํ นานาภิสมยวาที เอวํ ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘มคฺคาณํ สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺตํ กึ อารมฺมณโต ปฏิวิชฺฌติ, อุทาหุ กิจฺจโต’’ติ? ชานมาโน ‘‘กิจฺจโต’’ติ วเทยฺย, ‘‘กิจฺจโต ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส กึ นานาภิสมเยนา’’ติ วตฺวา ปฏิปาฏิยานิทสฺสเนน ¶ สฺาเปตพฺโพ. อถ ‘‘อารมฺมณโต’’ติ วเทยฺย, เอวํ สนฺเต ตสฺส าณสฺส วิปสฺสนาาณสฺส วิย ทุกฺขสมุทยานํ อจฺจนฺตปริฺาสมุจฺเฉทา น ยุตฺตา อนิสฺสฏตฺตา. ตถา มคฺคทสฺสนํ. น หิ มคฺโค สยเมว อตฺตานํ อารพฺภ ปวตฺตตีติ ยุตฺตํ, มคฺคนฺตรปริกปฺปนาย ปน อนวฏฺานํ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตีณิ สจฺจานิ กิจฺจโต, นิโรธํ กิจฺจโต จ อารมฺมณโต จ ปฏิวิชฺฌตีติ เอวํ อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส มคฺคาณสฺส นตฺเถว นานาภิสมโย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘โย ภิกฺขเว ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติอาทิ. น เจตํ กาลนฺตรทสฺสนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โย นุ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ ¶ …เป… ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) เอกจฺจทสฺสนสมงฺคิโน อฺสจฺจทสฺสนสมงฺคิภาววิจารณายํ ตทตฺถสาธนตฺถํ อายสฺมตา ควมฺปติตฺเถเรน อาภตตฺตา, ปจฺเจกฺจ สจฺจตฺตยทสฺสนสฺส โยชิตตฺตา, อฺถา ปุริมทิฏฺสฺส ปุน อทสฺสนโต สมุทยาทิทสฺสนมโยชนิยํ สิยา. น หิ โลกุตฺตรมคฺโค โลกิยมคฺโค วิย กตการีภาเวน ปวตฺตติ สมุจฺเฉทกตฺตา, ตถา โยชเนน จ สพฺพทสฺสนํ ทสฺสนนฺตรปรมนฺติ ทสฺสนานุปรโม สิยาติ เอวํ อาคมโต ยุตฺติโต จ นานาภิสมโย น ยุชฺชตีติ สฺาเปตพฺโพ. เอวํ เจ สฺตฺตึ คจฺฉติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ คจฺฉติ, อภิธมฺเม (กถา. ๒๗๔) โอธิโสกถาย สฺาเปตพฺโพติ.
นิโรธํ อารมฺมณโตติ นิโรธเมว อารมฺมณโตติ นิยโม คเหตพฺโพ, น อารมฺมณโตวาติ. เตน นิโรเธ กิจฺจโตปิ ปฏิเวโธ สิทฺโธ โหติ. ตสฺมึ สมเยติ สจฺจานํ อภิสมเย. วีสติวตฺถุกาติอาทิ ‘‘ตีณิ สฺโชนานี’’ติ วุตฺตานํ สรูปทสฺสนํ. จตูสุ อาสเวสูติ อิทํ อภิธมฺมนเยน วุตฺตํ, น สุตฺตนฺตนเยน. น หิ สุตฺเต กตฺถจิ จตฺตาโร อาสวา อาคตา อตฺถิ. ยทิ วิจิกิจฺฉา น อาสโว, อถ กสฺมา ‘‘สกฺกายทิฏฺิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโส, อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทสฺสนา ปหาตพฺพา’’ติอาทิ. เอตฺถ ปริยาปนฺนตฺตาติ เอเตน สมฺมาสงฺกปฺปสฺส วิย ปฺากฺขนฺเธ กิจฺจสภาคตาย อิธ วิจิกิจฺฉาย อาสวสงฺคโห กโตติ ทสฺเสติ.
สพฺโพ ¶ อตฺตคฺคาโห สกฺกายทิฏฺิวินิมุตฺโต นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ…เป… วิภตฺตา’’ติ. สา หิ ทิฏฺิ เอกสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท สนฺตาเน จ ิตํ เอกฏฺํ, ตตฺถ ปมํ สหชาเตกฏฺํ, อิตรํ ปหาเนกฏฺํ, ตทุภยมฺปิ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ทิฏฺาสเวหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพถาปีติ สพฺพปฺปกาเรน, สหชาเตกฏฺปหาเนกฏฺปฺปกาเรหีติ อตฺโถ. อวเสสาติ ทิฏฺาสวโต อวสิฏฺา. ตโยปิ อาสวาติ กามาสวภวาสวอวิชฺชาสวา. ตถา หิ ปุพฺเพ ‘‘จตูสุ อาสเวสู’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา พหู เอเวตฺถ อาสวา ปหาตพฺพา, ตสฺมา พหุวจนนิทฺเทโส กโต ‘‘อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา’’ติ. โปราณานนฺติ อฏฺกถาจริยานํ, ‘‘ปุราตนานํ มชฺฌิมภาณกาน’’นฺติ จ วทนฺติ.
ทสฺสนา ปหาตพฺพาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
ทสฺสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
สํวราปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๒. สํวราทีหีติ ¶ สํวรปฏิเสวนอธิวาสนปริวชฺชนวิโนทเนหิ. สพฺเพสมฺปีติ จตุนฺนมฺปิ อริยมคฺคานํ. อยนฺติ สํวราปหาตพฺพาทิกถา ปุพฺพภาคปฏิปทาติ เวทิตพฺพา. ตถา หิ เหฏฺา ‘‘อุปกฺกิเลสวิโสธนํ อาทึ กตฺวา อาสวกฺขยปฏิปตฺติทสฺสนตฺถ’’นฺติ สุตฺตนฺตเทสนาย ปโยชนํ วุตฺตํ. น หิ สกฺกา อาทิโต เอว อริยมคฺคํ ภาเวตุํ, อถ โข สมาทินฺนสีโล อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘; ม. นิ. ๒.๑๖๘) เอวํ วุตฺตํ จตุราปสฺเสนปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชมาโน สมฺมสนวิธึ โอตริตฺวา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อาสเว เขเปติ. เตนาห ภควา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺโท อนุปุพฺพนินฺโน อนุปุพฺพโปโณ อนุปุพฺพปพฺภาโร, น อายตเกเนว ปปาโต, เอวํ โข, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา, น อายตเกเนว อฺาปฏิเวโธ’’ติ (อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕).
อิธาติ ¶ อยํ อิธ-สทฺโท สพฺพาการโต อินฺทฺริยสํวรสํวุตสฺส ปุคฺคลสฺส สนฺนิสฺสยภูตสาสนปริทีปโน, อฺสาสนสฺส ตถาภาวปฏิเสธโน จาติ วุตฺตํ ‘‘อิมสฺมึ สาสเน’’ติ. อาทีนวปฏิสงฺขาติ อาทีนวปจฺจเวกฺขณา. สมฺปลิมฏฺนฺติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๖.๕๘) ฆํสิตํ. อนุพฺยฺชนโสติ หตฺถปาทหสิตกถิตวิโลกิตาทิปฺปการภาคโส. ตฺหิ อโยนิโส มนสิกโรโต กิเลสานํ อนุ อนุ พฺยฺชนโต ‘‘อนุพฺยฺชน’’นฺติ วุจฺจติ. นิมิตฺตคฺคาโหติ อิตฺถิปุริสนิมิตฺตาทิกสฺส วา กิเลสวตฺถุภูตสฺส วา นิมิตฺตสฺส คาโห. อาทิตฺตปริยายนเยนาติ อาทิตฺตปริยาเย (สํ. นิ. ๔.๒๘; มหาว. ๕๔) อาคตนเยน เวทิตพฺพา อาทีนวปฏิสงฺขาติ โยชนา. ยถา อิตฺถิยา อินฺทฺริยนฺติ อิตฺถินฺทฺริยํ, น เอวมิทํ, อิทํ ปน จกฺขุเมว อินฺทฺริยนฺติ จกฺขุนฺทฺริยนฺติ. ติตฺถกาโก วิยาติ ติตฺเถ กาโก ติตฺถกาโก, นทิยา สมติกฺกมนติตฺเถ นิยตฏฺิติโก. อาวาฏกจฺฉโปติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
เอวํ ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย จกฺขุนฺทฺริเย นิยตฏฺาโน สํวโร จกฺขุนฺทฺริยสํวโร. มุฏฺสฺสจฺจํ สติปฏิปกฺขา อกุสลธมฺมา. ยทิปิ อฺตฺถ อสงฺเขยฺยมฺปิ ภวงฺคจิตฺตํ นิรนฺตรํ อุปฺปชฺชติ, ปสาทฆฏฺฏนาวชฺชนุปฺปาทานํ ปน อนฺตเร ทฺเว เอว ภวงฺคจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อยํ จิตฺตนิยาโมติ อาห ภวงฺเค ‘‘ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ’’ติ.
ชวนกฺขเณ ¶ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ วาติอาทิ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๕; ธ. ส. มูลฏี. ๑๓๕๒) ปุน อวจนตฺถํ อิเธว สพฺพํ วุตฺตนฺติ ฉสุ ทฺวาเรสุ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. น หิ ปฺจทฺวาเร กายวจีทุจฺจริตสงฺขาโต ทุสฺสีลฺยสํวโร อตฺถีติ โส มโนทฺวารวเสน, อิตโร ฉนฺนมฺปิ ทฺวารานํ วเสน โยเชตพฺโพ. มุฏฺสฺสจฺจาทีนฺหิ สติปฏิปกฺขาทิลกฺขณานํ อกุสลธมฺมานํ สิยา ปฺจทฺวาเร อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว กายิกวาจสิกวีติกฺกมภูตสฺส ทุสฺสีลฺยสฺส ตตฺถ อุปฺปตฺติ ปฺจทฺวาริกชวนานํ อวิฺตฺติชนกตฺตาติ.
ยถา กินฺติ เยน ปกาเรน ชวเน อุปฺปชฺชมาโน อสํวโร ‘‘จกฺขุทฺวาเร อสํวโร’’ติ วุจฺจติ, ตํ นิทสฺสนํ กินฺติ อตฺโถ. ยถาติอาทินา นครทฺวาเร อสํวเร สติ ตํสมฺพนฺธานํ ฆราทีนํ อสํวุตตา ¶ วิย ชวเน อสํวเร สติ ตํสมฺพนฺธานํ ทฺวาราทีนํ อสํวุตตาติ อฺาสํวเร อฺาสํวุตตาสามฺเมว นิทสฺเสติ, น ปุพฺพาปรสามฺํ, อนฺโตพหิสามฺํ วา. สมฺพนฺโธ จ ชวเนน ทฺวาราทีนํ เอกสนฺตติปริยาปนฺนตาย เอว ทฏฺพฺโพ. ปจฺจยภาเวน ปุริมนิปฺผนฺนํ ชวนกาเล อสนฺตมฺปิ ภวงฺคาทิ ผลนิปฺผตฺติยา จกฺขาทิ วิย สนฺตํเยว นาม. น หิ ธรมานํเยว ‘‘สนฺต’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา สติ ทฺวารภวงฺคาทิเก ปจฺฉา อุปฺปชฺชมานํ ชวนํ พาหิรํ วิย กตฺวา นครทฺวารสมานํ วุตฺตํ. อิตรฺจ อนฺโตนครฆราทิสมานํ. ชวนสฺส หิ ปรมตฺถโต อสติปิ พาหิรภาเว อิตรสฺส จ อพฺภนฺตรภาเว ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺ’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๙) อาทิวจนโต อาคนฺตุกภูตสฺส กทาจิ กทาจิ อุปฺปชฺชมานสฺส ชวนสฺส พาหิรภาโว, ตพฺพิธุรสภาวสฺส อิตรสฺส อพฺภนฺตรภาโว จ ปริยายโต เวทิตพฺโพ. ชวเน วา อสํวเร อุปฺปนฺเน ตโต ปรํ ทฺวารภวงฺคาทีนํ อสํวรเหตุภาวาปตฺติโต นครทฺวารสทิเสน ชวเนน ปวิสิตฺวา ทุสฺสีลฺยาทิโจรานํ ทฺวารภวงฺคาทีสุ มุสนํ กุสลภณฺฑวินาสนํ ทฏฺพฺพํ. อุปฺปนฺเน หิ อสํวเร ทฺวาราทีนํ ตสฺส เหตุภาโว ปฺายติ, โส จ อุปฺปชฺชมาโนเยว ทฺวาราทีนํ สํวรูปนิสฺสยภาวํ ปฏิพาเหนฺโตเยว ปวตฺตตีติ อยฺเหตฺถ อสํวราทีนํ ปวตฺตินโย. ปฺจทฺวาเร รูปาทิอารมฺมเณ อาปาถคเต ยถาปจฺจยํ อกุสลชวเน อุปฺปชฺชิตฺวา ภวงฺคํ โอติณฺเณ มโนทฺวาริกชวนํ ตํเยว อารมฺมณํ กตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ, ปุน ตสฺมึเยว ทฺวาเร ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติอาทินา วิสยํ ววตฺถเปตฺวา ชวนํ ภวงฺคํ โอตรติ, ปุน วาเร รชฺชนาทิวเสน ชวนํ ชวติ, ปุนปิ ยทิ ตาทิสํ อารมฺมณํ อาปาถมาคจฺฉติ, ตํสทิสเมว ปฺจทฺวาเร รูปาทีสุ ชวนํ อุปฺปชฺชติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เอวเมว ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ตสฺมึ อสํวเร สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺต’’นฺติอาทิ. อยํ ตาว อสํวรปกฺเข อตฺถวณฺณนา.
สํวรปกฺเขปิ ¶ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สํวเรน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล สํวุโตติ วุตฺโตติ อาห ‘‘อุเปโตติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. เอกชฺฌํ กตฺวาติ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ ปทฺจ อตฺถโต อภินฺนํ สมานํ กตฺวา. อยเมว เจตฺถ อตฺโถ สุนฺทรตโร ¶ อุปริปาฬิยา สํสนฺทนโต. เตนาห ‘‘ตถาหี’’ติอาทิ. ยนฺติ อาเทโสติ อิมินา ลิงฺควิปลฺลาเสน สทฺธึ วจนวิปลฺลาโส กโตติ ทสฺเสติ, นิปาตปทํ วา เอตํ ปจฺจตฺตปุถุวจนตฺถํ. วิฆาตกราติ จิตฺตวิฆาตกรณา จิตฺตทุกฺขนิพฺพตฺตกา จ. ยถาวุตฺตกิเลสเหตุกา ทาหานุพนฺธา วิปากา เอว วิปากปริฬาหา. ยถา ปเนตฺถ อาสวา อฺเ จ วิฆาตกรา กิเลสวิปากปริฬาหา สมฺภวนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุทฺวาเรหี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว. เอตฺถ จ สํวรณูปาโย, สํวริตพฺพํ, สํวโร, ยโต โส สํวโร, ยตฺถ สํวโร, ยฺจ สํวรผลนฺติ อยํ วิภาโค เวทิตพฺโพ. กถํ? ปฏิสงฺขา โยนิโสติ หิ สํวรณูปาโย. จกฺขุนฺทฺริยํ สํวริตพฺพํ. สํวรคฺคหเณน คหิตา สติ สํวโร. อสํวุตสฺสาติ สํวรณาวธิ. อสํวรโต หิ สํวรณํ. สํวริตพฺพคฺคหเณน สิทฺโธ อิธ สํวรวิสโย. จกฺขุนฺทฺริยฺหิ สํวราณํ รูปารมฺมเณ สํวรียตีติ อวุตฺตสิทฺโธยมตฺโถ. อาสวตนฺนิมิตฺตกิเลสาทิปริฬาหาภาโว ผลํ. เอวํ โสตทฺวาราทีสุปิ โยเชตพฺพํ. สพฺพตฺเถวาติ มโนทฺวาเร ปฺจทฺวาเร จาติ สพฺพสฺมึ ทฺวาเร.
สํวราปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฏิเสวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๓. ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรนฺติอาทีสุ ‘‘สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา วุตฺตํ ปจฺจเวกฺขณเมว โยนิโส ปฏิสงฺขา. อีทิสนฺติ เอวรูปํ อิฏฺารมฺมณํ. ภวปตฺถนาย อสฺสาทยโตติ ภวปตฺถนามุเขน ภาวิตํ อารมฺมณํ อสฺสาเทนฺตสฺส. จีวรนฺติ นิวาสนาทิ ยํ กิฺจิ จีวรํ. ปฏิเสวตีติ นิวาสนาทิวเสน ปริภฺุชติ. ยาวเทวาติ ปโยชนปริมาณนิยมนํ. สีตปฏิฆาตาทิเยว หิ โยคิโน จีวรปฏิเสวเน ปโยชนํ. สีตสฺสาติ ธาตุกฺโขภโต วา อุตุปริณามโต วา อุปฺปนฺนสีตสฺส. ปฏิฆาตายาติ ปฏิพาหนตฺถํ ตปฺปจฺจยสฺส วิการสฺส วิโนทนตฺถํ. อุณฺหสฺสาติ อคฺคิสนฺตาปโต อุปฺปนฺนสฺส อุณฺหสฺส. ฑํสาทโย ปากฏาเยว. ปุน ยาวเทวาติ นิยตปโยชนปริมาณนิยมนํ. นิยตฺหิ ปโยชนํ จีวรปฏิเสวนสฺส หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนํ, อิตรํ กทาจิ กทาจิ ¶ . หิริโกปีนนฺติ สมฺพาธฏฺานํ ¶ . ยสฺมิฺหิ องฺเค วิวเฏ หิรีกุปฺปติ วินสฺสติ, ตํ หิริยา โกปนโต หิริโกปีนํ, ตสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถํ จีวรํ ปฏิเสวติ.
ปิณฺฑปาตนฺติ ยํ กิฺจิ อาหารํ. โส หิ ปิณฺโฑลฺเยน ภิกฺขนาย ปตฺเต ปตนโต ตตฺถ ตตฺถ ลทฺธภิกฺขาปิณฺฑานํ ปาโต สนฺนิปาโตติ ‘‘ปิณฺฑปาโต’’ติ วุจฺจติ. เนว ทวายาติ น กีฬนาย. น มทายาติ น พลมทมานมทปุริสมทตฺถํ. น มณฺฑนายาติ น องฺคปจฺจงฺคานํ ปีณนภาวตฺถํ. น วิภูสนายาติ น เตสํเยว โสภนตฺถํ, ฉวิสมฺปติอตฺถนฺติ อตฺโถ. อิมานิ จ ปทานิ ยถากฺกมํ โมห-โทส-สณฺาน-วณฺณ-ราคูปนิสฺสย-ปหานตฺถานิ เวทิตพฺพานิ. ปุริมํ วา ทฺวยํ อตฺตโน อตฺตโน สํกิเลสุปฺปตฺตินิเสธนตฺถํ, อิตรํ ปรสฺสปิ. จตฺตาริปิ กามสุขลฺลิกานุโยคสฺส ปหานตฺถํ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. กายสฺสาติ รูปกายสฺส. ิติยา ยาปนายาติ ปพนฺธฏฺิตตฺถฺเจว ปวตฺติยา อวิจฺเฉทนตฺถฺจ จิรกาลฏฺิตตฺถํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส ปวตฺตาปนตฺถํ. วิหึสูปรติยาติ ชิฆจฺฉาทุกฺขสฺส อุปรมณตฺถํ. พฺรหฺมจริยานุคฺคหายาติ สาสนมคฺคพฺรหฺมจริยานํ อนุคฺคหตฺถํ. อิตีติ เอวํ อิมินา อุปาเยน. ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามีติ ปุราณํ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนํ ปฏิหนิสฺสามิ. นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ นวํ ภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ. ตสฺสา หิ อนุปฺปนฺนาย อนุปฺปชฺชนตฺถเมว อาหารํ ปริภฺุชติ. เอตฺถ จ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนา นาม ยถาปวตฺตา ชิฆจฺฉานิมิตฺตา เวทนา. สา หิ อภฺุชนฺตสฺส ภิยฺโย ภิยฺโย ปวฑฺฒนวเสน อุปฺปชฺชติ, ภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนาปิ ขุทานิมิตฺตาว องฺคทาหสูลาทิเวทนา อปฺปวตฺตา. สา หิ ภุตฺตปจฺจยา อนุปฺปนฺนาว น อุปฺปชฺชิสฺสตีติ. วิหึสานิมิตฺตตา เจตาสํ วิหึสาย วิเสโส.
ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ ยาปนา จ เม จตุนฺนํ อิริยาปถานํ ภวิสฺสติ. ยาปนายาติ อิมินา ชีวิตินฺทฺริยยาปนา วุตฺตา, อิธ จตุนฺนํ อิริยาปถานํ อวิจฺเฉทสงฺขาตา ยาปนาติ อยเมตาสํ วิเสโส. อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จาติ อยุตฺตปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภคปริวชฺชเนน อนวชฺชตา, ปริมิตปริโภเคน ผาสุวิหาโร. อสปฺปายาปริมิตโภชนปจฺจยา อรติตนฺทีวิชมฺภิตาวิฺุครหาทิโทสาภาเวน วา อนวชฺชตา, สปฺปายปริมิตโภชนปจฺจยา กายพลสมฺภเวน ¶ ผาสุวิหาโร. ยาวทตฺถอุทราวเทหกโภชนปริวชฺชเนน เสยฺยสุขปสฺสสุขมิทฺธสุขาทีนํ อภาวโต อนวชฺชตา, จตุปฺจาโลปมตฺตฺีนโภชเนน จตุอิริยาปถโยคฺยตาปาทนโต ผาสุวิหาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘จตฺตาโร ¶ ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);
เอตฺตาวตา ปโยชนปริคฺคโห, มชฺฌิมา จ ปฏิปทา ทีปิตา โหติ.
เสนาสนนฺติ สยนฺจ อาสนฺจ. ยตฺถ หิ วิหาราทิเก เสติ นิปชฺชติ, อาสติ นิสีทติ, ตํ เสนาสนํ. อุตุปริสฺสยวิโนทนปฏิสลฺลานารามตฺถนฺติ อุตุเยว ปริสหนฏฺเน ปริสฺสโย, สรีราพาธจิตฺตวิกฺเขปกโร, อถ วา ยถาวุตฺโต อุตุ จ สีหพฺยคฺฆาทิปากฏปริสฺสโย จ ราคโทสาทิปฏิจฺฉนฺนปริสฺสโย จ อุตุปริสฺสโย, ตสฺส วิโนทนตฺถฺเจว เอกีภาวสุขตฺถฺจ. อิทฺจ จีวรปฏิเสวเน หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนํ วิย ตสฺส นิยตปโยชนนฺติ ปุน ‘‘ยาวเทวา’’ติ วุตฺตํ.
คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารนฺติ โรคสฺส ปจฺจนีกปฺปวตฺติยา คิลานปจฺจโย, ตโต เอว ภิสกฺกสฺส อนฺุาตวตฺถุตาย เภสชฺชํ, ชีวิตสฺส ปริวารสมฺภารภาเวหิ ปริกฺขาโร จาติ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาโร, ตํ. อุปฺปนฺนานนฺติ ชาตานํ นิพฺพตฺตานํ. เวยฺยาพาธิกานนฺติ พฺยาพาธโต ธาตุกฺโขภโต จ ตนฺนิพฺพตฺตโรคโต จ ชาตานํ. เวทนานนฺติ ทุกฺขเวทนานํ. อพฺยาพชฺฌปรมตายาติ นิทฺทุกฺขปรมภาวาย ปฏิเสวามีติ โยชนา. เอวเมตฺถ สงฺเขเปเนว ปาฬิวณฺณนา เวทิตพฺพา. นวเวทนุปฺปาทนโตปีติ น เกวลํ อายตึ เอว วิปากปริฬาหา, อถ โข อติโภชนปจฺจยา อลํสาฏกาทีนํ วิย นวเวทนุปฺปาทนโตปิ เวทิตพฺพาติ อตฺโถ.
ปฏิเสวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
อธิวาสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๔. ขโมติ ¶ ขมนโก. กมฺมฏฺานิกสฺส จลนํ นาม กมฺมฏฺานปริจฺจาโคติ อาห ‘‘จลติ กมฺปติ กมฺมฏฺานํ วิชหตี’’ติ. อธิมตฺตมฺปิ อุณฺหํ สหติ, สหนฺโต จ น นคฺคสมณาทโย วิย สหติ, อถ โข กมฺมฏฺานาวิชหเนนาติ อาห ‘‘สฺเวว เถโร วิยา’’ติ. พหิจงฺกเมติ เลณโต พหิ จงฺกเม. อุณฺหภเยเนวาติ นรกคฺคิอุณฺหภเยเนว. เตนาห ‘‘อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา’’ติ, ตมฺปิ ‘‘มยา อเนกกฺขตฺตุํ อนุภูตํ, อิทํ ปน ตโต มุทุตร’’นฺติ ¶ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ าเน. อคฺคิสนฺตาโปว เวทิตพฺโพ สูริยสนฺตาปสฺส ปรโต วุจฺจมานตฺตา.
ปริสุทฺธสีโลหมสฺมีติ สพฺพถาปิ ‘‘วิสุทฺธสีโลหมสฺมี’’ติ มรณํ อคฺคเหตฺวา อวิปฺปฏิสารมูลิกํ ปีตึ อุปฺปาเทสิ. สห ปีตุปฺปาทาติ ผรณปีติยา อุปฺปาเทน สเหว. วิสํ นิวตฺติตฺวาติ ปีติเวเคน อชฺโฌตฺถตํ ทฏฺมุเขเนว ภสฺสิตฺวา. ตตฺเถวาติ สปฺเปน ทฏฺฏฺาเนเยว. จิตฺเตกคฺคตํ ลภิตฺวาติ ‘‘ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๖๖; ๓.๓๕๙; สํ. นิ. ๕.๓๗๖; อ. นิ. ๓.๙๖; ๑๑.๑๒) นเยน สมาธานํ ปาปุณิตฺวา.
ปจฺจเยสุ สนฺโตโส ภาวนาย จ อารมิตพฺพฏฺานตาย อาราโม อสฺสาติ ปจฺจยสนฺโตสภาวนาราโม, ตสฺส ภาโว ปจฺจย…เป… รามตา, ตาย. มหาเถโรติ วุฑฺฒตโร เถโร. วจนเมว ตทตฺถํ าเปตุกามานํ ปโถติ วจนปโถ.
อสุขฏฺเน วา ติพฺพา. ยฺหิ น สุขํ, ตํ อนิฏฺํ ‘‘ติพฺพ’’นฺติ วุจฺจติ. เอวํสภาโวติ ‘‘อธิวาสนชาติโย’’ติ ปทสฺส อตฺถมาห. มุหุตฺเตน ขเณว วาเต หทยํ ผาเลตุํ อารทฺเธเยว. อนาคามี หุตฺวา ปรินิพฺพายีติ อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายิ.
เอวํ สพฺพตฺถาติ ‘‘อุณฺเหน ผุฏฺสฺส สีตํ ปตฺถยโต’’ติอาทินา สพฺพตฺถ อุณฺหาทินิมิตฺตํ กามาสวุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา, สีตํ วา อุณฺหํ วา อนิฏฺนฺติ อธิปฺปาโย. อตฺตคฺคาเห สติ อตฺตนิยคฺคาโหติ อาห ‘‘มยฺหํ สีตํ อุณฺหนฺติ คาโห ทิฏฺาสโว’’ติ. สีตาทิเก อุปคเต สหนฺตี ขมนฺตี เต อตฺตโน อุปริ วาเสนฺตี วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อาโรเปตฺวา วาเสติเยวา’’ติ ¶ . น นิรสฺสตีติ น วิธุนติ. โย หิ สีตาทิเก น สหติ, โส เต นิรสฺสนฺโต วิธุนนฺโต วิย โหตีติ.
อธิวาสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ปริวชฺชนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๕. อหํ ¶ สมโณติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๖.๕๘) ‘‘อหํ สมโณ, กึ มม ชีวิเตน วา มรเณน วา’’ติ เอวํ อจินฺเตตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ คามปฺปเทสํ ปโยชนาทิฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. ปฏิกฺกมตีติ หตฺถิอาทีนํ สมีปคมนโต อปกฺกมติ. กณฺฏกา ยตฺถ ติฏฺนฺติ, ตํ กณฺฏกฏฺานํ. อมนุสฺสทุฏฺานีติ อมนุสฺสสฺจาเรน ทูสิตานิ, สปริสฺสยานีติ อตฺโถ. สมานนฺติ สมํ, อวิสมนฺติ อตฺโถ. อกาสิ วา ตาทิสํ อนาจารํ.
สีลสํวรสงฺขาเตนาติ ‘‘กถํ ปริวชฺชนํ สีล’’นฺติ ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อปิจ ‘‘จณฺฑํ หตฺถึ ปริวชฺเชตี’’ติ วจนโต หตฺถิอาทิปริวชฺชนมฺปิ ภควโต วจนานุฏฺานนฺติ กตฺวา อาจารสีลเมวาติ เวทิตพฺพํ.
ปริวชฺชนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
วิโนทนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๖. อิติปีติ อิมินา การเณน, อโยนิโสมนสิการสมุฏฺิตตฺตาปิ โลภาทิสหคตตฺตาปิ กุสลปฏิปกฺขโตปีติอาทีหิ การเณหิ อยํ วิตกฺโก อกุสโลติ อตฺโถ. อิมินา นเยน สาวชฺโชติอาทีสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ อกุสโลติอาทินา ทิฏฺธมฺมิกํ กามวิตกฺกสฺส อาทีนวํ ทสฺเสติ, ทุกฺขวิปาโกติ อิมินา สมฺปรายิกํ. อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตีติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อาทีนววิภาวนา เวทิตพฺพา. อุปฺปนฺนสฺส กามวิตกฺกสฺส อนธิวาสนํ นาม ปุน ตาทิสสฺส อนุปฺปาทนํ, ตํ ปนสฺส ปหานํ วิโนทนํ พฺยนฺติกรณํ อนภาวคมนนฺติ ¶ จ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ปาฬิยํ ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปชหตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนธิวาเสนฺโต กึ กโรตีติ ปชหตี’’ติอาทิมาห. ปหานฺเจตฺถ วิกฺขมฺภนเมว, น สมุจฺเฉโทติ ทสฺเสตุํ ‘‘วิโนเทตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ วิกฺขมฺภนวเสเนว อตฺโถ ทสฺสิโต.
กามวิตกฺโกติ สมฺปโยคโต อารมฺมณโต จ กามสหคโต วิตกฺโก. เตนาห ‘‘กามปฏิสํยุตฺโต ¶ ตกฺโก’’ติอาทิ. กามปฏิสํยุตฺโตติ หิ กามราคสงฺขาเตน กาเมน สมฺปยุตฺโต วตฺถุกามสงฺขาเตน ปฏิพทฺโธ จ. อุปฺปนฺนุปฺปนฺเนติ เตสํ ปาปวิตกฺกานํ อุปฺปาทาวตฺถาคหณํ วา กตํ สิยา อนวเสสคฺคหณํ วา. เตสุ ปมํ สนฺธายาห ‘‘อุปนฺนมตฺเต’’ติ, สมฺปติชาเตติ อตฺโถ. อนวเสสคฺคหณํ พฺยาปนิจฺฉาย โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สตกฺขตฺตุมฺปิ อุปฺปนฺเน’’ติ วุตฺตํ. าติวิตกฺโกติ ‘‘อมฺหากํ าตโย สุขชีวิโน สมฺปตฺติยุตฺตา’’ติอาทินา เคหสฺสิตเปมวเสน าตเก อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตกฺโก. ชนปทวิตกฺโกติ ‘‘อมฺหากํ ชนปโท สุภิกฺโข สมฺปนฺนสสฺโส รมณีโย’’ติอาทินา เคหสฺสิตเปมวเสเนว ชนปทํ อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตกฺโก. อุกฺกุฏิกปฺปธานาทีหิ ทุกฺเข นิชฺชิณฺเณ สมฺปราเย อตฺตา สุขี โหติ อมโรติ ทุกฺกรการิกาย ปฏิสํยุตฺโต อมรตฺถาย วิตกฺโก, ตํ วา อารพฺภ อมราวิกฺเขปทิฏฺิสหคโต อมโร จ โส วิตกฺโก จาติ อมรวิตกฺโก. ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺโตติ ปเรสุ อุปฏฺากาทีสุ สหนนฺทิกาทิวเสน ปวตฺโต อนุทฺทยตาปติรูปโก เคหสฺสิตเปเมน ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก. ลาภสกฺการสิโลกปฏิสํยุตฺโตติ จีวราทิลาเภน เจว สกฺกาเรน จ กิตฺติสทฺเทน จ อารมฺมณกรณวเสน ปฏิสํยุตฺโต. อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโตติ ‘‘อโห วต มํ ปเร น อวชาเนยฺยุํ, น เหฏฺา กตฺวา มฺเยฺยุํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กเรยฺยุ’’นฺติ อุปฺปนฺนวิตกฺโก.
กามวิตกฺโก กามสงฺกปฺปนสภาวตฺตา กามสงฺกปฺปปวตฺติยา สาติสยตฺตา จ กามนากาโรติ อาห ‘‘กามวิตกฺโก ปเนตฺถ กามาสโว’’ติ. ตพฺพิเสโสติ กามาสววิเสโส, ราคสหวุตฺตีติ อธิปฺปาโย. กามวิตกฺกาทิเก วิโนเทติ อตฺตโน สนฺตานโต ¶ นีหรติ เอเตนาติ วิโนทนํ, วีริยนฺติ อาห ‘‘วีริยสํวรสงฺขาเตน วิโนทเนนา’’ติ.
วิโนทนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ภาวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๗. ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวิตา พหุลีกตา วิชฺชาวิมุตฺติโย ปริปูเรนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๘๗) วจนโต วิชฺชาวิมุตฺตีนํ อนธิคโม ตโต จ สกลวฏฺฏทุกฺขานติวตฺติ อภาวนาย อาทีนโว, วุตฺตวิปริยาเยน ภควโต โอรสปุตฺตภาวาทิวเสน จ ภาวนาย อานิสํโส เวทิตพฺโพ. อุปริมคฺคตฺตยสมยสมฺภูตาติ ทุติยาทิมคฺคกฺขเณ ชาตา, ภาวนาธิการโต ทุติยมคฺคาทิปริยาปนฺนาติ อตฺโถ. นนุ จ เต โลกุตฺตรา เอว, กสฺมา วิเสสนํ ¶ กตนฺติ? นยิทํ วิเสสนํ, วิเสสิตพฺพํ ปเนตํ, โลกุตฺตรโพชฺฌงฺคา เอว อธิปฺเปตา, เต จ โข อุปริมคฺคตฺตยสมยสมฺภูตาติ. โพชฺฌงฺเคสุ อสมฺโมหตฺถนฺติ วิปสฺสนาฌานมคฺคผลโพชฺฌงฺเคสุ สมฺโมหาภาวตฺถํ. มิสฺสกนเยน หิ โพชฺฌงฺเคสุ วุจฺจมาเนสุ ตทงฺคาทิวิเวกทสฺสนวเสน วิปสฺสนาโพชฺฌงฺคาทโย วิภชิตฺวา วุจฺจนฺติ, น นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรโพชฺฌงฺคา เอวาติ โพชฺฌงฺเคสุ สมฺโมโห น โหติ โพชฺฌงฺคภาวนาปฏิปตฺติยา จ สมฺมเทว ปกาสิตตฺตา. อิธ ปนาติ อิมสฺมึ สุตฺเต, อิมสฺมึ วา อธิกาเร. โลกุตฺตรนโย เอว คเหตพฺโพ ภาวนามคฺคสฺส อธิกตตฺตา.
อาทิปทานนฺติ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๔๑๘) ‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺค’’นฺติ เอวมาทีนํ ตสฺมึ ตสฺมึ วากฺเย อาทิภูตานํ ปทานํ. อตฺถโตติ วิเสสวเสน สามฺวเสน จ ปทตฺถโต. ลกฺขณาทีหีติ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานโต. กมโตติ อนุปุพฺพิโต. อนูนาธิกโตติ ตาวตฺตกโต. วิภาวินาติ วิฺุนา.
สติสมฺโพชฺฌงฺเคติ สติสมฺโพชฺฌงฺคปเท. สรณฏฺเนาติ อนุสฺสรณฏฺเน. จิรกตาทิเภทํ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา านํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฏฺานํ. อุทเก อลาพุ วิย ปิลวิตฺวา คนฺตุํ อทตฺวา ปาสาณสฺส วิย นิจฺจลสฺส อารมฺมณสฺส ปนํ สารณํ อสมฺมุฏฺตากรณํ อปิลาปนํ. วุตฺตมฺปิ ¶ เหตํ มิลินฺทปฺเห. ภณฺฑาคาริโกติ ภณฺฑโคปโก. อปิลาเป กโรติ อปิลาเปติ. เถเรนาติ นาคเสนตฺเถเรน. สมฺโมสปจฺจนีกํ กิจฺจํ อสมฺโมโส, น สมฺโมสาภาวมตฺตํ. โคจราภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานาติ กายาทิอารมฺมณาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา.
โพธิยา ธมฺมสามคฺคิยา, องฺโค อวยโว, โพธิสฺส วา อริยสาวกสฺส องฺโค การณํ. ปติฏฺานายูหนา โอฆตรณสุตฺตวณฺณนายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑) –
‘‘กิเลสวเสน ปติฏฺานํ, อภิสงฺขารวเสน อายูหนา. ตณฺหาทิฏฺีหิ ปติฏฺานํ, อวเสสกิเลสาภิสงฺขาเรหิ อายูหนา. ตณฺหาวเสน ปติฏฺานํ, ทิฏฺิวเสน อายูหนา. สสฺสตทิฏฺิยา ปติฏฺานํ, อุจฺเฉททิฏฺิยา อายูหนา. ลีนวเสน ปติฏฺานํ, อุทฺธจฺจวเสน อายูหนา. กามสุขานุโยควเสน ปติฏฺานํ, อตฺตกิลมถานุโยควเสน อายูหนา. สพฺพากุสลาภิสงฺขารวเสน ปติฏฺานํ, สพฺพโลกิยกุสลาภิสงฺขารวเสน อายูหนา’’ติ –
วุตฺเตสุ ปกาเรสุ อิธ อวุตฺตานํ วเสน เวทิตพฺพา. ยา หิ อยํ โพธีติ วุจฺจตีติ โยเชตพฺพํ ¶ . ‘‘พุชฺฌตี’’ติ ปทสฺส ปฏิพุชฺฌตีติ อตฺโถติ อาห ‘‘กิเลสสนฺตานนิทฺทาย อุฏฺหตี’’ติ. ตํ ปน ปฏิพุชฺฌนํ อตฺถโต จตุนฺนํ สจฺจานํ ปฏิเวโธ, นิพฺพานสฺเสว วา สจฺฉิกิริยาติ อาห ‘‘จตฺตารี’’ติอาทิ. ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิยาติ ยถา องฺคานิ เอว ฌานมคฺคา, น องฺควินิมุตฺตา, เอวมิธาปีติ อตฺโถ. เสนงฺครถงฺคาทโย วิยาติ เอเตน ปุคฺคลปฺตฺติยา อวิชฺชมานปฺตฺติภาวํ ทสฺเสติ.
โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคาติ อิทํ การณตฺโถ องฺค-สทฺโทติ กตฺวา วุตฺตํ. พุชฺฌนฺตีติ โพธิโย, โพธิโย เอว องฺคาติ โพชฺฌงฺคาติ วุตฺตํ ‘‘พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติ. อนุพุชฺฌนฺตีติ วิปสฺสนาทีนํ การณานํ พุชฺฌิตพฺพานฺจ สจฺจานํ อนุรูปํ พุชฺฌนฺติ. ปฏิพุชฺฌนฺตีติ กิเลสนิทฺทาย อุฏฺหนโต ปจฺจกฺขภาเวน วา ปฏิมุขํ พุชฺฌนฺติ. สมฺพุชฺฌนฺตีติ อวิปรีตภาเวน สมฺมา จ พุชฺฌนฺติ. เอวํ อุปสคฺคานํ อตฺถวิเสสทีปนตา ทฏฺพฺพา. โพธิ-สทฺโท หิ สพฺพวิเสสยุตฺตํ พุชฺฌนํ สามฺเน คเหตฺวา ิโต.
วิจินาตีติ ¶ ‘‘ตยิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา วีมํสติ. โอภาสนํ ธมฺมานํ ยถาภูตสภาวปฏิจฺฉาทกสฺส สมฺโมหสฺส วิทฺธํสนํ ยถา อาโลโก อนฺธการสฺส. ยสฺมึ ธมฺเม สติ วีโร นาม โหติ, โส ธมฺโม วีรภาโว. อีรยิตพฺพโตติ ปวตฺเตตพฺพโต. โกสชฺชปกฺขโต ปติตุํ อปฺปทานวเสน สมฺปยุตฺตานํ ปคฺคณฺหนํ ปคฺคโห. อุปตฺถมฺภนํ อนุพลปฺปทานํ. โอสีทนํ ลยาปตฺติ, ตปฺปฏิปกฺขโต อโนสีทนํ ทฏฺพฺพํ. ปีณยตีติ ตปฺเปติ วฑฺเฒติ วา. ผรณํ ปณีตรูเปหิ กายสฺส พฺยาปนํ. ตุฏฺิ นาม ปีติ. อุทคฺคภาโว โอทคฺยํ, กายจิตฺตานํ อุกฺขิปนนฺติ อตฺโถ. กายจิตฺตทรถปสฺสมฺภนโตติ กายทรถสฺส จิตฺตทรถสฺส จ ปสฺสมฺภนโต วูปสมนโต. กาโยติ เจตฺถ เวทนาทโย ตโย ขนฺธา. ทรโถ สารมฺโภ, ทุกฺขโทมนสฺสปจฺจยานํ อุทฺธจฺจาทิกิเลสานํ, ตปฺปธานานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานํ อธิวจนํ. อุทฺธจฺจาทิกิเลสปฏิปกฺขภาโว ทฏฺพฺโพ, เอวฺเจตฺถ ปสฺสทฺธิยา อปริปฺผนฺทนสีติภาโว ทฏฺพฺโพ อสารทฺธภาวโต. เตนาห ภควา ‘‘ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๒).
สมาธานโตติ สมฺมา จิตฺตสฺส อาธานโต ปนโต. อวิกฺเขโป สมฺปยุตฺตานํ อวิกฺขิตฺตตา, เยน สสมฺปยุตฺตา ธมฺมา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส ธมฺโม อวิกฺเขโปติ. อวิสาโร อตฺตโน เอว อวิสรณสภาโว. สมฺปิณฺฑนํ สมฺปยุตฺตานํ อวิปฺปกิณฺณภาวาปาทนํ นฺหานียจุณฺณานํ อุทกํ วิย. จิตฺตฏฺิติปจฺจุปฏฺาโนติ ‘‘จิตฺตสฺส ิตี’’ติ (ธ. ส. ๑๑) วจนโต จิตฺตสฺส ปพนฺธิติปจฺจุปฏฺาโน. อชฺฌุเปกฺขนโตติ อุทาสีนภาวโต. สาติ โพชฺฌงฺคอุเปกฺขา ¶ . สมปฺปวตฺเต ธมฺเม ปฏิสฺจิกฺขติ อุปปตฺติโต อิกฺขติ ตทาการา หุตฺวา ปวตฺตตีติ ปฏิสงฺขานลกฺขณา, เอวฺจ กตฺวา ‘‘ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา คหเณ มชฺฌตฺตตา’’ติ อุเปกฺขากิจฺจาธิมตฺตตาย สงฺขารุเปกฺขา วุตฺตา. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ยถาสกกิจฺจกรณวเสน สมํ ปวตฺตนปจฺจยตา สมวาหิตา. อลีนานุทฺธตปฺปวตฺติปจฺจยตา อูนาธิกตานิวารณํ. สมฺปยุตฺตานํ อสมปฺปวตฺติเหตุกปกฺขปาตํ อุปจฺฉินฺทนฺตี วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปกฺขปาตุปจฺเฉทรสา’’ติ. อชฺฌุเปกฺขนเมว มชฺฌตฺตภาโว.
สพฺพสฺมึ ลีนปกฺเข อุทฺธจฺจปกฺเข จ อตฺถิกา ปตฺถนียา อิจฺฉิตพฺพาติ สพฺพตฺถิกา, ตํ สพฺพตฺถิกํ. สมานกฺขณปวตฺตีสุ สตฺตสุปิ สมฺโพชฺฌงฺเคสุ วาจาย ¶ กมปฺปวตฺติโต ปฏิปาฏิยา วตฺตพฺเพสุ ยํ กิฺจิ ปมํ อวตฺวา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺเสว ปมํ วจนสฺส การณํ สพฺเพสํ อุปการกตฺตนฺติ วุตฺตํ ‘‘สพฺเพส’’นฺติอาทิ. สพฺเพสนฺติ จ ลีนุทฺธจฺจปกฺขิกานํ, อฺถา สพฺเพปิ สพฺเพสํ ปจฺจยาติ.
‘‘กสฺมา สตฺเตว โพชฺฌงฺคา วุตฺตา’’ติ โจทโก สทฺธาโลภาทีนมฺปิ โพชฺฌงฺคภาวํ อาสงฺกติ, อิตโร สติอาทีนํเยว ภาวนาย อุปการตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ลีนุทฺธจฺจปฏิปกฺขโต สพฺพตฺถิกโต จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ลีนสฺสาติ อติสิถิลวีริยตาทีหิ ภาวนาวีถึ อโนตริตฺวา สํกุฏิตสฺส จิตฺตสฺส. ตทา หิ ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคา น ภาเวตพฺพา. ตฺหิ เอเตหิ อลฺลติณาทีหิ วิย ปริตฺโต อคฺคิ ทุสฺสมุฏฺาปิยํ โหตีติ. เตนาห ภควา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อุชฺชาเลตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ อลฺลานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺยา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). ธมฺมวิจยวีริยปีติสมฺโพชฺฌงฺคา ปน ภาเวตพฺพา, สุกฺขติณาทีหิ วิย ปริตฺโต อคฺคิ ลีนํ จิตฺตํ เอเตหิ สุสมุฏฺาปิยํ โหตีติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมิฺจ โข’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถาสกํ อาหารวเสน ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา…เป… ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย…เป… สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒). ตตฺถ สภาวสามฺลกฺขณปฏิเวธวเสน ปวตฺตมนสิกาโร…เป… ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ภาเวติ นาม.
อุทฺธจฺจสฺสาติ จิตฺตสฺส อจฺจารทฺธวีริยตาทีหิ สีติภาวปติฏฺิตภาวํ อโนติณฺณตาย, ตทา ธมฺมวิจยวีริยปีติสมฺโพชฺฌงฺคา น ภาเวตพฺพา. ตฺหิ เอเตหิ สุกฺขติณาทีหิ วิย อคฺคิกฺขนฺโธ ทุวูปสมยํ โหติ. เตนาห ภควา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ ¶ นิพฺพาเปตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺยา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคา ปน ภาเวตพฺพา, อลฺลติณาทีหิ วิย อคฺคิกฺขนฺโธ อุทฺธตํ จิตฺตํ เอเตหิ สุวูปสมยํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมิฺจ โข’’ติอาทิ. เอตฺถาปิ ยถาสกํ อาหารวเสน ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กายปสฺสทฺธิ ¶ จิตฺตปสฺสทฺธิ…เป… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒). ตตฺถ ยถาสฺส ปสฺสทฺธิอาทโย อุปฺปนฺนปุพฺพา, ตํ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา เตสํ อุปฺปาทนวเสน ตถา มนสิกโรนฺโตว ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ภาเวติ นาม. สติสมฺโพชฺฌงฺโค ปน สพฺพตฺถ พหูปกาโร. โส หิ จิตฺตํ ลีนปกฺขิกานํ ปสฺสทฺธิอาทีนํ วเสน ลยาปตฺติโต, อุทฺธจฺจปกฺขิกานฺจ ธมฺมวิจยาทีนํ วเสน อุทฺธจฺจปาตโต รกฺขติ, ตสฺมา โส โลณธูปนํ วิย สพฺพพฺยฺชเนสุ สพฺพกมฺมิกอมจฺโจ วิย จ ราชกิจฺเจสุ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺโพ. เตนาห ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔).
ตฺวา าตพฺพาติ (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๒๙) สมฺพนฺโธ. วฑฺฒิ นาม เวปุลฺลํ ภิยฺโยภาโว ปุนปฺปุนํ อุปฺปาโท เอวาติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ ชเนตี’’ติ. อภิวุทฺธึ ปาเปนฺโต นิพฺพตฺเตติ. วิวิตฺตตาติ วิวิตฺตภาโว. โย หิ วิเวจนียโต วิวิจฺจติ, ยํ วิวิจฺจิตฺวา ิตํ, ตทุภยํ อิธ วิวิตฺตภาวสามฺเน ‘‘วิวิตฺตตา’’ติ วุตฺตํ. เตสุ ปุริโม วิเวจนียโต วิวิจฺจมานตาย วิเวกสงฺขาตาย วิวิจฺจนกิริยาย สมงฺคี ธมฺมสมูโห ตาย เอว วิวิจฺจนกิริยาย วเสน วิเวโกติ คหิโต. อิตโร สพฺพโส ตโต ตโต วิวิตฺตสภาวตาย. ตตฺถ ยสฺมึ ธมฺมปฺุเช สติสมฺโพชฺฌงฺโค วิวิจฺจนกิริยาย ปวตฺตติ, ตํ ยถาวุตฺตาย วิวิจฺจมานตาย วิเวกสงฺขาตํ นิสฺสาเยว ปวตฺตติ, อิตรํ ปน ตนฺนินฺนตาตทารมฺมณตาหีติ วุตฺตํ ‘‘วิเวเก นิสฺสิต’’นฺติ. ยถา วา วิเวกวเสน ปวตฺตํ ฌานํ ‘‘วิเวกช’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ วิเวกวเสน ปวตฺโต โพชฺฌงฺโค ‘‘วิเวกนิสฺสิโต’’ติ ทฏฺพฺโพ. นิสฺสยฏฺโ จ วิปสฺสนามคฺคานํ วเสน มคฺคผลานํ เวทิตพฺโพ. อสติปิ ปุพฺพาปรภาเว ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทา’’ติ เอตฺถ ปจฺจยานํ สมุปฺปาทนํ วิย อภินฺนธมฺมาธารา นิสฺสยนภาวนา สมฺภวนฺตีติ. อยเมวาติ วิเวโก เอว. วิเวโก หิ ปหานวินยวิราคนิโรธา จ สมานตฺถา.
ตทงฺคสมุจฺเฉทนิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตตํ วตฺวา ปฏิปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตตาย อวจนํ ‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตี’’ติอาทินา ภาเวตพฺพานํ โพชฺฌงฺคานํ อิธ วุตฺตตฺตา. ภาวิตพฺโพชฺฌงฺคสฺส หิ เย สจฺฉิกาตพฺพา ผลโพชฺฌงฺคา, เตสํ กิจฺจํ ปฏิปสฺสทฺธิวิเวโก. อชฺฌาสยโตติ ¶ ‘‘นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสามี’’ติ มหนฺตอชฺฌาสยโต. ยทิปิ วิปสฺสนากฺขเณ สงฺขารารมฺมณํ ¶ จิตฺตํ, สงฺขาเรสุ ปน อาทีนวํ สุฏฺุ ทิสฺวา ตปฺปฏิปกฺเข นิพฺพาเน อธิมุตฺตตาย อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตตา ทาหาภิภูตสฺส ปุคฺคลสฺส สีตนินฺนจิตตฺตา วิย. น ปฏิสิทฺธา วิปสฺสนาปาทเกสุ กสิณารมฺมณาทิฌาเนสุ สติอาทีนํ นิพฺเพธภาคิยตฺตา. อนุทฺธรนฺตา ปน วิปสฺสนา วิย โพธิยา มคฺคสฺส อาสนฺนการณํ ฌานํ น โหติ, นาปิ ตถา เอกนฺติกํ การณํ, น จ วิปสฺสนากิจฺจสฺส วิย ฌานกิจฺจสฺส นิฏฺานํ มคฺโคติ กตฺวา น อุทฺธรนฺติ. เอตฺถ จ กสิณคฺคหเณน ตทายตฺตานิ อารุปฺปานิปิ คหิตานีติ ทฏฺพฺพานิ. ตานิปิ หิ วิปสฺสนาปาทกานิ นิพฺเพธภาคิยานิ จ โหนฺตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ ตนฺนินฺนภาวสพฺภาวโต. ยทคฺเคน หิ นิพฺพานนินฺนตา, ตทคฺเคน ผลนินฺนตาปิ สิยา. ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) อาทิวจนมฺเปตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ.
โวสฺสคฺค-สทฺโท ปริจฺจาคตฺโถ ปกฺขนฺทนตฺโถ จาติ โวสฺสคฺคสฺส ทุวิธตา วุตฺตา. โวสฺสชฺชนฺหิ ปหานํ, วิสฺสฏฺภาเวน นิราสงฺกปวติ จ, ตสฺมา วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺควเสน, มคฺคกฺขเณ สมุจฺเฉทวเสน ปฏิปกฺขสฺส ปหานํ โวสฺสคฺโค, ตถา วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ อารมฺมณกรเณน วิสฺสฏฺสภาวโต โวสฺสคฺโคติ เวทิตพฺพํ. ยถาวุตฺเตน ปกาเรนาติ ตทงฺคสมุจฺเฉทปกาเรน ตนฺนินฺนตทารมฺมณกรณปกาเรน จ. ปุพฺเพ โวสฺสคฺค-ปทสฺเสว อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา อาห ‘‘สกเลน วจเนนา’’ติ. ปริณมนฺตํ วิปสฺสนากฺขเณ, ปริณตํ มคฺคกฺขเณ. ปริณาโม นาม ปริปาโกติ อาห ‘‘ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกฺจา’’ติ. ปริปาโก จ อาเสวนลาเภน อาหิตสามตฺถิยสฺส กิเลสสฺส ปริจฺจชิตุํ นิพฺพานฺจ ปกฺขนฺทิตุํ ติกฺขวิสทสภาโว. เตนาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ. เอส นโยติ ยฺวายํ ‘‘ตทงฺควิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา สติสมฺโพชฺฌงฺเค วุตฺโต, เสเสสุ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทีสุปิ เอส นโยติ เอวํ ตตฺถ เนตพฺพนฺติ อตฺโถ.
เอวํ อาทิกมฺมิกานํ โพชฺฌงฺเคสุ อสมฺโมหตฺถํ มิสฺสกนยํ วตฺวา อิทานิ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรโพชฺฌงฺควเสน อตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธ ปนาติ อิมสฺมึ สพฺพาสวสุตฺตนฺเต. มคฺโค เอว โวสฺสคฺควิปริณามี ภาวนามคฺคสฺส อิธ อธิปฺเปตตฺตา. ตฺจ โขติ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ. สมุจฺเฉทโตติ สมุจฺฉินฺทนโต.
ทิฏฺาสวสฺส ¶ ปมมคฺควชฺฌตฺตา ‘‘ตโย อาสวา’’ติ วุตฺตํ. เตปิ อนปายคมนียา เอว เวทิตพฺพา ¶ อปายคมนียานํ ทสฺสเนเนว ปหีนตฺตา. สติปิ สมฺโพชฺฌงฺคานํ เยภุยฺเยน มคฺคภาเว ตตฺถ ตตฺถ สมฺโพชฺฌงฺคสภาวานํ มคฺคธมฺมานํ วเสน วุตฺตมคฺคตฺตยสมฺปยุตฺตา โพชฺฌงฺคาติ ปจฺเจกโพชฺฌงฺเค ‘‘โพชฺฌงฺคภาวนายา’’ติ อิมินา คณฺหนฺโต ‘‘มคฺคตฺตยสมฺปยุตฺตายา’’ติ อาห.
ภาวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๘. โถเมนฺโตติ อาสวปฺปหานสฺส สุทุกฺกรตฺตา ตาย เอว ทุกฺกรกิริยาย ตํ อภิตฺถวนฺโต. อสฺสาติ ปหีนาสวภิกฺขุโน. อานิสํสนฺติ ตณฺหาจฺเฉทาทิทุกฺขกฺขยปริโยสานํ อุทฺรยํ. เอเตหิ ปหานาทิสํกิตฺตเนหิ. อุสฺสุกฺกํ ชเนนฺโตติ เอวํ ธมฺมสฺสามินาปิ อภิตฺถวนียํ มหานิสํสฺจ อาสวปฺปหานนฺติ ตตฺถ อาทรสหิตํ อุสฺสาหํ อุปฺปาเทนฺโต. ทสฺสเนเนว ปหีนาติ ทสฺสเนน ปหีนา เอว. เตน วุตฺตํ ‘‘น อปฺปหีเนสุเยว ปหีนสฺี’’ติ.
สพฺพ-สทฺเทน อาสวานํ, อาสวสํวรานฺจ สมฺพนฺธวเสน ทุติยปมวิกปฺปานํ เภโท ทฏฺพฺโพ. ทสฺสนาภิสมยาติ ปริฺาภิสมยา ปริฺากิจฺจสิทฺธิยา. เตนาห ‘‘กิจฺจวเสนา’’ติ, อสมฺโมหปฏิเวเธนาติ อตฺโถ. สมุสฺสโย กาโย, อตฺตภาโว วา.
อนวชฺชปีติโสมนสฺสสหิตํ จิตฺตํ ‘‘อตฺตโน’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ อตฺถาวหตฺตา, น ตพฺพิปรีตํ อนตฺถาวหตฺตาติ ปีติสมฺปยุตฺตจิตฺตตํ สนฺธายาห ‘‘อตฺตมนาติ สกมนา’’ติ. เตนาห ‘‘ตุฏฺมนา’’ติ. อตฺตมนาติ วา ปีติโสมนสฺเสหิ คหิตมนา. ยสฺมา ปน เตหิ คหิตตา สมฺปยุตฺตตาว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปีติโสมนสฺเสหิ วา สมฺปยุตฺตมนา’’ติ. ยเทตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยตฺตา จาติ เวทิตพฺพํ.
สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนา
๒๙. ตสฺมา ¶ ¶ ตํ ทสฺเสตฺวาติ ยสฺมา สุตฺตนฺตวณฺณนา สุตฺตนิกฺเขปํ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ยสฺมา จสฺส ธมฺมทายาทสุตฺตสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป, ตสฺมา ตํ นิกฺเขปํ ทสฺเสตฺวา, กเถตฺวาติ อตฺโถ. ลาภสกฺกาเรติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๖๓) ลาภสกฺการสงฺขาตาย อฏฺุปฺปตฺติยาติ เกจิ, ลาภสกฺกาเร วา อฏฺุปฺปตฺติยาติ อปเร. ยา หิ ลาภสกฺการนิมิตฺตํ ตทา ภิกฺขูสุ ปจฺจยพาหุลฺลิกตา ชาตา, ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ภควา อิมํ เทเสสีติ. ยมกมหาเมโฆติ เหฏฺาโอลมฺพนอุปริอุคฺคมนวเสน สตปฏโล สหสฺสปฏโล ยุคฬมหาเมโฆ. ติฏฺนฺติ เจว ภควติ กตฺถจิ นิพทฺธวาสํ วสนฺเต, จาริกํ ปน คจฺฉนฺเต อนุพนฺธนฺติ จ. ภิกฺขูนมฺปิ เยภุยฺเยน กปฺปสตสหสฺสํ ตโต ภิยฺโยปิ ปูริตทานปารมิสฺจยตฺตา ตทา มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชีติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสปี’’ติ.
สกฺกโตติ สกฺการปฺปโต. ครุกโตติ ครุการปฺปตฺโต. มานิโตติ พหุมโต มนสา ปิยายิโต จ. ปูชิโตติ มาลาทิปูชาย เจว จตุปจฺจยาภิปูชาย จ ปูชิโต. อปจิโตติ อปจายนปฺปตฺโต. ยสฺส หิ จตฺตาโร ปจฺจเย สกฺกตฺวาปิ อภิสงฺขเต ปณีตปณีเต อุปเนนฺติ, โส สกฺกโต. ยสฺมึ ครุภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา เต เทนฺติ, โส ครุกโต. ยํ มนสา ปิยายนฺติ พหุมฺนฺติ จ, โส พหุมโต. ยสฺส สพฺพเมตํ ปูชาวเสน กโรนฺติ, โส ปูชิโต. ยสฺส อภิวาทนปจฺจุฏฺานฺชลิกมฺมาทิวเสน ปรมนิปจฺจการํ กโรนฺติ, โส อปจิโต. ภควติ ภิกฺขุสงฺเฆ จ โลโก เอวํ ปฏิปนฺโน. เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ. ลาภคฺคยสคฺคปตฺตนฺติ ลาภสฺส จ ยสสฺส จ อคฺคํ อุกฺกํสํ ปตฺตํ.
ปจฺจยา จีวราทโย ครุกาตพฺพา เอเตสนฺติ ปจฺจยครุกา, อามิสจกฺขุกาติ อตฺโถ. ปจฺจเยสุ คิทฺธา คธิตา ปจฺจยานํ พหุลภาวาย ปฏิปนฺนาติ ปจฺจยพาหุลิกา. ภควโตปิ ปากฏา อโหสิ ปกติจาริตฺตวเสนาติ อธิปฺปาโย อฺถา อปากฏสฺเสว อภาวโต. ธมฺมสภาวจินฺตาวเสน ปวตฺตํ สโหตฺตปฺปาณํ ธมฺมสํเวโค, อิธ ¶ ปน โส ภิกฺขูนํ ลาภครุตาธมฺมวเสน ¶ เวทิตพฺโพ. สมณธมฺมวุตฺตีติ สมณธมฺมกรณํ. สาติ ธมฺมทายาทเทสนา. ปฏิพิมฺพทสฺสนวเสน สพฺพกายสฺส ทสฺสนโยคฺโค อาทาโสติ สพฺพกายิกอาทาโส.
ปิตุ-ทายํ, เตน ทาตพฺพํ, ตโต ลทฺธพฺพํ อรหภาเวน อาทิยนฺตีติ ทายาทา, ปุตฺตา. ตฺจ โลเก อามิสเมว, สาสเน ปน ธมฺโมปีติ ตตฺถ ยํ สาวชฺชํ อนิยฺยานิกฺจ, ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา, ยํ นิยฺยานิกํ อนวชฺชฺจ, ตตฺถ ภิกฺขู นิโยเชนฺโต ภควา อโวจ ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติ. ธมฺมสฺส เม ทายาทาติ มม ธมฺมสฺส โอคาหิโน, ธมฺมภาคภาคิโนติ อตฺโถ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ธมฺมโกฏฺาสสฺเสว สามิโน’’ติ (ม. นิ. อฏฺ.๑.๒๙). นิพฺพตฺติตธมฺโมติ อสํกิเลสิกานุตฺตราทิภาเวน ธมฺมสามฺโต นิทฺธาริตธมฺโม. ปริยาเยติ สภาวโต ปริวตฺเตตฺวา าเปติ เอเตนาติ ปริยาโย, เลโส, เลสการณํ วา. ตทภาวโต นิปฺปริยายธมฺโม มคฺคปฺปตฺติยา อปายปตนาทิโต อจฺจนฺตเมว วารณโต. อิตโร วุตฺตวิปริยายโต ปริยายธมฺโม อจฺจนฺตํ อปายทุกฺขวฏฺฏทุกฺขปาตนโต ปรมฺปราย วารณโต. ยถา หิ โลกิยํ กุสลํ ทานสีลาทิ วิวฏฺฏํ อุทฺทิสฺส นิพฺพตฺติตํ, อยํ ตํ อสมฺปาเทนฺตมฺปิ ตํ สมฺปาปกสฺส ธมฺมสฺส นิพฺพตฺตการณภาวปริยาเยน ปริยายธมฺโม นาม โหติ, เอวํ ตํ วฏฺฏํ อุทฺทิสฺส นิพฺพตฺติตํ, ยํ ตณฺหาทีหิ สวิเสสํ อามสิตพฺพโต อามิสนฺติ โลเก ปากฏํ อจฺฉาทนโภชนาทิ, ตสฺส, ตํสทิสสฺส จ ผลวิเสสสฺส นิมิตฺตภาวปริยาเยน ปริยายามิสนฺติ วุจฺจตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยํ ปนิทํ…เป… อิทํ ปริยายามิสํ นามา’’ติ.
‘‘สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยสฺส ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒, ๓) อาทิวจนโต สาวเกหิ อธิคโตปิ โลกุตฺตรธมฺโม สตฺถุเยวาติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิปฺปริยายธมฺโมปิ ภควโตเยว สนฺตโก’’ติ. สาวกานฺหิ ธมฺมทิฏฺิปจฺจยสฺสปิ โยนิโสมนสิการสฺส วิเสสปจฺจโย ปรโตโฆโส จ ตถาคตาธีโนติ เตหิ ปฏิวิทฺโธปิ ธมฺโม ธมฺมสฺสามิโนเยวาติ วตฺตุํ ยุตฺตํ. เตนาห ‘‘ภควตา หี’’ติอาทิ. ตตฺถ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺสาติ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ ยาว อิมสฺมา พุทฺธุปฺปาทา อสมฺโพธวเสน น อุปฺปนฺนสฺส อริยมคฺคสฺส. อุปฺปาเทตาติ นิพฺพตฺเตตา. ตํ ปเนตํ มคฺคสฺส ¶ ภควโต นิพฺพตฺตนํ, น ปจฺเจกพุทฺธานํ วิย สสนฺตาเนเยว, อถ โข ปรสนฺตาเนปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา’’ติ วุตฺตํ. ตยิทํ มคฺคสฺส อุปฺปาทนํ สฺชานนฺจ อตฺถโต ชานนฺเว อสมฺโมหปฏิเวธภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘มคฺคฺู มคฺควิทู’’ติ. อกฺขานํ ปนสฺส สุกุสลภาเวนาติ วุตฺตํ ‘‘มคฺคโกวิโท’’ติ. สตฺถารา ¶ ยถาคตํ มคฺคํ อนุคจฺฉนฺตีติ มคฺคานุคา ภควโต เอว ตํ มคฺคํ สุฏฺุ อธิคมนโต. ปจฺฉา ปรโต สมฺมา อนุ อนุ อาคตา ปฏิปนฺนาติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา.
ชานํ ชานาตีติ ชานิตพฺพเมว อภิฺเยฺยาทิเภทํ ชานาติ เอกนฺตหิตปฏิปตฺติโต. ปสฺสํ ปสฺสตีติ ตถา ปสฺสิตพฺพเมว ปสฺสติ. อถ วา ชานํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาเณน ชานิตพฺพํ ชานาติเยว. น หิ ปเทสาเณน ชานิตพฺพํ สพฺพํ เอกนฺตโต ชานาติ. ปสฺสํ ปสฺสตีติ ทิพฺพจกฺขุ ปฺาจกฺขุ ธมฺมจกฺขุ พุทฺธจกฺขุ สมนฺตจกฺขุสงฺขาเตหิ ปฺจหิ จกฺขูหิ ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติเยว. อถ วา ชานํ ชานาตีติ ยถา อฺเ สวิปลฺลาสา กามรูปปริฺาวาทิโน ชานนฺตาปิ วิปลฺลาสวเสน ชานนฺติ, น เอวํ ภควา. ภควา ปน ปหีนวิปลฺลาสตฺตา ชานนฺโต ชานาติเยว, ทิฏฺิทสฺสนสฺส จ อภาวา ปสฺสนฺโต ปสฺสติเยวาติ อตฺโถ. จกฺขุภูโตติ ปฺาจกฺขุมยตฺตา ตสฺส จ ปตฺตตฺตา สตฺเตสุ จ ตทุปฺปาทนโต ทสฺสนปริณายกฏฺเน โลกสฺส จกฺขุ วิย ภูโต. าณภูโตติ เอตสฺส จ เอวเมว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ธมฺมา โพธิปกฺขิยา, พฺรหฺมา มคฺโค, เตหิ อุปฺปนฺนตฺตา, เตสํวา ปตฺตตฺตา อธิคตตฺตา, โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนโต ‘‘ธมฺมภูโต, พฺรหฺมภูโต’’ติ จ เวทิตพฺโพ. วตฺตาติ จตุสจฺจธมฺมํ วทตีติ วตฺตา. จิรํ สจฺจปฺปฏิเวธํ ปวตฺเตนฺโต วทตีติ ปวตฺตา. อตฺถสฺส นินฺเนตาติ ธมฺมตาสงฺขาตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานฺจ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสตา, ปาปยิตา วา. อมตสฺส ทาตาติ อมตํ สจฺฉิกิริยํ สตฺเตสุ อุปฺปาเทนฺโต อมตํ ททาตีติ อมตสฺส ทาตา. โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ตทายตฺตภาวโต ธมฺมสฺสามี.
‘‘ยา จ นิพฺพานสมฺปตฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ;
สุโข วิปาโก ปฺุานํ, อธิปฺปาโย สมิชฺฌติ. (เปฏโก. ๒๓);
นิพฺพานปฏิสํยุตฺโต, สพฺพสมฺปตฺติทายโก’’ติ –
เอวมาทึ ¶ ภควโต วจนํ สุตฺวา เอว ภิกฺขู ทานาทิปฺุานํ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสยตํ ชานนฺติ, น อฺถาติ วุตฺตํ ‘‘ปริยายธมฺโมปิ…เป… ปฏิลภตี’’ติ. ‘‘เอทิสํ ปริภฺุจิตพฺพ’’นฺติ กปฺปิยสฺส จ จีวราทิปจฺจยสฺส ภควโต วจเนน วินา ปฏิคฺคโหปิ ภิกฺขูนํ น สมฺภวติ, กุโต ปริโภโคติ อาห ‘‘นิปฺปริยายามิสมฺปี’’ติอาทิ.
ปริยายามิสสฺส ภควโต สนฺตกภาโว ปริยายธมฺมสฺส ตพฺภาเวเนว ทีปิโต. ตเทว สามิภาวํ ¶ ทสฺเสนฺโตติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมาติ อตฺตาธีนปฏิลาภปฏิคฺคหตาย อตฺตโน สนฺตกตฺตา จ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ธมฺมามิเส.
ปจฺจยา จีวราทโย ปรมา ปาปุณิตพฺพภาเวน อุตฺตมมริยาทา เอตสฺส น อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อปฺปิจฺฉตาทโย จาติ ปจฺจยปรโม, ลาภครูติ อตฺโถ. ตณฺหุปฺปาเทสูติ ‘‘จีวรเหตุ วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, ปิณฺฑปาตเสนาสนอิติภวาภวเหตุ วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๑; อ. นิ. ๔.๙; อิติวุ. ๑๐๕) เอวํ วุตฺเตสุ จตูสุ ตณฺหุปฺปตฺติโกฏฺาเสสุ. อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิสลฺเลขปวิเวกาทโย อปฺปิจฺฉตาทโย.
ตตฺถาติ ตสฺมึ โอวาเท, เตสุ วา ธมฺมปฏิคฺคาหเกสุ ภิกฺขูสุ. ภวิสฺสติ วา เยสํ ตตฺถาติ โยชนา. อิมสฺมึ ปกฺเข ตตฺถาติ ตสฺมึ โอวาเท อิจฺเจว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อธิปฺปาโย อามิสทายาทตาย อุปฺปชฺชนกอนตฺถานุปฺปาทสฺส ธมฺมทายาทตาย อุปฺปชฺชนกอฏฺุปฺปตฺติยา จ อากงฺขา. เตนาห ‘‘ปสฺสตี’’ติอาทิ. ตตฺถ อามิเส อุปกฺขลิตานนฺติ อามิสเหตุ วิปฺปฏิปนฺนานํ. อตีตกาเลติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล. กปิลสฺส ภิกฺขุโน วตฺถุ กปิลสุตฺเตน, ‘‘สงฺฆาฏิปิอาทิตฺตา โหตี’’ติอาทินา ลกฺขณสุตฺเตน (สํ. นิ. ๒.๒๑๘) จ วิภาเวตพฺพํ. อามิสครุโก อปฺปคฺฆภาเวน กูฏกหาปโณ วิย นิตฺเตโช สมณเตเชน อนุชฺชลโต นิพฺพุตงฺคาโร วิย นิปฺปโภ จ โหตีติ โยชนา. ตโตติ ปจฺจยครุกภาวโต. วิวตฺติตจิตฺโตติ วินิวตฺติตมานโส, สลฺเลขวุตฺตีติ อตฺโถ.
ธมฺมทายาทาติ ¶ เอตฺตาวตา อนฺโตคธาวธารณํ วจนนฺติ เตน อวธารเณน นิวตฺติตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘มา อามิสทายาทา’’ติ ปฏิกฺเขโป ทสฺสิโต. ตเถว จ วิภาเวตุํ อธิปฺปายานิสํสวิภาวเนสุปิ ทสฺสิโต, ตถา อาทีนววิภาวเนน ธมฺมทายาทตาปฏิกฺเขโป. อปทิสิตพฺพาติ เหฏฺา กตฺวา วตฺตพฺพาติ. อาทิยาติ เอตฺถ ยสฺมา อา-กาโร มริยาทตฺโถ, ตสฺมา ธมฺมทายาทตาวิธุเรน อามิสทายาทภาเวน เหตุภูเตน, กรณภูเตน วา อาทิยํ วิเวจนํ วิฺูหิ วิสุํ กรณํ ววตฺถานสฺส โหตีติ อาห ‘‘วิสุํ กาตพฺพา’’ติ. เตนาห ‘‘วิฺูหิ คารยฺหา ภเวยฺยาถาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.
‘‘อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา…เป… โน อามิสทายาทา’’ติ ภิกฺขูสุ อตฺตโน กรุณายนากิตฺตนํ ¶ เตสํ มุทุกรณํ, ‘‘อหมฺปิ เตนา’’ติอาทิ ปน ตโตปิ สวิเสสํ มุทุกรณนฺติ อาห ‘‘อตีว มุทุกรณตฺถ’’นฺติ.
นาฬกปฏิปทาทโย นาฬกสุตฺตาทีสุ (สุ. นิ. ๖๘๔-๗๒๘) อาคตปฏิปตฺติโย. ตา ปน ยสฺมา นาฬกตฺเถราทีหิ ปฏิปนฺนา ปรมสลฺเลขวุตฺติภูตา อติอุกฺกฏฺปฏิปตฺติโย, ตสฺมา อิธ ธมฺมทายาทปฏิปทาย อุทาหรณภาเวน อุทฺธฏา. สกฺขิภูตาติ ตาย ปฏิปตฺติยา วุจฺจมานาย ‘‘กึ เม วินา ปฏิปชฺชนโก อตฺถี’’ติ อสทฺทหนฺตานํ ปจฺจกฺขกรเณน สกฺขิภูตา. อิมสฺมินฺติ ‘‘ตุมฺเห จ เม ภิกฺขเว ธมฺมทายาทา’’ติอาทิเก วากฺเย. เสสนฺติ ‘‘ตุมฺเห จ เม’’ติอาทิกํ สุกฺกปกฺเข อาคตํ ปาฬิปทํ. วุตฺตนยปจฺจนีเกนาติ ‘‘เตน ธมฺมทายาทภาเวน โน อามิสทายาทภาเวนา’’ติ เอวํ กณฺหปกฺเข วุตฺตนยสฺส ปฏิปกฺเขน.
๓๐. โถมนํ สุตฺวาติ ปฏิปชฺชนกสฺส ปุคฺคลสฺส ปสํสนํ สุตฺวา ยถา ตํ สปริสสฺส อายสฺมโต อุปเสนสฺส ปฏิปตฺติยา สีลโถมนํ สุตฺวา. นิปาตปทนฺติ อิมินา อิธ-สทฺทสฺส อนตฺถกตมาห. ปวาริโตติ ปฏิกฺเขปิโต. โย หิ ภฺุชนฺโต โภชเนน ติตฺโต ปริเวสเกน อุปนีตโภชนํ ปฏิกฺขิปติ, โส เตน ปวาริเตน ปฏิกฺเขปิโต นาม โหติ. เตนาห ‘‘ปวาริโตติ…เป… วุตฺตํ โหตี’’ติ. ปกาเรหิ ทิฏฺาทีหิ วาเรติ สงฺฆาทิเก ยาจาเปติ ภตฺเต ¶ กโรติ เอตายาติ ปวารณา, อาปตฺติวิโสธนาย อตฺตโวสฺสคฺโค โอกาสทานํ. สา ปน ยสฺมา เยภุยฺเยน วสฺสํวุตฺเถหิ กาตพฺพา วุตฺตา, ตสฺมา ‘‘วสฺสํวุตฺถปวารณา’’ติ วุตฺตํ. ปวาเรติ ปจฺจเย อิจฺฉาเปติ เอตายาติ ปวารณา, จีวราทีหิ อุปนิมนฺตนา. ปการยุตฺตา วารณาติ ปวารณา, วิปฺปกตโภชนตาทิจตุรงฺคสหิโต โภชนปฏิกฺเขโป. สา ปน ยสฺมา อนติริตฺตโภชนนิมิตฺตาย อาปตฺติยา การณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘อนติริตฺตปวารณา’’ติ วุตฺตา. ยาวทตฺถโภชนสฺส ปวารณา ยาวทตฺถปวารณา, ปริโยสิตโภชนสฺส อุปนีตาหารปฏิกฺเขโปติ อตฺโถ.
‘‘ภุตฺตาวี’’ติ วจนโต โภชนปาริปูริตา อิธาธิปฺเปตาติ อาห ‘‘ปริปุณฺโณติ โภชเนน ปริปุณฺโณ’’ติ. ปริโยสิโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย ‘‘โภชเนน โภชนกิริยาย ปริโยสิโต’’ติ. อฏฺกถายํ ปน อธิปฺเปตตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ โภชน-สทฺทสฺส โลโป วุตฺโต. ธาโตติ ติตฺโต. สาธกานีติ าปกานิ. ปริโยสิตโภชนํ สุหิตยาวทตฺถตาคหเณหิ ภุตฺตาวิตาทโย, ภุตฺตาวิตาทิคฺคหเณหิ วา อิตเร โพธิตา โหนฺตีติ อฺมฺํ เนสํ าปกาเปตพฺพตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ ฉหิปิ ปเทหิ อุทราวเทหกํ โภชนํ ทสฺสิตํ ¶ , ตฺจ โข ปริกปฺปนาวเสน. น หิ ภควา เอวํ ภฺุชติ. เตนาห ‘‘สพฺพฺเจตํ ปริกปฺเปตฺวา วุตฺต’’นฺติ.
‘‘สิยา เอว, นาปิ สิยา’’ติ จ อิทํ อตฺถทฺวยมฺปิ อิธ สมฺภวตีติ วุตฺตํ ‘‘อิธ อุภยมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. อถาติ อนนฺตรํ, มม โภชนสมนนฺตรเมวาติ อตฺโถ. ตํ ปน ยสฺมา ยถาวุตฺตกาลปจฺจามสนํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ตมฺหิ กาเล’’ติ วุตฺตํ. อปฺปรุฬฺหหริเตติ รุหมานติณาทิหริตรหิเต. อภาวตฺโถ จ อยํ อปฺป-สทฺโท ‘‘อปฺปิจฺโฉ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๕๒, ๓๓๖; สํ. นิ. ๒.๑๔๘) วิย.
กถิเตปีติ ปิ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ. เตน วาปสมีกรณาทึ สงฺคณฺหาติ. ตถา เหส วุตฺต-สทฺโท ‘‘โน จ โข ปฏิวุตฺต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๒๘๙) วาปสมีกรเณ ทิสฺสติ, ‘‘ปนฺนโลโม ปรทตฺตวุตฺโต’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๓๒) ชีวิตวุตฺติยํ, ‘‘ปณฺฑุปลาโส พนฺธนา ปวุตฺโต’’ติอาทีสุ (ปารา. ๙๒; ปาจิ. ๖๖๖; มหาว. ๑๒๙; ม. นิ. ๓.๕๙) อปคเม, ‘‘คีตํ ปวุตฺตํ ¶ สมิหิต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๕) ปาวจนภาเวน ปวตฺติเต, โลเก ปน ‘‘วุตฺตํ ปรายณ’’นฺติอาทีสุ (มหาภาส ๗.๒.๒๖) อชฺเฌเน ทิสฺสตีติ.
น เอตฺถ ปิณฺฑปาตโภชเนน ธมฺมทายาทตา นิวาริตา, ปิณฺฑปาตโภชนํ ปน อนาทริตฺวา ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตีติ เอตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปิณฺฑปาตํ…เป… วีตินาเมยฺยา’’ติ. ตตฺถ วีตินาเมยฺยาติ กมฺมฏฺานานุโยเคน เขเปยฺย. เตนาห ‘‘อาทิตฺตสีสูปมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา’’ติ. อาทิตฺตสีสูปมนฺติอาทิตฺตสีสูปมสุตฺตํ.
กิฺจาปีติ อยํ ‘‘ยทิปี’’ติ อิมินา สมานตฺโถ นิปาโต. นิปาโต จ นาม ยตฺถ ยตฺถ วากฺเย ปยุชฺชติ, เตน เตน วตฺตพฺพตฺถโชตโก โหตีติ อิธ ‘‘ปิณฺฑปาต’’นฺติอาทินา อนฺุาปสํสาวเสน วุจฺจมานสฺส อตฺถสฺส โชตโกติ อธิปฺปาเยน ‘‘อนุชานนปสํสนตฺเถ นิปาโต’’ติ วุตฺตํ, อนฺุาปสํสารมฺเภ ปน ‘‘อสมฺภาวนตฺเถ’’ติ วุตฺตํ สิยา ปุริเมเยว สมฺภาวนาวิภาวนโต อธิกตฺตานุโลมโต จ.
เอกวารํ ปวตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺขิปนํ กถํ ทีฆรตฺตํ อปฺปิจฺฉตาทีนํ การณํ โหตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺริจฺฉตาติ อตฺร อิจฺฉตีติ อตฺริจฺโฉ, ตสฺส ภาโว อตฺริจฺฉตา, อตฺถโต ปรลาภปตฺถนา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปุริเมเยว สกลาเภน อสนฺตุฏฺิ, ปรลาเภ ¶ จ ปตฺถนา, เอตํ อตฺริจฺฉตาลกฺขณ’’นฺติ (วิภ. อฏฺ. ๘๔๙). ปาปิจฺฉตาติ อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปายตา. ปาปา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตา. ยถาห ‘‘อสนฺตคุณสมฺภาวนตา ปฏิคฺคหเณ จ อมตฺตฺุตา, เอตํ ปาปิจฺฉลกฺขณ’’นฺติ (วิภ. อฏฺ. ๘๕๑). มหนฺตานิ วตฺถูนิ อิจฺฉติ, มหตี วา ตสฺส อิจฺฉาติ มหิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว มหิจฺฉตา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สนฺตคุณสมฺภาวนตา ปฏิคฺคหเณ จ อมตฺตฺุตา, เอตํ มหิจฺฉลกฺขณ’’นฺติ. ปจฺจเวกฺขมาโน นิวาเรสฺสตีติ โยชนา. อสฺส ภิกฺขุโน สํวตฺติสฺสติ ปิณฺฑปาตปฏิกฺเขโป.
มหิจฺโฉ ปุคฺคโล ยถา ปจฺจยทานวเสน ปจฺจยทายเกหิ ภริตุํ อสกฺกุเณยฺโย, เอวํ ปจฺจยปริเยสนวเสน อตฺตนาปีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโนปิ ¶ อุปฏฺากานมฺปิ ทุพฺภโร โหตี’’ติ. สทฺธาเทยฺยสฺส วินิปาตวเสน ปวตฺติยา อฺสฺส ฆเร ฉฑฺเฑนฺโต. ริตฺตปตฺโตวาติ เยสุ กุเลสุ ปฏิปิณฺฑวเสน ปวตฺตติ, เตสํ สพฺพปจฺฉิมํ อตฺตโน ยถาลทฺธํ ทตฺวา ตตฺถ กิฺจิ อลทฺธา ริตฺตปตฺโต วิหารํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชติ ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺเยนาติ อธิปฺปาโย. ยถาลทฺธปจฺจยปริโภเคน, ปุน ปริเยสนานาปชฺชเนน อตฺตโน สุภรตา, ยถาลทฺธปจฺจเยน อวฺํ อกตฺวา สนฺโตสาปตฺติยา อุปฏฺากานํ สุภรตา เวทิตพฺพา.
กถาวตฺถูนีติ อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตานํ กถานํ วตฺถูนีติ กถาวตฺถูนิ, อปฺปิจฺฉตาทโย เอว. ตีณีติ ตีณิ กถาวตฺถูนิ. อภิสลฺเลขิกาติ อติวิย กิเลเส สลฺลิขตีติ อภิสลฺเลโข, อปฺปิจฺฉ ตาทิคุณสมุทาโย, โส เอติสฺสา อตฺถีติ อภิสลฺเลขิกา, มหิจฺฉตาทีนํ ตนุภาวาย ยุตฺตรูปา อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตตา. เจโตวินีวรณสปฺปายาติ กุสลจิตฺตุปฺปตฺติยา นิวารกานํ นีวรณานํ ทูรีภาวกรเณน เจโตวินีวรณสงฺขาตานํ สมถวิปสฺสนานํ สปฺปายา. สมถวิปสฺสนาจิตฺตสฺเสว วา วิภูติภาวกรณาย สปฺปายา อุปการิกาติ เจโตวินีวรณสปฺปายา. เอกนฺตนิพฺพิทายาติอาทิ เยน นิพฺพิทาทิอานิสํเสน อยํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวินีวรณสปฺปายา จ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกํเสน วฏฺฏทุกฺขโต นิพฺพินฺทนตฺถาย. วิราคาย นิโรธายาติ ตสฺเสว วิรชฺชนตฺถฺจ นิรุชฺฌนตฺถฺจ. อุปสมายาติ สพฺพกิเลสวูปสมาย. อภิฺายาติ สพฺพสฺสปิ อภิฺเยฺยสฺส อภิชานนาย. สมฺโพธายาติ จตุมคฺคสมฺโพธาย. นิพฺพานายาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานาย. เอเตสุ หิ อาทิโต ตีหิ วิปสฺสนา วุตฺตา, ปุน ตีหิ มคฺโค, อิตเรน นิพฺพานํ. เตน สมถวิปสฺสนา อาทึ กตฺวา นิพฺพานปริโยสาโน อยํ สพฺโพ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม ทสกถาวตฺถุลาภิโน สมฺภวตีติ ทสฺเสติ. ปริปูเรสฺสนฺตีติ ตํสภาวโต อุปการโต ¶ จ สํวตฺติสฺสนฺติ. อปฺปิจฺฉตาทโย หิ เอกวารอุปฺปนฺนา อุปริ ตทตฺถาย สํวตฺติสฺสนฺติ. กถาวตฺถุปริปูรณํ สิกฺขาปริปูรณฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อมตํ นิพฺพานนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุํ. อิตรา ปน เสกฺขาเสกฺขธมฺมปาริปูริยา ปริปุณฺณา. นิพฺพานปาริปูริ เจตฺถ ตทาวหธมฺมปาริปูริวเสน ปริยายโต ¶ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อิทานิ ยายํ อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุกฺกมปริวุทฺธิยา คุณปาริปูริตา, ตํ อุปมาย สาเธนฺโต ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปาวุสฺสโกติ วสฺสานมาเส อุฏฺิโต. โส หิ จิรานุปฺปวตฺติ โหติ. ปพฺพตกนฺทรา ปพฺพเตสุ อุปจฺจกาธิจฺจกาปภวนิชฺฌราทินทิโย. สรสาขาติ ยตฺถ อุปริอุนฺนตปเทสโต อุทกํ อาคนฺตฺวา ติฏฺติ เจว สนฺทติ จ, เต. กุโสพฺภา ขุทฺทกตฬากา. กุนฺนทิโยติ ปพฺพตปาทโต นิกฺขนฺตา ขุทฺทกนทิโย. ตา หิ มหานทิโย โอตรนฺติโย ปริปูเรนฺติ. ปรมธมฺมทายาทนฺติ ปรมํ อุตฺตมํ ธมฺมทายาทภาวํ, ปรมํ ธมฺมทายชฺชํ วา. เต ภิกฺขูติ เต ธมฺมปฏิคฺคาหเก ภิกฺขู. สนฺนิโยเชนฺโตติ มูลคุเณหิ อปฺปิจฺฉตาทีหิ โยเชนฺโต.
อุคฺคเหตฺวาติ อตฺถโต พฺยฺชนโต จ อุปธารณวเสน คเหตฺวา อวิปรีตํ คเหตฺวา. สํสนฺเทตฺวาติ มม เทสนานุสาเรน มมชฺฌาสยํ อวิรชฺฌิตฺวา. ยถา อิเธว จินฺเตสีติ ยถา อิมิสฺสา ธมฺมทายาทเทสนาย จินฺเตสิ, เอวํ อฺตฺถาปิ ธมฺมโถมนตฺถํ คนฺธกุฏึ ปวิสนฺโต จินฺเตสิ. เอกชฺฌาสยายาติ สมานาธิปฺปายาย. มติยาติ ปฺาย. อยํ เทสนา อคฺคาติอาทิ ภควา ธมฺมเสนาปตึ คุณโต เอว ปคฺคณฺหาตีติ กตฺวา วุตฺตํ.
จิตฺตคติยาติ จิตฺตวเสน กายสฺส ปริณามเนน ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ กายสฺส จิตฺเตน สมานคติกตาธิฏฺาเนน. กถํ ปน กาโย ทนฺธปฺปวตฺติโก ลหุปริวตฺตนจิตฺเตน สมานคติโก โหตีติ? น สพฺพถา สมานคติโก. ยเถว หิ กายวเสน จิตฺตปริณามเน จิตฺตํ สพฺพถา กาเยน สมานคติกํ น โหติ. น หิ ตทา จิตฺตํ สภาวสิทฺเธน อตฺตโน ขเณน อวตฺติตฺวา ทนฺธวุตฺติกสฺส รูปธมฺมสฺส ขเณน วตฺติตุํ สกฺโกติ, ‘‘อิทํ จิตฺตํ อยํ กาโย วิย โหตู’’ติ ปน อธิฏฺาเนน ทนฺธคติกสฺส กายสฺส อนุวตฺตนโต ยาว อิจฺฉิตฏฺานปฺปตฺติ, ตาว กายคตึ อนุโลเมนฺตเมว หุตฺวา สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ จิตฺตํ กายคติกํ กตฺวา ปริณามิตํ นาม โหติ, เอวํ ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ อธิฏฺาเนน ปเคว ลหุสฺาย สุขุมสฺาย จ สมฺปาทิตตฺตา อภาวิติทฺธิปาทานํ วิย ทนฺธํ อวตฺติตฺวา ยถา ลหุํ กติปยจิตฺตวาเรเหว อิจฺฉิตฏฺานปฺปตฺติ โหติ ¶ , เอวํ ปวตฺตมาโน กาโย จิตฺตคติกภาเวเนว ปริณามิโต นาม โหติ, น เอกจิตฺตกฺขเณเนว ปวตฺติยา. เอวฺจ กตฺวา ¶ พาหุสมิฺชนปฺปสารณูปมาปิ อุปจาเรน วินา สุฏฺุตรํ ยุตฺตา โหติ, อฺถา ธมฺมตาวิโลมิตา สิยา. น หิ ธมฺมานํ ลกฺขณฺถตฺตํ อิทฺธิพเลน กาตุํ สกฺกา, ภาวฺถตฺตเมว ปน สกฺกาติ.
๓๑. ภควโต อธิปฺปายานุรูปํ ภิกฺขูนฺจ อชฺฌาสยํ ตฺวาติ วจนเสโส. เทสกาเล วิย ภาชนมฺปิ โอโลเกตฺวา เอว มหาเถโร ธมฺมํ กเถติ. ปกฺกนฺตสฺสาติ อิทํ อนาทเร สามิวจนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปกฺกนฺตสฺส สโต’’ติอาทิมาห. กิตฺตเกนาติ เกน ปริมาเณน. ตํ ปน ปริมาณํ ยสฺมา ปริเมยฺยสฺส อตฺถสฺส ปริจฺฉินฺทนํ โหติ, ตสฺมา ‘‘กิตฺตาวตาติ ปริจฺเฉทวจน’’นฺติ อาห. นุกาโร ปุจฺฉายนฺติ อยํ นุ-สทฺโท อิเธว ปุจฺฉายํ อาคโตติ กตฺวา วุตฺตํ. นุ-สทฺเทน เหตฺถ โชติยมาโน อตฺโถ กึ-สทฺเทน ปริมาโณ อตฺโถ ปริเมยฺยตฺโถ จ. เอตฺถ สํกิเลสปกฺโข วิเวกสฺส อนนุสิกฺขนํ อามิสทายาทตา, โวทานปกฺโข ตสฺส อนุสิกฺขนํ ธมฺมทายาทตาติ. ตีหิ วิเวเกหีติ วิเวกตฺตยคฺคหณํ ตทนฺโตคธตฺตา วิเวกปฺจกสฺส. วิเวกปฺจกคฺคหเณ ปนสฺส สรูเปน กายวิเวโก คหิโต น สิยา, ตทายตฺตตฺตา วา สตฺถารา ตทา ปยุชฺชมานวิเวกทสฺสนวเสน ‘‘ตีหิ วิเวเกหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฺตรมฺปีติ กสฺมา วุตฺตํ. น หิ กายวิเวกมตฺเตน ธมฺมทายาทภาโว สิชฺฌตีติ? น, วิเวกทฺวยสนฺนิสฺสยสฺเสว กายวิเวกสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา. เอวฺจ กตฺวา จิตฺตวิเวกคฺคหณมฺปิ สมตฺถิตํ โหติ. น หิ โลกิยชฺฌานาธิคมมตฺเตน นิปฺปริยายโต สตฺถุธมฺมทายาทภาโว อิจฺฉิโต, นิพฺพานาธิคเมน ปน โส อิจฺฉิโต, ตสฺมา สพฺพาปิ สาสเน วิเวกานุสิกฺขนา นิพฺพานโปณา นิพฺพานปพฺภารา นิพฺพาโนคธา จาติ วุตฺตํ ‘‘ติณฺณํ วิเวกานํ อฺตรมฺปี’’ติ. อสติ อาโลเก อนฺธกาโร วิย อสติ ธมฺมทายาทตาย เอกํสิยา อามิสทายาทตาติ อาห ‘‘อามิสทายาทาว โหนฺตี’’ติ. เอส นโย สุกฺกปกฺเขปีติ กณฺหปกฺขโต สาธารณวเสน ลพฺภมานํ อตฺถสามฺํ อติทิสติ, น อตฺถวิเสสํ ตสฺส วิสทิสตฺตา, อตฺถวิเสสเมว วา อติทิสติ วิสทิสูทาหรณูปายาเยน. ‘‘ติณฺณํ วิเวกานํ อฺตร’’นฺติ อิทํ อิธ น ลพฺภติ. ตโยปิ ¶ หิ วิเวกา, เตสุ เอโก วา อิตรทฺวยสนฺนิสฺสโย อิธ ลพฺภติ.
ทูรโตปีติ ทูรฏฺานโตปิ. เตนาห ‘‘ติโรรฏฺโตปี’’ติอาทิ. กามํ ‘‘ปฏิภาตู’’ติ เอตฺถ ปฏิ-สทฺทาเปกฺขาย ‘‘สาริปุตฺต’’นฺติ อุปโยควจนํ, อตฺโถ ปน สามิวจนวเสเนว เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อายสฺมโตเยว สาริปุตฺตสฺสา’’ติ. ภาโค โหตูติ อิมินาภาคตฺโถ ปฏิ-สทฺโทติ ทสฺเสติ ลกฺขณาทิอตฺถานํ อิธ อยุชฺชนโต. เตนาห ‘‘เอวํ สทฺทลกฺขเณน สเมตี’’ติ. ทิสฺสตูติ าเณน ทิสฺสตุ, ปสฺสตูติ วา อตฺโถ. อุปฏฺาตูติ าณสฺส ปจฺจุปติฏฺตุ. อุคฺคเหสฺสนฺตีติ ¶ วาจุคฺคตํ กริสฺสนฺติ. วาจุคฺคตกรณฺหิ อุคฺคโห. ปริยาปุณิสฺสนฺตีติ ตสฺเสว เววจนํ. ปุริปุจฺฉนาทินา วา อตฺถสฺส จิตฺเต อาปาทนํ ปฏฺปนํ ปริยาปุณนํ. การณวจนนฺติ ยถาวุตฺตสฺส การณภาเวน วจนํ ‘‘เหตุมฺหิ กรณวจน’’นฺติ กตฺวา. วุตฺตตฺถปจฺจามสนํ ตํ-สทฺเทน กรียตีติ. เตนาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ.
เอเกเนวากาเรนาติ อามิสทายาทตาสิทฺเธน อาทิยตาสงฺขาเตน เอเกเนว ปกาเรน. ตเมว หิ อาการํ สนฺธายาห ‘‘ภควตา วุตฺตมตฺถ’’นฺติ. อฺถา ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’ติ เอเกเนว อากาเรน โส อตฺโถ เถเรนปิ วุตฺโต. ตีหิ อากาเรหีติ อามิสทายาทปฏิปทาภูเตหิ ติณฺณํ วิเวกานํ อนนุสิกฺขนากาเรหิ. เอตฺตาวตาติ ‘‘อิธาวุโส…เป… นานุสิกฺขนฺตี’’ติ เอตฺตเกน กณฺหปกฺเข อุทฺเทสปาเน.
วิตฺถารโต สุวิภตฺโต โหติ อนวเสสโต สมฺมเทว นิทฺทิฏฺตฺตา. นนุ จ อุทฺเทเส สตฺถุโนปิ อาทิยตา ภควตา คหิตา, สา น นิทฺทิฏฺาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘โส จ โข’’ติอาทิ. สาวเก อนุคฺคณฺหนฺตสฺสาติ ‘‘อามิสทายาทา สตฺถุ สาวกา’’ติ สตฺถุ ปรปฺปวาทปริหรณตฺถมฺปิ ‘‘ตุมฺเหหิ ธมฺมทายาเทหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ เอวํ สาวเก อนุกมฺปมานสฺส. สาวกานํ ตํ น ยุตฺตํ สามีจิอภาวโตติ โยชนา. เอส นโยติ ยทิทํ ‘‘เอตฺตาวตายํ ภควา’’ติอาทินา กณฺหปกฺเข อุทฺเทสสฺส อตฺถวิภาคทสฺสนมุเขน สมฺพนฺธทสฺสนํ, เอส นโย สุกฺกปกฺเขปิ สมฺพนฺธทสฺสเนติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อยํ ตาเวตฺถ อนุสนฺธิกฺกมโยชนา’’ติ, สตฺถารา เทสิตาย อุทฺเทสเทสนาย มหาเถเรน ¶ เทสิตาย จ อนุสนฺธิกฺกเมน สมฺพนฺโธติ อตฺโถ. ยถานุสนฺธิ เอว เจตฺถ อนุสนฺธิ เวทิตพฺโพ.
อจฺจนฺตปวิวิตฺตสฺสาติ เอกนฺตอุปธิวิเวโก วิย อิตเรปิ วิเวโก สตฺถุ เอกนฺติกาวาติ. อนุสิกฺขนํ นาม อนุ อนุ ปูรณนฺติ ตปฺปฏิกฺเขเปน อาห ‘‘น ปริปูเรนฺตี’’ติ, น ปริพฺรูเหนฺตีติ อตฺโถ, น ปริปูเรนฺตีติ วา น ปริปาเลนฺตีติ อตฺโถ. ยทคฺเคน หิ วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ, ตทคฺเคน น ปริพฺรูเหนฺติ, น ปริปาเลนฺตีติ วา วตฺตพฺพตํ ลภนฺตีติ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อุทฺเทเส วิย อวิเสสวจเน กายวิเวกสฺเสว คหณํ กตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยทิ ปนา’’ติอาทิ. ปุจฺฉายาติ ปุจฺฉาโต อวิเสโส สิยา วิภาคสฺส อลพฺภมานตฺตา วิสฺสชฺชนสฺส. นนุ จ ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อวิเสสวจนโต ปาฬิยํ วิภาโค น ลพฺภเตวาติ? น, ปทนฺตเรน วิภาวิตตฺตา. เตนาห ‘‘เยสฺจ ธมฺมาน’’นฺติอาทิ. พฺยากรณปกฺโขติ วิสฺสชฺชนปกฺโข. วิสฺสชฺชนฺจ น ปุจฺฉา วิย อวิเสสโชตนา ¶ , อถ โข ยถาธิปฺเปตตฺถวิภชนนฺติ อธิปฺปาโย. อิมินา ปเทนาติ ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อิมินา ปเทน กายวิเวกํ อปริปูริยมานํ ทสฺเสตีติ อธิปฺปาโย. จิตฺตวิเวกํ อุปธิวิเวกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
เอตฺถ จ นปฺปชหนฺตีติ ปหาตพฺพธมฺมานํ ปหานาภาววจนํ ปหานลกฺขณวิเวกาภาวทีปนํ, ตํ วตฺวา ปุน ‘‘วิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา’’ติ วจนํ ตโต สาติสยวิเวกาภาวทีปนนฺติ ตทุภยวิเวกาภาวทสฺสเนน ‘‘เยสฺจ ธมฺมาน’’นฺติอาทินาว ปาริเสสาเยน ‘‘วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ อิมินา วิเวกทฺวยมูลภูตกายวิเวกาภาวทสฺสนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวิคตตณฺหตาย ตํ ตํ ปริกฺขารชาตํ พหุํ ลนฺติ อาทิยนฺตีติ พหุลา, พหุลา เอว พาหุลิกา ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๖; อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘). เต ปน ยสฺมา ปจฺจยพหุลภาวาย ยุตฺตปฺปยุตฺตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘จีวราทิพาหุลฺลาย ปฏิปนฺนา’’ติ. สิกฺขาย อาทรภาวาภาวโต สิถิลํ อทฬฺหํ คณฺหนฺตีติ ‘‘สาถลิกา’’ติ วุตฺตํ. สิถิลนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, สิถิล-สทฺเทน วา สมานตฺถสฺส สาถล-สทฺทสฺส วเสน ‘‘สาถลิกา’’ติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อวคมนฏฺเนาติ อโธคมนฏฺเน ¶ , โอรมฺภาคิยภาเวนาติ อตฺโถ. อุปธิวิเวเกติ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตาย อุปธีหิ วิวิตฺเต. โอโรปิตธุราติ อุชฺฌิตุสฺสาหา.
อนิยเมเนวาติ กิฺจิ วิเสสํ อนามสิตฺวา ‘‘สาวกา’’ติ อวิเสเสเนว. นิยเมนฺโต‘‘เถรา’’ติอาทินา. ทสวสฺเส อุปาทายาติ ทสวสฺสโต ปฏฺาย. อิสฺสริเยติ ‘‘เสฏฺิฏฺานํ เสนาปติฏฺาน’’นฺติอาทีสุ วิย. อจิรกฺขโณภาเสน ลกฺขเวธโก อกฺขณเวธิ. ิติยนฺติ อวฏฺาเน. านโสติ ตงฺขเณเยว. ติฏฺตีติ อาธาราเธยฺยภาเวนาติ อาห ‘‘ตทายตฺตวุตฺติภาเวนา’’ติ. อุเปกฺขานุพฺรูหนา สตฺตสงฺขาเรสุ อุทาสีนตาปิ อสงฺขตาธิคมสฺส อุปาโยติ ตพฺพิปริยายโต จีวราทิมณฺฑนา น อุปธิวิเวกปาริปูริยา สํวตฺตตีติ อาห ‘‘จีวรปตฺต…เป… อปูรยมานา’’ติ. ตตฺถาติ เถรวาเร. อิธาติ มชฺฌิมนวกวาเรสุ. ตถา หิ ‘‘มชฺฌิมเถรกาเล’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๓๒. อิมสฺมิฺจ กณฺหปกฺเขติ อิมสฺมิฺจ นิทฺเทสวาเร กณฺหปกฺเข, น อุทฺเทสวาเร กณฺหปกฺเข. อุทฺเทสวาเร ปน กณฺหปกฺเข วุตฺตวิปริยาเยน คเหตพฺพตฺโถ ‘‘เอส นโย สุกฺกปกฺเขปี’’ติ อติเทเสน ทสฺสิโต. วุตฺตปจฺจนีกนเยนาติ ‘‘กายวิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ น ปริปูเรนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปจฺจนีกนเยน, ‘‘กายวิเวกํ อนุสิกฺขนฺติ ปริปูเรนฺตี’’ติอาทินา ¶ นเยน. เอตฺถาติ เอตสฺมึ สุกฺกปกฺเข. สงฺเขโปติ อตฺถสงฺเขโป. โยชนปรมฺปรายาติ คามนฺตโต ทูรภาเวน เอกํ ทฺเว ตีณีติ เอวํ โยชนานํ ปฏิปาฏิยา. อรฺวนปตฺถานีติ อรฺเสุ วนสณฺฑภูตานิ. ปนฺตานีติ ปริยนฺตานิ. อุปคนฺตุํ ยุตฺตกาโล ชราชิณฺณกาโล โคจรคาเม ทูเร คมนาคมนสมตฺถตาภาวโต. ‘‘เอวํ คุณวนฺเตสุ ทินฺนํ อโห สุทินฺน’’นฺติ ปจฺจยทายกานํ ปสาทํ ชเนนฺติ. ปาสํสาติ ปสํสิตพฺพา. อยมฺปิ มหาเถโรติอาทิ เอกํ อปฺปมาทวิหารินํ วุทฺธตรํ นิทฺทิสิตฺวา วทนฺตานํ วเสน วุตฺตํ. ปวิฏฺโ วิเวกฏฺานํ. สายํ นิกฺขมติ โยนิโสมนสิการํ อุปพฺรูเหตฺวาติ อธิปฺปาโย. กสิณปริกมฺมํ กโรติ, น ยํ กิฺจิ กิจฺจนฺตรํ. สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, น โมฆมนสิการํ. สพฺพถาติอาทิโต ตาว ตทงฺควเสน กิเลเสหิ จิตฺตํ วิเวเจนฺโต ตโต วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน ปฏิปสฺสทฺธิวเสนาติ สพฺพปฺปกาเรน จิตฺตวิเวกํ ปูเรติ. ปํสุกูลานิ ธาเรตีติ อิมินา พาหุลิกตาภาวํ ทสฺเสติ, อสิถิลํ สาสนํ ¶ คเหตฺวาติ อิมินา สาถลิกตาภาวํ, วิคตนีวรโณติ อิมินา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรตํ, ผลสมาปตฺตินฺติอาทินา ปวิเวกปุพฺพงฺคมตํ ทสฺเสติ.
๓๓. ตตฺราวุโสติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน ‘‘โลโภ จ ปาปโก’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ อุปริเทสนํ อนวเสสโต ปริยาทิยติ. โก อนุสนฺธีติ ยา สา ภควตา สํกิเลสปกฺเขน สห ธมฺมทายาทปฏิปตฺติภาวินี ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติอาทินา เทสนา อุทฺทิฏฺา, ตํ ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต’’ติอาทินา อารภิตฺวา อฏฺารสวารปฏิมณฺฑิตาย นิทฺเทสเทสนาย วิภชิตฺวา ตโต ปรํ ‘‘ตตฺราวุโส โลโภ จ ปาปโก’’ติอาทินยาย อุปริเทสนาย สมฺพนฺธํ ปุจฺฉติ. เอวนฺติ สํกิเลสปกฺเข ‘‘นปฺปชหนฺตี’’ติ ปหานาภาวทสฺสนวเสน, โวทานปกฺเข ‘‘ปชหนฺตี’’ติ ปหานสพฺภาวทสฺสนวเสนาติ เอวํ. อนิทฺธาริตสรูปา ยํ-ตํ-สทฺเทหิ ธมฺม-สทฺเทน สามฺโต เย ปหาตพฺพธมฺมา วุตฺตา, เต สรูปโต ทสฺเสตุนฺติ โยชนา. อิเม เตติ เอตฺถ กสฺมา โลภาทโย เอว ปหาตพฺพธมฺมา วุตฺตา, นนุ อิโต อฺเปิ โมหทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทโย ปหาตพฺพธมฺมา สนฺตีติ? สจฺจํ สนฺติ, เต ปน โลภาทีหิ ตเทกฏฺตา คหิตา เอว โหนฺตีติ วุตฺตา. อถ วา อิเมสํเยเวตฺถ คหเณ การณํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
อิทานิ อุปจเยน อนุสนฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สาวกานํ ยสฺส ธมฺมสฺส ทายาทภาโว สตฺถุ อภิรุจิโต, โส ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน ภาเวตี’’ติอาทินา อกตฺเถตฺวา ‘‘วิเวกํ อนุสิกฺขนฺติ, เต จ ธมฺเม ปชหนฺติ, น จ พาหุลิกา’’ติอาทินา กถิตตฺตา ¶ เหฏฺา ปริยาเยเนว ธมฺโม กถิโตติ วุตฺตํ. ‘‘เต จ ธมฺเม นปฺปชหนฺติ, โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา’’ติอาทินา อามิสํ ปริยาเยนปิ กถิตํ. ‘‘สิยา จ เม ปิณฺฑปาโต’’ติอาทินา, ‘‘พาหุลิกา จ โหนฺตี’’ติอาทินา จ อามิสํ นิปฺปริยาเยนปิ กถิตํ. อถ วา ยายํ ภควตา อามิสทายาทปฏิกฺเขปนา ธมฺมทายาทตา วุตฺตา, ยฺจ ตทตฺถํ วิภชนฺเตน มหาเถเรน อตฺตนา วิเวกานุสิกฺขนาทิ วุตฺตํ, ตทุภยํ เหตุวเสน วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺราวุโส, โลโภ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ ¶ . เหตุนิโรเธน หิ สํกิเลสปกฺขสฺส, นิโรธเหตุสมฺปาทเนน จ โวทานปกฺขสฺส ตปฺปาปกตา.
อตีตเทสนานิทสฺสนนฺติ อตีตาย เถเรน ยถาเทสิตาย เทสนาย จ ปจฺจามสนํ. เตเนวาห ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส…เป… เทสนายนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ตตฺถาติ ยํ วุตฺตํ วิเสสโต ‘‘เยสํ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาหา’’ติ, เอตสฺมึ ปเท. ตตฺถ หิ ปหาตพฺพธมฺมา โลภาทโย สามฺโต วุตฺตา. ลามกาติ นิหีนา. โลภโทสา หิ เหตุโต ปจฺจยโต สภาวโต ผลโต นิสฺสนฺทโต สํกิลิฏฺปกติกา, อายตึ ทุกฺขสฺส ปาปนฏฺเน วา ปาปกา. ลุพฺภนลกฺขโณติ อารมฺมณสฺส อภิคิชฺฌนลกฺขโณ. ตถา หิ โส ลุพฺภนฺติ เตน, สยํ วา ลุพฺภติ, ลุพฺภนมตฺตเมว วา ตนฺติ ‘‘โลโภ’’ติ วุจฺจติ. รสาทีสุ อภิสงฺครโส, อปริจฺจาคปจฺจุปฏฺาโน, สํโยชนิเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาททสฺสนปทฏฺาโน. ทุสฺสนลกฺขโณติ อารมฺมเณ พฺยาปชฺชนลกฺขโณ. ตถา หิ โส ทุสฺสนฺติ เตน, สยํ วา ทุสฺสติ, ทุสฺสนมตฺตเมว วา ตนฺติ ‘‘โทโส’’ติ วุจฺจติ. รสาทีสุ วิสปฺปนรโส, สนิสฺสยทหนรโส วา, ทุสฺสนปจฺจุปฏฺาโน, อาฆาตวตฺถุปทฏฺาโน.
เตสูติอาทินา ทสฺสเนน โลภโทสานํ เอกนฺตโต ปหาตพฺพตาทสฺสนํ. อามิสทายาทสฺส ปจฺจยานํ ลาเภ โหตีติ อิทํ โลภสฺส อารมฺมณคฺคหณสภาวตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตณฺหาย วเสน ปน อนุคิชฺฌนํ สนฺธาย ‘‘อลทฺธํ ปตฺเถตี’’ติ อาห. อลาเภ ปจฺจยานํ อามิสทายาทสฺส โหตีติ อาเนตฺวา โยชนา. อลภนฺโตติ เอตฺถ ‘‘ปจฺจเย’’ติ วิภตฺตึ ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. วิฆาตวาติ ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺข’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๒๐; วิภ. ๑๙๐) วจนโต อิจฺฉาวิฆาตวา. โลโภ จ เทยฺยธมฺเม โหติ อามิสทายาทสฺสาติ สมฺพนฺโธ. เอส นโย อนนฺตรปเทปิ. เทยฺยธมฺเมติ จ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ สตฺตเกลายนาทิวเสนปิ ตสฺส โลภุปฺปตฺติสพฺภาวโต. ‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ’’ติ เอวมาทโย นว ตณฺหามูลกา. ปริปูเรติ อามิสทายาโทติ วิภตฺติวิปริณาโม เวทิตพฺโพ. อาวาสมจฺฉริยาทีนิ ปฺจ มจฺฉริยานิ.
มคฺคนฺติ ¶ ¶ อริยมคฺคํ. โส หิ กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ จ มคฺคียติ, สยํ วา สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิพฺพานํ มคฺคตีติ นิปฺปริยาเยน ‘‘มคฺโค’’ติ วุจฺจติ. เอโก อนฺโตติ อิตเรน อสมฺมิสฺโส เอโก โกฏฺาโส, หีนตาย วา ลามกฏฺเน เอโก อนฺโต. กามํ อฺเปิ กุสลธมฺมา เอเต อนฺเต อสมฺปโยคโต น อุเปนฺติ, เตหิ วิมุตฺตา เอว, อยํ ปน อจฺจนฺตวิมุตฺติยา น อุเปตีติ อาห ‘‘วิมุตฺโต เอเตหิ อนฺเตหี’’ติ. ตสฺมาติ อนฺตทฺวยวิมุตฺตตฺตา. เอเตสํ มชฺเฌ ภวตฺตาติ อิทํ มคฺคสฺส อุภยนฺตวิมุตฺตตาย เอว วุตฺตํ, น ตปฺปริยาปนฺนตาย, วฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ ปฏิปชฺชิตพฺพโต จ. ตถาติ ยถา อิตเรน อสมฺมิสฺสฏฺเน ลามกฏฺเน จ โลโภ เอโก อนฺโต, ตถา กามสุขลฺลิกานุโยโคติ อตฺโถ. เอส นโย เสเสสุปิ. มคฺคสฺส อนุปคมนฺจ เนสํ อนฺตานํ สพฺพโส อปฺปวตฺติกรเณเนว ทฏฺพฺพํ. ปุริมนเยนาติ ‘‘เอเต ทฺเว อนฺเต น อุเปตี’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน.
สจฺจานนฺติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ. ทสฺสนปริณายกฏฺเนาติ ทสฺสนสฺส ปริฺาภิสมยาทิเภทสฺส ปริโต สพฺพถา นยนฏฺเน ปวตฺตนฏฺเน. จกฺขุกรณีติ ธมฺมจกฺขุสฺส กรณี นิปฺผาทิกา. ตยิทํ สติปิ ปฏิปทาย ธมฺมจกฺขุโต อนฺตฺเต อวยววเสน สิชฺฌมาโน อตฺโถ สมุทาเยน กโต นาม โหตีติ อุปจารวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘มคฺโคเยว หิ มคฺคตฺถาย สํวตฺตติ มคฺเคน กาตพฺพกิจฺจกรณโต’’ติ. าณายาติ ยาถาวโต ชานนาย. เตนาห ‘‘วิทิตกรณฏฺเนา’’ติ. วิเสสาตภาวาปาทนฺหิ วิทิตกรณํ. วูปสมนโตติ สมุจฺฉินฺทนวเสน วูปสมนโต. ทุกฺขาทีนํ ปริฺเยฺยาทิภาโว วิย อภิฺเยฺยภาโวปิ มคฺควเสเนว ปากโฏ โหตีติ อาห ‘‘จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ อภิฺเยฺยภาวทสฺสนโต’’ติ, วิภาวนโตติ อตฺโถ. สมฺโพโธติ มคฺโค ‘‘สมฺพุชฺฌติ เอเตนา’’ติ กตฺวา. ตสฺสตฺถายาติ มคฺคกิจฺจตฺถาย. น หิ มคฺคโต อฺโ มคฺคกิจฺจกโร อตฺถิ. เตนาห ‘‘มคฺโคเยว หี’’ติอาทิ. อถ วา สมฺมาทิฏฺิ อุปฺปชฺชมานา สหชาตาทิปจฺจยภาเวน อิตเร อุปฺปาเทติ, เอวํ เสสมคฺคธมฺมาปีติ เอวมฺปิ มคฺคตฺถาย สํวตฺตนํ เวทิตพฺพํ. สจฺฉิกิริยาย ปจฺจกฺขกมฺมายาติ สจฺฉิกรณสงฺขาตปจฺจกฺขกมฺมาย. นิพฺพานายาติ วา อนุปาทิเสสนิพฺพานาย. อุปสมายาติ ¶ อิมินา สอุปาทิเสสนิพฺพานํ คหิตนฺติ. อยนฺติ ‘‘สา หิ สจฺจาน’’นฺติอาทินา ยถาวุตฺโต อตฺถนโย. เอตฺถาติ ‘‘จกฺขุกรณี’’ติอาทีสุ ปเทสุ. สาโร สุนฺทโร อนปนีโต. อิโต อฺถาติ ‘‘ทุกฺขสฺส ปริฺาย ทิฏฺิวิสุทฺธึ กโรตีติ จกฺขุกรณี’’ติอาทินา อตฺถวณฺณนาปปฺโจ เกวลํ วิตฺถารตฺถาย.
อยเมวาติ เอตฺถ อยนฺติ อิมินา อตฺตโน อฺเสฺจ ตสฺสํ ปริสายํ อริยานํ มคฺคสฺส ¶ ปจฺจกฺขภาวํ ทสฺเสติ. อาสนฺนปจฺจกฺขวาจี หิ อยํ-สทฺโท. อฺมคฺคปฏิเสธนตฺถนฺติ อฺสฺส นิพฺพานคามิมคฺคสฺส อตฺถิภาวปฏิเสธนตฺถํ. สตฺตาปฏิกฺเขโป หิ อิธ ปฏิเสธนํ อลพฺภมานตฺตา อฺสฺส มคฺคสฺส. พุทฺธาทีนํ สาธารณภาโว อนฺตา. เตนาห พฺรหฺมา สหมฺปติ –
‘‘เอกายนํ ชาติขยนฺตทสฺสี,
มคฺคํ ปชานาติ หิตานุกมฺปี;
เอเตน มคฺเคน ตรึสุ ปุพฺเพ,
ตริสฺสนฺติ เย จ ตรนฺติ โอฆ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๕.๓๘๔, ๔๐๙; มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ๑๐๗, ๑๒๑; เนตฺติ. ๑๗๐);
อารกตฺตาติ อิมินา นิรุตฺตินเยน อริย-สทฺทสิทฺธิมาห. อริปหานายาติ อตฺถวจนมตฺตํ. อรโย ปาปธมฺมา ยนฺติ อปคมนฺติ เอเตนาติ อริโย. อริเยน เทสิโตติ เอตฺถ อริยสฺส ภควโต อยนฺติ อริโย. อริยภาวปฺปฏิลาภายาติ เอตฺถ อริยกโร อริโยติ อุตฺตรปทโลเปน อริย-สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. ยสฺมา มคฺคงฺคสมุทาเย มคฺคโวหาโร โหติ, สมุทาโย จ สมุทายีหิ สมนฺนาคโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อฏฺหิ องฺเคหิ อุเปตตฺตา’’ติ, ตสฺมา อตฺตโน อวยวภูตานิ อฏฺ องฺคานิ เอตสฺส สนฺตีติ อฏฺงฺคิโก. ยสฺมา ปน ปรมตฺถโต องฺคานิเยว มคฺโค, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘น จ องฺควินิมุตฺโต’’ติ ยถา ‘‘ฉฬงฺโค เวโท’’ติ. สทิสูทาหรณํ ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺจงฺคิกตูริยาทีนิ วิยา’’ติ อาห. อาทิ-สทฺเทน จตุรงฺคินี เสนาติ เอวมาทีนํ สงฺคโห. มาเรนฺโต คจฺฉตีติ นิรุตฺตินเยน สทฺทสิทฺธิมาห. มคฺคตีติ คเวสติ. อริยมคฺโค หิ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรนฺโต ตํ คเวสนฺโต วิย โหตีติ. มคฺคียติ นิพฺพานตฺถิเกหิ วิวฏฺฏูปนิสฺสยปฺุกรณโต ¶ ปฏฺาย ตทตฺถํ ปฏิปตฺติโต. คมฺมตีติ เอเตน อาทิอนฺตวิปริยาเยน สทฺทสิทฺธิมาห ยถา ‘‘กกู’’ติ. ‘‘เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต’’ติ วตฺวา ตสฺส สพฺพลิงฺควิภตฺติวจนสาธารณตาย ‘‘กตมานิ ตานิ อฏฺงฺคานี’’ติ วุตฺตํ. นนุ จ องฺคานิ สมุทิตานิ มคฺโค อนฺตมโส สตฺตงฺควิกลสฺส อริยมคฺคสฺส อภาวโตติ? สจฺจเมตํ สจฺจปฏิเวเธน, มคฺคปจฺจยตาย ปน ยถาสกํ กิจฺจกรเณน ปจฺเจกมฺปิ ตานิ มคฺโคเยวาติ อาห ‘‘เอกเมกฺหิ องฺคํ มคฺโคเยวา’’ติ, อฺถา สมุทิตานมฺปิ เนสํ มคฺคกิจฺจํ น สมฺภเวยฺยาติ. อิทานิ ตเมวตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘สมฺมาทิฏฺิมคฺโค เจว เหตุ จา’’ติ วุตฺตํ.
สมฺมา อวิปรีตํ ปริฺาภิสมยาทิวเสน จตุนฺนํ สจฺจานํ ทสฺสนํ ปฏิวิชฺฌนํ ลกฺขณํ ¶ เอติสฺสาติ สมฺมาทสฺสนลกฺขณา. สมฺมา อวิปรีตํ สมฺปยุตฺตธมฺเม นิพฺพานารมฺมเณ อภินิโรปนํ อปฺปนาลกฺขณํ เอตสฺสาติ สมฺมาอภินิโรปนลกฺขโณ มุสาวาทาทีนํ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ ปฏิปกฺขภาวโต สินิทฺธสภาวตฺตา สมฺปยุตฺตธมฺเม, สมฺมาวาจปฺปจฺจยสุภาสิตโสตารฺจ ชนํ สมฺมเทว ปริคฺคณฺหาตีติ สมฺมาวาจา สมฺมาปริคฺคโห ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สมฺมาปริคฺคหลกฺขณา. ยถา กายิกา กิริยา กิฺจิ กตฺตพฺพํ สมุฏฺาเปติ, สยฺจ สมุฏฺหนํ ฆฏนํ โหติ, ตถา สมฺมากมฺมนฺตสงฺขาตา วิรติปีติ สมฺมาสมุฏฺานลกฺขโณ สมฺมากมฺมนฺโต. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฏฺานํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิย. ชีวมานสฺส สตฺตสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา สุทฺธิ โวทานํ, อาชีวสฺเสว วา ชีวิตปฺปวตฺติยา สุทฺธิ โวทานํ เอเตนาติ สมฺมาโวทานลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว. โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคณฺหนํ อนุพลปฺปทานํ ปคฺคโห. อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา านํ, ตสฺส วา อนิสฺสชฺชนํ อุปฏฺานํ. อารมฺมเณ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สมฺมา, สมํ วา อาธานํ สมาธานํ. สมฺมา สงฺกปฺเปติ สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมเณ อภินิโรเปตีติ สมฺมาสงฺกปฺโป. สมฺมา วทติ เอตายาติ สมฺมาวาจา. สมฺมา กโรติ เอเตนาติ สมฺมากมฺมํ, ตเทว สมฺมากมฺมนฺโต. สมฺมา อาชีวติ เอเตนาติ สมฺมาอาชีโว. สมฺมา วายมติ อุสฺสหติ เอเตนาติ สมฺมาวายาโม. สมฺมา สรติ อนุสฺสรตีติ สมฺมาสติ ¶ . สมฺมา สมาธิยติ จิตฺตํ เอเตนาติ สมฺมาสมาธีติ เอวํ สมฺมาสงฺกปฺปาทีนํ นิพฺพจนํ เวทิตพฺพํ.
มิจฺฉาทิฏฺินฺติ สพฺพมฺปิ มิจฺฉาทสฺสนํ. ตปฺปจฺจนียกิเลเสติ เอตฺถ ตํ-สทฺเทน สมฺมาทิฏฺิ. น หิ มิจฺฉาทิฏฺิยา กิเลสา ปจฺจนียา, อถ โข สมฺมาทิฏฺิยา. อวิชฺชฺจาติ อวิชฺชาคฺคหณํ ตสฺสา สํกิเลสธมฺมานํ ปมุขภาวโต. เตนาห ‘‘อวิชฺชา, ภิกฺขเว, ปุพฺพงฺคมา อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑). ทสฺสนนิวารกสฺส สมฺโมหสฺส สมุคฺฆาเตน อสมฺโมหโต. เอตฺถ จ มิจฺฉาทิฏฺึ…เป… ปชหตีติ เอเตน ปหานาภิสมยํ, นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรตีติ เอเตน สจฺฉิกิริยาภิสมยํ, สมฺปยุตฺตธมฺเมติอาทินา ภาวนาภิสมยํ สมฺมาทิฏฺิกิจฺจํ ทสฺเสติ. ปริฺาภิสมโย ปน นานนฺตริยตาย อตฺถโต วุตฺโต เอว โหตีติ ทฏฺพฺโพ.
กถํ ปน เอกเมว าณํ เอกสฺมึ ขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ สาเธนฺตํ ปวตฺตติ. น หิ ตาทิสํ โลเก ทิฏฺํ, น อาคโม วา ตาทิโส อตฺถีติ น วตฺตพฺพํ. ยถา หิ ปทีโป เอกสฺมึเยว ขเณ วฏฺฏึ ทหติ, สฺเนหํ ปริยาทิยติ, อนฺธการํ วิธมติ, อาโลกฺจ วิทํเสติ, เอวเมตํ าณนฺติ ทฏฺพฺพํ. มคฺคสมงฺคิสฺส าณํ ทุกฺเขเปตํ าณํ, ทุกฺขสมุทเยเปตํ าณํ ¶ , ทุกฺขนิโรเธเปตํ าณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทายเปตํ าณนฺติ สุตฺตปทํ (วิภ. ๗๕๔) เอตฺถ อุทาหริตพฺพํ. ยถา จ สมฺมาทิฏฺิ ปุพฺพภาเค ทุกฺขาทีสุ วิสุํ วิสุํ ปวตฺติตฺวา มคฺคกฺขเณ เอกาว จตุนฺนํ าณานํ กิจฺจํ สาเธนฺตี ปวตฺตติ, เอวํ สมฺมาสงฺกปฺปาทโย ปุพฺพภาเค เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทินามกา หุตฺวา กามสงฺกปฺปาทีนํ ปชหนวเสน วิสุํ วิสุํ ปวตฺติตฺวา มคฺคกฺขเณ ติณฺณํ จตุนฺนฺจ กิจฺจํ สาเธนฺตา ปวตฺตนฺติ. สมฺมาสมาธิ ปน ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ นานาเยว หุตฺวา ปวตฺตตีติ กามฺเจตฺถ สมฺมาทิฏฺิยา สพฺเพปิ ปาปธมฺมา ปฏิปกฺขา, อุชุวิปจฺจนีกตาทสฺสนวเสน ปน สมฺมาทิฏฺิยา กิจฺจนิทฺเทเส มิจฺฉาทิฏฺิคฺคหณํ กตํ. เตเนว จ ‘‘ตปฺปจฺจนียกิเลเส จา’’ติ วุตฺตํ.
เยสํ กิเลสานํ อนุปจฺฉินฺทเน สมฺมาทิฏฺิ น อุปฺปชฺเชยฺย, เต มิจฺฉาทิฏฺิยา สหเชกฏฺตาย ตเทกฏฺาว ตปฺปจฺจนียกิเลสา ทฏฺพฺพา. สมฺมาสงฺกปฺปาทีนํ กิจฺจนิทฺเทเสปิ เอเสว นโย. โสตาปตฺติมคฺคาทิวเสน จตฺตาโร โลกุตฺตรมคฺคภาวสามฺเน เอกโต กตฺวา. โลภโทสา สมุทยสจฺจํ, ยสฺส ปน โส สมุทโย ตํ ทุกฺขสจฺจํ, ปหานภาโว มคฺคสจฺจํ, ยตฺถ ตํ ¶ ปหานํ, ตํ นิโรธสจฺจนฺติ อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ. กสฺมา ปเนตฺถ โลภโทสานํ วิสุํ อาทิโต จ คหณํ? วิสุํ คหณํ ตาว ตถาพุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน, อิเมหิ โลภโทเสหิ อามิสทายาทตา, ตปฺปหาเนน จ ธมฺมทายาทตาติ ทสฺสนตฺถํ, ตทนุสาเรน จตุสจฺจโยชนาย เอวํ เอเกกสฺส นิยฺยานมุขํ โหตีติ ทสฺสนตฺถฺจ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย. อาทิโต คหณํ ปน อติวิย โอฬาริกตาย สุปากฏภาวโต วกฺขมานานํ อฺเสฺจ ปาปธมฺมานํ มูลภาวโต ตเทกฏฺตาย จ เวทิตพฺพํ.
กุชฺฌนลกฺขโณติ กุปฺปนสภาโว, จิตฺตสฺส พฺยาปชฺชนาติ อตฺโถ. จณฺฑิกฺกํ ลุทฺทตา, กุรุรภาโวติ อตฺโถ. อาฆาตกรณรโสติ ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินา จิตฺเต อาฆาตสฺส กรณรโส. ทุสฺสนปจฺจุปฏฺาโนติ สปรสนฺตานสฺส วินาสนปจฺจุปฏฺาโน ลทฺโธกาโส วิย สปตฺโต. อุปนนฺธนํ นานปฺปการสฺส อุปรูปริ นนฺธนํ วิย โหตีติ กตฺวา. ตถา เหส ‘‘เวรอปฺปฏินิสฺสชฺชนรโส, โกธานุปพนฺธภาวปจฺจุปฏฺาโน’’ติ จ วุตฺโต. อปรกาเล อุปนาโหติอาทีติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘อุปนยฺหนา อุปนยฺหิตตฺตํ อาปนา ปนา สณฺปนา อนุสํสนฺทนา อนุปฺปพนฺธนา ทฬฺหีกมฺม’’นฺติอาทีนํ (วิภ. ๘๙๑) นิทฺเทสปทานํ อตฺถวณฺณนํ สงฺคยฺหติ. อุปนาหสมงฺคี หิ ปุคฺคโล เวรสฺส อนิสฺสชฺชนโต อาทิตฺตปูติอลาตํ วิย ชลติ เอว, จิตฺตฺจสฺส โธวิยมานํ อจฺฉจมฺมํ วิย, มสิมกฺขิตปิโลติกา วิย จ น สุชฺฌเตว.
ปรคุณมกฺขนลกฺขโณติ ¶ อุทกปฺุฉนิยา อุทกํ วิย ปเรสํ คุณานํ มกฺขนสภาโว. ตถาภูโต จายํ อตฺตโน การกํ คูเถน ปหรนฺตํ คูโถ วิย ปมตรํ มกฺเขติ เอวาติ ทฏฺพฺโพ. ตถา เหสฺส สปรสนฺตาเนสุ คุณํ มกฺเขตีติ มกฺโขติ วุจฺจติ. ยุคคฺคาโห สมธุรคฺคหณํ อสมานสฺสปิ อภูตสฺส สมาโรปนํ. สมภาวกรณํ สมีกรณํ. ปเรสํ คุณปฺปมาเณน อตฺตโน คุณานํ อุปฏฺานํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อาห ‘‘ปเรสํ คุณปฺปมาเณน อุปฏฺานปจฺจุปฏฺาโน’’ติ. ตถา เหส ปเรสํ คุเณ ฑํสิตฺวา วิย อตฺตโน คุเณหิ สเม กโรตีติ ปฬาโสติ วุจฺจติ.
ปรสมฺปตฺติขียนํ ¶ ปรสมฺปตฺติยา อุสูยนํ. อิสฺสติ ปรสมฺปตฺตึ น สหตีติ อิสฺสา. ตถา เหสา ‘‘ปรสมฺปตฺติยา อกฺขมนลกฺขณา’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถาติ ปรสมฺปตฺติยํ. อนภิรติรสา อภิรติปฏิปกฺขกิจฺจา. วิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา ปรสมฺปตฺตึ ปสฺสิตุมฺปิ อปฺปทานโต. นิคูหนลกฺขณํ อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวาสหนโต. อสุขายนํ น สุขนํ ทุกฺขนํ, อโรจนนฺติ อธิปฺปาโย.
กตสฺส กายทุจฺจริตาทิปาปสฺส ปฏิจฺฉาทนํ กตปาปปฏิจฺฉาทนํ. ตสฺส ปาปสฺส อาวรณภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ ตทาวรณปจฺจุปฏฺานา, มายา, ยาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ภสฺมฉนฺโน วิย องฺคาโร, อุทกฉนฺโน วิย ขาณุ, ปิโลติกปฏิจฺฉาทิตํ วิย จ สตฺถํ โหติ. อวิชฺชมานคุณปฺปกาสนํ อตฺตนิ อวิชฺชมานสีลาทิคุณวิภาวนํ, เยน สาเยฺเยน สมนฺนาคตสฺส ปุคฺคลสฺส อสนฺตคุณสมฺภาวเนน จิตฺตานุรูปกิริยาวิหรโต ‘‘เอวํจิตฺโต, เอวํกิริโย’’ติ ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา กุจฺฉึ วา ปิฏฺึ วา ชานิตุํ น สกฺกา. ยโต –
‘‘วาเมน สูกโร โหติ, ทกฺขิเณน อชามิโค;
สเรน เนลโก โหติ, วิสาเณน ชรคฺคโว’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๖; วิภ. อฏฺ. ๘๙๔; มหานิ. อฏฺ. ๑๖๖) –
เอวํ วุตฺตยกฺกสูกรสทิโส โหติ.
จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตภาโว ถทฺธลูขภาโว. อปฺปติสฺสยวุตฺตีติ อนิวาตวุตฺติ. อมทฺทวากาเรน ปจฺจุปติฏฺติ, อมทฺทวตํ วา ปจฺจุปฏฺเปตีติ อมทฺทวตาปจฺจุปฏฺาโน, ถมฺโภ, เยน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล คิลิตนงฺคลสีโส วิย อชคโร, วาตภริตภสฺตา วิย จ ถทฺโธ หุตฺวา ครุฏฺานิเย จ ¶ ทิสฺวา โอนมิตุมฺปิ น อิจฺฉติ, ปริยนฺเตเนว จรติ. กรณสฺส อุตฺตรกิริยา กรณุตฺตริยํ. วิเสสโต ปจฺจนีกภาโว วิปจฺจนีกตา. ปเรน หิ กิสฺมิฺจิ กเต ตทฺทิคุณํ กรณวเสน สารมฺโภ ปวตฺตติ.
เสยฺยาทิอากาเรหิ อุนฺนมนํ อุนฺนติ. โอมาโนปิ หิ เอวํ กรณมุเขน สมฺปคฺคหวเสเนว ปวตฺตติ. ‘‘อหมสฺมิ เสยฺโย’’ติอาทินา อหํกรณํ สมฺปคฺคโห อหงฺกาโร. ปเร อภิภวิตฺวา อธิกํ อุนฺนมนํ อพฺภุนฺนติ ¶ . ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพกาเล อตฺตานํ หีนโต ทหติ อปรกาเล เสยฺยโต’’ติ (วิภ. ๘๗๗).
มตฺตภาโว ชาติอาทึ ปฏิจฺจ จิตฺตสฺส มชฺชนากาโร, ยสฺส วา ธมฺมสฺส วเสน ปุคฺคโล มตฺโต นาม โหติ, โส ธมฺโม มตฺตภาโว. มทคฺคาหณรโส มทสฺส คาหณกิจฺโจ. มโท หิ อตฺตโน มชฺชนาการํ สมฺปยุตฺตธมฺเม คาเหนฺโต วิย ปวตฺตมาโน ตํสมงฺคึ ปุคฺคลมฺปิ ตถา กโรนฺโต วิย โหติ. อหงฺการวเสน ปุคฺคลํ อนิฏฺํ กโรนฺโต จิตฺตสฺส อุมฺมาทภาโว วิย โหตีติ อุมฺมาทปจฺจุปฏฺาโน. สติยา อนิคฺคณฺหิตฺวา จิตฺตสฺส โวสฺสชฺชนํ จิตฺตโวสฺสคฺโค, สติวิรหิโตติ อตฺโถ. ยถาวุตฺตสฺส โวสฺสคฺคสฺส อนุปฺปทานํ ปุนปฺปุนํ วิสฺสชฺชนํ โวสฺสคฺคานุปฺปทานํ. อิเมสํ โกธาทีนํ โลภาทีนมฺปิ วา. ลกฺขณาทีนีติ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานานิ. ปทฏฺานํ ปน ธมฺมนฺตรตาย น คหิตํ. นิพฺพจนํ ‘‘กุชฺฌตีติ โกโธ, อุปนยฺหตีติ อุปนาโห’’ติอาทินา สุวิฺเยฺยเมวาติ น วุตฺตํ, อตฺถโต ปน โกโธ โทโส เอว, ตถา อุปนาโห. ปวตฺติอาการมตฺตโต หิ กโต เนสํ เภโท, มกฺขปฬาสสารมฺภา ตทาการปฺปวตฺตา ปฏิฆสหคตจิตฺตุปฺปาทธมฺมา, มายาสาเยฺยถมฺภมทปฺปมาทา ตทาการปฺปวตฺตา โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทธมฺมา. ถมฺโภ วา มานวิเสโส จิตฺตสฺส ถทฺธภาเวน คเหตพฺพโต, ตถา มโท. ตถา หิ โส ‘‘มาโน มฺนา’’ติอาทินา วิภงฺเค (วิภ. ๘๗๘) นิทฺทิฏฺโ. อิธ ปน มานาติมานานํ วิสุํ คหิตตฺตา มชฺชนากาเรน ปวตฺตธมฺมา เอว ‘‘มโท’’ติ คเหตพฺพา. เสสานํ ธมฺมนฺตรภาโว ปากโฏ เอว.
กสฺมา ปเนตฺถ เอเต เอว อฏฺ ทุกา คหิตา, กิมิโต อฺเปิ กิเลสธมฺมา นตฺถีติ? โน นตฺถิ, อิเม ปน อามิสทายาทสฺส สวิเสสํ กิเลสาย สํวตฺตนฺตีติ ตํ วิเสสํ วิภาเวนฺเตน อามิสทายาทสฺส โลภาทีนํ ปวตฺตนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิเสสโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ เอตฺถาติ เอเตสุ โลภาทีสุ. อลภนฺโต อามิสนฺติ อธิปฺปาโย. ตตุตฺตริ อุปฺปนฺโน โกโธติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. สนฺเตปีติ วิชฺชมาเนปิ. อิสฺสตีติ อิสฺสํ ชเนติ. ปทุสฺสตีติ ตสฺเสว เววจนํ. ตถา หิ สา ‘‘อิสฺสติ ทุสฺสติ ปทุสฺสตี’’ติอาทินา นิทฺทิฏฺา. ยสฺมา วา อิสฺสํ ¶ ¶ ชเนนฺโต เอกํสโต ปทุฏฺจิตฺโต เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘ปทุสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อสฺสาติ อามิสทายาทสฺส. เอวํ ปฏิปนฺโนติ เอวํ อสนฺตคุณปฺปกาสนํ ปฏิปทํ ปฏิปนฺโน. โอวทิตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ เอเตน ถมฺโภ นาม โทวจสฺสกรโณ ธมฺโมติ ทสฺเสติ. กิฺจิ วทติ โอวาททานวเสน. ถมฺเภน…เป… มฺนฺโตติ อิมินา จ ถมฺภสฺส มานวิเสสภาวํ ทสฺเสติ, ถมฺเภน วา เหตุนาติ อตฺโถ. มตฺโต สมาโนติ มตฺโต โหนฺโต. กาม…เป… ปมชฺชตีติ เอเตน มทวเสน เอกํสโต ปมาทมาปชฺชตีติ ทสฺเสติ.
เอวนฺติ อิมินา อามิสทายาทสฺส โลภาทีนํ อุปฺปตฺติกฺกมทสฺสเนเนว อิธ ปาฬิยํ เนสํ เทสนากฺกโมปิ ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺโพ. น เกวลํ อิเมเหว, อถ โข อฺเหิ จ เอวรูเปหิ ปาปเกหิ ธมฺเมหิ อปริมุตฺโต โหตีติ สมฺพนฺโธ. เก ปน เตติ? อตฺริจฺฉตามหิจฺฉตาทโยติ. เอวํ มหาทีนวา อามิสทายาทตาติ ตโต พลวตโร สํเวโค ชเนตพฺโพติ อยเมตฺถ โอวาโท เวทิตพฺโพ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ สุตฺเต. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ วาเรสุ. นิพฺพิเสโสเยวาติ เอเตเนว ปมตรํ อิธ ทสฺสิตสจฺจโยชนานเยน สพฺพวาเรสุ โยเชตพฺโพติ เวทิตพฺโพ.
าณปริจยปาฏวตฺถนฺติ มคฺคสฺส อฏฺงฺคสตฺตงฺคตาทิวิเสสวิภาวนาย าณสฺส อาเสวนฏฺเน ปริจโย าณปริจโย, ตสฺส ปฏุภาวตฺถํ โกสลฺลตฺถํ. เอตฺถาติ อริยมคฺเค. เภโทติ วิเสโส. กโมติ องฺคานํ เทสนานุปุพฺพี. ภาวนานโยติ ภาวนาวิธิ. ‘‘กทาจิ อฏฺงฺคิโก, กทาจิ สตฺตงฺคิโก’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ปุน ‘‘อยํ หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โลกุตฺตรปมชฺฌานวเสนาติ โลกุตฺตรสฺส ปมชฺฌานสฺส วเสน. เอตฺถ จ เกจิ ฌานธมฺมา มคฺคสภาวาติ เอกนฺตโต ฌานํ มคฺคโต วิสุํ กตฺวา วตฺตุํ น สกฺกาติ ‘‘โลกุตฺตรปมชฺฌานสหิโต’’ติ อวตฺวา ‘‘โลกุตฺตรปมชฺฌานวเสน’’อิจฺเจว วุตฺตํ. อถ วา โลกุตฺตรปมชฺฌานวเสนาติ โลกุตฺตรา หุตฺวา ปมชฺฌานสฺส วเสนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อริยมคฺโค หิ วิปสฺสนาย ปาทกภูตสฺส, สมฺมสิตสฺส วา ปมชฺฌานสฺส วเสน อฏฺงฺคิโก โหติ. อถ วา อฌานลาภิโน สุกฺขวิปสฺสกสฺส, ฌานลาภิโน วา ปาทกมกตฺวา ปมชฺฌานสฺส, ปกิณฺณกสงฺขารานํ วา สมฺมสเน ¶ อุปฺปนฺโน อริยมคฺโค อฏฺงฺคิโก โหติ, สฺวาสฺส อฏฺงฺคิกภาโว ปมชฺฌานิกภาเวนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปมชฺฌานวเสนา’’ติ อาห. เอวํ ‘‘อวเสสชฺฌานวเสนา’’ติ เอตฺถาติ ยถารหํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยทิ อริยมคฺโค สตฺตงฺคิโกปิ โหติ, อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘อฏฺงฺคิโก’’อิจฺเจว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุกฺกฏฺนิทฺเทสโต’’ติอาทิ. ยถา เจตฺถ ปฏิปทาย มคฺควเสน อฏฺงฺคิกสตฺตงฺคิกเภโท ¶ , เอวํ โพชฺฌงฺควเสน สตฺตงฺคิกฉฬงฺคิกเภโท เวทิตพฺโพ อปฺปีติกชฺฌานวเสน ฉฬงฺคิกตฺตา, มคฺควเสน ปน เทสนา อาคตาติ สฺวายํ เภโท อฏฺกถายํ น อุทฺธโฏ. อิโต ปรนฺติ อิโต อฏฺงฺคโต ปรํ อุกฺกํสโต, อวกํสโต ปน สตฺตงฺคโต ปรํ มคฺคงฺคํ นาม นตฺถีติ. นนุ มคฺควิภงฺเค (วิภ. ๔๙๓-๕๐๒) ปฺจงฺคิกวาเร ปฺเจว มคฺคงฺคานิ อุทฺธฏานิ, มหาสฬายตเน (ม. นิ. ๓.๔๓๑) จ ‘‘ยา ตถาภูตสฺส ทิฏฺิ, โย ตถาภูตสฺส สงฺกปฺโป, โย ตถาภูตสฺส วายาโม, ยา ตถาภูตสฺส สติ, โย ตถาภูตสฺส สมาธิ, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสมาธี’’ติ วตฺวา ปุพฺพภาควเสน ปน ‘‘ปุพฺเพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุทฺโธ โหตี’’ติ สมฺมาวาจาทโย อาคตาติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ ปฺจนฺนํ การาปกงฺคานํ อติเรกกิจฺจทสฺสนวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา น อริยมคฺโค สมฺมาวาจาทิวิรหิโต อตฺถีติ ‘‘อิโต ปรฺหิ มคฺคงฺคํ นตฺถี’’ติ สุวุตฺตเมตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สพฺพกุสลานนฺติ สพฺเพสํ กุสลธมฺมานํ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. กามาวจราทิวเสน ตํตํกุสลธมฺเมสุ สา สมฺมาทิฏฺิ เสฏฺา. ตสฺสา เสฏฺภาเวน หิ ‘‘ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔) วุตฺตํ, มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา ปน สพฺพเสฏฺภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. กุสลวาเรติ กุสลุปฺปตฺติสมเย. ปุพฺพงฺคมา กุสลาทิธมฺมานํ ยาถาวสภาวโพเธน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปริณายกภาวโต. เตเนวาห ‘‘สมฺมาทิฏฺึ สมฺมาทิฏฺีติ ปชานาตี’’ติอาทิ. สา สมฺมาทิฏฺิ ปภโว เอตสฺสาติ ตปฺปภโว, สมฺมาสงฺกปฺโป. สมฺมาทสฺสนวเสน หิ สมฺมาสงฺกปฺโป โหติ. ตโต อภินิพฺพตฺตานีติ ตปฺปภวาภินิพฺพตฺตานิ. ตปฺปภวาภินิพฺพตฺตานิปิ ‘‘ตทภินิพฺพตฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติ การณการเณปิ การณูปจารโตติ อาห ‘‘ตปฺปภวาภินิพฺพตฺตานิ เสสงฺคานี’’ติ. เตนาห ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺสา’’ติอาทิ. ยถา หิ สมฺมาทสฺสนํ ¶ สมฺมาวิตกฺกนสฺส วิเสสปจฺจโย, เอวํ สมฺมาวิตกฺกนํ สมฺมาปริคฺคหสฺส สมฺมาปริคฺคโห สมฺมาสมุฏฺานสฺส, สมฺมาสมุฏฺานํ สมฺมาโวทานสฺส, สมฺมาโวทานํ สมฺมาวายามสฺส, สมฺมาวายาโม สมฺมาอุปฏฺานสฺส, สมฺมาอุปฏฺานํ สมฺมาธานสฺส วิเสสปจฺจโย, ตสฺมา ‘‘ปุริมํ ปุริมํ ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส วิเสสปจฺจโย โหตี’’ติ อิมินา วิเสสปจฺจยภาวทสฺสนตฺเถน กเมน เอตานิ สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ องฺคานิ วุตฺตานีติ ทสฺสิตานิ.
ภาวนานโยติ สมถวิปสฺสนานํ ยุคนทฺธภาเวน ปวตฺโต ภาวนาวิธิ. อยฺหิ อริยมคฺคกฺขเณ ภาวนาวิธิ. ตสฺส ปน ปุพฺพภาเค ภาวนานโย กสฺสจิ สมถปุพฺพงฺคโม โหติ ¶ , กสฺสจิ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคโมติ. ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘โกจี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ปโม สมถยานิกสฺส วเสน วุตฺโต, ทุติโย วิปสฺสนายานิกสฺส. เตนาห ‘‘อิเธกจฺโจ’’ติอาทิ. ตนฺติ สมถํ สมาธึ, ฌานธมฺเมติ วา อตฺโถ. ตํสมฺปยุตฺเตติ สมาธิสมฺปยุตฺเต, ฌานสมฺปยุตฺเต วา ธมฺเม. อยฺจ นโย เยภุยฺเยน สมถยานิกา อรูปมุเขน, ตตฺถาปิ ฌานมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ กโรนฺตีติ กตฺวา วุตฺโต. วิปสฺสนํ ภาวยโตติ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธึ อารภิตฺวา ยถาธิคตํ ตรุณวิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺตสฺส. มคฺโค สฺชายตีติ ปุพฺพภาคิโย โลกิยมคฺโค อุปฺปชฺชติ. อาเสวติ นิพฺพิทานุปสฺสนาวเสน. ภาเวติ มฺุจิตุกมฺยตาวเสน. พหุลีกโรติ ปฏิสงฺขานุปสฺสนาวเสน. อาเสวติ วา ภยตูปฏฺานาณวเสน. พหุลีกโรติ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาวเสน. สํโยชนานิ ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตี โหนฺติ มคฺคปฏิปาฏิยา.
สมถํ อนุปฺปาเทตฺวาวาติ อวธารเณน อุปจารสมาธึ นิวตฺเตติ, น ขณิกสมาธึ. น หิ ขณิกสมาธึ วินา วิปสฺสนา สมฺภวติ. วิปสฺสนาปาริปูริยาติ วิปสฺสนาย ปริปุณฺณตาย วุฏฺานคามินิภาวปฺปตฺติยา. ตตฺถชาตานนฺติ ตสฺมึ อริยมคฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนานํ สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ ธมฺมานํ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. ววสฺสคฺคารมฺมณโตติ ววสฺสคฺคสฺส อารมฺมณตาย. ววสฺสคฺโค โวสฺสคฺโค ปฏินิสฺสคฺโคติ จ อปวคฺโคติ จ อตฺถโต เอกํ, นิพฺพานนฺติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา นิพฺพานสฺส อารมฺมณกรเณนาติ อตฺโถ. จิตฺตสฺส เอกคฺคตาติ มคฺคสมฺมาสมาธิมาห. อริยมคฺโค หิ เอกนฺต สมาหิโต อสมาธานเหตูนํ กิเลสานํ สมุจฺเฉทนโต. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ยุคนทฺธาว ¶ โหนฺติ ตทา สมาธิปฺานํ สมรสตาย อิจฺฉิตพฺพโต. มคฺคกฺขเณ หิ น สมถภาวนายํ วิย สมาธิ, วิปสฺสนาภาวนายํ วิย จ ปฺา กิจฺจโต อธิกา อิจฺฉิตพฺพา, สมรสตาย ปน อฺมฺสฺส อนติวตฺตนฏฺเน ทฺเวปิ ยุคนทฺธา วิย ปวตฺตนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมถวิปสฺสนา ยุคนทฺธาว โหนฺตี’’ติ.
ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. ภยเภรวสุตฺตวณฺณนา
๓๔. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ ภยเภรวสุตฺตํ. โก นิกฺเขโป? เกจิ ตาว เอวมาหุ ‘‘ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป’’ติ. ทุวิธา หิ ปุจฺฉา ปากฏาปากฏเภทโต. ตตฺถ ยสฺสา เทสนาย นิมิตฺตภูโต าตุํ อิจฺฉิโต อตฺโถ กึ-สทฺทปุพฺพเกน ปกาสียติ, สา ปากฏา ปุจฺฉา ยถา ‘‘กึสูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติ เอวมาทิ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๓). ยสฺสา ปน เทสนาย นิมิตฺตภูโต าตุํ อิจฺฉิโต อตฺโถ กึ-สทฺทรหิเตน เกวเลเนว สทฺทปโยเคน ปกาสียติ, สา อปากฏา ปุจฺฉา. าตุํ อิจฺฉิโต หิ อตฺโถ ‘‘ปฺหา, ปุจฺฉา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมาเยว อิธ ‘‘เย เม โภ โคตมา’’ติอาทิกา อปากฏาติ ‘‘ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป’’ติ. ตยิทํ อการณํ, ยสฺมา โส พฺราหฺมโณ ‘‘เยเม โภ โคตมา’’ติอาทีนิ วทนฺโต น ตตฺถ กงฺขี วิจิกิจฺฉี สํสยมาปนฺโน อโวจ, อถ โข อตฺตนา ยถานิจฺฉิตมตฺถํ ภควติ ปสาทภาวพหุมานํ ปเวเทนฺโต กเถสิ. เตนาห ‘‘ภควติ ปสาทํ อลตฺถา’’ติอาทิ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๓๔). วิหาเรติ วิหารเก นิวาเส. อวิจฺฉินฺเนเยวาติ ปวตฺตมาเนเยว. ปททฺวยสฺสปิ วสนฺเต เอวาติ อตฺโถ. เอตํ ปุโรหิตฏฺานํ อุณฺหีสาทิกกุธภณฺเฑหิ สทฺธึ ลทฺธํ, ตถา จ ‘‘อสฺส รฺา ทินฺน’’นฺติ วทนฺติ. เตนาห ‘‘ตํ ตสฺส รฺา ทินฺน’’นฺติ. พฺรหฺมนฺติ เวทํ. โส ปน มนฺตพฺรหฺมกปฺปวเสน ติวิโธ. ตตฺถ มนฺตา ปธานํ มูลภาวโต, เย อฏฺกาทีหิ ปวุตฺตา, อิตเร ตนฺนิสฺสเยน ชาตา, เตน เตสํเยว คหณํ ‘‘มนฺเต สชฺฌายตี’’ติ ¶ . เต หิ คุตฺตภาสิตพฺพตาย ‘‘มนฺตา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิทเมว หีติ อวธารเณน ‘‘พฺรหฺมโต ชาตา’’ติอาทิกํ นิรุตฺตึ ปฏิกฺขิปติ.
เยน วา การเณนาติ (สารตฺถ. ฏี. เวรฺชกณฺฑวณฺณนายํ ๒; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑; อ. นิ. ฏี. ๒.๒.๑๖) เหตุมฺหิ อิทํ กรณวจนํ. เหตุอตฺโถ หิ กิริยาการณํ, น กรณํ วิย กิริยตฺโถ, ตสฺมา นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมตฺถา อิธ อุปสงฺกมนกิริยาติ ‘‘อนฺเนน วสตี’’ติอาทีสุ วิย เหตุอตฺถเมเวตํ กรณวจนํ ยุตฺตํ, น กรณตฺถํ ตสฺส อยุชฺชมานตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘เยน วา การเณนา’’ติอาทิ. ภควโต สตตปฺปวตฺตนิรติสยสาทุวิปุลามตรสสทฺธมฺมผลตาย สาทุผลนิจฺจผลิตมหารุกฺเขน ภควา อุปมิโต, สาทุผลูปโภคาธิปฺปายคฺคหเณเนว หิ มหารุกฺขสฺส สาทุผลตา คหิตาติ.
อุปสงฺกมีติ ¶ อุปสงฺกนฺโต. สมฺปตฺตุกามตาย หิ กิฺจิ านํ คจฺฉนฺโต ตํตํปเทสาติกฺกมเนน อุปสงฺกมิ, อุปสงฺกนฺโตติ วา วตฺตพฺพตํ ลภติ. เตนาห ‘‘คโตติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, อุปคโตติ อตฺโถ. อุปสงฺกมิตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโสติ อาห ‘‘อุปสงฺกมนปริโยสานทีปน’’นฺติ. ตโตติ ยํ านํ ปตฺโต ‘‘อุปสงฺกมี’’ติ วุตฺโต, ตโต อุปคตฏฺานโต. ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโตติ (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๑๒) ยถา ภควา ‘‘กจฺจิ เต พฺราหฺมณ ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต เตน พฺราหฺมเณน สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ ปุพฺพภาสิตาย, ตทนุกรเณน เอวํ โสปิ พฺราหฺมโณ ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสีติ โยชนา. ตํ ปน สมปฺปวตฺตโมทตํ อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘สีโตทกํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สมฺโมทิตนฺติ สํสนฺทิตํ. เอกีภาวนฺติ สมฺโมทนกิริยาย สมานตํ เอกรูปตํ. ขมนียนฺติ ‘‘อิทํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ขณภงฺคุรตาย สภาวโต ทุสฺสหํ, กจฺจิ ขมิตุํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ ปุจฺฉติ. ยาปนียนฺติ ปจฺจยายตฺตวุตฺติกํ จิรปฺปพนฺธสงฺขาตาย ยาปนาย กจฺจิ ยาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํ. สีสโรคาทิอาพาธาภาเวน กจฺจิ อปฺปาพาธํ. ทุกฺขชีวิกาภาเวน กจฺจิ อปฺปาตงฺกํ. ตํตํกิจฺจกรเณ อุฏฺานสุขตาย กจฺจิ ลหุฏฺานํ. ตทนรูปพลโยคโต กจฺจิ พลํ. สุขวิหารสพฺภาเวน กจฺจิ ผาสุวิหาโร อตฺถีติ ตตฺถ ตตฺถ กจฺจิ-สทฺทํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
พลวปฺปตฺตา ¶ ปีติ ปีติเยว. ตรุณปีติ ปาโมชฺชํ. สมฺโมทนํ ชเนติ กโรตีติ สมฺโมทนิกํ, ตเทว สมฺโมทนียนฺติ อาห ‘‘สมฺโมทชนนโต’’ติ. สมฺโมทิตพฺพโต สมฺโมทนียนฺติ อิมํ ปน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต’’ติ อาห. สริตพฺพภาวโตติ อนุสฺสริตพฺพภาวโต. ‘‘สรณีย’’นฺติ วตฺตพฺเพ ทีฆํ กตฺวา ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตํ. สุยฺยมานสุขโตติ อาปาถมธุรตํ อาห, อนุสฺสริยมานสุขโตติ วิมทฺทรมณียตํ. พฺยฺชนปริสุทฺธตายาติ สภาวนิรุตฺติภาเวน ตสฺสา กถาย วจนจาตุริยมาห, อตฺถปริสุทฺธตายาติ อตฺถสฺส นิรุปกฺกิเลสตํ. อเนเกหิ ปริยาเยหีติ อเนเกหิ การเณหิ.
อภิทูรอจฺจาสนฺนปฏิกฺเขเปน นาติทูรนาจฺจาสนฺนํ นาม คหิตํ, ตํ ปน อวกํสโต อุภินฺนํ ปสาริตหตฺถสงฺฆฏฺฏเนน ทฏฺพฺพํ. คีวํ ปสาเรตฺวาติ คีวํ ปริวตฺตนวเสน ปสาเรตฺวา.
เยเมติ เอตฺถ สนฺธิวเสน อิการโลโปติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย อิเม’’ติอาทิมาห. อุจฺจากุลีนตาย ชาติวเสน อภิชาตา ชาติกุลปุตฺตา. เตนาห ‘‘อุจฺจากุลปฺปสุตา’’ติ. อาจารสมฺปตฺติยา ¶ อภิชาตา อาจารกุลปุตฺตา. เตนาห ‘‘อาจารสมฺปนฺนา’’ติ. ยตฺถ กตฺถจิ อปากเฏปิ กุเล. เตน พฺราหฺมเณน อธิปฺเปตา ภิกฺขูสุ ทุวิธาปิ สํวิชฺชนฺตีติ อาห ‘‘อิธ ปน ทฺวีหิปิ การเณหิ กุลปุตฺตาเยวา’’ติ.
สทฺธาติ อิทํ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘สทฺธายา’’ติ, สทฺธาติ วา สทฺทหิตฺวาติ อตฺโถ. อิมสฺมึ ปกฺเข ปาฬิยํ ย-การโลเปน นิทฺเทโสติ ทฏฺพฺพํ. อคารโตติ อคารวาสโต, อุตฺตรปทโลเปน, นิสฺสยูปจาเรน วา อยํ นิทฺเทโสติ. ภิกฺขนสีลตาทิลกฺขโณ ภิกฺขุภาโว ปพฺพชฺชาสหจริตาย สทฺธึ ภิกฺขุภาวํ อนฺวาจินนฺโตติ อาห ‘‘ปพฺพชฺชํ ภิกฺขุภาวฺจา’’ติ. กมฺมวาจาลกฺขเณ ปน ภิกฺขุภาเว อธิปฺเปเต สมุจฺจยตฺโถ จ-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. อนคารสฺส ภาโวติ เอเตน ปพฺพชฺชานิสฺสิโต สุวิสุทฺโธ สีลาจารคุณวิเสโส คหิโต, กสิโครกฺขาทิกมฺมปฏิกฺเขโป อิธ อนุปฺปาทาทีหิ เวทิตพฺโพ. เสสคฺคหเณ ปน สรณคมนาทิวเสน ปพฺพชฺชาย, สรณคมนาทิวเสน อุปสมฺปทาย จ อเนกเภทตฺตา อาห ‘‘สพฺพถาปี’’ติ, เตน เตน ปกาเรนาติ อตฺโถ. ปุรโตคามิตา ปฏิปตฺติคมเนน, น กายคมเนนาติ อาห ‘‘นายโก’’ติ ¶ , สมฺมาปฏิปตฺติยา นิพฺพานสมฺปาปโกติ อตฺโถ. หิตกิริยายาติ ทิฏฺธมฺมิกาทิหิตจริยาย. คาหณํ อธิสีลาทีสุ อจฺจนฺตาย นิโยชนํ, น กถนมตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘คาเหตา’’ติ วตฺวา ‘‘สิกฺขาเปตา’’ติ อาห. ทิฏฺานุคตินฺติ ทิฏฺิยา อนุคมนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทสฺสนานุคติ’’นฺติ วตฺวา สิกฺขาตฺตยสงฺคหํ ภควโต สาสนํ เตน ทิฏฺตฺตา ทิฏฺิ, ตสฺส ตสฺเสว ขมนวเสน ขนฺติ, รุจฺจนวเสน รุจิ, ตํทิฏฺิขนฺติรุจิกาว ภควโต สาวกาติ อาห ‘‘ยํทิฏฺิโก’’ติอาทิ.
เอส กิร อลตฺถาติ สมฺพนฺโธ. เทวปุตฺเต วิยาติอาทิ กสฺสจิ ปาริชฺุสฺส อภาวทีปนโต ‘‘สทฺธายา’’ติอาทินา วุตฺตสฺส ปพฺพชิตภาวสฺส ปากฏีกรณํ. สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวาติ อิทํ หฏฺปหฏฺาทิภาวสฺส การณวจนํ. ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺเติ อิทํ อนุสฺสงฺกิตาปริสงฺกิตตาย การณวจนนฺติ ทฏฺพฺพํ.
เอวเมตนฺติอาทินา อาเมฑิตวจนํ สมฺปหํสนวเสน, ปสาทวเสน วา กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ เอวํ-สทฺโท สมฺปฏิจฺฉนตฺโถ อพฺภนุโมทนตฺโถ จ วุตฺโต. มมนฺติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, นิปาตปทํ วา เอตํ ‘‘ม’’นฺติ อิมินา สมานตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. อาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน นชีวิกาปกตาทึ สงฺคณฺหาติ อีทิสานํเยวาติ สทฺธาปพฺพชฺชาย วิภาวิตอนภิชฺฌาลุอาทิสภาวานํเยว, น อิตเรสํ อภิชฺฌาลุสภาวานํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สงฺฆาฏิกณฺเณ ¶ เจปิ เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ อสฺส ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺโต, โส จ โหติ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค พฺยาปนฺนจิตฺโต ปทุฏฺมนสงฺกปฺโป มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิตฺโต ปากฏินฺทฺริโย, อถ โข อารกาว มม อหฺจ ตสฺสา’’ติ (อิติวุ. ๙๒).
อชฺโฌคาเหตฺวา อธิปฺเปตตฺถํ สมฺภวิตุํ สาเธตุํ ทุกฺขานีติ ทุรภิสมฺภวานิ. อฏฺกถายํ ปน ตตฺถ นิวาโสเยว ทุกฺโขติ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺภวิตุํ ทุกฺขานิ ทุสฺสหานี’’ติ วุตฺตํ. อรฺวนปตฺถานีติ อรฺลกฺขณปฺปตฺตานิ วนสณฺฑานิ. วนปตฺถ-สทฺโท หิ สณฺฑภูเต รุกฺขสมูเหปิ วตฺตตีติ ¶ อรฺคฺคหณํ. กิฺจาปีติ อนุชานนสมฺภาวนตฺเถ นิปาโต. กึ อนุชานาติ? นิปฺปริยายโต อรฺาภาวํ ‘‘คามโต พหิ อรฺ’’นฺติ. เตนาห ‘‘นิปฺปริยาเยนา’’ติอาทิ. กึ สมฺภาเวติ? อารฺกงฺคนิปฺผาทกตฺตํ. ยฺหิ อารฺกงฺคนิปฺผาทกํ, ตํ วิเสสโต ‘‘อรฺ’’นฺติ วุตฺตนฺติ. เตเนวาห ‘‘ยํ ตํ ปฺจธนุสติก’’นฺติอาทิ. นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลาติ อินฺทขีลโต พหิ นิกฺขมิตฺวา, ตโต พหิ ปฏฺายาติ อตฺโถ. พหิ อินฺทขีลาติ ยตฺถ ทฺเว ตีณิ อินฺทขีลานิ, ตตฺถ พหิทฺธา อินฺทขีลโต ปฏฺาย, ยตฺถ ตํ นตฺถิ, ตตฺถ ตทรหฏฺานโต ปฏฺายาติ วทนฺติ. ยสฺมา พหิ อินฺทขีลโต ปฏฺาย มนุสฺสูปจาเร ภยเภรวํ นตฺถิ, ตสฺมา อิธ นาธิปฺเปตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
คามนฺตนฺติ คามสมีปํ. อนุปจารฏฺานนฺติ นิจฺจกิจฺจวเสน นุปจริตพฺพฏฺานํ. เตนาห ‘‘ยตฺถ น กสียติ น วปียตี’’ติ. ปนฺตานีติ อิมินา ‘‘ปริยนฺตาน’’นฺติ อิมสฺส ปริยายสฺส อิธ ปาฬิยํ คหิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปริยนฺตานนฺติ อิมเมกํ ปริยายํ เปตฺวา’’ติ. ทูรานนฺติ ปน อยํ ปริยาโย เปตพฺโพ สิยา ตสฺสาปิ ‘‘ปนฺตานี’’ติ อิมินาว อตฺถโต คหิตตฺตา, ตถา สติ ‘‘น มนุสฺสูปจาราน’’นฺติ เอทิสานมฺปิ เปตพฺพตา อาปชฺชติ, ตสฺมา สทฺทโต เอว ปนํ ทฏฺพฺพํ. ปวิเวกนฺติ ปการโต, ปกาเรหิ วา วิเวจนํ, รูปาทิปุถุตฺตารมฺมเณ ปการโต คมนาทิอิริยาปถปฺปกาเรหิ อตฺตโน กายสฺส วิเวจนํ คจฺฉโตปิ ติฏฺโตปิ นิสชฺชโตปิ เอกสฺเสว ปวตฺตติ. เตเนว หิ วิเวเจตพฺพานํ วิเวจนาการสฺส จ เภทโต พหุวิธตฺตา เต เอกตฺเตน คเหตฺวา ‘‘ปวิเวก’’นฺติ เอกวจเนน วุตฺตํ. ทุกฺกรํ ปวิเวกนฺติ วา ปวิเวกํ กตฺตุํ น สุขนฺติ อตฺโถ. เอกีภาเวติ เอกิกภาเว. ทฺวยํทฺวยาราโมติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ภาวาภิรโต. หรนฺติ วิยาติ สํหรนฺติ วิย วิฆาตุปฺปาทเนน. เตนาห ‘‘ฆสนฺติ วิยา’’ติ, ภยสนฺตาสุปฺปาทเนน ขาทิตุํ อาคตา ยกฺขรกฺขสปิสาจาทโย วิยาติ อธิปฺปาโย. อีทิสสฺสาติ อลทฺธสมาธิโน. ติณปณฺณมิคาทิสทฺเทหีติ วาเตริตานํ ติณปณฺณาทีนํ มิคปกฺขิอาทีนฺจ ¶ ภึสนเกหิ เภรเวหิ สทฺเทหิ วิวิเธหิ จ อฺเหิ ขาณุอาทีหิ ยกฺขาทิอากาเรหิ อุปฏฺิเตหิ ภึสนเกหิ. เอวํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ นาม กโรนฺโต อโห อจฺฉริยา เอเตติ วิมฺหิโต.
กายกมฺมนฺตวารกถาวณฺณนา
๓๕. โสฬสสุ ¶ าเนสูติ ‘‘เย โข เกจี’’ติอาทินา ปาฬิยํ วกฺขมาเนสุ โสฬสสุ การเณสุ. อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตตาทโย อรฺเ วิหรนฺตานํ จิตฺตุตฺราสนิมิตฺตตาย วิเสสโต วิกฺเขปาวหา, ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตตาทโย ปน ตทภาวโต เตสํ อวิกฺเขปาวหา. เตนาห ‘‘อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตสนฺโทสเหตู’’ติอาทิ. โสฬสสูติ จ โวทานปกฺขํเยว คเหตฺวา วุตฺตํ. สํกิเลสคฺคหณมฺปิ ยาวเทว โวทานทสฺสนตฺถนฺติ. อารมฺมณปริคฺคหรหิตานนฺติ อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตาทิกสฺส อรฺเ ทิฏฺสฺส ตสฺส อารมฺมณสฺส ‘‘เย โข เกจี’’ติอาทินา ปาฬิยํ อาคตนเยน ปริคฺคณฺหนาณรหิตานํ. อารมฺมณปริคฺคหยุตฺตานนฺติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺตนาติ ภควนฺตํ สนฺธาย วทติ, สยนฺติ อตฺโถ. ตาทิโสติ อารมฺมณปริคฺคหยุตฺโต.
สมฺพุชฺฌติ เอเตนาติ สมฺโพโธ, อริยมคฺโคติ อาห ‘‘อริยมคฺคปฺปตฺติโต’’ติ. อคฺคมคฺคาธิคมาธีโน พุทฺธานํ สพฺพฺุตฺาณาธิคโมติ อาห ‘‘อนภิสมฺพุทฺธสฺสาติ อปฺปฏิวิทฺธจตุสจฺจสฺสา’’ติ. อนวเสสโต เยฺยํ, พุชฺฌิตุํ อรหตีติ โพธิ, มหาวีริยตาทินา ตตฺถ วิเสสโยคโต สตฺโตติ อาห ‘‘พุชฺฌนกสตฺตสฺสา’’ติ. เตนาห ‘‘สมฺมาสมฺโพธิ’’นฺติอาทิ. นิยตภาวปฺปตฺติโต ปฏฺาย มหาสตฺตา ยถา มหาโพธิยานปฏิปทา หานภาคิยา, ิติภาคิยา วา น โหติ, อถ โข วิเสสภาคิยา นิพฺเพธภาคิยา จ โหติ, ตถา ปฏิปชฺชนโต โพธิยํ นินฺนโคณปพฺภารา เอวาติ อาห ‘‘โพธิยา วา สตฺตสฺเสว ลคฺคสฺเสวา’’ติ. เตนาห ‘‘ทีปงฺกรสฺส หี’’ติอาทิ. อฏฺธมฺมสโมธาเนนาติ –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
อิเมสํ อภินีหารสฺส องฺคภูตานํ อฏฺนฺนํ ธมฺมานํ สโมธาเนน สมวธาเนน.
ปพฺพชฺชูปคตาติ ¶ ¶ ปพฺพชฺชํ อุปคตา. เตน ปพฺพชฺชามตฺเตน สมณา, น สมิตปาปตายาติ ทสฺเสติ. ชาติมตฺเตน อิธ พฺราหฺมณาติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘โภวาทิโน วา’’ติ. เต หิ ‘‘โภ โภ’’ติ วทนสีลา, เตนาห ‘‘โภวาที นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ (ธ. ป. ๓๙๖; สุ. นิ. ๖๒๕). ปาณาติปาตาทินาติ อาทิ-สทฺเทน อทินฺนาทานํ อพฺรหฺมจริยฺจ สงฺคณฺหาติ. อปริสุทฺเธนาติ จ วิเสสนํ กายกมฺมนฺตาเปกฺขาย, น ปาณาติปาตาทิอเปกฺขาย. น หิ ปาณาติปาตาทิโก ตสฺส ปุพฺพภาคปโยโค จ โกจิ ปริสุทฺโธ นาม อตฺถิ. ภายนฏฺเน ภยํ, ภีรุตาวหฏฺเน เภรวํ. สนฺโทสเหตูติ สโทสเหตุ. ส-สทฺโท หิ อิธ สานุสาโร วุตฺโต. เตนาห ‘‘อตฺตโน โทสสฺส เหตู’’ติ. เอกนฺเตน จิตฺตุตฺราสลกฺขณสฺส ภยสฺส วเสน ‘‘สาวชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. จิตฺตุตฺราโส หิ เอกนฺตสาวชฺโช ภายนฏฺเน ภยฺจาติ. อกฺเขมนฺติ อิทํ อุภยวเสน. จิตฺตุตฺราโสปิ หิ สรีรจิตฺตานํ อนตฺถาวหโต อกฺเขม, ตถา ภยานการมฺมณมฺปีติ. อฏฺกถายํ ปน อตฺถทฺวยํ ยถาสงฺขฺยํ โยชิตํ. สยํ ปริกปฺปิตภยานการมฺมณนิมิตฺตํ จิตฺตุตฺราสสมุปฺปาทนวเสน อาเนนฺตา ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ วิย โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อวฺหายนฺตีติ ปกฺโกสนฺตี’’ติ. เตติ มาริตมนุสฺสานํ าติมิตฺตาทโย. คจฺฉํ คหนภูตํ มหนฺตํ กณฺฏกสณฺฑํ, คุมฺพํ นาติมหนฺตนฺติ วทนฺติ. คจฺฉนฺติ ปน ติณวนํ เวทิตพฺพํ, ‘‘คจฺเฉ รุฬฺหติเณ’’ติ วุตฺตํ, คุมฺพํ กณฺฏกลตาทิภริตาวิรุฬฺหํ. พทฺธา วธิตา วิยาติ พทฺธา หุตฺวา ตาฬิยมานา วิย.
‘‘น โข ปนาติ เอตฺถ โขติ อวธารณตฺเถ นิปาโต, ปนา’’ติ วิเสสตฺเถ. เตเนตํ ทสฺเสติ ‘‘อฺเ สมณพฺราหฺมณา วิย อหํ อปริสุทฺธกายกมฺมนฺโต หุตฺวา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ น โข ปน ปฏิเสวามิ, ปริสุทฺธกายกมฺมนฺโตเยว ปน หุตฺวา ตานิ ปฏิเสวามี’’ติ. เอวํ วา เอตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. ‘‘ปริสุทฺธกายกมฺมนฺโตหมสฺมี’’ติ หิ เตน อวธารเณน วิภาวิตตฺถทสฺสนํ. เตสมหํ อฺตโรติ ตาย ปริสุทฺธกายกมฺมตาย เตสํ อริยานํ อหํ อฺตโรติ กายกมฺมปาริสุทฺธิยา มหาสตฺโต อตฺตานํ อริเยสุ ปกฺขิปติ. ปรมสลฺเลขภาวปฺปตฺตา หิ ตทา โพธิสตฺตสฺส กายกมฺมปาริสุทฺธิ ¶ , ตถา วจีกมฺมาทิปาริสุทฺธิ, ยโต มาโร รนฺธคเวสี หุตฺวา ฉพฺพสฺสานิ นิรนฺตรํ อนุพนฺโธ อนฺตรํ น ลภติ. เตนาห –
‘‘สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ, อนุพนฺธึ ปทาปทํ;
โอตารํ นาธิคจฺฉิสฺสํ, สมฺพุทฺธสฺส สตีมโต’’ติ. (สุ. นิ. ๔๔๘);
ภิยฺโยติ ¶ อธิกํ สวิเสสํ, อุปรูปริ วา. ภีตตสิตา ภยูปทฺทเวน ฉมฺภิตสรีรา หฏฺโลมา โหนฺติ, อภีตาตสิตา ปน ภยูปทฺทวาภาวโต อหฏฺโลมา เขเมน โสตฺถินา ติฏฺนฺตีติ เตสํ เขมปฺปตฺติ โสตฺถิภาโว วา ปนฺนโลมตาย ปากโฏ โหตีติ ปาฬิยํ ‘‘ปลฺโลม’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ปนฺนโลมต’’นฺติอาทิ. เอตฺถ จ ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหารายาติ ปฏิฺานิทฺเทโส. ปริสุทฺธกายกมฺมนฺโตหมสฺมีติ เหตุทสฺสนํ. ‘‘เย หิ โว อริยา’’ติ สทิสูทาหรณทสฺสนํ. เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วาติ วิสทิสูทาหรณทสฺสนํ. เสสานิ อนฺวยพฺยติเรกวิภาวนานีติ ทฏฺพฺพนฺติ อยเมตฺถ ยุตฺติวิภาวนา. อิมินา นเยน เสสวาเรสุปิ ยุตฺติวิภาวนา เวทิตพฺพา.
กายกมฺมนฺตวารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
วจีกมฺมนฺตวาราทิกถาวณฺณนา
๓๖. อปริสุทฺเธน มุสาวาทาทินาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. อาทิ-สทฺเทน ปน สงฺคหิตํ เตสฺจ มุสาวาทาทีนํ ปวตฺติเภทํ ภยเภรวาวฺหานมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
ภณฺเฑสูติ สวิฺาณกาวิฺาณเกสุ ภณฺเฑสุ. อุปฺปาเทตฺวาติ อตฺตโน ปริณามวเสน อภิชฺฌาสงฺขาตํ วิสมโลภํ อุปฺปาเทตฺวา. กุชฺฌิตฺวาติ วินาสจินฺตาวเสน ปรสฺส กุชฺฌิตฺวา. เอวฺหิ เนสํ ‘‘เยสํ อปรชฺฌิมฺหา, เต อิทานิ อนุพนฺธิตฺวา’’ติอาทินา ปจฺฉา อาสงฺกุปฺปตฺติ สิยา. ‘‘เอเต อมฺหากํ ปริคฺคหวตฺถุํ คเหตุกามา มฺเ, วินาสํ กาตุกามา มฺเ’’ติ ยถา ปเร ปรโต เตสํ อภิชฺฌาพฺยาปาทปฺปวตฺตึ ปริคฺคณฺหนฺติ, ตาทิสํ ¶ มโนกมฺมนฺตํ สนฺธาย ‘‘เต ปเรส’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กามํ อกุสลกายกมฺมวจีกมฺมปวตฺติกาเลปิ อภิชฺฌาทโย ปวตฺตนฺติเยว, ตทา ปน เต เจตนาปกฺขิกา วา อพฺโพหาริกา วาติ มโนกมฺมนฺตวาเร เอว อภิชฺฌาทิวเสน โยชนา กตา. อถ วา ทฺวารนฺตเร ปวตฺตานมฺปิ ปาณาติปาตาทีนํ วจีกมฺมาทิภาวาภาโว วิย ทฺวารนฺตเร ปวตฺตานมฺปิ อภิชฺฌาทีนํ กายกมฺมาทิภาวาภาโว, มโนกมฺมภาโว เอว ปน สิทฺโธติ กตฺวา มโนกมฺมนฺตวาเร เอว อภิชฺฌาทโย อุทฺธฏา. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ทฺวาเร ¶ จรนฺติ กมฺมานิ, น ทฺวารา ทฺวารจาริโน;
ตสฺมา ทฺวาเรหิ กมฺมานิ, อฺมฺํ ววตฺถิตา’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๑.กายกมฺมทฺวาร);
กิฺจาปิ อฏฺกถายํ สาสเน ปพฺพชิตวเสน อาชีววาเร ภยเภรวาวฺหานํ โยชิตํ, ‘‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา’’ติ ปน วจนโต พาหิรกวเสน คหฏฺวเสน จ โยชนา เวทิตพฺพา. คหฏฺานมฺปิ หิ ชาติธมฺมกุลธมฺมเทสธมฺมวิโลมนวเสน อฺถาปิ มิจฺฉาชีโว ลพฺภเตว, ตาย เอว จ อาชีววิปตฺติยา อฺถา วา เนสํ อรฺวาโส สมฺภเวยฺยาติ.
๓๗. เอวํ อาชีวฏฺมกสีลวเสน ภยเภรวํ ทสฺเสตฺวา ตโต ปรํ นีวรณปฺปหานาทิวเสน ตํ ทสฺเสตุํ เทสนา วฑฺฒิตาติ ตทตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘อิโต ปร’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ นีวรณวเสน ปุน วุตฺตาติ อยมธิปฺปาโย – เอวํ สีลวิสุทฺธิมตฺตมฺปิ อรฺเ วิหรโต ภยเภรวาภาวํ อาวหติ, กิมงฺคํ ปน นีวรณานิ ปหาย อปฺปนาสมาธึ, อุปจารสมาธิเมว วา สมฺปาทยโตติ สมาธิสมฺปทาย ภยเภรวาภาวเหตุกํ ทสฺเสตุํ อุปริ เทสนา วฑฺฒิตาติ อกุสลมโนกมฺมนฺตภาเวน คหิตาปิ อภิชฺฌาพฺยาปาทา นีวรณวเสน ปุน วุตฺตาติ อธิปฺปาโย. อภิ-ปุพฺโพ ฌา-สทฺโท อภิชฺฌายนตฺโถติ อาห ‘‘ปรภณฺฑาทิอภิชฺฌายนสีลา’’ติ. วตฺถุกาเมสูติ รูปาทีสุ กิเลสกามสฺส วตฺถุภูเตสุ กาเมสุ. พหลกิเลสราคาติ ถิรมูลทุมฺโมจนียตาหิ อชฺโฌสาเน ปภูตกิเลสกามา. อภิชฺฌา เจตฺถ อปฺปตฺตวิสยปตฺถนา, ติพฺพสาราโค สมฺปตฺติวิสยาภินิเวโส. เต ¶ หิ โลภาภิภูตา ปุคฺคลา อตฺตนิ ติพฺพสาเปกฺขตาย เอว โลภาภิภูตตาย อววตฺถิตารมฺมณา อวินิจฺฉิตวิสยา อรฺเ ตํ ตํ วิสยํ อนุปธาริตฺวา วิหรนฺติ, รชฺชุอาทีนิ ยาถาวโต น สลฺลกฺเขนฺติ. เตนาห ‘‘เตส’’นฺติอาทิ. อุปฏฺาติ สนฺตจิตฺตตาย. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อากุลจิตฺตา’’ติ. ‘‘อิทานิมฺห นฏฺา’’ติ ตสนฺติ วิตสนฺติ, อาคนฺตฺวา พาธิยมานา วิย โหนฺติ, เอวํ ตํ ภยเภรวํ อตฺตนิ สมาโรปนฏฺเน อวฺหายนฺติ ปกฺโกสนฺตีติ โยชนํ สนฺธายาห ‘‘เสสํ ตาทิสเมวา’’ติ. ‘‘อนภิชฺฌาลุหมสฺมี’’ติ ปาฬิปเท จิรปริจิตอโลภชฺฌาสยตาย กมลทเล ชลพินฺทุ วิย อลคฺคมานสตฺตา สพฺพตฺถ อนเปกฺโขหมสฺมีติ อตฺโถ.
๓๘. ปกติภาววิชหเนนาติ ปริสุทฺธภาวสงฺขาตสฺส จ ปกติภาวสฺส วิชหเนน. สาวชฺชธมฺมสมุปฺปตฺติยา หิ จิตฺตสฺส อนวชฺชภาโว ชหิโต โหตีติ. วิปนฺนจิตฺตาติ กิเลสาสุจิทูสิตตาย ¶ กุถิตจิตฺตา. เตนาห ‘‘กิเลสานุคตํ…เป… ปูติกํ โหตี’’ติ. ปทุฏฺมนสงฺกปฺปาติ วิสสํสฏฺมุตฺตํ วิย โทเสน ปทูสิตจิตฺตสงฺกปฺปา. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘เต อววตฺถิตารมฺมณา โหนฺตี’’ติอาทินา อภิชฺฌาลุวาเร วุตฺตนเยเนว. ยถา หิ โลภวเสน, เอวํ โทสาทิวเสนปิ อววตฺถิตารมฺมณา โหนฺตีติ. สพฺพตฺถาติ เหฏฺา อุปริ จาติ สพฺพตฺถ าเนสุ วณฺเณตพฺพา.
๓๙. ‘‘ยา จิตฺตสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา’’ติ วจนโต ถินํ จิตฺตสฺส เคลฺภาเวน คหณํ คจฺฉตีติ อาห ‘‘จิตฺตเคลฺภูเตน ถิเนนา’’ติ. ตถา ‘‘ยา กายสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา’’ติ (ธ. ส. ๑๑๖๓) วจนโต มิทฺธํ วิเสสโต นามกายสฺส เคลฺภาเวน คหณํ คจฺฉตีติ อาห ‘‘เสสนามกายเคลฺภูเตน มิทฺเธนา’’ติ. เสสคฺคหณฺเจตฺถ จิตฺตนิวตฺตนตฺถํ. อิทฺจ มิทฺธํ รูปกายสฺสปิ เคลฺาวหนฺติ ทฏฺพฺพํ นิทฺทาย เหตุภาวโต. ตถา หิ ตํ ‘‘นิทฺทา จปลายิกา’’ติ นิทฺทิฏฺํ. เตนาห ‘‘เต นิทฺทาพหุลา โหนฺตี’’ติ.
๔๐. อุทฺธจฺจปกติกาติ อุทฺธจฺจสีลา อนวฏฺิตสภาวา. อนวฏฺานรสฺหิ อุทฺธจฺจํ. เตนาห ‘‘วิปฺผนฺทมานจิตฺตา’’ติอาทิ. อิธาติ ‘‘อวูปสนฺตจิตฺตา’’ติ อิมสฺมึ ¶ ปเท. กุกฺกุจฺจํ คเหตุํ วฏฺฏติ สํวณฺณนาวเสน ปจฺฉานุตาปสฺสปิ จิตฺตสฺส อวูปสมกรตฺตา. อุทฺธจฺจํ ปน สรูเปเนว คหิตนฺติ อธิปฺปาโย.
๔๑. เอกเมวิทํ ปฺจมํ นีวรณํ ยทิทํ กงฺขา วิจิกิจฺฉาติ จ. ยทิ เอวํ กสฺมา ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กึ นุ โข’’ติอาทิ. กงฺขนโตติ สํสยนโต. วิจิกิจฺฉาติ วุจฺจติ ‘‘ธมฺมสภาวํ วิจินนฺโต เอตาย กิจฺฉติ, วิคตา ติกิจฺฉา วา’’ติ กตฺวา.
๔๒. เอวํ นีวรณาภาวกิตฺตนมุเขน สมาธิสมฺปทาย ภยเภรวาภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตุกฺกํสนาทิอภาวกิตฺตนมุเขน ปฺาสมฺปทาย ภยเภรวาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย โข เกจี’’ติอาทินา อุปริ เทสนา วฑฺฒิตา, ตทตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อตฺตุกฺกํสนกา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุกฺกํเสนฺติ มานวเสน ปคฺคณฺหเนน. เตนาห ‘‘อุจฺเจ าเน เปนฺตี’’ติ. ถินมิทฺธอุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิจิกิจฺฉาวาเรสุ คยฺหมานํ อภิชฺฌาลุวารสทิสนฺติ ตตฺถ ตํ อนามสิตฺวา อตฺตุกฺกํสกวาเร กิฺจิ วิสทิสํ อตฺถีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เต กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๔๓. ฉมฺภนํ ¶ ฉมฺโภ, กายสฺส ฉมฺภิตตฺตเหตุภูโต พลวจิตฺตุตฺราโส. โส เอเตสํ อตฺถีติ ฉมฺภี. เตนาห ‘‘กายถมฺภนา’’ติอาทิ. ภีรุกชาติกาติ ภายนกสีลา. เอกเมว เจตํ สาวชฺชภยํ กาเย ฉมฺภิตตฺตสฺส, จิตฺเต จ กาเย จ ถทฺธภาวสฺส อุปฺปาทนวเสน ‘‘ฉมฺโภ ภีรุตา’’ติ จ วุจฺจตีติ ตํสมงฺคิโน สมณพฺราหฺมณา ‘‘ฉมฺภี ภีรุกชาติกา’’ติ วุตฺตา, อิธ ภยเภรวํ สรูเปเนว คหิตํ.
๔๔. ลพฺภติ ปาปุณียตีติ ลาภสทฺทสฺส กมฺมสาธนตฺตมาห. สกฺกจฺจํ กาตพฺโพ ทาตพฺโพติ สกฺกาโร. ตทตฺถทีปกนฺติ ลาภาทึ ปหาย อรฺเ วสโต ภยเภรวาวฺหายนํ นตฺถีติ ทีปกํ. โส กิร ลาภครุตาเยว ปิโย คาโม เอตสฺสาติ ‘‘ปิยคามิโก’’ติ นามํ ลภติ. กมฺมมุตฺโตติ ชราชิณฺณตฺตา กมฺมํ กาตุํ น สกฺโกตีติ สามิเกหิ วิสฺสฏฺโ.
๔๕. อลสภาเวน ¶ สมฺมาวายามสฺส อกรณโต กุจฺฉิตํ สีทนฺตีติ กุสีตา. วีรสฺส ภาโว, กมฺมํ วา วีริยํ, วิธินา วา อีเรตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วีริยํ, สมฺมาวายาโม. เตน หีนา หีนวีริยา. กายวิฺตฺติยา สมุฏฺานวเสน ปวตฺตวีริยํ กายิกวีริยํ, วตฺตกรณจงฺกมนาทีสุ ทฏฺพฺพํ. นิสชฺช สยิตฺวา จ กมฺมฏฺานมนสิการวเสน ปวตฺตวีริยํ เจตสิกวีริยํ. ตตฺถ ปุริมํ วิเสสโต โกสชฺชปฏิปกฺขตาวเสน, ทุติยํ วีริยารมฺภตาวเสน ปากฏํ โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กุสีตา’’ติอาทิมาห. เต หิ หีนวีริยา อลสตาเยว อารมฺมณววตฺถานมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกนฺติ.
๔๖. นฏฺสฺสตีติ อลพฺภมานสฺสติ, ปจฺจยเวกลฺเลน วิชฺชมานายปิ สติยา สติกิจฺจํ กาตุํ อสมตฺถตาย เอวํ วุตฺตํ. น สมฺปชานาติ อสมฺปชานา. ตํโยคนิวตฺติยฺจายํ อ-กาโร ‘‘อเหตุกา ธมฺมา (ธ. ส. ๒.ทุกมาติกา), อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๗๖) วิยาติ อาห ‘‘ปฺารหิตา’’ติ. นนุ โสฬสโม ปฺาวาโร, อยํ สติวาโร, ตตฺถ กสฺมา สํกิเลสปกฺเข ปฺา คหิตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อิมสฺส จา’’ติอาทิ. สติภาชนียเมเวตํ, ยทิทํ จุทฺทสโม วาโร, ปฺา ปเนตฺถ จุทฺทสเม วาเร เกวลา สติ ทุพฺพลาติ สติทุพฺพลฺยทีปนตฺถํ ‘‘อสมฺปชานา’’ติ ปฏิกฺเขปมุเขน วุตฺตา. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘ทุวิธา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๔๗. อปฺปนาสมาธินา, อุปจารสมาธินา วา จิตฺตํ อารมฺมเณ สมํ, สมฺมา วา อาหิตํ นาม โหติ, นาฺถาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสมาหิตาติ อุปจารปฺปนาสมาธิวิรหิตา’’ติ อาห ¶ . วิพฺภนฺตจิตฺตาติ อนวฏฺิตจิตฺตา. ปุพฺเพ นีวรณภาวสามฺเน อุทฺธจฺจํ คหิตํ ‘‘อุทฺธตา อวูปสนฺตจิตฺตา’’ติ, อิธ สมาธานาภาเวน อุทฺธจฺจเหตุโก จิตฺตวิพฺภโม วุตฺโต ‘‘อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา’’ติ, อยเมเตสํ วิเสโส. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ ปุพฺเพ ‘‘อุทฺธจฺเจน หิ เอการมฺมเณ จิตฺตํ วิปฺผนฺทติ ธชยฏฺิยํ วาเตน ปฏากา วิยา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๐) วุตฺตนเยน. สพฺพํ ปุพฺพสทิสเมวาติ ภยเภรวาวฺหายนสฺส อภิชฺฌาลุวาเร วุตฺตสทิสตํ สนฺธาย วทติ.
๔๘. ทุปฺปฺาติ ¶ เอตฺถ ทุ-สทฺโท ‘‘ทุสฺสีโล’’ติอาทีสุ วิย อภาวตฺโถ, น ‘‘ทุคฺคติ, ทุปฺปฏิปนฺโน’’ติอาทีสุ วิย ครหตฺโถติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิปฺปฺานเมตํ อธิวจน’’นฺติ วตฺวา ‘‘ปฺา ปน ทุฏฺา นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. เตติ ทุปฺปฺา. สพฺพตฺถาติ จตูสุปิ ปาวิกปฺเปสุ. เอลนฺติ วา โทโส วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา’’ติ. ตถา หิ สีลํ ‘‘เนลงฺค’’นฺติ วุตฺตํ. ทุปฺปฺา จ กเถนฺตา สโทสเมว กถํ กเถนฺติ อปณฺฑิตภาวโต. เตเนวาห ‘‘ทุพฺภาสิตภาสี’’ติ. ตสฺมา เอลสพฺภาวโต เอลํ มุขํ เอเตสนฺติ เอลมูคาติ วุตฺตาติ เอวมฺปิ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยาย ปฺาย วเสน ‘‘ปฺาสมฺปนฺโน’’ติ วุตฺตํ, ตํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘โน จ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ. นนุ จ โพธิสตฺตา พหุลวิปสฺสนาปฺาย สมนฺนาคตา โหนฺตีติ? โหนฺติ, ตทา ปน โพธิสตฺเตน น วิปสฺสนารมฺโภ กโต, โน จ วิปสฺสนาปฺา อธิปฺเปตาติ วุตฺตํ ‘‘โน จ โข วิปสฺสนาปฺายา’’ติ.
เกจิ ปเนตฺถ ‘‘สทฺธาวิรหิตา อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตาทโย วิย ภยเภรวาวฺหายนสฺส วิเสสการณํ, นาปิ สทฺธาลุตา ปลฺโลมตายาติ สทฺธาวาโร อนุทฺธโฏ’’ติ วทนฺติ, ตํ อการณํ. กมฺมผเล หิ สทฺทหนฺโต กมฺมปฏิสรณตํเยว นิสฺสาย ภยเภรวํ ติณายปิ อมฺมาโน ปลฺโลมตมาปชฺเชยฺย. ยสฺมา ปน วีริยาทโย สทฺธาย วินา นปฺปวตฺตนฺตีติ เตสํ อุปนิสฺสยภูตา สหชาตา จ สา ตคฺคหเณเนว คหิตา โหตีติ วิสุํ น อุทฺธฏา. ตถา หิ สา ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทายมฺปิ น อุทฺธฏา, กึ วา เอตาย สทฺธาย, อทฺธา สา อิมสฺมึ อารมฺมณปริคฺคหฏฺาเน น คเหตพฺพาว, ตโต ธมฺมสฺสามินา อิธ น อุทฺธฏา, เอวํ อฺเสุปิ เอทิเสสุ าเนสุ นิจฺฉโย กาตพฺโพ. ยถานุโลมเทสนา หิ สุตฺตนฺตกถาติ.
วจีกมฺมนฺตวาราทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
โสฬสฏฺานารมฺมณปริคฺคโห นิฏฺิโต.
ภยเภรวเสนาสนาทิวณฺณนา
๔๙. โสฬสารมฺมณานีติ ¶ โสฬสฏฺานานิ อารมฺมณานิ. เอวรูปาสุ รตฺตีสูติ จาตุทฺทสีอาทิกา อุปริ วกฺขมานา รตฺติโย สนฺธาย วทติ ¶ . เอวรูเป เสนาสเนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ยาติ อนิยมโต อุทฺทิฏฺานํ ปุน ‘‘ตา’’ติ วจนํ นิทฺเทโส วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ยา ตาติ อุภยเมตํ รตฺตีนํเยว อุทฺเทสนิทฺเทสวจน’’นฺติ. อภีติ ลกฺขณตฺเถ ‘‘อฺเ จ อภิฺาตา พฺราหฺมณมหาสาลา’’ติอาทีสุ วิย. กถํ ปเนตฺถ ลกฺขณตฺถตา เวทิตพฺพา? ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณนฺติ อาห ‘‘จนฺทปาริปูริยา’’ติอาทิ. ปุณฺณมาสิยํ จนฺทปาริปูริยา อมาวาสิยํ จนฺทปริกฺขเยน. อาทิ-สทฺเทน จนฺทสฺส อุปฑฺฒมณฺฑลตาราหุคฺคหตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อุปสคฺคมตฺตเมว อภิ-สทฺโท ลกฺขิตสทฺเทเนว ลกฺขณตฺถสฺส วิฺายมานตฺตาติ อธิปฺปาโย.
ปมทิวสโต ปภุตีติ ปมปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย. ยสฺมา โจทโก ภควโต กาเล อนภิลกฺขิตาปิ อปรภาเค อภิลกฺขิตา ชาตา, ตสฺมา ตํ อภิลกฺขณียตํ อุปาทาย ‘‘สพฺพทสฺสินา ภควตา ปฺจมี กสฺมา น คหิตา’’ติ โจเทติ, อิตโร สพฺพกาลิกาสุ จาตุทฺทสีอาทีสุ คยฺหมานาสุ อสพฺพกาลิกาย กถํ คหณนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘อสพฺพกาลิกตฺตา’’ติ ปริหรติ.
ตถาวิธาสูติ ‘‘อภิฺาตา’’ติอาทินา ยถา วุตฺตา, ตถาวิธาสุ. เทวตาธิฏฺิตภาเวน อารามาทีนํ โลกสฺส เจติยภาโวติ อาห ‘‘ปูชนียฏฺเนา’’ติ. มนุสฺสา เยภุยฺเยน คามาทีนํ ทฺวาเรสุ ตถารูเป รุกฺเข เจติยฏฺานิเย กตฺวา โวหรนฺตีติ อาห ‘‘คามนิคมาทิทฺวาเรสู’’ติอาทิ. ทสฺสนมตฺเตนปิ สวนมตฺเตนปิ ภยุปฺปาทเนน ปากติกสตฺเต ภึเสนฺตีติ ภึสนกานิ. เตนาห ‘‘ภยชนกานี’’ติอาทิ. ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, อติวิย สปฺปฏิภยํ เภรวํ.
อายาจนอุปหารกรณารหนฺติ ตํตํพลิกมฺมปณิธิกมฺมกรณโยคฺคํ. ปุปฺผธูป…เป… ธรณิตลนฺติ อิทํ ยถาปฏิสูเตน สุปฺปาทินา อุปหารกรณทสฺสนํ. โกฏฺเฏนฺโตติ ปหรนฺโต, สิงฺคปฺปหารขุรปฺปหาเรหิ สทฺทํ กโรนฺโตติ อธิปฺปาโย. สพฺพจตุปฺปทานํ อิธ มโคติ นามํ, น ‘‘อจฺฉจมฺมํ มิคจมฺมํ เอฬกจมฺม’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๒๕๙) วิย, โรหิโตติอาทิ มิควิเสสานนฺติ ¶ อธิปฺปาโย. จาเลตฺวาติ อคฺคมทฺทเนน จาเลตฺวา. โมรคฺคหณฺเจตฺถ อุปลกฺขณนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิธ สพฺพปกฺขิคหณํ อธิปฺเปต’’นฺติ. เอส นโยติ อิทํ ยถา ‘‘โมโร วา’’ติ ¶ เอตฺถ วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปนตฺโถ, เอวํ ‘‘มิโค วา’’ติ เอตฺถาปีติ มิคสทฺทสฺส วิเสสตฺถวุตฺติตํ สนฺธายาห. อิโต ปภูตีติ ‘‘ยํนูนาหํ ยา ตา รตฺติโย’’ติอาทินา ภยเภรวสฺส คเวสนจินฺตนโต ปภุติ, น คเวสนารมฺภโต ปภุติ. ‘‘อปฺเปว นามาหํ ภยเภรวํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ เอตฺถาปิ หิ อารมฺมณเมว ภยเภรวํ. สุขารมฺมณํ รูปํ สุขมิว ‘‘รูปํ สุขํ สุขานุปติตํ สุขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐). กถํ ภยคฺคหเณน จ รูปารมฺมณคฺคหณนฺติ อาห ‘‘ปริตฺตสฺส จา’’ติอาทิ. ‘‘อาคจฺฉตี’’ติ วจนโต คเวสนารมฺภโต ปภุติ ‘‘เอตํ ภย’’นฺติ อารมฺมณํ อธิปฺเปตนฺติ เกจิ ‘‘ตํ น ปสฺเสยฺย’’นฺติ จกฺขุนา ทสฺสนสฺส อธิปฺเปตตฺตา, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ. ภยํ อากงฺขมาโนติ อุปปริกฺขนวเสน อหํ ภยวตฺถุํ อากงฺขนฺโต วิหรามิ, ตํ กิมตฺถิยํ, เอตฺตโกปิ ภยสมนฺนาหาโร มยฺหํ อยุตฺโตติ อธิปฺปาโย.
ยํ ปการํ ภูโต ยถาภูโต, โส ปเนตฺถ ปกาโร อิริยาปถวเสน ยุตฺโต ปาฬิยํ ตถา อาคตตฺตาติ อาห ‘‘เยน เยน อิริยาปเถน ภูตสฺสา’’ติ. ภวิตสฺสาติ อิทํ ‘‘ภูตสฺสา’’ติ อิมินา สมานตฺถํ ปทนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สมงฺคีภูตสฺสา’’ติ ปทํ ปุริมปทโลเปน ภูตสฺสาติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมงฺคีภูตสฺส วา’’ติ อาห. ภยเภรวารมฺมเณติ ภยเภรวาภิมเต อารมฺมเณ. เนว มหาสตฺโต ติฏฺตีติอาทิ ‘‘ตถาภูโต จ ตํ ปฏิวิเนยฺย’’นฺติ ยถา จินฺติตํ, ตถา ปฏิปนฺนภาวทสฺสนํ. อิริยาปถปฏิปาฏิ นาม านคมนนิสชฺชานิปชฺชาติ วทนฺติ, อุปฺปฏิปาฏิ ปน ปมํ นิปชฺชา, ปุน นิสชฺชา, ปุน านํ, ปจฺฉา คมนนฺติ เอวํ เวทิตพฺพา. อาสนฺนปฏิปาฏิยาติ คมนสฺส ตาว านํ อาสนฺนํ, านสฺส นิสชฺชา คมนฺจ, นิสชฺชาย นิปชฺชา านฺจ, นิปชฺชาย นิสชฺชา อาสนฺนา. อิธ ปน คมนสฺส านํ, านสฺส จ คมนํ, นิสชฺชาย จ นิปชฺชา, นิปชฺชาย จ นิสชฺชา อาสนฺนภาเวน คหิตา, อิตเร ปรมฺปราวเสนาติ เวทิตพฺพา. ภิกฺขุสฺส ปน อิริยาปถา สมฺปตฺตปฏิปาฏิยา วิย อปราปรุปฺปตฺติวเสน วุจฺจนฺติ.
ภยเภรวเสนาสนาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อสมฺโมหวิหารวณฺณนา
๕๐. อยฺจ ¶ เม สพฺพโส ภยเภรวาภาโว วิเสสโต อสมฺโมหธมฺมตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺติ ¶ โข ปนา’’ติอาทินา อุปริ เทสนา วฑฺฒิตาติ อยํ วา เอตฺถ อนุสนฺธิ. ฌายีนํ สมฺโมหฏฺาเนสูติ อิมินา อชฺฌายีนํ สมฺโมหฏฺาเนสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺเสติ. อตฺถีติ อิทํ นิปาตปทํ ปุถุวจนมฺปิ โหติ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๓-๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ๓.๑๕๔; สํ. นิ. ๔.๑๒๗; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตึสาการ) วิยาติ ‘‘สนฺตี’’ติ ปทสฺส อตฺถทสฺสนวเสน วุตฺตํ. กึ ขณตฺตยสมงฺคิตาย เต อตฺถิ, โนติ อาห ‘‘สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺตี’’ติ, มหติ โลกสนฺนิวาเส เอทิสาปิ สํวิชฺชนฺติ าเณน คเหตพฺพตาย อุปลพฺภนฺตีติ. โอทาตกสิณลาภีติ อปฺปมาณโอทาตกสิณลาภี. เอวํ หิสฺส สมนฺตโต อาโลโก วิย อุปฏฺาติ. ปริกมฺมนฺติ สมาปตฺติปุพฺพภาคมาห. เอตฺตกํ สูริเย คเต วุฏฺหามีติ, โน จ โข อทฺธานปริจฺเฉเท กุสโล โหติ, เกวลํ ‘‘ทิวา เอว วุฏฺหามี’’ติ มนสิการํ อุปฺปาเทสิ. วิสทํ โหติ สพฺพํ อารมฺมณชาตํ, ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสนฺตสฺส วิย วิภูตํ. อวิสทนฺติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวํสฺิโนติ รตฺตึ ‘‘ทิวา’’ติ, ทิวา จ ‘‘รตฺตี’’ติ เอวํสฺิโน.
อนฺโตเสนาสเน รตฺตึ นิสินฺโน โหตีติ รตฺติ-สทฺโท อชฺฌาหริตพฺโพ. ปริตฺตาสนาทีหิ, อฺเหิ วา การเณหิ. คมฺภีราย ภูมิคพฺภสทิสาย ฆนวนปฏิจฺฉนฺนาย พหลตรชาลวนปฏลปฏิจฺฉนฺนาย. อนฺตรหิตสูริยาโลเก กาเลติ เอเตเนว ทิวาติ อวุตฺตสิทฺโธ. สมฺโมหวิหาโร นาม พหุวิโธติ อาห ‘‘สมฺโมหวิหารานํ อฺตร’’นฺติ.
ปากโฏ โพธิสตฺตสฺส รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท อนฺตมโส ลวตุฏิขณสฺสปิ อุปาทาย สุววตฺถิตตฺตา, ตถา รตฺติทิวสโกฏฺาสปริจฺเฉโท อตฺตนา กาตพฺพกิจฺจวเสน กาลาณวเสน จ.
กาลถมฺเภ ¶ ลทฺธพฺพฉายาวเสน ทฺวงฺคุลกาเล. ยามฆณฺฏิกํ ปหรติ สงฺฆสฺส ตํตํวตฺตกรณตฺถํ. มุคฺครนฺติ ฆณฺฏิกปฺปหรณมุคฺครํ. ยามยนฺตํ ปตติ อฺเหิ ภิกฺขูหิ โยชิตนฺติ อธิปฺปาโย. ยาว อฺเ ภิกฺขู โภชนสาลํ อุปคจฺฉนฺติ, ตาว ทิวาวิหารฏฺานํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ.
ยํ โข ตนฺติ เอตฺถ ยนฺติ อนิยมุทฺเทโส, โขติ อวธารเณ, ยเมว ปุคฺคลนฺติ อตฺโถ. ตนฺติ วุจฺจมานาการวจนํ. มเมวาติ มํ เอว. อสมฺโมหสภาโวติ สภาวภูตอสมฺโมโห. ‘‘อุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ วุตฺตํ. ปฺาสมฺปตฺติยาติ ยาถาวโต หิตสฺส ชานนสมตฺเถน อตฺตโน ปฺาคุเณน, น เกวลํ อชฺฌาสเยเนว หิเตสิตา, อถ โข ปโยเคนาติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘หิตูปเทสโก’’ติ อาห. อชฺฌาสเยน ปน หิเตสิตา ‘‘โลกานุกมฺปายา’’ติ อิมินา ทสฺสิตา. อุปกรเณหิ วินา น กทาจิ โภคสุขํ อุปกรณทานฺจ จาคสมฺปตฺติเหตุกนฺติ อาห ‘‘จาคสมฺปตฺติยา…เป… ทายโก’’ติ. เมตฺตาสมฺปตฺติยา หิตูปสํหาเรน รกฺขิตา. กรุณาสมฺปตฺติยา ทุกฺขาปนยเนน โคปายิตา. นนุ จ ปุพฺเพปิ วุตฺตํ ‘‘หิตาย สุขายา’’ติ, อถ กสฺมา ปุน ตํ คหิตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อิธ เทวมนุสฺสคฺคหเณนา’’ติอาทิ. เตน ปุพฺเพ อวิเสสโต หิตาทีนิ ทสฺสิตานิ, อิทานิ วิเสสโต สห ปโยชเนน ตานิ ทสฺสิตานีติ ทีเปติ. นิพฺพานโต ปโร ปรโม อตฺโถ นาม นตฺถีติ อาห ‘‘ปรมตฺถตฺตายา’’ติ. หิโนติ นิพฺพานํ คจฺฉตีติ หิตํ, มคฺโค. อุกฺกํสโต สุขตฺถํ อริยผลนฺติ อาห ‘‘ตโต อุตฺตริ สุขาภาวโต’’ติ.
อสมฺโมหวิหารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุพฺพภาคปฏิปทาทิวณฺณนา
๕๑. อสมฺโมหวิหารนฺติ อสมฺโมหวุตฺตึ, อสมฺโมหสมฺโพธินฺติ วา อตฺโถ. ตนฺติ สมถวิปสฺสนาภาวนาสงฺขาตํ ปฏิปทํ. ปุพฺพภาคโต ปภุตีติ ภาวนาย ปุพฺพภาควีริยารมฺภาทิโต ปฏฺาย. เกจีติ อุตฺตรวิหารวาสิโน.
โพธิมณฺเฑติ ¶ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๑๑) โพธิสงฺขาตสฺส าณสฺส มณฺฑภาวปฺปตฺเต าเน. จตุรงฺคนฺติ ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตู’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๓๗; อ. นิ. ๒.๕; ๘.๑๓; มหานิ. ๑๗, ๑๙๖) วุตฺตจตุรงฺคสมนฺนาคตํ. ปคฺคหิตนฺติ อารมฺภํ สิถิลํ อกตฺวา ทฬฺหปรกฺกมสงฺขาตุสฺสหนภาเวน คหิตํ. เตนาห ‘‘อสิถิลปฺปวตฺติตนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. อสลฺลีนนฺติ อสงฺกุจิตํ โกสชฺชวเสน สงฺโกจํ อนาปนฺนํ.
อุปฏฺิตาติ โอคาหนสงฺขาเตน อปิลาปนภาเวน อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ิตา. เตนาห ‘‘อารมฺมณาภิมุขีภาเวนา’’ติ. สมฺโมสสฺส วิทฺธํสนวเสน ปวตฺติยา น สมฺมุฏฺาติ อสมฺมุฏฺา. กิฺจาปิ จิตฺตมิว จิตฺตปสฺสทฺธิวเสน กายปสฺสทฺธิวเสเนว กาโย ปสฺสทฺโธ โหติ, ตถาปิ ยสฺมา กายปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชมานา จิตฺตปสฺสทฺธิยา สเหว อุปฺปชฺชติ, น วินา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กายจิตฺตปสฺสทฺธิสมฺภเวนา’’ติ ¶ . รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธเยว โหติ กายปสฺสทฺธิยา อุภเยสมฺปิ กายานํ ปสฺสมฺภนาวหตฺตา. โส จ โข กาโย. วิคตทรโถติ วิคตกิเลสทรโถ. นามกาเย หิ วิคตทรเถ รูปกาโยปิ วูปสนฺตทรถปริฬาโห โหติ. สมฺมา อาหิตนฺติ นานารมฺมเณสุ วิธาวนสงฺขาตวิกฺเขปํ วิจฺฉินฺทิตฺวา เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ อวิกฺขิตฺตภาวาปาทาเนน สมฺมเทว อาหิตํ. เตนาห ‘‘สุฏฺุ ปิต’’นฺติอาทิ. จิตฺตสฺส อเนกคฺคภาโว วิกฺเขปวเสน จฺจลตา, สา สติ เอกคฺคตาย น โหตีติ อาห ‘‘เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทน’’นฺติ. เอตฺตาวตาติ ‘‘อารทฺธํ โข ปนา’’ติอาทินา วีริยสติปสฺสทฺธิสมาธีนํ กิจฺจสิทฺธิทสฺสเนน. นนุ จ สทฺธาปฺานมฺปิ กิจฺจสิทฺธิ ฌานสฺส ปุพฺพปฏิปทาย อิจฺฉิตพฺพาติ? สจฺจํ อิจฺฉิตพฺพา, สา ปน นานนฺตริยภาเวน อวุตฺตสิทฺธาติ น คหิตา. อสติ หิ สทฺธาย วีริยารมฺภาทีนํ อสมฺภโวเยว, ปฺาปริคฺคเห จ เนสํ อสติ ปฺายารมฺภาทิภาโว น สิยา. ตถา อสลฺลีนาสมฺโมสตาทโย วีริยาทีนนฺติ อสลฺลีนตาทิคฺคหเณเนเวตฺถ ปฺากิจฺจสิทฺธิ คหิตาติ ทฏฺพฺพํ. ฌานภาวนายํ วา สมาธิกิจฺจํ อธิกํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ สมาธิปริโยสานาว ฌานสฺส ปุพฺพปฏิปทา กถิตาติ ทฏฺพฺพํ.
วุตฺตํ, ตสฺมา อิธ น วตฺตพฺพํ. วิสุทฺธิมคฺโค หิ อิมิสฺสา สํวณฺณนาย เอกเทสภูโตติ วุตฺโตวายมตฺโถติ. วิหรตีติ อาคตํ ปรุทฺเทสิกตฺตา ¶ วิหารสฺส. อิธ วิหาสินฺติ อาคตํ อตฺถุทฺเทสิกตฺตา. อิทํ กิร สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตนฺติ อาห ‘‘อานาปานสฺสติกมฺมฏฺาน’’นฺติ. รูปวิราคภาวนาวเสน (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๒.เนรฺชกณฺฑวณฺณนา) ปวตฺโต จตุพฺพิโธปิ อรูปชฺฌานวิเสโส จตุตฺถชฺฌานสงฺคโห เอวาติ อาห ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ. ยุตฺตํ ตาว จิตฺเตกคฺคตา ภโวกฺกมนตฺถตา วิย วิปสฺสนาปาทกตาปิ จตุนฺนํ ฌานานํ สาธารณาติ เตสํ วเสน ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ วจนํ, อภิฺาปาทกตา ปน นิโรธปาทกตา จ จตุตฺถสฺเสว ฌานสฺส อาเวณิกา, สา กถํ จตุนฺนํ ฌานานํ สาธารณา วุตฺตาติ? ปรมฺปราธิฏฺานภาวโต. ปทฏฺานปทฏฺานมฺปิ หิ ปทฏฺานนฺเตว วุจฺจติ, การณการณมฺปิ การณนฺติ ยถา ‘‘ติเณหิ สตฺตํ สิทฺธ’’นฺติ, เอวฺจ กตฺวา ปโยชนนิทฺเทเส อฏฺสมาปตฺติคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติ. จิตฺเตกคฺคตตฺถานีติ จิตฺตสมาธานตฺถานิ, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถานีติ อตฺโถ. จิตฺเตกคฺคตาสีเสน หิ ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร วุตฺโต, สุกฺขวิปสฺสกขีณาสววเสน เจตํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามา’’ติ. ภโวกฺกมนตฺถานีติ ภเวสุ นิพฺพตฺติอตฺถานิ.
ยสฺมา (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๒.เนรฺชกณฺฑวณฺณนา) โพธิสตฺเตน โพธิมณฺฑูปสงฺกมนโต ปุพฺเพปิ จริมภเว จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺติตปุพฺพํ, ตทา ปน ตํ นิพฺพตฺติตมตฺตเมว อโหสิ, น วิปสฺสนาทิปาทกํ ¶ , ตสฺมา ‘‘โพธิรุกฺขมูเล นิพฺพตฺติต’’นฺติ ตโต วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. วิปสฺสนาปาทกนฺติ วิปสฺสนารมฺเภ วิปสฺสนาย ปาทกํ. อภิฺาปาทกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. พุทฺธานฺหิ ปมารมฺเภ เอว ปาทกชฺฌาเนน ปโยชนํ อโหสิ, น ตโต ปรํ อุปริมคฺคาธิคมผลสมาปตฺติอภิฺาวฬฺชนาทิอตฺถํ. อภิสมฺโพธิสมธิคมโต ปฏฺาย หิ สพฺพํ าณสมาธิกิจฺจํ อากงฺขมตฺตปฏิพทฺธเมวาติ. สพฺพกิจฺจสาธกนฺติ อนุปุพฺพวิหาราทิสพฺพกิจฺจสาธกํ. สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกนฺติ เอตฺถ วิปสฺสนาภิฺาปาทกตฺตา เอว จตุตฺถสฺส ฌานสฺส ภควโต สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกตา เวทิตพฺพา. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ อภิสมฺโพธิ, ตทธิคมสมกาลเมว ภควโต สพฺเพ พุทฺธคุณา หตฺถคตา อเหสุํ, จตุตฺถชฺฌานสนฺนิสฺสโย จ มคฺคาธิคโมติ.
ปุพฺพภาคปฏิปทาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุพฺเพนิวาสกถาวณฺณนา
๕๒. ทฺวินฺนํ ¶ วิชฺชานนฺติ ปุพฺเพนิวาสาณทิพฺพจกฺขุาณสงฺขาตานํ ทฺวินฺนํ วิชฺชานํ. อนุปทวณฺณนาติ ตาสํ วิชฺชานํ นิทฺเทสปาฬิยา อนุปทวณฺณนา. ภาวนานโยติ อุปฺปาทนวิธิ. ‘‘โส’’ติ ปจฺจตฺตวจนสฺส อหํ-สทฺเทน สมฺพนฺธเน การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อภินินฺนาเมสิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปาฬิยํ วา ‘‘อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ อุตฺตมปุริสสฺส โยโคติ อหํ-สทฺเทน อาเนตฺวา วุจฺจมาเน ตทตฺโถ ปากโฏ โหตีติ ‘‘โส อห’’นฺติ วุตฺตํ. อภินีหรินฺติ จิตฺตํ ฌานารมฺมณโต อปเนตฺวา ปุพฺเพนิวาสาภิมุขํ เปเสสึ, ปุพฺเพนิวาสนินฺนํ ปุพฺเพนิวาสโปณํ ปุพฺเพนิวาสปพฺภารํ อกาสินฺติ อตฺโถ.
ปุพฺเพอตีตชาตีสุ นิวุตฺถกฺขนฺธา ปุพฺเพนิวาโส. นิวุตฺถาติ จ อชฺฌาวุตฺถา อนุภูตา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา, โคจรนิวาเสน นิวุตฺถธมฺมา วา อตฺตโน วิฺาเณนวิฺาตา, ปรวิฺาณวิฺาตาปิ วา ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสุ, ตํ ปุพฺเพนิวาสํ ยาย สติยา อนุสฺสรติ, ตาย สมฺปยุตฺตํ าณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติฺาณํ. ปฏินิวตฺตนฺตสฺสาติ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรณวเสน ยาวทิจฺฉกํ คนฺตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺตสฺส. ตสฺมาติ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส การณภาเวน ปจฺจามสนํ, ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณภาวโตติ วุตฺตํ โหติ. อิธูปปตฺติยาติ อิธ ¶ จริมภเว อุปปตฺติยา. อนนฺตรนฺติ อตีตานนฺตรมาห. อมุตฺราติ อมุกสฺมึ ภเวติ อตฺโถ. อุทปาทินฺติ อุปฺปชฺชึ. ตาหิ เทวตาหีติ ตุสิตาเทวตาหิ. เอกโคตฺโตติ ตุสิตโคตฺเตน เอกโคตฺโต. มหาโพธิสตฺตานํ สนฺตานสฺส ปริโยสานาวตฺถาย เทวโลกูปปตฺติชนกํ นาม อกุสเลน กมฺมุนา อนุปทฺทุตเมว โหตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทุกฺขํ ปน สงฺขารทุกฺขเมวา’’ติ วุตฺตํ. มหาปฺุานมฺปิ ปน เทวปุตฺตานํ ปุพฺพนิมิตฺตุปฺปตฺติกาลาทีสุ อนิฏฺารมฺมณสมาโยโค โหติเยวาติ ‘‘กทาจิ ทุกฺขทุกฺขสฺสปิ สมฺภโว นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ. สตฺตปฺาส…เป… ปริยนฺโตติ อิทํ มนุสฺสานํ วสฺสคณนาวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ เทวานํ วสฺสคณนาย ปน จตุสหสฺสเมว.
อตีตภเว (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๒.ปุพฺเพนิวาสกถายํ) ขนฺธา ตปฺปฏิพทฺธนามโคตฺตานิ จ สพฺพํ ปุพฺเพนิวาสนฺเตว สงฺคหิตนฺติ อาห ‘‘กึ วิทิตํ กโรติ? ปุพฺเพนิวาส’’นฺติ. โมโห ปฏิจฺฉาทกฏฺเน ‘‘ตโม’’ติ วุจฺจติ ‘‘ตโม วิยา’’ติ กตฺวา. โอภาสกรณฏฺเนาติ ¶ กาตพฺพโต กรณํ, โอภาโสว กรณํ, อตฺตโน ปจฺจเยน โอภาสภาเวน นิพฺพตฺเตตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. เสสํ ปสํสาวจนนฺติ ปฏิปกฺขวิธมนปวตฺติวิเสสานํ โพธนโต วุตฺตํ. อวิชฺชา วิหตาติ เอเตน วิชฺชนฏฺเน วิชฺชาติ อยมฺปิ อตฺโถ ทีปิโตติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนาติ เอเตน วิชฺชาปฏิปกฺขา อวิชฺชา, ปฏิปกฺขตา จสฺสา ปหาตพฺพภาเวน วิชฺชาย จ ปหายกภาเวนาติ ทสฺเสติ. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเยติ อิมินา ตโม วิหโต วินฏฺโ. กสฺมา? ยสฺมา อาโลโก อุปฺปนฺโนติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. เปสิตตฺตสฺสาติ ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธึ ปติ วิสฺสฏฺจิตฺตสฺส. ยถา อปฺปมตฺตสฺสาติ อฺสฺสปิ กสฺสจิ มาทิสสฺสาติ อธิปฺปาโย.
ปุพฺเพนิวาสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทิพฺพจกฺขุาณกถาวณฺณนา
๕๓. อิธาติ ภยเภรวสุตฺเต วุตฺตํ. อิธ อยํ วิเสโสติ โยชนา. วุตฺตสทิสเมว ‘‘เมติ มยา’’ติอาทินา. ปริกมฺมกิจฺจนฺติ ‘‘อภิฺาปาทกจตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺาย สพฺพปจฺฉิมา นิสชฺชา อาวชฺชิตพฺพา’’ติอาทินา, กสิณารมฺมณํ อภิฺาปาทกชฺฌานํ สพฺพากาเรน อภินีหารกฺขมํ กตฺวา’’ติอาทินา จ วุตฺเตน ปริกมฺเมน กิจฺจํ ปโยชนํ นตฺถิ. น ¶ เตน อิธ อตฺโถติ เตน ภาวนานเยน อิธ ปาฬิยา อตฺถวณฺณนายํ อตฺโถ นตฺถิ ตถาภาวนาย อิธ อนธิปฺเปตตฺตาติ อธิปฺปาโย.
ทิพฺพจกฺขุาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา
๕๔. วิปสฺสนาปาทกนฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๔.อาสวกฺขยาณกถายํ; ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๘; อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๕๙) วิปสฺสนาย ปทฏฺานภูตํ. วิปสฺสนา จ ติวิธา วิปสฺสนกปุคฺคลเภเทน. มหาโพธิสตฺตานฺหิ ปจฺเจกโพธิสตฺตานฺจ วิปสฺสนา จินฺตามยาณสํวทฺธิตตฺตา สยมฺภุาณภูตา, อิตเรสํ ¶ สุตมยาณสํวทฺธิตตฺตา ปโรปเทสสมฺภูตา, สา ‘‘เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ อวเสสรูปารูปชฺฌานานํ อฺตรโต วุฏฺายา’’ติอาทินา อเนกธา อรูปมุขวเสน จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานํ เตสํ เตสํ ธาตุปริคฺคหมุขานํ อฺตรมุขวเสน อเนกธาว วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๖) นานานยโต วิภาวิตา. มหาโพธิสตฺตานํ ปน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน ปเภทคมนโต นานานยํ สพฺพฺุตฺาณสนฺนิสฺสยสฺส อริยมคฺคาณสฺส อธิฏฺานภูตํ ปุพฺพภาคาณคพฺภํ คณฺหาเปนฺตํ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ปรมคมฺภีรสณฺหสุขุมตรํ อนฺสาธารณํ วิปสฺสนาาณํ โหติ, ยํ อฏฺกถาสุ มหาวชิราณนฺติ วุจฺจติ. ยสฺส จ ปวตฺติวิภาเคน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสปฺปเภทสฺส ปาทกภาเวน สมาปชฺชิยมานา จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา เทวสิกํ สตฺถุ วฬฺชนกสมาปตฺติโย วุจฺจนฺติ, สฺวายํ พุทฺธานํ วิปสฺสนาจาโร ปรมตฺถมฺชูสาย วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาย (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๔๔) อุทฺเทสโต ทสฺสิโต, อตฺถิเกหิ ตโต คเหตพฺโพติ.
อาสวานํ เขปนโต สมุจฺฉินฺทนโต อาสวกฺขโย, อริยมคฺโค, อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน อรหตฺตมคฺคคฺคหณํ. อาสวานํ ขเย าณํ อาสวกฺขยาณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺร เจตํ าณ’’นฺติ วตฺวา ขเยติ จ อาธาเร ภุมฺมํ, น วิสเยติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตปฺปริยา ปนฺนตฺตา’’ติ อาห. อิทํ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ตทา ปจฺจกฺขโต คหิตภาวทสฺสนํ. เอตฺตกํ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ตทา ปจฺจกฺขโต คหิตภาวทสฺสนํ. เอตฺตกํ ทุกฺขนฺติ ตสฺส ปริจฺฉิชฺช คหิตภาวทสฺสนํ. น อิโต ภิยฺโยติ อนวเสเสตฺวา คหิตภาวทสฺสนํ. เตนาห ‘‘สพฺพมฺปิ ¶ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิ. สรสลกฺขณปฏิเวเธนาติ สภาวสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌเนน. อสมฺโมหปฏิเวโธติ จ ยถา ตสฺมึ าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา ทุกฺขสฺส สรูปาทิปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติ. เตนาห ‘‘ยถาภูตํ อพฺภฺาสิ’’นฺติ. ยํ านํ ปตฺวาติ ยํ นิพฺพานํ มคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยฏฺเน การณภูตํ อาคมฺม. ตทุภยวโต หิ ปุคฺคลสฺส ปตฺติ ตทุภยสฺส ปตฺตีติ วุตฺตํ. ปตฺวาติ วา ปาปุณนเหตุ. อปฺปวตฺตินฺติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. เต วา นปฺปวตฺตนฺติ เอตฺถาติ อปฺปวตฺติ, นิพฺพานํ. ตสฺสาติ ทุกฺขนิโรธสฺส. สมฺปาปกนฺติ สจฺฉิกิริยาวเสน สมฺมเทว ปาปกํ.
กิเลสวเสนาติ ¶ อาสวสงฺขาตกิเลสวเสน. ยสฺมา อาสวานํ ทุกฺขสจฺจปริยาโย ตปฺปริยาปนฺนตฺตา, เสสสจฺจานฺจ ตํสมุทยาทิปริยาโย อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ. ‘‘ปริยายโต’’ติ. ทสฺเสนฺโต สจฺจานีติ โยชนา. อาสวานํเยว เจตฺถ คหณํ ‘‘อาสวานํ ขยาณายา’’ติ อารทฺธตฺตา. ตถา หิ อาสววิมุตฺติ สีเสเนว สพฺพสํกิเลสวิมุตฺติ วุตฺตา. ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสิ’’นฺติอาทินา มิสฺสกมคฺโค อิธ กถิโตติ ‘‘สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถตี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ สจฺจปฏิเวธสฺส ตทา อตีตกาลิกตฺตา ‘‘ยถาภูตํ อพฺภฺาสิ’’นฺติ วตฺวาปิ อภิสมยกาเล ตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนตํ อุปาทาย ‘‘เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต’’ติ วตฺตมานกาเลน นิทฺเทโส กโต. โส จ กามํ มคฺคกฺขณโต ปรํ ยาวชฺชตนา อตีตกาลิโก เอว, สพฺพปมํ ปนสฺส อตีตกาลิกตฺตํ ผลกฺขเณน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘วิมุจฺจิตฺถาติ อิมินา ผลกฺขณํ ทสฺเสตี’’ติ. ชานโต ปสฺสโตติ วา เหตุนิทฺเทโสยํ. ชานนเหตุ ทสฺสนเหตุ กามาสวา จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถาติ โยชนา. ภวาสวคฺคหเณเนว เจตฺถ ภวราคสฺส วิย ภวทิฏฺิยาปิ สมวโรโธติ ทิฏฺาสวสฺสปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
ขีณาชาตีติอาทีหิ ปเทหิ. ตสฺสาติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส. ภูมีนฺติ ปวตฺติฏฺานํ. น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา มคฺคภาวนายาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ การณมาห ‘‘ปุพฺเพว ขีณตฺตา’’ติ. น อนาคตา อสฺสชาติ ขีณาติ โยชนา. น อนาคตาติ จ อนาคตตฺตสามฺํ คเหตฺวา เลเสน โจเทติ. เตนาห ‘‘อนาคเต วายามาภาวโต’’ติ, อนาคตวิเสโส ปเนตฺถ อธิปฺเปโต, ตสฺส จ เขปเน วายาโมปิ ลพฺภเตว. เตนาห ‘‘ยา ปน มคฺคสฺสา’’ติอาทิ. เอกจตุปฺจโวการภเวสูติ ภวตฺตยคฺคหณํ วุตฺตนเยน อนวเสสโต ชาติยา ขีณภาวทสฺสนตฺถํ. ตนฺติ ยถาวุตฺตํ ชาตึ. โสติ ภควา.
พฺรหฺมจริยวาโส นาม อิธ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส นิพฺพตฺตนเมวาติ อาห ‘‘นิฏฺิต’’นฺติ. สมฺมาทิฏฺิยา ¶ จตูสุ สจฺเจสุ ปริฺาทิกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตมานาย สมฺมา สงฺกปฺปาทีนมฺปิ ทุกฺขสจฺเจ ปริฺาภิสมยานุคุณา ปวตฺติ, อิตรสจฺเจสุ จ เนสํ ปหานาภิสมยาทิวเสน ปวตฺติ ปากฏา เอว. เตน วุตฺตํ ‘‘จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสนา’’ติ. อิตฺถตฺตายาติ อิเม ปการา อิตฺถํ, ตพฺภาโว อิตฺถตฺตํ, ตทตฺถนฺติ วุตฺตํ ¶ โหติ. เต ปน ปการา อริยมคฺคพฺยาปารภูตา ปริฺาทโย อิธาธิปฺเปตาติ อาห ‘‘เอวํโสฬสกิจฺจภาวายา’’ติ. เต หิ มคฺคํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺคานุภาเวน ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, ปริฺาทีสุ จ ปหานเมว ปธานํ ตทตฺถตฺตา อิตเรสนฺติ อาห ‘‘กิเลสกฺขยายวา’’ติ. ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณวเสน วา เอตํ วุตฺตํ. อิตฺถตฺตายาติ นิสฺสกฺเก สมฺปทานวจนนฺติ อาห ‘‘อิตฺถภาวโต’’ติ. อปรํ อนาคตํ. อิเม ปน จริมตฺตภาวสงฺขาตา ปฺจกฺขนฺธา. ปริฺาตา ติฏฺนฺตีติ เอเตน เตสํ อปฺปติฏฺตํ ทสฺเสติ. อปริฺามูลกา หิ ปติฏฺา. ยถาห ‘‘กพฬีกาเร เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อตฺถิ ราโค อตฺถิ นนฺที อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรูฬฺห’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; มหานิ. ๗; กถา. ๒๙๖). เตเนวาห ‘‘ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิยา’’ติอาทิ.
ปจฺจเวกฺขณาณปริคฺคหิตํ, น ปมทุติยาณทฺวยาธิคมํ วิย เกวลนฺติ อธิปฺปาโย. ทสฺเสนฺโต นิคมนวเสนาติ อธิปฺปาโย. สรูปโต หิ ตํ ปุพฺเพ ทสฺสิตเมวาติ. ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตารมฺมณสภาคตาย ตพฺภาวีภาวโต จ อตีตํสาณํ สงฺคเหตฺวาติ โยชนา. ตตฺถ อตีตํสาณนฺติ อตีตขนฺธายตนธาตุสงฺขาเต อตีตโกฏฺาเส อปฺปฏิหตํ าณํ. ทิพฺพจกฺขุนาติ สปริภณฺเฑน ทิพฺพจกฺขุาเณน. ปจฺจุปฺปนฺนํโส จ อนาคตํโส จ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสํ, ตตฺถ าณํ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณํ. สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณนฺติ เอเตน สพฺพํ โลกํ อุตฺตริตฺวา อภิภุยฺย ิตตฺตา สพฺพฺุตฺาณสฺส วิย เสสาสาธารณาณสฺส พลาณอาเวณิกพุทฺธธมฺมาทีนมฺปิ อนฺสาธารณานํ พุทฺธคุณานํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘สพฺเพปิ สพฺพฺุคุเณ สงฺคเหตฺวา’’ติ.
อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อรฺวาสการณวณฺณนา
๕๕. สิยา โข ปน เต พฺราหฺมณาติ เอตฺถ สิยาติ ‘‘อปฺเปวา’’ติ อิมินา สมานตฺโถ นิปาโต ¶ , ตสฺมา ‘พฺราหฺมณ, อปฺเปว โข ปน เต เอวมสฺสา’ติ ¶ อตฺโถ. ยํ ปน อฏฺกถายํ ‘‘กทาจี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ อิมเมวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ อการณํ พฺราหฺมเณน ปริกปฺปิตมตฺถํ ปฏิปกฺขิปิตฺวา อตฺตโน อธิปฺเปตํ การณํ ทสฺเสนฺโต. อตฺโถว ผลํ ตทธีนวุตฺติตาย วโส เอตสฺสาติ อตฺถวโส, เหตูติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารนฺติ เอเตน สตฺถา อตฺตโน วิเวกาภิรตึ ปกาเสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิฏฺธมฺโม นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิริยาปถวิหารานนฺติ อิริยาปถปวตฺตีนํ. ตปฺปวตฺติโย หิ เอกสฺมึ อิริยาปเถ อุปฺปนฺนทุกฺขํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา หรณโต วิหาราติ วุจฺจนฺติ. ปจฺฉิมฺจ ชนตํ อนุกมฺปมาโนติ เอเตน โย อาทิโต พฺราหฺมเณน ‘‘ภวํ เตสํ โคตโม ปุพฺพงฺคโม…เป… ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชตี’’ติ วุตฺโต, โย จ ตถา ‘‘เอวเมตํ พฺราหฺมณา’’ติอาทินา อตฺตนา สมฺปฏิจฺฉิโต, ตเมว อตฺถํ นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต ยถานุสนฺธินาว สตฺถา เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
อรฺวาสการณวณฺณนา นิฏฺิตา.
เทสนานุโมทนาวณฺณนา
๕๖. เอวํ นิฏฺาปิตาย เทสนาย พฺราหฺมโณ ตตฺถ ภควติ ปสาทํ ปเวเทนฺโต ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติอาทิมาห. อภิกฺกนฺตาติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๕.เทสนานุโมทนกถา; ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๐; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑; อ. นิ. ฏี. ๒.๒.๑๖) อติกฺกนฺตา, วิคตาติ อตฺโถติ อาห ‘‘ขเย ทิสฺสตี’’ติ. เตเนว หิ ‘‘นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม’’ติ วุตฺตํ. อภิกฺกนฺตตโรติ อติวิย กนฺตตโร มโนรโม. ตาทิโส จ สุนฺทโร ภทฺทโก นาม โหตีติ อาห ‘‘สุนฺทเร ทิสฺสตี’’ติ.
โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก กตโม. เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท. อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยา. ยสสาติ อิมินา เอทิเสน ปริวาเรน ปริชเนน. ชลนฺติ วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน อภิรูเปน. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน สรีรวณฺณนิภาย. สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ ทสปิ ทิสา โอภาเสนฺโต ปภาเสนฺโต, จนฺโท วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ ¶ กโรนฺโตติ คาถาย อตฺโถ. อภิรูเปติ อุฬารรูเป สมฺปนฺนรูเป.
‘‘โจโร ¶ โจโร, สปฺโป สปฺโป’’ติอาทีสุ ภเย อาเมฑิตํ. ‘‘วิชฺฌ วิชฺฌ, ปหร ปหรา’’ติอาทีสุ โกเธ, ‘‘สาธุ สาธูติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๗; สํ. นิ. ๒.๑๒๗; ๓.๓๕; ๕.๑๐๘๕) ปสํสายํ, ‘‘คจฺฉ คจฺฉ, ลุนาหิ ลุนาหี’’ติอาทีสุ ตุริเต, ‘‘อาคจฺฉ อาคจฺฉา’’ติอาทีสุ โกตูหเล, ‘‘พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต’’ติอาทีสุ (พุ. วํ. ๒.๔๔) อจฺฉเร, ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อภิกฺกมถายสฺมนฺโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๐; อ. นิ. ๙.๑๑) หาเส, ‘‘กหํ เอกปุตฺตก, กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๕๓; สํ. นิ. ๒.๖๓) โสเก, ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๒๐; ที. นิ. ๓.๓๐๕; จูฬว. ๓๓๒) ปสาเท. จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ. เตน ครหาอสมฺมานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ ‘‘ปาโป ปาโป’’ติอาทีสุ ครหายํ. ‘‘อภิรูปก อภิรูปกา’’ติอาทีสุ อสมฺมาเน ทฏฺพฺพํ.
นยิทํ อาเมฑิตวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ, อถ โข อตฺถทฺวยวเสนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. อภิกฺกนฺตนฺติ วจนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกลิงฺควเสน วุตฺตํ, ตํ ปน ภควโต วจนํ ธมฺมสฺส เทสนาติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. อตฺถมตฺตทสฺสนํ วา เอตํ, ตสฺมา อตฺถวเสน ลิงฺควิภตฺติวิปริณาโม เวทิตพฺโพ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. โทสนาสนโตติ ราคาทิกิเลสโทสวิธมนโต, คุณาธิคมนโตติ สีลาทิคุณานํ สมฺปาปนโต. เย คุเณ เทสนา อธิคเมติ, เตสุ ปธานภูตา ทสฺเสตพฺพาติ เต ปธานภูเต ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธาชนนโต ปฺาชนนโต’’ติ วุตฺตํ. สทฺธาปมุขา หิ โลกิยา คุณา, ปฺาปมุขา โลกุตฺตรา. สีลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถโต, สภาวนิรุตฺติสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนโต. สุวิฺเยฺยสทฺทปโยคตาย อุตฺตานปทโต, สณฺหสุขุมภาเวน ทุพฺพิฺเยฺยตฺถตาย คมฺภีรตฺถโต. สินิทฺธมุทุมธุรสทฺทปโยคตาย กณฺณสุขโต, วิปุลวิสุทฺธเปมนียตฺถตาย หทยงฺคมโต. มานาติมานวิธมเนน อนตฺตุกฺกํสนโต, ถมฺภสารมฺภมทฺทเนน อปรวมฺภนโต. หิตาธิปฺปายปวตฺติยา ปเรสํ ราคปริฬาหาทิวูปสมเนน จ กรุณาสีตลโต, กิเลสนฺธการวิธมเนน ¶ ปฺาวทาตโต. กรวีกรุตมฺชุตาย อาปาถรมณียโต, ปุพฺพาปราวิรุทฺธสุวิสุทฺธตฺถตาย วิมทฺทกฺขมโต. อาปาถรมณียตาย เอว สุยฺยมานสุขโต, วิมทฺทกฺขมตาย หิตชฺฌาสยปฺปวตฺติตตาย จ วีมํสิยมานหิตโต. เอวมาทีหีติ อาทิสทฺเทน สํสารจกฺกนิวตฺตนโต, สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต, มิจฺฉาวาทวิธมนโต, สมฺมาวาทปติฏฺาปนโต, อกุสลมูลสมุทฺธรณโต, กุสลมูลสํโรปนโต, อปายทฺวารปิธานโต, สคฺคมคฺคทฺวารวิวรณโต, ปริยุฏฺานวูปสมนโต, อนุสยสมุคฺฆาตนโตติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อโธมุขฏฺปิตนฺติ ¶ เกนจิ อโธมุขํ ปิตํ. เหฏฺามุขชาตนฺติ สภาเวเนว เหฏฺามุขชาตํ. อุคฺฆาเฏยฺยาติ วิวฏํ กเรยฺย. หตฺเถ คเหตฺวาติ ‘‘ปุรตฺถาภิมุโข, อุตฺตราภิมุโข วา คจฺฉา’’ติอาทีนิ อวตฺวา หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘นิสฺสนฺเทหํ เอส มคฺโค, เอวํ คจฺฉา’’ติ วเทยฺย. กาฬปกฺขจาตุทฺทสีติ กาฬปกฺเข จาตุทฺทสี.
นิกุชฺชิตํ อาเธยฺยสฺส อนาธารภูตํ ภาชนํ อาธารภาวาปาทนวเสน อุกฺกุชฺเชยฺย. เหฏฺามุขชาตตาย สทฺธมฺมวิมุขํ, อโธมุขฏฺปิตตาย อสทฺธมฺเม ปติตนฺติ เอวํ ปททฺวยํ ยถารหํ โยเชตพฺพํ, น ยถาสงฺขฺยํ. กามํ กามจฺฉนฺทาทโยปิ ปฏิจฺฉาทกา, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน สวิเสสํ ปฏิจฺฉาทิกาติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ. เตนาห ภควา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ, ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐). สพฺโพ อปายคามิมคฺโค กุมฺมคฺโค ‘‘กุจฺฉิโต มคฺโค’’ติ กตฺวา. สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อุชุปฏิปกฺขตาย มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย อฏฺ มิจฺฉตฺตธมฺมา มิจฺฉามคฺโค. เตเนว หิ ตทุภยปฏิปกฺขตํ สนฺธาย ‘‘สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาจิกฺขนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. สปฺปิอาทิสนฺนิสฺสโย ปทีโป น ตถา อุชฺชโล, ยถา เตลสนฺนิสฺสโยติ เตลปชฺโชตคฺคหณํ. เอเตหิ ปริยาเยหีติ เอเตหิ นิกุชฺชิตุกฺกุชฺชนปฏิจฺฉนฺนวิวรณาทิอุปโมปมิตพฺพปกาเรหิ, เอเตหิ วา ยถาวุตฺเตหิ โสฬสารมฺมณปริคฺคหอสมฺโมหวิหารทิพฺพวิหารวิภาวนปริยาเยหิ วิชฺชาตฺตยวิภาวนาปเทเสน อตฺตโน สพฺพฺุคุณวิภาวนปริยาเยหิ จ. เตนาห ‘‘อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต’’ติ.
เทสนานุโมทนาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปสนฺนการวณฺณนา
ปสนฺนการนฺติ ¶ ปสนฺเนหิ กาตพฺพํ สกฺการํ. สรณนฺติ ปฏิสรณํ. เตนาห ‘‘ปรายณ’’นฺติ. ปรายณภาโว จ อนตฺถนิเสธเนน อตฺถสมฺปฏิปาทเนน จ โหตีติ อาห ‘‘อฆสฺส ตาตา หิตสฺส จ วิธาตา’’ติ. อฆสฺสาติ ทุกฺขโตติ วทนฺติ, ปาปโตติ ปน ยุตฺตํ. นิสฺสกฺเก เจตํ สามิวจนํ. เอตฺถ จ นายํ คมิ-สทฺโท นี-สทฺทาทโย วิย ทฺวิกมฺมโก, ตสฺมา ยถา ‘‘อชํ คามํ เนตี’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘โคตมํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ ปน วตฺตพฺพํ. อิติ-สทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, ตสฺส จายมตฺโถ – คมนฺจ ตทธิปฺปาเยน ภชนํ, ตถา ชานนํ วาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติ อิมินา อธิปฺปาเยนา’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ภชามีติอาทีสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อตฺถวจนํ. ภชนํ วา สรณาธิปฺปาเยน อุปสงฺกมนํ, เสวนํ สนฺติกาวจรตา, ปยิรุปาสนํ วตฺตปฏิวตฺตกรเณน อุปฏฺานนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ อนฺสรณตํเยว ทีเปติ. ‘‘คจฺฉามี’’ติ ปทสฺส กถํ ‘‘พุชฺฌามี’’ติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เยสฺหี’’ติอาทิ.
อธิคตมคฺเค, สจฺฉิกตนิโรเธติ ปททฺวเยนปิ ผลฏฺา เอว ทสฺสิตา, น มคฺคฏฺาติ เต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จา’’ติ อาห. นนุ จ กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชตีติ วุจฺจตีติ? กิฺจาปิ วุจฺจติ, นิปฺปริยาเยน ปน มคฺคฏฺา เอว ตถา วตฺตพฺพา, น อิตเร นิยาโมกฺกมนาภาวโต. ตถา หิ เต เอว ‘‘อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตี’’ติ วุตฺตา. สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเนน หิ อปายวินิมุตฺติสมฺภโว. อกฺขายตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา. เตน ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ สุตฺตปทํ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) สงฺคณฺหาติ, วิตฺถาโรติ วา อิมินา. เอตฺถ จ อริยมคฺโค นิยฺยานิกตาย, นิพฺพานํ ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายาติ อุภยเมเวตฺถ นิปฺปริยาเยน ธมฺโมติ วุตฺโต. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณปจฺจยภูตํ ลภิตฺวา อริยมคฺคสฺส ตทตฺถสิทฺธิ, อริยผลานํ ‘‘ยสฺมา ตาย สทฺธาย อวูปสนฺตายา’’ติอาทิวจนโต มคฺเคน สมุจฺฉินฺนานํ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปหานกิจฺจตาย นิยฺยานานุคุณตาย นิยฺยานปริโยสานตาย จ. ปริยตฺติธมฺมสฺส ปน นิยฺยานธมฺมสมธิคมเหตุตายาติ อิมินา ¶ ปริยาเยน ธมฺมภาโว ลพฺภติ เอว, สฺวายมตฺโถ ปาารุฬฺโห เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาห.
กามราโค ภวราโคติ เอวมาทิเภโท สพฺโพปิ ราโค วิรชฺชติ ปหียติ เอเตนาติ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต. เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณสฺส โสกสฺส จ ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา อเนชมโสกนฺติ ผลํ กถิตํ. อปฺปฏิกูลนฺติ อวิโรธทีปนโต เกนจิ อวิรุทฺธํ, อิฏฺํ ปณีตนฺติ วา อตฺโถ. ปคุณรูเปน ปวตฺติตตฺตา, ปกฏฺคุณวิภาวนโต วา ปคุณํ. ยถาห ‘‘วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ, ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’ติ. สพฺพธมฺมกฺขนฺธา กถิตาติ โยชนา.
ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตนาติ ‘‘ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔) เอวํ วุตฺตาย ทิฏฺิยา, ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ ¶ , ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตานํ สีลานฺจ สํหตภาเวน, ทิฏฺิสีลสามฺเนาติ อตฺโถ. สํหโตติ ฆฏิโต. อริยปุคฺคลา หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตา เอว. อฏฺ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เตติ เต ปุริสยุควเสน จตฺตาโรปิ ปุคฺคลวเสน อฏฺเว อริยธมฺมสฺส ปจฺจกฺขทสฺสาวิตาย ธมฺมทสา. ตีณิ วตฺถูนิ สรณนฺติ คมเนน ติกฺขตฺตุํ คมเนน จ ตีณิ สรณคมนานิ. ปฏิเวเทสีติ อตฺตโน หทยคตํ วาจาย ปเวเทสิ.
ปสนฺนการวณฺณนา นิฏฺิตา.
สรณคมนกถาวณฺณนา
สรณคมนสฺส วิสยปเภทผลสํกิเลสเภทานํ วิย กตฺตุ จ วิภาวนา ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ ‘‘สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ ¶ สรณํ…เป… เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ เตน วินา สรณคมนสฺเสว อสมฺภวโต. กสฺมา ปเนตฺถ โวทานํ น คหิตํ, นนุ โวทานวิภาวนาปิ ตตฺถ โกสลฺลาวหาติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน สํกิเลสคฺคหเณเนว อตฺถโต ทีปิตํ โหตีติ น คหิตํ. ยานิ หิ เตสํ สํกิเลสการณานิ อฺาณาทีนิ, เตสํ สพฺเพน สพฺพํ อนุปฺปนฺนานํ อนุปฺปาทเนน, อุปฺปนฺนานฺจ ปหาเนน โวทานํ โหตีติ. หึสตฺถสฺส สร-สทฺทสฺส วเสเนตํ ปทํ ทฏฺพฺพนฺติ ‘‘หึสตีติ สรณ’’นฺติ วตฺวา ตํ ปน หึสนํ เกสํ, กถํ, กสฺส วาติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘สรณคตาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ภยนฺติ วฏฺฏภยํ. สนฺตาสนฺติ จิตฺตุตฺราสํ. เตเนว เจตสิกทุกฺขสฺส คหิตตฺตา ทุกฺขนฺติ อิธ กายิกํ ทุกฺขํ. ทุคฺคติปริกิเลสนฺติ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ สพฺพํ ทุกฺขํ. ตยิทํ สพฺพํ ปรโต ผลกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ. เอตนฺติ ‘‘สรณ’’นฺติ ปทํ.
เอวํ อวิเสสโต สรณสทฺทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิเสสโต ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. หิเต ปวตฺตมาเนนาติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๔, ๖๙) อตฺเถ นิโยชเนน. อหิตา จ นิวตฺตเนนาติ ‘‘ปาณาติปาตสฺส โข ปาปโก วิปาโก ปาปกํ อภิสมฺปราย’’นฺติอาทินา อาทีนวทสฺสนาทิมุเขน อนตฺถโต วินิวตฺตเนน. ภยํ หึสตีติ หิตาหิเตสุ อปฺปวตฺติปวตฺติเหตุกํ พฺยสนํ อปฺปวตฺติกรเณน วินาเสติ ¶ . ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน มคฺคสงฺขาโต ธมฺโม, อิตโร อสฺสาสทาเนน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ โยชนา. การานนฺติ ทานวเสน ปูชาวเสน จ อุปนีตานํ สกฺการานํ. วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สตฺตานํ ภยํ หึสติ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวโตติ อธิปฺปาโย. อิมินาปิ ปริยาเยนาติ อิมินาปิ วิภชิตฺวา วุตฺเตน การเณน.
‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอวํ ปวตฺโต ตตฺถ รตนตฺตเย ปสาโท ตปฺปสาโท, ตเทว รตนตฺตยํ ครุ เอตสฺสาติ ตคฺครุ, ตสฺส ภาโว ตคฺครุตา, ตปฺปสาโท จ ตคฺครุตา จ ตปฺปสาทตคฺครุตา, ตาหิ. วิธุตทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสมฺโมหอสฺสทฺธิยาทิตาย วิหตกิเลโส. ‘‘ตเทว รตนตฺตยํ ปรายณํ คติ ¶ ตาณํ เลณ’’นฺติ เอวํ อากาเรน ปวตฺติยา ตปฺปรายณตาการปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ ‘‘สรณนฺติ คจฺฉติ เอเตนา’’ติ. ตํสมงฺคีติ เตน ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาเทน สมนฺนาคโต. เอวํ อุเปตีติ เอวํ ภชติ เสวติ ปยิรุปาสติ, เอวํ วา ชานาติ พุชฺฌตีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ ปสาทคฺคหเณน โลกิยสรณคมนมาห. ตฺหิ ปสาทปฺปธานํ, น าณปฺปธานํ. ครุตาคหเณน โลกุตฺตรํ. อริยา หิ รตนตฺตยํ คุณาภิฺาตาย ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กตฺวา ปสฺสนฺติ, ตสฺมา ตปฺปสาเทน วิกฺขมฺภนวเสน วิหตกิเลโส ตคฺครุตาย สมุจฺเฉทวเสนาติ โยเชตพฺพํ. ตปฺปรายณตา ปเนตฺถ ตคฺคติกตาติ ตาย จตุพฺพิธมฺปิ วกฺขมานํ สรณคมนํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวิเสเสน วา ปสาทครุตา โชติตาติ ปสาทคฺคหเณน อเวจฺจปฺปสาทสฺส อิตรสฺส จ คหณํ, ตถา ครุตาคหเณนาติ อุภเยนปิ อุภยํ สรณคมนํ โยเชตพฺพํ.
มคฺคกฺขเณ อิชฺฌตีติ โยชนา. นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวาติ เอเตน อตฺถโต จตุสจฺจาธิคโมเยว โลกุตฺตรํ สรณคมนนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ นิพฺพานธมฺโม สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน, มคฺคธมฺโม ภาวนาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิยมาโนเยว สรณคมนตฺตํ สาเธติ, พุทฺธคุณา ปน สาวกโคจรภูตา ปริฺาภิสมยวเสน, ตถา อริยสงฺฆคุณา. เตนาห ‘‘กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตี’’ติ, อิชฺฌนฺตฺจ สเหว อิชฺฌติ, น โลกิยํ วิย ปฏิปาฏิยา อสมฺโมหปฏิเวเธน ปฏิวิทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโย. เย ปน วทนฺติ ‘‘น สรณคมนํ นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา ปวตฺตติ, มคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปน อธิคตเมว โหติ เอกจฺจานํ เตวิชฺชาทีนํ โลกิยวิชฺชาทโย วิยา’’ติ, เตสํ โลกิยเมว สรณคมนํ สิยา, น โลกุตฺตรํ, ตฺจ อยุตฺตํ ทุวิธสฺสปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. ตนฺติ โลกิยสรณคมนํ. สทฺธาปฏิลาโภ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทินา. สทฺธามูลิกาติ ยถาวุตฺตสทฺธาปุพฺพงฺคมา สมฺมาทิฏฺิ พุทฺธสุพุทฺธตํ ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฏิปติฺจ โลกิยาวโพธวเสเนว ¶ สมฺมา าเยน ทสฺสนโต. ‘‘สทฺธามูลิกา สมฺมาทิฏฺี’’ติ เอเตน สทฺธูปนิสฺสยา ยถาวุตฺตลกฺขณา ปฺา โลกิยสรณคมนนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจตี’’ติ ‘‘ทิฏฺิ เอว อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุชุํ กรียตี’’ติ กตฺวา. ทิฏฺิ วา อุชุํ กรียติ เอเตนาติ ทิฏฺิชุกมฺมํ, ตถา ปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท ¶ . เอวฺจ กตฺวา ‘‘ตปฺปรายณตาการปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ อิทฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. สทฺธาปุพฺพงฺคมสมฺมาทิฏฺิคฺคหณํ ปน จิตฺตุปฺปาทสฺส ตปฺปธานตายาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สทฺธาปฏิลาโภ’’ติ อิมินา มาตาทีหิ อุสฺสาหิตทารกาทีนํ วิย าณวิปฺปยุตฺตสรณคมนํ ทสฺเสติ, ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ อิมินา าณสมฺปยุตฺตสรณคมนํ.
ตยิทํ โลกิยํ สรณคมนํ. อตฺตา สนฺนิยฺยาตียติ อปฺปียติ ปริจฺจชียติ เอเตนาติ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ, ยถาวุตฺตํ ทิฏฺิชุกมฺมํ. ตํ รตนตฺตยํ ปรายณํ ปฏิสรณํ เอตสฺสาติ ตปฺปรายโณ, ปุคฺคโล, จิตฺตุปฺปาโท วา, ตสฺส ภาโว ตปฺปรายณตา, ยถาวุตฺตทิฏฺิชุกมฺมเมว. สรณนฺติ อธิปฺปาเยน สิสฺสภาวํ อนฺเตวาสิกภาวํ อุปคจฺฉติ เอเตนาติ สิสฺสภาวูปคมนํ. สรณคมนาธิปฺปาเยเนว ปณิปตติ เอเตนาติ ปณิปาโต. สพฺพตฺถ ยถาวุตฺตทิฏฺิชุกมฺมวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺตปริจฺจชนนฺติ สํสารทุกฺขนิตฺถรณตฺถํ อตฺตโน อตฺตภาวสฺส ปริจฺจชนํ. เอส นโย เสเสสุปิ. พุทฺธาทีนํเยวาติ อวธารณํ อิตเรสุปิ สรณคมนวิเสเสสุ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ ตทฺนิวตฺตนํ กตํ โหติ.
เอวํ อตฺตสนฺนิยาตนาทีนิ เอเกน ปกาเรน ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปเรหิปิ ปกาเรหิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เตน ปริยายนฺตเรหิปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทิ กตเมว โหติ อตฺถสฺส อภินฺนตฺตาติ ทสฺเสติ. อาฬวกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สาตาคิริเหมวตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นนุ เจเต อาฬวกาทโย มคฺเคเนว อาคตสรณคมนา, กถํ เตสํ ตปฺปรายณตาสรณคมนํ วุตฺตนฺติ? มคฺเคนาคตสรณคมเนหิปิ ‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ คามา คาม’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๒๔๖) เตหิ ตปฺปรายณตาการสฺส ปเวทิตตฺตา ตถา วุตฺตํ.
าติ…เป… วเสนาติ เอตฺถ าติวเสน ภยวเสน อาจริยวเสน ทกฺขิเณยฺยวเสนาติ ปจฺเจกํ ‘‘วเสนา’’ติ ปทํ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ าติวเสนาติ าติภาววเสน. เอวํ เสเสสุปิ. ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตนาติ ทกฺขิเณยฺยตาเหตุเกน ปณิปาเตน. อิตเรหีติ าติภาวาทิวสปฺปวตฺเตหิ ตีหิ ปณิปาเตหิ. อิตเรหีติอาทินา สงฺเขปโต ¶ วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วนฺทตีติ ปณิปาตสฺส ลกฺขณวจนํ. เอวรูปนฺติ ทิฏฺธมฺมิกํ ¶ สนฺธาย วทติ. สมฺปรายิกฺหิ นิยฺยานิกํ วา อนุสาสนํ ปจฺจาสีสนฺโต ทกฺขิเณยฺยปณิปาตเมว กโรตีติ อธิปฺปาโย. สรณคมนปฺปเภโทติ สรณคมนวิภาโค.
อริยมคฺโคเยว โลกุตฺตรสรณคมนนฺติ อาห ‘‘จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผล’’นฺติ. สพฺพทุกฺขกฺขโยติ สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ. เอตนฺติ ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตี’’ติ (ธ. ป. ๑๙๐) เอวํ วุตฺตํ อริยสจฺจทสฺสนํ.
นิจฺจโต อนุปคมนาทิวเสนาติ นิจฺจนฺติ อคฺคหณาทิวเสน. อฏฺานนฺติ เหตุปฏิกฺเขโป. อนวกาโสติ ปจฺจยปฏิกฺเขโป. อุภเยนปิ การณเมว ปฏิกฺขิปติ. ยนฺติ เยน การเณน. ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ มคฺคทิฏฺิยา สมฺปนฺโน โสตาปนฺโน. กฺจิ สงฺขารนฺติ จตุภูมเกสุ สงฺขตสงฺขาเรสุ เอกสงฺขารมฺปิ. นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘นิจฺโจ’’ติ คณฺเหยฺย. สุขโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติ (ที. นิ. ๑.๗๖) เอวํ อตฺตทิฏฺิวเสน สุขโต คาหํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน ปน อริยสาวโก ปริฬาหวูปสมนตฺถํ มตฺตหตฺถิปริตฺตาสิโต วิย โจกฺขพฺราหฺมโณ อุกฺการภูมึ กฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคจฺฉติ. อตฺตวาเร กสิณาทิปฺตฺติสงฺคหณตฺถํ ‘‘สงฺขาร’’นฺติ อวตฺวา ‘‘กฺจิ ธมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. อิเมสุปิ วาเรสุ จตุภูมกวเสเนว ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ เตภูมกวเสเนว วา. ยํ ยฺหิ ปุถุชฺชโน คาหวเสน คณฺหาติ, ตโต ตโต อริยสาวโก คาหํ วินิเวเติ. มาตรนฺติอาทีสุ ชนิกา มาตา, ชนโก ปิตา, มนุสฺสภูโต ขีณาสโว อรหาติ อธิปฺเปโต. กึ ปน อริยสาวโก อฺํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ? เอตมฺปิ อฏฺานํ, ปุถุชฺชนภาวสฺส ปน มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ อริยสาวกสฺส ผลทีปนตฺถฺเจวํ วุตฺตํ. ทุฏฺจิตฺโต วธกจิตฺเตน ปทุฏฺจิตฺโต. โลหิตํ อุปฺปาเทยฺยาติ ชีวมานกสรีเร ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย. สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ สมานสํวาสกํ สมานสีมายํ ิตํ สงฺฆํ ‘กมฺเมน อุทฺเทเสน โวหรนฺโต อนุสฺสาวเนน สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘) เอวํ วุตฺเตหิ ปฺจหิ การเณหิ ภินฺเทยฺย ¶ . อฺํ สตฺถารนฺติ อฺํ ติตฺถกรํ ‘‘อยํ เม สตฺถา’’ติ เอวํ คณฺเหยฺยาติ เนตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ.
น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมินฺติ เต พุทฺธํ สรณํ คตา ตนฺนิมิตฺตํ อปายภูมึ น คมิสฺสนฺติ, เทวกายํ ปน ปริปูเรสฺสนฺตีติ อตฺโถ.
ทสหิ ¶ าเนหีติ ทสหิ การเณหิ. อธิคฺคณฺหนฺตีติ อธิภวนฺติ. เวลามสุตฺตาทิวเสนาปีติ เอตฺถ ‘‘จตุราสีติสหสฺสสงฺขานํ สุวณฺณปาติรูปิยปาติกํสปาตีนํ ยถากฺกมํ รูปิยสุวณฺณหิรฺปูรานํ กรีสสฺส จตุตฺถภาวปฺปมาณานํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตานํ จตุราสีติยา หตฺถิสหสฺสานํ จตุราสีติยา อสฺสสหสฺสานํ จตุราสีติยา รถสหสฺสานํ จตุราสีติยา เธนุสหสฺสานํ จตุราสีติยา กฺาสหสฺสานํ จตุราสีติยา ปลฺลงฺกสหสฺสานํ จตุราสีติยา วตฺถโกฏิสหสฺสานํ อปริมาณสฺส จ ขชฺชโภชฺชาทิเภทสฺส อาหารสฺส ปริจฺจชนวเสน สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ นิรนฺตรํ ปวตฺตเวลามมหาทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต สตํ โสตาปนฺนานํ ทินฺนทานโต เอกสฺส สกทาคามิสฺส, ตโต เอกสฺส อนาคามิสฺส, ตโต เอกสฺส อรหโต, ตโต เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส, ตโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, ตโต พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหารกรณํ, ตโต สรณคมนํ มหปฺผลตร’’นฺติ อิมมตฺถํ ทีเปนฺตสฺส เวลามสุตฺตสฺส (อ. นิ. ๙.๒๐) วเสน. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํ คหปติ, เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํ, โย เอกํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๙.๒๐). เวลามสุตฺตาทีติ อาทิ-สทฺเทน อคฺคปฺปสาทสุตฺตาทีนํ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อฺาณํ วตฺถุตฺตยสฺส คุณานํ อชานนํ ตตฺถ สมฺโมโห, ‘‘พุทฺโธ นุ โข, น นุ โข พุทฺโธ’’ติอาทินา วิจิกิจฺฉา สํสโย, มิจฺฉาาณํ ตสฺส คุณานํ อคุณภาวปริกปฺปเนน วิปรีตคฺคาโห. อาทิ-สทฺเทน อนาทราคารวาทีนํ สงฺคโห. น มหาชุติกนฺติ น อุชฺชลํ, อปริสุทฺธํ อปริโยทาตนฺติ อตฺโถ. น มหาวิปฺผารนฺติ อนุฬารํ. สาวชฺโชติ ทิฏฺิตณฺหาทิวเสน สโทโส. โลกิยํ สรณคมนํ สิกฺขาสมาทานํ วิย ¶ อคฺคหิตกาลปริจฺเฉทํ ชีวิตปริยนฺตเมว โหติ, ตสฺมา ตสฺส ขนฺธเภเทน เภโทติ อาห ‘‘อนวชฺโช กาลกิริยายา’’ติ. โสติ อนวชฺโช สรณคมนเภโท. สติปิ อนวชฺชตฺเต อิฏฺผโลปิ น โหตีติ อาห ‘‘อผโล’’ติ.
สรณคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปาสกวิธิกถาวณฺณนา
โก ¶ อุปาสโกติ สรูปปุจฺฉา, ตสฺมา กึลกฺขโณ อุปาสโกติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมาติ เหตุปุจฺฉา. เตน เกน ปวตฺตินิมิตฺเตน อุปาสกสทฺโท ตสฺมึ ปุคฺคเล นิรุฬฺโหติ ทสฺเสติ. กิมสฺส สีลนฺติ กีทิสํ อสฺส อุปาสกสฺส สีลํ, กิตฺตเกน สีเลนายํ สีลสมฺปนฺโน นาม โหตีติ อตฺโถ. โก อาชีโวติ โก อสฺส สมฺมาอาชีโว, โส ปน มิจฺฉาชีวสฺส ปริวชฺชเนน โหตีติ โสปิ วิภชียตีติ. กา วิปตฺตีติ กา อสฺส สีลสฺส, อาชีวสฺส วา วิปตฺติ. อนนฺตรสฺส หิ วิธิ วา ปฏิเสโธ วา. กา สมฺปตฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
โย โกจีติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิ. เตน สรณคมนเมเวตฺถ การณํ, น ชาติอาทิวิเสโสติ ทสฺเสติ. อุปาสนโตติ เตเนว สรณคมเนน ตตฺถ จ สกฺกจฺจการิตาย อาทรคารวพหุมานาทิโยเคน ปยิรุปาสนโต. เวรมณิโยติ เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยํ, ตสฺส มณนโต หนนโต วินาสนโต เวรมณิโย, ปฺจ วิรติโย วิรติปฺปธานตฺตา ตสฺส สีลสฺส. เตเนวาห ตตฺถ ตตฺถ ‘‘ปฏิวิรโต โหตี’’ติ.
มิจฺฉาวณิชฺชาติ น สมฺมาวณิชฺชา อยุตฺตวณิชฺชา อสารุปฺปวณิชฺชา. ปหายาติ อกรเณเนว ปชหิตฺวา. ธมฺเมนาติ ธมฺมโต อนเปเตน. เตน อฺมฺปิ อธมฺมิกํ ชีวิกํ ปฏิกฺขิปติ. สเมนาติ อวิสเมน. เตน กายวิสมาทิทุจฺจริตํ วชฺเชตฺวา กายสมาทินา สุจริเตน ชีวนํ ทสฺเสติ. สตฺถวณิชฺชาติ อาวุธภณฺฑํ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา ยถากตํ วา ปฏิลภิตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. สตฺถวณิชฺชาติ มนุสฺสวิกฺกโย ¶ . มํสวณิชฺชาติ สูนการาทโย วิย มิคสูกราทิเก โปเสตฺวา มํสํ สมฺปาเทตฺวา วิกฺกโย. มชฺชวณิชฺชาติ ยํ กิฺจิ มชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. วิสวณิชฺชาติ วิสํ โยเชตฺวา, วิสํ คเหตฺวา วา ตสฺส วิกฺกโย. ตตฺถ สตฺถวณิชฺชา ปโรปโรธนิมิตฺตตาย อกรณียา วุตฺตา, สตฺตวณิชฺชา อภุชิสฺสภาวกรณโต, มํสวิสวณิชฺชา วธเหตุโต, มชฺชวณิชฺชา ปมาทฏฺานโต.
ตสฺเสวาติ ปฺจเวรมณิลกฺขณสฺส สีลสฺส เจว ปฺจมิจฺฉาวณิชฺชาลกฺขณสฺส อาชีวสฺส จ. วิปตฺตีติ เภโท ปโกโป จ. ยายาติ ยาย ปฏิปตฺติยา. จณฺฑาโลติ อุปาสกจณฺฑาโล. มลนฺติ อุปาสกมลํ. ปติกิฏฺโติ อุปาสกนิหีโน. พุทฺธาทีสุ กมฺมกมฺมผเลสุ จ สทฺธาวิปริยาโย อสฺสทฺธิยํ มิจฺฉาธิโมกฺโข. ยถาวุตฺเตน อสฺสทฺธิเยน สมนฺนาคโต อสฺสทฺโธ. ยถาวุตฺต สีลวิปตฺติ อาชีววิปตฺติวเสน ทุสฺสีโล. ‘‘อิมินา ทิฏฺาทินา ¶ อิทํ นาม มงฺคลํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ พาลชนปริกปฺปิตโกตูหลสงฺขาเตน ทิฏฺสุตมุตมงฺคเลน สมนฺนาคโต โกตูหลมงฺคลิโก. มงฺคลํ ปจฺเจตีติ ทิฏฺมงฺคลาทิเภทํ มงฺคลเมว ปตฺติยายติ. โน กมฺมนฺติ กมฺมสฺสกตํ โน ปตฺติยายติ. อิโต พหิทฺธาติ อิโต สพฺพฺุพุทฺธสาสนโต พหิทฺธา พาหิรกสมเย. ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสตีติ ทุปฺปฏิปนฺนํ ทกฺขิณารหสฺี คเวสติ. ปุพฺพการํ กโรตีติ ทานมานนาทิกํ กุสลกิริยํ ปมํ กโรติ. เอตฺถ จ ทกฺขิเณยฺยปริเยสนปุพฺพกาเร เอกํ กตฺวา ปฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพา.
วิปตฺติยํ วุตฺตวิปริยาเยน สมฺปตฺติ าตพฺพา. อยํ ปน วิเสโส – จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ รติชนนฏฺเน อุปาสโกว รตนํ อุปาสกรตนํ. คุณโสภากิตฺติสทฺทสุคนฺธตาหิ อุปาสโกว ปทุมํ อุปาสกปทุมํ. ตถา อุปาสกปุณฺฑรีโก.
อาทิมฺหีติ อาทิอตฺเถ. โกฏิยนฺติ ปริยนฺตโกฏิยํ. วิหารคฺเคนาติ โอวรกโกฏฺาเสน, ‘‘อิมสฺมึ คพฺเภ วสนฺตานํ อิทํ นาม ปนสผลํ ปาปุณาตี’’ติอาทินา ตํตํวสนฏฺานโกฏฺาเสนาติ อตฺโถ. อชฺชตนฺติ อชฺชอิจฺเจว อตฺโถ.
ปาเณหิ ¶ อุเปตนฺติ อิมินา ตสฺส สรณคมนสฺส อาปาณโกฏิกตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตตี’’ติอาทินา วตฺวา ปุน ชีวิเตน ตํ วตฺถุตฺตยํ ปฏิปูเชนฺโต ‘‘สรณคมนํ รกฺขามี’’ติ อุปฺปนฺนํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘อหฺหี’’ติอาทิมาห. ปาเณหิ อุเปตนฺติ หิ ยาว เม ปาณา ธรนฺติ, ตาว สรณํ อุเปตํ, อุเปนฺโต จ น วาจามตฺเตน, น เอกวารํ จิตฺตุปฺปาทนมตฺเตน, อถ โข ปาเณ ปริจฺจชิตฺวาปิ ยาวชีวํ อุเปตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพติ.
อุปาสกวิธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภยเภรวสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. อนงฺคณสุตฺตวณฺณนา
๕๗. อายสฺมา ¶ สาริปุตฺโตติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เอวมาทิกนฺติ อตฺโถ. เตน ‘‘ภิกฺขู อามนฺเตสี’’ติอาทิกํ สพฺพํ สุตฺตํ สงฺคณฺหาติ. เตนาห ‘‘อนงฺคณสุตฺต’’นฺติ. ตสฺส โก นิกฺเขโป? อตฺตชฺฌาสโย. ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโเยว หิ มหาเถโร อิมํ เทสนํ อารภิ. เกจิ ปนาหุ ‘‘เอกจฺเจ ภิกฺขู สํกิลิฏฺจิตฺเต ทิสฺวา เตสํ จิตฺตสํกิเลสปฺปหานาย เจว เอกจฺจานํ อายตึ อนุปฺปาทนาย จ อยํ เทสนา อารทฺธา’’ติ. เอวํ สพฺพสุตฺเตสูติ ยถา เอตฺถ อนงฺคณสุตฺเต, เอวํ อิโต ปเรสูติ สพฺเพสุปิ สุตฺเตสุ อนุตฺตานอปุพฺพปทวณฺณนา เอว กรียติ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. คณนปริจฺเฉโทติ คณเนน ปริจฺฉินฺทนํ. อิทฺหิ อปฺปรชกฺขมหารชกฺขตาวเสน ทุวิเธ สตฺเต ปจฺเจกํ อตฺถฺุตานตฺถฺุตาวเสน ทฺวิธา กตฺวา ‘‘จตฺตาโร’’ติ อนวเสสปริยาทานํ. วชฺชีปุตฺตกาทโย วิย ปุคฺคลวาทีติ น คเหตพฺพํ โลกสมฺานุสาเรน อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถานํ วเสน เทสนาย อารทฺธตฺตา, อยฺจ เทสนานโย สตฺถุ นิสฺสาย เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยฺหี’’ติอาทิมาห.
สมฺมุติปรมตฺถเทสนากถาวณฺณนา
ตตฺถ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๗๐) สมฺมุติยา เทสนา สมฺมุติเทสนา, ปรมตฺถสฺส เทสนา ปรมตฺถเทสนา. ตตฺถาติ สมฺมุติปรมตฺถเทสนาสุ, น สมฺมุติปรมตฺเถสุ. เตนาห ¶ ‘‘เอวรูปา สมฺมุติเทสนา, เอวรูปา ปรมตฺถเทสนา’’ติ. ตตฺริทํ สมฺมุติปรมตฺถานํ ลกฺขณํ – ยสฺมึ ภินฺเน, พุทฺธิยา อวยววินิพฺโภเค วา กเต น ตํสมฺา, สา ฆฏปฏาทิปฺปเภทา สมฺมุติ, ตพฺพิปริยายโต ปรมตฺโถ. น หิ กกฺขฬผุสนาทิสภาเว อยํ นโย ลพฺภติ, ตตฺถ รูปาทิธมฺมํ สมูหสนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ อุปาทาย ปุคฺคลโวหาโรติ อาห ‘‘ปุคฺคโลติ สมฺมุติเทสนา’’ติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อุปฺปาทวยวนฺโต สภาวธมฺมา น นิจฺจาติ อาห ‘‘อนิจฺจนฺติ ปรมตฺถเทสนา’’ติ. เอส นโย เสสปเทสุปิ. นนุ ขนฺธเทสนาปิ สมฺมุติเทสนาว. ขนฺธฏฺโ หิ ราสฏฺโ, โกฏฺาสฏฺโ วาติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน ขนฺธสมฺา ผสฺสาทีสุ ตชฺชาปฺตฺติ วิย ปรมตฺถสนฺนิสฺสยา ตสฺส อาสนฺนตรา, ปุคฺคลสมฺาทโย วิย น ทูเรติ ปรมตฺถสงฺคหตา วุตฺตา, ขนฺธสีเสน วา ตทุปาทานา สภาวธมฺมา เอว คหิตา. นนุ จ สภาวธมฺมา สพฺเพปิ สมฺมุติมุเขเนว เทสนํ อาโรหนฺติ, น สมุเขนาติ สพฺพาปิ เทสนา สมฺมุติเทสนาว ¶ สิยาติ? นยิทเมวํ เทเสตพฺพธมฺมวิภาเคน เทสนาวิภาคสฺส อธิปฺเปตตฺตา, น จ สทฺโท เกนจิ ปวตฺตินิมิตฺเตน วินา อตฺถํ ปกาเสตีติ.
สมฺมุติวเสน เทสนํ สุตฺวาติ ‘‘อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป โหติ อตฺตปริตาปานุโยคมนุยุตฺโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๔๑๓; ปุ. ป. ๑๐.๒๕ มาติกา) สมฺมุติมุเขน ปวตฺติตํ เทสนํ สุตมยาณุปฺปาทนวเสน สุตฺวา. อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ ตทนุสาเรน จตุสจฺจสงฺขาตํ อตฺถํ สห วิปสฺสนาย มคฺเคน ปฏิวิชฺฌิตฺวา. โมหํ ปหายาติ ตเทกฏฺเหิ กิเลเสหิ สทฺธึ อนวเสสํ โมหํ ปชหิตฺวา. วิเสสนฺติ นิพฺพานสงฺขาตํ อรหตฺตสงฺขาตฺจ วิเสสํ. เตสนฺติ ตาทิสานํ วิเนยฺยานํ. ปรมตฺถวเสนาติ ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๔๗๒-๔๗๔) ปรมตฺถธมฺมวเสน. เสสํ อนนฺตรนเย วุตฺตสทิสเมว. ตตฺถาติ ตสฺสํ สมฺมุติวเสน ปรมตฺถวเสน จ เทสนายํ. เทสภาสากุสโลติ นานาเทสภาสาสุ กุสโล. ติณฺณํ เวทานนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ, ติณฺณํ เวทานํ สิปฺปคนฺถานมฺปีติ อธิปฺปาโย สิปฺปุคฺคหณฺหิ ปรโต วกฺขติ. สิปฺปานิ วา เวทนฺโตคเธ กตฺวา ‘‘ติณฺณํ เวทาน’’นฺติ วุตฺตํ. กเถตพฺพภาเวน ิตานิ, น กตฺถจิ สนฺนิหิตภาเวนาติ เวทานมฺปิ กเถตพฺพภาเวเนว อวฏฺานํ ทีเปนฺโต ‘‘คุยฺหา ตยี ¶ นิหิตา คยฺหตี’’ติ มิจฺฉาวาทํ ปฏิกฺขิปติ. นานาวิธา เทสภาสา เอเตสนฺติ นานาเทสภาสา.
ปรโม อุตฺตโม อตฺโถ ปรมตฺโถ, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาโว. โลกสงฺเกตมตฺตสิทฺธา สมฺมุติ. ยทิ เอวํ กถํ สมฺมุติกถาย สจฺจตาติอาห ‘‘โลกสมฺมุติการณา’’ติ, โลกสมฺํ นิสฺสาย ปวตฺตนโต. โลกสมฺาย หิ อภินิเวเสน วินา าปนา เอกจฺจสฺส สุตสฺส สาวนา วิย น มุสา อนติธาวิตพฺพโต ตสฺสา. เตนาห ภควา ‘‘ชนปทนิรุตฺตึ นาภินิเวเสยฺย, สมฺํ นาติธาเวยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๓๒). ธมฺมานนฺติ สภาวธมฺมานํ. ภูตการณาติ ยถาภูตสภาวํ นิสฺสาย ปวตฺตนโต. สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺสาติ ‘‘ปุคฺคโล สตฺโต’’ติอาทินา โลกสมฺํ กเถนฺตสฺส.
หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถนฺติ โลกปาลนกิจฺเจ หิโรตฺตปฺปธมฺเม กิจฺจโต ปกาเสตุํ. เตสฺหิ กิจฺจํ สตฺตสนฺตาเนเยว ปากฏํ โหตีติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย ตํ วตฺตพฺพํ. เอส นโย เสเสสุปิ. ยสฺมิฺหิ จิตฺตุปฺปาเท กมฺมํ อุปฺปนฺนํ, ตํสนฺตาเน เอว ตสฺส ผลสฺส อุปฺปตฺติ กมฺมสฺสกตา. เอวฺหิ กตวิฺาณนาโส อกตาคโม วา นตฺถีติ สา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว กถาย ¶ ทีเปตพฺพา. เตหิ สตฺเตหิ กาตพฺพา ปฺุาทิกิริยา ปจฺจตฺตปุริสกาโรปิ สนฺตานวเสน นิปฺผาเทตพฺพโต ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว กถาย ทีเปตพฺโพ.
อานนฺตริยทีปนตฺถนฺติ จุติอนนฺตรํ ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตานิ, ตนฺนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลานิ, อนนฺตรปโยชนานิ วาติ อานนฺตริยานิ, มาตุฆาตาทีนิ, เตสํ ทีปนตฺถํ. ตานิปิ หิ สนฺตานวเสน นิปฺผาเทตพฺพโต ‘‘มาตรํ ชีวิตา โวโรเปตี’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว กถาย ทีเปตพฺพานิ, ตถา ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗; ๒.๓๐๙; ๓.๒๓๐; วิภ. ๖๔๒, ๖๔๓) ‘‘โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ เอกมฺปิ ชาติ’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๔๔, ๒๔๕; ม. นิ. ๑.๑๔๘, ๓๘๔, ๔๓๑; ปารา. ๑๒) ‘‘อตฺถิ ทกฺขิณา ทายกโต วิสุชฺฌติ, โน ปฏิคฺคาหกโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๘๑) จ ปวตฺตา พฺรหฺมวิหารปุพฺเพนิวาสทกฺขิณาวิสุทฺธิกถา ¶ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว กถาย ทีเปตพฺพา สตฺตสนฺตานวิสยตฺตา. ‘‘อฏฺ ปุริสปุคฺคลา (สํ. นิ. ๑.๒๔๙), น สมยวิมุตฺโต ปุคฺคโล’’ติอาทินา (ปุ. ป. ๑) จ ปรมตฺถํ กเถนฺโตปิ โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถสิ. เอเตน วุตฺตาวเสสาย กถาย ปุคฺคลาธิฏฺานภาเว ปโยชนํ สามฺวเสน สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กามฺเจตํ สพฺพํ อปริฺาตวตฺถุกานํ วเสน วุตฺตํ, ปริฺาตวตฺถุกานมฺปิ ปน เอวํ เทสนา สุขาวหา โหติ.
มหาชโนติ โลกิยมหาชโน. น ชานาติ ฆนวินิพฺโภคาภาเวน ธมฺมกิจฺจสฺส อสลฺลกฺขเณน. ตตฺถ ‘‘กึ นาเมตํ, กถํ นาเมต’’นฺติ สํสยปกฺขนฺทตาย สมฺโมหํ อาปชฺชติ. วิรุทฺธาภินิเวสิตาย ปฏิสตฺตุ โหติ. ชานาติ จิรปริจิตตฺถา โวหารกถาย. ตโต เอว น สมฺโมหมาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ.
นปฺปชหนฺติ โวหารมุเขน ปรมตฺถสฺส ทีปนโต. สมฺาคหณวเสน โลเกน ายติ สมฺายติ โวหรียตีติ โลกสมฺา, ตาย โลกสมฺาย. ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วิภาวเน โลเกน นิจฺฉิตํ, นิยตํ วา วุจฺจติ โวหรียตีติ โลกนิรุตฺติ, ตสฺสํ โลกนิรุตฺติยํ. ตถา โลเกน อภิลปียตีติ โลกสมฺตาย โลกาภิลาโป, ตสฺมึ โลกาภิลาเป ิตาเยว อปฺปหานโต. ปุคฺคลวาทิโน วิย ปรมตฺถวเสน อคฺคเหตฺวา.
สนฺโตติ ¶ เอตฺถ สนฺตสทฺโท ‘‘ทีฆํ สนฺตสฺส โยชน’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๗๐) กิลนฺตภาเว อาคโต, ‘‘อยฺจ วิตกฺโก อยฺจ วิจาโร สนฺตา โหนฺติ สมิตา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๗๖) นิรุทฺธภาเว อาคโต, ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๒.๑๗๒; มหาว. ๗) สนฺตาณโคจรตาย, ‘‘อุปสนฺตสฺส สทา สติมโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๗) กิเลสวูปสเม, ‘‘สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๕) สาธูสุ, ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, มหาโจรา สนฺโต สํวิชฺชมานา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๙๕) อตฺถิภาเว, อิธาปิ อตฺถิภาเวเยว. โส จ ปุคฺคลสมฺพนฺเธน วุตฺตตฺตา โลกสมฺาวเสนาติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกสงฺเกตวเสน อตฺถี’’ติ อาห. อตฺถีติ เจตํ นิปาตปทํ ทฏฺพฺพํ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๓-๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ๓.๑๕๔; อ. นิ. ๖.๒๙; ๑๐.๖๐) วิย. สํวิชฺชมานาติ ปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปลพฺภมานา’’ติ อาห. ยฺหิ สํวิชฺชติ, ตํ อุปลพฺภตีติ. องฺคนฺติ เอเตหิ ตํสมงฺคิปุคฺคลา นิหีนภาวํ คจฺฉนฺตีติ องฺคณานิ, ราคาทโย. อฺชติ มกฺเขตีติ องฺคณํ, มลาทิ. อฺเชติ ตตฺถ ิตํ อหุนฺทรตาย อภิพฺยฺเชตีติ องฺคณํ, วิวโฏ ภูมิปเทโส. โทสาทีนํ ปวตฺติอาการวิเสสตาย นานปฺปการา พหุลปฺปวตฺติยา ติพฺพกิเลสา. ปาปกานนฺติ ลามกานํ. อกุสลานนฺติ อโกสลฺลสมฺภูตานํ. อิจฺฉาวจรานนฺติ อิจฺฉาวเสน ปวตฺตานํ. สห องฺคเณนาติ องฺคณนฺติ ลทฺธนาเมน ยถาวุตฺตกิเลเสน สห วตฺตติ.
อตฺถีติปิ น ชานาติ ตาทิสสฺส โยนิโสมนสิการสฺส อภาวา. เยสํ กิเลสานํ อตฺถิตา, เตสํ สปฺปฏิภยตา วิเสสโต ชานิตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเม กิเลสา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กกฺขฬาติ ผรุสา. วาฬาติ กุรุรา. น คหิตพฺพาติ น อุปฺปาเทตพฺพา. ยาถาวสรสโตติ ยถาภูตสภาวโต. เอวฺจาติ ‘‘อิเม กิเลสา นามา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน. เยน วา เตน วาติ นวกมฺเมสุ วา ปริยตฺติธุตงฺคาทีสุ วา เยน วา เตน วา. ตตฺราติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. ตํ ปน นิทฺธารณํ สงฺคณานงฺคณสมุทายโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘จตูสุ ปุคฺคเลสู’’ติ วตฺวา ปุน ตเทกเทสโต ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสุ วา ทฺวีสุ สางฺคเณสู’’ติ อาห. ตฺหิ ทฺวยํ ปมํ หีนเสฏฺภาเวน นิทฺธารียติ ปมํ อุทฺทิฏฺตฺตา. นิทฺธารณฺหิ กฺวจิ กุโตจิ เกนจิ โหตีติ.
๕๘. กิฺจาปิ อฺตฺถ ‘‘ชนโก เหตุ, ปริคฺคาหโต ปจฺจโย, อสาธารโณ เหตุ, สาธารโณ ปจฺจโย, สภาโค เหตุ, อสภาโค ปจฺจโย, ปุพฺพกาลิโก เหตุ, สหปฺปวตฺโต ปจฺจโย’’ติอาทินา ¶ เหตุปจฺจยา วิภชฺช วุจฺจนฺติ, อิธ ปน ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขเว, มหาภูตา เหตู, จตฺตาโร มหาภูตา ปจฺจยา รูปกฺขนฺธสฺส ปฺาปนายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๕) วิย เหตุปจฺจยสทฺทา สมานตฺถาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุภเยนปิ การณเมว ¶ ปุจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อุภเยนาติ เหตุปจฺจยวจนทฺวเยน. ปุจฺฉติ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทสนํ วฑฺเฒตุกาโม. กิฺจาปีติ อนุชานนสมฺภาวนตฺเถ นิปาโต. กึ อนุชานาติ? สมาเนปิ ทฺวินฺนํ สางฺคณภาเว ตสฺสา ปชานนาปฺปชานนเหตุกตํ เตสํ เสฏฺหีนตํ. กึ สมฺภาเวติ? เถรสฺส วิจิตฺตปฏิภานตาย นานาเหตูปมาหิ อลงฺกตฺวา ยถาปุจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส ปากฏกรณํ. เตนาห ‘‘นปฺปชานาตี’’ติอาทิ. เหตุ เจว ปจฺจโย จ เสฏฺหีนภาเว. ตถาอกฺขาตพฺพตาปิ หิ เตสํ ตนฺนิมิตฺตา เอวาติ.
๕๙. ตนฺติ เตสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ หีนเสฏฺตาย การณํ. โอปมฺเมหิ ปากฏตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ. เอตนฺติ สุตฺเต อนนฺตรํ วุจฺจมานํ วีริยารมฺภาภาเวน องฺคณสฺส อปฺปหานํ. เตนาห ‘‘น ฉนฺทํ…เป… สนฺธายาหา’’ติ. กตฺตุกมฺยตาฉนฺธนฺติ กตฺตุกมฺยตาสงฺขาตํ องฺคณสฺส ปหาตุกมฺยตาวเสน อุปฺปชฺชนกกุสลธมฺมจฺฉนฺทํ. น ชเนสฺสตีติ น อุปฺปาเทสฺสติ. กุสโล วายาโม นาม ฉนฺทโต พลวาติ อาห ‘‘ตโต พลวตรํ วายามํ น กริสฺสตี’’ติ, ฉนฺทมฺปิ อนุปฺปาเทนฺโต กถํ ตชฺชํ วายามํ กริสฺสตีติ อธิปฺปาโย. ถามคตวีริยํ อุสฺโสฬฺหีภาวปฺปตฺตํ ทฬฺหํ วีริยํ. สางฺคณคฺคหเณเนว องฺคณานํ กิเลสวตฺถุตาย จิตฺตสฺส สํกิลิฏฺตาย สทฺธาย ปุน สํกิลิฏฺคฺคหณํ สวิเสสํ กิลิฏฺภาววิภาวนนฺติ อาห ‘‘สุฏฺุตรํ กิลิฏฺจิตฺโต’’ติ. มลินจิตฺโตติอาทีสุปิ ‘‘เตหิเยวา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อุกฺขลิปุจฺฉนโจฬกสฺส วิย วสาปีตปิโลติกา วิย จ ทุมฺโมจนียภาเวน มลคฺคหณํ มลีนตา, ปีฬนํ หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ วิพาธนํ ทรถปริฬาหุปฺปาทเนน ปริทหนํ อุปตาปนํ, กาลนฺติ กาลนํ, ยถาคหิตสฺส อตฺตภาวสฺส เขปนํ อายุกฺขยนฺติ อตฺโถ. กริสฺสตีติ ปวตฺเตสฺสติ, ปาปุณิสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. ตถาภูโต จ ปาณํ จชิสฺสติ นามาติ อาห ‘‘มริสฺสตี’’ติ.
เสยฺยถาปีติ อุปมานิทสฺสเน นิปาโต. ตทตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา นามา’’ติ อาห. ปํสุอาทินาติ อาทิ-สทฺเทน ชลฺลาทีนํ สงฺคโห, ฆํสนาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน ฉาริกาปริมชฺชนาทีนํ สงฺคโหติ. ‘‘อภิรูปาย กฺา ทาตพฺพา’’ติอาทีสุ วิย อนฺตเรนปิ อติสยตฺถโพธกสทฺเทน อติสยตฺโถ ายตีติ อาห ‘‘มลคฺคหิตตราติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ปฏิปุจฺฉาวจนนฺติ อนุมติปุจฺฉาวิเสโส. เอวํ ¶ กริยมานาติ อปริโภค-อปริโยทปนรโชปถนิกฺขิปเนหิ กิลิฏฺภาวํ อาปาทิยมานา. โอปมฺมํ สมฺปฏิปาเทนฺโตติ ยถูปนีตํ อุปมํ อุปเมยฺยตฺเถน ¶ สมํ กตฺวา ปฏิปาเทนฺโต, สํสนฺเทนฺโตติ อตฺโถ. สางฺคโณ ปุคฺคโลติ สางฺคโณ ตสฺมึ อตฺตภาเว อสุชฺฌนกปุคฺคโล. อาปณาทิโต กุลฆรํ อานีตสฺส มลคฺคหิตกํสภาชนสฺส ตตฺถ ลทฺธพฺพาย วิสุทฺธิยา อลาภโต ยถา อนุกฺกเมน สํกิลิฏฺตรภาโว, เอวํ ฆรโต นิกฺขนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส ปพฺพชฺชาย ลทฺธพฺพาย วิสุทฺธิยา อลาภโต อนุกฺกเมน สํกิลิฏฺตรภาโวติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สํกิลิฏฺกํสปาติยา’’ติอาทิมาห. สํกิลิฏฺตรภาโว จ นาม ปพฺพชิตสฺส อาชีววิปตฺติวเสน วา สิยา อาจารทิฏฺิสีลวิปตฺตีสุ อฺตรวเสน วาติ ตํ สพฺพํ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส ปุคฺคลสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปาจิตฺติยวีติกฺกมนคฺคหเณน หิ เอกจฺจทิฏฺิวิปตฺติยาปิ สงฺคโห โหตีติ. เอตฺถ ิตสฺสาติ เอติสฺสํ อาชีววิปตฺติยํ ิตสฺส. อิมินา นเยน เสเสสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. สพฺพปริสสาธารณา มหาเถรสฺส เทสนา, ตสฺมา คหปติวเสนปิ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ อุกฺกํสคตสํกิลิฏฺตรภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มาตุฆาตาทิอานนฺตริยกรณ’’นฺติ อาห. อวิโสเธตฺวาติ ยถา อตฺตโน สีเล วา ทิฏฺิยา วา วิสุทฺธิ โหติ, เอวํ กิเลสมลินจิตฺตสนฺตานํ อวิโสเธตฺวา.
ภพฺพปุคฺคโลติ อุปนิสฺสยาทิสมฺปตฺติยา ตสฺมึ อตฺตภาเว วิสุทฺธปุคฺคโล. อาทึ กตฺวาติ อิมินา โธวนฆํสนาทีหิ ปริโยทปนํ อาทิมนฺตํ กตฺวา วทติ. สุทฺธฏฺานํ ยตฺถ วา น รเชน โอกิรียติ. ทณฺฑกมฺมํ กตฺวาติ ‘‘เอตฺตกา อุทกา, วาลุกา วา อาเนตพฺพา’’ติ ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา. เอตฺถ ิตสฺสาติ ปริสุทฺเธ สีเล ิตสฺส. สมฺมาวตฺตปฏิปตฺติสีเลหิ สีลวิสุทฺธิ ทสฺสิตา. วตฺตปฏิปตฺติยาปิ หิ องฺคณานํ วิกฺขมฺภนํ สิยา. ตถา หิสฺสา สํกิลิฏฺกํสปาติยา ปริสุทฺธปริโยทาตภาโว อุปมาภาเวน วุตฺโต. ปนฺตเสนาสนวาโส กิเลสวิกฺขมฺภนํ กิเลสานํ ตทงฺคนิวารณํ. โสตาปตฺติผลาธิคโม…เป… อรหตฺตสจฺฉิกิริยาติ สตฺตสุปิ าเนสุ ‘‘ปริสุทฺธปริโยทาตภาโว วิยา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ปพฺพชิตสฺส หิ วิสุทฺธิ นาม เหฏฺิมนฺเตน สีลวิสุทฺธิยา วา สิยา กมฺมฏฺานานุโยควเสน วิเวกวาเสน ฌานสฺสาธิคเมน วา วิปสฺสนาภาวนาย วา สามฺผลาธิคเมน วาติ.
ราคฏฺานิยนฺติ ¶ ราคุปฺปตฺติเหตุภูตํ. วิสภาคารมฺมณํ สนฺธาย วทติ ‘‘อิฏฺารมฺมณ’’นฺติ. ตสฺมินฺติ อิฏฺารมฺมเณ. วิปนฺนสฺสตีติ มุฏฺสฺสติ. ตํ นิมิตฺตนฺติ สุภนิมิตฺตํ. อาวชฺชิสฺสตีติ อโยนิโส อาวชฺชิสฺสติ. สยเมว อฺเน อโวมิสฺโส. กุสลวารปจฺฉินฺทนเมว เจตฺถ อนุทฺธํสนํ ทฏฺพฺพํ. เสสนฺติ ‘‘สางฺคโณ สํกิลิฏฺจิตฺโต’’ติอาทิ. วุตฺตนยานุสาเรนาติ ปมวาเร วุตฺตนยานุสาเรน. สพฺพนฺติ มาตุฆาตาทิอานนฺตริยกรณปริโยสานํ สพฺพํ อุปมาสํสนฺทนวจนํ.
อติวิรหาภาวโตติ ¶ สติสมฺโมสาภาวโต, อุปฏฺิตสฺสติ ภาวโตติ อตฺโถ. เสสนฺติ ‘‘โส อราโค’’ติอาทิ. ‘‘โธวนฆํสนสณฺหฉาริกาปริมชฺชนาทีหี’’ติอาทินา ทุติยวารานุสาเรน. ‘‘โก นุ โข’’ติอาทิ ปุจฺฉาวเสน อาคตํ, อิทํ นิคมนวเสนาติ อยเมว วิเสโส.
๖๐. องฺคณนฺติ ตตฺถ ตตฺถ นามโต เอว วิภาวิตํ, น ปน สภาวโต, ปเภทโต วาติ สภาวาทิโต วิภาวนํ สนฺธายาห ‘‘นานปฺปการโต ปากฏํ การาเปตุกาเมนา’’ติ. อิจฺฉาย อวจรานนฺติ อิจฺฉาวเสน อวจรณานํ. โอติณฺณานนฺติ จิตฺตสนฺตานํ อนุปวิฏฺานํ. เต ปน ตตฺถ ปจฺจยวเสน นิพฺพตฺตตฺตา ปวตฺตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘ปวตฺตาน’’นฺติ. นานปฺปการานนฺติ วิสยเภเทน ปวตฺติอาการเภเทน จ นานาวิธานํ. เยนการเณน. น เกวลํ ลาภตฺถิกตา เอว, อถ โข ปฺุวนฺตตา สกฺกตครุกตา จ เอตฺถ การณภาเวน คเหตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปกติยาปิ จา’’ติอาทิมาห. เตน ลาภตฺถิโกปิ น โย โกจิ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปาเทติ ปฺุวา สมฺภาวนีโยติ ทสฺเสติ. เถรา อวชฺชปฏิจฺฉาทนภเยน มชฺฌิมานํ อาโรเจนฺติ, ตถา มชฺฌิมา นวกานํ, นวกา ปน อตฺตโน นวกภาเวน วิฆาสาทาทีนํ อาโรเจนฺติ ‘‘ปสฺสถ ตุมฺหากํ เถรสฺส กมฺม’’นฺติ. วิฆาสาทาทโย นาม ‘‘อีทิสสฺส สนฺติเก โอวาทตฺถํ ตุมฺเห อาคตา’’ติ ภิกฺขุนีนํ อาโรเจนฺติ. น จ มํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุนฺติ น จ วต มํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุํ, อโห วต มํ ภิกฺขู น ชาเนยฺยุนฺติ โยชนา. านํ โข ปเนตนฺติ เอตฺถ โข-สทฺโท อวธารณตฺโถ, ปน-สทฺโท วจนาลงฺกาโรติ อาห ‘‘อตฺถิเยวา’’ติ. ปุพฺเพ อิจฺฉุปฺปาทวารวณฺณนาย วุตฺตนเยน. อิติ-สทฺโท อิธ อาสนฺนการณตฺโถติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา การเณนา’’ติ อาห ¶ . อิทฺจ โกปอปฺปจฺจยานเมว คหณํ. ตาทิสานนฺติ โกปอปฺปจฺจยาธิภูตานนฺติ อธิปฺปาโย.
อนุรโหติ อนุรูเป รหสิ. เอวเมว หิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิหารปจฺจนฺเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุริมสทิสเมวาติ ‘‘ลาภตฺถิโก หี’’ติอาทินา วุตฺเตน ปุริเมน โยชนานเยน สทิสเมว.
โจทนาย ปฏิปุคฺคลภาโว, โจทนา จ อาปตฺติยาติ จุทิตเกน โจทกสฺส สมานภาโว อาปตฺติอาปนฺนตายาติ อาห ‘‘สมาโนติ สาปตฺติโก’’ติ. สปฺปฏิปุคฺคเลเนวสฺส โจทนิจฺฉาย การณํ วิภาเวตุํ ‘‘อย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. น จายํ สาปตฺติกตาย เอว สมานตํ อิจฺฉติ, อถ โข อฺถาปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. อฺเน วา ปฏิปุคฺคเลน สปฺปฏิปุคฺคโล. อยฺหิ ‘‘สปฺปฏิปุคฺคโลว มํ โจเทยฺยา’’ติ อิจฺฉติ ‘‘เอวาหํ ตสฺส ปฏิปุคฺคเลหิ สทฺธึ เอกชฺฌาสโย หุตฺวา ตสฺส อุปริ กิฺจิ วตฺตุํ กาตุํ วา ลภิสฺสามี’’ติ มฺมาโน ¶ . อิมสฺมึ ปน ปกฺเข โน อปฺปฏิปุคฺคโลติ นตฺถิ เอตสฺส ปฏิปุคฺคโลติ อปฺปฏิปุคฺคโลติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
‘‘อโห วตา’’ติ อิทํ ปทํ ทิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ, อิมสฺส ปุคฺคลสฺส อิจฺฉาจาเร ิตตฺตา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺยาติ วจนโต ‘‘ตฺจ โข อนุมติปุจฺฉายา’’ติ วุตฺตํ. น เหส ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขู’’ติอาทินา กิฺจิ วีติกฺกมํ อุทฺทิสฺส ภควตา ปุจฺฉิตพฺพตํ อิจฺฉติ. โน มคฺคํ วา ผลํ วา วิปสฺสนํ วา อนฺตรํ กตฺวาติ มคฺคภาวนํ วา ผลสจฺฉิกิริยํ วา สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนานุโยคํ วา นิโรธสมาปชฺชนํ วา ฌานสมาปชฺชนเมว วา อนฺตรํ การณํ กตฺวา ภควตา อตฺตานํ ปฏิปุจฺฉิตพฺพํ โน อิจฺฉติ. นิจฺจํ อนิจฺจนฺติอาทินา อนุมติคฺคหณวเสน ปุจฺฉิตพฺพํ อิจฺฉติ, อุตฺตานเมว กตฺวา ปุจฺฉิตพฺพํ อิจฺฉตีติ อตฺโถ. อุปหรนฺเต ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. อภพฺพฏฺานภิกฺขุตาย นิหริสฺสนฺติ สาสนโต.
ตํ สมฺปตฺตินฺติ ปริวารสมฺปตฺติฺเจว ภิกฺขูหิ กริยมานํ สกฺการครุการสมฺปตฺติฺจ. คเหตฺวา ปริภฺุชนฺติ มยา สํวิภาเค กริยมาเน. สยเมว ปฺายตีติ สยเมว คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ ปุรโต อตฺตานํ ทสฺเสติ, ปุรโต วสนฺตํ ปน ภิกฺขุ ปุรกฺขตฺวา คจฺฉนฺติเยวาติ อธิปฺปาโย.
ทกฺขิโณทกนฺติ ¶ อคฺคโต อุปนียมานํ ทกฺขิโณทกํ. ยโต เอว-กาโร, ตโต อฺตฺถ นิยโม อิจฺฉิโต. อวธารณตฺถํ วา เอว-การคฺคหณนฺติ กตฺวา อหเมว ลเภยฺยนฺติ อหํ ลเภยฺยเมวาติ เอวเมตํ อวธารณํ ทฏฺพฺพนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อหเมว ลเภยฺยนฺติ อิจฺฉา นาติมหาสาวชฺชา’’ติ, อฺถา ยถารุตวเสน อวธารเณ คยฺหมาเน ‘‘น อฺเ ลเภยฺยุ’’นฺติ อยเมเวตฺถ อตฺโถ สิยาติ. ปาสาทิโก โหตีติ อิทํ ตสฺส อคฺคาสนาทิปจฺจาสีสนาย การณทสฺสนํ.
อนุโมทนนฺติ มงฺคลามงฺคเลสุ อนุโมทนาวเสน ปวตฺเตตพฺพธมฺมกถํ. ขณฺฑานุโมทนนฺติ อนุโมทเนกเทสํ. ‘‘ปุพฺเพ อนุโมทิตปุพฺโพ อนุโมทตู’’ติ อวตฺวา เถเรน วุตฺตมตฺเตเยว.
ตาทิเสสุ าเนสูติ ตาทิเสสุ เปสลานํ พหุสฺสุตานํ วสนฏฺาเนสุ. สพฺพมฺปิ รตึ ปวตฺตนโต สพฺพรตฺติกานิ. วินิจฺฉยกุสลานนฺติ อเนกวิหิเตสุ กงฺขฏฺานิเยสุ กงฺขาวินยนาย ตํ ตํ ปฺหานํ วินิจฺฉเย กุสลานํ เฉกานํ. เตสุ เตสุ ธมฺมกถิเกสุ อชฺฌิฏฺเสุ วาเรน ธมฺมํ กเถนฺเตสุ ‘‘อยํ พฺยตฺโต’’ติ ธมฺมชฺเฌสเกน อชฺฌิฏฺตฺตา โอกาสํ อลภมาโน.
สกฺกจฺจฺจ ¶ กเรยฺยุนฺติ ภิกฺขู ยํ มม อภิวาทนปจฺจุฏฺานฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมาทึ กโรนฺติ. ตํ อาทเรเนว กเรยฺยุํ, ยฺจ เม ปริกฺขารชาตํ ปฏิยาเทนฺติ, ตมฺปิ สุนฺทรํ สมฺมเทว อภิสงฺขตํ กเรยฺยุนฺติ อตฺโถ. ภาริยนฺติ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกาตพฺพํ. เอตํ วิธินฺติ เอตํ ‘‘สกฺกเรยฺยุ’’นฺติอาทินา วุตฺตสกฺการาทิวิธึ. เตนาติ เตน การเณน, พาหุสจฺจาทิคุณวิเสสวโต เอว สกฺการาทีนํ อรหตฺตาติ อตฺโถ. เอวรูปนฺติ อีทิสํ ‘‘ปิโย ครู’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๓๗) วุตฺตปฺปการํ. เอวํ กเรยฺยุนฺติ เอวํ ‘‘สกฺกเรยฺยุ’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปการํ สกฺการาทึ กเรยฺยุํ. เอส นโยติ โยยํ ภิกฺขุวาเร วุตฺตวิธิ, เอเสว นโย. อิโต ปเรสุ ภิกฺขุนีวาราทีสุ วาเรสุ.
อหเมว ลาภี อสฺสนฺติ เอตฺถาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อวธารณํ คเหตพฺพํ. ปิณฺฑปาตสฺส ปณีตตา อุปเสจนาทิวเสนาติ อาห ‘‘สปฺปิเตลมธุสกฺขราทิปูริตาน’’นฺติ ¶ . มฺจปีาทีนนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ อุตุสปฺปายานํ นิวาตานํ ผสฺสิตตลานํ ปิหิตทฺวารกวาฬวาตปานาทีนมฺปิ ปณีตเสนาสนภาวโต. อาทิ-สทฺเทน วา เตสมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. สพฺพตฺถาปีติ สพฺเพสุ เตสุ จตูสุปิ ปจฺจยวาเรสุ.
๖๑. กายกมฺมํ ทิสฺวาติ อิทํ น กายกมฺมํ จกฺขุวิฺเยฺยํ, กายกมฺมุนา ปน สห ปวตฺตํ โอฏฺปริปฺผนฺทนํ ภากุฏิกรณํ กายงฺคาทิทสฺสนํ กายกมฺมทสฺสนํ วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. วจีกมฺมํ สุตฺวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย, ตสฺมา กายวิการชนกา ธมฺมา ‘‘ทิสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตา, วจีวิการชนกา ‘‘สูยนฺตี’’ติ. ตโต เอว จ เต ปจฺจกฺขกาเล สมฺมุขกาเล ทิสฺสนฺติ นาม. ติโรกฺขกาเล อสมฺมุขกาเล สูยนฺติ นาม. อนุรูปโต คหณํ อนุคฺคโห. อารฺิกตฺตนฺติ ตสฺส ภิกฺขุโน ธุตคุณตฺตานุรูปโต คณฺหาติ. เตนาห ‘‘อารฺิกตฺตํ อนุคฺคณฺหาตี’’ติ. อรฺเ นิวาโส อสฺสาติ อารฺิโก. ปนฺตํ ปริยนฺตํ ทูรตรํ เสนาสนํ อสฺสาติ ปนฺตเสนาสโน. ตํ ปน อตฺถมตฺเตน ทสฺเสนฺเตน ‘‘ปนฺตเสนาสเน วสตี’’ติ วุตฺตํ. ภิกฺขาสงฺขาตานํ ปิณฺฑานํ ปาโต ปิณฺฑาปาโต, ตํ ปิณฺฑปาตํ อฺุฉติ คเวสตีติ ปิณฺฑปาติโก. ปิณฺฑาย ปติตุํ จริตุํ วตเมตสฺสาติ วา ปิณฺฑปาติ, โส เอว ปิณฺฑปาติโก. ทานโต อวขณฺฑนโต อเปตํ อปทานํ, สห อปทาเนน สปทานํ, อนวขณฺฑนํ. อนุฆรํ จรณสีโล สปทานจารี. อุนฺนตภาเวน ปํสุกูลํ วิย ปํสุกูลํ, ปํสุ วิย วา กุจฺฉิตภาวํ อุลติ คจฺฉตีติ ปํสุกูลํ, ตสฺส ธารณํ อิธ ปํสุกูลํ, ตํ สีลมสฺสาติ ปํสุกูลิโก.
ตีหิ ¶ การเณหิ ลูขํ เวทิตพฺพํ อคฺฆผสฺสวณฺณปริหานิโต อปํสุกูลมฺปิ, โก ปน วาโท ปํสุกูลนฺติ อธิปฺปาโย. ถูลทีฆสุตฺตเกนาติ ถูเลน โอลมฺพมาเนน ทีฆสุตฺตเกน. วณฺเณนาติ เอตฺถ ผสฺเสนปิ ปริหายตีติ วตฺตพฺพํ. ตฺหิ ตตฺถ ขรผสฺสมฺปิ โหติเยวาติ. กสฺมา ปน ปาฬิยํ อารฺิกาทิคฺคหเณน จตฺตาโรว ธุตคุณา วุตฺตาติ? ปธานตฺตา, ตคฺคหเณเนว จ อิโต ปเรสมฺปิ สุขปริโภคตาย คหณสมฺภวโต. โย หิ อารฺิโก ปนฺตเสนาสโน, ตสฺส อพฺโภกาสิก-รุกฺขมูลิก-เนสชฺชิก-ยถาสนฺถติก-โสสานิกงฺคานิ สุปริปูรานิ. โย จ ปิณฺฑปาติโก สปทานจารี จ, ตสฺส ปตฺตปิณฺฑิกขลุปจฺฉาภตฺติกเอกาสนิกงฺคานิ. โย ปน ปํสุกูลิโก, ตสฺส ¶ เตจีวริกงฺคํ สุปริหรเมวาติ. ปธานตฺตา หิ ภควตาปิ ‘‘กทาหํ นนฺทํ ปสฺเสยฺยํ, อารฺํ ปํสุกูลิก’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๔๒; เนตฺติ. ๑๐๐) ตตฺถ ตตฺถ อารฺิกาทโย เอว คยฺหนฺติ. เอตฺตกาติ ปาฬิยํ อาคตานํ ปริจฺฉิชฺช คหณเมตํ, น เอตฺตกา สพฺเพปิ เอกสฺส เอกํสโต สมฺภวนฺติ, นาปิ เอตฺตกาเยว ปาปธมฺมา ปหาตพฺพา. น หิ มกฺขปฬาสาทีนํ อปฺปหีนภาเวปิ สพฺรหฺมจารี เนว สกฺกโรนฺติ…เป… น ปูเชนฺตีติ.
ตมตฺถนฺติ ‘‘ยสฺส กสฺสจี’’ติอาทินา วุตฺตมตฺถํ. อุปมาย ปากฏํ กโรนฺโตติ อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ อุทาหรเณน วิภาเวนฺโต. อหิกุณปาทีนํ อติปฏิกูลชิคุจฺฉนียตา อติวิย ทุคฺคนฺธตาย. สา จ อหีนํ ติขิณโกปตาย, กุกฺกุรมนุสฺสานํ โอทนกุมฺมาสูปจยตาย สรีรสฺส โหตีติ วทนฺติ. อิเมสนฺติ อหิอาทีนํ. วฑฺเฒตฺวาติ อุปรูปริ ขิปเนน รจิตํ กตฺวา. ตํ ปน วฑฺฒิตํ เตน จ ภาชนํ ปูริตํ โหตีติ อาห ‘‘วฑฺเฒตฺวา ปริปูเรตฺวา’’ติ. ชนสฺส ทสฺสนโยคฺยํ ทสฺสนียํ ชฺํ, ตํ ปรมปริสุทฺธํ มโนหรฺจ โหตีติ อาห ‘‘โจกฺขโจกฺข’’นฺติ. อภินวนิวิฏฺา มหามาตา วธุกา. สา ปน ปุตฺตลาภโยคฺยตํ อุปาทาย มงฺคลวจเนน ‘‘ชนี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา นิยฺยมานํ ปณฺณาการํ ชนิยา หรตีติ ชฺํ. อุภยตฺถาติ อตฺถทฺวเย. ปุนรุตฺตนฺติ อาเมฑิตวจนมาห. น มนาปํ เอตสฺสาติ อมนาโป, ตสฺส ภาโว อมนาปตา, ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโทติ อาห ‘‘อมนาปํ อิทนฺติ…เป… อธิวจน’’นฺติ. พุทฺธเวสตฺตา ลิงฺคสฺส ปริสุทฺธกํสปาติสทิสกา. กุณปรจนํ วิย อิจฺฉาวจเรหิ สนฺตานสฺส ภริตภาโว. โส ปน เตสํ อปฺปหีนตายาติ อาห ‘‘อิจฺฉาวจรานํ อปฺปหาน’’นฺติ.
๖๒. ‘‘เตน คามนฺตวิหารํ อนุคฺคณฺหาตี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อารฺิกตฺต’’นฺติ ปน โปตฺถเก ลิขิตํ. น หิ สุกฺกปกฺเข ปาฬิยํ อารฺิกคฺคหณํ อตฺถิ, สติ จ อิจฺฉาวจรปฺปหาเน คามนฺตวิหาโร เอกนฺเตน น ปฏิกฺขิปิตพฺโพ, อิจฺฉิตพฺโพว ตาทิสานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปฏิจฺฉาทนโต ¶ . ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อปฺปิจฺฉตาสมุฏฺาเนหี’’ติอาทิ. สาลิวรภตฺตรจนํ วิย อิจฺฉาวจรปฺปหานํ มนฺุภาวโต ติตฺติเหตุโต จ.
๖๓. มํ ¶ ตนฺติ จ อุปโยควจนํ ปฏิ-สทฺทโยเคน, อตฺโถ ปน สมฺปทานเมวาติ อาห ‘‘มยฺหํ ตุยฺห’’นฺติ จ. ‘‘สมเย’’ติ ภุมฺมตฺเถ ‘‘สมย’’นฺติ อุปโยควจนํ. คิชฺฌกูฏปณฺฑวอิสิคิลิเวภารเวปุลฺลปพฺพตานํ วเสน สมนฺตโต คิริปริกฺเขเปน. ราชคเหติ สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘ตํ นิสฺสาย วิหรามี’’ติ.
ปุราณยานการปุตฺโตติ ปุราเณ ปพฺพชิตโต ปุพฺเพ ยานการปุตฺโต ตถาปฺาโต. ชิมฺหนฺติ โคมุตฺตกุฏิลํ. เตนาห ‘‘สปฺปคตมคฺคสทิส’’นฺติ. โสติ ปณฺฑุปุตฺโต. อิตโรติ สมิติ. จินฺติตฏฺานเมวาติ จินฺติตจินฺติตฏฺานเมว ตจฺฉติ, ตฺจ โข น ตสฺส จิตฺตานุสาเรน, อถ โข อตฺตโน สุตฺตานุสาเรน ตจฺฉนฺโต ยานการปุตฺโต. จิตฺตนฺติ อตฺตโน จิตฺเตน มม จิตฺตํ ชานิตฺวา วิย.
‘‘น สทฺธาย ปพฺพชิโต’’ติ อิมินาว กมฺมผลสทฺธาย อภาโว เนสํ ปกาสิโตติ อาห ‘‘อสฺสทฺธาติ พุทฺธธมฺมสงฺเฆสุ สทฺธาวิรหิตา’’ติ. ปพฺพชิตานํ ชีวิกา อตฺโถ เอเตสนฺติ ชีวิกตฺถา. เตนาห ‘‘อิณภยาทีหี’’ติอาทิ. เกราฏิกํ วุจฺจติ สาเยฺยํ. สานํ คุณวาณิชกานํ กมฺมํ สาเยฺยนฺติ อาห ‘‘สาเยฺยฺหี’’ติอาทิ. ตุจฺฉสภาเวน มาโน นโฬ วิยาติ นโฬ, มานสงฺขาโต อุคฺคโต นโฬ เอเตสนฺติ อุนฺนฬา. เตนาห ‘‘อุฏฺิตตุจฺฉมานา’’ติ. ลหุกตาย วา จปลา. ผรุสวจนตาย ขรวจนา. ติรจฺฉานกถาพหุลตาย นิรตฺถกวจนปลาปิโน. อสํวุตกมฺมทฺวาราติ อิทํ กมฺมทฺวาราทีนํ อสํวุตภาโว อุปฺปตฺติทฺวารานํ อสํวุตตาย เอว โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. อถ วา ฉสุ อินฺทฺริเยสูติ นิมิตฺเต ภุมฺมํ, ฉสุ อินฺทฺริเยสุ นิมิตฺตภูเตสุ อสํวุตกมฺมทฺวาราติ อตฺโถ. ยา มตฺตาติ โภชเน อยุตฺตปริเยสน-อยุตฺตปฏิคฺคหณ-อยุตฺตปริโภเค วชฺเชตฺวา ยุตฺตปริเยสน-ยุตฺตปฏิคฺคหณ-ยุตฺตปริโภคสงฺขาตา ยา มตฺตา อปฺปมตฺเตหิ ชานิตพฺพา. เตนาห ‘‘ยุตฺตตา’’ติ. ชาคเรติ รตฺตินฺทิวํ อาวรณิเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตปริโสธนสงฺขาเต ชาคเร. เตสํ ชาคริตาย อธิสีลสิกฺขาย คารวรหิตานํ อิตรสิกฺขาสุ ปติฏฺา เอว นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สิกฺขาปเทสุ พหุลคารวา น โหนฺตี’’ติ วตฺวา ตเมว คารวาภาวํ สรูเปน วิภาเวนฺโต ‘‘อาปตฺติวีติกฺกมพหุลา’’ติ อาห.
ปกติยาปิ ¶ ¶ สิทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย กมฺมผลสทฺธาย จ สทฺธา. ปิวนฺติ มฺเ ยถา ตํ ทฺรวภูตํ อมตํ ลทฺธา. ฆสนฺติ มฺเ ยถา ตํ พหลปิณฺฑิกสุธาโภชนํ ลทฺธา. อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรนฺตา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ. ตเมว ปน สาธุการํ หทเย เปตฺวา อพฺภนุโมทนฺตา. เอตฺถ จ อตฺตมนวาจานิจฺฉารณํ ปิวนสทิสํ กตฺวา วุตฺตํ พหิทฺธาภาวโต, มนสา อพฺภนุโมทนํ ปน อพฺภนฺตรภาวโต ฆสนสทิสํ วุตฺตํ. สงฺขาทนชฺโฌหรณฺหิ ฆสนนฺติ. รสฺสฺจ เอกวจนํ โหตีติ อาห ‘‘รสฺเส สติ สาริปุตฺตสฺส อุปริ โหตี’’ติ. ทีฆฺจ พหุวจนํ โหตีติ อาห ‘‘ทีเฆ สติ สพฺรหฺมจารีน’’นฺติ. ‘‘อุปริ โหตี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. อาลสิยพฺยสนาทีหีติ อาลสิเยน วา าติพฺยสนาทีหิ วา. ‘‘มหานาคาติ วุจฺจนฺตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ วิภาเวนฺโต ‘‘ตตฺรา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘น คจฺฉนฺตีติ นาคา, น อาคจฺฉนฺตีติ นาคา, น อาคุํ กโรนฺตีติ นาคา’’ติ โย วิวิโธ วจนตฺโถ อิจฺฉิโต, ตํ วิจาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ฉนฺทาทีหี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ ปน เยฺยาวโพธาย วจนโต อปฺปมตฺตการณํ.
สยเมว อาคุํ น กโรติ สพฺพถา มคฺเคน ปหีนอาคุตฺตา. โส กามโยคาทิเก สพฺพสํโยเค ทสวิธสํโยชนปฺปเภทานิ จ สพฺพพนฺธนานิ วิสชฺช ชหิตฺวา สพฺพตฺถ ยกฺขาทีสุ, สพฺเพสุ วา ภเวสุ เกนจิ สงฺเคน น สชฺชติ ตีหิ จ วิมุตฺตีหิ วิมุตฺโต, ตโต เอว อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺติยา ตาทิ, โส วุตฺตลกฺขเณน ตถตฺตา ตํสภาวตฺตา นาโค ปวุจฺจเตติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ. อฺเหิ ขีณาสวนาเคหิ อคฺคสาวกตฺตา คุณวิเสสโยคโต ปุชฺชตรา จ ปาสํสตรา จ. สมํ อนุโมทิสุนฺติ อฺมฺสฺส สุภาสิตโต สมฺปฏิจฺฉเนน สมปฺปวตฺตโมทตาย สมํ สทิสํ อพฺภนุโมทึสุ. ตํ ปน สมนุโมทนํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา ปาฬิวเสเนว ทสฺเสติ.
สมฺมุติปรมตฺถเทสนากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนงฺคณสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. อากงฺเขยฺยสุตฺตวณฺณนา
๖๔. สมฺปนฺนนฺติ ¶ ¶ ปริปุณฺณํ, สมนฺตโต ปนฺนํ ปตฺตนฺติ สมฺปนฺนํ. เตนาห ‘‘อิทํ ปริปุณฺณสมฺปนฺนํ นามา’’ติ. นนฺติ ‘‘สุวา’’ติ วุตฺตํ สุวคณํ. สมฺปนฺโนติ สมฺมเทว ปนฺโน คโต อุปคโต. เตนาห ‘‘สมนฺนาคโต’’ติ. สมฺปนฺนนฺติ สมฺปตฺติยุตฺตํ. สา ปเนตฺถ รสสมฺปตฺติ อธิปฺเปตา สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต. เตนาห ‘‘เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อเนฬก’’นฺติ, นิทฺโทสนฺติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิทํ มธุรสมฺปนฺนํ นามา’’ติ. สีลสฺส อนวเสสสมาทาเนน อขณฺฑาทิภาวาปตฺติยา จ ปริปุณฺณสีลา. สมาทานโต ปฏฺาย อจฺฉินฺทนโต สีลสมงฺคิโน. สมาทานโต หิ อจฺจนฺตวิโรธิธมฺมานุปฺปตฺติยา สีลสมงฺคิตา เวทิตพฺพา, เจตนาทีนํ ปน สีลนลกฺขณานํ ธมฺมานํ ปวตฺติกฺขเณ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๙) วุตฺตา, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว วิตฺถารกถา เวทิตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
เขตฺตปาริปูรีติ นิสฺสิตปาริปูริยา นิสฺสยปาริปูริมาห นิสฺสิตกมฺมวิปตฺติสมฺปตฺติวิสยตฺตา ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ. ตถา หิ เขตฺเตน ขณฺฑปูติอาทิโทโส วุตฺโต. เขตฺตํ ขณฺฑํ โหตีติ อปริปูรํ โหติ สสฺสปาริปูริยา อภาวโต. เตเนวาห ‘‘สสฺสํ น อุฏฺเตี’’ติ. ปาทมตฺตสฺสปิ อเนกมฺพณผลนโต มหปฺผลํ โหติ. กิสลยปลาลาทิพหุตาย มหานิสํสํ. เอวเมวนฺติ ยถา ขิตฺตํ พีชํ ขณฺฑาทิจตุโทสวเสน อปริปุณฺณํ โหติ, ตทภาเวน จ ปริปุณฺณํ, เอวํ สีลํ ขณฺฑาทิจตุโทสวเสน อปริปุณฺณํ โหติ, ตทภาเวน จ ปริปุณฺณนฺติ, จตุโทสตทภาวสามฺเมว นิทสฺสนนิทสฺสิตพฺพวิปตฺติสมฺปตฺตีสุ ทสฺเสติ. มหปฺผลํ โหติ วิปากผเลน. มหานิสํสนฺติ วิปุลานิสํสํ. สฺวายํ อานิสํโส อิธ ปาฬิยํ นานปฺปกาเรน วิตฺถารียติ.
เอตฺตาวตา กิราติ (อ. นิ. ฏี. ๒.๒.๓๗; อ. นิ. ฏี. ๓.๑๐.๗๑-๗๔) กิร-สทฺโท อรุจิสูจนตฺโถ. เตเนตฺถ อาจริยวาทสฺส อตฺตโน อรุจฺจนภาวํ ทีเปติ. สมฺปนฺนสีลาติ อนามฏฺวิเสสํ สามฺโต สีลสงฺเขเปน คหิตํ. ตฺจ จตุพฺพิธนฺติ อาจริยตฺเถโร ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติ อาห. ตตฺถาติ จตุปาริสุทฺธิสีเล. เชฏฺกสีลนฺติ (สํ. นิ. ฏี. ๓.๕.๔๑๒) ปธานสีลํ. อุภยตฺถาติ อุทฺเทสนิทฺเทเส. อิธ ¶ นิทฺเทเส วิย อุทฺเทเสปิ ปาติโมกฺขสํวโร ภควตา วุตฺโต ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย ¶ . สีลคฺคหณฺหิ ปาฬิยํ ปาติโมกฺขสํวรวเสน อาคตํ. เตนาห ‘‘ปาติโมกฺขสํวโรเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ อวธารเณน อิตเรสํ ติณฺณํ เอกเทเสน ปาติโมกฺขนฺโตคธภาวํ ทีเปติ. ตถา หิ อโนโลกิโยโลกเน อาชีวเหตุ ฉสิกฺขาปทวีติกฺกเม คิลานปจฺจยสฺส อปจฺจเวกฺขิตปริโภเค จ อาปตฺติ วิหิตาติ. ตีณีติ อินฺทฺริยสํวรสีลาทีนิ. สีลนฺติ วุตฺตฏฺานํ นาม อตฺถีติ สีลปริยาเยน เตสํ กตฺถจิ สุตฺเต คหิตฏฺานํ นาม กึ อตฺถิ ยถา ปาติโมกฺขสํวโรติ อาจริยสฺส สมฺมุขตฺตา อปฏิกฺขิปนฺโตว อุปจาเรน ปุจฺฉนฺโต วิย วทติ. เตนาห ‘‘อนนุชานนฺโต’’ติ. ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมวาติ ตสฺส สลฺลหุกภาวมาห จิตฺตาธิฏฺานมตฺเตน ปฏิปากติกภาวาปตฺติโต. อิตรทฺวเยปิ เอเสว นโย. ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกนฺติ ผเลน เหตุํ ทสฺเสติ. อุปฺปาทนเหตุกา หิ ปจฺจยานํ อุปฺปตฺติ. อิทมตฺถนฺติ อิทํ ปโยชนํ อิมสฺส ปจฺจยสฺส ปริภฺุชเนติ อธิปฺปาโย. นิปฺปริยาเยนาติ อิมินา อินฺทฺริยสํวราทีนิ ตีณิ ปธานสฺส สีลสฺส ปริวารวเสน ปวตฺติยา ปริยายสีลานิ นามาติ ทสฺเสติ.
อิทานิ ปาติโมกฺขสํวรสฺเสว ปธานภาวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โสติ ปาติโมกฺขสํวโร. เสสานีติ อินฺทฺริยสํวราทีนิ. ตสฺเสวาติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ เอตฺถ ยํ สีลํ วุตฺตํ, ตสฺเสว. สมฺปนฺนปาติโมกฺขาติ เอตฺถ ปาติโมกฺขคฺคหเณน เววจนํ วตฺวา ตํ วิตฺถาเรตฺวา…เป… อาทิมาห. ยถา อฺถาปิ ‘‘อิธ ภิกฺขุ สีลวา โหตี’’ติ (มหานิ. ๑๙๙) ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย อุทฺทิฏฺํ สีลํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘; มหานิ. ๑๙๙) นิทฺทิฏฺํ.
ปาติโมกฺขสํวรสํวุตาติ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ ลทฺธนาเมน สิกฺขาปทสีเลน ปิหิตกายวจีทฺวารา. เต ปน ยสฺมา เอวํภูตา เตน สมนฺนาคตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคตา’’ติ.
อปโร ¶ นโย (อุทา. อฏฺ. ๓๑; อิติวุ. อฏฺ. ๙๗) – กิเลสานํ พลวภาวโต, ปาปกิริยาย สุกรภาวโต, ปฺุกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน. อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคกฺขิตฺโต ฆฏียนฺตํ วิย อนวฏฺาเนน ปริพฺภมนโต คมนสีโลติ ปาตี, มรณวเสน วา ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปาตนสีโลติ ปาตี, สตฺตสนฺตาโน, จิตฺตเมว วา, ตํ ปาตึ สํสารทุกฺขโต โมกฺเขตีติ ¶ ปาติโมกฺขํ. จิตฺตสฺส หิ วิโมกฺเขน สตฺโต วิมุตฺโตติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ, ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๘) จ.
อถ วา อวิชฺชาทินา เหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาตี. ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๕) หิ วุตฺตํ. ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ‘‘กณฺเกาโล’’ติอาทีนํ วิย สมาสสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขติ ปาติ, จิตฺตํ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺเตน นียติ โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๒). ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ปตติ วา เอเตน อปายทุกฺเข สํสารทุกฺเข จาติ ปาตี, ตณฺหาทิสํกิเลโส. วุตฺตฺหิ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ (สํ. นิ. ๑.๕๗), ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; อ. นิ. ๔.๙) จ อาทิ. ตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.
อถ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาตี, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ. วุตฺตฺหิ ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๐; สุ. นิ. ๑๗๑). ตโต อชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข. อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร. ตโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข. อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ‘‘ปตี’’ติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมกฺโข, ปติโน โมกฺโข เตน ปฺตฺตตฺตาติ ปาติโมกฺโข ¶ . ปาติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. สพฺพคุณานํ วา มูลภาวโต อุตฺตมฏฺเน ปติ จ โส ยถาวุตฺตตฺเถน โมกฺโข จาติ ปาติโมกฺโข. ปาติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติอาทิเมตํ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) วิตฺถาโร.
อถ วา ป-อิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺโข. อิทฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปฺาสหิตฺจ วิกฺขมฺภนวเสน, สมุจฺเฉทวเสน จ อจฺจนฺตํ โมกฺเขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺโข. ปติ ปติ โมกฺโขติ วา ปาติโมกฺโข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมโทสโต ปจฺเจกํ โมกฺโขติ อตฺโถ. ปาติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. โมกฺโข วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปติพิมฺพภูโตติ ปาติโมกฺโข ¶ . สีลสํวโร หิ นิพฺเพธภาคิโย สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฏิภาโค วิย โหติ ยถารหํ กิเลสนิพฺพาปนโตติ ปาติโมกฺโข. ปาติโมกฺโขเยว ปาติโมกฺโข. อถ วา โมกฺขํ ปติ วตฺตติ โมกฺขาภิมุขนฺติ วา ปาติโมกฺขํ. ปาติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวเมตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อาจารโคจรสมฺปนฺนาติ กายิกวาจสิกอวีติกฺกมสงฺขาเตน อาจาเรน เจว นเวสิยโคจรตาทิสงฺขาเตน โคจเรน จ สมฺปนฺนา, สมฺปนฺนอาจารโคจราติ อตฺโถ. อปฺปมตฺเตสูติ อติปริตฺตเกสุ อนาปตฺติคมนีเยสุ, ทุกฺกฏทุพฺภาสิตมตฺเตสูติ อปเร. วชฺเชสูติ คารยฺเหสุ. เต ปน เอกนฺตโต อกุสลสภาวา โหนฺตีติ อาห ‘‘อกุสลธมฺเมสู’’ติ. ภยทสฺสิโนติ ภยโต ทสฺสนสีลา, ปรมาณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ สิเนรุปฺปมาณํ วิย กตฺวา ภายนสีลา. สมฺมา อาทิยิตฺวาติ สมฺมเทว สกฺกจฺจํ สพฺพโส จ อาทิยิตฺวา. สิกฺขาปเทสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมนฺติ สมุทายโต อวยวนิทฺธารณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สิกฺขาปเทสุ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขถา’’ติ อตฺถมาห. สิกฺขาปทเมว หิ สมาทาตพฺพํ สิกฺขิตพฺพฺจาติ อธิปฺปาโย. ยํ กิฺจิ สิกฺขาโกฏฺาเสสูติ สิกฺขาโกฏฺาเสสุ มูลปฺตฺติอนุปฺติสพฺพตฺถปฺตฺติปเทสปฺตฺติอาทิเภทํ ยํ กิฺจิ สิกฺขิตพฺพํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ ปูเรตพฺพํ สีลํ. ตํ ปน ทฺวารวเสน ทุวิธเมวาติ อาห ¶ ‘‘กายิกํ วาจสิกฺจา’’ติ. อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป สิกฺขาปเทสูติ อาธาเร ภุมฺมํ สิกฺขาภาเคสุ กสฺสจิ วิสุํ อคฺคหณโต. เตนาห ‘‘ตํ สพฺพ’’นฺติ.
๖๕. กสฺมา อารทฺธนฺติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๑๐.๗๑-๗๔) เทสนาย การณปุจฺฉา. สีลานิสํสทสฺสนตฺถนฺติ ปโยชนนิทฺเทโส. โก อตฺโถ กฺว อตฺโถ กฺว นิปาติตาติ? นยิทเมวํ ทฏฺพฺพํ. สีลานิสํสทสฺสนตฺถนฺติ หิ เอตฺถ พฺยติเรกโต ยํ สีลานิสํสสฺส อทสฺสนํ, ตํ อิมิสฺสา เทสนาย การณนฺติ กสฺมา อารทฺธนฺติ วิเนยฺยานํ สีลานิสํสสฺส อทสฺสนโตติ อตฺถโต อาปนฺโน เอว โหตีติ. เตนาห ‘‘สเจปี’’ติอาทิ. สีลานิสํสทสฺสนตฺถนฺติ ปน อิมสฺส อตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อานิสํโสติ อุทโย. ‘‘สีลวา สีลสมฺปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคโลกํ อุปปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕) ปน วิปากผลมฺปิ ‘‘อานิสํโส’’ติ วุตฺตํ. โก วิเสโสติ โก ผลวิเสโส. กา วฑฺฒีติ โก อพฺภุทโย. วิชฺชมาโนปิ คุโณ ยาถาวโต วิภาวิโต เอว อภิรุจึ อุปฺปาเทติ, น อวิภาวิโต, ตสฺมา เอกนฺตโต อานิสํสกิตฺตนํ อิจฺฉิตพฺพเมวาติ ทสฺเสตุํ วิสกณฺฏกวาณิโช อุทาหโฏ.
ตตฺถ ¶ คุโฬ นาม อุจฺฉุรสํ ปจิตฺวา จุณฺณาทีหิ มิสฺสิตฺวา สมฺปิณฺฑเน ปิณฺฑีภูตํ. ผาณิตํ อปิณฺฑิตํ ทฺรวีภูตํ. ขณฺฑํ ภิชฺชนกฺขมํ. สกฺขรา นาม ผลิกสทิสา. สกฺขราทีนิติ อาทิ-สทฺเทน มจฺฉณฺฑิกานํ สงฺคโห. ตสฺมึ กาเล คุฬาทีสุ วิสกณฺฏกโวหาโร อปจฺจนฺตเทเส ปจุโรติ ‘‘ปจฺจนฺตคามํ คนฺตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ทารเก จ ปลาเปสุํ ‘‘วิสกณฺฏกํ มา คณฺหนฺตู’’ติ.
ปิโยติ ปิยายิตพฺโพ. ปิยสฺส นาม ทสฺสนํ เอกนฺตโต อภินนฺทิตพฺพํ โหตีติ อาห ‘‘วิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตพฺโพ’’ติ. ปีติสมุฏฺานปสนฺนโสมฺมรูปปริคฺคหฺหิ จกฺขุ ‘‘ปิยจกฺขู’’ติ วุจฺจติ. เตสนฺติ สพฺรหฺมจารีนํ. มนวฑฺฒนโกติ ปีติมนสฺส ปริพฺรูหนโต อุปรูปริ ปีติจิตฺตสฺส อุปฺปาทโก. ครุฏฺานิโยติ ครุกรณสฺส านภูโต. ชานํ ชานาตีติ าเณน ชานิตพฺพํ ชานาติ. ยถา วา อฺเ อชานนฺตาปิ ชานนฺตา วิย ปวตฺตนฺติ, น เอวมยํ, อยํ ปน ชานนฺโต เอว ชานาติ ¶ . ปสฺสํ ปสฺสตีติ ทสฺสนภูเตน ปฺาจกฺขุนา ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติ, ปสฺสนฺโต เอว วา ปสฺสติ. เอวํ สมฺภาวนีโยติ เอวํ วิฺุตาย ปณฺฑิตภาเวน สมฺภาเวตพฺโพ.
สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ สีเลสุ ปริปูรการี เอว ภเวยฺยาติ เอวํ อุตฺตรปทาวธารณํ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ อิมินา ปเทน อุปริสิกฺขาทฺวยํ อนิวตฺติตเมว โหติ. ยถา ปน สีเลสุ ปริปูรการี นาม โหติ, ตํ ผเลน ทสฺเสตุํ ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วิปสฺสนาธิฏฺานสมาธิสํวตฺตนิกตาย หิ อิธ สีลสฺส ปาริปูรี, น เกวลํ อขณฺฑาทิภาวมตฺตํ. เตนาห ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ อขณฺฑานิ…เป… สมาธิสํวตฺตนิกานี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริ สิกฺขาทฺวยํ สีลสฺส สมฺภารภาเวน คหิตนฺติ สีลสฺเสเวตฺถ ปธานคฺคหณํ สิทฺธํ โหติ. ตถา หิ จิตฺเตกคฺคตาสงฺขารปริคฺคหานํ สีลสฺสานุรกฺขณภาวํ วกฺขติ. ยํ ปน วกฺขติ ‘‘สิกฺขตฺตยเทสนา ชาตา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๖๕), ตํ อิตราสมฺปิ สิกฺขานํ อิธ คหิตตามตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปธานภาเวน คหิตตํ. ยทิ เอวํ กถํ สีลสฺส อปฺปมตฺตกตาวจนํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, โอรมตฺตก’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๗). ตํ ปุถุชฺชนโคจรํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตถา หิ ตตฺถ น นิปฺปเทสโต สีลํ วิภตฺตํ, เอวํ กตฺวา ตตฺถ สีลมตฺตกนฺติ มตฺตคฺคหณํ สมตฺถิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อนูเนนาติ อขณฺฑาทิภาเวน, กสฺสจิ วา อหาปเนน อุปปนฺเนน. อากาเรนาติ กรเณน สมฺปาทเนน. จิตฺตสมเถติ จิตฺตสมาธาเน. ยุตฺโตติ อวิยุตฺโต ปสุโต. โย สพฺเพน สพฺพํ ฌานภาวนํ อนนุยุตฺโต, โส ตํ พหิ นีหรติ นาม. โย อารภิตฺวา อนฺตรา สงฺโกจํ อาปชฺชติ ¶ , โส ตํ วินาเสติ นาม. โย ปน อีทิโส อหุตฺวา ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, โส อนิรากตชฺฌาโนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘พหิ อนีหฏชฺฌาโน’’ติอาทิมาห.
อนิจฺจสฺส เตภูมกธมฺมสฺส, อนิจฺจนฺติ วา อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา. ตถา ทุกฺขานุปสฺสนา อนตฺตานุปสฺสนา จ. ตสฺเสว นิพฺพินฺทนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา นิพฺพิทานุปสฺสนา. วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา วิราคานุปสฺสนา. นิโรธสฺส อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา. ปฏินิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา. สฺุาคารคโต ภิกฺขุ ตตฺถ ลทฺธกายวิเวกตาย สมถวิปสฺสนาวเสน จิตฺตวิเวกํ ¶ ปริพฺรูเหนฺโต ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา โลกํ สาสนฺจ อตฺตโน วิเสสาธิคมฏฺานภูตํ สฺุาคารฺจ อุปโสภยมาโน คุณวิเสสาธิฏฺานภาวาปาทเนน วิฺูนํ อตฺถโต ตํ พฺรูเหนฺโต นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘พฺรูเหตา สฺุาคาราน’’นฺติ. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. อยเมว สฺุาคารานุพฺรูหนวิฺุปฺปสตฺถานํ ภาชนํ, น เสนาสนปติฏฺาปนนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอกภูมกาทิ…เป… ทฏฺพฺโพ’’ติ. สฺุาคารคฺคหเณน เจตฺถ อรฺรุกฺขมูลาทิ สพฺพํ ปธานานุโยคกฺขมํ เสนาสนํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ตณฺหาวิจริตเทสนาติ ‘‘อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทายา’’ติ (วิภ. ๙๓๗) อาทินยปฺปวตฺตํ ตณฺหาวิจริตสุตฺตํ. ตณฺหาปทฏฺานตฺตาติ ตณฺหาสนฺนิสฺสยตฺตา. น หิ ตณฺหาวิรหิตา มานทิฏฺิปวตฺติ อตฺถิ. มานทิฏฺิโย โอสริตฺวาติ ทสฺเสตพฺพตาย มานทิฏฺิโย โอคาเหตฺวาติ อตฺโถ. คหณตฺถเมว หิ เทเสตพฺพธมฺมสฺส เทสนาย โอสรณํ. ตณฺหามานทิฏฺิโย ปปฺจตฺตยํ สตฺตสนฺตานสฺส สํสาเร ปปฺจนโต อนุปฺปพนฺธนวเสน วิตฺถารณโต. สีลปทฏฺานตฺตาติ สีลาธิฏฺานตฺตา.
อธิจิตฺตสิกฺขา วุตฺตาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. วิปสฺสนาวเสน สฺุาคารวฑฺฒเนติ โยชนา. ทฺเวปิ สิกฺขาติ อธิจิตฺตาธิปฺาสิกฺขา. สงฺคเหตฺวาติ อธิสีลสิกฺขาย สทฺธึ สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. ยทิ เอวมยํ สิกฺขตฺตยเทสนา ชาตาติ สิกฺขตฺตยานิสํสปฺปกาสนี สิยาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อินฺทฺริยสํวโร วิย ปาติโมกฺขสํวรสฺส จตุปาริสุทฺธิสีลสฺส อารกฺขภูตา จิตฺเตกคฺคตา วิปสฺสนา จ อิธ คหิตาติ ตทุภยํ อปฺปธานํ, สีลเมว ปน ปธานภาเวน คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘สีลานุรกฺขิกา เอวา’’ติอาทิ.
พลวตรสุขนฺติ ¶ สมุปฺปนฺนพฺยาธิทุกฺขโต พลวตรํ, ตํ อภิภวิตุํ สมตฺถํ ฌานสุขํ อุปฺปชฺชติ. พลวมมตฺตํ โหติ, เตน ทฬฺหอตฺตสิเนเหน วิลุตฺตหทโย กุสลธมฺเม ฉฑฺเฑนฺโต โส ตถารูเปสุ…เป… โปเสตา โหติ. พลวมมตฺตํ วา สิเนโห น โหติ ‘‘สุทฺโธ สงฺขารปฺุโช’’ติ ยาถาวทสฺสเนน ¶ อหํการมมํการาภาวโต. ทุพฺภิกฺขภเย ขุทาภิภวํ สนฺธายาห ‘‘สเจปิสฺส อนฺตานิ พหิ นิกฺขมนฺตี’’ติ. พฺยาธิภยํ สนฺธายาห ‘‘อุสฺสุสฺสติ วิสุสฺสนี’’ติ. อาทิ-สทฺเทน คหิตํ โจรภยํ สนฺธายาห ‘‘ขณฺฑาขณฺฑิโก วา’’ติ. อุภยสฺสาติ สมถวิปสฺสนาทฺวยสฺส. เอตฺถ จ ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโต…เป… สฺุาคาราน’’นฺติ อิเมหิ วิเสสนิพฺเพธภาคิยภาวาปาทเนน สีลํ รกฺขิตุํ สมตฺถา เอว จิตฺเตกคฺคตาวิปสฺสนา คหิตา. ยสฺมา ปรโต ฌานวิโมกฺขผลาภิฺาณอธิฏฺานภาโว สีลสฺส อุทฺธโฏ, ตสฺมา ตสฺส ภิยฺโยปิ สมฺภารภูตา เอว จิตฺเตกคฺคตา วิปสฺสนา ตตฺถ ตตฺถ คหิตาติ เวทิตพฺพา.
สีลาทีติ อาทิ-สทฺเทน ยถาวุตฺตจิตฺเตกคฺคตาวิปสฺสนา สงฺคณฺหาติ, สีลสฺส วา มูลการณภูตํ สพฺพํ กมฺมสฺสกตาณฺจ สงฺคณฺหาติ กมฺมปถสมฺมาทิฏฺึ วา. สีลฺหิ ตทฺมฺปิ ปฺุกิริยาวตฺถุ เตเนว ปริโสธิตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสนฺติ. ลาภี อสฺสนฺติ ลาภา สาย สํวรณสีลปริปูรณํ ปาฬิยํ อาคตํ กิมีทิสํ ภควา อนุชานาตีติ? น ภควา สภาเวน อีทิสํ อนุชานาติ, มหาการุณิกตาย ปน ปุคฺคลชฺฌาสเยน เอวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เจตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ฆาเสสนํ ฉินฺนกโถ น วาจํ ปยุตฺตํ ภเณติ ฉินฺนกโถ มูโค วิย หุตฺวา โอภาสปริกถานิมิตฺตวิฺตฺติปยุตฺตํ ฆาเสสนํ วาจํ น ภเณ น กเถยฺยาติ อตฺโถ. ปุคฺคลชฺฌาสยวเสนาติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘เยสฺหี’’ติอาทิมาห. รโส สภาวภูโต อานิสํโส รสานิสํโส.
ปจฺจยทานการาติ จีวราทิปจฺจยวเสน ทานการา. ‘‘เทวานํ วา’’ติ วุตฺตวจนํ ปากฏีกาตุมาห ‘‘เทวาปี’’ติอาทิ. ‘‘ปฺจิเม คหปตโย อานิสํสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๕๐) อนิสํสสทฺโท ผลปริยาโยปิ โหตีติ อาห ‘‘อุภยเมตํ อตฺถโต เอก’’นฺติ.
สสฺสุสสุรา จ ตปฺปกฺขิกา จ สสฺสุสสุรปกฺขิกา. เต าติโยนิสมฺพนฺเธน อาวาหวิวาหสมฺพนฺธวเสน สมฺพนฺธา าตี. สาโลหิตาติ โยนิสมฺพนฺธวเสน. เอกโลหิตสมฺพทฺธาติ เอเกน สมาเนน โลหิตสมฺพนฺเธน สมฺพทฺธา. เปจฺจภาวํ คตาติ เปตูปปตฺติวเสน นิพฺพตฺตึ ¶ อุปคตา. เต ปน ยสฺมา อิธ กตกาลกิริยา กาเลน กตชีวิตุปจฺเฉทา โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กาลกตา’’ติ. ปสนฺนจิตฺโตติ ปสนฺนจิตฺตโก. กาลกโต ¶ ปิตา วา มาตา วา เปตโยนึ อุปปนฺโนติ อธิการโต วิฺายตีติ วุตฺตํ ‘‘มหานิสํสเมว โหตี’’ติ, ตสฺส ตถา สีลสมฺปนฺนตฺตาติ อธิปฺปาโย. อริยภาเว ปน สติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เตนาห ‘‘อเนกานิ กปฺปสตสหสฺสานี’’ติอาทิ. พหุการนฺติ พหุปการํ. อุปสงฺกมนนฺติ อภิวาทนาทิวเสน อุปคมนํ. ปยิรุปาสนนฺติ อุปฏฺานนฺติ.
๖๖. อชฺโฌตฺถริตาติ มทฺทิตา. อุกฺกณฺาติ ริฺจนา อนภิรติ อนนุโยโค. สีลวา ภิกฺขุ อตฺตโน สีลขณฺฑภเยน สมาหิโต วิปสฺสโก จ ปจฺจยฆาเตน อรติยา รติยา จ สหิตา อภิภวิตาว โหตีติ อาห ‘‘สีลาทิคุณยุตฺเตเนวา’’ติอาทิ.
จิตฺตุตฺราโส ภายตีติ ภยํ. อารมฺมณํ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ. ปุริมวารสทิสตฺตา วุตฺตนยเมวาติ อติทิสิตฺวาปิ ปุน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สีลาทิคุณยุตฺโต หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เถรสฺส เหฏฺา นิสินฺนตฺตา เทวตาย ทารกา สกภาเวน สณฺาตุํ สุเขน วตฺติตุํ อสกฺโกนฺตา อสมตฺถา.
อธิกํ เจโตติ อภิเจโต, อุปจารชฺฌานจิตฺตํ. ตสฺส ปน อธิกตา ปากติกกามาวจรจิตฺเตหิ สุนฺทรตาย สปฏิปกฺขโต วิสุทฺธิยา จาติ อาห ‘‘อภิกฺกนฺตํ วิสุทฺธิจิตฺต’’นฺติ. อธิจิตฺตนฺติ สมาธิมาห, โส จ อุปจารสมาธิ ทฏฺพฺโพ. วิเวกชํ ปีติสุขํ, สมาธิชํ ปีติสุขํ, อปีติชํ ฌานสุขํ, สติปาริสุทฺธิชํ ฌานสุขนฺติ จตุพฺพิธมฺปิ ฌานสุขํ ปฏิปกฺขโต นิกฺขนฺตตํ อุปาทาย ‘‘เนกฺขมฺมสุข’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘เนกฺขมฺมสุขํ วินฺทนฺตี’’ติ. อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถติ อิมินา เตสุ ฌาเนสุ สมาปชฺชนวสีภาวมาห, ‘‘นิกามลาภี’’ติ ปน วจนโต อาวชฺชนาธิฏฺานปจฺจเวกฺขณวสิโยปิ วุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพา. สุเขเนว ปจฺจนีกธมฺเม วิกฺขมฺเภตฺวาติ เอเตน เตสํ ฌานสุขขิปฺปาภิฺตฺจ ทสฺเสติ. วิปุลานนฺติ เวปุลฺลํ ปาปิตานํ. ฌานานํ วิปุลตา นาม สุภาวิตภาเวน จิรตรปฺปตฺติ, สา จ ปริจฺเฉทานุรูปาว อิจฺฉิตพฺพฺพาติ ‘‘วิปุลาน’’นฺติ วตฺวา ‘‘ยถาปริจฺเฉเทเยว วุฏฺาตุํ สมตฺโถติ วุตฺตํ โหตี’’ติ ¶ อาห. ปริจฺเฉทกาลฺหิ อปฺปตฺวาว วุฏฺหนฺโต อกสิรลาภี น โหติ ยาวทิจฺฉกํ ปวตฺเตตุํ อสมตฺถตฺตา. อิทานิ เตเยว ยถาวุตฺเต สมาปชฺชนาทิวสีภาเว พฺยติเรกวเสน วิภาเวตุํ ‘‘เอกจฺโจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ลาภีเยว โหตีติ อิทํ ปฏิลทฺธมตฺตสฺส ฌานสฺส วเสน วุตฺตํ. ตถาติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ. ปาริพนฺธิเกติ วสีภาวสฺส ปจฺจนีกธมฺเม. ฌานาธิคมสฺส ปน ปจฺจนีกธมฺมา ปเคว วิกฺขมฺภิตา, อฺถา ฌานาธิคโม เอว น สิยา. กิจฺเฉน วิกฺขมฺเภตีติ กิจฺเฉน วิโสเธติ. กามาทีนวปจฺจเวกฺขณาทีหิ กามจฺฉนฺทาทีนํ วิย ¶ อฺเสมฺปิ สมาธิปาริพนฺธิกานํ ทูรสมุสฺสารณํ อิธ วิกฺขมฺภนํ วิโสธนฺจาติ เวทิตพฺพํ. นาฬิกายนฺตนฺติ กาลมานนาฬิกายนฺตํ อาห.
วิเสเสน รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ สพฺพโส วสีภาวาปาทิตํ อภิฺาปาทกนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อภิฺาปาทเก ฌาเน วุตฺเต’’ติ. อรูปชฺฌานมฺปิ ปน อธิฏฺานตาย ปาทกเมว จุทฺทสธา จิตฺตปริทมเนน วินา ตทภาวโต. ‘‘เอวมภิฺาปาทเก รูปาวจรชฺฌาเน วุตฺเต รูปาวจรตาย กิฺจาปิ อภิฺานํ โลกิยวาโร อาคโต’’ติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. นนฺติ อภิฺาวารํ. จตฺตาริ…เป… อริยมคฺคา สีลานํ อานิสํโส สมฺปนฺนสีลสฺเสว ลาภโต. ปริยาทิยิตฺวาติ คเหตฺวา.
องฺคสนฺตตายาติ นีวรณาทีนํ ปจฺจนีกธมฺมานํ สุทูรตรภาเวน ฌานงฺคานํ วูปสนฺตตาย, นิพฺพุตสพฺพทรถปริฬาหตายาติ อตฺโถ, ยโต เตสํ ฌานานํ ปณีตตราทิภาโว. อารมฺมณสนฺตตายาติ รูปปฏิฆาทิวิคมเนน สณฺหสุขุมาทิภาวปฺปตฺตสนฺตภาเวน. ยทคฺเคน หิ เนสํ ภาวนาภิสมยสพฺภาวิตสณฺหสุขุมาการานิ อารมฺมณานิ สนฺตานิ, ตทคฺเคน ฌานงฺคานํ สนฺตตา เวทิตพฺพา. อารมฺมณสนฺตตาย สนฺตตา โลกุตฺตรธมฺมารมฺมณาหิ ปจฺจเวกฺขณาหิ ทีเปตพฺพา. วิมุตฺตา วิเสเสน มุตฺตา. เย หิ ฌานธมฺมา ตถาปวตฺตปุพฺพภาคภาวนาหิ ตพฺพิเสสตาย สาติสยํ ปฏิปกฺขธมฺเมหิ วิมุตฺติวเสน ปวตฺตนฺติ, ตโต เอว ตถาวิมุตฺตตาย ปิตุ องฺเก วิสฺสฏฺองฺคปจฺจงฺโค วิย กุมาโร นิราสงฺกภาเวน อารมฺมเณ อธิมุตฺตา จ ปวตฺตนฺติ, เต วิโมกฺขาติ วุจฺจนฺติ. เตนาห ‘‘วิโมกฺขาติ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุตฺตตฺตา อารมฺมเณ จ อธิมุตฺตตฺตา’’ติ ¶ . ยทิปิ อารมฺมณสมติกฺกมวเสน ปตฺตพฺพานิ อารุปฺปานิ, น องฺคาติกฺกมวเสน, ตถาปิ ยสฺมา อารมฺมเณ อวิรตฺตสฺส ฌานสมติกฺกโม น โหติ, สมติกฺกนฺเตสุ จ ฌาเนสุ อารมฺมณํ สมติกฺกนฺตเมว โหติ, ตสฺมา อารมฺมณสมติกฺกมํ อวตฺวา ‘‘รูปาวจรชฺฌาเน อติกฺกมิตฺวา’’ติ อิจฺเจว วุตฺตํ. อติกฺกมฺม รูเปติ ปาฬิยํ ‘‘สมฺปาเทตพฺพา, ปสฺสิตพฺพา’’ติ วา กิฺจิ ปทํ อิจฺฉิตพฺพํ, อสุตปริกปฺปเนน ปน ปโยชนํ นตฺถีติ ‘‘สนฺตาติ ปทสมฺพนฺโธ’’ติ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา เตน วิราคภาเวน เตสํ สนฺตตาติ อยมฺปิ อตฺโถ วิภาวิโต โหติ. รูปชฺฌานาทีนํ วิย นตฺถิ เอเตสํ อารมฺมณภูตํ วา ผลภูตํ วา รูปนฺติ อรูปา. อรูปา เอว อารุปฺปา. เตนาห ‘‘อารมฺมณโต จ วิปากโต จ รูปวิรหิตา’’ติ. นามกาเยนาติ สหชาตนามสมูเหน.
๖๗. สํโยเชนฺตีติ พนฺธนฺติ. เกหีติ อาห ‘‘ขนฺธคตี’’ติอาทิ. อสมุจฺฉินฺนราคาทิกสฺส ¶ หิ ขนฺธาทีนํ อายตึ ขนฺธาทีหิ สมฺพนฺโธ, สมุจฺฉินฺนราคาทิกสฺส ปน ตํ นตฺถิ กตานมฺปิ กมฺมานํ อสมตฺถภาวาปตฺติโตติ. ราคาทีนํ อนฺวยโต จ สํโยชนฏฺโ สิทฺโธติ อาห ‘‘ขนฺธคติ…เป… วุจฺจนฺตี’’ติ. ปริกฺขเยนาติ สมุจฺเฉเทน สพฺพโส อายตึ อนุปฺปชฺชเนน. ปฏิปกฺขธมฺมานํ อนวเสสโต สวนโต ปีฬนโต โสโต, อริยมคฺโคติ อาห ‘‘โสโตติ จ มคฺคสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. ตํ โสตํ อาทิโต ปนฺโน อธิคจฺฉีติ โสตาปนฺโน, อฏฺมโก. เตนาห ‘‘ตํสมงฺคีปุคฺคลสฺสา’’ติ, ปมมคฺคกฺขเณ ปุคฺคลสฺสาติ อธิปฺปาโย. อิธ ปน ปนฺน-สทฺโท ‘‘ผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๕๙) วิย วตฺตมานกาลิโกติ อาห ‘‘มคฺเคน ผลสฺส นามํ ทินฺน’’นฺติ. อภีตกาลิกตฺเต ปน สรสโตว นามลาโภ สิยา. วิรูปํ สทุกฺขํ สอุปายาสํ นิปาเตตีติ วินิปาโต, อปายทุกฺเข ขิปนโก. ธมฺโมติ สภาโว. เตนาห ‘‘อตฺตาน’’นฺติอาทิ. กสฺมาติ อวินิปาตธมฺมตาย การณํ ปุจฺฉติ. อปายํ คเมนฺตีติ อปายคมนียา. สมฺพุชฺฌตีติ สมฺโพธิ, อริยมคฺโค. โส ปน ปมมคฺคสฺส อธิคตตฺตา อวสิฏฺโ เอว อธิคนฺธพฺพภาเวน อิจฺฉิตพฺโพติ อาห ‘‘อุปริมคฺคตฺตย’’นฺติ.
วณฺณภณนตฺถํ วุตฺตานิ,น ปหาตพฺพานีติ อธิปฺปาโย. โอฬาริกานํ ราคาทีนํ สมุจฺฉินฺทนวเสน ปวตฺตมาโน ทุติยมคฺโค อวสิฏฺานํ เตสํ ตนุภาวาปตฺติยา ¶ อุปฺปนฺโน นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา’’ติ. อธิจฺจุปฺปตฺติยาติ กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชเนน. ปริยุฏฺานมนฺทตายาติ สมุทาจารมุทุตาย. อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ ตชฺชสฺส อโยนิโสมนสิการสฺส อนิพทฺธภาวโต. มนฺทมนฺทา อุปฺปชฺชนฺติ วิปลฺลาสานํ ตปฺปจฺจยานฺจ โมหมานาทีนํ มุทุตรภาวโต. พหลาว อุปฺปชฺชนฺติ วตฺถุปฏิเสวนโตติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ.
สกึ อาคมนธมฺโมติ ปฏิสนฺธิวเสน สกึเยว อาคมนสภาโว. เอกวารํเยว…เป… อาคนฺตฺวาติ อิมินา ปฺจสุ สกทาคามีสุ จตฺตาโร วชฺเชตฺวา เอโกเยว คหิโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โยปิ หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยฺวายํ ปฺจมโก สกทาคามี ‘‘อิธ มคฺคํ ภาเวตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต, ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ปุน อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายตี’’ติ วุตฺโต, ตสฺส เอกพีชินา สทฺธึ กึ นานากรณนฺติ? เอกพีชิสฺส เอกา ปฏิสนฺธิ, สกทาคามิสฺส ทฺเว ปฏิสนฺธิโยติ อิทํ เตสํ นานากรณํ. ยสฺส หิ โสตาปนฺนสฺส เอกํเยว ขนฺธพีชํ, น เอกํ อตฺตภาวคฺคหณํ, โส เอกพีชีติ.
เหฏฺาติ ¶ ‘‘อมหคฺคตภูมิย’’นฺติ เหฏฺา สมฺพนฺธเนน. เหฏฺาภาคสฺส หิตาติ เหฏฺาภาคิยา, เตสํ. ตานีติ โอรพฺภาคิยสํโยชนานิ. กามาวจเร นิพฺพตฺตติเยว อชฺฌตฺตํ สํโยชนตฺตา. ตถา เหส ทูรโตปิ อาวตฺติธมฺโม เอวาติ ทสฺเสตุํ คิลพฬิสมจฺฉาทโย อุปมาภาเวน วุตฺตา. โอปปาติโกติ อิมินา คพฺภวาสทุกฺขาภาวมาห. ตตฺถ ปรินิพฺพายีติ อิมินา เสสทุกฺขาภาวํ. ตตฺถ ปรินิพฺพานตา จสฺส กามโลเก ขนฺธพีชสฺส อปุนาโรหวเสเนวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนาวตฺติธมฺโม’’ติ วุตฺตํ.
๖๘. เกวลาติ โลกิยาภิฺาหิ อสมฺมิสฺสา. โลกิยปฺจาภิฺาโยปิ สีลานํ อานิสํโส ตทวินาภาวโต. ตาปิ ทสฺเสตุํ อากงฺเขยฺย เจ…เป… เอวมาทิมาหาติ โยชนา. อาสวานํ อนวเสสปฺปหานโต อรหตฺตมคฺโคเยว วิเสสโต ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ วุตฺตํ ‘‘อาสวกฺขเย กถิเต’’ติ, อฺถา สพฺพาปิ ฉฬภิฺา อาสวกฺขโย เอวาติ. อิเมสํ คุณานนฺติ โลกิยาภิฺานํ ¶ . ยถา ปุริสสฺส มุณฺฑิตํ สีสํ สิขาวิรหิตตฺตา น โสภติ, เอวํ เทสนาย สีสภูตาปิ อคฺคมคฺคกถา โลกิยาภิฺารหิตา น โสภตีติ อาห ‘‘อยํ กถา มุณฺฑาภิฺากถา นาม ภเวยฺยา’’ติ. อิทฺธิวิกุพฺพนาติ อิทฺธิ จ วิกุพฺพนา จ. วิกุพฺพนคฺคหเณน เจตฺถ วิกุพฺพนิทฺธิมาห, อิทฺธิคฺคหเณน ตทฺํ สพฺพฺจ อภิฺากิจฺจํ. ยุตฺตฏฺาเนเยวาติ โลกิยาภิฺานํ นิพฺพตฺตนสฺส วิย เทสนาย ยุตฺตฏฺาเนเยว. เอเตน น เกวลํ เทสนกฺกเมเนวายํ เทสนา, อถ โข ปฏิปตฺติกฺกเมนปีติ ทสฺเสติ. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๓๖๙) วุตฺตา, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
๖๙. อาสวานํ ขยาติ เหฏฺิมมคฺเคน เขปิตาวสิฏฺานํ อาสวานํ อรหตฺตมคฺเคน สมุจฺฉินฺทนโต. ยสฺมา อรหตฺตมคฺโค น เกวลํ อาสเวเยว เขเปติ, อถ โข อวสิฏฺเ สพฺพกิเลเสปิ, ตสฺมา อาห ‘‘สพฺพกิเลสานํ ขยา’’ติ. ลกฺขณมตฺตฺเหตฺถ อาสวคฺคหณํ, อาสวานํ อารมฺมณภาวสฺสปิ อนุปคมนโต อนาสวํ. ยสฺมา ปน ตตฺถ อาสวานํ เลโสปิ นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อาสววิรหิต’’นฺติ. สมาธิ วุตฺโต เจโตสีเสน ยถา ‘‘จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๑.๙) อธิปฺปาโย. ราคโต วิมุตฺตตฺตา อวิชฺชาย วิมุตฺตตฺตาติ อิทํ อุชุวิปจฺจนีกปฏิปฺปสฺสทฺธิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ, น ตทฺเสํ ปาปธมฺมานํ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา. อิทานิ ตเมว สมาธิปฺานํ ราคาวิชฺชาปฏิปกฺขตํ อาคเมน ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตํ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สมถผลนฺติ สมถสฺส ผลํ โลกิยสมถภาวนาย หิ วิปสฺสนาคตาย อาหิตผลสฺส โลกุตฺตรสมถสฺส สริกฺขกผโล เจโตวิมุตฺติ. วิปสฺสนาผลนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อตฺตโนเยวาติ สุตมยาณาทินา วิย ปรปจฺจยตํ ¶ นยคฺคาหฺจ มฺุจิตฺวา ปรโตโฆสานุคตภาวนาธิคมภูตตาย อตฺตโนเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา สยมฺภุาณภูตายาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อปรปฺปจฺจเยน ตฺวา’’ติ.
สพฺพมฺปิ ตนฺติ สพฺพมฺปิ สตฺตรสวิธํ ตํ ยถาวุตฺตํ สีลานิสํสํ. ยถา อานิสํสวนฺเต สมฺมเทว สมฺปาทิเต ตทานิสํสา ทสฺสิตา เอว โหนฺติ ตทายตฺตภาวโต, เอวํ อานิสํสปธานโยคฺยภาเวน ทสฺสิเต ¶ ตทานิสํสา ทสฺสิตา เอว โหนฺตีติ อาห ‘‘สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสนฺโต’’ติ. วุตฺตสฺเสว อตฺถสฺส ปุนวจนํ นิคมนนฺติ วุตฺตํ ‘‘นิคมนํ อาหา’’ติ. ปุพฺเพติ เทสนารมฺเภ. เอวํ วุตฺตนฺติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ เอวมาทินา อากาเรน วุตฺตํ. อิทํ สพฺพมฺปีติ อิทํ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติอาทิกํ สพฺพมฺปิ วจนํ. เอตํ ปฏิจฺจาติ เอตํ สมฺปนฺนสีลสฺส ภิกฺขุโน ยถาวุตฺตสตฺตรสวิธานิสํสภาคิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิทเมว หิ ‘‘อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ วจนํ สนฺธาย ‘‘สพฺพมฺปิ ตํ สีลานิสํสํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสนฺโต’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถอาทิโต ฉหิ อานิสํเสหิ ปริตฺตภูมิกา สมฺปตฺติ คหิตา, ตทนฺตรํ ปฺจหิ โลกิยาภิฺาหิ จ มหคฺคตภูมิกา, อิตเรหิ โลกุตฺตรภูมิกาติ เอวํ จตุภูมิกสมฺปทานิสํสสีลํ นาเมตํ มหนฺตํ มหานุภาวํ, ตสฺมา ตํสมฺปาทเน สกฺกจฺจการิตา อปฺปมตฺเตน ภวิตพฺพํ.
อากงฺเขยฺยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. วตฺถสุตฺตวณฺณนา
๗๐. ฉาเทตพฺพํ ¶ านํ วสติ ปฏิจฺฉาเทตีติ วตฺถํ. ยํ สมานํ วิย น สพฺพโส มิโนติ, มานสฺส ปน สมีเป, ตํ อุปมานํ. อุปมียติ เอตายาติ อุปมา, อุปมาย โพธกวจนํ อุปมาวจนํ. กตฺถจิ สุตฺเต. อตฺถนฺติ อุปมิยตฺถํ. ปมํ อุปมํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อตฺถํ วตฺวา ปุน อุปมํ วทนฺโต ‘‘อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสตี’’ติ วุตฺโต. อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิทานิ เต จตฺตาโรปิ ปกาเร สุตฺเต อาคตนเยเนว ทสฺเสนฺโต ‘‘เสยฺยถาปิสฺสุ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ทฺเว อคาราติ ทฺเว ปฏิวิสฺสกฆรา. สทฺวาราติ สมฺมุขทฺวารา.
สฺวายนฺติ โส อยํ เอวํ อุปมาทสฺสนวเสนปิ นานานเยนปิ ธมฺมเทสโก ภควา. เอกจฺจานํ เวเนยฺยานํ อตฺถสฺส สุขาวโพโธ ปมํ อุปมาทสฺสเน เหตุ, เอวํ ปมํ อตฺถทสฺสเน, อุปมาย อตฺถปริวารเณ, อตฺเถน อุปมาปริวารเณ จา’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ ¶ อิมินา. ธมฺมธาตุยาติ สพฺพฺุตฺาณสฺส. ตฺหิ ธมฺมธาตุปริยาปนฺนตฺตา ยถาวุตฺตธมฺเม จ สพฺเพปิ เยฺยธมฺเม จ ปทหติ ยถาสภาวโต พุชฺฌติ โพเธติ จาติ ธาตุ, ธียนฺติ วา ธมฺมา เอตาย สพฺพาการโต ายนฺติ าปิยนฺติ จาติ ธมฺมธาตุ. ตสฺสา ปน สุฏฺุ สจฺจสมฺปฏิเวธวเสน ลทฺธตฺตา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตาติ, ยทคฺเคน วา เยฺยํ ตาย สุปฺปฏิวิทฺธํ, ตทคฺเคน สาปิสฺส สุปฺปฏิวิทฺธา เอวาติ อาห ‘‘สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา’’ติ.
ปกติปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺภาวทสฺสนตฺถํ สํกิลิฏฺวตฺถทสฺสนนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปกติปริสุทฺธํ วตฺถ’’นฺติ. รชาทินาติ เอตฺถรโช นาม เรณุ. อาทิ-สทฺเทน อณุตชฺชาริธูมาทิกํ วตฺถสฺส อปริสุทฺธิการณํ สงฺคณฺหาติ. สพฺพโส กิลิสฺสติ วินสฺสติ วิสุทฺธิ เอเตนาติ สํกิเลโส, เตน สํกิเลเสน ปํสุรชาทินา สํกิลิฏฺํ วณฺณวินาสเนน วิทูสิตํ. มลํ มสิ. ชลฺลิกา วุจฺจติ โลณปฏลาทิ ฉวิยา อุปริ ิตํ สรีรมลํ. อาทิสทฺเทน สรีรชลฺลเมว อสฺสุเขฬสิงฺฆาณิกาทิกํ ตทฺมลํ สงฺคณฺหาติ. คหิตตฺตาติ ปริโยนนฺธนวเสน คหิตตฺตา. รชนฺติ สตฺตา เตนาติ รงฺคํ, รงฺคเมว รงฺคชาตํ ยถา โกปเมว โกปชาตํ. อุปนาเมยฺยาติ ปกฺขิเปยฺย. นีลกตฺถายาติ นีลวณฺณตฺถาย. ปลาสนีลาทิเกติ อาทิ-สทฺเทน กาฬสามาทึ สงฺคณฺหาติ. หลิทฺทิกกุธเสลาทิเก ปีตกรงฺเค. ลาขาปตฺตงฺครสาทิเก ¶ โลหิตกรงฺเค. มหารชนโลทฺทกนฺทุลาทิเก มนฺทรตฺตรงฺเค. ทุฏฺุ รชิตวณฺณํ อปภสฺสรํ. เตนาห ‘‘อปริสุทฺธวณฺณเมวสฺสา’’ติ. อีทิสนฺติ ทุรตฺตวณฺณํ. ตสฺมึ วตฺเถ รงฺคชาตํ สยํ สุปริสุทฺธํ สมานํ กิสฺส เหตุ เกน รตฺตวณฺณํ อปริสุทฺธํ โหตีติ รงฺคชาตสฺส นิทฺโทสตํ วทติ. เตนาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ.
สํกิเลสปกฺขํ ทสฺเสนฺเตน อสํกิลิฏฺเมว วตฺถํ อุทาหริตพฺพนฺติ ปากโฏยมตฺโถ, สํกิลิฏฺวตฺถนิทสฺสเนน ปน ‘‘สิยา นุ โข อฺโปิ โกจิ วิเสโส’’ติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทินา. อิตโร อตฺถวิเสโสติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วายามมหปฺผลทสฺสนตฺถ’’นฺติอาทิมาห. เอตฺถ จ สํกิลิฏฺจิตฺตวิโสธนวิธาเน สํกิลิฏฺวตฺถํ นิทสฺสตพฺพนฺติ ปฏิฺา, วายามมหปฺผลทสฺสนตฺถนฺติ เหตุอตฺโถ. ยถา หีติอาทิ อนฺวยตฺโถ. น ตตฺถ ชาติกาฬเก วิยาติอาทิ พฺยติเรกตฺโถ. สทิสูทาหรณํ ปน มลคฺคหิตกํสปาติอาทิ ทฏฺพฺพํ. เอวํ จิตฺตมฺปีติอาทิ ¶ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมยฺยอุปนยนํ. ตตฺถ ปกติยาติ อกิตฺติเมน สภาเวน. ตนฺติ จิตฺตํ. สามฺคฺคหณฺเจตํ จิตฺตภาวาวิเสสโต. เตนาห ‘‘สกเลปี’’ติ. ปณฺฑรเมว น สํกิลิฏฺํ สํกิเลเสหิ อสมนฺนาคตภาวโต. นนุ กิริยามยจิตฺเตหิ วิปากสนฺตาเน วิเสสาธานํ ลพฺภติ, อฺถา กตวินาสา กตพฺภาคมา อาปชฺเชยฺยุํ? กิฺจาปิ ลพฺภติ, ตสฺส สํกิเลโส วฏฺฏุปนิสฺสโย, อสุทฺธิ วา น โหติ, อสํกิเลโส วิวฏฺฏุปนิสฺสโย, วิสุทฺธิ วา น โหติ เอว. อุปกฺกิลิฏฺนฺติ ปเนตํ อุปกฺกิเลสนารหสฺส จิตฺตสฺส วเสน วุตฺตํ, น วิปากปพนฺธสฺส. เตนาห ‘‘ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺต’’นฺติ, ‘‘ปณฺฑรเมวา’’ติ จ. ตฺจ โขติ ปน สกสนฺตติปริยาปนฺนตาย เนสํ เกวลํ เอกตฺตนยวเสน วุตฺตํ, น วิปากธมฺมานํ กิเลสาสมงฺคิภาวโต. อถ วา อุปกฺกิลิฏฺนฺติ อิมินา อุปกฺกิเลสเหตุ ตตฺถ วิชฺชมานํ วิเสสาธานมาห, น ‘‘สํกิลิฏฺา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๗๗.ทุกมาติกา) วิย ตํสมงฺคิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิโสธิยมานนฺติ วิปสฺสนาปฺาย อนุกฺกเมน สพฺพุปกฺกิเลเสหิ วิโมจิยมานํ. สกฺกา อคฺคมคฺคกฺขเณ ปภสฺสรตรํ กาตุํ, ยโต น ปุน อุปกฺกิลิสฺสติ. เอวนฺติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนํ.
ทุฏฺคติปริปูรณวเสน ปฏิปชฺชนํ ปฏิปตฺติ. สา เอว กิเลสทรถปริฬาหาทิวเสน อุปายาสทุกฺขา, กุจฺฉิตา วา คติ ปวตฺติ, ทุคฺคติเหตูติ วา ทุคฺคติ, ทุคฺคติยา ปน ปฏิปตฺติยา คนฺธพฺพโต, ตสฺสา วา นิปฺผนฺนภาวโต กุจฺฉิโต, ทุกฺขา จ คตีติ ทุคฺคติ. สํกิลิฏฺจิตฺโตติ อิทํ ตสฺสา ปฏิปตฺติยา ทุคฺคติภาวทสฺสนตฺถํ, น วิเสสนตฺถํ. น หิ อสํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ปาณฆาตาทิวเสน ปวตฺติ. สํกิลิฏฺจิตฺโตติ ลาภาสาย สพฺพโส กิลิฏฺจิตฺโต ¶ . ทูเตยฺยปหิณคมนนฺติ ทูเตยฺยํ วุจฺจติ ทุตกมฺมํ, คิหีนํ ปณฺณํ วา สาสนํ วา คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คมนํ, ปหิณคมนํ ฆราฆรํ เปสิตสฺส ขุทฺทกคมนํ, ทูเตยฺยคมนํ ปหิณคมนฺจ คจฺฉติ. เวชฺชกมฺมนฺติ อนนฺุาเต าเน ลาภาสาย คหฏฺานํ เภสชฺชํ กโรติ. สงฺฆเภทกถา ปรโต อาคมิสฺสติ. เวฬุทานาทีหีติ เวฬุทานปตฺตทานปุปฺผทานาทีหิ มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปติ. สกลมฺปีติ ‘‘อตฺถิ อนาจาโร, อตฺถิ อโคจโร’’ติอาทินา วิภงฺเค (วิภ. ๕๑๓, ๕๑๔) อาคตํ สพฺพมฺปิ อนาจารํ อโคจรฺจ จรณวเสน ปริปูเรติ.
‘‘นิรยมฺปิ ¶ …เป… เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ เปตฺติวิสยคมนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมณยกฺโข นาม โหตี’’ติอาทิมาห.
สุกฺกปกฺเข ปริสุทฺธนฺติ สพฺพโส วิสุทฺธํ อสํกิลิฏฺํ. ปริสุทฺธตฺตา เอว ปริโยทาตํ, ปภสฺสรนฺติ อตฺโถ. สุรตฺตวณฺณเมวสฺสาติ สุฏฺุ รตฺตวณฺณเมว อสฺส. ปริสุทฺธวณฺณเมวสฺสาติ นีลวณฺโณปิสฺส ปริสุทฺโธ จ ภเวยฺยาติ เอวมาทึ สนฺธายาห ‘‘กณฺหปกฺเข วุตฺตปจฺจนีเกเนว เวทิตพฺพา’’ติ. รงฺคชาตนฺติอาทิ ปน ตตฺถ วุตฺตวเสเนว เวทิตพฺพํ. ปฏิปตฺติสุคติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปฏิปตฺติทุคฺคติอาทีสุ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ. ปริสุทฺธจิตฺโตติ สุทฺธาสโย. ทส กุสลกมฺมปเถ ปริปูเรตีติ อิทํ กณฺหปกฺเข ‘‘ทส อกุสลกมฺมปเถ ปริปูเรตี’’ติ วุตฺตสฺส ปฏิปกฺขทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ยถา หิ ตตฺถ อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฏฺิคฺคหเณน กมฺมปถสํสนฺทนนเยน กมฺมปถํ อปฺปตฺตาย จ อคาริยสฺส ตถารูปาย มิจฺฉาปฏิปตฺติยา สงฺคโห อิจฺฉิโต, เอวํ อิธาปิ อนภิชฺฌาอพฺยาปาทสมฺมาทิฏฺิคฺคหเณน อโลภาโทสาโมหวเสน ปวตฺตา อคาริยสฺส สมฺมาปฏิปตฺติ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ, น กมฺมปถปฺปตฺตาวาติ. มนุสฺสมหนฺตตนฺติ ชาติรูปโภคาธิปเตยฺยาทิวเสน มนุสฺเสสุ มหนฺตภาวํ. ทสหิ าเนหิ อฺเสํ เทวานํ อภิภโว เทวมหนฺตตา. ปฏิปตฺติ สุคติยา ภาชิยมานตฺตา ‘‘อนาคามิมคฺคํ ภาเวตี’’ติ ตถา อนาคามิภาวนํ ปาเปตฺวา ปิตา. คหิตคฺคหเณน สุขานุภวฏฺานสฺส อธิปฺเปตตฺตา ตทภาวโต อสฺิภวํ อนาทิยนฺโต ‘‘ทสสุ วา พฺรหฺมภวเนสู’’ติอาทิมาห.
๗๑. สกภณฺเฑ ฉนฺทราโค อภิชฺฌายนฏฺเน อภิชฺฌา, อภิชฺฌายนาติ อตฺโถ. ปรภณฺเฑ ฉนฺทราโค วิสมํ ลุพฺภตีติ วิสมโลโภ. เอวมฺปิ อภิชฺฌาวิสมโลภานํ วิเสโส โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺตโน สนฺตกํ ตํสทิสฺจ ยุตฺตฏฺานํ. ยํ ยาจิตํ, อปฺปกสิเรน วา สกฺกา ลทฺธุํ, ตํ ปตฺตฏฺานํ. ปรทารครุทาราติ อยุตฺตฏฺานํ. ยํ อปตฺถนิยํ, ยสฺส ¶ วา ปตฺถนาย พฺยสนํ อาปชฺชติ, ตํ อปฺปตฺตฏฺานํ. เถโรติ มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถโร, เยน อฏฺกถา โปตฺถกํ อาโรปิตา. โส หิ อนฺเตวาสิเกสุ สากจฺฉนฺเตสุ เอวมาห. โสปิ อิมสฺมึเยว สุตฺเต วินิพฺโภโค น ลพฺภติ จิตฺตสํกิเลสสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เตนาห ‘‘ยุตฺเต วา’’ติอาทิ. อโยนิโสมนสิการวเสน ¶ อุปฺปชฺชนโต สมฺปตฺติ อายติฺจ ทุกฺขสฺเสว อุปฺปาทนโต น โกจิ โลโภ อวิสโม นาม. อภิชฺฌายนฏฺเนาติ ยสฺส กสฺสจิ อารมฺมณสฺส ยุตฺตสฺส อยุตฺตสฺส อปฺปตฺตสฺส จ อภิชฺชายนวเสน อภิปตฺถนาวเสน จ ปวตฺตา ตณฺหา อภิชฺฌาติ โลภโต นิพฺพิเสสนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘เอกตฺถเมตํ พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ. ทูเสตีติ สภาวสนฺตํ อสํกิเลสํ วินาเสติ อวิสุทฺธํ กโรติ. เตนาห ‘‘โอภาสิตุํ น เทตี’’ติ. ‘‘อิเม สตฺตา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วินสฺสนฺตู’’ติ สตฺเตสุ พฺยาปชฺชนาการปฺปวตฺติยา พฺยาปาโท นววิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว วุตฺโต. โกโธ ปน สงฺขาเรสุปิ ปวตฺตนโต ทสวิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว วุตฺโต. อุภยมฺปิ ปฏิฆเมว, ปวตฺตนานตฺตโต ภินฺทิตฺวา วุตฺโต. กุชฺฌนวเสเนว จิตฺตปริโยนนฺธโน ‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ ม’’นฺติอาทินา.
สุฏฺุ กตํ กรณํ สุกตํ, ตสฺส ปุพฺพการิตาลกฺขณสฺส คุณสฺส วินาสโน อุทกปฺุฉนิยา วิย สรีรานุคตํ อุทกํ ปฺุฉนฺโต มกฺโข. ตถา หิ โส ปเรสํ คุณานํ มกฺขนฏฺเน ‘‘มกฺโข’’ติ วุจฺจติ. อิทานิ อนคาริยสฺส วาติอาทินา สงฺเขเปน วุตฺตตฺถํ วิตฺถาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘อนคาริโยปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิสินฺนกถาปริกถาทิวเสน ธมฺมสฺส กถา ธมฺมกถานโย, เอกตฺตาทิธมฺมนีติ เอว วา. ปกรณํ สตฺต ปกรณานิ, ตตฺถ โกสลฺลํ ธมฺมกถานยปกรณโกสลฺลํ. อาทิ-สทฺเทน วินยกฺกเม จตูสุ มหานิกาเยสุ จ โกสลฺลํ สงฺคณฺหาติ. อจิตฺตีกโตติ จิตฺตีการรหิโต. ยถา จายนฺติ อิมินา ยถายํ มกฺโข จิตฺตํ ทูเสติ, เอวํ ปฬาโสปิ จิตฺตํ ทูเสติ, ตสฺมา อุปกฺกิเลโสติ ทสฺเสติ. อนิยตา คติ นิยาโมกฺกมนาภาวโต. อาทิ-สทฺเทน ‘‘รตฺตฺู จิรปพฺพชิเต ปุคฺคเล อชฺโฌตฺถริตฺวา ‘ตฺวมฺปิ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิโต, อหมฺปิ ปพฺพชิโต, ตฺวมฺปิ สีลมตฺเต ิโต อหมฺปี’ติ’’ เอวมาทีนํ สงฺคโห. ยุคคฺคาหคาหีติ ‘‘ตว วา มม วา โก วิเสโส’’ติ อสมมฺปิ สมํ กตฺวา สมธุรคฺคาหคณฺหนโก. ขียนา อุสูยนา. อตฺตโน สมฺปตฺติยา นิคูหนํ ตสฺส ปเรหิ สาธารณภาวาสหเนน โหตีติ ‘‘ปเรหิ สาธารณภาวํ อสหมานํ’’อิจฺเจว วุตฺตํ. การเณ หิ คหิเต ผลมฺปิ คหิตเมว โหตีติ. อฺถา อตฺตโน ปเวทนกปุคฺคโล เกราฏิโก, ‘‘เนกติกวาณิโช’’ติปิ วทนฺติ. สปฺปมุขา ¶ มจฺฉวาลา เอกา มจฺฉชาติ อายตนมจฺโฉ. เตนาห ‘‘อายตนมจฺโฉ นามา’’ติอาทิ. พทฺธจโรติ อนฺเตวาสี.
สพฺพโส ¶ อมทฺทิตสภาเวน วา ตภริตภตฺตสทิสสฺส ถทฺธภาวสฺส อโนนมิตทณฺฑสทิสตาย ปคฺคหิตสิรอนิวาตวุตฺติการสฺส จ กรณโต วา ตภริต…เป… กรโณ. ตทุตฺตริกรโณติ ยํ เยน กตํ ทุจฺจริตํ วา สุจริตํ วา, ตทุตฺตริ, ตสฺส ทฺวิคุณํ วา กรโณ. อตฺตโน มณฺฑนาทิอตฺถํ ปเรน กตํ อลงฺการาทึ. ปริยาปุณาติ วา กเถติ วา อตฺตโน พลานุรูปํ. กามํ นิกายทฺวยคฺคหณาทิวเสน ปวตฺโต เสวิตพฺพมาโน เอว, ตถาปิสฺส สํกิเลสปกฺขตฺตา วุตฺตํ ‘‘มานํ อนิสฺสายา’’ติ.
อุณฺณติวเสนาติ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา จิตฺตสฺส ปคฺคหณวเสน. ปุพฺเพ เกนจิ อตฺตานํ สทิสํ กตฺวา ปจฺฉา ตโต อธิกโต ทหนโต อุปฺปชฺชนโก อติมาโน. มทคฺคหณากาโร ชาติอาทึ ปฏิจฺจ มชฺชนากาโร, โสปิ อตฺถโต มาโน เอว. ปมาโท ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท.
ตสฺมา โลภมาทึ กตฺวา ทสฺเสตีติ โลภสฺส อาทิโต คหเณ การณํ วิภาเวตุกาโม ปุจฺฉติ. ปมุปฺปตฺติโตติ ตตฺถ ตตฺถ ภเว สพฺพปมํ อุปฺปชฺชนโต. สตฺตานฺหิ ยถาธิคตํ ฌานาทิวิเสสํ อารพฺภ ปจฺจเวกฺขณา วิย ยถาลทฺธํ อุปปติภวํ อารพฺภ นิกนฺติ เอว. เตนาห ‘‘สพฺพสตฺตาน’’นฺติอาทิ. ยถาสมฺภวํ อิตเรติ อิตเร พฺยาปาทาทโย ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชนฺติ, โลภสฺส วิย อาทิโต อสุกสฺส อนนฺตรํ อสุโกติ วา น เนสํ นิยโม อตฺถีติ อตฺโถ. กึ ปน เอเต โสฬเสว จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา, อุทาหุ อฺเปิ สนฺตีติ อนุโยคํ สนฺธาย อฺเปิ สนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น จ เอเต’’ติอาทิมาห. ยทิ เอวํ กสฺมา เอตฺตกา เอว อิธ วุตฺตาติ. นยทสฺสนวเสนาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอเตน ปน…เป… เวทิตพฺพา’’ติ. เตน ถินมิทฺธอุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจ-วิจิกิจฺฉา-อตฺตุกฺกํสน-ปรวพฺภนฉมฺภิตตฺตา- ภีรุกตา-อหิริกาโนตฺตปฺป-อตฺติจฺฉตา-ปาปิจฺฉตา-มหิจฺฉตาทโย สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพํ.
๗๒. สํกิเลสํ ¶ ทสฺเสตฺวาติ สํกิลิฏฺวตฺตนิทสฺสเนน สงฺเขเปน วุตฺตํ สํกิเลสํ วิภาเคน ทสฺเสตฺวา. โวทานํ ทสฺเสนฺโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอวํ ชานิตฺวาติ ‘‘อภิชฺฌา วิสมโลโภ เอกนฺเตเนว จิตฺตสฺส อุปฺปกฺกิเลโส’’ติ สภาวโต สมุทยโต นิโรธโต นิโรธูปายโต จ ปุพฺพภาคปฺาย เจว เหฏฺิมมคฺคทฺวยปฺาย จ ชานิตฺวา. ปชหตีติ เอตฺถ อจฺจนฺตปฺปหานเมว อธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน อริยมคฺเคน ปชหตี’’ติ อาห. อริยมคฺเคนาติ อนาคามิมคฺเคน. เตน หิ ปหานํ อิธ สพฺพวาเรสุ อธิปฺเปตํ. กิเลสปฏิปาฏิ อิธ กิเลสานํ เทสนากฺกโม. มคฺคปฏิปาฏิปน จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ เทสนากฺกโมปิ ตาย เทสนาย ปฏิปชฺชนกฺกโมปิ ¶ ตาย ปฏิปตฺติยา อุปฺปตฺติกฺกโมปิ. ตตฺถ เย เย กิเลสา เยน เยน มคฺเคน ปหียนฺติ, มคฺคปฏิปาฏึ อโนโลเกตฺวา เตสํ เตสํ กิเลสานํ เตน เตน มคฺเคน ปหานทสฺสนํ กิเลสปฏิปาฏิ น กิเลสานํ อุปฺปตฺติกฺกโม อิธ เทสนากฺกโม จาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิชฺฌา วิสมโลโภ’’ติอาทิมาห. เยน เยน ปน มคฺเคน เย เย กิเลสา ปหียนฺติ มคฺคานุปุพฺพิยา, เตน เตน มคฺเคน เตสํ เตสํ กิเลสานํ ปหานทสฺสนํ มคฺคปฏิปาฏิยา ปหานทสฺสนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคนา’’ติอาทิมาห.
อิมสฺมึ ปน าเนติ ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติอาทินา อาคโต อิมสฺมึ ปหานวาเร. อิเม กิเลสาติ อิเม ยถาวุตฺตา กิเลสา. โสตาปตฺติมคฺควชฺฌา วา โหนฺตุ เสสมคฺควชฺฌา วาเหฏฺา ทสฺสิตมคฺคปฏิปาฏิวเสน. ตตฺถ ปน เย ตติยมคฺควชฺฌา, เตสํ อนาคามิมคฺเคเนว ปหาเน วตฺตพฺพํ นตฺถิ, เยสํ ปเนตฺถ เหฏฺิมมคฺควชฺฌานํ อิธ สงฺคเห การณํ ปจฺฉา วตฺตุกาเมน อคฺคมคฺควชฺฌานํ อนาทิยิตฺวา กสฺมา ตติยมคฺควชฺฌานเมว คหณํ กตนฺติ อาห ‘‘อยเมตฺถ ปเวณิมคฺคาคโต สมฺภโว’’ติ, อยํ อิมสฺส สุตฺตสฺส เอตสฺมึ าเน อาจริยปเวณิยา กถามคฺโค ตโต อาคโต อตฺถสมฺภโว อตฺถตตฺวนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ เหฏฺิมมคฺควชฺฌานํ อิธ สงฺคเห การณํ ปจฺฉา วตฺตุกาโม อคฺคมคฺควชฺฌานํ อคฺคหเณ ยุตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส จา’’ติอาทิมาห. เตนาติ จตุตฺถมคฺเคน. เสสานนฺติ พฺยาปาทาทีนํ ¶ . เยปีติ มกฺขาทิเก สนฺธายาห. ตํสมุฏฺาปกจิตฺตานนฺติ เตสํ มกฺขาทีนํ สมุฏฺาปกจิตฺตุปฺปาทานํ. ตตฺถ มกฺข-ปฬาส-อิสฺสา-มจฺฉริย-สมุฏฺาปกํ ปฏิฆทฺวยจิตฺตํ, วิเสสโต ปฺจกามคุณโลเภน สโ มายาวี จ โหติ, ปฺจกามคุณิกราโค จ อนาคามิมคฺเคเนว นิรวเสสโต ปหียติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตํสมุฏฺาปกจิตฺตานํ อปฺปหีนตฺตา’’ติ. เตปิ สุปฺปหีนา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ตนฺติ ปมมคฺเคเนว ปหานํ ปุพฺพาปเรน น สนฺธิยติ ‘‘ยโถธิ โข’’ติ เอตฺถ โอธิวจนสฺส มคฺคตฺตยวาจกตฺตา. รตนตฺตเย อเวจฺจปฺปสาโท นาม อริยกนฺตสีลํ วิย โสตาปนฺนสฺส องฺคานิ, เต จ ปหานโต ปจฺฉา นิทฺทิฏฺา, ตสฺมา อิธ วุตฺตปฺปหานํ วิกฺขมฺภนปหานเมวาติ เกจิ วทนฺติ. เตสํ อิจฺฉามตฺตเมว ยถาวุตฺตปหานสฺเสว วเสน อเวจฺจปฺปสาทานํ โอธิโส ปหานสฺส วิภาวิตตฺตา, สฺวายมตฺโถ เหฏฺา ยุตฺติโตปิ ปกาสิโตเยว.
๗๔. เอกเมเกน ปเทน โยเชตพฺพํ, ยโต เอกเมกสฺสปิ อุปกฺกิเลสสฺส สภาวาทิโต ทสฺสนํ นิยฺยานมุขํ โหติ, ตถา เจว เหฏฺา สํวณฺณิตํ. อนาคามิมคฺควเสน ปหานํ วตฺวา ปสาทสฺส อุทฺธฏตฺตา วุตฺตํ ‘‘อนาคามิมคฺเคน โลกุตฺตรปฺปสาโท อาคโต’’ติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘โลกิโย อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตนฺติ? ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺตสฺส โลกิยตฺตา. นิพฺพานารมฺมโณ ¶ เอว หิ โลกุตฺตโร ปสาโท. ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทิวจเนน โลกิยํ, อเวจฺจปฺปสาทวจเนน โลกุตฺตรนฺติ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ปสาทํ ทสฺเสนฺโต. อเวจฺจ รตนตฺตยคุเณ ยาถาวโต ตฺวา ปสาโท อเวจฺจปฺปสาโท. โส ปน ยสฺมา มคฺเคนาคตตฺตา เกนจิ อกมฺปนิโย อปฺปธํสิโย จ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อจเลน อจฺจุเตนา’’ติ. ตตฺถ โลกุตฺตโร สพฺพโส พุทฺธคุณาทีสุ สมฺโมหํ วิทฺธํเสนฺโต ตตฺถ กิจฺจโต ปวตฺตติ, อิตโร อารมฺมณวเสน เต อารพฺภ. ตํ วิธินฺติ ตํ ตสฺส อุปฺปนฺนปฺปการํ. อนุสฺสติฏฺานานีติ อนุสฺสติกมฺมฏฺานานิ.
๗๕. โสมนสฺสาทีติ อาทิ-สทฺเทน าณาทีนิ สงฺคณฺหาติ. โจรานํ อภิณฺหํ สฺจรณฏฺานตาย ปจฺจนฺตคฺคหณํ. ปจฺจเวกฺขโตติ ‘‘อสุกสฺมิฺจ าเน อิเม จิเม โจรา เอวฺจ เอวฺจ วินาสิตา’’ติ ปจฺจเวกฺขโต รฺโ วิย.
โย ¶ โย โอธิ ยโถธิ. ยถา-สทฺโท พฺยาปนิจฺฉายํ, โข สทฺโท อวธารเณติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สกสกโอธิวเสน จตฺตเมว โหตี’’ติอาทิมาห. เตน ‘‘วนฺต’’นฺติอาทีสุปิ อวธาเรตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. สกสกโอธิวเสนาติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ทฺเว โอธี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยํมคฺควชฺฌาติ เยน มคฺเคน อนวเสสโต ปหาตพฺพา. อนวเสสปฺปหานวเสน หิ ตํตํมคฺควชฺฌานํ กิเลสานํ ตทฺมคฺควชฺเฌหิ อสมฺมิสฺสตา, อฺถา เย สกสกโอธิวเสน อุปริมคฺควชฺฌา, เต เหฏฺิมมคฺเคหิ ปหีนาปายคมนียาทิสภาวา เอว เตหิ ปหียนฺตีติ ปหานวเสน สมฺมิสฺสา สิยุํ. เตน เตเยว ปหีนา โหนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตตุตฺตริปีติ ตโต ปหานนิมิตฺตโสมนสฺสุปฺปตฺติโต อุทฺธมฺปิ. ปฏิปกฺเขสุ โอธิโส ปวตฺติกิจฺจตฺตา โอธีติ เหฏฺา ตโย มคฺคา วุจฺจนฺติ. เต หีติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส วิวรณํ. อิมสฺส ภิกฺขุโนติ อนาคามึ สนฺธายาห. เตน วุตฺตํ ‘‘เหฏฺามคฺคตฺตเยน จตฺต’’นฺติ.
เกจิ จตฺตมฺปิ คณฺหนฺติ, นยิทเมวนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘วนฺต’’นฺติ วุตฺตํ. น หิ ยํ เยน วนฺตํ, โส ปุน ตํ อาทิยติ. เตนาห ‘‘อนาทิยนภาวทสฺสนวเสนา’’ติ. วนฺตมฺปิ กิฺจิ สสนฺตติลคฺคํ สิยา, นยิทเมวนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘มุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สนฺตติโต วินิโมจนวเสนา’’ติ. มุตฺตมฺปิ กิฺจิ มุตฺตพนฺธนา วิย ผลํ กุหิฺจิ ติฏฺติ, น เอวมิทนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปหีน’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘กฺวจิ อนวฏฺานทสฺสนวเสนา’’ติ. ยถา กิฺจิ ทุนฺนิสฺสฏฺํ ปุน อาทาย สมฺมเทว นิสฺสฏฺํ ปฏินิสฺสฏฺนฺติ วุจฺจติ, เอวํ วิปสฺสนาย นิสฺสฏฺํ อาทินฺนสทิสํ มคฺเคน ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺํ นาม โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฏินิสฺสฏฺ’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อาทินฺนปุพฺพสฺส ปฏินิสฺสคฺคทสฺสนวเสนา’’ติ. น กาปุริเสน วิย ปรมฺมุเขน นิสฺสฏฺํ ¶ , อถ โข อภิมุเขเนว นิสฺสฏฺนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฏินิสฺสฏฺ’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ปฏิมุขํ วา’’ติอาทิ. อุปคนฺตพฺพโตติ อตฺตโน หิตสุขํ ปจฺจาสีสนฺเตน เอกนฺเตน อธิคนฺตพฺพโต. ธารณโตติ ตํสมงฺคีนํ อปายปาตโต สนฺธารเณน. คนฺโถ ‘‘เวโท’’ติ วุจฺจติ ‘‘วิทนฺติ เอเตนา’’ติ, เวเทหิ าเณหิ คโต ปฏิปนฺโนติ เวทคู. อภิชฺาติ ชาเนยฺย. เวทชาตาติ อุปฺปนฺนโสมนสฺสา. าณํ ‘‘เวโท’’ติ วุจฺจติ ‘‘เวทิตพฺพํ เวเทตี’’ติ. โสมนสฺสํ ‘‘เวโท’’ติ วุจฺจติ อารมฺมณรสํ วินฺทติ อนุภวตีติ.
อุปฺปนฺนนฺติ ¶ อเวจฺจปฺปสาทํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ. วุตฺตปฺปการเมว เวทนฺติ ‘‘โสมนสฺสํ โสมนสฺสมยาณฺจา’’ติ เอวํ วุตฺตปฺปการเมว. อตฺถเวทนฺติ อตฺเถ เหตุผเล เวทํ. ธมฺมเวทนฺติ ธมฺเม เหตุมฺหิ เวทํ. เตนาห ‘‘อเวจฺจปฺปสาทสฺส เหตุ’’นฺติอาทิ. อิธ ธมฺมตฺถสทฺทา เหตุผลปริยายาติ อิมมตฺถํ ปาฬิยา เอว ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตเมว อตฺถฺจ ธมฺมฺจาติ อตฺโถ ธมฺโมติ จ วุตฺตํ อเวจฺจปฺปสาทนิมิตฺตํ ยถาวุตฺตํ กิเลสปฺปหานฺจ. อตฺถธมฺมานิสํสภูตํ เวทนฺติ ยถาวุตฺตอตฺถธมฺมานิสํสภูตํ โสมนสฺสมยาณสงฺขาตํ เวทฺจ. ปาโมชฺชนฺติ ตรุณปีตึ อาห. ปจฺจเวกฺขณาการปฺปวตฺเตนาติ เอเตน ปจฺจเวกฺขณา เอเวตฺถ อนวชฺชสภาวตาย ธมฺโมติ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ปีติ ชายตีติ ปรปฺปจฺจยํ พลวปีติมาห. ปีณิตมนสฺสาติ ปสฺสทฺธิอาวเหหิ อุฬาเรหิ ปีติเวเคหิ ติตฺตจิตฺตสฺส. กาโยติ นามกาโย. วูปสนฺตทรโถติ กิเลสปริฬาหานํ ทูรีภาเวน สุฏฺุ อุปสนฺตทรโถ. ปจฺจเวกฺขณเหตุกํ จิตฺตสฺส สมาธานํ อิธ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อปฺปิตํ วิย อจลํ ติฏฺตี’’ติ.
๗๖. กามํ ‘‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหิ, ธมฺเม สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี’’ติ อิทมฺปิ ตสฺสา ปจฺจเวกฺขณาย ปวตฺติอาการปกาสนเมว, อิทํ ปน วิเสสโต รตนตฺตเย อุปฺปนฺนโสมนสฺสาทิปฺปกาสนปทํ. ‘‘ยโถธิ โข ปนา’’ติ อิทมฺปิ สวิเสสํ ปจฺจเวกฺขณาการปฺปกาสนปทนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘อิทานิ ยโถธิ…เป… ปกาเสตฺวา’’ติ วุตฺตํ. จตฺตาโรปิ ปน วารา ปจฺจเวกฺขณาการปฺปกาสนวเสน เจว โสมนสฺสาทิอานิสํสทสฺสนวเสน จ วุตฺตาติ สกฺกา วิฺาตุํ อุภยตฺถาปิ อุภยสฺส วุตฺตตฺตา. ยทิปิ อริยมคฺโค เอกจิตฺตกฺขณิโก น ปุน อุปฺปชฺชติ, ปฏิปกฺขสฺส ปน เตน สุปฺปหีนตฺตา ตํสมงฺคี อปริหานธมฺโม ตํสีลาทิภาเวเนว วุจฺจตีติ อาห ‘‘ตสฺส อนาคามิมคฺคสมฺปยุตฺตํ สีลกฺขนฺธํ ทสฺเสตี’’ติอาทิ. ‘‘เอวํธมฺมา เต ภควนฺโต อเหสุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๓; ม. นิ. ๓.๑๙๗-๑๙๘; สํ. นิ. ๕.๓๗๘) วิย อิธ ธมฺม-สทฺโท สมาธิปริยาโยติ อาห ‘‘สมาธิกฺขนฺธํ ปฺากฺขนฺธฺจ ทสฺเสตี’’ติ. ตถา หิ โส สมฺปยุตฺตธมฺเม เอการมฺมเณ อวิกฺขิปมาเน ¶ อวิปฺปกิณฺเณ อวิสเฏ กตฺวา สมํ, สมฺมา จ อาทหนฺโต ตถา เต ธาเรตีติ จ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ¶ ธมฺโมติ จ วุจฺจติ. อเนกรูปานนฺติ อเนกปฺปการานํ. อนฺตราโย นาม อปฺปฏิลทฺธสฺส วา อลพฺภนวเสน, ปฏิลทฺธสฺส วา ปริหานวเสน, ตทุภยมฺปิ อิธ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มคฺคสฺส วา’’ติอาทิมาห. เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายายาติ ตสฺส อนาคามิโน ปิณฺฑปาตโภชนํ เนว โหติ อนฺตรายาย อุกฺกํสคตาย ปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนโต. ตฺจสฺสา อุกฺกํสคมนํ หตปฏิปกฺขตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มคฺเคน วิสุทฺธจิตฺตตฺตา’’ติ อาห.
เอตฺถาติ เอตสฺมึ อนฺตรายาภาเว. เอตเทว วิสุทฺธจิตฺตตฺตเมว การณํ. เอตฺถ จ ‘‘เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายายา’’ติ อิมินา เหฏฺา วุตฺตปฺปหานํ อนาคามิมคฺเคเนวาติ สิทฺธํ โหติ. อนาคามิโน หิ สพฺพโส กามราโค ปหีโน โหติ, รสตณฺหาย อภาวโต ตาทิสปิณฺฑปาตปริโภโค อคฺคมคฺคาธิคเม กถฺจิปิ อนฺตรายาย น โหตีติ. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถ’’นฺติ วทนฺโต ภควาอาทิมฺหิ อตฺตนา อุปนีตวตฺถูปมํ อนุสนฺเธติ. อุทกสฺส อจฺฉภาโว ปงฺกเสวาลปณกาทิมลาภาเวน ปสนฺนตาย, ตพฺพิปริยายโต พหลตาติ อาห ‘‘อจฺฉนฺติ วิปฺปสนฺน’’นฺติ. วณฺณนิภาย วิคตสํกิเลสตาย สมุชฺชลนํ ปภสฺสรตาย วตฺถสฺส, ตํ ปริโยทาตนฺติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ อาห ‘‘ปริโยทาตํ ปภสฺสรตายา’’ติ. อุกฺกํ พนฺเธยฺยาติ องฺคารกปลฺลํ ยถา ทารุฆฏิกงฺคาราทิเกน น ภิชฺชติ, เอวํ ตนุมตฺติกาเลปาทินา พนฺเธยฺย. เมฆปฏลโต เวรมฺภวาตธาราสงฺฆฏฺฏนโต วิชฺชุตา วิย เกวลํ วาตธาราสงฺฆฏฺฏนชนิตา ปภา อุกฺกาปภา, สา ปน ยสฺมา ทฺวินฺนํ วาตธารานํ เวคสมฺภูตสงฺฆฏฺฏนเหตุกา, ตสฺมา การณวเสน ‘‘วาตเวโค อุกฺกา’’ติ วุตฺตํ.
๗๗. ยถานุสนฺธิวเสนาติอาทิมฺหิ อุฏฺิตเทสนาย อนุรูปา อนุสนฺธิ ยถานุสนฺธิ, ตสฺสา วเสน. พฺยติเรกทสฺสนํ วิย หิ สาเธตพฺพสฺส อาทิมฺหิ อุฏฺิตเทสนาย ปฏิปกฺขทสฺสนมฺปิ อนุรูปเทสนาว สมฺมเทว ปติฏฺาปนภาวโต, ยถา ตํ อาวตฺตหารโยชนายํ วิสภาคธมฺมาวตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตา’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถาเรนฺโต ตปฺปสงฺเคน อิตเรปิ อนุสนฺธี ทสฺเสตุํ ‘‘ตโย หี’’ติอาทิมาห. พหิทฺธาติ พาหิเรสุ วตฺถูสุ. อสติ ปริตสฺสนาติ ตณฺหาทิฏฺิปริตสฺสนาภาโว. วิสฺสชฺชิตสุตฺตวเสนาติ ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอกจฺจสฺสา’’ติอาทินา ¶ (ม. นิ. ๑.๒๔๒) วิสฺสชฺชิตสุตฺตวเสน. เยน ธมฺเมนาติ สีลาทิโวทานธมฺเมสุ อกฺขนฺติยาทิสํกิเลสธมฺเมสุ จ เยน เยน ธมฺเมน. ฉ อภิฺา อาคตาติ อิมินา ‘‘อนุรูปธมฺมวเสน วา’’ติ วุตฺตวิกปฺปํ ทสฺเสติ, เสเสหิ ‘‘ปฏิปกฺขวเสน วา’’ติ ¶ วุตฺตวิกปฺปํ. อกฺขนฺติยา หิ กกจูปโมวาโท (ม. นิ. ๑.๒๒๒) ปฏิปกฺโข, ตถา ทิฏฺิยา ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ เอวํ ปฏิภาคา สฺุตากาเรน. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. ‘‘จิตฺเต สํกิลิฏฺเ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๗๐) เหฏฺา กิเลสเทสนา อาคตา. สพฺโพติ อนวเสโส. สพฺพากาเรนาติ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณปุคฺคลโทสชานนาทินา สพฺพปฺปกาเรน.
๗๘. ‘‘เมตฺตา ภาเวตพฺพา พฺยาปาทสฺส ปหานายา’’ติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๙.๑) เมตฺตาทโย พฺยาปาทวิเหสารติราคานํ ปฏิปกฺขา. ยสฺมา ‘‘โส อตฺถี’’ติอาทินา ภควตา อนาคามิโน อคฺคมคฺคาธิคมนํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา กถิตํ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทานิสฺสา’’ติอาทิมาห.
พฺรหฺมวิหารธมฺเมติ พฺรหฺมวิหาเร เจว พฺรหฺมวิหารสหคตธมฺเม จ. เตนาห ‘‘นามวเสนา’’ติ. ววตฺถเปตฺวาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. นามนฺติปิ หิ อีทิเสสุ าเนสุ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา วุจฺจนฺติ. อิมินา นเยนาติ เอเตน ภูตนิสฺสิตานํ เสสุปาทายธมฺมานํ สพฺเพสมฺปิ ปหาตพฺพตณฺหาวชฺชานํ เตภูมกธมฺมานํ ปริคฺคหวิธึ อุลฺลิงฺเคติ. สภาวโต วิชฺชมานํ ตํ อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา าเณน ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌิยมานตํ อุปาทาย ‘‘อตฺถิ อิท’’นฺติ ยถาววตฺถาปิตํ นามรูปํ. เตเนวาห ‘‘เอตฺตาวตาเนน ทุกฺขสจฺจววตฺถานํ กตํ โหตี’’ติ. สาวธารณฺเจตํ วจนํ, โลกสมฺาสิทฺธํ สตฺตอิตฺถิปุริสาทิ วิย, อิโต พาหิรกปริกปฺปิตํ ปกติอาทิ ทฺรพฺยาทิ ชีวาทิ กายาทิ วิย จ น ปรมตฺถโต นตฺถิ, อตฺเถวาติ วุตฺตํ โหติ. ปชานาตีติ ปุพฺพภาเค ตาว ลกฺขณรสาทิวเสน เจว ปฏิคฺคหวิภาควเสน จ ปการโต ชานาติ, อปรภาเค ปน ปริฺาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌนฺโต ชานาติ. เอกนฺตหีนา นาม อกุสลธมฺมา สมฺปติ อายติฺจ ทุกฺขมูลตฺตา, ตตฺถาปิ วิเสสโต ตณฺหาติ อาห ‘‘ทุกฺขสฺส สมุทยํ ปฏิวิชฺฌนฺโต อตฺถิ หีนนฺติ ¶ ปชานาตี’’ติ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีตตฺตา ปณีตนฺติ อิมินา อตฺเถน อริยมคฺโคว ‘‘ปณีต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ปหานุปายํ วิจินนฺโต อตฺถิ ปณีตนฺติ ปชานาตี’’ติ. ‘‘อุตฺตมฏฺเน จ ปณีต’’นฺติ วุจฺจมาเน นิโรธสจฺจสฺสปิ สงฺคโห สิยา, ตสฺส ปน ปทนฺตเรน สงฺคหิตตฺตา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปฺปมฺามุเขน วิปสฺสนาภินิเวสสฺเสว กตตฺตา ‘‘พฺรหฺมวิหารสฺาคตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สพฺพสฺสปิ เตภูมกสฺส สฺาคตสฺสา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. น เจตฺถ อสงฺคโห ตสฺสาปิ สฺาย อาคตภาวโต. โลกํ อุตฺตริตฺวา สมติกฺกมิตฺวา นิสฺสริตฺวา วิสํยุตฺตํ หุตฺวา ิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อุตฺตริ นิสฺสรณํ นิพฺพาน’’นฺติ.
จตูหิ ¶ อากาเรหีติ ‘‘อตฺถิ หีน’’นฺติอาทีหิ จตูหิ ปกาเรหิ. อนฺวยาณตาย อนุโพธภูตาย วิปสฺสนาปฺาย ชานนตฺโถ ธมฺมาณตาย ปฏิเวธภูตาย มคฺคปฺาย ทสฺสนตฺโถ สภาวสิทฺโธติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิปสฺสนาปฺาย จตฺตาริ สจฺจานิ ชานนโต มคฺคปฺาย ปสฺสโต’’ติ วุตฺตํ. ภยเภรเว วุตฺตนเยเนวาติ ภยเภรวสุตฺตวณฺณนายํ อตฺตนา วุตฺตอตฺถวจนตฺถปาเน อิธ ปาสฺส สทิสตฺตา อติทิสนฺโต ‘‘กามาสวาปิ…เป… ปชานาตี’’ติ อาห. เอตฺถ จ ยสฺมา ‘‘กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ…เป… อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีนิ วทตา ภควตา จตุตฺถมคฺโค นิทฺทิฏฺโ, ตสฺมา ยํ เหฏฺา อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘โส จ อุปริ จตุตฺถมคฺคสฺเสว นิทฺทิฏฺตฺตา ยุชฺชตี’’ติ, ตํ สุวุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
ตสฺส โจทนตฺถายาติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ภควา อตฺตโน โจทนตฺถาย ‘‘ปุจฺฉ มํ ตฺวํ พฺราหฺมณ ยเทตฺถ ตยา มนสาภิสมีหิต’’นฺติ โจทนาย, โอกาสทานตฺถายาติ อธิปฺปาโย. เทสนาสนฺนิสฺสโย พฺราหฺมณสฺส ตถารูโป เอตฺถ อชฺฌาสโยปิ นตฺถีติ ยถาวุตฺตอนุสนฺธิตฺตยวินิมุตฺตตฺตา ‘‘ปาฏิเยกฺกํ อนุสนฺธึ อาหา’’ติ วุตฺตํ. จิตฺตคตตฺตา อพฺภนฺตเรน. กิเลสวุฏฺานสินาเนนาติ กิเลสมลปวาหเนน ราคปริฬาหาทิวูปสมกเรน จ อฏฺงฺคิกอริยมคฺคสลิลสินาเนน.
๗๙. ธมฺมสภามณฺฑปํ ตาวเทว อุปคตตฺตา พาหุกา นทิโต อาคตํ วิย มฺมาโน. อริยผลมทฺทนจุณฺณาทโย เตลสิเนหสฺส วิเวจเนน ¶ . ลูขภาโว โลกํ, ตํ เอติสฺสา อตฺถีติ โลกาติ สมฺมตา. โลกฺขสมฺมตคฺคหเณน ‘‘ตถา สา นที โลเก ปากฏา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ อตฺตโน มิจฺฉาคาหํ ทีเปติ. เตนาห ‘‘วิสุทฺธภาวํ เทตีติ เอวํ สมฺมตา’’ติ. ปาปปวาหเนน สมฺปรายิกาทิสมฺปตฺติอาวหโต โลกสฺส หิตา โลกฺยา. โลกฺยาติ สมฺมตาติ สพฺพํ ปุริมสทิสํ. เตนาห ‘‘เสฏฺํ โลกํ คมยตีติ เอวํ สมฺมตา’’ติ. ปฺุสมฺมตาติ ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตเนน สตฺตานํ ปุนเนน วิโสธเนน ปฺุาติ สมฺมตา. ตทตฺถทีปนตฺถเมวาติ ตสฺสา ปุพฺเพ อาคตเทสนาย อตฺถทีปนตฺถเมว. วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปุน ทีปนํ กิมตฺถิยนฺติ อาห ‘‘คาถารุจิกาน’’นฺติ. จุณฺณิกวจนํ อสมฺภาเวนฺตา ตถา จ วุตฺเต อตฺถมพุชฺฌนกา ปชฺชวจนํ สมฺภาเวนฺตา ตถา จ วุตฺเต พุชฺฌนกา คาถารุจิกา. วิเสสตฺถทีปนตฺถนฺติ วิสิฏฺทีปนตฺถํ, ปุริมเทสนาย อฺทีปนตฺถนฺติ อตฺโถ.
‘‘คจฺฉติ ปน ภวํ โคตโม พาหุกํ นทึ สินายิตุ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๗๘) เหฏฺา วุตฺตตฺตา ¶ พาหุกนฺติ อิทเมว เอตฺถ ตทตฺถทีปกํ. เสสานิ อธิกกฺกาทิวจนานิ ตโต วิสิฏฺสฺส อตฺถสฺส โพธนโต วิเสสตฺถทีปกานิ. กสฺมา ปเนตฺถ ภควตา พฺราหฺมเณน อวุตฺตานิ อธิกกฺกาทีนิ คหิตานีติ อาห ‘‘ยเถว หี’’ติอาทิ. กกฺกนฺติ นฺหานปิณฺฑํ อธิปฺเปตํ, นฺหายิตฺวา อธิกํ กกฺกํ เอตฺถ คณฺหนฺตีติ อธิกกฺกํ. เตนาห ‘‘นฺหานสมฺภารวเสนา’’ติอาทิ. มณฺฑลวาปิสณฺานนฺติ วฏฺฏโปกฺขรณีสณฺานํ. นทิโยติ วิสุํ นทิโย, น อธิกกฺกาทีนิ วิย ติตฺถมตฺตํ.
ตีหิ ปเทหีติ สุนฺทริกาปยาคพาหุกาปเทหิ. จตฺตารีติ อธิกกฺกาทีนิ จตฺตาริ. วุตฺตาเนว โหนฺตีติ โลกสมฺมตาลกฺขเณน เอกลกฺขณตา พฺราหฺมณสฺส อธิปฺปาเยน, ปรมตฺถโต ปน ปาปปวาหลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. กิฺจิ ปาปสุทฺธึ น กโรนฺติเยว. น หิ นํ โสธเยติ นํ ปุคฺคลํ น โสธเย. เวรกิพฺพิสภาวํ อปฺปตฺตา นาม กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตา. เตนาห ‘‘ขุทฺทเกหี’’ติ.
ปฏิหนนฺโตติ อยุตฺตภาวทสฺสเนน ตํ ทิฏฺึ ปฏิพาหนฺโต. ตตฺถายํ ปฏิพาหนวิธิ ยถา ยํ กิฺจิ อุทโกโรหนํ น ปาปปวาหนํ, เอวํ ¶ โย โกจิ นกฺขตฺตโยโค ปาปเหตูนํ ปฏิปกฺขาภาวโต. ยฺหิ วินาเสติ, โส ตสฺส ปฏิปกฺโข. ยถา อาโลโก อนฺธการสฺส วิชฺชา จ อวิชฺชาย, น เอวํ อุทโกโรหนํ นกฺขตฺตโยโค วา ปาปเหตูนํ โลภาทีนํ ปฏิปกฺโข, ตสฺมา นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ ‘‘น อุทโกโรหนาทิ ปาปปวาหน’’นฺติ. นิจฺจํ ผคฺคุนีนกฺขตฺตนฺติ สุทฺธสีลาทิกสฺส สพฺพกาลํ มงฺคลทิวโส เอวาติ อธิปฺปาโย. อิตโรติ สีลาทิวเสน อสุทฺโธ. นิจฺจเมว อุโปสโถ อริยุโปสเถน อุปวุตฺถภาวโต. สุทฺธสฺสาติ ปริสุทฺธมโนสมาจารสฺส. สุจิกมฺมสฺสาติ ปริสุทฺธกายวจีสมาจารสฺส. เตนาห ‘‘นิกฺกิเลสตายา’’ติอาทิ. กุสลูปสฺหิตนฺติ อนวชฺชภาวูปคตํ. วตสมาทานนฺติ ธุตธมฺมสมาทานาทิ สมฺปนฺนเมว โหติ, นาสฺส วิปตฺติ อตฺถีติ อตฺโถ. มม สาสเนเยว สินาหิ, ยทิ อจฺจนฺตเมว สุทฺธึ อิจฺฉสีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. เขมตนฺติ เขมภาวํ. ยถา สพฺพภูตานิ ตปวเสน เขมปฺปตฺตานิ อภยปฺปตฺตานิ โหนฺติ, เอวํ กโรหีติ ตํ เหฏฺา ทสฺสิตํ เมตฺตาทิภาวนํ พฺราหฺมณสฺส สงฺเขเปน อุปทิสนฺเตนสฺส เอกจฺจสมาธิสมฺปทา ตทวินาภาวินี ปฺาสมฺปทา จ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘มโนทฺวารสุทฺธิ ทสฺสิตา’’ติ.
ตสฺส ปน สมฺปทาทฺวยสฺส นิสฺสยภูตํ สีลสมฺปทํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ มุสา น ภณสี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ยถา ‘‘สเจ มุสา น ภณสี’’ติอาทินา มุสาวาท-ปาณาติปาต-อทินฺนาทาน-ปฏิวิรติวจเนน ¶ อวเสสกายวจีทุจฺจริตวิรตีปิ วุตฺตา เอว โหติ ลกฺขณหารนเยน, เอวํ ‘‘สทฺทหาโน อมจฺฉรี’’ติ สทฺธาทิธนสมฺปทานิโยชเนเนว อวเสสอริยธนสมฺปทานิโยชนมฺปิ สิทฺธเมว โหตีติ สทฺธาทโย วิมุตฺติปริปาจนียธมฺมา พฺราหฺมณสฺส ปกาสิตา เอวาติ เวทิตพฺพา. เตเนวาห ‘‘อิมาย เอว ปฏิปตฺติยา กิเลสสุทฺธี’’ติ. คยา สมฺมตตรา พาหุกาทีหิปีติ อธิปฺปาโย.
๘๐. เอโกติ อสหาโย, เอสา ปนสฺส อสหายตา เอกีภาเวนาติ. น หิสฺส ตาว ตณฺหาทุติยตา วิคตา. เตเนวาห ‘‘น จิรสฺเสวา’’ติอาทิ. เอกคฺคหเณเนว กาเยน วูปกฏฺตา วุตฺตาติ อาห ‘‘วุปกฏฺโ จิตฺตวิเวเกนา’’ติ. เตน ‘‘ทิวา จงฺกเมน นิสชฺชายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๒๓; ๓.๗๕; วิภ. ๕๑๙; มหานิ. ๑๖๑) อาคตํ ชาคริยานุโยคมาห. ตถาภูตสฺส จสฺส ¶ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺเต ตโย ภเว ปสฺสโต ยถา ปมาทสฺส เลโสปิ นาโหสิ, เอวํ กมฺมฏฺานํ พฺรูเหนฺโต สมฺมเทว ปทหติ. กตฺถจิ สงฺขารคเต อนเปกฺขจิตฺโต นิพฺพานาธิมุตฺโต เอว วิหาสีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปมตฺโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขีณา ชาตีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
วตฺถสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. สลฺเลขสุตฺตวณฺณนา
๘๑. ‘‘จุนฺโท’’ติ ¶ ตสฺส มหาเถรสฺส นามํ, ปูชาวเสน ปน มหาจุนฺโทติ วุจฺจติ ยถา ‘‘มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ. อตฺตโน วา จุนฺทํ นาม ภาคิเนยฺยตฺเถรํ อุปาทาย อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ภาตา อยํ มหาเถโร ‘‘มหาจุนฺโท’’ติ ปฺายิตฺถ ยถา ‘‘มหาปนฺถโก’’ติ. สายนฺหสมยนฺติ ภุมฺมตฺเถ เอกํ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘สายนฺหกาเล’’ติ. น เหตฺถ อจฺจนฺต สํโยโค สมฺภวตีติ. สตฺตสงฺขาเรหีติ สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกอุปาสกาทิสตฺเตหิ เจว รูปารมฺมณาทิสงฺขาเรหิ จ. ปฏินิวตฺติตฺวาติ อปสกฺกิตฺวา. นิลียนนฺติ วิเวจนํ กายจิตฺเตหิ ตโต วิวิตฺตตา. เอกีภาโวติ หิ กายวิเวกมาห, ปวิเวโกติ จิตฺตวิเวกํ. ตโต วุฏฺิโตติ ตโต ทุวิธวิเวกโต ภวงฺคุปฺปตฺติยา, สพฺรหฺมจารีหิ สมาคเมน จ อเปโต. อภิวาทาเปตฺวาติ อภิวาทํ กาเรตฺวา. เอวนฺติ ยถาวุตฺตอภิวาทวเสน. ปคฺคยฺหาติ อุนฺนาเมตฺวา. อนุปจฺฉินฺนภวมูลานํ ตาว เอวํ อภิวาโท โหตุ, อุจฺฉินฺนภวมูลานํ กิมตฺถิโยติ อาห ‘‘เอตํ อาจิณฺณํ ตถาคตาน’’นฺติ. เตน น ตถาคตา สมฺปรายิกํเยว สตฺตานํ สุขํ อาสีสนฺติ, อถ โข ทิฏฺธมฺมิกมฺปีติ ทฏฺพฺพํ. กสฺมา เอวํ ตถาคตา อภิวทนฺตีติ ตตฺถ การณมาห ‘‘สุขกามา หี’’ติอาทิ. ปุถุกายาติ พหู สตฺตกายา. ยกฺขาติ เทวา. เต หิ ปูชนียตาย ‘‘ยกฺขา’’ติ วุจฺจนฺติ. อภิวทนฺตีติ อาสีสิตเมวตฺถํ าณกรุณาหิ อภิมุขํ กตฺวา วทนฺติ.
ยาติ อนิยมโต คหิตา นิยมโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมา’’ติ อาห. อิมาติ จ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนนฺติ อาห ‘‘อภิมุขํ กโรนฺโต วิยา’’ติ ¶ , ตํ ตํ ทิฏฺิคติกํ จิตฺตคตํ สมฺมุขา วิย กโรนฺโตติ อตฺโถ. ทิฏฺิโยติ ปุริมปทโลเปน ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิโย’’ติ อาห. สตฺเตสุ ทิฏฺิคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชมานา, สตฺเตสุ วา วิสยภูเตสุ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา ‘‘สตฺเตสุ ปาตุภวนฺตี’’ติ วุตฺตา. อตฺตวาเทนาติ อตฺตานํ อารพฺภ ปวตฺเตน วจเนน. ปฏิสํยุตฺตาติ ‘‘อตฺถิ อตฺตา’’ติ คาเห คาหเณ จ วิสยภาเวน ปฏิสํยุตฺตา. ทิฏฺิคติเกน ทิฏฺึ คาหนฺเตหิ คหเณ คาหาปเณ จ ทิฏฺิ ทิฏฺิวาทสฺส วิสโยติ เตน ปฏิสํยุตฺตา นาม โหติ. ‘‘อตฺถิ อตฺตา’’ติ เอวํ ปวตฺตา ทิฏฺิ อิธ อตฺตวาทปฏิสํยุตฺตา, น ตสฺสา วิสยภูโต อตฺตา. สา จ วิสยภาวโต ตถาปวตฺเตน วาเทน ปฏิสํยุตฺตา. โลกวาทปฺปฏิสํยุตฺตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. วีสติ ภวนฺติ ตโต ปรํ อตฺตวาทวตฺถุโน อภาวา ¶ . ปฺจปิ หิ อุปาทานกฺขนฺเธ ปจฺเจกํ ‘‘อตฺตา’’ติ เต จ อตฺตโน นิสฺสยภาเวน คณฺหโต เอตาสํ ทิฏฺีนํ สมฺภโว, ตพฺพินิมุตฺโต ปนายํ วิสโย อตฺตคฺคหณากาโร จ นตฺถีติ. สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติ รูปาทีสุ อฺตรํ ‘‘อตฺตา’’ติ, ‘‘โลโก’’ติ วา คเหตฺวา ตํ สสฺสโต สพฺพกาลภาวี นิจฺโจ ธุโวติ. ยถาห ‘‘รูปี อตฺตา เจว โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปตี’’ติอาทิ. สสฺสโตติอาทีสุ ปโม สสฺสตวาทวเสน อตฺตคฺคาโห, ทุติโย อุจฺเฉทวาทวเสน, ตติโย เอกจฺจสสฺสตวาทวเสน, จตุตฺโถ ตกฺกีวาทวเสน ปวตฺโต, อมราวิกฺเขปวเสน วา ปวตฺโต อตฺตคฺคาโห. อนฺตวาติ อตฺตโน ปริจฺเฉทตาวเสน. อนนฺตวาติ อปริจฺเฉทตาวเสน. อนฺตวา จ อนนฺตวา จาติ ตทุภยวเสน, อิตโร ตกฺกีวาทวเสน ปวตฺโต อตฺตคฺคาโห. เอวํ ปวตฺตตฺตา อฏฺ โหนฺตีติ โยชนา.
อาทิเมวาติ อาทิมนสิการเมว. ตํ ปน สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘วิปสฺสนามิสฺสกปมมนสิการเมวา’’ติ อาห. อปฺปตฺวาปิ โสตาปตฺติมคฺคนฺติ อิมินา อวธารเณน นิวตฺติตํ ทสฺเสติ. นามรูปปริจฺเฉทโต ปภุติ ยาว อุทยพฺพยทสฺสนํ, อยํ อิธ อาทิมนสิกาโรติ อธิปฺเปโต ปฺาภาวนาย อารมฺภภาวโต. อุทยพฺพยานุปสฺสนาสหิตตาย จสฺส วิปสฺสนามิสฺสกตา วจนํ. เอวนฺติ อิมสฺส อตฺถวจนํ ‘‘เอตฺตเกเนว อุปาเยนา’’ติ ¶ , ยถาวุตฺตอาทิมนสิกาเรนาติ อตฺโถ. เอตาสนฺติ ยถาวุตฺตานํ อตฺตวาทโลกวาทปฏิสํยุตฺตานํ ทิฏฺีนํ. กามฺจ ตาสํ เตน ตทงฺควเสน ปหานํ โหติเยว, ตํ ปน นาธิปฺเปตํ, ตสฺมา สมุจฺเฉทวเสน ปหานํ ปฏินิสฺสคฺโค จ โหตีติ ปุจฺฉติ. สพฺพโส สมุจฺฉินฺนสํโยชนตาย อนธิมานิโกปิ สมาโน. ‘‘อริยธมฺโม อธิคโต’’ติ มาโน อธิมาโน, โส เยสํ อตฺถิ เต อธิมานิกา, เตสํ อุทยพฺพยาณาธิคเมน อธิมานุปฺปตฺติ ตทวสาโน จ มนสิกาโรติ อธิปฺเปโต. เตน ทิฏฺีนํ ปหานํ น โหตีติ กถาปนตฺถํ อยํ ปุจฺฉาติ อาห ‘‘อธิมานปฺปหานตฺถํ ปุจฺฉตี’’ติ. ‘‘อาทิเมว นุ โข…เป… ปฏินิสฺสคฺโค โหตี’’ติ อนภิสเมตาวี วิย วทนฺโต อธิมาเน ิโต วิย โหตีติ อาห ‘‘อธิมานิโก วิย หุตฺวา’’ติ. โสติ เถโร. เตสํ อตฺถายาติ เตสํ อตฺตโน อนฺเตวาสิกานํ ภควตา เอตสฺส มิจฺฉาคาหสฺส วิเวจนตฺถาย. เถโร กิร ธมฺมเสนาปติ วิย สทฺธึ อตฺตโน อนฺเตวาสิเกหิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ.
๘๒. ยตฺถาติ วิสเย ภุมฺมํ. ทิฏฺีนฺหิ อารมฺมณนิทสฺสนเมตนฺติ. ยสฺมา ทิฏฺีนํ อนุสยนภูมิปิ สมุทาจรณฏฺานมฺปิ ขนฺธา เอว, ตสฺมา อาห ‘‘ยตฺถ เจตา ทิฏฺิโย อุปฺปชฺชนฺตี ติอาทิ ปฺจกฺขนฺเธ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. รูปํ อภินิวิสฺสาติ ‘‘อิทํ รูปํ มม อตฺตา’’ติ ¶ ทิฏฺาภินิเวสวเสน อภินิวิสิตฺวา อารพฺภ. อภินิวิสมานา เอว หิ ทิฏฺิ นํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ. ‘‘โส อตฺตา’’ติอาทีสุ ยทิทํ จกฺขาทิสงฺคหํ รูปํ, สหพุทฺธินิพนฺธนตาย โส เม อตฺตา, สุขาสุขํ เอตฺถ โลกิยตีติ โส โลโก. ‘‘โสเอวาหํ เปจฺจ ปรโลเก ภวิสฺสามีติ ตถาภาเวน นิจฺโจ, ถิรภาเวน ธุโว, สพฺพทาภาวิตาย สสฺสโต, นิพฺพิการตาย อวิปริณามธมฺโมติ อตฺโถ. ยทิ ปฺจกฺขนฺเธ สนฺธาย วุตฺตํ, กถเมกวจนนฺติ อาห ‘‘อารมฺมณวเสนา’’ติอาทิ. นานา กรียติ เอเตนาติ นานากรณํ, วิเสโส. ชาติวเสนาติ อุปฺปตฺติวเสน. เย หิ อนิพฺพตฺตปุพฺพา สมานาวตฺถา, เต อุปฺปาทสงฺขาตวิการสมงฺคิตาย อุปฺปชฺชนฺตีติ สมฺํ ลภนฺติ. เตนาห ‘‘ชาติวเสนา’’ติอาทิ. ปุนปฺปุนํ อาเสวิตาติ อนาทิมติ สํสาเร อปราปรุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนา. เอเตน กิเลสานํ ภาวนฏฺเน อนุสยตฺถํ วิเสเสติ ¶ . ถามคตาติ ถามภาวํ อุปคตา. เอเตน อนุสเย สภาวโต ทสฺเสติ. ถามคมนนฺติ จ กามราคาทีนํ อนฺสาธารโณ สภาโว. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ถามคโต อนุสเย ปชหตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๒๑). อปฺปฏิวินีตาติ สมุจฺเฉทวินยวเสน น ปฏิวินีตา. อปฺปหีนา หิ ถามคตา กิเลสา อนุเสนฺตีติ วุจฺจนฺติ. เอเตน เตสํ การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนารหตํ ทสฺเสติ. สมุทาจรนฺตีติ อภิภวนฺติ. เอเตน เตสํ วีติกฺกมปฺปตฺตตํ ทสฺเสติ. อุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อิมินาว ปริยุฏฺานาวตฺถา ทสฺสิตา.
ตํ ปฺจกฺขนฺธปฺปเภทํ อารมฺมณนฺติ ยํ ตํ ‘‘ยตฺถ เจตา ทิฏฺิโย อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตํ รูปุปาทานกฺขนฺธาทิปฺจกฺขนฺธปเภทํ ทิฏฺีนํ อารมฺมณํ. เอตํ มยฺหํ น โหตีติ เอตํ ขนฺธปฺจกํ มยฺหํ สนฺตกํ น โหติ มม กิฺจนปลิโพธภาเวน คเหตพฺพตาย อภาวโต. เตนสฺส ปรมตฺถโต ตณฺหาวตฺถุภาวํ ปฏิกฺขิปติ ตาวกาลิกาทิภาวโต. อหมฺปิ เอโส น อสฺมีติ เอโส ปฺจกฺขนฺธปเภโท อหมฺปิ น อสฺมิ, อหนฺติ โส คเหตพฺโพ น โหตีติ อตฺโถ. เอเตนสฺส มานวตฺถุภาวํ ปฏิกฺขิปติ อนิจฺจทุกฺขเชคุจฺฉาทิภาวโต. เอโส เม อตฺตาปิ น โหติ อตฺตสภาวสฺส ตตฺถ อภาวโต มมฺจสฺส กิฺจนปลิโพธภาเวน คเหตพฺพตาย อภาวโต.
ตณฺหาว มมนฺติ คณฺหาติ เอเตนาติ ตณฺหาคาโห. ตํ คณฺหนฺโตติ ตํ อุปฺปาเทนฺโต. เตนาห ‘‘ตณฺหาปปฺจํ คณฺหาตี’’ติ. ปปฺเจติ สนฺตานํ วิตฺถาเรนฺโต สตฺเต สํสาเร จิรายตีติ ปปฺโจ. ยถา วุตฺตปเภทนฺติ อฏฺสตตณฺหาวิจริตปเภทํ. ตณฺหาปปฺจํ ปฏิกฺขิปติ ขนฺธปฺจกสฺส ตณฺหาวตฺถุกาภาววิภาวเนนาติ อธิปฺปาโย. ปรโต ปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ทิฏฺเกฏฺาติ ทิฏฺิยา ¶ ปหาเนกฏฺา. เตน เตสํ ปมมคฺควชฺฌตํ ทสฺเสติ. สหเชกฏฺา ปน ทิฏฺิยา ตณฺหา เอว, น มาโน, สา จ โข อปายคมนียา. ยถา อตฺถีติ เยน อนิจฺจทุกฺขาสุภานตฺตากาเรน อตฺถิ, ตถา ปสฺสนฺโต ยถาภูตํ ปสฺสติ นาม. เตนาห ‘‘ขนฺธปฺจกฺหี’’ติอาทิ. เอเตเนว อากาเรนาติ รุปฺปนาทิอนิจฺจาทิอากาเรเนว. คยฺหมานมฺปิ อปฺปหีนวิปลฺลาเสหิ. เตนากาเรนาติ ‘‘เอตํ มม’’นฺติอาทิอากาเรน. เนวตฺถิ ยถาภูตทสฺสนวิปลฺลาสานํ ¶ ตทภาวโต. สุฏฺุ ปสฺสนฺตสฺสาติ ยถา ปุน ตถา น ปสฺสิตพฺพํ, เอวํ สุฏฺุ สาติสยํ ปสฺสนฺตสฺส.
น อาทิมนสิกาเรเนว ทิฏฺิปฺปหานํ โหติ, อธิมานิกานํ ปน อธิมานมตฺตเมตํ ทสฺสนํ. มคฺเคเนว ตํ โหตีติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน ทิฏฺิปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา’’ติ อาห. วิภชนฺโตติ อธิมานิกานํ ฌานานิ อสลฺเลขภาเวน วิภชนฺโต. พาลปุถุชฺชนานํ เนว อุปฺปชฺชติ อการกภาวโต. น อริยสาวกานํ ปหีนาธิมานปจฺจยตฺตา. น อฏฺานนิโยชโก สปฺปายกมฺมฏฺาเนเยว นิโยชนโต.
เถโร ‘‘ยทตฺถํ สงฺโฆ ปกฺโกสติ, โส อตฺโถ ตตฺถ วาสีนํ อาคตาคตานํ อิธ อิชฺฌตี’’ติ ตํ อุทิกฺขนฺโต สงฺเฆน ยาวตติยํ ปหิโตปิ น คโต น อคารเวน. เตนาห ‘‘กิเมต’’นฺติอาทิ. ปณฺฑิโต หิ ตตฺถ อตฺตโน กิจฺจเมว กโรตีติ อฺตรํ วุฑฺฒปพฺพชิตํ ปาเหสิ. กิเมตนฺติ สงฺฆสฺส อาณาย อกรณํ นาม กิเมตนฺติ กรเณ อาทรํ ทีเปนฺโต เอวมาห. สฏฺิวสฺสาตีโตติ อปฺปตฺเต ปตฺตสฺี เอว สฏฺิวสฺสาตีโต. ยสฺมา เปสลา เปสเลหิ สทฺธึ สํสนฺทนฺติ สมานาธิมุตฺติตาย, ตสฺมา เถโร ‘‘สาธาวุโส’’ติ วตฺวา หตฺถิมาปนาทึ สพฺพํ อกาสิ.
ตาทิโสวาติ อนนฺตรํ วุตฺตตฺเถรสทิโสว อปฺปตฺเต ปตฺตสฺี เอว สฏฺิวสฺสาตีโตติ อตฺโถ. ปทุมคุมฺพนฺติ กมลสณฺฑํ. ปาสาทํ ปาวิสิ วิสฺสฏฺํ โอโลกเนนสฺส ปุถุชฺชนภาโว อตฺตนาว ปฺายิสฺสตีติ. ติสฺสมหาวิหาเร กิร เถรา ภิกฺขู ตทา ‘‘สกจิตฺตํ ปสีทตี’’ติ วจนํ ปูเชนฺตา กาลสฺเสว เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา เอตฺตการมฺมณเมว พุทฺธารมฺมณปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ทิวเส ทิวเส ตถา กโรนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺมิฺจ สมเย’’ติอาทิ. ‘‘ธมฺมทินฺน, อิธ ปตฺตจีวรํ เปตี’’ติ วตฺตาปิ ปฏิสนฺถารวเสน กิฺจิ ปุจฺฉิตาปิ นาโหสิ. คุณํ ชานาตีติ นิมุชฺชนาทีสุ วิวรทานาทินา คุณํ ชานาติ วิย. ตุมฺเห ปน น ชานิตฺถ อาคนฺตุกวตฺตสฺสปิ อกรณโต. สตฺถุอาณาวิลงฺฆินี กีทิสี สา สงฺฆสฺส ¶ กติกา? กติกา จ นาม สิกฺขาปทาวิโรเธน อนุวตฺเตตพฺพา, เอตฺตกมฺปิ อชานนฺเตหิ เม สํวาโส นตฺถีติ อากาเส อพฺภุกฺกมิ.
ยํ ¶ ตสฺส เอวมสฺส สลฺเลเขน วิหรามีติ โย ‘‘ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ วุตฺโต, ตสฺส ภิกฺขุโน ยํ ‘‘ปมชฺฌานสงฺขาตํ ปฏิปตฺติวิธานํ กิเลเส สลฺเลขติ, เตน สลฺเลเขน อหํ วิหรามี’’ติ อธิมานวเสน เอวมสฺส เอวํ ภเวยฺย านเมตํ วิชฺชตีติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตํ น ยุชฺชตีติ ตํ อธิมานิกสฺส ‘‘ยถาวิภงฺคํ ปมชฺฌานํ สลฺเลโข’’ติ ปริวิตกฺกิตํ น ยุชฺชติ ยุตฺตํ น โหติ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ตตฺถ สมฺมา สพฺพโส จ กิเลเส ลิขตีติ สลฺเลโข, อริยมคฺโค. ตทุปายวิปสฺสนา สลฺเลขปฏิปทา. ยํ ปน ฌานํ วิปสฺสนาปาทกํ, ตมฺปิ ฌานํ ปริยาเยน มคฺคปาทกํ โหติเยว. เตนาห ‘‘อวิปสฺสนาปาทกตฺตา’’ติอาทิ.
ฌานธมฺมวเสนาติ วิตกฺกาทิปฺจกชฺฌานธมฺมวเสน. จิตฺตุปฺปาทวเสน อเนกวารํ ปวตฺตมานมฺปิ ฌานํ เอกาวชฺชนตาย เอกวีถิปริยาปนฺนตฺตา เอกา สมาปตฺติ เอวาติ ‘‘ปุนปฺปุนํ สมาปตฺติวเสนา’’ติ วุตฺตํ. จตฺตาริ อรูปชฺฌานานิ ยถาสกํ เอเกกสฺมึเยว อารมฺมเณ ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘อารมฺมณเภทาภาวโต’’ติ. ปุริมการณทฺวยวเสเนวาติ ‘‘ฌานธมฺมวเสน, ปุนปฺปุนํ สมาปตฺติวเสนา’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการการณทฺวยวเสเนว.
เตสํ อรูปชฺฌานานํ กิเลสปริฬาหาภาเวน นิพฺพุตานิ องฺคานิ, ภาวนาวิเสสวเสน สุขุมานิ อารมฺมณานิ. ตสฺมา ตานีติ เตสํ วเสน ตานิ ฌานานิ สนฺตานิ, ตสฺมา ‘‘สนฺตา เอเต วิหารา’’ติ วุตฺตํ. เตสํ จตุนฺนมฺปีติ จตุนฺนมฺปิ เตสํ อรูปชฺฌานานํ.
๘๓. โสติ อธิมานิโก ภิกฺขุ, อฺโ วา อิโต พาหิรโก ตาปสปริพฺพาชกาทิโก น หิ สมฺมสติ. ตตฺถ อธิมานิโก อปฺปตฺเต ปตฺตสฺิตาย น สมฺมสติ, อิตโร อวิสยตาย. ยตฺถาติ ยสฺมึ สลฺเลขวตฺถุสฺมึ, อวิหึสกตาทีหิ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิ.
อฏฺ สมาปตฺติโย นาม กิเลสานํ วิกฺขมฺภนวเสน ปวตฺตา อุตฺตรุตฺตริ สนฺตปณีตา ธมฺมา, น ตถา โลกิยา อวิหึสาทโย. ตตฺถ กถํ อวิหึสาทโย เอว สลฺเลขภาเวน วุตฺตา, น อิตราติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต โจทโก ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทิมาห. อิตโร กามํ สมาปตฺติโย ¶ ¶ สนฺตปณีตสภาวา, วฏฺฏปาทกตาย ปน กิเลสานํ สลฺเลขปฏิปทา น โหนฺติ, อวิหึสาทโย ปน วิวฏฺฏปาทกา สลฺเลขปฏิปทาติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘โลกุตฺตรปาทกตฺตา’’ติอาทิมาห. อิมินาเยว อฏฺสมาปตฺตีหิ อวิหึสาทีนํ วิเสสทีปเกน สุตฺเตน ยถา มหปฺผลตรํ โหติ, ตํ ปการชาตํ เวทิตพฺพํ. อิทฺหิ ทกฺขิเณยฺยตรตาย ทกฺขิณาย มหปฺผลตรตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. นนุ ตตฺถ ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน’’ติ อาคตํ, น ‘‘สรณคโต’’ติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘สรณคมนโต ปฏฺายา’’ติอาทิ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๓๗๙) ‘‘เหฏฺิมโกฏิยา ติสรณํ คโต อุปาสโกปิ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน นามา’’ติ. โย หิ วฏฺฏทุกฺขํ สมติกฺกมิตุกาโม ปสนฺนจิตฺโต รตนตฺตยํ สรณํ คจฺฉติ, ตสฺส ตํ อธิสีลาทีนํ อุปนิสฺสโย หุตฺวา อนุกฺกเมน ทสฺสนมคฺคาธิคมาย สํวตฺเตยฺยาติ.
วิหึสาทิวตฺถุนฺติ ยเทตํ วิหึสาทีนํ วตฺถุํ วทาม, อิมสฺมึ วิหึสาทิวตฺถุสฺมึ. อนฺตมิจฺฉาทิฏฺิฺจ มิจฺฉตฺตานํ อาทิมิจฺฉาทิฏฺิฺจาติ อิทํ เทสนากฺกมํ สนฺธาย วุตฺตํ. มิสฺเสตฺวาติ มิจฺฉาทิฏฺิภาวสามฺเน เอกชฺฌํ กตฺวา. ตถาติ อิมินา ยถา กมฺมปถมิจฺฉตฺตานํ อนฺเต อาทิมฺหิ จ วุตฺตมิจฺฉาทิฏฺึ มิสฺเสตฺวา เอกชฺฌํ วุตฺตํ, ตถา เตสํ อนฺเต วุตฺตสมฺมาทิฏฺีติ อิมมตฺถํ อุปสํหรติ.
ปาณนฺติ โวหารโต สตฺตํ, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. อติปาเตนฺติ สรเสเนว ปตนสภาวํ อติจฺจ อนฺตรา เอว ปาเตนฺติ, อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาเตนฺติ. อทินฺนนฺติ ปรสนฺตกํ. อาทิยนฺตีติ คณฺหนฺติ. สลฺเลขตีติ สมํ เลขติ, ปชหตีติ อตฺโถ. กมฺมปถกถา เอสาติ ‘‘อตฺถภฺชนก’’นฺติ วุตฺตํ. ปิยสฺุกรณโต ปิสุณา, ปิสติ ปเร สตฺเต หึสตีติ วา ปิสุณา. ผรุสาติ ลูขา, นิฏฺุราติ อตฺโถ. นิรตฺถกนฺติ อตฺถรหิตํ อตฺตโน ปเรสฺจ หิตวินิมุตฺตํ. มิจฺฉาติ วิปรีตา นิจฺจาทิวเสน ปวตฺติยา. ปาปิกาติ ลามิกา. เอกนฺตากุสลตาย วิฺูหิ พุทฺธาทีหิ ครหิตา. นตฺถิ ทินฺนนฺติ อาทิวตฺถุกายาติ ทสวตฺถุกมิจฺฉาทิฏฺิมาห. นตฺถิกภาวาภินิเวสนวเสน กมฺมปถปฺปตฺติเยวสฺสา กมฺมปถปริยาปนฺนตา. ‘‘รูปํ อตฺตา’’’ติอาทินยปฺปวตฺตา อตฺตทิฏฺิ ¶ มคฺคนฺตรายกรตฺตา อนิยฺยานิกทิฏฺิ. อนิยฺยานิกตฺตา เอว หิสฺสา มิจฺฉตฺตปริยาปนฺนตา. สมฺมาติ อวิปรีตา, ตโต เอว โสภนา สุนฺทรา, พุทฺธาทีหิ ปสตฺถตฺตา วิฺุปฺปสตฺถา. เสสเมตฺถ มิจฺฉาทิฏฺิยํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
อสุภาทีสุ ¶ สุภาทิอาการคฺคหณโต อยาถาวอนิยฺยานิกา อโยนิโส อุปฺปตฺติยา. อกุสลาติ อยาถาวาอนิยฺยานิกา อกุสลา สงฺกปฺปา. เอส นโยติ อิมินา ‘‘อยาถาวา อนิยฺยานิกา อกุสลา วาจา’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ อยาถาวาทิอตฺถํ อติทิสติ. วาจาติ เจตนา อธิปฺเปตา, ตถา กมฺมนฺตาชีวาสติ จ. เยภุยฺเยน อตีตานุสฺสรณวเสน ปวตฺติโต ‘‘อตีตํ จินฺตยโต’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ โลเก เอวํ วทนฺติ ‘‘ยํ เม ปหูตํ ธนํ อโหสิ, ตํ ปมาทวเสน ปน พหุํ ขีณ’’นฺติ. สติปติรูปเกนาติ ‘‘จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา’’ติ เอวํ วุตฺตสตุปฺปตฺติปติรูปเกน. อุปฺปตฺตินฺติ จิตฺตุปฺปตฺตึ. ตถาปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท หิ มิจฺฉาสติ. สา ปน โกธวเสน วา ‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ ม’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๓) อุปนยฺหนฺตสฺส, ราควเสน วา ‘‘ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ มาตุคาเมน สทฺธึ หสิตลปิตกีฬิตานิ อนุสฺสรตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๕๐) วุตฺตนเยน สุภโต อนุสฺสรนฺตสฺส, ทิฏฺิวเสน วา ‘‘โส โข ปน เม อตฺโต นิจฺโจ ธุโว’’ติอาทินา มิจฺฉาอภินิวิสนฺตสฺสาติ เอวมาทินา นเยน ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพา.
อุปายจินฺตาวเสนาติ ขิปฺปชาลกุมินาทุหลาทิอุปกรณสํวิธานาทีสุ ยุตฺติจินฺตนาทิวเสน ปาปํ กตฺวา วิปฺปฏิสารนิมิตฺตํ, ‘‘สุกตํ มยา’’ติ ปาโมชฺชนิมิตฺตํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขณากาเรน โมโห อฺาณํ. ตตฺถ ปน ‘‘อสิเว สิวา’’ติ โวหาโร วิย าณโวหาโร. มิจฺฉาสภาวตฺตา ปน มิจฺฉาาณํตฺเวว วุจฺจติ. เอกูนวีสติเภทํ ปจฺจเวกฺขณาณํ สมฺมา เปกฺขิตตฺตา สมฺมาาณํ วุจฺจติ, อิตรํ ปน ฌานาทิปจฺจเวกฺขณาณํ สมฺมาทิฏฺิยาว สงฺคยฺหติ. รูปารูปสมาปตฺติลาภิตามตฺเตน วฏฺฏโต อวิมุตฺตาเยว สมานา ‘‘วิมุตฺตา มย’’นฺติ เอวํสฺิโน. ปกติปุริสนฺตราณสงฺขาตายํ, คุณวิยุตฺตสฺส อตฺตโน สกตฺตนิ อวฏฺานสงฺขาตายํ, อตฺตโน มหาพฺรหฺมุนา สโลกตา ตสฺส สมีปตาสํยุชฺชนสงฺขาตายํ ¶ วา อวิมุตฺติยํ วิมุตฺติสฺิโน. เอกนฺตากุสลตาย หีนตฺตา ปาปิกา. อยาถาวตาย วิปรีตา. ยถาวุตฺเตนาติ ‘‘อวิมุตฺตาเยว สมานา’’ติ วุตฺตปฺปกาเรน. ‘‘มยเมตฺถ สมฺมาทิฏฺิ ภวิสฺสามา’’ติอาทีสุ ผลสมฺมาทิฏฺิอาทีนิปิ มคฺคสมฺมาทิฏฺิอาทิปกฺขิกาเนวาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ผลสมฺปยุตฺตานิ…เป… เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. สพฺเพปิ ปน ผลธมฺเม วิมุตฺติกฺขนฺธสงฺคหโต ‘‘วิมุตฺตี’’ติ วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธ. เอตฺถ สมฺมาวิมุตฺติสงฺขาเต สลฺเลขวตฺถุมฺหิ.
ยทิ นีวรณวเสน วุตฺตานิ, ตสฺมา ตีเณว วุตฺตานีติ อาห ‘‘อภิชฺฌาลู’’ติอาทิ. ปริยุฏฺานปฺปตฺตา ถินมิทฺธปริยุฏฺิตา. ยสฺส ธมฺมสฺส อตฺถิตาย อุทฺธตา นาม โหนฺติ, โส ธมฺโม อุทฺธจฺจนฺติ อาห ‘‘อุทฺทจฺเจน สมนฺนาคตาติ อุทฺธตา’’ติ. วิจินนฺตาติ ธมฺโมติ วา อธมฺโมติ วา ¶ อาทินา ยํ กิฺจิ สภาวํ วินิจฺฉินนฺตา. อุปนาหนสีลาติ ปรสฺส อตฺตโน จิตฺเต อนุพนฺธนสีลา. อิสฺสนฺตีติ อุสูยนฺติ. สยนฺตีติ สา อฺถา อตฺตานํ อฺถา ปเวทนกา. เต ปน ยสฺมา น ยถาภูตวาทิโน, ตสฺมา อาห ‘‘น สมฺมา ภาสนฺตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. วุตฺตปจฺจนีกนเยนาติ ‘‘น โกธนา อกฺโกธนา’’ติอาทินา วุตฺตอตฺถปฏิปกฺขนเยน.
ทุกฺขํ วโจ เอเตสุ วิปฺปฏิกูลคฺคาหิตาย วิปจฺจนีกคาเหสูติ ทุพฺพจา. เต ปน วจนกฺขมา น โหนฺตีติ อาห ‘‘วตฺตุํ ทุกฺขา’’ติอาทิ. หีนาจารตาย ทุกฺขสฺส วา สมฺปาปกตาย ปาปกา. อสทฺธมฺมวเสนาติ อสปฺปุริสธมฺมวเสน. อตฺตนา วิเสสิตพฺพวเสน กายวิฺตฺติอาทีนํ กายกมฺมทฺวาราทิภาโว วิย อสฺสทฺธิยาทิอสทฺธมฺมสมนฺนาคเมนอสตํ อสปฺปุริสานํ ธมฺมานนฺติ ตานิเยว อสฺสทฺธิยาทีนิ อสทฺธมฺมา นาม, เตสํ วเสนาห ‘‘สทฺธา เอเตสํ นตฺถี’’ติ ยถา ตํ ‘‘ทุปฺปฺา’’ติ. สุตฺตเคยฺยาทิ อปฺปํ สุตํ เอเตสนฺติ อปฺปสฺสุตา, สุเตน อนุปปนฺนา. นตฺถีติ คเหตพฺพนฺติ อิมินา อภาวตฺโถ อยํ อปฺป-สทฺโท ‘‘อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสาน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๑๐.๑๑) วิยาติ ทสฺเสติ. สมฺมาปฏิปตฺติยา อนารมฺภนโต กุจฺฉิตา คารยฺหา สีทนฺติ โอสีทนฺติ สํกิเลสปกฺเขติ กุสีตา ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย อารทฺธํ ปคฺคหิตํ วีริยํ เอเตสนฺติ อารทฺธวีริยา. อนุปฺปาทเนน ¶ มุฏฺา นฏฺา สติ เอเตสนฺติ มุฏฺสฺสตี. ทุฏฺาติ ทูสิตา. ทุปฺปฺา นาม ทูสิตภาโว ปฏิปกฺเขน วินาสิตภาโวติ อาห ‘‘นฏฺปฺาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. เหฏฺา สมฺมาทิฏฺิคฺคหเณน กมฺมสฺสกตาปฺาย มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา จ คหิตตฺตา สุพฺพจกลฺยาณมิตฺตตาปริวาราหิ อิธ สทฺธาทีหิ วิปสฺสนาสมฺภารสฺส อุทฺธฏตฺตา จ วุตฺตํ ‘‘อิธ วิปสฺสนาปฺา เวทิตพฺพา’’ติ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาสมฺภาโร หี’’ติอาทิ. ยุตฺตึ อนเปกฺขิตฺวาปิ อยมตฺโถ คเหตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โปราณานํ อาณา’’ติ.
โลกุตฺตรคุณานํ อนฺตรายกรนฺติ โลกุตฺตรคุณานํ อธิคมสฺส อนฺตรายกรํ. สนฺทิฏฺินฺติ สํ อตฺตโน ทิฏฺึ, ยํ วา ตํ วา อตฺตนา ยถาคหิตทิฏฺินฺติ อตฺโถ. สภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสนโต ปรามาสี. ทฬฺหคฺคาหีติ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ถิรคฺคาหคฺคาหี. ปฏินิสฺสคฺคีติ ปฏินิสฺสชฺชนโก. กุมฺโมวาติ ยถา กจฺฉโป อตฺตโน ปาทาทิเก องฺเค เกนจิ ฆฏฺฏิโต สพฺพานิ องฺคานิ อตฺตโน กปาเลเยว สโมทหติ, น พหิ นีหรติ, เอวมยมฺปิ ‘‘น สุนฺทโร ตว คาโห, ฉฑฺเฑหิ น’’นฺติ วุตฺโต ตํ น วิสฺสชฺเชติ. อนฺโตเยว อตฺตโน หทเย เอว เปตฺวา ตํ วทติ. กุมฺภีลคฺคาหนฺติ สํสุมารคฺคาหํ. คณฺหนฺตีติ ยถา สํสุมารา คหิตํ น วิสฺสชฺเชนฺติ, เอวํ คณฺหนฺติ.
๘๔. เอวํ ¶ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหีติ อวิหึสนาทีหิ จตุอธิกจตฺตาลีสปฺปกาเรหิ. กสฺมา ปเนตฺถ อวิหึสา อาทิโต วุตฺตา? สพฺพคุณานํ มูลภาวโต. อวิหึสาติ หิ กรุณาเยตํ อธิวจนํ, สา จ วิเสสโต สีลสฺส มูลการณํ ปรูปฆาตลกฺขณา ทุสฺสีลฺยา โอรมาปนโต. ยถา หิ ปาณาติปาโต ปรูปฆาตลกฺขโณ, ตถา ปเรสํ สาปเตยฺยาวหรณํ, สตฺติปฺปหารโตปิ ธนสฺสาวหาโร ครุตโรติ. ตถา อพฺรหฺมจริยํ คพฺภธารณาทิทุกฺขาวหนโต, ปรทาราติกฺกเม ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ปเรสํ วิสํวาทนเภทนมมฺมฆฏฺฏนานํ ปรูปฆาตภาโว ปากโฏ เอว, สมฺผปฺปลาโป อตฺถคฺคาหาปนโต อนตฺถุปฺปาทนโต, อภิชฺฌา อทินฺนาทานาทิเหตุโต, พฺยาปาโท ปาณาติปาตาทิเหตุโต, มิจฺฉาทิฏฺิ สพฺพานตฺถเหตุโต ¶ ปรูปฆาตลกฺขณา, มิจฺฉาทิฏฺิ ธมฺมิกปฏิฺโปิ ปาณาติปาตาทีนิ กโรติ, ปเร จ ตตฺถ นิโยเชติ, กิมงฺคํ ปน อิตเร. วิหึสลกฺขณา ทุสฺสีลฺยา โอรมา อวิหึสลกฺขณา วิเสสโต สีลสฺส พลวการณํ. สีลปทฏฺาโน จ สมาธิ, สมาธิปทฏฺานา จ ปฺาติ สพฺพคุณานํ มูลภูตา อวิหึสา. อปิจ อุฬารชฺฌาสยานํ นิสมฺมการีนํ ธีรานํ อุตฺตมปุริสานํ สีลํ วิย สมาธิปฺาปิ ปเรสํ หิตสุขาวหาว สมฺปชฺชนฺตีติ เอวมฺปิ กรุณา สพฺพคุณานํ มูลนฺติ สา อาทิโต วุตฺตา.
ตโต ปรํ วิเสสโต ‘‘อวิหึสาสมุฏฺานา อิเม ธมฺมา’’ติ ทสฺสนตฺถํ กุสลกมฺมปถธมฺมา คหิตา. ตโต อิทํ คุณานํ มูลภูตํ สีลํ, เอตฺถ ปติฏฺิเตน อิเม ธมฺมา อุปฺปาเทตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ อฏฺ สมฺมตฺตา คหิตา. เตสํ วิโสธนาย ปฏิปนฺนสฺส อาทิโต เอวํ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ นีวรณวิเวโก คหิโต, อาทิโต นีวรณทฺวยสฺส อคฺคหเณ คหิตาคหิตการณํ อฏฺกถาย วุตฺตเมว. โกธสฺส ปน พฺยาปาทโต เภโท วตฺถสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๗๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. โกธาทิปฺปหาเนน เจตฺถ สลฺเลขสิทฺธีติ ทสฺสนตฺถํ ตโต อุปกฺกิเลสวิสุทฺธิ คหิตา. สา จ สุพฺพจกลฺยาณมิตฺตอปฺปมตฺตตาหิ สิชฺฌตีติ ทสฺสนตฺถํ ปกิณฺณกา คหิตา. สมฺปนฺนโสวจสฺสตาทิคุณสฺส อิเม ธมฺมา ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, วิปสฺสนํ ปริพฺรูเหตฺวา อริยมคฺคาธิคมาย สํวตฺตนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ สทฺธมฺมา คหิตา. เอวํภูตสฺส อยํ มิจฺฉาคาโห โลกุตฺตรคุณาธิคมสฺส อนฺตรายกโร, ตสฺมา โส ทูรโต วชฺเชตพฺโพ, เอวํ ยถาวุตฺตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา อริยมคฺคํ อธิคจฺฉนฺโต สลฺเลขํ มตฺถกํ ปาเปตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สนฺทิฏฺิปรามาสี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ เอวเมเตสํ จตุจตฺตาลีสาย สลฺเลขาการานํ คหณปโยชนํ อนุปุพฺพี จ เวทิตพฺพา. ปโยคโต สลฺเลขปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ อสกฺโกนฺตานํ จิตฺตุปฺปาโทปิ พหูปกาโรติ อาห ‘‘จิตฺตุปฺปาทสฺสปิ พหูปการตํ ทสฺเสตุ’’นฺติ.
กุสเลสุ ¶ ธมฺเมสูติ อวิหึสาทีสุ ยถาวุตฺตอนวชฺชธมฺเมสุ. อนุวิธิยนาติ จิตฺตุปฺปาทสฺส กายวาจาหิ อนุวิธานา. เตสํ ธมฺมานนฺติ อวิหึสาทิธมฺมานํ, เตสํ วา จิตฺตุปฺปาทวเสน ปวตฺตธมฺมานํ. อิทานิ ¶ ยถาวุตฺตธมฺมํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. สรณคมนํ วาจาย วิฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตสฺส วเสน วุตฺตํ ‘‘กาเยน วา’’ติ. ‘‘สีลํ กาเยน สมาทิยตี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ ตถา ตถา ปวตฺตสลฺลหุกกามาวจรกุสลจิตฺตุปฺปตฺตึ อุปาทาย ตถารูปกุสลกายวจีกมฺมานํ พหูปการตา วุตฺตาติ น สภาวโต จิตฺตุปฺปาทสฺส พหูปการตํ ายตีติ ทฏฺพฺพํ.
๘๕. หิตาธิคมายาติ ทิฏฺธมฺมิกาทิหิตสมฺปตฺติยา, อริยมคฺคาธิคมาย เอว วา. อริยมคฺโค หิ เอกนฺตหิตตฺตา หิโต นาม. ปริวชฺชนวเสน กมนํ ปวตฺติ ปริกฺกมนนฺติ อาห ‘‘ปริกฺกมนาย ปริวชฺชนตฺถายา’’ติ. สมฺมาทสฺสนุปายสํวิธาเนน อวิหึสา ปฏิยตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน. สุเขเนวาติ อกิจฺเฉเนว. เอเตเนว อุปาเยนาติ เอเตเนว อวิหึสาปเท วุตฺเตน วิธินา. สพฺพปทานีติ เสสานิ เตจตฺตาลีส ปทานิ.
๘๖. อกุสลา ปฏิสนฺธิอชนกา นาม อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทธมฺมา อฺเปิ ปวตฺติวิปากมตฺตทายิโน, ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา วิปากชนกา, ปจฺจยเวกลฺเลน วิปจฺจิตุํ อลทฺโธกาสา อโหสิกมฺมาทโย วา อชนกา. ชาติวเสนาติ อกุสลชาติวเสน. อโธภาคงฺคมนียาติ อปายคมนียา. เอวํนามาติ นามคฺคหเณน สภาวํ อุปลกฺเขติ สติ ปจฺจยสมวาเย ตํสภาวานติวตฺตนโต. เตนาห ‘‘วิปากกาเล อนิฏฺากนฺตวิปากตฺตา’’ติ. วุตฺตนเยเนว กุสลปกฺโข เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส, อิธ ปฏิสนฺธิอชนกา อภิฺาสหคตธมฺมา, เสสํ วุตฺตสทิสเมว. สพฺเพ อกุสลาติ เอตฺถ วิหึสเมกํ เปตฺวา อิตเร สพฺเพ อกุสลา อุปมาภูตา. วิหึสา หิ อุปเมยฺยํ. สพฺเพ กุสลาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอเตเนว อุปาเยนาติ ยถา วิหึสานํ อุปเมยฺยตา, ตทวเสสานํ กุสลากุสลานํ อุปมาภาโว วุตฺโต, อิมินา นเยน อกุสลํ ปาณาติปาตาทิอกุสเลน อิตเรน, กุสลฺจ ปาณาติปาตาปฏิวิรติอาทิกุสเลน อิตเรน อุปเมตพฺพํ.
๘๗. ปรินิพฺพาปเนติ กิเลสปริฬาหวูปสมเน. ปริโต ลิมฺปนฏฺเน ปลิปํ วุจฺจติ มหากทฺทมํ, ตํ ปน เอกนฺตโต คมฺภีรมฺปิ โหตีติ ‘‘คมฺภีรกทฺทเม ¶ นิมุคฺโค’’ติ วุตฺตํ. ปลิปํ วิย ¶ ปลิปนฺติ ปฺจ กามคุณา วุจฺจนฺติ, ตสฺมา เอวํ อิทานิ วุจฺจมาเนน อุปโมปเมยฺยสํสนฺทนนเยน เอตฺถ อิมสฺมึ าเน อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. น หิ ตํ การณนฺติ เอตฺถ การณํ นาม หตฺถสฺส วา ปาทสฺส วา อปลิปนฺนภาโว, โส ปน นตฺถิ. เอส นโย อุปเมยฺเยปิ.
ตตฺถ สิยา กสฺสจิ ปริวิตกฺโก ‘‘ภควโต เทสนานุภาเวน ภิกฺขุอาทโย กเถนฺตี’’ติ. ‘‘ภควาเยว หิ ตตฺถ อุทฺธรตี’’ติ วตฺวา อุปมาย ตทตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘รฺโ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุถุชฺชนา ตาวติฏฺนฺตุ, สาวกสิขาปฺปตฺตวิเสสานมฺปิ อริยานํ เทสนา สตฺถุเยว เทสนาติ ทสฺเสตุํ ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิมาห. ตถา หิ เตหิ เทสิตสุตฺตานิ พุทฺธวจนเมว, เตสํ เทสนาย ลทฺธวิเสสาปิ อริยา พุทฺธปุตฺตาเยวาติ.
อนิพฺพิสตายาติ อนิพฺพิเสวนตาย. อสิกฺขิตวินยตายาติ ปฺจนฺนํ วินยานํ สาทรํ อสิกฺขิตภาเวน. เต ปน วินยา ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ สิกฺขาปเนน โหตีติ อาห ‘‘ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขาเปสฺสตี’’ติ. กึ ปน ตนฺติ? ‘‘านเมตํ วิชฺชตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ กึ ปน านนฺติ อาห ‘‘อปลิปปลิปนฺนตฺต’’นฺติอาทิ. ยสฺมา ปาฬิยํ ‘‘โส วต จุนฺทา’’ติอาทินา สามฺตฺถํ อุปมาภาเวน คเหตฺวา วิเสสตฺโถ อุปเมยฺยภาเวน วุตฺโต, ตสฺมา ตมตฺถํ ‘‘เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติอาทินา สาธารณโต วตฺวา ปุน อสาธารณโต วิวรนฺโต ‘‘กึ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิมาห. ปรสฺส วิหึสาเจตนํ นิพฺพาเปสฺสตีติ อิทํ โย อวิหึสาสงฺขาตํ สมฺมาปฏิปตฺตึ ทิสฺวา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺโต ธมฺมเทสนาย ปโร อวิหึสโก โหติ, ตาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํ. อาเทสนฺหิ ตสฺส วจนนฺติ. เตนาห ‘‘อยํ ยา เอสา วิหึสกสฺสา’’ติ. ปุพฺเพ วิหึสกสฺส มิจฺฉาปฏิปชฺชนฺตสฺส. วิหึสาปหานาย มคฺคํ ภาวยโตติอาทินา อตฺตโน เอว อวิหึสาย วิหึสาปรินิพฺพานาย สํวตฺตนมาห. เตนาห ‘‘ปรินิพฺพุโต วิยา’’ติอาทิ. สพฺพปเทสูติ ‘‘ปาณาติปาติสฺสา’’ติอาทินา อาคเตสุ เตจตฺตาลีสาย ปเทสุ.
๘๘. เอวนฺติ เทสิตาการปรามสนํ. ตสฺสาติ สลฺเลขสฺส. ‘‘อตฺถิ ขฺเวส พฺราหฺมณ, ปริยาโย’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๓-๑๐) วิย ปริยาย-สทฺโท การณตฺโถติ ¶ อาห ‘‘สลฺเลขการณ’’นฺติ. เตสํ วเสนาติ สลฺเลขานํ วเสน. เมตฺตาย อุปสํหรณวเสน หิตํ เอสนฺเตน. กรุณาย วเสน อนุกมฺปมาเนน. ปริคฺคเหตฺวาติ ปริโต คเหตฺวา, ปริตฺวาติ อตฺโถ. ปริจฺจาติ ปริโต อิตฺวา, สมนฺตโต ผริตฺวา อิจฺเจว อตฺโถ. มา ปมชฺชิตฺถาติ ‘‘ฌายถา’’ติ วุตฺตสมถวิปสฺสนานํ อฺาเณน, อฺเน วา เกนจิ ปมาทการเณน ¶ มา ปมาทํ อาปชฺชิตฺถ. นิยฺยานิกสาสเน หิ อกตฺตพฺพกรณมฺปิ ปมาโทติ. วิปตฺติกาเลติ สตฺตอสปฺปายาทิวิปตฺติยุตฺตกาเล. ยถาวุตฺตา ปฺจ ปริยายา อฺเปิ สพฺเพ สาสนคุณา อิเธว สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘ฌายถ, มา ปมาทตฺถาติ ตุมฺหากํ อนุสาสนี’’ติ.
สลฺเลขสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. สมฺมาทิฏฺิสุตฺตวณฺณนา
๘๙. กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา ¶ เอวาติ อวธารเณน อิตรา จตสฺโส ปุจฺฉา นิวตฺเตติ อิตราสํ อสมฺภวโต, ตตฺถ ยถาปุจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส วิสฺสชฺชนโต จ ‘‘อยํ สมฺมาทิฏฺี’’ติ ยาถาวโต อชานนฺตาปิ ปุถุชฺชนา พาหิรกตาปสาทโย อตฺตโน สมานสีเล ิตํ สมฺมาทิฏฺีติ วทนฺติ. อนุสฺสวาทิวเสนาปีติ อนุสฺสวาการปริวิตกฺกทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติวเสนปิ. ยถาสมงฺคิตาการสฺส อตฺถสฺส เอวเมตนฺติ นิชฺฌานกฺขมาปนโต เอกนฺตโต ยาถาวคฺคาโห โหตีติ อาห ‘‘อตฺตปจฺจกฺเขนปี’’ติ, ยาถาวโต ลกฺขณสฺส ปฏิวิทฺธตฺตา อตฺตโน ปจฺจกฺขภาเวนาติ อตฺโถ. พหุนฺนํ วจนํ อุปาทายาติ อิมินา สาสเน โลเก จ นิรุฬฺหตาย อยํ อาเมฑิตปโยโคติ สาสนสฺส นิรุฬฺหตาย จ สมฺปสาทํ อุปาทายปิ ตทุภยิโก อาเมฑิตปโยโค ทฏฺพฺโพ. อตฺถนฺติ วจนตฺถํ. ลกฺขณนฺติ สภาวํ. อุปาทายาติ คเหตฺวา. โสภนายาติ สุนฺทราย. ปสตฺถายาติ ปสํสาย. เตสุ ปุริเมน ธมฺมานํ ยถาสภาวาวโพธสงฺขาตํ สมฺมาทิฏฺิสภาวํ ทสฺเสติ. เตน หิ สา สพฺพธมฺเม อภิภวิตฺวา โสภติ. ทุติเยน สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ปริณายิกภาวํ. เตน หิ สา สมฺปยุตฺตธมฺเม าณมเย วิย ตํสมงฺคินฺจ ปุคฺคลํ าณปิณฺฑํ วิย กโรติ, ตสฺส ‘‘ปณฺฑิโต นิปุโณ เฉโก วิฺู วิภาวี’’ติอาทินา ทิสาสุ ปสํสา ปตฺถรติ.
กมฺมสฺสกตาาณนฺติ ¶ กมฺมํ สโก เอตสฺสาติ กมฺมสฺสโก, ตสฺส ภาโว กมฺมสฺสกตา, ตตฺถ าณํ ‘‘อิทํ กมฺมํ สตฺตานํ สกํ, อิทํ โน สก’’นฺติ เอวํ ชานนาณํ. สจฺจานุโลมิกาณนฺติ อริยสจฺจานํ ปฏิเวธสฺส อนุโลมโต สจฺจานุโลมิกํ าณํ, วิปสฺสนาาณํ. โน สจฺจานุโลมิกายาติ พาหิรโก สจฺจานุโลมิกาย สมฺมาทิฏฺิยา โน สมฺมาทิฏฺิ สพฺเพน สพฺพํ ตสฺส อภาวโต. ตตฺถ การณมาห ‘‘อตฺตทิฏฺิปรามาสกตฺตา’’ติ. กมฺมสฺส กตาทิฏฺิ ปน พาหิรกสฺส อตฺตทิฏฺึ อนุรุชฺฌนฺตี ปวตฺตติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺติโต. สาสนิโก ทฺวีหิปีติ สาสนิโก ปุถุชฺชโน กมฺมสฺสกตาาณาทีหิ ทฺวีหิปิ สมฺมาทิฏฺิ. โอกฺกนฺตสมฺมตฺตนิยามตฺตา ‘‘เสกฺโข นิยตายา’’ติ วุตฺตํ. อเสกฺขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมฺมาทิฏฺีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตีสุปิ ปุคฺคเลสุ เสกฺโข อิธ สมฺมาทิฏฺีติ อธิปฺเปโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิยตาย นิยฺยานิกายา’’ติอาทิมาห.
อิทานิ ¶ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนฺตทฺวยนฺติ ‘‘สสฺสตํ, อุจฺเฉทํ, กามสุขํ, อตฺตกิลมถ’’นฺติ เอตํ อนฺตทฺวยํ. ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนนฺตทฺวยสฺส อนุปคมนํ อตฺถสิทฺธเมว. อุชุภาเวนาติ อุชุสภาเวน มคฺเคน, มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยาติ อตฺโถ. ธมฺเม ปสาทคฺคหเณน สตฺถริ สงฺเฆ จ ปสาโทปิ คหิโตเยว โหตีติ ‘‘ธมฺเม’’อิจฺเจว วุตฺโต ตทวินาภาวโต. ยสฺมา เอส นิยตาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต สมฺมาทิฏฺีติ อธิปฺเปโต, ตฺจ วฏฺฏโต นิยฺยานํ วิวฏฺฏาธิคเมน โหตีติ อาห ‘‘อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ. นิพฺพานฺหิ สนฺโต สทา วิชฺชมาโน ธมฺโมติ กตฺวา สทฺธมฺโมติ อิมํ ผเลหิ อสาธารเณน ปริยาเยน วตฺตพฺพตํ ลภติ. ตยิทมสฺส อาคมํ สจฺฉิกิริยาภิสมโย, โส จ ปหานาภิสมยาทีหิ สเหว อิธ อิชฺฌตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพทิฏฺิคหนานี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺพทิฏฺิคหนานิ วินิพฺเพเนฺโต สพฺพกิเลเส ปชหนฺโตติ ปททฺวเยน ปน ปหานาภิสมยมาห, ชาติสํสารา นิกฺขมนฺโตติ อิมินา ปริฺาภิสมยํ. สมติกฺกมตฺโถ หิ ปริฺตฺโถ. ปฏิปตฺตึ ปรินิฏฺเปนฺโตติ อิมินา ภาวนาภิสมยนฺติ ทฏฺพฺพํ.
กาลปริจฺเฉทวจนนฺติ ปริจฺฉิชฺชตีติ ปริจฺเฉโท, กาโล เอว ปริจฺเฉโท กาลปริจฺเฉโท, โย โส อกุสลปชานนาทินา ปริจฺฉินฺโน ¶ มคฺควุฏฺานกาโล มคฺคกฺขโณ, ตสฺส วจนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยสฺมึ กาเล’’ติ. อกุสลฺจาติ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน วกฺขมานํ อกุสลมูลาทึ สมุจฺจิโนติ. ทสากุสลกมฺมปถนฺติ กุโตยํ วิเสโส, ยาวตา อนิทฺธาริตวิเสสํ อกุสลํ คหิตนฺติ? น สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต. กึ วา อิมาย ยุตฺติจินฺตาย, ยสฺมา ปมวาเรน อุทฺเทสวเสน เทสิตสฺส อตฺถสฺส วิตฺถารเทสนา ทุติยวาโร. เตเนวาห ‘‘กตมํ ปนาวุโส’’ติอาทิ. ยสฺมา โลกุตฺตรา สมฺมาทิฏฺิ อิธ อธิปฺเปตา, ตสฺมา นิโรธารมฺมณาย ปชานนาย มคฺคปฺาย กิจฺจวเสน สมฺโมหโต ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ทสอกุสลกมฺมปถํ ปฏิวิชฺฌนฺโต ‘‘อกุสลํ ปชานาตี’’ติ วุจฺจตีติ อตฺโถ. ตสฺสาติ อกุสลกมฺมปถสงฺขาตสฺส ทุกฺขสฺส. เตเนว ปกาเรนาติ ‘‘นิโรธารมฺมณาย ปชานนาย กิจฺจวเสนา’’ติ วุตฺตปฺปกาเรน.
กุสลนฺติ เอตฺถายํ วจนตฺโถ – กุจฺฉิเต ปาปธมฺเม สลยติ จลยติ กมฺเปตีติ กุสลํ, กุจฺฉิเตน วา อากาเรน สยนฺตีติ กุสา, ปาปกา ธมฺมา. เต กุเส ลุนาติ ฉินฺทตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา สานโต ตนุกรณโต าณํ กุสํ นาม, เตน ลาตพฺพํ คเหตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ กุสลํ. ยถา วา กุโส อุภยภาคคตํ หตฺถปเทสํ ลุนาติ, เอวมิทํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนวเสน อุภยภาคคตํ สํกิเลสปกฺขํ ลุนาติ ฉินฺทติ, ตสฺมา กุโส วิย ลุนาตีติ ¶ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา สาวชฺชธมฺมานํ สลนโต สํวรณโต กุสลํ. กุสลธมฺมวเสน หิ อกุสลา มนจฺฉฏฺเสุ ทฺวาเรสุ อปฺปวตฺติยา สํวุตา โหนฺติ. กุจฺฉิเต วา ปาปธมฺเม สลยติ คเมติ อปเนตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา ปาณาติปาตาทีนํ สานโต นิสานโต เตชนโต กุสา, โทสโลภาทโย. สาทีนววเสน เจตนาย ติกฺขภาวปฺปตฺติยา ปาณาติปาตาทีนํ มหาสาวชฺชตา. เต กุเส ลุนาติ ฉินฺทตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา สานโต อนฺตกรณโต วินาสนโต กุสานิ, ปฺุกิริยวเสน ปวตฺตานิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ. เตหิ ลาตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ กุสลํ. ‘‘กุ’’อิติ วา ภูมิ วุจฺจติ, อธิฏฺานภาเวน ตํสทิสสฺส อตฺตโน นิสฺสยภูตสฺส รูปารูปปพนฺธสฺส สมฺปติ อายติฺจ อนุทเหน วินาสนโต กุํ สสนฺตีติ กุสา, ราคาทโย. เต วิย อตฺตโน ¶ นิสฺสยสฺส ลวนโต ฉินฺทนโต กุสลํ. ปโยคสมฺปาทิตา หิ กุสลธมฺมา อจฺจนฺตเมว รูปารูปธมฺเม อปฺปวตฺติกรเณน สมุจฺฉินฺทนฺติ. กุสลสฺส มูลนฺติ กุสลมูลํ, สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเนน กุสลสฺส ปติฏฺา นิทานนฺติ อตฺโถ. อกุสลมูลนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
อกุสลนฺติ ปน น กุสลํ อกุสลํ, กุสลธมฺมานํ ปฏิปกฺขวเสน อกุสลนฺติ ปทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวฺหิ อาโรคฺยานวชฺชสุขวิปากโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน กุสลํ วุจฺจตีติ. ยถา ยํ ธมฺมชาตํ น อโรคํ น อวชฺชํ น สุขวิปากํ น จ โกสลฺลสมฺภูตํ, ตํ อกุสลนฺติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. เอวํ ยํ น กุจฺฉิตานํ สลนสภาวํ, น กุเสน, กุเสหิ วา ปวตฺเตตพฺพํ, น จ กุโส วิย ลวนกํ, ตํ อกุสลํ นามาติ อยมฺปิ อตฺโถ ทสฺสิโตติ เวทิตพฺโพ. วตฺถุปชานนาติ ทุกฺขาทิวตฺถุโน ปชานนา ปฏิเวโธ. ตถา พุชฺฌนกปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน เทสนา ปวตฺตาติ อาห ‘‘อกุสลาทิปชานเนนาปี’’ติ. เตเนว จ สํขิตฺเตน เทสนา ปวตฺตา. ภาวนามนสิกาโร ปน ‘‘สพฺพํ ภิกฺขเว อภิฺเยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๔๖; ปฏิ. ม. ๑.๓) วจนโต อนวเสสโต รูปารูปธมฺมานํ ปริคฺคหวเสเนว ปวตฺตติ. เตนาห ‘‘เทสนาเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ มนสิการปฏิเวโธติ ปุพฺพภาเค ปวตฺตวิปสฺสนามนสิกาโร อริยมคฺคปฏิเวโธ จ. กสฺสจิ อโกปนโต วิตฺถารวเสเนว วุตฺตํ วิปสฺสนํ อนุยฺุชนฺตา มคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺตาปิ วิตฺถารนเยเนว ปฏิวิชฺฌนฺตีติ อตฺโถ วิสุทฺธิกฺกมสฺส อภาวโต.
ภิกฺขูติ มหาวิหาเร ธมฺมสงฺคีติวเสน ปฺจนิกายมณฺฑเล นิสินฺนภิกฺขู. เถโรติ ตตฺถ สงฺฆตฺเถโรติ วทนฺติ. วตฺถสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยน ปน มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส อนฺเตวาสิกภิกฺขู ¶ สนฺธาย ‘‘อาหํสู’’ติ วุตฺตํ. เถโรติ ปน มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถโร. โส หิ อิมสฺมึ มชฺฌิมนิกาเย ตํ ตํ วินิจฺฉยํ กเถสิ. ราสิโตติ ปิณฺฑโต, เอกชฺฌนฺติ อตฺโถ.
อกุสลกมฺมปถวณฺณนา
อโกสลฺลปฺปวตฺติยาติ โกสลฺลปฏิปกฺขโต อโกสลฺลํ วุจฺจติ อฺาณํ, ตโต ปวตฺตนโต, อโกสลฺลสมฺภูตตฺตาติ อตฺโถ. าณปฏิปกฺโข ¶ อฺาณํ มิตฺตปฏิปกฺโข อมิตฺโต วิย กุสลปฏิปกฺโข อกุสลํ กุสเลน ปหาตพฺพตฺตา, น ปน กุสลานํ ปหายตตฺตา. กุสลเมว หิ ปโยคสมฺปาทิตํ อกุสลํ ปชหติ. สห อวชฺเชหิ โลภาทีหิ วตฺตตีติ สาวชฺชํ. ทุกฺโข อนิฏฺโ จตุกฺขนฺธ-สงฺขาโต วิปาโก เอตสฺสาติ ทุกฺขวิปากํ. ตตฺถ สาวชฺชวจเนน อกุสลานํ ปวตฺติทุกฺขตํ ทสฺเสติ, ทุกฺขวิปากวจเนน วิปากทุกฺขตํ. ปุริมฺหิ ปวตฺติสมฺภววเสน อกุสลสฺส ลกฺขณวจนํ, ปจฺฉิมํ ตาลนฺตเร วิปากุปฺปาทนสมตฺถตาวเสน. ตถา ปุริเมน อกุสลสฺส อวิสุทฺธสภาวตํ ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน อวิสุทฺธวิปากตํ. ปุริเมน อกุสลํ กุสลสภาวโต นิวตฺเตติ, ปจฺฉิเมน อพฺยากตสภาวโต สวิปากตฺตทีปกตฺตา ปจฺฉิมสฺส. ปุริเมน วา อวชฺชวนฺตตาทสฺสนโต กิจฺจฏฺเน รเสน อนตฺถชนนรสตํ ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน สมฺปตฺติอตฺเถน อนิฏฺวิปากรสตํ. ปุริเมน จ อุปฏฺานาการฏฺเน ปจฺจุปฏฺาเนน สํกิเลสปจฺจุปฏฺานตํ, ปจฺฉิเมน ผลฏฺเน ทุกฺขวิปากปจฺจุปฏฺานตํ. ปุริเมน จ อโยนิโสมนสิการํ อกุสลสฺส ปทฏฺานํ ปกาเสติ. ตโต หิ ตํ สาวชฺชํ ชาตํ, ปจฺฉิเมน อกุสลสฺส อฺเสํ ปทฏฺานภาวํ วิภาเวติ. ตฺหิ ทุกฺขวิปากสฺส การณนฺติ. สํกิลิฏฺนฺติ สํกิเลเสหิ สมนฺนาคตํ, ทสหิ กิเลสวตฺถูหิ วิพาธิตํ, อุปตาปิตํ วา เตหิ วิทูสิตํ มลีนกตฺจาติ อตฺโถ. อิทฺจสฺส ทุกฺขวิปากตฺจาติ อตฺเถ อิทฺจ ทุกฺขวิปากตํ อปจฺจกฺขตาย อสทฺทหนฺตานํ ปจฺจกฺขโต อาทีนวทสฺสเนน สํเวชนตฺถํ วุตฺตํ. สาธารณา สพฺพสฺสปิ อกุสลสฺส.
สรเสเนว (ธ. ส. มูลฏี. ๑) ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อตีว ปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมฺมวา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต. ปโยควตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวชฺชตา เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชมานาย เจตนาย พลวภาวโต. เอกสฺส หิ ปโยคสฺส สหสา นิปฺผาทนวเสน สกิจฺจสาธิกาย พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวเนหิ ลทฺธาเสวนาย จ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย วเสน ปโยคสฺส มหนฺตภาโว. สติปิ กทาจิ ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ปาเณ ปโยคสฺส สมภาเว มหนฺตํ ¶ หนนฺตสฺส เจตนา ติพฺพาการา อุปฺปชฺชตีติ วตฺถุสฺส มหนฺตภาโว. อิติ อุภยมฺเปตํ เจตนาย ¶ พลวภาเวเนว โหตีติ. ยถาวุตฺตปจฺจยปริยาเยปิ ตํตํปจฺจเยหิ เจตนาย พลวตาย เอว มหาสาวชฺชภาโว เวทิตพฺโพ. ปโยควตฺถุอาทิปจฺจยานฺหิ อมหตฺเตปิ หนฺตพฺพสฺส คุณวนฺตตาย มหาสาวชฺชตา, ตพฺพิปริยาเยน อปฺปสาวชฺชตา จ วตฺถุสฺส มหตฺตามหตฺเตสุ วิย ทฏฺพฺพา. กิเลสานํ อุปกฺกมานํ ทฺวินฺนฺจ มุทุตาย ติพฺพตาย จ อปฺปสาวชฺชตา มหาสาวชฺชตาปิ โยเชตพฺพา. ปาโณ ปาณสฺิตา วธกจิตฺตฺจ ปุพฺพภาคิยาปิ โหนฺติ, อุปกฺกโม วธกเจตนาสมุฏฺาปิโต. ปฺจ สมฺภารา หิ ปาณาติปาตเจตนาติ สา ปฺจสมฺภารวินิมุตฺตา ทฏฺพฺพา. อยฺจ วิจาโร อทินฺนาทานาทีสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺโพ. วิชฺฌนปหรณาทิวเสน สหตฺเถนนิพฺพตฺโต สาหตฺถิโก, อาณาปนวเสน ปวตฺโต อาณตฺติโก, อุสุสตฺติยนฺตปาสาณาทินิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺโต นิสฺสคฺคิโย, อทุหลสชฺชนาทิวเสน ปวตฺโต ถาวโร, อาถพฺพณิกาทีนํ วิย มนฺตปริชปฺปนวเสน ปวตฺโต วิชฺชามโย, กมฺมวิปากชิทฺธิมโย อิทฺธิมโย ทาาโกฏนาทีนิ วิย.
ยทิ ‘‘มม อิท’’นฺติ ปเรน ปริคฺคหิตํ อทินฺนํ, อุตฺตานเสยฺยกทารกสนฺตเก กถํ ตสฺส ปริคฺคหสฺาย เอว อภาวโตติ อาห ‘‘ยตฺถ ปโร’’ติอาทิ. ปโร นาม วิฺู วา อวิฺู วา อตฺถิ ตสฺส วตฺถุสฺส สามิโก. อวิฺูปิ หิ วิฺุกาเล ยถากามํ กโรนฺโต อทณฺฑารโหติ. มนฺตปริชปฺปเนน ปรสนฺตกหรณํ วิชฺชามโย, วินา มนฺเตน ปรสนฺตกสฺส กายวจีปโยเคหิ ปริกฑฺฒนํ ตาทิเสนิทฺธิวเสน อิทฺธิมโย ปโยโคติ อทินฺนาทาเน ฉ ปโยคา สาหตฺถิกาทโย วุตฺตา. ยถานุรูปนฺติ เอตฺถ สาหตฺถิโก ตาว ปฺจนฺนมฺปิ อวหารานํ วเสน ปวตฺตติ, ตถา อาณตฺติโย นิสฺสคฺคิโย จ. ถาวโร เถยฺยาวหารปสยฺหาวหารปฏิจฺฉนฺนาวหารวเสน. ตถา เสสาปีติ ทฏฺพฺพํ.
เมถุนสมาจาเรสูติ สทาราสนฺโตส-ปรทารคมนวเสน ทุวิเธสุ เมถุนสมาจาเรสุ. อยเมวหิ เภโท อิธาธิปฺเปโต. โคตฺตรกฺขิตา สโคตฺเตหิ รกฺขิตา. ธมฺมรกฺขิตา สหธมฺมิเกหิ รกฺขิตา. สารกฺขา สสามิกา. ยสฺสา คมเน รฺา ทณฺโฑ ปิโต, สา สปริทณฺฑา. ภริยภาวตฺถํ ธเนน กีตา ธนกฺกีตา. ฉนฺเทน วสนฺตี ฉนฺทวาสินี. โภคตฺถํ วสนฺตี โภควาสินี. ปฏตฺถํ วสนฺตี ปฏวาสินี. อุทกปตฺตํ อามสิตฺวา คหิตา โอทปตฺตกินี. จุมฺพฏกํ อปเนตฺวา คหิตา ¶ โอภฏจุมฺพฏา. กรมรานีตา ธชาหตา. ตงฺขณิกา มุหุตฺติกา. อภิภวิตฺวา วีติกฺกเม มิจฺฉาจาโร มหาสาวชฺโช, น ตถา ทฺวินฺนํ สมานฉนฺทตาย. อภิภวิตฺวา วีติกฺกมเน สติปิ มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติอธิวาสเน ปุริมุปฺปนฺนเสวนาภิสนฺธิปโยคาภาวโต มิจฺฉาจาโร ¶ น โหติ อภิภุยฺยมานสฺสาติ วทนฺติ. เสวนาจิตฺเต สติ ปโยคาภาโว อปฺปมาณํ เยภุยฺเยน อิตฺถิยา เสวนาปโยคสฺส อภาวโต. ตถา สติ ปุเรตรํ เสวนาจิตฺตสฺส อุปฏฺาเนปิ ตสฺสา มิจฺฉาจาโร น สิยา, ตถา ปุริสสฺสปิ เสวนาปโยคาภาเวติ, ตสฺมา อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส วเสน ตโย, พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส วเสน ตโยติ สพฺเพปิ อคฺคหิตคฺคหเณน จตฺตาโร สมฺภาราติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อตฺถภฺชโกติ กมฺมปถวเสน วุตฺตํ. กมฺมปถกถา เหสาติ. อสฺสาติ วิสํวาทกสฺส. มุสา วทติ เอเตนาติ เจตนา มุสาวาโท, อิมสฺมึ ปกฺเข อตถากาเรน วตฺถุโน วิฺาปนปโยโค มุสา, ตํสมุฏฺาปิกา เจตนามุสาวาโทติ วุตฺตตฺตา ตโต อฺถา วตฺตุํ ‘‘อปโร นโย’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตายาติอาทิ มุสาวาทสามฺเน วุตฺตํ. หสาธิปฺปาเยนปิ วิสํวาทนปุรกฺขารสฺส มุสาวาโท. ปรสฺสาติ วิสํวาทนวเสน วิฺาเปตพฺพสฺส. โสติ มุสาวาทปโยโค.
สฺุภาวนฺติ ปีติวิรหิตตาย ริตฺตภาวํ. ผรุสสทฺทตาย เนว กณฺณสุขา. อตฺถวิปนฺนตาย น หทยสุขา. สํกิลิฏฺจิตฺตสฺสาติ โทเสน, โลเภน วา ทูสิตจิตฺตสฺส.
เอกนฺตผรุสา เจตนาติ เอเตน ทุฏฺจิตฺตตํเยว วิภาเวติ, ทุฏฺจิตฺตตา จสฺส อมรณาธิปฺปายวเสน ทฏฺพฺพา. สติ หิ มรณาธิปฺปาเย อตฺถสิทฺธิ, ตทภาเว ปาณาติปาตพฺยาปาทา สิยุนฺติ. ยํ ปฏิจฺจ ผรุสวาจา ปยุชฺชติ, ตสฺส สมฺมุขาว สีสํ เอติ. ปรมฺมุขาปิ สีสํ เอติ เอวาติ อปเร. ตตฺถายํ อธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยา – สมฺมุขา ปโยเค อคารวาทีนํ พลวภาวโต สิยา เจตนา พลวตี, ปรสฺส จ ตทตฺถวิฺาปนํ, น ตถา อสมฺมุขาติ. ยถา จ อกฺโกสิเต มเต อาฬหเน กตา ขมาปนา อุปวาทนฺตรายํ นิวตฺเตติ, เอวํ ปรมฺมุขา ปยุตฺตา ผรุสวาจา โหติเยวาติ สกฺกา วิฺาตุํ. ตสฺสาติ เอกนฺตผรุสเจตนาย เอว ¶ ผรุสวาจาภาวสฺส อาวิภาวตฺถํ. มมฺมจฺเฉทโก สวนผรุสตายาติ อธิปฺปาโย. จิตฺตสณฺหาตาย ผรุสวาจา น โหติ กมฺมปถา’ปฺปตฺตตฺตา, กมฺมภาวํ ปน น สกฺกา วาเรตุํ. เอวํ อนฺวยวเสน เจตนาผรุสตาย ผรุสวาจํ สาเธตฺวา อิทานิ ตเมว พฺยติเรกวเสน สาเธตุํ ‘‘วจนสณฺหตายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอสาติ ผรุสวาจา. กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตา อปฺปสาวชฺชา, อิตรา มหาสาวชฺชา. ตถา กิเลสานํ มุทุติพฺพตาเภเทหิ สพฺพํ ปุริมสทิสํ.
อาเสวนํ พหุลีกรณํ. ยํ อุทฺทิสฺส ปวตฺติโต, เตน อคฺคหิเต อปฺปสาวชฺโช, คหิเต มหาสาวชฺโช ¶ กมฺมปถปฺปตฺติโต. โย โกจิ ปน สมฺผปฺปลาโป ทฺวีหิ สมฺภาเรหิ สิชฺฌติ. กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวเสนปิ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา เวทิตพฺพา.
อตฺตโน ปริณามนํ จิตฺเตเนวาติ เวทิตพฺพํ. หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ โย ตํ อุปฺปาเทติ, ตสฺส หิตสุขํ วินาเสติ. อโห วตาติ อิมินา อจฺจนฺตวินาสจินฺตนํ ทีเปติ. เอวํ หิสฺส ทารุณปวตฺติยา กมฺมปถปฺปตฺติ. ยถาภุจฺจคหณาภาเวนาติ ยาถาวคฺคาหสฺส อภาเวน อนิจฺจาทิสภาวสฺส นิจฺจาทิโต คหเณน. มิจฺฉา ปสฺสตีติ วิตถํ ปสฺสติ. สมฺผปฺปลาโป วิยาติ อิมินา อาเสวนสฺส มนฺทตาย อปฺปสาวชฺชตํ, มหนฺตตาย มหาสาวชฺชตํ ทสฺเสติ. คหิตาการวิปรีตตาติ มิจฺฉาทิฏฺิยา คหิตาการสฺส วิปรีตภาโว. วตฺถุโนติ ตสฺสา อยถาภูตสภาวมาห. ตถาภาเวนาติ คหิตากาเรเนว ตสฺส ทิฏฺิคติกสฺส, ตสฺส วา วตฺถุโน อุปฏฺานํ เอวเมตํ, น อิโต อฺถาติ.
ธมฺมโตติ สภาวโต. โกฏฺาสโตติ ผสฺสปฺจมกาทีสุ จิตฺตงฺคโกฏฺาเสสุ ยํ โกฏฺาสา โหนฺติ, ตโตติ อตฺโถ. เจตนาธมฺมาติ เจตนาสภาวา.
ปฏิปาฏิยา สตฺตาติ เอตฺถ นนุ เจตนา อภิธมฺเม กมฺมปเถสุ น วุตฺตาติ ปฏิปาฏิยา สตฺตนฺนํ กมฺมปถภาโว น ยุตฺโตติ? น, อวจนสฺส อฺเหตุกตฺตา. น หิ ตตฺถ เจตนาย อกมฺมปถตฺตา กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, กทาจิ ปน กมฺมปโถ โหติ, น สพฺพทาติ กมฺมปถภาวสฺส อนิยตตฺตา ¶ อวจนํ. ยทา ปน กมฺมปโถ โหติ, ตทา กมฺมปถราสิสงฺคโห น นิวาริโต. เอตฺถาห – ยทิ เจตนาย สพฺพทา กมฺมปถภาวาภาวโต อนิยโต กมฺมปถภาโวติ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ, นนุ อภิชฺฌาทีนํ กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตานํ อตฺถิตาย อนิยโต กมฺมปถภาโวติ เตสมฺปิ กมฺมปถราสิมฺหิ อวจนํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ กมฺมปถตาตํสภาคตาหิ เตสํ ตตฺถ วุตฺตตฺตา. ยทิ เอวํ เจตนาปิ ตตฺถ วตฺตพฺพา สิยา? สจฺจเมตํ, สา ปน ปาณาติปาตาทิกาติ ปากโฏ, ตสฺสา กมฺมปถภาโวติ น วุตฺตา สิยา. เจตนาย หิ – ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามิ (อ. นิ. ๖.๖๓; กถา. ๕๓๙), ติวิธา, ภิกฺขเว, กายสฺเจตนา อกุสลํ กายกมฺม’’นฺติอาทิวจนโต (กถา. ๕๓๙) กมฺมภาโว ปากโฏ, กมฺมํเยว จ สุคติทุคฺคตีนํ ตตฺถ อุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขานฺจ ปถภาเวน ปวตฺตํ กมฺมปโถติ วุจฺจตีติ ปากโฏ ตสฺสา กมฺมปถภาโว, อภิชฺฌาทีนํ ปน เจตนาสมีหนภาเวน สุจริตทุจฺจริตภาโว เจตนาชนิตปิฏฺิวฏฺฏกภาเวน สุคติทุคฺคติตทุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขานํ ปถภาโว จาติ น ตถา ปากโฏ กมฺมปถภาโวติ เตเยว เตน สภาเวน ทสฺเสตุํ อภิธมฺเม เจตนา กมฺมปถราสิภาเวน น วุตฺตา ¶ , อตถาชาติยกตฺตา วา เจตนา เตหิ สทฺธึ น วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. มูลํ ปตฺวาติ มูลเทสนํ ปตฺวา, มูลสภาเวสุ ธมฺเมสุ วุจฺจมาเนสูติ อตฺโถ.
อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณนฺติ อิทํ ‘‘ปฺจ สิกฺขาปทา ปริตฺตารมฺมณา เอว วา’’ติ อิมาย ปฺหปุจฺฉกปาฬิยา วิรุชฺฌติ. ยฺหิ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยสฺส อารมฺมณํ, ตเทว ตํ เวรมณิยา อารมฺมณํ. วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต เอว หิ วิรตีติ. สตฺตารมฺมณนฺติ วา สตฺตสงฺขาตํ สงฺขารารมฺมณเมว อุปาทาย วุตฺตนฺติ นายํ วิโรโธ. ตถา หิ วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๔) ‘‘ยานิ สิกฺขาปทานิ เอตฺถ สตฺตารมฺมณานีติ วุตฺตานิ, ตานิ ยสฺมา สตฺโตติ สงฺขฺยํ คตํ สงฺขารเมว อารมฺมณํ กโรนฺตี’’ติ. วิสภาควตฺถุโน ‘‘อิตฺถี, ปุริโส’’ติ คเหตพฺพโต สตฺตารมฺมโณติ เอเก. ‘‘เอโก ทิฏฺโ, ทฺเว สุตา’’ติอาทินา สมฺผปฺปลปเน ทิฏฺสุตมุตวิฺาตวเสน. ตถา อภิชฺฌาติ เอตฺถ ตถา-สทฺโท ‘‘ทิฏฺสุตมุตวิฺาตวเสนา’’ติ อิทมฺปิ อุปสํหรติ, น สตฺตสงฺขารารมฺมณตํ เอว ทสฺสนาทิวเสน อภิชฺฌายนโต. ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ ปวตฺตมานาปิ มิจฺฉาทิฏฺิ ¶ เตภูมกธมฺมวิสยาวาติ อธิปฺปาเยนสฺสา สงฺขารารมฺมณตา วุตฺตา. กถํ ปน มิจฺฉาทิฏฺิยา สพฺเพ เตภูมกธมฺมา อารมฺมณํ โหนฺตีติ? สาธารณโต. ‘‘นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติ หิ ปวตฺตมานาย อตฺถโต รูปารุปาวจรธมฺมาปิ คหิตา เอว โหนฺตีติ.
สุขพหุลตาย ราชาโน หสมานาปิ ‘‘โจรํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺติ, หาโส ปน เตสํ อฺวิสโยติ อาห ‘‘สนฺนิฏฺาปก…เป… โหตี’’ติ.
เกสฺจีติ สหชาตานํ อทินฺนาทานาทีนํ. สมฺปยุตฺตปภาวกฏฺเนาติ สมฺปยุตฺโต หุตฺวา อุปฺปาทกฏฺเน. เกสฺจีติ อสหชาตานํ. อุปนิสฺสยปจฺจยฏฺเนาติ เอเตน มูลฏฺเน โลภสฺส อุปการตํ นิวตฺเตติ. สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนฏฺโ หิ มูลฏฺโ, โส จ เหตุปจฺจยตาอวินาภาวี, เตน เจตฺถ มูลมิว มูลนฺติ คเหตพฺพํ, นิปฺปริยายโต ปน ปุพฺเพ ‘‘เกสฺจี’’ติ วุตฺตานํ สหชาตานํ มูลภาโว เวทิตพฺโพ. รตฺโต โขติอาทินา สุตฺตปเทนปิ ปาณาติปาตาทีนํ อกุสลานํ โลภสฺส มูลการณตํ วิภาเวติ, น มูลฏฺเนุปการตฺถํ อวิเสสโต เตสํ เหตุปจฺจยตฺตาภาวโต.
อกุสลกมฺมปถวณฺณนา นิฏฺิตา.
กุสลกมฺมปถวณฺณนา
เวรนฺติ ¶ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺมํ. โส หิ เวรเหตุตาย ‘‘เวร’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ มณติ ‘‘มยิ อิธ ิตาย กถมาคจฺฉสี’’ติ ตชฺเชนฺตี วิย นิวาเรตีติ เวรมณี. เตนาห ‘‘ปชหตี’’ติ. ‘‘วิรมณี’’ติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน เอว-การํ กตฺวา เอวํ วุตฺตํ. วิภงฺเค (วิภ. ๗๐๓, ๗๐๔) เอว นิทฺทิสนวเสน เอวํ วุตฺตา. อสมาทินฺนสีลสฺส สมฺปตฺตโต ยถาอุปฏฺิตวีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต วิรติ สมฺปตฺตวิรติ, สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติ, สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติ, กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนวเสน ปวตฺตาวิรติ สมุจฺเฉทวิรติ.
ชีวมานสสสฺส ¶ มํสรุธิรสมฺมิสฺสตาย อลฺลสสมํสํ. มฺุจิ สพฺพตฺถ สมกรุณตาย. สจฺจํ วตฺวา ‘‘เอเตน สจฺจวชฺเชน มยฺหํ มาตุ โรโค สมฺมตู’’ติ อธิฏฺาสิ.
มหาสปฺโปติ อชคโร. มฺุจิตฺวา อคมาสิ สีลเตเชน.
โกสลฺลํ วุจฺจติ าณํ, โกสลฺเลน, โกสลฺลโต วา ปวตฺติยา อุปคมนโต. กุจฺฉิตสยนโตติ กุจฺฉิเตนากาเรน สยนโต อนุสยนโต, ปวตฺตนโต วา. ‘‘เวรมณิกุสลา’’ติ วตฺตพฺพาปิ ปุจฺฉานุรูปํ วิสฺสชฺชนนฺติ ‘‘กุสลา’’ติ น วุตฺตา, ‘‘กุสล’’นฺตฺเวว วุตฺตา.
กามฺเจตฺถ ปาฬิยํ วิรติโยว อาคตา, สิกฺขาปทวิภงฺเค (วิภ. ๗๐๔) ปน เจตนาปิ อาหริตฺวา ทีปิตาติ ตทุภยมฺปิ คณฺหนฺโต ‘‘เจตนาปิ วฏฺฏนฺติ วิรติโยปี’’ติ อาห.
อนภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา กมฺมปถโกฏฺาสํ ปตฺวา อนภิชฺฌาติ วุตฺตธมฺโม มูลโต อโลโภ กุสลมูลํ โหตีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.
ทุสฺสีลฺยารมฺมณา ตทารมฺมณา ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณา กถํ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อนภิชฺฌา ¶ …เป… วิรมนฺตสฺสาติ อภิชฺฌํ ปชหนฺตสฺสาติ อตฺโถ. น หิ มโนทุจฺจริตโต วิรติ อตฺถิ อนภิชฺฌาทีเหว ตปฺปหานสิทฺธิโต. เตสุ อโลโภติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อกุสลมูเลสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อปฺปนาวารนฺติ นิคมนวารํ. เอเกน นเยนาติ เวทนาทิวเสน อรูปมุเขเนว อเนกวิเธสุ วิปสฺสนากมฺมฏฺาเนสุ เอเกน กมฺมฏฺานนเยน. ‘‘เปตฺวา อภิชฺฌํ นว อกุสลกมฺมปถา’’ติ วตฺตพฺพํ. ทสาติ วา อิทํ ‘‘กุสลกมฺมปถา’’ติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํ ‘‘อกุสลกมฺมปถา จ ทส กุสลกมฺมปถา จา’’ติ. ‘‘เปตฺวา อภิชฺฌ’’นฺติ หิ อิมินาว อกุสลกมฺมปถานํ นวภาโว วุตฺโต โหติ. อถ วา ทสาติ อิทํ อุภยถาปิ สมฺพนฺธิตพฺพํ. อภิชฺฌา หิ ปหาตพฺพาปิ สติ ปริฺเยฺยตํ นาติวตฺตตีติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘รูปตณฺหา ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติอาทิ, ตสฺมา ¶ สา ตาย ปริฺเยฺยตาย ทุกฺขสจฺเจปิ สงฺคหํ ลภเตว, ปหาตพฺพํ ปน อุปาทาย ‘‘เปตฺวา อภิชฺฌ’’นฺติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ปริยาเยน ปน สพฺเพปิ กมฺมปถา ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ. อภิชฺฌาโลภานํ ปวตฺติอาการสิทฺธเภทํ อุปาทาย ‘‘อิเม ทฺเว ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. สุตฺตนฺตนเยน ตณฺหา ‘‘สมุทยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตาติ อาห ‘‘นิปฺปริยาเยน สมุทยสจฺจ’’นฺติ. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตมาห ยถา ‘‘ราคกฺขโย โทสกฺขโย’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๑๔). สปฺปจฺจยตาย สงฺขตสภาเว ทุกฺขสจฺเจ คหิเต อปฺปจฺจยตาย อสงฺขตํ นิโรธสจฺจํ ปฏิปกฺขโต อาวตฺตติ, เอกนฺตสาวชฺเช อาจยคามิลกฺขเณ สมุทยสจฺเจ คหิเต สาวชฺชา วิคมนํ อปจยคามิลกฺขณํ มคฺคสจฺจํปฏิปกฺขโต อาวตฺตตีติ ทฺเว อาวตฺตหารวเสน เวทิตพฺพานีติ วุตฺตํ. เตเนวาห เนตฺติยํ (เนตฺติ. ๔.นิทฺเทสวาร) –
‘‘เอกมฺหิ ปทฏฺาเน, ปริเยสติ เสสกํ ปทฏฺานํ;
อาวตฺตติ ปฏิปกฺเข, อาวตฺโต นาม โส หาโร’’ติ.
สพฺพากาเรนาติ กามราครูปราคาทิสพฺพปฺปกาเรหิ, สพฺพโต วา อปายคมนียาทิอาการโต, ตตฺถ กิฺจิปิ อนวเสเสตฺวา วา. สพฺพากาเรเนวาติ สพฺพาการโต. นีหริตฺวาติ อปเนตฺวา, สมุจฺฉินฺทิตฺวาอิจฺเจว อตฺโถ. กฺจิ ธมฺมํ อนวการีกริตฺวาติ รูปเวทนาทีสุ กฺจิ เอกธมฺมมฺปิ อวินิพฺโภคํ กตฺวา, เอเกกโต อคฺคเหตฺวา สมูหโตว คเหตฺวาติ อตฺโถ. อสฺมีติ อหมสฺมีติ มานคฺคาหวเสน. โส ปน ยสฺมา ปฺจกฺขนฺเธ นิรวเสสโต คณฺหาติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมูหคฺคหณากาเรนา’’ติ. ยสฺมา เจตฺถ อคฺคมคฺคจิตฺตํ วุจฺจติ, ตสฺมา อาห ‘‘ทิฏฺิสทิสํ มานานุสย’’นฺติ. ‘‘ยํ รูปํ ตํ อห’’นฺติอาทินา ¶ ยถา ทิฏฺิ รูปาทึ ‘‘อหมสฺมี’’ติ คณฺหนฺตี ปวตฺตติ, เอวํ มาโนปิ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินาติ อาห ‘‘มานานุสโย อสฺมีติ ปวตฺตตฺตา ทิฏฺิสทิโส’’ติ. ปริจฺเฉทกโรติ โอสานปริจฺเฉทกโร อิโต ปรํ ทุกฺขสฺสาภาวกรณโต. กมฺมปถเทสนายาติ กมฺมปถมุเขน ปวตฺตจตุสจฺจเทสนาย. มนสิการปฺปฏิเวธวเสนาติ วิปสฺสนามนสิการมคฺคปฺปฏิเวธวเสน.
กุสลกมฺมปถวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาหารวารวณฺณนา
๙๐. อาหรตีติ ¶ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๑๑) อาเนติ, อุปฺปาเทติ อุปตฺถมฺเภติ จาติ อตฺโถ. นิพฺพตฺตาติ ปสุตา. ตโต ปฏฺาย หิ โลเก ชาตโวหาโร. ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปน ปฏฺาย ยาว มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนํ, ตาว สมฺภเวสิโน. เอส ตาว คพฺภเสยฺยเกสุ ภูตสมฺภเวสิวิภาโค, อิตเรสุ ปน ปมจิตฺตาทิวเสน วุตฺโต. สมฺภว-สทฺโท เจตฺถ คพฺภเสยฺยกานํ วเสน ปสูติปริยาโย, อิตเรสํ วเสน อุปฺปตฺติปริยาโย. ปมจิตฺตปมอิริยาปถกฺขเณสุ หิ เต สมฺภวํ อุปฺปตฺตึ เอสนฺติ อุปคจฺฉนฺติ นาม, น ตาว ภูตา อุปฺปตฺติยา น สุปฺปติฏฺิตตฺตา. ภูตาเยว สพฺพโส ภเวสนาย สมุจฺฉินฺนตฺตา. น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ อวธารเณน นิวตฺติตมตฺถํ ทสฺเสติ, ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) ภูต-สทฺทสฺส ขีณาสววาจิตา ทฏฺพฺพา. วา-สทฺโท เจตฺถ สมฺปิณฺฑนตฺโถ ‘‘อคฺคินา วา อุทเกน วา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๗๖) วิย.
ยถาสกํ ปจฺจยภาเวน อตฺตภาวสฺส ปฏฺปนเมเวตฺถอาหาเรหิ กาตพฺพอนุคฺคโหติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘วจนเภโท…เป… เอโกเยวา’’ติ. สตฺตสฺส อุปฺปนฺนธมฺมานนฺติ สตฺตสฺสสนฺตาเน อุปฺปนฺนธมฺมานํ. ยถา ‘‘วสฺสสตํ ติฏฺตี’’ติ วุตฺเต อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺตตีติ วุตฺตํ โหติ, เอวํ ิติยาติ อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺติยาติ อตฺโถ, สา ปน อวิจฺเฉโทติ อาห ‘‘อวิจฺเฉทายา’’ติ. อนุปฺปพนฺธธมฺมุปฺปตฺติยา สตฺตสนฺตาโน อนุคฺคหิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทายา’’ติ. เอตานีติ ิติอนุคฺคหปทานิ. อุภยตฺถ ทฏฺพฺพานิ, น ยถาสงฺขฺยํ.
วตฺถุคตา ¶ โอชา วตฺถุ วิย เตน สทฺธึ อาหริตพฺพตํ คจฺฉตีติ วุตฺตํ ‘‘อชฺโฌหริตพฺพโต อาหาโร’’ติ. นิพฺพตฺติตโอชํ ปน สนฺธาย ‘‘กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกรูปานิ อาหรตี’’ติ วกฺขติ. โอฬาริกตา อปฺโปชตาย, น วตฺถุโน ถูลตาย, กถินตาย วา, ตสฺมา ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปริตฺตา โอชา โหติ, ตํ โอฬาริกํ. สปฺปาทโย ทุกฺขุปฺปาทกตาย โอฬาริกาเวทิตพฺพา. วิสาณาทีนํ ติวสฺสฉฑฺฑิตานํ ปูติภูตฺตตา มุทุกตาติ วทนฺติ, ตรจฺฉเขฬเตมิกตาย ปน ตถาภูตานํ เตสํ มุทุกตา. ธมฺมสภาโว เหส. สสานํ ¶ อาหาโร สุขุโม ตรุณติณสสฺสขาทนโต. สกุณานํ อาหาโร สุขุโม ติณพีชาทิขาทนโต. ปจฺจนฺตวาสีนํ สุขุโม, เตสฺหิ สากปณฺณสุกฺขกุรปทุมปตฺตมฺปิ อาหาโรติ. เตสํ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ. สุขุโมตฺเววาติ น กิฺจิ อุปาทาย, อถ โข สุขุโม อิจฺเจว นิฏฺํ ปตฺโต ตโต ปรํ สุขุมสฺส อภาวโต.
วตฺถุวเสน ปเนตฺถ อาหารสฺส โอฬาริกสุขุมตา วุตฺตา, สา จสฺส อปฺโปชมโหชตาหิ เวทิตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริสฺสมนฺติ ขุทาวเสน อุปฺปนฺนํ สรีรเขทํ. วิโนเทตีติ วตฺถุ ตสฺส วิโนทนมตฺตํ กโรติ. น ปน สกฺโกติ ปาเลตุนฺติ สรีรํ ยาเปตุํ นปฺปโหติ นิสฺสารตฺตา. น สกฺโกติ ปริสฺสมํ วิโนเทตุํ อามาสยสฺส อปูรณโต.
ฉพฺพิโธปีติ อิมินา กสฺสจิปิ ผสฺสสฺส อนวเสสิตพฺพตมาห. อาหารสฺสเทสนากฺกเมเนเวตฺถ ผสฺสาทีนํ ทุติยาทิตา, น อฺเน การเณนาติ อาห ‘‘เทสนานโย เอวา’’ติอาทิ. มนโส สฺเจตนา, น สตฺตสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ มโนคหณํ ยถา ‘‘จิตฺตสฺส ิติ (ธ. ส. ๑๑), เจโตวิมุตฺติ จา’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๙) อาห ‘‘มโนสฺเจตนาติ เจตนา เอวา’’ติ. จิตฺตนฺติ ยํ กิฺจิ จิตฺตํ, น วิปากวิฺาณเมว.
ปุพฺเพ ‘‘อาหารนฺติ ปจฺจย’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘ยทิ ปจฺจยฏฺโ อาหารฏฺโ’’ติอาทินา โจเทติ. อถ กสฺมา อิเมเยว จตฺตาโร วุตฺตาติ อถ กสฺมา จตฺตาโรว วุตฺตา, อิเม เอว จ วุตฺตาติ โยชนา. วิเสสปจฺจยตฺตาติ เอเตน ยถา อฺเ ปจฺจยธมฺมา อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยาว โหนฺติ, อิเม ปน ตถา จ โหนฺติ อฺถา จาติ สมาเนปิ ปจฺจยตฺเต อติเรกปจฺจยา โหนฺติ, ตสฺมา อาหาราติ วุตฺตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. อิทานิ ตํ อติเรกปจฺจยตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิเสสปจฺจโย หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. วิเสสปจฺจโย รูปกายสฺส กพฬีกาโร อาหาโร อุปตฺถมฺภกภาวโต. เตนาห อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๐๘; ปฏฺา. อฏฺ. ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา) ‘‘รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกตฺเตน อุปการกา จตฺตาโร อาหารา อาหารปจฺจโย’’ติ. อุปตฺถมฺภกตฺตฺหิ ¶ สติปิ ชนกตฺเต อรูปีนํ อาหารานํ อาหารชรูปสมุฏฺาปกรูปาหารสฺส ¶ จ โหติ, อสติ ปน อุปตฺถมฺภกตฺเต อาหารานํ ชนกตฺตํ นตฺถีติ อุปตฺถมฺภกตฺตํ ปธานํ. ชนยมาโนปิ หิ อาหาโร อวิจฺเฉทวเสน อุปตฺถมฺภยมาโน เอว ชเนตีติ อุปตฺตมฺภกภาโว เอว อาหารภาโว. เวทนาย ผสฺโส วิเสสปจฺจโย. ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ หิ วุตฺตํ. ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ (อุทา. ๑; ม. นิ. ๓.๑๒๖) วจนโต วิฺาณสฺสมโนสฺเจตนา. ‘‘เจตนา ติวิธํ ภวํ ชเนตี’’ติ หิ วุตฺตํ. ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ ปน วจนโต นามรูปสฺส วิฺาณํ วิเสสปจฺจยา. น หิ โอกฺกนฺติวิฺาณาภาเว นามรูปสฺส อตฺตสมฺภโว. ยถาห ‘‘วิฺาณฺจ หิ, อานนฺท, มาตุกุจฺฉิสฺมึ น โอกฺกมิสฺสถ, อปิ นุ โข นามรูปํ มาตุกุจฺฉิสฺมึ สมุจฺจิสฺสถา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๑๕). วุตฺตเมวตฺถํ สุตฺเตน สาเธตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
เอวํ ยทิปิ ปจฺจยฏฺโ อาหารฏฺโ, วิเสสปจฺจยตาย ปน อิเม เอว อาหาราติ วุตฺตาติ ตํ เนสํ วิเสสปจฺจยตํ อวิภาคโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘โก ปเนตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. มุเข ปิตมตฺโตเยว อสงฺขาทิโต, ตตฺตเกนปิ อพฺภนฺตรสฺส อาหารสฺส ปจฺจโย โหติ เอว. เตนาห ‘‘อฏฺ รูปานิ สมุฏฺาเปตี’’ติ. สุขเวทนาย หิโต สุขเวทนิโย. สพฺพถาปีติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิวเสน. ยตฺตกา ผสฺสสฺส ปการเภทา, เตสํ วเสน สพฺพปฺปกาโรปิ ผสฺสาหาโร. ยถารหํ ติสฺโส เวทนา อาหรติ, อนาหารโก นตฺถิ.
สพฺพถาปีติ อิธาปิ ผสฺสาหาเร วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ติสนฺตติวเสนาติ กายทสกํ ภาวทสกํ วตฺถุทสกนฺติ ติวิธสนฺตติวเสน. สหชาตาทิปจฺจยนเยนาติ สหชาตาทิปจฺจยวิธินา. ปฏิสนฺธิวิฺาณฺหิ อตฺตนา สหชาตนามสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากินฺทฺริยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหนฺโตเยว อาหารปจฺจยตาย ตํ อาหาเรตี วุตฺตํ, สหชาตรูเปสุ ปน วตฺถุโน สมฺปยุตฺตปจฺจยํ เปตฺวา วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน, เสสรูปสฺส อฺมฺปจฺจยฺจ เปตฺวา วุตฺตนเยเนวโยชนา กาตพฺพา. ตานีติ นปุํสกนิทฺเทโส อนปุํสกานมฺปิ นปุํสเกหิ สห วจนโต.
สาสวา ¶ กุสลากุสลเจตนาว วุตฺตา. วิเสสปจฺจยภาวทสฺสนํ เหตนฺติ. เตนาห ‘‘อวิเสเสน ปนา’’ติอาทิ. ปฏิสนฺธิวิฺาณเมว วุตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ยถา ตสฺส ตสฺส ผลสฺส วิเสสโต ปจฺจยตาย เอเตสํ อาหารฏฺโ, เอวํ อวิเสสโตปีติ ทสฺสนฺเตน ‘‘อวิเสเสน ปนา’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ตตฺถ ตํสมฺปยุตฺตตํสมุฏฺานธมฺมานนฺติ เตหิ ผสฺสาทีหิ สมฺปยุตฺตธมฺมานฺเจว ตํสมุฏฺานรูปธมฺมานฺจ. ตตฺถ สมฺปยุตฺตคฺคหณํ ยถารหโต ทฏฺพฺพํ, สมุฏฺานคฺคหณํ ปน อวิเสสโต.
อุปตฺถมฺเภนฺโต อาหารกิจฺจํ สาเธตีติ อุปตฺถมฺเภนฺโตเยว รูปํ สมุฏฺาเปติ, โอชฏฺมกรูปสมุฏฺาปเนเนว ปนสฺส อุปตฺถมฺภนกิจฺจสิทฺธิ. ผุสนฺโตเยวาติ ผุสนกิจฺจํ กโรนฺโต เอว. อายูหมานาวาติ เจตยมานา เอว อภิสนฺทหนฺตี เอว. วิชานนฺตเมวาติ อุปปตฺติปริกปฺปนวเสน วิชานนฺตเมว อาหารกิจฺจํ สาเธตีติ โยชนา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อาหารกิจฺจสาธนฺจ เตสํ เวทนาทิอุปฺปตฺติเหตุตาย อตฺตภาวสฺส ปวตฺตนเมว.
กายฏฺปเนนาติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ กมฺมชาทิรูปํ กมฺมาทินาว ปวตฺตตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘กมฺมชนิโตปี’’ติอาทิ. อุปาทินฺนรูปสนฺตติยา อุปตฺถมฺภเนเนว อุตุจิตฺตชรูปสนฺตตีนมฺปิ อุปตฺถมฺภนสิทฺธิ โหตีติ ‘‘ทฺวินฺนํ รูปสนฺตตีน’’นฺติ วุตฺตํ. อุปตฺถมฺภนเมว สนฺธาย ‘‘อนุปาลโก หุตฺวา’’ติ จ วุตฺตํ. รูปกายสฺส ิติเหตุตา หิ ยาปนา อนุปาลนา.
สุขาทิวตฺถุภูตนฺติ สุขาทีนํ ปวตฺติฏฺานภูตํ. อารมฺมณมฺปิ หิ วสติ เอตฺถ อารมฺมณกรณวเสน ตทารมฺมณา ธมฺมาติ วตฺถูติ วุจฺจติ. ผุสนฺโตเยวาติ อิทํ ผสฺสสฺส ผุสนสภาวตฺตา วุตฺตํ. น หิ ธมฺมานํ สภาเวน วินา ปวตฺติ อตฺถิ. เวทนาปวตฺติยา วินา สตฺตานํ สนฺธาวนตา นตฺถีติ อาห ‘‘สุขาทิ…เป… โหตี’’ติ, น เจตฺถ สฺีภวกถายํ อสฺีภโว ทสฺเสตพฺโพ, ตสฺสาปิ วา การณภูตเวทนาปวตฺติวเสเนว ิติยา เหตุโน อพฺยาปิตา. ตถา หิ ‘‘มโนสฺเจตนา…เป… ภวมูลนิปฺผาทนโต สตฺตานํ ิติยา โหตี’’ติ วุตฺตา, ตโต เอว ‘‘วิฺาณํ วิชานนฺตเมวาติ อุปปตฺติปริกปฺปนวเสน วิชานนฺตเมวา’’ติ วุตฺโตวายมตฺโถติ.
จตฺตาริ ¶ ภยานิ ทฏฺพฺพานิ อาทีนววิภาวนโต. นิกนฺตีติ นิกามนา. รสตณฺหํ สนฺธาย วทติ. สา หิ กพฬีกาเร อาหาเร พลวตี. เตเนว ตตฺถ อวธารณํ กตํ. ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, นิกนฺติเยวภยํ มหานตฺถเหตุโต. อุปคมนํ วิสยินฺทฺริยวิฺาเณสุ วิสยวิฺาเณสุ เอว จ สงฺคติวเสน ปวตฺติ, ตํ เวทนาทิอุปฺปตฺติเหตุตาย ‘‘ภย’’นฺติ วุตฺตํ. อวธารเณ ปโยชนํ วุตฺตนยเมว. เสสทฺวเยปิ เอเสวนโย. อายูหนํ อภิสนฺทหนํ, สํวิธานนฺติปิ ¶ วทนฺติ. ตํ ภวูปปตฺติเหตุตาย ‘‘ภย’’นฺติ วุตฺตํ. อภินิปาโต ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน นิพฺพตฺติ. โส ภวูปปตฺติเหตุกานํ สพฺเพสํ อนตฺถานํ มูลการณตฺตา ‘‘ภย’’นฺติ วุตฺโต. อิทานิ นิกนฺติอาทีนํ สปฺปฏิภยตํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กึการณา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ นิกนฺตึ กตฺวาติ อาลยํ ชเนตฺวา, ตณฺหํ อุปฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ.
ผสฺส อุปคจฺฉนฺตาติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิเภทํ ผสฺสํ ปวตฺเตนฺตา. ผสฺสสฺสาทิโนติ กายสมฺผสฺสวเสน โผฏฺฏพฺพสงฺขาตสฺส ผสฺสสฺส อสฺสาทนสีลา. กายสมฺผสฺสวเสน หิ สตฺตานํ โผฏฺพฺพตณฺหา ปวตฺตตีติ ทสฺเสตุํ ผสฺสาหาราทีนวทสฺสเน โผฏฺพฺพารมฺมณํ อุทฺธฏํ ‘‘ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสู’’ติอาทินา. ผสฺสสฺสาทิโนติ วา ผสฺสาหารสฺสาทิโนติ อตฺโถ. สติ หิ ผสฺสาหาเร สตฺตานํ ผสฺสารมฺมเณ อสฺสาโท, นาสตีติ. เตนาห ‘‘ผสฺสสฺสาทมูลก’’นฺติอาทิ.
ชาตินิมิตฺตสฺส ภยสฺส อภินิปาตสภาเวน คหิตตฺตา ‘‘ตมฺมูลก’’นฺติ วุตฺตํ, กมฺมายูหนนิมิตฺตนฺติ อตฺโถ.
อภินิปตตีติ อภินิพฺพตฺตติ. ปมาภินิพฺพตฺติ หิ สตฺตานํ ตตฺถ ตตฺถ องฺคารกาสุสทิเส ภเว อภินิปาตสทิสีติ. ตมฺมูลกตฺตาติ นามรูปนิพฺพตฺติมูลกตฺตา.
ตตฺราติ ตาสุ อุปมาสุ. ภูตมตฺถํ กตฺวาติ น ปริกปฺปิตมตฺถํ, อถ โข ภูตํ ภูตปุพฺพํ อตฺถํ กตฺวา. ปาเถยฺยหตฺเถสุ คจฺฉนฺเตสุ ปาเถยฺยํ, คจฺฉนฺตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘คนฺตฺวา ปาเถยฺยํ นิฏฺาสี’’ติ. คนฺตฺวาติ วาคมนเหตูติ อตฺโถ. ขุปฺปิปาสาตุรตาย ฆนจฺฉายํ รุกฺขํ อุปคนฺตุํ อสมตฺถา วิรฬฺหจฺฉายายํ นิสีทึสุ. น ทานิ สกฺกา ตํ มยา กาตุํ ¶ อติทุพฺพลภาวโต. ปริกฺขลิตคติตรุณทารโก ขุปฺปิปาสาภิภูโต จ, ตสฺมา คจฺฉนฺโตเยว มโต.
สชาติมํสตายาติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๖๓) สมานชาติมํสตาย, มนุสฺสมํสตายาติ อตฺโถ. ยํ มนุสฺสมํสํ, ตฺหิ โลเก ชิคุจฺฉนียตฺตา ปฏิกุลํ. ตถา หิ ตํ วิฺูหิ วชฺชิตํ, มนุสฺสมํเสสุปิ าติมํสํ อยุตฺตปริโภคตาย ปฏิกูลํ, ตตฺถาปิ ปุตฺตมํสํ, ตตฺถาปิ ปิยปุตฺตมํสํ, ตตฺถาปิ ตรุณมํสํ, ตตฺถาปิ อามกมํสํ, ตตฺถาปิ อโครสาภิสงฺขตํ, ตตฺถาปิ อโลณํ, ตตฺถาปิ อธูปิตนฺติ เอวํ เหฏฺิมโต อุตฺตรุตฺตรสฺส ปฏิกูลตรภาวการณตา ¶ ทฏฺพฺพา. ปุตฺตมํสสทิสนฺติ ปฏิกูลตาอุปฏฺาปเนน ปุตฺตมํสสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ. ตตฺถ นิกนฺตึ ปริยาทิยตีติ อริยมคฺเคน อาหาเร สาเปกฺขํ เขเปติ.
สา คาวีติ ‘‘เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว คาวี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๓) เอวํ สุตฺเต วุตฺตคาวี. อุทฺทาเลตฺวาติ อุปฺปาเฏตฺวา. นิสฺสาย ติฏฺตีติ ปฏิจฺจปจฺจยํ กตฺวา ปวตฺตติ. ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน ติณฺณมฺปิ เวทยิตานํ ทุกฺขภาวํ สนฺธายาห ‘‘เวทยิตทุกฺขสฺสา’’ติ.
สาธุสมฺมตาปิ คติ วิปริณามสงฺขารทุกฺขตาวเสน กิเลสทุกฺขวเสน จ มหาปริฬาหาเยวาติ วุตฺตํ ‘‘มหาปริฬาหฏฺเน ตโย ภวา’’ติ. ยถา อุปกฑฺฒกา ทฺเว ปุริสา, เอวํ กุสลากุสลวเสน ทฺเว มโนสฺเจตนา. ยถา มโนสฺเจตนา น ปวตฺตติ, ตถา ปฏิปชฺชนฺโต ตตฺถ นิกนฺตึ ปริยาทิยตีติ เวทิตพฺโพ.
สตฺติสเตน หตา เอว อุปมา สตฺติสตหตูปมา, ตสฺสํ สตฺติสตหตูปมายํ. ตํ สตฺติสตํ. อสฺส ปุริสสฺส. ปติโตกาเสติ ปุริมสตฺตีหิ ปติตปฺปเทเส. ทุกฺขสฺส ปมาณํ นตฺถิ อเนกสฺส อปราปรํ อุปฺปชฺชนโต. ขนฺธชนนนฺติ ขนฺธานํ อปราปรุปฺปาโท, ปมาภินิพฺพตฺติ ปน ปฏิสนฺธิ เอว. อาคุจารี ปุริโส วิย ปฏิสนฺธิวิฺาณํ นานปฺปการทุกฺขุปฺปาทสนฺนิสฺสยโต, เตหิ จ ทุกฺเขหิ อุปคนฺตพฺพโต. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปมุขภาเวน ปวตฺติยา ‘‘วิฺาณสฺส ทุกฺขุปฺปาโทติ วุตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑, ๒) ยถา วิฺาณํ อายตึ ปฏิสนฺธิวเสน น ปวตฺตติ, เอวํ กรณํ ตตฺถ นิกนฺติปริยาทานํ ทฏฺพฺพํ.
ปริฺาตํ ¶ วตฺถูติ ทุกฺขสจฺจมาห. ปฺจกามคุณิโก ราโคติ ปฺจกามคุณารมฺมโณ ราโค. ปริฺาโต โหตีติ ปริจฺฉิชฺช ชานเนน สมติกฺกนฺโต โหติ. รสตณฺหาย หิ สมฺมเทว วิคตาย รูปตณฺหาทโยปิ วิคตาเยว โหนฺติ. ตถา จ สติ กามราคสํโยชนํ สมุจฺฉินฺนเมว โหติ, เอวํ กรณํ ตตฺถ นิกนฺติปริยาทานํ ทฏฺพฺพํ. ปริฺาภิสมเย หิ สิทฺเธ ปหานาภิสมโย สิทฺโธ เอวาติ. ปหีเน จ กามราคสํโยชเน โอรมฺภาคิยสํโยชนานํ เลโสปิ นาวสิสฺสตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นตฺถิ ตํ สํโยชน’’นฺติอาทิ. เตน กพฬีการาหารปริฺา อนาคามิตํ ปาเปตีติ ทสฺเสติ. เสสาหารปริฺา ปน อรหตฺตนิฏฺา เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ผสฺเส ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ติสฺโส ตณฺหาติ กามตณฺหา รูปตณฺหา อรูปตณฺหาติ อิมา ติสฺโส ตณฺหา.
‘‘ปุริมตณฺหาสมุทยา’’ติ ¶ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตณฺหาปจฺจยนิพฺพตฺตาติ ตณฺหาปจฺจยา นิพฺพตฺตา. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปุริมตณฺหาสมุทยา อาหารานํ สมุทยทสฺสเนเนว ปวตฺติกฺขเณปิ อุปาทินฺนกอาหารสมุทโย ทสฺสิโต โหตีติ ตํ อนามสิตฺวา อนุปาทินฺนกานํ ตณฺหาสมุทยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต มิสฺสิตฺวา กถิตา อวิเสสิตตฺตา. สหชาตตณฺหาปจฺจยนิพฺพตฺโตติ เอตฺถ สหชาตคฺคหณํ อสหชาตตณฺหาปจฺจยนิพฺพตฺโตปิ อนุปาทินฺนกอาหาโร ลพฺภตีติ ทสฺสนตฺถํ. โส ปน อสหชาตตณฺหาปจฺจยนิพฺพตฺตตาสามฺเนปิ ยถาวุตฺตอุปาทินฺนกาหาเรน สํสยํ ชเนยฺยาติ น อุทฺธโฏ, น จ เอตํ การณํ ‘‘ราคํ อุปนิสฺสาย โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนโต, ตณฺโหปนิสฺสยปฏิฆจิตฺตสมุฏฺานาย จ โอชาย วเสน อนุปาทินฺนกอาหารสฺส ลพฺภนโต. กถํ ปน ตณฺหา โอชาย อุปนิสฺสยปจฺจโย; น หิ ปฏฺาเน กตฺถจิ รูปสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย วุตฺโต อตฺถีติ. นายํ วิโรโธ ‘‘ยสฺมึ สติ ยํ โหติ, โส ตสฺส อุปนิสฺสโย’’ติ สุตฺตนฺตนยสฺส อธิปฺเปตตฺตา ยถาวุตฺตตฺถสมฺภวโต. เตเนวาห ‘‘อิมิสฺสา…เป… ตณฺหาย นิโรเธนา’’ติ.
การเณ สพฺพโส นิรุทฺเธ ผลมฺปิ สพฺพโส นิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘อาหารนิโรโธ ปฺายตี’’ติ. อาหารานํ ทุกฺขสจฺเจกเทสตฺตา อาหารคฺคหณํ ¶ ทุกฺขสจฺจคฺคหณเมว โหตีติ อาห ‘‘อิธ จตฺตาริปิ สจฺจานิ สรูเปเนว วุตฺตานี’’ติ. สจฺจเทสนา ทุกฺขาทีนํ ยาวเทว ปริฺเยฺยาทิภาวสนฺทสฺสนตฺถา, ตสฺมา ชรามรณาทีสุ ปริฺเยฺยาทิภาโว อสมฺโมหโต สลฺลกฺเขตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพตฺถ อสมฺมุยฺหนฺเตน สจฺจานิ อุทฺธริตพฺพานี’’ติ อาห.
อาหารวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สจฺจวารวณฺณนา
๙๑. เยน เยน ปริยาเยน พฺยากโรตีติ เยน เยน ทุกฺขาทิชรามรณาทิปริยาเยน อริยสจฺจานิ สงฺเขปโต จ วิตฺถารโต จ กเถติ. ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสจฺจํ ทุกฺขํ, น ทุกฺขมตฺตํ.
สจฺจวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ชรามรณวารวณฺณนา
๙๒. เตสํ ¶ เตสนฺติ พฺยาปนิจฺฉาวเสนายํ นิทฺเทโส กโต, ตสฺมา ยถา ‘‘คาโม คาโม รมณีโย’’ติ วุตฺเต รมณียตาย ตาทิสา สพฺเพปิ คามา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, เอวํ ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตานํ ชาตี’’ติ วุตฺเต ชาติสงฺขาตวิการวเสน สพฺเพปิ สตฺตา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. เตนาห ‘‘สงฺเขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิทฺเทโส’’ติ.
คติชาติวเสนาติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๑.๒) ปฺจคติวเสน, ตตฺถาปิ เอเกกาย คติยา ขตฺติยาทิภุมฺมเทวาทิหตฺถิอาทิชาติวเสน จ. นิกิยฺยนฺติ สตฺตา เอตฺถ, เอเตน วาติ นิกาโย, โคตฺตจรณาทิวิภาโค. ชราย สภาโว นาม วโยหานิ, ตสฺมา ชราติ วโยหานิสงฺขาตสฺส สภาวสฺส นิทฺเทโส, ปากฏชราวเสน นิทฺเทโส ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คหณโต. ชีรณเมว ชีรณตา, ชีรนฺตสฺส วา อากาโร ตา-สทฺเทน วุตฺโต. เตนาห ‘‘อยํ อาการนิทฺเทโส’’ติ. ทนฺตาทีนํ วเสน ขณฺฑํ ชาตํ เอตสฺสาติ ¶ ขณฺฑิโต, ปุคฺคโล. ตสฺส ภาโว ขณฺฑิจฺจํ. ปลิตํ เอตสฺส อตฺถีติ ปลิโต, ตสฺส ภาโว ปาลิจฺจํ. วลิ ตโจ เอตสฺสาติ วลิตฺตโจ, ตสฺส ภาโว วลิตฺตจตา. อิเม ขณฺฑิจฺจาทโย ชรา. วิการานํ ทสฺสนวเสนาติ วิปตฺติทสฺสนวเสน. วาตสฺสาติ มหโต วาตกฺขนฺธสฺส. ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คตมคฺโค ปากโฏ, ตสฺมา ขณฺฑิจฺจาทิคฺคหณํ ชราย กิจฺจนิทฺเทโสติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชราติ กลลกาลโต ปภุติ ปุริมรูปานํ ชราปตฺตกฺขเณ อุปฺปชฺชมานานิ ปจฺฉิมรูปานิ ปริปกฺกรูปานุรูปานิ ปริณตปริณตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อนุกฺกเมน สุปริณตรูปานํ ปริปากกาเล อุปฺปชฺชมานานิ ขณฺฑิจฺจาทิสภาวานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตานิ อุทกาทิมคฺเคสุ ติณรุกฺขสํภคฺคตาทโย วิย ปริปากคตมคฺคสงฺขาเตสุ ปริปกฺกรูเปสุ อุปฺปนฺนานิ ‘‘ชราย คโต มคฺโค’’อิจฺเจว วุตฺตานิ, น ชราติ.
ปกติยาติ ผลวิปจฺจนปกติยา, ชราย วา ปาปุณิตพฺพํ ผลเมวปกติ, ตาย ชรา ทีปิตา. สุปฺปสนฺนานีติ สุฏฺุ ปสนฺนานิ. ตเมว สุปฺปสนฺนตํ กิจฺจโต ทสฺเสตุํ ‘‘สุขุมมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ติกฺขวิสทตา หิ เตสํ อินฺทฺริยานํ สุปฺปสนฺนตา. อาลุฬิตานีติ อากุลานิ. อวิสทานีติ อพฺยตฺตานิ.
กามํ รูปธมฺเมสุปิ ขณิกชรา ทุรุปลกฺขิตา ปฏิจฺฉนฺนาว, สา ปน ยสฺมา สนฺตานวเสน ปวตฺติยา ปริพฺยตฺตาว โหตีติ ‘‘ปากฏชรา’’อิจฺเจว วุตฺตา. อวีจิ นิรนฺตรา ชรา ¶ อวีจิชรา สติ สนฺตาเน สตฺตานํ อนุปฺปพนฺธโต. ตโต อฺเสูติ มนฺททสกาทีสุ ปุพฺพทสกาทิปริจฺเฉทโต อฺเสุ ยถาวุตฺเตสุ. อนฺตรนฺตราติ เตสุ เอว วุตฺตปฺปกาเรสุ ปุริมทสกาทิโต ปจฺฉิมทสกาทีนํ อนฺตรนฺตรา. วณฺณวิเสสาทีนนฺติ วณฺณวิเสสสณฺานวิเสสสมฺผสฺสวิเสสาทีนํ.
วจนกวเสนาติ ก-กาเรน หิ ปทํ วฑฺเฒตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา จวนํ จุตีติ วุตฺตํ โหติ. ตํ ปน เอกจตุปฺจโวการภเวสุ จุติยา อวิเสสโต คหณนฺติ อาห ‘‘เอกจตุปฺจกฺขนฺธานํ สามฺวจน’’นฺติ. จวนกวเสนาติ วา จวนกสฺส ปุคฺคลสฺส วเสนาติ อตฺโถ. จวนเมว จวนตาติ อาห ‘‘ภาววจเนนา’’ติ. ลกฺขณนิทสฺสนนฺติ วยสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส นิทสฺสนํ. จวนฺตสฺส วา อากาโร ตา-สทฺเทน วุตฺโต ¶ ‘‘จวนตา’’ติ. ภิชฺชนํ เภโทติ วุตฺตํ ‘‘จุติกฺขนฺธานํ ภงฺคุปฺปตฺติปริทีปน’’นฺติ. ยถา ภินฺนสฺส ฆฏสฺส เกนจิ ปริยาเยน ฆนฆฏภาเวน านํ นตฺถิ, เอวํ ภินฺนานํ ขนฺธานนฺติ จวนํ อนฺตรหิตํ นามาติ อาห ‘‘อนฺตรธานนฺติ…เป… ปริทีปน’’นฺติ. โย มจฺจูติ วุจฺจติ เภโท, ยฺจ มรณํ ปาณจาโค, ตทุภยํ เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘มจฺจุ มรณ’’นฺติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. กาลสฺส อนฺตกสฺส กิริยาติ ยา โลเก วุจฺจติ, สา จุติ, มรณนฺติ อตฺโถ. จวนกาโล เอว วา อนติกฺกมนียตฺตา วิเสเสน กาโลติ วุตฺโตติ ตสฺส กิริยา อตฺถโต จุติกฺขนฺธานํ เภทปฺปตฺติเยว. ‘‘จุติ จวนตา’’ติอาทินา ปุพฺเพ โวหารมิสฺสเกน นิทฺทิฏฺํ.
อิทานิ นิพฺพตฺติตปรมตฺถนเยเนว นิทฺเทโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปรมตฺเถน ทีเปตุ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘จวนกวเสนา’’ติอาทินา หิ ปุคฺคลวเสน จ โวหาราธิฏฺานา สํวณฺณนา กตา. น กิฺจิ กเฬวรํ นิกฺขิปกิ โอปปาติกานํ จุติกฺขนฺธานํ อนฺตรธานเมวโหติ, ตโต ปรํ อุตุสมุฏฺานรูปสนฺตติ น ปวตฺตติ. ‘‘ชาติสมุทยา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ‘‘ตณฺหาสมุทยา’’ติอาทีสุ วุตฺตนยเนว สกฺกา วิฺาตุนฺติ น วุตฺตํ.
ชรามรณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ชาติวารวณฺณนา
๙๓. ชายนฏฺเนาติอาทิ อายตนวเสน โยนิวเสน จ ทฺวีหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสตฺเต ปริยาทิยิตฺวา ชาตึ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๑๙๑) ปน ‘‘ชายมานกวเสน ¶ ชาติ, สฺชายนวเสน สฺชาตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตตฺถ เอเกเกเนว ปเทน สพฺพสตฺเต ปริยาทิยิตฺวา ชาตึ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. สมฺปุณฺณา ชาติ สฺชาตีติ กตฺวา ‘‘สา ปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตา’’ติ วุตฺตํ. เอเตเนว เกวลํ ชาติสทฺเทน วุตฺตาย ชาติยา อปริปุณฺณายตนตา ทฏฺพฺพา. อภิพฺยตฺตา นิพฺพตฺติ อภินิพฺพตฺติ, ปากฏา นิพฺพตฺตีติ อตฺโถ. ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตานํ…เป… อภินิพฺพตฺตี’’ติ สตฺตวเสน ปวตฺตตฺตา โวหารเทสนา.
ตตฺร ¶ ตตฺราติ เอตฺถ จตุโวการภเว ทฺวินฺนํ, เอกโวการภเว ทฺวินฺนํ, เสสรูปธาตุยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ อุปฺปชฺชมานานํ ปฺจนฺนํ, กามธาตุยํ วิกลาวิกลินฺทฺริยวเสน สตฺตนฺนํ นวนฺนํ ทสนฺนํ, ปุน ทสนฺนํ, เอกาทสนฺนฺจ อายตนานํ วเสน สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยทิปิ จุติกฺขนฺธา อนนฺตรานํ ปฏิสนฺธิกธมฺมานํ อนนฺตราทินา ปจฺจยา โหนฺติ, เย ปน สมุทยา อชนกา, เต เอตฺถ อุปปตฺติภโวติ อธิปฺเปตา. ชนโก เอว ภโวติ อธิปฺเปโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ชาติยา ปจฺจยภูโต กมฺมภโว เวทิตพฺโพ’’ติ อาห.
ชาติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภววารวณฺณนา
๙๔. ภาวนภวนฏฺเน ภโว ทุวิโธ. ตตฺถ กมฺมภโว ‘‘ภวติ เอตสฺมา อุปปตฺติภโว’’ติ ภาวนฏฺเน ภโว. อฏฺกถายํ ปน อุปปตฺติภวํ ‘‘ภวตีติ ภโว’’ติ วตฺวา ตสฺส การณตฺตา กมฺมํ ผลูปจาเรน ภโวติ อยมตฺโถ วุตฺโต, อุภยตฺถาปิ อุปปตฺติภวเหตุภาวเนตฺถ กมฺมสฺส กมฺมภวปริยาโยติ ทสฺสิตํ โหติ. สพฺพถาปีติ ภาวนภวนกุสลากุสลอุปปตฺติสมฺปตฺติภวหีนปณีตาทินา สพฺพปฺปกาเรนปิ. กามภโวติ วุตฺตํ กามตณฺหาเหตุกโต กามตณฺหาย อารมฺมณภาวโต จ. รูปภวูปคกมฺมํ รูปภโว, ตถา อรูปภวูปคกมฺมํ อรูปภโว, ตํตํนิพฺพตฺตกฺขนฺธา รูปารูปุปตฺติภวา, รูปารูปภวภาโว ปน เตสํ ‘‘กามภโว’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
ภววารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปาทานวารวณฺณนา
๙๕. อุปาทานนฺติ ¶ จตุพฺพิธมฺปิ อุปาทานํ. ยถา หิ กามสฺสาทวเสน, ภวสฺสาทวเสน วา ตํตํสุคติภวูปคํ กมฺมํ กโรนฺตสฺส กามุปาทานํ, เอวํ อุจฺเฉทาทิมิจฺฉาภินิเวสวเสนาติ จตฺตาริปิ อุปาทานานิ ยถารหํ ตสฺส ตสฺส กุสลกมฺมภวสฺส อุปนิสฺสยวเสเนว ปจฺจยา โหนฺติ, อกุสลกมฺมภวสฺส อสหชาตสฺส อนนฺตรสฺส อุปนิสฺสยวเสนปิ อารมฺมณวเสนปิ ¶ . สหชาตสฺส กามุปาทานํ สหชาต-อฺมฺ-นิสฺสย-สมฺปยุตฺต-อตฺถิ-อวิคต-เหตุ-วเสน สตฺตธา, เสสอุปาทานานิ ตตฺถ เหตุปจฺจยภาวํ ปหาย มคฺคปจฺจยํ ปกฺขิปิตฺวา สตฺตธาว ปจฺจยา โหนฺติ. อนนฺตรสฺส ปน อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนวเสน ปจฺจยา โหนฺติ. ตสฺสิทมฺปิ สหชาตาทีติ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วตฺถุกามํ อุปาทิยติ จิตฺตํ, ปุคฺคโล วา เอเตนาติ อตฺโถ. ตนฺติ วตฺถุกามํ. กาเมตีติ กาโม จ โส อุปาทิยตีติ อุปาทานฺจาติ โยชนา. วุตฺตนเยนาติ อภิธมฺเม วุตฺตนเยน.
สสฺสโต อตฺตาติ อิทํ ปุริมทิฏฺึ อุปาทิยมานํ อุตฺตรทิฏฺึ นิทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ยถา เอสา ทิฏฺิ ทฬฺหีกรณวเสน ปุริมํ ปุริมํ อุตฺตรา อุตฺตรา อุปาทิยติ, เอวํ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาปีติ. อตฺตคฺคหณํ ปน อตฺตวาทุปาทานนฺติ นยิทํ ทิฏฺุปาทานทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ. โลโก จาติ อตฺตคฺคหณวินิมุตฺตคหณํ ทิฏฺุปาทานภูตํ อิธ ปุริมทิฏฺิอุตฺตรทิฏฺิวจเนหิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สพฺพทิฏฺิคตสฺส ‘‘ทิฏฺุปาทาน’’นฺติ เอตํ อธิวจนํ ‘‘สพฺพาปิ ทิฏฺิ ทิฏฺุปาทาน’’นฺติ วจนโต.
สีลพฺพตํ อุปาทิยนฺตีติ สีลพฺพตํ ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ อุปาทิยนฺติ. เอเตน มิจฺฉาภินิเวเสน. สยํ วา ตํ มิจฺฉาภินิเวสสหคตํ. สีลพฺพตสหจรณโต สีลพฺพตฺจ ตํ ทฬฺหคฺคาหภาวโต อุปาทานฺจาติ สีลพฺพตุปาทานํ. เอวํ สุทฺธีติ อภินิเวสโตติ เอวํ โคสีลโควตาทิจรเณน สํสารสุทฺธีติ อภินิเวสภาวโต. เอเตน ตํ สหจรณโต อภินิเวสสฺส ตํสทฺทารหตํ ทสฺเสติ.
วทนฺตีติ ‘‘อตฺถิ เม อตฺตา’’ติอาทินา โวหรนฺติ. เอเตน ทิฏฺิคเตน. อตฺตวาทมตฺตเมวาติ อตฺตาติ วาจามตฺตเมว. เอเตน วาจาวตฺถุมตฺตเมตํ, ยทิทํ พาหิรกปริกปฺปิโต อตฺตาติ ทสฺเสติ.
ตณฺหา ¶ กามุปาทานสฺสาติ เอตฺถ ‘‘ตตฺถ กตมํ กามุปาทานํ? โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามราโค กามนนฺที กามตณฺหา กามสฺเนโห กามปริฬาโห กามมุจฺฉา กามชฺโฌสานํ. อิทํ วุจฺจติ กามุปาทาน’’นฺติ วจนโต ตณฺหาทฬฺหตฺตํ กามุปาทานํ. ตณฺหาทฬฺหตฺตนฺติ จ ปุริมตณฺหาอุปนิสฺสยปจฺจยโต ทฬฺหภูตา อุตฺตรตณฺหา เอว. เกจิ ปนาหุ –
‘‘อปฺปตฺตวิสยปตฺถนา ¶ ตณฺหา อนฺธกาเร โจรสฺสหตฺถปฺปสารณํ วิย, สมฺปตฺตวิสยคฺคหณํ อุปาทานํ ตสฺเสว ภณฺฑคฺคหณํ วิยา’’ติ. อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺิปฏิปกฺขา เอเต ธมฺมา ปริเยสนารกฺขทุกฺขมูลานิ, ตสฺมา วุตฺตลกฺขณา ตณฺหา วุตฺตลกฺขณสฺเสว อุปาทานสฺส อนานนฺตรสฺส อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย, อารมฺมณาทิวเสนปิ ปจฺจโย โหติเยว, อนนฺตราทีนํ ปน อนนฺตราทิวเสน ปจฺจโย. สพฺพสฺสปิ หิ โลภสฺส ตณฺหาปริยาโยปิ กามุปาทานปริยาโยปิ ลพฺภเตวาติ. อวเสสานนฺติ ทิฏฺุปาทานาทีนํ. สหชาตาทิวเสนาติ สหชาตานํ สหชาตาทิวเสน, อสหชาตานํ อนนฺตรอุปนิสฺสยาทิวเสนาติ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อุปาทานวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตณฺหาวารวณฺณนา
๙๖. ‘‘จกฺขุสมฺผสฺโส’’ติอาทิ ผสฺสสฺส มาติโต นามํ วิย ปุตฺตสฺส วตฺถุโต ตสฺส นิสฺสยภาเวน อุปฺปตฺติเหตุตฺตา, อารมฺมณํ ปน เกวลํ อุปฺปตฺติเหตูติ วุตฺตํ ‘‘เสฏฺิ…เป… นาม’’นฺติ. กามราคภาเวนาติ วตฺถุกามสฺส รชฺชนวเสน. รูปํ อสฺสาเทนฺตีติ รุปารมฺมณํ ตณฺหาภินนฺทนาวเสน อภิรมมานา เอว อสฺสาเทนฺตี. นิจฺจนฺติอาทินา ทิฏฺาภินนฺทนามุเขน รูปํ อภิรมนฺตี. เปจฺจ น ภวิสฺสตีติ ภิชฺชิตฺวา น โหติ ปุน อนุปฺปชฺชนโต. ตถา สทฺทกณฺหาทโยปีติ ยถา รูปตณฺหา กามราคภาเวน สสฺสตราควเสน อุจฺเฉทราควเสนาติ จ ปวตฺติยา ติสฺโส ตณฺหา, ตถา สทฺทตณฺหา คนฺธรสโผฏฺพฺพธมฺมตณฺหาปิ. ตณฺหาวิจริตานีติ ตณฺหาสมุทาจารา, สมุทาจารวเสน ปวตฺตตณฺหาติ อตฺโถ.
อชฺฌตฺติกสฺสุปาทายาติ (วิภ. อฏฺ. ๙๗๓; สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๒) อชฺฌตฺติกํ ขนฺธปฺจกํ อุปาทาย. อุปโยคตฺเถ หิ อิทํ สามิวจนํ. อสฺมีติ โหตีติ ยเทตํ อชฺฌตฺตํ ขนฺธปฺจกํ ¶ อุปาทาย ตณฺหามานทิฏฺิวเสน สมูหคาหโต อสฺมีติ เอวํ โหติ, ตสฺมึ สตีติ อตฺโถ. อิตฺถสฺมีติ โหตีติ ขตฺติยาทีสุ ‘‘อิทํปกาโร อห’’นฺติ เอวํ ¶ ตณฺหามานทิฏฺิวเสน โหตีติ อิทเมตฺถ อนุปนิธาย คหณํ. เอวมาทินาติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘เอวํสฺมีติ, อฺถาสฺมีติ, ภวิสฺสนฺติ, อิตฺถํ ภวิสฺสนฺติ, เอวํ ภวิสฺสนฺติ, อฺถา ภวิสฺสนฺติ, อสสฺมีติ, สตสฺมีติ, สิยนฺติ, อิตฺถํ สิยนฺติ, เอวํ สิยนฺติ, อฺถา สิยนฺติ, อปาหํ สิยนฺติ, อปาหํ อิตฺถํ สิยนฺติ, อปาหํ เอวํ สิยนฺติ, อปาหํ อฺถา สิย’’นฺติ (วิภ. ๙๗๓) อิเมสํ ตณฺหาวิจริตานํ คหณํ. ตตฺถ เอวํสฺมีติ อิทํ สมโต อุปนิธาย คหณํ, ยถา อยํ ขตฺติโย, ยถา อยํ พฺราหฺมโณ, เอวํ อหมฺปีติ อตฺโถ. อฺถาสฺมีติ อิทํ อสมโณ อุปนิธาย คหณํ, ยถา อยํ ขตฺติโย, ยถา อยํ พฺราหฺมโณ, ตโต อฺถา อหํ หีโน วา อธิโก วาติ อตฺโถ. อิติ อิมานิ ปุพฺเพ วุตฺตานิ ทฺเวติ เอตานิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน จตฺตาริ ตณฺหาวิจริตานิ. ภวิสฺสนฺติอาทีนิ ปน จตฺตาริ อนาคตวเสน วุตฺตานิ. เตสํ ปุริมจตุกฺเก วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อสสฺมีติ อสตีติ อสํ. นิจฺจสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา สสฺสโต อสฺมีติ อตฺโถ. สตสฺมีติ สีทตีติ สตํ. อนิจฺจสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา อสสฺสโต อสฺมีติ อตฺโถ. อิติ อิมานิ ทฺเว สสฺสตุจฺเฉทวเสน วุตฺตานิ. อิโต ปรานิ สิยนฺติอาทีนิ จตฺตาริ สํสยปริวิตกฺกวเสน วุตฺตานิ, ตานิ ปุริมจตุกฺเก วุตฺตนเยน อตฺถโต เวทิตพฺพานิ. อปาหํ สิยนฺติอาทีนิ จตฺตาริ ‘‘อปิ นามาหํ ภเวยฺย’’นฺติ เอวํ ปตฺถนากปฺปนวเสน วุตฺตานิ, ตานิ ปุริมจตุกฺเก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
เอตฺถ จ สสฺสตุจฺเฉทวเสน วุตฺตา ทฺเว ทิฏฺิสีสา นาม, อสฺมิ, ภวิสฺสํ, สิยํ, อปาหํ สิยนฺติ เอเต ปน จตฺตาโร สุทฺธสีสา เอว, ‘‘อิตฺถสฺมี’’ติอาทโย ตโย ตโยติ ทฺวาทส สีสมูลกา นาม. เอวเมตานิ ทฺเว ทิฏฺิสีสา, จตฺตาโร สุทฺธสีสา, ทฺวาทส สีสมูลกาติ อชฺฌตฺติกสฺสุปาทาย อฏฺารสฺส ตณฺหาวิจริตานิ เวทิตพฺพานิ.
พาหิรสฺสุปาทายาติ พาหิรํ ขนฺธปฺจกํ อุปาทาย. อิทมฺปิ หิ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. อิมินาติ อิมินา รุเปน วา…เป… วิฺาเณน วาติ เอวํ รูปาทีสุ เอกเมว ‘‘อห’’นฺติ, อิตรํ กิฺจนปลิโพธภาเวน คเหตฺวา ตณฺหาทิวเสน ‘‘อสฺมี’’ติ อภินิวิสติ, ‘‘อิมินา’’ติ อยเมตฺถ วิเสโส. อสฺมีติ อิมินา ขคฺเคน วา ฉตฺเตน วา อภิเสเกน วา ‘‘ขตฺติโยหมสฺมี’’ติ ¶ อภินิวิสติ. พาหิรรูปาทินิสฺสิตานีติ พาหิรานิ ปรสนฺตติปริยาปนฺนานิ รูปเวทนาทีนิ นิสฺสิตานิ. อฏฺารสาติ อิมินา ‘‘อสฺมี’’ติอาทินยปฺปวตฺตานิ อฏฺารส, ตานิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. ‘‘อิมินา’’ติ หิ ¶ อยเมเวตฺถ วิเสโส, ตสฺมา ‘‘ทฺเว ทิฏฺิสีสา’’ติอาทินา วุตฺตนเยเนว นิทฺธาเรตฺวา เวทิตพฺพา. อุภยํ ปน เอกชฺฌํ กตฺวา อาห ‘‘ฉตฺตึสา’’ติ.
นิทฺเทสตฺเถนาติ ‘‘ฉยิเม อาวุโส ตณฺหากายา’’ติอาทินิทฺเทสปาฬิยา อตฺถวจเนน. นิทฺเทสวิตฺถาราติ ตสฺส จ นิทฺเทสสฺส อฏฺสตตณฺหาวิจริตวเสน วิตฺถาเรน. วิตฺถารสฺส จ ปุน สงฺคหโตติ ทฺวีหิ อากาเรหิ วิตฺถาริตสฺส อฏฺารสตณฺหาวิจริตปเภทสฺส ฉเฬว ติสฺโสเยวาติ จ ปุน สงฺคหณโต จ.
วิปากเวทนา อธิปฺเปตา วิเสสโต อตฺตานํ อสฺสาเทตพฺพโต. ตเมว หิสฺสา อสฺสาเทตพฺพตํ ปกาเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อสฺสาทเนนาติ อภิรติยา. มมายนฺตาติ ธนายนฺตา. จิตฺตการาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน อิฏฺวณฺณารมฺมณทายกานํ สงฺคโห. สิปฺปสนฺทสฺสนกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน เวชฺชาทีนํ สงฺคโห. เวชฺชา หิ รสายตโนชาวเสน ตทุปตฺถมฺภิตวเสน จ ธมฺมารมฺมณสฺส ทายกา. สฺวายํ อาทิ-สทฺโท ‘‘วีณาวาทกาที’’ติอาทินา ปจฺเจกฺจ โยเชตพฺโพ, ปุตฺตํ มมายนฺตาติ ปุตฺตํ สมฺปิยายนฺตา. ปุตฺโต วิย เจตฺถ เวทนา ทฏฺพฺพา, สปฺปายสปฺปิขีราทีนิ วิย เวทนาย ปจฺจยภูตานิ อิฏฺรูปาทิอารมฺมณานิ, ธาติ วิย รูปาทิฉฬารมฺมณทายกา จิตฺตการาทโย ทฏฺพฺพา.
ตณฺหาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
เวทนาวารวณฺณนา
๙๗. จกฺขุสมฺผสฺสชา เอว เวทนา อตีตาทิเภทภินฺนา ราสิวเสน เอกชฺฌํ คเหตฺวา เอโก เวทนากาโย ยถา เวทนากฺขนฺโธ, เอวํ โสตสมฺผสฺสชาทิกาติ ปาฬิยํ ‘‘ฉยิเม อาวุโส เวทนากายา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เวทนากายาติ เวทนาสมูหา’’ติ. จกฺขุสมฺผสฺสโต ชาตา จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา. สา ปน อุปาทินฺนาปิ อนุปาทินฺนาปิ, ตทุภยสฺสปิ สงฺคณฺหนฺเตน อตฺถวณฺณนาย กตตฺตา อาห ‘‘อยํ ตาเวตฺถ สพฺพสงฺคาหิกกถา’’ติ. อิทานิ ‘‘วิปากวิธิ อย’’นฺติ อุปาทินฺนเยว ¶ คณฺหนฺโต ‘‘วิปากวเสนา’’ติอาทิมาห. มโนทฺวาเร มโนวิฺาณธาตุสมฺปยุตฺตาติ ตทารมฺมณมโนวิฺาณธาตุสมฺปยุตฺตา.
อวเสสานนฺติ ¶ สมฺปฏิจฺฉนาทิเวทนานํ. อุปนิสฺสยาทีติ อาทิ-สทฺเทน อนนฺตราทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อนนฺตรานฺหิ อนนฺตราทิวเสน, อิตเรสํ อุปนิสฺสยวเสน ผสฺโส ปจฺจโย โหติ, มโนทฺวาเร ปน ตทารมฺมณเวทนานํ มโนสมฺผสฺโส อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย. อทฺวาริกานนฺติ ทฺวารรหิตานํ. น หิ ปฏิสนฺธิอาทิเวทนานํ กิฺจิ ทฺวารํ อตฺถิ. สหชาตมโนสมฺผสฺสสมุทยาติ เอเตนสฺส ตาสํ สหชาตโกฏิยา ปจฺจยภาวมาห.
เวทนาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ผสฺสวารวณฺณนา
๙๘. จกฺขุํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน สมฺผสฺโส จกฺขุสมฺผสฺโส. ปฺจวตฺถุกาติ จกฺขาทิปฺจวตฺถุกา จกฺขาทิปฺจวตฺถุสนฺนิสฺสยา. ‘‘อุปาทินฺนกกถา เอสา’’ติ พาวีสติคฺคหณํ, ปวตฺติกถาภาวโต โลกิยคฺคหณํ. วิปากมนสมฺปยุตฺตผสฺสาติ วิปากมโนวิฺาณสมฺปยุตฺตา ผสฺสา. ปจฺจยุปฺปนฺเนน วิย ปจฺจเยนปิ อุปาทินฺนเกเนว ภวิตพฺพนฺติ ‘‘ฉนฺนํ จกฺขาทีนํ อายตนาน’’นฺติ วุตฺตํ.
ผสฺสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สฬายตนวารวณฺณนา
๙๙. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ, ตสฺมา ยถา เอตฺถ อรูปโลกาเปกฺขาย ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอกเสโส อิจฺฉิตพฺโพ, เอวํ เยสํ ปจฺจยุปฺปนฺโน อุปาทินฺโน, ปจฺจโย ปน อนุปาทินฺโนติปิ อิจฺฉิตพฺโพ. เตสํ มเตน พาหิรายตนวเสนปิ เอกเสโส เวทิตพฺโพ ‘‘ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตน’’นฺติ. วิสุทฺธิมคฺโคปิ อิมสฺส อาคมสฺส ¶ อตฺถสํวณฺณนาติ อาห ‘‘วิสุทฺธิมคฺเค…เป… วุตฺตนยเมวา’’ติ. เอส นโย อฺตฺถาปิ วิสุทฺธิมคฺคคฺคหเณ.
สฬายตนวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นามรูปวารวณฺณนา
๑๐๐. นมนลกฺขณนฺติ ¶ อารมฺมณาภิมุขํ นมนสภาวํ เตน วินา อปวตฺตนโต. รุปฺปนํ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ. อิเม ปน ตโยติอาทินา สพฺพจิตฺตุปฺปาทสาธารณวเสเนว ตํสงฺขารกฺขนฺธคฺคหณํ, ตสฺมา เย ยตฺถ อสาธารณา, เตปิ อตฺถโต คหิตาเยวาติ ทสฺเสติ.
อุปาทิยิตฺวาติ ปจฺจเย กตฺวา. ปจฺจยกรณเมว หิ ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยภูตธมฺมานํ อุปาทิยนํ. สมูหสมฺพนฺเธ สามิวจนํ เอตนฺติ ‘‘สมูหตฺเถ เอตํ สามิวจน’’นฺติ วุตฺตํ เตน วินา สมฺพนฺธสฺส อภาวโต. เตนาติ ตสฺมา. ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ภูตุปาทายปเภทํ สพฺพมฺปิ สตฺตวีสติวิธํ. ยสฺส นามสฺสาติ จตุโวการภเว นามสฺส. วิฺาณมฺปิ ตปฺปริยาปนฺนเมว เวทิตพฺพํ. รูปสฺสาติ เอกโวการภเว รูปสฺส. วิฺาณํ ปน ปฺจโวการภเว สงฺขารวิฺาณเมว. ยสฺส ปฺจโวการภเว นามรูปสฺส. ตสฺส วเสนาติ สหชาตสฺส สหชาตาทิวเสน, อนนฺตรสฺส อนนฺตราทิวเสน, อิตรสฺส อุปนิสฺสยาทิวเสน ตสฺส นามสฺส ยถารหํ ตสฺส ตสฺส วิฺาณสฺส ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพ.
นามรูปวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
วิฺาณวารวณฺณนา
๑๐๑. เตภูมกวิปากคฺคหเณ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. สงฺขาโร ยสฺส วิฺาณสฺสาติ เอตฺถ อฏฺวิโธปิ กามาวจรปฺุาภิสงฺขาโร โสฬสวิธสฺส กามาวจรวิปากวิฺาณสฺส, ปฺจวิโธปิ รูปาวจรปฺุาภิสงฺขาโร ปฺจวิธสฺส รูปาวจรวิปากวิฺาณสฺส, ทฺวาทสวิโธปิ อปฺุาภิสงฺขาโร สตฺตวิธสฺส อกุสลวิปากวิฺาณสฺส, จตุพฺพิโธปิ อาเนฺชาภิสงฺกาโร ¶ จตุพฺพิธสฺส อรูปาวจรวิปากวิฺาณสฺส ยถารหํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ กมฺมปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จ ปจฺจโย โหติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๖๒๐) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
วิฺาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺขารวารวณฺณนา
๑๐๒. อภิสงฺขรณลกฺขโณติ ¶ อภิสฺเจตยิตสภาโว, อายูหนลกฺขโณติ อตฺโถ. โจปนวเสนาติ กายวิฺตฺติสงฺขาตโจปนวเสน. เตน ปฺจทฺวาริกเจตนา ปฏิกฺขิปติ. วจนเภทวเสนาติ วาจานิจฺฉารณวเสน. วจีวิฺตฺติสมุฏฺาปนวเสนาติ อตฺโถ. ยถาวุตฺตา วีสติ, นว มหคฺคตกุสลเจตนา จาติ เอกูนตึส มโนสฺเจตนา. ‘‘กุสลานํ อุปนิสฺสยวเสนา’’ติ วุตฺตํ, เอกจฺจานํ อารมฺมณวเสนปีติ วตฺตพฺพํ. สหชาตาทิวเสนาติ สหชาต-อฺมฺ-นิสฺสย-สมฺปยุตฺต-อตฺถิ-อวิคตเหตุวเสน, อนนฺตรานํ อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนเสน ปจฺจโย. อปิ-สทฺเทน อุปนิสฺสยํ สงฺคณฺหาติ.
สงฺขารวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อวิชฺชาวารวณฺณนา
๑๐๓. ‘‘ทุกฺขสจฺเจอฺาณ’’นฺติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตนฺติ อฺาณํ. สติปิ ปหาตพฺพตฺเต ปริฺเยฺยตฺตวเสน อนฺโตคธํ. ทุกฺขสจฺจฺจสฺสาติ วตฺถุสงฺขาตํ สมฺปยุตฺตขนฺธสงฺขาตฺจ ทุกฺขสจฺจํ อสฺส อฺาณสฺส. ตํ หิสฺส นิสฺสยปจฺจโย โหติ. ตสฺสาติ ทุกฺขสจฺจสฺส. ยาถาวลกฺขณปฏิเวธนิวารเณนาติ สงฺขตอวิปรีตสภาวปฏิวิชฺฌนสฺส นิวารเณน. เอเตนสฺส ปริฺาภิสมยสงฺขาตสฺส อริยมคฺคปฏิเวธสฺส วิพนฺธกภาวมาห. าณปฺปวตฺติยาติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺข’’นฺติ ¶ อนุพุชฺฌนาการาย ปุพฺพภาคาณปฺปวตฺติยา. เอตฺถาติ ทุกฺขสจฺเจ. อปฺปทาเนนาติ อวิสฺสชฺชเนน. เอเตนสฺสา อนุโพธาณสฺสปิ วิพนฺธกตมาห.
ตีหิ การเณหิ เวทิตพฺพํ อนฺโตคธาภาวโต. อิธ สมฺปยุตฺตขนฺธวเสเนว วตฺถุโต สมุทเย อฺาณํ ทฏฺพฺพํ. เอเกเนวาติ อิตรํ การณตฺตยํ ปฏิกฺขิปติ. ยทิปิ อฺาณํ นิโรธมคฺเค อารมฺมณํ น กโรติ, กุโต ตทนฺโตคธตพฺพตฺถุตา, เต ปน ชานิตุกามสฺส ตปฺปฏิจฺฉาทนวเสน อนิโรธมคฺเคสุ นิโรธมคฺคคฺคาหเหตุตาวเสน จ ปวตฺตมานํ ‘‘นิโรเธ ปฏิปทายฺจ อฺาณ’’นฺติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ปฏิจฺฉาทนโต’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ วุตฺโตเยว. คมฺภีรตฺตาติ สภาเวเนว คมฺภีรตฺตา. อคาธอปติฏฺาภาเวน ตํวิสยสฺส าณสฺส อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทุทฺทสํ. ปุริมํ ¶ ปน สจฺจทฺวยํ. วฺจนียฏฺเนาติ วฺจกภาเวน อยาถาวภาเวน อุปฏฺานโต ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรํ, น สภาวโต, ตสฺมา ตํวิสยํ อฺาณํ อุปฺปชฺชติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปุริมสจฺจทฺวเย อนิจฺจาทิสภาวลกฺขณสฺส ทุทฺทสตฺตา เอว นิจฺจาทิวิปลฺลาสวเสน ปวตฺตติ อฺาณนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.
อิทานิ นิทฺเทสวิภาเคนปิ อวิชฺชาย สจฺเจสุ ปวตฺติวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทุกฺเขติ เอตฺตเกน ภุมฺมนิทฺเทเสน. สงฺคหโตติ ปริฺเยฺยตาย ทุกฺเขน สงฺคเหตพฺพโต. เตน นิทฺธารณตฺถํ ทสฺเสติ. ทุกฺขสฺมิฺหิ อวิชฺชา นิทฺธารียติ, น อฺสฺมึ. วตฺถุโตติ อาธารตฺถํ. ทุกฺขสนฺนิสฺสยา หิ อวิชฺชา. อารมฺมณโตติ วิสยตฺถํ ตํ อารพฺภ ปวตฺตนโต. กิจฺจโตติ พฺยาปนตฺถํ ฉาทนวเสน ตํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตนโต. อิมินา นเยน เสเสสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อวิเสสโตติ วิเสสาภาวโต, วุตฺตนเยน ทุกฺขาทีสุ ปวตฺติอาการวิเสสํ อคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. สภาวโตติ สรสลกฺขณโต. จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ อชานนสภาวา หิ อวิชฺชา. กามราคภวราคา กามาสวภวาสวาติ อาห ‘‘สหชาตาทิวเสนา’’ติ. นนุ อวิชฺชา เอว อวิชฺชาสโว, โส กถํ อวิชฺชาย ปจฺจโยติ อาห ‘‘ปุพฺพุปฺปนฺนา’’ติอาทิ.
อวิชฺชาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาสววารวณฺณนา
๑๐๔. อาสววาเร ¶ อาสว-สทฺทตฺโถ อาสววิจาโร จ เหฏฺา วุตฺโตเยว. กสฺมา ปนายํ วาโร วุตฺโต, นนุ อวิชฺชาทิกาว ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนาติ โจทนํ สนฺธาย ‘‘อยํ วาโร’’ติอาทิ อารทฺธํ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทปเทสูติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทโกฏฺาเสสุ. ทฺวาทสโกฏฺาสา หิ สตฺถุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา. ตสฺสาปิ ปจฺจยทสฺสนวเสนาติ นายํ กาปิลานํ มูลปกติ วิย อปฺปจฺจยา, อถ โข สปฺปจฺจยาติ อวิชฺชายปิ ปจฺจยทสฺสนวเสน. อาสวสมุทเยนาติ อตีตภเว อาสวานํ สมุทเยน เอตรหิ อวิชฺชาย สมุทโย, เอตรหิ อวิชฺชาย สมุทเยน อนาคเต อาสวสมุทโยติ เอวํ อาสวาวิชฺชานํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนกภาเวน อปราปรํ ปวตฺตมานํ อาทิโกฏิอภาเวเนว ตนฺนิมิตฺตสฺส สํสารสฺส อาทิโกฏิอภาวโต อนมตคฺคตาสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
ทฺวตฺตึส ¶ านานีติ ทฺวตฺตึส สจฺจปฺปฏิเวธการณานิ, ทฺวตฺตึส วา จตุสจฺจกมฺมฏฺานานิ. อิมมฺหา สมฺมาทิฏฺิสุตฺตาติ ยาย อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ นาม โหติ, สา อริยา สมฺมาทิฏฺิ เอตฺถ วุตฺตาติ สมฺมาทิฏฺิสุตฺตํ, อิโต สมฺมาทิฏฺิสุตฺตโต.
จตุสจฺจปริยาเยหีติ จตุสจฺจาธิคมการเณหิ. อรหตฺตปริยาเยหีติ ‘‘โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหายา’’ติอาทินา อรหตฺตาธิคมการเณหิ. เตนาห ‘‘จตุสฏฺิยา การเณหี’’ติ.
อาสววารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สมฺมาทิฏฺิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. สติปฏฺานสุตฺตวณฺณนา
๑๐๕. ชานปทิโนติ ¶ (ที. นิ. ฏี. ๒.๙๕) ชนปทวนฺโต, ชนปทสฺส วา อิสฺสรา ราชกุมารา. โคตฺตวเสน กุรู นาม. เตสํ นิวาโส ยทิ เอโก ชนปโท, กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘รุฬฺหีสทฺเทนา’’ติ. อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ าเนสุ ยุตฺเต วิย สลิงฺควจนานิ (ปาณินิ ๑.๒๕๑) อิจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ รุฬฺหี ยถา ¶ อฺตฺถาปิ ‘‘องฺเคสุ วิหรติ, มลฺเลสุ วิหรตี’’ติ จ. ตพฺพิเสสเน ปน ชนปท-สทฺเท ชาติ-สทฺเท เอกวจนเมว. อฏฺกถาจริยา ปนาติ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโน. เตน ปุถุอตฺถวิสยตาย เอวํ ตํ พหุวจนนฺติ ‘‘พหุเก ปนา’’ติอาทินา วกฺขมานํ วิเสสํ ทีเปติ. สุตฺวาติ มนฺธาตุมหาราชสฺส อานุภาวทสฺสนานุสาเรน ปรมฺปราคตํ กถํ สุตฺวา. อนุสํยายนฺเตนาติ อนุวิจรนฺเตน. เอเตสํ านนฺติ จนฺทิมสูริยมุเขน จาตุมหาราชิกภวนมาห. เตนาห ‘‘ตตฺถ อคมาสี’’ติอาทิ. โสติ มนฺธาตุมหาราชา. ตนฺติ จาตุมหาราชิกรชฺชํ. คเหตฺวาติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา. ปุน ปุจฺฉิ ปริณายกรตนํ. โทวาริกภูมิยํ ติฏฺนฺติ สุธมฺมาย เทวสภาย เทวปุรสฺส จ จตูสุ ทฺวาเรสุ อารกฺขาย อธิกตตฺตา. ทิพฺพรุกฺขสหสฺสปฏิมณฺฑิตนฺติ อิทํ ‘‘จิตฺตลตาวน’’นฺติอาทีสุปิ โยเชตพฺพํ.
ปถวิยํ ปติฏฺาสีติ ภสฺสิตฺวา ปถวิยา อาสนฺเน าเน อฏฺาสิ, ตฺวา จ นจิรสฺเสว อนฺตรธายิ เตนตฺตภาเวน รฺโ จกฺกวตฺติสฺสริยสฺส อภาวโต. ‘‘จิรตรํ กาลํ ตฺวา’’ติ อปเร. เทวภาโว ปาตุรโหสิ เทวโลเก ปวตฺติวิปากทายิโน อปราปริยายเวทนียสฺส กมฺมสฺส กโตกาสตฺตา. อวยเว สิทฺโธ วิเสโส สมุทายสฺส วิเสสโก โหตีติ เอกมฺปิ รฏฺํ พหุวจเนน โวหรียติ.
ท-กาเรน อตฺถํ วณฺณยนฺติ นิรุตฺตินเยน. กมฺมาโสติ กมฺมาสปาโท วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติ. กถํ ปน โส กมฺมาสปาโทติ อาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิ. ทมิโตติ เอตฺถ กีทิสํ ทมนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘โปริสาทภาวโต ปฏิเสธิโต’’ติ. อิเม ปน เถราติ มชฺฌิมภาณเก วทติ, เต ปน จูฬกมฺมาสทมฺมํ สนฺธาย ตถา วทนฺติ. ยกฺขินิปุตฺโต หิ กมฺมาสปาโท อลีนสตฺตุกุมารกาเล โพธิสตฺเตน ตตฺถ ทมิโต, สุตโสมกาเล ¶ ปน พาราณสิราชา โปริสาทภาวปฏิเสธเนน ยตฺถ ทมิโต, ตํ มหากมฺมาสทมฺมํ นาม. ปุตฺโตติ วตฺวา อตฺรโชติ วจนํ โอรสปุตฺตภาวทสฺสนตฺถํ.
เยหิ อาวสิตปเทโส กุรุรฏฺนฺติ นามํ ลภิ, เต อุตฺตรกุรุโต อาคตา มนุสฺสา ตตฺถ รกฺขิตนิยาเมเนว ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ, เตสํ ทิฏฺานุคติยา ¶ ปจฺฉิมา ชนตาติ, โส เทสธมฺมวเสน อวิจฺเฉทโต วตฺตมาโน กุรุวตฺตธมฺโมติ ปฺายิตฺถ, อยฺจ อตฺโถ กุรุธมฺมชาตเกน (ชา. ๑.๓.๗๖-๗๘) ทีเปตพฺโพ. โส อปรภาเค ยตฺถ ปมํ สํกิลิฏฺโ ชาโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กุรุรฏฺวาสีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยตฺถ ภควโต วสโนกาโส โกจิ วิหาโร น โหติ, ตตฺถ เกวลํ โคจรคามกิตฺตนํ นิทานกถาย ปกติ, ยถา ตํสกฺเกสุ วิหรติ เทวทหํ นาม สกฺกานํ นิคโมติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อวสโนกาสโต’’ติอาทิมาห.
อุทฺเทสวารกถาวณฺณนา
๑๐๖. กสฺมา ภควา อิมํ สุตฺตมภาสีติ อสาธารณสมุฏฺานํ ปุจฺฉติ, สาธารณํ ปน ปากฏนฺติ อนามฏฺํ, เตน สุตฺตนิกฺเขโป ปุจฺฉิโตติ กตฺวา อิตโร ‘‘กุรุรฏฺวาสีน’’นฺติอาทินา อปรชฺฌาสโยยํ สุตฺตนิกฺเขโปติ ทสฺเสติ. เอเตน พาหิรสมุฏฺานํ วิภาวิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อชฺฌตฺติกํ ปน อสาธารณฺจ มูลปริยายสุตฺตาทิฏีกายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. กุรุรฏฺํ กิร (ที. นิ. ฏี. ๒.๓๗๓) ตทา ตนฺนิวาสีนํ สตฺตานํ เยภุยฺเยน โยนิโสมนสิการวนฺตตาย ปุพฺเพ จ กตปฺุตาพเลน อุตุอาทิสมฺปนฺนเมว อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุตุปจฺจยาทิสมฺปนฺนตฺตา’’ติ. อาทิ-สทฺเทน โภชนาทิสมฺปตฺตึ สงฺคณฺหาติ. เกจิ ปน ‘‘ปุพฺเพ กุรุวตฺตธมฺมานุฏฺานวาสนาย อุตฺตรกุรุ วิย เยภุยฺเยน อุตุอาทิสมฺปนฺนเมว โหนฺตํ ภควโต กาเล สาติสยํ อุตุสปฺปายาทิยุตฺตํ ตํ รฏฺํ อโหสี’’ติ วทนฺติ. จิตฺตสรีรกลฺลตายาติ จิตฺตสฺส สรีรสฺส จ อโรคตาย. อนุคฺคหิตปฺาพลาติ ลทฺธุปการาณานุภาวา, อนุ อนุ วา อาจิณฺณปฺาเตชา. เอกวีสติยา าเนสูติ กายานุปสฺสนาวเสน จุทฺทสสุาเนสุ, เวทนานุปสฺสนาวเสน เอกสฺมึ าเน, ตถา จิตฺตานุปสฺสนาวเสน, ธมฺมานุปสฺสนาวเสน ปฺจสุ าเนสูติ เอวํ เอกวีสติยา าเนสุ. กมฺมฏฺานํ อรหตฺเต ปกฺขิปิตฺวาติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ยถา อรหตฺตํ ปาเปติ, เอวํ เทสนาวเสน อรหตฺเต ปกฺขิปิตฺวา. สุวณฺณจงฺโกฏกสุวณฺณมฺชูสาสุ ปกฺขิตฺตานิ สุมนจมฺปกาทินานาปุปฺผานิ มณิปุตฺตาทิสตฺตรตนานิ จ ยถา ภาชนสมฺปตฺติยา สวิเสสํ โสภนฺติ, กิจฺจกรานิ ¶ จ โหนฺติ มนฺุาภาวโต, เอวํ สีลทสฺสนาทิสมฺปตฺติยา ภาชนวิเสสภูตาย กุรุรฏฺวาสิปริสาย เทสิตา ¶ จ ภควโต อยํ เทสนา ภิยฺโยโสมตฺตาย โสภติ, กิจฺจการี จ โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ยถา หิ ปุริโส’’ติอาทินา. เอตฺถาติ กุรุรฏฺเ.
ปกติยาติ สรสโต, อิมิสฺสา สติปฏฺานสุตฺตเทสนาย ปุพฺเพปีติ อธิปฺปาโย. อนุยุตฺตา วิหรนฺติ สตฺถุ เทสนานุสารโตติ อธิปฺปาโย. วิสฺสฏฺอตฺตภาวนาติ อนิจฺจาทิวเสน กิสฺมิฺจิ โยนิโสมนสิกาเร จิตฺตํ อนิโยเชตฺวา รูปาทิอารมฺมเณ อภิรติวเสน วิสฺสฏฺจิตฺเตน ภวิตุํ น วฏฺฏติ, ปมาทวิหารํ ปหาย อปฺปมตฺเตน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
เอกายโนติ เอตฺถ อยน-สทฺโท มคฺคปริยาโย. น เกวลมยนเมว, อถ โข อฺเปิ พหู มคฺคปริยายาติ ปทุทฺธารํ กโรนฺโต ‘‘มคฺคสฺส หี’’ติอาทิ วตฺวา ยทิ มคฺคปริยาโย อยน-สทฺโท, กสฺมา ปุน มคฺโคติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอกมคฺโคติ เอโก เอว มคฺโค. น หิ นิพฺพานคามี มคฺโค อฺโ อตฺถีติ. นนุ สติปฏฺานํ อิธ ‘‘มคฺโค’’ติ อธิปฺเปตํ, ตทฺเ จ พหู มคฺคธมฺมา อตฺถีติ? สจฺจํ อตฺถิ, เต ปน สติปฏฺานคฺคหเณเนว คหิตา ตทวินาภาวโต. ตถา หิ าณวีริยาทโย นิทฺเทเส คหิตา. อุทฺเทเส ปน สติยา เอว คหณํ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสนาติ ทฏฺพฺพํ. น ทฺเวธาปถภูโตติ อิมินา อิมสฺส มคฺคสฺส อเนกมคฺคตาภาวํ วิย อนิพฺพานคามิภาวาภาวฺจ ทสฺเสติ. เอเกนาติ อสหาเยน. อสหายตา จ ทุวิธา อตฺตทุติยตาภาเวน วา, ยา ‘‘วูปกฏฺกายตา’’ติ วุจฺจติ, ตณฺหาทุติยตาภาเวน วา, ยา ‘‘ปวิวิตฺตจิตฺตตา’’ติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘วูปกฏฺเน ปวิวิตฺตจิตฺเตนา’’ติ. เสฏฺโปิ โลเก ‘‘เอโก’’ติ วุจฺจติ ‘‘ยาว ปเร เอกโต กโรสี’’ติอาทีสูติ อาห ‘‘เอกสฺสาติ เสฏฺสฺสา’’ติ. ยทิ สํสารโต นิสฺสรณฏฺโ อยนฏฺโ อฺเสมฺปิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ สาธารโณ กถํ ภควโตติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. อิมสฺมึ โขติ เอตฺถ โข-สทฺโท อวธารเณ, ตสฺมา อิมสฺมึ เยวาติ อตฺโถ. เทสนาเภโทเยว เหโส, ยทิทํ มคฺโคติ วา อยโนติ วา. เตนาห ‘‘อตฺโถ ปเนโก’’ติ.
นานามุขภาวนานยปฺปวตฺโตติ ¶ กายานุปสฺสนาทิมุเขน ตตฺถาปิ อานาปานาทิมุเขน ภาวนานเยน ปวตฺโต. เอกายนนฺติ เอกคามินํ, นิพฺพานคามินนฺติ อตฺโถ. นิพฺพานฺหิ อทุติยตฺตา เสฏฺตฺตา จ ‘‘เอก’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘เอกฺหิ สจฺจํ น ทุตียมตฺถี’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๐) ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) จ. ขโย เอว อนฺโตติ ขยนฺโต ¶ , ชาติยา ขยนฺตํ ทิฏฺวาติ ชาติขยนฺตทสฺสี. อวิภาเคน สพฺเพปิ สตฺเต หิเตน อนุกมฺปตีติ หิตานุกมฺปี. อตรึสูติ ตรึสุ. ปุพฺเพติ ปุริมกา พุทฺธา, ปุพฺเพ วา อตีตกาเล.
ตนฺติ ตํ เตสํ วจนํ, ตํ วา กิริยาวุตฺติวาจกตฺตํ น ยุชฺชติ. น หิ สงฺเขยฺยปฺปธานตาย สตฺตวาจิโน เอก-สทฺทสฺส กิริยาวุตฺติวาจกตา อตฺถิ. ‘‘สกิมฺปิ อุทฺธํ คจฺเฉยฺยา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๗๒) วิย ‘‘สกึ อยโน’’ติ อิมินา พฺยฺชเนน ภวิตพฺพํ. เอวํ อตฺถํ โยเชตฺวาติ เอวํ ปทตฺถํ โยเชตฺวา. อุภยถาปีติ ปุริมนเยน ปจฺฉิมนเยน จ. น ยุชฺชติ อิธาธิปฺเปตมคฺคสฺส อเนกวารํ ปวตฺติสพฺภาวโต. เตนาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ. อเนกวารมฺปิ อยตีติ ปุริมนยสฺส, อเนกฺจสฺส อยนํ โหตีติ ปจฺฉิมนยสฺส จ ปฏิกฺเขโป.
อิมสฺมึ ปเทติ ‘‘เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค’’ติ อิมสฺมึ วากฺเย, อิมสฺมึ วา ‘‘ปุพฺพภาคมคฺโค โลกุตฺตรมคฺโค’’ติ สํสยฏฺาเน. มิสฺสกมคฺโคติ โลกิเยน มิสฺสโก โลกุตฺตรมคฺโค. วิสุทฺธิอาทีนํ นิปฺปริยายเหตุํ สงฺคณฺหนฺโต อาจริยตฺเถโร ‘‘มิสฺสกมคฺโค’’ติ อาห, อิตโร ปริยายเหตุ อิธาธิปฺเปโตติ ‘‘ปุพฺพภาคมคฺโค’’ติ.
สทฺทํ สุตฺวาวาติ ‘‘กาโล, ภนฺเต, ธมฺมสฺสวนายา’’ติ กาลาโรจนสทฺทํ สุตฺวา. เอวํ อุกฺขิปิตฺวาติ. เอวํ ‘‘มธุรํ อิมํ กุหึ ฉฑฺเฑมา’’ติ อฉฑฺเฑนฺตา อุจฺฉุภารํ วิย ปคฺคเหตฺวา น วิจรนฺติ. อาลุเฬตีติ วิลุฬิโต อากุโล โหตีติ อตฺโถ. เอกายนมคฺโค วุจฺจติ ปุพฺพภาคสติปฏฺานมคฺโคติ. เอตฺตาวตา อิธาธิปฺเปตตฺเถ สิทฺเธ ตสฺเสว อลงฺการตฺถํ โส ปน ยสฺส ปุพฺพภาคมคฺโค, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มคฺคานฏฺงฺคิโก’’ติอาทิกา ¶ คาถาปิ ปฏิสมฺภิทามคฺคโตว อาเนตฺวา ปิตา.
นิพฺพานคมนฏฺเนาติ นิพฺพานํ คจฺฉติ อธิคจฺฉติ เอเตนาติ นิพฺพานคมนํ, โส เอว อวิปรีตสภาวตาย อตฺโถ, เตน นิพฺพานคมนฏฺเน, นิพฺพานาธิคมุปายตายาติ อตฺโถ. มคฺคนียฏฺเนาติ คเวสิตพฺพตาย, ‘‘คมนียฏฺเนา’’ติ วา ปาโ, อุปคนฺตพฺพตฺตาติ อตฺโถ. ราคาทีหีติ. อิมินา ราคโทสโมหานํเยว คหณํ ‘‘ราโค มลํ, โทโส มลํ, โมโห มล’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔) วจนโต. ‘‘อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหี’’ติ ปน อิมินา สพฺเพสมฺปิ อุปกฺกิเลสานํ สงฺคณฺหนตฺถํ เต วิสุํ อุทฺธฏา. สตฺตานํ วิสุทฺธิยาติ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส เอกนฺติกตํ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถา หี’’ติอาทิมาห. กามํ ‘‘วิสุทฺธิยา’’ติ สามฺโชตนา, จิตฺตวิสุทฺธิ เอว ปเนตฺถ อธิปฺเปตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปมลวเสน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น เกวลํ อฏฺกถาวจนเมว, อถ โข อิทเมตฺถ อาหจฺจภาสิตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถา หี’’ติอาทิมาห.
สา ปนายํ จิตฺตวิสุทฺธิ สิชฺฌมานา ยสฺมา โสกาทีนํ อนุปฺปาทาย สํวตฺตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติอาทิ. ตตฺถ โสจนํ าติพฺยสนาทินิมิตฺตํ เจตโส สนฺตาโป อนฺโตนิชฺฌานํ โสโก. าติพฺยสนาทินิมิตฺตเมว โสกาธิกตาย ‘‘กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’’ติ ปริเทววเสน ลปนํ ปริเทโว, อายตึ อนุปฺปชฺชนํ อิธ สมติกฺกโมติ อาห ‘‘ปหานายา’’ติ. ตํ ปนสฺส สมติกฺกมาวหตํ นิทสฺสนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ หี’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ยํ ปุพฺเพ ตํ วิโสเธหีติ อตีเตสุ ขนฺเธสุ ตณฺหาสํกิเลสวิโสธนํ วุตฺตํ. ปจฺฉาติ ปรโต. เตติ ตุยฺหํ. มาหูติ มา อหุ. กิฺจนนฺติ ราคาทิกิฺจนํ. เอเตน อนาคเตสุ ขนฺเธสุ สํกิเลสวิโสธนํ วุตฺตํ. มชฺเฌติ ตทุภยเวมชฺเฌ. โน เจ คเหสฺสสีติ น อุปาทิยิสฺสสิ เจ. เอเตน ปจฺจุปฺปนฺเน ขนฺธปพนฺเธ อุปาทานปฺปวตฺติ วุตฺตา. อุปสนฺโต จริสฺสสีติ เอวํ อทฺธตฺตยคตสํกิเลสวิโสธเน สติ นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตาย อุปสนฺโต หุตฺวา วิหริสฺสสีติ อรหตฺตนิกูเฏน คาถํ นิฏฺเปสิ. เตนาห ‘‘อิมํ คาถ’’นฺติอาทิ.
ปุตฺตาติ ¶ โอรสา, อฺเปิ วา เย เกจิ. ปิตาติ ชนโก. พนฺธวาติ าตกา. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ปุตฺตา วา ปิตา วา พนฺธวา วา อนฺตเกน มจฺจุนา อธิปนฺนสฺส อภิภูตสฺส มรณโต ตาณาย น โหนฺติ, ตสฺมา นตฺถิ าตีสุ ตาณตาติ. น หิ าตีนํ วเสน มรณโต อารกฺขา อตฺถิ, ตสฺมา ปฏาจาเร ‘‘อุโภ ปุตฺตา กาลกตา’’ติอาทินา (อป. เถรี ๒.๒.๔๙๘) มา นิรตฺถกํ ปริเทวิ, ธมฺมํเยว ปน ยาถาวโต ปสฺสาติ อธิปฺปาโย.
โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตาติ ยถานุโลมํ ปวตฺติตาย สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย ปริโยสาเน สหสฺสนยปฏิมณฺฑิเต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. กถํ ปนายํ สติปฏฺานมคฺควเสน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสีติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. น หิ จตุสจฺจกมฺมฏฺานกถาย วินา สาวกานํ อริยมคฺคาธิคโม อตฺถิ. ‘‘อิมํ คาถํ สุตฺวา’’ติ ปน อิทํ โสกวิโนทนวเสน ปวตฺติตาย คาถาย ปมํ สุตตฺตา วุตฺตํ. เอส นโย อิตรคาถายปิ. ภาวนาติ ¶ ปฺาภาวนา. สา หิ อิธาธิปฺเปตา. ตสฺมาติ ยสฺมา รูปาทีนํ อนิจฺจาทิโต อนุปสฺสนาปิ สติปฏฺานภาวนา, ตสฺมา. เตปีติ สนฺตติมหามตฺตปฏาจารา.
ปฺจสเต โจเรติ สตสตโจรปริวาเร ปฺจ โจเร ปฏิปาฏิยา เปเสสิ. เต อรฺํ ปวิสิตฺวา เถรํ ปริเยสนฺตา อนุกฺกเมน เถรสฺส สมีเป สมาคจฺฉึสุ. เตนาห ‘‘เต คนฺตฺวา เถรํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสู’’ติ. เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชีติ สมฺพนฺโธ. เถรสฺส หิ สีลํ ปจฺจเวกฺขโต สุปริสุทฺธํ สีลํ นิสฺสาย อุฬารํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชมานํ อูรุฏฺิเภทชนิตํ ทุกฺขเวทนํ วิกฺขมฺเภสิ. ปาทานีติ ปาเท. สฺเปสฺสามีติ สฺตฺตึ กริสฺสามิ. อฑฺฑิยามีติ ชิคุจฺฉามิ. หรายามีติ ลชฺชามิ. วิปสฺสิสนฺติ สมฺมสึ.
ปจลายนฺตานนฺติ ปจลายนํ นิทฺทํ อุปคตานํ. วตสมฺปนฺโนติ ธุตจรณสมฺปนฺโน. ปมาทนฺติ ปจลายนํ สนฺธายาห. โอรุทฺธมานโสติ อุปรุทฺธอธิจิตฺโต. ปฺชรสฺมินฺติ สรีเร. สรีรฺหิ นฺหารุสมฺพนฺธอฏฺิสงฺฆาตตาย อิธ ‘‘ปฺชร’’นฺติ วุตฺตํ.
ปีตวณฺณาย ปฏากาย ปริหรณโต มลฺลยุทฺธจิตฺตกตาย จ ปีตมลฺโล. ตีสุ รชฺเชสูติ ปณฺฑุโจฬโคฬรชฺเชสุ. มลฺลา สีหฬทีเป สกฺการสมฺมานํ ¶ ลภนฺตีติ ตมฺพปณฺณิทีปํ อาคมฺม. ตํเยว องฺกุสํ กตฺวาติ ‘‘รูปาทโย ‘มมา’ติ น คเหตพฺพา’’ติ น ตุมฺหากวคฺเคน (สํ. นิ. ๓.๓๓-๓๔) ปกาสิตมตฺถํ อตฺตโน จิตฺตมตฺตหตฺถิโน องฺกุสํ กตฺวา. ชณฺณุเกหิ จงฺกมติ ‘‘นิสินฺเน นิทฺทาย อวสโร โหตี’’ติ. พฺยากริตฺวาติ อตฺตโน วีริยารมฺภสฺส สผลตาปเวทนมุเขน สพฺรหฺมจารีนํ อุสฺสาหํ ชเนนฺโต อฺํ พฺยากริตฺวา. ภาสิตนฺติ วจนํ. กสฺส ปน ตนฺติ อาห ‘‘พุทฺธเสฏฺสฺส, สพฺพโลกคฺควาทิโน’’ติ. น ตุมฺหากนฺติอาทิ ตสฺส ปวตฺติอาการทสฺสนํ. ตยิทํ เม สงฺขารานํ อจฺจนฺตวูปสมการณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิจฺจา วตา’’ติ คาถํ อาหริ. เตน อิทานาหํ สงฺขารานํ ขเณ ขเณ ภงฺคสงฺขาตสฺส โรคสฺส อภาเวน อโรโค ปรินิพฺพุโตติ ทสฺเสติ.
อสฺสาติ สกฺกสฺส. อุปปตฺตีติ เทวูปปตฺติ. ปุนปากติกาว อโหสิ สกฺกภาเวเนว อุปปนฺนตฺตา. สุพฺรหฺมาติ เอวํ นาโม. อจฺฉรานํ นิรยูปปตฺตึ ทิสฺวา ตโต ปภุติ สตตํ ปวตฺตมานํ อตฺตโน จิตฺตุตฺราสํ สนฺธายาห ‘‘นิจฺจํ อุตฺรสฺตมิทํ จิตฺต’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อุตฺรสฺตนฺติ สนฺตสฺตํ ภีตํ. อุพฺพิคฺคนฺติ สํวิคฺคํ. อุตฺรสฺตนฺติ วา สํวิคฺคํ. อุพฺพิคฺคนฺติ ภยวเสน สห กาเยน สฺจลิตํ. อนุปฺปนฺเนสูติ อนาคเตสุ. กิจฺเฉสูติ ทุกฺเขสุ. นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนํ, ภาวีทุกฺขปวตฺตินิมิตฺตนฺติ ¶ อตฺโถ. อุปฺปติเตสูติ อุปฺปนฺเนสุ กิจฺเฉสูติ โยชนา, ตทา อตฺตโน ปริวารสฺส อุปฺปนฺนทุกฺขนิมิตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
โพชฺฌาติ โพธิโต, อริยมคฺคโตติ อตฺโถ. อฺตฺราติ จ ปทํ อเปกฺขิตฺวา นิสฺสกฺกวจนํ, ตสฺมา โพธึ เปตฺวาติ อตฺโถ. เอส นโย เสเสสุปิ. ตปสาติ ตโปกมฺมโต. เตน มคฺคาธิคมสฺส อุปายภูตํ ธุตงฺคเสวนาทิสลฺเลขปฏิปทํ ทสฺเสติ. อินฺทฺริยสํวราติ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ สํวรณโต. เอเตน สติสํวรสีเสน สพฺพมฺปิ สํวรสีลํ, ลกฺขณหารนเยน วา สพฺพมฺปิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ทสฺเสติ. สพฺพนิสฺสคฺคาติ สพฺพุปธินิสฺสชฺชนโต สพฺพกิเลสปฺปหานโต. กิเลเสสุ หิ นิสฺสฏฺเสุ กมฺมวฏฺฏํ วิปากวฏฺฏฺจ นิสฺสฏฺเมว โหตีติ. โสตฺถินฺติ เขมํ อนุปทฺทวตํ.
ายติ นิจฺฉเยน กมติ นิพฺพานํ, ตํ วา ายติ ปฏิวิชฺฌียติ เอเตนาติ าโย, อริยมคฺโคติ อาห ‘‘าโย วุจฺจติ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ ¶ . ตณฺหาวานวิรหิตตฺตาติ ตณฺหาสงฺขาตวานวิวิตฺตตฺตา. ตณฺหา หิ ขนฺเธหิ ขนฺธํ, กมฺมุนา วา ผลํ, สตฺเตหิ วา ทุกฺขํ วินติ สํสิพฺพตีติ วานนฺติ วุจฺจติ. ตยิทํ นตฺถิ เอตฺถ วานํ, น วา เอตสฺมึ อธิคเต ปุคฺคลสฺส วานนฺติ นิพฺพานํ, อสงฺขตา ธาตุ. ปรปจฺจเยน วินา ปจฺจกฺขกรณํ สจฺฉิกิริยาติ อาห ‘‘อตฺตปจฺจกฺขตายา’’ติ.
นนุ ‘‘วิสุทฺธิยา’’ติ จิตฺตวิสุทฺธิยา อธิปฺเปตตฺตา วิสุทฺธิคฺคหเณเนเวตฺถ โสกสมติกฺกมาทโยปิ คหิตา เอว โหนฺติ, เต ปุน กสฺมา คหิตาติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สาสนยุตฺติโกวิเทติ สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิลกฺขณายํ ธมฺมนีติยํ เฉเก. ตํ ตํ อตฺถํ าเปตีติ เย เย โพธเนยฺยปุคฺคลา สงฺเขปวิตฺถาราทิวเสน ยถา ยถา โพเธตพฺพา, อตฺตโน เทสนาวิลาเสน ภควา เต เต ตถา ตถา โพเธนฺโต ตํ ตมตฺถํ าเปติ. ตํ ตํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโตติ อตฺถาปตฺตึ อคเณนฺโต ตํ ตํ อตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต. น หิ สมฺมาสมฺพุทฺธา อตฺถาปตฺติาปกาทิสาธนียวจนาติ. สํวตฺตตีติ ชายติ, โหตีติ อตฺโถ. ยสฺมา อนติกฺกนฺตโสกปริเทวสฺส น กทาจิ จิตฺตวิสุทฺธิ อตฺถิ โสกปริเทวสมติกฺกมมุเขเนว จิตฺตวิสุทฺธิยา อิชฺฌนโต, ตสฺมา อาห ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกเมน โหตี’’ติ. ยสฺมา ปน โทมนสฺสปจฺจเยหิ ทุกฺขธมฺเมหิ ปุฏฺํ ปุถุชฺชนํ โสกาทโย อภิภวนฺติ, ปริฺาเตสุ จ เตสุ เต น โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกโม ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคเมนา’’ติ. ายสฺสาติ อคฺคมคฺคสฺส ตติยมคฺคสฺส จ. ตทธิคเมน หิ ยถากฺกมํ ¶ ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคโม. สจฺฉิกิริยาภิสมยสหภาวีปิ อิตราภิสมโย ตทวินาภาวโต สจฺฉิกิริยาภิสมยเหตุโก วิย วุตฺโต ‘‘ายสฺสาธิคโม นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ. ผลาเณน วา ปจฺจกฺขกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ. สมฺปทานวจนฺเจตํ ทฏฺพฺพํ.
วณฺณภณนนฺติ ปสํสาวจนํ. ตยิทํ น อิเธว, อถ โข อฺตฺถาปิ สตฺถา อกาสิเยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยเถว หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถอาทิมฺหิ กลฺยาณํ, อาทิ วา กลฺยาณํ เอตสฺสาติ อาทิกลฺยาณํ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ. พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธปาริปูริโต อุปเนตพฺพสฺส อภาวา จ เกวลปริปุณฺณํ. นิรุปกฺกิเลสโต อปเนตพฺพสฺส อภาวา ¶ จ ปริสุทฺธํ. เสฏฺจริยภาวโต สาสน พฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ โว ปกาเสสฺสามีติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๗) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. อริยวํสาติ อริยานํ พุทฺธาทีนํ วํสา ปเวณิโย. อคฺคฺาติ ‘‘อคฺคา’’ติ ชานิตพฺพา สพฺพวํเสหิ เสฏฺภาวโต. รตฺตฺาติ ‘‘จิรรตฺตา’’ติ ชานิตพฺพา. วํสฺาติ ‘‘พุทฺธาทีนํ วํสา’’ติ ชานิตพฺพา. โปราณาติ ปุราตนา อนธุนาตนตฺตา. อสํกิณฺณาติ อวิกิณฺณา อนปนีตา. อสํกิณฺณปุพฺพาติ ‘‘กึ อิเมหี’’ติ อริเยหิ น อปนีตปุพฺพา. น สํกียนฺตีติ อิทานิปิ เตหิ น อปนียนฺติ. น สํกียิสฺสนฺตีติ อนาคเตปิ เตหิ น อปนียิสฺสนฺติ. อปฺปฏิกุฏฺา…เป… วิฺูหีติ เย โลเก วิฺู สมณพฺราหฺมณา, เตหิ อปจฺจกฺขตา อนินฺทิตา, อครหิตาติ อตฺโถ. วิสุทฺธิยาติอาทีหีติ วิสุทฺธิอาทิทีปเนหิ. ปเทหีติ วากฺเยหิ, วิสุทฺธิอตฺถตาทิเภทภินฺเนหิ วา ธมฺมโกฏฺาเสหิ.
อุปทฺทเวติ อนตฺเถ. วิสุทฺธินฺติ วิสุชฺฌนํ สํกิเลสปฺปหานํ. วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโห. ปริยาปุณนํ ปริจโย. อตฺถสฺส หทเย ปนํ ธารณํ. ปริวตฺตนํ วาจนํ. คนฺธารโกติ คนฺธารเทเส อุปฺปนฺโน. ปโหนฺตีติ สกฺโกนฺติ อนิยฺยานมคฺคาติ มิจฺฉามคฺคา, มิจฺฉตฺตนิยตานิยตมคฺคาปิ วา. สุวณฺณนฺติ กูฏสุวณฺณมฺปิ วุจฺจติ. ปณีติ กาจมณิปิ. มุตฺตาติ เวฬุชาปิ. ปวาฬนฺติ ปลฺลโวปิ วุจฺจตีติ รตฺตชมฺพุนทาทิปเทหิ เต วิเสสิตา.
น ตโต เหฏฺาติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๕.๓๖๗; ที. นิ. ฏี. ๒.๓๗๓) อิธาธิปฺเปตกายาทีนํ เวทนาทิสภาวตฺตาภาวา, กายเวทนาจิตฺตวิมุตฺตสฺส เตภูมกธมฺมสฺส วิสุํ วิปลฺลาสวตฺถนฺตรภาเวน คหิตตฺตา จ เหฏฺาคหเณสุ วิปลฺลาสวตฺถูนํ อนิฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปฺจมสฺส ¶ ปน วิปลฺลาสวตฺถุโน อภาวา ‘‘น อุทฺธ’’นฺติ อาห. อารมฺมณวิภาเคน เหตฺถ สติปฏฺานวิภาโคติ. ตโย สติปฏฺานาติ สติปฏฺานสทฺทสฺส อตฺถุทฺธารทสฺสนํ, น อิธ ปาฬิยํ วุตฺตสฺส สติปฏฺานสทฺทสฺส อตฺถทสฺสนนฺติ. อาทีสุ หิ สติโคจโรติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ‘‘ผสฺสสมุทยา เวทนานํ สมุทโย, นามรูปสมุทยา จิตฺตสฺส สมุทโย, มนสิการสมุทยา ธมฺมานํ สมุทโย’’ติ สติปฏฺานาติ วุตฺตานํ ¶ สติโคจรานํ ปกาสเก สุตฺตปเทเส สงฺคณฺหาติ. เอวํ ปฏิสมฺภิทาปาฬิยมฺปิ (ปฏิ. ม. ๓.๓๔) อวเสสปาฬิปฺปเทสทสฺสนตฺโถ อาทิ-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. สติยา ปฏฺานนฺติ สติยา ปติฏฺาตพฺพฏฺานํ. ทานาทีนิ สติยา กโรนฺตสฺส รูปาทีนิ กสิณาทีนิ จ สติยา านํ โหนฺตีติ ตํนิวารณตฺถมาห ‘‘ปธานํ าน’’นฺติ. ป-สทฺโท หิ อิธ ‘‘ปณีตา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๔ ติกมาติกา) วิย ปธานตฺถทีปโกติ อธิปฺปาโย.
อริโยติ อริยํ สพฺพสตฺตเสฏฺํ สมฺมาสมฺพุทฺธมาห. เอตฺถาติ เอตสฺมึ สฬายตนวิภงฺคสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๓๑๑). สุตฺเตกเทเสน หิ สุตฺตํ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ –
‘‘ตโย สติปฏฺานา ยทริโย…เป… มรหตีติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ. อิธ, ภิกฺขเว, สตฺถา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ อนุกมฺปโก หิเตสี อนุกมฺปํ อุปาทาย ‘‘อิทํ โว หิตาย อิทํ โว สุขายา’ติ. ตสฺส สาวกา น สุสฺสูสนฺติ, น โสตํ โอทหนฺติ, น อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺติ, โวกฺกมฺม จ สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ. ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฏิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ สโต สมฺปชาโน. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ สติปฏฺานํ, ยทริโย…เป… อรหติ.
ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สตฺถา…เป… อิทํ โว สุขายาติ. ตสฺส เอกจฺเจ สาวกา น สุสฺสูสนฺติ…เป… วตฺตนฺติ. เอกจฺเจ สาวกา สุสฺสูสนฺติ…เป… น จ โวกฺกมฺม สตฺถุสาสนา วตฺตนฺติ. ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต น เจว อนตฺตมโน โหติ, น จ อนตฺตมนตํ ปฏิสํเวเทติ, น เจว อตฺตมโน โหติ, น จ อตฺตมนตํ ปฏิสํเวเทติ. อนตฺตมนตฺจ อตฺตมนตฺจ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโต วิหรติ สโต สมฺปชาโน. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุติยํ สติปฏฺานํ…เป… อรหติ.
ปุน จปรํ…เป… สุขายาติ. ตสฺส สาวกา สุสฺสูสนฺติ…เป… วตฺตนฺติ. ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคโต อตฺตมโน เจว โหติ, อตฺตมนตฺจ ปฏิสํเวเทติ, อนวสฺสุโต จ วิหรติ ¶ สโต สมฺปชาโน ¶ . อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ตติยํ สติปฏฺานํ…เป… อรหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๑) –
เอวํ ปฏิฆานุนเยหิ อนวสฺสุตตา, นิจฺจํ อุปฏฺิตสฺสติตาย ตทุภยวีติวตฺตตา ‘‘สติปฏฺาน’’นฺติ วุตฺตา. พุทฺธานํเยว หิ นิจฺจํ อุปฏฺิตสฺสติตา โหติ อาเวณิกธมฺมภาวโต, น ปจฺเจกพุทฺธาทีนํ. ป-สทฺโท อารมฺภํ โชเตติ, อารมฺโภ จ ปวตฺตีติ กตฺวา อาห ‘‘ปวตฺตยิตพฺพโตติ อตฺโถ’’ติ. สติยา กรณภูตาย ปฏฺานํ ปฏฺเปตพฺพํ สติปฏฺานํ. อน-สทฺโท หิ พหุลวจเนน กมฺมตฺโถปิ โหตีติ.
ตถาสฺส กตฺตุอตฺโถปิ ลพฺภตีติ ‘‘ปติฏฺาตีติ ปฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ป-สทฺโท ภูสตฺถวิสิฏฺํ ปกฺขนฺธนํ ทีเปตีติ ‘‘โอกฺกนฺติตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺโถ’’ติ อาห. ปุน ภาวตฺถํ สติ-สทฺทํ ปฏฺาน-สทฺทฺจ วณฺเณนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. เตน ปุริมวิกปฺเป สติ-สทฺโท ปฏฺาน-สทฺโท จ กตฺถุอตฺโถติ วิฺายติ. สรณฏฺเนาติ จิรกตสฺส จิรภาสิตสฺส จ อนุสฺสรณฏฺเน. อิทนฺติ ยํ ‘‘สติเยว สติปฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ, อิทํ อิธ อิมสฺมึ สุตฺตปเทเส อธิปฺเปตํ.
ยทิ เอวนฺติ ยทิ สติ เอว สติปฏฺานํ, สติ นาม เอโก ธมฺโม, เอวํ สนฺเต กสฺมา ‘‘สติปฏฺานา’’ติ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘สติพหุตฺตา’’ติอาทิ. ยทิ พหุกา เอตา สติโย, อถ กสฺมา ‘‘มคฺโค’’ติ เอกวจนนฺติ โยชนา. มคฺคฏฺเนาติ นิยฺยานฏฺเน. นิยฺยานิโก หิ มคฺคธมฺโม, เตเนว นิยฺยานิกภาเวน เอกตฺตุปคโต เอกนฺตโต นิพฺพานํ คจฺฉติ, อตฺถิเกหิ จ ตทตฺถํ มคฺคียตีติ อตฺตนาว ปุพฺเพ วุตฺตํ ปจฺจาหรติ ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติ. ตตฺถ จตสฺโสปิ เจตาติ กายานุปสฺสนาทิวเสน จตุพฺพิธาปิ จ เอตา สติโย. อปรภาเคติ อริยมคฺคกฺขเณ. กิจฺจํ สาธยมานาติ ปุพฺพภาเค กายาทีสุ อารมฺมเณสุ สุภสฺาทิวิธมเนน วิสุํ วิสุํ ปวตฺติตฺวา มคฺคกฺขเณ สกึเยว ตตฺถ จตุพฺพิธสฺสปิ วิปลฺลาสสฺส สมุจฺเฉทวเสน ปหานกิจฺจํ สาธยมานา อารมฺมณกรณวเสน นิพฺพานํ คจฺฉนฺติ. จตุพฺพิธกิจฺจสาธเนเนว เหตฺถ พหุวจนนิทฺเทโส. เอวฺจ สตีติ มคฺคฏฺเน เอกตฺตํ อุปาทาย ‘‘มคฺโค’’ติ เอกวจเนน อารมฺมณเภเทน ¶ จตุพฺพิธตํ อุปาทาย ‘‘จตฺตาโร’’ติ จ วตฺตพฺพตาย สติวิชฺชมานตฺตา. วจนานุสนฺธินา ‘‘เอกายโน อย’’นฺติอาทิกา เทสนา สานุสนฺธิกาว, น อนนุสนฺธิกาติ อธิปฺปาโย. วุตฺตเมวตฺถํ นิทสฺสเนน ปฏิปาเทตุํ ‘‘มารเสนปฺปมทฺทน’’นฺติ สุตฺตปทํ (สํ. นิ. ๕.๒๒๔) อาเนตฺวา ¶ ‘‘ยถา’’ติอาทินา นิทสฺสนํ สํสนฺเทติ. ตสฺมาติอาทิ นิคมนํ.
วิเสสโต กาโย จ เวทนา จ อสฺสาทสฺสการณนฺติ ตปฺปหานตฺถํ เตสุ ตณฺหาวตฺถูสุ โอฬาริกสุขุเมสุ อสุภทุกฺขภาวทสฺสนานิ มนฺทติกฺขปฺเหิ ตณฺหาจริเตหิ สุกรานีติ ตานิ เตสํ ‘‘วิสุทฺธิมคฺโค’’ติ วุตฺตานิ ตถา ‘‘นิจฺจํ อตฺตา’’ติ อภินิเวสวตฺถุตาย ทิฏฺิยา วิเสสการเณสุ จิตฺตธมฺเมสุ อนิจฺจานตฺตตาทสฺสนานิ สราคาทิวเสน สฺาผสฺสาทิวเสน นีวรณาทิวเสน จ นาติปฺปเภทอติปฺปเภทคเตสุ เตสุ ตปฺปหานตฺถํ มนฺทติกฺขปฺานํ ทิฏฺิจริตานํ สุกรานีติ เตสํ ตานิ ‘‘วิสุทฺธิมคฺโค’’ติ วุตฺตานิ. เอตฺถ จ ยถา จิตฺตธมฺมานมฺปิ ตณฺหาย วตฺถุภาโว สมฺภวติ, ตถา กายเวทนานมฺปิ ทิฏฺิยาติ สติปิ เนสํ จตุนฺนมฺปิ ตณฺหาทิฏฺิยา วตฺถุภาเว โย ยสฺส สาติสยปจฺจโย, ตํทสฺสนตฺถํ วิเสสคฺคหณํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ติกฺขปฺสมถยานิโก โอฬาริการมฺมณํ ปริคฺคณฺหนฺโต ตตฺถ อฏฺตฺวา ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย เวทนํ ปริคฺคณฺหาตีติ วุตฺตํ. ‘‘โอฬาริการมฺมเณ อสณฺหนโต’’ติ. วิปสฺสนายานิกสฺส ปน สุขุเม จิตฺเต ธมฺเมสุ จ จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ จิตฺตธมฺมานุปสฺสนานํ มนฺทติกฺขปฺาวิปสฺสนายานิกานํ วิสุทฺธิมคฺคตา วุตฺตา.
เตสํ ตตฺถาติ เอตฺถ ตตฺถ-สทฺทสฺส ‘‘ปหานตฺถ’’นฺติ เอเตน โยชนา. ปรโต เตสํ ตตฺถาติ เอตฺถาปิ เอเสวนโย. ปฺจ กามคุณา สวิเสสา กาเย ลพฺภนฺตีติ วิเสเสน กาโย กาโมฆสฺส วตฺถุ, ภเวสุ สุขคฺคหณวเสน ภวสฺสาโท โหติ ภโวฆสฺส เวทนา วตฺถุ, สนฺตติฆนคหณวเสน วิเสสโต จิตฺเต อตฺตาภินิเวโส โหตีติ ทิฏฺโฆสฺส จิตฺตํ วตฺถุ, ธมฺเมสุ วินิพฺโภคสฺส ทุกฺกรตฺตา ธมฺมานํ ธมฺมมตฺตตาย ทุปฺปฏิวิชฺฌตฺตา สมฺโมโห โหตีติ อวิชฺโชฆสฺส ธมฺมา วตฺถุ, ตสฺมา เตสํ ปหานตฺถํ จตฺตาโรว วุตฺตา.
ยทคฺเคน ¶ จ กาโย กาโมฆสฺส วตฺถุ, ตทคฺเคน อภิชฺฌากายคนฺถสฺส วตฺถุ, ทุกฺขาย เวทนาย ปฏิฆานุสโย อนุเสตีติ ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขภูตา เวทนา วิเสเสน พฺยาปาทกายคนฺถสฺส วตฺถุ, จิตฺเต นิจฺจคฺคหณวเสน สสฺสตสฺส อตฺตโน สีเลน สุทฺธีติอาทิ ปรามสนํ โหตีติ สีลพฺพตปรามาสสฺส จิตฺตํ วตฺถุ, นามรูปปริจฺเฉเทน ภูตํ ภูตโต อปสฺสนฺตสฺส ภววิภวทิฏฺิสงฺขาโต อิทํสจฺจาภินิเวโส โหตีติ ตสฺส ธมฺมา วตฺถุ, สุขเวทนาสฺสาทวเสน ปรโลกนิรเปกฺโข ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกํ ปรามาสํ อุปฺปาเทตีติ ทิฏฺุปาทานสฺส เวทนา วตฺถุ สนฺตติฆนคหณวเสน สราคาทิจิตฺเต สมฺโมโห โหตีติ โมหาคติยา จิตฺตํ ¶ วตฺถุ, ธมฺมสภาวานวโพเธน ภยํ โหตีติ ภยาคติยา ธมฺมา วตฺถุ. เย ปเนตฺถ อวุตฺตา, เตสํ วุตฺตนเยน วตฺถุภาโว โยเชตพฺโพ. ตถา หิ โอเฆสุ วุตฺตนยา เอว โยคาสเวสุปิ โยชนา อตฺถโต อภินฺนตฺตา. ตถา ปโมฆตติยจตุตฺถคนฺถโยชนาย วุตฺตนยา เอว กายจิตฺตธมฺมานํ อิตรูปาทานวตฺถุตา โยชนา, ตถา กาโมฆพฺยาปาทกายคนฺถโยชนาย วุตฺตนยา เอว กายเวทนานํ ฉนฺทโทสาคติ วตฺถุตา โยชนา วา.
‘‘อาหารสมุทยา กายสมุทโย, ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโย, (สํ. นิ. ๕.๔๐๘) สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑; วิภ. ๒๒๕) วจนโต กายาทีนํ สมุทยภูตา กพฬีการาหารผสฺสมโนสฺเจตนาวิฺาณาหารา กายาทิปริชานเนน ปริฺาตา โหนฺตีติ อาห ‘‘จตุพฺพิธาหารปริฺตฺถ’’นฺติ ปกรณนโยติ เนตฺติปกรณวเสน สุตฺตนฺตสํวณฺณนานโย.
สรณวเสนาติ กายาทีนํ กุสลาทิธมฺมานฺจ อุปธารณวเสน. สรนฺติ คจฺฉนฺติ นิพฺพานํ เอตายาติ สตีติ อิมสฺมึ อตฺเถ เอกตฺเต เอกสภาเว นิพฺพาเน สโมสรณํ สมาคโม เอกตฺตสโมสรณํ. เอตเทว หิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกนิพฺพานปเวสเหตุภูตา วา สมานตา เอโก สติปฏฺานสฺส ภาโว เอกตฺตํ, ตตฺถ สโมสรณํ ¶ ตํสภาคตา เอกตฺตสโมสรณํ. เอกนิพฺพานปเวสเหตุภาวํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. เอตสฺมึ อตฺเถ สรเณกตฺตสโมสรณานิ สเหว สติปฏฺาเนกภาวสฺส การณตฺเถน วุตฺตานีติ ทฏฺพฺพานิ, ปุริมสฺมึ วิสุํ. สรณวเสนาติ วา ‘‘คมนวเสนา’’ติ อตฺเถ สติ ตเทว คมนํ สโมสรณนฺติ, สโมสรเณ วา สติสทฺทตฺถวเสน อวุจฺจมาเน ธารณตาว สตีติ สติสทฺทตฺถนฺตราภาวา ปุริมํ สติภาวสฺส การณํ, ปจฺฉิมํ เอกภาวสฺสาติ นิพฺพานสโมสรเณปิ สหิตาเนว ตานิ สติปฏฺาเนกภาวสฺส การณานิ วุตฺตานิ โหนฺติ. จุทฺทสวิเธน, นววิเธน, โสฬสวิเธน, ปฺจวิเธนาติ อิทํ อุปริ ปาฬิยํ (ม. นิ. ๑.๑๐๗) อาคตานํ อานาปานปพฺพาทีนํ วเสน วุตฺตํ, เตสํ ปน อนฺตรเภทวเสน ตทนุคตเภทวเสน จ ภาวนาย อเนกวิธตา ลพฺภติเยว. จตูสุ ทิสาสุ อุฏฺานกภณฺฑสทิสตา กายานุปสฺสนาทิตํตํสติปฏฺานภาวนานุภาวสฺส ทฏฺพฺพา.
‘‘โคจเร, ภิกฺขเว, จรถ สเก เปตฺติเก วิสเย’’ติอาทิวจนโต (ที. นิ. ๓.๘๐; สํ. นิ. ๕.๓๗๒) ภิกฺขุโคจรา เอเต ธมฺมา, ยทิทํ กายานุปสฺสนาทโย. ตตฺถ ยสฺมา กายานุปสฺสนาทิปฏิปตฺติยา ภิกฺขุ โหติ, ตสฺมา ‘‘กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติอาทินา ภิกฺขุํ ทสฺเสติ, ภิกฺขุมฺหิ ตํ นิยมโตติ อาห ‘‘ปฏิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนโต’’ติ. สตฺถุ จริยานุวิธายกตฺตา ¶ สกลสาสนสมฺปฏิคฺคาหกตฺตา จ สพฺพปฺปการาย อนุสาสนิยา ภาชนภาโว.
สมํ จเรยฺยาติ กายาทิวิสมจริยํ ปหาย กายาทีหิ สมํ จเรยฺย. ราคาทิวูปสเมน สนฺโต. อินฺทฺริยทเมน ทนฺโต. จตุมคฺคนิยาเมน นิยโต. เสฏฺจริตาย พฺรหฺมจารี. กายทณฺฑาทิโอโรปเนน นิธาย ทณฺฑํ. อริยภาเว ิโต โส เอวรูโป พาหิตปาปสมิตปาปภินฺนกิเลสตาหิ พฺราหฺมโณ สมโณ ภิกฺขูติ เวทิตพฺโพ.
‘‘อยฺเจว กาโย พหิทฺโธ จ นามรูป’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ฏี. ๒.๓๗๓) ขนฺธปฺจกํ, ‘‘สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗; ปารา. ๑๑) นามกาโย กาโยติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘กาเยติ รูปกาเย’’ติ อาห.
อสมฺมิสฺสโตติ ¶ ‘‘เวทนาทโยปิ เอตฺถ สิตา เอตฺถ ปฏิพทฺธา’’ติ กาเย เวทนาทิอนุปสฺสนาปสงฺเคปิ อาปนฺเน ตโต อสมฺมิสฺสโตติ อตฺโถ. สมูหวิสยตาย จสฺส กาย-สทฺทสฺส สมุทายุปาทานตาย จ อสุภาการสฺส ‘‘กาเย’’ติ เอกวจนํ, ตถา อารมฺมณาทิวิภาเคน อเนกเภทภินฺนมฺปิ จิตฺตํ จิตฺตภาวสามฺเน เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘จิตฺเต’’ติ เอกวจนํ, เวทนา ปน สุขาทิเภทภินฺนา วิสุํ วิสุํ อนุปสฺสิตพฺพาติ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เวทนาสู’’ติ พหุวจเนน วุตฺตา, ตเถว จ นิทฺเทโส ปวตฺติโต, ธมฺมา จ ปโรปณฺณาสเภทา อนุปสฺสิตพฺพากาเรน จ อเนกเภทา เอวาติ เตปิ พหุวจนวเสเนว วุตฺตา. อวยวีคาห-สมฺาติธาวน-สาราทานาภินิเวสนิเสธนตฺถํ กายํ องฺคปจฺจงฺเคหิ, ตานิ จ เกสาทีหิ, เกสาทิเก จ ภูตุปาทายรูเปหิ วินิพฺภุชฺชนฺโต ‘‘ตถา น กาเย’’ติอาทิมาห. ปาสาทาทินคราวยวสมูเห อวยวีวาทิโนปิ อวยวีคาหํ น กโรนฺติ, นครํ นาม โกจิ อตฺโถ อตฺถีติ ปน เกสฺจิ สมฺาติธาวนํ สิยาติ อิตฺถิปุริสาทิสมฺาติธาวเน นครนิทสฺสนํ วุตฺตํ. องฺคปจฺจงฺคสมูโห, เกสโลมาทิสมูโห ภูตุปาทายสมูโห จ ยถาวุตฺตสมูเห ตพฺพินิมุตฺโต กาโยปิ นาม โกจิ นตฺถิ, ปเคว อิตฺถิอาทโยติ อาห ‘‘กาโย วา…เป… ทิสฺสตี’’ติ. โกจิ ธมฺโมติ อิมินา สตฺตชีวาทึ ปฏิกฺขิปติ, อวยวี ปน กายปฏิกฺเขเปเนว ปฏิกฺขิตฺโตติ. ยทิ เอวํ กถํ กายาทิสฺาภิธานานีติอาห ‘‘ยถาวุตฺต…เป… กโรนฺตี’’ติ.
ยํ ปสฺสติ อิตฺถึ ปุริสํ วา. นนุ จกฺขุนา อิตฺถิปุริสทสฺสนํ นตฺถีติ? สจฺจเมตํ, ‘‘อิตฺถึ ¶ ปสฺสามิ, ปุริสํ ปสฺสามี’’ติ ปน ปวตฺตสฺาย วเสน ‘‘ยํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. มิจฺฉาทสฺสเนน วา ทิฏฺิยา ยํ ปสฺสติ, น ตํ ทิฏฺํ, ตํ รูปายตนํ น โหตีติ อตฺโถ วิปรีตคฺคาหวเสน มิจฺฉาปริกปฺปิตรูปตฺตา. อถ วา ตํ เกสาทิภูตุปาทายสมูหสงฺขาตํ ทิฏฺํ น โหติ อจกฺขุวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา, ทิฏฺํ วา ตํ น โหติ. ยํ ทิฏฺํ ตํ น ปสฺสตีติ ยํ รูปายตนํ เกสาทิภูตุปาทายสมูหสงฺขาตํ ทิฏฺํ, ตํ ปฺาจกฺขุนา ภูตโต น ปสฺสตีติ อตฺโถ. อปสฺสํ พชฺฌเตติ อิมํ อตฺตภาวํ ยถาภูตํ ปฺาจกฺขุนา อปสฺสนฺโต ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺโต’’ติ กิเลสพนฺธเนน พชฺฌติ.
น ¶ อฺธมฺมานุปสฺสีติ น อฺสภาวานุปสฺสี, อสุภาทิโต อฺาการานุปสฺสี น โหตีติ อตฺโถ. กึ วุตฺตํ โหตีติอาทินา ตเมวตฺถํ ปากฏํ กโรติ. ปถวีกายนฺติ เกสาทิโกฏฺาสปถวึ ธมฺมสมูหตฺตา ‘‘กาโย’’ติ วทติ, ลกฺขณปถวิเมว วา อเนกปฺปเภทํ สกลสรีรคตํ ปุพฺพาปริยภาเวน จ ปวตฺตมานํ สมูหวเสน คเหตฺวา ‘‘กาโย’’ติ วทติ. อาโปกายนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
เอวํ คเหตพฺพสฺสาติ ‘‘อหํ มม’’นฺติ เอวํ อตฺตตฺตนิยภาเวน อนฺธพาเลหิ คเหตพฺพสฺส. อิทานิ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนาการานมฺปิ วเสน กายานุปสฺสนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อนิจฺจโต อนุปสฺสตีติ จตุสมุฏฺานิกกายํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ อนุปสฺสติ, เอวํ ปสฺสนฺโต เอวํ จสฺส อนิจฺจาการมฺปิ อนุปสฺสตีติ วุจฺจติ. ตถาภูตสฺส จสฺส นิจฺจคฺคาหสฺส เลโสปิ น โหตีติ วุตฺตํ ‘‘โน นิจฺจโต’’ติ ตถาเหส ‘‘นิจฺจสฺํ ปชหตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๕) วุตฺโต. เอตฺถ จ ‘‘อนิจฺจโต เอว อนุปสฺสตี’’ติ เอว-กาโร ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ เตน นิวตฺติตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โน นิจฺจโต’’ติ วุตฺตํ. น เจตฺถ ทุกฺขโต อนุปสฺสนาทินิวตฺตนมาสงฺกิตพฺพํ ปฏิโยคีนิวตฺตนปรตฺตา เอว-การสฺส, อุปริเทสนารุฬฺหตฺตา จ ตาสํ.
ทุกฺขโต อนุปสฺสตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปน วิเสโส – อนิจฺจสฺส ทุกฺขตฺตา ตเมว กายํ ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, ทุกฺขสฺส อนตฺตตฺตา อนตฺตโต อนุปสฺสติ. ยสฺมา ปน ยํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, ตํ อนภินนฺทิตพฺพํ, น ตตฺถ รชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นิพฺพินฺทติ โน นนฺทติ, วิรชฺชติ โน รชฺชตี’’ติ. โส เอวํ อรชฺชนฺโต ราคํ นิโรเธติ โน สมุเทติ, สมุทยํ น กโรตีติ อตฺโถ. เอวํ ปฏิปนฺโน จ ปฏินิสฺสชฺชติ โน อาทิยติ. อยฺหิ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนา ตทงฺควเสน สทฺธึ กายตนฺนิสฺสยขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลสานํ ¶ ปริจฺจชนโต, สงฺขตโทสทสฺสเนน ตพฺพิปรีเต นิพฺพาเน ตนฺนินฺนตาย ปกฺขนฺทนโต ‘‘ปริจฺจาคปฏินิสฺสคฺโค เจว ปกฺขนฺทนปฏินิสฺสคฺโค จา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ตาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ วุตฺตนเยน กิเลเส จ ปริจฺจชติ, นิพฺพาเน จ ปกฺขนฺทติ ¶ , ตถาภูโต จ นิพฺพตฺตนวเสน กิเลเส น อาทิยติ, นาปิ อโทสทสฺสิตาวเสน สงฺขตารมฺมณํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปฏินิสฺสชฺชติ โน อาทิยตี’’ติ. อิทานิสฺส ตาหิ อนุปสฺสนาหิ เยสํ ธมฺมานํ ปหานํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส ตํ อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหตี’’ติ. ตตฺถ นิจฺจสฺนฺติ ‘‘สงฺขารา นิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวิปรีตสฺํ. ทิฏฺิจิตฺตวิปลฺลาสปหานมุเขเนว สฺาวิปลฺลาสปฺปหานนฺติ สฺาคหณํ, สฺาสีเสน วา เตสมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํ. เสสํ วุตฺตนเยเมว.
วิหรตีติ อิมินา กายานุปสฺสนาสมงฺคิโน อิริยาปถวิหาโร วุตฺโตติ อาห ‘‘อิริยตี’’ติ อิริยาปถํ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. อารมฺมณกรณวเสน อภิพฺยาปนโต ‘‘ตีสุ ภเวสู’’ติ วุตฺตํ, อุปฺปชฺชนวเสน ปน กิเลสา ปริตฺตภูมกา เอวาติ. ยทิปิ กิเลสานํ ปหานํ อาตาปนนฺติ ตํ สมฺมาทิฏฺิอาทีนมฺปิ อตฺเถว, อาตาป-สทฺโท ปน วีริเยเยว นิรุฬฺโหติ วุตฺตํ ‘‘วีริยสฺเสตํ นาม’’นฺติ. อถ วา ปฏิปกฺขปหาเน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อพฺภุสฺสหนวเสน ปวตฺตมานสฺส วีริยสฺส สาติสยํ ตทาตาปนนฺติ วีริยเมว ตถา วุจฺจติ, น อฺเ ธมฺมา. อาตาปีติ จายมีกาโร ปสํสาย, อติสยสฺส วา ทีปโกติ อาตาปีคหเณน สมฺมปฺปธานสมงฺคิตํ ทสฺเสติ. สมฺมา, สมนฺตโต, สามฺจ ปชานนฺโต สมฺปชาโน, อสมฺมิสฺสโต ววตฺถาเน อฺธมฺมานุปสฺสิตาภาเวน สมฺมา อวิปรีตํ, สพฺพาการปชานเนน สมนฺตโต, อุปรูปริ วิเสสาวหภาเวน ปวตฺติยา สยํ ปชานนฺโตติ อตฺโถ. ยทิ ปฺาย อนุปสฺสติ, กถํ สติปฏฺานตาติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. สพฺพตฺถิกนฺติ สพฺพตฺถ ภวํ สพฺพตฺถ ลีเน อุทฺธเต จ จิตฺเต อิจฺฉิตพฺพตฺตา, สพฺเพ วา ลีเน อุทฺธเต จ ภาเวตพฺพา โพชฺฌงฺคา อตฺถิกา เอตายาติ สพฺพตฺถิกา. สติยา ลทฺธูปการาย เอว ปฺาย เอตฺถ ยถาวุตฺเต กาเย กมฺมฏฺานิโก ภิกฺขุ กายานุปสฺสี วิหรติ. อนฺโตสงฺเขโป อนฺโต โอลียโน, โกสชฺชนฺติ อตฺโถ. อุปายปริคฺคเหติ เอตฺถ สีลวิโสธนาทิ คณนาทิ อุคฺคหโกสลฺลาทิ จ อุปาโย, ตพฺพิปริยายโต อนุปาโย เวทิตพฺโพ. ยสฺมา จ อุปฏฺิตสฺสติ ยถาวุตฺตอุปายํ น ปริจฺจชติ, อนุปายฺจ น อุปาทิยติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มุฏฺสฺสติ…เป… อสมตฺโถ ¶ โหตี’’ติ. เตนาติ อุปายานุปายานํ ปริคฺคหปริวชฺชเนสุ อปริจฺจาคาปริคฺคเหสุ จ อสมตฺถภาเวน อสฺส โยคิโน.
ยสฺมา ¶ สติเยเวตฺถ สติปฏฺานํ วุตฺตา, ตสฺมาสฺส สมฺปยุตฺตา ธมฺมา วีริยาทโย องฺคนฺติ อาห ‘‘สมฺปโยคงฺคฺจสฺส ทสฺเสตฺวา’’ติ. องฺค-สทฺโท เจตฺถ การณปริยาโย ทฏฺพฺโพ, สติคฺคหเณเนว เจตฺถ สมาธิสฺสติ คหณํ ทฏฺพฺพํ ตสฺสา สมาธิกฺขนฺเธ สงฺคหิตตฺตา. ยสฺมา วา สติสีเสนายํ เทสนา. น หิ เกวลาย สติยา กิเลสปฺปหานํ โหติ, นิพฺพานาธิคโม วา, น จ เกวลา สติ ปวตฺตติ, ตสฺมาสฺส ฌานเทสนายํ สวิตกฺกาทิวจนสฺส วิย สมฺปโยคงฺคทสฺสนตาติ องฺค-สทฺทสฺส อวยวปริยายตา ทฏฺพฺพา. ปหานงฺคนฺติ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๖; ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓; ปารา. ๑๑) วิย ปหาตพฺพงฺคํ ทสฺเสตุํ. ยสฺมา เอตฺถ โลกิยมคฺโค อธิปฺเปโต, น โลกุตฺตรมคฺโค, ตสฺมา ปุพฺพภาคิยเมว วินยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา’’ติ อาห. เตสํ ธมฺมานนฺติ เวทนาทิธมฺมานํ. เตสฺหิ ตตฺถ อนธิปฺเปตตฺตา ‘‘อตฺถุทฺธารนเยเนตํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
อวิเสเสน ทฺวีหิปิ นีวรณปฺปหานํ วุตฺตนฺติ กตฺวา ปุน เอเกเกน วุตฺตํ ปหานวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิเสเสนา’’ติ อาห. อถ วา ‘‘วิเนยฺย นีวรณานี’’ติ อวตฺวา อภิชฺฌาโทมนสฺสวจนสฺส ปโยชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิเสเสนา’’ติอาทิมาห. กายานุปสฺสนาภาวนาย หิ อุชุวิปจฺจนีกานํ อนุโรธาทีนํ ปหานํ ทสฺสนํ เอตสฺส ปโยชนนฺติ. กายสมฺปตฺติมูลกสฺสาติ รูป-พล-โยพฺพนาโรคฺยาทิ-สรีรสมฺปทา-นิมิตฺตสฺส. วุตฺตวิปริยายโต กายวิปตฺติมูลโก วิโรโธ เวทิตพฺโพ. กายภาวนายาติ กายานุปสฺสนาภาวนาย. สา หิ อิธ ‘‘กายภาวนา’’ติ อธิปฺเปตา. เตนาติ อนุโรธาทิปฺปหานวจเนน. โยคานุภาโว หีติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏกรณํ.
สติสมฺปชฺเนาติ อติสมฺปชฺคฺคหเณน. สพฺพตฺถิกกมฺมฏฺานนฺติ พุทฺธานุสฺสติ เมตฺตา มรณสฺสติ อสุภภาวนา จ. อิทฺหิ จตุกฺกํ โยคินา ปริหริยมานํ ‘‘สพฺพตฺถิกกมฺมฏฺาน’’นฺติ วุจฺจติ อติสมฺปชฺพเลน อวิจฺฉินฺนสฺส ตสฺส ปริหริตพฺพตฺตา, สติยา วา สมโถ วุตฺโต ตสฺสา สมาทฺธิกฺขนฺเธน สงฺคหิตตฺตา.
เตนาติ ¶ สทฺทตฺถํ อนาทิยิตฺวา ภาวตฺถสฺเสว วิภชนวเสน ปวตฺเตน วิภงฺคปาเน สห. อฏฺกถานโยติ สทฺทตฺถสฺสปิ วิวรณวเสน ยถารหํ วุตฺโต อตฺถสํวณฺณนานโย. ยถา สํสนฺทตีติ ยถา อตฺถโต อธิปฺปายโต จ อวิโลเมนฺโต อฺทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติ, เอวํ เวทิตพฺโพ.
เวทนาทีนํ ¶ ปุน วจเนติ เอตฺถ นิสฺสยปจฺจยภาววเสน จิตฺตธมฺมานํ เวทนาสนฺนิสฺสิตตฺตา ปฺจโวการภเว อรูปธมฺมานํ รูปปฏิพทฺธวุตฺติโต จ เวทนาย กายาทิอนุปสฺสนาปสงฺเคปิ อาปนฺเน ตทสมฺมิสฺสโต ววตฺถานทสฺสนตฺถํ ฆนวินิพฺโภคาทิทสฺสนตฺถฺจ ทุติยเวทนาคหณํ. เตน น เวทนายํ กายานุปสฺสี, จิตฺตธมฺมานุปสฺสี วา, อถ โข เวทนานุปสฺสีเยวาติ เวทนาสงฺขาเต วตฺถุสฺมึ เวทนานุปสฺสนาการสฺเสว ทสฺสเนน อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติ. ตถา ‘‘ยสฺมึ สมเย สุขา เวทนา, น ตสฺมึ สมเย ทุกฺขา อทุกฺขมสุขา วา เวทนา. ยสฺมึ วา ปน สมเย ทุกฺขา อทุกฺขมสุขา วา เวทนา, น ตสฺมึ สมเย อิตรา เวทนา’’ติ เวทนาภาวสามฺเ อฏฺตฺวา ตํ ตํ เวทนํ วินิพฺภุชิตฺวา ทสฺสเนน ฆนวินิพฺโภโค ธุวภาววิเวโก ทสฺสิโต โหติ. เตน ตาสํ ขณมตฺตาวฏฺานทสฺสเนน อนิจฺจตาย ตโต เอว ทุกฺขตาย อนตฺตตาย จ ทสฺสนํ วิภาวิตํ โหติ. ฆนวินิพฺโภคาทีติ อาทิ-สทฺเทน อยมฺปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยฺหิ เวทนายํ เวทนานุปสฺสีเยว, น อฺธมฺมานุปสฺสี. กึ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม พาโล อมณิสภาเวปิ อุทกพุพฺพุฬเก มณิอาการานุปสฺสี โหติ, น เอวมยํ ิติรมณีเยปิ เวทยิเต, ปเคว อิตรสฺมึ มนฺุาการานุปสฺสี, อถ โข ขณภงฺคุรตาย อวสวตฺติตาย กิเลสาสุจิปคฺฆรณตาย จ อนิจฺจอนตฺตอสุภาการานุปสฺสี, วิปริณามทุกฺขตาย สงฺขารทุกฺขตาย จ วิเสสโต ทุกฺขานุปสฺสีเยวาติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ จิตฺตธมฺเมสุปิ ยถารหํ ปุน วจเน ปโยชนํ วตฺตพฺพํ. ‘‘เกวลํ ปนิธา’’ติอาทินา อิธ ‘เอตฺตกํ เวทิตพฺพ’’นฺติ เวทิตพฺพปริจฺเฉทํ ทสฺเสติ. เอส นโยติ อิมินา ยถา จิตฺตํ ธมฺมา จ อนุปสฺสิตพฺพา, ตถา ตานิ อนุปสฺสนฺโต ‘‘จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี, ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี’’ติ เวทิตพฺโพติ อิมมตฺถํ อติทิสติ.
โย ¶ สุขํ ทุกฺขโต อทฺทาติ โย ภิกฺขุ สุขเวทนํ วิปริณามทุกฺขตาย ‘‘ทุกฺข’’นฺติ ปฺาจกฺขุนา อทฺทกฺขิ. ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโตติ ทุกฺขเวทนํ ปีฬาชนนโต อนฺโตตุทนโต ทุนฺนีหรณโต จ สลฺลนฺติ อทฺทกฺขิ ปสฺสิ. อทุกฺขมสุขนฺติ อุเปกฺขาเวทนํ. สนฺตนฺติ สุขทุกฺขานิ วิย อโนฬาริกตาย ปจฺจยวเสน วูปสนฺตสภาวตาย จ สนฺตํ. อนิจฺจโตติ หุตฺวา อภาวโต อุทยพฺพยวนฺตโต ตาวกาลิกโตนิจฺจปฏิกฺเขปโต จ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ โย อทฺทกฺขิ. ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขุ เอกํเสน ปริพฺยตฺตํ วา เวทนาย สมฺมา ปสฺสนโกติ อตฺโถ.
ทุกฺขาติปีติ สงฺขารทุกฺขตาย ทุกฺขา อิติปิ. สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ สพฺพํ ตํ เวทยิตํ ทุกฺขสฺมึ อนฺโตคธํ ปริยาปนฺนํ วทามิ สงฺขารทุกฺขตานติวตฺตนโต. สุขทุกฺขโตปิ จาติ ¶ สุขาทีนํ ิติวิปริณามฺาณสุขตาย วิปริณามิติอฺาณทุกฺขตาย จ วุตฺตตฺตา ติสฺโสปิ สุขโต, ติสฺโสปิ จ ทุกฺขโต อนุปสฺสิตพฺพาติ อตฺโถ. รูปาทิ-อารมฺมณฉนฺทาทิ-อธิปติ-าณาทิ-สหชาต- กามาวจราทิ-ภูมินานตฺตเภทานํ กุสลากุสล-ตํวิปากกิริยา-นานตฺตาทิเภทานฺจ, อาทิ-สทฺเทน สงฺขาริกาสงฺขาริกส-วตฺถุกาวตฺถุกาทิ-นานตฺตเภทานฺจ วเสนาติ โยเชตพฺพํ. สฺุตธมฺมสฺสาติ ‘‘ธมฺมา โหนฺตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๒๑) สฺุตวาเร อาคตสฺุตสภาวสฺส วเสน. ‘‘กามฺเจตฺถา’’ติอาทินา ปุพฺเพ ปหีนตฺตา ปุน ปหานํ น วตฺตพฺพนฺติ โจทนํ ทสฺเสติ, มคฺคจิตฺตกฺขเณ วา เอกตฺถ ปหีนํ สพฺพตฺถ ปหีนเมว โหตีติ วิสุํ วิสุํ น วตฺตพฺพนฺติ. ตตฺถ ปุริมาย โจทนาย นานาปุคฺคลปริหาโร, ปจฺฉิมาย นานาจิตฺตกฺขณิกปริหาโร. โลกิยภาวนาย หิ กาเย ปหีนํ น เวทนาทีสุ ปหีนํ โหติ ยทิปิ น ปวตฺเตยฺย, น ปฏิปกฺขภาวนาย ตตฺถ สา อภิชฺฌาโทมนสฺสสฺส อปฺปวตฺติ โหตีติ ปุน ตปฺปหานํ วตฺตพฺพเมวาติ. เอกตฺถ ปหีนํ เสเสสุปิ ปหีนํ โหตีติ มคฺคสติปฏฺานภาวนํ, โลกิยภาวนาย วา สพฺพตฺถ อปฺปวตฺติมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ปฺจปิ ขนฺธา โลโก’’ติ หิ วิภงฺเค (วิภ. ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๖, ๓๗๓) จตูสุปิ าเนสุ วุตฺตนฺติ.
อุทฺเทสวารวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
กายานุปสฺสนาวณฺณนา
อานาปานปพฺพวณฺณนา
๑๐๗. พาหิรเกสุปิ ¶ อิโต เอกเทสสฺส สมฺภวโต สพฺพปฺปการคฺคหณํ กตํ ‘‘สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตกสฺสา’’ติ. เตน เย อิเม อานาปานปพฺพาทิวเสน อาคตา จุทฺทสปฺปการา, ตทนฺโตคธา จ อชฺฌตฺตาทิอนุปสฺสนา ปการา, ตถา กายคตาสติสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๕๔) วุตฺตา เกสาทิวณฺณสณฺานกสิณารมฺมณจตุกฺกชฺฌานปฺปการา, โลกิยาทิปฺปการา จ, เต สพฺเพปิ อนวเสสโต สงฺคณฺหาติ. อิเม จ ปการา อิมสฺมึเยว สาสเน, น อิโต พหิทฺธาติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพปฺปการ…เป… ปฏิเสธโน จา’’ติ. ตตฺถ ตถาภาวปฏิเสธโนติ สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตกสฺส ปุคฺคลสฺส อฺสาสนสฺส นิสฺสยภาวปฏิเสธโน. เอเตน ‘‘อิธ, ภิกฺขเว’’ติ เอตฺถ อิธ-สทฺโท อนฺโตคธเอวสทฺทตฺโถติ ทสฺเสติ ¶ . สนฺติ หิ เอกปทานิปิ สาวธารณานิ ยถา ‘‘วายุภกฺโข’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๓๗๔). เตนาห ‘‘อิเธว สมโณ’’ติอาทิ. ปริปุณฺณสมณกรณธมฺโม หิ โส, โย สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตโก. ปรปฺปวาทาติ ปเรสํ อฺติตฺถิยานํ นานปฺปการา วาทา ติตฺถายตนานิ.
อรฺาทิกสฺเสว ภาวนานุรูปเสนาสนตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทุทฺทโม ทมถํ อนุปคโต โคโณ กูฏโคโณ. โทหนกาเล ยถา ถเนหิ อนวเสสโต ขีรํ น ปคฺฆรติ, เอวํ โทหปฏิพนฺธินี กูฏเธนุ. รูปสทฺทาทิเก ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนกอสฺสาโท รูปารมฺมณาทิรโส. ปุพฺเพ อาจิณฺณารมฺมณนฺติ ปพฺพชฺชาโต ปุพฺเพ, อนาทิมติ วา สํสาเร ปริจิตารมฺมณํ.
นิพนฺเธยฺยาติ พนฺเธยฺย. สติยาติ สมฺมเทว กมฺมฏฺานสฺส สลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตาย สติยา. อารมฺมเณติ กมฺมฏฺานารมฺมเณ. ทฬฺหนฺติ ถิรํ, ยถา สโตการิสฺส อุปจารปฺปนาเภโท สมาธิ อิชฺฌติ, ตถา ถามคตํ กตฺวาติ อตฺโถ.
วิเสสาธิคมทิฏฺธมฺมสุขวิหารปทฏฺานนฺติ สพฺเพสํ พุทฺธานํ, เอกจฺจานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ, พุทฺธสาวกานฺจ วิเสสาธิคมสฺส, อฺเน กมฺมฏฺาเนน อธิคตวิเสสานํ ¶ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสฺส จ ปทฏฺานภูตํ. วตฺถุวิชฺชาจริโย วิย ภควา โยคีนํ อนุรูปนิวาสฏฺานุปทิสนโต. ภิกฺขุ ทีปิสทิโส อรฺเ เอกากี วิหริตฺวา ปฏิปกฺขนิมฺมถเนน อิจฺฉิตตฺถสาธนโต. ผลมุตฺตมนฺติ สามฺผลํ สนฺธายาห. ปรกฺกมชวโยคฺคภูมินฺติ ภาวนุสฺสาหชวสฺส โยคฺคกรณภูมิภูตํ.
อสฺสาสปสฺสาสานํ วเสน สิกฺขโตติ อสฺสาสปสฺสาสานํ ทีฆรสฺสตาปชานน-สพฺพกายปฏิสํเวทน-โอฬาริโกฬาริกปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน ภาวนานุโยคํ สิกฺขโต, ตถาภูโต วา หุตฺวา ติสฺโส สิกฺขา ปวตฺตยโต. อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺเตติ อสฺสาสปสฺสาสสนฺนิสฺสเยน อุปฏฺิตปฏิภาคนิมิตฺเต. อสฺสาสปสฺสาเส ปริคฺคณฺหาติ รูปมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสนฺโต, โย ‘‘อสฺสาสปสฺสาสกมฺมิโก’’ติ วุตฺโต. ฌานงฺคานิ ปริคฺคณฺหาติ อรูปมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสนฺโต. วตฺถุ นาม กรชกาโย จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติฏฺานภาวโต. อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา นตฺถีติ วิสุทฺธทิฏฺิ ‘‘ตยิทํ ธมฺมมตฺตํ น อเหตุกํ, นาปิ อิสฺสราทิวิสมเหตุกํ, อถ โข อวิชฺชาทีหิ เอว สเหตุก’’นฺติ อทฺธตฺตเยปิ กงฺขาวิตรเณน วิติณฺณกงฺโข ‘‘ยํ กิฺจิ รูป’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๖๑; ม. นิ. ๒.๑๑๓; ม. นิ. ๓.๘๖; อ. นิ. ๔.๑๘๑; ปฏิ. ม. ๑.๔๘) กลาปสมฺมสนวเสน ¶ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อุทยพฺพยานุปสฺสนาทิวเสน วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อนุกฺกเมน มคฺคปฏิปาฏิยา.
ปรสฺส วา อสฺสาสปสฺสาสกาเยติ อิทํ สมฺมสนจารวเสนายํ ปาฬิ ปวตฺตาติ กตฺวา วุตฺตํ, สมถวเสน ปน ปรสฺส อสฺสาสปสฺสาสกาเย อปฺปนานิมิตฺตุปฺปตฺติ เอว นตฺถีติ. อิทํ อุภยํ น ลพฺภตีติ ‘‘อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา’’ติ จ วุตฺตํ อิทํ ธมฺมทฺวยฆฏิตํ เอกโต อารมฺมณภาเวน น ลพฺภติ.
สมุเทติ เอตสฺมาติ สมุทโย, โส เอว การณฏฺเน ธมฺโมติ สมุทยธมฺโม, อสฺสาสปสฺสาสานํ ปวตฺติเหตุกรชกายาทิ. ตสฺส อนุปสฺสนสีโล สมุทยธมฺมานุปสฺสี. ตํ ปน สมุทยธมฺมํ อุปมามุเขน ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภสฺตนฺติ รุตฺตึ. คคฺครนาฬินฺติ อุกฺกาปนาฬึ. เตติ กรชกายาทิเก. ยถา อสฺสาสปสฺสาสกาโย กรชกายาทิสมฺพนฺธี ผลภาเวน, เอวํ เตปิ อสฺสาสปสฺสาสกายสมฺพนฺธิโน เหตุภาเวนาติ ‘‘สมุทยธมฺมา กายสฺมิ’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ¶ ลภนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สมุทย…เป… วุจฺจตี’’ติ. ปกติวาจี วา ธมฺม-สทฺโท ‘‘ชาติธมฺมาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๓๑; ม. นิ. ๓.๓๗๓; ปฏิ. ม. ๑.๓๓) วิยาติ กายสฺส ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนปกติกานุปสฺสี ‘‘สมุทยธมฺมานุปสฺสี’’ติ วุตฺโต. เตนาห – ‘‘กรชกายฺจา’’ติอาทิ. เอวฺจ กตฺวา กายสฺมินฺติ ภุมฺมวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ. วยธมฺมานุปสฺสีติ เอตฺถ อเหตุกตฺเตปิ วินาสสฺส เยสํ เหตุธมฺมานํ อภาเว ยํ น โหติ, ตทภาโว ตสฺส อภาวสฺส โหตุ วิย โวหรียตีติ อุปจารโต กรชกายาทิอภาโว อสฺสาสปสฺสาสกายสฺส วยการณํ วุตฺโต. เตนาห ‘‘ยถา ภสฺตายา’’ติอาทิ. อยํ ตาเวตฺถ ปมวิกปฺปวเสน อตฺถวิภาวนา. ทุติยวิกปฺปวเสน ปน อุปจาเรน วินาเยว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อชฺฌตฺตพหิทฺธานุปสฺสนา วิย ภินฺนวตฺถุวิสยตาย สมุทยวยธมฺมานุปสฺสนาปิ เอกกาเล น ลพฺภตีติ อาห ‘‘กาเลน สมุทยํ กาเลน วยํ อนุปสฺสนฺโต’’ติ.
อตฺถิ กาโยติ เอว-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ ‘‘กาโยว อตฺถี’’ติ วตฺวา อวธารเณน นิวตฺถิตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘น สตฺโต’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – โย รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย ปเรสฺจ สชฺชาปนฏฺเน, สตฺวคุณโยคโต วา ‘‘สตฺโต’’ติ ปเรหิ ปริกปฺปิโต. ตสฺส สตฺตนิกายสฺส ปูรณโต จ จวนุปปชฺชนธมฺมตาย คลนโต จ ‘‘ปุคฺคโล’’ติ. ถียติ สํหฺติ เอตฺถ คพฺโภติ ‘‘อิตฺถี’’ติ. ปุริ ปุเร ภาเค เสติ ปวตฺตตีติ ‘‘ปุริโส’’ติ. อาหิโต ¶ อหํมาโน เอตฺถาติ ‘‘อตฺตา’’ติ, อตฺตโน สนฺตกภาเวน ‘‘อตฺตนิย’’นฺติ. ปโร น โหตีติ กตฺวา ‘‘อห’’นฺติ, มม สนฺตกนฺติ กตฺวา ‘‘มม’’นฺติ. วุตฺตปฺปการวินิมุตฺโต อฺโติ กตฺวา ‘‘โกจี’’ติ, ตสฺส สนฺตกภาเวน ‘‘กสฺสจี’’ติ ปริกปฺเปตพฺโพ โกจิ นตฺถิ, เกวลํ กาโย เอว อตฺถีติ อตฺตตฺตนิยสฺุตเมว กายสฺส วิภาเวติ. เอวนฺติ ‘‘กาโยว อตฺถี’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน. าณปมาณตฺถายาติ กายานุปสฺสนาาณปรํ ปมาณํ ปาปนตฺถาย. สติปมาณตฺถายาติ กายปริคฺคาหิกสติปวตฺตํ สติปรํ ปมาณํ ปาปนตฺถาย. อิมสฺส หิ วุตฺตนเยน ‘‘อตฺถิ กาโย’’ติ อปราปรุปฺปตฺติวเสน ปจฺจุปฏฺิตา สติ ภิยฺโยโส มตฺตาย ตตฺถ าณสฺส สติยา จ ปริพฺรูหนาย โหติ. เตนาห ‘‘สติสมฺปชฺานํ วฑฺฒตฺถายา’’ติ.
อิมิสฺสา ¶ ภาวนาย ตณฺหาทิฏฺิคาหานํ อุชุปฏิปกฺขตฺตา วุตฺตํ ‘‘ตณฺหา…เป… วิหรตี’’ติ. ตถาภูโต จ โลเก กิฺจิ ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา คเหตพฺพํ น ปสฺสติ, กุโต คณฺเหยฺย. เตนาห ‘‘น จ กิฺจี’’ติอาทิ. เอวมฺปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท เหฏฺา นิทฺทิฏฺสฺส ตาทิสสฺส อตฺถสฺส อภาวโต อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปริ อตฺถํ อุปาทายา’’ติ อาห. ‘‘เอว’’นฺติ ปน นิทฺทิฏฺาการสฺส ปจฺจามสนํ นิคมนวเสน กตนฺติ อาห ‘‘อิมินา ปน…เป… ทสฺเสตี’’ติ. ปุพฺพภาคสติปฏฺานสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สติ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ. สา ปน สติ ยสฺมึ อตฺตภาเว, ตสฺส สมุฏฺาปิกา ตณฺหา ตสฺสาปิ สมุฏฺาปิกา เอว นาม โหติ ตทภาเว อภาวโตติ อาห ‘‘ตสฺสา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา’’ติ. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ, น ปวตฺตติ เอตฺถาติ วา อปฺปวตฺติ. จตุสจฺจวเสนาติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานวเสน. อุสฺสกฺกิตฺวาติ วิสุทฺธิปรมฺปราย อารุหิตฺวา, ภาวนํ อุปริ เนตฺวาติ อตฺโถ. นิยฺยานมุขนฺติ วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรณูปาโย.
อานาปานปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิริยาปถปพฺพวณฺณนา
๑๐๘. อิริยาปถวเสนาติ อิริยนํ อิริยา, กิริยา, อิธ ปน กายิกปโยโค เวทิตพฺโพ. อิริยานํ ปโถ ปวตฺติมคฺโคติ อิริยาปโถ, คมนาทิสรีราวตฺถา. คจฺฉนฺโต วา หิ สตฺโต กาเยน กตฺตพฺพกิริยํ กเรยฺย ิโต วา นิสินฺโน วา นิปนฺโน วาติ. เตสํ วเสน, อิริยาปถวิภาเคนาติ ¶ อตฺโถ. ปุน จปรนฺติ ปุน จ อปรํ, ยถาวุตฺตอานาปานกมฺมฏฺานโต ภิยฺโยปิ อฺํ กายานุปสฺสนากมฺมฏฺานํ กเถมิ, สุณาถาติ วา อธิปฺปาโย. คจฺฉนฺโต วาติอาทิ คมนาทิมตฺตชานนสฺส คมนาทิคตวิเสสชานนสฺส จ สาธารณวจนํ. ตตฺถ คมนาทิมตฺตชานนํ อิธ นาธิปฺเปตํ, คมนาทิคตวิเสสชานนํ ปน อธิปฺเปตนฺติ ตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ กาม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สตฺตูปลทฺธินฺติ สตฺโต อตฺถีติ อุปลทฺธึ สตฺตคฺคาหํ น ชหติ น ปริจฺจชติ ‘‘อหํ คจฺฉามิ, มม คมน’’นฺติ คาหสพฺภาวโต. ตโต เอว อตฺตสฺํ ‘‘อตฺถิ อตฺตา การโก เวทโก’’ติ เอวํ ปวตฺตํ วิปรีตสฺํ น อุคฺฆาเฏติ ¶ นาปเนติ อปฏิปกฺขภาวโต, อนนพฺรูหนโต วา. เอวํ ภูตสฺส จสฺส กุโต กมฺมฏฺานาทิภาโวติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานํ วา สติปฏฺานภาวนา วา น โหตี’’ติ. อิมสฺส ปนาติอาทิสุกฺกปกฺขสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตเมว หิ อตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โก คจฺฉตีติ คมนกิริยาย กตฺตุปุจฺฉา, สา กตฺตุภาววิสิฏฺอตฺตปฏิกฺเขปตฺถา ธมฺมมตฺตสฺเสว คมนสิทฺธิทสฺสนโต. กสฺส คมนนฺติ อกตฺตุตาวิสิฏฺอตฺตคฺคาหปฏิกฺเขปตฺถา. กึการณาติ ปน ปฏิกฺขิตฺตกตฺตุกาย คมนกิริยาย อวิปรีตการณปุจฺฉา ‘‘คมนนฺติ อตฺตา มนสา สํยุชฺชติ, มโน อินฺทฺริเยหิ, อินฺทฺริยานิ อตฺเตหี’’ติ เอวมาทิคมนการณปฏิกฺเขปนโต. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ.
น โกจิ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา คจฺฉติ ธมฺมมตฺตสฺเสว คมนสิทฺธิโต ตพฺพินิมุตฺตสฺส จ กสฺสจิ อภาวโต. อิทานิ ธมฺมมตฺตสฺเสว คมนสิทฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จิตฺตกิริยา จ สา วาโยธาตุยา วิปฺผาโร วิปฺผนฺทนฺจาติ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาโร, เตน. เอตฺถ จ จิตฺตกิริยคฺคหเณน อนินฺทฺริยพทฺธวาโยธาตุวิปฺผารํ นิวตฺเตติ, วาโยธาตุวิปฺผารคฺคหเณน เจตนาวจีวิฺตฺติเภทํ จิตฺตกิริยํ นิวตฺเตติ, อุภเยน ปน กายวิฺตฺตึ วิภาเวติ. ‘‘คจฺฉตี’’ติ วตฺวา ยถา ปวตฺตมาเน กาเย ‘‘คจฺฉตี’’ติ โวหาโร โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตนฺติ คนฺตุกามตาวเสน ปวตฺตจิตฺตํ. วายํ ชเนตีติ วาโยธาตุอธิกํ รูปกลาปํ ชเนติ, อธิกตา เจตฺถ สามตฺถิยโต, น ปมาณโต. คมนจิตฺตสมุฏฺิตํ สหชาตรูปกายสฺส ถมฺภนสนฺธารณจลนานํ ปจฺจยภูเตน อาการวิเสเสน ปวตฺตมานํ วาโยธาตุํ สนฺธายาห ‘‘วาโย วิฺตฺตึ ชเนตี’’ติ. อธิปฺปายสหภาวี หิ วิกาโร วิฺตฺติ, ยถาวุตฺตอธิกภาเวเนว จ วาโยคหณํ, น วาโยธาตุยา เอว ชนกภาวโต, อฺถา วิฺตฺติยา อุปาทายรูปภาโว ทุรุปปาโท สิยา. ปุรโต อภินีหาโร ปุรโตภาเคน กายสฺส ปวตฺตนํ, โย ‘‘อภิกฺกโม’’ติ วุจฺจติ.
‘‘เอเสว ¶ นโย’’ติ อติเทสวเสน สงฺเขปโต วตฺวา ตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ตตฺราปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โกฏิโต ปฏฺายาติ เหฏฺิมโกฏิโต ปฏฺาย. อุสฺสิตภาโวติ อุพฺพิทฺธภาโว.
เอวํ ¶ ปชานโตติ เอวํ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว คมนาทิภาโว โหตีติ ปชานโต ตสฺส เอวํ ปชานนาย นิจฺฉยคมนตฺถํ ‘‘เอวํ โหตี’’ติ วิจารณา วุจฺจติ โลเก ยถาภูตํ อชานนฺเตหิ มิจฺฉาภินิเวสวเสน, โลกโวหารวเสน วา. อตฺถิ ปนาติ อตฺตโน เอว วีมํสนวเสน ปุจฺฉาวจนํ. นตฺถีติ นิจฺฉยวเสน สตฺตสฺส ปฏิกฺเขปวจนํ. ยถา ปนาติอาทิ ตสฺเสวตฺถสฺส อุปมาย วิภาวนํ.
นาวา มาลุตเวเคนาติ ยถา อเจตนา นาวา วาตเวเคน เทสนฺตรํ ยาติ, ยถา จ อเจตโน เตชนํ กณฺโฑ ชิยาเวเคน เทสนฺตรํ ยาติ, ตถา อเจตโน กาโย วาตาหโต ยถาวุตฺตวายุนา นีโต เทสนฺตรํ ยาตีติ เอวํ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ. สเจ ปน โกจิ วเทยฺย ‘‘ยถา นาวาย เตชนสฺส จ เปลฺลกสฺส ปุริสสฺส วเสน เทสนฺตรคมนํ, เอวํ กายสฺสาปี’’ติ, โหตุ, เอวํ อิจฺฉิโตวายมตฺโถ. ยถา หิ นาวา เตชนานํ สํหตลกฺขณสฺเสว ปุริสสฺส วเสน คมนํ, น อสํหตลกฺขณสฺส, เอวํ กายสฺสาปีติ กา โน หานิ, ภิยฺโยปิ ธมฺมมตฺตตาว ปติฏฺํ ลภติ, น ปุริสวาโท. เตนาห ‘‘ยนฺตํ สุตฺตวเสนา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ปยุตฺตนฺติ เหฏฺา วุตฺตนเยน คมนาทิกิริยาวเสน ปโยชิตํ. าตีติ ติฏฺติ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ โลเก. วินา เหตุปจฺจเยติ คนฺตุกามตาจิตฺต-ตํสมุฏฺาน-วาโยธาตุ-อาทิเหตุปจฺจเยหิ วินา. ติฏฺเติ ติฏฺเยฺย. วเชติ วเชยฺย คจฺเฉยฺย โก นามาติ สมฺพนฺโธ. ปฏิกฺเขปตฺโถ เจตฺถ กึ-สทฺโทติ เหตุปจฺจยวิรเหน านคมนปฏิกฺเขปมุเขน สพฺพายปิ ธมฺมปฺปวตฺติยา ปจฺจยาธีนวุตฺติตาวิภาวเนน อตฺตสฺุตา วิย อนิจฺจทุกฺขตาปิ วิภาวิตาติ ทฏฺพฺพา.
ปณิหิโตติ ยถา ยถา ปจฺจเยหิ ปการโต นิหิโต ปิโต. สพฺพสงฺคาหิกวจนนฺติ สพฺเพสํ จตุนฺนมฺปิ อิริยาปถานํ สงฺคณฺหนวจนํ, ปุพฺเพ วิสุํ วิสุํ อิริยาปถานํ วุตฺตตฺตา อิทํ เตสํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา วจนนฺติ อตฺโถ. ปุริมนโย วา อิริยาปถปฺปธาโน วุตฺโตติ ตตฺถ กาโย อปฺปธาโน อนุนิปฺผาทีติ อิธ กายํ ปธานํ อปฺปธานฺจ อิริยาปถํ อนุนิปฺผาทํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ทุติยนโย วุตฺโตติ เอวมฺเปตฺถ ทฺวินฺนํ นยานํ วิเสโส เวทิตพฺโพ. ิโตติ ปวตฺโต.
อิริยาปถปริคฺคณฺหนมฺปิ ¶ ¶ อิริยาปถวโต กายสฺเสว ปริคฺคณฺหนํ ตสฺส อวตฺถาวิเสสภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘อิริยาปถปริคฺคหเณน กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติ. เตเนเวตฺถ รูปกฺขนฺธวเสเนว สมุทยาทโย อุทฺธฏา. เอส นโย เสสวาเรสุปิ. อาทินาติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ยถา ‘‘ตณฺหาสมุทยา กมฺมสมุทยา อาหารสมุทยา’’ติ นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รุปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสตีติ อิเม จตฺตาโร อาหารา สงฺคยฺหนฺติ, เอวํ ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรธา’’ติอาทโยปิ ปฺจ อาการา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
อิริยาปถปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุสมฺปชฺปพฺพวณฺณนา
๑๐๙. จตุสมฺปชฺวเสนาติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๔; สํ. นิ. ๕.๓๖๘; ที. นิ. อภิ. ฏี. ๒.๒๑๔) สมนฺตโต ปกาเรหิ, ปกฏฺํ วา สวิเสสํ ชานาตีติ สมฺปชาโน, สมฺปชานสฺส ภาโว สมฺปชฺํ, ตถาปวตฺตํ าณํ. จตฺตาริ สมฺปชฺานิ สมาหฏานิ จตุสมฺปชฺํ, ตสฺส วเสน. อภิกฺกมนํ อภิกฺกนฺตนฺติ อาห ‘‘อภิกฺกนฺตํ วุจฺจติ คมน’’นฺติ. ตถา ปฏิกฺกมนํ ปฏิกฺกนฺตนฺติ อาห ‘‘ปฏิกฺกนฺตํ วุจฺจติ นิวตฺตน’’นฺติ. นิวตฺตนนฺติ จ นิวตฺติมตฺตํ, นิวตฺติตฺวา ปน คมนํ คมนเมว. อภิหรนฺโตติ คมนวเสน กายํ อุปเนนฺโต.
สมฺมา ปชานนํ สมฺปชานํ, เตน อตฺตนา กาตพฺพสฺส กรณสีโล สมฺปชานการีติ อาห ‘‘สมฺปชฺเน สพฺพกิจฺจการี’’ติ. สมฺปชานสทฺทสฺส สมฺปชฺปริยายตา ปุพฺเพ วุตฺตาเยว. สมฺปชฺํ กโรเตวาติ อภิกฺกนฺตาทีสุ อสมฺโมหํ อุปฺปาเทติ เอว. สมฺปชานสฺส วา กาโร เอตสฺส อตฺถีติ สมฺปชานการี. ธมฺมโต วฑฺฒิสงฺขาเตน สห อตฺเถน ปวตฺตตีติ สาตฺถกํ, อภิกฺกนฺตาทิ. สาตฺถกสฺส สมฺปชานนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. สปฺปายสฺส อตฺตโน อุปการาวหสฺส หิตสฺส สมฺปชานนํ สปฺปายสมฺปชฺํ อภิกฺกมาทีสุ ภิกฺขาจารโคจเร, อฺตฺถาปิ จ ปวตฺเตสุ อวิชหิเต กมฺมฏฺานสงฺขาเต โคจเร สมฺปชฺํ โคจรสมฺปชฺํ. อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนเมว สมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. ปริคฺคณฺหิตฺวาติ ปฏิสงฺขาย.
ตสฺมินฺติ ¶ ¶ สาตฺถกสมฺปชฺวเสน ปริคฺคหิตอตฺเถ. อตฺโถ นาม ธมฺมโต วฑฺฒีติ ยํ สาตฺถกนฺติ อธิปฺเปตํ คมนํ, ตํ สปฺปายเมวาติ สิยา กสฺสจิ อาสงฺกาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘เจติยทสฺสนํ ตาวา’’ติอาทิ อารทฺธํ. จิตฺตกมฺมรูปกานิ วิยาติ จิตฺตกมฺมกตปฏิมาโย วิย, ยนฺตปโยเคน วา วิจิตฺตกมฺมปฏิมาโย วิย. อสมเปกฺขนํ เคหสิตอฺาณุเปกฺขาวเสน อารมฺมณสฺส อโยนิโส คหณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๐๘). หตฺถิอาทิสมฺมทฺเทน ชีวิตนฺตราโย, วิสภาครูปทสฺสนาทินา พฺรหฺมจริยนฺตราโย.
ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ อนุวตฺตนกถา อาจิณฺณา, อนนุวตฺตนกถา ปน ตสฺสา ทุติยา นาม โหตีติ อาห ‘‘ทฺเว กถา นาม น กถิตปุพฺพา’’ติ.
เอวนฺติ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิกํ สพฺพมฺปิ วุตฺตาการํ ปจฺจามสติ, น ‘‘ปุริสสฺส มาตุคามาสุภ’’นฺติอาทิกํ วุจฺจมานํ. โยคกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานตาย ภาวนาย อารมฺมณํ กมฺมฏฺานนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานสงฺขาตํ โคจร’’นฺติ. อุคฺคเหตฺวาติ ยถา อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุคฺคหโกสลฺลสฺส สมฺปาทนวเสน อุคฺคเหตฺวา. หรตีติ กมฺมฏฺานํ ปวตฺเตติ, ยาว ปิณฺฑปาตปฏิกฺกมา อนุยฺุชตีติ อตฺโถ. น ปจฺจาหรตีติ อาหารูปโภคโต ยาว ทิวาฏฺานุปสงฺกมนา กมฺมฏฺานํ น ปฏิเนติ.
สรีรปริกมฺมนฺติ มุขโธวนาทิสรีรปฏิชคฺคนํ. ทฺเว ตโย ปลฺลงฺเกติ ทฺเว ตโย นิสชฺชาวาเร, ทฺเว ตีณิ อุณฺหาสนานิ. เตนาห ‘‘อุสุมํ คาหาเปนฺโต’’ติ. กมฺมฏฺานสีเสเนวาติ กมฺมฏฺานคฺเคเนว, กมฺมฏฺานํ ปธานํ กตฺวา เอวาติ อตฺโถ. เตน ‘‘ปตฺโตปิ อเจตโน’’ติอาทินา (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๙) วกฺขมานํ กมฺมฏฺานํ, ยถาปริหริยมานํ วา อวิชหิตฺวาติ ทสฺเสติ. ‘‘ปริโภคเจติยโต สรีรเจติยํ ครุตร’’นฺติ กตฺวา ‘‘เจติยํ วนฺทิตฺวา’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาวเสน วุตฺตํ. ตถา หิ อฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๘๐๙; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๗๕) ‘‘เจติยํ พาธยมานา โพธิสาขา หริตพฺพา’’ติ วุตฺตา.
ชนสงฺคหตฺถนฺติ ¶ ‘‘มยิ อกเถนฺเต เอเตสํ โก กเถสฺสตี’’ติ ธมฺมานุคฺคเหน ชนสงฺคหตฺถํ. ตสฺมาติ. ยสฺมา ‘‘ธมฺมกถา นาม กเถตพฺพาเยวา’’ติ อฏฺกถาจริยา วทนฺติ, ยสฺมา จ ธมฺมกถา กมฺมฏฺานวินิมุตฺตา นาม นตฺถิ, ตสฺมา. อนุโมทนํ กตฺวาติ เอตฺถาปิ ‘‘กมฺมฏฺานสีเสเนวา’’ติ ¶ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. สมฺปตฺตปริจฺเฉเทเนวาติ ‘‘ปริจิโต อปริจิโต’’ติอาทิวิภาคํ อกตฺวา สมฺปตฺตโกฏิยาว. ภเยติ ปรจกฺกาทิภเย.
กมฺมชเตโชติ คหณึ สนฺธายาห. กมฺมฏฺานวีถึ นาโรหติ ขุทาปริสฺสเมน กิลนฺตกายตฺตา สมาธานาภาวโต. อวเสสฏฺาเนติ ยาคุยา อคฺคหิตฏฺาเน. โปงฺขานุโปงฺขนฺติ กมฺมฏฺานุปฏฺานสฺส อวิจฺเฉททสฺสนวจนเมตํ, ยถา โปงฺขานุโปงฺขปวตฺตาย สรปฏิปาฏิยา อวิจฺเฉโท, เอวเมตสฺสาปีติ.
นิกฺขิตฺตธุโร ภาวนานุโยเค. วตฺตปฏิปตฺติยา อปูรเณน สพฺพวตฺถานิ ภินฺทิตฺวา. ‘‘กาเม อวีตราโค โหติ, กาเย อวีตราโค, รูเป อวีตราโค, ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘๖) เอวํ วุตฺต ปฺจวิธเจโตขิลวินิพนฺธจิตฺโต. จริตฺวาติ ปวตฺติตฺวา.
อตฺตกามาติ อตฺตโน หิตสุขํ อิจฺฉนฺตา, ธมฺมจฺฉนฺทวนฺโตติ อตฺโถ. ธมฺโมติ หิ หิตํ, ตนฺนิมิตฺตกฺจ สุขนฺติ. อถ วา วิฺูนํ นิพฺพิเสสตฺตา อตฺตภาวปริยาปนฺนตฺตา จ อตฺตา นาม ธมฺโม, ตํ กาเมนฺติ อิจฺฉนฺตีติ อตฺตกามา. อุสภํ นาม วีสติ ยฏฺิโย. ตาย สฺายาติ ตาย ปาสาณสฺาย, เอตฺตกํ านํ อาคตาติ ชานนฺตาติ อธิปฺปาโย. โสเยว นโยติ ‘‘อยํ ภิกฺขู’’ติอาทิโก โย าเน วุตฺโต, โส เอว นิสชฺชายปิ นโย. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตานํ ฉินฺนภตฺตภาวภเยนปิ โยนิโสมนสิการํ ปริพฺรูเหติ.
พหาปธานํ ปูเชสฺสามีติ อมฺหากํ อตฺถาย โลกนาเถน ฉ วสฺสานิ กตํ ทุกฺกรจริยํ เอวาหํ ยถาสตฺติ ปูเชสฺสามีติ. ปฏิปตฺติปูชา หิ ¶ สตฺถุปูชา, น อามิสปูชา. านจงฺกมนเมวาติ อธิฏฺาตพฺพอิริยาปถวเสน วุตฺตํ, น โภชนาทิกาเลสุ อวสฺสํ กตฺตพฺพนิสชฺชาย ปฏิกฺเขปวเสน.
วีถึ โอตริตฺวา อิโต จิโต จ อโนโลเกตฺวา ปมเมว วีถิโย สลฺลกฺเขตพฺพาติ อาห ‘‘วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา’’ติ. ยํ สนฺธาย วุจฺจติ ‘‘ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตนา’’ติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ปจฺเจกโพธึ ¶ สจฺฉิกโรติ, ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหตีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ สพฺพตฺถ อิโต ปเรสุปิ. ตตฺถ ปจฺเจกโพธิยา อุปนิสฺสยสมฺปทา กปฺปานํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ ตชฺชํ ปฺุาณสมฺภรณํ, สาวกโพธิยํ อคฺคสาวกานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ, มหาสาวกานํ กปฺปสตสหสฺสเมว, อิตเรสํ อตีตาสุ ชาตีสุ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสยวเสน นิพฺพตฺติตํ นิพฺเพธภาคิยํ กุสลํ. พาหิโย ทารุจีริโยติ พหิ วิสเย สฺชาตสํวฑฺฒตาย พาหิโย, ทารุจีรปริหรเณน ทารุจีริโยติ จ สมฺาโต. โส หิ อายสฺมา –
‘‘ตสฺมา ติห เต, พาหิย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต… มุเต… วิฺาเต วิฺาตมตฺตํ ภวิสฺสตี’ติ. ยโต โข เต, พาหิย, ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต… มุเต… วิฺาเต วิฺาตมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตโต ตฺวํ, พาหิย, น เตน. ยโต ตฺวํ, พาหิย, น เตน, ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถ. ยโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถ, ตโต ตฺวํ, พาหิย, เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรน, เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติ (อุทา. ๑๐) – เอตฺตกาย เทสนาย อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ.
ตนฺติ อสมฺมุยฺหนํ. เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน เวทิตพฺพํ. อตฺตา อภิกฺกมตีติ อิมินา อนฺธปุถุชฺชนสฺส ทิฏฺิคฺคาหวเสน อภิกฺกเม สมฺมุยฺหนํ ทสฺเสติ, อหํ อภิกฺกมามีติ ปน อิมินา มานคฺคาหวเสน, ตทุภยํ ปน ตณฺหาย วินา น โหตีติ ตณฺหาคฺคาหวเสนปิ สมฺมุยฺหนํ ทสฺสิตเมว โหติ. ‘‘ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต’’ติ วตฺวา ตํ อสมฺมุยฺหนํ ¶ เยน ฆนวินิพฺโภเคน โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิกฺกมามี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา วาโยธาตุยา อนุคตา เตโชธาตุ อุทฺธรณสฺส ปจฺจโย. อุทฺธรณคติกา หิ เตโชธาตูติ อุทฺธรเณ วาโยธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตสฺมา อิมาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสฺจ โอมตฺตตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอเกก…เป… พลวติโย’’ติ อาห. ยสฺมา ปน เตโชธาตุยา อนุคตา วาโยธาตุ อติหรณวีติหรณานํ ปจฺจโย. ติริยคติกาย หิ วาโยธาตุยา อติหรณวีติหรเณสุ สาติสโย พฺยาปาโรติ เตโชธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตสฺมา อิมาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสฺจ โอมตฺตตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถา อติหรณวีติหรเณสู’’ติ อาห. สติปิ อนุคมนานุคนฺตพฺพตาวิเสเส เตโชธาตุ-วาโยธาตุ-ภาวมตฺตํ สนฺธาย ตถา-สทฺทคฺคหณํ. ตตฺถ อกฺกนฺตฏฺานโต ปาทสฺส อุกฺขิปนํ อุทฺธรณํ, ิตฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ปุรโต หรณํ อติหรณํ ขาณุอาทิปริหรณตฺถํ, ปติฏฺิตปาทฆฏฺฏนปริหรณตฺถํ วา ปสฺเสน ¶ หรณํ วีติหรณํ, ยาว ปติฏฺิตปาโท, ตาว อาหรณํ อติหรณํ, ตโต ปรํ หรณํ วีติหรณนฺติ อยํ วา เอเตสํ วิเสโส.
ยสฺมา ปถวีธาตุยา อนุคตา อาโปธาตุ โวสฺสชฺชนสฺส ปจฺจโย. ครุตรสภาวา หิ อาโปธาตูติ โวสฺสชฺชเน ปถวีธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตสฺมา ตาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสฺจ โอมตฺตตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โวสฺสชฺชเน…เป… พลวติโย’’ติ. ยสฺมา ปน อาโปธาตุยา อนุคตา ปถวีธาตุ สนฺนิกฺเขปนสฺส ปจฺจโย, ปติฏฺาภาเว วิย ปติฏฺาปเนปิ ตสฺสา สาติสยกิจฺจตฺตา อาโปธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว, ตถา ฆฏฺฏนกิริยาย ปถวีธาตุยา วเสน สนฺนิรุมฺภนสฺส สิชฺฌนโต ตตฺถาปิ ปถวีธาตุยา อาโปธาตุอนุคตภาโว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุมฺภเนสู’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ อภิกฺกมเน, เตสุ วา วุตฺเตสุ อุทฺธรณาทีสุ ฉสุ โกฏฺาเสสุ. อุทฺธรเณติ อุทฺธรณกฺขเณ. รูปารูปธมฺมาติ อุทฺธรณากาเรน ปวตฺตา รูปธมฺมา, ตํสมุฏฺาปกา อรูปธมฺมา จ อติหรณํ น ปาปุณนฺติ ขณมตฺตาวฏฺานโต. ตตฺถ ตตฺเถวาติ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปนฺนา, ตตฺถ ตตฺเถว. น หิ ธมฺมานํ ¶ เทสนฺตรสงฺกมนํ อตฺถิ. ปพฺพํ ปพฺพนฺติอาทิ อุทฺธรณาทิโกฏฺาเส สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ สภาคสนฺตติวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อติอิตฺตโร หิ รูปธมฺมานมฺปิ ปวตฺติกฺขโณ คมนสฺสาทานํ เทวปุตฺตานํ เหฏฺุปริเยน ปฏิมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ ปาเท จ พทฺธธุรธาราสมาคมโตปิ สีฆตโร. ยถา ติลานํ ภชฺชิยมานานํ ปฏปฏายเนน เภโท ลกฺขียติ, เอวํ สงฺขตธมฺมานํ อุปฺปาเทนาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฏปฏายนฺตา’’ติ วุตฺตํ. อุปฺปนฺนา หิ เอกนฺตโต ภิชฺชนฺตีติ.
สทฺธึ รูเปนาติ อิทํ ตสฺส ตสฺส จิตฺตสฺส นิโรเธน สทฺธึ นิรุชฺฌนกรูปธมฺมานํ วเสน วุตฺตํ, ยํ ตโต สตฺตรสมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ. อฺถา ยทิ รูปารูปธมฺมา สมานกฺขณา สิยุํ, ‘‘รูปํ ครุปริณามํ ทนฺธนิโรธ’’นฺติอาทิวจเนหิ (วิภ. อฏฺ. ๒๖) วิโรโธ สิยา, ตถา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ, ยถยิทํ จิตฺต’’นฺติ เอวมาทิปาฬิยา (อ. นิ. ๑.๔๘). จิตฺตเจตสิกา หิ สารมฺมณสภาวา ยถาพลํ อตฺตโน อารมฺมณปจฺจยภูตมตฺถํ วิภาเวนฺโต เอว อุปฺปชฺชนฺตีติ เตสํ ตํสภาวนิปฺผตฺติอนนฺตรํ นิโรโธ, รูปธมฺมา ปน อนารมฺมณา ปกาเสตพฺพา, เอวํ เตสํ ปกาเสตพฺพภาวนิวตฺติ โสฬสหิ จิตฺเตหิ โหตีติ ตงฺขณายุกตา เตสํ อิจฺฉิตา, ลหุวิฺาณวิสยสงฺคติมตฺตปจฺจยตาย ติณฺณํ ขนฺธานํ, วิสยสงฺคติมตฺตตาย จ วิฺาณสฺส ลหุปริวตฺติตา, ทนฺธมหาภูตปจฺจยตาย รูปธมฺมานํ ทนฺธปริวตฺติตา, นานาธาตุยา ยถาภูตาณํ โข ¶ ปน ตถาคตสฺเสว, เตน จ ปุเรชาตปจฺจโย รูปธมฺโมว วุตฺโต, ปจฺฉาชาตปจฺจโย จ ตสฺเสวาติ รูปารูปธมฺมานํ สมานกฺขณตา น ยุชฺชเตว, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อฺํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ, อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌตีติ ยํ ปุริมุปฺปนฺนํ จิตฺตํ, ตํ อฺํ, ตํ ปน นิรุชฺฌนฺตํ อปรสฺส อนนฺตราทิปจฺจยภาเวเนว นิรุชฺฌตีติ ตโต ลทฺธปจฺจยํ อฺํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ. ยทิ เอวํ เตสํ อนฺตโร ลพฺเภยฺยาติ โนติ อาห ‘‘อวีจิมนุสมฺพนฺโธ’’ติ, ยถา วีจิ อนฺตโร น ลพฺภติ, ตเทเวตนฺติ อวิเสสวิทุ มฺนฺติ, เอวํ อนุ อนุ สมฺพนฺโธ จิตฺตสนฺตาโน รูปสนฺตาโน จ นทีโสโตว นทิยํ อุทกปฺปวาโห วิย วตฺตติ.
อภิมุขํ ¶ โลกิตํ อาโลกิตนฺติ อาห ‘‘ปุรโตเปกฺขน’’นฺติ. ยสฺมา ยํทิสาภิมุโข คจฺฉติ ติฏฺติ นิสีทติ วา, ตทภิมุขํ เปกฺขนํ อาโลกิตํ, ตสฺมา ตทนุคตํ วิทิสาโลกนํ วิโลกิตนฺติ อาห ‘‘วิโลกิตํ นาม อนุทิสาเปกฺขน’’นฺติ. สมฺมชฺชนปริภณฺฑาทิกรเณ โอโลกิตสฺส, อุลฺโลกหรณาทีสุ อุลฺโลกิตสฺส, ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตปริสฺสยสฺส ปริวชฺชนาทีสุ อปโลกิตสฺส สิยา สมฺภโวติ อาห ‘‘อิมินา วา มุเขน สพฺพานิปิ ตานิ คหิตาเนวา’’ติ.
กายสกฺขินฺติ กาเยน สจฺฉิกตวนฺตํ, ปจฺจกฺขการินนฺติ อตฺโถ. โส หิ อายสฺมา วิปสฺสนากาเล เอว ‘‘ยเมวาหํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตํ นิสฺสาย สาสเน อนภิรติอาทิวิปฺปการํ ปตฺโต, ตเมว สุฏฺุ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตปฺโป, ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต, เตเนว นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ ยทิทํ นนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๓๕) เอตทคฺเค เปสิ.
สาตฺถกตา จ สปฺปายตา จ อาโลกิตวิโลกิตสฺส เวทิตพฺพา. ตสฺมาติ ‘‘กมฺมฏฺานาวิชหนสฺเสว โคจรสมฺปชฺภาวโต’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติ. อตฺตโน กมฺมฏฺานวเสเนว อาโลกนวิโลกนํ กาตพฺพํ, ขนฺธาทิกมฺมฏฺานา อฺโ อุปาโย น คเวสิตพฺโพติ อธิปฺปาโย. อาโลกิตาทิสมฺาปิ ยสฺมา ธมฺมมตฺตสฺเสว ปวตฺติวิเสโส, ตสฺมา ตสฺส ยาถาวโต ชานนํ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทิ วุตฺตํ.
‘‘ปมชวเนปิ ¶ …เป… น โหตี’’ติ อิทํ ปฺจทฺวารวิฺาณวีถิยํ ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ รชฺชนาทีนํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ อาวชฺชนโวฏฺพฺพนานํ อโยนิโส อาวชฺชนโวฏฺพฺพนวเสน อิฏฺเ อิตฺถิรูปาทิมฺหิ โลโภ, อนิฏฺเ จ ปฏิโฆ อุปฺปชฺชติ, มโนทฺวาเร ปน ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ รชฺชนาทิ โหติ, ตสฺส ปฺจทฺวารชวนํ มูลํ, ยถาวุตฺตํ วา สพฺพํ ภวงฺคาทิ, เอวํ มโนทฺวารชวนสฺส มูลวเสน มูลปริฺา วุตฺตา. อาคนฺตุกตาวกาลิกตา ปน ปฺจทฺวารชวนสฺเสว อปุพฺพภาววเสน อิตฺตรภาววเสน จ วุตฺตา. เหฏฺุปริยวเสน ภิชฺชิตฺวา ปติเตสูติ เหฏฺิมสฺส อุปริมสฺส ¶ จ อปราปรํ ภงฺคปฺปตฺติมาห. ตนฺติ ชวนํ. ตสฺส น ยุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. อาคนฺตุโก อพฺภาคโต. อุทยพฺพยปริจฺฉินฺโน ตาวตโก กาโล เอเตสนฺติ ตาวกาลิกานิ.
เอตํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. ตตฺถาติ ปฺจกฺขนฺธวเสน อาโลกนวิโลกเน ปฺายมาเน ตพฺพินิมุตฺโต โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติ. อุปนิสฺสยปจฺจโยติ อิทํ สุตฺตนฺตนเยน ปริยายโต วุตฺตํ. สหชาตปจฺจโยติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ อฺมฺ-สมฺปยุตฺต-อตฺถิอวิคตาทิปจฺจยานมฺปิ ลพฺภนโต.
มณิสปฺโป นาม เอกา สปฺปชาตีติ วทนฺติ. ลฬนนฺติ กมฺปนนฺติ วทนฺติ, ลีฬากรณํ วา ลฬนํ.
อุณฺหปกติโก ปริฬาหพหุโล. สีลสฺส วิทูสเนน อหิตาวหตฺตา มิจฺฉาชีววเสน อุปฺปนฺนํ อสปฺปายํ. จีวรมฺปิ อเจตนนฺติอาทินา จีวรสฺส วิย ‘‘กาโยปิ อเจตโน’’ติ กายสฺส อตฺตสฺุตาวิภาวเนน ‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวนฺโต อิตรีตรสนฺโตสสฺส การณํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. จตุปฺจคณฺิกาหโตติ อาหตจตุปฺจคณฺิโก, จตุปฺจคณฺิกาหิ วา หตโสโภ.
อฏฺวิโธปิ อตฺโถติ อฏฺวิโธปิ ปโยชนวิเสโส. ปถวีสนฺธารกชลสฺส ตํสนฺธารกวายุนา วิย ปริภุตฺตสฺส อาหารสฺส วาโยธาตุนาว อาสเย อวฏฺานนฺติ อาห ‘‘วาโยธาตุวเสเนว ติฏฺตี’’ติ. อติหรตีติ ยาว มุขา อภิหรติ. วีติหรตีติ ตโต ยาว กุจฺฉิ, ตาว หรติ. อติหรตีติ วา มุขทฺวารํ อติกฺกาเมนฺโต หรติ. วีติหรตีติ กุจฺฉิคตํ ปสฺสโต หรติ. ปริวตฺเตตีติ อปราปรํ จาเรติ. เอตฺถ จ อาหารสฺส ธารณปริวตฺตนสํจุณฺณนวิโสสนานิ ปถวีธาตุสหิตา เอว วาโยธาตุ กโรติ, น เกวลาติ ตานิ ¶ ปถวีธาตุยาปิ กิจฺจภาเวน วุตฺตานิ. อลฺลตฺตฺจ อนุปาเลตีติ วายุอาทีหิ อติโสสนํ ยถา น โหติ, ตถา อนุปาเลติ อลฺลอาทีหิ อติโสสนํ ยถา น โหติ, ตถา อนุปาเลติ อลฺลภาวํ. เตโชธาตูติ คหณีสงฺขาตา เตโชธาตุ. สา หิ อนฺโต ปวิฏฺํ อาหารํ ปริปาเจติ. อฺชโส โหตีติ อาหารสฺส ปเวสนาทีนํ มคฺโค โหติ. อาภุชตีติ ปริเยสนชฺโฌหรณชิณฺณาชิณฺณตาทึ อาวชฺเชติ, วิชานาตีติ อตฺโถ. ตํตํวิชานนนิปฺผาทโกเยว หิ ¶ ปโยโค ‘‘สมฺมาปโยโค’’ติ วุตฺโต. เยน หิ ปโยเคน ปริเยสนาทิ นิปฺผชฺชติ, โส ตพฺพิสยวิชานนมฺปิ นิปฺผาเทติ นาม ตทวินาภาวโต. อถ วา สมฺมาปโยคํ สมฺมาปฏิปตฺตึ อนฺวาย อาคมฺม อาภุชติ สมนฺนาหรติ. อาโภคปุพฺพโก หิ สพฺโพปิ วิฺาณพฺยาปาโรติ ตถา วุตฺตํ.
คมนโตติ ภิกฺขาจารวเสน โคจรคามํ อุทฺทิสฺส คมนโต. ปริเยสนโตติ โคจรคาเม ภิกฺขตฺถํ อาหิณฺฑนโต. ปริโภคโตติ อาหารสฺส ปริภฺุชนโต. อาสยโตติ ปิตฺตาทิอาสยโต. อาสยติ เอตฺถ เอกชฺฌํ ปวตฺตมาโนปิ กมฺมพลวตฺถิโต หุตฺวา มริยาทวเสน อฺมฺํ อสงฺกรโต สยติ ติฏฺติ ปวตฺตตีติ อาสโย, อามาสยสฺส อุปริ ติฏฺนโก ปิตฺตาทิโก. มริยาทตฺโถ หิ อยมากาโร. นิเธติ ยถาภุตฺโต อาหาโร นิจิโต หุตฺวา ติฏฺติ เอตฺถาติ นิธานํ, อามาสโย. ตโต นิธานโต. อปริปกฺกโตติ คหณีสงฺขาเตน กมฺมชเตเชน อวิปกฺกโต. ปริปกฺกโตติ ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส วิปกฺกภาวโต. ผลโตติ นิปฺผตฺติโต. นิสฺสนฺทโตติ อิโต จิโต จ วิสฺสนฺทนโต. สมฺมกฺขนโตติ สพฺพโส มกฺขนโต. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาย (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๒๙๔) คเหตพฺโพ.
อฺเ จ โรคา กณฺณสูลภคนฺทราทโย. อฏฺาเนติ มนุสฺสามนุสฺสปริคฺคหิเต อยุตฺเต าเน เขตฺตเทวายตนาทิเก. นิสฺสฏฺตฺตา เนว อตฺตโน กสฺสจิ อนิสฺสชฺชิตตฺตา ชิคุจฺฉนียตฺตา จ น ปรสฺส. อุทกตุมฺพโตติ เวฬุนาฬิอาทิอุทกภาชนโต. ตนฺติ ฉฑฺฑิตอุทกํ.
อทฺธานอิริยาปถา จิรปฺปวตฺติกา ทีฆกาลิกา อิริยาปถา. มชฺฌิมา ภิกฺขาจรณาทิวเสน ปวตฺตา. จุณฺณิกอิริยาปถา วิหาเร อฺตฺถาปิ อิโต จิโต จ ปริวตฺตนาทิวเสน ปวตฺตาติ วทนฺติ. ‘‘คเตติ คมเน’’ติ ปุพฺเพ อภิกฺกมปฏิกฺกมคฺคหเณน คมเนนปิ ปุรโต ปจฺฉโต จ กายสฺส อติหรณํ วุตฺตนฺติ อิธ คมนเมว คหิตนฺติ เกจิ.
ยสฺมา ¶ ¶ มหาสีวตฺเถรวาเท อนนฺตเร อนนฺตเร อิริยาปเถ ปวตฺตรูปารูปธมฺมานํ ตตฺถ ตตฺเถว นิโรธทสฺสนวเสน สมฺปชานการิตา คหิตา, อิทฺเจตฺถ สมฺปชฺวิปสฺสนาจารวเสน อาคตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตยิทํ มหาสีวตฺเถเรน วุตฺตํ อสมฺโมหธุรํ อิมสฺมึ สติปฏฺานภุตฺเต อธิปฺเปต’’นฺติ. สามฺผเล (ที. นิ. ๑.๒๑๔; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๔; ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๔) ปน สพฺพมฺปิ จตุพฺพิธํ สมฺปชฺํ ลพฺภติ ยาวเทว สามฺผลวิเสสทสฺสนปรตฺตา ตสฺสา เทสนาย. สติสมฺปยุตฺตสฺเสวาติ อิทํ ยถา สมฺปชฺกิจฺจสฺส ปธานตา, เอวํ สติกิจฺจสฺสาปีติ ทสฺสนตฺถํ, น สติยา สพฺภาวมตฺตทสฺสนตฺถํ. น หิ กทาจิ สติรหิตา าณปฺปวตฺติ อตฺถิ. เอตานิ ปทานีติ สมฺปชฺปทานิ. วิภตฺตาเนวาติ วิสุํ วิภตฺตาเนว. อิมินาปิ สมฺปชฺสฺส วิย สติยาปิ ปธานตํเยว วิภาเวติ.
อปโร นโย – เอโก ภิกฺขุ คจฺฉนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต คจฺฉติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว คจฺฉติ, ตถา เอโก ติฏฺนฺโต นิสีทนฺโต สยนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต สยติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว สยติ, เอตฺถเกน ปน น ปากฏํ โหตีติ จงฺกมเนน ทีเปนฺติ. โย หิ ภิกฺขุ จงฺกมนํ โอตริตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ ิโต ปริคฺคณฺหาติ ‘‘ปาจีนจงฺกมนโกฏิยํ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา ปจฺฉิมจงฺกมนโกฏึ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, ปจฺฉิมจงฺกมนโกฏิยํ ปวตฺตาปิ ปาจีนจงฺกมนโกฏึ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺทา, จงฺกมนมชฺเฌ ปวตฺตา อุโภ โกฏิโย อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, จงฺกเม ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา านํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, าเน ปวตฺตา นิสชฺชํ, นิสชฺชาย ปวตฺตา สยนํ อปฺปตฺวา เอตฺเถวนิรุทฺธา’’ติ, เอวํ ปริคฺคณฺหนฺโต ปริคฺคณฺหนฺโตเยว จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตาเรติ, อุฏฺหนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว อุฏฺหติ, อยํ ภิกฺขุ คตาทีสุ สมฺปชานการี นาม โหติ, เอวมฺปิ สุตฺเต กมฺมฏฺานํ อวิภูตํ โหติ, ตสฺมา โย ภิกฺขุ ยาว สกฺโกติ, ตาว จงฺกมิตฺวา ตฺวา นิสีทิตฺวา สยมาโน เอวํ ปริคฺคเหตฺวา สยติ ‘‘กาโย อเจตโน, มฺโจ อเจตโน, กาโย น ชานาติ ‘‘อหํ มฺเจ สยิโต’ติ, มฺโจ น ชานาติ ‘‘มยิ กาโย สยิโต’’ติ, อเจตโน กาโย อเจตเน มฺเจ สยิโต’’ติ, เอวํ ปริคฺคณฺหนฺโตเยว จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตาเรติ, ปพุชฺฌนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว ปพุชฺฌติ, อยํ สุตฺเต สมฺปชานการี นาม โหตีติ.
กายาทิกิริยานิพฺพตฺตเนน ¶ ตมฺมยตฺตา อาวชฺชนกิริยาสมุฏฺิตตฺตา จ ชวนํ, สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวารปฺปวตฺตํ กิริยามยปวตฺตํ นาม, ตสฺมึ สติ ชาคริตํ นาม โหตีติ ปริคฺคณฺหนฺโต ชาคริเต สมฺปชานการี นาม. อปิจ รตฺตินฺทิวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา ปฺจ โกฏฺาเส ชคฺคนฺโตปิ ชาคริเต สมฺปชานการี นาม โหติ. วิมุตฺตายตนสีเสน ธมฺมํ เทเสนฺโตปิ พาตฺตึสติรจฺฉานกถํ ¶ ปหาย ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตํ สปฺปายกถํ กเถนฺโตปิ ภาสิเต สมฺปชานการี นาม. อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ จิตฺตรุจิยํ มนสิการํ ปวตฺเตนฺโตปิ ทุติยํ ฌานํ สมาปนฺโนปิ ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี นาม. ทุติยฺหิ ฌานํ วจีสงฺขารวิรหโต วิเสสโต ตุณฺหีภาโว นาม. รูปธมฺมสฺเสว ปวตฺติอาการวิเสสา อภิกฺกมาทโยติ วุตฺตํ ‘‘รูปกฺขนฺธสฺเสว สมุทโย จ วโย จ นีหริตพฺโพ’’ติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
จตุสมฺปชฺปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฏิกูลมนสิการปพฺพวณฺณนา
๑๑๐. ปฏิกูลมนสิการวเสนาติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๓๗๗) ชิคุจฺฉนียตาย. ปฏิกูลเมว ปฏิกูลํ โย ปฏิกูลสภาโว ปฏิกูลากาโร, ตสฺส มนสิกรณวเสน. อนฺตเรนปิ หิ ภาววาจินํ สทฺทํ ภาวตฺโถ วิฺายติ ยถา ‘‘ปฏสฺส สุกฺก’’นฺติ. ยสฺมา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘๒-๑๘๓) วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ ตํสํวณฺณนายฺจ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. วตฺถาทีหิ ปสิพฺพกากาเรน พนฺธิตฺวา กตํ อาวฏนํ ปุโตฬิ. วิภูตากาโรติ ปณฺณตฺตึ สมติกฺกมิตฺวา อสุภภาวสฺส อุปฏฺิตากาโร. อิติ-สทฺทสฺส อาการตฺถตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอว’’นฺติ วตฺวา ตํ การณํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘เกสาทิปริคฺคหเณนา’’ติ อาห.
ปฏิกูลมนสิการปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
ธาตุมนสิการปพฺพวณฺณนา
๑๑๑. ธาตุมนสิการวเสนาติ ปถวีธาตุอาทิกา จตสฺโส ธาตุโย อารพฺภ ปวตฺตภาวนามนสิการวเสน, จตุธาตุววตฺถานวเสนาติ อตฺโถ. ธาตุมนสิกาโร ธาตุกมฺมฏฺานํ จตุธาตุววตฺถานนฺติ หิ อตฺถโต เอกํ. โคฆาตโกติ ชีวิกตฺถาย คุนฺนํ ฆาตโก. อนฺเตวาสิโกติ ¶ กมฺมกรณวเสน ตสฺส สมีปวาสี. ิต-สทฺโท ‘‘ิโต วา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๖๓; อ. นิ. ๕.๒๘) านสงฺขาตอิริยาปถสมงฺคิตาย, า-สทฺทสฺส วา คติวินิวตฺติอตฺถตาย อฺตฺถ เปตฺวา คมนํ เสสอิริยาปถสมงฺคิตาย โพธโก, อิธ ปน ยถา ตถา รูปกายสฺส ปวตฺติอาการโพธโก อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘จตุนฺนํ อิริยาปถานํ เยน เกนจิ อากาเรน ิตตฺตา ยถาิต’’นฺติ. ตตฺถ อากาเรนาติ านาทินา รูปกายสฺส ปวตฺติอากาเรน. านาทโย ¶ หิ อิริยาปถสงฺขาตาย กายิกกิริยาย ปโถ ปวตฺติมคฺโคติ ‘‘อิริยาปโถ’’ติ วุจฺจนฺติ. ยถาิตนฺติ ยถาปวตฺตํ. ยถาวุตฺตฏฺานเมเวตฺถ ‘‘ปณิธาน’’นฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ยถาิตตฺตา จ ยถาปณิหิต’’นฺติ. ิตนฺติ วา กายสฺส านสงฺขาตอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ. ปณิหิตนฺติ ตทฺอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ. ิตนฺติ วา กายสงฺขาตานํ รูปธมฺมานํ ตสฺมึ ตสฺมึ ขเณ สกิจฺจวเสน อวฏฺานปริทีปนํ. ปณิหิตนฺติ ปจฺจยกิจฺจวเสน เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ ปการโต นิหิตํ ปณิหิตนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปจฺจเวกฺขตีติ ปติ ปติ อเวกฺขติ, าณจกฺขุนา วินิพฺภุชิตฺวา วิสุํ วิสุํ ปสฺสติ.
อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ภาวตฺถวิภาวนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา โคฆาตกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โปเสนฺตสฺสาติ มํสูปจยปริพฺรูหนาย กุณฺฑกภตฺตกปฺปาสฏฺิอาทีหิ สํวฑฺเฒนฺตสฺส. วธิตํ มตนฺติ หึสิตํ หุตฺวา มตํ. มตนฺติ จ มตมตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ตาวเทวา’’ติ. คาวีติ สฺา น อนฺตรธายติ ยานิ องฺคปจฺจงฺคานิ ยถาสนฺนิวิฏฺานิ อุปาทาย คาวีสมฺา มตมตฺตายปิ คาวิยา, เตสํ ตํสนฺนิเวสสฺส อวินฏฺตฺตา. วิลียนฺติ ภิชฺชนฺติ วิภุชฺชนฺตีติ พีลา ภาคา ว-การสฺส พ-การํ, อิ-การสฺส อี-การํ กตฺวา. พีลโสติ พีลํ พีลํ กตฺวา. วิภชิตฺวาติ อฏฺิสงฺฆาฏโต มํสํ วิเวเจตฺวา, ตโต วา วิเวจิตมํสํ ภาคโส กตฺวา. เตเนวาห ‘‘มํสสฺา ปวตฺตตี’’ติ. ปพฺพชิตสฺสปิ อปริคฺคหิตกมฺมฏฺานสฺส. ฆนวินิพฺโภคนฺติ สนฺตติสมูหกิจฺจฆนานํ วินิพฺภุชนํ วิเวจนํ. ธาตุโส ปจฺจเวกฺขโตติ ฆนวินิพฺโภคกรเณน ธาตุํ ธาตุํ ปถวีอาทิธาตุํ วิสุํ วิสุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส. สตฺตสฺาติ อตฺตานุทิฏฺิวเสน ปวตฺตา สฺาติ วทนฺติ, โวหารวเสน ปวตฺตสตฺตสฺายปิ ¶ ตทา อนฺตรธานํ ยุตฺตเมว ยาถาวโต ฆนวินิพฺโภคสฺส สมฺปาทนโต. เอวฺหิ สติ ยถาวุตฺตโอปมฺมตฺเถน อุปเมยฺยตฺโถ อฺทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติ. เตเนวาห ‘‘ธาตุวเสเนว จิตฺตํ สนฺติฏฺตี’’ติ. ทกฺโขติ เฉโก ตํตํสมฺาย กุสโล, ยถาชาเต สูนสฺมึ นงฺคุฏฺขุรวิสาณาทิวนฺเต อฏฺิมํสาทิอวยวสมุทาเย อวิภตฺเต คาวีสมฺา, น วิภตฺเต, วิภตฺเต ปน อฏฺฏึมํสาทิอวยวสมฺาติ ชานนโก. จตุมหาปโถ วิย จตุอิริยาปโถติ คาวิยา ิตจตุมหาปโถ วิย กายสฺส ปวตฺติมคฺคภูโต จตุพฺพิโธ อิริยาปโถ. ยสฺมา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๖) วิตฺถาริตา, ตสฺมา ตตฺถ ตํสํวณฺณนายฺจ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๓๐๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
ธาตุมนสิการปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
นวสิวถิกปพฺพวณฺณนา
๑๑๒. สิวถิกาย ¶ อปวิทฺธอุทฺธุมาตกาทิปฏิสํยุตฺตานํ โอธิโส ปวตฺตานํ กถานํ ตทภิเธยฺยานฺจ อุทฺธุมาตกาทิอสุภภาคานํ สิวถิกปพฺพานีติ สงฺคีติกาเรหิ คหิตสมฺา. เตนาห ‘‘สิวถิกปพฺเพหิ วิภชิตุ’’นฺติ. อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานาติ ชีวิตกฺขยโต อุปริ มรณโต ปรํ. สมุคฺคเตนาติ อุฏฺิเตน. อุทฺธุมาตตฺตาติ อุทฺธํ อุทฺธํ ธุมาตตฺตา สูนตฺตา. เสตรตฺเตหิ วิปริภินฺนํ วิมิสฺสิตํ นีลํ วินีลํ, ปุริมวณฺณวิปริณามภูตํ วา นีลํวินีลํ, วินีลเมว วินีลกนฺติ ก-กาเรน ปทวฑฺฒนมาห อนตฺถนฺตรโต ยถา ‘‘ปีตกํ โลหิตก’’นฺติ (ธ. ส. ๖๑๖). ปฏิกูลกตฺตาติ ชิคุจฺฉนียตฺตา. กุจฺฉิตํ วินีลํ วินีลกนฺติ กุจฺฉนตฺโถ วา อยํ ก-กาโรติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ยถา ‘‘ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕). ปริภินฺนฏฺาเนหิ กากกงฺกาทีหิ. วิสฺสนฺทมานํ ปุพฺพนฺติ วิสฺสวนฺตํ ปุพฺพํ, ตหํ ตหํ ปคฺฆรนฺตปุพฺพนฺติ อตฺโถ. ตถาภาวนฺติ วิสฺสนฺทมานปุพฺพภาวํ.
โส ภิกฺขูติ โย ‘‘ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิต’’นฺติ วุตฺโต, โส ภิกฺขุ. อุปสํหรติ สทิสตํ. อยมฺปิ โขติอาทิ อุปสํหรณาการทสฺสนํ ¶ . อายูติ รูปชีวิตินฺทฺริยํ, อรูปชีวิตินฺทฺริยํ ปเนตฺถ วิฺาณคติกเมว. อุสฺมาติ กมฺมชเตโช. เอวํปูติกสภาโวติ เอวํ อติวิย ปูติกสภาโว, น อายุอาทีนํ อวิคเม วิย มตฺตโสติ อธิปฺปาโย. เอทิโส ภวิสฺสตีติ เอวํภาวีติ อาห ‘‘เอวํอุทฺธุมาตาทิเภโท ภวิสฺสตี’’ติ.
ลฺุจิตฺวา ลฺุจิตฺวาติ อุปฺปาเฏตฺวา อุปฺปาเฏตฺวา. เสสาวเสสมํสโลหิตยุตฺตนฺติ สพฺพโส อขาทิตตฺตา ตหํ ตหํ เสเสน อปฺปาวเสเสน มํสโลหิเตน ยุตฺตํ. อฺเน หตฺถฏฺิกนฺติ อวิเสเสน หตฺถฏฺิกานํ วิปฺปกิณฺณตา โชติตาติ อนวเสสโต เตสํ วิปฺปกิณฺณตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จตุสฏฺิเภทมฺปี’’ติอาทิมาห. เตโรวสฺสิกานีติ ติโรวสฺสํ คตานิ. ตานิ ปน สํวจฺฉรํ วีติวตฺตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘อติกฺกนฺตสํวจฺฉรานี’’ติ. ปุราณตาย ฆนภาววิคเมน วิจุณฺณตา อิธ ปูติภาโวติ โส ยถา โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อพฺโภกาเส’’ติอาทิมาห. ขชฺชมานตาทิวเสน ทุติยสิวถิกปพฺพาทีนํ ววตฺถิตตฺถา วุตฺตํ ‘‘ขชฺชมานาทีนํ วเสน โยชนา กาตพฺพา’’ติ.
นวสิวถิกปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิมาเนว ¶ ทฺเวติ อวธารเณน อปฺปนากมฺมฏฺานํ ตตฺถ นิยเมติ อฺปพฺเพสุ ตทภาวโต. ยโต หิ เอว-กาโร, ตโต อฺตฺถ นิยเมติ, เตน ปพฺพทฺวยสฺส วิปสฺสนากมฺมฏฺานตาปิ อปฺปฏิสิทฺธาติ ทฏฺพฺพา อนิจฺจาทิทสฺสนโต. สงฺขาเรสุ อาทีนววิภาวนานิ สิวถิกปพฺพานีติ อาห ‘‘สิวถิกานํ อาทีนวานุปสฺสนาวเสน วุตฺตตฺตา’’ติ. อิริยาปถปพฺพาทีนํ อนปฺปนาวหตา ปากฏา เอวาติ ‘‘เสสานิ ทฺวาทสาปี’’ติ วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
กายานุปสฺสนาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เวทนานุปสฺสนาวณฺณนา
๑๑๓. สุขํ เวทนนฺติ เอตฺถ สุขยตีติ สุขา, สมฺปยุตฺตธมฺเม กายฺจ ลทฺธสฺสาเท กโรตีติ อตฺโถ. สุฏฺุ วา ขาทติ, ขนติ วา กายิกํ เจตสิกฺจ ¶ อาพาธนฺติ สุขา. สุกรํ โอกาสทานํ เอติสฺสาติ สุขาติ อปเร. เวทยติ อารมฺมณรสํ อนุภวตีติ เวทนา. เวทยมาโนติ อนุภวมาโน. กามนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อิริยาปถปพฺเพ วุตฺตเมว. สมฺปชานสฺส เวทิยนํ สมฺปชานเวทิยนํ.
‘‘โวหารมตฺตํ โหตี’’ติ เอเตน ‘‘สุขํ เวทนํ เวทยมาโน สุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ อิทํ โวหารมตฺตนฺติ ทสฺเสติ. วตฺถุอารมฺมณาติ รูปาทิอารมฺมณา. รูปาทิอารมฺมณฺหิ เวทนาย ปวตฺติฏฺานตาย ‘‘วตฺถู’’ติ อธิปฺเปตํ. อสฺสาติ ภเวยฺย. ธมฺมวินิมุตฺตสฺส อฺสฺส กตฺตุ อภาวโต ธมฺมสฺเสว กตฺตุภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เวทนาว เวทยตี’’ติ อาห. นิตฺถุนนฺโตติ. พลวโต เวทนาเวคสฺส นิโรธเน อาทีนวํ ทิสฺวา ตสฺส อวสรทานวเสน นิตฺถุนนฺโต. วีริยสมตํ โยเชตฺวาติ อธิวาสนวีริยสฺส อธิมตฺตตฺตา ตสฺส หาปนวเสน สมาธินา สมรสตาปาทเนน วีริยสมตํ โยเชตฺวา. สห ปฏิสมฺภิทาหีติ โลกุตฺตรปฏิสมฺภิทาหิ สห. โลกิยานมฺปิ วา สติ อุปฺปตฺติกาเล ตตฺถ สมตฺถตํ สนฺธายาห ‘‘สห ปฏิสมฺภิทาหี’’ติ. สมสีสีติ วารสมสีสี หุตฺวา, ปจฺจเวกฺขณวารสฺส อนนฺตรวาเร ปรินิพฺพายีติ อตฺโถ.
ยถา จ สุขํ, เอวํ ทุกฺขนฺติ ยถา ‘‘สุขํ เวทยตี’’ติอาทินา สมฺปชานเวทิยนํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอวํ ทุกฺขมฺปิ. ตตฺถ ทุกฺขยตีติ ทุกฺขา, สมฺปยุตฺตธมฺเม กายฺจ ปีเฬติ วิพาธตีติ ¶ อตฺโถ. ทุฏฺุํ วา ขาทติ, ขนติ วา กายิกํ เจตสิกฺจ สาตนฺติ ทุกฺขา. ทุกฺกรํ โอกาสทานํ เอติสฺสาติ ทุกฺขาติ อปเร. อรูปกมฺมฏฺานนฺติ อรูปปริคฺคหํ, อรูปธมฺมมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสนฺติ อตฺโถ. รูปกมฺมฏฺาเนน ปน สมถาภินิเวโสปิ สงฺคยฺหติ, วิปสฺสนาภินิเวโส ปน อิธาธิปฺเปโตติ ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘รูปปริคฺคโห อรูปปริคฺคโหติปิ เอตเทว วุจฺจตี’’ติ. จตุธาตุววตฺถานํ กเถสีติ เอตฺถาปิ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตทุภยนฺติ จตุธาตุววตฺถานสฺส สงฺเขปวิตฺถารทฺวยมาห. สงฺเขปมนสิการวเสน มหาสติปฏฺาเน, วิตฺถารมนสิการวเสน ราหุโลวาท- (ม. นิ. ๒.๑๑๕-๑๑๗) ธาตุวิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๑๗๔-๑๗๕).
เยภุยฺยคฺคหเณน ¶ ตทฺธมฺมวเสนปิ อรูปกมฺมฏฺานกถาย อตฺถิตา ทีปิตาติ ตํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘ติวิโธ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อภินิเวโสติ อนุปฺปเวโส, อารมฺโภติ อตฺโถ. อารมฺเภ เอว หิ อยํ วิภาโค, สมฺมสนํ ปน อนวเสสโตว ธมฺเม ปริคฺคเหตฺวา วตฺตติ. ปริคฺคหิเต รูปกมฺมฏฺาเนติ อิทํ รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, อรูปมุเขน ปน วิปสฺสนาภินิเวโส เยภูยฺเยน สมถยานิกสฺส อิจฺฉิตพฺโพ, โส จ ปมํ ฌานงฺคานิ ปริคฺคเหตฺวา ตโต ปรํ เสสธมฺเม ปริคฺคณฺหาติ. ปมาภินิปาโตติ สพฺเพ เจตสิกา จิตฺตายตฺตา จิตฺตกิริยภาเวน วุจฺจนฺตีติ ผสฺโส จิตฺตสฺส ปมาภินิปาโต วุตฺโต, อุปฺปนฺนผสฺโส ปุคฺคโล, จิตฺตเจตสิกราสิ วา อารมฺมเณน ผุฏฺโ ผสฺสสหชาตาย เวทนาย ตํสมกาลเมว เวเทติ, ผสฺโส ปน โอภาสสฺส วิย ปทีโป เวทนาทีนํ ปจฺจยวิเสโส โหตีติ ปุริมกาโล วิย วุจฺจติ, ยา ตสฺส อารมฺมณาภินิโรปนลกฺขณตา วุจฺจติ. ผุสนฺโตติ อารมฺมณสฺส ผุสนากาเรน. อยฺหิ อรูปธมฺมตา เอกเทเสน อนลฺลียมาโนปิ รูปํ วิย จกฺขุ, สทฺโท วิย จ โสตํ จิตฺตํ อารมฺมณฺจ ผุสนฺโต วิย สงฺฆฏฺเฏนฺโต วิย จ ปวตฺตติ. ตถาเหส ‘‘สงฺฆฏฺฏนรโส’’ติ วุจฺจติ.
อารมฺมณํ อนุภวนฺตีติ อิสฺสรวตาย วิสวิตาย สามิภาเวน อารมฺมณรสํ อนุภวนฺตี. ผสฺสาทีนฺหิ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อารมฺมเณ เอกเทเสเนว ปวตฺติ ผุสนาทิมตฺตภาวโต, เวทนาย ปน อิฏฺาการสมฺโภคาทิวเสน ปวตฺตนโต อารมฺมเณ นิปฺปเทสโต ปวตฺติ. ผุสนาทิภาเวน หิ อารมฺมณคฺคหณํ เอกเทสานุภวนํ, เวทยิตาภาเวน คหณํ ยถากามํ สพฺพานุภวนํ เอวสภาวาเนว ตานิ คหณานีติ น เวทนาย วิย ผสฺสาทีนมฺปิ ยถาสกํ กิจฺจกรเณน สามิภาวานุภวนํ โจเทตพฺพํ. วิชานนฺตนฺติ ปริจฺฉินฺทนวเสน วิเสสโต ชานนฺตํ. วิฺาณฺหิ มินิตพฺพวตฺถุํ นาฬิยา มินนฺโต ปุริโส วิย อารมฺมณํ ปริจฺฉิชฺช ¶ วิภาเวนฺตํ ปวตฺตติ, น สฺา วิย สฺชานนมตฺตํ หุตฺวา. ตถา หิ อเนน กทาจิ ลกฺขณตฺตยวิภาวนาปิ โหติ. อิเมสํ ปน ผสฺสาทีนํ ตสฺส ตสฺส ปากฏภาโว ปจฺจยวิเสสสิทฺธสฺส ปุพฺพาโภคสฺส วเสน เวทิตพฺพา.
เอวํ ¶ ตสฺส ตสฺเสว ปากฏภาเวปิ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อภิฺเยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๔๖; ปฏิ. ม. ๑.๓) ‘‘สพฺพฺจ โข, ภิกฺขเว, อภิชาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๖) จ เอวมาทิวจนโต สพฺเพ สมฺมสนุปคา ธมฺมา ปริคฺคเหตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ยสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ผสฺสปฺจมเกเยวาติ อวธารณํ ตทนฺโตคธตฺตา ตคฺคหเณเนว คหิตตฺตา จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ. ผสฺสปฺจมกคฺคหณฺหิ ตสฺส สพฺพจิตฺตุปฺปาทสาธารณภาวโต, ตตฺถ จ ผสฺสเจตนาคฺคหเณน สพฺพสงฺขารกฺขนฺธธมฺมสงฺคโห เจตนาปธานตฺตา เตสํ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภงฺเค (วิภ. ๑๒) ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา เจตนาว วิภตฺตา, อิตเร ปน ขนฺธา สรูเปเนว คหิตา.
วตฺถุํ นิสฺสิตาติ เอตฺถ วตฺถุ-สทฺโท กรชกายวิสโยติ กถมิทํ วิฺายตีติ อาห ‘‘ยํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติอาทิ. กตฺถ ปน วุตฺตํ? สามฺผเล. โสติ กรชกาโย. ปฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตํ นามรูปํ นตฺถีติ อิทํ อธิการวเสน วุตฺตํ. อฺถา หิ ขนฺธวินิมุตฺตมฺปิ นามํ อตฺเถวาติ. อวิชฺชาทิเหตุกาติ อวิชฺชาตณฺหุปาทานาทิเหตุกา. วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา…เป… วิจรตีติ อิมินา พลววิปสฺสนํ วตฺวา ปุน ตสฺส อุสฺสุกฺกาปนํ วิเสสาธิคมนฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส’’ติอาทิมาห.
อิธาติ อิมิสฺสํ ทุติยสติปฏฺานเทสนายํ, ตสฺสา ปน เวทนานุปสฺสนาวเสน กเถตพฺพตฺตา ภควา เวทนาวเสน กเถสิ. ยถาวุตฺเตสุ จ ตีสุ กมฺมฏฺานาภินิเวเสสุ เวทนาวเสน กมฺมฏฺานาภินิเวโส สุกโร เวทนานํ วิภูตภาวโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ผสฺสวเสน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น ปากฏํ โหตีติ อิทํ ตาทิเส ปุคฺคเล สนฺธาย วุตฺตํ, เยสํ อาทิโต เวทนาว วิภูตตรา หุตฺวา อุปฏฺาติ. เอวฺหิ ยํ วุตฺตํ ‘‘ผสฺโส ปากโฏ โหติ, วิฺาณํ ปากฏํ โหตี’’ติ, ตํ อวิโรธิตํ โหติ. เวทนานํ อุปฺปตฺติปากฏตายาติ จ อิทํ สุขทุกฺขเวทนานํ วเสน วุตฺตํ. ตาสฺหิ ปวตฺติ โอฬาริกา, น อิตราย. ตทุภยคฺคหณมุเขน วา คเหตพฺพตฺตา อิตรายปิ ปวตฺติ วิฺูนํ ปากฏา เอวาติ ‘‘เวทนาน’’นฺติ อวิเสสคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. ยทา สุขํ อุปฺปชฺชตีติอาทิ สุขเวทนาย ปากฏภาววิภาวนํ. เนว ตสฺมึ สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทตีติ ตสฺมึ สุขเวทนาสมงฺคิสมเย เนว ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ นิรุทฺธตฺตา, อนุปฺปนฺนตฺตา จ ยถากฺกมํ ¶ อตีตานาคตานํ ¶ , ปจฺจุปฺปนฺนาย ปน อสมฺภโว วุตฺโตเยว. สกิจฺจกฺขณมตฺตาวฏฺานโต อนิจฺจา. สเมจฺจสมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตตฺตา สงฺขตา. วตฺถารมฺมณาทิปจฺจยํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนตฺตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา. ขยวยปลุชฺชนนิรุชฺฌนปกติตาย ขยธมฺมา…เป… นิโรธธมฺมาติ ทฏฺพฺพา.
กิเลเสหิ อามสิตพฺพโต อามิสํ นาม ปฺจ กามคุณา, อารมฺมณกรณวเสน สห อามิเสหีติ อามิสา. เตนาห ‘‘ปฺจกามคุณามิสนิสฺสิตา’’ติ. อิโต ปรนฺติ ‘‘อตฺถิ เวทนา’’ติ เอวมาทิปาฬึ สนฺธายาห ‘‘กายานุปสฺสนายํ วุตฺตนยเมวา’’ติ.
เวทนานุปสฺสนาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จิตฺตานุปสฺสนาวณฺณนา
๑๑๔. สมฺปโยควเสน (ที. นิ. ฏี. ๒.๓๘๑) ปวตฺตมาเนน สห ราเคนาติ สราคํ. เตนาห ‘‘โลภสหคต’’นฺติ. วีตราคนฺติ. เอตฺถ กามํ สราคปทปฏิโยคินา วีตราควเสน ภวิตพฺพํ, สมฺมสนจารสฺส ปน อิธาธิปฺเปตตฺตา เตภูมกสฺเสว คหณนฺติ ‘‘โลกิยกุสลาพฺยากต’’นฺติ วตฺวา ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทินา ตเมว อธิปฺปายํ วิวรติ. เสสานิ ทฺเว โทสมูลานิ, ทฺเว โมหมูลานีติ จตฺตาริ อกุสลจิตฺตานิ. เตสฺหิ ราเคน สมฺปโยคาภาวโต นตฺเถว สราคตา, ตนฺนิมิตฺตกตาย ปน สิยา ตํสหิตตาเลโสติ นตฺเถว วีตราคตาปีติ ทุกวินิมุตฺตตา เอเวตฺถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เนว ปุริมปทํ, น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺตี’’ติ. ยทิ เอวํ ปเทสิกํ ปชานนํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ ทุกนฺตรปริยาปนฺนตฺตา เตสํ. อกุสลมูเลสุ สห โมเหเนว วตฺตตีติ สโมหนฺติ อาห ‘‘วิจิกิจฺฉาสหคตฺเจว อุทฺธจฺจสหคตฺจา’’ติ. ยสฺมา เจตฺถ สเหว โมเหนาติ สโมหนฺติ ปุริมปทาวธารณมฺปิ ลพฺภติเยว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. ยถา ปน อติมูฬฺหตาย ปาฏิปุคฺคลิกนเยน สวิเสสํ โมหวนฺตตาย โมมูหจิตฺตนฺติ วตฺตพฺพโต วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตทฺวยํ วิเสสโต ‘‘สโมห’’นฺติ วุจฺจติ, น ตถา เสสากุสลจิตฺตานีติ ‘‘วฏฺฏนฺติเยวา’’ติ ¶ วุตฺตํ. สมฺปโยควเสน ถินมิทฺเธน อนุปติตํ อนุคตนฺติ ถินมิทฺธานุปติตํ ปฺจวิธํ สสงฺขาริกากุสลจิตฺตํ สงฺกุฏิตจิตฺตํ. สงฺกุฏิตจิตฺตํ นาม อารมฺมเณ สงฺโกจนวเสน ปวตฺตนโต. ปจฺจยวิเสสวเสน ถามชาเตน อุทฺธจฺเจน สหคตํ ปวตฺตํ สํสฏฺนฺติ อุทฺธจฺจสหคตํ, อฺถา ¶ สพฺพมฺปิ อกุสลจิตฺตํ อุทฺธจฺจสหคตเมวาติ. ปสฏจิตฺตํ นาม สาติสยํ วิกฺเขปวเสน ปวตฺตนโต.
กิเลสวิกฺขมฺภนสมตฺถตาย วิปุลผลตาย ทีฆสนฺตานตาย จ มหนฺตภาวํ คตํ, มหนฺเตหิ วา อุฬารจฺฉนฺทาทีหิ คตํ ปฏิปนฺนนฺติ มหคฺคตํ. ตํ ปน รูปารูปภูมิกํ ตโต มหนฺตสฺส โลเก อภาวโต. เตนาห ‘‘รูปารูปาวจร’’นฺติ. ตสฺส เจตฺถ ปฏิโยคี ปริตฺตเมวาติ อาห ‘‘อมหคฺคตนฺติ กามาวจร’’นฺติ. อตฺตานํ อุตฺตริตุํ สมตฺเถหิ สห อุตฺตเรหีติ สอุตฺตรํ, ตปฺปฏิปกฺเขน อนุตฺตรํ, ตทุภยํ อุปาทาย เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สอุตฺตรนฺติ กามาวจร’’นฺติอาทิ. ปฏิปกฺขวิกฺขมฺภนสมตฺเถน สมาธินา สมฺมเทว อาหิตํ สมาหิตํ. เตนาห ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิ. ยสฺสาติ ยสฺส จิตฺตสฺส. ยถาวุตฺเตน สมาธินา น สมาหิตนฺติ อสมาหิตํ. เตนาห ‘‘อุภยสมาธิรหิต’’นฺติ. ตทงฺควิมุตฺติยา วิมุตฺตํ, กามาวจรํ กุสลํ. วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา วิมุตฺตํ, มหคฺคตนฺติ ตทุภยํ สนฺธายาห ‘‘ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺตีหิ วิมุตฺต’’นฺติ. ยตฺถ ตทุภยวิมุตฺติ นตฺถิ, ตํ อุภยวิมุตฺติรหิตนฺติ คยฺหมาเน โลกุตฺตรจิตฺเตปิ สิยา อาสงฺกาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘สมุจฺเฉท…เป… โอกาโสว นตฺถี’’ติ อาห. โอกาสาภาโว จ สมฺมสนจารสฺส อธิปฺเปตตฺตา เวทิตพฺโพ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมวาติ.
จิตฺตานุปสฺสนาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ธมฺมานุปสฺสนาวณฺณนา
นีวรณปพฺพวณฺณนา
๑๑๕. ปหาตพฺพาทิธมฺมวิภาคทสฺสนวเสน ¶ ปฺจธา ธมฺมานุปสฺสนา นิทฺทิฏฺาติ อยมตฺโถ ปาฬิโต เอว วิฺายตีติ ตมตฺถํ อุลฺลิงฺเคนฺโต ‘‘ปฺจวิเธน ¶ ธมฺมานุปสฺสนํ กเถตุ’’นฺติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ กสฺมา นีวรณาทิวเสเนว นิทฺทิฏฺนฺติ? เวเนยฺยชฺฌาสยโต. เยสฺหิ เวเนยฺยานํ ปหาตพฺพธมฺเมสุ ปมํ นีวรณานิ วิภาเคน วตฺตพฺพานิ, เตสํ วเสเนตฺถ ภควตา ปมํ นีวรเณสุ ธมฺมานุปสฺสนา กถิตา. ตถา หิ กายานุปสฺสนาปิ สมถปุพฺพงฺคมา เทสิตา, ตโต ปริฺเยฺเยสุ ขนฺเธสุ อายตเนสุ, ภาเวตพฺเพสุ โพชฺฌงฺเคสุ ปริฺเยาทิวิภาเคสุ สจฺเจสุ จ อุตฺตรา เทสนา เทสิตา, ตสฺมา เจตฺถ สมถภาวนาปิ ยาวเทว วิปสฺสนตฺถํ อิจฺฉิตา, วิปสฺสนาปธานา วิปสฺสนาพหุลา จ สติปฏฺานเทสนาติ ตสฺสา วิปสฺสนาภินิเวสวิภาเคน เทสิตภาวํ วิภาเวนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ขนฺธายตนทุกฺขสจฺจวเสน มิสฺสกปริคฺคหกถนํ ทฏฺพฺพํ. สฺาสงฺขารกฺขนฺธปริคฺคหมฺปีติ ปิ-สทฺเทน สกลปฺจุปาทานกฺขนฺธปริคฺคหํ สมฺปิณฺเฑติ อิตเรสํ ตทนฺโตคธตฺตา. ‘‘กณฺหสุกฺกานํ ยุคนฺธตา นตฺถี’’ติ ปชานนกาเล อภาวา ‘‘อภิณฺหสมุทาจารวเสนา’’ติ วุตฺตํ. ยถาติ เยนากาเรน. โส ปน ‘‘กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา กามจฺฉนฺทสฺส การณากาโรว, อตฺถโต การณเมวาติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติ. จ-สทฺโท วกฺขมานตฺถสมุจฺจยตฺโถ.
ตตฺถาติ ‘‘ยถา จา’’ติอาทินา วุตฺตปเท. สุภมฺปีติ กามจฺฉนฺโทปิ. โส หิ อตฺตโน คหณากาเรน ‘‘สุภ’’นฺติ วุจฺจติ, เตนากาเรน ปวตฺตนกสฺส อฺสฺส กามจฺฉนฺทสฺส นิมิตฺตตฺตา ‘‘สุภนิมิตฺต’’นฺติ จ. อิฏฺํ, อิฏฺากาเรน วา คยฺหมานํ รูปาทิ สุภารมฺมณํ. อากงฺขิตสฺส หิตสุขสฺส อนุปายภูโต มนสิกาโร อนุปายมนสิกาโร. ตนฺติ อโยนิโสมนสิการํ. ตตฺถาติ นิปฺผาเทตพฺเพ อารมฺมณภูเต จ ทุวิเธปิ สุภนิมิตฺเต. อาหาโรติ ปจฺจโย.
อสุภมฺปีติ อสุภชฺฌานมฺปิ อุตฺตรปทโลเปน. ตํ ปน ทสสุ อวิฺาณกาสุเภสุ, เกสาทีสุ จ ปวตฺตํ ทฏฺพฺพํ. เกสาทีสุ หิ สฺา อสุภสฺาติ คิริมานนฺทสุตฺเต (อ. นิ. ๑๐.๖๐) วุตฺตาติ. เอตฺถ จ จตุพฺพิธสฺส อโยนิโสมนสิการสฺส โยนิโสมนสิการสฺส ¶ จ คหณํ นิรวเสสทสฺสนตฺถํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตสุ ปน อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ, ‘‘อสุภ’’นฺติ จ มนสิกาโร อิธาธิปฺเปโต, ตทนุกูลตฺตา วา อิตเรปีติ.
เอกาทสสุ ¶ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๖) อสุเภสุ ปฏิกูลาการสฺส อุคฺคณฺหนํ, ยถา วา ตตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตถา ปฏิปตฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห. อุปจารปฺปนาวหาย อสุภภาวนาย อนุยฺุชนํ อสุภภาวนานุโยโค. โภชเน มตฺตฺุโน ถินมิทฺธาภิภวาภาวา โอตารํ อลภมาโน กามจฺฉนฺโท ปหียตีติ วทนฺติ. โภชนนิสฺสิตํ ปน อาหาเร ปฏิกูลสฺํ, ตพฺพิปริณามสฺส, ตทาธารสฺส, ตสฺส จ อุทริยภูตสฺส อสุภตาทสฺสนํ, กายสฺส อาหารฏฺิติกตาทสฺสนฺจ โย สมฺมเทว ชานาติ, โส วิเสสโต โภชเน มตฺตฺู นาม, ตสฺส จ กามจฺฉนฺโท ปหียเตว. อสุภกมฺมิกติสฺสตฺเถโร ทนฺตฏฺิทสฺสาวี. อภิธมฺมปริยาเยน (ธ. ส. ๑๑๕๙, ๑๕๐๓) สพฺโพปิ โลโภ กามจฺฉนฺทนีวรณนฺติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺเคนา’’ติ.
ปฏิฆมฺปิ ปุริมุปฺปนฺนํ ปฏิฆนิมิตฺตํ ปรโต อุปฺปชฺชนกปฏิฆสฺส การณนฺติ กตฺวา. เมชฺชติ หิตผรณวเสน สินิยฺหตีติ มิตฺโต, ตสฺมึ มิตฺเต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสาติ เมตฺตา, ตสฺสา เมตฺตาย.
เมตฺตายนสฺส สตฺเตสุ หิตผรณสฺส อุปฺปาทนํ ปวตฺตนํ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห. โอธิสกอโนธิสกทิสาผรณานนฺติ อตฺตอติปิยสหายมชฺฌตฺตเวรีวเสน โอธิสกตา, สีมาสมฺเภเท กเต อโนธิสกตา, เอกาทิทิสาผรณวเสน ทิสาผรณตา เมตฺตาย อุคฺคหเณ เวทิตพฺพา. วิหารรจฺฉาคามาทิวเสน วา โอธิสกทิสาผรณํ, วิหาราทิอุทฺเทสรหิตํ ปุรตฺถิมาทิทิสาวเสน อโนธิสกทิสาผรณนฺติ เอวํ วา ทฺวิธา อุคฺคหณํ สนฺธาย ‘‘โอธิสกอโนธิสกทิสาผรณาน’’นฺติ วุตฺตํ. อุคฺคโห จ ยาว อุปจารา ทฏฺพฺโพ, อุคฺคหิตาย อาเสวนา ภาวนา. ตตฺถ ‘‘สพฺเพ สตฺตา, ปาณา, ภูตา, ปุคฺคลา, อตฺตภาวปริยาปนฺนา’’ติ เอเตสํ วเสน ปฺจวิธา, เอเกกสฺมึ ‘‘อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺชา, อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู’’ติ จตุธา ปวตฺติโต วีสติวิธา อโนธิสกผรณา เมตฺตา, ‘‘สพฺพา อิตฺถิโย, ปุริสา, อริยา, อนริยา, เทวา, มนุสฺสา, วินิปาติกา’’ติ สตฺโตธิกรณวเสน ปวตฺตา สตฺตวิธา อฏฺวีสติวิธา วา, ทสหิ ทิสาหิ ทิโสธิกรณวเสน ปวตฺตา ทสวิธา จ, เอเกกาย วา ทิสาย สตฺตาทิอิตฺถาทิอเวราทิเภเทน ¶ อสีตาธิกจตุสตปฺปเภทา จ โอธิโภผรณา เวทิตพฺพา.
เยน ¶ อโยนิโสมนสิกาเรน อรติอาทิกานิ อุปฺปชฺชนฺติ, โส อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิกาโร, เตน. นิปฺผาเทตพฺเพ หิ อิทํ ภุมฺมํ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. อุกฺกณฺิตา ปนฺตเสนาสเนสุ อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ จ อุปฺปชฺชนภาวริฺจนา. กายวินามนาติ กายสฺส วิรูเปนากาเรน นามนา.
กุสลธมฺมสมฺปฏิปตฺติยา ปฏฺปนสภาวตาย, ตปฺปฏิปกฺขานํ วิโสสนสภาวตาย จ อารมฺภธาตุอาทิโต ปวตฺตวีริยนฺติ อาห ‘‘ปมารมฺภวีริย’’นฺติ. ยสฺมา ปมารมฺภมตฺตสฺส โกสชฺชวิธมนํ ถามคมนฺจ นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตาย ตโต พลวตร’’นฺติ. ยสฺมา ปน อปราปรุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนํ อุปรูปริวิเสสํ อาวหนฺตํ อติวิย ถามคตเมว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตร’’นฺติ.
อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโหติ อติโภชเน ถินมิทฺธสฺส นิมิตฺตคฺคาโห, ‘‘เอตฺตเก ภุตฺเต ถินมิทฺธสฺส การณํ โหติ, เอตฺตเก น โหตี’’ติ ถินมิทฺธสฺส การณาการณคฺคาโห โหตีติ อตฺโถ. ทิวา สูริยาโลกนฺติ ทิวา คหิตนิมิตฺตํ สูริยาโลกํ รตฺติยํ มนสิกโรนฺตสฺสปีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ธุตงฺคานํ วีริยนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปี’’ติ.
กุกฺกุจฺจมฺปิ กตากตานุโสจนวเสน ปวตฺตมานํ เจตโส อวูปสมาวหตาย อุทฺธจฺเจน สมานลกฺขณเมวาติ ‘‘อวูปสโม นาม อวูปสนฺตากาโร, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมเวตํ อตฺถโต’’ติ วุตฺตํ.
พหุสฺสุตสฺส คนฺถโต อตฺถโต จ สุตฺตาทีนิ วิจาเรนฺตสฺส อตฺถเวทาทิปฏิลาภสพฺภาวโต วิกฺเขโป น โหติ, ยถาวิธิปฏิปตฺติยา ยถานุรูปปฏิการปฺปวตฺติยา จ กตากตานุโสจนฺจ น โหตีติ ‘‘พาหุสจฺเจนปิ…เป… อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียตี’’ติ อาห. ยทคฺเคน พาหุสจฺเจน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, ตทคฺเคน ปริปุจฺฉกตาวินยปกตฺุตาหิปิ ตํ ปหียตีติ ทฏฺพฺพํ. พุทฺธเสวิตา จ พุทฺธสีลิตํ อาวหตีติ เจตโส วูปสมกรตฺตา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปหานการี วุตฺตา. พุทฺธตฺตํ ¶ ปน อนเปกฺขิตฺวา วินยธรา กุกฺกุจฺจวิโนทกา กลฺยาณมิตฺตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา. วิกฺเขโป จ ภิกฺขุโน เยภุยฺเยน กุกฺกุจฺจเหตุโก โหตีติ ‘‘กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉามหุลสฺสา’’ติอาทินา วินยนเยเนว ปริปุจฺฉกตาทโย นิทฺทิฏฺา. ปหีเน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺเจติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. กุกฺกุจฺจสฺส โทมนสฺสสหคตตฺตา อนาคามิมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท วุตฺโต.
ติฏฺติ ¶ ปวตฺตติ เอตฺถาติ านียา, วิจิกิจฺฉาย านียา วิจิกิจฺฉาฏฺานียา, วิจิกิจฺฉาย การณภูตา ธมฺมา. ติฏฺตีติ วา านียา, วิจิกิจฺฉา านียา เอติสฺสาติ วิจิกิจฺฉาฏฺานียา, อตฺถโต วิจิกิจฺฉา เอว. สา หิ ปุริมุปฺปนฺนา ปรโต อุปฺปชฺชนกวิจิกิจฺฉาย สภาคเหตุตาย อสาธารณํ.
กุสลากุสลาติ โกสลฺลสมฺภูตฏฺเน กุสลา, ตปฺปฏิปกฺขโต อกุสลา. เย อกุสลา, เต สาวชฺชา อเสวิตพฺพา หีนา จ. เย กุสลา, เต อนวชฺชา เสวิตพฺพา ปณีตา จ. กุสลาปิ วา หีเนหิ ฉนฺทาทีหิ อารทฺธา หีนา, ปณีเตหิ ปณีตา. กณฺหาติ กาฬกา, จิตฺตสฺส อปภสฺสรภาวกรณา. สุกฺกาติ โอทาตา, จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณา. กณฺหาภิชาติเหตุโต วา กณฺหา, สุกฺกาภิชาติเหตุโต สุกฺกา. เต เอว สปฺปฏิภาคา. กณฺหา หิ อุชุวิปจฺจนีกตาย สุกฺเกหิ สปฺปฏิภาคา, ตถา สุกฺกาปิ อิตเรหิ. อถ วา กณฺหสุกฺกา จ สปฺปฏิภาคา จ กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคา. สุขา หิ เวทนา ทุกฺขายเวทนาย สปฺปฏิภาคา, ทุกฺขา จ เวทนา สุขาย เวทนาย สปฺปฏิภาคาติ.
กามํ พาหุสจฺจปริปุจฺฉกตาหิ อฏฺวตฺถุกาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตถาปิ รตนตฺตยวิจิกิจฺฉามูลิกา เสสวิจิกิจฺฉาติ กตฺวา อาห ‘‘ตีณิ รตนานิ อารพฺภา’’ติ. รตนตฺตยคุณาวโพเธ หิ ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘, ๑๑๒๓, ๑๑๖๗, ๑๒๔๑, ๑๒๖๓, ๑๒๗๐; วิภ. ๙๑๕) อาทิวิจิกิจฺฉาย อสมฺภโวติ. วินเย ปกตฺุตา ‘‘สิกฺขาย กงฺขตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘, ๑๑๒๓, ๑๑๖๗, ๑๒๔๑, ๑๒๖๓, ๑๒๗๐; วิภ. ๙๑๕) วุตฺตาย วิจิกิจฺฉาย ปหานํ กโรตีติ อาห ‘‘วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสปี’’ติ. โอกปฺปนียสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาติ สทฺเธยฺยวตฺถุโน อนุปวิสนสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺเขน อธิมุจฺจนพหุลสฺส ¶ . อธิมุจฺจนฺจ อธิโมกฺขุปฺปาทนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. สทฺธาย วา นินฺนโปณตา อธิมุตฺติ อธิโมกฺโข.
สุภนิมิตฺตอสุภนิมิตฺตาทีสูติ ‘‘สุภนิมิตฺตาทีสุ อสุภนิมิตฺตาทีสู’’ติ อาทิ-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ตตฺถ ปเมน อาทิ-สทฺเทน ปฏิฆนิมิตฺตาทีนํ สงฺคโห, ทุติเยน เมตฺตาเจโตวิมุตฺติอาทีนํ. เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตนยเมวาติ.
นีวรณปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
ขนฺธปพฺพวณฺณนา
๑๑๖. อุปาทาเนหิ ¶ อารมฺมณกรณาทิวเสน อุปาทาตพฺพา วา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺทา. อิติ รูปนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อิทํ-สทฺเทน สมานตฺโถติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อิทํ รูป’’นฺติ. ตยิทํ สรูปโต อนวเสสปริยาทานํ โหตีติ อาห – ‘‘เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ปรํ รูปํ อตฺถี’’ติ. อิตีติ วา ปการตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ‘‘อิติ รูป’’นฺติ อิมินา ภูตุปาทาทิวเสน ยตฺตโก รูปสฺส เภโท, เตน สทฺธึ รูปํ อนวเสสโต ปริยาทิยิตฺวา ทสฺเสติ. สภาวโตติ รุปฺปนสภาวโต จกฺขาทิวณฺณาทิสภาวโต จ. เวทนาทีสุปีติ เอตฺถ ‘‘อยํ เวทนา, เอตฺตกา เวทนา, น อิโต ปรํ เวทนา อตฺถีติ สภาวโต เวทนํ ปชานาตี’’ติอาทินา, สภาวโตติ จ อนุภวนสภาวโต สาตาทิสภาวโต จาติ เอวมาทินา โยเชตพฺพํ.
ขนฺธปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
อายตนปพฺพวณฺณนา
๑๑๗. ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสูติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๓๘๔) ‘‘ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ ฉสุ พาหิเรสุ’’ติ ‘‘ฉสู’’ติ ปทํ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. กสฺมา ปเนตานิ อุภยานิ ฉเฬว วุตฺตานิ? ฉวิฺาณกายุปฺปตฺติทฺวารารมฺมณววตฺถานโต. จกฺขุวิฺาณวีถิยา ¶ ปริยาปนฺนสฺส หิ วิฺาณกายสฺส จกฺขายตนเมว อุปฺปตฺติทฺวารํ, รูปายตนเมว จ อารมฺมณํ, ตถา อิตรานิ อิตเรสํ, ฉฏฺสฺส ปน ภวงฺคมนสงฺขาโต มนายตเนกเทโส อุปฺปตฺติทฺวารํ, อสาธารณฺจ ธมฺมายตนํ อารมฺมณํ. จกฺขตีติ จกฺขุ, รูปํ อสฺสาเทติ วิภาเวติ จาติ อตฺโถ. สุณาตีติ โสตํ. ฆายตีติ ฆานํ. ชีวิตนิมิตฺตตาย รโส ชีวิตํ, ตํ ชีวิตมวฺหายตีติ ชิวฺหา. กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโย อุปฺปตฺติเทโสติ กาโย. มุนาติ อารมฺมณํ วิชานาตีติ มโน. รูปยติ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ รูปํ. สปฺปติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ หรียติ โสตวิฺเยฺยภาวํ คมียตีติ สทฺโท. คนฺธยติ อตฺตโน วตฺถุํ สูเจตีติ คนฺโธ. รสนฺติ ตํ สตฺตา อสฺสาเทนฺตีติ รโส. ผุสียตีติ โผฏฺพฺพํ. อตฺตโน ลกฺขณํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมา. สพฺพานิ ปน อายานํ ตนนาทิอตฺเถน อายตนานิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๑๐-๕๑๒) ตํสํวณฺณนาย (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๕๑๐) จ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
จกฺขฺุจ ¶ ปชานาตีติ เอตฺถ จกฺขุ นาม ปสาทจกฺขุ, น สสมฺภารจกฺขุ, นาปิ ทิพฺพจกฺขุอาทิกนฺติ อาห ‘‘จกฺขุปสาท’’นฺติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยํ จกฺขุ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท’’ติ (ธ. ส. ๕๙๖-๕๙๙). จ-สทฺโท วกฺขมานตฺถสมุจฺจยตฺโถ. ยาถาวสรสลกฺขณวเสนาติ อวิปรีตสฺส อตฺตโน รสสฺส เจว ลกฺขณสฺส จ วเสน, รูเปสุ อาวิฺฉนกิจฺจสฺส เจว รูปาภิฆาตารหภูตปสาทลกฺขณสฺส จ วเสนาติ อตฺโถ. ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; ๔.๕๔-๕๕; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) สมุทิตานิเยว รูปายตนานิ จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺติเหตุ, น วิสุํ วิสุนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘รูเป จา’’ติ ปุถุวจนคฺคหณํ, ตาย เอว จ เทสนาคติยา กามํ อิธาปิ ‘‘รูเป จ ปชานาตี’’ติ วุตฺตํ, รูปภาวสามฺเน ปน สพฺพํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘พหิทฺธา จตุสมุฏฺานิกรูปฺจา’’ติ เอกวจนวเสน อตฺโถ วุตฺโต. สรสลกฺขณวเสนาติ จกฺขุวิฺาณสฺส วิสยภาวกิจฺจสฺส เจว จกฺขุปฏิหนนลกฺขณสฺส จ วเสนาติ โยเชตพฺพํ.
อุภยํ ปฏิจฺจาติ จกฺขุํ อุปนิสฺสยปจฺจยวเสน ปจฺจยภูตํ, รูเป อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยวเสน ปจฺจยภูเต จ ปฏิจฺจ. กามฺจายํ สุตฺตนฺตสํวณฺณนา ¶ , นิปฺปริยายกถา นาม อภิธมฺมสนฺนิสฺสิตา เอวาติ อภิธมฺมนเยเนว สํโยชนานิ ทสฺเสนฺโต ‘‘กามราค…เป… อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ อาห. ตตฺถ กาเมสุ ราโค, กาโม จ โส ราโค จาติ กามราโค, โส เอว พนฺธนฏฺเน สํโยชนํ. อยฺหิ ยสฺส สํวิชฺชติ, ตํ ปุคฺคลํ วฏฺฏสฺมึ สํโยเชติ พนฺธติ, อิติ ทุกฺเขน สตฺตํ, ภวาทิเก วา ภวนฺตราทีหิ, กมฺมุนา วา วิปากํ สํโยเชติ พนฺธตีติ สํโยชนํ. เอวํ ปฏิฆสํโยชนาทีนมฺปิ ยถารหํ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. สรสลกฺขณวเสนาติ เอตฺถ ปน สตฺตสฺส วฏฺฏโต อนิสฺสชฺชนสงฺขาตสฺส อตฺตโน กิจฺจสฺส เจว ยถาวุตฺตพนฺธนสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส จ วเสนาติ โยเชตพฺพํ.
ภวสฺสาท-ทิฏฺิสฺสาท-นิวตฺตนตฺถํ กามสฺสาทคฺคหณํ. อสฺสาทยโตติ อภิรมนฺตสฺส. อภินนฺทโตติ สปฺปฺปีติกตณฺหาวเสน นนฺทนฺตสฺส. ปททฺวเยนปิ พลวโต กามราคสฺส ปจฺจยภูตา กามราคุปฺปตฺติ วุตฺตา. เอส นโย เสเสสุปิ. เอตํ อารมฺมณนฺติ เอตํ เอวํสุขุมํ เอวํทุพฺพิภาคํ อารมฺมณํ. นิจฺจํ ธุวนฺติ เอตํ นิทสฺสนมตฺตํ, ‘‘อุจฺฉิชฺชิสฺสติ วินสฺสิสฺสตีติ คณฺหโต’’ติ เอวมาทีนมฺปิ สงฺคโห อิจฺฉิตพฺโพ. ภวํ ปตฺเถนฺตสฺสาติ ‘‘อีทิเส สมฺปตฺติภเว ยสฺมา อมฺหากํ อิทํ อิฏฺารมฺมณํ สุลภํ ชาตํ, ตสฺมา อายติมฺปิ สมฺปตฺติภโว ภเวยฺยา’’ติ ¶ ภวํ นิกาเมนฺตสฺส. เอวรูปํ สกฺกา ลทฺธุนฺติ โยชนา. อุสูยโตติ อุสูยํ อิสฺสํ อุปฺปาทยโต. อฺสฺส มจฺฉรายโตติ อฺเน อสาธารณภาวกรเณน มจฺฉริยํ กโรโต. สพฺเพเหว ยถาวุตฺเตหิ นวหิ สํโยชเนหิ.
ตฺจ การณนฺติ สุภนิมิตฺตปฏิฆนิมิตฺตาทิวิภาวํ อิฏฺานิฏฺาทิรูปารมฺมณฺเจว ตชฺชาโยนิโสมนสิการฺจาติ ตสฺส ตสฺส สํโยชนสฺส การณํ. อวิกฺขมฺภิตอสมูหตภูมิลทฺธุปฺปนฺนตํ สนฺธาย ‘‘อปฺปหีนฏฺเน อุปฺปนฺนสฺสา’’ติ วุตฺตํ. วตฺตมานุปฺปนฺนตา สมุทาจารคฺคหเณเนว คหิตา. เยน การเณนาติ เยน วิปสฺสนาสมถภาวนาสงฺขาเตน การเณน. ตฺหิ ตสฺส ตทงฺควเสน เจว วิกฺขมฺภนวเสน จ ปหานการณํ. อิสฺสามจฺฉริยานํ อปายคมนียตาย ปมมคฺควชฺฌตา วุตฺตา. ยทิ เอวํ ‘‘ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑) สุตฺตปทํ ¶ กถนฺติ? ตํ สุตฺตนฺตปริยาเยน วุตฺตํ. ยถานุโลมสาสนฺหิ สุตฺตนฺตเทสนา, อยํ ปน อภิธมฺมนเยน สํวณฺณนาติ นายํ โทโส. โอฬาริกสฺสาติ ถูลสฺส, ยโต อภิณฺหสมุปฺปตฺติปริยุฏฺานติพฺพตาว โหติ. อณุสหคตสฺสาติ วุตฺตปฺปการโอฬาริกาภาเวน อณุภาวํ สุขุมภาวํ คตสฺส. อุทฺธจฺจสํโยชนสฺสเปตฺถ อนุปฺปาโท วุตฺโตเยว ยถาวุตฺตสํโยชเนหิ อวินาภาวโต. โสตาทีนํ สภาวสรสลกฺขณวเสน ปชานนา, ตปฺปจฺจยานํ สํโยชนานํ อุปฺปาทาทิปชานนา จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอเสว นโย’’ติ อติทิสติ.
อตฺตโน วา ธมฺเมสูติ อตฺตโน อชฺฌตฺติกายตนธมฺเมสุ, อตฺตโน อุภยธมฺเมสุ วา. อิมสฺมึ ปกฺเข อชฺฌตฺติกายตนปริคฺคหเณนาติ อชฺฌตฺติกายตนปริคฺคณฺหนมุเขนาติ อตฺโถ, เอวฺจ อนวเสสโต สปรสนฺตาเนสุ อายตนานํ ปริคฺคโห สิทฺโธ โหติ. ปรสฺส วา ธมฺเมสูติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. รูปายตนสฺสาติ อฑฺเฒกาทสปเภทรูปสภาวสฺส อายตนสฺส. รูปกฺขนฺเธ วุตฺตนเยน นีหริตพฺพาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เสสขนฺเธสูติ เวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺเธสุ. วุตฺตนเยนาติ อิมินา อติเทเสน รูปกฺขนฺเธ อาหารสมุทยาติ, วิฺาณกฺขนฺเธ นามรูปสมุทยาติ, เสสกฺขนฺเธสุ ผสฺสสมุทยาติ อิมํ วิเสสํ วิภาเวติ, อิตรํ ปน สพฺพตฺถ สมานนฺติ. ขนฺธปพฺเพ วิย อายตนปพฺเพปิ โลกุตฺตรนิวตฺตนํ ปาฬิยํ คหิตํ นตฺถีติ อาห ‘‘โลกุตฺตรธมฺมา น คเหตพฺพา’’ติ.
อายตนปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา
๑๑๘. พุชฺฌนกสตฺตสฺสาติ ¶ กิเลสนิทฺทาย ปฏิพุชฺฌนกสตฺตสฺส, อริยสจฺจานํ วา ปฏิวิชฺฌนกสตฺตสฺส. องฺเคสูติ การเณสุ, อวยเวสุ วา. อุทยพฺพยาณุปฺปาทโต ปฏฺาย สมฺโพธิปฏิปทายํ ิโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อารทฺธวิปสฺสกโต ปฏฺาย โยคาวจโรติ สมฺโพธี’’ติ.
‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา’’ติ ¶ ปทสฺส อตฺโถ ‘‘วิจิกิจฺฉฏฺานียา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. ตนฺติ โยนิโสมนสิการํ. ตตฺถาติ สติยํ. นิปฺผาเทตพฺเพ เจตํ ภุมฺมํ.
สติ จ สมฺปชฺฺจ สติสมฺปชฺํ (ที. นิ. ฏี. ๒.๓๘๕; สํ. นิ. ฏี. ๒.๕.๒๓๒; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๔๑๘). อถ วา สติปธานํ อภิกฺกนฺตาทิสาตฺถกภาวปริคฺคณฺหนาณํ สติสมฺปชฺํ. ตํ สพฺพตฺถ สโตการิภาวาวหตฺตา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหติ. ยถา ปจฺจนีกธมฺมานํ ปหานํ อนุรูปธมฺมเสวนา จ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย โหติ, เอวํ สติรหิตปุคฺคลวิวชฺฌนา, สโตการีปุคฺคลเสวนา, ตตฺถ จ ยุตฺตปยุตฺตตา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สติสมฺปชฺ’’นฺติอาทินา.
ธมฺมานํ, ธมฺเมสุ วา วิจโย ธมฺมวิจโย, โส เอว สมฺโพชฺฌงฺโค, ตสฺส ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส. ‘‘กุสลากุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโรติ กุสลาทีสุ ตํตํสภาวรสลกฺขณาทิกสฺส ยาถาวโต อวพุชฺฌนวเสน อุปฺปนฺโน าณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาโท. โส หิ อวิปรีตมนสิการตาย ‘‘โยนิโสมนสิกาโร’’ติ วุตฺโต, ตทาโภคตาย อาวชฺชนาปิ ตคฺคติกาว, ตสฺส อภิณฺหปวตฺตนํ พหุลีกาโร. ภิยฺโยภาวายาติ ปุนปฺปุนภาวาย. เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวาย. ปาริปูริยาติ ปริพฺรูหนาย.
ปริปุจฺฉกตาติ ปริโยคาเหตฺวา ปุจฺฉกภาโว. อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา ปฺจปิ นิกาเย สห อฏฺกถาย ปริโยคาเหตฺวา ยํ ยํ ตตฺถ คณฺิฏฺานภูตํ, ตํ ตํ ‘‘อิทํ ภนฺเต กถํ, อิมสฺส โก อตฺโถ’’ติ ขนฺธายตนาทิอตฺถํ ปุจฺฉนฺตสฺส ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ. เตนาห ‘‘ขนฺธธาตุ…เป… พหุลตา’’ติ.
วตฺถุวิสทกิริยาติ ¶ เอตฺถ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติฏฺานภาวโต สรีรํ, ตปฺปฏิพทฺธานิ จีวราทีนิ จ อิธ ‘‘วตฺถูนี’’ติ อธิปฺเปตานิ. ตานิ ยถา จิตฺตสฺส สุขาวหานิ โหนฺติ, ตถา กรณํ เตสํ วิสทภาวกรณํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อชฺฌตฺติกพาหิราน’’นฺติอาทิ. อุสฺสนฺนโทสนฺติ วาตาทิอุสฺสนฺนโทสํ. เสทมลมกฺขิตนฺติ เสเทน เจว ชลฺลิกาสงฺขาเตน สรีรมเลน ¶ จ มกฺขิตํ. จ-สทฺเทน อฺมฺปิ สรีรสฺส ปีฬาวหํ สงฺคณฺหาติ. เสนาสนํ วาติ วา-สทฺเทน ปตฺตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อวิสเท สติ, วิสยภูเต วา. กถํ ภาวนมนุยุตฺตสฺส ตานิ วิสโย? อนฺตรนฺตรา ปวตฺตนกจิตฺตุปฺปาทวเสเนวํ วุตฺตํ. เต หิ จิตฺตุปฺปาทา จิตฺเตกคฺคตาย อปริสุทฺธภาวาย สํวตฺตนฺติ. จิตฺตเจตสิเกสุ นิสฺสยาทิปจฺจยภูเตสุ. าณมฺปีติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน น เกวลํ ตํ วตฺถุเยว, อถ โข ตสฺมึ อปริสุทฺเธ าณมฺปิ อปริสุทฺธํ โหตีติ นิสฺสยาปริสุทฺธิยา ตํนิสฺสิตาปริสุทฺธิ วิย วิสยสฺส อปริสุทฺธตาย วิสยีนํ อปริสุทฺธึ ทสฺเสติ.
สมภาวกรณนฺติ กิจฺจโต อนูนาธิกภาวกรณํ. ยถาปจฺจยํ สทฺเธยฺยวตฺถุสฺมึ อธิโมกฺขกิจฺจสฺส ปฏุตรภาเวน ปฺาย อวิสทตาย วีริยาทีนฺจ สิถิลตาทินา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ. เตนาห ‘‘อิตรานิ มนฺทานี’’ติ. ตโตติ ตสฺมา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาวโต อิตเรสฺจ มนฺทตฺตา. โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคณฺหนํ อนุพลปฺปทานํ ปคฺคโห, ปคฺคโหว กิจฺจํ ปคฺคหกิจฺจํ. ‘‘กาตุํ น สกฺโกตี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา านํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฏฺานํ. วิกฺเขปปฏิปกฺโข, เยน วา สมฺปยุตฺตา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส อวิกฺเขโป. รูปคตํ วิย จกฺขุนา เยน ยาถาวโต วิสยสภาวํ ปสฺสติ, ตํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ พลวตา สทฺธินฺทฺริเยน อภิภูตตฺตา. สหชาตธมฺเมสุ อินฺทฏฺํ กาเรนฺตานํ สหปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ เอกรสตาวเสเนว อตฺถสิทฺธิ, น อฺถา.
ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ. ตนฺติ สทฺธินฺทฺริยํ. ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณนาติ ยสฺส สทฺเธยฺยวตฺถุโน อุฬารตาทิคุเณ อธิมุจฺจนสฺส สาติสยปฺปวตฺติยา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตสฺส ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตาทิวิภาคโต ยาถาวโต วีมํสเนน. เอวฺหิ เอวํธมฺมตานเยน สภาวสรสโต ปริคฺคยฺหมาเน สวิปฺผาโร อธิโมกฺโข น โหติ ‘‘อยํ อิเมสํ ธมฺมานํ สภาโว’’ติ ปริชานนวเสน ปฺาพฺยาปารสฺส สาติสยตฺตา. ธุริยธมฺเมสุ หิ ยถา สทฺธาย พลวภาเว ปฺาย มนฺทภาโว โหติ, เอวํ ปฺาย พลวภาเว สทฺธาย มนฺทภาโว โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน…เป… หาเปตพฺพ’’นฺติ. ตถา ¶ อมนสิกาเรนาติ เยนากาเรน ภาวนมนุยฺุชนฺตสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ¶ ชาตํ, เตนากาเรน ภาวนาย อนนุยฺุชนโตติ วุตฺตํ โหติ. อิธ ทุวิเธน สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว อตฺตโน วา ปจฺจยวิเสสวเสน กิจฺจุตฺตริยโต วีริยาทีนํ วา มนฺทกิจฺจตาย. ตตฺถ ปมวิกปฺเป หาปนวิธิ ทสฺสิโต, ทุติยวิกปฺเป ปน ยถา มนสิกโรโต วีริยาทีนํ มนฺทกิจฺจตาย สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน, วีริยาทีนํ ปฏุกิจฺจภาวาวเหน มนสิกาเรน สทฺธินฺทฺริยํ เตหิ สมรสํ กโรนฺเตน หาเปตพฺพํ. อิมินา นเยน เสสินฺทฺริเยสุปิ หาปนวิธิ เวทิตพฺโพ.
วกฺกลิตฺเถรวตฺถูติ โส หิ อายสฺมา สทฺธาธิมุตฺตาย กตาธิกาโร สตฺถุ รูปกายทสฺสนปสุโต เอว หุตฺวา วิหรนฺโต สตฺถารา ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน, โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๘๗) โอวทิตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยชิโตปิ ตํ อนนุยฺุชนฺโต ปณามิโต อตฺตานํ วินิปาเตตุํ ปปาตฏฺานํ อภิรุหิ. อถ นํ สตฺถา ยถานิสินฺโนว โอภาสคิสฺสชฺชเนน อตฺถานํ ทสฺเสตฺวา –
‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;
อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๘๑);
คาถํ วตฺวา ‘‘เอหิวกฺกลี’’ติ อาห. โส เตน อมเตเนว อภิสิตฺโต หฏฺตุฏฺโ หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ, สทฺธาย ปน พลวภาวโต วิปสฺสนาวีถึ น โอตรติ. ตํ ตฺวา ภควา ตสฺส อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนาย กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา อทาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนนเยน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ ‘‘วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสน’’นฺติ.
อิตรกิจฺจเภทนฺติ อุปฏฺานาทิกิจฺจวิเสสํ. ปสฺสทฺธาทีติ อาทิ-สทฺเทน สมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคานํ สงฺคโห. หาเปตพฺพนฺติ ยถา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน หายติ, เอวํ วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตา ปสฺสทฺธิอาทิภาวนาย หายติ สมาธิปกฺขิยตฺตา ตสฺสา. ตถาหิ สา สมาธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ โกสชฺชปาตโต รกฺขนฺตี วีริยาทิภาวนา วิย วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ อุทฺธจฺจปาตโต รกฺขนฺตี เอกํสโต ¶ หาเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปสฺสทฺธาทิภาวนาย หาเปตพฺพ’’นฺติ. โสณตฺเถรสฺส วตฺถูติ สุขุมาลโสณตฺเถรสฺส ¶ วตฺถุ. โส หิ อายสฺมา, สตฺถุ, สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สีตวเน วิหรนฺโต ‘‘มม สรีรํ สุขุมาลํ, น จ สกฺกา สุเขเนว สุขํ อธิคนฺตุํ, กายํ กิลเมตฺวาปิ สมณธมฺโม กาตพฺโพ’’ติ านจงฺกมเมว อธิฏฺาย ปธานมนุยฺุชนฺโต ปาทตเลสุ โผเฏสุ อุฏฺิเตสุปิ เวทนํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ทฬฺหวีริยํ กโรนฺโต อจฺจารทฺธวีริยตาย วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา วีณูปโมวาเทน โอวทิตฺวา วีริยสมตาโยชนวิธึ ทสฺเสนฺโต กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา คิชฺฌกูฏํ คโต. เถโรปิ สตฺถารา ทินฺนนเยน วีริยสมตํ โยเชตฺวา ภาเวนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘โสณตฺเถรสฺส วตฺถุ ทสฺเสตพฺพ’’นฺติ. เสเสสุปีติ สติสมาธิปฺินฺทฺริเยสุปิ.
สมตนฺติ สทฺธาปฺานํ อฺมฺํ อนูนานธิกภาวํ, ตถา สมาธิวีริยานํ. ยถา หิ สทฺธาปฺานํ วิสุํ วิสุํ ธุริยธมฺมภูตานํ กิจฺจโต อฺมฺานาติวตฺตนํ วิเสสโต อิจฺฉิตพฺพํ, ยโต เนสํ สมธุรตาย อปฺปนา สมฺปชฺชติ, เอวํ สมาธิวีริยานํ โกสชฺชุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สมรสตาย สติ อฺมฺูปตฺถมฺภนโต สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อนฺตทฺวยปาตาภาเวน สมฺมเทว อปฺปนา อิชฺฌตีติ. พลวสทฺโธติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส พฺยติเรกมุเขน สมตฺถนํ. ตสฺสตฺโถ – โย พลวติยา สทฺธาย สมนฺนาคโต อวิสทาโณ, โส มุธาปสนฺโน โหติ, น อเวจฺจปฺปสนฺโน. ตถา หิ โส อวตฺถุสฺมึ ปสีทติ เสยฺยถาปิ ติตฺถิยสาวกา. เกราฏิกปกฺขนฺติ สาเยฺยปกฺขํ ภชติ. สทฺธาหีนาย ปฺาย อติธาวนฺโต ‘‘เทยฺยวตฺถุปริจฺจาเคน วินา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตนปิ ทานมยํ ปฺุํ โหตี’’ติอาทีนิ ปริกปฺเปติ เหตุปติรูปเกหิ วฺจิโต, เอวํภูโต จ สุกฺขตกฺกวิลุตฺตจิตฺโต ปณฺฑิตานํ วจนํ นาทิยติ, สฺตฺตึ น คจฺฉติ. เตนาห ‘‘เภสชฺชสมุฏฺิโต วิย โรโค อเตกิจฺโฉ โหตี’’ติ. ยถา เจตฺถ สทฺธาปฺานํ อฺมฺํ สมภาโว อตฺถาวโห, อนตฺถาวโห วิสมภาโว, เอวํ สมาธิวีริยานํ อฺมฺํ อวิกฺเขปาวโห สมภาโว, อิตโร วิกฺเขปาวโห จาติ. โกสชฺชํ อธิภวติ, เตน อปฺปนํ น ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย ¶ . อุทฺธจฺจํ อธิภวตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตทุภยนฺติ สทฺธาปฺาทฺวยํ สมาธิวีริยทฺวยฺจ. สมํ กาตพฺพนฺติ สมรสํ กาตพฺพํ.
สมาธิกมฺมิกสฺสาติ สมถกมฺมฏฺานิกสฺส. เอวนฺติ เอวํ สนฺเต, สทฺธาย โถกํ พลวภาเว สตีติ อตฺโถ. สทฺทหนฺโตติ ‘‘ปถวีติ มนสิการมตฺเตน กถํ ฌานุปฺปตฺตี’’ติ อจินฺเตตฺวา ‘‘อทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺเธน วุตฺตวิธิ อิชฺฌิสฺสตี’’ติ สทฺทหนฺโต สทฺธํ ชเนนฺโต. โอกปฺเปนฺโตติ อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย อธิมุจฺจนวเสน อวกปฺเปนฺโต ปกฺขนฺทนฺโต. เอกคฺคตา พลวตี วฏฺฏติ สมาธิปฺปธานตฺตา ฌานสฺส. อุภินฺนนฺติ สมาธิปฺานํ. สมาธิกมฺมิกสฺส สมาธิโน อธิมตฺตตาย ¶ ปฺาย อธิมตฺตตาปิ อิจฺฉิตพฺพาติ อาห ‘‘สมตายปี’’ติ, สมภาเวนปีติ อตฺโถ. อปฺปนาติ โลกิยอปฺปนา. ตถา หิ ‘‘โหติเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติ. โลกุตฺตรปฺปนา ปน เตสํ สมภาเวเนว อิจฺฉิตา. ยถาห ‘‘สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๗; ปฏิ. ม. ๒.๕). ยทิ วิเสสโต สทฺธาปฺานํ สมาธิวีริยานฺจ สมตา อิจฺฉิตา, กถํ สตีติ อาห ‘‘สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฏฺฏตี’’ติ. สพฺพตฺถาติ ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเกสุ ปฺจสุ อินฺทฺริเยสุ. อุทฺธจฺจปกฺขิเกกเทเส คณฺหนฺโต ‘‘สทฺธาวีริยปฺาน’’นฺติ อาห. อฺถา ปีติ จ คเหตพฺพา สิยา. ตถา หิ ‘‘โกสชฺชปกฺขิเกน สมาธินา’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น ‘‘ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาหี’’ติ. สาติ สติ. สพฺเพสุ ราชกมฺเมสุ นิยุตฺโต สพฺพกมฺมิโก. เตนาติ เตนา สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพตฺเถน การเณน. อาห อฏฺกถายํ. สพฺพตฺถ นิยุตฺตา สพฺพตฺถิกา, สพฺเพน วา ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเยน โพชฺฌงฺเคน อตฺเถตพฺพา สพฺพตฺถิยา, สพฺพตฺถิยาว สพฺพตฺถิกา. จิตฺตนฺติ กุสลจิตฺตํ. ตสฺส หิ สติ ปฏิสรณํ ปรายณํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย. เตนาห ‘‘อารกฺขปจฺจุปฏฺานา’’ติอาทิ.
ขนฺธาทิเภเท อโนคาฬฺหปฺานนฺติ ปริยตฺติพาหุสจฺจวเสนปิ ขนฺธายตนาทีสุ อปฺปติฏฺิตพุทฺธีนํ. พหุสฺสุตเสวนา หิ สุตมยาณาวหา. ตรุณวิปสฺสนาสมงฺคีปิ ภาวนามยาเณ ิตตฺตา เอกํสโต ปฺวา เอว ¶ นาม โหตีติ อาห ‘‘สมปฺาส…เป… ปุคฺคลเสวนา’’ติ. เยฺยธมฺมสฺส คมฺภีรภาววเสน ตปฺปริจฺเฉทกาณสฺส คมฺภีรภาวคฺคหณนฺติ อาห ‘‘คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย คมฺภีรปฺายา’’ติ. ตฺหิ เยฺยํ ตาทิสาย ปฺาย จริตพฺพโต คมฺภีราณจริยํ, ตสฺสา วา ปฺาย ตตฺถ ปเภทโต ปวตฺติ คมฺภีราณจริยา, ตสฺสา ปจฺจเวกฺขณาติ อาห ‘‘คมฺภีรปฺาย ปเภทปจฺจเวกฺขณา’’ติ. ยถา สติเวปุลฺลปฺปตฺโต นาม อรหา เอว, เอวํ โส เอว ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺโตปีติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูรี โหตี’’ติ. วีริยาทีสุปิ เอเสว นโย.
‘‘ตตฺตํ อโยขิลํ หตฺเถ คเมนฺตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๕๐, ๒๖๗; อ. นิ. ๓.๓๖) ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณํ นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตสฺส เยภุยฺเยน สพฺพปมํ กโรนฺตีติ เทวทูตสุตฺตาทีสุ ตสฺสา อาทิโต วุตฺตตฺตา จ อาห ‘‘ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณโต ปฏฺายา’’ติ. สกฏวาหนาทิกาเลติ อาทิ-สทฺเทน ตทฺํ มนุสฺเสหิ ติรจฺฉาเนหิ จ วิพาธิยมานกาลํ สงฺคณฺหาติ. เอกํ พุทฺธนฺตรนฺติ อิทํ อปราปรํ เปเตสุเยว อุปฺปชฺชนกสตฺตวเสน วุตฺตํ, เอกจฺจานํ วา ¶ เปตานํ เอกจฺจติรจฺฉานานํ วิย ตถา ทีฆายุกภาวโต. ตถา หิ กาโฬ นาคราชา จตุนฺนํ พุทฺธานํ อธิคตรูปทสฺสโน.
เอวํ อานิสํสทสฺสาวิโนติ วีริยายตฺโต เอว สพฺโพ โลกุตฺตโร โลกิโย จ วิเสสาธิคโมติ เอวํ วีริเย อานิสํสทสฺสนสีลสฺส. คมนวีถินฺติ สปุพฺพภาคํ นิพฺพานคามินึ อริยมคฺคปฏิปทํ. สา หิ ภิกฺขุโน วฏฺฏนิสฺสรณาย คนฺตพฺพา ปฏิปชฺชิตพฺพา ปฏิปทาติ กตฺวา คมนวีถิ นาม. กายทฬฺหีพหุโลติ ยถา ตถา กายสฺส ทฬฺหีกมฺมปสุโต. ปิณฺฑนฺติ รฏฺปิณฺฑํ. ปจฺจยทายกานํ อตฺตนิ การสฺส อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติยา มหปฺผลภาวสฺส กรเณน ปิณฺฑสฺส ภิกฺขาย ปฏิปูชนา ปิณฺฑาปจายนํ.
นีหรนฺโตติ ปตฺตตฺถวิกโต นีหรนฺโต. ตํ สทฺทํ สุตฺวาติ ตํ อุปาสิกาย วจนํ ปณฺณสาลทฺวาเร ิโตว ปฺจาภิฺตาย ทิพฺพโสเตน สุตฺวา. มนุสฺสสมฺปตฺติ ทิพฺพสมฺปตฺติ อนฺเต นิพฺพานสมฺปตฺตีติ ติสฺโส สมฺปตฺติโย ¶ . ทาตุํ สกฺขิสฺสสีติ ‘‘ตยิ กเตน ทานมเยน เวยฺยาวจฺจมเยน จ ปฺุกมฺเมน เขตฺตวิเสสภาวูปคมเนน อปราปรํ เทวมนุสฺสสมฺปตฺติโย อนฺเต นิพฺพานสมฺปตฺติฺจ ทาตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ เถโร อตฺตานํ ปุจฺฉติ. สิตํ กโรนฺโตวาติ ‘‘อกิจฺเฉเนว มยา วฏฺฏทุกฺขํ สมติกฺกนฺต’’นฺติ ปจฺจเวกฺขณาวสาเน สฺชาตปาโมชฺชวเสน สิตํ กโรนฺโต เอว.
วิปฺปฏิปนฺนนฺติ ชาติธมฺมกุลธมฺมาทิลงฺฆเนน อสมฺมาปฏิปนฺนํ. เอวํ ยถา อสมฺมาปฏิปนฺโน ปุตฺโต ตาย เอว อสมฺมาปฏิปตฺติยา กุลสนฺตานโต พาหิโร หุตฺวา ปิตุ สนฺติกา ทายชฺชสฺส น ภาคี, เอวํ กุสีโตปิ เตเนว กุสีตภาเวน อสมฺมาปฏิปนฺโน สตฺถุ สนฺติกา ลทฺธพฺพอริยธนทายชฺชสฺส น ภาคี. อารทฺธวีริโยว ลภติ สมฺมาปฏิปชฺชนโต. อุปฺปชฺชติ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโคติ โยชนา. เอวํ สพฺพตฺถ.
มหาติ สีลาทีหิ คุเณหิ มหนฺโต วิปุโล อนฺสาธารโณ. ตํ ปนสฺส คุณมหตฺตํ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปเนน โลเก ปากฏนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สตฺถุโน หี’’ติอาทิมาห.
ยสฺมา สตฺถุสาสเน ปพฺพชิตสฺส ปพฺพชฺชุปคเมน สกฺยปุตฺติยภาโว สมฺปชายติ, ตสฺมา พุทฺธปุตฺตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสมฺภินฺนายา’’ติอาทิมาห.
อลสานํ ¶ ภาวนาย นามมตฺตมฺปิ อชานนฺตานํ กายทฬฺหีพหุลานํ ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขาทิอนุยฺุชนกานํ ติรจฺฉานกถิกานํ ปุคฺคลานํ ทูรโต วชฺชนา กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนา. ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๒๓; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๓.๑๖; วิภ. ๕๑๙; มหานิ. ๑๖๑) ภาวนารมฺภวเสน อารทฺธวีริยานํ ทฬฺหปรกฺกมานํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนา อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนา. เตนาห – ‘‘กุจฺฉึ ปูเรตฺวา’’ติอาทิ. วิสุทฺธิมคฺเค ปน ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ อิทํ ทฺวยํ น คหิตํ, ถินมิทฺธวิโนทนตา สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณตาติ อิทํ ทฺวยํ คหิตํ. ตตฺถ อานิสํสทสฺสาวิตาย เอว สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณา คหิตา โหติ โลกิยโลกุตฺตรวิเสสาธิคมสฺส วีริยายตฺตตาทสฺสนภาวโต. ถินมิทฺธวิโนทนํ ¶ ตทธิมุตฺตตาย เอว คหิตํ, วีริยุปฺปาทเน ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺส ถินมิทฺธวิโนทนํ อตฺถสิทฺธเมว. ตตฺถ ถินมิทฺธวิโนทน-กุสีตปุคฺคลปริวชฺชน-อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวน-ตทธิมุตฺตตา ปฏิปกฺขวิธมนปจฺจยูปสํหารวเสน, อปายปจฺจเวกฺขณาทโย สมุตฺเตชนวเสน วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทกา ทฏฺพฺพา.
ปุริมุปฺปนฺนา ปีติ ปรโต อุปฺปชฺชนกปีติยา การณภาวโต ‘‘ปีติเยว ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา’’ติ วุตฺตา, ตสฺสา ปน พหุโส ปวตฺติยา ปุถุตฺตํ อุปาทาย พหุวจนนิทฺเทโส, ยถา สา อุปฺปชฺชติ, เอวํ ปฏิปตฺติ, ตสฺสา อุปฺปาทกมนสิกาโร.
พุทฺธานุสฺสติยา อุปจารสมาธินิฏฺตฺตา วุตฺตํ ‘‘ยาว อุปจารา’’ติ. สกลสรีรํ ผรมาโนติ ปีติสมุฏฺาเนหิ ปณีตรูเปหิ สกลสรีรํ ผรมาโน. ธมฺมคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสปิ ยาว อุปจารา สกลสรีรํ ผรมาโน ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชตีติ. เอวํ เสสอนุสฺสตีสุ ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณายฺจ โยเชตพฺพํ ตสฺสาปิ วิมุตฺตายตนภาเวน ตคฺคติกตฺตา. สมาปตฺติยา…เป… สมุทาจรนฺตีติ อิทฺจ อุปสมานุสฺสติทสฺสนํ. สงฺขารานฺหิ สปฺปเทสวูปสเมปิ นิปฺปเทสวูปสเม วิย ตถา ปฺาย ปวตฺติโต ภาวนามนสิกาโร กิเลสวิกฺขมฺภนสมตฺโถ หุตฺวา อุปจารสมาธึ อาวหนฺโต ตถารูปปีติโสมนสฺสสมนฺนาคโต ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย โหตีติ. ปสาทนีเยสุ าเนสุ ปสาทสิเนหาภาเวน ถุสสมหทยตา ลูขตา, สา ตตฺถ อาทรคารวากรเณน วิฺายตีติ อาห ‘‘อสกฺกจฺจกิริยาย สํสูจิตลูขภาเว’’ติ.
กายจิตฺตทรถวูปสมลกฺขณา ¶ ปสฺสทฺธิ เอว ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, ตสฺส ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส.
ปณีตโภชนเสวนตาติ ปณีตสปฺปายโภชนเสวนตา. อุตุอิริยาปถสุขคฺคหเณน สปฺปายอุตุอิริยาปถคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. ตฺหิ ติวิธํ สปฺปายํ เสวิยมานํ กายสฺส กลฺลตาปาทนวเสน จิตฺตสฺส กลฺลตํ ¶ อาวหนฺตํ ทุวิธายปิ ปสฺสทฺธิยา การณํ โหติ. อเหตุกํ สตฺเตสุ ลพฺภมานํ สุขํ ทุกฺขนฺติ อยเมโก อนฺโต, อิสฺสราทิวิสมเหตุกนฺติ ปน อยํ ทุติโย, เอเต อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม ยถาสกํ กมฺมุนา โหตีติ อยํ มชฺฌิมา ปฏิปตฺติ. มชฺฌตฺโต ปโยโค ยสฺส โหติ มชฺฌตฺตปโยโค, ตสฺส ภาโว มชฺฌตฺตปโยคตา. อยฺหิ ปหาย สารทฺธกายตํ ปสฺสทฺธกายตาย การณํ โหนฺตี ปสฺสทฺธิทฺวยํ อาวหติ, เอเตเนว สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนปสฺสทฺธกายปุคฺคลวเสนานํ ตทาวหนตา สํวณฺณิตาติ ทฏฺพฺพํ.
ยถาสมาหิตาการสลฺลกฺขณวเสน คยฺหมาโน ปุริมุปฺปนฺโน สมโถ เอว สมถนิมิตฺตํ. นานารมฺมเณ ปริพฺภมเนน วิวิธํ อคฺคํ เอตสฺสาติ พฺยคฺโค, วิกฺเขโป. ตถา หิ โส อนวฏฺานรโส ภนฺตตาปจฺจุปฏฺาโน จ วุตฺโต. เอกคฺคตาภาวโต พฺยคฺคปฏิปกฺโขติ อพฺยคฺโค, สมาธิ. โส เอว นิมิตฺตนฺติ ปุพฺเพ วิย วตฺตพฺพํ. เตนาห ‘‘อวิกฺเขปฏฺเน จ อพฺยคฺคนิมิตฺต’’นฺติ.
วตฺถุวิสทกิริยา อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา จ ปฺาวหา วุตฺตา, สมาธานาวหาปิ ตา โหนฺติ สมาธานาวหภาเวเนว ปฺาวหภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุวิสท…เป… เวทิตพฺพา’’ติ.
กรณภาวนาโกสลฺลานํ อวินาภาวโต, รกฺขณโกสลฺลสฺส จ ตมฺมูลกตฺตา ‘‘นิมิตฺตกุสลตา นาม กสิณนิมิตฺตสฺส อุคฺคหณกุสลตา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. กสิณนิมิตฺตสฺสาติ จ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. อสุภนิมิตฺตสฺสาทิกสฺสปิ หิ ยสฺส กสฺสจิ ฌานุปฺปตฺตินิมิตฺตสฺส อุคฺคหณโกสลฺลํ นิมิตฺตกุสลตา เอวาติ.
อติสิถิลวีริยตาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน ปฺาปโยคมนฺทตํ ปโมทเวกลฺลฺจ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส ปคฺคหณนฺติ ตสฺส ลีนสฺส จิตฺตสฺส ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทิสมุฏฺาปเนน ลยาปตฺติโต สมุทฺธรณํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยสฺมิฺจ ¶ โข, ภิกฺขเว, สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย ¶ . ตํ กิสฺส เหตุ? ลีนํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธมฺเมหิ สุสมุฏฺาปยํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อุชฺชาเลตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ จ โคมยานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ จ กฏฺานิ ปกฺขิเปยฺย, มุขวาตฺจ ทเทยฺย, น จ ปํสุเกน โอกิเรยฺย, ภพฺโพ นุ โข โส ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อุชฺชาเลตุนฺติ? เอวํ สนฺเต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔).
เอตฺถ จ ยถาสกํ อาหารวเสน ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา สมุฏฺาปนาติ เวทิตพฺพํ, สา อนนฺตรํ วิภาวิตา เอว.
อจฺจารทฺธวีริยตาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน ปฺาปโยคพลวตํ ปโมทุปฺปิลาวนฺจ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส นิคฺคหณนฺติ ตสฺส อุทฺธตจิตฺตสฺส สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคาทิสมุฏฺาปเนน อุทฺธตาปตฺติโต นิเสธนํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
‘‘ยสฺมิฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อุทฺธตํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธมฺเมหิ สุวูปสมยํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ อลฺลานิ เจว ติณานิ…เป… ปํสุเกน จ โอกิเรยฺย, ภพฺโพ นุ โข โส ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุนฺติ? เอวํ ภนฺเต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔).
เอตฺถาปิ ยถาสกํ อาหารวเสน ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา สมุฏฺาปนาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนา วุตฺตา เอว, สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส วุจฺจมานา, อิตรสฺส อนนฺตรํ วกฺขติ.
ปฺาปโยคมนฺทตายาติ ปฺาพฺยาปารสฺส อปฺปภาเวน. ยถา หิ ทานํ อโลภปฺปธานํ, สีลํ อโทสปฺปธานํ, เอวํ ภาวนา อโมหปฺปธานา. ตตฺถ ยทา ปฺา น พลวตี โหติ, ตทา ภาวนา ปุพฺเพนาปรํ วิเสสาวหา น โหติ, อนภิสงฺขโต วิย อาหาโร ปุริสสฺส โยคิโน ¶ จิตฺตสฺส อภิรุจึ น ชเนติ, เตน ตํ นิรสฺสาทํ โหติ, ตถา ภาวนาย สมฺมเทว อวีถิปฏิปตฺติยา ¶ อุปสมสุขํ น วินฺทติ, เตนาปิ จิตฺตํ นิรสฺสาทํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปฺาปโยค…เป… นิรสฺสาทํ โหตี’’ติ. ตสฺส สํเวคุปฺปาทนํ ปสาทุปฺปาทนฺจ ติกิจฺฉนนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อฏฺ สํเวควตฺถูนี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ชาติชราพฺยาธิมรณานิ ยถารหํ สุคติยํ ทุคฺคติยฺจ โหนฺตีติ ตทฺเมว ปฺจวิธพนฺธนาทิ-ขุปฺปิปาสาทิ-อฺมฺวิพาธนาทิเหตุกํ อปายทุกฺขํ ทฏฺพฺพํ, ตยิทํ สพฺพํ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปจฺจุปฺปนฺนภวนิสฺสิตํ คหิตนฺติ อตีเต อนาคเต จ กาเล วฏฺฏมูลกทุกฺขานิ วิสุํ คหิตานิ. เย ปน สตฺตา อาหารูปชีวิโน, ตตฺถ จ อุฏฺานผลูปชีวิโน, เตสํ อฺเหิ อสาธารณํ ชีวิกทุกฺขํ อฏฺมํ สํเวควตฺถุ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อยํ วุจฺจติ สมเย สมฺปหํสนตาติ อยํ สมฺปหํสิตพฺพสมเย วุตฺตนเยน เตน สํเวชนวเสน เจว ปสาทุปฺปาทนวเสน จ สมฺมเทว ปหํสนา, สํเวคชนนปุพฺพกปสาทุปฺปาทเนน ภาวนาจิตฺตสฺส โตสนาติ อตฺโถ.
สมฺมาปฏิปตฺตึ อาคมฺมาติ ลีนุทฺธจฺจวิรเหน สมถวีถิปฏิปตฺติยา จ สมฺมา อวิสมํ สมฺมเทว ภาวนาปฏิปตฺตึ อาคมฺม. อลีนนฺติอาทีสุ โกสชฺชปกฺขิยานํ ธมฺมานํ อนธิมตฺตตาย อลีนํ, อุทฺธจฺจปกฺขิยานํ อนธิมตฺตตาย อนุทฺธตํ, ปฺาปโยคสตฺติยา อุปสมสุขาธิคเมน จ อนิรสฺสาทํ, ตโต เอว อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฏิปนฺนฺจ. ตตฺถ อลีนตาย ปคฺคเห, อนุทฺธตตาย นิคฺคเห, อนิรสฺสาทตาย สมฺปหํสเน น พฺยาปารํ อาปชฺชติ, อลีนานุทฺธตตาหิ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ, อนิรสฺสาทตาย สมถวีถิปฏิปนฺนํ. สมปฺปวตฺติยา วา อลีนํ อนุทฺธตํ, สมถวีถิปฏิปตฺติยา อนิรสฺสาทนฺติ ทฏฺพฺพํ. อยํ วุจฺจติ สมเย อชฺฌุเปกฺขนตาติ อยํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพสมเย ภาวนาจิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ พฺยาวฏตาสงฺขาตํ ปฏิปกฺขํ อภิภุยฺย เปกฺขนา วุจฺจติ.
ปฏิปกฺขวิกฺขมฺภนโต วิปสฺสนาย อธิฏฺานภาวูปคมนโต จ อุปจารชฺฌานมฺปิ สมาทานกิจฺจนิปฺผตฺติยา ปุคฺคลสฺส สมาหิตภาวสาธนเมวาติ ตตฺถ สมธุรภาเวนาห ‘‘อุปจารํ วา อปฺปนํ วา’’ติ.
อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
อนุโรธวิโรธวิปฺปหานวเสน ¶ มชฺฌตฺตภาโว อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส การณํ ตสฺมึ สติ สิชฺฌนโต, อสติ จ อสิชฺฌนโต, โส จ มชฺฌตฺตภาโว วิสยวเสน ทุวิโธติ อาห ‘‘สตฺตมชฺฌตฺตตา สงฺขารมชฺฌตฺตตา’’ติ. ตทุภเย จ วิรุชฺฌนํ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคภาวนาย เอว ทูรีกตนฺติ ¶ อนุรุชฺฌนสฺเสว ปหานวิธึ ทสฺเสนฺเตน ‘‘สตฺตมชฺฌตฺตตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตา’’ติ. อุเปกฺขาย หิ วิเสสโต ราโค ปฏิปกฺโข. ตถา จาห ‘‘อุเปกฺขา ราคพหุลสฺส วิสุทฺธิมคฺโค’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖๙).
ทฺวีหากาเรหีติ กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณํ อตฺตสฺุตาปจฺจเวกฺขณนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ. ทฺวีเหวาติ อวธารณํ สงฺขฺยาสมานตาย. อสฺสามิกภาโว อนตฺตนิยตา. สติ หิ อตฺตนิ ตสฺส กิฺจนภาเวน จีวรํ อฺฺจ กิฺจิ อตฺตนิยํ นาม สิยา, โส ปน โกจิ นตฺเถวาติ อธิปฺปาโย. อนทฺธนิยนฺติ น อทฺธานกฺขมํ, น จิรฏฺายิ อิตฺตรํ อนิจฺจนฺติ อตฺโถ. ตาวกาลิกนฺติ ตสฺเสว เววจนํ.
มมายตีติ มมตฺตํ กโรติ, ‘‘มม’’นฺติ ตณฺหาย ปริคฺคยฺห ติฏฺติ. ธนายนฺตาติ ธนํ ทฺรพฺยํ กโรนฺตา.
อยํ สติปฏฺานเทสนา ปุพฺพภาคมคฺควเสน เทสิตาติ ปุพฺพภาคิยโพชฺฌงฺเค สนฺธายาห ‘‘โพชฺฌงฺคปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ.
โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุสจฺจปพฺพวณฺณนา
๑๑๙. ยถาสภาวโตติ อวิปรีตสภาวโต พาธนลกฺขณโต, โย โย วา สภาโว ยถาสภาโว, ตโต, รุปฺปนาทิกกฺขฬาทิสภาวโตติ อตฺโถ. ชนิกํ สมุฏฺาปิกนฺติ ปวตฺตลกฺขณสฺส ทุกฺขสฺส ชนิกํ นิมิตฺตลกฺขณสฺส สมุฏฺาปิกํ. ปุริมตณฺหนฺติ ทุกฺขนิพฺพตฺติโต ปุเรตรสิทฺธํ ตณฺหํ.
สสนฺตติปริยาปนฺนานํ ¶ ทุกฺขสมุทยานํ อปฺปวตฺติภาเวน ปริคฺคยฺหมาโน นิโรโธปิ สสนฺตติปริยาปนฺโน วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน วา จตฺตาริ สจฺจานี’’ติ. ปรสฺส วาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตนาห ภควา – ‘‘อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺเปมิ, โลกสมุทยฺจ ปฺเปมิ, โลกนิโรธฺจ ปฺเปมิ, โลกนิโรธคามินิปฏิปทฺจ ปฺเปมี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๐๗). กถํ ปน อาทิกมฺปิโก ¶ นิโรธสจฺจานิ ปริคฺคณฺหาตีติ? อนุสฺสวาทิสิทฺธมาการํ ปริคฺคณฺหาติ, เอวฺจ กตฺวา โลกุตฺตรโพชฺฌงฺเค อุทฺทิสฺสปิ ปริคฺคโห น วิรุชฺฌติ. ยถาสมฺภวโตติ สมฺภวานุรูปํ, เปตฺวา นิโรธสจฺจํ เสสสจฺจวเสน สมุทยวยา เวทิตพฺพาติ อตฺโถ.
จตุสจฺจปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
‘‘อฏฺิกสงฺขลิกํ สมํส’’นฺติอาทิกา สตฺต สิวถิกา อฏฺิกกมฺมฏฺานตาย อิตราสํ อุทฺธุมาตกาทีนํ สภาเวเนวาติ นวนฺนํ สิวถิกานํ อปฺปนากมฺมฏฺานตา วุตฺตา. ทฺเวเยวาติ ‘‘อานาปานํ, ทฺวตฺตึสากาโร’’ติ อิมานิ ทฺเวเยว. อภินิเวโสติ วิปสฺสนาภินิเวโส, โส ปน สมฺมสนียธมฺเม ปริคฺคโห. อิริยาปถา อาโลกิตาทโย จ รูปธมฺมานํ อวตฺถาวิเสสมตฺตตาย น สมฺมสนุปคา วิฺตฺติอาทโย วิย. นีวรณโพชฺฌงฺคา อาทิโต น ปริคฺคเหตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘อิริยาปถ…เป… น ชายตี’’ติ. เกสาทิอปเทเสน ตทุปาทานธมฺมา วิย อิริยาปถาทิอปเทเสน ตทวตฺถา รูปธมฺมา ปริคฺคยฺหนฺติ, นีวรณาทิมุเขน จ ตํ สมฺปยุตฺตา ตํนิสฺสยธมฺมาติ อธิปฺปาเยน มหาสีวตฺเถโร ‘‘อิริยาปถาทีสุปิ อภินิเวโส ชายตี’’ติ อาห. อตฺถิ นุ โข เมติอาทิ ปน สภาวโต อิริยาปถาทีนํ อาทิกมฺมิกสฺส อนิจฺฉิตภาวทสฺสนํ. อปริฺาปุพฺพิกา หิ ปริฺาติ.
๑๓๗. กามํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติอาทินา อุทฺเทสนิทฺเทเสสุ ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขุคฺคหณํ กตํ, ตํ ปฏิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนตฺถํ, เทสนา ปน สพฺพสาธารณาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น ภิกฺขุเยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขุ วา’’ติอาทิมาห. ทสฺสนมคฺเคน าตมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ชานนฺตี สิขาปฺปตฺตา อคฺคมคฺคปฺา ¶ อฺา นาม, ตสฺส ผลภาวโต อคฺคผลมฺปีติ อาห ‘‘อฺาติ อรหตฺต’’นฺติ. อปฺปตเรปิ กาเล สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ทสฺเสนฺโตติ โยชนา.
๑๓๘. นิยฺยาเตนฺโตติ นิคเมนฺโต.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
สติปฏฺานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ มูลปริยายวคฺควณฺณนา.
ปโม ภาโค นิฏฺิโต.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มชฺฌิมนิกาเย
มูลปณฺณาส-ฏีกา
(ทุติโย ภาโค)
๒. สีหนาทวคฺโค
๑. จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนา
๑๓๙. สุตฺตเทสนาวตฺถุสงฺขาตสฺส ¶ ¶ อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อฏฺุปฺปตฺติ, สา ตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโกติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ลาภสกฺการปจฺจยาติ ลาภสกฺการนิมิตฺตํ, ภควโต สงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺนลาภสกฺการเหตุ, อตฺตโน วา ลาภสกฺการุปฺปาทนเหตุ. ติตฺถิยปริเทวิเตติ ติตฺถิยานํ ‘‘กึ โภ สมโณเยว โคตโม สมโณ’’ติอาทินา วิปฺปลปนิมิตฺตํ. ‘‘มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชี’’ติ วตฺวา สมนฺตปาสาทิกตฺถํ ตสฺส อุปฺปตฺติการณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จตุปฺปมาณิโก หี’’ติอาทิมาห. จตฺตาริ ปมาณานิ จตุปฺปมาณานิ, จตุปฺปมาณานิ เอตสฺส อตฺถีติ จตุปฺปมาณิโก. โลโกเยว สงฺคมฺม สมาคมฺม วสนฏฺเน โลกสนฺนิวาโส, สตฺตกาโยติ อตฺโถ. ปมินาติ อุฬารตาทิวิเสสํ เอเตนาติ ปมาณํ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๖๕) รูปํ รูปกาโย ปมาณํ เอตสฺสาติ รูปปฺปมาโณ. ตโต เอว รูเป ปสนฺโนติ รูปปฺปสนฺโน. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย ¶ . โฆโสติ ปวตฺตถุติโฆโส (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๖๕). ลูขนฺติ ปจฺจยลูขตา. ธมฺโมติ สีลาทโย คุณธมฺมา อธิปฺเปตา.
เตสํ ¶ ปุคฺคลานํ. อาโรหนฺติ อุจฺจตํ. สา จ โข ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล ปมาณยุตฺตา ทฏฺพฺพา. ปริณาหนฺติ นาติกิสนาติถูลตาวเสน มิตปริณาหํ. สณฺานนฺติ เตสํ เตสํ องฺคปจฺจงฺคานํ สุสณฺิตตํ. ปาริปูรินฺติ สพฺเพสํ สรีราวยวานํ ปริปุณฺณตํ อเวกลฺลตํ. ตตฺถ ปมาณํ คเหตฺวาติ ตสฺมึ รูเป รูปสมฺปตฺติยํ ปมาณภาวํ อุปาทาย. ปสาทํ ชเนตีติ อธิโมกฺขํ อุปฺปาเทติ.
ปรวณฺณนายาติ ‘‘อมุโก เอทิโส จ เอทิโส จา’’ติ ยสคุณวจเนน. ปรโถมนายาติ สมฺมุขาว ปรสฺส สิลาฆุปฺปาทเนน อภิตฺถวเนน. ปรปสํสนายาติ ปรมฺมุขา ปรสฺส คุณสํกิตฺตเนน. ปรวณฺณหาริกายาติ ปรมฺปรวณฺณหาริกาย ปรมฺปราย ปรสฺส กิตฺติสทฺทูปสํหาเรน. ตตฺถาติ ตสฺมึ ถุติโฆเส.
จีวรลูขนฺติ ถูลชิณฺณพหุตุนฺนกตาทึ จีวรสฺส ลูขภาวํ. ปตฺตลูขนฺติ อเนกคนฺถิกาหตาทึ ปตฺตสฺส ลูขภาวํ. วิวิธํ วา ทุกฺกรการิกนฺติ ธุตงฺคเสวนาทิวเสน ปวตฺตํ นานาวิธํ ทุกฺกรจริยํ.
สีลํ วา ปสฺสิตฺวาติ สีลปาริปูริวเสน วิสุทฺธํ กายวจีสุจริตํ าณจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา. ฌานาทิอธิคมสิทฺธํ สมาธึ วา. วิปสฺสนาภิฺาสงฺขาตํ ปฺํ วา.
ภควโต สรีรํ ทิสฺวาติ สมฺพนฺโธ. รูปปฺปมาโณปิ สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ปสีทติ อปริมิตกาลสมุปจิตปฺุานุภาวนิปฺผนฺนาย สพฺพโส อนวชฺชาย สพฺพาการปริปุณฺณาวยวาย รูปกายสมฺปตฺติยา สมนฺตปาสาทิกตฺตา, ยสฺสา รุจิรภาโว วิสุทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว ปุณฺณมาสิยํ ปริปุณฺณกลาภาคมณฺฑลํ จนฺทมณฺฑลํ อภิภวิตฺวา อติโรจติ, ปภสฺสรภาโว สรทสมยํ สํวทฺธิตทิคุณเตชกิรณชาลสมุชฺชลํ สูริยมณฺฑลํ อภิภวติ, โสมฺมกิรณรสสมุชฺชลภาเวหิ ตทุภเยหิ อภิภุยฺย วตฺตมานํ เอกสฺมึ ขเณ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วิชฺโชตนสมตฺถํ มหาพฺรหฺมุโน ปภาสมุทยํ อภิวิหจฺจ ภาสเต ตปเต วิโรจติ จ.
สติปิ ¶ องฺคปริจฺจาคาทีนํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ องฺคปริจฺจาคาทิคฺคหณํ, ตตฺถาปิ จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ, ปริจฺจาคภาวสามฺเปิ รชฺชปริจฺจาคโต ¶ ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ กตํ. อาทินา นเยนาติ อาทิ-สทฺเทน ปุพฺพโยคปุพฺพจริยาทิเหตุสมฺปตฺติยา, ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕) วุตฺตาย ผลสมฺปตฺติยา, ‘‘โส ธมฺมํ เทเสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๕๕) วุตฺตาย สตฺตุปการกิริยาย จ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ปสีทติ ยถาวุตฺตคุณานํ อนฺสาธารณภาวโต อจฺฉริยพฺภุตภาวโต จ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
‘‘จีวรลูขํ ทิสฺวา’’ติ วตฺวา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สาณปํสุกูลจีวเรนาติ มตกเฬวรํ ปลิเวเตฺวา ฉฑฺฑิเตน ตุมฺพมตฺเต กิมี ปปฺโผเฏตฺวา คหิเตน สาณปํสุกูลจีวเรน. ภาริยนฺติ ครุกํ, ทุกฺกรนฺติ อตฺโถ. วธุยุวตีมชฺฌิมิตฺถิวเสน, พาลโยพฺพนปุราณวเสน วา ติวิธนาฏกตา. หเรณุยูสํ มณฺฑลกลายรโส. ‘‘ยาเปสฺสติ นามา’’ติ นาม-สทฺทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. นาม-สทฺทโยเคน หิ อนาคตกาลสฺส วิย ปโยโค, ยาเปติ อิจฺเจว อตฺโถ. อปฺปาณกนฺติ นิรสฺสาสํ นิโรธิตสฺสาสปสฺสาสํ.
สมาธิคุณนฺติ สาธารณโต วุตฺตมตฺถํ วิวรติ ฌานาทิคฺคหเณน. มานทพฺพนิมฺมทเนน นิพฺพิเสวนภาวาปาทนมฺปิ ทมนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘ปาถิกปุตฺตทมนาทีนี’’ติ. อาทิ-สทฺเทน สจฺจกาฬวกพกทมนาทีนํ สงฺคโห. พาเวรุนฺติ เอวํนามกํ วิสยํ. สรสมฺปนฺโนติ อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน สเรน สมนฺนาคโต. เตน พฺรหฺมสฺสรตากรวีกภาณิตาทสฺสเนน ลกฺขณหารนเยน อวเสสลกฺขณปาริปูรึ วิย ตทวินาภาวโต พุทฺธานํ เทสนาวิลาสฺจ วิภาเวติ.
หตปฺปภาติ พุทฺธานุภาเวน วิคตเตชา. กาฬปกฺขูปเมติ สตฺตานํ พฺยาโมหนฺธการาภิภเวน กาฬปกฺขรตฺตูปเม. สูริเยติ สูริเย อุทยิตฺวา โอภาเสนฺเตติ อธิปฺปาโย.
สิงฺฆาฏเกติ ติโกณรจฺฉายํ. จตุกฺเกติ สนฺธิยํ. ปริเทวนฺตีติ อนุตฺถุนนวเสน วิปฺปลปนฺติ. โสกาธิกกโต หิ วจีปลาโป ปริเทโว. โลเก อุปฺปชฺชมาเนเยว อุปฺปนฺนาติ อตฺตโน ทิฏฺิวาทสฺส ปุราตนภาวํ ทีเปนฺติ.
เสสปเทสุปีติ ¶ ¶ ‘‘อิธ ทุติโย สมโณ’’ติอาทีสุ เสสวาเรสุปิ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๒๔๑-๒๔๒) ยถา หิ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ (ปารา. ๑๑; ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) เอตฺถ กโต นิยโม ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหี’’ติ (ปารา. ๑๑; ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) เอตฺถาปิ กโตเยว โหติ สาวธารณสฺเสว อตฺถสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา, เอวมิธาปีติ. เตนาห ‘‘ทุติยาทโยปี’’ติอาทิ. สามฺผลาธิคมวเสน นิปฺปริยายโต สมณภาโวติ เตสํ วเสเนตฺถ จตฺตาโร สมณา เทสิตาติ ตมตฺถํ สุตฺตนฺตเรน สมตฺเถตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปตฺติกฺกเมน เทสนากฺกเมน จ สกทาคามิอาทีนํ ทุติยาทิตา วุตฺตาติ โสตาปนฺนสฺส ปมตา อวุตฺตสิทฺธาติ น โจทิตา. ผลฏฺกสมณาว อธิปฺเปตา สมิตปาปสมณคฺคหณโต. กสฺมา ปเนตฺถ มหาปรินิพฺพาเน วิย มคฺคฏฺา ตทตฺถาย ปฏิปนฺนา จ น คหิตาติ? เวเนยฺยชฺฌาสยโต. ตตฺถ หิ มคฺคาธิคมตฺถาย วิปสฺสนาปิ อิโต พหิทฺธา นตฺถิ, กุโต มคฺคผลานีติ ทสฺเสนฺเตน ภควตา ‘‘ายสฺส ธมฺมสฺส ปเทสวตฺตี, อิโต พหิทฺธา สมโณปิ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. อิธ ปน นิฏฺานปฺปตฺตเมว ตํตํสมณภาวํ คณฺหนฺเตน ผลฏฺกสมณาว คหิตา ‘‘มคฺคฏฺโต ผลฏฺโ สวิเสสํ ทกฺขิเณยฺโย’’ติ. สฺวายมตฺโถ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ เทสนาเภเทเนว วิฺายตีติ.
ริตฺตาติ วิวิตฺตา. ตุจฺฉาติ นิสฺสารา ปฏิปนฺนกสาราภาวโต. ปวทนฺติ เอเตหีติ ปวาทา, ทิฏฺิคติกานํ นานาทิฏฺิทีปกา สมยาติ อาห ‘‘จตฺตาโร สสฺสตวาทา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสติ. เตติ ยถาวุตฺตสมณา. เอตฺถาติ ‘‘ปรปฺปวาทา’’ติ วุตฺเต พาหิรกสมเย.
ยนฺติ ยสฺมึ. ภุมฺมตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ. าโย วุจฺจติ สห วิปสฺสนาย อริยมคฺโค. เตน หิ นิพฺพานํ ายติ คมฺมติ ปฏิวิชฺฌตีติ. โส เอว นิพฺพานสมฺปาปกเหตุตาย ธมฺโมติ อาห ‘‘ายสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ.
เตสํ ปรปฺปวาทสาสนานํ อเขตฺตตา เขตฺตตา จ อริยมคฺคสฺส อภาวภาวา สุปริสุทฺธสฺส สีลสฺส สุปริสุทฺธาย สมถวิปสฺสนาย อภาวโต สาวโต จ. ตทุภยฺจ ทุรกฺขาตสฺวากฺขาตภาวเหตุกํ, โส จ อสมฺมาสมฺพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺธปเวทิตตายาติ ปราชิกาย ¶ สตฺถุ วิปตฺติเหตุตาย สาสนสฺส อนิยฺยานภาโวติ ทสฺเสติ.
อิทานิ ¶ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปริยายโต จ ปาฬิยา จ สมตฺเถตุํ ‘‘เตนาห ภควา’’ติอาทินา ปาฬึ ทสฺเสตฺวา อุปมาปเทเสน ตตฺถ สุตฺตํ วิภาเวนฺโต ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา เอกจฺจานํ วิเสสโต สีหานํ ปุริมํ ปาททฺวยํ หตฺถกิจฺจมฺปิ กโรติ, ตสฺมา อาห ‘‘สุรตฺตหตฺถปาโท’’ติ. สีหสฺส เกสา นาม เกสรายตนา ขนฺธโลมา. โคจริยหตฺถิกุลํ นาม ปกติหตฺถิกุลํ, ยํ ‘‘กาลาวก’’นฺติปิ วุจฺจติ. โฆฏโก นาม อสฺสขฬุงฺโก. สิเนรุปริภณฺเฑ สิมฺพลิรุกฺเขหิ สฺฉาทิโต ปฺาสโยชโน ทโห สิมฺพลิทโห, ตํ ปริวาเรตฺวา มหนฺตํ สิมฺพลิวนํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘สิมฺพลิทหวเน’’ติ. อฺติตฺถาวาสภูมิยํ อิเมสุ สมเณสุ เอกจฺโจ น อุปฺปชฺชติ, อีทิโส ปเนตฺถ วิกปฺโป นตฺถิ, สพฺเพน สพฺพํ น อุปฺปชฺชนฺเตวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกสมโณปี’’ติ อาห. อริยมคฺคปริกฺขเตติ อริยมคฺคุปฺปตฺติยา อภิสงฺขเต, ยทา สาสนิกานํ สมฺมาปฏิปตฺติยา อริยมคฺโค ทิพฺพติ, ตทาติ อตฺโถ.
สมฺมาติ สุฏฺุ. สุฏฺุ นทนํ นาม เหตุยุตฺตํ สุฏฺุ กตฺวา กถนนฺติ อาห ‘‘เหตุนา’’ติ. โส จ เหตุ อวิปรีโต เอว อิจฺฉิตพฺโพติ อาห ‘‘นเยนา’’ติ, าเยนาติ อตฺโถ. เอวํภูโต จ โส ยถาธิปฺเปตตฺถํ กโรติ สาเธตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘การเณนา’’ติ. ยทิ ติรจฺฉานสีหสฺส นาโท สพฺพติรจฺฉานเอกจฺจมนุสฺสามนุสฺสนาทโต เสฏฺตฺตา เสฏฺนาโท, กิมงฺคํ ปน ตถาคตสีหนาโทติ อาห ‘‘สีหนาทนฺติ เสฏฺนาท’’นฺติ. ยทิ ติรจฺฉานสีหนาทสฺส เสฏฺนาทตา นิพฺภยตาย อปฺปฏิสตฺตุตาย อิจฺฉิตา, ตถาคตสีหนาทสฺเสว อยมตฺโถ สาติสโยติ อาห ‘‘อภีตนาทํ อปฺปฏินาท’’นฺติ. อิทานิสฺส เสฏฺนาทภาวํ การเณน ปฏิปาเทนฺโต ‘‘อิเมสฺหี’’ติอาทิมาห. เตน ‘‘สมฺมา’’ติ วุตฺตมตฺถํ สมตฺเถติ. ตตฺถ อตฺถิตายาติ อิมินา สีหนาทสฺส อุตฺตมตฺถตํ ทสฺเสติ. ภูตฏฺโ หิ อุตฺตมฏฺโ. ตาย เอว ภูตฏฺตาย อภีตนาทตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเม สมณา…เป… นาม โหตี’’ติ อาห. อภูตฺหิ วทโต กุโตจิ ¶ ภยํ วา อาสงฺกา วา สิยาติ ‘‘อิเธวา’’ติ นิยมสฺส อวิปรีตตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อมฺหากมฺปิ…เป… อปฺปฏินาโท นาม โหตี’’ติ อาห. ยฺหิ อฺตฺถาปิ อตฺถิ, ตํ อิเธวาติ อวธาเรตุํ น ยุตฺตนฺติ.
๑๔๐. โขติ อวธารเณ. เตน วิชฺชติ เอวาติ ทสฺเสติ. ยนฺติ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตนฺติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติ. ติตฺถํ นาม ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ตพฺพินิมุตฺตสฺส กสฺสจิ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตสฺส อภาวโต. ปารคมนสงฺขาตํ ตรณํ ทิฏฺิคติกานํ (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๖๒) ตตฺถ ตตฺเถว อปราปรํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนวเสน ปิลวนนฺติ อาห ‘‘ตรนฺติ อุปฺปลวนฺตี’’ติ. อุปฺปาเทตาติ ปูรณาทิโก. ติตฺเถ ชาตาติ ติตฺถิยา, ยถาวุตฺตํ วา ทิฏฺิคตสงฺขาตํ ¶ ติตฺถํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิกา, ติตฺถิกา เอว ติตฺถิยา. อสฺสสนฺติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา อสฺสาโส, อวสฺสโย.
ปกตตฺถนิทฺเทโส ยํ-ตํ-สทฺโทติ ตสฺส ‘‘ภควตา’’ติอาทีหิ ปเทหิ สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตสฺส เยน อภิสมฺพุทฺธภาเวน ภควา ปกโต สตฺถุภาเวน อธิคโต สุปากโฏ จ, ตํ อภิสมฺพุทฺธภาวํ สทฺธึ อาคมนปฏิปทาย อตฺถภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โส…เป… อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ อาห. สติปิ าณทสฺสนสทฺทานํ อิธ ปฺาเววจนภาเว เตน เตน วิเสเสน เนสํ สวิสเย วิเสสปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๑) อสาธารณวิเสสวเสน วิชฺชาตฺตยวเสน วิชฺชาภิฺานาวรณวเสน สพฺพฺุตฺาณมํสจกฺขุวเสน ปฏิเวธเทสนาาณวเสน จ เต โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสํ เตส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาสยานุสยํ ชานตา อาสยานุสยาเณน, สพฺพํ เยฺยธมฺมํ ปสฺสตา สพฺพฺุตานาวรณาเณหิ. ปุพฺเพนิวาสาทีหีติ ปุพฺเพนิวาสอาสวกฺขยาเณหิ. อนฺสาธารณปฺุานุภาวนิพฺพตฺโต อนุตฺตราณาธิคมลทฺธปุราวตฺตโก จ ภควโต รูปกาโย อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ วตฺตตีติ อาห ‘‘สพฺพสตฺตานํ…เป… ปสฺสตา’’ติ. ปฏิเวธปฺายาติ มคฺคปฺาย. ตาย หิ สพฺพโส เยฺยธมฺเมสุ สมฺโมหสฺส วิธมิตตฺตา ปจฺฉา ปวตฺตชานนํ ตสฺส ชานนํ วิย วุจฺจติ.
อรีนนฺติ กิเลสารีนํ, ปฺจวิธมารานํ วา สาสนปจฺจตฺถิกานํ วา อฺติตฺถิยานํ, เตสํ หนนํ ปาฏิหาริเยหิ อภิภวนํ อปฺปฏิภานตากรณํ อชฺฌุเปกฺขนํ ¶ วา. เกสิวินยสุตฺตฺเจตฺถ (อ. นิ. ๔.๑๑๑) นิทสฺสนํ. ตถา จ านาฏฺานาทีนิ วา ชานตา, ยถากมฺมุปเค สตฺเต ปสฺสตา, สวาสนานมาสวานํ ขีณตฺตา อรหตา, อภิฺเยฺยาทิเภเท ธมฺเม อภิฺเยฺยาทิโต อวิปรีตาวโพเธน สมฺมาสมฺพุทฺเธน. อถ วา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณตาย ชานตา, กายกมฺมาทีนํ าณานุปริวตฺตเนน นิสมฺมการิตาย ปสฺสตา, รวาทีนมฺปิ (สารตฺถ. ฏี. ปริวาร ๓.๑) อภาวสาธิกาย ปหานสมฺปทาย อรหตา, ฉนฺทาทีนํ อหานิเหตุภูตาย อกฺขยปฏิภานสาธิกาย สพฺพฺุตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธน. เอวํ ทสพลอฏฺารสาเวณิกพุทฺธธมฺมวเสนปิ โยชนา เวทิตพฺพา. เยติ จตุโร ธมฺเม. อตฺตนีติ อมฺเหสุ. น ราชราชมหามตฺตาทีสุ อุปตฺถมฺภํ สมฺปสฺสมานา, น กายพลํ สมฺปสฺสมานาติ โยชนา.
อุปฺปนฺนปสาโทติ อเวจฺจปฺปสาทํ วทติ. วกฺขติ หิ ‘‘จตฺตาริ โสตาปนฺนสฺส องฺคานิ กถิตานี’’ติ ¶ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๐). กามํ อเสกฺขาปิ อเสกฺขาย สมสิกฺขตาย สหธมฺมิกา เอว, จิณฺณพฺรหฺมจริยตาย ปน สหธมฺมํ จรนฺตีติ น วตฺตพฺพาติ อเสกฺขวาโร น คหิโต. สพฺเพเปเตติ เอเต ยถาวุตฺตา ภิกฺขุอาทโย โสตาปนฺนาทโย จ ปุถุชฺชนา อริยา จาติ สพฺเพปิ เอเต ตํตํสิกฺขาหิ สมานธมฺมตฺตา สหธมฺมตฺตา ‘‘สหธมฺมิกา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิทานิ นิพฺพตฺติตอริยธมฺมวเสเนว สหธมฺมิเก ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. มคฺคทสฺสนมฺหีติ ปริฺาภิสมยาทิวเสน สจฺจปฏิเวเธน ‘‘นว มคฺคงฺคานิ, อฏฺ โพชฺฌงฺคานี’’ติอาทินา วิวาโท นตฺถิ. เอกธมฺมจาริตายาติ สมานธมฺมจาริตาย. น หิ ปฏิวิทฺธสจฺจานํ ‘‘มยา ธมฺโม สุทิฏฺโ, ตยา ทุทฺทิฏฺโ’’ติอาทินา วิวาโท อตฺถิ. ทิฏฺิสีลสามฺเน สงฺฆาตา หิ เต อุตฺตมปุริสา. อิมินาติ ‘‘สหธมฺมิกา โข ปนา’’ติอาทิวจเนน. ตตฺถ ปิยมนาปคฺคหเณน สีเลสุ ปริปูรการิตาปเทเสน เอกเทเสน คหิตํ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺตึ ปริปุณฺณํ กตฺวา ทสฺเสติ. เย หิ สมฺปนฺนสีลา สุวิสุทฺธทสฺสนา, เต วิฺูนํ ปิยา มนาปาติ. เอตฺตาวตาติ ‘‘อตฺถิ โข โน อาวุโส’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน รตนตฺตยปสาทโชตเนน อกฺขาตา เตสุ เตสุ สุตฺตปเทเสสุ.
๑๔๑. สตฺถริ ปสาโทติ ปสาทคฺคหเณน ‘‘ภควตา’’ติอาทินา วา ปสาทนียา ธมฺมา คหิตา. เตน พุทฺธสุพุทฺธตํ ทสฺเสติ, ตถา ‘‘ธมฺเม ¶ ปสาโท’’ติ อิมินา ธมฺมสุธมฺมตํ, อิตเรน สงฺฆสุปฺปฏิปนฺนตํ. เยน จิตฺเตน อฺตฺถ อนุปลพฺภมาเนน สาสเนเยว สมโณ อิโต พหิทฺธา นตฺถีติ อยมตฺโถ, สมฺมเทว, ปติฏฺาปิโตติ เวทิตพฺพํ. ตตฺรายํ โยชนา – ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺโธ อมฺหากํ สตฺถา, ตสฺมา อตฺถิ โข โน, อาวุโส, สตฺถริ ปสาโท, สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา จสฺส สฺวาขาโต ธมฺโมติ อตฺถิ ธมฺเม ปสาโท, ตโต เอว จ อตฺถิ สีเลสุ ปริปูรการิตาติ สหธมฺมิกา…เป… ปพฺพชิตา จาติ เอวเมตฺถ สตฺถริ ปสาเทน ธมฺเม ปสาโท, เตน สงฺฆสุปฺปฏิปตฺตีติ อยฺจ นโย เลเสนปิ ปรปฺปวาเทสุ นตฺถีติ อิเธว สมโณ…เป… สมเณหิ อฺเหีติ.
ปฏิวิทฺธสจฺจานํ ปหีนานุโรธานํ เคหสฺสิตเปมสฺส อสมฺภโว เอวาติ ‘‘อิทานี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ ‘‘อุปชฺฌาเยน, ภิกฺขเว, สทฺธิวิหาริกมฺหิ ปุตฺตเปมํ อุปฏฺเปตพฺพํ’’ติอาทิวจนํ (มหาว. ๖๕) กถนฺติ? นยิทํ เคหสฺสิตเปมํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํสทิสตฺตา ปน เปมมุเขน วุตฺโต เมตฺตาสฺเนโห. น หิ ภควา ภิกฺขู สํกิเลเส นิโยเชติ. เอวรูปํ เปมํ สนฺธายาติ ปสาทาวหคุณาวหโต ปูรณาทีสุ ภตฺติ ปสาโท น โหติ, ปสาทปติรูปกา ปน โลภปวตฺตีติ ทฏฺพฺพา. เถโรติ มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถโร. เยน อฏฺกถา โปตฺถกํ ¶ อาโรปิตา. เอโกว สตฺถา อนฺสาธารณคุณตฺตา, อฺถา อนจฺฉริยตฺตา สตฺถุลกฺขณเมว น ปริปูเรยฺย. วิสุํ กตฺวาติ อฺเหิ วิเวเจตฺวา อตฺตโน อาเวณิกํ กตฺวา. ‘‘อมฺหากํ สตฺถา’’ติ พฺยาวทนฺตานํ อฺเสํ สตฺถา น โหตีติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหติ, ตถา จ ปเทสวตฺตินึ ตสฺส สตฺถุตํ ปฏิชานนฺตา ปริปุณฺณลกฺขณสตฺถุตํ อิจฺฉนฺตานมฺปิ ตโต วิรุทฺธา สตฺถุภาวปริเยสเนน ปราชิตา โหนฺติ. ปริยตฺติธมฺเมติ อธิกพฺรหฺมคุณสุตฺตเคยฺยาทิปฺปเภทสมเย. ตตฺถ อชสีล…เป… กุกฺกุรสีลาทีสูติ อิทํ เยภุยฺเยน อฺติตฺถิยานํ ตาทิสํ วตสมาทานสพฺภาวโต วุตฺตํ, อาทิ-สทฺเทน ยมนิยมจาตุยามสํวราทีนํ สงฺคโหติ. อธิปฺปยาโสติ อธิกํ ปยสติ ปยุชฺชติ เอเตนาติ อธิปฺปยาโส, สวิเสสํ อธิกตฺตพฺพกิริยา (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๑๑๗). เตนาห ‘‘อธิกปฺปโยโค’’ติ.
ตสฺส ¶ ปสาทสฺส ปริโยสานภูตาติ ตสฺส สตฺถริ ธมฺเม จ ปสาทสฺส นิฏฺานภูตา. นิฏฺาติ โมกฺโข. สมยวาทีนฺหิ ตสฺมึ ตสฺมึ สมเย ตทุปเทสเก จ ปสาโท ยาวเทว โมกฺขาธิคมนฏฺโ. ทิฏฺิคติกา ตถา ตถา อตฺตโน ลทฺธิวเสน นิฏฺํ ปริกปฺเปนฺติ เยวาติ อาห ‘‘นิฏฺํ อปฺเปนฺโต นาม นตฺถี’’ติ. พฺราหฺมณานนฺติ พฺราหฺมณวาทีนํ. เตสํ เอกจฺเจ พฺรหฺมุนา สโลกตา นิฏฺาติ วทนฺติ, เอกจฺเจ ตสฺส สมีปตา, เอกจฺเจ เตน สํโยโค นิฏฺาติ วทนฺติ. ตตฺถ เย สโลกตาวาทิโน สมีปตาวาทิโน จ, เต ทฺเวธาวาทิโน, อิตเร อทฺเวธาวาทิโน. สพฺเพปิ เต อตฺถโต พฺรหฺมโลกุปปตฺติยํเยว นิฏฺาสฺิโน. ตตฺถ หิ เนสํ นิจฺจาภินิเวโส ยถา ตํ พกสฺส พฺรหฺมุโน. เตน วุตฺตํ ‘‘พฺรหฺมโลโก นิฏฺา’’ติ. พฺรหฺมโลโกติ ปมชฺฌานภูมิ. มหาตาปสานนฺติ เวขนสาทิตาปสานํ. มหาพฺรหฺมา วิย ปมชฺฌานภูมิยํ อาภสฺสเรสุ เอโก สพฺพเสฏฺโ นตฺถีติ ‘‘อาภสฺสรา’’ติ ปุถุวจนํ. ปริพฺพาชกานนฺติ สฺจยาทิปริพฺพาชกานํ. อนฺโต จ มโน จ เอตสฺส นตฺถีติ อนนฺตมานโส. อาชีวกานฺหิ สพฺพทาภาวโต อนนฺโต, สุขทุกฺขาทิสมติกฺกมนโต อมานโส. อิมินา อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อุปกฺกิลิฏฺจิตฺตตํ ทสฺเสติ.
ปปฺเจ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตณฺหาทิฏฺิโยว อธิปฺเปตา มมงฺการอหงฺการวิคมสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ยถา ปฺจสุ าเนสุ เอโกว กิเลโส โลโภ อาคโต, เอวํ ทฺวีสุ าเนสุ ตโย กิเลสา อาคตา ‘‘โทโส โมโห ทิฏฺี’’ติ. ‘‘สโทสสฺสา’’ติ หิ วุตฺตฏฺาเน ปฏิฆํ อกุสลมูลํ คหิตํ, ‘‘ปฏิวิรุทฺธสฺสา’’ติ วิโรโธ, ‘‘สโมหสฺสา’’ติ โมโห อกุสลมูลํ, ‘‘อวิทฺทสุโน’’ติ มลฺยํ, อสมฺปชฺํ วา, ‘‘สอุปาทานสฺสา’’ติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน คหณํ, ‘‘ปปฺจารามสฺสา’’ติ ปปฺจุปฺปตฺติวเสน.
อาการโตติ ¶ ปวตฺติอาการโต. ปทนฺตเรน ราควิเสสสฺส วุจฺจมานตฺตาอาทิโต วุตฺตํ สราควจนํ โอฬาริกํ ราควิสยนฺติ อาห ‘‘ปฺจกามคุณิกราควเสนา’’ติ. คหณวเสนาติ ทฬฺหคฺคหณวเสน. ‘‘อนุรุทฺธปฏิวิรุทฺธสฺสา’’ติ เอกปทวเสน ปาฬิยํ อาคตตฺตา เอกชฺฌํ ปทุทฺธาโร กโต. ตตฺถ ปน ‘‘อนุรุทฺธสฺสา’’ติ สุภวเสนาติ เอวมตฺโถ วตฺตพฺโพ. น หิ ปฏิวิรุชฺฌนํ สุภวเสน โหติ. ปปฺจุปฺปตฺติทสฺสนวเสนาติ กิเลสกมฺมวิปากานํ อปราปรุปฺปตฺติปจฺจยตาย ¶ สํสารสฺส ปปฺจนํ ปปฺโจ, ตสฺส อุปฺปตฺติเหตุภาวทสฺสนวเสน. ตณฺหา หิ ภวุปฺปตฺติยา วิเสสปจฺจโย. ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานทสฺสนวเสนาติ ตณฺหาปจฺจยสฺส อุปาทานสฺส ทสฺสนวเสน, ยทวตฺถา ตณฺหา อุปาทานสฺส ปจฺจโย, ตทวตฺถาทสฺสนวเสน. ผเลน หิ เหตุวิเสสกิตฺตนเมตนฺติ. เอวํ วิทฺธํเสถาติ กามราคภวตณฺหาทิวเสน โลภํ กสฺมา เอวํ วิปฺปกิเรถ. ตณฺหากรณวเสนาติ ตณฺหายนกรณวเสน สุภาการคฺคหณวเสน. สุภนฺติ หิ อารมฺมเณ ปวตฺโต ราโค ‘‘สุภ’’นฺติ วุตฺโต.
๑๔๒. วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฏฺิวาโท. ทิฏฺิวเสน หิ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ จ ทิฏฺิคติกา ปฺเปนฺติ. เตนาห ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ทิฏฺิโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๒). ตณฺหารหิตาย ทิฏฺิยา อภาวโต ตณฺหาวเสเนว จ อตฺตโน สสฺสตภาวาภินิเวโสติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาทิฏฺิวเสนา’’ติ. อลฺลีนาติ นิสฺสิตา. อุปคตาติ อวิสฺสชฺชนวเสน เอกิภาวมิว คตา. อชฺโฌสิตาติ ตาย ทิฏฺิยา คิลิตฺวา ปรินิฏฺาปิตา วิย ตทนฺโตคธา. เตนาห ‘‘อนุปวิฏฺา’’ติ. ยถา คหฏฺานํ กามชฺโฌสานํ วิวาทมูลํ, เอวํ ปพฺพชิตานํ ทิฏฺชฺโฌสานนฺติ อาห ‘‘วิภวทิฏฺิยา เต ปฏิวิรุทฺธา’’ติ. ทิฏฺิวิโรเธน หิ ทิฏฺิคติกวิโรโธ.
ขณิกสมุทโย อุปฺปาทกฺขโณติ อาห ‘‘ทิฏฺีนํ นิพฺพตฺตี’’ติ. ทิฏฺินิพฺพตฺติคฺคหเณเนว เจตฺถ ยถา ทิฏฺีนํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนตา วิภาวิตา, เอวํ ทิฏฺิวตฺถุโนปีติ อุภเยสมฺปิ อนิจฺจตา ทุกฺขตา อนตฺตตา จ วิภาวิตาติ ทฏฺพฺพํ. ยานิ ปฏิสมฺภิทานเยน (ปฏิ. ม. ๑.๑๒๒) ‘‘ปจฺจยสมุทโย อฏฺ านานี’’ติ วุตฺตานิ, ตานิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ขนฺธาปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ขนฺธาปิ ทิฏฺิฏฺานํ อารมฺมณฏฺเน ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิวจนโต (สํ. นิ. ๓.๘๑; ๔.๓๔๕). อวิชฺชาปิ ทิฏฺิฏฺานํ อุปนิสฺสยาทิวเสน ปจฺจยภาวโต. ยถาห – ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒, ๔๖๑; สํ. นิ. ๓.๑, ๗). ผสฺโสปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถา จาห ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา (ที. นิ. ๑.๑๑๘-๑๓๐), ผุสฺส ผุสฺส ปฏิสํเวทิยนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๔๔) จ ¶ . สฺาปิ ทิฏฺิฏฺานํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขาติ ¶ (สุ. นิ. ๘๘๐), ปถวึ ปถวิโต สฺตฺวา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒) จ อาทิ. วิตกฺโกปิ ทิฏฺิฏฺานํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๒; มหานิ. ๑๒๑) ‘‘ตกฺกี โหติ วีมํสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๔) จ อาทิ. อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถาห ภควา ‘‘ตสฺเสว อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, อตฺถิ เม อตฺตาติ อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๙). สมุฏฺาติ เอเตนาติ สมุฏฺานํ, ตสฺส ภาโว สมุฏฺานฏฺโ, เตน. ขณิกตฺถงฺคโม ขณิกนิโรโธ. ปจฺจยตฺถงฺคโม อวิชฺชาทีนํ อจฺจนฺตนิโรโธ. โส ปน เยน โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสตาปตฺติมคฺโค’’ติ อาห. จตฺตาโร หิ อริยมคฺคา ยถารหํ ตสฺส ตสฺส สงฺขารคตสฺส อจฺจนฺตนิโรธเหตุ, ขณิกนิโรโธ ปน อเหตุโก.
อานิสํสนฺติ อุทยํ. โส ปน ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ สมฺปรายิโก ทุคฺคติปริกิเลสตายอาทีนวปกฺขิโก เอวาติ อิตรํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาห. อาทีนวมฺปิ ทิฏฺธมฺมิกเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิฏฺิคฺคหณมูลกํ อุปทฺทว’’นฺติอาทิมาห. โสติอาทีนโว. อาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน นคฺคิยานสนสงฺกฏิวตาทีนํ สงฺคโห. นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณนฺติ วุจฺจมาเน ทสฺสนมคฺโค เอว ทิฏฺีนํ นิสฺสรณํ สิยา, ตสฺส ปน อตฺถงฺคมปริยาเยน คหิตตฺตา สพฺพสงฺขตนิสฺสฏํ นิพฺพานํ ทิฏฺีหิปิ นิสฺสฏนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺีนํ นิสฺสรณํ นาม นิพฺพาน’’นฺติ. อิมินาติอาทีสุ วตฺตพฺพํ อนุโยควตฺเต วุตฺตนยเมว.
๑๔๓. ทิฏฺิจฺเฉทนํ ทสฺเสนฺโตติ สพฺพุปาทานปริฺาทสฺสเนน สพฺพโส ทิฏฺีนํ สมุจฺเฉทวิธึ ทสฺเสนฺโต. วุตฺตาเยวาติ –
‘‘อุปาทานานิ จตฺตาริ, ตานิ อตฺถวิภาคโต;
ธมฺมสงฺเขปวิตฺถารา, กมโต จ วิภาวเย’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๕) –
คาถํ อุทฺทิสิตฺวา อตฺถวิภาคาทิวเสน วุตฺตาเยว. กามํ อิโต พาหิรกานํ ‘‘อิมานิ อุปาทานานิ เอตฺตกานิ จตฺตาริ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ อีทิสํ าณํ นตฺถิ, เกวลํ ปน เกจิ ‘‘กามา ปหาตพฺพา’’ติ วทนฺติ, เกจิ ‘‘นตฺถิ ปโร โลโกติ จ, มิจฺฉา’’ติ วทนฺติ, อปเร ‘‘สีลพฺพเตน สุทฺธีติ ¶ จ, มิจฺฉา’’ติ วทนฺติ, อตฺตทิฏฺิยา ปน มิจฺฉาภาวํ สพฺพโส น ชานนฺติ เอว. ยตฺตกํ ปน ชานนฺติ, ตสฺสปิ อจฺจนฺตปฺปหานํ น ชานนฺติ, ตถาปิ สพฺพสฺส ปริฺเยฺยสฺส ¶ ปริฺเยฺยํ ปฺเปมอิจฺเจว ติฏฺนฺติ. เอวํภูตานํ ปน เนสํ ตตฺถ ยาทิสี ปฏิปตฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สนฺตีติ สํวิชฺชนฺติ. เตน เตสํ ทิฏฺิคติกานํ วิชฺชมานตาย อวิจฺเฉทตํ ทสฺเสติ. เอเกติ เอกจฺเจ. สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชุปคมเนน สมณา, ชาติมตฺเตน จ พฺราหฺมณา. สพฺเพสนฺติ อนวเสสานํ อุปาทานานํ สมติกฺกมํ ปหานํ. สมฺมา น ปฺเปนฺตีติ เยสํ ปฺเปนฺติ, เตสมฺปิ สมฺมา ปริฺํ น ปฺเปนฺติ. อิทานิ ตํ อตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘เกจี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โหติก-กุฏีจก-พหูทก-หํส-ปรมหํส-กาชก-ติทณฺฑ-โมนวต-เสว-ปารุปก-ปฺจมรตฺติก- โสมการก-มุคพฺพต-จรพาก-ตาปส-นิคนฺถา-ชีวก-อิสิ-ปารายนิก-ปฺจาตปิก-กาปิล- กาณาท-สํสารโมจก-อคฺคิภตฺติก-มควติก-โควติก-กุกฺกุรวติก-กามณฺฑลุก- วคฺคุลิวติก-เอกสาฏก-โอทกสุทฺธิก-สรีรสนฺตาปก-สีลสุทฺธิก-ฌานสุทฺธิก-จตุพฺพิธ- สสฺสตวาทาทโย ฉนฺนวุติ ตณฺหาปาเสน ฑํสนโต, อริยธมฺมสฺส วา วิพาธนโต ปาสณฺฑา. วตฺถุปฏิเสวนํ กามนฺติ พฺยาปารสฺส วตฺถุโน ปฏิเสวนสงฺขาตํ กามํ. เถยฺเยน เสวนฺตีติ ปฏิหตฺถอาทิสมฺาย โลกสฺส วจนวเสน เสวนฺติ. ตีณิ การณานีติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตานิ ทิฏฺิวิเสสภูตานิ วฏฺฏการณานิ.
อตฺถสลฺลาปิกาติ อตฺถสฺส สลฺลาปิกา, ทฺวินฺนํ อธิปฺเปตตฺถสลฺลาปวิภาวินีติ อธิปฺปาโย. ทฺวินฺนฺหิ วจนํ สลฺลาโป. เตนาห ‘‘ปถวี กิรา’’ติอาทิ.
โย ติตฺถิยานํ อตฺตโน สตฺถริ ธมฺเม สหธมฺมิเกสุ จ ปสาโท วุตฺโต, ตสฺส อนายตนคตตฺตา อปฺปสาทกภาวทสฺสนํ ปสาทปจฺเฉโท. ตถาปวตฺโต วาโท ปสาทปจฺเฉทวาโท วุตฺโต. เอวรูเปติ อีทิเส วุตฺตนเยน กิเลสานํ อนุปสมสํวตฺตนิเก. ธมฺเมติ ธมฺมปติรูปเก. วินเยติ วินยปติรูปเก. ติตฺถิยา หิ โกหฺเ ตฺวา โลกํ วฺเจนฺตา ธมฺมํ กเถมาติ ‘‘สตฺติเม กายา อกฏา อกฏวิธา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๗๔) ยํ กิฺจิ กเถตฺวา ตถา ‘‘วินยํ ปฺเปมา’’ติ ¶ โคสีลวคฺคุลิวตาทีนิ ปฺเปตฺวา ตาทิสํ สาวเก สิกฺขาเปตฺวา ‘‘ธมฺมวินโย’’ติ กเถนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ธมฺมวินเย’’ติ. เตนาห ‘‘อุภเยนปิ อนิยฺยานิกํ สาสนํ ทสฺเสตี’’ติ. ปริตฺตมฺปิ นาม ปฺุํ กาตุกามํ มจฺเฉรมลาภิภูตตาย นิวาเรนฺตสฺส อนฺตรายํ ตสฺส กโรโต ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูหิ ครหิตพฺพตา สมฺปราเย จ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา, กิมงฺคํ ปน สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาวเห ชินจกฺเก ปหารทายิโน ติตฺถกรสฺส ตโทวาทกรสฺส จาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิยฺยานิกสาสนมฺหิ หี’’ติอาทิมาห. ยถา โส ปสาโท ¶ สมฺปราเย น สมฺมคฺคโต อตฺตโน ปวตฺติวเสนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กฺจิ กาลํ คนฺตฺวาปิ ปจฺฉา วินสฺสติ เยวา’’ติ อาห, อเวจฺจปฺปสาโท วิย อจฺจนฺติโก น โหตีติ อตฺโถ.
สมฺปชฺชมานา ยถาวิธิปฏิปตฺติยา ติรจฺฉานโยนึ อาวหติ. กมฺมสริกฺขเกน หิ วิปาเกเนว ภวิตพฺพํ. สพฺพมฺปิ การณเภทนฺติ สพฺพมฺปิ ยถาวุตฺตํ ติตฺถกรานํ สาวกานํ อปายทุกฺขาวหํ มิจฺฉาปฏิปตฺติสงฺขาตํ การณวิเสสํ. โส ปเนส ปสาโท น นิยฺยาติ มิจฺฉตฺตปกฺขิกตฺตา สุราปีตสิงฺคาเล ปสาโท วิย. สุรํ ปริสฺสาเวตฺวา ฉฑฺฑิตกสฏํ สุราชลฺลิกํ. พฺราหฺมณา นาม ธนลุทฺธาติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อิมํ วฺเจสฺสามี’’ติ. กํสสตาติ กหาปณสตา.
๑๔๔. ตสฺสาติ ปสาทสฺส. สพฺโพปิ โลโภ กามุปาทานนฺเตว วุจฺจตีติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺเคน กามุปาทานสฺส ปหานปริฺ’’นฺติ. เอวรูเปติ อีทิเส สพฺพโส กิเลสานํ อุปสมสํวตฺตนิเก. ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมานานํ อปาเยสุ อปตนวเสน ธารณฏฺเน ธมฺเม. สพฺพโส วินยนฏฺเน วินเย. ตตฺถ ภวทุกฺขนิสฺสรณาย สํวตฺตเน.
นมสฺสมาโน อฏฺาสิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปจฺเจกโพธิปารมีนํ ปูรเณน ตตฺถ พุทฺธสาสเน ปริจเยน จ ภควติ ปสนฺนจิตฺตตาย จ. ‘‘อุลูกา’’ตฺยาทิคาถา รุกฺขเทวตาย ภาสิตา. กาลุฏฺิตนฺติ สายนฺหกาเล ทิวาวิหารโต อุฏฺิตํ. ทุคฺคเตโส น คจฺฉตีติ ทุคฺคตึ เอโส น คมิสฺสติ. โมรชิโก มุรชวาทโก. มหาเภริวาทกวตฺถุอาทีนิปิ สิตปาตุกรณํ อาทึ กตฺวา วิตฺถาเรตพฺพานิ.
ปรมตฺเถติ ¶ โลกุตฺตรธมฺเม. กึ ปน วตฺตพฺพนฺติ ธมฺเมปิ ปรมตฺเถ นิมิตฺตํ คเหตฺวา สุณนฺตานํ. สามเณรวตฺถูติ ปพฺพชิตทิวเสเยว สปฺเปน ทฏฺโ หุตฺวา กาลํ กตฺวา เทวโลกํ อุปปนฺนสามเณรวตฺถุ.
ขีโรทนนฺติ ขีเรน สทฺธึ สมฺมิสฺสํ โอทนํ. ติมฺพรุสกนฺติ ตินฺทุกผลํ. ติปุสสทิสา เอกา วลฺลิชาติ ติมฺพรุสํ, ตสฺส ผลํ ติมฺพรุสกนฺติ จ วทนฺติ. กกฺการิกนฺติ ขุทฺทกเอลาฬุกํ. มหาติปุสนฺติ จ วทนฺติ. วลฺลิปกฺกนฺติ ขุทฺทกติปุสวลฺลิยา ผลํ. หตฺถปตาปกนฺติ มนฺทามุขิ. อมฺพกฺชิกนฺติ อมฺพิลกฺชิกํ. ขฬยาคุนฺติปิ วทนฺติ. โทณินิมฺมชฺชนินฺติ สเตลํ ติลปิฺากํ. วิธุปนนฺติ จตุรสฺสพีชนึ ¶ . ตาลวณฺฏนฺติ ตาลปตฺเตหิ กตมณฺฑลพีชนึ. โมรหตฺถนฺติ โมรปิฺเฉหิ กตํ มกสพีชนึ.
วุตฺตนยานุสาเรเนวาติ ยสฺมา อิธาปิ ยถาวุตฺตํ สพฺพมฺปิ การณเภทํ เอกโต กตฺวา ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘ตํ กิสฺส เหตู’’นฺติอาทิมาห, ตสฺมา ตตฺถ อนิยฺยานิกสาสเน วุตฺตนยสฺส อนุสฺสรณวเสน โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.
๑๔๕. ปริฺนฺติ ปหานปริฺํ. เตสํ ปจฺจยํ ทสฺเสตุนฺติ อุปาทานานํ ปริฺา นาม ปหานปริฺา. เตสํ อจฺจนฺตนิโรโธ อธิปฺเปโต, โส จ ปจฺจยนิโรเธน โหตีติ เตสํ ปจฺจยํ มูลการณโต ปภุติ ทสฺเสตุํ. อยนฺติ อิทานิ วุจฺจมาโน เอตฺถ ‘‘อิเม จา’’ติอาทิปาเ ‘‘กึ นิทานา’’ติอาทิสมาสปทานํ อตฺโถ. สพฺพปเทสูติ ‘‘ตณฺหาสมุทยา’’ติอาทีสุ สพฺเพสุ ปเทสุ. อิมินา เอว จ สพฺพคฺคหเณน ‘‘ผสฺสนิทานา’’ติอาทีนมฺปิ ปทานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อิเม อฺติตฺถิยา อุปาทานานมฺปิ สมุทยํ น ชานนฺติ, กุโต นิโรธํ, ตถาคโต ปน เตสํ ตปฺปจฺจยปจฺจยานมฺปิ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ ยาถาวโต ชานาติ, ตสฺมา – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ…เป… สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙) ยถารทฺธสีหนาทํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อุปาทานา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๔๕) นเยน เทสนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน โอตาเรนฺโต วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ยโต จ โข’’ติอาทินา วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหิ, ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา ปน ภควา’’ติอาทิมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา
เวสาลีนครวณฺณนา
๑๔๖. อปราปรนฺติ ¶ ¶ ปุนปฺปุนํ. วิสาลีภูตตายาติ คาวุตนฺตรํ คาวุตนฺตรํ ปุถุภูตตาย. ตตฺราติ ตสฺสํ วิสาลีภูตตายํ. ฉฑฺฑิตมตฺเตติ วิสฺสฏฺมตฺเต. อูมิภยาทีหีติ อูมิกุมฺภีลอาวฏฺฏสํสุกาภเยหิ. อุทกปฺปวาเหนาคตสฺสปิ จ อุสฺมา น วิคจฺฉติ, อุสฺมา จ นาม อีทิสสฺส สวิฺาณกตาย ภเวยฺยาติ ‘‘สิยา คพฺโภ’’ติ จินฺเตสิ. ตถา หีติอาทิ ตตฺถ การณจินฺตา. ปฺุวนฺตตาย ทุคฺคนฺธํ นาโหสิ, สอุสุมตาย ปูติกภาโว. ทารกานํ ปฺุูปนิสฺสยโต องฺคุฏฺกโต จสฺส ขีรํ นิพฺพตฺติ, ขีรภตฺตฺจ ลภิ. จริมกภเว โพธิสตฺเต กุจฺฉิคเต โพธิสตฺตมาตุ วิย อุทรจฺฉวิยา อจฺฉวิปฺปสนฺนตาย นิจฺฉวิ วิยาติ กตฺวา อาห ‘‘นิจฺฉวี อเหสุ’’นฺติ. เตสนฺติ ทฺวินฺนํ ทารกานํ. มาตาปิตโรติ โปสกมาตาปิตโร. อภิสิฺจิตฺวา ราชานํ อกํสุ รชฺชสมฺปตฺติยา ทายกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา, อสมฺภินฺเน เอว ราชกุเล อุปฺปนฺนตฺตา จ. กุมารสฺส ปฺุานุภาวสฺโจทิตา เทวตาธิคฺคหิตาติ เกจิ.
ปุรสฺส อปเรติ ปุรสฺส อปรทิสาย คาวุตมตฺเต าเน ชีวกมฺพวนํ วิย สปาการมนฺทิรเก. อจิรปกฺกนฺโตติ เอตฺถ น เทสนฺตรปกฺกมนํ อธิปฺเปตํ, อถ โข สาสนโต อปกฺกมนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิพฺภมิตฺวา’’ติอาทิมาห. เตเนวาห ‘‘อิมสฺมา ธมฺมวินยา’’ติ. ปริสตีติ ปริสายํ, ชนสมูเหติ อตฺโถ. ชนสมูหคโต ปน ‘‘ปริสมชฺเฌ’’ติ วุตฺโต. ภาวนามนสิกาเรน วินา ปกติยาว มนุสฺเสหิ นิพฺพตฺเตตพฺโพ ธมฺโมติ มนุสฺสธมฺโม, มนุสฺสตฺตภาวาวโห วา ธมฺโม มนุสฺสธมฺโม, อนุฬารํ ปริตฺตกุสลํ. ยํ อสติปิ พุทฺธุปฺปาเท วตฺตติ, ยฺจ สนฺธายาห ‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชตี’’ติ. ‘‘อมฺหากํ พุทฺโธ’’ติ พุทฺเธ มมตฺตการิโน พุทฺธมามกา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.
อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาทิวณฺณนา
อลํ ¶ อริยาย อริยภาวายาติ อลมริโย, รูปายตนํ ชานาติ จกฺขุวิฺาณํ วิย ปสฺสติ จาติ าณทสฺสนํ, ทิพฺพจกฺขุ. สมฺมสนุปเค จ ปน ธมฺเม ลกฺขณตฺตยฺจ ตถา ชานาติ ¶ ปสฺสติ จาติ าณทสฺสนํ, วิปสฺสนา. นิพฺพานํ, จตฺตาริ วา สจฺจานิ อสมฺโมหปฏิเวธโต ชานาติ ปสฺสติ จาติ าณทสฺสนํ, มคฺโค. ผลํ ปน นิพฺพานวเสเนว โยเชตพฺพํ. ปจฺจเวกฺขณา มคฺคาธิคตสฺส อตฺถสฺส ปจฺจกฺขโต ชานนฏฺเน าณทสฺสนํ, สพฺพฺุตา อนาวรณตาย สมนฺตจกฺขุตาย จ าณทสฺสนํ. โลกุตฺตรมคฺโค อธิปฺเปโต, ตสฺมิฺหิ ปฏิสิทฺเธ สพฺเพสมฺปิ พุทฺธคุณานํ อสมฺภโวติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตฺหิ โส ภควโต ปฏิเสเธตี’’ติ.
สุขุมํ ธมฺมนฺตรํ นาม ฌานวิปสฺสนาทิกํ อาจริยานุคฺคเหน คหิตํ นาม นตฺถิ. ตกฺกปริยาหตนฺติ ‘‘อิติ ภวิสฺสติ, เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ ตํตํทสฺเสตพฺพมตฺถตกฺกเนน วิตกฺกนมตฺเตน ปริโต อาหตํ ปริวตฺติตํ กตฺวา. เตนาห ‘‘ตกฺเกตฺวา’’ติอาทิ. โลกิยปฺํ อนุชานาติ อุปนิสินฺนปริสาย อนุกูลธมฺมกถนโตติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘สมโณ โคตโม’’ติอาทิ. ปฏิภาตีติ ปฏิภานํ, ‘‘อิติ วกฺขามี’’ติ เอวํปวตฺตํ กถนจิตฺตํ, ตโต ปฏิภานโต ชานนํ ปฏิภานํ, อาคมาภาวโต สยเมว อุปฏฺิตตฺตา สยํปฏิภานํ. เตนาห ‘‘อิมินาสฺส ธมฺเมสุ ปจฺจกฺขภาวํ ปฏิพาหตี’’ติ. สุผุสิตนฺติ นิพฺพิวรํ. อผุสิตตฺเต หิ สุเขน วจีโฆโส น นิจฺฉรติ. ทนฺตาวรณนฺติ โอฏฺทฺวยํ. ชิวฺหาปิ ถทฺธตาย สุเขน วจีโฆโส น นิจฺฉรตีติ อาห ‘‘มุทุกา ชิวฺหา’’ติ. กรวีกรุตมฺชุตาย มธุโร สโร. เอลํ วุจฺจติ โทโส, เอลํ คฬตีติ เอลคฬา, น เอลคฬา อเนลคฬา, นิทฺโทสา, น รุชฺฌตีติ อตฺโถ. สพฺพเมตํ รฺชนสฺเสว การณํ ทสฺเสนฺโต วทติ.
ปฺจ ธมฺมาติ คมฺภีราณจริยภูตานํ ขนฺธาทีนํ อุคฺคหณ-สวน-ธารณ-ปริจย-โยนิโสมนสิกาเร สนฺธายาห. ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ เอตฺถ สมฺมา-สทฺโท อุภยตฺถาปิ โยเชตพฺโพ ‘‘สมฺมา ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติ. โย หิ สมฺมา ธมฺมํ ปฏิปชฺชติ, ตสฺเสว สมฺมา ทุกฺขกฺขโย โหติ. โย ปน วุตฺตนเยน ตกฺกโร, ตสฺส นิยฺยานํ อตฺถโต ธมฺมสฺเสว นิยฺยานนฺติ อาห ‘‘โส ธมฺโม…เป… นิยฺยาติ คจฺฉตี’’ติ.
๑๔๗. โกธโนติ ¶ กุชฺฌนสีโล. ยสฺมา ปน สุนกฺขตฺโต โกธวเสน กุรูโร ผรุสวจโน จ, ตสฺมา อาห ‘‘โกธโนติ จณฺโฑ ผรุโส จา’’ติ. ตสฺมึ อตฺตภาเว มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถีติ ตสฺมึ อตฺตภาเว อุปฺปชฺชนารหานํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถิ. ตํ พุทฺธา ‘‘โมฆปุริโส’’ติ วทนฺติ ยถา ตํ สุทินฺนลาฬุทายิอาทิเก. อุปนิสฺสเย สติปิ ตสฺมึ ขเณ มคฺเค วา ผเล วา อสติ ‘‘โมฆปุริโส’’ติ วทนฺติ ยถา ตํ ธนิยูปเสนตฺเถราทิเก. สมุจฺฉินฺโนปนิสฺสเย ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ยถา ‘‘มกฺขลิ โมฆปุริโส มนุสฺสขิปฺปํ ¶ มฺเ’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๑) ตถา สุนกฺขตฺโตปีติ อาห ‘‘อิมสฺส ปนา’’ติอาทิ. อสฺสาติ เอเตน. กตฺตริ หิทํ สามิวจนํ. โกเธนาติ โกธเหตุนา.
ภควโตติ สมฺปทานวจนํ กุทฺธปทาเปกฺขาย. ปุพฺเพติ ภิกฺขุกาเล. สทฺทํ โสตุกาโมติ โส กิร ทิพฺพจกฺขุนา ตาวตึสภวเน เทวตานํ รูปํ ปสฺสนฺโต โอฏฺจลนํ ปสฺสติ, น ปน สทฺทํ สุณาติ, ตสฺมา ตาสํ สทฺทํ โสตุกาโม อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สทฺทํ โสตุกาโม…เป… ปุจฺฉี’’ติ. โส จ อตีเต เอกํ สีลวนฺตํ ภิกฺขุํ กณฺณสกฺขลิยํ ปหริตฺวา พธิรมกาสิ, ตสฺมา ปริกมฺมํ กโรนฺโตปิ อภพฺโพว ทิพฺพโสตาธิคมาย. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุปนิสฺสโย นตฺถีติ ตฺวา ปริกมฺมํ น กเถสี’’ติ. จินฺเตสีติ อตฺตโน มิจฺฉาปริวิตกฺกิเตน อโยนิโส อุมฺมุชฺชนฺโต จินฺเตสิ.
นิยฺยานิกตฺตาวโพธนโต อเภโทปจาเรน ‘‘เทสนาธมฺโม นิยฺยานิโก’’ติ วุตฺโต. นิยฺยาโน วา อริยมคฺโค โพเธตพฺโพ เอตสฺส อตฺถีติ นิยฺยานิโก เทสนาธมฺโม. อตฺตนิ อตฺถิตํ ทสฺเสติ กิจฺจสิทฺธิทสฺสเนน ตตฺถ ตตฺถ ปากฏีกตตฺตา, น ปฏิฺามตฺเตน. ตถา หิ ยถาปราธํ ตํตํสิกฺขาปทปฺตฺติยา ยถาธมฺมํ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปฺจ อวิปรีตธมฺมเทสนาย เทวมนุสฺเสหิ ยถาภิสงฺขตปฺหานํ ตทชฺฌาสยานุกูลํ านโส วิสฺสชฺชเนน จ ภควโต สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารภาเวน สพฺพฺุตฺาณํ วิฺูนํ ปากฏํ, ตถา ตตฺถ ตตฺถ ยมกปาฏิหาริยกรณาทีสุ อิทฺธิวิธาณาทีนีติ. เตนาห ‘‘มยฺหฺจา’’ติอาทิ. อนฺเวติ ยถาคหิตสงฺเกตสฺส อนุคมนวเสน เอติ ¶ ชานาตีติ อนฺวโย. เตนาห ‘‘อนุพุชฺฌตีติ อตฺโถ’’ติ. สงฺเกตานุคมนฺเจตฺถ ‘‘ยถาปราธํ ตํตํสิกฺขาปทปฺตฺติยา’’ติอาทินา วุตฺตนยเมว. เอวํ โยชนา เวทิตพฺพาติ ยถา สพฺพฺุตฺาเณน โยชนา กตา, เอวํ ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม มยฺหํ อิทฺธิวิธาณสงฺขาตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺม’’นฺติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทสพลาณวณฺณนา
๑๔๘. ยทิปิ อาทิโต อภิฺาตฺตยวเสน เทสนาย อาคตตฺตา เจโตปริยาณานนฺตรํ อุปริ ติสฺโส อภิฺา วตฺตพฺพา สิยุนฺติ วตฺตพฺพํ สิยา, อตฺถโต ปน วิชฺชาตฺตยํ ยถาวุตฺตอภิฺาตฺตยเมวาติ ¶ กตฺวา ‘‘ติสฺโส วิชฺชา วตฺตพฺพา สิยุ’’นฺติ วุตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘ตาสุ วุตฺตาสุ อุปริ ทสพลาณํ น ปริปูรตี’’ติ วุตฺตํ, นนุ อิมานิ าณานิ เสสาภิฺา วิย อตฺตโน วิสยสฺส อภิชานนฏฺํ อุปาทาย อภิฺาสุ วตฺตพฺพานิ, อกมฺปิยฏฺํ ปน อุปตฺถมฺภนฏฺฺจ อุปาทาย พลาเณสุ ยถา สมฺมาสติอาทโย อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺเคสูติ? นยิทเมวํ. ตตฺถ หิ ธมฺมานํ ธมฺมกิจฺจวิเสสวิภาวนปราย เทสนาย วุตฺตํ, อิธ ปน สตฺถุ คุณวิเสสวิภาวนปราย เทสนาย ตถา วตฺตุํ น สกฺกา อตฺถโต อนฺตฺตา, เอกจฺจานํ ปุถุชฺชนานํ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปชฺเชยฺย ‘‘กิมิทํ ภควา เหฏฺา วุตฺตคุเณ ปุนปิ คณฺหนฺโต คุณาธิกทสฺสนํ กโรตี’’ติ. ตสฺมา สุวุตฺตเมตํ ‘‘อุปริ ทสพลาณํ น ปริปูรตี’’ติ.
อฺเหิ อสาธารณานีติ กสฺมา วุตฺตํ (อ. นิ. ฏี. ๓.๑๐.๒๑), นนุ เจตานิ สาวกานมฺปิ เอกจฺจานํ อุปฺปชฺชนฺตีติ? กามํ อุปฺปชฺชนฺติ, ยาทิสานิ ปน พุทฺธานํ านาฏฺานาณาทีนิ, น ตาทิสานิ ตทฺเสํ กทาจิปิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อฺเหิ อสาธารณานีติ. เตนาห ‘‘ตถาคตสฺเสว พลานี’’ติ. อิมเมว หิ ยถาวุตฺตเลสํ อเปกฺขิตฺวา ตทภาวโต อาสยานุสยาณาทีสุ เอว อสาธารณคุณสมฺา นิรุฬฺหา. กามํ าณพลานํ าณสมฺภาโร วิเสสปจฺจโย, ปฺุสมฺภาโรปิ ปน เนสํ ปจฺจโย เอว ¶ , าณสมฺภารสฺสปิ วา ปฺุสมฺภารภาวโต ‘‘ปฺุุสฺสยสมฺปตฺติยา อาคตานี’’ติ วุตฺตํ.
ปกติหตฺถิกุลนฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๒) คิริจรนทีจรวนจราทิปฺปเภทา โคจริยกาลาวกนามา สพฺพาปิ พเลน ปากติกา หตฺถิชาติ. ทสนฺนํ ปุริสานนฺติ ถามมชฺฌิมานํ ทสนฺนํ ปุริสานํ. เอกสฺส ตถาคตสฺส กายพลนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. เอกสฺสาติ จ ตถา เหฏฺากถายํ อาคตตฺตา เทสนาโสเตน วุตฺตํ. นารายนสงฺฆาตพลนฺติ เอตฺถ นารา วุจฺจนฺติ รสฺมิโย, ตา พหู นานาวิธา อิโต อุปฺปชฺชนฺตีติ นารายนํ, วชิรํ, ตสฺมา นารายนสงฺฆาตพลนฺติ วชิรสงฺฆาตพลนฺติ อตฺโถ. าณพลํ ปน ปาฬิยํ อาคตเมว, น กายพลํ วิย อฏฺกถารุฬฺหเมวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘สํยุตฺตเก อาคตานิ เตสตฺตติ าณานิ สตฺตสตฺตติ าณานี’’ติ วุตฺตํ (วิภ. มูลฏี. ๗๖๐), ตตฺถ ปน นิทานวคฺเค สตฺตสตฺตติ อาคตานิ จตุจตฺตารีสฺจ, เตสตฺตติ ปน ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๗๓ มาติกา) สุตมยาทีนิ อาคตานิ ทิสฺสนฺติ, น สํยุตฺตเก. อฺานิปีติ เอเตน าณวตฺถุวิภงฺเค เอกกาทิวเสน วุตฺตานิ, อฺตฺถ จ ‘‘ปุพฺพนฺเต าณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๗๖) พฺรหฺมชาลาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๖) จ ‘‘ตยิทํ ตถาคโต ปชานาติ, อิมานิ ทิฏฺิฏฺานานิ เอวํ คหิตานี’’ติอาทินา วุตฺตานิ อเนกานิ าณปฺปเภทานิ สงฺคณฺหาติ. ยาถาวปฏิเวธโต สยฺจ ¶ อกมฺปิยํ ปุคฺคลฺจ ตํสมงฺคึ เนยฺเยสุ อธิพลํ กโรตีติ อาห ‘‘อกมฺปิยฏฺเน อุปตฺถมฺภนฏฺเน จา’’ติ.
อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๘) เสฏฺํ านํ. สพฺพฺุตปฏิชานนวเสน อภิมุขํ คจฺฉนฺติ, อฏฺ วา ปริสา อุปสงฺกมนฺตีติ อาสภา, ปุพฺพพุทฺธา. อิทํ ปนาติ พุทฺธานํ านํ สพฺพฺุตเมว วทติ. ติฏฺมาโนวาติ อวทนฺโตปิ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๒๒) ติฏฺมาโนว ปฏิชานาติ นามาติ อตฺโถ. อุปคจฺฉตีติ อนุชานาติ.
อฏฺสุ ปริสาสูติ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ…เป… ตตฺร วต มํ ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๑) วุตฺตาสุ อฏฺสุ ปริสาสุ. อภีตนาทํ ¶ นทตีติ ปรโต ทสฺสิตาณโยเคน ทสพโลหนฺติ อภีตนาทํ นทติ. สีหนาทสุตฺเตน ขนฺธวคฺเค (สํ. นิ. ๓.๗๘) อาคเตน.
‘‘เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) สุตฺตเสเสน สปฺปุริสูปสฺสยาทีนํ ผลสมฺปตฺติปวตฺติ, ปุริมสปฺปุริสูปสฺสยาทึ อุปนิสฺสาย ปจฺฉิมสปฺปุริสูปสฺสยาทีนํ สมฺปตฺติปวตฺติ วา วุตฺตาติ อาทิ-สทฺเทน ตตฺถ จ จกฺก-สทฺทสฺส คหณํ เวทิตพฺพํ. วิจกฺกสณฺานา อสนิ เอว อสนิวิจกฺกํ. อุรจกฺกาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน อาณาสมูหาทีสุปิ จกฺก-สทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ‘‘สงฺฆเภทํ กริสฺสาม จกฺกเภท’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) หิ อาณา ‘‘จกฺก’’นฺติ วุตฺตา, ‘‘เทวจกฺกํ อสุรจกฺก’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๘) สมูโหติ. ปฏิเวธนิฏฺตฺตา อรหตฺตมคฺคาณํ ปฏิเวโธติ ‘‘ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามา’’ติ วุตฺตํ. เตน ปฏิลทฺธสฺสปิ เทสนาาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ ปรสฺส พุชฺฌนมตฺเตน โหตีติ ‘‘อฺาตโกณฺฑฺสฺส โสตาปตฺติ…เป… ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามา’’ติ วุตฺตํ. ตโต ปรํ ปน ยาว ปรินิพฺพานา เทสนาาณปฺปวตฺติ ตสฺเสว ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส านนฺติ เวทิตพฺพํ ปวตฺติตจกฺกสฺส จกฺกวตฺติโน จกฺกรตนสฺส านํ วิย.
‘‘ติฏฺตี’’ติ วุตฺตํ, กึ ภูมิยํ ปุริโส วิย? โนติ อาห ‘‘ตทายตฺตวุตฺติตายา’’ติ. านนฺติ เจตฺถ อตฺตลาโภ ธรมานตา จ, น คตินิวตฺตีติ อาห ‘‘อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จา’’ติ ¶ . ยตฺถ ปเนตํ ทสพลาณํ วิตฺถาริตํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิธมฺเม ปนา’’ติอาทิมาห. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
สมาทิยนฺตีติ สมาทานานิ, ตานิ ปน สมาทิยิตฺวา กตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาทิยิตฺวา กตาน’’นฺติ. กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานนฺติ เอเตน สมาทานสทฺทสฺส อปุพฺพตฺถาภาวํ ทสฺเสติ มุตฺตคตสทฺเท คตสทฺทสฺส วิย. คตีติ นิรยาทิคติโย. อุปธีติ อตฺตภาโว. กาโลติ กมฺมสฺส วิปจฺจนารหกาโล. ปโยโคติ วิปากุปฺปตฺติยา ปจฺจยภูตา กิริยา.
อคติคามินินฺติ นิพฺพานคามินึ. วกฺขติ หิ ‘‘นิพฺพานฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ นิพฺพานคามิฺจ มคฺคํ นิพฺพานคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๕๓). พหูสุปิ มนุสฺเสสุ เอกเมว ¶ ปาณํ ฆาเตนฺเตสุ กามํ สพฺเพสํ เจตนา ตสฺเสเวกสฺส ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณา, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ (วิภ. อฏฺ. ๘๑๑) หิ เอโก อาทเรน ฉนฺทชาโต กโรติ, เอโก ‘‘เอหิ ตฺวมฺปิ กโรหี’’ติ ปเรหิ นิปฺปีฬิโต กโรติ, เอโก สมานจฺฉนฺโท วิย หุตฺวา อปฺปฏิพาหมาโน วิจรติ. เตสุ เอโก เตเนว กมฺเมน นิรเย นิพฺพตฺตติ, เอโก ติรจฺฉานโยนิยํ, เอโก เปตฺติวิสเย. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณ เอว – ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส ติรจฺฉานโยนิยํ, เอส เปตฺติวิสเย’’ติ ชานาติ. นิรเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ – ‘‘เอส มหานิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส อุสฺสทนิรเย’’ติ ชานาติ. ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตมานมฺปิ – ‘‘เอส อปาทโก ภวิสฺสติ, เอส ทฺวิปาทโก, เอส จตุปฺปโท, เอส พหุปฺปโท’’ติ ชานาติ. เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ – ‘‘เอส นิชฺฌามตณฺหิโก ภวิสฺสติ, เอส ขุปฺปิปาสิโก, เอส ปรทตฺตูปชีวี’’ติ ชานาติ. เตสุ จ กมฺเมสุ – ‘‘อิทํ กมฺมํ ปฏิสนฺธิมากฑฺฒิสฺสติ, อิทํ อฺเน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตี’’ติ ชานาติ.
ตถา สกลคามวาสิเกสุ เอกโต ปิณฺฑปาตํ ททมาเนสุ กามํ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ปิณฺฑปาตารมฺมณาว, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ หิ เอโก อาทเรน กโรตีติ เสสํ ปุริมสทิสํ, ตสฺมา เตสุ เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ มนุสฺสโลเก, ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ – ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เทวโลเก, ตตฺถาปิ เอส ขตฺติยกุเล, เอส พฺราหฺมณกุเล, เอส เวสฺสกุเล, เอส สุทฺทกุเล, เอส ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ, เอส นิมฺมานรตีสุ, เอส ตุสิเตสุ, เอส ยาเมสุ, เอส ¶ ตาวตึเสสุ, เอส จาตุมหาราชิเกสุ, เอส ภุมฺมเทเวสู’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ หีนปณีตสุวณฺณทุพฺพณฺณอปฺปปริวารมหาปริวารตาทิเภทํ ตํ ตํ วิเสสํ อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ.
ตถา วิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺเตสุเยว – ‘‘อิมินา นีหาเรน เอส กิฺจิ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺขิสฺสติ, เอส มหาภูตมตฺตเมว ววตฺถเปสฺสติ, เอส รูปปริคฺคเหเยว สฺสติ, เอส อรูปปริคฺคเหเยว, เอส นามรูปปริคฺคเหเยว ¶ , เอส ปจฺจยปริคฺคเห เอว, เอส ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย เอว, เอส ปมผเลเยว, เอส ทุติยผเล เอว, เอส ตติยผเล เอว, เอส อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ชานาติ. กสิณปริกมฺมํ กโรนฺเตสุปิ – ‘‘อิมสฺส ปริกมฺมมตฺตเมว ภวิสฺสติ, เอส นิมิตฺตํ อุปฺปาเทสฺสติ, เอส อปฺปนํ เอว ปาปุณิสฺสติ, เอส ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ชานาติ. เตนาห ‘‘อิมสฺส เจตนา’’ติอาทิ.
กามนโต, กาเมตพฺพโต, กามปฏิสํยุตฺตโต จ กาโม ธาตุ กามธาตุ. อาทิ-สทฺเทน พฺยาปาทธาตุ-รูปธาตุ-อาทีนํ สงฺคโห. วิลกฺขณตายาติ วิสทิสสภาวตาย. ขนฺธายตนธาตุโลกนฺติ อเนกธาตุํ นานาธาตุํ ขนฺธโลกํ อายตนโลกํ ธาตุโลกํ ยถาภูตํ ปชานาตีติ โยชนา. ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ นาม…เป… อยํ วิฺาณกฺขนฺโธ นาม. เตสุปิ เอกวิเธน รูปกฺขนฺโธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขนฺโธ (วิภ. ๓๓). เอกวิเธน เวทนากฺขนฺโธ, พหุวิเธน เวทนากฺขนฺโธ (วิภ. ๓๔-๖๑). เอกวิเธน สฺากฺขนฺโธ, พหุวิเธน สฺากฺขนฺโธ (วิภ. ๖๒-๙๑). เอกวิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ, พหุวิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ (วิภ. ๙๒-๑๒๐). เอกวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ, พหุวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ (วิภ. ๑๒๑-๑๔๙) เอวํ ตาว ขนฺธโลกสฺส, ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป… อิทํ ธมฺมายตนํ นาม. ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, ทฺเว จาตุภูมกา’’ติอาทินา (วิภ. ๑๕๖-๑๗๑) อายตนโลกสฺส, ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป… อยํ มโนวิฺาณธาตุ นาม, ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, ทฺเว จาตุภูมกา’’ติอาทินา (วิภ. ๑๗๒-๑๘๘) ธาตุโลกสฺส อเนกสภาวํ นานาสภาวฺจ ปชานาติ. น เกวลํ อุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺเสว, อถ โข อนุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺสปิ – ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขนฺโธ เสโต, อิมสฺส กาโฬ, อิมสฺส มฏฺโ, อิมสฺส สกณฺฏโก, อิมสฺส พหลตฺตโจ, อิมสฺส ตนุตฺตโจ, อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺานาทิวเสน เอวรูปํ, อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ ปีตํ โลหิตํ โอทาตํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ, อิมสฺส ผลํ ขุทฺทกํ มหนฺตํ ทีฆํ รสฺสํ วฏฺฏํ สุสณฺานํ ทุสฺสณฺานํ มุทุกํ ผรุสํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ มธุรํ ติตฺตกํ กฏุกํ ¶ อมฺพิลํ กสาวํ, อิมสฺส กณฺฏโก ติขิโณ กุณฺโ อุชุโก ¶ กุฏิโล ตมฺโพ กาโฬ โอทาโต โหตี’’ติอาทินา ปชานาติ. สพฺพฺุพุทฺธาทีนํ เอว หิ เอตํ พลํ, น อฺเสํ.
นานาธิมุตฺติกตนฺติ นานาอชฺฌาสยตํ. อธิมุตฺติ นาม อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโว. โส ปน หีนปณีตตาสามฺเน ปาฬิยํ ทฺวิธาว วุตฺโตปิ หีนปณีตาทิเภเทน อเนกวิโธติ อาห ‘‘หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาว’’นฺติ. ตตฺถ ตตฺถ เย เย สตฺตา ยํยํอธิมุตฺติกา, เต เต ตํตทธิมุตฺติเก เอว เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ธาตุสภาคโต. ยถา คูถาทีนํ ธาตุสภาโว เอโส, ยํ คูถาทีหิ เอว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, เอวํ (ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยสฺเสเวส สภาโว, ยํ) (วิภ. มูลฏี. ๘๑๓) หีนชฺฌาสยา ทุสฺสีลาทีหิ เอว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, สมฺปนฺนสีลาทโย จ สมฺปนฺนสีลาทีเหว. ตํ เนสํ นานาธิมุตฺติกตํ ภควา ยถาภูตํ ปชานาตีติ.
วุทฺธิฺจ หานิฺจาติ ปจฺจยวิเสเสน สามตฺถิยโต อธิกตํ อนธิกตฺจ. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณนิทฺเทเส (วิภ. ๘๑๔; ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓) ‘‘อาสยํ ชานาติ อนุสยํ ชานาตี’’ติ อาสยาทิชานนํ กสฺมา นิทฺทิฏฺนฺติ? อาสยชานนาทินา เยหิ อินฺทฺริเยหิ ปโรปเรหิ สตฺตา กลฺยาณปาปาสยาทิกา โหนฺติ, เตสํ ชานนสฺส วิภาวนโต. เอวฺจ กตฺวา อินฺทฺริยปโรปริยตฺตอาสยานุสยาณานํ วิสุํ อสาธารณตา, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนานาธิมุตฺติกตาาณานํ วิสุํ พลตา จ สิทฺธา โหติ. ตตฺถ อาสยนฺติ ยตฺถ สตฺตา นิวสนฺติ, ตํ เตสํ นิวาสฏฺานํ ทิฏฺิคตํ วา ยถาภูตาณํ วา อาสโย. อนุสโย อปฺปหีนภาเวน ถามคโต กิเลโส. ตํ ปน ภควา สตฺตานํ อาสยํ ชานนฺโต เตสํ เตสํ ทิฏฺิคตานํ, วิปสฺสนามคฺคาณานฺจ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติ. วุตฺตํ เหตํ –
‘‘กามํ เสวนฺตํเยว ภควา ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล กามครุโก กามาสโย กามาธิมุตฺโต’ติ. กามํ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก เนกฺขมฺมาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต’ติ. เนกฺขมฺมํ เสวนฺตฺเว ชานาติ. พฺยาปาทํ, อพฺยาปาทํ, ถินมิทฺธํ, อาโลกสฺํ เสวนฺตํเยว ¶ ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล ถินมิทฺธครุโก ถินมิทฺธาสโย ถินมิทฺธาธิมุตฺโต’ติ’’ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).
ปมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานนฺติ รูปาวจรานํ ปมาทีนํ ปจฺจนีกฌาปนฏฺเน อารมฺมณูปนิชฺฌานฏฺเน จ ฌานานํ. จตุกฺกนเยน เหตํ วุตฺตํ. อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานนฺติ เอตฺถ ปฏิปาฏิยา ¶ สตฺต อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุจฺจนโต อารมฺมเณ จ อธิมุจฺจนโต วิโมกฺขา นาม, อฏฺโม ปน สพฺพโส สฺาเวทยิเตหิ วิมุตฺตตฺตา อปคมวิโมกฺโข นาม. จตุกฺกนยปฺจกนเยสุ ปมฌานสมาธิ สวิตกฺกสวิจาโร นาม, ปฺจกนเย ทุติยชฺฌานสมาธิ อวิตกฺกวิจารมตฺโต, นยทฺวเยปิ อุปริ ตีสุ ฌาเนสุ สมาธิ อวิตกฺกอวิจาโร, สมาปตฺตีสุ ปฏิปาฏิยา อฏฺนฺนํ สมาธีติปิ นามํ, สมาปตฺตีติปิ จิตฺเตกคฺคตาสพฺภาวโต, นิโรธสมาปตฺติยา ตทภาวโต น สมาธีติ นามํ. หานภาคิยธมฺมนฺติ อปฺปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ กามาทิอนุปกฺขนฺทนํ. วิเสสภาคิยธมฺมนฺติ ปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ ทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนํ. อิติ สฺามนสิการานํ กามาทิทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนานิ หานภาคิยวิเสสภาคิยธมฺมาติ ทสฺสิตานิ, เตหิ ปน ฌานานํ ตํสภาวตา ธมฺม-สทฺเทน วุตฺตา. ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติ. โวทานนฺติ ปคุณตาสงฺขาตํ โวทานํ. ตฺหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺหิตฺวา ทุติยชฺฌานาทิอธิคมสฺส ปจฺจยตฺตา ‘‘วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. เย (อ. นิ. ฏี. ๓.๑๐.๒๑) ปน ‘‘นิโรธโต ผลสมาปตฺติยา วุฏฺานนฺติ ปาฬิ นตฺถี’’ติ วทนฺติ, เต ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อิมาย ปาฬิยา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) ปฏิเสเธตพฺพา. โย สมาปตฺติลาภี สมาโน เอว ‘‘น ลภามห’’นฺติ, กมฺมฏฺานํ สมานํ เอว ‘‘น กมฺมฏฺาน’’นฺติ สฺี โหติ, โส สมฺปตฺตึเยว สมานํ ‘‘วิปตฺตี’’ติ ปจฺเจตีติ เวทิตพฺโพ.
๑๔๙. อปฺปนนฺติ นิคมนํ. น ตถา ทฏฺพฺพนฺติ ยถา ปรวาทินา วุตฺตํ, ตถา น ทฏฺพฺพํ. สกสกกิจฺจเมว ชานาตีติ านาฏฺานชานนาทึ สกํ สกํเยว กิจฺจํ กาตุํ ชานาติ, ยถาสกเมว วิสยํ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ตมฺปีติ เตหิ ทสพลาเณหิ ชานิตพฺพมฺปิ. กมฺมนฺตรวิปากนฺตรเมวาติ ¶ กมฺมนฺตรสฺสวิปากนฺตรเมว ชานาติ, เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตธมฺเม นิรยาทินิพฺพานคามินิปฏิปทาภูเต กมฺมนฺติ คเหตฺวา อาห ‘‘กมฺมปริจฺเฉทเมวา’’ติ. ธาตุนานตฺตฺจ ธาตุนานตฺตการณฺจ ธาตุนานตฺตการณนฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส ทฏฺพฺโพ. ตฺหิ าณํ ตทุภยมฺปิ ชานาติ, ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา’’ติอาทินา (วิภ. อฏฺ. ๘๑๒) ตถา เจว สํวณฺณิตํ. สจฺจปริจฺเฉทเมวาติ ปริฺาภิสมยาทิวเสน สจฺจานํ ปริจฺฉินฺทนเมว. อปฺเปตุํ น สกฺโกติ อฏฺมนวมพลานิ วิย ตํสทิสํ อิทฺธิวิธาณํ วิย วิกุพฺพิตุํ. เอเตนสฺส พลสทิสตฺจ นิวาเรติ. ฌานาทิาณํ วิย วา อปฺเปตุํ วิกุพฺพิตฺุจ. ยทิปิ หิ ‘‘ฌานาทิปจฺจเวกฺขณาาณํ สตฺตมพล’’นฺติ ตสฺส สวิตกฺกสวิจารตา วุตฺตา, ตถาปิ ‘‘ฌานาทีหิ วินา ปจฺจเวกฺขณา นตฺถี’’ติ ¶ ฌานาทิสหคตํ าณํ ตทนฺโตคธํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา สพฺพฺุตฺาณํ ฌานาทิกิจฺจํ วิย น สพฺพํ พลกิจฺจํ กาตุํ สกฺโกตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ฌานํ หุตฺวา อปฺเปตุํ น สกฺโกติ อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน กสฺสจิ พลสฺส ฌานอิทฺธิภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ กิจฺจวิเสสวเสนปิ ทสพลาณสพฺพฺุตฺาณานํ วิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตกฺกตฺติกภูมนฺตรวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปาฏิยาติอาทิโต ปฏฺาย ปฏิปาฏิยา.
อนุปทวณฺณนํ กตฺวา เวทิตพฺพานีติ สมฺพนฺโธ. กิเลสาวรณํ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิ, กิเลสาวรณสฺส อภาโว อาสวกฺขยาธิคมสฺส านํ, ตพฺภาโว อฏฺานํ, อนธิคมสฺส ปน ตทุภยํ ยถากฺกมํ อฏฺานฺจ านฺจาติ ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกิย…เป… ทสฺสนโต จา’’ติ อาห. ตตฺถ โลกิยสมฺมาทิฏฺิยา ิติ อาสวกฺขยาธิคมสฺส านํ กิเลสาวรณาภาวสฺส การณตฺตา. สา หิ ตสฺมึ สติ น โหติ, อสติ จ โหติ. เอเตน ตสฺสา อฏฺิติยา ตสฺส อฏฺานตา วุตฺตา เอว. เนสํ เวเนยฺยสตฺตานํ. ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ กามธาตุอาทีนํ ปวตฺติเภททสฺสนโต. ยทคฺเคน ธาตุเวมตฺตํ ชานาติ, ตทคฺเคน จริยาวิเสสมฺปิ ชานาติ. ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ วา ธมฺมธาตุเวมตฺตทสฺสนโต. สพฺพาปิ หิ จริยา ¶ ธมฺมธาตุปริยาปนฺนา เอวาติ. ปโยคํ อนาทิยิตฺวาปิ สนฺตติมหามตฺตาทีนํ (ธ. ป. ๑๔๒) วิย. ทิพฺพจกฺขุาณานุภาวโต ปตฺตพฺเพนาติ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุนา ปรสฺส หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยโลหิตวณฺณทสฺสนมุเขน ตทา ปวตฺตมานจิตฺตชานนตฺถํ ปริกมฺมกรณํ นาม สาวกานํ, ตฺจ โข อาทิกมฺมิกานํ, ยโต ทิพฺพจกฺขุอานุภาวโต เจโตปริยาณสฺส ปตฺตพฺพตา สิยา, พุทฺธานํ ปน ยทิปิ อาสวกฺขยาณาธิคมโต ปเคว ทิพฺพจกฺขุาณาธิคโม, ตถาปิ ตถา ปริกมฺมกรณํ นตฺถิ วิชฺชาตฺตยสิทฺธิยา สิชฺฌนโต. เสสาภิฺาตฺตเย เจโตปริยาณํ ทิพฺพจกฺขุาณาธิคเมน ปตฺตนฺติ จ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปุน เอวรูปึ วาจํ น วกฺขามีติ จิตฺตํ อุปฺปาเทนฺโต ตํ วาจํ ปชหติ นาม. วาจาย ปน โส อตฺโถ ปากโฏ โหตีติ ‘‘วทนฺโต’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺึ น คณฺหิสฺสามีติ ทิฏฺิคฺคาหปฏิกฺเขโป. ทิฏฺิยา อนุปฺปาทนํ ปชหนเมวาติ อาห ‘‘ปชหนฺโต’’ติ. โส อริยูปวาที นิรเย ปิโตเยว, นาสฺส นิรยูปปตฺติยา โกจิ วิพนฺโธ เอกํสิโก อยมตฺโถติ อธิปฺปาโย.
อสฺสาติ ¶ เอกํสิกภาวสฺส. สิกฺขาหิ สีลสมาธิปฺาหิ, ตทตฺถาย วิปสฺสนาย จ วินา อฺาราธนสฺส อสมฺภวโต ‘‘โลกิยโลกุตฺตรา สีลสมาธิปฺา เวทิตพฺพา’’ติ วตฺวา ปุน อาสนฺนตเร สีลาทิเก ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกุตฺตรวเสเนว วินิวตฺเตตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ อาห, ตสฺมา อคฺคมคฺคปริยาปนฺนา สีลาทโย เวทิตพฺพา. อคฺคมคฺคฏฺสฺส หิ ทิฏฺเว ธมฺเม เอกํสิกา อฺาราธนา, อิตเรสํ อเนกํสิกาติ. สมฺปชฺชนํ สมฺปทา, นิปฺผตฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา เอวํสมฺปทนฺติ เอวํอวิรชฺฌนกนิปฺผตฺติกนฺติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘อิมมฺปิ การณ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ การณนฺติ ยุตฺติ. ตตฺรายํ ยุตฺตินิทฺธารณา ‘‘นิรยูปโค อริยูปวาที ตทาทายสฺส อวิชฺชมานโต เสยฺยถาปิ มิจฺฉาทิฏฺี’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘ตํ วาจํ อปฺปหายา’’ติอาทิวจเนน ตทาทายสฺส อปฺปหาเนน จ อริยูปวาโท อนฺตรายิโก อนตฺถาวโห จ, ปหาเนน ปน อจฺจยํ เทเสตฺวา ขมาปเนน อนนฺตรายิโก อตฺถาวโห จ ยถา ตํ วุฏฺิตา เทสิตา จ อาปตฺตีติ ทสฺเสติ.
ทสพลาณวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุเวสารชฺชาณวณฺณนา
๑๕๐. พฺยาโมหภยวเสน ¶ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๘) สรณปริเยสนํ สารชฺชนํ สารโท, พฺยาโมหภยํ, วิคโต สารโท เอตสฺสาติ วิสารโท, ตสฺส ภาโว เวสารชฺชํ. ตํ ปน าณสมฺปทํ ปหานสมฺปทํ เทสนาวิเสสสมฺปทํ เขมํ นิสฺสาย ปวตฺตํ จตุพฺพิธํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. เตนาห ‘‘จตูสุ าเนสู’’ติอาทิ. ทสฺสิตธมฺเมสูติ วุตฺตธมฺเมสุ. วจนมตฺตเมว หิ เตสํ, น ปน ทสฺสนํ ตาทิสสฺเสว ธมฺมสฺส อภาวโต. ภควตา เอว วา ‘‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ ปรสฺส วจนวเสน ทสฺสิตธมฺเมสุ. ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘) วิย ธมฺม-สทฺโท เหตุปริยาโยติ อาห ‘‘สหธมฺเมนาติ สเหตุนา’’ติ. เหตูติ จ อุปปตฺติสาธนเหตุ เวทิตพฺโพ, น การโก สมฺปาปโก จ. อปฺปมาณนฺติ อนิทสฺสนํ. นิทสฺสนฺหิ อนฺวยโต พฺยติเรกโต ปมาณงฺคตาย ‘‘ปมาณ’’นฺติ วุจฺจติ. นิมิตฺตนฺติ โจทนาย การณํ. ตตฺถ โจทโก โจทนํ กโรตีติ การณํ, ธมฺโม โจทนํ กโรติ เอเตนาติ การณํ. เตนาห ‘‘ปุคฺคโลปี’’ติอาทิ. เขมนฺติ เกนจิ อปฺปฏิพนฺธิยภาเวน อนุปทฺทุตตํ.
อนฺตราโย ¶ เอเตสํ อตฺถิ, อนฺตราเยวา ยุตฺตาติ อนฺตรายิกา. เอวํภูตา ปน เต ยสฺมา อนฺตรายกรา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา’’ติ. อสฺจิจฺจ วีติกฺกโม น ตถา สาวชฺโชติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตา’’ติ. สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธาติอาทิ นิทสฺสนมตฺตํ อิตเรสมฺปิ จตุนฺนํ ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุตฺตธมฺมานํ ตพฺภาเว พฺยภิจาราภาวโต. อิธ ปน เมถุนธมฺโม อธิปฺเปโตติ อิทํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน วุตฺตํ อริฏฺสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๑๗-๔๒๒) วิย. ยสฺมา ตงฺขณมฺปิ กาเมสุ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๘) อาทีนวํ ทิสฺวา วิรตฺโต (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๘) โหติ เจ, วิเสสํ อธิคจฺฉติ, น กาเมสุ อาสตฺโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมถุนํ…เป… อนฺตราโย โหตี’’ติ. ตตฺถ ยสฺส กสฺสจีติ น เกวลํ ปพฺพชิตสฺเสว, อถ โข ยสฺส กสฺสจิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เมถุนมนุยุตฺตสฺส, มุสฺสเตวาปิ สาสน’’นฺติ. ตสฺมึ อนิยฺยานิกธมฺเมติ ตสฺมึ ปเรน ปริกปฺปิตอนิยฺยานิกธมฺมนิมิตฺตํ. นิมิตฺตตฺเถ หิ อิทํ กมฺมสํโยเค ภุมฺมํ.
จตุเวสารชฺชาณวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺปริสวณฺณนา
๑๕๑. ปุริสสฺส ¶ สูรตรภาโว นาม สงฺคาเม ปากโฏ โหติ, น เคเห นิสินฺนกาเล, เอวํ เวสารชฺชาณสฺส อานุภาโว ปณฺฑิตปริสาสุ ยตฺถ กตฺถจีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เวสารชฺชาณสฺส พลทสฺสนตฺถ’’นฺติ อาห. สนฺนิปติตฺวา นิสินฺนฏฺานนฺติ านสีเสน สนฺนิปติตขตฺติยปริสเมว ทสฺเสติ. เอเสว นโย สพฺพตฺถาติ อติเทเสน อาวิภาวิตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘มารกายิกาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ สทิสตฺถวิสยตฺตา อติเทสสฺส. ยถา หิ ขตฺติยานํ สมูโห ขตฺติยปริสาติ อยมตฺโถ ลพฺภติ, น เอวํ ‘‘มารปริสา’’ติ เอตฺถ, มารสฺส ปริสาติ ปน มารปริสาติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘มารกายิกานํ…เป… น มาราน’’นฺติ. มารกายิกานนฺติ มารปกฺขิยานํ. อุคฺคฏฺานทสฺสนวเสนาติ สารชฺชิตพฺพฏฺานทสฺสนวเสน, เอวํ อุคฺคา ขตฺติยา อตฺตโน ปฺุเตเชนาติ อธิปฺปาโย. พฺราหฺมณา ตีสุ เวเทสูติ อิทํ อิตเรสํ อวิสยทสฺสนวเสน วุตฺตํ. เวเท สชฺฌายนฺตาปิ หิ ขตฺติยา เวสฺสา จ ตทตฺถวิจารณาย เยภุยฺเยน อสมตฺถา เอวาติ. กสฺมา ปเนตฺถ ยามาทิปริสา น คหิตาติ? ภุสํ กามาภิคิทฺธตาย โยนิโสมนสิการวิรหโต. ยามาทโย หิ อุฬารุฬาเร กาเม ปฏิเสวนฺตา ตตฺถาภิคิทฺธตาย ธมฺมสฺสวนาย สภาเวน จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ, มหาโพธิสตฺตานํ ปน พุทฺธานฺจ ¶ อานุภาเวน อากฑฺฒิยมานา กทาจิ เตสํ ปยิรุปาสนาทีนิ กโรนฺติ ตาทิเส มหาสมเย. เตเนว หิ วิมานวตฺถุเทสนาปิ ตนฺนิมิตฺตา พหุลา นาโหสิ. มนุสฺสานํ วเสนายํ กตา.
ปรจกฺกวาเฬสุ จ มนุสฺสานํ วิเสสาธิคโม นตฺถีติ ปุจฺฉติ ‘‘กึ ปน ภควา อฺานิ จกฺกวาฬานิปิ คจฺฉตี’’ติ. อิตโร ยทิปิ เตสํ อริยธมฺมาธิคโม นตฺถิ, วาสนาย ปน ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อามคจฺฉตี’’ติ อาห. เกยูรํ นานาวิธรตนปริสิพฺพิตสุวณฺณชาลวินทฺธํ ภุชาภรณํ. องฺคทํ นานาคนฺธคนฺธิตํ, เกวลํ วา สุวณฺณมยํ พาหุวลยํ. ฉินฺนสฺสราติ ทฺวิธาภูตสฺสรา (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๒) คคฺครสฺสราติ คคฺคริกาย วิย คคฺครายมานขรสฺสรา (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๒; อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๖๙). ภาสนฺตรนฺติ เตสํ ภาสํ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๒; อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๖๙) สนฺธายาห. ‘‘วีมํสา ¶ อุปฺปชฺชตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สงฺคมฺมาติ สมาคนฺตฺวา. อาทิโต ลาโป อาลาโป, วจนปฏิวจนวเสน สมํ ลาโป สลฺลาโป. สมฺมา, สมฺา วา กถา สํกถา, สํกถาว สากจฺฉา.
อฏฺปริสวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุโยนิวณฺณนา
๑๕๒. ยวนฺติ ตาย สตฺตา อมิสฺสิตาปิ สมานชาติตาย มิสฺสิตา วิย โหนฺตีติ โยนิ. สา ปน อตฺถโต อณฺฑาทิอุปฺปตฺติฏฺานวิสิฏฺโ ขนฺธานํ ภาคโส ปวตฺติวิเสโสติ อาห ‘‘ขนฺธโกฏฺาโส โยนิ นามา’’ติ. อณฺเฑ ชาตาติ ปมาย ชาติยา วเสน วุตฺตํ, ทุติยาย ปน อณฺฑโต, อณฺเฑ วา ภิชฺชมาเน ชาตาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘อภินิพฺภิชฺช ชายนฺตี’’ติ. วินาติ เอเตหิ อณฺฑาทีหิ พาหิรปจฺจเยหิ วินา. อุปฺปติตฺวา วิยาติ อุปฺปชฺชนวเสน ปติตฺวา วิย. พาหิรปจฺจยนิรเปกฺขตฺตาเยว วา อุปปตเน สาธุการิโน อุปปาติกา, เต เอว อิธ โอปปาติกาติ วุตฺตา. อาทิ-สทฺเทน คพฺภมเล นิพฺพตฺตมหาปทุมกุมาราทีนํ สงฺคโห. นิชฺฌามตณฺหิกเปตานํ นิจฺจํ ทุกฺขาตุรตาย กามเสวนา นตฺถิ ¶ , ตสฺมา เต คพฺภเสยฺยกา น โหนฺติ, ชาลวนฺตตาย น ตาสํ กุจฺฉิยํ คพฺโภ สณฺาติ, ตสฺมา เต โอปปาติกาเยว สํเสทชตฺตายปิ อสมฺภวโต. เนรยิกา วิยาติ นิทสฺสนาปเทเสน เตสมฺปิ โอปปาติกตฺตํ ทีเปติ. อวเสสาติ นิชฺฌามตณฺหิกเนรยิเก เปตฺวา อวเสสา วินิปาติกา. ยกฺขานํ จาตุมหาราชิกตาย โอปปาติกภาเว เอว อาปนฺเน ตํ นิวตฺเตตุํ ‘‘เอวํ ยกฺขาปี’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ เต น ภุมฺมเทวา น จ วินิปาติกาติ.
จตุโยนิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจคติวณฺณนา
๑๕๓. คนฺตพฺพาติ ¶ อุปปชฺชิตพฺพา. ยถา หิ กมฺมภโว ปรมตฺถโต อสติปิ การเก ปจฺจยสามคฺคิยา สิทฺโธ ตํสมงฺคินา สนฺตานลกฺขเณน สตฺเตน กโตติ โวหรียติ, ตถา อุปปตฺติภวลกฺขณา คติโย ปรมตฺถโต อสติปิ คมเก ตํตํกมฺมวเสน เยสํ ตานิ กมฺมานิ, เตหิ คนฺตพฺพาติ โวหรียนฺตีติ. เอวํ สทฺทตฺถโต คตึ ทสฺเสตฺวา อตฺถุทฺธารนเยนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เยสุ นิรยาทิเภเทสุ อุปปตฺติภเวสุ คติ-สทฺโท นิรูฬฺโห, ตโต อฺตฺถาปิ คติสทฺทปฺปวตฺติ อตฺถิ, ตํ เอเกน คติ-สทฺเทน วิเสเสตฺวา อาห ‘‘คติคตี’’ติ ยถา ‘‘ทุกฺขทุกฺขํ, (สํ. นิ. ๔.๓๒๗) รูปรูป’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๔๙) จ. อุปฺปาทาวตฺถาย คมนํ อุปคมนนฺติ ‘‘นิพฺพตฺติคตี’’ติ วุตฺตา. คตินฺติ จิตฺตคตึ. เตนาห ‘‘อชฺฌาสยคติ นามา’’ติ, อชฺฌาสยปฺปวตฺตีติ อตฺโถ. ตทฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๕๐๓) ปน ‘‘คตินฺติ นิปฺผตฺติ’’นฺติ อตฺโถ วุตฺโต. พฺรหฺมนิมนฺตนสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๕๐๓) หิ อยํ ปาฬีติ. ชุตินฺติ อานุภาวํ. วิภโวติ วินาโส. โส หิ วิคโมติ อตฺเถน คติ. เตเนว นิพฺพานํ อรหโต คตีติ (ปริ. ๓๓๙) อนุปาทิเสสนิพฺพานํ อรหโต คติ วิคโม วิภโวติ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ. ทฺเวเยว คติโยติ ทฺเวว นิปฺผตฺติโยติ อตฺโถติ อาห ‘‘อยํ นิปฺผตฺติคติ นามา’’ติ.
ยสฺส อุปฺปชฺชติ, ตํ พฺรูเหนฺโต เอว อุปฺปชฺชตีติ อโย, สุขํ. นตฺถิ เอตฺถ อโยติ นิรโย. ตโต เอว รมิตพฺพํ อสฺสาเทตพฺพํ ตตฺถ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นิรติอตฺเถน นิรสฺสาทฏฺเน นิรโย’’ติ. ติริยํ อฺจิตาติ เทวมนุสฺสาทโย วิย อุทฺธํ ทีฆา อหุตฺวา ติริยํ ทีฆาภิ อตฺโถ. ปกฏฺโต สุขโต อยนํ อปคโม เปจฺจภาโว, ตํ เปจฺจภาวํ ปตฺตานํ วิสโยติ ¶ เปตโยนิเมว วทติ. มนโส อุสฺสนฺนตฺตาติ สติสูรภาวพฺรหฺมจริยโยคฺยตาทิคุณวเสน อุปจิตมานสตาย อุกฺกฏฺคุณจิตฺตตายาติ อตฺโต. อยํ ปนตฺโถ นิปฺปริยายโต ชมฺพุทีปวาสีวเสน เวทิตพฺโพ. ยถาห – ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ ชมฺพุทีปิกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวตึเส. กตเมหิ ตีหิ? สูรา สติมนฺโต อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ (อ. นิ. ๙.๒๑). เตหิ ปน สมานรูปาทิตาย สทฺธึ ปริตฺตทีปวาสีหิ อิตรมหาทีปวาสิโนปิ ¶ มนุสฺสาเตว ปฺายึสุ. โลกิยา ปน ‘‘มนุโน อปจฺจภาเวน มนุสฺสา’’ติ วทนฺติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยํ วิมานวตฺถุสํวณฺณนายํ (วิ. ว. อฏฺ. ๓) วุตฺตนเยน คเหตพฺโพ. อานุภาเวหีติ เทวานุภาวสงฺขาเตหิ อิทฺธิวิเสเสหิ. ตตฺถ กามา เทวา กามคุเณหิ เจว อิทฺธิวิเสเสหิ จ อิตเร อิทฺธิวิเสเสเหว ทิพฺพนฺติ กีฬนฺติ โชตนฺติ, สรณนฺติ วา คมฺมนฺติ, อภิตฺถวิยนฺตีติ วา เทวาติ.
ติรจฺฉานโยนิฺจาติอาทีสูติ เอตฺถ ติรจฺฉานโยนิเปตฺติวิสยคฺคหเณน ขนฺธานํ เอว คหณํ เตสํ ตาทิสสฺส ปริจฺฉินฺนสฺส โอกาสสฺส อภาวโต. ยตฺถ วา เต อรฺสมุทฺทปพฺพตาทิเก นิพทฺธวาสํ วสนฺติ, ตาทิสสฺส านสฺส วเสน โอกาโสปิ คเหตพฺโพ. นิรยูปคาทีหิ สตฺเตหิ มคฺคิตพฺพโต มคฺโค ปฏิปชฺชิตพฺพา ปฏิปทา จาติ ตํ ตํ กมฺมเมว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุภเยนปี’’ติอาทิ. ยถา จ ปฏิปนฺโนติ อิมินา ตสฺส กมฺมสฺส กตูปจิตาการมาห. เอตฺถ จ นิรยคามิฺจ มคฺคํ นิรยคามินิฺจ ปฏิปทนฺติ อิมินา สาธารณโต นิรยสํวตฺตนิยํ กมฺมํ วตฺวา ปุน ตํ ตํ สนฺตานปติตตาย อสาธารณตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาปฏิปนฺโน’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วินิปตนฺตีติ วิวสา, วิรูปํ วา นิปตนฺติ. กสฺมา ปเนตฺถ ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘นิพฺพานฺจาห’’นฺติอาทิมาหาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทิ. น หิ ภควา อตฺตโน พุทฺธสุพุทฺธตํ วิภาเวนฺโต สาวเสสํ กตฺวา เทสนํ เทเสติ.
ปฺจคติวณฺณนา นิฏฺิตา.
าณปวตฺตาการวณฺณนา
๑๕๔. าณปฺปวตฺตาการนฺติ าณสฺส ปวตฺติอาการํ, าณสฺส วา ปวตฺติปการํ. เอกนฺตทุกฺขาติ เอกนฺเตน ทุกฺขา อจฺจนฺตทุกฺขา. ตา ปน สพฺพกาลํ ทุกฺขา สุขาลเยนปิ อสมฺมิสฺสาติ ¶ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นิจฺจทุกฺขา นิรนฺตรทุกฺขา’’ติ. พหลาติ อตนุกา, มหนฺตาติ อตฺโถ ¶ . ติพฺพาติ วา ติขิณา. ขราติ กกฺขฬา. กฏุกาติ วา อนิฏฺา. กสฺสติ ขณียตีติ กาสุ, อาวาโฏ. กสียติ จียตีติ กาสุ, ราสิ. ผุนนฺตีติ ทฺวีหิ หตฺเถหิ องฺคารานิ อุกฺขิปิตฺวา ปฏิวาตํ โอผุนนฺติ, เตน เตสํ สกลสรีรํ ฑยฺหติ. เตนาห ‘‘ปริทฑฺฒคตฺตา’’ติ. ปุริสปฺปมาณํ โปริสํ. เอกปเถเนวาติ เอกมคฺคภูเตเนว. อนุกฺกมนีเยนาติ อุกฺกมิตุํ อปกฺกมิตุํ อสกฺกุเณยฺเยน.
นนุ จ ทิพฺพจกฺขุาณํ ปจฺจุปฺปนฺนวณฺณารมฺมณํ, เตน กถํ รูปนฺตรสมงฺคึ นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตํ ‘‘อยํ โส’’ติ ชานาตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. ยถากมฺมูปคาเณน ‘‘อยํ โส’’ติ สลฺลกฺเขติ, ตสฺส ปน ทิพฺพจกฺขุอานุภาเวน ปตฺตพฺพตฺตา ‘‘ทิพฺพจกฺขุพลํ นาม เอตนฺติ วุตฺตํ.
ปุริมนเยเนวาติ ‘‘คูถกูโป วิย ติรจฺฉานโยนิ ทฏฺพฺพา’’ติอาทินา องฺคารกาสุปมายํ วุตฺตนเยเนว. ทุกฺขา เวทนา พหุลา เอตาสูติ ทุกฺขพหุลา. พหลปตฺตปลาโสติ อวิรฬตนุวิปุลปณฺโณ. สุขปริโภคํ มหาปาสาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทีฆปาสาโท’’ติ วุตฺตํ จตุรสฺสปาสาทาทีนํ ขุทฺทกตฺตา. อุณฺณามยอตฺถรเณนาติ อุณฺณามยโลหิตอตฺถรเณน. อุตฺตรํ อุปริภาคํ ฉาเทตีติ อุตฺตรจฺฉโท, วิตานํ. ตํ ปน โลหิตวิตานํ อิธาธิปฺเปตนฺติ ‘‘รตฺตวิตาเนนา’’ติ วุตฺตํ.
อปรภาคโยชนาติ ปาฬิยํ ‘‘อปเรน สมเยนา’’ติ วุตฺตสฺส อปรภาคสฺส โยชนา. สา ปน เอกเทเสน ปุริมภาเค วุตฺเต เอว สุวิฺเยฺยา โหตีติ ‘‘ยถา โส’’ติอาทิมาห. มคฺคารุฬฺหเมวาติ มคฺคํ อุปคตมตฺตเมว.
นิยมาภาวาติ ‘‘ทิพฺพจกฺขุนาว ปสฺสตี’’ติ นิยมสฺส อภาวา. ‘‘ทิพฺพจกฺขุนาปิ ปสฺสิสฺสตี’’ติ อิทํ น อนุตฺตรสุขานุภวนสฺส ทิพฺพจกฺขุโคจรตฺตา วุตฺตํ, อนาคตสฺส ปน ตสฺส ทิพฺพจกฺขุปริภณฺฑภูเตน อนาคตํสาเณน ทสฺสนเมวาติ การณูปจาเรน วุตฺตํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ’’จฺเจว วุตฺตํ. ‘‘อตฺถโต ปน นานา โหตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เทวโลกสุขํ หี’’ติอาทึ วตฺวา ¶ ยถาทสฺสิตอุปมาหิปิ อยมตฺโถ ปากโฏ เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปมายมฺปี’’ติอาทิมาห. โคตฺรภุาณุปฺปาทโต ปฏฺาย นิโรธํ ปสฺสิตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลปจฺจเวกฺขณวเสน เจว ปรโต ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนวเสน จ อริยสาวโก นิโรเธ ¶ สยิโต วิย โหติ ตทปสฺสเยเนว ปวตฺตนโตติ อาห ‘‘นิโรธสยนวรคต’’นฺติ. เตนาห ‘‘นิพฺพานา…เป… ปสฺสตี’’ติ.
าณปวตฺตาการวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุกฺกรการิกาทิสุทฺธิวณฺณนา
๑๕๕. ปุจฺฉานุสนฺธิอาทิอนุสนฺธิตฺตยโต อฺตฺตา ‘‘ปาฏิเยกฺกํ อนุสนฺธิวเสนา’’ติ วุตฺตํ. น เกวลํ ‘‘ทุกฺกรการิกาย สุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํลทฺธิโก เอว, อถ โข ทุกฺกรจารีสุ อภิปฺปสนฺโนติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตุกุณฺฑิโกติ ทฺวีหิ ปาเทหิ หตฺเถหีติ จตูหิ องฺเคหิ กุณฺฑนโก อาหิณฺฑนโก. ฉมานิกิณฺณนฺติ ภูมิยํ ขิตฺตํ. ภกฺขสนฺติ อาหารํ.
มจฺฉริยมลาทิปาปธมฺมวิคมนโต เมตฺตาทิคุณานุพฺรูหนโต จ พฺรหฺมํ เสฏฺํ จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, ทานํ. ตถา หิ ตํ ภควตา ปณฺฑิตปฺตฺตํ วุตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ ยถารหํ พฺรหฺมจริยปริยาโย นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺโพ. กินฺติ กีทิสํ. วตนฺติ สมาทินฺนวตํ. สุจิณฺณสฺสาติ สุฏฺุ จิณฺณสฺส ปฺุสฺส. อิทฺธีติ อานุภาโว. ชุตีติ วตฺถาภรโณภาสสมุชฺชลา สรีรปฺปภา. พลวีริยูปปตฺตีติ กายพเลน เจว อุสฺสาเหน จ สมนฺนาคโม.
เตน ปาณิ กามทโทติ เตน อทฺธิกานํ อุปคจฺฉนฺตานํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา อสยฺหเสฏฺิโน ทานฏฺานทสฺสนมเยน ปฺุเน อิทานิ มยฺหํ หตฺโถ กปฺปรุกฺโข วิย กามทโท อิจฺฉิติจฺฉิตทายี, กามทโท โหนฺโต จ มธุสฺสโว อิฏฺวตฺถุวิสฺสชฺชนโก ชาโต. เตน เม พฺรหฺมจริเยนาติ เตน มม ยถาวุตฺตกายเวยฺยาวฏิยกมฺมสงฺขาเตน เสฏฺจริเยน. ปฺุนฺติ ปฺุผลํ. ตมฺปิ หิ ปุชฺชสภาวโต, อุตฺตรปทโลเปน วา ‘‘เอวมิทํ ปฺุํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) ‘‘ปฺุ’’นฺติ วุจฺจติ.
ปฺจ ¶ สิกฺขาปทานิ สมาหฏานิ ปฺจสิกฺขาปทํ ยถา ‘‘ติภวํ, ติสกฏ’’นฺติ จ. พฺรหฺมจริยสฺมินฺติ ¶ ธมฺมเทสนาย. สา หิ วิเนยฺยานํ พฺรหฺมภาวาวหนโต พฺรหฺมํ เสฏฺํ จริยํ, พฺรหฺมุโน วา ภควโต วาจสิกํ จริยนฺติ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุจฺจติ.
สหสฺสํ มจฺจุหายินนฺติ สหสฺสมตฺตา อรหตฺตสมธิคเมน มจฺจุวิสยาติกฺกเมน มจฺจุปหายิโน ชาตา. พฺรหฺมจารี ภวิสฺสามาติ เอตฺถ เยน พฺรหฺมจริเยน เต พฺรหฺมจาริโนติ วุจฺจนฺติ, ตํ พฺรหฺมจริยํ นิทฺธาเรตฺวา อาห ‘‘เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตา’’ติ.
นาติกฺกมามาติ น อติจราม อคมนียฏฺาเนปิ อิตรตฺถาปิ น วีติกฺกมาม. เตนาห ‘‘อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จรามา’’ติ. อมฺหนฺติ อมฺหากํ.
อตฺตทมนวเสนาติ ยถาปฏิฺํ อรหนฺตานํ อนุกรณากาเรน ปวตฺตจิตฺตทมนวเสน, มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ทมเนนาติ อตฺโถ. สิขาปฺปตฺตเสฏฺจริยตาย อริยมคฺโค พฺรหฺมจริยํ. พฺรหฺมํ เสฏฺํ จรติ เอเตนาติ พฺรหฺมจริยํ, สตฺถุสาสนํ.
อตรมานานนฺติ น ตรมานานํ เทสกาลํ อุทิกฺขนฺตานํ. ผลาสาว สมิชฺฌตีติ สุทุลฺลภผเลปิ อาสา สมฺมาปโยคมนฺวาย สมิชฺฌติ เอว. วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมีติ วิเสเสน นิปฺผนฺนปณีตชฺฌาสโย ปริปุณฺณอุฬารมโนรโถ. โส หิ เสฏฺมโนสมาจารตาย พฺรหฺมจริยปริยาเยน วุตฺโต.
อิทเมว สุตฺตํ อาคตฏฺานนฺติ อธิปฺปาโย เตปิฏเก พุทฺธวจเน อิทเมว สุตฺตปทํ ‘‘วีริยํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อาคตฏฺานนฺติ อตฺโถ. วีริยฺหิ ตสฺมึ วิสเย อุตฺตมํ ปรมุกฺกํสคตํ ตาทิสจริยาเหตุ จาติ พฺรหฺมจริยนฺติ อิธ วุตฺตํ. จตุรงฺคสมนฺนาคตนฺติ จตุพฺพิธทุกฺกรกิริยาย สาธกสฺส จตุพฺพิธสฺส อตฺตโน ปวตฺติอาการสฺส วเสน จตุรงฺคสมนฺนาคตํ.
โกจิ ฉินฺนภินฺนปฏปิโลติกธโร ทสนฺตยุตฺตสฺส วตฺถสฺส อภาวโต นิจฺเจโลติ วตฺตพฺพตํ ลเภยฺยาติ ตํ นิวตฺเตนฺโต อาห ‘‘นคฺโค’’ติ. เอวํ อกาสึ, เอวมฺปิ สตฺตปีฬา มา อโหสีติ อธิปฺปาโย. ยถา ¶ ‘‘อภิหฏํ น สาทิยามี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๕๕) ภิกฺขาปริเยสเน อุกฺกฏฺจาริตาทสฺสนํ, เอวํ ‘‘นเอหิ ภทฺทนฺติกาทิภาโวปี’’ติ คเหตพฺพํ. ปุริสนฺตรคตายาติ ปุริสสมีปคตาย. สํกิตฺตียนฺติ เอตายาติ สํกิตฺติ, คามวาสิอาทีหิ สมุทายวเสน กริยมานกิริยา. อิธ ปน ภตฺตสํกิตฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘สํกิตฺเตตฺวา กตภตฺเตสู’’ติ. ททนฺติ ¶ ตายาติ ทตฺติ. เอกาหํ อนฺตรภูตํ เอตสฺส อตฺถีติ เอกาหิกํ. เอส นโย เสสปเทสุปิ. เอกาหวาเรนาติ เอกาหิกวาเรน. ‘‘เอกาหิก’’นฺติอาทินา วุตฺตวิธิเมว ปฏิปาฏิยา ปวตฺตภาวํ ทสฺเสตุํ ปุน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อิติ เอวรูป’’นฺติอาทิ.
เอรกติณาทีนิ วาติ เอรกติณาทีนิ คนฺถิตฺวา กตนิวาสนานิ ฉวทุสฺสานิ, นิหีนทุสฺสานีติ อตฺโถ. ตนฺตาวุตานนฺติ ตนฺตํ ปสาเรตฺวา วีตานํ. ปกติกณฺฏเกติ สลากกณฺฏเก.
๑๕๖. เนกวสฺสคณสฺชาตนฺติ อเนกวสฺสสมูหสฺชาตํ. นนุ จ อิทาเนว ‘‘สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต’’ติ วุตฺตํ, ‘‘เนกวสฺสคณิกํ รโชชลฺลํ กาเย สนฺนิจิต’’นฺติ จ, ตทุภยํ เอกสฺมึ กถํ สมฺภวตีติ อาห ‘‘อิทํ อตฺตโน รโชชลฺลกวตสมาทานกาลํ สนฺธาย วทตี’’ติ. เอเตเนว ‘‘อเจลโก โหมี’’ติ วุตฺตอเจลกปฏิฺา, ‘‘สาณานิปิ ธาเรมี’’ติอาทินา วุตฺตฉนฺนกปฏิฺา, ตตฺถาปิ สาณ-มสาณ-ฉวทุสฺสาทิ-นิวตฺถ-ปฏิฺา จ อวิรุทฺธาติ ทฏฺพฺพา ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล ตถา ตถา ปฏิปนฺนตฺตา. เตติ อเจลกา. สงฺฆาตนฺติ สพฺพโส ฆาตํ. เตนาห ‘‘วธ’’นฺติ. สีลวา นาม นตฺถิ ‘‘อนภิสนฺธิกมฺปิ ปาปํ โหตี’’ติ เอวํ ลทฺธิกตฺตา. สีลํ อธิฏฺายาติ อิทํ ปฏิกฺกมนกิริยํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ปาสณฺฑปริคฺคหณตฺถายาติ ปาสณฺเฑสุ อสารสารภาววีมํสนตฺถาย. ตํ ปพฺพชฺชนฺติ อาชีวกปพฺพชฺชํ. วิกฏโภชเนติ วิกตโภชเน วิรูปโภชเน. เตนาห ‘‘อปกติโภชเน’’ติ.
๑๕๗. ภึสนกตสฺมินฺติ ภาวสาธนภาวี อิทํ ปทนฺติ อาห ‘‘ภึสนกตสฺมึ ภึสนกกิริยายา’’ติ. ‘‘ภึสนกตฺตสฺมิ’’นฺติ วตฺตพฺเพ เอกสฺส ต-การสฺส ¶ โลโป ทฏฺพฺโพ. เยภุยฺยคฺคหณํ โลมวนฺตวเสนปิ โยเชตพฺพํ, น โลมวเสนาติ อาห ‘‘พหุตรานํ วา’’ติอาทิ.
สุ-สทฺเท อุ-การสฺส โอ-การํ กตฺวา ปาฬิยํ ‘‘โสตตฺโต’’ติ วุตฺตนฺติ ตทตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘สุตตฺโต’’ติ อาห. สุฏฺุ อวตตฺโตติ วา โสตตฺโต. โสสินฺโนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สุทฺธิวสนตฺถายาติ สํสารสุทฺธิคเวสนตฺถาย.
วิหารสฺมินฺติ ¶ ปจฺจตฺเต ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘วิหาโร เอว หิ ‘วิหารสฺมิ’นฺติ วุตฺโต’’ติ. เตเนว จาติ เตเนว วิภตฺติวิปลฺลาสวเสน. เอวํ อตฺโถติ อยํ เอวํ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทุกฺขปฺปตฺโตติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. สพฺพตฺถาติ สุขทุกฺเข ลาภาลาภาทิเก จ. ตุลิโตติ ตุลาสทิโส.
ทุกฺกรการิกาทิสุทฺธิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาหารสุทฺธิวณฺณนา
๑๕๘. สุชฺฌิตุนฺติ สํสารโต สุชฺฌิตุํ.
๑๕๙. อาสีติกปพฺพานีติ อาสีติกปิฏฺิปพฺพานิ, ‘‘กาฬปพฺพานี’’ติ วทนฺติ. ปพฺพานํ มชฺเฌ. อุนฺนตุนฺนตานีติ มํเส มิลาเต ทฺวินฺนํ สนฺธีนํ อนฺตเร วาเตนุทฺธุมาตธมนีชาลตาย อุนฺนตานิ อุนฺนตานีติ. อานิสทนฺติ อานิสทฏฺานํ. นิสินฺนฏฺานนฺติ ปํสูหิ, วาลิกาหิ วา นิจิตํ นิสินฺนฏฺานํ. สรโปงฺเขนาติ สรสฺส โปงฺขปฺปเทเสน, สรโปงฺขสฺิเตน วา มคฺเคน. อกฺกนฺตนฺติ อกฺกนฺตฏฺานํ. ตกฺกโคฬิกสทิสานํ, สรีรฆํสนตฺถํ กต กุรุวินฺทโคฬกานํ วา อาวฬิ วฏฺฏนาหาโร. วํสโตติ ปิฏฺิวํสโต. มณฺฑเลติ ภิตฺติปาทานํ มตฺถเก ปิตมณฺฑลเก สีสคฺเคน ปติฏฺหนฺติ. น เอวํ ผาสุฬิโยติ ยถา ยถา วุตฺตโคปานสิโย ปปตา ติฏฺนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺตสฺส ผาสุกาปิ ปปตา ิตา.
โอกฺขายิกาติ อวกฺขายิกา, เหฏฺา หุตฺวา นินฺนภาเวน ปฺายมานา. เอวรูปาติ ยถาวุตฺตรูปา, นินฺนตราติ อตฺโถ. ยาว ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา ¶ โหตีติ มยฺหํ อุทรจฺฉวิ ยาว ปิฏฺิกณฺฏกํ, ตาว ตํ อาหจฺจ ิตตฺตา อลฺลีนา โหติ อุทริยสฺส ปริกฺขเยน อนฺตานฺจ สุฏฺุมิลาตตาย. ภาริยภาริยาติ ครุตรา. สหอุทรจฺฉวึ ปิฏฺิกณฺฏกํ, สหปิฏฺิกณฺฏกํ อุทรจฺฉวินฺติ โยชนา. เนว นิกฺขมติ อาหารสนฺนิสฺสยอาโปธาตุยา สพฺพโส วิสุกฺขตฺตา. ปูติมูลานีติ โลมมูลานํ ปริพฺรูหนเก มํเส โลหิเต จ ปริกฺขีเณ ตานิ สุกฺขานิ านโต ภฏฺานิ อภาเวเนว ‘‘ปูติมูลานี’’ติ วุตฺตานิ. เตนาห ‘‘ตสฺส ปนา’’ติอาทิ.
อธิคตาติ อิทานิ อธิคตา. ยถา เอตรหิ วิปสฺสนาปฺาย อธิคตตฺตาติ อิมินา กิฺจาปิ ¶ มหาโพธิสตฺตา ปริปากคตาณา วสีภูตชฺฌานาภิฺา วิปสฺสนาย ปริกมฺมํ กโรนฺติ, ยถา จ เนสํ จริมภเว วิปสฺสนาจาโร, น ตถา ตทาติ ทสฺเสติ. เอตเทวาติ ยํ เยน วุตฺตํ อตฺถชาตํ, เอตเทว เอตฺถ เอตสฺมึ ปาปเทเส ยุตฺตํ ปุพฺเพนาปรํ อวิรุชฺฌนโต. อิตรถาติ ภิกฺขูหิ วุตฺตปฺปกาเรน อนนุรูโป สิยา ‘‘อิมิสฺสา’’ติ วุตฺตาย อฺตฺเต.
อาหารสุทฺธิวณฺณนา นิฏฺิตา.
สํสารสุทฺธิอาทิวณฺณนา
๑๖๐. สํสาเรนาติ อปราปรํ จวนุปปชฺชนวเสน ภเวสุ สํสรเณน. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; วิภ. อฏฺ. ๒๒๖; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฏฺ. ๓๙; อิติวุ. อฏฺ. ๑๔, ๕๘; เถรคา. อฏฺ. ๑.๖๗, ๙๙; พุ. วํ. อฏฺ. ๕๘; จูฬนิ. อฏฺ. ๖; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๑๗; วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๒๗; อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๙; สารตฺถ. ฏี. ๑.๑);
พหุกนฺติ พหุกาลํ พหุกฺขตฺตุํ. อุปปชฺชิตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ ภเว นิพฺพตฺติตฺวา. อาวาเสนาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตาวาเส อาวสเนน นิพฺพตฺติตฺวา ชีวเนน. ขนฺธาเยว วุตฺตา เตสํเยว ปวตฺติวิเสสสฺส เตน เตน ¶ ปริยาเยน วุตฺตตฺตา. พหุยาเคติ อชสูกรโคมายฺวาทิเก พหุวิเธ มหายฺเ. พหุอคฺคีติ วาจาเปยฺยาทิวเสน อนฺตมโส ปากยฺาทิวเสน จ พหุเกปิ อคฺคี ปริจรเณน.
๑๖๑. พาลทารโกปิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ วุตฺตํ. อติกฺกนฺตปมวยา สตฺตา สภาเวน ปลิตสิรา โหนฺตีติ ปมวเย ิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุสุกาฬเกโส’’ติ ¶ วุตฺตํ. ชราชิณฺโณติ ชราย ชิณฺโณ, น อกาลิเกน ชราย อภิภูโต. อุกฺกํสคตพุทฺธตาย วุทฺโธ. เตนาห ‘‘วฑฺฒิตฺวา ิตองฺคปจฺจงฺโค’’ติ, อาโรหปริณาหวเสน วุทฺธิรหิโตติ อตฺโถ. ชาติมหลฺลโกติ ชาติยา มหลฺลโก, น โภคปริวาราทีหีติ อตฺโถ. อทฺธคโตติ เอตฺถ อทฺธ-สทฺโท ทีฆกาลวาจีติ อาห ‘‘พหุอทฺธานํ คโต’’ติ. วโยติอาทิปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ปจฺฉิมวย’’นฺติ. ปทสตมฺปิ…เป… สมตฺถตาติ ปทสตมฺปิ ปทสหสฺสมฺปิ โสตปถมาคจฺฉนฺตเมว อุคฺคหณสมตฺถตา ปริคฺคเหตุํ สมตฺถตา. อยฺจ คติยา พฺยาปาโรติ สกฺกา วิฺาตุํ คหณมตฺตภาวโต. ตเทวาติ ปทสตมฺปิ ปทสหสฺสมฺปิ. อาธารณํ อปิลาปนวเสน หทเย ธารณํ. อุปนิพนฺธนํ ยถา น ปมุฏฺํ โหติ, ตถา อุเปจฺจ อปราปรํ นิพนฺธนํ. อยํ ปน สติยา พฺยาปาโรติ สกฺกา วิฺาตุํ. ปาฬิยฺจ ‘‘ปรมาย คติยา จ สติยา จ ธิติยา จา’’ติ วุตฺตํ, ปรโต จ ‘‘เอวํ อธิมตฺตคติมนฺโต’’ติ วุตฺตํ. สมตฺถวีริยํ ธิติ นามาติ วิสิฏฺวิสยํ ทสฺเสนฺโต ยถาวุตฺตสติสมาโยคํ ตสฺส ทีเปติ. ตสฺสาติ ยถาวุตฺตคติสติธิตีหิ สุภธาตวจีปริจิตสฺส ปริยตฺติธมฺมสฺส อาคมวเสน อตฺถทสฺสนสมตฺถตา ยุตฺติวเสน การณทสฺสนสมตฺถตา.
ทฬฺหํ (อ. นิ. ฏี. ๓.๙.๓๘) ถิรํ ธนุ เอตสฺสาติ ทฬฺหธนฺวา, โส เอว อิธ ‘‘ทฬฺหธมฺมา’’ติ วุตฺโต. ปฏิสตฺตุวิธมนตฺถํ ธนุํ คณฺหาตีติ ธนุคฺคโห, โส เอว อุสุํ สรํ อสติ ขิปตีติ อิสฺสาโสติ อาห ‘‘ธนุํ คเหตฺวา ิโต อิสฺสาโส’’ติ. ทฺวิสหสฺสปลํ โลหาทิภารํ วหิตุํ สมตฺถํ ทฺวิสหสฺสถามํ. เตนาห ‘‘ทฺวิสหสฺสถามํ นามา’’ติอาทิ. ทณฺเฑติ ธนุทณฺเฑ. ยาว กณฺฑปฺปมาณาติ ทีฆโต ยตฺตกํ กณฺฑสฺส ปมาณํ, ตตฺตเก ¶ ธนุทณฺเฑ อุกฺขิตฺตมตฺเต อาโรปิโต เจว โหติ ชิยาทณฺโฑ, โส จ ภาโร ปถวิโต มุจฺจติ, เอวํ อิทํ ‘‘ทฺวิสหสฺสถามํ นาม ธนูติ ทฏฺพฺพํ. อุคฺคหิตสิปฺโปติ อุคฺคหิตธนุสิปฺโป. กตหตฺโถติ ถิรตรํ ลกฺเขสุ อวิรชฺฌนสรกฺเขโป. อีทิโส ปน ตตฺถ วสีภูโต กตหตฺโถ นาม โหตีติ อาห ‘‘จิณฺณวสีภาโว’’ติ. กตํ ราชกุลาทีสุ อุเปจฺจ อสนํ เอเตน โส กตูปาสโนติ อาห ‘‘ราชกุลาทีสุ ทสฺสิตสิปฺโป’’ติ. เอวํ กตนฺติ เอวํ อนฺโตสุสิรกรณาทินา สลฺลหุกํ กตํ.
โอโลเกตีติ อุทิกฺขติ. เอวํ สนฺเตปิ เตสํ วาโร ปฺายตีติ เตสํ ภิกฺขูนํ ‘‘อยํ ปมํ ปุจฺฉติ, อยํ ทุติย’’นฺติอาทินา ปุจฺฉนวาโร ตาทิสสฺส ปฺวโต ปฺายติ สุขุมสฺส อนฺตรสฺส ลพฺภนโต. พุทฺธานํ ปน วาโรติ อีทิเส าเน พุทฺธานํ เทสนาวาโร อฺเสํ นปฺายนโต พุทฺธานํเยว ปฺายติ. อิทานิ ตเมว ปฺายนตํ ยุตฺติโต ทสฺเสนฺโต ‘‘วิทตฺถิจตุรงฺคุลฉาย’’นฺติอาทิมาห. อจฺฉราสงฺฆาฏมตฺเต ขเณ อเนก-โกฏิสหสฺส-จิตฺตปวตฺติสมฺภวโต ¶ ‘‘วิทตฺถิจตุรงฺคุลฉายํ อติกฺกมนโต ปุเรตรํเยว ภควา…เป… กเถตี’’ติ วตฺวา ตโต ลหุตราปิ สตฺถุ เทสนาปวตฺติ อตฺเถวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ติฏฺนฺตุ วา ตาว เอเต’’ติอาทิมาห. อิทานิ ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสฬส ปทานิ กเถตีติ เอเตน โลกิยชนสฺส เอกปทุจฺจารณกฺขเณ ภควา อฏฺวีสสตปทานิ กเถตีติ ทสฺเสติ. อิทานิ ตสฺสปิ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ธมฺโมติ ปาฬิ. ปชฺชติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, ตทตฺโถ. อตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ, อกฺขรํ. ตฺหิ ปทวากฺยกฺขรภาเวหิ ปริจฺฉิชฺชมานํ ตํ ตํ อตฺถํ พฺยฺเชติ ปกาเสติ. เตนาห ‘‘ธมฺมปทพฺยฺชนนฺติ ปาฬิยา ปทพฺยฺชนํ, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส พฺยฺชนกํ อกฺขร’’นฺติ. เอเตน อปราปเรหิ ปทพฺยฺชเนหิ สุจิรมฺปิ กาลํ กเถนฺตสฺส ตถาคตสฺส น กทาจิ เตสํ ปริยาทานํ อตฺถีติ ทสฺเสติ. ปฺหํ พฺยากโรนฺติ เอเตนาติ ปฺหพฺยากรณํ, ตถาปวตฺตปฏิภานํ. อปริกฺขยปฏิภานา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, ยโต วุตฺตํ ¶ ‘‘นตฺถิ ธมฺมเทสนาย หานี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๓.๑๔๑, ๓๐๕; วิภ. มูลฏี. ๑.สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา). เตนาห ‘‘อิมินา กึ ทสฺเสตี’’ติอาทิ. ตถา อาสนฺนปรินิพฺพานสฺสปิ ภควโต เทสนาย อิตราย จ วิเสสาตาโวติ ปมพุทฺธวจนมฺปิ มชฺฌิมพุทฺธวจนมฺปิ ปจฺฉิมพุทฺธวจนมฺปิ สทิสเมว. อาสีติกวสฺสโต ปรํ ปฺจโม อายุโกฏฺาโส.
๑๖๒. กามฺเจตฺถ ภควตา นาคสมาลตฺเถรสฺส อจฺฉริยอพฺภุตปเวทนมุเขน อตฺตโน โลมานํ หฏฺภาวสฺส ปเวทิตตฺตา ‘‘โลมหํสนปริยาโย’’ติ นามํ คหิตํ, ตถาปิ สพฺพฺุตฺาณาทิ-อนฺสาธารณาณานุภาว-วิภาวนาทิวเสน โสฬสสมูหโต สีหนาทสฺส นทเนน เทสนาย ปวตฺติตตฺตา ‘‘มหาสีหนาโท’’ตฺเวว สงฺคีติการมหาเถเรหิ นามํ ปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา
๑๖๓. ตโต ¶ ปรนฺติ ติณฺณํ ชนานํ อุปริ สงฺโฆ จตุวคฺคกรณียาทิกมฺเมหิ ปฏิกมฺมปฺปตฺตตฺตา. คามํ คโตติ วุจฺจติ คามํ อุทฺทิสฺส คตตฺตา, เอวํ สาวตฺถึ ปวิสิตุํ วิหารโต นิกฺขนฺตา ‘‘ปวิสึสู’’ติ วุตฺตา. ปริฺนฺติ ปหานปริฺํ. สา หิ สมติกฺกโม, น อิตรา. รูปเวทนาสุปีติ ‘‘รูปานํ ปริฺํ, เวทนานํ ปริฺ’’นฺติ เอตฺถาปิ. กามํ สพฺเพสํ ติตฺถิยานํ กามาทิปริฺาปฺาปนเหตุภูโต สมโย นตฺถิ, เยสํ ปน อตฺถิ, เต อุปาทาย ‘‘สกสมยํ ชานนฺตา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ยโต ยโต โข โภ อยํ ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺตาวตา โข โภ กามานํ ปริฺา โหตี’’ติ เอวํ สรูปโต ปมชฺฌานํ วิภาเวตุํ อสกฺโกนฺตาปิ เกวลํ อจฺจนฺตปฺปหานสฺาย กามานํ ปริฺํ ปฺเปยฺยุํ ปมชฺฌานํ วทมานา. ตํ กิสฺส เหตุ? ตาทิสสฺส อาคมาธิคมสฺสาภาวโต. รูปเวทนาปริฺาสุปิ เอเสว นโย. วุจฺเจถาติ วุจฺเจยฺย. ทุติยปเทปีติ ‘‘อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’’นฺติ เอวํ วุตฺตวากฺเยปิ. เต กิร ภิกฺขู.
๑๖๕. น ¶ เจว สมฺปายิสฺสนฺตีติ น เจว สมฺมเทว ปกาเรหิ คเมสฺสนฺติ าเปสฺสนฺติ. เตนาห ‘‘สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. ยสฺมา อวิสเย ปฺโห ปุจฺฉิโต โหติ, ตสฺมา อาปชฺชิสฺสนฺตีติ โยชนา. สเทวเกติ อรูปเทวคฺคหณํ. เต หิ โลกิยเทเวหิ ทีฆายุกตาทินา อุกฺกฏฺา. สมารเกติ กามาวจรเทวคฺคหณํ. สพฺรหฺมเกติ รูปาวจรพฺรหฺมคฺคหณํ. สสฺสมณพฺราหฺมณิยาติ เอตฺถ สมณคฺคหเณน ปพฺพชิเต, พฺราหฺมณคฺคหเณน ชาติพฺราหฺมเณ, ปุน เทวคฺคหเณน สมฺมุติเทเว, มนุสฺสคฺคหเณน อวสิฏฺมนุสฺสกายํ ปริยาทิยติ. โลกปชาคฺคหเณน ปน ปโยชนํ อฏฺกถายํ ทสฺสิตเมว. อฺถา อาราธนํ นาม นตฺถีติ อิมินา กามรูปเวทนาสุ อสฺสาทาทีนํ ยาถาวโต อวโพโธ เอว อิโต พาหิรกานํ นตฺถิ, กุโต ปเวทนาติ ทสฺเสติ.
๑๖๖. จิตฺตาราธนนฺติ ยาถาวปเวทเนน ปเรสํ จิตฺตสฺส ปริโตสนํ. พนฺธนฏฺเน คุณาติ กามราคสํโยชนสฺส ปจฺจยภาเวน วตฺถุกาเมสุปิ พนฺธนฏฺโ วุตฺโต, โกฏฺาสฏฺโ วา คุณฏฺโ ทฏฺพฺโพ. ตรยนฺตีติ ตรมานา ยนฺติ คจฺฉนฺติ. อตีตาทิภินฺนปมาทิวยา เอว จิตฺตตา ราสิภาเวน วโยคุณาติ คหิตาติ อาห ‘‘ราสฏฺโ คุณฏฺโ’’ติ. จกฺขุวิฺเยฺยาติ วา จกฺขุวิฺาณตํทฺวาริกวิฺาเณหิ ¶ วิชานิตพฺพา. โสตวิฺเยฺยาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อิฏฺารมฺมณภูตาติ สภาเวเนว อิฏฺารมฺมณชาติกา, อิฏฺารมฺมณภาวํ วา ปตฺตา. กมนียาติ กาเมตพฺพา. มนวฑฺฒนกาติ มโนหรา. เอเตน ปริกปฺปนโตปิ อิฏฺภาวํ คณฺหาติ. ปิยชาติกาติ ปิยายิตพฺพสภาวา. กามูปสํหิตาติ กามราเคน อุเปจฺจ สนฺธานิยา สมฺพทฺธา (อ. นิ. ฏี. ๓.๖.๖๓) กาตพฺพาติ อาห ‘‘อารมฺมณํ กตฺวา’’ติ.
๑๖๗. สฺํ เปตฺวาติ ‘‘อิมสฺมึ องฺคุลิกาทิปพฺเพ คหิเต สตํ โหติ, อิมสฺมึ สหสฺส’’นฺติอาทินา สฺาณํ กตฺวา คณนา. อจฺฉิทฺทคณนาติ ‘‘เอกํ ทฺเว’’ติอาทินา นวนฺตวิธินา นิรนฺตรคณนา. ปิณฺฑคณนาติ สงฺกลนปฏุปฺปาทนาทินา ปิณฺฑิตฺวา คณนา. เตนาห ‘‘เขตฺตํ โอโลเกตฺวา’’ติอาทิ. กสนํ กสีติ กสิคฺคหเณน สพฺโพ กสิปฏิพทฺโธ ¶ ชีวิกูปาโย คหิโตติ อาห ‘‘กสีติ กสิกมฺม’’นฺติ. ชงฺฆวณิชฺชาติ ชงฺฆสตฺถวเสน วณิชฺชํ อาห, ถลวณิชฺชาติ สกฏสตฺถวเสน. อาทิ-สทฺเทน นาวาปณาทิวเสน โวหารํ. วณิปฺปโถติ วณิชมคฺโค, ทานคฺคหณวเสน สํโวหาโรติ อตฺโถ. อุสูนํ อสนกมฺมํ อิสฺสตฺตํ, ธนุสิปฺเปน ชีวิกา, อิธ ปน อิสฺสตฺตํ วิยาติ อิสฺสตฺตํ, สพฺพอาวุธชีวิกาติ อาห ‘‘อาวุธํ คเหตฺวา อุปฏฺานกมฺม’’นฺติ. โปโรหิจฺจามจฺจกมฺมาทิ ราชกมฺมํ. อาทิ-สทฺเทน รถสิปฺปขตฺตวิชฺชาสิปฺปาทิ-วุตฺตาวเสสํ มหาสิปฺปํ ขุทฺทกสิปฺปฺจ สงฺคณฺหาติ. สีตสฺส ปุรกฺขโตติ สีตสฺส ปุรโต กโต. โย หิ สีตกาเล ชีวิกาเหตุ สีตลปเทสํ ปกฺขนฺทติ, โส วาฬมิคาทีหิ วิย สีเตน ปริปาติยมาโน เตน ปุรโต กโต วิย โหติ. เตนาห ‘‘สีเตน พาธิยมาโน’’ติ. อุณฺหสฺส ปุรกฺขโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สริตฺวาติ สํสปฺปิตฺวา. ฆฏฺฏิยมาโนติ หึสิยมาโน พาธิยมาโน. อาพาธนํ อาพาโธ, ปีฬาติ อตฺโถ. กามเหตุนฺติ วา ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ยถา ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๐). ตถา เสสปททฺวเยปิ. เตเนวาห ‘‘กามานเมว เหตู’’ติ. กามานํ เหตูติ เอตฺถ ปุริมปทาวธารณมยุตฺตํ ตทฺปจฺจยปฏิกฺเขปาปตฺติโต, ตถา อุตฺตรปทาวธารณํ กามานํ กทาจิ อเหตุภาวสฺสปิ สมฺภวโต, ตสฺมา ‘‘อุปฺปชฺชติเยวา’’ติ วุตฺตํ.
อุฏฺหโตติ อิมินา อุฏฺานวีริยํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อาชีวสมุฏฺาปกวีริเยนา’’ติ. ตํ วีริยนฺติ อาชีวิกสมุฏฺาปกวีริยํ. ปุพฺเพนาปรํ ฆเฏนฺตสฺสาติ อารมฺภโต ปฏฺาย นิรนฺตรํ ปวตฺเตนฺตสฺส. จิตฺเต อุปฺปนฺนพลวโสเกน โสจตีติ จิตฺตสนฺตาเปน อนฺโต นิชฺฌายติ. กาเย อุปฺปนฺนทุกฺเขนาติ ตสฺเสว โสกสฺส วเสน กาเย อุปฺปนฺนทุกฺเขน. โสกุทฺเทเสน ตํ ตํ วิปฺปลเปนฺโต วา ปริเทวติ. อุรํ ตาเฬตฺวาติ วกฺขปฺปเทสํ ปหริตฺวา. ‘‘โมฆ’’นฺติอาทิ ปริเทวนาการทสฺสนฺเจว ¶ สมฺโมหาปชฺชนาการทสฺสนฺจ. เมติ วตฺวา ปุน โนติ ปุถุวจนํ อตฺตโน อุภยถาปิ โวหริตพฺพโต, พฺยามูฬฺหวจนํ วา โสกวเสน.
๑๖๘. อิธ ¶ กามคฺคหเณน วิเสสโต วตฺถุกามา คหิตาติ กามาทิคฺคหณํ กตํ, นานนฺตริยตาย ปน กิเลสกาโมปิ คหิโต เอว. อสิจมฺมนฺติ เอตฺถ จมฺมคฺคหเณน น เกวลํ จมฺมมยสฺส, จมฺมปริสิพฺพิตสฺเสว วา คหณํ, อถ โข สพฺพสฺสปิ อาวุธพาธกสฺส คหณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เขฏกผลกาทีนี’’ติ อาห. อาทิ-สทฺเทน สราทิสงฺคโห. ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวาติ ธนฺุเจว ขุรปฺปตูณิฺจ สนฺนยฺหิตฺวา, ธนุทณฺฑสฺส ชิยาย ตถาภาวกรณาทิปิ (อ. นิ. ฏี. ๓.๕.๗๖) ธนุโน สนฺนยฺหนนฺติ. ทฺวินฺนํ เสนานํ พฺยูหสํวิธาเนน วา อุภโตพฺยูฬฺหํ. วิชฺโชตลนฺเตสูติ นิสิตปีตผลตาย วิชฺโชตนวเสน ปริวตฺตมาเนสุ.
ปาการสมีปาติสงฺขารตาย ปาการปาทา อุปการิโย, ยา ‘‘อุทฺทาปา’’ติ วุจฺจนฺติ. สตทนฺเตนาติ อเนกสตทนฺตเกน, ยสฺส ติขิณทนฺตานิ อเนกสตานิ มูลานิ โหนฺติ. อติภารตาย ทสวีสมตฺตาปิ ชนา อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกนฺติ, ยนฺตวเสน ปน อุกฺขิปิตฺวา พนฺธิตฺวา เปนฺติ. เตนาห ‘‘อฏฺทนฺตากาเรนา’’ติอาทิ. โอมทฺทนฺตีติ โอฏฺเปนฺติ.
๑๖๙. สนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺติ โจริกาย ชีวิตุกามา. นิลฺโลปนฺติ นิสฺเสสวิโลปํ, เอกํ ปริตฺตํ คามํ ปริวาเรตฺวา ตตฺถ กิฺจิปิ คยฺหูปคํ อเสเสตฺวา กรมรคฺคหณํ. เตนาห ‘‘มหาวิโลป’’นฺติ. ปนฺถทุหนกมฺมํ อฏวิมคฺเค ตฺวา อทฺธิกานํ วิลุมฺปนํ. ปหารสาธนตฺถํ (อ. นิ. ฏี. ๒.๒.๑) ทณฺฑปฺปหารสฺส สุขสิทฺธิอตฺถํ. กฺชิโต นิพฺพตฺตํ กฺชิยํ, อารนาลํ. ยํ ‘‘พิลงฺค’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตํ ยตฺถ สิฺจติ, สา กฺชิยอุกฺขลิกา. พิลงฺคถาลิกสทิสกรณํ พิลงฺคถาลิยํ. สีสกปาลํ อุปฺปาเฏตฺวาติ อโยคุฬปเวสนปฺปมาณํ ฉิทฺทํ กตฺวา. สงฺขมุณฺฑกมฺมการณนฺติ สงฺขํ วิย มุณฺฑกมฺมการณํ.
ราหุมุขกมฺมการณนฺติ ราหุมุขคต-สูริยสทิส-กมฺมการณํ. โชติมาลิกนฺติ โชติมาลวนฺตํ กมฺมการณํ. หตฺถปชฺโชติกนฺติ หตฺถปชฺโชตนกมฺมการณํ. เอรกวตฺตกมฺมการณนฺติ เอรกวตฺตสทิเส สรีรโต พทฺเธ อุปฺปาฏนกมฺมการณํ. จีรกวาสิกกมฺมการณนฺติ สรีรโต อุปฺปาฏิตพทฺธจีรกาหิ นิวาสาปนกมฺมการณํ. ตํ กโรนฺตา ยถา คีวโต ปฏฺาย พทฺเธ กนฺติตฺวา กฏิยเมว เปนฺติ, เอวํ โคปฺผกโต ปฏฺาย ¶ กนฺติตฺวา กฏิยเมว เปนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘กฏิโต ปฏฺาย กนฺติตฺวา โคปฺผเกสุ เปนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เอเณยฺยกกมฺมการณนฺติ เอณีมิคสทิสกมฺมการณํ ¶ . อยวลยานิ ทตฺวาติ อยวลยานิ ปฏิมฺุจิตฺวา. อยสูลานิ โกฏฺเฏนฺตีติ กปฺปรชณฺณุกโกฏีสุ อยสูลานิ ปเวเสนฺติ. นฺติ ตํ ตถากตกมฺมการณํ สตฺตํ.
พฬิสมํสิกนฺติ พฬิเสหิ มํสุปฺปาฏนกมฺมการณํ. กหาปณิกนฺติ กหาปณมตฺตโส ฉินฺทนกมฺมการณํ. โกฏฺเฏนฺตีติ ฉินฺทนฺติ. ขาราปตจฺฉิกนฺติ ตจฺเฉตฺวา ขาราวสิฺจนกมฺมการณํ. ปลิฆปริวตฺติกนฺติ ปลิฆสฺส วิย ปริวตฺตนกมฺมการณํ. เอกาพทฺธํ กโรนฺติ อยสูลสฺส โกฏฺฏเนน. ปลาลปีกนฺติ ปลาลปีสฺส วิย สรีรสฺส สํเวลฺลนกมฺมการณํ. การณิกาติ ฆาตนการกา. ปลาลวฏฺฏึ วิย กตฺวาติ ยถา ปลาลปีํ กโรนฺตา ปลาลวฏฺฏึ กตฺวา สํเวลฺลนวเสน นํ (อ. นิ. ฏี. ๒.๒.๑) เวเนฺติ, เอวํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ฉาตเกหีติ พุภุกฺขิเตหิ โกเลยฺยกสุนเขหิ. พลวนฺโต หิ เต ชวโยคฺคา สูรา จ โหนฺติ. กมฺมวเสน สมฺปเรติ เอตฺถาติ สมฺปราโย, ปรโลโก. ตตฺถ ภโวติ สมฺปรายิโก.
๑๗๐. ฉนฺทราโค วินียติ เจว ปหียติ จ เอตฺถาติ นิพฺพานํ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานฺจาติ. เตนาห ‘‘นิพฺพานฺหี’’ติ. ตตฺถ อาคมฺมาติ อิทํ โย ฉนฺทราคํ วิเนติ ปชหติ, ตสฺส อารมฺมณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตีหิ ปริฺาหีติ อิมินา าตตีรณปริฺาหิ ปริชานิสฺสนฺตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. โก ปน วาโท ปหานปริฺายาติ ทสฺเสติ? ตถภาวายาติ ปริชานนกภาวาย.
๑๗๑. อปริตฺเตนาติ อหีเนน. วิปุเลนาติ มหตา. ยทิ วณฺณสมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ, วณฺณทสกํ กสฺมา น คหิตนฺติ อาห ‘‘มาตุคามสฺส หี’’ติอาทิ. โภชนสมฺปทาทีนํ อลาเภปีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺตสฺสปี’’ติ วุตฺตํ. โถกํ โถกํ วณฺณายตนํ ปสีทติ มํสสฺส ปริพฺรูหนโต ถนมํสานิ วฑฺฒนฺติ ชายนฺติ. วณฺเณติ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสนฺโต วิย โหตีติ วณฺโณ. โส เอว สามคฺโคปโภคาทินา นิภาตีติ นิภา. เตนาห ‘‘วณฺณนิภาติ วณฺโณเยวา’’ติ.
โภคฺคนฺติ ¶ อติวิย วงฺกตาย โภคฺคํ. ตาทิสํ ปน สรีรํ ภคฺคํ วิย โหตีติ อาห ‘‘ภคฺค’’นฺติ. เตนาห ‘‘อิมินาปิสฺส วงฺกภาวเมว ทีเปตี’’ติ. ทนฺตานํ ฉินฺนภินฺนตาย เอกจฺจานํ ปตเนน จ ขณฺฑิตทนฺตํ. เกสานํ เสตวณฺณตาย ปลิตนฺติ อาห ‘‘ปณฺฑรเกส’’นฺติ. เกสานํ มตฺตโส สิยเน ขลฺลาฏโวหาโรติ พหุโส สิยนํ สนฺธายาห ‘‘มหาขลฺลาฏสีส’’นฺติ. วสฺสสติกกาเล ¶ อุปฺปชฺชนติลกานิ สนฺธายาห ‘‘ติลกาหตคตฺต’’นฺติ. ตานิ ปน กานิจิ เสตานิ โหนฺติ กานิจิ กาฬานีติ อาห ‘‘เสตกาฬติลเกหี’’ติ. พฺยาธิกนฺติ สฺจาตพฺยาธึ. พาฬฺหคิลานนฺติ มารณนฺติ กเคลฺเน คิลานํ.
๑๗๓. ตสฺมึ สมเยติ ตสฺมึ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรณสมเย. น เจเตตีติ น อภิสนฺทหติ. พฺยาพาธนฏฺเน พฺยาพาโธ, พฺยาพาโธว พฺยาพชฺฌํ, นตฺถิ เอตฺถ พฺยาพชฺฌนฺติ อพฺยาพชฺฌํ, ทุกฺขรหิตํ. เตนาห ‘‘นิทฺทุกฺขเมวา’’ติ.
๑๗๔. อนิจฺจาทิอากาโรติ อนิจฺจากาโร ทุกฺขากาโร วิปริณามากาโร จลาทิอากาโร จ.
มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา
๑๗๕. สกฺเกสูติ ¶ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สติปฏฺานสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ ตํ เอกเทเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘โส หี’’ติ อาห. ตตฺถ เยน ราชกุมารา สกฺยา นาม ชาตา, ยโต เตสํ นิวาสฏฺานตาย ชนปโท ตถา วุจฺจติ, ตํ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘สกฺยานํ ปน อุปฺปตฺติ อมฺพฏฺสุตฺเต อาคตาวา’’ติ. กปิลวตฺถูติ วุตฺตํ ปุริมสฺาวเสน.
นานปฺปการกนฺติ ‘‘โลภธมฺมา’’ติ พหุวจนสฺส นิมิตฺตํ วทติ. โลโภ หิ เตน เตน อวตฺถาวิเสเสน ปวตฺติอาการเภเทน ‘‘ฉนฺโท ราโคตณฺหา อาสตฺติ อเปกฺขา’’ติอาทินา อเนกปฺปเภโท, ลุพฺภนลกฺขเณน ปน ‘‘โลโภ’’ตฺเวว วุจฺจติ. เตนาห ‘‘นานปฺปการกํ โลภํเยวา’’ติ. ตถา ‘‘โทโส ปฏิโฆ โกโธ อุปนาโห ¶ วิโรโธ’’ติอาทินา, ‘‘มุยฺหนํ อสมเปกฺขนํ อปจฺจเวกฺขณา ทุมฺเมชฺฌํ พาลฺย’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๓๙๐) จ โทสโมหานํ นานปฺปการตํ สนฺธายาห ‘‘อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโย’’ติ. ปริยาทิยิตฺวาติ ปริโต สพฺพโส อาทาย. คเหตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘คหเณ อาคต’’นฺติ. ปริยาทิยตีติ ปริกฺขีโณติ. ที-สทฺทฺหิ สทฺทวิทู ขยตฺถํ วทนฺติ.
เอกทาติ อาเมฑิตโลเปน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘เอเกกสฺมึ กาเล’’ติ. โลภโทสโมหาติ ปมมคฺเคน ปหีนาวเสสา โลภโทสโมหา. นิรวเสสา ปหียนฺติ, อฺถา ทุติยมคฺเคน กึ กตํ สิยาติ อธิปฺปาโย. สมุทาจารปฺปตฺตํ ปน ทิสฺวา ‘‘อปฺปหีนํ เม อตฺถี’’ติปิ ชานาติ. เอวํ กถํ นิรวเสสปฺปหานสฺาติ อาห ‘‘อปฺปหีนกํ…เป… สฺี โหตี’’ติ. เอวํ ปมมคฺเคเนว สมุจฺฉินฺนสํสยสฺส ‘‘โก สุ นาม เม ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโนติ เอวํ สนฺเธโห กถํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปณฺณตฺติยา อโกวิทตฺตา’’ติ การณมาห. วินยกุกฺกุจฺจํ วิย หิ ปณฺณตฺติยํ อกุสลตาย อริยานมฺปิ กตฺถจิ วิมติมตฺตํ อุปฺปชฺชติ ยถา ตํ สพฺพโส อปฺปหีนสมฺโมหานนฺติ. อตฺตโน อวิสเย อนภิชานนํ ปณฺณตฺติโกสลฺเลน กิเมตฺถ ปโยชนํ, ปจฺจเวกฺขณามตฺเตน อยมตฺโถ สิชฺฌตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กึ ตสฺส ปจฺจเวกฺขณา นตฺถี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ กตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ วตฺวา ตตฺถ ลพฺภมานวิภาคํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สา ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สาติ ¶ ปจฺจเวกฺขณา. สพฺเพสนฺติ สพฺเพสํ อริยานํ. ยถา ปริปุณฺณา น โหติ, น เอวํ สพฺพโส น โหตีติ อาห ‘‘อิมาสุ ปนา’’ติอาทิ.
๑๗๖. อชฺฌตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ตว สนฺตาเน’’ติ. อปฺปหีโนติ อนวเสสโต อปฺปหีโน. ทุวิเธติ วตฺถุกามกิเลสกาเม. กิเลสกาโมปิ หิ ยทคฺเคน อสฺสาทียติ, ตทคฺเคน ปริภฺุชียติ.
๑๗๗. อสฺสาทียตีติ อสฺสาโท, สุขํ. อปฺโป อปฺปมตฺตโก อสฺสาโท เอเตสูติ อปฺปสฺสาทา. เตนาห ‘‘ปริตฺตสุขา’’ติ. ปริเยสนทุกฺขาทิเหตุกํ ¶ ทิฏฺธมฺมิกํ ตตฺถ ทุจฺจริตจรเณน สมฺปรายิกฺจ ทุกฺขเมตฺถ กาเมสุ พหุกนฺติ พหุทุกฺขา. พหุปายาสาติ พหุปริกฺกิเลสา. เต ปน ปริกฺกิเลสา วกฺขมานนเยน พหูเยเวตฺถ ทิฏฺธมฺมิกาปีติ อาห ‘‘ทิฏฺธมฺมิก…เป… พหู’’ติ. เต จ ปริกฺกิเลสา ยสฺมา ตํสมงฺคิโน หิตปฏิปตฺติยา อนฺตรายกรา อิธ เจว ปรโลเก จ อาทีนวการณฺจ ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺธมฺมิก…เป… พหู’’ติ. เอวํ เจปีติ เอวํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา’’ติอาทินา อากาเรน. นเยนาติ ธมฺเมน. การเณนาติ ยุตฺติยา. สุฏฺุ ทิฏฺํ โหตีติ สมฺพนฺโธ. วิปสฺสนาปฺายาติ อริยมคฺคปฺาย. สา จตฺตาริปิ สจฺจานิ วิเสสโต ปสฺสตีติ วิปสฺสนาติ อธิปฺเปตา. เตนาห ‘‘เหฏฺามคฺคทฺวยาเณนาติ อตฺโถ’’ติ. ปีติสุขนฺติ ปีติสุขวนฺตํ ฌานทฺวยํ. ทฺเว มคฺเคติ เหฏฺามคฺเค. อาวฏฺฏนสีโล อาภุชนสีโล น โหตีติ อนาวฏฺฏี เนว โหติ สพฺพโส อปฺปหีนกามราคฉนฺโท. เตนาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ. โอโรธนาฏกา ปชหนปฺาติ อาทีนวานุปสฺสนาาณมาห.
๑๗๙. อสฺสาโทปิ กถิโต, ‘‘อปฺปสฺสาทา’’ติ หิ อิมินา ยาวตโก กาเมสุ อสฺสาโท, ตํ สพฺพํ อนวเสสโต ปริคฺคเหตฺวา จสฺส ปริตฺตภาโว ทสฺสิโตติ อาทีนโวปิ กถิโต สงฺเขเปเนว เสสสฺสอาทีนวสฺส ทสฺสิตตฺตา. ตํ กเถตุนฺติ ตํ นิสฺสรณํ ‘‘เอกนฺตสุขปฏิสํเวที’’ติ อิมินา กเถตุํ. อิเมหิ อนฺเตหีติ ‘‘ปฺจิเม, มหานาม, กามคุณา’’ติอาทินา กามคุณทสฺสนมุเขน กามสุขลฺลิกานุโยคํ ‘‘อุพฺภฏฺกา โหนฺติ อาสนปฏิกฺขิตฺตา’’ติอาทินา อตฺตกิลมถานุโยคฺจ ทสฺเสตฺวา อิเมหิ ทฺวีหิ อนฺเตหิ มุตฺตํ มม สาสนนฺติ, ผลสมาปตฺติปริโยสานตฺตา สาสนสมฺปตฺติยา ‘‘อุปริผลสมาปตฺติสีเสน สกลสาสนํ ทสฺเสตุ’’นฺติ อาห. คิชฺฌสทิโส กูโฏติ มชฺเฌปทโลปีสมาโส ยถา ‘‘สากปตฺถิโว’’ติ (ปาณินิ. ๒.๑.๖๐). ทุติเย ปเนตฺถ คิชฺฌวนฺตตาย คิชฺฌา กูเฏ เอตสฺสาติ ¶ คิชฺฌกูโฏ. อุทฺธํเยว ติฏฺนกา นิสชฺชาย วุฏฺิตกาลโต ปฏฺาย เอกฏฺาเนเนว ติฏฺนกา. เตนาห ‘‘อนิสินฺนา’’ติ. นิคณฺสฺสาติ นาฏปุตฺตสฺส. นตฺถิ เอตสฺส ปริเสสนฺติ อปริเสสํ. เอวํ สงฺขาภวจนมตฺตมสฺสาติ อาห ‘‘อปริเสสสงฺขาต’’นฺติ. นิจฺจฏฺเน ¶ สตต-สทฺเทน อภิณฺหปฺปวตฺติ โชติตา สิยาติ ‘‘สมิต’’นฺติ วุตฺตํ. เตน นิรนฺตรปฺปวตฺตึ ทสฺเสตีติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๑๘๐. ยํ กโรติ, ตํ ชานาตีติ ทุกฺขสฺส นิชฺชรณเขปนํ นาม วิฺูนํ กิจฺจํ, วิฺุนา จ ปุริเสน กตากตํ ชานิตพฺพํ, ตสฺมา ตุมฺเหหิ ปุราณานํ กมฺมานํ พฺยนฺติภาวํ กโรนฺเตหิ ปมํ ตาว เอตฺตกานิ ปุราณานิ กมฺมานีติ ชานิตพฺพานิ, ตโต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ กเตน ตปสา เอตฺตกานิ ตานิ พฺยนฺติกตานิ, อิทานิ เอตฺตกานิ กาตพฺพานี’’ติอาทินา อยํ วิธิ ปุริเสน วิย อตฺตนา กาตพฺพกิจฺจํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ตุมฺเหหิปิ ตถา าตพฺพํ สิยา’’ติ. สุทฺธนฺตนฺติ สุทฺธโกฏฺาสํ, อายตึ อนวสฺสวสิทฺธํ กมฺมกฺขยํ, ตโต วา ทุกฺขกฺขยนฺติ อตฺโถ. สุทฺธนฺตํ ปตฺโต อตฺถีติ ปุจฺฉตีติ อิมินา อกุสลานํ ปหานํ, กุสลานํ ภาวนา จ สพฺเพน สพฺพํ นิคณฺสมเย นตฺถิ สพฺพโส วิสุทฺธิภาวนาย อภาวโต, ตสฺมา กุโต ทุกฺขกฺขยสฺส สมฺภโวติ ทสฺเสติ.
เอวํ อชานนภาเว สตีติ ‘‘อหุวมฺเหว มย’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปการสฺส อชานเน สติ, ตสฺมึ ตุมฺเหหิ อฺายมาเนติ อตฺโถ. ลุทฺทาติ โฆรา. เต ปน ยสฺมา กายวาจาหิ นิหีนเมว กโรนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ลุทฺทาจารา’’ติ. โลหิตปาณิตฺเวว วุจฺจติ ตชฺชากิริยาจรณโต. มาควิกเกวฏฺฏโจรฆาตกาทโย มาควิกาทโย. กกฺขฬกมฺมาติ ผรุสกมฺมา. เต นิคณฺเสุ ปพฺพชนฺตีติ ปุพฺเพ มหาทุกฺขสํวตฺตนิยกมฺมสฺส กตตฺตา หิ ตุมฺเห เอตรหิ อีทิสํ มหาทุกฺขํ ปจฺจนุภวถาติ ทสฺเสติ.
วาเทติ ทิฏฺิยํ, สมเยติ อตฺโถ. สุเขน สุขนฺติ เอตฺถ สุเขนาติ ปฏิปตฺติสุเขน, สุขาย ปฏิปตฺติยาติ อตฺโถ. สุขนฺติ วิโมกฺขสุขํ, อิธ โลเก สุขํ อธิคจฺฉนฺตา กสิวณิชฺชาทิทุกฺขปฏิปตฺติยาว อธิคจฺฉนฺติ, เอวํ โมกฺขสุขมฺปีติ อธิปฺปาโย. สรีราวยวสมฺปตฺติยาปิ พิมฺพิโน สาโรติ พิมฺพิสาโร. เต นิคณฺา…เป… สนฺธาย วทนฺติ, น ปน ภควโต อจฺจนฺตสนฺตปณีตํ นิพฺพานสุขปฏิเวทนํ ชานนฺติ. สหสาติ รวา. อปฺปฏิสงฺขาติ น ปฏิสงฺขาย อวิจาเรตฺวา. เตนาห ‘‘สาหสํ กตฺวา’’ติอาทิ.
อฺาหิ ¶ ¶ เวทนาหิ อโวมิสฺสํ เอกนฺตํ สุขํ เอกนฺตสุขํ, ตสฺส ปฏิสํเวที. เตนาห ‘‘นิรนฺตรสุขปฏิสํเวที’’ติ. กถาปติฏฺาปนตฺถนฺติ ‘‘เอกนฺตสุขปฏิสํเวที’’ติ เอวํ อารทฺธกถาย ปติฏฺาปนตฺถํ. ราชวาเรติ ราชานํ อุทฺทิสฺส อาคตเทสนาวาเร. สุขํ ปุจฺฉิตุํ โหตีติ ‘‘ยทิ สตฺต รตฺตินฺทิวานิ นปฺปโหติ, กึ ฉ รตฺตินฺทิวานิ ปโหตี’’ติอาทินา ปุจฺฉนสุขํ โหติ. ‘‘อหํ โข’’ติอาทินา ปวตฺโต สุทฺธวาโร สุทฺธนิสฺสนฺทสฺส ผลสมาปตฺติสุขสฺส วเสน อาคตตฺตา. อนจฺฉริยํ โหติ, สตฺต รตฺตินฺทิวานิ ปโหนฺตสฺส เอกสฺมึ รตฺตินฺทิเว กึ วตฺตพฺพนฺติ. อุตฺตานตฺถเมว วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยตฺตา.
จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. อนุมานสุตฺตวณฺณนา
๑๘๑. วุตฺตานุสาเรนาติ ¶ ‘‘กุรูสุ, สกฺเกสู’’ติ จ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน, ‘‘ภคฺคา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา’’ติอาทินา นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพติ อตฺโถ. วตฺถุปริคฺคหทิวเสติ นครมาปนตฺถํ วตฺถุวิชฺชาจริเยน นครฏฺานสฺส ปริคฺคณฺหนทิวเส. อถาติ ปจฺฉา. นคเร นิมฺมิเตติ ตตฺถ อนนฺตราเยน นคเร มาปิเต. ตเมว สุสุมารคิรณํ สุภนิมิตฺตํ กตฺวา ‘‘สุสุมารคิริ’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. สุสุมารสณฺานตฺตา สุสุมาโร นาม เอโก คิริ, โส ตสฺส นครสฺส สมีเป, ตสฺมา ตํ สุสุมารคิริ เอตสฺส อตฺถีติ ‘‘สุสุมารคิรี’’ติ วุจฺจตีติ เกจิ. เภสกฬาติ วุจฺจติ ฆมฺมณฺฑคจฺฉํ, เกจิ ‘‘เสตรุกฺข’’นฺติ วทนฺติ, เตสํ พหุลตาย ปน ตํ วนํ เภสกฬาวนนฺเตว ปฺายิตฺถ. เภโส นาม เอโก ยกฺโข อยุตฺตการี, ตสฺส ตโต คฬิตฏฺานตาย ตํ วนํ เภสคฬาวนํ นาม ชาตนฺติ เกจิ. อภยทินฺนฏฺาเน ชาตํ วิรูฬฺหํ, สํวทฺธนฺติ อตฺโถ.
อิจฺฉาเปตีติ ยํ กิฺจิ อตฺตนิ ครหิตพฺพํ วตฺตุํ สพฺรหฺมจารีนํ อิจฺฉํ อุปฺปาเทติ, ตทตฺถาย เตสํ อตฺตานํ วิสฺสชฺเชตีติ อตฺโถ. ปมํ ทินฺโน หิตูปเทโส โอวาโท, อปราปรํ ทินฺโน อนุสาสนี. ปจฺจุปฺปนฺนาตีตวิสโย ¶ วา โอวาโท, อนาคตวิสโย อนุสาสนี. โอติณฺณวตฺถุโก โอวาโท, อิตโร อนุสาสนี. โส จาติ เอวํ ปวาเรตา โส ภิกฺขุ. ทุกฺขํ วโจ เอตสฺมึ วิปฺปฏิกูลคฺคาเห วิปจฺจนีกสาเต อนาทเร ปุคฺคเลติ ทุพฺพโจ. เตนาห ‘‘ทุกฺเขน วตฺตพฺโพ’’ติ. อุปริ อาคเตหีติ ‘‘ปาปิจฺโฉ โหตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘๑) อาคเตหิ โสฬสหิ ปาปธมฺเมหิ. ปกาเรหิ อาวหํ ปทกฺขิณํ, ตโต ปทกฺขิณโต คหณสีโล ปทกฺขิณคฺคาหี, น ปทกฺขิณคฺคาหี อปฺปทกฺขิณคฺคาหี. วามโตติ อปสพฺยโต, วุตฺตวิปริยายโตติ อธิปฺปาโย.
อสนฺตสมฺภาวนปตฺถนานนฺติ อสนฺเตหิ อวิชฺชมาเนหิ คุเณหิ สมฺภาวนสฺส ปตฺถนาภูตานํ. ปฏิ-สทฺโท ปจฺจตฺติกปริยาโย, ผรณํ วายมนํ อิธ ตถาวฏฺานนฺติ อาห ‘‘ปฏิปฺผรตีติ ปฏิวิรุทฺโธ ปจฺจนีโก หุตฺวา ติฏฺตี’’ติ. อปสาเทตีติ ขิเปติ ตชฺเชติ. ตถาภูโต ¶ จ ปรํ ฆฏฺเฏนฺโต นาม โหตีติ อาห ‘‘ฆฏฺเฏตี’’ติ. ปฏิอาโรเปตีติ ยาทิเสน วุตฺโต, ตสฺส ปฏิภาคภูตํ โทสํ โจทกสฺส อุปริ อาโรเปติ.
ปฏิจรตีติ (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๖๘) ปฏิจฺฉาทนวเสน จรติ ปวตฺตติ, ปฏิจฺฉาทนตฺโถ เอว วา จรติ-สทฺโท อเนกตฺถตฺตา ธาตูนนฺติ อาห ‘‘ปฏิจฺฉาเทตี’’ติ. อฺเนฺนฺติ ปฏิจฺฉาทนาการทสฺสนนฺติ อาห ‘‘อฺเน การเณนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อฺํ การณํ วจนํ วาติ ยํ โจทเกน จุทิตกสฺส โทสวิภาวนํ การณํ, วจนํ วา วุตฺตํ, ตโต อฺเเนว การเณน, วจเนน วา ปฏิจฺฉาเทติ. การเณนาติ โจทนาย อมูลิกภาวทีปนิยา ยุตฺติยา. วจเนนาติ ตทตฺถโพธเนน. โก อาปนฺโนติอาทินา โจทนํ อวิสฺสชฺเชตฺวา วิกฺเขปาปชฺชนํ อฺเนฺํ ปฏิจรณนฺติ ทสฺเสติ, พหิทฺธา กถาอปนามนํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ อยเมว เตสํ วิเสโส. เตนาห ‘‘อิตฺถนฺนาม’’นฺติอาทิ.
อปทียนฺติ โทสา เอเตน รกฺขียนฺติ, ลูยนฺติ, ฉิชฺชนฺตีติ วา อปทานํ, (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๒) สตฺตานํ สมฺมา, มิจฺฉา วา ปวตฺตปโยโค. เตนาห ‘‘อตฺตโน จริยายา’’ติ.
๑๘๓. อนุมินิตพฺพนฺติ ¶ อนุ อนุ มินิตพฺโพ ชานิตพฺโพ. อตฺตานํ อนุมินิตพฺพนฺติ จ อิทํ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ. เตนาห ‘‘อนุมินิตพฺโพ ตุเลตพฺโพ ตีเรตพฺโพ’’ติ. อตฺตานํ อนุมินิตพฺพนฺติ วา อตฺตนิ อนุมานาณํ ปวตฺเตตพฺพํ. ตตฺรายํ นโย – อปฺปิยภาวาวหา มยิ ปวตฺตา ปาปิจฺฉตา ปาปิจฺฉาภาวโต ปรสฺมึ ปวตฺตปาปิจฺฉตา วิย. เอส นโย เสสธมฺเมสุปิ. อปโร นโย – สพฺรหฺมจารีนํ ปิยภาวํ อิจฺฉนฺเตน ปาปิจฺฉตา ปหาตพฺพา สีลวิสุทฺธิเหตุภาวโต อตฺตุกฺกํสนาทิปฺปหานํ วิย. เสสธมฺเมสุปิ เอเสว นโย.
๑๘๔. ปจฺจเวกฺขิตพฺโพติ ‘‘น ปาปิจฺโฉ ภวิสฺสามิ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’’ติอาทินา ปติ ปติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ วา าณจกฺขุนา อเวกฺขิตพฺพํ, าณํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปาปิจฺฉตาทีนํ ปหานํ ปติ อเวกฺขิตพฺพํ, อยฺจ อตฺโถ ตพฺพ-สทฺทสฺส ภาวตฺถตาวเสน เวทิตพฺโพ, กมฺมตฺถตาวเสน ปน อฏฺกถายํ ‘‘อตฺตาน’’นฺติ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ กตฺวา วุตฺตํ. สิกฺขนฺเตนาติ ติสฺโสปิ สิกฺขา สิกฺขนฺเตน. เตนาห ‘‘กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ.
ติลกนฺติ ¶ กาฬติลเสตติลาทิติลกํ. สพฺพปฺปหานนฺติ สพฺพปฺปการปฺปหานํ. ผเล อาคเตติ ผเล อุปฺปนฺเน. นิพฺพาเน อาคเตติ นิพฺพานสฺส อธิคตตฺตา. ภิกฺขุปาติโมกฺขนฺติ ‘‘โส สมโณ, ส ภิกฺขู’’ติ เอวํ วุตฺตภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขํ, น อุปสมฺปนฺนานํ เอว น ปพฺพชิตานํ เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา จิทํ ภิกฺขุปาติโมกฺขํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อิทํ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุ’’นฺติอาทิ. อปจฺจเวกฺขิตุํ น วฏฺฏติ อตฺตวิสุทฺธิยา เอกนฺตเหตุภาวโต.
อนุมานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา
๑๘๕. เจโต ¶ เตหิ ขิลยติ ถทฺธภาวํ อาปชฺชตีติ เจโตขิลา. เตนาห ‘‘จิตฺตสฺส ถทฺธภาวา’’ติ. ยสฺมา เตหิ อุปฺปนฺเนหิ จิตฺตํ อุกฺลาปีชาตํ านํ วิย อมนฺุํ เขตฺตํ วิย จ ขาณุกนิจิตํ อมหปฺผลํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กจวรภาวา ขาณุกภาวา’’ติ. ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ อาเนตฺวา ¶ สมฺพนฺธิตพฺพํ. จิตฺตํ พนฺธิตฺวาติ ตณฺหาปวตฺติภาวโต กุสลจารสฺส อวสรจชนวเสน จิตฺตํ พทฺธํ วิย สโมโรเธตฺวา. เตนาห ‘‘มุฏฺิยํ กตฺวา วิย คณฺหนฺตี’’ติ. สทฺทตฺถโต ปน เจโต วิรูปํ นิพนฺธียติ สํยมียติ เอเตหีติ เจตโส วินิพนฺธา ยสฺส จตุพฺพิธํ สีลํ อขณฺฑาทิภาวปฺปตฺติยา สุปริสุทฺธํ วิเสสภาคิยตฺตา อปฺปกสิเรเนว มคฺคผลาวหํ มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส วิย, โส ตาทิเสน สีเลน อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ อาปชฺชิสฺสตีติ อาห ‘‘สีเลน วุทฺธิ’’นฺติ. ยสฺส ปน อริยมคฺโค อุปฺปชฺชนฺโต วิรูฬฺหมูโล วิย ปาทโป สุปฺปติฏฺิโต, โส สาสเน วิรูฬฺหึ อาปนฺโนติ อาห ‘‘มคฺเคน วิรูฬฺหิ’’นฺติ. โย สพฺพโส กิเลสนิพฺพานปฺปตฺโต, โส อรหา สีลาทิธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา สติเวปุลฺลปฺปตฺโต โหตีติ อาห ‘‘นิพฺพาเนน เวปุลฺล’’นฺติ. ทุติยวิกปฺเป อตฺโถ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺโพ.
พุทฺธานํ ธมฺมกาโย วิย รูปกาโยปิ อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรคุณาธิฏฺานตาย จ อปจฺจกฺขการีนํ สํสยวตฺถุ โหติเยวาติ ‘‘สรีเร วา คุเณ วา กงฺขตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา มหาปุริสลกฺขเณน อนุพฺยฺชนาทโย รูปกายคุณา คหิตา เอว โหนฺติ อวินาภาวโตติ ‘‘ทฺวตฺตึสวรลกฺขณปฺปฏิมณฺฑิต’’มิจฺเจว วุตฺตํ, เอวํ อนาวรณาเณน สพฺเพปิ อนนฺตาปริเมยฺยเภทา ธมฺมกายคุณา คหิตา เอว โหนฺตีติ สพฺพฺุตฺาณคฺคหณเมว กตํ นานนฺตริยภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. กงฺขหีติ ‘‘อโห วต เต คุณา น ภเวยฺยุํ, ภเวยฺยุํ วา’’ติ ปตฺถนุปฺปาทนวเสน กงฺขติ. ปุริโม หิ วิปรีตชฺฌาสโย, อิตโร ยถาภูตาณชฺฌาสโย. วิจินนฺโตติ วิจยภูตาย ปฺาย เต วิเวเจตุกาโม ตทภาวโต กิจฺฉํ ทุกฺขํ อาปชฺชติ, กิจฺฉปฺปตฺติ จ ตตฺถ นิจฺเฉตุํ อสมตฺถตาเยวาติ อาห ‘‘วินิจฺเฉตุํ น สกฺโกตี’’ติ. วิคตา จิกิจฺฉาติ วิจิกิจฺฉา. อธิโมกฺขํ น ปฏิลภตีติ ‘‘เอวเมต’’นฺติ โอกปฺปนวเสน คุเณสุ วินิจฺฉยํ นาธิคจฺฉติ. โอตริตฺวาติ าเณน อนุปวิสิตฺวา. ปสีทิตุนฺติ ‘‘ปสนฺนรูปธมฺมกายคุเณหิ ภควา’’ติ ปสีทิตุํ. อนาวิโล อกาลุสฺโส โหตุํ น สกฺโกติ. ‘‘กงฺขตี’’ติ ¶ อิมินา ทุพฺพลา วิมติ วุตฺตา, ‘‘วิจิกิจฺฉตี’’ติ อิมินา มชฺฌิมา, ‘‘นาธิมุจฺจตี’’ติ อิมินา พลวตี, ‘‘น สมฺปสีทตี’’ติ อิมินา ติวิธายปิ วิมติยา วเสน อุปฺปนฺนจิตฺตกาลุสฺสิยํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อาตปฺปายาติอาทิโต ¶ ตปติ สนฺตปติ กิเลเสติ อาตปฺปํ, อารมฺภธาตุ, ตทตฺถาย. อนุโยคายาติ ยถา สํกิเลสธมฺมานํ อวสโร น โหติ, เอวํ อนุ อนุ ยฺุชนํ อนุโยโค, นิกฺกมธาตุ, ตทตฺถาย. เตนาห ‘‘ปุนปฺปุนํ โยคายา’’ติ. สาตจฺจายาติ ยถา อุปรูปริ วิเสสาธิคโม โหติ, ตถา สตตสฺส นิรนฺตรปวตฺตสฺส อนุโยคสฺส ภาโว สาตจฺจํ, ปรกฺกมธาตุ, ตทตฺถาย. ปธานายาติ สนฺตเมวํ ติวิธธาตุสํวฑฺฒิตานุภาวํ สพฺพกิเลสวิทฺธํสนสมตฺถํ ปธานสงฺขาตํ วีริยํ, ตทตฺถาย. เอตฺถ จ อาตปฺปาย จิตฺตํ น นมติ ยถาวุตฺตกงฺขาวเสน, ปเคว อนุโยคาทิอตฺถนฺติ ทสฺเสตุํ จตฺตาริปิ ปทานิ คหิตานิ, อนวเสสวิเสสทสฺสนตฺถํ วา. เกจิ ปน ‘‘อาตปฺปเววจนาเนว อนุโยคาทิปทานี’’ติ วทนฺติ. เอตฺตาวตา ภควา สตฺถริ กงฺขาย จิตฺตสฺส ถทฺธกจวรขาณุกภาเวน อกุสลภาวาทิอาปาทนโต เจโตขิลภาวํ ทสฺเสติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
สิกฺขาคฺคหเณน ปฏิปตฺติสทฺธมฺมสฺส คหิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปริยตฺติธมฺเม จ ปฏิเวธธมฺเม จา’’ติ. ปริยตฺติธมฺเม ยตฺถ กงฺขาย สมฺภโว, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตยิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ ปรมฺปราย ปฏิเวธาวหภาวาทิวเสนปิ เอกจฺจานํ ตตฺถ สํสยุปฺปตฺติโต. ยถา จ ปฏิเวเธ กงฺขา วุตฺตา, เอวํ อธิคมธมฺเมปิ ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพา. ตถา หิ เอกจฺเจ ‘‘กสิณาทิภาวนาย ฌานานิ อิชฺฌนฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘กสิณนิสฺสนฺโท อารุปฺปาติ, เมตฺตาทินิสฺสนฺโท จตุตฺถพฺรหฺมวิหาโร’’ติ เอวมาทินา กงฺขติเยวาติ. เอตฺถ จ นวโลกุตฺตเรสุ ปฺตฺติยํเยว กงฺขาปวตฺติ เวทิตพฺพา อสํกิเลสิกตฺตา โลกุตฺตรธมฺมานํ.
เอวรูปนฺติ เอทิสํ สุปฺปฏิปตฺติ-อุชุปฺปฏิปตฺติ-ายปฺปฏิปตฺติ-สามีจิปฺปฏิปตฺติ-สงฺขาตํ สมฺมาปฏิปทํ. อธิสีลสิกฺขาทโย โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตา เวทิตพฺพา. เอวฺหิ มคฺคผลสิกฺขาหิ อิมาสํ วิเสโส สิทฺโธ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สิกฺขาคฺคหเณน ปฏิปตฺติสทฺธมฺมสฺส คหิตตฺตา’’ติ. เอตฺถ จ ยถา วิจิกิจฺฉา วตฺถุตฺตยสฺส สิกฺขาย จ คุเณสุ อนธิมุจฺจนอสมฺปสีทนวเสน อปฺปฏิปตฺติภาวโต จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว อาสปฺปนปริสปฺปนวเสน ปวตฺติยา กจวรขาณุกภาโว จ, เอวํ สพฺรหฺมจารีสุ อาฆาตจณฺฑิกฺกาทิวเสน ¶ จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว จ อุปหนนวิรุชฺฌนาทิวเสน ¶ กจวรขาณุกภาโว จ เวทิตพฺโพ. อริยสงฺฆวิสยา วิจิกิจฺฉา, ปุคฺคลวิสยา กาจิ นตฺถีติ สงฺฆวิสยาว คหิตา, สาสนิกวเสน จายํ เจโตขิลเทสนาติ สพฺรหฺมจารีวิสโยว โกโป คหิโต.
๑๘๖. ยถา วตฺถุกาโม, เอวํ กิเลสกาโมปิ อสฺสาทนีโย เอวาติ ‘‘กิเลสกาเมปี’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ภควา ‘‘รูปตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓). กามนิทฺเทเส (มหานิ. ๑) สพฺเพปิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียฏฺเน ‘‘กามา’’ติ วุตฺตา, พลวกามราควตฺถุภูตาเยเวตฺถ กามคฺคหเณน คหิตาติ. วินิพทฺธวตฺถุภาเวน ยถา วิสุํ อตฺตโน กาโย คหิโต, ตถา ปเรสํ ตถารูปา รูปธมฺมา สมูหฏฺเนาติ อาห ‘‘รูเปติ พหิทฺธารูเป’’ติ. ยถา หิ ปฺจกามคุณิโก ราโค ฌานาทิวิเสสาธิคมสฺส วินิพทฺธาย สํวตฺตติ, เอวํ อตฺตโน กาเย อเปกฺขา พหิทฺธา จ สกปริกฺขาราติมิตฺตาทีสุ อเปกฺขาติ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘รูเปติ รูปชฺฌาเน’’ติอาทินา ปปฺเจนฺติ. ตทยุตฺตํ ฌานาธิคมวินิพทฺธานํ สีลสฺส จ สํกิเลสภูตานํ เจโตวินิพทฺธภาเวน คหิตตฺตา.
ยาวทตฺถนฺติ ยาว อตฺเถติ อภิกงฺขติ, ตาว. เตนาห ‘‘ยตฺตกํ อิจฺฉติ, ตตฺตก’’นฺติ. นฺติ ยาวทตฺถํ อุทรปูรํ ภุตฺตํ. อวเทหนโต ปูรณโต. เสยฺยสุขนฺติ เสยฺยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนกสุขํ. ปสฺสสุขนฺติ ปสฺสานํ สมฺปริวตฺตเนน อุปฺปชฺชนกสุขํ. นิทฺทาสุขนฺติ นิทฺทายเนน อุปฺปชฺชนกสุขํ.
สีเลนาติอาทิ ปตฺถนาการทสฺสนํ. วตสมาทานนฺติ ธุตงฺคาทิวตานุฏฺานํ. ตโปติ วีริยารมฺโภ. โส หิ กิเลสานํ ตปนฏฺเน นิคฺคณฺหนฏฺเน ตปจรณนฺติ วุตฺตํ.
๑๘๙. ฉนฺทํ นิสฺสายาติ ฉนฺทํ ธุรํ, ฉนฺทํ เชฏฺกํ, ฉนฺทํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ปวตฺติวเสน ฉนฺทํ นิสฺสาย. เชฏฺกฏฺเน ปธานภูตา, ปธานภาวํ วา ปตฺตาติ ปธานภูตา. เตหิ ธมฺเมหีติ ฉนฺทนิสฺสเยน ปวตฺตสมาธินา เจว ‘‘ปธานสงฺขาโร’’ติ วุตฺตวีริเยน จ. อุเปตนฺติ สมฺปยุตฺตํ. อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ, นิปฺผตฺติอตฺเถน ปฏิลาภฏฺเน จาติ อตฺโถ, ตสฺสา อิทฺธิยา ปาทํ ปาทกํ ¶ ปทฏฺานภูตํ. อถ วา อิชฺฌนฺติ ตาย อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ, สาว อุปริวิเสสานํ ¶ อธิฏฺานภาวโต ปาโท. เตนาห ‘‘อิทฺธิภูตํ วา ปาทนฺติ อิทฺธิปาท’’นฺติ. เสเสสุปีติ วีริยิทฺธิปาทาทีสุปิ. อสฺสาติ อิทฺธิปาทสฺส. อตฺโถ ทีปิโตติ ทีปนตฺถํ กตํ, ตสฺมา วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๓๖๙) ตสฺส อตฺถวิจาโร คเหตพฺโพ. อิทฺธิปาทานํ สมาธิปธานตฺตา วุตฺตํ ‘‘วิกฺขมฺภนปฺปหานํ กถิต’’นฺติ. เตสํ เตสํ กุสลธมฺมานํ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทนกิริยาย อุปฺปนฺนานํ ปริพฺรูหนกิริยาย อุสฺสหนโต อุสฺโสฬฺหี, ถามปฺปตฺตา ปรกฺกมธาตุ. สา ปน จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ วิเสสปจฺจยภูตา เต อุปาทาย ‘‘ปฺจมี’’ติ วุตฺตา, สา จ ยสฺมา สมถวิปสฺสนาภาวนาสุ ตตฺถ จอาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ สาเธตพฺพํ วีริยํ, ตสฺมา อาห ‘‘อุสฺโสฬฺหีติ สพฺพตฺถ กตฺตพฺพวีริยํ ทสฺเสตี’’ติ. ปุพฺพภาคิยสมถวิปสฺสนาสาธนํ ปหาตพฺพธมฺมวิภาเคน ภินฺทิตฺวา อาห ‘‘ปฺจ เจโตขิลปฺปหานานิ ปฺจ วินิพนฺธปฺปหานานี’’ติ. ภพฺโพติ ยุตฺโต อรหติ นิปฺผตฺติยา. าเณนาติ มคฺคาเณน. กิเลสเภทายาติ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนาย. เขมสฺสาติ อนุปทฺทวสฺส.
สมฺภาวนตฺเถติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๑; อ. นิ. ฏี. ๓.๗.๗๑) ‘‘อปิ นาเมวํ สิยา’’ติ วิกปฺปนตฺโถ สมฺภาวนตฺโถ. เอวํ หีติ เอวํ เอกเมว สงฺขฺยํ อวตฺวา อปราย สงฺขฺยาย สทฺธึ วจนํ โลเก สิลิฏฺวจนํ โหติ ยถา ‘‘ทฺเว วา ตีณิ วา อุทกผุสิตานี’’ติ. สมฺมา อธิสยิตานีติ ปาทาทีหิ อตฺตนา เนสํ กิฺจิ อุปฆาตํ อกโรนฺติยา พหิวาตาทิปริสฺสยปริหรณตฺถํ สมฺมเทว อุปริ สยิตานิ. อุตุํ คาหาเปนฺติยาติ เตสํ อลฺลสิเนหปริยาทานตฺถํ อตฺตโน กายุสฺมาวเสน อุตุํ คณฺหาเปนฺติยา. เตนาห ‘‘อุสฺมีกตานี’’ติ. สมฺมา ปริภาวิตานีติ สมฺมเทว สพฺพโส กุกฺกุฏวาสนาย วาสิตานิ. เตนาห ‘‘กุกฺกุฏคนฺธํ คาหาปิตานี’’ติ. อยฺจ กุกฺกุฏคนฺธปริภาวนา สมฺมาอธิสยนสมฺมาปริเสทนนิปฺผตฺติยา ‘‘อนุนิปฺผาที’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๑) ทฏฺพฺพา. เตหิ ปน สทฺธึเยว อิชฺฌนโต วุตฺตํ ‘‘ติวิธกิริยากรเณนา’’ติ. กิฺจาปิ น เอวํ ‘‘อโห วติเม’’ติอาทินา อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย, การณสฺส ปน สมฺปาทิตตฺตา อถ โข ภพฺพาว อภินิพฺภิชฺชิตุนฺติ โยชนา ¶ . กสฺมา ภพฺพาติ อาห ‘‘เต หิ ยสฺมา ตายา’’ติอาทิ. เอตฺถ ยถา กปาลสฺส ตนุตา อาโลกสฺส อนฺโต ปฺายมานสฺส การณํ, ตถา กปาลสฺส ตนุตาย นขสิขามุขตุณฺฑกานํ ขรตาย จ อลฺลสิเนหสฺส ปริยาทานํ การณวจนนฺติ ทฏฺพฺพํ, ตสฺมาติ อาโลกสฺส อนฺโต ปฺายมานโต, สยฺจ ปริปากคตตฺตา.
โอปมฺมสมฺปฏิปาทนนฺติ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมยฺเยน สมฺมเทว ปฏิปาทนํ. อตฺเถนาติ อุปเมยฺยตฺเถน. ยถา กุกฺกุฏิยา อณฺเฑสุ ติวิธกิริยาย กรณํ กุกฺกุฏจฺฉาปกานํ อณฺฑโกสโต ¶ นิกฺขมนสฺส มูลการณํ, เอวํ ภิกฺขุโน อุสฺโสฬฺหีปนฺนรสานิ องฺคานิ อวิชฺชณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณนฺติ อาห ‘‘ตสฺสา กุกฺกุฏิยา…เป… สมนฺนาคตภาโว’’ติ. ปฏิจฺฉาทนสามฺเน อวิชฺชาย อณฺฑโกสสทิสตาย พลววิปสฺสนาวเสน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว, วิปสฺสนาาณสฺส ปริณามกาโล วุฏฺานคามินิภาวาปตฺติ, ตทา จ สา มคฺคาณคพฺภํ ธาเรนฺตี วิย โหตีติ อาห ‘‘คพฺภคฺคหณกาโล’’ติ. อภิฺาปกฺเขติ โลกิยาภิฺาปกฺเข. โลกุตฺตราภิฺา หิ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาลิกาติ. คาถาย อวิชฺชณฺฑโกสํ ปหรตีติ เทสนาวิลาเสน วิเนยฺยสนฺตานคตํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ฆฏฺเฏติ, ยถาาเน าตุํ น เทติ.
ปฏิสงฺขานปฺปหานนฺติ ตทงฺคปฺปหานปุพฺพกํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ. ปุพฺพภาคิยา อิทฺธิปาทา ปาฬิยํ คหิตาติ ‘‘อิทฺธิปาเทหิ วิกฺขมฺภนปฺปหาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อุสฺโสฬฺหิปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อภินิพฺพิทายา’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๑๘๙) โลกุตฺตริทฺธิปาทา ปน สมฺโพธคฺคหเณเนว คหิตา. มคฺเค อาคเตติ อุสฺโสฬฺหีปนฺนรสงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาปยโต มคฺเค อาคเต อุปฺปนฺเน, ปาฬิยํ วา อภินิพฺภิทาสมฺโพธคฺคหเณหิ มคฺเค อาคเต. ผเล อาคเตติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นิพฺพานสฺส ปน ปาฬิยํ อนาคตตฺตา นิสฺสรณปฺปหานํ น คหิตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เจโตขิลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. วนปตฺถปริยายสุตฺตวณฺณนา
๑๙๐. วนียติ ¶ ¶ วิเวกกาเมหิ ภชียติ, วนุเต วา เต อตฺตสมฺปตฺติยา วสนตฺถาย ยาจนฺโต วิย โหตีติ วนํ, ปติฏฺนฺติ เอตฺถ วิเวกกามา ยถาธิปฺเปตวิเสสาธิคเมนาติ ปตฺถํ, วเนสุ ปตฺถํ คหนฏฺาเน เสนาสนํ วนปตฺถํ. ปริยายติ อตฺตโน ผลํ ปริคฺคเหตฺวา วตฺตตีติ ปริยาโย, การณนฺติ อาห ‘‘วนปตฺถปริยายนฺติ วนปตฺถการณ’’นฺติ. วนปตฺถฺหิ ตํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อุปนิสฺสยการณํ. เตนาห ‘‘วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ. ปริยายติ เทเสตพฺพมตฺถํ ปติฏฺเปตีติ ปริยาโย, เทสนา. วนปตฺถํ อารพฺภ ปวตฺตา เทสนา วนปตฺถเทสนา, ตํ, อุภยตฺถาปิ วนปตฺถคฺคหณํ ลกฺขณมตฺตํ คามาทีนมฺเปตฺถ การณภาวสฺส, เทสนาย วิสยภาวสฺส จ ลพฺภมานตฺตา.
๑๙๑. นิสฺสายาติ อปสฺสาย, วิเวกวาสสฺส อปสฺสยํ กตฺวาติ อตฺโถ. น อุปฏฺาตีติอาทีหิ ตสฺมึ วนปตฺเถ เสนาสนสปฺปายาภาวํ, อุตุปุคฺคลธมฺมสฺสวนสปฺปายาภาวมฺปิ วา ทสฺเสติ. ชีวิตสมฺภาราติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๙.๖) ชีวิตปฺปวตฺติยา สมฺภารา ปจฺจยา. สมุทาเนตพฺพาติ สมฺมา าเยน อนวชฺชอฺุฉาจริยาทินา อุทฺธํ อุทฺธํ อาเนตพฺพา ปาปุณิตพฺพา. เต ปน ตถา สมุทานิตา สมาหฏา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาหริตพฺพา’’ติ. ทุกฺเขน อุปฺปชฺชนฺตีติ สุลภุปฺปาทา น โหนฺติ. เอเตน โภชนสปฺปายาทิอภาวํ ทสฺเสติ. รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วาติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘รตฺติโกฏฺาเส วา ทิวสโกฏฺาเส วา’’ติ. รตฺตึเยว ปกฺกมิตพฺพํ สมณธมฺมสฺส ตตฺถ อนิปฺผชฺชนโต.
๑๙๒-๓. สงฺขาปีติ ‘‘ยทตฺถมหํ ปพฺพชิโต, น เมตํ อิธ นิปฺผชฺชติ, จีวราทิ ปน สมุทาคจฺฉติ, นาหํ ตทตฺถํ ปพฺพชิโต, กึ เม อิธ วาเสนา’’ติ ปฏิสงฺขายปิ. อนนฺตรวาเร สงฺขาปีติ ‘‘ยทตฺถมหํ ปพฺพชิโต, ตํ เม อิธ นิปฺผชฺชติ, จีวราทิ ปน น สมุทาคจฺฉติ, นาหํ ตทตฺถํ ปพฺพชิโต’’ติ ปฏิสงฺขายปีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สมณธมฺมสฺส นิปฺผชฺชนภาวํ ชานิตฺวา’’ติ.
๑๙๕-๗. โส ¶ ปุคฺคโล อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ, นานุพนฺธิตพฺโพติ ‘‘โส ปุคฺคโล’’ติ ปทสฺส ‘‘นานุพนฺธิตพฺโพ’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ยสฺส เยน หิ สมฺพนฺโธ, ทูรฏฺเนปิ โส ภวติ ¶ . ตํ ปุคฺคลนฺติ ‘‘โส ปุคฺคโล’’ติ ปจฺจตฺตวจนํ อุปโยควเสน ปริณาเมตฺวา ตํ ปุคฺคลํ อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อตฺถวเสน หิ วิภตฺติวิปริณาโมติ. ตํ อาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ จ กตฺุตกตเวทิตาย นิโยชนํ.
๑๙๘. เอวรูโปติ ยํ นิสฺสาย ภิกฺขุโน คุเณหิ วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, ปจฺจเยหิ จ น ปริสฺสโม, เอวรูโป ทณฺฑกมฺมาทีหิ นิคฺคณฺหาติ เจปิ, น ปริจฺจชิตพฺโพติ ทสฺเสติ ‘‘สเจปี’’ติอาทินา.
วนปตฺถปริยายสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา
๑๙๙. ชาติวนนฺติ ¶ สยํชาตํ วนํ. เตนาห ‘‘อโรปิม’’นฺติ. ปฏิสลฺลานตฺถายาติ เอกีภาวตฺถาย, ปุถุตฺตารมฺมณโต วา จิตฺตํ ปฏินิวตฺเตตฺวา อจฺจนฺตสนฺเต นิพฺพาเน ผลสมาปตฺติวเสน อลฺลียาปนตฺถํ. ทณฺโฑ ปาณิมฺหิ อสฺสาติ ทณฺฑปาณิ. ยถา โส ‘‘ทณฺฑปาณี’’ติ วุจฺจติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทณฺฑวิตฺตตายาติ ทณฺเฑ โสณฺฑตาย. โส หิ ทณฺฑปสุโต ทณฺฑสิปฺเป จ สุกุสโล ตตฺถ ปากโฏ ปฺาโต, ตสฺมา ทณฺฑํ คเหตฺวาว วิจรติ. ชงฺฆากิลมถวิโนทนตฺถนฺติ ราชสภาย จิรนิสชฺชาย อุปฺปนฺนชงฺฆาปริสฺสมสฺส อปนยนตฺถํ. อธิจฺจนิกฺขมโนติ ยาทิจฺฉกนิกฺขมโน, น อภิณฺหนิกฺขมโน. โอลุพฺภาติ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ิโต. ยถา โส ‘‘โอลุพฺภา’’ติ วุตฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โคปาลกทารโก วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๒๐๐. วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฏฺีติ อาห ‘‘กึ วาทีติ, กึ ทิฏฺิโก’’ติ? กิมกฺขายีติ กิมาจิกฺขโก, กีทิสธมฺมกโถ? อจิตฺตีกาเรนาติ อนาทเรน. ตถาปุจฺฉเน การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กสฺมา’’ติอาทิมาห. นสฺสเตตนฺติ นสฺสตุ เอตํ กุลํ.
อตฺถํ ¶ น ชานาตีติ อตฺถํ เจ เอกเทเสน ชาเนยฺย, ตํ มิจฺฉา คเหตฺวา ปฏิปฺผริตฺวาปิ ติฏฺเยฺย. ตสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ ตทสฺส อตฺถาชานนํ ภควตา อิจฺฉิตํ. วิคฺคาหิกกถนฺติ วิคฺคหกถํ, สารมฺภกถนฺติ อตฺโถ. นนุ ภควตา สทฺธึ โลเก ปุถู สมณพฺราหฺมณา นานาวาทา สนฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตถาคโต หี’’ติอาทิ. น วิวทติ วิวาทเหตุกานํ กามทิฏฺิชฺโฌสานานํ มคฺเคเนว สมุคฺฆาติตตฺตา, ตทภาวโต ปน โลโก ตถาคเตน วิวทติ. ธมฺมวาที ยถาภูตวาที ธมฺมวาทีหิ น วิวทติ เตสํ วิวทิตุกามตาย เอว อภาวโต, อธมฺมวาที ปน ติณายปิ นมฺมาโน เตหิ กิฺจิ วิวทติ. เตนาห ‘‘น, ภิกฺขเว, ธมฺมวาที เกนจิ โลกสฺมึ วิวทตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๙๔). อธมฺมวาที ปน อสมุจฺฉินฺนวิวาทเหตุกตฺตา วิวทเตว. ตถา จาห ‘‘อธมฺมวาทีว โข, ภิกฺขเว, วิวทตี’’ติ.
ยถา จ ปนาติ เอตฺถ ยถา-สทฺโท ‘‘ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ¶ ปชานาตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๒๒) วิย การณตฺโถติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติ. การณากาโร วา อิธ ยถา-สทฺเทน วุตฺโต, โส ปน อตฺถโต การณเมวาติ วุตฺตํ ‘‘เยน การเณนา’’ติ. ‘‘อิทํ กถํ อิทํ กถํ’’ติ ปวตฺตนโต กถํกถา, วิจิกิจฺฉา. สา ยสฺส นตฺถิ, โส อกถํกถี, ตํ อกถํกถึ. วิปฺปฏิสารกุกฺกุจฺจํ ภควตา อนาคามิมคฺเคเนว ฉินฺนํ, หตฺถปาทกุกฺกุจฺจํ อคฺคมคฺเคน อาเวณิกธมฺมาธิคมโต. อปราปรํ อุปฺปชฺชนกภโว ‘‘ภวาภโว’’ติ อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนพฺภเว’’ติ. สํวราสํวโร ผลาผลํ วิย ขุทฺทกมหนฺโต ภโว ‘‘ภวาภโว’’ติ วุตฺโตติ อาห ‘‘หีนปณีเต วา ภเว’’ติ. ภโว วุฑฺฒิปฺปตฺโต ‘‘อภโว’’ติ วุจฺจติ ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๑.ติกมาติกา). กิเลสสฺาติ กามสฺาทิเก วทติ. กิเลสา เอว วา สฺานาเมน วุตฺตา ‘‘สฺา ปหาย อมตํ เอว ปาปุณาตี’’ติอาทีสุ วิย. อตฺตโน ขีณาสวภาวํ ทีเปตีติ อิมินาว ปเรสฺจ ตถตฺตาย ธมฺมํ เทเสตีติ อยมฺปิ อตฺโถ วิภาวิโตติ ทฏฺพฺพํ. นีหริตฺวา กีฬาเปตฺวาติ นีหริตฺวา เจว กีฬาเปตฺวา จ, นีหรณวเสน วา กีฬาเปตฺวา. ติวิสาขนฺติ ติภงฺคภากุฏิ วิย นลาเฏ ชาตตฺตา นลาฏิกํ.
๒๐๑. กินฺติ ¶ นุ โขติ กึ การเณนาติ อตฺโถ. อนุสนฺธึ คเหตฺวาติ ปุจฺฉานุสนฺธึ อุฏฺเปตฺวา. ยโตนิทานนฺติ ยํนิทานํ, ยํการณาติ วุตฺตํ โหติ. ปุริมปเท หิ วิภตฺติ อโลปํ กตฺวา นิทฺเทโส, ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนาทินิทานนฺติ อยเมว อตฺโถ. สงฺขายนฺติ สงฺขาภาเวน ายนฺตีติ สงฺขาติ อาห ‘‘สงฺขาติ โกฏฺาสา’’ติ. กามฺเจตฺถ มาโนปิ ปปฺโจ, อภินนฺทนสภาเว เอว ปน คณฺหนฺโต ‘‘ตณฺหามานทิฏฺิปปฺจสมฺปยุตฺตา’’ติ อาห. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อภินนฺทิตพฺพ’’นฺติอาทิ. สมุทาจรนฺตีติ สพฺพโส อุทฺธํ อุทฺธํ ปริยาทาย ปวตฺตนฺติ. มริยาทตฺโถ หิ อยมากาโร, เตน จ โยเคน ปุริสนฺติ อุปโยควจนํ ยถา ‘‘ตถาคตํ, ภิกฺขเว, อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทฺเว วิตกฺกา สมุทาจรนฺตี’’ติ (อิติวุ. ๓๘). ตณฺหาทโย จ ยถาสกํ ปวตฺติอาการํ อวิลงฺฆนฺติโย อาเสวนวเสน อุปรูปริ ปวตฺตนฺติ. ตถา หิ ตา ‘‘ปปฺจสงฺขา’’ติ วุตฺตา.
การเณติ ปวตฺติปจฺจเย. เอกายตนมฺปิ …เป… นตฺถีติ จกฺขายตนาทิ เอกมฺปิ อายตนํ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพฺจ นตฺถิ เจ, นนุ นตฺถิ เอว, กสฺมา ‘‘นตฺถิ เจ’’ติ วุตฺตนฺติ? สจฺจํ นตฺถิ, อปฺปหีนาภินนฺทนาภิวทนอชฺโฌสานานํ ปน ปุถุชฺชนานํ อภินนฺทิตพฺพาทิปฺปการานิ อายตนานิ โหนฺตีติ เตสํ น สกฺกา นตฺถีติ วตฺตุ, ปหีนาภินนฺทนาทีนํ ปน สพฺพถา นตฺถีติ ‘‘นตฺถิ เจ’’ติ วุตฺตํ. อหํ มมนฺติ อภินนฺทิตพฺพนฺติ ¶ ทิฏฺาภินนฺทนาย ‘‘อห’’นฺติ ตณฺหาภินนฺทนาย ‘‘มม’’นฺติ โรเจตพฺพํ. อภิวทิตพฺพนฺติ อภินิวิสนสมุฏฺาปนวเสน วตฺตพฺพํ. เตนาห ‘‘อหํ มมนฺติ วตฺตพฺพ’’นฺติ. อชฺโฌสิตฺวาติ ทิฏฺิ ตณฺหา วตฺถุํ อนุปวิสิตฺวา คาหทฺวยํ อนฺสาธารณํ วิย กตฺวา. เตนาห ‘‘คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา’’ติ. เอเตนาติ ‘‘เอตฺถ เจ นตฺถี’’ติอาทิวจเนน. เอตฺถาติ อายตเนสุ. ตณฺหาทีนํ อวตฺถุภาวทสฺสนมุเขน ตณฺหาทีนํเยว อปฺปวตฺตึ กิเลสปรินิพฺพานํ กถิตนฺติ. เตนาห ภควา ‘‘เอเสวนฺโต’’ติอาทิ, อยเมว อภินนฺทนาทีนํ นตฺถิภาวกโร มคฺโค, ตปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิภูตํ ผลํ, ตํนิสฺสรณํ วา นิพฺพานํ ราคานุสยาทีนํ อนฺโต อวสานํ อปฺปวตฺตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อยํ …เป… อนฺโต’’ติ. สพฺพตฺถาติ ‘‘เอเสวนฺโต ปฏิฆานุสยานํ’’ติอาทีสุ สพฺพปเทสุ.
อาทิยตีติ ¶ ปหารทานาทิวเสน คยฺหติ. มตฺถกปฺปตฺตํ กลหนฺติ ภณฺฑนาทิมตฺเต อฏฺตฺวา มุขสตฺตีหิ วิตุทนาทิวเสน มตฺถกปฺปตฺตํ กลหํ. ยาย กโรตีติ สมฺพนฺโธ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. วิรุทฺธคฺคาหวเสน นานาคาหมตฺตํ, ตถา วิรุทฺธวาทวเสน นานาวาทมตฺตํ. เอวํ ปวตฺตนฺติ ครุกาตพฺเพสุปิ คารวํ อกตฺวา ‘‘ตุวํ ตุว’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ สารมฺภกถํ, ยาย เจตนาย ยํ กโรติ, สา ตุวํ ตุวํ. นิสฺสายาติ ปฏิจฺจ, นิสฺสยาทิปจฺจเย กตฺวาติ อตฺโถ. กิเลสานํ อุปฺปตฺตินิมิตฺตตา ตาว อายตนานํ โหตุ ตพฺภาเว ภาวโต, นิโรธนิมิตฺตตา ปน กถํ. น เหตฺถ โลกุตฺตรธมฺมานํ สงฺคโห โลกิยานํเยว อธิปฺเปตตฺตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘นิรุชฺฌมานาปี’’ติอาทิ. นามมตฺเตน นิมิตฺตตํ สนฺธาย วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยตฺถุปฺปนฺนา, ตตฺเถว นิรุทฺธา โหนฺตี’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ สุตฺตนฺตเรน สาเธนฺโต ‘‘สฺวายมตฺโถ’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ สมุทยสจฺจปฺเหนาติ มหาสติปฏฺาเน สมุทยสจฺจนิทฺเทเสน. โส หิ ‘‘กตฺถ อุปฺปชฺชมานา’’ติอาทินา ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตตฺตา ปฺโหติ วุตฺโต. นนุ ตตฺถ ตณฺหาย อุปฺปตฺตินิโรธา วุตฺตา, น สพฺพกิเลสานนฺติ อีทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยเถว จา’’ติอาทิมาห. ลทฺธโวหาเรติ อิมินา ราคาทีนํ อปฺปวตฺตินิมิตฺตตาย อนฺโตติ สมฺา นิพฺพานสฺสาติ ทสฺเสติ. เอเตเนว อภินนฺทนาทีนํ อภาโวติ จ อิทํ สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กถํ ปน สพฺพสงฺขตวินิสฺสเฏ นิพฺพาเน อกุสลธมฺมานํ นิโรธสมฺภโวติ อาห ‘‘ยฺหิ ยตฺถ นตฺถิ, ตํ ตตฺถ นิรุทฺธํ นาม โหตี’’ติ. ยฺวายํ อปฺปวตฺติยํ นิโรธโวหาโร วุตฺโต, สฺวายมตฺโถ นิโรธปฺเหน ทีเปตพฺโพ. น หิ ตตฺถ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา วิตกฺกวิจารา ปฏิปฺปสฺสทฺธาติ วุตฺตา, อถ โข อปฺปวตฺตา เอวาติ.
๒๐๓. เอวํสมฺปทนฺติ ¶ เอวํสมฺปชฺชนกํ เอวํ ปสฺสิตพฺพํ อิทํ มม อชฺเฌสนํ. เตนาห ‘‘อีทิสนฺติ อตฺโถ’’ติ. ชานํ ชานาตีติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๑๐.๑๑๓-๑๑๖) สพฺพฺุตฺาเณน ชานิตพฺพํ สพฺพํ ชานาติ. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน หิ อวิเสสคฺคหเณน จ ‘‘ชาน’’นฺติ อิมินา นิรวเสสํ เยฺยชาตํ ปริคฺคณฺหาตีติ ตพฺพิสยาย ชานนกิริยาย สพฺพฺุตฺาณเมว ¶ กรณํ ภวิตุํ ยุตฺตํ. อถ วา ปกรณวเสน ‘‘ภควา’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน จายมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. ปสฺสิตพฺพเมว ปสฺสตีติ ทิพฺพจกฺขุ-ปฺาจกฺขุ-ธมฺมจกฺขุ-พุทฺธจกฺขุ-สมนฺตจกฺขุ-สงฺขาเตหิ าณจกฺขูหิ ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติ เอว. อถ วา ชานํ ชานาตีติ ยถา อฺเ สวิปลฺลาสา กามรูปปริฺาวาทิโน ชานนฺตาปิ วิปลฺลาสวเสน ชานนฺติ, น เอวํ ภควา. ภควา ปน ปหีนวิปลฺลาสตฺตา ชานนฺโต ชานาติ เอว, ทิฏฺิทสฺสนสฺส จ อภาวา ปสฺสนฺโต ปสฺสติเยวาติ อตฺโถ. ทสฺสนปริณายกฏฺเนาติ ยถา จกฺขุ สตฺตานํ ทสฺสนตฺถํ ปริเณติ, เอวํ โลกสฺส ยาถาวทสฺสนสาธนโต ทสฺสนกิจฺจปริณายกฏฺเน จกฺขุภูโต, ปฺาจกฺขุมยตฺตา วา สยมฺภุาเณน ปฺาจกฺขุํ ภูโต ปตฺโตติ วา จกฺขุภูโต. าณภูโตติ เอตสฺส จ เอวเมว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ธมฺมา วา โพธิปกฺขิยา เตหิ อุปฺปนฺนตฺตา โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนโต, อนฺสาธารณํ วา ธมฺมํ ปตฺโตติ ธมฺมภูโต. พฺรหฺมา วุจฺจติ มคฺโค เตน อุปฺปนฺนตฺตา โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนตฺตา, ตฺจ สยมฺภุาเณน ปตฺโตติ พฺรหฺมภูโต. จตุสจฺจธมฺมํ วทตีติ วตฺตา. จิรํ สจฺจปฏิเวธํ ปวตฺเตนฺโต วทตีติ ปวตฺตา. อตฺถํ นีหริตฺวาติ ทุกฺขาทิอตฺถํ ตตฺถาปิ ปีฬนาทิอตฺถํ อุทฺธริตฺวา. ปรมตฺถํ วา นิพฺพานํ ปาปยิตา, อมตสจฺฉิกิริยํ สตฺเตสุ อุปฺปาเทนฺโต อมตํ ททาตีติ อมตสฺส ทาตา. โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ตทายตฺตภาวโต ธมฺมสฺสามี.
๒๐๔. โส วา อุทฺเทโส อตฺตโนปิ โหตีติ เถโร ‘‘ยํ โข โน’’ติ อาห. สพฺพโลกสาธารณา หิ พุทฺธานํ เทสนาติ. อิทานิ เยหิ ทฺวารารมฺมเณหิ ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ, ตานิ ตาว ทสฺเสนฺโต ปปฺจสฺาสงฺขา ทสฺเสตุํ เยน สฬายตนวิภงฺเคน นิทฺเทโส กโต, ตสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขฺุจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ นิสฺสยภาเวนาติ นิสฺสยปจฺจยภาเวน. นิสฺสยปจฺจโย จ ปสาทจกฺขุเยว โหติ, น จุทฺทสสมฺภารํ, จตุจตฺตาลีสสมฺภารํ วา สสมฺภารจกฺขุนฺติ อาห ‘‘จกฺขุปสาทฺจ ปฏิจฺจา’’ติ. อารมฺมณภาเวนาติ อารมฺมณปจฺจยภาเวน. อารมฺมณปจฺจโย จ จตุสมุฏฺานิกรูเปสุ ยํ กิฺจิ โหตีติ อาห ‘‘จตุสมุฏฺานิกรูเป จ ปฏิจฺจา’’ติ.
เอตฺถ จกฺขุ เอกมฺปิ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปายตนํ ปน อเนกเมว สํหตนฺติ ¶ อิมสฺส ¶ วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ นิสฺสยภาเวน ‘‘จกฺขุปสาทฺจ อารมฺมณภาเวน จตุสมุฏฺานิกรูเป จา’’ติ วจนเภโท กโต. กึ ปน การณํ จกฺขุ เอกมฺปิ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปํ ปน อเนกเมวาติ? ปจฺจยภาววิเสสโต. จกฺขุ หิ จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหนฺตํ อตฺถิภาเวเนว โหติ ตสฺมึ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ อภาวโต, ยโต ตํ อตฺถิอวิคตปจฺจเยหิสฺส ปจฺจโย โหตีติ วุจฺจติ, ตนฺนิสฺสิตตา จสฺส น เอกเทเสน อลฺลียนวเสน อิจฺฉิตพฺพา อรูปภาวโต. อถ โข ครุราชาทีสุ สิสฺสราชปุริสาทีนํ วิย ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย, อิตเร ปน ปจฺจยา เตน เตน วิเสเสน เวทิตพฺพา.
สจายํ ปจฺจยภาโว น เอกสฺมึ น สมฺภวตีติ เอกมฺปิ จกฺขุ จกฺขุวิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘จกฺขฺุจาวุโส, ปฏิจฺจา’’ติ เอกวจนวเสน วุตฺตํ. รูปํ ปน ยทิปิ จกฺขุ วิย ปุเรชาตอตฺถิ-อวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ ปุเรตรํ อุปฺปนฺนํ หุตฺวา วิชฺชมานกฺขเณ เอว อุปการกตฺตา ตถาปิ อเนกเมว สํหตํ หุตฺวา ปจฺจโย โหติ อารมฺมณภาวโต. ยฺหิ ปจฺจยธมฺมํ สภาวภูตํ, ปริกปฺปิตาการมตฺตํ วา วิฺาณํ วิภาเวนฺตํ ปวตฺตติ, ตทฺเสฺจ สติปิ ปจฺจยภาเว โส ตสฺส สารมฺมณสภาวตาย ยํ กิฺจิ อนาลมฺภิตฺวา ปวตฺติตุํ อสมตฺถสฺส โอลุพฺภปวตฺติการณภาเวน อาลมฺพนียโต อารมฺมณํ นาม, ตสฺส ยสฺมา ยถา ตถา สภาวูปลทฺธิ วิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจยลาโภ, ตสฺมา จกฺขุวิฺาณํ รูปํ อารพฺภ ปวตฺตมานํ ตสฺส สภาวํ วิภาเวนฺตเมว ปวตฺตติ. สา จสฺส อินฺทฺริยาธีนวุตฺติกสฺส อารมฺมณสภาวูปลทฺธิ น เอกทฺวิกลาปคตวณฺณวเสน โหติ, นาปิ กติปยกลาปคตวณฺณวเสน, อถ โข อาโภคานุรูปํ อาปาถคตวณฺณวเสนาติ อเนกเมว รูปํ สํหจฺจการิตาย วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ พหุวจนวเสนาห.
ยํ ปน ปฏฺาเน (ปฏฺา. ๑.๑.๒ ปจฺจยนิทฺเทส) ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยาทิสํ รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจโย, ตาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํ. กีทิสํ ปน ตนฺติ ¶ ? สมุทิตนฺติ ปากโฏยมตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ ‘‘อายตนสลฺลกฺขณวเสน จกฺขุวิฺาณาทโย สลฺลกฺขณวิสยา, น ทฺรพฺยสลฺลกฺขณวเสนา’’ติ, ตมฺปิ สุวุตฺตเมว โหติ. น เจตฺถ สมุทายารมฺมณตา อาสงฺกิตพฺพา สมุทายาโภคสฺเสว อภาวโต, สมุทิตา ปน วณฺณธมฺมา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ. กถํ ปน ปจฺเจกํ อสมตฺถา สมุทิตา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ. น หิ ¶ ปจฺเจกํ ทฏฺุํ อสกฺโกนฺตา อนฺธา สมุทิตา ปสฺสนฺตีติ? นยิทเมกนฺติกํ วิสุํ วิสุํ อสมตฺถานมฺปิ สิวิกาวหนาทีสุ สมตฺถตาย ทสฺสนโต. เกสาทีนฺจ ยสฺมึ าเน ิตานํ ปจฺเจกํ วณฺณํ คเหตุํ น สกฺกา, ตสฺมึเยว าเน สมุทิตานํ ตํ คเหตุํ สกฺกาติ ภิยฺโยปิ เตสํ สํหจฺจการิตา ปริพฺยตฺตา. เอเตน กึ จกฺขุวิฺาณสฺส ปรมาณุรูปํ อารมฺมณํ, อุทาหุ ตํสมุทาโยติอาทิกา โจทนา ปฏิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘โสตฺจ, อาวุโส, ปฏิจฺจา’’ติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. จกฺขุวิฺาณํ นามาติ จกฺขุนิสฺสิตรูปวิชานนลกฺขณํ จกฺขุวิฺาณํ นาม อุปฺปชฺชติ.
ติณฺณํ สงฺคติยาติ จกฺขุ, รูปํ, จกฺขุวิฺาณนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ สงฺคติยา สโมธาเนน. ผสฺโส นามาติ อรูปธมฺโมปิ สมาโน อารมฺมเณ ผุสนากาเรเนว ปวตฺตนโต ผุสนลกฺขโณ ผสฺโส นาม ธมฺโม อุปฺปชฺชติ. สหชาตาทิวเสนาติ จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตาย สหชาตอฺมฺาทิวเสน, อนนฺตราย อนนฺตราทิวเสน, อิตราย อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจยภาวโต ผสฺสปจฺจยา ผสฺสการณา เวทนา อุปฺปชฺชติ. อนุภวนสมกาลเมว อารมฺมณสฺส สฺชานนํ โหตีติ ‘‘ตาย เวทนาย ยํ อารมฺมณํ เวเทติ, ตเทว สฺา สฺชานาตี’’ติ วุตฺตํ. จกฺขุทฺวาริกา ธมฺมา อิธาธิปฺเปตาติ ตทนุสาเรน ปน อปราปรุปฺปนฺนานํ เวทนาทีนํ คหเณ สติ, ยนฺติ วา การณวจนํ, ยสฺมา อารมฺมณํ เวเทติ, ตสฺมา ตํ สฺชานาตีติ อตฺโถ. น หิ อสติ เวทยิเต กทาจิ สฺุปฺปตฺติ อตฺถิ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. สฺาย หิ ยถาสฺาตํ วิชฺชมานํ, อวิชฺชมานํ วา อารมฺมณํ วิตกฺกวเสน ปริกปฺเปติ, ยถาปริกปฺปิตฺจ ตํ ทิฏฺิตณฺหามานมฺนาหิ มฺมาโน ปปฺเจตีติ วุตฺโต. เตเนวาห ‘‘ปถวึ ปถวิโต สฺชานา’’ติ, ‘‘ปถวึ ปถวิโต ¶ สฺตฺวา ปถวึ มฺตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒), ‘‘ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๒; มหานิ. ๑๒๑) จ. พลปฺปตฺตปปฺจวเสเนวายมตฺถวณฺณนา กตา, อฏฺกถายํ ปน ปริทุพฺพลวเสน.
จกฺขุรูปาทีหิ การเณหีติ จกฺขุวิฺาณผสฺสเวทนาสฺาวิตกฺเกหิ การณภูเตหิ. อการณภูตานมฺปิ เตสํ อตฺถิตาย การณคฺคหณํ. ปริฺาตา หิ เต อการณํ. เตนาห ‘‘อปริฺาตการณ’’นฺติ. ตีหิปิ ปริฺาหิ อปริฺาตวตฺถุกํ. อภิภวนฺตีติ อชฺโฌตฺถรนฺติ. สหชาตา โหนฺตีติ เอตฺถ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา เวทนากฺขนฺโธ อตฺถิ กุสโล’ติอาทิวจนโต เวทนาสฺา อสหชาตาปิ คเหตพฺพา. ยทิ เอวนฺติ ‘‘ปปฺเจตี’’ติ เอตฺถ ยทิ ปฺจทฺวารชวนสหชาตา ปปฺจสงฺขา อธิปฺเปตา ตาสํ ปจฺจุปฺปนฺนวิสยตฺตา, กสฺมา อตีตานาคตคฺคหณํ ¶ กตนฺติ โจเทติ. อิตโร ‘‘ตถา อุปฺปชฺชนโต’’ติอาทินา ปริหรติ. ตตฺถ ตถา อุปฺปชฺชนโตติ ยถา วตฺตมานกาเล, เอวํ อตีตกาเล อนาคตกาเล จ จกฺขุทฺวาเร ปปฺจสงฺขานํ อุปฺปชฺชนโต อตีตานาคตคฺคหณํ กตํ, น อตีเตสุ, อนาคเตสุ วา จกฺขุรูเปสุ จกฺขุทฺวาริกานํ ตาสํ อุปฺปชฺชนโต.
มนฺชาวุโส, ปฏิจฺจาติ เอตฺถ ทุวิธํ มนํ เกวลํ ภวงฺคํ, สาวชฺชนํ วา. ทุวิธา หิ กถา. อุปฺปตฺติทฺวารกถายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ จลิตํ ภวงฺคํ มโนทฺวารํ นาม, จกฺขาทิ วิย รูปาทินา เยน ตํ ฆฏฺฏิตํ ตตฺถ อุปริ วิฺาณุปฺปตฺติยา ทฺวารภาวโต. ปจฺจยกถายํ สาวชฺชนภวงฺคํ, ‘‘มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อตฺถิ กุสโล’’ติอาทีสุ หิ สาวชฺชนมโนสมฺผสฺโส อิจฺฉิโต, น ภวงฺคมโนสมฺผสฺโส อสมฺภวโต. ตตฺถ ปมนยํ สนฺธายาห ‘‘มนนฺติ ภวงฺคจิตฺต’’นฺติ. ธมฺเมติ เตภูมกธมฺมารมฺมณนฺติ อิมินา สภาวธมฺเมสุ เอว กิเลสุปฺปตฺตีติ เกจิ, ตทยุตฺตํ ตทุปาทานายปิ ปฺตฺติยา ธมฺมารมฺมณตาย วุตฺตตฺตา. อิธ ปน เตภูมกาปิ ธมฺมา ลพฺภนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เตภูมกธมฺมารมฺมณ’’นฺติ วุตฺตํ, น ปฺตฺติยา อนารมฺมณตฺตา. เอวฺเจตํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา อกุสลจิตฺตุปฺปาทา อนารมฺมณา นาม สิยุํ. อุปฺปตฺติทฺวารกถายํ จกฺขุวิฺาณาทิ วิย อาวชฺชนมฺปิ ทฺวารปกฺขิกเมวาติ วุตฺตํ ‘‘มโนวิฺาณนฺติ อาวชฺชนํ วา’’ติ. ปจฺจยกถายํ ปน อาวชฺชนํ คหิตนฺติ ‘‘ชวนํ วา’’ติ วุตฺตํ. นยทฺวเย ธมฺมานํ สหชาตวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘อาวชฺชเน ¶ คหิเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยุตฺตเมวาติ นิปฺปริยายโต ยุตฺตเมว.
โส ยาว น ปจฺจยปฏิเวโธ สมฺภวติ, ตาว ปฺตฺติมุเขเนว สภาวธมฺมา ปฺายนฺติ ปจฺเจกํ อปฺาปเนติ อาห ‘‘ผสฺโส นาม เอโก ธมฺโม อุปฺปชฺชตี’’ติ. เอวํ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺเปสฺสตีติ ปฺเปตฺวา ตพฺพิสยทสฺสนํ าณํ อุปฺปาเทสฺสติ. อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติ อิมสฺมึ จกฺขุอาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ ผสฺสาทิกํ ปจฺจยุปฺปนฺนํ โหติ. ทฺวาทสายตนวเสนาติ ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ วเสน อาคเตน ปฏิจฺจสมุปฺปาทนยวเสน. ทฺวาทสายตนปฏิกฺเขปวเสนาติ ‘‘อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหตี’’ติ ปจฺจยาภาวปจฺจยุปฺปนฺนาภาวทสฺสนกฺกเม ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ ปฏิกฺเขปวเสน.
สาวเกน ปฺโห กถิโตติ อยํ ปฺโห สาวเกน กถิโต, อิติ อิมินา การเณน มา นิกฺกงฺขา อหุวตฺถ. อถ วา สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถาเรน วิภชนฺเตน เอตทคฺเค ปิเตน มหาสาวเกน ปฺโห กถิโตติ อิมินา การเณน เอตสฺมึ ปฺเห มา นิกฺกงฺขา อหุวตฺถ, เหรฺิเก ¶ สติ กหาปณํ สยํ นิจฺฉินนฺตา วิย อหุตฺวา ภควโต เอว สนฺติเก นิกฺกงฺขา โหถ.
๒๐๕. อากโรนฺติ ผลํ ตาย ตาย มริยาทาย นิพฺพตฺเตนฺตีติ อาการา, การณานิ. ปาฏิเยกฺกการเณหีติ ฉนฺนํ ทฺวารานํ วเสน วิสุํ วิสุํ ปปฺจการณสฺส นิทฺทิฏฺตฺตา วุตฺตํ. อถ วา ยทิปิ ยตฺตเกหิ ธมฺเมหิ ยํ ผลํ นิพฺพตฺตติ, เตสํ สมุทิตานํเยว การณภาโว สามคฺคิยาว ผลุปฺปตฺติโต, ตถาปิ ปจฺเจกํ ตสฺส การณเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปาฏิเยกฺกการเณหี’’ติ. ปเทหีติ นามาทิปเทหิ เจว ตํสมุทายภูเตหิ วากฺเยหิ จ. เตนาห ‘‘อกฺขรสมฺปิณฺฑเนหี’’ติ. อกฺขรานิเยว หิ อตฺเถสุ ยถาวจฺจํ ปทวากฺยภาเวน ปริจฺฉิชฺชนฺติ. พฺยฺชเนหีติ อตฺถสฺส อภิพฺยฺชนโต พฺยฺชนสฺิเตหิ วณฺเณหิ. ตานิ ปน ยสฺมา ปริยายสฺส อกฺขรณโต ‘‘อกฺขรานี’’ติ วุจฺจนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘อกฺขเรหี’’ติ. เอตฺถ จ อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปทพฺยฺชเนหิ ปปฺจสมุทาจารสฺส วฏฺฏสฺส จ วิวฏฺฏสฺส จ ทสฺสนอตฺโถ วิภตฺโตติ โยชนา. ปณฺฑิจฺเจนาติ ปฺาย. ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ปณฺฑิโต โหติ ¶ ? ยโต โข ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๔) อาทิสุตฺตปทวเสน ปณฺฑิตลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จตูหิ วา การเณหี’’ติอาทิมาห. สจฺจปฏิเวธวเสน ปณฺฑิจฺจํ ทสฺสิตนฺติ ปฏิสมฺภิทาวเสน มหาปฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มหนฺเต อตฺเถ’’ติอาทิ วุตฺตํ.
คุฬปูวนฺติ คุเฬ มิสฺสิตฺวา กตปูวํ. พทฺธสตฺตุคุฬกนฺติ มธุสกฺขราหิ ปิณฺฑีกตํ สตฺตุปิณฺฑํ. อเสจิตพฺพกํ มธุอาทินา ปเคว เตหิ สมโยชิตพฺพตฺตา. จินฺตกชาติโกติ ธมฺมจินฺตาย จินฺตกสภาโว. สพฺพฺุตฺาเณเนวสฺสาติ สพฺพฺุตฺาเณเนว อสฺส สุตฺตสฺส คุณํ ปริจฺฉินฺทาเปตฺวา นามํ คณฺหาเปสฺสามิ.
มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา
๒๐๖. ทฺเว ¶ ทฺเว ภาเคติ ทฺเว ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา. กามฺเจตฺถ ‘‘อิมํ เอกํ ภาคมกาสึ, อิมํ ทุติยภาคมกาสิ’’นฺติ วจนโต สพฺเพปิ วิตกฺกา สํกิเลสโวทานวิภาเคน ทฺเวว ภาคา กตา, อปราปรุปฺปตฺติยา ปเนเตสํ อภิณฺหาจารํ อุปาทาย ปาฬิยํ ‘‘ทฺวิธา กตฺวา’’ติ อาเมฑิตวจนนฺติ ‘‘ทฺเว ทฺเว ภาเค กตฺวา’’ติ อาเมฑิตวจนวเสเนว วุตฺโต. อถ วา ภาคทฺวยสฺส สปฺปฏิภาคตาย ตตฺถ ยํ ยํ ทฺวยมฺปิ โข อุชุวิปจฺจนีกํ, ตํ ตํ วิสุํ วิสุํ คเหตุกาโม ภควา อาห ‘‘ทฺวิธา กตฺวา วิตกฺเก วิหเรยฺย’’นฺติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ตตฺถ มิจฺฉาวิตกฺกานํ สมฺมาวิตกฺกานฺจ อนวเสสํ อสงฺกรโต จ คหิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมํ เอกํ ภาคมกาสึ, อิมํ ทุติยภาคมกาสิ’’นฺติ อโวจ. กามปฏิสํยุตฺโตติ กามราคสงฺขาเตน กาเมน สมฺปยุตฺโต, กาเมน ปฏิพทฺโธ วา. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปน วิเสโส – พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ เอเตนาติ พฺยาปาโท, โทโส. วิหึสติ เอตาย สตฺเต, วิหึสนํ วา เตสํ เอตนฺติ วิหึสา, ปเรสํ วิเหนากาเรน ปวตฺตสฺส กรุณาปฏิปกฺขสฺส ปาปธมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ. อชฺฌตฺตนฺติ อชฺฌตฺตธมฺมารมฺมณมาห. พหิทฺธาติ พาหิรธมฺมารมฺมณํ. โอฬาริโกติ พหลกามราคาทิปฏิสํยุตฺโต. ตพฺพิปริยาเยน สุขุโม. วิตกฺโก อกุสลปกฺขิโกเยวาติ ¶ อิมินา วิตกฺกภาวสามฺเน ตตฺถาปิ อกุสลภาวสามฺเน เอกภาคกรณํ, น เอกจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตาทิวเสนาติ ทสฺเสติ.
เนกฺขมฺมํ วุจฺจติ โลภาติกฺกนฺตตฺตา ปมชฺฌานํ, สพฺพากุสเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา สพฺพํ กุสลํ. อิธ ปน กามวิตกฺกปฏิปกฺขสฺส อธิปฺเปตตฺตา อาห ‘‘กาเมหิ นิสฺสโฏ เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก’’ติ. โสติ เนกฺขมฺมวิตกฺโก. ยาว ปมชฺฌานาติ ปมสมนฺนาหารโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานํ เอตฺถุปฺปนฺโน วิตกฺโก เนกฺขมฺมวิตกฺโกเยว. ปมชฺฌานนฺติ จ อิทํ ตโต ปรํ วิตกฺกาภาวโต วุตฺตํ. น พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ เอเตน, พฺยาปาทสฺส วา ปฏิปกฺโขติ อพฺยาปาโท, เมตฺตาปุพฺพภาโค เมตฺตาภาวนารมฺโภ. น วิหึสนฺติ เอตาย, วิหึสาย วา ปฏิปกฺโขติ อวิหึสา, กรุณาปุพฺพภาโค กรุณาภาวนารมฺโภ.
มหาโพธิสตฺตานํ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย ลทฺธาวสรา สมฺมาสงฺกปฺปา อุปรูปริ สวิเสสํ ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘ฉพฺพสฺสานิ…เป… ปวตฺตึสู’’ติ. าณสฺส อปริปกฺกตฺตา ¶ ปุพฺพวาสนาวเสน สติสมฺโมสโต กทาจิ มิจฺฉาวิตกฺกเลโสปิ โหติเยวาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สติสมฺโมเสน…เป… ติฏฺนฺตี’’ติ อาห. ยถา นิจฺจปิหิเตปิ เคเห กทาจิ วาตปาเน วิวฏมตฺเต ลทฺธาวสโร วาโต อนฺโต ปวิเสยฺย, เอวํ คุตฺตินฺทฺริเยปิ โพธิสตฺตสนฺตาเน สติสมฺโมสวเสน ลทฺธาวสโร อกุสลวิตกฺโก อุปฺปชฺชิ, อุปฺปนฺโน จ กุสลวารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา อฏฺาสิ, อถ มหาสตฺโต ตํมุหุตฺตุปฺปนฺนเมว ปฏิวิโนเทตฺวา เตสํ อายตึ อนุปฺปาทาย ‘‘อิเม มิจฺฉาวิตกฺกา, อิเม สมฺมาวิตกฺกา’’ติ ยาถาวโต เต ปริจฺฉินฺทิตฺวา มิจฺฉาวิตกฺกานํ อวสรํ อเทนฺโต สมฺมาวิตกฺเก ปริวฑฺเฒสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มยฺหํ อิเม’’ติอาทิ.
๒๐๗. ปมาโท นาม สติวิปฺปวาโสติ อาห ‘‘อปฺปมตฺตสฺสาติ สติยา อวิปฺปวาเส ิตสฺสา’’ติ. อาตาปวีริยวนฺตสฺสาติ กิเลสานํ นิคฺคณฺหนวีริยวโต. เปสิตจิตฺตสฺสาติ ภววิโมกฺขาย วิสฺสฏฺจิตฺตสฺส กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขสฺส. ‘‘เอวํ ปฏิปากติโก ชาโต’’ติ อตฺตโน อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปวตฺตํ โสมนสฺสาการํ เคหสฺสิตโสมนสฺสปกฺขิกํ อกาสิ, ปฺามหนฺตตาย สุขุมทสฺสิตา.
อปริฺายํ ¶ ิตสฺสาติ น ปริฺายํ ิตสฺส, อปริคฺคหิตปริฺสฺสาติ อตฺโถ. วิตกฺโก…เป… เอตานิ ตีณิ นามานิ ลภตีติ ตาทิสสฺส อุปฺปนฺโน มิจฺฉาวิตกฺโก ยถารหํ อตฺตพฺยาพาธโก อุภยพฺยาพาธโก จ น โหตีติ น วตฺตพฺโพ ตํ สภาวานติวตฺตนโตติ อธิปฺปาโย. อนุปฺปนฺนานุปฺปาทอุปฺปนฺนปริหานินิมิตฺตตาย ปฺํ นิโรเธตีติ ปฺานิโรธิโก. เตนาห ‘‘อนุปฺปนฺนายา’’ติอาทิ. นตฺถิภาวํ คจฺฉตีติ ปฏิสงฺขานพเลน วิกฺขมฺภนปฺปหานมาห. นิรุชฺฌตีติอาทีหิปิ ตเทว วทติ. วิคตนฺตนฺติอาทีหิ ปน สมูลํ อุทฺธฏํ วิย ตทา อปฺปวตฺตนกํ อกาสินฺติ วทติ.
๒๐๘. จิตฺตวิปริณามภาโว จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ ปกติจิตฺตวิคโม. อเนกคฺคตากาโร วิกฺเขโป. ตตฺถ วิตกฺเกน จิตฺตํ วิหฺมานํ วิย โหตีติ อาห ‘‘ตํ คเหตฺวา วิหึสาวิตกฺกํ อกาสี’’ติ. การฺุนฺติ ปรทุกฺขนิมิตฺตํ จิตฺตเขทํ วทติ. เตเนวาห – ‘‘ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ มนํ กมฺเปตีติ กรุณา’’ติ (ม. นิ. ฏี. ๑.๑; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑). นฺติ กรุณายนวเสน ปวตฺตจิตฺตปกมฺปนํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชติ วิหึสาวิตกฺโก’’ติ อาห, น สตฺเตสุ วิหึสา ปวตฺตตีติ อธิปฺปาโย.
เตน เตน จสฺสากาเรนาติ เยน เยน อากาเรน ภิกฺขุนา อนุวิตกฺกิตํ อนุวิจาริตํ, เตน ¶ เตน อากาเรนสฺส เจตโส นติ โหติ. เตเนวาห ‘‘กามวิตกฺกาทีสู’’ติอาทิ. ปหาสีติ กาลวิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปชหตี’’ติ. ปหานํ ปนสฺส สิทฺธเมว ปฏิปกฺขสฺส สิทฺธตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปหาสี’’ติ วุตฺตํ ยถา ‘‘อสามิโภเค คามิกาอาทียึสู’’ติ. พหุลมกาสีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอวเมวํ นมตีติ กามวิตกฺกสมฺปโยคาการเมว โหติ, กามวิตกฺกสมฺปยุตฺตากาเรน วา ปริณมติ. กสนํ กิฏฺํ, กสีติ อตฺโถ, ตนฺนิพฺพตฺตตฺตา ปน การณูปจาเรน สสฺสํ ‘‘กิฏฺ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สสฺสสมฺพาเธ’’ติ. จตฺตาริ ภยานีติ วธพนฺธชานิครหานิ. อุปทฺทวนฺติ อนตฺถุปฺปาทภาวํ. ลามกนฺติ นิหีนภาวํ. ธนฺเธสูติ อตฺตโน ขนฺเธสุ. โอตารนฺติ อนุปฺปเวสํ กิเลสานํ. สํกิเลสโต วิสุชฺฌนํ วิสุทฺธิ, สา เอว โวทานนฺติ อาห ‘‘โวทานปกฺขนฺติ อิทํ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ.
๒๐๙. สพฺพกุสลํ ¶ เนกฺขมฺมํ สพฺพากุสลปฏิปกฺขตาย ตโต นิสฺสฏตฺตา. นิพฺพานเมว เนกฺขมฺมํ สพฺพกิเลสโต สพฺพสงฺขตโต จ นิสฺสฏตฺตา. กิฏฺสมฺพาธํ วิย รูปาทิอารมฺมณํ ปมาเท สติ อนตฺถุปฺปตฺติฏฺานภาวโต. กูฏคาโว วิย กูฏจิตฺตํ ทุทฺทมภาวโต. ปณฺฑิตโคปาลโก วิย โพธิสตฺโต อุปายโกสลฺลโยคโต. จตุพฺพิธภยํ วิย มิจฺฉาวิตกฺกา สปฺปฏิภยภาวโต. ปฺาย วุทฺธิ เอตสฺส อตฺถีติ ปฺาวุทฺธิโก. วิหฺติ จิตฺตํ เอเตนาติ วิฆาโต, เจโตทุกฺขํ, ตปฺปกฺขิโก วิฆาตปกฺขิโก, น วิฆาตปกฺขิโกติ อวิฆาตปกฺขิโก. นิพฺพานสํวตฺตนิโก นิพฺพานวโห. อุคฺฆาตีเยยฺยาติ อุทฺธตํ สิยา วิกฺขิตฺตฺจ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. สณฺเปมีติ สมฺมเทว ปฏฺเปมิ. ยถา ปน ปิตํ สณฺปิตํ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺนิสีทาเปมี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สนฺนิสีทาเปมีติ สมาธิปฏิปกฺเข กิเลเส สนฺนิสีทาเปนฺโต จิตฺตํ โคจรชฺฌตฺเต สนฺนิสีทาเปมิ. อพฺยคฺคภาวาปาทเกน เอกคฺคํ กโรมิ, ยถา อารมฺมเณ สุฏฺุ อปฺปิตํ โหติ, เอวํ สมฺมา สมฺมเทว อาทหามิ สมาหิตํ กโรมิ, ยสฺมา ตถาสมาหิตํ จิตฺตํ สุฏฺุ อารมฺมเณ อาโรปิตํ นาม โหติ, น ตโต ปริปตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุฏฺุ อาโรเปมีติ อตฺโถ’’ติ. มา อุคฺฆาตียิตฺตาติ มา หฺิตฺถ, มา อูหตํ อตฺถาติ อตฺโถ.
๒๑๐. โสเยว…เป… วุตฺโตติ อิมินา กิฺจาปิ เอกํเยว กุสลวิตกฺกํ มคฺคกฺขเณ วิย ติวิธตฺตสมฺภวโต ติวิธนามิกํ กตฺวา ทสฺสิตํ วิย โหติ, น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. ปพนฺธปวตฺตฺหิ อุปาทาย เอกตฺตนเยน ‘‘โสเยว พฺยาปาทปจฺจนีกฏฺเนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกชาติเยสุ หิ กุสลจิตฺเตสุ อุปฺปนฺโน วิตกฺโก สมานาการตาย โส เอวาติ วตฺตพฺพตํ ลภติ ยถา ‘‘สา เอว ติตฺติรี, ตานิ เอว โอสธานี’’ติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๑๙). น หิ ตทา มหาปุริสสฺส อสุภเมตฺตากรุณาสนฺนิสฺสยา เต วิตกฺกา เอวํ วุตฺตาติ.
สมาปตฺตึ ¶ นิสฺสายาติ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา, ตโต วุฏฺหิตฺวาติ อตฺโถ. วิปสฺสนาปิ ตรุณาติ โยชนา. กาโย กิลมติ สมถวิปสฺสนานํ ตรุณตาย ภาวนาย ปุพฺเพนาปรํ วิเสสสฺส อลพฺภมานตฺตา. เตนาห ‘‘จิตฺตํ หฺติ วิหฺตี’’ติ. วิปสฺสนาย พหูปการา ¶ สมาปตฺติ, ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘สมาธึ, ภิกฺขเว, ภาเวถ, สมาหิโต ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑).
ยถา วิสฺสมฏฺานํ โยธานํ ปริสฺสมํ วิโนเทติ, ตถา ปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ผลเกหิ กาตพฺพํ วิสฺสมฏฺานํ ผลกโกฏฺโก, สมาปตฺติยา ปน วิปสฺสนา พหุการตรา สมาธิปริปนฺถกานํ, สพฺเพสมฺปิ วา กิเลสานํ วิมถเนน ทุพฺพลภาวาปชฺชนโต. เตนาห ‘‘วิปสฺสนา ถามชาตา สมาปตฺติมฺปิ รกฺขติ, ถามชาตํ กโรตี’’ติ. นนุ เจวํ อิตรีตรสนฺนิสฺสยโทโส อาปชฺชตีติ? นยิทเมกนฺติกํ, อิตรีตรสนฺนิสฺสยาปิ กิจฺจสิทฺธิ โลเก ลพฺภตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
คามนฺตํ อาหเฏสูติ คามสมีปํ อุปนีเตสุ. เอตาคาโวติ สติ อุปฺปาทนมตฺตเมว กาตพฺพํ ยถา คาโว รกฺขิตพฺพา, ตทภาวโต. ตทาติ สมถวิปสฺสนานํ ถามชาตกาเล. อนุปสฺสนานํ ลหุํ ลหุํ อุปฺปตฺตึ สนฺธาย ‘‘เอกปฺปหาเรเนว อารุฬฺโหว โหตี’’ติ วุตฺตํ, กเมเนว ปน อนุปสฺสนาปฏิปาฏึ อาโรหติ.
๒๑๕. เอวํ ภควา อตฺตโน อปฺปมาทปฏิปทํ, ตาย จ ลทฺธํ อนฺสาธารณํ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต เหตุสมฺปตฺติยา สทฺธึ ผลสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สตฺตูปการสมฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิมาหาติ เอวํ เอตฺถ อนุสนฺธิ เวทิตพฺพา. อรฺลกฺขณโยคฺคมตฺเตน อรฺํ. มหาวนตาย ปวนํ. ปวทฺธฺหิ วนํ ปวนํ. จตูหิ โยเคหีติ ชิฆจฺฉาปิปาสาภยปฏิปตฺติสงฺขาตโยเคหิ. เขมํ อนุปทฺทวตํ. สุวตฺถึ อนุปทฺทวํ อาวหตีติ โสวตฺถิโก. ปีตึ กุฏฺึ คเมติ อุปเนตีติ ปีติคมนีโย. ปีตํ ปานติตฺถํ คจฺฉตีติ ปีตคมนีโย. สาขาทีหีติ กณฺฏกสาขากณฺฏกลตาวเนหิ. อนาสยคามิตาย อุทกสนฺนิรุทฺโธปิ อมคฺโค วุตฺโต, อิตรานิ อปีติคมนียตายปิ. อาทิ-สทฺเทน คหนํ ปริคฺคณฺหาติ. โอเกมิคลุทฺทกสฺส โคจเร จรตีติ โอกจโร, ทีปกมิโค. อรฺเ มิเค ทิสฺวา เตหิ สทฺธึ ปลาเยยฺยาติ ทีฆรชฺชุพนฺธนํ.
อิธ วสนฺตีติ มิคานํ อาสยํ วทติ, ตโต อาสยโต อิมินา มคฺเคน นิกฺขมนฺติ. เอตฺถ ¶ จรนฺตีติ เอตสฺมึ าเน โคจรํ คณฺหนฺติ. เอตฺถ ปิวนฺตีติ ¶ เอตสฺมึ นิปานติตฺเถ อุทกํ ปิวนฺติ. อิมินา มคฺเคน ปวิสนฺตีติ อิมินา มคฺเคน นิปานติตฺถํ ปวิสนฺติ. มคฺคํ ปิธายาติ ปกติมคฺคํ ปิทหิตฺวา. น ตาว กิฺจิ กโรติ อนวเสเส วนมิเค ฆาเตตุกาโม.
อวิชฺชาย อฺาณา หุตฺวาติ อวิชฺชาย นิวุตตฺตา าณรหิตา หุตฺวา, นนฺทีราเคน อุปนีตา รูปารมฺมณาทีนิ อาพนฺธิตฺวา. ปโลภนโต โอกจรํ นนฺทีราโคติ. พฺยาโมหนโต โอกจาริกํ อวิชฺชาติ กตฺวา ทสฺเสติ. เตสนฺติ โอกจโรกจาริกานํ. สาขาภงฺเคนาติ ตาทิเสน ลูขตรคนฺเธน สาขาภงฺเคน. มนุสฺสคนฺธํ อปเนตฺวา ตสฺส สาขาภงฺคสฺส คนฺเธน. สมฺมตฺโตติ สมฺมชฺชิโต พฺยามฺุโฉ.
พุทฺธานํ เขมมคฺควิจรณํ กุมฺมคฺคปิธานฺจ สพฺพโลกสาธารณมฺปิ อตฺถโต เวเนยฺยปุคฺคลาเปกฺขเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อฺาตโกณฺฑฺาทีนํ ภพฺพปุคฺคลาน’’นฺติ อาห. อูหโตติ สมูหโต นีหโตติ อาห ‘‘ทฺเวธา เฉตฺวา ปาติโต’’ติ. นาสิตาติ อทสฺสนํ คมิตาติ อาห ‘‘สพฺเพน สพฺพํ สมุคฺฆาฏิตา’’ติ. หิตูปจารนฺติ สตฺตานํ หิตจริยํ.
ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. วิตกฺกสณฺานสุตฺตวณฺณนา
๒๑๖. ทสกุสลกมฺมปถวเสนาติ ¶ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ วฏฺฏปาทกสมาปตฺติจิตฺตสฺสปิ อิธ อธิจิตฺตภาเวน อนิจฺฉิตตฺตา. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปาทกอฏฺสมาปตฺติจิตฺต’’นฺติ. อถ วา อนุตฺตริมนุสฺสธมฺมสงฺคหิตเมว เกวลํ ‘‘ปกติจิตฺต’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทสกุสลกมฺมปถวเสน อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ จิตฺตเมวา’’ติ วตฺวา ยเทตฺถ อธิจิตฺตนฺติ อธิปฺเปตํ, ตํ ตเทว ทสฺเสนฺโต ‘‘วิปสฺสนาปาทกอฏฺสมาปตฺติจิตฺต’’นฺติ อาห. อิตรสฺส ปเนตฺถ วิธิ น ปฏิเสเธตีติ ทฏฺพฺพํ. วิปสฺสนาย สมฺปยุตฺตํ อธิจิตฺตนฺติ เกจิ. อนุยุตฺเตนาติ อนุปฺปนฺนสฺส อุปฺปาทนวเสน, อุปฺปนฺนสฺส ปริพฺรูหนวเสน อนุ อนุ ยุตฺเตน. มูลกมฺมฏฺานนฺติ ปาริหาริยกมฺมฏฺานํ. คเหตฺวา วิหรนฺโตติ ภาวนํ อนุยฺุชนฺโต. ภาวนาย อปฺปนํ อปฺปตฺโตปิ อธิจิตฺตมนุยุตฺโตเยว ตทตฺเถปิ ตํสทฺทโวหารโต.
เยหิ ¶ ผลํ นาม ยถา อุปฺปชฺชนฏฺาเน ปกปฺปิยมานํ วิย โหติ, ตานิ นิมิตฺตานิ. เตนาห ‘‘การณานี’’ติ. กาเลน กาลนฺติ เอตฺถ กาเลนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนนฺติ อาห ‘‘สมเย สมเย’’ติ. นนุ จ…เป… นิรนฺตรํ มนสิ กาตพฺพนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ จ ภาวนาย วีถิปฏิปนฺนตฺตา อพฺพุทนีหรณวิธึ ทสฺเสนฺเตน ภควตา ‘‘ปฺจ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานี’’ติ อยํ เทสนา อารทฺธาติ? ‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตนา’’ติ วุตฺตตฺตา อวิจฺเฉทวเสน ภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺโต อธิจิตฺตมนุยุตฺโต นามาติ โจทกสฺส อธิปฺปาโย. อิตโร ภาวนํ อนุยฺุชนฺตสฺสอาทิกมฺมิกสฺส กทาจิ ภาวนุปกฺกิเลสา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตโต จิตฺตสฺส วิโสธนตฺถาย ยถากาลํ อิมานิ นิมิตฺตานิ มนสิ กาตพฺพานีติ ‘‘กาเลน กาล’’นฺติ สตฺถา อโวจาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปาฬิยฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิมานีติ อิมานิ ปาฬิยํ อาคตานิ ปฺจ นิมิตฺตานิ. อพฺพุทนฺติ อุปทฺทวํ.
ฉนฺทสหคตา ราคสมฺปยุตฺตาติ ตณฺหาฉนฺทสหคตา กามราคสมฺปยุตฺตา. อิฏฺานิฏฺอสมเปกฺขิเตสูติ อิฏฺเสุ ปิเยสุ, อนิฏฺเสุ อปฺปิเยสุ, อสมํ อสมฺมา เปกฺขิเตสุ. อสมเปกฺขนนฺติ เคหสฺสิตอฺาณุเปกฺขาวเสน อารมฺมณสฺส อโยนิโส คหณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๐๘). เต ปริวิตกฺกา. ตโต นิมิตฺตโต อฺนฺติ ตโต ฉนฺทูปสํหิตาทิอกุสลวิตกฺกุปฺปตฺติการณโต ¶ อฺํ นวํ นิมิตฺตํ. ‘‘มนสิกโรโต’’ติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา อารมฺมณํ, ตาทิโส ปุริมุปฺปนฺโน จิตฺตปฺปวตฺติอากาโร วา นิมิตฺตํ. กุสลนิสฺสิตํ นิมิตฺตนฺติ กุสลจิตฺตปฺปวตฺติการณํ มนสิ กาตพฺพํ จิตฺเต เปตพฺพํ, ภาวนาวเสน จินฺเตตพฺพํ, จิตฺตสนฺตาเน วา สงฺกมิตพฺพํ. อสุภฺหิ อสุภนิมิตฺตนฺติ. สงฺขาเรสุ อุปฺปนฺเน ฉนฺทูปสํหิเต วิตกฺเกติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เอวํ ‘‘โทสูปสฺหิเต’’ติอาทีสุ ยถารหํ ตํ ตํ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยตฺถ กตฺถจีติ ‘‘สตฺเตสุ สงฺขาเรสู’’ติ ยตฺถ กตฺถจิ. ปฺจธมฺมูปนิสฺสโยติ ปฺจวิโธ ธมฺมูปสํหิโต อุปนิสฺสโย.
เอวํ ‘‘ฉนฺทูปสฺหิเต’’ติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺส หตฺถา วา โสภนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ‘‘อสุภโต ¶ อุปสํหริตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อุปสํหรณาการสฺส ทสฺสนํ ‘‘กิมฺหิ สารตฺโตสี’’ติ. ฉวิราเคนาติ ฉวิราคตาย กาฬสามาทิวณฺณนิภาย. กุผฬปูริโตติ ปกฺเกหิ กุณปผเลหิ ปุณฺโณ. ‘‘กลิผลปูริโต’’ติ วา ปาโ.
อสฺสามิกตาวกาลิกภาววเสนาติ อิทํ ปตฺตํ อนุกฺกเมน วณฺณวิการฺเจว ชิณฺณภาวฺจ ปตฺวา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ภินฺนํ วา หุตฺวา กปาลนิฏฺํ ภวิสฺสติ. อิทํ จีวรํ อนุปุพฺเพน วณฺณวิการํ ชิณฺณตฺจ อุปคนฺตฺวา ปาทปฺุฉนโจฬกํ หุตฺวา ยฏฺิโกฏิยา ฉฑฺฑนียํ ภวิสฺสติ. สเจ ปน เนสํ สามิโก ภเวยฺย, น เนสํ เอวํ วินสฺสิตุํ ทเทยฺยาติ เอวํ อสฺสามิกภาววเสน, ‘‘อนทฺธนิยํ อิทํ ตาวกาลิก’’นฺติ เอวํ ตาวกาลิกภาววเสน จ มนสิกโรโต.
อาฆาตวินย…เป… ภาเวตพฺพาติ – ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาฆาตปฏิวินยา. ยตฺถ หิ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ’’ติอาทินา นเยน อาคตสฺส อาฆาตวินยสุตฺตสฺส (อ. นิ. ๕.๑๖๑) เจว กกจูปโมวาท(ม. นิ. ๑.๒๒๒-๒๓๓) ฉวาลาตูปมาทีนฺจ (อิติวุ. ๙๑) วเสน อาฆาตํ ปฏิวิโนเทตฺวา เมตฺตา ภาเวตพฺพา.
ครุสํวาโสติ ครุํ อุปนิสฺสาย วาโส. อุทฺเทโสติ ปริยตฺติธมฺมสฺส อุทฺทิสาปนฺเจว อุทฺทิสนฺจ. อุทฺทิฏฺปริปุจฺฉนนฺติ ยถาอุคฺคหิตสฺส ธมฺมสฺส อตฺถปริปุจฺฉา. ปฺจ ธมฺมูปนิสฺสายาติ ครุสํวาสาทิเก ปฺจ ธมฺเม ปฏิจฺจ. โมหธาตูติ โมโห.
อุปนิสฺสิตพฺพาติ อุปนิสฺสยิตพฺพา, อยเมว วา ปาโ. ยตฺตปฺปฏิยตฺโตติ ยตฺโต จ คามปฺปเวสนาปุจฺฉากรเณสุ อุสฺสุกฺกํ อาปนฺโน สชฺชิโต จ โหตีติ อตฺโถ. อถสฺส โมโห ปหียตีติ ¶ อสฺส ภิกฺขุโน เอวํ ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺส ปจฺฉา โส โมโห วิคจฺฉติ. เอวมฺปีติ เอวํ อุทฺเทเส อปฺปมชฺชเนนปิ. ปุน เอวมฺปีติ อตฺถปริปุจฺฉาย กงฺขาวิโนทเนปิ. เตสุ เตสุ าเนสุ อตฺโถ ปากโฏ โหตีติ สุยฺยมานสฺส ธมฺมสฺส เตสุ เตสุ ปเทสุ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา’’ติ โส โส อตฺโถ วิภูโต โหติ. อิทํ จกฺขุรูปาโลกาทิ ¶ อิมสฺส จกฺขุวิฺาณสฺส การณํ, อิทํ สาลิพีชภูมิสลิลาทิ อิมสฺส สาลิองฺกุรสฺส การณํ. อิทํ น การณนฺติ ตเทว จกฺขุรูปาโลกาทิ โสตวิฺาณสฺส, ตเทว สาลิพีชาทิ กุทฺรุสกงฺกุรสฺส น การณนฺติ านาฏฺานวินิจฺฉเย เฉโก โหติ.
อารมฺมเณสูติ กมฺมฏฺาเนสุ. อิเม วิตกฺกาติ กามวิตกฺกาทโย. สพฺเพ กุสลา ธมฺมา สพฺพากุสลปฏิปกฺขาติ กตฺวา ‘‘ปหียนฺตี’’ติ วตฺตพฺเพ น สพฺเพ สพฺเพสํ อุชุวิปจฺจนีกภูตาติ ‘‘ปหียนฺติ เอวา’’ติ สาสงฺกํ วทติ. เตนาห ‘‘อิมานี’’ติอาทิ.
กุสลนิสฺสิตนฺติ กุสเลน นิสฺสิตํ นิสฺสยิตพฺพํ. กุสลสฺส ปจฺจยภูตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ, กุสลุปฺปตฺติการณํ ยถาวุตฺตอสุภนิมิตฺตาทิเมว วทติ. สารผลเกติ จนฺทนมเย สารผลเก. วิสมาณินฺติ วิสมากาเรน ตตฺถ ิตํ อาณึ. หเนยฺยาติ ปหเรยฺย นิกฺขาเมยฺย.
๒๑๗. อฏฺโฏติ อาตุโร, ทุคฺคนฺธพาธตาย ปีฬิโต. ทุกฺขิโตติ สฺชาตทุกฺโข. อิมินาปิ การเณนาติ อโกสลฺลสมฺภูตตาย กุสลปฏิปกฺขตาย เคหสฺสิตโรเคน สโรคตาย จ เอเต อกุสลา วิฺุครหิตพฺพตาย ชิคุจฺฉนียตาย จ สาวชฺชา อนิฏฺผลตาย นิรสฺสาทสํวตฺตนิยตาย จ ทุกฺขวิปากาติ เอวํ เตน เตน การเณน อกุสลาทิภาวํ อุปปริกฺขโต.
‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส นนฺเท สมุสฺสยํ;
อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภินนฺทิต’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๔.๑๕๗) –
เอวมาทิ กายวิจฺฉนฺทนียกถาทีหิ วา. อาทิ-สทฺเทน –
‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;
กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชย’’นฺติ. (เถรคา. ๔๔๒) –
เอวมาทิ ปฏิฆวูปสมนกถาทิกาปิ สงฺคณฺหาติ.
๒๑๘. น ¶ สรณํ อสติ, อนนุสฺสรณํ. อมนสิกรณํ อมนสิกาโร. กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสีทิตพฺพนฺติ กมฺมฏฺานมนสิกาเรเนว นิสีทิตพฺพํ. อุคฺคหิโต ธมฺมกถาปพนฺโธติ กมฺมฏฺานสฺส อุปกาโร ธมฺมกถาปพนฺโธ. มุฏฺิโปตฺถโกติ มุฏฺิปฺปมาโณ ปาริหาริยโปตฺถโก. สมนฺนาเนนฺเตนาติ ¶ สมนฺนาหรนฺเตน. โอกาโส น โหติ อารทฺธสฺส ปริโยสาเปตพฺพโต. อารทฺธสฺส อนฺตคมนํ อนารมฺโภวาติ เถรวาโท. ตสฺสาติ อุปชฺฌายสฺส. ปพฺภารโสธนํ กายกมฺมํ, อารภนฺโต เอว วิตกฺกนิคฺคณฺหนตฺถํ สํยุตฺตนิกายสชฺฌายนํ วจีกมฺมํ, ทสฺสนกิจฺจปุพฺพกมฺมกรณตฺถํ เตโชกสิณปริกมฺมนฺติ ตีณิ กมฺมานิ อาจิโนติ. เถโร ตสฺส อาสยํ กสิณฺจ สวิเสสํ ชานิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร’’ติอาทิมโวจ. เตนสฺส ยถาธิปฺปายํ สพฺพํ สมฺปาทิตํ. อสติปพฺพํ นาม อสติยา วิตกฺกนิคฺคหณวิภาวนโต.
๒๑๙. วิตกฺกมูลเภทํ ปพฺพนฺติ วิตกฺกมูลสฺส ตมฺมูลสฺส จ เภทวิภาวนํ วิตกฺกมูลเภทํ ปพฺพํ. วิตกฺกํ สงฺขโรตีติ วิตกฺกสงฺขาโร, วิตกฺกปจฺจโย สุภนิมิตฺตาทีสุปิ สุภาทินา อโยนิโสมนสิกาโร. โส ปน วิตกฺกสงฺขาโร สํติฏฺติ เอตฺถาติ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ, อสุเภ สุภนฺติอาทิ สฺาวิปลฺลาโส. เตนาห ‘‘วิตกฺกานํ มูลฺจ มูลมูลฺจ มนสิ กาตพฺพ’’นฺติ. วิตกฺกานํ มูลมูลํ คจฺฉนฺตสฺสาติ อุปปริกฺขนวเสน มิจฺฉาวิตกฺกานํ มูลํ อุปฺปตฺติการณํ าณคติยา คจฺฉนฺตสฺส. ยาถาวโต ชานนฺตสฺส ปุพฺเพ วิย วิตกฺกา อภิณฺหํ นปฺปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘วิตกฺกจาโร สิถิโล โหตี’’ติ. ตสฺมึ สิถิลีภูเต มตฺถกํ คจฺฉนฺเตติ วุตฺตนเยน วิตกฺกจาโร สิถิลภูโต, ตสฺมึ วิตกฺกานํ มูลคมเน อนุกฺกเมน ถิรภาวปฺปตฺติยา มตฺถกํ คจฺฉนฺเต. วิตกฺกา สพฺพโส นิรุชฺฌนฺตีติ มิจฺฉาวิตกฺกา สพฺเพปิ คจฺฉนฺติ น สมุทาจรนฺติ, ภาวนาปาริปูริยา วา อนวเสสา ปหียนฺติ.
กณฺณมูเล ปติตนฺติ สสกสฺส กณฺณสมีเป กณฺณสกฺขลึ ปหรนฺตํ วิย อุปปติตํ. ตสฺส กิร สสกสฺส เหฏฺา มหามูสิกาหิ ขตมหาวาฏํ อุมงฺคสทิสํ อโหสิ, เตนสฺส ปาเตน มหาสทฺโท อโหสิ. ปลายึสุ ‘‘ปถวี อุทฺรียตี’’ติ. มูลมูลํ คนฺตฺวา อนุวิชฺเชยฺยนฺติ ‘‘ปถวี ภิชฺชตี’’ติ ยตฺถายํ สโส อุฏฺิโต, ตตฺถ คนฺตฺวา ตสฺส มูลการณํ ยํนูน วีมํเสยฺยํ. ปถวิยา ภิชฺชนฏฺานํ คเต ‘‘โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสตี’’ติ สโส ‘‘น สกฺโกมิ สามี’’ติ อาห. อาธิปจฺจวโต หิ ยาจนํ สณฺหมุทุกํ. ทุทฺทุภายตีติ ทุทฺทุภาติ สทฺทํ กโรติ. อนุรวทสฺสนฺเหตํ. ภทฺทนฺเตติ มิคราชสฺส ปิยสมุทาจาโร, มิคราช, ภทฺทํ เต อตฺถูติ อตฺโถ. กิเมตนฺติ กึ เอตํ, กึ ตสฺส มูลการณํ? ทุทฺทุภนฺติ อิทมฺปิ ตสฺส อนุรวทสฺสนเมว. เอวนฺติ ยถา สสกสฺส มหาปถวีเภทนํ รวนาย ¶ มิจฺฉาคาหสมุฏฺานํ ¶ อมูลํ, เอวํ วิตกฺกจาโรปิ สฺาวิปลฺลาสสมุฏฺาโน อมูโล. เตนาห ‘‘วิตกฺกาน’’นฺติอาทิ.
๒๒๐. อภิทนฺตนฺติ อภิภวนทนฺตํ, อุปริทนฺตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุปริทนฺต’’นฺติ. โส หิ อิตรํ มุสลํ วิย อุทุกฺขลํ วิเสสโต กสฺสจิ ขาทนกาเล อภิภุยฺย วตฺตติ. กุสลจิตฺเตนาติ พลวสมฺมาสงฺกปฺปสมฺปยุตฺเตน. อกุสลจิตฺตนฺติ กามวิตกฺกาทิสหิตํ อกุสลจิตฺตํ. อภินิคฺคณฺหิตพฺพนฺติ ยถา ตสฺส อายตึ สมุทาจาโร น โหติ, เอวํ อภิภวิตฺวา นิคฺคเหตพฺพํ, อนุปฺปตฺติธมฺมตา อาปาเทตพฺพาติ อตฺโถ. เก จ ตุมฺเห สติปิ จิรกาลภาวนาย เอวํ อทุพฺพลา โก จาหํ มม สนฺติเก ลทฺธปฺปติฏฺเ วิย ิเตปิ อิทาเนว อปฺปติฏฺเ กโรนฺโต อิติ เอวํ อภิภวิตฺวา. ตํ ปน อภิภวนาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กามํ ตโจ จา’’ติอาทินา จตุรงฺคสมนฺนาคตวีริยปคฺคณฺหนมาห. อตฺถทีปิกนฺติ เอกนฺตโต วิตกฺกนิคฺคณฺหนตฺถโชตกํ. อุปมนฺติ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พลวา ปุริโส’’ติอาทิกํ อุปมํ.
๒๒๑. ปริยาทานภาชนียนฺติ ยํ ตํ อาทิโต ‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน ภิกฺขุนา ปฺจ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานี’’ติ นิทฺทิฏฺํ, ตตฺถ ตสฺส นิมิตฺตสฺส มนสิกรณกาลปริยาทานสฺส วเสน วิภชนํ. นิคมนํ วา เอตํ, ยทิทํ ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว’’ติอาทิ. ยถาวุตฺตสฺส หิ อตฺถสฺส ปุน วจนํ นิคมนนฺติ. ตถาปฏิปนฺนสฺส วา วสีภาววิสุทฺธิทสฺสนตฺถํ ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว’’ติอาทิ วุตฺตํ. สตฺถาจริโยติ ธนุพฺเพทาจริโย. ยถา หิ สสนโต อสตฺถมฺปิ สตฺถคฺคหเณเนว สงฺคยฺหติ, เอวํ ธนุสิปฺปมฺปิ ธนุพฺเพทปริยาปนฺนเมวาติ.
ปริยายติ ปริวิตกฺเกตีติ ปริยาโย. วาโรติ อาห ‘‘วิตกฺกวารปเถสู’’ติ, วิตกฺกานํ วาเรน ปวตฺตนมคฺเคสุ. จิณฺณวสีติ อาเสวิตวสี. ปคุณวสีติ สุภาวิตวสี. สมฺมาวิตกฺกํเยว ยถิจฺฉิตํ ตถาวิตกฺกนโต, อิตรสฺส ปนสฺส เสตุฆาโตเยวาติ.
วิตกฺกสณฺานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ สีหนาทวคฺควณฺณนา.
๓. โอปมฺมวคฺโค
๑. กกจูปมสุตฺตวณฺณนา
๒๒๒. โมฬินฺติ ¶ ¶ เกสรจนํ. เวหายสนฺติ อากาเส. รตนจงฺโกฏวเรนาติ รตนสิลามยวรจงฺโกฏเกน สหสฺสเนตฺโต สิรสา ปฏิคฺคหิ. ‘‘สุวณฺณจงฺโกฏกวเรนา’’ติปิ (พุ. วํ. อฏฺ. ๒๓ ทูเรนิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.๒ อวิทูเรนิทานกถา) ปาโ.
สาติ โมฬิ. โมฬิ เอตสฺส อตฺถีติ โมฬิโก, โมฬิโก เอว โมฬิโย. ผคฺคุโนติ ปน นามํ. สงฺขาติ สมฺา. เวลียติ ขณมุหุตฺตาทิวเสน อุปทิสียตีติ เวลา, กาโลติ อาห ‘‘ตายํ เวลายํ…เป… อยํ กาลเวลา นามา’’ติ. เวลยติ ปริจฺเฉทวเสน ติฏฺตีติ เวลา, สีมา. เวลยติ สํกิเลสปกฺขํ จาลยตีติ เวลา, สีลํ. อนติกฺกมนฏฺโปิ จสฺส สํกิเลสธมฺมนิมิตฺตํ อจลนเมว. วิฺุปุริสาภาเว ฉปฺจวาจามตฺตํ โอวาเท ปมาณํ นาม. ทวสหคตํ กตฺวาติ กีฬาสหิตํ กตฺวา.
มิสฺสีภูโตติ อนนุโลมิกสํสคฺควเสน มิสฺสีภูโต. ‘‘อวณฺณํ ภาสตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘ตาปนปจนโกฏฺฏนาทีนี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อธิกรณมฺปิ กโรตีติ เอตฺถ ยถา โส อธิกรณาย ปริสกฺกติ, ตํทสฺสนํ ‘‘อิเมสํ ภิกฺขูน’’นฺติอาทิ. อธิกรณํ อากฑฺฒตีติ อธิกรณํ อุทฺทิสฺส เต ภิกฺขู อากฑฺฒติ, อธิกรณํ วา เตสุ อุปฺปาเทนฺโต อากฑฺฒติ. อุทฺเทสปทํ วาติ ปทโส อุทฺเทสมตฺตํ วา. เนว ปิยกมฺยตายาติ เนว อตฺตนิ สตฺถุโน ปิยภาวกามตาย. น เภทาธิปฺปาเยนาติ น สตฺถุโน เตน ภิกฺขุนา เภทาธิปฺปาเยน. อตฺถกามตายาติ โมฬิยผคฺคุนสฺส หิตกามตาย.
๒๒๔. อวณฺณภาสเนติ ¶ ภิกฺขุนีนํ อคุณกถเน. ฉนฺทาทีนํ วตฺถุภาวโต กามคุณา เคหํ วิย เคหํ, เต จ เต สิตา นิสฺสิตาติ เคหสฺสิตาติ วุตฺตา. ตณฺหาฉนฺทาปิ ตาสํ กตฺตุกามตาปีติ อุภเยปิ ตณฺหาฉนฺทา, ปฏิฆฉนฺทา ปน เตสํ กตฺตุกามตา เอว. ผลิกมณิ วิย ปกติปภสฺสรสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส อุปสงฺโค วิย วิปริณามการณํ ราคาทโยติ อาห ‘‘รตฺตมฺปิ จิตฺตํ วิปริณต’’นฺติอาทิ. หิตานุกมฺปีติ ¶ กรุณาย ปจฺจุปฏฺาปนมาห. ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) วิย อนฺตร-สทฺโท จิตฺตปริยาโยติ อาห ‘‘โทสนฺตโรติ โทสจิตฺโต’’ติ.
๒๒๕. ทุพฺพจตาย โอวาทํ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต จิตฺเตเนว ปฏิวิรุทฺโธ อฏฺาสิ. คณฺหึสุ จิตฺตํ, หทยคาหินึ ปฏิปชฺชึสูติ อตฺโถ. ปูรยึสุ อชฺฌาสยนฺติ อตฺโถ. เอกสฺมึ สมเย ปมโพธิยํ. เอกาสนํ โภชนสฺส เอกาสนโภชนํ, เอกเวลายเมว โภชนํ. ตฺจ โข ปุพฺพณฺเห เอวาติ อาห ‘‘เอกํ ปุเรภตฺตโภชน’’นฺติอาทิ. สตฺตกฺขตฺตุํ ภุตฺตโภชนมฺปิ อิมสฺมึ สุตฺเต เอกาสนโภชนนฺเตว อธิปฺเปตํ, น เอกาสนิกตาย เอกาย เอว นิสชฺชาย โภชนํ. ‘‘อปฺปฑํส…เป… สมฺผสฺส’’นฺติอาทีสุ วิย อปฺป-สทฺโท อภาวตฺโถติ อาห ‘‘นิราพาธตํ, นิทฺทุกฺขต’’นฺติ. ปธานาทิวเสน สลฺลหุกํ อกิจฺฉํ อุฏฺานํ สลฺลหุกอุฏฺานํ. น เอกปฺปหาเรนาติ น เอกวาเรน, น เอกสฺมึเยว กาเลติ อธิปฺปาโย. ทฺเว โภชนานีติ ‘‘อปรณฺเห รตฺติย’’นฺติ กาลวเสน ทฺเว โภชนานิ. ปฺจ คุเณติ อปฺปาพาธาทิเก ปฺจ อานิสํเส. สตุปฺปาทกรณียมตฺตเมวาติ สตุปฺปาทมตฺตกรณียเมว, นิวาเรตพฺพสฺส ปุนปฺปุนํ สมาทปนฺจ นาโหสิ.
มณฺฑภูมีติ โอชวนฺตภูมิ, ยตฺถ ปริสิฺจเนน วินา สสฺสานิ กิฏฺานิ สมฺปชฺชนฺติ. ยุเค โยเชตพฺพานิ โยคฺคานิ, เตสํ อาจริโย โยคฺคาจริโย, เตสํ สิกฺขาปนโก. คามณิหตฺถิอาทโยปิ ‘‘โยคฺคา’’ติ วุจฺจนฺตีติ อาห ปาฬิยํ ‘‘อสฺสทมฺมสารถี’’ติ. จตูสุ มคฺเคสุ เยน เยน มคฺเคน อิจฺฉติ. ชวสมคาทิเภทาสุ คตีสุ ยํ ยํ คตึ. ตํ ตํ มคฺคํ อารุฬฺหาว โอติณฺณาเยว. เนว วาเรตพฺพา รสฺมิวินิคฺคณฺหเนน. น วิชฺฌิตพฺพา ปโตทลฏฺิยา. คมนเมวาติ อิเม ยุตฺตา มม อิจฺฉานุรูปํ มนฺทํ คจฺฉนฺติ, สมํ คจฺฉนฺติ, สีฆํ คจฺฉนฺตีติ ขุเรสุ นิมิตฺตคฺคหณํ ปฏฺเปตฺวา สารถินา เตสํ คมนเมว ปสฺสิตพฺพํ โหติ, น ตตฺถ นิโยชนํ ¶ . เตหิปิ ภิกฺขูหิ. ปชหึสุ ปชหิตพฺพํ. สาลทูสนาติ สาลรุกฺขวิสนาสกา. อฺา จ วลฺลิโย สาลรุกฺเข วินนฺธิตฺวา ิตา. พหิ นีหรเณนาติ สาลวนโต พหิ ฉฑฺฑเนน. สุสณฺิตาติ สณฺานสมฺปนฺนา, มริยาทํ ¶ พนฺธิตฺวาติ อาลวาลสมฺปาทนวเสน มริยาทํ พนฺธิตฺวา. กิปิลฺลปุฏกํ ตมฺพกิปิลฺลกปุฏกํ. สุกฺขทณฺฑกหรณํ อาลวาลพฺภนฺตรา.
๒๒๖. วิเทหรฏฺเ ชาตสํวฑฺฒตาย เวเทหิกา. ปณฺฑา วุจฺจติ ปฺา, ตาย อิตา คตา ปวตฺตาติ ปณฺฑิตา. คหปตานีติ เคหสามินี. โสรจฺเจนาติ สํยเมน. นิวาตวุตฺตีติ ปณิปาตการี. นิพฺพุตาติ นิพฺพุตทุจฺจริตปริฬาหา. อุฏฺาหิกาติ อุฏฺานวีริยวตี. กิพฺพิสาติ กุรูรา.
๒๒๗. เอวํ อกฺขนฺติยา โทสํ ทสฺเสตฺวาติ ‘‘คุณวนฺโต’’ติ โลเก ปตฺถฏกิตฺติสทฺทานมฺปิ อกฺขนฺตินิมิตฺตํ อยสุปฺปตฺติคุณปริหานิอาทึ อกฺขมตายอาทีนวํ ปกาเสตฺวา. วจนปเถติ วจนมคฺเค ยุตฺตกาลาทิเก. สณฺหาภาโวปิ หิ วจนสฺส ปวตฺติอากาโรติ กตฺวา ‘‘วจนปโถ’’ ตฺเวว วุตฺโต. เตสํเยว กาลาทีนํ. เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, อุปฺปนฺนํ เมตฺตจิตฺตํ เอเตสนฺติ อุปฺปนฺนเมตฺตจิตฺตา. ปุน ‘‘กาเลน วา, ภิกฺขเว’’ติอาทิ (ปริ. ๓๖๒, ๓๖๓) ปาฬิ ธมฺมสภาวทสฺสนวเสน ปวตฺตา ‘‘ปรํ โจทนาวเสน วทนฺตา นาม อิเมหิ อากาเรหิ วทนฺตี’’ติ. อธิมฺุจิตฺวาติ อภิรติวเสน ตสฺมึ ปุคฺคเล ภาวนาจิตฺตํ มฺุจิตฺวา วิสฺสชฺเชตฺวา. โส ปุคฺคโล อารมฺมณํ เอตสฺสาติ ตทารมฺมณํ, เมตฺตจิตฺตํ. ยทิ เอวํ ปเทสวิสยํ ตํ กถํ นิปฺปเทสวิสยํ วิย โหตีติ โจเทนฺโต ‘‘กถํ ตทารมฺมณํ สพฺพาวนฺตํ โลกํ กโรตี’’ติ อาห, อิตโร ‘‘ปฺจ วจนปเถ’’ติอาทินา ปริหรติ. อิธ ตทารมฺมณฺจาติ ตสฺเสว เมตฺตจิตฺตสฺส อารมฺมณํ กตฺวาติ ปาฬิยํ วจนเสโส ทฏฺพฺโพ. เตนาห ‘‘ปุน ตสฺเสวา’’ติอาทิ. สพฺพา สตฺตกายสงฺขาตา ปชา เอตสฺส อตฺถีติ สพฺพาวนฺโตติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพาวนฺต’’นฺติ อาห. วิปุเลนาติ มหาชนารมฺมเณน. มหนฺตปริยาโย หิ วิปุล-สทฺโท, มหตฺตฺเจตฺถ พหุกภาโว. เตนาห ‘‘อเนกสตฺตารมฺมเณนา’’ติ. ตฺจ ปุคฺคลนฺติ ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุคฺคลํ. จิตฺตสฺสาติ เมตฺตาสหคตจิตฺตสฺส. เอตฺถ จ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิหริสฺสามาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ กถนฺติ อาห ‘‘ตฺจ ปุคฺคลํ สพฺพฺจ โลกํ ตสฺส จิตฺตสฺส อารมฺมณํ กตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา’’ติ.
๒๒๘. ตทตฺถทีปิกนฺติ ¶ ¶ ยา เมตฺตํ เจโตวิมุตฺตึ สมฺมเทว ภาเวตฺวา ิตสฺส นิพฺพิการโต เกนจิ วิการํ น อาปาเทตพฺพตา, ตทตฺถโชติกํ. อปถวินฺติ ปถวี น โหตีติ อปถวี. นิปฺปถวินฺติ สพฺเพน สพฺพํ ปถวีภาวาภาวํ. ติริยํ ปน อปริจฺฉินฺนาติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ จกฺกวาฬปพฺพเตหิ ตํ ตํ จกฺกวาฬํ ปริจฺฉินฺทติ? น, ตทฺจกฺกวาฬปถวิยา เอกาพทฺธภาวโต. ติณฺณฺหิ จกฺกานํ อนฺตรสทิเส ติณฺณํ ติณฺณํ โลกธาตูนํ อนฺตเรเยว ปถวี นตฺถิ โลกนฺตรนิรยภาวโต. จกฺกวาฬปพฺพตนฺตเรหิ สมฺพทฺธฏฺาเน ปถวี เอกาพทฺธาว. วิวฏฺฏกาเล หิ สณฺหมานาปิ ปถวี ยถาสณฺิตปถวิยา เอกาพทฺธาว สณฺหติ. เตนาห ‘‘ติริยํ ปน อปริจฺฉินฺนา’’ติ. อิมินาว คมฺภีรภาเวน วุตฺตปริมาณโต ปรํ นตฺถีติ ทีปิตํ โหติ.
๒๒๙. หลิทฺทีติ หลิทฺทิวณฺณํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ยํ กิฺจิ ปีตกวณฺณ’’นฺติ. วณฺณสงฺขาตํ รูปํ อสฺส อตฺถีติ รูปี, น รูปีติ อรูปีติ อาห ‘‘อรูโป’’ติ. เตเนวาห ‘‘สนิทสฺสนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ.
๒๓๐. ปฺจ โยชนสตานีติ หิมวนฺตโต สมุทฺทํ ปวิฏฺฏฺานวเสน วุตฺตํ, น อโนตตฺตทหมุขโต. อฺา นทิโย อุปาทาย ลพฺภมานํ คมฺภีรตํ อปฺปเมยฺยอุทกตฺจ คเหตฺวา ‘‘คมฺภีรา อปฺปเมยฺยา’’ติ วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ติณุกฺกาย ตาเปตพฺพตฺตาภาวทสฺสนปรเมตนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอเตน ปโยเคนา’’ติอาทิ.
๒๓๑. ตูลินี วิย ตูลินีติ อาห ‘‘สิมฺพลิตูลลตาตูลสมานา’’ติ. สสฺสรนฺติ เอวํปวตฺโต สทฺโท สสฺสรสทฺโท. อนุรวทสฺสนฺเหตํ. ตถา ภพฺภรสทฺโท. สพฺพเมตํ เมตฺตาวิหาริโน จิตฺตสฺส ทูเสตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวทสฺสนปรํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา มหาปถวี เกนจิ ปุริเสน อปถวึ กาตุํ น สกฺกา, ยถา อากาเส กิฺจิ รูปํ ปฏฺเปตุํ น สกฺกา, ยถา คงฺคาย อุทกํ ติณุกฺกาย ตาเปตุํ น สกฺกา, ยถา จ พิฬารภสฺตํ ถทฺธํ ผรุสฺจ สมฺผสฺสํ กาตุํ น สกฺกา, เอวเมวํ เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย พหุลีกตาย ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุริเสน เกนจิ ปริยาเยน จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ กาตุํ น สกฺกาติ.
๒๓๒. โอจรกาติ ¶ ¶ ปรูปฆาตวเสน หีนกมฺมการิโน. เตนาห ‘‘นีจกมฺมการกา’’ติ. อนธิวาสเนนาติ อกฺขมเนน. มยฺหํ โอวาทกโร น โหตีติ ปรมฺหิ อนตฺถการิมฺหิ จิตฺตปโทสเนน อาฆาตุปฺปาทเนน มม สาสเน สมฺมาปฏิปชฺชมาโน นาม น โหติ.
๒๓๓. อณุนฺติ อปฺปกํ ตนุ ปริตฺตกํ. ถูลนฺติ มหนฺตํ โอฬาริกํ. วจนปถสฺส ปน อธิปฺเปตตฺตา ตํ สาวชฺชวิภาเคน คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘อปฺปสาวชฺชํ วา มหาสาวชฺชํ วา’’ติ. ขนฺติยา อิทํ ภาริยํ น โหตีติ อโวจุํ ‘‘อนธิ…เป… ปสฺสามา’’ติ. ทีฆรตฺตนฺติ จิรกาลํ, อจฺจนฺตเมวาติ อตฺโถ. อจฺจนฺตฺจ หิตสุขํ นาม อฺาธิคเมเนวาติ อาห ‘‘อรหตฺเตน กูฏํ คณฺหนฺโต’’ติ.
กกจูปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. อลคทฺทูปมสุตฺตวณฺณนา
๒๓๔. พาธยึสูติ ¶ (สารตฺถ. ฏี. ปาจิตฺติย ๓.๔๑๗) หนึสุ. ตํตํสมฺปตฺติยา วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ, อนติกฺกมนฏฺเน ตสฺมึ อนฺตราเย นิยุตฺตา, อนฺตรายํ วา ผลํ อรหนฺติ, อนฺตรายสฺส วา กรณสีลาติ อนฺตรายิกา. เตนาห ‘‘อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา’’ติ. อานนฺตริยธมฺมาติ อานนฺตริยสภาวเจตนาธมฺมา. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – จุติอนนฺตรผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตา, ตนฺนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลา, อนนฺตรปโยชนาติ วา อานนฺตริกา, เต เอว อานนฺตริยาติ วุตฺตา. กมฺมานิ เอว อนฺตรายิกาติ กมฺมนฺตรายิกา. โมกฺขสฺเสว อนฺตรายํ กโรติ, น สคฺคสฺส มิจฺฉาจารลกฺขณาภาวโต. น หิ ภิกฺขุนิยา ธมฺมรกฺขิตภาโว อตฺถิ. ปากติกภิกฺขุนีวเสน เจตํ วุตฺตํ, อริยาย ปน ปวตฺตํ อปายสํวตฺตนิยเมว. นนฺทมาณวโก เจตฺถ นิทสฺสนํ. อุภินฺนํ สมานจฺฉนฺทตาวเสน วา อสคฺคนฺตรายิกตา, โมกฺขนฺตรายิกตา ปน โมกฺขตฺถปฏิปตฺติยา วิทูสนโต, อภิภวิตฺวา ปน ปวตฺติยํ ¶ สคฺคนฺตรายิกตาปิ น สกฺกา นิวาเรตุนฺติ. อเหตุกทิฏฺิอกิริยทิฏฺินตฺถิกทิฏฺิโยว นิยตภาวํ ปตฺตา นิยตมิจฺฉาทิฏฺิธมฺมา. ปฏิสนฺธิธมฺมาติ ปฏิสนฺธิจิตฺตุปฺปาทมาห. ปณฺฑกาทิคฺคหณฺเจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ สพฺพายปิ อเหตุกปฏิสนฺธิยา วิปากนฺตรายิกภาวโต. ยา หิ อริเย อุปวทติ, สา เจตนา อริยูปวาทธมฺมา. ตโต ปรนฺติ ขมาปนโต อุปริ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ มหาสีหนาทสฺส ลีนตฺถปกาสเน วุตฺตเมว. ยาว ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานาติ ปาราชิกํ อาปนฺโน. น วุฏฺาติ เสสํ ครุกาปตฺตึ. น เทเสติ ลหุกาปตฺตึ.
อยํ ภิกฺขุ อริฏฺโ. รเสน รสํ สํสนฺทิตฺวาติ อนวชฺเชน ปจฺจยปริภฺุชนรเสน สาวชฺชํ กามคุณปริโภครสํ สมาเนตฺวา. อุปเนนฺโต วิยาติ พนฺธนํ อุปเนนฺโต วิย. ‘‘ฆเฏนฺโต วิยา’’ติปิ ปาโ. อุปสํหรนฺโต วิยาติ สทิสตํ อุปสํหรนฺโต วิย เอกนฺตสาวชฺเช อนวชฺชภาวปกฺเขเปน. ปาปกนฺติ ลามกฏฺเน ทุคฺคติสมฺปาปนฏฺเน จ ปาปกํ. เสตุกรณวเสน มหาสมุทฺทํ พนฺธนฺเตน วิย. สพฺพฺุตฺาเณน ‘‘สาวชฺช’’นฺติ ทิฏฺํ ‘‘อนวชฺช’’นฺติ คหเณน เตน ปฏิวิรุชฺฌนฺโต. เอกนฺตโต อนนฺตรายิกนฺติ คหเณน เวสารชฺชาณํ ปฏิพาหนฺโต. กามกณฺฏเกหิ อริยมคฺคสมฺมาปฏิปตฺติ น อุปกฺกิลิสฺสตีติ วทนฺโต ‘‘อริยมคฺเค ขาณุกณฺฏกาทีนิ ¶ ปกฺขิปนฺโต’’ติ วุตฺโต. ปมปาราชิกสิกฺขาปทสงฺขาเต, ‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหายา’’ติ (ที. นิ. ๑.๘, ๑๙๔) อาทิเทสนาสงฺขาเต จ อาณาจกฺเก.
ปุจฺฉมานา สมนุยฺุชนฺติ นาม. ปุจฺฉา หิ อนุโยโคติ. เตนาธิคตาย ลทฺธิยา อนุวชฺชนตฺถํ ปจฺจนุภาสเนน ปุน ปฏิชานาปนํ ปติฏฺาปนํ, ตํ ปนสฺส อาทาย สมาทาปนํ วิย โหตีติ อาห ‘‘สมนุคาหนฺติ นามา’’ติ. ตสฺสา ปน ลทฺธิยา อนุยฺุชิตาย วุจฺจมานมฺปิ การณํ การณปติรูปกเมวาติ ตสฺส ปุจฺฉนํ สมนุภาสนํ. อนุทหนฏฺเน อนุปายปฏิปตฺติยา สมฺปติ อายติฺจ อนุทหนฏฺเน. มหาภิตาปนฏฺเน อนวฏฺิตสภาวตาย. อิตฺตรปจฺจุปฏฺานฏฺเน มุหุตฺตรมณียตาย. ตาวกาลิกฏฺเน ปเรหิ อภิภวนียตาย. สพฺพงฺคปจฺจงฺคปลิภฺชนฏฺเน เฉทนเภทนาทิอธิกรณภาเวน. อุคฺฆาฏสทิสตาย ¶ อธิกุฏฺฏนฏฺเน. อวเณ วณํ อุปฺปาเทตฺวา อนฺโต อนุปวิสนสภาวตาย วินิวิชฺฌนฏฺเน. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกอนตฺถนิมิตฺตตาย สาสงฺกสปฺปฏิภยฏฺเน. ทิฏฺิถาเมนาติ ตสฺสา ทิฏฺิยา ถามคตภาเวน. ทิฏฺิปรามาเสนาติ ทิฏฺิสงฺขาตปรามสเนน. ทิฏฺิเยว หิ ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสเนน ปรามาโส. อภินิวิสฺสาติ ตณฺหาภินิเวสปุพฺพงฺคเมน ทิฏฺาภินิเวเสน ‘‘อิทเมเวตฺถ ตถ’’นฺติ อภินิวิสิตฺวา. ยสฺมา หิ อภินิเวสนํ ตตฺถ อภินิวิฏฺํ นาม โหติ.ตสฺมา อาห ‘‘อธิฏฺหิตฺวา’’ติ.
๒๓๕. นตฺถีติ วตฺตุกาโมปีติ อตฺตโน ลทฺธึ นิคุเหตุกามตาย อวชานิตุกาโมปิ. สมฺปฏิจฺฉติ ปฏิชานาติ. ทฺเว กถาติ วิสํวาทนกถํ สนฺธาย วทติ. อภูตกถา หิ ปุพฺเพ ปวตฺตา ภูตกถาย วเสน ทฺเว กถาติ วุจฺจติ.
๒๓๖. กสฺส โข นามาติ อิมินา สตฺถา ‘‘น มม ตุยฺหํ ตาทิสสฺส อตฺถาย ธมฺมเทสนา นาม ภูตปุพฺพา’’ติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ขตฺติยสฺส วา’’ติอาทิ.
าณมยา อุสฺมา เอตสฺส อตฺถีติ อุสฺมี, ตถารูเปหิ ปจฺจเยหิ อนุสฺมีกโต ตสฺมึ อตฺตภาเว ปฏิเวธคพฺโภอปิ อุสฺมีกโตติ วิกตภาวโต ปฺาพีชมสฺส อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อปิ นุ อตฺถีติ ภควา ภิกฺขู ปุจฺฉติ. เต ปฏิกฺขิปนฺตา วทนฺติ านคเตน ทุจฺจริเตน าณุปหตภาวํ สมฺปสฺสนฺตา. นิตฺเตชภูโตติ นิตฺเตชํ ภูโต เตโชหานิปฺปตฺโต. ตโต เอว ภิกฺขูนมฺปิ ¶ สมฺมุขา โอโลเกตุํ อสมตฺถตาย ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข. สหธมฺมิกํ กิฺจิ วตฺตุํ อวิสหนโต อปฺปฏิภาโน. สมฺปตฺตูปคนฺติ สมฺปตฺติอาวหํ. ปฏิปฺปสฺสมฺเภนฺโตติ ปฏิเสเธนฺโต.
๒๓๗. อนฺตรายกรลทฺธิยา สภาววิภาวเนน ปริสํ โสเธติ. นิสฺสาเรติ นีหรติ อวิสุทฺธทิฏฺิตาย. กสฺสจิ พุทฺธานุภาวํ อชานนฺตสฺส. ตสฺส หิ เอวํ ภเวยฺย ‘‘สหสา กถิต’’นฺติ. น หิ กทาจิ พุทฺธานํ สหสา กิริยา นาม อตฺถิ. อสฺสาติ ‘‘กสฺสจี’’ติ วุตฺตภิกฺขุสฺส. สุตฺวาปิ ¶ ตุณฺหีภาวํ อาปชฺเชยฺยาติ อถาปิ สิยาติ สมฺพนฺโธ. ตํ สพฺพนฺติ ‘‘สเจ หี’’ติอาทินา วุตฺตํ สพฺพํ ปริกปฺปนํ. น กริสฺสนฺตีติ ปริสาย ลทฺธึ โสเธตีติ สมฺพนฺโธ. ลทฺธึ ปกาเสนฺโตติ มหาสาวชฺชตาวเสน ปกาเสนฺโต. สฺาวิตกฺเกหีติ สุภนิมิตฺตานุพฺยฺชนคฺคาหาทิวเสน ปวตฺเตหิ สฺาวิตกฺเกหิ. เตนาห ‘‘กิเลสกามสมฺปยุตฺเตหี’’ติ. เมถุนสมาจารนฺติ อิทํ อธิการวเสน วุตฺตํ. ตทฺมฺปิ ปน – ‘‘อปิจ โข มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนํ ปริมทฺทนํ นหาปนํ สมฺพาหนํ สาทิยตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๕๐) อาคตํ วิสภาควตฺถุวิสยํ อามิสปริโภคํ. ‘‘อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร กามสฺาหิ อฺตฺร กามวิตกฺเกหิ สมาจริสฺสตี’’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ.
๒๓๘. โยนิโส ปจฺจเวกฺขเณน นตฺถิ เอตฺถ ฉนฺทราโคติ นิจฺฉนฺทราโค, ตํ นิจฺฉนฺทราคํ. กทาจิ อุโปสถิกภาเวน สมาทินฺนสีลาปิ โหนฺติ กทาจิ โนติ อนิพทฺธสีลานํ คหฏฺานํ. สีลสมาทานภาวโต อนฺตรายกรํ. วตฺถุกามานํ สจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ. อปจฺจเวกฺขเณน ภิกฺขูนํ อาวรณกรํ. ปจฺจยานํ สจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ. อยํ อริฏฺโ ทุคฺคหิตาย ปริยตฺติยา วเสน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขนติ, พหฺุจ อปฺุํ ปสวตีติ เอวํ สฺา มา โหนฺตูติ ทุคฺคหิตาย ปริยตฺติยา โทสํ ทสฺเสนฺโต อาห. อุคฺคณฺหนฺตีติ สชฺฌายนฺติ เจว วาจุคฺคตํ กโรนฺตา ธาเรนฺติ จาติ อตฺโถ.
สุตฺตนฺติอาทินา นวปฺปเภทมฺปิ ปริยตฺติธมฺมํ ปริยาทิยติ. กถํ สุตฺตํ นวปฺปเภทํ? สคาถกฺหิ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณํ, ตทุภยวินิมุตฺตฺจ สุตฺตํ อุทานาทิวิเสสสฺาวิรหิตํ นตฺถิ, ยํ สุตฺตงฺคํ สิยา, มงฺคลสุตฺตาทีนฺจ สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา คาถาภาวโต ธมฺมปทาทีนํ วิย, เคยฺยงฺคสงฺคโห วา สิยา สคาถกตฺตา สคาถาวคฺคสฺส วิย, ตถา อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานนฺติ? วุจฺจเต –
สุตฺตนฺติ ¶ สามฺวิธิ, วิเสสวิธโย ปเร;
สนิมิตฺตา นิรูฬฺหตฺตา, สหตาฺเน นฺโต. (ที. นิ. ฏี. ๑.นิทานกถาวณฺณนา; อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๖; สารตฺถ. ฏี. ๑.พาหิรนิทานกถา);
สพฺพสฺสปิ ¶ หิ พุทฺธวจนสฺส สุตฺตนฺติ อยํ สามฺวิธิ. เตเนวาห อายสฺมา มหากจฺจาโน เนตฺติยํ (เนตฺติ. ๑.สงฺคหวาร) ‘‘นววิธสุตฺตนฺตปริเยฏฺี’’ติ. ‘‘เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺนํ (ปาจิ. ๖๕๕, ๑๒๔๒), สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; กถา. อฏฺ. นิทานกถา) เอวมาทิ จ เอตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ. ตเทกเทเสสุ ปน เคยฺยาทโย วิเสสวิธโย เตน เตน นิมิตฺเตน ปติฏฺิตา. ตถา หิ เคยฺยสฺส สคาถกตฺตํ ตพฺภาวนิมิตฺตํ. โลเกปิ หิ สสิโลกํ สคาถกํ วา จุณฺณิยคนฺถํ ‘‘เคยฺย’’นฺติ วทนฺติ. คาถาวิรเห ปน สติ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตํ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนฺหิ ‘‘พฺยากรณ’’นฺติ วุจฺจติ, พฺยากรณเมว เวยฺยากรณํ.
เอวํ สนฺเต สคาถกาทีนมฺปิ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตานํ เวยฺยากรณภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ เคยฺยาทิสฺานํ อโนกาสภาวโต, ‘‘คาถาวิรเห สตี’’ติ วิเสสิตตฺตา จ. ตถา หิ ธมฺมปทาทีสุ เกวลํ คาถาพนฺเธสุ, สคาถกตฺเตปิ โสมนสฺสาณมยิกคาถายุตฺเตสุ, ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติ (อิติวุ. ๑) อาทิวจนสมฺพนฺเธสุ, อพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺเตสุ จ สุตฺตวิเสเสสุ ยถากฺกมํ คาถา-อุทาน-อิติวุตฺตก-อพฺภุตธมฺม-สฺา ปติฏฺิตา, ตถา สติปิ คาถาพนฺธภาเว ภควโต อตีตาสุ ชาตีสุ จริยานุภาวปฺปกาสเกสุ ชาตกสฺา, สติปิ ปฺหวิสฺสชฺชนภาเว สคาถกตฺเต จ เกสุจิ สุตฺตนฺเตสุ เวทสฺส ลภาปนโต เวทลฺลสฺา ปติฏฺิตาติ เอวํ เตน เตน สคาถกตฺตาทินา นิมิตฺเตน เตสุ เตสุ สุตฺตวิเสเสสุ เคยฺยาทิสฺา ปติฏฺิตาติ วิเสสวิธโย สุตฺตงฺคโต ปเร เคยฺยาทโย. ยํ ปเนตฺถ เคยฺยงฺคาทินิมิตฺตรหิตํ, ตํ สุตฺตงฺคํ วิเสสสฺาปริหาเรน สามฺสฺาย ปวตฺตนโตติ. นนุ จ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณนฺติ สุตฺตงฺคํ น สมฺภวตีติ โจทนา ตทวตฺถา เอวาติ? น ตทวตฺถา โสธิตตฺตา. โสธิตฺหิ ปุพฺเพ ‘‘คาถาวิรเห สติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺต’’นฺติ.
ยฺจ วุตฺตํ ‘‘คาถาภาวโต มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา’’ติ (ขุ. ปา. ๕.๑; สุ. นิ. ๒๖๑), ตํ น, นิรุฬฺหตฺตา. นิรุฬฺโห หิ มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตภาโว. น หิ ¶ ตานิ ธมฺมปทพุทฺธวํสาทโย วิย คาถาภาเวน ปฺาตานิ, กินฺตุ สุตฺตภาเวเนว. เตเนว หิ อฏฺกถายํ ‘‘สุตฺตนามก’’นฺติ นามคฺคหณํ กตํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สคาถกตฺตา เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ ¶ , ตทปิ นตฺถิ, ยสฺมา สหตาฺเน. สห คาถาหีติ หิ สคาถกํ, สหภาโว จ นาม อตฺถโต อฺเน โหติ, น จ มงฺคลสุตฺตาทีสุ คาถาวินิมุตฺโต โกจิ สุตฺตปเทโส อตฺถิ, โย ‘‘สห คาถาหี’’ติ วุจฺเจยฺย, น จ สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถิ. ยทปิ วุตฺตํ ‘‘อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานํ เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ, ตทปิ น อฺโต. อฺา เอว หิ ตา คาถา ชาตกาทิปริยาปนฺนตฺตา, อโต น ตาหิ อุภโตวิภงฺคาทีนํ เคยฺยงฺคภาโวติ. เอวํ สุตฺตาทีนํ องฺคานํ อฺมฺสงฺกราภาโว เวทิตพฺโพ.
อตฺถตฺถนฺติ อตฺถภูตํ ยถาภูตํ อตฺถํ. อนตฺถมฺปิ เกจิ วิปลฺลาสวเสน ‘‘อตฺโถ’’ติ คณฺหนฺตีติ ‘‘อตฺถตฺถ’’นฺติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. การณตฺถนฺติ การณภูตํ อตฺถํ, สีลํ สมาธิสฺส การณํ, สมาธิ วิปสฺสนายาติ เอวํ ตสฺส ตสฺส การณภูตํ อตฺถํ. เตนาห ‘‘อิมสฺมึ าเน สีล’’นฺติอาทิ. เตเนตํ ทสฺเสติ – อิมสฺมึ าเน สีลํ กถิตํ, ตฺจ ยาวเทว สมาธตฺถํ, สมาธิ วิปสฺสนตฺโถ, วิปสฺสนา มคฺคตฺถา, มคฺโค ผลตฺโถ, วฏฺฏํ กถิตํ ยาวเทว วิวฏฺฏาธิคมตฺถนฺติ ชานิตุํ น สกฺโกนฺตีติ. เอวํ ปาฬิยํ ‘‘อตฺถ’’นฺติ อิมินา ภาสิตตฺถปโยชนตฺถานํ คหิตตา เวทิตพฺพา. น ปริคฺคณฺหนฺตีติ น วิจาเรนฺติ, นิชฺฌานปฺากฺขมา น โหนฺติ, นิชฺฌายิตฺวา ปฺาย โรเจตฺวา คเหตพฺพา น โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. อิติ เอวํ เอตาย ปริยตฺติยา วาทปฺปโมกฺขานิสํสา อตฺตโน อุปริ ปเรหิ อาโรปิตวาทสฺส นิคฺคหสฺส โมกฺขปโยชนา หุตฺวา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ. วาทปฺปโมกฺโข วา นินฺทาปโมกฺโข. ยสฺส จาติ ยสฺส จ สีลาทิปูรเณน ปตฺตพฺพสฺส, มคฺคสฺส วา ตทธิคเมน ปตฺตพฺพสฺส, ผลสฺส วา ตทธิคเมน ปตฺตพฺพสฺส, อนุปาทาวิโมกฺขสฺส วา อตฺถาย. ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, าเยน ปริยาปุณนฺตีติ อธิปฺปาโย. นานุโภนฺติ น วินฺทนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตา อุปารมฺภมานทปฺปมกฺขปฬาสาทิเหตุภาเวน ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ.
๒๓๙. อลํ ¶ ปริยตฺโต คโท อสฺสาติ อลคทฺโท อนุนาสิกโลปํ ท-การาคมฺจ กตฺวา. วฏฺฏทุกฺขกนฺตารโต นิตฺถรณตฺถาย ปริยตฺติ นิตฺถรณปริยตฺติ. ภณฺฑาคาเร นิยุตฺโต ภณฺฑาคาริโก, ภณฺฑาคาริโก วิย ภณฺฑาคาริโก, ธมฺมรตนานุปาลโก. อฺํ อตฺถํ อนเปกฺขิตฺวา ภณฺฑาคาริกสฺเสว สโต ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ. ‘‘วํสานุรกฺขโกวา’’ติ อวธารณํ สีหาวโลกนาเยน ตนฺติธารโกว ปเวณิปาลโกวาติ ปุริมปททฺวเยปิ โยเชตพฺพํ.
ยทิ ตนฺติธารณาทิอตฺถํ พุทฺธวจนสฺส ปริยาปุณนํ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ, กสฺมา ‘‘ขีณาสวสฺสา’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ, นนุ เอกจฺจสฺส ปุถุชฺชนสฺสปิ อยํ นโย ลพฺภตีติ อนุโยคํ ¶ สนฺธายาห ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ. อตฺตโน าเนติ นิตฺถรณฏฺาเน. กามํ ปุถุชฺชโน ‘‘ปเวณึ ปาเลสฺสามี’’ติ อชฺฌาสเยน ปริยาปุณาติ. อตฺตโน ปน ภวกนฺตารโต อนิตฺติณฺณตฺตา ตสฺส สา ปริยตฺติ นิตฺถรณปริยตฺติ เอว นาม โหตีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิ.
นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ นิชฺฌานปฺํ ขมนฺติ. ตตฺถ ตตฺถ อาคเต สีลาทิธมฺเม นิชฺฌายิตฺวา ปฺาย โรเจตฺวา ยาถาวโต คเหตพฺพา โหนฺติ. เตนาห ‘‘อิธ สีล’’นฺติอาทิ. น เกวลํ สุคฺคหิตํ ปริยตฺตึ นิสฺสาย มคฺคภาวนาผลสจฺฉิกิริยา, ปรวาทนิคฺคหสกวาทปติฏฺาปนาทีนิปิ อิชฺฌนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปรวาเท’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธมฺเมน สุนิคฺคหํ นิคฺคหิตฺวา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๖๘). อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานนฺติ ทิฏฺิวินิเวนาทิวเสน อิจฺฉิตํ อิจฺฉิตํ ปาฬิปเทสํ. โมเจตุนฺติ อปเนตุํ. อหิตาย ทุกฺขาย อสํวตฺตนมฺปิ ตทภาเว อุปฺปชฺชนกหิตสุขสฺส การณเมว ตสฺมึ สติ ภาวโตติ. สุคฺคหิตอลคทฺทสฺสปิ หิตาย สุขาย สํวตฺตนตา ทฏฺพฺพา.
๒๔๐. อุตฺตรนฺติ เอเตนาติ อุตฺตโร, สินนฺติ พนฺธนฺตีติ เสตุ, อุตฺตโร จ โส เสตุ จาติ อุตฺตรเสตุ. กูลํ ปรตีรํ วหติ ปาเปตีติ กุลฺลํ. กลาปํ กตฺวา พทฺโธติ เวฬุนฬาทีหิ กลาปวเสน พทฺโธ. อณุนฺติ อิทํ อฏฺสมาปตฺติอารมฺมณํ สฺโชนํ สนฺธาย วทติ. ถูลนฺติ ¶ อิตรํ. ทิฏฺินฺติ ยถาภูตทสฺสนํ, วิปสฺสนนฺติ อตฺโถ. เอวํ ปริสุทฺธํ เอวํ ปริโยทาตนฺติ เตภูมเกสุ ธมฺเมสุ าตํ ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ, เอวํ ตณฺหาทิฏฺิสํกิเลสาภาเวน สพฺพโส วิสุทฺธํ, ปริสุทฺธตฺตา เอว ปริโยทาตํ. น อลฺลีเยถาติ นิกนฺติวเสน น นิสฺสเยถ. น เกลาเยถาติ น มมาเยถ. น ธนาเยถาติ ธนํ ทฺรพฺยํ น กยิราถ. อุภยตฺถาติ สมเถ วิปสฺสนาย จ.
อสทฺธมฺเมติอาทีสุ อสตํ หีนชฺฌาสยานํ ธมฺโมติ อสทฺธมฺโม. คามวาสีนํ ธมฺโมติ คามธมฺโม. กิเลสานํ วสฺสนสภาวตาย วสลธมฺโม. กิเลเสหิ ทูสิตตฺตา ถูลตฺตา จ ทุฏฺุลฺโล. อุทกสุทฺธิปริโยสานตาย โอทกนฺติโก. ‘‘ธมฺมาปิ โว ปหาตพฺพา’’ติ อิมินาปิ โอวาเทน ภิกฺขู อุทฺทิสฺส กเถนฺโตปิ อริฏฺํเยว นิคฺคณฺหาติ.
๒๔๑. ติวิธคฺคาหวเสนาติ ตณฺหามานทิฏฺิคฺคาหวเสน. ยทิ เอวํ ‘‘อหํ มมาติ คณฺหาตี’’ติ คาหทฺวยเมว กสฺมา วุตฺตนฺติ? นยิทเมวํ ตตฺถาปิ คาหตฺตยสฺเสว วุตฺตตฺตา. ‘‘อห’’นฺติ ¶ หิ อิมินา มานทิฏฺิคฺคาหา วุตฺตา ‘‘อหมสฺมี’’ติ คาหสามฺโต. ทิฏฺิปิ ทิฏฺิฏฺานํ ปุริมุปฺปนฺนาย ทิฏฺิยา อุตฺตรทิฏฺิยา สกฺกายทิฏฺิยา สสฺสตทิฏฺิยา จ การณภาวโต. อารมฺมณํ ปฺจ ขนฺธา, รูปารมฺมณาทีนิ จ. ทิฏฺิยา ปจฺจโย อวิชฺชา-ผสฺส-สฺา-วิตกฺก-อโยนิโสมนสิการ-ปาปมิตฺตปรโตโฆสาทิโก ทิฏฺิยา อุปนิสฺสยาทิปจฺจโย. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๒๔)‘‘กตมานิ อฏฺ ทิฏฺิฏฺานานิ อวิชฺชาปิ ผสฺโสปิ สฺาปิ วิตกฺโกปิ อโยนิโสมนสิกาโรปิ ปาปมิตฺโตปิ ปรโตโฆโสปิ ทิฏฺิฏฺาน’’นฺติอาทิ. รูปารมฺมณาติ รุปฺปนสภาวธมฺมารมฺมณา. รูปํ ปน อตฺตาติ น วตฺตพฺพํ อิธ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๑, ๓๔๕) อิมสฺส คาหสฺส อนธิปฺเปตตฺตา. โส หิ ‘‘ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺาน’’นฺติอาทินา ปรโต วุจฺจติ. อิธ ปน ‘‘รูปวนฺตํ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ, อตฺตนิ รูปํ, รูปสฺมึ อตฺตาน’’นฺติ อิเม ตโย คาหา อธิปฺเปตาติ เกจิ, ตทยุตฺตํ. ยสฺมา รูปํ อตฺตา น โหติ, อตฺตคฺคาหสฺส ปน อาลมฺพนํ โหติ, อตฺตสภาเวเยว วา รูปาทิธมฺเม อารพฺภ อตฺตทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, น อตฺตานํ ตสฺส ปรมตฺถโต อนุปลพฺภนโต, ตสฺมา รูปาทิอารมฺมณาว อตฺตทิฏฺีติ กตฺวา ¶ วุตฺตํ, รูปํ ปน ‘‘อตฺตา’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ‘‘ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺาน’’นฺติอาทินา ปน วิปสฺสนาปฏิวิปสฺสนา วิย ทิฏฺิอนุปสฺสนา นาม ทสฺสิตา.
คนฺธรสโผฏฺพฺพายตนานํ สมฺปตฺตคาหินฺทฺริยวิสยตาย ปตฺวา คเหตพฺพตา. ตฺหิ ตสฺส อตฺตโน วิสยํ ปริภุตฺวา สมฺพนฺธํ หุตฺวา คณฺหาติ. อวเสสานิ สตฺตายตนานิ วิฺาตํ นาม มนสา วิฺาตพฺพโต. อฺถา อิตเรสมฺปิ วิฺาตตา สิยา. ปตฺตนฺติ อธิคตํ. ปริเยสิตนฺติ คเวสิตํ. อนุวิจริตนฺติ จินฺติตํ. เตนาห ‘‘มนสา’’ติ. เอตฺถ จ ปตฺตปริเยสนานํ อปฏิกฺเขปสฺส, วิสุํ, เอกชฺฌํ ปฏิกฺเขปสฺส จ วเสน จตุกฺโกฏิกํ ทสฺเสตฺวา ปตฺตปริเยสิเตหิ อนุวิจริตสฺส เภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘โลกสฺมิฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริเยสิตฺวา ปตฺตํ ปมํ เจตสา ปจฺฉา กาเยน ปตฺตตฺตา ปตฺตํ นาม. ปริเยสิตฺวา โนปตฺตํ ปริเยสิตํ นาม เกวลํ ปริเยสิตภาวโต. อปริเยสิตฺวา ปตฺตฺจ โนปตฺตฺจ มนสา อนุวิจริตพฺพโต มนสานุวิจริตํ นาม.
อยฺจ วิกปฺโป อากุโล วิยาติ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปตฺตฏฺเนาติ ปตฺตภาเวน ปตฺตตาสามฺเน. อปริเยสิตฺวา โนปตฺตํ มนสานุวิจริตํ นาม ปตฺติยา ปริเยสนาย จ อภาวโต. สพฺพํ วา เอตนฺติ ‘‘ปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปี’’ติอาทินา วุตฺตํ จตุพฺพิธมฺปิ. อิมินาติ ‘‘ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ’’ติอาทิวจเนน. วิฺาณารมฺมณา ตณฺหามานทิฏฺิโย กถิตา ปาริเสสาเยน ¶ . เอวํ ปาริเสสายปริคฺคเห กึ ปโยชนนฺติ อาห ‘‘เทสนาวิลาเสนา’’ติอาทิ. เยสํ วิเนยฺยานํ เทเสตพฺพธมฺมสฺส สรูปํ อนามสิตฺวา อารมฺมณกิจฺจ-สมฺปยุตฺตธมฺม-ผลวิเสสาทิ-ปการนฺตรวิภาวเนน ปฏิเวโธ โหติ, เตสํ ตปฺปการเภเทหิ ธมฺเมหิ, เยสํ ปน เยน เอเกเนว ปกาเรน สรูเปเนว วา วิภาวเน กเต ปฏิเวโธ โหติ, เตสํ ตํ วตฺวา ธมฺมิสฺสรตฺตา ตทฺํ นิรวเสสาการวิภาวนฺจ เทสนาวิลาโส. เตนาห ‘‘ทิฏฺาทิอารมฺมณวเสน วิฺาณํ ทสฺสิต’’นฺติ.
ทิฏฺิฏฺานนฺติ ทิฏฺิ เอว ทิฏฺิฏฺานํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. ยํ รูปํ เอสา ทิฏฺิ ‘‘โลโก จ อตฺตา จา’’ติ คณฺหาติ. ตํ รูปํ สนฺธาย ‘‘โส โลโก โส อตฺตา’’ติ วจนํ วุตฺตนฺติ โยชนา. โส เปจฺจ ภวิสฺสามีติ ¶ อุทฺธมาฆาตนิกวาทวเสนายํ ทิฏฺีติ อาห ‘‘โส อหํ ปรโลกํ คนฺตฺวา นิจฺโจ ภวิสฺสามี’’ติอาทิ. ธุโวติ ถิโร. สสฺสโตติ สพฺพทาภาวี. อวิปริณามธมฺโมติ ชราย มรเณน จ อวิปริณาเมตพฺพสภาโว, นิพฺพิกาโรติ อตฺโถ. ตมฺปิ ทสฺสนนฺติ ตมฺปิ ตถาวุตฺตํ ทิฏฺิทสฺสนํ อตฺตานํ วิย ตณฺหาทิฏฺิคฺคาหวิเสเสน คณฺหาติ. เตนาห ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทิ. ทิฏฺารมฺมณาติ ทิฏฺิวิสยา. กถํ ปน ทิฏฺิ ทิฏฺิวิสยา โหตีติ อาห ‘‘วิปสฺสนายา’’ติอาทิ. ปฏิวิปสฺสนากาเลติ ยมกโต สมฺมสนาทิกาลํ สนฺธายาห. ตตฺถ อกฺขรจินฺตกานํ สทฺเท วิย, เวทชฺฌายีนํ เวทสตฺเถ วิย จ ทิฏฺิยํ ทิฏฺิคติกานํ ทิฏฺิคฺคาหปฺปวตฺติ ทฏฺพฺพา.
สมนุปสฺสตีติ ปทสฺส จ ตสฺโส สมนุปสฺสนา อตฺโถติ โยชนา. เตน สมนุปสฺสนา นาม จตุพฺพิธาติ ทสฺเสติ. ตตฺถ าณํ ตาว สมวิสมํ สมฺมา ยาถาวโต อนุปสฺสตีติ สมนุปสฺสนา. อิตรา ปน สํกิเลสวเสน อนุ อนุ ปสฺสนฺตีติ สมนุปสฺสนา. ยทิ เอวํ โหตุ ตาว ทิฏฺิสมนุปสฺสนา มิจฺฉาทสฺสนภาวโต, กถํ ตณฺหามานาติ? ตณฺหายปิ สตฺตานํ ปาปกรเณ อุปายทสฺสนวเสน ปฺาปติรูปิกา ปวตฺติ ลพฺภเตว, ยาย วฺจนนิกติสาจิโยคา สมฺภวนฺติ. มาโนปิ เสยฺยาทินา ทสฺสนวเสเนว ตถา อตฺตานํ อูหตีติ ตณฺหามานานํ สมนุปสฺสนาปติรูปิกา ปวตฺติ ลพฺภตีติ ทฏฺพฺพํ. อวิชฺชมาเนติ ‘‘เอตํ มมา’’ติ เอวํ คเหตพฺเพ ตณฺหาวตฺถุสฺมึ อชฺฌตฺตขนฺธปฺจเก อนุปลพฺภมาเน วินฏฺเ. น ปริตสฺสติ ภยปริตฺตาสตณฺหาปริตฺตาสานํ มคฺเคน สมุคฺฆาติตตฺตา.
๒๔๒. จตูหิ การเณหีติ ‘‘อสติ น ปริตสฺสตี’’ติ วุตฺตมฺปิ อิตเรหิ ตีหิ สห คเหตฺวา วุตฺตํ. จตูหิ การเณหีติ จตุกฺโกฏิกสฺุตากถนสฺส การเณหิ. พหิทฺธา อสตีติ พาหิเร ¶ วตฺถุสฺมึ อวิชฺชมาเน. สา ปนสฺส อวิชฺชมานตา ลทฺธวินาเสน วา อลทฺธาลาเภน วาติ ปาฬิยํ – ‘‘อหุ วต เม, ตํ วต เม นตฺถิ, สิยา วต เม, ตํ วตาหํ น ลภามี’’ติ วุตฺตนฺติ ตทุภยํ ปริกฺขารวเสน วิภชิตฺวา ตตฺถ ปริตสฺสนํ ทสฺเสตุํ ‘‘พหิทฺธา ปริกฺขารวินาเส’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยานํ ‘‘รโถ วยฺห’’นฺติ เอวมาทิ. วาหนํ หตฺถิอสฺสาทิ.
เยหิ ¶ กิเลเสหีติ เยหิ อสนฺตปตฺถนาทีหิ กิเลเสหิ. เอวํ ภเวยฺยาติ เอวํ ‘‘อหุ วต เม’’ติอาทินา โจทนาทิ ภเวยฺย. ทิฏฺิฏฺานาธิฏฺานปริยุฏฺานาภินิเวสานุสยานนฺติ เอตฺถ อปราปรํ ปวตฺตาสุ ทิฏฺีสุ ยา ปรโต อุปฺปนฺนา ทิฏฺิโย, ตาสํ ปุริมุปฺปนฺนา ทิฏฺิโย การณฏฺเน ทิฏฺิฏฺานานิ. อธิกรณฏฺเน ทิฏฺาธิฏฺานานิ, ปริยุฏฺานปฺปตฺติยา สพฺพาปิ ทิฏฺิปริยุฏฺานานิ. ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๐๒, ๔๒๗; ๓.๒๗-๒๙; อุทา. ๕๕; มหานิ. ๒๐; เนตฺติ. ๕๙) ปวตฺติยา อภินิเวสา. อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน สยนฺตีติ อนุสยาติ เอวํ ทิฏฺิฏฺานาทีนํ ปทานํ วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตณฺหาทีหิ กมฺปนิยตาย สพฺพสงฺขาราว อิฺชิตานีติ สพฺพสงฺขารอิฺชิตานิ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปธิ, ขนฺธาว อุปธิ ขนฺธูปธิ. เอส นโย เสเสสุปิ. ตเทว จ อาคมฺม ตณฺหา ขียติ วิรชฺชติ นิรุชฺฌตีติ โยชนา. อุจฺฉิชฺชิสฺสามิ นามสฺสูติอาทีสุ นิปาตมตฺตํ, สํสเย วา. ตาโสติ อตฺตนิยาภาวํ ปฏิจฺจ ตณฺหาปริตฺตาโส เจว ภยปริตฺตาโส จ. เตนาห ‘‘ตาโส เหโส’’ติอาทิ. โน จสฺสํ, โน จ เม สิยาติ ‘‘อห’’นฺติ กิร โกจิ โน จสฺสํ, ‘‘เม’’ติ จ กิฺจิ โน สิยาติ. ตาสปฺปตีการทสฺสนฺเหตํ.
๒๔๓. เอตฺตาวตาติ ‘‘เอวํ วุตฺเต’’ติอาทินา, ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน ปวตฺตาย ‘‘ฉยิมานิ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิฏฺานานี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔๑) วา. สาปิ หิ อชฺฌตฺตขนฺธวินาเส ปริตสฺสนกํ ทสฺเสตฺวา อปริตสฺสนกํ ทสฺเสนฺตี ปวตฺตาติ ตสฺสนกสฺส สฺุตาทสฺสนํ อกิจฺจสาธกมฺปิ สฺุตาทสฺสนเมวาติ อิเมสํ วเสน ‘‘จตุกฺโกฏิกา สฺุตา กถิตา’’ติ วุตฺตํ. พหิทฺธา ปริกฺขารนฺติ พาหิรํ สวิฺาณกํ อวิฺาณกฺจ สตฺโตปกรณํ. ตฺหิ ชีวิตวุตฺติยา ปริกฺขารกฏฺเน ‘‘ปริกฺขาโร’’ติ วุตฺตํ. ปริคฺคหํ นาม กตฺวาติ ‘‘มม อิท’’นฺติ ปริคฺคเหตพฺพตาย ปริคฺคหิตํ นาม กตฺวา. สพฺโพปิ ทิฏฺิคฺคาโห ‘‘อตฺตา นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต, อตฺตา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสตี’’ติอาทินา อตฺตทิฏฺิสนฺนิสฺสโยเยวาติ วุตฺตํ ‘‘สกฺกายทิฏฺิปมุขา ทฺวาสฏฺิทิฏฺิโย’’ติ. อยาถาวคฺคาหินา อภินิเวสนปฺาปนานํ อุปตฺถมฺภภาวโต ทิฏฺิ เอว นิสฺสโยติ ทิฏฺินิสฺสโย. ปริคฺคณฺเหยฺยาติ นิจฺจาทิวิเสสยุตฺตํ กตฺวา ¶ ปริคฺคณฺเหยฺย. กิเมวํ ปริคฺคเหตุํ สกฺกุเณยฺย ¶ ? สพฺพตฺถาติ ‘‘ตํ, ภิกฺขเว, อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิเยถ, ตํ, ภิกฺขเว, ทิฏฺินิสฺสยํ นิสฺสเยถา’’ติ เอเตสุปิ.
๒๔๔. อตฺตนิ วา สตีติ ยสฺส อตฺตโน สนฺตกภาเวน กิฺจิ อตฺตนิยนฺติ วุจฺเจยฺย, ตสฺมึ อตฺตนิ สติ, โส เอว ปน อตฺตา ปรมตฺถโต นตฺถีติ อธิปฺปาโย. สกฺกา หิ วตฺตุํ พาหิรกปริกปฺปิโต อตฺตา ‘‘ปรมตฺโถ’’ติ? สิยา ขนฺธปฺจกํ เยฺยสภาวตฺตา ยถา ตํ ฆโฏ, ยทิ ปน ตทฺํ นาม กิฺจิ อภวิสฺส, น ตํ นิยมโต วิปรีตํ สิยาติ? น จ โส ปรมตฺถโต อตฺถิ ปมาเณหิ อนุปลพฺภมานตฺตา ตุรงฺคมวิสาณํ วิยาติ. อตฺตนิเย วา ปริกฺขาเร สตีติ ‘‘อิทํ นาม อตฺตโน สนฺตก’’นฺติ ตสฺส กิฺจนภาเวน นิจฺฉิเต กิสฺมิฺจิ วตฺถุสฺมึ สติ. อตฺตโน อิทนฺติ หิ อตฺตนิยนฺติ. อหนฺติ สตีติ ‘‘อหํ นามาย’’นฺติ อหํการวตฺถุภูเต ปรมตฺถโต นิทฺธาริตสรูเป กิสฺมิฺจิ สติ ตสฺส สนฺตกภาเวน มมาติ กิฺจิ คเหตุํ ยุตฺตํ ภเวยฺย. มมาติ สติ ‘‘อห’’นฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิติ ปรมตฺถโต อตฺตโน อนุปลพฺภมานตฺตา อตฺตนิยํ กิฺจิ ปรมตฺถโต นตฺเถวาติ สพฺพสงฺขารานํ อนตฺตตาย อนตฺตนิยตํ, อนตฺตนิยตาย จ อนตฺตกตํ ทสฺเสติ. ภูตโตติ ภูตตฺถโต. ตถโตติ ตถสภาวโต. ถิรโตติ ิตสภาวโต นิพฺพิการโต.
ยสฺมา หุตฺวา น โหตีติ ยสฺมา ปุพฺเพ อสนฺตํ ปจฺจยสมวาเยน หุตฺวา อุปฺปชฺชิตฺวา ปุน ภงฺคุปคเมน น โหติ, ตสฺมา น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, อธุวนฺติ อตฺโถ. ตโต เอว อุปฺปาทวยวตฺติโตติ อุปฺปชฺชนวเสน นิรุชฺฌนวเสน จ ปวตฺตนโต. สภาววิคโม อิธ วิปริณาโม, ขณิกตา ตาวกาลิกตา, นิจฺจสภาวาภาโว เอว นิจฺจปฏิกฺเขโป. อนิจฺจธมฺมา หิ เตเนว อตฺตโน อนิจฺจภาเวน อตฺถโต นิจฺจตํ ปฏิกฺขิปนฺติ นาม. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘น นิจฺจนฺติ อนิจฺจ’’นฺติ. อุปฺปาทชราภงฺควเสน รูปสฺส นิรนฺตรพาธตาติ ปฏิปีฬนากาเรนสฺส ทุกฺขตา. สนฺตาโป ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตาปนํ ปริทหนํ, ตโต เอวสฺส ทุสฺสหตาย ทุกฺขมตา. ติสฺสนฺนํ ทุกฺขตานํ สํสารทุกฺขสฺส จ อธิฏฺานตาย ทุกฺขวตฺถุกตา. สุขสภาวาภาโว เอว สุขปฏิกฺเขโป. วิปริณามธมฺมนฺติ ชราย มรเณน จ วิปริณมนสภาวํ. ยสฺมา อิทํ รูปํ ปจฺจยสมวาเยน ¶ อุปฺปาทํ, อุปฺปาทานนฺตรํ ชรํ ปตฺวา อวสฺสเมว ภิชฺชติ, ภินฺนฺจ ภินฺนเมว, นาสฺส กสฺสจิ สงฺกโมติ ภวนฺตรานุปคมนสงฺขาเตน สงฺกมาภาเวน วิปริณามธมฺมตํ ปากฏํ กาตุํ ‘‘ภวสงฺกนฺติ อุปคมนสภาว’’นฺติ วุตฺตํ. ปกติภาววิชหนํ สภาววิคโม นิรุชฺฌนเมว. นฺติ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ รูปํ. อิมินาติ ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ รูปสฺส ตณฺหาทิคฺคาหานํ วตฺถุภาวปฏิกฺเขเปน. รูปฺหิ อุปฺปนฺนํ ิตึ ¶ มา ปาปุณาตุ, ิติปฺปตฺตํ มา ชีรตุ, ชรปฺปตฺตํ มา ภิชฺชตุ, อุทยพฺพเยหิ มา กิลมิยตูติ น เอตฺถ กสฺสจิ วสีภาโว อตฺถิ, สฺวายมสฺส อวสวตฺตนฏฺโ อนตฺตตาสลฺลกฺขณสฺส การณํ โหตีติ อาห ‘‘อวสวตฺตนากาเรน รูปํ, ภนฺเต, อนตฺตาติ ปฏิชานนฺตี’’ติ. นิวาสิการกเวทกอธิฏฺายกวิรเหน ตโต สฺุตา สฺุฏฺโ, สามิภูตสฺส กสฺสจิ อภาโว อสฺสามิกฏฺโ, ยถาวุตฺตวสวตฺติภาวาภาโว อนิสฺสรฏฺโ, ปรปริกปฺปิตอตฺตสภาวาภาโว เอว อตฺตปฏิกฺเขปฏฺโ.
ยสฺมา อนิจฺจลกฺขเณน วิย ทุกฺขลกฺขณํ, ตทุภเยน อนตฺตลกฺขณํ สุวิฺาปยํ, น เกวลํ, ตสฺมา ตทุภเยเนตฺถ อนตฺตลกฺขณวิภาวนํ กตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควา หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนิจฺจวเสนาติ อนิจฺจตาวเสน. ทุกฺขวเสนาติ ทุกฺขตาวเสน. น อุปปชฺชตีติ น ยุชฺชติ. ตเมว อยุชฺชมานตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุสฺส อุปฺปาโทปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา อตฺตวาที อตฺตานํ นิจฺจํ ปฺเปติ, จกฺขุํ ปน อนิจฺจํ, ตสฺมา จกฺขุ วิย อตฺตาปิ อนิจฺโจ อาปนฺโน. เตนาห ‘‘ยสฺส โข ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ เวตีติ วิคจฺฉติ นิรุชฺฌติ. อิติ จกฺขุ อนตฺตาติ จกฺขุสฺส อุทยพฺพยวนฺตตาย อนิจฺจตา, อตฺตโน จ อตฺตวาทินา อนิจฺจตาย อนิจฺฉิตตฺตา จกฺขุ อนตฺตา.
กามํ อนตฺตลกฺขณสุตฺเต (สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๒๐) – ‘‘ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, รูปํ อนตฺตา, ตสฺมา รูปํ อาพาธาย สํวตฺตตี’’ติ รูปสฺส อนตฺตตาย ทุกฺขตา วิภาวิตา วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ ‘‘ยสฺมา รูปํ อาพาธาย สํวตฺตติ, ตสฺมา อนตฺตา’’ติ ปากฏตาย สาพาธตาย รูปสฺส อตฺตสาราภาโว วิภาวิโต, ตโต เอว จ ‘‘น ลพฺภติ รูเป เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’ติ รูเป กสฺสจิ อนิสฺสรตา, ตสฺส จ อวสวตฺตนากาโร ทสฺสิโตติ อาห ‘‘ทุกฺขวเสน อนตฺตตํ ¶ ทสฺเสตี’’ติ. ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขนฺติ ยํ วตฺถุ อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตฺตา, ยํ ปน นิจฺจํ ตทภาวโต, ตํ สุขํ ยถา ตํ นิพฺพานนฺติ อธิปฺปาโย. ยํ ตนฺติ การณนิทฺเทโสวายํ, ยสฺมา รูปํ อนิจฺจํ, ตํ ตสฺมาติ อตฺโถ. ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตาติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อนิจฺจนฺติ อิมินา ฆฏาทิ วิย ปจฺจยุปฺปนฺนตฺตา รูปํ อนิจฺจนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. อิมินาว นเยน ‘‘อนตฺตา’’ติ วตฺตุํ ลพฺภมาเนปิ ‘‘อนตฺตา’’ติ วตฺตา นาม นตฺถิ. เอวํ ทุกฺขนฺติ วทนฺตีติ เอตฺถาปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ ‘‘อกฺขิสูลาทิวิการปฺปตฺตกาเล วิย ปจฺจยุปฺปนฺนตฺตา ทุกฺขํ รูป’’นฺติอาทินา. ทุทฺทสํ ทุปฺปฺาปนํ. ตถา หิ สรภงฺคาทโยปิ สตฺถาโร นาทฺทสํสุ, กุโต ปฺาปนา. ตยิทํ อนตฺตลกฺขณํ.
ตสฺมาติหาติอาทินา ¶ ติยทฺธคตรูปํ ลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอตรหิ อฺทาปี’’ติ. ตํ ปน ยาทิสํ ตาทิสมฺปิ ตถา วุตฺตนฺติ อชฺฌตฺตาทิวิเสโสปิ วตฺตพฺโพ. ปิ-สทฺเทน วา ตสฺสาปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
๒๔๕. อุกฺกณฺตีติ นาภิรมติ. อฺตฺถ ‘‘นิพฺพิทา’’ติ พลววิปสฺสนา วุจฺจติ, สานุโลมา ปน สงฺขารุเปกฺขา ‘‘วุฏฺานคามินี’’ติ, สา อิธ กถํ นิพฺพิทา นาม ชาตาติ อาห ‘‘วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาย หี’’ติอาทิ. อิมินา สิขาปตฺตนิพฺเพทตาย วุฏฺานคามินี อิธ นิพฺพิทานาเมน วุตฺตาติ ทสฺเสติ.
‘‘โส อนุปุพฺเพน สฺคฺคํ ผุสตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๑๔, ๔๑๕) วตฺวา ‘‘สฺา โข โปฏฺปาท ปมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา าณ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๔๑๖) วุตฺตตฺตา สฺคฺคนฺติ วุตฺตา โลกิยาสุ ปหานสฺาสุ สิขาปตฺตภาวโต. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ วุตฺตา อิทปฺปจฺจยตาทสฺสนสฺส มตฺถกปฺปตฺตีติ กตฺวา. ตโต ปรฺหิ อสงฺขตารมฺมณํ าณํ โหติ. เตนาห – ‘‘ปุพฺเพ โข สุสิม ธมฺมฏฺิติาณํ, ปจฺฉา นิพฺพาเน าณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๗๐). ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคนฺติ วุตฺตา มคฺคาธิคมสฺส ปริปนฺถภูตสพฺพสํกิเลสวิสุทฺธิ ปธานิกสฺส โยคิโน, ปธานภาวนาย วา ชาตํ องฺคนฺติ กตฺวา. ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธีติ วุตฺตา ปรมุกฺกํสคตปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิภาวโต. อตมฺมยตนฺติ เอตฺถ ตมฺมยตา นาม ตณฺหา, กามตณฺหาทีสุ ตาย ตาย นิพฺพตฺตตฺตา ตมฺมยํ นาม เตภูมิกปฺปวตฺตํ, ตสฺส ¶ ภาโวติ กตฺวา. ตสฺสา ตณฺหาย ปริยาทานโต วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา อตมฺมยตาติ วุจฺจติ. นิสฺสายาติ ตํ อตมฺมยตํ ปจฺจยํ กตฺวา. อาคมฺมาติ ตสฺเสว เววจนํ. นานตฺตาติ นานาสภาวา พหู อเนกปฺปการา. นานตฺตสิตาติ นานารมฺมณนิสฺสิตา รูปาทิวิสยา. เอกตฺตาติ เอกสภาวา. เอกตฺตสิตาติ เอกํเยว อารมฺมณํ นิสฺสิตา. ตํ นิสฺสายาติ ตํ เอกตฺตสิตํ อุเปกฺขํ ปจฺจยํ กตฺวา. เอติสฺสาติ เอติสฺสา อุเปกฺขาย. ปหานํ โหตีติ อฺาณุเปกฺขโต ปภุติ สพฺพํ อุเปกฺขํ ปชหิตฺวา ิตสฺส ‘‘อตมฺมยตา’’ติ วุตฺตาย วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาย อรูปาวจรสมาปตฺติอุเปกฺขาย วิปสฺสนุเปกฺขาย จ ปหานํ โหตีติ ปริยาทานนฺติ วุตฺตาติ. สพฺพสงฺขารคตสฺส มฺุจิตุกมฺยตาปฏิสงฺขานสฺส สิขาปตฺตภาวโต วุฏฺานคามินี มฺุจิตุกมฺยตา ปฏิสงฺขานนฺติ จ วุตฺตา. มุทุมชฺฌาทิวเสน ปวตฺติอาการมตฺตํ, อตฺถโต ¶ เอกตฺถา มฺุจิตุกมฺยตาทโย, พฺยฺชนเมว นานํ. ทฺวีหิ นาเมหีติ โคตฺรภุ, โวทานนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ นาเมหิ.
วิราโคติ มคฺโค, อจฺจนฺตเมว วิรชฺชติ เอเตนาติ วิราโค, เตน. มคฺเคน เหตุภูเตน. วิมุจฺจตีติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติวเสน วิมุจฺจติ. เตนาห ‘‘ผลํ กถิต’’นฺติ.
มหาขีณาสโวติ ปสํสาวจนํ ยถา ‘‘มหาราชา’’ติ. ตถา หิ ตํ ปสํสนฺโต สตฺถา ‘‘อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ อิติปี’’ติอาทิมาหาติ. ตทตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิทานิ ตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถาภูเตหีติ ยาถาวโต ภูเตหิ. ทุรุกฺขิปนฏฺเนาติ ปจุรชเนหิ อุกฺขิปิตุํ อสกฺกุเณยฺยภาเวน. นิพฺพานนครปฺปเวเส วิพนฺธเนน ปลิโฆ วิยาติ ปลิโฆติ วุจฺจติ. มตฺถกจฺฉินฺโน ตาโล ปตฺตผลาทีนํ อนงฺคโต ตาลาวตฺถุ อสิเว ‘‘สิวา’’ติ สมฺา วิย. เตนาห ‘‘สีสจฺฉินฺนตาโล วิย กตา’’ติ. ปุนพฺภวสฺส กรณสีโล, ปุนพฺภวํ วา ผลํ อรหตีติ โปโนภวิโก. เอวํภูโต ปน ปุนพฺภวํ เทติ นามาติ อาห ‘‘ปุนพฺภวทายโก’’ติ. ปุนพฺภวขนฺธานํ ปจฺจโยติ อิมินา ชาติสํสาโรติ ผลูปจาเรน การณํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. ปริกฺขาติ วุจฺจติ สนฺตานสฺส ปริกฺขิปนโต. สํกิณฺณตฺตาติ สพฺพโส กิณฺณตฺตา วินาสิตตฺตา. คพฺภีรานุคตฏฺเนาติ คมฺภีรํ อนุปวิฏฺฏฺเน. ลฺุจิตฺวาติ ¶ อุทฺธริตฺวา. เอตานีติ กามราคสฺโชนาทีนิ. อคฺคฬาติ วุจฺจนฺติ อวธารณฏฺเน. อคฺคมคฺเคน ปติโต มานทฺธโช เอตสฺสาติ ปติตมานทฺธโช. อิตรภาโรโรปนสฺส ปุริมปเทหิ ปกาสิตตฺตา ‘‘มานภารสฺเสว โอโรปิตตฺตา ปนฺนภาโรติ อธิปฺเปโต’’ติ วุตฺตํ. มานสํโยเคเนว วิสํยุตฺตตฺตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปฺจปิ ขนฺเธ อวิเสสโต อสฺมีติ คเหตฺวา ปวตฺตมาโน ‘‘อสฺมิมาโน’’ติ อธิปฺเปโตติ วุตฺตํ ‘‘รูเป อสฺมีติ มาโน’’ติอาทิ.
นครทฺวารสฺส ปริสฺสยปฏิพาหนตฺถฺเจว โสภนตฺถฺจ อุโภสุ ปสฺเสสุ เอสิกตฺถมฺเภ นิขณิตฺวา เปนฺตีติ อาห ‘‘นครทฺวาเร อุสฺสาปิเต เอสิกตฺถมฺเภ’’ติ. ปาการวิทฺธํสเนเนว ปริกฺขาย ภูมิสมกรณํ โหตีติ อาห ‘‘ปาการํ ภินฺทนฺโต ปริกฺขํ สํกิริตฺวา’’ติ. เอวนฺติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. สนฺโต สํวิชฺชมาโน กาโย ธมฺมสมูโหติ สกฺกาโย, อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ. ทฺวตฺตึส กมฺมการณา ทุกฺขกฺขนฺเธ อาคตา. อกฺขิโรคสีสโรคาทโย อฏฺนวุติ โรคา. ราชภยาทีนิ ปฺจวีสติ มหาภยานิ.
๒๔๖. อนธิคมนียวิฺาณตนฺติ ¶ ‘‘อิทํ นาม นิสฺสาย อิมินา นาม อากาเรน ปวตฺตตี’’ติ เอวํ ทุวิฺเยฺยจิตฺตตํ. อนฺเวสนฺติ ปจฺจตฺเต เอกวจนนฺติ อาห ‘‘อนฺเวสนฺโต’’ติ. สตฺโตปิ ตถาคโตติ วุจฺจติ ‘‘ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖๕) วิย. สตฺโต หิ ยเถโก กมฺมกิเลเสหิ อิตฺถตฺตํ อาคโต, ตถา อปโรปิ อาคโตติ ‘‘ตถาคโต’’ติ วุจฺจติ. อุตฺตมปุคฺคโลติ ภควนฺตํ สนฺธาย วทติ. ขีณาสโวปีติ โย โกจิ ขีณาสโวปิ ‘‘ตถาคโต’’ติ อธิปฺเปโต. โสปิ หิ ยเถโก จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สูปฏฺิตจิตฺโต สตฺต โพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ อรหตฺตํ อาคโต อธิคโต, ตถา อปโรปิ อาคโตติ ‘‘ตถาคโต’’ติ วุจฺจติ. อสํวิชฺชมาโนติ ปรมตฺถโต อนุปลพฺภนีโย. อวินฺเทยฺโยติ น วินฺทิตพฺโพ, ทุวิฺเยฺโยติ อตฺโถ.
ตถาคโต สตฺโต ปุคฺคโลติ น ปฺเปมิ ปรมตฺถโต สตฺตสฺเสว อภาวโตติ อธิปฺปาโย. กึ ปฺเปสฺสามิ ปฺตฺติอุปาทานสฺสปิ ธรมานกสฺส ¶ อภาวโต. ‘‘อนุปฺปาโท เขมํ, อนุปฺปตฺติ เขม’’นฺติอาทินา อสงฺขตาย ธาตุยา ปกฺขนฺธนวเสน ปวตฺตํ อคฺคผลสมาปตฺติอตฺถํ วิปสฺสนาจิตฺตํ วา.
ตุจฺฉาติ กรเณ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘ตุจฺฉเกนา’’ติ. วินยตีติ วินโย, โส เอว เวนยิโก. ตถา มนฺติ ตถาภูตํ มํ. ปรมตฺถโต วิชฺชมานสฺส หิ สตฺตสฺส อภาวํ วทนฺโต สตฺตวินาสปฺาปโก จ นาม สิยา, อหํ ปน ปรมตฺถโต อวิชฺชมานํ ตํ ‘‘นตฺถี’’ติ วทามิ. ยถา จ โลโก โวหรติ, ตเถว ตํ โวหรามิ, ตถาภูตํ มํ เย สมณพฺราหฺมณา ‘‘เวนยิโก สมโณ โคตโม’’ติ วทนฺตา อสตา ตุจฺฉา มุสา อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺตีติ โยชนา. อปฺปฏิสนฺธิกสฺส ขีณาสวสฺส จริมจิตฺตํ นิรุปาทานโต อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท ปรินิพฺพุตํ อิทํ นาม นิสฺสิตนฺติ น ปฺายตีติ วทนฺโต กิเมตฺตาวตา อุจฺเฉทวาที ภเวยฺย, นาหํ กทาจิปิ อตฺถิ, นาปิ โกจิ อตฺถีติ วทามิ. เอวํ สนฺเต กึ นิสฺสาย เต โมฆปุริสา สโต สตฺตสฺส นาม อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปตีติ วทนฺตา อสตา…เป… อพฺภาจิกฺขนฺตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
มหาโพธิมณฺฑมฺหีติ โพธิมณฺฑคฺคหเณน สตฺตสตฺตาหมาห. เตน ธมฺมจกฺกปวตฺตนโต (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) ปุพฺเพ วุตฺตํ ตนฺติเทสนํ วทติ ¶ . จตุสจฺจเมว ปฺเปมีติ เอเตน สจฺจวิมุตฺตา สตฺถุเทสนา นตฺถีติ ทสฺเสติ. เอตฺถ จ – ‘‘ปุพฺเพ เจว เอตรหิ จ ทุกฺขฺเจว ปฺเปมิ ทุกฺขสฺส จ นิโรธ’’นฺติ วทนฺโต ภควา นาหํ กทาจิปิ ‘‘อตฺตา อุจฺฉิชฺชติ, วินสฺสตี’’ติ วา, ‘‘อตฺตา นาม โกจิ อตฺถี’’ติ วา วทามิ. เอวํ สนฺเต กึ นิสฺสาย เต โมฆปุริสา ‘‘สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปตี’’ติ อสตา ตุจฺเฉน อพฺภาจิกฺขนฺตีติ ทสฺเสติ. ปเรติ อมามกา, มม โอวาทสฺส อภาชนภูตาติ อตฺโถติ อาห ‘‘สจฺจานิ…เป… อสมตฺถปุคฺคลา’’ติ. อธิปฺปาเยนาติ อิมินา เตสํ อธิปฺปายมตฺตํ, โรสนวิเหสนานิ ปน ตถาคตสฺส อากาสสฺส วิลิขนํ วิย น สมฺภวนฺติเยวาติ ทสฺเสติ. อาหนติ จิตฺตนฺติ อาฆาโต. อปฺปตีตา โหนฺติ เอเตนาติ อปฺปจฺจโย. จิตฺตํ น อภิราธยตีติ อนภิรทฺธิ. อตุฏฺีติ ตุฏฺิปฏิปกฺโข ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท, โกโธ เอว วา.
ปเรติ ¶ อฺเ เอกจฺเจ. อานนฺทนฺติ ปโมทนฺติ เอเตนาติ อานนฺโท, ปีติยา เอเวตํ อธิวจนํ. โสภนมนตา โสมนสฺสํ, เจตสิกสุขสฺเสตํ อธิวจนํ. อุปฺปิลติ ปุริมาวตฺถาย ภิชฺชติ วิเสสํ อาปชฺชตีติ อุปฺปิลํ, ตเทว อุปฺปิลาวิตํ, ตสฺส ภาโว อุปฺปิลาวิตตฺตํ. ยาย อุปฺปนฺนาย กายจิตฺตํ วาตปูริตภตฺตา วิย อุทฺธุมายนาการปฺปตฺตํ โหติ, ตสฺสา เคหสฺสิตาย โอทคฺคิยปีติยา เอตํ อธิวจนํ. สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌิตุํ อสมตฺถาติ ทุกฺขเมว อุปฺปชฺชติ นิรุชฺฌติ จ, น อฺโ สตฺโต นาม อตฺถีติ เอวํ ชานิตุํ อสมตฺถา ‘‘อตฺตา นาม อตฺถี’’ติ เอวํทิฏฺิโน อปฺปหีนวิปลฺลาสา. อุตฺตมํ ปสาทนียฏฺานํ ตถาคตมฺปิ อกฺโกสนฺติ, กิมงฺคํ ปน ภิกฺขูติ อธิปฺปาโย.
๒๔๗. อนตฺตนิเยปิ ขนฺธปฺจเก มิจฺฉาคาหวเสน อตฺตนิยสฺาย ปวตฺตสฺส ฉนฺทราคสฺส ปหานํ. อมฺหากํ เนว อตฺตาติ ยสฺมา รูปเวทนาทิเยว อตฺตคฺคาหวตฺถุ ตพฺพินิมุตฺตสฺส โลภเนยฺยสฺส อภาวโต. เอตํ ติณกฏฺสาขาปลาสํ น อมฺหากํ รูปํ, น วิฺาณํ, ตสฺมา อมฺหากํ เนว อตฺตาติ โยชนา. อชฺฌตฺติกสฺส วตฺถุโน เนว อตฺตาติ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา พาหิรวตฺถุ อตฺตนิยภาเวน ปฏิกฺขิตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘อมฺหากํ จีวราทิปริกฺขาโรปิ น โหตี’’ติ. ขนฺธปฺจกํเยวาติ พาหิรวตฺถุํ นิทสฺสนํ กตฺวา ขนฺธปฺจกํเยว น ตุมฺหากนฺติ ปชหาเปติ. น อุปฺปาเฏตฺวา กนฺทํ วิย. น ลฺุจิตฺวา วา เกเส วิยาติ. อิมินา รูปาทีนํ นามมุเขน ปหานํ อิจฺฉนฺติ. อุลฺลิงฺคิตมตฺถํ ฉนฺทราควินเยน ปชหาเปตีติ สรูปโต ทสฺเสติ.
๒๔๘. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา’’ติอาทิ เทสนา ติปริวฏฺฏํ. ยาว อิมํ านนฺติ ‘‘เอวํ สฺวากฺขาโต’’ติ ยาวายํ ปาฬิปเทโส. สุวิฺเยฺยภาเวน อกฺขาตตฺตาปิ สฺวากฺขาโตติ อาห ‘‘สุกถิตตฺตา เอว อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต’’ติ. ติริยํ วิทารเณน ฉินฺนํ, ทีฆโส ผาลเนน ภินฺนํ, ตโต เอว ตตฺถ ตตฺถ สิพฺพิตคณฺิกตชิณฺณวตฺถํ ปิโลติกา, ตทภาวโต ฉินฺนปิโลติโก, ปิโลติกรหิโตติ อตฺโถ. อิริยาปถ-สณฺปนอวิชฺชมานฌาน-วิปสฺสนานิ ฉินฺนาย อวิชฺชมานาย ปฏิปตฺติยา สิพฺพนคณฺิกรณสทิสานิ, ตาทิสํ อิธ นตฺถีติ อาห ‘‘น เหตฺถ…เป… อตฺถี’’ติ. ปติฏฺาตุํ น ลภตีติ เปสเลหิ ¶ สทฺธึ สํวาสวเสนปิ ปติฏฺาตุํ น ลภติ, วิเสสาธิคมวเสน ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
การณฺฑวํ นิทฺธมถาติ วิปนฺนสีลตาย กจวรภูตํ ปุคฺคลํ กจวรมิว นิรเปกฺขา อปเนถ. กสมฺพฺุจาปกสฺสถาติ กสฏภูตฺจ นํ ขตฺติยาทีนํ มชฺฌคตํ สมฺภินฺนํ ปคฺฆริตกุฏฺํ จณฺฑาลํ วิย อปกสฺสถ นิกฺกฑฺฒถ. กึ การณํ? สงฺฆาราโม นาม สีลวนฺตานํ กโต, น ทุสฺสีลานํ, ยโต เอตเทว. ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเนติ ยถา ปลาปา อนฺโตสารรหิตา อตณฺฑุลา พหิ ถุเสน วีหิ วิย ทิสฺสนฺติ, เอวํ ปาปภิกฺขู อนฺโตสีลรหิตาปิ พหิ กาสาวาทิปริกฺขาเรน ภิกฺขู วิย ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปลาปา’’ติ วุจฺจนฺติ, เต ปลาเป วาเหถ โอธุนาถ วิธมถ. ปรมตฺถโต อสฺสมเณ เวสมตฺเตน สมณมานิเน เอวํ นิทฺธมิตฺวาน…เป… ปติสฺสตาติ. ตตฺถ กปฺปยวฺโหติ กปฺเปถ, กโรถาติ วุตฺตํ โหติ. ปติสฺสตาติ ปติ ปติ สตา สมฺปชานนฺตา สุฏฺุ ปชานนฺตา. ปติสฺสตา วา สปฺปติสฺสา อฺมฺํ สคารวา. อเถวํ สุทฺธา สุทฺเธหิ สํวาสํ กปฺเปนฺตา ทิฏฺิสีลสามฺเน สมคฺคา. อนุกฺกเมน ปริปากคตปฺตาย นิปกา. สพฺพสฺเสวิมสฺส ทุกฺขวฏฺฏสฺส อนฺตํ กริสฺสถ, ปรินิพฺพานํ ปาปุณิสฺสถาติ อตฺโถ.
วฏฺฏํ เตสํ นตฺถิ ปฺาปนาย สพฺพโส สมุจฺฉินฺนวฏฺฏมูลกตฺตา.
ธมฺมํ อนุสฺสรนฺติ, ธมฺมสฺส วา อนุสฺสรณสีลาติ ธมฺมานุสาริโน. เอวํ สทฺธานุสาริโนปิ เวทิตพฺพา. ปฏิปนฺนสฺสาติ ปฏิปชฺชมานสฺส, โสตาปตฺติมคฺคฏฺโปิ อธิปฺเปโต. อธิมตฺตนฺติ พลวํ. ปฺาวาหีติ ปฺํ วาเหติ, ปฺา วา อิมํ ปุคฺคลํ วหตีติ ปฺาวาหีติปิ วทนฺติ. ปฺาปุพฺพงฺคมนฺติ ปฺํ ปุเรจาริกํ กตฺวา. อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ปฺาสงฺขาเตน ธมฺเมน สรติ อนุสฺสรตีติ ธมฺมานุสารี. สทฺธาวาหีติ สทฺธํ วาเหติ, สทฺธา วา ¶ อิมํ ปุคฺคลํ วหตีติ สทฺธาวาหีติปิ วทนฺติ. สทฺธาปุพฺพงฺคมนฺติ สทฺธํ ปุเรจาริกํ กตฺวา. อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล สทฺธาย สรติ อนุสฺสรตีติ สทฺธานุสารี. สทฺธามตฺตนฺติ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา พุทฺธสุพุทฺธตาย สทฺทหนมตฺตํ. มตฺต-สทฺเทน อเวจฺจปฺปสาทํ นิวตฺเตติ. เปมมตฺตนฺติ ยถาวุตฺตสทฺธานุสาเรน อุปฺปนฺนํ ตุฏฺิมตฺตํ. สิเนโหติ เกจิ. เอวํ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นิสินฺนานนฺติ ¶ กลาปสมฺมสนาทิวเสน อารทฺธวิปสฺสนานํ. เอกา สทฺธาติ วิปสฺสนานุสาเรน สฺวากฺขาตธมฺมตา สิทฺธา, ตโต เอว เอกา เสฏฺา อุฬารา สทฺธา อุปฺปชฺชติ. เอกํ เปมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สคฺเค ปิตา วิย โหนฺตีติ เตสํ สทฺธาเปมานํ สคฺคสํวตฺตนิยตาย อพฺยภิจารีภาวมาห. จูฬโสตาปนฺโนติ วทนฺติ เอกเทเสน สจฺจานุโพเธ ิตตฺตา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อลคทฺทูปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. วมฺมิกสุตฺตวณฺณนา
๒๔๙. ปิยวจนนฺติ ¶ ปิยสมุทาจาโร. วิฺุชาติกา หิ ปรํ ปิเยน สมุทาจรนฺตา ‘‘ภว’’นฺติ วา, ‘‘เทวานํ ปิโย’’ติ วา, ‘‘อายสฺมา’’ติ วา สมุทาจรนฺติ, ตสฺมา สมฺมุขา สมฺโพธนวเสน ‘‘อาวุโส’’ติ, ติโรกฺขํ ‘‘อายสฺมา’’ติ อยมฺปิ สมุทาจาโร. มหากสฺสปอุรุเวลกสฺสปาทโย อฺเปิ กสฺสปนามกา อตฺถีติ ‘‘กตรสฺส กสฺสปสฺสา’’ติ ปุจฺฉนฺติ. รฺาติ โกสลรฺา. ‘‘สฺชานึสู’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อสฺสาติ กุมารกสฺสปสฺส, ‘‘สฺชานึสู’’ติ วุตฺตสฺชานนสฺส วา. ปฺุานิ กโรนฺโตติ กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ นิพฺพตฺติตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ ภาเวนฺโต. โอสกฺกนฺเตติ ปริหายมาเน. ปมนฺติ กุมาริกากาเล. สตฺถา อุปาลิตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสิ ตํ อธิกรณํ วินยกมฺเมเนวสฺสา ภิกฺขุนิยา ปพฺพชฺชาย อโรคภาวํ.
ปฺตฺติวิภาวนาติ ‘‘อนฺธวน’’นฺตฺเวว ปฺายมานสฺส วิภาวนา. โอลียตีติ สงฺกุจติ สณิกํ วตฺตติ. ภาณโกติ สรภาณโก. ยํ อตฺถิ, ตํ คเหตฺวาติ อิทานิ ปริเยสิตพฺพฏฺานํ นตฺถิ, ยถาคตํ ปน ยํ อตฺถิ, ตํ คเหตฺวา. พลวคุเณติ อธิมตฺตคุเณ. กสฺสปภควโต กาเล นิรุฬฺหสมฺาวเสน วจนสนฺตติยา อวิจฺเฉเทน จ อิมสฺมิมฺปิ พุทฺธุปฺปาเท ตํ ‘‘อนฺธวน’’นฺตฺเวว ปฺายิตฺถ, อุปรูปริวฑฺฒมานาย ปถวิยา อุปริ รุกฺขคจฺฉาทีสุ สฺชายนฺเตสุปีติ. เสกฺขปฏิปทนฺติ เสกฺขภาวาวหํ วิสุทฺธิปฏิปตฺตึ.
อฺตร-สทฺโท ¶ อปากเฏ วิย ปากเฏปิ วตฺตติ เอก-สทฺเทน สมานตฺถตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อภิชานาตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภยเภรวทสฺสิตมฺปิ อภิกฺกนฺต-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธารํ อิธ ทสฺเสนฺโต เอวํ เหฏฺา ตตฺถ ตตฺถ กตา อตฺถสํวณฺณนา ปรโต ตสฺมึ ตสฺมึ สุตฺตปเทเส ยถารหํ วตฺตพฺพาติ นยทสฺสนํ กโรติ. กฺจนสนฺนิภตฺตจตา สุวณฺณวณฺณคฺคหเณน คหิตาติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ฉวิย’’นฺติ. ฉวิคตา ปน วณฺณธาตุ เอว ‘‘สุวณฺณวณฺโณ’’ติ เอตฺถ วณฺณคฺคหเณน คหิตาติ อปเร. วณฺณียติ กิตฺตียติ อุคฺโฆสนนฺติ วณฺโณ, ถุติ. วณฺณียติ อสงฺกรโต ววตฺถปียตีติ วณฺโณ, กุลวคฺโค. วณฺณียติ ผลํ เอเตน ยถาสภาวโต วิภาวียตีติ วณฺโณ, การณํ. วณฺณนํ ทีฆรสฺสาทิวเสน สณฺหนนฺติ วณฺโณ, สณฺานํ. วณฺณียติ อณุมหนฺตาทิวเสน ปมียตีติ วณฺโณ, ปมาณํ. วณฺเณติ วิการมาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ ¶ วณฺโณ, รูปายตนํ. เอวํ เตน เตน ปวตฺตินิมิตฺเตน วณฺณ-สทฺทสฺส ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
อนวเสสตฺตํ สกลตา เกวลตา. เกวลกปฺปาติ เอตฺถ เกจิ อีสํ อสมตฺตา เกวลา เกวลกปฺปาติ วทนฺติ, เอวํ สติ อนวเสสตฺโถ เอว เกวล-สทฺโท สิยา. อนตฺถนฺตเรน ปน กปฺป-สทฺเทน ปทวฑฺฒนํ กตฺวา เกวลา เอว เกวลกปฺปา. ตถา วา กปฺปนียตฺตา ปฺเปตพฺพตฺตา เกวลกปฺปา. เยภุยฺยตา พหุลภาโว. อพฺยามิสฺสตา วิชาติเยน อสงฺกโร สุทฺธตา. อนติเรกตา ตํมตฺตตา วิเสสาภาโว. เกวลกปฺปนฺติ เกวลํ ทฬฺหํ กตฺวาติ อตฺโถ. เกวลํ วุจฺจติ นิพฺพานํ สพฺพสงฺขตวิวิตฺตตฺตา. เตนาห ‘‘วิสํโยคาทิอเนกตฺโถ’’ติ. เกวลํ เอตสฺส อธิคตํ อตฺถีติ เกวลี, สจฺฉิกตนิโรโธ ขีณาสโว.
กปฺป-สทฺโท ปนายํ สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค จาติ อธิปฺปาเยน โอกปฺปนียปเท ลพฺภมานํ โอกปฺปสทฺทมตฺตํ นิทสฺเสติ, อฺถา กปฺป-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร โอกปฺปนียปทํ อนิทสฺสนเมว สิยา. สมณกปฺเปหีติ วินยสิทฺเธหิ ¶ สมณโวหาเรหิ. นิจฺจกปฺปนฺติ นิจฺจกาลํ. ปฺตฺตีติ นามํ. นามฺเหตํ ตสฺส อายสฺมโต, ยทิทํ กปฺโปติ. กปฺปิตเกสมสฺสูติ กตฺตริกาย เฉทิตเกสมสฺสุ. ทฺวงฺคุลกปฺโปติ มชฺฌนฺหิกเวลาย วีติกฺกนฺตาย ทฺวงฺคุลตาวิกปฺโป. เลโสติ อปเทโส. อนวเสสํ ผริตุํ สมตฺถสฺสปิ โอภาสสฺส เกนจิ การเณน เอกเทสผรณมฺปิ สิยา, อยํ ปน สพฺพโสว ผรีติ ทสฺเสตุํ สมนฺตตฺโถ กปฺป-สทฺโท คหิโตติ อาห ‘‘อนวเสสํ สมนฺตโต’’ติ.
สมณสฺาสมุทาจาเรนาติ ‘‘อหํ สมโณ’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนสฺาสมุฏฺิเตน สมุทาจาเรน, ตนฺนิมิตฺเตน วา ตพฺโพหาเรน. ปุพฺพโยเคติ ปุพฺพโยคกถายํ. ปปฺโจ เอสาติ เอโส ตุมฺเหสุ อาคเตสุ ยถาปวตฺโต ปฏิสนฺถาโร กถาสมุทาจาโร จ อมฺหากํ ปปฺโจ. เอตฺตกมฺปิ อกตฺวา สมณธมฺมเมว กโรมาติ อธิปฺปาโย.
อริยภูมึ ปตฺโตติ อนาคามิผลํ อธิคโต. ปกฺกุสาติกุลปุตฺตํ สนฺธาย วทติ. วิภชิตฺวาติ วิภาคํ กตฺวา. ตุริตาลปนวเสนาติ ตุริตํ อาลปนวเสน. เตน ทุลฺลโภ อยํ สมโณ, ตสฺมา สีฆมสฺส ปฺโห กเถตพฺโพ, อิมินา จ สีฆํ คนฺตฺวา สตฺถา ปุจฺฉิตพฺโพติ ตุริตํ อาลปีติ ทสฺเสติ. ‘‘ยถา วา’’ติอาทินา ปน วจนาลงฺการวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ อาลปติ. เอวมาหาติ ‘‘ภิกฺขุ ภิกฺขู’’ติ เอวํ ทฺวิกฺขตฺตุํ อโวจ.
วมฺมิกปริยาเยน ¶ กรชกายํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ทสฺเสนฺตี เทวตา ‘‘อยํ วมฺมิโก’’ติ อาห. ตาย ปน ภาวตฺถสฺส อภาสิตตฺตา สทฺทตฺถเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุรโต ิตํ…เป… อยนฺติ อาหา’’ติ อโวจ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. มณฺฑูกนฺติ ถลมณฺฑูกํ. โส หิ อุทฺธุมายิกาติ วุจฺจติ, น อุทกมณฺฑูโก. ตสฺส นิวาสโต วาโต มา โข พาธยิตฺถาติ ‘‘อุปริวาตโต อปคมฺมา’’ติ วุตฺตํ. กถํ ปนายํ เทวตา อิมินา นีหาเรน อิเม ปฺเห เถรสฺส อาจิกฺขีติ? เกจิ ตาว อาหุ – ยถาสุตมตฺถํ อุปมาภาเวน คเหตฺวา อตฺตโน ปฏิภาเนน อุปเมยฺยตฺถํ มนสา จินฺเตตฺวา ตํ ภควาว อิมสฺส อาจิกฺขิสฺสติ. สา จ เทสนา อตฺถาย หิตาย สุขาย โหตีติ ‘‘อยํ วมฺมิโก’’ติอาทินา อุปมาวเสเนว ปนฺนรส ปฺเห เถรสฺส อาจิกฺขิ. กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิร พาราณสิยํ เอโก เสฏฺิ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหนฺตํ นิธานํ ¶ นิทหิตฺวา ปลิฆาทิอาการานิ กานิจิปิ ลงฺคานิ ตตฺถ เปสิ. โส มรณกาเล อตฺตโน สหายสฺส พฺราหฺมณสฺส อาโรเจสิ – ‘‘อิมสฺมึ าเน มยา นิธานํ นิทหิตํ, ตํ มม ปุตฺตสฺส วิฺุตํ ปตฺตสฺส ทสฺเสตี’’ติ วตฺวา กาลมกาสิ. พฺราหฺมโณ สหายกปุตฺตสฺส วิฺุตํ ปตฺตกาเล ตํ านํ ทสฺเสสิ. โส นิขนิตฺวา สพฺพปจฺฉา นาคํ ปสฺสิ, นาโค อตฺตโน ปุตฺตํ ทิสฺวา ‘‘สุเขเนว ธนํ คณฺหตู’’ติ อปคจฺฉิ. สฺวายมตฺโถ ตทา โลเก ปากโฏ ชาโต. อยํ ปน เทวตา ตทา พาราณสิยํ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อุรํ ทตฺวา สาสเน ปพฺพชิโต ปฺจหิ สหายกภิกฺขูหิ สทฺธึ สมณธมฺมมกาสิ. เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปฺจ ภิกฺขู นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา’’ติอาทิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยถาสุตมตฺถํ อุปมาภาเวน คเหตฺวา’’ติอาทิ. อปเร ปน ‘‘เทวตา อตฺตโน ปฏิภาเนน อิเม ปฺเห เอวํ อภิสงฺขริตฺวา เถรสฺส อาจิกฺขี’’ติ วทนฺติ. เทวปุตฺเต นิสฺสกฺกํ เทวปุตฺตปฺหตฺตา ตสฺส อตฺถสฺส.
๒๕๑. จตูหิ มหาภูเตหิ นิพฺพตฺโตติ จาตุมหาภูติโก. เตนาห ‘‘จตุมหาภูตมยสฺสา’’ติ. วมติ อุคฺคิรนฺโต วิย โหตีติ อตฺโถ. วนฺตโกติ อุจฺฉฑฺฑโก. วนฺตุสฺสโยติ อุปจิกาหิ วนฺตสฺส มตฺติกาปิณฺฑสฺส อุสฺสยภูโต. วนฺตสิเนหสมฺพทฺโธติ วนฺเตน เขฬสิเนเหน สมฺปิณฺฑิโต. อสุจิกลิมลํ วมตีติ เอตฺถ มุขาทีหิ ปาณกานํ นิคฺคมนโต ปาณเก วมตีติ อยมฺปิ อตฺโถ ลพฺภเตว. อริเยหิ วนฺตโกติ กายภาวสามฺเน วุตฺตํ. ทุกฺขสจฺจปริฺาย วา สพฺพสฺสปิ เตภูมกธมฺมชาตสฺส ปริฺาตตฺตา สพฺโพปิ กาโย อริเยหิ ฉนฺทราคปฺปหาเนน วนฺโต เอว. ตํ สพฺพนฺติ เยหิ ตีหิ อฏฺิสเตหิ อุสฺสิโต, เยหิ นฺหารูหิ สมฺพทฺโธ, เยหิ มํเสหิ อวลิตฺโต, เยน อลฺลจมฺเมน ปริโยนทฺโธ, ยาย ฉวิยา รฺชิโต, ตํ อฏฺิอาทิสพฺพํ อจฺจนฺตเมว ชิคุจฺฉิตฺวา วิรตฺตตายวนฺตเมว. ‘‘ยถา จา’’ติอาทินา วตฺตพฺโพปมโตปิ วมฺมิโก วิย วมฺมิโกติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.
สมฺภวติ ¶ เอตสฺมาติ สมฺภโว, มาตาเปตฺติโก สมฺภโว เอตสฺสาติ มาตาเปตฺติกสมฺภโว. ตสฺส. อุปจิยติ เอเตนาติ อุปจโย’ โอทนกุมฺมาสํ อุปจโย เอตสฺสาติ โอทนกุมฺมาสูปจโย. ตสฺส. อธุวสภาวตาย ¶ อนิจฺจธมฺมสฺส, เสทคูถ-ปิตฺต-เสมฺหาทิ-ธาตุกฺโขภ-ครุภาวทุคฺคนฺธานํ วิโนทนาย อุจฺฉาเทตพฺพธมฺมสฺส, ปริโต สมฺพาหเนน ปริมทฺทิตพฺพธมฺมสฺส, ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวตาย เภทนธมฺมสฺส, ตโต เอว วิกิรณสภาวตาย วิทฺธํสนธมฺมสฺสาติ ธมฺม-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ตนุวิเลปเนนาติ กายาวเลปเนน อุจฺฉาทนวิเลปเนน. องฺคปจฺจงฺคาพาธวิโนทนตฺถายาติ ตาทิสสมุฏฺาน-สรีรวิการวิคมาย. ยสฺมา สุกฺกโสณิตํ อาหาโร, อุจฺฉาทนํ ปริมทฺทนฺจ ยถารหํ อุปฺปาทสฺส, วุฑฺฒิยา จ ปจฺจโย, ตสฺมา อาห ‘‘มาตาเปตฺติก…เป… กถิโต’’ติ. อุจฺจาวจภาโวติ ยถารหํ โยเชตพฺโพ – โอทนกุมฺมาสูปจย-อุจฺฉาทนปริมทฺทนคฺคหเณหิ อุจฺจภาโว, วฑฺฒี. มาตาเปตฺติกสมฺภวคฺคหเณน สมุทโย. อิตเรหิ อวจภาโว, ปริหานิ, อตฺถงฺคโม ปกาสิโต. องฺคปจฺจงฺคานํ สณฺปนมฺปิ หิ วฏฺฏปจฺจยตฺตา วฏฺฏนฺติ.
โกโธ ธูโมติ เอตฺถ ธูมปริยาเยน โกธสฺส วุตฺตตฺตา ธูม-สทฺโท โกเธ วตฺตตีติ วุตฺตํ ‘‘ธูโม วิย ธูโม’’ติ. ภสฺมนีติ ภสฺมํ. โมสวชฺชนฺติ มุสาวาโท. ธูโม เอว ธูมายิตํ. อิจฺฉา ธูมายิตํ เอติสฺสาติ อิจฺฉาธูมายิตา, ปชา. อิจฺฉาธูมายิตสทฺทสฺส ตณฺหาย วุตฺติ วุตฺตนโย เอว. ธูมายนฺโตติ วิตกฺกสนฺตาเปน สํตปฺเปนฺโต, วิตกฺเกนฺโตติ อตฺโถ. ปลิโปติ ทุกฺกรมหากทฺทมํ. ติมูลนฺติ ตีหิ มูเลหิ ปติฏฺิตํ วิย อจลํ ปวตฺตนฺติ วุตฺตํ. รโช จ ธูโม จ มยา ปกาสิตาติ รชสภาวกรณฏฺเน ‘‘รโช’’ติ จ ธูมสภาวกรณฏฺเน ‘‘ธูโม’’ติ จ มยา ปกาสิตา. ปกติธูโม วิย อคฺคิสฺส กิเลสคฺคิชาลสฺส ปฺาณภาวโต. ธมฺมเทสนาธูโม าณคฺคิสนฺธีปนสฺส ปุพฺพงฺคมภาวโต. อยํ รตฺตึ ธูมายนาติ ยา ทิวา กตฺตพฺพกมฺมนฺเต อุทฺทิสฺส รตฺติยํ อนุวิตกฺกนา, อยํ รตฺตึ ธูมายนา.
สตฺตนฺนํ ธมฺมานนฺติ อิทํ สุตฺเต (จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๘) อาคตนเยน วุตฺตํ. สุตฺตฺจ ตถา อาราธนเวเนยฺยชฺฌาสยวเสน. ตเทกฏฺตาย วา ตทฺกิเลสานํ. สุนฺทรปฺโติ าตตีรณปหานปริฺาย ปฺาย สุนฺทรปฺโ.
เอตนฺติ ¶ ‘‘สตฺถ’’นฺติ เอตํ อธิวจนํ สํกิเลสธมฺมานํ สสนโต สมุจฺฉินฺทนโต. นฺติ วีริยํ. ปฺาคติกเมว ปฺาย หิตสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา. โลกิยาย ปฺาย อารมฺภกาเล โลกิยวีริยํ ¶ คเหตพฺพํ, โลกุตฺตราย ปฺาย ปวตฺติกฺขเณ โลกุตฺตรวีริยํ คเหตพฺพนฺติ โยชนา. อตฺถทีปนาติ อุปเมยฺยตฺถทีปนี อุปมา.
คามโตติ อตฺตโน วสนคามโต. มนฺเตติ อาถพฺพนมนฺเต. เต หิ พฺราหฺมณา อรฺเ เอว วาเจนฺติ ‘‘มา อฺเ อสฺโสสุ’’นฺติ. ตถา อกาสีติ จตฺตาโร โกฏฺาเส อกาสิ. เอวเมตฺถ วมฺมิกปฺหสฺเสว วเสน อุปมา อาคตา, เสสานํ วเสน เหฏฺา วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา.
ลงฺคนฏฺเน นิวารณฏฺเน ลงฺคี, ปลิโฆ. าณมุเขติ วิปสฺสนาาณวีถิยํ. ปตตีติ ปวตฺตติ. กมฺมฏฺานอุคฺคหปริปุจฺฉาวเสนาติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานสฺส อุคฺคณฺหเนน ตสฺส อตฺถปริปุจฺฉาวเสน เจว วิปสฺสนาสงฺขาต-อตฺถวินิจฺฉย-ปริปุจฺฉาวเสน จ. สพฺพโส าตุํ อิจฺฉา หิ ปริปุจฺฉา. วิปสฺสนา จ อนิจฺจาทิโต สพฺพเตภูมกธมฺมานํ าตุํ อิจฺฉติ. เอวํ วิปสฺสนาวเสน อวิชฺชาปหานมาห, อุปริกตฺตพฺพสพฺภาวโต น ตาว มคฺควเสน.
วลฺลิอนฺตเร วาติ วา-สทฺโท ปํสุอนฺตเร วา มตฺติกนฺตเร วาติ อวุตฺตวิกปฺปตฺโถ. จิตฺตาวิลมตฺตโกวาติ จิตฺตกฺโขภมตฺตโกว. อนิคฺคหิโตติ ปฏิสงฺขานพเลน อนิวาริโต. มุขวิกุลนํ มุขสงฺโกโจ. หนุสฺโจปนํ ปาเปติ อนฺโตชปฺปนาวตฺถายํ. ทิสา วิโลกนํ ปาเปติ ยตฺถ พาเธตพฺโพ ิโต, ตํทสฺสนตฺถํ นิวารกปริวารณตฺถํ. ทณฺฑสตฺถาภินิปาตนฺติ ทณฺฑสตฺถานํ ปรสฺส อุปริ นิปาตนาวตฺถํ. เยน โกเธน อนิคฺคหิเตน มาตาทิกํ อฆาเตตพฺพํ อุคฺฆาเตตฺวา ‘‘อยุตฺตํ วต มยา กต’’นฺติ อตฺตานมฺปิ หนติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ปรฆาตนมฺปิ อตฺตฆาตนมฺปิ ปาเปตี’’ติ. เยน วา ปรสฺส หฺมานสฺส วเสน ฆาตโกปิ ฆาตนํ ปาปุณาติ, ตาทิสสฺส วเสนายมตฺโถ เวทิตพฺโพ. โกธสามฺเน เหตํ วุตฺตํ ‘‘ปรํ ฆาเตตฺวา อตฺตานํ ฆาเตตี’’ติ. ปรมุสฺสทคโตติ ปรมุกฺกํสคโต. ทฬฺหํ ปริสฺสยมาวหตาย โกโธว โกธูปายาโส. เตนาห ‘‘พลวปฺปตฺโต’’ติอาทิ.
ทฺเวธาปถสมา ¶ โหติ อปฺปฏิปตฺติเหตุภาวโต.
กุสลธมฺโม น ติฏฺติ นีวรเณหิ นิวาริตปรมตฺตา. สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาวยโต ปมํ สมเถน นีวรณวิกฺขมฺภนํ โหติ, วิปสฺสนา ปน ตทงฺควเสเนว ตานิ นีหรตีติ วุตฺตํ ‘‘วิกฺขมฺภนตทงฺควเสนา’’ติ.
‘‘กุมฺโมว ¶ องฺคานิ สเก กปาเล’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๗) กุมฺมสฺส องฺคภาเวน วิเสสโต ปาทสีสานิ เอว วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘ปฺเจว องฺคานิ โหนฺตี’’ติ. วิปสฺสนาจารสฺส วุจฺจมานตฺตา อธิการโต สมฺมสนียานเมว ธมฺมานํ อิธ คหณนฺติ ‘‘สพฺเพปิ สงฺขตา ธมฺมา’’ติ วิเสสํ กตฺวาว วุตฺตํ. เตนาห ภควา ‘‘ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ.
สุนนฺติ โกฏฺฏนฺติ เอตฺถาติ สูนา, อธิกุฏฺฏนนฺติ อาห ‘‘สูนาย อุปรี’’ติ. อสินาติ มํสกนฺตเนน. ฆาติยมานาติ หฺมานา วิพาธิยมานา. วตฺถุกามานํ อุปริ กตฺวาติ วตฺถุกาเมสุ เปตฺวา เต อจฺจาธานํ กตฺวา. กนฺติตาติ ฉินฺทิตา. โกฏฺฏิตาติ พิลโส วิภชิตา. ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ ฉนฺทราคสฺส วิกฺขมฺภนปฺปหานํ.
สมฺมตฺตาติ มุจฺฉิตา สมฺมูฬฺหา. นนฺทีราคํ อุปคมฺม วฏฺฏํ วฑฺเฒนฺตีติ สมฺมูฬฺหตฺตา เอวอาทีนวํ อปสฺสนฺตา นนฺทีราคสฺส อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ตํ ปริพฺรูเหนฺติ. นนฺทีราคพทฺธาติ นนฺทีราเค ลคฺคตฺตา เตน พทฺธา. วฏฺเฏ ลคฺคนฺตีติ เตภูมเก วฏฺเฏ สชฺชนฺติ. ตตฺถ สชฺชตฺตา เอว ทุกฺขํ ปตฺวาปิ น อุกฺกณฺนฺติ น นิพฺพินฺทนฺติ. อิธ อนวเสสปฺปหานํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘จตุตฺถมคฺเคน นนฺทีราคปฺปหานํ กถิต’’นฺติ.
อนงฺคณสุตฺเต (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๖๓) ปกาสิโต เอว ‘‘ฉนฺทาทีหิ น คจฺฉนฺตี’’ติอาทินา. ‘‘พุทฺโธ โส ภควา’’ติอาทิ ‘‘นโม กโรหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๙, ๒๕๑) วุตฺตนมกฺการสฺส กรณาการทสฺสนํ. โพธายาติ จตุสจฺจสมฺโพธาย. ตถา ทมถสมถตรณปรินิพฺพานานิ อริยมคฺควเสน เวทิตพฺพานิ. สมถปรินิพฺพานานิ ปน อนุปาทิเสสวเสนปิ โยเชตพฺพานิ. กมฺมฏฺานํ อโหสีติ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ อโหสิ. เอตสฺส ปฺหสฺสาติ เอตสฺส ปนฺนรสมสฺส ปฺหสฺส อตฺโถ. เอวํ อิตเรสุปิ วตฺตพฺพํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ ขีณาสวคุเณหิ มตฺถกํ ปาเปนฺโต ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสิ, น ¶ ปุจฺฉิตานุสนฺธินาติ อธิปฺปาโย. นนุ จ ปุจฺฉาวเสนายํ เทสนา อารทฺธาติ? สจฺจํ อารทฺธา, เอวํ ปน ‘‘ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป’’ติ วตฺตพฺพํ, น ‘‘ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน นิฏฺปิตา’’ติ. อนฺตรปุจฺฉาวเสน เทสนาย อปริวตฺติตตฺตา อารมฺภานุรูปเมว ปน เทสนา นิฏฺปิตา.
วมฺมิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. รถวินีตสุตฺตวณฺณนา
๒๕๒. มหาโควินฺเทน ¶ ปริคฺคหิตตากิตฺตนํ ตทา มคธราเชน ปริคฺคหิตูปลกฺขณํ. ตสฺส หิ โส ปุโรหิโต. มหาโควินฺโทติ ปุราตโน เอโก มคธราชาติ เกจิ. คยฺหตีติ คโห, ราชูนํ คโห ราชคหํ. นคร-สทฺทาเปกฺขาย นปุํสกนิทฺเทโส. อฺเเปตฺถ ปกาเรติ ราชูหิ ทิสฺวา สมฺมา ปติฏฺาปิตตฺตา เตสํ คหํ เคหภูตนฺติปิ ราชคหํ. อารกฺขสมฺปตฺติอาทินา อนตฺถุปฺปตฺติเหตุตาย อุปคตานํ ปฏิราชูนํ คหํ คหภูตนฺติปิ ราชคหํ, อารามรามณียกาทีหิ ราชเต, นิวาสสุขตาทินา สตฺเตหิ มมตฺตวเสน คยฺหติ, ปริคฺคยฺหตีติ วา ราชคหนฺติ เอวมาทิเก ปกาเร. พุทฺธกาเล จ จกฺกวตฺติกาเล จาติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. เวฬูหิ ปริกฺขิตฺตํ อโหสิ, น ปน เกวลํ กฏฺกปวนเมว. รฺโ อุยฺยานกาเล ปติฏฺาปิตอฏฺฏาลกวเสน อฏฺฏาลกยุตฺตํ.
ชนนํ ชาติ, ชาติยา ภูมิ ชาติภูมํ, ชายิ วา มหาโพธิสตฺโต เอตฺถาภิ ชาติ, สา เอว ภูมีติ ชาติภูมํ, สา อิเมสํ นิวาโสติ ชาติภูมกาติ อาห ‘‘ชาติภูมกาติ ชาติภูมิวาสิโน’’ติ. กสฺส ปนายํ ชาติภูมีติ อาห ‘‘ตํ โข ปนา’’ติอาทิ. เตน อนฺสาธารณาย ชาติยา อธิปฺเปตตฺตา สเทวเก โลเก สุปากฏภาวโต วิเสสเนน วินาปิ วิสิฏฺวิสโยว อิธ ชาติ-สทฺโท วิฺายตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺส ชาตฏฺานสากิยชนปโท’’ติ. ตตฺถปิ กปิลวตฺถุสนฺนิสฺสโย ปเทโสติ อาห ‘‘กปิลวตฺถาหาโร’’ติ.
ครุธมฺมภาววณฺณนา
สากิยมณฺฑลสฺสาติ ¶ สากิยราชสมูหสฺส. ทสนฺนํ อปฺปิจฺฉกถาทีนํ วตฺถุ ทสกถาวตฺถุ, อปฺปิจฺฉตาทิ. ตตฺถ สุปฺปติฏฺิตตาย ตสฺส ลาภี ทสกถาวตฺถุลาภี. ตตฺถาติ ทสกถาวตฺถุสฺมึ.
ครุกรณียตาย ธมฺโม ครุ เอตสฺสาติ ธมฺมครุ, ตสฺส ภาโว ธมฺมครุตา, ตาย. ‘‘อชฺฌาสเยน เวทิตพฺโพ’’ติ วตฺวา น เกวลํ อชฺฌาสเยเนว, อถ โข กายวจีปโยเคหิปิ เวทิตพฺโพติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘ธมฺมครุตาเยว หี’’ติอาทิมาห. ติยามรตฺตึ ธมฺมกถํ กตฺวาติ เอตฺถ ‘‘กุมฺภการสฺส นิเวสเน ติยามรตฺตึ วสนฺโต ธมฺมกถํ กตฺวา’’ติ เอวํ วจนเสสวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อฺถา ยถาลาภวเสน อตฺเถ คยฺหมาเน ติยามรตฺตึ ธมฺมกถา กตาติ อาปชฺชติ, น จ ตํ อตฺถิ. วกฺขติ หิ ‘‘พหุเทว รตฺตินฺติ ทิยฑฺฒยามมตฺต’’นฺติ. ทสพลาทิคุณวิเสสา วิย ธมฺมคารวเหตุกา ปรหิตปฏิปตฺติปิ สพฺพพุทฺธานํ มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย สทิสา เอวาติ อิมสฺส ภควโต ธมฺมคารวกิตฺตเน ‘‘กสฺสโปปิ ภควา’’ติอาทินา กสฺสปภควโต ธมฺมคารวํ ทสฺเสติ.
จาริกํ นิกฺขมีติ ชนปทจาริกํ จริตุํ นิกฺขมิ. ชนปทจาริกาย อกาเล นิกฺขนฺตตฺตา โกสลราชาทโย วาเรตุํ อารภึสุ. ปวาเรตฺวา หิ จรณํ พุทฺธาจิณฺณํ. ปุณฺณาย สมฺมาปฏิปตฺตึ ปจฺจาสีสนฺโต ภควา ‘‘กึ เม กริสฺสสี’’ติ อาห.
อนหาโตวาติ ธมฺมสวนุสฺสุกฺเกน สายนฺเห พุทฺธาจิณฺณํ นฺหานํ อกตฺวาว. อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺตีสุ เอกิสฺสา ทฺวินฺนฺจ อตฺถิตาสิทฺธา จตุพฺพิธตา ปฏิปตฺติกตา เอว นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปฏิปนฺนโก จ นาม…เป… จตุพฺพิโธ โหตี’’ติ. ปฏิกฺเขปปุพฺพโกปิ หิ ปฏิปนฺโน อตฺถโต ปฏิปนฺนตฺโถ เอวาติ. กามํ อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน ตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สาสนํ โสภติ, น ปน สาสนํ วฑฺเฒติ อปฺโปสฺสุกฺกภาวโต, น จ การุณิกสฺส ภควโต สพฺพถา มโนรถํ ปูเรติ. ตถา หิ ภควา ปมโพธิยํ เอกสฏฺิยา จ อรหนฺเตสุ ชาเตสุ ¶ – ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, พหุชนหิตายา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๘๖-๘๘; มหาว. ๓๒) ภิกฺขู ปรหิตปฏิปตฺติยํ นิโยเชสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวรูปํ ภิกฺขุํ ภควา น ปุจฺฉติ, กสฺมา? น มยฺหํ สาสนสฺส วุฑฺฒิปกฺเข ิโต’’ติ.
สมุทาโย อปฺปเกน อูโนปิ อนูโน วิย โหตีติ พากุลตฺเถรํ จตุตฺถราสิโต พหิ กตฺวาปิ ‘‘อสีติมหาเถรา วิยา’’ติ วุตฺตํ. อสีติมหาเถรสมฺา วา อวยเวปิ อฏฺสมาปตฺติสามฺา วิย ทฏฺพฺพา. อีทิเส าเน พหูนํ เอกโต กถนํ มหตา กณฺเน จ กถนํ สตฺถุ จิตฺตาราธนเมวาติ เตหิ ภิกฺขูหิ ตถา ปฏิปนฺนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เต ภิกฺขู เมฆสทฺทํ สุตฺวา’’ติอาทิมาห. คุณสมฺภาวนายาติ วกฺขมานคุณเหตุกาย สมฺภาวนาย สมฺภาวิโต, น เยน เกนจิ กิจฺจสมตฺถตาทินา.
ครุธมฺมภาววณฺณนา นิฏฺิตา.
อปฺปิจฺฉตาทิวณฺณนา
อปฺป-สทฺทสฺส ¶ ปริตฺตปริยายตํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘พฺยฺชนํ สาวเสสํ วิยา’’ติ. เตนาห ‘‘น หิ ตสฺสา’’ติอาทิ. อปฺป-สทฺโท ปเนตฺถ อภาวตฺโถติ สกฺกา วิฺาตุํ ‘‘อปฺปาพาธตฺจ สฺชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๕; ๒.๑๓๔) วิย.
อตฺริจฺฉตา นาม (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๖๓) อตฺร อตฺร อิจฺฉาติ กตฺวา. อสนฺตคุณสมฺภาวนตาติ อตฺตนิ อวิชฺชมานํ คุณานํ วิชฺชมานานํ วิย ปเรสํ ปกาสนา. สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตูติ วตฺตปฏิปตฺติการกวิเสสลาภีติ ชานาตุ ‘‘วตฺตปฏิปตฺติอาปาถกชฺฌายิตา’’ติ เอวมาทินา. สนฺตคุณสมฺภาวนาติ อิจฺฉาจาเร ตฺวา อตฺตนิ วิชฺชมานสีลธุตธมฺมาทิคุณวิภาวนา. ตาทิสสฺส หิ ปฏิคฺคหเณ อมตฺตฺุตาปิ โหติ.
คณฺหนฺโตเยว อุมฺมุชฺชิ อฺเสํ อชานนฺตานํเยวาติ อธิปฺปาโย.
อปฺปิจฺฉตาปธานํ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน จตุพฺพิธํ อิจฺฉาปเภทํ ทสฺเสตฺวา ปุนปิ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน จตุพฺพิธํ อิจฺฉาปเภทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปโรปิ จตุพฺพิโธ ¶ อปฺปิจฺโฉ’’ติอาทิมาห. ทายกสฺส วสนฺติ ทายกสฺส จิตฺตวสํ. เทยฺยธมฺมสฺส วสนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส อปฺปพหุภาวํ. อตฺตโน ถามนฺติ อตฺตโน ยาปนมตฺตกถามํ.
เอกภิกฺขุปิ น อฺาสิ โสสานิกวตฺเต สมฺมเทว วุตฺติตฺตา. อพฺโพกิณฺณนฺติ อวิจฺเฉทํ. ทุติโย มํ น ชาเนยฺยาติ ทุติโย สหายภูโตปิ ยถา มํ ชานิตุํ น สกฺกุเณยฺย, ตถา สฏฺิ วสฺสานิ นิรนฺตรํ สุสาเน วสามิ, ตสฺมา อหํ อโห โสสานิกุตฺตโม.
ธมฺมกถาย ชนตํ โขเภตฺวาติ โลมหํสนสาธุการทานเจลุกฺเขปาทิวเสน สนฺนิปติตํ อิตรฺจ ‘‘กถํ นุ โข อยฺยสฺส สนฺติเกว ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ โกลาหลวเสน มหาชนํ โขเภตฺวา. คโตติ ‘‘อยํ โส, เตน รตฺติยํ ธมฺมกถา กตา’’ติ ชานนภเยน ปริยตฺติอปฺปิจฺฉตาย ปริเวณํ คโต.
ตโย ¶ กุลปุตฺตา วิยาติ ปาจีนวํสทาเย สมคฺควาสํ วุตฺถา ตโย กุลปุตฺตา วิย. ปหายาติ ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิวเสน ปจฺฉา อคฺคมคฺเคเนว ปชหิตฺวา.
อปฺปิจฺฉตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺวาทสวิธสนฺโตสวณฺณนา
ปกติทุพฺพลาทีนํ ครุจีวราทีนิ นผาสุภาวาวหานิ สรีรเขทาวหานิ จ โหนฺตีติ ปโยชนวเสน นอตฺริจฺฉตาทิวเสน ตานิ ปริวตฺเตตฺวา ลหุกจีวรปริโภโค น สนฺโตสวิโรธีติ อาห ‘‘ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหตี’’ติ. มหคฺฆจีวรํ, พหูนิ วา จีวรานิ ลภิตฺวาปิ ตานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ตทฺสฺส คหณํ ยถาสารุปฺปนเย ิตตฺตา น สนฺโตสวิโรธีติ อาห ‘‘เตสํ…เป… ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหตี’’ติ. เอวํ เสสปจฺจเยสุปิ ยถาพลยถาสารุปฺปสนฺโตสนิทฺเทเสสุ อปิสทฺทคฺคหเณ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. ยถาสารุปฺปสนฺโตโสเยว อคฺโค อโลภชฺฌาสยสฺส อุกฺกํสนโต.
ทฺวาทสวิธสนฺโตสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ติวิธปวิเวกวณฺณนา
เอโกติ ¶ เอกากี. คจฺฉตีติ จุณฺณิกอิริยาปถวเสน วุตฺตํ. จรตีติ วิหารโต พหิ สฺจารวเสน, วิหรตีติ ทิวาวิหาราทิวเสน. กายวิเวโกติ จ เนกฺขมฺมาธิมุตฺตสฺส ภาวนานุโยควเสน วิเวกฏฺกายตา, น ฌานวิเวกมตฺตํ. เตนาห ‘‘เนกฺขมฺมาภิรตาน’’นฺติ. ปริสุทฺธจิตฺตานนฺติ นีวรณาทิสํกิเลสโต วิสุทฺธจิตฺตานํ. ปรมโวทานปฺปตฺตานนฺติ วิตกฺกาทิตํตํฌานปฏิปกฺขวิคเมน ปรมํ อุตฺตมํ โวทานํ ปตฺตานํ. นิรุปธีนนฺติ กิเลสุปธิอาทีนํ วิคเมน นิรุปธีนํ.
ติวิธปวิเวกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจวิธสํสคฺควณฺณนา
สํสีทติ ¶ เอเตนาติ สํสคฺโค, ราโค. สวนเหตุโก, สวนวเสน วา ปวตฺโต สํสคฺโค สวนสํสคฺโค. เอส นโย เสเสสุปิ. กายสํสคฺโค ปน กายปรามาโส. อิตฺถี วาติ วธู, ยุวตี วา. สนฺธาเนตุนฺติ ปุพฺเพนาปรํ ฆเฏตุํ. โสตวิฺาณวีถิวเสนาติ อิทํ มูลภูตํ สวนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺส ปิฏฺิวตฺตกมโนทฺวาริกชวนวีถีสุ อุปฺปนฺโนปิ ราโค สวนสํสคฺโคเยว. ทสฺสนสํสคฺเคปิ เอเสว นโย. อนิตฺถิคนฺธโพธิสตฺโต ปเรหิ กถิยมานวเสน ปวตฺตสวนสํสคฺคสฺส นิทสฺสนํ. ติสฺสทหโร อตฺตนา สุยฺยมานวเสน. ตตฺถ ปมํ ชาตเก เวทิตพฺพนฺติ อิตรํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทหโร กิรา’’ติอาทิมาห. กามราเคน วิทฺโธติ ราคสลฺเลน หทเย อปฺปิโต อนฺโต อนุวิทฺโธ.
โสติ ทสฺสนสํสคฺโค. เอวํ เวทิตพฺโพติ วตฺถุวเสน ปากฏํ กโรติ. ตสฺมึ กิร คาเม เยภุยฺเยน อิตฺถิโย อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา, ตสฺมา เถโร ‘‘สเจ อนฺโตคาเม น จริสฺสสี’’ติ อาห. กาลสฺเสว ปวิฏฺตฺตา ยาคุํ อทาสิ, ตสฺมา ยาคุเมว คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ ‘‘นิวตฺตถ, ภนฺเต, ภิกฺขํ คณฺหาหี’’ติ อาหํสุ. ยาจิตฺวาติ ‘‘น มยํ, ภนฺเต, ภิกฺขํ ทาตุกามา นิวตฺเตม, อปิจ อิทํ ภนฺเต การณ’’นฺติ ยาจิตฺวา.
อาทิโต ¶ ลปนํ อาลาโป, วจนปฏิวจนวเสน ปวตฺโต ลาโป สลฺลาโป. ภิกฺขุนิยาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. ยาย กายจิปิ อิตฺถิยา สนฺตกปริโภควเสน อุปฺปนฺนราโคปิ สมฺโภคสํสคฺโคว.
ปฺจวิธสํสคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
คาหคาหกาทิวณฺณนา
ภิกฺขุโน ภิกฺขูหิ กายปรามาโส กายสมฺพาหนาทิวเสน. กายสํสคฺคนฺติ กายปรามาสสํสคฺคํ. คาหคาหโกติ คณฺหนกานํ คณฺหนโกติ อตฺโถ. คาหมุตฺตโกติ อโยนิโส อามิเสหิ สงฺคณฺหนเกหิ สยํ มุจฺจนโก. มุตฺตคาหโกติ ยถาวุตฺตสงฺคหโต มุตฺตานํ สงฺคณฺหนโก. มุตฺตมุตฺตโกติ มุจฺจนเกหิ สยมฺปิ มุจฺจนโก. คหณวเสน สงฺคณฺหนวเสน. อุปสงฺกมนฺติ ตโต กิฺจิ ¶ โลกามิสํ ปจฺจาสีสนฺตา, น ทกฺขิเณยฺยวเสน. ภิกฺขุปกฺเข คหณวเสนาติ ปจฺจยลาภาย สงฺคณฺหนวเสนาติ โยเชตพฺพํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘อามิเสนา’’ติอาทินา วุตฺตนเยน.
านนฺติ อตฺตโน านาวตฺถํ. ปาปุณิตุํ น เทติ อุปฺปนฺนเมว ตํ ปฏิสงฺขานพเลน นีหรนฺโต วิกฺขมฺเภติ. เตนาห ‘‘มนฺเตนา’’ติอาทิ. ยถา ชีวิตุกาโม ปุริโส กณฺหสปฺเปน, อมิตฺเตน วา สห น สํวสติ, เอวํ ขณมตฺตมฺปิ กิเลเสหิ สห น สํวสตีติ อตฺโถ.
จตุปาริสุทฺธิสีลํ โลกิยํ โลกุตฺตรฺจ. ตถา สมาธิปิ. วิปสฺสนาย ปาทกา วิปสฺสนาปาทกาติ อฏฺสมาปตฺติคฺคหเณน ยถา โลกิยสมาธิ คหิโต, เอวํ วิปสฺสนาปาทกา เอเตสนฺติ วิปสฺสนาปาทกาติ อฏฺสมาปตฺติคฺคหเณเนว โลกุตฺตโร สมาธิ คหิโต. ยถา หิ จตฺตาริ รูปชฺฌานานิ อธิฏฺานํ กตฺวา ปวตฺโต มคฺคสมาธิ วิปสฺสนาปาทโก, เอวํ จตฺตาริ อรูปชฺฌานานิ อธิฏฺานํ กตฺวา ปวตฺโตปิ. สมาปตฺติปริยาโย ปน ปุพฺพโวหาเรน เวทิตพฺโพ. ปฏิปกฺขสมุจฺเฉทเนน สมฺมา อาปชฺชนโต วา ยถา ‘‘โสตาปตฺติมคฺโค’’ติ. เอวเมตฺถ สีลสมาธีนมฺปิ มิสฺสกภาโว เวทิตพฺโพ, น ปฺาย เอว. วิมุตฺตีติ อริยผลนฺติ วุตฺตํ ‘‘วิมุตฺติสมฺปนฺโน’’ติ วุตฺตตฺตา. ตฺหิ นิปฺผาทนฏฺเน สมฺปาเทตพฺพํ, น นิพฺพานนฺติ.
เอตฺถ ¶ จ อปฺปิจฺฉตาย ลทฺธปจฺจเยน ปริตุสฺสติ, สนฺตุฏฺตาย ลทฺธา เต อคธิโต อมุจฺฉิโตอาทีนวทสฺสี นิสฺสรณปฺโ ปริภฺุชติ, เอวํภูโต จ กตฺถจิ อลคฺคมานสตาย ปวิเวกํ ปริพฺรูเหนฺโต เกนจิ อสํสฏฺโ วิหรติ คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. โส เอวํ อชฺฌาสยสมฺปนฺโน วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา, อนธิคมสฺส อธิคมาย. อารภนฺโต จ ยถาสมาทินฺนํ อตฺตโน สีลํ ปจฺจเวกฺขติ, ตสฺส สีลสฺส สุปริสุทฺธตํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ อวิปฺปฏิสาโร, อยมสฺส สีลสมฺปทา. ตสฺส อวิปฺปฏิสารมูลเกหิ ปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิสุเขหิ สมฺมา พฺรูหิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว สมาธิยติ, อยมสฺส สมาธิสมฺปทา. ตโต ยถาภูตํ ชานํ ปสฺสํ นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติ, อยมสฺส ปฺาสมฺปทา. วิมุตฺตจิตฺตตา ปนสฺส วิมุตฺติสมฺปทา, ตโต วิมุตฺติโต าณทสฺสนนฺติ เอเตสํ ทสนฺนํ กถาวตฺถูนํ อนุปุพฺพี เวทิตพฺพา. ตสฺส โย ทสหิ กถาวตฺถูหิ สมนฺนาคโม, อยํ อตฺตหิตาย ปฏิปตฺติ. ยา เนสํ ปเรสํ สํกิตฺตนํ, อยํ ปรหิตาย ปฏิปตฺติ. ตาสุ ปุริมา าณปุพฺพงฺคมา าณสมฺปยุตฺตา จ, อิตรา กรุณาปุพฺพงฺคมา กรุณาสมฺปยุตฺตา จาติ สพฺพํ าณกรุณากณฺฑํ วตฺตพฺพํ.
ทสหิ ¶ กถาวตฺถูหิ กรณภูเตหิ ภิกฺขูนํ โอวาทํ เทติ, ‘‘ภิกฺขุนา นาม อตฺริจฺฉตาทิเก ทูรโต วชฺเชตฺวา สมฺมเทว อปฺปิจฺเฉน ภวิตพฺพ’’นฺติอาทินา ตํ ตํ กถาวตฺถุํ ภิกฺขูนํ อุปทิสตีติ อตฺโถ. อุปทิสนฺโต หิ ตานิ ‘‘เตหิ ภิกฺขู โอวทตี’’ติ วุตฺโต. โอวทติเยว สรูปทสฺสนมตฺเตน. สุขุมํ อตฺถํ ปริวตฺเตตฺวาติ เอวมฺปิ อปฺปิจฺฉตา โหติ เอวมฺปีติ อปฺปิจฺฉตาทิวเสน อปราปรํ อปฺปิจฺฉตาวุตฺตึ ทสฺเสตฺวา ตตฺถ สุขุมนิปุณํ อปฺปิจฺฉตาสงฺขาตํ อตฺถํ ชานาเปตุํ น สกฺโกติ. วิฺาเปตีติ ยถาวุตฺเตหิ วิเสเสหิ วิฺาเปติ. การณนฺติ เยน การเณน อปฺปิจฺฉตา อิชฺฌติ, ตํ ปน ‘‘มหิจฺฉตาทีสุ เอเต โทสา, อปฺปิจฺฉตาย อยมานิสํโส’’ติอาทีนวานิสํสทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ. สมฺมา เหตุนา อปฺปิจฺฉตํ ทสฺเสตีติ สนฺทสฺสโก. คาเหตุนฺติ ยถา คณฺหติ, ตถา กาตุํ, ตตฺถ ปฏฺเปตุนฺติ อตฺโถ. อุสฺสาหชนนวเสนาติ ยถา ตํ สมาทานํ นิจฺจลํ โหติ, เอวํ อุสฺโสฬฺหิยา อุปฺปาทนวเสน สมฺมเทว อุตฺเตเชตีติ สมุตฺเตชโก. อุสฺสาหชาเตติ อปฺปิจฺฉตาย ชาตุสฺสาเห. วณฺณํ วตฺวา ตตฺถ สมฺปตฺตึ อายติฺจ ลพฺภมานคุณํ กิตฺเตตฺวา สมฺปหํเสติ สมฺมเทว ปกาเรหิ โตเสตีติ ¶ สมฺปหํสโก. เอวํ สนฺตุฏฺิอาทีสุ ยถารหํ โยชนา กาตพฺพา.
คาหคาหกาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจลาภวณฺณนา
๒๕๓. สตฺถุ สมฺมุขา เอวํ วณฺโณ อพฺภุคฺคโตติ. อิมินา ตสฺส วณฺณสฺส ยถาภูตคุณสมุฏฺิตตํ ทสฺเสติ. มนฺทมนฺโท วิยาติ อติ วิย อเฉโก วิย. อพลพโล วิยาติ อติ วิย อพโล วิย. ภากุฏิกภากุฏิโก วิยาติ อติ วิย ทุมฺมุโข วิย. อนุมสฺสาติ อนุมสิตฺวา, ทส กถาวตฺถูนิ สรูปโต วิเสสโต จ อนุปริคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. ปริคฺคณฺหนํ ปน เนสํ อนุปวิสนํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อนุปวิสิตฺวา’’ติ. สพฺรหฺมจารีหิ วณฺณภาสนํ เอโก ลาโภติ โยชนา. เอวํ เสเสสุปิ. ปตฺถยมาโน เอวมาห ธมฺมครุตายาติ อธิปฺปาโย.
ปฺจลาภวณฺณนา นิฏฺิตา.
จาริกาทิวณฺณนา
๒๕๔. อภิรมนํ ¶ อภิรตํ, ตเทว อนุนาสิกโลปํ อกตฺวา วุตฺตํ ‘‘อภิรนฺต’’นฺติ. ภาวนปุํสกฺเจตํ. อนภิรติ นาม นตฺถิ, อภิรมิตฺวา จิรวิหาโรปิ นตฺถิ สมฺมเทว ปริฺาตวตฺถุกตฺตา. สพฺพสหา หิ พุทฺธา ภควนฺโต อสยฺหลาภิโน.
ปุพฺเพ ธมฺมครุตากิตฺตนปสงฺเคน คหิตํ อคฺคหิตฺจ มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทึ เอกเทเสน ทสฺเสตฺวา วนวาสิติสฺสสามเณรสฺส วตฺถุํ วิตฺถาเรตฺวา ชนปทจาริกํ กเถตุํ ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. อากาสคามีหิ สทฺธึ คนฺตุกาโม ‘‘ฉฬภิฺานํ อาโรเจหี’’ติ อาห. สงฺฆกมฺเมน สิชฺฌมานาปิ อุปสมฺปทา สตฺถุ อาณาวเสเนว สิชฺฌนโต ‘‘พุทฺธทายชฺชํ เต ทสฺสามี’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. อปเร ‘‘อปริปุณฺณวีสติวสฺสสฺเสว ตสฺส อุปสมฺปทํ อนุชานนฺโต สตฺถา ‘พุทฺธทายชฺชํ เต ¶ ทสฺสามี’ติ อโวจา’’ติ วทนฺติ. อุปสมฺปาเทตฺวาติ ธมฺมเสนาปตินา อุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทตฺวา.
นวโยชนสติกํ มชฺฌิมเทสปริยาปนฺนเมว, ตโต ปรํ นาธิปฺเปตํ ทนฺธตาวเสน คมนโต. สมนฺตาติ คตคตฏฺานสฺส จตูสุ ปสฺเสสุ. อฺเนปิ การเณนาติ ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนาตรุณภาวโต อฺเนปิ มชฺฌิมมณฺฑเล เวเนยฺยานํ าณปริปากาทิการเณน นิกฺขมติ, อนฺโตมณฺฑลํ โอตรติ. สตฺตหิ วาติอาทิ ‘‘เอกํ มาสํ วา’’ติอาทินา วุตฺตานุกฺกเมน โยเชตพฺพํ.
สรีรผาสุกตฺถายาติ เอกสฺมึเยว าเน นิพทฺธวาเสน อุสฺสนฺนธาตุกสฺส สรีรสฺส วิเรจเนน ผาสุภาวตฺถาย. อฏฺุปฺปตฺติกาลาภิกงฺขนตฺถายาติ อคฺคิกฺขนฺธูปมสุตฺต (อ. นิ. ๗.๗๒) มฆเทวชาตกาทิเทสนานํ (ชา. ๑.๑.๙) วิย ธมฺมเทสนาย อฏฺุปฺปตฺติกาลสฺส อากงฺขเนน. สุราปานสิกฺขาปทปฺาปเน (ปาจิ. ๓๒๖) วิย สิกฺขาปทปฺาปนตฺถาย. โพธเนยฺยสตฺเต องฺคุลิมาลาทิเก โพธนตฺถาย. นิพทฺธวาสฺจ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส จาริกา นิพทฺธจาริกา.
๒๕๕. อปริคฺคหภาวํ กตฺถจิ อลคฺคภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยูถํ ปหาย…เป… มตฺตหตฺถี วิยา’’ติ ¶ วุตฺตํ. อสหายกิจฺโจติ สหายกิจฺจรหิโต สีโห วิย. เตนสฺส เอกวิหาริตํ เตชวนฺตตฺจ ทสฺเสติ. ตทา ปน กายวิเวโก น สกฺกา ลทฺธุนฺติ อิทเมตฺถ การณํ ทฏฺพฺพํ. พหูหีติอาทิ ปน สภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํ. เถรสฺส ปริสา สุวินีตา จิณฺณครุวาสา ครุโน อิจฺฉานุรูปเมว วตฺตติ.
วุตฺตการณยุตฺเต อทฺธานคมเน จาริกานํ โวหาโร สาสเน นิรุฬฺโหติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. เกนจิเทว นิมิตฺเตน กิสฺมิฺจิ อตฺเถ ปวตฺตาย สฺาย ตนฺนิมิตฺตรหิเตปิ อฺสฺมึ ปวตฺติ รุฬฺหี นาม. วิชิตมารตฺตา สงฺคามวิชยมหาโยโธ วิย. อฺํ เสวิตฺวาติ ‘‘มม อาคตภาวํ สตฺถุ อาโรเจหี’’ติ อาโรจนตฺถํ อฺํ ภิกฺขุํ เสวิตฺวา.
ภควา ¶ ธมฺมํ เทเสนฺโต ตํตํปุคฺคลชฺฌาสยานุรูปํ ตทนุจฺฉวิกเมว ธมฺมึ กถํ กโรตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘จูฬโคสิงฺคสุตฺเต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สามคฺคิรสานิสํสนฺติ ‘‘กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๒๖) สามคฺคิรสานิสํสํ กเถสิ. อาวสถานิสํสนฺติ ‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนตี’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๙๕, ๓๑๕) อาวสถปฏิสํยุตฺตํ อานิสํสํ. สติปฏิลาภิกนฺติ โชติปาลตฺเถเร ลามกํ านํ โอติณฺณมตฺเต มหาโพธิปลฺลงฺเก ปน สพฺพฺุตํ ปฏิวิชฺฌิตุํ ปตฺถนํ กตฺวา ปารมิโย ปูเรนฺโต อาคโต. ตาทิสสฺส นาม ปมาทวิหาโร น ยุตฺโตติ ยถา กสฺสโป ภควา โพธิสตฺตสฺส สตึ ปฏิลภิตุํ ธมฺมึ กถํ กเถสิ, ตถา อยํ ภควา ตเมว ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตกถํ ภิกฺขูนํ ฆฏิการสุตฺตํ (ม. นิ. ๒.๒๘๒) กเถสิ. จตฺตาโร ธมฺมุทฺเทเสติ – ‘‘อุปนียติ โลโก อทฺธุโว, อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร, อสฺสโก โลโก สพฺพํ ปหาย คมนียํ, อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) อิเม จตฺตาโร ธมฺมุทฺเทเส กเถสิ. กามฺเจเต ธมฺมุทฺเทสา รฏฺปาลสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๐๔) อายสฺมตา รฏฺปาลตฺเถเรน รฺโ โกรพฺยสฺส กถิตา, เต ปน ภควโต เอว อาหริตฺวา เถเรน ตตฺถ กถิตาติ วุตฺตํ ‘‘รฏฺปาลสุตฺเต’’ติอาทิ. ตถา หิ วุตฺตํ สุตฺเต – ‘‘อตฺถิ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมุทฺเทสา อุทฺทิฏฺา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) ปานกานิสํสกถนฺติ ‘‘อคฺคิหุตฺตํ มุขํ ยฺา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๔๐๐; สุ. นิ. ๕๗๓) อนุโมทนํ วตฺวา ปุน ปกิณฺณกกถาวเสน ปานกปฏิสํยุตฺตํ อานิสํสกถํ กเถสิ. เอกีภาเว อานิสํสํ กเถสิ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ ภคุํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสี’’ติอาทิ ¶ (ม. นิ. ๓.๒๓๘). อนนฺตนยนฺติ อปริมาณเทสนานยํ อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมึ กถํ. เตนาห ‘‘ปุณฺณ, อยมฺปิ อปฺปิจฺฉกถาเยวา’’ติอาทิ พหูหิ ปริยาเยหิ นานานยํ เทเสติ. กถํ ตถา เทสิตํ เถโร อฺาสีติ อาห ‘‘ปฏิสมฺภิทาปตฺตสฺส…เป… อโหสี’’ติ.
จาริกาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
สตฺตวิสุทฺธิปฺหวณฺณนา
๒๕๖. ตโต ¶ ปฏฺายาติ. ยทา ชาติภูมกา ภิกฺขู สตฺถุ สมฺมุขา เถรสฺส วณฺณํ ภาสึสุ, ตโต ปฏฺาย. สีสานุโลกี หุตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธนํ เถเรน สมาคเม อาทรวเสน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ ปาเ ‘‘อปฺเปว นามา’’ติอาทิ, ‘‘ตรมานรูโป’’ติ จ. ยํ ปน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘เอกสฺมึ าเน นิลีน’’นฺติอาทิ, ตํ อการณํ. น หิ ธมฺมเสนาปติ ตสฺส เถรสฺส นิสินฺนฏฺานํ อภิฺาาเณน ชานิตุํ น สกฺโกติ. ‘‘กจฺจิ นุ โข มํ อทิสฺวาว คมิสฺสตี’’ติ อยมฺปิ จินฺตา อาทรวเสเนวาติ ยุตฺตํ. น หิ สตฺถารํ ทฏฺุํ อาคโต สาวโก อปิ อายสฺมา อฺาตโกณฺฑฺโ สตฺถุกปฺปํ ธมฺมเสนาปตึ ตตฺถ วสนฺตํ อทิสฺวาว คจฺฉนโก นาม อตฺถิ. ทิวาวิหารนฺติ สมฺปทาเน อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ทิวาวิหารตฺถายา’’ติ.
๒๕๗. ปุริมกถายาติ ปมาลาเป. อปฺปติฏฺิตายาติ นปฺปวตฺติตาย. ปจฺฉิมกถา น ชายตีติ ปจฺฉา วตฺตพฺพกถาย อวสโร น โหติ. สตฺต วิสุทฺธิโย ปุจฺฉิ ทิฏฺสํสนฺทนวเสน. าณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม อริยมคฺโค. ยสฺมา ตโต อุตฺตริมฺปิ ปตฺตพฺพํ อตฺเถว, ตสฺมา ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลาทีสุ ิตสฺสปิ พฺรหฺมจริยวาโส มตฺถกํ น ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมาติ พฺรหฺมจริยวาสสฺส มตฺถกํ อปฺปตฺตตฺตา. สพฺพํ ปฏิกฺขิปีติ สตฺตมมฺปิ ปฺหํ ปฏิกฺขิปิ, อิตเรสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
อปฺปจฺจยปรินิพฺพานนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานมาห. อิทานิ ปการนฺตเรนปิ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทฺเวธา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ คหณูปาทานนฺติ ทฬฺหคฺคหณภูตํ อุปาทานํ ¶ . เตนาห ‘‘กามุปาทานาทิก’’นฺติ. ปจฺจยูปาทานนฺติ ยํ กิฺจิ ปจฺจยมาห. โส หิ อตฺตโน ผลํ อุปาทิยติ อุปาทานวเสน คณฺหตีติ อุปาทานนฺติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ปจฺจยูปาทานํ นาม…เป… ปจฺจยา’’ติ. ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ วจนโต (มหาว. ๒๘, ๓๐) อรหตฺตผลํ อนุปาทาปรินิพฺพานนฺติ กเถนฺติ. น จ อุปาทานสมฺปยุตฺตนฺติ อุปาทาเนหิ เอตํ น สหิตํ นาปิ อุปาทาเนหิ สห ปวตฺติ หุตฺวา. น จ กฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยตีติ กสฺสจิ ธมฺมสฺส อารมฺมณกรณวเสน น อุปาทิยติ ¶ . ปรินิพฺพุตนฺเตติ อคฺคมคฺเคน กาตพฺพกิเลสปรินิพฺพานปริโยสานนฺเต ชาตตฺตา. อมตธาตุเมว อนุปาทาปรินิพฺพานํ กเถนฺติ, กเถนฺตานฺจ ยถา ตสฺส โกจิ ปจฺจโย นาม นตฺถิ, เอวํ อธิคโตปิ ยถา โกจิ ปจฺจโย นาม น โหติ, ตถา ปรินิพฺพานํ อปจฺจยปรินิพฺพานนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ อนฺโต’’ติอาทิมาห. ปุน ปุจฺฉํ อารภิ อนุปาทาปรินิพฺพานํ สรูปโต ปติฏฺาเปตุกาโม.
๒๕๘. สพฺพปริวตฺเตสูติ สพฺเพสุ ปฺหปริวตฺตเนสุ, ปฺหวาเรสูติ อตฺโถ. สคหณธมฺมเมวาติ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา คณฺหตีติ คหณํ, สห คหเณนาติ สคหณํ, อุปาทานิยนฺติ อตฺโถ. วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตสฺส อภาวโต วฏฺฏเมว อนุคโตติ วฏฺฏานุคโต. เตนาห ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลมตฺตสฺสปิ อภาวโต’’ติ. โย ปน จตุพฺพิเธ วิวฏฺฏูปนิสฺสเย สีเล ิโต, โสปิ ‘‘อฺตฺร อิเมหิ ธมฺเมหี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ.
สตฺตวิสุทฺธิปฺหวณฺณนา นิฏฺิตา.
สตฺตรถวินีตวณฺณนา
๒๕๙. นิสฺสกฺกวจนเมตํ ‘‘ยาว เหฏฺิมโสปานกเฬวรา’’ติอาทีสุ วิย. อตฺโถติ ปโยชนํ. จิตฺตวิสุทฺธิ เหตฺถ สีลวิสุทฺธึ ปโยเชติ ตสฺส ตทตฺถตฺตา. สีลวิสุทฺธิกิจฺจํ กตํ นาม โหติ สมาธิสํวตฺตนโต. สมาธิสํวตฺตนิกา หิ สีลวิสุทฺธิ นาม. สพฺพปเทสูติ ‘‘จิตฺตวิสุทฺธิ ยาวเทว ทิฏฺิวิสุทฺธตฺถา’’ติอาทีสุ สพฺพปเทสุ, ทิฏฺิวิสุทฺธิยํ ิตสฺส จิตฺตวิสุทฺธกิจฺจํ กตํ นาม โหตีติอาทินา โยเชตพฺพํ.
สาวตฺถินครํ วิย สกฺกายนครํ อติกฺกมิตพฺพตฺตา. สาเกตนครํ วิย นิพฺพานนครํ ปาปุณิตพฺพตฺตา ¶ . อจฺจายิกสฺส กิจฺจสฺส อุปฺปาทกาโล วิย นวเมเนว ขเณน ปตฺตพฺพสฺส อภิสมยกิจฺจสฺส อุปาทกาโล. ยถา รฺโ สตฺตเมน รถวินีเตน สาเกเต อนฺเตปุรทฺวาเร โอรุฬฺหสฺส น ตาว กิจฺจํ นิฏฺิตํ นาม โหติ, สํวิธาตพฺพสํวิธานํ าติมิตฺตคณปริวุตสฺส สุรสโภชนปริโภเค นิฏฺิตํ นาม สิยา, เอวเมตํ าณทสฺสนวิสุทฺธิยา กิเลเส เขเปตฺวา เตสํเยว ปฏิปฺปสฺสทฺธิปหานสาธกอริยผลสมงฺคิกาเล อภิสมยกิจฺจํ นิฏฺิตํ นาม โหติ. เตนาห ¶ ‘‘โยคิโน…เป… กาโล ทฏฺพฺโพ’’ติ. ตตฺถ ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมา นาม จิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนา ผสฺสาทโย ปโรปณฺณาส อนวชฺชธมฺมา. นิโรธสยเนติ นิพฺพานสยเน.
‘‘วิสุทฺธิโย’’ติ วา ‘‘กถาวตฺถูนี’’ติ วา อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมว นานนฺติ เตสํ อตฺถโต อนฺภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิตี’’ติ อารทฺธํ. อายสฺมา ปุณฺโณ ทส กถาวตฺถูนิ วิสฺสชฺเชสีติ สตฺต วิสุทฺธิโย นาม วิสฺสชฺชนฺโตปิ ทส กถาวตฺถูนิ วิสฺสชฺเชสิ เตสํ อตฺถโต อนฺตฺตา. เอเตเนว ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตตฺเถโร สตฺต วิสุทฺธิโย ปุจฺฉนฺโต ทส กถาวตฺถูนิ ปุจฺฉีติ อยมฺปิ อตฺโถ วุตฺโตวาติ เวทิตพฺโพ. นฺติ ปฺหํ. กึ ชานิตฺวา ปุจฺฉีติ วิสุทฺธิปริยาเยน กถาวตฺถูนิ ปุจฺฉามีติ กึ ชานิตฺวา ปุจฺฉิ. ทสกถาวตฺถุลาภินํ เถรํ วิสุทฺธิโย ปุจฺฉนฺโต ปุจฺฉิตฏฺาเนเยว ปุจฺฉเนน กึ ติตฺถกุสโล วา ปน หุตฺวา วิสยสฺมึ ปุจฺฉิ, อุทาหุ ปานียตฺถิกมติตฺเถหิ ฉินฺนตเฏหิ ปาเตนฺโต วิย อติตฺถกุสโล หุตฺวา อปุจฺฉิตพฺพฏฺาเน อวิสยสฺมึ ปุจฺฉีติ โยชนา. อิมินา นเยน วิสฺสชฺชนปกฺเขปิ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. ยทตฺถมสฺส วิจารณา อารทฺธา, ตํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘ติตฺถกุสโล หุตฺวา’’ติอาทึ วตฺวา วิสุทฺธิกถาวตฺถูนํ อตฺถโต อนฺตฺเตปิ อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตทมินาติ ยํ ‘‘สํขิตฺตํ, วิตฺถิณฺณ’’นฺติ จ วุตฺตํ, ตํ อิมินา อิทานิ วุจฺจมาเนน นเยน วิธินา เวทิตพฺพํ.
เอกา สีลวิสุทฺธีติ วิสุทฺธีสุ วิสุํ เอกา สีลวิสุทฺธิ. ทสสุ กถาวตฺถูสุ จตฺตาริ กถาวตฺถูนิ หุตฺวา อาคตา อปฺปิจฺฉตาทีหิ วินา สีลวิสุทฺธิยา อสมฺภวโต. อปฺปิจฺฉกถาติอาทีสุ กถาสีเสน ทสกถาวตฺถุ คหิตํ. กเถตพฺพตฺตา วา วตฺถุ กถาวตฺถูติ วุตฺตํ. เอวฺจ อุปการโต, สภาวโต วา จตุนฺนํ กถาวตฺถูนํ สีลวิสุทฺธิสงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ติณฺณํ กถาวตฺถูนํ จิตฺตวิสุทฺธิสงฺคเหปิ เอเสว นโย. ปฺจ วิสุทฺธิโยติ นามรูปปริจฺเฉโท ทิฏฺิวิสุทฺธิ, สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ, วิปสฺสนุปกฺกิเลเส ปหาย อุปฺปนฺนํ วิปสฺสนาาณํ ¶ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ, อุทยพฺพยาณาทิ นววิธาณํ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ, อริยมคฺคาณํ าณทสฺสนวิสุทฺธีติ อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย.
สตฺตรถวินีตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๖๐. สมฺโมทิตุนฺติ ¶ อนนฺตรํ วุจฺจมาเนน สมฺโมทิตุํ. อฏฺานปริกปฺเปนาติ อการณสฺส วตฺถุโน ปริกปฺปเนน ตทา อสมฺภวนฺตํ อตฺถํ ปริกปฺเปตฺวา วจเนน. อภิณฺหทสฺสนสฺสาติ นิจฺจทสฺสนสฺส, นิยตทสฺสนสฺสาติ อตฺโถ.
อุกฺขิปีติ คุณโต กถิตภาเวน อุกฺกํเสติ. เถรสฺสาติ อายสฺมโต ปุณฺณตฺเถรสฺส. อิมสฺมึ าเน อิมสฺมึ การเณ เอกปเทเนว สาวกวิสเย อนฺสาธารณคุณาวิกรณนิมิตฺตํ. อิทานิ ตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘อมจฺจฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปจายมาโนติ ปูชยนฺโต.
‘‘อนุมสฺส อนุมสฺส ปุจฺฉิตา’’ติ วุตฺตตฺตา วิจารณวเสนาห ‘‘กึ ปน ปฺหสฺส ปุจฺฉนํ ภาริยํ อุทาหุ วิสฺสชฺชน’’นฺติ. สเหตุกํ กตฺวาติ ยุตฺตายุตฺตํ กตฺวา. สการณนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. ปุจฺฉนมฺปีติ เอวํ สหธมฺเมน ปุจฺฉิตพฺพมตฺถํ สยํ สมฺปาเทตฺวา ปุจฺฉนมฺปิ ภาริยํ ทุกฺกรํ. วิสฺสชฺชนมฺปีติ สหธมฺเมน วิสฺสชฺชนมฺปิ ทุกฺกรํ. เอวฺหิ วิสฺสชฺเชนฺโต วิฺูนํ จิตฺตํ อาราเธตีติ. ยถานุสนฺธินาว เทสนา นิฏฺิตาอาทิโต สปริกฺขารํ สีลํ, มชฺเฌ สมาธึ, อนฺเต วสีภาวปฺปตฺตํ ปฺํ ทสฺเสตฺวา เทสนาย นิฏฺาปิตตฺตาติ.
รถวินีตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. นิวาปสุตฺตวณฺณนา
๒๖๑. นิวปฺปตีติ ¶ นิวาโป, นิวาปํ วตฺเตติ, นิวาปโภชนํ วา เอตสฺสาติ เนวาปิโก, นิวาเปน มิเค ปโลเภตฺวา คณฺหนกมาควิโก. ติณพีชานีติ นิวาปติณพีชานิ. วปฺปนฺติ สสฺสํ วิย วปิตพฺพฏฺเน วปฺปํ. ‘‘มยํ วิย อฺเ เก อีทิสํ ลภิสฺสนฺตี’’ติ มานมทํ อาปชฺชิสฺสนฺติ. วิสฺสฏฺสติภาวนฺติ อนุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตภาวํ. ติรจฺฉานา หิ วิชาติยพลวติรจฺฉานวสนฏฺาเนสุ สาสงฺกา อุพฺพิคฺคหทยา อปฺปมตฺตา โหนฺติ วิเสสโต มาควิกาทิมนุสฺสูปจาเร, รสตณฺหาย ปน พทฺธา ปมาทํ อาปชฺชสฺสนฺติ. นิวปติ เอตฺถาติ นิวาโป, นิวาปภูมิ นิวาปฏฺานํ. เตนาห ‘‘นิวาปฏฺาเน’’ติ. ‘‘ยถากามกรณียา’’ติ วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เอกํ กิรา’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ตตฺถ นีวารวนํ วิยาติ นีวารสฺส สมูโห วิย. นีวาโร นาม อรฺเ สยํชาตวีหิชาติ. เมฆมาลา วิยาติ เมฆฆฏา วิย. เอกคฺฆนนฺติ เอกชฺฌํ วิย อวิรฏฺํ. ปกฺกมนฺตีติ อาสงฺกปริสงฺกา หุตฺวา ปกฺกมนฺติ. กณฺเณ จาลยมานาติ อนาสงฺกนฺตานํ ปหฏฺาการทสฺสนํ. มณฺฑลคุมฺพนฺติ มณฺฑลกากาเรน ิตํ คุมฺพํ.
๒๖๒. กปฺเปตฺวาติ อุปมาภาเวน ปริกปฺเปตฺวา. มิเค อตฺตโน วเส วตฺตาปนํ วสีภาโว. โส เอว อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ, ปภาวนฏฺเน อานุภาโว.
๒๖๓. ภเยน โภคโตติ ภเยน สห สภยํ นิวาปปริโภคโต. พลวีริยนฺติ กายพลฺจ อุฏฺานวีริยฺจ. อฏฺกถายํ ปน พลเมว วีริยํ. พลนฺติ จ สรีรพลํ, ตฺจ อตฺถโต มนสิการมคฺเคหิ อปราปรํ สฺจรณกวาโตติ วุตฺตํ ‘‘อปราปรํ สฺจรณวาโยธาตู’’ติ.
๒๖๔. สิกฺขิตเกราฏิกาติ ปริจิตสาเยฺยา, วฺจกาติ อตฺโถ. อิทฺธิมนฺโต วิย อานุภาววนฺโต วิย. ปจุรชเนหิ ปรภูตา ชาตาติ ปรชนา, มหาภูตา. เตนาห ‘‘ยกฺขา’’ติ. สมนฺตา สปฺปเทสนฺติ สมนฺตโต ปเทสวนฺตํ วิปุโลกาสสนฺนิวาสฏฺานํ. ตสฺส ปน สปฺปเทสตา มหาโอกาสตายาติ วุตฺตํ ‘‘มหนฺตํ โอกาส’’นฺติ.
๒๖๕. ฆฏฺเฏสฺสนฺตีติ ‘‘สภยสมุฏฺาน’’นฺติ สฺาทานวเสน จิตฺตํ เจเตสฺสนฺติ, ตาเสสฺสนฺตีติ ¶ อตฺโถ. ปริจฺจชิสฺสนฺตีติ นิพฺพิสิสฺสนฺติ. มหลฺลโกติ ชาติยา มหลฺลโก ชิณฺโณ. ทุพฺพโลติ พฺยาธิวเสน, ปกติยา วา พลวิรหิโต.
๒๖๗. นิวาปสทิสตาย นิวาโปติ วา. โลกปริยาปนฺนํ หุตฺวา กิเลเสหิ อามสิตพฺพตาย โลกามิสานีติ วา. วฏฺเฏ อามิสภูตตฺตา วฏฺฏามิสภูตานํ. วสํ วตฺเตตีติ กามคุเณหิ กามคุเณ คิทฺเธ สตฺเต ตสฺเสว เคธสฺส วเสน อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ. เตนาห –
‘‘อนฺตลิกฺขจโร ¶ ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส;
เตน ตํ พาธยิสฺสามิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓);
อยนฺติ ปมมิคชาตูปมา. วานปตฺถสฺส สโตว ปปฺจปรทตฺติกาทิสปุตฺตทารนิกฺขมนํ สนฺธายาห ‘‘สปุตฺตภริยปพฺพชฺชายา’’ติ.
๒๖๘. กามโต จิตฺตสฺส วิมุตฺติ อิธ เจโตวิมุตฺตีติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘เจโตวิมุตฺติ นาม…เป… อุปฺปนฺนอชฺฌาสโย’’ติ. กาเม วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน ตตฺถ นิมุคฺคตาย ทุติยสมณพฺราหฺมณา ทุติยมิคชาตูปมา วุตฺตา.
๒๖๙. ตติยสมณพฺราหฺมณา ยถาปริจฺจตฺเต กาเม ปริจฺจชิตฺวา เอวํ ิตา, น ทุติยา วิย ตตฺถ นิมุคฺคาติ อธิปฺปาเยน ‘‘กึ ปน เต อกํสู’’ติ ปุจฺฉติ. อิตเร กามํ อุชุกํ กามคุเณสุ น นิมุคฺคา, ปริยาเยน ปน นิมุคฺคา ทิฏฺิชาเลน จ อชฺโฌตฺถฏาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘คามนิคมชนปทราชธานิโย’’ติอาทิมาห. ทิฏฺิชาลมฺปิ ตณฺหาชาลานุคตเมวาติ อาห ‘‘มารสฺส ปาปิมโต ทิฏฺิชาเลน ปริกฺขิปิตฺวา’’ติ.
๒๗๑. ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารมารา วา อิธ มารคฺคหเณน คหิตาติ ทฏฺพฺพํ. อกฺขีนิ ภินฺทิ ทฏฺุํ อสมตฺถภาวาปาทเนน. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปาทกชฺฌาน’’นฺติอาทิ. กิฺจาปิ มาโร ยํ กิฺจิ ฌานํ สมาปนฺนสฺสปิ ภิกฺขุโน จิตฺตํ อิมํ นาม อารมฺมณํ นิสฺสาย วตฺตตีติ น ชานาติ, อิธาธิปฺเปตสฺส ปน ภิกฺขุโน วเสน ‘‘วิปสฺสนาปาทกชฺฌาน’’นฺติ วุตฺตํ. เตเนว ปริยาเยนาติ ‘‘น มารสฺส อกฺขีนิ ภินฺที’’ติ เอวมาทินา ยถาวุตฺตปริยาเยน. อทสฺสนํ คโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จกฺขุสฺส ปทํ ปติฏฺาติ จ อิธ อารมฺมณํ อธิปฺเปตํ ตํ ปริคฺคยฺห ¶ ปวตฺตนโตติ อาห ‘‘อปฺปติฏฺํ นิรารมฺมณ’’นฺติ. โสติ มาโร. ทิสฺวาติ ทสฺสนเหตุ. ยสฺมา มคฺเคน จตุสจฺจทสฺสนเหตุ อาสวา น ปริกฺขีณา. ผลกฺขเณ หิ เต ขีณาติ วุจฺจนฺตีติ.
โลเกติ สตฺตโลเก สงฺขารโลเก จ. สตฺตวิสตฺตภาเวนาติ ลคฺคภาเวน เจว สวิเสสํ อาสตฺตภาเวน จ. อถ วาติอาทินา นิทฺเทสนยวเสน (มหานิ. ๓, จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๒, ๒๓; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๔) วิสตฺติกาปทํ นิทฺทิสติ. วิสตาติ วิตฺถฏา ¶ รูปาทีสุ เตภูมกธมฺเมสุ พฺยาปนวเสน วิสฏาติ ปุริมวจนเมว ตการสฺส ฏการํ กตฺวา วุตฺตํ. วิสาลาติ วิปุลา. วิสกฺกตีติ ปริสกฺกติ สหติ. รตฺโต หิ ราควตฺถุนา ปาเทน ตาลิยมาโนปิ สหติ. โอสกฺกนํ, วิปฺผนฺทนํ วา วิสกฺกนนฺติปิ วทนฺติ. วิสํหรตีติ ยถา ตถา กาเมสุ อานิสํสํ ทสฺเสนฺตี วิวิเธหิ อากาเรหิ เนกฺขมฺมาภิมุขปฺปวตฺติโต จิตฺตํ สํหรติ สงฺขิปติ, วิสํ วา ทุกฺขํ, ตํ หรติ อุปเนตีติ อตฺโถ. วิสํวาทิกาติ อนิจฺจาทึ นิจฺจาทิโต คณฺหาเปนฺตี วิสํวาทิกา โหติ. ทุกฺขนิพฺพตฺตกสฺส กมฺมสฺส เหตุภาวโต วิสมูลา, วิสํ วา ทุกฺขทุกฺขาทิภูตา เวทนา มูลํ เอติสฺสาติ วิสมูลา. ทุกฺขสมุทยตฺตา วิสํ ผลํ เอติสฺสาติ วิสผลา. ตณฺหาย รูปาทิกสฺส ทุกฺขสฺเสว ปริโภโค โหติ, น อมตสฺสาติ สา ‘‘วิสปริโภคา’’ติ วุตฺตา. สพฺพตฺถ นิรุตฺติวเสน สทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. โย ปเนตฺถ ปธาโน อตฺโถ, ตํ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘วิสาลา วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิตฺติณฺโณ อุตฺติณฺโณติ อุปสคฺควเสน ปทํ วฑฺฒิตํ. นิรวเสสโต วา ติณฺโณ นิตฺติณฺโณ. เตน เตน มคฺเคน อุทฺธมุทฺธํ ติณฺโณ อุตฺติณฺโณ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
นิวาปสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. ปาสราสิสุตฺตวณฺณนา
๒๗๒. สาธุมยนฺติ ¶ เอตฺถ สาธุ-สทฺโท อายาจนตฺโถ, น ‘‘สาธาวุโส’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๒) วิย อภินนฺทนาทิอตฺโถติ อาห ‘‘อายาจนฺตา’’ติ. เตนาห ปาฬิยํ ‘‘ลเภยฺยามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น สกฺโกนฺติ, กสฺมา? พุทฺธา หิ ครู โหนฺติ, ปรมครู อุตฺตมํ คารวฏฺานํ, น ยถา ตถา อุปสงฺกมนียา. เตนาห ‘‘เอกจาริโก สีโห’’ติอาทิ.
‘‘ปากฏกิริยายา’’ติ สงฺเขเปน วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘ยํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภควา สพฺพกาลํ กิเมวมกาสีติ? น สพฺพกาลเมวมกาสิ. ยทา ปน อกาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา ปมโพธิย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. มนุสฺสตฺตภาเวติ อิมินา ปุริสตฺตภาวํ อุลฺลิงฺเคติ. ธนปริจฺจาโค กโต นาม นตฺถิ ภควโต ธรมานกาเลติ อธิปฺปาโย.
มาลากจวรนฺติ ¶ มิลาตมาลากจวรํ. รโชชลฺลํ น อุปลิมฺปติ อจฺฉตรฉวิภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สุขุมตฺตา ฉวิยา กาเย รโชชลฺลํ น ลิมฺปตี’’ติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ภควา นหายตีติ อาห ‘‘อุตุคฺคหณตฺถ’’นฺติ.
วิหาโรติ เชตวนวิหาโร. วีสติอุสภํ คาวุตสฺส จตุตฺโถ ภาโคติ วทนฺติ. กทาจีติ กสฺมิฺจิ พุทฺธุปฺปาเท. อจลเมวาติ อปริวตฺตเมว อนฺภาวโต, มฺจานํ ปน อปฺปมหนฺตตาหิ ปาทานํ ปติฏฺิตฏฺานสฺส หานิวฑฺฒิโย โหนฺติเยว.
ยนฺตนาฬิกาหิ ปริปุณฺณสุวณฺณรสธาราหิ. นฺหานวตฺตนฺติ ‘‘ปพฺพชิเตน นาม เอวํ นฺหายิตพฺพ’’นฺติ นหานจาริตฺตํ ทสฺเสตฺวา. ยสฺมา ภควโต สรีรํ สุธนฺตจามีกรสมานวณฺณํ สุปริโสธิตปวาฬรุจิรกรจรณาวรํ สุวิสุทฺธนีลรตนาวฬิสทิสเกสตนุรุหํ, ตสฺมา ตหํ ตหํ วินิสฺสตชาติหิงฺคุลกรสูปโสภิตํ อุปริ มหคฺฆรตนาวฬิสฺฉาทิตํ ชงฺคมมิว กนกคิริสิขรํ วิโรจิตฺถ. ตสฺมิฺจ สมเย ทสพลสฺส สรีรโต นิกฺขมิตฺวา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย สมนฺตโต อสีติหตฺถปฺปมาเณ ปเทเส อาธาวนฺตี วิธาวนฺตี รตนาวฬิรตนทาม-รตนจุณฺณ-วิปฺปกิณฺณํ วิย, ปสาริตรตนจิตฺตกฺจนปฏฺฏมิว, อาสิฺจมานลาขารสธารา-จิตมิว ¶ , อุกฺกาสตนิปาตสมากุลมิว, นิรนฺตรํ วิปฺปกิณฺณ-กณิการ-กิงฺกิณิก-ปุปฺผมิว, วายุเวคสมุทฺธต-จินปิฏฺจุณฺณ-รฺชิตมิว, อินฺทธนุ-วิชฺชุลตา-วิตานสนฺถตมิว, คคนตลํ ตํ านํ ปวนฺจ สมฺมา ผรนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วณฺณภูมิ นาเมสา’’ติอาทิ. อตฺถนฺติ อุปเมยฺยตฺถํ. อุปมาโยติ ‘‘อีทิโส จ โหตี’’ติ ยถารหํ ตทนุจฺฉวิกา อุปมา. การณานีติ อุปมุปเมยฺยสมฺพนฺธวิภาวนานิ การณานิ. ปูเรตฺวาติ วณฺณนํ ปริปุณฺณํ กตฺวา. ถาโม เวทิตพฺโพ ‘‘อติตฺเถ ปกฺขนฺโท’’ติ อวตฺตพฺพตฺตา.
๒๗๓. กณฺณิกาติ สรีรคตพินฺทุกตานิ มณฺฑลานิ. ปริกฺขารภณฺฑนฺติ อุตฺตราสงฺคํ สงฺฆาฏิฺจ สนฺธาย วทติ. กึ ปนายํ นโย พุทฺธานมฺปิ สรีเร โหตีติ? น โหติ, วตฺตทสฺสนตฺถํ ปเนตํ กตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธานํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คมนวเสน กายสฺสาภินีหรณํ คมนาภิหาโร. ยถาธิปฺปายาวตฺตนํ อธิปฺปายโกปนํ.
อฺตราย ปารมิยาติ เนกฺขมฺมปารมิยา. วีริยปารมิยาติ อปเร. มหาภินิกฺขมนสฺสาติ มหนฺตสฺส จริมภเว อภินิกฺขมนสฺส. ตฺหิ มหนฺตํ ¶ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ มหนฺตฺจ จกฺกวตฺติสิรึ ปชหิตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส สมารกสฺส จ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยเภทสฺส มหโต อตฺถาย หิตาย สุขาย ปวตฺตตฺตา มหนียตาย จ มหนฺตํ อภินิกฺขมนนฺติ วุจฺจติ.
ปุริโมติ ‘‘กตมาย นุ กถาย สนฺนิสินฺนา ภวถา’’ติ เอวํ วุตฺตอตฺโถ. กา จ ปน โวติ เอตฺถ จ-สทฺโท พฺยติเรเก. เตน ยถาปุจฺฉิตาย กถาย วกฺขมานํ วิปฺปกตภาวํ โชเตติ. ปน-สทฺโท วจนาลงฺกาเร. ยาย หิ กถาย เต ภิกฺขู สนฺนิสินฺนา, สา เอว อนฺตรากถาภูตา วิปฺปกตา วิเสเสน ปุน ปุจฺฉียติ. อฺาติ อนฺตรา-สทฺทสฺส อตฺถมาห. อฺตฺโถ หิ อยํ อนฺตรา-สทฺโท ‘‘ภูมนฺตรํ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) สมยนฺตร’’นฺติอาทีสุ วิย, อนฺตราติ วา เวมชฺเฌติ อตฺโถ. ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตาติ ‘‘กึ สีลํ นาม, กถฺจ ปูเรตพฺพํ, กานิ จสฺส สํกิเลสโวทานานี’’ติอาทินา อปฺปิจฺฉาทินิสฺสิตา สีลาทินิสฺสิตา จ กถา. อริโยติ นิทฺโทโส. อถ วา อตฺถกาเมหิ อรณีโยติ อริโย, อริยานํ อยนฺติ วา อริโยติ. ภาวนามนสิการวเสน ตุณฺหี ภวนฺติ, น เอกจฺจพาหิรกปพฺพชิตา วิย มูคพฺพตสมาทาเนน. ทุติยชฺฌานมฺปิ อริโย ตุณฺหีภาโว วจีสงฺขารปหานโต. มูลกมฺมฏฺานนฺติ ปาริหาริย กมฺมฏฺานมฺปิ. ฌานนฺติ ทุติยชฺฌานํ.
๒๗๔. ‘‘สนฺนิปติตานํ ¶ โว, ภิกฺขเว, ทฺวย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓; อุทา. ๑๒, ๒๘, ๒๙) อฏฺุปฺปตฺติวเสน เทสนา ปวตฺตาติ ตสฺสา อุปริเทสนาย สมฺพนฺธํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ปริเยสนาติ โก อนุสนฺธี’’ติ อนุสนฺธึ ปุจฺฉติ. อยํ ตุมฺหากํ ปริเยสนาติ ยา มหาภินิกฺขมนปฏิพทฺธา ธมฺมี กถา, สา ตุมฺหากํ ธมฺมปริเยสนา ธมฺมวิจารณา อริยปริเยสนา นาม. อปายมคฺคนฺติ อนตฺถาวหํ มคฺคํ. อุทฺเทสานุกฺกมํ ภินฺทิตฺวาติ อุทฺเทสานุปุพฺพึ ลงฺฆิตฺวา. ธมฺม-สทฺโท ‘‘อโมสธมฺมํ นิพฺพาน’’นฺติอาทีสุ วิย ปกติปริยาโย. ชายนสภาโวติ ชายนปกติโกติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
สพฺพตฺถาติ ยถา ‘‘ปุตฺตภริย’’นฺติ ทฺวนฺทสมาสวเสน เอกตฺตํ, เอส นโย สพฺพตฺถ ‘‘ทาสิทาส’’นฺติอาทีสุ สพฺพปเทสุ. ปรโต วิการํ อนาปชฺชิตฺวา ¶ สพฺพทา ชาตรูปเมว โหตีติ ชาตรูปํ, สุวณฺณํ. ธวลสภาวตาย รฺชียตีติ รชตํ, รูปิยํ. อิธ ปน สุวณฺณํ เปตฺวา ยํ กิฺจิ อุปโภคปริโภคารหํ รชตํเตว คหิตํ. อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปธโย. จุตีสงฺขาตํ มรณนฺติ เอกภวปริยาปนฺนํ ขนฺธนิโรธสงฺขาตํ มรณมาห. ขณิกนิโรโธ ปน ขเณ ขเณ. เตนาห ‘‘สตฺตานํ วิยา’’ติ. สํกิลิสฺสตีติ ทูสวิเสน วิย อตฺตานํ ทูสิสฺสติ. เตนาห ภควา – ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ชาตรูปสฺส อุปกฺกิเลสา อโย โลห’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๕.๒๓). มลํ คเหตฺวาติ เยหิ สหโยคโต มลินํ โหติ, เตสํ มลินภาวปจฺจยานํ วเสน มลํ คเหตฺวา. ชีรณโต ชราธมฺมวาเร ชาตรูปํ คหิตนฺติ โยชนา. เย ปน ชาติธมฺมวาเรปิ ชาตรูปํ น ปนฺติ, เตสํ อิตเรสํ วิย ชีรณธมฺมวาเร สรูปโต อนาคตมฺปิ อุปธิคฺคหเณน คหิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ปริคฺคเห ิตานํ ปน วเสน วุจฺจมาเน อปากฏานมฺปิ ชาติชรามรณานํ วเสน โยชนา ลพฺภเตว. ชาตรูปสีเสน เจตฺถ สพฺพสฺสปิ อนินฺทฺริยพทฺธสฺส คหณํ ทฏฺพฺพํ, ปุตฺตภริยาทิคฺคหเณน วิย มิตฺตามจฺจาทิคฺคหณํ.
๒๗๕. อริเยหิ ปริเยสนา, อริยานํ ปริเยสนาติ วา อริยปริเยสนาติ สมาสทฺวยํ ทสฺเสติ ‘‘อยํ, ภิกฺขเว’’ติอาทินา.
๒๗๖. มูลโต ปฏฺายาติ ยํ มหาภินิกฺขมนสฺส มูลภาเวสุอาทีนวทสฺสนํ, ตโต ปฏฺาย. ยสฺมา เต ภิกฺขู ตตฺถ มหาภินิกฺขมนกถาย สนฺนิสินฺนา, สา จ เนสํ อนฺตรากถา วิปฺปกตา, ตสฺมา ภควา เตสํ มูลโต ปฏฺาย มหาภินิกฺขมนกถํ กเถตุํ อารภิ. อหมฺปิ ปุพฺเพติ วิเสสวจนํ อปริปกฺกาเณน สยํ จริมภเว ตีสุ ปาสาเทสุ ติวิธนาฏกปริวารสฺส ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสาย มหาสมฺปตฺติยา อนุภวนํ, อภินิกฺขมิตฺวา ปธานปทหนวเสน ¶ อตฺตกิลมถานุโยคฺจ สนฺธายาห. อนริยปริเยสนํ ปริเยสินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปฺจวคฺคิยาปีติ ยถาสกํ คิหิโภคํ อนุยุตฺตา ตํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา อตฺตกิลมถานุโยเค ิตา สตฺถุ ธมฺมจกฺกปวตฺตนเทสนาย (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) ตมฺปิ ปหาย อริยปริเยสนํ ปริเยสึสูติ.
๒๗๗. กามํ ¶ ทหร-สทฺโท ‘‘ทหรํ กุมารํ มนฺทํ อุตฺตานเสยฺยก’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๙๖) เอตฺถ พาลทารเก อาคโต, ‘‘ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต’’ติ ปน วกฺขมานตฺตา ยุวาวตฺถา อิธ ทหร-สทฺเทน วุตฺตาติ อาห ‘‘ตรุโณว สมาโน’’ติ. ปมวเยน เอกูนตึสวยตฺตา. ชาติยา หิ ยาว เตตฺตึสวยา ปมวโย. อนาทรตฺเถ สามิวจนํ ยถา ‘‘เทวทตฺตสฺส รุทนฺตสฺส ปพฺพชี’’ติ. กามํ อสฺสุมุจฺจนํ โรทนํ, ตํ อสฺสุมุขานนฺติ อิมินา ปกาสิตํ, ตํ ปน วตฺวา ‘‘รุทนฺตาน’’นฺติ วจนํ พลวโสกสมุฏฺานํ อาโรทนวตฺถุํ ปกาเสตีติ อาห ‘‘กนฺทิตฺวา โรทมานาน’’นฺติ. กึ กุสลนฺติ คเวสมาโนติ กินฺติ สพฺพโส อวชฺชรหิตํ เอกนฺต นิยฺยานิกํ ปริเยสมาโน. วรปทนฺติ วฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ เอกนฺเตน วรณียฏฺเน วรํ, ปชฺชิตพฺพฏฺเน ปทํ. ตุงฺคสรีรตาย ทีโฆ, ปิงฺคลจกฺขุตาย ปิงฺคโลติ ทีฆปิงฺคโล. ธมฺโมติ วินโย, สมโยติ อตฺโถ. สุตฺวาว อุคฺคณฺหินฺติ เตน วุจฺจมานสฺส สวนมตฺเตเนว อุคฺคณฺหึ วาจุคฺคตํ อกาสึ.
ปฏิลปนมตฺตเกนาติ ปุน ลปนมตฺตเกน. ชานาตีติ าโณ, าโณติ วาโท าณวาโท, ตํ าณวาทํ. ‘‘วทามี’’ติ อาคตตฺตา อฏฺกถายํ ‘‘ชานามี’’ติ อุตฺตมปุริสวเสน อตฺโถ วุตฺโต. อฺเปิ พหูติ อฺเปิ พหู มม ตถาภาวํ ชานนฺตา ‘‘อยํ อิมํ ธมฺมํ ชานาตี’’ติ, ‘‘อกมฺปนียตาย ถิโร’’ติ วา เอวํ วทนฺติ. ลาภีติ อฺาสีติ ธมฺมสฺส อุทฺทิสเนน มหาปฺตาย ‘‘อยํ อตฺตนา คตมคฺคํ ปเวเทติ, น อนุสฺสุติโก’’ติ อฺาสิ. อสฺสาติ โพธิสตฺตสฺส. เอตทโหสีติ เอตํ ‘‘น โข อาฬาโร กาลาโม’’ติอาทิ มนสิ อโหสิ, จินฺเตสีติ อตฺโถ.
เหฏฺิมสมาปตฺตีหิ วินา อุปริมสมาปตฺตีนํ สมฺปาทนสฺส อสมฺภวโต ‘‘สตฺต สมาปตฺติโย มํ ชานาเปสี’’ติ อาห. ปโยคํ กเรยฺยนฺติ ภาวนํ อนุยฺุเชยฺยนฺติ อตฺโถ. เอวมาหาติ เอวํ ‘‘อหํ, อาวุโส’’ติอาทิมาห, สตฺตนฺนํ สมาปตฺตีนํ อธิคมํ ปจฺจฺาสีติ อตฺโถ.
อนุสูยโกติ อนิสฺสุกี. เตน มหาปุริเส ปสาทํ ปเวเทสิ. โพธิสตฺตสฺส ตา สมาปตฺติโย ¶ นิพฺพตฺเตตฺวา ิตสฺส ปุริมชาติปริจเยน าณสฺส จ มหนฺตตาย ตาสํ คติ จ อภิสมฺปราโย จ อุปฏฺาสิ ¶ . เตน ‘‘วฏฺฏปริยาปนฺนา เอเวตา’’ติ นิจฺฉโย อุทปาทิ. เตนาห ‘‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทายา’’ติอาทิ. เอกจฺจานํ วิราคภาวนาสมติกฺกมาวโหปิ เนว เตสมฺปิ อจฺจนฺตาย สมติกฺกมาวโห, สยฺจ วฏฺฏปริยาปนฺโนเยว, ตสฺมา เนว วฏฺเฏ นิพฺพินฺทนตฺถาย, ยทคฺเคน น นิพฺพิทาย, ตทคฺเคน น วิรชฺชนตฺถาย, ราคาทีนํ ปาปธมฺมานํ น นิรุชฺฌนตฺถาย, น อุปสมตฺถาย, ตสฺมา ตํ อภิฺเยฺยธมฺมํ น อภิชานนตฺถาย…เป… สํวตฺตตีติ โยชนา.
ยาวเทว อากิฺจฺายตนุปปตฺติยาติ สตฺตสุ สมาปตฺตีสุ อุกฺกฏฺํ คเหตฺวา วทติ. อุฏฺาย สมุฏฺาย อจุติธมฺมํ ปริเยสิตุํ ยุตฺตตฺตา ตฺจ อนติกฺกนฺตชาติธมฺมเมวาติ มหาสตฺโต ปชหตีติ อาห ‘‘ยฺจ านํ ปาเปตี’’ติอาทิ. ตโต ปฏฺายาติ ยทา สมาปตฺติธมฺมสฺส คติฺจ อภิสมฺปรายฺจ อพฺภฺาสิ, ตโต ปฏฺาย. มกฺขิกาวเสนาติ โภชนสฺส มกฺขิกามิสฺสตาวเสน. มนํ น อุปฺปาเทติ ภฺุชิตุนฺติ อธิปฺปาโย. มหนฺเตน อุสฺสาเหนาติ อิทํ กติปาหํ ตตฺถ ภาวนานุโยคมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อฺเสํ วิย กสิณปริกมฺมาทิกรณํ. น หิ อนฺติมภวิกโพธิสตฺตานํ สมาปตฺตินิพฺพตฺตเน ภาริยํ นาม. อนลงฺกริตฺวาติ อนุ อนุ อลํกตฺวา ปุนปฺปุนํ ‘‘อิมินา น กิฺจิ ปโยชน’’นฺติ กตฺวา.
๒๗๘. วาจาย อุคฺคหิตมตฺโตวาติ เอตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๒๗๙. มหาเวลา วิย มหาเวลา, วิปุลวาลิกปฺุชตาย มหนฺโต เวลาตโฏ วิยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘มหาวาลิกราสีติ อตฺโถ’’ติ. อุรุ มรุ สิกตา วาลุกา วณฺณุ วาลิกาติ อิเม สทฺทา สมานตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ.
เสนา นิคจฺฉิ นิวิสิ เอตฺถาติ เสนานิคโม, เสนาย นิวิฏฺฏฺานํ. เสนานิคาโมติ ปน อยํ สมฺา อปรกาลิกา. โคจรคามนิทสฺสนฺเจตํ. อุปริสุตฺตสฺมินฺติ มหาสจฺจกสุตฺเต. อิธ ปน โพธิปลฺลงฺโก อธิปฺเปโต อริยปริเยสนาย วุจฺจมานตฺตา.
๒๘๐. ‘‘าณทสฺสน’’นฺติ ¶ จ เอกชฺฌํ คหิตปททฺวยวิสยวิเสสสฺส อนามฏฺตฺตา ‘‘เม’’ติ จ คหิตตฺตา อนวเสสเยฺยาวโพธนสมตฺถเมว าณวิเสสํ โพเธติ, น าณมตฺตํ, น ทสฺสนมตฺตนฺติ อาห ‘‘สพฺพธมฺมทสฺสนสมตฺถฺจ เม สพฺพฺุตฺาณํ อุทปาที’’ติ. อกุปฺปตายาติ วิโมกฺขนฺตตาย สพฺพโส ปฏิปกฺขธมฺเมหิ อสงฺโขภนียตาย. เตนาห ‘‘ราคาทีหิ ¶ น กุปฺปตี’’ติ. อารมฺมณสนฺตตายปิ ตทารมฺมณานํ อตฺถิ วิเสโส ยถา ตํ ‘‘อาเนฺชวิหาเร’’ติ อาห ‘‘อกุปฺปารมฺมณตาย จา’’ติ. ปจฺจเวกฺขณาณมฺปีติ น เกวลํ สพฺพฺุตฺาณเมว, อถ โข ยถาธิคเต ปฏิเวธสทฺธมฺเม เอกูนวีสติวิธปจฺจเวกฺขณาณมฺปิ.
๒๘๑. ปฏิวิทฺโธติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๖๔; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๗๒; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๗) สยมฺภุาเณน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปฏิมุขํ นิพฺพิชฺฌนวเสน ปตฺโต, ยถาภูตํ อวพุทฺโธติ อตฺโถ. คมฺภีโรติ มหาสมุทฺโท วิย มกสตุณฺฑสูจิยา อฺตฺร สมุปจิตปริปกฺกาณสมฺภาเรหิ อฺเสํ าเณน อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ. เตนาห ‘‘อุตฺตานภาวปฏิกฺเขปวจนเมต’’นฺติ. โย อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ, โส โอคาหิตุมสกฺกุเณยฺยตาย สรูปโต จ ปสฺสิตุํ น สกฺกาติ อาห ‘‘คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส’’ติ. ทุกฺเขน ทฏฺพฺโพติ กิจฺเฉน เกนจิเทว ทฏฺพฺโพ. ยํ ปน ทฏฺุเมว น สกฺกา, ตสฺส โอคาเหตฺวา อนุ อนุ พุชฺฌเน กถา เอว นตฺถีติ อาห ‘‘ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ’’ติ. ทุกฺเขน อวพุชฺฌิตพฺโพ อวโพธสฺส ทุกฺกรภาวโต. อิมสฺมึ าเน – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา’’ติ สุตฺตปทํ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕) วตฺตพฺพํ. สนฺตารมฺมณตาย วา สนฺโต. นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตาย นิพฺพุโต. ปธานภาวํ นีโตติ วา ปณีโต. อติตฺติกรฏฺเน อตปฺปโก สาทุรสโภชนํ วิย. เอตฺถ จ นิโรธสจฺจํ สนฺตํ อารมฺมณนฺติ สนฺตารมฺมณํ, มคฺคสจฺจํ สนฺตํ สนฺตารมฺมณฺจาติ สนฺตารมฺมณํ. อนุปสนฺตสภาวานํ กิเลสานํ สงฺขารานฺจ อภาวโต นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตาย สนฺตปณีตภาเวเนว จ อเสจนกตาย อตปฺปกตา ทฏฺพฺพา. เตนาห ‘‘อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. อุตฺตมาณวิสยตฺตา น ตกฺเกน อวจริตพฺโพ, ตโต เอว นิปุณาณโคจรตาย จ สณฺโห. สุขุมสภาวตฺตา จ นิปุโณ, พาลานํ อวิสยตฺตา ¶ ปณฺฑิเตหิ เอว เวทิตพฺโพติ ปณฺฑิตเวทนีโย. อาลียนฺติ อภิรมิตพฺพฏฺเน เสวียนฺตีติ อาลยา, ปฺจ กามคุณา. อาลยนฺติ อลฺลียนฺตี อภิรมณวเสน เสวนฺตีติ อาลยา, ตณฺหาวิจริตานิ. รมนฺตีติ รตึ วินฺทนฺติ กีฬนฺติ ลฬนฺติ. อาลยรตาติ อาลยนิรตา.
านํ สนฺธายาติ าน-สทฺทํ สนฺธาย. อตฺถโต ปน านนฺติ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เอว อธิปฺเปโต. ติฏฺติ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, สงฺขาราทีนํ ปจฺจยภูตา อวิชฺชาทโย. อิเมสํ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยาติ อิทปฺปจฺจยา, อวิชฺชาทโยว. อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา ยถา ‘‘เทโว เอว เทวตา’’ติ, อิทปฺปจฺจยานํ วา อวิชฺชาทีนํ อตฺตโน ผลํ ปติ ปจฺจยภาโว ¶ อุปฺปาทนสมตฺถตา อิทปฺปจฺจยตา. เตน สมตฺถปจฺจยลกฺขโณ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต โหติ. ปฏิจฺจ สมุปฺปชฺชติ ผลํ เอตสฺมาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ปททฺวเยนปิ ธมฺมานํ ปจฺจยฏฺโ เอว วิภาวิโต. เตนาห ‘‘สงฺขาราทิปจฺจยานํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๕๗๒-๕๗๓) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพนฺติ สพฺพสงฺขารสมถาทิสทฺทาภิเธยฺยํ สพฺพํ อตฺถโต นิพฺพานเมว. อิทานิ ตสฺส นิพฺพานภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. นฺติ นิพฺพานํ. อาคมฺมาติ ปฏิจฺจ อริยมคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยภาวเหตุ. สมฺมนฺตีติ อปฺปฏิสนฺธิกูปสมวเสน สมฺมนฺติ. ตถา สนฺตา สวิเสสํ อุปสนฺตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘วูปสมฺมนฺตี’’ติ. เอเตน ‘‘สพฺเพ สงฺขารา สมฺมนฺติ เอตฺถาติ สพฺพสงฺขารสมโถ, นิพฺพาน’’นฺติ ทสฺเสติ. สพฺพสงฺขตวิสํยุตฺเต จ นิพฺพาเน สพฺพสงฺขารวูปสมปริยาโย เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ปฏินิสฺสฏฺาติ สมุจฺเฉทวเสน ปริจฺจตฺตา โหนฺติ. สพฺพา ตณฺหาติ อฏฺสตปฺปเภทา สพฺพาปิ ตณฺหา. สพฺเพ กิเลสราคาติ กามราครูปราคาทิเภทา สพฺเพปิ กิเลสภูตา ราคา, สพฺเพปิ วา กิเลสา อิธ ‘‘กิเลสราคา’’ติ เวทิตพฺพา, น โลภวิเสสา เอว จิตฺตสฺส วิปริณตภาวาปาทนโต ¶ . ยถาห ‘‘รตฺตมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ, ทุฏฺมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ, มูฬฺหมฺปิ จิตฺตํ วิปริณต’’นฺติ (ปารา. ๒๗๑). วิรชฺชนฺตีติ ปลุชฺชนฺติ.
จิรนิสชฺชาจิรภาสเนหิ ปิฏฺิอาคิลายนตาลุคลโสสาทิวเสน กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา จ เวทิตพฺพา. สา จ โข เทสนาย อตฺถํ อชานนฺตานํ วเสน วุตฺตา, ชานนฺตานํ ปน เทสนาย กายปริสฺสโมปิ สตฺถุ อปริสฺสโมว. เตนาห ภควา – ‘‘น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสี’’ติ (อุทา. ๑๐). เตเนวาห ‘‘ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺสา’’ติ. อุภยนฺติ จิตฺตกิลมโถ เจว จิตฺตวิเหสา จาติ อุภยมฺเปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตา.
อนุพฺรูหนํ สมฺปิณฺฑนํ. โสติ ‘‘อปิสฺสู’’ติ นิปาโต. มนฺติ ปฏิ-สทฺทโยเคน สามิอตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘มมา’’ติ. วุทฺธิปฺปตฺตา วา อจฺฉริยา อนจฺฉริยา. วุทฺธิอตฺโถปิ หิ อ-กาโร โหติ ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๑.ติกมาติกา). กปฺปานํ สตสหสฺสํ จตฺตาริ จ อสงฺขฺเยยฺยานิ สเทวกสฺส โลกสฺส ธมฺมสํวิภาคกรณตฺถเมว ปารมิโย ปูเรตฺวา ¶ อิทานิ อธิคตธมฺมรชฺชสฺส ตตฺถ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติทีปนตา, คาถาตฺถสฺส อจฺฉริยตา, ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺติ จาติ เวทิตพฺพํ. อตฺถทฺวาเรน หิ คาถานํ อนจฺฉริยตา. โคจรา อเหสุนฺติ อุปฏฺเหสุํ. อุปฏฺานฺจ วิตกฺเกตพฺพตาติ อาห ‘‘ปริวิตกฺกยิตพฺพตํ ปาปุณึสู’’ติ.
ยทิ สุขาปฏิปทาว, กถํ กิจฺฉตาติ อาห ‘‘ปารมีปูรณกาเล ปนา’’ติอาทิ. เอวมาทีนิ ทุปฺปริจฺจชานิ เทนฺตสฺส. ห-อิติ วา ‘‘พฺยตฺต’’นฺติ เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. เอกํสตฺเถติ เกจิ. ห พฺยตฺตํ, เอกํเสน วา อลํ นิปฺปโยชนํ เอวํ กิจฺเฉน อธิคตสฺส ธมฺมสฺส เทสิตนฺติ โยชนา. หลนฺติ วา ‘‘อล’’นฺติ อิมินา สมานตฺถํ ปทํ ‘‘หลนฺติ วทามี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ฏี. ๒.๖๕; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๗๒) วิย. ราคโทสปริผุฏฺเหีติ ผุฏฺวิเสน วิย สปฺเปน ราเคน โทเสน จ สมฺผุฏฺเหิ อภิภูเตหิ. ราคโทสานุคเตหีติ ราเคน จ โทเสน จ อนุพนฺเธหิ.
กามราครตฺตา ¶ ภวราครตฺตา จ นีวรเณหิ นิวุตตาย, ทิฏฺิราครตฺตา วิปรีตาภินิเวเสน. น ทกฺขนฺตีติ ยาถาวโต ธมฺมํ น ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺติ. เอวํ คาหาเปตุนฺติ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา สภาเวน ยาถาวโต ธมฺมํ ชานาเปตุํ. ราคโทสปเรตตาปิ เนสํ สมฺมูฬฺหภาเวเนวาติ อาห ‘‘ตโมขนฺเธน อาวุฏา’’ติ.
๒๘๒. ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติยา การณํ วิภาเวตุํ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทินา สยเมว โจทนํ สมุฏฺาเปติ. ตตฺถ อฺาตเวเสนาติ อิมสฺส ภควโต สาวกภาวูปคมเนน อฺาตรูเปน. ตาปสเวเสนาติ เกจิ. โส ปน อรหตฺตาธิคเมเนว วิคจฺเฉยฺย. ติวิธํ การณํ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติยา ปฏิปกฺขสฺส พลวภาโว, ธมฺมสฺส คมฺภีรตา, ตตฺถ จ สาติสยํ คารวนฺติ, ต ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. (ตตฺถ ปฏิปกฺขา นาม ราคาทโย กิเลสา สมฺมาปฏิปตฺติยา อนฺตรายกรตฺตา. เตสํ พลวภาวโต จิรปริภาวนาย สตฺตสนฺตานโต ทุพฺพิโสธิยตาย เต สตฺเต มตฺตหตฺถิโน วิย ทุพฺพลปุริสํ อธิภวิตฺวา อชฺโฌตฺถริตฺวา อนยพฺยสนํ อาปาเทนฺตา อเนกสตโยชนายามวิตฺถารํ สุนิจิตํ ฆนสนฺนิเวสํ กณฺฏกทุคฺคมฺปิ อธิเสนฺติ. ทูรปฺปเภททุจฺเฉชฺชตาหิ ทุพฺพิโสธิยตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จ อนฺโต อมฏฺตาย กฺชิยปุณฺณา ลาพุ. จิรปาริวาสิกตาย ตกฺกภริตา จาฏิ. สฺเนหตินฺตทุพฺพลภาเวน วสาปีตปิโลติกา. เตลมิสฺสิตตาย อฺชนมกฺขิตหตฺโถ ทุพฺพิโสธนียา วุตฺตา, หีนูปมา เจตา รูปปพนฺธภาวโต อจิรกาลิกตฺตา จ มลีนตาย, กิเลสสํกิเลโส เอว ปน ทุพฺพิโสธนียตโร อนาทิกาลิกตฺตา ¶ อนุสยิตตฺตา จ. เตนาห ‘‘อติสํกิลิฏฺา’’ติ. ยถา จ ทุพฺพิโสธนียตรตาย, เอวํ คมฺภีรทุทฺทสทุรนุโพธานมฺปิ วุตฺตอุปมา หีนูปมาว).
ปฏิปกฺขวิคมเนน คมฺภีโรปิ ธมฺโม สุปากโฏ ภเวยฺย. ปฏิปกฺขวิคมนํ ปน สมฺมาปฏิปตฺติปฏิพทฺธํ, สา สทฺธมฺมสฺสวนาธีนา. ตํ สตฺถริ ธมฺเม จ ปสาทายตฺตํ, โส ครุฏฺานิยานํ อชฺเฌสนเหตุโกติ ปนาฬิกาย สตฺตานํ ธมฺมสมฺปฏิปตฺติยา พฺรหฺมยาจนานิมิตฺตนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห.
อุปกฺกิเลสภูตํ ¶ อปฺปํ ราคาทิรชํ เอตสฺสาติ อปฺปรชํ, อปฺปรชํ อกฺขิ ปฺาจกฺขุ เยสํ เต ตํสภาวาติ กตฺวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ อยมตฺโถ วิภาวิโต ‘‘ปฺามเย’’ติอาทินา. อปฺปํ ราคาทิรชํ เยสํ ตํสภาวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ เอวมฺปิ สทฺทตฺโถ สมฺภวติ. ทานาทิทสปฺุกิริยวตฺถูนิ สรณคมนปรหิตปริณามเนหิ สทฺธึ (ทฺวาทส โหนฺตีติ) ‘‘ทฺวาทสปฺุกิริยวเสนา’’ติ วุตฺตํ.
ราคาทิมเลน สมเลหิ ปูรณาทีหิ ฉหิ สตฺถาเรหิ สตฺถุปฏิฺเหิ กพฺพรจนาวเสน จินฺตากวิอาทิภาเว ตฺวา ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ จินฺติโต. เต กิร พุทฺธโกลาหลานุสฺสเวน สฺชาตกุตูหลํ โลกํ วฺเจตฺวา โกหฺเ ตฺวา สพฺพฺุตํ ปฏิชานนฺตา ยํ กิฺจิ อธมฺมํเยว ธมฺโมติ ทีเปสุํ. เตนาห ‘‘เต หิ ปุเรตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา’’ติอาทิ. อปาปุเรตนฺติ เอตํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ ปิหิตํ นิพฺพานนครสฺส มหาทฺวารํ อริยมคฺคํ สทฺธมฺมเทสนาหตฺเถน อปาปุร วิวร.
เสลปพฺพโต อุจฺโจ โหติ ถิโร จ, น ปํสุปพฺพโต มิสฺสกปพฺพโต จาติ อาห ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนี’’ติ. ธมฺมมยํ ปาสาทนฺติ โลกุตฺตรธมฺมมาห. โส หิ สพฺพโส ปสาทาวโห, สพฺพธมฺเม อติกฺกมฺม อพฺภุคฺคตฏฺเน ปาสาทสทิโส จ. ปฺาปริยาโย วา อิธ ธมฺม-สทฺโท. สา หิ อพฺภุคฺคตฏฺเน ‘‘ปาสาโท’’ติ อภิธมฺเม (ธ. ส. อฏฺ. ๑๖) นิทฺทิฏฺา. ตถา จาห –
‘‘ปฺาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินึ ปชํ;
ปพฺพตฏฺโว ภูมฏฺเ, ธีโร พาเล อเวกฺขตี’’ติ. (ธ. ป. ๒๘);
อุฏฺเหีติ ¶ วา ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกตาสงฺขาตสงฺโกจาปตฺติโต กิลาสุภาวโต อุฏฺห.
๒๘๓. ครุฏฺานิยํ ปยิรุปาสิตฺวา ครุตรํ ปโยชนํ อุทฺทิสฺส อภิปตฺถนา อชฺเฌสนา, สาปิ อตฺถโต ยาจนาว โหตีติ อาห ‘‘อชฺเฌสนนฺติ ยาจน’’นฺติ. ปเทสวิสยํ าณทสฺสนํ อหุตฺวา พุทฺธานํเยว ¶ อาเวณิกภาวโต อิทํ าณทฺวยํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อิเมสฺหิ ทฺวินฺนํ าณานํ พุทฺธจกฺขูติ นาม’’นฺติ. ติณฺณํ มคฺคาณานนฺติ เหฏฺิมานํ ติณฺณํ มคฺคาณานํ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ นามํ จตุสจฺจธมฺมทสฺสนมตฺตภาวโต. ยโต ตานิ าณานิ วิชฺชูปมภาเวน วุตฺตานิ, อคฺคมคฺคาณํ ปน าณกิจฺจสฺส สิขาปฺปตฺติยา น ทสฺสนมตฺตํ โหตีติ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ น วุจฺจติ, ตโต ตํ วชิรูปมภาเวน วุตฺตํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘อปฺปรชกฺขา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน. ยสฺมา มนฺทกิเลสา ‘‘อปฺปรชกฺขา’’ติ วุตฺตา, ตสฺมา พหลกิเลสา ‘‘มหารชกฺขา’’ติ เวทิตพฺพา. ปฏิปกฺขวิธมนสมตฺถตาย ติกฺขานิ สูรานิ วิสทานิ, วุตฺตวิปริยาเยน มุทูนิ. สทฺธาทโย อาการาติ สทฺทหนาทิปฺปกาเร วทติ. สุนฺทราติ กลฺยาณา. สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๘๑๔) ปน ‘‘เยสํ อาสยาทโย โกฏฺาสา สุนฺทรา, เต สฺวาการา, วิปรีตา ทฺวาการา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อิมาย อตฺถวณฺณนาย อฺทตฺถุ สํสนฺทติ สเมตีติ ทฏฺพฺพํ. การณํ นาม ปจฺจยากาโร, สจฺจานิ วา.
อยํ ปเนตฺถ ปาฬีติ เอตฺถ อปฺปรชกฺขาทิปทานํ อตฺถวิภาวเน อยํ ตสฺสตฺถสฺส วิภาวนี ปาฬิ. สทฺธาทีนํ วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานํ พลวภาโว ตปฺปฏิปกฺขานํ ปาปธมฺมานํ ทุพฺพลภาเวเนว โหติ, เตสฺจ พลวภาโว สทฺธาทีนํ ทุพฺพลภาเวนาติ วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานํ อตฺถิตานตฺถิตาวเสน อปฺปรชกฺขมหารชกฺขตาทโย ปาฬิยํ วิภชิตฺวา ทสฺสิตา. ขนฺธาทโย เอว ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก. สมฺปตฺติภวภูโต โลโก สมฺปตฺติภวโลโก, สุคติสงฺขาโต อุปปตฺติภโว. สมฺปตฺติ สมฺภวติ เอเตนาติ สมฺปตฺติสมฺภวโลโก. สุคติสํวตฺตนิโย กมฺมภโว. ทุคฺคติ สงฺขาตอุปปตฺติภวทุคฺคติ สํวตฺตนิยกมฺมภวา วิปตฺติภวโลกวิปตฺติสมฺภวโลกา.
ปุน เอกกทุกาทิวเสน โลกํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เอโก โลโก’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาหาราทโย วิย หิ อาหารฏฺิติกา สงฺขารา ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ. เอตฺถ เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกาติ ยายํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย สพฺพสงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติ, ตาย สพฺเพ สงฺขารา เอโกว โลโก เอกวิโธ ปการนฺตรสฺส อภาวโต. ทฺเว โลกาติอาทีสุปิ อิมินา ¶ นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นามคฺคหเณน เจตฺถ นิพฺพานสฺส อคฺคหณํ ตสฺส อโลกสภาวตฺตา. นนุ จ อาหารฏฺิติกาติ เอตฺถ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย มคฺคผลานมฺปิ โลกตา ¶ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ ปริฺเยฺยานํ ทุกฺขสจฺจธมฺมานํ อิธ ‘‘โลโก’’ติ อธิปฺเปตตฺตา. อถ วา น ลุชฺชติ น ปลุชฺชตีติ โย คหิโต ตถา น โหติ, โส โลโกติ ตํ-คหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตา. อุปาทานานํ อารมฺมณภูตา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา. ทสายตนานีติ ทส รูปายตนานิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
วิวฏฺฏชฺฌาสยสฺส อธิปฺเปตตฺตา ตสฺส จ สพฺพํ เตภูมกกมฺมํ ครหิตพฺพํ วชฺชิตพฺพฺจ หุตฺวา อุปฏฺาตีติ วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ อภิสงฺขารา วชฺชํ, สพฺเพ ภวคามิกมฺมา วชฺช’’นฺติ. อปฺปรชกฺขมหารชกฺขาทีสุ ปฺจสุ ทุเกสุ เอเกกสฺมึ ทส ทส กตฺวา ‘‘ปฺาสาย อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ. อถ วา อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปโรปริยตฺตํ ชานาตีติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. เอตฺถ จ อปฺปรชกฺขาทิภพฺพาทิวเสน อาวชฺเชนฺตสฺส ภควโต เต สตฺตา ปฺุชปฺุชาว หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, น เอเกกา.
อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินี, คจฺโฉปิ ชลาสโยปิ, อิธ ปน ชลาสโย อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อุปฺปลวเน’’ติ. ยานิ อุทกสฺส อนฺโต นิมุคฺคาเนว หุตฺวา ปุสนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ. ทีปิตานีติ อฏฺกถายํ ปกาสิตานิ, อิเธว วา ‘‘อฺานิปี’’ติอาทินา ภาสิตานิ.
อุคฺฆฏิตฺูติ อุคฺฆฏิตํ นาม าณุคฺฆฏนํ, าเณ อุคฺฆฏิตมตฺเต เอว ชานาตีติ อตฺโถ. วิปฺจิตํ วิตฺถาริตเมว อตฺถํ ชานาตีติ วิปฺจิตฺู. อุทฺเทสาทีหิ เนตพฺโพติ เนยฺโย. สห อุทาหฏเวลายาติ อุทาหาเร อุทาหฏมตฺเตเยว. ธมฺมาภิสมโยติ จตุสจฺจธมฺมสฺส าเณน สทฺธึ อภิสมโย. อยํ วุจฺจตีติ อยํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา นเยน สํขิตฺเตน มาติกาย ปิยมานาย เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ สมตฺโถ ปุคฺคโล ‘‘อุคฺฆฏิตฺู’’ติ วุจฺจติ. อยํ วุจฺจตีติ อยํ สํขิตฺเตน มาติกํ เปตฺวา วิตฺถาเรน อตฺเถ ¶ วิภชิยมาเน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ ปุคฺคโล ‘‘วิปฺจิตฺู’’ติ วุจฺจติ. อุทฺเทสโตติ อุทฺเทสเหตุ, อุทฺทิสนฺตสฺส, อุทฺทิสาเปนฺตสฺส วาติ อตฺโถ. ปริปุจฺฉโตติ อตฺถํ ปริปุจฺฉนฺตสฺส. อนุปุพฺเพน ธมฺมาภิสมโย โหตีติ อนุกฺกเมน อรหตฺตปฺปตฺติ โหติ. น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหตีติ เตน อตฺตภาเวน มคฺคํ วา ผลํ วา อนฺตมโส ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโมติ อยํ ปุคฺคโล พฺยฺชนปทเมว ปรมํ อสฺสาติ ปทปรโมติ วุจฺจติ.
กมฺมาวรเณนาติ ¶ (วิภ. อฏฺ. ๘๒๖) ปฺจวิเธน อานนฺตริยกมฺเมน. วิปากาวรเณนาติ อเหตุกปฏิสนฺธิยา. ยสฺมา ปน ทุเหตุกานมฺปิ อริยมคฺคปฏิเวโธ นตฺถิ, ตสฺมา ทุเหตุกา ปฏิสนฺธิปิ ‘‘วิปากาวรณเมวา’’ติ เวทิตพฺพา. กิเลสาวรเณนาติ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิยา. อสฺสทฺธาติ พุทฺธาทีสุ สทฺธารหิตา. อจฺฉนฺทิกาติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทรหิตา. อุตฺตรกุรุกา มนุสฺสา อจฺฉนฺทิกฏฺานํ ปวิฏฺา. ทุปฺปฺาติ ภวงฺคปฺาย ปริหีนา. ภวงฺคปฺาย ปน ปริปุณฺณายปิ ยสฺส ภวงฺคํ โลกุตฺตรสฺส ปจฺจโย น โหติ, โสปิ ทุปฺปฺโ เอว นาม. อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนฺติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ มคฺคํ โอกฺกมิตุํ อธิคนฺตุํ อภพฺพา. น กมฺมาวรเณนาติอาทีนิ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพานิ.
นิพฺพานสฺส ทฺวารํ ปวิสนมคฺโค. วิวริตฺวา ปิโต มหากรุณูปนิสฺสเยน สยมฺภุาเณน อธิคตตฺตา. สทฺธํ ปมฺุจนฺตูติ อตฺตโน สทฺธํ ปเวเสนฺตุ, สทฺทหนาการํ อุปฏฺเปนฺตูติ อตฺโถ. สุเขน อกิจฺเฉน ปวตฺตนียตาย สุปฺปวตฺติตํ. น ภาสึ น ภาสิสฺสามีติ จินฺเตสึ.
๒๘๔. ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ เอวํ ปวตฺติตธมฺมเทสนาปฏิสํยุตฺตสฺส วิตกฺกสฺส สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ อฏฺมสตฺตาเหเยว อุปฺปนฺนตฺตา วุตฺตํ ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติ. น อิตรสตฺตาหานิ วิย ปฏินิยตกิจฺจลกฺขิตสฺส อฏฺมสตฺตาหสฺส นาม ปวตฺติตสฺส สพฺภาวา.
วิวฏนฺติ ¶ เทวตาวิคฺคเหน วิวฏองฺคปจฺจงฺคนิทฺทาย ชนานํ ปากฏํ วิปฺปการนฺติ อตฺโถ. ‘‘พุทฺธตฺตํ อนธิคนฺตฺวา น ปจฺจาคมิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนวิตกฺกาติสยเหตุเกน ปถวีปริวตฺตนเจติยํ นาม ทสฺเสตฺวา. สากิยโกลิยมลฺลรชฺชวเสน ตีณิ รชฺชานิ. รุกฺขมูเลติ นิคฺโรธมูเล. วตฺวา ปกฺกามิ, ปกฺกมนฺติยา จสฺสา มหาสตฺโต อาการํ ทสฺเสสิ สุวณฺณถาลคฺคหณาย, สา ‘‘ตุมฺหากํ ตํ ปริจฺจตฺตเมวา’’ติ ปกฺกามิ.
ทิวาวิหารํ กตฺวาติ นานาสมาปตฺติโย สมาปชฺชเนน ทิวาวิหารํ วิหริตฺวา. ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ, อุปสุสฺสตุ สรีเร มํสโลหิต’’นฺติอาทินา สุตฺเต (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๓๗; อ. นิ. ๒.๕; ๘.๑๓; มหานิ. ๑๗, ๑๙๖) อาคตนเยน จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺหิตฺวา.
นวโยชนนฺติ อุพฺเพธโต วุตฺตํ, ปุถุลโต ทฺวาทสโยชนา, ทีฆโต ยาว จกฺกวาฬา อายตาติ ¶ วทนฺติ. อชฺโฌตฺถรนฺโต อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘อุฏฺเหิ โส, สิทฺธตฺถ, อหํ อิมสฺส ปลฺลงฺกสฺส อนุจฺฉวิโก’’ติ วตฺวา ตตฺถ สกฺขึ โอตาเรนฺโต อตฺตโน ปริสํ นิทฺทิสิ. เอกปฺปหาเรเนว – ‘‘อยเมว อนุจฺฉวิโก, อยเมว อนุจฺฉวิโก’’ติ โกลาหลมกาสิ, ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต…เป… หตฺถํ ปสาเรติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;
สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ. (จริยา. ๑.๑๒๔);
ปุพฺเพนิวาสาณํ วิโสเธตฺวาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ สีหาวโลกนาเยน. วฏฺฏวิวฏฺฏํ สมฺมสิตฺวาติ จตุสจฺจมนสิการํ สนฺธายาห. อิมสฺส ปลฺลงฺกสฺส อตฺถายาติ ปลฺลงฺกสีเสน อธิคตวิเสสํ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ สิขาปฺปตฺตวิมุตฺติสุขํ อวิชหนฺโต อนฺตรนฺตรา จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคํ มนสิกโรนฺโต เอกปลฺลงฺเกน นิสีทิ. เอกจฺจานนฺติ ยา อธิคตมคฺคา สจฺฉิกตนิโรธา เอกเทเสน จ พุทฺธคุเณ ชานนฺติ, ตา เปตฺวา ตทฺเสํ เทวตานํ. อฺเปิ พุทฺธตฺตกราติ วิสาขาปุณฺณมโต ปฏฺาย รตฺตินฺทิวํ เอวํ นิจฺจสมาหิตภาวเหตุกานํ พุทฺธคุณานํ อุปริ อฺเปิ ¶ พุทฺธตฺตสาธกา, ‘‘อยํ พุทฺโธ’’ติ พุทฺธภาวสฺส ปเรสํ วิภาวนา ธมฺมา กึ นุ โข อตฺถีติ โยชนา.
อนิมิเสหีติ ธมฺมปีติวิปฺผารวเสน ปสาทวิกสิตนิจฺจลตาย นิเมสรหิเตหิ. รตนจงฺกเมติ เทวตาหิ มาปิเต รตนมยจงฺกเม. รตนภูตานํ สตฺตนฺนํ ปกรณานํ ตตฺถ จ อนนฺตนยสฺส ธมฺมรตนสฺส สมฺมสเนน ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตนฺติปิ วทนฺติ. เอวนฺติ วกฺขมานากาเรน. ฉพฺพณฺณานํ รสฺมีนํ ทนฺเตหิ นิกฺขมนโต ฉทฺทนฺตนาคกุลํ วิยาติ นิทสฺสนํ วุตฺตํ.
เหฏฺา โลหปาสาทปฺปมาโณติ นวภูมกสฺส สพฺพปมสฺส โลหปาสาทสฺส เหฏฺา โลหปาสาทปฺปมาโณ. ขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๕) ปน ตตฺถ ‘‘ภณฺฑาคารคพฺภปฺปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ.
ปจฺจคฺเฆติ อภินเว. ปจฺเจกํ มหคฺฆตาย ปจฺจคฺเฆติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ. น หิ พุทฺธา ภควนฺโต มหคฺฆํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ ปริภฺุชนฺติ วา. ปิณฺฑปาตนฺติ เอตฺถ มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ ¶ สนฺธาย วทติ. อยํ วิตกฺโกติ – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ อยํ ปริวิตกฺโก.
ปณฺฑิจฺเจนาติ สมาปตฺติปฏิลาภสํสิทฺเธน อธิคมพาหุสจฺจสงฺขาเตน ปณฺฑิตภาเวน. เวยฺยตฺติเยนาติ สมาปตฺติปฏิลาภปจฺจเยน ปาริหาริยปฺาสงฺขาเตน พฺยตฺตภาเวน. เมธาวีติ ติเหตุกปฏิสนฺธิปฺาสงฺขาตาย ตํตํอิติกตฺตพฺพตาปฺาสงฺขาตาย จ เมธาย สมนฺนาคโตติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. มหาชานิโยติ มหาปริหานิโก. อาคมนปาทาปิ นตฺถีติ อิทํ ปมํ วตฺตพฺพํ, อถาหํ ตตฺถ คจฺเฉยฺยํ, คนฺตฺวา เทสิยมานํ ธมฺมมฺปิสฺส โสตุํ โสตปสาโทปิ นตฺถีติ โยชนา. กึ ปน ภควตา อตฺตโน พุทฺธานุภาเวน เต ธมฺมํ าเปตุํ น สกฺกาติ? อาม, น สกฺกา. น หิ ปรโต โฆสํ อนฺตเรน สาวกานํ ธมฺมาภิสมโย สมฺภวติ, อฺถา อิตรปจฺจยรหิตสฺสปิ ธมฺมาภิสมเยน ภวิตพฺพํ, น จ ตํ อตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ปจฺจยา สมฺมาทิฏฺิยา อุปฺปาทาย ปรโต จ โฆโส อชฺฌตฺตฺจ โยนิโสมนสิกาโร’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๗). ปาฬิยํ รามสฺเสว สมาปตฺติลาภิตา อาคตา, น อุทกสฺส, ตํ ตสฺส โพธิสตฺเตน สมาคตกาลวเสน วุตฺตํ ¶ . โส หิ ปุพฺเพปิ ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิหรนฺโต มหาปุริเสน ขิปฺปฺเว สมาปตฺตีนํ นิพฺพตฺติตภาวํ สุตฺวา สํเวคชาโต มหาสตฺเต ตโต นิพฺพิชฺช ปกฺกนฺเต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เนวสฺานาสฺายตเน นิพฺพตฺโตติ อทฺทสา’’ติ. เอเต อฏฺ พฺราหฺมณาติ สมฺพนฺโธ. ฉฬงฺควาติ ฉฬงฺควิทุโน. มนฺตนฺติ มนฺตปทํ. ‘‘นิชฺฌายิตฺวา’’ติ วจนเสโส, มนฺเตตฺวาติ อตฺโถ. วิยากรึสูติ กเถสุํ.
ยถามนฺตปทนฺติ ลกฺขณมนฺตสงฺขาตเวทวจนานุรูปํ. คตาติ ปฏิปนฺนา. ‘‘ทฺเวว คติโย ภวนฺติ อนฺา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๓; ๓.๑๙๙-๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๔, ๓๙๘) วุตฺตนิยาเมน นิจฺฉินิตุํ อสกฺโกนฺตา พฺราหฺมณา วุตฺตเมว ปฏิปชฺชึสุ, น มหาปุริสสฺส พุทฺธภาวปฺปตฺตึ ปจฺจาสีสึสุ. อิเม ปน โกณฺฑฺาทโย ปฺจ ‘‘เอกํสโต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ชาตนิจฺฉยตฺตา มนฺตปทํ อติกฺกนฺตา. ปุณฺณปตฺตนฺติ ตุฏฺิทานํ. นิพฺพิตกฺกาติ นิพฺพิกปฺปา, น ทฺเวธา ตกฺกา.
วปฺปกาเลติ วปนกาเล. วปนตฺถํ พีชานิ นีหรณนฺเตน ตตฺถ อคฺคํ คเหตฺวา ทานํ พีชคฺคทานํ นาม. ลายนคฺคาทีสุปิ เอเสว นโย. ธฺผลสฺส นาติปริณตกาเล ปุถุกกาเล. ลายเนติ สสฺสลายเน. ยถา ลูนํ หตฺถกํ กตฺวา เวณิวเสน พนฺธนํ เวณิกรณํ. เวณิโย ปน ปุริสภารวเสน ¶ พนฺธนํ กลาโป. ขเล กลาปานํ ปนทิวเส อคฺคํ คเหตฺวา ทานํ ขลคฺคํ. มทฺทิตฺวา วีหีนํ ราสิกรณทิวเส อคฺคํ คเหตฺวา ทานํ ภณฺฑคฺคํ. โกฏฺาคาเร ธฺสฺส ปกฺขิปนทิวเส ทานํ โกฏฺคฺคํ. อุทฺธริตฺวาติ ขลโต ธฺสฺส อุทฺธริตฺวา. นวนฺนํ อคฺคทานานํ ทินฺนตฺตาติ อิทํ ตสฺส รตฺตฺูนํ อคฺคภาวตฺถาย กตาภินีหารานุรูปํ ปวตฺติตสาวกปารมิยา จิณฺณนฺเต ปวตฺติตตฺตา วุตฺตํ. ติณฺณมฺปิ หิ โพธิสตฺตานํ ตํตํปารมิยา สิขาปฺปตฺตกาเล ปวตฺติตํ ปฺุํ อปฺุํ วา ครุตรวิปากเมว โหติ, ธมฺมสฺส จ สพฺพปมํ สจฺฉิกิริยาย วินา กถํ รตฺตฺูนํ อคฺคภาวสิทฺธีติ. พหุการา โข อิเม ปฺจวคฺคิยาติ อิทํ ปน อุปการานุสฺสรณมตฺตกเมว ปริจยวเสน อาฬารุทกานุสฺสรณํ วิย.
๒๘๕. วิวเรติ มชฺเฌ. เตนาห ‘‘ติคาวุตนฺตเร าเน’’ติ. อโยชิยมาเน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ สามิวจนสฺส ปสงฺเค อนฺตรา-สทฺทโยเคน ¶ อุปโยควจนสฺส อิจฺฉิตตฺตา. เตนาห ‘‘อนฺตราสทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กต’’นฺติ.
สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ อภิภวิตฺวา ปริฺาภิสมยวเสน อติกฺกมิตฺวา. จตุภูมกธมฺมํ อนวเสสํ เยฺยํ สพฺพโส เยฺยาวรณสฺส ปหีนตฺตา สพฺพฺุตฺาเณน อเวทึ. รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนาทินา กิเลเสน. อปฺปหาตพฺพมฺปิ กุสลาพฺยากตํ ตปฺปฏิพทฺธกิเลสมถเนน ปหีนตฺตา น โหตีติ อาห ‘‘สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ ชหิตฺวา ิโต’’ติ. อารมฺมณโตติ อารมฺมณกรณวเสน.
กิฺจาปิ โลกิยธมฺมานมฺปิ ยาทิโส โลกนาถสฺส อธิคโม, น ตาทิโส อธิคโม ปรูปเทโส อตฺถิ, โลกุตฺตรธมฺเม ปนสฺส เลโสปิ นตฺถีติ อาห ‘‘โลกุตฺตรธมฺเม มยฺหํ อาจริโย นาม นตฺถี’’ติ. ปฏิภาคปุคฺคโลติ สีลาทีหิ คุเณหิ ปฏินิธิภูโต ปุคฺคโล. สเหตุนาติ สหธมฺเมน สปาฏิหีรกตาย. นเยนาติ อภิชานนตาทิวิธินา. จตฺตาริ สจฺจานีติ อิทํ ตพฺพินิมุตฺตสฺส เยฺยสฺส อภาวโต วุตฺตํ. สยํ พุทฺโธติ สยเมว สยมฺภุาเณน พุทฺโธ. วิคตปริฬาหตาย สีติภูโต. ตโต เอว นิพฺพุโต. อาหฺฉนฺติ อาหนิสฺสามิ. เวเนยฺยานํ อมตาธิคมาย อุคฺโฆสนาทึ กตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนา อมตทุนฺทุภีติ วุตฺตา.
อนนฺตาโณ ชิตกิเลโสติ อนนฺตชิโน. เอวมฺปิ นาม ภเวยฺยาติ เอวํวิเธ นาม รูปรตเน อีทิเสน าเณน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อยํ หิสฺส ปพฺพชฺชาย ปจฺจโย ชาโต, กตาธิกาโร เจส. ตถา หิ ภควา เตน สมาคมตฺถํ ปทสาว ตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
โกฏฺาสสมฺปนฺนาติ ¶ องฺคปจฺจงฺคสงฺขาตอวยวสมฺปนฺนา. อฏฺฏียตีติ อฏฺโฏ โหติ, โทมนสฺสํ อาปชฺชตีติ อตฺโถ.
อวิหํ อุปปนฺนาเสติ อวิเหสุ นิพฺพตฺตา. วิมุตฺตาติ อคฺคผลวิมุตฺติยา วิมุตฺตา. เต หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปชฺฌคุนฺติ เต อุปกา ทโย มานุสํ อตฺตภาวํ ชหิตฺวา โอรมฺภาคิยสํโยชนปฺปหาเนน อวิเหสุ นิพฺพตฺตมตฺตาว อคฺคมคฺคาธิคเมน ทิพฺพโยคํ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนํ สมติกฺกมึสุ.
๒๘๖. สณฺเปสุนฺติ ¶ ‘‘เนว อภิวาเทตพฺโพ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๒) สณฺํ กิริยาการํ อกํสุ. เตนาห ‘‘กติกํ อกํสู’’ติ. ปธานโตติ ปุพฺเพ อนุฏฺิตทุกฺกรจรณโต. ปภาวิตนฺติ วาจาสมุฏฺานํ, วจีนิจฺฉารณนฺติ อตฺโถ. ‘‘อยํ น กิฺจิ วิเสสํ อธิคมิสฺสตี’’ติ อนุกฺกณฺนตฺถํ. ‘‘มยํ ยตฺถ กตฺถจิ คมิสฺสามา’’ติ มา วิตกฺกยิตฺถ. โอภาโสติ วิปสฺสโนภาโส. นิมิตฺตนฺติ กมฺมฏฺานนิมิตฺตํ. เอกปเทเนวาติ เอกวจเนเนว. ‘‘อเนน ปุพฺเพปิ น กิฺจิ มิจฺฉา วุตฺตปุพฺพ’’นฺติ สตึ ลภิตฺวา. ยถาภูตวาทีติ อุปฺปนฺนคารวา.
อนฺโตวิหาเรเยว อโหสิ ทหรกุมาโร วิย เตหิ ภิกฺขูหิ ปริหริโต. มเลติ สํกิเลเส. คามโต ภิกฺขูหิ นีหฏํ อุปนีตํ ภตฺตํ เอตสฺสาติ นีหฏภตฺโต, เตน นีหฏภตฺเตน ภควตา. เอตฺตกํ กถามคฺคนฺติ – ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ปริเยสนา’’ติ อารภิตฺวา ยาว – ‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ ปทํ, เอตฺตกํ เทสนามคฺคํ. กามฺเจตฺถ – ‘‘ตุมฺเหปิ มมฺเจว ปฺจวคฺคิยานฺจ มคฺคํ อารูฬฺหา, อริยปริเยสนา ตุมฺหากํ ปริเยสนา’’ติ อฏฺกถาวจนํ. เตน ปน – ‘‘โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อตฺตนา ชาติธมฺโม สมาโน…เป… อสํกิลิฏฺํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมนฺติ, อถ โข, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มยา เอวํ โอวทิยมานา…เป… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํสุ…เป… นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ อิมสฺเสว สุตฺตปทสฺส อตฺโถ วิภาวิโตติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ภควา ยํ ปุพฺเพ อวจ ตุมฺเหปิ มมฺเจว ปฺจวคฺคิยานฺจ มคฺคํ อารุฬฺหา, อริยปริเยสนา ตุมฺหากํ ปริเยสนาติ. อิมํ เอกเมว อนุสนฺธึ ทสฺเสนฺโต อาหรี’’ติ.
๒๘๗. อนคาริยานมฺปีติ ปพฺพชิตานมฺปิ. ปฺจกามคุณวเสน อนริยปริเยสนา โหติ คธิตาทิภาเวน ปริภฺุชนโต. มิจฺฉาชีววเสนปิ อนริยปริเยสนา โหตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ¶ ‘‘ปฺจกามคุณวเสนา’’ติ วุตฺตํ สจฺฉนฺทราคปริโภคสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อิทานิ จตูสุ ปจฺจเยสุ กามคุเณ นิทฺธาเรตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริโภครโสติ ปริโภคปจฺจยปีติโสมนสฺสํ. อยํ ปน รสสมานตาวเสน คหณํ อุปาทาย ¶ ‘‘รโส’’ติ วุตฺโต, น สภาวโต. สภาเวน คหณํ อุปาทาย ปีติโสมนสฺสํ ธมฺมารมฺมณํ สิยา, น รสารมฺมณํ. อปฺปจฺจเวกฺขณปริโภโคติ ปจฺจเวกฺขณรหิโต ปริโภโค, อิทมตฺถิตํ อนิสฺสาย คธิตาทิภาเวน ปริโภโคติ อตฺโถ. คธิตาติ ตณฺหาย พทฺธา. มุจฺฉิตาติ มุจฺฉํ โมหํ ปมาทํ อาปนฺนา. อชฺโฌคาฬฺหาติ อธิโอคาฬฺหา, ตํ ตํ อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา ิตา. อาทีนวํ อปสฺสนฺตาติ สจฺฉนฺทราคปริโภเค โทสํ อชานนฺตา. อปจฺจเวกฺขิตปริโภคเหตุอาทีนวํ นิสฺสรติ อติกฺกมติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ, ปจฺจเวกฺขณาณํ.
ปาสราสินฺติ ปาสสมุทายํ. ลุทฺทโก หิ ปาสํ โอฑฺเฑนฺโต น เอกํเยว, น จ เอกสฺมึเยว าเน โอฑฺเฑติ, อถ โข ตํตํมิคานํ อาคมนมคฺคํ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺถ ตตฺถ โอฑฺเฑนฺโต พหูเยว โอฑฺเฑติ, ตสฺมา เต จิตฺเตน เอกโต คเหตฺวา ‘‘ปาสราสี’’ติ วุตฺตํ. วาคุรสฺส วา ปาสปเทสานํ พหุภาวโต ‘‘ปาสราสี’’ติ วุตฺตํ.
ปาสราสิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา
๒๘๘. เสตปริวาโรติ ¶ เสตปฏิจฺฉโท, เสตวณฺณาลงฺกาโรติ อตฺโถ. ปุพฺเพ ปน ‘‘เสตาลงฺการา’’ติ อสฺสาลงฺกาโร คหิโต, อิธ จกฺกปฺชรกุพฺพราทิรถาวยเวสุ กาตพฺพาลงฺกาโร. เอวํ วุตฺเตนาติ เอวํ ‘‘เสตาย สุท’’นฺติอาทินา ปกาเรน สํยุตฺตมหาวคฺเค (สํ. นิ. ๕.๔) วุตฺเตน. นาติมหา ยุทฺธมณฺฑเล สฺจารสุขตฺถํ. โยโธ สารถีติ ทฺวินฺนํ, ปหรณทายเกน สทฺธึ ติณฺณํ วา.
นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ นครโสภนตฺถํ. อิทํ กิร ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ชาณุสฺโสณิฏฺานนฺตรํ ชาติสิทฺธํ ปรมฺปราคตํ จาริตฺตํ. เตนาห ‘‘อิโต เอตฺตเกหิ ทิวเสหี’’ติอาทิ. จาริตฺตวเสน นครวาสิโนปิ ตถา ตถา ปฏิปชฺชนฺติ. ปฺุวาทิมงฺคลกถเน นิยุตฺตา มางฺคลิกา. สุวตฺถิปตฺตนาย โสวตฺถิกา. อาทิ-สทฺเทน วนฺทีอาทีนํ สงฺคโห. ยสสิริสมฺปตฺติยาติ ยสสมฺปตฺติยา สิริสมฺปตฺติยา จ, ปริวารสมฺปตฺติยา เจว วิภวโสภาสมฺปตฺติยา จาติ อตฺโถ.
นคราภิมุโข ¶ ปายาสิ อตฺตโน ภิกฺขาจารเวลาย. ปณฺฑิโต มฺเติ เอตฺถ มฺเติ อิทํ ‘‘มฺตี’’ติ อิมินา สมานตฺถํ นิปาตปทํ. ตสฺส อิติ-สทฺทํ อาเนตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปณฺฑิโตติ มฺตี’’ติ อาห. อนุมติปุจฺฉาวเสน เจตํ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘อุทาหุ โน’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺติ ภวํ วจฺฉายโน สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติย’’นฺติ หิ วุตฺตเมวตฺถํ ปุน คณฺหนฺโต ‘‘ปณฺฑิโต มฺเ’’ติ อาห. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภวํ วจฺฉายโน, สมณํ โคตมํ ปณฺฑิโตติ มฺติ, อุทาหุ โน’’ติ, ยถา เต ขเมยฺย, ตถา นํ กเถหีติ อธิปฺปาโย.
อหํ โก นาม, มม อวิสโย เอโสติ ทสฺเสติ. โก จาติ เหตุนิสฺสกฺเก ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘กุโต จา’’ติ. ตถา จาห ‘‘เกน การเณน ชานิสฺสามี’’ติ, เยน การเณน สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชาเนยฺยํ, ตํ การณํ มยิ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. พุทฺโธเยว ภเวยฺย, อพุทฺธสฺส สพฺพถา พุทฺธาณานุภาวํ ชานิตุํ น สกฺกาติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, โอรมตฺตกํ สีลมตฺตกํ, เยน ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺย (ที. นิ. ๑.๗), อตฺถิ, ภิกฺขเว, อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา ¶ …เป… เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๘) จ. เอตฺถาติ ‘‘โสปิ นูนสฺส ตาทิโสวา’’ติ เอตสฺมึ ปเท. ปสตฺถ ปสตฺโถติ ปสตฺเถหิ อตฺตโน คุเณเหว โส ปสตฺโถ, น ตสฺส กิตฺตินา, ปสํสาสภาเวเนว ปาสํโสติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สพฺพคุณาน’’นฺติอาทิ. มณิรตนนฺติ จกฺกวตฺติโน มณิรตนํ. สเทวเก โลเก ปาสํสานมฺปิ ปาสํโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปสตฺเถหิ วา’’ติ ทุติยวิกปฺโป คหิโต.
อรณียโต อตฺโถ, โส เอว วสตีติ วโสติ อตฺถวโส, ตสฺส ตสฺส ปโยคสฺส อานิสํสภูตํ ผลนฺติ อาห ‘‘อตฺถวสนฺติ อตฺถานิสํส’’นฺติ. อตฺโถ วา วุตฺตลกฺขโณ วโส เอตสฺสาติ อตฺถวโส, การณํ. นาควนวาสิโกติ หตฺถินาคานํ วิจรณวเน เตสํ คหณตฺถํ วสนโก. อนุคฺคหิตสิปฺโปติ อสิกฺขิตหตฺถิสิปฺโป อายตวิตฺถตสฺส ปทมตฺตสฺส ทสฺสเนน ‘‘มหา วต, โภ นาโค’’ติ นิฏฺาคมนโต. ปรโต ปน ภควตา วุตฺตฏฺาเน. อุคฺคหิตสิปฺโป ปุริโส นาควนิโกติ อาคโต อายตวิตฺถตสฺส ¶ ปทสฺส อุจฺจสฺส จ นิเสวิตสฺส พฺยภิจารภาวํ ตฺวา ตตฺตเกน นิฏฺํ อคนฺตฺวา มหาหตฺถึ ทิสฺวาว นิฏฺาคมนโต. าณํ ปชฺชติ เอตฺถาติ าณปทานิ, ขตฺติยปณฺฑิตาทีนํ ธมฺมวินเย วินีตตฺตา วินเยหิ อธิคตชฺฌานาทีนิ. ตานิ หิ ตถาคตคนฺธหตฺถิโน เทสนาาเณน อกฺกนฺตฏฺานานิ. จตฺตารีติ ปน วิเนยฺยานํ อิธ ขตฺติยปณฺฑิตาทิวเสน จตุพฺพิธานํเยว คหิตตฺตา.
๒๘๙. ปุคฺคเลสุ ปฺาย จ นิปุณตา ปณฺฑิตสมฺา นิปุณตฺถสฺส ทสฺสนสมตฺถตาวเสเนวาติ อาห ‘‘สุขุมอตฺถนฺตรปฏิวิชฺฌนสมตฺเถ’’ติ. กต-สทฺโท อิธ นิปฺผนฺนปริยาโย. ปเร ปวทนฺติ เอตฺถ, เอเตนาติ ปรปฺปวาโท, ปรสมโย. ปเรหิ ปวทนํ ปรปฺปวาโท, วิคฺคาหิกกถาย ปรวาทมทฺทนํ. ตทุภยมฺปิ เอกโต กตฺวา ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘วิฺาตปรปฺปวาเท เจว ปเรหิ สทฺธึ กตวาทปริจเย จา’’ติ, ปรสมเยสุ ปรวาทมทฺทเนสุ จ นิปฺผนฺเนติ อตฺโถ. วาลเวธิรูเปติ วาลเวธิปติรูเป. เตนาห ‘‘วาลเวธิธนุคฺคหสทิเส’’ติ. วาลนฺติ อเนกธา ภินฺนสฺส วาลสฺส อํสุสงฺขาตํ วาลํ. ภินฺทนฺตา วิยาติ ฆฏาทึ สวิคฺคหํ มุคฺคราทินา ภินฺทนฺตา วิย, ทิฏฺิคตานิ เอกํสโต ภินฺทนฺตาติ อธิปฺปาโย. ‘‘อตฺถํ คุยฺหํ ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ สงฺขตํ ปทปฺหํ ปุจฺฉนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุปทมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, โทโส. ปุจฺฉียตีติ ปฺโห, อตฺโถ. ปุจฺฉติ เอเตนาติ ปฺโห, สทฺโท. ตทุภยํ เอกโต คเหตฺวา อาห ‘‘เอวรูเป ปฺเห’’ติอาทิ. ‘‘เอวํ ปุจฺเฉยฺย, เอวํ วิสฺสชฺเชยฺยา’’ติ ¶ จ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานํ สิขาวคมนํ ทสฺเสติ. เสยฺโยติ อุตฺตโม, ปรโม ลาโภติ อธิปฺปาโย.
เอวํ อตฺตโน วาทวิธมนภเยนปิ ปเร ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ น วิสหนฺตีติ วตฺวา อิทานิ วาทวิธมเนน วินาปิ น วิสหนฺติ เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. จิตฺตํ ปสีทติ ปเร อตฺตโน อตฺตภาวมฺปิ วิสฺสตฺถํ นิยฺยาเทตุกามา โหนฺติ โอธิสกเมตฺตาผรณสทิสตฺตา ตสฺส เมตฺตายนสฺส. ทสฺสนสมฺปนฺนาติ ทฏฺพฺพตาย สมฺปนฺนา ทสฺสนานุตฺตริยภาวโต, อติวิย ทสฺสนียาติ อตฺโถ.
สรณคมนวเสน ¶ สาวกาติ โลกิยสรณคมเนน สาวกา, โลกุตฺตรสรณคมเนน ปน สาวกตฺตํ ปรโต อาคมิสฺสติ, ตฺจ ปพฺพชิตวเสน วุจฺจติ, อิธ คหฏฺวเสน, อุภยตฺถาปิ สรณคมเนน สาวกตฺตํ เวทิตพฺพํ. เต หิ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิโน กุลปุตฺตา, อาจารกุลปุตฺตาปิ ตาทิสา ภวนฺติ. โถเกนาติ อิมินา ‘‘มนํ อนสฺสามา’’ติ ปทสฺสตฺถํ วทติ.
๒๙๐. อุทาหรียติ อุพฺเพคปีติวเสนาติ, ตถา วา อุทาหรณํ อุทานํ. เตนาห ‘‘อุทาหารํ อุทาหรี’’ติ. อสฺส ธมฺมสฺสาติ อสฺส ปฏิปตฺติสทฺธมฺมปุพฺพกสฺส ปฏิเวธสทฺธมฺมสฺส. โสติ หตฺถิปโทปโม หตฺถิปโทปมภาเวน วุจฺจมาโน ธมฺโม. เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน ปริพฺพาชเกน วุตฺตกถามคฺคมตฺเตน. กามํ เตน วุตฺตกถามคฺเคนปิ หตฺถิปโทปมภาเวน วุจฺจมาโน ธมฺโม ปริปุณฺโณว อรหตฺตํ ปาเปตฺวา ปเวทิตตฺตา, โส จ โข สงฺเขปโต, น วิตฺถารโตติ อาห ‘‘น เอตฺตาวตา วิตฺถาเรน ปริปูโร โหตี’’ติ. ยทิ ยถา วิตฺถาเรน หตฺถิปโทปโม ปริปูโร โหติ, ตถา เทสนา อารทฺธา, อถ กสฺมา กุสโลติ น วุตฺโตติ โจทนา.
๒๙๑. อายามโตปีติ ปิ-สทฺเทน อุพฺเพเธนปิ รสฺสาติ ทสฺเสติ. นีจกายา หิ ตา โหนฺติ. อุจฺจาติ อุจฺจกา. นิเสวนํ, นิเสวติ เอตฺถาติ วา นิเสวิตํ. นิเสวนฺเจตฺถ กณฺฑุยิตวิโนทนตฺถํ ฆํสนํ. เตนาห ‘‘ขนฺธปฺปเทเส ฆํสิตฏฺาน’’นฺติ. อุจฺจาติ อนีจา, อุพฺเพธวนฺติโยติ อตฺโถ. กาฬาริกาติ วิรฬทนฺตา, วิสงฺคตทนฺตาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ทนฺตาน’’นฺติอาทิ. กฬารตายาติ วิรฬตาย. อารฺชิตานีติ รฺชิตานิ, วิลิขิตานีติ อตฺโถ. กเณรุตายาติ กุฏุมลสณฺานตาย. อยํ วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท สํสยิตนิจฺฉยตฺโถ ยถา อฺตฺถาปิ ‘‘อยํ วา อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพพาโล สพฺพมูฬฺโห’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๘๑).
นาควนํ ¶ วิยาติ มหาหตฺถิโน วามนิกาทีนฺจ ปททสฺสนฏฺานภูตํ นาควนํ วิย. อาทิโต ปฏฺาย ยาว นีวรณปฺปหานา ธมฺมเทสนา ตถาคตสฺส ¶ พาหิรปริพฺพาชกาทีนฺจ ปททสฺสนภาวโต. อาทิโต ปฏฺายาติ จ ‘‘ตํ สุณาหี’’ติ ปทโต ปฏฺาย. กุสโล นาควนิโก วิย โยคาวจโร ปริเยสนวเสน ปมาณคฺคหณโต. มตฺถเก ตฺวาติ อิมสฺส สุตฺตสฺส ปริโยสาเน ตฺวา. อิมสฺมิมฺปิ าเนติ ‘‘เอวเมว โข พฺราหฺมณา’’ติอาทินา อุปเมยฺยสฺส อตฺถสฺส อุปฺาสนฏฺาเนปิ.
สฺวายนฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๙๐) อิธ-สทฺทมตฺตํ คณฺหาติ, น ยถาวิเสสิตพฺพํ อิธ-สทฺทํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กตฺถจิ ปทปูรณมตฺตเมวา’’ติ. โลกํ อุปาทาย วุจฺจติ โลก-สทฺเทน สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตตฺตา. เสสปททฺวเย ปน สทฺทนฺตรสนฺนิธานมตฺเตน ตํ ตํ อุปาทาย วุตฺตตา ทฏฺพฺพา. โอกาสนฺติ กฺจิ ปเทสํ อินฺทสาลคุหาย อธิปฺเปตตฺตา. ปทปูรณมตฺตเมว โอกาสาปทิสนสฺสปิ อสมฺภวโต.
ตถาคต-สทฺทาทีนํ อตฺถวิเสโส มูลปริยายฏฺกถา(ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒) วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ วุตฺโต เอว. ตถาคตสฺส สตฺตนิกายนฺโตคธตาย ‘‘อิธ ปน สตฺตโลโก อธิปฺเปโต’’ติ วตฺวา ตตฺถายํ ยสฺมึ สตฺตนิกาเย, ยสฺมิฺจ โอกาเส อุปฺปชฺชติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตโลเก อุปฺปชฺชมาโนปิ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬติ อิมิสฺสา เอว โลกธาตุยา. ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺเว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑; ม. นิ. ๓.๑๒๙; อ. นิ. ๑.๒๗๘; เนตฺติ. ๕๗; มิ. ป. ๕.๑.๑) เอตฺถ ชาติเขตฺตภูตา ทสสหสฺสิโลกธาตุ ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ วุตฺตา. อิธ ปน อิมํเยว โลกธาตุํ สนฺธาย ‘‘อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ’’ติ วุตฺตํ. ติสฺโส หิ สงฺคีติโย อารุฬฺเห เตปิฏเก พุทฺธวจเน วิสยเขตฺตํ อาณาเขตฺตํ ชาติเขตฺตนฺติ ติวิเธ เขตฺเต เปตฺวา อิมํ จกฺกวาฬํ อฺสฺมึ จกฺกวาเฬ พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺตีติ สุตฺตํ นตฺถิ, น อุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถิ. กถํ? ‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; มิ. ป. ๔.๕.๑๑), เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; กถา. ๔๐๕; มหาว. ๑๑) เอวมาทีนิ อิมิสฺสา โลกธาตุยา ตฺวา วทนฺเตน ภควตา – ‘‘กึ ปนาวุโส, สาริปุตฺต, อตฺเถตรหิ ¶ อฺโ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา สมสโม สมฺโพธิยนฺติ เอวํ ปุฏฺาหํ, ภนฺเต, โนติ วเทยฺย’’นฺติ วตฺวา ตสฺส การณํ ทสฺเสตุํ – ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺเว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา’’ติ ¶ อิมํ สุตฺตํ ทสฺเสนฺเตน ธมฺมเสนาปตินา จ พุทฺธานํ อุปฺปตฺติฏฺานภูตํ อิมํ โลกธาตุํ เปตฺวา อฺตฺถ อนุปฺปตฺติ วุตฺตา โหตีติ.
สุชาตายาติอาทินา วุตฺเตสุ จตูสุ วิกปฺเปสุ ปโม วิกปฺโป พุทฺธภาวาย อาสนฺนตรปฏิปตฺติทสฺสนวเสน วุตฺโต. อาสนฺนตราย หิ ปฏิปตฺติยํ ิโต ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุจฺจติ อุปฺปาทสฺส เอกนฺติกตฺตา, ปเคว ปฏิปตฺติยา มตฺถเก ิโต. ทุติโย พุทฺธภาวาวหปพฺพชฺชโต ปฏฺาย อาสนฺนปฏิปตฺติทสฺสนวเสน, ตติโย พุทฺธกรธมฺมปาริปูริโต ปฏฺาย พุทฺธภาวาย ปฏิปตฺติทสฺสนวเสน. น หิ มหาสตฺตานํ ตุสิตภวูปปตฺติโต ปฏฺาย โพธิสมฺภารสมฺภรณํ นาม อตฺถิ. จตุตฺโถ พุทฺธกรธมฺมสมารมฺภโต ปฏฺาย. โพธิยา นิยตภาวาปตฺติโต ปภุติ หิ วิฺูหิ ‘‘พุทฺโธ อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺตุํ สกฺกา อุปฺปาทสฺส เอกนฺติกตฺตา, ยถา ปน ‘‘ติฏฺนฺติ ปพฺพตา, สนฺทนฺติ นทิโย’’ติ ติฏฺนสนฺทนกิริยานํ อวิจฺเฉทมุปาทาย วตฺตมานปโยโค, เอวํ อุปฺปาทตฺถาย ปฏิปชฺชนกิริยาย อวิจฺเฉทมุปาทาย จตูสุ วิกปฺเปสุ ‘‘อุปฺปชฺชติ นามา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพปมํ อุปฺปนฺนภาวนฺติ สพฺเพหิ อุปริ วุจฺจมาเนหิ วิเสเสหิ ปมํ ตถาคตสฺส อุปฺปนฺนตาสงฺขาตํ อตฺถิตาวิเสสํ.
โส ภควาติ (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๖๔) โย ‘‘ตถาคโต อรห’’นฺติอาทินา กิตฺติตคุโณ, โส ภควา. อิมํ โลกนฺติ นยิทํ มหาชนสฺส สมฺมุขามตฺตํ โลกํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข อนวเสสํ ปริยาทายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสตี’’ติ. ปชาตตฺตาติ ยถาสกํ กมฺมกิเลเสหิ นิพฺพตฺตตฺตา. ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ ปาริเสสาเยน อิตเรสํ ปทนฺตเรหิ สงฺคหิตตฺตา. สเทวกนฺติ จ อวยเวน วิคฺคโห สมุทาโย สมาสตฺโถ. ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ ปจฺจาสตฺติาเยน. ตตฺถ หิ โส ชาโต ตนฺนิวาสี จ. พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณนฺติ ¶ นิทสฺสนมตฺตเมตํ อปจฺจตฺถิกานํ อสมิตาพาหิตปาปานฺจ สมณพฺราหฺมณานํ สสฺสมณพฺราหฺมณิวจเนน คหิตตฺตา. กามํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิวิเสสนานํ วเสน สตฺตวิสโย โลก-สทฺโทติ วิฺายติ ตุลฺยโยควิสยตฺตา เตสํ, ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ ปน อตุลฺยโยเคปิ อยํ สมาโส ลพฺภตีติ พฺยภิจารทสฺสนโต ปชาคหณนฺติ อาห ‘‘ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณ’’นฺติ.
อรูปิโน ¶ สตฺตา อตฺตโน อาเนฺชวิหาเรน วิหรนฺตา ‘‘ทิพฺพนฺตีติ เทวา’’ติ อิมํ นิพฺพจนํ ลภนฺตีติ อาห ‘‘สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรเทวโลโก คหิโต’’ติ. เตเนวาห ‘‘อากาสานฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยต’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๑๑๗). สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลโก คหิโต ตสฺส สวิเสสํ มารสฺส วเส วตฺตนโต. รูปี พฺรหฺมโลโก คหิโต อรูปีพฺรหฺมโลกสฺส วิสุํ คหิตตฺตา. จตุปริสวเสนาติ ขตฺติยาทิจตุปริสวเสน. อิตรา ปน จตสฺโส ปริสา สมารกาทิคฺคหเณน คหิตา เอวาติ. อวเสสสพฺพสตฺตโลโก นาคครุฬาทิเภโท.
เอตฺตาวตา ภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตน เตน วิเสเสน อภาคโสว โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโตติ อุกฺกํสคภิวิชานเนน. ปฺจสุ หิ คตีสุ เทวโลโกว เสฏฺโ. ตตฺถาปิ อรูปิโน ‘‘ทูรสมุสฺสาริตกิเลสทุกฺขตาย, สนฺตปณีตอาเนฺชวิหารสมงฺคิตาย, อติวิย ทีฆายุกตายา’’ติ เอวมาทีหิ วิเสเสหิ อติวิย อิตเรหิ อุกฺกฏฺา. พฺรหฺมา มหานุภาโวติอาทึ ทสสหสฺสิยํ มหาพฺรหฺมุโน วเสน วทติ. ‘‘อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต’’ติ หิ วุตฺตํ. อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ นวโลกุตฺตรํ. ภาวานุกฺกโม ภาววเสน ปเรสํ อชฺฌาสยวเสน ‘‘สเทวก’’นฺติอาทีนํ ปทานํ อนุกฺกโม. ตีหากาเรหีติ เทวมารพฺรหฺมสหิตตาสงฺขาเตหิ ตีหิ ปกาเรหิ. ตีสุ ปเทสูติ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทีสุ ตีสุ ปเทสุ. เตน เตนากาเรนาติ สเทวกตฺตาทินา เตน เตน ปกาเรน. เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนนฺติ โปราณา ปนาหูติ โยชนา.
อภิฺาติ ¶ ย-การโลเปนายํ นิทฺเทโส, อภิชานิตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อภิฺาย, อธิเกน าเณน ตฺวา’’ติ. อนุมานาทิปฏิกฺเขโปติ อนุมานอุปมานอตฺถาปตฺติอาทิปฏิกฺเขโป เอกปฺปมาณตฺตา. สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณาจารตาย หิ สพฺพปจฺจกฺขา พุทฺธา ภควนฺโต. อนุตฺตรํ วิเวกสุขนฺติ ผลสมาปตฺติสุขํ. เตน วีติมิสฺสาปิ กทาจิ ภควโต ธมฺมเทสนา โหตีติ อาห ‘‘หิตฺวาปี’’ติ. ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต ยสฺมึ ขเณ ปริสา สาธุการํ วา เทติ, ยถาสุตํ วา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ขณํ ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ยถาปริจฺเฉทฺจ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ิตฏฺานโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสติ.
เทสกายตฺเตน อาณาทิวิธินา อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนาติ สา ปริยตฺติธมฺมวเสน เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘เทสนาย ตาว จตุปฺปทิกายปิ คาถายา’’ติอาทิ. สาสิตพฺพปุคฺคลคเตน ยถาปราธาทิสาสิตพฺพภาเวน ¶ อนุสาสนํ ตทงฺควินยาทิวเสน วินยนํ สาสนนฺติ ตํ ปฏิปตฺติธมฺมวเสน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สีลสมาธิวิปสฺสนา’’ติอาทิ. กุสลานนฺติ มคฺคกุสลานํ, กุสลานนฺติ วา อนวชฺชานํ. เตน ผลธมฺมานมฺปิ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. อาทิภาโว สีลทิฏฺีนํ ตมฺมูลกตฺตา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ. ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ กถาวธิสทฺทปฺปพนฺโธ คาถาวเสน สุตฺตวเสน จ ววตฺถิโต ปริยตฺติธมฺโม, โย อิเธว ‘‘เทสนา’’ติ วุตฺโต. ตสฺส ปน อตฺโถ วิเสเสน สีลาทิ เอวาติ อาห ‘‘ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต…เป… นิพฺพานํ ทสฺเสตี’’ติ. ตตฺถ สีลํ ทสฺเสตฺวาติ สีลคฺคหเณน สสมฺภารํ สีลํ คหิตํ. ตถา มคฺคคฺคหเณน สสมฺภาโร มคฺโคติ ตทุภเยน อนวเสสโต ปริยตฺติอตฺถํ ปริยาทิยติ. เตนาติ สีลาทิทสฺสเนน. อตฺถวเสน หิ อิธ เทสนาย อาทิกลฺยาณาทิภาโว อธิปฺเปโต. กถิกสณฺิตีติ กถิกสฺส สณฺานํ กถนวเสน สมวฏฺานํ.
น โส สาตฺถํ เทเสติ นิยฺยานตฺถวิรหโต ตสฺสา เทสนาย. เอกพฺยฺชนาทิยุตฺตา วาติ สิถิลาทิเภเทสุ พฺยฺชเนสุ เอกปฺปกาเรเนว, ทฺวิปฺปกาเรเนว วา พฺยฺชเนน ยุตฺตา วา ทมิฬภาสา วิย. สพฺพตฺถ นิโรฏฺํ กตฺวา วตฺตพฺพตาย สพฺพนิโรฏฺพฺยฺชนา วา กิราตภาสา วิย. สพฺพตฺเถว วิสฺสชฺชนียยุตฺตตาย ¶ สพฺพวิสฺสฏฺพฺยฺชนา วา ยวนภาสา วิย. สพฺพตฺเถว สานุสารตาย สพฺพนิคฺคหิตพฺยฺชนา วา ปารสิกาทิมิลกฺขภาสา วิย. สพฺพาเปสา เอกเทสพฺยฺชนวเสเนว ปวตฺติยา อปริปุณฺณพฺยฺชนาติ กตฺวา ‘‘อพฺยฺชนา’’ติ วุตฺตา. อมกฺเขตฺวาติ อปลิจฺเฉตฺวา อวินาเสตฺวา, อหาเปตฺวาติ วา อตฺโถ.
ภควา ยมตฺถํ าเปตุํ เอกคาถมฺปิ เอกวากฺยมฺปิ เทเสติ, ตมตฺถํ ตาย เทสนาย สพฺพโส ปริปุณฺณเมว กตฺวา เทเสติ, เอวํ สพฺพตฺถาติ อาห ‘‘เอกเทสนาปิ อปริปุณฺณา นตฺถี’’ติ. อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตนาติ สํกิเลสปกฺขโต วฏฺฏทุกฺขโต จ อุทฺธรณสภาวาวฏฺิเตน จิตฺเตน. ตสฺมาติ ยสฺมา สิกฺขาตฺตยสงฺคหํ สกลํ สาสนํ อิธ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา. พฺรหฺมจริยนฺติ อิมินา สมานาธิกรณานิ สพฺพปทานิ โยเชตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ…เป… ปกาเสตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ อาห.
ทูรสมุสฺสาริตมานสฺเสว สาสเน สมฺมาปฏิปตฺติ สมฺภวติ, น มาน ชาติกสฺสาติ อาห ‘‘นิหตมานตฺตา’’ติ. อุสฺสนฺนตฺตาติ พหุลภาวโต. โภคาโรคฺยาทิวตฺถุกา มทา สุปฺปเหยฺยา โหนฺติ นิมิตฺตสฺส อนวฏฺานโต’ น ตถา กุลวิชฺชามทาติ ขตฺติยพฺราหฺมณกุลีนานํ ปพฺพชิตานมฺปิ ชาติวิชฺชา นิสฺสาย มานชปฺปนํ ทุปฺปชหนฺติ อาห ‘‘เยภุยฺเยน หิ…เป… มานํ กโรนฺตี’’ติ ¶ . วิชาติตายาติ นิหีนชาติตาย. ปติฏฺาตุํ น สกฺโกนฺตีติ สุวิสุทฺธึ กตฺวา สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺโกนฺติ. สีลวเสน หิ สาสเน ปติฏฺาติ. ปติฏฺาตุนฺติ วา สจฺจปฏิเวเธน โลกุตฺตราย ปติฏฺาย ปติฏฺาตุํ. เยภุยฺเยน หิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา สุชาตา เอว โหนฺติ, น ทุชฺชาตา.
ปริสุทฺธนฺติ ราคาทีนํ อจฺจนฺตเมว ปหานทีปนโต นิรุปกฺกิเลสตาย สพฺพโส วิสุทฺธํ. สทฺธํ ปฏิลภตีติ โปถุชฺชนิกสทฺธาวเสน สทฺทหติ. วิฺุชาติกานฺหิ ธมฺมสมฺปตฺติคหณปุพฺพิกา สทฺธาสิทฺธิ ธมฺมปมาณธมฺมปฺปสนฺนภาวโต. ชายมฺปติกา วสนฺตีติ กามํ ‘‘ชายมฺปติกา’’ติ วุตฺเต ฆรสามิกฆรสามินิวเสน ทฺวินฺนํเยว คหณํ วิฺายติ. ยสฺส ปน ¶ ปุริสสฺส อเนกา ปชาปติโย โหนฺติ, ตตฺถ กึ วตฺตพฺพํ? เอกายปิ ตาย วาโส สมฺพาโธติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ทฺเว’’ติ วุตฺตํ. ราคาทินา สกิฺจนฏฺเน, เขตฺตวตฺถุอาทินา สปลิโพธฏฺเน. ราครชาทีนํ อาคมนปถตาปิ อุปฺปชฺชนฏฺานตา เอวาติ ทฺเวปิ วณฺณนา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ. อลคฺคนฏฺเนาติ อสชฺชนฏฺเน อปฺปฏิพทฺธภาเวน. เอวํ อกุสลกุสลปฺปวตฺตีนํ านภาเวน ฆราวาสปพฺพชฺชานํ สมฺพาธพฺโภกาสตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กุสลปฺปวตฺติยา เอว อฏฺานานภาเวน เตสํ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สงฺเขปกถาติ วิสุํ วิสุํ ปทุทฺธารํ อกตฺวา สงฺเขปโต อตฺถวณฺณนา. เอกมฺปิ ทิวสนฺติ เอกทิวสมตฺตมฺปิ. อขณฺฑํ กตฺวาติ ทุกฺกฏมตฺตสฺสปิ อนาปชฺชเนน อขณฺฑิตํ กตฺวา. กิเลสมเลน อมลีนนฺติ ตณฺหาสํกิเลสาทิวเสน อสํกิลิฏฺํ กตฺวา. ปริทหิตฺวาติ นิวาเสตฺวา เจว ปารุปิตฺวา จ. อคารวาโส อคารํ อุตฺตรปทโลเปน, ตสฺส วฑฺฒิอาวหํ อคารสฺส หิตํ. โภคกฺขนฺโธติ โภคราสิ โภคสมุทาโย. อาพนฺธนฏฺเนาติ ‘‘ปุตฺโต นตฺตา’’ติอาทินา เปมวเสน สปริจฺเฉทํ สมฺพนฺธนฏฺเน. ‘‘อมฺหากเมเต’’ติ ายนฺตีติ าตี. ปิตามหปิตุปุตฺตาทิวเสน ปริวตฺตนฏฺเน ปริวฏฺโฏ.
๒๙๒. สามฺวาจีปิ สิกฺขา-สทฺโท สาชีว-สทฺทสนฺนิธานโต อุปริ วุจฺจมานวิเสสาเปกฺขาย จ วิเสสนิวิฏฺโว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ยา ภิกฺขูนํ อธิสีลสงฺขาตา สิกฺขา’’ติ. สิกฺขิตพฺพฏฺเน สิกฺขา. สห อาชีวนฺติ เอตฺถาติ สาชีโว. สิกฺขนภาเวนาติ สิกฺขาย สาชีเว จ สิกฺขนภาเวน. สิกฺขํ ปริปูเรนฺโตติ สีลสํวรํ ปริปูเรนฺโต. สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโตติ – ‘‘นามกาโย ปทกาโย นิรุตฺติกาโย พฺยฺชนกาโย’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๓๙) วุตฺตสิกฺขาปทํ ภควโต วจนํ อวีติกฺกมนฺโต หุตฺวาติ อตฺโถ. อิทเมว ¶ จ ทฺวยํ ‘‘สิกฺขน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ สาชีวานติกฺกโม สิกฺขาปาริปูริยา ปจฺจโย. ตโต หิ ยาว มคฺคา สิกฺขาปาริปูรี โหตีติ.
ปชหิตฺวาติ สมาทานวเสน ปริจฺจชิตฺวา. ปหีนกาลโต ปฏฺาย…เป… วิรโตวาติ เอเตน ปหานสฺส วิรติยา จ สมานกาลตํ ทสฺเสติ ¶ . ยทิ เอวํ ‘‘ปหายา’’ติ กถํ ปุริมกาลนิทฺเทโสติ? ตถา คเหตพฺพตํ อุปาทาย. ธมฺมานฺหิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว อเปกฺขิเต สหชาตานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คหณํ ปุริมปจฺฉิมภาเวเนว โหตีติ คหณปวตฺติอาการวเสน ปจฺจยภูเตสุ หิโรตฺตปฺปาณาทีสุ ปหานกิริยาย ปุริมกาลโวหาโร, ปจฺจยุปฺปนฺนาสุ จ วิรตีสุ วิรมณกิริยาย อปรกาลโวหาโร จ โหตีติ ‘‘ปหาย ปฏิวิรโต โหตี’’ติ วุตฺตํ. ปหายาติ วา สมาทานกาลวเสน วุตฺตํ, ปจฺฉา วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุสมาโยควเสน ปฏิวิรโตติ. ปหายาติ วา –
‘‘นิหนฺตฺวาน ตโมขนฺธํ, อุทิโตยํ ทิวากโร;
วณฺณปภาย ภาเสติ, โอภาเสตฺวา สมุคฺคโต’’ติ จ. (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๕๗๘) –
เอวมาทีสุ วิย สมานกาลวเสน เวทิตพฺโพ. อถ วา ปาโณ อติปาตียติ เอเตนาติ ปาณาติปาโต, ปาณฆาตเหตุภูโต อหิริกาโนตฺตปฺปโทสโมหวิหึ สาทิโก เจตนาปธาโน สํกิเลสธมฺโม, ตํ สมาทานวเสน ปหาย. ตโต…เป… วิรโตว โหตีติ อวธารเณน ตสฺสา วิรติยา กาลาทิวเสน อปริยนฺตตํ ทสฺเสติ. ยถา หิ อฺเ สมาทินฺนวิรติกาปิ อนวฏฺิตจิตฺตตาย ลาภชีวิกาทิเหตุ สมาทานํ ภินฺทนฺเตว, น เอวมยํ. อยํ ปน ปหีนกาลโต ปฏฺาย โอรโต วิรโตติ. อทินฺนาทานํ ปหายาติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ทณฺฑนํ ทณฺฑนิปาตนํ ทณฺโฑ. มุคฺคราทิปหรณวิเสโสปิ อิธ ปหรณวิเสโสติ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘เปตฺวา ทณฺฑํ สพฺพมฺปิ อวเสสํ อุปกรณ’’นฺติ. ทณฺฑนสงฺขาตสฺส ปรวิเหนสฺส ปริวชฺชิตภาวทีปนตฺถํ ทณฺฑสตฺถานํ นิกฺเขปวจนนฺติ อาห ‘‘ปรูปฆาตตฺถายา’’ติอาทิ. วิหึสนภาวโตติ วิพาธนภาวโต. ลชฺชีติ เอตฺถ วุตฺตลชฺชาย โอตฺตปฺปมฺปิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ปาปชิคุจฺฉนปาปุตฺตาสรหิตํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถิ. ยสฺส วา ธมฺมครุตาย ธมฺมสฺส จ อตฺตาธีนตฺตา อตฺตาธิปติภูตา ลชฺชากิจฺจการี, ตสฺส ¶ โลกาธิปติภูตํ โอตฺตปฺปํ กิจฺจกรนฺติ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ‘‘ลชฺชี’’อิจฺเจว วุตฺตํ. ทยํ เมตฺตจิตฺตตํ อาปนฺโนติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ¶ ทยา-สทฺโท ‘‘อทยาปนฺโน’’ติอาทีสุ กรุณาย วตฺตตีติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน ทยา-สทฺโท อนุรกฺขณตฺถํ อนฺโตนีตํ กตฺวา ปวตฺตมาโน เมตฺตาย จ กรุณาย จ ปวตฺตตีติ อิธ เมตฺตาย ปวตฺตมาโน วุตฺโต. มิชฺชติ สินิยฺหตีติ เมตฺตา, สา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, เมตฺตํ จิตฺตํ เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตจิตฺโต, ตสฺส ภาโว เมตฺตจิตฺตตา, เมตฺตาอิจฺเจว อตฺโถ.
สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปีติ เอเตน ตสฺสา วิรติยา สตฺตวเสน อปริยนฺตตํ ทสฺเสติ. ปาณภูเตติ ปาณชาเต. อนุกมฺปโกติ กรุณายนโก. ยสฺมา ปน เมตฺตา กรุณาย วิเสสปจฺจโย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตาย เอว ทยาปนฺนตายา’’ติ. เอวํ เยหิ ธมฺเมหิ ปาณาติปาตา วิรติ สมฺปชฺชติ, เตหิ ลชฺชาเมตฺตากรุณาธมฺเมหิ สมงฺคิภาโว ทสฺสิโต, สทฺธึ ปิฏฺิวฏฺฏกธมฺเมหีติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถาห – กสฺมา ‘‘ปาณาติปาตํ ปหายา’’ติ เอกวจนนิทฺเทโส กโต, นนุ นิรวเสสานํ ปาณานํ อติปาตโต วิรติ อิธาธิปฺเปตา? ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรตี’’ติ. เตเนว หิ อฏฺกถายํ ‘‘สพฺเพ ปาณภูเต หิเตน อนุกมฺปโก’’ติ ปุถุวจนนิทฺเทโสติ? สจฺจเมตํ, ปาณภาวสามฺวเสน ปเนตฺถ ปาฬิยํ อาทิโต เอกวจนนิทฺเทโส กโต, สพฺพสทฺทสนฺนิธาเนน ปุถุตฺตํ วิฺายมานเมวาติ สามฺนิทฺเทสํ อกตฺวา เภทวจนิจฺฉาวเสน ทสฺเสตุํ อฏฺกถายํ พหุวจนวเสน อตฺโถ วุตฺโต. กิฺจ ภิยฺโย – สามฺโต สํวรสมาทานํ, ตพฺพิเสสโต สํวรเภโทติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ อยํ วจนเภโท กโตติ เวทิตพฺพํ. วิหรตีติ วุตฺตปฺปกาโร หุตฺวา เอกสฺมึ อิริยาปเถ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิริยติ ปาเลตี’’ติ.
น เกวลํ กายวจีปโยควเสน อาทานเมว, อถ โข อากงฺขปิสฺส ปริจฺจตฺตวตฺถุวิสยาวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘จิตฺเตนปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เถเนติ เถยฺยํ กโรตีติ เถโน, โจโร. สุจิภูเตนาติ เอตฺถ สุจิภาโว อธิการโต สทฺทนฺตรสนฺนิธานโต จ เถยฺยสํกิเลสวิรมณนฺติ อาห ‘‘อเถนตฺตาเยว สุจิภูเตนา’’ติ. กามฺเจตฺถ ‘‘ลชฺชี ¶ ทยาปนฺโน’’ติอาทิ น วุตฺตํ, อธิการวเสน ปน อตฺถโต วา วุตฺตเมวาติ เวทิตพฺพํ. ยถา หิ ลชฺชาทโย ปาณาติปาตปหานสฺส วิเสสปจฺจโย, เอวํ อทินฺนาทานปหานสฺสปีติ, ตสฺมา สาปิ ปาฬิ อาเนตฺวา วตฺตพฺพา. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. อถ วา สุจิภูเตนาติ เอเตน หิโรตฺตปฺปาทีหิ ¶ สมนฺนาคโม, อหิริกาทีนฺจ ปหานํ วุตฺตเมวาติ ‘‘ลชฺชี’’ติอาทิ น วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อเสฏฺจริยนฺติ อเสฏฺานํ จริยํ, อเสฏฺํ วา จริยํ. มิถุนานํ วุตฺตากาเรน สทิสภูตานํ อยนฺติ มิถุโน, ยถาวุตฺโต ทุราจาโร. อาราจารี เมถุนาติ เอเตน – ‘‘อิธ พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ…เป… น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธึ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, อปิจ โข มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหนํ สาทิยติ, โส ตทสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๕๐) วุตฺตา สตฺตวิธเมถุนสํโยคาปิ ปฏิวิรติ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ.
สจฺเจน สจฺจนฺติ ปุริเมน วจีสจฺเจน ปจฺฉิมํ วจีสจฺจํ สนฺทหติ อสจฺเจน อนนฺตริกตฺตา. เตนาห ‘‘โย หี’’ติอาทิ. หลิทฺทิราโค วิย น ถิรกโต โหตีติ เอตฺถ กถาย อนวฏฺิตภาเวน หลิทฺทิราคสทิสตา เวทิตพฺพา, น ปุคฺคลสฺส. ปาสาณเลขา วิยาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สทฺธา อยติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ สทฺธาโย, สทฺธาโย เอว สทฺธายิโก ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๖; อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘), สทฺธาย วา อยิตพฺโพ สทฺธายิโก, สทฺเธยฺโยติ อตฺโถ. วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติวิสํวาทนโตติ อธิปฺปาโย.
อนุปฺปทาตาติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๙; อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๑๙๘) อนุพลปฺปทาตา, อนุวตฺตนวเสน วา ปทาตา. กสฺส ปน อนุวตฺตนํ ปทานฺจาติ? ‘‘สหิตาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา สนฺธานสฺสาติ วิฺายติ. เตนาห ‘‘สนฺธานานุปฺปทาตา’’ติ. ยสฺมา ปน อนุวตฺตนวเสน สนฺธานสฺส ปทานํ อาธานํ, รกฺขณํ วา ทฬฺหีกรณํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทฺเว ชเน สมคฺเค ทิสฺวา’’ติอาทิ. อารมนฺติ เอตฺถาติ อาราโม, รมิตพฺพฏฺานํ. ยสฺมา ปน อา-กาเรน วินาปิ อยมตฺโถ ลพฺภติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมคฺคราโมติปิ ปาฬิ, อยเมเวตฺถ อตฺโถ’’ติ.
เอตฺถาติ ¶ –
‘‘เนลงฺโค เสตปจฺฉาโท, เอกาโร วตฺตตี รโถ;
อนีฆํ ปสฺส อายนฺตํ, ฉินฺนโสตํ อพนฺธน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๔.๓๔๗; อุทา. ๖๕; เปฏโก. ๒๕;ที. นิ. ฏี. ๑.๙) –
อิมิสฺสา ¶ คาถาย. สีลฺเหตฺถ ‘‘เนลงฺค’’นฺติ วุตฺตํ. เตเนวาห – จิตฺโต คหปติ, ‘‘เนลงฺคนฺติ โข, ภนฺเต, สีลานเมตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๗; ที. นิ. ฏี. ๑.๙). สุกุมาราติ อผรุสตาย มุทุกา. ปุรสฺส เอสาติ เอตฺถ ปุร-สทฺโท ตนฺนิวาสีวาจโก ทฏฺพฺโพ ‘‘คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ฏี. ๑.๙) วิย. เตเนวาห ‘‘นครวาสีน’’นฺติ. มนํ อปฺปายติ วฑฺเฒตีติ มนาปา. เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตวุทฺธิกรา’’ติ.
กาลวาทีติอาทิ สมฺผปฺปลาปาปฏิวิรตสฺส ปฏิปตฺติทสฺสนํ. อตฺถสํหิตาปิ หิ วาจา อยุตฺตกาลปโยเคน อตฺถาวหา น สิยาติ อนตฺถวิฺาปนวาจํ อนุโลเมติ, ตสฺมา สมฺผปฺปลาปํ ปชหนฺเตน อกาลวาทิตา ปริหริตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘กาลวาที’’ติ. กาเล วทนฺเตนปิ อุภยานตฺถสาธนโต อภูตํ ปริวชฺเชตพฺพนฺติ อาห ‘‘ภูตวาที’’ติ. ภูตฺจ วทนฺเตน ยํ อิธโลก-ปรโลก-หิตสมฺปาทกํ, ตเทว วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถวาที’’ติ วุตฺตํ. อตฺถํ วทนฺเตนปิ โลกิยธมฺมสนฺนิสฺสิตเมว อวตฺวา โลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ธมฺมวาที’’ติ วุตฺตํ. ยถา จ อตฺโถ โลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิโต โหติ, ตํทสฺสนตฺถํ ‘‘วินยวาที’’ติ วุตฺตํ. ปฺจนฺนฺหิ สํวรวินยานํ, ปฺจนฺนฺจ ปหานวินยานํ วเสน วุจฺจมาโน อตฺโถ นิพฺพานาธิคมเหตุภาวโต โลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิโต โหตีติ. เอวํ คุณวิเสสยุตฺโตว อตฺโถ วุจฺจมาโน เทสนาโกสลฺเล สติ โสภติ, กิจฺจกโร จ โหติ, น อฺถาติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ตํ เทสนาโกสลฺลํ วิภาเวตุํ ‘‘กาเลนา’’ติอาทิมาห. ปุจฺฉาทิวเสน หิ โอติณฺณวาจาวตฺถุสฺมึ เอกํสาทิพฺยากรณวิภาคํ สลฺลกฺเขตฺวา ปนาเหตุอุทาหรณํ สํสนฺทนาทึ ตํตํกาลานุรูปํ วิภาเวนฺติยา ปริมิตปริจฺฉินฺนรูปาย วิปุลตร-คมฺภีโรทาร-ปรมตฺถ-วิตฺถารสงฺคาหิกาย กถาย าณพลานุรูปํ ปเร ยาถาวโต ธมฺเม ปติฏฺาเปนฺโต ‘‘เทสนากุสโล’’ติ วุจฺจตีติ เอวเมตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
๒๙๓. เอวํ ¶ ปฏิปาฏิยา สตฺต มูลสิกฺขาปทานิ วิภาเวตฺวา สติปิ อภิชฺฌาทิปหานอินฺทฺริยสํวรสติสมฺปชฺชาคริยานุโยคาทิเก อุตฺตรเทสนายํ วิภาเวตุํ ตํ ปริหริตฺวา อาจารสีลสฺเสว วิภชนวเสน ปาฬิ ปวตฺตาติ ตทตฺถํ วิวริตุํ ‘‘พีชคามภูตคามสมารมฺภา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พีชานํ คาโม สมูโห พีชคาโม. ภูตานํ ชาตานํ นิพฺพตฺตานํ รุกฺขคจฺฉลตาทีนํ สมูโห ภูตคาโม. นนุ จ รุกฺขาทโย จิตฺตรหิตตาย น ชีวา, จิตฺตรหิตตา จ ปริปฺผนฺทาภาวโต ฉินฺเน วิรุหนโต วิสทิสชาติกภาวโต จตุโยนิอปริยาปนฺนโต จ เวทิตพฺพา, วุฑฺฒิ ปน ปวาฬสิลาลวณานมฺปิ วิชฺชตีติ น เตสํ ชีวภาเว ¶ การณํ, วิสยคฺคหณฺจ เนสํ ปริกปฺปนามตฺตํ สุปนํ วิย จิฺจาเทนํ, ตถา โทหฬาทโย, ตตฺถ กสฺมา พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรติ อิจฺฉิตาติ? สมณสารุปฺปโต ตนฺนิวาสิสตฺตานุรกฺขณโต จ. เตเนวาห – ‘‘ชีวสฺิโน หิ โมฆปุริส มนุสฺสา รุกฺขสฺมิ’’นฺติอาทิ (ปาจิ. ๘๙).
มูลเมว พีชํ มูลพีชํ, มูลพีชํ เอตสฺสาติปิ มูลพีชํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ผฬุพีชนฺติ ปพฺพพีชํ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย สทิสผลุปฺปตฺติยา วิเสสการณภาวโต วิรุหณสมตฺเถ สารผเล นิรุฬฺโห พีชสทฺโท ตทตฺถสํสิทฺธิยา มูลาทีสุปิ เกสุจิ ปวตฺตตีติ มูลาทิโต นิวตฺตนตฺถํ เอเกน พีช-สทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘พีชพีช’’นฺติ ‘‘รูปรูปํ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๔๙), ทุกฺขทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๒๗; ๕.๑๖๕; เนตฺติ. ๑๑) จ ยถา. กสฺมา ปเนตฺถ พีชคามภูตคามํ อุทฺธริตฺวา พีชคาโม เอว นิทฺทิฏฺโติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, นนุ อโวจุมฺห – ‘‘มูลเมว พีชํ มูลพีชํ, มูลพีชํ เอตสฺสาติปิ มูลพีช’’นฺติ. ตตฺถ ปุริเมน พีชคาโม นิทฺทิฏฺโ, ทุติเยน ภูตคาโม, ทุวิโธเปส มูลพีชฺจ มูลพีชฺจ มูลพีชนฺติ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา อุทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘ปฺจวิธสฺสา’’ติอาทิ. นีลติณรุกฺขาทิกสฺสาติ อลฺลติณสฺส เจว อลฺลรุกฺขาทิกสฺส จ. อาทิ-สทฺเทน โอสธิคจฺฉลตาทีนํ สงฺคโห.
เอกํ ภตฺตํ เอกภตฺตํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ เอกภตฺติโก. โส ปน รตฺติโภชเนนปิ สิยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ อาห ‘‘รตฺตูปรโต’’ติ. เอวมฺปิ อปรณฺหโภชีปิ สิยา เอกภตฺติโกติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘วิรโต วิกาลโภชนา’’ติ ¶ วุตฺตํ. อรุณุคฺคมนกาลโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกา อยํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทฺโ วิกาโล. อฏฺกถายํ ปน ทุติยปเทน รตฺติโภชนสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา ‘‘อติกฺกนฺเต มชฺฌนฺหิเก ยาว สูริยตฺถงฺคมนา โภชนํ วิกาลโภชนํ นามา’’ติ วุตฺตํ.
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓; เนตฺติ. ๓๐, ๕๐, ๑๑๖, ๑๒๔) ภควโต สาสนํ อจฺจนฺตราคุปฺปตฺติยา นจฺจาทิทสฺสนํ น อนุโลเมตีติ อาห ‘‘สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา’’ติ. อตฺตนา ปโยชิยมานํ, ปเรหิ ปโยชาปิยมานฺจ นจฺจํ นจฺจภาวสามฺเน ปาฬิยํ เอเกเนว นจฺจ-สทฺเทน คหิตํ, ตถา คีตวาทิต-สทฺเทน จาติ อาห ‘‘นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสนา’’ติ. อาทิ-สทฺเทน คายนคายาปนวาทนวาทาปนานิ สงฺคยฺหนฺติ. ทสฺสเนน เจตฺถ สวนมฺปิ สงฺคหิตํ วิรูเปกเสสนเยน ¶ . ยถาสกํ วิสยสฺส อาโลจนสภาวตาย วา ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสงฺเขปสพฺภาวโต ‘‘ทสฺสนา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ปฺจหิ วิฺาเณหิ น กฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาติ อฺตฺร อภินิปาตมตฺตา’’ติ. อวิสูกภูตสฺส คีตสฺส สวนํ กทาจิ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘วิสูกภูตา ทสฺสนา’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ ปรมตฺถโชติกายํ ขุทฺทกฏฺกถายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๒.ปจฺฉิมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ธมฺมูปสํหิตํ คีตํ วฏฺฏติ, คีตูปสํหิโต ธมฺโม น วฏฺฏตี’’ติ. ยํ กิฺจีติ คนฺถิตํ วา อคนฺถิตํ วา ยํ กิฺจิ ปุปฺผํ. คนฺธชาตนฺติ คนฺธชาติกํ. ตสฺสปิ ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ วจนโต ปิสิตสฺส อปิสิตสฺสปิ ยสฺส กสฺสจิ วิเลปนาทิ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ.
อุจฺจาติ อุจฺจ-สทฺเทน สมานตฺถํ เอกํ สทฺทนฺตรํ. เสติ เอตฺถาติ สยนํ. อุจฺจาสยนํ มหาสยนฺจ สมณสารุปฺปรหิตํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ปมาณาติกฺกนฺตํ อกปฺปิยตฺถรณ’’นฺติ. อาสนฺเจตฺถ สยเนเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา ปน อาธาเร ปฏิกฺขิตฺเต ตทาธารา กิริยา ปฏิกฺขิตฺตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺจาสยนมหาสยนา’’อิจฺเจว วุตฺตํ, อตฺถโต ¶ ปน ตทุปโภคภูตนิสชฺชานิปชฺชเนหิ วิรติ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา อุจฺจาสยนมหาสยนฺจ อุจฺจาสยนมหาสยนฺจ อุจฺจาสยนมหาสยนนฺติ เอตสฺมึ อตฺเถ เอกเสเสน อยํ นิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑), อาสนกิริยาปุพฺพกตฺตา วา สยนกิริยาย สยนคฺคหเณน อาสนมฺปิ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ทารุมาสโกติ เย โวหารํ คจฺฉนฺตีติ อิติ-สทฺเทน เอวํปกาเร ทสฺเสติ. อฺเหิ คาหาปเน อุปนิกฺขิตฺตสาทิยเน จ ปฏิคฺคหณตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เนว นํ อุคฺคณฺหาติ, น อุคฺคณฺหาเปติ, น อุปนิกฺขิตฺตํ สาทิยตี’’ติ. อถ วา ติวิธํ ปฏิคฺคหณํ กาเยน วาจาย มนสาติ. ตตฺถ กาเยน ปฏิคฺคหณํ อุคฺคณฺหนํ, วาจาย ปฏิคฺคหณํ อุคฺคหาปนํ, มนสา ปฏิคฺคหณํ สาทิยนนฺติ ติวิธมฺปิ ปฏิคฺคหณํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘ปฏิคฺคหณา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เนว นํ อุคฺคณฺหาตี’’ติอาทิ. เอส นโย อามกธฺปฏิคฺคหณาติอาทีสุปิ. นีวาราทิอุปธฺสฺส สาลิอาทิมูลธฺนฺโตคธตฺตา วุตฺตํ ‘‘สตฺตวิธสฺสา’’ติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจ วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สุกรวสํ คทฺรภวส’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) วุตฺตตฺตา อิทํ โอทิสฺส อนฺุาตํ นาม, ตสฺส ปน ‘‘กาเล ปฏิคฺคหิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหณํ วฏฺฏติ. สติ ปจฺจเยติ อาห ‘‘อฺตฺร โอทิสฺส อนฺุาตา’’ติ.
สรูเปน ¶ วฺจนํ รูปกูฏํ, ปติรูเปน วฺจนาติ อตฺโถ. องฺเคน อตฺตโน สรีราวยเวน วฺจนํ องฺคกูฏํ. คหณวเสน วฺจนํ คหณกูฏํ. ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา วฺจนํ ปฏิจฺฉนฺนกูฏํ. อกฺกมตีติ นิปฺปีเฬติ, ปุพฺพภาเค อกฺกมตีติ สมฺพนฺโธ.
หทยนฺติ นาฬิอาทีนํ มานภาชนานํ อพฺภนฺตรํ. ติลาทีนํ นาฬิอาทีหิ มินนกาเล อุสฺสาปิตสิขาเยว สิขา. สิขาเภโท ตสฺสาหาปนํ.
เกจีติ ¶ สารสมาสาจริยา, อุตฺตรวิหารวาสิโน จ. วโธติ มุฏฺิปหารกสาตาฬนาทีหิ วิเหสนํ, วิพาธนนฺติ อตฺโถ. วิเหนตฺโถปิ หิ วธ-สทฺโท ทิสฺสติ ‘‘อตฺตานํวธิตฺวา วธิตฺวา โรทตี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๗๙, ๘๘๑). ยถา หิ อปริคฺคหภาวสามฺเ สติปิ ปพฺพชิเตหิ อปฺปฏิคฺคหิตพฺพวตฺถุวิภาคสนฺทสฺสนตฺถํ อิตฺถิกุมาริทาสิทาสาทโย วิภาเคน วุตฺตา. เอวํ ปรสฺส หรณภาวโต อทินฺนาทานภาวสามฺเ สติปิ ตุลากูฏาทโย อทินฺนาทานวิเสสภาวทสฺสนตฺถํ วิภาเคน วุตฺตา, น เอวํ ปาณาติปาตปริยายสฺส วธสฺส ปุน คหเณ ปโยชนํ อตฺถิ, ตตฺถ สยํกาโร, อิธ ปรํกาโรติ จ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘กายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ฉปฺปโยคา’’ติ วจนโต. ตสฺมา ยถาวุตฺโต เอเวตฺถ อตฺโถ ยุตฺโต. อฏฺกถายํ ปน ‘‘วโธติ มารณ’’นฺติ วุตฺตํ, ตมฺปิ โปถนเมว สนฺธายาติ จ สกฺกา วิฺาตุํ มารณ-สทฺทสฺสปิ วิหึสเน ทิสฺสนโต.
๒๙๔. จีวรปิณฺฑปาตานํ ยถากฺกมํ กายกุจฺฉิปริหรณมตฺตโชตนายํ อวิเสสโต อฏฺนฺนํ ปริกฺขารานํ อนฺตเร ตปฺปโยชนตา สมฺภวตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เต สพฺเพปี’’ติอาทิมาห. เอเตปีติ นวปริกฺขาริกาทโยปิ อปฺปิจฺฉาว สนฺตุฏฺาว. น หิ ตตฺถเกน มหิจฺฉตา, อสนฺตุฏฺิตา วา โหตีติ.
จตูสุ ทิสาสุ สุขํ วิหรติ, ตโต เอว สุขวิหารฏฺานภูตา จตสฺโส ทิสา อสฺส สนฺตีติ วา จาตุทฺทิโส. ตตฺถ จายํ สตฺเต วา สงฺขาเร วา ภเยน น ปฏิหฺตีติ อปฺปฏิโฆ. ทฺวาทสวิธสฺส สนฺโตสสฺส วเสน สนฺตุสฺสนโก สนฺตุสฺสมาโน. อิตรีตเรนาติ อุจฺจาวเจน. ปริสฺสยานํ พาหิรานํ สีหพฺยคฺฆาทีนํ, อพฺภนฺตรานฺจ กามจฺฉนฺทาทีนํ กายจิตฺตุปทฺทวานํ อภิภวนโต ปริสฺสยานํ สหิตา. ถทฺธภาวกรภยาภาเวน อจฺฉมฺภี. เอโก อสหาโย. ตโต เอว ขคฺคมิคสิงฺคสทิสตาย ขคฺควิสาณกปฺโป จเรยฺยาติ อตฺโถ.
ฉินฺนปกฺโข ¶ , อสฺชาตปกฺโข วา สกุโณ คนฺตุํ น สกฺโกตีติ ‘‘ปกฺขี สกุโณ’’ติ ปกฺขิ-สทฺเทน วิเสเสตฺวา สกุโณ ปาฬิยํ วุตฺโตติ ¶ อาห ‘‘ปกฺขยุตฺโต สกุโณ’’ติ. ยสฺส สนฺนิธิการปริโภโค กิฺจิ เปตพฺพํ สาเปกฺขาย ปนฺจ นตฺถิ, ตาทิโส อยํ ภิกฺขูติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ’’ติอาทิมาห. อริยนฺติ อเปนฺติ ตโต โทสา, เตหิ วา อารกาติ อริโยติ อาห ‘‘อริเยนาติ นิทฺโทเสนา’’ติ. อชฺฌตฺตนฺติ อตฺตนิ. นิทฺโทสสุขนฺติ นิรามิสสุขํ กิเลสวชฺชรหิตตฺตา.
๒๙๕. ยถาวุตฺเต สีลสํวเร ปติฏฺิตสฺเสว อินฺทฺริยสํวโร อิจฺฉิตพฺโพ ตทธิฏฺานโต, ตสฺส จ ปริปาลกภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต ภิกฺขู’’ติ. เสสปเทสูติ ‘‘น นิมิตฺตคฺคาหี โหตี’’ติอาทีสุ ปเทสุ. ยสฺมา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๕) วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺส ลีนตฺถปฺปกาสินิยํ สํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๕) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. รูปาทีสุ นิมิตฺตาทิคฺคาหปริวชฺชนลกฺขณตฺตา อินฺทฺริยสํวรสฺส กิเลเสหิ อนวสิตฺตสุขตา อวิกิณฺณสุขตา จสฺส วุตฺตา.
๒๙๖. ปจฺจยสมฺปตฺตินฺติ ปจฺจยปาริปูรึ. อิเม จตฺตาโรติ สีลสํวโร สนฺโตโส อินฺทฺริยสํวโร สติสมฺปชฺนฺติ อิเม จตฺตาโร อรฺวาสสฺส สมฺภารา. ติรจฺฉานคเตหิ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ อิสิสิงฺคสฺส ปิตุอาทโย วิย. วนจรเกหีติ วนจรกมาตุคาเมหิ. เภรวสทฺทํ สาเวนฺติ, ตาวตา อปลายนฺตานํ หตฺเถหิ สีสํ…เป… กโรนฺติ. ปณฺณตฺติวีติกฺกมสงฺขาตํ กาฬกํ วา. มิจฺฉาวิตกฺกสงฺขาตํ ติลกํ วา. ตนฺติ ปีตึ วิภูตภาเวน อุปฏฺานโต ขยโต สมฺมสนฺโต.
วิวิตฺตนฺติ ชนวิวิตฺตํ. เตนาห ‘‘สฺุ’’นฺติ. สา จ วิวิตฺตตา นิสฺสทฺทภาเวน ลกฺขิตพฺพาติ อาห ‘‘อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆส’’นฺติ. อาวสถภูตํ เสนาสนํ วิหริตพฺพฏฺเน วิหารเสนาสนํ. มสารกาทิ มฺจปีํ ตตฺถ อตฺถริตพฺพํ ภิสิอุปธานฺจ มฺจปีสมฺพนฺธิโต มฺจปีเสนาสนํ. จิมิลิกาทิ ภูมิยํ สนฺถริตพฺพตาย สนฺถตเสนาสนํ. รุกฺขมูลาทิ ปฏิกฺกมิตพฺพฏฺานํ จงฺกมนาทีนํ โอกาสภาวโต โอกาสเสนาสนํ.
‘‘อนุจฺฉวิกํ ¶ ทสฺเสนฺโต’’ติ วตฺวา ตเมว อนุจฺฉวิกภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อจฺฉนฺนนฺติ อิฏฺกฉทนาทินา อนฺตมโส รุกฺขสาขาหิปิ น ฉนฺนํ.
ภตฺตสฺส ¶ ปจฺฉโตติ ภตฺตภฺุชนสฺส ปจฺฉโต. อูรุพทฺธาสนนฺติ อูรูนํ อโธพนฺธนวเสน นิสชฺชํ. เหฏฺิมกายสฺส อนุชุกฏฺปนํ นิสชฺชาวจเนเนว โพธิตนฺติ. อุชุํ กายนฺติ เอตฺถ กาย-สทฺโท อุปริมกายวิสโยติ อาห ‘‘อุปริมํ สรีรํ อุชุกํ เปตฺวา’’ติ. ตํ ปน อุชุกฏฺปนํ สรูปโต ปโยชนโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺารสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น ปณมนฺตีติ น โอณมนฺติ. น ปริปตตีติ น วิคจฺฉติ, วีถึ น วิลงฺเฆติ. ตโต เอว ปุพฺเพนาปรํ วิเสสปฺปตฺติยา กมฺมฏฺานํ วุทฺธึ ผาตึ อุปคจฺฉติ. มุขสมีเปติ มุขสฺส สมีเป นาสิกคฺเค วา อุตฺตโรฏฺเ วา. อิธ ปริ-สทฺโท อภิ-สทฺเทน สมานตฺโถติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานาภิมุข’’นฺติ, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺานํเยว ปุรกฺขตฺวาติ อตฺโถ. ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ ‘‘ปริณายิกา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖) วิย. นิยฺยานฏฺโ ปฏิปกฺขโต นิคฺคมนฏฺโ, ตสฺมา ปริคฺคหิตนิยฺยานสตินฺติ สพฺพถา คหิตาสมฺโมสํ ปริจฺจตฺตสมฺโมสํ สตึ กตฺวา, ปรมํ สติเนปกฺกํ อุปฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ.
วิกฺขมฺภนวเสนาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนํ อนุปฺปาทนํ อปฺปวตฺตนํ น ปฏิปกฺเขน สุปฺปหีนตา. ปหีนตฺตาติ จ ปหีนสทิสตํ สนฺธาย วุตฺตํ ฌานสฺส อนธิคตตา. ตถาปิ นยิทํ จกฺขุวิฺาณํ วิย สภาวโต วิคตาภิชฺฌํ, อถ โข ภาวนาวเสน. เตนาห ‘‘น จกฺขุวิฺาณสทิเสนา’’ติ. เอเสว นโยติ ยถา จกฺขุวิฺาณํ สภาเวน วิคตาภิชฺฌํ อพฺยาปนฺนฺจ, น ภาวนาย วิกฺขมฺภิตตฺตา, น เอวมิทํ. อิทํ ปน จิตฺตํ ภาวนาย ปริโสธิตตฺตา อพฺยาปนฺนํ วิคตถินมิทฺธํ อนุทฺธตํ นิพฺพิจิกิจฺฉฺจาติ อตฺโถ. อิทํ อุภยนฺติ สติสมฺปชฺมาห.
๒๙๗. อุจฺฉินฺทิตฺวา ปาเตนฺตีติ เอตฺถ อุจฺฉินฺทนํ ปาตนฺจ ตาสํ ปฺานํ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานเมว. อิติ มหคฺคตานุตฺตรปฺานํ เอกจฺจาย จ ปริตฺตปฺาย อนุปฺปตฺติเหตุภูตา นีวรณา ธมฺมา อิตราย จ สมตฺถตํ วิหนนฺติเยวาติ ปฺาย ทุพฺพลีกรณา วุตฺตา. อิทมฺปิ ปมชฺฌานํ เวเนยฺยสนฺตาเน ปติฏฺาปิยมานํ าณํ ปชฺชติ เอตฺถาติ าณปทํ. าณํ วฬฺเชติ เอตฺถาติ าณวฬฺชํ.
๒๙๙. น ¶ ตาว นิฏฺํ คโต พาหิรกานํ าเณน อกฺกนฺตฏฺานานิปิ สิยุนฺติ. ยทิ เอวํ อนฺสาธารเณ มคฺคาณปเท กถํ น นิฏฺงฺคโตติ อาห ¶ ‘‘มคฺคกฺขเณปี’’ติอาทิ. ตีสุ รตเนสุ นิฏฺํ คโต โหตีติ พุทฺธสุพุทฺธตํ ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติตฺจ อารพฺภ าเณน นิฏฺํ นิจฺฉยํ อุปคโต โหติ. กามฺเจตฺถ ปมมคฺเคเนว สพฺพโส วิจิกิจฺฉาย ปหีนตฺตา สพฺพสฺสปิ อริยสาวกสฺส กงฺขา วา วิมติ วา นตฺถิ, ตตฺถ ปน ยถา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺตสฺส อรหโต สวิสเย าณํ สวิเสสํ โอคาหติ, น ตถา อนาคามิอาทีนนฺติ รตนตฺตเย สาติสยํ าณนิจฺฉยคมนํ สนฺธาย ‘‘อคฺคมคฺควเสน ตตฺถนิฏฺาคมนํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา
๓๐๐. ชงฺคลานนฺติ ¶ เอตฺถ โย นิปิจฺฉเลน อมุทุโก นิรุทกตาย ถทฺธลูขภูมิปฺปเทโส, โส ‘‘ชงฺคโล’’ติ วุจฺจติ. ตพฺพหุลตาย ปน อิธ สพฺโพ ภูมิปฺปเทโส ชงฺคโล, ตสฺมึ ชงฺคเล ชาตา, ภวาติ วา ชงฺคลา, เตสํ ชงฺคลานํ. เอวฺหิ นทีจรานมฺปิ หตฺถีนํ สงฺคโห กโต โหติ. สโมธาตพฺพานํ วิย หิ สโมธายกานมฺปิ ชงฺคลคฺคหเณน คเหตพฺพโต. ปถวีตลจารีนนฺติ อิมินา ชลจาริโน น นิวตฺเตติ อทิสฺสมานปาทตฺตา. ปาณานนฺติ สาธารณวจนมฺปิ ‘‘ปทชาตานี’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน วิเสสนิวิฏฺเมว โหตีติ อาห ‘‘สปาทกปาณาน’’นฺติ. ‘‘มุตฺตคต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑) คต-สทฺโท อนตฺถนฺตโร วิย, ชาต-สทฺโท อนตฺถนฺตโรติ อาห ‘‘ปทชาตานีติ ปทานี’’ติ. สโมธานนฺติ สมวโรธํ, อนฺโตคมํ วา. มหนฺตตฺเตนาติ วิปุลภาเวน.
กุสลา ธมฺมาติ อนวชฺชสุขวิปากา ธมฺมา, น อนวชฺชมตฺตธมฺมา. กุสลตฺติเก อาคตนเยน หิ อิธ กุสลา ธมฺมา คเหตพฺพา, น พาหิติกสุตฺเต อาคตนเยน. จตุพฺพิโธ สงฺคโหติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เอกวิโธเวตฺถ สงฺคโห อธิปฺเปโตติ? น, อตฺถํ อคฺคเหตฺวา อนิทฺธาริตตฺถสฺส สทฺทสฺเสว คหิตตฺตา. สงฺคห-สทฺโท ตาว อตฺตโน อตฺถวเสน ¶ จตุพฺพิโธติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. อตฺโถปิ วา อนิทฺธาริตวิเสโส สามฺเน คเหตพฺพตํ ปตฺโต ‘‘สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ เอตฺถ สงฺคห-สทฺเทน วจนียตํ คโตติ น โกจิ โทโส, นิทฺธาริเต วิเสเส ตสฺส เอกวิธตา สิยา, น ตโต ปุพฺเพติ. สชาติสงฺคโหติ สมานชาติยา, สมานชาติกานํ วา สงฺคโห. ธาตุกถาวณฺณนายํ ปน ‘‘ชาติสงฺคโห’’อิจฺเจว วุตฺตํ, ตํ ชาติ-สทฺทสฺส สาเปกฺขสทฺทตฺตา ชาติยา สงฺคโหติ วุตฺเต อตฺตโน ชาติยาติ วิฺายติ สมฺพนฺธารหสฺส อฺสฺส อวุตฺตตฺตาติ กตฺวา วุตฺตํ. อิธ ปน รูปกณฺฑวณฺณนายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๙๔) วิย ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สชาติสงฺคโห’’อิจฺเจว วุตฺตํ. สฺชายนฺติ เอตฺถาติ สฺชาติ, สฺชาติยา สงฺคโห สฺชาติสงฺคโห, สฺชาติเทสวเสน สงฺคโหติ อตฺโถ. ‘‘สพฺเพ รถิกา’’ติ วุตฺเต สพฺเพ รถโยธา รเถน ยุชฺฌนกิริยาย เอกสงฺคโหติ. ‘‘สพฺเพ ธนุคฺคหา’’ติ วุตฺเต สพฺเพ อิสฺสาสา ธนุนา วิชฺฌนกิริยาย เอกสงฺคโหติ อาห ‘‘เอวํ กิริยวเสน สงฺคโห’’ติ. รูปกฺขนฺเธน สงฺคหิตนฺติ รูปกฺขนฺเธน เอกสงฺคหํ รูปกฺขนฺโธเตว คณิตํ, คหณํ คตนฺติ อตฺโถ.
ทิยฑฺฒเมว ¶ สจฺจํ ภชติ มคฺคสจฺจทุกฺขสจฺเจกเทสภาวโต. สจฺเจกเทสนฺโตคธมฺปิ สจฺจนฺโตคธเมว โหตีติ อาห ‘‘สจฺจานํ อนฺโตคธตฺตา’’ติ. อิทานิ ตมตฺถํ สาสนโต จ โลกโต จ อุปมํ อาห ริตฺวา ทีเปตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สาธิกมิทํ, ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตนฺติ อิทํ ยสฺมึ กาเล ตํ สุตฺตํ เทสิตํ, ตทา ปฺตฺตสิกฺขาปทวเสน วุตฺตํ, ตโต ปรํ ปน สาธิกานิ ทฺเวสตานิ สิกฺขาปทานีติ. สิกฺขานํ อนฺโตคธตฺตา อธิสีลสิกฺขาย. เอตฺถ จ ‘‘สีลํ สิกฺขนฺโตปิ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขตี’’ติ วิสโมยํ อุปฺาโส. ตตฺถ หิ โย ปหาตพฺพํ ปชหติ, สํวริตพฺพโต สํวรํ อาปชฺชติ, อยมสฺส อธิสีลสิกฺขา. โย ตตฺถ เจตโส อวิกฺเขโป, อยมสฺส อธิจิตฺตสิกฺขา. ยา ตตฺถ วีมํสา, อยมสฺส อธิปฺาสิกฺขา. อิติ โส กุลปุตฺโต สรูปโต ลพฺภมานา เอว ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขตีติ ทีปิโต, น สิกฺขานํ อนฺโตคธตามตฺเตน. เตนาห อฏฺกถายํ ‘‘โย ตถาภูตสฺส สํวโร, อยเมตฺถ อธิสีลสิกฺขา, โย ตถาภูตสฺส ¶ สมาธิ, อยเมตฺถ อธิจิตฺตสิกฺขา, ยา ตถาภูตสฺส ปฺา, อยํ อธิปฺาสิกฺขา. อิมา ติสฺโส สิกฺขา ตสฺมึ อารมฺมเณ ตาย สติยา เตน มนสิกาเรน สิกฺขติ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรตี’’ติ. อิธ ปน สจฺจานํ อนฺโตคธตฺตา สจฺจ-สทฺทาภิเธยฺยตามตฺเตน จตูสุ สจฺเจสุ คณนนฺโตคธา โหนฺตีติ? น, ตตฺถาปิ หิ นิปฺปริยายโต อธิสีลสิกฺขาว ลพฺภติ, อิตรา ปริยายโตติ กตฺวา ‘‘สิกฺขานํ อนฺโตคธตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
จตูสุ อริยสจฺเจสุ สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ จ ตโต อมุจฺจิตฺวา ตสฺเสว อนฺโตคธตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ยถา จ เอกสฺส หตฺถิปทสฺสา’’ติอาทินา ทสฺสิตา หตฺถิปโทปมา สมตฺถิตา ทฏฺพฺพา. เอกสฺมิมฺปิ ทฺวีสุปิ ตีสุปิ สจฺเจสุ คณนํ คตา ธมฺมาติ อิทํ น กุสลตฺติกวเสเนว เวทิตพฺพํ, อถ โข ติกทุเกสุ ยถารหํ ลพฺภมานปทวเสน เวทิตพฺพํ. ตตฺถ เอกสฺมึ สจฺเจ คณนํ คโต ธมฺโม อสงฺขตธมฺโม ทฏฺพฺโพ, ทฺวีสุ สจฺเจสุ คณนํ คตา กุสลา ธมฺมา, ตถา อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา จ ธมฺมา, ตีสุ สจฺเจสุ คณนํ คตา สงฺขตา ธมฺมา, เอวํ อฺเสมฺปิ ติกทุกปทานํ วเสน อยมตฺโถ ยถารหํ วิภชิตฺวา วตฺตพฺโพ. เตนาห ‘‘เอกสฺมิมฺปิ…เป… คตาว โหนฺตี’’ติ. เอกเทโส หิ สมุทายนฺโตคธตฺตา วิเสโส วิย สามฺเน สมูเหน สงฺคหํ ลภติ. เตนาห ‘‘สจฺจานํ อนฺโตคธตฺตา’’ติ. เทสนานุกฺกโมติ อริยสจฺจานิ อุทฺทิสิตฺวา ทุกฺขสจฺจนิทฺเทสวเสน ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ วิภชนํ. ตตฺถ จ รูปกฺขนฺธนิทฺเทสวเสนอาทิโต อชฺฌตฺติกาย ปถวีธาตุยา วิภชนนฺติ. อยํ อิมิสฺสา เทสนาย อนุกฺกโม.
๓๐๑. ตํ ¶ ปเนตํ อุปมาหิ วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุชาตนฺติ สุนฺทรํ, สุสณฺิตํ สุปริณตฺจาติ อธิปฺปาโย. เปสิโยติ วิลีเว. มุทุภาวโต กุจฺฉิภาคํ อาทาย. อิตเร จ จตฺตาโร โกฏฺาเสติ ปฺจธา ภินฺนโกฏฺาเสสุ อิตเร จ จตฺตาโร โกฏฺาเส. อิตเร จ ตโย โกฏฺาเสติอาทิโต จตุธา ภินฺนโกฏฺาเสสุ อิตเร จ ตโย โกฏฺาเส.
ราชปุตฺตูปมายาติ รฺโ เชฏฺปุตฺตอุปมาย. นฺติ ปิฬนฺธนํ. อุเร วายามชนิตอริยชาติยา โอรโส. มุขโต ชาโตติ มุขโต นิคฺคตธมฺมเทสนาย ¶ ชาโต, พุทฺธานํ วา ธมฺมกายสฺส มุขภูตอริยธมฺมโต ชาโต. ตโต เอว ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต. สตฺถุ ธมฺมทายาทสฺเสว คหิตตฺตา ธมฺมทายาโท. เตนาห ‘‘โน อามิสทายาโท’’ติ. นฺติ ‘‘ภควโต ปุตฺโต’’ติอาทิวจนํ. มหาปฺตาทิคุเณหิ สาติสยํ อนุปุพฺพภาเว ิตตฺตา สมฺมา ยถาภูตํ วทมาโน วตฺตุํ สกฺโกนฺโต วเทยฺย.
อกุโตภยํ นิพฺพานํ นิพฺพานคามินิฺจ. ราครชาทีนํ วิคเมน วิคตรชํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ สุคตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ภิกฺขูนํ ปโรสหสฺสํ ปยิรุปาสตีติ โยชนา.
‘‘เสเวถ ภชถา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘ปณฺฑิตา ภิกฺขู อนุคฺคาหกา’’ติ. ปณฺฑิตาปิ สมานา น อปฺปสฺสุตา, อถ โข โอวาทานุสาสนีหิ อนุคฺคาหกาติ ปุริมา อุปมา เถรสฺเสว วเสน อุทาหฏา, ทุติยา ปน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺสปิ วเสน อุทาหฏา.
๓๐๒. อชฺฌตฺติกาติ สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนา. อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตนฺติ ปททฺวเยนปิ ตํตํปาฏิปุคฺคลิกธมฺมา วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘อุภยมฺเปตํ นิยกาธิวจนเมวา’’ติ. สสนฺตติปริยาปนฺนตาย ปน อตฺตาติ คเหตพฺพภาวูปคมนวเสน อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตํ อชฺฌตฺตํ, ตํตํสตฺตสนฺตานปริยาปนฺนตาย ปจฺจตฺตํ. เตนาห อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๗) ‘‘อตฺตนิ ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺตํ, อตฺตานํ ปฏิจฺจ ปฏิจฺจ ปวตฺตตฺตา ปจฺจตฺต’’นฺติ. กกฺขฬนฺติ กถินํ. ยสฺมา ตํ ถทฺธภาเวน สหชาตานํ ปติฏฺา โหติ, ตสฺมา ‘‘ถทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. ขริคตนฺติ ขรสภาเวสุ คตํ ตปฺปริยาปนฺนํ, ขรสภาวเมวาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ขรสภาวํ ผรุสากาเรน อุปฏฺานโต ผรุสาการํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ผรุส’’นฺติ. อุปาทินฺนํ นาม สรีรฏฺกํ. ตตฺถ ยํ กมฺมสมุฏฺานํ, ตํ นิปฺปริยายโต ‘‘อุปาทินฺน’’นฺติ วุจฺจติ, อิตรํ อนุปาทินฺนํ. ตทุภยมฺปิ อิธ ตณฺหาทีหิ อาทินฺนคหิตปรามฏฺวเสน อุปาทินฺนเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สรีรฏฺกฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาทินฺนนฺติ อภินิวิฏฺํ. มมนฺติ คหิตํ. อหนฺติ ปรามฏฺํ ¶ . ธาตุกมฺมฏฺานิกสฺสาติ จตุธาตุววตฺถานวเสน ธาตุกมฺมฏฺานํ ปริหรนฺตสฺส. เอตฺถาติ ¶ เอตสฺมึ ธาตุกมฺมฏฺาเน. ตีสุ โกฏฺาเสสูติ ติปฺปกาเรสุ โกฏฺาเสสุ. น หิ เต ตโย จตฺตาโร โกฏฺาสา.
วุตฺตปฺปการาติ ‘‘เกสา โลมา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปการา. นานาสภาวโตติ สติปิ กกฺขฬภาวสามฺเ สสมฺภารวิภตฺติโต ปน เกสาทิสงฺฆาตคตนานาสภาวโต. อาลโยติ อเปกฺขา. นิกนฺตีติ นิกามนา. ปตฺถนาติ ตณฺหาปตฺถนา. ปริยุฏฺานนฺติ ตณฺหาปริยุฏฺานํ. คหณนฺติ กามุปาทานํ. ปรามาโสติ ปรโต อามสนา มิจฺฉาภินิเวโส. น พลวา อาลยาทิ. ยทิ เอวํ กสฺมา วิภงฺเค พาหิราปิ ปถวีธาตุ วิตฺถาเรเนว วิภตฺตาติ? ยถาธมฺมเทสนตฺตา ตตฺถ วิตฺถาเรเนว เทสนา ปวตฺตา, ยถานุโลมเทสนตฺตา ปเนตฺถ วุตฺตนเยน เทสนา สํขิตฺตา.
โยเชตฺวา ทสฺเสตีติ เอกชฺฌํ กตฺวา ทสฺเสติ. สาติ อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ. สุขปริคฺคโห โหติ ‘‘น เม โส อตฺตา’’ติ. สิทฺเธ หิ อนตฺตลกฺขเณ ทุกฺขลกฺขณํ อนิจฺจลกฺขณฺจ สิทฺธเมว โหติ สงฺขตธมฺเมสุ ตทวินาภาวโตติ. วิสูกายตีติ วิสูกํ วิรูปกิริยํ ปวตฺเตติ. สา ปน อตฺถโต วิปฺผนฺทนเมวาติ อาห ‘‘วิปฺผนฺทตี’’ติ. อสฺสาติ อชฺฌตฺติกาย ปถวีธาตุยา. อเจตนาภาโว ปากโฏ โหติ ธาตุมตฺตตาย ทสฺสนโต. ตํ อุภยมฺปีติ ตํ ปถวีธาตุทฺวยมฺปิ.
ตโต วิเสสตเรนาติ ตโต พาหิรมหาปถวิโต วิเสสวนฺตตเรน, ลหุตเรนาติ อตฺโถ. กุปฺปตีติ ลุปฺปติ. วิลียมานาติ ปกติอุทเก โลณํ วิย วิลยํ คจฺฉนฺตี. อุทกานุคตาติ อุทกํ อนุคตา อุทกคติกา. เตนาห ‘‘อุทกเมว โหตี’’ติ. อภาโว เอว อภาวตา, น ภวตีติ วา อภาโว, ตถาสภาโว ธมฺโม. ตสฺส ภาโว อภาวตา. วโย วินาโส ธมฺโม สภาโว เอตสฺสาติ วยธมฺโม, ตสฺส ภาโว วยธมฺมตา, อตฺถโต ขโย เอว. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘สพฺเพหิปิ อิเมหิ ปเทหิ อนิจฺจลกฺขณเมว วุตฺต’’นฺติ. วิทฺธํสนภาวสฺส ปน ปเวทิตพฺพตฺตา กามํ อนิจฺจลกฺขณเมว วุตฺตํ สรูปโต, อิตรานิปิ อตฺถโต วุตฺตาเนวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ.
มตฺตํ ¶ ขณมตฺตํ ติฏฺตีติ มตฺตฏฺโ, อปฺปมตฺตฏฺโ มตฺตฏฺโก, อติอิตฺตรขณิโกติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปริตฺตฏฺิติกสฺสา’’ติ. ิติปริตฺตตายาติ เอกจิตฺตปวตฺติมตฺตตาานลกฺขณสฺส อิตรภาเวน ¶ . เอกสฺส จิตฺตสฺส ปวตฺติกฺขณมตฺเตเนว หิ สตฺตานํ ปรมตฺถโต ชีวนกฺขโณ ปริจฺฉินฺโน. เตนาห ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ.
ชีวิตนฺติ ชีวิตินฺทฺริยํ. สุขทุกฺขาติ สุขทุกฺขา เวทนา. อุเปกฺขาปิ หิ สุขทุกฺขาสฺเวว อนฺโตคธา อิฏฺานิฏฺภาวโต. อตฺตภาโวติ ชีวิตเวทนาวิฺาณานิ เปตฺวา อวสิฏฺธมฺมา วุตฺตา. เกวลาติ อตฺตนิจฺจภาเวน อโวมิสฺสา. เอกจิตฺตสมายุตฺตาติ เอเกน จิตฺเตน สหิตา เอกจิตฺตกฺขณิกา. ลหุโส วตฺตเต ขโณติ ตาย เอว เอกกฺขณิกตาย ลหุโก อติอิตฺตโร ชีวิตาทีนํ ขโณ วตฺตติ วีติวตฺตตีติ อตฺโถ. อิทนฺติ คาถาวจนํ.
ยสฺมา สตฺตานํ ชีวิตํ อสฺสาสปสฺสาสานํ อปราปรสฺจรณํ ลภมานเมว ปวตฺตติ, น อลภมานํ, ตสฺมา อสฺสาสปสฺสาสูปนิพทฺธํ. ตถา มหาภูตานํ สมวุตฺติตํ ลภมานเมว ปวตฺตติ. ปถวีธาตุยา หิ อาโปธาตุอาทีนํ วา อฺตรปโกเปน พลสมฺปนฺโนปิ ปุริโส ปตฺถทฺธกาโย วา, อติสาราทิวเสน กิลินฺนปูติกาโย วา, มหาฑาหปเรโต วา, สฺฉิชฺชมานสนฺธิพนฺธโน วา หุตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณาติ. กพฬีการาหารานํ ยุตฺตกาเล ลภนฺตสฺเสว ชีวิตํ ปวตฺตติ, อลภนฺตสฺส ปริกฺขยํ คจฺฉติ, วิฺาเณ ปวตฺตมาเนเยว จ ชีวิตํ ปวตฺตติ, น ตสฺมึ อปฺปวตฺตมาเน. ชีวิตนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน อิริยาปถูปนิพทฺธตาสีตุณฺหูปนิพทฺธตาทีนํ สงฺคโห. จตุนฺนฺหิ อิริยาปถานํ สมวุตฺติตํ ลภมานเมว ชีวิตํ ปวตฺตติ, อฺตรสฺส ปน อธิมตฺตตาย อายุสงฺขารา อุปจฺฉิชฺชนฺติ, สีตุณฺหานมฺปิ สมวุตฺติตํ ลภมานเมว ปวตฺตติ, อติสีเตน ปน อติอุณฺเหน วา อภิภูตสฺส วิปชฺชตีติ.
ตณฺหุปาทินฺนสฺสาติ อิมินา หิ ปจฺจยุปฺปนฺนตากิตฺตเนน สรสปภงฺคุตํเยว วิภาเวติ. ทุกฺขานุปสฺสนาย ตณฺหาคฺคาหสฺส อนิจฺจานุปสฺสนาย มานคฺคาหสฺส อนตฺตานุปสฺสนาย ทิฏฺิคฺคาหสฺส อุชุวิปจฺจนีกภาวโต เอกํเสเนว ตีหิ อนุปสฺสนาหิ คาหาปิ วิคจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘โนเตว โหตี’’ติ. เอกํเยว อาคตํ พาหิราย ปถวีธาตุยา อนฺตรธานทสฺสนปวตฺตโชตนาย.
ปริคฺคหนฺติ ¶ ธาตุปริคฺคหณํ. ปฏฺเปนฺโตติ อารภนฺโต เทเสนฺโต. โสตทฺวาเร พลํ ทสฺเสตีติ โยชนา. กมฺมฏฺานิกสฺส พลทสฺสนาปเทเสน กมฺมฏฺานสฺส อานุภาวํ ทสฺเสติ. วาจาย ฆฏฺฏนเมว วุตฺตํ โสตทฺวาเร พลทสฺสนภาวโต. พลนฺติ จ พาหิราย วิย อชฺฌตฺติกายปิ ปถวีธาตุยา อเจตนาภาวทสฺสเนน ¶ รุกฺขสฺส วิย อกฺโกสนฺเตปิ ปหรนฺเตปิ นิพฺพิการตา. สมฺปติวตฺตมานุปฺปนฺนภาเวนาติ ตทา ปจฺจุปฺปนฺนภาเวน. สมุทาจารุปฺปนฺนภาเวนาติ อาปาถคเต ตสฺมึ อนิฏฺเ สทฺทารมฺมเณ อารมฺมณกรณสงฺขาตอุปฺปตฺติวเสน โสตทฺวาเร ชวนเวทนา ทุกฺขาติ วจนโต. ตถา หิ ‘‘อุปนิสฺสยวเสนา’’ติ วุตฺตํ. เวทนาทโยปีติ ‘‘เวทนา อนิจฺจา’’ติ เอตฺถ วุตฺตเวทนา เจว สฺาทโย จ. เต หิ ผสฺเสน สมานภูมิกา น ปุพฺเพ วุตฺตเวทนา. ธาตุสงฺขาตเมว อารมฺมณนฺติ ยถาปริคฺคหิตํ ปถวีธาตุสงฺขาตเมว วิสยํ. ปกฺขนฺทตีติ วิปสฺสนาจิตฺตํ อนิจฺจนฺติปิ ทุกฺขนฺติปิ อนตฺตาติปิ สมฺมสนวเสน อนุปวิสติ. เอเตน พหิทฺธาวิกฺเขปาภาวมาห, ปสีทตีติ ปน อิมินา กมฺมฏฺานสฺส วีถิปฏิปนฺนตํ. สนฺติฏฺตีติ อิมินา อุปรูปริ วิเสสาวหภาเวน อวตฺถานํ ปฏิปกฺขาภิภเวน นิจฺจลภาวโต. วิมุจฺจตีติ อิมินา ตณฺหามานทิฏฺิคฺคาหโต วิเสเสน มุจฺจนํ. อฏฺกถายํ ปน สมุฏฺานวเสน อตฺโถ วุตฺโต ‘‘อธิโมกฺขํ ลภตี’’ติ. โสตทฺวารมฺหิ อารมฺมเณ อาปาถคเตติ อิทํ มูลปริฺาย มูลทสฺสนํ. โสตทฺวาเรหิ อาวชฺชนโวฏฺพฺพนานํ อโยนิโส อาวชฺชยโต โวฏฺพฺพนวเสน อิฏฺเ อารมฺมเณ โลโภ, อนิฏฺเ จ ปฏิโฆ อุปฺปชฺชติ, มโนทฺวาเร ปน ‘‘อิตฺถี, ปุริโส’’ติ รชฺชนาทิ โหติ, ตสฺส ปฺจทฺวารชวนํ มูลํ, สพฺพํ วา ภวงฺคาทิ. เอวํ มโนทฺวารชวนสฺส มูลวเสน ปริฺา. อาคนฺตุกตาวกาลิกปริฺา ปน ปฺจทฺวารชวนสฺเสว อปุพฺพภาววเสน อิตรภาววเสน จ เวทิตพฺพา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สติปฏฺานสํวณฺณนายํ วุตฺโต เอว.
ยาถาวโต ธาตูนํ ปริคฺคณฺหนวเสน กตปริคฺคหสฺสปิ อนาทิกาลภาวนาวเสน อโยนิโส อาวชฺชนํ สเจปิ อุปฺปชฺชติ. โวฏฺพฺพนํ ปตฺวาติ โวฏฺพฺพนกิจฺจตํ ปตฺวา. เอกํ ทฺเว วาเร อาเสวนํ ลภิตฺวา, น อาเสวนปจฺจยํ. น หิ อุเปกฺขาสหคตาเหตุกจิตฺตํ อาเสวนปจฺจยภูตํ อตฺถิ. ยทิ สิยา, ปฏฺาเน กุสลตฺติเก ปฏิจฺจวาราทีสุ ¶ ‘‘น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน ทฺเว, อาเสวนปจฺจยา น มคฺเค ทฺเว’’ติ จ วตฺตพฺพํ สิยา, ‘‘น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน เอกํ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๒๑), อาเสวนปจฺจยา น มคฺเค เอก’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๕๒) จ ปน วุตฺตํ. เอกํ ทฺเว วาเรติ เอตฺถ จ เอกคฺคหณํ วจนสิลิฏฺตาย วเสน วุตฺตํ. น หิ ทุติเย โมฆวาเร เอกวารเมว โวฏฺพฺพนํ ปวตฺตติ. ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ตสฺส ปวตฺตึ สนฺธาย เอกวารคฺคหณํ, ติกฺขตฺตุํ ปวตฺตึ สนฺธาย ทฺเววารคฺคหณํ. ตตฺถ ทุติยํ ตติยฺจ ปวตฺตมานํ ลทฺธาเสวนํ วิย โหติ. ยสฺมา ปน ‘‘โวฏฺพฺพนํ ปตฺวา เอกํ ทฺเว วาเรอาเสวนํ ลภิตฺวา จิตฺตํ ภวงฺคเมว โอตรตี’’ติ อิทํ ทุติยโมฆวารวเสน วุตฺตํ ภเวยฺย. โส จ อารมฺมณทุพฺพลตาย เอว โหตีติ อภิธมฺมฏฺกถายํ นิยมิโต. อิธ ปน ติกฺขานุปสฺสนานุภาเวน อกุสลุปฺปตฺติยา อสมฺภววเสน อโยนิโสว อาวชฺชโต อโยนิโส ววตฺถานํ ¶ สิยา, น โยนิโส, ตสฺมิฺจ ปวตฺเต มหติ อติมหติ วา อารมฺมเณ ชวนํ น อุปฺปชฺเชยฺยาติ อยมตฺโถ วิจาเรตฺวา คเหตพฺโพ.
เอตสฺเสว วา สติปิ ทุวิธตาปริกปฺปเน โส จ ยทิ อนุโลเม เวทนาตฺติเก ปฏิจฺจวาราทีสุ ‘‘อาเสวนปจฺจยา น มคฺเค ทฺเว, น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน ทฺเว’’ติ จ วุตฺตํ สิยา, (ลพฺเภยฺย), น จ วุตฺตํ. ยทิ ปน โวฏฺพฺพนมฺปิ อาเสวนปจฺจโย สิยา, กุสลากุสลานมฺปิ สิยา. น หิ อาเสวนปจฺจยํ ลทฺธุํ ยุตฺตสฺส อาเสวนปจฺจยตาปิ ธมฺโม อาเสวนปจฺจโย โหตีติ อวุตฺโต อตฺถิ, โวฏฺพฺพนสฺส ปน กุสลากุสลานํ อาเสวนปจฺจยภาโว อวุตฺโต – ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นาเสวนปจฺจยา. อกุสลํ…เป… นาเสวนปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๙๓-๙๔) วจนโต ปฏิกฺขิตฺโต จ. อถาปิ สิยา อสมานเวทนานํ วเสเนว วุตฺตนฺติ จ, เอวมปิ ยถา – ‘‘อาวชฺชนา กุสลานํ ขนฺธานํ อกุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วตฺตพฺพํ สิยา. ตํ ชาติเภทา น วุตฺตนฺติ เจ? ภูมิภินฺนสฺส กามาวจรสฺส รูปาวจราทีนํ อาเสวนปจฺจยภาโว วิย ชาติภินฺนสฺสปิ ภเวยฺยาติ วตฺตพฺโพ เอว สิยา, อภินฺนชาติกสฺส จ วเสน ยถา – ‘‘อาวชฺชนา สเหตุกานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ¶ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ วุตฺตํ. ตสฺมา เวทนาตฺติเกปิ ‘‘อาเสวนปจฺจยา น มคฺเค เอกํ, น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน เอก’’นฺติ เอวํ คณนาย นิทฺธาริยมานาย โวฏฺพฺพนสฺส อาเสวนปจฺจยตฺตสฺส อภาวา อยํ โมฆวาโร อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺโพ.
โวฏฺพฺพนํ ปน วีถิวิปากสนฺตติยา อาวฏฺฏนโต อาวชฺชนา, ตโต วิสทิสสฺส ชวนสฺส กรณโต มนสิกาโรติ จ วตฺตพฺพตํ ลเภยฺย, เอวฺจ กตฺวา ปฏฺาเน ‘‘โวฏฺพฺพนํ กุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ น วุตฺตํ, ‘‘อาวชฺชนา’’อิจฺเจว (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) วุตฺตํ, ตมฺปิ โวฏฺพฺพนโต ปรํ จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ วา ชวนานํ อารมฺมณปุเรชาตํ ภวิตุํ อสกฺโกนฺตํ รูปาทึ อารพฺภ ปวตฺตมานํ โวฏฺพฺพนํ ชวนฏฺาเน ตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ. ชวนฏฺาเน ตฺวาติ จ ชวนสฺส อุปฺปชฺชนฏฺาเน ทฺวิกฺขตฺตุํ ปวตฺติตฺวาติ อตฺโถ, น ชวนภาเวนาติ. อาเสวนํ ลภิตฺวาติ เจตฺถ อาเสวนํ วิย อาเสวนนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. วิปฺผาริกตฺตา จสฺส ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา ปวตฺติเยว เจตฺถ อาเสวนสทิสตา. วิปฺผาริกตาย หิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตา จสฺส วุจฺจติ. วิปฺผาริกมฺปิ ชวนํ วิย อเนกกฺขตฺตุํ อปฺปวตฺติยา อสุปฺปติฏฺิตตาย จ น นิปฺปริยายโต อาเสวนภาเวน ¶ วตฺตตีติ น อิมสฺส อาเสวนตฺถํ วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ผลจิตฺเตสุ มคฺคปริยาโย วิย ปริยายวเสน วุตฺตํ.
อยนฺติ ‘‘สเจปี’’ติอาทินา วุตฺโต เอกวารมฺปิ ราคาทีนํ อนุปฺปาทนวเสน วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต โยคาวจโร. โกฏิปฺปตฺโตติ มตฺถกํ ปตฺโต. ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตฺตา วิสทวิปสฺสนาาณตาย ติกฺขวิปสฺสโก. อารมฺมณํ ปริคฺคหิตเมว โหติ ‘‘เอวํ เม ชวนํ ชวิต’’นฺติ สารมฺมณสฺส ชวนสฺส หุตฺวา อภาวววตฺถาปนสฺส กมฺมฏฺานภาวโต, ตถา อาวชฺชนวเสน วา ตํ อารมฺมณํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตาวเทว มูลกมฺมฏฺานภูตํ อารมฺมณํ ปริคฺคหิตเมว โหติ. ทุติยสฺส ปน วเสนาติ ‘‘อปรสฺส ราคาทิวเสน เอกวารํ ชวนํ ชวตี’’ติอาทินา วุตฺตสฺส นาติติกฺขวิปสฺสกสฺส วเสน ‘‘ตสฺส ธาตารมฺมณเมว จิตฺตํ ปกฺขนฺทตี’’ติอาทินา อิมสฺมึ สุตฺเต อาคตตฺตา. ‘‘ตเมนํ อุปธิปหานาย ปฏิปนฺนํ อุปธิปฏินิสฺสคฺคาย กทาจิ กรหจิ สติสมฺโมสา อุปธิปฏิสํยุตฺตา สรสงฺกปฺปา สมุทาจรนฺติ. ทนฺโธ อุทายิ สตุปฺปาโท, อถ โข ¶ นํ ขิปฺปเมว ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมตี’’ติ ลฏุกิโกปเม. ตสฺส หิ อฏฺกถายํ ‘‘โสตาปนฺนาทโย ตาว ปชหนฺตุ, ปุถุชฺชโน กถํ ปชหตี’’ติ โจทนํ ปฏฺเปตฺวา ‘‘อารทฺธวิปสฺสโก หิ สติสมฺโมเสน สหสา กิเลเส อุปฺปนฺเน ‘มาทิสสฺส นาม ภิกฺขุโน กิเลโส อุปฺปนฺโน’ติ สํเวคํ กตฺวา วีริยํ ปคฺคยฺห วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺเคน กิเลเส สมุคฺฆาเตติ, อิติ โส ปชหติ นามา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตสฺส ธาตารมฺมณเมว จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติอาทินา อิมสฺมึ สุตฺเต อาคตตฺตา’’ติอาทิ. อินฺทฺริยภาวเน จ มชฺฌิมสฺส วเสน อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ปริคฺคหวเสนาติ ธาตุปริคฺคหวเสน. มมฺมจฺเฉทนาทิวเสน ปวตฺตอกฺโกสนาทึ อนิฏฺํ อารมฺมณํ ปตฺวา โสตทฺวาเร กิลมติ ปุคฺคโล, ตถา โปถนปหรณาทิกํ อนิฏฺํ อารมฺมณํ ปตฺวา กายทฺวาเร กิลมติ.
สมุทาจรนฺตีติ สพฺพโส อุทฺธํ อาจรนฺติ. ตยิทํ อมนาเปหิ สมุทาจรณํ นาม โปถนปหรณาทิวเสน อุปกฺกมนเมวาติ อาห ‘‘อุปกฺกมนฺตี’’ติ, พาธนฺตีติ อตฺโถ. ตถาสภาโวติ ยถา ปาณิปฺปหาราทีหิ ฆฏฺฏิตมตฺโต วิการํ อาปชฺชติ, ตถาสภาโว. ‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจนา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๒) โอวาททานํ นาม อนฺสาธารณํ พุทฺธานํเยว อาเวณิกนฺติ อาห ‘‘วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตาติ อนุสฺสรนฺโตปิ…เป… กกจูปโมวาทํ อนุสฺสรนฺโตปี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสปิ ปริยตฺติธมฺมภาวโตติ เกจิ ¶ . ยํ ปน กกโจกนฺตเกสุปิ มนุสฺเสสุ อปฺปทุสฺสนํ นิพฺพิการํ, ตํ สตฺถุสาสนํ อนุสฺสรนฺโตปิ สมฺมาปฏิปตฺติลกฺขณํ ธมฺมํ อนุสฺสรติเยวาติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ภิกฺขุโน คุณนฺติ อริยธมฺมาธิคมนสิทฺธํ คุณมาห. โส จ สพฺเพสมฺปิ อริยานํ คุโณติ ตํ อนุสฺสรนฺโตปิ สงฺฆํ อนุสฺสรติ เอวาติ วุตฺตํ.
วิปสฺสนุเปกฺขา อธิปฺเปตา, ตสฺมา อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺาตีติ วิปสฺสนาวเสน สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารคเต อชฺฌุเปกฺขนํ น ลภตีติ อตฺโถ. ฉฬงฺคุเปกฺขาติ ฉฬงฺคุเปกฺขา วิย ฉฬงฺคุเปกฺขา อิฏฺานิฏฺเสุ นิพฺพิการตาสามฺเน ¶ . เตนาห ‘‘สา ปเนสา’’ติอาทิ. ฉฬงฺคุเปกฺขาาเน เปติ ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม’’ติอาทินา อตฺตมนตํ อาปชฺชนฺโต.
๓๐๓. อาโปคตนฺติ อาพนฺธนวเสน อาโป, ตเทว อาโปสภาวํ คตตฺตา อาโปคตํ, สภาเวเนว อาโปภาวํ วา ปตฺตนฺติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน โส อาโปภาวสงฺขาโต อลฺลยูสภาโว สสมฺภารปถวีสสมฺภารอุทกาทิคเต สพฺพสฺมิมฺปิ อาปสฺมึ วิชฺชติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สพฺพอาเปสุ คตํ อลฺลยูสภาวลกฺขณ’’นฺติ, ทฺรวภาวลกฺขณนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปกุปฺปตี’’ติ ปากติกปโกปํ สนฺธายาห ‘‘โอฆวเสน วฑฺฒตี’’ติ. เตนาห ‘‘อยมสฺส ปากติโก ปโกโป’’ติ. อิตรํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘อาโปสํวฏฺฏกาเล ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โอคจฺฉนฺตีติ เอตฺถ โอคมนนฺติ ปริยาทานํ อธิปฺเปตํ, น อโธคมนมตฺตนฺติ อาห ‘‘อุทฺธเน…เป… ปาปุณนฺตี’’ติ.
๓๐๔. สพฺพเตเชสุ คตนฺติ อินฺธนาทิวเสน อเนกเภเทสุ สพฺเพสุ เตโชโกฏฺาเสสุ คตํ ปวตฺตํ. ยถา ปีติ เอว ปีติคตํ, เอวํ เตโช เอว เตโชคตํ, เตชนวเสน ปวตฺติมตฺตนฺติ อตฺโถ. เอวํ อาโปคตํ, วาโยคตฺจ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปุริเม’’ติอาทิ. เอกาหิกชราทิภาเวนาติ เอกาหิกาทิชราเภเทน. อุสุมชาโตติ อุสฺมาภิภูโต. ชีรตีติ ชิณฺโณ โหติ. เตโชธาตุวเสน ลพฺภมานา อิมสฺมึ กาเย ชราปวตฺติ ปากฏชราวเสน เวทิตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อินฺทฺริยเวกลฺลตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วลิปลิตาทิภาวนฺติ วลิตปลิตภาวํ, องฺคปจฺจงฺคานํ สิถิลภาวฺจ. กุปฺปิเตนาติ ขุภิเตน. สตกฺขตฺตุํ ตาเปตฺวา ตาเปตฺวา สีตูทเก ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฏสปฺปิ สตโธตสปฺปีติ วทนฺติ. สรีเร ปกติอุสุมํ อติกฺกมิตฺวา อุณฺหภาโว สนฺตาโป, สรีรสฺส ทหนวเสน ปวตฺโต มหาทาโห ปริทาโหติ อยเมว เตสํ วิเสโส. อสิตนฺติ สุตฺตํ. ขายิตนฺติ ขาทิตํ. สายิตนฺติ อสฺสาทิตํ. สมฺมา ปริปากํ คจฺฉตีติ สมเวปากินิยา คหณิยา วเสน วุตฺตํ. อสมฺมาปริปาโกปิ วิสมปากินิยา คหณิยา ¶ วเสน เวทิตพฺโพ. รสาทิภาเวนาติ รสรุธิรมํสเมทนฺหารุอฏฺิอฏฺิมิฺชสุกฺกภาเวน. วิเวกนฺติ ปุถุภาวํ อฺมฺํ วิสทิสภาวํ. อสิตาทิเภทสฺส ¶ อาหารสฺส ปริณาเม รโส โหติ, ตํ ปฏิจฺจ รสธาตุ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. เอวํ รสสฺส ปริณาเม ‘‘รุธิร’’นฺติอาทินา สพฺพํ เนตพฺพํ.
หริตนฺตนฺติ หริตเมว, อนฺต-สทฺเทน ปทวฑฺฒนํ กตํ ยถา ‘‘วนนฺตํ สุตฺตนฺต’’นฺติ. จมฺมนิลฺเลขนํ จมฺมํ ลิขิตฺวา ฉฑฺฑิตกสฏํ.
๓๐๕. อุคฺคารหิกฺการาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อุทฺเทกขีปนาทิปวตฺตกวาตานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อุจฺจารปสฺสาวาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปิตฺตเสมฺหลสิกาทินีหรณวาตสฺส เจว อุสุมวาตสฺส จ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยทิปิ กุจฺฉิ-สทฺโท อุทรปริยาโย, โกฏฺ-สทฺเทน ปน อพฺภนฺตรสฺส วุจฺจมานตฺตา ตทวสิฏฺโ อุทรปเทโส อิธ กุจฺฉิ-สทฺเทน วุจฺจตีติ อาห ‘‘กุจฺฉิสยา วาตาติ อนฺตานํ พหิวาตา’’ติ. สมิฺชนปสารณาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อาโลกนวิโลกนอุทฺธรณาทิกา สพฺพา กายิกกิริยา สงฺคหิตา. อวสวติ อุทกํ เอตสฺมาติ โอสฺสวนํ, ฉทนนฺโต. อิธาติ อิมสฺมึ าเน.
๓๐๖. นิสฺสตฺตภาวนฺติ อนตฺตกตํ. ยถาทสฺสิตา หิ จตสฺโส ธาตุโย อนตฺตนิยํ เกวลํ ธาตุมตฺตา นิสฺสตฺตนิชฺชีวาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. ปริวาริโตติ ปริวาริตภาเวน ิโต ปริวุโต. เตนาห ‘‘เอตานี’’ติอาทิ, กฏฺาทีนิ สนฺนิเวสวิเสสวเสน ปิตานีติ อธิปฺปาโย. อฺถา อคารสมฺาย ภาวโต. เตนาห ‘‘กฏฺาทีสุ ปนา’’ติอาทิ. ยทตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส’’ติอาทิ อารทฺธํ, ตมตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา กฏฺาทีนี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
กามํ เหฏฺา ‘‘มตฺตฏฺกสฺส กายสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๐๒) อวิภาเคน เอกเทเสน จ อุปาทารูปมฺปิ กถิตํ, ตถา เวทนาทโย ขนฺธภาเวน ปริคฺคเหตฺวา น กถิตา, ตถา ตณฺหาปิ สมุทยสจฺจภาเวน. อิตรานิ ปน สจฺจานิ สพฺเพน สพฺพํ น กถิตานิ. เตเนวาห ‘‘เหฏฺา…เป… น กถิตานี’’ติ. จกฺขุปสาเท นิรุทฺเธติ จกฺขุปสาเท วินฏฺเ. อุปหเตติ ปุพฺพกิมิอาทีหิ อุปทฺทุเต. ปลิพุทฺเธติ ปุพฺพาทิอุปฺปตฺติยา วินา ปฏิจฺฉาทิเต. ตชฺโชติ ตสฺสานุรูโป, จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺติยา อนุรูโปติ อตฺโถ. จกฺขุสฺส ¶ รูปารมฺมเณ อาปาถคเต อุปฺปชฺชนมนสิกาโร หทยสนฺนิสฺสโยปิ จกฺขุมฺหิ สติ โหติ, อสติ น โหตีติ ¶ กตฺวา ‘‘จกฺขุํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนมนสิกาโร’’ติ วุตฺโต. ภวงฺคาวฏฺฏนํ ตสฺส ยถา อารมฺมณปจฺจเย, เอวํ ปสาทปจฺจเยปิ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘จกฺขฺุจ รูเป จ ปฏิจฺจา’’ติ. นฺติ จกฺขุทฺวาเร กิริยมโนธาตุจิตฺตํ. อฺวิหิตสฺสาติ อฺารมฺมณปสุตสฺส. ตทนุรูปสฺสาติ เตสํ จกฺขุรูปตทาโภคานํ อนุรูปสฺส.
จตฺตาริ สจฺจานิ ทสฺเสติ สรูปโต อตฺถาปตฺติโต จาติ อธิปฺปาโย. ตปฺปกาโร ภูโต, ตปฺปการํ วา ปตฺโต ตถาภูโต, ตสฺส, ยถา จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตาทิสสฺส ปจฺจยาการสมเวตสฺสาติ อตฺโถ. ติสมุฏฺานรูปนฺติ อุตุกมฺมาหารสมุฏฺานรูปํ. อิทฺจ สติปิ ตทา ภวงฺคาวฏฺฏนจิตฺตสมุฏฺานรูเป เกวลํ จกฺขุวิฺาณสมุฏฺิตรูปสฺส อภาวมตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตํ. สงฺคหํ คจฺฉตีติ นครํ วิย รชฺเช รูปกฺขนฺเธ สงฺคเหตพฺพตํ คเหตพฺพตํ คจฺฉติ. ‘‘ตถาภูตสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา เวทนาทโย จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตาว, วิฺาณมฺปิ จกฺขุวิฺาณเมว. สงฺขาราติ เจตนาว วุตฺตา เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธสฺสาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ ปน ผสฺสชีวิตินฺทฺริยมนสิการจิตฺตฏฺิติโยปิ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมาว. เอกโต สงฺคโห ‘‘ปฺจกฺขนฺธา’’ติ เอกโต คณนา. สมาคโมติ ยถาสกํ ปจฺจยวเสน สโมธานํ. สมวาโยติ อฺมฺสฺส ปจฺจยภาเวน สมเวตตาย สมุทิตภาโว.
ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺโม ปฏิจฺจ สมุปฺปชฺชติ เอตสฺมาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, ปจฺจยากาโร. ปจฺจยธมฺเม ปสฺสนฺโตปิ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเม ปสฺสติ, เต ปสฺสนฺโตปิ ปจฺจยธมฺเม ปสฺสตีติ วุตฺตํ ‘‘โย ปฏิจฺจสมุปฺปาท’’นฺติอาทิ. ฉนฺทกรณวเสนาติ ตณฺหายนวเสน. อาลยกรณวเสนาติ อเปกฺขากรณวเสน. อนุนยกรณวเสนาติ อนุรชฺชนวเสน. อชฺโฌคาหิตฺวาติ อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย คิลิตฺวา วิย นิฏฺเปตฺวา วิย ทฬฺหคฺคหณวเสน. ฉนฺทราโค วินยติ ปหียติ เอตฺถาติ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปหานฺจาติ วุจฺจติ นิพฺพานํ. อาหริตฺวาติ ปาฬิยํ สรูปโต อนาคตมฺปิ อตฺถโต อาเนตฺวา สงฺคณฺหนวเสน คเหตพฺพํ. อาหรณวิธึ ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘ยา อิเมสู’’ติอาทิมาห. อิเมสุ ตีสุ าเนสูติ ยถาวุตฺเตสุ สุขทุกฺขาทีสุ ตีสุ อภิสมยฏฺาเนสุ. ทิฏฺีติ ปริฺาภิสมยาทิวเสน ปวตฺตา สมฺมาทิฏฺิ ยาถาวทสฺสนํ. เอวํ สงฺกปฺปาทโยปิ ¶ ยถารหํ เวทิตพฺพา. ภาวนาปฏิเวโธติ ภาวนาวเสน ปฏิเวโธ, น อารมฺมณกรณมตฺเตน. อยํ มคฺโคติ อยํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปฏิวิชฺฌนวเสน ปวตฺโต อฏฺงฺคิโก มคฺโค. เอตฺตาวตาปีติ เอวํ เอกสฺมึ จกฺขุทฺวาเร วตฺถุ ปริคฺคหมุเขนปิ จตุสจฺจกมฺมฏฺานสฺส มตฺถกํ ปาปเนน พหุํ วิปุลํ ปริปุณฺณเมว ภควโต สาสนํ กตํ อนุฏฺิตํ โหติ.
อุปฺปชฺชิตฺวา ¶ นิรุทฺธเมว ภวงฺคจิตฺตํ อาวชฺชนจิตฺตสฺส ปจฺจโย ภวตีติ วุตฺตํ ‘‘ตํ นิรุทฺธมฺปี’’ติ. มนฺทถามคตเมวาติ มหติยา นิทฺทาย อภิภูตสฺส วเสน วุตฺตํ, กปิมิทฺธปเรตสฺส ปน ภวงฺคจิตฺตํ กทาจิ อาวชฺชนสฺส ปจฺจโย ภเวยฺยาติ. ภวงฺคสมเยเนวาติ ภวงฺคสฺเสว ปวตฺตนสมเยน ปคุณชฺฌานปคุณกมฺมฏฺานปคุณคนฺเถสุ เตสํ ปคุณภาเวเนว อาโภเคน วินาปิ มนสิกาโร ปวตฺตติ. ตถา หิ ปคุณํ คนฺถํ ปคุณภาเวเนว นิรนฺตรํ วิย อชฺฌยมาเน อฺวิหิตตาย ‘‘เอตฺตโก คนฺโถ คโต, เอตฺตโก อวสิฏฺโ’’ติ สลฺลกฺขณา น โหติ. จตุสมุฏฺานมฺปีติ สพฺพํ จตุสมุฏฺานรูปํ, น ปุพฺเพ วิย ติสมุฏฺานเมวาติ อธิปฺปาโย. ปุพฺพงฺคมตฺตา โอฬาริกตฺตา จ ผสฺสเจตนาว สงฺขารกฺขนฺโธติ คหิตา, น อฺเสํ อภาวา. เอกเทสเมว สมฺมสนฺโตติ ยถาอุทฺทิฏฺํ อตฺถํ เหฏฺา อนวเสสโต อนิทฺทิสิตฺวา เอกเทสเมว นิทฺทิสนวเสน เทสนาย อามสนฺโต. อิมสฺมึ าเนติ ยถาอุทฺทิฏฺสฺส อตฺถสฺส ‘‘อชฺฌตฺติกฺเจว, อาวุโส, จกฺขุ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๐๖) ฉทฺวารวเสน นิทฺทิสนฏฺาเน. เหฏฺา ปริหีนเทสนนฺติ – ‘‘ยํ อุปาทารูปํ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา อุปริ ตีณิ อริยสจฺจานี’’ติ นิทฺเทสวเสน ปริหีนํ อตฺถชาตํ สพฺพํ. ตํตํทฺวารวเสนาติ จกฺขุทฺวาราทิกํ ตํตํทฺวารวเสน. จตุสจฺจวเสน อารทฺธา เทสนา จตุสจฺเจเนว ปริโยสาปิตาติ อาห ‘‘ยถานุสนฺธินาว สุตฺตนฺตํ นิฏฺเปสี’’ติ.
มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. มหาสาโรปมสุตฺตวณฺณนา
๓๐๗. นจิรปกฺกนฺเตติ ¶ ¶ น จิรํ ปกฺกนฺเต, ปกฺกนฺตสฺส สโต น จิรสฺเสว. สลิงฺเคเนวาติ มุณฺฑิยกาสายคฺคหณาทินา อตฺตโน ปุริมลิงฺเคเนว. ปาฏิเยกฺเก ชาเตติ วิปนฺนาจารทิฏฺิตาย ปกาสนียกมฺมกรณโต ปรํ อฺติตฺถิยสทิเส วิสุํ ภูเต. กุลปุตฺโตติ ชาติมตฺเตน กุลปุตฺโต. อสมฺภินฺนายาติ สมฺเภทรหิตาย, ชาติสงฺกรวิรหิตายาติ อตฺโต. ชาติสีเสน อิธ ชาติวตฺถุกํ ทุกฺขํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โอติณฺโณติ ยสฺส ชาติ อนฺโต อนุปวิฏฺา’’ติ. ชาโต หิ สตฺโต ชาตกาลโต ปฏฺาย ชาตินิมิตฺเตน ทุกฺเขน อนฺโต อนุปวิฏฺโ วิย วิพาธียติ. ชรายาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. จตฺตาโร ปจฺจยา ลพฺภนฺตีติ ลาภา, จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ลพฺภมานานํ สุกตภาโว สุฏฺุ อภิสงฺขตภาโว. วณฺณภณนนฺติ คุณกิตฺตนํ. อปฺาตาติ สมฺภาวนาวเสน น ปฺาตา. ลาภาทินิพฺพตฺติยาภาวทสฺสนฺเหตํ. เตนาห ‘‘ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ น ลภนฺตี’’ติ. อปฺเปสกฺขาติ อปฺปานุภาวา. สา ปน อปฺเปสกฺขตา อธิปเตยฺยสมฺปตฺติยา จ ปริวารสมฺปตฺติยา จ อภาเวน ปากฏา โหติ. ตตฺถ ปริวารสมฺปตฺติยา อภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปปริวารา’’ติ อาห.
สาเรนปิ เกจิ อชานเนน อฺาลาเภน วา อสารภูตมฺปิ กตฺตพฺพํ กโรนฺตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘สาเรน สารกรณีย’’นฺติ วุตฺตนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อกฺขจกฺกยุคนงฺคลาทิก’’นฺติ อาห. พฺรหฺมจริยสฺสาติ สิกฺขาตฺตยสงฺคหสฺส สาสนพฺรหฺมจริยสฺส. มหารุกฺขสฺส มคฺคผลสารสฺส าณทสฺสนเผคฺคุกสฺส สมาธิตจสฺส สีลปปฏิกสฺส จฺจลสภาวา สํสปฺปจารีติ จ จตฺตาโร ปจฺจยา สาขาปลาสํ นาม. เตเนวาติ ลาภสกฺการสิโลกนิพฺพตฺตเนเนว. สาโร เม ปตฺโตติ อิมสฺมึ สาสเน อธิคนฺตพฺพสาโร นาม อิมินา ลาภาทินิพฺพตฺตเนน อนุปฺปตฺโตติ โวสานํ นิฏฺิตกิจฺจํ อาปนฺโน.
๓๑๐. าณทสฺสนนฺติ าณภูตํ ทสฺสนํ วิสยสฺส สจฺฉิกรณวเสน ปวตฺตํ อภิฺาาณํ. สุขุมํ รูปนฺติ เทวาทีนํ, อฺมฺปิ วา สุขุมสภาวํ รูปํ. เตนาห ‘‘อนฺตมโส…เป… วิหรนฺตี’’ติ, ทิพฺพจกฺขุ หิ อิธ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ‘‘าณทสฺสน’’นฺติ คหิตํ.
๓๑๑. อสมยวิโมกฺขํ ¶ ¶ อาราเธตีติ เอตฺถ อธิปฺเปตํ อสมยวิโมกฺขํ ปาฬิยา เอว ทสฺเสตุํ ‘‘กตโม อสมยวิโมกฺโข’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฏฺนฺนฺหิ สมาปชฺชนสมโยปิ อตฺถิ อสมโยปิ, มคฺควิโมกฺเขน ปน วิมุจฺจนสฺส สมโย วา อสมโย วา นตฺถิ. ยสฺส สทฺธา พลวตี, วิปสฺสนา จ อารทฺธา, ตสฺส คจฺฉนฺตสฺส ติฏฺนฺตสฺส นิสีทนฺตสฺส ภฺุชนฺตสฺส จ มคฺคผลปฏิเวโธ นาม น โหตีติ น วตฺตพฺพํ, อิติ มคฺควิโมกฺเขน วิมุจฺจนฺตสฺส สมโย วา อสมโย วา นตฺถีติ โส อสมยวิโมกฺโข. เตนาห ‘‘โลกิยสมาปตฺติโย หี’’ติอาทิ.
น กุปฺปติ, น นสฺสตีติ อกุปฺปา, กทาจิปิ อปริหานสภาวา. สพฺพสํกิเลเสหิ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน เจตโส วิมุตฺตีติ เจโตวิมุตฺติ. เตนาห ‘‘อรหตฺตผลวิมุตฺตี’’ติ. อยมตฺโถ ปโยชนํ เอตสฺสาติ เอตทตฺถํ, สาสนพฺรหฺมจริยํ, ตสฺส เอสา ปรมโกฏิ. ยถารทฺธสฺส สาโรปเมน ผเลน เทสนา นิฏฺาปิตาติ อาห ‘‘ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสี’’ติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาสาโรปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. จูฬสาโรปมสุตฺตวณฺณนา
๓๑๒. ปิงฺคลธาตุโกติ ¶ ปิงฺคลสภาโว ปิงฺคลจฺฉวิโก, ปิงฺคลกฺโขติ วา อตฺโถ. ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต สงฺโฆ, น สีลาทิคุเณหิ สงฺคหิตพฺพภาเวน. สงฺโฆ เอเตสํ อตฺถิ ปริวารภูโตติ สงฺฆิโน. สฺเววาติ โส เอว ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต. อาจารสิกฺขาปนวเสนาติ อตฺตนา ปริกปฺปิตอเจลวตาทิอาจารสิกฺขาปนวเสน. ปฺาตาติ ยถาสกํ สมาทินฺนวตวเสน เจว วิฺาตลทฺธิวเสน จ ปฺาตา. ลทฺธิกราติ ตสฺสา มิจฺฉาทิฏฺิยา อุปฺปาทกา. พหุชนสฺสาติ ปุถุชนสฺส. ตสฺส ปน อาคมสมฺปทาปิ นาม นตฺถิ, กุโต อธิคโมติ เอกํสโต อนฺธปุถุชฺชโน เอวาติ อาห ‘‘อสฺสุตวโต อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺสา’’ติ. น หิ วิฺู อปฺปสาทนีเย ปสีทนฺติ. มงฺคเลสุ กาตพฺพทาสกิจฺจกโร ทาโส มงฺคลทาโส.
ตนฺตาวุตานนฺติ ¶ ตนฺเต ปสาเรตฺวา วีตานํ. คณฺนกิเลโสติ สํสาเร พนฺธนกิเลโส. เอวํ วาทิตายาติ เอวํ ปฏิฺตาย, เอวํ ทิฏฺิตาย วา. นิยฺยานิกาติ นิยฺยานคติสปฺปาฏิหีรกา อนุปารมฺภภูตตฺตาติ อธิปฺปาโย. โน เจ นิยฺยานิกาติ อาเนตฺวา โยชนา. เตสํ สพฺพฺุปฏิฺาย อภูตตฺตา ตสฺสา อภูตภาวกถเนน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส น กาจิ อตฺถสิทฺธีติ อาห ‘‘เนสํ อนิยฺยานิกภาวกถเนน อตฺถาภาวโต’’ติ.
๓๑๘. นิหีนโลกามิเส ลีโน อชฺฌาสโย เอตสฺส, น ปน นิพฺพาเนติ. ลีนชฺฌาสโย. สาสนํ สิถิลํ กตฺวา คณฺหาติ สิกฺขาย น ติพฺพคารวตฺตา.
๓๒๓. เหฏฺาติ อนนฺตราตีตสุตฺเต มหาสาโรปเม. ปมชฺฌานาทิธมฺมา วิปสฺสนาปาทกาติ วิปสฺสนาย ปทฏฺานภูตา. อิธาติ อิมสฺมึ จูฬสาโรปเม อาคตา. นิโรธปาทกาติ อนาคามิโน, อรหนฺโต วา นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตุํ สมตฺถา. ตสฺมาติ นิโรธปาทกตฺตา. ปมชฺฌานาทิธมฺมา าณทสฺสนโต อุตฺตริตราติ เวทิตพฺพา.
จูฬสาโรปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ โอปมฺมวคฺควณฺณนา.
๔. มหายมกวคฺโค
๑. จูฬโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๒๕. าตีนํ ¶ ¶ (อ. นิ. ฏี. ๓.๖.๑๙) นิวาสฏฺานภูโต คาโม าติโก, โส เอว นาติโก. โส กิร คาโม เยสํ สนฺตโก, เตสํ ปุพฺพปุริเสน อตฺตโน าตีนํ สาธารณภาเวน นิเวสิโต, เตน ‘‘นาติโก’’ติ ปฺายิตฺถ. อถ ปจฺฉา ตตฺถ ทฺวีหิ ทายาเทหิ ทฺวิธา วิภชิตฺวา ปริภุตฺโต. เตนาห ‘‘ทฺวินฺนํ จูฬปิติมหาปิติปุตฺตานํ ทฺเว คามา’’ติ. คิฺชกา วุจฺจนฺติ อิฏฺกา, คิฺชกาหิเยว กโต อาวสโถ คิฺชกาวสโถ. ตสฺมึ กิร ปเทเส มตฺติกา สกฺขรมรุมฺพวาลิกาทีหิ อสมฺมิสฺสา อกินา สณฺหา สุขุมา, ตาย กตานิ กุลาลภาชนานิปิ สิลามยานิ วิย ทฬฺหานิ, ตสฺมา เต อุปาสกา ตาย มตฺติกาย ทีฆปุถุลอิฏฺกา กาเรตฺวา ตาหิ เปตฺวา ทฺวารพาหวาตปานกวาฏตุลาโย เสสํ สพฺพํ ทพฺพสมฺภาเรน วินา อิฏฺกาหิ เอว ปาสาทํ กาเรสุํ. เตนาห ‘‘อิฏฺกาเหวา’’ติอาทิ.
โคสิงฺคสาลวนทายนฺติ โคสิงฺคสาลวนนฺติ ลทฺธนามํ รกฺขิตํ อรฺํ. เชฏฺกรุกฺขสฺสาติ วนปฺปติภูตสฺส สาลรุกฺขสฺส. สามคฺคิรสนฺติ สมคฺคภาวาทิคุณํ วิเวกสุขํ. อุปริปณฺณาสเก อุปกฺกิเลสสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๒๓๗-๒๓๘) ปุถุชฺชนกาโล กถิโต, อิธ จูฬโคสิงฺคสุตฺเต ขีณาสวกาโล กถิโต. กตกิจฺจาปิ หิ เต มหาเถรา อตฺตโน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ ปเรสํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺจ สมฺปสฺสนฺตา ปรมฺจ วิเวกํ อนุพฺรูหนฺตา สามคฺคิรสํ อนุภวมานา ตตฺถ วิหรนฺติ. ตทาติ ตสฺมึ อุปกฺกิเลสสุตฺตเทสนากาเล. เตติ อนุรุทฺธปฺปมุขา กุลปุตฺตา. ลทฺธสฺสาทาติ วิปสฺสนาย วีถิปฏิปตฺติยา อธิคตสฺสาทา. วิปสฺสนา หิ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ อาวหนฺตี ปวตฺตมานา สาติสยํ ปีติโสมนสฺสํ อาวหติ. เตนาห ภควา –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภติ ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔);
ลทฺธปติฏฺา ¶ ¶ มคฺคผลาธิคมเนน. สติ หิ มคฺคผลาธิคเม สาสเน ปติฏฺา ลทฺธา นาม โหติ, โน อฺถา.
กามํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาปิ มหาสาวกปริยาปนฺนาว, อคฺคสาวกภาเวน ปน เนสํ วิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘ธมฺมเสนาปติมหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรสุ วา’’ติ วิสุํ คหณํ. สติปิ หิ สามฺโยเค วิเสสวนฺโต วิสุํ คยฺหนฺติ ยถา ‘‘พฺราหฺมณา อาคตา, วาสิฏฺโปิ อาคโต’’ติ. เตสุ ปน วิสุํ คหิเตสุปิ ‘‘อสีติมหาสาวเกสู’’ติ อสีติคฺคหณํ อปฺปกํ อูนมธิกํ วา คณนุปคํ น โหตีติ. อนฺตมโสติ อิทํ ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส อุปฏฺากภาเวน อาสนฺนจาริตาย วุตฺตํ. อนีกาติ หตฺถานีกา, หตฺถานีกโต หตฺถิสมูหโตติ อตฺโถ. กาฬสีโห เยภุยฺเยน ยูถจโรติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ยูถา นิสฺสโฏ กาฬสีโห วิยา’’ติ. เกสรี ปน เอกจโรว. วาตจฺฉินฺโน วลาหโก วิยาติ วาตจฺฉินฺโน ปพฺพตกูฏปฺปมาโณ วลาหกจฺเฉโท วิย. เตสํ ปคฺคณฺหนโตติ ยถา นาม ชิฆจฺฉิตสฺส โภชเน, ปิปาสิตสฺส ปานีเย, สีเตน ผุฏฺสฺส อุณฺเห, อุณฺเหน ผุฏฺสฺส สีเต, ทุกฺขิตสฺส สุเข อภิรุจิ อุปฺปชฺชติ, เอวเมวํ ภควโต โกสมฺพเก ภิกฺขู อฺมฺํ วิวาทาปนฺเน ทิสฺวา อปเร สมคฺคาวาสํ วสนฺเต อาวชฺชิตสฺส อิเม ตโย กุลปุตฺตา อาปาถํ อาคมึสุ, อถ เน ปคฺคณฺหิตุกาโม อุปสงฺกมิ, เอวายํ ปฏิปตฺติอนุกฺกเมน โกสมฺพกานํ ภิกฺขูนํ วินยนุปาโย โหตีติ. เตนาห ‘‘เตสํ ปคฺคณฺหนโต’’ติ. เอเตเนว ปจฺฉิมชนตํ อนุกมฺปนโตติ อิทมฺปิ การณํ เอกเทเสน สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุกฺกํสิตฺวาติ ยถาภูเตหิ คุเณหิ สมฺปหํสเนน วิเสเสตฺวา วิสิฏฺเ กตฺวา ปสํสาวเสน เจตํ อาเมฑิตวจนํ.
ตํ อรฺํ รกฺขติ วนสามินา อาณตฺโต. รกฺขิตโคปิตํ วนสณฺฑํ, น มหาวนาทิ วิย อปริคฺคหิตํ. สีลาทิปฺปเภทาย อตฺตตฺถาย ปฏิปนฺนา อตฺตกามา, น อปริจฺจตฺตสิเนหาติ อาห ‘‘อตฺตโน หิตํ กามยมานา’’ติ. เตนาห ‘‘โย หี’’ติอาทิ. ภินฺเทยฺยาติ วินาเสยฺย.
ทุพฺพลมนุสฺสาติ ปฺาย ทุพฺพลา อวิทฺทสุโน มนุสฺสา. ตานีติ อภิชาติอาทีสุ อุปฺปนฺนปาฏิหาริยานิ. จีวรคพฺเภน ปฏิจฺฉาเทตฺวาติ จีวรสงฺขาเต โอวรเก นิคูหิตฺวา วิย. น หิ จีวรปารุปนมตฺเตน พุทฺธานุภาโว ปฏิจฺฉนฺโน โหติ. ‘‘มา สุธ โกจิมํ พุทฺธานุภาวํ อฺาสี’’ติ ปน ¶ ตถารูเปน อิทฺธาภิสงฺขาเรน ตํ ฉาเทตฺวา คโต ภควา ตถา วุตฺโต. เตนาห ‘‘อฺาตกเวเสน อคมาสี’’ติ.
อภิกฺกมถาติ ¶ ปทํ อภิมุขภาเวน วิธิมุเขน วทตีติ อาห ‘‘อิโต อาคจฺฉถา’’ติ. พุทฺธานํ กาโย นาม สุวิสุทฺธชาติมณิ วิย โสภโน, กิฺจิ มลํ อปเนตพฺพํ นตฺถิ, กิมตฺถํ ภควา ปาเท ปกฺขาเลสีติ อาห ‘‘พุทฺธาน’’นฺติอาทิ.
๓๒๖. อนุรุทฺธาติ วา เอกเสสนเยน วุตฺตํ วิรูเปกเสสสฺสปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา, เอวฺจ กตฺวา พหุวจนนิทฺเทโสปิ สมตฺถิโต โหติ. อิริยาปโถ ขมตีติ สรีรสฺส ลหุฏฺานตาย จตุพฺพิโธปิ อิริยาปโถ สุขปฺปวตฺติโก. ชีวิตํ ยาเปตีติ ยาปนาลกฺขณํ ชีวิตํ อิมํ สรีรยนฺตํ ยาเปติ สุเขน ปวตฺเตติ. อุฬุงฺกยาคุํ วา กฏจฺฉุภิกฺขํ วาติ อิทํ มกรวุตฺติยา มิสฺสกภตฺเตน ยาปนํ วตฺตนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ภิกฺขาจารวตฺตํ ปุจฺฉตี’’ติ.
อฺมฺํ สํสนฺทตีติ สติปิ อุภเยสํ กลาปานํ ปรมตฺถโต เภเท ปจุรชเนหิ ทุวิฺเยฺยนานตฺตํ ขีโรทกสมฺโมทิตํ อจฺจนฺตเมว สํสฏฺํ วิย หุตฺวา ติฏฺติ. เตนาห ‘‘วิสุํ น โหติ, เอกตฺตํ วิย อุเปตี’’ติ. ปิยภาวทีปนานิ จกฺขูนิ ปิยจกฺขูนิ. ปิยายติ, ปิยายิตพฺโพติ วา ปิโยติ. สมคฺควาสสฺส ยํ เอกนฺตการณํ, ตํ ปุจฺฉนฺโต ภควา ‘‘ยถา กถํ ปนา’’ติอาทิมาหาติ ‘‘กถนฺติ การณปุจฺฉา’’ติ วุตฺตํ. โย เนสํ เมตฺตาสหิตานํเยว กมฺมาทีนํ อฺมฺสฺมึ ปจฺจุปฏฺานากาโร, ตํ สนฺธาย ‘‘กถ’’นฺติ ปุจฺฉา. ตถา หิ ปรโต ‘‘เอวํ โข มยํ, ภนฺเต’’ติอาทินา เถเรหิ วิสฺสชฺชนํ กถิตํ.
มิตฺตํ เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, กายกมฺมํ. อาวีติ ปกาสํ. รโหติ อปฺปกาสํ. ยฺหิ อุทฺทิสฺส เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺเปติ, ตํ ตสฺส สมฺมุขา เจ, ปกาสํ โหติ, ปรมฺมุขา เจ, อปฺปกาสํ. เตนาห ‘‘อาวิ เจว รโห จาติ สมฺมุขา เจว ปรมฺมุขา จา’’ติ. อิตรานีติ ปรมฺมุขา กายวจีกมฺมานิ. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ยํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมฺมชฺชนาทิวเสน ปฏิชคฺคิตพฺพยุตฺตํ านํ วา. ตเถวาติ ยถา สมฺมุขา กเต เมตฺตากายกมฺเม วุตฺตํ, ตเถว ¶ . ‘‘กจฺจิ ขมนีย’’นฺติ เอวมาทิกา กถา สมฺโมทนียกถา. ยถา ปเรหิ สทฺธึ อตฺตโน ฉิทฺทํ น โหติ, ตถา ปฏิสนฺถารวเสน ปวตฺตา กถา ปฏิสนฺถารกถา. ‘‘อโห ตทา เถเรน มยฺหํ ทินฺโน โอวาโท, ทินฺนา อนุสาสนี’’ติ เอวํ กาลนฺตเร สริตพฺพยุตฺตา, ฉสารณียปฏิสํยุตฺตา วา กถา สารณียกถา. สุตฺตปทํ นิกฺขิปิตฺวา ตสฺส อตฺถนิทฺเทสวเสน สีลาทิธมฺมปฏิสํยุตฺตา กถา ธมฺมีกถา. สเรน สุตฺตสฺส อุจฺจารณํ สรภฺํ. ปฺหสฺส าตุํ อิจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส ปุจฺฉนํ ปฺหปุจฺฉนํ. ตสฺส ยถาปุจฺฉิตสฺสอาทิสนํ ¶ ปฺหวิสฺสชฺชนํ. เอวํ สมนฺนาหรโตติ เอวํ มนสิกโรโต, เอวํ เมตฺตํ อุปสํหรโตติ อตฺโถ.
เอกโต กาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา นานา. หิตฏฺเนาติ อตฺตโน วิย อฺมฺสฺส หิตภาเวน. นิรนฺตรฏฺเนาติ อนฺตราภาเวน เภทาภาเวน. อวิคฺคหฏฺเนาติ อวิโรธภาเวน. สมคฺคฏฺเนาติ สหิตภาเวน. ปริภณฺฑํ กตฺวาติ พหลตนุมตฺติกาเลเปหิ ลิมฺเปตฺวา. จีวรํ วา โธวนฺตีติ อตฺตโน จีวรํ วา โธวนฺติ. ปริภณฺฑํ วาติ อตฺตโน ปณฺณสาลาย ปริภณฺฑํ วา กโรนฺติ.
๓๒๗. ปฏิวิรุทฺธา เอวาติ เอตฺถาปิ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เตสํ อปฺปมาทลกฺขณนฺติ เตสํ อปฺปมชฺชนสภาวํ. กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา สมคฺคาติ เอตฺถาปิ โวติ นิปาตมตฺตํ, ปจฺจตฺตวจนํ วา, กจฺจิ ตุมฺเหติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมุคฺคปาตินฺติ สมุคฺคปุฏสทิสํ ปาตึ.
ปณฺณสาลายํ อนฺโต พหิ จ สมฺมชฺชเนน โสธิตงฺคณตา วตฺตปฏิปตฺติ. ปฏิวิสมตฺตเมวาติ อตฺตโน ยาปนปฏิวิสมตฺตเมว. โอสาเปตฺวาติ ปกฺขิปิตฺวา. ปมาณเมวาติ อตฺตโน ยาปนปมาณเมว. วุตฺตนเยน ชหิตฺวาติ ปาฬิยํ วุตฺตนเยน ชหิตฺวา.
หตฺเถน หตฺถํ สํสิพฺพนฺตาติ อตฺตโน หตฺเถน อิตรสฺส หตฺถํ ทฬฺหคฺคหณวเสน พนฺธนฺตา. วิลงฺเฆติ เทสนฺตรํ ปาเปติ เอเตนาติ วิลงฺฆโก, หตฺโถ. หตฺโถ เอว วิลงฺฆโก หตฺถวิลงฺฆโก, เตน หตฺถวิลงฺฆเกน.
ตํ อขณฺฑํ กตฺวาติ ตํ ตีสุปิ ทิวเสสุ ธมฺมสฺสวนํ ปวตฺตนวเสน อขณฺฑิกํ กตฺวา. เอตนฺติ ‘‘ปฺจาหิกํ โข ปนา’’ติอาทิวจนํ. ปฺจเม ปฺจเม ¶ อหนิ ภวตีติ ปฺจาหิกํ. ภควตา ปุจฺฉิเตน อนุรุทฺธตฺเถเรน. ปมาทฏฺาเนสุเยวาติ อฺเสํ ปมาทฏฺาเนสุเยว. ‘‘ปมาทฏฺาเนสุเยวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘อฺเสฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปปฺจกรณฏฺานานีติ กถาปปฺจสฺส กรณฏฺานานิ วิสฺสฏฺกถาปวตฺตเนน กมฺมฏฺาเน ปมชฺชนฏฺานานิ. ตตฺถาปิ ‘‘มยํ, ภนฺเต, กมฺมฏฺานวิรุทฺธํ น ปฏิปชฺชามา’’ติ สิขาปฺปตฺตํ อตฺตโน อปฺปมาทลกฺขณํ เถโร ทสฺเสติ. เอตฺตกํ านํ มฺุจิตฺวาติ ปน อิทํ ตทา วิหารสมาปตฺตีนํ วฬฺชาภาเวน วุตฺตํ.
๓๒๘. ฌานสฺส ¶ อธิปฺเปตตฺตา ‘‘อลมริยาณทสฺสนวิเสโส’’อิจฺเจว วุตฺตํ. อตฺตโน สมฺมาปฏิปนฺนตาย สตฺถุ จิตฺตาราธนตฺถํ ตสฺส จ วิเสสาธิคมสฺส สตฺถุ ปจฺจกฺขภาวโต เถโร ‘‘กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเต’’ติ อาห. ยาวเทวาติ ยตฺตกํ กาลํ เอกํ ทิวสภาคํ วา สกลรตฺตึ วา ยาว สตฺต วา ทิวเส.
๓๒๙. สมติกฺกมายาติ สมฺมเทว อติกฺกมนาย. สติ หิ อุปริ วิเสสาธิคเม เหฏฺิมชฺฌานํ สมติกฺกนฺตํ นาม โหติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ จ. เตนาห ‘‘ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา’’ติ. าณทสฺสนวิเสโสติ การณูปจาเรน วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. เวทยิตสุขโตติ เวทนาสหิตชฺฌานสุขโต วา ผลสุขโต วา. อเวทยิตสุขนฺติ นิพฺพานสุขํ วิย เวทนารหิตํ สุขํ. อเวทยิตสุขนฺติ จ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, ตํ ปน อผสฺสํ อสฺํ อเจตนนฺติ สพฺพจิตฺตเจตสิกรหิตเมว. ตโต จ สติปิ รูปธมฺมปฺปวตฺติยํ ตสฺส อเจตนตฺตา สพฺพโส สงฺขารทุกฺขวิรหิตตาย สนฺตตรา ปณีตตรา จ นิโรธสมาปตฺตีติ วุจฺจเต. เตนาห ‘‘อเวทยิตสุขํ สนฺตตรํ ปณีตตรํ โหตี’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิมมฺหา จา’’ติอาทิ.
๓๓๐. สามคฺคิรสานิสํสเมว เนสํ ภควา กเถสิ อชฺฌาสยานุกูลตฺตา ตสฺส. อนุสาเวตฺวาติ อนุปคมนวเสน สมฺมเทว อาโรเจตฺวา. ‘‘อนุสํสาเวตฺวา’’ติ วา ปาโ, โส เอวตฺโถ. ตโต ปฏินิวตฺติตฺวาติ เอตรหิ ภควโต เอกวิหาเร อชฺฌาสโยติ สตฺถุ มนํ คณฺหนฺตา ‘‘อิเธว ติฏฺถา’’ติ วิสฺสชฺชิตฏฺานโต นิวตฺติตฺวา ¶ . ปพฺพชฺชาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อุปสมฺปทา-วิสุทฺธิ-ธุตกมฺมฏฺานานุโยค-ฌานวิโมกฺข-สมาปตฺติ-าณทสฺสน-มคฺคภาวนา-ผลสจฺฉิกิริยาทิเก สงฺคณฺหาติ. อธิคนฺตฺวาปีติ ปิ-สทฺเทน ยถาธิคตานมฺปิ. อตฺตโน คุณกถาย อฏฺฏิยมานาติ ภควนฺตํ นิสฺสาย อธิคนฺตฺวาปิ ธมฺมาธิกรณํ สตฺถุวิเหสาภาวทีปเน ภควโต ปากฏคุณานํ กถาย อฏฺฏิยมานาปีติ โยชนา. เทวตาติ ตํตํสมาปตฺติลาภินิโย เทวตา. มุขํ เม สชฺชนฺติ มุขํ เม กถเน สมตฺถํ, กถเน โยคฺยนฺติ อตฺโถ.
๓๓๑. เอวํ อาคโตติ เอวํ อาฏานาฏิยสุตฺเต อาคโต. ปลิเวเนฺเตติ โจเทนฺเต. มจฺฉรายนฺตีติ อตฺตโน คุณานํ ภควโตปิ อาโรจนํ อสหมานา มจฺฉรายนฺตีติ โส จินฺเตตีติ กตฺวา วุตฺตํ.
๐๑ เตสํ ¶ ลาภาติ เตสํ วชฺชิราชูนํ วชฺชิรฏฺวาสีนฺจ มนุสฺสตฺตํ, ปติรูปเทสวาสาทิโก, ภควโต ติณฺณฺจ กุลปุตฺตานํ ทสฺสนวนฺทนทานธมฺมสฺสวนาทโย ลาภา. สุลทฺธา ลาภาติ โยชนา. ปสนฺนจิตฺตํ อนุสฺสเรยฺยาติ ตํ กุลฺเหตํ สีลาทิคุเณ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา อนุสฺสเรยฺย. วุตฺตํ เตสํ ‘‘อนุสฺสรณมฺปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติ (อิติวุ. ๑๐๔; สํ. นิ. ๕.๑๘๔).
จูฬโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. มหาโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๓๒. โกจิเทวาติ ¶ โคสิงฺคสาลวนสามนฺตโต นิวิฏฺเสุ โย โกจิ คาโม โคจรคาโม ภวิสฺสติ, ตสฺมา อนิพทฺธภาวโต โคจรคาโม น คหิโต, วสนฏฺานเมว ปริทีปิตํ, ตโต เอว อรฺนิทานกํ นาเมตํ. สพฺพตฺถาติ เทวโลเก มนุสฺสโลเก จ. ถิรการเกหีติ สาสเน ถิรภาวการเกหิ. สวนนฺเต ชาตตฺตาติ จตุสจฺจคพฺภสฺส ธมฺมสฺสวนสฺส ปริโยสาเน อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา. ยถา ปฏิเวธพาหุสจฺจํ อิชฺฌติ, ตถา ธมฺมสฺส สวนโต สาวกา ¶ . สูริโย วิย ภาสุรคุณรํสิตาย โมหนฺธการวิธมนโต. จนฺโท วิย รมณียมโนหรสีตลคุณตาย กิเลสปริฬาหวูปสมโต. สาคโร วิย คมฺภีรถิรวิปุลาเนกคุณตาย ิตธมฺมสภาวโต. คุณมหนฺตตาย เถรสฺส อภิฺาตตา, คุณมหนฺตตา จ สุตฺเตสุ อาคตนเยเนว าตพฺพาติ ตํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สีหนาทสุตฺตนฺติ มชฺฌิมนิกาเย อาคตํ มหาสีหนาทสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๔๖). เถรปฺหสุตฺตนฺติ สุตฺตนิปาเต อฏฺกวคฺเค อาคตํ สาริปุตฺตสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๖๑-๙๘๑). เถรสีหนาทสุตฺตนฺติ อิมสฺส จ เถรสฺส ชนปทจาริกาย สตฺถุ สมฺมุขา สีหนาทสุตฺตํ. อภินิกฺขมนนฺติ เถรสฺเสว มหตา าติปริวฏฺเฏน มหตา จ โภคปริวฏฺเฏน สห ฆราวาสปริจฺจาโค อภินิกฺขมนํ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. ยทิทนฺติ นิปาโต, โย อยนฺติ อตฺโถ.
มหาปฺเ ภิกฺขู คเหตฺวาติ อายสฺมโต กิร สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปริวารภิกฺขูปิ มหาปฺา เอว อเหสุํ. ธาตุโส หิ สตฺตา สํสนฺทนฺติ. สยํ อิทฺธิมาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปนตฺโถ ธาตุสํยุตฺเตน (สํ. นิ. ๒.๙๙) ทีเปตพฺโพ – คิชฺฌกูฏปพฺพเต คิลานเสยฺยาย นิสินฺโน ภควา อารกฺขตฺถาย ปริวาเรตฺวา วสนฺเตสุ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทีสุ เอกเมกํ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ จงฺกมนฺตํ โวโลเกตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตํ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ จงฺกมนฺตนฺติ. เอวํ, ภนฺเต. สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มหาปฺา’’ติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
วนนฺเตติ อุปวนนฺเต. เมฆวณฺณายาติ นีลาภาย. สมุทฺทกุจฺฉิโต อุคฺคจฺฉนฺตสฺส วิย อุปฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ. จกฺกวาฬปพฺพตมตฺถกสมีเป อาภาผรณวเสน ปวตฺติยา ‘‘ปาจีนจกฺกวาฬปพฺพตมตฺถเก’’ติ วุตฺตํ, น จกฺกวาฬปพฺพตมตฺถเก จนฺทมณฺฑลสฺส วิจรณโต. ตถา ¶ สติ โลกนฺตริกนิรเยสุปิ จนฺทิมสูริยานํ อาภา ผเรยฺย. อุพฺเพธวเสน หิ จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมชฺฌโต จนฺทิมสูริยา วิจรนฺติ. สาลกุสุมปภานํ อติรตฺตตาย วุตฺตํ ‘‘ลาขารเสน สิฺจมานํ วิยา’’ติ. อุปคายมานา วิยาติ ปยิรุปาสนวเสน อุเปจฺจ คายมานา วิย ¶ . กาย นุ โข อชฺช รติยาติ อชฺช ฌานสมาปตฺติรติยา เอว นุ โข, อุทาหุ ธมฺมสากจฺฉารติยา ธมฺมเทสนารติยาติ จินฺเตสิ.
ทฺเว จนฺทมณฺฑลานิ วิย ปรมโสภคฺคปฺปตฺตาย กนฺติยา. ทฺเว สูริยมณฺฑลานิ วิย อติวิย สุวิสุทฺธสมุชฺชลาย คุณวิภูติยา. ทฺเว ฉทฺทนฺตนาคราชาโน วิย มหานุภาวตาย. ทฺเว สีหา วิย เตชุสฺสทตาย. ทฺเว พฺยคฺฆา วิย อโนลีนวุตฺติตาย. สพฺพปาลิผุลฺลเมวาติ สพฺพเมว สมนฺตโต วิกสิตํ.
๓๓๓. กถา อุปจรติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ กถาอุปจาโร, สวนูปจาโร ปเทโส, ตํ กถาอุปจารํ. รมณียเมว รามเณยฺยกํ. อุชฺชงฺคเลติ ลูขปเทเส กินปเทเส. โทเสหิ อิตา อปคตาติ โทสินา ต-การสฺส น-การํ กตฺวา. ทิพฺพา มฺเ คนฺธาติ เทวโลเก คนฺธา วิย. ทิวิ ภวาติ ทิพฺพา. ทฺเว เถราติ สาริปุตฺตตฺเถรอานนฺทตฺเถรา. อานนฺทตฺเถโร ตาว มมายตุ อขีณาสวภาวโต, สาริปุตฺตตฺเถโร กถนฺติ? น อิทํ มมายนํ เคหสฺสิตเปมวเสน, อถ โข คุณภตฺติวเสนาติ นายํ โทโส.
อนุมติยา ปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา, อนุมติคฺคหณตฺถํ ปุจฺฉนํ. ตตฺถ ยสฺมา อธมฺมิกมฺปิ วุทฺธสฺส อนุมตึ อิตโร ปฏิกฺขิปิตุํ น ลภติ, เตน สา อนุชานิตพฺพาว โหติ, ตสฺมา สงฺฆขุทฺทกโต ปฏฺาย อนุมติ ปุจฺฉิตพฺพา. เตนาห ‘‘อนุมติปุจฺฉา นาเมสา’’ติอาทิ. ขุทฺทกโต ปฏฺายาติ กณิฏฺโต ปฏฺาย. ปฏิภาติ อุปฏฺาตีติ ปฏิภานํ, ยถาธิปฺเปโต อตฺโถ, ตํ ปฏิภานํ. สิขาปฺปตฺตา เวปุลฺลปฺปตฺตา น ภวิสฺสติ ปเทสาเณ ิเตหิ ภาสิตตฺตา. สิขาปฺปตฺตา เวปุลฺลปฺปตฺตา ภวิสฺสติ สพฺพฺุตฺาเณน สํสนฺทิตตฺตา. วุตฺตเมวตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปจฺจตฺถิกา อฏฺฏิยนฺติ ทุกฺขายนฺติ เอเตนาติ อฏฺโฏ, วินิจฺฉิตพฺพโวหาโร. คามโภชกนฺติ ยสฺมึ คาเม โส อุปฺปนฺโน, ตํ คามโภชกํ. ชนปทโภชกนฺติ ยสฺมึ ชนปเท โส อุปฺปนฺโน, ตํ ชนปทโภชกํ. มหาวินิจฺฉยอมจฺจนฺติ ยสฺมึ รชฺเช โส ชนปโท, ตสฺส ราชธานิยํ มหาวินิจฺฉยอมจฺจํ. เสนาปตินฺติ ยสฺส รฺโ โส อมจฺโจ, ตสฺส เสนาปตึ. ตถา อุปราชนฺติ ¶ . อิทํ ปเนตฺถ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ อุปเมยฺยตฺถานุรูปโตติ ทฏฺพฺพํ. อปราปรํ น สฺจรติ วินิจฺฉยนารเหน วินิจฺฉิตภาวโต.
ปกฏฺานํ ¶ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๒๒) อุกฺกฏฺานํ สีลาทิอตฺถานํ โพธนโต, สภาวนิรุตฺติวเสน พุทฺธาทีหิ ภาสิตตฺตา จ ปกฏฺานํ วจนปฺปพนฺธานํ อาฬีติ ปาฬิ, ปริยตฺติธมฺโม. ปุริมสฺส อตฺถสฺส ปจฺฉิเมน อตฺเถน อนุสนฺธานํ อนุสนฺธิ. อตฺถมุเขน ปน ปาฬิปเทสานมฺปิ อนุสนฺธิ โหติเยว, โส จ ปุพฺพาปรานุสนฺธิ-ปุจฺฉานุสนฺธิ-อชฺฌาสยานุสนฺธิ-ยถานุสนฺธิวเสน จตุพฺพิโธ. ตํตํเทสนานํ ปน ปุพฺพาปรสํสนฺทนํ ปุพฺพาปรํ. ปาฬิวเสน อนุสนฺธิวเสน ปุพฺพาปรวเสนาติ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. อุคฺคหิตนฺติ พฺยฺชนโส อตฺถโส จ อุทฺธํ อุทฺธํ คหิตํ, ปริยาปุณนวเสน เจว ปริปุจฺฉาวเสน จ หทเยน คหิตนฺติ อตฺโถ. วฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถิเกหิ โสตพฺพโต สุตํ, ปริยตฺติธมฺโม, ตํ ธาเรตีติ สุตธโร. โย หิ สุตธโร, สุตํ ตสฺมึ ปติฏฺิตํ โหติ สุปฺปติฏฺิตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุตสฺส อาธารภูโต’’ติ. เตนาห ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิ. เอกปทํ เอกกฺขรมฺปิ อวินฏฺํ หุตฺวา สนฺนิจียตีติ สนฺนิจโย, สุตํ สนฺนิจโย เอตสฺมินฺติ สุตสนฺนิจโย. อชฺโฌสายาติ อนุปวิสิตฺวา. ติฏฺตีติ น มุสฺสติ.
ิตา ปคุณาติ ปคุณา วาจุคฺคตา. นิจฺจลิตนฺติ อปริวตฺติตํ. สํสนฺทิตฺวาติ อฺเหิ สํสนฺทิตฺวา. สมนุคฺคาหิตฺวาติ ปริปุจฺฉาวเสน อตฺถํ โอคาเหตฺวา. ปพนฺธสฺส วิพนฺธาภาวโต คงฺคาโสตสทิสํ, ‘‘ภวงฺคโสตสทิส’’นฺติ วา ปาโ, อกิตฺติมํ สุขปฺปวตฺตีติ อตฺโถ. สุตฺเตกเทสสฺส สุตฺตสฺส จ วจสา ปริจโย อิธ นาธิปฺเปโต, วคฺคาทิวเสน ปน อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘สุตฺตทสก…เป… สชฺฌายิตา’’ติ, ‘‘ทส สุตฺตานิ คตานิ, ทส วคฺคาคตา’’ติอาทินา สลฺลกฺเขตฺวา วาจาย สชฺฌายิตาติ อตฺโถ. มนสา อนุ อนุ เปกฺขิตา ภาคโส นิชฺฌายิตา จินฺติตา มนสานุเปกฺขิตา. รูปคตํ วิย ปฺายตีติ รูปคตํ วิย จกฺขุสฺส วิภูตํ หุตฺวา ปฺายติ. สุปฺปฏิวิทฺธาติ นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา สุฏฺุ ยาถาวโต ปฏิวิทฺธา.
ปชฺชติ อตฺโถ ายติ เอเตนาติ ปทํ, ตเทว อตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนนฺติ อาห ‘‘ปทเมว อตฺถสฺส พฺยฺชนโต ปทพฺยฺชน’’นฺติ. อกฺขรปาริปูริยา ปทพฺยฺชนสฺส ¶ ปริมณฺฑลตา, สา ปน ปาริปูรี เอวํ เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘ทสวิธพฺยฺชนพุทฺธิโย อปริหาเปตฺวา’’ติ. อฺํ อุปารมฺภกรนฺติ ยถานิกฺขิตฺตสุตฺตโต อฺํ ตสฺส อนนุโลมกํ สุตฺตํ อาหรติ. ตทตฺถํ โอตาเรตีติ ตสฺส อาหฏสุตฺตสฺเสว อตฺถํ วิจาเรติ. ตสฺส กถา อปริมณฺฑลา นาม โหติ อตฺถสฺส อปริปุณฺณภาวโต. ยถานิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส อตฺถสํวณฺณนาวเสเนว สุตฺตนฺตรมฺปิ อาเนนฺโต พหิ เอกปทมฺปิ น คจฺฉติ นาม. อมกฺเขนฺโตติ อวินาเสนฺโต. ตํ ตํ อตฺถํ สุฏฺุ ววตฺถิตํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ตุลิกาย ปริจฺฉินฺทนฺโต วิย. คมฺภีรตรมตฺถํ ¶ คเมนฺโต คมฺภีรมาติกาย อุทกํ เปเสนฺโต วิย. อุตฺตานมาติกาย หิ มริยาทํ โอตฺถริตฺวา อุทกํ อฺถา คจฺเฉยฺย. เอกํเยว ปทํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ ปุนปฺปุนํ สํวณฺเณนฺโต ปทํ โกฏฺเฏนฺโต สินฺธวาชานีโย วิย. โส หิ วคฺคิตาย คติยา ปเท ปทํ โกฏฺเฏนฺโต คจฺฉติ. กถามคฺเคน ตสฺส กถา ปริมณฺฑลา นาม โหติ ธมฺมโต อตฺถโต อนุสนฺธิโต ปุพฺพาปรโต อาจริยุคฺคหโตติ สพฺพโส ปริปุณฺณภาวโต.
อนุปฺปพนฺเธหีติ วิสฺสฏฺเหิ อาสชฺชมาเนหิ. นาติสีฆํ นาติสณิกํ นิรนฺตรํ เอกรสฺจ กตฺวา ปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ กเถนฺโต วิสฺสฏฺาย กถาย กเถติ นาม, น อฺถาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย ภิกฺขู’’ติอาทิมาห. อรณึ มนฺเถนฺโต วิย, อุณฺหขาทนียํ ขาทนฺโต วิยาติ สีฆํ สีฆํ กถนสฺส อุทาหรณํ, คหิตํ คหิตเมวาติอาทิ ลงฺเฆตฺวา กถนสฺส. ปุราณปณฺณนฺตเรสุ หิ ปริปาติยมานโคธา กทาจิ ทิสฺสติ, เอวเมกจฺจสฺส อตฺถวณฺณนา กตฺถจิ น ทิสฺสติ. โอหายาติ เปตฺวา. โยปีติอาทินา เอกรูเปน กถาย อกถนํ ทสฺเสติ. เปตคฺคิ นิชฺฌามตณฺหิกเปตสฺส มุขโต นิจฺฉรณกอคฺคิ. วิตฺถายตีติ อปฺปฏิตานตมาปชฺชติ. เกนจิ โรเคน ทุกฺขํ ปตฺโต วิย นิตฺถุนนฺโต. กนฺทนฺโต วิยาติ อุกฺกุฏฺึ กโรนฺโต วิย. อปฺปพนฺธา นาม โหติ สุเขน อปฺปวตฺตภาวโต. อาจริเยหิ ทินฺนนเย ิโตติ อาจริยุคฺคหํ อมฺุจนฺโต, ยถา จ อาจริยา ตํ ตํ สุตฺตํ สํวณฺเณสุํ, เตเนว นเยน สํวณฺเณนฺโตติ อตฺโถ. อจฺฉินฺนธารํ กตฺวาติ ‘‘นาติสีฆํ นาติสณิก’’นฺติอาทินา เหฏฺา วุตฺตนเยน อวิจฺฉินฺนํ กถาปพนฺธํ กตฺวา. อนุสยสมุคฺฆาตายาติ อิมินา ตสฺสา กถาย อรหตฺตปริโยสานตํ ทสฺเสติ ¶ . เอวรูเปนาติ นยิทํ เอกวจนํ ตตฺตกวเสน คเหตพฺพํ, อถ โข ลกฺขเณ ปวตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถารูเปเนว ภิกฺขุสเตน ภิกฺขุสหสฺเสน วา’’ติ วุตฺตํ. ปลฺลงฺเกนาติ ปลฺลงฺกปเทเสน, ปลฺลงฺกาสนนฺเตนาติ อตฺโถ. อิมินา นเยนาติ วารนฺตรสาธารณํ อตฺถํ อติทิสติ, อสาธารณํ ปน วกฺขเตวาติ.
๓๓๕. ธุวเสวนนฺติ นิยตเสวิตํ. ปาสาทปริเวเณติ ปาสาทงฺคเณ. นาภิยา ปติฏฺิตานนฺติ นาภิยา ภูมิยํ ปติฏฺิตานํ. อรนฺตรานีติ อรวิวรานิ ตํตํอรานํ เวมชฺฌฏฺานานิ.
๓๓๖. สมาทินฺนอรฺธุตงฺโค อารฺิโก, น อรฺวาสมตฺเตน.
๓๓๗. น ¶ โอสาเทนฺตีติ น อวสาเทนฺติ, น อวสาทนาเปกฺขา อฺมฺํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ปวตฺตินีติ ปคุณา.
๓๓๘. โลกุตฺตรา วิหารสมาปตฺติ นาม เถรสฺส อรหตฺตผลสมาปตฺติโย, ปริยายโต ปน นิโรธสมาปตฺติปิ เวทิตพฺพา.
๓๓๙. สาธุกาโร อานนฺทตฺเถรสฺส ทินฺโน. เตนาห ภควา ‘‘ยถา ตํ อานนฺโทว สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติอาทิ. สมฺมาติ สุฏฺุ, ยถาอชฺฌาสยนฺติ อธิปฺปาโย. เยน หิ ยํ ยถาจิตฺตํ กถิตํ, ตํ สมฺมา กถิตํ นาม โหติ. สมฺปตฺตวเสน หิ ยถาการี ตถาวาที โสภติ. เตนาห ‘‘อตฺตโน อนุจฺฉวิกเมวา’’ติอาทิ. พหุสฺสุโต ภิกฺขุ ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเต สีลาทีนํ อาคตฏฺาเน เตสํ สุวิทิตตฺตา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน ตานิ ปริปูเรตีติ อาห ‘‘สีลสฺส อาคตฏฺาเน’’ติอาทิ. มคฺคาทิปสวนาย วิปสฺสนาคพฺภํ คณฺหาเปตฺวา ปริปากํ คเมตฺวาติ อตฺโถ.
๓๔๐. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อติเทสวเสน สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘อายสฺมา หิ เรวโต’’ติอาทิมาห.
๓๔๒. อปเรปิ ¶ นานปฺปกาเร กิเลเสติ อปเรปิ นานปฺปกาเร โทสโมหาทิกิเลเส. ธุนิตฺวาติ วิธเมตฺวา.
๓๔๓. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอวํ พฺยากาสีติ สมฺพนฺโธ. สกลมฺปิ จกฺขุวิฺาณวีถิคตํ จิตฺตํ จกฺขุวิฺาณนฺติ อคฺคเหตฺวา จกฺขุสนฺนิสฺสิตเมว ปน วิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ, ตทนนฺตรํ สมฺปฏิจฺฉนํ, ตทนนฺตรํ สนฺตีรณนฺติอาทินา สณฺหํ สุขุมํ อติอิตฺตรขณวนฺตํ จิตฺตนฺตรํ จิตฺตนานตฺตํ. ขนฺธาทีนฺจ นานตฺตสงฺขาตํ ขนฺธนฺตราทิ. ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตเถว ตติยํ ฌานนฺติอาทินา อารมฺมณํ อนุกฺกมิตฺวา ฌานสฺเสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ ฌาโนกฺกนฺติกํ นาม. ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปุน ตเทว เตโชกสิเณติอาทินา ฌานํ อนุกฺกมิตฺวา อารมฺมณสฺเสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ อารมฺมโณกฺกนฺติกํ นาม. ‘‘ปมชฺฌานํ ปฺจงฺคิก’’นฺติอาทินา ยาว เนวสฺานาสฺายตนํ ทุวงฺคิกนฺติ ฌานงฺคมตฺตสฺเสว ววตฺถาปนํ องฺคววตฺถานํ. ‘‘อิทํ ปถวีกสิณํ…เป… อิทํ โอทาตกสิณ’’นฺติ อารมฺมณมตฺตสฺเสว ววตฺถาปนํ อารมฺมณววตฺถานํ. ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตตฺเถว อิตเรสมฺปิ สมาปชฺชนํ ¶ องฺคสงฺกนฺติ. ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตเทว อาโปกสิเณติ เอวํ สพฺพกสิเณสุ เอกสฺเสว ฌานสฺส สมาปชฺชนํ อารมฺมณสงฺกนฺติ. เอกโตวฑฺฒนํ อุภโตวฑฺฒนนฺติ อิทํ ขนฺธาทิเทสนายํ ลพฺภติ. อภิธมฺมภาชนีเย หิ เวทนากฺขนฺธํ ภาเชนฺโต ภควา ติเก คเหตฺวา ทุเกสุ ปกฺขิปิ, ทุเก คเหตฺวา ติเกสุ ปกฺขิปิ, อิทํ เอกโตวฑฺฒนํ. ติเก จ ทุเก จ อุภโตวฑฺฒนนีหาเรน กเถสิ, อิทํ อุภโตวฑฺฒนํ. เอวํ เสสขนฺเธสุ ธาตายตนาทีสุ จ ยถารหํ วิภงฺคปฺปกรเณ (วิภ. ๓๒-๓๓; ๑๕๕-๑๕๖, ๑๘๓-๑๘๔) อภิธมฺมภาชนีเย อาคตนเยน เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘อาภิธมฺมิกธมฺมกถิกสฺเสว ปากฏ’’นฺติ. ขนฺธาทีสุ สภาวธมฺเมสุ ตีสุ ลกฺขเณสุ ปฺตฺติยํ สมยนฺตเรสุ จ โกสลฺลาภาวโต อยํ สกวาโท อยํ ปรวาโทติ น ชานาติ. ตโต เอว สกวาทํ…เป… ธมฺมนฺตรํ วิสํวาเทติ. ขนฺธาทีสุ ปน กุสลตาย อาภิธมฺมิโก สกวาทํ…เป… น วิสํวาเทติ.
๓๔๔. จิตฺตํ ¶ อตฺตโน วเส วตฺเตตุํ สกฺโกติ ปฏิสงฺขานภาวนาพเลหิ ปริคฺคณฺหนสมตฺถตฺตา. อิทานิ ตมตฺถํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘ทุปฺปฺโ หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺพานสฺสาติ สพฺพานิ อสฺส. วิเสวิตวิปฺผนฺทิตานีติ กิเลสวิสูกายิกานิ เจว ทุจฺจริตวิปฺผนฺทิตานิ จ. ภฺชิตฺวาติ มทฺทิตฺวา. พหีติ กมฺมฏฺานโต พหิ ปุถุตฺตารมฺมเณ.
๓๔๕. ปริยาเยนาติ เอตฺถ ปริยาย-สทฺโท ‘‘อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๓-๙) วิย การณตฺโถติ อาห ‘‘โสภนการณํ อตฺถี’’ติ. ยทิ ภควา – ‘‘อิธ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต’’ติอาทินา อตฺตโน มหาโพธิปลฺลงฺกํ สนฺธายาห, เอวํ สนฺเต สมฺมาสมฺพุทฺเธเหว สงฺฆาราโม โสเภตพฺโพ, น อฺเหีติ อาปนฺนนฺติ อาห ‘‘อปิจ ปจฺฉิมํ ชนต’’นฺติอาทิ. นิพฺพานตฺถาย ปฏิปตฺติสารํ เอตสฺสาติ ปฏิปตฺติสาโร, ตํ ปฏิปตฺติสารํ. นิปฺปริยาเยเนวาติ เกนจิ ปริยาเยน เลเสน วินา มุขฺเยน นเยเนว. โย ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา น วุฏฺหิสฺสามี’’ติ ทฬฺหสมาทานํ กตฺวา นิสินฺโน ตํ อธิคนฺตฺวาว อุฏฺหติ. เอวรูเปน อิทํ โคสิงฺคสาลวนํ โสภติ, สาสเน สพฺพารมฺภานํ ตทตฺถตฺตาติ อตฺโถ. อาสวกฺขยาวหํ ปฏิปตฺตึ อารภิตฺวา อาสวกฺขเยเนว เทสนาย ปริโยสาปิตตฺตา ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสีติ.
มหาโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. มหาโคปาลกสุตฺตวณฺณนา
๓๔๖. ตตฺถาติ ¶ โคปาลกสุตฺเต. ติสฺโส กถาติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๑๑.๑๗) ติสฺโส อฏฺกถา, ติวิธา สุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนาติ อตฺโถ. เอเกกํ ปทํ นาฬํ มูลํ เอติสฺสาติ เอวํสฺิตา เอกนาฬิกา, เอเกกํ วา ปทํ นาฬํ อตฺถนิคฺคมนมคฺโค เอติสฺสาติ เอกนาฬิกา. เตนาห ‘‘เอเกกปทสฺส อตฺถกถน’’นฺติ. จตฺตาโร อํสา ภาคา อตฺถสลฺลกฺขณูปายา เอติสฺสาติ จตุรสฺสา. เตนาห ‘‘จตุกฺกํ พนฺธิตฺวา กถน’’นฺติ. นิยมโต นิสินฺนสฺส อารทฺธสฺส ¶ วตฺโต สํวตฺโต เอติสฺสา อตฺถีติ นิสินฺนวตฺติกา, ยถารทฺธสฺส อตฺถสฺส วิสุํ วิสุํ ปริโยสาปิกาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปณฺฑิตํ โคปาลกํ ทสฺเสตฺวา’’ติอาทิ. เอเกกปทสฺสาติ ปิณฺฑตฺถทสฺสนวเสน พหุนฺนํ ปทานํ เอกชฺฌํ อตฺถํ อกเถตฺวา เอกเมกสฺส ปทสฺส อตฺถวณฺณนา. อยํ สพฺพตฺเถว ลพฺภติ. จตุกฺกํ พนฺธิตฺวาติ กณฺหปกฺเข อุปมูปเมยฺยทฺวยํ, ตถา สุกฺกปกฺเขติ อิทํ จตุกฺกํ โยเชตฺวา. อยํ อีทิเสสุ เอว สุตฺเตสุ ลพฺภติ. ปริโยสานคมนนฺติ เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘กณฺหปกฺเข อุปมํ ทสฺเสตฺวา อุปมา จ นาม ยาวเทว อุปเมยฺยสมฺปฏิทานตฺถาติ อุปเมยฺยตฺถํ อาหริตฺวา สํกิเลสปกฺขนิทฺเทโส จ โวทานปกฺขวิภาวนตฺถายาติ สุกฺกปกฺขมฺปิ อุปมูปเมยฺยวิภาเคน อาหริตฺวา สุตฺตตฺถสฺส ปริโยสาปน’’นฺติ. กณฺหปกฺเข อุปเมยฺยํ ทสฺเสตฺวา ปริโยสานคมนาทีสุปิ เอเสว นโย. อปเร ปน ‘‘กณฺหปกฺเข สุกฺกปกฺเข จ ตํตํอุปมูปเมยฺยตฺถานํ วิสุํ วิสุํ ปริโยสาเปตฺวาว กถนํ ปริโยสานคมน’’นฺติ วทนฺติ. อยนฺติ นิสินฺนวตฺติกา. อิธาติ อิมสฺมึ โคปาลกสุตฺเต. สพฺพาจริยานํ อาจิณฺณาติ สพฺเพหิปิ ปุพฺพาจริเยหิ อาจริตา สํวณฺณิตา, ตถา เจว ปาฬิ ปวตฺตาติ.
องฺคียนฺติ อวยวภาเวน ายนฺตีติ องฺคานิ, ภาคา. ตานิ ปเนตฺถ ยสฺมา สาวชฺชสภาวานิ, ตสฺมา อาห ‘‘องฺเคหีติ อคุณโกฏฺาเสหี’’ติ. โคมณฺฑลนฺติ โคสมูหํ. ปริหริตุนฺติ รกฺขิตุํ. ตํ ปน ปริหรณํ ปริคฺคเหตฺวา วิจรณนฺติ อาห ‘‘ปริคฺคเหตฺวา วิจริตุ’’นฺติ. วฑฺฒินฺติ คุนฺนํ พหุภาวํ พหุโครสตาสงฺขาตํ ปริวุทฺธึ. ‘‘เอตฺตกมิท’’นฺติ รูปียตีติ รูปํ, ปริมานปริจฺเฉโทปิ สรีรรูปมฺปีติ อาห ‘‘คณนโต วา วณฺณโต วา’’ติ. น ปริเยสติ วินฏฺภาวสฺเสว อชานนโต. นีลาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน เสตสพลาทิวณฺณํ สงฺคณฺหาติ.
ธนุสตฺติสูลาทีติ ¶ เอตฺถ อิสฺสาสาจริยานํ คาวีสุ กตํ ธนุลกฺขณํ. กุมารภตฺติคณานํ คาวีสุ กตํ สตฺติลกฺขณํ. อิสฺสรภตฺติคณานํ คาวีสุ กตํ สูลลกฺขณนฺติ โยชนา. อาทิ-สทฺเทน รามวาสุเทวคณาทีนํ คาวีสุ กตํ ผรสุจกฺกาทิลกฺขณํ สงฺคณฺหาติ.
นีลมกฺขิกาติ ปิงฺคลมกฺขิกา, ขุทฺทมกฺขิกา เอว วา. สฏติ รุชติ เอตายาติ สาฏิกา, สํวทฺธา สาฏิกาติ อาสาฏิกา. เตนาห ‘‘วฑฺฒนฺตี’’ติอาทิ.
วาเกนาติ ¶ วากปตฺเตน. จีรเกนาติ ปิโลติเกน. อนฺโตวสฺเสติ วสฺสกาลสฺส อพฺภนฺตเร. นิคฺคาหนฺติ สุสุมาราทิคฺคาหรหิตํ. ปีตนฺติ ปานียสฺส ปีตภาวํ. สีหพฺยคฺฆาทิปริสฺสเยน สาสงฺโก สปฺปฏิภโย.
ปฺจ อหานิ ภูตานิ เอตสฺสาติ ปฺจาหิโต, โส เอว วาโรติ ปฺจาหิกวาโร. เอวํ สตฺตาหิกวาโรติ เวทิตพฺโพ. จิณฺณฏฺานนฺติ จริตฏฺานํ โคจรคฺคหิตฏฺานํ.
ปิตุฏฺานนฺติ ปิตรา กาตพฺพฏฺานํ, ปิตรา กาตพฺพกรณนฺติ อตฺโถ. ยถารุจึ คเหตฺวา คจฺฉนฺตีติ คุนฺนํ รุจิอนุรูปํ โคจรภูมิยํ วา นทิปารํ วา คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. โคภตฺตนฺติ กปฺปาสฏฺิกาทิมิสฺสํ โคภฺุชิตพฺพํ ภตฺตํ, ภตฺตคฺคหเณเนว ยาคุปิ คหิตา.
๓๔๗. ‘‘ทฺวีหากาเรหี’’ติ วุตฺตํ อาการทฺวยํ ทสฺเสตุํ ‘‘คณนโต วา สมุฏฺานโต วา’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ปาฬิยํ อาคตาติ ‘‘อุปจโย สนฺตตี’’ติ ชาตึ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา หทยวตฺถุํ อคฺคเหตฺวา ‘‘ทส อายตนานิ ปฺจทส สุขุมรูปานี’’ติ เอวํ รูปกณฺฑปาฬิยํ (ธ. ส. ๖๕๑-๖๕๕) อาคตา. ปฺจวีสติ รูปโกฏฺาสาติ สลกฺขณโต อฺมฺสงฺกราภาวโต รูปภาคา. รูปโกฏฺาสาติ วา วิสุํ วิสุํ อปฺปวตฺติตฺวา กลาปภาเวเนว ปวตฺตนโต รูปกลาปา. โกฏฺาสาติ จ อํสา, อวยวาติ อตฺโถ. โกฏฺนฺติ วา สรีรํ, ตสฺส อํสา เกสาทโย โกฏฺาสาติ อฺเปิ อวยวา โกฏฺาสา วิย โกฏฺาสา. เสยฺยถาปีติ อุปมาสํสนฺทนํ. ตตฺถ รูปํ ปริคฺคเหตฺวาติ ยถาวุตฺตํ รูปํ สลกฺขณโต าเณน ปริคฺคณฺหิตฺวา. อรูปํ ววตฺถเปตฺวาติ ตํ รูปํ นิสฺสาย อารมฺมณฺจ กตฺวา ปวตฺตมาเน เวทนาทิเก จตฺตาโร ขนฺเธ ‘‘อรูป’’นฺติ ววตฺถเปตฺวา. รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวาติ ปุน ตตฺถ ยํ รุปฺปนลกฺขณํ, ตํ รูปํ, ตทฺํ อรูปํ, อุภยวินิมุตฺตํ กิฺจิ นตฺถิ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วาติ เอวํ รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวา. ตทุภยฺจ อวิชฺชาทินา ปจฺจเยน สปฺปจฺจยนฺติ ปจฺจยํ สลฺลกฺเขตฺวา อนิจฺจาทิลกฺขณํ ¶ อาโรเปตฺวา โย กลาปสมฺมสนาทิกฺกเมน กมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ, โส น วฑฺฒตีติ โยชนา.
เอตฺตกํ ¶ รูปํ เอกสมุฏฺานนฺติ จกฺขายตนํ, โสตฆานชิวฺหากายายตนํ อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริยนฺติ อฏฺวิธํ กมฺมวเสน, กายวิฺตฺติ วจีวิฺตฺตีติ อิทํ ทฺวยํ จิตฺตวเสนาติ เอตฺตกํ รูปํ เอกสมุฏฺานํ. สทฺทายตนเมกํ อุตุจิตฺตวเสน ทฺวิสมุฏฺานํ. รูปสฺส ลหุตา มุทุตา กมฺมฺตาติ เอตฺตกํ รูปํ อุตุจิตฺตาหารวเสน ติสมุฏฺานํ. รูปคนฺธรสโผฏฺพฺพายตนํ อากาสธาตุ อาโปธาตุ กพฬีกาโร อาหาโรติ เอตฺตกํ รูปํ อุตุจิตฺตาหารกมฺมวเสน จตุสมุฏฺานํ. อุปจโย สนฺตติ ชรตา รูปสฺส อนิจฺจตาติ เอตฺตกํ รูปํ น กุโตจิ สมุฏฺาตีติ น ชานาติ. สมุฏฺานโต รูปํ อชานนฺโตติอาทีสุ วตฺตพฺพํ ‘‘คณนโต รูปํ อชานนฺโต’’ติอาเทสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
กมฺมลกฺขโณติ อตฺตนา กตํ ทุจฺจริตกมฺมํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ กมฺมลกฺขโณ, พาโล. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานิ. กตมานิ ตีณิ? ทุจฺจินฺติตจินฺตี โหติ, ทุพฺภาสิตภาสี, ทุกฺกฏกมฺมการี. อิมานิ โข…เป… ลกฺขณานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๒; เนตฺติ. ๑๑๖). อตฺตนา กตํ สุจริตกมฺมํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ กมฺมลกฺขโณ, ปณฺฑิโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ. กตมานิ ตีณิ? สุจินฺติตจินฺตี โหติ, สุภาสิตภาสี, สุกตกมฺมการี. อิมานิ โข…เป… ปณฺฑิตลกฺขณานี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕๓; อ. นิ. ๓.๓; เนตฺติ. ๑๑๖). เตนาห ‘‘กุสลากุสลํ กมฺมํ ปณฺฑิตมาลลกฺขณ’’นฺติ. พาเล วชฺเชตฺวา ปณฺฑิเต น เสวตีติ ยํ พาลปุคฺคเล วชฺเชตฺวา ปณฺฑิตเสวนํ อตฺถกาเมน กาตพฺพํ, ตํ น กโรติ. ตถาภูตสฺส อยมาทีนโวติ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘พาเล วชฺเชตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยํ ภควตา ‘‘อิทํ โว กปฺปตี’’ติ อนฺุาตํ, ตทนุโลมฺเจ, ตํ กปฺปิยํ. ยํ ‘‘อิทํ โว น กปฺปตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตทนุโลมฺเจ, ตํ อกปฺปิยํ. ยํ โกสลฺลสมฺภูตํ, ตํ กุสลํ, ตปฺปฏิปกฺขํ อกุสลํ. ตเทว สาวชฺชํ, กุสลํ อนวชฺชํ. อาปตฺติโต อาทิโต ทฺเว อาปตฺติกฺขนฺธา ครุกํ, ตทฺํ ลหุกํ. ธมฺมโต มหาสาวชฺชํ ครุกํ, อปฺปสาวชฺชํ ลหุกํ. สปฺปฏิการํ สเตกิจฺจํ, อปฺปฏิการํ อเตกิจฺฉํ. ธมฺมตานุคตํ การณํ, อิตรํ อการณํ. ตํ อชานนฺโตติ กปฺปิยากปฺปิยํ ครุกลหุกํ สเตกิจฺฉาเตกิจฺฉํ อชานนฺโต สุวิสุทฺธํ กตฺวา สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺโกติ, กุสลากุสลํ สาวชฺชานวชฺชํ การณาการณํ อชานนฺโต ขนฺธาทีสุ ¶ ¶ อกุสลตาย รูปารูปปริคฺคหมฺปิ กาตุํ น สกฺโกติ, กุโต ตสฺส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺฒนา. เตนาห ‘‘กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกตี’’ติ.
โควณสทิเส อตฺตภาเว อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต มิจฺฉาวิตกฺกา อาสาฏิกา วิยาติ อาสาฏิกาติ อาห ‘‘อกุสลวิตกฺกํ อาสาฏิกํ อหาเรตฺวา’’ติ.
‘‘คณฺโฑติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ วจนโต (อ. นิ. ๘.๕๖) ฉหิ วณมุเขหิ วิสฺสนฺทมานยูโส คณฺโฑ วิย ปิโลติกขณฺเฑน ฉหิ ทฺวาเรหิ วิสฺสนฺทมานกิเลสาสุจิ อตฺตภาววโณ สติสํวเรน ปิทหิตพฺโพ, อยํ ปน เอวํ น กโรตีติ อาห ‘‘ยถา โส โคปาลโก วณํ น ปฏิจฺฉาเทติ, เอวํ สํวรํ น สมฺปาเทตี’’ติ.
ยถา ธูโม อินฺธนํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชมาโน สณฺโห สุขุโม ตํ ตํ วิวรํ อนุปวิสฺส พฺยาเปนฺโต สตฺตานํ ฑํสมกสาทิปริสฺสยํ วิโนเทติ, อคฺคิชาลสมุฏฺานสฺส ปุพฺพงฺคโม โหติ, เอวํ ธมฺมเทสนาาณสฺส อินฺธนภูตํ รูปารูปธมฺมชาตํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชมานา สณฺหา สุขุมา ตํ ตํ ขนฺธนฺตรํ อายตนนฺตรฺจ อนุปวิสฺส พฺยาเปติ, สตฺตานํ มิจฺฉาวิตกฺกาทิปริสฺสยํ วิโนเทติ, าณคฺคิชาลสมุฏฺานสฺส ปุพฺพงฺคโมติ ธูโม วิยาติ ธูโมติ อาห ‘‘โคปาลโก ธูมํ วิย ธมฺมเทสนาธูมํ น กโรตี’’ติ. อตฺตโน สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา นิสินฺนสฺส กาตพฺพา ตทนุจฺฉวิกา ธมฺมกถา อุปนิสินฺนกถา. กตสฺส ทานาทิปฺุสฺส อนุโมทนกถา อนุโมทนา. ตโตติ ธมฺมกถาทีนํ อกรณโต. ‘‘พหุสฺสุโต คุณวา’’ติ น ชานนฺตีติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อตฺตโน ชานาปนตฺถํ ธมฺมกถาทิ น กาตพฺพเมวาติ? สจฺจํ, น กาตพฺพเมว, สุทฺธาสเยน ปน ธมฺเม กถิเต ตสฺส คุณชานนตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เตนาห ภควา –
‘‘นาภาสมานํ ชานนฺติ, มิสฺสํ พาเลหิ ปณฺฑิตํ;
ภาสเย โชตเย ธมฺมํ, ปคฺคณฺเห อิสินํ ธช’’นฺติ. (สํ. นิ. ๒.๒๔๑);
ตรนฺติ เอตฺถาติ ติตฺถํ, นทีตฬากาทีนํ นหานาทิอตฺถํ โอตรณฏฺานํ. ยถา ปน ตํ อุทเกน โอติณฺณสตฺตานํ สรีรมลํ ปวาเหติ, ปริสฺสมํ วิโนเทติ, วิสุทฺธึ อุปฺปาเทติ, เอวํ พหุสฺสุตา อตฺตโน สมีปํ โอติณฺณสตฺตานํ ¶ ธมฺมูทเกน จิตฺตมลํ ปวาเหนฺติ, ปริสฺสมํ วิโนเทนฺติ, วิสุทฺธึ อุปฺปาเทนฺติ, ตสฺมา เต ติตฺถํ วิยาติ ติตฺถํ. เตนาห ‘‘ติตฺถภูเต พหุสฺสุตภิกฺขู’’ติ. พฺยฺชนํ กถํ โรเปตพฺพนฺติ, ภนฺเต, อิทํ พฺยฺชนํ อยํ สทฺโท กถํ อิมสฺมึ อตฺเถ ¶ โรเปตพฺโพ, เกน ปกาเรน อิมสฺส อตฺถสฺส วาจโก ชาโต. ‘‘นิรูเปตพฺพ’’นฺติ วา ปาโ, นิรูเปตพฺพํ อยํ สภาวนิรุตฺติ กถเมตฺถ นิรุฬฺหาติ อธิปฺปาโย. อิมสฺส ภาสิตสฺส โก อตฺโถติ สทฺทตฺถํ ปุจฺฉติ. อิมสฺมึ าเนติ อิมสฺมึ ปาฬิปเทเส. ปาฬิ กึ วเทตีติ ภาวตฺถํ ปุจฺฉติ. อตฺโถ กึ ทีเปตีติ ภาวตฺถํ วา สงฺเกตตฺถํ วา. น ปริปุจฺฉตีติ วิมติจฺเฉทนปุจฺฉาวเสน สพฺพโส ปุจฺฉํ น กโรติ. น ปริปฺหตีติ ปริ ปริ อตฺตโน าตุํ อิจฺฉํ น อาจิกฺขติ น วิภาเวติ. เตนาห ‘‘น ชานาเปตี’’ติ. เตติ พหุสฺสุตภิกฺขู. วิวรณํ นาม อตฺถสฺส วิภชิตฺวา กถนนฺติ อาห ‘‘ภาเชตฺวา น ทสฺเสนฺตี’’ติ. อนุตฺตานีกตนฺติ าเณน อปากฏีกตํ คุยฺหํ ปฏิจฺฉนฺนํ. น อุตฺตานีกโรนฺตีติ สิเนรุมูลกํ วาลิกํ อุทฺธรนฺโต วิย ปถวีสนฺธาโรทกํ วิวริตฺวา ทสฺเสนฺโต วิย จ อุตฺตานํ น กโรนฺติ. เอวํ ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน พหุสฺสุตา ‘‘ติตฺถ’’นฺติ วุตฺตา ปริยายโต, อิทานิ ตเมว ธมฺมํ นิปฺปริยายโต ติตฺถนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ธมฺโม หิ ตรนฺติ เอเตน นิพฺพานํ นาม ตฬากนฺติ ‘‘ติตฺถ’’นฺติ วุจฺจติ. เตนาห ภควา สุเมธภูโต –
‘‘เอวํ กิเลสมลโธวํ, วิชฺชนฺเต อมตนฺตเฬ;
น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬ’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๔);
ธมฺมสฺเสว นิพฺพานสฺโสตรณติตฺถภูตสฺส โอตรณปการํ อชานนฺโต ‘‘ธมฺมติตฺถํ น ชานาตี’’ติ วุตฺโต.
ปีตาปีตนฺติ โคคเณ ปีตํ อปีตฺจ โครูปํ น ชานาติ น วินฺทติ. อวินฺทนฺโต หิ น ลภตีติ วุตฺโต. ‘‘อานิสํสํ น วินฺทตี’’ติ วตฺวา ตสฺส อวินฺทนาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ธมฺมสฺสวนคฺคํ คนฺตฺวา’’ติอาทิมาห.
อยํ โลกุตฺตโรติ ปทํ สนฺธายาห ‘‘อริย’’นฺติ. ปจฺจาสตฺติาเยน อนนฺตรวิธิปฺปฏิเสโธ วา, อริย-สทฺโท วา นิทฺโทสปริยาโย ทฏฺพฺโพ. อฏฺงฺคิกนฺติ จ วิสุํ เอกชฺฌฺจ อฏฺงฺคิกํ อุปาทาย คเหตพฺพํ, อฏฺงฺคตา ¶ พาหุลฺลโต จ. เอวฺจ กตฺวา สตฺตงฺคสฺสปิ อริยมคฺคสฺส สงฺคโห สิทฺโธ โหติ.
จตฺตาโร สติปฏฺาเนติอาทีสุ อวิเสเสน สติปฏฺานา วุตฺตา. ตตฺถ กายเวทนาจิตฺตธมฺมารมฺมณา ¶ สติปฏฺานา โลกิยา, ตตฺถ สมฺโมหวิทฺธํสนวเสน ปวตฺตา นิพฺพานารมฺมณา โลกุตฺตราติ เอวํ อิเม โลกิยา, อิเม โลกุตฺตราติ ยถาภูตํ น ปชานาติ.
อนวเสสํ ทุหตีติ ปฏิคฺคหเณ มตฺตํ อชานนฺโต กิสฺมิฺจิ ทายเก สทฺธาหานิยา กิสฺมิฺจิ ปจฺจยหานิยา อนวเสสํ ทุหติ. วาจาย อภิหาโร วาจาภิหาโร. ปจฺจยานํ อภิหาโร ปจฺจยาภิหาโร.
อิเม อมฺเหสุ ครุจิตฺตีการํ น กโรนฺตีติ อิมินา นวกานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมสมฺปฏิปตฺติยา อภาวํ ทสฺเสติ อาจริยุปชฺฌาเยสุ ปิตุเปมสฺส อนุปฏฺาปนโต. เตน จ สิกฺขาคารวตาภาวทีปเนน สงฺคหสฺส อภาชนภาวํ, เตน เถรานํ เตสุ อนุคฺคหาภาวํ. น หิ สีลาทิคุเณหิ สาสเน ถิรภาวปฺปตฺตา อนนุคฺคเหตพฺเพ สพฺรหฺมจารี อนุคฺคณฺหนฺติ, นิรตฺถกํ วา อนุคฺคหํ กโรนฺติ. เตนาห ‘‘นวเก ภิกฺขู’’ติ. ธมฺมกถาพนฺธนฺติ ปเวณิอาคตํ ปกิณฺณกธมฺมกถามคฺคํ. สจฺจสตฺตปฏิสนฺธิปจฺจยาการปฏิสํยุตฺตํ สฺุตาทีปนํ คุยฺหคนฺถํ. วุตฺตวิปลฺลาสวเสนาติ ‘‘น รูปฺู’’ติอาทีสุ วุตฺตสฺส ปฏิเสธสฺส ปฏิกฺเขปวเสน อคฺคหณวเสน. โยเชตฺวาติ ‘‘รูปฺู โหตีติ คณนาโต วา วณฺณโต วา รูปํ ชานาตี’’ติอาทินา, ‘‘ตสฺส โคคโณปิ น ปริหายติ, ปฺจโครสปริโภคโตปิ น ปริพาหิโร โหตี’’ติอาทินา จ อตฺถํ โยเชตฺวา. เวทิตพฺโพติ ตสฺมึ ตสฺมึ ปเทเส ยถารหํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
มหาโคปาลกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. จูฬโคปาลกสุตฺตวณฺณนา
๓๕๐. เจลุกฺกาหีติ ¶ เจลมยาหิ อุกฺกาหิ. อุกฺกภูตานิ เจลานิ เอตฺถาติ อุกฺกเจลา, นครํ. สพฺพา คงฺคา ปากฏา หุตฺวา ปฺายตีติ ปกติจกฺขุสฺส ¶ ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺาติ, ทิพฺพจกฺขุสฺส ปน สมนฺตจกฺขุสฺส วา ยตฺถ กตฺถจิ นิสินฺนสฺสปิ ภควโต ปากฏา หุตฺวา ปฺายเตว. โสตฺถีติ อนุปทฺทโว. วฑฺฒีติ อปริหานิ. อาโรคฺยนฺติ อโรคตา อาพาธาภาโว.
มคโธ ชนปโท นิวาโส เอตสฺสาติ มาคโธ, มาคโธว มาคธิโก. ปฺาย นาม ทุฏฺุภาโว นตฺถิ เอกนฺตานวชฺชตาย, ตสฺมา ทุ-สทฺโท อภาววาจี ‘‘ทุสฺสีโล’’ติอาทีสุ วิย, ชาติ-สทฺโท จ สภาวตฺโถติ อาห ‘‘นิปฺปฺสภาโว’’ติ. -สทฺโท อารมฺภตฺโถติ อาห ‘‘ปตาเรสีติ ตาเรตุํ อารภี’’ติ ปรตีรํ คาวีนํ อปฺปตฺตตฺตา. สุวิเทหานนฺติ สุนฺทรวิเทหานํ. วิเทหรฏฺํ กิร ภูมิภาคทสฺสนสมฺปตฺติยา จ วนรามเณยฺยกาทินา จ สุนฺทรํ. อามณฺฑลิกํ กริตฺวาติ อาวตฺเต ปติตา เตมณฺฑลากาเรน ปริพฺภมิตฺวา. กติปยาปิ คาวิโย อเสเสตฺวา นทีโสเตน วูฬฺหตฺตา วุตฺตํ ‘‘อวฑฺฒึ วินาสํ ปาปุณึสู’’ติ. กติปยาสุปิ หิ อวสิฏฺาสุ คาวีสุ อนุกฺกเมนปิ สิยา โคคณสฺส วฑฺฒีติ. วิสฺสมฏฺานนฺติ ปริสฺสมวิโนทนฏฺานํ. ติตฺถา ภฏฺาติ คเหตุํ อสมตฺถตาย ติตฺถํ อปฺปตฺตา. อโรโค นาม นาโหสีติ โลมมตฺตมฺปิ อเสเสตฺวา สพฺพา คาวิโย นทีโสเต วินฏฺาติ อตฺโถ.
เยสุ ขนฺธายตนธาตูสุ อิธ โลกสมฺา, เต อชานนฺตา ‘‘อกุสลา อิมสฺส โลกสฺสา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อิธโลเก ขนฺธธาตายตเนสุ อกุสลา อเฉกา’’ติ. อยเมว นโย ‘‘อกุสลา ปรสฺส โลกสฺสา’’ติ เอตฺถาปีติ อาห ‘‘ปรโลเกปิ เอเสว นโย’’ติ. มาโร เอตฺถ ธียตีติ มารเธยฺยํ. มาโรติ เจตฺถ กิเลสมาโร เวทิตพฺโพ. ขนฺธาภิสงฺขารา หิ ตสฺส ปวตฺตนภาเวน คหิตา, มจฺจุมาโร วิสุํ คหิโต เอว, กิเลสมารวเสเนว จ เทวปุตฺตมารสฺส กามภเว อาธิปจฺจนฺติ. เตสนฺติ เย อิธโลกาทีสุ อเฉกา, เตสํ. เต ปน อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิมินา ฉ สตฺถาโร ทสฺสิตา’’ติ.
๓๕๑. พลวคาโวติ พลวนฺเต โครูเป. เต ปน ทมฺมตํ อุปคตโคณา เจว เธนุโย จาติ อาห ¶ ‘‘ทนฺตโคเณ เจว เธนุโย จา’’ติ ¶ . อวิชาตคาโวติ น วิชาตคาวิโย. วจฺฉเกติ ขุทฺทกวจฺเฉ. อปฺปตฺโถ หิ อยํ ก-สทฺโท. เตนาห ‘‘ตรุณวจฺฉเก’’ติ. กิสาพลเกติ ทุพฺพเล.
๓๕๒. มารสฺส ตณฺหาโสตํ เฉตฺวาติ ขนฺธมารสมฺพนฺธีตณฺหาสงฺขาตํ โสตํ สมุจฺฉินฺทิตฺวา. ตโย โกฏฺาเส เขเปตฺวา ิตาติ อนาคามิโน สนฺธายาห. สพฺพวาเรสูติ สกทาคามิโสตาปนฺนอฏฺมกวาเรสุ. ตตฺถ ปน ยถากฺกมํ จตุมคฺควชฺฌานํ กิเลสานํ ทฺเว โกฏฺาเส เขเปตฺวา ิตา, เอกโกฏฺาสํ เขเปตฺวา ิตา, ปมํ โกฏฺาสํ เขเปนฺโตติ วตฺตพฺพํ. ธมฺมํ อนุสฺสรนฺติ, ธมฺมสฺส วา อนุสฺสรณสีลาติ ธมฺมานุสาริโน. ธมฺโมติ เจตฺถ ปฺา อธิปฺเปตา. สทฺธํ อนุสฺสรนฺติ, สทฺธาย วา อนุสฺสรณสีลาติ สทฺธานุสาริโน.
ชานตาติ เอตฺถ ชานนกิริยาวิสยสฺส อวิเสสิตตฺตา อธิการวเสน อนวเสสเยฺยวิเสสา อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘สพฺพธมฺเม ชานนฺเตนา’’ติ. อนฺโตสารวิรหโต อพฺภุคฺคตฏฺเน จ นโฬ วิยาติ นโฬ, มาโนติ อาห ‘‘วิคตมานนฬํ กต’’นฺติ. เขมํ ปตฺเถถาติ เอตฺถ จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทวตฺตา ‘‘เขม’’นฺติ อรหตฺตํ อธิปฺเปตํ. ปตฺถนา จ ฉนฺทปตฺถนา, น ตณฺหาปตฺถนาติ อาห ‘‘กตฺตุกมฺยตาฉนฺเทน อรหตฺตํ ปตฺเถถา’’ติ. ปตฺตาเยว นาม ตสฺส ปตฺติยา น โกจิ อนฺตราโย. โสตฺถินา ปารคมนํ อุทฺทิสฺส เทสนํ อารภิตฺวา เขมปฺปตฺติยา เทสนาย ปริโยสาปิตตฺตา ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺาเปสีติ.
จูฬโคปาลกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนา
๓๕๓. หํสวฏฺฏกจฺฉนฺเนนาติ ¶ หํสวฏฺฏกปฏิจฺฉนฺเนน, หํสมณฺฑลากาเรนาติ อตฺโถ.
วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, มคฺโค. กึ วทนฺติ? อุตฺตรํ. วาทานํ สตานิ วาทสตานิ. ‘‘นิคณฺโ ปฺจวาทสตานิ, นิคณฺี ปฺจวาทสตานี’’ติ เอวํ นิคณฺโ ¶ จ นิคณฺี จ ปฺจ ปฺจ วาทสตานิ อุคฺคเหตฺวา วิจรนฺตา. กิริยโต เต ปุจฺฉึสุ, ลิงฺคโต ปน นิคณฺภาโว าโต. เตนาห ‘‘อหํ วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ.
ชคฺคนฺโต สมฺมชฺชนาทิวเสน. ทิวาตรนฺติ อติทิวํ. ‘‘กสฺส ปุจฺฉา, กสฺส วิสฺสชฺชนํ โหตู’’ติ ปริพฺพาชิกาหิ วุตฺเต เถโร อาห ‘‘ปุจฺฉา นาม อมฺหากํ ปตฺตา’’ติ. ปุจฺฉา วาทานํ ปุพฺพปกฺโข, ยสฺมา ตุมฺเห วาทปสุตา วาทาภิรตา ธชํ ปคฺคยฺห วิจรถ, ตสฺมา วาทานํ ปุพฺพปกฺโข อมฺหากํ ปตฺโต, เอวํ สนฺเตปิ ตุมฺหากํ มาตุคามภาวโต ปุพฺพปกฺขํ เทมาติ อาห ‘‘ตุมฺเห ปน มาตุคามา นาม ปมํ ปุจฺฉถา’’ติ. ตา ปริพฺพาชิกา เอเกกา อฑฺฒเตยฺยสตวาทมคฺคํ ปุจฺฉนฺติโย วาทสหสฺสํ ปุจฺฉึสุ. ยถา นิสิตสฺส ขคฺคสฺส กุมุทนาฬจฺเฉทเน กิมตฺถิ ภาริยํ, เอวํ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตสฺส สาวเกสุ ปฺวนฺตานํ อคฺคภาเว ิตสฺส ธมฺมเสนาปติโน ปุถุชฺชนปริกปฺปิตปฺหวิสฺสชฺชเน กิมตฺถิ ภาริยํ. เตนาห ‘‘เถโร ขคฺเคนา’’ติอาทิ. ตตฺถ นิชฺชฏํ นิคฺคณฺึ กตฺวาติ ยถา ตา ปุน ตตฺถ ชฏํ คณฺึ กาตุํ น วิสหนฺติ, ตถา วิชเฏตฺวา กเถสิ. อยํ เถโร จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร สหสฺสวฏฺฏิกํ ทีเปนฺโต วิย อฺเสํ อวิสเย อนฺธการภูเต ปฺเห ปุจฺฉิตมตฺเตเยว วิสฺสชฺเชสีติ เถรสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ทิสฺวา สยฺจ อนฺติมภวิกตาย โกหฺเ าตุํ อสกฺโกนฺติโย ‘‘เอตฺตกเมว, ภนฺเต, มยํ ชานามา’’ติ อาหํสุ. เถรสฺส วิสยนฺติ เถรสฺส ปฺาวิสยํ.
เนว อนฺตํ น โกฏึ อทฺทสํสูติ เอกนฺติ วตฺตพฺพสฺส พหุภาวโต ตสฺสา ปุจฺฉาย อตฺโถ เอวมนฺโต เอวมวสานโกฏีติ น ปสฺสึสุ น ชานึสุ. เถโร ตาสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกนฺโต ปพฺพชฺชารุจึ ทิสฺวา อาห ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสถา’’ติ? อุตฺตริตรปฺโติ วาทมคฺคปริจเยน เมธาวิตาย จ ยาทิสา ตาสํ ปฺา, ตโต อุตฺตริตรปฺโ.
กถามคฺโคติ ¶ วาทมคฺโค. ตสฺมา เตหิ เตหิ ปรปฺปวาทาทีหิ ภสฺสํ วาทมคฺคํ ปกาเรหิ วเทตีติ ภสฺสปฺปวาทโก. ปณฺฑิตวาโทติ อหํ ปณฺฑิโต นิปุโณ พหุสฺสุโตติ เอวํวาที. ยํ ยํ นกฺขตฺตาจาเรน อาทิสตีติ นกฺขตฺตคติยา กาลาเณน ‘‘อสุกทิวเส จนฺทคฺคาโห ภวิสฺสติ, สูริยคฺคาโห ภวิสฺสตี’’ติอาทินา ยํ ยํ อาเทสํ ภณติ. สาธุลทฺธิโก าณสมฺปตฺติยา สุนฺทโร. อาโรปิโตติ ปฏิฺาเหตุนิทสฺสนาทิโทสํ ¶ อุปริ อาโรปิโต วาโท สฺวาโรปิโต. โทสปทํ อาโรเปนฺเตน วาทินา ปรวาทิมฺหิ อภิภุยฺย ตสฺส ธาตุกฺโขโภปิ สิยา, จิตฺตวิกฺเขเปน เยน โทโส เตน สงฺกปฺปิโต สมฺปเวธิโตติ. ถูณนฺติ สรีรํ โขภิตนฺติ กตฺวา. ถูณนฺติ หิ โลหิตปิตฺตเสมฺหานํ อธิวจนํ สพฺพงฺคสรีรธารณโต. อปิจ ถูณปโท นาม อตฺถิ กถามคฺโค วาทมคฺคํ คณฺหนฺตานํ. สจฺจโก ปน โกหฺเ ตฺวา อตฺตโน วาทปฺปเภทวเสน ปเร วิมฺหาเปนฺโต ‘‘ถูณํ เจปาห’’นฺติอาทิมาห. สาวกานํ วินยํ นาม สิกฺขาปทํ, ตฺจ ธมฺมเทสนา โหตีติ เอสา เอว จสฺส อนุสาสนีติ วินยนาทิมุเขน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มตํ สาสนํ ปุจฺฉนฺโต สจฺจโก ‘‘กถํ ปน, โภ, อสฺสชี’’ติอาทิมาห. อถสฺส เถโร ‘‘ลกฺขณตฺตยกถา นาม อนฺสาธารณา พุทฺธาเวณิกา ธมฺมเทสนา, ตตฺร จ มยา อนิจฺจกถาย สมุฏฺาปิตาย ตํ อสหนฺโต สจฺจโก ตุจฺฉมาเนน ปฏปฏายนฺโต กุรุมาโน ลิจฺฉวี คเหตฺวา ภควโต สนฺติกํ อาคมิสฺสติ, อถสฺส ภควา วาทํ มทฺทิตฺวา อนิจฺจนฺติ ปติฏฺเปนฺโต ธมฺมํ กเถสฺสติ, ตทา ภวิสฺสติ วิชหิตวาโท สมฺมาปฏิปตฺติยา ปติฏฺิโต’’ติ จินฺเตตฺวา อนิจฺจานตฺตลกฺขณปฏิสํยุตฺตํ ภควโต อนุสาสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ, โภ, อคฺคิเวสฺสนา’’ติอาทิมาห.
กสฺมา ปเนตฺถ ทุกฺขลกฺขณํ อคฺคหิตนฺติ อาห ‘‘เถโร ปนา’’ติอาทิ. ‘‘อุปารมฺภสฺส โอกาโส โหตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘มคฺคผลานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปริยาเยนาติ สงฺขารทุกฺขตาปริยาเยน. อยนฺติ สจฺจโก. นยิทํ ตุมฺหากํ สาสนํ นามาติ ยตฺถ ตุมฺเห อวฏฺิตา, อิทํ ตุมฺหากํ สพฺพฺุสาสนํ นาม น โหติ ทุกฺขโต อนิสฺสรณตฺตา, อถ โข มหาอาฆาตนํ นาเมตํ, มหาทุกฺขนิทฺทิฏฺตฺตา ปน นิรยุสฺสโท นาม อุสฺสทนิรโย นาม, ตสฺมา นตฺติ นาม ตุมฺหากํ สุขาสา. อุฏฺายุฏฺายาติ อุสฺสุกฺกํ กตฺวา, ทุกฺขเมว ชีราเปนฺตา สพฺพโส ทุกฺขเมว อนุภวนฺตา, อาหิณฺฑถ วิจรถาติ. สพฺพมิทํ ตสฺส มิจฺฉาปริกปฺปิตเมว. กสฺมา? ทุกฺขสจฺจูปสฺหิตาเยว เหตฺถ นิปฺปริยายกถา นาม. ตสฺส หิ ปริฺตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ. มคฺคผลานิ สงฺขารภาเวน ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺข’’นฺติ ปริยายโต ทุกฺขํ, น นิปฺปริยายโต. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. โสตุํ อยุตฺตํ มิจฺฉาวาทตฺตาติ อธิปฺปาโย.
๓๕๔. สห ¶ ¶ อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติ สนฺธาคารํ, ราชกุลานํ สนฺถาปนอคารนฺติปิ สนฺธาคารํ, ตสฺมึ สนฺถาคาเรติ อตฺโถ. เอกสฺมึ กาเล ตาทิเส กาเล ราชกิจฺจานํ สนฺถานเมตฺถ วิจาเรนฺตีติ สนฺธาคารํ, ตสฺมึ สนฺถาคาเรติปิ อตฺโถ. ปติฏฺิตนฺติ ‘‘อนิจฺจํ อนตฺตา’’ติ จ ปฏิฺาตํ. อิทาเนว ปิฏฺึ ปริวตฺเตนฺโตติ ภควโต นลาฏํ อโนโลเกตฺวา วิมุขภาวํ อาปชฺชนฺโต. สุราฆเรติ สุราสมฺปาทกเคเห. ปิฏฺกิลฺชนฺติ ปิฏฺปนกิฬฺชํ. วาลนฺติ จงฺควารํ. สาณสาฏกกรณตฺถนฺติ สาณสาฏกํ กโรนฺติ เอเตนาติ สาณสาฏกกรณํ, สุตฺตํ, ตทตฺถํ. สาณวากา เอเตสุ สนฺตีติ สาณวากา, สาณทณฺฑา. เต คเหตฺวา สาณานํ โธวนสทิสํ กีฬิตชาตํ ยถา ‘‘อุทฺทาลปุปฺผภฺชิกา, สาณภฺชิกา’’ติ จ. กึ โส ภวมาโนติ กีทิโส หุตฺวา โส ภวมาโน, กึ โหนฺโต โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วาทาโรปนํ นาม ตโต อุตฺตริตรสูรคุโณ เอว ยกฺขาทิภาเวน โส ภวมาโน อภิสมฺภุเณยฺย. อยํ ปน อปฺปานุภาวตาย ปิสาจรูโป กึ เอตฺตกํ กาลํ นิทฺทายนฺโต อชฺช ปพุชฺฌิตฺวา เอวํ วทตีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘กึ ยกฺโข’’ติอาทิ.
๓๕๕. มหามชฺฌนฺหิกสมเยติ มหติ มชฺฌนฺหิกกาเล, คคนมชฺเฌ สูริยคตเวลาย. ทิวาปธานิกา ปธานานุยฺุชกา. วตฺตํ ทสฺเสตฺวาติ ปจฺฉาภตฺตํ ทิวาวิหารูปคมนโต ปุพฺเพ กาตพฺพวตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิปชฺชิตฺวา. ภควนฺตํ ทสฺเสนฺโตติ ภควติ คารวพหุมานํ วิภาเวนฺโต อุโภ หตฺเถ กมลมกุลากาเร กตฺวา อุกฺขิปฺป ภควนฺตํ ทสฺเสนฺโต.
ตํ สนฺธายาติ ตํ อปริจฺฉินฺนคณนํ สนฺธาย เอวํ ‘‘มหติยา ลิจฺฉวิปริสายา’’ติ วุตฺตํ. กึ สีเสน ภูมึ ปหรนฺเตเนว วนฺทนา กตา โหติ? เกราฏิกาติ สา. โมเจนฺตาติ ภิกฺขาทานโต โมเจนฺตา. อวกฺขิตฺตมตฺติกาปิณฺโฑ วิยาติ เหฏฺาขิตฺตมตฺติกาปิณฺโฑ วิย. ยตฺถ กตฺถจีติ อตฺตโน อนุรูปํ วจนํ อสลฺลเปนฺโต ยตฺถ กตฺถจิ.
๓๕๖. ทิสฺสติ ¶ ‘‘อิทํ อิมสฺส ผล’’นฺติ อปทิสฺสติ เอเตนาติ เทโส, การณํ, ตเทว ตสฺส ปวตฺติฏฺานตาย โอกาโสติ อาห ‘‘กฺจิเทว เทสนฺติ กฺจิ โอกาสํ กิฺจิ การณ’’นฺติ. โอกาโส านนฺติ จ การณํ วุจฺจติ ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๖๑; ม. นิ. ๓.๑๒๘-๑๓๑; อ. นิ. ๑.๒๖๘-๒๙๕; วิภ. ๘๐๙). ยทากงฺขสีติ น วทนฺติ อนวเสสธมฺมวิสยตฺตา ปฏิฺาย. ตุมฺหนฺติ ตุมฺหากํ. ยกฺข…เป… ปริพฺพาชกานนฺติ เอตฺถ ‘‘ปุจฺฉาวุโส, ยทากงฺขสี’’ติอาทีนิ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. อาฬวกสุตฺต) ปุจฺฉาวจนานิ ยถากฺกมํ โยเชตพฺพานิ.
ตฺวา ¶ สยํ โลกมิมํ ปรฺจาติ อิทํ มหาสตฺโต นิรยํ สคฺคฺจ เตสํ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสตฺวา อาห.
ตคฺฆ เต อหมกฺขิสฺสํ, ยถาปิ กุสโล ตถาติ ยถา ปกาเรน สุกุสโล สพฺพฺู ชานาติ กเถติ, ตถา อหํ กเถสฺสามิ. ตสฺส ปน การณํ อการณฺจ อวิชานนฺโต ราชานํ กโรตุ วา มา วา, อหํ ปน เต อกฺขิสฺสามีติ อาห ‘‘ราชา จ โข…เป… น วา’’ติ.
กถิตนิยาเมเนว กเถนฺโตติ เตปริวฏฺฏกถาย ทุกฺขลกฺขณมฺเปส กเถสฺสติ, อิธ ปน อฺถา สาวเกน อสฺสชินา กถิตํ, อฺถา สมเณน โคตเมนาติ วจโนกาสปริหรณตฺถํ ทุกฺขลกฺขณํ อนามสิตฺวา เถเรน กถิตนิยาเมเนว อนิจฺจานตฺตลกฺขณเมว กเถนฺเตน ภควตา – ‘‘รูปํ อนตฺตา ยาว วิฺาณํ อนตฺตา’’ติ วุตฺเต สจฺจโก ตํ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต อุปมาย อตฺถาปเน อุปมาปมาณํ ยถา ‘‘โค วิย ควโย’’ติ อตฺตานํ อุปเมยฺยํ กตฺวา อุปมาปมาเณน ปติฏฺาเปตุกาโม อาห ‘‘อุปมา มํ, โภ โคตม, ปฏิภาตี’’ติ, อุปมํ เต กริสฺสามิ, อุปมายปิเธกจฺเจ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺตีติ อธิปฺปาโย. ภควา อุปมาสเตน, อฺเน วาปิ ปมาเณน ตว อตฺตา ปติฏฺาเปตุํ น ลพฺภา อตฺตโน วิย ปมาณสฺสปิ อนุปลพฺภนโตติ อาห ‘‘ปฏิภาตุ ตํ อคฺคิเวสฺสนา’’ติ. ยถา หิ อตฺตา นาม โกจิ ปรมตฺถโต น อุปลพฺภติ เอกํเสน อนุปลทฺธิโต, เอวสฺส าปกปุคฺคลํ ปมาณมฺปิ น อุปลพฺภติ. เตนาห ‘‘อาหร ตํ ¶ อุปมํ วิสฺสตฺโถ’’ติ, น เตน ตว อตฺตวาโท ปติฏฺํ ลภตีติ อธิปฺปาโย.
ยํ ทิฏฺํ กายิกํ วา ปฺุาปฺุํ ปุริสปุคฺคเล อุปลพฺภติ, เตน วิฺายติ รูปตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล, ตถา ยํ ทิฏฺํ สุขทุกฺขปฏิสํเวทนํ ปุริสปุคฺคเล อุปลพฺภติ, ยํ ทิฏฺํ นีลาทิสฺชานนํ, ยํ ทิฏฺํ รชฺชนทุสฺสนาทิ, ยํ ทิฏฺํ อารมฺมณปฏิวิชานนํ ปุริสปุคฺคเล อุปลพฺภติ, เตน วิฺายติ วิฺาณตฺตายํ ปุริสปุคฺคโลติ. เอวํ รูปาทิลกฺขโณ อตฺตา ตตฺถ ตตฺถ กาเย กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทติ, เอวฺเจตํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา กมฺมผลสมฺพนฺโธ น ยุชฺเชยฺยาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา กึ ทีเปตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เตติ สตฺตา. ปติฏฺายาติ นิสฺสาย. ‘‘รูปตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล’’ติอาทินา รูปาทิธมฺเม ‘‘อตฺตา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘รูเป ปติฏฺายา’’ติอาทึ วทนฺโต อยํ นิคณฺโ อตฺตโน วาทํ ภินฺทติ ปติฏฺานสฺส, ปติฏฺายกสฺส จ อเภททีปนโต. รูปาทโย ¶ เวทนาทิสภาวา อตฺตา ตนฺนิสฺสเยน ปฺุาทิกิริยาสมุปลทฺธิโต อิธ ยํ นิสฺสาย ปฺุาทิกิริยา สมุปลพฺภติ, เต รูปาทโย สตฺตสฺิตา อตฺตสภาวา ทิฏฺา ยถา ตํ เทวตาทีสุ, เย ปน สตฺตสฺิตา ตโต อฺเ อสตฺตสภาวา ทิฏฺา ยถา ตํ กฏฺกลิงฺคราทีสูติ เอวํ สาเธตพฺพํ อตฺถํ สเหตุํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต นิคณฺโ นิทสฺสนํ อาเนสีติ อาห ‘‘อติวิย สการณํ กตฺวา อุปมํ อาหรี’’ติ. ตสฺส ปน ‘‘พลกรณียา’’ติ วุตฺตปุริสปฺปโยคา วิย พีชคามภูตคามาปิ สชีวา เอวาติ ลทฺธีติ เต สทิสูทาหรณภาเวน วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. สเจ ปน เย ชีวสฺส อาธารณภาเวน สหิเตน ปวตฺเตตพฺพภาเวน สลฺลกฺเขตพฺพา, เต สชีวาติ อิจฺฉิตา, น เกวเลน ปวตฺเตตพฺพภาเวน. เอวํ สติ ‘‘พลกรณียา กมฺมนฺตา’’ติ วทนฺเตน วิสทิสูทาหรณภาเวน อุปนีตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สมตฺโถ นาม นตฺถิ อตฺตวาทภฺชนสฺส อนตฺตตาปติฏฺาปนสฺส จ สุคตาเวณิกตฺตา. ยํ ปเนตรหิ สาสนิกา ยถาสตฺติ ตทุภยํ กโรนฺติ, ตํ พุทฺเธหิ ทินฺนนเย ตฺวา เตสํ เทสนานุสารโต. นิวตฺเตตฺวาติ ¶ นีหริตฺวา, วิสุํ กตฺวาติ อตฺโถ. สกลํ เวสาลินฺติ สพฺพเวสาลิวาสินํ ชนํ นิสฺสยูปจาเรน นิสฺสิตํ วทติ ยถา ‘‘คาโม อาคโต’’ติ. สํวฏฺฏิตฺวาติ สมฺปิณฺฑิตฺวา, เอกชฺฌํ คเหตฺวาติ อตฺโถ.
๓๕๗. ปติฏฺเปตฺวาติ ยถา ตํ วาทํ น อวชานาติ, เอวํ ปฏิฺํ กาเรตฺวาติ อตฺโถ. ฆาติ-สทฺโท หึสนตฺโถ, ตโต จ สทฺทวิทู อรหตฺถํ ตาย-สทฺทํ อุปฺปาเทตฺวา ฆาเตตายนฺติ รูปสิทฺธึ อิจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘ฆาตารห’’นฺติ. ชาเปตายนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. วตฺติตฺุจ มรหตีติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. วิเสเสตฺวา ทีเปตีติ ‘‘วตฺตติ’’อิจฺเจว อวตฺวา ‘‘วตฺติตฺุจ มรหตี’’ติ ทุติเยน ปเทน ภควตา วุตฺตํ วิเสเสตฺวา ทีเปติ.
ปาสาทิกํ อภิรูปนฺติ อภิมตรูปสมฺปนฺนํ สพฺพาวยวํ. ตโต เอว สุสชฺชิตํ สพฺพกาลํ สุฏฺุ สชฺชิตาการเมว. เอวํวิธนฺติ ยาทิสํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ ทสฺเสติ ‘‘ทุพฺพณฺณ’’นฺติอาทินา. อิมสฺมึ าเนติ ‘‘วตฺตติ เต ตสฺมึ รูเป วโส’’ติ เอตสฺมึ การณคฺคหเณ. การณฺเหตํ ภควตา คหิตํ ‘‘วตฺตติ…เป… มา อโหสี’’ติ. เตเนตํ ทสฺเสติ รูปํ อนตฺตา อวสวตฺตนโต, ยฺหิ วเส น วตฺตติ, ตํ อนตฺตกเมว ทิฏฺํ ยถา ตํ สมฺปตฺติ. วาทนฺติ โทสํ นิคฺคหํ อาโรเปสฺสติ. สตฺตธา มุทฺธา ผลตีติ สหธมฺมิกสากจฺฉาหิ ตถาคเต, ปุจฺฉนฺเต อพฺยากรเณน วิเหสาย กยิรมานตฺตา ตติเย วาเร ธมฺมตาวเสน วิเหสกสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลติ ยถา ตํ สพฺพฺุปฏิฺาย ภควโต สมฺมุขภาวูปคมเน. วชิรปาณิ ¶ ปน กสฺมา ิโต โหตีติ? ภควา วิย อนุกมฺปมาโน มหนฺตํ ภยานกํ รูปํ มาเปตฺวา ตาเสตฺวา อิมํ ทิฏฺึ วิสฺสชฺชาเปมีติ ตสฺส ปุรโต อากาเส วชิรํ อาหรนฺโต ติฏฺติ, น มุทฺธํ ผาเลตุกาโม. น หิ ภควโต ปุรโต กสฺสจิ อนตฺโถ นาม โหติ. ยสฺมา ปน ภควา เอกํสโต สหธมฺมิกเมว ปฺหํ ปุจฺฉติ, ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘ปุจฺฉิเต’’อิจฺเจว วุตฺตํ.
อาทิตฺตนฺติ ทิปฺปมานํ. อกฺขินาสาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน เอฬกสีสสทิสเกสมสฺสุอาทีนํ สงฺคณฺหาติ. ‘‘ทิฏฺิวิสฺสชฺชาปนตฺถ’’นฺติ วตฺวา นยิทํ ยทิจฺฉาวเสน ¶ อาคมนํ, อถ โข อาทิโต มหาพฺรหฺมานํ ปุรโต กตฺวา อตฺตนา กตปฏิฺาวเสนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. นฺติ วชิรปาณึ. ตํ สจฺจกสฺส ปฏิฺาย ปริวตฺตนการณํ. อฺเปิ นุ โขติอาทิ สจฺจกสฺส วีมํสกภาวทสฺสนํ. อวีมํสเกน หิ ตํ ทิสฺวา มหายกฺโขติ วเทยฺย, เตนสฺส อสารุปฺปํ สิยา, อยํ ปน อฺเสํ อภีตภาวํ อุปธาเรตฺวา ‘‘อทฺธาเม ยกฺขํ น ปสฺสนฺติ, ตสฺมา มยฺหเมว ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตีเรตฺวา ยุตฺตปฺปตฺตวเสน ปฏิปชฺชิ.
๓๕๘. อุปธาเรตฺวาติ พฺยากาตพฺพมตฺถํ สลฺลกฺเขตฺวา. เอเสว นโยติ สงฺขารวิฺาเณสุปิ สฺาย วิย นโยติ อตฺโถ. วุตฺตวิปริยาเยนาติ ‘‘อกุสลา ทุกฺขา เวทนา มา อโหสิ, อกุสลา โทมนสฺสสมฺปยุตฺตา สฺา มา อโหสี’’ติอาทินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สปฺปทฏฺวิสนฺติ สพฺพสตฺตานํ สปฺปทฏฺฏฺาเน สรีรปเทเส ปติตํ วิสํ. อลฺลีโนติ สํสิลิฏฺโ. อุปคโตติ น อปคโต. อชฺโฌสิโตติ คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา ิโต. ปริโต ชาเนยฺยาติ สมนฺตโต สพฺพโส กิฺจิปิ อเสเสตฺวา ชาเนยฺย. ปริกฺเขเปตฺวาติ อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนวเสน สพฺพโส เขเปตฺวา. ตถาภูโต จสฺส ขยวยํ อุปเนติ นามาติ อาห ‘‘ขยํ วยํ อนุปฺปาทํ อุปเนตฺวา’’ติ.
๓๕๙. อตฺตโน วาทสฺส อสารภาวโต, ยถาปริกปฺปิตสฺส วา สารสฺส อภาวโต อนฺโตสารวิรหิโต ริตฺโต. วิปฺปการนฺติ ทิฏฺิยา สีลาจารสฺส จ วเสน วิรูปตํ สาปราธตํ สาวชฺชตํ เตสํ อุปริ อาโรเปตฺวา. สินฺนปตฺโตติ ตนุกปตฺโต. วิผาริตนฺติ วิผาฬิตํ.
อสารกรุกฺขปริจิโตติ ปลาสาทิอสารรุกฺขโกฏฺฏเน กตปริจโย. ถทฺธภาวนฺติ วิปกฺกภาวํ, ติกฺขภาวนฺติ อตฺโถ. นตฺถีติ สทา นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ. ปริสตีติ จตุปริสมชฺเฌ ¶ . ตถา หิ ‘‘คณฺิกํ ปฏิมฺุจิตฺวา ปฏิจฺฉนฺนสรีรา’’ติ วุตฺตํ. ยนฺตารุฬฺหสฺส วิยาติ พฺยากรณตฺถํ วายมยนฺตํ อารุฬฺหสฺส วิย.
๓๖๐. ทิฏฺิวิสูกานีติ ¶ ทิฏฺิกิฺจกานิ. ทิฏฺิสฺจริตานีติ ทิฏฺิตาฬนานิ. ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตานีติ ทิฏฺิอิฺชิตานิ. เตสํ อธิปฺปายํ ตฺวาติ เตสํ ลิจฺฉวิกุมารานํ อิฺชิเตเนว อชฺฌาสยํ ชานิตฺวา. เตนาห ‘‘อิเม’’ติอาทิ.
๓๖๑. ยสฺมึ อธิคเต ปุคฺคโล สตฺถุสาสเน วิสารโท โหติ ปเรหิ อสํหาริโย, ตํ าณํ วิสารทสฺส ภาโวติ กตฺวา เวสารชฺชนฺติ อาห ‘‘เวสารชฺชปฺปตฺโตติ าณปฺปตฺโต’’ติ. ตโต เอวมสฺส น ปโร ปจฺเจตพฺโพ เอตสฺส อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย. น ปโร ปตฺติโย สทฺทหาตพฺโพ เอตสฺส อตฺถีติ อปรปฺปตฺติโย. กามํ สจฺจโก เสกฺขภูมิ อเสกฺขภูมีติ อิทํ สาสนโวหารํ น ชานาติ. ปสฺสตีติ ปน ทสฺสนกิริยาย วิปฺปกตภาวสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘น เอตฺตาวตา ภิกฺขุกิจฺจํ ปริโยสิต’’นฺติ อฺาสิ, ตสฺมา ปุน ‘‘กิตฺตาวตา ปนา’’ติ ปุจฺฉํ อารภิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปสฺสตีติ วุตฺตตฺตา’’ติอาทิ.
ยถาภูตํ ปสฺสตีติ ทสฺสนํ, วิสิฏฺฏฺเน อนุตฺตริยํ, ทสฺสนเมว อนุตฺตริยนฺติ ทสฺสนานุตฺตริยํ, ทสฺสเนสุ วา อนุตฺตริยํ ทสฺสนานุตฺตริยํ. โลกิยปฺาติ เจตฺถ วิปสฺสนาปฺา เวทิตพฺพา. สา หิ สพฺพโลกิยปฺาหิ วิสิฏฺฏฺเน ‘‘อนุตฺตรา’’ติ วุตฺตา. โลกิยปฏิปทานุตฺตริเยสุปิ เอเสว นโย. อิทานิ นิปฺปริยายโตว ติวิธมฺปิ อนุตฺตริยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุทฺธโลกุตฺตรเมวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สติปิ สพฺเพสมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมานํ อนุตฺตรภาเว อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน อคฺคมคฺคปฺา ตโต อุตฺตริตรสฺส อภาวโต ทสฺสนานุตฺตริยํ. เตนาห ‘‘อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฏฺี’’ติ. เสสานิ มคฺคงฺคานีติ เสสานิ อรหตฺตมคฺคงฺคานิ. ตานิ หิ มตฺถกปฺปตฺตานิ นิพฺพานคามินี ปฏิปทาติ. อคฺคผลวิมุตฺตีติ อคฺคมคฺคสฺส ผลวิมุตฺติ อรหตฺตผลํ. ขีณาสวสฺสาติ สพฺพโส ขียมานาสวสฺส. นิพฺพานทสฺสนนฺติ อคฺคมคฺคสมฺมาทิฏฺิยา สจฺฉิกิริยาภิสมยมาห. ตตฺถ มคฺคงฺคานีติ อฏฺ มคฺคงฺคานิ. จตุสจฺจนฺโตคธตฺตา สพฺพสฺส เยฺยธมฺมสฺส ‘‘จตฺตาริ สจฺจานิ พุทฺโธ’’ติ วุตฺตํ. สจฺจานุคตสมฺโมหวิทฺธํสเนเนว หิ ภควโต สพฺพโส เยฺยาวรณปฺปหานํ. นิพฺพิเสวโนติ นิรุทฺธกิเลสวิเสวโน.
๓๖๒. ธํสีติ อนุทฺธํสนสีลา. อนุปหตนฺติ อวิกฺขิตฺตํ. สกลนฺติ อนูนํ. กายงฺคนฺติ ¶ กายเมว องฺคนฺติ วทนฺติ, กายสงฺขาตํ องฺคํ สีสาทิอวยวนฺติ ¶ อตฺโถ. ตถา ‘‘โหตุ, สาธู’’ติ เอวมิทํ วาจาย อวยโว วาจงฺคนฺติ.
๓๖๓. อาหรนฺตีติ อภิหรนฺติ. ปฺุนฺติ ปฺุผลสงฺขาโต อานุภาโว. ปฺุผลมฺปิ หิ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘ปฺุ’’นฺติ วุจฺจติ – ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปฺุํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐). เตนาห ‘‘อายตึ วิปากกฺขนฺธา’’ติ. ปฺุมหีติ มหติ ปฺุผลวิภูติ เสตจฺฉตฺตมกุฏจามราทิ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิปากกฺขนฺธานํเยว ปริวาโร’’ติ. ลิจฺฉวีหิ เปสิเตน ขาทนียโภชนีเยน สมโณ โคตโม สสาวกสงฺโฆ มยา ปริวิสิโต, ตสฺมา ลิจฺฉวีนเมว ตํ ปฺุํ โหตีติ. เตนาห ‘‘ตํ ทายกานํ สุขาย โหตู’’ติ. ยสฺมา ปน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ สจฺจเกน ทานํ ทินฺนํ, น ลิจฺฉวีหิ, ตสฺมา ภควา สจฺจกสฺส สตึ ปริวตฺเตนฺโต ‘‘ยํ โข’’ติอาทิมาห. เตน วุตฺตํ ‘‘อิติ ภควา’’ติอาทิ. นิคณฺสฺส มเตน วินาเยวาติ สจฺจกสฺส จิตฺเตน วินา เอว ตสฺส ทกฺขิณํ เขตฺตคตํ กตฺวา ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อตฺตโน ทินฺนํ ทกฺขิณํ…เป… นิยฺยาเตสี’’ติ.
จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. มหาสจฺจกสุตฺตวณฺณนา
๓๖๔. เอกํ ¶ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรตีติ อิมินา ตทา ภควโต เวสาลิยํ นิวาสปริจฺฉินฺโน ปุพฺพณฺหาทิเภโท สพฺโพ สมโย สาธารณโต คหิโต, ตถา เตน โข ปน สมเยนาติ จ อิมินา. ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ปน อิมินา ตพฺพิเสโส, โย ภิกฺขาจารตฺถาย ปจฺจเวกฺขณกาโล. อฏฺกถายํ ปน ‘‘ตีหิ ปเทหิ เอโกว สมโย วุตฺโต’’ติ วุตฺตํ วิเสสสฺส สามฺนฺโตคธตฺตา. มุขโธวนสฺส ปุพฺพกาลกิริยาภาวสามฺโต วุตฺตํ ‘‘มุขํ โธวิตฺวา’’ติ. มุขํ โธวิตฺวา เอว หิ วาสธุโร เจ, เวลํ สลฺลกฺเขตฺวา ยถาจิณฺณํ ภาวนานุโยคํ, คนฺถธุโร เจ, คนฺถปริจเย กติปเย นิสชฺชวาเร อนุยฺุชิตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย วิตกฺกมาฬํ อุปคจฺฉติ.
การณํ ¶ ยุตฺตํ, อนุจฺฉวิกนฺติ อตฺโถ. ปุพฺเพ ยถาจินฺติตํ ปฺหํ อปุจฺฉิตฺวา อฺํ ปุจฺฉนฺโต มคฺคํ เปตฺวา อุมฺมคฺคโต ปริวตฺเตนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘ปสฺเสน ตาว ปริหรนฺโต’’ติ.
๓๖๕. อูรุกฺขมฺโภปิ นาม ภวิสฺสตีติ เอตฺถ นาม-สทฺโท วิมฺหยตฺโถติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘วิมฺหยตฺถวเสนา’’ติอาทิ. ‘‘อนฺโธ นาม ปพฺพตํ อภิรุหิสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย วิมฺหยวาจีสทฺทโยเคน หิ ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ อนาคตวจนํ. กายนฺวยนฺติ กายานุคตํ. ‘‘อยมฺปิ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๙; ม. นิ. ๑.๑๑๒; ม. นิ. ๓.๑๕๔) กายสฺส อสุภานิจฺจาทิตาย อนุปสฺสนา กายภาวนาติ อาห ‘‘กายภาวนาติ ปน วิปสฺสนา วุจฺจตี’’ติ. อนาคตรูปนฺติ อภีเต อตฺเถ อนาคตสทฺทาโรปนํ อนาคตปฺปโยโค น สเมติ. อตฺโถปีติ ‘‘อูรุกฺขมฺโภปิ นาม ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺตอตฺโถปิ น สเมติ. อยนฺติ อตฺตกิลมถานุโยโค. เตสนฺติ นิคณฺานํ.
๓๖๖. อตฺตโน อธิปฺเปตกายภาวนํ วิตฺถาเรนฺโต วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต เย ตํ อนุยุตฺตา, เต นามโคตฺตโต วิภาเวนฺโต ‘‘นนฺโท วจฺโฉ’’ติอาทิมาห. กิลิฏฺตปานนฺติ กายสฺส กิเลสนตปานํ ปุคฺคลานํ. ชาตเมทนฺติ เมทภาวาปตฺติวเสน อุปฺปนฺนเมทํ. ปุริมํ ปหายาติ กาลปริจฺเฉเทน อนาหารอปฺปาหารตาทิวเสน กายสฺส อปจินนํ เขทนํ ปริจฺจชิตฺวา. กายภาวนา ¶ ปน น ปฺายตีติ นิยมํ ปรมตฺถโต กายภาวนาปิ ตว าเณน น ายติ, เสสโตปิ น ทิสฺสติ.
๓๖๗. อิมสฺมึ ปน าเนติ ‘‘กายภาวนมฺปิ โข ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, น อฺาสิ, กุโต ปน ตฺวํ จิตฺตภาวนํ ชานิสฺสสี’’ติ อิมสฺมึ าเน. ตถา ‘‘โย ตฺวํ เอวํ โอฬาริกํ ทุพฺพลํ กายภาวนํ น ชานาสิ, โส ตฺวํ กุโต สนฺตสุขุมํ จิตฺตภาวนํ ชานิสฺสสี’’ติ เอตสฺมึ อตฺถวณฺณนาาเน. อพุทฺธวจนํ นาเมตํ ปทนฺติ กายภาวนาสฺิตวิปสฺสนาโต จิตฺตภาวนา สนฺตา, วิปสฺสนา ปน ปาทกชฺฌานโต โอฬาริกา เจว ทุพฺพลา จาติ อยฺจ เอตสฺส ปทสฺส อตฺโถ. ‘‘อพุทฺธวจนํ นาเมตํ วจนํ ¶ สิยา’’ติ วตฺวา เถโร ปกฺกมิตุํ อารภติ. อถ นํ มหาสีวตฺเถโร ‘‘วิปสฺสนา นาเมสา น อาทิโต สุพฺรูหิตา พลวตี ติกฺขา วิสทา โหติ, ตสฺมา ตรุณวเสนายมตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิสฺสติ, ภิกฺขเว’’ติ สุตฺตปทํ (สํ. นิ. ๒.๖๒) อาหริ. ตตฺถ อาทานนฺติ ปฏิสนฺธิ. นิกฺเขปนนฺติ จุติ. โอฬาริกนฺติ อรูปธมฺเมหิ ทุฏฺุลฺลภาวตฺตา โอฬาริกํ. กายนฺติ จตุสนฺตติรูปสมูหภูตํ กายํ. โอฬาริกนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, โอฬาริกากาเรนาติ อตฺโถ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘อาทานมฺปิ นิกฺเขปนมฺปี’’ติ.
๓๖๘. สุขสาราเคน สมนฺนาคโตติ สุขเวทนาย พลวตรราเคน สมงฺคีภูโต. ปฏฺาเน ปฏิสิทฺธา อวจเนเนว. ตสฺมาติ สุเข ิเต เอว ทุกฺขสฺสานุปฺปชฺชนโต. เอวํ วุตฺตนฺติ ‘‘สุขาย เวทนาย นิโรธา อุปฺปชฺชติ ทุกฺขา เวทนา’’ติ เอวํ วุตฺตํ, น อนนฺตราว อุปฺปชฺชนโต. เขเปตฺวาติ กุสลานิ เขเปตฺวา. คณฺหิตฺวา อตฺตโน เอว โอกาสํ คเหตฺวา. อุภโตปกฺขํ หุตฺวาติ ‘‘กทาจิ สุขเวทนา, กทาจิ ทุกฺขเวทนา’’ติ ปกฺขทฺวยวเสนปิ เวทนา จิตฺตสฺส ปริยาทาย โหติ ยถากฺกมํ อภาวิตกายสฺส อภาวิตจิตฺตสฺส.
๓๖๙. วิปสฺสนา จ สุขสฺส ปจฺจนีกาติ สุกฺขวิปสฺสกสฺสอาทิกมฺมิกสฺส มหาภูตปริคฺคหาทิกาเล พหิ จิตฺตจารํ นิเสเธตฺวา กมฺมฏฺาเน เอว สตึ สํหรนฺตสฺส อลทฺธสฺสาทํ กายสุขํ น วินฺทติ, สมฺพาเธ วเช สนฺนิรุทฺโธ โคคโณ วิย วิหฺติ วิปฺผนฺทติ, อจฺจาสนฺนเหตุกฺจ สรีเร ทุกฺขํ อุปฺปชฺชเตว. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขสฺส อาสนฺนา’’ติ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา’’ติอาทิ. อทฺธาเน คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเตติ มหาภูตปริคฺคหาทิวเสน กาเล คจฺฉนฺเต. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สรีรปเทเส. ทุกฺขํ ทูราปคตํ โหติ สมาปตฺติพเลน วิกฺขมฺภิตตฺตา อปฺปนาภาวโต. อนปฺปกํ วิปุลํ. สุขนฺติ ฌานสุขํ ¶ . โอกฺกมตีติ ฌานสมุฏฺานปณีตรูปวเสน รูปกายํ อนุปวิสติ, นามกาโยกฺกมเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. กายปสฺสทฺธิกมฺมิกสฺสปิ สมฺมสนภาวนา ปฏฺเปตฺวา นิสินฺนสฺส กสฺสจิ อาทิโตว กายกิลมถจิตฺตุปฆาตาปิ สมฺภวนฺติ, สมาธิสฺส ปน อปจฺจนีกตฺตา สินิทฺธภาวโต จ ¶ น สุกฺขวิปสฺสนา วิย สุขสฺส วิปจฺจนีโก, อนุกฺกเมน จ ทุกฺขํ วิกฺขมฺเภตีติ อาห ‘‘ยถา สมาธี’’ติ. ยถา สมาธิ, วิปสฺสนาย ปเนตํ นตฺถีติ อาห ‘‘น จ ตถา วิปสฺสนา’’ติ. เตน วุตฺตนฺติ ยสฺมา วิปสฺสนา สุขสฺส ปจฺจนีกา, สา จ กายภาวนา, เตน วุตฺตํ ‘‘อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, ภาวิตตฺตา กายสฺสา’’ติ. ตถา ยสฺมา สมาธิ ทุกฺขสฺส ปจฺจนีโก, โส จ จิตฺตภาวนา, เตน วุตฺตํ ‘‘อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, ภาวิตตฺตา จิตฺตสฺสา’’ติ โยชนา.
๓๗๐. คุเณ ฆฏฺเฏตฺวาติ อปเทเสน วินา สมีปเมว เนตฺวา. ตํ วต มม จิตฺตํ อุปฺปนฺนา สุขา เวทนา ปริยาทาย สฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชตีติ โยชนา.
๓๗๑. กึ น ภวิสฺสติ, สุขาปิ ทุกฺขาปิ เวทนา ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชเตวาติ อตฺโถ. ตมตฺถนฺติ สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติยา อตฺตโน จิตฺตสฺส อนภิภวนียตาสงฺขาตํ อตฺถํ. ตตฺถ ตาว ปาสราสิสุตฺเต โพธิปลฺลงฺเก นิสชฺชา ‘‘ตตฺเถว นิสีทิ’’นฺติ วุตฺตา. อิธ มหาสจฺจกสุตฺเต ทุกฺกรการิกาย ทุกฺกรจรเณ นิสชฺชา ‘‘ตตฺเถว นิสีทิ’’นฺติ วุตฺตา.
๓๗๔. ฉนฺทกรณวเสนาติ ตณฺหายนวเสนาติ อตฺโถ. สิเนหกรณวเสนาติ สิเนหนวเสน. มุจฺฉากรณวเสนาติ โมหนวเสน ปมาทาปาทเนน. วิปาสากรณวเสนาติ ปาตุกมฺยตาวเสน. อนุทหนวเสนาติ ราคคฺคินา อนุทหนวเสน. โลกุตฺตรมคฺคเววจนเมว วฏฺฏนิสฺสรณสฺส อธิปฺเปตตฺตา.
อลฺลคฺคหเณน กิเลสานํ อสมุจฺฉินฺนภาวํ ทสฺเสติ, สสฺเนหคฺคหเณน อวิกฺขมฺภิตภาวํ, อุทเก ปกฺขิตฺตภาวคฺคหเณน สมุทาจาราวตฺถํ, อุทุมฺพรกฏฺคฺคหเณน อตฺตภาวสฺส อสารกตฺตํ. อิมินาว นเยนาติ ‘‘อลฺลํ อุทุมฺพรกฏฺ’’นฺติอาทินา วุตฺตนเยน. สปุตฺตภริยปพฺพชฺชายาติ ปุตฺตภริเยหิ สทฺธึ กตปริพฺพาชกปพฺพชฺชาวเสน เวทิตพฺพา. กุฏีจกพหูทกหํส-ปรมหํสาทิเภทา พฺราหฺมณปพฺพชฺชา.
๓๗๖. กุโตปิ ¶ ¶ อิมสฺส อาโปสิเนโห นตฺถีติ โกฬาปํ. เตนาห ‘‘ฉินฺนสิเนหํ นิราป’’นฺติ. โกฬนฺติ วา สุกฺขกลิงฺครํ วุจฺจติ, โกฬํ โกฬภาวํ อาปนฺนนฺติ โกฬาปํ. ปฏิปนฺนสฺส อุปกฺกมมหตฺตนิสฺสิตตา ปกติยา กิเลเสหิ อนภิภูตตาย. อตินฺตตา ปฏิปกฺขภาวนาย. ตถา หิ สุกฺขโกฬาปภาโว, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตภาโว จ นิทสฺสิโต. โอปกฺกมิกาหีติ กิเลสอตินิคฺคณฺหนุปกฺกมปฺปภวาหิ. เวทนาหีติ ปฏิปตฺติเวทนาหิ. ทุกฺขา ปฏิปทา หิ อิธาธิปฺเปตา.
๓๗๗. กึ ปน น สมตฺโถ, ยโต เอวํ ปเรหิ จินฺติตุมฺปิ อสกฺกุเณยฺยํ ทุกฺกรจริยํ ฉพฺพสฺสานิ อกาสีติ อธิปฺปาโย. กตฺวาปิ อกตฺวาปิ สมตฺโถว การณสฺส นิปฺผนฺนตฺตา. ‘‘ยถาปิ สพฺเพสมฺปิ โข โพธิสตฺตานํ จริมภเว อนฺตมโส สตฺตาหมตฺตมฺปิ ธมฺมตาวเสน ทุกฺกรจริยา โหติเยว, เอวํ ภควา สมตฺโถ ทุกฺกรจริยํ กาตุํ, เอวฺจ นํ อกาสิ, น ปน ตาย พุทฺโธ ชาโต, อถ โข มชฺฌิมาย เอว ปฏิปตฺติยา’’ติ ตสฺสา พฺยติเรกมุเขน สเทวกสฺส โลกสฺส โพธาย อมคฺคภาวทีปนตฺถํ, อิมสฺส ปน ภควโต กมฺมวิปากวเสน ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรจริยา อโหสิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อวจาหํ โชติปาโล, กสฺสปํ สุคตํ ตทา;
กุโต นุ โพธิ มุณฺฑสฺส, โพธิ ปรมทุลฺลภา.
เตน กมฺมวิปาเกน, อจรึ ทุกฺกรํ พหุํ;
ฉพฺพสฺสานุรุเวลายํ, ตโต โพธิมปาปุณึ.
นาหํ เอเตน มคฺเคน, ปาปุณึ โพธิมุตฺตมํ;
กุมคฺเคน คเวสิสฺสํ, ปุพฺพกมฺเมน วาริโต’’ติ.
ทุกฺกรจริยาย โพธาย อมคฺคภาวทสฺสนตฺถํ ทุกฺกรจริยํ อกาสีติ เกจิ. อถ วา โลกนาถสฺส อตฺตโน ปรกฺกมสมฺปตฺติทสฺสนตฺถาย ทุกฺกรจริยา. ปณีตาธิมุตฺติยา หิ ปรมุกฺกํสคตภาวโต อภินีหารานุรูปํ สมฺโพธิยํ ติพฺพฉนฺทตาย สิขาปฺปตฺติยา ตทตฺถํ อีทิสมฺปิ นาม ทุกฺกรจริยํ อกาสีติ โลเก อตฺตโน วีริยานุภาวํ วิภาเวตุํ – ‘‘โส จ เม ปจฺฉา ปีติโสมนสฺสาวโห ภวิสฺสตี’’ติ โลกนาโถ ทุกฺกรจริยํ ¶ อกาสิ. เตนาห ‘‘สเทวกสฺส โลกสฺสา’’ติอาทิ. ตตฺถ วีริยนิมฺมถนคุโณติ วีริยสฺส สํวฑฺฒนสมฺปาทนคุโณ. ยถาวุตฺตมตฺถํ ¶ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ปาสาเท’’ติอาทิ วุตฺตํ. สงฺคาเม ทฺเว ตโย สมฺปหาเรติ ทฺวิกฺขตฺตุํ ติกฺขตฺตุํ วา ปรเสนาย ปหารปโยเค. ปธานวีริยนฺติ สมฺมปฺปธาเนหิ อาเสวนวีริยํ, สพฺพํ วา ปุพฺพภาควีริยํ.
อภิทนฺตนฺติ อภิภวนทนฺตํ, อุปริทนฺตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุปริทนฺต’’นฺติ. โส หิ อิตรํ มุสลํ วิย อุทุกฺขลํ วิเสสโต กสฺสจิ ขาทนกาเล อภิภุยฺย วตฺตติ. กุสลจิตฺเตนาติ พลวสมฺมาสงฺกปฺปยุตฺเตน กุสลจิตฺเตน. อกุสลจิตฺตนฺติ กามวิตกฺกาทิสหิตํ อกุสลจิตฺตํ. อกุสลจิตฺตสฺส ปวตฺติตุํ อปฺปทานํ นิคฺคโห. ตํตํปฏิกฺเขปวเสน วิโนทนํ อภินิปฺปีฬนํ. วีริยตาเปน วิกฺขมฺภนํ อภิสนฺตาปนํ. สทรโถติ สปริฬาโห. ปธาเนนาติ ปทหเนน, กายสฺส กิลมถุปฺปาทเกน วีริเยนาติ อตฺโถ. วิทฺธสฺสาติ ตุทสฺส. สโตติ สมานสฺส.
๓๗๘. สีสเวนนฺติ สีสํ รชฺชุยา พนฺธิตฺวา ทณฺฑเกน ปริวตฺตกเวนํ. อรหนฺโต นาม เอวรูปา โหนฺตีติ อิมินา ยถายํ, เอวํ วิสฺีภูตาปิ หุตฺวา วิหรนฺตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘มตกสทิสา’’ติ, เวทนาปฺปตฺตา วิย โหนฺตีติ อตฺโถ. สุปินปฺปฏิคฺคหณโต ปฏฺายาติ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ เสตวารณสุปินํ ปสฺสิตฺวา พฺราหฺมเณหิ พฺยากตกาลโต ปฏฺาย.
๓๗๙. ธมฺมสรีรสฺส อโรคภาเวน สาธูติ มริสนิโยติ มาริโส, ปิยายนวจนเมตํ. เตนาห ‘‘สมฺปิยายมานา’’ติอาทิ. อชชฺชิตนฺติ เอวํ อภฺุชิตํ ภการสฺส ชการาเทสํ กตฺวา. เตนาห ‘‘อโภชน’’นฺติ. เอวํ มา กริตฺถาติ ‘‘โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรสฺสาม อนุปฺปเวเสสฺสามา’’ติ ยถา ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, เอวํ มา กริตฺถ. กสฺมา? ยาเปสฺสามหนฺติ อหฺจ ยาวทตฺถํ อาหารมตฺตํ ภฺุชนฺโต ยถา ยาเปสฺสามิ, เอวํ อาหารํ ปฏิเสวิสฺสามิ.
๓๘๐-๘๑. เอตาว ปรมนฺติ เอตฺตกํ ปรมํ, น อิโต ปรํ โอปกฺกมิกทุกฺขเวทนาเวทิยนํ อตฺถีติ อตฺโถ. รฺโ คเหตพฺพนงฺคลโต อฺานิ สนฺธาย ¶ ‘‘เอเกน อูน’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ สุวณฺณปริกฺขตํ, อิตรานิ รชตปริกฺขตานิ. เตนาห ‘‘อมจฺจา เอเกนูนอฏฺสตรชตนงฺคลานี’’ติ. อาฬารุทกสมาคเม ลทฺธชฺฌานานิ วฏฺฏปาทกานิ, อานาปานสมาธิ ปน กายคตาสติปริยาปนฺนตฺตา สพฺเพสฺจ โพธิสตฺตานํ วิปสฺสนาปาทกตฺตา ‘‘โพธาย มคฺโค’’ติ วุตฺโต. พุชฺฌนตฺถายาติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ, สพฺพสฺเสว วา เยฺยธมฺมสฺส อภิสมฺพุชฺฌนาย ¶ . สติยา อนุสฺสรณกวิฺาณํ สตานุสาริวิฺาณํ. กสฺสา ปน สติยาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นยิท’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๓๘๒. ปจฺจุปฏฺิตาติ ตํตํวตฺตกรณวเสน ปติอุปฏฺิตา อุปฏฺายกา. เตนาห ‘‘ปณฺณสาลา’’ติอาทิ. ปจฺจยพาหุลฺลิโกติ ปจฺจยานํ พาหุลฺลาย ปฏิปนฺโน. อาวตฺโตติ ปุพฺเพ ปจฺจยเคธปฺปหานาย ปฏิปนฺโน, อิทานิ ตโต ปฏินิวตฺโต. เตนาห ‘‘รสคิทฺโธ…เป… อาวตฺโต’’ติ. ธมฺมนิยาเมนาติ ธมฺมตาย. ตเมว ธมฺมตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โพธิสตฺตสฺสา’’ติอาทิมาห. พาราณสิเมว ตตฺถาปิ จ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตธมฺมจกฺกปวตฺตนฏฺานเมว อคมํสุ. ปฺจวคฺคิยา กิร วิสาขมาสสฺส อทฺธมาสิยํ คตา. เตนาห ‘‘เตสุ คเตสุ อฑฺฒมาสํ กายวิเวกํ ลภิตฺวา’’ติ.
๓๘๗. ‘‘อทฺธาโภโต โคตมสฺส สาวกาจิตฺตภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, โน กายภาวน’’นฺติ อิมํ สนฺธายาห ‘‘เอกํ ปฺหํ ปุจฺฉิ’’นฺติ. อิมํ ธมฺมเทสนนฺติ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาห’’นฺติอาทิกํ ธมฺมเทสนํ. อสลฺลีโน ตณฺหาทิฏฺิกิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา เตหิ สพฺพโส น ลิตฺโต. อนุปลิตฺโตติ ตสฺเสว เววจนํ ตณฺหานนฺทิยา อภาเวน. โคจรชฺฌตฺตเมวาติ โคจรชฺฌตฺตสฺิเต ผลสมาปตฺติยา อารมฺมเณ, นิพฺพาเนติ อตฺโถ. ยํ สนฺธาย ปาฬิยํ ‘‘ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต’’ติ วุตฺตํ สนฺนิสีทาเปมีติ ผลสมาปตฺติสมาธินา อจฺจนฺตสมาทานวเสน จิตฺตํ สมฺมเทว นิสีทาเปมิ. ปุพฺพาโภเคนาติ สมาปชฺชนโต ปุพฺเพ ปวตฺตอาโภเคน. ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ สมาปชฺชนกฺขณํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา. เตนาห ‘‘สาธุการ…เป… อวิจฺฉินฺเนเยวา’’ติ. เอวมสฺส ปริจฺฉินฺนกาลสมาปชฺชนํ ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ วุฏฺานฺจ พุทฺธานํ น ภาริยํ วสีภาวสฺส ตถาสุปฺปคุณภาวโตติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘พุทฺธานํ หี’’ติอาทิ. ธมฺมสมฺปฏิคฺคาหกานํ อสฺสาสวาเร วา. ตทา หิ เทสิยมานํ ธมฺมํ อุปธาเรตุํ น ¶ สกฺโกนฺติ, ตสฺมา ตสฺมึ ขเณ เทสิตเทสนา นิรตฺถกา สิยา. น หิ พุทฺธานํ นิรตฺถกา กิริยา อตฺถิ.
โอกปฺปนียเมตนฺติ ‘‘ตสฺสา เอว กถายา’’ติอาทินา วุตฺตํ อติวิย อจฺฉริยคตํ อฏฺุปฺปตฺตึ สุตฺวา อีทิสี ปฏิปตฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺเสว โหตีติ อุปวาทวเสน วทติ, น สภาเวน. เตนาห ‘‘สตฺถริ ปสาทมตฺตมฺปิ น อุปฺปนฺน’’นฺติ. กายทรโถติ ปจฺจยวิเสสวเสน รูปกายสฺส ปริสฺสมากาโร. อุปาทินฺนเกติ อินฺทฺริยพทฺเธ. อนุปาทินฺนเกติ อนินฺทฺริยพทฺเธ. วิกสนฺติ สูริยรสฺมิสมฺผสฺเสน. ตทภาเวน มกุลานิ โหนฺติ. เกสฺจิ ตินฺตินิกาทิรุกฺขานํ ¶ . ปติลียนฺติ นิสฺสยรูปธมฺมอวิปฺผาริกตาย. อรูปธมฺมตาย ปฺจวิฺาณานฺเจว กิริยามยวิฺาณานฺจ อปฺปวตฺติสฺิตา อวิปฺผาริกตา โหติ, ยตฺถ นิทฺทาสมฺา. เตนาห ‘‘ทรถวเสน ภวงฺคโสตฺจ อิธ นิทฺทาติ อธิปฺเปต’’นฺติ. ตตฺถ ทรถวเสนาติ ทรถวเสเนว, น ถินมิทฺธวเสนาติ อวธารณํ อวธารณผลฺจ นิทฺธาเรตพฺพํ. ตํ สนฺธายาติ กายสฺส ทรถสงฺขาตสรีรคิลานเหตุกํ นิทฺทํ สนฺธาย. สรีรคิลานฺจ ภควโต นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปิฏฺิ เม อาคิลายตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๐; ม. นิ. ๒.๒๒; จูฬว. ๓๔๕) วจนโต. สมฺโมหวิหารสฺมินฺติ ปจฺจตฺเต เอตํ ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘สมฺโมหวิหาโรติ วทนฺตี’’ติ, สมฺโมหวิหารสฺมึ วา ปริยาปนฺนํ เอตํ วทนฺติ, ยทิทํ ทิวา นิทฺโทกฺกมนนฺติ โยชนา.
๓๘๙. อุปนีเตหีติ โทสมคฺคํ นินฺทาปถํ อุปนีเตหิ. อภินนฺทิตฺวาติ สมฺปิยายิตฺวา. เตนาห ‘‘จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉนฺโต’’ติ. อนุโมทิตฺวาติ ‘‘สาธุ สาธู’’ติ เทสนาย โถมนวเสน อนุโมทิตฺวา. เตนาห ‘‘วาจายปิ ปสํสนฺโต’’ติ. สมฺปตฺเต กาเลติ ปพฺพชฺชาโยคฺเค กาเล อนุปฺปตฺเต.
คณํ วิโนเทตฺวาติ คณํ อปเนตฺวา คณปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา. ปปฺจนฺติ อวเสสกิเลสํ. ‘‘ปฺุวา ราชปูชิโต’’ติ วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ตสฺมิฺหิ กาเล’’ติอาทิ วุตฺตํ. ฉนฺทวาสหรเณน อุโปสถกมฺมํ กโรนฺโต.
สกลํ ¶ รตฺตึ พุทฺธคุณานํเยว กถิตตฺตา เถรสฺส าณํ เทสนาวิภวฺจ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘เอตฺตกาว, ภนฺเต, พุทฺธคุณา’’ติ. อิมาย, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ธมฺมกถาย อนวเสสโต พุทฺธคุณา กถิตา วิย ชายนฺติ, เอวํ สนฺเตปิ อนนฺตาปริเมยฺยาว เต, กึ อิโต ปเรปิ วิชฺชนฺเตวาติ เถรํ ตตฺถ สีหนาทํ นทาเปตุกาโม อาห ‘‘อุทาหุ อฺเปิ อตฺถี’’ติอาทิ. รชฺชสฺส ปเทสิกตฺตา, ยถาวุตฺตสุภาสิตสฺส จ อนคฺฆตฺตา วุตฺตํ ‘‘อยํ เม ทุคฺคตปณฺณากาโร’’ติ. ติโยชนสติกนฺติ อิทํ ปริกฺเขปวเสน วุตฺตํ, ตฺจ โข มนุสฺสานํ ปริโภควเสนาติ ทฏฺพฺพํ.
มหาสจฺจกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา
๓๙๐. ตตฺราติ ¶ ตสฺมึ ปุพฺพารามมิคารมาตุปาสาทานํ อตฺถวิภาวเน อยํ อิทานิ วุจฺจมานา อนุปุพฺพี กถา. มณีนนฺติ เอตฺถ ปทุมราคมณีนํ อธิปฺเปตตฺตา อาห ‘‘อฺเหิ จา’’ติ. เตน อินฺทนีลาทิมณีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺปภสฺสรกพรวณฺณวเสน สตฺตวณฺเณหิ.
ตณฺหา สพฺพโส ขียนฺติ เอตฺถาติ ตณฺหาสงฺขโย (อ. นิ. ฏี. ๓.๗.๖๑), ตสฺมึ. ตณฺหาสงฺขเยติ จ วิสเย อิทํ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘ตํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติ. วิมุตฺตจิตฺตตายาติ สพฺพสํกิเลเสหิ วิมุตฺตจิตฺตตาย. อปรภาคปฏิปทา นาม อริยสจฺจาภิสมโย, สา สาสนจาริโคจรา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพโตติ อาห ‘‘ปุพฺพภาคปฺปฏิปทํ สํขิตฺเตน เทเสถาติ ปุจฺฉตี’’ติ. อกุปฺปธมฺมตาย ขยวยสงฺขาตํ อนฺตํ อตีตาติ อจฺจนฺตา, โส เอว อปริหานสภาวตฺตา อจฺจนฺตา นิฏฺา เอตสฺสาติ อจฺจนฺตนิฏฺโ. เตนาห ‘‘เอกนฺตนิฏฺโ สตตนิฏฺโติ อตฺโถ’’ติ. น หิ ปฏิวิทฺธสฺส โลกุตฺตรธมฺมสฺส ทสฺสนํ กุปฺปนํ นาม อตฺถิ. อจฺจนฺตเมว จตูหิ โยเคหิ เขโม เอตสฺส อตฺถีติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส วุสิตตฺตา, ตสฺส จ อปริหานสภาวตฺตา อจฺจนฺตํ พฺรหฺมจารีติ ¶ อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี. เตนาห ‘‘นิจฺจพฺรหฺมจารีติ อตฺโถ’’ติ. ปริโยสานนฺติ พฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํ.
เวคายตีติ ตุริตายติ. สลฺลกฺเขสีติ จินฺเตสิ, อตฺตนา ยถา สุตาย สตฺถุ เทสนาย อนุสฺสรณวเสน อุปธาเรสิ. อนุคฺคณฺหิตฺวาวาติ อตฺถวินิจฺฉยวเสน อนุคฺคเหตฺวา เอว. ฉสุ ทฺวาเรสุ นิยุตฺตาติ ฉทฺวาริกา, เตหิ.
ปฺจกฺขนฺธาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. สกฺกายสพฺพฺหิ สนฺธาย อิธ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ วิปสฺสนาวิสยสฺส อธิปฺเปตตฺตา, ตสฺมา อายตนธาตุโยปิ ตคฺคติกา เอว ทฏฺพฺพา. เตนาห ภควา ‘‘นาลํ อภินิเวสายา’’ติ. น ยุตฺตา อภินิเวสาย ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อชฺโฌสานาย. ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔-๑๒๕, ๑๒๘, ๑๓๔, ๑๔๓) วิย อลํ-สทฺโท ยุตฺตตฺโถปิ โหตีติ อาห ‘‘น ยุตฺตา’’ติ. สมฺปชฺชนฺตีติ ภวนฺติ. ยทิปิ ‘‘ตติยา, จตุตฺถี’’ติ อิทํ วิสุทฺธิทฺวยํ ¶ อภิฺาปฺา, ตสฺสา ปน สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนภาวโต, สติ จ ปจฺจยปริคฺคเห สปฺปจฺจยตฺตา (นามรูปสฺส อนิจฺจตา, อนิจฺจํ ทุกฺขํ, ทุกฺขฺจ อนตฺตาติ อตฺถโต) ลกฺขณตฺตยํ สุปากฏเมว โหตีติ อาห ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ าตปริฺาย อภิชานาตี’’ติ. ตเถว ตีรณปริฺายาติ อิมินา อนิจฺจาทิภาเวน นาลํ อภินิเวสายาติ นามรูปสฺส อุปสํหรติ, น อภิฺาปฺานํ สมฺภารธมฺมานํ. ปุริมาย หิ อตฺถโต อาปนฺนลกฺขณตฺตยํ คณฺหาติ สลกฺขณสลฺลกฺขณปรตฺตา ตสฺสา, ทุติยาย สรูปโต ตสฺสา ลกฺขณตฺตยาโรปนวเสน สมฺมสนภาวโต. เอกจิตฺตกฺขณิกตาย อภินิปาตมตฺตตาย จ อปฺปมตฺตกมฺปิ. รูปปริคฺคหสฺส โอฬาริกภาวโต อรูปปริคฺคหํ ทสฺเสติ. ทสฺเสนฺโต จ เวทนาย อาสนฺนภาวโต, วิเสสโต สุขสาราคิตาย, ภวสฺสาทคธิตมานสตาย จ สกฺกสฺส เวทนาวเสน นิพฺพตฺเตตฺวา ทสฺเสติ.
อุปฺปาทวยฏฺเนาติ อุทยพฺพยสภาเวน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌเนน. อนิจฺจาติ อทฺธุ วา. อนิจฺจลกฺขณํ อนิจฺจตา อุทยวยตา. ตสฺมาติ ยสฺมา ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ขยโต วยโต ทสฺสนาณํ อนิจฺจานุปสฺสนา, ตํสมงฺคี จ ปุคฺคโล อนิจฺจานุปสฺสี ¶ , ตสฺมา. ขยวิราโคติ ขยสงฺขาโต วิราโค สงฺขารานํ ปลุชฺชนา. ยํ อาคมฺม สพฺพโส สงฺขาเรหิ วิรชฺชนา โหติ, ตํ นิพฺพานํ อจฺจนฺตวิราโค. นิโรธานุปสฺสิมฺหิปีติ นิโรธานุปสฺสิปเทปิ. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อภิทิสิตฺวา ตํ เอกเทเสน วิวรนฺโต ‘‘นิโรโธปิ หิ…เป… ทุวิโธเยวา’’ติ อาห. สพฺพาสวสํวเร วุตฺตโวสฺสคฺโคว อิธ ‘‘ปฏินิสฺสคฺโค’’ติ วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฏินิสฺสคฺโค วุจฺจติ โวสฺสคฺโค’’ติอาทิมาห. ปริจฺจาคโวสฺสคฺโค วิปสฺสนา. ปกฺขนฺทนวเสน อปฺปนโต ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโค มคฺโค อฺสฺส ตทภาวโต. โสติ มคฺโค. อารมฺมณโตติ กิจฺจสาธนวเสน อารมฺมณกรณโต. เอวฺหิ มคฺคโต อฺเสํ นิพฺพานารมฺมณานํ ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคาภาโว สิทฺโธ โหติ. ปริจฺจชเนน ปกฺขนฺทเนน จาติ ทฺวีหิปิ วา การเณหิ. สพฺเพสํ ขนฺธานํ โวสฺสชฺชนํ ตปฺปฏิพทฺธสํกิเลสปฺปหาเนน ทฏฺพฺพํ. จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ มคฺคสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ สนฺธายาห. อุภยมฺเปตํ โวสฺสชฺชนํ. ตทุภยสมงฺคีติ วิปสฺสนาสมงฺคี มคฺคสมงฺคี จ. ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺํ ปชหตี’’ติอาทิวจนโต (ปฏิ. ม. ๑.๕๒) ยถา วิปสฺสนาย กิเลสานํ ปริจฺจาคปฏินิสฺสคฺโค ลพฺภติ, เอวํ อายตึ เตหิ กิเลเสหิ อุปฺปาเทตพฺพขนฺธานมฺปิ ปริจฺจาคปฏินิสฺสคฺโค วตฺตพฺโพ, ปกฺขนฺทนปฏินิสฺสคฺโค ปน มคฺเค ลพฺภมานาย เอกนฺตการณภูตาย วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาย วเสน เวทิตพฺโพ, มคฺเค ปน ตทุภยมฺปิ ายาคตเมว นิปฺปริยายโตว ลพฺภมานตฺตา. เตนาห ‘‘ตทุภยสมงฺคี ปุคฺคโล’’ติอาทิ.
ปุจฺฉนฺตสฺส ¶ อชฺฌาสยวเสน ‘‘น กิฺจิ โลเก อุปาทิยตี’’ติ เอตฺถ กามุปาทานวเสน อุปาทิยนํ ปฏิกฺขิปียตีติ อาห ‘‘ตณฺหาวเสน น อุปาทิยตี’’ติ. ตณฺหาวเสน วา อสติ อุปาทิยเน ทิฏฺิวเสน อุปาทิยนํ อนวกาสเมวาติ ‘‘ตณฺหาวเสน’’อิจฺเจว วุตฺตํ. น ปรามสตีติ นาทิยติ, ทิฏฺิปรามาสวเสน วา ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา น ปรามสติ. สํขิตฺเตเนว ขิปฺปํ กเถสีติ ตสฺส อชฺฌาสยวเสน ปปฺจํ อกตฺวา กเถสิ.
๓๙๑. อภิสมาคนฺตฺวาติ อภิมุขาเณน เยฺยํ สมาคนฺตฺวา ยาถาวโต วิทิตฺวา. เตนาห ‘‘ชานิตฺวา’’ติ. ยถาปริสวิฺาปกตฺตาติ ยถาปริสํ ¶ ธมฺมสมฺปฏิคฺคาหิกาย มหติยา, อปฺปกาย วา ปริสาย อนุรูปเมว วิฺาปนโต. ปริยนฺตํ น นิจฺฉรตีติ น ปวตฺตติ. มา นิรตฺถกา อคมาสีติ อิทํ ธมฺมตาวเสน วุตฺตํ, น สตฺถุ อชฺฌาสยวเสน. เอกฺเหตํ สตฺถุ วจีโฆสสฺส อฏฺสุ องฺเคสุ, ยทิทํ ปริสปริยนฺตตา. ฉิทฺทวิวโรกาโสติ ฉิทฺทภูโต, วิวรภูโต วา โอกาโสปิ นตฺถิ, ภควโต สทฺทาสวนการณํ วุตฺตเมว. ตสฺมาติ ยถาวุตฺตการณโต.
ปฺจ องฺคานิ เอตสฺสาติ ปฺจงฺคํ, ปฺจงฺคํ เอว ปฺจงฺคิกํ. มหตีอาทิ วีณาวิเสโสปิ อาตตเมวาติ ‘‘จมฺมปริโยนทฺเธสู’’ติ วิเสสิตํ. เอกตลํ กุมฺภถูณททฺทราทิ. จมฺมปริโยนทฺธํ หุตฺวา ตนฺติพทฺธํ อาตตวิตตํ. เตนาห ‘‘ตนฺติพทฺธปณวาที’’ติ. โคมุขีอาทีนมฺปิ เอตฺเถว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. วํสาทีติ อาทิ-สทฺเทน สงฺขสิงฺคาทีนํ สงฺคโห. สมฺมาทีติ สมฺมตาฬกํสตาฬสิลาสลากตาฬาทิ. ตตฺถ สมฺมตาฬํ นาม ทณฺฑมยตาฬํ. กํสตาฬํ โลหมยํ. สิลาย อโยปตฺเตน จ วาทนตาฬํ สิลาสลากตาฬํ. สมปฺปิโตติ สมฺมา อปฺปิโต อุเปโต. เตนาห ‘‘อุปคโต’’ติ. อุปฏฺานวเสน ปฺจหิ ตูริยสเตหิ อุเปโต. เอวํภูโต จ ยสฺมา เตหิ อุปฏฺิโต สมนฺนาคโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมงฺคีภูโตติ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. ปริจาเรตีติ ปริโต จาเรติ. กานิ ปน จาเรติ, กถํ วา จาเรตีติ อาห ‘‘สมฺปตฺตึ…เป… จาเรตี’’ติ. ตตฺถ ตโต ตโตติ ตสฺมึ ตสฺมึ วาทิเต ตตฺถ ตตฺถ จ วาทกชเน. อปเนตฺวาติ วาทกชเน นิเสเธตฺวา. เตนาห ‘‘นิสฺสทฺทานิ การาเปตฺวา’’ติ. เทวจาริกํ คจฺฉติเยว เทวตานํ มนุสฺสานฺจ อนุกมฺปาย. สฺวายมตฺโถ วิมานวตฺถูหิ (วิ. ว. ๑) ทีเปตพฺโพ.
๓๙๒. อปฺเปว สเกน กรณีเยนาติ มาริส, โมคฺคลฺลาน, มยํ สเกน กรณีเยน อปฺเปว พหุกิจฺจาปิ น โหม. อปิจ เทวานํเยวาติ อปิจ โข ปน เทวานํเยว ตาวตึสานํ กรณีเยน ¶ วิเสสโต ¶ พหุกิจฺจาติ อตฺถโยชนา. ภุมฺมฏฺกเทวตานมฺปิ เกจิ อฏฺฏา สกฺเกน วินิจฺฉิตพฺพา โหนฺตีติ อาห ‘‘ปถวิโต ปฏฺายา’’ติ. นิยเมนฺโตติ อวธาเรนฺโต. ตํ ปน กรณียํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘เทวานํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตาสนฺติ เทวธีตุเทวปุตฺตปาทปริจาริกานํ. มณฺฑนปสาธนการิกาติ มณฺฑนปสาธนสํวิธายิกา. อฏฺฏกรณํ นตฺถิ สํสยสฺเสว อภาวโต.
ยนฺติ สวนุคฺคหณาทิวเสน สุปริจิตมฺปิ ยํ อตฺถชาตํ. น ทิสฺสติ, ปฺาจกฺขุโน สพฺพโส น ปฏิภาตีติ อตฺโถ. เกจีติ สารสมาสาจริยา. โสมนสฺสสํเวคนฺติ โสมนสฺสสมุฏฺานํ สํเวคํ, น จิตฺตสนฺตาสํ.
สมุปพฺยูฬฺโหติ ยุชฺฌนวเสน สหปติโต สโมคาฬฺโห. เอวํภูโต จ ยสฺมา สมูหวเสน สมฺปิณฺฑิโต โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สนฺนิปติโต ราสิภูโต’’ติ. อนนฺตเร อตฺตภาเวติ อิทํ ทุติยํ สกฺกตฺตภาวํ ตโต อนนฺตราตีเตน สกฺกตฺตภาเวน สกฺกตฺตภาวสามฺโต เอกมิว กตฺวา คหณวเสน วุตฺตํ, อฺถา ‘‘ตติเย อตฺตภาเว’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. มฆตฺตภาโว หิ อิโต ตติโยติ. อถ วา ยสฺมึ อตฺตภาเว โส เทวาสุรสงฺคาโม อโหสิ, ตสฺส อนนฺตรตฺตา มฆตฺตภาวสฺส วุตฺตํ ‘‘อนนฺตเร อตฺตภาเว’’ติ. สตฺตานํ หิเตสิตาย มาตาปิตุอุปฏฺานาทินา จริยาหิ โพธิสตฺตจริยา วิยสฺส จริยา อโหสิ. สตฺต วตปทานีติ สตฺต วตโกฏฺาเส.
มหาปานนฺติ มหนฺตํ สุราปานํ. คณฺฑปานนฺติ คณฺฑสุราปานํ, อธิมตฺตปานนฺติ อตฺโถ. ปริหรมานาติ ปริวาเรนฺตา. เวทิกาปาทาติ สิเนรุสฺส ปริยนฺเต เวทิกาปริกฺเขปา. ปฺจสุ าเนสูติ ปฺจสุ ปริภณฺฑฏฺาเนสุ นาคเสนาทีหิ อารกฺขํ เปสิ.
๓๙๓. รามเณยฺยกนฺติ รมณียภาวํ. มสารคลฺลตฺถมฺเภติ กพรมณิมเย ถมฺเภ. สุวณฺณาทิมเย ฆฏเกติ ‘‘รชตตฺถมฺเภสุ สุวณฺณมเย, สุวณฺณตฺถมฺเภสุ รชตมเย’’ติอาทินา สุวณฺณาทิมเย ฆฏเก วาฬรูปกานิ จ. ปพาฬฺหํ มตฺโตติ ปมตฺโต. เตนาห ‘‘อติวิย มตฺโต’’ติ. นาฏกปริวาเรนาติ อจฺฉราปริวาเรน.
อจฺฉริยพฺภุตนฺติ ¶ ปททฺวเยนปิ วิมฺหยนากาโรว วุตฺโต, ตสฺมา สฺชาตํ อจฺฉริยพฺภุตํ วิมฺหยนากาโร เอเตสนฺติ สฺชาตอจฺฉริยอพฺภุตา, ตถา ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทา. อจฺฉริยพฺภุตเหตุกา สฺชาตา ¶ ตุฏฺิ เอเตสนฺติ สฺชาตตุฏฺิโน. สํวิคฺคนฺติ สฺชาตสํเวคํ. สฺวายํ สํเวโค ยสฺมา ปุริมาวตฺถาย จิตฺตสฺส จลนํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จลิต’’นฺติ.
๓๙๔. ตมํ วิโนทิตนฺติ ปาฏิหาริยทสฺสเนน ‘‘อโห เถรสฺส อิทฺธานุภาโว’’ติ สมฺมาปฏิปตฺติยํ สฺชาตพหุมาโน, อีทิสํ นาม สาสนํ ลภิตฺวาปิ มยํ นิรตฺถเกน โภคมเทน สมฺมตฺตา ภวามาติ โยนิโส มนสิการุปฺปาทเนน สมฺโมหตมํ วิโนทิตํ วิธมิตํ. เอเตติ มหาเถโร สกฺโก จาติ เต ทฺเวปิ สมานพฺรหฺมจริยตาย สพฺรหฺมจาริโน.
๓๙๕. ปฺาตานนฺติ ปากฏานํ จาตุมหาราช-สุยาม-สนฺตุสิต-ปรนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺมานํ อฺตโร, น เยสํ เกสฺจีติ อธิปฺปาโย. อารทฺธธมฺมวเสเนว ปริโยสาปิตตฺตา ยถานุสนฺธินาว นิฏฺเปสิ.
จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา
๓๙๖. ลทฺธิมตฺตนฺติ ¶ มิจฺฉาคาหมตฺตํ, น ทิฏฺาภินิเวโส. สสฺสตทิฏฺีติ นิจฺจาภินิเวโส. โสติ อริฏฺโ ภิกฺขุ. กเถตฺวา สโมธาเนนฺตนฺติ โยชนา. สโมธาเนนฺตนฺติ จ นิคเมนฺตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ ตตฺเถวาติ เตสุ เตสุ เอว ภเวสุ นิรุชฺฌนฺติ, น ภวนฺตรํ สงฺกมนฺติ. วิฺาณํ ปน อภินฺนสภาวํ อนฺนฺติ อธิปฺปาโย. อิธโลกโตติ อิมสฺมา อตฺตภาวา. ปรโลกนฺติ ปรภวสฺิตํ อตฺตภาวํ. สนฺธาวตีติ นิจฺจตาย เกนจิ อสมฺพทฺธํ วิย คจฺฉติ. เตน อิธโลกโต ปรโลกคมนมาห. สํสรตีติ อิมินา ปรโลกโต อิธาคมนํ. สนฺธาวตีติ วา ภวนฺตรสงฺกมนมาห. สํสรตีติ ตตฺถ ตตฺถ อปราปรสฺจรณํ.
‘‘ปจฺจเย ¶ สติ ภวตี’’ติอาทินา วิฺาณสฺส อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนภาวํ ทสฺเสนฺโต สสฺสตภาวํ ปฏิกฺขิปติ. พุทฺเธน อกถิตํ กเถสีติ อิมินา ‘‘ยํ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน, ตํ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตนาติ ทีเปตี’’ติ (จูฬว. ๓๕๒, ๓๕๓) อิมสฺมึ เภทกรวตฺถุสฺมึ สนฺทิสฺสตีติ ทสฺเสติ. ชินจกฺเก ปหารํ เทตีติ ‘‘ตเทวิทํ วิฺาณํ…เป… อนฺ’’นฺติ นิจฺจตํ ปฏิชานนฺโต – ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา (ธ. ป. ๒๗๗), รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจ’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๙๓-๙๔) จ อาทินยปฺปวตฺเต สตฺถุ ธมฺมจกฺเก ขีลํ อุปฺปาเทนฺโต ปหารํ เทติ. สพฺพฺุตฺาเณน อนิจฺจนฺติ ทิฏฺํ ปเวทิตฺจ วิฺาณํ นิจฺจนฺติ ปฏิชานนฺโต เวสารชฺชาณํ ปฏิพาหติ. โสตุกามํ ชนนฺติ อริยธมฺมาธิคมสฺส เอกนฺตอุปายภูตํ วิปสฺสนามคฺคํ โสตุกามํ ชนํ นิจฺจคฺคาหปคฺคณฺหเนน วิสํวาเทติ. ตโต เอว อริยปเถ อริยธมฺมวีถิยํ ตสฺสา ปฏิกฺขิปเนน ติริยํ นิปติตฺวา.
๓๙๘. วิฺาณสีเสน อตฺตนา คหิตํ อตฺตานํ วิภาเวนฺโต ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วโท เวเทยฺโยติอาทโย สสฺสตทิฏฺิยา เอว อภินิเวสาการา. วทตีติ วโท, วจีกมฺมสฺส การโกติ อตฺโถ. อิมินา หิ การกภาวุปายิกสตฺตานํ หิตสุขาวโพธนสมตฺถตํ อตฺตโน ทสฺเสติ. เวทิโยว เวเทยฺโย, ชานาติ อนุภวติ จาติ อตฺโถ. อีทิสานฺหิ ปทานํ พหุลา กตฺตุสาธนตํ สทฺทวิทู มฺนฺติ. เวทยตีติ ตํ ตํ อนุภวิตพฺพํ อนุภวติ. ตหึ ตหินฺติ เตสุ เตสุ ภวโยนิคติิติสตฺตาวาสสตฺตนิกาเยสุ.
๓๙๙. ตํ ¶ วาทํ ปคฺคยฺห ิตตฺตา สาติสฺส ฉินฺนปจฺจยตา อวิรุฬฺหธมฺมตา จ เวทิตพฺพา. เหฏฺาติ อลคทฺทสุตฺตสํวณฺณนํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๓๖-๒๓๗) สนฺธายาห. ปรโต เหฏฺาติ วุตฺตฏฺาเนปิ เอเสว นโย. ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธีติ ตีหิปิ อนุสนฺธีหิ อโวมิสฺโส วิสุํเยเวโก อนุสนฺธิ. นนุ จายมฺปิ สาติสฺส อชฺฌาสยวเสน ปวตฺติตตฺตา อชฺฌาสยานุสนฺธิเยวาติ? น, นิยฺยานมุเขน อปฺปวตฺตตฺตา. นิยฺยานฺหิ ปุรกฺขตฺวา ปุจฺฉาทิวเสน ปวตฺตา อิตรา เทสนาปุจฺฉานุสนฺธิอาทโย. อิธ ตทภาวโต ¶ วุตฺตํ ‘‘ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธี’’ติ. ปริสาย ลทฺธึ โสเธนฺโตติ ยาทิสี สาติสฺส ลทฺธิ, ตทภาวทสฺสนวเสน ปริสาย ลทฺธึ โสเธนฺโต, ปริสาย ลทฺธิโสธเนเนว สาติ คณโต นิสฺสาริโต นาม ชาโต.
๔๐๐. ยํ ยเทวาติ อิทํ ยทิปิ อวิเสสโต ปจฺจยธมฺมคฺคหณํ, ‘‘วิฺาณนฺตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ ปน วุตฺตตฺตา ตํตํวิฺาณสฺส สมฺานิมิตฺตปจฺจยชาตํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตน วุตฺตํ ปาฬิยํ – ‘‘จกฺขุวิฺาณนฺตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติอาทิ. อถ วา ตํตํทฺวารนิยตํ อิตรมฺปิ สพฺพํ ตสฺส ตสฺส วิฺาณสฺส ปจฺจยชาตํ อิธ ‘‘ยํ ยเทวา’’ติ คหิตํ, ตตฺถ ปน ยํ อสาธารณํ, เตน สมฺาติ ‘‘จกฺขุวิฺาณนฺตฺเววา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทฺวารสงฺกนฺติยา อภาวนฺติ วิฺาณสฺส ทฺวารนฺตรสงฺกมนสฺส อภาวํ. สฺวายํ โอฬาริกนเยน มนฺทพุทฺธีนํ สุขาวโพธนตฺถํ นยทสฺสนวเสน วุตฺโต. น หิ กทาจิ ปจฺจุปฺปนฺนํ วิฺาณํ วิคจฺฉนฺตํ อนนฺตรวิฺาณํ สงฺกมติ อนนฺตราทิปจฺจยาลาเภ ตสฺส อนุปฺปชฺชนโต.
เอวเมวาติ ยถา อคฺคิ อุปาทานํ ปฏิจฺจ ชลนฺโต อนุปาทาโน ตตฺเถว นิพฺพายติ, น กตฺถจิ สงฺกมติ, เอวเมว. ‘‘ปจฺจยเวกลฺเลน ตตฺเถว นิรุชฺฌตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, น เหตฺถ อนุปฺปาทนิโรโธ อิจฺฉิโต ตาทิสสฺส นิโรธสฺส อิธ อนธิปฺเปตตฺตา, อถ โข ขณนิโรโธ, โส จ สาภาวิกตฺตา น ปจฺจยเวกลฺลเหตุโก? สจฺจเมตํ, ตํตํทฺวาริกสฺส ปน วิฺาณสฺส ทฺวารนฺตรํ อสงฺกมิตฺวา ตตฺถ ตตฺเถว นิรุชฺฌนํ อิธาธิปฺเปตํ. เยสฺจ ปจฺจยานํ วเสน ทฺวารนฺตริกวิฺาเณน ภวิตพฺพํ, เตสํ ตทภาวโต ปจฺจยเวกลฺลคฺคหณํ, ตสฺมา ปจฺจยเวกลฺเลน น โสตาทีนิ สงฺกมิตฺวา โสตวิฺาณนฺติอาทิ สงฺขฺยํ คจฺฉตีติ โยชนา. เอเตน ยํ วิฺาณํ จกฺขุรูปาทิปจฺจยสามคฺคิยา วเสน จกฺขุวิฺาณสงฺขฺยํ คจฺฉติ, ตตฺถ ตตฺเถว นิรุชฺฌติ ตาวกาลิกภาวโต, ตสฺส ปน โสตสทฺทาทิปจฺจยาภาวโต กุโต โสตวิฺาณาทิสมฺา, เอวมปฺปวตฺติโต ตสฺส กุโต สงฺกโมติ ทสฺสิตํ โหติ. วิฺาณปฺปวตฺเตติ วิฺาณปฺปวตฺติยํ. ทฺวารสงฺกนฺติมตฺตนฺติ ทฺวารนฺตรสงฺกมนมตฺตมฺปิ น วทามิ ตตฺถ ตตฺเถว ¶ ภิชฺชนโต ปจฺจยสฺส อุปฺปาทวนฺตโต สติ จ อุปฺปาเท อวสฺสํภาวี นิโรโธติ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจตา ทีปิตา โหตีติ.
๔๐๑. ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ¶ วิฺาณํ วุตฺตํ มยา, อฺตฺร ปจฺจยา นตฺถิ วิฺาณสฺส สมฺภโว’’ติ ปาฬิยา อนฺวยโต จ พฺยติเรกโต จ วิฺาณสฺส สงฺขตตาว ทสฺสิตาติ อาห ‘‘สปฺปจฺจยภาวํ ทสฺเสตฺวา’’ติ. เหตุปจฺจเยหิ ชาตํ นิพฺพตฺตํ ‘‘ภูต’’นฺติ อิธาธิปฺเปตํ, ตํ อตฺถโต ปฺจกฺขนฺธา ตพฺพินิมุตฺตสฺส สปฺปจฺจยสฺส อภาวโต, ยฺจ ขนฺธปฺจกํ อตฺตโน เตสฺจ ภิกฺขูนํ, ตํ ‘‘ภูตมิท’’นฺติ ภควา อโวจาติ อาห ‘‘อิทํ ขนฺธปฺจก’’นฺติ. อตฺตโน ผลํ อาหรตีติ อาหาโร, ปจฺจโย. สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโว, อาหาโร สมฺภโว เอตสฺสาติ อาหารสมฺภวํ. เตนาห ‘‘ปจฺจยสมฺภว’’นฺติ. ตสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธาติ เยน อวิชฺชาทินา ปจฺจเยน ขนฺธปฺจกํ สมฺภวติ, ตสฺส ปจฺจยสฺส อนุปฺปาทนิโรธา. ขณนิโรโธ ปน การณนิรเปกฺโข.
โนสฺสูติ สํสยโชตโน นิปาโตติ อาห ‘‘ภูตํ นุ โข อิทํ, น นุ โข ภูต’’นฺติ. ภูตมิทํ โนสฺสูติ จ อิมินา ขนฺธปฺจกเมว นุ โข อิทํ, อุทาหุ อตฺตตฺตนิยนฺติ เอวํชาติโก สํสยนากาโร คหิโต. ตทาหารสมฺภวํ โนสฺสูติ ปน อิมินา สเหตุกํ นุ โข อิทํ ภูตํ, อุทาหุ อเหตุกนฺติ ยถา อเหตุกภาวาปนฺโน สํสยนากาโร คหิโต, เอวํ วิสมเหตุกภาวาปนฺโนปิ สํสยนากาโร คหิโตติ ทฏฺพฺพํ. วิสมเหตุโนปิ ปรมตฺถโต ภูตสฺส อเหตุกภาวโต. วิสมเหตุวาโทปิ ปเรหิ ปริกปฺปิตมตฺตตาย สภาวนิยติยทิจฺฉาทิวาเทหิ สมานโยคกฺขโมติ. นิโรธธมฺมํ โนสฺสูติ อิมินา ยถา อนิจฺจํ นุ โข อิทํ ภูตํ, อุทาหุ นิจฺจนฺติ อนิจฺจตํ ปฏิจฺจ สํสยนากาโร คหิโต, เอวํ ทุกฺขํ นุ โข, อุทาหุ น ทุกฺขํ, อนตฺตา นุ โข, อุทาหุ น อนตฺตาติปิ สํสยนากาโร คหิโตเยวาติ ทฏฺพฺพํ อนิจฺจสฺส ทุกฺขภาวาทิอวสฺสํภาวโต, นิจฺเจ จ ตทุภยาภาวโต. ยาถาวสรสลกฺขณโตติ อวิปรีตสรสโต สลกฺขณโต จ, กิจฺจโต เจว สภาวโต จาติ อตฺโถ. วิปสฺสนาย อธิฏฺานภูตาปิ ปฺา วิปสฺสนา เอวาติ วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนาปฺายา’’ติ. สรสโตติ จ สภาวโต. สลกฺขณโตติ สามฺลกฺขณโต. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปฺาย สมฺมา ปสฺสนฺตสฺสา’’ติ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ยาถาวสรสลกฺขณโต’’ติ วุตฺตนเยเนว. เย เยติ ตสฺสํ ปริสายํ เย เย ภิกฺขู. สลฺลกฺเขสุนฺติ สมฺมเทว อุปธาเรสุํ.
เตหีติ ¶ ¶ เตหิ ภิกฺขูหิ. ตตฺถาติ ติสฺสํ วิปสฺสนาปฺายํ. นิตฺตณฺหภาวนฺติ ตณฺหาภาวํ ‘‘เอตํ มม’’นฺติ ตณฺหาคฺคาหสฺส ปหีนตํ. เอเตนปิ ภควา ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุปิ ตณฺหาปหานเมว วณฺเณมิ, สาติ ปน โมฆปุริโส อตฺตภาเวปิ ตณฺหาสํวทฺธนึ วิปรีตทิฏฺึ ปคฺคยฺห ติฏฺตี’’ติ สาตึ นิคฺคณฺหาติ. สภาวทสฺสเนนาติ ธมฺมานํ อวิปรีตสภาวทสฺสเนน. ปจฺจยทสฺสเนนาติ การณทสฺสเนน อนวเสสโต เหตุโน ปจฺจยสฺส จ ทสฺสเนน. อลฺลีเยถาติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน นิสฺสเยถ. เตนาห ‘‘ตณฺหาทิฏฺีหี’’ติ. เกลาเยถาติ ปริหรณเกฬิยา ปริหเรยฺยาถ. เตนาห ‘‘กีฬมานา วิหเรยฺยาถา’’ติ. ธนํ วิย อิจฺฉนฺตาติ ธนํ วิย ทฺรพฺยํ วิย อิจฺฉํ ตณฺหํ ชเนนฺตา. เตนาห ‘‘เคธํ อาปชฺเชยฺยาถา’’ติ. มมตฺตํ อุปฺปาเทยฺยาถาติ ‘‘มมมิท’’นฺติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินิเวสํ ชเนยฺยาถ. นิกนฺติวเสนปิ คหณตฺถาย โน เทสิโต, ตสฺส วา สณฺหสุขุมสฺส วิปสฺสนาธมฺมสฺส คหณํ นาม นิกนฺติยา เอว สิยา, น โอฬาริกตณฺหายาติ วุตฺตํ ‘‘นิกนฺติวเสนา’’ติ.
๔๐๒. ปฏิจฺจ เอตสฺมา ผลํ เอตีติ ปจฺจโย, สพฺโพ การณวิเสโสติ อาห ‘‘ขนฺธานํ ปจฺจยํ ทสฺเสนฺโต’’ติ. ยาว อวิชฺชา หิ สพฺโพ เนสํ การณวิเสโส อิธ ทสฺสิโต. ปุน อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา, อนฺตโต ปฏฺาย ยาว อาทีติ อนุโลมโต ปฏิโลมโต จ วฏฺฏวิวฏฺฏทสฺสนวเสน นานานเยหิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต, นิจฺจคฺคาหสฺส นิมิตฺตภูโต กิเลโสปิ อิธ นตฺถีติ ทีเปติ. ตมฺปิ วุตฺตตฺถเมวาติ ตมฺปิ ‘‘อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อาหารา’’ติอาทิ ยาว ‘‘ตณฺหาปภวา’’ติ ปาฬิปทํ, ตาว วุตฺตตฺถเมว สมฺมาทิฏฺิสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๙). เสสํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาภาวโต วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๗๐) วิตฺถาริตาวาติ อิมินาว สงฺคหิตํ.
๔๐๔. อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ อุทานฏฺกถายํ (อุทา. อฏฺ. ๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๔๐๗. ปฏิธาวนาติ ปฏิสรณํ, ปุพฺเพ อตฺตโน อาคตํ อตีตํ อทฺธานํ อุทฺทิสฺส ตณฺหาทิฏฺิวเสน ปฏิคมนนฺติ อตฺโถ. นนุ วิจิกิจฺฉาวเสน ปาฬิยํ ¶ ปฏิธาวนา อาคตาติ? สจฺจํ อาคตา, สา ปน ตณฺหาทิฏฺิเหตุกาติ ‘‘ตณฺหาทิฏฺิวเสนา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ยถาธิคเต าณทสฺสเน.
นิจฺจลภาวนฺติ ¶ สุปฺปติฏฺิตภาวํ, ติตฺถิยวาทวาเตหิ อกมฺปิยภาวฺจ. ครูติ ครุคุณยุตฺโต. ภาริโก ปาสาณจฺฉตฺตสทิโส. อกามา อนุวตฺติตพฺโพติ สทฺธามตฺตเกเนว อนุวตฺตนมาห, น อเวจฺจปฺปสาเทน. กิจฺจนฺติ สตฺถุกิจฺจํ. พฺราหฺมณานนฺติ ชาติมนฺตพฺราหฺมณานํ. วตสมาทานานีติ มควตาทิวตสมาทานานิ. ทิฏฺิกุตูหลานีติ ตํตํทิฏฺิคฺคาหวเสน ‘‘อิทํ สจฺจํ, อิทํ สจฺจ’’นฺติอาทินา คเหตพฺพกุตูหลานิ. เอวํ นิสฺสฏฺานีติ ยถา มยา ตุมฺหากํ โอวาโท ทินฺโน, เอวํ นิสฺสฏฺานิ วตาทีนิ ตํ อติกฺกมิตฺวา กึ คณฺเหยฺยาถ. สยํ าเณน าตนฺติ ปรเนยฺยตํ มฺุจิตฺวา อตฺตโน เอว าเณน ยาถาวโต าตํ. เอวํภูตฺจ สยํ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺํ นาม โหตีติ อาห ‘‘สยํ ปฺาจกฺขุนา ทิฏฺ’’นฺติ. สยํ วิภาวิตนฺติ เตหิ ภิกฺขูหิ ตสฺส อตฺถสฺส ปจฺจตฺตํ วิภูตภาวํ อาปาทิตํ. อุปนีตาติ อุปกฺกเมน ธมฺมเทสนานุสาเรน นีตา. มยาติ กตฺตริ กรณวจนํ. ธมฺเมนาติ การเณน. เอตํ วจนนฺติ เอตํ ‘‘สนฺทิฏฺิโก’’ติอาทิวจนํ.
๔๐๘. ตํ สมฺโมหฏฺานํ อสฺส โลกสฺส. สโมธาเนนาติ สมาคเมน. คพฺภติ อตฺตภาวภาเวน วตฺตตีติ คพฺโภ, กลลาทิอวตฺโถ ธมฺมปพนฺโธ, ตนฺนิสฺสิตตฺตา ปน สตฺตสนฺตาโน ‘‘คพฺโภ’’ติ วุตฺโต ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ. ตนฺนิสฺสยภาวโต มาตุกุจฺฉิ ‘‘คพฺโภ’’ติ เวทิตพฺโพ, คพฺโภ วิยาติ วา. ยถา หิ นิวาสฏฺานตาย สตฺตานํ โอวรโก ‘‘คพฺโภ’’ติ วุจฺจติ, เอวํ คพฺภเสยฺยกานํ ยาว อภิชาติ นิวาสฏฺานตาย มาตุกุจฺฉิ ‘‘คพฺโภ’’ติ วุตฺโตติ.
ยเมกรตฺตินฺติ ยสฺสํ เอกรตฺติยํ. ภุมฺมตฺเถ หิ อิทํ อุปโยควจนํ, อจฺจนฺตสํโยเค วา. ปมนฺติ สพฺพปมํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ. คพฺเภติ มาตุกุจฺฉิยํ. มาณโวติ สตฺโต. เยภุยฺเยน สตฺตา รตฺติยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตีติ ¶ รตฺติคฺคหณํ. อพฺภุฏฺิโตวาติ อุฏฺิตอพฺโภ วิย, อภิมุขภาเวน วา อุฏฺิโต เอว มรณสฺสาติ อธิปฺปาโย. โส ยาตีติ โส มาณโว ยาติ ปมกฺขณโต ปฏฺาย คจฺฉเตว. ส คจฺฉํ น นิวตฺตตีติ โส เอวํ คจฺฉนฺโต ขณมตฺตมฺปิ น นิวตฺตติ, อฺทตฺถุ มรณเมว อุปคจฺฉตีติ คาถาย อตฺโถ.
อุตุสมยํ สนฺธาย วุตฺตํ, น โลกสมฺาตรชสฺส ลคฺคนทิวสมตฺตํ. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘มาตุคามสฺส กิร ยสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ คพฺภาสเย. สณฺหิตฺวาติ นิพฺพตฺติตฺวา. ภิชฺชิตฺวาติ อคฺคหิตคพฺภา เอว ภินฺนา หุตฺวา. อยฺหิ ตสฺสา สภาโว. วตฺถุ สุทฺธํ โหตีติ ปคฺฆริตโลหิตตฺตา อนามยตฺตา จ คพฺภาสโย สุทฺโธ โหติ. สุทฺธวตฺถุตฺตา ¶ ตโต ปรํ กติปยทิวสานิ เขตฺตเมว โหติ คพฺภสณฺหนสฺส ปริตฺตสฺส โลหิตเลสสฺส วิชฺชมานตฺตา. สมฺภวสฺส ปน กถํ สพฺภาโวติ อาห ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติอาทิ. อิตฺถิสนฺตาเนปิ สุกฺกธาตุ ลพฺภเตว. เตนาห ‘‘องฺคปรามสเนนปิ ทารโก นิพฺพตฺตติเยวา’’ติ. ยถา ปาริกาย นาภิปรามสเนน สามสฺส โพธิสตฺตสฺส, ทิฏฺมงฺคลิกาย นาภิปรามสเนน มณฺฑพฺยสฺส นิพฺพตฺติ. คนฺธพฺโพติ คนฺธนโต อุปฺปชฺชนคติยา นิมิตฺตุปฏฺาปเนน สูจนโต คนฺโธติ ลทฺธนาเมน ภวคามิกมฺมุนา อพฺพติ ปวตฺตตีติ คนฺธพฺโพ, ตตฺถ อุปฺปชฺชนกสตฺโต. เตนาห ‘‘ตตฺรูปคสตฺโต’’ติ. กมฺมยนฺตยนฺติโตติ ตตฺรูปปตฺติอาวเหน กมฺมสงฺขาเตน เปลฺลนกยนฺเตน ตถตฺตาย เปลฺลิโต อุปนีโต. มหนฺเตน ชีวิตสํสเยนาติ วิชายนปริกฺกิเลเสน ‘‘ชีวิสฺสามิ โข, น นุ โข ชีวิสฺสามิ อหํ วา, ปุตฺโต วา เม’’ติ เอวํ ปวตฺเตน ชีวิตสํสเยน วิปุเลน ครุตเรน สํสเยน. ตํ านนฺติ ถนปฺปเทสมาห. กีฬนฺติ เตนาติ กีฬนํ, กีฬนเมว กีฬนกํ.
๔๐๙. สารชฺชตีติ สารตฺตจิตฺโต โหติ. พฺยาปชฺชตีติ พฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ. กาเย เกสาทิทฺวตฺตึสาสุจิสมุทาเย ตํสภาวารมฺมณา สติ กายสติ. อนุปฏฺเปตฺวาติ อนุปฺปาเทตฺวา, ยถาสภาวโต กายํ อนุปธาเรตฺวาติ อตฺโถ. ปริตฺตเจตโสติ กิเลเสหิ ¶ ปริโต ขณฺฑิตจิตฺโต. เตนาห ‘‘อกุสลจิตฺโต’’ติ. เอเต อกุสลธมฺมา. นิรุชฺฌนฺตีติ นิโรธํ ปตฺตา โหนฺติ. ตณฺหาวเสน อภินนฺทตีติ สปฺปีติกตณฺหาวเสน อภิมุขํ หุตฺวา นนฺทติ. อภิวทตีติ ตณฺหาวเสน ตํ ตํ อารมฺมณํ อภินิวิสฺส วทติ. อชฺโฌสายาติ อนฺสาธารณํ วิย อารมฺมณํ ตณฺหาวเสน อนุปวิสิตฺวา. เตนาห ‘‘คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา’’ติ. ทุกฺขํ กถํ อภินนฺทตีติ เอตฺถ ทุกฺขเหตุกํ อภินนฺทนฺโต ทุกฺขํ อภินนฺทติ นามาติ ทฏฺพฺพํ. อฏฺกถายํ ปน ยาวตา ยสฺส ทุกฺเข ทิฏฺิตณฺหา อภินนฺทนา อปฺปหีนา, ตาวตายํ ทุกฺขํ อภินนฺทติ นามาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อหํ ทุกฺขิโต มม ทุกฺขนฺติ คณฺหนฺโต อภินนฺทติ นามา’’ติ วุตฺตํ. เตน คาหทฺวยเหตุกา ตตฺถ อภินนฺทนาติ ทสฺเสติ. ปุน เอกวารนฺติ ปุนปิ เอกวารํ. ผลเหตุสนฺธิเหตุผลสนฺธิวเสน ทฺวิสนฺธี. ‘‘คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหตี’’ติอาทินา อตฺถโต สรูปโต จ เอตรหิ ผลสงฺเขปสฺส. สรูเปเนว จ อิตรทฺวยสฺส เทสิตตฺตา อาห ‘‘ติสงฺเขป’’นฺติ.
๔๑๐-๔๑๔. สมถยานิกสฺส ภิกฺขุโน เวทนามุเขน สงฺเขเปเนว ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ อิธ กถิตนฺติ อาห ‘‘สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ ธาเรถา’’ติ. ‘‘อิมํ ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติ’’นฺติ จ ภควา ยถาเทสิตํ เทสนํ อโวจาติ วุตฺตํ ‘‘อิมํ…เป… วิมุตฺติเทสน’’นฺติ ¶ . ยทิ เอวํ กถํ เทสนา วิมุตฺตีติ อาห ‘‘เทสนา หิ…เป… วิมุตฺตีติ วุตฺตา’’ติ. ยสฺสา ตณฺหาย วเสน สาติ ภิกฺขุ สสฺสตคฺคาหมหาสงฺฆาฏปฏิมุกฺโก, สา สพฺพพุทฺธานํ เทสนา หตฺถาวลมฺพมาเนปิ ทุรุคฺฆาฏิยา ชาตาติ อาห ‘‘มหาตณฺหาชาลตณฺหาสงฺฆาฏปฏิมุกฺก’’นฺติ. มหาตณฺหาชาเลติ มหนฺเต ตณฺหาชเฏ. ตณฺหาสงฺฆาเฏติ ตณฺหาย สงฺฆาเฏ. ตถาภูโต จ ตสฺส อพฺภนฺตเร กโต นาม โหตีติ อาห ‘‘อนุปวิฏฺโ อนฺโตคโธ’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. มหาอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนา
๔๑๕. ชานปทิโนติ ¶ ชนปทวนฺโต, ชนปทสฺส วา อิสฺสรา ราชกุมารา โคตฺตวเสน องฺคา นาม. เตสํ นิวาโส ยทิ เอโก ชนปโท ¶ , กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘รุฬฺหีสทฺเทนา’’ติ. อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ าเนสุ ยุตฺเต วิย สลิงฺควจนานิ (ปาณินิ ๑.๒.๕๑) อิจฺฉนฺติ. อยเมตฺถ รุฬฺหี ยถา ‘‘กุรูสุ วิหรติ, มลฺเลสุ วิหรตี’’ติ จ. ตพฺพิเสสเน ปน ชนปทสทฺเท ชาติสทฺเท เอกวจนเมว. เตนาห ‘‘องฺเคสุ ชนปเท’’ติ. อสฺสา วุจฺจนฺติ ปาสาณานิ, ตานิ สุนฺทรานิ ตตฺถ สนฺตีติ ‘‘อสฺสปุร’’นฺติ โส นิคโม วุตฺโตติ เกจี. อปเร ปน อาชานีโย อสฺโส รฺโ ตตฺถ คหณํ อุปคโตติ ‘‘อสฺสปุร’’นฺติ วุตฺโตติ วทนฺติ. กึ เตหิ, นามเมตํ ตสฺส นิคมสฺส. ยสฺมา ปน ตตฺถ ภควโต นิพทฺธวสนฏฺานํ กิฺจิ นาโหสิ, ตสฺมา ‘‘ตํ โคจรคามํ กตฺวา วิหรติ’’จฺเจว วุตฺตํ. ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘อสฺสปุรํ นาม องฺคานํ นิคโม’’ติ โคจรคามกิตฺตนเมว กตํ.
เอวรูเปน สีเลนาติอาทีสุ สีลคฺคหเณน วาริตฺตสีลมาห. เตน สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีเว ทสฺเสติ. อาจารคฺคหเณน จาริตฺตสีลํ. เตน ปริสุทฺธํ กายวจีสมาจารํ. ปฏิปตฺติคฺคหเณน สมถวิปสฺสนามคฺคผลสงฺคหํ สมฺมาปฏิปตฺตึ. ลชฺชิโนติ อิมินา ยถาวุตฺตสีลาจารมูลการณํ. เปสลาติ อิมินา ปาริสุทฺธึ. อุฬารคุณาติ อิมินา ปฏิปตฺติยา ปาริปูรึ. ภิกฺขุสงฺฆสฺเสว วณฺณํ กเถนฺตีติ อิทํ เตสํ อุปาสกานํ เยภุยฺเยน ภิกฺขูนํ คุณกิตฺตนปสุตตาย วุตฺตํ. เต ปน สทฺธมฺเมปิ สมฺมาสมฺพุทฺเธปิ อภิปฺปสนฺนา เอว. เตนาห ‘‘พุทฺธมามกา ธมฺมมามกา’’ติ. วตฺถุตฺตเย หิ เอกสฺมึ อภิปฺปสนฺนา อิตรทฺวเย อภิปฺปสนฺนา เอว ตทวินาภาวโต. ปิณฺฑปาตาปจายเนติ ลกฺขณวจนเมตํ ยถา ‘‘กาเกหิ สปฺปิ รกฺขิตพฺพ’’นฺติ, ตสฺมา ปจฺจยปฏิปูชเนติ วุตฺตํ โหติ. ปจฺจยทายกานฺหิ การสฺส อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติยา มหปฺผลภาวสฺส กรณํ อิธ ‘‘ปิณฺฑปาตาปจายน’’นฺติ อธิปฺเปตํ.
สมณกรณาติ สมณภาวกรา, สมณภาวสฺส การกาติ อตฺโถ. เต ปน เอกนฺตโต อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทิตา วฑฺฒิตา จ โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาทาย ปริปูริตา’’ติ. สมณคฺคหณฺเจตฺถ สมณวเสน, น สามฺมตฺเตนาติ อาห ‘‘สมิตปาปสมณ’’นฺติ. พฺราหฺมณกรณาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนวตฺโถ เวทิตพฺโพ. พฺยฺชนโต เอว จายํ เภโท, ยทิทํ สมณพฺราหฺมณาติ ¶ , น อตฺถโต. สมเณน กตฺตพฺพธมฺมาติ ¶ สมณธมฺเม ิเตน สมฺปาเทตพฺพธมฺมา. โย หิ เหฏฺิมสิกฺขาสงฺขาตสมณภาเว สุปฺปติฏฺิโต, เตน เย อุปริสิกฺขาสงฺขาตสมณภาวา สมฺปาเทตพฺพา, เตสํ วเสเนว วุตฺตสมเณน กตฺตพฺพธมฺมา วุตฺตาติ. ตถา หิ เตสํ สมณภาวาวหตํ สนฺธายาห ‘‘เตปิ จ สมณกรณา โหนฺติเยวา’’ติ. อิธ ปนาติ มหาอสฺสปุเร. หิโรตฺตปฺปาทิวเสน เทสนา วิตฺถาริตาติ หิโรตฺตปฺป-ปริสุทฺธกายวจีมโนสมาจาราชีวอินฺทฺริยสํวร-โภชเนมตฺตฺุต- ชาคริยานุโยคสติสมฺปชฺ-ฌานวิชฺชาวเสน สมณกรณธมฺมเทสนา วิตฺถารโต เทสิตา, น ติกนิปาเต วิย สงฺเขปโต. ผลคฺคหเณเนว วิปากผลํ คหิตํ, ตํ ปน อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน จตุพฺพิธํ สามฺผลํ ทฏฺพฺพํ. อานิสํสคฺคหเณน ปิยมนาปตาทิอุทฺรโย. ตสฺเสว อตฺโถติ ตสฺเสว อวฺจาปทสฺเสว อตฺถนิทฺเทโส. ‘‘ยสฺสา หี’’ติอาทินา พฺยติเรกวเสน อตฺถํ วทติ. เอตฺตเกน าเนนาติ เอตฺตเกน ปาฬิปเทเสน. หิโรตฺตปฺปาทีนํ อุปริ ปาฬิยํ วุจฺจมานานํ สมณกรณธมฺมานํ. วณฺณํ กเถสีติ คุณํ อานิสํสํ อภาสิ. สติปฏฺาเน วุตฺตนเยนาติ ‘‘อปิจ วณฺณภณนเมต’’นฺติอาทินา สติปฏฺานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๖) วุตฺตนเยน.
๔๑๖. ยํ หิรียตีติ เยน ธมฺเมน เหตุภูเตน วา ชิคุจฺฉติ. กรเณ เหตํ ปจฺจตฺตวจนํ. ยนฺติ วา ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺโต, ธมฺโมติ อตฺโถ. หิรียิตพฺเพนาติ อุปโยคตฺเถ กรณวจนํ, หิรียิตพฺพยุตฺตกํ กายทุจฺจริตาทินฺติ อตฺโถ. โอตฺตปฺปิตพฺเพนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อชฺฌตฺตํ นิยกชฺฌตฺตํ ชาติอาทิ สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ อชฺฌตฺตสมุฏฺานา หิรี, พหิทฺธา อตฺตโต พหิภูโต ปรสตฺโต สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ. อตฺตาธิปติโต อาคตา อตฺตาธิปเตยฺยา, อตฺตานํ อธิปตึ กตฺวา ปวตฺตา. ลชฺชาสภาวสณฺิตาติ ปาปชิคุจฺฉนสภาวฏฺายินี. สปฺปติสฺสวลกฺขณตฺตา ครุนา กิสฺมิฺจิ วุตฺเต คารววเสน ปติสฺสวนํ ปติสฺสโว, สห ปติสฺสเวนาติ สปฺปติสฺสวํ, ปติสฺสวภูตํ ตํสภาวฺจ ยํ กิฺจิ คารวํ. ชาติอาทิมหตฺตตาปจฺจเวกฺขเณน อุปฺปชฺชมานา จ หิรี ตตฺถ คารววเสน ปวตฺตตีติ สปฺปติสฺสวลกฺขณาติ วุจฺจติ. ภยสภาวสณฺิตนฺติ ปาปโต ภายนสภาวฏฺายี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณตฺตา ¶ วชฺชํ ภายติ ตํ ภยโต ปสฺสตีติ วชฺชภีรุกภยทสฺสาวี, เอวํสภาวํ โอตฺตปฺปํ. อชฺฌตฺตสมุฏฺานาทิตา จ หิโรตฺตปฺปานํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฏภาเวเนว วุจฺจติ, น ปเรสํ กทาจิ อฺมฺวิปฺปโยคา. น หิ ลชฺชนํ นิพฺภยํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ โหตีติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑.พลราสิวณฺณนา) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. โลกมริยาทสฺส ปาลนโต โลกปาลธมฺมา นาม. สุกฺกาติ ¶ โอทาตา ปภสฺสรภาวการกา, สุกฺกาภิชาติเหตุตาย วา สุกฺกา. สมฺเภทนฺติ อาจารมริยาทาสงฺกรํ. เทวภาวาวหา ธมฺมาติ เทวธมฺมา.
สุกฺกธมฺมสมาหิตาติ ยถาวุตฺตสุกฺกธมฺมสมงฺคิโน. สนฺโตติ วูปสนฺตโทสา. สปฺปุริสาติ สนฺตชนา. สปรหิตสาธกา หิ สาธโว.
อวยววินิมุตฺตสฺส สมุทายสฺส อภาวโต, อวยเวน จ สมุทายสฺส อปทิสิตพฺพโต โอวาทูปสมฺปทาวหโอวาเทกเทโส โอวาทูปสมฺปทาติ. อิธาติ อิมสฺมึ อสฺสปุเร. เอเต หิโรตฺตปฺปธมฺมา. สมณธมฺมา นามาติ ทสฺสิตา มูลภูตสมณภาวกรา ธมฺมาติ กตฺวา. ตถา หิ เตสํ อาทิโต คหณํ.
ยสฺส อธิคเมน นิปฺปริยายโต สมณา นาม โหนฺติ, โส อริยมคฺโค ‘‘สมณสฺส กมฺมํ ปฏิปทา’’ติ กตฺวา สามฺํ, ตสฺส ปน ผลภาวโต, อารมฺมณกรณวเสน อรณียโต ผลนิพฺพานานิ สามฺตฺโถ. ราคํ เขเปตีติ ราคกฺขโย, อริยมคฺโค. ราโค ขียติ เอตฺถาติ ราคกฺขโย, นิพฺพานํ. ผลํ ปน การณูปจาเรน ราคกฺขโย ทฏฺพฺโพ. โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สามฺภูโต อตฺโถ สามฺตฺโถ, มคฺโค, สามฺสฺส อตฺโถติ สามฺตฺโถ, ผลนฺติ อาห ‘‘มคฺคมฺปิ ผลมฺปิ เอกโต กตฺวา สามฺตฺโถ กถิโต’’ติ. ตยิทํ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน วุตฺตํ. สีลาทิปุพฺพภาคปฏิปทาปิ หิ อิธ ‘‘สามฺตฺโถ’’ติ คหิตา. เตเนวาห ‘‘สติ อุตฺตริกรณีเย’’ติ. ปฏิเวทยามีติ ปุนปฺปุนํ าเปมิ.
๔๑๗. กมฺมปถวเสเนวาติ อกุสลกมฺมปถภาเวเนว, ตโต ตาทิสมฺปิ อกุสลกมฺมํ ภิกฺขุสฺส กาตุํ น ยุตฺตนฺติ ทุฏฺุลฺลภาเวเนว ตโต ¶ โอรมตีติ อธิปฺปาโย. สิกฺขาปทพทฺเธนาติ สิกฺขาปทปฺาปเนน. ปานียฆเฏ วา ปตฺเต วา กากานํ หตฺถํ วา ทณฺฑํ วา เลฑฺฑุํ วาติ สพฺพมิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. ยตฺถ กตฺถจิ หิ ิตานํ อฺเสมฺปิ ปาณีนํ อุฏฺาปนาทิ สพฺพํ อนิฏฺกรณํ อิธ อปริสุทฺธกายสมาจารภาเวเนว สงฺคหิตนฺติ. อุตฺตาโนติ อุทฺธมุทฺธํ ตโนตีติ อุตฺตาโน. เอวํภูโต จ เกนจิ อนุปฺปาทภูมิยํ สฺชาตสาลกลฺยาณีขนฺโธ วิย อุปรูปริ อุคฺคตุคฺคโต ปากโฏ จ โหตีติ อาห ‘‘อุคฺคโต ปากโฏ’’ติ. อนาวโฏติ อนิวุโต. เตนาห ‘‘อสฺฉนฺโน’’ติ, นจฺฉาเทตพฺโพติ อตฺโถ. เอกสทิโส วิสุทฺธภาเวน. อนฺตรนฺตเร ฉิทฺทรหิโต ปุพฺเพนาปรํ สมฺมาปฏิปตฺติยา สนฺธาเนน. สํวุโต กายิกสฺส สํวรสฺส อนุปกฺกิเลสโต. เตนาห ‘‘กิเลสานํ ทฺวารํ ปิทหเนนา’’ติ.
๔๑๘. เอตฺถ ¶ ยถา ลหุกตรํ กากุฏฺาปนาทิกายกมฺมํ กายสมาจารสฺส อปริสุทฺธภาวาวหํ สลฺเลขวิโกปนโต, มิจฺฉาวิตกฺกนมตฺตฺจ มโนสมาจารสฺส, เอวํ ยํ กิฺจิ อนิยฺยานกถากถนมตฺตํ วจีสมาจารสฺส อปริสุทฺธภาวาวหํ สลฺเลขวิโกปนโต, น หสาธิปฺปาเยน มุสากถนนฺติ ทฏฺพฺพํ. หสาธิปฺปาเยน หิ มุสากถนํ สิกฺขาปทพทฺเธเนว ปฏิกฺขิตฺตนฺติ.
๔๒๐. อาชีโวปิ เอกจฺโจ กมฺมปถวเสน วาริโต ลพฺภติ. โส ปน อติโอฬาริโก กายวจีสมาจารวาเรสุ วุตฺตนโย เอวาติ น คหิโตติ ทฏฺพฺพํ. เย ปน ‘‘ตาทิโส ภิกฺขูนํ อโยคฺยโต น คหิโต’’ติ วทนฺติ, ตํ มิจฺฉา ตถา สติ กายวจีสมาจารวาเรปิ ตสฺส อคฺคเหตพฺพภาวาปตฺติโต. ‘‘ขาทถ ปิวถา’’ติ ปุจฺฉา อตฺตโน ขาทิตุกามตาทีปเนน, ปริยายกถาภาวโต ปเนสา สลฺเลขวิโกปนา ชาตา.
๔๒๒. อเนสนํ ปหาย ธมฺเมน สเมน ปจฺจเย ปริเยสนฺโต ปริเยสนมตฺตฺู นาม. ทายกสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อตฺตโน จ ปมาณฺุตาปฏิคฺคณฺหนฺโต ปฏิคฺคหณมตฺตฺู นาม. โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนฺโต ปริโภคมตฺตฺู นาม.
๔๒๓. เอกสฺมึ ¶ โกฏฺาเสติ มชฺฌิมยามสฺิเต เอกสฺมึ โกฏฺาเส. ‘‘วาเมน ปสฺเสน เสนฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตา. ทกฺขิณปสฺเสน สยาโน นาม นตฺถิ ทกฺขิณหตฺถสฺส สรีรคฺคหณาทิปโยคกฺขมโต. ปุริสวเสน เจตํ วุตฺตํ.
เตชุสฺสทตฺตาติ อิมินา สีหสฺส อภีรุกภาวํ ทสฺเสติ. ภีรุกา หิ เสสมิคา อตฺตโน อาสยํ ปวิสิตฺวา สนฺตาสปุพฺพกํ ยถา ตถา สยนฺติ, สีโห ปน อภีรุกภาวโต สโตการี ภิกฺขุ วิย สตึ อุปฏฺเปตฺวาว สยติ. เตนาห ‘‘ทฺเว ปุริมปาเท’’ติอาทิ. เสติ อพฺยาวฏภาเวน ปวตฺตติ เอตฺถาติ เสยฺยา, จตุตฺถชฺฌานเมว เสยฺยา. กึ ปน ตํ จตุตฺถชฺฌานนฺติ? อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ. ตตฺถ หิ ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ภควา อนุกฺกเมน อคฺคมคฺคํ อธิคโต ตถาคโต ชาโตติ เกจิ, ตยิทํ ปทฏฺานํ นาม น เสยฺยา. อปเร ปน ‘‘จตุตฺถชฺฌานสมนนฺตรา ภควา ปรินิพฺพายี’’ติ วุตฺตปทํ คเหตฺวา ‘‘โลกิยจตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติ ตถาคตเสยฺยา’’ติ วทนฺติ, ตถา สติ ปรินิพฺพานกาลิกา ตถาคตเสยฺยาติ อาปชฺชติ, น จ ภควา จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชนพหุโล วิหาสิ, อคฺคผลฌานํ ปเนตฺถ ‘‘จตุตฺถชฺฌาน’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตตฺถ ยถา สตฺตานํ นิทฺทุปคมนลกฺขณา เสยฺยา ¶ ภวงฺคจิตฺตวารวเสน โหติ, ตฺจ เตสํ ปมชาติสมนฺวยํ เยภุยฺยวุตฺติกํ, เอวํ ภควโต อริยชาติสมนฺวยํ เยภุยฺยวุตฺติกํ อคฺคผลภูตํ จตุตฺถชฺฌานํ ‘‘ตถาคตเสยฺยา’’ติ เวทิตพฺพํ. สีหเสยฺยาติ เสฏฺเสยฺยาติ อาห ‘‘อุตฺตมเสยฺยา’’ติ.
๔๒๖. วิคตนฺตานีติ อิณมูลานิ. เตสนฺติ อิณมูลานํ. ปริยนฺโตติ อวเสโส.
ปวตฺตินิวารเณน จตุอิริยาปถํ ฉินฺทนฺโต. อาพาธตีติ ปีเฬติ. ทุกฺขิโตติ สฺชาตทุกฺโข. อปฺปํ พลํ พลมตฺตา. อปฺปตฺโถ หิ อยํ มตฺตา-สทฺโท ‘‘มตฺตาสุขปริจฺจาคา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๙๐) วิย, พลวตฺโถ ปน มตฺตา-สทฺโท อนตฺถนฺตโร. เสสนฺติ ‘‘ตสฺส หิ พนฺธนา มุตฺโตมฺหีติ อาวชฺชยโต ตทุภยํ โหตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ สนฺธายาห. สพฺพปเทสูติ วุตฺตาวสิฏฺเสุ สพฺพปเทสุ. เยนกามํ ยถารุจิ คจฺฉตีติ เยนกามํคโมติ ¶ อนุนาสิกโลปํ อกตฺวา นิทฺเทโส. ภุโช อตฺตโน ยถาสุขวินิโยโค อิสฺโส อิจฺฉิตพฺโพ เอตฺถาติ ภุชิสฺโส, สามิโก. โส ปน อปรสนฺตกตาย ‘‘อตฺตโน สนฺตโก’’ติ วุตฺโต. ทุลฺลภอาปตาย กํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตาโรติ อาห ‘‘นิรุทกํ ทีฆมคฺค’’นฺติ.
วินาเสตีติ ขาทนทุพฺพินิโยชนาทีหิ ยถา อิณมูลํ กิฺจิ น โหติ, ตถา กโรติ. ยมฺหิ ราควตฺถุมฺหิ. โส ปุคฺคโล. เตน ราควตฺถุนา, ปุริโส เจ อิตฺถิยา, อิตฺถี เจ ปุริเสน. อิณํ วิย กามจฺฉนฺโท ทฏฺพฺโพ ปีฬาสมานโต.
น วินฺทตีติ น ชานาติ. อุปทฺทเวถาติ สุขวิหารสฺส อุปทฺทวํ กโรถ, วิพาเธถาติ อตฺโถ. โรโค วิย พฺยาปาโท ทฏฺพฺโพ สุขภฺชนสมานโต.
นานาวิธเหตูปายาลงฺกตตาย ขนฺธายตนธาตุปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิธมฺมนีติวิจิตฺตตาย จ วิจิตฺตนเย. ธมฺมสฺสวเนติ ธมฺมกถายํ. กถา หิ โสตพฺพฏฺเน ‘‘สวน’’นฺติ วุตฺตา. เอวเมตฺถ สีลํ วิภตฺตํ, เอวํ ฌานาภิฺา, เอวํ วิปสฺสนามคฺคผลานีติ เนว ตสฺส ธมฺมสฺสวนสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานํ ชานาติ. อุฏฺิเตติ นิฏฺิเต. อโห การณนฺติ ตตฺถ ตตฺถ ปฏิฺานุรูเปน นิกฺขิตฺตสาธนวเสน คหิตการณํ. อโห อุปมาติ ตสฺเสว การณสฺส ปติฏฺาปนวเสน อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ ปติฏฺํ อุทาหรณาทิ. พนฺธนาคารํ วิย ถินมิทฺธํ ทฏฺพฺพํ ทุกฺขโต นิยฺยานสฺส วิพนฺธนโต.
ยสฺมา ¶ กุกฺกุจฺจนีวรณํ อุทฺธจฺจรหิตํ นตฺถิ, ยสฺมา วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ สมานกิจฺจาหารปฏิปกฺขํ, ตสฺมา กุกฺกุจฺจสฺส วิสยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วินเย อปกตฺุนา’’ติอาทิมาห. ยถา หิ อุทฺธจฺจํ สตฺตสฺส อวูปสมกรํ, ตถา กุกฺกุจฺจมฺปิ. ยถาปิ อุทฺธจฺจสฺส าติวิตกฺกาทิ อาหาโร, ตถา กุกฺกุจฺจสฺสปิ. ยถา จ อุทฺธจฺจสฺส สมโถ ปฏิปกฺโข, ตถา กุกฺกุจฺจสฺสปีติ. ทาสพฺยํ วิย อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ทฏฺพฺพํ อเสริภาวาปาทนโต.
โสฬสวตฺถุกา วิจิกิจฺฉา อฏฺวตฺถุกํ วิจิกิจฺฉํ อนุปวิฏฺาติ อาห ‘‘อฏฺสุ าเนสุ วิจิกิจฺฉา’’ติ. วิจิกิจฺฉนฺโตติ สํสยนฺโต. อธิมุจฺจิตฺวาติ ¶ ปตฺติยาเยตฺวา. คณฺหิตุนฺติ สทฺเธยฺยวตฺถุํ ปริคฺคเหตุํ. อภิมุขํ สปฺปนํ อาสปฺปนํ, ปริโต สปฺปนํ ปริสปฺปนํ. ปททฺวเยนปิ จิตฺตสฺส อนิจฺฉนาการเมว วทติ. เขมนฺตคามิมคฺคํ น ปริโยคาหติ เอเตนาติ อปริโยคาหนํ, อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตภาเวน ฉมฺภิตํ โหติ จิตฺตํ ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน, โส ธมฺโม ฉมฺภิตตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉนาการมาห. เตนาห ‘‘จิตฺตสฺส อุปฺปาทยมานา’’ติ. กนฺตารทฺธานมคฺโค วิยาติ สาสงฺกกนฺตารทฺธานมคฺโค วิย ทฏฺพฺพา อปฺปฏิปตฺติเหตุภาวโต.
นตฺถิ เอตฺถ อิณนฺติ อณโณ, ตสฺส ภาโว อาณณฺยํ, กสฺสจิ อิณสฺส อธารณํ. สมิทฺธกมฺมนฺโตติ นิปฺผนฺนชีวิกปฺปโยโค. ปริพุนฺธติ อุปโรเธตีติ ร-การสฺส ล-การํ กตฺวา ปลิโพโธ, อเสริวิหาโร, ตสฺส มูลํ การณนฺติ ปลิโพธมูลํ. ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวาติ อสุภนิมิตฺตคฺคาหาทิเก ฉ ธมฺเม อุปฺปาเทตฺวา วฑฺเฒตฺวา. ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวาติ จ เมตฺตานิมิตฺตคฺคาหาทโย จ ตตฺถ ตตฺถ ฉ ธมฺมาติ วุตฺตาติ เวทิตพฺโพ. ปชหตีติ วิกฺขมฺภนวเสน ปชหติ. เตนาห ‘‘อาจารปณฺณตฺติอาทีนิ สิกฺขาปิยมาโน’’ติอาทิ. ปรวตฺถุมฺหีติ วิสภาควตฺถุสฺมึ, ปรวิสเย วา. ปรวิสยา เหเต ภิกฺขุโน, ยทิทํ ปฺจ กามคุณา. อาณณฺยมิว กามจฺฉนฺทปฺปหานํ อาห ปิยวตฺถุอภาวาวหโต.
อาจารวิปตฺติปฏิพาหกานิ สิกฺขาปทานิ อาจารปณฺณตฺติอาทีนิ. อาโรคฺยมิว พฺยาปาทปฺปหานํ อาห กายจิตฺตานํ ผาสุภาวาวหโต.
พนฺธนา โมกฺขมิว ถินมิทฺธปฺปหานํ อาห จิตฺตสฺส นิคฺคหิตภาวาวหโต.
ภุชิสฺสํ วิย อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปฺปหานํ อาห จิตฺตสฺส เสริภาวาวหโต.
ติณํ ¶ วิยาติ ติณมิว กตฺวา. อคเณตฺวาติ อจินฺเตตฺวา. เขมนฺตภูมึ วิย วิจิกิจฺฉาปหานํ อาห อนุสฺสงฺกิตาปริสงฺกิตภาเวน สมฺมาปฏิปตฺติเหตุภาวโต.
๔๒๗. กิรียติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๕.๒๘-๒๙) คพฺภาสเย ขิปียตีติ กโร, สมฺภโว, กรโต ชาโตติ กรโช, มาตาเปตฺติกสมฺภโวติ อตฺโถ. มาตุยา หิ สรีรสณฺาปนวเสน ¶ กรโต ชาโตติ กรโชติ อปเร. อุภยถาปิ กรชกายนฺติ จตุสนฺตติรูปมาห. เตเมตีติ ตินฺตํ กโรติ. โก ปเนตฺถ ตินฺตภาโวติ อาห ‘‘สฺเนเหตี’’ติ, ปีติสฺเนเหน ปีณนํ กโรตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สพฺพตฺถ ปวตฺตปีติสุขํ กโรตี’’ติ. ปีติสมุฏฺานปณีตรูเปหิ สกลสฺส กรชกายสฺส ปริผุฏตาย เจตฺถ ตํสมุฏฺาปกปีติสุขานํ สพฺพตฺถ ปวตฺติ โชติตา. ปริสนฺเทตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถาปิ หิ ‘‘สมนฺตโต สนฺเทติ เตเมติ สฺเนเหติ, สพฺพตฺถ ปวตฺตปีติสุขํ กโรตี’’ติอาทินา ยถารหํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปริปูเรตีติ วายุนา ภสฺตํ วิย อิมํ กรชกายํ ปีติสุเขน ปูเรติ. สมนฺตโต ผุสตีติ อิมํ กรชกายํ ปีติสุเขน ผุสติ. สพฺพาวโตติ อ-การสฺส อา-กาโร กโต, สพฺพาวยววโตติ อตฺโถติ อาห ‘‘สพฺพโกฏฺาสวโต’’ติ, มํสาทิสพฺพาภาควโตติ อตฺโถ. อผุฏํ นาม น โหติ ปีติสุขสมุฏฺาเนหิ รูเปหิ สพฺพตฺถกเมว พฺยาปิตตฺตา. กาตฺุเจว โยเชตฺุจ เฉโก สนฺเนตุํ ปฏิพโลติ โยชนา. นฺหานียจุณฺณานํ ปริมทฺทนวเสน ปิณฺฑํ กโรนฺเตน หตฺเถน ภาชนํ นิปฺปีเฬตพฺพํ โหตีติ อาห ‘‘สนฺเนนฺตสฺส ภิชฺชตี’’ติ. อนุคตาติ อนุปวิฏฺา. ปริคตาติ ปริโต สมนฺตโต ตินฺตา. ตินฺตภาเวเนว สมํ อนฺตรํ พาหิรฺจ เอติสฺสาติ สนฺตรพาหิรา. สพฺพตฺถกเมวาติ สพฺพตฺเถว. น จ ปคฺฆริณี ปมาณยุตฺตสฺเสว อุทกสฺส สิตฺตตฺตา. เอตฺถ จ นฺหานียปิณฺฑํ วิย กรชกาโย, ตํ เตเมตฺวา สมฺปิณฺฑิตปมาณยุตฺตอุทกํ วิย ปมชฺฌานสุขํ ทฏฺพฺพํ.
๔๒๘. เหฏฺา อุพฺภิชฺชิตฺวา อุคฺคจฺฉนอุทโกติ รหทสฺส อโธถูลธาราวเสน อุพฺภิชฺช อุฏฺหนอุทโก. อนฺโตเยว อุพฺภิชฺชนอุทโกติ รหทสฺส อพฺภนฺตเรเยว ถูลธารา อหุตฺวา อุฏฺิตอุทกสิรามุเขหิ อุพฺภิชฺชนโก. อาคมนมคฺโคติ นทีตฬากกนฺทรสรอาทิโต อาคมนมคฺโค.
๔๒๙. อุปฺปลคจฺฉานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินี (อ. นิ. ฏี. ๓.๕.๒๘-๒๙), วาริ. อยเมตฺถ วินิจฺฉโย, ตถา หิ โลเก รตฺตกฺขิโก ‘‘ปุณฺฑรีกกฺโข’’ติ วุจฺจติ. เกจิ ปน ¶ ‘‘รตฺตํ ปทุมํ, เสตํ ปุณฺฑรีก’’นฺติ วทนฺติ. อุปฺปลาทีนิ วิย กรชกาโย, อุทกํ ¶ วิย ตติยชฺฌานสุขนฺติ อยมฺปิ อตฺโถ ‘‘ปุริมนเยนา’’ติ อติเทเสเนว วิภาวิโตติ ทฏฺพฺพํ.
๔๓๐. นิรุปกฺกิเลสฏฺเนาติ รโชชลฺลาทินา อนุปกฺกิลิฏฺตาย อมลีนภาเวน. อมลีนมฺปิ กิฺจิ วตฺถุ ปภสฺสรสภาวํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปภสฺสรฏฺเนา’’ติ. อุตุผรณนฺติ อุณฺหอุตุผรณํ. สพฺพตฺถกเมว ฌานสุเขน ผุฏฺโ กรชกาโย ยถา อุตุนา ผุฏฺวตฺถสทิโสติ อาห ‘‘วตฺถํ วิย กรชกาโย’’ติ. ตสฺมาติ ‘‘วตฺถํ วิยา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติ, กรชกายสฺส วตฺถสทิสตฺตา จตุตฺถชฺฌานสุขสฺส จ อุตุผรณสทิสตฺตาติ อตฺโถ. สนฺตสภาวตฺตา าณุตฺตรตฺตา เจตฺถ อุเปกฺขาปิ สุเข สงฺคหิตาติ จตุตฺถชฺฌาเนปิ สุขคฺคหณํ กตํ. ‘‘ปริสุทฺเธน ปริโยทาเตน ผริตฺวา นิสินฺโน โหตี’’ติ วจนโต จตุตฺถชฺฌานจิตฺตสฺส วตฺถสทิสตา วุตฺตา. จตุตฺถชฺฌานสมุฏฺานรูเปหิ ภิกฺขุโน กายสฺส ผุฏภาวํ สนฺธาย ‘‘ตํสมุฏฺานรูปํ อุตุผรณํ วิยา’’ติ วุตฺตํ. ปุริสสฺส กาโย วิย ภิกฺขุโน กรชกาโยติ อยํ ปนตฺโถ ปากโฏติ น คหิโต, คหิโต เอว วา ‘‘ยถา หิ กตฺถจิ…เป… กาโย ผุโฏ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา.
๔๓๑. ปุพฺเพนิวาสาณอุปมายนฺติ ปุพฺเพนิวาสาณสฺส ทสฺสิตอุปมายํ. ตํทิวสํกตกิริยาคหณํ ปากติกสตฺตสฺสปิ เยภุยฺเยน ปากฏา โหตีติ ทสฺสนตฺถํ. ตํทิวสคตคามตฺตยคฺคหเณเนว มหาภินีหาเรหิ อฺเสมฺปิ ปุพฺเพนิวาสาณลาภีนํ ตีสุ ภเวสุ กตา กิริยา เยภุยฺเยน ปากฏา โหตีติ ทีปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๔๓๒. สมฺมุขทฺวาราติ อฺมฺสฺส อภิมุขทฺวารา. อปราปรํ สฺจรนฺเตติ ตํตํกิจฺจวเสน อิโต จิโต จ สฺจรนฺเต. อิโต ปน เคหา…เป… ปวิสนวเสนปีติ อิทํ จุตูปปาตาณสฺส วิสยทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร ตฺวาติ ทฺวินฺนํ เคหทฺวารานํ สมฺมุขฏฺานภูเต อนฺตรวีถิยํ เวมชฺเฌ ตฺวา. เตสุ หิ เอกสฺส เจ ปาจีนมุขทฺวารํ อิตรสฺส ปจฺฉิมมุขํ, ตสฺส สมฺมุขํ อุภินฺนํ อนฺตรวีถิยํ ิตสฺส ทกฺขิณามุขสฺส, อุตฺตรามุขสฺส วา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ตตฺถ ปวิสนกนิกฺขมนกปุริสา ยถา สุเขเนว ¶ ปากฏา โหนฺติ, เอวํ ทิพฺพจกฺขุาณสมงฺคิโน จวนกอุปปชฺชนกปุริสา. ยถา ปน ตสฺส ปุริสสฺส อฺเเนว ขเณน ปวิสนฺตสฺส ทสฺสนํ, อฺเน นิกฺขมนฺตสฺส ทสฺสนํ, เอวํ อิมสฺสปิ อฺเเนว ขเณน จวมานสฺส ทสฺสนํ, อฺเน อุปปชฺชมานสฺส ทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ. าณสฺส ปากฏาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ตสฺสาติ าณสฺส.
๔๓๓. ปพฺพตสิขรํ ¶ เยภุยฺเยน สํขิตฺตํ สงฺกุจิตํ โหตีติ อิธ ปพฺพตมตฺถกํ ‘‘ปพฺพตสงฺเขโป’’ติ วุตฺตํ, ปพฺพตปริยาปนฺโน วา ปเทโส ปพฺพตสงฺเขโป. อนาวิโลติ อกาลุสฺโส. สา จสฺส อนาวิลตา กทฺทมาภาเวน โหตีติ อาห ‘‘นิกฺกทฺทโม’’ติ. ิตาสุปิ นิสินฺนาสุปิ คาวีสุ. วิชฺชมานาสูติ ลพฺภมานาสุ. อิตรา ิตาปิ นิสินฺนาปิ จรนฺตีติ วุจฺจนฺติ สหจรณาเยน. ติฏฺนฺตเมว, น กทาจิปิ จรนฺตํ. ทฺวยนฺติ สิปฺปิสมฺมุกํ มจฺฉคุมฺพนฺติ อิมํ อุภยํ ติฏฺนฺตนฺติ วุตฺตํ, จรนฺตมฺปีติ อธิปฺปาโย. กึ วา อิมาย สหจริยาย, ยถาลาภคฺคหณํ ปเนตฺถ ทฏฺพฺพํ. สกฺขรกถลสฺส หิ วเสน ‘‘ติฏฺนฺต’’นฺติ, สิปฺปิสมฺพุกสฺส มจฺฉคุมฺพสฺส จ วเสน ‘‘ติฏฺนฺตมฺปิ, จรนฺตมฺปี’’ติ โยชนา กาตพฺพา.
๔๓๔. ภิกฺขูติ ภินฺนกิเลโสติ ภิกฺขุ. โส หิ ปรมตฺถโต สมโณตินามโก. ตตฺถ อริยมคฺเคน สพฺพโส ปาปานํ สมิตาวีติ สมโณ. เตนาห ‘‘สมิตปาปตฺตา’’ติ. เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมา วุจฺจติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ตโต อาคโตติ พฺรหฺมา, อริยมคฺโค, ตํ อสมฺโมหปฏิเวธวเสน อฺาสีติ พฺราหฺมโณ. ตํสมงฺคิตาย หิสฺส ปาปานํ พาหิตภาโว. เตนาห ‘‘พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ’’ติ. อฏฺงฺคิเกน อริยมคฺคชเลน นฺหาตวา นิทฺโธตกิเลโสติ นฺหาตโก. คตตฺตาติ ปหานาภิสมยวเสน ปฏิวิทฺธตฺตา. เตนาห ‘‘วิทิตตฺตา’’ติ. นิสฺสุตตฺตาติ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน สนฺตานโต สพฺพโส นิหตตฺตา. เตนาห ‘‘อปหตตฺตา’’ติ, มริยาทวเสน กิเลสานํ หึสิตตฺตา อริยมคฺเคหิ โอธิโส สพฺพโส กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘หตตฺตา’’ติ. อารกตฺตาติ สุปฺปหีนตาย วิปฺปกฏฺภาวโต. เตนาห ‘‘ทูรีภูตตฺตา’’ติ. อุภยมฺปิ อุภยตฺถ โยเชตพฺพํ – กิเลสานํ อารกตฺตา ¶ หตตฺตา ทูรีภูตตฺตา จ อริโย, ตถา อรหนฺติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ อุตฺตานตฺถตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
มหาอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. จูฬอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนา
๔๓๕. ปุริมสทิสเมวาติ ¶ ‘‘อสฺสปุรวาสีนํ ภิกฺขุสงฺเฆ คารวพหุมานํ นิปจฺจการฺจ ทิสฺวา ภิกฺขู ปิณฺฑปาตาปจายเน นิโยเชนฺโต อิทํ สุตฺตํ อภาสี’’ติ ปุริมสุตฺเต มหาอสฺสปุเร (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๑๕) วุตฺตสทิสเมว. สมณานํ อนุจฺฉวิกาติ สมณานํ สมณภาวสฺส อนุจฺฉวิกา ปติรูปา. สมณานํ อนุโลมปฺปฏิปทาติ สมณานํ สามฺสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส อนุกูลปฺปฏิปทา.
๔๓๖. เอเต ธมฺมาติ เอเต ปาฬิยํ อาคตา อภิชฺฌาพฺยาปาทาทโย ปาปธมฺมา. อุปฺปชฺชมานาติ อุปฺปชฺชมานา เอว, ปเคว สนฺตาเน ภาวิตา. มลิเนติ มลวนฺเต กิลิฏฺเ. มลคฺคหิเตติ คหิตมเล สฺชาตมเล. สมณมลาติ สมณานํ สมณภาวสฺส มลา. ทุสฺสนฺตีติ วิปชฺชนฺติ วินสฺสนฺติ. สมณโทสาติ สมณานํ สมณภาวทูสนา. กสเฏติ อสาเร. นิโรเชติ นิตฺเตเช. อยโต สุขโต อเปตาติ อปายา, นิรยาทโย, ตํ ผลํ อรหนฺติ, ตํ ปโยชนํ วา เอเตสนฺติ อาปายิกา. านานิ อภิชฺฌาทโย. เตนาห ‘‘อปาเย’’ติอาทิ. การณภาเวน ทุคฺคติปริยาปนฺนาย เวทนาย หิตานีติ ทุคฺคติเวทนิยานิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุคฺคติยํ วิปากเวทนาย ปจฺจยาน’’นฺติ. ติขิณํ อยนฺติ เวกนฺตกสทิสํ สารอยํ. อเยนาติ อโยฆํสเกน. โกฺจสกุณานํ กิร กุจฺฉิยํ นิวุตฺถํ ยํ กิฺจิ ขรํ ติขิณฺจ โหติ. ตถา หิ เตสํ วจฺจํ อฏฺิมฺปิ ปาสาณมฺปิ วิลียาเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โกฺจสกุเณ ขาทาเปนฺตี’’ติ. ตํ กิร อยจุณฺณํ อคฺคินาปิ กิจฺเฉน ทยฺหติ, เภสชฺชพเลน ปน สุเขน ทยฺเหยฺย. เตน วุตฺตํ ‘‘สุสิกฺขิตา จ นํ อยการา พหุหตฺถกมฺมมูลํ ลภิตฺวา กโรนฺตี’’ติอาทิ. อติติขิณํ โหติ, อฺตรํ อโยพนฺธนํ เผคฺคุทณฺฑํ วิย สุเขเนว ฉินฺทนฺติ. สสพิฬารจมฺเมหิ ¶ สงฺฆฏิตฏฺเน สงฺฆาฏีติ วุจฺจติ อาวุธปริจฺฉโทติ อาห ‘‘สงฺฆาฏิยาติ โกสิยา’’ติ. ปริโยนทฺธนฺติ ปริโต โอนทฺธํ ฉาทิตํ. สมนฺตโต เวิตนฺติ สพฺพโส ปิหิตํ.
๔๓๗. รโชติ อาคนฺตุกรโช. ชลฺลนฺติ สรีเร อุฏฺานกโลณาทิมลํ. รโชชลฺลฺจ วตสมาทานวเสน อนปนีตํ เอตสฺส อตฺถีติ รโชชลฺลิโก, ตสฺส. เตนาห ‘‘รโชชลฺลธาริโน’’ติ. อุทกํ โอโรหนฺตสฺสาติอาทีนมตฺโถ มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺโตเยว. สพฺพเมตนฺติอาทีสุ สพฺพโสปิ วตสมาทานวเสนาติ อธิปฺปาโย. ยสฺมา สพฺพเมตํ พาหิรสมยวเสเนว ¶ กถิตํ, ตสฺมา สงฺฆาฏิกสฺสาติ ปิโลติกขณฺเฑหิ สงฺฆฏิตตฺตา ‘‘สงฺฆาฏี’’ติ ลทฺธนามวตฺถธาริโนติ อตฺโถ. ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘สงฺฆาฏิกสฺส’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น ‘‘ภิกฺขุโน’’ติ. เตนาห ‘‘อิมสฺมึ หี’’ติอาทิ. กสฺมา ปเนตฺถ ภควตา สงฺฆาฏิกตฺตาทีนิเยว วตสมาทานานิ ปฏิกฺขิตฺตานีติ? นยทสฺสนเมตํ อฺเสมฺปิ ปฺจาตปมูควตาทีนํ ตปฺปฏิกฺเขเปเนว ปสิทฺธิโต. อปเร ปน ภณนฺติ – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, สงฺฆาฏิกสฺส สงฺฆาฏิธารณมตฺเตน สามฺํ วทามี’’ติ วุตฺเต ตตฺถ นิสินฺโน โกจิ ติตฺถนฺตรลทฺธิโก อเจลกตฺตํ นุ โข กถนฺติ จินฺเตสิ, อปเร รโชชลฺลกตฺตํ นุ โข กถนฺติ, เอวํ ตํ ตํ จินฺเตนฺตานํ อชฺฌาสยวเสน ภควา อิมาเนว วตสมาทานานิ อิธ ปฏิกฺขิปีติ. สงฺฆาฏิกนฺติ นิวาสนปารุปนวเสน สงฺฆาฏิวนฺตํ. เตนาห ‘‘สงฺฆาฏิกํ วตฺถ’’นฺติอาทิ. อตฺตโน รุจิยา มิตฺตาทโย สงฺฆาฏิกํ กเรยฺยุํ, ปจฺฉา วิฺุตํ ปตฺตกาเล สงฺฆาฏิกตฺเต สมาทเปยฺยุํ.
๔๓๘. อตฺตานํ วิสุชฺฌนฺตํ ปสฺสติ อภิชฺฌาทีนํ สมุทาจาราภาวโต. มคฺเคน อสมุจฺฉินฺนตฺตา วิสุทฺโธติ ปน น วตฺตพฺโพ. ปาโมชฺชนฺติ ตรุณปีติมาห. ตสฺส หิ อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติยา กิเลสานํ วิกฺขมฺภิตตฺตา จิตฺตสฺส วิสุทฺธตํ ปสฺสนฺตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ, ตํ ตุฏฺาการํ. เตนาห ‘‘ตุฏฺากาโร’’ติ. ปีตีติ ปสฺสทฺธิอาวหา พลวปีติ. นามกาโย ปสฺสมฺภตีติ อิมินา อุภยมฺปิ ปสฺสทฺธึ วทติ. เวทิยตีติ อนุภวติ วินฺทติ. อิทานิ เตน นีวรเณหิ จิตฺตสฺส วิโสธนตฺตํ ลทฺธนฺติ อาห ¶ ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตํ วิย โหตี’’ติ. อฺตฺถ อุฏฺิตา อฺํ านํ อุปคตาติ เอตฺตเกน อุปมาภาเวน อุจฺจนีจตาสามฺเน เหฏฺา อสทฺธมฺมานํ ปฏิปกฺขวเสน เทสนาย ปริโยสาปิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ยถานุสนฺธินา’’ติ. มหาสีหนาทสุตฺเต มคฺโค โปกฺขรณิยา อุปมิโต ‘‘เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, โปกฺขรณี’’ติอาทึ (ม. นิ. ๑.๑๕๔) อารภิตฺวา อุปมาสํสนฺทเน ‘‘ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน, ตถา จ อิริยติ, ตฺจ มคฺคํ สมารุฬฺโห, ยถา อาสวานํ ขยา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๔) วุตฺตตฺตา. ยถา หิ ปุรตฺถิมาทิทิสาหิ อาคตา ปุริสา ตํ โปกฺขรณึ อาคมฺม วิสุทฺธรูปกายา วิคตปริฬาหา จ โหนฺติ, เอวํ ขตฺติยาทิกุลโต อาคตา ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ สาสนํ อาคมฺม วิสุทฺธนามกายา วิคตกิเลสปริฬาหา จ โหนฺติ. ตสฺมา สพฺพกิเลสานํ สมิตตฺตา ปรมตฺถสมโณ โหตีติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ มหายมกวคฺควณฺณนา.
๕. จูฬยมกวคฺโค
๑. สาเลยฺยกสุตฺตวณฺณนา
๔๓๙. มหาชนกาเย ¶ ¶ สนฺนิปติเตติ เกจิ ‘‘ปหํสนวิธึ ทสฺเสตฺวา ราชกุมารํ หาเสสฺสามา’’ติ, เกจิ ‘‘ตํ กีฬนํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ เอวํ มหาชนสมูเห สนฺนิปติเต. เทวนฏนฺติ ทิพฺพคนฺธพฺพํ. กุสลํ กุสลนฺติ วจนํ อุปาทายาติ ‘‘กจฺจิ กุสลํ? อาม กุสล’’นฺติ วจนปฏิวจนวเสน ปวตฺตกุสลวาทิตาย เต มนุสฺสา อาทิโต กุสลาติ สมฺํ ลภึสุ. เตสํ กุสลานํ อิสฺสราติ ราชกุมารา โกสลา. โกสเล ชาตา. เตสํ นิวาโสติ สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตนยเมว. เตนาห ‘‘โส ปเทโส โกสลาติ วุจฺจตี’’ติ.
จาริกํ จรมาโนติ สามฺวจนมฺปิ ‘‘มหตา…เป… ตทวสรี’’ติ วจนโต วิเสสํ นิวิฏฺเมวาติ อาห ‘‘อตุริตจาริกํ จรมาโน’’ติ. มหตาติ คุณมหตฺเตนปิ สงฺขฺยามหตฺเตนปิ มหตา. ตสฺมิฺหิ ภิกฺขุสมูเห เกจิ อธิสีลสิกฺขาวเสน สีลสมฺปนฺนา, ตถา เกจิ สีลสมาธิสมฺปนฺนา, เกจิ สีลสมาธิปฺาสมฺปนฺนาติ คุณมหตฺเตนปิ โส ภิกฺขุสมูโห มหาติ. ตํ อนามสิตฺวา สงฺขฺยามหตฺตเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘สตํ วา’’ติอาทิมาห. อฺคามปฏิพทฺธชีวิกาวเสน สโมสรนฺติ เอตฺถาติ สโมสรณํ, คาโม นิวาสคาโม. นฺติ สาลํ พฺราหฺมณคามํ. วิหาโรติ ภควโต วิหรณฏฺานํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ สาเลยฺยกสุตฺเต. อนิยมิโตติ อสุกสฺมึ อาราเม ปพฺพเต รุกฺขมูเล วาติ น นิยมิโต, สรูปคฺคหณวเสน น นิยมิตฺวา วุตฺโต. ตสฺมาติ อนิยมิตตฺตา. อตฺถาปตฺติสิทฺธมตฺถํ ปริกปฺปนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘วนสณฺโฑ ภวิสฺสตี’’ติ อาห, อทฺธา ภเวยฺยาติ อตฺโถ.
อุปลภึสูติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๕; อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๖๔) สวนวเสน อุปลภึสูติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสตทฺวาร…เป… ชานึสู’’ติ อาห. อวธารณผลตฺตา สพฺพมฺปิ วากฺยํ อนฺโตคธาวธารณนฺติ อาห ‘‘ปทปูรณมตฺเต วา ¶ นิปาโต’’ติ. อวธารณตฺเถติ ปน อิมินา อิฏฺตฺถาวธารณตฺถํ โข-สทฺทคฺคหณนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘อสฺโสสุ’’นฺติ ¶ ปทํ โข-สทฺเท คหิเต เตน ผุลฺลิตมณฺฑิตวิภูสิตํ วิย โหนฺตํ ปูริตํ นาม โหติ, เตน จ ปุริมปจฺฉิมปทานิ สํสิลิฏฺานิ โหนฺติ, น ตสฺมึ อคฺคหิเตติ อาห ‘‘ปทปูรเณน พฺยฺชนสิลิฏฺตามตฺตเมวา’’ติ. มตฺต-สทฺโท วิเสสนิวตฺติอตฺโถ. เตนสฺส อนตฺถนฺตรทีปนตํ ทสฺเสติ, เอว-สทฺเทน ปน พฺยฺชนสิลิฏฺตาย เอกนฺติกตํ. สาลายํ ชาตา สํวฑฺฒกา สาเลยฺยกา ยถา ‘‘กตฺเตยฺยกา อุพฺเภยฺยกา’’ติ.
สมิตปาปตฺตาติ อจฺจนฺตํ อนวเสสโต สวาสนํ สมิตปาปตฺตา. เอวฺหิ พาหิรกวีตราคเสกฺขาเสกฺขปาปสมนโต ภควโต ปาปสมนํ วิเสสิตํ โหติ. อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ อิธ อนุสฺสวตฺโถ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ขลูติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต’’ติ. อาลปนมตฺตนฺติ ปิยาลาปวจนํ. ปิยสมุทาหารา เหเต ‘‘โภ’’ติ วา ‘‘อาวุโส’’ติ วา ‘‘เทวานํปิยา’’ติ วา. โคตฺตวเสนาติ เอตฺถ ตํ ตายตีติ โคตฺตํ. โคตโมติ หิ ปวตฺตมานํ อภิธานํ พุทฺธิฺจ เอกํสิกวิสยตาย ตายติ รกฺขตีติ โคตมโคตฺตํ. ยถา หิ พุทฺธิ อารมฺมณภูเตน อตฺเถน วินา น วตฺตติ, เอวํ อภิธานํ อภิเธยฺยภูเตน, ตสฺมา โส ตานิ ตายติ รกฺขตีติ วุจฺจติ. โส ปน อตฺถโต อฺกุลปรมฺปราสาธารณํ ตสฺส กุลสฺส อาทิปุริสสมุทาคตํ ตํกุลปริยาปนฺนสาธารณํ สามฺรูปนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุจฺจากุลปริทีปนํ อุทิโตทิตวิปุลขตฺติยกุลวิภาวนโต. สพฺพขตฺติยานฺหิ อาทิภูตมหาสมฺมตมหาราชโต ปฏฺาย อสมฺภินฺนํ อุฬารตมํ สกฺยราชกุลํ. เกนจิ ปาริชฺุเนาติ าติปาริชฺุโภคปาริชฺุาทินา เกนจิปิ ปาริชฺุเน ปริหานิยา อนภิภูโต อนชฺโฌตฺถโฏ. ตถา หิ กทาจิปิ ตสฺส กุลสฺส ตาทิสปาริชฺุาภาโว, อภินิกฺขมนกาเล จ ตโต สมิทฺธตมภาโว โลเก ปากโฏ ปฺาโตติ. สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ อิทํ วจนํ ภควโต สทฺธาปพฺพชิตภาวทีปนํ วุตฺตํ มหนฺตํ าติปริวฏฺฏํ มหนฺตฺจ โภคกฺขนฺธํ ปหาย ปพฺพชิตภาวทีปนโต. เอตฺถ จ สมโณติ อิมินา ปริกฺขกชเนหิ ภควโต พหุมตภาโว ทสฺสิโต สมิตปาปตาทีปนโต, โคตโมติ อิมินา โลกิยชเนหิ อุฬารตมกุลีนตาทีปนโต.
อพฺภุคฺคโตติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท อิตฺถมฺภูตาขฺยาเน, ตํโยคโต ปน ‘‘ภวนฺตํ โคตม’’นฺติ อุปโยควจนํ สามิอตฺเถปิ สมานํ อิตฺถมฺภูตโยคทีปนโต ¶ ‘‘อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อตฺโถ’’ติ. กลฺยาโณติ ภทฺทโก. สา จสฺส กลฺยาณตา อุฬารวิสยตายาติ อาห ‘‘กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต’’ติ. ตํวิสยตา เหตฺถ สมนฺนาคโม. เสฏฺโติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย ยถา ‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺ’’นฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒; อุทา. อฏฺ. ๑; อิติวุ. อฏฺ. นิทานวณฺณนา; มหานิ. อฏฺ. ๕๐). ‘‘ภควา ¶ อรห’’นฺติอาทินา คุณานํ สํกิตฺตนโต สํสทฺทนโต จ กิตฺติสทฺโท วณฺโณติ อาห ‘‘กิตฺติเยวา’’ติ. กิตฺติปริยาโยปิ หิ สทฺท-สทฺโท ยถา ตํ ‘‘อุฬารสทฺทา อิสโย คุณวนฺโต ตปสฺสิโน’’ติ. ถุติโฆโสติ อภิตฺถวุทาหาโร. อชฺโฌตฺถริตฺวาติ ปฏิปกฺขาภาเวน อนฺสาธารณตาย จ อภิภวิตฺวา.
โส ภควาติ โย โส สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ เทวานํ อติเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา โลกนาโถ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควาติ ลทฺธนาโม, โส ภควา. ‘‘ภควา’’ติ หิ อิทํ สตฺถุ นามกิตฺตนํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กต’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๑๔๙, ๑๙๘, ๒๑๐; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒). ปรโต ปน ‘‘ภควา’’ติ คุณกิตฺตนเมว. เอวํ ‘‘อรห’’นฺติอาทีหิ ปเทหิ เย สเทวเก โลเก อติวิย ปฺาตา พุทฺธคุณา, เต นานปฺปการโต วิภาวิตาติ ทสฺเสตุํ ปจฺเจกํ อิติปิ-สทฺโท โยเชตพฺโพติ อาห ‘‘อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควา’’ติ. ‘‘อิติเปตํ ภูตํ, อิติเปตํ ตจฺฉ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖) วิย หิ อิธ อิติ-สทฺโท อาสนฺนปจฺจกฺขการณตฺโถ, ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ เตน เตสํ คุณานํ พหุภาวทีปนโต. ตานิ คุณสลฺลกฺขณการณานิ สทฺธาสมฺปนฺนานํ วิฺุชาติกานํ ปจฺจกฺขานิ เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ. ตโต วิสุทฺธิมคฺคโต. เตสนฺติ ‘‘อรห’’นฺติอาทีนํ. วิตฺถาโร อตฺถนิทฺเทโส คเหตพฺโพ. ตโต เอว ตํสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๓๐) วุตฺโต ‘‘อารกาติ อรหํ สุวิทูรภาวโต, อารกาติ อรหํ อาสนฺนภาวโต, รหิตพฺพสฺส อภาวโต, สยฺจ อรหิตพฺพโต, นตฺถิ ¶ เอตสฺส รโหคมนํ คตีสุ ปจฺจาชาติ, ปาสํสภาวโต วา อรห’’นฺติอาทินา ‘‘อรห’’นฺติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ วิตฺถารโต เวทิตพฺโพ.
ภวนฺติ เจตฺถ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๓๐; สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) –
‘‘สมฺมา นปฺปฏิปชฺชนฺติ, เย นิหีนาสยา นรา;
อารกา เตหิ ภควา, ทูเร เตนารหํ มโต.
เย สมฺมา ปฏิปชฺชนฺติ, สุปฺปณีตาธิมุตฺติกา;
ภควา เตหิ อาสนฺโน, เตนาปิ อรหํ ชิโน.
ปาปธมฺมา ¶ รหา นาม, สาธูหิ รหิตพฺพโต;
เตสํ สุฏฺุ ปหีนตฺตา, ภควา อรหํ มโต.
เย สจฺฉิกตสทฺธมฺมา, อริยา สุทฺธโคจรา;
น เตหิ รหิโต โหติ, นาโถ เตนารหํ มโต.
รโห วา คมนํ ยสฺส, สํสาเร นตฺถิ สพฺพโส;
ปหีนชาติมรโณ, อรหํ สุคโต มโต.
คุเณหิ สทิโส นตฺถิ, ยสฺมา โลเก สเทวเก;
ตสฺมา ปาสํสิยตฺตาปิ, อรหํ ทฺวิปทุตฺตโม.
อารกา มนฺทพุทฺธีนํ, อาสนฺนา จ วิชานตํ;
รหานํ สุปฺปหีนตฺตา, วิทูนมรเหยฺยโต;
ภเวสุ จ รหาภาวา, ปาสํสา อรหํ ชิโน’’ติ.
สุนฺทรนฺติ ภทฺทกํ. ตฺจ ปสฺสนฺตสฺส หิตสุขาวหภาเวน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อตฺถาวหํ สุขาวห’’นฺติ. ตตฺถ อตฺถาวหนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถสฺหิตหิตาวหํ. สุขาวหนฺติ ตปฺปริยาปนฺนติวิธสุขาวหํ. ตถารูปานนฺติ ตาทิสานํ. ยาทิเสหิ ปน คุเณหิ ภควา สมนฺนาคโต, เตหิ จตุปฺปมาณิกสฺส โลกสฺส สพฺพถาปิ อจฺจนฺตาย ปสาทนีโยติ ทสฺเสตุํ ‘‘อเนเกหิปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถาภูต…เป… อรหตนฺติ อิมินา ธมฺมปฺปมาณานํ ลูขปฺปมาณานํ สตฺตานํ ภควโต ปสาทาวหตมาห, อิตเรน อิตเรสํ. ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ ¶ โหตีติ เอตฺถ โกสิยสกุณสฺส วตฺถุ กเถตพฺพํ. เอกํ ปทมฺปิ โสตุํ ลภิสฺสาม, สาธุตรํเยว ภวิสฺสตีติ เอตฺถ มณฺฑูกเทวปุตฺตวตฺถุ กเถตพฺพํ.
อิมินา นเยน อคาริกปุจฺฉา อาคตาติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. เยภุยฺเยน หิ อคาริกา เอวํ ปุจฺฉนฺติ. อนคาริกปุจฺฉายปิ เอเสว นโย. ยถา น สกฺโกนฺติ…เป… วิสฺสชฺเชนฺโตติ อิมินา สตฺถุ เตสํ พฺราหฺมณคหปติกานํ นิคฺคณฺหนวิธึ ทสฺเสติ. เตสฺหิ สํขิตฺตรุจิตาย สงฺเขปเทสนา, ตาย อตฺถํ อชานนฺตา วิตฺถารเทสนํ อายาจนฺติ, สา จ เนสํ สํขิตฺตรุจิตา ปณฺฑิตมานิตาย, โส จ มาโน ยถาเทสิตสฺส อตฺถสฺส อชานนฺเต อปฺปติฏฺโ โหติ ¶ , อิติ ภควา เตสํ มานนิคฺคหวิธึ จินฺเตตฺวา สงฺเขเปเนว ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ, น สพฺพโส เทสนาย อสลฺลกฺขณตฺถํ. เตนาห ‘‘ปณฺฑิตมานิกา หี’’ติอาทิ. ยสฺมา มํ ตุมฺเห ยาจถ, สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ น ชานิตฺถาติ อธิปฺปาโย.
๔๔๐. ‘‘เอกวิเธน าณวตฺถุ’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๗๕๑) วิย โกฏฺาสตฺโถ วิธ-สทฺโท, โส จ วิภตฺติวจนวิปลฺลาสํ กตฺวา ปจฺจตฺเต กรณวจนวเสน ‘‘ติวิธ’’นฺติ วุตฺโต. อตฺโถ ปน กรณปุถุวจนวเสน ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘ติวิธนฺติ ตีหิ โกฏฺาเสหี’’ติ. ปการตฺโถ วา วิธ-สทฺโท, ปการตฺถตฺตาเยว ลพฺภมานํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาภาวสามฺํ, กายทฺวาริกภาวสามฺํ วา อุปาทาย เอกตฺตํ เนตฺวา ‘‘ติวิธ’’นฺติ วุตฺตํ. ปการเภเท ปน อเปกฺขิเต ‘‘ติวิธา’’อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. กาเยนาติ เอตฺถ กาโยติ โจปนกาโย อธิปฺเปโต, โส จ อธมฺมจริยาย ทฺวารภูโต เตน วินา ตสฺสา อปฺปวตฺตนโต. กาเยนาติ จ เหตุมฺหิ กรณวจนํ. กิฺจาปิ หิ อธมฺมจริยาสงฺขาตเจตนาสมุฏฺานา สา วิฺตฺติ, น จ สา ปฏฺาเน อาคเตสุ จตุวีสติยา ปจฺจเยสุ เอเกนปิ ปจฺจเยน เจตนาย ปจฺจโย โหติ, ตสฺสา ปน ตถาปวตฺตมานาย กายกมฺมสฺิตาย เจตนาย ปวตฺติ โหตีติ เตน ทฺวาเรน ลกฺขิตพฺพภาวโต ตสฺสา การณํ วิย จ สพฺโพหารมตฺตํ โหติ. กายทฺวาเรนาติ วา กาเยน ทฺวารภูเตน กายทฺวารภูเตนาติ ตํ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ. อธมฺมํ จรติ เอตายาติ อธมฺมจริยา, ¶ ตถาปวตฺตา เจตนา. อธมฺโมติ ปน ตํสมุฏฺาโน ปโยโค ทฏฺพฺโพ. ธมฺมโต อนเปตาติ ธมฺมา, น ธมฺมาติ อธมฺมา, อธมฺมา จ สา จริยา จาติ อธมฺมจริยา. ปจฺจนีกสมนฏฺเน สมํ, สมานํ สทิสํ ยุตฺตนฺติ วา สมํ, สุจริตํ. สมโต วิคตํ, วิรุทฺธํ วา ตสฺสาติ วิสมํ, ทุจฺจริตํ. สา เอว วิสมา จริยาติ วิสมจริยา. สพฺเพสุ กณฺหสุกฺกปเทสูติ ‘‘จตุพฺพิธํ วาจาย อธมฺมจริยาวิสมจริยา โหตี’’ติอาทินา อุทฺเทสนิทฺเทสวเสน อาคเตสุ สพฺเพสุ กณฺหปเทสุ – ‘‘ติวิธํ โข คหปตโย กาเยน ธมฺมจริยาสมจริยา โหตี’’ติอาทินา อุทฺเทสนิทฺเทสวเสน อาคเตสุ สพฺเพสุ สุกฺกปเทสุ จ.
โรเทติ กุรูรกมฺมนฺตตาย ปรปฏิพทฺเธ สตฺเต อสฺสูนิ โมเจตีติ รุทฺโท, โส เอว ลุทฺโท ร-การสฺส ล-การํ กตฺวา. กกฺขโฬติ ลุทฺโท. ทารุโณติ ผรุโส. สาหสิโกติ สาหสฺสการี. สเจปิ น ลิปฺปนฺติ. ตถาวิโธ ปเรสํ ฆาตนสีโล โลหิตปาณีตฺเวว วุจฺจติ ยถา ทานสีโล ปเรสํ ทานตฺถํ อโธตหตฺโถปิ ‘‘ปยตปาณี’’ตฺเวว วุจฺจติ. ปหรณํ ปหารทานมตฺตํ หตํ, ปวุทฺธํ ปหรณํ ปรสฺส มารณํ ปหตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘หเต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิวิฏฺโติ อภินิวิฏฺโ ปสุโต.
ยสฺส ¶ วเสน ‘‘ปรสฺสา’’ติ สามินิทฺเทโส, ตํ สาปเตยฺยํ. ยฺหิ สามฺโต คหิตํ, ตํ เตเนว สามินิทฺเทเสน ปกาสิตนฺติ อาห ‘‘ปรสฺส สนฺตก’’นฺติ. ปรสฺสปรวิตฺตูปกรณนฺติ วา เอกเมเวตํ สมาสปทํ, ยํ กิฺจิ ปรสนฺตกํ วิเสสโต ปรสฺส วิตฺตูปกรณํ วาติ อตฺโถ. เตหิ ปเรหีติ เยสํ สนฺตกํ, เตหิ. ยสฺส วเสน ปุริโส ‘‘เถโน’’ติ วุจฺจติ, ตํ เถยฺยนฺติ อาห ‘‘อวหรณจิตฺตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. เถยฺยสงฺขาเตน, น วิสฺสาสตาวกาลิกาทิวเสนาติ อตฺโถ.
มเต วาติ วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปตฺโถ. เตน ปพฺพชิตาทิภาวํ สงฺคณฺหาติ. เอเตนุปาเยนาติ ยํ มาตริ มตาย, นฏฺาย วา ปิตา รกฺขติ, สา ปิตุรกฺขิตา. ยํ อุโภสุ อสนฺเตสุ ภาตา รกฺขติ, สา ¶ ภาตุรกฺขิตาติ เอวมาทึ สนฺธายาห. สภาคกุลานีติ อาวาหกิริยาย สภาคานิ กุลานิ. ทสฺสุกวิธึ วา อุทฺทิสฺส ปิตทณฺฑาราชาทีหิ. สมฺมาทิฏฺิสุตฺเต (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๙) ‘‘อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฏฺานวีติกฺกมเจตนา’’ติ เอวํ วุตฺตมิจฺฉาจารลกฺขณวเสน.
หตฺถปาทาทิเหตูติ หตฺถปาทาทิเภทนเหตุ. ธนเหตูติ ธนสฺส ลาภเหตุ ชานิเหตุ จ. ลาโภติ ฆาสจฺฉาทนานิ ลพฺภตีติ ลาโภ. กิฺจิกฺขนฺติ กิฺจิมตฺตกํ อามิสชาตํ. เตนาห ‘‘ยํ วา’’ติอาทิ. ชานนฺโตเยวาติ มุสาภาวํ ตสฺส วตฺถุโน อตฺถิ, ตํ ชานนฺโต เอว.
อณฺฑกาติ วุจฺจติ รุกฺเข อณฺฑสทิสา คณฺิโย. ยถา ถทฺธา วิสมา ทุพฺพินีตา จ โหนฺติ, เอวเมวํ ขุํสนวมฺภนวเสน ปวตฺตวาจาปิ หิ ‘‘อณฺฑกา’’ติ วุตฺตา. เตนาห ‘‘ยถา สโทเส รุกฺเข’’ติอาทิ. กกฺกสาติ ผรุสา เอว, โส ปนสฺสา กกฺกสภาโว พฺยาปาทนิมิตฺตตาย ตโต ปูติกาติ. เตนาห ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ. กฏุกาติ อนิฏฺา. อมนาปาติ น มนวฑฺฒนี, ตโต เอว โทสชนนี, จิตฺตสนฺโทสุปฺปตฺติการิกา. มมฺเมสูติ ฆฏฺฏเนน ทุกฺขุปฺปตฺติโต มมฺมสทิเสสุ ชาติอาทีสุ. ลคฺคนการีติ เอวํ วทนฺตสฺส เอวํ วทามีติ อตฺถาธิปฺปาเยน ลคฺคนการี, น พฺยฺชนวเสน. โกธสฺส อาสนฺนา ตสฺส การณภาวโต. สโทสวาจายาติ อตฺตโน สมุฏฺาปกโทสสฺส วเสน สโทสวาจาย เววจนานิ.
อกาเลนาติ อยุตฺตกาเลน. อการณนิสฺสิตนฺติ นิปฺผลํ. ผลฺหิ การณนิสฺสิตํ นาม ตทวินาภาวโต. อการณนิสฺสิตํ นิปฺผลํ, สมฺผนฺติ อตฺโถ. อสภาววตฺตาติ อยาถาววาที. อสํวรวินยปฏิสํยุตฺตสฺสาติ สํวรวินยรหิตสฺส, อตฺตโน สุณนฺตสฺส จ น สํวรวินยาวหสฺส วตฺตา. หทยมฺชูสายํ นิเธตุนฺติ อหิตสํหิตตฺตา จิตฺตํ อนุปฺปวิเสตฺวา นิเธตุํ ¶ . อยุตฺตกาเลติ ธมฺมํ กเถนฺเตน โย อตฺโถ ยสฺมึ กาเล วตฺตพฺโพ, ตโต ปุพฺเพ ปจฺฉา ตสฺส อกาโล, ตสฺมึ อยุตฺตกาเล วตฺตา โหติ. อนปเทสนฺติ ภควตา อสุกสุตฺเต เอวํ วุตฺตนฺติ สุตฺตาปเทสวิรหิตํ. อปริจฺเฉทนฺติ ปริจฺเฉทรหิตํ ¶ . ยถา ปน วาจา ปริจฺเฉทรหิตา โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุตฺตํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปลพฺภนฺติ อนุโยคํ. พาหิรกถํเยวาติ ยํ สุตฺตํ, ชาตกํ วา นิกฺขิตฺตํ, ตสฺส สรีรภูตํ กถํ อนามสิตฺวา ตโต พหิภูตํเยว กถํ. สมฺปชฺชิตฺวาติ วิรุฬฺหํ อาปชฺชิตฺวา. ปเวณิชาตกาวาติ อนุชาตปาโรหมูลานิเยว ติฏฺนฺติ. อาหริตฺวาติ นิกฺขิตฺตสุตฺตโต อฺมฺปิ อนุโยคอุปมาวตฺถุวเสน ตทนุปโยคินํ อาหริตฺวา. ชานาเปตุนฺติ เอตทตฺถมิทํ วุตฺตนฺติ ชานาเปตุํ โย สกฺโกติ. ตสฺส กเถตุนฺติ ตสฺส ตถารูปสฺส ธมฺมกถิกสฺส พหุมฺปิ กเถตุํ วฏฺฏติ. น อตฺถนิสฺสิตนฺติ อตฺตโน ปเรสฺจ น หิตาวหํ.
อภิชฺฌายนํ เยภุยฺเยน ปรสนฺตกสฺส ทสฺสนวเสน โหตีติ ‘‘อภิชฺฌาย โอโลเกตา โหตี’’ติ วุตฺตํ. อภิชฺฌายนฺโต วา อภิชฺฌายิตํ วตฺถุํ ยตฺถ กตฺถจิ ิตมฺปิ ปจฺจกฺขโต ปสฺสนฺโต วิย อภิชฺฌายตีติ วุตฺตํ ‘‘อภิชฺฌาย โอโลเกตา โหตี’’ติ. กมฺมปถเภโท น โหติ, เกวลํ โลภมตฺโตว โหติ ปริณามนวเสน อปฺปวตฺตตฺตา. ยถา ปน กมฺมปถเภโท โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริณาเมตีติ อตฺตโน สนฺตกภาเวน ปริคฺคยฺห นาเมติ.
วิปนฺนจิตฺโตติ พฺยาปาเทน วิปตฺตึ อาปาทิตจิตฺโต. เตนาห ‘‘ปูติภูตจิตฺโต’’ติ. พฺยาปาโท หิ วิสํ วิย โลหิตสฺส จิตฺตํ ปูติภาวํ ชเนติ. โทเสน ทุฏฺจิตฺตสงฺกปฺโปติ วิเสน วิย สปฺปิอาทิโกเปน ทูสิตจิตฺตสงฺกปฺโป. ฆาตียนฺตูติ หนียนฺตุ. วธํ ปาปุณนฺตูติ มรณํ ปาปุณนฺตุ. มา วา อเหสุนฺติ สพฺเพน สพฺพํ น โหนฺตุ. เตนาห ‘‘กิฺจิปิ มา อเหสุ’’นฺติ, อนวเสสวินาสํ ปาปุณนฺตูติ อตฺโถ. หฺนฺตูติ อาทิจินฺตเนเนวาติ เอกนฺตโต วินาสจินฺตาย เอว.
มิจฺฉาทิฏฺิโกติ อโยนิโส อุปฺปนฺนทิฏฺิโก. โส จ เอกนฺตโต กุสลปฏิปกฺขทิฏฺิโกติ อาห ‘‘อกุสลทสฺสโน’’ติ. วิปลฺลตฺถทสฺสโนติ ธมฺมตาย วิปริยาสคฺคาหี. นตฺถิ ทินฺนนฺติ เทยฺยธมฺมสีเสน ทานํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทินฺนสฺส ผลาภาวํ สนฺธาย วทตี’’ติ. ทินฺนํ ปน อนฺนาทิวตฺถุํ กถํ ปฏิกฺขิปติ. เอส นโย ‘‘ยิฏฺํ หุต’’นฺติ เอตฺถาปิ. มหายาโคติ สพฺพสาธารณํ มหาทานํ. ปเหณกสกฺกาโรติ ปาหุนกานํ กตฺตพฺพสกฺกาโร. ผลนฺติ อานิสํสผลฺจ นิสฺสนฺทผลฺจ. วิปาโกติ สทิสํ ¶ ผลํ. ปรโลเก ิตสฺส อยํ โลโก นตฺถีติ ปรโลเก ิตสฺส กมฺมุนา ลทฺธพฺโพ อยํ โลโก น โหติ. อิธโลเก ิตสฺสปิ ปรโลโก นตฺถีติ อิธโลเก ิตสฺส กมฺมุนา ลทฺธพฺโพ ปรโลโก น โหติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘สพฺเพ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺตี’’ติ ¶ . อิเม สตฺตา ยตฺถ ยตฺถ ภวโยนิคติอาทีสุ ิตา ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺติ นิรุทยวินาสวเสน วินสฺสนฺติ. ผลาภาววเสนาติ มาตาปิตูสุ สมฺมาปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺตีนํ ผลสฺส อภาววเสน ‘‘นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา’’ติ วทติ, น มาตาปิตูนํ, นาปิ เตสุ สมฺมาปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺตีนํ อภาววเสน เตสํ โลกปจฺจกฺขตฺตา. พุพฺพุฬกสฺส วิย อิเมสํ สตฺตานํ อุปฺปาโท นาม เกวโลว, น จวิตฺวา อาคมนปุพฺพโกติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘จวิตฺวา อุปปชฺชนกสตฺตา นาม นตฺถีติ วทตี’’ติ. สมเณน นาม ยาถาวโต ชานนฺเตน กสฺสจิ กิฺจิ อกเถตฺวา สฺเตน ภวิตพฺพํ, อฺถา อโหปุริสิกา นาม สิยา, กึ ปโร ปรสฺส กริสฺสติ, ตถา อตฺตโน สมฺปาทนสฺส กสฺสจิ อวสโร เอว นตฺถิ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโตติ อาห ‘‘เย อิมฺจ…เป… ปเวเทนฺตี’’ติ. เอตฺตาวตาติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา พฺยปเทเสน. ทสวตฺถุกาติ ปฏิกฺขิปิตพฺพานิ ทส วตฺถูนิ เอติสฺสาติ ทสวตฺถุกา.
๔๔๑. อนภิชฺฌาทโย เหฏฺา อตฺถโต ปกาสิตตฺตา อุตฺตานตฺถาเยว.
๔๔๒. สห พฺยยติ คจฺฉตีติ สหพฺโย, สหวตฺตนโก, ตสฺส ภาโว สหพฺยตา, สหปวตฺตีติ อาห ‘‘สหภาวํ อุปคจฺเฉยฺย’’นฺติ. พฺรหฺมานํ กาโย สมูโหติ พฺรหฺมกาโย, ตปฺปริยาปนฺนตาย ตตฺถ คตาติ พฺรหฺมกายิกา. กามํ เจตาย สพฺพสฺสปิ พฺรหฺมนิกายสฺส สมฺาย ภวิตพฺพํ, ‘‘อาภาน’’นฺติอาทินา ปน ทุติยชฺฌานภูมิกาทีนํ อุปริ คหิตตฺตา โคพลีพทฺทาเยน ตทวเสสานํ อยํ สมฺาติ อาห ‘‘พฺรหฺมกายิกานํ เทวานนฺติ ปมชฺฌานภูมิเทวาน’’นฺติ. อาภา นาม วิสุํ เทวา นตฺถิ, ปริตฺตาภาทีนํเยว ปน อาภาวนฺตตาสามฺเน เอกชฺฌํ คเหตฺวา ปวตฺตํ เอตํ อธิวจนํ, ยทิทํ ‘‘อาภา’’ติ ยถา ‘‘พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิตมหาพฺรหฺมานํ ¶ พฺรหฺมกายิกา’’ติ. ปริตฺตาภานนฺติอาทิ ปนาติ อาทิ-สทฺเทน อปฺปมาณาภานํ เทวานํ อาภสฺสรานํ เทวานนฺติ อิมํ ปาฬึ สงฺคณฺหาติ. เอกโต อคฺคเหตฺวาติ อาภาติ วา, เอกตฺตกายนานตฺตสฺาติ วา เอกโต อคฺคเหตฺวา. เตสํเยวาติ อาภาติ วุตฺตเทวานํเยว. เภทโต คหณนฺติ การณสฺส หีนาทิเภทภินฺนตาทสฺสนวเสน ปริตฺตาภาทิคฺคหณํ. อิติ ภควา อาสวกฺขยํ ทสฺเสตฺวาติ เอวํ ภควา ธมฺมจริยํ, สมจริยํ, วฏฺฏนิสฺสิตํ สุคติคามิปฏิปทํ, วิวฏฺฏนิสฺสิตํ อาสวกฺขยคามิปฏิปทํ กตฺวา ติภวภฺชนโต อาสวกฺขยํ ทสฺเสตฺวา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺเปสิ.
อิธ ตฺวาติ อิมสฺมึ ธมฺมจริยาสมจริยาย นิทฺเทเส ตฺวา. เทวโลกา สมาเนตพฺพาติ ฉพฺพีสติปิ ¶ เทวโลกา สโมธาเนตพฺพา. วีสติ พฺรหฺมโลกาติ ตํตํภวปริยาปนฺนนิกายวเสน วีสติ พฺรหฺมโลกา, วีสติ พฺรหฺมนิกายาติ อตฺโถ. ทสกุสลกมฺมปเถหีติ ยถารหํ ทสกุสลกมฺมปเถหิ กมฺมูปนิสฺสยปจฺจยภูเตหิ เกวลํ อุปนิสฺสยภูเตหิ จ นิพฺพตฺติ ทสฺสิตา.
ติณฺณํ สุจริตานนฺติ ติณฺณํ กามาวจรสุจริตานํ. กามาวจรคฺคหณฺเจตฺถ มโนสุจริตาเปกฺขาย. วิปาเกเนวาติ อิมินา วิปากุปฺปาเทเนว นิพฺพตฺติ โหติ, น อุปนิสฺสยตามตฺเตนาติ ทสฺเสติ. ‘‘อุปนิสฺสยวเสนา’’ติ วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ทส กุสลกมฺมปถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทุติยาทีนิ ภาเวตฺวาติอาทีสุปิ ‘‘สีเล ปติฏฺายา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘อุปนิสฺสยวเสนา’’ติ วุตฺตํ, นนุ ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๔๑) – ‘‘ปเมน ฌาเนน นีวรณานํ ปหานํ สีลํ, เวรมณิ สีลํ, เจตนา สีลํ, สํวโร สีลํ, อวีติกฺกโม สีล’’นฺติอาทินา สพฺเพสุปิ ฌาเนสุ สีลํ อุทฺธฏนฺติ ตสฺส วเสน อุปริเทวโลกานมฺปิ วิปาเกน นิพฺพตฺติ วตฺตพฺพาติ? น, ตสฺส ปริฺาย เทสนตฺตา, ปริฺาย เทสนตา จสฺส ‘‘ยตฺถ จ ปหาน’’นฺติอาทินา วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายฺจ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๘๓๗, ๘๓๙) ปกาสิตา เอว. ตถา หิ อิธาปิ ‘‘ทส กุสลกมฺมปถา หิ สีล’’นฺติอาทินา สีลสฺส รูปารูปภวานํ อุปนิสฺสยตา วิภาวิตา, น นิพฺพตฺตกตาย. กสฺมา ปเนตฺถ ภาวนาลกฺขณาย ธมฺมจริยาย ภววิเสเส วิภชิยมาเน อสฺภโว น คหิโตติ อาห ‘‘อสฺภโว ¶ ปน…เป… น นิทฺทิฏฺโ’’ติ. พาหิรกา หิ อยถาภูตทสฺสิตาย อสฺภวํ ภววิปฺปโมกฺขํ มฺมานา ตทุปคชฺฌานํ ภาเวตฺวา อสฺเสุ นิพฺพตฺตนฺติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลฏฺกถายํ ตํสํวณฺณนายฺจ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖๘-๗๓; ที. นิ. ฏี. ๑.๖๘-๗๓) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
สาเลยฺยกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. เวรฺชกสุตฺตวณฺณนา
๔๔๔. เวรฺชวาสิโนติ ¶ เวรฺชคามวาสิโน. เกจิ ปน ‘‘วิวิธรฏฺวาสิโน เวรฺชกา’’ติ เอตมตฺถํ วทนฺติ, เตสํ มเตน ‘‘เวรชฺชกา’’ติ ปาฬิยา ภวิตพฺพนฺติ. อนิยมิตกิจฺเจนาติ ‘‘อิมินา นามา’’ติ เอวํ น นิยมิเตน กิจฺเจน. อยํ วิเสโสติ อยํ ปุคฺคลาธิฏฺานธมฺมาธิฏฺานกโต อิเมสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ เทสนาย วิเสโส, อตฺโถ ปน เทสนานโย จ มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย อวิสิฏฺโติ ทสฺเสติ. กสฺมา ปน ภควา กตฺถจิ ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนํ เทเสติ, กตฺถจิ ธมฺมาธิฏฺานนฺติ? เทสนาวิลาสโต เวเนยฺยชฺฌาสยโต จ. เทสนาวิลาสปฺปตฺตา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, เต ยถารุจิ กตฺถจิ ปุคฺคลาธิฏฺานํ กตฺวา, กตฺถจิ ธมฺมาธิฏฺานํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺติ. เย ปน เวเนยฺยา สาสนกฺกมํ อโนติณฺณา, เตสํ ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนํ เทเสนฺติ. เย โอติณฺณา, เตสํ ธมฺมาธิฏฺานํ. สมฺมุติสจฺจวิสยา ปุคฺคลาธิฏฺานา, อิตรา ปรมตฺถสจฺจวิสยา. ปุริมา กรุณานุกูลา, อิตรา ปฺานุกูลา. สทฺธานุสาริโคตฺตานํ วา ปุริมา. เต หิ ปุคฺคลปฺปมาณา, ปจฺฉิมา ธมฺมานุสารีนํ. สทฺธาจริตตาย วา โลกาธิปตีนํ วเสน ปุคฺคลาธิฏฺานา, ปฺาจริตตาย ธมฺมาธิปตีนํ วเสน ธมฺมาธิฏฺานา. ปุริมา จ เนยฺยตฺถา, ปจฺฉิมา นีตตฺถา. อิติ ภควา ตํ ตํ วิเสสํ อเวกฺขิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ทุวิธํ เทสนํ เทเสตีติ เวทิตพฺพํ.
เวรฺชกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. มหาเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา
๔๔๙. ครุภาโว ¶ ¶ คารวํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณียตา. สห คารเวนาติ สคารโว, ครุนา กิสฺมิฺจิ วุตฺเต คารววเสน ปติสฺสวนํ ปติสฺสโว, สห ปติสฺสเวน สปฺปติสฺสโว, ปติสฺสวภูตํ ตํสภาคฺจ ยํ กิฺจิ ครุกรณํ. สคารเว สปฺปติสฺสวจนํ สคารวสปฺปติสฺสวจนํ. ครุกรณํ วา คารโว, สคารวสฺส สปฺปติสฺสวจนํ สคารวสปฺปติสฺสวจนํ. เอเตน สภาเวเนว สคารวสฺส ตถาปวตฺตํ วจนนฺติ ทสฺเสติ. อฺตฺถ ทุ-สทฺโท ครหตฺโถปิ โหติ ‘‘ทุกฺขํ ทุปฺปุตฺโต’’ติอาทีสุ วิย, อิธ ปน โส น สมฺภวติ กุจฺฉิตาย ปฺาย อภาวโตติ อาห ‘‘ปฺาย ทุฏฺํ นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘ทุสฺสีโล’’ติอาทีสุ วิย อภาวตฺโถ ทุ-สทฺโทติ วุตฺตํ ‘‘อปฺปฺโ นิปฺปฺโติ อตฺโถ’’ติ. กิตฺตเกนาติ เกน ปริมาเณน. ตํ ปน ปริมาณํ ยสฺมา ปริเมยฺยสฺส อตฺถสฺส ปริจฺฉินฺทนํ โหติ, นุ-สทฺโท จ ปุจฺฉาย โชตโก, ตสฺมา ‘‘กิตฺตาวตา นุ โขติ การณปริจฺเฉทปุจฺฉา’’ติ วตฺวา ‘‘กิตฺตเกน นุ โข เอวํ วุจฺจตีติ อตฺโถ’’ติ อาห. ‘‘การณปริจฺเฉทปุจฺฉา’’ติ อิมินา ‘‘กิตฺตาวตา’’ติ สามฺโต ปุจฺฉาภาโว ทสฺสิโต, น วิเสสโต, ตสฺส ปุจฺฉาวิเสสภาวาปนตฺถํ มหานิทฺเทเส อาคตา สพฺพาว ปุจฺฉา อตฺถุทฺธารนเยน ทสฺเสติ ‘‘ปุจฺฉา จ นามา’’ติอาทินา. อทิฏฺํ โชตียติ เอตายาติ อทิฏฺโชตนา, ปุจฺฉา. ทิฏฺสํสนฺทนา สากจฺฉาวเสน วินิจฺฉยกรณํ. วิมติ ฉิชฺชติ เอตายาติ วิมติจฺเฉทนา. อนุมติยา ปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา. ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว’’ติอาทิปุจฺฉาย หิ ‘‘กึ ตุมฺหากํ อนุมตี’’ติ อนุมติ ปุจฺฉิตา โหติ. กเถตุํ กมฺยตาย ปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา.
ลกฺขณนฺติ าตุํ อิจฺฉิโต โย โกจิ สภาโว. อฺาตนฺติ เยน เกนจิ าเณน อฺาตภาวํ อาห. อทิฏฺนฺติ ทสฺสนภูเตน ปจฺจกฺขํ วิย อทิฏฺตํ. อตุลิตนฺติ ‘‘เอตฺตกํ อิท’’นฺติ ตุลนภูเตน อตุลิตตํ. อตีริตนฺติ ตีรณภูเตน อกตาณกิริยาสมาปนตํ. อวิภูตนฺติ าณสฺส อปากฏภาวํ. อวิภาวิตนฺติ าเณน อปากฏีกตภาวํ. อิธ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา อธิปฺเปตา, น อทิฏฺโชตนา วิมติจฺเฉทนา จาติ.
กถมยํ ¶ อตฺโถ วิฺายตีติ อาห ‘‘เถโร หี’’ติอาทิ. สยํ วินิจฺฉินนฺโตติ สยเมว เตสํ ปฺหานํ อตฺถํ วิเสเสน นิจฺฉินนฺโต. อิทํ สุตฺตนฺติ อิทํ ปฺจวีสติปฺหปฏิมณฺฑิตสุตฺตํ, น ¶ ยํ กิฺจิ อนวเสเสเนว มตฺถกํ ปาเปสีติ. ‘‘สยเมว ปฺหํ สมุฏฺาเปตฺวา สยํ วินิจฺฉินนฺโต’’ติ เอตฺถ จตุกฺโกฏิกํ ภวตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกจฺโจ หี’’ติอาทิมาห. ปฺหํ สมุฏฺาเปตุํเยว สกฺโกตีติ ปุจฺฉนวิธึเยว ชานาติ. น นิจฺเฉตุนฺติ นิจฺเฉตุํ น สกฺโกติ, วิสฺสชฺชนวิธึ น ชานาตีติ อตฺโถ. วิเสสฏฺานนฺติ อฺเหิ อสทิสฏฺานํ. เถเรน สทิโสติ เถเรน สทิโส สาวโก นตฺถิ.
สํสนฺทิตฺวาติ สํโยเชตฺวา สมานํ กตฺวา, ยถา ตตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ ปวตฺตํ, ตถา ตํ อวิโลเมตฺวาติ อตฺโถ. ลีฬายนฺโตติ ลีฬํ กโรนฺโต. ธมฺมกถิกตาย อคฺคภาวปฺปตฺติยา ตตฺถ อปฺปฏิหตาณตาย พุทฺธลีฬาย วิย จตุนฺนํ ปริสานํ คมนํ คณฺหนฺโต ธมฺมกถํ กเถติ.
อิโต วา เอตฺโต วา อนุกฺกมิตฺวาติ อุคฺคหิตกถามคฺคโต ยตฺถ กตฺถจิ อีสกมฺปิ อนุกฺกมิตฺวา อุคฺคหิตนิยาเมเนวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยฏฺิโกฏิ’’นฺติอาทิ. เอกปทิกนฺติ เอกปทนิกฺเขปมตฺตํ. ทณฺฑกเสตุนฺติ เอกทณฺฑกมยํ เสตุํ. เหฏฺา จ อุปริ จ สุตฺตปทานํ อาหรเณน เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ เหฏฺุปริยํ กโรนฺโต. ชาตสฺสรสทิสฺจ คาถํ, สุตฺตปทํ วา นิกฺขิปิตฺวา ตตฺถ นานาอุปมาการณานิ อาหรนฺโต ตานิ จ เตหิ สุตฺตปเทหิ โพเธนฺโต สมุฏฺาเปนฺโต ‘‘ชาตสฺสเร ปฺจวณฺณานิ กุสุมานิ ผุลฺลาเปนฺโต วิย สิเนรุมตฺถเก วฏฺฏิสหสฺสํ ชาเลนฺโต วิยา’’ติ วุตฺโต.
เอกปทุทฺธาเรติ เอกสฺมึ ปทุทฺธารณกฺขเณ. ปทวเสน สฏฺิ ปทสตสหสฺสานิ คาถาวเสน ปนฺนรส คาถาสหสฺสานิ. อากฑฺฒิตฺวา คณฺหนฺโต วิยาติ ปจฺเจกํ ปุปฺผานิ อโนจินิตฺวา วลฺลิเมว อากฑฺฒิตฺวา เอกชฺฌํ ปุปฺผานิ กตฺวา คณฺหนฺโต วิย. เตนาห ‘‘เอกปฺปหาเรเนวา’’ติ. คติมนฺตานนฺติ อติสยาย าณคติยา ยุตฺตานํ. ธิติมนฺตานนฺติ ธารณพเลน ยุตฺตานํ.
อนนฺตนยุสฺสทนฺติ ¶ ปจฺจยุปฺปนฺนภาสิตตฺถนิพฺพานวิปากกิริยาทิวเสน อนนฺตปเภเท วิสเย ปวตฺติยา อนนฺตนเยหิ อุสฺสนฺนํ อุปจิตํ. จตุโรฆนิตฺถรณตฺถิกานํ ติตฺเถ ปิตนาวา วิยาติ โยชนา. สหสฺสยุตฺตอาชฺรโถติ เวชยนฺตรถํ สนฺธาย วทติ.
ยสฺมา ปุจฺฉายํ พฺยาปนิจฺฉานเยน ‘‘ทุปฺปฺโ ทุปฺปฺโ’’ติ อาเมฑิตวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา ธมฺมเสนาปติ ปุจฺฉิตมตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺโต ปุจฺฉาสภาเคน ‘‘นปฺปชานาติ นปฺปชานาตี’’ติ อาเมฑิตวเสเนวาห. ตตฺถ อิติ-สทฺโท การณตฺโถติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา นปฺปชานาติ, ตสฺมา ทุปฺปฺโติ ¶ วุจฺจตี’’ติ อาห. อิทํ ทุกฺขนฺติ อิทํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ. ตฺจ โข รุปฺปนํ เวทิยนํ สฺชานนํ อภิสงฺขรณํ วิชานนนฺติ สงฺเขปโต เอตฺตกํ. อิโต อุทฺธํ กิฺจิ ธมฺมชาตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ นาม นตฺถีติ ยาถาวสรสลกฺขณโต ปวตฺติกฺกมโต เจว ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามลกฺขณโต จ ยถาภูตํ อริยมคฺคปฺาย นปฺปชานาติ. อวเสสปจฺจยสมาคเม อุทยติ อุปฺปชฺชติ, สฺวายํ สมุทโย สํสารปวตฺติภาเวนาติ อาห ‘‘ปวตฺติทุกฺขปภาวิกา’’ติ, ทุกฺขสจฺจสฺส อุปฺปาทิกาติ อตฺโถ. ยาถาวสรสลกฺขณโตติ ยถาภูตํ อนุปจฺเฉทกรณรสโต เจว สมฺปิณฺฑนนิทานสํโยคปลิโพธลกฺขณโต จ.
อิทํ นาม านํ ปตฺวาติ อิทํ นาม อปฺปวตฺติการณํ อาคมฺม. นิรุชฺฌตีติ อนุปฺปาทนิโรธวเสน นิรุชฺฌติ, เตนาห ‘‘อุภินฺนํ อปฺปวตฺตี’’ติ. ยาถาวสรสลกฺขณโตติ ยถาภูตํ อจฺจุติรสโต เจว นิสฺสรณวิเวกาสงฺขตามตลกฺขณโต จ. อยํ ปฏิปทาติ อยํ สมฺมาทิฏฺิอาทิกา สโมธานลกฺขณา ปฏิปชฺชติ เอตายาติ ปฏิปทา. ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉตีติ ทุกฺขนิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน คจฺฉติ อารพฺภ ปวตฺตติ. ยาถาวสรสลกฺขณโตติ ยถาภูตํ กิเลสปฺปหานกรณสรสโต เจว นิยฺยานเหตุทสฺสนาธิปเตยฺยลกฺขณโต จ นปฺปชานาติ. อนนฺตรวาเรติ ทุติยวาเร. อิมินาว นเยนาติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปมวาเร วุตฺตนเยน. ตตฺถ หิ ทุปฺปฺนิทฺเทสตฺตา ปชานนปฏิกฺเขปวเสน เทสนา อาคตา, อิธ ปฺวนฺตนิทฺเทสตฺตา ปชานนวเสนาติ อยเมว วิเสโส. เอตฺถาติ ทุติยวาเร.
สวนโตติ ¶ กมฺมฏฺานสฺส สวนโต อุคฺคณฺหาติ. คนฺถสวนมุเขน หิ ตทตฺถสฺส อุคฺคหณํ. เปตฺวา ตณฺหนฺติอาทิ ตสฺส อุคฺคหณาการนิทสฺสนํ. อภินิวิสตีติ วิปสฺสนาภินิเวสวเสน อภินิวิสติ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ ปฏฺเปติ. โน วิวฏฺเฏติ วิวฏฺเฏ อภินิเวโส น โหติ อวิสยตฺตา. อยนฺติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานิโก.
ปฺจกฺขนฺธาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ขนฺธวเสน วิปสฺสนาภินิเวสสฺส จกฺขาทิวเสน เวทนาทิวเสน จ สติปิ อเนกวิธตฺเต สุกรํ สุวิฺเยฺยนฺติ จตุธาตุมุเขน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ธาตุกมฺมฏฺานวเสน โอตริตฺวา’’ติ อาห. รูปนฺติ ววตฺถเปตีติ รุปฺปนฏฺเน รูปนฺติ อสงฺกรโต ปริจฺฉินฺทติ. ตทารมฺมณาติ ตํ รูปํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตนกา. นามนฺติ เวทนาทิจตุกฺกํ นมนฏฺเน นามนฺติ ววตฺถาเปติ. ยมกตาลกฺขนฺธํ ภินฺทนฺโต วิย ยมกํ ภินฺทิตฺวา ‘‘อรูปํ, รูปฺจา’’ติ ทฺเวว อิเม ธมฺมา, น เอตฺถ โกจิ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วาติ นามรูปํ ววตฺถเปติ ปริจฺฉินฺทติ ¶ ปริคฺคณฺหาติ. เอตฺตาวตา ทิฏฺิวิสุทฺธิ ทสฺสิตา. ตํ ปเนตํ นามรูปํ น อเหตุกํ. ยสฺมา สพฺพํ สพฺพตฺถ สพฺพทา จ นตฺถิ, ตสฺมา สเหตุกํ. กีทิเสน เหตุนา? น อิสฺสราทิวิสมเหตุนา. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๔๔๗) วุตฺตนเยน คเหตพฺพํ. สเหตุกตฺตา เอว สปจฺจยํ. อวิชฺชาทโยติ อวิชฺชาตณฺหุปาทานกมฺมาหาราทโย. เอวนฺติ ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย เจว รูปเวทนาทิเก ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเม จ ววตฺถเปตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริคฺคเหตฺวา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย, ตณฺหาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐). เอตฺตาวตา กงฺขาวิตรณวิสุทฺธึ ทสฺเสติ.
หุตฺวาติ เหตุปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชิตฺวา. อภาวฏฺเนาติ ตทนนฺตรเมว วินสฺสนฏฺเน. อนิจฺจาติ อนิจฺจา อทฺธุวา. อนิจฺจลกฺขณํ อาโรเปตีติ เตสุ ปฺจสุ ขนฺเธสุ อนิจฺจตาสงฺขาตํ สามฺลกฺขณํ นิโรเปติ. ตโตติ อนิจฺจลกฺขณาโรปนโต ปรํ, ตโต วา อนิจฺจภาวโต. อุทยพฺพยปฺปฏิปีฬนากาเรนาติ อุปฺปาทนิโรเธหิ ปติ ปติ อภิกฺขณํ ปีฬนากาเรน เหตุนา ทุกฺขา อนิฏฺา, ทุกฺขมา วา. อวสวตฺตนากาเรนาติ กสฺสจิ วเสน อวสวตฺตนากาเรน. อนตฺตาติ น สยํ อตฺตา, นาปิ เนสํ โกจิ อตฺตา อตฺถีติ อนตฺตาติ. ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวาติ ¶ เอวํ อนิจฺจสฺส ทุกฺขภาวโต, ทุกฺขสฺส จ อนตฺตภาวโต ขนฺธปฺจเก ติวิธมฺปิ สามฺลกฺขณํ อาโรเปตฺวา. สมฺมสนฺโตติ อุทยพฺพยาณุปฺปตฺติยา อุปฺปนฺเน วิปสฺสนุปกฺกิเลเส ปหาย มคฺคามคฺคํ ววตฺถเปตฺวา อุทยพฺพยาณาทิวิปสฺสนาปฏิปาฏิยา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต โคตฺรภุาณานนฺตรํ โลกุตฺตรมคฺคํ ปาปุณาติ.
เอกปฏิเวเธนาติ เอเกเนว าเณน ปฏิวิชฺฌเนน. ปฏิเวโธ ปฏิฆาตาภาเวน วิสเย นิสฺสงฺคจารสงฺขาตํ นิพฺพิชฺฌนํ. อภิสมโย อวิรชฺฌิตฺวา อธิคมนสงฺขาโต อวโพโธ. ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ยาถาวโต ชานนเมว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ ปริฺาปฏิเวโธ, อิทฺจ ยถา าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา ทุกฺขสฺส สรูปาทิปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ปวตฺตึ คเหตฺวา วุตฺตํ, น ปน มคฺคาณสฺส ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปวตฺตนโต. เตนาห ‘‘ตสฺมิฺจสฺส ขเณ’’ติอาทิ. ปหีนสฺส ปุน อปหาตพฺพตาย ปกฏฺํ หานํ จชนํ สมุจฺฉินฺทนํ ปหานํ, ปหานเมว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ ปหานปฏิเวโธ. อยมฺปิ เยน กิเลเสน อปฺปหียมาเนน มคฺคภาวนาย น ภวิตพฺพํ, อสติ จ มคฺคภาวนาย โย อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส ปทฆาตํ กโรนฺตสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺตสฺส าณสฺส ตถาปวตฺติยา ปฏิฆาตาภาเวน ¶ นิสฺสงฺคจารํ อุปาทาย เอวํ วุตฺโต. สจฺฉิกิริยา ปจฺจกฺขกรณํ อนุสฺสวาการปริวิตกฺกาทิเก มฺุจิตฺวาว สรูปโต อารมฺมณกรณํ ‘‘อิทํ ต’’นฺติ ยาถาวสภาวโต คหณํ, สา เอว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ สจฺฉิกิริยาปฏิเวโธ. อยมฺปิ ยสฺส อาวรณสฺส อสมุจฺฉินฺทนโต าณํ นิโรธํ อาลมฺพิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺส สมุจฺฉินฺทนโต ตํ สรูปโต วิภาวิตเมว ปวตฺตตีติ เอวํ วุตฺโต.
ภาวนา อุปฺปาทนา วฑฺฒนา จ. ตตฺถ ปมมคฺเค อุปฺปาทนฏฺเน ภาวนา, ทุติยาทีสุ วฑฺฒนฏฺเน, อุภยตฺถาปิ วา อุภยํ เวทิตพฺพํ. ปมมคฺโคปิ หิ ยถารหํ วุฏฺานคามินิยํ ปวตฺตํ ปริชานนาทึ วฑฺเฒนฺโต ปวตฺโตติ ตตฺถาปิ วฑฺฒนฏฺเน ภาวนาติ สกฺกา วิฺาตุํ. ทุติยาทีสุปิ อปฺปหีนกิเลสปฺปหานโต ปุคฺคลนฺตรสาธนโต จ อุปฺปาทนฏฺเน ภาวนา, สา เอว วุตฺตนเยน ปฏิเวโธติ ภาวนาปฏิเวโธ. อยมฺปิ ยถา าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา มคฺคธมฺมานํ สรูปปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ¶ ปวตฺตึ คเหตฺวา วุตฺโต. ติฏฺนฺตุ ตาว ยถาธิคตา มคฺคธมฺมา, ยถาปวตฺเตสุ ผเลสุปิ อยํ ยถาธิคตสจฺจธมฺเมสุ วิย วิคตสมฺโมโหว โหติ เสกฺโขปิ สมาโน. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทิฏฺธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ (มหาว. ๒๗). ยถา จสฺส ธมฺมา ตาสํ โชติตา ยถาธิคตสจฺจธมฺมาวลมฺพินิโย มคฺควีถิโต ปรโต มคฺคผลปหีนาวสิฏฺกิเลสนิพฺพานานํ ปจฺจเวกฺขณา ปวตฺตนฺติ. ทุกฺขสจฺจธมฺมา หิ สกฺกายทิฏฺิอาทโย. อยฺจ อตฺถวณฺณนา ปริฺาภิสมเยนาติอาทีสุปิ วิภาเวตพฺพา. กิจฺจโตติ อสมฺโมหโต. นิโรธํ อารมฺมณโตติ เอตฺถ ‘‘อารมฺมณโตปี’’ติ ปิ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ ทฏฺพฺโพ นิโรเธปิ อสมฺโมหปฏิเวธสฺส ลพฺภนโต. เอตสฺสาติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานิกสฺส ปุคฺคลสฺส.
ปฺวาติ นิทฺทิฏฺโ นิปฺปริยายโต ปฺวนฺตตาย อิธ อธิปฺเปตตฺตา. ปาฬิโตติ ธมฺมโต. อตฺถโตติ อฏฺกถาโต. อนุสนฺธิโตติ ตสฺมึ ตสฺมึ สุตฺเต ตํตํอนุสนฺธิโต. ปุพฺพาปรโตติ ปุพฺเพนาปรสฺส สํสนฺทนโต. สงฺคีติกฺกเมน เจตฺถ ปุพฺพาปรตา เวทิตพฺพา. ตํตํเทสนายเมว วา ปุพฺพภาเคน อปรภาคสฺส สํสนฺทนโต. วิฺาณจริโตติ วิชานนจริโต วีมํสนจริโต เตปิฏเก พุทฺธวจเน วิจารณาจารเวปุลฺลโต. ปฺวาติ น วตฺตพฺโพ มคฺเคนาคตาย ปฺาย อภาวโต. อชฺช อชฺเชว อรหตฺตนฺติ อิตฺตรํ อติขิปฺปเมวาติ อธิปฺปาโย. ปฺวาปกฺขํ ภชติ เสกฺขปริยายสพฺภาวโต. สุตฺเต ปน ปฏิเวโธว กถิโต สจฺจาภิสมยวเสน อาคตตฺตา.
เอสาติ อนนฺตเร วุตฺโต อริยปุคฺคโล. กมฺมการกจิตฺตนฺติ ภาวนากมฺมสฺส ปวตฺตนกจิตฺตํ ¶ . สุขเวทนมฺปิ วิชานาตีติ โก เวทิยติ, กสฺส เวทนา, กึการณา เวทนา, โสปิ กสฺสจิ อภาวคฺคหณมุเขน สุขํ เวทนํ สภาวโต สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต จ ยถาภูตํ ปริจฺฉินฺทนฺโต ปริคฺคณฺหนฺโต สุขํ เวทนํ วิชานาติ นาม. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ยสฺมา ‘‘สติปฏฺาเน’’ติ อิมินา สติปฏฺานกถํ อุปลกฺเขติ. ตาย หิ ตทตฺโถ เวทิตพฺโพ, ตสฺมา ตํสํวณฺณนายมฺปิ (ที. นิ. ฏี. ๒.๓๘๐) วุตฺตนเยน ตสฺสตฺโถ เวทิตพฺโพ ¶ . กามฺเจตํ วิฺาณํ เวทนาโต อฺมฺปิ อารมฺมณํ วิชานาติ, อนนฺตรวาเร ปน รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสสฺส ทสฺสิตตฺตา อิธ อรูปมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘สุขนฺติปิ วิชานาตี’’ติอาทินา นิทฺทิฏฺํ, ปุจฺฉนฺตสฺส วา อชฺฌาสยวเสน.
สํสฏฺาติ สมฺปยุตฺตา. เตนาห ‘‘เอกุปฺปาทาทิลกฺขเณน สํโยคฏฺเนา’’ติ. วิสํสฏฺาติ วิปฺปยุตฺตา. ภินฺทิตฺวาติ อฺภูมิกสฺส อฺภูมิทสฺสเนเนว วินาเสตฺวา, สํภินฺทิตฺวา วา. สํสฏฺภาวํ ปุจฺฉตีติ ตํจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานํ ปฺจวิฺาณานํ สํสฏฺภาวํ ปุจฺฉติ. ยทิ เอวํ กถํ ปุจฺฉาย อวสโร วิสํสฏฺภาวาสงฺกาย เอว อภาวโต? น, จิตฺตุปฺปาทนฺตรคตานํ มคฺคปฺามคฺควิฺาณานํ วิปสฺสนาปฺาวิปสฺสนาวิฺาณานฺจ โวมิสฺสกสํสฏฺภาวสฺส ลพฺภมานตฺตา. วินิวฏฺเฏตฺวาติ อฺมฺโต วิเวเจตฺวา. นานากรณํ ทสฺเสตุํ น สกฺกาติ อิทํ เกวลํ สํสฏฺภาวเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น สภาวเภทํ, สภาวเภทโต ปน นานากรณํ เนสํ ปากฏเมว. เตนาห ‘‘อารมฺมณโต วา วตฺถุโต วา อุปฺปาทโต วา นิโรธโต วา’’ติ. อิทานิ ตเมว สภาวเภทํ วิสยเภเทน สุฏฺุ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เตสํ เตสํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิสโยติ ปวตฺติฏฺานํ อิสฺสริยภูมิ, เยน จิตฺตปฺานํ ตตฺถ ตตฺถ ปุพฺพงฺคมตา วุจฺจติ.
กามฺจ วิปสฺสนาปิ ปฺาวเสเนว กิจฺจการี, มคฺโคปิ วิฺาณสหิโตว, น เกวโล, ยถา ปน โลกิยธมฺเมสุ จิตฺตํ ปธานํ ตตฺถสฺส โธรยฺหภาเวน ปวตฺติสพฺภาวโต. ตถา หิ ตํ ‘‘ฉทฺวาราธิปติ ราชา’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๘๑) วุจฺจติ, เอวํ โลกุตฺตรธมฺเมสุ ปฺา ปธานา ปฏิปกฺขวิธมนสฺส วิเสสโต ตทธีนตฺตา. ตถา หิ มคฺคธมฺเม สมฺมาทิฏฺิ เอว ปมํ คหิตา. อยฺจ เนสํ วิสยวเสน ปวตฺติเภโท, ตถา จ ปฺาปนวิธิ น เกวลํ เถเรเหว ทสฺสิโต, อปิจ โข ภควตาปิ ทสฺสิโตติ วิภาเวนฺโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธปี’’ติอาทิมาห. ยตฺถ ปฺา น ลพฺภติ, ตตฺถ จิตฺตวเสน ปุจฺฉเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ ยถา ‘‘กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขู’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๓๒-๑๓๕). ยตฺถ ปน ปฺา ลพฺภติ, ตตฺถาปิ จิตฺตวเสน โชตนา โหติ ยถา – ‘‘อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปติ สนฺนิสาเทติ เอโกทึ กโรติ สมาทหติ (สํ. นิ. ๔.๓๓๒), ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ ¶ ¶ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑). อฏฺกถายํ ปน โลกิยธมฺเมสุ จิตฺตวเสน, โลกุตฺตรธมฺเมสุ ปฺาวเสน โจทนํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘กตมา เต ภิกฺขุ ปฺา อธิคตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เยภุยฺยวเสน เจตํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ กตฺถจิ โลกิยธมฺมา ปฺาสีเสนปิ นิทฺทิสียนฺติ – ‘‘ปมสฺส ฌานสฺส ลาภิโน กามสหคตา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ หานภาคินี ปฺา’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๑). สฺาสีเสนปิ – ‘‘อุทฺธุมาตกสฺาติ วา เสสรูปารูปสฺาติ วา อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, อุทาหุ นานตฺถา’’ติอาทีสุ (ปารา. อฏฺ. ๔๕.ปทภาชนียวณฺณนา). ตถา โลกุตฺตรธมฺมาปิ กตฺถจิ จิตฺตสีเสน นิทฺทิสียนฺติ – ‘‘ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ จิตฺตํ ภาเวตี’’ติ (ธ. ส. ๒๗๗), ตถา ผสฺสาทิสีเสนปิ – ‘‘ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ผสฺสํ ภาเวติ, เวทนํ สฺํ เจตนํ ภาเวตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๒๗๗).
จตูสุ โสตาปตฺติยงฺเคสูติ สปฺปุริสเสวนา, สทฺธมฺมสฺสวนํ, โยนิโสมนสิกาโร, ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตีติ อิเมสุ จตูสุ โสตาปตฺติมคฺคสฺส การเณสุ. กามํ เจเตสุ สติอาทโยปิ ธมฺมา อิจฺฉิตพฺพาว เตหิ วินา เตสํ อสมฺภวโต, ตถาปิ เจตฺถ สทฺธา วิเสสโต กิจฺจการีติ เวทิตพฺพา. สทฺโท เอว หิ สปฺปุริเส ปยิรุปาสติ, สทฺธมฺมํ สุณาติ, โยนิโส จ มนสิ กโรติ, อริยมคฺคสฺส จ อนุธมฺมํ ปฏิปชฺชติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอตฺถ สทฺธินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพ’’นฺติ. อิมินา นเยน เสสินฺทฺริเยสุปิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. จตูสุ สมฺมปฺปธาเนสูติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานภาวนาย. จตูสุ สติปฏฺาเนสูติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ โสตาปตฺติยงฺเคสุ สทฺธา วิย สมฺมปฺปธานภาวนาย วีริยํ วิย จ สติปฏฺานภาวนาย – ‘‘สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺส’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖; สํ. นิ. ๕.๓๘๔, ๔๐๗) วจนโต ปุพฺพภาเค กิจฺจโต สติ อธิกา อิจฺฉิตพฺพา. เอวํ สมาธิกมฺมิกสฺส สมาธิ, ‘‘อริยสจฺจภาวนา ปฺาภาวนา’’ติ กตฺวา ตตฺถ ปฺา ปุพฺพภาเค อธิกา อิจฺฉิตพฺพาติ ปากโฏยมตฺโถ, อธิคมกฺขเณ ปน สมาธิปฺานํ วิย สพฺเพสมฺปิ อินฺทฺริยานํ สทฺธาทีนํ สมรสตาว อิจฺฉิตพฺพา. ตถา หิ ‘‘เอตฺถ สทฺธินฺทฺริย’’นฺติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ เอตฺถคฺคหณํ กตํ. เอวนฺติ ยํ านํ, ตํ อินฺทฺริยสมตฺตาทึ ปจฺจามสติ. สวิสยสฺมึเยวาติ อตฺตโน อตฺตโน วิสเย ¶ เอว. โลกิยโลกุตฺตรา ธมฺมา กถิตาติ โลกิยธมฺมา โลกุตฺตรธมฺมา จ เตน เตน ปวตฺติวิเสเสน กถิตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สทฺธาปฺจเมสุ อินฺทฺริเยสุ สห ปวตฺตมาเนสุ ตตฺถ ตตฺถ วิสเย สทฺธาทีนํ กิจฺจาธิกตาย ตสฺส ตสฺเสว ทฏฺพฺพตา วุตฺตา, น สพฺเพสํ. เอวํ อฺเปิ โลกิยโลกุตฺตรา ธมฺมา ยถาสกํ วิสเย ปวตฺติวิเสสวเสน โพธิตาติ.
อิทานิ ¶ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ตตฺถ ตตฺถ อติเรกกิจฺจตํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ ราชปฺจมา สหายา วิย วิมุตฺติปริปาจกานิ ปฺจินฺทฺริยานิ. เนสํ กีฬนตฺถํ เอกชฺฌํ วีถิโอตรณํ วิย อินฺทฺริยานํ เอกชฺฌํ วิปสฺสนาวีถิโอตรณํ. สหาเยสุ ปมาทีนํ ยถาสกเคเหว วิจารณา วิย สทฺธาทีนํ โสตาปตฺติองฺคาทีนิ ปตฺวา ปุพฺพงฺคมตา. สหาเยสุ อิตเรสํ ตตฺถ ตตฺถ ตุณฺหีภาโว วิย เสสินฺทฺริยานํ ตตฺถ ตตฺถ ตทนฺวยตา. ตสฺส ปุพฺพงฺคมภูตสฺส อินฺทฺริยสฺส กิจฺจานุคตตา. น หิ ตทา เตสํ สสมฺภารปถวีอาทีสุ อาปาทีนํ วิย กิจฺจํ ปากฏํ โหติ, สทฺธาทีนํเยว ปน กิจฺจํ วิภูตํ หุตฺวา ติฏฺติ ปุเรตรํ ตถาปจฺจเยหิ จิตฺตสนฺตานสฺส อภิสงฺขตตฺตา. เอตฺถ จ วิปสฺสนากมฺมิกสฺส ภาวนา วิเสสโต ปฺุตฺตราติ ทสฺสนตฺถํ ราชานํ นิทสฺสนํ กตฺวา ปฺินฺทฺริยํ วุตฺตํ. อิตีติอาทิ ยถาธิคตสฺส อตฺถสฺส นิคมนํ.
มคฺควิฺาณมฺปีติ อริยมคฺคสหคตํ อปจยคามิวิฺาณมฺปิ. ตเถว ตํ วิชานาตีติ สจฺจธมฺมํ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา นเยเนว วิชานาติ เอกจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตฺตา มคฺคานุกูลตฺตา จ. ยํ วิชานาตีติ เอตฺถ วิชานนปชานนานิ วิปสฺสนาจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานิ อธิปฺเปตานิ, น ‘‘ยํ ปชานาตี’’ติ เอตฺถ วิย มคฺคจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนาติ อาห ‘‘ยํ สงฺขารคต’’นฺติอาทิ. ตเถวาติ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา นเยน. เอกจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตฺตา วิปสฺสนาภาวโต จ สมานปจฺจเยหิ สห ปวตฺติกตา เอกุปฺปาทตา, ตโต เอว เอกชฺฌํ สเหว นิรุชฺฌนํ เอกนิโรธตา, เอกํเยว วตฺถุํ นิสฺสาย ปวตฺติ เอกวตฺถุกตา, เอกํเยว อารมฺมณํ อารพฺภ ปวตฺติ เอการมฺมณตา. เหตุมฺหิ เจตํ กรณวจนํ. เตน เอกุปฺปาทาทิตาย สํสฏฺภาวํ สาเธติ. อนวเสสปริยาทานฺเจตํ, อิโต ตีหิปิ สมฺปยุตฺตลกฺขณํ โหติเยว.
มคฺคปฺํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ, สา หิ เอกนฺตโต ภาเวตพฺพา, น ปริฺเยฺยา, ปฺาย ปน ภาเวตพฺพตาย ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ ตคฺคติกาว โหนฺตีติ อาห ‘‘ตํสมฺปยุตฺตํ ปนา’’ติอาทิ. กิฺจาปิ วิปสฺสนาปฺาย ภาวนาวเสน ปวตฺตนโต ตํสมฺปยุตฺตวิฺาณมฺปิ ตเถว ปวตฺตติ, ตสฺส ปน ปริฺเยฺยภาวานติวตฺตนโต ปริฺเยฺยตา วุตฺตา. เตเนวาห – ‘‘ยมฺปิ ตํ ธมฺมฏฺิติาณํ, ตมฺปิ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺม’’นฺติ.
๔๕๐. เอวํ สนฺเตปีติ เวทนาติ เอวํ สามฺคฺคหเณ สติปิ. เตภูมิกสมฺมสนจารเวทนาวาติ ภูมิตฺตยปริยาปนฺนา, ตโต เอว สมฺมสนาณสฺส โคจรภูตา เวทนา เอว อธิปฺเปตา สพฺรหฺมจารีนํ อุปการาวหภาเวน เทสนาย อารทฺธตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘จตุโรฆนิตฺถรณตฺถิกาน’’นฺติอาทิ ¶ . เอส นโย ปฺายปิ. อิธ สุขาทิสทฺทา ตทารมฺมณวิสยาติ อิมมตฺถํ สุตฺเตน สาเธตุํ ‘‘รูปฺจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกนฺตทุกฺขนฺติ เอกนฺเตเนว อนิฏฺํ, ตโต เอว ทุกฺขมตาย ทุกฺขํ. อารมฺมณกรณวเสน ทุกฺขเวทนาย อนุปติตํ, โอติณฺณฺจาติ ทุกฺขานุปติตํ, ทุกฺขาวกฺกนฺตํ. สุเขน อนวกฺกนฺตํ อภวิสฺสาติ โยชนา. นยิทนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ. สารชฺเชยฺยุนฺติ สาราคํ อุปฺปาเทยฺยุํ. สุขนฺติ สภาวโต จ อิฏฺํ. สาราคา สํยุชฺชนฺตีติ พหลราคเหตุ ยถารหํ ทสหิปิ สํโยชเนหิ สํยุชฺชนฺติ. สํโยคา สํกิลิสฺสนฺตีติ ตถา สํยุตฺตตาย ตณฺหาสํกิเลสาทิวเสน สํกิลิสฺสนฺติ, วิพาธียนฺติ อุปตาปียนฺติ จาติ อตฺโถ. อารมฺมณนฺติ อิฏฺํ, อนิฏฺํ, มชฺฌตฺตฺจ อารมฺมณํ ยถากฺกมํ สุขํ, ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขนฺติ กถิตํ. เอวํ อวิเสเสน ปฺจปิ ขนฺเธ สุขาทิอารมฺมณภาเวน ทสฺเสตฺวา อิทานิ เวทนา เอว สุขาทิอารมฺมณภาเวน ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปากติกปจุรชนวเสนายํ กถิตาติ กตฺวา ‘‘ปุริมํ สุขํ เวทนํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. วิเสสลาภี ปน อนาคตมฺปิ สุขํ เวทนํ อารมฺมณํ กโรเตว. วุตฺตเมตํ สติปฏฺานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๐; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๗๙). เวทนาย หิ อารมฺมณํ เวทิยนฺติยา ตํสมงฺคีปุคฺคโล เวเทตีติ โวหารมตฺตํ โหติ.
สพฺพสฺายาติ สพฺพายปิ จตุภูมิกสฺาย. สพฺพตฺถกสฺายาติ สพฺพสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท ปวตฺตนกสฺาย. วตฺเถ วาติ วา-สทฺเทน วณฺณธาตุํ สงฺคณฺหาติ ¶ . ปาเปนฺโตติ ภาวนํ อุปจารํ วา อปฺปนํ วา อุปเนนฺโต. อุปฺปชฺชนกสฺาปีติ ‘‘นีลํ รูปํ, รูปารมฺมณํ นีล’’นฺติ อุปฺปชฺชนกสฺาปิ.
อสพฺพสงฺคาหิกตฺตาติ สพฺเพสํ เวทนาสฺาวิฺาณานํ อสงฺคหิตตฺตา. ตกฺกคตนฺติ สุตฺตกนฺตนกตกฺกมฺหิ, สุตฺตวตฺตนกตกฺกมฺหิ วา เวนวเสน ิตํ. ปริวฏฺฏกาทิคตนฺติ สุตฺตเวนปริวฏฺฏกาทิคตํ. วิสฺสฏฺตฺตาว น คหิตา, ยทคฺเคน ปฺา วิฺาเณน สทฺธึ สมฺปโยคํ ลภาปิตา, ตทคฺเคน เวทนาสฺาหิปิ สมฺปโยคํ ลภาปิตา เอวาติ. ตเทว สฺชานาติ สํสฏฺภาวโต.
สฺชานาติ วิชานาตีติ เอตฺถ ‘‘ปชานาตี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ ปชานนวเสนปิ วิเสสสฺส วกฺขมานตฺตา. ชานาตีติ อยํ สทฺโท จ ลทฺทโตเยเวตฺถ อวิเสโส, อตฺถโต ปน วิเสสโต อิจฺฉิตพฺโพ. อเนกตฺถตฺตา หิ ธาตูนํ เตน อาขฺยาตปเทน นามปเทน จ วุตฺตมตฺถํ อุปสคฺคปทํ โชตกภาเวน วิเสเสติ, น วาจกภาเวน. เตนาห ‘‘ตสฺสปิ ชานนตฺเถ วิเสโส เวทิตพฺโพ’’ติ ¶ . เอเตน สฺาวิฺาณปฺาปทานิ อนฺโตคธชานนตฺเถ ยถาสกํ วิสิฏฺวิสเย จ นิฏฺานีติ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘สฺา หี’’ติอาทิ. สฺชานนมตฺตเมวาติ เอตฺถ มตฺต-สทฺเทน วิเสสนิวตฺติอตฺเถน วิชานนปชานนากาเร นิวตฺเตติ, เอว-สทฺเทน กทาจิปิ อิมิสฺสา เต วิเสสา นตฺเถวาติ อวธาเรติ. เตเนวาห ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ. ตตฺถ วิฺาณกิจฺจมฺปิ กาตุํ อสกฺโกนฺตี สฺา กุโต ปฺากิจฺจํ กเรยฺยาติ ‘‘ลกฺขณปฏิเวธํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ’’จฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘มคฺคปาตุภาว’’นฺติ.
อารมฺมเณ ปวตฺตมานํ วิฺาณํ น สฺา วิย นีลปีตาทิมตฺตสฺชานนวเสน ปวตฺตติ, อถ โข ตตฺถ อฺมฺปิ ตาทิสํ วิเสสํ ชานนฺตเมว ปวตฺตตีติ อาห ‘‘วิฺาณ’’นฺติอาทิ. กถํ ปน วิฺาณํ ลกฺขณปฏิเวธํ ปาเปตีติ? ปฺาย ทสฺสิตมคฺเคน. ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย หิ อเนกวารํ ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปวตฺตมานาย ปคุณภาวโต ปริจยวเสน าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนปิ วิปสฺสนา สมฺภวติ, ยถา ตํ ปคุณสฺส คนฺถสฺส อชฺฌยเน ตตฺถ ตตฺถ คตาปิ วารา ¶ น อุปธารียนฺติ. ‘‘ลกฺขณปฏิเวธ’’นฺติ จ ลกฺขณานํ อารมฺมณกรณมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปฏิวิชฺฌนํ. อุสฺสกฺกิตฺวาติ อุทยพฺพยาณาทิาณปฏิปาฏิยา อารภิตฺวา. มคฺคปาตุภาวํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ อสมฺโพธสภาวตฺตา. อารมฺมณมฺปิ สฺชานาติ อวพุชฺฌนวเสเนว, น สฺชานนมตฺเตน. ตถา ลกฺขณปฏิเวธมฺปิ ปาเปติ, น วิชานนมตฺเตน, อตฺตโน ปน อฺาสาธารเณน อานุภาเวน อุสฺสกฺกิตฺวา มคฺคปาตุภาวมฺปิ ปาเปติ.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อชาตพุทฺธีติ อสฺชาตพฺยวหารพุทฺธิ. อุปโภคปริโภคนฺติ อุปโภคปริโภคารหํ, อุปโภคปริโภควตฺถูนํ ปฏิลาภโยคฺคนฺติ อตฺโถ. กูโฏติ กหาปณปติรูปโก ตมฺพกํสาทิมโย. เฉโกติ มหาสาโร. กรโตติ อฑฺฒสาโร. สณฺโหติ มุทุชาติโก สมสาโร. อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน ปาทสารปโรปาทสารอฑฺฒสาราทีนํ สงฺคโห. ชานนฺโต จ ปน นํ รูปํ ทิสฺวาปิ…เป… อสุกาจริเยน กโตติปิ ชานาติ ตถา เหรฺิกคนฺถสฺส สุคฺคหิตตฺตา. เอวเมวนฺติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. สฺาวิภาคํ อกตฺวา ปิณฺฑวเสเนว อารมฺมณสฺส คหณโต ทารกสฺส กหาปณทสฺสนสทิสา วุตฺตา. ตถา หิ สา ยถาอุปฏฺิตวิสยปทฏฺานา วุจฺจติ. วิฺาณํ อารมฺมเณ เอกจฺจวิเสสคฺคหณสมตฺถภาวโต คามิกปุริสกหาปณทสฺสนสทิสํ วุตฺตํ. ปฺา ปน อารมฺมเณ อนวเสสาวโพธโต เหรฺิกกหาปณทสฺสนสทิสา วุตฺตา. เนสนฺติ สฺาวิฺาณปฺานํ ¶ . วิเสโสติ สภาววิเสโส. ทุปฺปฏิวิชฺโฌ ปกติปฺาย. อิมินาว เนสํ อจฺจนฺตสุขุมตํ ทสฺเสติ.
เอการมฺมเณ ปวตฺตมานานนฺติ เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ ปวตฺตมานานํ. เตน อภินฺนวิสยาภินฺนกาลตาทสฺสเนน อวินิพฺโภควุตฺติตํ วิภาเวนฺโต ทุปฺปฏิวิชฺฌตํเยว อุลฺลิงฺเคติ. ววตฺถานนฺติ อสงฺกรโต ปนํ. อยํ ผสฺโส…เป… อิทํ จิตฺตนฺติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ. อิติ-สทฺโท วา อาทิอตฺโถ. เตน เสสธมฺมานมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อิทนฺติ อรูปีนํ ธมฺมานํ ววตฺถานกรณํ. ตโตติ ยํ วุตฺตํ ติลเตลาทิอุทฺธรณํ, ตโต. ยทิ ทุกฺกรตรํ, กถํ ตนฺติ อาห ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ.
๔๕๑. นิสฺสเฏนาติ ¶ นิกฺขนฺเตน อตํสมฺพนฺเธน. ปริจฺจตฺเตนาติ ปริจฺจตฺตสทิเสน ปจฺจยภาวานุปคมเนน ปจฺจยุปฺปนฺนสมฺพนฺธาภาวโต. นิสฺสกฺกวจนํ อปาทานทีปนโต. กรณวจนํ กตฺตุอตฺถทีปนโต. กามาวจรมโนวิฺาณํ น นิยมโต ‘‘อิทํ นาม ปฺจทฺวาริกาสมฺพนฺธา’’ติ สกฺกา วตฺตุํ, รูปาวจรวิฺาณํ ปน น ตถาติ, ตสฺเสว ปฺจหิ อินฺทฺริเยหิ นิสฺสฏตา วุตฺตาติ อาห ‘‘รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานจิตฺเตนา’’ติ. จตุตฺถชฺฌานคฺคหณํ ตสฺเสว อรูปาวจรสฺส ปทฏฺานภาวโต. ปริสุทฺเธนาติ วิเสสโต อสํกิเลสิกตฺตาว. ตฺหิ วิคตูปกฺกิเลสตาย วิเสสโต ปริสุทฺธํ. เตนาห ‘‘นิรุปกฺกิเลเสนา’’ติ. ชานิตพฺพํ เนยฺยํ, สปรสนฺตาเนสุ อิทํ อติสยํ ชานิตพฺพโต พุชฺฌิตพฺพํ โพเธตพฺพํ วาติ อตฺโถ. เนยฺยนฺติ วา อตฺตโน สนฺตาเน เนตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘นิพฺพตฺเตตุํ สกฺกา โหติ. เอตฺถ ิตสฺส หิ สา อิชฺฌตี’’ติ. ปาฏิเยกฺกนฺติ วิสุํ วิสุํ, อนุปทธมฺมวเสนาติ อตฺโถ. อภินิเวสาภาวโตติ วิปสฺสนาภินิเวสสฺส อสมฺภวโต. กลาปโต นยโตติ กลาปสมฺมสนสงฺขาตโต นยวิปสฺสนโต. ภิกฺขุโนติ สาวกสฺส. สาวกสฺเสว หิ ตตฺร อนุปทธมฺมวิปสฺสนา น สมฺภวติ, น สตฺถุ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. วิสฺสชฺเชสีติ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหติ.
หตฺถคตตฺตาติ หตฺถคตสทิสตฺตา, อาสนฺนตฺตาติ อตฺโถ. ยทา หิ โลกนาโถ โพธิมูเล อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน – ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ กตฺวา อธิคนฺตพฺพสพฺพฺุตฺาณานุรูปํ ฉตฺตึสโกฏิสหสฺสมุเขน มหาวชิราณํ นาม มหาโพธิสตฺตสมฺมสนํ ปวตฺเตนฺโต อเนกาการสมาปตฺติธมฺมสมฺมสเน อนุปทเมว เนวสฺานาสฺายตนธมฺเมปิ ¶ อปราปรํ สมฺมสิ. เตนาห ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ. ปโรปฺาสาติ ทฺเวปฺาสํ. กามฺเจตฺถ เกจิ ธมฺมา เวทนาทโย ผสฺสปฺจมกาทีสุ วุตฺตาปิ ฌานโกฏฺาสาทีสุปิ สงฺคหิตา, ตํตํปจฺจยภาววิสิฏฺเน ปน อตฺถวิเสเสน ธมฺมนฺตรานิ วิย โหนฺตีติ เอวํ วุตฺตํ. ตถา หิ โลกุตฺตรจิตฺตุปฺปาเทสุ นวินฺทฺริยตา วุจฺจติ. องฺคุทฺธาเรนาติ ตตฺถ ลพฺภมานฌานงฺคโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคานํ อุทฺธรเณน. องฺค-สทฺโท ¶ วา โกฏฺาสปริยาโย, ตสฺมา องฺคุทฺธาเรนาติ ผสฺสปฺจมกาทิโกฏฺาสานํ สมุทฺธรเณน. ยาวตา สฺาสมาปตฺติโยติ ยตฺตกา สฺาสหคตา ฌานสมาปตฺติโย, ตาหิ วุฏฺาย อธิคนฺธพฺพตฺตา ตาวติกา เวเนยฺยานํ อฺาปฏิเวโธ อรหตฺตสมธิคโม.
ทสฺสนปริณายกฏฺเนาติ อนฺธสฺส ยฏฺิโกฏึ คเหตฺวา มคฺคเทสโก วิย ธมฺมานํ ยถาสภาวทสฺสนสงฺขาเตน ปริณายกภาเวน. ยถา วา โส ตสฺส จกฺขุภูโต, เอวํ สตฺตานํ ปฺา. เตนาห ‘‘จกฺขุภูตาย ปฺายา’’ติ. สมาธิสมฺปยุตฺตา ปฺา สมาธิปฺา. สมาธิ เจตฺถ อารุปฺปสมาธีติ วทนฺติ, สมฺมสนปโยโค ปน โกจิ ฌานสมาธีติ ยุตฺตํ. วิปสฺสนาภูตา ปฺา วิปสฺสนาปฺา. สมาธิปฺาย อนฺโตสมาปตฺติยํ กิจฺจโต ปชานาติ, ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ ปน วจนโต (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙-๑๐๐; ๓.๕.๑๐๗๑-๑๐๗๒; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๒.๑.๑๔) อสมฺโมหโต ปชานาติ. ตตฺถ กิจฺจโตติ โคจรชฺฌตฺเต อารมฺมณกรณกิจฺจโต. อสมฺโมหโตติ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ สมฺโมหวิธมนโต ยถา ปีติปฏิสํเวทนาทีสุ. กิมตฺถิยาติ กึปโยชนาติ อาห ‘‘โก เอติสฺสา อตฺโถ’’ติ. อภิฺเยฺเย ธมฺเมติ ยาถาวสรสลกฺขณาวโพธวเสน อภิมุขํ เยฺเย ชานิตพฺเพ ขนฺธายตนาทิธมฺเม. อภิชานาตีติ สลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต จ อภิมุขํ อวิรชฺฌนวเสน ชานาติ. เอเตน าตปริฺาพฺยาปารมาห. ปริฺเยฺเยติ อนิจฺจาติปิ ทุกฺขาติปิ อนตฺตาติปิ ปริจฺฉิชฺช ชานิตพฺเพ. ปริชานาตีติ ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ…เป… อนิจฺจํ ขยฏฺเนา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๔๘) ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานาติ. อิมินา ตีรณปริฺาพฺยาปารมาห. ปหาตพฺเพ ธมฺเมติ นิจฺจสฺาทิเก ยาว อรหตฺตมคฺควชฺฌา สพฺเพ ปาปธมฺเม. ปชหติ ปกฏฺโต ชหติ, วิกฺขมฺเภติ เจว สมุจฺฉินฺทติ จาติ อตฺโถ. อิมินา ปหานปริฺาพฺยาปารมาห. สา ปเนสา ปฺา โลกิยาปิ ติปฺปการา โลกุตฺตราปิ, ตาสํ วิเสสํ สยเมวาห. กิจฺจโตติ อภิชานนวเสน อารมฺมณกิจฺจโต. อสมฺโมหโตติ ยถาพลํ อภิฺเยฺยาทีสุ สมฺโมหวิธมนโต. นิพฺพานมารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตนโต อภิฺเยฺยาทีสุ วิคตสมฺโมหโต เอวาติ อาห ‘‘โลกุตฺตรา อสมฺโมหโต’’ติ.
๔๕๒. กมฺมสฺสกตา ¶ ¶ สมฺมาทิฏฺิ จ วฏฺฏนิสฺสิตตฺตา อิธ นาธิปฺเปตา, วิวฏฺฏกถา เหสาติ วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิยา จ มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา จา’’ติ. ปรโต โฆโสติ ปรโต สตฺถุโต, สาวกโต วา ลพฺภมาโน ธมฺมโฆโส. เตนาห ‘‘สปฺปายธมฺมสฺสวน’’นฺติ. ตฺหิ สมฺมาทิฏฺิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สกฺโกติ, น โย โกจิ ปรโตโฆโส. อุปายมนสิกาโรติ เยน นามรูปปริคฺคหาทิ สิชฺฌติ, ตาทิโส ปถมนสิกาโร. อยฺจ สมฺมาทิฏฺิยา ปจฺจโยติ นิยมปกฺขิโก, น สพฺพสํคาหโกติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปจฺเจกพุทฺธานํ ปนา’’ติอาทิมาห. โยนิโสมนสิการสฺมึเยวาติ อวธารเณน ปรโตโฆสเมว นิวตฺเตติ, น ปทฏฺานวิเสสํ ปฏิโยคีนิวตฺตนตฺถตฺตา เอว-สทฺทสฺส.
ลทฺธุปการาติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๕.๒๕) ยถารหํ นิสฺสยาทิวเสน ลทฺธปจฺจยา. วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิยา อนุคฺคหิตภาเวน คหิตตฺตา มคฺคสมฺมาทิฏฺีสุ จ อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฏฺิ, อนนฺตรสฺส หิ วิธิ, ปฏิเสโธ วา. อคฺคผลสมาธิมฺหิ ตปฺปริกฺขารธมฺเมสุเยว จ เกวโล เจโตปริยาโย นิรุฬฺโหติ สมฺมาทิฏฺีติ อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฏฺิ. ผลกฺขเณติ อนนฺตเร กาลนฺตเร จาติ ทุวิเธ ผลกฺขเณ. ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน สพฺพสํกิเลเสหิ เจโต วิมุจฺจติ เอตายาติ เจโตวิมุตฺติ, อคฺคผลปฺํ เปตฺวา อวเสสา ผลธมฺมา. เตนาห ‘‘เจโตวิมุตฺติ ผลํ อสฺสาติ. เจโตวิมุตฺติสงฺขาตํ ผลํ อานิสํโส’’ติ, สพฺพสํกิเลเสหิ เจตโส วิมุจฺจนสงฺขาตํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนสฺิตํ ปหานํ ผลํ อานิสํโส จาติ โยชนา. อิธ จ เจโตวิมุตฺติ-สทฺเทน ปหานมตฺตํ คหิตํ, ปุพฺเพ ปหายกธมฺมา, อฺถา ผลธมฺมา เอว อานิสํโสติ คยฺหมาเน ปุนวจนํ นิรตฺถกํ สิยา.
ปฺาวิมุตฺติผลานิสํสาติ เอตฺถาปิ เอวเมว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวา สีลสภาวตฺตา วิเสสโต สมาธิสฺส อุปการา, ตถา สมฺมาสงฺกปฺโป ฌานสภาวตฺตา. ตถา หิ โส ‘‘อปฺปนา’’ติ นิทฺทิฏฺโ. สมฺมาสติสมฺมาวายามา ปน สมาธิปกฺขิยา เอวาติ อาห ‘‘อวเสสา ธมฺมา เจโตวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา’’ติ. จตุปาริสุทฺธิสีลนฺติ อริยมคฺคาธิคมสฺส ปทฏฺานภูตํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. สุตาทีสุปิ เอเสว นโย. อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺติอาโรจนวเสน สห กถนํ สํกถา, สํกถาว ¶ สากจฺฉา. อิธ ปน กมฺมฏฺานปฏิพทฺธาติ อาห ‘‘กมฺมฏฺาเน…เป… กถา’’ติ. ตตฺถ กมฺมฏฺานสฺส เอกวารํ วีถิยา อปฺปฏิปชฺชนํ ขลนํ, อเนกวารํ ปกฺขลนํ, ตทุภยสฺส วิจฺเฉทนีกถา ขลนปกฺขลนเฉทนกถา. ปูเรนฺตสฺสาติ วิวฏฺฏนิสฺสิตํ กตฺวา ปาเลนฺตสฺส พฺรูเหนฺตสฺส จ. สุณนฺตสฺสาติ ‘‘ยถาอุคฺคหิตกมฺมฏฺานํ ผาตึ คมิสฺสตี’’ติ ¶ เอวํ สุณนฺตสฺส. เตเนว หิ ‘‘สปฺปายธมฺมสฺสวน’’นฺติ วุตฺตํ. กมฺมํ กโรนฺตสฺสาติ ภาวนานุโยคกมฺมํ กโรนฺตสฺส.
ปฺจสุปิ าเนสุ อนฺต-สทฺโท เหตุอตฺถโชตโน ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา วุจฺจมานา อมฺพุปมา จ ยุชฺเชยฺย. อุทกโกฏฺกนฺติ อาลวาลํ. ถิรํ กตฺวา พนฺธตีติ อสิถิลํ ทฬฺหํ นาติมหนฺตํ นาติขุทฺทกํ กตฺวา โยเชติ. ถิรํ กโรตีติ อุทกสิฺจนกาเล ตโต ตโต วิสฺสริตฺวา อุทกสฺส อนิกฺขมนตฺถํ อาลวาลํ ถิรตรํ กโรติ. สุกฺขทณฺฑโกติ ตสฺเสว อมฺพคจฺฉกสฺส สุกฺโข สาขาสีสโก. กิปิลฺลิกปุโฏติ ตมฺพกิปิลฺลิกกุฏชํ. ขณิตฺตินฺติ กุทาลํ. โกฏฺกพนฺธนํ วิย สีลํ สมฺมาทิฏฺิยา วฑฺฒนุปายสฺส มูลภาวโต. อุทกสิฺจนํ วิย ธมฺมสฺสวนํ ภาวนาย ปริพฺรูหนโต. มริยาทาย ถิรภาวกรณํ วิย สมโถ ยถาวุตฺตภาวนาธิฏฺานาย สีลมริยาทาย ทฬฺหภาวาปาทนโต. สมาหิตสฺส หิ สีลํ ถิรตรํ โหติ. สมีเป วลฺลิอาทีนํ หรณํ วิย กมฺมฏฺาเน ขลนปกฺขลนจฺเฉทนํ อิชฺฌิตพฺพภาวนาย วิพนฺธาปนยนโต. มูลขณนํ วิย สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ ภาวนา ตสฺสา วิพนฺธสฺส มูลกานํ ตณฺหามานทิฏฺีนํ ปลิขณนโต. เอตฺถ จ ยสฺมา สุปริสุทฺธสีลสฺส กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชนฺตสฺส สปฺปายธมฺมสฺสวนํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตโต ยถาสุเต อตฺเถ สากจฺฉาสมาปชฺชนํ, ตโต กมฺมฏฺานวิโสธเนน สมถนิปฺผตฺติ, ตโต สมาหิตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส วิปสฺสนาปาริปูริ. ปริปุณฺณวิปสฺสโน มคฺคสมฺมาทิฏฺึ ปริพฺรูเหตีติ เอวเมเตสํ องฺคานํ ปรมฺปราย สมฺมุขา จ อนุคฺคณฺหนโต อยมานุปุพฺพี กถิตาติ เวทิตพฺพํ.
๔๕๓. อิธ กึ ปุจฺฉตีติ อิธ เอวํ อรหตฺตผลํ ปาปิตาย เทสนาย ‘‘กติ ปนาวุโส, ภวา’’ติ ภวํ ปุจฺฉนฺโต กีทิสํ อนุสนฺธึ อุปาทาย ปุจฺฉตีติ อตฺโถ. เตเนว หิ ‘‘มูลเมว คโต อนุสนฺธี’’ติ วตฺวา อธิปฺปายํ ¶ ปกาเสนฺโต ‘‘ทุปฺปฺโ’’ติอาทิมาห. ทุปฺปฺโติ หิ อิธ อปฺปฏิวิทฺธสจฺโจ อธิปฺเปโต, น ชโฬ เอว. กามภโวติอาทีสุ กมฺโมปปตฺติเภทโต ทุวิโธปิ ภโว อธิปฺเปโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กามภวูปคํ กมฺม’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค ตํสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๗; วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๖๔๖-๖๔๗) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ปุนพฺภวสฺสาติ ปุนปฺปุนํ อปราปรํ ภวนโต ชายนโต ปุนพฺภโวติ ลทฺธนามสฺส วฏฺฏปพนฺธสฺส. เตนาห ‘‘อิธ วฏฺฏํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. อภินิพฺพตฺตีติ ภวโยนิคติอาทิวเสน นิพฺพตฺติ. ตหึ ตหึ ตสฺมึ ตสฺมึ ภวาทิเก. อภินนฺทนาติ ตณฺหาอภินนฺทนเหตุ. คมนาคมนํ โหตีติอาทินา ภวาทีสุ สตฺตานํ อปราปรํ จุติปฏิสนฺธิโย ทสฺเสติ. ขยนิโรเธนาติ อจฺจนฺตขยสงฺขาเตน อนุปฺปาทนิโรเธน. อุภยเมตํ น วตฺตพฺพํ ปหานาภิสมยภาวนาภิสมยานํ ¶ อจฺจาสนฺนกาลตฺตา. วตฺตพฺพํ ตํ เหตุผลธมฺมูปจารวเสน. ยถา หิ ปทีปุชฺชลนเหตุโก อนฺธการวิคโม, เอวํ วิชฺชุปฺปาทเหตุโก อวิชฺชานิโรโธ, เหตุผลธมฺมา จ สมานกาลาปิ ปุพฺพาปรกาลา วิย โวหรียนฺติ ยถา – ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ม. นิ. ๓.๔๒๐, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนกิริยา. คมนํ อุปจฺฉิชฺชติ อิธ กามภเว ปรินิพฺพาเนน. อาคมนํ อุปจฺฉิชฺชติ ตตฺถ รูปารูเปสุ ปรินิพฺพาเนน. คมนาคมนํ อุปจฺฉิชฺชติ สพฺพโส อปราปรุปฺปตฺติยา อภาวโต.
๔๕๔. วิวฏฺฏกถาย ปรโต โชติตํ ปมํ ฌานํ วิวฏฺฏํ ปตฺวา ิตสฺส อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน อุภโตภาควิมุตฺตสฺส นิโรธสาธกํ วิภาวิตุํ ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘กตมํ ปนาวุโสติ อิธ กึ ปุจฺฉตี’’ติอาทิ. ตถา หิ อนนฺตรํ นิโรธสมาปชฺชนเกน ภิกฺขุนา ชานิตพฺพานิ ปมสฺส ฌานสฺส สมฺปโยคปหานงฺคานิ ปุจฺฉิตานิ. องฺคววตฺถานนฺติ ฌานงฺคววตฺถานํ. โกฏฺาสปริจฺเฉโทติ ตตฺถ ลพฺภมานผสฺสปฺจมกาทิธมฺมโกฏฺาสปริจฺเฉโท ชานิตพฺโพ. อิมสฺมึ ฌาเน เอตฺตกา ธมฺมา สํวิชฺชนฺติ, เอตฺตกา นิโรธิตาติ ชานิตพฺพํ. อุปการานุปการานิ องฺคานีติ นิโรธสมาปตฺติยา อุปการานิ จ อนุปการานิ จ องฺคานิ. นิโรธสมาปตฺติยา หิ โสฬสหิ าณจริยาหิ นวหิ สมาธิจริยาหิ จ ปตฺตพฺพตฺตา ตํตําณสฺส สมาธิจริยาหิ สมติกฺกมิตพฺพา ธมฺมา อนุปการกงฺคานิ, สมติกฺกมกา ¶ อุปการกงฺคานิ. เตสฺหิ วเสน ยถานุปุพฺพํ อุปสนฺตุปสนฺตโอฬาริกภาวาย ภวคฺคสมาปตฺติยา สงฺขาราวเสสสุขุมตํ ปตฺตา จิตฺตเจตสิกา ยถาปริจฺฉินฺนํ กาลํ นิรุชฺฌนฺติ, อปฺปวตฺตึ คจฺฉนฺติ. ตสฺสาติ นิโรธสฺส. อนนฺตรปจฺจยนฺติ อนนฺตรปจฺจยสทิสํ. น หิ นิโรธสฺส โกจิ ธมฺโม อนนฺตรปจฺจโย นาม อตฺถิ. ยฺหิ ตทา จิตฺตเจตสิกานํ ตถา นิรุชฺฌนํ, ตํ ยถาวุตฺตปุพฺพาภิสงฺขารเหตุกาย เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อโหสีติ สา ตสฺส อนนฺตรปจฺจโย วิย โหตีติ ตํ วุตฺตํ. ฉ สมาปตฺติโยติ สุตฺตนฺตนเยน วุตฺตสุตฺตนฺตปิฏกสํวณฺณนาติ กตฺวา. ‘‘สตฺต สมาปตฺติโย’’ติ ปน วตฺตพฺพํ, อฺถา อิทํ ‘‘จตุรงฺคิก’’นฺติ น วตฺตพฺพํ สิยา. นยํ วา ทสฺเสตฺวาติ อาทิอนฺตทสฺสนวเสน นยทสฺสนํ กตฺวา.
๔๕๕. เอวํ นิโรธสฺส ปาทกํ วิภาเวตฺวา อิทานิ อนฺโตนิโรเธ อนุปพนฺธภาวโต ปฺจนฺนํ ปสาทานํ ปจฺจยปุจฺฉเน ปมํ ตาว เต สรูปโต อาเวณิกโต อาเวณิกวิสยโต ปฏิสฺสรณโต จ ปุจฺฉนวเสน ปาฬิ ปวตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิฺาณนิสฺสเย ปฺจ ปสาเท ปุจฺฉนฺโต’’ติ ¶ อาห. โคจรวิสยนฺติ เอตฺถ กามํ ตพฺพหุลจาริตาเปกฺขํ โคจรคฺคหณํ, อนฺตฺถภาวาเปกฺขํ วิสยคฺคหณนฺติ อตฺเถว โคจรวิสยภาวานํ วิเสโส, วิวริยมานํ ปน อุภยมฺปิ อารมฺมณสภาวเมวาติ อาห ‘‘โคจรภูตํ วิสย’’นฺติ. เอเกกสฺสาติ เอโก เอกสฺส, อฺโ อฺสฺสาติ อตฺโถ. อฺตฺโถ หิ อยํ เอก-สทฺโท ‘‘อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗) วิย. สเจ หีติอาทิ อภูตปริกปฺปนวจนเมตํ. ตตฺถ สโมธาเนตฺวาติ เอกชฺฌํ กตฺวา. วินาปิ มุเขนาติอาทินา อตฺถสลฺลาปิกนิทสฺสนํ นาม ทสฺเสติ. ยถา วิฺาณาธิฏฺิตเมว จกฺขุ รูปํ ปสฺสติ, น เกวลํ, เอวํ จกฺขุนิสฺสยเมว วิฺาณํ ตํ ปสฺสติ, น อิตรนฺติ อาห ‘‘จกฺขุปสาเท อุปเนหี’’ติ. เตน เตสํ ตตฺถ สํหจฺจการิตํ ทสฺเสติ. ยทิ วา นีลํ ยทิ วา ปีตกนฺติ อิทํ นีลปีตาทิสภาวชานนมตฺตํ สนฺธายาห. นีลํ ปีตกนฺติ ปชานนํ จกฺขุวิฺาณสฺส นตฺเถว อวิกปฺปกภาวโต. เอเตสํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ. นิสฺสยสีเสน นิสฺสิตปุจฺฉา เหสา, เอวฺหิ วิสยานุภวนโจทนา สมตฺถิตา โหติ. เตนาห ‘‘จกฺขุวิฺาณํ หี’’ติอาทิ. ยถาสกํ วิสยํ รชฺชนาทิวเสน อนุภวิตุํ ¶ อสมตฺถานิ จกฺขุวิฺาณาทีนิ, ตตฺถ สมตฺถตาเยว จ นตฺถิ, น กิฺจิ อตฺถโต ปฏิสรนฺตานิ วิย โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘กึ เอตานิ ปฏิสรนฺตี’’ติ. ชวนมโน ปฏิสรณนฺติ ปฺจทฺวาริกํ อิตรฺจ สาธารณโต วตฺวา ปุน ยาย’สฺส รชฺชนาทิปวตฺติยา ปฏิสรณตา, สา สวิเสสา ยตฺถ ลพฺภติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มโนทฺวาริกชวนมโน วา’’ติ อาห. เอตสฺมึ ปน ทฺวาเรติ จกฺขุทฺวาเร ชวนํ รชฺชติ วา ทุสฺสติ วา มุยฺหติ วา, ยโต ตตฺถ อฺาณาทิอสํวโร ปวตฺตติ.
ตตฺราติ ตสฺมึ ชวนมนสฺเสว ปฏิสรณภาเว. ทุพฺพลโภชกาติ หีนสามตฺถิยา ราชโภคฺคา. เสวกานํ คณนาย โยชิตทิวเส ลพฺภมานกหาปโณ ยุตฺติกหาปโณ. อนฺทุพนฺธเนน พทฺธสฺส วิสฺสชฺชเนน ลพฺภมานกหาปโณ พนฺธกหาปโณ. กิฺจิ ปหรนฺเต มา ปหรนฺตูติ ปฏิกฺขิปโต ทาตพฺพทณฺโฑ มาปหารกหาปโณ. โส สพฺโพปิ ปริตฺตเกสุ คามิกมนุสฺเสสุ ตถา ลพฺภมาโน เอตฺตโก โหตีติ อาห ‘‘อฏฺกหาปโณ วา’’ติอาทิ. สตวตฺถุกนฺติ สตกรีสวตฺถุกํ. เอส นโย เสสปททฺวเยปิ. ตตฺถาติอาทิ อุปมาสํสนฺธนํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
๔๕๖. อนฺโตนิโรธสฺมึ ปฺจ ปสาเทติ นิโรธสมาปนฺนสฺส ปวตฺตมาเน ปฺจ ปสาเท. กิริยมยปวตฺตสฺมินฺติ ชวนาทิกิริยานิพฺพตฺตกธมฺมปฺปวตฺติยํ. พลวปจฺจยา โหนฺตีติ ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจยา โหนฺติ, อุปตฺถมฺภกภาเวน พลวปจฺจยา โหนฺติ. ชีวิตินฺทฺริยํ ปฏิจฺจาติ อินฺทฺริยอตฺถิอวิคตปจฺจยวเสน ปจฺจยภูตํ ชีวิตินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ¶ ปฺจวิโธปิ ปสาโท ติฏฺติ. ชีวิตินฺทฺริเยน วินา น ติฏฺติ ชีวิตินฺทฺริยรหิตสฺส กมฺมสมุฏฺานรูปกลาปสฺส อภาวโต. ตสฺมาติ ยสฺมา อนุปาลนลกฺขเณน ชีวิเตน อนุปาลิตา เอว อุสฺมา ปวตฺตติ, น เตน อนนุปาลิตา, ตสฺมา อุสฺมา อายุํ ปฏิจฺจ ติฏฺติ. ชาลสิขํ ปฏิจฺจ อาภา ปฺายตีติ ชาลสิขาสงฺขาตภูตสงฺฆาตํ สเหว ปวตฺตมานํ นิสฺสาย ‘‘อาภา’’ติ ลทฺธนามา วณฺณธาตุ ‘‘อุชฺชลติ, อนฺธการํ วิธมติ, รูปคตานิ จ วิทํเสตี’’ติอาทีหิ ปกาเรหิ ายติ. ตํ อาโลกํ ปฏิจฺจาติ ตํ วุตฺตปฺปการํ อาโลกํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา. ชาลสิขา ปฺายตีติ ‘‘อปฺปิกา, มหตี, อุชุ, กุฏิลา’’ติอาทินา ปากฏา โหติ.
ชาลสิขา ¶ วิย กมฺมชเตโช นิสฺสยภาวโต. อาโลโก วิย ชีวิตินฺทฺริยํ ตนฺนิสฺสิตภาวโต. อิทานิ อุปโมปมิตพฺพานํ สมฺพนฺธํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชาลสิขา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาโลกํ คเหตฺวาว อุปฺปชฺชตีติ อิมินา ยถา ชาลสิขาย สเหว อาโลโก อุปฺปชฺชติ, เอวํ กมฺมชุสฺมนา สเหว ชีวิตินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ ทสฺเสติ. ชาลสิขาสนฺนิสฺสโย ตสฺสา สติเยว โหนฺโต อาโลโก ตาย อุปฺปาทิโต วิย โหตีติ อาห ‘‘อตฺตนา ชนิตอาโลเกเนวา’’ติ. อุสฺมา นาเมตฺถ กมฺมสมุฏฺานา เตโชธาตุ ตนฺนิสฺสิตฺจ ชีวิตินฺทฺริยํ ตทนุปาลกฺจาติ อาห ‘‘กมฺมชมหาภูตสมฺภเวน ชีวิตินฺทฺริเยน อุสฺมาย อนุปาลน’’นฺติ. น เกวลํ ขณฏฺิติยา เอว, อถ โข ปพนฺธานุปจฺเฉทสฺสปิ ชีวิตินฺทฺริยํ การณนฺติ อาห ‘‘วสฺสสตมฺปิ กมฺมชเตชปวตฺตํ ปาเลตี’’ติ. อุสฺมา อายุโน ปจฺจโย โหนฺโต เสสภูตสหิโต เอว โหตีติ อาห ‘‘มหาภูตานี’’ติ. ตถา อายุปิ สหชาตรูปํ ปาเลนฺตเมว อุสฺมาย ปจฺจโย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘มหาภูตานิ ปาเลตี’’ติ.
๔๕๗. อายุ เอว อินฺทฺริยปจฺจยาทิวเสน สหชาตธมฺมานํ อนุปาลนวเสน สงฺขรณโต อายุสงฺขาโร. พหุวจนนิทฺเทโส ปน อเนกสตสหสฺสเภเทสุ รูปกลาเปสุ ปวตฺติยา อเนกเภทนฺติ กตฺวา. อารมฺมณรสํ อนุภวนฺตีติ เวทนิยา ยถา ‘‘นิยฺยานิกา’’ติ. เตนาห ‘‘เวทนา ธมฺมาวา’’ติ. สุขาทิเภทภินฺนตฺตา พหุวจนนิทฺเทโส. อิเมสํ อายุสงฺขารเวทนานํ เอกนฺตนิโรธํ สมาปนฺนสฺส มรเณน ภวิตพฺพํ เวทนาย นิรุทฺธตฺตา. อายุสงฺขารานํ ตถา อนิรุทฺธตฺตา นิโรธสฺส สมาปชฺชนเมว น สิยา, กุโต วุฏฺานํ. เตน วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘เต จ หาวุโส’’ติอาทิ. วุฏฺานํ ปฺายติ สฺาเวทนาทีนํ อุปฺปตฺติยา. อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุกฺกณฺิตฺวาติ นานารมฺมณาปาตโต นิพฺพินฺทิตฺวา. ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสนาติ ยถาปริจฺฉินฺเน กาเล สมฺปตฺเต. รูปชีวิตินฺทฺริยปจฺจยาติ อินฺทฺริยปจฺจยภูตา ¶ . ชาลาปวตฺตํ วิย อรูปธมฺมา เตชุสฺสทภาวโต วิสโยภาสนโต จ. อุทกปฺปหาโร วิย นิโรธสมาปตฺติยา ปุพฺพาภิสงฺขาโร. ปิหิตองฺคารา วิย รูปชีวิตินฺทฺริยํ อุสฺมามตฺตตาย อโนภาสนโต ¶ . ยถาปริจฺฉินฺนกาลาคมนนฺติ ยถาปริจฺฉินฺนกาลสฺส อุปคมนํ. อนุรูปปตฺติวเสเนว รูปปวตฺติคฺคหณํ. อิมํ รูปกายํ ชหนฺตีติ อิมสฺมา รูปกายา กเฬวรา วิคจฺฉนฺติ นปฺปวตฺตนฺติ.
กาเยน สงฺขรียนฺตีติ กายสงฺขารา ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย. วาจํ สงฺขโรนฺตีติ วจีสงฺขารา. วิตกฺเกตฺวา วิจาเรตฺวา หิ วาจํ ภินฺทติ กเถติ. จิตฺเตน สงฺขรียนฺตีติ จิตฺตสงฺขารา ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติโต. จิตฺตสงฺขารนิโรธโจทนาย รูปนิโรโธ วิย จิตฺตนิโรโธ อโจทิโต เตสํ ตโต อฺตฺตาติ น จิตฺตสมฺปยุตฺตนิโรโธ เอกนฺติโก วิตกฺกาทินิโรเธ ตทภาวโต. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘วาจา อนิรุทฺธา โหตี’’ติ, ตมฺปิ น. วาจํ สงฺขโรนฺตีติ หิ วจีสงฺขารา, เตสุ นิรุทฺเธสุ กถํ วาจาย อนิโรโธ. จิตฺตํ ปน นิรุทฺเธสุปิ จิตฺตสงฺขาเรสุ เตหิ อนภิสงฺขตตฺตา วิตกฺกาทินิโรโธ วิย ปวตฺตติเยวาติ อยเมตฺถ ปรสฺส อธิปฺปาโย. อานนฺตริยกมฺมํ กตํ ภเวยฺย, จิตฺตสฺส อนิรุทฺธตฺตา ตํ นิสฺสาย จ รูปธมฺมานํ อนปคตตฺตา เต ชีวนฺติ เอว นามาติ. พฺยฺชเน อภินิเวสํ อกตฺวาติ ‘‘จิตฺตสงฺขารา นิรุทฺธา’’ติ วจนโต เตว นิรุทฺธา, น จิตฺตนฺติ เอวํ เนยฺยตฺถํ สุตฺตํ ‘‘นีตตฺถ’’นฺติ อภินิเวสํ อกตฺวา. อาจริยานํ นเย ตฺวาติ ปรมฺปราคตานํ อาจริยานํ อธิปฺปาเย ตฺวาติ อตฺโถ. อุปปริกฺขิตพฺโพติ สุตฺตนฺตราคมโต สุตฺตนฺตรปทสฺส อวิปรีโต อตฺโถ วีมํสิตพฺโพ. ยถา หิ ‘‘อสฺภโว’’ติ วจนโต ‘‘สฺาว ตตฺถ นตฺถิ, อิตเร ปน จิตฺตเจตสิกา สนฺตี’’ติ อยเมตฺถ อตฺโถ น คยฺหติ. ยถา จ ‘‘เนวสฺานาสฺายตน’’นฺติ วจนโต ‘‘สฺาว ตตฺถ ตาทิสี, น ผสฺสาทโย’’ติ อยเมตฺถ อตฺโถ น คยฺหติ สฺาสีเสน เทสนาติ กตฺวา, เอวมิธาปิ ‘‘จิตฺตสงฺขารา นิรุทฺธา’’ติ, ‘‘สฺาเวทยิตนิโรโธ’’ติ จ เทสนาสีสเมว. สพฺเพปิ ปน จิตฺตเจตสิกา ตตฺถ นิรุชฺฌนฺเตวาติ อยเมตฺถ อวิปรีโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ, ตถาปุพฺพาภิสงฺขาเรน สพฺเพสํเยว จิตฺตเจตสิกานํ ตตฺถ นิรุชฺฌนโต. เอเตน ยํ ปุพฺเพ ‘‘อฺตฺตา, ตทภาวโต’’ติ จ ยุตฺติวจนํ, ตทยุตฺตํ อธิปฺปายานวโพธโตติ ทสฺสิตํ โหติ. เตนาห ‘‘อตฺโถ หิ ปฏิสรณํ, น พฺยฺชน’’นฺติ.
อุปหตานีติ ¶ พาธิตานิ. มกฺขิตานีติ ธํสิตานิ. อารมฺมณฆฏฺฏนาย อินฺทฺริยานํ กิลมโถ จกฺขุนา ภาสุรรูปสุขุมรชทสฺสเนน วิภาเวตพฺโพ. ตถา หิ อุณฺหกาเล ปุรโต อคฺคิมฺหิ ¶ ชลนฺเต ขรสฺสเร จ ปณเว อาโกฏิเต อกฺขีนิ เภทานิ วิย น สหนฺติ โสตานิ ‘‘สิขเรน วิย อภิหฺนฺตี’’ติ วตฺตาโร โหนฺติ.
๔๕๘. รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานเมว รูปวิราคภาวนาวเสน ปวตฺตํ อรูปชฺฌานนฺติ เนวสฺานาสฺายตนํ วิสฺสชฺเชนฺโต ธมฺมเสนาปติ ‘‘สุขสฺส จ ปหานา’’ติอาทินา วิสฺสชฺเชสิ. อปคมเนน วิคเมน ปจฺจยา อปคมนปจฺจยา สุขาทิปฺปหานานิ. อธิคมปจฺจยา ปน กสิเณสุ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ เหฏฺิมา ตโย จ อารุปฺปา. น หิ สกฺกา ตานิ อนธิคนฺตฺวา เนวสฺานาสฺายตนมธิคนฺตุํ. นิโรธโต วุฏฺานกผลสมาปตฺตินฺติ นิโรธโต วุฏฺานภูตํ อนิจฺจานุปสฺสนาสมุทาคตผลสมาปตฺตึ. สา หิ ‘‘อนิมิตฺตา เจโตวิมุตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ยถา สมถนิสฺสนฺโท อภิฺา, เมตฺตากรุณามุทิตาพฺรหฺมวิหารนิสฺสนฺโท อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาโร, กสิณนิสฺสนฺโท อารุปฺปา, สมถวิปสฺสนานิสฺสนฺโท นิโรธสมาปตฺติ, เอวํ วิปสฺสนาย นิสฺสนฺทผลภูตํ สามฺผลนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสนานิสฺสนฺทาย ผลสมาปตฺติยา’’ติ. อารมฺมณา นาม สารมฺมณธมฺมานํ วิเสสโต อุปฺปตฺตินิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปาทีนํ สพฺพารมฺมณาน’’นฺติ. นตฺถิ เอตฺถ กิฺจิ สงฺขารนิมิตฺตนฺติ อนิมิตฺตา, อสงฺขตา ธาตูติ อาห ‘‘สพฺพนิมิตฺตาปคตาย นิพฺพานธาตุยา’’ติ. ผลสมาปตฺติสหชาตํ มนสิการํ สนฺธายาห, น อาวชฺชนมนสิการํ. น เหตฺถ ตสฺส สมฺภโว อนุโลมานนฺตรํ อุปฺปชฺชนโต.
อิมสฺมึ าเนติ อิธ วุตฺตนิโรธสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานานํ คหิตานํ อิมสฺมึ ปริโยสานสฺส คหิตฏฺาเน. ทฺวีหิ พเลหีติ สมถวิปสฺสนาพเลหิ. ตโย จ สงฺขารานนฺติ กายสงฺขาราทีนํ ติณฺณํ สงฺขารานํ. โสฬสหิ าณจริยาหีติ อนิจฺจานุปสฺสนา, ทุกฺขา, อนตฺตา, นิพฺพิทา, วิราคา, นิโรธา, ปฏินิสฺสคฺคา, วิวฏฺฏานุปสฺสนา, โสตาปตฺติมคฺโค…เป… อรหตฺตผลสมาปตฺตีติ อิมาหิ โสฬสหิ าณจริยาหิ. นวหิ สมาธิจริยาหีติ ปมชฺฌานสมาธิอาทีหิ นวหิ สมาธิจริยาหิ. โย ¶ ยถาวุตฺตาสุ จริยาสุ ปุคฺคลสฺส วสีภาโว, สา วสีภาวตาปฺา. อสฺสา สา กถิตาติ โยชนา. วินิจฺฉยกถาติ วินิจฺฉยวเสน ปวตฺตา อฏฺกถา กถิตา. ตสฺมา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๘๖๘-๘๖๙) ตํสํวณฺณนายฺจ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๘๖๘) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา.
วลฺชนสมาปตฺติ อริยวิหารวเสน วิหรณสมาปตฺติ. ิติยาติ เอตฺถ ปพนฺธฏฺิติ อธิปฺเปตา, น ขณฏฺิติ. กสฺมา? สมาปชฺชนตฺตา. เตนาห ‘‘ิติยาติ จิรฏฺิตตฺถ’’นฺติ. อทฺธานปริจฺเฉโทติ ¶ เอตฺตกํ กาลํ สมาปตฺติยา วีตินาเมสฺสามีติ ปเคว กาลปริจฺเฉโท. รูปาทินิมิตฺตวเสนาติ กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺเตสุ ยถารหํ ลพฺภมานรูปาทินิมิตฺตวเสน. ตตฺถ ยสฺมา กมฺมนิมิตฺเต ฉพฺพิธมฺปิ อารมฺมณํ ลพฺภติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพนิมิตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ, น สพฺเพสํ อารมฺมณานํ เอกชฺฌํ, เอกนฺตโต วา มนสิกาตพฺพโต. ลกฺขณวจนฺเหตํ ยถา ‘‘ทาตพฺพเมตํ เภสชฺชํ, ยทิ เม พฺยาธิตา สิยุ’’นฺติ.
๔๕๙. นีลมฺปิ สฺชานาตีติอาทินา นีลาทิคฺคหณมุเขน ตํวณฺณานํ สตฺตานํ สฺชานนํ อเวราทิภาวมนสิกรณํ โชติตนฺติ อาห ‘‘เอตสฺมิฺหิ าเน อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ กถิตา’’ติ. เอตฺถ อากิฺจฺํ กถิตนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘เอตฺถ สฺุตา’’ติ, ‘‘เอตฺถ อนิมิตฺตา’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. นฺติ ‘‘อิธ อฺํ อภินวํ นาม นตฺถี’’ติอาทินา วุตฺตํ อตฺถวจนํ. เอตาติ อปฺปมาณเจโตวิมุตฺติอาทโย. เอกนามกาติ เอเกกนามกา, เย นานาพฺยฺชนาติ อธิปฺเปตา. เอโก ธมฺโมติ อรหตฺตผลสมาปตฺติ. จตุนามโกติ อปฺปมาณเจโตวิมุตฺติอาทินามโก. เอตนฺติ เอตมตฺถํ. อปฺปมาณาติ อโนธิโส, โอธิโสปิ วา ‘‘เอตฺตกา’’ติ อปริมิตา. อเสเสตฺวาติ อสุภสมาปตฺติ วิย เอกสฺเสว อคฺคหณโต.
กิฺจาปิ อสุภนิมิตฺตารมฺมณมฺปิ กิฺจนํ โหติ, อารมฺมณสงฺฆฏฺฏนสฺส กิฺจนสฺส อสุภสมาปตฺตีนมฺปิ ปฏิภาคนิมิตฺตสงฺขาตํ อารมฺมณํ สพิมฺพํ วิย วิคฺคหํ กิฺจนํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, น ตถา อิมสฺสาติ. นนุ พฺรหฺมวิหารปมารุปฺปานมฺปิ ปฏิภาคนิมิตฺตภูตํ กิฺจิ อารมฺมณํ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, อยํ ปน ปมารุปฺปวิฺาณํ วิย น ปฏิภาคนิมิตฺตภูตอารมฺมณตาย เอวํ วุตฺตา. อตฺเตนาติ ¶ อตฺตนา. ภวติ เอเตน อตฺตาติ อภิธานํ พุทฺธิ จาติ ภาโว, อตฺตา. ภาว-สทฺโทปิ อตฺตปริยาโยติ อาห ‘‘ภาวโปสปุคฺคลาทิสงฺขาเตนา’’ติ. เนสํ อปฺปมาณสมาธิอาทีนํ จตุนฺนํ. ‘‘นานตา ปากฏาวา’’ติ วุตฺตํ นานตฺตํ ภูมิโต อารมฺมณโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺโถ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริตฺตาทิภาเวน อตีตาทิภาเวน อชฺฌตฺตาทิภาเวน จ น วตฺตพฺพํ อารมฺมณํ เอติสฺสาติ นวตฺตพฺพารมฺมณา นิพฺพานารมฺมณผลสมาปตฺติภาวโต.
เอตฺตโกติ ราคาทีหิ สํกิลิฏฺตาย เอตฺตกปฺปมาโณ, อุตฺตาโน ปริตฺตเจตโสติ อตฺโถ. นิพฺพานมฺปิ อปฺปมาณเมว ปมาณกรณานํ อภาเวนาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. อกุปฺปาติ อรหตฺตผลเจโตวิมุตฺติ ปฏิปกฺเขหิ อโกปนียตาย. กิฺจตีติ กตฺตริ ปิโต ธาตุ มทฺทนตฺโถติ ¶ อาห ‘‘กิฺจติ มทฺทตี’’ติ. ตสฺส ปโยคํ ทสฺเสตุํ ‘‘มนุสฺสา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สมูหาทิฆนวเสน สกิจฺจปริจฺเฉทตาย จ สวิคฺคหา วิย อุปฏฺิตา สงฺขารา นิจฺจาทิคฺคาหสฺส วตฺถุตาย ‘‘นิจฺจนิมิตฺตํ สุขาทินิมิตฺต’’นฺติ จ วุจฺจติ. วิปสฺสนา ปน ตตฺถ ฆนวินิพฺโภคํ กโรนฺตี นิจฺจาทิคฺคาหํ วิธเมนฺตี ‘‘นิมิตฺตํ สมุคฺฆาเตตี’’ติ วุตฺตา ฆนนิมิตฺตสฺส อารมฺมณภูตสฺส อภาวา. น คหิตาติ เอกตฺถปทนิทฺเทเส ปาฬิยํ กสฺมา น คหิตา? สาติ สฺุตา เจโตวิมุตฺติ. สพฺพตฺถาติ อปฺปมาณาเจโตวิมุตฺติอาทินิทฺเทเสสุ. อารมฺมณวเสนาติ อารมฺมณวเสนปิ เอกตฺถา, น เกวลํ สภาวสรสโตว. อิมินา ปริยาเยนาติ อปฺปมาณโตติอาทินา อารมฺมณโต ลทฺธปริยาเยน. อฺสฺมึ ปน าเนติ อากิฺจฺาทิสทฺทปวตฺติเหตุโต อฺเน เหตุนา อปฺปมาณาติสทฺทปฺปวตฺติยํ เอตสฺส เจโตวิมุตฺติยา โหนฺติ. เอส นโย เสเสสุปิ. อิมินา ปริยาเยนาติ อิมินา ตาย ตาย สมฺาย โวหริตพฺพตาปริยาเยน. สจฺจานํ ทสฺสนมุเขน วฏฺฏวเสน อุฏฺิตเทสนํ อรหตฺเตน กูฏํ คณฺหนฺโต ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสิ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาเวทลฺลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. จูฬเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา
๔๖๐. อยํ ¶ ¶ เทสนา ยสฺมา ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตา, ตสฺมา ปุจฺฉกวิสฺสชฺชเก ปุจฺฉานิมิตฺตฺจ สมุทายโต วิภาเวตุํ ‘‘โก ปนาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อุปาสกตฺตนฺติ อมคฺคาคตํ อุปาสกตฺตํ. เตสนฺติ เอกาทสนหุตานํ. มคฺคาคเตน อุปสเมน สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส.
‘‘กึ นุ โข อชฺช ภวิสฺสติ อยฺยปุตฺโต’’ติ วีถึ โอโลกยมานา. โอลมฺพนตฺถนฺติ ตสฺส หตฺถาวลมฺพนตฺถํ ปุพฺพาจิณฺณวเสน อตฺตโน หตฺถํ ปสาเรสิ. พหิทฺธาติ อตฺตนา อฺํ วิสภาควตฺถุํ สนฺธาย วทติ. ปริเภทเกนาติ เปสฺุวาทินา.
อธิคมปฺปิจฺฉตาย ‘‘น ปกาเสตพฺโพ’’ติ จินฺเตสิ. ปุน ตํ อนุกมฺปนฺโต ‘‘สเจ โข ปนาห’’นฺติอาทึ จินฺเตสิ. เอโส ธมฺโมติ เอโส โลกุตฺตรธมฺโม. วิวฏฺฏํ อุทฺทิสฺส อุปจิตํ นิพฺเพธภาคิยํ กุสลํ อุปนิสฺสโย. ‘‘ยทิ เม อุปนิสฺสโย อตฺถิ, สกฺกา เอตํ ปฏิลทฺธุํ. สเจปิ นตฺถิ, อายตึ อุปนิสฺสโย ภวิสฺสตี’’ติ จิรกาลปริภาวิตาย ฆเฏ ปทีปชาลา วิย อพฺภนฺตเร ทิปฺปมานาย เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมานา อาห ‘‘เอวํ สนฺเต มยฺหํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาถา’’ติ.
ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ สุจิรกาลํ กตูปจิตปฺุตาย. อภินีหารสมฺปนฺนตฺตาติ สุชาตตฺเถรสฺส ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต อคฺคสาวกสฺส นิปจฺจการํ กตฺวา – ‘‘ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส ภาคี อสฺส’’นฺติ นิพฺเพธภาคิยํ ทานํ ทตฺวา กตปตฺถนาสงฺขาตสมฺปนฺนาภินีหารตฺตา. นาติจิรํ กิลมิตฺถาติ กมฺมฏฺานํ ภาเวนฺตี วิปสฺสนาย ปริปากวเสน จิรํ น กิลมิตฺถ. วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิโต ปฏฺายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทุติยคมเนนาติ ปพฺพาชนตฺถํ คมนโต ทุติยคมเนน.
อุปเนตฺวาติ ปฺหสฺส อตฺถภาเวน อุปเนตฺวา. สกฺกายนฺติ สกายํ. อุปนิกฺขิตฺตํ กิฺจิ วตฺถุํ สมฺปฏิจฺฉมานา, วิย สมฺปฏิจฺฉนฺตี วิย. เอโก เอว ปาโส เอติสฺสาติ เอกปาสกา, คณฺิ. สา หิ สุโมจิยา, อเนกปาสา ปน ทุมฺโมจิยา, เอกปาสคฺคหณํ วิสฺสชฺชนสฺส สุกรภาวทสฺสนตฺถํ ¶ . ปฏิสมฺภิทาวิสเย ตฺวาติ เอเตน เถริยา ปภินฺนปฏิสมฺภิทตํ ทสฺเสติ. ปจฺจยภูตาติ อารมฺมณาทิวเสน ปจฺจยภูตา.
เถริยา ¶ วิเสสาธิคมสฺส อตฺตโน อวิสยตาย วิสาโข ‘‘น สกฺกา’’ติอาทินา จินฺเตสีติ ทฏฺพฺพํ. สจฺจวินิพฺโภคปฺหพฺยากรเณนาติ สจฺจปริยาปนฺนสฺส ธมฺมสฺส ทสฺสนโต อฺานฺตฺถนิทฺธารณเภทนาสงฺขาตสฺส วินิพฺโภคปฺหสฺส วิสฺสชฺชเนน. ทฺเว สจฺจานีติ ทุกฺขสมุทยสจฺจานิ. ปฏินิวตฺเตตฺวาติ ปริวตฺเตตฺวา. คณฺิปฺหนฺติ ทุพฺพินิพฺเพธตาย คณฺิภูตํ ปฺหํ.
น ตํเยว อุปาทานํ เต ปฺจุปาทานกฺขนฺธา เอกเทสสฺส สมุทายตาภาวโต, สมุทายสฺส จ เอกเทสตาภาวโต. นาปิ อฺตฺร ปฺจหิ อุปาทานกฺขนฺเธหิ อุปาทานํ ตสฺส ตเทกเทสภาวโต. น หิ เอกเทโส สมุทายวินิมุตฺโต โหติ. ยทิ หิ ตฺเวาติอาทินา อุภยปกฺเขปิ โทสํ ทสฺเสติ. รูปาทิสภาวมฺปีติ รูปเวทนาสฺาวิฺาณสภาวมฺปิ, ผสฺสเจตนาทิสภาวมฺปิ อุปาทานํ สิยา. อฺตฺร สิยาติ ปฺจหิ อุปาทานกฺขนฺเธหิ วิสุํเยว อุปาทานํ ยทิ สิยา. ปรสมเยติ นิกายวาเท. จิตฺตวิปฺปยุตฺโต อนุสโยติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ นิกายวาเท จิตฺตสภาวาภาววิฺาณาทีนมฺปิ จิตฺตวิปฺปยุตฺตภาวปฏิชานนโต. เอวํ พฺยากาสีติ ‘‘น โข, อาวุโส’’ติอาทินา ขนฺธคตฉนฺทราคภาเวน พฺยากาสิ. อตฺถธมฺมนิจฺฉยสมฺภวโต อสมฺพนฺเธน. เตสุ กตฺถจิปิ อสมฺมุยฺหนโต อวิตฺถายนฺเตน. ปุจฺฉาวิสเย โมหนฺธการวิคมเนน ปทีปสหสฺสํ ชาเลนฺเตน วิย. สอุปาทานุปาทานฏฺานํ อนุตฺตานตาย ปจุรชนสฺส คูฬฺโห. อคฺคหิตสงฺเกตานํ เกสฺจิ ปฏิจฺฉาทิตสทิสตฺตา ปฏิจฺฉนฺโน. ติลกฺขณพฺภาหตธมฺมวิสยตาย ติลกฺขณาหโต. คมฺภีราณโคจรตาย คมฺภีโร. ลทฺธปติฏฺา อริยสจฺจสมฺปฏิเวธนโต. เอวํ ทิฏฺธมฺมาทิภาวโต เวสารชฺชปฺปตฺตา. สพฺพโส นิวุตฺถพฺรหฺมจริยตาย ติณฺณํ ภวานมฺปิ อปรภาเค นิพฺพาเน นิวุตฺถวตีติ ภวมตฺถเก ิตา.
๔๖๑. ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ ปทุทฺธารํ กตฺวา ‘‘อิเธกจฺโจ’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐) ปฏิสมฺภิทาปาเน ตทตฺถํ วิวรติ. ตตฺถ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ อตฺตาติ สมนุปสฺสติ, อตฺตภาเวน สมนุปสฺสติ. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. อหํพุทฺธินิพนฺธนฺหิ อตฺตานํ อตฺตวาที ปฺเปติ, ตสฺมา ยํ รูปํ โส อหนฺติ ยเทตํ มม รูปํ นาม, โส อหนฺติ วุจฺจมาโน มม อตฺตา ¶ ตํ มม รูปนฺติ รูปฺจ อตฺตฺจ อทฺวยํ อนฺํ สมนุปสฺสติ. ตถา ปสฺสโต จ อตฺตา วิย รูปํ, รูปํ วิย วา อตฺตา อนิจฺโจติ อาปนฺนเมว ¶ . อจฺจีติ ชาลสิขา. สา เจ วณฺโณ, จกฺขุวิฺเยฺยาว สิยา, น กายวิฺเยฺยา, วณฺโณปิ วา กายาทิวิฺเยฺโย อจฺจิยา อนฺตฺตาติ อุปเมยฺยํ วิย อุปมาปิ ทิฏฺิคติกสฺส อยุตฺตาว. ทิฏฺิปสฺสนายาติ มิจฺฉาทิฏฺิสงฺขาตาย ปสฺสนาย ปสฺสติ, น ตณฺหามานปฺานุปสฺสนาย. อรูปํ เวทนาทึ อตฺตาติ คเหตฺวา ฉายาย รุกฺขาธีนตาย ฉายาวนฺตํ รุกฺขํ วิย, รูปสฺส สนฺตกภาเวน อตฺตาธีนตาย รูปวนฺตํ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ. ปุปฺผาธีนตาย ปุปฺผสฺมึ คนฺธํ วิย อาเธยฺยภาเวน อตฺตาธีนตาย รูปสฺส อตฺตนิ รูปํ สมนุปสฺสติ. ยถา กรณฺโฑ มณิโน อาธาโร, เอวํ รูปมฺปิ อตฺตโน อาธาโรติ กตฺวา อตฺตานํ รูปสฺมึ สมนุปสฺสติ. เอเสว นโยติ อิมินา อตฺตโน เวทนาทีหิ อนฺตฺตํ เตสฺจาธารณตํ นิสฺสิตตฺจ ยถาวุตฺตํ อติทิสติ.
อรูปํ อตฺตาติ กถิตํ ‘‘เวทนาวนฺต’’นฺติอาทีสุ วิย รูเปน โวมิสฺสกตาย อภาวโต. รูปารูปมิสฺสโก อตฺตา กถิโต รูเปน สทฺธึ เสสารูปธมฺมานํ อตฺตาติ คหิตตฺตา. อุจฺเฉททิฏฺิ กถิตา รูปาทีนํ วินาสทสฺสนโต. เตเนวาห ‘‘รูปํ อตฺตาติ โย วเทยฺย, ตํ น อุปปชฺชติ, อตฺตา เม อุปฺปชฺชติ จ เวติ จาติ อิจฺจสฺส เอวมาคตํ โหตี’’ติอาทิ. อวเสเสสูติ ปนฺนรสสุ าเนสุ. สสฺสตทิฏฺิ กถิตา รูปวนฺตาทิภาเวน คหิตสฺส อนิทฺธาริตรูปตฺตา.
ทิฏฺิคติโก ยํ วตฺถุํ อตฺตาติ สมนุปสฺสติ, เยภุยฺเยน ตํ นิจฺจํ สุขนฺติ จ สมนุปสฺสเตว. สาวโก ปน ตปฺปฏิกฺเขเปน สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ สุทิฏฺตฺตา รูปํ อตฺตาติ น สมนุปสฺสติ, ตถาภูโต จ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ สมนุปสฺสติ, ตถา เวทนาทโยติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น รูปํ อตฺตโต’’ติอาทิมาห. เอวํ ภวทิฏฺิปิ อวิชฺชาภวตณฺหา วิย วฏฺฏสฺส สมุทโยเยวาติ ทิฏฺิกถายํ ‘‘เอตฺตเกน คมนํ โหตี’’ติอาทิ. ทิฏฺิปฺปหานกถายฺจ ‘‘เอตฺตเกน คมนํ น โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๔๖๒. เหฏฺา วุตฺตมตฺถเมว ปุจฺฉิตตฺตา ‘‘เถริยา ปฏิปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพ’’ติ วตฺวา ปฏิปุจฺฉนวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปาสกา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปตฺติวเสนาติ ¶ สกฺกายนิโรธคามินิปฏิปทาภาเวน. สงฺขตาสงฺขตวเสน โลกิยโลกุตฺตรวเสน สงฺคหิตาสงฺคหิตวเสนาติ ‘‘วเสนา’’ติ ปทํ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ กามํ อสงฺขโต นาม มคฺโค นตฺถิ, กึ สงฺขโต, อุทาหุ อสงฺขโตติ ปน ปุจฺฉาวเสน ตถา วุตฺตํ? ‘‘อริโย’’ติ วจเนเนว มคฺคสฺส โลกุตฺตรโต สิทฺธา, สงฺคาหกขนฺธปริยาปนฺนานํ ปน มคฺคธมฺมานมฺปิ สิยา โลกิยตาติ ¶ อิธ โลกิยคฺคหณํ. กิฺจาปิ สงฺคหิตปทเมว ปาฬิยํ อาคตํ, น อสงฺคหิตปทํ, เย ปน สงฺคาหกภาเวน วุตฺตา, เต สงฺคหิตา น โหนฺตีติ อฏฺกถายํ อสงฺคหิตคฺคหณํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สงฺขโตติอาทีสุ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กโตติ สงฺขโต. ตถาภูโต จ ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส ปุพฺพภาคเจตนาติ มยฺหํ มคฺโค อฏฺงฺคิโก โหตุ สตฺตงฺคิโก วาติ เจติตภาเวน เจติโต. สหชาตเจตนายปิ เจติโตว ตสฺสา สหการีการณภาวโต, ตโต เอว ปกปฺปิโต อายูหิโต. ปจฺจเยหิ นิปฺผาทิตตฺตา กโต นิพฺพตฺติโต จ. สมาปชฺชนฺเตน อตฺตโน สนฺตาเน สมฺมเทว อาปชฺชนฺเตน อุปฺปาเทนฺเตน. อิติ สตฺตหิปิ ปเทหิ ปจฺจยนิพฺพตฺติตํเยว อริยมคฺคสฺส ทสฺเสติ.
อสงฺคหิโต ขนฺธานํ ปเทโส เอตสฺส อตฺถีติ มคฺโค สปฺปเทโส. นตฺถิ เอเตสํ ปเทสาติ ขนฺธา นิปฺปเทสา. ปทิสฺสติ เอเตน สมุทาโยติ หิ ปเทโส, อวยโว. อยนฺติ มคฺโค. สปฺปเทสตฺตา เอกเทสตฺตา. นิปฺปเทเสหิ สมุทายภาวโต นิรวเสสปเทเสหิ. ยถา นครํ รชฺเชกเทสภูตํ ตทนฺโตคธตฺตา รชฺเชน สงฺคหิตํ, เอวํ อริยมคฺโค ขนฺธตฺตเยกเทสภูโต ตทนฺโตคธตฺตา ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิโตติ ทสฺเสติ ‘‘นครํ วิย รชฺเชนา’’ติ อิมินา. สชาติโตติ สมานชาติตาย, สมานสภาวตฺตา เอวาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ สีลกฺขนฺโธ ‘‘นว โกฏิสหสฺสานี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; อป. อฏฺ. ๒.๕๕.๕๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๗) วุตฺตปเภทวเสน เจว สมฺปตฺตสมาทานวิรติอาทิวเสน จ คยฺหมาโน นิปฺปเทโส, มคฺคสีลํ ปน อาชีวฏฺมกเมว สมุจฺเฉทวิรติมตฺตเมวาติ สปฺปเทสํ. สมาธิกฺขนฺโธ ปริตฺตมหคฺคตาทิวเสน เจว อุปจารปฺปนาสมาธิวเสน จ อเนกเภทตาย นิปฺปเทโส, มคฺคสมาธิ ปน โลกุตฺตโรว ¶ , อปฺปนาสมาธิ เอวาติ สปฺปเทโส. ตถา ปฺากฺขนฺโธ ปริตฺตมหคฺคตาทิวเสน เจว สุตมยาณาทิวเสน จ อเนกเภทตาย นิปฺปเทโส, มคฺคปฺา ปน โลกุตฺตราว, ภาวนามยา เอวาติ สปฺปเทสา. อตฺตโน ธมฺมตายาติ สหการีการณํ อนเปกฺขิตฺวา อตฺตโน สภาเวน อตฺตโน พเลน อปฺเปตุํ น สกฺโกติ วีริเยน อนุปตฺถมฺภิตํ, สติยา จ อนุปฏฺิตํ. ปคฺคหกิจฺจนฺติ ยถา โกสชฺชปกฺเข น ปติตา จิตฺตฏฺิติ, ตถา ปคฺคณฺหนกิจฺจํ. อปิลาปนกิจฺจนฺติ ยถา อารมฺมเณ น ปิลวติ, เอวํ อปิลาปนกิจฺจํ.
เอกโต ชาตาติ สหชาตา. ปิฏฺึ ทตฺวา โอนตสหาโย วิย วายาโม สมาธิสฺส อารมฺมเณ อปฺปนาย วิเสสปจฺจยภาวโต. อํสกูฏํ ทตฺวา ิตสหาโย วิย สติ สมาธิสฺส อารมฺมเณ ทฬฺหปวตฺติยา ปจฺจยภาวโต. กิริยโตติ อุปการกิริยโต.
อาโกเฏตฺวาติ ¶ อารมฺมณํ อาหนิตฺวา. ตถา หิ วิตกฺโก ‘‘อาหนนรโส’’ติ, โยคาวจโร จ ‘‘กมฺมฏฺานํ ตกฺกาหตํ วิตกฺกปริยาหตํ กโรตี’’ติ วุจฺจติ. อิธาปีติ สมฺมาทิฏฺิสงฺกปฺเปสุ. กิริยโตติ วุตฺตปฺปการอุปการกิริยโต.
สุภสุขาทินิมิตฺตคฺคาหวิธมนํ จตุกิจฺจสาธนํ. ปจฺจยตฺเตนาติ สหชาตาทิปจฺจยภาเวน. จตุกิจฺจสาธนวเสเนวาติ อิทํ มคฺควีริยสฺเสว คหิตภาวทสฺสนํ. ตฺหิ เอกํเยว หุตฺวา จตุกิจฺจํ ยถาวุตฺตอุปการกสภาเวน จ ปริวารฏฺเน ปริกฺขาโร โหติ. มคฺคสมฺปยุตฺตธมฺมานนฺติ อิมินา มคฺคธมฺมานมฺปิ คหณํ, น ตํสมฺปยุตฺตผสฺสาทีนํเยว. เอกจิตฺตกฺขณิกาติ มคฺคจิตฺตุปฺปาทวเสน เอกจิตฺตกฺขณิกา.
สตฺตหิ าเณหีติ ปรมุกฺกํสคเตหิ สตฺตหิ ชวเนหิ สมฺปยุตฺตาเณหิ, สตฺตหิ วา อนุปสฺสนาาเณหิ. อาทิโต เสวนา อาเสวนา, ตโต ปรํ วฑฺฒนา ภาวนา, ปุนปฺปุนํ กรณํ พหุลีกมฺมนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อฺเน จิตฺเตนา’’ติอาทิ. อธิปฺปายวเสน นิทฺธาเรตฺวา คเหตพฺพตฺถํ สุตฺตํ เนยฺยตฺถํ. ยถารุตวเสน คเหตพฺพตฺถํ นีตตฺถํ. เอวํ สนฺเตติ ยทิ อิทํ สุตฺตํ นีตตฺถํ, อาเสวนาทิ จ วิสุํ วิสุํ จิตฺเตหิ โหติ, เอวํ สนฺเต. อาเสวนาทิ นาม จิตฺตสฺส อเนกวารํ อุปฺปตฺติยา โหติ ¶ , น เอกวารเมวาติ อาห ‘‘เอกํ จิตฺต’’นฺติอาทิ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – อาเสวนาวเสน ปวตฺตมานํ จิตฺตํ สุจิรมฺปิ กาลํ อาเสวนาวเสเนว ปวตฺเตยฺย, ตถา ภาวนาพหุลีกมฺมวเสน ปวตฺตมานานิปิ, น เจตฺถ เอตฺตกาเนว จิตฺตานิ อาเสวนาวเสน ปวตฺตนฺติ, เอตฺตกานิ ภาวนาวเสน, พหุลีกมฺมวเสนาติ นิยโม ลพฺภติ. อิติ อเนกจิตฺตกฺขณิกอริยมคฺคํ วทนฺตสฺส ทุนฺนิวาริโยวายํ โทโส. ยถา ปน ปุพฺพภาเคปิ นานาจิตฺเตสุ ปวตฺตปริฺาทิกิจฺจานํ สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ ปฏิเวธกาเล ยถารหํ จตุกิจฺจสาธนํ, เอกจิตฺตกฺขณิกา จ ปวตฺติ, เอวํ วิปสฺสนาย ปวตฺตาภิสงฺขารวเสน อาเสวนาภาวนาพหุลีกมฺมานิ ปฏิเวธกาเล เอกจิตฺตกฺขณิกาเนว โหนฺตีติ วทนฺตานํ อาจริยานํ น โกจิ โทโส อาเสวนาทีหิ กาตพฺพกิจฺจสฺส ตทา เอกจิตฺตกฺขเณเยว สิชฺฌนโต. เตนาห ‘‘เอกจิตฺตกฺขณิกาวา’’ติอาทิ. สเจ สฺชานาตีติ สเจ สฺตฺตึ คจฺฉติ. ยาคุํ ปิวาหีติ อุยฺโยเชตพฺโพ ธมฺมสากจฺฉาย อภพฺพภาวโตติ อธิปฺปาโย.
๔๖๓. ปฺุาภิสงฺขาราทีสูติ อาทิ-สทฺเทน กายสฺเจตนาทิ ลกฺขเณ กายสงฺขาราทิเกปิ สงฺคณฺหาติ, น อปฺุาเนฺชาภิสงฺขาเร เอว. กายปฏิพทฺธตฺตา กาเยน สงฺขรียติ, น กายสมุฏฺานตฺตา. จิตฺตสมุฏฺานา หิ เต ธมฺมาติ. นิพฺพตฺตียตีติ จ อิทํ กาเย สติ สพฺภาวํ ¶ , อสติ จ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. วาจนฺติ วจีโฆสํ. สงฺขโรตีติ ชเนติ. เตนาห ‘‘นิพฺพตฺเตตี’’ติ. น หิ ตํ วิตกฺกวิจารรหิตจิตฺตํ วจีโฆสํ นิพฺพตฺเตตุํ สกฺโกติ. จิตฺตปฏิพทฺธตฺตาติ เอเตน จิตฺตสฺส นิสฺสยาทิปจฺจยภาโว จิตฺตสงฺขารสงฺขรณนฺติ ทสฺเสติ. อฺมฺมิสฺสาติ อตฺถโต ภินฺนาปิ กายสงฺขาราทิวจนวจนียภาเวน อฺมฺมิสฺสิตา อภินฺนา วิย, ตโต เอว อาลุฬิตา สํกิณฺณา อวิภูตา อปากฏา ทุทฺทีปนา ทุวิฺาปยา. อาทานคฺคหณมฺุจนโจปนานีติ ยสฺส กสฺสจิ กาเยน อาทาตพฺพสฺส อาทานสงฺขาตํ คหณํ, วิสฺสชฺชนสงฺขาตํ มฺุจนํ, ยถาตถาจลนสงฺขาตํ โจปนนฺติ อิมานิ ปาเปตฺวา สาเธตฺวา อุปฺปนฺนา. กายโต ปวตฺตา สงฺขารา, กาเยน สงฺขรียนฺตีติ จ กายสงฺขาราตฺเวว วุจฺจนฺติ. หนุสํโจปนนฺติ หนุสฺจลนํ. วจีเภทนฺติ วาจานิจฺฉารณํ. วาจํ สงฺขโรนฺตีติ กตฺวา อิธ วจีสงฺขาราตฺเวว วุจฺจนฺติ.
๔๖๔. สมาปชฺชิสฺสนฺติ ¶ ปทํ นิโรธสฺส อาสนฺนานาคตภาววิสยํ อาสนฺนํ วชฺเชตฺวา ทูรสฺส คหเณ ปโยชนาภาวโต. นิโรธปาทกสฺส เนวสฺานาสฺายตนจิตฺตสฺส จ คหณโต ปฏฺาย นิโรธํ สมาปชฺชติ นามาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปททฺวเยน เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติกาโล กถิโต’’ติ วุตฺตํ. ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ โหตีติ เอตฺถ อทฺธานปริจฺเฉทจิตฺตคฺคหณํ อิตเรสํ นานนฺตริยภาวโต. น หิ พลทฺวยาณสมาธิจริยานํ วสีภาวาปาทนจิตฺเตหิ วินา อทฺธานปริจฺเฉทจิตฺตํ อจิตฺตกภาวาย โหติ.
เสสสงฺขาเรหีติ กายสงฺขารจิตฺตสงฺขาเรหิ. ทุติยชฺฌาเนเยว นิรุชฺฌติ อนุปฺปตฺตินิโรเธน. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. วุฏฺหิสฺสนฺติ ปทํ วุฏฺหนสฺส อาสนฺนานาคตภาววิสยํ อาสนฺนํ วชฺเชตฺวา ทูรสฺส คหเณ ปโยชนาภาวโต. นิโรธโต วุฏฺานสฺส จ จิตฺตุปฺปาเทน ปริจฺฉินฺนตฺตา ตโต โอรเมวาติ อาห ‘‘ปททฺวเยน อนฺโตนิโรธกาโล กถิโต’’ติ. ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ โหตีติ ยถา ยถาปริจฺฉินฺนกาลเมว อจิตฺตกภาโว, ตโต ปรํ สจิตฺตกภาโว โหติ, ตถา นิโรธสฺส ปริกมฺมจิตฺตํ อุปฺปาทิตํ โหติ.
ปฏิสงฺขาติ ปฏิสงฺขาย อิทเมว กาตพฺพํ ชานิตฺวา อปฺปวตฺติมตฺตํ. สมาปชฺชนฺตีติ อจิตฺตกภาวํ สมฺปเทว อาปชฺชนฺติ. อถ กสฺมา สตฺตาหเมว สมาปชฺชนฺตีติ? ยถากาลปริจฺเฉทกรณโต, ตฺจ เยภุยฺเยน อาหารูปชีวีนํ สตฺตานํ อุปาทินฺนกปวตฺตสฺส เอกทิวสํ ภุตฺตาหารสฺส สตฺตาหเมว ยาปนโต.
สพฺพา ¶ ผลสมาปตฺติ อสฺสาสปสฺสาเส น สมุฏฺาเปตีติ อิทํ นตฺถีติ อาห ‘‘สมุฏฺาเปตี’’ติ. ยา ปน น สมุฏฺาเปติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมสฺส ปน…เป… น สมุฏฺาเปตี’’ติ อาห. ตตฺถ อิมสฺสาติ อิธ ปาฬิยํ วุตฺตนิโรธสมาปชฺชนภิกฺขุโน. ตสฺส ปน ผลสมาปตฺติ จตุตฺถชฺฌานิกาวาติ นิยโม นตฺถีติ อาห ‘‘กึ วา เอเตนา’’ติอาทิ. อพฺโพหาริกาติ สุขุมตฺตภาวปฺปตฺติยา ‘‘อตฺถี’’ติ โวหริตุํ อสกฺกุเณยฺยาติ เกจิ. นิโรธสฺส ปน ปาทกภูตาย จตุตฺถชฺฌานาทิสมาธิจริยาย วเสน อจตุตฺถชฺฌานิกาปิ นิโรธานนฺตรผลสมาปตฺติ อสฺสาสปสฺสาเส ¶ น สมุฏฺาเปตีติ อภาวโต เอว เต อพฺโพหาริกา วุตฺตา. เอวฺจ กตฺวา สฺชีวตฺเถรวตฺถุมฺหิ อานีตสมาปตฺติผลนิทสฺสนมฺปิ สุฏฺุ อุปปชฺชติ. เตนาห ‘‘ภวงฺคสมเยเนเวตํ กถิต’’นฺติ. กิริยมยปวตฺตวฬฺชนกาเลติ เอตฺถ กิริยมยปวตฺตํ กายวจีวิฺตฺติวิปฺผาโร, ตสฺส วฬฺชนกาเล ปวตฺตนสมเย. วาจํ อภิสงฺขาตุํ น สกฺโกนฺติ อวิฺตฺติชนกตฺตา เตสํ วิตกฺกวิจารานํ.
สคุเณนาติ สรเสน, สภาเวนาติ อตฺโถ. สฺุตา นาม ผลสมาปตฺติ ราคาทีหิ สฺุตฺตา. ตถา ราคนิมิตฺตาทีนํ อภาวา อนิมิตฺตา, ราคปณิธิอาทีนํ อภาวา อปฺปณิหิตาติ อาห ‘‘อนิมิตฺตอปฺปณิหิเตสุปิ เอเสว นโย’’ติ. อนิมิตฺตํ อปฺปณิหิตฺจ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนผลสมาปตฺติยํ ผสฺโส อนิมิตฺโต ผสฺโส อปฺปณิหิโต ผสฺโส นามาติ อิมมตฺถํ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติ.
อตฺตสฺุตาทสฺสนโต อนตฺตานุปสฺสนา สฺุตา, นิจฺจนิมิตฺตุคฺฆาฏนโต อนิจฺจานุปสฺสนา อนิมิตฺตา, สุขปฺปณิธิปฏิกฺเขปโต ทุกฺขานุปสฺสนา อปฺปณิหิตาติ อาห – ‘‘สฺุตา…เป… วิปสฺสนาปิ วุจฺจตี’’ติ. อนิจฺจโต วุฏฺาตีติ สงฺขารานํ อนิจฺจาการคฺคาหินิยา วุฏฺานคามินิยา ปรโต เอกโตวุฏฺานอุภโตวุฏฺาเนหิ นิมิตฺตปวตฺตโต วุฏฺาติ. อนิจฺจโต ปริคฺคเหตฺวาติ จ อิทํ ‘‘น เอกนฺติกํ เอวมฺปิ โหตี’’ติ กตฺวา วุตฺตํ. เอส นโย เสเสสุปิ. อปฺปณิหิตวิปสฺสนาย มคฺโคติอาทินา, สฺุตวิปสฺสนาย มคฺโคติอาทินา จ โยชนํ สนฺธายาห ‘‘เอเสว นโย’’ติ. วิกปฺโป อาปชฺเชยฺย อาคมนสฺส ววตฺถานสฺส อภาเวน อววตฺถานกรตฺตา. เอวฺหิ ตโย ผสฺสา ผุสนฺตีติ เอวํ สคุณโต อารมฺมณโต จ นามลาเภ สฺุตาทินามกา ตโย ผสฺสา ผุสนฺตีติ อนิยมวจนํ. สเมติ ยุชฺชติ เอกสฺเสว ผสฺสสฺส นามตฺตยโยคโต.
สพฺพสงฺขตวิวิตฺตตาย ¶ นิพฺพานํ วิเวโก นาม อุปธิวิเวโกติ กตฺวา. นินฺนตา ตปฺปฏิปกฺขวิมุขสฺส ตทภิมุขตา. โปณตา โอนมนํ, ปพฺภารตา ตโต วิสฺสฏฺภาโว.
๔๖๕. จกฺขาทิโต รูปาทีสุ ปวตฺตรูปกายโต อุปฺปชฺชนโต ปฺจทฺวาริกํ สุขํ กายิกํ นาม, มโนทฺวาริกํ เจโตผสฺสชาตาย เจตสิกํ ¶ นาม. สภาวนิทฺเทโส สุขยตีติ กตฺวา. มธุรภาวทีปกนฺติ อิฏฺภาวโชตนํ. เวทยิตภาวทีปกนฺติ เวทกภาววิภาวกํ. เวทนา เอว หิ ปรมตฺถโต อารมฺมณํ เวเทติ, อารมฺมณํ ปน เวทิตพฺพนฺติ. ทุกฺขนฺติ สภาวนิทฺเทโสติเอวมาทิอตฺถวจนํ สนฺธายาห ‘‘เอเสว นโย’’ติ. ิติสุขาติ ิติยา ธรมานตาย สุขา, น ิติกฺขณมตฺเตน. เตนาห ‘‘อตฺถิภาโว สุข’’นฺติ. วิปริณามทุกฺขาติ วิปริณมเนน วิคมเนน ทุกฺขา, น นิโรธกฺขเณน. เตนาห ‘‘นตฺถิภาโว ทุกฺข’’นฺติ. อปริฺาตวตฺถุกานฺหิ สุขเวทนุปรโม ทุกฺขโต อุปฏฺาติ. สฺวายมตฺโถ ปิยวิปฺปโยเคน ทีเปตพฺโพ. ิติทุกฺขา วิปริณามสุขาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘อตฺถิภาโว ทุกฺขํ, นตฺถิภาโว สุข’’นฺติ. ทุกฺขเวทนุปรโม หิ สตฺตานํ สุขโต อุปฏฺาติ. เอวฺหิ วทนฺติ – ‘‘ตสฺส โรคสฺส วูปสเมน อโห สุขํ ชาต’’นฺติ. ชานนภาโวติ ยาถาวสภาวโต อวพุชฺฌนํ. อทุกฺขมสุขฺหิ เวทนํ ชานนฺตสฺส สุขํ โหติ ตสฺส สุขุมภาวโต, ยถา ตทฺเ ธมฺเม สลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต จ สมฺมเทว อวโพโธ ปรมํ สุขํ. เตเนวาห –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔);
อชานนภาโวติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทุกฺขฺหิ สมฺโมหวิหาโรติ. อปโร นโย ชานนภาโวติ ชานนสฺส าณสฺส สพฺภาโว. าณสมฺปยุตฺตา หิ าโณปนิสฺสยา จ อทุกฺขมสุขา เวทนา สุขา อิฏฺาการา. ยถาห ‘‘อิฏฺา เจว อิฏฺผลา จา’’ติ. อชานนภาโว ทุกฺขนฺติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กตโม อนุสโย อนุเสตีติ กามราคานุสยาทีสุ สตฺตสุ อนุสเยสุ กตโม อนุสโย อนุสยวเสน ปวตฺตติ? อปฺปหีนภาเวน หิ สนฺตาเน อนุสยนฺตีติ อนุสยา, อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. เอเตน การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนารหตา เนสํ ทสฺสิตา. อปฺปหีนา หิ กิเลสา การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนฺติ. เตนาห ‘‘อปฺปหีนฏฺเน สยิโต วิย โหตี’’ติ. เต จ นิปฺปริยายโต ¶ อนาคตา กิเลสา ทฏฺพฺพา, อตีตา ปจฺจุปฺปนฺนา ¶ จ ตํสภาวตฺตา ตถา วุจฺจนฺติ. น หิ ธมฺมานํ กาลเภเทน สภาวเภโท อตฺถิ. ยทิ อปฺปหีนฏฺโ อนุสยฏฺโ, นนุ สพฺเพปิ กิเลสา อปฺปหีนา อนุสยา ภเวยฺยุนฺติ? น มยํ อปฺปหีนตามตฺเตน อนุสยฏฺํ วทาม, อถ โข ปน อปฺปหีนฏฺเน ถามคตา กิเลสา อนุสยา. อิทํ ถามคมนฺจ ราคาทีนเมว อาเวณิโก สภาโว ทฏฺพฺโพ, ยโต อภิธมฺเม – ‘‘ถามคตํ อนุสยํ ปชหตี’’ติ วุตฺตํ. โสติ ราคานุสโย. อปฺปหีโนติ อปฺปหีนภาวมุเขน อนุสยนฏฺมาห. โส จ อปริฺาตกฺขนฺธวตฺถุโต, ปริฺาเตสุ ปติฏฺํ น ลภติ. เตนาห ‘‘น สพฺพาย สุขาย เวทนาย โส อปฺปหีโน’’ติ. อารมฺมณวเสน จายํ อนุสยฏฺโ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘น สพฺพํ สุขํ เวทนํ อารพฺภ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ’’ติ.
วตฺถุวเสนปิ ปน อนุสยฏฺโ เวทิตพฺโพ, โย ‘‘ภูมิลทฺธ’’นฺติ วุจฺจติ. เตน หิ อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๘๓๔) วุตฺตํ –
‘‘ภูมีติ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา เตภูมกา ปฺจกฺขนฺธา. ภูมิลทฺธํ นาม เตสุ ขนฺเธสุ อุปฺปตฺติรหํ กิเลสชาตํ. เตน หิ สา ภูมิลทฺธา นาม โหติ, ตสฺมา ภูมิลทฺธนฺติ วุจฺจติ, สา จ โข น อารมฺมณวเสน. อารมฺมณวเสน หิ สพฺเพปิ อตีตานาคเต ปริฺาเตปิ จ ขีณาสวานํ ขนฺเธ อารพฺภ กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ มหากจฺจานอุปฺปลวณฺณาทีนํ ขนฺเธ อารพฺภ โสเรยฺยเสฏฺินนฺทมาณวกาทีนํ วิย. ยทิ จ ตํ ภูมิลทฺธํ นาม สิยา, ตสฺส อปฺปเหยฺยโต น โกจิ ภวมูลํ ปชเหยฺย, วตฺถุวเสน ปน ภูมิลทฺธํ เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ยตฺถ หิ วิปสฺสนาย อปริฺาตา ขนฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปาทโต ปภุติ เตสุ วฏฺฏมูลํ กิเลสชาตํ อนุเสติ. ตํ อปฺปหีนฏฺเน ภูมิลทฺธนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติอาทิ.
เอส นโย สพฺพตฺถาติ อิมินา ‘‘น สพฺพาย ทุกฺขาย เวทนาย โส อปฺปหีโน, น สพฺพํ ทุกฺขํ เวทนํ อารพฺภ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทึ อติทิสติ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ‘‘โย อนุสโย ยตฺถ อนุเสติ ¶ , โส ปหียมาโน ตตฺถ ปหีโน นาม โหตี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ปหานปุจฺฉา, ตํ สนฺธายาห ‘‘กึ ปหาตพฺพนฺติ อยํ ปหานปุจฺฉา นามา’’ติ.
เอเกเนว พฺยากรเณนาติ ‘‘อิธาวุโส, วิสาข, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๗๔) เอเกเนว วิสฺสชฺชเนน. ทฺเว ปุจฺฉาติ อนุสยปุจฺฉา ปหานปุจฺฉาติ ทฺเวปิ ปุจฺฉา วิสฺสชฺเชสิ. ‘‘ราคํ เตน ปชหตี’’ติ อิทเมกํ วิสฺสชฺชนํ, ‘‘น ตตฺถ ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ อิทเมกํ วิสฺสชฺชนํ, ปุจฺฉานุกฺกมฺเจตฺถ อนาทิยิตฺวา ปหานกฺกเมน วิสฺสชฺชนา ปวตฺตา ¶ . ‘‘ทฺเว ปุจฺฉา วิสฺสชฺเชสี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิธา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตถาวิกฺขมฺภิตเมว กตฺวาติ อิมินา โย ราคํ วิกฺขมฺเภตฺวา ปุน อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานโต ตถาวิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา มคฺเคน สมุคฺฆาเตติ, ตสฺส วเสน ‘‘ราคํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. กาโมฆาทีหิ จตูหิ โอเฆหิ สํสารภโวเฆเนว วา เวคสา วุยฺหมาเนสุ สตฺเตสุ ตํ อุตฺตริตฺวา ปตฺตพฺพํ, ตสฺส ปน คาธภาวโต ปติฏฺานภูตํ. เตนาห ภควา – ‘‘ติณฺโณ ปารงฺคโต ถเล ติฏฺติ พฺราหฺมโณ’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘; อิติวุ. ๖๙; ปุ. ป. ๑๘๗).
สฺุตาทิเภเทน อเนกเภทตฺตา ปาฬิยํ ‘‘อนุตฺตเรสู’’ติ พหุวจนนิทฺเทโสติ ‘‘อนุตฺตรา วิโมกฺขา’’ติ วตฺวา ปุน เตสํ สพฺเพสมฺปิ อรหตฺตภาวสามฺเน ‘‘อรหตฺเต’’ติ วุตฺตํ. วิสเย เจตํ ภุมฺมํ. ปตฺถนํ ปฏฺเปนฺตสฺสาติ ‘‘อโห วตาหํ อรหตฺตํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อุปฏฺเปนฺตสฺส, ปตฺเถนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ปฏฺเปนฺตสฺสาติ เจตฺถ เหตุมฺหิ อนฺตสทฺโท. กถํ ปน อรหตฺตวิสยา ปตฺถนา อุปฺปชฺชตีติ? น กาจิ อรหตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา ปตฺถนา อุปฺปชฺชติ อนธิคตตฺตา อวิสยภาวโต. ปริกปฺปิตรูปํ ปน ตํ อุทฺทิสฺส ปตฺถนา อุปฺปชฺชติ. ‘‘อุปฺปชฺชติ ปิหาปจฺจยา’’ติ วุตฺตํ ปรมฺปรปจฺจยตํ สนฺธาย, อุชุกํ ปน ปจฺจยภาโว นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘น ปตฺถนาย ปฏฺปนมูลกํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. อิทํ ปน เสวิตพฺพํ โทมนสฺสํ อกุสลปฺปหานสฺส กุสลาภิวุฑฺฒิยา จ นิมิตฺตภาวโต. เตนาห ภควา – ‘‘โทมนสฺสมฺปาหํ, เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕๙-๓๖๒). ตีหิ มาเสหิ สมฺปชฺชนกา เตมาสิกา ¶ . เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อิมสฺมึ วาเรติ อิมสฺมึ ปวารณวาเร. วิสุทฺธิปวารณนฺติ ‘‘ปริสุทฺโธ อห’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ วิสุทฺธิปวารณํ. อรหนฺตานเมว เหส ปวารณา.
น กทาจิ ปหาตพฺพสฺส ปหายกตา อตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น โทมนสฺเสน วา’’ติอาทึ วตฺวา ปริยาเยเนตํ วุตฺตํ, ตํ วิภาเวนฺโต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต วิตฺถาเรน อาคมิสฺสติ. ปฏิปทํ คเหตฺวา ปตฺถนํ กตฺวา ปตฺถนํ เปตฺวา. ปฏิสฺจิกฺขตีติ โอวาทวเสน อตฺตานํ สมุตฺเตเชนฺโต กเถติ. สีเลน หีนฏฺานนฺติ อฺเหิ อรหตฺตาย ปฏิปชฺชนฺเตหิ สีเลน หีนฏฺานํ กึ ตุยฺหํ อตฺถีติ อธิปฺปาโย. สุปริสุทฺธนฺติ อขณฺฑาทิภาวโต สุโธตชาติมณิ วิย สุฏฺุ ปริสุทฺธํ. สุปคฺคหิตนฺติ กทาจิปิ สงฺโกจาภาวโต วีริยํ สุฏฺุ ปคฺคหิตํ. ปฺาติ วิปสฺสนาปฺา ปฏิปกฺเขหิ อนธิภูตตาย อกุณฺา ติกฺขวิสทา สงฺขารานํ สมฺมสเน สูรา หุตฺวา วหติ ปวตฺตติ. ปริยาเยนาติ ตสฺส โทมนสฺสสฺส ¶ อรหตฺตุปนิสฺสยตาปริยาเยน. อารมฺมณวเสน อนุสยนํ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘น ตํ อารพฺภ อุปฺปชฺชตี’’ติ. อนุปฺปชฺชนเมตฺถ ปหานํ นามาติ วุตฺตํ ‘‘ปหีโนว ตตฺถ ปฏิฆานุสโยติ อตฺโถ’’ติ. ตติยชฺฌาเนน วิกฺขมฺเภตพฺพา อวิชฺชา, สา เอว อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺทียตีติ ‘‘อวิชฺชานุสยํ วิกฺขมฺเภตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ, อนุสยสทิสตาย วา. ‘‘ราคานุสยํ วิกฺขมฺเภตฺวา’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จตุตฺถชฺฌาเน นานุเสติ นาม ตตฺถ กาตพฺพกิจฺจากรณโต.
๔๖๖. ตสฺมาติ ปจฺจนีกตฺตา สภาวโต กิจฺจโต ปจฺจยโต จาติ อธิปฺปาโย. วิสภาคปฏิภาโค กถิโต ‘‘กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิย. อนฺธการาติ อนฺธการสทิสา อปฺปกา สภาวโต. อวิภูตา อปากฏา อโนฬาริกภาวโต. ตโต เอว ทุทฺทีปนา ทุวิฺาปนา. ตาทิสาวาติ อุเปกฺขาสทิสาว. ยถา อุเปกฺขา สุขทุกฺขานิ วิย น โอฬาริกา, เอวํ อวิชฺชา ราคโทสา วิย น โอฬาริกา. อถ โข อนฺธการา อวิภูตา ทุทฺทีปนา ทุวิฺาปนาติ อตฺโถ. สภาคปฏิภาโค กถิโต ‘‘ปณิธิ ปฏิโฆโส’’ติอาทีสุ วิย. ยตฺตเกสุ าเนสูติ ทุกฺขาทีสุ ยตฺตเกสุ าเนสุ, ยตฺถ วา เยฺยฏฺาเนสุ. วิสภาคปฏิภาโคติ อนฺธการสฺส ¶ วิย อาโลโก วิฆาตกปฏิภาโค. วิชฺชาติ มคฺคาณํ อธิปฺเปตํ, วิมุตฺตีติ ผลนฺติ อาห ‘‘อุโภเปเต ธมฺมา อนาสวา’’ติ. อนาสวฏฺเนาติอาทีสุ ปณีตฏฺเนาติปิ วตฺตพฺพํ. โสปิ หิ วิมุตฺตินิพฺพานานํ สาธารโณ, วิมุตฺติยา อสงฺขตฏฺเน นิพฺพานสฺส วิสภาคตาปิ ลพฺภเตว. ปฺหํ อติกฺกมิตฺวา คโตสิ, อปุจฺฉิตพฺพํ ปุจฺฉนฺโตติ อธิปฺปาโย. ปฺหานํ ปริจฺเฉทปมาณํ คเหตุํ ยุตฺตฏฺาเน อฏฺตฺวา ตโต ปรํ ปุจฺฉนฺโต นาสกฺขิ ปฺหานํ ปริยนฺตํ คเหตุํ. อปฺปฏิภาคธมฺมสฺสาติ นิปฺปริยายโต สภาคปฏิภาเคน อปฺปฏิภาคธมฺมสฺส. อนาคตาทิปริยาเยน นิพฺพานสฺส สภาคปฏิภาโค วุตฺโต, วิสภาเค จ อตฺเถว สงฺขตธมฺมา, ตสฺมา นิปฺปริยายโต กิฺจิ สภาคปฏิภาคํ สนฺธาย ปุจฺฉตีติ กตฺวา ‘‘อจฺจยาสี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสงฺขตสฺส หิ อปฺปติฏฺสฺส เอกนฺตนิจฺจสฺส สโต นิพฺพานสฺส กุโต นิปฺปริยาเยน สภาคสฺส สมฺภโว. เตนาห ‘‘นิพฺพานํ นาเมต’’นฺติอาทิ.
วิรทฺโธติ เอตฺถ สภาคปฏิภาคํ ปุจฺฉิสฺสามีติ นิจฺฉยาภาวโต ปุจฺฉิตมตฺถํ วิรชฺฌิตฺวาว ปุจฺฉิ, น อชานิตฺวาติ อตฺโถ. เอเตน เหฏฺา สพฺพปุจฺฉา ทิฏฺสํสนฺทนนเยน ชานิตฺวาว ปวตฺตาติ ทีปิตํ โหติ. เถรี ปน ตํ ตํ ปุจฺฉิตมตฺถํ สภาวโต วิภาเวนฺตี สตฺถุ เทสนาาณํ อนุคนฺตฺวาว วิสฺสชฺเชสิ. นิพฺพาโนคธนฺติ นิพฺพานํ โอคาหิตฺวา ิตํ นิพฺพานนฺโตคธํ. เตนาห ‘‘นิพฺพานพฺภนฺตรํ นิพฺพานํ อนุปวิฏฺ’’นฺติ. อสฺสาติ พฺรหฺมจริยสฺส.
๔๖๗. ปณฺฑิจฺเจน ¶ สมนฺนาคตาติ เอตฺถ วุตฺตปณฺฑิจฺจํ ทสฺเสตุํ ‘‘ธาตุกุสลา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนวาห – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ปณฺฑิโต โหติ? ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหติ, อายตนกุสโล จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสโล จ านาฏฺานกุสโล จ. เอตฺตาวตา นุ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ปณฺฑิโต โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๔). ปฺามหตฺตํ นาม เถริยา อเสกฺขปฺปฏิสมฺภิทปฺปตฺตาย ปฏิสมฺภิทาโย ปูเรตฺวา ิตตาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มหนฺเต อตฺเถ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ราชยุตฺเตหีติ รฺโ กมฺเม นิยุตฺตปุริเสหิ. อาหจฺจวจเนนาติ สตฺถารา กรณาทีนิ อาหนิตฺวา ปวตฺติตวจเนน. ยเทตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬเวทลฺลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. จูฬธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนา
๔๖๘. ธมฺโมติ ¶ ¶ คหิตคหณานีติ ธมฺโม วา โหตุ อิตโร วา, ธมฺโมติ ปคฺคหิตคฺคาหปฺปวตฺตา จริยาว. อายูหนกฺขเณติ ตสฺส ธมฺโมติ คหิตสฺส ปวตฺตนกฺขเณ. สุขนฺติ อกิจฺฉํ. เตนาห ‘‘สุกร’’นฺติ. ทุกฺขวิปากนฺติ อนิฏฺผลวิปจฺจนํ.
๔๖๙. ยถา จกฺขาทีนํ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ ยถาสกํ วิสยคฺคหณํ สภาวสิทฺธํ, เอวํ มนโสปิ. เต จ วิสยา อิฏฺาการโต คหเณ น โกจิ โทโส, ปุริสตฺตภาเว น จ เต โทสํ ปวตฺเตนฺตีติ อยํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ ลทฺธีติ อาห ‘‘วตฺถุกาเมสุปิ กิเลสกาเมสุปิ โทโส นตฺถี’’ติ, อสฺสาเทตฺวา วิสยปริโภเค นตฺถิ อาทีนโว, ตปฺปจฺจยา น โกจิ อนฺตราโยติ อธิปฺปาโย. ปาตพฺยตํ อาปชฺชนฺตีติ ปริภฺุชนกตํ อุปคจฺฉนฺติ. ปริโภคตฺโถ หิ อยํ ปา-สทฺโท กตฺตุสาธโน จ ตพฺย-สทฺโท, ยถารุจิ ปริภฺุชนฺตีติ อตฺโถ. กิเลสกาโมปิ อสฺสาทิยมาโน วตฺถุกามนฺโตคโธเยว, กิเลสกามวเสน ปน เนสํ อสฺสาเทตพฺพตาติ อาห ‘‘วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน ปาตพฺยต’’นฺติ. กิเลสกาเมนาติ กรณตฺเถ กรณวจนํ. ปาตพฺยตํ ปริภฺุชิตพฺพตนฺติ เอตฺถาปิ กตฺตุวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โมฬึ กตฺวาติ เวณิพนฺธวเสน โมฬึ กตฺวา. ตาปสปริพฺพาชิกาหีติ ตาปสปพฺพชฺชูปคตาหิ. ปริฺํ ปฺเปนฺตีติ อิทํ ‘‘ปหานมาหํสู’’ติ ปทสฺเสว เววจนนฺติ ‘‘ปหานํ สมติกฺกมํ ปฺเปนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เตน กามา นาเมเต อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมาติ ยาถาวโต ปริชานนํ อิธ ‘‘ปหาน’’นฺติ อธิปฺเปตํ, น วินาภาวมตฺตนฺติ ทสฺเสติ. มาลุวาสิปาฏิกาติ มาลุวาวิทลํ มาลุวาผเล โปฏฺฏลิกา. สนฺตาสํ อาปชฺเชยฺยาติ สาเล อธิวตฺถเทวตาย ปวตฺตึ คเหตฺวา วุตฺตํ. ตทา หิ ตสฺสา เอวํ โหติ. โกวิฬารปตฺตสทิเสหีติ มหาโกวิฬารปตฺตสณฺาเนหิ. สณฺานวเสน เหตํ วุตฺตํ, มาลุวาปตฺตา ปน โกวิฬารปตฺเตหิ มหนฺตตรานิ เจว ฆนตรานิ จ โหนฺติ. วิปุลพหุฆนครุปตฺตตาย มหนฺตํ ภารํ ชเนตฺวา. สาติ มาลุวาลตา. โอฆนนฺติ เหฏฺโต โอลมฺพนเหตุภูตํ ฆนภาวํ.
อนฺธวนสุภควนคฺคหณํ ¶ เตสํ อภิลกฺขิตภาวโต. นาฬิเกราทีสุ ติณชาตีสุ. ขาทนุปลกฺขณํ อุปจิกานํ อุฏฺหนคฺคหณนฺติ อาห ‘‘อุฏฺเหยฺยุ’’นฺติ. เกฬึ กโรนฺตี วิยาติ วิลมฺพนนที ¶ วิย เกฬึ กโรนฺตี. อิทานิ อหํ ตํ อชฺโฌตฺถรินฺติ ปโมทมานา วิย อิโต จิโต จ วิปฺผนฺทมานา วิลมฺพนฺตี. สมฺผสฺโสปิ สุโข มุทุตลุณโกมลภาวโต. ทสฺสนมฺปิ สุขํ ฆนพหลปตฺตสํหตตาย. โสมนสฺสชาตาติ ปุพฺเพ อนุสฺสววเสน ภวนวินาสภยา สนฺตาสํ อาปชฺชิ, อิทานิ ตสฺสา สมฺปตฺติทสฺสเนน ปโลภิตา โสมนสฺสชาตา อโหสิ.
วิฏภึ กเรยฺยาติ อาตานวิตานวเสน ชเฏนฺตี ชาลํ กเรยฺย. ตถาภูตา จ ฆนปตฺตสฺฉนฺนตาย ฉตฺตสทิสี โหตีติ อาห ‘‘ฉตฺตากาเรน ติฏฺเยฺยา’’ติ. สกลํ รุกฺขนฺติ อุปริ สพฺพสาขาปสาขํ สพฺพรุกฺขํ. ภสฺสมานาติ ปลิเวนวเสเนว โอตรมานา. ยาว มูลา โอติณฺณสาขาหีติ มาลุวา ภาเรน โอนมิตฺวา รุกฺขสฺส ยาว มูลา โอติณฺณสาขาหิ ปุน อภิรุหมานา. สพฺพสาขาติ เหฏฺา มชฺเฌ อุปริ จาติ สพฺพาปิ สาขาโย ปลิเวเนฺตี. สํสิพฺพิตฺวา ชาลสนฺตานกนิยาเมน ชเฏตฺวา. เอวํ อปราปรํ สํสิพฺพเนน อชฺโฌตฺถรนฺตี. สพฺพสาขา เหฏฺา กตฺวา สยํ อุปริ ตฺวา มหาภารภาเวน วาเต วา วายนฺเต เทเว วา วสฺสนฺเต ปทาเลยฺย. สาขฏฺกวิมานนฺติ สาขาปฏิพทฺธํ วิมานํ. ยสฺมา อิธ สตฺถารา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว’’ติอาทินา ภูตปุพฺพเมว วตฺถุ อุปมาภาเวน อาหฏํ, ตสฺมา ‘‘อิทํ ปน วิมาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๔๗๑. พหลราคสภาโวติ ปจฺจเวกฺขณาหิ นีหริตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย พลวา หุตฺวา อภิภวนราคธาตุโก. ราคชนฺติ ราคนิมิตฺตชาตํ. ทิฏฺเ ทิฏฺเ อารมฺมเณติ ทิฏฺเ ทิฏฺเ วิสภาคารมฺมเณ. นิมิตฺตํ คณฺหาตีติ กิเลสุปฺปตฺติยา การณภูตํ อนุพฺยฺชนโส นิมิตฺตํ คณฺหาติ, สิกฺขาคารเวน ปน กิเลเสหิ นิสฺสิตํ มคฺคํ น ปฏิปชฺชติ, ตโต เอว อาจริยุปชฺฌาเยหิ อาณตฺตํ ทณฺฑกมฺมํ กโรเตว. เตนาห ‘‘น ตฺเวว วีติกฺกมํ กโรตี’’ติ. หตฺถปรามาสาทีนีติ – ‘‘เอหิ ตาว ตยา วุตฺตํ มยา วุตฺตฺจ อมุตฺร คนฺตฺวา วีมํสิสฺสามา’’ติอาทินา หตฺถคฺคหณาทีนิ กโรนฺโต, น กรุณาเมตฺตานิทานวเสน. โมหชาติโกติ พหลโมหสภาโว.
๔๗๒. กมฺมนิยาเมนาติ ¶ ปุริมชาติสิทฺเธน โลภุสฺสทตาทินิยมิเตน กมฺมนิยาเมน. อิทานิ ตํ โลภุสฺสทตาทึ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ กมฺมายูหนกฺขเณติ กมฺมกรณเวลาย. โลโภ พลวาติ ตชฺชาย สามคฺคิยา สามตฺถิยโต โลโภ อธิโก ¶ โหติ. อโลโภ มนฺโทติ ตปฺปฏิปกฺโข อโลโภ ทุพฺพโล โหติ. กถํ ปเนเต โลภาโลภา อฺมฺํ อุชุวิปจฺจนีกภูตา เอกกฺขเณ ปวตฺตนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘เอกกฺขเณ ปวตฺตนฺตี’’ติ, นิกนฺติกฺขณํ ปน อายูหนกฺขณเมว กตฺวา เอวํ วุตฺตํ. เอส นโย เสเสสุ. ปริยาทาตุนฺติ อภิภวิตุํ น สกฺโกติ. โย หิ ‘‘เอวํสุนฺทรํ เอวํวิปุลํ เอวํมหคฺฆฺจ น สกฺกา ปรสฺส ทาตุ’’นฺติอาทินา อมุตฺตจาคตาทิวเสน ปวตฺตาย เจตนาย สมฺปยุตฺโต อโลโภ สมฺมเทว โลภํ ปริยาทาตุํ น สกฺโกติ. โทสโมหานํ อนุปฺปตฺติยํ ตาทิสปจฺจยลาเภเนว อโทสาโมหา พลวนฺโต. ตสฺมาติ โลภาโทสาโมหานํ พลวภาวโต อโลภโทสโมหานฺจ ทุพฺพลภาวโตติ วุตฺตเมว การณํ ปจฺจามสติ. โสติ ตํสมงฺคี. เตน กมฺเมนาติ เตน โลภาทิอุปนิสฺสยวตา กุสลกมฺมุนา. สุขสีโลติ สขิโล. ตเมวตฺถํ อกฺโกธโนติ ปริยาเยน วทติ.
มนฺทา อโลภาโทสา โลภโทเส ปริยาทาตุํ น สกฺโกนฺติ, อโมโห ปน พลวา โมหํ ปริยาทาตุํ สกฺโกตีติ เอวํ ยถารหํ ปมวาเร วุตฺตนเยเนว อติเทสตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุริมนเยเนวาติ ปุพฺเพ วุตฺตนยานุสาเรน. ทุฏฺโติ โกธโน. ทนฺโธติ มนฺทมฺโ. สุขสีลโกติ สุขสีโล.
เอตฺถ จ โลภวเสน, โทสโมห-โลภโทส-โลภโมห-โทสโมห-โลภโทสโมหวเสนาติ ตโย เอกกา, ตโย ทุกา, เอโก ติโกติ โลภาทิอุสฺสทวเสน อกุสลปกฺเข เอว สตฺต วารา, ตถา กุสลปกฺเข อโลภาทิอุสฺสทวเสนาติ จุทฺทส วารา ลพฺภนฺติ. ตตฺถ อโลภโทสโมหา, อโลภาโทสโมหา, อโลภโทสาโมหา พลวนฺโตติ อาคเตหิ กุสลปกฺเข ตติยทุติยปมวาเรหิ โทสุสฺสทโมหุสฺสทโทสโมหุสฺสทวารา คหิตา เอว โหนฺติ. ตถา ¶ อกุสลปกฺเข โลภาโทสาโมหา, โลภโทสาโมหา, โลภาโทสโมหา พลวนฺโตติ อาคเตหิ ตติยทุติยปมวาเรหิ อโทสุสฺสทอโมหุสฺสทอโทสาโมหุสฺสทวารา คหิตา เอวาติ อกุสลกุสลปกฺเขสุ ตโย ตโย วาเร อนฺโตคเธ กตฺวา อฏฺเว วารา ทสฺสิตา. เย ปน อุภยสมฺมิสฺสตาวเสน โลภาโลภุสฺสทวาราทโย อปเร เอกูนปฺาส วารา กามํ ทสฺเสตพฺพา, เตสํ อสมฺภวโต เอว น ทสฺสิตา. น หิ ‘‘เอกสฺมึ สนฺตาเน อนฺตเรน อวตฺถนฺตรํ โลโภ จ พลวา อโลโภ จา’’ติอาทิ ยุชฺชติ. ปฏิปกฺขวเสน วาปิ เอเตสํ พลวทุพฺพลภาโว สหชาตธมฺมวเสน ¶ วา. ตตฺถ โลภสฺส ตาว ปฏิปกฺขวเสน อนภิภูตตาย พลวภาโว, ตถา โทสโมหานํ อโทสาโมเหหิ. อโลภาทีนํ ปน โลภาทิอนภิภวนโต. สพฺเพสฺจ สมานชาติยสมธิภุยฺย ปวตฺติวเสน สหชาตธมฺมโต พลวภาโว. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๗๒) – ‘‘โลโภ พลวา, อโลโภ มนฺโท. อโทสาโมหา พลวนฺโต, โทสโมหา มนฺทา’’ติอาทิ, โส จ เนสํ มนฺทพลวภาโว ปุริมูปนิสฺสยโต ตถา อาสยสฺส ปริภาวิตตาย เวทิตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘กมฺมนิยาเมนา’’ติ. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมวาติ.
จูฬธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. มหาธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนา
๔๗๓. เอวํ ¶ อิทานิ วุจฺจมานากาโร กาโม กามนํ อิจฺฉา เอเตสนฺติ เอวํกามา. เอวํ ฉนฺโท ฉนฺทนํ โรจนํ อชฺฌาสโย เอเตสนฺติ เอวํฉนฺทา. อภิมุขํ, อภินิวิสฺส วา ปกาเรหิ เอติ อุปคจฺฉตีติ อธิปฺปาโย, ลทฺธิ. สา หิ ลทฺธพฺพวตฺถุํ อภิมุขํ ‘‘เอวเมต’’นฺติ อภินิวิสนฺตี เตน เตน ปกาเรน อุปคจฺฉติ, หตฺถคตํ กตฺวา ติฏฺติ น วิสฺสชฺเชติ. เอวํ วุจฺจมานากาโร อธิปฺปาโย เอเตสนฺติ เอวํอธิปฺปายา. ภควา มูลํ การณํ เอเตสํ ยาถาวโต อธิคมายาติ ภควํมูลกา. เตนาห ‘‘ภควนฺตฺหิ นิสฺสาย มยํ อิเม ธมฺเม อาชานาม ปฏิวิชฺฌามา’’ติ. อมฺหากํ ธมฺมาติ ¶ เตหิ อตฺตนา อธิคนฺตพฺพตาย วุตฺตํ. เสวิตพฺพานฺหิ ยาถาวโต อธิคมาณานิ อธิคจฺฉนกสมฺพนฺธีนิ, ตานิ จ สมฺมาสมฺพุทฺธมูลกานิ อนฺวิสยตฺตา. เตนาห ‘‘ปุพฺเพ กสฺสปสมฺพุทฺเธนา’’ติอาทิ. ภควา เนตา เตสนฺติ ภควํเนตฺติกา. เนตาติ เสวิตพฺพธมฺเม วิเนยฺยสนฺตานํ ปาเปตา. วิเนตาติ อเสวิตพฺพธมฺเม วิเนยฺยสนฺตานโต อปเนตา. ตทงฺควินยาทิวเสน วา วิเนตา. อนุเนตาติ อิเม ธมฺมา เสวิตพฺพา, อิเม น เสวิตพฺพาติ อุภยสมฺปาปนาปนยนตฺถํ ปฺเปตา. เตนาห ‘‘ยถาสภาวโต’’ติอาทิ.
ปฏิสรนฺติ เอตฺถาติ ปฏิสรณํ, ภควา ปฏิสรณํ เอเตสนฺติ ภควํปฏิสรณา. ปฏิสรติ สภาวสมฺปฏิเวธวเสน ปจฺเจกมุปคจฺฉตีติ วา ปฏิสรณํ, ภควา ปฏิสรณํ เอเตสนฺติ ภควํปฏิสรณา. ปฏิเวธวเสนาติ ปฏิวิชฺฌิตพฺพตาวเสน. อสติปิ มุเข อตฺถโต เอวํ วทนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘ผสฺโส อาคจฺฉติ, อหํ ภควา กึ นาโม’’ติ. ปฏิภาตูติ เอตฺถ ปฏิ-สทฺทาเปกฺขาย ‘‘ภควนฺต’’นฺติ อุปโยควจนํ, อตฺโถ ปน สามิวจนวเสเนว เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภควโต’’ติ ปฏิภาตูติ จ ภควโต ภาโค โหตุ. ภควโต หิ เอส ภาโค, ยทิทํ ธมฺมสฺส เทสนา, อมฺหากํ ปน ภาโค สวนนฺติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ปฏิภาตูติ ปทิสฺสตูติ อตฺถํ วทนฺติ, าเณน ทิสฺสตุ, เทสียตูติ วา อตฺโถ. อุปฏฺาตูติ จ าณสฺส ปจฺจุปฏฺาตุ.
๔๗๔. นิสฺสยิตพฺเพติ ¶ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนวเสน อปสฺสยิตพฺเพ. ตติยจตุตฺถธมฺมสมาทานานิ หิ อปสฺสาย สตฺตานํ เอตรหิ อายติฺจ สมฺปตฺติโย อภิวฑฺฒนฺติ. ภชิตพฺเพติ ตสฺเสว เววจนํ. เสวิตพฺเพติ วา สปฺปุริสุปสฺสยสทฺธมฺมสฺสวนโยนิโสมนสิกาเร สนฺธายาห. ภชิตพฺเพติ ตปฺปจฺจเย ทานาทิปฺุธมฺเม.
๔๗๕. อุปฺปฏิปาฏิอากาเรนาติ ปมํ สํกิเลสธมฺเม ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา โวทานธมฺมทสฺสนํ สตฺถุ เทสนาปฏิปาฏิ, ยถา – ‘‘วามํ มฺุจ, ทกฺขิณํ คณฺหา’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘; วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๔), ตถา อุปฺปฏิปาฏิปกาเรน, สา จ โข ปุริเมสุ ทฺวีสุ ธมฺมสมาทาเนสุ ¶ , ปจฺฉิเมสุ ปน ปฏิปาฏิยาว มาติกา ปฏฺปิตา. ยถาธมฺมรเสเนวาติ ปหาตพฺพปหายกธมฺมานํ ยถาสภาเวเนว. สภาโว หิ ยาถาวโต รสิตพฺพโต ชานิตพฺพโต ‘‘รโส’’ติ วุจฺจติ. ปมํ ปหาตพฺพธมฺเม ทสฺเสตฺวา ตทนนฺตรํ ‘‘อิเม ธมฺมา เอเตหิ ปหียนฺตี’’ติ ปหายกธมฺมทสฺสนํ เทสนานุปุพฺพี. คหณํ อาทิยนํ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนํ.
๔๗๘. วธทณฺฑาทีหิ ภีตสฺส อุปสงฺกมเน, มิจฺฉา จริตฺวา ตถา อปคมเน จ ปุพฺพาปรเจตนานํ วเสน มิจฺฉาจาโร ทุกฺขเวทโน โหติ, ตถา อิสฺสานินฺทาทีหิ อุปทฺทุตสฺส อปรเจตนาวเสน, เอวํ อภิชฺฌามิจฺฉาทิฏฺีสุปิ ยถารหํ เวทิตพฺพํ. ติสฺสนฺนมฺปิ เจตนานนฺติ ปุพฺพาปรสนฺนิฏฺาปกเจตนานํ. อทินฺนาทานํ มุสาวาโท ปิสุณวาจา สมฺผปฺปลาโปติ อิเมสํ จตุนฺนํ สนฺนิฏฺาปกเจตนานํ สุขสมฺปยุตฺตา วา อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตา วาติ อยํ นโย อิธ อธิกตตฺตา น อุทฺธโฏ. โทมนสฺสเมว เจตฺถ ทุกฺขนฺติ อิทํ ปุพฺพภาคาปรภาคเจตนาปิ เจตฺถ อาสนฺนา โทมนสฺสสหคตา เอว โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ. อนาสนฺนา ปน สนฺธาย ‘‘ปริเยฏฺึ วา อาปชฺชนฺตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนว มิจฺฉาจาราภิชฺฌามิจฺฉาทิฏฺีนํ ปุพฺพภาคาปรภาคเจตนา อาสนฺนา สนฺนิฏฺาปกเจตนาคติกาวาติ ทสฺสิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. ปริเยฏฺินฺติ มิจฺฉาจาราทีสุ วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุมาลาคนฺธาทิปริเยสนํ. ปาณาติปาตาทีสุ มาเรตพฺพวตฺถุอาวุธาทิปริเยสนํ อาปชฺชนฺตสฺส. อกิจฺเฉนปิ เตสํ ปริเยสนํ สมฺภวตีติ ‘‘วฏฺฏติเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติ.
๔๗๙. สุขเวทนา โหนฺตีติ สุขเวทนาปิ โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. ตาสํ เจตนานํ อสุขเวทนตาปิ ลพฺภตีติ ‘‘สุขเวทนาปิ โหนฺติเยวา’’ติ สาสงฺกวจนํ. โสมนสฺสเมว เจตฺถ สุขนฺติ อิทํ ปุพฺพภาคาปรภาคเจตนาปิ โสมนสฺสสหคตา เอว โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ. ตฺจ โข ¶ มิจฺฉาจารวชฺชานํ ฉนฺนํ วเสน. มิจฺฉาจารสฺส ปน ปุพฺพาปรภาคสฺส วเสน ‘‘กายิกํ สุขมฺปิ วฏฺฏติเยวาติ สาสงฺกวจนํ.
๔๘๐. โทสชปริฬาหวเสนสฺส สิยา กายิกมฺปิ ทุกฺขนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘โส คณฺหนฺโตปิ ทุกฺขิโต’’ติ วุตฺตํ. เจโตทุกฺขเมว วา สนฺธาย ตสฺส อปราปรุปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ ‘‘ทุกฺขิโต โทมนสฺสิโต’’ติ วุตฺตํ.
๔๘๑. ทสสุปิ ¶ ปเทสูติ ทสสุปิ โกฏฺาเสสุ, วากฺเยสุ วา. อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตตาปิ สมฺภวตีติ ‘‘สุขสมฺปยุตฺตา โหนฺติเยวา’’ติ อิธ สาสงฺกวจนํ. ปาณาติปาตา ปฏิวิรตสฺส กาโยปิ สิยา วิคตทรถปริฬาโหติ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทิปจฺจยา กายิกปฏิสํเวทนาปิ สมฺภวตีติ สหาปิ สุเขนาติ เอตฺถ กายิยสุขมฺปิ วฏฺฏติเยว.
๔๘๒. ติตฺตกาลาพูติ อุปภุตฺตสฺส อุมฺมาทาทิปาปเนน กุจฺฉิตติตฺตกรโส อลาพุ. น รุจฺจิสฺสติ อนิฏฺรสตาย อนิฏฺผลตาย จ.
๔๘๓. รสํ เทตีติ รสํ ทสฺเสติ วิภาเวติ.
๔๘๔. ปูติมุตฺตนฺติ ปูติสภาวมุตฺตํ. ตรุณนฺติ ธาราวเสน นิปตนฺตํ หุตฺวา อุณฺหํ. เตนสฺส อุปริมุตฺตตมาห. มุตฺตฺหิ ปสฺสาวมคฺคโต มุจฺจมานํ กายุสฺมาวเสน อุณฺหํ โหติ.
๔๘๕. ยํ ภคนฺทรสํสฏฺํ โลหิตํ ปกฺขนฺทตีติ ภคนฺทรพฺยาธิสหิตาย โลหิตปกฺขนฺทตาย วเสน ยํ โลหิตํ วิสฺสวติ. ปิตฺตสํสฏฺํ โลหิตํ ปกฺขนฺทตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ.
๔๘๖. อุพฺพิทฺเธติ ทูเร. อพฺภมหิกาทิอุปกฺกิเลสวิคเมน หิ อากาสํ อุตฺตุงฺคํ วิย ทูรํ วิย จ ขายติ. เตนาห ‘‘ทูรีภูเต’’ติ. ตมํเยว ตมคตํ ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑) ยถา. ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจเต จ อิทํ จตุตฺถํ ธมฺมสมาทานํ วิภชนฺเตน กุสลกมฺมปถสฺส วิภชิตฺวา ทสฺสิตตฺตา.
สงฺครรุกฺโข ¶ กนฺทมาทสโปว. สรภฺวเสนาติ อตฺถํ อวิภชิตฺวา ปทโส สรภฺวเสน. โอสาเรนฺตสฺสาติ อุจฺจาเรนฺตสฺส. สทฺเทติ โอสารณสทฺเท. อธิคตวิเสสํ อนาโรเจตุกามา เทวตา ตตฺเถว อนฺตรธายิ. ตํ ทิวสนฺติ สตฺถารา เทสิตทิวเส. อิติ อตฺตโน วิเสสาธิคมนิมิตฺตตาย อยํ เทวตา อิมํ สุตฺตํ ปิยายติ. เสสํ อุตฺตานเมว.
มหาธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. วีมํสกสุตฺตวณฺณนา
๔๘๗. อตฺถวีมํสโกติ ¶ ¶ อตฺตตฺถปรตฺถาทิอตฺถวิชานนโก. สงฺขารวีมํสโกติ สงฺขตธมฺเม สลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต วา อายตนาทิวิภาคโต จ วีมํสโก. สตฺถุวีมํสโกติ ‘‘สตฺถา นาม คุณโต เอทิโส เอทิโส จา’’ติ สตฺถุ อุปปริกฺขโก. วีมํสโกติ วิจารโก. ยํ เจตโส สราคาทิวิภาคโต ปริจฺฉินฺทนํ, ตํ เจโตปริยาโย. เตนาห ‘‘จิตฺตปริจฺเฉท’’นฺติ. ยสฺมา เจโตปริยายาณลาภี – ‘‘อิทํ จิตฺตํ อิโต ปรํ ปวตฺตํ อิทมิโต ปร’’นฺติ ปรสฺส จิตฺตุปฺปตฺตึ ปชานาติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เจโตปริยายนฺติ จิตฺตวาร’’นฺติ. วารตฺเถปิ หิ ปริยาย-สทฺโท โหติ – ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, ปริยาโย อชฺช ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๘). จิตฺตจารนฺติปิ ปาโ, จิตฺตปวตฺตินฺติ อตฺโถ. เอวํ วิชานนตฺถายาติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน วีมํสนตฺถาย.
๔๘๘. กลฺยาณมิตฺตูปนิสฺสยนฺติ กลฺยาณมิตฺตสงฺขาตํ พฺรหฺมจริยวาสสฺส พลวสนฺนิสฺสยํ. อุปฑฺฒํ อตฺตโน อานุภาเวนาติ อิมินา ปุคฺคเลน สมฺปาทิยมานสฺส พฺรหฺมจริยสฺส อุปฑฺฒภาคมตฺตํ อตฺตโน วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานุภาเวน สิชฺฌติ. อุปฑฺฒํ กลฺยาณมิตฺตานุภาเวนาติ อิตโร ปน อุปฑฺฒภาโค ยํ นิสฺสาย พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ, ตสฺส กลฺยาณมิตฺตสฺส อุปเทสานุภาเวน โหติ, สิชฺฌตีติ อตฺโถ. โลกสิทฺโธ เอว อยมตฺโถ. โลกิยา หิ –
‘‘ปาโท สิทฺโธ อาจริยา, ปาโท หิสฺสานุภาวโต;
ตํวิชฺชาเสวกา ปาโท, ปาโท กาเลน ปจฺจตี’’ติ. –
วทนฺติ. อตฺตโน ธมฺมตายาติ อตฺตโน สภาเวน, าเณนาติ อตฺโถ. กลฺยาณมิตฺตตาติ กลฺยาโณ ภทฺโร สุนฺทโร มิตฺโต เอตสฺสาติ กลฺยาณมิตฺโต, ตสฺส ภาโว กลฺยาณมิตฺตตา, กลฺยาณมิตฺตวนฺตตา. สีลาทิคุณสมฺปนฺเนหิ กลฺยาณปุคฺคเลเหว อยนํ ปวตฺติ กลฺยาณสหายตา. เตสุ เอว จิตฺเตน เจว กาเยน จ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน ปวตฺติ กลฺยาณสมฺปวงฺกตา. มาเหวนฺติ เอวํ มา อาห, ‘‘อุปฑฺฒํ พฺรหฺมจริยสฺสา’’ติ มา กเถหีติ อตฺโถ. ตทมินาติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ ¶ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร อิ-การสฺส อ-การํ กตฺวา นิทฺเทโส. อิมินาปีติ อิทานิ วุจฺจมาเนนปีติ ¶ อตฺโถ. ปริยาเยนาติ การเณน. อิทานิ ตํ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘มมํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ยถา เจตฺถ, อฺเสุปิ สุตฺเตสุ กลฺยาณมิตฺตุปนิสฺสยเมว วิเสโสติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขูนํ พาหิรงฺคสมฺปตฺตึ กเถนฺโตปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิมุตฺติปริปาจนิยธมฺเมติ วิมุตฺติยา อรหตฺตสฺส ปริปาจกธมฺเม. ปจฺจเยติ คิลานปจฺจยเภสชฺเช. มหาชจฺโจติ มหากุลีโน.
กายิโก สมาจาโรติ อภิกฺกมปฏิกฺกมาทิโก สติสมฺปชฺปริกฺขโต ปากติโก จ. วีมํสกสฺส อุปปริกฺขกสฺส. จกฺขุวิฺเยฺโย นาม จกฺขุทฺวารานุสาเรน วิฺาตพฺพตฺตา. โสตวิฺเยฺโยติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สํกิลิฏฺาติ ราคาทิสํกิเลสธมฺเมหิ วิพาธิตา, อุปตาปิตา วิทูสิตา มลีนา จาติ อตฺโถ. เต ปน เตหิ สมนฺนาคตา โหนฺตีติ อาห ‘‘กิเลสสมฺปยุตฺตา’’ติ. ยทิ น จกฺขุโสตวิฺเยฺยา, ปาฬิยํ กถํ ตถา วุตฺตาติ อาห ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ. กายวจีสมาจาราปิ สํกิลิฏฺาเยว นาม สํกิลิฏฺจิตฺตสมุฏฺานโต. ภวติ หิ ตํเหตุเกปิ ตทุปจาโร ยถา ‘‘เสมฺโห คุโฬ’’ติ. ‘‘มา เม อิทํ อสารุปฺปํ ปโร อฺาสี’’ติ ปน ปฏิจฺฉนฺนตาย น น อุปลพฺภนฺติ. ‘‘น โข มยํ, ภนฺเต, ภควโต กิฺจิ ครหามา’’ติ วตฺวา ครหิตพฺพาภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควา หี’’ติอาทิมาห. อภาวิตมคฺคสฺส หิ ครหิตพฺพตา นาม สิยา, น ภาวิตมคฺคสฺส. เอส อุตฺตโร มาณโว ‘‘พุทฺธมฺปิ ครหิตฺวา ปกฺกมิสฺสามี’’ติ กตฺวา อนุพนฺธิ. เอวํ จินฺเตสิ มหาภินิกฺขมนทิวเส อตฺตโน วจเน อฏฺิตตฺตา. กิฺจิ วชฺชํ อปสฺสนฺโต มาโร เอวมาห –
‘‘สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ, อนุพนฺธึ ปทาปทํ;
โอตารํ นาธิคจฺฉิสฺสํ, สมฺพุทฺธสฺส สตีมโต’’ติ. (สุ. นิ. ๔๔๘);
กาเล กณฺหา, กาเล สุกฺกาติ ยถาสมาทินฺนํ สมฺมาปฏิปตฺตึ ปริสุทฺธํ กตฺวา ปวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตสฺส กทาจิ กณฺหา อปริสุทฺธา กายสมาจาราทโย, กทาจิ สุกฺกา ปริสุทฺธาติ เอวํ อนฺตรนฺตรา พฺยามิสฺสวเสน ¶ โวมิสฺสกา. นิกฺกิเลสาติ นิรุปกฺกิเลสา อนุปกฺกิลิฏฺา.
อนวชฺชํ วชฺชรหิตตฺตา. ทีฆรตฺตนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. สมาปนฺโนติ สมฺมา อาปนฺโน สมงฺคีภูโต. เตนาห ‘‘สมนฺนาคโต’’ติ. อตฺตนา กตสฺส อสารุปฺปสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถํ อารฺโก ¶ วิย หุตฺวา. ตสฺส ปริหารนฺติ อุฬาเรหิ ปูชาสกฺกาเรหิ มนุสฺเสหิ ตสฺส ปริหริยมานตํ. อติทปฺปิโตติ เอวํ มนุสฺสานํ สมฺภาวนาย อติวิย ทตฺโต คพฺพิโต.
น อิตฺตรสมาปนฺโนติ ชานาติ. กสฺมา? สีลํ นาม ทีเฆน อทฺธุนา ชานิตพฺพํ, น อิตฺตเรน. อิทานิ อเนกชาติสมุทาจารวเสน ตถาคโต อิมํ กุสลํ ธมฺมํ ทีฆรตฺตํ สมาปนฺโน, ตฺจสฺส อติวิย อจฺฉริยนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนจฺฉริยํ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
อรฺคามเกติ อรฺปเทเส เอกสฺมึ ขุทฺทกคาเม. ตตฺถ เนสํ ทิวเส ทิวเส ปิณฺฑาย จรณสฺส อวิจฺฉินฺนตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปิณฺฑาย จรนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ปิวนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ทุลฺลภโลโณ โหติ สมุทฺทสฺส ทูรตาย.
ตทา กิร วิเทหรฏฺเ โสฬส คามสหสฺสานิ มหนฺตาเนว. เตนาห – ‘‘หิตฺวา คามสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ โสฬสา’’ติ. อิทานิ กสฺมา ‘‘สนฺนิธึ ทานิ กุพฺพสี’’ติ มํ ฆฏฺเฏถาติ วตฺถุกาโม ตํ อนาวิกตฺวา ‘‘โลณ…เป… น กโรถา’’ติ อาห. คนฺธาโร ตสฺสาธิปฺปายํ วิภาเวตุกาโม ‘‘กึ มยา กตํ เวเทหีสี’’ติ อาห.
อิตโร อตฺตโน อธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘หิตฺวา’’ติ คาถมาห. อิตโร ‘‘ธมฺมํ ภณามี’’ติ คาถนฺติ เอวํ สพฺพาปิ เนสํ วจนปฏิวจนคาถา. ตตฺถ ปสาสสีติ ฆฏฺเฏนฺโต วิย อนุสาสสิ. น ปาปมุปลิมฺปติ จิตฺตปฺปโกปาภาวโต. มหตฺถิยนฺติ มหาอตฺถสํหิตํ. โน เจ อสฺส สกา พุทฺธีติอาทิ เวเทหอิสิโน – ‘‘อาจริโย มม หิเตสิตาย ตฺวา ธมฺมํ เอว ภณตี’’ติ โยนิโส อุมฺมุชฺชนาการทสฺสนํ. เตนาห ‘‘เอวฺจ ปน วตฺวา’’ติอาทิ.
‘‘ตฺตา’’ติ โลเก ายติ วิสฺสุโตติ าโต, าตสฺส ภาโว ตฺตํ. อชฺฌาปนฺโนติ อุปคโต. ตฺต-คฺคหเณน ปตฺถฏยสตา วิภาวิตาติ ¶ อาห ‘‘ยสฺจ ปริวารสมฺปตฺติ’’นฺติ. กินฺติ กึปโยชนํ, โก เอตฺถ โทโสติ อธิปฺปาโย.
ตตฺถ ตตฺถ วิชฺฌนฺโตติ ยสมเทน ปริวารมเทน จ มตฺโต หุตฺวา คาเมปิ วิหาเรปิ ชนวิวิตฺเตปิ สงฺฆมชฺเฌปิ อฺเ ภิกฺขู ฆฏฺเฏนฺโต ‘‘มยฺหํ นาม ปาทา อิตเรสํ ปาทผุสนฏฺานํ ผุสนฺตี’’ติ อผุสิตุกามตาย อคฺคปาเทน ภูมึ ผุสนฺโต วิย จรติ. โอนมตีติ นิวาตวุตฺติตาย อวนมติ อนุทฺธโต อตฺถทฺโธ โหติ. อกิฺจนภาวนฺติ ‘‘ปพฺพชิเตน นาม อกิฺจนาเณน ¶ สมปริคฺคเหน ภวิตพฺพ’’นฺติ อกิฺจนชฺฌาสยํ ปฏิอเวกฺขิตฺวา. ลาเภปิ ตาที, อลาเภปิ ตาทีติ ยถา อลาภกาเล ลาภสฺส ลทฺธกาเลปิ ตเถวาติ ตาที เอกสทิโส. ยเส สติปิ มหาปริวารกาเลปิ.
อภโย หุตฺวา อุปรโตติ นิพฺภโย หุตฺวา ภยสฺส อภาเวเนว โอรมิตพฺพโต อุปรโต ภยเหตูนํ ปหีนตฺตา. ตฺจ โข น กติปยกาลํ, อถ โข อจฺจนฺตเมว อุปรโตติ อจฺจนฺตูปรโต. อถ โข ภายิตพฺพวตฺถุํ อเวกฺขิตฺวา ตโต ภเยน อุปรโต. กิเลสา เอว ภายิตพฺพโต กิเลสภยํ. เอส นโย เสเสสุปิ. สตฺต เสกฺขาติ สตฺต เสกฺขาปิ ภยูปรตา, ปเคว ปุถุชฺชโนติ อธิปฺปาโย.
ถณฺฑิลปีกนฺติ ถณฺฑิลมฺจสทิสํ ปีกนฺติ อตฺโถ. นิสฺสายาติ อปสฺสาย ตํ อปสฺสายํ กตฺวา. ทฺวินฺนํ มชฺเฌ ถณฺฑิลปีกา ทฺวาเร ตฺวา โอโลเกนฺตสฺส เนวาสิกภิกฺขุสฺส น ปฺายิ. อสฺตนีหาเรนาติ น สฺตากาเรน. ‘‘มํ ภายนฺโต เหฏฺามฺจํ ปวิฏฺโ ภวิสฺสตี’’ติ เหฏฺามฺจํ โอโลเกตฺวา. อุกฺกาสิ ‘‘พหิ คจฺฉนฺโต อกฺโกสิตฺวา มา อปฺุํ ปสวี’’ติ. อธิวาเสตุนฺติ ตาทิสํ อิทฺธานภาวํ ทิสฺวาปิ ปฏปฏายนฺโต อตฺตโน โกธํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต.
ขเยเนวาติ ราคสฺส อจฺจนฺตกฺขเยเนว วีตราคตฺตา. น ปฏิสงฺขาย วาเรตฺวาติ น ปฏิสงฺขานพเลน ราคปริยุฏฺานํ นิวาเรตฺวา วีตราคตฺตา. เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน. กายสมาจาราทีนํ สํกิลิฏฺานํ วีติกฺกมิยานฺจ อภาวํ อาจารสฺส โวทานํ จิรกาลสมาจิณฺณตาย าตสฺส สหิตภาเวปิ อนุปกฺกิลิฏฺตาย อภยูปรตภาวสมนฺเนสนาย อากรียติ าเปตุํ อิจฺฉิโต อตฺโถ ปการโต าปียติ เอเตหีติ อาการา, ¶ อุปปตฺติสาธนการณานิ. ตานิ ปน ยสฺมา อตฺตโน ยถานุมตสฺส อตฺถสฺส าปกภาเวน ววตฺถียนฺติ, ตสฺมา ตานิ เตสํ มูลการณภูตานิ อนุมานาณานิ จ ทสฺเสนฺโต ภควา – ‘‘เก ปนายสฺมโต อาการา เก อนฺวยา’’ติ อโวจาติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘อาการาติ การณานิ, อนฺวยาติ อนุพุทฺธิโย’’ติ อาห. ยถา หิ โลเก ทิฏฺเน ธูเมน อทิฏฺํ อคฺคึ อนฺเวติ อนุมานโต ชานาติ, เอวํ วีมํสโก ภิกฺขุ – ‘‘ภควา เอเกกวิหาเรสุ สุปฺปฏิปนฺเนสุ ทุปฺปฏิปนฺเนสุ จ ยถา เอกสทิสตาทสฺสเนน อภยูปรตตํ อนฺเวติ อนุมานโต ชานาติ, สุปฺปฏิปนฺนทุปฺปฏิปนฺนปุคฺคเลสุ อนุสฺสาทนานปสาทนปฺปตฺตาย สตฺถุ อวิปรีตธมฺมเทสนตาย สมฺมาสมฺพุทฺธตํ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติฺจ อนฺเวติ อนุมานโต ชานาติ, เอวํ ชานนฺโต จ อภยูปรโต ตถาคโต สพฺพธิ วีตราคตฺตา, โย ¶ ยตฺถ วีตราโค, น โส ตนฺนิมิตฺตํ กิฺจิ ภยํ ปสฺสติ เสยฺยถาปิ พฺรหฺมา กามภวนิมิตฺตํ, ตถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา อวิปรีตธมฺมเทสนตฺตา, สฺวาขาโต ธมฺโม เอกนฺตนิยฺยานิกตฺตา, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ อเวจฺจปฺปสนฺนตฺตา’’ติ วตฺถุตฺตยํ คุณโต ยาถาวโต ชานาติ.
คณพนฺธเนนาติ ‘‘มม สทฺธิวิหาริกา มม อนฺเตวาสิกา’’ติ เอวํ คเณ อเปกฺขาสงฺขาเตน พนฺธเนน พทฺธา ปยุตฺตา. ตาย ตาย ปฏิปตฺติยาติ ‘‘สุคตา ทุคฺคตา’’ติ วุตฺตาย สุปฺปฏิปตฺติยา ทุปฺปฏิปตฺติยา จ. อุสฺสาทนาติ คุณวเสน อุกฺกํสนา. อปสาทนาติ หีฬนา. อุภยตฺถ เคหสฺสิตวเสนาติ อิมินา สมฺมาปฏิปตฺติยา ปเรสํ อุยฺโยชนตฺถํ – ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๐๕; ๓.๒๘๕, ๓๒๒) คุณโต อุกฺกํสนมฺปิ อายตึ สํวราย ยถาปราธํ ครหณมฺปิ น นิวาเรติ.
๔๘๙. วีมํสกสฺสปิ อธิปฺปาโย วีมํสนวเสน ปวตฺโต. มูลวีมํสโก เหตุวาทิตาย. คณฺิวีมํสกสฺส อนุสฺสุติภาวโต วุตฺตํ ‘‘ปรสฺเสว กถาย นิฏฺงฺคโต’’ติ. เตนาห ภควา – ‘‘ปรสฺส เจโตปริยายํ อชานนฺเตนา’’ติ. ตถาคโตว ปฏิปุจฺฉิตพฺโพติ อิมินา ปุพฺเพ สาธารณโต วุตฺตํ อนุมานํ อุกฺกํสํ ปาเปตฺวา วทติ. อุกฺกํสคตฺเหตํ อนุมานํ, ยทิทํ สพฺพฺุวจนํ อวิสํวาทํ สามฺโต อปุถุชฺชนโคจรสฺส ¶ อตฺถสฺส อนุมานโต. ติวิโธ หิ อตฺโถ, โกจิ ปจฺจกฺขสิทฺโธ, โย รูปาทิธมฺมานํ ปจฺจตฺตเวทนิโย อนิทฺทิสิตพฺพากาโร. โกจิ อนุมานสิทฺโธ, โย ฆฏาทีสุ ปสิทฺเธน ปจฺจยายตฺตภาเวน สาธิยมาโน สทฺทาทีนํ อนิจฺจตาทิอากาโร. โกจิ โอกปฺปนสิทฺโธ, โย ปจุรชนสฺส อจฺจนฺตมทิฏฺโ สทฺธาวิสโย ปรโลกนิพฺพานาทิ. ตตฺถ ยสฺส สตฺถุโน วจนํ ปจฺจกฺขสิทฺเธ อนุมานสิทฺเธ จ อตฺเถ น วิสํวาเทติ อวิปรีตปฺปวตฺติยา, ตสฺส วจเนน สทฺเธยฺยตฺถสิทฺธิ, สทฺเธยฺยรูปา เอว จ เยภุยฺเยน สตฺถุคุณา อจฺจนฺตสมฺภวโต.
เอส มยฺหํ ปโถติ ยฺวายํ อาชีวฏฺมกสีลสงฺขาโต มยฺหํ โอรมตฺตโก คุโณ, เอส อปรจิตฺตวิทุโน วีมํสกสฺส ภิกฺขุโน มม ชานนปโถ ชานนมคฺโค. เอส โคจโรติ เอโส เอตฺตโก เอว ตสฺส มยิ โคจโร, น อิโต ปรํ. ตถา หิ พฺรหฺมชาเลปิ (ที. นิ. ๑.๗) ภควตา อาชีวฏฺมกสีลเมว นิทฺทิฏฺํ. เอตาปาโถติ เอตฺตกาปาโถ. โย สีเล ปติฏฺิโต ‘‘เอตํ มมา’’ติ, ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ ตณฺหาย ปรามสนฺโต, ตสฺส ¶ วิเสสภาคิยตาย, นิพฺเพธภาคิยตาย วา อการเณน ตณฺหํ อนติวตฺตนโต โส ตมฺมโย นาม. เตนาห ‘‘น ตมฺมโย น สตณฺโห’’ติอาทิ.
สุตสฺส อุปรูปริ วิเสสาวหภาเวน อุตฺตรุตฺตรฺเจว ตสฺส จ วิเสสสฺส อนุกฺกเมน ปณีตตรภาวโต ปณีตตรฺจ กตฺวา เทเสติ. สวิปกฺขนฺติ ปหาตพฺพปหายกภาเวน สปฺปฏิปกฺขํ. กณฺหํ ปฏิพาหิตฺวา สุกฺกนฺติ อิทํ ธมฺมชาตํ กณฺหํ นาม, อิมสฺส ปหายกํ อิทํ สุกฺกํ นามาติ เอวํ กณฺหํ ปฏิพาหิตฺวา สุกฺกํ. สุกฺกํ ปฏิพาหิตฺวา กณฺหนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิธ ปน ‘‘อิมินา ปหาตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. สอุสฺสาหนฺติ สพฺยาปารํ. กิริยมยจิตฺตานฺหิ อนุปจฺฉินฺนาวิชฺชาตณฺหามานาทิเก สนฺตาเน สพฺยาปารตา สอุสฺสาหตา, สวิปากธมฺมตาติ อตฺโถ. ตสฺมึ เทสิเต ธมฺเมติ ตสฺมึ สตฺถารา เทสิเต โลกิยโลกุตฺตรธมฺเม. เอกจฺจํ เอกเทสภูตํ มคฺคผลนิพฺพานสงฺขาตํ ปฏิเวธธมฺมํ อภิฺาย อภิวิสิฏฺาย มคฺคปฺาย ชานิตฺวา. ปฏิเวธธมฺเมน มคฺเคน. เทสนาธมฺเมติ เทสนารุฬฺเห ปุพฺพภาคิเย โพธิปกฺขิยธมฺเม นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘‘อทฺธา อิมาย ¶ ปฏิปทาย ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ. ปุพฺเพ โปถุชฺชนิกสทฺธายปิ ปสนฺโน, ตโต ภิยฺโยโสมตฺตาย อวิปรีตธมฺมเทสโน สมฺมาสมฺพุทฺโธ โส ภควาติ สตฺถริ ปสีทติ. นิยฺยานิกตฺตาติ วฏฺฏทุกฺขโต เอว ตโต นิยฺยานาวหตฺตา. วงฺกาทีติ อาทิ-สทฺเทน อฺํ อสามีจิปริยายํ สพฺพํ โทสํ สงฺคณฺหาติ.
๔๙๐. อิเมหิ สตฺถุวีมํสนการเณหีติ ‘‘ปริสุทฺธกายสมาจารตาทีหิ เจว อุตฺตรุตฺตริปณีตปณีตอวิปรีตธมฺมเทสนาหิ จา’’ติ อิเมหิ ยถาวุตฺเตหิ สตฺถุอุปปริกฺขนการเณหิ. อกฺขรสมฺปิณฺฑนปเทหีติ เตสํเยว การณานํ สมฺโพธเนหิ อกฺขรสมุทายลกฺขเณหิ ปเทหิ. อิธ วุตฺเตหิ อกฺขเรหีติ อิมสฺมึ สุตฺเต วุตฺเตหิ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส อภิพฺยฺชนโต พฺยฺชนสฺิเตหิ อกฺขเรหิ. โอกปฺปนาติ สทฺเธยฺยวตฺถุํ โอกฺกนฺติตฺวา ปสีทนโต โอกปฺปนลกฺขณา. สทฺธาย มูลํ นามาติ อเวจฺจปฺปสาทภูตาย สทฺธาย มูลํ นาม การณนฺติ สทฺทหนสฺส การณํ ปริสุทฺธกายสมาจาราทิกํ. ถิรา ปฏิปกฺขสมุจฺเฉเทน สุปฺปติฏฺิตตฺตา. หริตุํ น สกฺกาติ อปเนตุํ อสกฺกุเณยฺยา. อิตเรสุ สมณพฺราหฺมณเทเวสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘สมิตปาปสมเณน วา’’ติอาทิ.
‘‘พุทฺธานํ ¶ เกสฺจิ สาวกานฺจ วิพาธนตฺถํ มาโร อุปคจฺฉตี’’ติ สุตปุพฺพตฺตา ‘‘อยํ มาโร อาคโต’’ติ จินฺเตสิ. อานุภาวสมฺปนฺเนน อริยสาวเกน ปุจฺฉิตตฺตา มุสาวาทํ กาตุํ นาสกฺขิ. เอเตติ ยถาวุตฺเต สมิตปาปสมณาทโย เปตฺวา. สภาวสมนฺเนสนาติ ยาถาวสมนฺเนสนา อวิปรีตวีมํสา. สภาเวเนวาติ สพฺภาเวเนว ยถาภูตคุณโต เอว. สุฏฺุ สมฺมเทว. สมนฺเนสิโตติ อุปปริกฺขิโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
วีมํสกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. โกสมฺพิยสุตฺตวณฺณนา
๔๙๑. ตสฺมาติ ¶ ยสฺมา โกสมฺพรุกฺขวตี, ตสฺมา นครํ โกสมฺพีติสงฺขมคมาสิ. กุสมฺพสฺส วา อิสิโน นิวาสภูมิ โกสมฺพี, ตสฺสาวิทูเร ภวตฺตา นครํ โกสมฺพี.
โฆสิตเสฏฺินา ¶ การิเต อาราเมติ เอตฺถ โก โฆสิตเสฏฺิ, กถฺจาเนน อาราโม การิโตติ อนฺโตลีนาย โจทนาย วิสฺสชฺชเน สมุทาคมโต ปฏฺาย โฆสิตเสฏฺึ ทสฺเสตุํ ‘‘อทฺทิลรฏฺํ นาม อโหสี’’ติอาทิ อารทฺธํ. เกทารปริจฺฉินฺนนฺติ ตตฺถ ตตฺถ เกทารภูมิยา ปริจฺฉินฺนํ. คจฺฉนฺโตติ เกทารปาฬิยา คจฺฉนฺโต. ปหูตปายสนฺติ ปหูตตรํ ปายสํ, ตํ ปน ครุ สินิทฺธํ อนฺตรามคฺเค อปฺปาหารตาย มนฺทคหณิโก สมาโน ชีราเปตุํ นาสกฺขิ. เตนาห ‘‘ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต’’ติอาทิ. ยสวติ รูปวติ กุลฆเร นิพฺพตฺติ. โฆสิตเสฏฺิ นาม ชาโตติ เอวเมตฺถ สงฺเขเปเนว โฆสิตเสฏฺิวตฺถุํ กเถติ, วิตฺถาโร ปน ธมฺมปทวตฺถุมฺหิ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวตีวตฺถุ) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
อุปสํกปฺปนวเสนาติ อุปสงฺกปฺปนนิยาเมน. อาหารปริกฺขีณกายสฺสาติ อาหารนิมิตฺตปริกฺขีณกายสฺส, อาหารกฺขเยน ปริกฺขีณกายสฺสาติ อตฺโถ. สฺุาคาเรติ ชนวิวิตฺเต ผาสุกฏฺาเน.
กลหสฺส ปุพฺพภาโค ภณฺฑนํ นามาติ กลหสฺส เหตุภูตา ปริภาสา ตํสทิสี จ อนิฏฺกิริยา ภณฺฑนํ นาม. หตฺถปรามาสาทิวเสนาติ กุชฺฌิตฺวา อฺมฺสฺส หตฺเถ คเหตฺวา ปรามสนอจฺจนฺตพนฺธนาทิวเสน. ‘‘อยํ ธมฺโม’’ติอาทินา วิรุทฺธวาทภูตํ อาปนฺนาติ วิวาทาปนฺนา. เตนาห ‘‘วิรุทฺธภูต’’นฺติอาทิ. มุขสนฺนิสฺสิตตาย วาจา อิธ ‘‘มุข’’นฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘มุขสตฺตีหีติ วาจาสตฺตีหี’’ติ. สฺตฺตินฺติ สฺาปนํ ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย’’ติ สฺาเปตพฺพตํ. นิชฺฌตฺตินฺติ ยาถาวโต ตสฺส นิชฺฌานํ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘สฺตฺติเววจนเมเวต’’นฺติ วุตฺตํ.
สเจ โหติ เทเสสฺสามีติ สุพฺพจตาย สิกฺขากามตาย จ อาปตฺตึ ปสฺสิ. นตฺถิ เต อาปตฺตีติ ¶ อนาปตฺติปกฺโขปิ เอตฺถ สมฺภวตีติ อธิปฺปาเยนาห. สา ปนาปตฺติ เอว. เตนาห – ‘‘ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสี’’ติ.
๔๙๒. กลหภณฺฑนวเสนาติ กลหภณฺฑนสฺส นิมิตฺตวเสน. ยถานุสนฺธินาว คตนฺติ กลหภณฺฑนานํ สารณียธมฺมปฏิปกฺขตฺตา ตทุปสมาวหา ¶ เหฏฺาเทสนาย อนุรูปาว อุปริเทสนาติ ยถานุสนฺธินาว อุปริสุตฺตเทสนา ปวตฺตา. สริตพฺพยุตฺตาติ อนุสฺสรณารหา. สพฺรหฺมจารีนนฺติ สหธมฺมิกานํ. ปิยํ ปิยายิตพฺพํ กโรนฺตีติ ปิยกรณา. ครุํ ครุฏฺานิยํ กโรนฺตีติ ครุกรณา. สงฺคหณตฺถายาติ สงฺคหวตฺถุวิเสสภาวโต สพฺรหฺมจารีนํ สงฺคณฺหนาย สํวตฺตนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อวิวาทนตฺถายาติ สงฺคหวตฺถุภาวโต เอว น วิวาทนาย. สติ จ อวิวาทนเหตุภูตสงฺคาหณตฺเต เตสํ วเสน สพฺรหฺมจารีนํ สมคฺคภาโว เภทาภาโว สิทฺโธเยวาติ อาห ‘‘สามคฺคิยา’’ติอาทิ. มิชฺชติ สินิยฺหติ เอตายาติ เมตฺตา, มิตฺตภาโว, เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, กายกมฺมํ. ตํ ปน ยสฺมา เมตฺตาสหคตจิตฺตสมุฏฺานํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมตฺตจิตฺเตน กตฺตพฺพํ กายกมฺม’’นฺติ. อิมานิ เมตฺตกายกมฺมาทีนิ ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ ปาเ ภิกฺขูหิ ปจฺจุปฏฺเปตพฺพตาวจนโต. ภิกฺขุคฺคหเณเนว เจตฺถ เสสสหธมฺมิกานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. ภิกฺขุโน สพฺพมฺปิ อนวชฺชกายกมฺมํ อาภิสมาจาริกกมฺมนฺโตคธเมวาติ อาห – ‘‘เมตฺตจิตฺเตน…เป… กายกมฺมํ นามา’’ติ. วตฺตวเสน ปวตฺติยมานา เจติยโพธีนํ วนฺทนา เมตฺตาสทิสีติ กตฺวา ตทตฺถาย คมนํ เมตฺตํ กายกมฺมนฺติ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน เจติยโพธิภิกฺขูสุ วุตฺตาวเสสอปจายนาทึ เมตฺตาวเสน ปวตฺตํ กายิกํ กิริยํ สงฺคณฺหาติ.
เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ กถิยมานนฺติ อธิปฺปาโย. ตีณิ สุจริตานิ กายวจีมโนสุจริตานิ. จินฺตนนฺติ อิมินา เอวํ จินฺตนมตฺตมฺปิ เมตฺตํ มโนกมฺมํ, ปเคว วิธิปฏิปนฺนา ภาวนาติ ทสฺเสติ.
สหายภาวูปคมนํ เตสํ ปุรโต. เตสุ กโรนฺเตสุเยว หิ สหายภาวูปคมนํ สมฺมุขา กายกมฺมํ นาม โหติ. เกวลํ ‘‘เทโว’’ติ อวตฺวา คุเณหิ ถิรภาวโชตนํ เทวตฺเถโรติ วจนํ ปคฺคยฺห วจนํ. มมตฺตโพธนํ วจนํ มมายนวจนํ. เอกนฺตติโรกฺขกสฺส มโนกมฺมสฺส สมฺมุขตา นาม วิฺตฺติสมุฏฺาปนวเสเนว โหติ, ตฺจ โข โลเก กายกมฺมนฺติ ปากฏํ ปฺาตํ หตฺถวิการาทึ อนามสิตฺวา เอว ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา’’ติ อาห. ตถา หิ วจีเภทวเสน ปวตฺติ น คหิตา.
ลทฺธปจฺจยา ¶ ลพฺภนฺตีติ ลาภา, ปริสุทฺธาคมนา ปจฺจยา. น สมฺมา คยฺหมานาปิ น ธมฺมลทฺธา นาม น โหนฺตีติ ตปฺปฏิเสธนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติ วุตฺตํ. เทยฺยํ ทกฺขิเณยฺยฺจ อปฺปฏิวิภตฺตํ กตฺวา ภฺุชตีติ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี. เตนาห ‘‘ทฺเว ปฏิวิภตฺตานิ นามา’’ติอาทิ. จิตฺเตน วิภชนนฺติ เอเตน – ‘‘จิตฺตุปฺปาทมตฺเตนปิ วิภชนํ ปฏิวิภตฺตํ นาม, ปเคว ปโยคโต’’ติ ทสฺเสติ.
ปฏิคฺคณฺหนฺโตว…เป… ปสฺสตีติ อิมินา อาคมนโต ปฏฺาย สาธารณพุทฺธึ อุปฏฺาเปติ. เอวํ หิสฺส สาธารณโภคิตา สุกรา, สารณียธมฺโม จสฺส สุปูโร โหติ. วตฺตนฺติ สารณียธมฺมปูรณวตฺตํ.
ทาตพฺพนฺติ อวสฺสํ ทาตพฺพํ. อตฺตโน ปลิโพธวเสน สปลิโพธสฺเสว ปูเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา โอทิสฺสกทานมฺปิสฺส น สพฺพตฺถ วาริตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อทาตุมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ทุสฺสีลสฺสปิ อตฺถิกสฺส สติ สมฺภเว ทาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ทานฺหิ นาม กสฺสจิ น นิวาริตํ.
มหาคิริคาโม นาม นาคทีปปสฺเส เอโก คาโม. สารณียธมฺโม เม, ภนฺเต, ปูริโต…เป… ปตฺตคตํ น ขียตีติ อาห เตสํ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํ. ตํ สุตฺวา เตปิ เถรา ‘‘สารณียธมฺมปูรโก อย’’นฺติ อพฺภฺํสุ. ทหรกาเล เอว กิเรส สารณียธมฺมปูรโก อโหสิ, ตสฺสา จ ปฏิปตฺติยา อวฺฌภาววิภาวนตฺถํ ‘‘เอเต มยฺหํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ อาห.
อหํ สารณียธมฺมปูริกา, มม ปตฺตปริยาปนฺเนนปิ สพฺพาปิมา ภิกฺขุนิโย ยาเปสฺสนฺตีติ อาห ‘‘มา ตุมฺเห เตสํ คตภาวํ จินฺตยิตฺถา’’ติ.
สตฺตสุ อาปตฺติกฺขนฺเธสุ อาทิมฺหิ วา อนฺเต วา, เวมชฺเฌติ จ อิทํ อุทฺเทสาคตปาฬิวเสน วุตฺตํ. น หิ อฺโ โกจิ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อนุกฺกโม อตฺถิ. ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิยาติ วตฺถนฺเต, ทสนฺเต วา ฉินฺนวตฺถํ วิย. ขณฺฑนฺติ ขณฺฑวนฺตํ, ขณฺฑิตํ วา. ฉิทฺทนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย ¶ . วิสภาควณฺเณน อุปฑฺฒํ, ตติยภาคํ วา สมฺภินฺนวณฺณํ สพลํ, วิสภาควณฺเณเหว ปน พินฺทูหิ อนฺตรนฺตรา วิมิสฺสํ กมฺมาสํ, อยํ อิเมสํ วิเสโส. ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนวจเนเนว เตสํ สีลานํ วิวฏฺฏุปนิสฺสยตมาห. ภุชิสฺสภาวกรณโตติ อิมินา ภุชิสฺสกรานิ ภุชิสฺสานีติ อุตฺตรปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ ทสฺเสติ. อวิฺูนํ อปฺปมาณตาย ¶ ‘‘วิฺุปฺปสตฺถานี’’ติ วุตฺตํ. ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตาติ – ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ ตณฺหาปรามาเสน – ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว หุตฺวา ตตฺถ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต ภวิสฺสามี’’ติ ทิฏฺิปรามาเสน จ อปรามฏฺตฺตา. ปรามฏฺุนฺติ โจเทตุํ. สีลํ นาม อวิปฺปฏิสาราทิปารมฺปริเยน ยาวเทว สมาธิสมฺปาทนตฺถนฺติ อาห ‘‘สมาธิสํวตฺตกานี’’ติ. สมานภาโว สามฺํ, ปริปุณฺณจตุปาริสุทฺธิภาเวน มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณสฺส วิย เภทาภาวโต สีเลน สามฺํ สีลสามฺํ, ตํ คโต อุปคโตติ สีลสามฺคโต. เตนาห ‘‘สมานภาวูปคตสีโล’’ติ.
ยายํ ทิฏฺีติ ยา อยํ ทิฏฺิ มยฺหฺเจว ตุมฺหากฺจ ปจฺจกฺขภูตา. จตุสจฺจทสฺสนฏฺเน ทิฏฺิ, ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ, ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวาขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ จ ทิฏฺิยา สามฺํ สมานทิฏฺิภาวํ. อคฺคํ อิตเรสํ สารณียธมฺมานํ ปธานภาวโต. เอตสฺมึ สติ สุขสิทฺธิโต เตสํ สงฺคาหิกํ, ตโต เอว เตสํ สงฺฆาฏนิกํ โคปานสิโย อปริปตนฺเต กตฺวา สงฺคณฺหาติ ธาเรตีติ สงฺคาหิกํ. สงฺฆาฏนฺติ อคฺคภาเวน สงฺฆาฏภาวํ. สงฺฆาฏนํ เอเตสํ อตฺถีติ สงฺฆาฏนิกํ, สงฺฆาฏนิยนฺติ วา ปาโ, สงฺฆาฏเน นิยุตฺตนฺติ วา สงฺฆาฏนิกํ, ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา สงฺฆาฏนิยํ. สามฺโต เอว คหิตตฺตา นปุํสกนิทฺเทโส.
๔๙๓. ปมมคฺคสมฺมาทิฏฺิปิ เอวํสภาวา, อฺมคฺคสมฺมาทิฏฺีสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘ยายํ โสตาปตฺติมคฺคทิฏฺี’’ติ. เอตฺตาวตาปีติ เอตฺตเกนปิ ราคาทีสุ เอเกเกน ปริยุฏฺิตจิตฺตตายปิ ปริยุฏฺิตจิตฺโตเยว นาม โหติ, ปเคว ทฺวีหิ, พหูหิ วา ปริยุฏฺิตจิตฺตตาย. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ อฏฺสุปิ วาเรสุ. สุฏฺุ ปิตนฺติ ยถา มคฺคภาวนา อุปริ สจฺจาภิสมฺโพโธ โหติ, เอวํ สมฺมา ปิตํ. เตนาห ‘‘สจฺจานํ โพธายา’’ติ. ตํ าณนฺติ ¶ ‘‘นตฺถิ โข เม ตํ ปริยุฏฺาน’’นฺติอาทินา ปวตฺตํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. อริยานํ โหตีติ อริยานเมว โหติ. เตสฺหิ เอกเทสโตปิ ปหีนํ วตฺตพฺพตํ อรหติ. เตนาห ‘‘น ปุถุชฺชนาน’’นฺติ. อริยนฺติ วุตฺตํ ‘‘อริเยสุ ชาต’’นฺติ กตฺวา. โลกุตฺตรเหตุกตาย โลกุตฺตรนฺติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘เยสํ ปนา’’ติอาทิ. ตถา หิสฺส ปุถุชฺชเนหิ อสาธารณตา. เตนาห ‘‘ปุถุชฺชนานํ ปน อภาวโต’’ติ. สพฺพวาเรสูติ สพฺเพสุ อิตเรสุ ฉสุ วาเรสุ.
๔๙๔. ปจฺจตฺตนฺติ ปาฏิเยกฺกํ อตฺตนิ มม จิตฺเตเยว. เตนาห ‘‘อตฺตโน จิตฺเต’’ติ. ‘‘ปจฺจตฺตํ ¶ อตฺตโน จิตฺเต นิพฺพุตึ กิเลสวูปสมํ ลภามี’’ติ อิมมตฺถํ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติ.
๔๙๕. ตถารูปาย ทิฏฺิยาติ อิทํ ‘‘ยถารูปาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต’’ติ อิมสฺส อตฺถสฺส ปจฺจามสนนฺติ อาห ‘‘ตถารูปาย ทิฏฺิยาติ เอวรูปาย โสตาปตฺติมคฺคทิฏฺิยา’’ติ.
๔๙๖. สภาเวนาติ นิยตปฺจสิกฺขาปทตาทิสภาเวน. สงฺฆกมฺมวเสนาติ มานตฺตจริยาทิสงฺฆกมฺมวเสน. ทหโรติ พาโล. กุมาโรติ ทารโก. ยสฺมา ทหโร ‘‘กุมาโร’’ติ จ ‘‘ยุวา’’ติ จ วุจฺจติ, ตสฺมา มนฺโทติ วุตฺตํ. มนฺทินฺทฺริยตาย หิ มนฺโท. เตนาห ‘‘จกฺขุโสตาทีนํ มนฺทตายา’’ติ. เอวมฺปิ ยุวาวตฺถาปิ เกจิ มนฺทินฺทฺริยา โหนฺตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อุตฺตานเสยฺยโก’’ติ วุตฺตํ. ยทิ อุตฺตานเสยฺยโก, กถมสฺส องฺคารกฺกมนนฺติ? ยถา ตถา องฺคารสฺส ผุสนํ อิธ ‘‘อกฺกมน’’นฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อิโต จิโต จา’’ติอาทิ. มนุสฺสานนฺติ มหลฺลกมนุสฺสานํ. น สีฆํ หตฺโถ ฌายติ กถินหตฺถตาย. ขิปฺปํ ปฏิสํหรติ มุทุตลุณสรีรตาย. อธิวาเสติ กิฺจิ ปโยชนํ อเปกฺขิตฺวา.
๔๙๗. อุจฺจาวจานีติ มหนฺตานิ เจว ขุทฺทกานิ จ. ตตฺเถวาติ สุธากมฺมาทิมฺหิเยว. กสาวปจนํ สุธาทิสงฺขรณตฺถํ, อุทกานยนํ โธวนาทิอตฺถํ, หลิทฺทิวณฺณธาตุเลปนตฺถํ กุจฺฉกรณํ. พหลปตฺถโนติ ทฬฺหฉนฺโท. วจฺฉกนฺติ นิพฺพตฺตเธนุปควจฺฉํ. อปจินาตีติ อปวินฺทติ, อาโลเกตีติ ¶ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อปโลเกตี’’ติ. ตนฺนินฺโน โหตีติ อธิสีลสิกฺขาทินินฺโนว โหติ อุจฺจาวจานมฺปิ กึกรณียานํ จาริตฺตสีลสฺส ปูรณวเสเนว กรณโต, โยนิโสมนสิการวเสเนว จ เตสํ ปฏิปชฺชนโต. เถรสฺส สนฺติเก อฏฺาสิ โยนิโสมนสิการาภาวโต ‘‘ตํ ตํ สมุลฺลปิสฺสามี’’ติ.
๔๙๘. พลํ เอว พลตาติ อาห ‘‘พเลน สมนฺนาคโต’’ติ. อตฺถิกภาวํ กตฺวาติ เตน ธมฺเมน สวิเสสํ อตฺถิกภาวํ อุปฺปาเทตฺวา. สกลจิตฺเตนาติ เทสนายอาทิมฺหิ มชฺเฌ ปริโยสาเนติ สพฺพตฺเถว ปวตฺตตาย สกเลน อนวเสเสน จิตฺเตน.
๕๐๐. สภาโวติ อริยสาวกสฺส ปุถุชฺชเนหิ อสาธารณตาย อาเวณิโก สภาโว. สุฏฺุ สมนฺเนสิโตติ สมฺมเทว อุปปริกฺขิโต. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยายาติ โสตาปตฺติผลสฺส สจฺฉิกรเณน, สจฺฉิกตภาเวนาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกตาเณนา’’ติ. ปมมคฺคผลสฺส ¶ ปจฺจเวกฺขณาณวิเสสา เหเต ปวตฺติอาการภินฺนา. เตเนวาห ‘‘สตฺตหิ มหาปจฺจเวกฺขณาเณหี’’ติ. อยํ ตาว อาจริยานํ สมานกถาติ ‘‘อิทมสฺส ปมํ าณ’’นฺติอาทินา วุตฺตานิ ปจฺจเวกฺขณาณานิ, น มคฺคาณานีติ เอวํ ปวตฺตา ปรมฺปราคตา ปุพฺพาจริยานํ สมานา สาธารณา อิมิสฺสา ปาฬิยา อฏฺกถา อตฺถวณฺณนา. ตตฺถ การณมาห ‘‘โลกุตฺตรมคฺโค หิ พหุจิตฺตกฺขณิโก นาม นตฺถี’’ติ. ยทิ โส พหุจิตฺตกฺขณิโก สิยา นานาภิสมโย, ตถา สติ สํโยชนตฺตยาทีนํ เอกเทสปฺปหานํ ปาปุณาตีติ อริยมคฺคสฺส อนนฺตรผลตฺตา เอกเทสโสตาปนฺนตาทิภาโว อาปชฺชติ, ผลานํ วา อเนกภาโว, สพฺพเมตํ อยุตฺตนฺติ ตสฺมา เอกจิตฺตกฺขณิโกว อริยมคฺโค.
ยํ ปน สุตฺตปทํ นิสฺสาย วิตณฺฑวาที อริยมคฺคสฺส เอกจิตฺตกฺขณิกตํ ปฏิกฺขิปติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สตฺต วสฺสานีติ หิ วจนโต’’ติ อาห. กิเลสา ปน ลหุ…เป… ฉิชฺชนฺตีติ วทนฺเตน หิ ขิปฺปํ ตาว กิเลสปฺปหานํ, ทนฺธปวตฺติกา มคฺคภาวนาติ ปฏิฺาตํ โหติ. ตตฺถ สเจ มคฺคสฺส ภาวนาย อารทฺธมตฺตาย กิเลสา ปหียนฺติ, เสสา มคฺคภาวนา นิรตฺถกา สิยา, อถ ปจฺฉา กิเลสปฺปหานํ, กิเลสา ปน ลหุ ¶ ฉิชฺชนฺตีติ อิทํ มิจฺฉา, ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยายา’’ติ วกฺขตีติ. ตโต สุตฺตปฏิชานนโต. มคฺคํ อภาเวตฺวาติ อริยมคฺคํ ปริปุณฺณํ กตฺวา อภาเวตฺวา. อตฺถรสํ วิทิตฺวาติ สุตฺตสฺส อวิปรีโต อตฺโถ เอว อตฺถรโส, ตํ ยาถาวโต ตฺวา. เอวํ วิตณฺฑวาทิวาทํ ภินฺทิตฺวา วุตฺตเมวตฺถํ นิคเมตุํ ‘‘อิมานิ สตฺต าณานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
โกสมฺพิยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตวณฺณนา
๕๐๑. ‘‘สสฺสโต ¶ อตฺตา จ โลโก จา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๐) เอวํ ปวตฺตา ทิฏฺิ สสฺสตทิฏฺิ (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๗๕). สห กาเยนาติ สห เตน พฺรหฺมตฺตภาเวน. พฺรหฺมฏฺานนฺติ อตฺตโน พฺรหฺมวตฺถุํ. ‘‘อนิจฺจํ นิจฺจ’’นฺติ วทติ อนิจฺจตาย อตฺตโน อปฺายมานตฺตา. ถิรนฺติ ทฬฺหํ, วินาสาภาวโต สารภูตนฺติ อตฺโถ. อุปฺปาทวิปริณามาภาวโต สทา วิชฺชมานํ. เกวลนฺติ ปริปุณฺณํ. เตนาห ‘‘อขณฺฑ’’นฺติ. เกวลนฺติ วา ชาติอาทีหิ อมิสฺสํ, วิรหิตนฺติ อธิปฺปาโย. อุปฺปาทาทีนํ อภาวโต เอว อจวนธมฺมํ. โกจิ ชายนโก วา…เป… อุปปชฺชนโก วา นตฺถิ นิจฺจภาวโต. าเนน สทฺธึ ตนฺนิวาสีนํ นิจฺจภาวฺหิ โส ปฏิชานาติ. ติสฺโส ฌานภูมิโยติ ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานภูมิโย. จตุตฺถชฺฌานภูมิวิเสสา หิ อสฺสุทฺธาวาสารุปฺปภวา. ปฏิพาหตีติ สนฺตํเยว สมานํ อชานนฺโตว นตฺถีติ ปฏิกฺขิปติ. อวิชฺชาย คโตติ อวิชฺชาย สห คโต ปวตฺโต. สหโยเค หิ อิทํ กรณวจนํ. เตนาห ‘‘สมนฺนาคโต’’ติ. อฺาณีติ อวิทฺวา. ปฺาจกฺขุวิรหโต อนฺโธ ภูโต, อนฺธภาวํ วา ปตฺโตติ อนฺธีภูโต.
๕๐๒. ตทา ภควโต สุภควเน วิหรณสฺส อวิจฺฉินฺนตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สุภควเน วิหรตีติ ตฺวา’’ติ. ตตฺถ ปน ตทาสฺส ภควโต อทสฺสนํ สนฺธายาห ‘‘กตฺถ นุ โข คโตติ โอโลเกนฺโต’’ติ. พฺรหฺมโลกํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวาติ อิมินา กติปยจิตฺตวารวเสน ตทา ภควโต ¶ พฺรหฺมโลกคมนํ ชาตํ, น เอกจิตฺตกฺขเณนาติ ทสฺเสติ. น เจตฺถ กายคติยา จิตฺตปริณามนํ อธิปฺเปตํ – ‘‘เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺยา’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๕๐๑). ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. วิฉนฺทนฺติ ฉนฺทวิคมํ. อปสาทิโตติ ทิฏฺิยา คาหสฺส วิปริวตฺตเนน สนฺตชฺชิโต. ‘‘เมตมาสโท’’ติ วจเนน อุปตฺถมฺโภ หุตฺวา.
อนฺวาวิสิตฺวาติ อาวิสนวเสน ตสฺส อตฺตภาวํ อธิภวิตฺวา. ตถา อภิภวโต หิ ตสฺส สรีรํ ปวิฏฺโ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สรีรํ ปวิสิตฺวา’’ติ. ยฺหิ สตฺตํ เทวยกฺขนาคาทโย อาวิสนฺติ, ตสฺส ปากติกกิริยมยํ จิตฺตปฺปวตฺตึ นิวาเรตฺวา อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน ยํ อิจฺฉิตํ หสิตลปิตาทิ, ตํ เตน การาเปนฺติ, กาเรนฺตา จ อาวิฏฺปุคฺคลสฺส จิตฺตวเสน ¶ กาเรนฺติ. ‘‘อตฺตโนวา’’ติ น วตฺตพฺพเมตํ อจินฺเตยฺยตฺตา กมฺมชสฺส อิทฺธานุภาวสฺสาติ เกจิ. อปเร ปน ยถา ตทา จกฺขุวิฺาณาทิปวตฺติ อาวิฏฺปุคฺคลสฺเสว, เอวํ กิริยมยจิตฺตปวตฺติปิ ตสฺเสว, อาเวสกานุภาเวน ปน สามฺตา ปริวตฺตติ. ตถา หิ มหานุภาวํ ปุคฺคลํ เต อาวิสิตุํ น สกฺโกนฺติ, ติกิจฺฉาวุฏฺาปเน ปน ฉวสรีรํ อนุปวิสิตฺวา สตนฺตํ กโรติ วิชฺชานุภาเวน. โกรขตฺติยาทีนํ ปน ฉวสรีรสฺส อุฏฺานํ วจีนิจฺฉารณฺจ เกวลํ พุทฺธานุภาเวน. อจินฺเตยฺยา หิ พุทฺธานํ พุทฺธานุภาวาติ. อภิภวิตฺวา ิโตติ สกลโลกํ อตฺตโน อานุภาเวน อภิภวิตฺวา ิโต. เชฏฺโกติ ปธาโน, ตาทิสํ วา อานุภาวสมฺปนฺนตฺตา อุตฺตโม. ปสฺสตีติ ทโส. วิเสสวจนิจฺฉาย อภาวโต อนวเสสวิสโย ทโส-สทฺโทติ อาห ‘‘สพฺพํ ปสฺสตี’’ติ. สพฺพชนนฺติ ลทฺธนามํ สพฺพสตฺตกายํ. วเส วตฺเตติ, เสฏฺตฺตา นิมฺมาปกตฺตา จ อตฺตโน วเส วตฺเตติ. โลกสฺส อีสนสีลตาย อิสฺสโร. สตฺตานํ กมฺมสฺส การกภาเวน กตฺตา. ถาวรชงฺคมวิภาคํ สกลํ โลกํ นิมฺมาเนตีติ นิมฺมาตา.
คุณวิเสเสน โลเก ปาสํสตฺตา เสฏฺโ. ตาทิโส จ อุกฺกฏฺตโม โหตีติ อาห ‘‘อุตฺตโม’’ติ. สตฺตานํ นิมฺมานํ ตถา ตถา สชนํ วิสชนํ วิย โหตีติ อาห ‘‘ตฺวํ ขตฺติโย’’ติอาทิ. ฌานาทีสุ อตฺตโน จิตฺเต จ จิณฺณวสิตฺตา วสี. ภูตานนฺติ นิพฺพตฺตานํ. ภวํ อภิชาตํ ¶ อรหนฺตีติ ภพฺยา, สมฺภเวสิโน, เตสํ ภพฺยานํ. เตนาห ‘‘อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา’’ติอาทิ.
ปถวีอาทโย นิจฺจา ธุวา สสฺสตา. เย เตสํ ‘‘อนิจฺจา’’ติอาทินา ครหกา ชิคุจฺฉา สตฺตา, เต อยถาภูตวาทิตาย มตกาเล อปายนิฏฺา อเหสุํ. เย ปน ปถวีอาทีนํ ‘‘นิจฺจา ธุวา’’ติอาทินา ปสํสกา, เต ยถาภูตวาทิตาย พฺรหฺมกายูปคา อเหสุนฺติ มาโร ปาปิมา อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ ปถวีอาทิมุเขน สงฺขารานํ ปริฺาปฺาปเน อาทีนวํ วิภาเวติ ตโต วิเวเจตุกาโม. เตนาห ‘‘ปถวีครหกา’’ติอาทิ. เอตฺถ จ มาโร ปถวีอาทิธาตุมหาภูตคฺคหเณน มนุสฺสโลกํ, ภูตคฺคหเณน จาตุมหาราชิเก, เทวคฺคหเณน อวเสสกามเทวโลกํ, ปชาปติคฺคหเณน อตฺตโน านํ, พฺรหฺมคฺคหเณน พฺรหฺมกายิเก คณฺหิ. อาภสฺสราทโย ปน อวิสยตาย เอว อเนน อคฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ. ตณฺหาทิฏฺิวเสนาติ ตณฺหาภินนฺทนาย ทิฏฺาภินนฺทนาย จ วเสน. ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อภินนฺทิโน อภินนฺทกา, อภินนฺทนสีลา วา. พฺรหฺมุโน โอวาเท ิตานํ อิทฺธานุภาวํ ทสฺเสตีติ เตสํ ตตฺถ สนฺนิปติตพฺรหฺมานํ อิทฺธานุภาวํ ตสฺส มหาพฺรหฺมุโน โอวาเท ิตตฺตา นิพฺพตฺตํ กตฺวา ทสฺเสติ. ยเสนาติ ¶ อานุภาเวน. สิริยาติ โสภาย. มํ พฺรหฺมปริสํ อุปเนสีติ ยาทิสา พฺรหฺมปริสา อิสฺสริยาทิสมฺปตฺติยา, ตตฺถ มํ อุยฺโยเชสิ. มหาชนสฺส มารณโตติ มหาชนสฺส วิวฏฺฏูปนิสฺสยคุณวินาสเนน อานุภาเวน มารณโต. อยสนฺติ ยสปฏิปกฺขํ อกิตฺติกมฺมานุภาวฺจาติ อตฺโถ.
๕๐๓. กสิณํ อายุนฺติ วสฺสสตํ สนฺธาย วทติ. อุปนิสฺสาย เสตีติ อุปสโย, อุปสโยว โอปสายิโก ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๖; อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘) อาห ‘‘สมีปสโย’’ติ. สยคฺคหณฺเจตฺถ นิทสฺสนมตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘มํ คจฺฉนฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ วตฺตนตฺโถ ทฏฺพฺโพ. มม วตฺถุสฺมึ สยนโกติ มยฺหํ าเน วิสเย วตฺตนโก. พาหิตฺวาติ นีจํ กตฺวา, อภิภวิตฺวา วา. ชชฺฌริกาคุมฺพโตติ เอตฺถ ชชฺฌริกา นาม ปถวึ ปตฺถริตฺวา ชาตา เอกา คจฺฉชาติ.
อิมินาติ ¶ ‘‘สเจ โข ตฺวํ ภิกฺขู’’ติอาทิวจเนน. เอส พฺรหฺมา. อุปลาเปตีติ สงฺคณฺหาติ. อปสาเทตีติ นิคฺคณฺหาติ. เสสปเทหีติ วตฺถุสายิโก ยถากามกรณีโย พาหิเตยฺโยติ อิเมหิ ปเทหิ. มยฺหํ อารกฺขํ คณฺหิสฺสสีติ มม อารกฺขโก ภวิสฺสสิ. ลกุณฺฑกตรนฺติ นีจตรํ นิหีนวุตฺติสรีรํ.
ผุสิตุมฺปิ สมตฺถํ กิฺจิ น ปสฺสติ, ปเคว าณวิภวนฺติ อธิปฺปาโย. นิปฺผตฺตินฺติ นิปฺผชฺชนํ, ผลนฺติ อตฺโถ. ตฺหิ การณวเสน คนฺตพฺพโต อธิคนฺตพฺพโต คตีติ วุจฺจติ. อานุภาวนฺติ ปภาวํ. โส หิ โชตนฏฺเน วิโรจนฏฺเน ชุตีติ วุจฺจติ. มหตา อานุภาเวน ปเรสํ อภิภวนโต มเหโสติ อกฺขายตีติ มเหสกฺโข. ตยิทํ อภิภวนํ กิตฺติสมฺปตฺติยา ปริวารสมฺปตฺติยา จาติ อาห ‘‘มหายโส มหาปริวาโร’’ติ.
ปริหรนฺตีติ สิเนรุํ ทกฺขิณโต กตฺวา ปริวตฺตนฺติ. ทิสาติ ภุมฺมตฺเถ เอตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘ทิสาสุ วิโรจมานา’’ติ. อตฺตโน ชุติยา ทิพฺพมานาย วา. เตหีติ จนฺทิมสูริเยหิ. ตตฺตเกน ปมาเณนาติ ยตฺตเก จนฺทิมสูริเยหิ โอภาสิยมาโน โลกธาตุสงฺขาโต เอโก โลโก, ตตฺตเกน ปมาเณน. อิทํ จกฺกวาฬํ พุทฺธานํ อุปฺปตฺติฏฺานภูตํ เสฏฺํ อุตฺตมํ ปธานํ, ตสฺมา เยภุยฺเยน เอตฺถุปปนฺนา เทวตา อฺเสุ จกฺกวาเฬสุ เทวตา อภิภุยฺย วตฺตนฺติ. ตถา หิ พฺรหฺมา สหมฺปติ ทสสหสฺสพฺรหฺมปริวาโร ภควโต สนฺติกํ อุปคฺฉิ. เตนาห ‘‘เอตฺถ จกฺกวาฬสหสฺเส ตุยฺหํ วโส วตฺตตี’’ติ. อิทานิ ‘‘เอตฺถ เต วตฺตเต วโส’’ติ วุตฺตํ วเส วตฺตนํ สรูปโต ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ปโรปรฺจ ชานาสี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปมคาถายํ วุตฺตํ เอตฺถ-สทฺทํ อาเนตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺถ จกฺกวาฬสหสฺเส’’ติ อาห. อุจฺจนีเจติ ชาติกุลรูปโภคปริวาราทิวเสน อุฬาเร จ อนุฬาเร จ. อยํ อิทฺโธ อยํ ปกติมนุสฺโสติ อิมินา ‘‘สรูปโต เอวสฺส สตฺตานํ ปโรปรชานนํ, น สมุทาคมโต’’ติ ทสฺเสติ. ยํ ปน วกฺขติ ‘‘สตฺตานํ อาคตึ คตินฺติ, ตํ กามโลเก สตฺตานํ อาทานนิกฺเขปชานนมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น กมฺมวิปากชานนํ. ยทิ หิ สมุทาคมโต ชาเนยฺย, อตฺตโนปิ ชาเนยฺย, น จสฺส ตํ อตฺถีติ, ตถา อาห ‘‘อิตฺถมฺภาโวติ ¶ อิทํ จกฺกวาฬ’’นฺติอาทิ. ราคโยคโต ราโค เอตสฺส อตฺถีติ วา ราโค, วิรชฺชนสีโล วิราคี, ตํ ราควิราคินํ. สหสฺสิพฺรหฺมา นาม ตฺวํ จูฬนิยา เอว โลกธาตุยา ชานนโต. ตยาติ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ. จตุหตฺถายาติ อเนกหตฺเถน สาณิปากาเรน กาตพฺพปฏปฺปมาณํ ทีฆโต จตุหตฺถาย, วิตฺถารโต ทฺวิหตฺถาย ปิโลติกาย กาตุํ วายมนฺโต วิย โคปฺผเก อุทเก นิมุชฺชิตุกาโม วิย จ ปมาณํ อชานนฺโต วิหฺตีติ นิคฺคณฺหาติ.
๕๐๔. ตํ กายนฺติ ตเทว นิกายํ. ชานิตพฺพฏฺานํ ปตฺวาปีติ อนฺสาธารณา มยฺหํ สีลาทโย คุณวิเสสา ตาว ติฏฺนฺตุ, อีทิสํ โลกิยํ ปริตฺตกํ ชานิตพฺพฏฺานมฺปิ ปตฺวา. อยํ อิเมสํ อติสเยน นีโจติ นีเจยฺโย, ตสฺส ภาโว นีเจยฺยนฺติ อาห ‘‘ตยา นีจตรภาโว ปน มยฺหํ กุโต’’ติ.
เหฏฺูปปตฺติโกติ อุปรูปริโต จวิตฺวา เหฏฺา ลทฺธูปปตฺติโก. เอวํ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘อนุปฺปนฺเน พุทฺธุปฺปาเท’’ติ อาห. เหฏฺูปปตฺติกํ กตฺวาติ เหฏฺูปปตฺติกํ ปตฺถนํ กตฺวา. ยถา เกนจิ พหูสุ อานนฺตริเยสุ กเตสุ ยํ ตตฺถ ครุตรํ พลวํ, ตเทว ปฏิสนฺธึ เทติ, อิตรานิ ปน ตสฺส อนุพลปฺปทายกานิ โหนฺติ, น ปฏิสนฺธิทายกานิ, เอวํ จตูสุ รูปชฺฌาเนสุ ภาวิเตสุ ยํ ตตฺถ ครุตรํ ฉนฺทปณิธิอธิโมกฺขาทิวเสน สาภิสงฺขารฺจ, ตเทว จ ปฏิสนฺธึ เทติ, อิตรานิ ปน อลทฺโธกาสตาย ตสฺส อนุพลปฺปทายกานิ โหนฺติ, น ปฏิสนฺธิทายกานิ, ตนฺนิพฺพตฺติตชฺฌาเนเนว อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหตีติ อาห ‘‘ตติยชฺฌานํ ปณีตํ ภาเวตฺวา’’ติ. ตตฺถาติ สุภกิณฺหพฺรหฺมโลเก. ปุน ตตฺถาติ อาภสฺสรพฺรหฺมโลเก. ปมกาเลติ ตสฺมึ ภเว ปมสฺมึ กาเล. อุภยนฺติ อตีตํ อตฺตโน นิพฺพตฺตฏฺานํ, ตตฺถ นิพฺพตฺติยา เหตุภูตํ อตฺตโน กตกมฺมนฺติ อุภยํ. ปมุสฺสิตฺวา กาลสฺส จิรตรภาวโต. วีตินาเมติ ปฏิปชฺชนฺตีติ จ ตทา ตสฺสา กิริยาย ปวตฺติกฺขณํ อุปาทาย ปวตฺตมานปโยโค.
อปาเยสีติ ¶ ปาเยสิ. ปิปาสิเตติ ตสิเต. ฆมฺมนีติ ฆมฺมกาเล. สมฺปเรเตติ ฆมฺมปริฬาเหน ปิปาสาย อภิภูเต. นฺติ ปานียทานํ. วตสีลวตฺตนฺติ สมาทานวเสน วตภูตํ จาริตฺตสีลภาเวน สมาจิณฺณตฺตา ¶ สีลวตฺตํ. สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามีติ สุปิตฺวา ปพุทฺธมตฺโต วิย สุปินํ ตว ปุพฺพนิวุตฺถํ มม ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน อนุสฺสรามิ, สพฺพฺุตฺาเณน วิย ปจฺจกฺขโต ปสฺสามีติ อตฺโถ.
กรมเรติ วิลุมฺปิตฺวา อานีเต. กมฺมสชฺชนฺติ ยุทฺธสชฺชํ, อาวุธาทายินินฺติ อตฺโถ.
เอณีกูลสฺมินฺติ เอณีมิคพาหุลฺเลน ‘‘เอณีกูล’’นฺติ สงฺขํ คเต คงฺคาย ตีรปฺปเทเส. คยฺหก นียมานนฺติ คยฺหวเสน กรมรภาเวน โจเรหิ อตฺตโน านํ นียมานํ.
อาวาหวิวาหวเสน มิตฺตสนฺถวํ กตฺวา. ‘‘เอวํ อมฺเหสุ กีฬนฺเตสุ คงฺเคยฺยโก นาโค กุปิโต’’ติ มยิ สฺมฺปิ น กโรนฺตีติ. สุสุการนฺติ สุสูติ ปวตฺตํ เภรวนาคนิสฺสาสํ.
คหีตนาวนฺติ วิเหเตุกามตาย คตินิวารณวเสน คหิตํ นิคฺคหิตํ นาวํ. ลุทฺเทนาติ กุรูเรน. มนุสฺสกปฺปาติ นาวาคตานํ มนุสฺสานํ วิเหเตุกามตาย.
พทฺธจโรติ ปฏิพทฺธจริโย. เตนาห ‘‘อนฺเตวาสิโก’’ติ. ตํ นิสฺสาเยวาติ รฺา อุปฏฺิยมาโนปิ ราชานํ ปหาย ตํ กปฺปํ อนฺเตวาสึ นิสฺสาเยว.
สมฺพุทฺธิมนฺตํ วตินํ อมฺีติ อยํ สมฺมเทว พุทฺธิมา วตสมฺปนฺโนติ อมฺิ สมฺภาเวสิ จ.
นานตฺตภาเวสูติ นานา วิสุํ วิสุํ อตฺตภาเวสุ.
อทฺธาติ เอกํเสน. มเมตมายุนฺติ มยฺหํ เอตํ ยถาวุตฺตํ ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปวตฺตํ อายุํ. น เกวลํ มม อายุเมว, อถ โข อฺมฺปิ สพฺพฺเยฺยํ ชานาสิ, น ตุยฺหํ อวิทิตํ นาม อตฺถิ. ตถา หิ พุทฺโธ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตุวํ. โน เจ กถมยมตฺโถ าโต? ตถา หิ สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา เอว เต อยํ ชลิโต โชตมาโน อานุภาโว โอภาสยํ สพฺพมฺปิ พฺรหฺมโลกํ โอภาเสนฺโต ทิพฺพมาโน ติฏฺตีติ สตฺถุ อสมสมตํ ปเวเทสิ.
ปถวตฺเตนาติ ¶ ¶ ปถวีอตฺเตน. เตนาห ‘‘ปถวีสภาเวนา’’ติ. เอตฺถ จ ยสฺมา – ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถติ’’อาทินา (มหาว. ๗; ที. นิ. ๒.๖๔, ๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๒) สาธารณโต, ‘‘ยตฺถ เนว ปถวี’’ติ อสาธารณโต จ ปถวิยา อสภาเวน นิพฺพานสฺส คเหตพฺพตา อตฺถิ, ตํ นิวตฺเตตฺวา ปถวิยา อนฺสาธารณํ สภาวํ คเหตุํ ‘‘ปถวิยา ปถวตฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. นาปโหสินฺติ น ปาปุณึ. อิธ ปถวิยา ปาปุณนํ นาม ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา คหณนฺติ อาห ‘‘ตณฺหาทิฏฺิมานคฺคาเหหิ น คณฺหิ’’นฺติ.
วาทิตายาติ วาทสีลตาย. สพฺพนฺติ อกฺขรํ นิทฺทิสิตฺวาติ ‘‘สพฺพํ โข อหํ พฺรหฺเม’’ติอาทินา ภควตา วุตฺตํ สพฺพ-สทฺทํ – ‘‘สเจ โข เต มาริส สพฺพสฺส สพฺพตฺเตน อนนุภูต’’นฺติ ปจฺจนุภาสนวเสน นิทฺทิสิตฺวา. อกฺขเร โทสํ คณฺหนฺโตติ ภควตา สกฺกายสพฺพํ สนฺธาย สพฺพ-สทฺเท คหิเต สพฺพสพฺพวเสน ตทตฺถปริวตฺตเนน สพฺพ-สทฺทวจนียตาสามฺเน จ โทสํ คณฺหนฺโต. เตนาห ‘‘สตฺถา ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยทิ สพฺพํ อนนุภูตํ ‘‘นตฺถิ สพฺพ’’นฺติ โลเก อนวเสสํ ปุจฺฉติ. สเจ สพฺพสฺส สพฺพตฺเตน อนวเสสสภาเวน อนนุภูตํ อปฺปตฺตํ, ตํ คคนกุสุมํ วิย กิฺจิ น สิยา. อถสฺส อนนุภูตํ อตฺถีติ อสฺส สพฺพตฺเตน อนนุภูตํ ยทิ อตฺถิ, ‘‘สพฺพ’’นฺติ อิทํ วจนํ มิจฺฉา, สพฺพํ นาม ตํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘มา เหว เต ริตฺตกเมวา’’ติอาทิ.
อหํ สพฺพฺจ วกฺขามิ, อนนุภูตฺจ วกฺขามีติ อหํ ‘‘สพฺพ’’นฺติ จ วกฺขามิ, ‘‘อนนุภูต’’นฺติ จ วกฺขามิ, เอตฺถ โก โทโสติ อธิปฺปาโย. การณํ อาหรนฺโตติ สพฺพสฺส สพฺพตฺเตน อนนุภูตสฺส อตฺถิภาเว การณํ นิทฺทิสนฺโต. วิชานิตพฺพนฺติ มคฺคผลปจฺจเวกฺขณาเณหิ วิเสสโต สพฺพสงฺขตวิสิฏฺตาย ชานิตพฺพํ. อนิทสฺสนนฺติ อิทํ นิพฺพานสฺส สนิทสฺสนทุเก ทุติยปทสหิตตาทสฺสนนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘จกฺขุวิฺาณสฺส อาปาถํ อนุปคมนโต อนิทสฺสนํ นามา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพสงฺขตวิธุรตาย วา นตฺถิ เอตสฺส นิทสฺสนนฺติ อนิทสฺสนํ. นตฺถิ เอตสฺส อนฺโตติ อนนฺตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตยิท’’นฺติอาทิ.
ภูตานีติ ปจฺจยสมฺภูตานิ. อสมฺภูตนฺติ ปจฺจเยหิ อสมฺภูตํ, นิพฺพานนฺติ อตฺโถ. อปภสฺสรภาวเหตูนํ สพฺพโส อภาวา สพฺพโต ¶ ปภาติ สพฺพโตปภํ. เตนาห ‘‘นิพฺพานโต หี’’ติอาทิ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘ตโม ตตฺถ น วิชฺชตี’’ติ. (เนตฺติ. ๑๐๔) ปภูตเมวาติ ปกฏฺภาเวน อุกฺกฏฺภาเวน วิชฺชมานเมว. อรูปีภาเวน อเทสิกตฺตา สพฺพโต ปภวติ วิชฺชตีติ สพฺพโตปภํ. เตนาห ‘‘ปุรตฺถิมทิสาทีสู’’ติอาทิ. ปวิสนฺติ เอตฺถาติ ปวิสํ, ตเทว ¶ ส-การสฺส ภ-การํ, วิ-การสฺส จ โลปํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปภ’’นฺติ. เตนาห ‘‘ติตฺถสฺส นาม’’นฺติ. วาทํ ปติฏฺเปสีติ เอวํ มยา สพฺพฺจ วุตฺตํ, อนนุภูตฺจ วุตฺตํ, ตตฺถ ยํ ตยา อธิปฺปายํ อชานนฺเตน สหสา อปฺปฏิสงฺขาย โทสคฺคหณํ, ตํ มิจฺฉาติ พฺรหฺมานํ นิคฺคณฺหนฺโต ภควา อตฺตโน วาทํ ปติฏฺเปสิ.
คหิตคหิตนฺติ ‘‘อิทํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา คหิตคหิตํ คาหํ. ตตฺถ ตตฺถ โทสทสฺสนมุเขน นิคฺคณฺหนฺเตน สตฺถารา วิสฺสชฺชาปิโต กิฺจิ คเหตพฺพํ อตฺตโน ปฏิสรณํ อทิสฺวา ปราชยํ ปฏิจฺฉาเทตุํ ลฬิตกํ กาตุกาโม วาทํ ปหาย อิทฺธิยา ปาฏิหาริยลีฬํ ทสฺเสตุกาโม. ยทิ สกฺโกสิ มยฺหํ อนฺตรธายิตุํ, น ปน สกฺขิสฺสสีติ อธิปฺปาโย. มูลปฏิสนฺธึ คนฺตุกาโมติ อตฺตโน ปากติเกน อตฺตภาเวน าตุกาโม. โส หิ ปฏิสนฺธิกาเล นิพฺพตฺตสทิสตาย มูลปฏิสนฺธีติ วุตฺโต. อฺเสนฺติ เหฏฺา อฺกายิกานํ พฺรหฺมูนํ. น อทาสิ อภิสงฺขตกาเยเนวายํ ติฏฺตุ, น ปากติกรูเปนาติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. เตน โส อภิสงฺขตกายํ อปเนตุํ อวิสหนฺโต อตฺตภาวปฏิจฺฉาทกํ อนฺธการํ นิมฺมินิตุํ อารภิ. สตฺถา ตํ ตมํ วิทฺธํเสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มูลปฏิสนฺธึ วา’’ติอาทิ.
ภเววาหนฺติ ภเว เอว อหํ. อยฺจ เอว-สทฺโท อฏฺานปยุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อหํ ภเว ภยํ ทิสฺวาเยวา’’ติ, สพฺพสฺมึ ภเว ชาติอาทิภยํ าณจกฺขุนา ยาถาวโต ทิสฺวา. สตฺตภวนฺติ สตฺตสงฺขาตํ ภวํ. กมฺมภวปจฺจเย หิ อุปปตฺติภเว สตฺตสมฺา. วิภวนฺติ วิมุตฺตึ. ปริเยสมานมฺปิ อุปายสฺส อนธิคตตฺตา ภเวเยว ทิสฺวา. ภวฺจ วิภเวสินํ วิภวํ นิพฺพุตึ เอสมานานํ สตฺตานํ ภวํ, ภเวสุ อุปฺปตฺติฺจ ทิสฺวาติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. น อภิวทินฺติ ‘‘อโห วต สุข’’นฺติ เอวํ อภิวทาปนาการาภาวโต น อภินิวิสึ, ลกฺขณวจนเมตํ. คาหตฺโถ เอว วา อภิวาท-สทฺโทติ อาห ‘‘นาภิวทิ’’นฺติ, ‘‘น ¶ คเวสิ’’นฺติ. ภวคฺคหเณเนตฺถ ทุกฺขสจฺจํ, นนฺทีคหเณน สมุทยสจฺจํ, วิภวคฺคหเณน นิโรธสจฺจํ, นนฺทิฺจ น อุปาทิยินฺติ อิมินา มคฺคสจฺจํ ปกาสิตนฺติ อาห ‘‘อิติ จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสนฺโต’’ติ. ตทิทํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ คาถาย วิภาวนทสฺสนํ. สตฺถา ปน เตสํ พฺรหฺมูนํ อชฺฌาสยานุรูปํ สจฺจานิ วิตฺถารโต ปกาเสนฺโต วิปสฺสนํ ปาเปตฺวา อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหิ. เต จ พฺรหฺมาโน เกจิ โสตาปตฺติผเล, เกจิ สกทาคามิผเล, เกจิ อนาคามิผเล, เกจิ อรหตฺเต จ ปติฏฺหึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘สจฺจานิ ปกาเสนฺโต สตฺถา ธมฺมํ เทเสสี’’ติอาทิ. อจฺฉริยชาตาติ สฺชาตจฺฉริยา. สมูลํ ภวนฺติ ตณฺหาวิชฺชาหิ สมูลํ ภวํ.
๕๐๕. มม ¶ วสํ อติวตฺติตานีติ สพฺพโส กามธาตุสมติกฺกมนปฏิปทาย มยฺหํ วิสยํ อติกฺกมิตานิ. กถํ ปนายํ เตสํ อริยภูมิสโมกฺกมนํ ชานาตีติ? นยคฺคาหโต – ‘‘สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสนฺโต สํสาเร อาทีนวํ, นิพฺพาเน จ อานิสํสํ ปกาเสนฺโต เวเนยฺยชนํ นิพฺพานํ ทิฏฺเมว กโรติ, ตสฺส เทสนา อวฺฌา อโมฆา อินฺเทน วิสฺสฏฺวชิรสทิสา, ตสฺส จ อาณาย ิตา สํสาเร น ทิสฺสนฺเตวา’’ติ นยคฺคาเหน อนุมาเนน ชานาติ. สเจ ตฺวํ เอวํ อนุพุทฺโธติ ยถา ตฺวํ ปเรสํ สจฺจาภิสมฺโพธํ วทติ, เอวํ ตฺวํ อตฺตโน อนุรูปโต สยมฺภุาเณน พุทฺโธ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโต. ตํ ธมฺมํ มา อุปนยสีติ ตยา ปฏิวิทฺธธมฺมํ มา สาวกปฏิเวธํ ปาเปสิ. อิทนฺติ อิทํ อนนฺตรํ วุตฺตํ พฺรหฺมโลเก ปติฏฺานํเยว สนฺธาย มาโร วทติ, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘อนุปฺปนฺเน หี’’ติอาทิมาห. อปายปติฏฺานํ ปน อาชีวกนิคณฺาทิปพฺพชฺชํ อุปคเต ติตฺถกเร, เย เกจิ วา ปพฺพชิตฺวา มิจฺฉาปฏิปนฺเน ชเน สนฺธาย วทติ. อนุปฺปนฺเนติ อสฺชาเต, อปฺปตฺเตติ อตฺโถ. อนุลฺลปนตายาติ ยถา มาโร อุปริ กิฺจิ อุตฺตรํ ลปิตุํ น สกฺโกติ, เอวํ ตถา อุตฺตรภาสเนน. นิมนฺตนวจเนนาติ วิฺาปนวจเนน. พฺรหฺมํ เสฏฺํ นิมนฺตนํ, พฺรหฺมุโน วา นิมนฺตนํ เอตฺถ อตฺถีติ พฺรหฺมนิมนฺตนิกํ, สุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. มารตชฺชนียสุตฺตวณฺณนา
๕๐๖. โกฏฺมนุปวิฏฺโติ ¶ ¶ อาสโย วจฺจคุตฺตฏฺานตาย โกฏฺํ, ตสฺส อพฺภนฺตรฺเหตฺถ โกฏฺํ. อนุรูโป หุตฺวา ปวิฏฺโ อนุปวิฏฺโ. สุขุมฺหิ ตทนุจฺฉวิกํ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา อยํ ตตฺถ ปวิฏฺโ. ครุคโร วิยาติ ครุกครุโก วิย. อุ-การสฺส หิ โอ-การํ กตฺวา อยํ นิทฺเทโส, อติวิย ครุโก มฺเติ อตฺโถ. ครุครุ วิย อิจฺเจว วา ปาโ. มาสภตฺตํ มาโส อุตฺตรปทโลเปน, มาสภตฺเตน อาจิตํ ปูริตํ มาสาจิตํ มฺเ. เตนาห ‘‘มาสภตฺตํ ภุตฺตสฺส กุจฺฉิ วิยา’’ติ. อุตฺตรปทโลเปน วินา อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘มาสปูริตปสิพฺพโก วิยา’’ติ วุตฺตํ. ตินฺตมาโส วิยาติ ตินฺตมาโส ปสิพฺพโก วิย. กึ นุ โข เอตํ มม กุจฺฉิยํ ปุพฺพํ ภาริกตฺตํ, กึ นุ โข กถํ นุ โข ชาตนฺติ อธิปฺปาโย? อุปาเยนาติ ปเถน าเยน. พฺยติเรกโต ปนสฺส อนุปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺตานเมว วา สนฺธาย ‘‘มา ตถาคตํ วิเหเสสี’’ติ อาห. ยถา หิ อริยสงฺโฆ ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๖.๑๘; สุ. นิ. ๒๔๑) ตถาคโตติ วุจฺจติ, เอวํ ตปฺปริยาปนฺนา อริยปุคฺคลา, ยถา จ ปุริมกา ทุติยอคฺคสาวกา กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปารมิโย ปูเรตฺวา อาคตา, อยมฺปิ มหาเถโร ตถา อาคโตติ ตถาคโตติ. ปติอคฺคเฬว อฏฺาสีติ อคฺคฬสฺส พหิภาเค อฏฺาสิ.
๕๐๗. รุกฺขเทวตา นาม จาตุมหาราชิเกสุ นิหีโน กาโย, ตสฺมา เนสํ มนุสฺสคนฺโธ ปริจิตตฺตา นาติเชคุจฺโฉติ อาห ‘‘อากาสฏฺเทวตาน’’นฺติ. อาพาธํ กโรตีติ ทุกฺขํ ชเนติ. นาคริโกติ สุกุมาโร. ปริโจกฺโขติ สพฺพโส สุจิรูโป. าติโกฏินฺติ าติภาคํ. อนาทิมติ หิ สํสาเร าติภาครหิโต นาม สตฺโต กสฺสจิปิ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. อิทนฺติ ‘‘โส เม ตฺวํ ภาคิเนยฺโย โหสี’’ติ อิทํ วจนํ. ปเวณิวเสนาติ ตทา มยฺหํ ภาคิเนยฺโย หุตฺวา อิทานิ มารฏฺาเน ิโตติ อิมิสฺสา ปเวณิยา วเสน วุตฺตํ. อฺสฺส วา เวสมํ ธุโร วิธุโร. เตนาห ‘‘อฺเหิ สทฺธึ อสทิโส’’ติ. อปฺปทุกฺเขนาติ สุเขเนว. ปนฺถานํ ¶ อวนฺติ คจฺฉนฺตีติ ปถาวิโน. เอตฺตเกนาติ เอตฺตาวตา จิตกสนฺนิสเยน. อุทกเลณนฺติ อุทกนิสฺสนฺทนเลณํ. สมาปตฺติโตติ นิโรธสมาปตฺติโต. สมาปตฺติผลนฺติ นิโรธสมาปตฺติผลํ.
๕๐๘. ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหีติ ทสหิปิ อกฺโกสวตฺถูหิ, ตโต กิฺจิ อหาเปนฺตา. ปริภาสถาติ ¶ ครหถ. ฆฏฺเฏถาติ อนูนาหิ กถาหิ อิเมสุ โอวิชฺฌถ. ทุกฺขาเปถาติ จิตฺเต ทุกฺขํ ชเนถ. เอเตสนฺติ เตสํ ภิกฺขูนํ ตุมฺหากํ อกฺโกสนาทีหิ ภิกฺขูนํ กิเลสุปฺปตฺติยา. เตเนตฺถ ทูสี มาโร โอตารํ ลภติ นามาติ อธิปฺปาโย. อุปฏฺาตพฺพํ อิภํ อรหนฺตีติ อิพฺภา, หตฺถิภณฺฑกา, หีนชีวิกตาย เหเต อิพฺภา วิยาติ อิพฺภา, เต ปน สทุติยกวเสน ‘‘คหปติกา’’ติ วุตฺตา. กณฺหาติ กณฺหาภิชาติกา. ปาทโต ชาตตฺตา ปาทานํ อปจฺจา. อาลสิยชาตาติ กสิวณิชฺชาทิกมฺมสฺส อกรเณน สฺชาตาลสิยา. คูถนิทฺธมนปนาฬีติ วจฺจกูปโต คูถสฺส นิกฺขมปเทโส.
มนุสฺสานํ อกุสลํ น ภเวยฺย เตสํ ตาทิสาย อภิสนฺธิยา อภาวโต. อาเวสกสฺส อานุภาเวน อาวิฏฺสฺส จิตฺตสนฺตติ วิปริวตฺตตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. วิสภาควตฺถุนฺติ ภิกฺขูนํ สนฺติเก อิตฺถิรูปํ, ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปุริสรูปนฺติ อีทิสํ, อฺํ วา ปพฺพชิตานํ อสารุปฺปํ วิสภาควตฺถุํ. วิปฺปฏิสารารมฺมณนฺติ ปสฺสนฺตานํ วิปฺปฏิสารสฺส ปจฺจยํ. เลปยฏฺินฺติ เลปลิตฺตํ วากุรยฏฺึ.
๕๑๐. โสมนสฺสวเสนาติ เคหสฺสิตโสมนสฺสวเสน. อฺถตฺตนฺติ อุปฺปิลาวิตตฺตํ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘สเจ มาโร มนุสฺสานํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน. ยทิ มาโรว ตถา กเรยฺย, มนุสฺสานํ กุสลํ น ภเวยฺย, มารสฺเสว ภเวยฺย, สรีเร ปน อนธิมุจฺจิตฺวา ตาทิสํ ปสาทนียํ ปสาทวตฺถุํ ทสฺเสสิ. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ.
๕๑๑. อสุภสฺาปริจิเตนาติ สกลํ กายํ อสุภนฺติ ปวตฺตาย สฺาย สหคตชฺฌานํ อสุภสฺา, เตน ปริจิเตน ปริภาวิเตน. เจตสา ¶ จิตฺเตน. พหุลนฺติ อภิณฺหํ. วิหรโตติ วิหรนฺตสฺส, อสุภสมาปตฺติพหุลสฺสาติ อตฺโถ. ปติลียตีติ สงฺกุจติ ตตฺถ ปฏิกูลตาย สณฺิตตฺตา. ปติกุฏตีติ อปสกฺกติ. ปติวตฺตตีติ นิวตฺตติ. ตโต เอว น สมฺปสาริยติ. รสตณฺหายาติ มธุราทิรสวิสยาย ตณฺหาย.
สพฺพโลเก อนภิรติสฺาติ ตีสุปิ ภเวสุ อรุจฺจนวเสน ปวตฺตา วิปสฺสนาภาวนา. นิพฺพิทานุปสฺสนา เหสา. โลกจิตฺเรสูติ หตฺถิอสฺสรถปาสาทกูฏาคาราทิเภเทสุ เจว อารามรามเณยฺยกาทิเภเทสุ จ โลเก จิตฺตวิจิตฺเตสุ. ราคสนฺตานิ วูปสนฺตราคานิ. โทสโมหสนฺตานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิเมสํ เอวํ กมฺมฏฺานคฺคหณํ สพฺเพสํ สปฺปายภาวโต.
๕๑๒. สกฺขรํ ¶ คเหตฺวาติ สกฺขราสีเสน ตตฺตกํ ภินฺนปาสาณมุฏฺินฺติ อาห ‘‘อนฺโตมุฏฺิยํ ติฏฺนปมาณํ ปาสาณ’’นฺติ. มุฏฺิปริยาปนฺนนฺติ อตฺโถ. อยฺหิ ปาสาณสฺส เหฏฺิมโกฏิ. หตฺถินาโคติ มหาหตฺถี. มหนฺตปริยาโย นาค-สทฺโทติ เกจิ. อหินาคาทิโต วา วิเสสนตฺถํ หตฺถินาโคติ วุตฺตํ. สกลสรีเรเนว นิวตฺติตฺวา อปโลเกสีติ วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น วายนฺติ เอตฺถ วา-สทฺโท อวธารณตฺโถติ อาห ‘‘เนว ปมาณํ อฺาสี’’ติ. สหาปโลกนายาติ จ วจนโตติ อิมินา วจเนน อิมํ วจนมตฺตํ คเหตฺวาติ อธิปฺปาโย. อุฬาเรติ อุฬารคุเณ. ภควนฺตฺหิ เปตฺวา นตฺถิ ตทา สเทวเก โลเก ตาทิโส คุณวิเสสยุตฺโตติ.
วิสุํ วิสุํ ปจฺจตฺตเวทนิโย อยสูเลน สทฺธึ ภูตานิ ฉ ผสฺสายตนานิ เอตสฺสาติ ฉ ผสฺสายตนํ, ทุกฺขํ. ตํ เอตฺถ อตฺถีติ ฉ ผสฺสายตนิโก, นิรโย. เตนาห ‘‘ฉสุ ผสฺสา…เป… ปจฺจโย’’ติ. สมาหนตีติ สมาหโต, อเนกสตเภโท สงฺกุสมาหโต เอตฺถ อตฺถีติ สงฺกุสมาหโต, นิรโย. วิเสสปจฺจยตาย เวทนาย ิโตติ เวทนิโย, การณาการเกน วินา ปจฺจตฺตํ สยเมว เวทนิโยติ ปจฺจตฺตเวทนิโย. อยสูเลน สทฺธึ อยสูลนฺติ ปาทปเทสโต ปฏฺาย นิรนฺตรํ อภิหนนวเสน อาคเตน ปณฺณาสาย ¶ ชเนหิ คหิเตน อยสูเลน สห สีสปเทสโต ปฏฺาย อาคตํ. อยสูลภาวสามฺเน เจตํ เอกวจนํ, สตมตฺตานิ ปติตานิ สูลานิ. อิมินา เต าเนน จินฺเตตฺวาติ นิสฺสิตโวหาเรน นิสฺสยํ วทติ. เอวํ วุตฺตนฺติ ‘‘ตทา ชาเนยฺยาสิ วสฺสสหสฺสํ เม นิรเย ปจฺจมานสฺสา’’ติ เอวํ วุตฺตํ. วุฏฺานิมนฺติ วุฏฺาเน ภวํ, อนฺติมนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘วิปากวุฏฺานเวทน’’นฺติ, วิปากสฺส ปริโยสานํ เวทนนฺติ อตฺโถ. ทุกฺขตรา โหติ ปทีปสฺส วิชฺฌายนกฺขเณ มหนฺตภาโว วิย.
๕๑๓. ฆฏฺฏยิตฺวา โปเถตฺวา. ปาฏิเยกฺกเวทนาชนกาติ ปจฺเจกํ มหาทุกฺขสมุปฺปาทกา. อยโต อปคโต นิรโย, โส เทวทูตสุตฺเตน (ม. นิ. ๓.๒๖๑) ทีเปตพฺโพ. อตฺถวณฺณนา ปนสฺส ปรโต สยเมว อาคมิสฺสติ. อิมํ ปน อตีตวตฺถุํ อาหริตฺวา อตฺตโน าณานุภาวทีปนมุเขน มารํ สนฺตชฺเชนฺโต มหาเถโร ‘‘โย เอตมภิชานาตี’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – โย มหาภิฺโ เอตํ กมฺมํ กมฺมผลฺจ หตฺถตเล ปิตํ อามลกํ วิย อภิมุขํ กตฺวา ปจฺจกฺขโต ชานาติ. สพฺพโส ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อคฺคสาวโก, ตาทิสํ อุฬารคุณํ อาสชฺช ฆฏฺฏยิตฺวา เอกนฺตกาฬเกหิ ปาปธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา กณฺห มาร อายตึ มหาทุกฺขํ วินฺทิสฺสสิ.
อุทกํ วตฺถุํ กตฺวาติ ตตฺถ นิพฺพตฺตนกสตฺตานํ สาธารณกมฺมผเลน มหาสมุทฺทอุทกเมว อธิฏฺานํ ¶ กตฺวา. ตถา หิ ตานิ กปฺปฏฺิติกานิ โหนฺติ. เตนาห ‘‘กปฺปฏฺายิโน’’ติ. เตสนฺติ วิมานานํ. เอตํ ยถาวุตฺตวิมานวตฺถุํ ตาสํ อจฺฉรานํ สมฺปตฺตึ, ตสฺส จ การณํ อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา ชานาติ. ปาทงฺคุฏฺเน กมฺปยีติ ปุพฺพาราเม วิสาขาย มหาอุปาสิกาย การิตํ สหสฺสคพฺภปฏิมณฺฑิตมหาปาสาทํ อตฺตโน ปาทงฺคุฏฺเน กมฺเปสิ. เตนาห ‘‘อิทํ ปาสาทกมฺปนสุตฺเตน ทีเปตพฺพ’’นฺติ. อิทนฺติ ‘‘โย เวชยนฺต’’นฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถชาตํ จูฬตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติสุตฺเตเนว (ม. นิ. ๑.๓๙๓) ทีเปตพฺพํ.
ตสฺส พฺรหฺมคณสฺส ตถาจินฺตนสมนนฺตรเมว ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก สุธมฺมํ พฺรหฺมสภํ คนฺตฺวา. เตปีติ มหาโมคฺคลฺลานาทโย. ปจฺเจกํ ทิสาสูติ ¶ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปุรตฺถิมทิสายํ, มหากสฺสปตฺเถโร ทกฺขิณทิสายํ, มหากปฺปินตฺเถโร ปจฺฉิมทิสายํ, อนุรุทฺธตฺเถโร อุตฺตรทิสายนฺติ เอวํ จตฺตาโร เถรา พฺรหฺมปริสมตฺถเก มชฺเฌ นิสินฺนสฺส ภควโต สมนฺตโต จตุทฺทิสา นิสีทึสุ. คาถา วุตฺตาติ ‘‘โย พฺรหฺมํ ปริปุจฺฉตี’’ติ คาถา วุตฺตา. อฺตรพฺรหฺมสุตฺเตนาติ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส พฺรหฺมุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๑๗๖) มหาวคฺเค อาคเตน อฺตรพฺรหฺมสุตฺเตน.
ฌานวิโมกฺเขน ผุสีติ ฌานวิโมกฺขสนฺนิสฺสเยน อภิฺาาเณน ผสฺสยิ. วนนฺติ ชมฺพุทีปํ อผสฺสยีติ สมฺพนฺโธ. ชมฺพุทีโป หิ วนพหุลตาย อิธ ‘‘วน’’นฺติ วุตฺโต. เตนาห ‘‘ชมฺพุสณฺฑสฺส อิสฺสโร’’ติ. ปุพฺพวิเทหานํ ทีปนฺติ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ ทีปํ, ปุพฺพวิเทหทีปนฺติ อตฺโถ. ภูมิสยา นรา นาม อปรโคยานกา อุตฺตรกุรุกา จ. ยสฺมา เต เคหปริคฺคหาภาวโต ภูมิยํเยว สยนฺติ, น ปาสาทาทีสุ. ปฏิลภีติ อุปฺปาเทสิ. เอตํ อาสํ มา อกาสีติ เอสา ยถา ปุพฺเพ ทูสิมารสฺส, เอวํ ตุยฺหํ อาสา ทีฆรตฺตํ อนตฺถาวหา, ตสฺมา เอทิสํ อาสํ มา อกาสีติ มารสฺส โอวาทํ อทาสิ. เสสํ สพฺพตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มารตชฺชนียสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ จูฬยมกวคฺควณฺณนา.
มูลปณฺณาสฏีกา สมตฺตา.
ทุติโย ภาโค นิฏฺิโต.