📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มชฺฌิมนิกาเย
มชฺฌิมปณฺณาสปาฬิ
๑. คหปติวคฺโค
๑. กนฺทรกสุตฺตํ
๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. อถ โข เปสฺโส [เปโย (ก.)] จ หตฺถาโรหปุตฺโต กนฺทรโก จ ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. กนฺทรโก ปน ปริพฺพาชโก ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ [สาราณียํ (สี. สฺยา. กํ ปี.)] วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข กนฺทรโก ปริพฺพาชโก ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ ¶ , โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม, ยาวฺจิทํ โภตา โคตเมน ¶ สมฺมา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปาทิโต! เยปิ เต, โภ โคตม, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต เอตปรมํเยว สมฺมา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิปาเทสุํ – เสยฺยถาปิ เอตรหิ โภตา โคตเมน สมฺมา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปาทิโต. เยปิ เต, โภ โคตม, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต เอตปรมํเยว สมฺมา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิปาเทสฺสนฺติ – เสยฺยถาปิ เอตรหิ โภตา โคตเมน สมฺมา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปาทิโต’’ติ.
๒. ‘‘เอวเมตํ ¶ , กนฺทรก, เอวเมตํ, กนฺทรก. เยปิ เต, กนฺทรก, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต เอตปรมํเยว สมฺมา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิปาเทสุํ – เสยฺยถาปิ เอตรหิ มยา สมฺมา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปาทิโต. เยปิ เต, กนฺทรก, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต เอตปรมํเยว สมฺมา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิปาเทสฺสนฺติ – เสยฺยถาปิ เอตรหิ มยา สมฺมา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปาทิโต.
‘‘สนฺติ หิ, กนฺทรก, ภิกฺขู อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ อรหนฺโต ขีณาสวา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทฺา วิมุตฺตา. สนฺติ หิ, กนฺทรก, ภิกฺขู อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ เสกฺขา สนฺตตสีลา สนฺตตวุตฺติโน นิปกา นิปกวุตฺติโน; เต จตูสุ [นิปกวุตฺติโน จตูสุ (สี.)] สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา [สุปฏฺิตจิตฺตา (สี. ปี. ก.)] วิหรนฺติ. กตเมสุ จตูสุ? อิธ, กนฺทรก, ภิกฺขุ ¶ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก ¶ อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺส’’นฺติ.
๓. เอวํ วุตฺเต, เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุปฺตฺตา จิเม, ภนฺเต, ภควตา จตฺตาโร สติปฏฺานา สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ [โสกปริทฺทวานํ (สี. ปี.)] สมติกฺกมาย ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย. มยมฺปิ หิ, ภนฺเต, คิหี โอทาตวสนา กาเลน กาลํ อิเมสุ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ ¶ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา วิหราม. อิธ มยํ, ภนฺเต, กาเย กายานุปสฺสิโน วิหราม อาตาปิโน สมฺปชานา สติมนฺโต, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; เวทนาสุ เวทนานุปสฺสิโน วิหราม อาตาปิโน สมฺปชานา สติมนฺโต, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; จิตฺเต ¶ จิตฺตานุปสฺสิโน วิหราม อาตาปิโน สมฺปชานา สติมนฺโต, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสิโน วิหราม อาตาปิโน สมฺปชานา สติมนฺโต, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวฺจิทํ, ภนฺเต, ภควา เอวํ มนุสฺสคหเน เอวํ มนุสฺสกสเฏ เอวํ มนุสฺสสาเยฺเย ¶ วตฺตมาเน สตฺตานํ หิตาหิตํ ชานาติ. คหนฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ มนุสฺสา; อุตฺตานกฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ปสโว. อหฺหิ, ภนฺเต, ปโหมิ หตฺถิทมฺมํ สาเรตุํ. ยาวตเกน อนฺตเรน จมฺปํ คตาคตํ กริสฺสติ สพฺพานิ ตานิ สาเยฺยานิ กูเฏยฺยานิ วงฺเกยฺยานิ ชิมฺเหยฺยานิ ปาตุกริสฺสติ. อมฺหากํ ปน, ภนฺเต, ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา อฺถาว กาเยน สมุทาจรนฺติ อฺถาว วาจาย อฺถาว เนสํ จิตฺตํ โหติ. อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวฺจิทํ, ภนฺเต, ภควา เอวํ มนุสฺสคหเน เอวํ มนุสฺสกสเฏ เอวํ มนุสฺสสาเยฺเย วตฺตมาเน สตฺตานํ หิตาหิตํ ชานาติ. คหนฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ มนุสฺสา; อุตฺตานกฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ปสโว’’ติ.
๔. ‘‘เอวเมตํ, เปสฺส, เอวเมตํ, เปสฺส. คหนฺเหตํ ¶ , เปสฺส, ยทิทํ มนุสฺสา; อุตฺตานกฺเหตํ, เปสฺส, ยทิทํ ปสโว. จตฺตาโรเม, เปสฺส, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อิธ, เปสฺส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; อิธ ปน, เปสฺส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปรนฺตโป โหติ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; อิธ ปน, เปสฺส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ¶ ; อิธ ปน, เปสฺส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป โหติ นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต [สีติภูโต (สี. ปี. ก.)] สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อิเมสํ, เปสฺส, จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ กตโม เต ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธตี’’ติ?
‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, อยํ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ ¶ นาราเธติ. โยปายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ¶ , อยมฺปิ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, อยมฺปิ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โย จ โข อยํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ – อยเมว [อยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เม ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธตี’’ติ.
๕. ‘‘กสฺมา ปน เต, เปสฺส, อิเม ตโย ปุคฺคลา จิตฺตํ นาราเธนฺตี’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อตฺตานํ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ อาตาเปติ ปริตาเปติ – อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล ¶ จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส ปรํ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ อาตาเปติ ปริตาเปติ – อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อตฺตานฺจ ปรฺจ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ [สุขกาเม ทุกฺขปฏิกฺกูเล (สี. ปี.)] อาตาเปติ ปริตาเปติ – อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โย จ ¶ โข อยํ, ภนฺเต, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา [วิหรติ. อิมินา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิหรติ; โส อตฺตานฺจ ปรฺจ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ เนว อาตาเปติ น ปริตาเปติ – อิมินา [วิหรติ. อิมินา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธติ. หนฺท, จ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, เปสฺส, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
๖. อถ ¶ โข ภควา อจิรปกฺกนฺเต เปสฺเส หตฺถาโรหปุตฺเต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต; มหาปฺโ, ภิกฺขเว, เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต. สเจ, ภิกฺขเว, เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต มุหุตฺตํ นิสีเทยฺย ยาวสฺสาหํ อิเม จตฺตาโร ปุคฺคเล วิตฺถาเรน วิภชิสฺสามิ [วิภชามิ (สี. ปี.)], มหตา อตฺเถน สํยุตฺโต อภวิสฺส. อปิ จ, ภิกฺขเว, เอตฺตาวตาปิ ¶ เปสฺโส หตฺถาโรหปุตฺโต มหตา อตฺเถน สํยุตฺโต’’ติ. ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล, เอตสฺส, สุคต, กาโล, ยํ ¶ ภควา อิเม จตฺตาโร ปุคฺคเล วิตฺถาเรน วิภเชยฺย. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
๗. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร หตฺถาปเลขโน [หตฺถาวเลขโน (สฺยา. กํ.)] นเอหิภทฺทนฺติโก นติฏฺภทฺทนฺติโก [นเอหิภทนฺติโก, นติฏฺภทนฺติโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; นาภิหฏํ น อุทฺทิสฺสกตํ น นิมนฺตนํ สาทิยติ; โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหาติ น กโฬปิมุขา [ขโฬปิมุโข (สี.)] ปฏิคฺคณฺหาติ น เอฬกมนฺตรํ น ทณฺฑมนฺตรํ น มุสลมนฺตรํ น ทฺวินฺนํ ภฺุชมานานํ น คพฺภินิยา น ปายมานาย น ปุริสนฺตรคตาย น สงฺกิตฺตีสุ น ยตฺถ สา อุปฏฺิโต โหติ น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี; น มจฺฉํ น มํสํ น สุรํ น เมรยํ น ถุโสทกํ ปิวติ. โส เอกาคาริโก วา โหติ เอกาโลปิโก, ทฺวาคาริโก วา โหติ ทฺวาโลปิโก…เป… สตฺตาคาริโก วา โหติ สตฺตาโลปิโก; เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปติ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ…เป… สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ; เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ, ทฺวีหิกมฺปิ ¶ อาหารํ อาหาเรติ…เป… สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ – อิติ เอวรูปํ อฑฺฒมาสิกํ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. โส ¶ สากภกฺโข วา โหติ, สามากภกฺโข วา โหติ, นีวารภกฺโข วา โหติ, ททฺทุลภกฺโข วา โหติ, หฏภกฺโข วา โหติ, กณภกฺโข วา โหติ, อาจามภกฺโข วา โหติ, ปิฺากภกฺโข วา โหติ, ติณภกฺโข วา โหติ, โคมยภกฺโข วา ¶ โหติ; วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชี. โส สาณานิปิ ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรติ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรติ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรติ, ติรีฏานิปิ ธาเรติ, อชินมฺปิ ธาเรติ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรติ, กุสจีรมฺปิ ธาเรติ, วากจีรมฺปิ ธาเรติ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรติ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, วาฬกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, อุลูกปกฺขมฺปิ ธาเรติ; เกสมสฺสุโลจโกปิ โหติ, เกสมสฺสุโลจนานุโยคมนุยุตฺโต, อุพฺภฏฺโกปิ โหติ อาสนปฏิกฺขิตฺโต, อุกฺกุฏิโกปิ โหติ อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุตฺโต, กณฺฏกาปสฺสยิโกปิ โหติ กณฺฏกาปสฺสเย เสยฺยํ กปฺเปติ [ปสฺส ม. นิ. ๑.๑๕๕ มหาสีหนาทสุตฺเต]; สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ – อิติ ¶ เอวรูปํ อเนกวิหิตํ กายสฺส อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
๘. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล โอรพฺภิโก โหติ สูกริโก สากุณิโก มาควิโก ลุทฺโท มจฺฉฆาตโก โจโร โจรฆาตโก โคฆาตโก พนฺธนาคาริโก เย วา ปนฺเปิ เกจิ กุรูรกมฺมนฺตา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
๙. ‘‘กตโม ¶ จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ราชา วา โหติ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต พฺราหฺมโณ วา มหาสาโล. โส ปุรตฺถิเมน นครสฺส นวํ สนฺถาคารํ [สนฺธาคารํ (ฏีกา)] การาเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ขราชินํ นิวาเสตฺวา สปฺปิเตเลน กายํ อพฺภฺชิตฺวา มควิสาเณน ปิฏฺึ กณฺฑุวมาโน นวํ สนฺถาคารํ ปวิสติ สทฺธึ มเหสิยา พฺราหฺมเณน จ ปุโรหิเตน. โส ตตฺถ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา หริตุปลิตฺตาย เสยฺยํ กปฺเปติ. เอกิสฺสาย คาวิยา สรูปวจฺฉาย ยํ เอกสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ ¶ เตน ราชา ยาเปติ, ยํ ทุติยสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน มเหสี ยาเปติ, ยํ ตติยสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต ยาเปติ ¶ , ยํ จตุตฺถสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน อคฺคึ ชุหติ, อวเสเสน วจฺฉโก ยาเปติ. โส เอวมาห – ‘เอตฺตกา อุสภา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา วจฺฉตรา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา วจฺฉตริโย หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา อชา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา อุรพฺภา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, (เอตฺตกา อสฺสา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย) [( ) นตฺถิ สี. ปี. โปตฺถเกสุ], เอตฺตกา รุกฺขา ฉิชฺชนฺตุ ยูปตฺถาย, เอตฺตกา ทพฺภา ลูยนฺตุ พริหิสตฺถายา’ติ [ปริหึ สตฺถาย (ก.)]. เยปิสฺส เต โหนฺติ ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา เตปิ ทณฺฑตชฺชิตา ¶ ภยตชฺชิตา อสฺสุมุขา รุทมานา ปริกมฺมานิ กโรนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
๑๐. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต ¶ สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ? อิธ, ภิกฺขเว, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อฺตรสฺมึ วา กุเล ปจฺจาชาโต. โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ. โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ ¶ . โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย, มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย, อปฺปํ ¶ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย ¶ , มหนฺตํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา, กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ.
๑๑. ‘‘โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ, ลชฺชี ทยาปนฺโน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ. อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ ทินฺนาทายี ทินฺนปาฏิกงฺขี, อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหติ อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา. มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ เถโต ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺส. ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, อิโต สุตฺวา น อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทาย – อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที สมคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตา โหติ. ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ. สมฺผปฺปลาปํ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที ¶ วินยวาที, นิธานวตึ ¶ วาจํ ภาสิตา กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิตํ. โส พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหติ, เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา; นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต โหติ; มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ; อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฏิวิรโต โหติ; ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; อามกธฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; อามกมํสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; อิตฺถิกุมาริกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; ทาสิทาสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; อเชฬกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; กุกฺกุฏสูกรปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; หตฺถิควสฺสวฬวปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; เขตฺตวตฺถุปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ; ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฏิวิรโต โหติ; กยวิกฺกยา ปฏิวิรโต ¶ โหติ; ตุลากูฏกํสกูฏมานกูฏา ปฏิวิรโต ¶ โหติ; อุกฺโกฏนวฺจนนิกติสาจิโยคา [สาวิโยคา (สฺยา. กํ. ก.) สาจิ กุฏิลปริยาโย] ปฏิวิรโต โหติ; เฉทนวธพนฺธนวิปราโมสอาโลปสหสาการา ปฏิวิรโต โหติ [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๙๓ จูฬหตฺถิปโทปเม].
‘‘โส สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ, สมาทาเยว ปกฺกมติ. เสยฺยถาปิ นาม ปกฺขี สกุโณ เยน เยเนว เฑติ, สปตฺตภาโรว เฑติ; เอวเมว ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ, สมาทาเยว ปกฺกมติ ¶ . โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อนวชฺชสุขํ ปฏิสํเวเทติ.
๑๒. ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย ¶ สํวรํ อาปชฺชติ. โส อิมินา อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อพฺยาเสกสุขํ ปฏิสํเวเทติ.
‘‘โส อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ, สมิฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี โหติ, คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติ.
๑๓. ‘‘โส ¶ อิมินา จ อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต, (อิมาย จ อริยาย สนฺตุฏฺิยา สมนฺนาคโต,) [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๙๖ จูฬหตฺถิปโทปเม] อิมินา จ อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต, อิมินา จ อริเยน สติสมฺปชฺเน ¶ สมนฺนาคโต วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส ¶ อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ, พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ; ถีนมิทฺธํ ปหาย วิคตถีนมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสฺี สโต สมฺปชาโน, ถีนมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ; วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติ.
‘‘โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ¶ ; สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส ¶ จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
๑๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ¶ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, ¶ โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.
๑๕. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน ¶ หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ.
๑๖. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ¶ ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ ¶ . ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส ¶ เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ¶ . โส อตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรตี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
กนฺทรกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.
๒. อฏฺกนาครสุตฺตํ
๑๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท เวสาลิยํ วิหรติ เพลุวคามเก [เวฬุวคามเก (สฺยา. กํ. ก.)]. เตน โข ปน สมเยน ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร ปาฏลิปุตฺตํ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร เยน กุกฺกุฏาราโม เยน อฺตโร ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กหํ นุ โข, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท เอตรหิ วิหรติ? ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ อายสฺมนฺตํ อานนฺท’’นฺติ. ‘‘เอโส, คหปติ, อายสฺมา อานนฺโท เวสาลิยํ วิหรติ เพลุวคามเก’’ติ. อถ โข ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร ปาฏลิปุตฺเต ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา เยน เวสาลี เยน เพลุวคามโก เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
๑๘. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, เตน ภควตา ¶ ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตฺเจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ ¶ , อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ?
‘‘อตฺถิ โข, คหปติ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต ยตฺถ ¶ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตฺเจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต อานนฺท, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม ¶ อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตฺเจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ?
๑๙. ‘‘อิธ, คหปติ, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ ปมํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ. โน เจ อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ, เตเนว ธมฺมราเคน ตาย ธมฺมนนฺทิยา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อยมฺปิ โข, คหปติ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส ¶ วิหรโต อวิมุตฺตฺเจว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
๒๐. ‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ โข ทุติยํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ… ¶ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน ¶ ¶ จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา…เป… ¶ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ โข ตติยํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ…เป… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ¶ …เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อิทมฺปิ โข จตุตฺถํ ฌานํ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ [จตุตฺถึ (สี. ปี.)]. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน [อพฺยาปชฺเฌน (สี. สฺยา. ปี.), อพฺยาปชฺเชน (ก.) องฺคุตฺตรติกนิปาตฏีกา โอโลเกตพฺพา] ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ อภิสงฺขตา อภิสฺเจตยิตา. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต…เป… ¶ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข อุเปกฺขาเจโตวิมุตฺติ อภิสงฺขตา อภิสฺเจตยิตา. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ¶ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข อากาสานฺจายตนสมาปตฺติ อภิสงฺขตา อภิสฺเจตยิตา. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ ¶ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต…เป… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติ อภิสงฺขตา อภิสฺเจตยิตา. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต…เป… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, ภิกฺขุ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยมฺปิ โข อากิฺจฺายตนสมาปตฺติ อภิสงฺขตา อภิสฺเจตยิตา. ยํ โข ปน กิฺจิ อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตํ ตทนิจฺจํ นิโรธธมฺม’นฺติ ปชานาติ. โส ตตฺถ ิโต อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ. โน เจ อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ, เตเนว ธมฺมราเคน ตาย ธมฺมนนฺทิยา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อยมฺปิ โข, คหปติ, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตฺเจว ¶ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ.
๒๑. เอวํ วุตฺเต, ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต อานนฺท, ปุริโส เอกํว นิธิมุขํ คเวสนฺโต สกิเทว เอกาทส นิธิมุขานิ ¶ ¶ อธิคจฺเฉยฺย; เอวเมว โข อหํ, ภนฺเต, เอกํ อมตทฺวารํ คเวสนฺโต สกิเทว [สกึ เทว (ก.)] เอกาทส อมตทฺวารานิ อลตฺถํ ภาวนาย. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ปุริสสฺส อคารํ เอกาทสทฺวารํ, โส ตสฺมึ อคาเร อาทิตฺเต เอกเมเกนปิ ทฺวาเรน สกฺกุเณยฺย ¶ อตฺตานํ โสตฺถึ กาตุํ; เอวเมว โข อหํ, ภนฺเต, อิเมสํ เอกาทสนฺนํ อมตทฺวารานํ เอกเมเกนปิ อมตทฺวาเรน สกฺกุณิสฺสามิ อตฺตานํ โสตฺถึ กาตุํ. อิเมหิ นาม, ภนฺเต, อฺติตฺถิยา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสิสฺสนฺติ, กิมงฺคํ [กึ (สี. ปี.)] ปนาหํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปูชํ น กริสฺสามี’’ติ ¶ ! อถ โข ทสโม คหปติ อฏฺกนาคโร ปาฏลิปุตฺตกฺจ เวสาลิกฺจ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ, เอกเมกฺจ ภิกฺขุํ ปจฺเจกํ ทุสฺสยุเคน อจฺฉาเทสิ, อายสฺมนฺตฺจ อานนฺทํ ติจีวเรน อจฺฉาเทสิ, อายสฺมโต จ อานนฺทสฺส ปฺจสตวิหารํ การาเปสีติ.
อฏฺกนาครสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.
๓. เสขสุตฺตํ
๒๒. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม. เตน โข ปน สมเยน กาปิลวตฺถวานํ [กปิลวตฺถุวาสีนํ (ก.)] สกฺยานํ นวํ สนฺถาคารํ อจิรการิตํ โหติ อนชฺฌาวุฏฺํ [อนชฺฌาวุตฺถํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตน. อถ โข กาปิลวตฺถวา สกฺยา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข กาปิลวตฺถวา สกฺยา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, กาปิลวตฺถวานํ สกฺยานํ นวํ สนฺถาคารํ อจิรการิตํ [อจิรการิตํ โหติ (สฺยา. กํ. ก.)] อนชฺฌาวุฏฺํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตน. ตํ, ภนฺเต, ภควา ปมํ ปริภฺุชตุ. ภควตา ปมํ ปริภุตฺตํ ปจฺฉา กาปิลวตฺถวา สกฺยา ปริภฺุชิสฺสนฺติ. ตทสฺส กาปิลวตฺถวานํ สกฺยานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ ¶ . อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข กาปิลวตฺถวา สกฺยา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน นวํ สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา สพฺพสนฺถรึ สนฺถาคารํ [สพฺพสนฺถรึ สนฺถตํ (ก.)] สนฺถริตฺวา อาสนานิ ปฺเปตฺวา อุทกมณิกํ อุปฏฺเปตฺวา เตลปฺปทีปํ อาโรเปตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ ¶ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข กาปิลวตฺถวา สกฺยา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘สพฺพสนฺถรึ สนฺถตํ, ภนฺเต, สนฺถาคารํ, อาสนานิ ปฺตฺตานิ, อุทกมณิโก อุปฏฺาปิโต, เตลปฺปทีโป อาโรปิโต. ยสฺสทานิ, ภนฺเต ¶ , ภควา กาลํ มฺตี’’ติ. อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา สนฺถาคารํ ปวิสิตฺวา มชฺฌิมํ ถมฺภํ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข ปาเท ปกฺขาเลตฺวา สนฺถาคารํ ปวิสิตฺวา ปจฺฉิมํ ภิตฺตึ นิสฺสาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิ, ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวา. กาปิลวตฺถวาปิ โข สกฺยา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา สนฺถาคารํ ปวิสิตฺวา ปุรตฺถิมํ ภิตฺตึ นิสฺสาย ปจฺฉิมาภิมุขา นิสีทึสุ, ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวา. อถ โข ภควา กาปิลวตฺถเว สกฺเย พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, อานนฺท, กาปิลวตฺถวานํ สกฺยานํ เสโข ปาฏิปโท [ปฏิปโท (สฺยา. กํ. ก.)]. ปิฏฺิ ¶ เม อาคิลายติ; ตมหํ อายมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข ภควา จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ, ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย, สโต สมฺปชาโน, อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา.
๒๓. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท มหานามํ สกฺกํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิธ ¶ , มหานาม, อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหติ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, โภชเน มตฺตฺู โหติ, ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ, จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี.
๒๔. ‘‘กถฺจ, มหานาม ¶ , อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหติ.
‘‘กถฺจ, มหานาม, อริยสาวโก อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ¶ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ ¶ . เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ.
‘‘กถฺจ, มหานาม, อริยสาวโก โภชเน มตฺตฺู โหติ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ – ‘เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย; ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนาย วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย ¶ . อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’ติ. เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก โภชเน มตฺตฺู โหติ.
‘‘กถฺจ, มหานาม, อริยสาวโก ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ, ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย, สโต สมฺปชาโน, อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา, รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฏฺาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ. เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ.
๒๕. ‘‘กถฺจ, มหานาม, อริยสาวโก ¶ สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ¶ สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. หิริมา โหติ, หิรียติ กายทุจฺจริเตน วจีทุจฺจริเตน มโนทุจฺจริเตน, หิรียติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา. โอตฺตปฺปี โหติ, โอตฺตปฺปติ กายทุจฺจริเตน ¶ วจีทุจฺจริเตน มโนทุจฺจริเตน, โอตฺตปฺปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา. พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย. เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถา สพฺยฺชนา เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา [พหู สุตา (?)] โหนฺติ ธาตา [ธตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. สติมา โหติ, ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา. ปฺวา โหติ, อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต, อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ.
๒๖. ‘‘กถฺจ ¶ , มหานาม, อริยสาวโก จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ, สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรติ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; ปีติยา จ วิราคา…เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวํ โข, มหานาม, อริยสาวโก จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี.
๒๗. ‘‘ยโต โข, มหานาม, อริยสาวโก เอวํ สีลสมฺปนฺโน โหติ, เอวํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, เอวํ โภชเน มตฺตฺู โหติ, เอวํ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, เอวํ สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ¶ โหติ, เอวํ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก เสโข ปาฏิปโท อปุจฺจณฺฑตาย ¶ สมาปนฺโน, ภพฺโพ อภินิพฺภิทาย, ภพฺโพ สมฺโพธาย, ภพฺโพ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมาย. เสยฺยถาปิ, มหานาม, กุกฺกุฏิยา อณฺฑานิ อฏฺ วา ทส วา ทฺวาทส วา ตานาสฺสุ กุกฺกุฏิยา สมฺมา อธิสยิตานิ สมฺมา ปริเสทิตานิ สมฺมา ปริภาวิตานิ, กิฺจาปิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา น ¶ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วติเม กุกฺกุฏโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺเชยฺยุ’นฺติ, อถ โข ภพฺพาว เต กุกฺกุฏโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺชิตุํ. เอวเมว โข, มหานาม, ยโต อริยสาวโก เอวํ สีลสมฺปนฺโน โหติ, เอวํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, เอวํ โภชเน มตฺตฺู โหติ, เอวํ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, เอวํ สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ, เอวํ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อยํ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก เสโข ปาฏิปโท อปุจฺจณฺฑตาย สมาปนฺโน ¶ , ภพฺโพ อภินิพฺภิทาย, ภพฺโพ สมฺโพธาย, ภพฺโพ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมาย.
๒๘. ‘‘ส โข โส, มหานาม, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, อยมสฺส ปมาภินิพฺภิทา โหติ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหา.
‘‘ส โข โส, มหานาม, อริยสาวโก อิมํเย อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ, อยมสฺส ทุติยาภินิพฺภิทา โหติ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหา.
‘‘ส โข โส, มหานาม, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรติ, อยมสฺส ตติยาภินิพฺภิทา โหติ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหา.
๒๙. ‘‘ยมฺปิ ¶ [ยมฺปิ โข (ก.)], มหานาม, อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก โภชเน มตฺตฺู โหติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ.
‘‘ยฺจ โข, มหานาม, อริยสาวโก อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ ¶ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, อิทมฺปิสฺส โหติ วิชฺชาย; ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ, อิทมฺปิสฺส โหติ วิชฺชาย. ยมฺปิ, มหานาม, อริยสาวโก อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อิทมฺปิสฺส โหติ วิชฺชาย.
‘‘อยํ ¶ วุจฺจติ, มหานาม, อริยสาวโก วิชฺชาสมฺปนฺโน อิติปิ จรณสมฺปนฺโน อิติปิ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน อิติปิ.
๓๐. ‘‘พฺรหฺมุนาเปสา, มหานาม, สนงฺกุมาเรน คาถา ภาสิตา –
‘ขตฺติโย เสฏฺโ ชเนตสฺมึ, เย โคตฺตปฏิสาริโน;
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, โส เสฏฺโ เทวมานุเส’ติ.
‘‘สา โข ปเนสา, มหานาม, พฺรหฺมุนา สนงฺกุมาเรน คาถา สุคีตา โน ทุคฺคีตา, สุภาสิตา โน ทุพฺภาสิตา, อตฺถสํหิตา โน อนตฺถสํหิตา, อนุมตา ภควตา’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา อุฏฺหิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘สาธุ สาธุ, อานนฺท, สาธุ โข ตฺวํ, อานนฺท, กาปิลวตฺถวานํ สกฺยานํ เสขํ ปาฏิปทํ อภาสี’’ติ.
อิทมโวจายสฺมา ¶ อานนฺโท. สมนฺุโ สตฺถา อโหสิ. อตฺตมนา กาปิลวตฺถวา สกฺยา อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
เสขสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.
๔. โปตลิยสุตฺตํ
๓๑. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา องฺคุตฺตราเปสุ วิหรติ อาปณํ นาม องฺคุตฺตราปานํ นิคโม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อาปณํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อาปเณ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยนฺตโร วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา [อชฺโฌคเหตฺวา (สี. สฺยา. กํ.), อชฺโฌคาหิตฺวา (ปี. ก.)] อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. โปตลิโยปิ โข คหปติ สมฺปนฺนนิวาสนปาวุรโณ [ปาปุรโณ (สี. สฺยา. กํ.)] ฉตฺตุปาหนาหิ [ฉตฺตุปาหโน (ก.)] ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน โส วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข โปตลิยํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, คหปติ, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, โปตลิโย คหปติ ‘‘คหปติวาเทน มํ สมโณ โคตโม สมุทาจรตี’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข ภควา…เป… ¶ ตติยมฺปิ โข ภควา โปตลิยํ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, คหปติ, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา’’ติ. ‘‘เอวํ วุตฺเต, โปตลิโย คหปติ คหปติวาเทน มํ สมโณ โคตโม สมุทาจรตี’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ตยิทํ, โภ ¶ โคตม, นจฺฉนฺนํ, ตยิทํ นปฺปติรูปํ, ยํ มํ ตฺวํ คหปติวาเทน สมุทาจรสี’’ติ. ‘‘เต หิ เต, คหปติ, อาการา, เต ลิงฺคา ¶ , เต นิมิตฺตา ยถา ตํ คหปติสฺสา’’ติ. ‘‘ตถา หิ ปน เม, โภ โคตม, สพฺเพ กมฺมนฺตา ปฏิกฺขิตฺตา, สพฺเพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน เต, คหปติ, สพฺเพ กมฺมนฺตา ปฏิกฺขิตฺตา, สพฺเพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ โคตม, ยํ อโหสิ ธนํ วา ธฺํ วา รชตํ วา ชาตรูปํ วา สพฺพํ ตํ ปุตฺตานํ ทายชฺชํ นิยฺยาตํ, ตตฺถาหํ อโนวาที อนุปวาที ฆาสจฺฉาทนปรโม วิหรามิ. เอวํ โข เม [เอวฺจ เม (สฺยา.), เอวํ เม (ก.)], โภ โคตม, สพฺเพ กมฺมนฺตา ปฏิกฺขิตฺตา, สพฺเพ โวหารา สมุจฺฉินฺนา’’ติ. ‘‘อฺถา โข ตฺวํ, คหปติ, โวหารสมุจฺเฉทํ วทสิ, อฺถา จ ปน อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉโท โหตี’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉโท โหติ? สาธุ เม, ภนฺเต ¶ , ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉโท ¶ โหตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ.
๓๒. ภควา เอตทโวจ – ‘‘อฏฺ โข อิเม, คหปติ, ธมฺมา อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺติ. กตเม อฏฺ? อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตพฺโพ; ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพํ; สจฺจวาจํ [สจฺจํ วาจํ (สฺยา.)] นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตพฺโพ; อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา; อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตพฺโพ; อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตพฺโพ; อกฺโกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตพฺโพ; อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตพฺโพ. อิเม โข, คหปติ, อฏฺ ธมฺมา สํขิตฺเตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน อวิภตฺตา, อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ‘‘เย เม [เย เม ปน (สฺยา. ก.)], ภนฺเต, ภควตา อฏฺ ธมฺมา สํขิตฺเตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน อวิภตฺตา, อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺติ, สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา อิเม อฏฺ ธมฺเม วิตฺถาเรน [วิตฺถาเรตฺวา (ก.)] วิภชตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ‘‘เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
๓๓. ‘‘‘อปาณาติปาตํ ¶ ¶ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ ¶ ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ ปาณาติปาตี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว [อหฺเจ (?)] โข ปน ปาณาติปาตี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย ปาณาติปาตปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู [อนุวิจฺจ วิฺู (สี. สฺยา. ปี.)] ครเหยฺยุํ ปาณาติปาตปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา ปาณาติปาตปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ ปาณาติปาโต. เย จ ปาณาติปาตปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปาณาติปาตา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อปาณาติปาตํ นิสฺสาย ปาณาติปาโต ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
๓๔. ‘‘‘ทินฺนาทานํ ¶ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพ’นฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ อทินฺนาทายี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน อทินฺนาทายี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย อทินฺนาทานปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ อทินฺนาทานปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา อทินฺนาทานปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ อทินฺนาทานํ. เย จ อทินฺนาทานปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา อทินฺนาทานา ¶ ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘ทินฺนาทานํ นิสฺสาย อทินฺนาทานํ ปหาตพฺพ’นฺติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
๓๕. ‘‘‘สจฺจวาจํ นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ มุสาวาที อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน มุสาวาที อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย มุสาวาทปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ มุสาวาทปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา มุสาวาทปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ ¶ มุสาวาโท ¶ . เย จ มุสาวาทปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มุสาวาทา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘สจฺจวาจํ นิสฺสาย มุสาวาโท ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
๓๖. ‘‘‘อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ ปิสุณวาโจ อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน ปิสุณวาโจ อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย ปิสุณวาจาปจฺจยา ¶ , อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ ปิสุณวาจาปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา ปิสุณวาจาปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ ปิสุณา วาจา. เย จ ปิสุณวาจาปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปิสุณาย ¶ วาจาย ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อปิสุณํ วาจํ นิสฺสาย ปิสุณา วาจา ปหาตพฺพา’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
๓๗. ‘‘‘อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ คิทฺธิโลภี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน คิทฺธิโลภี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย คิทฺธิโลภปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ คิทฺธิโลภปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา คิทฺธิโลภปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ คิทฺธิโลโภ. เย จ คิทฺธิโลภปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, คิทฺธิโลภา ปฏิวิรตสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อคิทฺธิโลภํ นิสฺสาย คิทฺธิโลโภ ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
๓๘. ‘‘‘อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ¶ ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ นินฺทาโรสี อสฺสํ, เตสาหํ ¶ สํโยชนานํ ปหานาย ¶ สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน นินฺทาโรสี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย นินฺทาโรสปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ นินฺทาโรสปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา นินฺทาโรสปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ นินฺทาโรโส. เย จ นินฺทาโรสปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อนินฺทาโรสิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อนินฺทาโรสํ นิสฺสาย นินฺทาโรโส ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
๓๙. ‘‘‘อกฺโกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ โกธูปายาสี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน โกธูปายาสี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย โกธูปายาสปจฺจยา ¶ , อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ โกธูปายาสปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา โกธูปายาสปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ โกธูปายาโส. เย จ โกธูปายาสปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อกฺโกธูปายาสิสฺส ¶ เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อกฺโกธูปายาสํ นิสฺสาย โกธูปายาโส ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
๔๐. ‘‘‘อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตพฺโพ’ติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เยสํ โข อหํ สํโยชนานํ เหตุ อติมานี อสฺสํ, เตสาหํ สํโยชนานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย ปฏิปนฺโน. อหฺเจว โข ปน อติมานี อสฺสํ, อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺย อติมานปจฺจยา, อนุวิจฺจาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุํ อติมานปจฺจยา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา อติมานปจฺจยา. เอตเทว โข ปน สํโยชนํ เอตํ นีวรณํ ยทิทํ อติมาโน. เย จ อติมานปจฺจยา อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อนติมานิสฺส เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ’. ‘อนติมานํ นิสฺสาย อติมาโน ปหาตพฺโพ’ติ – อิติ ยนฺตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
๔๑. ‘‘อิเม ¶ ¶ โข, คหปติ, อฏฺ ธมฺมา สํขิตฺเตน วุตฺตา, วิตฺถาเรน วิภตฺตา [อวิภตฺตา (สฺยา. ก.)], เย อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทาย สํวตฺตนฺติ; น ตฺเวว ตาว อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหตี’’ติ.
‘‘ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหติ? สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส ¶ วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, คหปติ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โปตลิโย คหปติ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
กามาทีนวกถา
๔๒. ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , คหปติ, กุกฺกุโร ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต โคฆาตกสูนํ ปจฺจุปฏฺิโต อสฺส. ตเมนํ ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา อฏฺิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํ อุปสุมฺเภยฺย [อุปจฺฉุเภยฺย (สี. ปี.), อุปจฺฉูเภยฺย (สฺยา. กํ.), อุปจฺจุมฺเภยฺย (ก.)]. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อปิ นุ โข โส กุกฺกุโร อมุํ อฏฺิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํ ปเลหนฺโต ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยํ ปฏิวิเนยฺยา’’ติ?
‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?
‘‘อทฺุหิ, ภนฺเต, อฏฺิกงฺกลํ สุนิกฺกนฺตํ นิกฺกนฺตํ นิมฺมํสํ โลหิตมกฺขิตํ. ยาวเทว ปน โส กุกฺกุโร กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสาติ. เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา [พหูปายาสา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวชฺเชตฺวา, ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.
๔๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, คิชฺโฌ วา กงฺโก วา กุลโล วา มํสเปสึ ¶ อาทาย อุฑฺฑีเยยฺย [อุฑฺฑเยยฺย (สฺยา. ปี.)]. ตเมนํ คิชฺฌาปิ กงฺกาปิ กุลลาปิ อนุปติตฺวา ¶ อนุปติตฺวา วิตจฺเฉยฺยุํ วิสฺสชฺเชยฺยุํ [วิราเชยฺยุํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, สเจ โส คิชฺโฌ วา กงฺโก วา กุลโล วา ตํ มํสเปสึ น ขิปฺปเมว ปฏินิสฺสชฺเชยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
‘‘เอวเมว ¶ โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวเมตํ ¶ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวชฺเชตฺวา ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.
๔๔. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ อาทาย ปฏิวาตํ คจฺเฉยฺย. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, สเจ โส ปุริโส ตํ อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ น ขิปฺปเมว ปฏินิสฺสชฺเชยฺย ตสฺส สา อาทิตฺตา ติณุกฺกา หตฺถํ วา ทเหยฺย พาหุํ วา ทเหยฺย อฺตรํ วา อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ [ทเหยฺย. อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺค (สี. ปี.)] ทเหยฺย, โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา…เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.
๔๕. ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , คหปติ, องฺคารกาสุ สาธิกโปริสา, ปูรา องฺคารานํ วีตจฺจิกานํ วีตธูมานํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฺปฏิกฺกูโล. ตเมนํ ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุํ อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อปิ นุ โส ปุริโส อิติจิติเจว กายํ สนฺนาเมยฺยา’’ติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?
‘‘วิทิตฺหิ ¶ , ภนฺเต, ตสฺส ปุริสสฺส อิมฺจาหํ องฺคารกาสุํ ปปติสฺสามิ, ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺฉิสฺสามิ มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา…เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.
๔๖. ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , คหปติ, ปุริโส สุปินกํ ปสฺเสยฺย อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณิรามเณยฺยกํ. โส ปฏิพุทฺโธ น กิฺจิ ปฏิปสฺเสยฺย [ปสฺเสยฺย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สุปินกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ…เป… ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.
๔๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส ยาจิตกํ โภคํ ยาจิตฺวา ยานํ ¶ วา [ยานํ (สฺยา. กํ. ปี.)] โปริเสยฺยํ [โปโรเสยฺยํ (สี. ปี. ก.), โอโรเปยฺย (สฺยา. กํ.)] ปวรมณิกุณฺฑลํ. โส เตหิ ยาจิตเกหิ โภเคหิ ปุรกฺขโต ปริวุโต ¶ อนฺตราปณํ ปฏิปชฺเชยฺย. ตเมนํ ชโน ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘โภคี วต, โภ, ปุริโส, เอวํ กิร โภคิโน โภคานิ ภฺุชนฺตี’ติ. ตเมนํ สามิกา ยตฺถ ยตฺเถว ปสฺเสยฺยุํ ตตฺถ ตตฺเถว สานิ หเรยฺยุํ. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อลํ นุ โข ตสฺส ปุริสสฺส อฺถตฺตายา’’ติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?
‘‘สามิโน หิ, ภนฺเต, สานิ หรนฺตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ…เป… ¶ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.
๔๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร ติพฺโพ วนสณฺโฑ. ตตฺรสฺส รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล [อุปฺปนฺนผโล (สฺยา.)] จ, น จสฺสุ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ผลตฺถิโก ผลคเวสี ผลปริเยสนํ จรมาโน. โส ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา ตํ รุกฺขํ ปสฺเสยฺย สมฺปนฺนผลฺจ อุปปนฺนผลฺจ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จ, นตฺถิ จ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิ. ชานามิ โข ปนาหํ รุกฺขํ อาโรหิตุํ [อารุหิตุํ (สี.)]. ยํนูนาหํ อิมํ รุกฺขํ อาโรหิตฺวา ยาวทตฺถฺจ ขาเทยฺยํ อุจฺฉงฺคฺจ ปูเรยฺย’นฺติ. โส ตํ รุกฺขํ อาโรหิตฺวา ยาวทตฺถฺจ ขาเทยฺย อุจฺฉงฺคฺจ ปูเรยฺย. อถ ¶ ทุติโย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ผลตฺถิโก ผลคเวสี ผลปริเยสนํ จรมาโน ติณฺหํ กุารึ [กุธารึ (สฺยา. กํ. ก.)] อาทาย. โส ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา ¶ ตํ รุกฺขํ ปสฺเสยฺย สมฺปนฺนผลฺจ อุปปนฺนผลฺจ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จ, นตฺถิ จ กานิจิ ผลานิ ภูมิยํ ปติตานิ. น โข ปนาหํ ชานามิ รุกฺขํ อาโรหิตุํ. ยํนูนาหํ อิมํ รุกฺขํ มูลโต เฉตฺวา ยาวทตฺถฺจ ขาเทยฺยํ อุจฺฉงฺคฺจ ปูเรยฺย’นฺติ. โส ตํ รุกฺขํ มูลโตว ฉินฺเทยฺย. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อมุโก [อสุ (สี. ปี.)] โย โส ปุริโส ปมํ รุกฺขํ อารูฬฺโห สเจ โส น ขิปฺปเมว โอโรเหยฺย ตสฺส โส รุกฺโข ปปตนฺโต หตฺถํ วา ภฺเชยฺย ปาทํ วา ภฺเชยฺย อฺตรํ วา อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ ภฺเชยฺย, โส ตโตนิทานํ ¶ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
‘‘เอวเมว โข, คหปติ, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา ตํ อภินิวชฺเชตฺวา ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา ยตฺถ สพฺพโส โลกามิสูปาทานา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ ตเมวูเปกฺขํ ภาเวติ.
๔๙. ‘‘ส ¶ โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ ¶ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.
‘‘ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ.
‘‘ส โข โส, คหปติ, อริยสาวโก อิมํเยว อนุตฺตรํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ อาคมฺม อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอตฺตาวตา โข, คหปติ, อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหติ.
๕๐. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, คหปติ, ยถา อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท โหติ, อปิ นุ ตฺวํ เอวรูปํ โวหารสมุจฺเฉทํ อตฺตนิ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โก จาหํ, ภนฺเต, โก จ อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉโท! อารกา อหํ, ภนฺเต, อริยสฺส วินเย สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ โวหารสมุจฺเฉทา. มยฺหิ, ภนฺเต, ปุพฺเพ อฺติตฺถิเย ปริพฺพาชเก อนาชานีเยว สมาเน อาชานียาติ อมฺิมฺห, อนาชานีเยว สมาเน อาชานียโภชนํ โภชิมฺห, อนาชานีเยว สมาเน อาชานียาเน ปิมฺห; ภิกฺขู ปน มยํ, ภนฺเต, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียาติ อมฺิมฺห, อาชานีเยว ¶ สมาเน อนาชานียโภชนํ โภชิมฺห, อาชานีเยว สมาเน อนาชานียาเน ปิมฺห; อิทานิ ปน มยํ, ภนฺเต, อฺติตฺถิเย ¶ ปริพฺพาชเก อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียาติ ชานิสฺสาม, อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียโภชนํ โภเชสฺสาม, อนาชานีเยว สมาเน อนาชานียาเน เปสฺสาม. ภิกฺขู ปน มยํ, ภนฺเต, อาชานีเยว สมาเน อาชานียาติ ชานิสฺสาม อาชานีเยว สมาเน อาชานียโภชนํ โภเชสฺสาม, อาชานีเยว สมาเน อาชานียาเน เปสฺสาม. อชเนสิ วต เม, ภนฺเต, ภควา สมเณสุ สมณปฺเปมํ, สมเณสุ สมณปฺปสาทํ, สมเณสุ สมณคารวํ. อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต ¶ ! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โข, ภนฺเต, ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
โปตลิยสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.
๕. ชีวกสุตฺตํ
๕๑. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวเน. อถ โข ชีวโก โกมารภจฺโจ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ ¶ . เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชีวโก โกมารภจฺโจ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต – ‘สมณํ โคตมํ อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺติ [อารมฺภนฺติ (ก.)], ตํ สมโณ โคตโม ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ [อุทฺทิสฺสกฏํ (สี. ปี.)] มํสํ ปริภฺุชติ ปฏิจฺจกมฺม’นฺติ. เย เต, ภนฺเต, เอวมาหํสุ – ‘สมณํ โคตมํ อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺติ, ตํ สมโณ โคตโม ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ มํสํ ปริภฺุชติ ปฏิจฺจกมฺม’นฺติ, กจฺจิ เต, ภนฺเต, ภควโต วุตฺตวาทิโน, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉตี’’ติ?
๕๒. ‘‘เย ¶ เต, ชีวก, เอวมาหํสุ – ‘สมณํ โคตมํ อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺติ, ตํ สมโณ โคตโม ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ มํสํ ปริภฺุชติ ปฏิจฺจกมฺม’นฺติ น เม เต วุตฺตวาทิโน, อพฺภาจิกฺขนฺติ จ มํ เต อสตา อภูเตน. ตีหิ โข อหํ, ชีวก, าเนหิ มํสํ อปริโภคนฺติ วทามิ. ทิฏฺํ, สุตํ, ปริสงฺกิตํ – อิเมหิ โข อหํ, ชีวก ¶ , ตีหิ าเนหิ มํสํ อปริโภคนฺติ วทามิ. ตีหิ โข อหํ, ชีวก, าเนหิ มํสํ ปริโภคนฺติ วทามิ. อทิฏฺํ, อสุตํ, อปริสงฺกิตํ – อิเมหิ โข อหํ, ชีวก, ตีหิ าเนหิ มํสํ ปริโภคนฺติ วทามิ.
๕๓. ‘‘อิธ, ชีวก, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อุปสงฺกมิตฺวา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺเตติ. อากงฺขมาโนว [อากงฺขมาโน (สฺยา. กํ.)], ชีวก, ภิกฺขุ อธิวาเสติ ¶ . โส ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมติ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทติ. ตเมนํ โส คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิสติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘สาธุ วต มายํ [มํ + อยํ = มายํ] คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ¶ ปริวิเสยฺยาติ! อโห วต มายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อายติมฺปิ เอวรูเปน ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิเสยฺยา’ติ – เอวมฺปิสฺส น โหติ. โส ตํ ปิณฺฑปาตํ อคถิโต [อคธิโต (สฺยา. กํ. ก.)] อมุจฺฉิโต อนชฺโฌปนฺโน [อนชฺฌาปนฺโน (สฺยา. กํ. ก.)] อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภฺุชติ. ตํ กึ มฺสิ, ชีวก ¶ , อปิ นุ โส ภิกฺขุ ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธาย วา เจเตติ, ปรพฺยาพาธาย วา เจเตติ, อุภยพฺยาพาธาย วา เจเตตี’’ติ?
‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.
‘‘นนุ โส, ชีวก, ภิกฺขุ ตสฺมึ สมเย อนวชฺชํเยว อาหารํ อาหาเรตี’’ติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต. สุตํ เมตํ, ภนฺเต – ‘พฺรหฺมา เมตฺตาวิหารี’ติ. ตํ เม อิทํ, ภนฺเต, ภควา สกฺขิทิฏฺโ; ภควา หิ, ภนฺเต, เมตฺตาวิหารี’’ติ. ‘‘เยน โข, ชีวก, ราเคน เยน โทเสน ¶ เยน โมเหน พฺยาปาทวา อสฺส โส ราโค โส โทโส โส โมโห ตถาคตสฺส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต [อนภาวกโต (สี. ปี.), อนภาวํคโต (สฺยา. กํ.)] อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. สเจ โข เต, ชีวก, อิทํ สนฺธาย ภาสิตํ อนุชานามิ เต เอต’’นฺติ. ‘‘เอตเทว โข ปน เม, ภนฺเต, สนฺธาย ภาสิตํ’’ [ภาสิตนฺติ (สฺยา.)].
๕๔. ‘‘อิธ, ชีวก, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. โส กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อุปสงฺกมิตฺวา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺเตติ. อากงฺขมาโนว, ชีวก, ภิกฺขุ อธิวาเสติ. โส ¶ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ¶ เยน คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมติ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทติ. ตเมนํ โส คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิสติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘สาธุ วต มายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิเสยฺยาติ! อโห วต มายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อายติมฺปิ ¶ เอวรูเปน ปณีเตน ปิณฺฑปาเตน ปริวิเสยฺยา’ติ – เอวมฺปิสฺส น โหติ. โส ตํ ปิณฺฑปาตํ อคถิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌปนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภฺุชติ. ตํ กึ มฺสิ, ชีวก, อปิ นุ โส ภิกฺขุ ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธาย วา เจเตติ, ปรพฺยาพาธาย วา เจเตติ, อุภยพฺยาพาธาย วา เจเตตี’’ติ?
‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.
‘‘นนุ โส, ชีวก, ภิกฺขุ ตสฺมึ สมเย อนวชฺชํเยว อาหารํ อาหาเรตี’’ติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต. สุตํ เมตํ, ภนฺเต – ‘พฺรหฺมา อุเปกฺขาวิหารี’ติ. ตํ เม อิทํ, ภนฺเต, ภควา สกฺขิทิฏฺโ; ภควา หิ, ภนฺเต, อุเปกฺขาวิหารี’’ติ. ‘‘เยน โข, ชีวก, ราเคน เยน โทเสน เยน โมเหน วิเหสวา อสฺส อรติวา อสฺส ปฏิฆวา อสฺส โส ราโค โส โทโส โส โมโห ตถาคตสฺส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. สเจ โข เต, ชีวก, อิทํ สนฺธาย ภาสิตํ, อนุชานามิ เต ¶ เอต’’นฺติ. ‘‘เอตเทว โข ปน เม, ภนฺเต, สนฺธาย ภาสิตํ’’.
๕๕. ‘‘โย ¶ โข, ชีวก, ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส ปฺจหิ าเนหิ พหุํ อปฺุํ ปสวติ. ยมฺปิ โส, คหปติ, เอวมาห – ‘คจฺฉถ, อมุกํ นาม ปาณํ อาเนถา’ติ, อิมินา ปเมน าเนน พหุํ อปฺุํ ปสวติ. ยมฺปิ โส ปาโณ คลปฺปเวเกน [คลปฺปเวธเกน (พหูสุ)] อานียมาโน ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, อิมินา ทุติเยน าเนน พหุํ อปฺุํ ปสวติ. ยมฺปิ โส เอวมาห – ‘คจฺฉถ อิมํ ปาณํ อารภถา’ติ, อิมินา ตติเยน าเนน พหุํ อปฺุํ ปสวติ. ยมฺปิ โส ปาโณ อารภิยมาโน ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ ¶ , อิมินา จตุตฺเถน าเนน พหุํ อปฺุํ ปสวติ. ยมฺปิ โส ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อกปฺปิเยน อาสาเทติ, อิมินา ปฺจเมน าเนน พหุํ อปฺุํ ปสวติ. โย โข, ชีวก, ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส อิเมหิ ปฺจหิ าเนหิ พหุํ อปฺุํ ปสวตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ชีวโก โกมารภจฺโจ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! กปฺปิยํ วต, ภนฺเต, ภิกฺขู อาหารํ อาหาเรนฺติ ¶ ; อนวชฺชํ วต, ภนฺเต, ภิกฺขู อาหารํ อาหาเรนฺติ. อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… ¶ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
ชีวกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.
๖. อุปาลิสุตฺตํ
๕๖. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเน. เตน โข ปน สมเยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต [นาถปุตฺโต (สี.), นาตปุตฺโต (ปี.)] นาฬนฺทายํ ปฏิวสติ มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ. อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นาฬนฺทายํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ปาวาริกมฺพวนํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, ตปสฺสิ [ทีฆตปสฺสิ (สฺยา. กํ. ก.)], อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กติ ปน, ตปสฺสิ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต กมฺมานิ ปฺเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?
‘‘น โข, อาวุโส โคตม, อาจิณฺณํ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ‘กมฺมํ, กมฺม’นฺติ ปฺเปตุํ; ‘ทณฺฑํ, ทณฺฑ’นฺติ โข, อาวุโส โคตม, อาจิณฺณํ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปฺเปตุ’’นฺติ.
‘‘กติ ปน, ตปสฺสิ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต ทณฺฑานิ ปฺเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?
‘‘ตีณิ โข, อาวุโส โคตม, นิคณฺโ ¶ นาฏปุตฺโต ทณฺฑานิ ปฺเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยาติ, เสยฺยถิทํ – กายทณฺฑํ, วจีทณฺฑํ, มโนทณฺฑ’’นฺติ.
‘‘กึ ปน, ตปสฺสิ, อฺเทว กายทณฺฑํ, อฺํ วจีทณฺฑํ, อฺํ มโนทณฺฑ’’นฺติ?
‘‘อฺเทว ¶ , อาวุโส โคตม, กายทณฺฑํ, อฺํ วจีทณฺฑํ, อฺํ มโนทณฺฑ’’นฺติ.
‘‘อิเมสํ ปน, ตปสฺสิ, ติณฺณํ ทณฺฑานํ เอวํ ปฏิวิภตฺตานํ เอวํ ปฏิวิสิฏฺานํ กตมํ ทณฺฑํ นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มหาสาวชฺชตรํ ปฺเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา ¶ , ยทิ วา กายทณฺฑํ, ยทิ วา วจีทณฺฑํ, ยทิ วา มโนทณฺฑ’’นฺติ?
‘‘อิเมสํ โข, อาวุโส โคตม, ติณฺณํ ทณฺฑานํ เอวํ ปฏิวิภตฺตานํ เอวํ ปฏิวิสิฏฺานํ กายทณฺฑํ นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มหาสาวชฺชตรํ ปฺเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺฑํ, โน ตถา มโนทณฺฑ’’นฺติ.
‘‘กายทณฺฑนฺติ, ตปสฺสิ, วเทสิ’’?
‘‘กายทณฺฑนฺติ, อาวุโส โคตม, วทามิ’’.
‘‘กายทณฺฑนฺติ, ตปสฺสิ, วเทสิ’’?
‘‘กายทณฺฑนฺติ, อาวุโส โคตม, วทามิ’’.
‘‘กายทณฺฑนฺติ, ตปสฺสิ, วเทสิ’’?
‘‘กายทณฺฑนฺติ, อาวุโส โคตม, วทามี’’ติ.
อิติห ภควา ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ ยาวตติยกํ ปติฏฺาเปสิ.
๕๗. เอวํ ¶ วุตฺเต, ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ตฺวํ ปนาวุโส โคตม, กติ ทณฺฑานิ ปฺเปสิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ¶ ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?
‘‘น ¶ โข, ตปสฺสิ, อาจิณฺณํ ตถาคตสฺส ‘ทณฺฑํ, ทณฺฑ’นฺติ ปฺเปตุํ; ‘กมฺมํ, กมฺม’นฺติ โข, ตปสฺสิ, อาจิณฺณํ ตถาคตสฺส ปฺเปตุ’’นฺติ?
‘‘ตฺวํ ปนาวุโส โคตม, กติ กมฺมานิ ปฺเปสิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?
‘‘ตีณิ โข อหํ, ตปสฺสิ, กมฺมานิ ปฺเปมิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, เสยฺยถิทํ – กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, มโนกมฺม’’นฺติ.
‘‘กึ ปนาวุโส โคตม, อฺเทว กายกมฺมํ, อฺํ วจีกมฺมํ, อฺํ มโนกมฺม’’นฺติ?
‘‘อฺเทว, ตปสฺสิ, กายกมฺมํ, อฺํ วจีกมฺมํ, อฺํ มโนกมฺม’’นฺติ.
‘‘อิเมสํ ปนาวุโส โคตม, ติณฺณํ กมฺมานํ เอวํ ปฏิวิภตฺตานํ เอวํ ปฏิวิสิฏฺานํ กตมํ กมฺมํ มหาสาวชฺชตรํ ปฺเปสิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, ยทิ วา กายกมฺมํ, ยทิ วา วจีกมฺมํ, ยทิ วา มโนกมฺม’’นฺติ?
‘‘อิเมสํ โข อหํ, ตปสฺสิ, ติณฺณํ กมฺมานํ เอวํ ปฏิวิภตฺตานํ เอวํ ปฏิวิสิฏฺานํ มโนกมฺมํ มหาสาวชฺชตรํ ปฺเปมิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา กายกมฺมํ, โน ตถา วจีกมฺม’’นฺติ.
‘‘มโนกมฺมนฺติ, อาวุโส โคตม, วเทสิ’’?
‘‘มโนกมฺมนฺติ, ตปสฺสิ, วทามิ’’.
‘‘มโนกมฺมนฺติ, อาวุโส โคตม, วเทสิ’’?
‘‘มโนกมฺมนฺติ, ตปสฺสิ, วทามิ’’.
‘‘มโนกมฺมนฺติ ¶ , อาวุโส โคตม, วเทสิ’’?
‘‘มโนกมฺมนฺติ, ตปสฺสิ, วทามี’’ติ.
อิติห ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ ภควนฺตํ อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ ยาวตติยกํ ปติฏฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา ¶ เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ.
๕๘. เตน ¶ โข ปน สมเยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มหติยา คิหิปริสาย สทฺธึ นิสินฺโน โหติ พาลกินิยา ปริสาย อุปาลิปมุขาย. อทฺทสา โข นิคณฺโ นาฏปุตฺโต ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวาน ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ตฺวํ, ตปสฺสิ, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘อิโต หิ โข อหํ, ภนฺเต, อาคจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกา’’ติ. ‘‘อหุ ปน เต, ตปสฺสิ, สมเณน โคตเมน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ ¶ ? ‘‘อหุ โข เม, ภนฺเต, สมเณน โคตเมน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน เต, ตปสฺสิ, อหุ สมเณน โคตเมน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ? อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ ยาวตโก อโหสิ ภควตา สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส อาโรเจสิ. เอวํ วุตฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ, ตปสฺสิ! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานนฺเตน เอวเมว ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน สมณสฺส โคตมสฺส พฺยากตํ. กิฺหิ โสภติ ฉโว มโนทณฺโฑ อิมสฺส เอวํ โอฬาริกสฺส กายทณฺฑสฺส อุปนิธาย! อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ’’ติ.
๕๙. เอวํ ¶ วุตฺเต, อุปาลิ คหปติ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ, ภนฺเต ทีฆตปสฺสี [ตปสฺสี (สี. ปี.)]! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานนฺเตน เอวเมวํ ภทนฺเตน ตปสฺสินา สมณสฺส โคตมสฺส พฺยากตํ. กิฺหิ โสภติ ฉโว มโนทณฺโฑ อิมสฺส เอวํ โอฬาริกสฺส กายทณฺฑสฺส อุปนิธาย! อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ. หนฺท ¶ จาหํ, ภนฺเต, คจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ วาทํ อาโรเปสฺสามิ. สเจ เม สมโณ โคตโม ตถา ปติฏฺหิสฺสติ ยถา ภทนฺเตน ตปสฺสินา ปติฏฺาปิตํ; เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส ทีฆโลมิกํ เอฬกํ โลเมสุ คเหตฺวา อากฑฺเฒยฺย ปริกฑฺเฒยฺย สมฺปริกฑฺเฒยฺย, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิ ¶ . เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกากมฺมกาโร มหนฺตํ โสณฺฑิกากิลฺชํ คมฺภีเร อุทกรหเท ปกฺขิปิตฺวา กณฺเณ คเหตฺวา อากฑฺเฒยฺย ปริกฑฺเฒยฺย สมฺปริกฑฺเฒยฺย, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิ. เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกาธุตฺโต วาลํ [ถาลํ (ก.)] กณฺเณ คเหตฺวา โอธุเนยฺย นิทฺธุเนยฺย นิปฺโผเฏยฺย [นิจฺฉาเทยฺย (สี. ปี. ก.), นิจฺโจเฏยฺย (ก.), นิปฺโปเยฺย (สฺยา. กํ.)], เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ โอธุนิสฺสามิ ¶ นิทฺธุนิสฺสามิ นิปฺโผเฏสฺสามิ ¶ . เสยฺยถาปิ นาม กฺุชโร สฏฺิหายโน คมฺภีรํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา สาณโธวิกํ นาม กีฬิตชาตํ กีฬติ, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ สาณโธวิกํ มฺเ กีฬิตชาตํ กีฬิสฺสามิ. หนฺท จาหํ, ภนฺเต, คจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ. ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ วาทํ อาโรเปหิ. อหํ วา หิ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยํ, ทีฆตปสฺสี วา นิคณฺโ, ตฺวํ วา’’ติ.
๖๐. เอวํ วุตฺเต, ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข เมตํ, ภนฺเต, รุจฺจติ ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺย. สมโณ หิ, ภนฺเต, โคตโม มายาวี อาวฏฺฏนึ มายํ ชานาติ ยาย อฺติตฺถิยานํ สาวเก อาวฏฺเฏตี’’ติ. ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ, อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. คจฺฉ, ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ วาทํ อาโรเปหิ. อหํ วา หิ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยํ, ทีฆตปสฺสี วา นิคณฺโ, ตฺวํ วา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี…เป… ตติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข เมตํ, ภนฺเต, รุจฺจติ ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ ¶ อาโรเปยฺย. สมโณ หิ, ภนฺเต, โคตโม มายาวี อาวฏฺฏนึ มายํ ชานาติ ยาย อฺติตฺถิยานํ สาวเก อาวฏฺเฏตี’’ติ. ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ ¶ , อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ ¶ อุปคจฺเฉยฺย. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. คจฺฉ ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ กถาวตฺถุสฺมึ วาทํ อาโรเปหิ. อหํ วา หิ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยํ, ทีฆตปสฺสี วา นิคณฺโ, ตฺวํ วา’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อุปาลิ คหปติ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ¶ เยน ปาวาริกมฺพวนํ เยน ¶ ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อุปาลิ คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคมา นุ ขฺวิธ, ภนฺเต, ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ’’ติ?
‘‘อาคมา ขฺวิธ, คหปติ, ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ’’ติ.
‘‘อหุ โข ปน เต, ภนฺเต, ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ?
‘‘อหุ โข เม, คหปติ, ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ.
‘‘ยถา กถํ ปน เต, ภนฺเต, อหุ ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน สทฺธึ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ?
อถ โข ภควา ยาวตโก อโหสิ ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ อุปาลิสฺส คหปติสฺส อาโรเจสิ.
๖๑. เอวํ วุตฺเต, อุปาลิ คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ, ภนฺเต ตปสฺสี! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานนฺเตน เอวเมวํ ทีฆตปสฺสินา นิคณฺเน ภควโต พฺยากตํ. กิฺหิ โสภติ ฉโว มโนทณฺโฑ อิมสฺส เอวํ โอฬาริกสฺส กายทณฺฑสฺส อุปนิธาย? อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส ¶ กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ’’ติ. ‘‘สเจ โข ตฺวํ, คหปติ, สจฺเจ ปติฏฺาย มนฺเตยฺยาสิ สิยา โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’ติ. ‘‘สจฺเจ อหํ, ภนฺเต, ปติฏฺาย มนฺเตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’ติ.
๖๒. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อิธสฺส นิคณฺโ อาพาธิโก ทุกฺขิโต ¶ พาฬฺหคิลาโน สีโตทกปฏิกฺขิตฺโต อุณฺโหทกปฏิเสวี. โส สีโตทกํ อลภมาโน กาลงฺกเรยฺย. อิมสฺส ปน, คหปติ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต กตฺถูปปตฺตึ ปฺเปตี’’ติ?
‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, มโนสตฺตา นาม เทวา ตตฺถ โส อุปปชฺชติ’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?
‘‘อสุ หิ, ภนฺเต ¶ , มโนปฏิพทฺโธ กาลงฺกโรตี’’ติ.
‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ [คหปติ คหปติ มนสิ กโรหิ (สี. สฺยา. กํ.), คหปติ มนสิ กโรหิ (ก.), คหปติ คหปติ (ปี.)], มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สจฺเจ อหํ, ภนฺเต, ปติฏฺาย มนฺเตสฺสามิ, โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติ. ‘‘กิฺจาปิ, ภนฺเต, ภควา เอวมาห, อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ’’ติ.
๖๓. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ ¶ , อิธสฺส นิคณฺโ นาฏปุตฺโต จาตุยามสํวรสํวุโต สพฺพวาริวาริโต สพฺพวาริยุตฺโต สพฺพวาริธุโต สพฺพวาริผุโฏ. โส อภิกฺกมนฺโต ปฏิกฺกมนฺโต พหู ขุทฺทเก ปาเณ สงฺฆาตํ อาปาเทติ. อิมสฺส ปน, คหปติ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต กํ วิปากํ ปฺเปตี’’ติ?
‘‘อสฺเจตนิกํ, ภนฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต โน มหาสาวชฺชํ ปฺเปตี’’ติ.
‘‘สเจ ¶ ปน, คหปติ, เจเตตี’’ติ?
‘‘มหาสาวชฺชํ, ภนฺเต, โหตี’’ติ.
‘‘เจตนํ ปน, คหปติ, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต กิสฺมึ ปฺเปตี’’ติ?
‘‘มโนทณฺฑสฺมึ, ภนฺเต’’ติ.
‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ ¶ , มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สจฺเจ อหํ, ภนฺเต, ปติฏฺาย มนฺเตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติ. ‘‘กิฺจาปิ, ภนฺเต, ภควา เอวมาห, อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ’’ติ.
๖๔. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อยํ นาฬนฺทา อิทฺธา เจว ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา’’ติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต, อยํ นาฬนฺทา อิทฺธา เจว ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุกฺขิตฺตาสิโก. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ ยาวติกา อิมิสฺสา นาฬนฺทาย ปาณา เต เอเกน ขเณน เอเกน มุหุตฺเตน เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปฺุชํ กริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, ปโหติ นุ โข โส ปุริโส ยาวติกา อิมิสฺสา นาฬนฺทาย ปาณา เต เอเกน ขเณน เอเกน มุหุตฺเตน ¶ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปฺุชํ กาตุ’’นฺติ?
‘‘ทสปิ, ภนฺเต, ปุริสา, วีสมฺปิ, ภนฺเต, ปุริสา, ตึสมฺปิ, ภนฺเต, ปุริสา, จตฺตารีสมฺปิ, ภนฺเต, ปุริสา, ปฺาสมฺปิ, ภนฺเต, ปุริสา นปฺปโหนฺติ ยาวติกา อิมิสฺสา นาฬนฺทาย ปาณา เต เอเกน ขเณน เอเกน มุหุตฺเตน เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปฺุชํ กาตุํ. กิฺหิ โสภติ เอโก ฉโว ปุริโส’’ติ!
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, คหปติ ¶ , อิธ อาคจฺเฉยฺย สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมํ นาฬนฺทํ เอเกน มโนปโทเสน ภสฺมํ กริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, ปโหติ นุ โข โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อิมํ นาฬนฺทํ เอเกน มโนปโทเสน ภสฺมํ กาตุ’’นฺติ ¶ ?
‘‘ทสปิ, ภนฺเต, นาฬนฺทา, วีสมฺปิ นาฬนฺทา, ตึสมฺปิ นาฬนฺทา, จตฺตารีสมฺปิ นาฬนฺทา, ปฺาสมฺปิ นาฬนฺทา ปโหติ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต เอเกน มโนปโทเสน ภสฺมํ กาตุํ. กิฺหิ โสภติ เอกา ฉวา นาฬนฺทา’’ติ!
‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ, มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สจฺเจ อหํ, ภนฺเต, ปติฏฺาย มนฺเตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติ.
‘‘กิฺจาปิ, ภนฺเต, ภควา เอวมาห, อถ โข กายทณฺโฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺโฑ, โน ตถา มโนทณฺโฑ’’ติ.
๖๕. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, สุตํ เต ทณฺฑกีรฺํ [ทณฺฑการฺํ (สี. ปี.)] กาลิงฺคารฺํ มชฺฌารฺํ [เมชฺฌารฺํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มาตงฺคารฺํ อรฺํ อรฺภูต’’นฺติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต, สุตํ เม ทณฺฑกีรฺํ กาลิงฺคารฺํ มชฺฌารฺํ มาตงฺคารฺํ อรฺํ อรฺภูต’’นฺติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, คหปติ, กินฺติ เต สุตํ เกน ตํ ทณฺฑกีรฺํ กาลิงฺคารฺํ มชฺฌารฺํ มาตงฺคารฺํ อรฺํ อรฺภูต’’นฺติ?
‘‘สุตํ ¶ เมตํ, ภนฺเต, อิสีนํ มโนปโทเสน ตํ ทณฺฑกีรฺํ กาลิงฺคารฺํ มชฺฌารฺํ มาตงฺคารฺํ อรฺํ อรฺภูต’’นฺติ.
‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ, มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิ. น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ. ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สจฺเจ อหํ, ภนฺเต, ปติฏฺาย มนฺเตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติ.
๖๖. ‘‘ปุริเมเนวาหํ ¶ , ภนฺเต, โอปมฺเมน ภควโต อตฺตมโน อภิรทฺโธ. อปิ จาหํ อิมานิ ภควโต วิจิตฺรานิ ปฺหปฏิภานานิ โสตุกาโม, เอวาหํ ภควนฺตํ ปจฺจนีกํ กาตพฺพํ อมฺิสฺสํ. อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ¶ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๖๗. ‘‘อนุวิจฺจการํ โข, คหปติ, กโรหิ, อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ ¶ าตมนุสฺสานํ สาธุ โหตี’’ติ. ‘‘อิมินาปาหํ, ภนฺเต, ภควโต ภิยฺโยโสมตฺตาย อตฺตมโน อภิรทฺโธ ยํ มํ ภควา เอวมาห – ‘อนุวิจฺจการํ โข, คหปติ, กโรหิ, อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ าตมนุสฺสานํ สาธุ โหตี’ติ. มฺหิ, ภนฺเต, อฺติตฺถิยา สาวกํ ลภิตฺวา เกวลกปฺปํ นาฬนฺทํ ปฏากํ ปริหเรยฺยุํ – ‘อุปาลิ อมฺหากํ คหปติ สาวกตฺตํ อุปคโต’ติ. อถ จ ปน มํ ภควา เอวมาห – ‘อนุวิจฺจการํ โข, คหปติ, กโรหิ, อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ าตมนุสฺสานํ สาธุ โหตี’ติ. เอสาหํ, ภนฺเต, ทุติยมฺปิ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๖๘. ‘‘ทีฆรตฺตํ โข เต, คหปติ, นิคณฺานํ โอปานภูตํ กุลํ เยน เนสํ อุปคตานํ ปิณฺฑกํ ทาตพฺพํ มฺเยฺยาสี’’ติ. ‘‘อิมินาปาหํ, ภนฺเต, ภควโต ภิยฺโยโสมตฺตาย อตฺตมโน ¶ อภิรทฺโธ ยํ มํ ภควา เอวมาห – ‘ทีฆรตฺตํ โข เต, คหปติ, นิคณฺานํ โอปานภูตํ กุลํ เยน เนสํ อุปคตานํ ปิณฺฑกํ ทาตพฺพํ มฺเยฺยาสี’ติ. สุตํ เมตํ, ภนฺเต, สมโณ โคตโม เอวมาห – ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ, นาฺเสํ ทานํ ทาตพฺพํ; มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, นาฺเสํ สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ; มยฺหเมว ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาฺเสํ ทินฺนํ มหปฺผลํ; มยฺหเมว สาวกานํ ¶ ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาฺเสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ. อถ จ ปน มํ ภควา นิคณฺเสุปิ ทาเน สมาทเปติ. อปิ จ, ภนฺเต, มยเมตฺถ กาลํ ชานิสฺสาม. เอสาหํ, ภนฺเต, ตติยมฺปิ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๖๙. อถ ¶ โข ภควา อุปาลิสฺส คหปติสฺส อนุปุพฺพึ กถํ [อานุปุพฺพีกถํ (สี.), อานุปุพฺพิกถํ (ปี.), อนุปุพฺพิกถํ (สฺยา. กํ. ก.)] กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ, กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ยทา ภควา อฺาสิ อุปาลึ คหปตึ กลฺลจิตฺตํ ¶ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺตํ, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํ. เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย, เอวเมว อุปาลิสฺส คหปติสฺส ตสฺมึเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’นฺติ. อถ โข อุปาลิ คหปติ ทิฏฺธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท จ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม, พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, คหปติ, กาลํ มฺสี’’ติ.
๗๐. อถ โข อุปาลิ คหปติ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ¶ อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน สกํ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โทวาริกํ อามนฺเตสิ – ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีนํ, อนาวฏํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ. สเจ โกจิ นิคณฺโ อาคจฺฉติ ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘ติฏฺ, ภนฺเต, มา ปาวิสิ. อชฺชตคฺเค อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต. อาวฏํ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีนํ, อนาวฏํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ ¶ . สเจ เต, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน อตฺโถ, เอตฺเถว ติฏฺ, เอตฺเถว เต อาหริสฺสนฺตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โทวาริโก อุปาลิสฺส คหปติสฺส ปจฺจสฺโสสิ.
๗๑. อสฺโสสิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ – ‘‘อุปาลิ กิร คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต’’ติ. อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, อุปาลิ กิร คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต’’ติ. ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ ¶ , อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ ¶ . ทุติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ…เป… ตติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต ¶ …เป… อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ. ‘‘หนฺทาหํ, ภนฺเต, คจฺฉามิ ยาว ชานามิ ยทิ วา อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต ยทิ วา โน’’ติ. ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, ตปสฺสิ, ชานาหิ ยทิ วา อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต ยทิ วา โน’’ติ.
๗๒. อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ เยน อุปาลิสฺส คหปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข โทวาริโก ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ทีฆตปสฺสึ นิคณฺํ เอตทโวจ – ‘‘ติฏฺ, ภนฺเต, มา ปาวิสิ. อชฺชตคฺเค อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต. อาวฏํ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีนํ, อนาวฏํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ ¶ . สเจ เต, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน อตฺโถ, เอตฺเถว ติฏฺ, เอตฺเถว เต อาหริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘น เม, อาวุโส, ปิณฺฑเกน อตฺโถ’’ติ วตฺวา ตโต ปฏินิวตฺติตฺวา เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํเยว โข, ภนฺเต, ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต. เอตํ โข เต อหํ, ภนฺเต, นาลตฺถํ น โข เม, ภนฺเต, รุจฺจติ ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺย. สมโณ หิ, ภนฺเต, โคตโม มายาวี อาวฏฺฏนึ มายํ ชานาติ ยาย อฺติตฺถิยานํ สาวเก อาวฏฺเฏตีติ. อาวฏฺโฏ โข เต, ภนฺเต, อุปาลิ คหปติ สมเณน โคตเมน อาวฏฺฏนิยา มายายา’’ติ. ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ, อนวกาโส ¶ ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺย. านฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํเยว, ภนฺเต…เป… ¶ อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ. ตติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคณฺโ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํเยว โข, ภนฺเต…เป… ¶ อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ. ‘‘หนฺท จาหํ ¶ , ตปสฺสิ, คจฺฉามิ ยาว จาหํ สามํเยว ชานามิ ยทิ วา อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต ยทิ วา โน’’ติ.
อถ โข นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ เยน อุปาลิสฺส คหปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข โทวาริโก นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ติฏฺ, ภนฺเต, มา ปาวิสิ. อชฺชตคฺเค อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต. อาวฏํ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีนํ, อนาวฏํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ. สเจ เต, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน อตฺโถ, เอตฺเถว ติฏฺ, เอตฺเถว เต อาหริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม โทวาริก, เยน อุปาลิ คหปติ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา อุปาลึ คหปตึ เอวํ วเทหิ – ‘นิคณฺโ, ภนฺเต, นาฏปุตฺโต มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ พหิทฺวารโกฏฺเก ิโต; โส เต ทสฺสนกาโม’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โทวาริโก นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน อุปาลิ คหปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุปาลึ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘นิคณฺโ, ภนฺเต, นาฏปุตฺโต มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ ¶ พหิทฺวารโกฏฺเก ิโต; โส เต ทสฺสนกาโม’’ติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม โทวาริก, มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อาสนานิ ปฺเปหี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โทวาริโก อุปาลิสฺส คหปติสฺส ปฏิสฺสุตฺวา มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อาสนานิ ปฺเปตฺวา เยน อุปาลิ คหปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุปาลึ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘ปฺตฺตานิ โข, ภนฺเต, มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อาสนานิ. ยสฺสทานิ กาลํ มฺสี’’ติ.
๗๓. อถ โข อุปาลิ คหปติ เยน มชฺฌิมา ¶ ทฺวารสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ยํ ตตฺถ อาสนํ อคฺคฺจ เสฏฺฺจ อุตฺตมฺจ ปณีตฺจ ตตฺถ สามํ นิสีทิตฺวา โทวาริกํ อามนฺเตสิ ¶ – ‘‘เตน หิ, สมฺม โทวาริก, เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอวํ วเทหิ – ‘อุปาลิ, ภนฺเต, คหปติ เอวมาห – ปวิส กิร, ภนฺเต, สเจ อากงฺขสี’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โทวาริโก อุปาลิสฺส คหปติสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อุปาลิ, ภนฺเต, คหปติ เอวมาห – ‘ปวิส กิร, ภนฺเต, สเจ อากงฺขสี’’’ติ. อถ ¶ โข นิคณฺโ นาฏปุตฺโต มหติยา นิคณฺปริสาย สทฺธึ เยน มชฺฌิมา ทฺวารสาลา เตนุปสงฺกมิ. อถ โข อุปาลิ คหปติ – ยํ สุทํ ปุพฺเพ ยโต ปสฺสติ นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาน ตโต ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ยํ ตตฺถ อาสนํ อคฺคฺจ เสฏฺฺจ อุตฺตมฺจ ปณีตฺจ ตํ อุตฺตราสงฺเคน ¶ สมฺมชฺชิตฺวา [ปมชฺชิตฺวา (สี. ปี.)] ปริคฺคเหตฺวา นิสีทาเปติ โส – ทานิ ยํ ตตฺถ อาสนํ อคฺคฺจ เสฏฺฺจ อุตฺตมฺจ ปณีตฺจ ตตฺถ สามํ นิสีทิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, ภนฺเต, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ, นิสีทา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อุปาลึ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘อุมฺมตฺโตสิ ตฺวํ, คหปติ, ทตฺโตสิ ตฺวํ, คหปติ! ‘คจฺฉามหํ, ภนฺเต, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ คนฺตฺวา มหตาสิ วาทสงฺฆาเฏน ปฏิมุกฺโก อาคโต. เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส อณฺฑหารโก คนฺตฺวา อุพฺภเตหิ อณฺเฑหิ อาคจฺเฉยฺย, เสยฺยถา วา ปน คหปติ ปุริโส อกฺขิกหารโก คนฺตฺวา อุพฺภเตหิ อกฺขีหิ อาคจฺเฉยฺย; เอวเมว โข ตฺวํ, คหปติ, ‘คจฺฉามหํ, ภนฺเต, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ คนฺตฺวา มหตาสิ วาทสงฺฆาเฏน ปฏิมุกฺโก อาคโต. อาวฏฺโฏสิ โข ตฺวํ, คหปติ, สมเณน โคตเมน อาวฏฺฏนิยา มายายา’’ติ.
๗๔. ‘‘ภทฺทิกา, ภนฺเต, อาวฏฺฏนี มายา; กลฺยาณี, ภนฺเต, อาวฏฺฏนี มายา; ปิยา เม, ภนฺเต, าติสาโลหิตา อิมาย อาวฏฺฏนิยา อาวฏฺเฏยฺยุํ; ปิยานมฺปิ เม อสฺส าติสาโลหิตานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย; สพฺเพ เจปิ, ภนฺเต, ขตฺติยา อิมาย อาวฏฺฏนิยา อาวฏฺเฏยฺยุํ; สพฺเพสานมฺปิสฺส ขตฺติยานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย ¶ สุขาย; สพฺเพ เจปิ, ภนฺเต, พฺราหฺมณา…เป… เวสฺสา…เป… สุทฺทา อิมาย อาวฏฺฏนิยา อาวฏฺเฏยฺยุํ; สพฺเพสานมฺปิสฺส สุทฺทานํ ¶ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย; สเทวโก เจปิ, ภนฺเต, โลโก สมารโก สพฺรหฺมโก สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา สเทวมนุสฺสา อิมาย อาวฏฺฏนิยา อาวฏฺเฏยฺยุํ; สเทวกสฺสปิสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ¶ ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ. เตน หิ, ภนฺเต, อุปมํ เต กริสฺสามิ. อุปมาย ปิเธกจฺเจ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติ.
๗๕. ‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ , ภนฺเต, อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ชิณฺณสฺส วุฑฺฒสฺส มหลฺลกสฺส ทหรา มาณวิกา ปชาปตี อโหสิ คพฺภินี อุปวิชฺา. อถ โข, ภนฺเต, สา มาณวิกา ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อาปณา มกฺกฏจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนหิ, โย เม กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสตี’ติ. เอวํ วุตฺเต, โส พฺราหฺมโณ ตํ มาณวิกํ เอตทโวจ – ‘อาคเมหิ ตาว, โภติ, ยาว วิชายติ. สเจ ตฺวํ, โภติ, กุมารกํ วิชายิสฺสสิ, ตสฺสา เต อหํ อาปณา มกฺกฏจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนสฺสามิ, โย เต กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสติ. สเจ ปน ตฺวํ, โภติ, กุมาริกํ วิชายิสฺสสิ, ตสฺสา เต อหํ อาปณา มกฺกฏจฺฉาปิกํ กิณิตฺวา อาเนสฺสามิ, ยา เต กุมาริกาย กีฬาปนิกา ภวิสฺสตี’ติ. ทุติยมฺปิ โข, ภนฺเต, สา มาณวิกา…เป… ¶ ตติยมฺปิ โข, ภนฺเต, สา มาณวิกา ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อาปณา มกฺกฏจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนหิ, โย เม กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสตี’ติ. อถ โข, ภนฺเต, โส พฺราหฺมโณ ตสฺสา มาณวิกาย สารตฺโต ปฏิพทฺธจิตฺโต อาปณา มกฺกฏจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนตฺวา ตํ มาณวิกํ เอตทโวจ – ‘อยํ เต, โภติ, อาปณา มกฺกฏจฺฉาปโก ¶ กิณิตฺวา อานีโต, โย เต กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสตี’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, สา มาณวิกา ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อิมํ มกฺกฏจฺฉาปกํ อาทาย เยน รตฺตปาณิ รชตปุตฺโต เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา รตฺตปาณึ รชกปุตฺตํ เอวํ วเทหิ – อิจฺฉามหํ, สมฺม รตฺตปาณิ, อิมํ มกฺกฏจฺฉาปกํ ปีตาวเลปนํ นาม รงฺคชาตํ รชิตํ อาโกฏิตปจฺจาโกฏิตํ อุภโตภาควิมฏฺ’นฺติ.
‘‘อถ โข, ภนฺเต, โส พฺราหฺมโณ ตสฺสา มาณวิกาย สารตฺโต ปฏิพทฺธจิตฺโต ตํ มกฺกฏจฺฉาปกํ อาทาย เยน รตฺตปาณิ ¶ รชกปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา รตฺตปาณึ รชกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘อิจฺฉามหํ, สมฺม รตฺตปาณิ, อิมํ มกฺกฏจฺฉาปกํ ปีตาวเลปนํ นาม รงฺคชาตํ รชิตํ อาโกฏิตปจฺจาโกฏิตํ อุภโตภาควิมฏฺ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, รตฺตปาณิ รชกปุตฺโต ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘อยํ โข เต, มกฺกฏจฺฉาปโก รงฺคกฺขโม หิ โข, โน อาโกฏนกฺขโม ¶ , โน วิมชฺชนกฺขโม’ติ. เอวเมว โข, ภนฺเต, พาลานํ นิคณฺานํ วาโท รงฺคกฺขโม ¶ หิ โข พาลานํ โน ปณฺฑิตานํ, โน อนุโยคกฺขโม, โน วิมชฺชนกฺขโม. อถ โข, ภนฺเต, โส พฺราหฺมโณ อปเรน สมเยน นวํ ทุสฺสยุคํ อาทาย เยน รตฺตปาณิ รชกปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา รตฺตปาณึ รชกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘อิจฺฉามหํ, สมฺม รตฺตปาณิ, อิมํ นวํ ทุสฺสยุคํ ปีตาวเลปนํ นาม รงฺคชาตํ รชิตํ อาโกฏิตปจฺจาโกฏิตํ อุภโตภาควิมฏฺ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, รตฺตปาณิ รชกปุตฺโต ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘อิทํ โข เต, ภนฺเต, นวํ ทุสฺสยุคํ รงฺคกฺขมฺเจว อาโกฏนกฺขมฺจ วิมชฺชนกฺขมฺจา’ติ. เอวเมว โข, ภนฺเต, ตสฺส ภควโต วาโท อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส รงฺคกฺขโม เจว ปณฺฑิตานํ โน พาลานํ, อนุโยคกฺขโม จ วิมชฺชนกฺขโม จา’’ติ.
‘‘สราชิกา โข, คหปติ, ปริสา เอวํ ชานาติ – ‘อุปาลิ คหปติ นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส สาวโก’ติ. กสฺส ตํ, คหปติ, สาวกํ ธาเรมา’’ติ? เอวํ ¶ วุตฺเต, อุปาลิ คหปติ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ¶ ปณาเมตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, สุโณหิ ยสฺสาหํ สาวโก’’ติ –
‘‘ธีรสฺส วิคตโมหสฺส, ปภินฺนขีลสฺส วิชิตวิชยสฺส;
อนีฆสฺส สุสมจิตฺตสฺส, วุทฺธสีลสฺส สาธุปฺสฺส;
เวสมนฺตรสฺส [เวสฺสนฺตรสฺส (สี. ปี.)] วิมลสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.
‘‘อกถํกถิสฺส ตุสิตสฺส, วนฺตโลกามิสสฺส มุทิตสฺส;
กตสมณสฺส มนุชสฺส, อนฺติมสารีรสฺส นรสฺส;
อโนปมสฺส วิรชสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.
‘‘อสํสยสฺส กุสลสฺส, เวนยิกสฺส สารถิวรสฺส;
อนุตฺตรสฺส รุจิรธมฺมสฺส, นิกฺกงฺขสฺส ปภาสกสฺส [ปภาสกรสฺส (สี. สฺยา. ปี.)];
มานจฺฉิทสฺส วีรสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.
‘‘นิสภสฺส ¶ อปฺปเมยฺยสฺส, คมฺภีรสฺส โมนปตฺตสฺส;
เขมงฺกรสฺส เวทสฺส, ธมฺมฏฺสฺส สํวุตตฺตสฺส;
สงฺคาติคสฺส มุตฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.
‘‘นาคสฺส ¶ ปนฺตเสนสฺส, ขีณสํโยชนสฺส มุตฺตสฺส;
ปฏิมนฺตกสฺส [ปฏิมนฺตสฺส (ก.)] โธนสฺส, ปนฺนธชสฺส วีตราคสฺส;
ทนฺตสฺส นิปฺปปฺจสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.
‘‘อิสิสตฺตมสฺส อกุหสฺส, เตวิชฺชสฺส พฺรหฺมปตฺตสฺส;
นฺหาตกสฺส [นหาตกสฺส (สี. สฺยา. ปี.)] ปทกสฺส, ปสฺสทฺธสฺส วิทิตเวทสฺส;
ปุรินฺททสฺส สกฺกสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.
‘‘อริยสฺส ภาวิตตฺตสฺส, ปตฺติปตฺตสฺส เวยฺยากรณสฺส;
สติมโต วิปสฺสิสฺส, อนภินตสฺส โน อปนตสฺส;
อเนชสฺส วสิปฺปตฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ ¶ .
‘‘สมุคฺคตสฺส [สมฺมคฺคตสฺส (สี. สฺยา. ปี.)] ฌายิสฺส, อนนุคตนฺตรสฺส สุทฺธสฺส;
อสิตสฺส หิตสฺส [อปฺปหีนสฺส (สี. ปี.), อปฺปภีตสฺส (สฺยา.)], ปวิวิตฺตสฺส อคฺคปฺปตฺตสฺส;
ติณฺณสฺส ตารยนฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.
‘‘สนฺตสฺส ภูริปฺสฺส, มหาปฺสฺส วีตโลภสฺส;
ตถาคตสฺส สุคตสฺส, อปฺปฏิปุคฺคลสฺส อสมสฺส;
วิสารทสฺส นิปุณสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ.
‘‘ตณฺหจฺฉิทสฺส พุทฺธสฺส, วีตธูมสฺส อนุปลิตฺตสฺส;
อาหุเนยฺยสฺส ยกฺขสฺส, อุตฺตมปุคฺคลสฺส อตุลสฺส;
มหโต ยสคฺคปตฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมี’’ติ.
๗๗. ‘‘กทา ¶ สฺูฬฺหา ปน เต, คหปติ, อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติ? ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นานาปุปฺผานํ มหาปุปฺผราสิ ¶ , ตเมนํ ทกฺโข มาลากาโร วา มาลาการนฺเตวาสี วา วิจิตฺตํ มาลํ คนฺเถยฺย; เอวเมว โข, ภนฺเต, โส ภควา อเนกวณฺโณ อเนกสตวณฺโณ. โก หิ, ภนฺเต, วณฺณารหสฺส วณฺณํ น กริสฺสตี’’ติ? อถ โข นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ภควโต สกฺการํ อสหมานสฺส ตตฺเถว อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคจฺฉีติ [อุคฺคฺฉิ (สี. สฺยา. ปี.)].
อุปาลิสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.
๗. กุกฺกุรวติกสุตฺตํ
๗๘. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกลิเยสุ วิหรติ หลิทฺทวสนํ นาม โกลิยานํ นิคโม. อถ โข ปุณฺโณ จ โกลิยปุตฺโต โควติโก อเจโล จ เสนิโย กุกฺกุรวติโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อเจโล ปน เสนิโย กุกฺกุรวติโก ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา กุกฺกุโรว ปลิกุชฺชิตฺวา [ปลิกุณฺิตฺวา (สฺยา. กํ.), ปลิคุณฺิตฺวา (ก.)] เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ ¶ , ภนฺเต, อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ทุกฺกรการโก ฉมานิกฺขิตฺตํ โภชนํ ภฺุชติ. ตสฺส ตํ กุกฺกุรวตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ? ‘‘อลํ, ปุณฺณ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก…เป… ตติยมฺปิ โข ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ทุกฺกรการโก ฉมานิกฺขิตฺตํ โภชนํ ภฺุชติ. ตสฺส ตํ กุกฺกุรวตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ?
๗๙. ‘‘อทฺธา โข เต อหํ, ปุณฺณ, น ลภามิ. อลํ, ปุณฺณ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉีติ; อปิ จ ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิ. อิธ, ปุณฺณ, เอกจฺโจ กุกฺกุรวตํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, กุกฺกุรสีลํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, กุกฺกุรจิตฺตํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ ¶ , กุกฺกุรากปฺปํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ. โส กุกฺกุรวตํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, กุกฺกุรสีลํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, กุกฺกุรจิตฺตํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, กุกฺกุรากปฺปํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา กุกฺกุรานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. สเจ โข ปนสฺส เอวํทิฏฺิ โหติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ, สาสฺส [สายํ (ก.)] โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิสฺส [มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส (สี.)] โข อหํ, ปุณฺณ, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ ¶ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา. อิติ โข, ปุณฺณ, สมฺปชฺชมานํ ¶ กุกฺกุรวตํ กุกฺกุรานํ สหพฺยตํ อุปเนติ, วิปชฺชมานํ นิรย’’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ปโรทิ, อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ.
อถ โข ภควา ปุณฺณํ โกลิยปุตฺตํ โควติกํ เอตทโวจ – ‘‘เอตํ ¶ โข เต อหํ, ปุณฺณ, นาลตฺถํ. อลํ, ปุณฺณ, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตํ โรทามิ ยํ มํ ภควา เอวมาห; อปิ จ เม อิทํ, ภนฺเต, กุกฺกุรวตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. อยํ, ภนฺเต, ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก. ตสฺส ตํ โควตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ? ‘‘อลํ, เสนิย, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข อเจโล เสนิโย…เป… ตติยมฺปิ โข อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก. ตสฺส ตํ โควตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ?
๘๐. ‘‘อทฺธา โข เต อหํ, เสนิย, น ลภามิ. อลํ, เสนิย, ติฏฺเตตํ; มา มํ เอตํ ปุจฺฉีติ; อปิ จ ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิ. อิธ, เสนิย, เอกจฺโจ โควตํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, โคสีลํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, โคจิตฺตํ ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, ควากปฺปํ [คฺวากปฺปํ (ก.)] ภาเวติ ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ. โส โควตํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, โคสีลํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, โคจิตฺตํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ, ควากปฺปํ ภาเวตฺวา ปริปุณฺณํ อพฺโพกิณฺณํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา คุนฺนํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. สเจ โข ¶ ปนสฺส เอวํทิฏฺิ โหติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ ¶ , สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิสฺส โข อหํ, เสนิย, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา. อิติ โข, เสนิย, สมฺปชฺชมานํ โควตํ คุนฺนํ สหพฺยตํ อุปเนติ, วิปชฺชมานํ นิรย’’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ปโรทิ, อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ.
อถ โข ภควา อเจลํ เสนิยํ กุกฺกุรวติกํ เอตทโวจ – ‘‘เอตํ โข เต อหํ, เสนิย ¶ , นาลตฺถํ. อลํ, เสนิย, ติฏฺเตตํ; มา มํ ¶ เอตํ ปุจฺฉี’’ติ. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตํ โรทามิ ยํ มํ ภควา เอวมาห; อปิ จ เม อิทํ, ภนฺเต, โควตํ ทีฆรตฺตํ สมตฺตํ สมาทินฺนํ. เอวํ ปสนฺโน อหํ, ภนฺเต, ภควติ; ปโหติ ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ ยถา อหํ เจวิมํ โควตํ ปชเหยฺยํ, อยฺเจว อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ตํ กุกฺกุรวตํ ปชเหยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ปุณฺณ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
๘๑. ‘‘จตฺตาริมานิ, ปุณฺณ, กมฺมานิ มยา สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวทิตานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อตฺถิ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ; อตฺถิ, ปุณฺณ, กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ; อตฺถิ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ; อตฺถิ, ปุณฺณ, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ, กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ ¶ .
‘‘กตมฺจ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ? อิธ, ปุณฺณ, เอกจฺโจ สพฺยาพชฺฌํ [สพฺยาปชฺฌํ (สี. สฺยา. กํ.)] กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. โส สพฺยาพชฺฌํ กายสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ สพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปนฺนํ สมานํ สพฺยาพชฺฌา ผสฺสา ผุสนฺติ. โส สพฺยาพชฺเฌหิ ผสฺเสหิ ผุฏฺโ สมาโน สพฺยาพชฺฌํ เวทนํ เวเทติ เอกนฺตทุกฺขํ, เสยฺยถาปิ สตฺตา เนรยิกา ¶ . อิติ โข, ปุณฺณ, ภูตา ภูตสฺส อุปปตฺติ โหติ; ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชติ, อุปปนฺนเมนํ ผสฺสา ผุสนฺติ. เอวํปาหํ, ปุณฺณ, ‘กมฺมทายาทา สตฺตา’ติ วทามิ. อิทํ วุจฺจติ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ.
‘‘กตมฺจ, ปุณฺณ, กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ? อิธ, ปุณฺณ, เอกจฺโจ อพฺยาพชฺฌํ กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, อพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, อพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. โส อพฺยาพชฺฌํ กายสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, อพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, อพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา อพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ อพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปนฺนํ ¶ สมานํ อพฺยาพชฺฌา ผสฺสา ผุสนฺติ. โส อพฺยาพชฺเฌหิ ผสฺเสหิ ผุฏฺโ ¶ สมาโน อพฺยาพชฺฌํ เวทนํ เวเทติ เอกนฺตสุขํ, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหา. อิติ โข ¶ , ปุณฺณ, ภูตา ภูตสฺส อุปปตฺติ โหติ; ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชติ, อุปปนฺนเมนํ ผสฺสา ผุสนฺติ. เอวํปาหํ, ปุณฺณ, ‘กมฺมทายาทา สตฺตา’ติ วทามิ. อิทํ วุจฺจติ, ปุณฺณ, กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ.
‘‘กตมฺจ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ? อิธ, ปุณฺณ, เอกจฺโจ สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. โส สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ กายสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ วจีสงฺขารํ อภิงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ โลกํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ โลกํ อุปปนฺนํ สมานํ สพฺยาพชฺฌาปิ อพฺยาพชฺฌาปิ ผสฺสา ผุสนฺติ. โส สพฺยาพชฺเฌหิปิ อพฺยาพชฺเฌหิปิ ผสฺเสหิ ผุฏฺโ สมาโน สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ เวทนํ เวเทติ โวกิณฺณสุขทุกฺขํ, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกจฺเจ จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกา. อิติ โข, ปุณฺณ, ภูตา ภูตสฺส อุปปตฺติ โหติ; ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชติ. อุปปนฺนเมนํ ผสฺสา ผุสนฺติ. เอวํปาหํ, ปุณฺณ, ‘กมฺมทายาทา สตฺตา’ติ วทามิ. อิทํ วุจฺจติ, ปุณฺณ, กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ.
‘‘กตมฺจ ¶ , ปุณฺณ, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ, กมฺมกฺขยาย สํวตฺตติ? ตตฺร, ปุณฺณ, ยมิทํ ¶ กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปากํ ตสฺส ปหานาย ยา เจตนา, ยมิทํ [ยมฺปิทํ (สี. ปี.)] กมฺมํ สุกฺกํ สุกฺกวิปากํ ตสฺส ปหานาย ยา เจตนา, ยมิทํ [ยมฺปิทํ (สี. ปี.)] กมฺมํ กณฺหสุกฺกํ กณฺหสุกฺกวิปากํ ตสฺส ปหานาย ยา เจตนา – อิทํ วุจฺจติ, ปุณฺณ, กมฺมํ อกณฺหํ อสุกฺกํ อกณฺหอสุกฺกวิปากํ, กมฺมกฺขยาย สํวตฺตตีติ. อิมานิ โข, ปุณฺณ, จตฺตาริ กมฺมานิ มยา สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวทิตานี’’ติ.
๘๒. เอวํ วุตฺเต, ปุณฺโณ โกลิยปุตฺโต โควติโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต…เป… อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ ¶ สรณํ คต’’นฺติ. อเจโล ¶ ปน เสนิโย กุกฺกุรวติโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต…เป… ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ. ‘‘โย โข, เสนิย ¶ , อฺติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ โส จตฺตาโร มาเส ปริวสติ. จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ, อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย. อปิ จ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติ.
‘‘สเจ, ภนฺเต, อฺติตฺถิยปุพฺพา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขนฺตา ปพฺพชฺชํ อากงฺขนฺตา อุปสมฺปทํ เต จตฺตาโร มาเส ปริวสนฺติ จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย, อหํ จตฺตาริ วสฺสานิ ปริวสิสฺสามิ. จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺตุ, อุปสมฺปาเทนฺตุ ภิกฺขุภาวายา’’ติ. อลตฺถ โข อเจโล เสนิโย กุกฺกุรวติโก ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา เสนิโย เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต ¶ อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา เสนิโย อรหตํ อโหสีติ.
กุกฺกุรวติกสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.
๘. อภยราชกุมารสุตฺตํ
๘๓. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข อภโย ราชกุมาโร เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อภยํ ราชกุมารํ นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ราชกุมาร, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ ¶ อาโรเปหิ. เอวํ เต กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิสฺสติ – ‘อภเยน ราชกุมาเรน สมณสฺส โคตมสฺส เอวํ มหิทฺธิกสฺส เอวํ มหานุภาวสฺส วาโท อาโรปิโต’’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปนาหํ, ภนฺเต, สมณสฺส โคตมสฺส เอวํ มหิทฺธิกสฺส เอวํ มหานุภาวสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ? ‘‘เอหิ ตฺวํ, ราชกุมาร, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ เอวํ วเทหิ – ‘ภาเสยฺย นุ โข, ภนฺเต, ตถาคโต ตํ วาจํ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ? สเจ เต สมโณ โคตโม เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากโรติ – ‘ภาเสยฺย, ราชกุมาร, ตถาคโต ตํ วาจํ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ, ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘อถ กิฺจรหิ เต, ภนฺเต, ปุถุชฺชเนน นานากรณํ? ปุถุชฺชโนปิ หิ ตํ วาจํ ภาเสยฺย ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ. สเจ ¶ ปน เต สมโณ โคตโม เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากโรติ – ‘น, ราชกุมาร, ตถาคโต ตํ วาจํ ภาเสยฺย ยา สา วาจา ปเรสํ ¶ อปฺปิยา อมนาปา’ติ, ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘อถ กิฺจรหิ เต, ภนฺเต, เทวทตฺโต พฺยากโต – ‘‘อาปายิโก เทวทตฺโต, เนรยิโก เทวทตฺโต, กปฺปฏฺโ เทวทตฺโต, อเตกิจฺโฉ เทวทตฺโต’’ติ? ตาย จ ปน เต วาจาย เทวทตฺโต กุปิโต อโหสิ อนตฺตมโน’ติ. อิมํ โข เต, ราชกุมาร, สมโณ โคตโม อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน เนว สกฺขิติ อุคฺคิลิตุํ น สกฺขิติ โอคิลิตุํ. เสยฺยถาปิ นาม ปุริสสฺส อโยสิงฺฆาฏกํ กณฺเ วิลคฺคํ, โส เนว สกฺกุเณยฺย อุคฺคิลิตุํ น สกฺกุเณยฺย โอคิลิตุํ; เอวเมว โข เต, ราชกุมาร, สมโณ โคตโม อิมํ อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน เนว สกฺขิติ อุคฺคิลิตุํ น สกฺขิติ โอคิลิตุ’’นฺติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อภโย ราชกุมาโร นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
๘๔. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺนสฺส โข อภยสฺส ราชกุมารสฺส สูริยํ [สุริยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อุลฺโลเกตฺวา เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อชฺช ภควโต วาทํ อาโรเปตุํ ¶ . สฺเว ทานาหํ สเก นิเวสเน ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา สฺวาตนาย อตฺตจตุตฺโถ ภตฺต’’นฺติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ ¶ โข อภโย ราชกุมาโร ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน อภยสฺส ราชกุมารสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข อภโย ราชกุมาโร ภควนฺตํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข อภโย ราชกุมาโร ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
๘๕. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อภโย ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภาเสยฺย นุ โข, ภนฺเต, ตถาคโต ตํ วาจํ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’’ติ? ‘‘น ขฺเวตฺถ, ราชกุมาร, เอกํเสนา’’ติ. ‘‘เอตฺถ, ภนฺเต, อนสฺสุํ นิคณฺา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, ราชกุมาร, เอวํ วเทสิ – ‘เอตฺถ ¶ , ภนฺเต, อนสฺสุํ นิคณฺา’’’ติ? ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, เยน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มํ, ภนฺเต, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต เอตทโวจ – ‘เอหิ ตฺวํ, ราชกุมาร, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปหิ. เอวํ เต กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิสฺสติ – อภเยน ราชกุมาเรน สมณสฺส โคตมสฺส เอวํ มหิทฺธิกสฺส เอวํ มหานุภาวสฺส วาโท อาโรปิโต’ติ. เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภนฺเต, นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘ยถา กถํ ปนาหํ ¶ , ภนฺเต, สมณสฺส โคตมสฺส เอวํ มหิทฺธิกสฺส เอวํ มหานุภาวสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ? ‘เอหิ ตฺวํ, ราชกุมาร, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ เอวํ วเทหิ – ภาเสยฺย นุ โข, ภนฺเต, ตถาคโต ตํ วาจํ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปาติ? สเจ เต สมโณ โคตโม เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากโรติ – ภาเสยฺย, ราชกุมาร, ตถาคโต ตํ วาจํ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปาติ, ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – อถ กิฺจรหิ เต, ภนฺเต, ปุถุชฺชเนน นานากรณํ? ปุถุชฺชโนปิ หิ ตํ วาจํ ภาเสยฺย ¶ ยา สา วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปาติ. สเจ ปน เต สมโณ โคตโม เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากโรติ – น, ราชกุมาร, ตถาคโต ตํ วาจํ ภาเสยฺย ยา สา ¶ วาจา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปาติ, ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – อถ กิฺจรหิ เต, ภนฺเต, เทวทตฺโต พฺยากโต – อาปายิโก เทวทตฺโต, เนรยิโก เทวทตฺโต, กปฺปฏฺโ เทวทตฺโต, อเตกิจฺโฉ เทวทตฺโตติ? ตาย จ ปน เต วาจาย เทวทตฺโต กุปิโต อโหสิ อนตฺตมโนติ. อิมํ โข เต, ราชกุมาร, สมโณ โคตโม อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน ¶ เนว สกฺขิติ อุคฺคิลิตุํ น สกฺขิติ โอคิลิตุํ. เสยฺยถาปิ นาม ปุริสสฺส อโยสิงฺฆาฏกํ กณฺเ วิลคฺคํ, โส เนว สกฺกุเณยฺย อุคฺคิลิตุํ น สกฺกุเณยฺย โอคิลิตุํ; เอวเมว โข เต, ราชกุมาร, สมโณ โคตโม อิมํ อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน เนว สกฺขิติ อุคฺคิลิตุํ น สกฺขิติ โอคิลิตุ’’’นฺติ.
๘๖. เตน โข ปน สมเยน ทหโร กุมาโร มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก อภยสฺส ราชกุมารสฺส องฺเก นิสินฺโน โหติ. อถ โข ภควา อภยํ ราชกุมารํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กึ ¶ มฺสิ, ราชกุมาร, สจายํ กุมาโร ตุยฺหํ วา ปมาทมนฺวาย ธาติยา วา ปมาทมนฺวาย กฏฺํ วา กลํ [กถลํ (ก.)] วา มุเข อาหเรยฺย, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘อาหเรยฺยสฺสาหํ, ภนฺเต. สเจ, ภนฺเต, น สกฺกุเณยฺยํ อาทิเกเนว อาหตฺตุํ [อาหริตุํ (สฺยา. กํ.)], วาเมน หตฺเถน สีสํ ปริคฺคเหตฺวา [ปคฺคเหตฺวา (สี.)] ทกฺขิเณน หตฺเถน วงฺกงฺคุลึ กริตฺวา สโลหิตมฺปิ อาหเรยฺยํ. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถิ เม, ภนฺเต, กุมาเร อนุกมฺปา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, ยํ ตถาคโต วาจํ ชานาติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสติ. ยมฺปิ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, ตมฺปิ ตถาคโต วาจํ น ภาสติ. ยฺจ โข ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, ตตฺร กาลฺู ตถาคโต โหติ ตสฺสา วาจาย เวยฺยากรณาย. ยํ ตถาคโต วาจํ ชานาติ อภูตํ อตจฺฉํ ¶ อนตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสติ. ยมฺปิ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา ตมฺปิ ตถาคโต วาจํ น ภาสติ. ยฺจ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ สา ¶ จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, ตตฺร กาลฺู ตถาคโต โหติ ตสฺสา วาจาย เวยฺยากรณาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถิ, ราชกุมาร, ตถาคตสฺส สตฺเตสุ อนุกมฺปา’’ติ.
๘๗. ‘‘เยเม, ภนฺเต, ขตฺติยปณฺฑิตาปิ พฺราหฺมณปณฺฑิตาปิ คหปติปณฺฑิตาปิ สมณปณฺฑิตาปิ ปฺหํ อภิสงฺขริตฺวา ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, ปุพฺเพว นุ โข, เอตํ, ภนฺเต ¶ , ภควโต เจตโส ปริวิตกฺกิตํ โหติ ‘เย มํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ เตสาหํ เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสามี’ติ, อุทาหุ านโสเวตํ ตถาคตํ ปฏิภาตี’’ติ?
‘‘เตน หิ, ราชกุมาร, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคาน’’นฺติ?
‘‘เอวํ, ภนฺเต, กุสโล อหํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคาน’’นฺติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, เย ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘กึ นามิทํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺค’นฺติ? ปุพฺเพว นุ โข เต เอตํ เจตโส ปริวิตกฺกิตํ ¶ อสฺส ‘เย มํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ เตสาหํ เอวํ ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสามี’ติ, อุทาหุ านโสเวตํ ปฏิภาเสยฺยา’’ติ?
‘‘อหฺหิ, ภนฺเต, รถิโก สฺาโต กุสโล รถสฺส องฺคปจฺจงฺคานํ. สพฺพานิ เม รถสฺส องฺคปจฺจงฺคานิ สุวิทิตานิ. านโสเวตํ มํ ปฏิภาเสยฺยา’’ติ ¶ .
‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, เย เต ขตฺติยปณฺฑิตาปิ พฺราหฺมณปณฺฑิตาปิ คหปติปณฺฑิตาปิ สมณปณฺฑิตาปิ ปฺหํ อภิสงฺขริตฺวา ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, านโสเวตํ ตถาคตํ ปฏิภาติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สา หิ, ราชกุมาร, ตถาคตสฺส ธมฺมธาตุ สุปฺปฏิวิทฺธา ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา านโสเวตํ ตถาคตํ ปฏิภาตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อภโย ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
อภยราชกุมารสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.
๙. พหุเวทนียสุตฺตํ
๘๘. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ปฺจกงฺโค ถปติ เยนายสฺมา อุทายี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุทายึ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ – ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต อุทายิ, เวทนา วุตฺตา ภควตา’’ติ? ‘‘ติสฺโส โข, ถปติ [คหปติ (สฺยา. กํ. ปี.)], เวทนา วุตฺตา ภควตา. สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา – อิมา ¶ โข, ถปติ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ – ‘‘น โข, ภนฺเต อุทายิ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา; ทฺเว เวทนา วุตฺตา ภควตา – สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา. ยายํ, ภนฺเต, อทุกฺขมสุขา เวทนา สนฺตสฺมึ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา อุทายี ปฺจกงฺคํ ถปตึ เอตทโวจ – ‘‘น โข, คหปติ, ทฺเว เวทนา วุตฺตา ภควตา; ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา. สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา – อิมา โข, ถปติ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ – ‘‘น โข, ภนฺเต อุทายิ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา; ทฺเว เวทนา วุตฺตา ภควตา – สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา. ยายํ, ภนฺเต ¶ , อทุกฺขมสุขา เวทนา สนฺตสฺมึ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ. ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อุทายี ปฺจกงฺคํ ถปตึ เอตทโวจ – ‘‘น โข, ถปติ, ทฺเว เวทนา วุตฺตา ภควตา; ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา. สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา – อิมา โข, ถปติ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา’’ติ. ตติยมฺปิ โข ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ – ‘‘น โข, ภนฺเต อุทายิ, ติสฺโส เวทนา วุตฺตา ภควตา, ทฺเว เวทนา วุตฺตา ภควตา – สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา. ยายํ, ภนฺเต, อทุกฺขมสุขา เวทนา สนฺตสฺมึ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ. เนว โข สกฺขิ อายสฺมา อุทายี ปฺจกงฺคํ ถปตึ สฺาเปตุํ น ปนาสกฺขิ ปฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ สฺาเปตุํ.
๘๙. อสฺโสสิ ¶ โข อายสฺมา อานนฺโท อายสฺมโต อุทายิสฺส ปฺจกงฺเคน ถปตินา สทฺธึ อิมํ กถาสลฺลาปํ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ¶ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ยาวตโก อโหสิ อายสฺมโต อุทายิสฺส ปฺจกงฺเคน ถปตินา สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ. เอวํ วุตฺเต, ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺตฺเว โข, อานนฺท, ปริยายํ ปฺจกงฺโค ถปติ อุทายิสฺส นาพฺภนุโมทิ, สนฺตฺเว ¶ จ ปน ปริยายํ อุทายี ปฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส นาพฺภนุโมทิ. ทฺเวปานนฺท, เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน ¶ , ติสฺโสปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, ปฺจปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, ฉปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, อฏฺารสปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, ฉตฺตึสปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, อฏฺสตมฺปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน. เอวํ ปริยายเทสิโต โข, อานนฺท, มยา ธมฺโม. เอวํ ปริยายเทสิเต โข, อานนฺท, มยา ธมฺเม เย อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สุลปิตํ น สมนุชานิสฺสนฺติ น สมนุมฺิสฺสนฺติ น สมนุโมทิสฺสนฺติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ – ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหริสฺสนฺติ. เอวํ ปริยายเทสิโต โข, อานนฺท, มยา ธมฺโม. เอวํ ปริยายเทสิเต โข, อานนฺท, มยา ธมฺเม เย อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สุลปิตํ สมนุชานิสฺสนฺติ สมนุมฺิสฺสนฺติ สมนุโมทิสฺสนฺติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ – สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหริสฺสนฺติ’’.
๙๐. ‘‘ปฺจ โข อิเม, อานนฺท, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา…เป… ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา…เป… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ¶ ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, อานนฺท, ปฺจ กามคุณา. ยํ โข, อานนฺท, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ กามสุขํ.
‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย – ‘เอตปรมํ สตฺตา สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ, อิทมสฺส นานุชานามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ ¶ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ¶ . อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.
‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย – ‘เอตปรมํ สตฺตา สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ, อิทมสฺส นานุชานามิ. ตํ ¶ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.
‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา…เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.
‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.
‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ ¶ ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา, ปฏิฆสฺานํ ¶ อตฺถงฺคมา, นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.
‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.
‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.
‘‘โย ¶ ¶ โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย…เป…. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.
‘‘โย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺย – ‘เอตปรมํ สตฺตา สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ, อิทมสฺส นานุชานามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ. กตมฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ ¶ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อฺํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.
๙๑. ‘‘านํ โข ปเนตํ, อานนฺท, วิชฺชติ ยํ อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ ¶ – ‘สฺาเวทยิตนิโรธํ สมโณ โคตโม อาห; ตฺจ สุขสฺมึ ปฺเปติ. ตยิทํ กึสุ, ตยิทํ กถํสู’ติ? เอวํวาทิโน, อานนฺท, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘น โข, อาวุโส, ภควา สุขํเยว เวทนํ สนฺธาย สุขสฺมึ ปฺเปติ; อปิ จ, อาวุโส, ยตฺถ ยตฺถ สุขํ อุปลพฺภติ ยหึ ยหึ ตํ ตํ ตถาคโต สุขสฺมึ ปฺเปตี’’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
พหุเวทนียสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.
๑๐. อปณฺณกสุตฺตํ
๙๒. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน สาลา นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริ. อสฺโสสุํ โข สาเลยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ¶ ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ สาลํ ¶ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ. อถ โข สาเลยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ; สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อปฺเปกจฺเจ ¶ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
๙๓. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข สาเลยฺยเก พฺราหฺมณคหปติเก ภควา เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ ปน โว, คหปตโย, โกจิ มนาโป สตฺถา ยสฺมึ โว อาการวตี สทฺธา ปฏิลทฺธา’’ติ? ‘‘นตฺถิ โข โน, ภนฺเต, โกจิ มนาโป สตฺถา ยสฺมึ โน อาการวตี สทฺธา ปฏิลทฺธา’’ติ. ‘‘มนาปํ โว, คหปตโย, สตฺถารํ อลภนฺเตหิ อยํ อปณฺณโก ธมฺโม สมาทาย วตฺติตพฺโพ. อปณฺณโก หิ, คหปตโย, ธมฺโม สมตฺโต สมาทินฺโน, โส โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. กตโม จ, คหปตโย, อปณฺณโก ธมฺโม’’?
๙๔. ‘‘สนฺติ ¶ , คหปตโย, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ, นตฺถิ หุตํ; นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ [สุกฏทุกฺกฏานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก; นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา; นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา; นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา [สมคฺคตา (ก.)] สมฺมา ปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. เตสํเยว โข, คหปตโย, สมณพฺราหฺมณานํ ¶ เอเก สมณพฺราหฺมณา ¶ อุชุวิปจฺจนีกวาทา. เต เอวมาหํสุ – ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ, อตฺถิ หุตํ; อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก; อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก; อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา; อตฺถิ สตฺตา ¶ โอปปาติกา; อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมา ปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. ตํ กึ มฺถ, คหปตโย – ‘นนุเม สมณพฺราหฺมณา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา’’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
๙๕. ‘‘ตตฺร, คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ…เป… เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ [ยทิทํ (ก.)] กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา [อภินิพฺพชฺเชตฺวา (สฺยา. กํ.), อภินิพฺพิชฺชิตฺวา (ก.)] ยมิทํ [ยทิทํ (ก.)] กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ปสฺสนฺติ อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว ปน ปรํ โลกํ ‘นตฺถิ ปโร โลโก’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘นตฺถิ ปโร โลโก’ติ สงฺกปฺเปติ; สฺวาสฺส โหติ มิจฺฉาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘นตฺถิ ปโร โลโก’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘นตฺถิ ปโร โลโก’ติ อาห; เย เต อรหนฺโต ปรโลกวิทุโน เตสมยํ ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘นตฺถิ ปโร โลโก’ติ ปรํ ¶ สฺาเปติ [ปฺาเปติ (ก.)]; สาสฺส โหติ อสทฺธมฺมสฺตฺติ [อสฺสทฺธมฺมปฺตฺติ (ก.)]. ตาย จ ปน อสทฺธมฺมสฺตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส สุสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, ทุสฺสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวาจา อริยานํ ปจฺจนีกตา อสทฺธมฺมสฺตฺติ อตฺตุกฺกํสนา ปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม [เอวํ’สิ’เม’ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยา.
‘‘ตตฺร ¶ ¶ ¶ , คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข นตฺถิ ปโร โลโก เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา โสตฺถิมตฺตานํ กริสฺสติ; สเจ โข อตฺถิ ปโร โลโก เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ ปโร โลโก, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห – ทุสฺสีโล ปุริสปุคฺคโล มิจฺฉาทิฏฺิ นตฺถิกวาโท’ติ. สเจ โข อตฺเถว ปโร โลโก, เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กลิคฺคโห – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม ทุสฺสมตฺโต สมาทินฺโน, เอกํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ กุสลํ านํ.
๙๖. ‘‘ตตฺร ¶ , คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ ทินฺนํ…เป… เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา ยมิทํ กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ปสฺสนฺติ หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ สงฺกปฺเปติ; สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ สมฺมาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ อาห; เย เต อรหนฺโต ปรโลกวิทุโน เตสมยํ น ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน ปรํ โลกํ ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ ปรํ ¶ สฺาเปติ; สาสฺส โหติ สทฺธมฺมสฺตฺติ. ตาย จ ปน สทฺธมฺมสฺตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส ทุสฺสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, สุสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา อริยานํ อปจฺจนีกตา สทฺธมฺมสฺตฺติ อนตฺตุกฺกํสนา ¶ ¶ อปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ สมฺมาทิฏฺิปจฺจยา.
‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข อตฺถิ ปโร โลโก ¶ , เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ ปโร โลโก, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส – สีลวา ปุริสปุคฺคโล สมฺมาทิฏฺิ อตฺถิกวาโท’ติ. สเจ โข อตฺเถว ปโร โลโก, เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กฏคฺคโห – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม สุสมตฺโต สมาทินฺโน, อุภยํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ อกุสลํ านํ.
๙๗. ‘‘สนฺติ, คหปตโย, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต [ปาณมติมาปยโต (สี. ปี.), ปาณมติปาตาปยโต (สฺยา. กํ.), ปาณมติปาปยโต (ก.)], อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ¶ ภณโต; กโรโต น กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปฺุชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต, ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต, ปจนฺโต ปาเจนฺโต; นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต; นตฺถิ ตโตนิทานํ ปฺุํ, นตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน [สจฺจวาเจน (ก.)] นตฺถิ ปฺุํ, นตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม’ติ. เตสํเยว โข, คหปตโย, สมณพฺราหฺมณานํ เอเก สมณพฺราหฺมณา อุชุวิปจฺจนีกวาทา ¶ เต เอวมาหํสุ – ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต ¶ โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต; กโรโต กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปฺุชํ กเรยฺย, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต, ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต, ปจนฺโต ปาเจนฺโต; อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ¶ ยชาเปนฺโต; อตฺถิ ตโตนิทานํ ปฺุํ, อตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม. ทาเนน ¶ ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปฺุํ, อตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม’ติ. ตํ กึ มฺถ, คหปตโย, นนุเม สมณพฺราหฺมณา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
๙๘. ‘‘ตตฺร, คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต; กโรโต น กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปฺุชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต…เป… ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปฺุํ, นตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา ยมิทํ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ปสฺสนฺติ อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม ¶ อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘นตฺถิ กิริยา’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘นตฺถิ กิริยา’ติ สงฺกปฺเปติ; สฺวาสฺส โหติ ¶ มิจฺฉาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘นตฺถิ กิริยา’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘นตฺถิ กิริยา’ติ อาห, เย เต อรหนฺโต กิริยวาทา เตสมยํ ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘นตฺถิ กิริยา’ติ ปรํ สฺาเปติ; สาสฺส โหติ อสทฺธมฺมสฺตฺติ. ตาย จ ปน อสทฺธมฺมสฺตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส สุสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, ทุสฺสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ ¶ มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวาจา อริยานํ ปจฺจนีกตา อสทฺธมฺมสฺตฺติ อตฺตุกฺกํสนา ปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยา.
‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข นตฺถิ กิริยา, เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา โสตฺถิมตฺตานํ กริสฺสติ; สเจ โข อตฺถิ กิริยา เอวมยํ ¶ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ กิริยา, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห – ทุสฺสีโล ปุริสปุคฺคโล ¶ มิจฺฉาทิฏฺิ อกิริยวาโท’ติ. สเจ โข อตฺเถว กิริยา, เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กลิคฺคโห – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม ทุสฺสมตฺโต สมาทินฺโน, เอกํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ กุสลํ านํ.
๙๙. ‘‘ตตฺร, คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘กโรโต การยโต, ฉินฺทโต เฉทาปยโต, ปจโต ปาจาปยโต, โสจยโต โสจาปยโต, กิลมโต กิลมาปยโต, ผนฺทโต ผนฺทาปยโต, ปาณมติปาตยโต, อทินฺนํ อาทิยโต, สนฺธึ ฉินฺทโต, นิลฺโลปํ หรโต, เอกาคาริกํ กโรโต, ปริปนฺเถ ติฏฺโต, ปรทารํ คจฺฉโต, มุสา ภณโต; กโรโต กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปฺุชํ กเรยฺย, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต, ฉินฺทนฺโต ¶ เฉทาเปนฺโต, ปจนฺโต ปาเจนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, อตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต, ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, อตฺถิ ตโตนิทานํ ปฺุํ, อตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปฺุํ, อตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ ¶ , มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา ยมิทํ กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ปสฺสนฺติ หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘อตฺถิ กิริยา’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘อตฺถิ กิริยา’ติ สงฺกปฺเปติ; สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘อตฺถิ กิริยา’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ สมฺมาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘อตฺถิ กิริยา’ติ อาห; เย เต อรหนฺโต กิริยวาทา เตสมยํ น ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน กิริยํ ‘อตฺถิ กิริยา’ติ ปรํ สฺาเปติ; สาสฺส ¶ โหติ สทฺธมฺมสฺตฺติ. ตาย ¶ จ ปน สทฺธมฺมสฺตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส ทุสฺสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, สุสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา อริยานํ อปจฺจนีกตา สทฺธมฺมสฺตฺติ อนตฺตุกฺกํสนา อปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ สมฺมาทิฏฺิปจฺจยา.
‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข อตฺถิ กิริยา, เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ ¶ กิริยา, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส – สีลวา ปุริสปุคฺคโล สมฺมาทิฏฺิ กิริยวาโท’ติ. สเจ โข อตฺเถว กิริยา, เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กฏคฺคโห – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม สุสมตฺโต สมาทินฺโน, อุภยํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ อกุสลํ านํ.
๑๐๐. ‘‘สนฺติ ¶ , คหปตโย, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย; อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ. นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา; อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ. นตฺถิ พลํ, นตฺถิ วีริยํ [วิริยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], นตฺถิ ปุริสถาโม, นตฺถิ ปุริสปรกฺกโม; สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสํคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ. เตสํเยว โข, คหปตโย, สมณพฺราหฺมณานํ เอเก สมณพฺราหฺมณา อุชุวิปจฺจนีกวาทา. เต เอวมาหํสุ – ‘อตฺถิ เหตุ, อตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย; สเหตู สปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ. อตฺถิ เหตุ, อตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา; สเหตู สปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ. อตฺถิ พลํ, อตฺถิ วีริยํ, อตฺถิ ¶ ปุริสถาโม, อตฺถิ ปุริสปรกฺกโม; น สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา [อตฺถิ ปุริสปรกฺกโม, สพฺเพ สตฺตา… สวสา สพลา สวีริยา (สฺยา. กํ. ก.)] นิยติสํคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ. ตํ กึ มฺถ, คหปตโย, นนุเม ¶ สมณพฺราหฺมณา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา’ติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’.
๑๐๑. ‘‘ตตฺร ¶ , คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย; อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ. นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา; อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ. นตฺถิ พลํ, นตฺถิ วีริยํ, นตฺถิ ปุริสถาโม, นตฺถิ ปุริสปรกฺกโม; สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสํคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา ยมิทํ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย อกุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ปสฺสนฺติ อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘นตฺถิ ¶ เหตู’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘นตฺถิ เหตู’ติ สงฺกปฺเปติ ¶ ; สฺวาสฺส โหติ มิจฺฉาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘นตฺถิ เหตู’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ มิจฺฉาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘นตฺถิ เหตู’ติ อาห; เย เต อรหนฺโต เหตุวาทา เตสมยํ ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘นตฺถิ เหตู’ติ ปรํ สฺาเปติ; สาสฺส โหติ อสทฺธมฺมสฺตฺติ. ตาย จ ปน อสทฺธมฺมสฺตฺติยา อตฺตานุกฺกํเสติ, ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส สุสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, ทุสฺสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวาจา อริยานํ ปจฺจนีกตา อสทฺธมฺมสฺตฺติ อตฺตานุกฺกํสนา ปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยา.
‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข นตฺถิ เหตุ, เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา โสตฺถิมตฺตานํ กริสฺสติ; สเจ โข อตฺถิ เหตุ, เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ เหตุ, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห – ทุสฺสีโล ปุริสปุคฺคโล มิจฺฉาทิฏฺิ อเหตุกวาโท’ติ. สเจ โข อตฺเถว เหตุ, เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กลิคฺคโห ¶ – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ คารยฺโห, ยฺจ กายสฺส เภทา ¶ ปรํ ¶ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม ทุสฺสมตฺโต สมาทินฺโน, เอกํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ กุสลํ านํ.
๑๐๒. ‘‘ตตฺร, คหปตโย, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ เหตุ, อตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย; สเหตู สปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ. อตฺถิ เหตุ, อตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา; สเหตู สปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ. อตฺถิ พลํ, อตฺถิ วีริยํ, อตฺถิ ปุริสถาโม, อตฺถิ ปุริสปรกฺกโม; น สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสํคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ เตสเมตํ ปาฏิกงฺขํ? ยมิทํ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ – อิเม ตโย ¶ อกุสเล ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา ยมิทํ กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ – อิเม ตโย กุสเล ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ปสฺสนฺติ หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘อตฺถิ เหตู’ ติสฺส ทิฏฺิ โหติ; สาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺิ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘อตฺถิ เหตู’ติ สงฺกปฺเปติ; สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสงฺกปฺโป. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘อตฺถิ เหตู’ติ วาจํ ภาสติ; สาสฺส โหติ สมฺมาวาจา. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ¶ ‘อตฺถิ เหตู’ติ อาห, เย เต อรหนฺโต เหตุวาทา เตสมยํ น ปจฺจนีกํ กโรติ. สนฺตํเยว โข ปน เหตุํ ‘อตฺถิ เหตู’ติ ปรํ สฺาเปติ; สาสฺส โหติ สทฺธมฺมสฺตฺติ. ตาย จ ปน สทฺธมฺมสฺตฺติยา เนวตฺตานุกฺกํเสติ, น ปรํ วมฺเภติ. อิติ ปุพฺเพว โข ปนสฺส ทุสฺสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, สุสีลฺยํ ปจฺจุปฏฺิตํ – อยฺจ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา อริยานํ อปจฺจนีกตา สทฺธมฺมสฺตฺติ อนตฺตุกฺกํสนา อปรวมฺภนา. เอวมสฺสิเม อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ สมฺมาทิฏฺิปจฺจยา.
‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สเจ โข อตฺถิ เหตุ, เอวมยํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. กามํ โข ปน มาหุ เหตุ, โหตุ เนสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ; อถ จ ปนายํ ภวํ ปุริสปุคฺคโล ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส – สีลวา ปุริสปุคฺคโล สมฺมาทิฏฺิ เหตุวาโท’ติ. สเจ โข อตฺถิ เหตุ ¶ , เอวํ อิมสฺส โภโต ปุริสปุคฺคลสฺส อุภยตฺถ กฏคฺคโห ¶ – ยฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม วิฺูนํ ปาสํโส, ยฺจ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสติ. เอวมสฺสายํ อปณฺณโก ธมฺโม สุสมตฺโต สมาทินฺโน, อุภยํสํ ผริตฺวา ติฏฺติ, ริฺจติ อกุสลํ านํ.
๑๐๓. ‘‘สนฺติ, คหปตโย, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน ¶ – ‘นตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ. เตสํเยว โข, คหปตโย, สมณพฺราหฺมณานํ เอเก สมณพฺราหฺมณา อุชุวิปจฺจนีกวาทา. เต เอวมาหํสุ – ‘อตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ. ตํ กึ มฺถ, คหปตโย, นนุเม สมณพฺราหฺมณา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตตฺร ¶ , คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – เย โข เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ, อิทํ เม อทิฏฺํ; เยปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ, อิทํ เม อวิทิตํ. อหฺเจว [อหฺเจ (?)] โข ปน อชานนฺโต อปสฺสนฺโต เอกํเสน อาทาย โวหเรยฺยํ – อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ, น เมตํ อสฺส ปติรูปํ. เย โข เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ, สเจ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, านเมตํ วิชฺชติ – เย เต เทวา รูปิโน มโนมยา, อปณฺณกํ เม ตตฺรูปปตฺติ ภวิสฺสติ. เย ปน เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปา’ติ, สเจ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, านเมตํ วิชฺชติ – เย เต เทวา อรูปิโน สฺามยา, อปณฺณกํ เม ตตฺรูปปตฺติ ภวิสฺสติ. ทิสฺสนฺติ โข ปน รูปาธิกรณํ [รูปการณา (ก.)] ทณฺฑาทาน-สตฺถาทาน-กลห-วิคฺคห-วิวาท-ตุวํตุวํ-เปสฺุ-มุสาวาทา. ‘นตฺถิ โข ปเนตํ สพฺพโส อรูเป’’’ติ. โส อิติ ¶ ปฏิสงฺขาย รูปานํเยว นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ.
๑๐๔. ‘‘สนฺติ, คหปตโย, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ. เตสํเยว โข, คหปตโย, สมณพฺราหฺมณานํ เอเก สมณพฺราหฺมณา อุชุวิปจฺจนีกวาทา. เต เอวมาหํสุ – ‘อตฺถิ สพฺพโส ¶ ภวนิโรโธ’ติ. ตํ กึ มฺถ, คหปตโย, นนุเม สมณพฺราหฺมณา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตตฺร, คหปตโย, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – เย โข เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, อิทํ เม อทิฏฺํ; เยปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ¶ เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, อิทํ เม อวิทิตํ. อหฺเจว โข ปน อชานนฺโต อปสฺสนฺโต เอกํเสน อาทาย โวหเรยฺยํ – อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ, น เมตํ อสฺส ปติรูปํ. เย โข เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, สเจ เตสํ ภวตํ ¶ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, านเมตํ วิชฺชติ – เย เต เทวา อรูปิโน สฺามยา อปณฺณกํ เม ตตฺรูปปตฺติ ภวิสฺสติ. เย ปน เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, สเจ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ วจนํ, านเมตํ วิชฺชติ – ยํ ทิฏฺเว ธมฺเม ปรินิพฺพายิสฺสามิ ¶ . เย โข เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘นตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, เตสมยํ ทิฏฺิ สาราคาย [สราคาย (สฺยา. กํ.)] สนฺติเก, สํโยคาย สนฺติเก, อภินนฺทนาย สนฺติเก, อชฺโฌสานาย สนฺติเก, อุปาทานาย สนฺติเก. เย ปน เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อตฺถิ สพฺพโส ภวนิโรโธ’ติ, เตสมยํ ทิฏฺิ อสาราคาย สนฺติเก, อสํโยคาย สนฺติเก, อนภินนฺทนาย สนฺติเก, อนชฺโฌสานาย สนฺติเก, อนุปาทานาย สนฺติเก’’’ติ. โส อิติ ปฏิสงฺขาย ภวานํเยว นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ.
๑๐๕. ‘‘จตฺตาโรเม, คหปตโย, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปรนฺตโป โหติ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป โหติ นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; โส อนตฺตนฺตโป ¶ อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ.
๑๐๖. ‘‘กตโม จ, คหปตโย, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ¶ ? อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร หตฺถาปเลขโน…เป… [วิตฺถาโร ม. นิ. ๒.๖-๗ กนฺทรกสุตฺเต] อิติ เอวรูปํ อเนกวิหิตํ กายสฺส อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, คหปตโย, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
‘‘กตโม ¶ ¶ จ, คหปตโย, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล โอรพฺภิโก โหติ สูกริโก…เป… เย วา ปนฺเปิ เกจิ กุรูรกมฺมนฺตา. อยํ วุจฺจติ, คหปตโย, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
‘‘กตโม จ, คหปตโย, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, คหปตโย, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ราชา วา โหติ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต…เป… เตปิ ทณฺฑตชฺชิตา ภยตชฺชิตา อสฺสุมุขา รุทมานา ปริกมฺมานิ กโรนฺติ. อยํ วุจฺจติ, คหปตโย, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
‘‘กตโม จ, คหปตโย, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ? อิธ, คหปตโย, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส ¶ อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ…เป… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ¶ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ ¶ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. โส เอวํ สมาหิเต ¶ จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ¶ ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, คหปตโย, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, สาเลยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คเต’’ติ.
อปณฺณกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.
คหปติวคฺโค นิฏฺิโต ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
กนฺทรนาครเสขวโต ¶ จ, โปตลิโย ปุน ชีวกภจฺโจ;
อุปาลิทมโถ กุกฺกุรอภโย, พหุเวทนียาปณฺณกโต ทสโม.
๒. ภิกฺขุวคฺโค
๑. อมฺพลฏฺิกราหุโลวาทสุตฺตํ
๑๐๗. ¶ ¶ เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ราหุโล อมฺพลฏฺิกายํ วิหรติ. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน อมฺพลฏฺิกา เยนายสฺมา ราหุโล เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข อายสฺมา ราหุโล ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน อาสนํ ปฺาเปสิ, อุทกฺจ ปาทานํ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช ปาเท ปกฺขาเลสิ. อายสฺมาปิ โข ราหุโล ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
๑๐๘. อถ โข ภควา ปริตฺตํ อุทกาวเสสํ อุทกาธาเน เปตฺวา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสสิ โน ตฺวํ, ราหุล, อิมํ ปริตฺตํ อุทกาวเสสํ อุทกาธาเน ปิต’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวํ ปริตฺตกํ โข, ราหุล, เตสํ สามฺํ เยสํ นตฺถิ สมฺปชานมุสาวาเท ลชฺชา’’ติ. อถ โข ภควา ปริตฺตํ อุทกาวเสสํ ฉฑฺเฑตฺวา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสสิ โน ตฺวํ, ราหุล, ปริตฺตํ อุทกาวเสสํ ฉฑฺฑิต’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวํ ฉฑฺฑิตํ โข, ราหุล, เตสํ สามฺํ เยสํ นตฺถิ สมฺปชานมุสาวาเท ลชฺชา’’ติ. อถ โข ภควา ¶ ตํ อุทกาธานํ นิกฺกุชฺชิตฺวา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสสิ โน ตฺวํ, ราหุล, อิมํ อุทกาธานํ นิกฺกุชฺชิต’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวํ นิกฺกุชฺชิตํ โข, ราหุล, เตสํ สามฺํ เยสํ นตฺถิ สมฺปชานมุสาวาเท ลชฺชา’’ติ. อถ โข ภควา ตํ อุทกาธานํ อุกฺกุชฺชิตฺวา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสสิ โน ตฺวํ, ราหุล, อิมํ อุทกาธานํ ริตฺตํ ตุจฺฉ’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวํ ริตฺตํ ตุจฺฉํ โข, ราหุล, เตสํ สามฺํ เยสํ นตฺถิ ¶ สมฺปชานมุสาวาเท ลชฺชาติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, รฺโ นาโค อีสาทนฺโต อุรูฬฺหวา [อุพฺพูฬฺหวา (สี. ปี.)] อภิชาโต สงฺคามาวจโร สงฺคามคโต ปุริเมหิปิ ปาเทหิ กมฺมํ กโรติ, ปจฺฉิเมหิปิ ปาเทหิ กมฺมํ กโรติ, ปุริเมนปิ กาเยน กมฺมํ กโรติ, ปจฺฉิเมนปิ กาเยน กมฺมํ กโรติ, สีเสนปิ กมฺมํ กโรติ, กณฺเณหิปิ ¶ กมฺมํ กโรติ, ทนฺเตหิปิ กมฺมํ กโรติ, นงฺคุฏฺเนปิ กมฺมํ ¶ กโรติ; รกฺขเตว โสณฺฑํ. ตตฺถ หตฺถาโรหสฺส เอวํ โหติ – ‘อยํ โข รฺโ นาโค อีสาทนฺโต อุรูฬฺหวา อภิชาโต สงฺคามาวจโร สงฺคามคโต ปุริเมหิปิ ปาเทหิ กมฺมํ กโรติ, ปจฺฉิเมหิปิ ปาเทหิ กมฺมํ กโรติ…เป… นงฺคุฏฺเนปิ กมฺมํ กโรติ; รกฺขเตว โสณฺฑํ ¶ . อปริจฺจตฺตํ โข รฺโ นาคสฺส ชีวิต’นฺติ. ยโต โข, ราหุล, รฺโ นาโค อีสาทนฺโต อุรูฬฺหวา อภิชาโต สงฺคามาวจโร สงฺคามคโต ปุริเมหิปิ ปาเทหิ กมฺมํ กโรติ, ปจฺฉิเมหิปิ ปาเทหิ กมฺมํ กโรติ…เป… นงฺคุฏฺเนปิ กมฺมํ กโรติ, โสณฺฑายปิ กมฺมํ กโรติ, ตตฺถ หตฺถาโรหสฺส เอวํ โหติ – ‘อยํ โข รฺโ นาโค อีสาทนฺโต อุรูฬฺหวา อภิชาโต สงฺคามาวจโร สงฺคามคโต ปุริเมหิปิ ปาเทหิ กมฺมํ กโรติ, ปจฺฉิเมหิปิ ปาเทหิ กมฺมํ กโรติ, ปุริเมนปิ กาเยน กมฺมํ กโรติ, ปจฺฉิเมนปิ กาเยน กมฺมํ กโรติ, สีเสนปิ กมฺมํ กโรติ, กณฺเณหิปิ กมฺมํ กโรติ, ทนฺเตหิปิ กมฺมํ กโรติ, นงฺคุฏฺเนปิ กมฺมํ กโรติ, โสณฺฑายปิ กมฺมํ กโรติ. ปริจฺจตฺตํ โข รฺโ นาคสฺส ชีวิตํ. นตฺถิ ทานิ กิฺจิ รฺโ นาคสฺส อกรณีย’นฺติ. เอวเมว โข, ราหุล, ยสฺส กสฺสจิ สมฺปชานมุสาวาเท นตฺถิ ลชฺชา, นาหํ ตสฺส กิฺจิ ปาปํ อกรณียนฺติ วทามิ. ตสฺมาติห เต, ราหุล, ‘หสฺสาปิ น มุสา ภณิสฺสามี’ติ – เอวฺหิ เต, ราหุล, สิกฺขิตพฺพํ.
๑๐๙. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราหุล, กิมตฺถิโย อาทาโส’’ติ? ‘‘ปจฺจเวกฺขณตฺโถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ราหุล, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา กาเยน กมฺมํ กตฺตพฺพํ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา วาจาย กมฺมํ กตฺตพฺพํ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา มนสา กมฺมํ กตฺตพฺพํ. ยเทว ¶ ตฺวํ, ราหุล, กาเยน กมฺมํ กตฺตุกาโม อโหสิ, ตเทว เต กายกมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ นุ โข อหํ อิทํ กาเยน กมฺมํ กตฺตุกาโม อิทํ เม กายกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย – อกุสลํ อิทํ กายกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ [ทุกฺขุนฺทฺรยํ, ทุกฺขุทยํ (ก.)] ทุกฺขวิปาก’นฺติ? สเจ ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ กาเยน กมฺมํ กตฺตุกาโม อิทํ เม กายกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ ¶ สํวตฺเตยฺย, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, อุภยพฺยาพาธายปิ ¶ สํวตฺเตยฺย – อกุสลํ อิทํ กายกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ, เอวรูปํ เต, ราหุล, กาเยน กมฺมํ สสกฺกํ น กรณียํ [สํสกฺกํ น จ กรณียํ (ก.)]. สเจ ¶ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ กาเยน กมฺมํ กตฺตุกาโม อิทํ เม กายกมฺมํ เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย – กุสลํ อิทํ กายกมฺมํ สุขุทฺรยํ สุขวิปาก’นฺติ, เอวรูปํ เต, ราหุล, กาเยน กมฺมํ กรณียํ.
‘‘กโรนฺเตนปิ เต, ราหุล, กาเยน กมฺมํ ตเทว เต กายกมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ นุ โข อหํ อิทํ กาเยน กมฺมํ กโรมิ อิทํ เม กายกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ ¶ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ กายกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ? สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ กาเยน กมฺมํ กโรมิ อิทํ เม กายกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ กายกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ, ปฏิสํหเรยฺยาสิ ตฺวํ, ราหุล, เอวรูปํ กายกมฺมํ. สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ กาเยน กมฺมํ กโรมิ อิทํ เม กายกมฺมํ เนวตฺตพฺยาพาธายปิ ¶ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – กุสลํ อิทํ กายกมฺมํ สุขุทฺรยํ สุขวิปาก’นฺติ, อนุปทชฺเชยฺยาสิ ตฺวํ, ราหุล, เอวรูปํ กายกมฺมํ.
‘‘กตฺวาปิ เต, ราหุล, กาเยน กมฺมํ ตเทว เต กายกมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ นุ โข อหํ อิทํ กาเยน กมฺมํ อกาสึ อิทํ เม กายกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ [สํวตฺติ (ปี.)], ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ กายกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ? สเจ โข ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ กาเยน กมฺมํ อกาสึ, อิทํ เม กายกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ กายกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ, เอวรูปํ เต, ราหุล, กายกมฺมํ สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ ¶ เทเสตพฺพํ, วิวริตพฺพํ, อุตฺตานีกาตพฺพํ; เทเสตฺวา วิวริตฺวา อุตฺตานีกตฺวา อายตึ สํวรํ ¶ อาปชฺชิตพฺพํ ¶ . สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ กาเยน กมฺมํ อกาสึ อิทํ เม กายกมฺมํ เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – กุสลํ อิทํ กายกมฺมํ สุขุทฺรยํ สุขวิปาก’นฺติ, เตเนว ตฺวํ, ราหุล, ปีติปาโมชฺเชน วิหเรยฺยาสิ อโหรตฺตานุสิกฺขี กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
๑๑๐. ‘‘ยเทว ตฺวํ, ราหุล, วาจาย กมฺมํ กตฺตุกาโม อโหสิ, ตเทว เต วจีกมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ นุ โข อหํ อิทํ วาจาย กมฺมํ กตฺตุกาโม อิทํ เม วจีกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย – อกุสลํ อิทํ วจีกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ? สเจ ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ วาจาย กมฺมํ กตฺตุกาโม อิทํ เม วจีกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย – อกุสลํ อิทํ วจีกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ, เอวรูปํ เต, ราหุล, วาจาย กมฺมํ สสกฺกํ น กรณียํ. สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ วาจาย กมฺมํ กตฺตุกาโม อิทํ เม วจีกมฺมํ เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย – กุสลํ อิทํ วจีกมฺมํ สุขุทฺรยํ สุขวิปาก’นฺติ, เอวรูปํ เต, ราหุล, วาจาย กมฺมํ กรณียํ.
‘‘กโรนฺเตนปิ, ราหุล, วาจาย กมฺมํ ตเทว เต วจีกมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ นุ โข อหํ อิทํ วาจาย กมฺมํ กโรมิ อิทํ เม วจีกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ ¶ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ วจีกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ? สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ วาจาย กมฺมํ กโรมิ อิทํ เม วจีกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ วจีกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ, ปฏิสํหเรยฺยาสิ ตฺวํ, ราหุล, เอวรูปํ วจีกมฺมํ. สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ วาจาย กมฺมํ กโรมิ อิทํ เม วจีกมฺมํ ¶ เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ¶ อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ ¶ – กุสลํ อิทํ วจีกมฺมํ สุขุทฺรยํ สุขวิปาก’นฺติ, อนุปทชฺเชยฺยาสิ, ตฺวํ ราหุล, เอวรูปํ วจีกมฺมํ.
‘‘กตฺวาปิ เต, ราหุล, วาจาย กมฺมํ ตเทว เต วจีกมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ นุ โข อหํ อิทํ วาจาย กมฺมํ อกาสึ อิทํ เม วจีกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ [สํวตฺติ (สี. ปี.)], ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ วจีกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ? สเจ โข ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ วาจาย กมฺมํ อกาสึ อิทํ เม วจีกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ วจีกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ, เอวรูปํ เต, ราหุล, วจีกมฺมํ สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ เทเสตพฺพํ, วิวริตพฺพํ, อุตฺตานีกตฺตพฺพํ ¶ ; เทเสตฺวา วิวริตฺวา อุตฺตานีกตฺวา อายตึ สํวรํ อาปชฺชิตพฺพํ. สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ วาจาย กมฺมํ อกาสึ อิทํ เม วจีกมฺมํ เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – กุสลํ อิทํ วจีกมฺมํ สุขุทฺรยํ สุขวิปาก’นฺติ, เตเนว ตฺวํ, ราหุล, ปีติปาโมชฺเชน วิหเรยฺยาสิ อโหรตฺตานุสิกฺขี กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
๑๑๑. ‘‘ยเทว ตฺวํ, ราหุล, มนสา กมฺมํ กตฺตุกาโม อโหสิ, ตเทว เต มโนกมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ นุ โข อหํ อิทํ มนสา กมฺมํ กตฺตุกาโม อิทํ เม มโนกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย – อกุสลํ อิทํ มโนกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ? สเจ ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ มนสา กมฺมํ กตฺตุกาโม อิทํ เม มโนกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย – อกุสลํ อิทํ มโนกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ, เอวรูปํ เต, ราหุล, มนสา กมฺมํ สสกฺกํ น กรณียํ. สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ ¶ อิทํ มนสา กมฺมํ กตฺตุกาโม อิทํ เม มโนกมฺมํ เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย, น ปรพฺยาพาธายปิ ¶ สํวตฺเตยฺย, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺเตยฺย – กุสลํ อิทํ มโนกมฺมํ ¶ สุขุทฺรยํ ¶ สุขวิปาก’นฺติ, เอวรูปํ เต, ราหุล, มนสา กมฺมํ กรณียํ.
‘‘กโรนฺเตนปิ เต, ราหุล, มนสา กมฺมํ ตเทว เต มโนกมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ นุ โข อหํ อิทํ มนสา กมฺมํ กโรมิ อิทํ เม มโนกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ มโนกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ? สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ มนสา กมฺมํ กโรมิ อิทํ เม มโนกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ มโนกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ, ปฏิสํหเรยฺยาสิ ตฺวํ, ราหุล, เอวรูปํ มโนกมฺมํ. สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ มนสา กมฺมํ กโรมิ อิทํ เม มโนกมฺมํ เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – กุสลํ อิทํ มโนกมฺมํ สุขุทฺรยํ สุขวิปาก’นฺติ, อนุปทชฺเชยฺยาสิ ตฺวํ, ราหุล, เอวรูปํ มโนกมฺมํ.
‘‘กตฺวาปิ เต, ราหุล, มนสา กมฺมํ ตเทว เต มโนกมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ นุ โข อหํ อิทํ มนสา กมฺมํ อกาสึ อิทํ เม มโนกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ [สํวตฺติ (สี. ปี.)], ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ มโนกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ? สเจ โข ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ ¶ โข อหํ อิทํ มนสา กมฺมํ อกาสึ อิทํ เม มโนกมฺมํ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – อกุสลํ อิทํ มโนกมฺมํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปาก’นฺติ, เอวรูปํ ปน [เอวรูเป (สี. ปี.), เอวรูเป ปน (สฺยา. กํ.)] เต, ราหุล, มโนกมฺมํ [มโนกมฺเม (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อฏฺฏียิตพฺพํ หรายิตพฺพํ ชิคุจฺฉิตพฺพํ; อฏฺฏียิตฺวา หรายิตฺวา ชิคุจฺฉิตฺวา อายตึ สํวรํ อาปชฺชิตพฺพํ. สเจ ปน ตฺวํ, ราหุล, ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชาเนยฺยาสิ – ‘ยํ โข อหํ อิทํ มนสา กมฺมํ อกาสึ ¶ อิทํ เม มโนกมฺมํ เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ – กุสลํ อิทํ มโนกมฺมํ สุขุทฺรยํ สุขวิปาก’นฺติ, เตเนว ตฺวํ, ราหุล, ปีติปาโมชฺเชน วิหเรยฺยาสิ อโหรตฺตานุสิกฺขี กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
๑๑๒. ‘‘เย ¶ ¶ หิ เกจิ, ราหุล, อตีตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กายกมฺมํ ปริโสเธสุํ, วจีกมฺมํ ปริโสเธสุํ, มโนกมฺมํ ปริโสเธสุํ, สพฺเพ เต เอวเมวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา กายกมฺมํ ปริโสเธสุํ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา วจีกมฺมํ ปริโสเธสุํ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา มโนกมฺมํ ปริโสเธสุํ. เยปิ หิ เกจิ, ราหุล, อนาคตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กายกมฺมํ ปริโสเธสฺสนฺติ, วจีกมฺมํ ปริโสเธสฺสนฺติ, มโนกมฺมํ ปริโสเธสฺสนฺติ, สพฺเพ เต เอวเมวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา กายกมฺมํ ปริโสเธสฺสนฺติ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา วจีกมฺมํ ปริโสเธสฺสนฺติ ¶ , ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา มโนกมฺมํ ปริโสเธสฺสนฺติ. เยปิ หิ เกจิ, ราหุล, เอตรหิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กายกมฺมํ ปริโสเธนฺติ, วจีกมฺมํ ปริโสเธนฺติ, มโนกมฺมํ ปริโสเธนฺติ, สพฺเพ เต เอวเมวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา กายกมฺมํ ปริโสเธนฺติ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา วจีกมฺมํ ปริโสเธนฺติ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา มโนกมฺมํ ปริโสเธนฺติ. ตสฺมาติห, ราหุล, ‘ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา กายกมฺมํ ปริโสเธสฺสามิ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา วจีกมฺมํ ปริโสเธสฺสามิ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา มโนกมฺมํ ปริโสเธสฺสามี’ติ – เอวฺหิ เต, ราหุล, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา ราหุโล ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
อมฺพลฏฺิกราหุโลวาทสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.
๒. มหาราหุโลวาทสุตฺตํ
๑๑๓. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อายสฺมาปิ โข ¶ ราหุโล ปุพฺพณฺหสมยํ ¶ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ภควนฺตํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. อถ โข ภควา อปโลเกตฺวา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ – ‘‘ยํ กิฺจิ, ราหุล, รูปํ – อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา – สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพ’’นฺติ. ‘‘รูปเมว นุ โข, ภควา, รูปเมว นุ โข, สุคตา’’ติ? ‘‘รูปมฺปิ, ราหุล, เวทนาปิ, ราหุล, สฺาปิ, ราหุล, สงฺขาราปิ, ราหุล, วิฺาณมฺปิ, ราหุลา’’ติ. อถ โข อายสฺมา ราหุโล ‘‘โก นชฺช [โก นุชฺช (สฺยา. กํ.)] ภควตา สมฺมุขา โอวาเทน โอวทิโต คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสตี’’ติ ตโต ปฏินิวตฺติตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. อทฺทสา โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา ¶ . ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานาปานสฺสตึ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อานาปานสฺสติ, ราหุล, ภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา’’ติ.
๑๑๔. อถ โข อายสฺมา ราหุโล สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา ราหุโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กถํ ภาวิตา นุ โข, ภนฺเต, อานาปานสฺสติ, กถํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา’’ติ? ‘‘ยํ กิฺจิ, ราหุล, อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ กกฺขฬํ ขริคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ – เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ มํสํ นฺหารุ [นหารุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อฏฺิ อฏฺิมิฺชํ วกฺกํ หทยํ ยกนํ กิโลมกํ ปิหกํ ปปฺผาสํ อนฺตํ อนฺตคุณํ อุทริยํ กรีสํ, ยํ ¶ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ กกฺขฬํ ขริคตํ อุปาทินฺนํ – อยํ วุจฺจติ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ [ปวีธาตุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ ยา จ พาหิรา ปถวีธาตุ, ปถวีธาตุเรเวสา. ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. เอวเมตํ ¶ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา ปถวีธาตุยา นิพฺพินฺทติ, ปถวีธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ’’.
๑๑๕. ‘‘กตมา ¶ จ, ราหุล, อาโปธาตุ? อาโปธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ ¶ ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อาโป อาโปคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ – ปิตฺตํ เสมฺหํ ปุพฺโพ โลหิตํ เสโท เมโท อสฺสุ วสา เขโฬ สิงฺฆาณิกา ลสิกา มุตฺตํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อาโป อาโปคตํ อุปาทินฺนํ – อยํ วุจฺจติ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ ยา จ พาหิรา อาโปธาตุ อาโปธาตุเรเวสา. ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา อาโปธาตุยา นิพฺพินฺทติ, อาโปธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
๑๑๖. ‘‘กตมา จ, ราหุล, เตโชธาตุ? เตโชธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ เตโช เตโชคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ – เยน จ สนฺตปฺปติ เยน จ ชีรียติ เยน จ ปริฑยฺหติ เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉติ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ เตโช เตโชคตํ อุปาทินฺนํ – อยํ วุจฺจติ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ ยา จ พาหิรา เตโชธาตุ เตโชธาตุเรเวสา. ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา เตโชธาตุยา นิพฺพินฺทติ, เตโชธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
๑๑๗. ‘‘กตมา ¶ จ, ราหุล, วาโยธาตุ? วาโยธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ วาโย วาโยคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ – อุทฺธงฺคมา วาตา, อโธคมา วาตา, กุจฺฉิสยา วาตา, โกฏฺาสยา [โกฏฺสยา (สี. ปี.)] วาตา ¶ , องฺคมงฺคานุสาริโน วาตา, อสฺสาโส ปสฺสาโส, อิติ ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ วาโย วาโยคตํ อุปาทินฺนํ – อยํ วุจฺจติ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ ยา จ พาหิรา วาโยธาตุ วาโยธาตุเรเวสา. ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ ¶ , น เมโส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ¶ ทฏฺพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา วาโยธาตุยา นิพฺพินฺทติ, วาโยธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
๑๑๘. ‘‘กตมา จ, ราหุล, อากาสธาตุ? อากาสธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา อากาสธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อากาสํ อากาสคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ – กณฺณจฺฉิทฺทํ นาสจฺฉิทฺทํ มุขทฺวารํ, เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ อชฺโฌหรติ, ยตฺถ จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สนฺติฏฺติ, เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ อโธภาคํ [อโธภาคา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นิกฺขมติ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อากาสํ อากาสคตํ, อฆํ อฆคตํ, วิวรํ วิวรคตํ, อสมฺผุฏฺํ, มํสโลหิเตหิ อุปาทินฺนํ ¶ [อากาสคตํ อุปาทินฺนํ (สี. ปี.)] – อยํ วุจฺจติ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา อากาสธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา อากาสธาตุ ยา จ พาหิรา อากาสธาตุ อากาสธาตุเรเวสา. ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา อากาสธาตุยา จิตฺตํ นิพฺพินฺทติ, อากาสธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
๑๑๙. ‘‘ปถวีสมํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. ปถวีสมฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย สฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, ปถวิยา สุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, อสุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, คูถคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, มุตฺตคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, เขฬคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, ปุพฺพคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, โลหิตคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, น จ เตน ปถวี อฏฺฏียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมว โข ตฺวํ, ราหุล, ปถวีสมํ ภาวนํ ภาเวหิ. ปถวีสมฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย สฺสนฺติ.
‘‘อาโปสมํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อาโปสมฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย สฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, อาปสฺมึ สุจิมฺปิ ¶ โธวนฺติ, อสุจิมฺปิ โธวนฺติ, คูถคตมฺปิ โธวนฺติ, มุตฺตคตมฺปิ โธวนฺติ, เขฬคตมฺปิ โธวนฺติ, ปุพฺพคตมฺปิ โธวนฺติ, โลหิตคตมฺปิ โธวนฺติ, น จ ¶ เตน อาโป อฏฺฏียติ ¶ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมว โข ¶ ตฺวํ, ราหุล, อาโปสมํ ภาวนํ ภาเวหิ. อาโปสมฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย สฺสนฺติ.
‘‘เตโชสมํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. เตโชสมฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย สฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, เตโช สุจิมฺปิ ทหติ, อสุจิมฺปิ ทหติ, คูถคตมฺปิ ทหติ, มุตฺตคตมฺปิ ทหติ, เขฬคตมฺปิ ทหติ, ปุพฺพคตมฺปิ ทหติ, โลหิตคตมฺปิ ทหติ, น จ เตน เตโช อฏฺฏียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมว โข ตฺวํ, ราหุล, เตโชสมํ ภาวนํ ภาเวหิ. เตโชสมฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย สฺสนฺติ.
‘‘วาโยสมํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. วาโยสมฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย สฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, วาโย สุจิมฺปิ อุปวายติ, อสุจิมฺปิ อุปวายติ, คูถคตมฺปิ อุปวายติ, มุตฺตคตมฺปิ อุปวายติ, เขฬคตมฺปิ อุปวายติ, ปุพฺพคตมฺปิ อุปวายติ, โลหิตคตมฺปิ อุปวายติ, น จ เตน วาโย อฏฺฏียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมว โข ตฺวํ, ราหุล, วาโยสมํ ภาวนํ ภาเวหิ. วาโยสมฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ¶ สฺสนฺติ.
‘‘อากาสสมํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อากาสสมฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย สฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, อากาโส น กตฺถจิ ปติฏฺิโต; เอวเมว โข ตฺวํ, ราหุล, อากาสสมํ ภาวนํ ภาเวหิ. อากาสสมฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย สฺสนฺติ.
๑๒๐. ‘‘เมตฺตํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. เมตฺตฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต โย พฺยาปาโท ¶ โส ปหียิสฺสติ. กรุณํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. กรุณฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต ยา วิเหสา สา ปหียิสฺสติ. มุทิตํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. มุทิตฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต ยา อรติ สา ปหียิสฺสติ. อุเปกฺขํ ¶ , ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อุเปกฺขฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต โย ปฏิโฆ โส ปหียิสฺสติ. อสุภํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อสุภฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต โย ราโค โส ปหียิสฺสติ. อนิจฺจสฺํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อนิจฺจสฺฺหิ ¶ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต โย อสฺมิมาโน โส ปหียิสฺสติ.
๑๒๑. ‘‘อานาปานสฺสตึ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อานาปานสฺสติ หิ เต, ราหุล, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา. กถํ ภาวิตา จ, ราหุล, อานาปานสฺสติ, กถํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา ¶ ? อิธ, ราหุล, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สฺุาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส สโตว อสฺสสติ สโตว [สโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปสฺสสติ.
‘‘ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต ‘ทีฆํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ, ทีฆํ วา ปสฺสสนฺโต ‘ทีฆํ ปสฺสสามี’ติ ปชานาติ; รสฺสํ วา อสฺสสนฺโต ‘รสฺสํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ, รสฺสํ วา ปสฺสสนฺโต ‘รสฺสํ ปสฺสสามี’ติ ปชานาติ. ‘สพฺพกายปฺปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘สพฺพกายปฺปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ.
‘‘‘ปีติปฺปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปีติปฺปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘สุขปฺปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘สุขปฺปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘จิตฺตสงฺขารปฺปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘จิตฺตสงฺขารปฺปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ.
‘‘‘จิตฺตปฺปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘จิตฺตปฺปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ ¶ ; ‘อภิปฺปโมทยํ จิตฺตํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘อภิปฺปโมทยํ จิตฺตํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘สมาทหํ จิตฺตํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘สมาทหํ จิตฺตํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘วิโมจยํ จิตฺตํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘วิโมจยํ จิตฺตํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ.
‘‘‘อนิจฺจานุปสฺสี ¶ อสฺสสิสฺสามี’ติ ¶ สิกฺขติ; ‘อนิจฺจานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘วิราคานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘วิราคานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘นิโรธานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘นิโรธานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ.
‘‘เอวํ ภาวิตา โข, ราหุล, อานาปานสฺสติ, เอวํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา. เอวํ ภาวิตาย, ราหุล, อานาปานสฺสติยา, เอวํ ¶ พหุลีกตาย เยปิ เต จริมกา อสฺสาสา เตปิ วิทิตาว นิรุชฺฌนฺติ โน อวิทิตา’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา ราหุโล ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
มหาราหุโลวาทสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.
๓. จูฬมาลุกฺยสุตฺตํ
๑๒๒. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อายสฺมโต มาลุกฺยปุตฺตสฺส [มาลุงฺกฺยปุตฺตสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘ยานิมานิ ทิฏฺิคตานิ ภควตา อพฺยากตานิ ปิตานิ ปฏิกฺขิตฺตานิ – ‘สสฺสโต โลโก’ติปิ, ‘อสสฺสโต โลโก’ติปิ, ‘อนฺตวา โลโก’ติปิ, ‘อนนฺตวา โลโก’ติปิ, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติปิ, ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติปิ, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ, ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ – ตานิ เม ภควา น พฺยากโรติ. ยานิ เม ภควา น พฺยากโรติ ตํ เม น รุจฺจติ, ตํ เม นกฺขมติ. โสหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสามิ. สเจ เม ภควา พฺยากริสฺสติ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา…เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา – เอวาหํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ ¶ จริสฺสามิ; โน เจ เม ภควา พฺยากริสฺสติ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา…เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ¶ ปรํ มรณา’ติ วา – เอวาหํ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติ.
๑๒๓. อถ ¶ โข อายสฺมา มาลุกฺยปุตฺโต สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มาลุกฺยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ –
๑๒๔. ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ยานิมานิ ทิฏฺิคตานิ ภควตา อพฺยากตานิ ปิตานิ ปฏิกฺขิตฺตานิ – ‘สสฺสโต โลโก’ติปิ, ‘อสสฺสโต โลโก’ติปิ…เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติปิ – ตานิ เม ภควา น พฺยากโรติ. ยานิ เม ภควา น พฺยากโรติ ตํ เม ¶ น รุจฺจติ, ตํ เม นกฺขมติ. โสหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสามิ. สเจ เม ภควา พฺยากริสฺสติ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา…เป… ¶ ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา – เอวาหํ ภควติ, พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ. โน เจ เม ภควา พฺยากริสฺสติ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา…เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา – เอวาหํ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามีติ. สเจ ภควา ชานาติ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ, ‘สสฺสโต โลโก’ติ เม ภควา พฺยากโรตุ; สเจ ภควา ชานาติ – ‘อสสฺสโต โลโก’ติ, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ เม ภควา พฺยากโรตุ. โน เจ ภควา ชานาติ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา, อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ โหติ ยทิทํ – ‘น ชานามิ, น ปสฺสามี’ติ. สเจ ภควา ชานาติ – ‘อนฺตวา โลโก’ติ, ‘อนนฺตวา โลโก’ติ เม ภควา พฺยากโรตุ; สเจ ภควา ชานาติ – ‘อนนฺตวา โลโก’ติ, ‘อนนฺตวา โลโก’ติ เม ภควา พฺยากโรตุ. โน เจ ภควา ชานาติ – ‘อนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘อนนฺตวา โลโก’ติ วา, อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว ¶ อุชุกํ โหติ ยทิทํ – ‘น ชานามิ, น ปสฺสามี’ติ. สเจ ภควา ชานาติ – ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ เม ภควา พฺยากโรตุ; สเจ ภควา ชานาติ – ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ, ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ เม ภควา พฺยากโรตุ. โน เจ ภควา ชานาติ – ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ วา, ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ วา, อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ โหติ ยทิทํ – ‘น ¶ ชานามิ, น ปสฺสามี’ติ. สเจ ภควา ชานาติ – ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ เม ภควา ¶ พฺยากโรตุ; สเจ ภควา ชานาติ – ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ เม ภควา พฺยากโรตุ. โน เจ ภควา ชานาติ – ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ โหติ ยทิทํ – ‘น ชานามิ น ปสฺสามี’ติ. สเจ ภควา ชานาติ – ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ เม ภควา พฺยากโรตุ; สเจ ภควา ชานาติ – ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ เม ภควา พฺยากโรตุ. โน เจ ภควา ชานาติ – ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘เนว โหติ น ¶ น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ โหติ ยทิทํ – ‘น ชานามิ, น ปสฺสามี’’’ติ.
๑๒๕. ‘‘กึ นุ [กึ นุ โข (สฺยา. กํ. ก.)] ตาหํ, มาลุกฺยปุตฺต, เอวํ อวจํ – ‘เอหิ ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, มยิ พฺรหฺมจริยํ จร, อหํ เต พฺยากริสฺสามิ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘อนนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ วา, ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ วา, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘น โหติ ¶ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตฺวํ วา ปน มํ เอวํ อวจ – อหํ, ภนฺเต, ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ ¶ , ภควา เม พฺยากริสฺสติ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘อนนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ วา, ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ วา, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘อิติ กิร, มาลุกฺยปุตฺต, เนวาหํ ตํ วทามิ – เอหิ ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, มยิ พฺรหฺมจริยํ จร, อหํ เต พฺยากริสฺสามิ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา…เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา’ติ; นปิ กิร มํ ตฺวํ วเทสิ – อหํ, ภนฺเต, ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ, ภควา เม พฺยากริสฺสติ – ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา…เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา’’ติ. เอวํ สนฺเต, โมฆปุริส, โก สนฺโต กํ ปจฺจาจิกฺขสิ?
๑๒๖. ‘‘โย โข, มาลุกฺยปุตฺต, เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ ยาว เม ภควา น พฺยากริสฺสติ – ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ วา, ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ วา…เป… ¶ ‘‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ วาติ, อพฺยากตเมว ¶ ตํ, มาลุกฺยปุตฺต, ตถาคเตน อสฺส, อถ โส ปุคฺคโล กาลํ กเรยฺย. เสยฺยถาปิ, มาลุกฺยปุตฺต, ปุริโส สลฺเลน วิทฺโธ อสฺส สวิเสน คาฬฺหปเลปเนน. ตสฺส มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อุปฏฺเปยฺยุํ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ ¶ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ปุริสํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา’ติ; โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ปุริสํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, เอวํนาโม เอวํโคตฺโต อิติ วา’ติ; โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ปุริสํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ทีโฆ วา รสฺโส วา มชฺฌิโม วา’ติ; โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ปุริสํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, กาโฬ วา สาโม วา มงฺคุรจฺฉวี วา’ติ; โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ปุริสํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, อมุกสฺมึ คาเม ¶ วา นิคเม วา นคเร วา’ติ; โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ธนุํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ยทิ วา จาโป ยทิ วา โกทณฺโฑ’ติ; โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ ชิยํ ชานามิ ยายมฺหิ วิทฺโธ ¶ , ยทิ วา อกฺกสฺส ยทิ วา สณฺหสฺส [สณฺสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ยทิ วา นฺหารุสฺส ยทิ วา มรุวาย ยทิ วา ขีรปณฺณิโน’ติ; โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ กณฺฑํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ยทิ วา คจฺฉํ ยทิ วา โรปิม’นฺติ; โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ กณฺฑํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ยสฺส ปตฺเตหิ วาชิตํ [วาขิตฺตํ (ก.)] ยทิ วา คิชฺฌสฺส ยทิ วา กงฺกสฺส ยทิ วา กุลลสฺส ยทิ วา โมรสฺส ยทิ วา สิถิลหนุโน’ติ; โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ กณฺฑํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ยสฺส นฺหารุนา ปริกฺขิตฺตํ ยทิ วา ควสฺส ยทิ วา มหึสสฺส ยทิ วา เภรวสฺส [โรรุวสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ยทิ วา เสมฺหารสฺสา’ติ; โส เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ อิมํ สลฺลํ อาหริสฺสามิ ยาว น ตํ สลฺลํ ชานามิ เยนมฺหิ วิทฺโธ, ยทิ วา สลฺลํ ยทิ วา ขุรปฺปํ ยทิ วา เวกณฺฑํ ยทิ วา นาราจํ ยทิ วา วจฺฉทนฺตํ ยทิ วา กรวีรปตฺต’นฺติ ¶ – อฺาตเมว ตํ, มาลุกฺยปุตฺต, เตน ปุริเสน อสฺส, อถ โส ปุริโส กาลํ กเรยฺย. เอวเมว โข, มาลุกฺยปุตฺต, โย เอวํ วเทยฺย – ‘น ตาวาหํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ ยาว เม ภควา น พฺยากริสฺสติ – ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ วา ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ ¶ วา…เป… ‘‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ วาติ – อพฺยากตเมว ตํ, มาลุกฺยปุตฺต, ตถาคเตน อสฺส, อถ โส ปุคฺคโล กาลงฺกเรยฺย.
๑๒๗. ‘‘‘สสฺสโต โลโก’ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ ¶ , เอวํ ‘โน อสสฺสโต โลโก’ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวมฺปิ ‘โน สสฺสโต โลโก’ติ วา, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา ทิฏฺิยา สติ อตฺเถว ชาติ, อตฺถิ ชรา, อตฺถิ มรณํ, สนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา; เยสาหํ ทิฏฺเว ธมฺเม นิฆาตํ ปฺเปมิ ¶ . ‘อนฺตวา โลโก’ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวํ ‘โน อนนฺตวา โลโก’ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวมฺปิ ‘โน อนฺตวา โลโก’ติ วา, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ, ‘อนนฺตวา โลโก’ติ วา ทิฏฺิยา สติ อตฺเถว ชาติ, อตฺถิ ชรา, อตฺถิ มรณํ, สนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา; เยสาหํ ทิฏฺเว ธมฺเม นิฆาตํ ปฺเปมิ. ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส ¶ อภวิสฺสาติ, เอวํ ‘โน อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวมฺปิ ‘โน ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ วา, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ, ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ วา ทิฏฺิยา สติ อตฺเถว ชาติ…เป… นิฆาตํ ปฺเปมิ. ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวํ ‘โน น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวมฺปิ ‘โน โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา ทิฏฺิยา สติ อตฺเถว ชาติ…เป… ¶ เยสาหํ ทิฏฺเว ธมฺเม นิฆาตํ ปฺเปมิ. ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวํ ‘โน เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส อภวิสฺสาติ, เอวมฺปิ ‘โน โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ, มาลุกฺยปุตฺต, ทิฏฺิยา สติ, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา ทิฏฺิยา สติ อตฺเถว ชาติ…เป… เยสาหํ ทิฏฺเว ธมฺเม นิฆาตํ ปฺเปมิ.
๑๒๘. ‘‘ตสฺมาติห, มาลุกฺยปุตฺต, อพฺยากตฺจ เม อพฺยากตโต ¶ ธาเรถ; พฺยากตฺจ เม พฺยากตโต ธาเรถ. กิฺจ, มาลุกฺยปุตฺต, มยา อพฺยากตํ? ‘สสฺสโต โลโก’ติ มาลุกฺยปุตฺต, มยา อพฺยากตํ; ‘อสสฺสโต โลโก’ติ – มยา อพฺยากตํ; ‘อนฺตวา โลโก’ติ – มยา อพฺยากตํ; ‘อนนฺตวา โลโก’ติ – มยา อพฺยากตํ; ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ ¶ – มยา อพฺยากตํ; ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ – มยา อพฺยากตํ; ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ – มยา อพฺยากตํ; ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ ¶ มรณา’ติ – มยา อพฺยากตํ; ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ – มยา อพฺยากตํ; ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ – มยา อพฺยากตํ. กสฺมา เจตํ, มาลุกฺยปุตฺต, มยา อพฺยากตํ? น เหตํ, มาลุกฺยปุตฺต, อตฺถสํหิตํ น อาทิพฺรหฺมจริยกํ น [เนตํ (สี.)] นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ. ตสฺมา ตํ มยา อพฺยากตํ. กิฺจ, มาลุกฺยปุตฺต, มยา พฺยากตํ? ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ, มาลุกฺยปุตฺต, มยา พฺยากตํ; ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ – มยา พฺยากตํ; ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ – มยา พฺยากตํ; ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ – มยา พฺยากตํ. กสฺมา เจตํ, มาลุกฺยปุตฺต, มยา พฺยากตํ? เอตฺหิ, มาลุกฺยปุตฺต, อตฺถสํหิตํ เอตํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. ตสฺมา ตํ มยา พฺยากตํ. ตสฺมาติห, มาลุกฺยปุตฺต ¶ , อพฺยากตฺจ เม ¶ อพฺยากตโต ธาเรถ; พฺยากตฺจ เม พฺยากตโต ธาเรถา’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา มาลุกฺยปุตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
จูฬมาลุกฺยสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.
๔. มหามาลุกฺยสุตฺตํ
๑๒๙. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘ธาเรถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, มยา เทสิตานิ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี’’ติ?
เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา มาลุกฺยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, ภนฺเต, ธาเรมิ ภควตา เทสิตานิ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, ธาเรสิ มยา เทสิตานิ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี’’ติ? ‘‘สกฺกายทิฏฺึ โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ ¶ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; วิจิกิจฺฉํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; สีลพฺพตปรามาสํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; กามจฺฉนฺทํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ; พฺยาปาทํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ เทสิตํ ธาเรมิ. เอวํ โข อหํ, ภนฺเต, ธาเรมิ ภควตา เทสิตานิ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี’’ติ.
‘‘กสฺส โข นาม ตฺวํ, มาลุกฺยปุตฺต, อิมานิ เอวํ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ เทสิตานิ ธาเรสิ? นนุ, มาลุกฺยปุตฺต ¶ , อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อิมินา ตรุณูปเมน อุปารมฺเภน อุปารมฺภิสฺสนฺติ? ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส สกฺกาโยติปิ น โหติ, กุโต ¶ ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ สกฺกายทิฏฺิ? อนุเสตฺเววสฺส [อนุเสติ ตฺเววสฺส (สี. ปี.)] สกฺกายทิฏฺานุสโย. ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส ธมฺมาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา? อนุเสตฺเววสฺส วิจิกิจฺฉานุสโย. ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส สีลาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ สีเลสุ สีลพฺพตปรามาโส? อนุเสตฺเววสฺส สีลพฺพตปรามาสานุสโย ¶ . ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส กามาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท? อนุเสตฺเววสฺส กามราคานุสโย. ทหรสฺส หิ, มาลุกฺยปุตฺต, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส สตฺตาติปิ น โหติ, กุโต ปนสฺส อุปฺปชฺชิสฺสติ สตฺเตสุ พฺยาปาโท? อนุเสตฺเววสฺส พฺยาปาทานุสโย. นนุ, มาลุกฺยปุตฺต, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อิมินา ตรุณูปเมน อุปารมฺเภน อุปารมฺภิสฺสนฺตี’’ติ? เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล, เอตสฺส, สุคต, กาโล ยํ ภควา ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ เทเสยฺย. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หานนฺท, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา ¶ อานนฺโท ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
๑๓๐. ‘‘อิธานนฺท ¶ , อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธมฺเม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต สกฺกายทิฏฺิปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ สกฺกายทิฏฺิปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ สกฺกายทิฏฺิยา นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ตสฺส สา สกฺกายทิฏฺิ ถามคตา อปฺปฏิวินีตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ. วิจิกิจฺฉาปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ วิจิกิจฺฉาปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ตสฺส สา วิจิกิจฺฉา ถามคตา อปฺปฏิวินีตา โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ. สีลพฺพตปรามาสปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ สีลพฺพตปรามาสปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ สีลพฺพตปรามาสสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ตสฺส โส สีลพฺพตปรามาโส ถามคโต อปฺปฏิวินีโต โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ. กามราคปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ กามราคปเรเตน ¶ ; อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ตสฺส โส กามราโค ถามคโต อปฺปฏิวินีโต โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ. พฺยาปาทปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ พฺยาปาทปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ตสฺส โส พฺยาปาโท ถามคโต อปฺปฏิวินีโต โอรมฺภาคิยํ สํโยชนํ.
๑๓๑. ‘‘สุตวา จ โข, อานนฺท, อริยสาวโก ¶ อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท ¶ อริยธมฺเม สุวินีโต, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต น สกฺกายทิฏฺิปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ น สกฺกายทิฏฺิปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ สกฺกายทิฏฺิยา นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส สา สกฺกายทิฏฺิ สานุสยา ปหียติ. น วิจิกิจฺฉาปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ น วิจิกิจฺฉาปเรเตน; อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส สา วิจิกิจฺฉา สานุสยา ปหียติ. น สีลพฺพตปรามาสปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ น สีลพฺพตปรามาสปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ สีลพฺพตปรามาสสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส โส สีลพฺพตปรามาโส สานุสโย ปหียติ. น กามราคปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ น กามราคปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส โส กามราโค สานุสโย ปหียติ ¶ . น พฺยาปาทปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ น พฺยาปาทปเรเตน; อุปฺปนฺนสฺส จ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส โส พฺยาปาโท สานุสโย ปหียติ.
๑๓๒. ‘‘โย, อานนฺท, มคฺโค ยา ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฏิปทํ อนาคมฺม ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ สฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เสยฺยถาปิ, อานนฺท, มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต ¶ สารวโต ตจํ อจฺเฉตฺวา เผคฺคุํ อจฺเฉตฺวา สารจฺเฉโท ภวิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ; เอวเมว โข, อานนฺท, โย มคฺโค ยา ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฏิปทํ อนาคมฺม ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ สฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.
‘‘โย จ โข, อานนฺท, มคฺโค ยา ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ ¶ มคฺคํ ตํ ปฏิปทํ อาคมฺม ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ สฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ – านเมตํ วิชฺชติ. เสยฺยถาปิ, อานนฺท, มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต ตจํ เฉตฺวา เผคฺคุํ เฉตฺวา สารจฺเฉโท ภวิสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ; เอวเมว โข, อานนฺท, โย มคฺโค ยา ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย ตํ มคฺคํ ตํ ปฏิปทํ อาคมฺม ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ สฺสติ วา ทกฺขติ วา ปชหิสฺสติ วาติ – านเมตํ วิชฺชติ. เสยฺยถาปิ, อานนฺท, คงฺคา นที ปูรา อุทกสฺส สมติตฺติกา ¶ กากเปยฺยา. อถ ทุพฺพลโก ปุริโส อาคจฺเฉยฺย – ‘อหํ อิมิสฺสา คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คจฺฉิสฺสามี’ติ [คจฺฉามีติ (สี. ปี.)]; โส น สกฺกุเณยฺย คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คนฺตุํ. เอวเมว โข, อานนฺท, เยสํ เกสฺจิ [ยสฺส กสฺสจิ (สพฺพตฺถ)] สกฺกายนิโรธาย ธมฺเม เทสิยมาเน จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ น วิมุจฺจติ; เสยฺยถาปิ ¶ โส ทุพฺพลโก ปุริโส เอวเมเต ทฏฺพฺพา. เสยฺยถาปิ, อานนฺท, คงฺคา นที ปูรา อุทกสฺส สมติตฺติกา กากเปยฺยา. อถ พลวา ปุริโส อาคจฺเฉยฺย – ‘อหํ อิมิสฺสา คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย ¶ โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คจฺฉิสฺสามี’ติ; โส สกฺกุเณยฺย คงฺคาย นทิยา ติริยํ พาหาย โสตํ เฉตฺวา โสตฺถินา ปารํ คนฺตุํ. เอวเมว โข, อานนฺท, เยสํ เกสฺจิ สกฺกายนิโรธาย ธมฺเม เทสิยมาเน จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ วิมุจฺจติ; เสยฺยถาปิ โส พลวา ปุริโส เอวเมเต ทฏฺพฺพา.
๑๓๓. ‘‘กตโม จานนฺท, มคฺโค, กตมา ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย? อิธานนฺท, ภิกฺขุ อุปธิวิเวกา อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานา สพฺพโส กายทุฏฺุลฺลานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส ยเทว ตตฺถ โหติ รูปคตํ เวทนาคตํ สฺาคตํ สงฺขารคตํ วิฺาณคตํ เต ธมฺเม อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโต คณฺฑโต สลฺลโต อฆโต อาพาธโต ปรโต ปโลกโต สฺุโต อนตฺตโต สมนุปสฺสติ. โส เตหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปฏิวาเปติ [ปฏิปาเปติ (สฺยา.), ปติฏฺาเปติ (ก.)]. โส เตหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปฏิวาเปตฺวา อมตาย ธาตุยา ¶ จิตฺตํ อุปสํหรติ – ‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ¶ ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’นฺติ. โส ตตฺถ ิโต อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ; โน เจ อาสวานํ ขยํ ปาปุณาติ เตเนว ธมฺมราเคน ตาย ธมฺมนนฺทิยา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี, อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อยมฺปิ โข, อานนฺท, มคฺโค อยํ ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ¶ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ… ¶ ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส ยเทว ตตฺถ โหติ รูปคตํ เวทนาคตํ สฺาคตํ สงฺขารคตํ วิฺาณคตํ… อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อยมฺปิ โข, อานนฺท, มคฺโค อยํ ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส ยเทว ตตฺถ โหติ เวทนาคตํ ¶ สฺาคตํ สงฺขารคตํ วิฺาณคตํ…เป… ¶ อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อยมฺปิ โข, อานนฺท, มคฺโค อยํ ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส ยเทว ตตฺถ โหติ เวทนาคตํ สฺาคตํ สงฺขารคตํ วิฺาณคตํ…เป… ¶ อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อยมฺปิ โข, อานนฺท, มคฺโค อยํ ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย.
‘‘ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส ยเทว ตตฺถ โหติ เวทนาคตํ สฺาคตํ สงฺขารคตํ วิฺาณคตํ…เป… ¶ อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อยมฺปิ โข, อานนฺท, มคฺโค อยํ ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานายา’’ติ.
‘‘เอโส เจ, ภนฺเต, มคฺโค เอสา ปฏิปทา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาย, อถ กิฺจรหิ อิเธกจฺเจ ภิกฺขู เจโตวิมุตฺติโน เอกจฺเจ ภิกฺขู ปฺาวิมุตฺติโน’’ติ? ‘‘เอตฺถ โข ปเนสาหํ [เอตฺถ โข เตสาหํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อานนฺท, อินฺทฺริยเวมตฺตตํ วทามี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
มหามาลุกฺยสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.
๕. ภทฺทาลิสุตฺตํ
๑๓๔. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, ภิกฺขเว, เอกาสนโภชนํ ภฺุชามิ; เอกาสนโภชนํ โข, อหํ, ภิกฺขเว, ภฺุชมาโน อปฺปาพาธตฺจ สฺชานามิ ¶ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจ. เอถ, ตุมฺเหปิ, ภิกฺขเว, เอกาสนโภชนํ ภฺุชถ; เอกาสนโภชนํ โข, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ ภฺุชมานา อปฺปาพาธตฺจ สฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา ภทฺทาลิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, ภนฺเต, น อุสฺสหามิ เอกาสนโภชนํ ภฺุชิตุํ; เอกาสนโภชนฺหิ เม, ภนฺเต, ภฺุชโต สิยา กุกฺกุจฺจํ, สิยา วิปฺปฏิสาโร’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, ภทฺทาลิ, ยตฺถ นิมนฺติโต อสฺสสิ ตตฺถ เอกเทสํ ภฺุชิตฺวา เอกเทสํ นีหริตฺวาปิ ภฺุเชยฺยาสิ. เอวมฺปิ โข ¶ ตฺวํ, ภทฺทาลิ, ภฺุชมาโน เอกาสโน ยาเปสฺสสี’’ติ [ภฺุชมาโน ยาเปสฺสสีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ‘‘เอวมฺปิ โข อหํ, ภนฺเต, น อุสฺสหามิ ภฺุชิตุํ; เอวมฺปิ หิ เม, ภนฺเต, ภฺุชโต สิยา กุกฺกุจฺจํ, สิยา วิปฺปฏิสาโร’’ติ. อถ โข อายสฺมา ภทฺทาลิ ภควตา สิกฺขาปเท ปฺาปิยมาเน ภิกฺขุสงฺเฆ สิกฺขํ สมาทิยมาเน อนุสฺสาหํ ปเวเทสิ. อถ ¶ โข อายสฺมา ภทฺทาลิ สพฺพํ ตํ เตมาสํ น ภควโต สมฺมุขีภาวํ อทาสิ, ยถา ตํ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี.
๑๓๕. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ – นิฏฺิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตีติ. อถ โข อายสฺมา ภทฺทาลิ เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ ภทฺทาลึ เต ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘อิทํ โข, อาวุโส ภทฺทาลิ, ภควโต จีวรกมฺมํ กรียติ [กรณียํ (ก.)]. นิฏฺิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสติ. อิงฺฆาวุโส ภทฺทาลิ, เอตํ โทสกํ สาธุกํ มนสิ กโรหิ, มา เต ปจฺฉา ทุกฺกรตรํ อโหสี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา ¶ ภทฺทาลิ เตสํ ภิกฺขูนํ ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา ภทฺทาลิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, โยหํ ภควตา สิกฺขาปเท ปฺาปิยมาเน ภิกฺขุสงฺเฆ สิกฺขํ สมาทิยมาเน อนุสฺสาหํ ปเวเทสึ. ตสฺส เม, ภนฺเต, ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ อายตึ สํวรายา’’ติ.
‘‘ตคฺฆ ¶ ตฺวํ, ภทฺทาลิ, อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ¶ ยถาอกุสลํ, ยํ ตฺวํ มยา สิกฺขาปเท ปฺาปิยมาเน ภิกฺขุสงฺเฆ สิกฺขํ สมาทิยมาเน อนุสฺสาหํ ปเวเทสิ. สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ – ‘ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ – ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ. อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ. สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ – ‘สมฺพหุลา โข ¶ ภิกฺขุ สาวตฺถิยํ วสฺสํ อุปคตา, เตปิ มํ ชานิสฺสนฺติ – ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ. อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ. สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ – ‘สมฺพหุลา โข ภิกฺขุนิโย สาวตฺถิยํ วสฺสํ อุปคตา, ตาปิ มํ ชานิสฺสนฺติ – ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ. อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ. สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ – ‘สมฺพหุลา โข อุปาสกา สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺติ, เตปิ มํ ชานิสฺสนฺติ – ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ. อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ. สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ – ‘สมฺพหุลา โข อุปาสิกา สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺติ, ตาปิ มํ ชานิสฺสนฺติ – ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ. อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ ¶ , สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ. สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ – ‘สมฺพหุลา โข นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณา สาวตฺถิยํ วสฺสํ อุปคตา, เตปิ มํ ชานิสฺสนฺติ – ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สมณสฺส โคตมสฺส สาวโก เถรฺตโร ภิกฺขุ สาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ. อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติ.
‘‘อจฺจโย ¶ มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, โยหํ ภควตา สิกฺขาปเท ปฺาปิยมาเน ภิกฺขุสงฺเฆ สิกฺขํ สมาทิยมาเน อนุสฺสาหํ ปเวเทสึ. ตสฺส เม, ภนฺเต, ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ อายตึ สํวรายา’’ติ. ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ, ภทฺทาลิ, อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, ยํ ตฺวํ มยา สิกฺขาปเท ¶ ปฺาปิยมาเน ภิกฺขุสงฺเฆ สิกฺขํ สมาทิยมาเน อนุสฺสาหํ ปเวเทสิ’’.
๑๓๖. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ภทฺทาลิ, อิธสฺส ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุตฺโต, ตมหํ เอวํ วเทยฺยํ – ‘เอหิ เม ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปงฺเก สงฺกโม โหหี’ติ, อปิ นุ โข โส สงฺกเมยฺย วา อฺเน วา กายํ สนฺนาเมยฺย, ‘โน’ติ วา วเทยฺยา’’ติ?
‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ภทฺทาลิ, อิธสฺส ภิกฺขุ ปฺาวิมุตฺโต… กายสกฺขิ… ทิฏฺิปฺปตฺโต… สทฺธาวิมุตฺโต… ธมฺมานุสารี… สทฺธานุสารี, ตมหํ เอวํ วเทยฺยํ – ‘เอหิ เม ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปงฺเก สงฺกโม โหหี’ติ, อปิ นุ โข โส สงฺกเมยฺย วา อฺเน วา กายํ สนฺนาเมยฺย, ‘โน’ติ วา วเทยฺยา’’ติ?
‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กึ ¶ มฺสิ, ภทฺทาลิ, อปิ นุ ตฺวํ, ภทฺทาลิ, ตสฺมึ สมเย อุภโตภาควิมุตฺโต วา โหสิ ปฺาวิมุตฺโต ¶ วา กายสกฺขิ วา ทิฏฺิปฺปตฺโต วา สทฺธาวิมุตฺโต วา ธมฺมานุสารี วา สทฺธานุสารี วา’’ติ?
‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.
‘‘นนุ ตฺวํ, ภทฺทาลิ, ตสฺมึ สมเย ริตฺโต ตุจฺโฉ อปรทฺโธ’’ติ?
‘‘เอวํ ¶ , ภนฺเต. อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, โยหํ ภควตา สิกฺขาปเท ปฺาปิยมาเน ภิกฺขุสงฺเฆ สิกฺขํ สมาทิยมาเน อนุสฺสาหํ ปเวเทสึ. ตสฺส เม, ภนฺเต, ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ อายตึ สํวรายา’’ติ. ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ, ภทฺทาลิ, อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, ยํ ตฺวํ มยา สิกฺขาปเท ปฺาปิยมาเน ภิกฺขุสงฺเฆ สิกฺขํ สมาทิยมาเน อนุสฺสาหํ ปเวเทสิ. ยโต จ โข ตฺวํ, ภทฺทาลิ, อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรสิ, ตํ เต มยํ ปฏิคฺคณฺหาม. วุทฺธิเหสา, ภทฺทาลิ, อริยสฺส วินเย โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, อายตึ สํวรํ อาปชฺชติ’’.
๑๓๗. ‘‘อิธ, ภทฺทาลิ, เอกจฺโจ ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยํนูนาหํ วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภเชยฺยํ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ¶ ปลาลปฺุชํ. อปฺเปว นามาหํ อุตฺตริ [อุตฺตรึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกเรยฺย’นฺติ. โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ ¶ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. ตสฺส ตถาวูปกฏฺสฺส วิหรโต สตฺถาปิ อุปวทติ, อนุวิจฺจปิ วิฺู สพฺรหฺมจารี อุปวทนฺติ, เทวตาปิ อุปวทนฺติ, อตฺตาปิ อตฺตานํ อุปวทติ. โส สตฺถาราปิ อุปวทิโต, อนุวิจฺจปิ วิฺูหิ สพฺรหฺมจารีหิ อุปวทิโต, เทวตาหิปิ อุปวทิโต, อตฺตนาปิ อตฺตานํ อุปวทิโต น อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกโรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ ตํ, ภทฺทาลิ, โหติ ยถา ตํ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการิสฺส.
๑๓๘. ‘‘อิธ ปน, ภทฺทาลิ, เอกจฺโจ ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย ปริปูรการี โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยํนูนาหํ วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภเชยฺยํ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ¶ ปลาลปฺุชํ. อปฺเปว นามาหํ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกเรยฺย’นฺติ. โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. ตสฺส ตถาวูปกฏฺสฺส วิหรโต สตฺถาปิ น อุปวทติ, อนุวิจฺจปิ วิฺู สพฺรหฺมจารี น อุปวทนฺติ, เทวตาปิ น อุปวทนฺติ, อตฺตาปิ อตฺตานํ น อุปวทติ. โส สตฺถาราปิ อนุปวทิโต ¶ , อนุวิจฺจปิ วิฺูหิ สพฺรหฺมจารีหิ อนุปวทิโต, เทวตาหิปิ อนุปวทิโต, อตฺตนาปิ อตฺตานํ อนุปวทิโต อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกโรติ. โส วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ ¶ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ ตํ, ภทฺทาลิ, โหติ ยถา ตํ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย ปริปูรการิสฺส.
๑๓๙. ‘‘ปุน จปรํ, ภทฺทาลิ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ ตํ, ภทฺทาลิ, โหติ ยถา ตํ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย ปริปูรการิสฺส.
‘‘ปุน จปรํ, ภทฺทาลิ, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ, สโต จ สมฺปชาโน สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ ตํ, ภทฺทาลิ, โหติ ยถา ตํ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย ปริปูรการิสฺส.
‘‘ปุน จปรํ, ภทฺทาลิ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ ตํ, ภทฺทาลิ, โหติ ยถา ตํ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย ปริปูรการิสฺส.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ ¶ ตํ, ภทฺทาลิ, โหติ ยถา ตํ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย ปริปูรการิสฺส.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ ¶ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา…เป… วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา…เป… สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ ตํ, ภทฺทาลิ, โหติ ยถา ตํ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย ปริปูรการิสฺส.
‘‘โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ¶ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ ¶ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ ตํ, ภทฺทาลิ, โหติ ยถา ตํ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย ปริปูรการิสฺสา’’ติ.
๑๔๐. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา ภทฺทาลิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย เยน มิเธกจฺจํ ภิกฺขุํ ปสยฺห ปสยฺห [ปวยฺห ปวยฺห (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] การณํ กโรนฺติ? โก ปน, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย เยน มิเธกจฺจํ ภิกฺขุํ โน ตถา ปสยฺห ปสยฺห การณํ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘อิธ, ภทฺทาลิ, เอกจฺโจ ภิกฺขุ อภิณฺหาปตฺติโก โหติ อาปตฺติพหุโล. โส ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, น สมฺมา วตฺตติ, น โลมํ ปาเตติ, น เนตฺถารํ วตฺตติ, ‘เยน สงฺโฆ อตฺตมโน โหติ ตํ กโรมี’ติ นาห. ตตฺร, ภทฺทาลิ, ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ – อยํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ¶ อภิณฺหาปตฺติโก อาปตฺติพหุโล. โส ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, น สมฺมา วตฺตติ, น โลมํ ปาเตติ, น เนตฺถารํ วตฺตติ, ‘เยน สงฺโฆ อตฺตมโน โหติ ¶ ตํ กโรมี’ติ นาห. สาธุ วตายสฺมนฺโต อิมสฺส ภิกฺขุโน ตถา ตถา อุปปริกฺขถ ยถาสฺสิทํ [ยถยิทํ (สฺยา. กํ. ก.)] อธิกรณํ น ขิปฺปเมว วูปสเมยฺยาติ. ตสฺส โข เอวํ, ภทฺทาลิ, ภิกฺขุโน ภิกฺขู ¶ ตถา ตถา อุปปริกฺขนฺติ ยถาสฺสิทํ อธิกรณํ น ขิปฺปเมว วูปสมฺมติ.
๑๔๑. ‘‘อิธ ปน, ภทฺทาลิ, เอกจฺโจ ภิกฺขุ อภิณฺหาปตฺติโก โหติ อาปตฺติพหุโล. โส ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน นาฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ น อปนาเมติ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, สมฺมา วตฺตติ, โลมํ ปาเตติ, เนตฺถารํ วตฺตติ, ‘เยน สงฺโฆ อตฺตมโน ¶ โหติ ตํ กโรมี’ติ อาห. ตตฺร, ภทฺทาลิ, ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ – อยํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ อภิณฺหาปตฺติโก อาปตฺติพหุโล. โส ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน นาฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ น อปนาเมติ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, สมฺมา วตฺตติ, โลมํ ปาเตติ, เนตฺถารํ วตฺตติ, ‘เยน สงฺโฆ อตฺตมโน โหติ ตํ กโรมี’ติ อาห. สาธุ วตายสฺมนฺโต, อิมสฺส ภิกฺขุโน ตถา ตถา อุปปริกฺขถ ยถาสฺสิทํ อธิกรณํ ขิปฺปเมว วูปสเมยฺยาติ. ตสฺส โข เอวํ, ภทฺทาลิ, ภิกฺขุโน ภิกฺขู ตถา ตถา อุปปริกฺขนฺติ ยถาสฺสิทํ อธิกรณํ ขิปฺปเมว วูปสมฺมติ.
๑๔๒. ‘‘อิธ, ภทฺทาลิ, เอกจฺโจ ภิกฺขุ อธิจฺจาปตฺติโก โหติ อนาปตฺติพหุโล. โส ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, น สมฺมา วตฺตติ, น โลมํ ปาเตติ, น เนตฺถารํ วตฺตติ, ‘เยน สงฺโฆ อตฺตมโน โหติ ตํ กโรมี’ติ นาห. ตตฺร, ภทฺทาลิ, ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ – อยํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ อธิจฺจาปตฺติโก อนาปตฺติพหุโล ¶ . โส ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, น สมฺมา วตฺตติ, น โลมํ ปาเตติ, น เนตฺถารํ วตฺตติ, ‘เยน สงฺโฆ อตฺตมโน โหติ ตํ กโรมี’ติ นาห. สาธุ วตายสฺมนฺโต, อิมสฺส ภิกฺขุโน ตถา ตถา อุปปริกฺขถ ยถาสฺสิทํ ¶ อธิกรณํ น ขิปฺปเมว วูปสเมยฺยาติ. ตสฺส โข เอวํ, ภทฺทาลิ, ภิกฺขุโน ภิกฺขู ตถา ตถา อุปปริกฺขนฺติ ยถาสฺสิทํ อธิกรณํ ¶ น ขิปฺปเมว วูปสมฺมติ.
๑๔๓. ‘‘อิธ ปน, ภทฺทาลิ, เอกจฺโจ ภิกฺขุ อธิจฺจาปตฺติโก โหติ อนาปตฺติพหุโล. โส ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน นาฺเนฺํ ปฏิจรติ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, สมฺมา วตฺตติ, โลมํ ปาเตติ, เนตฺถารํ วตฺตติ, ‘เยน สงฺโฆ อตฺตมโน โหติ ตํ กโรมี’ติ อาห. ตตฺร, ภทฺทาลิ, ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ – อยํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ อธิจฺจาปตฺติโก อนาปตฺติพหุโล. โส ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน นาฺเนฺํ ปฏิจรติ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, สมฺมา วตฺตติ, โลมํ ปาเตติ, เนตฺถารํ วตฺตติ, ‘เยน สงฺโฆ ¶ อตฺตมโน โหติ ตํ กโรมี’ติ อาห. สาธุ วตายสฺมนฺโต, อิมสฺส ภิกฺขุโน ตถา ตถา อุปปริกฺขถ ยถาสฺสิทํ อธิกรณํ ขิปฺปเมว วูปสเมยฺยาติ. ตสฺส โข เอวํ, ภทฺทาลิ, ภิกฺขุโน ภิกฺขู ตถา ตถา อุปปริกฺขนฺติ ยถาสฺสิทํ อธิกรณํ ขิปฺปเมว วูปสมฺมติ.
๑๔๔. ‘‘อิธ ¶ , ภทฺทาลิ, เอกจฺโจ ภิกฺขุ สทฺธามตฺตเกน วหติ เปมมตฺตเกน. ตตฺร, ภทฺทาลิ, ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ – ‘อยํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สทฺธามตฺตเกน วหติ เปมมตฺตเกน. สเจ มยํ อิมํ ภิกฺขุํ ปสยฺห ปสยฺห การณํ กริสฺสาม – มา ยมฺปิสฺส ตํ สทฺธามตฺตกํ เปมมตฺตกํ ตมฺหาปิ ปริหายี’ติ. เสยฺยถาปิ, ภทฺทาลิ, ปุริสสฺส เอกํ จกฺขุํ, ตสฺส มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา ตํ เอกํ จกฺขุํ รกฺเขยฺยุํ – ‘มา ยมฺปิสฺส ตํ เอกํ จกฺขุํ ตมฺหาปิ ปริหายี’ติ; เอวเมว โข, ภทฺทาลิ, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ สทฺธามตฺตเกน วหติ เปมมตฺตเกน. ตตฺร, ภทฺทาลิ, ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ – ‘อยํ โข, อาวุโส, ภิกฺขุ สทฺธามตฺตเกน วหติ เปมมตฺตเกน. สเจ มยํ อิมํ ภิกฺขุํ ปสยฺห ปสยฺห การณํ กริสฺสาม – มา ยมฺปิสฺส ตํ สทฺธามตฺตกํ เปมมตฺตกํ ตมฺหาปิ ปริหายี’ติ. อยํ โข, ภทฺทาลิ, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน มิเธกจฺจํ ภิกฺขุํ ปสยฺห ปสยฺห การณํ กโรนฺติ. อยํ ปน, ภทฺทาลิ, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน มิเธกจฺจํ ภิกฺขุํ โน ตถา ปสยฺห ปสยฺห การณํ กโรนฺตี’’ติ.
๑๔๕. ‘‘‘โก ¶ นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย เยน ปุพฺเพ อปฺปตรานิ ¶ เจว สิกฺขาปทานิ อเหสุํ พหุตรา จ ภิกฺขู อฺาย สณฺหึสุ? โก ปน, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย เยน เอตรหิ พหุตรานิ เจว สิกฺขาปทานิ โหนฺติ อปฺปตรา จ ภิกฺขู อฺาย สณฺหนฺตี’ติ? ‘‘เอวเมตํ, ภทฺทาลิ, โหติ สตฺเตสุ หายมาเนสุ, สทฺธมฺเม ¶ อนฺตรธายมาเน, พหุตรานิ เจว สิกฺขาปทานิ โหนฺติ อปฺปตรา จ ภิกฺขู อฺาย สณฺหนฺตีติ. น ตาว, ภทฺทาลิ, สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปติ ยาว น อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ. ยโต จ โข, ภทฺทาลิ, อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปติ เตสํเยว อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตาย. น ตาว, ภทฺทาลิ, อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ ยาว น สงฺโฆ มหตฺตํ ปตฺโต โหติ. ยโต จ โข, ภทฺทาลิ, สงฺโฆ มหตฺตํ ปตฺโต โหติ, อถ อิเธกจฺเจ ¶ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ. อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปติ เตสํเยว อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตาย. น ตาว, ภทฺทาลิ, อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ ยาว น สงฺโฆ ลาภคฺคํ ปตฺโต โหติ, ยสคฺคํ ปตฺโต โหติ, พาหุสจฺจํ ปตฺโต โหติ, รตฺตฺุตํ ปตฺโต โหติ. ยโต จ โข, ภทฺทาลิ, สงฺโฆ รตฺตฺุตํ ปตฺโต โหติ, อถ อิเธกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปติ เตสํเยว อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ ปฏิฆาตาย.
๑๔๖. ‘‘อปฺปกา โข ตุมฺเห, ภทฺทาลิ, เตน สมเยน อหุวตฺถ ยทา โว อหํ อาชานียสุสูปมํ ธมฺมปริยายํ เทเสสึ. ตํ สรสิ [สรสิ ตฺวํ (สี. ปี.), สรสิ ตํ (?)] ภทฺทาลี’’ติ ¶ ?
‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.
‘‘ตตฺร, ภทฺทาลิ, กํ เหตุํ ปจฺเจสี’’ติ?
‘‘โส หิ นูนาหํ, ภนฺเต, ทีฆรตฺตํ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี อโหสิ’’นฺติ.
‘‘น โข, ภทฺทาลิ, เอเสว เหตุ, เอส ปจฺจโย. อปิ จ เม ตฺวํ, ภทฺทาลิ, ทีฆรตฺตํ เจตสา ¶ เจโตปริจฺจ วิทิโต – ‘น จายํ โมฆปุริโส มยา ธมฺเม เทสิยมาเน อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตโส [สพฺพํ เจตโส (ก.)] สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาตี’ติ. อปิ จ เต อหํ, ภทฺทาลิ, อาชานียสุสูปมํ ธมฺมปริยายํ เทเสสฺสามิ. ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ ¶ ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา ภทฺทาลิ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
๑๔๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภทฺทาลิ, ทกฺโข อสฺสทมโก ภทฺรํ อสฺสาชานียํ ลภิตฺวา ปเมเนว มุขาธาเน การณํ กาเรติ. ตสฺส มุขาธาเน การณํ การิยมานสฺส โหนฺติเยว วิสูกายิตานิ วิเสวิตานิ วิปฺผนฺทิตานิ กานิจิ กานิจิ, ยถา ตํ อการิตปุพฺพํ การณํ การิยมานสฺส. โส อภิณฺหการณา อนุปุพฺพการณา ตสฺมึ าเน ปรินิพฺพายติ. ยโต โข, ภทฺทาลิ, ภทฺโร อสฺสาชานีโย อภิณฺหการณา อนุปุพฺพการณา ตสฺมึ าเน ปรินิพฺพุโต โหติ, ตเมนํ อสฺสทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ ยุคาธาเน. ตสฺส ยุคาธาเน การณํ การิยมานสฺส โหนฺติเยว วิสูกายิตานิ วิเสวิตานิ วิปฺผนฺทิตานิ กานิจิ กานิจิ, ยถา ตํ อการิตปุพฺพํ การณํ การิยมานสฺส. โส อภิณฺหการณา อนุปุพฺพการณา ตสฺมึ ¶ าเน ปรินิพฺพายติ ¶ . ยโต โข, ภทฺทาลิ, ภทฺโร อสฺสาชานีโย อภิณฺหการณา อนุปุพฺพการณา ตสฺมึ าเน ปรินิพฺพุโต โหติ, ตเมนํ อสฺสทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ อนุกฺกเม มณฺฑเล ขุรกาเส [ขุรกาเย (สี. ปี.)] ธาเว ทวตฺเต [รวตฺเถ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ราชคุเณ ราชวํเส อุตฺตเม ชเว อุตฺตเม หเย อุตฺตเม สาขลฺเย. ตสฺส อุตฺตเม ชเว อุตฺตเม หเย อุตฺตเม สาขลฺเย การณํ การิยมานสฺส โหนฺติเยว วิสูกายิตานิ วิเสวิตานิ วิปฺผนฺทิตานิ กานิจิ กานิจิ, ยถา ตํ อการิตปุพฺพํ การณํ การิยมานสฺส. โส อภิณฺหการณา อนุปุพฺพการณา ตสฺมึ าเน ปรินิพฺพายติ. ยโต โข, ภทฺทาลิ, ภทฺโร อสฺสาชานีโย อภิณฺหการณา อนุปุพฺพการณา ตสฺมึ าเน ปรินิพฺพุโต โหติ, ตเมนํ อสฺสทมโก อุตฺตริ วณฺณิยฺจ ปาณิยฺจ [วลิยฺจ (สี. ปี.), พลิยฺจ (สฺยา. กํ.)] อนุปฺปเวจฺฉติ. อิเมหิ โข, ภทฺทาลิ, ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมว โข, ภทฺทาลิ, ทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ทสหิ? อิธ, ภทฺทาลิ, ภิกฺขุ อเสขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาสงฺกปฺเปน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย ¶ สมฺมาวาจาย สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมากมฺมนฺเตน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาอาชีเวน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาวายาเมน สมนฺนาคโต โหติ ¶ , อเสขาย สมฺมาสติยา ¶ สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาาเณน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย สมฺมาวิมุตฺติยา สมนฺนาคโต โหติ – อิเมหิ โข, ภทฺทาลิ, ทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา ภทฺทาลิ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
ภทฺทาลิสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.
๖. ลฏุกิโกปมสุตฺตํ
๑๔๘. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา องฺคุตฺตราเปสุ วิหรติ อาปณํ นาม องฺคุตฺตราปานํ นิคโม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อาปณํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อาปเณ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยนฺตโร วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อายสฺมาปิ โข อุทายี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อาปณํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อาปเณ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน โส วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข อายสฺมโต อุทายิสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘พหูนํ [พหุนฺนํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.) เอวมีทิเส อวิฺาณกปฺปกรเณ] วต โน ภควา ทุกฺขธมฺมานํ อปหตฺตา, พหูนํ วต โน ภควา สุขธมฺมานํ อุปหตฺตา; พหูนํ วต โน ภควา อกุสลานํ ธมฺมานํ อปหตฺตา, พหูนํ วต โน ภควา กุสลานํ ธมฺมานํ อุปหตฺตา’’ติ. อถ โข อายสฺมา อุทายี สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ ¶ .
๑๔๙. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อุทายี ภควนฺตํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘พหูนํ วต โน ภควา ทุกฺขธมฺมานํ อปหตฺตา, พหูนํ วต โน ภควา สุขธมฺมานํ อุปหตฺตา; พหูนํ วต โน ภควา อกุสลานํ ธมฺมานํ อปหตฺตา, พหูนํ วต โน ภควา กุสลานํ ธมฺมานํ อุปหตฺตา’ติ. มยฺหิ, ภนฺเต, ปุพฺเพ สายฺเจว ภฺุชาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล. อหุ โข โส, ภนฺเต, สมโย ยํ ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘อิงฺฆ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอตํ ทิวาวิกาลโภชนํ ปชหถา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อหุเทว อฺถตฺตํ, อหุเทว [อหุ (สี. ปี.)] โทมนสฺสํ – ‘ยมฺปิ โน สทฺธา คหปติกา ทิวา วิกาเล ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ เทนฺติ ตสฺสปิ โน ภควา ปหานมาห, ตสฺสปิ โน สุคโต ปฏินิสฺสคฺคมาหา’ติ. เต ¶ มยํ, ภนฺเต, ภควติ เปมฺจ คารวฺจ หิริฺจ โอตฺตปฺปฺจ สมฺปสฺสมานา ¶ เอวํ ตํ ทิวาวิกาลโภชนํ ปชหิมฺหา. เต มยํ, ภนฺเต, สายฺเจว ภฺุชาม ปาโต จ. อหุ โข โส, ภนฺเต, สมโย ยํ ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘อิงฺฆ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอตํ รตฺตึวิกาลโภชนํ ปชหถา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อหุเทว อฺถตฺตํ อหุเทว โทมนสฺสํ – ‘ยมฺปิ โน อิเมสํ ทฺวินฺนํ ภตฺตานํ ปณีตสงฺขาตตรํ ตสฺสปิ โน ภควา ปหานมาห, ตสฺสปิ โน สุคโต ปฏินิสฺสคฺคมาหา’ติ. ภูตปุพฺพํ, ภนฺเต, อฺตโร ปุริโส ทิวา สูเปยฺยํ ลภิตฺวา เอวมาห – ‘หนฺท จ อิมํ นิกฺขิปถ, สายํ สพฺเพว สมคฺคา ¶ ภฺุชิสฺสามา’ติ. ยา กาจิ, ภนฺเต, สงฺขติโย สพฺพา ตา รตฺตึ, อปฺปา ทิวา. เต มยํ, ภนฺเต, ภควติ เปมฺจ คารวฺจ หิริฺจ โอตฺตปฺปฺจ สมฺปสฺสมานา เอวํ ตํ รตฺตึวิกาลโภชนํ ปชหิมฺหา. ภูตปุพฺพํ, ภนฺเต, ภิกฺขู รตฺตนฺธการติมิสายํ ปิณฺฑาย จรนฺตา จนฺทนิกมฺปิ ปวิสนฺติ, โอลิคลฺเลปิ ปปตนฺติ, กณฺฏกาวาฏมฺปิ [กณฺฏกวตฺตมฺปิ (สี. ปี.), กณฺฏกราชิมฺปิ (สฺยา. กํ.)] อาโรหนฺติ, สุตฺตมฺปิ คาวึ อาโรหนฺติ, มาณเวหิปิ สมาคจฺฉนฺติ กตกมฺเมหิปิ อกตกมฺเมหิปิ, มาตุคาโมปิ เต [เตน (ก.)] อสทฺธมฺเมน นิมนฺเตติ. ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, รตฺตนฺธการติมิสายํ ปิณฺฑาย จรามิ. อทฺทสา โข มํ, ภนฺเต, อฺตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺตี. ทิสฺวา มํ ภีตา วิสฺสรมกาสิ – ‘อภุมฺเม [อพฺภุมฺเม (สี. ปี.)] ปิสาโจ วต ม’นฺติ! เอวํ วุตฺเต, อหํ, ภนฺเต, ตํ อิตฺถึ เอตทโวจํ – ‘นาหํ, ภคินิ, ปิสาโจ; ภิกฺขุ ปิณฺฑาย ¶ ิโต’ติ. ‘ภิกฺขุสฺส อาตุมารี, ภิกฺขุสฺส มาตุมารี [ิโต’ติ. ภิกฺขุสฺส อาตุมาตุมารี (ก.)]! วรํ เต, ภิกฺขุ, ติณฺเหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉิ ปริกนฺโต, น ตฺเวว วรํ ยํ [น ตฺเวว ยา (สี. ปี.)] รตฺตนฺธการติมิสายํ กุจฺฉิเหตุ ปิณฺฑาย จรสี’ติ [จรสาติ (สี. ปี.)]. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, ตทนุสฺสรโต เอวํ โหติ – ‘พหูนํ วต โน ภควา ทุกฺขธมฺมานํ อปหตฺตา, พหูนํ วต โน ภควา สุขธมฺมานํ อุปหตฺตา; พหูนํ วต โน ภควา อกุสลานํ ธมฺมานํ อปหตฺตา, พหูนํ วต โน ภควา กุสลานํ ธมฺมานํ อุปหตฺตา’’’ติ.
๑๕๐. ‘‘เอวเมว ปนุทายิ, อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ‘อิทํ ปชหถา’ติ มยา ¶ วุจฺจมานา เต เอวมาหํสุ – ‘กึ ปนิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺส โอรมตฺตกสฺส อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. เต ตฺเจว นปฺปชหนฺติ, มยิ ¶ จ อปฺปจฺจยํ อุปฏฺาเปนฺติ. เย จ ภิกฺขู สิกฺขากามา เตสํ ตํ, อุทายิ, โหติ พลวํ พนฺธนํ, ทฬฺหํ พนฺธนํ, ถิรํ พนฺธนํ, อปูติกํ พนฺธนํ, ถูโล, กลิงฺคโร – เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ลฏุกิกา สกุณิกา ปูติลตาย พนฺธเนน พทฺธา ตตฺเถว วธํ วา พนฺธํ วา มรณํ วา อาคเมติ. โย นุ โข, อุทายิ, เอวํ วเทยฺย – ‘เยน สา ลฏุกิกา สกุณิกา ปูติลตาย พนฺธเนน พทฺธา ตตฺเถว วธํ วา พนฺธํ วา มรณํ วา อาคเมติ, ตฺหิ ตสฺสา อพลํ พนฺธนํ ¶ , ทุพฺพลํ พนฺธนํ, ปูติกํ พนฺธนํ, อสารกํ พนฺธน’นฺติ; สมฺมา นุ โข โส, อุทายิ, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต. เยน สา, ภนฺเต, ลฏุกิกา สกุณิกา ปูติลตาย พนฺธเนน พทฺธา ตตฺเถว วธํ วา พนฺธํ วา มรณํ วา อาคเมติ, ตฺหิ ตสฺสา พลวํ พนฺธนํ, ทฬฺหํ พนฺธนํ, ถิรํ พนฺธนํ อปูติกํ พนฺธนํ, ถูโล, กลิงฺคโร’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, อุทายิ, อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ‘อิทํ ปชหถา’ติ มยา วุจฺจมานา เต เอวมาหํสุ – ‘กึ ปนิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺส โอรมตฺตกสฺส อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ? เต ตฺเจว นปฺปชหนฺติ, มยิ จ อปฺปจฺจยํ อุปฏฺาเปนฺติ. เย จ ภิกฺขู สิกฺขากามา เตสํ ตํ, อุทายิ, โหติ พลวํ พนฺธนํ, ทฬฺหํ พนฺธนํ, ถิรํ พนฺธนํ, อปูติกํ พนฺธนํ, ถูโล, กลิงฺคโร’’.
๑๕๑. ‘‘อิธ ¶ ปนุทายิ, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ‘อิทํ ปชหถา’ติ มยา ¶ วุจฺจมานา เต เอวมาหํสุ – ‘กึ ปนิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺส โอรมตฺตกสฺส ปหาตพฺพสฺส ยสฺส โน ภควา ปหานมาห, ยสฺส โน สุคโต ปฏินิสฺสคฺคมาหา’ติ? เต ตฺเจว ปชหนฺติ, มยิ จ น อปฺปจฺจยํ อุปฏฺาเปนฺติ. เย จ ภิกฺขู สิกฺขากามา เต ตํ ปหาย อปฺโปสฺสุกฺกา ปนฺนโลมา ปรทตฺตวุตฺตา [ปรทวุตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺติ. เตสํ ตํ, อุทายิ, โหติ อพลํ พนฺธนํ, ทุพฺพลํ พนฺธนํ, ปูติกํ พนฺธนํ, อสารกํ พนฺธนํ – เสยฺยถาปิ, อุทายิ, รฺโ นาโค อีสาทนฺโต อุรูฬฺหวา อภิชาโต สงฺคามาวจโร ทฬฺเหหิ วรตฺเตหิ พนฺธเนหิ พทฺโธ อีสกํเยว กายํ สนฺนาเมตฺวา ตานิ พนฺธนานิ สํฉินฺทิตฺวา สํปทาเลตฺวา เยน กามํ ปกฺกมติ. โย นุ โข, อุทายิ, เอวํ วเทยฺย – ‘เยหิ โส รฺโ นาโค อีสาทนฺโต อุรูฬฺหวา อภิชาโต สงฺคามาวจโร ทฬฺเหหิ วรตฺเตหิ พนฺธเนหิ พทฺโธ อีสกํเยว กายํ สนฺนาเมตฺวา ตานิ พนฺธนานิ สํฉินฺทิตฺวา สํปทาเลตฺวา เยน กามํ ปกฺกมติ, ตฺหิ ตสฺส พลวํ พนฺธนํ, ทฬฺหํ พนฺธนํ, ถิรํ พนฺธนํ, อปูติกํ ¶ พนฺธนํ, ถูโล, กลิงฺคโร’ติ; สมฺมา นุ โข โส, อุทายิ, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต. เยหิ โส, ภนฺเต, รฺโ นาโค อีสาทนฺโต อุรูฬฺหวา อภิชาโต สงฺคามาวจโร ทฬฺเหหิ วรตฺเตหิ พนฺธเนหิ พทฺโธ อีสกํเยว กายํ สนฺนาเมตฺวา ตานิ พนฺธนานิ สํฉินฺทิตฺวา ¶ สํปทาเลตฺวา เยน กามํ ปกฺกมติ, ตฺหิ ตสฺส อพลํ พนฺธนํ…เป… อสารกํ พนฺธน’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, อุทายิ, อิเธกจฺเจ กุลปุตฺตา ‘อิทํ ปชหถา’ติ มยา วุจฺจมานา เต เอวมาหํสุ – ‘กึ ปนิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺส โอรมตฺตกสฺส ปหาตพฺพสฺส ยสฺส โน ภควา ปหานมาห, ยสฺส โน สุคโต ปฏินิสฺสคฺคมาหา’ติ? เต ตฺเจว ปชหนฺติ, มยิ จ น อปฺปจฺจยํ อุปฏฺาเปนฺติ. เย จ ภิกฺขู สิกฺขากามา เต ตํ ¶ ปหาย อปฺโปสฺสุกฺกา ปนฺนโลมา ปรทตฺตวุตฺตา มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺติ. เตสํ ตํ, อุทายิ, โหติ อพลํ พนฺธนํ, ทุพฺพลํ พนฺธนํ, ปูติกํ พนฺธนํ, อสารกํ พนฺธนํ’’.
๑๕๒. ‘‘เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ปุริโส ทลิทฺโท อสฺสโก อนาฬฺหิโย; ตสฺส’สฺส เอกํ อคารกํ โอลุคฺควิลุคฺคํ กากาติทายึ [กากาติฑายึ (?)] นปรมรูปํ, เอกา ขโฏปิกา [กโฬปิกา (ก.)] โอลุคฺควิลุคฺคา นปรมรูปา, เอกิสฺสา กุมฺภิยา ¶ ธฺสมวาปกํ นปรมรูปํ, เอกา ชายิกา นปรมรูปา. โส อารามคตํ ภิกฺขุํ ปสฺเสยฺย สุโธตหตฺถปาทํ มนฺุํ โภชนํ ภุตฺตาวึ สีตาย ฉายาย นิสินฺนํ อธิจิตฺเต ยุตฺตํ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘สุขํ วต, โภ, สามฺํ, อาโรคฺยํ วต, โภ, สามฺํ! โส วตสฺสํ [โส วตสฺส (ก.)] โยหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส น สกฺกุเณยฺย เอกํ อคารกํ โอลุคฺควิลุคฺคํ กากาติทายึ นปรมรูปํ ปหาย, เอกํ ขโฏปิกํ ¶ โอลุคฺควิลุคฺคํ นปรมรูปํ ปหาย, เอกิสฺสา กุมฺภิยา ธฺสมวาปกํ นปรมรูปํ ปหาย, เอกํ ชายิกํ นปรมรูปํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. โย นุ โข, อุทายิ, เอวํ วเทยฺย – ‘เยหิ โส ปุริโส พนฺธเนหิ พทฺโธ น สกฺโกติ เอกํ อคารกํ โอลุคฺควิลุคฺคํ กากาติทายึ นปรมรูปํ ปหาย, เอกํ ขโฏปิกํ โอลุคฺควิลุคฺคํ นปรมรูปํ ปหาย, เอกิสฺสา กุมฺภิยา ธฺสมวาปกํ นปรมรูปํ ปหาย, เอกํ ชายิกํ นปรมรูปํ ปหาย เกสมสฺสุํ ¶ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ; ตฺหิ ตสฺส อพลํ พนฺธนํ, ทุพฺพลํ พนฺธนํ, ปูติกํ พนฺธนํ, อสารกํ พนฺธน’นฺติ; สมฺมา นุ โข โส, อุทายิ, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต. เยหิ โส, ภนฺเต, ปุริโส พนฺธเนหิ พทฺโธ, น สกฺโกติ เอกํ อคารกํ โอลุคฺควิลุคฺคํ กากาติทายึ นปรมรูปํ ปหาย, เอกํ ขโฏปิกํ โอลุคฺควิลุคฺคํ นปรมรูปํ ปหาย, เอกิสฺสา กุมฺภิยา ธฺสมวาปกํ นปรมรูปํ ปหาย, เอกํ ชายิกํ นปรมรูปํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ; ตฺหิ ตสฺส พลวํ พนฺธนํ, ทฬฺหํ พนฺธนํ, ถิรํ พนฺธนํ, อปูติกํ พนฺธนํ, ถูโล, กลิงฺคโร’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, อุทายิ, อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ‘อิทํ ปชหถา’ติ มยา วุจฺจมานา เต เอวมาหํสุ – ‘กึ ปนิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺส โอรมตฺตกสฺส ¶ อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ? เต ตฺเจว นปฺปชหนฺติ, มยิ จ อปฺปจฺจยํ อุปฏฺาเปนฺติ. เย จ ภิกฺขู สิกฺขากามา เตสํ ตํ, อุทายิ, โหติ พลวํ พนฺธนํ, ทฬฺหํ พนฺธนํ, ถิรํ พนฺธนํ, อปูติกํ พนฺธนํ, ถูโล, กลิงฺคโร’’.
๑๕๓. ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , อุทายิ, คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อฑฺโฒ มหทฺธโน ¶ มหาโภโค, เนกานํ นิกฺขคณานํ จโย, เนกานํ ธฺคณานํ จโย, เนกานํ เขตฺตคณานํ จโย, เนกานํ วตฺถุคณานํ จโย, เนกานํ ภริยคณานํ จโย, เนกานํ ทาสคณานํ จโย, เนกานํ ทาสิคณานํ จโย; โส อารามคตํ ภิกฺขุํ ปสฺเสยฺย สุโธตหตฺถปาทํ มนฺุํ โภชนํ ภุตฺตาวึ สีตาย ฉายาย นิสินฺนํ อธิจิตฺเต ยุตฺตํ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘สุขํ วต, โภ, สามฺํ, อาโรคฺยํ วต, โภ, สามฺํ! โส วตสฺสํ โยหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส สกฺกุเณยฺย เนกานิ นิกฺขคณานิ ปหาย, เนกานิ ธฺคณานิ ปหาย, เนกานิ เขตฺตคณานิ ปหาย, เนกานิ วตฺถุคณานิ ปหาย, เนกานิ ภริยคณานิ ปหาย, เนกานิ ทาสคณานิ ปหาย, เนกานิ ทาสิคณานิ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. โย นุ โข, อุทายิ, เอวํ วเทยฺย – ‘เยหิ โส คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา พนฺธเนหิ พทฺโธ, สกฺโกติ เนกานิ นิกฺขคณานิ ปหาย, เนกานิ ธฺคณานิ ปหาย, เนกานิ ¶ เขตฺตคณานิ ปหาย, เนกานิ วตฺถุคณานิ ปหาย, เนกานิ ภริยคณานิ ปหาย, เนกานิ ทาสคณานิ ปหาย, เนกานิ ทาสิคณานิ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ, ตฺหิ ตสฺส พลวํ พนฺธนํ, ทฬฺหํ พนฺธนํ, ถิรํ พนฺธนํ, อปูติกํ พนฺธนํ, ถูโล, กลิงฺคโร’ติ; สมฺมา นุ โข โส, อุทายิ, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต. เยหิ โส, ภนฺเต, คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา พนฺธเนหิ พทฺโธ, สกฺโกติ เนกานิ นิกฺขคณานิ ปหาย, เนกานิ ธฺคณานิ ปหาย, เนกานิ ¶ เขตฺตคณานิ ปหาย, เนกานิ วตฺถุคณานิ ปหาย, เนกานิ ภริยคณานิ ปหาย, เนกานิ ทาสคณานิ ปหาย, เนกานิ ทาสิคณานิ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ; ตฺหิ ตสฺส อพลํ พนฺธนํ, ทุพฺพลํ พนฺธนํ, ปูติกํ พนฺธนํ, อสารกํ พนฺธน’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, อุทายิ, อิเธกจฺเจ กุลปุตฺตา ‘อิทํ ปชหถา’ติ มยา วุจฺจมานา เต เอวมาหํสุ – ‘กึ ปนิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺส โอรมตฺตกสฺส ปหาตพฺพสฺส ยสฺส โน ภควา ปหานมาห ยสฺส, โน สุคโต ปฏินิสฺสคฺคมาหา’ติ? เต ตฺเจว ปชหนฺติ, มยิ จ น อปฺปจฺจยํ อุปฏฺาเปนฺติ. เย จ ภิกฺขู สิกฺขากามา เต ตํ ปหาย ¶ อปฺโปสฺสุกฺกา ปนฺนโลมา ปรทตฺตวุตฺตา มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺติ. เตสํ ตํ, อุทายิ, โหติ อพลํ พนฺธนํ, ทุพฺพลํ พนฺธนํ, ปูติกํ พนฺธนํ, อสารกํ พนฺธนํ’’.
๑๕๔. ‘‘จตฺตาโรเม ¶ , อุทายิ, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ¶ จตฺตาโร? อิธุทายิ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อุปธิปหานาย ปฏิปนฺโน โหติ อุปธิปฏินิสฺสคฺคาย. ตเมนํ อุปธิปหานาย ปฏิปนฺนํ อุปธิปฏินิสฺสคฺคาย อุปธิปฏิสํยุตฺตา สรสงฺกปฺปา สมุทาจรนฺติ. โส เต อธิวาเสติ, นปฺปชหติ, น วิโนเทติ, น พฺยนฺตีกโรติ, น อนภาวํ คเมติ. อิมํ โข อหํ, อุทายิ, ปุคฺคลํ ‘สํยุตฺโต’ติ วทามิ โน ‘วิสํยุตฺโต’. ตํ กิสฺส เหตุ? อินฺทฺริยเวมตฺตตา หิ เม, อุทายิ, อิมสฺมึ ปุคฺคเล วิทิตา.
‘‘อิธ ปนุทายิ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อุปธิปหานาย ปฏิปนฺโน โหติ อุปธิปฏินิสฺสคฺคาย. ตเมนํ อุปธิปหานาย ปฏิปนฺนํ อุปธิปฏินิสฺสคฺคาย อุปธิปฏิสํยุตฺตา สรสงฺกปฺปา สมุทาจรนฺติ. โส เต นาธิวาเสติ, ปชหติ, วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมติ. อิมมฺปิ โข อหํ, อุทายิ ¶ , ปุคฺคลํ ‘สํยุตฺโต’ติ วทามิ โน ‘วิสํยุตฺโต’. ตํ กิสฺส เหตุ? อินฺทฺริยเวมตฺตตา หิ เม, อุทายิ, อิมสฺมึ ปุคฺคเล วิทิตา.
‘‘อิธ ปนุทายิ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อุปธิปหานาย ปฏิปนฺโน โหติ อุปธิปฏินิสฺสคฺคาย. ตเมนํ อุปธิปหานาย ปฏิปนฺนํ อุปธิปฏินิสฺสคฺคาย กทาจิ กรหจิ สติสมฺโมสา อุปธิปฏิสํยุตฺตา สรสงฺกปฺปา สมุทาจรนฺติ; ทนฺโธ, อุทายิ, สตุปฺปาโท. อถ โข นํ ขิปฺปเมว ปชหติ, วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมติ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ปุริโส ทิวสํสนฺตตฺเต [ทิวสสนฺตตฺเต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อโยกฏาเห ทฺเว วา ตีณิ วา อุทกผุสิตานิ นิปาเตยฺย; ทนฺโธ, อุทายิ, อุทกผุสิตานํ นิปาโต. อถ โข นํ ขิปฺปเมว ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺย. เอวเมว โข, อุทายิ, อิเธกจฺโจ ¶ ปุคฺคโล อุปธิปหานาย ปฏิปนฺโน โหติ อุปธิปฏินิสฺสคฺคาย. ตเมนํ อุปธิปหานาย ปฏิปนฺนํ อุปธิปฏินิสฺสคฺคาย กทาจิ กรหจิ สติสมฺโมสา อุปธิปฏิสํยุตฺตา สรสงฺกปฺปา สมุทาจรนฺติ; ทนฺโธ, อุทายิ, สตุปฺปาโท. อถ โข นํ ขิปฺปเมว ปชหติ, วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมติ. อิมมฺปิ โข อหํ, อุทายิ, ปุคฺคลํ ‘สํยุตฺโต’ติ วทามิ โน ‘วิสํยุตฺโต’. ตํ ¶ กิสฺส เหตุ? อินฺทฺริยเวมตฺตตา หิ เม, อุทายิ, อิมสฺมึ ปุคฺคเล วิทิตา.
‘‘อิธ ปนุทายิ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ‘อุปธิ ทุกฺขสฺส มูล’นฺติ – อิติ วิทิตฺวา นิรุปธิ โหติ, อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโต. อิมํ โข อหํ, อุทายิ, ปุคฺคลํ ‘วิสํยุตฺโต’ติ วทามิ โน ‘สํยุตฺโต’ติ ¶ . ตํ กิสฺส เหตุ? อินฺทฺริยเวมตฺตตา หิ เม, อุทายิ, อิมสฺมึ ปุคฺคเล วิทิตา. อิเม โข, อุทายิ, จตฺตาโร ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.
๑๕๕. ‘‘ปฺจ โข อิเม, อุทายิ, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา. อิเม โข, อุทายิ, ปฺจ กามคุณา. ยํ โข, อุทายิ, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ กามสุขํ มิฬฺหสุขํ [มีฬฺหสุขํ (สี. ปี.)] ปุถุชฺชนสุขํ อนริยสุขํ, น เสวิตพฺพํ, น ภาเวตพฺพํ, น พหุลีกาตพฺพํ; ‘ภายิตพฺพํ ¶ เอตสฺส สุขสฺสา’ติ วทามิ.
๑๕๖. ‘‘อิธุทายิ ¶ , ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ปีติยา จ วิราคา… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, สุขสฺส จ ปหานา… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสุขํ ปวิเวกสุขํ อุปสมสุขํ สมฺโพธสุขํ, อาเสวิตพฺพํ, ภาเวตพฺพํ, พหุลีกาตพฺพํ; ‘น ภายิตพฺพํ เอตสฺส สุขสฺสา’ติ วทามิ.
‘‘อิธุทายิ, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; อิทํ โข อหํ, อุทายิ, อิฺชิตสฺมึ วทามิ. กิฺจ ตตฺถ อิฺชิตสฺมึ? ยเทว ตตฺถ วิตกฺกวิจารา อนิรุทฺธา โหนฺติ อิทํ ตตฺถ อิฺชิตสฺมึ. อิธุทายิ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; อิทมฺปิ โข อหํ, อุทายิ, อิฺชิตสฺมึ วทามิ. กิฺจ ตตฺถ อิฺชิตสฺมึ? ยเทว ตตฺถ ปีติสุขํ อนิรุทฺธํ โหติ อิทํ ตตฺถ อิฺชิตสฺมึ. อิธุทายิ, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา…เป… ¶ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; อิทมฺปิ โข อหํ, อุทายิ, อิฺชิตสฺมึ วทามิ. กิฺจ ตตฺถ อิฺชิตสฺมึ? ยเทว ตตฺถ อุเปกฺขาสุขํ ¶ อนิรุทฺธํ โหติ อิทํ ตตฺถ อิฺชิตสฺมึ. อิธุทายิ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; อิทํ โข อหํ, อุทายิ, อนิฺชิตสฺมึ วทามิ.
‘‘อิธุทายิ ¶ , ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; อิทํ โข อหํ, อุทายิ, ‘อนล’นฺติ วทามิ, ‘ปชหถา’ติ วทามิ, ‘สมติกฺกมถา’ติ วทามิ. โก จ ตสฺส สมติกฺกโม? อิธุทายิ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ตสฺส สมติกฺกโม; อิทมฺปิ โข อหํ, อุทายิ, ‘อนล’นฺติ วทามิ, ‘ปชหถา’ติ วทามิ, ‘สมติกฺกมถา’ติ วทามิ. โก จ ตสฺส สมติกฺกโม? อิธุทายิ, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ตสฺส สมติกฺกโม; อิทมฺปิ โข อหํ, อุทายิ, ‘อนล’นฺติ วทามิ, ‘ปชหถา’ติ วทามิ, ‘สมติกฺกมถา’ติ วทามิ. โก จ ตสฺส สมติกฺกโม? อิธุทายิ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ตสฺส สมติกฺกโม; อิทมฺปิ โข อหํ, อุทายิ, ‘อนล’นฺติ วทามิ, ‘ปชหถา’ติ วทามิ, ‘สมติกฺกมถา’ติ วทามิ. โก จ ตสฺส สมติกฺกโม? อิธุทายิ, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ตสฺส สมติกฺกโม; อิทมฺปิ โข อหํ, อุทายิ, ‘อนล’นฺติ ¶ วทามิ, ‘ปชหถา’ติ วทามิ, ‘สมติกฺกมถา’ติ วทามิ. โก จ ตสฺส สมติกฺกโม? อิธุทายิ, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ตสฺส สมติกฺกโม ¶ ; อิทมฺปิ โข อหํ, อุทายิ, ‘อนล’นฺติ วทามิ, ‘ปชหถา’ติ วทามิ, ‘สมติกฺกมถา’ติ วทามิ. โก จ ¶ ตสฺส สมติกฺกโม? อิธุทายิ, ภิกฺขุ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ตสฺส สมติกฺกโม; อิทมฺปิ โข อหํ, อุทายิ, ‘อนล’นฺติ วทามิ, ‘ปชหถา’ติ วทามิ, ‘สมติกฺกมถา’ติ วทามิ. โก จ ตสฺส สมติกฺกโม? อิธุทายิ, ภิกฺขุ สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรติ, อยํ ตสฺส สมติกฺกโม; อิทมฺปิ โข อหํ, อุทายิ, ‘อนล’นฺติ วทามิ, ‘ปชหถา’ติ วทามิ, ‘สมติกฺกมถา’ติ วทามิ. โก จ ตสฺส สมติกฺกโม? อิธุทายิ, ภิกฺขุ สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ตสฺส สมติกฺกโม; อิติ โข อหํ, อุทายิ, เนวสฺานาสฺายตนสฺสปิ ปหานํ วทามิ. ปสฺสสิ โน ตฺวํ, อุทายิ, ตํ สํโยชนํ อณุํ วา ถูลํ วา ยสฺสาหํ โน ปหานํ วทามี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อุทายี ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
ลฏุกิโกปมสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.
๗. จาตุมสุตฺตํ
๑๕๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา จาตุมายํ วิหรติ อามลกีวเน. เตน โข ปน สมเยน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุขานิ ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ จาตุมํ อนุปฺปตฺตานิ โหนฺติ ภควนฺตํ ทสฺสนาย. เต จ อาคนฺตุกา ภิกฺขู เนวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทมานา เสนาสนานิ ปฺาปยมานา ปตฺตจีวรานิ ปฏิสามยมานา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา อเหสุํ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘เก ปเนเต, อานนฺท, อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา, เกวฏฺฏา มฺเ มจฺฉวิโลเป’’ติ? ‘‘เอตานิ, ภนฺเต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุขานิ ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ จาตุมํ ¶ อนุปฺปตฺตานิ ภควนฺตํ ทสฺสนาย. เต อาคนฺตุกา ภิกฺขู เนวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทมานา เสนาสนานิ ปฺาปยมานา ปตฺตจีวรานิ ปฏิสามยมานา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา’’ติ. ‘‘เตนหานนฺท, มม วจเนน เต ภิกฺขู อามนฺเตหิ – ‘สตฺถา อายสฺมนฺเต อามนฺเตตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา อายสฺมนฺเต อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู ¶ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข เต ¶ ภิกฺขู ภควา เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา, เกวฏฺฏา มฺเ มจฺฉวิโลเป’’ติ? ‘‘อิมานิ, ภนฺเต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุขานิ ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ จาตุมํ อนุปฺปตฺตานิ ภควนฺตํ ทสฺสนาย. เตเม อาคนฺตุกา ภิกฺขู เนวาสิเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทมานา เสนาสนานิ ปฺาปยมานา ปตฺตจีวรานิ ปฏิสามยมานา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา’’ติ. ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ปณาเมมิ โว, น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพ’’นฺติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ปกฺกมึสุ.
๑๕๘. เตน โข ปน สมเยน จาตุเมยฺยกา สกฺยา สนฺถาคาเร [สนฺธาคาเร (ก.)] สนฺนิปติตา โหนฺติ เกนจิเทว ¶ กรณีเยน. อทฺทสํสุ โข จาตุเมยฺยกา สกฺยา เต ภิกฺขู ทูรโตว อาคจฺฉนฺเต; ทิสฺวาน เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘หนฺท, กหํ ปน ตุมฺเห อายสฺมนฺโต คจฺฉถา’’ติ? ‘‘ภควตา โข, อาวุโส, ภิกฺขุสงฺโฆ ปณามิโต’’ติ. ‘‘เตนหายสฺมนฺโต มุหุตฺตํ นิสีทถ, อปฺเปว นาม มยํ สกฺกุเณยฺยาม ภควนฺตํ ปสาเทตุ’’นฺติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู จาตุเมยฺยกานํ สกฺยานํ ปจฺจสฺโสสุํ. อถ โข จาตุเมยฺยกา สกฺยา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ ¶ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข จาตุเมยฺยกา สกฺยา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภินนฺทตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ; อภิวทตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต ¶ , ภควตา ปุพฺเพ ภิกฺขุสงฺโฆ อนุคฺคหิโต, เอวเมว ภควา เอตรหิ อนุคฺคณฺหาตุ ภิกฺขุสงฺฆํ. สนฺเตตฺถ, ภนฺเต, ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ. เตสํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อลภนฺตานํ สิยา อฺถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, พีชานํ ตรุณานํ อุทกํ อลภนฺตานํ สิยา อฺถตฺตํ สิยา วิปริณาโม; เอวเมว โข, ภนฺเต, สนฺเตตฺถ ภิกฺขู ¶ นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อลภนฺตานํ สิยา อฺถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, วจฺฉสฺส ตรุณสฺส มาตรํ อปสฺสนฺตสฺส สิยา อฺถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม; เอวเมว โข, ภนฺเต, สนฺเตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ อปสฺสนฺตานํ สิยา อฺถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม. อภินนฺทตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ; อภิวทตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ภควตา ปุพฺเพ ภิกฺขุสงฺโฆ อนุคฺคหิโต; เอวเมว ภควา เอตรหิ อนุคฺคณฺหาตุ ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติ.
๑๕๙. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ [สมฺมิฺชิตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว – พฺรหฺมโลเก ¶ อนฺตรหิโต ภควโต ปุรโต ปาตุรโหสิ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภินนฺทตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ; อภิวทตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ภควตา ปุพฺเพ ภิกฺขุสงฺโฆ อนุคฺคหิโต; เอวเมว ภควา เอตรหิ อนุคฺคณฺหาตุ ภิกฺขุสงฺฆํ. สนฺเตตฺถ, ภนฺเต, ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ ¶ ทสฺสนาย อลภนฺตานํ สิยา อฺถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, พีชานํ ตรุณานํ อุทกํ อลภนฺตานํ สิยา อฺถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม; เอวเมว โข, ภนฺเต, สนฺเตตฺถ ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อลภนฺตานํ สิยา อฺถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม. เสยฺยถาปิ ภนฺเต, วจฺฉสฺส ตรุณสฺส มาตรํ อปสฺสนฺตสฺส สิยา อฺถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม; เอวเมว โข, ภนฺเต, สนฺเตตฺถ ภิกฺขู นวา ¶ อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เตสํ ภควนฺตํ อปสฺสนฺตานํ สิยา อฺถตฺตํ, สิยา วิปริณาโม. อภินนฺทตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ; อภิวทตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆํ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ภควตา ปุพฺเพ ภิกฺขุสงฺโฆ ¶ อนุคฺคหิโต; เอวเมว ภควา เอตรหิ อนุคฺคณฺหาตุ ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติ.
๑๖๐. อสกฺขึสุ โข จาตุเมยฺยกา จ สกฺยา พฺรหฺมา จ สหมฺปติ ภควนฺตํ ปสาเทตุํ พีชูปเมน จ ตรุณูปเมน จ. อถ ¶ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อุฏฺเถาวุโส, คณฺหถ ปตฺตจีวรํ. ปสาทิโต ภควา จาตุเมยฺยเกหิ จ สกฺเยหิ พฺรหฺมุนา จ สหมฺปตินา พีชูปเมน จ ตรุณูปเมน จา’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กินฺติ เต, สาริปุตฺต, อโหสิ มยา ภิกฺขุสงฺเฆ ปณามิเต’’ติ? ‘‘เอวํ โข เม, ภนฺเต, อโหสิ – ‘ภควตา ภิกฺขุสงฺโฆ ปณามิโต. อปฺโปสฺสุกฺโก ทานิ ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหริสฺสติ, มยมฺปิ ทานิ อปฺโปสฺสุกฺกา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺตา วิหริสฺสามา’’’ติ. ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, อาคเมหิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ทิฏฺธมฺมสุขวิหาร’’นฺติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อามนฺเตสิ – ‘‘กินฺติ เต, โมคฺคลฺลาน, อโหสิ มยา ภิกฺขุสงฺเฆ ปณามิเต’’ติ? ‘‘เอวํ โข เม, ภนฺเต, อโหสิ – ‘ภควตา ภิกฺขุสงฺโฆ ปณามิโต. อปฺโปสฺสุกฺโก ทานิ ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหริสฺสติ, อหฺจ ทานิ อายสฺมา จ สาริปุตฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามา’’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, โมคฺคลฺลาน! อหํ วา หิ, โมคฺคลฺลาน ¶ , ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหเรยฺยํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา วา’’ติ.
๑๖๑. อถ ¶ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ภยานิ อุทโกโรหนฺเต ปาฏิกงฺขิตพฺพานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อูมิภยํ [อุมฺมีภยํ (สฺยา. กํ.)], กุมฺภีลภยํ, อาวฏฺฏภยํ, สุสุกาภยํ – อิมานิ, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ภยานิ อุทโกโรหนฺเต ปาฏิกงฺขิตพฺพานิ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริมานิ ภยานิ ¶ อิเธกจฺเจ ปุคฺคเล อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเต ปาฏิกงฺขิตพฺพานิ. กตมานิ ¶ จตฺตาริ? อูมิภยํ, กุมฺภีลภยํ, อาวฏฺฏภยํ, สุสุกาภยํ.
๑๖๒. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, อูมิภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต; อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. ตเมนํ ตถา ปพฺพชิตํ สมานํ สพฺรหฺมจารี โอวทนฺติ, อนุสาสนฺติ – ‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต อาโลกิตพฺพํ, เอวํ เต วิโลกิตพฺพํ, เอวํ เต สมิฺชิตพฺพํ, เอวํ เต ปสาริตพฺพํ, เอวํ เต สงฺฆาฏิปตฺตจีวรํ ธาเรตพฺพ’นฺติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มยํ โข ปุพฺเพ อคาริยภูตา สมานา อฺเ โอวทาม, อนุสาสาม [โอวทามปิ อนุสาสามปิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. อิเม ปนมฺหากํ ปุตฺตมตฺตา มฺเ, นตฺตมตฺตา มฺเ, อมฺเห [เอวํ (ก.)] โอวทิตพฺพํ ¶ อนุสาสิตพฺพํ มฺนฺตี’ติ. โส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อูมิภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺโต. ‘อูมิภย’นฺติ โข, ภิกฺขเว, โกธุปายาสสฺเสตํ อธิวจนํ.
๑๖๓. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, กุมฺภีลภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต; อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. ตเมนํ ตถา ปพฺพชิตํ สมานํ สพฺรหฺมจารี โอวทนฺติ อนุสาสนฺติ – ‘อิทํ เต ขาทิตพฺพํ, อิทํ เต น ขาทิตพฺพํ; อิทํ เต ภฺุชิตพฺพํ, อิทํ เต น ภฺุชิตพฺพํ; อิทํ เต สายิตพฺพํ, อิทํ เต น สายิตพฺพํ; อิทํ เต ปาตพฺพํ, อิทํ เต น ปาตพฺพํ; กปฺปิยํ เต ขาทิตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น ขาทิตพฺพํ; กปฺปิยํ เต ภฺุชิตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น ภฺุชิตพฺพํ; กปฺปิยํ เต สายิตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น สายิตพฺพํ ¶ ; กปฺปิยํ เต ปาตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น ปาตพฺพํ; กาเล เต ขาทิตพฺพํ, วิกาเล เต น ขาทิตพฺพํ; กาเล เต ภฺุชิตพฺพํ, วิกาเล เต ¶ น ภฺุชิตพฺพํ; กาเล เต สายิตพฺพํ, วิกาเล เต น สายิตพฺพํ; กาเล เต ปาตพฺพํ, วิกาเล เต น ปาตพฺพ’นฺติ. ตสฺส เอวํ ¶ โหติ – ‘มยํ โข ปุพฺเพ อคาริยภูตา สมานา ยํ อิจฺฉาม ตํ ขาทาม, ยํ น อิจฺฉาม น ตํ ขาทาม; ยํ อิจฺฉาม ตํ ภฺุชาม, ยํ ¶ น อิจฺฉาม น ตํ ภฺุชาม; ยํ อิจฺฉาม ตํ สายาม, ยํ น อิจฺฉาม น ตํ สายาม; ยํ อิจฺฉาม ตํ ปิวาม [ปิปาม (สี. ปี.)], ยํ น อิจฺฉาม น ตํ ปิวาม; กปฺปิยมฺปิ ขาทาม, อกปฺปิยมฺปิ ขาทาม; กปฺปิยมฺปิ ภฺุชาม, อกปฺปิยมฺปิ ภฺุชาม; กปฺปิยมฺปิ สายาม, อกปฺปิยมฺปิ สายาม; กปฺปิยมฺปิ ปิวาม, อกปฺปิยมฺปิ ปิวาม; กาเลปิ ขาทาม, วิกาเลปิ ขาทาม; กาเลปิ ภฺุชาม วิกาเลปิ ภฺุชาม; กาเลปิ สายาม, วิกาเลปิ สายาม; กาเลปิ ปิวาม, วิกาเลปิ ปิวาม. ยมฺปิ โน สทฺธา คหปติกา ทิวา วิกาเล ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ เทนฺติ ตตฺถปิเม มุขาวรณํ มฺเ กโรนฺตี’ติ. โส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, กุมฺภีลภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺโต. ‘กุมฺภีลภย’นฺติ โข, ภิกฺขเว, โอทริกตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ.
๑๖๔. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, อาวฏฺฏภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต; อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ. อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย ¶ วาจาย อนุปฏฺิตาย สติยา อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ โส ตตฺถ ปสฺสติ คหปตึ วา คหปติปุตฺตํ วา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคีภูตํ ปริจารยมานํ [ปริจาริยมานํ (สฺยา. กํ. ก.)]. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มยํ โข ปุพฺเพ อคาริยภูตา สมานา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาริมฺหา. สํวิชฺชนฺติ โข ปน เม กุเล [สํวิชฺชนฺติ โข กุเล (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โภคา. สกฺกา โภเค จ ภฺุชิตุํ ปฺุานิ จ กาตุ’นฺติ. โส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อาวฏฺฏภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺโต. ‘อาวฏฺฏภย’นฺติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจนํ.
๑๖๕. ‘‘กตมฺจ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, สุสุกาภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ¶ กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต; อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ. อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย วาจาย อนุปฏฺิตาย สติยา อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ โส ตตฺถ ปสฺสติ มาตุคามํ ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา. ตสฺส มาตุคามํ ทิสฺวา ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. โส ราคานุทฺธํเสน [อนุทฺธสฺเตน (สี. ปี.)] จิตฺเตน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ ¶ . อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สุสุกาภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺโต. ‘สุสุกาภย’นฺติ โข, ภิกฺขเว, มาตุคามสฺเสตํ อธิวจนํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ภยานิ, อิเธกจฺเจ ปุคฺคเล อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิเต ปาฏิกงฺขิตพฺพานี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
จาตุมสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.
๘. นฬกปานสุตฺตํ
๑๖๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ นฬกปาเน ปลาสวเน. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อภิฺาตา อภิฺาตา กุลปุตฺตา ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา โหนฺติ – อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ, อายสฺมา จ ภทฺทิโย [นนฺทิโย (สี. ปี.) วินเย จ ม. นิ. ๑ จูฬโคสิงฺเค จ], อายสฺมา จ กิมิโล [กิมฺพิโล (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อายสฺมา จ ภคุ, อายสฺมา จ โกณฺฑฺโ [กุณฺฑธาโน (สี. ปี.)], อายสฺมา จ เรวโต, อายสฺมา จ อานนฺโท, อฺเ จ อภิฺาตา อภิฺาตา กุลปุตฺตา. เตน โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ¶ อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติ. อถ โข ภควา เต กุลปุตฺเต ¶ อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตา มมํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, กจฺจิ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อภิรตา พฺรหฺมจริเย’’ติ? เอวํ วุตฺเต, เต ภิกฺขู ตุณฺหี อเหสุํ. ทุติยมฺปิ โข ภควา เต กุลปุตฺเต อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตา มมํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, กจฺจิ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อภิรตา พฺรหฺมจริเย’’ติ? ทุติยมฺปิ โข เต ภิกฺขู ตุณฺหี อเหสุํ. ตติยมฺปิ โข ภควา เต กุลปุตฺเต อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตา มมํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา ¶ , กจฺจิ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อภิรตา พฺรหฺมจริเย’’ติ? ตติยมฺปิ โข เต ภิกฺขู ตุณฺหี อเหสุํ.
๑๖๗. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหํ เต กุลปุตฺเต ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ! อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ อามนฺเตสิ – ‘‘กจฺจิ ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, อภิรตา พฺรหฺมจริเย’’ติ? ‘‘ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, อภิรตา พฺรหฺมจริเย’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! เอตํ โข, อนุรุทฺธา, ตุมฺหากํ ปติรูปํ กุลปุตฺตานํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ ยํ ตุมฺเห อภิรเมยฺยาถ พฺรหฺมจริเย. เยน ตุมฺเห อนุรุทฺธา, ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคตา ปเมน วยสา สุสุกาฬเกสา กาเม ปริภฺุเชยฺยาถ เตน ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, ภทฺเรนปิ โยพฺพเนน สมนฺนาคตา ปเมน วยสา สุสุกาฬเกสา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา. เต จ โข ปน ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, เนว ราชาภินีตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, น โจราภินีตา อคารสฺมา ¶ อนคาริยํ ปพฺพชิตา, น อิณฏฺฏา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, น ภยฏฺฏา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, นาชีวิกาปกตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา. อปิ จ โขมฺหิ โอติณฺโณ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต; อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถาติ – นนุ ตุมฺเห, อนุรุทฺธา, เอวํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวํ ¶ ปพฺพชิเตน จ ปน, อนุรุทฺธา, กุลปุตฺเตน กิมสฺส กรณียํ? วิเวกํ, อนุรุทฺธา, กาเมหิ วิเวกํ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ นาธิคจฺฉติ อฺํ วา [อฺํ จ (ก.)] ตโต สนฺตตรํ, ตสฺส อภิชฺฌาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, พฺยาปาโทปิ จิตฺตํ ¶ ปริยาทาย ติฏฺติ, ถีนมิทฺธมฺปิ [ถีนมิทฺธมฺปิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจมฺปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, วิจิกิจฺฉาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, อรตีปิ ¶ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, ตนฺทีปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ. วิเวกํ, อนุรุทฺธา, กาเมหิ วิเวกํ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ นาธิคจฺฉติ อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ’’.
‘‘วิเวกํ, อนุรุทฺธา, กาเมหิ วิเวกํ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ อธิคจฺฉติ อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ, ตสฺส อภิชฺฌาปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, พฺยาปาโทปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, ถีนมิทฺธมฺปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจมฺปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, วิจิกิจฺฉาปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, อรตีปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, ตนฺทีปิ จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ. วิเวกํ, อนุรุทฺธา, กาเมหิ วิเวกํ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ อธิคจฺฉติ อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ.
๑๖๘. ‘‘กินฺติ โว, อนุรุทฺธา, มยิ โหติ – ‘เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา [โปโนภวิกา (สี. ปี.)] สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา, อปฺปหีนา เต ตถาคตสฺส; ตสฺมา ตถาคโต สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี’’’ติ? ‘‘น โข ¶ โน, ภนฺเต, ภควติ เอวํ โหติ – ‘เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา, อปฺปหีนา เต ตถาคตสฺส; ตสฺมา ตถาคโต สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี’ติ. เอวํ โข โน, ภนฺเต, ภควติ โหติ – ‘เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา ¶ สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา, ปหีนา เต ตถาคตสฺส; ตสฺมา ตถาคโต สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี’’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธา! ตถาคตสฺส, อนุรุทฺธา, เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา, ปหีนา เต อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เสยฺยถาปิ, อนุรุทฺธา, ตาโล มตฺถกจฺฉินฺโน อภพฺโพ ปุนวิรูฬฺหิยา; เอวเมว โข, อนุรุทฺธา ¶ , ตถาคตสฺส เย อาสวา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา, ปหีนา เต อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา; ตสฺมา ตถาคโต สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทติ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อนุรุทฺธา, กํ อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน ตถาคโต สาวเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน; อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน’’’ติ? ‘‘ภควํมูลกา ¶ โน, ภนฺเต, ธมฺมา ภควํเนตฺติกา ภควํปฏิสรณา. สาธุ วต, ภนฺเต, ภควนฺตํเยว ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ ¶ . ‘‘น โข, อนุรุทฺธา, ตถาคโต ชนกุหนตฺถํ น ชนลปนตฺถํ น ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถํ น ‘อิติ มํ ชโน ชานาตู’ติ สาวเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน, อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน’ติ. สนฺติ จ โข, อนุรุทฺธา, กุลปุตฺตา สทฺธา อุฬารเวทา อุฬารปาโมชฺชา. เต ตํ สุตฺวา ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรนฺติ. เตสํ ตํ, อนุรุทฺธา, โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย’’.
๑๖๙. ‘‘อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุ สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลงฺกโต [กาลกโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; โส ภควตา พฺยากโต – อฺาย สณฺหี’ติ. โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา – ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํปฺโ โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํวิหารี โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี’ติ. โส ตสฺส สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุโน ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิธานุรุทฺธา ¶ , ภิกฺขุ สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต – ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา’ติ. โส ¶ โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา ¶ – ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม…เป… เอวํปฺโ… เอวํวิหารี… เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี’ติ. โส ตสฺส สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุโน ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุ สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต – ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’ติ. โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา – ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม…เป… เอวํปฺโ… เอวํวิหารี… เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี’ติ. โส ตสฺส สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ ¶ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุโน ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุ สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต – ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’ติ. โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา – ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม…เป… เอวํปฺโ… เอวํวิหารี… เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ ¶ อิติปี’ติ. โส ตสฺส สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุโน ผาสุวิหาโร โหติ.
๑๗๐. ‘‘อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุนี สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา – อฺาย สณฺหี’ติ. สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา – ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ ¶ , เอวํปฺา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํวิหารินี สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี’ติ. สา ตสฺสา สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุนิยา ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิธานุรุทฺธา ¶ , ภิกฺขุนี สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา – ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินี อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา’ติ. สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา – ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา…เป… เอวํปฺา… เอวํวิหารินี… เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี’ติ. สา ตสฺสา สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ ¶ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุนิยา ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุนี สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา – ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามินี สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’ติ. สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา – ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา…เป… เอวํปฺา… เอวํวิหารินี… เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี’ติ. สา ตสฺสา สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุนิยา ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิธานุรุทฺธา, ภิกฺขุนี สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนามา ภิกฺขุนี กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา – ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’ติ ¶ . สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา – ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา… เอวํปฺา… เอวํวิหารินี… เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี’ติ. สา ตสฺสา สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺตี ¶ ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, ภิกฺขุนิยา ผาสุวิหาโร โหติ.
๑๗๑. ‘‘อิธานุรุทฺธา, อุปาสโก สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม อุปาสโก กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต – ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา ¶ โลกา’ติ. โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา – ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม ¶ โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํปฺโ โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํวิหารี โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี’ติ. โส ตสฺส สทฺธฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, อุปาสกสฺส ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิธานุรุทฺธา, อุปาสโก สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม อุปาสโก กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต – ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’ติ. โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา – ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม… เอวํปฺโ… เอวํวิหารี… เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี’ติ. โส ตสฺส สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, อุปาสกสฺส ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิธานุรุทฺธา, อุปาสโก สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม อุปาสโก กาลงฺกโต; โส ภควตา พฺยากโต – ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’ติ. โส โข ปนสฺส อายสฺมา สามํ ทิฏฺโ วา โหติ อนุสฺสวสฺสุโต วา – ‘เอวํสีโล โส อายสฺมา อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺโม…เป… ¶ เอวํปฺโ… เอวํวิหารี… เอวํวิมุตฺโต โส อายสฺมา อโหสิ อิติปี’ติ. โส ตสฺส สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺโต ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา อุปาสกสฺส ผาสุวิหาโร โหติ.
๑๗๒. ‘‘อิธานุรุทฺธา ¶ , อุปาสิกา สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนามา อุปาสิกา กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา – ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินี อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา’ติ. สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา – ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา… เอวํปฺา… เอวํวิหารินี… เอวํวิมุตฺตา ¶ สา ภคินี อโหสิ อิติปี’ติ. สา ตสฺสา สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ ¶ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, อุปาสิกาย ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิธานุรุทฺธา, อุปาสิกา สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนามา อุปาสิกา กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา – ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามินี สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’ติ. สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา – ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา… เอวํปฺา… เอวํวิหารินี… เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี’ติ. สา ตสฺสา สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย ¶ จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, อุปาสิกาย ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิธานุรุทฺธา, อุปาสิกา สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนามา อุปาสิกา กาลงฺกตา; สา ภควตา พฺยากตา – ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺนา อวินิปาตธมฺมา นิยตา สมฺโพธิปรายณา’ติ. สา โข ปนสฺสา ภคินี สามํ ทิฏฺา วา โหติ อนุสฺสวสฺสุตา วา – ‘เอวํสีลา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํธมฺมา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํปฺา สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํวิหารินี สา ภคินี อโหสิ อิติปิ, เอวํวิมุตฺตา สา ภคินี อโหสิ อิติปี’ติ. สา ตสฺสา สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรนฺตี ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรติ. เอวมฺปิ โข, อนุรุทฺธา, อุปาสิกาย ผาสุวิหาโร โหติ.
‘‘อิติ ¶ โข, อนุรุทฺธา, ตถาคโต น ชนกุหนตฺถํ น ชนลปนตฺถํ น ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถํ น ‘อิติ มํ ชโน ชานาตู’ติ สาวเก อพฺภตีเต กาลงฺกเต อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน, อสุ อมุตฺร อุปปนฺโน’ติ. สนฺติ จ โข, อนุรุทฺธา, กุลปุตฺตา สทฺธา อุฬารเวทา อุฬารปาโมชฺชา. เต ตํ สุตฺวา ตทตฺถาย จิตฺตํ อุปสํหรนฺติ. เตสํ ตํ, อนุรุทฺธา, โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อนุรุทฺโธ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
นฬกปานสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.
๙. โคลิยานิสุตฺตํ
๑๗๓. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน โคลิยานิ [คุลิสฺสานิ (สี. ปี.), โคลิสฺสานิ (สฺยา. กํ.)] นาม ภิกฺขุ อารฺิโก [อารฺโก (สพฺพตฺถ)] ปทสมาจาโร [ปทรสมาจาโร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สงฺฆมชฺเฌ โอสโฏ โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต โคลิยานึ ภิกฺขุํ อารพฺภ ภิกฺขู อามนฺเตสิ –
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน สพฺรหฺมจารีสุ สคารเวน ภวิตพฺพํ สปฺปติสฺเสน. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ สงฺฆคโต สงฺเฆ วิหรนฺโต สพฺรหฺมจารีสุ อคารโว โหติ อปฺปติสฺโส, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน, โย อยมายสฺมา สพฺรหฺมจารีสุ อคารโว โหติ อปฺปติสฺโส’ติ – ตสฺส [อปฺปติสฺโสติสฺส (สี. ปี.)] ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน สพฺรหฺมจารีสุ สคารเวน ภวิตพฺพํ สปฺปติสฺเสน.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน อาสนกุสเลน ภวิตพฺพํ – ‘อิติ เถเร จ ภิกฺขู นานุปขชฺช นิสีทิสฺสามิ นเว จ ภิกฺขู น อาสเนน ปฏิพาหิสฺสามี’ติ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ¶ ภิกฺขุ สงฺฆคโต สงฺเฆ วิหรนฺโต น อาสนกุสโล โหติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน, โย อยมายสฺมา อาสนกุสโล น โหตี’ติ [โย อยมายสฺมา อาภิสมาจาริกมฺปิ ธมฺมํ น ชานาตีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน อาสนกุสเลน ภวิตพฺพํ.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน อาภิสมาจาริโกปิ ธมฺโม ชานิตพฺโพ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ สงฺฆคโต สงฺเฆ วิหรนฺโต อาภิสมาจาริกมฺปิ ธมฺมํ น ชานาติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา อาภิสมาจาริกมฺปิ ธมฺมํ ¶ น ชานาตี’ติ ¶ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน อาภิสมาจาริโกปิ ธมฺโม ชานิตพฺโพ [อยํ อาภิสมาจาริกตติยวาโร สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ น ทิสฺสติ].
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน นาติกาเลน คาโม ปวิสิตพฺโพ นาติทิวา [น ทิวา (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] ปฏิกฺกมิตพฺพํ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ สงฺฆคโต สงฺเฆ วิหรนฺโต อติกาเลน คามํ ปวิสติ อติทิวา ปฏิกฺกมติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา อติกาเลน คามํ ปวิสติ อติทิวา ปฏิกฺกมตี’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน นาติกาเลน คาโม ปวิสิตพฺโพ, นาติทิวา ปฏิกฺกมิตพฺพํ.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน น ¶ ปุเรภตฺตํ ¶ ปจฺฉาภตฺตํ กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตพฺพํ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ สงฺฆคโต สงฺเฆ วิหรนฺโต ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘อยํ นูนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน วิหรโต วิกาลจริยา พหุลีกตา, ตเมนํ สงฺฆคตมฺปิ สมุทาจรตี’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน น ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ กุเลสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตพฺพํ.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน อนุทฺธเตน ภวิตพฺพํ อจปเลน. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ สงฺฆคโต สงฺเฆ วิหรนฺโต อุทฺธโต โหติ จปโล, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘อิทํ นูนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน วิหรโต อุทฺธจฺจํ จาปลฺยํ พหุลีกตํ, ตเมนํ สงฺฆคตมฺปิ สมุทาจรตี’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน อนุทฺธเตน ภวิตพฺพํ อจปเลน.
‘‘อารฺิเกนาวุโส ¶ , ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน อมุขเรน ภวิตพฺพํ อวิกิณฺณวาเจน. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ สงฺฆคโต สงฺเฆ วิหรนฺโต มุขโร โหติ ¶ วิกิณฺณวาโจ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา มุขโร วิกิณฺณวาโจ’ติ – ตสฺส ภวนฺติ ¶ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน อมุขเรน ภวิตพฺพํ อวิกิณฺณวาเจน.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน สุวเจน [สุพฺพเจน (สี. ก.)] ภวิตพฺพํ กลฺยาณมิตฺเตน. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ สงฺฆคโต สงฺเฆ วิหรนฺโต ทุพฺพโจ โหติ ปาปมิตฺโต, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา ทุพฺพโจ ปาปมิตฺโต’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สงฺฆคเตน สงฺเฆ วิหรนฺเตน สุวเจน ภวิตพฺพํ กลฺยาณมิตฺเตน.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาเรน ภวิตพฺพํ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาโร โหติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา ¶ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาโร’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาเรน ภวิตพฺพํ.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา โภชเน มตฺตฺุนา ภวิตพฺพํ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก โภชเน อมตฺตฺู โหติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา โภชเน อมตฺตฺู’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา โภชเน มตฺตฺุนา ¶ ภวิตพฺพํ.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา ชาคริยํ อนุยุตฺเตน ภวิตพฺพํ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ ชาคริยํ อนนุยุตฺโต โหติ, ตสฺส ¶ ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา ชาคริยํ อนนุยุตฺโต’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา ชาคริยํ อนุยุตฺเตน ภวิตพฺพํ.
‘‘อารฺิเกนาวุโส ¶ , ภิกฺขุนา อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพํ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ กุสีโต โหติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา กุสีโต’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพํ.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา อุปฏฺิตสฺสตินา ภวิตพฺพํ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ มุฏฺสฺสตี โหติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา มุฏฺสฺสตี’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา อุปฏฺิตสฺสตินา ภวิตพฺพํ.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา สมาหิเตน ภวิตพฺพํ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ อสมาหิโต โหติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน ¶ โย อยมายสฺมา อสมาหิโต’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา สมาหิเตน ภวิตพฺพํ.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา ปฺวตา ภวิตพฺพํ. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ ทุปฺปฺโ โหติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร ¶ . ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา ทุปฺปฺโ’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา ปฺวตา ภวิตพฺพํ.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา อภิธมฺเม อภิวินเย โยโค กรณีโย. สนฺตาวุโส, อารฺิกํ ภิกฺขุํ อภิธมฺเม อภิวินเย ปฺหํ ปุจฺฉิตาโร. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ อภิธมฺเม อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ น สมฺปายติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา อภิธมฺเม อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ น สมฺปายตี’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา ¶ อารฺิเกน ภิกฺขุนา อภิธมฺเม อภิวินเย โยโค กรณีโย.
‘‘อารฺิเกนาวุโส ¶ , ภิกฺขุนา เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา ตตฺถ โยโค กรณีโย. สนฺตาวุโส, อารฺิกํ ภิกฺขุํ เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา ตตฺถ ปฺหํ ปุจฺฉิตาโร. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ น สมฺปายติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ น สมฺปายตี’ติ – ตสฺส ¶ ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา ตตฺถ โยโค กรณีโย.
‘‘อารฺิเกนาวุโส, ภิกฺขุนา อุตฺตริ มนุสฺสธมฺเม โยโค กรณีโย. สนฺตาวุโส, อารฺิกํ ภิกฺขุํ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺเม ปฺหํ ปุจฺฉิตาโร. สเจ, อาวุโส, อารฺิโก ภิกฺขุ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺเม ปฺหํ ปุฏฺโ น สมฺปายติ, ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ‘กึ ปนิมสฺสายสฺมโต อารฺิกสฺส เอกสฺสารฺเ เสริวิหาเรน โย อยมายสฺมา ยสฺสตฺถาย ปพฺพชิโต ตมตฺถํ น ชานาตี’ติ – ตสฺส ภวนฺติ วตฺตาโร. ตสฺมา อารฺิเกน ภิกฺขุนา อุตฺตริ มนุสฺสธมฺเม โยโค กรณีโย’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน [มหาโมคฺคลาโน (ก.)] อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อารฺิเกเนว นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา อิเม ธมฺมา สมาทาย วตฺติตพฺพา อุทาหุ คามนฺตวิหารินาปี’’ติ ¶ ? ‘‘อารฺิเกนาปิ โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, ภิกฺขุนา อิเม ธมฺมา สมาทาย วตฺติตพฺพา ปเคว คามนฺตวิหารินา’’ติ.
โคลิยานิสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.
๑๐. กีฏาคิริสุตฺตํ
๑๗๔. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กาสีสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อหํ โข, ภิกฺขเว, อฺตฺเรว รตฺติโภชนา [รตฺติโภชนํ (ก.)] ภฺุชามิ. อฺตฺร โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, รตฺติโภชนา ภฺุชมาโน อปฺปาพาธตฺจ สฺชานามิ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจ. เอถ, ตุมฺเหปิ, ภิกฺขเว, อฺตฺเรว รตฺติโภชนา ภฺุชถ. อฺตฺร โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ รตฺติโภชนา ภฺุชมานา อปฺปาพาธตฺจ สฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจา’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. อถ โข ภควา กาสีสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน กีฏาคิริ นาม กาสีนํ นิคโม ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา กีฏาคิริสฺมึ วิหรติ กาสีนํ นิคเม.
๑๗๕. เตน โข ปน สมเยน อสฺสชิปุนพฺพสุกา นาม ภิกฺขู กีฏาคิริสฺมึ อาวาสิกา โหนฺติ. อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘ภควา โข, อาวุโส, อฺตฺเรว รตฺติโภชนา ภฺุชติ ภิกฺขุสงฺโฆ จ. อฺตฺร โข ปนาวุโส, รตฺติโภชนา ภฺุชมานา อปฺปาพาธตฺจ สฺชานนฺติ อปฺปาตงฺกตฺจ ¶ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจ. เอถ, ตุมฺเหปิ, อาวุโส, อฺตฺเรว รตฺติโภชนา ภฺุชถ. อฺตฺร โข ปนาวุโส, ตุมฺเหปิ รตฺติโภชนา ภฺุชมานา อปฺปาพาธตฺจ สฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจา’’ติ ¶ . เอวํ วุตฺเต, อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู เต ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘มยํ โข, อาวุโส, สายฺเจว ภฺุชาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล. เต มยํ สายฺเจว ภฺุชมานา ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล อปฺปาพาธตฺจ สฺชานาม อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจ. เต มยํ กึ สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวิสฺสาม? สายฺเจว มยํ ภฺุชิสฺสาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล’’ติ.
ยโต ¶ โข เต ภิกฺขู นาสกฺขึสุ อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู สฺาเปตุํ, อถ เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ มยํ, ภนฺเต, เยน อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู เอตทโวจุมฺห – ‘ภควา โข, อาวุโส, อฺตฺเรว รตฺติโภชนา ภฺุชติ ภิกฺขุสงฺโฆ จ; อฺตฺร โข ปนาวุโส, รตฺติโภชนา ภฺุชมานา อปฺปาพาธตฺจ สฺชานนฺติ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจ. เอถ, ตุมฺเหปิ, อาวุโส ¶ , อฺตฺเรว รตฺติโภชนา ภฺุชถ. อฺตฺร โข ปนาวุโส, ตุมฺเหปิ รตฺติโภชนา ภฺุชมานา อปฺปาพาธตฺจ สฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจา’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู อมฺเห เอตทโวจุํ – ‘มยํ โข, อาวุโส, สายฺเจว ภฺุชาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล. เต มยํ สายฺเจว ภฺุชมานา ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล อปฺปาพาธตฺจ สฺชานาม อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจ. เต มยํ กึ สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวิสฺสาม? สายฺเจว มยํ ภฺุชิสฺสาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล’ติ. ยโต โข มยํ, ภนฺเต, นาสกฺขิมฺห อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู สฺาเปตุํ, อถ มยํ เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจมา’’ติ.
๑๗๖. อถ โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู อามนฺเตหิ – ‘สตฺถา อายสฺมนฺเต อามนฺเตตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยน อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา อายสฺมนฺเต อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู ตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, สมฺพหุลา ภิกฺขู ตุมฺเห อุปสงฺกมิตฺวา ¶ เอตทโวจุํ – ‘ภควา โข, อาวุโส, อฺตฺเรว รตฺติโภชนา ภฺุชติ ภิกฺขุสงฺโฆ จ. อฺตฺร โข ปนาวุโส, รตฺติโภชนา ภฺุชมานา อปฺปาพาธตฺจ สฺชานนฺติ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจ. เอถ, ตุมฺเหปิ, อาวุโส, อฺตฺเรว รตฺติโภชนา ภฺุชถ. อฺตฺร โข ปนาวุโส, ตุมฺเหปิ รตฺติโภชนา ¶ ภฺุชมานา ¶ อปฺปาพาธตฺจ สฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจา’ติ. เอวํ วุตฺเต ¶ กิร [กึ นุ (ก.)], ภิกฺขเว, ตุมฺเห เต ภิกฺขู เอวํ อวจุตฺถ – ‘มยํ โข ปนาวุโส, สายฺเจว ภฺุชาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล. เต มยํ สายฺเจว ภฺุชมานา ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล อปฺปาพาธตฺจ สฺชานาม อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจ. เต มยํ กึ สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวิสฺสาม? สายฺเจว มยํ ภฺุชิสฺสาม ปาโต จ ทิวา จ วิกาเล’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
๑๗๗. ‘‘กึ นุ เม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาถ ยํ กิฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘นนุ เม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาถ อิเธกจฺจสฺส ยํ เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิธ ปเนกจฺจสฺส เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ ¶ , กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิธ ปเนกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อิธ ปเนกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.
๑๗๘. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อฺาตํ อภวิสฺส อทิฏฺํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปฺาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานนฺโต ‘เอวรูปํ สุขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา าตํ ทิฏฺํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปฺาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ¶ อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ สุขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วทามิ. มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อฺาตํ อภวิสฺส อทิฏฺํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ ¶ อผสฺสิตํ ปฺาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ¶ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ¶ ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานนฺโต ‘เอวรูปํ สุขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา าตํ ทิฏฺํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปฺาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ สุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ สุขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วทามิ.
๑๗๙. ‘‘มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อฺาตํ อภวิสฺส อทิฏฺํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปฺาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานนฺโต ‘เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา าตํ ทิฏฺํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปฺาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วทามิ. มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อฺาตํ อภวิสฺส อทิฏฺํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปฺาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานนฺโต ‘เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ ¶ ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา าตํ ทิฏฺํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปฺาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ ทุกฺขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วทามิ.
๑๘๐. ‘‘มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อฺาตํ อภวิสฺส อทิฏฺํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปฺาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานนฺโต ‘เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา าตํ ทิฏฺํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปฺาย ¶ – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ ปชหถา’ติ วทามิ’’. มยา เจตํ, ภิกฺขเว, อฺาตํ อภวิสฺส อทิฏฺํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปฺาย ¶ – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, เอวาหํ อชานนฺโต ‘เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วเทยฺยํ; อปิ นุ เม เอตํ, ภิกฺขเว, ปติรูปํ อภวิสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ยสฺมา จ โข เอตํ, ภิกฺขเว, มยา าตํ ทิฏฺํ ¶ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผสฺสิตํ ปฺาย – ‘อิเธกจฺจสฺส เอวรูปํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’ติ, ตสฺมาหํ ‘เอวรูปํ ¶ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ วทามิ.
๑๘๑. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, สพฺเพสํเยว ภิกฺขูนํ ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ; น ปนาหํ, ภิกฺขเว, สพฺเพสํเยว ภิกฺขูนํ ‘น อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ. เย เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อรหนฺโต ขีณาสวา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทฺา วิมุตฺตา, ตถารูปานาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ‘น อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? กตํ เตสํ อปฺปมาเทน. อภพฺพา เต ปมชฺชิตุํ. เย จ โข เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เสกฺขา อปฺปตฺตมานสา อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ ปตฺถยมานา วิหรนฺติ, ตถารูปานาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปฺเปว นามิเม อายสฺมนฺโต อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวมานา กลฺยาณมิตฺเต ภชมานา อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมานา – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยุนฺติ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิเมสํ ภิกฺขูนํ อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ.
๑๘๒. ‘‘สตฺติเม ¶ , ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม สตฺต? อุภโตภาควิมุตฺโต, ปฺาวิมุตฺโต, กายสกฺขิ, ทิฏฺิปฺปตฺโต, สทฺธาวิมุตฺโต, ธมฺมานุสารี, สทฺธานุสารี.
‘‘กตโม ¶ จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต กาเยน ผุสิตฺวา [ผสฺสิตฺวา (สี. ปี.)] วิหรติ ปฺาย จสฺส ทิสฺวา ¶ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต อิมสฺส โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘น อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? กตํ ตสฺส อปฺปมาเทน. อภพฺโพ โส ปมชฺชิตุํ.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปฺาวิมุตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต น กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ¶ ปฺาวิมุตฺโต. อิมสฺสปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘น อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? กตํ ตสฺส อปฺปมาเทน. อภพฺโพ โส ปมชฺชิตุํ.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล กายสกฺขิ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา ¶ เต กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา เอกจฺเจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล กายสกฺขิ. อิมสฺส โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปฺเปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวมาโน กลฺยาณมิตฺเต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทิฏฺิปฺปตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต น กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา เอกจฺเจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, ตถาคตปฺปเวทิตา จสฺส ธมฺมา ปฺาย โวทิฏฺา โหนฺติ โวจริตา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทิฏฺิปฺปตฺโต. อิมสฺสปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส ¶ เหตุ? อปฺเปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวมาโน กลฺยาณมิตฺเต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ¶ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สทฺธาวิมุตฺโต. อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต น กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา เอกจฺเจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, ตถาคเต จสฺส สทฺธา นิวิฏฺา โหติ มูลชาตา ปติฏฺิตา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สทฺธาวิมุตฺโต. อิมสฺสปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปฺเปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ¶ ปฏิเสวมาโน กลฺยาณมิตฺเต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ.
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ธมฺมานุสารี? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต น กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา เอกจฺเจ อาสวา ปริกฺขีณา [ทิสฺวา อาสวา อปริกฺขีณา (สี. ปี.)] โหนฺติ, ตถาคตปฺปเวทิตา จสฺส ¶ ธมฺมา ปฺาย มตฺตโส นิชฺฌานํ ขมนฺติ, อปิ จสฺส อิเม ธมฺมา โหนฺติ, เสยฺยถิทํ – สทฺธินฺทฺริยํ, วีริยินฺทฺริยํ, สตินฺทฺริยํ, สมาธินฺทฺริยํ, ปฺินฺทฺริยํ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ธมฺมานุสารี. อิมสฺสปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปฺเปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวมาโน กลฺยาณมิตฺเต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ ¶ ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ.
‘‘กตโม ¶ จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สทฺธานุสารี? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา เต น กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา เอกจฺเจ อาสวา ปริกฺขีณา [ทิสฺวา อาสวา อปริกฺขีณา (สี. ปี.)] โหนฺติ, ตถาคเต จสฺส สทฺธามตฺตํ โหติ เปมมตฺตํ, อปิ จสฺส อิเม ธมฺมา โหนฺติ, เสยฺยถิทํ – สทฺธินฺทฺริยํ, วีริยินฺทฺริยํ, สตินฺทฺริยํ, สมาธินฺทฺริยํ, ปฺินฺทฺริยํ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สทฺธานุสารี. อิมสฺสปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปฺเปว นาม อยมายสฺมา อนุโลมิกานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวมาโน ¶ กลฺยาณมิตฺเต ภชมาโน อินฺทฺริยานิ สมนฺนานยมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ! อิมํ โข อหํ, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน อปฺปมาทผลํ สมฺปสฺสมาโน ‘อปฺปมาเทน กรณีย’นฺติ วทามิ.
๑๘๓. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อาทิเกเนว อฺาราธนํ วทามิ; อปิ จ, ภิกฺขเว, อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา ¶ อฺาราธนา โหติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา อฺาราธนา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสนฺโต โสตํ โอทหติ, โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ, ธตานํ [ธาตานํ (ก.)] ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสาเหตฺวา ตุเลติ, ตุลยิตฺวา ปทหติ, ปหิตตฺโต สมาโน กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ นํ อติวิชฺฌ ปสฺสติ. สาปิ นาม, ภิกฺขเว, สทฺธา นาโหสิ; ตมฺปิ นาม, ภิกฺขเว, อุปสงฺกมนํ นาโหสิ; สาปิ นาม, ภิกฺขเว, ปยิรุปาสนา นาโหสิ; ตมฺปิ นาม, ภิกฺขเว, โสตาวธานํ นาโหสิ ¶ ; ตมฺปิ นาม, ภิกฺขเว, ธมฺมสฺสวนํ นาโหสิ; สาปิ นาม, ภิกฺขเว, ธมฺมธารณา นาโหสิ; สาปิ นาม, ภิกฺขเว, อตฺถูปปริกฺขา นาโหสิ; สาปิ นาม, ภิกฺขเว, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติ ¶ นาโหสิ; โสปิ นาม, ภิกฺขเว, ฉนฺโท นาโหสิ; โสปิ นาม, ภิกฺขเว, อุสฺสาโห นาโหสิ; สาปิ นาม, ภิกฺขเว, ตุลนา นาโหสิ; ตมฺปิ นาม, ภิกฺขเว, ปธานํ นาโหสิ. วิปฺปฏิปนฺนาตฺถ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาปฏิปนฺนาตฺถ, ภิกฺขเว. กีว ทูเรวิเม, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา อปกฺกนฺตา อิมมฺหา ธมฺมวินยา.
๑๘๔. ‘‘อตฺถิ ¶ , ภิกฺขเว, จตุปฺปทํ เวยฺยากรณํ ยสฺสุทฺทิฏฺสฺส วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว ปฺายตฺถํ อาชาเนยฺย. อุทฺทิสิสฺสามิ โว [อุทฺทิฏฺสฺสาปิ (ก.)], ภิกฺขเว, อาชานิสฺสถ เม ต’’นฺติ? ‘‘เก จ มยํ, ภนฺเต, เก จ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’’ติ? โยปิ โส, ภิกฺขเว, สตฺถา อามิสครุ อามิสทายาโท อามิเสหิ สํสฏฺโ วิหรติ ตสฺส ปายํ เอวรูปี ปโณปณวิยา น อุเปติ – ‘เอวฺจ โน อสฺส อถ นํ กเรยฺยาม, น จ โน เอวมสฺส น นํ กเรยฺยามา’ติ, กึ ปน, ภิกฺขเว, ยํ ตถาคโต สพฺพโส อามิเสหิ วิสํสฏฺโ วิหรติ. สทฺธสฺส, ภิกฺขเว, สาวกสฺส สตฺถุสาสเน ปริโยคาหิย [ปริโยคาย (สี. ปี. ก.), ปริโยคยฺห (สฺยา. กํ.)] วตฺตโต อยมนุธมฺโม โหติ – ‘สตฺถา ภควา, สาวโกหมสฺมิ; ชานาติ ภควา, นาหํ ชานามี’ติ. สทฺธสฺส, ภิกฺขเว, สาวกสฺส สตฺถุสาสเน ปริโยคาหิย วตฺตโต รุฬฺหนียํ [รุมฺหนิยํ (สี. ปี.)] สตฺถุสาสนํ โหติ โอชวนฺตํ. สทฺธสฺส, ภิกฺขเว, สาวกสฺส สตฺถุสาสเน ปริโยคาหิย ¶ วตฺตโต อยมนุธมฺโม โหติ – ‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ, สรีเร อุปสุสฺสตุ [อุปสุสฺสตุ สรีเร (สี.), สรีเร อวสุสฺสตุ (ก.)] มํสโลหิตํ, ยํ ¶ ตํ ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ น ตํ อปาปุณิตฺวา วีริยสฺส สณฺานํ [สนฺถานํ (สี. สฺยา. ปี.)] ภวิสฺสตี’ติ. สทฺธสฺส, ภิกฺขเว, สาวกสฺส สตฺถุสาสเน ปริโยคาหิย วตฺตโต ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ – ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา’’ติ.
อิทมโวจ ¶ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
กีฏาคิริสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.
ภิกฺขุวคฺโค นิฏฺิโต ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
กฺุชร-ราหุล-สสฺสตโลโก, มาลุกฺยปุตฺโต จ ภทฺทาลิ-นาโม;
ขุทฺท-ทิชาถ-สหมฺปติยาจํ, นาฬก-รฺิกิฏาคิรินาโม.
๓. ปริพฺพาชกวคฺโค
๑. เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตํ
๑๘๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. เตน โข ปน สมเยน วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก เอกปุณฺฑรีเก ปริพฺพาชการาเม ปฏิวสติ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อติปฺปโค โข ตาว เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตุํ; ยํนูนาหํ เยน เอกปุณฺฑรีโก ปริพฺพาชการาโม เยน วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ. อถ โข ภควา เยน เอกปุณฺฑรีโก ปริพฺพาชการาโม เยน วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตุ โข, ภนฺเต, ภควา. สฺวาคตํ [สาคตํ (สี. ปี.)], ภนฺเต, ภควโต. จิรสฺสํ โข, ภนฺเต, ภควา อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนาย. นิสีทตุ, ภนฺเต, ภควา อิทมาสนํ ปฺตฺต’’นฺติ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. วจฺฉโคตฺโตปิ โข ปริพฺพาชโก อฺตรํ ¶ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต – ‘สมโณ โคตโม สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี, อปริเส+สํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาติ, จรโต จ เม ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิต’นฺติ. เย เต, ภนฺเต, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี, อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาติ, จรโต จ เม ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิต’นฺติ, กจฺจิ เต, ภนฺเต, ภควโต วุตฺตวาทิโน, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ ¶ านํ อาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘เย เต, วจฺฉ, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี, อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาติ, จรโต จ เม ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิต’นฺติ, น เม เต วุตฺตวาทิโน, อพฺภาจิกฺขนฺติ จ ปน มํ อสตา อภูเตนา’’ติ.
๑๘๖. ‘‘กถํ ¶ พฺยากรมานา ปน มยํ, ภนฺเต, วุตฺตวาทิโน เจว ภควโต อสฺสาม, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺเขยฺยาม, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺยาม, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺเฉยฺยา’’ติ?
‘‘‘เตวิชฺโช สมโณ โคตโม’ติ โข, วจฺฉ, พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว เม อสฺส, น จ มํ ¶ อภูเตน อพฺภาจิกฺเขยฺย, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺย, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺเฉยฺย. อหฺหิ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขามิ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อหฺหิ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขามิ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ. อหฺหิ, วจฺฉ, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามิ.
‘‘‘เตวิชฺโช สมโณ โคตโม’ติ ¶ โข, วจฺฉ, พฺยากรมาโน วุตฺตวาที เจว เม อสฺส, น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺเขยฺย, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺย, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺเฉยฺยา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, โภ โคตม, โกจิ คิหี คิหิสํโยชนํ อปฺปหาย กายสฺส เภทา ทุกฺขสฺสนฺตกโร’’ติ? ‘‘นตฺถิ โข, วจฺฉ, โกจิ คิหี คิหิสํโยชนํ อปฺปหาย กายสฺส เภทา ทุกฺขสฺสนฺตกโร’’ติ.
‘‘อตฺถิ ¶ ปน, โภ โคตม, โกจิ คิหี คิหิสํโยชนํ อปฺปหาย กายสฺส เภทา สคฺคูปโค’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น ทฺเว สตานิ น ¶ ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปฺจ สตานิ, อถ โข ภิยฺโยว เย คิหี คิหิสํโยชนํ อปฺปหาย กายสฺส เภทา สคฺคูปคา’’ติ [‘‘อตฺถิ โข วจฺฉ โกจิ คิหี คิหิสํโยชนํ อปฺปหาย กายสฺส เภทา สคฺคูปโคติ’’. (ก.)].
‘‘อตฺถิ ¶ นุ โข, โภ โคตม, โกจิ อาชีวโก [อาชีวิโก (ก.)] กายสฺส เภทา ทุกฺขสฺสนฺตกโร’’ติ? ‘‘นตฺถิ โข, วจฺฉ, โกจิ อาชีวโก กายสฺส เภทา ทุกฺขสฺสนฺตกโร’’ติ.
‘‘อตฺถิ ปน, โภ โคตม, โกจิ อาชีวโก กายสฺส เภทา สคฺคูปโค’’ติ? ‘‘อิโต โข โส, วจฺฉ, เอกนวุโต กปฺโป [อิโต โก วจฺฉ เอกนวุเต กปฺเป (ก.)] ยมหํ อนุสฺสรามิ, นาภิชานามิ กฺจิ อาชีวกํ สคฺคูปคํ อฺตฺร เอเกน; โสปาสิ กมฺมวาที กิริยวาที’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต, โภ โคตม, สฺุํ อทุํ ติตฺถายตนํ อนฺตมโส สคฺคูปเคนปี’’ติ? ‘‘เอวํ, วจฺฉ, สฺุํ อทุํ ติตฺถายตนํ อนฺตมโส สคฺคูปเคนปี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.
๒. อคฺคิวจฺฉสุตฺตํ
๑๘๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘กึ นุ โข, โภ โคตม, ‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ – เอวํทิฏฺิ [เอวํทิฏฺี (สี. สฺยา. กํ. ก.)] ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’’นฺติ.
‘‘กึ ปน, โภ โคตม, ‘อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ‘อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’’นฺติ.
‘‘กึ ¶ นุ โข, โภ โคตม, ‘อนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ‘อนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’’นฺติ.
‘‘กึ ปน, โภ โคตม, ‘อนนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ‘อนนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’’นฺติ.
‘‘กึ นุ โข, โภ โคตม, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อิทเมว ¶ สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ – เอวํทิฏฺิ ¶ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’’นฺติ.
‘‘กึ ปน, โภ โคตม, ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’’นฺติ.
‘‘กึ นุ โข, โภ โคตม, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’’นฺติ.
‘‘กึ ปน, โภ โคตม, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’’นฺติ.
‘‘กึ นุ โข, โภ โคตม, ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’’ติ ¶ ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’’นฺติ.
‘‘กึ ปน, โภ โคตม, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’’ติ? ‘‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’’นฺติ.
๑๘๘. ‘‘‘กึ ¶ นุ โข, โภ โคตม, สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น ¶ โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ วเทสิ [โมฆมฺนฺตีติ วเทสิ (สี.), โมฆมฺนฺติ อิติ วเทสิ (?)]. ‘กึ ปน, โภ โคตม, อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ ¶ , เอวํทิฏฺิ – อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ วเทสิ. ‘กึ นุ โข, โภ โคตม, อนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – อนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ วเทสิ. ‘กึ ปน, โภ โคตม, อนนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – อนนฺตวา โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ วเทสิ. ‘กึ นุ โข, โภ โคตม, ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ วเทสิ. ‘กึ ปน, โภ โคตม, อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรํ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ วเทสิ. ‘กึ นุ โข, โภ โคตม, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ วเทสิ.
‘‘‘กึ ปน, โภ โคตม, น โหติ ตถาคโต ปรํ ¶ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ วเทสิ. ‘กึ นุ โข, โภ โคตม, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น โข อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ วเทสิ. ‘กึ ปน, โภ โคตม, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ – เอวํทิฏฺิ ภวํ โคตโม’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น โข ¶ อหํ, วจฺฉ, เอวํทิฏฺิ – เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ วเทสิ.
‘‘กึ ปน โภ โคตโม อาทีนวํ สมฺปสฺสมาโน เอวํ อิมานิ สพฺพโส ทิฏฺิคตานิ อนุปคโต’’ติ?
๑๘๙. ‘‘‘สสฺสโต โลโก’ติ โข, วจฺฉ, ทิฏฺิคตเมตํ ทิฏฺิคหนํ ทิฏฺิกนฺตาโร [ทิฏฺิกนฺตารํ (สี. ปี.)] ทิฏฺิวิสูกํ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตํ ทิฏฺิสํโยชนํ สทุกฺขํ สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํ, น นิพฺพิทาย น ¶ วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ ¶ . ‘อสสฺสโต โลโก’ติ โข, วจฺฉ…เป… ‘อนฺตวา โลโก’ติ โข, วจฺฉ…เป… ‘อนนฺตวา โลโก’ติ โข, วจฺฉ…เป… ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ โข, วจฺฉ…เป… ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ โข, วจฺฉ…เป… ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, วจฺฉ ¶ …เป… ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, วจฺฉ…เป… ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, วจฺฉ…เป… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ โข, วจฺฉ, ทิฏฺิคตเมตํ ทิฏฺิคหนํ ทิฏฺิกนฺตาโร ทิฏฺิวิสูกํ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตํ ทิฏฺิสํโยชนํ สทุกฺขํ สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํ, น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ. อิมํ โข อหํ, วจฺฉ, อาทีนวํ สมฺปสฺสมาโน เอวํ อิมานิ สพฺพโส ทิฏฺิคตานิ อนุปคโต’’ติ.
‘‘อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส กิฺจิ ทิฏฺิคต’’นฺติ? ‘‘ทิฏฺิคตนฺติ โข, วจฺฉ, อปนีตเมตํ ตถาคตสฺส. ทิฏฺฺเหตํ, วจฺฉ, ตถาคเตน – ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา, อิติ เวทนาย สมุทโย, อิติ เวทนาย อตฺถงฺคโม; อิติ สฺา, อิติ สฺาย สมุทโย, อิติ สฺาย อตฺถงฺคโม; อิติ สงฺขารา, อิติ สงฺขารานํ สมุทโย, อิติ สงฺขารานํ อตฺถงฺคโม; อิติ วิฺาณํ, อิติ วิฺาณสฺส สมุทโย, อิติ วิฺาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติ. ตสฺมา ตถาคโต สพฺพมฺิตานํ สพฺพมถิตานํ สพฺพอหํการมมํการมานานุสยานํ ขยา วิราคา ¶ นิโรธา จาคา ปฏินิสฺสคฺคา อนุปาทา วิมุตฺโตติ วทามี’’ติ.
๑๙๐. ‘‘เอวํ ¶ วิมุตฺตจิตฺโต ปน, โภ โคตม, ภิกฺขุ กุหึ อุปปชฺชตี’’ติ? ‘‘อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปติ’’. ‘‘เตน หิ, โภ โคตม, น อุปปชฺชตี’’ติ? ‘‘น อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปติ’’. ‘‘เตน หิ, โภ โคตม, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตี’’ติ? ‘‘อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปติ’’. ‘‘เตน หิ, โภ โคตม, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตี’’ติ? ‘‘เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปติ’’.
‘‘‘เอวํ ¶ วิมุตฺตจิตฺโต ปน, โภ โคตม, ภิกฺขุ กุหึ อุปปชฺชตี’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปตี’ติ วเทสิ. ‘เตน หิ, โภ โคตม, น อุปปชฺชตี’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘น อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปตี’ติ วเทสิ. ‘เตน หิ, โภ โคตม, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตี’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปตี’ติ วเทสิ. ‘เตน หิ, โภ โคตม, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตี’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘เนว อุปปชฺชติ น น ¶ อุปปชฺชตีติ โข, วจฺฉ, น อุเปตี’ติ วเทสิ. เอตฺถาหํ, โภ โคตม, อฺาณมาปาทึ, เอตฺถ สมฺโมหมาปาทึ. ยาปิ เม เอสา โภโต โคตมสฺส ปุริเมน กถาสลฺลาเปน อหุ ปสาทมตฺตา ¶ สาปิ เม เอตรหิ อนฺตรหิตา’’ติ. ‘‘อลฺหิ เต, วจฺฉ, อฺาณาย, อลํ สมฺโมหาย. คมฺภีโร หายํ, วจฺฉ, ธมฺโม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย. โส ตยา ทุชฺชาโน อฺทิฏฺิเกน อฺขนฺติเกน อฺรุจิเกน อฺตฺรโยเคน [อฺตฺราโยเคน (ที. นิ. ๑.๔๒๐)] อฺตฺราจริยเกน’’ [อฺตฺถาจริยเกน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
๑๙๑. ‘‘เตน หิ, วจฺฉ, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ; ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, วจฺฉ, สเจ เต ปุรโต อคฺคิ ชเลยฺย, ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ – ‘อยํ เม ปุรโต อคฺคิ ชลตี’’’ติ? ‘‘สเจ เม, โภ โคตม, ปุรโต อคฺคิ ชเลยฺย, ชาเนยฺยาหํ – ‘อยํ เม ปุรโต อคฺคิ ชลตี’’’ติ.
‘‘สเจ ปน ตํ, วจฺฉ, เอวํ ปุจฺเฉยฺย – ‘โย เต อยํ ปุรโต อคฺคิ ชลติ อยํ อคฺคิ กึ ปฏิจฺจ ชลตี’ติ, เอวํ ปุฏฺโ ตฺวํ, วจฺฉ, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘สเจ มํ, โภ โคตม, เอวํ ปุจฺเฉยฺย – ‘โย เต อยํ ปุรโต อคฺคิ ชลติ อยํ อคฺคิ กึ ปฏิจฺจ ชลตี’ติ, เอวํ ปุฏฺโ อหํ, โภ โคตม, เอวํ พฺยากเรยฺยํ ¶ – ‘โย เม อยํ ปุรโต อคฺคิ ชลติ อยํ อคฺคิ ติณกฏฺุปาทานํ ปฏิจฺจ ชลตี’’’ติ.
‘‘สเจ เต, วจฺฉ, ปุรโต โส อคฺคิ นิพฺพาเยยฺย, ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ – ‘อยํ เม ปุรโต อคฺคิ นิพฺพุโต’’’ติ? ‘‘สเจ เม, โภ โคตม, ปุรโต โส อคฺคิ นิพฺพาเยยฺย, ชาเนยฺยาหํ – ‘อยํ เม ปุรโต อคฺคิ นิพฺพุโต’’’ติ.
‘‘สเจ ¶ ปน ตํ, วจฺฉ, เอวํ ปุจฺเฉยฺย – ‘โย เต อยํ ปุรโต อคฺคิ นิพฺพุโต โส อคฺคิ อิโต กตมํ ¶ ทิสํ คโต – ปุรตฺถิมํ วา ทกฺขิณํ วา ปจฺฉิมํ วา อุตฺตรํ วา’ติ, เอวํ ปุฏฺโ ตฺวํ, วจฺฉ, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘น อุเปติ, โภ โคตม, ยฺหิ โส, โภ โคตม, อคฺคิ ติณกฏฺุปาทานํ ปฏิจฺจ อชลิ [ชลติ (สฺยา. กํ. ก.)] ตสฺส จ ปริยาทานา อฺสฺส จ อนุปหารา อนาหาโร นิพฺพุโต ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ.
๑๙๒. ‘‘เอวเมว โข, วจฺฉ, เยน รูเปน ตถาคตํ ปฺาปยมาโน ปฺาเปยฺย ตํ รูปํ ตถาคตสฺส ปหีนํ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวํกตํ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ. รูปสงฺขยวิมุตฺโต [รูปสงฺขาวิมุตฺโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.) เอวํ เวทนาสงฺขยาทีสุปิ] โข, วจฺฉ, ตถาคโต คมฺภีโร อปฺปเมยฺโย ทุปฺปริโยคาฬฺโห – เสยฺยถาปิ มหาสมุทฺโท. อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, อุปปชฺชติ ¶ จ น จ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ.
‘‘ยาย เวทนาย ตถาคตํ ปฺาปยมาโน ปฺาเปยฺย สา เวทนา ตถาคตสฺส ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เวทนาสงฺขยวิมุตฺโต โข, วจฺฉ, ตถาคโต คมฺภีโร อปฺปเมยฺโย ทุปฺปริโยคาฬฺโห – เสยฺยถาปิ มหาสมุทฺโท. อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ.
‘‘ยาย สฺาย ตถาคตํ ปฺาปยมาโน ปฺาเปยฺย สา สฺา ตถาคตสฺส ปหีนา ¶ อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. สฺาสงฺขยวิมุตฺโต โข, วจฺฉ, ตถาคโต คมฺภีโร อปฺปเมยฺโย ทุปฺปริโยคาฬฺโห – เสยฺยถาปิ มหาสมุทฺโท. อุปปชฺชตีติ ¶ น อุเปติ, น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ.
‘‘เยหิ สงฺขาเรหิ ตถาคตํ ปฺาปยมาโน ปฺาเปยฺย เต สงฺขารา ตถาคตสฺส ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. สงฺขารสงฺขยวิมุตฺโต โข, วจฺฉ, ตถาคโต คมฺภีโร อปฺปเมยฺโย ทุปฺปริโยคาฬฺโห – เสยฺยถาปิ มหาสมุทฺโท. อุปปชฺชตีติ น อุเปติ ¶ , น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ.
‘‘เยน วิฺาเณน ตถาคตํ ปฺาปยมาโน ปฺาเปยฺย ตํ วิฺาณํ ตถาคตสฺส ปหีนํ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวํกตํ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ. วิฺาณสงฺขยวิมุตฺโต โข, วจฺฉ, ตถาคโต คมฺภีโร อปฺปเมยฺโย ทุปฺปริโยคาฬฺโห – เสยฺยถาปิ มหาสมุทฺโท. อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, อุปปชฺชติ จ น จ อุปปชฺชตีติ น อุเปติ, เนว อุปปชฺชติ น น อุปปชฺชตีติ น อุเปติ’’.
เอวํ วุตฺเต, วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร ¶ มหาสาลรุกฺโข. ตสฺส อนิจฺจตา สาขาปลาสา ปลุชฺเชยฺยุํ [สาขาปลาสํ ปลุชฺเชยฺย], ตจปปฏิกา ปลุชฺเชยฺยุํ, เผคฺคู ปลุชฺเชยฺยุํ [เผคฺคุ ปลุชฺเชยฺย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; โส อปเรน สมเยน อปคตสาขาปลาโส อปคตตจปปฏิโก อปคตเผคฺคุโก สุทฺโธ อสฺส, สาเร ปติฏฺิโต; เอวเมว โภโต โคตมสฺส ปาวจนํ อปคตสาขาปลาสํ อปคตตจปปฏิกํ อปคตเผคฺคุกํ สุทฺธํ, สาเร ปติฏฺิตํ. อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… ¶ อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
อคฺคิวจฺฉสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.
๓. มหาวจฺฉสุตฺตํ
๑๙๓. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก เยน ภควา ¶ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทีฆรตฺตาหํ โภตา โคตเมน สหกถี. สาธุ เม ภวํ โคตโม สํขิตฺเตน กุสลากุสลํ เทเสตู’’ติ. ‘‘สํขิตฺเตนปิ โข เต อหํ, วจฺฉ, กุสลากุสลํ เทเสยฺยํ, วิตฺถาเรนปิ โข เต อหํ, วจฺฉ, กุสลากุสลํ เทเสยฺยํ; อปิ จ เต อหํ, วจฺฉ, สํขิตฺเตน กุสลากุสลํ เทเสสฺสามิ. ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
๑๙๔. ‘‘โลโภ โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อโลโภ กุสลํ; โทโส โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อโทโส กุสลํ; โมโห โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อโมโห กุสลํ. อิติ โข, วจฺฉ, อิเม ตโย ธมฺมา อกุสลา, ตโย ธมฺมา กุสลา.
‘‘ปาณาติปาโต โข, วจฺฉ, อกุสลํ, ปาณาติปาตา เวรมณี กุสลํ; อทินฺนาทานํ โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อทินฺนาทานา เวรมณี กุสลํ; กาเมสุมิจฺฉาจาโร โข, วจฺฉ, อกุสลํ, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี กุสลํ; มุสาวาโท ¶ โข, วจฺฉ, อกุสลํ, มุสาวาทา เวรมณี กุสลํ; ปิสุณา วาจา โข, วจฺฉ, อกุสลํ ¶ , ปิสุณาย วาจาย เวรมณี กุสลํ; ผรุสา วาจา โข, วจฺฉ, อกุสลํ, ผรุสาย วาจาย เวรมณี กุสลํ; สมฺผปฺปลาโป โข, วจฺฉ, อกุสลํ, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี กุสลํ; อภิชฺฌา โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อนภิชฺฌา กุสลํ; พฺยาปาโท โข, วจฺฉ, อกุสลํ, อพฺยาปาโท กุสลํ; มิจฺฉาทิฏฺิ โข, วจฺฉ, อกุสลํ สมฺมาทิฏฺิ กุสลํ. อิติ โข, วจฺฉ, อิเม ทส ธมฺมา อกุสลา, ทส ธมฺมา กุสลา.
‘‘ยโต ¶ โข, วจฺฉ, ภิกฺขุโน ตณฺหา ปหีนา โหติ อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา, โส โหติ ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต’’ติ.
๑๙๕. ‘‘ติฏฺตุ ภวํ โคตโม. อตฺถิ ปน เต โภโต โคตมสฺส เอกภิกฺขุปิ สาวโก โย อาสวานํ ขยา [สาวโก อาสวานํ ขยา (สี. สฺยา. กํ. ปี.) เอวมุปริปิ] อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น ทฺเว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปฺจ สตานิ, อถ โข ภิยฺโยว เย ภิกฺขู มม สาวกา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ.
‘‘ติฏฺตุ ภวํ โคตโม, ติฏฺนฺตุ ภิกฺขู. อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกา ภิกฺขุนีปิ สาวิกา ยา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรตี’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น ทฺเว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปฺจ สตานิ, อถ โข ภิยฺโยว ยา ภิกฺขุนิโย มม สาวิกา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ.
‘‘ติฏฺตุ ภวํ โคตโม, ติฏฺนฺตุ ภิกฺขู, ติฏฺนฺตุ ภิกฺขุนิโย. อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสโกปิ สาวโก คิหี โอทาตวสโน พฺรหฺมจารี โย ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น ทฺเว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปฺจ สตานิ, อถ โข ภิยฺโยว เย อุปาสกา มม สาวกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ¶ โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา’’ติ.
‘‘ติฏฺตุ ¶ ภวํ โคตโม, ติฏฺนฺตุ ภิกฺขู, ติฏฺนฺตุ ภิกฺขุนิโย, ติฏฺนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน. อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสโกปิ สาวโก คิหี โอทาตวสโน กามโภคี สาสนกโร โอวาทปฺปฏิกโร โย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน วิหรตี’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น ทฺเว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปฺจ สตานิ ¶ , อถ โข ภิยฺโยว เย อุปาสกา มม สาวกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน สาสนกรา โอวาทปฺปฏิกรา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรนฺตี’’ติ.
‘‘ติฏฺตุ ¶ ภวํ โคตโม, ติฏฺนฺตุ ภิกฺขู, ติฏฺนฺตุ ภิกฺขุนิโย, ติฏฺนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน, ติฏฺนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน. อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสิกาปิ สาวิกา คิหินี โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินี ยา ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินี อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น ทฺเว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปฺจ สตานิ, อถ โข ภิยฺโยว ยา อุปาสิกา มม สาวิกา คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติกา ตตฺถ ปรินิพฺพายินิโย อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา’’ติ.
‘‘ติฏฺตุ ภวํ โคตโม, ติฏฺนฺตุ ภิกฺขู, ติฏฺนฺตุ ภิกฺขุนิโย, ติฏฺนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน, ติฏฺนฺตุ อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน, ติฏฺนฺตุ อุปาสิกา คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย. อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกุปาสิกาปิ สาวิกา คิหินี โอทาตวสนา กามโภคินี สาสนกรา โอวาทปฺปฏิกรา ยา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรตี’’ติ? ‘‘น โข, วจฺฉ, เอกํเยว สตํ น ทฺเว ¶ สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปฺจ สตานิ, อถ โข ภิยฺโยว ยา อุปาสิกา มม สาวิกา คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย สาสนกรา โอวาทปฺปฏิกรา ติณฺณวิจฺฉิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน วิหรนฺตี’’ติ.
๑๙๖. ‘‘สเจ ¶ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวํเยว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, โน จ โข ภิกฺขู อาราธกา อภวิสฺสํสุ ¶ ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคน. ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก ภิกฺขู จ อาราธกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคน.
‘‘สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข ภิกฺขุนิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคน. ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู ¶ จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคน.
‘‘สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคน. ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี ¶ โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคน.
‘‘สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสกา คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคน. ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคน.
‘‘สเจ ¶ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสิกา คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย ¶ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคน. ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา ¶ , อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา ¶ พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคน.
‘‘สเจ หิ, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก อภวิสฺส, ภิกฺขู จ อาราธกา อภวิสฺสํสุ, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา อภวิสฺสํสุ, อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ, โน จ โข อุปาสิกา คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย อาราธิกา อภวิสฺสํสุ; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อปริปูรํ อภวิสฺส เตนงฺเคน. ยสฺมา จ โข, โภ โคตม, อิมํ ธมฺมํ ภวฺเจว โคตโม อาราธโก, ภิกฺขู จ อาราธกา, ภิกฺขุนิโย จ อาราธิกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา พฺรหฺมจาริโน อาราธกา, อุปาสกา จ คิหี โอทาตวสนา กามโภคิโน อาราธกา, อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา พฺรหฺมจารินิโย อาราธิกา, อุปาสิกา จ คิหินิโย โอทาตวสนา กามโภคินิโย อาราธิกา; เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ ปริปูรํ เตนงฺเคน.
๑๙๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, คงฺคา นที สมุทฺทนินฺนา สมุทฺทโปณา สมุทฺทปพฺภารา สมุทฺทํ อาหจฺจ ติฏฺติ, เอวเมวายํ โภโต โคตมสฺส ปริสา สคหฏฺปพฺพชิตา นิพฺพานนินฺนา นิพฺพานโปณา นิพฺพานปพฺภารา นิพฺพานํ อาหจฺจ ติฏฺติ. อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… ¶ เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ ¶ . ‘‘โย โข, วจฺฉ, อฺติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ¶ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, โส จตฺตาโร มาเส ปริวสติ. จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย; อปิ จ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติ. ‘‘สเจ, ภนฺเต, อฺติตฺถิยปุพฺพา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขนฺตา ปพฺพชฺชํ, อากงฺขนฺตา อุปสมฺปทํ จตฺตาโร มาเส ปริวสนฺติ, จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย; อหํ จตฺตาริ วสฺสานิ ปริวสิสฺสามิ. จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺตุ อุปสมฺปาเทนฺตุ ภิกฺขุภาวายา’’ติ. อลตฺถ โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อลตฺถ อุปสมฺปทํ.
อจิรูปสมฺปนฺโน ¶ โข ปนายสฺมา วจฺฉโคตฺโต อทฺธมาสูปสมฺปนฺโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา วจฺฉโคตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยาวตกํ, ภนฺเต, เสเขน าเณน เสขาย ¶ วิชฺชาย ปตฺตพฺพํ, อนุปฺปตฺตํ ตํ มยา; อุตฺตริ จ เม [อุตฺตรึ เม (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภควา ธมฺมํ เทเสตู’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, วจฺฉ, ทฺเว ธมฺเม อุตฺตริ ภาเวหิ – สมถฺจ วิปสฺสนฺจ. อิเม โข เต, วจฺฉ, ทฺเว ธมฺมา อุตฺตริ ภาวิตา – สมโถ จ วิปสฺสนา จ – อเนกธาตุปฏิเวธาย สํวตฺติสฺสนฺติ.
๑๙๘. ‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว [ยาวเท (ปี.)] อากงฺขิสฺสสิ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา อสฺสํ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก อสฺสํ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กเรยฺยํ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กเมยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมเสยฺยํ, ปริมชฺเชยฺยํ; ยาวพฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเน.
‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ – ‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา ¶ วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย ¶ อุโภ สทฺเท สุเณยฺยํ – ทิพฺเพ จ มานุเส จ, เย ทูเร สนฺติเก จา’ติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเน.
‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ – ‘ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชาเนยฺยํ – สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ ¶ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตราคํ วา จิตฺตํ วีตราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโทสํ วา จิตฺตํ สโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ วีตโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโมหํ วา จิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ วีตโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ สํขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; มหคฺคตํ วา จิตฺตํ มหคฺคตํ ¶ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ อมหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ สอุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ อนุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ อสมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเน.
‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ – ‘อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺยํ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ; อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – อมุตฺราสึ ¶ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโนติ; อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเน.
‘‘โส ¶ ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ – ‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺเสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ¶ ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺยํ – อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนาติ; อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ¶ ปสฺเสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ¶ ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเน.
‘‘โส ตฺวํ, วจฺฉ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ – ‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณิสฺสสิ, สติ สติอายตเน’’ติ.
๑๙๙. อถ โข อายสฺมา วจฺฉโคตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข อายสฺมา วจฺฉโคตฺโต เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา วจฺฉโคตฺโต อรหตํ อโหสิ.
๒๐๐. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควนฺตํ ทสฺสนาย คจฺฉนฺติ. อทฺทสา โข อายสฺมา วจฺฉโคตฺโต เต ภิกฺขู ทูรโตว อาคจฺฉนฺเต. ทิสฺวาน เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ ¶ – ‘‘หนฺท! กหํ ปน ตุมฺเห อายสฺมนฺโต คจฺฉถา’’ติ? ‘‘ภควนฺตํ โข มยํ, อาวุโส, ทสฺสนาย คจฺฉามา’’ติ ¶ . ‘‘เตนหายสฺมนฺโต มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทถ, เอวฺจ วเทถ – ‘วจฺฉโคตฺโต, ภนฺเต, ภิกฺขุ ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวฺจ วเทติ – ปริจิณฺโณ เม ภควา, ปริจิณฺโณ เม สุคโต’’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ ¶ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต วจฺฉโคตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อถ โข เต ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, วจฺฉโคตฺโต ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวฺจ วเทติ – ‘ปริจิณฺโณ เม ภควา, ปริจิณฺโณ เม สุคโต’’’ติ. ‘‘ปุพฺเพว เม, ภิกฺขเว, วจฺฉโคตฺโต ภิกฺขุ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต – ‘เตวิชฺโช วจฺฉโคตฺโต ¶ ภิกฺขุ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’ติ. เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘เตวิชฺโช, ภนฺเต, วจฺฉโคตฺโต ภิกฺขุ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
มหาวจฺฉสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.
๔. ทีฆนขสุตฺตํ
๒๐๑. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต สูกรขตายํ. อถ โข ทีฆนโข ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ทีฆนโข ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหฺหิ, โภ โคตม, เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – ‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’’ติ. ‘‘ยาปิ โข เต เอสา, อคฺคิเวสฺสน, ทิฏฺิ – ‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’ติ, เอสาปิ เต ทิฏฺิ นกฺขมตี’’ติ? ‘‘เอสา เจ [เอสาปิ (ก.)] เม, โภ โคตม, ทิฏฺิ ขเมยฺย, ตํปสฺส ตาทิสเมว, ตํปสฺส ¶ ตาทิสเมวา’’ติ. ‘‘อโต โข เต, อคฺคิเวสฺสน, พหู หิ พหุตรา โลกสฺมึ เย เอวมาหํสุ – ‘ตํปสฺส ตาทิสเมว, ตํปสฺส ตาทิสเมวา’ติ. เต ตฺเจว ทิฏฺึ นปฺปชหนฺติ อฺฺจ ทิฏฺึ อุปาทิยนฺติ. อโต โข เต, อคฺคิเวสฺสน, ตนู หิ ตนุตรา โลกสฺมึ เย เอวมาหํสุ – ‘ตํปสฺส ตาทิสเมว, ตํปสฺส ตาทิสเมวา’ติ. เต ตฺเจว ทิฏฺึ ปชหนฺติ อฺฺจ ทิฏฺึ น อุปาทิยนฺติ. สนฺตคฺคิเวสฺสน, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘สพฺพํ เม ขมตี’ติ; สนฺตคฺคิเวสฺสน, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’ติ; สนฺตคฺคิเวสฺสน ¶ , เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘เอกจฺจํ เม ขมติ, เอกจฺจํ เม นกฺขมตี’ติ. ตตฺรคฺคิเวสฺสน, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘สพฺพํ เม ขมตี’ติ เตสมยํ ทิฏฺิ สาราคาย สนฺติเก, สฺโคาย สนฺติเก, อภินนฺทนาย สนฺติเก อชฺโฌสานาย สนฺติเก ¶ อุปาทานาย สนฺติเก; ตตฺรคฺคิเวสฺสน เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’ติ เตสมยํ ทิฏฺิ อสาราคาย สนฺติเก, อสฺโคาย สนฺติเก, อนภินนฺทนาย สนฺติเก, อนชฺโฌสานาย สนฺติเก, อนุปาทานาย สนฺติเก’’ติ.
๒๐๒. เอวํ วุตฺเต, ทีฆนโข ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อุกฺกํเสติ [อุกฺกํสติ (สี. ปี. ก.)] เม ภวํ โคตโม ทิฏฺิคตํ, สมุกฺกํเสติ [สมฺปหํสติ (ก.)] เม ภวํ โคตโม ทิฏฺิคต’’นฺติ. ‘‘ตตฺรคฺคิเวสฺสน, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘เอกจฺจํ เม ขมติ, เอกจฺจํ เม นกฺขมตี’ติ. ยา ¶ หิ เตสํ ขมติ สายํ ทิฏฺิ สาราคาย สนฺติเก, สฺโคาย สนฺติเก, อภินนฺทนาย สนฺติเก, อชฺโฌสานาย สนฺติเก, อุปาทานาย สนฺติเก; ยา หิ เตสํ นกฺขมติ สายํ ทิฏฺิ อสาราคาย สนฺติเก, อสฺโคาย สนฺติเก, อนภินนฺทนาย สนฺติเก, อนชฺโฌสานาย สนฺติเก, อนุปาทานาย สนฺติเก. ตตฺรคฺคิเวสฺสน, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘สพฺพํ เม ขมตี’ติ ตตฺถ วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ¶ – ‘ยา โข เม อยํ ทิฏฺิ – สพฺพํ เม ขมตีติ, อิมฺเจ อหํ ทิฏฺึ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหเรยฺยํ – อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ; ทฺวีหิ เม อสฺส วิคฺคโห – โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที ¶ เอวํทิฏฺิ – สพฺพํ เม นกฺขมตีติ, โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – เอกจฺจํ เม ขมติ, เอกจฺจํ เม นกฺขมตีติ – อิเมหิ อสฺส ทฺวีหิ วิคฺคโห. อิติ วิคฺคเห สติ วิวาโท, วิวาเท สติ วิฆาโต, วิฆาเต สติ วิเหสา’. อิติ โส วิคฺคหฺจ วิวาทฺจ วิฆาตฺจ วิเหสฺจ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ตฺเจว ทิฏฺึ ปชหติ อฺฺจ ทิฏฺึ น อุปาทิยติ. เอวเมตาสํ ทิฏฺีนํ ปหานํ โหติ, เอวเมตาสํ ทิฏฺีนํ ปฏินิสฺสคฺโค โหติ.
๒๐๓. ‘‘ตตฺรคฺคิเวสฺสน, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’ติ ตตฺถ วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยา โข เม อยํ ทิฏฺิ – สพฺพํ เม นกฺขมตี’ติ, อิมฺเจ อหํ ทิฏฺึ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหเรยฺยํ – อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ; ทฺวีหิ เม อสฺส วิคฺคโห – โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ ¶ – สพฺพํ เม ขมตีติ, โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – เอกจฺจํ เม ขมติ เอกจฺจํ เม นกฺขมตีติ – อิเมหิ อสฺส ทฺวีหิ วิคฺคโห. อิติ วิคฺคเห สติ วิวาโท, วิวาเท สติ วิฆาโต, วิฆาเต สติ วิเหสา’. อิติ โส วิคฺคหฺจ วิวาทฺจ ¶ วิฆาตฺจ วิเหสฺจ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ตฺเจว ทิฏฺึ ปชหติ อฺฺจ ทิฏฺึ น อุปาทิยติ. เอวเมตาสํ ทิฏฺีนํ ปหานํ โหติ, เอวเมตาสํ ทิฏฺีนํ ปฏินิสฺสคฺโค โหติ.
๒๐๔. ‘‘ตตฺรคฺคิเวสฺสน, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘เอกจฺจํ เม ขมติ, เอกจฺจํ เม นกฺขมตี’ติ ตตฺถ วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยา โข เม ¶ อยํ ทิฏฺิ – เอกจฺจํ เม ขมติ, เอกจฺจํ เม นกฺขมตีติ, อิมฺเจ อหํ ทิฏฺึ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหเรยฺยํ – อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ; ทฺวีหิ เม อสฺส วิคฺคโห – โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – สพฺพํ เม ขมตีติ, โย จายํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – สพฺพํ เม นกฺขมตีติ – อิเมหิ อสฺส ทฺวีหิ วิคฺคโห. อิติ วิคฺคเห สติ วิวาโท, วิวาเท สติ วิฆาโต, วิฆาเต สติ วิเหสา’. อิติ โส วิคฺคหฺจ วิวาทฺจ วิฆาตฺจ วิเหสฺจ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ตฺเจว ทิฏฺึ ปชหติ อฺฺจ ทิฏฺึ น อุปาทิยติ. เอวเมตาสํ ทิฏฺีนํ ปหานํ โหติ, เอวเมตาสํ ทิฏฺีนํ ปฏินิสฺสคฺโค โหติ.
๒๐๕. ‘‘อยํ ¶ โข ปนคฺคิเวสฺสน, กาโย รูปี จาตุมหาภูติโก [จาตุมฺมหาภูติโก (สี. สฺยา.)] มาตาเปตฺติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสุปจโย อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโม, อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโต คณฺฑโต สลฺลโต อฆโต อาพาธโต ปรโต ปโลกโต สฺุโต อนตฺตโต สมนุปสฺสิตพฺโพ ¶ . ตสฺสิมํ กายํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโต คณฺฑโต สลฺลโต อฆโต อาพาธโต ปรโต ปโลกโต สฺุโต อนตฺตโต สมนุปสฺสโต โย กายสฺมึ กายฉนฺโท กายสฺเนโห กายนฺวยตา สา ปหียติ.
‘‘ติสฺโส โข อิมา, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา – สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา. ยสฺมึ, อคฺคิเวสฺสน, สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ ¶ , เนว ตสฺมึ สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ; สุขํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. ยสฺมึ, อคฺคิเวสฺสน, สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมึ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ; ทุกฺขํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. ยสฺมึ, อคฺคิเวสฺสน, สมเย อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมึ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ; อทุกฺขมสุขํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. สุขาปิ โข, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา; ทุกฺขาปิ โข, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา; อทุกฺขมสุขาปิ โข, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา. เอวํ ปสฺสํ, อคฺคิเวสฺสน, สุตวา อริยสาวโก สุขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, ทุกฺขายปิ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, อทุกฺขมสุขายปิ เวทนาย ¶ นิพฺพินฺทติ ¶ ; นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ, วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. เอวํ วิมุตฺตจิตฺโต โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ น เกนจิ สํวทติ, น เกนจิ วิวทติ, ยฺจ โลเก วุตฺตํ เตน โวหรติ, อปรามส’’นฺติ.
๒๐๖. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควโต ปิฏฺิโต ¶ ิโต โหติ ภควนฺตํ พีชยมาโน [วีชยมาโน (สี. ปี.)]. อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘เตสํ เตสํ กิร โน ภควา ธมฺมานํ อภิฺา ปหานมาห, เตสํ เตสํ กิร โน สุคโต ธมฺมานํ อภิฺา ปฏินิสฺสคฺคมาหา’’ติ. อิติ หิทํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปฏิสฺจิกฺขโต อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ. ทีฆนขสฺส ปน ปริพฺพาชกสฺส วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ. อถ โข ทีฆนโข ปริพฺพาชโก ทิฏฺธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ ¶ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมว โข โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ¶ ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
ทีฆนขสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.
๕. มาคณฺฑิยสุตฺตํ
๒๐๗. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโม, ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคาเร ติณสนฺถารเก [ติณสนฺถรเก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กมฺมาสธมฺมํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. กมฺมาสธมฺมํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน อฺตโร วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. ตํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ ¶ โข มาคณฺฑิโย [มาคนฺทิโย (สี. ปี.)] ปริพฺพาชโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคารํ เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคาเร ติณสนฺถารกํ ปฺตฺตํ. ทิสฺวาน ภารทฺวาชโคตฺตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘กสฺส นฺวยํ โภโต ภารทฺวาชสฺส อคฺยาคาเร ติณสนฺถารโก ปฺตฺโต, สมณเสยฺยานุรูปํ [สมณเสยฺยารูปํ (สี. ปี.)] มฺเ’’ติ? ‘‘อตฺถิ, โภ มาคณฺฑิย, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ ¶ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. ตสฺเสสา โภโต โคตมสฺส เสยฺยา ปฺตฺตา’’ติ. ‘‘ทุทฺทิฏฺํ วต, โภ ภารทฺวาช, อทฺทสาม; ทุทฺทิฏฺํ วต, โภ ภารทฺวาช, อทฺทสาม! เย มยํ ตสฺส โภโต โคตมสฺส ภูนหุโน [ภูนหนสฺส (สฺยา. กํ.)] เสยฺยํ อทฺทสามา’’ติ. ‘‘รกฺขสฺเสตํ, มาคณฺฑิย, วาจํ; รกฺขสฺเสตํ ¶ , มาคณฺฑิย, วาจํ. พหู หิ ตสฺส โภโต โคตมสฺส ขตฺติยปณฺฑิตาปิ พฺราหฺมณปณฺฑิตาปิ คหปติปณฺฑิตาปิ สมณปณฺฑิตาปิ อภิปฺปสนฺนา วินีตา อริเย าเย ธมฺเม กุสเล’’ติ. ‘‘สมฺมุขา เจปิ มยํ, โภ ภารทฺวาช, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ปสฺเสยฺยาม, สมฺมุขาปิ นํ วเทยฺยาม – ‘ภูนหุ [ภูนหโน (สฺยา. กํ.)] สมโณ โคตโม’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ โน สุตฺเต โอจรตี’’ติ. ‘‘สเจ ตํ โภโต มาคณฺฑิยสฺส อครุ อาโรเจยฺยามิ ตํ [อาโรเจยฺยเมตํ (สี. ปี.), อาโรเจสฺสามิ ตสฺส (สฺยา. กํ.)] สมณสฺส โคตมสฺสา’’ติ. ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ภวํ ภารทฺวาโช วุตฺโตว นํ วเทยฺยา’’ติ.
๒๐๘. อสฺโสสิ โข ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย ภารทฺวาชโคตฺตสฺส ¶ พฺราหฺมณสฺส มาคณฺฑิเยน ปริพฺพาชเกน สทฺธึ อิมํ กถาสลฺลาปํ. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคารํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต ติณสนฺถารเก. อถ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ภารทฺวาชโคตฺตํ พฺราหฺมณํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘อหุ ปน เต, ภารทฺวาช, มาคณฺฑิเยน ปริพฺพาชเกน สทฺธึ ¶ อิมํเยว ติณสนฺถารกํ อารพฺภ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตเทว โข ปน มยํ โภโต โคตมสฺส อาโรเจตุกามา. อถ จ ปน ภวํ โคตโม อนกฺขาตํเยว อกฺขาสี’’ติ. อยฺจ หิ [อยฺจ หิทํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภควโต ภารทฺวาชโคตฺเตน พฺราหฺมเณน สทฺธึ อนฺตรากถา วิปฺปกตา โหติ. อถ โข มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคารํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มาคณฺฑิยํ ปริพฺพาชกํ ภควา เอตทโวจ –
๒๐๙. ‘‘จกฺขุํ ¶ โข, มาคณฺฑิย, รูปารามํ รูปรตํ รูปสมฺมุทิตํ. ตํ ตถาคตสฺส ทนฺตํ คุตฺตํ รกฺขิตํ สํวุตํ, ตสฺส จ สํวราย ธมฺมํ เทเสติ. อิทํ นุ เต เอตํ, มาคณฺฑิย, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’’’ติ? ‘‘เอตเทว โข ปน เม, โภ โคตม, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ โน สุตฺเต โอจรตี’’ติ. ‘‘โสตํ โข, มาคณฺฑิย, สทฺทารามํ…เป… ฆานํ ¶ โข, มาคณฺฑิย คนฺธารามํ… ชิวฺหา โข, มาคณฺฑิย, รสารามา รสรตา รสสมฺมุทิตา. สา ตถาคตสฺส ทนฺตา คุตฺตา รกฺขิตา สํวุตา, ตสฺสา จ สํวราย ธมฺมํ เทเสติ. อิทํ นุ เต เอตํ, มาคณฺฑิย, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’’’ติ? ‘‘เอตเทว โข ปน เม, โภ โคตม, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ โน สุตฺเต โอจรตี’’ติ. ‘‘กาโย โข, มาคณฺฑิย, โผฏฺพฺพาราโม โผฏฺพฺพรโต…เป… มโน โข, มาคณฺฑิย, ธมฺมาราโม ธมฺมรโต ธมฺมสมฺมุทิโต. โส ตถาคตสฺส ทนฺโต คุตฺโต รกฺขิโต สํวุโต, ตสฺส จ สํวราย ธมฺมํ เทเสติ. อิทํ นุ เต เอตํ, มาคณฺฑิย, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’’’ติ? ‘‘เอตเทว โข ปน เม, โภ ¶ โคตม, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺหิ โน สุตฺเต โอจรตี’’ติ.
๒๑๐. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาคณฺฑิย – ‘อิเธกจฺโจ จกฺขุวิฺเยฺเยหิ ¶ รูเปหิ ปริจาริตปุพฺโพ อสฺส อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โส อปเรน สมเยน รูปานํเยว สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา รูปตณฺหํ ปหาย รูปปริฬาหํ ปฏิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต วิหเรยฺย. อิมสฺส ปน เต, มาคณฺฑิย, กิมสฺส วจนีย’’’นฺติ? ‘‘น กิฺจิ, โภ โคตม’’. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาคณฺฑิย – ‘อิเธกจฺโจ โสตวิฺเยฺเยหิ สทฺเทหิ…เป… ฆานวิฺเยฺเยหิ ¶ คนฺเธหิ… ชิวฺหาวิฺเยฺเยหิ รเสหิ… กายวิฺเยฺเยหิ โผฏฺพฺเพหิ ปริจาริตปุพฺโพ อสฺส อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โส อปเรน สมเยน โผฏฺพฺพานํเยว สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา โผฏฺพฺพตณฺหํ ปหาย โผฏฺพฺพปริฬาหํ ปฏิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต วิหเรยฺย. อิมสฺส ปน เต, มาคณฺฑิย, กิมสฺส วจนีย’’’นฺติ? ‘‘น กิฺจิ, โภ โคตม’’.
๒๑๑. ‘‘อหํ ¶ โข ปน, มาคณฺฑิย, ปุพฺเพ อคาริยภูโต สมาโน ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสึ จกฺขุวิฺเยฺเยหิ รูเปหิ อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โสตวิฺเยฺเยหิ สทฺเทหิ…เป… ฆานวิฺเยฺเยหิ คนฺเธหิ… ชิวฺหาวิฺเยฺเยหิ รเสหิ… กายวิฺเยฺเยหิ โผฏฺพฺเพหิ อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ. ตสฺส มยฺหํ, มาคณฺฑิย, ตโย ปาสาทา อเหสุํ – เอโก วสฺสิโก, เอโก เหมนฺติโก, เอโก คิมฺหิโก. โส โข อหํ, มาคณฺฑิย, วสฺสิเก ปาสาเท วสฺสิเก จตฺตาโร [วสฺสิเก ปาสาเท จตฺตาโร (สฺยา. กํ.)] มาเส นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ [ตุริเยหิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปริจารยมาโน [ปริจาริยมาโน (สพฺพตฺถ)] น เหฏฺาปาสาทํ โอโรหามิ. โส อปเรน สมเยน กามานํเยว สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา กามตณฺหํ ปหาย กามปริฬาหํ ปฏิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส ¶ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต วิหรามิ. โส อฺเ สตฺเต ปสฺสามิ กาเมสุ อวีตราเค กามตณฺหาหิ ขชฺชมาเน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาเน กาเม ปฏิเสวนฺเต. โส เตสํ น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิ ¶ . ตํ กิสฺส เหตุ? ยาหยํ, มาคณฺฑิย, รติ, อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ – อปิ ทิพฺพํ สุขํ ¶ สมธิคยฺห ติฏฺติ – ตาย รติยา รมมาโน หีนสฺส น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิ.
๒๑๒. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาคณฺฑิย, คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรยฺย จกฺขุวิฺเยฺเยหิ รูเปหิ…เป… โผฏฺพฺเพหิ อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ. โส กาเยน สุจริตํ จริตฺวา วาจาย สุจริตํ จริตฺวา มนสา สุจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย เทวานํ ตาวตึสานํ สหพฺยตํ. โส ตตฺถ นนฺทเน วเน อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทิพฺเพหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรยฺย. โส ปสฺเสยฺย คหปตึ วา คหปติปุตฺตํ วา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคีภูตํ ปริจารยมานํ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มาคณฺฑิย, อปิ นุ โส เทวปุตฺโต นนฺทเน วเน อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทิพฺเพหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ ¶ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจารยมาโน อมุสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา ปิเหยฺย, มานุสกานํ วา ปฺจนฺนํ กามคุณานํ มานุสเกหิ วา กาเมหิ อาวฏฺเฏยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ตํ กิสฺส เหตุ? มานุสเกหิ, โภ โคตม, กาเมหิ ทิพฺพกามา อภิกฺกนฺตตรา จ ปณีตตรา จา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข อหํ, มาคณฺฑิย, ปุพฺเพ อคาริยภูโต สมาโน ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสึ จกฺขุวิฺเยฺเยหิ รูเปหิ อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โสตวิฺเยฺเยหิ สทฺเทหิ…เป… ฆานวิฺเยฺเยหิ คนฺเธหิ… ชิวฺหาวิฺเยฺเยหิ รเสหิ… กายวิฺเยฺเยหิ โผฏฺพฺเพหิ อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ. โส อปเรน สมเยน กามานํเยว สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา กามตณฺหํ ปหาย กามปริฬาหํ ปฏิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต วิหรามิ. โส อฺเ สตฺเต ปสฺสามิ กาเมสุ อวีตราเค กามตณฺหาหิ ขชฺชมาเน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาเน ¶ กาเม ปฏิเสวนฺเต, โส เตสํ น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? ยาหยํ, มาคณฺฑิย, รติ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ¶ ธมฺเมหิ – อปิ ทิพฺพํ สุขํ สมธิคยฺห ติฏฺติ – ตาย รติยา รมมาโน หีนสฺส น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิ.
๒๑๓. ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , มาคณฺฑิย, กุฏฺี ปุริโส อรุคตฺโต ปกฺกคตฺโต กิมีหิ ขชฺชมาโน นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมาโน องฺคารกาสุยา กายํ ปริตาเปยฺย. ตสฺส มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อุปฏฺาเปยฺยุํ. ตสฺส โส ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต เภสชฺชํ กเรยฺย. โส ตํ เภสชฺชํ อาคมฺม กุฏฺเหิ ปริมุจฺเจยฺย, อโรโค อสฺส สุขี เสรี สยํวสี เยน กามํ คโม. โส อฺํ กุฏฺึ ปุริสํ ปสฺเสยฺย อรุคตฺตํ ปกฺกคตฺตํ กิมีหิ ขชฺชมานํ นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมานํ องฺคารกาสุยา กายํ ปริตาเปนฺตํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาคณฺฑิย, อปิ นุ โส ปุริโส อมุสฺส กุฏฺิสฺส ปุริสสฺส ปิเหยฺย องฺคารกาสุยา วา เภสชฺชํ ปฏิเสวนาย วา’’ติ? ‘‘โน ¶ หิทํ, โภ โคตม. ตํ กิสฺส เหตุ? โรเค หิ, โภ โคตม, สติ เภสชฺเชน กรณียํ โหติ, โรเค อสติ น เภสชฺเชน กรณียํ โหตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข อหํ, มาคณฺฑิย, ปุพฺเพ อคาริยภูโต สมาโน ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสึ, จกฺขุวิฺเยฺเยหิ รูเปหิ อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ, โสตวิฺเยฺเยหิ สทฺเทหิ…เป… ฆานวิฺเยฺเยหิ คนฺเธหิ… ชิวฺหาวิฺเยฺเยหิ รเสหิ… กายวิฺเยฺเยหิ โผฏฺพฺเพหิ อิฏฺเหิ กนฺเตหิ มนาเปหิ ปิยรูเปหิ กามูปสํหิเตหิ รชนีเยหิ. โส อปเรน สมเยน กามานํเยว สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา กามตณฺหํ ปหาย กามปริฬาหํ ¶ ปฏิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต วิหรามิ. โส อฺเ สตฺเต ปสฺสามิ กาเมสุ อวีตราเค กามตณฺหาหิ ขชฺชมาเน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาเน กาเม ปฏิเสวนฺเต. โส เตสํ น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? ยาหยํ, มาคณฺฑิย, รติ, อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ – อปิ ทิพฺพํ สุขํ สมธิคยฺห ติฏฺติ – ตาย รติยา รมมาโน หีนสฺส น ปิเหมิ, น ตตฺถ อภิรมามิ.
๒๑๔. ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , มาคณฺฑิย, กุฏฺี ปุริโส อรุคตฺโต ปกฺกคตฺโต กิมีหิ ขชฺชมาโน นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมาโน องฺคารกาสุยา กายํ ปริตาเปยฺย. ตสฺส มิตฺตามจฺจา ¶ าติสาโลหิตา ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อุปฏฺาเปยฺยุํ. ตสฺส โส ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต เภสชฺชํ กเรยฺย. โส ตํ เภสชฺชํ อาคมฺม กุฏฺเหิ ปริมุจฺเจยฺย, อโรโค อสฺส สุขี เสรี สยํวสี เยน กามํ คโม. ตเมนํ ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุํ อุปกฑฺเฒยฺยุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาคณฺฑิย, อปิ นุ โส ปุริโส อิติ จิติเจว กายํ สนฺนาเมยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อสุ หิ, โภ โคตม, อคฺคิ ทุกฺขสมฺผสฺโส เจว มหาภิตาโป จ มหาปริฬาโห จา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาคณฺฑิย, อิทาเนว นุ โข โส อคฺคิ ทุกฺขสมฺผสฺโส เจว มหาภิตาโป จ มหาปริฬาโห จ อุทาหุ ปุพฺเพปิ โส อคฺคิ ทุกฺขสมฺผสฺโส เจว มหาภิตาโป จ มหาปริฬาโห จา’’ติ ¶ ? ‘‘อิทานิ เจว, โภ โคตม, โส อคฺคิ ทุกฺขสมฺผสฺโส เจว มหาภิตาโป ¶ จ มหาปริฬาโห จ, ปุพฺเพปิ โส อคฺคิ ทุกฺขสมฺผสฺโส เจว มหาภิตาโป จ มหาปริฬาโห จ. อสุ จ [อสุ หิ จ (สี. ปี.)], โภ โคตม, กุฏฺี ปุริโส อรุคตฺโต ปกฺกคตฺโต กิมีหิ ขชฺชมาโน นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมาโน อุปหตินฺทฺริโย ทุกฺขสมฺผสฺเสเยว อคฺคิสฺมึ สุขมิติ วิปรีตสฺํ ปจฺจลตฺถา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มาคณฺฑิย, อตีตมฺปิ อทฺธานํ กามา ทุกฺขสมฺผสฺสา เจว มหาภิตาปา จ มหาปริฬาหา จ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ กามา ทุกฺขสมฺผสฺสา เจว มหาภิตาปา จ มหาปริฬาหา จ, เอตรหิปิ ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานํ กามา ทุกฺขสมฺผสฺสา เจว มหาภิตาปา จ มหาปริฬาหา จ. อิเม จ, มาคณฺฑิย, สตฺตา กาเมสุ อวีตราคา กามตณฺหาหิ ขชฺชมานา กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมานา อุปหตินฺทฺริยา ทุกฺขสมฺผสฺเสสุเยว กาเมสุ สุขมิติ วิปรีตสฺํ ปจฺจลตฺถุํ.
๒๑๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาคณฺฑิย, กุฏฺี ปุริโส อรุคตฺโต ปกฺกคตฺโต กิมีหิ ขชฺชมาโน นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมาโน องฺคารกาสุยา กายํ ปริตาเปติ. ยถา ยถา โข, มาคณฺฑิย, อสุ กุฏฺี ปุริโส อรุคตฺโต ปกฺกคตฺโต กิมีหิ ขชฺชมาโน นเขหิ วณมุขานิ วิปฺปตจฺฉมาโน องฺคารกาสุยา กายํ ปริตาเปติ ตถา ตถา’สฺส [ตถา ตถา ตสฺเสว (สฺยา. กํ. ก.)] ตานิ วณมุขานิ อสุจิตรานิ ¶ เจว โหนฺติ ทุคฺคนฺธตรานิ จ ปูติกตรานิ จ ¶ , โหติ เจว กาจิ สาตมตฺตา อสฺสาทมตฺตา – ยทิทํ วณมุขานํ กณฺฑูวนเหตุ; เอวเมว โข, มาคณฺฑิย, สตฺตา กาเมสุ อวีตราคา ¶ กามตณฺหาหิ ขชฺชมานา กามปริฬาเหน จ ปริฑยฺหมานา กาเม ปฏิเสวนฺติ. ยถา ยถา โข, มาคณฺฑิย, สตฺตา กาเมสุ อวีตราคา กามตณฺหาหิ ขชฺชมานา กามปริฬาเหน จ ปริฑยฺหมานา กาเม ปฏิเสวนฺติ ตถา ตถา เตสํ เตสํ สตฺตานํ กามตณฺหา เจว ปวฑฺฒติ, กามปริฬาเหน จ ปริฑยฺหนฺติ, โหติ เจว สาตมตฺตา อสฺสาทมตฺตา – ยทิทํ ปฺจกามคุเณ ปฏิจฺจ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาคณฺฑิย, อปิ นุ เต ทิฏฺโ วา สุโต วา ราชา วา ราชมหามตฺโต วา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจารยมาโน กามตณฺหํ อปฺปหาย กามปริฬาหํ อปฺปฏิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต วิหาสิ วา วิหรติ วา วิหริสฺสติ วา’’ติ ¶ ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘สาธุ, มาคณฺฑิย! มยาปิ โข เอตํ, มาคณฺฑิย, เนว ทิฏฺํ น สุตํ ราชา วา ราชมหามตฺโต วา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจารยมาโน กามตณฺหํ อปฺปหาย กามปริฬาหํ อปฺปฏิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาโส อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต วิหาสิ วา วิหรติ วา วิหริสฺสติ วา. อถ โข, มาคณฺฑิย, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา วิคตปิปาสา อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺตา วิหาสุํ วา วิหรนฺติ วา วิหริสฺสนฺติ วา สพฺเพ เต กามานํเยว สมุทยฺจ ¶ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา กามตณฺหํ ปหาย กามปริฬาหํ ปฏิวิโนเทตฺวา วิคตปิปาสา อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺตา วิหาสุํ วา วิหรนฺติ วา วิหริสฺสนฺติ วา’’ติ. อถ โข ภควา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ;
อฏฺงฺคิโก จ มคฺคานํ, เขมํ อมตคามิน’’นฺติ.
๒๑๖. เอวํ วุตฺเต, มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! ยาว สุภาสิตํ จิทํ โภตา โคตเมน – ‘อาโรคฺยปรมา ¶ ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’นฺติ. มยาปิ โข เอตํ, โภ โคตม, สุตํ ปุพฺพกานํ ปริพฺพาชกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’นฺติ; ตยิทํ, โภ โคตม, สเมตี’’ติ. ‘‘ยํ ปน เต เอตํ, มาคณฺฑิย, สุตํ ปุพฺพกานํ ปริพฺพาชกานํ ¶ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’นฺติ, กตมํ ตํ อาโรคฺยํ, กตมํ ตํ นิพฺพาน’’นฺติ? เอวํ วุตฺเต, มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก สกาเนว สุทํ คตฺตานิ ปาณินา อโนมชฺชติ – ‘‘อิทนฺตํ, โภ โคตม, อาโรคฺยํ, อิทนฺตํ นิพฺพานํ. อหฺหิ, โภ โคตม, เอตรหิ อโรโค สุขี, น มํ กิฺจิ อาพาธตี’’ติ.
๒๑๗. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาคณฺฑิย, ชจฺจนฺโธ ปุริโส; โส น ปสฺเสยฺย ¶ กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย นีลกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย ปีตกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย โลหิตกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย มฺชิฏฺกานิ [มฺเชฏฺิกานิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), มฺเชฏฺกานิ (ก.)] รูปานิ, น ปสฺเสยฺย สมวิสมํ, น ปสฺเสยฺย ตารกรูปานิ, น ปสฺเสยฺย จนฺทิมสูริเย. โส สุเณยฺย จกฺขุมโต ภาสมานสฺส – ‘เฉกํ วต, โภ ¶ , โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ! โส โอทาตปริเยสนํ จเรยฺย. ตเมนํ อฺตโร ปุริโส เตลมลิกเตน สาหุฬิจีเรน [เตลมสิกเตน สาหุฬจีวเรน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วฺเจยฺย – ‘อิทํ เต, อมฺโภ ปุริส, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ. โส ตํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย, ปฏิคฺคเหตฺวา ปารุเปยฺย, ปารุเปตฺวา อตฺตมโน อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรยฺย – ‘เฉกํ วต, โภ, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ!
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาคณฺฑิย, อปิ นุ โส ชจฺจนฺโธ ปุริโส ชานนฺโต ปสฺสนฺโต อมุํ เตลมลิกตํ สาหุฬิจีรํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย, ปฏิคฺคเหตฺวา ปารุเปยฺย, ปารุเปตฺวา อตฺตมโน อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรยฺย – ‘เฉกํ วต, โภ, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ อุทาหุ จกฺขุมโต สทฺธายา’’ติ? ‘‘อชานนฺโต หิ, โภ โคตม, อปสฺสนฺโต โส ชจฺจนฺโธ ปุริโส อมุํ เตลมลิกตํ สาหุฬิจีรํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย, ปฏิคฺคเหตฺวา ปารุเปยฺย, ปารุเปตฺวา อตฺตมโน อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรยฺย – ‘เฉกํ ¶ วต, โภ, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ, จกฺขุมโต สทฺธายา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มาคณฺฑิย, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อนฺธา อจกฺขุกา อชานนฺตา อาโรคฺยํ, อปสฺสนฺตา นิพฺพานํ ¶ , อถ จ ปนิมํ คาถํ ภาสนฺติ – ‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’นฺติ. ปุพฺพเกเหสา, มาคณฺฑิย, อรหนฺเตหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ คาถา ภาสิตา –
‘อาโรคฺยปรมา ¶ ลาภา, นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ;
อฏฺงฺคิโก จ มคฺคานํ, เขมํ อมตคามิน’นฺติ.
๒๑๘. ‘‘สา เอตรหิ อนุปุพฺเพน ปุถุชฺชนคาถา [ปุถุชฺชนคตา (สี. ปี.)]. อยํ โข ปน, มาคณฺฑิย, กาโย โรคภูโต คณฺฑภูโต สลฺลภูโต อฆภูโต อาพาธภูโต, โส ตฺวํ อิมํ กายํ โรคภูตํ คณฺฑภูตํ สลฺลภูตํ อฆภูตํ อาพาธภูตํ – ‘อิทนฺตํ, โภ โคตม, อาโรคฺยํ, อิทนฺตํ นิพฺพาน’นฺติ วเทสิ. ตฺหิ เต, มาคณฺฑิย, อริยํ จกฺขุํ นตฺถิ เยน ตฺวํ อริเยน จกฺขุนา อาโรคฺยํ ชาเนยฺยาสิ, นิพฺพานํ ปสฺเสยฺยาสี’’ติ. ‘‘เอวํ ปสนฺโน อหํ โภโต โคตมสฺส! ปโหติ เม ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ ยถาหํ อาโรคฺยํ ชาเนยฺยํ, นิพฺพานํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ.
๒๑๙. ‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , มาคณฺฑิย, ชจฺจนฺโธ ปุริโส; โส น ปสฺเสยฺย กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย นีลกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย ปีตกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย โลหิตกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย มฺชิฏฺกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย สมวิสมํ, น ปสฺเสยฺย ตารกรูปานิ, น ปสฺเสยฺย จนฺทิมสูริเย. ตสฺส มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อุปฏฺาเปยฺยุํ. ตสฺส โส ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต เภสชฺชํ กเรยฺย. โส ตํ เภสชฺชํ อาคมฺม น จกฺขูนิ อุปฺปาเทยฺย, น ¶ จกฺขูนิ วิโสเธยฺย. ตํ กึ มฺสิ, มาคณฺฑิย, นนุ โส เวชฺโช ยาวเทว กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’. ‘‘เอวเมว โข, มาคณฺฑิย, อหฺเจ เต ธมฺมํ เทเสยฺยํ – ‘อิทนฺตํ อาโรคฺยํ, อิทนฺตํ นิพฺพาน’นฺติ, โส ตฺวํ อาโรคฺยํ น ชาเนยฺยาสิ, นิพฺพานํ น ปสฺเสยฺยาสิ. โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’’ติ. ‘‘เอวํ ¶ ปสนฺโน อหํ โภโต โคตมสฺส. ปโหติ เม ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ ยถาหํ อาโรคฺยํ ชาเนยฺยํ, นิพฺพานํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ.
๒๒๐. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาคณฺฑิย, ชจฺจนฺโธ ปุริโส; โส น ปสฺเสยฺย กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย นีลกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย ปีตกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย โลหิตกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย มฺชิฏฺกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย สมวิสมํ, น ปสฺเสยฺย ตารกรูปานิ, น ปสฺเสยฺย จนฺทิมสูริเย. โส สุเณยฺย จกฺขุมโต ภาสมานสฺส – ‘เฉกํ วต, โภ, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ! โส โอทาตปริเยสนํ จเรยฺย. ตเมนํ อฺตโร ¶ ปุริโส เตลมลิกเตน สาหุฬิจีเรน วฺเจยฺย – ‘อิทํ เต, อมฺโภ ปุริส, โอทาตํ วตฺถํ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ. โส ตํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย, ปฏิคฺคเหตฺวา ปารุเปยฺย. ตสฺส มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อุปฏฺาเปยฺยุํ. ตสฺส โส ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต เภสชฺชํ กเรยฺย – อุทฺธํวิเรจนํ อโธวิเรจนํ อฺชนํ ปจฺจฺชนํ นตฺถุกมฺมํ. โส ตํ เภสชฺชํ ¶ อาคมฺม จกฺขูนิ อุปฺปาเทยฺย, จกฺขูนิ วิโสเธยฺย. ตสฺส สห จกฺขุปฺปาทา โย อมุสฺมึ เตลมลิกเต สาหุฬิจีเร ฉนฺทราโค โส ปหีเยถ. ตฺจ นํ ปุริสํ อมิตฺตโตปิ ทเหยฺย, ปจฺจตฺถิกโตปิ ทเหยฺย, อปิ จ ชีวิตา โวโรเปตพฺพํ มฺเยฺย – ‘ทีฆรตฺตํ วต, โภ, อหํ อิมินา ปุริเสน เตลมลิกเตน สาหุฬิจีเรน นิกโต วฺจิโต ปลุทฺโธ – อิทํ เต, อมฺโภ ปุริส, โอทาตํ วตฺถํ ¶ อภิรูปํ นิมฺมลํ สุจี’ติ. เอวเมว โข, มาคณฺฑิย, อหฺเจ เต ธมฺมํ เทเสยฺยํ – ‘อิทนฺตํ อาโรคฺยํ, อิทนฺตํ นิพฺพาน’นฺติ. โส ตฺวํ อาโรคฺยํ ชาเนยฺยาสิ, นิพฺพานํ ปสฺเสยฺยาสิ. ตสฺส เต สห จกฺขุปฺปาทา โย ปฺจสุปาทานกฺขนฺเธสุ ฉนฺทราโค โส ปหีเยถ; อปิ จ เต เอวมสฺส – ‘ทีฆรตฺตํ วต, โภ, อหํ อิมินา จิตฺเตน นิกโต วฺจิโต ปลุทฺโธ [ปลทฺโธ (สี. ปี.)]. อหฺหิ รูปํเยว อุปาทิยมาโน อุปาทิยึ, เวทนํเยว อุปาทิยมาโน อุปาทิยึ, สฺํเยว อุปาทิยมาโน อุปาทิยึ, สงฺขาเรเยว อุปาทิยมาโน อุปาทิยึ, วิฺาณํเยว อุปาทิยมาโน อุปาทิยึ. ตสฺส เม อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ¶ สมฺภวนฺติ; เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’’ติ. ‘‘เอวํ ปสนฺโน อหํ โภโต โคตมสฺส! ปโหติ เม ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ ยถาหํ อิมมฺหา อาสนา อนนฺโธ วุฏฺเหยฺย’’นฺติ.
๒๒๑. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, มาคณฺฑิย, สปฺปุริเส ภเชยฺยาสิ. ยโต โข ¶ ตฺวํ, มาคณฺฑิย, สปฺปุริเส ภชิสฺสสิ ตโต ตฺวํ, มาคณฺฑิย, สทฺธมฺมํ โสสฺสสิ; ยโต โข ตฺวํ, มาคณฺฑิย, สทฺธมฺมํ โสสฺสสิ ตโต ตฺวํ, มาคณฺฑิย, ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชิสฺสสิ; ยโต โข ตฺวํ, มาคณฺฑิย, ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชิสฺสสิ ตโต ตฺวํ, มาคณฺฑิย, สามํเยว สฺสสิ, สามํ ทกฺขิสฺสสิ – อิเม โรคา คณฺฑา สลฺลา; อิธ โรคา คณฺฑา สลฺลา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ. ตสฺส เม อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ; เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ.
๒๒๒. เอวํ ¶ วุตฺเต, มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ¶ . ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ. ‘‘โย โข, มาคณฺฑิย, อฺติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปทํ, โส จตฺตาโร มาเส ปริวสติ; จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ ¶ , อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย. อปิ จ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติ. ‘‘สเจ, ภนฺเต, อฺติตฺถิยปุพฺพา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขนฺตา ปพฺพชฺชํ, อากงฺขนฺตา อุปสมฺปทํ จตฺตาโร มาเส ปริวสนฺติ, จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺติ อุปสมฺปาเทนฺติ ภิกฺขุภาวาย; อหํ จตฺตาริ วสฺสานิ ปริวสิสฺสามิ, จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อารทฺธจิตฺตา ภิกฺขู ปพฺพาเชนฺตุ, อุปสมฺปาเทนฺตุ ภิกฺขุภาวายา’’ติ ¶ . อลตฺถ โข มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา มาคณฺฑิโย เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา มาคณฺฑิโย อรหตํ อโหสีติ.
มาคณฺฑิยสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.
๖. สนฺทกสุตฺตํ
๒๒๓. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. เตน โข ปน สมเยน สนฺทโก ปริพฺพาชโก ปิลกฺขคุหายํ ปฏิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ปริพฺพาชกสเตหิ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อายามาวุโส, เยน เทวกตโสพฺโภ เตนุปสงฺกมิสฺสาม คุหาทสฺสนายา’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เยน เทวกตโสพฺโภ เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน สนฺทโก ปริพฺพาชโก มหติยา ¶ ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ นิสินฺโน โหติ อุนฺนาทินิยา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาย อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติยา, เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ มหามตฺตกถํ เสนากถํ ภยกถํ ยุทฺธกถํ อนฺนกถํ ปานกถํ วตฺถกถํ สยนกถํ มาลากถํ คนฺธกถํ าติกถํ ยานกถํ คามกถํ นิคมกถํ นครกถํ ชนปทกถํ อิตฺถิกถํ สูรกถํ วิสิขากถํ กุมฺภฏฺานกถํ ปุพฺพเปตกถํ นานตฺตกถํ โลกกฺขายิกํ สมุทฺทกฺขายิกํ ¶ อิติภวาภวกถํ อิติ วา. อทฺทสา โข สนฺทโก ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน สกํ ปริสํ สณฺาเปสิ ¶ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภนฺโต โหนฺตุ, มา โภนฺโต สทฺทมกตฺถ; อยํ สมณสฺส โคตมสฺส สาวโก อาคจฺฉติ สมโณ อานนฺโท. ยาวตา โข ปน สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา โกสมฺพิยํ ปฏิวสนฺติ, อยํ เตสํ อฺตโร สมโณ อานนฺโท. อปฺปสทฺทกามา โข ปน เต อายสฺมนฺโต อปฺปสทฺทวินีตา อปฺปสทฺทสฺส วณฺณวาทิโน; อปฺเปว นาม อปฺปสทฺทํ ปริสํ วิทิตฺวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺเยฺยา’’ติ. อถ โข เต ปริพฺพาชกา ตุณฺหี อเหสุํ.
๒๒๔. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน สนฺทโก ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิ. อถ โข สนฺทโก ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เอตุ โข ภวํ อานนฺโท, สฺวาคตํ โภโต อานนฺทสฺส. จิรสฺสํ โข ภวํ อานนฺโท อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนาย. นิสีทตุ ภวํ อานนฺโท, อิทมาสนํ ปฺตฺต’’นฺติ. นิสีทิ โข อายสฺมา อานนฺโท ¶ ปฺตฺเต อาสเน. สนฺทโกปิ โข ปริพฺพาชโก อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข สนฺทกํ ปริพฺพาชกํ อายสฺมา อานนฺโท เอตทโวจ – ‘‘กายนุตฺถ, สนฺทก, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ? ‘‘ติฏฺเตสา, โภ อานนฺท, กถา ยาย มยํ เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา. เนสา โภโต อานนฺทสฺส กถา ทุลฺลภา ภวิสฺสติ ปจฺฉาปิ สวนาย. สาธุ วต ภวนฺตํเยว อานนฺทํ ปฏิภาตุ สเก อาจริยเก ธมฺมีกถา’’ติ. ‘‘เตน หิ, สนฺทก, สุณาหิ ¶ , สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข สนฺทโก ปริพฺพาชโก อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อายสฺมา อานนฺโท เอตทโวจ – ‘‘จตฺตาโรเม ¶ , สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน อพฺรหฺมจริยวาสา อกฺขาตา จตฺตาริ จ อนสฺสาสิกานิ พฺรหฺมจริยานิ อกฺขาตานิ, ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ [วสนฺโต วา (สี. ปี.) เอวมุปริปิ อนาราธนปกฺเข] นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ. ‘‘กตเม ปน เต, โภ อานนฺท, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร อพฺรหฺมจริยวาสา อกฺขาตา, ยตฺถ วิฺู ¶ ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ?
๒๒๕. ‘‘อิธ, สนฺทก, เอกจฺโจ สตฺถา เอวํวาที โหติ เอวํทิฏฺิ – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโรโลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺติ. จาตุมหาภูติโก อยํ ปุริโส ยทา กาลงฺกโรติ, ปถวี ปถวีกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, อาโป อาโปกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, เตโช เตโชกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, วาโย วาโยกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ ¶ , อากาสํ อินฺทฺริยานิ สงฺกมนฺติ. อาสนฺทิปฺจมา ปุริสา มตํ อาทาย คจฺฉนฺติ, ยาวาฬาหนา ปทานิ ปฺายนฺติ. กาโปตกานิ อฏฺีนิ ภวนฺติ. ภสฺสนฺตา อาหุติโย; ทตฺตุปฺตฺตํ ยทิทํ ทานํ. เตสํ ตุจฺฉา มุสา วิลาโป เย เกจิ อตฺถิกวาทํ วทนฺติ. พาเล จ ปณฺฑิเต จ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชนฺติ วินสฺสนฺติ น โหนฺติ ปรํ มรณา’ติ.
‘‘ตตฺร ¶ , สนฺทก, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโรโลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺติ. จาตุมหาภูติโก อยํ ปุริโส ยทา กาลงฺกโรติ, ปถวี ปถวีกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, อาโป อาโปกายํ ¶ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, เตโช เตโชกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, วาโย วาโยกายํ อนุเปติ อนุปคจฺฉติ, อากาสํ อินฺทฺริยานิ สงฺกมนฺติ. อาสนฺทิปฺจมา ปุริสา มตํ อาทาย คจฺฉนฺติ, ยาวาฬาหนา ปทานิ ปฺายนฺติ. กาโปตกานิ อฏฺีนิ ภวนฺติ. ภสฺสนฺตา อาหุติโย; ทตฺตุปฺตฺตํ ยทิทํ ทานํ. เตสํ ตุจฺฉา มุสา วิลาโป เย เกจิ อตฺถิกวาทํ วทนฺติ. พาเล จ ปณฺฑิเต จ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชนฺติ ¶ วินสฺสนฺติ น โหนฺติ ปรํ มรณา’ติ. สเจ อิมสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อกเตน เม เอตฺถ กตํ, อวุสิเตน เม เอตฺถ วุสิตํ. อุโภปิ มยํ เอตฺถ สมสมา สามฺํ ปตฺตา, โย จาหํ น วทามิ ‘อุโภ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชิสฺสาม, วินสฺสิสฺสาม, น ภวิสฺสาม ปรํ มรณา’ติ. อติเรกํ โข ปนิมสฺส โภโต สตฺถุโน นคฺคิยํ มุณฺฑิยํ อุกฺกุฏิกปฺปธานํ เกสมสฺสุโลจนํ โยหํ ปุตฺตสมฺพาธสยนํ [ปุตฺตสมฺพาธวสนํ (สี.)] อชฺฌาวสนฺโต กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภนฺโต มาลาคนฺธวิเลปนํ ธาเรนฺโต ชาตรูปรชตํ สาทิยนฺโต อิมินา โภตา สตฺถารา สมสมคติโก ภวิสฺสามิ. อภิสมฺปรายํ โสหํ กึ ชานนฺโต กึ ปสฺสนฺโต อิมสฺมึ สตฺถริ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ? ‘โส อพฺรหฺมจริยวาโส อย’นฺติ – อิติ วิทิตฺวา ตสฺมา พฺรหฺมจริยา นิพฺพิชฺช ปกฺกมติ [นิพฺพิชฺชาปกฺกมติ (สี.)]. อยํ โข, สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปโม อพฺรหฺมจริยวาโส อกฺขาโต ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ ¶ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๒๒๖. ‘‘ปุน จปรํ, สนฺทก, อิเธกจฺโจ สตฺถา เอวํวาที โหติ เอวํทิฏฺิ – ‘กโรโต การยโต ฉินฺทโต เฉทาปยโต ปจโต ปาจาปยโต โสจยโต โสจาปยโต กิลมโต กิลมาปยโต ผนฺทโต ผนฺทาปยโต ปาณมติปาตยโต อทินฺนํ อาทิยโต สนฺธึ ฉินฺทโต นิลฺโลปํ หรโต เอกาคาริกํ กโรโต ปริปนฺเถ ติฏฺโต ปรทารํ คจฺฉโต มุสา ภณโต ¶ กโรโต น ¶ กรียติ ปาปํ. ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปฺุชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปจาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ¶ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปฺุํ, นตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปฺุํ, นตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม’ติ.
‘‘ตตฺร, สนฺทก, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – กโรโต การยโต ฉินฺทโต เฉทาปยโต ปจโต ปาจาปยโต โสจโต โสจาปยโต กิลมโต กิลมาปยโต ผนฺทโต ผนฺทาปยโต ปาณมติปาตยโต อทินฺนํ อาทิยโต สนฺธึ ฉินฺทโต นิลฺโลปํ หรโต เอกาคาริกํ กโรโต ปริปนฺเถ ติฏฺโต ปรทารํ คจฺฉโต มุสา ภณโต กโรโต น กรียติ ปาปํ ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกน โย อิมิสฺสา ปถวิยา ปาเณ เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปฺุชํ กเรยฺย, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. ทกฺขิณฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ คจฺเฉยฺย หนนฺโต ฆาเตนฺโต ฉินฺทนฺโต เฉทาเปนฺโต ปจนฺโต ปจาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม. อุตฺตรฺเจปิ คงฺคาย ตีรํ ¶ คจฺเฉยฺย ททนฺโต ทาเปนฺโต ยชนฺโต ยชาเปนฺโต, นตฺถิ ตโตนิทานํ ปฺุํ, นตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม. ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน นตฺถิ ปฺุํ, นตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม’ติ. สเจ อิมสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อกเตน เม เอตฺถ กตํ, อวุสิเตน เม เอตฺถ วุสิตํ. อุโภปิ มยํ เอตฺถ สมสมา สามฺํ ปตฺตา, โย จาหํ น วทามิ ‘อุภินฺนํ กุรุตํ น กรียติ ปาป’นฺติ. อติเรกํ โข ปนิมสฺส โภโต สตฺถุโน นคฺคิยํ มุณฺฑิยํ อุกฺกุฏิกปฺปธานํ เกสมสฺสุโลจนํ โยหํ ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวสนฺโต กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภนฺโต มาลาคนฺธวิเลปนํ ธาเรนฺโต ชาตรูปรชตํ สาทิยนฺโต อิมินา โภตา สตฺถารา สมสมคติโก ภวิสฺสามิ. อภิสมฺปรายํ โสหํ กึ ชานนฺโต กึ ปสฺสนฺโต อิมสฺมึ สตฺถริ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ? ‘โส อพฺรหฺมจริยวาโส อย’นฺติ อิติ วิทิตฺวา ตสฺมา พฺรหฺมจริยา นิพฺพิชฺช ปกฺกมติ. อยํ โข, สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ทุติโย อพฺรหฺมจริยวาโส อกฺขาโต ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๒๒๗. ‘‘ปุน จปรํ, สนฺทก, อิเธกจฺโจ สตฺถา เอวํวาที โหติ เอวํทิฏฺิ – ‘นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย; อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา ¶ สํกิลิสฺสนฺติ; นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย ¶ สตฺตานํ วิสุทฺธิยา; อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ; นตฺถิ พลํ, นตฺถิ ¶ วีริยํ, นตฺถิ ปุริสถาโม ¶ , นตฺถิ ปุริสปรกฺกโม; สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสงฺคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ.
‘‘ตตฺร, สนฺทก, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย, อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ. นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา, อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ. นตฺถิ พลํ, นตฺถิ วีริยํ, นตฺถิ ปุริสถาโม, นตฺถิ ปุริสปรกฺกโม, สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสงฺคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ. สเจ อิมสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อกเตน เม เอตฺถ กตํ, อวุสิเตน เม เอตฺถ วุสิตํ. อุโภปิ มยํ เอตฺถ สมสมา สามฺํ ปตฺตา, โย จาหํ น วทามิ ‘อุโภ อเหตู อปฺปจฺจยา วิสุชฺฌิสฺสามา’ติ. อติเรกํ โข ปนิมสฺส โภโต สตฺถุโน นคฺคิยํ มุณฺฑิยํ อุกฺกุฏิกปฺปธานํ เกสมสฺสุโลจนํ โยหํ ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวสนฺโต กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภนฺโต มาลาคนฺธวิเลปนํ ธาเรนฺโต ชาตรูปรชตํ สาทิยนฺโต อิมินา โภตา สตฺถารา สมสมคติโก ภวิสฺสามิ. อภิสมฺปรายํ โสหํ กึ ชานนฺโต กึ ปสฺสนฺโต อิมสฺมึ สตฺถริ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ? ‘โส อพฺรหฺมจริยวาโส อย’นฺติ – อิติ วิทิตฺวา ตสฺมา ¶ พฺรหฺมจริยา นิพฺพิชฺช ปกฺกมติ. อยํ โข, สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ตติโย อพฺรหฺมจริยวาโส อกฺขาโต ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๒๒๘. ‘‘ปุน จปรํ, สนฺทก, อิเธกจฺโจ สตฺถา เอวํวาที โหติ เอวํทิฏฺิ – ‘สตฺติเม กายา อกฏา อกฏวิธา อนิมฺมิตา อนิมฺมาตา วฺฌา กูฏฏฺา เอสิกฏฺายิฏฺิตา, เต น อิฺชนฺติ น วิปริณมนฺติ น อฺมฺํ พฺยาพาเธนฺติ นาลํ อฺมฺสฺส สุขาย วา ทุกฺขาย วา สุขทุกฺขาย วา. กตเม สตฺต? ปถวีกาโย อาโปกาโย เตโชกาโย วาโยกาโย สุเข ทุกฺเข ชีเว สตฺตเม – อิเม สตฺตกายา อกฏา อกฏวิธา อนิมฺมิตา ¶ อนิมฺมาตา ¶ วฺฌา กูฏฏฺา เอสิกฏฺายิฏฺิตา. เต น อิฺชนฺติ น วิปริณมนฺติ น อฺมฺํ พฺยาพาเธนฺติ. นาลํ อฺมฺสฺส สุขาย วา ทุกฺขาย วา สุขทุกฺขาย วา. ตตฺถ นตฺถิ หนฺตา วา ฆาเตตา วา โสตา วา สาเวตา วา วิฺาตา วา วิฺาเปตา วา. โยปิ ติณฺเหน สตฺเถน สีสํ ฉินฺทติ, น โกจิ กฺจิ [กิฺจิ (ก.)] ชีวิตา โวโรเปติ. สตฺตนฺนํตฺเวว กายานมนฺตเรน สตฺถํ วิวรมนุปตติ. จุทฺทส โข ปนิมานิ โยนิปมุขสตสหสฺสานิ สฏฺิ จ สตานิ ฉ จ สตานิ ปฺจ จ กมฺมุโน สตานิ ปฺจ จ กมฺมานิ ตีณิ ¶ จ กมฺมานิ, กมฺเม จ อฑฺฒกมฺเม จ, ทฺวฏฺิปฏิปทา, ทฺวฏฺนฺตรกปฺปา, ฉฬาภิชาติโย, อฏฺ ปุริสภูมิโย, เอกูนปฺาส อาชีวกสเต, เอกูนปฺาส ปริพฺพาชกสเต, เอกูนปฺาส ¶ นาคาวาสสเต, วีเส อินฺทฺริยสเต, ตึเส นิรยสเต, ฉตฺตึส รโชธาตุโย, สตฺต สฺีคพฺภา, สตฺต อสฺีคพฺภา, สตฺต นิคณฺิคพฺภา, สตฺต เทวา, สตฺต มานุสา, สตฺต เปสาจา, สตฺต สรา, สตฺต ปวุฏา, สตฺต ปปาตา, สตฺต ปปาตสตานิ, สตฺต สุปินา, สตฺต สุปินสตานิ, จุลฺลาสีติ [จูฬาสีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มหากปฺปิโน [มหากปฺปุโน (สี. ปี.)] สตสหสฺสานิ, ยานิ พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ. ตตฺถ นตฺถิ อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา อปริปกฺกํ วา กมฺมํ ปริปาเจสฺสามิ, ปริปกฺกํ วา กมฺมํ ผุสฺส ผุสฺส พฺยนฺตึ กริสฺสามีติ. เหวํ นตฺถิ โทณมิเต สุขทุกฺเข ปริยนฺตกเต สํสาเร, นตฺถิ หายนวฑฺฒเน, นตฺถิ อุกฺกํสาวกํเส. เสยฺยถาปิ นาม สุตฺตคุเฬ ขิตฺเต นิพฺเพิยมานเมว ปเลติ, เอวเมว พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’ติ.
‘‘ตตฺร, สนฺทก, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – สตฺติเม กายา อกฏา อกฏวิธา อนิมฺมิตา อนิมฺมาตา วฺฌา กูฏฏฺา เอสิกฏฺายิฏฺิตา. เต น อิฺชนฺติ น วิปริณมนฺติ น อฺมฺํ พฺยาพาเธนฺติ. นาลํ อฺมฺสฺส สุขาย วา ทุกฺขาย วา สุขทุกฺขาย วา. กตเม สตฺต ¶ ? ปถวีกาโย อาโปกาโย เตโชกาโย วาโยกาโย สุเข ทุกฺเข ชีเว สตฺตเม – อิเม สตฺต กายา อกฏา อกฏวิธา อนิมฺมิตา อนิมฺมาตา วฺฌา กูฏฏฺา เอสิกฏฺายิฏฺิตา. เต น อิฺชนฺติ น วิปริณมนฺติ น อฺมฺํ พฺยาพาเธนฺติ. นาลํ อฺมฺสฺส สุขาย วา ทุกฺขาย วา สุขทุกฺขาย วา. ตตฺถ นตฺถิ หนฺตา วา ¶ ฆาเตตา วา โสตา วา สาเวตา วา วิฺาตา วา วิฺาเปตา วา. โยปิ ติณฺเหน สตฺเถน สีสํ ฉินฺทติ, น โกจิ กฺจิ ชีวิตา โวโรเปติ ¶ . สตฺตนฺนํตฺเวว กายานมนฺตเรน สตฺถํ วิวรมนุปตติ. จุทฺทส โข ปนิมานิ โยนิปมุขสตสหสฺสานิ สฏฺิ จ สตานิ ฉ จ สตานิ ปฺจ จ กมฺมุโน สตานิ ปฺจ จ กมฺมานิ ตีณิ จ กมฺมานิ, กมฺเม จ อฑฺฒกมฺเม จ, ทฺวฏฺิปฏิปทา, ทฺวฏฺนฺตรกปฺปา, ฉฬาภิชาติโย, อฏฺ ปุริสภูมิโย, เอกูนปฺาส อาชีวกสเต, เอกูนปฺาส ปริพฺพาชกสเต, เอกูนปฺาส นาคาวาสสเต, วีเส อินฺทฺริยสเต, ตึเส นิรยสเต, ฉตฺตึส รโชธาตุโย, สตฺต สฺีคพฺภา, สตฺต อสฺีคพฺภา, สตฺต นิคณฺิคพฺภา, สตฺต เทวา, สตฺต มานุสา, สตฺต เปสาจา, สตฺต สรา, สตฺต ปวุฏา, สตฺต ปปาตา, สตฺต ปปาตสตานิ, สตฺต สุปินา, สตฺต สุปินสตานิ, จุลฺลาสีติ มหากปฺปิโน สตสหสฺสานิ, ยานิ พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ. ตตฺถ นตฺถิ อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา อปริปกฺกํ ¶ วา กมฺมํ ปริปาเจสฺสามิ, ปริปกฺกํ วา กมฺมํ ผุสฺส ผุสฺส พฺยนฺตึ กริสฺสามีติ, เหวํ นตฺถิ โทณมิเต สุขทุกฺเข ปริยนฺตกเต สํสาเร, นตฺถิ หายนวฑฺฒเน, นตฺถิ อุกฺกํสาวกํเส. เสยฺยถาปิ นาม สุตฺตคุเฬ ขิตฺเต นิพฺเพิยมานเมว ปเลติ, เอวเมว พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’ติ. สเจ ปน อิมสฺส โภโต สตฺถุโน สจฺจํ วจนํ, อกเตน เม เอตฺถ กตํ, อวุสิเตน เม เอตฺถ วุสิตํ. อุโภปิ มยํ เอตฺถ สมสมา สามฺํ ปตฺตา, โย จาหํ น วทามิ. ‘อุโภ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามา’ติ. อติเรกํ โข ปนิมสฺส โภโต สตฺถุโน นคฺคิยํ มุณฺฑิยํ อุกฺกุฏิกปฺปธานํ เกสมสฺสุโลจนํ โยหํ ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวสนฺโต กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภนฺโต มาลาคนฺธวิเลปนํ ธาเรนฺโต ชาตรูปรชตํ สาทิยนฺโต อิมินา โภตา สตฺถารา สมสมคติโก ภวิสฺสามิ. อภิสมฺปรายํ โสหํ กึ ชานนฺโต กึ ปสฺสนฺโต อิมสฺมึ สตฺถริ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามิ? ‘โส อพฺรหฺมจริยวาโส อย’นฺติ – อิติ วิทิตฺวา ตสฺมา พฺรหฺมจริยา นิพฺพิชฺช ปกฺกมติ. อยํ โข, สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตุตฺโถ อพฺรหฺมจริยวาโส อกฺขาโต ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘อิเม ¶ โข เต, สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร อพฺรหฺมจริยวาสา ¶ อกฺขาตา ยตฺถ ¶ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ.
‘‘อจฺฉริยํ ¶ , โภ อานนฺท, อพฺภุตํ, โภ อานนฺท! ยาวฺจิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร อพฺรหฺมจริยวาสาว สมานา ‘อพฺรหฺมจริยวาสา’ติ อกฺขาตา ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลนฺติ. กตมานิ ปน ตานิ, โภ อานนฺท, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาริ อนสฺสาสิกานิ พฺรหฺมจริยานิ อกฺขาตานิ ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ?
๒๒๙. ‘‘อิธ, สนฺทก, เอกจฺโจ สตฺถา สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาติ – ‘จรโต จ เม ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิต’นฺติ. โส สฺุมฺปิ อคารํ ปวิสติ, ปิณฺฑมฺปิ น ลภติ, กุกฺกุโรปิ ฑํสติ, จณฺเฑนปิ หตฺถินา สมาคจฺฉติ, จณฺเฑนปิ อสฺเสน สมาคจฺฉติ, จณฺเฑนปิ โคเณน สมาคจฺฉติ, อิตฺถิยาปิ ปุริสสฺสปิ นามมฺปิ โคตฺตมฺปิ ปุจฺฉติ, คามสฺสปิ นิคมสฺสปิ นามมฺปิ มคฺคมฺปิ ปุจฺฉติ. โส ‘กิมิท’นฺติ ปุฏฺโ สมาโน ‘สฺุํ เม อคารํ ปวิสิตพฺพํ อโหสิ’, เตน ปาวิสึ; ‘ปิณฺฑมฺปิ อลทฺธพฺพํ อโหสิ’, เตน นาลตฺถํ ¶ ; ‘กุกฺกุเรน ฑํสิตพฺพํ อโหสิ’, เตนมฺหิ [เตน (ก.), เตนาสึ (?)] ทฏฺโ; ‘จณฺเฑน หตฺถินา สมาคนฺตพฺพํ อโหสิ’, เตน สมาคมึ; ‘จณฺเฑน อสฺเสน สมาคนฺตพฺพํ อโหสิ’, เตน สมาคมึ; ‘จณฺเฑน โคเณน สมาคนฺตพฺพํ อโหสิ’, เตน สมาคมึ; ‘อิตฺถิยาปิ ปุริสสฺสปิ นามมฺปิ โคตฺตมฺปิ ปุจฺฉิตพฺพํ อโหสิ’, เตน ปุจฺฉึ; ‘คามสฺสปิ นิคมสฺสปิ นามมฺปิ มคฺคมฺปิ ปุจฺฉิตพฺพํ อโหสิ’, เตน ปุจฺฉินฺติ. ตตฺร, สนฺทก, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาติ…เป… ¶ ‘คามสฺสปิ นิคมสฺสปิ นามมฺปิ มคฺคมฺปิ ปุจฺฉิตพฺพํ อโหสิ, เตน ปุจฺฉิ’นฺติ ¶ . โส ‘อนสฺสาสิกํ อิทํ พฺรหฺมจริย’นฺติ – อิติ วิทิตฺวา ตสฺมา พฺรหฺมจริยา นิพฺพิชฺช ปกฺกมติ. อิทํ โข, สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปมํ อนสฺสาสิกํ พฺรหฺมจริยํ อกฺขาตํ ¶ ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๒๓๐. ‘‘ปุน จปรํ, สนฺทก, อิเธกจฺโจ สตฺถา อนุสฺสวิโก โหติ อนุสฺสวสจฺโจ. โส อนุสฺสเวน อิติหิติหปรมฺปราย ปิฏกสมฺปทาย ธมฺมํ เทเสติ. อนุสฺสวิกสฺส โข ปน, สนฺทก ¶ , สตฺถุโน อนุสฺสวสจฺจสฺส สุสฺสุตมฺปิ โหติ ทุสฺสุตมฺปิ โหติ ตถาปิ โหติ อฺถาปิ โหติ. ตตฺร, สนฺทก, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อนุสฺสวิโก อนุสฺสวสจฺโจ โส อนุสฺสเวน อิติหิติหปรมฺปราย ปิฏกสมฺปทาย ธมฺมํ เทเสติ. อนุสฺสวิกสฺส โข ปน สตฺถุโน อนุสฺสวสจฺจสฺส สุสฺสุตมฺปิ โหติ ทุสฺสุตมฺปิ โหติ ตถาปิ โหติ อฺถาปิ โหติ’. โส ‘อนสฺสาสิกํ อิทํ พฺรหฺมจริย’นฺติ – อิติ วิทิตฺวา ตสฺมา พฺรหฺมจริยา นิพฺพิชฺช ปกฺกมติ. อิทํ โข, สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ทุติยํ อนสฺสาสิกํ พฺรหฺมจริยํ อกฺขาตํ ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๒๓๑. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, สนฺทก, อิเธกจฺโจ สตฺถา ตกฺกี โหติ วีมํสี. โส ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ ธมฺมํ เทเสติ. ตกฺกิสฺส โข ปน, สนฺทก, สตฺถุโน วีมํสิสฺส สุตกฺกิตมฺปิ โหติ ทุตฺตกฺกิตมฺปิ โหติ ตถาปิ โหติ อฺถาปิ โหติ. ตตฺร, สนฺทก, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา ตกฺกี วีมํสี. โส ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ ธมฺมํ เทเสติ. ตกฺกิสฺส โข ปน สตฺถุโน วีมํสิสฺส สุตกฺกิตมฺปิ โหติ ทุตฺตกฺกิตมฺปิ โหติ ตถาปิ โหติ อฺถาปิ โหติ’. โส ‘อนสฺสาสิกํ อิทํ พฺรหฺมจริย’นฺติ – อิติ วิทิตฺวา ตสฺมา พฺรหฺมจริยา นิพฺพิชฺช ปกฺกมติ. อิทํ โข, สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ตติยํ อนสฺสาสิกํ พฺรหฺมจริยํ อกฺขาตํ ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๒๓๒. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, สนฺทก, อิเธกจฺโจ สตฺถา มนฺโท โหติ โมมูโห. โส มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา ตตฺถ ตตฺถ [ตถา ตถา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปฺหํ ปุฏฺโ ¶ สมาโน วาจาวิกฺเขปํ อาปชฺชติ อมราวิกฺเขปํ – ‘เอวนฺติปิ [เอวมฺปิ (สี. ปี.)] เม โน, ตถาติปิ [ตถาปิ (สี. ปี.)] เม โน, อฺถาติปิ [อฺถาปิ (สี. ปี.) ( ) สพฺพตฺถ นตฺถิ] เม โน, โนติปิ เม โน, โน โนติปิ เม โน’ติ. ตตฺร, สนฺทก, วิฺู ปุริโส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา มนฺโท โมมูโห. โส มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา ตตฺถ ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน วาจาวิกฺเขปํ อาปชฺชติ อมราวิกฺเขปํ ¶ – เอวนฺติปิ เม โน, ตถาติปิ เม โน, อฺถาติปิ เม โน, โนติปิ เม โน, โน โนติปิ เม โน’ติ. โส ‘อนสฺสาสิกํ อิทํ พฺรหฺมจริย’นฺติ – อิติ วิทิตฺวา ¶ ตสฺมา พฺรหฺมจริยา นิพฺพิชฺช ปกฺกมติ. อิทํ โข, สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตุตฺถํ อนสฺสาสิกํ พฺรหฺมจริยํ อกฺขาตํ ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘อิมานิ โข, (ตานิ สนฺทก, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาริ อนสฺสาสิกานิ พฺรหฺมจริยานิ อกฺขาตานิ ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ.
‘‘อจฺฉริยํ, โภ อานนฺท, อพฺภุตํ, โภ อานนฺท! ยาวฺจิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาริ อนสฺสาสิกาเนว พฺรหฺมจริยานิ อนสฺสาสิกานิ พฺรหฺมจริยานีติ อกฺขาตานิ ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ น วเสยฺย, วสนฺโต จ นาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ. โส ปน, โภ อานนฺท, สตฺถา กึ วาที กึ อกฺขายี ยตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ วเสยฺย, วสนฺโต จ อาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ.
๒๓๓. ‘‘อิธ, สนฺทก, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา…เป… [วิตฺถาโร ม. นิ. ๒.๙-๑๐ กนฺทรกสุตฺเต] โส อิเม ¶ ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ¶ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ยสฺมึ โข [ยสฺมึ โข ปน (สฺยา. กํ. ก.)], สนฺทก, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารวิเสสํ อธิคจฺฉติ ตตฺถ ¶ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ วเสยฺย, วสนฺโต จ อาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘ปุน จปรํ, สนฺทก, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป... ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ยสฺมึ โข, สนฺทก, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารวิเสสํ อธิคจฺฉติ ตตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ วเสยฺย, วสนฺโต จ อาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, สนฺทก, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ…เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ยสฺมึ โข, สนฺทก, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารวิเสสํ อธิคจฺฉติ ตตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ วเสยฺย, วสนฺโต จ อาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘ปุน จปรํ, สนฺทก, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ยสฺมึ โข, สนฺทก, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารวิเสสํ อธิคจฺฉติ ตตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ วเสยฺย, วสนฺโต จ อาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ ¶ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. ยสฺมึ โข, สนฺทก, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารวิเสสํ อธิคจฺฉติ ตตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ วเสยฺย, วสนฺโต จ อาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. ยสฺมึ โข, สนฺทก, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารวิเสสํ อธิคจฺฉติ ¶ ตตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ วเสยฺย, วสนฺโต จ อาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ¶ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ¶ ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. ยสฺมึ โข, สนฺทก, สตฺถริ สาวโก เอวรูปํ อุฬารวิเสสํ อธิคจฺฉติ ตตฺถ วิฺู ปุริโส สสกฺกํ พฺรหฺมจริยํ วเสยฺย, วสนฺโต จ อาราเธยฺย ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ.
๒๓๔. ‘‘โย ปน โส, โภ อานนฺท, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต ปริภฺุเชยฺย ¶ โส กาเม’’ติ? ‘‘โย โส, สนฺทก, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต อภพฺโพ โส ปฺจฏฺานานิ อชฺฌาจริตุํ. อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตุํ, อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตุํ, อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวตุํ, อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สมฺปชานมุสา ภาสิตุํ, อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สนฺนิธิการกํ กาเม ปริภฺุชิตุํ, เสยฺยถาปิ ปุพฺเพ อคาริยภูโต. โย โส, สนฺทก, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต อภพฺโพ โส ¶ อิมานิ ปฺจฏฺานานิ อชฺฌาจริตุ’’นฺติ.
๒๓๕. ‘‘โย ¶ ปน โส, โภ อานนฺท, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต ตสฺส จรโต เจว ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิตํ – ‘ขีณา เม อาสวา’’’ติ? ‘‘เตน หิ, สนฺทก, อุปมํ เต กริสฺสามิ; อุปมายปิเธกจฺเจ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติ. เสยฺยถาปิ, สนฺทก, ปุริสสฺส หตฺถปาทา ฉินฺนา; ตสฺส จรโต เจว ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ (ชานาติ – ‘ฉินฺนา เม หตฺถปาทา’ติ, อุทาหุ ปจฺจเวกฺขมาโน ชานาติ – ‘ฉินฺนา เม หตฺถปาทา’’’ติ? ‘‘น โข, โภ อานนฺท, โส ปุริโส สตตํ สมิตํ ชานาติ – ‘ฉินฺนา เม หตฺถปาทา’ ติ.) [(ฉินฺนาว หตฺถปาทา,) (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อปิ จ โข ปน นํ ปจฺจเวกฺขมาโน ชานาติ – ‘ฉินฺนา เม หตฺถปาทา’’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, สนฺทก, โย โส ¶ ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต ตสฺส จรโต เจว ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ (าณทสฺสนํ น ปจฺจุปฏฺิตํ – ‘ขีณา เม อาสวา’ติ;) [(ขีณาว อาสวา,) (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อปิ จ โข ปน นํ ปจฺจเวกฺขมาโน ชานาติ – ‘ขีณา เม อาสวา’’’ติ.
๒๓๖. ‘‘กีวพหุกา ปน, โภ อานนฺท, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย นิยฺยาตาโร’’ติ? ‘‘น โข, สนฺทก, เอกํเยว สตํ น ทฺเว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปฺจ สตานิ, อถ โข ภิยฺโยว เย อิมสฺมึ ธมฺมวินเย นิยฺยาตาโร’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, โภ อานนฺท, อพฺภุตํ, โภ อานนฺท! น จ นาม สธมฺโมกฺกํสนา ภวิสฺสติ, น ¶ ปรธมฺมวมฺภนา, อายตเน จ ธมฺมเทสนา ตาว พหุกา ¶ จ นิยฺยาตาโร ปฺายิสฺสนฺติ. อิเม ปนาชีวกา ปุตฺตมตาย ปุตฺตา อตฺตานฺเจว อุกฺกํเสนฺติ, ปเร จ วมฺเภนฺติ ตโย เจว นิยฺยาตาโร ปฺเปนฺติ, เสยฺยถิทํ – นนฺทํ วจฺฉํ, กิสํ สํกิจฺจํ, มกฺขลึ โคสาล’’นฺติ. อถ โข สนฺทโก ปริพฺพาชโก สกํ ปริสํ อามนฺเตสิ – ‘‘จรนฺตุ โภนฺโต สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยวาโส. น ทานิ สุกรํ อมฺเหหิ ลาภสกฺการสิโลเก ปริจฺจชิตุ’’นฺติ. อิติ หิทํ สนฺทโก ปริพฺพาชโก สกํ ปริสํ อุยฺโยเชสิ ภควติ พฺรหฺมจริเยติ.
สนฺทกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.
๗. มหาสกุลุทายิสุตฺตํ
๒๓๗. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อภิฺาตา อภิฺาตา ปริพฺพาชกา โมรนิวาเป ปริพฺพาชการาเม ปฏิวสนฺติ, เสยฺยถิทํ – อนฺนภาโร วรธโร สกุลุทายี จ ปริพฺพาชโก อฺเ จ อภิฺาตา อภิฺาตา ปริพฺพาชกา. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อติปฺปโค โข ตาว ราชคเห ปิณฺฑาย จริตุํ. ยํนูนาหํ เยน โมรนิวาโป ปริพฺพาชการาโม เยน สกุลุทายี ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ. อถ โข ภควา เยน โมรนิวาโป ปริพฺพาชการาโม เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน สกุลุทายี ปริพฺพาชโก มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ นิสินฺโน โหติ อุนฺนาทินิยา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาย อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติยา, เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ มหามตฺตกถํ เสนากถํ ภยกถํ ยุทฺธกถํ อนฺนกถํ ปานกถํ วตฺถกถํ สยนกถํ มาลากถํ คนฺธกถํ าติกถํ ยานกถํ คามกถํ นิคมกถํ นครกถํ ชนปทกถํ อิตฺถิกถํ สูรกถํ วิสิขากถํ กุมฺภฏฺานกถํ ปุพฺพเปตกถํ ¶ นานตฺตกถํ โลกกฺขายิกํ สมุทฺทกฺขายิกํ อิติภวาภวกถํ ¶ อิติ วา. อทฺทสา โข สกุลุทายี ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน สกํ ปริสํ สณฺาเปติ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภนฺโต โหนฺตุ; มา โภนฺโต สทฺทมกตฺถ. อยํ สมโณ โคตโม อาคจฺฉติ; อปฺปสทฺทกาโม โข ปน โส อายสฺมา อปฺปสทฺทสฺส วณฺณวาที. อปฺเปว นาม อปฺปสทฺทํ ปริสํ วิทิตฺวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺเยฺยา’’ติ. อถ โข เต ปริพฺพาชกา ตุณฺหี อเหสุํ. อถ โข ภควา เยน สกุลุทายี ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิ. อถ โข สกุลุทายี ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตุ โข, ภนฺเต, ภควา. สฺวาคตํ, ภนฺเต, ภควโต. จิรสฺสํ โข, ภนฺเต, ภควา อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนาย. นิสีทตุ, ภนฺเต, ภควา; อิทมาสนํ ปฺตฺต’’นฺติ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. สกุลุทายีปิ โข ปริพฺพาชโก อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข สกุลุทายึ ปริพฺพาชกํ ภควา เอตทโวจ –
๒๓๘. ‘‘กายนุตฺถ ¶ ¶ , อุทายิ, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ? ‘‘ติฏฺเตสา, ภนฺเต, กถา ยาย มยํ เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา. เนสา, ภนฺเต, กถา ภควโต ทุลฺลภา ภวิสฺสติ ปจฺฉาปิ สวนาย. ปุริมานิ, ภนฺเต, ทิวสานิ ปุริมตรานิ นานาติตฺถิยานํ สมณพฺราหฺมณานํ กุตูหลสาลายํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา ¶ อุทปาทิ – ‘ลาภา วต, โภ, องฺคมคธานํ, สุลทฺธลาภา วต, โภ, องฺคมคธานํ! ตตฺริเม [ยตฺถิเม (สี.)] สมณพฺราหฺมณา สงฺฆิโน คณิโน คณาจริยา าตา ยสสฺสิโน ติตฺถกรา สาธุสมฺมตา พหุชนสฺส ราชคหํ วสฺสาวาสํ โอสฏา. อยมฺปิ โข ปูรโณ กสฺสโป สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส; โสปิ ราชคหํ วสฺสาวาสํ โอสโฏ. อยมฺปิ โข มกฺขลิ โคสาโล…เป… อชิโต เกสกมฺพโล… ปกุโธ กจฺจายโน… สฺชโย เพลฏฺปุตฺโต… นิคณฺโ นาฏปุตฺโต สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ¶ ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส; โสปิ ราชคหํ วสฺสาวาสํ โอสโฏ. อยมฺปิ โข สมโณ โคตโม สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส; โสปิ ราชคหํ วสฺสาวาสํ โอสโฏ. โก นุ โข อิเมสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สงฺฆีนํ คณีนํ คณาจริยานํ าตานํ ยสสฺสีนํ ติตฺถกรานํ สาธุสมฺมตานํ พหุชนสฺส สาวกานํ สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต, กฺจ ปน สาวกา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา [ครุกตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อุปนิสฺสาย วิหรนฺตี’’’ติ?
๒๓๙. ‘‘ตตฺเรกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘อยํ โข ปูรโณ กสฺสโป สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส; โส จ โข สาวกานํ น สกฺกโต น ครุกโต น มานิโต น ¶ ปูชิโต, น จ ปน ปูรณํ กสฺสปํ สาวกา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. ภูตปุพฺพํ ปูรโณ กสฺสโป อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ. ตตฺรฺตโร ปูรณสฺส กสฺสปสฺส สาวโก สทฺทมกาสิ – ‘‘มา โภนฺโต ปูรณํ กสฺสปํ เอตมตฺถํ ปุจฺฉิตฺถ; เนโส เอตํ ชานาติ; มยเมตํ ชานาม, อมฺเห เอตมตฺถํ ปุจฺฉถ; มยเมตํ ภวนฺตานํ พฺยากริสฺสามา’’ติ. ภูตปุพฺพํ ปูรโณ กสฺสโป ¶ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต น ลภติ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภนฺโต โหนฺตุ, มา โภนฺโต สทฺทมกตฺถ. เนเต, ภวนฺเต, ปุจฺฉนฺติ, อมฺเห เอเต ปุจฺฉนฺติ; มยเมเตสํ พฺยากริสฺสามา’’ติ. พหู โข ปน ปูรณสฺส กสฺสปสฺส สาวกา วาทํ อาโรเปตฺวา อปกฺกนฺตา – ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามิ ¶ , กึ ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานิสฺสสิ? มิจฺฉาปฏิปนฺโน ตฺวมสิ, อหมสฺมิ สมฺมาปฏิปนฺโน, สหิตํ เม, อสหิตํ เต, ปุเรวจนียํ ปจฺฉา อวจ, ปจฺฉาวจนียํ ปุเร อวจ, อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตํ, อาโรปิโต เต วาโท, นิคฺคหิโตสิ, จร วาทปฺปโมกฺขาย, นิพฺเพเหิ วา สเจ ปโหสี’’ติ. อิติ ปูรโณ กสฺสโป สาวกานํ น สกฺกโต น ครุกโต น มานิโต น ปูชิโต, น จ ปน ปูรณํ กสฺสปํ สาวกา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. อกฺกุฏฺโ จ ปน ปูรโณ กสฺสโป ธมฺมกฺโกเสนา’’’ติ.
‘‘เอกจฺเจ ¶ เอวมาหํสุ – ‘อยมฺปิ โข มกฺขลิ โคสาโล…เป… อชิโต เกสกมฺพโล… ปกุโธ กจฺจายโน… สฺชโย ¶ เพลฏฺปุตฺโต… นิคณฺโ นาฏปุตฺโต สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส; โส จ โข สาวกานํ น สกฺกโต น ครุกโต น มานิโต น ปูชิโต, น จ ปน นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ สาวกา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. ภูตปุพฺพํ นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ. ตตฺรฺตโร นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส สาวโก สทฺทมกาสิ – มา โภนฺโต นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ เอตมตฺถํ ปุจฺฉิตฺถ; เนโส เอตํ ชานาติ; มยเมตํ ชานาม, อมฺเห เอตมตฺถํ ปุจฺฉถ; มยเมตํ ภวนฺตานํ พฺยากริสฺสามาติ. ภูตปุพฺพํ นิคณฺโ นาฏปุตฺโต พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต น ลภติ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภนฺโต โหนฺตุ, มา โภนฺโต สทฺทมกตฺถ. เนเต ภวนฺเต ปุจฺฉนฺติ, อมฺเห เอเต ปุจฺฉนฺติ; มยเมเตสํ พฺยากริสฺสามา’’ติ. พหู โข ปน นิคณฺสฺส นาฏปุตฺตสฺส สาวกา วาทํ อาโรเปตฺวา อปกฺกนฺตา – ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามิ. กึ ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานิสฺสสิ? มิจฺฉาปฏิปนฺโน ตฺวมสิ. อหมสฺมิ สมฺมาปฏิปนฺโน. สหิตํ เม อสหิตํ เต, ปุเรวจนียํ ปจฺฉา อวจ, ปจฺฉาวจนียํ ปุเร อวจ, อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตํ, อาโรปิโต เต วาโท, นิคฺคหิโตสิ, จร วาทปฺปโมกฺขาย, นิพฺเพเหิ ¶ วา สเจ ปโหสี’’ติ. อิติ นิคณฺโ นาฏปุตฺโต สาวกานํ น สกฺกโต น ครุกโต น มานิโต น ปูชิโต, น จ ปน นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ ¶ สาวกา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. อกฺกุฏฺโ จ ปน นิคณฺโ นาฏปุตฺโต ธมฺมกฺโกเสนา’’’ติ.
๒๔๐. ‘‘เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘อยมฺปิ โข สมโณ โคตโม สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย ¶ จ าโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส; โส จ โข สาวกานํ สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต, สมณฺจ ปน โคตมํ สาวกา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. ภูตปุพฺพํ สมโณ โคตโม อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตตฺรฺตโร สมณสฺส โคตมสฺส สาวโก อุกฺกาสิ. ตเมนาฺตโร สพฺรหฺมจารี ชณฺณุเกน [ชณฺณุเก (สี.)] ฆฏฺเฏสิ – ‘‘อปฺปสทฺโท อายสฺมา ¶ โหตุ, มายสฺมา สทฺทมกาสิ, สตฺถา โน ภควา ธมฺมํ เทเสสี’’ติ. ยสฺมึ สมเย สมโณ โคตโม อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ, เนว ตสฺมึ สมเย สมณสฺส โคตมสฺส สาวกานํ ขิปิตสทฺโท วา โหติ อุกฺกาสิตสทฺโท วา. ตเมนํ มหาชนกาโย ปจฺจาสีสมานรูโป [ปจฺจาสึ สมานรูโป (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปจฺจุปฏฺิโต โหติ – ‘‘ยํ โน ภควา ธมฺมํ ภาสิสฺสติ ตํ โน โสสฺสามา’’ติ. เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส จาตุมฺมหาปเถ ขุทฺทมธุํ [ขุทฺทํ มธุํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อเนลกํ ปีเฬยฺย [อุปฺปีเฬยฺย (สี.)]. ตเมนํ มหาชนกาโย ปจฺจาสีสมานรูโป ปจฺจุปฏฺิโต อสฺส. เอวเมว ยสฺมึ สมเย สมโณ โคตโม อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ, เนว ตสฺมึ สมเย สมณสฺส โคตมสฺส สาวกานํ ขิปิตสทฺโท วา โหติ อุกฺกาสิตสทฺโท วา. ตเมนํ มหาชนกาโย ปจฺจาสีสมานรูโป ปจฺจุปฏฺิโต โหติ ¶ – ‘‘ยํ โน ภควา ธมฺมํ ภาสิสฺสติ ตํ โน โสสฺสามา’’ติ. เยปิ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา สพฺรหฺมจารีหิ สมฺปโยเชตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตนฺติ เตปิ สตฺถุ เจว วณฺณวาทิโน โหนฺติ, ธมฺมสฺส จ วณฺณวาทิโน โหนฺติ, สงฺฆสฺส จ วณฺณวาทิโน โหนฺติ, อตฺตครหิโนเยว โหนฺติ อนฺครหิโน, ‘‘มยเมวมฺหา อลกฺขิกา มยํ อปฺปปฺุา เต มยํ เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตฺวา นาสกฺขิมฺหา ยาวชีวํ ¶ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จริตุ’’นฺติ. เต อารามิกภูตา วา อุปาสกภูตา วา ปฺจสิกฺขาปเท สมาทาย วตฺตนฺติ. อิติ สมโณ โคตโม สาวกานํ สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต, สมณฺจ ปน โคตมํ สาวกา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺตี’’’ติ.
๒๔๑. ‘‘กติ ปน ตฺวํ, อุทายิ, มยิ ธมฺเม สมนุปสฺสสิ, เยหิ มมํ [มม (สพฺพตฺถ)] สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ [ครุกโรนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺตี’’ติ? ‘‘ปฺจ โข อหํ, ภนฺเต, ภควติ ธมฺเม สมนุปสฺสามิ เยหิ ภควนฺตํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. กตเม ปฺจ? ภควา หิ, ภนฺเต, อปฺปาหาโร, อปฺปาหารตาย จ วณฺณวาที. ยมฺปิ, ภนฺเต, ภควา อปฺปาหาโร, อปฺปาหารตาย จ วณฺณวาที อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควติ ¶ ปมํ ธมฺมํ สมนุปสฺสามิ เยน ภควนฺตํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา ¶ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภนฺเต, ภควา สนฺตุฏฺโ อิตรีตเรน จีวเรน, อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที. ยมฺปิ, ภนฺเต, ภควา สนฺตุฏฺโ อิตรีตเรน จีวเรน, อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที, อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควติ ทุติยํ ธมฺมํ สมนุปสฺสามิ เยน ภควนฺตํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภนฺเต, ภควา สนฺตุฏฺโ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, อิตรีตรปิณฺฑปาตสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที. ยมฺปิ, ภนฺเต, ภควา สนฺตุฏฺโ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, อิตรีตรปิณฺฑปาตสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที, อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควติ ตติยํ ธมฺมํ สมนุปสฺสามิ เยน ภควนฺตํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภนฺเต, ภควา สนฺตุฏฺโ อิตรีตเรน เสนาสเนน, อิตรีตรเสนาสนสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที. ยมฺปิ, ภนฺเต, ภควา สนฺตุฏฺโ อิตรีตเรน เสนาสเนน, อิตรีตรเสนาสนสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที, อิมํ ¶ โข อหํ, ภนฺเต, ภควติ จตุตฺถํ ธมฺมํ สมนุปสฺสามิ เยน ภควนฺตํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภนฺเต, ภควา ปวิวิตฺโต, ปวิเวกสฺส จ วณฺณวาที ¶ . ยมฺปิ, ภนฺเต, ภควา ปวิวิตฺโต, ปวิเวกสฺส จ วณฺณวาที, อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, ภควติ ปฺจมํ ธมฺมํ สมนุปสฺสามิ เยน ภควนฺตํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
‘‘อิเม โข อหํ, ภนฺเต, ภควติ ปฺจ ธมฺเม สมนุปสฺสามิ เยหิ ภควนฺตํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ¶ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺตี’’ติ.
๒๔๒. ‘‘‘อปฺปาหาโร สมโณ โคตโม, อปฺปาหารตาย จ วณฺณวาที’ติ, อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ, สนฺติ โข ปน เม, อุทายิ, สาวกา โกสกาหาราปิ อฑฺฒโกสกาหาราปิ เพลุวาหาราปิ อฑฺฒเพลุวาหาราปิ. อหํ ¶ โข ปน, อุทายิ, อปฺเปกทา อิมินา ปตฺเตน สมติตฺติกมฺปิ ภฺุชามิ ภิยฺโยปิ ภฺุชามิ. ‘อปฺปาหาโร สมโณ โคตโม, อปฺปาหารตาย จ วณฺณวาที’ติ, อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ, เย เต, อุทายิ, มม สาวกา โกสกาหาราปิ อฑฺฒโกสกาหาราปิ เพลุวาหาราปิ อฑฺฒเพลุวาหาราปิ น มํ เต อิมินา ธมฺเมน สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ.
‘‘‘สนฺตุฏฺโ สมโณ โคตโม อิตรีตเรน จีวเรน, อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา ¶ จ วณฺณวาที’ติ, อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ, สนฺติ โข ปน เม, อุทายิ, สาวกา ปํสุกูลิกา ลูขจีวรธรา เต สุสานา วา สงฺการกูฏา วา ปาปณิกา วา นนฺตกานิ [ปาปณิกานิ วา นนฺตกานิ วา (สี.)] อุจฺจินิตฺวา [อุจฺฉินฺทิตฺวา (ก.)] สงฺฆาฏึ กริตฺวา ธาเรนฺติ. อหํ โข ปนุทายิ, อปฺเปกทา คหปติจีวรานิ ธาเรมิ ¶ ทฬฺหานิ สตฺถลูขานิ อลาพุโลมสานิ. ‘สนฺตุฏฺโ สมโณ โคตโม อิตรีตเรน จีวเรน, อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที’ติ, อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ, เย เต, อุทายิ, มม สาวกา ปํสุกูลิกา ลูขจีวรธรา เต สุสานา วา สงฺการกูฏา วา ปาปณิกา วา นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กริตฺวา ธาเรนฺติ, น มํ เต อิมินา ธมฺเมน สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ.
‘‘‘สนฺตุฏฺโ สมโณ โคตโม อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, อิตรีตรปิณฺฑปาตสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที’ติ, อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ¶ ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ, สนฺติ โข ปน เม, อุทายิ, สาวกา ปิณฺฑปาติกา สปทานจาริโน อฺุฉาสเก วเต รตา, เต อนฺตรฆรํ ปวิฏฺา สมานา อาสเนนปิ นิมนฺติยมานา น สาทิยนฺติ. อหํ โข ปนุทายิ, อปฺเปกทา นิมนฺตเนปิ [นิมนฺตนสฺสาปิ (ก.)] ภฺุชามิ สาลีนํ โอทนํ วิจิตกาฬกํ ¶ ¶ อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนํ. ‘สนฺตุฏฺโ สมโณ โคตโม อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, อิตรีตรปิณฺฑปาตสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที’ติ, อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ, เย เต, อุทายิ, มม สาวกา ปิณฺฑปาติกา สปทานจาริโน อฺุฉาสเก วเต รตา เต อนฺตรฆรํ ปวิฏฺา สมานา อาสเนนปิ นิมนฺติยมานา น สาทิยนฺติ, น มํ เต อิมินา ธมฺเมน สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ.
‘‘‘สนฺตุฏฺโ สมโณ โคตโม อิตรีตเรน เสนาสเนน, อิตรีตรเสนาสนสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที’ติ, อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ, สนฺติ โข ปน เม, อุทายิ, สาวกา รุกฺขมูลิกา อพฺโภกาสิกา, เต อฏฺมาเส ฉนฺนํ น อุเปนฺติ. อหํ โข ปนุทายิ, อปฺเปกทา กูฏาคาเรสุปิ วิหรามิ อุลฺลิตฺตาวลิตฺเตสุ นิวาเตสุ ผุสิตคฺคเฬสุ [ผุสฺสิตคฺคเฬสุ (สี. ปี.)] ปิหิตวาตปาเนสุ. ‘สนฺตุฏฺโ สมโณ โคตโม อิตรีตเรน ¶ เสนาสเนน, อิตรีตรเสนาสนสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที’ติ, อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ, เย เต, อุทายิ, มม สาวกา รุกฺขมูลิกา อพฺโภกาสิกา เต อฏฺมาเส ฉนฺนํ น อุเปนฺติ, น มํ เต อิมินา ธมฺเมน สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ¶ ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ.
‘‘‘ปวิวิตฺโต สมโณ โคตโม, ปวิเวกสฺส จ วณฺณวาที’ติ, อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ, สนฺติ โข ปน เม, อุทายิ, สาวกา อารฺิกา ปนฺตเสนาสนา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรนฺติ, เต อนฺวทฺธมาสํ สงฺฆมชฺเฌ โอสรนฺติ ปาติโมกฺขุทฺเทสาย. อหํ โข ปนุทายิ, อปฺเปกทา อากิณฺโณ วิหรามิ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ ¶ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ รฺา ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ. ‘ปวิวิตฺโต สมโณ โคตโม, ปวิเวกสฺส จ วณฺณวาที’ติ, อิติ เจ ¶ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ, เย เต, อุทายิ, มม สาวกา อารฺกา ปนฺตเสนาสนา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรนฺติ เต อนฺวทฺธมาสํ สงฺฆมชฺเฌ โอสรนฺติ ปาติโมกฺขุทฺเทสาย, น มํ เต อิมินา ธมฺเมน สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ.
‘‘อิติ โข, อุทายิ, น มมํ สาวกา อิเมหิ ปฺจหิ ธมฺเมหิ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
๒๔๓. ‘‘อตฺถิ โข, อุทายิ, อฺเ จ ปฺจ ธมฺมา เยหิ ปฺจหิ ธมฺเมหิ มมํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ ¶ , สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธุทายิ, มมํ สาวกา อธิสีเล สมฺภาเวนฺติ – ‘สีลวา สมโณ โคตโม ปรเมน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต’ติ. ยมฺปุทายิ [ยมุทายิ (สฺยา. ก.)], มมํ สาวกา อธิสีเล สมฺภาเวนฺติ – ‘สีลวา สมโณ โคตโม ปรเมน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต’ติ, อยํ โข, อุทายิ ¶ , ปโม ธมฺโม เยน มมํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
๒๔๔. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, มมํ สาวกา อภิกฺกนฺเต าณทสฺสเน สมฺภาเวนฺติ – ‘ชานํเยวาห สมโณ โคตโม – ชานามีติ, ปสฺสํเยวาห สมโณ โคตโม – ปสฺสามีติ; อภิฺาย สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ โน อนภิฺาย; สนิทานํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ โน อนิทานํ; สปฺปาฏิหาริยํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ โน อปฺปาฏิหาริย’นฺติ. ยมฺปุทายิ, มมํ สาวกา อภิกฺกนฺเต าณทสฺสเน สมฺภาเวนฺติ – ‘ชานํเยวาห สมโณ โคตโม – ชานามีติ, ปสฺสํเยวาห สมโณ โคตโม – ปสฺสามีติ; อภิฺาย สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ โน อนภิฺาย; สนิทานํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ โน อนิทานํ; สปฺปาฏิหาริยํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ โน อปฺปาฏิหาริย’นฺติ, อยํ โข, อุทายิ, ทุติโย ธมฺโม เยน มมํ สาวกา ¶ ¶ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
๒๔๕. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, อุทายิ, มมํ สาวกา อธิปฺาย สมฺภาเวนฺติ – ‘ปฺวา สมโณ โคตโม ปรเมน ปฺากฺขนฺเธน สมนฺนาคโต; ตํ วต อนาคตํ วาทปถํ น ทกฺขติ, อุปฺปนฺนํ วา ปรปฺปวาทํ น สหธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺหิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ’. ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, อปิ นุ เม สาวกา เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตยฺยุ’’นฺติ?
‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.
‘‘น โข ปนาหํ, อุทายิ, สาวเกสุ อนุสาสนึ ปจฺจาสีสามิ [ปจฺจาสึสามิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; อฺทตฺถุ มมเยว สาวกา อนุสาสนึ ปจฺจาสีสนฺติ.
‘‘ยมฺปุทายิ, มมํ สาวกา อธิปฺาย สมฺภาเวนฺติ – ‘ปฺวา สมโณ โคตโม ปรเมน ปฺากฺขนฺเธน สมนฺนาคโต; ตํ วต อนาคตํ วาทปถํ น ทกฺขติ, อุปฺปนฺนํ วา ปรปฺปวาทํ น สหธมฺเมน นิคฺคหิตํ นิคฺคณฺหิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ’. อยํ โข, อุทายิ, ตติโย ธมฺโม เยน มมํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
๒๔๖. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, อุทายิ, มม สาวกา เยน ทุกฺเขน ทุกฺโขติณฺณา ทุกฺขปเรตา เต มํ อุปสงฺกมิตฺวา ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปุจฺฉนฺติ, เตสาหํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปุฏฺโ พฺยากโรมิ, เตสาหํ จิตฺตํ อาราเธมิ ปฺหสฺส เวยฺยากรเณน; เต มํ ทุกฺขสมุทยํ… ทุกฺขนิโรธํ… ทุกฺขนิโรธคามินึ ปฏิปทํ อริยสจฺจํ ปุจฺฉนฺติ, เตสาหํ ทุกฺขนิโรธคามินึ ปฏิปทํ อริยสจฺจํ ปุฏฺโ พฺยากโรมิ ¶ , เตสาหํ จิตฺตํ อาราเธมิ ปฺหสฺส เวยฺยากรเณน. ยมฺปุทายิ, มม สาวกา เยน ทุกฺเขน ทุกฺโขติณฺณา ทุกฺขปเรตา เต มํ อุปสงฺกมิตฺวา ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปุจฺฉนฺติ, เตสาหํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปุฏฺโ พฺยากโรมิ, เตสาหํ จิตฺตํ อาราเธมิ ปฺหสฺส เวยฺยากรเณน. เต มํ ทุกฺขสมุทยํ ¶ … ทุกฺขนิโรธํ… ทุกฺขนิโรธคามินึ ปฏิปทํ อริยสจฺจํ ปุจฺฉนฺติ. เตสาหํ ทุกฺขนิโรธคามินึ ปฏิปทํ อริยสจฺจํ ปุฏฺโ พฺยากโรมิ. เตสาหํ จิตฺตํ อาราเธมิ ปฺหสฺส เวยฺยากรเณน. อยํ โข, อุทายิ, จตุตฺโถ ธมฺโม เยน ¶ มมํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
๒๔๗. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา จตฺตาโร สติปฏฺาเน ภาเวนฺติ. อิธุทายิ, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ… จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา จตฺตาโร สมฺมปฺปธาเน ภาเวนฺติ. อิธุทายิ ¶ , ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, วีริยํ อารภติ, จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, ปทหติ; อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, วีริยํ อารภติ, จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, ปทหติ; อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, วีริยํ อารภติ, จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, ปทหติ; อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ิติยา อสมฺโมสาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, วีริยํ อารภติ, จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, ปทหติ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา จตฺตาโร อิทฺธิปาเท ภาเวนฺติ. อิธุทายิ, ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีริยสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, จิตฺตสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา ปฺจินฺทฺริยานิ ภาเวนฺติ. อิธุทายิ ¶ , ภิกฺขุ สทฺธินฺทฺริยํ ภาเวติ อุปสมคามึ สมฺโพธคามึ; วีริยินฺทฺริยํ ภาเวติ…เป… สตินฺทฺริยํ ภาเวติ… สมาธินฺทฺริยํ ภาเวติ… ปฺินฺทฺริยํ ภาเวติ ¶ อุปสมคามึ สมฺโพธคามึ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา ปฺจ พลานิ ภาเวนฺติ. อิธุทายิ, ภิกฺขุ สทฺธาพลํ ภาเวติ อุปสมคามึ สมฺโพธคามึ; วีริยพลํ ภาเวติ…เป… สติพลํ ภาเวติ… สมาธิพลํ ภาเวติ… ปฺาพลํ ภาเวติ อุปสมคามึ สมฺโพธคามึ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา สตฺตโพชฺฌงฺเค ภาเวนฺติ. อิธุทายิ, ภิกฺขุ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามึ; ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ…เป… วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามึ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวนฺติ. อิธุทายิ, ภิกฺขุ สมฺมาทิฏฺึ ภาเวติ, สมฺมาสงฺกปฺปํ ภาเวติ, สมฺมาวาจํ ภาเวติ ¶ , สมฺมากมฺมนฺตํ ภาเวติ, สมฺมาอาชีวํ ภาเวติ, สมฺมาวายามํ ภาเวติ, สมฺมาสตึ ¶ ภาเวติ, สมฺมาสมาธึ ภาเวติ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๔๘. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา อฏฺ วิโมกฺเข ภาเวนฺติ. รูปี รูปานิ ปสฺสติ, อยํ ปโม วิโมกฺโข; อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ, อยํ ทุติโย วิโมกฺโข; สุภนฺเตว อธิมุตฺโต โหติ, อยํ ตติโย วิโมกฺโข; สพฺพโส รูปสฺานํ ¶ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ จตุตฺโถ วิโมกฺโข; สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ปฺจโม วิโมกฺโข; สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ ฉฏฺโ วิโมกฺโข; สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ สตฺตโม วิโมกฺโข; สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ อฏฺโม วิโมกฺโข. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๔๙. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา ¶ เม สาวกา อฏฺ อภิภายตนานิ ภาเวนฺติ. อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ. ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ, ปสฺสามี’ติ เอวํ สฺี โหติ. อิทํ ปมํ อภิภายตนํ.
‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ. ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ, ปสฺสามี’ติ เอวํ สฺี โหติ. อิทํ ทุติยํ อภิภายตนํ.
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ. ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ, ปสฺสามี’ติ เอวํ สฺี โหติ. อิทํ ตติยํ อภิภายตนํ.
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ. ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ, ปสฺสามี’ติ เอวํ สฺี โหติ. อิทํ จตุตฺถํ อภิภายตนํ.
‘‘อชฺฌตฺตํ ¶ ¶ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิ. เสยฺยถาปิ นาม อุมาปุปฺผํ นีลํ นีลวณฺณํ นีลนิทสฺสนํ นีลนิภาสํ, เสยฺยถาปิ วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺํ นีลํ นีลวณฺณํ นีลนิทสฺสนํ นีลนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิ. ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ, ปสฺสามี’ติ เอวํ สฺี โหติ. อิทํ ปฺจมํ อภิภายตนํ ¶ .
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิ. เสยฺยถาปิ นาม กณิการปุปฺผํ ¶ ปีตํ ปีตวณฺณํ ปีตนิทสฺสนํ ปีตนิภาสํ, เสยฺยถาปิ วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺํ ปีตํ ปีตวณฺณํ ปีตนิทสฺสนํ ปีตนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิ. ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ, ปสฺสามี’ติ เอวํ สฺี โหติ. อิทํ ฉฏฺํ อภิภายตนํ.
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โลหิตกานิ โลหิตกวณฺณานิ โลหิตกนิทสฺสนานิ โลหิตกนิภาสานิ. เสยฺยถาปิ นาม พนฺธุชีวกปุปฺผํ โลหิตกํ โลหิตกวณฺณํ โลหิตกนิทสฺสนํ โลหิตกนิภาสํ, เสยฺยถาปิ วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺํ โลหิตกํ โลหิตกวณฺณํ โลหิตกนิทสฺสนํ โลหิตกนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โลหิตกานิ โลหิตกวณฺณานิ โลหิตกนิทสฺสนานิ โลหิตกนิภาสานิ. ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ, ปสฺสามี’ติ เอวํ สฺี โหติ. อิทํ สตฺตมํ อภิภายตนํ.
‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิ. เสยฺยถาปิ นาม โอสธิตารกา โอทาตา โอทาตวณฺณา โอทาตนิทสฺสนา โอทาตนิภาสา, เสยฺยถาปิ วา ปน ตํ วตฺถํ พาราณเสยฺยกํ อุภโตภาควิมฏฺํ โอทาตํ โอทาตวณฺณํ โอทาตนิทสฺสนํ โอทาตนิภาสํ; เอวเมว อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิ ¶ ¶ . ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ¶ , ปสฺสามี’ติ เอวํสฺี โหติ. อิทํ อฏฺมํ อภิภายตนํ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๕๐. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา ทส กสิณายตนานิ ภาเวนฺติ. ปถวีกสิณเมโก สฺชานาติ อุทฺธมโธ ติริยํ อทฺวยํ อปฺปมาณํ; อาโปกสิณเมโก สฺชานาติ…เป… เตโชกสิณเมโก สฺชานาติ… วาโยกสิณเมโก สฺชานาติ… นีลกสิณเมโก สฺชานาติ… ปีตกสิณเมโก สฺชานาติ… โลหิตกสิณเมโก สฺชานาติ… โอทาตกสิณเมโก สฺชานาติ… อากาสกสิณเมโก สฺชานาติ ¶ … วิฺาณกสิณเมโก สฺชานาติ อุทฺธมโธ ติริยํ อทฺวยํ อปฺปมาณํ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๕๑. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา จตฺตาริ ฌานานิ ภาเวนฺติ. อิธุทายิ, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส วิเวกเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ทกฺโข นฺหาปโก [นหาปโก (สี. ปี.)] วา นฺหาปกนฺเตวาสี ¶ วา กํสถาเล นฺหานียจุณฺณานิ [นหานียจุณฺณานิ (สี. ปี.)] อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ สนฺเนยฺย, สายํ นฺหานียปิณฺฑิ [สาสฺส นหานียปิณฺฑี (สี. สฺยา. กํ.)] สฺเนหานุคตา สฺเนหปเรโต สนฺตรพาหิรา ผุฏา สฺเนเหน น จ ปคฺฆริณี; เอวเมว โข, อุทายิ, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส วิเวกเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ สมาธิเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส สมาธิเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ ¶ . เสยฺยถาปิ, อุทายิ, อุทกรหโท คมฺภีโร อุพฺภิโททโก [อุพฺภิโตทโก (สฺยา. กํ. ก.)]. ตสฺส เนวสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ ¶ , น ปจฺฉิมาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, น อุตฺตราย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, น ทกฺขิณาย ทิสาย อุทกสฺส ¶ อายมุขํ, เทโว จ น กาเลน กาลํ สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺเฉยฺย; อถ โข ตมฺหาว อุทกรหทา สีตา วาริธารา อุพฺภิชฺชิตฺวา ตเมว อุทกรหทํ สีเตน วารินา อภิสนฺเทยฺย ปริสนฺเทยฺย ปริปูเรยฺย ปริปฺผเรยฺย, นาสฺส [น เนสํ (สี.)] กิฺจิ สพฺพาวโต อุทกรหทสฺส สีเตน วารินา อปฺผุฏํ อสฺส. เอวเมว โข, อุทายิ, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ สมาธิเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต ¶ กายสฺส สมาธิเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา…เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ นิปฺปีติเกน สุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส นิปฺปีติเกน สุเขน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ วา อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโต นิมุคฺคโปสีนิ, ตานิ ยาว จคฺคา ยาว จ มูลา สีเตน วารินา อภิสนฺนานิ ปริสนฺนานิ ปริปูรานิ ปริปฺผุฏานิ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวตํ, อุปฺปลานํ วา ปทุมานํ วา ปุณฺฑรีกานํ วา สีเตน วารินา อปฺผุฏํ อสฺส; เอวเมว โข, อุทายิ, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ นิปฺปีติเกน สุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส นิปฺปีติเกน สุเขน อปฺผุฏํ โหติ.
‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน ผริตฺวา นิสินฺโน โหติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ปุริโส โอทาเตน วตฺเถน สสีสํ ปารุปิตฺวา นิสินฺโน อสฺส, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส โอทาเตน วตฺเถน ¶ อปฺผุฏํ อสฺส; เอวเมว โข, อุทายิ, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ ¶ ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน ผริตฺวา นิสินฺโน โหติ, นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส ปริสุทฺเธน ¶ เจตสา ปริโยทาเตน อปฺผุฏํ โหติ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๕๒. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา เอวํ ปชานนฺติ – ‘อยํ โข เม กาโย รูปี จาตุมหาภูติโก มาตาเปตฺติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสูปจโย อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโม; อิทฺจ ปน เม วิฺาณํ เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฏิพทฺธํ’. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน สพฺพาการสมฺปนฺโน; ตตฺริทํ สุตฺตํ อาวุตํ นีลํ วา ปีตํ วา โลหิตํ วา โอทาตํ วา ปณฺฑุสุตฺตํ วา. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส หตฺเถ กริตฺวา ปจฺจเวกฺเขยฺย – ‘อยํ โข มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน สพฺพาการสมฺปนฺโน; ตตฺริทํ สุตฺตํ อาวุตํ นีลํ วา ปีตํ วา โลหิตํ วา โอทาตํ วา ปณฺฑุสุตฺตํ วา’ติ. เอวเมว โข, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา เอวํ ปชานนฺติ – ‘อยํ โข เม กาโย รูปี จาตุมหาภูติโก มาตาเปตฺติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสูปจโย อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโม; อิทฺจ ¶ ปน เม วิฺาณํ เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฏิพทฺธ’นฺติ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๕๓. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินนฺติ รูปึ มโนมยํ สพฺพงฺคปจฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริยํ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ปุริโส มฺุชมฺหา อีสิกํ ปพฺพาเหยฺย; ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ มฺุโช, อยํ อีสิกา; อฺโ มฺุโช, อฺา อีสิกา; มฺุชมฺหาตฺเวว อีสิกา ปพฺพาฬฺหา’ติ. เสยฺยถา วา ปนุทายิ, ปุริโส อสึ โกสิยา ปพฺพาเหยฺย; ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ อสิ, อยํ โกสิ; อฺโ อสิ อฺา โกสิ; โกสิยาตฺเวว อสิ ปพฺพาฬฺโห’ติ. เสยฺยถา วา, ปนุทายิ ¶ , ปุริโส อหึ กรณฺฑา อุทฺธเรยฺย; ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ อหิ, อยํ กรณฺโฑ; อฺโ ¶ อหิ, อฺโ กรณฺโฑ; กรณฺฑาตฺเวว อหิ อุพฺภโต’ติ. เอวเมว โข, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ ¶ อภินิมฺมินนฺติ รูปึ มโนมยํ สพฺพงฺคปจฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริยํ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๕๔. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภนฺติ – เอโกปิ ¶ หุตฺวา พหุธา โหนฺติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมานา คจฺฉนฺติ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรนฺติ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน [อภิชฺชมานา (ก.)] คจฺฉนฺติ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กมนฺติ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมสนฺติ ปริมชฺชนฺติ, ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตนฺติ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ทกฺโข กุมฺภกาโร วา กุมฺภการนฺเตวาสี วา สุปริกมฺมกตาย มตฺติกาย ยํ ยเทว ภาชนวิกตึ อากงฺเขยฺย ตํ ตเทว กเรยฺย อภินิปฺผาเทยฺย; เสยฺยถา วา ปนุทายิ, ทกฺโข ทนฺตกาโร วา ทนฺตการนฺเตวาสี วา สุปริกมฺมกตสฺมึ ทนฺตสฺมึ ยํ ยเทว ทนฺตวิกตึ อากงฺเขยฺย ตํ ตเทว กเรยฺย อภินิปฺผาเทยฺย; เสยฺยถา วา ปนุทายิ, ทกฺโข สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา สุปริกมฺมกตสฺมึ สุวณฺณสฺมึ ยํ ยเทว สุวณฺณวิกตึ อากงฺเขยฺย ตํ ตเทว กเรยฺย อภินิปฺผาเทยฺย. เอวเมว โข, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภนฺติ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหนฺติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมานา คจฺฉนฺติ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรนฺติ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉนฺติ ¶ , เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กมนฺติ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี ¶ สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมสนฺติ ปริมชฺชนฺติ, ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน ¶ วสํ วตฺเตนฺติ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๕๕. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุณนฺติ – ทิพฺเพ จ มานุเส จ, เย ทูเร สนฺติเก จ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จาตุทฺทิสา วิฺาเปยฺย; เอวเมว โข, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา ¶ เม สาวกา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุณนฺติ – ทิพฺเพ จ มานุเส จ, เย ทูเร สนฺติเก จ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๕๖. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานนฺติ – สราคํ วา จิตฺตํ ‘สราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ, วีตราคํ วา จิตฺตํ ‘วีตราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ; สโทสํ วา จิตฺตํ ‘สโทสํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ ‘วีตโทสํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ; สโมหํ วา จิตฺตํ ‘สโมหํ จิตฺต’นฺติ ¶ ปชานนฺติ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ ‘วีตโมหํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ; สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ ‘สงฺขิตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ ‘วิกฺขิตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ; มหคฺคตํ วา จิตฺตํ ‘มหคฺคตํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ ‘อมหคฺคตํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ; สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ ‘สอุตฺตรํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ ‘อนุตฺตรํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ; สมาหิตํ วา จิตฺตํ ‘สมาหิตํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ ‘อสมาหิตํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ; วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘วิมุตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘อวิมุตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อาทาเส วา ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อจฺเฉ วา อุทกปตฺเต สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน สกณิกํ วา ‘สกณิก’นฺติ [สกณิกงฺคํ วา สกณิกงฺคนฺติ (สี.)] ชาเนยฺย ¶ , อกณิกํ วา ‘อกณิก’นฺติ [อกณิกงฺคํ วา อกณิกงฺคนฺติ (สี.)] ชาเนยฺย; เอวเมว โข, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานนฺติ – สราคํ ¶ วา จิตฺตํ ‘สราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ, วีตราคํ วา จิตฺตํ…เป… สโทสํ วา จิตฺตํ… วีตโทสํ วา จิตฺตํ… สโมหํ วา จิตฺตํ… วีตโมหํ วา จิตฺตํ… สงฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ… วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ… มหคฺคตํ วา ¶ จิตฺตํ… อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ… สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ… อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ… สมาหิตํ วา จิตฺตํ… อสมาหิตํ วา จิตฺตํ… วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ… อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘อวิมุตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานนฺติ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๕๗. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา ¶ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ, อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ปุริโส สกมฺหา คามา อฺํ คามํ คจฺเฉยฺย, ตมฺหาปิ คามา อฺํ คามํ คจฺเฉยฺย; โส ตมฺหา คามา สกํเยว คามํ ปจฺจาคจฺเฉยฺย; ตสฺส เอวมสฺส – ‘อหํ โข สกมฺหา คามา อฺํ คามํ ¶ อคจฺฉึ, ตตฺร เอวํ อฏฺาสึ เอวํ นิสีทึ เอวํ อภาสึ เอวํ ตุณฺหี อโหสึ; ตมฺหาปิ คามา อมุํ คามํ อคจฺฉึ, ตตฺราปิ เอวํ อฏฺาสึ ¶ เอวํ นิสีทึ เอวํ อภาสึ เอวํ ตุณฺหี อโหสึ, โสมฺหิ ตมฺหา คามา สกํเยว คามํ ปจฺจาคโต’ติ. เอวเมว โข, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ. ตตฺร จ ปน เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๕๘. ‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ¶ ปสฺสนฺติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานนฺติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ ¶ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสนฺติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค ¶ สตฺเต ปชานนฺติ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ทฺเว อคารา สทฺวารา [สนฺนทฺวารา (ก.)]. ตตฺร จกฺขุมา ปุริโส มชฺเฌ ิโต ปสฺเสยฺย มนุสฺเส เคหํ ปวิสนฺเตปิ นิกฺขมนฺเตปิ อนุจงฺกมนฺเตปิ อนุวิจรนฺเตปิ; เอวเมว โข, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสนฺติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานนฺติ…เป… ตตฺร จ ป เม สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ.
๒๕๙. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ปพฺพตสงฺเขเป อุทกรหโท อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน อนาวิโล, ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส ตีเร ิโต ปสฺเสยฺย สิปฺปิสมฺพุกมฺปิ [สิปฺปิกสมฺพุกมฺปิ (สฺยา. กํ. ก.)] สกฺขรกลมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปิ. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข อุทกรหโท อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน อนาวิโล, ตตฺริเม สิปฺปิสมฺพุกาปิ สกฺขรกลาปิ มจฺฉคุมฺพาปิ จรนฺติปิ ติฏฺนฺติปี’ติ. เอวเมว โข, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา ¶ เม สาวกา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. ตตฺร จ ปน เม ¶ สาวกา พหู อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา วิหรนฺติ. อยํ โข, อุทายิ, ปฺจโม ธมฺโม เยน มม สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ.
‘‘อิเม โข, อุทายิ, ปฺจ ธมฺมา เยหิ มมํ สาวกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรนฺตี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน สกุลุทายี ปริพฺพาชโก ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
มหาสกุลุทายิสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.
๘. สมณมุณฺฑิกสุตฺตํ
๒๖๐. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต [สมณมณฺฑิกาปุตฺโต (สี. ปี.)] สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสติ ¶ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ปริพฺพาชกสเตหิ. อถ โข ปฺจกงฺโค ถปติ สาวตฺถิยา นิกฺขมิ ทิวา ทิวสฺส ภควนฺตํ ทสฺสนาย. อถ โข ปฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข ตาว ภควนฺตํ ทสฺสนาย; ปฏิสลฺลีโน ภควา. มโนภาวนิยานมฺปิ ภิกฺขูนํ อสมโย ทสฺสนาย; ปฏิสลฺลีนา มโนภาวนิยา ภิกฺขู. ยํนูนาหํ เยน สมยปฺปวาทโก ตินฺทุกาจีโร เอกสาลโก มลฺลิกาย อาราโม เยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต เตนุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ. อถ โข ปฺจกงฺโค ถปติ เยน สมยปฺปวาทโก ตินฺทุกาจีโร เอกสาลโก มลฺลิกาย อาราโม เยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ.
เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ นิสินฺโน โหติ อุนฺนาทินิยา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาย อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติยา, เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ มหามตฺตกถํ เสนากถํ ภยกถํ ¶ ยุทฺธกถํ ¶ อนฺนกถํ ปานกถํ วตฺถกถํ สยนกถํ มาลากถํ คนฺธกถํ าติกถํ ยานกถํ คามกถํ นิคมกถํ นครกถํ ชนปทกถํ อิตฺถิกถํ สูรกถํ วิสิขากถํ กุมฺภฏฺานกถํ ปุพฺพเปตกถํ นานตฺตกถํ โลกกฺขายิกํ สมุทฺทกฺขายิกํ อิติภวาภวกถํ อิติ วา.
อทฺทสา โข อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต ปฺจกงฺคํ ถปตึ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน สกํ ปริสํ สณฺาเปสิ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภนฺโต โหนฺตุ, มา โภนฺโต สทฺทมกตฺถ; อยํ สมณสฺส โคตมสฺส สาวโก อาคจฺฉติ ปฺจกงฺโค ถปติ. ยาวตา โข ปน สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา คิหี โอทาตวสนา สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺติ อยํ เตสํ อฺตโร ¶ ปฺจกงฺโค ถปติ. อปฺปสทฺทกามา โข ปน เต อายสฺมนฺโต อปฺปสทฺทวินีตา อปฺปสทฺทสฺส วณฺณวาทิโน; อปฺเปว นาม อปฺปสทฺทํ ปริสํ วิทิตฺวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺเยฺยา’’ติ. อถ โข เต ปริพฺพาชกา ตุณฺหี อเหสุํ.
๒๖๑. อถ โข ปฺจกงฺโค ถปติ เยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุคฺคาหมาเนน ปริพฺพาชเกน สมณมุณฺฑิกาปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิ ¶ . สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ปฺจกงฺคํ ถปตึ อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘จตูหิ โข อหํ, คหปติ, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ ปุริสปุคฺคลํ ปฺเปมิ สมฺปนฺนกุสลํ ปรมกุสลํ ¶ อุตฺตมปตฺติปตฺตํ สมณํ อโยชฺฌํ. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, คหปติ, น กาเยน ปาปกมฺมํ กโรติ, น ปาปกํ วาจํ ภาสติ, น ปาปกํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺเปติ, น ปาปกํ อาชีวํ อาชีวติ – อิเมหิ โข อหํ, คหปติ, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ ปุริสปุคฺคลํ ปฺเปมิ สมฺปนฺนกุสลํ ปรมกุสลํ อุตฺตมปตฺติปตฺตํ สมณํ อโยชฺฌ’’นฺติ.
อถ โข ปฺจกงฺโค ถปติ อุคฺคาหมานสฺส ปริพฺพาชกสฺส สมณมุณฺฑิกาปุตฺตสฺส ภาสิตํ เนว อภินนฺทิ นปฺปฏิกฺโกสิ. อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ – ‘‘ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามี’’ติ. อถ โข ปฺจกงฺโค ถปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปฺจกงฺโค ถปติ ยาวตโก อโหสิ อุคฺคาหมาเนน ¶ ปริพฺพาชเกน สมณมุณฺฑิกาปุตฺเตน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ.
๒๖๒. เอวํ วุตฺเต, ภควา ปฺจกงฺคํ ถปตึ เอตทโวจ – ‘‘เอวํ สนฺเต โข, ถปติ, ทหโร กุมาโร มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก สมฺปนฺนกุสโล ภวิสฺสติ ปรมกุสโล อุตฺตมปตฺติปตฺโต สมโณ อโยชฺโฌ, ยถา อุคฺคาหมานสฺส ปริพฺพาชกสฺส สมณมุณฺฑิกาปุตฺตสฺส วจนํ. ทหรสฺส หิ, ถปติ, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส กาโยติปิ น โหติ, กุโต ปน กาเยน ปาปกมฺมํ กริสฺสติ, อฺตฺร ผนฺทิตมตฺตา! ทหรสฺส หิ, ถปติ, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส ¶ วาจาติปิ น โหติ, กุโต ปน ปาปกํ วาจํ ภาสิสฺสติ, อฺตฺร โรทิตมตฺตา ¶ ! ทหรสฺส หิ, ถปติ, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส สงฺกปฺโปติปิ น โหติ, กุโต ปน ปาปกํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺปิสฺสติ, อฺตฺร วิกูชิตมตฺตา [วิกุชฺชิตมตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]! ทหรสฺส หิ, ถปติ, กุมารสฺส มนฺทสฺส อุตฺตานเสยฺยกสฺส อาชีโวติปิ น โหติ, กุโต ปน ปาปกํ ¶ อาชีวํ อาชีวิสฺสติ, อฺตฺร มาตุถฺา! เอวํ สนฺเต โข, ถปติ, ทหโร กุมาโร มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก สมฺปนฺนกุสโล ภวิสฺสติ ปรมกุสโล อุตฺตมปตฺติปตฺโต สมโณ อโยชฺโฌ, ยถา อุคฺคาหมานสฺส ปริพฺพาชกสฺส สมณมุณฺฑิกาปุตฺตสฺส วจนํ.
๒๖๓. ‘‘จตูหิ โข อหํ, ถปติ, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ ปุริสปุคฺคลํ ปฺเปมิ น เจว สมฺปนฺนกุสลํ น ปรมกุสลํ น อุตฺตมปตฺติปตฺตํ สมณํ อโยชฺฌํ, อปิ จิมํ ทหรํ กุมารํ มนฺทํ อุตฺตานเสยฺยกํ สมธิคยฺห ติฏฺติ. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ถปติ, น กาเยน ปาปกมฺมํ กโรติ, น ปาปกํ วาจํ ภาสติ, น ปาปกํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺเปติ, น ปาปกํ อาชีวํ อาชีวติ – อิเมหิ โข อหํ, ถปติ, จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ ปุริสปุคฺคลํ ปฺเปมิ น เจว สมฺปนฺนกุสลํ น ปรมกุสลํ น อุตฺตมปตฺติปตฺตํ สมณํ อโยชฺฌํ, อปิ จิมํ ทหรํ กุมารํ มนฺทํ อุตฺตานเสยฺยกํ สมธิคยฺห ติฏฺติ.
‘‘ทสหิ ¶ โข อหํ, ถปติ, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ ปุริสปุคฺคลํ ปฺเปมิ สมฺปนฺนกุสลํ ปรมกุสลํ อุตฺตมปตฺติปตฺตํ สมณํ อโยชฺฌํ. อิเม อกุสลา สีลา; ตมหํ [กหํ (สี.), ตหํ (ปี.)], ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. อิโตสมุฏฺานา อกุสลา ¶ สีลา; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. อิธ อกุสลา สีลา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. เอวํ ปฏิปนฺโน อกุสลานํ สีลานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ.
‘‘อิเม กุสลา สีลา; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. อิโตสมุฏฺานา กุสลา สีลา; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. อิธ กุสลา สีลา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. เอวํ ปฏิปนฺโน กุสลานํ สีลานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ.
‘‘อิเม อกุสลา สงฺกปฺปา; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. อิโตสมุฏฺานา อกุสลา สงฺกปฺปา ¶ ; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. อิธ อกุสลา ¶ สงฺกปฺปา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. เอวํ ปฏิปนฺโน อกุสลานํ สงฺกปฺปานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ.
‘‘อิเม กุสลา สงฺกปฺปา; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. อิโตสมุฏฺานา กุสลา สงฺกปฺปา ¶ ; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. อิธ กุสลา สงฺกปฺปา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ. เอวํ ปฏิปนฺโน กุสลานํ สงฺกปฺปานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ; ตมหํ, ถปติ, เวทิตพฺพนฺติ วทามิ.
๒๖๔. ‘‘กตเม จ, ถปติ, อกุสลา สีลา? อกุสลํ กายกมฺมํ, อกุสลํ วจีกมฺมํ, ปาปโก อาชีโว – อิเม วุจฺจนฺติ, ถปติ, อกุสลา สีลา.
‘‘อิเม จ, ถปติ, อกุสลา สีลา กึสมุฏฺานา? สมุฏฺานมฺปิ เนสํ วุตฺตํ. ‘จิตฺตสมุฏฺานา’ติสฺส วจนียํ. กตมํ จิตฺตํ? จิตฺตมฺปิ หิ พหุํ อเนกวิธํ นานปฺปการกํ. ยํ จิตฺตํ สราคํ สโทสํ สโมหํ, อิโตสมุฏฺานา อกุสลา สีลา.
‘‘อิเม จ, ถปติ, อกุสลา สีลา กุหึ อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ? นิโรโธปิ เนสํ วุตฺโต. อิธ, ถปติ, ภิกฺขุ กายทุจฺจริตํ ปหาย กายสุจริตํ ¶ ภาเวติ, วจีทุจฺจริตํ ปหาย วจีสุจริตํ ภาเวติ, มโนทุจฺจริตํ ปหาย มโนสุจริตํ ภาเวติ, มิจฺฉาชีวํ ปหาย สมฺมาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปติ – เอตฺเถเต อกุสลา สีลา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘กถํ ปฏิปนฺโน, ถปติ, อกุสลานํ สีลานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ? อิธ, ถปติ, ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อุปฺปนฺนานํ ¶ กุสลานํ ธมฺมานํ ิติยา อสมฺโมสาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ ¶ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ. เอวํ ปฏิปนฺโน ¶ โข, ถปติ, อกุสลานํ สีลานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ.
๒๖๕. ‘‘กตเม จ, ถปติ, กุสลา สีลา? กุสลํ กายกมฺมํ, กุสลํ วจีกมฺมํ, อาชีวปริสุทฺธมฺปิ โข อหํ, ถปติ, สีลสฺมึ วทามิ. อิเม วุจฺจนฺติ, ถปติ, กุสลา สีลา.
‘‘อิเม จ, ถปติ, กุสลา สีลา กึสมุฏฺานา? สมุฏฺานมฺปิ เนสํ วุตฺตํ. ‘จิตฺตสมุฏฺานา’ติสฺส วจนียํ. กตมํ จิตฺตํ? จิตฺตมฺปิ หิ พหุํ อเนกวิธํ นานปฺปการกํ. ยํ จิตฺตํ วีตราคํ วีตโทสํ วีตโมหํ, อิโตสมุฏฺานา กุสลา สีลา.
‘‘อิเม จ, ถปติ, กุสลา สีลา กุหึ อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ? นิโรโธปิ เนสํ วุตฺโต. อิธ, ถปติ, ภิกฺขุ สีลวา โหติ โน จ สีลมโย, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ ปชานาติ; ยตฺถสฺส เต กุสลา สีลา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘กถํ ปฏิปนฺโน จ, ถปติ, กุสลานํ สีลานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ? อิธ, ถปติ, ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ ¶ ; อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย…เป… อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย…เป… อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ¶ ิติยา อสมฺโมสาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ. เอวํ ปฏิปนฺโน โข, ถปติ, กุสลานํ สีลานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ.
๒๖๖. ‘‘กตเม จ, ถปติ, อกุสลา สงฺกปฺปา? กามสงฺกปฺโป, พฺยาปาทสงฺกปฺโป, วิหึสาสงฺกปฺโป – อิเม วุจฺจนฺติ, ถปติ, อกุสลา สงฺกปฺปา.
‘‘อิเม จ, ถปติ, อกุสลา สงฺกปฺปา กึสมุฏฺานา? สมุฏฺานมฺปิ เนสํ วุตฺตํ. ‘สฺาสมุฏฺานา’ติสฺส ¶ วจนียํ. กตมา สฺา? สฺาปิ หิ พหู อเนกวิธา นานปฺปการกา. กามสฺา, พฺยาปาทสฺา, วิหึสาสฺา – อิโตสมุฏฺานา อกุสลา สงฺกปฺปา.
‘‘อิเม จ, ถปติ, อกุสลา สงฺกปฺปา กุหึ อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ? นิโรโธปิ เนสํ วุตฺโต. อิธ, ถปติ, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; เอตฺเถเต อกุสลา สงฺกปฺปา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘กถํ ปฏิปนฺโน จ, ถปติ, อกุสลานํ สงฺกปฺปานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ? อิธ, ถปติ, ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย…เป… อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย…เป… อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ิติยา อสมฺโมสาย ¶ ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ. เอวํ ปฏิปนฺโน โข, ถปติ, อกุสลานํ สงฺกปฺปานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ.
๒๖๗. ‘‘กตเม จ, ถปติ, กุสลา สงฺกปฺปา? เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป, อพฺยาปาทสงฺกปฺโป, อวิหึสาสงฺกปฺโป – อิเม วุจฺจนฺติ, ถปติ, กุสลา สงฺกปฺปา.
‘‘อิเม จ, ถปติ, กุสลา สงฺกปฺปา กึสมุฏฺานา? สมุฏฺานมฺปิ เนสํ วุตฺตํ. ‘สฺาสมุฏฺานา’ติสฺส วจนียํ. กตมา สฺา? สฺาปิ หิ พหู อเนกวิธา ¶ นานปฺปการกา. เนกฺขมฺมสฺา, อพฺยาปาทสฺา, อวิหึสาสฺา – อิโตสมุฏฺานา กุสลา สงฺกปฺปา.
‘‘อิเม จ, ถปติ, กุสลา สงฺกปฺปา กุหึ อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ? นิโรโธปิ เนสํ วุตฺโต. อิธ, ถปติ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; เอตฺเถเต กุสลา สงฺกปฺปา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘กถํ ¶ ปฏิปนฺโน จ, ถปติ, กุสลานํ สงฺกปฺปานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ? อิธ, ถปติ, ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย…เป… อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย…เป… อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ิติยา อสมฺโมสาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ ¶ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ. เอวํ ปฏิปนฺโน โข, ถปติ, กุสลานํ สงฺกปฺปานํ นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ.
๒๖๘. ‘‘กตเมหิ จาหํ, ถปติ, ทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ ปุริสปุคฺคลํ ปฺเปมิ ¶ สมฺปนฺนกุสลํ ปรมกุสลํ อุตฺตมปตฺติปตฺตํ สมณํ อโยชฺฌํ? อิธ, ถปติ, ภิกฺขุ อเสขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาสงฺกปฺเปน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย สมฺมาวาจาย สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมากมฺมนฺเตน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาอาชีเวน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาวายาเมน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย สมฺมาสติยา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาาเณน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย สมฺมาวิมุตฺติยา สมนฺนาคโต โหติ – อิเมหิ โข อหํ, ถปติ, ทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ ปุริสปุคฺคลํ ปฺเปมิ สมฺปนฺนกุสลํ ปรมกุสลํ อุตฺตมปตฺติปตฺตํ สมณํ อโยชฺฌ’’นฺติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน ปฺจกงฺโค ถปติ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
สมณมุณฺฑิกสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.
๙. จูฬสกุลุทายิสุตฺตํ
๒๖๙. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน สกุลุทายี ปริพฺพาชโก โมรนิวาเป ปริพฺพาชการาเม ปฏิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อติปฺปโค โข ตาว ราชคเห ปิณฺฑาย จริตุํ. ยํนูนาหํ เยน โมรนิวาโป ปริพฺพาชการาโม เยน สกุลุทายี ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ. อถ โข ภควา เยน โมรนิวาโป ปริพฺพาชการาโม เตนุปสงฺกมิ.
เตน โข ปน สมเยน สกุลุทายี ปริพฺพาชโก มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ นิสินฺโน โหติ อุนฺนาทินิยา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาย ¶ อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติยา, เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ มหามตฺตกถํ เสนากถํ ภยกถํ ยุทฺธกถํ อนฺนกถํ ปานกถํ วตฺถกถํ สยนกถํ มาลากถํ คนฺธกถํ าติกถํ ยานกถํ คามกถํ นิคมกถํ นครกถํ ชนปทกถํ อิตฺถิกถํ สูรกถํ วิสิขากถํ กุมฺภฏฺานกถํ ปุพฺพเปตกถํ นานตฺตกถํ โลกกฺขายิกํ สมุทฺทกฺขายิกํ อิติภวาภวกถํ อิติ วา. อทฺทสา โข สกุลุทายี ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน สกํ ปริสํ สณฺาเปสิ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภนฺโต โหนฺตุ, มา โภนฺโต สทฺทมกตฺถ. อยํ สมโณ โคตโม อาคจฺฉติ; อปฺปสทฺทกาโม โข ปน โส อายสฺมา อปฺปสทฺทสฺส วณฺณวาที. อปฺเปว นาม อปฺปสทฺทํ ปริสํ วิทิตฺวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺเยฺยา’’ติ. อถ โข เต ปริพฺพาชกา ตุณฺหี อเหสุํ ¶ .
๒๗๐. อถ โข ภควา เยน สกุลุทายี ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิ. อถ โข สกุลุทายี ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตุ โข, ภนฺเต, ภควา. สฺวาคตํ, ภนฺเต, ภควโต. จิรสฺสํ โข, ภนฺเต, ภควา อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนาย. นิสีทตุ, ภนฺเต, ภควา; อิทมาสนํ ปฺตฺต’’นฺติ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. สกุลุทายีปิ โข ¶ ปริพฺพาชโก อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข สกุลุทายึ ปริพฺพาชกํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กาย นุตฺถ, อุทายิ, เอตรหิ ¶ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ? ‘‘ติฏฺเตสา, ภนฺเต, กถา ยาย มยํ เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา. เนสา, ภนฺเต, กถา ภควโต ทุลฺลภา ภวิสฺสติ ปจฺฉาปิ สวนาย. ยทาหํ, ภนฺเต, อิมํ ปริสํ อนุปสงฺกนฺโต โหมิ อถายํ ปริสา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺตี นิสินฺนา โหติ; ยทา จ โข อหํ, ภนฺเต, อิมํ ปริสํ อุปสงฺกนฺโต โหมิ อถายํ ปริสา มมฺเว มุขํ อุลฺโลเกนฺตี นิสินฺนา โหติ – ‘ยํ โน สมโณ อุทายี ธมฺมํ ภาสิสฺสติ ตํ [ตํ โน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โสสฺสามา’ติ; ยทา ปน ¶ , ภนฺเต, ภควา อิมํ ปริสํ อุปสงฺกนฺโต โหติ อถาหฺเจว อยฺจ ปริสา ภควโต มุขํ อุลฺโลเกนฺตา [โอโลเกนฺตี (สฺยา. กํ. ก.)] นิสินฺนา โหม – ‘ยํ โน ภควา ธมฺมํ ภาสิสฺสติ ตํ โสสฺสามา’’’ติ.
๒๗๑. ‘‘เตนหุทายิ, ตํเยเวตฺถ ปฏิภาตุ ยถา มํ ปฏิภาเสยฺยา’’สิ. ‘‘ปุริมานิ ¶ , ภนฺเต, ทิวสานิ ปุริมตรานิ สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานมาโน ‘จรโต จ เม ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิต’นฺติ. โส มยา [ปจฺจุปฏฺิต’’นฺติ มยา (?)] ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน อฺเนฺํ ปฏิจริ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมสิ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตฺวากาสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํเยว อารพฺภ สติ อุทปาทิ – ‘อโห นูน ภควา, อโห นูน สุคโต! โย อิเมสํ ธมฺมานํ สุกุสโล’’’ติ. ‘‘โก ปน โส, อุทายิ, สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานมาโน ‘จรโต จ เม ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิต’นฺติ, โย ตยา ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน อฺเนฺํ ปฏิจริ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมสิ โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตฺวากาสี’’ติ? ‘นิคณฺโ, ภนฺเต, นาฏปุตฺโต’ติ.
‘‘โย โข, อุทายิ, อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺย, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺย, โส วา มํ ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺย, ตํ วาหํ ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยํ; โส วา เม ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ ปฺหสฺส ¶ เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธยฺย, ตสฺส วาหํ ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ ปฺหสฺส เวยฺยากรเณน จิตฺตํ ¶ อาราเธยฺยํ.
‘‘โย ¶ [โส (สี. ปี.)] โข, อุทายิ, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺเสยฺย จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺย, โส วา มํ อปรนฺตํ อารพฺภ ปฺหํ ¶ ปุจฺเฉยฺย, ตํ วาหํ อปรนฺตํ อารพฺภ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยํ; โส วา เม อปรนฺตํ อารพฺภ ปฺหสฺส เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธยฺย, ตสฺส วาหํ อปรนฺตํ อารพฺภ ปฺหสฺส เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธยฺยํ.
‘‘อปิ จ, อุทายิ, ติฏฺตุ ปุพฺพนฺโต, ติฏฺตุ อปรนฺโต. ธมฺมํ เต เทเสสฺสามิ – อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ; อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ.
‘‘อหฺหิ, ภนฺเต, ยาวตกมฺปิ เม อิมินา อตฺตภาเวน ปจฺจนุภูตํ ตมฺปิ นปฺปโหมิ สาการํ สอุทฺเทสํ อนุสฺสริตุํ, กุโต ปนาหํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริสฺสามิ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริสฺสามิ, เสยฺยถาปิ ภควา? อหฺหิ, ภนฺเต, เอตรหิ ปํสุปิสาจกมฺปิ น ปสฺสามิ, กุโต ปนาหํ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสิสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานิสฺสามิ, เสยฺยถาปิ ภควา? ยํ ปน มํ, ภนฺเต, ภควา เอวมาห – ‘อปิ จ, อุทายิ, ติฏฺตุ ปุพฺพนฺโต, ติฏฺตุ ¶ อปรนฺโต; ธมฺมํ เต เทเสสฺสามิ – อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ; อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’ติ ตฺจ ปน เม ภิยฺโยโสมตฺตาย น ปกฺขายติ. อปฺเปว นามาหํ, ภนฺเต, สเก อาจริยเก ภควโต จิตฺตํ อาราเธยฺยํ ปฺหสฺส เวยฺยากรเณนา’’ติ.
๒๗๒. ‘‘กินฺติ ปน เต, อุทายิ, สเก อาจริยเก โหตี’’ติ? ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, สเก อาจริยเก เอวํ โหติ – ‘อยํ ปรโม วณฺโณ, อยํ ปรโม วณฺโณ’’’ติ.
‘‘ยํ ¶ ปน เต เอตํ, อุทายิ, สเก อาจริยเก เอวํ โหติ – ‘อยํ ปรโม วณฺโณ, อยํ ¶ ปรโม วณฺโณ’ติ, กตโม โส ปรโม วณฺโณ’’ติ? ‘‘ยสฺมา, ภนฺเต, วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วณฺโณ’’ติ.
‘‘กตโม ปน โส ปรโม วณฺโณ ยสฺมา วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถี’’ติ? ‘‘ยสฺมา ¶ , ภนฺเต, วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วณฺโณ’’ติ.
‘‘ทีฆาปิ โข เต เอสา, อุทายิ, ผเรยฺย – ‘ยสฺมา, ภนฺเต, วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วณฺโณ’ติ วเทสิ, ตฺจ วณฺณํ น ปฺเปสิ. เสยฺยถาปิ, อุทายิ, ปุริโส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ ยา อิมสฺมึ ชนปเท ชนปทกลฺยาณี ตํ อิจฺฉามิ, ตํ กาเมมี’ติ. ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อมฺโภ ¶ ปุริส, ยํ ตฺวํ ชนปทกลฺยาณึ อิจฺฉสิ กาเมสิ, ชานาสิ ตํ ชนปทกลฺยาณึ – ขตฺติยี วา พฺราหฺมณี วา เวสฺสี วา สุทฺที วา’’ติ? อิติ ปุฏฺโ ‘โน’ติ วเทยฺย. ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อมฺโภ ปุริส, ยํ ตฺวํ ชนปทกลฺยาณึ อิจฺฉสิ กาเมสิ, ชานาสิ ตํ ชนปทกลฺยาณึ – เอวํนามา เอวํโคตฺตาติ วาติ…เป… ทีฆา วา รสฺสา วา มชฺฌิมา วา กาฬี วา สามา วา มงฺคุรจฺฉวี วาติ… อมุกสฺมึ คาเม วา นิคเม วา นคเร วา’ติ? อิติ ปุฏฺโ ‘โน’ติ วเทยฺย. ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อมฺโภ ปุริส, ยํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิ, ตํ ตฺวํ อิจฺฉสิ กาเมสี’’’ติ? อิติ ปุฏฺโ ‘อามา’ติ วเทยฺย.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ – นนุ เอวํ สนฺเต, ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภนฺเต, เอวํ สนฺเต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ.
‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, อุทายิ, ‘ยสฺมา, ภนฺเต, วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วณฺโณ’ติ วเทสิ, ตฺจ วณฺณํ น ปฺเปสี’’ติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต ปณฺฑุกมฺพเล ¶ นิกฺขิตฺโต ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ, เอวํ วณฺโณ อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติ.
๒๗๓. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, อุทายิ, โย วา มณิ เวฬุริโย สุโภ ¶ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺโต ภาสเต ¶ จ ตปเต จ วิโรจติ จ, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย กิมิ ขชฺโชปนโก – อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, รตฺตนฺธการติมิสาย กิมิ ขชฺโชปนโก – อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย กิมิ ขชฺโชปนโก, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย เตลปฺปทีโป – อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, รตฺตนฺธการติมิสาย เตลปฺปทีโป – อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย เตลปฺปทีโป, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย มหาอคฺคิกฺขนฺโธ – อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, รตฺตนฺธการติมิสาย มหาอคฺคิกฺขนฺโธ – อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย มหาอคฺคิกฺขนฺโธ, ยา วา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว โอสธิตารกา – อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร ¶ จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว โอสธิตารกา – อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, ยา วา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว โอสธิตารกา, โย วา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท [อภิเท (ก. สี.), อภิโทสํ (ก.) อภิโทติ อภิสทฺเทน สมานตฺถนิปาตปทํ (ฉกฺกงฺคุตฺตรฏีกา มหาวคฺค อฏฺมสุตฺตวณฺณนา)] อฑฺฒรตฺตสมยํ จนฺโท ¶ – อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท ¶ อฑฺฒรตฺตสมยํ จนฺโท – อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, อุทายิ, โย วา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท อฑฺฒรตฺตสมยํ จนฺโท, โย วา วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท มชฺฌนฺหิกสมยํ สูริโย – อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภนฺเต, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท มชฺฌนฺหิกสมยํ สูริโย – อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ.
‘‘อโต โข เต, อุทายิ, พหู หิ พหุตรา เทวา เย อิเมสํ จนฺทิมสูริยานํ อาภา นานุโภนฺติ, ตฺยาหํ ¶ ปชานามิ. อถ จ ปนาหํ น วทามิ – ‘ยสฺมา วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถี’ติ. อถ จ ปน ตฺวํ, อุทายิ, ‘ยฺวายํ วณฺโณ กิมินา ขชฺโชปนเกน นิหีนตโร [หีนตโร (สี. ปี.)] จ ปติกิฏฺตโร จ โส ปรโม วณฺโณ’ติ วเทสิ, ตฺจ วณฺณํ น ปฺเปสี’’ติ. ‘‘อจฺฉิทํ [อจฺฉิร (ก.), อจฺฉิท (?)] ภควา กถํ, อจฺฉิทํ สุคโต กถ’’นฺติ!
‘‘กึ ปน ตฺวํ, อุทายิ, เอวํ วเทสิ – ‘อจฺฉิทํ ภควา กถํ, อจฺฉิทํ สุคโต กถํ’’’ติ? ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, สเก อาจริยเก เอวํ โหติ – ‘อยํ ปรโม วณฺโณ, อยํ ปรโม วณฺโณ’ติ. เต มยํ, ภนฺเต, ภควตา สเก อาจริยเก สมนุยฺุชิยมานา สมนุคฺคาหิยมานา สมนุภาสิยมานา ริตฺตา ตุจฺฉา อปรทฺธา’’ติ.
๒๗๔. ‘‘กึ ปนุทายิ, อตฺถิ เอกนฺตสุโข โลโก, อตฺถิ อาการวตี ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, สเก อาจริยเก เอวํ โหติ – ‘อตฺถิ เอกนฺตสุโข โลโก, อตฺถิ อาการวตี ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’’’ติ.
‘‘กตมา ¶ ปน สา, อุทายิ, อาการวตี ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ? ‘‘อิธ, ภนฺเต, เอกจฺโจ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต ¶ โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต ¶ โหติ, มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, อฺตรํ วา ปน ตโปคุณํ สมาทาย วตฺตติ. อยํ โข สา, ภนฺเต, อาการวตี ¶ ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, ยสฺมึ สมเย ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, เอกนฺตสุขี วา ตสฺมึ สมเย อตฺตา โหติ สุขทุกฺขี วา’’ติ? ‘‘สุขทุกฺขี, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, ยสฺมึ สมเย อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, เอกนฺตสุขี วา ตสฺมึ สมเย อตฺตา โหติ สุขทุกฺขี วา’’ติ? ‘‘สุขทุกฺขี, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, ยสฺมึ สมเย กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, เอกนฺตสุขี วา ตสฺมึ สมเย อตฺตา โหติ สุขทุกฺขี วา’’ติ? ‘‘สุขทุกฺขี, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, ยสฺมึ สมเย มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, เอกนฺตสุขี วา ตสฺมึ สมเย อตฺตา โหติ สุขทุกฺขี วา’’ติ? ‘‘สุขทุกฺขี, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, ยสฺมึ สมเย อฺตรํ ตโปคุณํ สมาทาย วตฺตติ, เอกนฺตสุขี วา ตสฺมึ สมเย อตฺตา โหติ สุขทุกฺขี วา’’ติ? ‘‘สุขทุกฺขี, ภนฺเต’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อุทายิ, อปิ นุ โข โวกิณฺณสุขทุกฺขํ ปฏิปทํ อาคมฺม เอกนฺตสุขสฺส ¶ โลกสฺส สจฺฉิกิริยา โหตี’’ติ [สจฺฉิกิริยายาติ (ก.)]? ‘‘อจฺฉิทํ ภควา กถํ, อจฺฉิทํ สุคโต กถ’’นฺติ!
‘‘กึ ปน ตฺวํ, อุทายิ, วเทสิ – ‘อจฺฉิทํ ภควา กถํ, อจฺฉิทํ สุคโต กถํ’’’ติ? ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, สเก อาจริยเก เอวํ โหติ – ‘อตฺถิ เอกนฺตสุโข โลโก, อตฺถิ อาการวตี ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส ¶ สจฺฉิกิริยายา’ติ. เต มยํ, ภนฺเต, ภควตา สเก อาจริยเก สมนุยฺุชิยมานา สมนุคฺคาหิยมานา สมนุภาสิยมานา ริตฺตา ตุจฺฉา อปรทฺธา’’ติ [อปรทฺธา (สี.), อปรทฺธาปิ (สฺยา. กํ. ปี.)].
๒๗๕. ‘‘กึ ¶ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ เอกนฺตสุโข โลโก, อตฺถิ อาการวตี ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ? ‘‘อตฺถิ ¶ โข, อุทายิ, เอกนฺตสุโข โลโก, อตฺถิ อาการวตี ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ.
‘‘กตมา ปน สา, ภนฺเต, อาการวตี ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ? ‘‘อิธุทายิ, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; ปีติยา จ วิราคา… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ – อยํ โข สา, อุทายิ, อาการวตี ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ.
‘‘น [กึ นุ (สฺยา. กํ. ก.)] โข สา, ภนฺเต, อาการวตี ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยาย, สจฺฉิกโต หิสฺส, ภนฺเต, เอตฺตาวตา เอกนฺตสุโข โลโก โหตี’’ติ. ‘‘น ขฺวาสฺส, อุทายิ, เอตฺตาวตา เอกนฺตสุโข โลโก สจฺฉิกโต โหติ; อาการวตีตฺเวว สา ปฏิปทา เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, สกุลุทายิสฺส ปริพฺพาชกสฺส ปริสา อุนฺนาทินี อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อโหสิ – ‘‘เอตฺถ มยํ อนสฺสาม สาจริยกา, เอตฺถ มยํ อนสฺสาม [ปนสฺสาม (สี.)] สาจริยกา! น มยํ อิโต ภิยฺโย อุตฺตริตรํ ปชานามา’’ติ.
อถ โข สกุลุทายี ปริพฺพาชโก เต ปริพฺพาชเก อปฺปสทฺเท ¶ กตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิตฺตาวตา ปนาสฺส, ภนฺเต, เอกนฺตสุโข โลโก สจฺฉิกโต โหตี’’ติ? ‘‘อิธุทายิ, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ… อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ยา ตา เทวตา เอกนฺตสุขํ โลกํ อุปปนฺนา ตาหิ เทวตาหิ สทฺธึ สนฺติฏฺติ สลฺลปติ สากจฺฉํ สมาปชฺชติ. เอตฺตาวตา ขฺวาสฺส, อุทายิ, เอกนฺตสุโข โลโก สจฺฉิกโต โหตี’’ติ.
๒๗๖. ‘‘เอตสฺส นูน, ภนฺเต, เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู ภควติ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี’’ติ? ‘‘น โข, อุทายิ, เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ. อตฺถิ โข, อุทายิ ¶ , อฺเว ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เยสํ สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี’’ติ.
‘‘กตเม ¶ ปน เต, ภนฺเต, ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เยสํ สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู ภควติ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี’’ติ? ‘‘อิธุทายิ, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา…เป… โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, อุทายิ, ธมฺโม อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ ยสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ’’.
‘‘ปุน จปรํ, อุทายิ, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ ¶ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, อุทายิ, ธมฺโม อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ ยสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ.
‘‘โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. อยมฺปิ โข, อุทายิ, ธมฺโม อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ ยสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. อยมฺปิ โข, อุทายิ, ธมฺโม อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ ยสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย ¶ จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ ¶ . โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ… ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ… ¶ ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ… ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อยมฺปิ โข, อุทายิ, ธมฺโม อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร จ ยสฺส สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ. อิเม โข, อุทายิ, ธมฺมา อุตฺตริตรา จ ปณีตตรา จ เยสํ สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี’’ติ.
๒๗๗. เอวํ วุตฺเต, สกุลุทายี ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต ¶ , อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, สกุลุทายิสฺส ปริพฺพาชกสฺส ปริสา สกุลุทายึ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา ภวํ, อุทายิ, สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยํ จริ; มา ภวํ, อุทายิ, อาจริโย หุตฺวา อนฺเตวาสีวาสํ วสิ. เสยฺยถาปิ นาม อุทกมณิโก [มณิโก (สี. ปี. ก.)] หุตฺวา อุทฺจนิโก [อุทฺเทกนิโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อสฺส, เอวํ สมฺปทมิทํ [เอวํ สมฺปทเมตํ (สี. ปี.)] โภโต อุทายิสฺส ภวิสฺสติ. มา ภวํ, อุทายิ, สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยํ จริ; มา ภวํ, อุทายิ, อาจริโย หุตฺวา อนฺเตวาสีวาสํ วสี’’ติ. อิติ หิทํ สกุลุทายิสฺส ปริพฺพาชกสฺส ปริสา สกุลุทายึ ปริพฺพาชกํ อนฺตรายมกาสิ ภควติ พฺรหฺมจริเยติ.
จูฬสกุลุทายิสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.
๑๐. เวขนสสุตฺตํ
๒๗๘. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข เวขนโส [เวขนสฺโส (สี. ปี.)] ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข เวขนโส ปริพฺพาชโก ภควโต สนฺติเก อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘อยํ ปรโม วณฺโณ, อยํ ปรโม วณฺโณ’’ติ.
‘‘กึ ปน ตฺวํ, กจฺจาน, เอวํ วเทสิ – ‘อยํ ปรโม วณฺโณ, อยํ ปรโม วณฺโณ’ติ? กตโม, กจฺจาน, โส ปรโม วณฺโณ’’ติ?
‘‘ยสฺมา, โภ โคตม, วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วณฺโณ’’ติ.
‘‘กตโม ปน โส, กจฺจาน, วณฺโณ ยสฺมา วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถี’’ติ?
‘‘ยสฺมา, โภ โคตม, วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วณฺโณ’’ติ.
‘‘ทีฆาปิ โข เต เอสา, กจฺจาน, ผเรยฺย – ‘ยสฺมา, โภ โคตม, วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วณฺโณ’ติ วเทสิ, ตฺจ วณฺณํ น ปฺเปสิ. เสยฺยถาปิ, กจฺจาน, ปุริโส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ ยา อิมสฺมึ ชนปเท ¶ ชนปทกลฺยาณี, ตํ อิจฺฉามิ ตํ กาเมมี’ติ. ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อมฺโภ ปุริส, ยํ ตฺวํ ชนปทกลฺยาณึ อิจฺฉสิ กาเมสิ, ชานาสิ ตํ ชนปทกลฺยาณึ – ขตฺติยี วา พฺราหฺมณี วา เวสฺสี ¶ วา สุทฺที วา’ติ? อิติ ปุฏฺโ ‘โน’ติ วเทยฺย. ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อมฺโภ ปุริส, ยํ ตฺวํ ชนปทกลฺยาณึ อิจฺฉสิ กาเมสิ, ชานาสิ ตํ ชนปทกลฺยาณึ ‘เอวํนามา เอวํโคตฺตาติ วาติ…เป… ทีฆา วา รสฺสา วา มชฺฌิมา วา กาฬี วา สามา วา มงฺคุรจฺฉวี วาติ… อมุกสฺมึ คาเม วา นิคเม วา นคเร วา’ติ? อิติ ปุฏฺโ ‘โน’ติ วเทยฺย. ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อมฺโภ ปุริส, ยํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิ, ตํ ตฺวํ อิจฺฉสิ กาเมสี’’’ติ? อิติ ปุฏฺโ ‘อามา’ติ วเทยฺย.
‘‘ตํ กึ ¶ มฺสิ, กจฺจาน, นนุ เอวํ สนฺเต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, โภ โคตม, เอวํ สนฺเต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฏิหีรกตํ ¶ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, กจฺจาน, ‘ยสฺมา, โภ โคตม, วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถิ โส ปรโม วณฺโณ’ติ วเทสิ; ตฺจ วณฺณํ น ปฺเปสี’’ติ. ‘‘เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺโต ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ, เอวํ วณฺโณ อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติ.
๒๗๙. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, กจฺจาน, โย วา มณิ เวฬุริโย สุโภ ¶ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺโต ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย กิมิ ขชฺโชปนโก อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, รตฺตนฺธการติมิสาย กิมิ ขชฺโชปนโก, อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, กจฺจาน, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย กิมิ ขชฺโชปนโก, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย เตลปฺปทีโป, อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, รตฺตนฺธการติมิสาย เตลปฺปทีโป, อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, กจฺจาน, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย เตลปฺปทีโป, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย ¶ มหาอคฺคิกฺขนฺโธ, อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, รตฺตนฺธการติมิสาย มหาอคฺคิกฺขนฺโธ, อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, กจฺจาน, โย วา รตฺตนฺธการติมิสาย มหาอคฺคิกฺขนฺโธ, ยา วา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ วิทฺเธ ¶ วิคตวลาหเก เทเว โอสธิตารกา, อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ¶ วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว โอสธิตารกา, อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, กจฺจาน, ยา วา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว โอสธิตารกา, โย วา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วิทฺเธ วิคตวลาหเก ¶ เทเว อภิโท อฑฺฒรตฺตสมยํ จนฺโท, อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท อฑฺฒรตฺตสมยํ จนฺโท, อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, กจฺจาน, โย วา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท อฑฺฒรตฺตสมยํ จนฺโท, โย วา วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท มชฺฌนฺหิกสมยํ สูริโย, อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ กตโม วณฺโณ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ โคตม, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อภิโท มชฺฌนฺหิกสมยํ สูริโย – อยํ อิเมสํ อุภินฺนํ วณฺณานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ. ‘‘อโต โข เต, กจฺจาน, พหู หิ พหุตรา เทวา เย อิเมสํ จนฺทิมสูริยานํ อาภา นานุโภนฺติ, ตฺยาหํ ปชานามิ. อถ จ ปนาหํ น วทามิ – ‘ยสฺมา วณฺณา อฺโ วณฺโณ อุตฺตริตโร จ ปณีตตโร ¶ จ นตฺถี’ติ. อถ จ ปน ตฺวํ, กจฺจาน, ‘ยฺวายํ วณฺโณ กิมินา ขชฺโชปนเกน นิหีนตโร จ ปติกิฏฺตโร จ โส ปรโม วณฺโณ’ติ วเทสิ; ตฺจ วณฺณํ น ปฺเปสิ’’.
๒๘๐. ‘‘ปฺจ โข อิเม, กจฺจาน, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา ¶ กนฺตา มนาปา ¶ ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, กจฺจาน, ปฺจ กามคุณา. ยํ โข, กจฺจาน, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ กามสุขํ. อิติ กาเมหิ กามสุขํ, กามสุขา กามคฺคสุขํ ตตฺถ อคฺคมกฺขายตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, เวขนโส ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! ยาว สุภาสิตํ จิทํ โภตา โคตเมน – ‘กาเมหิ กามสุขํ, กามสุขา กามคฺคสุขํ ตตฺถ อคฺคมกฺขายตี’ติ. (‘กาเมหิ, โภ โคตม, กามสุขํ, กามสุขา กามคฺคสุขํ, ตตฺถ อคฺคมกฺขายตี’ติ) [( ) สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] – ‘‘ทุชฺชานํ โข เอตํ, กจฺจาน, ตยา ¶ อฺทิฏฺิเกน อฺขนฺติเกน อฺรุจิเกน อฺตฺรโยเคน อฺตฺราจริยเกน – กามา [กามํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา กามสุขํ วา กามคฺคสุขํ วา. เย โข เต, กจฺจาน, ภิกฺขู อรหนฺโต ขีณาสวา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทฺา วิมุตฺตา เต โข ¶ เอตํ ชาเนยฺยุํ – กามา วา กามสุขํ วา กามคฺคสุขํ วา’’ติ.
๒๘๑. เอวํ วุตฺเต, เวขนโส ปริพฺพาชโก กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํเยว ขุํเสนฺโต ภควนฺตํเยว วมฺเภนฺโต ภควนฺตํเยว วทมาโน ‘‘สมโณ [สมโณ จ (สี. ปี.)] โคตโม ปาปิโต ภวิสฺสตี’’ติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอวเมว ปนิเธกจฺเจ [ปนิเธเก (สี. ปี.), ปนิเมเก (อุปริสุภสุตฺเต)] สมณพฺราหฺมณา อชานนฺตา ปุพฺพนฺตํ, อปสฺสนฺตา อปรนฺตํ อถ จ ปน ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ – ปชานามา’ติ – ปฏิชานนฺติ [อิตฺถตฺตายาติ ปฏิชานนฺติ (ปี.)]. เตสมิทํ ภาสิตํ หสฺสกํเยว สมฺปชฺชติ, นามกํเยว สมฺปชฺชติ, ริตฺตกํเยว สมฺปชฺชติ, ตุจฺฉกํเยว สมฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘เย โข เต, กจฺจาน, สมณพฺราหฺมณา อชานนฺตา ปุพฺพนฺตํ ¶ , อปสฺสนฺตา อปรนฺตํ, ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ – ปชานามา’ติ – ปฏิชานนฺติ; เตสํ โสเยว [เตสํ เตสายํ (สี.), เตสํเยว โส (?)] สหธมฺมิโก นิคฺคโห โหติ. อปิ จ, กจฺจาน, ติฏฺตุ ปุพฺพนฺโต, ติฏฺตุ อปรนฺโต. เอตุ วิฺู ปุริโส อสโ อมายาวี อุชุชาติโก, อหมนุสาสามิ อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมาโน [ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน (?)] นจิรสฺเสว สามฺเว สฺสติ สามํ ทกฺขิติ – เอวํ กิร สมฺมา [เอวํ กิรายสฺมา (สฺยา. ก.)] พนฺธนา วิปฺปโมกฺโข โหติ, ยทิทํ อวิชฺชา พนฺธนา. เสยฺยถาปิ, กจฺจาน, ทหโร กุมาโร มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก กณฺปฺจเมหิ พนฺธเนหิ พทฺโธ อสฺส สุตฺตพนฺธเนหิ; ตสฺส วุทฺธิมนฺวาย อินฺทฺริยานํ ปริปากมนฺวาย ¶ ตานิ พนฺธนานิ มุจฺเจยฺยุํ; โส โมกฺโขมฺหีติ โข ชาเนยฺย โน จ พนฺธนํ ¶ . เอวเมว โข, กจฺจาน, เอตุ วิฺู ปุริโส อสโ อมายาวี อุชุชาติโก, อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ; ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมาโน นจิรสฺเสว สามฺเ สฺสติ ¶ , สามํ ทกฺขิติ – ‘เอวํ กิร สมฺมา พนฺธนา วิปฺปโมกฺโข โหติ, ยทิทํ อวิชฺชา พนฺธนา’’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, เวขนโส ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
เวขนสสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.
ปริพฺพาชกวคฺโค นิฏฺิโต ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
ปุณฺฑรี-อคฺคิสห-กถินาโม, ทีฆนโข ปุน ภารทฺวาชโคตฺโต;
สนฺทกอุทายิมุณฺฑิกปุตฺโต, มณิโก ตถากจฺจาโน วรวคฺโค.
๔. ราชวคฺโค
๑. ฆฏิการสุตฺตํ
๒๘๒. ¶ เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน [น อการเณ (สี.)] ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เอกํสํ จีวรํ [อุตฺตราสงฺค (สฺยา. กํ.)] กตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ. ‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, อิมสฺมึ ปเทเส เวคฬิงฺคํ [เวหลิงฺคํ (สี.), เวภลิคํ (สฺยา. กํ.), เวภลิงฺคํ (ปี.)] นาม คามนิคโม อโหสิ อิทฺโธ เจว ผีโต จ พหุชโน อากิณฺณมนุสฺโส. เวคฬิงฺคํ โข, อานนฺท, คามนิคมํ กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. อิธ สุทํ, อานนฺท, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาราโม อโหสิ. อิธ สุทํ, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ นิสินฺนโก ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทตี’’ติ. อถ ¶ โข อายสฺมา อานนฺโท จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ภควา นิสีทตุ เอตฺถ. อยํ ภูมิปเทโส ทฺวีหิ อรหนฺเตหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ ปริภุตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ –
‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, อิมสฺมึ ปเทเส เวคฬิงฺคํ นาม คามนิคโม อโหสิ อิทฺโธ เจว ผีโต จ พหุชโน อากิณฺณมนุสฺโส. เวคฬิงฺคํ โข, อานนฺท, คามนิคมํ กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. อิธ สุทํ, อานนฺท, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ¶ อาราโม อโหสิ. อิธ สุทํ, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ นิสินฺนโก ภิกฺขุสงฺฆํ ¶ โอวทติ.
๒๘๓. ‘‘เวคฬิงฺเค โข, อานนฺท, คามนิคเม ฆฏิกาโร [ฆฏีกาโร (สี. ปี.)] นาม กุมฺภกาโร กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อุปฏฺาโก อโหสิ ¶ อคฺคุปฏฺาโก. ฆฏิการสฺส โข, อานนฺท, กุมฺภการสฺส โชติปาโล นาม มาณโว สหาโย อโหสิ ปิยสหาโย. อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสาม. สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. เอวํ วุตฺเต, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อลํ, สมฺม ฆฏิการ. กึ ปน เตน มุณฺฑเกน สมณเกน ¶ ทิฏฺเนา’ติ? ทุติยมฺปิ โข, อานนฺท…เป… ตติยมฺปิ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสาม. สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. ตติยมฺปิ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อลํ, สมฺม ฆฏิการ. กึ ปน เตน มุณฺฑเกน สมณเกน ทิฏฺเนา’ติ? ‘เตน หิ, สมฺม โชติปาล, โสตฺติสินานึ [โสตฺตึ สินานึ (สี. ปี.), โสตฺติสินานํ (สฺยา. กํ. ก.)] อาทาย [อาหร (ก.)] นทึ คมิสฺสาม สินายิตุ’นฺติ. ‘เอวํ สมฺมา’ติ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร จ กุมฺภกาโร โชติปาโล จ มาณโว โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ อคมํสุ สินายิตุํ’.
๒๘๔. ‘‘อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘อยํ, สมฺม โชติปาล, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อวิทูเร อาราโม. อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสาม. สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. เอวํ วุตฺเต, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อลํ, สมฺม ฆฏิการ. กึ ปน เตน ¶ มุณฺฑเกน สมณเกน ¶ ทิฏฺเนา’ติ? ทุติยมฺปิ โข, อานนฺท…เป… ตติยมฺปิ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘อยํ, สมฺม โชติปาล, กสฺสปสฺส ภควโต ¶ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อวิทูเร อาราโม. อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย ¶ อุปสงฺกมิสฺสาม. สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. ตติยมฺปิ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อลํ, สมฺม ฆฏิการ. กึ ปน เตน มุณฺฑเกน สมณเกน ทิฏฺเนา’ติ? อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ โอวฏฺฏิกายํ ปรามสิตฺวา เอตทโวจ – ‘อยํ, สมฺม โชติปาล, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อวิทูเร อาราโม. อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสาม. สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. อถ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว โอวฏฺฏิกํ วินิวฏฺเฏตฺวา [วินิเวเตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อลํ, สมฺม ฆฏิการ. กึ ปน เตน มุณฺฑเกน สมณเกน ทิฏฺเนา’ติ? อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร โชติปาลํ มาณวํ สีสํนฺหาตํ [สสีสํ นหาตํ (สี.), สีสนฺหาตํ (สฺยา. กํ.)] เกเสสุ ปรามสิตฺวา เอตทโวจ – ‘อยํ, สมฺม โชติปาล, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อวิทูเร อาราโม. อายาม, สมฺม โชติปาล, กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสาม ¶ . สาธุสมฺมตฺหิ เม ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. อถ โข, อานนฺท, โชติปาลสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! ยตฺร หิ นามายํ ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร อิตฺตรชจฺโจ สมาโน อมฺหากํ สีสํนฺหาตานํ เกเสสุ ปรามสิตพฺพํ มฺิสฺสติ; น วติทํ กิร โอรกํ มฺเ ภวิสฺสตี’ติ; ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘ยาวตาโทหิปิ [ยาเวตโทหิปิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], สมฺม ฆฏิการา’ติ? ‘ยาวตาโทหิปิ, สมฺม โชติปาล. ตถา หิ ปน เม ¶ สาธุสมฺมตํ ตสฺส ภควโต ทสฺสนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ. ‘เตน หิ, สมฺม ฆฏิการ, มฺุจ; คมิสฺสามา’ติ.
๒๘๕. ‘‘อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร จ กุมฺภกาโร โชติปาโล จ มาณโว เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. โชติปาโล ปน มาณโว กสฺสเปน ¶ ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อยํ เม, ภนฺเต, โชติปาโล มาณโว สหาโย ปิยสหาโย. อิมสฺส ภควา ธมฺมํ เทเสตู’ติ. อถ โข, อานนฺท, กสฺสโป ภควา ¶ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฆฏิการฺจ ¶ กุมฺภการํ โชติปาลฺจ มาณวํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร จ กุมฺภกาโร โชติปาโล จ มาณโว กสฺสเปน ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ.
๒๘๖. ‘‘อถ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ฆฏิการํ กุมฺภการํ เอตทโวจ – ‘อิมํ นุ ตฺวํ, สมฺม ฆฏิการ, ธมฺมํ สุณนฺโต อถ จ ปน อคารสฺมา อนคาริยํ น ปพฺพชิสฺสสี’ติ? ‘นนุ มํ, สมฺม โชติปาล, ชานาสิ, อนฺเธ ชิณฺเณ มาตาปิตโร โปเสมี’ติ? ‘เตน หิ, สมฺม ฆฏิการ, อหํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามี’ติ. อถ โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร จ กุมฺภกาโร โชติปาโล จ มาณโว เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตนุปสงฺกมึสุ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, อานนฺท, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อยํ เม, ภนฺเต, โชติปาโล มาณโว สหาโย ปิยสหาโย. อิมํ ภควา ปพฺพาเชตู’ติ. อลตฺถ โข, อานนฺท, โชติปาโล มาณโว ¶ กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ.
๒๘๗. ‘‘อถ โข, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อจิรูปสมฺปนฺเน โชติปาเล มาณเว อฑฺฒมาสุปสมฺปนฺเน เวคฬิงฺเค ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน พาราณสี เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน พาราณสี ตทวสริ. ตตฺร สุทํ, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย ¶ . อสฺโสสิ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา – ‘กสฺสโป กิร ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ พาราณสึ อนุปฺปตฺโต พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย’ติ. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺรํ [ภทฺรํ ภทฺรํ (ก.)] ยานํ อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ พาราณสิยา นิยฺยาสิ มหจฺจราชานุภาเวน [มหจฺจา ราชานุภาเวน (สี.), มหตา ราชานุภาเวน (ปี.)] กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสฺสนาย. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว ¶ เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข, อานนฺท, กิกึ กาสิราชานํ กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา ¶ กสฺสเปน ภควตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อธิวาเสตุ ¶ เม, ภนฺเต, ภควา สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’ติ. อธิวาเสสิ โข, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตุณฺหีภาเวน. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา กสฺสปสฺส ภควโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ปณฺฑุปุฏกสฺส [ปณฺฑุมุฏีกสฺส (สี. ปี.), ปณฺฑุมุทิกสฺส (สฺยา. กํ.)] สาลิโน วิคตกาฬกํ อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนํ, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘กาโล, ภนฺเต, นิฏฺิตํ ภตฺต’นฺติ.
๒๘๘. ‘‘อถ โข, อานนฺท, กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน กิกิสฺส กาสิรฺโ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ ¶ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา กสฺสปํ ภควนฺตํ ¶ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา พาราณสิยํ วสฺสาวาสํ; เอวรูปํ สงฺฆสฺส อุปฏฺานํ ภวิสฺสตี’ติ. ‘อลํ, มหาราช. อธิวุตฺโถ เม วสฺสาวาโส’ติ. ทุติยมฺปิ โข, อานนฺท… ตติยมฺปิ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา พาราณสิยํ วสฺสาวาสํ; เอวรูปํ สงฺฆสฺส อุปฏฺานํ ภวิสฺสตี’ติ. ‘อลํ, มหาราช. อธิวุตฺโถ เม วสฺสาวาโส’ติ. อถ โข, อานนฺท, กิกิสฺส กาสิรฺโ ‘น เม กสฺสโป ภควา อรหํ ¶ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อธิวาเสติ พาราณสิยํ วสฺสาวาส’นฺติ อหุเทว อฺถตฺตํ ¶ , อหุ โทมนสฺสํ. อถ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, อฺโ โกจิ มยา อุปฏฺากตโร’ติ?
‘‘‘อตฺถิ, มหาราช, เวคฬิงฺคํ นาม คามนิคโม. ตตฺถ ฆฏิกาโร นาม กุมฺภกาโร; โส เม อุปฏฺาโก อคฺคุปฏฺาโก. ตุยฺหํ โข ปน, มหาราช, น เม กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อธิวาเสติ พาราณสิยํ วสฺสาวาสนฺติ อตฺเถว [อตฺถิ (สี. ปี.)] อฺถตฺตํ, อตฺถิ โทมนสฺสํ. ตยิทํ ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส [ฆฏิกาเร กุมฺภกาเร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นตฺถิ จ น จ ภวิสฺสติ. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร พุทฺธํ สรณํ คโต, ธมฺมํ สรณํ ¶ คโต, สงฺฆํ สรณํ คโต. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต, มุสาวาทา ปฏิวิรโต, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร ทุกฺเข นิกฺกงฺโข, ทุกฺขสมุทเย นิกฺกงฺโข, ทุกฺขนิโรเธ นิกฺกงฺโข, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย นิกฺกงฺโข. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร เอกภตฺติโก พฺรหฺมจารี สีลวา กลฺยาณธมฺโม. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร นิกฺขิตฺตมณิสุวณฺโณ อเปตชาตรูปรชโต ¶ . ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร ปนฺนมุสโล น สหตฺถา ปถวึ ขณติ [กุมฺภกาโร น มุสเลน น สหตฺถา ปวึ ขณติ (สฺยา. กํ. ปี.), กุมฺภกาโร น มุสเลน สหตฺถา ปถวิฺจ ขณติ (ก.)]. ยํ โหติ กูลปลุคฺคํ วา มูสิกุกฺกโร [มูสิกุกฺกุโร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา ตํ กาเชน อาหริตฺวา ภาชนํ กริตฺวา เอวมาห – ‘‘เอตฺถ โย อิจฺฉติ ตณฺฑุลปฏิภสฺตานิ [ตณฺฑุล ปภิวตฺตานิ (สี. ปี.)] วา มุคฺคปฏิภสฺตานิ วา กฬายปฏิภสฺตานิ วา นิกฺขิปิตฺวา ยํ อิจฺฉติ ตํ หรตู’’ติ. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร อนฺเธ ชิณฺเณ ¶ มาตาปิตโร โปเสติ. ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา.
๒๘๙. ‘‘‘เอกมิทาหํ ¶ , มหาราช, สมยํ เวคฬิงฺเค นาม คามนิคเม วิหรามิ. อถ ขฺวาหํ, มหาราช, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มาตาปิตโร เอตทโวจํ – ‘‘หนฺท, โก นุ โข อยํ ภคฺคโว คโต’’ติ? ‘‘นิกฺขนฺโต โข เต, ภนฺเต, อุปฏฺาโก อนฺโตกุมฺภิยา โอทนํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชา’’ติ. อถ ขฺวาหํ, มหาราช, กุมฺภิยา ¶ โอทนํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึ [ปกฺกามึ (สฺยา. กํ. ปี.)]. อถ โข, มหาราช, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘โก กุมฺภิยา โอทนํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ? ‘‘กสฺสโป, ตาต, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กุมฺภิยา โอทนํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ? อถ โข, มหาราช, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอวํ อภิวิสฺสตฺโถ’’ติ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิการํ กุมฺภการํ อฑฺฒมาสํ ปีติสุขํ น วิชหติ [น วิชหิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], สตฺตาหํ มาตาปิตูนํ.
๒๙๐. ‘‘‘เอกมิทาหํ, มหาราช, สมยํ ตตฺเถว เวคฬิงฺเค นาม คามนิคเม วิหรามิ. อถ ขฺวาหํ, มหาราช, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ¶ เยน ¶ ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มาตาปิตโร เอตทโวจํ – ‘‘หนฺท, โก นุ โข อยํ ภคฺคโว คโต’’ติ? ‘‘นิกฺขนฺโต โข เต, ภนฺเต, อุปฏฺาโก อนฺโต กโฬปิยา กุมฺมาสํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชา’’ติ. อถ ขฺวาหํ, มหาราช, กโฬปิยา กุมฺมาสํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ ¶ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘โก กโฬปิยา กุมฺมาสํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ? ‘‘กสฺสโป, ตาต, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กโฬปิยา กุมฺมาสํ คเหตฺวา ปริโยคา สูปํ คเหตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอวํ อภิวิสฺสตฺโถ’’ติ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิการํ กุมฺภการํ อฑฺฒมาสํ ปีติสุขํ น วิชหติ, สตฺตาหํ มาตาปิตูนํ.
๒๙๑. ‘‘‘เอกมิทาหํ, มหาราช, สมยํ ตตฺเถว เวคฬิงฺเค นาม คามนิคเม วิหรามิ. เตน โข ปน สมเยน กุฏิ [คนฺธกุฏิ (สี.)] โอวสฺสติ. อถ ขฺวาหํ, มหาราช, ภิกฺขู อามนฺเตสึ – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส นิเวสเน ติณํ ชานาถา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, มหาราช, เต ¶ ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘‘นตฺถิ โข, ภนฺเต, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส นิเวสเน ติณํ, อตฺถิ จ ขฺวาสฺส อาเวสเน ¶ [อาเวสนํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ติณจฺฉทน’’ [นวจฺฉทนํ (สี.)] นฺติ. ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส อาเวสนํ อุตฺติณํ กโรถา’’ติ. อถ โข เต, มหาราช, ภิกฺขู ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส อาเวสนํ อุตฺติณมกํสุ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มาตาปิตโร เต ภิกฺขู เอตทโวจุํ – ‘‘เก อาเวสนํ อุตฺติณํ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘ภิกฺขู, ภคินิ, กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กุฏิ โอวสฺสตี’’ติ. ‘‘หรถ, ภนฺเต, หรถ, ภทฺรมุขา’’ติ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘เก อาเวสนํ อุตฺติณมกํสู’’ติ? ‘‘ภิกฺขู, ตาต, กสฺสปสฺส กิร ภควโต ¶ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กุฏิ โอวสฺสตี’’ติ. อถ โข, มหาราช, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอวํ อภิวิสฺสตฺโถ’’ติ. อถ โข, มหาราช ฆฏิการํ กุมฺภการํ ¶ อฑฺฒมาสํ ปีติสุขํ น วิชหติ, สตฺตาหํ มาตาปิตูนํ. อถ โข, มหาราช, อาเวสนํ สพฺพนฺตํ เตมาสํ อากาสจฺฉทนํ อฏฺาสิ, น เทโวติวสฺสิ [น จาติวสฺสิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. เอวรูโป จ, มหาราช, ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร’ติ. ‘ลาภา, ภนฺเต, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส, สุลทฺธา, ภนฺเต, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส ยสฺส ภควา เอวํ อภิวิสฺสตฺโถ’’’ติ.
๒๙๒. ‘‘อถ ¶ โข, อานนฺท, กิกี กาสิราชา ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส ปฺจมตฺตานิ ตณฺฑุลวาหสตานิ ปาเหสิ ปณฺฑุปุฏกสฺส สาลิโน ตทุปิยฺจ สูเปยฺยํ. อถ โข เต, อานนฺท, ราชปุริสา ฆฏิการํ กุมฺภการํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘อิมานิ โข, ภนฺเต, ปฺจมตฺตานิ ตณฺฑุลวาหสตานิ กิกินา กาสิราเชน ปหิตานิ ปณฺฑุปุฏกสฺส สาลิโน ตทุปิยฺจ สูเปยฺยํ. ตานิ, ภนฺเต, ปฏิคฺคณฺหถา’ติ [ปติคฺคณฺหาตูติ (สี. ปี.), ปฏิคฺคณฺหาตูติ (สฺยา. กํ.)]. ‘ราชา โข พหุกิจฺโจ พหุกรณีโย. อลํ เม! รฺโว โหตู’ติ. สิยา โข ปน เต, อานนฺท, เอวมสฺส – ‘อฺโ นูน เตน สมเยน โชติปาโล มาณโว อโหสี’ติ. น โข ปเนตํ, อานนฺท, เอวํ ทฏฺพฺพํ. อหํ เตน สมเยน โชติปาโล มาณโว อโหสิ’’นฺติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
ฆฏิการสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.
๒. รฏฺปาลสุตฺตํ
๒๙๓. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน ถุลฺลโกฏฺิกํ [ถูลโกฏฺิกํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นาม กุรูนํ นิคโม ตทวสริ. อสฺโสสุํ โข ถุลฺลโกฏฺิกา [ถูลโกฏฺิตกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ¶ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต กุรูสุ จาริกํ ¶ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ถุลฺลโกฏฺิกํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ. อถ โข ถุลฺลโกฏฺิกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ¶ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข ถุลฺลโกฏฺิเก พฺราหฺมณคหปติเก ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ.
๒๙๔. เตน โข ปน สมเยน รฏฺปาโล นาม กุลปุตฺโต ตสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลสฺส [อคฺคกุลิกสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปุตฺโต ติสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ. อถ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยถา ยถา ขฺวาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ [ยถา ยถา โข ภควา ธมฺมํ เทเสติ (สี.)], นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ. อถ โข ถุลฺลโกฏฺิกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา ¶ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ¶ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต อจิรปกฺกนฺเตสุ ถุลฺลโกฏฺิเกสุ ¶ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยถา ยถาหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ ¶ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปทํ. ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ [เอตฺถ ‘‘ลเภยฺยาหํ…เป… อุปสมฺปทํ’’ติ วากฺยทฺวยํ สพฺเพสุปิ มูลโปตฺถเกสุ ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยํ ปน สุทินฺนภาณวาเร เอตํ นตฺถิ. ‘‘ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ อิทํ ปน วากฺยํ มรมฺมโปตฺถเก เยว ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยฺจ ตเทว อตฺถิ]. ‘‘อนฺุาโตสิ ปน ตฺวํ, รฏฺปาล, มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ‘‘น โขหํ, ภนฺเต, อนฺุาโต มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ. ‘‘น โข, รฏฺปาล, ตถาคตา อนนฺุาตํ มาตาปิตูหิ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ. ‘‘สฺวาหํ, ภนฺเต, ตถา กริสฺสามิ ยถา มํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ.
๒๙๕. อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘อมฺมตาตา, ยถา ยถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. อิจฺฉามหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. อนุชานาถ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต [สุขปริหโต (สฺยา. กํ. ก.) (เอหิ ตฺวํ ตาต รฏฺปาล ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเร หิ จ, ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ, น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย,) สพฺพตฺถ ทิสฺสติ, สุทินฺนกณฺเฑ ปน นตฺถิ, อฏฺกถาสุปิ น ทสฺสิตํ]. น ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล ¶ , กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ. มรเณนปิ ¶ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม. กึ ปน มยํ ¶ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ทุติยมฺปิ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต…เป… ตติยมฺปิ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘อมฺมตาตา, ยถา ยถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. อิจฺฉามหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํ. อนุชานาถ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ. ตติยมฺปิ โข ¶ รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต. น ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม. กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม ¶ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ?
๒๙๖. อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต – ‘‘น มํ มาตาปิตโร อนุชานนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ ตตฺเถว อนนฺตรหิตาย ภูมิยา นิปชฺชิ – ‘‘อิเธว เม มรณํ ภวิสฺสติ ปพฺพชฺชา วา’’ติ. อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต เอกมฺปิ ภตฺตํ น ภฺุชิ, ทฺเวปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ, ตีณิปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ, จตฺตาริปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ, ปฺจปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ, ฉปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ, สตฺตปิ ภตฺตานิ น ภฺุชิ. อถ ¶ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต. น ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล, กสฺสจิ, ทุกฺขสฺส ชานาสิ [‘‘มรเณนปิ เต…เป… ปพฺพชฺชายา’’ติ วากฺยทฺวยํ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ ทุติยฏฺาเน เยว ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยํ ปน ปมฏฺาเน เยว ทิสฺสติ. ตสฺมา อิธ ทุติยฏฺาเน ปุนาคตํ อธิกํ วิย ทิสฺสติ]. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม. กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. อุฏฺเหิ, ตาต รฏฺปาล, ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ. น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย [‘‘มรเณนปิ เต…เป… ปพฺพชายา’’ติ วากฺยทฺวยํ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ ทุติยฏฺาเน เยว ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยํ ปน ปมฏฺาเน เยว ทิสฺสติ. ตสฺมา อิธ ทุติยฏฺาเน ปุนาคตํ อธิกํ วิย ทิสฺสติ]. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม. กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? เอวํ วุตฺเต, รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร ¶ รฏฺปาลํ ¶ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ…เป… ทุติยมฺปิ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ตติยมฺปิ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต. น ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม, กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. อุฏฺเหิ, ตาต รฏฺปาล, ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ. น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม ¶ . กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ตติยมฺปิ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.
๒๙๗. อถ ¶ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฏฺปาโล กุลปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ [ตฺวํ โข (สี. ปี.)], สมฺม รฏฺปาล, มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต. น ตฺวํ, สมฺม รฏฺปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ. มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติ. กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. อุฏฺเหิ, สมฺม รฏฺปาล, ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ. น ตํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ [อนุชานนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติ. กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ ¶ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? เอวํ วุตฺเต, รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข… ตติยมฺปิ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, สมฺม รฏฺปาล, มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต, น ตฺวํ, สมฺม รฏฺปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ, มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติ. กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย? อุฏฺเหิ, สมฺม รฏฺปาล, ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ, ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ ¶ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ. น ตํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติ. กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ตติยมฺปิ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.
๒๙๘. อถ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร เอตทโวจุํ – ‘‘อมฺมตาตา, เอโส รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตตฺเถว อนนฺตรหิตาย ภูมิยา นิปนฺโน – ‘อิเธว เม มรณํ ภวิสฺสติ ¶ ปพฺพชฺชา วา’ติ. สเจ ตุมฺเห รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ นานุชานิสฺสถ อคารสฺมา อนคาริยํ ¶ ปพฺพชฺชาย, ตตฺเถว [ตตฺเถวสฺส (สี.)] มรณํ อาคมิสฺสติ. สเจ ปน ตุมฺเห รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ อนุชานิสฺสถ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, ปพฺพชิตมฺปิ นํ ทกฺขิสฺสถ. สเจ รฏฺปาโล กุลปุตฺโต นาภิรมิสฺสติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, กา ตสฺส [กา จสฺส (สี.)] อฺา คติ ภวิสฺสติ? อิเธว ¶ ปจฺจาคมิสฺสติ. อนุชานาถ รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ. ‘‘อนุชานาม, ตาตา, รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. ปพฺพชิเตน จ ปน [ปน เต (สฺยา. กํ. ก.)] มาตาปิตโร อุทฺทสฺเสตพฺพา’’ติ. อถ โข รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฏฺปาโล กุลปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฏฺปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อุฏฺเหิ, สมฺม รฏฺปาล [‘‘ตฺวํ โขสิ สมฺม รฏฺปาล มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริหโต, น ตฺวํ สมฺม รฏฺปาล กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ, อุฏฺเหิ สมฺม รฏฺปาล ภฺุช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ, ภฺุชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภฺุชนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุ, (สี. ปี. ก.)], อนฺุาโตสิ มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. ปพฺพชิเตน จ ปน เต มาตาปิตโร อุทฺทสฺเสตพฺพา’’ติ.
๒๙๙. อถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต อุฏฺหิตฺวา พลํ คาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อนฺุาโต อหํ, ภนฺเต, มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ. อลตฺถ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ภควโต ¶ สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อถ โข ภควา อจิรูปสมฺปนฺเน อายสฺมนฺเต รฏฺปาเล อฑฺฒมาสูปสมฺปนฺเน ถุลฺลโกฏฺิเก ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ¶ สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย ¶ กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา รฏฺปาโล อรหตํ อโหสิ.
อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา รฏฺปาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, มาตาปิตโร อุทฺทสฺเสตุํ, สเจ มํ ภควา อนุชานาตี’’ติ. อถ โข ภควา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส เจตสา เจโต ปริจฺจ [เจโตปริวิตกฺกํ (สี. ปี.)] มนสากาสิ. ยถา [ยทา (สี. ปี.)] ภควา อฺาสิ ¶ – ‘‘อภพฺโพ โข รฏฺปาโล กุลปุตฺโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติตุ’’นฺติ, อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจ – ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, รฏฺปาล, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ถุลฺลโกฏฺิกํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ถุลฺลโกฏฺิโก ตทวสริ. ตตฺร สุทํ อายสฺมา รฏฺปาโล ถุลฺลโกฏฺิเก วิหรติ รฺโ โกรพฺยสฺส มิคจีเร. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ถุลฺลโกฏฺิกํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ถุลฺลโกฏฺิเก สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน เยน สกปิตุ นิเวสนํ ¶ เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อุลฺลิขาเปติ. อทฺทสา โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน เอตทโวจ – ‘‘อิเมหิ มุณฺฑเกหิ สมณเกหิ อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป ปพฺพาชิโต’’ติ ¶ . อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ¶ สกปิตุ นิเวสเน เนว ทานํ อลตฺถ น ปจฺจกฺขานํ; อฺทตฺถุ อกฺโกสเมว อลตฺถ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส าติทาสี อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ฉฑฺเฑตุกามา โหติ. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ตํ าติทาสึ เอตทโวจ – ‘‘สเจตํ, ภคินิ, ฉฑฺฑนียธมฺมํ, อิธ เม ปตฺเต อากิรา’’ติ. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส าติทาสี ตํ อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปตฺเต อากิรนฺตี หตฺถานฺจ ปาทานฺจ สรสฺส จ นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ.
๓๐๐. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส าติทาสี เยนายสฺมโต รฏฺปาลสฺส มาตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส มาตรํ เอตทโวจ – ‘‘ยคฺเฆยฺเย, ชาเนยฺยาสิ – ‘อยฺยปุตฺโต รฏฺปาโล อนุปฺปตฺโต’’’ติ. ‘‘สเจ, เช, สจฺจํ ภณสิ, อทาสึ ตํ กโรมี’’ติ [สจฺจํ วทสิ, อทาสี ภวสีติ (สี. ปี.), สจฺจํ วทสิ, อทาสี ภวิสฺสสิ (ก.)]. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส มาตา เยนายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมโต ¶ รฏฺปาลสฺส ปิตรํ เอตทโวจ – ‘‘ยคฺเฆ, คหปติ, ชาเนยฺยาสิ – ‘รฏฺปาโล กิร กุลปุตฺโต อนุปฺปตฺโต’’’ติ? เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา รฏฺปาโล ตํ อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ อฺตรํ กุฏฺฏมูลํ [กุฑฺฑํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นิสฺสาย ปริภฺุชติ. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา เยนายสฺมา รฏฺปาโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นาม, ตาต รฏฺปาล, อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ปริภฺุชิสฺสสิ? นนุ, ตาต รฏฺปาล, สกํ เคหํ คนฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘กุโต โน, คหปติ, อมฺหากํ เคหํ อคารสฺมา ¶ อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ? อนคารา มยํ, คหปติ. อคมมฺห โข ¶ เต, คหปติ, เคหํ, ตตฺถ เนว ทานํ อลตฺถมฺห น ปจฺจกฺขานํ; อฺทตฺถุ อกฺโกสเมว อลตฺถมฺหา’’ติ. ‘‘เอหิ, ตาต รฏฺปาล, ฆรํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อลํ, คหปติ, กตํ เม อชฺช ภตฺตกิจฺจํ’’. ‘‘เตน หิ, ตาต รฏฺปาล, อธิวาเสหิ สฺวาตนาย ภตฺต’’นฺติ. อธิวาเสสิ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ตุณฺหีภาเวน. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา เยน สกํ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มหนฺตํ หิรฺสุวณฺณสฺส ¶ ปฺุชํ การาเปตฺวา กิลฺเชหิ ¶ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปุราณทุติยิกา อามนฺเตสิ – ‘‘เอถ ตุมฺเห, วธุโย, เยน อลงฺกาเรน อลงฺกตา ปุพฺเพ รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส ปิยา โหถ มนาปา เตน อลงฺกาเรน อลงฺกโรถา’’ติ.
๓๐๑. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส กาลํ อาโรเจสิ – ‘‘กาโล, ตาต รฏฺปาล, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สกปิตุ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปิตา ตํ หิรฺสุวณฺณสฺส ปฺุชํ วิวราเปตฺวา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ เต, ตาต รฏฺปาล, มาตุ มตฺติกํ ธนํ, อฺํ เปตฺติกํ, อฺํ ปิตามหํ. สกฺกา, ตาต รฏฺปาล, โภเค จ ภฺุชิตุํ ปฺุานิ จ กาตุํ. เอหิ ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล [รฏฺปาล สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย (สพฺพตฺถ)] ¶ , หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภฺุชสฺสุ ปฺุานิ จ กโรหี’’ติ. ‘‘สเจ เม ตฺวํ, คหปติ, วจนํ กเรยฺยาสิ, อิมํ หิรฺสุวณฺณสฺส ปฺุชํ สกเฏ อาโรเปตฺวา นิพฺพาหาเปตฺวา ¶ มชฺเฌคงฺคาย นทิยา โสเต โอปิลาเปยฺยาสิ. ตํ กิสฺส เหตุ? เย อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ หิ เต, คหปติ, ตโตนิทานํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปุราณทุติยิกา ปจฺเจกํ ปาเทสุ คเหตฺวา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจุํ – ‘‘กีทิสา นาม ตา, อยฺยปุตฺต, อจฺฉราโย ยาสํ ตฺวํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรสี’’ติ? ‘‘น โข มยํ, ภคินี, อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรามา’’ติ. ‘‘ภคินิวาเทน โน อยฺยปุตฺโต รฏฺปาโล สมุทาจรตี’’ติ ตา ตตฺเถว มุจฺฉิตา ปปตึสุ. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ปิตรํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ, คหปติ, โภชนํ ทาตพฺพํ, เทถ; มา โน วิเหเถา’’ติ. ‘‘ภฺุช, ตาต รฏฺปาล, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. อถ โข อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ¶ ปิตา อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ.
๓๐๒. อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ภุตฺตาวี โอนีตปตฺตปาณี ิตโกว อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปสฺส ¶ จิตฺตีกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิติ.
‘‘ปสฺส จิตฺตีกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จ;
อฏฺิ ตเจน โอนทฺธํ, สห วตฺเถภิ โสภติ.
‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, มุขํ จุณฺณกมกฺขิตํ;
อลํ ¶ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘อฏฺาปทกตา ¶ เกสา, เนตฺตา อฺชนมกฺขิตา;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘อฺชนีว นวา [อฺชนีวณฺณวา (ก.)] จิตฺตา, ปูติกาโย อลงฺกโต;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘โอทหิ มิคโว ปาสํ, นาสทา วากรํ มิโค;
ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉาม [คจฺฉามิ (สฺยา. ก.)], กนฺทนฺเต มิคพนฺธเก’’ติ.
อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ิตโกว อิมา คาถา ภาสิตฺวา เยน รฺโ โกรพฺยสฺส มิคจีรํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ.
๓๐๓. อถ ¶ โข ราชา โกรพฺโย มิควํ อามนฺเตสิ – ‘‘โสเธหิ, สมฺม มิคว, มิคจีรํ อุยฺยานภูมึ; คจฺฉาม สุภูมึ ทสฺสนายา’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข มิคโว รฺโ โกรพฺยสฺส ปฏิสฺสุตฺวา มิคจีรํ โสเธนฺโต อทฺทส อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺนํ. ทิสฺวาน เยน ราชา โกรพฺโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ โกรพฺยํ เอตทโวจ – ‘‘สุทฺธํ โข เต, เทว, มิคจีรํ. อตฺถิ เจตฺถ รฏฺปาโล นาม กุลปุตฺโต อิมสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลสฺส ปุตฺโต ยสฺส ตฺวํ อภิณฺหํ กิตฺตยมาโน อโหสิ, โส อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺโน’’ติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม มิคว, อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยา. ตเมว ทานิ มยํ ภวนฺตํ รฏฺปาลํ ปยิรุปาสิสฺสามา’’ติ. อถ ¶ โข ราชา โกรพฺโย ‘‘ยํ ตตฺถ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยตฺตํ ตํ สพฺพํ วิสฺสชฺเชถา’’ติ วตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ ถุลฺลโกฏฺิกมฺหา นิยฺยาสิ ¶ มหจฺจราชานุภาเวน [มหจฺจา ราชานุภาเวน (สี.)] อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ ทสฺสนาย. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อุสฺสฏาย อุสฺสฏาย ปริสาย เยนายสฺมา รฏฺปาโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา รฏฺปาเลน ¶ สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ราชา โกรพฺโย อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ ภวํ รฏฺปาล หตฺถตฺถเร [กฏฺตฺถเร (สฺยา. กํ.)] นิสีทตู’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, นิสีท ตฺวํ; นิสินฺโน อหํ สเก อาสเน’’ติ. นิสีทิ ราชา โกรพฺโย ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช โข ราชา โกรพฺโย อายสฺมนฺตํ รฏฺปาลํ เอตทโวจ –
๓๐๔. ‘‘จตฺตาริมานิ, โภ รฏฺปาล, ปาริชฺุานิ เยหิ ปาริชฺุเหิ สมนฺนาคตา อิเธกจฺเจ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ. กตมานิ จตฺตาริ? ชราปาริชฺุํ, พฺยาธิปาริชฺุํ, โภคปาริชฺุํ, าติปาริชฺุํ. กตมฺจ, โภ รฏฺปาล, ชราปาริชฺุํ? อิธ, โภ รฏฺปาล ¶ , เอกจฺโจ ชิณฺโณ โหติ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ เอตรหิ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต. น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ [ผาติกตฺตุํ (สี.)]. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส เตน ชราปาริชฺุเน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ¶ ปพฺพชติ. อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺปาล, ชราปาริชฺุํ. ภวํ โข ปน รฏฺปาโล เอตรหิ ทหโร ยุวา สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา. ตํ โภโต รฏฺปาลสฺส ชราปาริชฺุํ นตฺถิ. กึ ภวํ รฏฺปาโล ตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
‘‘กตมฺจ, โภ รฏฺปาล, พฺยาธิปาริชฺุํ? อิธ, โภ รฏฺปาล, เอกจฺโจ อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ¶ – ‘อหํ โขมฺหิ เอตรหิ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ ¶ . ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส ¶ เตน พฺยาธิปาริชฺุเน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺปาล, พฺยาธิปาริชฺุํ. ภวํ โข ปน รฏฺปาโล เอตรหิ อปฺปาพาโธ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย. ตํ โภโต รฏฺปาลสฺส พฺยาธิปาริชฺุํ นตฺถิ. กึ ภวํ รฏฺปาโล ตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
‘‘กตมฺจ ¶ , โภ รฏฺปาล, โภคปาริชฺุํ? อิธ, โภ รฏฺปาล, เอกจฺโจ อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค. ตสฺส เต โภคา อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข ปุพฺเพ อฑฺโฒ อโหสึ มหทฺธโน มหาโภโค. ตสฺส เม เต โภคา อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คตา. น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส เตน โภคปาริชฺุเน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺปาล, โภคปาริชฺุํ. ภวํ โข ปน รฏฺปาโล อิมสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลสฺส ปุตฺโต. ตํ โภโต รฏฺปาลสฺส โภคปาริชฺุํ นตฺถิ. กึ ภวํ รฏฺปาโล ตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
‘‘กตมฺจ ¶ , โภ รฏฺปาล, าติปาริชฺุํ? อิธ, โภ รฏฺปาล, เอกจฺจสฺส พหู โหนฺติ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา. ตสฺส เต าตกา อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘มมํ โข ปุพฺเพ พหู อเหสุํ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา. ตสฺส เม เต อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คตา. น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ ¶ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส ¶ เตน าติปาริชฺุเน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺปาล, าติปาริชฺุํ. โภโต โข ปน รฏฺปาลสฺส อิมสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก พหู มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา. ตํ โภโต รฏฺปาลสฺส าติปาริชฺุํ นตฺถิ. กึ ภวํ รฏฺปาโล ตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
‘‘อิมานิ โข, โภ รฏฺปาล, จตฺตาริ ปาริชฺุานิ, เยหิ ปาริชฺุเหิ สมนฺนาคตา อิเธกจฺเจ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ. ตานิ โภโต รฏฺปาลสฺส นตฺถิ. กึ ภวํ รฏฺปาโล ตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ?
๓๐๕. ‘‘อตฺถิ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา ¶ สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมุทฺเทสา อุทฺทิฏฺา, เย อหํ [ยมหํ (สฺยา. กํ. ก.)] ตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. กตเม จตฺตาโร? ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว’ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปโม ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ทุติโย ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ตติโย ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. ‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตุตฺโถ ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา ¶ จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อิเม โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ¶ จตฺตาโร ธมฺมุทฺเทสา อุทฺทิฏฺา, เย อหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ.
๓๐๖. ‘‘‘อุปนิยฺยติ ¶ โลโก อทฺธุโว’ติ – ภวํ รฏฺปาโล อาห. อิมสฺส ¶ , โภ รฏฺปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ตฺวํ วีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ ปณฺณวีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ หตฺถิสฺมิมฺปิ กตาวี อสฺสสฺมิมฺปิ กตาวี รถสฺมิมฺปิ กตาวี ธนุสฺมิมฺปิ กตาวี ถรุสฺมิมฺปิ กตาวี อูรุพลี พาหุพลี อลมตฺโต สงฺคามาวจโร’’ติ? ‘‘อโหสึ อหํ, โภ รฏฺปาล, วีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ ปณฺณวีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ หตฺถิสฺมิมฺปิ กตาวี อสฺสสฺมิมฺปิ กตาวี รถสฺมิมฺปิ กตาวี ธนุสฺมิมฺปิ กตาวี ถรุสฺมิมฺปิ กตาวี อูรุพลี พาหุพลี อลมตฺโต สงฺคามาวจโร. อปฺเปกทาหํ, โภ รฏฺปาล, อิทฺธิมาว มฺเ น [อิทฺธิมา มฺเ น (สฺยา. กํ.), อิทฺธิมา จ มฺเ (สี.), น วิย มฺเ (ก.)] อตฺตโน พเลน สมสมํ สมนุปสฺสามี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, เอวเมว ตฺวํ เอตรหิ อูรุพลี พาหุพลี อลมตฺโต สงฺคามาวจโร’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ รฏฺปาล. เอตรหิ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต อาสีติโก เม วโย วตฺตติ. อปฺเปกทาหํ, โภ รฏฺปาล, ‘อิธ ปาทํ กริสฺสามี’ติ อฺเเนว ปาทํ กโรมี’’ติ. ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว’ติ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฏฺปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน – ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว’ติ. อุปนิยฺยติ หิ ¶ , โภ รฏฺปาล, โลโก อทฺธุโว.
‘‘สํวิชฺชนฺเต โข, โภ รฏฺปาล, อิมสฺมึ ราชกุเล หตฺถิกายาปิ อสฺสกายาปิ รถกายาปิ ปตฺติกายาปิ, อมฺหากํ อาปทาสุ ปริโยธาย ¶ วตฺติสฺสนฺติ. ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ – ภวํ รฏฺปาโล อาห. อิมสฺส ปน, โภ รฏฺปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อตฺถิ เต โกจิ อนุสายิโก อาพาโธ’’ติ? ‘‘อตฺถิ เม, โภ รฏฺปาล, อนุสายิโก อาพาโธ. อปฺเปกทา มํ, โภ รฏฺปาล, มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา ¶ ปริวาเรตฺวา ิตา โหนฺติ – ‘อิทานิ ราชา โกรพฺโย กาลํ กริสฺสติ, อิทานิ ราชา โกรพฺโย กาลํ กริสฺสตี’’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ลภสิ ตฺวํ ¶ เต มิตฺตามจฺเจ าติสาโลหิเต – ‘อายนฺตุ เม โภนฺโต มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา, สพฺเพว สนฺตา อิมํ เวทนํ สํวิภชถ, ยถาหํ ลหุกตริกํ เวทนํ เวทิเยยฺย’นฺติ – อุทาหุ ตฺวํเยว ตํ เวทนํ เวทิยสี’’ติ? ‘‘นาหํ, โภ รฏฺปาล, ลภามิ เต มิตฺตามจฺเจ าติสาโลหิเต – ‘อายนฺตุ เม โภนฺโต มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา, สพฺเพว สนฺตา อิมํ เวทนํ สํวิภชถ, ยถาหํ ลหุกตริกํ เวทนํ เวทิเยยฺย’นฺติ. อถ โข อหเมว ตํ เวทนํ เวทิยามี’’ติ. ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฏฺปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ¶ ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน – ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ. อตาโณ หิ, โภ รฏฺปาล, โลโก อนภิสฺสโร.
‘‘สํวิชฺชติ โข, โภ รฏฺปาล, อิมสฺมึ ราชกุเล ปหูตํ หิรฺสุวณฺณํ ภูมิคตฺจ เวหาสคตฺจ. ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ – ภวํ รฏฺปาโล อาห. อิมสฺส ปน, โภ รฏฺปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยถา ตฺวํ เอตรหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ ¶ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสิ, ลจฺฉสิ ตฺวํ ปรตฺถาปิ – ‘เอวเมวาหํ อิเมเหว ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมี’ติ, อุทาหุ อฺเ อิมํ โภคํ ปฏิปชฺชิสฺสนฺติ, ตฺวํ ปน ยถากมฺมํ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘ยถาหํ, โภ รฏฺปาล, เอตรหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมิ, นาหํ ลจฺฉามิ ปรตฺถาปิ – ‘เอวเมว อิเมเหว ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมี’ติ. อถ โข อฺเ อิมํ โภคํ ปฏิปชฺชิสฺสนฺติ; อหํ ปน ยถากมฺมํ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฏฺปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา ¶ สมฺมาสมฺพุทฺเธน – ‘อสฺสโก โลโก ¶ , สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ ¶ . อสฺสโก หิ, โภ รฏฺปาล, โลโก สพฺพํ ปหาย คมนียํ.
‘‘‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’ติ – ภวํ รฏฺปาโล อาห. อิมสฺส, โภ รฏฺปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ผีตํ กุรุํ อชฺฌาวสสี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ รฏฺปาล, ผีตํ กุรุํ อชฺฌาวสามี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ปุรตฺถิมาย ทิสาย สทฺธายิโก ปจฺจยิโก. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยคฺเฆ, มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ปุรตฺถิมาย ทิสาย? ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ชนปทํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํ. พหู ตตฺถ หตฺถิกายา อสฺสกายา รถกายา ปตฺติกายา; พหุ ตตฺถ ธนธฺํ [ทนฺตาชินํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; พหุ ตตฺถ หิรฺสุวณฺณํ อกตฺเจว กตฺจ; พหุ ตตฺถ อิตฺถิปริคฺคโห. สกฺกา จ ตาวตเกเนว พลมตฺเตน [พลตฺเถน (สี. สฺยา. กํ. ปี.), พหลตฺเถน (ก.)] อภิวิชินิตุํ. อภิวิชิน, มหาราชา’ติ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ตมฺปิ ¶ มยํ, โภ รฏฺปาล, อภิวิชิย อชฺฌาวเสยฺยามา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ปจฺฉิมาย ทิสาย… อุตฺตราย ทิสาย… ทกฺขิณาย ทิสาย… ปรสมุทฺทโต สทฺธายิโก ปจฺจยิโก. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยคฺเฆ, มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ปรสมุทฺทโต? ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ชนปทํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํ. พหู ตตฺถ หตฺถิกายา อสฺสกายา รถกายา ¶ ปตฺติกายา; พหุ ตตฺถ ธนธฺํ; พหุ ตตฺถ หิรฺสุวณฺณํ อกตฺเจว กตฺจ; พหุ ตตฺถ อิตฺถิปริคฺคโห. สกฺกา จ ตาวตเกเนว พลมตฺเตน อภิวิชินิตุํ. อภิวิชิน, มหาราชา’ติ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ตมฺปิ มยํ, โภ รฏฺปาล, อภิวิชิย อชฺฌาวเสยฺยามา’’ติ. ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’ติ, ยมหํ ตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฏฺปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน – ‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’ติ. อูโน หิ, โภ รฏฺปาล, โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’’ติ.
อิทมโวจ ¶ ¶ อายสฺมา รฏฺปาโล. อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –
๓๐๗. ‘‘ปสฺสามิ โลเก สธเน มนุสฺเส,
ลทฺธาน วิตฺตํ น ททนฺติ โมหา;
ลุทฺธา ธนํ [ลทฺธา ธนํ (ก.)] สนฺนิจยํ กโรนฺติ,
ภิยฺโยว กาเม อภิปตฺถยนฺติ.
‘‘ราชา ปสยฺหา ปถวึ วิชิตฺวา,
สสาครนฺตํ มหิมาวสนฺโต [มหิยา วสนฺโต (สี. ก.)];
โอรํ สมุทฺทสฺส อติตฺตรูโป,
ปารํ ¶ สมุทฺทสฺสปิ ปตฺถเยถ.
‘‘ราชา ¶ จ อฺเ จ พหู มนุสฺสา,
อวีตตณฺหา [อติตฺตตณฺหา (ก.)] มรณํ อุเปนฺติ;
อูนาว หุตฺวาน ชหนฺติ เทหํ,
กาเมหิ โลกมฺหิ น หตฺถิ ติตฺติ.
‘‘กนฺทนฺติ นํ าตี ปกิริย เกเส,
อโหวตา โน อมราติ จาหุ;
วตฺเถน นํ ปารุตํ นีหริตฺวา,
จิตํ สมาทาย [สมาธาย (สี.)] ตโตฑหนฺติ.
‘‘โส ฑยฺหติ สูเลหิ ตุชฺชมาโน,
เอเกน วตฺเถน ปหาย โภเค;
น มียมานสฺส ภวนฺติ ตาณา,
าตีธ มิตฺตา อถ วา สหายา.
‘‘ทายาทกา ¶ ตสฺส ธนํ หรนฺติ,
สตฺโต ปน คจฺฉติ เยน กมฺมํ;
น มียมานํ ธนมนฺเวติ กิฺจิ,
ปุตฺตา จ ทารา จ ธนฺจ รฏฺํ.
‘‘น ¶ ทีฆมายุํ ลภเต ธเนน, น จาปิ วิตฺเตน ชรํ วิหนฺติ;
อปฺปํ หิทํ ชีวิตมาหุ ธีรา, อสสฺสตํ ¶ วิปฺปริณามธมฺมํ.
‘‘อฑฺฒา ทลิทฺทา จ ผุสนฺติ ผสฺสํ,
พาโล จ ธีโร จ ตเถว ผุฏฺโ;
พาโล จ พาลฺยา วธิโตว เสติ,
ธีโร จ [ธีโรว (ก.)] น เวธติ ผสฺสผุฏฺโ.
‘‘ตสฺมา หิ ปฺาว ธเนน เสยฺโย,
ยาย โวสานมิธาธิคจฺฉติ;
อพฺโยสิตตฺตา [อโสสิตตฺตา (สี. ปี.)] หิ ภวาภเวสุ,
ปาปานิ กมฺมานิ กโรนฺติ โมหา.
‘‘อุเปติ คพฺภฺจ ปรฺจ โลกํ,
สํสารมาปชฺช ปรมฺปราย;
ตสฺสปฺปปฺโ อภิสทฺทหนฺโต,
อุเปติ คพฺภฺจ ปรฺจ โลกํ.
‘‘โจโร ¶ ยถา สนฺธิมุเข คหิโต,
สกมฺมุนา หฺติ ปาปธมฺโม;
เอวํ ปชา เปจฺจ ปรมฺหิ โลเก,
สกมฺมุนา หฺติ ปาปธมฺโม.
‘‘กามาหิ ¶ จิตฺรา มธุรา มโนรมา,
วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺตํ;
อาทีนวํ กามคุเณสุ ทิสฺวา,
ตสฺมา ¶ อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราช.
‘‘ทุมปฺผลาเนว ปตนฺติ มาณวา,
ทหรา จ วุฑฺฒา จ สรีรเภทา;
เอตมฺปิ ทิสฺวา [เอวมฺปิ ทิสฺวา (สี.), เอตํ วิทิตฺวา (สฺยา. กํ.)] ปพฺพชิโตมฺหิ ราช,
อปณฺณกํ สามฺเมว เสยฺโย’’ติ.
รฏฺปาลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.
๓. มฆเทวสุตฺตํ
๓๐๘. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา มิถิลายํ วิหรติ มฆเทวอมฺพวเน [มขาเทวอมฺพวเน (สี. ปี.), มคฺฆเทวอมฺพวเน (ก.)]. อถ โข ภควา อฺตรสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ. ‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, อิมิสฺสาเยว มิถิลายํ ราชา อโหสิ มฆเทโว นาม ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺเม ิโต มหาราชา; ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ ¶ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺส. อถ โข, อานนฺท, ราชา มฆเทโว พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน กปฺปกํ อามนฺเตสิ – ‘ยทา เม, สมฺม กปฺปก, ปสฺเสยฺยาสิ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก รฺโ มฆเทวสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อทฺทสา โข, อานนฺท, กปฺปโก พหูนํ วสฺสานํ ¶ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน รฺโ มฆเทวสฺส สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ. ทิสฺวาน ราชานํ มฆเทวํ เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข เทวสฺส เทวทูตา, ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานี’ติ. ‘เตน หิ, สมฺม กปฺปก, ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ สณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา มม อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปหี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก รฺโ มฆเทวสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ สณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา รฺโ มฆเทวสฺส อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปสิ.
๓๐๙. ‘‘อถ โข, อานนฺท, ราชา มฆเทโว กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข เม, ตาต กุมาร, เทวทูตา; ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ; ภุตฺตา โข ปน เม มานุสกา กามา; สมโย ทิพฺเพ กาเม ปริเยสิตุํ. เอหิ ¶ ¶ ตฺวํ, ตาต กุมาร, อิมํ รชฺชํ ปฏิปชฺช. อหํ ปน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิ. เตน หิ, ตาต กุมาร, ยทา ตฺวมฺปิ ปสฺเสยฺยาสิ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยาสิ. เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสิ. ยสฺมึ โข, ตาต กุมาร, ปุริสยุเค วตฺตมาเน เอวรูปสฺส กลฺยาณสฺส วตฺตสฺส ¶ สมุจฺเฉโท โหติ โส เตสํ อนฺติมปุริโส โหติ. ตํ ตาหํ, ตาต กุมาร, เอวํ วทามิ – เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ ¶ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสี’ติ. อถ โข, อานนฺท, ราชา มฆเทโว กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน [อพฺยาปชฺเฌน (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อพฺยาปชฺเชน (ก.)] ผริตฺวา วิหาสิ. กรุณาสหคเตน เจตสา… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหาสิ.
‘‘ราชา โข ปนานนฺท, มฆเทโว จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬิตํ กีฬิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต พฺรหฺมจริยมจริ. โส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา ¶ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
๓๑๐. ‘‘อถ ¶ โข รฺโ, อานนฺท, มฆเทวสฺส ปุตฺโต พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน กปฺปกํ อามนฺเตสิ – ‘ยทา เม, สมฺม กปฺปก, ปสฺเสยฺยาสิ ¶ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ โข อาโรเจยฺยาสี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อทฺทสา โข, อานนฺท, กปฺปโก พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺตสฺส สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ. ทิสฺวาน รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข เทวสฺส เทวทูตา; ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ¶ ชาตานี’ติ. ‘เตน หิ, สมฺม กปฺปก, ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ สณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา มม อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปหี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ สณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺตสฺส อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปสิ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺโต กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข, เม, ตาต กุมาร, เทวทูตา; ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ; ภุตฺตา โข ปน เม มานุสกา กามา; สมโย ทิพฺเพ กาเม ปริเยสิตุํ. เอหิ ตฺวํ, ตาต กุมาร, อิมํ รชฺชํ ปฏิปชฺช. อหํ ปน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ ¶ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิ. เตน หิ, ตาต กุมาร, ยทา ตฺวมฺปิ ปสฺเสยฺยาสิ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยาสิ. เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสิ. ยสฺมึ โข, ตาต กุมาร, ปุริสยุเค วตฺตมาเน เอวรูปสฺส กลฺยาณสฺส วตฺตสฺส สมุจฺเฉโท โหติ โส เตสํ อนฺติมปุริโส โหติ. ตํ ตาหํ, ตาต กุมาร, เอวํ วทามิ – เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสี’ติ. อถ โข, อานนฺท, รฺโ มฆเทวสฺส ปุตฺโต กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ ¶ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหาสิ. กรุณาสหคเตน เจตสา… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ¶ ¶ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา ¶ วิหาสิ. รฺโ โข ปนานนฺท, มฆเทวสฺส ปุตฺโต จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬิตํ กีฬิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต พฺรหฺมจริยมจริ. โส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
๓๑๑. ‘‘รฺโ โข ปนานนฺท, มฆเทวสฺส ปุตฺตปปุตฺตกา ตสฺส ปรมฺปรา จตุราสีติราชสหสฺสานิ [จตุราสีติขตฺติยสหสฺสานิ (สี. ปี.), จตุราสีติสหสฺสานิ (สฺยา. กํ.)] อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชึสุ. เต เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรึสุ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรึสุ. กรุณาสหคเตน เจตสา… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรึสุ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน ¶ มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรึสุ. จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬิตํ กีฬึสุ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชํ กาเรสุํ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรสุํ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน อคารสฺมา ¶ อนคาริยํ ปพฺพชิตา พฺรหฺมจริยมจรึสุ. เต จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมโลกูปคา อเหสุํ. นิมิ เตสํ ราชา [ราชานํ (สี. ปี.)] ปจฺฉิมโก อโหสิ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺเม ิโต มหาราชา; ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺส.
๓๑๒. ‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, เทวานํ ตาวตึสานํ สุธมฺมายํ ¶ สภายํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘ลาภา วต, โภ, วิเทหานํ, สุลทฺธํ วต, โภ, วิเทหานํ, เยสํ นิมิ ราชา ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺเม ิโต มหาราชา; ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ ¶ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺสา’ติ. อถ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อามนฺเตสิ – ‘อิจฺเฉยฺยาถ โน ตุมฺเห, มาริสา, นิมึ ราชานํ ทฏฺุ’นฺติ? ‘อิจฺฉาม มยํ, มาริส, นิมึ ราชานํ ทฏฺุ’นฺติ. เตน โข ปน, อานนฺท, สมเยน นิมิ ราชา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาโต [สสีสํ นหาโต (สี.), สีสนฺหาโต (สฺยา. กํ.)] อุโปสถิโก อุปริปาสาทวรคโต ¶ นิสินฺโน โหติ. อถ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว – เทเวสุ ตาวตึเสสุ อนฺตรหิโต นิมิสฺส รฺโ ปมุเข ปาตุรโหสิ. อถ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท นิมึ ราชานํ เอตทโวจ – ‘ลาภา เต, มหาราช, สุลทฺธํ เต, มหาราช. เทวา, มหาราช, ตาวตึสา สุธมฺมายํ สภายํ กิตฺตยมานรูปา สนฺนิสินฺนา – ‘‘ลาภา วต, โภ, วิเทหานํ, สุลทฺธํ วต, โภ, วิเทหานํ, เยสํ นิมิ ราชา ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺเม ิโต มหาราชา; ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺสา’’ติ. เทวา เต, มหาราช, ตาวตึสา ทสฺสนกามา. ตสฺส เต อหํ, มหาราช, สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ ปหิณิสฺสามิ; อภิรุเหยฺยาสิ, มหาราช, ทิพฺพํ ยานํ อวิกมฺปมาโน’ติ. อธิวาเสสิ โข, อานนฺท, นิมิ ราชา ตุณฺหีภาเวน.
๓๑๓. ‘‘อถ ¶ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท นิมิสฺส รฺโ อธิวาสนํ วิทิตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว – นิมิสฺส รฺโ ปมุเข อนฺตรหิโต เทเวสุ ตาวตึเสสุ ปาตุรโหสิ. อถ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท มาตลึ สงฺคาหกํ อามนฺเตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม มาตลิ, สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา ¶ นิมึ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทหิ – อยํ เต, มหาราช, สหสฺสยุตฺโต อาชฺรโถ สกฺเกน เทวานมินฺเทน เปสิโต; อภิรุเหยฺยาสิ, มหาราช, ทิพฺพํ ยานํ ¶ อวิกมฺปมาโน’ติ. ‘เอวํ, ภทฺทนฺตวา’ติ โข, อานนฺท, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา นิมึ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘อยํ เต, มหาราช, สหสฺสยุตฺโต อาชฺรโถ สกฺเกน เทวานมินฺเทน เปสิโต; อภิรุห, มหาราช, ทิพฺพํ ยานํ อวิกมฺปมาโน. อปิ จ, มหาราช, กตเมน ตํ เนมิ, เยน วา ปาปกมฺมา ปาปกานํ กมฺมานํ ¶ วิปากํ ปฏิสํเวเทนฺติ, เยน วา กลฺยาณกมฺมา กลฺยาณกมฺมานํ วิปากํ ปฏิสํเวเทนฺตี’ติ? ‘อุภเยเนว มํ, มาตลิ, เนหี’ติ. สมฺปเวเสสิ [สมฺปาเปสิ (สี. ปี.)] โข, อานนฺท, มาตลิ, สงฺคาหโก นิมึ ราชานํ สุธมฺมํ สภํ. อทฺทสา โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท นิมึ ราชานํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน นิมึ ราชานํ เอตทโวจ – ‘เอหิ โข, มหาราช. สฺวาคตํ, มหาราช. เทวา เต ทสฺสนกามา, มหาราช, ตาวตึสา สุธมฺมายํ สภายํ กิตฺตยมานรูปา สนฺนิสินฺนา – ‘‘ลาภา วต, โภ, วิเทหานํ, สุลทฺธํ วต, โภ, วิเทหานํ, เยสํ นิมิ ราชา ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺเม ิโต มหาราชา; ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺสา’’ติ. เทวา เต, มหาราช, ตาวตึสา ทสฺสนกามา ¶ . อภิรม, มหาราช, เทเวสุ เทวานุภาเวนา’ติ. ‘อลํ, มาริส, ตตฺเถว มํ มิถิลํ ปฏิเนตุ. ตถาหํ ธมฺมํ จริสฺสามิ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ; อุโปสถฺจ อุปวสามิ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺสา’ติ.
๓๑๔. ‘‘อถ โข, อานนฺท, สกฺโก เทวานมินฺโท มาตลึ สงฺคาหกํ อามนฺเตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม มาตลิ, สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา นิมึ ¶ ราชานํ ตตฺเถว มิถิลํ ปฏิเนหี’ติ. ‘เอวํ, ภทฺทนฺตวา’ติ โข, อานนฺท, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา นิมึ ราชานํ ตตฺเถว มิถิลํ ปฏิเนสิ. ตตฺร สุทํ, อานนฺท, นิมิ ราชา ธมฺมํ จรติ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคเมสุ เจว ชานปเทสุ จ, อุโปสถฺจ ¶ อุปวสติ จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมิฺจ ปกฺขสฺสาติ. อถ โข, อานนฺท, นิมิ ราชา พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน กปฺปกํ อามนฺเตสิ – ‘ยทา เม, สมฺม กปฺปก, ปสฺเสยฺยาสิ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก นิมิสฺส รฺโ ปจฺจสฺโสสิ. อทฺทสา โข, อานนฺท, กปฺปโก พหูนํ วสฺสานํ พหูนํ วสฺสสตานํ พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ อจฺจเยน นิมิสฺส รฺโ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ. ทิสฺวาน นิมึ ราชานํ เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข เทวสฺส เทวทูตา; ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานี’ติ. ‘เตน หิ, สมฺม กปฺปก, ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ ¶ สณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา มม อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปหี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อานนฺท, กปฺปโก นิมิสฺส รฺโ ปฏิสฺสุตฺวา ตานิ ปลิตานิ สาธุกํ สณฺฑาเสน ¶ อุทฺธริตฺวา นิมิสฺส รฺโ อฺชลิสฺมึ ปติฏฺาเปสิ. อถ โข, อานนฺท, นิมิ ราชา กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ อามนฺตาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘ปาตุภูตา โข เม, ตาต กุมาร, เทวทูตา; ทิสฺสนฺติ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ; ภุตฺตา โข ปน เม มานุสกา กามา; สมโย ทิพฺเพ กาเม ปริเยสิตุํ. เอหิ ตฺวํ, ตาต กุมาร, อิมํ รชฺชํ ปฏิปชฺช. อหํ ปน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิ. เตน หิ, ตาต กุมาร, ยทา ตฺวมฺปิ ปสฺเสยฺยาสิ สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยาสิ. เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสิ. ยสฺมึ โข, ตาต กุมาร, ปุริสยุเค วตฺตมาเน เอวรูปสฺส กลฺยาณสฺส วตฺตสฺส สมุจฺเฉโท โหติ โส เตสํ อนฺติมปุริโส โหติ. ตํ ตาหํ, ตาต กุมาร, เอวํ วทามิ – ‘เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาสิ, มา โข เม ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสี’ติ.
๓๑๕. ‘‘อถ ¶ โข, อานนฺท, นิมิ ราชา กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา ¶ เชฏฺปุตฺตํ กุมารํ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ ¶ , ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหาสิ. กรุณาสหคเตน เจตสา… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหาสิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหาสิ. นิมิ โข, ปนานนฺท, ราชา จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬิตํ กีฬิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ โอปรชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ อิมสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต พฺรหฺมจริยมจริ. โส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ. นิมิสฺส โข ปนานนนฺท ¶ , รฺโ กฬารชนโก นาม ปุตฺโต อโหสิ. น โส อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิ. โส ตํ กลฺยาณํ วตฺตํ สมุจฺฉินฺทิ. โส เตสํ อนฺติมปุริโส อโหสิ.
๓๑๖. ‘‘สิยา ¶ โข ปน เต, อานนฺท, เอวมสฺส – ‘อฺโ นูน เตน สมเยน ราชา มฆเทโว อโหสิ, เยน ตํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิต’นฺติ [โย ตํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหินีติ (สี.)]. น โข ปเนตํ, อานนฺท, เอวํ ทฏฺพฺพํ. อหํ เตน สมเยน ราชา มฆเทโว อโหสึ. (อหํ ตํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหินึ,) [( ) นตฺถิ (ก.)] มยา ตํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ; ปจฺฉิมา ชนตา อนุปฺปวตฺเตสิ. ตํ โข ปนานนฺท, กลฺยาณํ วตฺตํ น นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา. อิทํ โข ปนานนฺท, เอตรหิ มยา กลฺยาณํ วตฺตํ ¶ นิหิตํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. กตมฺจานนฺท, เอตรหิ มยา กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม ¶ , สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิ. อิทํ โข, อานนฺท, เอตรหิ มยา กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. ตํ โว อหํ, อานนฺท, เอวํ วทามิ – ‘เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาถ, มา โข เม ตุมฺเห อนฺติมปุริสา อหุวตฺถ’. ยสฺมึ โข, อานนฺท, ปุริสยุเค วตฺตมาเน เอวรูปสฺส กลฺยาณสฺส วตฺตสฺส ¶ สมุจฺเฉโท โหติ โส เตสํ อนฺติมปุริโส โหติ. ตํ โว อหํ, อานนฺท, เอวํ วทามิ – ‘เยน เม อิทํ กลฺยาณํ วตฺตํ นิหิตํ อนุปฺปวตฺเตยฺยาถ, มา โข เม ตุมฺเห อนฺติมปุริสา อหุวตฺถา’’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
มฆเทวสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.
๔. มธุรสุตฺตํ
๓๑๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา มหากจฺจาโน มธุรายํ วิหรติ คุนฺทาวเน. อสฺโสสิ โข ราชา มาธุโร อวนฺติปุตฺโต – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, กจฺจาโน มธุรายํ [มถุรายํ (ฏีกา)] วิหรติ คุนฺทาวเน. ตํ โข ปน ภวนฺตํ กจฺจานํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี พหุสฺสุโต จิตฺตกถี กลฺยาณปฏิภาโน วุทฺโธ เจว อรหา จ’. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ. อถ โข ราชา มาธุโร อวนฺติปุตฺโต ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ มธุราย นิยฺยาสิ มหจฺจราชานุภาเวน อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ ทสฺสนาย. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ อายสฺมตา ¶ มหากจฺจาเนน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา มาธุโร อวนฺติปุตฺโต อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ กจฺจาน, เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’ติ. อิธ ภวํ กจฺจาโน กิมกฺขายี’’ติ? ‘‘โฆโสเยว โข เอโส, มหาราช, โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา ¶ พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’ติ. ตทมินาเปตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโสเยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๑๘. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ขตฺติยสฺส เจปิ อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา ขตฺติโยปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส… เวสฺโสปิสฺสาสฺส… สุทฺโทปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี ¶ กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ? ‘‘ขตฺติยสฺส เจปิ, โภ กจฺจาน, อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา ขตฺติโยปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส… เวสฺโสปิสฺสาสฺส… สุทฺโทปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, พฺราหฺมณสฺส เจปิ อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… เวสฺโสปิสฺสาสฺส… สุทฺโทปิสฺสาสฺส ¶ … ขตฺติโยปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ? ‘‘พฺราหฺมณสฺส เจปิ, โภ กจฺจาน, อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… เวสฺโสปิสฺสาสฺส… สุทฺโทปิสฺสาสฺส ¶ … ขตฺติโยปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, เวสฺสสฺส เจปิ อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา เวสฺโสปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… สุทฺโทปิสฺสาสฺส… ขตฺติโยปิสฺสาสฺส… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ? ‘‘เวสฺสสฺส เจปิ, โภ กจฺจาน, อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา เวสฺโสปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… สุทฺโทปิสฺสาสฺส… ขตฺติโยปิสฺสาสฺส… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, สุทฺทสฺส เจปิ อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา สุทฺโทปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที… ขตฺติโยปิสฺสาสฺส… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส… เวสฺโสปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ? ‘‘สุทฺทสฺส เจปิ, โภ กจฺจาน, อิชฺเฌยฺย ธเนน วา ธฺเน วา รชเตน วา ชาตรูเปน วา สุทฺโทปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี ¶ มนาปจารี ปิยวาทีติ… ขตฺติโยปิสฺสาสฺส… พฺราหฺมโณปิสฺสาสฺส… เวสฺโสปิสฺสาสฺส ปุพฺพุฏฺายี ปจฺฉานิปาตี กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อทฺธา ¶ โข, โภ กจฺจาน, เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ. เนสํ [นาสํ (สี.), นาหํ (สฺยา. กํ.)] เอตฺถ กิฺจิ นานากรณํ สมนุปสฺสามี’’ติ. ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโส เยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๑๙. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธสฺส ขตฺติโย ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิ [มิจฺฉาทิฏฺี (สพฺพตฺถ)] กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ ¶ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ขตฺติโยปิ หิ, โภ กจฺจาน, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย. เอวํ เม เอตฺถ โหติ, เอวฺจ ปน เม เอตํ อรหตํ สุต’’นฺติ.
‘‘สาธุ สาธุ, มหาราช! สาธุ โข เต เอตํ, มหาราช, เอวํ โหติ, สาธุ จ ปน เต เอตํ อรหตํ สุตํ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธสฺส พฺราหฺมโณ…เป… อิธสฺส เวสฺโส…เป… อิธสฺส สุทฺโท ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘สุทฺโทปิ หิ, โภ กจฺจาน, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย. เอวํ เม เอตฺถ โหติ, เอวฺจ ปน เม เอตํ อรหตํ สุต’’นฺติ.
‘‘สาธุ สาธุ, มหาราช! สาธุ โข เต เอตํ, มหาราช, เอวํ โหติ, สาธุ จ ปน เต เอตํ อรหตํ สุตํ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา ¶ โหนฺติ โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อทฺธา ¶ โข, โภ กจฺจาน, เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ. เนสํ เอตฺถ ¶ กิฺจิ นานากรณํ สมนุปสฺสามี’’ติ. ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโส เยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๒๐. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธสฺส ขตฺติโย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต, มุสาวาทา ปฏิวิรโต, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต, อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺิ ¶ [สมฺมาทิฏฺี (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘ขตฺติโยปิ หิ, โภ กจฺจาน, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต, มุสาวาทา ปฏิวิรโต, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต, อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย. เอวํ เม เอตฺถ โหติ, เอวฺจ ปน เม เอตํ อรหตํ สุต’’นฺติ.
‘‘สาธุ สาธุ, มหาราช! สาธุ โข เต เอตํ, มหาราช, เอวํ โหติ, สาธุ จ ปน เต เอตํ อรหตํ สุตํ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธสฺส พฺราหฺมโณ, อิธสฺส เวสฺโส, อิธสฺส สุทฺโท ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต…เป… สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย โน วา? กถํ วา ¶ เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘สุทฺโทปิ หิ, โภ กจฺจาน, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต…เป… สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย. เอวํ เม เอตฺถ โหติ, เอวฺจ ปน เม เอตํ อรหตํ สุต’’นฺติ.
‘‘สาธุ สาธุ, มหาราช! สาธุ โข เต เอตํ, มหาราช, เอวํ โหติ, สาธุ จ ปน เต เอตํ อรหตํ สุตํ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อทฺธา ¶ โข, โภ กจฺจาน, เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ. เนสํ เอตฺถ กิฺจิ นานากรณํ สมนุปสฺสามี’’ติ ¶ . ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโส เยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๒๑. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ขตฺติโย สนฺธึ วา ฉินฺเทยฺย, นิลฺโลปํ วา หเรยฺย, เอกาคาริกํ วา กเรยฺย, ปริปนฺเถ วา ติฏฺเยฺย, ปรทารํ วา คจฺเฉยฺย, ตฺเจ เต ปุริสา คเหตฺวา ทสฺเสยฺยุํ – ‘อยํ เต, เทว, โจโร อาคุจารี. อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติ. กินฺติ ¶ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ฆาเตยฺยาม วา, โภ กจฺจาน, ชาเปยฺยาม วา ปพฺพาเชยฺยาม วา ยถาปจฺจยํ วา กเรยฺยาม. ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส ¶ , โภ กจฺจาน, ปุพฺเพ ‘ขตฺติโย’ติ สมฺา สาสฺส อนฺตรหิตา; โจโรตฺเวว สงฺขฺยํ [สงฺขํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] คจฺฉตี’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ พฺราหฺมโณ, อิธ เวสฺโส, อิธ สุทฺโท สนฺธึ วา ฉินฺเทยฺย, นิลฺโลปํ วา หเรยฺย, เอกาคาริกํ วา กเรยฺย, ปริปนฺเถ วา ติฏฺเยฺย, ปรทารํ วา คจฺเฉยฺย, ตฺเจ เต ปุริสา คเหตฺวา ทสฺเสยฺยุํ – ‘อยํ เต, เทว, โจโร อาคุจารี. อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติ. กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ฆาเตยฺยาม วา, โภ กจฺจาน, ชาเปยฺยาม วา ปพฺพาเชยฺยาม วา ยถาปจฺจยํ วา กเรยฺยาม. ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส, โภ กจฺจาน, ปุพฺเพ ‘สุทฺโท’ติ สมฺา สาสฺส อนฺตรหิตา; โจโรตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, โภ กจฺจาน, เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ. เนสํ เอตฺถ กิฺจิ นานากรณํ สมนุปสฺสามี’’ติ. ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโส เยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน ¶ อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๒๒. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ขตฺติโย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ¶ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต อสฺส วิรโต ปาณาติปาตา, วิรโต อทินฺนาทานา, วิรโต มุสาวาทา, รตฺตูปรโต, เอกภตฺติโก, พฺรหฺมจารี, สีลวา, กลฺยาณธมฺโม? กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘อภิวาเทยฺยาม วา [ปิ (ที. นิ. ๑.๑๘๔, ๑๘๗ สามฺผเล)], โภ กจฺจาน, ปจฺจุฏฺเยฺยาม วา อาสเนน วา ¶ นิมนฺเตยฺยาม อภินิมนฺเตยฺยาม วา นํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ ธมฺมิกํ วา อสฺส รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทเหยฺยาม. ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส, โภ กจฺจาน, ปุพฺเพ ‘ขตฺติโย’ติ สมฺา สาสฺส อนฺตรหิตา; สมโณตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ พฺราหฺมโณ, อิธ เวสฺโส, อิธ สุทฺโท เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต อสฺส วิรโต ปาณาติปาตา, วิรโต อทินฺนาทานา วิรโต มุสาวาทา, รตฺตูปรโต, เอกภตฺติโก, พฺรหฺมจารี, สีลวา, กลฺยาณธมฺโม? กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘อภิวาเทยฺยาม วา, โภ กจฺจาน, ปจฺจุฏฺเยฺยาม วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยาม อภินิมนฺเตยฺยาม วา นํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ ธมฺมิกํ วา อสฺส รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทเหยฺยาม. ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส, โภ กจฺจาน, ปุพฺเพ ‘สุทฺโท’ติ สมฺา สาสฺส อนฺตรหิตา; สมโณตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทิ เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, โภ กจฺจาน, เอวํ สนฺเต, อิเม จตฺตาโร วณฺณา สมสมา โหนฺติ. เนสํ เอตฺถ กิฺจิ นานากรณํ สมนุปสฺสามี’’ติ. ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, มหาราช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา โฆโส เยเวโส โลกสฺมึ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๓๒๓. เอวํ ¶ วุตฺเต, ราชา มาธุโร อวนฺติปุตฺโต อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ กจฺจาน, อภิกฺกนฺตํ, โภ กจฺจาน! เสยฺยถาปิ, โภ กจฺจาน, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา กจฺจาเนน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ กจฺจานํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ¶ . อุปาสกํ มํ ภวํ กจฺจาโน ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ‘‘มา โข มํ ตฺวํ, มหาราช, สรณํ อคมาสิ. ตเมว ตฺวํ ¶ [ตเมตํ ตฺวํ (สฺยา. กํ.), ตเมตํ (ก.)] ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉ ยมหํ สรณํ คโต’’ติ. ‘‘กหํ ปน, โภ กจฺจาน, เอตรหิ โส ¶ ภควา วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต โข, มหาราช, เอตรหิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. ‘‘สเจปิ มยํ, โภ กจฺจาน, สุเณยฺยาม ตํ ภควนฺตํ ทสสุ โยชเนสุ, ทสปิ มยํ โยชนานิ คจฺเฉยฺยาม ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. สเจปิ มยํ, โภ กจฺจาน, สุเณยฺยาม ตํ ภควนฺตํ วีสติยา โยชเนสุ, ตึสาย โยชเนสุ, จตฺตารีสาย โยชเนสุ, ปฺาสาย โยชเนสุ, ปฺาสมฺปิ มยํ โยชนานิ คจฺเฉยฺยาม ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. โยชนสเต เจปิ มยํ โภ กจฺจาน, สุเณยฺยาม ตํ ภควนฺตํ, โยชนสตมฺปิ มยํ คจฺเฉยฺยาม ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. ยโต จ, โภ กจฺจาน, ปรินิพฺพุโต โส ภควา, ปรินิพฺพุตมฺปิ มยํ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ กจฺจาโน ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
มธุรสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.
๕. โพธิราชกุมารสุตฺตํ
๓๒๔. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย. เตน โข ปน สมเยน โพธิสฺส ราชกุมารสฺส โกกนโท [โกกนุโท (สฺยา. กํ. ก.)] นาม ปาสาโท อจิรการิโต โหติ อนชฺฌาวุฏฺโ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตน. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร สฺชิกาปุตฺตํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺท, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘โพธิ, ภนฺเต, ราชกุมาโร ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘อธิวาเสตุ กิร, ภนฺเต, ภควา โพธิสฺส ราชกุมารสฺส สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข สฺชิกาปุตฺโต มาณโว โพธิสฺส ราชกุมารสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข สฺชิกาปุตฺโต มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โพธิ โข [โพธิ โภ โคตม (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ราชกุมาโร โภโต โคตมสฺส ปาเท สิรสา ¶ วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ. เอวฺจ วเทติ – ‘อธิวาเสตุ กิร ภวํ โคตโม โพธิสฺส ราชกุมารสฺส สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข สฺชิกาปุตฺโต มาณโว ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา เยน โพธิ ราชกุมาโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โพธึ ราชกุมารํ เอตทโวจ – ‘‘อโวจุมฺห โภโต วจเนน ตํ ภวนฺตํ โคตมํ – ‘โพธิ โข ราชกุมาโร โภโต ¶ โคตมสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ. เอวฺจ วเทติ – อธิวาเสตุ กิร ภวํ โคตโม โพธิสฺส ราชกุมารสฺส สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’ติ. อธิวุฏฺฺจ ปน สมเณน โคตเมนา’’ติ.
๓๒๕. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา, โกกนทฺจ ปาสาทํ โอทาเตหิ ทุสฺเสหิ สนฺถราเปตฺวา ยาว ปจฺฉิมโสปานกเฬวรา ¶ [กเฬพรา (สี.)], สฺชิกาปุตฺตํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต กาลํ อาโรเจหิ – ‘กาโล, ภนฺเต, นิฏฺิตํ ภตฺต’’’นฺติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข สฺชิกาปุตฺโต มาณโว โพธิสฺส ราชกุมารสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต กาลํ อาโรเจสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. อถ ¶ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน โพธิสฺส ราชกุมารสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน โพธิ ราชกุมาโร พหิทฺวารโกฏฺเก ิโต โหติ ภควนฺตํ อาคมยมาโน. อทฺทสา โข โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปุรกฺขตฺวา เยน โกกนโท ปาสาโท เตนุปสงฺกมิ. อถ โข ภควา ปจฺฉิมํ โสปานกเฬวรํ นิสฺสาย อฏฺาสิ. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิรุหตุ [อภิรูหตุ (สฺยา. กํ. ปี.) อกฺกมตุ (จูฬว. ๒๖๘)], ภนฺเต, ภควา ทุสฺสานิ, อภิรุหตุ สุคโต ทุสฺสานิ; ยํ มม อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย ¶ สุขายา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภควา ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข…เป… ตติยมฺปิ โข โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิรุหตุ, ภนฺเต, ภควา. ทุสฺสานิ, อภิรุหตุ สุคโต ทุสฺสานิ; ยํ มม อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.
๓๒๖. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อปโลเกสิ. อถ โข อายสฺมา ¶ อานนฺโท โพธึ ราชกุมารํ เอตทโวจ – ‘‘สํหรตุ, ราชกุมาร, ทุสฺสานิ; น ภควา เจลปฏิกํ [เจลปตฺติกํ (สี. ปี.)] อกฺกมิสฺสติ. ปจฺฉิมํ ชนตํ ตถาคโต อนุกมฺปตี’’ติ [อปโลเกตีติ (สพฺพตฺถ)]. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร ทุสฺสานิ สํหราเปตฺวา อุปริโกกนทปาสาเท [อุปริโกกนเท ปาสาเท (สี. ปี. วินเยจ), อุปริโกกนเท (สฺยา. กํ.)] อาสนานิ ปฺเปสิ. อถ โข ภควา โกกนทํ ปาสาทํ ¶ อภิรุหิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหํ โข, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘น โข สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุกฺเขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพ’’’นฺติ.
๓๒๗. ‘‘มยฺหมฺปิ โข, ราชกุมาร, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต ¶ เอตทโหสิ – ‘น โข สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุกฺเขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพ’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, อปเรน สมเยน ทหโรว สมาโน สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา อกามกานํ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชึ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กึกุสลคเวสี [กึกุสลํคเวสี (ก.)] อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส กาลาม, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, อาฬาโร กาลาโม มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา, ตาทิโส ¶ อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส ¶ โข อหํ, ราชกุมาร, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน าณวาทฺจ วทามิ, เถรวาทฺจ ชานามิ ปสฺสามีติ จ ปฏิชานามิ, อหฺเจว อฺเ จ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ; อทฺธา อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหรตี’ติ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ [อุปสมฺปชฺช ปเวเทสีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]? เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, อาฬาโร กาลาโม อากิฺจฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ วีริยํ…เป… สติ… สมาธิ… ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ปฺา. ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ อาฬาโร กาลาโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. อถ ¶ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข อหํ, อาวุโส, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม ¶ . อิติ ยาหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ, ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ. ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ, ตมหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ¶ อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ. อิติ ยาหํ ธมฺมํ ชานามิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตมหํ ธมฺมํ ชานามิ. อิติ ยาทิโส อหํ, ตาทิโส ตุวํ; ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส อหํ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, อุโภว สนฺตา อิมํ คณํ ปริหรามา’ติ. อิติ โข, ราชกุมาร, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน (อตฺตโน) [( ) นตฺถิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อนฺเตวาสึ มํ สมานํ อตฺตนา [อตฺตโน (สี. ปี.)] สมสมํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว อากิฺจฺายตนูปปตฺติยา’ติ ¶ . โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.
๓๒๘. ‘‘โส โข อหํ, ราชกุมาร, กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อุทโก [อุทฺทโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส [อาวุโส ราม (สี. สฺยา. กํ. ก.) ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๗๘ ปาสราสิสุตฺเต], อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, อุทโก รามปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา, ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน าณวาทฺจ วทามิ, เถรวาทฺจ ชานามิ ปสฺสามีติ จ ปฏิชานามิ, อหฺเจว อฺเ จ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข ราโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ; อทฺธา ราโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหาสี’ติ. อถ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, อุทโก รามปุตฺโต เนวสฺานาสฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข รามสฺเสว อโหสิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข รามสฺเสว อโหสิ วีริยํ…เป… สติ… สมาธิ… ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ¶ ปฺา. ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.
‘‘อถ ¶ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ. ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ. อิติ ¶ ยาทิโส ราโม อโหสิ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส ราโม อโหสิ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, ตุวํ อิมํ คณํ ปริหรา’ติ. อิติ โข, ราชกุมาร, อุทโก รามปุตฺโต สพฺรหฺมจารี เม สมาโน อาจริยฏฺาเน มํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว เนวสฺานาสฺายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.
๓๒๙. ‘‘โส โข อหํ, ราชกุมาร, กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน, มคเธสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน, เยน อุรุเวลา เสนานิคโม ตทวสรึ. ตตฺถทฺทสํ รมณียํ ภูมิภาคํ, ปาสาทิกฺจ วนสณฺฑํ, นทีฺจ สนฺทนฺตึ เสตกํ สุปติตฺถํ, รมณียํ สมนฺตา จ โคจรคามํ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘รมณีโย วต, โภ, ภูมิภาโค, ปาสาทิโก จ วนสณฺโฑ, นทิฺจ สนฺทนฺตึ เสตกา สุปติตฺถา ¶ , รมณียา สมนฺตา [สามนฺตา (?) ปุริมปิฏฺเปิ] จ โคจรคาโม. อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’ติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตตฺเถว นิสีทึ – ‘อลมิทํ ปธานายา’ติ. อปิสฺสุ มํ, ราชกุมาร, ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ ¶ อสฺสุตปุพฺพา.
‘‘เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ ¶ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต [อภิมตฺถนฺโต (สฺยา. กํ. ก.)] อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, ภนฺเต. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, ภนฺเต, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ ตฺจ ปน อุทเก นิกฺขิตฺตํ, ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ อวูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ, น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ. โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ราชกุมาร, ปมา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๓๓๐. ‘‘อปราปิ โข มํ, ราชกุมาร, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ¶ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย ¶ , เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, ภนฺเต. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, ภนฺเต, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ กิฺจาปิ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ, ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ, น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ. โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ราชกุมาร, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๓๓๑. ‘‘อปราปิ ¶ โข มํ, ราชกุมาร, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ¶ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, ภนฺเต, สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ, ตฺจ ปน อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺต’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ สุปฺปหีโน โหติ สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ. โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา ¶ เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ราชกุมาร, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. อิมา โข มํ, ราชกุมาร, ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๓๓๒. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ทนฺเตภิทนฺตมาธาย [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๒๐ วิตกฺกสณฺานสุตฺเต], ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺเหยฺยํ อภินิปฺปีเฬยฺยํ อภิสนฺตาเปยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหามิ อภินิปฺปีเฬมิ อภิสนฺตาเปมิ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, พลวา ปุริโส ทุพฺพลตรํ ปุริสํ สีเส วา คเหตฺวา ขนฺเธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคณฺเหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย; เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
๓๓๓. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ ¶ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. เสยฺยถาปิ นาม กมฺมารคคฺคริยา ธมมานาย อธิมตฺโต สทฺโท โหติ, เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา ¶ สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ [อูหนฺติ (สี.), โอหนนฺติ (สฺยา. กํ.), อุหนนฺติ (ก.)]. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, พลวา ปุริโส ติณฺเหน สิขเรน มุทฺธนิ อภิมตฺเถยฺย [มุทฺธานํ อภิมนฺเถยฺย (สี. ปี.), มุทฺธานํ อภิมตฺเถยฺย (สฺยา. กํ.)], เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, พลวา ปุริโส ทฬฺเหน วรตฺตกฺขณฺเฑน [วรตฺตกพนฺธเนน (สี.)] สีเส สีสเวํ ทเทยฺย; เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา ¶ วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา ติณฺเหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉึ ปริกนฺเตยฺย, เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา ¶ , วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ ¶ อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห โหติ. เสยฺยถาปิ, ราชกุมาร, ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ, เอวเมว โข เม, ราชกุมาร, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ราชกุมาร, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘อปิสฺสุ มํ, ราชกุมาร, เทวตา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาลงฺกโต สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, อปิ จ กาลงฺกโรตี’ติ. เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, นาปิ กาลงฺกโรติ ¶ . อรหํ สมโณ โคตโม. วิหาโรตฺเวว โส [วิหาโรตฺเวเวโส (สี.)] อรหโต เอวรูโป โหตี’ติ [วิหาโรตฺเวเวโส อรหโต’’ติ (?)].
๓๓๔. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺเชยฺย’นฺติ. อถ โข มํ, ราชกุมาร, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา ¶ เอตทโวจุํ – ‘มา โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิ. สเจ โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิสฺสสิ, ตสฺส เต มยํ ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรสฺสาม [อชฺโฌหริสฺสาม (สฺยา. กํ. ปี. ก.)], ตาย ตฺวํ ยาเปสฺสสี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘อหฺเจว โข ปน สพฺพโส อชชฺชิตํ [อชทฺธุกํ (สี. ปี.), ชทฺธุกํ (สฺยา. กํ.)] ปฏิชาเนยฺยํ. อิมา จ เม เทวตา ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรยฺยุํ [อชฺโฌหเรยฺยุํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)], ตาย จาหํ ยาเปยฺยํ, ตํ มมสฺส มุสา’ติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ตา เทวตา ปจฺจาจิกฺขามิ. ‘หล’นฺติ วทามิ.
‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ ยทิ วา กุลตฺถยูสํ ยทิ วา กฬายยูสํ ยทิ วา หเรณุกยูส’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรสึ ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ ยทิ วา กุลตฺถยูสํ ยทิ วา กฬายยูสํ ยทิ วา หเรณุกยูสํ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหารยโต ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ ยทิ วา กุลตฺถยูสํ ¶ ยทิ วา กฬายยูสํ ยทิ วา หเรณุกยูสํ, อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา, เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม โอฏฺปทํ, เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม วฏฺฏนาวฬี, เอวเมวสฺสุ เม ปิฏฺิกณฺฏโก อุณฺณตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปานสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุ อามกจฺฉินฺโน วาตาตเปน สํผุฏิโต [สมฺผุสิโต (สฺยา. กํ.), สํปุฏีโต (ก.) สํผุฏิโตติ เอตฺถ สงฺกุจิโตติ อตฺโถ] โหติ สมฺมิลาโต, เอวเมวสฺสุ เม สีสจฺฉวิ สํผุฏิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข ¶ อหํ, ราชกุมาร, ‘อุทรจฺฉวึ ปริมสิสฺสามี’ติ ปิฏฺิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ‘ปิฏฺิกณฺฏกํ ปริมสิสฺสามี’ติ อุทรจฺฉวึเยว ปริคฺคณฺหามิ. ยาวสฺสุ เม, ราชกุมาร, อุทรจฺฉวิ ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ราชกุมาร, ‘วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามี’ติ ตตฺเถว อวกุชฺโช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข ¶ อหํ, ราชกุมาร, อิมเมว กายํ อสฺสาเสนฺโต ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชามิ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. อปิสฺสุ มํ, ราชกุมาร, มนุสฺสา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาโฬ สมโณ โคตโม’ติ, เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม, สาโม สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม, นปิ สาโม, มงฺคุรจฺฉวิ สมโณ โคตโม’ติ. ยาวสฺสุ เม, ราชกุมาร, ตาว ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต อุปหโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย.
๓๓๕. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ อตีตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา [ติปฺปา (สี. ปี.)] ขรา กฏุกา เวทนา เวทยึสุ, เอตาวปรมํ นยิโต ภิยฺโย. เยปิ หิ เกจิ อนาคตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ¶ ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยิสฺสนฺติ, เอตาวปรมํ นยิโต ภิยฺโย. เยปิ หิ เกจิ เอตรหิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, เอตาวปรมํ นยิโต ภิยฺโย. น โข ปนาหํ อิมาย กฏุกาย ทุกฺกรการิกาย อธิคจฺฉามิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ; สิยา นุ โข อฺโ มคฺโค โพธายา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘อภิชานามิ โข ปนาหํ ¶ ปิตุ สกฺกสฺส กมฺมนฺเต สีตาย ชมฺพุจฺฉายาย นิสินฺโน วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตา; สิยา นุ โข เอโส มคฺโค โพธายา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, สตานุสาริ วิฺาณํ อโหสิ – ‘เอเสว มคฺโค โพธายา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘กึ นุ โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ ยํ ตํ สุขํ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ¶ ธมฺเมหี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ ยํ ตํ สุขํ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘น โข ตํ สุกรํ สุขํ อธิคนฺตุํ เอวํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกาเยน. ยํนูนาหํ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ โอทนกุมฺมาส’นฺติ. โส โข อหํ, ราชกุมาร, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสึ โอทนกุมฺมาสํ. เตน โข ปน มํ, ราชกุมาร, สมเยน ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ปจฺจุปฏฺิตา โหนฺติ – ‘ยํ โข สมโณ โคตโม ธมฺมํ อธิคมิสฺสติ ตํ โน อาโรเจสฺสตี’ติ. ยโต โข อหํ, ราชกุมาร, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสึ โอทนกุมฺมาสํ, อถ เม เต ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู นิพฺพิชฺช ปกฺกมึสุ – ‘พาหุลฺลิโก [พาหุลิโก (สี. ปี.) สารตฺถฏีกาย สํฆเภทสิกฺขาปทวณฺณนาย สเมติ] สมโณ โคตโม ปธานวิพฺภนฺโต, อาวตฺโต พาหุลฺลายา’ติ.
๓๓๖. ‘‘โส โข อหํ, ราชกุมาร, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตฺวา ¶ พลํ คเหตฺวา วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา… ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย ¶ จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อยํ โข เม, ราชกุมาร, รตฺติยา ปเม ยาเม ปมา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน – ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ ¶ …เป… อยํ โข เม, ราชกุมาร, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน – ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
‘‘โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ…เป… ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสึ. อยํ โข เม, ราชกุมาร, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน – ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
๓๓๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย. อาลยรามา โข ปนายํ ปชา อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา. อาลยรามาย โข ปน ปชาย อาลยรตาย อาลยสมฺมุทิตาย ¶ ทุทฺทสํ อิทํ านํ ยทิทํ – อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อิทมฺปิ โข านํ ทุทฺทสํ – ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ ¶ . อหฺเจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุํ, โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’ติ. อปิสฺสุ มํ, ราชกุมาร, อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฏิภํสุ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา –
‘กิจฺเฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุํ;
ราคโทสปเรเตหิ, นายํ ธมฺโม สุสมฺพุโธ.
‘ปฏิโสตคามึ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;
ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขนฺเธน อาวุฏา’ [อาวฏา (สี.), อาวุตา (สฺยา. กํ.)] ติ.
‘‘อิติห ¶ เม, ราชกุมาร, ปฏิสฺจิกฺขโต อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ โน ธมฺมเทสนาย.
๓๓๘. ‘‘อถ โข, ราชกุมาร, พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺส มม เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เอตทโหสิ – ‘นสฺสติ วต, โภ, โลโก; วินสฺสติ วต, โภ, โลโก. ยตฺร หิ นาม ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ [นมิสฺสติ (?)] โน ธมฺมเทสนายา’ติ. อถ โข, ราชกุมาร, พฺรหฺมา สหมฺปติ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต มม ปุรโต ปาตุรโหสิ. อถ โข, ราชกุมาร, พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยนาหํ เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ. สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา อสฺสวนตาย ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ; ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’ติ ¶ . อิทมโวจ, ราชกุมาร, พฺรหฺมา สหมฺปติ; อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –
‘ปาตุรโหสิ มคเธสุ ปุพฺเพ,
ธมฺโม อสุทฺโธ สมเลหิ จินฺติโต;
อปาปุเรตํ [อวาปุเรตํ (สี.)] อมตสฺส ทฺวารํ,
สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธํ.
‘เสเล ¶ ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต,
ยถาปิ ปสฺเส ชนตํ สมนฺตโต;
ตถูปมํ ธมฺมมยํ สุเมธ,
ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุ.
‘โสกาวติณฺณํ [โสกาวกิณฺณํ (สฺยา.)] ชนตมเปตโสโก,
อเวกฺขสฺสุ ชาติชราภิภูตํ;
อุฏฺเหิ วีร, วิชิตสงฺคาม,
สตฺถวาห อณณ [อนณ (สี. สฺยา. กํ. ปี. ก.)], วิจร โลเก;
เทสสฺสุ [เทเสตุ (สฺยา. กํ. ก.)] ภควา ธมฺมํ,
อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตี’ติ.
๓๓๙. ‘‘อถ ¶ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, พฺรหฺมุโน จ อชฺเฌสนํ วิทิตฺวา สตฺเตสุ จ การฺุตํ ปฏิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสึ. อทฺทสํ โข อหํ, ราชกุมาร, พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ¶ ทุวิฺาปเย อปฺเปกจฺเจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน [ทสฺสาวิโน (สฺยา. กํ. ก.)] วิหรนฺเต, อปฺเปกจฺเจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต. เสยฺยถาปิ นาม อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ วา อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ, อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ สโมทกํ ิตานิ, อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกา อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ [ติฏฺนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อนุปลิตฺตานิ อุทเกน, เอวเมว โข อหํ, ราชกุมาร, พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต อทฺทสํ สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย, อปฺเปกจฺเจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต, อปฺเปกจฺเจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต. อถ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, พฺรหฺมานํ สหมฺปตึ คาถาย ปจฺจภาสึ –
‘อปารุตา เตสํ อมตสฺส ทฺวารา,
เย โสตวนฺโต ปมฺุจนฺตุ สทฺธํ;
วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ,
ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’ติ.
๓๔๐. ‘‘อถ ¶ โข, ราชกุมาร, พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภควตา ธมฺมเทสนายา’ติ มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ¶ ธมฺมํ เทเสยฺยํ? โก อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อาฬาโร กาลาโม ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ทีฆรตฺตํ อปฺปรชกฺขชาติโก. ยํนูนาหํ อาฬารสฺส กาลามสฺส ¶ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ; โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ. อถ โข มํ, ราชกุมาร, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘สตฺตาหกาลงฺกโต, ภนฺเต, อาฬาโร กาลาโม’ติ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ – ‘สตฺตาหกาลงฺกโต อาฬาโร กาลาโม’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘มหาชานิโย โข อาฬาโร กาลาโม. สเจ หิ โส อิมํ ธมฺมํ สุเณยฺย, ขิปฺปเมว อาชาเนยฺยา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ? โก อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อุทโก รามปุตฺโต ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ทีฆรตฺตํ อปฺปรชกฺขชาติโก. ยํนูนาหํ อุทกสฺส รามปุตฺตสฺส ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ; โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ. อถ โข มํ, ราชกุมาร, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘อภิโทสกาลงฺกโต, ภนฺเต, อุทโก รามปุตฺโต’ติ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ – ‘อภิโทสกาลงฺกโต อุทโก รามปุตฺโต’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘มหาชานิโย โข อุทโก รามปุตฺโต. สเจ หิ โส อิมํ ธมฺมํ สุเณยฺย, ขิปฺปเมว อาชาเนยฺยา’ติ.
๓๔๑. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ? โก อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปเมว อาชานิสฺสตี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘พหุการา โข เม ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู เย มํ ปธานปหิตตฺตํ อุปฏฺหึสุ. ยํนูนาหํ ปฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ราชกุมาร, เอตทโหสิ – ‘กหํ นุ โข เอตรหิ ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู วิหรนฺตี’ติ. อทฺทสํ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู พาราณสิยํ วิหรนฺเต อิสิปตเน มิคทาเย. อถ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, อุรุเวลายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน พาราณสี เตน จาริกํ ปกฺกมึ.
‘‘อทฺทสา โข มํ, ราชกุมาร, อุปโก อาชีวโก อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธึ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนํ ¶ . ทิสฺวาน มํ เอตทโวจ – ‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต. กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต? โก วา เต สตฺถา? กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, อหํ, ราชกุมาร, อุปกํ อาชีวกํ คาถาหิ อชฺฌภาสึ –
‘สพฺพาภิภู ¶ สพฺพวิทูหมสฺมิ,
สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโต;
สพฺพฺชโห ตณฺหากฺขเย วิมุตฺโต,
สยํ อภิฺาย กมุทฺทิเสยฺยํ.
‘น ¶ เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;
สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล.
‘อหฺหิ อรหา โลเก, อหํ สตฺถา อนุตฺตโร;
เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต.
‘ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตุํ, คจฺฉามิ กาสินํ ปุรํ;
อนฺธีภูตสฺมึ [อนฺธภูตสฺมึ (สี. สฺยา. ปี.)] โลกสฺมึ, อาหฺฉํ [อาหฺึ (สฺยา. กํ. ก.)] อมตทุนฺทุภิ’นฺติ.
‘ยถา โข ตฺวํ, อาวุโส, ปฏิชานาสิ อรหสิ อนนฺตชิโน’ติ.
‘มาทิสา เว ชินา โหนฺติ, เย ปตฺตา อาสวกฺขยํ;
ชิตา เม ปาปกา ธมฺมา, ตสฺมาหมุปก [ตสฺมาหํ อุปกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ชิโน’ติ.
‘‘เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, อุปโก อาชีวโก ‘หุเปยฺยปาวุโส’ติ [หุเวยฺยปาวุโส (สี. ปี.), หุเวยฺยาวุโส (สฺยา. กํ.)] วตฺวา สีสํ โอกมฺเปตฺวา อุมฺมคฺคํ คเหตฺวา ปกฺกามิ.
๓๔๒. ‘‘อถ ขฺวาหํ, ราชกุมาร, อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน พาราณสี อิสิปตนํ มิคทาโย เยน ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมึ. อทฺทสํสุ โข มํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน อฺมฺํ สณฺเปสุํ – ‘อยํ โข, อาวุโส, สมโณ โคตโม อาคจฺฉติ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย. โส เนว ¶ อภิวาเทตพฺโพ, น ปจฺจุฏฺาตพฺโพ, นาสฺส ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตพฺพํ; อปิ จ โข อาสนํ เปตพฺพํ – สเจ โส อากงฺขิสฺสติ นิสีทิสฺสตี’ติ. ยถา ยถา โข อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู ¶ อุปสงฺกมึ [อุปสงฺกมามิ (สี. ปี.)], ตถา ตถา ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู นาสกฺขึสุ สกาย กติกาย สณฺาตุํ. อปฺเปกจฺเจ มํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสุํ. อปฺเปกจฺเจ อาสนํ ปฺเปสุํ. อปฺเปกจฺเจ ปาโททกํ อุปฏฺเปสุํ. อปิ จ โข มํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน ¶ จ สมุทาจรนฺติ. เอวํ วุตฺเต, อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘มา, ภิกฺขเว, ตถาคตํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรถ [สมุทาจริตฺถ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ. อมตมธิคตํ. อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ. เอวํ วุตฺเต, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘ตายปิ โข ตฺวํ, อาวุโส โคตม, อิริยาย [จริยาย (สฺยา. กํ.)] ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ; กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย อธิคมิสฺสสิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสส’นฺติ? เอวํ วุตฺเต, อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต พาหุลฺลิโก น ปธานวิพฺภนฺโต น อาวตฺโต พาหุลฺลาย. อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ. อมตมธิคตํ. อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา ¶ นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ. ทุติยมฺปิ โข, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘ตายปิ โข ตฺวํ, อาวุโส โคตม, อิริยาย ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ; กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย อธิคมิสฺสสิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสส’นฺติ? ทุติยมฺปิ โข อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต พาหุลฺลิโก น ปธานวิพฺภนฺโต น อาวตฺโต พาหุลฺลาย. อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ. อมตมธิคตํ. อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ ¶ . ตติยมฺปิ โข, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มํ เอตทโวจุํ – ‘ตายปิ โข ตฺวํ, อาวุโส ¶ โคตม, อิริยาย ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ; กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ พาหุลฺลิโก ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลาย อธิคมิสฺสสิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสส’นฺติ? เอวํ วุตฺเต ¶ , อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู เอตทโวจํ – ‘อภิชานาถ เม โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ ปภาวิตเมต’นฺติ [ภาสิตเมตนฺติ (สี. สฺยา. วินเยปิ)]? ‘โน เหตํ, ภนฺเต’. ‘อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โอทหถ, ภิกฺขเว, โสตํ. อมตมธิคตํ. อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ. ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปชฺชมานา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ.
‘‘อสกฺขึ โข อหํ, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู สฺาเปตุํ. ทฺเวปิ สุทํ, ราชกุมาร, ภิกฺขู โอวทามิ. ตโย ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรนฺติ. ยํ ตโย ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหรนฺติ, เตน ฉพฺพคฺคิยา [ฉพฺพคฺคา (สี. สฺยา. กํ.), ฉพฺพคฺโค (ปี.)] ยาเปม. ตโยปิ สุทํ, ราชกุมาร, ภิกฺขู โอวทามิ, ทฺเว ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรนฺติ. ยํ ทฺเว ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหรนฺติ ¶ เตน ฉพฺพคฺคิยา ยาเปม.
๓๔๓. ‘‘อถ โข, ราชกุมาร, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มยา เอวํ โอวทิยมานา เอวํ อนุสาสิยมานา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรึสู’’ติ. เอวํ วุตฺเต, โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กีว จิเรน นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ [นายกํ (?)] ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘เตน หิ, ราชกุมาร, ตํเยเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย, ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, กุสโล ตฺวํ หตฺถารูฬฺเห [หตฺถารูยฺเห (สี. ปี.)] องฺกุสคยฺเห [องฺกุสคณฺเห (สฺยา. กํ.)] สิปฺเป’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต, กุสโล อหํ หตฺถารูฬฺเห องฺกุสคยฺเห สิปฺเป’’ติ ¶ . ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย – ‘โพธิ ราชกุมาโร หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ ชานาติ; ตสฺสาหํ สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺขิสฺสามี’ติ. โส ¶ จสฺส อสฺสทฺโธ; ยาวตกํ สทฺเธน ปตฺตพฺพํ ตํ น สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส พหฺวาพาโธ; ยาวตกํ อปฺปาพาเธน ปตฺตพฺพํ ตํ น สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส สโ มายาวี; ยาวตกํ อสเน อมายาวินา ปตฺตพฺพํ ตํ น สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส กุสีโต; ยาวตกํ อารทฺธวีริเยน ปตฺตพฺพํ ตํ น สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส ทุปฺปฺโ; ยาวตกํ ปฺวตา ปตฺตพฺพํ ตํ น สมฺปาปุเณยฺย. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อปิ นุ โส ปุริโส ตว สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺเขยฺยา’’ติ? ‘‘เอกเมเกนาปิ, ภนฺเต, องฺเคน สมนฺนาคโต โส ปุริโส น มม สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺเขยฺย, โก ปน วาโท ปฺจหงฺเคหี’’ติ!
๓๔๔. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย – ‘โพธิ ¶ ¶ ราชกุมาโร หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ ชานาติ; ตสฺสาหํ สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺขิสฺสามี’ติ. โส จสฺส สทฺโธ; ยาวตกํ สทฺเธน ปตฺตพฺพํ ตํ สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส อปฺปาพาโธ; ยาวตกํ อปฺปาพาเธน ปตฺตพฺพํ ตํ สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส อสโ อมายาวี; ยาวตกํ อสเน อมายาวินา ปตฺตพฺพํ ตํ สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส อารทฺธวีริโย; ยาวตกํ อารทฺธวีริเยน ปตฺตพฺพํ ตํ สมฺปาปุเณยฺย. โส จสฺส ปฺวา; ยาวตกํ ปฺวตา ปตฺตพฺพํ ตํ สมฺปาปุเณยฺย. ตํ กึ มฺสิ, ราชกุมาร, อปิ นุ โส ปุริโส ตว สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺเขยฺยา’’ติ? ‘‘เอกเมเกนาปิ, ภนฺเต, องฺเคน สมนฺนาคโต โส ปุริโส มม สนฺติเก หตฺถารูฬฺหํ องฺกุสคยฺหํ สิปฺปํ สิกฺเขยฺย, โก ปน วาโท ปฺจหงฺเคหี’’ติ! ‘‘เอวเมว โข, ราชกุมาร, ปฺจิมานิ ปธานิยงฺคานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ราชกุมาร, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ; สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ; อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย; อสโ โหติ อมายาวี ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ ¶ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ ¶ ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยา. อิมานิ โข, ราชกุมาร, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ.
๓๔๕. ‘‘อิเมหิ ¶ , ราชกุมาร, ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย ¶ สตฺต วสฺสานิ. ติฏฺนฺตุ, ราชกุมาร, สตฺต วสฺสานิ. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย ฉพฺพสฺสานิ… ปฺจ วสฺสานิ… จตฺตาริ วสฺสานิ… ตีณิ วสฺสานิ… ทฺเว วสฺสานิ… เอกํ วสฺสํ. ติฏฺตุ, ราชกุมาร, เอกํ วสฺสํ. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย สตฺต มาสานิ. ติฏฺนฺตุ, ราชกุมาร, สตฺต มาสานิ. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ¶ ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย ฉ มาสานิ… ปฺจ มาสานิ… จตฺตาริ มาสานิ… ตีณิ มาสานิ… ทฺเว มาสานิ… เอกํ มาสํ… อฑฺฒมาสํ. ติฏฺตุ, ราชกุมาร, อฑฺฒมาโส. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย สตฺต รตฺตินฺทิวานิ. ติฏฺนฺตุ, ราชกุมาร, สตฺต รตฺตินฺทิวานิ. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ¶ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย ฉ รตฺตินฺทิวานิ… ปฺจ รตฺตินฺทิวานิ… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิ… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิ… ทฺเว รตฺตินฺทิวานิ… เอกํ รตฺตินฺทิวํ. ติฏฺตุ, ราชกุมาร, เอโก รตฺตินฺทิโว. อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ตถาคตํ วินายกํ ลภมาโน สายมนุสิฏฺโ ปาโต วิเสสํ อธิคมิสฺสติ, ปาตมนุสิฏฺโ สายํ วิเสสํ อธิคมิสฺสตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต, โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อโห พุทฺโธ, อโห ธมฺโม, อโห ¶ ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตา! ยตฺร หิ นาม สายมนุสิฏฺโ ปาโต วิเสสํ อธิคมิสฺสติ, ปาตมนุสิฏฺโ สายํ วิเสสํ อธิคมิสฺสตี’’ติ!
๓๔๖. เอวํ ¶ วุตฺเต, สฺชิกาปุตฺโต มาณโว โพธึ ราชกุมารํ เอตทโวจ – ‘‘เอวเมว ปนายํ ภวํ โพธิ – ‘อโห พุทฺโธ, อโห ธมฺโม, อโห ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตา’ติ จ วเทติ [วเทสิ (สี.), ปเวเทติ (สฺยา. กํ.)]; อถ จ ปน น ตํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉติ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ. ‘‘มา เหวํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, อวจ; มา เหวํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, อวจ. สมฺมุขา เมตํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, อยฺยาย สุตํ, สมฺมุขา ¶ ปฏิคฺคหิตํ’’. ‘‘เอกมิทํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. อถ โข เม อยฺยา กุจฺฉิมตี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เม อยฺยา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘โย เม อยํ, ภนฺเต, กุจฺฉิคโต กุมารโก วา กุมาริกา วา โส ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉติ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ ตํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’นฺติ. เอกมิทํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, สมยํ ภควา อิเธว ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย. อถ โข มํ ธาติ องฺเกน หริตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข มํ ธาติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘อยํ ¶ , ภนฺเต, โพธิ ราชกุมาโร ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉติ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ ตํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’นฺติ. เอสาหํ, สมฺม สฺชิกาปุตฺต, ตติยกมฺปิ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
โพธิราชกุมารสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.
๖. องฺคุลิมาลสุตฺตํ
๓๔๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิเต โจโร องฺคุลิมาโล นาม โหติ ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโ อทยาปนฺโน ปาณภูเตสุ. เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา ¶ กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตา. โส มนุสฺเส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน โจโร องฺคุลิมาโล เตนทฺธานมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อทฺทสาสุํ โข โคปาลกา ปสุปาลกา กสฺสกา ปถาวิโน ภควนฺตํ เยน โจโร องฺคุลิมาโล เตนทฺธานมคฺคปฏิปนฺนํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา, สมณ, เอตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เอตสฺมึ, สมณ, มคฺเค โจโร องฺคุลิมาโล นาม ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโ อทยาปนฺโน ปาณภูเตสุ. เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตา. โส มนุสฺเส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติ. เอตฺหิ, สมณ, มคฺคํ ทสปิ ปุริสา วีสมฺปิ ปุริสา ตึสมฺปิ ปุริสา จตฺตารีสมฺปิ ปุริสา ปฺาสมฺปิ ปุริสา ¶ สงฺกริตฺวา สงฺกริตฺวา [สํหริตฺวา สํหริตฺวา (สี. ปี.), สงฺคริตฺวา (สฺยา. กํ.)] ปฏิปชฺชนฺติ. เตปิ โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส หตฺถตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภควา ตุณฺหีภูโต อคมาสิ. ทุติยมฺปิ โข โคปาลกา…เป… ตติยมฺปิ โข โคปาลกา ปสุปาลกา กสฺสกา ปถาวิโน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา, สมณ, เอตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ, เอตสฺมึ สมณ มคฺเค โจโร องฺคุลิมาโล นาม ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโ อทยาปนฺโน ปาณภูเตสุ, เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตา. โส มนุสฺเส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติ. เอตฺหิ สมณ มคฺคํ ทสปิ ปุริสา วีสมฺปิ ปุริสา ตึสมฺปิ ปุริสา จตฺตารีสมฺปิ ปุริสา ปฺาสมฺปิ ปุริสา สงฺกริตฺวา ¶ สงฺกริตฺวา ปฏิปชฺชนฺติ. เตปิ โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส หตฺถตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติ.
๓๔๘. อถ ¶ ¶ โข ภควา ตุณฺหีภูโต อคมาสิ. อทฺทสา โข โจโร องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อิมฺหิ มคฺคํ ทสปิ ปุริสา วีสมฺปิ ¶ ปุริสา ตึสมฺปิ ปุริสา จตฺตารีสมฺปิ ปุริสา ปฺาสมฺปิ ปุริสา สงฺกริตฺวา สงฺกริตฺวา ปฏิปชฺชนฺติ. เตปิ มม หตฺถตฺถํ คจฺฉนฺติ. อถ จ ปนายํ สมโณ เอโก อทุติโย ปสยฺห มฺเ อาคจฺฉติ. ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ ชีวิตา โวโรเปยฺย’’นฺติ. อถ โข โจโร องฺคุลิมาโล อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา ภควนฺตํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ [อภิสงฺขาเรสิ (สฺยา. กํ. ก.)] ยถา โจโร องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ ปกติยา คจฺฉนฺตํ สพฺพถาเมน คจฺฉนฺโต น สกฺโกติ สมฺปาปุณิตุํ. อถ โข โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อหฺหิ ปุพฺเพ หตฺถิมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ, อสฺสมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ, รถมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ, มิคมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ; อถ จ ปนาหํ อิมํ สมณํ ปกติยา คจฺฉนฺตํ สพฺพถาเมน คจฺฉนฺโต น สกฺโกมิ สมฺปาปุณิตุ’’นฺติ! ิโตว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ติฏฺ, ติฏฺ, สมณา’’ติ. ‘‘ิโต อหํ, องฺคุลิมาล, ตฺวฺจ ติฏฺา’’ติ. อถ ¶ โข โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม โข สมณา สกฺยปุตฺติยา สจฺจวาทิโน สจฺจปฏิฺา. อถ ปนายํ สมโณ คจฺฉํ เยวาห – ‘ิโต อหํ, องฺคุลิมาล, ตฺวฺจ ติฏฺา’ติ. ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.
๓๔๙. อถ โข โจโร องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘คจฺฉํ วเทสิ สมณ ิโตมฺหิ,
มมฺจ พฺรูสิ ิตมฏฺิโตติ;
ปุจฺฉามิ ตํ สมณ เอตมตฺถํ,
กถํ ิโต ตฺวํ อหมฏฺิโตมฺหี’’ติ.
‘‘ิโต ¶ อหํ องฺคุลิมาล สพฺพทา,
สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ;
ตุวฺจ ¶ ปาเณสุ อสฺโตสิ,
ตสฺมา ิโตหํ ตุวมฏฺิโตสี’’ติ.
‘‘จิรสฺสํ ¶ วต เม มหิโต มเหสี,
มหาวนํ ปาปุณิ สจฺจวาที [มหาวนํ สมโณยํ ปจฺจุปาทิ (สี.), มหาวนํ สมณ ปจฺจุปาทิ (สฺยา. กํ.)];
โสหํ จริสฺสามิ ปหาย ปาปํ [โสหํ จิรสฺสาปิ ปหาสฺสํ ปาปํ (สี.), โสหํ จริสฺสามิ ปชหิสฺสํ ปาปํ (สฺยา. กํ.)],
สุตฺวาน คาถํ ตว ธมฺมยุตฺตํ’’.
อิตฺเวว โจโร อสิมาวุธฺจ,
โสพฺเภ ปปาเต นรเก อกิริ;
อวนฺทิ ¶ โจโร สุคตสฺส ปาเท,
ตตฺเถว นํ ปพฺพชฺชํ อยาจิ.
พุทฺโธ จ โข การุณิโก มเหสิ,
โย สตฺถา โลกสฺส สเทวกสฺส;
‘ตเมหิ ภิกฺขู’ติ ตทา อโวจ,
เอเสว ตสฺส อหุ ภิกฺขุภาโวติ.
๓๕๐. อถ โข ภควา อายสฺมตา องฺคุลิมาเลน ปจฺฉาสมเณน เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อนฺเตปุรทฺวาเร มหาชนกาโย สนฺนิปติตฺวา อุจฺจาสทฺโท มหาสทฺโท โหติ – ‘‘โจโร เต, เทว, วิชิเต องฺคุลิมาโล นาม ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโ อทยาปนฺโน ปาณภูเตสุ. เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตา. โส มนุสฺเส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติ. ตํ เทโว ปฏิเสเธตู’’ติ.
อถ ¶ ¶ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปฺจมตฺเตหิ อสฺสสเตหิ สาวตฺถิยา นิกฺขมิ ทิวา ทิวสฺส. เยน อาราโม เตน ปาวิสิ. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ ¶ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ เต, มหาราช, ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร กุปิโต เวสาลิกา วา ลิจฺฉวี อฺเ วา ปฏิราชาโน’’ติ? ‘‘น โข เม, ภนฺเต, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร กุปิโต, นาปิ เวสาลิกา ลิจฺฉวี, นาปิ อฺเ ปฏิราชาโน. โจโร เม, ภนฺเต, วิชิเต องฺคุลิมาโล นาม ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโ อทยาปนฺโน ปาณภูเตสุ. เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตา. โส มนุสฺเส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติ. ตาหํ, ภนฺเต, ปฏิเสธิสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ ปน ตฺวํ, มหาราช, องฺคุลิมาลํ ปสฺเสยฺยาสิ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตํ, วิรตํ ปาณาติปาตา, วิรตํ อทินฺนาทานา, วิรตํ มุสาวาทา, เอกภตฺติกํ, พฺรหฺมจารึ, สีลวนฺตํ, กลฺยาณธมฺมํ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘อภิวาเทยฺยาม วา, ภนฺเต, ปจฺจุฏฺเยฺยาม วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยาม, อภินิมนฺเตยฺยาม วา นํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ, ธมฺมิกํ วา อสฺส รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทเหยฺยาม. กุโต ปนสฺส, ภนฺเต, ทุสฺสีลสฺส ปาปธมฺมสฺส เอวรูโป สีลสํยโม ภวิสฺสตี’’ติ?
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภควโต อวิทูเร ¶ นิสินฺโน โหติ. อถ โข ภควา ทกฺขิณํ พาหุํ ปคฺคเหตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘เอโส, มหาราช, องฺคุลิมาโล’’ติ. อถ โข รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อหุเทว ภยํ, อหุ ฉมฺภิตตฺตํ, อหุ โลมหํโส. อถ โข ภควา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภีตํ สํวิคฺคํ โลมหฏฺชาตํ วิทิตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘มา ภายิ, มหาราช, นตฺถิ เต อิโต ภย’’นฺติ. อถ โข รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ยํ อโหสิ ภยํ วา ¶ ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา โส ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยนายสฺมา องฺคุลิมาโล ¶ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ องฺคุลิมาลํ เอตทโวจ – ‘‘อยฺโย โน, ภนฺเต, องฺคุลิมาโล’’ติ? ‘‘เอวํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กถํโคตฺโต อยฺยสฺส ปิตา, กถํโคตฺตา มาตา’’ติ? ‘‘คคฺโค โข, มหาราช, ปิตา, มนฺตาณี มาตา’’ติ. ‘‘อภิรมตุ, ภนฺเต, อยฺโย คคฺโค มนฺตาณิปุตฺโต. อหมยฺยสฺส ¶ คคฺคสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามิ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ.
๓๕๑. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา องฺคุลิมาโล อารฺิโก โหติ ปิณฺฑปาติโก ปํสุกูลิโก เตจีวริโก. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, มหาราช, ปริปุณฺณํ เม จีวร’’นฺติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน ¶ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวฺจิทํ, ภนฺเต, ภควา อทนฺตานํ ทเมตา, อสนฺตานํ สเมตา, อปรินิพฺพุตานํ ปรินิพฺพาเปตา. ยฺหิ มยํ, ภนฺเต, นาสกฺขิมฺหา ทณฺเฑนปิ สตฺเถนปิ ทเมตุํ โส ภควตา อทณฺเฑน อสตฺเถเนว [อสตฺเถน (สฺยา. กํ.)] ทนฺโต. หนฺท จ ทานิ [หนฺท ทานิ (สฺยา. กํ. ปี.)] มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ, มหาราช, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อทฺทสา โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน อฺตรํ อิตฺถึ มูฬฺหคพฺภํ วิฆาตคพฺภํ [วิสาตคพฺภํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)]. ทิสฺวานสฺส ¶ เอตทโหสิ – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา; กิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา’’ติ! อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ¶ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. อทฺทสํ โข อหํ, ภนฺเต, สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน อฺตรํ อิตฺถึ มูฬฺหคพฺภํ วิฆาตคพฺภํ’’. ทิสฺวาน มยฺหํ เอตทโหสิ – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต ¶ , โภ, สตฺตา; กิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา’’ติ!
‘‘เตน หิ ตฺวํ, องฺคุลิมาล, เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อิตฺถึ เอวํ วเทหิ ¶ – ‘ยโตหํ, ภคินิ, ชาโต [ภคินิ ชาติยา ชาโต (สี.)] นาภิชานามิ สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา, เตน สจฺเจน โสตฺถิ เต โหตุ, โสตฺถิ คพฺภสฺสา’’’ติ.
‘‘โส หิ นูน เม, ภนฺเต, สมฺปชานมุสาวาโท ภวิสฺสติ. มยา หิ, ภนฺเต, พหู สฺจิจฺจ ปาณา ชีวิตา โวโรปิตา’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, องฺคุลิมาล, เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อิตฺถึ เอวํ วเทหิ – ‘ยโตหํ, ภคินิ, อริยาย ชาติยา ชาโต, นาภิชานามิ สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา, เตน สจฺเจน โสตฺถิ เต โหตุ, โสตฺถิ คพฺภสฺสา’’’ติ.
‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อิตฺถึ เอตทโวจ – ‘‘ยโตหํ, ภคินิ, อริยาย ชาติยา ชาโต, นาภิชานามิ สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา, เตน สจฺเจน โสตฺถิ เต โหตุ, โสตฺถิ คพฺภสฺสา’’ติ. อถ ขฺวาสฺสา อิตฺถิยา โสตฺถิ อโหสิ, โสตฺถิ คพฺภสฺส.
อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ¶ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา องฺคุลิมาโล อรหตํ อโหสิ.
๓๕๒. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เตน โข ปน สมเยน อฺเนปิ เลฑฺฑุ ขิตฺโต อายสฺมโต องฺคุลิมาลสฺส กาเย นิปตติ, อฺเนปิ ¶ ทณฺโฑ ขิตฺโต อายสฺมโต องฺคุลิมาลสฺส กาเย นิปตติ, อฺเนปิ สกฺขรา ขิตฺตา อายสฺมโต องฺคุลิมาลสฺส กาเย นิปตติ. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภินฺเนน สีเสน, โลหิเตน คฬนฺเตน, ภินฺเนน ปตฺเตน, วิปฺผาลิตาย สงฺฆาฏิยา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข ภควา อายสฺมนฺตํ องฺคุลิมาลํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ องฺคุลิมาลํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสหิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อธิวาเสหิ ¶ ตฺวํ, พฺราหฺมณ. ยสฺส โข ตฺวํ, พฺราหฺมณ, กมฺมสฺส วิปาเกน พหูนิ วสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ นิรเย ปจฺเจยฺยาสิ ตสฺส ตฺวํ, พฺราหฺมณ, กมฺมสฺส วิปากํ ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิสํเวเทสี’’ติ. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล รโหคโต ปฏิสลฺลีโน วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิ; ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘โย ปุพฺเพว [โย จ ปุพฺเพ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;
โสมํ [โส อิมํ (สี.)] โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา.
‘‘ยสฺส ¶ ปาปํ กตํ กมฺมํ, กุสเลน ปิธียติ [ปิถียติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)];
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา.
‘‘โย หเว ทหโร ภิกฺขุ, ยฺุชติ พุทฺธสาสเน;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา.
‘‘ทิสา หิ เม ธมฺมกถํ สุณนฺตุ,
ทิสา หิ เม ยฺุชนฺตุ พุทฺธสาสเน;
ทิสา หิ เม เต มนุชา ภชนฺตุ,
เย ธมฺมเมวาทปยนฺติ สนฺโต.
‘‘ทิสา ¶ หิ เม ขนฺติวาทานํ, อวิโรธปฺปสํสีนํ;
สุณนฺตุ ธมฺมํ กาเลน, ตฺจ อนุวิธียนฺตุ.
‘‘น หิ ชาตุ โส มมํ หึเส, อฺํ วา ปน กิฺจิ นํ [กฺจิ นํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), กฺจนํ (?)];
ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ, รกฺเขยฺย ตสถาวเร.
‘‘อุทกฺหิ ¶ นยนฺติ เนตฺติกา, อุสุการา นมยนฺติ [ทมยนฺติ (ก.)] เตชนํ;
ทารุํ นมยนฺติ ตจฺฉกา, อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา.
‘‘ทณฺเฑเนเก ¶ ทมยนฺติ, องฺกุเสหิ กสาหิ จ;
อทณฺเฑน อสตฺเถน, อหํ ทนฺโตมฺหิ ตาทินา.
‘‘อหึสโกติ เม นามํ, หึสกสฺส ปุเร สโต;
อชฺชาหํ สจฺจนาโมมฺหิ, น นํ หึสามิ กิฺจิ นํ [กฺจิ นํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), กฺจนํ (?)].
‘‘โจโร ¶ อหํ ปุเร อาสึ, องฺคุลิมาโลติ วิสฺสุโต;
วุยฺหมาโน มโหเฆน, พุทฺธํ สรณมาคมํ.
‘‘โลหิตปาณิ ปุเร อาสึ, องฺคุลิมาโลติ วิสฺสุโต;
สรณคมนํ ปสฺส, ภวเนตฺติ สมูหตา.
‘‘ตาทิสํ กมฺมํ กตฺวาน, พหุํ ทุคฺคติคามินํ;
ผุฏฺโ กมฺมวิปาเกน, อณโณ ภฺุชามิ โภชนํ.
‘‘ปมาทมนุยฺุชนฺติ, พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา;
อปฺปมาทฺจ เมธาวี, ธนํ เสฏฺํว รกฺขติ.
‘‘มา ปมาทมนุยฺุเชถ, มา กามรติ สนฺถวํ;
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต, ปปฺโปติ วิปุลํ [ปรมํ (ก.)] สุขํ.
‘‘สฺวาคตํ [สาคตํ (สี. ปี.)] นาปคตํ [นาม สคตํ (ก.)], นยิทํ ทุมฺมนฺติตํ มม;
สํวิภตฺเตสุ [สุวิภตฺเตสุ (สฺยา. กํ.), สวิภตฺเตสุ (สี. ก.), ปฏิภตฺเตสุ (ปี.)] ธมฺเมสุ, ยํ เสฏฺํ ตทุปาคมํ.
‘‘สฺวาคตํ นาปคตํ, นยิทํ ทุมฺมนฺติตํ มม;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
องฺคุลิมาลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.
๗. ปิยชาติกสุตฺตํ
๓๕๓. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส คหปติสฺส เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป กาลงฺกโต โหติ. ตสฺส กาลํกิริยาย เนว กมฺมนฺตา ปฏิภนฺติ น ภตฺตํ ปฏิภาติ. โส อาฬาหนํ คนฺตฺวา กนฺทติ – ‘‘กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’’ติ! อถ โข โส คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ – ‘‘น โข เต, คหปติ, สเก จิตฺเต ิตสฺส อินฺทฺริยานิ, อตฺถิ เต อินฺทฺริยานํ อฺถตฺต’’นฺติ. ‘‘กิฺหิ เม, ภนฺเต, อินฺทฺริยานํ นาฺถตฺตํ ภวิสฺสติ; มยฺหฺหิ, ภนฺเต, เอกปุตฺโต ปิโย มนาโป กาลงฺกโต. ตสฺส กาลํกิริยาย เนว กมฺมนฺตา ปฏิภนฺติ, น ภตฺตํ ปฏิภาติ. โสหํ อาฬาหนํ คนฺตฺวา กนฺทามิ – ‘กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’’’ติ! ‘‘เอวเมตํ, คหปติ, เอวเมตํ, คหปติ [เอวเมตํ คหปติ (ปี. สกิเทว), เอวเมว (สี. สกิเทว)]! ปิยชาติกา หิ, คหปติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’ติ. ‘‘กสฺส โข [กิสฺส นุ โข (สี.)] นาเมตํ, ภนฺเต, เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ? ปิยชาติกา หิ โข, ภนฺเต, อานนฺทโสมนสฺสา ปิยปฺปภวิกา’’ติ. อถ โข โส คหปติ ภควโต ภาสิตํ ¶ อนภินนฺทิตฺวา ปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
๓๕๔. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อกฺขธุตฺตา ภควโต อวิทูเร อกฺเขหิ ทิพฺพนฺติ. อถ โข โส คหปติ เยน เต อกฺขธุตฺตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อกฺขธุตฺเต เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, โภนฺโต, เยน สมโณ โคตโม ¶ เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มํ, โภนฺโต, สมโณ โคตโม เอตทโวจ – ‘น โข เต, คหปติ, สเก จิตฺเต ิตสฺส อินฺทฺริยานิ, อตฺถิ เต อินฺทฺริยานํ อฺถตฺต’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, อหํ, โภนฺโต, สมณํ โคตมํ เอตทโวจํ – ‘กิฺหิ เม, ภนฺเต, อินฺทฺริยานํ นาฺถตฺตํ ภวิสฺสติ; มยฺหฺหิ, ภนฺเต, เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป กาลงฺกโต. ตสฺส กาลํกิริยาย ¶ เนว กมฺมนฺตา ปฏิภนฺติ, น ภตฺตํ ปฏิภาติ ¶ . โสหํ อาฬาหนํ คนฺตฺวา กนฺทามิ – กหํ, เอกปุตฺตก, กหํ, เอกปุตฺตกา’ติ! ‘เอวเมตํ, คหปติ, เอวเมตํ, คหปติ! ปิยชาติกา หิ, คหปติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ. ‘กสฺส โข นาเมตํ, ภนฺเต, เอวํ ภวิสฺสติ – ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา? ปิยชาติกา หิ โข, ภนฺเต, อานนฺทโสมนสฺสา ปิยปฺปภวิกา’ติ. อถ ขฺวาหํ, โภนฺโต, สมณสฺส โคตมสฺส ภาสิตํ อนภินนฺทิตฺวา ปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมิ’’นฺติ. ‘‘เอวเมตํ, คหปติ, เอวเมตํ, คหปติ! ปิยชาติกา หิ, คหปติ, อานนฺทโสมนสฺสา ปิยปฺปภวิกา’’ติ ¶ . อถ โข โส คหปติ ‘‘สเมติ เม อกฺขธุตฺเตหี’’ติ ปกฺกามิ. อถ โข อิทํ กถาวตฺถุ อนุปุพฺเพน ราชนฺเตปุรํ ปาวิสิ.
๓๕๕. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล มลฺลิกํ เทวึ อามนฺเตสิ – ‘‘อิทํ เต, มลฺลิเก, สมเณน โคตเมน ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’’ติ. ‘‘สเจตํ, มหาราช, ภควตา ภาสิตํ, เอวเมต’’นฺติ. ‘‘เอวเมว ปนายํ มลฺลิกา ยฺเทว สมโณ โคตโม ภาสติ ตํ ตเทวสฺส อพฺภนุโมทติ’’. ‘‘สเจตํ, มหาราช, ภควตา ภาสิตํ เอวเมตนฺติ. เสยฺยถาปิ นาม, ยฺเทว อาจริโย อนฺเตวาสิสฺส ภาสติ ตํ ตเทวสฺส อนฺเตวาสี อพฺภนุโมทติ – ‘เอวเมตํ, อาจริย, เอวเมตํ, อาจริยา’’’ติ. ‘‘เอวเมว โข ตฺวํ, มลฺลิเก, ยฺเทว สมโณ โคตโม ภาสติ ตํ ตเทวสฺส อพฺภนุโมทสิ’’. ‘‘สเจตํ, มหาราช ¶ , ภควตา ภาสิตํ เอวเมต’’นฺติ. ‘‘จรปิ, เร มลฺลิเก, วินสฺสา’’ติ. อถ โข มลฺลิกา เทวี นาฬิชงฺฆํ พฺราหฺมณํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘มลฺลิกา, ภนฺเต, เทวี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘ภาสิตา นุ โข, ภนฺเต, ภควตา เอสา วาจา – ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ ¶ . ยถา เต ภควา พฺยากโรติ ตํ สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา มม อาโรเจยฺยาสิ. น หิ ตถาคตา วิตถํ ภณนฺตี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภตี’’ติ โข นาฬิชงฺโฆ พฺราหฺมโณ มลฺลิกาย เทวิยา ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา ¶ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข นาฬิชงฺโฆ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มลฺลิกา, โภ โคตม, เทวี โภโต โคตมสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ; อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวฺจ วเทติ – ‘ภาสิตา นุ โข, ภนฺเต, ภควตา เอสา วาจา – ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’’ติ.
๓๕๖. ‘‘เอวเมตํ, พฺราหฺมณ, เอวเมตํ, พฺราหฺมณ! ปิยชาติกา หิ, พฺราหฺมณ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติ. ตทมินาเปตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา. ภูตปุพฺพํ, พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อฺตริสฺสา อิตฺถิยา มาตา กาลมกาสิ. สา ตสฺสา กาลกิริยาย อุมฺมตฺติกา ขิตฺตจิตฺตา รถิกาย รถิกํ [รถิยาย รถิยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถ [อทฺทสถ (สี. ปี.)], อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถา’ติ? อิมินาปิ ¶ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ , พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อฺตริสฺสา อิตฺถิยา ปิตา กาลมกาสิ… ภาตา กาลมกาสิ… ภคินี กาลมกาสิ… ปุตฺโต กาลมกาสิ… ธีตา กาลมกาสิ… สามิโก กาลมกาสิ. สา ตสฺส กาลกิริยาย อุมฺมตฺติกา ขิตฺตจิตฺตา รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม สามิกํ อทฺทสฺสถ, อปิ เม สามิกํ อทฺทสฺสถา’ติ? อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ , พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อฺตรสฺส ปุริสสฺส มาตา กาลมกาสิ. โส ตสฺสา กาลกิริยาย อุมฺมตฺตโก ขิตฺตจิตฺโต รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถ, อปิ เม มาตรํ อทฺทสฺสถา’ติ ¶ ? อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ ¶ , ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ, พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อฺตรสฺส ปุริสสฺส ปิตา กาลมกาสิ… ภาตา กาลมกาสิ… ภคินี กาลมกาสิ… ปุตฺโต กาลมกาสิ… ธีตา กาลมกาสิ… ปชาปติ กาลมกาสิ. โส ตสฺสา กาลกิริยาย อุมฺมตฺตโก ขิตฺตจิตฺโต รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อปิ เม ปชาปตึ อทฺทสฺสถ, อปิ เม ปชาปตึ อทฺทสฺสถา’ติ? อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกาติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ, พฺราหฺมณ, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา อฺตรา อิตฺถี าติกุลํ อคมาสิ. ตสฺสา เต าตกา สามิกํ [สามิกา (สี.)] อจฺฉินฺทิตฺวา อฺสฺส ทาตุกามา. สา จ ตํ น อิจฺฉติ. อถ โข สา อิตฺถี สามิกํ เอตทโวจ – ‘อิเม, มํ [มม (สฺยา. กํ. ปี.)], อยฺยปุตฺต, าตกา ตฺวํ [ตยา (สี.), ตํ (สฺยา. กํ. ปี.)] อจฺฉินฺทิตฺวา อฺสฺส ทาตุกามา. อหฺจ ตํ น อิจฺฉามี’ติ. อถ โข โส ปุริโส ตํ อิตฺถึ ทฺวิธา เฉตฺวา อตฺตานํ ¶ อุปฺผาเลสิ [อุปฺปาเฏสิ (สี. ปี.), โอผาเรสิ (ก.)] – ‘อุโภ เปจฺจ ภวิสฺสามา’ติ. อิมินาปิ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’ติ.
๓๕๗. อถ โข นาฬิชงฺโฆ พฺราหฺมโณ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา เยน มลฺลิกา เทวี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ยาวตโก อโหสิ ภควตา สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ มลฺลิกาย เทวิยา อาโรเจสิ. อถ โข มลฺลิกา เทวี เยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ปิยา เต วชิรี กุมารี’’ติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา เม วชิรี กุมารี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, วชิริยา เต กุมาริยา วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺเชยฺยุํ ¶ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘วชิริยา เม, มลฺลิเก, กุมาริยา วิปริณามฺถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา ¶ อฺถตฺตํ, กึ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ปิยา เต วาสภา ขตฺติยา’’ติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา ¶ เม วาสภา ขตฺติยา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, วาสภาย เต ขตฺติยาย วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘วาสภาย เม, มลฺลิเก, ขตฺติยาย วิปริณามฺถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อฺถตฺตํ, กึ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ปิโย เต วิฏฏูโภ [วิฑูฑโภ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เสนาปตี’’ติ? ‘‘เอวํ ¶ , มลฺลิเก, ปิโย เม วิฏฏูโภ เสนาปตี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, วิฏฏูภสฺส เต เสนาปติสฺส วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘วิฏฏูภสฺส เม, มลฺลิเก, เสนาปติสฺส วิปริณามฺถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อฺถตฺตํ ¶ , กึ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ปิยา เต อห’’นฺติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา เมสิ ตฺว’’นฺติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, มยฺหํ เต วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘ตุยฺหฺหิ เม, มลฺลิเก, วิปริณามฺถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อฺถตฺตํ, กึ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, มหาราช, ปิยา เต กาสิโกสลา’’ติ? ‘‘เอวํ, มลฺลิเก, ปิยา เม กาสิโกสลา. กาสิโกสลานํ, มลฺลิเก, อานุภาเวน กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภม, มาลาคนฺธวิเลปนํ ธาเรมา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, กาสิโกสลานํ เต วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘กาสิโกสลานฺหิ, มลฺลิเก ¶ , วิปริณามฺถาภาวา ชีวิตสฺสปิ สิยา อฺถตฺตํ, กึ ปน เม น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ¶ สนฺธาย ภาสิตํ – ‘ปิยชาติกา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ปิยปฺปภวิกา’’’ติ.
‘‘อจฺฉริยํ, มลฺลิเก, อพฺภุตํ, มลฺลิเก! ยาวฺจ โส ภควา ¶ ปฺาย อติวิชฺฌ มฺเ [ปฏิวิชฺฌ ปฺาย (ก.)] ปสฺสติ. เอหิ, มลฺลิเก, อาจเมหี’’ติ [อาจาเมหีติ (สี. ปี.)]. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ.
ปิยชาติกสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.
๘. พาหิติกสุตฺตํ
๓๕๘. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ปุพฺพาราโม มิคารมาตุปาสาโท เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เอกปุณฺฑรีกํ นาคํ อภิรุหิตฺวา สาวตฺถิยา นิยฺยาติ ทิวา ทิวสฺส. อทฺทสา โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน สิริวฑฺฒํ มหามตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘อายสฺมา โน เอโส, สมฺม สิริวฑฺฒ, อานนฺโท’’ติ ¶ . ‘‘เอวํ, มหาราช, อายสฺมา เอโส อานนฺโท’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘ราชา, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘สเจ กิร, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส น กิฺจิ อจฺจายิกํ กรณียํ, อาคเมตุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท มุหุตฺตํ ¶ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข โส ปุริโส รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา ¶ อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข โส ปุริโส อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ; เอวฺจ วเทติ – ‘สเจ กิร, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส น กิฺจิ อจฺจายิกํ กรณียํ, อาคเมตุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท มุหุตฺตํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติ. อธิวาเสสิ โข อายสฺมา อานนฺโท ตุณฺหีภาเวน. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ยาวติกา นาคสฺส ภูมิ นาเคน คนฺตฺวา นาคา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส น กิฺจิ อจฺจายิกํ กรณียํ ¶ , สาธุ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท เยน อจิรวติยา นทิยา ตีรํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ โข อายสฺมา อานนฺโท ตุณฺหีภาเวน.
๓๕๙. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน อจิรวติยา นทิยา ตีรํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ยาวติกา นาคสฺส ภูมิ นาเคน คนฺตฺวา นาคา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา ¶ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, อายสฺมา ¶ อานนฺโท หตฺถตฺถเร นิสีทตู’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช. นิสีท ตฺวํ; นิสินฺโน อหํ สเก อาสเน’’ติ. นิสีทิ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, โส ภควา ตถารูปํ กายสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส กายสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหี’’ติ [พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ (สพฺพตฺถ) อฏฺกถา ฏีกา โอโลเกตพฺพา]? ‘‘น โข, มหาราช, โส ภควา ตถารูปํ กายสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส กายสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กึ ¶ ปน, ภนฺเต อานนฺท, โส ภควา ตถารูปํ วจีสมาจารํ…เป… มโนสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส มโนสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหี’’ติ [พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ (สพฺพตฺถ) อฏฺกถา ฏีกา โอโลเกตพฺพา]? ‘‘น โข, มหาราช, โส ภควา ตถารูปํ มโนสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส มโนสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยฺหิ มยํ, ภนฺเต, นาสกฺขิมฺหา ปฺเหน ปริปูเรตุํ ตํ, ภนฺเต, อายสฺมตา อานนฺเทน ปฺหสฺส เวยฺยากรเณน ปริปูริตํ. เย เต, ภนฺเต, พาลา อพฺยตฺตา อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา ปเรสํ วณฺณํ วา อวณฺณํ วา ภาสนฺติ, น มยํ ตํ สารโต ปจฺจาคจฺฉาม; เย ปน [เย จ โข (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เต, ภนฺเต ¶ , ปณฺฑิตา วิยตฺตา [พฺยตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เมธาวิโน อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา ปเรสํ วณฺณํ วา อวณฺณํ วา ภาสนฺติ, มยํ ตํ สารโต ปจฺจาคจฺฉาม’’.
๓๖๐. ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต อานนฺท, กายสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อกุสโล’’.
‘‘กตโม ¶ ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร อกุสโล’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร สาวชฺโช’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร สาวชฺโช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร สพฺยาพชฺโฌ’’ [สพฺยาปชฺโฌ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), สพฺยาปชฺโช (ก.)].
‘‘กตโม ¶ ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร สพฺยาพชฺโฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ ตสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ; เอวรูโป โข, มหาราช, กายสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต อานนฺท, วจีสมาจาโร…เป… มโนสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อกุสโล’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร อกุสโล’’? ‘‘โย ¶ โข, มหาราช, มโนสมาจาโร สาวชฺโช’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร สาวชฺโช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร สพฺยาพชฺโฌ’’.
‘‘กตโม ¶ ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร สพฺยาพชฺโฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร ¶ อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ ตสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ; เอวรูโป โข, มหาราช, มโนสมาจาโร โอปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, โส ภควา สพฺเพสํเยว อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ วณฺเณตี’’ติ? ‘‘สพฺพากุสลธมฺมปหีโน โข, มหาราช, ตถาคโต กุสลธมฺมสมนฺนาคโต’’ติ.
๓๖๑. ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต อานนฺท, กายสมาจาโร อโนปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร กุสโล’’.
‘‘กตโม ¶ ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร กุสโล’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อนวชฺโช’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร อนวชฺโช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อพฺยาพชฺโฌ’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร อพฺยาพชฺโฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร สุขวิปาโก’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร สุขวิปาโก’’?
‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ ตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา ¶ อภิวฑฺฒนฺติ; เอวรูโป โข, มหาราช, กายสมาจาโร อโนปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต อานนฺท, วจีสมาจาโร…เป… มโนสมาจาโร อโนปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร กุสโล’’.
‘‘กตโม ¶ ¶ ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร กุสโล’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อนวชฺโช’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร อนวชฺโช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อพฺยาพชฺโฌ’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร อพฺยาพชฺโฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร สุขวิปาโก’’.
‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, มโนสมาจาโร สุขวิปาโก’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ. ตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ. เอวรูโป โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อโนปารมฺโภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กึ ปน, ภนฺเต อานนฺท, โส ภควา สพฺเพสํเยว กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทํ วณฺเณตี’’ติ? ‘‘สพฺพากุสลธมฺมปหีโน โข, มหาราช, ตถาคโต กุสลธมฺมสมนฺนาคโต’’ติ.
๓๖๒. ‘‘อจฺฉริยํ ¶ , ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุภาสิตํ จิทํ [สุภาสิตมิทํ (สี.)], ภนฺเต, อายสฺมตา อานนฺเทน. อิมินา จ มยํ, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภาสิเตน อตฺตมนาภิรทฺธา. เอวํ อตฺตมนาภิรทฺธา จ มยํ ¶ , ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภาสิเตน. สเจ, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส หตฺถิรตนํ กปฺเปยฺย, หตฺถิรตนมฺปิ มยํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ทเทยฺยาม. สเจ, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส อสฺสรตนํ กปฺเปยฺย, อสฺสรตนมฺปิ มยํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ทเทยฺยาม. สเจ, ภนฺเต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส คามวรํ กปฺเปยฺย, คามวรมฺปิ มยํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ทเทยฺยาม. อปิ จ, ภนฺเต, มยมฺเปตํ [มยเมว ตํ (สี.), มยมฺปเนตํ (สฺยา. กํ.)] ชานาม – ‘เนตํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส กปฺปตี’ติ. อยํ เม, ภนฺเต, พาหิติกา รฺา มาคเธน อชาตสตฺตุนา เวเทหิปุตฺเตน วตฺถนาฬิยา [ฉตฺตนาฬิยา (สฺยา. กํ. ปี.)] ปกฺขิปิตฺวา ปหิตา โสฬสสมา อายาเมน, อฏฺสมา วิตฺถาเรน ¶ . ตํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, ปริปุณฺณํ เม ติจีวร’’นฺติ.
‘‘อยํ ¶ , ภนฺเต, อจิรวตี นที ทิฏฺา อายสฺมตา เจว อานนฺเทน อมฺเหหิ จ. ยทา อุปริปพฺพเต มหาเมโฆ อภิปฺปวุฏฺโ โหติ, อถายํ อจิรวตี นที อุภโต กูลานิ สํวิสฺสนฺทนฺตี คจฺฉติ; เอวเมว โข, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท อิมาย พาหิติกาย อตฺตโน ติจีวรํ กริสฺสติ. ยํ ปนายสฺมโต อานนฺทสฺส ปุราณํ ติจีวรํ ตํ สพฺรหฺมจารีหิ สํวิภชิสฺสติ. เอวายํ อมฺหากํ ทกฺขิณา สํวิสฺสนฺทนฺตี มฺเ คมิสฺสติ. ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท พาหิติก’’นฺติ. ปฏิคฺคเหสิ โข อายสฺมา อานนฺโท ¶ พาหิติกํ.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท จ ทานิ มยํ, ภนฺเต อานนฺท, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
๓๖๓. อถ ¶ โข อายสฺมา อานนฺโท อจิรปกฺกนฺตสฺส รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ยาวตโก อโหสิ รฺา ปเสนทินา โกสเลน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ. ตฺจ พาหิติกํ ภควโต ปาทาสิ. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ลาภา, ภิกฺขเว, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, สุลทฺธลาภา, ภิกฺขเว, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส; ยํ ราชา ปเสนทิ โกสโล ลภติ อานนฺทํ ทสฺสนาย, ลภติ ปยิรุปาสนายา’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
พาหิติกสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.
๙. ธมฺมเจติยสุตฺตํ
๓๖๔. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ เมทาฬุปํ [เมตฬูปํ (สี.), เมทฬุมฺปํ (ปี.)] นาม สกฺยานํ นิคโม. เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล นครกํ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ทีฆํ การายนํ อามนฺเตสิ – ‘‘โยเชหิ, สมฺม การายน, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ, อุยฺยานภูมึ คจฺฉาม สุภูมึ ทสฺสนายา’’ติ [สุภูมิทสฺสนายาติ (ที. นิ. ๒.๔๓)]. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ทีโฆ การายโน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิเวเทสิ – ‘‘ยุตฺตานิ โข เต, เทว, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ. ยสฺสทานิ กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ นครกมฺหา นิยฺยาสิ มหจฺจา ราชานุภาเวน. เยน อาราโม เตน ปายาสิ. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อารามํ ปาวิสิ. อทฺทสา โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อาราเม ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน ¶ รุกฺขมูลานิ ปาสาทิกานิ ปสาทนียานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ [มนุสฺสราหเสยฺยกานิ (สี. ปี.)] ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิ. ทิสฺวาน ภควนฺตํเยว อารพฺภ สติ อุทปาทิ – ‘‘อิมานิ โข ตานิ รุกฺขมูลานิ ปาสาทิกานิ ปสาทนียานิ อปฺปสทฺทานิ ¶ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิ, ยตฺถ สุทํ มยํ ตํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสาม อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ.
๓๖๕. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ทีฆํ การายนํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมานิ โข, สมฺม การายน, ตานิ รุกฺขมูลานิ ปาสาทิกานิ ปสาทนียานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิ, ยตฺถ สุทํ มยํ ตํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสาม อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. กหํ นุ โข, สมฺม การายน, เอตรหิ โส ภควา ¶ วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคโม. ตตฺถ โส ภควา เอตรหิ วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. ‘‘กีวทูเร [กีวทูโร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปน, สมฺม การายน ¶ , นครกมฺหา เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคโม โหตี’’ติ? ‘‘น ทูเร, มหาราช; ตีณิ โยชนานิ; สกฺกา ทิวสาวเสเสน คนฺตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม การายน, โยเชหิ ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ, คมิสฺสาม มยํ ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ทีโฆ การายโน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิเวเทสิ – ‘‘ยุตฺตานิ โข เต, เทว, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ. ยสฺสทานิ กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ นครกมฺหา เยน เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ ¶ นิคโม เตน ปายาสิ. เตเนว ทิวสาวเสเสน เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคมํ สมฺปาปุณิ. เยน อาราโม เตน ปายาสิ. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อารามํ ปาวิสิ.
๓๖๖. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อพฺโภกาเส จงฺกมนฺติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘กหํ นุ โข, ภนฺเต, เอตรหิ ¶ โส ภควา วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ? ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ. ‘‘เอโส, มหาราช, วิหาโร สํวุตทฺวาโร. เตน อปฺปสทฺโท อุปสงฺกมิตฺวา อตรมาโน อาฬินฺทํ ปวิสิตฺวา อุกฺกาสิตฺวา อคฺคฬํ อาโกเฏหิ. วิวริสฺสติ ภควา เต ทฺวาร’’นฺติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ตตฺเถว ขคฺคฺจ อุณฺหีสฺจ ทีฆสฺส การายนสฺส ปาทาสิ. อถ โข ทีฆสฺส การายนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘รหายติ โข ทานิ ราชา [มหาราชา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อิเธว [เตนิเธว (สี.)] ทานิ มยา าตพฺพ’’นฺติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน โส วิหาโร สํวุตทฺวาโร เตน อปฺปสทฺโท อุปสงฺกมิตฺวา อตรมาโน อาฬินฺทํ ปวิสิตฺวา อุกฺกาสิตฺวา อคฺคฬํ อาโกเฏสิ. วิวริ ภควา ทฺวารํ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล วิหารํ ¶ ปวิสิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘‘ราชาหํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล; ราชาหํ, ภนฺเต, ปเสนทิ ¶ โกสโล’’ติ.
๓๖๗. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, มหาราช, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อิมสฺมึ สรีเร เอวรูปํ ปรมนิปจฺจการํ กโรสิ, มิตฺตูปหารํ [จิตฺตูปหารํ (สี.)] อุปทํเสสี’’ติ? ‘‘อตฺถิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย ¶ – ‘โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ. อิธาหํ, ภนฺเต, ปสฺสามิ เอเก สมณพฺราหฺมเณ ปริยนฺตกตํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺเต ทสปิ วสฺสานิ, วีสมฺปิ วสฺสานิ, ตึสมฺปิ วสฺสานิ, จตฺตารีสมฺปิ วสฺสานิ. เต อปเรน สมเยน สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรนฺติ. อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ปสฺสามิ ยาวชีวํ อาปาณโกฏิกํ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺเต. น โข ปนาหํ, ภนฺเต, อิโต พหิทฺธา อฺํ เอวํ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ สมนุปสฺสามิ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติ.
๓๖๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภนฺเต, ราชาโนปิ ราชูหิ วิวทนฺติ, ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ, พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปตโยปิ คหปตีหิ ¶ วิวทนฺติ, มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ มาตรา วิวทติ, ปิตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ ปิตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภคินิยา วิวทติ ¶ , ภคินีปิ ภาตรา วิวทติ, สหาโยปิ สหาเยน วิวทติ. อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ปสฺสามิ สมคฺเค สมฺโมทมาเน อวิวทมาเน ขีโรทกีภูเต อฺมฺํ ¶ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺเต วิหรนฺเต. น โข ปนาหํ, ภนฺเต, อิโต พหิทฺธา อฺํ เอวํ สมคฺคํ ปริสํ สมนุปสฺสามิ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๖๙. ‘‘ปุน จปราหํ, ภนฺเต, อาราเมน อารามํ, อุยฺยาเนน อุยฺยานํ อนุจงฺกมามิ อนุวิจรามิ. โสหํ ตตฺถ ปสฺสามิ เอเก สมณพฺราหฺมเณ กิเส ลูเข ทุพฺพณฺเณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาเต ธมนิสนฺถตคตฺเต, น วิย มฺเ จกฺขุํ พนฺธนฺเต ชนสฺส ทสฺสนาย. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อทฺธา อิเม อายสฺมนฺโต อนภิรตา วา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อตฺถิ วา เตสํ กิฺจิ ปาปํ กมฺมํ กตํ ปฏิจฺฉนฺนํ; ตถา หิ อิเม อายสฺมนฺโต กิสา ลูขา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตา ธมนิสนฺถตคตฺตา, น วิย มฺเ จกฺขุํ พนฺธนฺติ ชนสฺส ทสฺสนายา’ติ. ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘กึ นุ โข ตุมฺเห อายสฺมนฺโต กิสา ลูขา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตา ธมนิสนฺถตคตฺตา, น วิย มฺเ จกฺขุํ พนฺธถ ชนสฺส ทสฺสนายา’ติ? เต เอวมาหํสุ – ‘พนฺธุกโรโค โน [ปณฺฑุกโรคิโน (ก.)], มหาราชา’ติ. อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ¶ ปสฺสามิ ¶ หฏฺปหฏฺเ อุทคฺคุทคฺเค อภิรตรูเป ปีณินฺทฺริเย [ปีณิตินฺทฺริเย (สี. ปี.)] อปฺโปสฺสุกฺเก ปนฺนโลเม ปรทตฺตวุตฺเต มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺเต. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อทฺธา อิเม อายสฺมนฺโต ตสฺส ภควโต สาสเน อุฬารํ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ ชานนฺติ; ตถา หิ อิเม อายสฺมนฺโต หฏฺปหฏฺา อุทคฺคุทคฺคา อภิรตรูปา ปีณินฺทฺริยา อปฺโปสฺสุกฺกา ปนฺนโลมา ปรทตฺตวุตฺตา มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺตี’ติ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๗๐. ‘‘ปุน จปราหํ, ภนฺเต, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต; ปโหมิ ¶ ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํ ¶ . ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อฑฺฑกรเณ นิสินฺนสฺส อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตนฺติ. โสหํ น ลภามิ – ‘มา เม โภนฺโต อฑฺฑกรเณ นิสินฺนสฺส อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตถ [โอปาเตนฺตุ (สี.) อุปริเสลสุตฺเต ปน ‘‘โอปาเตถา’’ติเยว ทิสฺสติ], กถาปริโยสานํ เม โภนฺโต อาคเมนฺตู’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตนฺติ. อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ปสฺสามิ; ยสฺมึ สมเย ภควา อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ, เนว ตสฺมึ สมเย ภควโต สาวกานํ ขิปิตสทฺโท วา โหติ อุกฺกาสิตสทฺโท วา. ภูตปุพฺพํ, ภนฺเต, ภควา อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ. ตตฺรฺตโร ภควโต สาวโก อุกฺกาสิ. ตเมนํ อฺตโร สพฺรหฺมจารี ¶ ชณฺณุเกน ฆฏฺเฏสิ – ‘อปฺปสทฺโท อายสฺมา โหตุ, มายสฺมา สทฺทมกาสิ; สตฺถา โน ภควา ธมฺมํ เทเสตี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อทณฺเฑน วต กิร, โภ, อสตฺเถน เอวํ สุวินีตา ปริสา ภวิสฺสตี’ติ! น โข ปนาหํ, ภนฺเต, อิโต พหิทฺธา อฺํ เอวํ สุวินีตํ ปริสํ สมนุปสฺสามิ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๗๑. ‘‘ปุน จปราหํ, ภนฺเต, ปสฺสามิ อิเธกจฺเจ ขตฺติยปณฺฑิเต นิปุเณ กตปรปฺปวาเท วาลเวธิรูเป. เต ภินฺทนฺตา [โวภินฺทนฺตา (สี.)] มฺเ จรนฺติ ปฺาคเตน ทิฏฺิคตานิ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสริสฺสตี’ติ. เต ปฺหํ อภิสงฺขโรนฺติ – ‘อิมํ มยํ ปฺหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสาม. เอวํ เจ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสาม; เอวํ เจปิ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมฺปิสฺส มยํ วาทํ ¶ อาโรเปสฺสามา’ติ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสโฏ’ติ. เต เยน ภควา เตนุปสงฺกมนฺติ. เต ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ ¶ . เต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา น เจว ภควนฺตํ ปฺหํ ¶ ปุจฺฉนฺติ, กุโต วาทํ อาโรเปสฺสนฺติ? อฺทตฺถุ ภควโต สาวกา สมฺปชฺชนฺติ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๗๒. ‘‘ปุน จปราหํ, ภนฺเต, ปสฺสามิ อิเธกจฺเจ พฺราหฺมณปณฺฑิเต…เป… คหปติปณฺฑิเต…เป… สมณปณฺฑิเต นิปุเณ กตปรปฺปวาเท วาลเวธิรูเป. เต ภินฺทนฺตา มฺเ จรนฺติ ปฺาคเตน ทิฏฺิคตานิ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสริสฺสตี’ติ. เต ปฺหํ อภิสงฺขโรนฺติ – ‘อิมํ มยํ ปฺหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสาม. เอวํ เจ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสาม; เอวํ เจปิ โน ปุฏฺโ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมฺปิสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสามา’ติ. เต สุณนฺติ – ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสโฏ’ติ. เต เยน ภควา เตนุปสงฺกมนฺติ. เต ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา น เจว ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, กุโต วาทํ อาโรเปสฺสนฺติ? อฺทตฺถุ ภควนฺตํเยว โอกาสํ ยาจนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย. เต ภควา ปพฺพาเชติ. เต ตถาปพฺพชิตา ¶ สมานา เอกา วูปกฏฺา อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺตา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. เต เอวมาหํสุ – ‘มนํ วต, โภ, อนสฺสาม; มนํ วต, โภ, ปนสฺสาม’. มยฺหิ ปุพฺเพ อสฺสมณาว สมานา สมณามฺหาติ ปฏิชานิมฺหา, อพฺราหฺมณาว สมานา พฺราหฺมณามฺหาติ ปฏิชานิมฺหา, อนรหนฺโตว สมานา อรหนฺตามฺหาติ ปฏิชานิมฺหา. ‘อิทานิ โขมฺห สมณา, อิทานิ โขมฺห พฺราหฺมณา, อิทานิ โขมฺห อรหนฺโต’ติ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๗๓. ‘‘ปุน ¶ จปราหํ, ภนฺเต, อิเม อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย มมภตฺตา มมยานา, อหํ เนสํ ชีวิกาย [ชีวิตสฺส (สี.), ชีวิกํ (สี. อฏฺ.), ชีวิตํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] ทาตา, ยสสฺส อาหตฺตา; อถ ¶ จ ปน โน ตถา มยิ นิปจฺจการํ ¶ กโรนฺติ ยถา ภควติ. ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, เสนํ อพฺภุยฺยาโต สมาโน อิเม จ อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย วีมํสมาโน อฺตรสฺมึ สมฺพาเธ อาวสเถ วาสํ อุปคจฺฉึ. อถ โข, ภนฺเต, อิเม อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถาย วีตินาเมตฺวา, ยโต อโหสิ ภควา ¶ [อสฺโสสุํ โข ภควนฺตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ตโต สีสํ กตฺวา มํ ปาทโต กริตฺวา นิปชฺชึสุ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อิเม อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย มมภตฺตา มมยานา, อหํ เนสํ ชีวิกาย ทาตา, ยสสฺส อาหตฺตา; อถ จ ปน โน ตถา มยิ นิปจฺจการํ กโรนฺติ ยถา ภควติ. อทฺธา อิเม อายสฺมนฺโต ตสฺส ภควโต สาสเน อุฬารํ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ ชานนฺตี’ติ. อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’ติ.
๓๗๔. ‘‘ปุน จปรํ, ภนฺเต, ภควาปิ ขตฺติโย, อหมฺปิ ขตฺติโย; ภควาปิ โกสโล, อหมฺปิ โกสโล; ภควาปิ อาสีติโก, อหมฺปิ อาสีติโก. ยมฺปิ, ภนฺเต, ภควาปิ ขตฺติโย อหมฺปิ ขตฺติโย, ภควาปิ โกสโล อหมฺปิ โกสโล, ภควาปิ อาสีติโก อหมฺปิ อาสีติโก; อิมินาวารหาเมวาหํ [อิมินาปาหํ (ก.)], ภนฺเต, ภควติ ปรมนิปจฺจการํ กาตุํ, มิตฺตูปหารํ อุปทํเสตุํ. หนฺท, จ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข ภควา อจิรปกฺกนฺตสฺส รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เอโส, ภิกฺขเว, ราชา ปเสนทิ โกสโล ธมฺมเจติยานิ ¶ ภาสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต. อุคฺคณฺหถ, ภิกฺขเว, ธมฺมเจติยานิ; ปริยาปุณาถ, ภิกฺขเว ¶ , ธมฺมเจติยานิ; ธาเรถ, ภิกฺขเว, ธมฺมเจติยานิ. อตฺถสํหิตานิ, ภิกฺขเว, ธมฺมเจติยานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
ธมฺมเจติยสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.
๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตํ
๓๗๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรฺุายํ [อุชฺุายํ (สี. ปี.), อุทฺายํ (สฺยา. กํ.)] วิหรติ กณฺณกตฺถเล มิคทาเย. เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล อุรฺุํ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘ราชา, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘อชฺช กิร, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข โส ปุริโส รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ปุริโส ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวฺจ วเทติ – ‘อชฺช กิร ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติ. อสฺโสสุํ ¶ โข โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี – ‘‘อชฺช กิร ¶ ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติ. อถ โข โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภตฺตาภิหาเร อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘เตน หิ, มหาราช, อมฺหากมฺปิ วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘โสมา จ, ภนฺเต, ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’’ติ.
๓๗๖. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ¶ ปเสนทิ โกสโล ¶ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โสมา จ, ภนฺเต, ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ [วนฺทนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’ติ [ปุจฺฉนฺตีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ‘‘กึ ปน, มหาราช, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี อฺํ ทูตํ นาลตฺถุ’’นฺติ? ‘‘อสฺโสสุํ โข, ภนฺเต, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี – ‘อชฺช กิร ราชา ปเสนทิ โกสโล ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’ติ. อถ โข, ภนฺเต, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี มํ ภตฺตาภิหาเร อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘เตน หิ, มหาราช, อมฺหากมฺปิ วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ, อปฺปาพาธํ ¶ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’’ติ. ‘‘สุขินิโย โหนฺตุ ตา, มหาราช, โสมา จ ภคินี สกุลา จ ภคินี’’ติ.
๓๗๗. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภนฺเต, สมโณ โคตโม เอวมาห – ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานิสฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’ติ. เย เต, ภนฺเต, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม เอวมาห ¶ – นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานิสฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’ติ; กจฺจิ เต, ภนฺเต, ภควโต วุตฺตวาทิโน, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุวาโท คารยฺหํ านํ อาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘เย เต, มหาราช, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม เอวมาห – นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานิสฺสติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’ติ; น เม เต วุตฺตวาทิโน, อพฺภาจิกฺขนฺติ จ ปน มํ เต อสตา อภูเตนา’’ติ.
๓๗๘. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล วิฏฏูภํ เสนาปตึ อามนฺเตสิ – ‘‘โก นุ โข, เสนาปติ, อิมํ กถาวตฺถุํ ราชนฺเตปุเร อพฺภุทาหาสี’’ติ? ‘‘สฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต’’ติ. อถ ¶ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ ¶ , อมฺโภ ปุริส, มม วจเนน สฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ อามนฺเตหิ – ‘ราชา ตํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล อามนฺเตตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข โส ปุริโส รฺโ ปเสนทิสฺส ¶ โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน สฺชโย พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา ตํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล อามนฺเตตี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, ภควตา อฺเทว กิฺจิ สนฺธาย ภาสิตํ, ตฺจ ชโน อฺถาปิ ปจฺจาคจฺเฉยฺย [ปจฺจาคจฺเฉยฺยาติ, อภิชานามิ มหาราช วาจํ ภาสิตาติ (สี.)]. ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, ภควา อภิชานาติ วาจํ ภาสิตา’’ติ? ‘‘เอวํ โข อหํ, มหาราช, อภิชานามิ วาจํ ภาสิตา – ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย สกิเทว สพฺพํ สฺสติ, สพฺพํ ทกฺขิติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’’’ติ. ‘‘เหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห – ‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย ¶ สกิเทว สพฺพํ สฺสติ, สพฺพํ ทกฺขิติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’’’ติ. ‘‘จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา. อิเมสํ นุ โข, ภนฺเต, จตุนฺนํ วณฺณานํ สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘จตฺตาโรเม, มหาราช, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา. อิเมสํ โข, มหาราช, จตุนฺนํ วณฺณานํ ทฺเว วณฺณา ¶ อคฺคมกฺขายนฺติ – ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ – ยทิทํ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมานี’’ติ [สามิจิกมฺมานนฺติ (สี.)]. ‘‘นาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ทิฏฺธมฺมิกํ ปุจฺฉามิ; สมฺปรายิกาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปุจฺฉามิ. จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา. อิเมสํ นุ โข, ภนฺเต, จตุนฺนํ วณฺณานํ สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ?
๓๗๙. ‘‘ปฺจิมานิ, มหาราช, ปธานิยงฺคานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ; อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย; อสโ โหติ อมายาวี ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ¶ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมาทุกฺขกฺขยคามินิยา – อิมานิ โข, มหาราช, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ. จตฺตาโรเม, มหาราช, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา. เต จสฺสุ อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคตา ¶ ; เอตฺถ ปน เนสํ อสฺส ¶ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. ‘‘จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา, สุทฺทา ¶ . เต จสฺสุ อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคตา; เอตฺถ ปน เนสํ, ภนฺเต, สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘เอตฺถ โข เนสาหํ, มหาราช, ปธานเวมตฺตตํ วทามิ. เสยฺยถาปิสฺสุ, มหาราช, ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, เย เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, อปิ นุ เต ทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, ทนฺตาว ทนฺตภูมึ สมฺปาปุเณยฺยุ’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เย ปน เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา, อปิ นุ เต อทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, อทนฺตาว ทนฺตภูมึ สมฺปาปุเณยฺยุํ, เสยฺยถาปิ เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยํ ตํ สทฺเธน ปตฺตพฺพํ อปฺปาพาเธน อสเน อมายาวินา อารทฺธวีริเยน ปฺวตา ตํ วต [ตํ ตถา โส (ก.)] อสฺสทฺโธ พหฺวาพาโธ สโ มายาวี กุสีโต ทุปฺปฺโ ปาปุณิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ.
๓๘๐. ‘‘เหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห. จตฺตาโรเม, ภนฺเต, วณฺณา – ขตฺติยา, พฺราหฺมณา, เวสฺสา ¶ , สุทฺทา. เต จสฺสุ อิเมหิ ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคตา เต จสฺสุ สมฺมปฺปธานา; เอตฺถ ปน เนสํ, ภนฺเต, สิยา วิเสโส สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘เอตฺถ โข [เอตฺถ โข ปน (สี.)] เนสาหํ, มหาราช, น กิฺจิ นานากรณํ วทามิ – ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺตึ. เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส สุกฺขํ สากกฏฺํ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย ¶ ; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ สาลกฏฺํ อาทาย ¶ อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ อมฺพกฏฺํ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย; อถาปโร ปุริโส สุกฺขํ อุทุมฺพรกฏฺํ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺย. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, สิยา นุ โข เตสํ อคฺคีนํ นานาทารุโต อภินิพฺพตฺตานํ กิฺจิ นานากรณํ อจฺจิยา วา อจฺจึ, วณฺเณน วา วณฺณํ, อาภาย วา อาภ’’นฺติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยํ ตํ เตชํ วีริยา นิมฺมถิตํ ปธานาภินิพฺพตฺตํ [วิริยํ นิปฺผรติ, ตํ ปจฺฉาภินิพฺพตฺตํ (สี.)], นาหํ ตตฺถ กิฺจิ นานากรณํ วทามิ – ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺติ’’นฺติ. ‘‘เหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, ภควา อาห. กึ ¶ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ เทวา’’ติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ, มหาราช, เอวํ วเทสิ – ‘กึ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ เทวา’’’ติ? ‘‘ยทิ วา เต, ภนฺเต, เทวา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ ยทิ วา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ’’? ‘‘เย เต, มหาราช, เทวา สพฺยาพชฺฌา เต เทวา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา เต เทวา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺต’’นฺติ.
๓๘๑. เอวํ ¶ วุตฺเต, วิฏฺฏูโภ เสนาปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เย เต, ภนฺเต, เทวา สพฺยาพชฺฌา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทวา, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทเว ตมฺหา านา จาเวสฺสนฺติ วา ปพฺพาเชสฺสนฺติ วา’’ติ?
อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข วิฏฏูโภ เสนาปติ รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปุตฺโต; อหํ ภควโต ปุตฺโต. อยํ โข กาโล ยํ ปุตฺโต ปุตฺเตน มนฺเตยฺยา’’ติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท วิฏฏูภํ เสนาปตึ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ, เสนาปติ, ตํ เยเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ; ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, เสนาปติ, ยาวตา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล อิสฺสริยาธิปจฺจํ ¶ รชฺชํ กาเรติ, ปโหติ ตตฺถ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺุวนฺตํ วา อปฺุวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา านา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ? ‘‘ยาวตา, โภ, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ ¶ โกสโล อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ปโหติ ตตฺถ ราชา ปเสนทิ โกสโล ¶ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺุวนฺตํ วา อปฺุวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา านา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, เสนาปติ, ยาวตา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อวิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล น อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ตตฺถ ปโหติ ราชา ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺุวนฺตํ วา อปฺุวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา านา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ? ‘‘ยาวตา, โภ, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อวิชิตํ ยตฺถ จ ราชา ปเสนทิ โกสโล น อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, น ตตฺถ ปโหติ ราชา ¶ ปเสนทิ โกสโล สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปฺุวนฺตํ วา อปฺุวนฺตํ วา พฺรหฺมจริยวนฺตํ วา อพฺรหฺมจริยวนฺตํ วา ตมฺหา านา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, เสนาปติ, สุตา เต เทวา ตาวตึสา’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ. สุตา เม เทวา ตาวตึสา. อิธาปิ โภตา รฺา ปเสนทินา โกสเลน สุตา เทวา ตาวตึสา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, เสนาปติ, ปโหติ ราชา ปเสนทิ โกสโล เทเว ตาวตึเส ตมฺหา านา จาเวตุํ วา ปพฺพาเชตุํ วา’’ติ? ‘‘ทสฺสนมฺปิ, โภ, ราชา ปเสนทิ โกสโล เทเว ตาวตึเส นปฺปโหติ, กุโต ปน ตมฺหา านา จาเวสฺสติ วา ปพฺพาเชสฺสติ วา’’ติ? ‘‘เอวเมว โข, เสนาปติ, เย เต เทวา สพฺยาพชฺฌา อาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทวา, เย เต เทวา อพฺยาพชฺฌา อนาคนฺตาโร อิตฺถตฺตํ เต เทเว ทสฺสนายปิ นปฺปโหนฺติ; กุโต ปน ตมฺหา านา จาเวสฺสนฺติ วา ปพฺพาเชสฺสนฺติ วา’’ติ?
๓๘๒. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โกนาโม อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อานนฺโท ¶ นาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘อานนฺโท วต, โภ, อานนฺทรูโป วต, โภ! เหตุรูปํ, ภนฺเต ¶ , อายสฺมา อานนฺโท อาห; สเหตุรูปํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท อาห. กึ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ พฺรหฺมา’’ติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ, มหาราช, เอวํ วเทสิ – ‘กึ ปน, ภนฺเต, อตฺถิ พฺรหฺมา’’’ติ? ‘‘ยทิ วา โส, ภนฺเต, พฺรหฺมา อาคนฺตา อิตฺถตฺตํ, ยทิ วา อนาคนฺตา อิตฺถตฺต’’นฺติ? ‘‘โย โส, มหาราช, พฺรหฺมา สพฺยาพชฺโฌ โส พฺรหฺมา อาคนฺตา อิตฺถตฺตํ, โย โส พฺรหฺมา อพฺยาพชฺโฌ โส พฺรหฺมา อนาคนฺตา อิตฺถตฺต’’นฺติ. อถ โข อฺตโร ปุริโส ราชานํ ปเสนทึ ¶ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘สฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต อาคโต’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล สฺชยํ พฺราหฺมณํ อากาสโคตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, พฺราหฺมณ, อิมํ กถาวตฺถุํ ราชนฺเตปุเร อพฺภุทาหาสี’’ติ? ‘‘วิฏฏูโภ, มหาราช, เสนาปตี’’ติ. วิฏฏูโภ เสนาปติ เอวมาห – ‘‘สฺชโย, มหาราช, พฺราหฺมโณ อากาสโคตฺโต’’ติ. อถ โข อฺตโร ปุริโส ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘ยานกาโล, มหาราชา’’ติ.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สพฺพฺุตํ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ¶ อปุจฺฉิมฺหา, สพฺพฺุตํ ภควา พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนา. จาตุวณฺณิสุทฺธึ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, จาตุวณฺณิสุทฺธึ ¶ ภควา พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนา. อธิเทเว มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, อธิเทเว ภควา พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนา. อธิพฺรหฺมานํ มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา, อธิพฺรหฺมานํ ภควา พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนา. ยํ ยเทว จ มยํ ภควนฺตํ อปุจฺฉิมฺหา ตํ ตเทว ภควา พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺหา อตฺตมนา. หนฺท, จ ¶ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ.
กณฺณกตฺถลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.
ราชวคฺโค นิฏฺิโต จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
ฆฏิกาโร รฏฺปาโล, มฆเทโว มธุริยํ;
โพธิ องฺคุลิมาโล จ, ปิยชาตํ พาหิติกํ;
ธมฺมเจติยสุตฺตฺจ, ทสมํ กณฺณกตฺถลํ.
๕. พฺราหฺมณวคฺโค
๑. พฺรหฺมายุสุตฺตํ
๓๘๓. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา วิเทเหสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. เตน โข ปน สมเยน พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ มิถิลายํ ปฏิวสติ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, วีสวสฺสสติโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ [เพทานํ (ก.)] ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. อสฺโสสิ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ – ‘‘สมโณ ขลุ โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต วิเทเหสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ ¶ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติ.
๓๘๔. เตน ¶ โข ปน สมเยน พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส อุตฺตโร นาม มาณโว อนฺเตวาสี โหติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุตฺตรํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘‘อยํ, ตาต อุตฺตร, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต วิเทเหสุ ¶ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ ¶ โหตี’ติ. เอหิ ตฺวํ, ตาต อุตฺตร, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ ชานาหิ ยทิ วา ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถา สนฺตํเยว สทฺโท อพฺภุคฺคโต, ยทิ วา โน ตถา; ยทิ วา โส ภวํ โคตโม ตาทิโส, ยทิ วา น ตาทิโส. ตถา มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ เวทิสฺสามา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปนาหํ, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ชานิสฺสามิ ยทิ วา ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถา สนฺตํเยว สทฺโท อพฺภุคฺคโต, ยทิ วา โน ตถา; ยทิ วา โส ภวํ โคตโม ตาทิโส, ยทิ วา น ตาทิโส’’ติ. ‘‘อาคตานิ โข, ตาต อุตฺตร, อมฺหากํ มนฺเตสุ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส ทฺเวเยว คติโย ภวนฺติ อนฺา ¶ . สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ, ราชา โหติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรนฺโต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต สตฺตรตนสมนฺนาคโต. ตสฺสิมานิ สตฺต รตนานิ ภวนฺติ, เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนเมว สตฺตมํ. ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนา. โส อิมํ ปถวึ สาครปริยนฺตํ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมน [ธมฺเมน สเมน (ก.)] อภิวิชิย อชฺฌาวสติ. สเจ โข ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท. อหํ โข ปน, ตาต อุตฺตร, มนฺตานํ ทาตา; ตฺวํ มนฺตานํ ปฏิคฺคเหตา’’ติ.
๓๘๕. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข อุตฺตโร มาณโว พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺายาสนา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา วิเทเหสุ เยน ภควา เตน จาริกํ ¶ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อุตฺตโร มาณโว ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ สมนฺเนสิ. อทฺทสา ¶ โข อุตฺตโร มาณโว ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุยฺเยน ถเปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ ¶ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จ. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ปสฺสติ โข เม อยํ อุตฺตโร มาณโว ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ¶ , เยภุยฺเยน ถเปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จา’’ติ. อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ ยถา อทฺทส อุตฺตโร มาณโว ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ. อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ [ปริมสิ (สี. ก.)]; อุโภปิ นาสิกโสตานิ [นาสิกาโสตานิ (สี.)] อนุมสิ ปฏิมสิ; เกวลมฺปิ นลาฏมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิ. อถ โข อุตฺตรสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมนฺนาคโต โข สมโณ โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ. ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ อนุพนฺเธยฺยํ, อิริยาปถมสฺส ปสฺเสยฺย’’นฺติ. อถ โข อุตฺตโร มาณโว สตฺตมาสานิ ภควนฺตํ อนุพนฺธิ ฉายาว อนปายินี [อนุปายินี (สฺยา. กํ. ก.)].
๓๘๖. อถ โข อุตฺตโร มาณโว สตฺตนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน วิเทเหสุ เยน มิถิลา เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน มิถิลา เยน พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺนํ โข อุตฺตรํ มาณวํ พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ตาต อุตฺตร, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถา สนฺตํเยว สทฺโท อพฺภุคฺคโต ¶ , โน อฺถา? กจฺจิ ปน โส ภวํ โคตโม ตาทิโส, โน อฺาทิโส’’ติ? ‘‘ตถา สนฺตํเยว, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ สทฺโท อพฺภุคฺคโต, โน อฺถา; ตาทิโสว [ตาทิโสว โภ (สี. ปี.), ตาทิโส จ โข (สฺยา. กํ. ก.)] โส ภวํ โคตโม, โน อฺาทิโส. สมนฺนาคโต จ [สมนฺนาคโต จ โภ (สพฺพตฺถ)] โส ภวํ โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ.
‘‘สุปฺปติฏฺิตปาโท โข ปน ภวํ โคตโม; อิทมฺปิ ตสฺส โภโต โคตมสฺส มหาปุริสสฺส มหาปุริสลกฺขณํ ภวติ.
‘‘เหฏฺา โข ปน ตสฺส โภโต โคตมสฺส ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานิ สหสฺสารานิ สเนมิกานิ สนาภิกานิ สพฺพาการปริปูรานิ…
‘‘อายตปณฺหิ ¶ ¶ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘ทีฆงฺคุลิ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘มุทุตลุนหตฺถปาโท โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘ชาลหตฺถปาโท โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘อุสฺสงฺขปาโท โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘เอณิชงฺโฆ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘ิตโก โข ปน โส ภวํ โคตโม อโนนมนฺโต อุโภหิ ปาณิตเลหิ ชณฺณุกานิ ปริมสติ ปริมชฺชติ…
‘‘โกโสหิตวตฺถคุยฺโห โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สุวณฺณวณฺโณ โข ปน โส ภวํ โคตโม กฺจนสนฺนิภตฺตโจ…
‘‘สุขุมจฺฉวิ โข ปน โส ภวํ โคตโม. สุขุมตฺตา ฉวิยา รโชชลฺลํ กาเย น อุปลิมฺปติ…
‘‘เอเกกโลโม โข ปน โส ภวํ ¶ โคตโม; เอเกกานิ โลมานิ โลมกูเปสุ ชาตานิ…
‘‘อุทฺธคฺคโลโม โข ปน โส ภวํ โคตโม; อุทฺธคฺคานิ โลมานิ ชาตานิ นีลานิ อฺชนวณฺณานิ กุณฺฑลาวฏฺฏานิ ทกฺขิณาวฏฺฏกชาตานิ…
‘‘พฺรหฺมุชุคตฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สตฺตุสฺสโท โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สีหปุพฺพทฺธกาโย ¶ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘จิตนฺตรํโส โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘นิคฺโรธปริมณฺฑโล โข ปน โส ภวํ โคตโม; ยาวตกฺวสฺส กาโย ตาวตกฺวสฺส พฺยาโม, ยาวตกฺวสฺส พฺยาโม ตาวตกฺวสฺส กาโย…
‘‘สมวฏฺฏกฺขนฺโธ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘รสคฺคสคฺคี โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สีหหนุ ¶ โข ปน ¶ โส ภวํ โคตโม…
‘‘จตฺตาลีสทนฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สมทนฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘อวิรฬทนฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘สุสุกฺกทาโ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘ปหูตชิวฺโห โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘พฺรหฺมสฺสโร โข ปน โส ภวํ โคตโม กรวิกภาณี…
‘‘อภินีลเนตฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘โคปขุโม ¶ โข ปน โส ภวํ โคตโม…
‘‘อุณฺณา โข ปนสฺส โภโต โคตมสฺส ภมุกนฺตเร ชาตา โอทาตา มุทุตูลสนฺนิภา…
‘‘อุณฺหีสสีโส โข ปน โส ภวํ โคตโม; อิทมฺปิ ตสฺส โภโต โคตมสฺส มหาปุริสสฺส มหาปุริสลกฺขณํ ภวติ.
‘‘อิเมหิ โข, โภ, โส ภวํ โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต.
๓๘๗. ‘‘คจฺฉนฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม ทกฺขิเณเนว ปาเทน ¶ ปมํ ปกฺกมติ. โส นาติทูเร ปาทํ อุทฺธรติ, นาจฺจาสนฺเน ปาทํ นิกฺขิปติ; โส นาติสีฆํ คจฺฉติ, นาติสณิกํ คจฺฉติ; น จ อทฺทุเวน อทฺทุวํ สงฺฆฏฺเฏนฺโต คจฺฉติ, น จ โคปฺผเกน โคปฺผกํ สงฺฆฏฺเฏนฺโต คจฺฉติ. โส คจฺฉนฺโต น สตฺถึ อุนฺนาเมติ, น สตฺถึ โอนาเมติ; น สตฺถึ สนฺนาเมติ, น สตฺถึ วินาเมติ. คจฺฉโต โข ปน ตสฺส โภโต โคตมสฺส อธรกาโยว [อฑฺฒกาโยว (ก.), อารทฺธกาโยว (สฺยา. กํ.)] อิฺชติ, น จ กายพเลน คจฺฉติ. อปโลเกนฺโต โข ปน โส ภวํ โคตโม สพฺพกาเยเนว อปโลเกติ; โส น อุทฺธํ อุลฺโลเกติ, น อโธ โอโลเกติ; น จ วิเปกฺขมาโน คจฺฉติ, ยุคมตฺตฺจ เปกฺขติ; ตโต จสฺส อุตฺตริ อนาวฏํ าณทสฺสนํ ภวติ. โส อนฺตรฆรํ ปวิสนฺโต น กายํ อุนฺนาเมติ ¶ , น กายํ โอนาเมติ; น กายํ สนฺนาเมติ, น ¶ กายํ วินาเมติ. โส นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน อาสนสฺส ปริวตฺตติ, น จ ปาณินา อาลมฺพิตฺวา อาสเน นิสีทติ, น จ อาสนสฺมึ กายํ ปกฺขิปติ. โส อนฺตรฆเร นิสินฺโน สมาโน น หตฺถกุกฺกุจฺจํ อาปชฺชติ, น ปาทกุกฺกุจฺจํ อาปชฺชติ; น อทฺทุเวน อทฺทุวํ อาโรเปตฺวา นิสีทติ; น จ โคปฺผเกน โคปฺผกํ อาโรเปตฺวา นิสีทติ; น จ ปาณินา หนุกํ อุปทหิตฺวา [อุปาทิยิตฺวา (สี. ปี.)] นิสีทติ. โส อนฺตรฆเร นิสินฺโน สมาโน น ฉมฺภติ น กมฺปติ น เวธติ น ปริตสฺสติ. โส อฉมฺภี อกมฺปี อเวธี อปริตสฺสี วิคตโลมหํโส. วิเวกวตฺโต จ โส ภวํ โคตโม อนฺตรฆเร นิสินฺโน โหติ. โส ปตฺโตทกํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต ¶ น ปตฺตํ อุนฺนาเมติ, น ปตฺตํ โอนาเมติ; น ปตฺตํ สนฺนาเมติ, น ปตฺตํ วินาเมติ. โส ปตฺโตทกํ ปฏิคฺคณฺหาติ นาติโถกํ นาติพหุํ. โส น ขุลุขุลุการกํ [พุลุพุลุการกํ (สี.)] ปตฺตํ โธวติ, น สมฺปริวตฺตกํ ปตฺตํ โธวติ, น ¶ ปตฺตํ ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา หตฺเถ โธวติ; หตฺเถสุ โธเตสุ ปตฺโต โธโต โหติ, ปตฺเต โธเต หตฺถา โธตา โหนฺติ. โส ปตฺโตทกํ ฉฑฺเฑติ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน, น จ วิจฺฉฑฺฑยมาโน. โส โอทนํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต น ปตฺตํ อุนฺนาเมติ, น ปตฺตํ โอนาเมติ; น ปตฺตํ สนฺนาเมติ, น ปตฺตํ วินาเมติ. โส โอทนํ ปฏิคฺคณฺหาติ นาติโถกํ นาติพหุํ. พฺยฺชนํ โข ปน ภวํ โคตโม พฺยฺชนมตฺตาย อาหาเรติ, น จ พฺยฺชเนน อาโลปํ อตินาเมติ. ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โข ภวํ โคตโม มุเข อาโลปํ สมฺปริวตฺเตตฺวา อชฺโฌหรติ; น จสฺส กาจิ โอทนมิฺชา อสมฺภินฺนา กายํ ปวิสติ, น จสฺส กาจิ โอทนมิฺชา มุเข อวสิฏฺา โหติ; อถาปรํ อาโลปํ อุปนาเมติ. รสปฏิสํเวที โข ปน โส ภวํ โคตโม อาหารํ อาหาเรติ, โน จ รสราคปฏิสํเวที.
‘‘อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ [อฏฺงฺคสมนฺนาคโต (ก.)] โข ปน โส ภวํ โคตโม อาหารํ อาหาเรติ – เนว ทวาย, น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนาย, วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย – ‘อิติ ปุราณฺจ ¶ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ¶ ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’ติ ¶ . โส ภุตฺตาวี ปตฺโตทกํ ปฏิคฺคณฺหนฺโต น ปตฺตํ อุนฺนาเมติ, น ปตฺตํ โอนาเมติ; น ปตฺตํ สนฺนาเมติ, น ปตฺตํ วินาเมติ. โส ปตฺโตทกํ ปฏิคฺคณฺหาติ นาติโถกํ นาติพหุํ. โส น ขุลุขุลุการกํ ปตฺตํ โธวติ, น สมฺปริวตฺตกํ ปตฺตํ โธวติ, น ปตฺตํ ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา หตฺเถ โธวติ; หตฺเถสุ โธเตสุ ปตฺโต โธโต โหติ, ปตฺเต โธเต หตฺถา โธตา โหนฺติ. โส ปตฺโตทกํ ฉฑฺเฑติ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน, น จ วิจฺฉฑฺฑยมาโน. โส ภุตฺตาวี น ปตฺตํ ภูมิยํ นิกฺขิปติ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน, น จ อนตฺถิโก ปตฺเตน โหติ, น จ อติเวลานุรกฺขี ปตฺตสฺมึ. โส ภุตฺตาวี มุหุตฺตํ ตุณฺหี นิสีทติ, น จ อนุโมทนสฺส กาลมตินาเมติ. โส ภุตฺตาวี อนุโมทติ, น ตํ ภตฺตํ ครหติ, น อฺํ ภตฺตํ ปฏิกงฺขติ; อฺทตฺถุ ธมฺมิยา กถาย ตํ ปริสํ สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. โส ตํ ปริสํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมติ. โส นาติสีฆํ คจฺฉติ, นาติสณิกํ คจฺฉติ, น จ มุจฺจิตุกาโม คจฺฉติ; น จ ตสฺส โภโต โคตมสฺส กาเย จีวรํ อจฺจุกฺกฏฺํ โหติ น จ อจฺโจกฺกฏฺํ, น จ กายสฺมึ อลฺลีนํ น จ กายสฺมา อปกฏฺํ; น จ ตสฺส โภโต โคตมสฺส กายมฺหา วาโต จีวรํ อปวหติ; น จ ตสฺส โภโต ¶ โคตมสฺส กาเย รโชชลฺลํ อุปลิมฺปติ ¶ . โส อารามคโต นิสีทติ ปฺตฺเต อาสเน. นิสชฺช ปาเท ปกฺขาเลติ; น จ โส ภวํ โคตโม ปาทมณฺฑนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. โส ปาเท ปกฺขาเลตฺวา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส เนว อตฺตพฺยาพาธาย เจเตติ, น ปรพฺยาพาธาย เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธาย เจเตติ; อตฺตหิตปรหิตอุภยหิตสพฺพโลกหิตเมว ¶ โส ภวํ โคตโม จินฺเตนฺโต นิสินฺโน โหติ. โส อารามคโต ปริสติ ธมฺมํ เทเสติ, น ตํ ปริสํ อุสฺสาเทติ, น ตํ ปริสํ อปสาเทติ; อฺทตฺถุ ธมฺมิยา กถาย ตํ ปริสํ สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ.
‘‘อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข ปนสฺส โภโต โคตมสฺส มุขโต โฆโส นิจฺฉรติ – วิสฺสฏฺโ จ, วิฺเยฺโย จ, มฺชุ จ, สวนีโย จ, พินฺทุ จ, อวิสารี จ, คมฺภีโร จ, นินฺนาที จ. ยถาปริสํ โข ปน โส ภวํ ¶ โคตโม สเรน วิฺาเปติ, น จสฺส พหิทฺธา ปริสาย โฆโส นิจฺฉรติ. เต เตน โภตา โคตเมน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา อุฏฺายาสนา ปกฺกมนฺติ อวโลกยมานาเยว [อปโลกยมานาเยว (สี. ก.)] อวิชหิตตฺตา [อวิชหนฺตาภาเวน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. อทฺทสาม โข มยํ, โภ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ คจฺฉนฺตํ, อทฺทสาม ิตํ, อทฺทสาม อนฺตรฆรํ ปวิสนฺตํ, อทฺทสาม อนฺตรฆเร นิสินฺนํ ตุณฺหีภูตํ, อทฺทสาม อนฺตรฆเร ภฺุชนฺตํ, อทฺทสาม ภุตฺตาวึ นิสินฺนํ ตุณฺหีภูตํ, อทฺทสาม ภุตฺตาวึ อนุโมทนฺตํ, อทฺทสาม อารามํ ¶ คจฺฉนฺตํ, อทฺทสาม อารามคตํ นิสินฺนํ ตุณฺหีภูตํ, อทฺทสาม อารามคตํ ปริสติ ธมฺมํ เทเสนฺตํ. เอทิโส จ เอทิโส จ โส ภวํ โคตโม, ตโต จ ภิยฺโย’’ติ.
๓๘๘. เอวํ วุตฺเต, พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนติ –
‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
‘‘นโม ¶ ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ.
‘‘อปฺเปว นาม มยํ กทาจิ กรหจิ เตน โภตา โคตเมน สมาคจฺเฉยฺยาม? อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ!
๓๘๙. อถ โข ภควา วิเทเหสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน มิถิลา ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา มิถิลายํ วิหรติ มฆเทวมฺพวเน. อสฺโสสุํ โข มิถิเลยฺยกา [เมถิเลยฺยกา (สี. ปี.)] พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ¶ สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต วิเทเหสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ มิถิลํ อนุปฺปตฺโต, มิถิลายํ วิหรติ มฆเทวมฺพวเน. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ¶ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ ¶ . โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติ.
อถ โข มิถิเลยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
๓๙๐. อสฺโสสิ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต มิถิลํ อนุปฺปตฺโต, มิถิลายํ วิหรติ มฆเทวมฺพวเน’’ติ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ สมฺพหุเลหิ สาวเกหิ สทฺธึ เยน มฆเทวมฺพวนํ เตนุปสงฺกมิ. อถ โข พฺรหฺมายุโน พฺราหฺมณสฺส อวิทูเร อมฺพวนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘น โข เมตํ ปติรูปํ โยหํ ปุพฺเพ อปฺปฏิสํวิทิโต ¶ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อฺตรํ มาณวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ โคตมํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘พฺรหฺมายุ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ ภวนฺตํ โคตมํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘พฺรหฺมายุ, โภ ¶ โคตม, พฺราหฺมโณ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, วีสวสฺสสติโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. ยาวตา, โภ, พฺราหฺมณคหปติกา มิถิลายํ ปฏิวสนฺติ, พฺรหฺมายุ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ โภเคหิ; พฺรหฺมายุ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ มนฺเตหิ; พฺรหฺมายุ ¶ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ อายุนา เจว ยสสา จ. โส โภโต โคตมสฺส ทสฺสนกาโม’’’ติ.
‘‘เอวํ ¶ , โภ’’ติ โข โส มาณวโก พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข โส มาณวโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺรหฺมายุ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ ภวนฺตํ โคตมํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ; เอวฺจ วเทติ – ‘พฺรหฺมายุ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, วีสวสฺสสติโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ ¶ อนวโย. ยาวตา, โภ, พฺราหฺมณคหปติกา มิถิลายํ ปฏิวสนฺติ, พฺรหฺมายุ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ โภเคหิ; พฺรหฺมายุ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ มนฺเตหิ; พฺรหฺมายุ เตสํ พฺราหฺมโณ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ อายุนา เจว ยสสา จ. โส โภโต โคตมสฺส ทสฺสนกาโม’’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ, มาณว, พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ กาลํ มฺตี’’ติ. อถ โข โส มาณวโก เยน พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภวตา สมเณน โคตเมน. ยสฺสทานิ ภวํ กาลํ มฺตี’’ติ.
๓๙๑. อถ ¶ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข สา ปริสา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน โอรมิย [โอรมตฺถ (สฺยา. กํ. ปี.), โอรมถ, โอรมติ (ก.), อถ นํ (สี.), โอรมิยาติ ปน ตฺวาปจฺจยนฺตตถสํวณฺณนานุรูปํ วิโสธิตปทํ] โอกาสมกาสิ ยถา ตํ าตสฺส ยสสฺสิโน. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ตํ ปริสํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, โภ! นิสีทถ ตุมฺเห สเก อาสเน. อิธาหํ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก นิสีทิสฺสามี’’ติ.
อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควโต ¶ กาเย ¶ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ สมนฺเนสิ. อทฺทสา โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควโต ¶ กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุยฺเยน เปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘เย เม ทฺวตฺตึสาติ สุตา, มหาปุริสลกฺขณา;
ทุเว เตสํ น ปสฺสามิ, โภโต กายสฺมึ โคตม.
‘‘กจฺจิ โกโสหิตํ โภโต, วตฺถคุยฺหํ นรุตฺตม;
นารีสมานสวฺหยา, กจฺจิ ชิวฺหา น ทสฺสกา [นารีสหนาม สวฺหยา, กจฺจิ ชิวฺหา นรสฺสิกา; (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
‘‘กจฺจิ ปหูตชิวฺโหสิ, ยถา ตํ ชานิยามเส;
นินฺนามเยตํ ปหูตํ, กงฺขํ วินย โน อิเส.
‘‘ทิฏฺธมฺมหิตตฺถาย, สมฺปรายสุขาย จ;
กตาวกาสา ปุจฺฉาม, ยํ กิฺจิ อภิปตฺถิต’’นฺติ.
๓๙๒. อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ปสฺสติ โข เม อยํ พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุยฺเยน เปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จา’’ติ ¶ . อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ ยถา อทฺทส พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ. อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ; อุโภปิ นาสิกโสตานิ ¶ อนุมสิ ปฏิมสิ; เกวลมฺปิ นลาฏมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิ. อถ โข ภควา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘เย เต ทฺวตฺตึสาติ สุตา, มหาปุริสลกฺขณา;
สพฺเพ เต มม กายสฺมึ, มา เต [มา โว (ก.)] กงฺขาหุ พฺราหฺมณ.
‘‘อภิฺเยฺยํ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณ.
‘‘ทิฏฺธมฺมหิตตฺถาย ¶ ¶ , สมฺปรายสุขาย จ;
กตาวกาโส ปุจฺฉสฺสุ, ยํ กิฺจิ อภิปตฺถิต’’นฺติ.
๓๙๓. อถ โข พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ สมเณน โคตเมน. กึ นุ โข อหํ สมณํ โคตมํ ปุจฺเฉยฺยํ – ‘ทิฏฺธมฺมิกํ วา อตฺถํ สมฺปรายิกํ วา’’’ติ. อถ โข พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กุสโล โข อหํ ทิฏฺธมฺมิกานํ อตฺถานํ. อฺเปิ มํ ทิฏฺธมฺมิกํ อตฺถํ ปุจฺฉนฺติ. ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ สมฺปรายิกํเยว อตฺถํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘กถํ โข พฺราหฺมโณ โหติ, กถํ ภวติ เวทคู;
เตวิชฺโช โภ กถํ โหติ, โสตฺถิโย กินฺติ วุจฺจติ.
‘‘อรหํ โภ กถํ โหติ, กถํ ภวติ เกวลี;
มุนิ จ โภ กถํ โหติ, พุทฺโธ กินฺติ ปวุจฺจตี’’ติ.
๓๙๔. อถ ¶ โข ภควา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ¶ โย เวทิ, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;
อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺา โวสิโต มุนิ.
‘‘จิตฺตํ วิสุทฺธํ ชานาติ, มุตฺตํ ราเคหิ สพฺพโส;
ปหีนชาติมรโณ, พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี;
ปารคู สพฺพธมฺมานํ, พุทฺโธ ตาที ปวุจฺจตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘‘พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ; พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ’’ติ. อถ โข สา ปริสา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา อโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! ยตฺร หิ นามายํ พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ าโต ยสสฺสี เอวรูปํ ปรมนิปจฺจการํ กริสฺสตี’’ติ. อถ โข ภควา พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘อลํ, พฺราหฺมณ, อุฏฺห นิสีท ตฺวํ สเก อาสเน ยโต เต มยิ จิตฺตํ ปสนฺน’’นฺติ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฏฺหิตฺวา สเก อาสเน นิสีทิ.
๓๙๕. อถ ¶ โข ภควา พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ, สีลกถํ, สคฺคกถํ; กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ยทา ภควา ¶ อฺาสิ พฺรหฺมายุํ พฺราหฺมณํ กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺตํ, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํ. เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย, เอวเมว พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส ตสฺมึเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ทิฏฺธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา ¶ โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ. อธิวาเสตุ จ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ ¶ . อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ.
อถ ¶ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน พฺรหฺมายุสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข ภควา ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน วิเทเหสุ จาริกํ ปกฺกามิ. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต กาลมกาสิ. อถ โข สมฺพหุลา ¶ ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘พฺรหฺมายุ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ กาลงฺกโต. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ? ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ปจฺจปาทิ ธมฺมสฺสานุธมฺมํ, น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสิ. พฺรหฺมายุ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี, อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา’’ติ.
อิทมโวจ ¶ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
พฺรหฺมายุสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.
๒. เสลสุตฺตํ
๓๙๖. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน อาปณํ นาม องฺคุตฺตราปานํ นิคโม ตทวสริ. อสฺโสสิ โข เกณิโย ชฏิโล – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ อาปณํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติ.
อถ โข เกณิโย ชฏิโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกณิยํ ชฏิลํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ ¶ . อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภควา เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ – ‘‘มหา โข, เกณิย, ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, ตฺวฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน’’ติ. ทุติยมฺปิ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิฺจาปิ โข, โภ โคตม, มหา ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, อหฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน; อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ภควา เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ – ‘‘มหา โข, เกณิย, ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, ตฺวฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน’’ติ. ตติยมฺปิ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิฺจาปิ โข, โภ โคตม, มหา ภิกฺขุสงฺโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, อหฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน; อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ ¶ . อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา เยน สโก อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มิตฺตามจฺเจ าติสาโลหิเต อามนฺเตสิ – ‘‘สุณนฺตุ เม โภนฺโต, มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา; สมโณ เม โคตโม นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. เยน เม กายเวยฺยาวฏิกํ [กายเวยาวฏฺฏิกํ (สี. สฺยา. กํ.), กายเวยฺยาวติกํ (ก.)] กเรยฺยาถา’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ¶ เกณิยสฺส ชฏิลสฺส มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา เกณิยสฺส ชฏิลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อปฺเปกจฺเจ อุทฺธนานิ ขณนฺติ, อปฺเปกจฺเจ กฏฺานิ ผาเลนฺติ, อปฺเปกจฺเจ ภาชนานิ โธวนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อุทกมณิกํ ปติฏฺาเปนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อาสนานิ ปฺเปนฺติ. เกณิโย ปน ชฏิโล สามํเยว มณฺฑลมาลํ ปฏิยาเทติ.
๓๙๗. เตน โข ปน สมเยน เสโล พฺราหฺมโณ อาปเณ ปฏิวสติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ¶ , ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, ตีณิ จ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจติ. เตน โข ปน สมเยน เกณิโย ชฏิโล เสเล พฺราหฺมเณ อภิปฺปสนฺโน โหติ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ ปริวุโต ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข เสโล พฺราหฺมโณ เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสเม อปฺเปกจฺเจ อุทฺธนานิ ขณนฺเต, อปฺเปกจฺเจ กฏฺานิ ผาเลนฺเต, อปฺเปกจฺเจ ภาชนานิ โธวนฺเต, อปฺเปกจฺเจ อุทกมณิกํ ปติฏฺาเปนฺเต, อปฺเปกจฺเจ อาสนานิ ปฺเปนฺเต, เกณิยํ ปน ชฏิลํ สามํเยว มณฺฑลมาลํ ปฏิยาเทนฺตํ. ทิสฺวาน เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โภโต เกณิยสฺส อาวาโห วา ภวิสฺสติ วิวาโห วา ภวิสฺสติ มหายฺโ วา ปจฺจุปฏฺิโต, ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธึ พลกาเยนา’’ติ? ‘‘น เม, โภ เสล, อาวาโห ¶ ภวิสฺสติ นปิ วิวาโห ภวิสฺสติ นปิ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธึ พลกาเยน; อปิ จ โข เม มหายฺโ ปจฺจุปฏฺิโต. อตฺถิ, โภ, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ อาปณํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. โส เม นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ.
‘‘พุทฺโธติ ¶ – โภ เกณิย, วเทสิ’’?
‘‘พุทฺโธติ – โภ เสล, วทามิ’’.
‘‘พุทฺโธติ – โภ เกณิย, วเทสิ’’?
‘‘พุทฺโธติ – โภ เสล, วทามี’’ติ.
๓๙๘. อถ โข เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมึ – ยทิทํ ‘พุทฺโธ’ติ [ยทิทํ พุทฺโธ พุทฺโธติ (ก.)]. อาคตานิ โข ปนมฺหากํ มนฺเตสุ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส ¶ ทฺเวเยว คติโย ภวนฺติ อนฺา. สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ, ราชา โหติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรนฺโต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต สตฺตรตนสมนฺนาคโต. ตสฺสิมานิ สตฺต รตนานิ ภวนฺติ, เสยฺยถิทํ – จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนเมว สตฺตมํ. ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนา. โส ¶ อิมํ ปถวึ สาครปริยนฺตํ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมน อภิวิชิย อชฺฌาวสติ. สเจ ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท’’.
‘‘กหํ ปน, โภ เกณิย, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? เอวํ วุตฺเต, เกณิโย ชฏิโล ทกฺขิณํ พาหุํ ปคฺคเหตฺวา เสลํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘เยเนสา, โภ เสล, นีลวนราชี’’ติ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ เต มาณวเก อามนฺเตสิ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภนฺโต อาคจฺฉนฺตุ ปเท ปทํ [ปาเท ปาทํ (สี.)] นิกฺขิปนฺตา; ทุราสทา [ทูรสทฺทา (ก.)] หิ เต ภควนฺโต สีหาว เอกจรา. ยทา จาหํ, โภ, สมเณน โคตเมน สทฺธึ มนฺเตยฺยํ, มา เม โภนฺโต อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตถ. กถาปริโยสานํ เม ภวนฺโต อาคเมนฺตู’’ติ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ สมนฺเนสิ.
อทฺทสา โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุยฺเยน เปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต ¶ จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จ. อถ ¶ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ปสฺสติ โข เม อยํ เสโล พฺราหฺมโณ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยภุยฺเยน เปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ – โกโสหิเต ¶ จ วตฺถคุยฺเห, ปหูตชิวฺหตาย จา’’ติ. อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ, ยถา อทฺทส เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ. อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ; อุโภปิ นาสิกโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ; เกวลมฺปิ นลาฏมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิ. อถ โข เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมนฺนาคโต โข สมโณ โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ ปริปุณฺเณหิ, โน อปริปุณฺเณหิ; โน จ โข นํ ชานามิ พุทฺโธ วา โน วา. สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘เย เต ภวนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เต สเก วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตานํ ปาตุกโรนฺตี’ติ. ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
๓๙๙. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘ปริปุณฺณกาโย สุรุจิ, สุชาโต จารุทสฺสโน;
สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา, สุสุกฺกทาโสิ วีริยวา [วิริยวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
‘‘นรสฺส หิ สุชาตสฺส, เย ภวนฺติ วิยฺชนา;
สพฺเพ เต ตว กายสฺมึ, มหาปุริสลกฺขณา.
‘‘ปสนฺนเนตฺโต ¶ สุมุโข, พฺรหา [พฺรหฺมา (สฺยา. กํ. ก.)] อุชุ ปตาปวา;
มชฺเฌ สมณสงฺฆสฺส, อาทิจฺโจว วิโรจสิ.
‘‘กลฺยาณทสฺสโน ภิกฺขุ, กฺจนสนฺนิภตฺตโจ;
กึ เต สมณภาเวน, เอวํ อุตฺตมวณฺณิโน.
‘‘ราชา อรหสิ ภวิตุํ, จกฺกวตฺตี รเถสโภ;
จาตุรนฺโต วิชิตาวี, ชมฺพุสณฺฑสฺส [ชมฺพุมณฺฑสฺส (ก.)] อิสฺสโร.
‘‘ขตฺติยา ¶ โภคิราชาโน, อนุยนฺตา [อนุยุตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภวนฺตุ เต;
ราชาภิราชา มนุชินฺโท, รชฺชํ กาเรหิ โคตม’’.
‘‘ราชาหมสฺมิ ¶ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร;
ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ, จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ’’.
‘‘สมฺพุทฺโธ ปฏิชานาสิ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร;
‘ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ’, อิติ ภาสสิ โคตม.
‘‘โก นุ เสนาปติ โภโต, สาวโก สตฺถุรนฺวโย;
โก เต ตมนุวตฺเตติ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ’’.
‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺกํ, (เสลาติ ภควา ธมฺมจกฺกํ อนุตฺตรํ;
สาริปุตฺโต อนุวตฺเตติ, อนุชาโต ตถาคตํ.
‘‘อภิฺเยฺยํ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณ.
‘‘วินยสฺสุ มยิ กงฺขํ, อธิมุจฺจสฺสุ พฺราหฺมณ;
ทุลฺลภํ ทสฺสนํ โหติ, สมฺพุทฺธานํ อภิณฺหโส.
‘‘เยสํ ¶ เว ทุลฺลโภ โลเก, ปาตุภาโว อภิณฺหโส;
โสหํ พฺราหฺมณ สมฺพุทฺโธ, สลฺลกตฺโต อนุตฺตโร.
‘‘พฺรหฺมภูโต อติตุโล, มารเสนปฺปมทฺทโน;
สพฺพามิตฺเต วสี กตฺวา, โมทามิ อกุโตภโย’’.
‘‘อิมํ โภนฺโต นิสาเมถ, ยถา ภาสติ จกฺขุมา;
สลฺลกตฺโต มหาวีโร, สีโหว นทตี วเน.
‘‘พฺรหฺมภูตํ ¶ อติตุลํ, มารเสนปฺปมทฺทนํ;
โก ทิสฺวา นปฺปสีเทยฺย, อปิ กณฺหาภิชาติโก.
‘‘โย มํ อิจฺฉติ อนฺเวตุ, โย วา นิจฺฉติ คจฺฉตุ;
อิธาหํ ปพฺพชิสฺสามิ, วรปฺสฺส สนฺติเก’’.
‘‘เอตฺเจ [เอวฺเจ (สฺยา. กํ.)] รุจฺจติ โภโต, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ [สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน (กตฺถจิ สุตฺตนิปาเต)];
มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสาม, วรปฺสฺส สนฺติเก’’.
‘‘พฺราหฺมณา ติสตา อิเม, ยาจนฺติ ปฺชลีกตา;
พฺรหฺมจริยํ จริสฺสาม, ภควา ตว สนฺติเก’’.
‘‘สฺวากฺขาตํ ¶ พฺรหฺมจริยํ, (เสลาติ ภควา สนฺทิฏฺิกมกาลิกํ;
ยตฺถ อโมฆา ปพฺพชฺชา, อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโต’’ติ.
อลตฺถ โข เสโล พฺราหฺมโณ สปริโส ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ.
๔๐๐. อถ โข เกณิโย ชฏิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก อสฺสเม ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ ¶ อาโรจาเปสิ – ‘‘กาโล, โภ โคตม, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ โข เกณิโย ชฏิโล พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ, สมฺปวาเรสิ. อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกณิยํ ชฏิลํ ภควา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ –
‘‘อคฺคิหุตฺตมุขา ยฺา, สาวิตฺตี ฉนฺทโส มุขํ;
ราชา มุขํ มนุสฺสานํ, นทีนํ สาคโร มุขํ.
‘‘นกฺขตฺตานํ ¶ มุขํ จนฺโท, อาทิจฺโจ ตปตํ มุขํ;
ปฺุํ อากงฺขมานานํ, สงฺโฆ เว ยชตํ มุข’’นฺติ.
อถ โข ภควา เกณิยํ ชฏิลํ อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
อถ โข อายสฺมา เสโล สปริโส เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา เสโล ¶ สปริโส อรหตํ อโหสิ. อถ โข อายสฺมา เสโล สปริโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘ยํ ¶ ตํ สรณมาคมฺม, อิโต อฏฺมิ จกฺขุมา;
สตฺตรตฺเตน [อนุตฺตเรน (ก.)] ภควา, ทนฺตมฺห ตว สาสเน.
‘‘ตุวํ พุทฺโธ ตุวํ สตฺถา, ตุวํ มาราภิภู มุนิ;
ตุวํ อนุสเย เฉตฺวา, ติณฺโณ ตาเรสิมํ ปชํ.
‘‘อุปธี เต สมติกฺกนฺตา, อาสวา เต ปทาลิตา;
สีโหว อนุปาทาโน, ปหีนภยเภรโว.
‘‘ภิกฺขโว ติสตา อิเม, ติฏฺนฺติ ปฺชลีกตา;
ปาเท วีร ปสาเรหิ, นาคา วนฺทนฺตุ สตฺถุโน’’ติ.
เสลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.
๓. อสฺสลายนสุตฺตํ
๔๐๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน นานาเวรชฺชกานํ พฺราหฺมณานํ ปฺจมตฺตานิ พฺราหฺมณสตานิ สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข เตสํ พฺราหฺมณานํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปฺเปติ. โก นุ โข ปโหติ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ’’นฺติ? เตน โข ปน สมเยน อสฺสลายโน นาม มาณโว สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ ทหโร, วุตฺตสิโร, โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. อถ โข เตสํ พฺราหฺมณานํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อสฺสลายโน มาณโว สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ ทหโร, วุตฺตสิโร, โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู…เป… อนวโย. โส โข ปโหติ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ’’นฺติ.
อถ โข เต พฺราหฺมณา เยน อสฺสลายโน มาณโว เตนุปงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, โภ อสฺสลายน ¶ , สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปฺเปติ. เอตุ ภวํ อสฺสลายโน สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตู’’ติ [ปฏิมนฺเตตุนฺติ (ปี. ก.)].
เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ ¶ – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ธมฺมวาที; ธมฺมวาทิโน จ ปน ทุปฺปฏิมนฺติยา ภวนฺติ. นาหํ สกฺโกมิ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ’’นฺติ. ทุติยมฺปิ โข เต พฺราหฺมณา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, โภ อสฺสลายน, สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปฺเปติ. เอตุ ภวํ อสฺสลายโน สมเณน โคตเมน ¶ สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ [ปฏิมนฺเตตุํ (สี. ปี. ก.)]. จริตํ โข ปน โภตา อสฺสลายเนน ปริพฺพาชก’’นฺติ. ทุติยมฺปิ โข อสฺสลายโน มาณโว เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ธมฺมวาที; ธมฺมวาทิโน จ ปน ทุปฺปฏิมนฺติยา ภวนฺติ ¶ . นาหํ สกฺโกมิ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ’’นฺติ. ตติยมฺปิ โข เต พฺราหฺมณา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยํ, โภ อสฺสลายน, สมโณ โคตโม จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปฺเปติ. เอตุ ภวํ อสฺสลายโน สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ [ปฏิมนฺเตตุํ (สี. ปี. ก.)]. จริตํ โข ปน โภตา อสฺสลายเนน ปริพฺพาชกํ. มา ภวํ อสฺสลายโน อยุทฺธปราชิตํ ปราชยี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘‘อทฺธา โข อหํ ภวนฺโต น ลภามิ. สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ธมฺมวาที; ธมฺมวาทิโน จ ปน ทุปฺปฏิมนฺติยา ภวนฺติ. นาหํ สกฺโกมิ สมเณน โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุนฺติ. อปิ จาหํ ภวนฺตานํ วจเนน คมิสฺสามี’’ติ.
๔๐๒. อถ โข อสฺสลายโน มาณโว มหตา พฺราหฺมณคเณน สทฺธึ ¶ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อสฺสลายโน มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา ¶ โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’ติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ? ‘‘ทิสฺสนฺติ [ทิสฺสนฺเต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โข ปน, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ พฺราหฺมณิโย อุตุนิโยปิ คพฺภินิโยปิ วิชายมานาปิ ปายมานาปิ. เต จ พฺราหฺมณิโยนิชาว สมานา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’’’ติ. ‘‘กิฺจาปิ ¶ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๓. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, สุตํ เต – ‘โยนกมฺโพเชสุ อฺเสุ จ ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ทฺเวว วณฺณา – อยฺโย เจว ทาโส จ; อยฺโย หุตฺวา ทาโส โหติ, ทาโส ¶ หุตฺวา อยฺโย โหตี’’’ติ ¶ ? ‘‘เอวํ, โภ, สุตํ ตํ เม – ‘โยนกมฺโพเชสุ อฺเสุ จ ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ทฺเวว วณฺณา – อยฺโย เจว ทาโส จ; อยฺโย หุตฺวา ทาโส โหติ, ทาโส หุตฺวา อยฺโย โหตี’’’ติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๔. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, ขตฺติโยว นุ โข ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย, โน พฺราหฺมโณ? เวสฺโสว นุ โข…เป… สุทฺโทว นุ โข ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย, โน พฺราหฺมโณ’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. ขตฺติโยปิ หิ, โภ ¶ โคตม, ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิ ¶ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย. พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม…เป… เวสฺโสปิ หิ, โภ โคตม…เป… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม…เป… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปาณาติปาติโน อทินฺนาทายิโน ¶ กาเมสุมิจฺฉาจาริโน มุสาวาทิโน ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สมฺผปฺปลาปิโน อภิชฺฌาลู พฺยาปนฺนจิตฺตา มิจฺฉาทิฏฺี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยุ’’นฺติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๕. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, พฺราหฺมโณว นุ โข ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต มุสาวาทา ¶ ปฏิวิรโต ปิสุณาย วาจาย ¶ ปฏิวิรโต ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย, โน [โน จ (ก.)] ขตฺติโย โน เวสฺโส, โน สุทฺโท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม! ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต มุสาวาทา ปฏิวิรโต ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย. พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม…เป… เวสฺโสปิ หิ, โภ โคตม…เป… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม…เป… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปาณาติปาตา ปฏิวิรตา อทินฺนาทานา ปฏิวิรตา กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรตา มุสาวาทา ปฏิวิรตา ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรตา ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรตา สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรตา อนภิชฺฌาลู อพฺยาปนฺนจิตฺตา สมฺมาทิฏฺี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยุ’’นฺติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน ¶ , พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา ¶ เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๖. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ, โน ขตฺติโย, โน เวสฺโส โน สุทฺโท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม! ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ; พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม… เวสฺโสปิ หิ ¶ , โภ โคตม… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุ’’นฺติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๗. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ โสตฺติสินานึ อาทาย ¶ นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ, โน ขตฺติโย, โน เวสฺโส, โน สุทฺโท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม! ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ, พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม… เวสฺโสปิ หิ, โภ โคตม… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุ’’นฺติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… ¶ พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๘. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, อิธ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต ¶ นานาชจฺจานํ ปุริสานํ ปุริสสตํ สนฺนิปาเตยฺย – ‘อายนฺตุ โภนฺโต เย ¶ ตตฺถ ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺนา, สากสฺส วา สาลสฺส วา [อุปฺปนฺนา สาลสฺส วา (สี. ปี.)] สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย, อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตุ. อายนฺตุ ปน โภนฺโต เย ตตฺถ จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา [เวณกุลา (สี. ปี.), เวณุกุลา (สฺยา. กํ.)] รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺนา, สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย, อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตู’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, โย เอวํ นุ โข โส [โย จ นุ โข (สฺยา. กํ. ก.)] ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺเนหิ สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต, โส เอว นุ ขฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว [จ (สี. ปี.)] วณฺณวา [วณฺณิมา (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] จ ปภสฺสโร จ, เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ; โย ปน โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺเนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ น เจว อจฺจิมา น จ วณฺณวา น จ ปภสฺสโร, น จ เตน สกฺกา อคฺคินา ¶ อคฺคิกรณียํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม! โยปิ หิ โส [โย โส (สี. ปี.)], โภ โคตม, ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺเนหิ สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส [โส จสฺส (สี. ปี.), โสปิสฺส (สฺยา. กํ.)] อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ, เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ; โยปิ โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺเนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ ¶ อภินิพฺพตฺโต, เตโช ปาตุกโต, สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ, เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ. สพฺโพปิ หิ, โภ โคตม, อคฺคิ อจฺจิมา เจว ¶ วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ, สพฺเพนปิ สกฺกา ¶ อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุ’’นฺติ. ‘‘เอตฺถ, อสฺสลายน, พฺราหฺมณานํ กึ พลํ, โก อสฺสาโส ยเทตฺถ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม เอวมาห, อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา เอวเมตํ มฺนฺติ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’’’ติ.
๔๐๙. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, อิธ ขตฺติยกุมาโร พฺราหฺมณกฺาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปยฺย, เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุตฺโต ชาเยถ; โย โส ขตฺติยกุมาเรน พฺราหฺมณกฺาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย’ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตพฺโพ’’ติ? ‘‘โย โส, โภ โคตม, ขตฺติยกุมาเรน พฺราหฺมณกฺาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย’ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตพฺโพ’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, อิธ พฺราหฺมณกุมาโร ขตฺติยกฺาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปยฺย, เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุตฺโต ชาเยถ; โย โส พฺราหฺมณกุมาเรน ขตฺติยกฺาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย’ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตพฺโพ’’ติ? ‘‘โย โส, โภ โคตม, พฺราหฺมณกุมาเรน ขตฺติยกฺาย ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘ขตฺติโย’ติปิ วตฺตพฺโพ ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตพฺโพ’’ติ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, อสฺสลายน อิธ วฬวํ คทฺรเภน สมฺปโยเชยฺยุํ [สํโยเชยฺย (ก.)], เตสํ สมฺปโยคมนฺวาย กิโสโร ชาเยถ; โย โส วฬวาย คทฺรเภน กิโสโร อุปฺปนฺโน, สิยา โส มาตุปิ สทิโส ปิตุปิ สทิโส, ‘อสฺโส’ติปิ วตฺตพฺโพ ‘คทฺรโภ’ติปิ วตฺตพฺโพ’’ติ? ‘‘กุณฺฑฺหิ ¶ โส [เวกุรฺชาย หิ โส (สี. ปี.), โส กุมารณฺฑุปิ โส (สฺยา. กํ.), เวกุลโช หิ โส (?)], โภ โคตม, อสฺสตโร โหติ. อิทํ หิสฺส ¶ , โภ โคตม, นานากรณํ ¶ ปสฺสามิ; อมุตฺร จ ปเนสานํ น กิฺจิ นานากรณํ ปสฺสามี’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, อิธาสฺสุ ทฺเว มาณวกา ภาตโร สอุทริยา, เอโก อชฺฌายโก อุปนีโต เอโก อนชฺฌายโก อนุปนีโต. กเมตฺถ พฺราหฺมณา ปมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยฺเ วา ปาหุเน วา’’ติ? ‘‘โย โส, โภ โคตม, มาณวโก อชฺฌายโก อุปนีโต ตเมตฺถ พฺราหฺมณา ปมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยฺเ วา ปาหุเน วา. กิฺหิ, โภ โคตม, อนชฺฌายเก อนุปนีเต ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ?
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อสฺสลายน, อิธาสฺสุ ทฺเว มาณวกา ภาตโร สอุทริยา, เอโก อชฺฌายโก อุปนีโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม, เอโก อนชฺฌายโก อนุปนีโต สีลวา กลฺยาณธมฺโม. กเมตฺถ พฺราหฺมณา ปมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยฺเ วา ปาหุเน วา’’ติ? ‘‘โย โส, โภ โคตม, มาณวโก อนชฺฌายโก อนุปนีโต สีลวา กลฺยาณธมฺโม ตเมตฺถ พฺราหฺมณา ปมํ โภเชยฺยุํ สทฺเธ วา ถาลิปาเก วา ยฺเ วา ปาหุเน วา. กิฺหิ, โภ โคตม, ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ?
‘‘ปุพฺเพ โข ตฺวํ, อสฺสลายน, ชาตึ อคมาสิ; ชาตึ คนฺตฺวา มนฺเต อคมาสิ; มนฺเต คนฺตฺวา ¶ ตเป อคมาสิ; ตเป คนฺตฺวา [มนฺเต คนฺตฺวา ตเมตํ ตฺวํ (สี. ปี.), มนฺเต คนฺตฺวา ตเมว เปตฺวา (สฺยา. กํ.)] จาตุวณฺณึ สุทฺธึ ปจฺจาคโต, ยมหํ ปฺเปมี’’ติ. เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิ.
๔๑๐. อถ โข ภควา อสฺสลายนํ มาณวํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา อสฺสลายนํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, อสฺสลายน, สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ อรฺายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตานํ [วสนฺตานํ (สี.)] เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ ¶ – ‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ ¶ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’ติ. อสฺโสสิ โข ¶ , อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ – ‘สตฺตนฺนํ กิร พฺราหฺมณิสีนํ อรฺายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตานํ เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ…เป… พฺรหฺมทายาทา’ติ. อถ โข, อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ เกสมสฺสุํ กปฺเปตฺวา มฺชิฏฺวณฺณานิ ทุสฺสานิ นิวาเสตฺวา ปฏลิโย [อฏลิโย (สี. ปี.), อคลิโย (สฺยา. กํ.)] อุปาหนา อารุหิตฺวา ชาตรูปมยํ ทณฺฑํ คเหตฺวา สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ ปตฺถณฺฑิเล ปาตุรโหสิ. อถ โข, อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ ปตฺถณฺฑิเล จงฺกมมาโน เอวมาห – ‘หนฺท, โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตา [คนฺตา (สฺยา. กํ. ก.)]; หนฺท, โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตา’ติ? อถ โข, อสฺสลายน, สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ เอตทโหสิ – ‘โก ¶ นายํ คามณฺฑลรูโป วิย สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ ปตฺถณฺฑิเล จงฺกมมาโน เอวมาห – ‘หนฺท, โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตา; หนฺท, โก นุ โข อิเม ภวนฺโต พฺราหฺมณิสโย คตาติ? หนฺท, นํ อภิสปามา’ติ. อถ โข, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิตํ เทวลํ อิสึ อภิสปึสุ – ‘ภสฺมา, วสล [วสลี (ปี.), วสลิ (ก.), จปลี (สฺยา. กํ.)], โหหิ; ภสฺมา, วสล, โหหี’ติ [ภสฺมา วสล โหหีติ อภิสปวจนํ สี. ปี. โปตฺถเกสุ สกิเทว อาคตํ]. ยถา ยถา โข, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิตํ เทวลํ อิสึ อภิสปึสุ ตถา ตถา อสิโต เทวโล อิสิ อภิรูปตโร เจว โหติ ทสฺสนียตโร จ ปาสาทิกตโร จ. อถ โข, อสฺสลายน, สตฺตนฺนํ พฺราหฺมณิสีนํ เอตทโหสิ – ‘โมฆํ วต โน ตโป, อผลํ พฺรหฺมจริยํ. มยฺหิ ปุพฺเพ ยํ อภิสปาม – ภสฺมา, วสล, โหหิ; ภสฺมา, วสล, โหหีติ ภสฺมาว ภวติ เอกจฺโจ. อิมํ ปน มยํ ยถา ยถา อภิสปาม ตถา ตถา อภิรูปตโร เจว โหติ ทสฺสนียตโร จ ปาสาทิกตโร จา’ติ. ‘น ภวนฺตานํ โมฆํ ตโป, นาผลํ พฺรหฺมจริยํ. อิงฺฆ ภวนฺโต, โย มยิ มโนปโทโส ตํ ปชหถา’ติ. ‘โย ¶ ภวติ มโนปโทโส ตํ ปชหาม. โก นุ ภวํ โหตี’ติ? ‘สุโต นุ ภวตํ – อสิโต เทวโล อิสี’ติ? ‘เอวํ, โภ’. ‘โส ขฺวาหํ, โภ, โหมี’ติ. อถ โข, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิตํ เทวลํ อิสึ อภิวาเทตุํ อุปกฺกมึสุ.
๔๑๑. ‘‘อถ ¶ โข, อสฺสลายน, อสิโต เทวโล อิสิ สตฺต พฺราหฺมณิสโย เอตทโวจ – ‘สุตํ เมตํ, โภ, สตฺตนฺนํ กิร พฺราหฺมณิสีนํ อรฺายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตานํ เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ ¶ – พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ ¶ , กณฺโห อฺโ วณฺโณ; พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา; พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทา’ติ. ‘เอวํ, โภ’.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – ยา ชนิกา มาตา [ชนิมาตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พฺราหฺมณํเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณ’นฺติ? ‘โน หิทํ, โภ’.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – ยา ชนิกามาตุ [ชนิมาตุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มาตา ยาว สตฺตมา มาตุมาตามหยุคา พฺราหฺมณํเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณ’นฺติ? ‘โน หิทํ, โภ’.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – โย ชนโก ปิตา [ชนิปิตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พฺราหฺมณึเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณิ’นฺติ? ‘โน หิทํ, โภ’.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – โย ชนกปิตุ [ชนิปิตุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปิตา ยาว สตฺตมา ปิตุปิตามหยุคา พฺราหฺมณึเยว อคมาสิ, โน อพฺราหฺมณิ’นฺติ? ‘โน หิทํ, โภ’.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – ยถา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’ติ [น มยํ ชานาม โภ ยถา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตีติ. ยถา กถํ ปน โภ คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตีติ. (ก.)]? ‘ชานาม มยํ, โภ – ยถา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหติ [น มยํ ชานาม โภ ยถา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตีติ. ยถา กถํ ปน โภ คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตีติ. (ก.)]. อิธ ¶ มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ, มาตา จ อุตุนี โหติ, คนฺธพฺโพ จ ปจฺจุปฏฺิโต โหติ; เอวํ ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’ติ.
‘‘‘ชานนฺติ ปน โภนฺโต – ตคฺฆ [ยคฺเฆ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], โส คนฺธพฺโพ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา’ติ? ‘น มยํ, โภ, ชานาม – ตคฺฆ โส คนฺธพฺโพ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา’ติ. ‘เอวํ สนฺเต, โภ, ชานาถ – เก ตุมฺเห โหถา’ติ? ‘เอวํ สนฺเต, โภ ¶ , น มยํ ชานาม ¶ – เก มยํ โหมา’ติ. เต หิ นาม, อสฺสลายน, สตฺต พฺราหฺมณิสโย อสิเตน เทวเลน อิสินา สเก ชาติวาเท สมนุยฺุชียมานา สมนุคฺคาหียมานา สมนุภาสียมานา น สมฺปายิสฺสนฺติ; กึ ปน ตฺวํ เอตรหิ มยา สกสฺมึ ชาติวาเท สมนุยฺุชียมาโน ¶ สมนุคฺคาหียมาโน สมนุภาสียมาโน สมฺปายิสฺสสิ, เยสํ ตฺวํ สาจริยโก น ปุณฺโณ ทพฺพิคาโห’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อสฺสลายโน มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
อสฺสลายนสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.
๔. โฆฏมุขสุตฺตํ
๔๑๒. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา อุเทโน พาราณสิยํ วิหรติ เขมิยมฺพวเน. เตน โข ปน สมเยน โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ พาราณสึ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ ชงฺฆาวิหารํ ¶ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน เขมิยมฺพวนํ เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุเทโน อพฺโภกาเส จงฺกมติ. อถ โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ เยนายสฺมา อุเทโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อุเทเนน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา อายสฺมนฺตํ อุเทนํ จงฺกมนฺตํ อนุจงฺกมมาโน เอวมาห – ‘‘อมฺโภ สมณ, ‘นตฺถิ ธมฺมิโก ปริพฺพโช’ [ปริพฺพาโช (สี. ปี.)] – เอวํ เม เอตฺถ โหติ. ตฺจ โข ภวนฺตรูปานํ วา อทสฺสนา, โย วา ปเนตฺถ ธมฺโม’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา อุเทโน จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. โฆฏมุโขปิ โข พฺราหฺมโณ จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข โฆฏมุขํ พฺราหฺมณํ อายสฺมา อุเทโน เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ [สํวิชฺชนฺเต (พหูสุ)] โข, พฺราหฺมณ, อาสนานิ. สเจ อากงฺขสิ, นิสีทา’’ติ. ‘‘เอตเทว โข ปน มยํ ¶ โภโต อุเทนสฺส อาคมยมานา (น) นิสีทาม. กถฺหิ นาม มาทิโส ปุพฺเพ อนิมนฺติโต อาสเน ¶ นิสีทิตพฺพํ มฺเยฺยา’’ติ? อถ โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ อุเทนํ เอตทโวจ – ‘‘อมฺโภ สมณ, ‘นตฺถิ ธมฺมิโก ปริพฺพโช’ – เอวํ เม เอตฺถ โหติ. ตฺจ โข ภวนฺตรูปานํ วา อทสฺสนา, โย วา ปเนตฺถ ธมฺโม’’ติ. ‘‘สเจ โข ปน เม ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อนฺุเยฺยํ อนุชาเนยฺยาสิ, ปฏิกฺโกสิตพฺพฺจ ปฏิกฺโกเสยฺยาสิ; ยสฺส จ ปน เม ภาสิตสฺส อตฺถํ น ชาเนยฺยาสิ, มมํเยว ตตฺถ อุตฺตริ ปฏิปุจฺเฉยฺยาสิ – ‘อิทํ, โภ อุเทน, กถํ, อิมสฺส กฺวตฺโถ’ติ? เอวํ กตฺวา สิยา โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’ติ. ‘‘อนฺุเยฺยํ ขฺวาหํ โภโต อุเทนสฺส อนุชานิสฺสามิ, ปฏิกฺโกสิตพฺพฺจ ปฏิกฺโกสิสฺสามิ; ยสฺส จ ปนาหํ โภโต ¶ อุเทนสฺส ¶ ภาสิตสฺส อตฺถํ น ชานิสฺสามิ, ภวนฺตํเยว ตตฺถ อุเทนํ อุตฺตริ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ – ‘อิทํ, โภ อุเทน, กถํ, อิมสฺส กฺวตฺโถ’ติ? เอวํ กตฺวา โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’ติ.
๔๑๓. ‘‘จตฺตาโรเม, พฺราหฺมณ, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปรนฺตโป โหติ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ โหติ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. อิธ ปน, พฺราหฺมณ ¶ , เอกจฺโจ ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป โหติ นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อิเมสํ, พฺราหฺมณ, จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ กตโม เต ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธตี’’ติ?
‘‘ยฺวายํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต อยํ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ; โยปายํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต อยมฺปิ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ; โยปายํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ¶ ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต อยมฺปิ เม ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ; โย จ โข อยํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อยเมว เม ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธตี’’ติ.
‘‘กสฺมา ปน เต, พฺราหฺมณ, อิเม ตโย ปุคฺคลา จิตฺตํ นาราเธนฺตี’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อตฺตานํ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ อาตาเปติ ปริตาเปติ; อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ ¶ , โภ อุเทน, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส ปรํ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ ¶ อาตาเปติ ปริตาเปติ; อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โยปายํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส ¶ อตฺตานฺจ ปรฺจ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ อาตาเปติ ปริตาเปติ; อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ นาราเธติ. โย จ โข อยํ, โภ อุเทน, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ, โส อตฺตานฺจ ปรฺจ สุขกามํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ เนว อาตาเปติ น ปริตาเปติ; อิมินา เม อยํ ปุคฺคโล จิตฺตํ อาราเธตี’’ติ.
๔๑๔. ‘‘ทฺเวมา, พฺราหฺมณ, ปริสา. กตมา ทฺเว? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺจา ปริสา สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺตภริยํ ปริเยสติ, ทาสิทาสํ ปริเยสติ, เขตฺตวตฺถุํ ปริเยสติ, ชาตรูปรชตํ ปริเยสติ.
‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺจา ปริสา อสารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺตภริยํ ปหาย, ทาสิทาสํ ปหาย, เขตฺตวตฺถุํ ปหาย, ชาตรูปรชตํ ปหาย, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา. สฺวายํ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต ¶ นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที ¶ พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ. อิธ กตมํ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคลํ กตมาย ปริสาย พหุลํ สมนุปสฺสสิ – ยา จายํ ปริสา สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺตภริยํ ปริเยสติ ทาสิทาสํ ปริเยสติ เขตฺตวตฺถุํ ปริเยสติ ชาตรูปรชตํ ปริเยสติ, ยา จายํ ปริสา อสารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺตภริยํ ปหาย ทาสิทาสํ ปหาย เขตฺตวตฺถุํ ปหาย ชาตรูปรชตํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา’’ติ?
‘‘ยฺวายํ ¶ , โภ อุเทน, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ; อิมาหํ ปุคฺคลํ ยายํ ปริสา อสารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺตภริยํ ปหาย ทาสิทาสํ ปหาย เขตฺตวตฺถุํ ปหาย ชาตรูปรชตํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา อิมิสฺสํ ปริสายํ พหุลํ สมนุปสฺสามี’’ติ.
‘‘อิทาเนว ¶ โข ปน เต, พฺราหฺมณ, ภาสิตํ – ‘มยํ เอวํ อาชานาม – อมฺโภ สมณ, นตฺถิ ธมฺมิโก ปริพฺพโช, เอวํ เม เอตฺถ โหติ. ตฺจ โข ภวนฺตรูปานํ วา อทสฺสนา, โย วา ปเนตฺถ ธมฺโม’’’ติ. ‘‘อทฺธา เมสา, โภ อุเทน, สานุคฺคหา วาจา ภาสิตา. ‘อตฺถิ ธมฺมิโก ปริพฺพโช’ – เอวํ เม เอตฺถ โหติ. เอวฺจ ปน มํ ภวํ อุเทโน ธาเรตุ. เย จ เม โภตา อุเทเนน จตฺตาโร ปุคฺคลา สํขิตฺเตน วุตฺตา วิตฺถาเรน อวิภตฺตา, สาธุ เม ภวํ, อุเทโน อิเม จตฺตาโร ปุคฺคเล วิตฺถาเรน ¶ วิภชตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ อายสฺมโต อุเทนสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อายสฺมา อุเทโน เอตทโวจ –
๔๑๕. ‘‘กตโม จ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร หตฺถาปเลขโน นเอหิภทฺทนฺติโก นติฏฺภทฺทนฺติโก, นาภิหฏํ น อุทฺทิสฺสกตํ น นิมนฺตนํ สาทิยติ. โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหาติ, น กโฬปิมุขา ปฏิคฺคณฺหาติ, น เอฬกมนฺตรํ, น ทณฺฑมนฺตรํ, น มุสลมนฺตรํ, น ทฺวินฺนํ ภฺุชมานานํ, น คพฺภินิยา, น ปายมานาย ¶ , น ¶ ปุริสนฺตรคตาย, น สงฺกิตฺตีสุ, น ยตฺถ สา อุปฏฺิโต โหติ, น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี, น มจฺฉํ น มํสํ, น สุรํ น เมรยํ น ถุโสทกํ ปิวติ. โส เอกาคาริโก วา โหติ เอกาโลปิโก, ทฺวาคาริโก วา โหติ ทฺวาโลปิโก…เป… สตฺตาคาริโก วา โหติ สตฺตาโลปิโก; เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปติ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ…เป… สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ; เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ, ทฺวีหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ…เป… สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ – อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกํ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. โส สากภกฺโข วา โหติ, สามากภกฺโข วา โหติ, นีวารภกฺโข วา โหติ, ททฺทุลภกฺโข วา โหติ ¶ , หฏภกฺโข วา โหติ, กณภกฺโข วา โหติ, อาจามภกฺโข วา โหติ, ปิฺากภกฺโข วา โหติ, ติณภกฺโข วา โหติ, โคมยภกฺโข วา โหติ, วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชี. โส สาณานิปิ ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรติ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรติ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรติ, ติรีฏานิปิ ธาเรติ, อชินมฺปิ ธาเรติ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรติ, กุสจีรมฺปิ ธาเรติ, วากจีรมฺปิ ธาเรติ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรติ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, วาฬกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, อุลูกปกฺขมฺปิ ธาเรติ; เกสมสฺสุโลจโกปิ โหติ เกสมสฺสุโลจนานุโยคมนุยุตฺโต ¶ , อุพฺภฏฺโกปิ โหติ อาสนปฏิกฺขิตฺโต, อุกฺกุฏิโกปิ โหติ อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุตฺโต, กณฺฏกาปสฺสยิโกปิ โหติ กณฺฏกาปสฺสเย เสยฺยํ กปฺเปติ; สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ – อิติ เอวรูปํ อเนกวิหิตํ กายสฺส อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
๔๑๖. ‘‘กตโม ¶ จ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล โอรพฺภิโก โหติ สูกริโก สากุณิโก มาควิโก ลุทฺโท มจฺฉฆาตโก โจโร โจรฆาตโก โคฆาตโก พนฺธนาคาริโก – เย วา ปนฺเปิ เกจิ กุรูรกมฺมนฺตา. อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล ปรนฺตโป ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
๔๑๗. ‘‘กตโม ¶ จ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ราชา วา โหติ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต, พฺราหฺมโณ วา มหาสาโล. โส ปุรตฺถิเมน นครสฺส นวํ สนฺถาคารํ การาเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ขราชินํ นิวาเสตฺวา สปฺปิเตเลน กายํ อพฺภฺชิตฺวา มควิสาเณน ปิฏฺึ กณฺฑุวมาโน นวํ สนฺถาคารํ ปวิสติ สทฺธึ มเหสิยา พฺราหฺมเณน จ ปุโรหิเตน. โส ตตฺถ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา หริตุปลิตฺตาย เสยฺยํ กปฺเปติ. เอกิสฺสาย คาวิยา สรูปวจฺฉาย ยํ เอกสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน ราชา ยาเปติ, ยํ ทุติยสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน มเหสี ยาเปติ, ยํ ตติยสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต ยาเปติ, ยํ จตุตฺถสฺมึ ถเน ขีรํ โหติ เตน อคฺคึ ชุหติ, อวเสเสน วจฺฉโก ยาเปติ. โส เอวมาห – ‘เอตฺตกา อุสภา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา วจฺฉตรา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา วจฺฉตริโย หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา อชา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย’, เอตฺตกา อุรพฺภา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา อสฺสา หฺนฺตุ ยฺตฺถาย, เอตฺตกา รุกฺขา ฉิชฺชนฺตุ ยูปตฺถาย, เอตฺตกา ทพฺภา ลูยนฺตุ พริหิสตฺถายา’ติ. เยปิสฺส เต โหนฺติ ‘ทาสา’ติ วา ‘เปสฺสา’ติ วา ‘กมฺมกรา’ติ วา เตปิ ทณฺฑตชฺชิตา ภยตชฺชิตา อสฺสุมุขา รุทมานา ปริกมฺมานิ กโรนฺติ. อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป จ อตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต ¶ , ปรนฺตโป จ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต.
๔๑๘. ‘‘กตโม จ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต; โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต ¶ สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรติ? อิธ, พฺราหฺมณ, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ¶ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อฺตรสฺมึ วา กุเล ปจฺจาชาโต. โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ. โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รโชปโถ อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย, อปฺปํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย ¶ มหนฺตํ วา าติปริวฏฺฏํ ปหาย, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ ลชฺชี ทยาปนฺโน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติ.
‘‘อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ ทินฺนาทายี ทินฺนปาฏิกงฺขี. อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรติ.
‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหติ อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา.
‘‘มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ เถโต ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺส.
‘‘ปิสุณํ วาจํ ปหาย ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ; อิโต สุตฺวา น อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา น อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทาย. อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา, สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที สมคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตา โหติ.
‘‘ผรุสํ ¶ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ. ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ.
‘‘สมฺผปฺปลาปํ ¶ ปหาย สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที, นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิตํ.
‘‘โส พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหติ ¶ . เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา. นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต โหติ. มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฏิวิรโต โหติ. ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อามกธฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อามกมํสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อิตฺถิกุมาริกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. ทาสิทาสปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. อเชฬกปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. กุกฺกุฏสูกรปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. หตฺถิควสฺสวฬวปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. เขตฺตวตฺถุปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต โหติ. ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคา ปฏิวิรโต โหติ. กยวิกฺกยา ปฏิวิรโต โหติ. ตุลากูฏกํสกูฏมานกูฏา ปฏิวิรโต โหติ. อุกฺโกฏนวฺจนนิกติสาจิโยคา ปฏิวิรโต โหติ. เฉทนวธพนฺธนวิปราโมสอาโลปสหสาการา ปฏิวิรโต โหติ.
‘‘โส สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน, กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ สมาทาเยว ปกฺกมติ. เสยฺยถาปิ นาม ปกฺขี สกุโณ เยน เยเนว เฑติ สปตฺตภาโรว เฑติ, เอวเมว ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน, กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน. โส เยน เยเนว ปกฺกมติ สมาทาเยว ปกฺกมติ. โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อนวชฺชสุขํ ปฏิสํเวเทติ.
๔๑๙. ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ ¶ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺายน น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี ¶ . ยตฺวาธิกรณเมนํ ¶ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โส อิมินา อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต อชฺฌตฺตํ อพฺยาเสกสุขํ ปฏิสํเวเทติ.
‘‘โส อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ, สมิฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี โหติ, คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติ.
‘‘โส อิมินา จ อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต, (อิมาย จ อริยาย สนฺตุฏฺิยา สมนฺนาคโต,) [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๙๖] อิมินา จ อริเยน อินฺทฺริยสํวเรน สมนฺนาคโต, อิมินา จ อริเยน สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา, อุชุํ ¶ กายํ ปณิธาย, ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ; พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ; ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถีนมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสฺี สโต สมฺปชาโน, ถีนมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ; วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติ.
‘‘โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ¶ , ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา, อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
๔๒๐. ‘‘โส ¶ ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ, อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต; โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต; โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา…เป… อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา ¶ , เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา…เป… อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ.
‘‘โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ ¶ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ.
‘‘อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, ปุคฺคโล เนวตฺตนฺตโป นาตฺตปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต, น ปรนฺตโป น ¶ ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต. โส อนตฺตนฺตโป อปรนฺตโป ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีตีภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรตี’’ติ.
๔๒๑. เอวํ วุตฺเต, โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ อุเทนํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ อุเทน, อภิกฺกนฺตํ, โภ อุเทน! เสยฺยถาปิ, โภ อุเทน, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา อุเทเนน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ อุเทนํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ อุเทโน ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ‘‘มา โข มํ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, สรณํ อคมาสิ. ตเมว ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาหิ ยมหํ สรณํ คโต’’ติ. ‘‘กหํ ปน, โภ อุเทน, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต โข, พฺราหฺมณ, เอตรหิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ.
‘‘สเจปิ [สเจ หิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มยํ, โภ อุเทน, สุเณยฺยาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสสุ โยชเนสุ, ทสปิ มยํ โยชนานิ คจฺเฉยฺยาม ¶ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย ¶ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. สเจปิ [สเจ (สี. ปี.), สเจ หิ (สฺยา. กํ.)] มยํ, โภ อุเทน, สุเณยฺยาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ วีสติยา โยชเนสุ… ตึสาย โยชเนสุ… จตฺตารีสาย โยชเนสุ… ปฺาสาย โยชเนสุ, ปฺาสมฺปิ มยํ โยชนานิ คจฺเฉยฺยาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. โยชนสเต เจปิ [โยชนสเตปิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มยํ ¶ , โภ อุเทน, สุเณยฺยาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ, โยชนสตมฺปิ มยํ คจฺเฉยฺยาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ.
‘‘ยโต จ โข, โภ อุเทน, ปรินิพฺพุโต โส ภวํ โคตโม, ปรินิพฺพุตมฺปิ มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ อุเทโน ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ. อตฺถิ จ เม, โภ อุเทน, องฺคราชา เทวสิกํ นิจฺจภิกฺขํ ททาติ ¶ , ตโต อหํ โภโต อุเทนสฺส เอกํ นิจฺจภิกฺขํ ททามี’’ติ. ‘‘กึ ปน เต, พฺราหฺมณ, องฺคราชา เทวสิกํ นิจฺจภิกฺขํ ททาตี’’ติ? ‘‘ปฺจ, โภ อุเทน, กหาปณสตานี’’ติ. ‘‘น โข โน, พฺราหฺมณ, กปฺปติ ชาตรูปรชตํ ปฏิคฺคเหตุ’’นฺติ. ‘‘สเจ ตํ โภโต อุเทนสฺส น กปฺปติ วิหารํ โภโต อุเทนสฺส การาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ โข เม ตฺวํ, พฺราหฺมณ, วิหารํ, การาเปตุกาโม, ปาฏลิปุตฺเต สงฺฆสฺส อุปฏฺานสาลํ การาเปหี’’ติ. ‘‘อิมินาปาหํ โภโต อุเทนสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย อตฺตมโน อภิรทฺโธ ยํ มํ ภวํ อุเทโน สงฺเฆ ทาเน สมาทเปติ. เอสาหํ, โภ อุเทน, เอติสฺสา จ นิจฺจภิกฺขาย อปราย จ นิจฺจภิกฺขาย ปาฏลิปุตฺเต สงฺฆสฺส อุปฏฺานสาลํ การาเปสฺสามี’’ติ. อถ ¶ โข โฆฏมุโข พฺราหฺมโณ เอติสฺสา จ นิจฺจภิกฺขาย อปราย จ นิจฺจภิกฺขาย ปาฏลิปุตฺเต สงฺฆสฺส อุปฏฺานสาลํ การาเปสิ. สา เอตรหิ ‘โฆฏมุขี’ติ วุจฺจตีติ.
โฆฏมุขสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.
๕. จงฺกีสุตฺตํ
๔๒๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน โอปาสาทํ นาม โกสลานํ ¶ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน. เตน โข ปน สมเยน จงฺกี พฺราหฺมโณ โอปาสาทํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกฏฺโทกํ สธฺํ ราชโภคฺคํ รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํ. อสฺโสสุํ โข โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ โอปาสาทํ อนุปฺปตฺโต, โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ ¶ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ.
๔๒๓. อถ โข โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา โอปาสาทา นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา อุตฺตเรนมุขา คจฺฉนฺติ เยน เทววนํ สาลวนํ. เตน โข ปน สมเยน จงฺกี พฺราหฺมโณ อุปริปาสาเท ทิวาเสยฺยํ อุปคโต. อทฺทสา โข จงฺกี พฺราหฺมโณ โอปาสาทเก พฺราหฺมณคหปติเก โอปาสาทา นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูเต อุตฺตเรน มุขํ เยน เทววนํ สาลวนํ เตนุปสงฺกมนฺเต. ทิสฺวา ขตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข, โภ ขตฺเต, โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา โอปาสาทา นิกฺขมิตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา อุตฺตเรนมุขา คจฺฉนฺติ เยน เทววนํ สาลวน’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ, โภ จงฺกี, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ โอปาสาทํ อนุปฺปตฺโต, โอปาสาเท ¶ วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. ตเมเต ภวนฺตํ ¶ โคตมํ ทสฺสนาย คจฺฉนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, โภ ขตฺเต, เยน โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา โอปาสาทเก ¶ พฺราหฺมณคหปติเก เอวํ วเทหิ – ‘จงฺกี, โภ, พฺราหฺมโณ เอวมาห – อาคเมนฺตุ กิร โภนฺโต, จงฺกีปิ พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข โส ขตฺโต จงฺกิสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ¶ เยน โอปาสาทกา พฺราหฺมณคหปติกา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โอปาสาทเก พฺราหฺมณคหปติเก เอตทโวจ – ‘‘จงฺกี, โภ, พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อาคเมนฺตุ กิร โภนฺโต, จงฺกีปิ พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’’ติ.
๔๒๔. เตน โข ปน สมเยน นานาเวรชฺชกานํ พฺราหฺมณานํ ปฺจมตฺตานิ พฺราหฺมณสตานิ โอปาสาเท ปฏิวสนฺติ เกนจิเทว กรณีเยน. อสฺโสสุํ โข เต พฺราหฺมณา – ‘‘จงฺกี กิร พฺราหฺมโณ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติ. อถ โข เต พฺราหฺมณา เยน จงฺกี พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา จงฺกึ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุํ – ‘‘สจฺจํ กิร ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสตี’’ติ? ‘‘เอวํ โข เม, โภ, โหติ – ‘อหํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามี’’’ติ. ‘‘มา ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิ. น อรหติ ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณตฺเวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ จงฺกึ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ. ภวฺหิ จงฺกี อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. ยมฺปิ ภวํ จงฺกี อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ¶ ชาติวาเทน, อิมินาปงฺเคน น อรหติ ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณตฺเวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ จงฺกึ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ. ภวฺหิ จงฺกี อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค…เป… ภวฺหิ จงฺกี ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย…เป… ภวฺหิ จงฺกี อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต ¶ พฺรหฺมวณฺณี พฺรหฺมวจฺฉสี [พฺรหฺมวจฺจสี (สี. ปี.)] อขุทฺทาวกาโส ¶ ทสฺสนาย…เป… ภวฺหิ จงฺกี สีลวา วุทฺธสีลี วุทฺธสีเลน สมนฺนาคโต…เป… ภวฺหิ จงฺกี กลฺยาณวาโจ กลฺยาณวากฺกรโณ ¶ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา…เป… ภวฺหิ จงฺกี พหูนํ อาจริยปาจริโย, ตีณิ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจติ…เป… ภวฺหิ จงฺกี รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป… ภวฺหิ จงฺกี พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต…เป… ภวฺหิ จงฺกี โอปาสาทํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกฏฺโทกํ สธฺํ ราชโภคฺคํ รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํ. ยมฺปิ ภวํ จงฺกี โอปาสาทํ อชฺฌาวสติ สตฺตุสฺสทํ สติณกฏฺโทกํ ¶ สธฺํ ราชโภคฺคํ รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายํ พฺรหฺมเทยฺยํ, อิมินาปงฺเคน น อรหติ ภวํ จงฺกี สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; สมโณตฺเวว โคตโม อรหติ ภวนฺตํ จงฺกึ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุ’’นฺติ.
๔๒๕. เอวํ วุตฺเต, จงฺกี พฺราหฺมโณ เต พฺราหฺมเณ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, โภ, มมปิ สุณาถ, ยถา มยเมว อรหาม ตํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; นตฺเวว อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ. สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. ยมฺปิ, โภ, สมโณ โคตโม อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน, อิมินาปงฺเคน น อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ [เอตฺถ ที. นิ. ๑.๓๐๔ อฺมฺปิ คุณปทํ ทิสฺสติ]. สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ปหูตํ หิรฺสุวณฺณํ โอหาย ปพฺพชิโต ภูมิคตฺจ เวหาสฏฺฺจ…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ทหโรว สมาโน ยุวา สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อกามกานํ ¶ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย ¶ สมนฺนาคโต พฺรหฺมวณฺณี ¶ พฺรหฺมวจฺฉสี อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนาย…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สีลวา อริยสีลี กุสลสีลี กุสเลน สีเลน ¶ สมนฺนาคโต…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม กลฺยาณวาโจ กลฺยาณวากฺกรโณ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม พหูนํ อาจริยปาจริโย…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ขีณกามราโค วิคตจาปลฺโล…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม กมฺมวาที กิริยวาที อปาปปุเรกฺขาโร พฺรหฺมฺาย ปชาย…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อุจฺจา กุลา ปพฺพชิโต อสมฺภินฺนา ขตฺติยกุลา…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อฑฺฒา กุลา ปพฺพชิโต มหทฺธนา มหาโภคา…เป… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ติโรรฏฺา ติโรชนปทา สํปุจฺฉิตุํ อาคจฺฉนฺติ…เป… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ ปาเณหิ สรณํ คตานิ…เป… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต…เป… [เอตฺถาปิ ที. นิ. ๑.๓๐๔ อฺานิปิ คุณปทานํ ทิสฺสนฺติ] สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สปุตฺตทาโร ปาเณหิ สรณํ คโต…เป… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ ราชา ปเสนทิ โกสโล สปุตฺตทาโร ปาเณหิ สรณํ คโต…เป… สมณํ ขลุ, โภ, โคตมํ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ สปุตฺตทาโร ¶ ปาเณหิ สรณํ คโต…เป… สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม โอปาสาทํ อนุปฺปตฺโต โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน. เย โข เต สมณา วา พฺราหฺมณา วา อมฺหากํ คามกฺเขตฺตํ อาคจฺฉนฺติ, อติถี โน เต โหนฺติ. อติถี โข ปนมฺเหหิ สกฺกาตพฺพา ครุกาตพฺพา มาเนตพฺพา ปูเชตพฺพา. ยมฺปิ สมโณ โคตโม โอปาสาทํ อนุปฺปตฺโต ¶ โอปาสาเท วิหรติ อุตฺตเรน โอปาสาทํ เทววเน สาลวเน, อติถิมฺหากํ สมโณ โคตโม. อติถิ โข ปนมฺเหหิ สกฺกาตพฺโพ ครุกาตพฺโพ มาเนตพฺโพ ปูเชตพฺโพ. อิมินาปงฺเคน ¶ น อรหติ โส ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ. เอตฺตเก โข อหํ, โภ, ตสฺส โภโต โคตมสฺส วณฺเณ ปริยาปุณามิ, โน จ โข โส ภวํ โคตโม เอตฺตกวณฺโณ; อปริมาณวณฺโณ หิ โส ภวํ โคตโม. เอกเมเกนปิ เตน [เอกเมเกนปิ โภ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] องฺเคน สมนฺนาคโต น อรหติ, โส, ภวํ โคตโม อมฺหากํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ; อถ โข มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุนฺติ. เตน หิ, โภ, สพฺเพว มยํ สมณํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิสฺสามา’’ติ.
๔๒๖. อถ ¶ โข จงฺกี พฺราหฺมโณ มหตา พฺราหฺมณคเณน สทฺธึ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เตน โข ปน สมเยน ¶ ภควา วุทฺเธหิ วุทฺเธหิ พฺราหฺมเณหิ สทฺธึ กิฺจิ กิฺจิ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา นิสินฺโน โหติ. เตน โข ปน สมเยน กาปฏิโก [กาปิโก (สี. ปี.), กาปทิโก (สฺยา. กํ.)] นาม มาณโว ทหโร วุตฺตสิโร โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาติยา, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ. โส วุทฺธานํ วุทฺธานํ พฺราหฺมณานํ ภควตา สทฺธึ มนฺตยมานานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตติ. อถ โข ภควา กาปฏิกํ มาณวํ อปสาเทติ – ‘‘มายสฺมา ภารทฺวาโช วุทฺธานํ วุทฺธานํ พฺราหฺมณานํ มนฺตยมานานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตตุ. กถาปริโยสานํ อายสฺมา ภารทฺวาโช อาคเมตู’’ติ. เอวํ วุตฺเต, จงฺกี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มา ภวํ โคตโม กาปฏิกํ มาณวํ อปสาเทสิ. กุลปุตฺโต จ กาปฏิโก มาณโว, พหุสฺสุโต จ กาปฏิโก มาณโว, ปณฺฑิโต จ กาปฏิโก มาณโว, กลฺยาณวากฺกรโณ จ กาปฏิโก มาณโว, ปโหติ จ กาปฏิโก มาณโว โภตา โคตเมน สทฺธึ อสฺมึ วจเน ปฏิมนฺเตตุ’’นฺติ. อถ โข ภควโต ¶ เอตทโหสิ – ‘‘อทฺธา โข ¶ กาปฏิกสฺส [เอตทโหสิ ‘‘กาปฏิกสฺส (ก.)] มาณวสฺส เตวิชฺชเก ปาวจเน กถา [กถํ (สี. ก.), กถํ (สฺยา. กํ. ปี.)] ภวิสฺสติ. ตถา หิ นํ พฺราหฺมณา สํปุเรกฺขโรนฺตี’’ติ. อถ โข กาปฏิกสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ ¶ – ‘‘ยทา เม สมโณ โคตโม จกฺขุํ อุปสํหริสฺสติ, อถาหํ สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. อถ โข ภควา กาปฏิกสฺส มาณวสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เยน กาปฏิโก มาณโว เตน จกฺขูนิ อุปสํหาสิ.
๔๒๗. อถ โข กาปฏิกสฺส มาณวสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมนฺนาหรติ โข มํ สมโณ โคตโม. ยํนูนาหํ สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. อถ โข กาปฏิโก มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยทิทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณานํ โปราณํ มนฺตปทํ อิติหิติหปรมฺปราย ปิฏกสมฺปทาย, ตตฺถ จ พฺราหฺมณา เอกํเสน นิฏฺํ คจฺฉนฺติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ? ‘‘กึ ปน, ภารทฺวาช, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิ. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘กึ ปน, ภารทฺวาช, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ ¶ , เอกาจริยปาจริโยปิ, ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ, โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิ. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘กึ ปน, ภารทฺวาช, เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ เสยฺยถิทํ – อฏฺโก ¶ วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโ กสฺสโป ภคุ, เตปิ เอวมาหํสุ – ‘มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสาม. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’’นฺติ? ‘‘โน ¶ หิทํ, โภ โคตม’’.
‘‘อิติ กิร, ภารทฺวาช, นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิ. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ; นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ เอกาจริยปาจริโยปิ, ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ, โย เอวมาห – ‘อหเมตํ ¶ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามิ. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ; เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ เสยฺยถิทํ – อฏฺโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโ กสฺสโป ภคุ, เตปิ น เอวมาหํสุ – ‘มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสาม. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ.
๔๒๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, อนฺธเวณิ ปรมฺปราสํสตฺตา ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติ; เอวเมว โข, ภารทฺวาช, อนฺธเวณูปมํ มฺเ พฺราหฺมณานํ ภาสิตํ สมฺปชฺชติ – ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติ. ตํ กึ มฺสิ, ภารทฺวาช ¶ , นนุ เอวํ สนฺเต พฺราหฺมณานํ อมูลิกา สทฺธา สมฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘น ขฺเวตฺถ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สทฺธาเยว ปยิรุปาสนฺติ, อนุสฺสวาเปตฺถ พฺราหฺมณา ปยิรุปาสนฺตี’’ติ. ‘‘ปุพฺเพว โข ตฺวํ, ภารทฺวาช, สทฺธํ อคมาสิ, อนุสฺสวํ อิทานิ วเทสิ. ปฺจ โข อิเม, ภารทฺวาช, ธมฺมา ทิฏฺเว ธมฺเม ทฺเวธา วิปากา. กตเม ปฺจ? สทฺธา, รุจิ, อนุสฺสโว, อาการปริวิตกฺโก, ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติ – อิเม โข, ภารทฺวาช ¶ , ปฺจ ธมฺมา ทิฏฺเว ธมฺเม ทฺเวธา วิปากา. อปิ จ, ภารทฺวาช, สุสทฺทหิตํเยว โหติ, ตฺจ โหติ ริตฺตํ ตุจฺฉํ มุสา; โน เจปิ สุสทฺทหิตํ โหติ, ตฺจ โหติ ภูตํ ตจฺฉํ อนฺถา. อปิ จ, ภารทฺวาช ¶ , สุรุจิตํเยว โหติ…เป… สฺวานุสฺสุตํเยว โหติ…เป… สุปริวิตกฺกิตํเยว โหติ…เป… สุนิชฺฌายิตํเยว โหติ, ตฺจ โหติ ริตฺตํ ตุจฺฉํ มุสา; โน เจปิ สุนิชฺฌายิตํ โหติ, ตฺจ โหติ ภูตํ ตจฺฉํ อนฺถา. สจฺจมนุรกฺขตา, ภารทฺวาช, วิฺุนา ปุริเสน นาลเมตฺถ เอกํเสน นิฏฺํ คนฺตุํ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’’นฺติ.
๔๒๙. ‘‘กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, สจฺจานุรกฺขณา โหติ, กิตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ? สจฺจานุรกฺขณํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘สทฺธา เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ; ‘เอวํ เม สทฺธา’ติ – อิติ วทํ สจฺจมนุรกฺขติ [เอวเมว สิชฺฌตีติ อิติ วา, ตํ สจฺจมนุรกฺขติ (ก.)], นตฺเวว ตาว เอกํเสน นิฏฺํ คจฺฉติ ¶ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ ¶ ( ) [(เอตฺตาวตา โข ภารทฺวาช สจฺจานุรกฺขณา โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุรกฺขณํ ปฺาเปม, น ตฺเวว ตาว สจฺจานุโพโธ โหติ) (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. รุจิ เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ…เป… อนุสฺสโว เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ…เป… อาการปริวิตกฺโก เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ…เป… ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติ เจปิ, ภารทฺวาช, ปุริสสฺส โหติ; ‘เอวํ เม ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตี’ติ – อิติ วทํ สจฺจมนุรกฺขติ, นตฺเวว ตาว เอกํเสน นิฏฺํ คจฺฉติ – ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ. เอตฺตาวตา โข, ภารทฺวาช, สจฺจานุรกฺขณา โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุรกฺขณํ ปฺเปม; น ตฺเวว ตาว สจฺจานุโพโธ โหตี’’ติ.
๔๓๐. ‘‘เอตฺตาวตา, โภ โคตม, สจฺจานุรกฺขณา โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุรกฺขติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุรกฺขณํ เปกฺขาม. กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, สจฺจานุโพโธ โหติ, กิตฺตาวตา สจฺจมนุพุชฺฌติ? สจฺจานุโพธํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘อิธ [อิธ กิร (สฺยา. กํ. ก.)], ภารทฺวาช, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อุปสงฺกมิตฺวา ตีสุ ธมฺเมสุ สมนฺเนสติ – โลภนีเยสุ ¶ ธมฺเมสุ, โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ, โมหนีเยสุ ธมฺเมสุ. อตฺถิ นุ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โลภนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โลภนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต ¶ อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ¶ ทุกฺขายาติ? ตเมนํ สมนฺเนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โลภนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โลภนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย [ทุกฺขายาติ (สพฺพตฺถ)]. ตถารูโป [ตถา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โข ปนิมสฺสายสฺมโต กายสมาจาโร ตถารูโป [ตถา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วจีสมาจาโร ยถา ตํ อลุทฺธสฺส. ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธมฺโม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ ¶ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย; น โส ธมฺโม สุเทสิโย ลุทฺเธนา’’’ติ.
๔๓๑. ‘‘ยโต นํ สมนฺเนสมาโน วิสุทฺธํ โลภนีเยหิ ธมฺเมหิ สมนุปสฺสติ ตโต นํ อุตฺตริ สมนฺเนสติ โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ. อตฺถิ นุ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โทสนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โทสนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ? ตเมนํ สมนฺเนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โทสนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โทสนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ¶ ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. ตถารูโป โข ปนิมสฺสายสฺมโต กายสมาจาโร ตถารูโป วจีสมาจาโร ยถา ตํ อทุฏฺสฺส. ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธมฺโม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย; น โส ธมฺโม สุเทสิโย ทุฏฺเนา’’’ติ.
๔๓๒. ‘‘ยโต นํ สมนฺเนสมาโน วิสุทฺธํ โทสนีเยหิ ธมฺเมหิ สมนุปสฺสติ ¶ , ตโต นํ อุตฺตริ สมนฺเนสติ โมหนีเยสุ ธมฺเมสุ. อตฺถิ นุ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โมหนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โมหนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ? ตเมนํ สมนฺเนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘นตฺถิ โข อิมสฺสายสฺมโต ตถารูปา โมหนียา ธมฺมา ยถารูเปหิ โมหนีเยหิ ธมฺเมหิ ปริยาทินฺนจิตฺโต อชานํ วา วเทยฺย – ชานามีติ, อปสฺสํ วา วเทยฺย – ปสฺสามีติ, ปรํ วา ตทตฺถาย สมาทเปยฺย ยํ ปเรสํ ¶ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. ตถารูโป โข ปนิมสฺสายสฺมโต กายสมาจาโร ตถารูโป วจีสมาจาโร ยถา ตํ อมูฬฺหสฺส. ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธมฺโม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต ¶ อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย; น โส ธมฺโม สุเทสิโย มูฬฺเหนา’’’ติ.
‘‘ยโต นํ สมนฺเนสมาโน วิสุทฺธํ โมหนีเยหิ ธมฺเมหิ สมนุปสฺสติ ¶ ; อถ ตมฺหิ สทฺธํ นิเวเสติ, สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสนฺโต โสตํ โอทหติ, โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ, ธตานํ [ธาริตานํ (ก.)] ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสหิตฺวา ตุเลติ, ตุลยิตฺวา ปทหติ, ปหิตตฺโต สมาโน กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ ปฺาย จ นํ อติวิชฺฌ ปสฺสติ. เอตฺตาวตา โข, ภารทฺวาช, สจฺจานุโพโธ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุพุชฺฌติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุโพธํ ปฺเปม; น ตฺเวว ตาว สจฺจานุปฺปตฺติ โหตี’’ติ.
๔๓๓. ‘‘เอตฺตาวตฺตา, โภ โคตม, สจฺจานุโพโธ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุพุชฺฌติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุโพธํ เปกฺขาม. กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ, กิตฺตาวตา สจฺจมนุปาปุณาติ? สจฺจานุปฺปตฺตึ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘เตสํเย ¶ , ภารทฺวาช, ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺมํ สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ. เอตฺตาวตา โข, ภารทฺวาช, สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุปาปุณาติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุปฺปตฺตึ ปฺเปมา’’ติ.
๔๓๔. ‘‘เอตฺตาวตา, โภ โคตม, สจฺจานุปฺปตฺติ โหติ, เอตฺตาวตา สจฺจมนุปาปุณาติ, เอตฺตาวตา จ มยํ สจฺจานุปฺปตฺตึ เปกฺขาม. สจฺจานุปฺปตฺติยา ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? สจฺจานุปฺปตฺติยา พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘สจฺจานุปฺปตฺติยา ¶ โข, ภารทฺวาช, ปธานํ พหุการํ. โน เจตํ ปทเหยฺย, นยิทํ สจฺจมนุปาปุเณยฺย. ยสฺมา จ โข ปทหติ ตสฺมา สจฺจมนุปาปุณาติ. ตสฺมา สจฺจานุปฺปตฺติยา ปธานํ พหุการ’’นฺติ.
‘‘ปธานสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ปธานสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ ¶ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ปธานสฺส โข, ภารทฺวาช, ตุลนา ¶ พหุการา. โน เจตํ ตุเลยฺย, นยิทํ ปทเหยฺย. ยสฺมา จ โข ตุเลติ ตสฺมา ปทหติ. ตสฺมา ปธานสฺส ตุลนา พหุการา’’ติ.
‘‘ตุลนาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ตุลนาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ตุลนาย โข, ภารทฺวาช, อุสฺสาโห พหุกาโร. โน เจตํ อุสฺสเหยฺย, นยิทํ ตุเลยฺย. ยสฺมา จ โข อุสฺสหติ ตสฺมา ตุเลติ. ตสฺมา ตุลนาย อุสฺสาโห พหุกาโร’’ติ.
‘‘อุสฺสาหสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? อุสฺสาหสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘อุสฺสาหสฺส โข, ภารทฺวาช, ฉนฺโท พหุกาโร. โน เจตํ ฉนฺโท ชาเยถ, นยิทํ อุสฺสเหยฺย. ยสฺมา จ โข ฉนฺโท ชายติ ตสฺมา อุสฺสหติ. ตสฺมา อุสฺสาหสฺส ฉนฺโท พหุกาโร’’ติ.
‘‘ฉนฺทสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร ¶ ? ฉนฺทสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ฉนฺทสฺส โข, ภารทฺวาช, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติ พหุการา. โน เจเต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขเมยฺยุํ, นยิทํ ฉนฺโท ชาเยถ. ยสฺมา จ โข ธมฺมา ¶ นิชฺฌานํ ขมนฺติ ตสฺมา ฉนฺโท ชายติ. ตสฺมา ฉนฺทสฺส ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติ พหุการา’’ติ.
‘‘ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา โข, ภารทฺวาช, อตฺถูปปริกฺขา พหุการา. โน เจตํ อตฺถํ อุปปริกฺเขยฺย, นยิทํ ธมฺมา นิชฺฌานํ ขเมยฺยุํ. ยสฺมา จ โข อตฺถํ อุปปริกฺขติ ตสฺมา ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ. ตสฺมา ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา อตฺถูปปริกฺขา พหุการา’’ติ.
‘‘อตฺถูปปริกฺขาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? อตฺถูปปริกฺขาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘อตฺถูปปริกฺขาย โข, ภารทฺวาช, ธมฺมธารณา ¶ พหุการา. โน เจตํ ธมฺมํ ธาเรยฺย, นยิทํ อตฺถํ อุปปริกฺเขยฺย. ยสฺมา จ โข ธมฺมํ ธาเรติ ตสฺมา อตฺถํ อุปปริกฺขติ. ตสฺมา อตฺถูปปริกฺขาย ธมฺมธารณา พหุการา’’ติ.
‘‘ธมฺมธารณาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ธมฺมธารณาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ธมฺมธารณาย ¶ โข, ภารทฺวาช, ธมฺมสฺสวนํ พหุการํ. โน เจตํ ธมฺมํ สุเณยฺย, นยิทํ ธมฺมํ ธาเรยฺย. ยสฺมา จ โข ธมฺมํ สุณาติ ตสฺมา ธมฺมํ ธาเรติ. ตสฺมา ธมฺมธารณาย ธมฺมสฺสวนํ พหุการ’’นฺติ.
‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ธมฺมสฺสวนสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ ¶ . ‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส โข, ภารทฺวาช, โสตาวธานํ พหุการํ ¶ . โน เจตํ โสตํ โอทเหยฺย, นยิทํ ธมฺมํ สุเณยฺย. ยสฺมา จ โข โสตํ โอทหติ ตสฺมา ธมฺมํ สุณาติ. ตสฺมา ธมฺมสฺสวนสฺส โสตาวธานํ พหุการ’’นฺติ.
‘‘โสตาวธานสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? โสตาวธานสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘โสตาวธานสฺส โข, ภารทฺวาช, ปยิรุปาสนา พหุการา. โน เจตํ ปยิรุปาเสยฺย, นยิทํ โสตํ โอทเหยฺย. ยสฺมา จ โข ปยิรุปาสติ ตสฺมา โสตํ โอทหติ. ตสฺมา โสตาวธานสฺส ปยิรุปาสนา พหุการา’’ติ.
‘‘ปยิรุปาสนาย ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? ปยิรุปาสนาย พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘ปยิรุปาสนาย โข, ภารทฺวาช, อุปสงฺกมนํ พหุการํ. โน เจตํ อุปสงฺกเมยฺย, นยิทํ ปยิรุปาเสยฺย. ยสฺมา จ โข อุปสงฺกมติ ตสฺมา ปยิรุปาสติ. ตสฺมา ปยิรุปาสนาย อุปสงฺกมนํ พหุการ’’นฺติ.
‘‘อุปสงฺกมนสฺส ปน, โภ โคตม, กตโม ธมฺโม พหุกาโร? อุปสงฺกมนสฺส พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘อุปสงฺกมนสฺส โข, ภารทฺวาช, สทฺธา พหุการา. โน เจตํ สทฺธา ชาเยถ, นยิทํ อุปสงฺกเมยฺย. ยสฺมา จ โข สทฺธา ชายติ ตสฺมา อุปสงฺกมติ. ตสฺมา อุปสงฺกมนสฺส สทฺธา พหุการา’’ติ.
๔๓๕. ‘‘สจฺจานุรกฺขณํ ¶ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุรกฺขณํ ¶ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา. สจฺจานุโพธํ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุโพธํ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา. สจฺจานุปฺปตฺตึ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุปฺปตฺตึ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา ¶ . สจฺจานุปฺปตฺติยา พหุการํ ธมฺมํ มยํ ภวนฺตํ ¶ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห, สจฺจานุปฺปตฺติยา พหุการํ ธมฺมํ ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา. ยํยเทว จ มยํ ภวนฺตํ โคตมํ อปุจฺฉิมฺห ตํตเทว ภวํ โคตโม พฺยากาสิ; ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ เตน จมฺห อตฺตมนา. มยฺหิ, โภ โคตม, ปุพฺเพ เอวํ ชานาม – ‘เก จ มุณฺฑกา สมณกา อิพฺภา กณฺหา พนฺธุปาทาปจฺจา, เก จ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’ติ? อชเนสิ วต เม ภวํ โคตโม สมเณสุ สมณเปมํ, สมเณสุ สมณปสาทํ, สมเณสุ สมณคารวํ. อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
จงฺกีสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.
๖. เอสุการีสุตฺตํ
๔๓๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข เอสุการี พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เอสุการี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, จตสฺโส ปาริจริยา ปฺเปนฺติ – พฺราหฺมณสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ, ขตฺติยสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ, เวสฺสสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ, สุทฺทสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ – ‘พฺราหฺมโณ วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺย, ขตฺติโย วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺย, เวสฺโส วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺย, สุทฺโท วา พฺราหฺมณํ ปริจเรยฺยา’ติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส ปาริจริยํ ¶ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ – ‘ขตฺติโย วา ขตฺติยํ ปริจเรยฺย, เวสฺโส วา ขตฺติยํ ปริจเรยฺย, สุทฺโท วา ขตฺติยํ ปริจเรยฺยา’ติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ – ‘เวสฺโส วา เวสฺสํ ปริจเรยฺย, สุทฺโท วา เวสฺสํ ¶ ปริจเรยฺยา’ติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ ¶ . ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ – ‘สุทฺโทว สุทฺทํ ปริจเรยฺย. โก ปนฺโ สุทฺทํ ปริจริสฺสตี’ติ? อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส ปาริจริยํ ปฺเปนฺติ. พฺราหฺมณา, โภ โคตม, อิมา จตสฺโส ปาริจริยา ปฺเปนฺติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?
๔๓๗. ‘‘กึ ปน, พฺราหฺมณ, สพฺโพ โลโก พฺราหฺมณานํ เอตทพฺภนุชานาติ – ‘อิมา จตสฺโส ปาริจริยา ปฺเปนฺตู’’’ติ [ปฺเปนฺตีติ (สี. ก.)]? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ปุริโส ทลิทฺโท [ทฬิทฺโท (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อสฺสโก อนาฬฺหิโย. ตสฺส อกามสฺส พิลํ โอลคฺเคยฺยุํ – ‘อิทํ เต, อมฺโภ ปุริส, มํสํ ขาทิตพฺพํ, มูลฺจ อนุปฺปทาตพฺพ’นฺติ. เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา อปฺปฏิฺาย เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ, อถ จ ปนิมา จตสฺโส ปาริจริยา ปฺเปนฺติ. นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ ปริจริตพฺพ’นฺติ ¶ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ น ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ. ยํ หิสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสยฺโย, นาหํ ตํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ; ยฺจ ขฺวาสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสยฺโย อสฺส น ปาปิโย ตมหํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ. ขตฺติยํ เจปิ, พฺราหฺมณ, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสยฺโย, ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสยฺโย อสฺส ¶ น ปาปิโย; กเมตฺถ ปริจเรยฺยาสี’ติ, ขตฺติโยปิ หิ, พฺราหฺมณ ¶ , สมฺมา พฺยากรมาโน เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘ยฺหิ เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสยฺโย, นาหํ ตํ ปริจเรยฺยํ; ยฺจ โข เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสยฺโย อสฺส น ปาปิโย ตมหํ ปริจเรยฺย’นฺติ. พฺราหฺมณํ เจปิ, พฺราหฺมณ…เป… เวสฺสํ เจปิ, พฺราหฺมณ…เป… สุทฺทํ เจปิ, พฺราหฺมณ, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสยฺโย, ยํ วา เต ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสยฺโย อสฺส น ปาปิโย; กเมตฺถ ปริจเรยฺยาสี’ติ, สุทฺโทปิ หิ, พฺราหฺมณ, สมฺมา พฺยากรมาโน เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘ยฺหิ เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ ปาปิโย อสฺส น เสยฺโย, นาหํ ตํ ปริจเรยฺยํ; ยฺจ โข เม ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ เสยฺโย อสฺส น ปาปิโย ตมหํ ปริจเรยฺย’นฺติ. นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุจฺจากุลีนตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุจฺจากุลีนตา ปาปิยํโส’ติ ¶ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารวณฺณตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารวณฺณตา ปาปิยํโส’ติ วทามิ; นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารโภคตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘อุฬารโภคตา ปาปิยํโส’ติ วทามิ.
๔๓๘. ‘‘อุจฺจากุลีโนปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, ปิสุณาวาโจ โหติ, ผรุสาวาโจ โหติ, สมฺผปฺปลาปี โหติ, อภิชฺฌาลุ โหติ ¶ , พฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. ตสฺมา ‘น อุจฺจากุลีนตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ. อุจฺจากุลีโนปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, สมฺมาทิฏฺิ โหติ. ตสฺมา ‘น อุจฺจากุลีนตา ปาปิยํโส’ติ วทามิ.
๔๓๙. ‘‘อุฬารวณฺโณปิ ¶ หิ, พฺราหฺมณ…เป… อุฬารโภโคปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. ตสฺมา ¶ ‘น อุฬารโภคตา เสยฺยํโส’ติ วทามิ. อุฬารโภโคปิ หิ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ. ตสฺมา ‘น อุฬารโภคตา ¶ ปาปิยํโส’ติ วทามิ. นาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ, น ปนาหํ, พฺราหฺมณ, ‘สพฺพํ น ปริจริตพฺพ’นฺติ วทามิ. ยํ หิสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ สทฺธา วฑฺฒติ, สีลํ วฑฺฒติ, สุตํ วฑฺฒติ, จาโค วฑฺฒติ, ปฺา วฑฺฒติ, ตมหํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ (วทามิ. ยํ หิสฺส, พฺราหฺมณ, ปริจรโต ปาริจริยาเหตุ น สทฺธา วฑฺฒติ, น สีลํ วฑฺฒติ, น สุตํ วฑฺฒติ, น จาโค วฑฺฒติ, น ปฺา วฑฺฒติ, นาหํ ตํ ‘ปริจริตพฺพ’นฺติ) [( ) เอตฺถนฺตเร ปาโ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] วทามี’’ติ.
๔๔๐. เอวํ วุตฺเต, เอสุการี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, จตฺตาริ ธนานิ ปฺเปนฺติ – พฺราหฺมณสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ, ขตฺติยสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ, เวสฺสสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ, สุทฺทสฺส ¶ สนฺธนํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ ภิกฺขาจริยํ; ภิกฺขาจริยฺจ ปน พฺราหฺมโณ สนฺธนํ อติมฺมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ ธนุกลาปํ; ธนุกลาปฺจ ¶ ปน ขตฺติโย สนฺธนํ อติมฺมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ขตฺติยสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ กสิโครกฺขํ; กสิโครกฺขฺจ ปน เวสฺโส สนฺธนํ อติมฺมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เวสฺสสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ. ตตฺริทํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ อสิตพฺยาภงฺคึ; อสิตพฺยาภงฺคิฺจ ปน สุทฺโท สนฺธนํ อติมฺมาโน อกิจฺจการี โหติ โคโปว อทินฺนํ อาทิยมาโนติ. อิทํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา สุทฺทสฺส สนฺธนํ ปฺเปนฺติ. พฺราหฺมณา, โภ โคตม, อิมานิ จตฺตาริ ธนานิ ปฺเปนฺติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?
๔๔๑. ‘‘กึ ปน, พฺราหฺมณ, สพฺโพ โลโก พฺราหฺมณานํ เอตทพฺภนุชานาติ – ‘อิมานิ จตฺตาริ ธนานิ ปฺเปนฺตู’’’ติ? ‘‘โน ¶ หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ปุริโส ทลิทฺโท ¶ อสฺสโก อนาฬฺหิโย. ตสฺส อกามสฺส พิลํ โอลคฺเคยฺยุํ – ‘อิทํ เต, อมฺโภ ปุริส, มํสํ ขาทิตพฺพํ, มูลฺจ อนุปฺปทาตพฺพ’นฺติ. เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา อปฺปฏิฺาย เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ, อถ จ ปนิมานิ จตฺตาริ ธนานิ ปฺเปนฺติ. อริยํ โข อหํ, พฺราหฺมณ, โลกุตฺตรํ ธมฺมํ ปุริสสฺส สนฺธนํ ปฺเปมิ. โปราณํ โข ปนสฺส มาตาเปตฺติกํ กุลวํสํ อนุสฺสรโต ยตฺถ ยตฺเถว ¶ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ขตฺติยกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘ขตฺติโย’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; พฺราหฺมณกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘พฺราหฺมโณ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; เวสฺสกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘เวสฺโส’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สุทฺทกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘สุทฺโท’ตฺเวว ¶ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ยํยเทว ปจฺจยํ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. กฏฺฺเจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘กฏฺคฺคิ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สกลิกฺเจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘สกลิกคฺคิ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; ติณฺเจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘ติณคฺคิ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; โคมยฺเจ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ ‘โคมยคฺคิ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอวเมว โข อหํ, พฺราหฺมณ, อริยํ โลกุตฺตรํ ธมฺมํ ปุริสสฺส สนฺธนํ ปฺเปมิ. โปราณํ โข ปนสฺส มาตาเปตฺติกํ กุลวํสํ อนุสฺสรโต ยตฺถ ยตฺเถว อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ เตน เตเนว สงฺขฺยํ คจฺฉติ.
‘‘ขตฺติยกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘ขตฺติโย’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; พฺราหฺมณกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘พฺราหฺมโณ’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; เวสฺสกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘เวสฺโส’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ; สุทฺทกุเล เจ อตฺตภาวสฺส อภินิพฺพตฺติ โหติ ‘สุทฺโท’ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ.
‘‘ขตฺติยกุลา ¶ เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, อพฺรหฺมจริยา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘พฺราหฺมณกุลา ¶ ¶ เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘สุทฺทกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… ¶ สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๔๔๒. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ, โน ขตฺติโย โน เวสฺโส โน สุทฺโท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ; พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม… เวสฺโสปิ หิ, โภ โคตม… สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ อสฺมึ ปเทเส อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุ’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘พฺราหฺมณกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… สุทฺทกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… ¶ สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๔๔๓. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมโณว นุ โข ปโหติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ, โน ขตฺติโย โน เวสฺโส โน สุทฺโท’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม ¶ . ขตฺติโยปิ หิ, โภ โคตม, ปโหติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุํ; พฺราหฺมโณปิ หิ, โภ โคตม… เวสฺโสปิ หิ, โภ โคตม ¶ … สุทฺโทปิ หิ, โภ โคตม… สพฺเพปิ หิ, โภ โคตม, จตฺตาโร วณฺณา ปโหนฺติ โสตฺติสินานึ อาทาย นทึ คนฺตฺวา รโชชลฺลํ ปวาเหตุ’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
‘‘พฺราหฺมณกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… สุทฺทกุลา เจปิ ¶ , พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ.
๔๔๔. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, อิธ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต นานาชจฺจานํ ปุริสานํ ปุริสสตํ สนฺนิปาเตยฺย – ‘อายนฺตุ โภนฺโต เย ตตฺถ ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺนา สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตุ; อายนฺตุ ปน โภนฺโต เย ตตฺถ จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺนา สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตนฺตุ, เตโช ปาตุกโรนฺตู’’’ติ?
‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, โย เอวํ นุ โข โส ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺเนหิ สากสฺส วา สาลสฺส วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต เตโช ปาตุกโต โส เอว นุ ขฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ ¶ กาตุํ; โย ปน โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺเนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ น เจว อจฺจิมา น จ วณฺณวา น จ ¶ ปภสฺสโร น จ เตน สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. โยปิ หิ โส, โภ โคตม, ขตฺติยกุลา พฺราหฺมณกุลา ราชฺกุลา อุปฺปนฺเนหิ สากสฺส วา สาลสฺส ¶ วา สลฬสฺส วา จนฺทนสฺส วา ปทุมกสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ; โยปิ โส จณฺฑาลกุลา เนสาทกุลา เวนกุลา รถการกุลา ปุกฺกุสกุลา อุปฺปนฺเนหิ สาปานโทณิยา วา สูกรโทณิยา วา รชกโทณิยา วา เอรณฺฑกฏฺสฺส วา อุตฺตรารณึ อาทาย อคฺคิ อภินิพฺพตฺโต เตโช ปาตุกโต สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ เตน จ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุํ. สพฺโพปิ หิ, โภ โคตม, อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จ สพฺเพนปิ สกฺกา อคฺคินา อคฺคิกรณียํ กาตุ’’นฺติ.
‘‘เอวเมว ¶ โข, พฺราหฺมณ, ขตฺติยกุลา เจปิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ¶ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ. พฺราหฺมณกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… เวสฺสกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ… สุทฺทกุลา เจปิ, พฺราหฺมณ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, อพฺรหฺมจริยา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, อนภิชฺฌาลุ โหติ, อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต, เอสุการี พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
เอสุการีสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.
๗. ธนฺชานิสุตฺตํ
๔๔๕. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ ¶ ราชคเห วสฺสํวุฏฺโ [วสฺสํวุตฺโถ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เยน ทกฺขิณาคิริ เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ ภิกฺขุํ อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘กจฺจาวุโส, ภควา อโรโค จ พลวา จา’’ติ? ‘‘อโรโค จาวุโส, ภควา พลวา จา’’ติ. ‘‘กจฺจิ ปนาวุโส, ภิกฺขุสงฺโฆ อโรโค จ พลวา จา’’ติ? ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข, อาวุโส, อโรโค จ พลวา จา’’ติ. ‘‘เอตฺถ, อาวุโส, ตณฺฑุลปาลิทฺวาราย ธนฺชานิ [ธานฺชานิ (สี. ปี.)] นาม พฺราหฺมโณ อตฺถิ. กจฺจาวุโส ¶ , ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อโรโค จ พลวา จา’’ติ? ‘‘ธนฺชานิปิ โข, อาวุโส, พฺราหฺมโณ อโรโค จ พลวา จา’’ติ. ‘‘กจฺจิ ปนาวุโส, ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อปฺปมตฺโต’’ติ? ‘‘กุโต ปนาวุโส, ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส อปฺปมาโท? ธนฺชานิ, อาวุโส, พฺราหฺมโณ ราชานํ นิสฺสาย พฺราหฺมณคหปติเก วิลุมฺปติ, พฺราหฺมณคหปติเก นิสฺสาย ราชานํ วิลุมฺปติ ¶ . ยาปิสฺส ภริยา สทฺธา สทฺธกุลา อานีตา สาปิ กาลงฺกตา; อฺาสฺส ภริยา อสฺสทฺธา อสฺสทฺธกุลา อานีตา’’. ‘‘ทุสฺสุตํ วตาวุโส, อสฺสุมฺห, ทุสฺสุตํ วตาวุโส, อสฺสุมฺห; เย มยํ ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ ปมตฺตํ อสฺสุมฺห. อปฺเปว จ นาม มยํ กทาจิ กรหจิ ธนฺชานินา พฺราหฺมเณน สทฺธึ สมาคจฺเฉยฺยาม, อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ?
๔๔๖. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ ¶ . เตน โข ปน สมเยน ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ พหินคเร คาโว โคฏฺเ ทุหาเปติ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ¶ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิโต, โภ สาริปุตฺต, ปโย, ปียตํ ตาว ภตฺตสฺส กาโล ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘อลํ, พฺราหฺมณ. กตํ เม อชฺช ภตฺตกิจฺจํ. อมุกสฺมึ เม รุกฺขมูเล ทิวาวิหาโร ภวิสฺสติ. ตตฺถ อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ธนฺชานิ ¶ พฺราหฺมโณ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ ปจฺฉาภตฺตํ ภุตฺตปาตราโส เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘กจฺจาสิ, ธนฺชานิ, อปฺปมตฺโต’’ติ? ‘‘กุโต, โภ สาริปุตฺต, อมฺหากํ อปฺปมาโท เยสํ โน มาตาปิตโร ¶ โปเสตพฺพา, ปุตฺตทาโร โปเสตพฺโพ, ทาสกมฺมกรา โปเสตพฺพา, มิตฺตามจฺจานํ มิตฺตามจฺจกรณียํ กาตพฺพํ, าติสาโลหิตานํ าติสาโลหิตกรณียํ กาตพฺพํ, อติถีนํ อติถิกรณียํ กาตพฺพํ, ปุพฺพเปตานํ ปุพฺพเปตกรณียํ กาตพฺพํ, เทวตานํ เทวตากรณียํ กาตพฺพํ, รฺโ ราชกรณียํ กาตพฺพํ, อยมฺปิ กาโย ปีเณตพฺโพ พฺรูเหตพฺโพ’’ติ?
๔๔๗. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ ¶ , มาตาปิตโร วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย ¶ นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, ปุตฺตทาโร วา ปนสฺส ลเภยฺย ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี ¶ อโหสิ มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, ทาสกมฺมกรโปริสา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ มิตฺตามจฺจานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ ¶ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข มิตฺตามจฺจานํ ¶ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, มิตฺตามจฺจา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ าติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข าติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, าติสาโลหิตา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, อติถี วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ ¶ ¶ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, ปุพฺพเปตา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, เทวตา วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ รฺโ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข รฺโ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, ราชา ¶ วา ปนสฺส ลเภยฺย ‘เอโส โข อมฺหากํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, อิเธกจฺโจ กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, ตเมนํ อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ นิรยํ นิรยปาลา อุปกฑฺเฒยฺยุํ. ลเภยฺย นุ โข โส ‘อหํ โข กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสึ, มา มํ นิรยํ นิรยปาลา’ติ, ปเร วา ปนสฺส ลเภยฺยุํ ‘เอโส โข กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อโหสิ, มา นํ นิรยํ นิรยปาลา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ สาริปุตฺต. อถ โข นํ วิกฺกนฺทนฺตํเยว นิรเย นิรยปาลา ปกฺขิเปยฺยุํ’’.
๔๔๘. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา มาตาปิตูนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, มาตาปิตูนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, มาตาปิตูนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา ¶ กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา มาตาปิตโร เจว โปเสตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา ปุตฺตทารสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย ¶ หิ, โภ สาริปุตฺต, ปุตฺตทารสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, ปุตฺตทารสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา เยหิ สกฺกา ปุตฺตทารฺเจว โปเสตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, ทาสกมฺมกรโปริสสฺส เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา ทาสกมฺมกรโปริเส เจว โปเสตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา มิตฺตามจฺจานํ เหตุ ¶ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา มิตฺตามจฺจานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ ¶ , โภ สาริปุตฺต, มิตฺตามจฺจานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, มิตฺตามจฺจานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา มิตฺตามจฺจานฺเจว มิตฺตามจฺจกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา าติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา าติสาโลหิตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย ¶ หิ, โภ สาริปุตฺต, าติสาโลหิตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, าติสาโลหิตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา าติสาโลหิตานฺเจว าติสาโลหิตกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี ¶ วิสมจารี อสฺส, โย วา อติถีนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, อติถีนํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, อติถีนํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา อติถีนฺเจว อติถิกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา ปุพฺพเปตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, ปุพฺพเปตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, ปุพฺพเปตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ ¶ , โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา ปุพฺพเปตานฺเจว ปุพฺพเปตกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา เทวตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี ¶ อสฺส; กตมํ ¶ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, เทวตานํ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, เทวตานํ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย ¶ . อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา เทวตานฺเจว เทวตากรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา รฺโ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา รฺโ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, รฺโ เหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, รฺโ เหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา, เยหิ สกฺกา รฺโ เจว ราชกรณียํ กาตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุํ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, โย วา กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี อสฺส, โย วา กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส; กตมํ เสยฺโย’’ติ? ‘‘โย หิ, โภ สาริปุตฺต, กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ อธมฺมจารี วิสมจารี ¶ อสฺส, น ตํ เสยฺโย; โย จ โข, โภ สาริปุตฺต, กายสฺส ปีณนาเหตุ พฺรูหนาเหตุ ธมฺมจารี สมจารี อสฺส, ตเทเวตฺถ เสยฺโย. อธมฺมจริยาวิสมจริยาหิ, โภ สาริปุตฺต, ธมฺมจริยาสมจริยา เสยฺโย’’ติ. ‘‘อตฺถิ โข, ธนฺชานิ, อฺเสํ เหตุกา ธมฺมิกา กมฺมนฺตา ¶ , เยหิ สกฺกา กายฺเจว ปีเณตุํ พฺรูเหตุํ, น จ ปาปกมฺมํ กาตุํ, ปฺฺุจ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตุ’’นฺติ.
๔๔๙. อถ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อปเรน สมเยน อาพาธิโก อโหสิ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. อถ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ ¶ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส ¶ , เยน ภควา เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘ธนฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ. เยน จายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘ธนฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘สาธุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติ. ‘‘เอวํ ¶ , ภนฺเต’’ติ โข โส ปุริโส ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ปุริโส ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ธนฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติ. เยน จายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ปุริโส อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ธนฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวฺจ วเทติ – ‘สาธุ กิร, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติ. อธิวาเสสิ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ตุณฺหีภาเวน.
๔๕๐. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ เต, ธนฺชานิ, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ? กจฺจิ ทุกฺขา เวทนา ปฏิกฺกมนฺติ, โน อภิกฺกมนฺติ? ปฏิกฺกโมสานํ ปฺายติ ¶ , โน อภิกฺกโม’’ติ? ‘‘น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ น ยาปนียํ. พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติ. อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ, โน ปฏิกฺกโม. เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต ¶ , พลวา ปุริโส ติณฺเหน สิขเรน มุทฺธนิ [มุทฺธานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อภิมตฺเถยฺย; เอวเมว โข ¶ , โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ จ อูหนนฺติ. น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ, น ยาปนียํ. พาฬฺหา เม ¶ ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติ. อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ, โน ปฏิกฺกโม. เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต, พลวา ปุริโส ทฬฺเหน วรตฺตกฺขณฺเฑน [วรตฺตพนฺธเนน (สี. ปี.)] สีเส สีสเวํ ทเทยฺย; เอวเมว โข, โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา. น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ น ยาปนียํ. พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติ. อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ, โน ปฏิกฺกโม. เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต, ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา ติณฺเหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉึ ปริกนฺเตยฺย; เอวเมว โข, โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ, น ยาปนียํ. พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติ. อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ, โน ปฏิกฺกโม. เสยฺยถาปิ, โภ สาริปุตฺต, ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ; เอวเมว โข, โภ สาริปุตฺต, อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห. น เม, โภ สาริปุตฺต, ขมนียํ น ยาปนียํ. พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺติ. อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ ¶ , โน ปฏิกฺกโม’’ติ.
๔๕๑. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – นิรโย วา ติรจฺฉานโยนิ วา’’ติ? ‘‘นิรยา, โภ สาริปุตฺต, ติรจฺฉานโยนิ เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – ติรจฺฉานโยนิ วา เปตฺติวิสโย วา’’ติ? ‘‘ติรจฺฉานโยนิยา, โภ สาริปุตฺต, เปตฺติวิสโย เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – เปตฺติวิสโย วา มนุสฺสา วา’’ติ? ‘‘เปตฺติวิสยา, โภ สาริปุตฺต, มนุสฺสา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ ¶ , กตมํ เสยฺโย – มนุสฺสา วา จาตุมหาราชิกา [จาตุมฺมหาราชิกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา เทวา’’ติ? ‘‘มนุสฺเสหิ ¶ , โภ สาริปุตฺต, จาตุมหาราชิกา เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – จาตุมหาราชิกา วา เทวา ตาวตึสา วา เทวา’’ติ? ‘‘จาตุมหาราชิเกหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ตาวตึสา เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – ตาวตึสา วา เทวา ยามา วา เทวา’’ติ? ‘‘ตาวตึเสหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ยามา เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – ยามา วา เทวา ตุสิตา วา เทวา’’ติ? ‘‘ยาเมหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ตุสิตา เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – ตุสิตา วา เทวา นิมฺมานรตี วา เทวา’’ติ? ‘‘ตุสิเตหิ, โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ นิมฺมานรตี เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย – นิมฺมานรตี วา เทวา ปรนิมฺมิตวสวตฺตี วา เทวา’’ติ? ‘‘นิมฺมานรตีหิ ¶ , โภ สาริปุตฺต, เทเวหิ ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา เสยฺโย’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ธนฺชานิ, กตมํ เสยฺโย ปรนิมฺมิตวสวตฺตี วา เทวา พฺรหฺมโลโก วา’’ติ? ‘‘‘พฺรหฺมโลโก’ติ [ภวํ สาริปุตฺโต อาหาติ, กตมํ สาริปุตฺโต อาห พฺรหฺมโลโกติ. (ก.)] – ภวํ สาริปุตฺโต อาห; ‘พฺรหฺมโลโก’ติ – ภวํ สาริปุตฺโต อาหา’’ติ [ภวํ สาริปุตฺโต อาหาติ, กตมํ สาริปุตฺโต อาห พฺรหฺมโลโกติ. (ก.)].
อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม โข พฺราหฺมณา พฺรหฺมโลกาธิมุตฺตา. ยํนูนาหํ ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสยฺย’’นฺติ. ‘‘พฺรหฺมานํ เต, ธนฺชานิ, สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสฺสามิ; ตํ สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อายสฺมา ¶ สาริปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘กตโม จ, ธนฺชานิ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค? อิธ, ธนฺชานิ, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. อยํ โข, ธนฺชานิ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค’’.
๔๕๒. ‘‘ปุน จปรํ, ธนฺชานิ, ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ ¶ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. อยํ โข, ธนฺชานิ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค’’ติ. เตน หิ, โภ สาริปุตฺต, มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘ธนฺชานิ ¶ , ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ¶ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ สติ อุตฺตริกรณีเย หีเน พฺรหฺมโลเก ปติฏฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ อจิรปกฺกนฺเต อายสฺมนฺเต สาริปุตฺเต กาลมกาสิ, พฺรหฺมโลกฺจ อุปปชฺชิ.
๔๕๓. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เอโส, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ สติ อุตฺตริกรณีเย หีเน พฺรหฺมโลเก ปติฏฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ธนฺชานิ, ภนฺเต, พฺราหฺมโณ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน, โส ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ สาริปุตฺต ธนฺชานึ พฺราหฺมณํ สติ ¶ อุตฺตริกรณีเย หีเน พฺรหฺมโลเก ปติฏฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺโต’’ติ? ‘‘มยฺหํ โข, ภนฺเต, เอวํ อโหสิ – ‘อิเม โข พฺราหฺมณา พฺรหฺมโลกาธิมุตฺตา, ยํนูนาหํ ธนฺชานิสฺส พฺราหฺมณสฺส ¶ พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสยฺย’นฺติ. ‘‘กาลงฺกโตจ [กาลงฺกโตว (สฺยา. กํ. ก.)], สาริปุตฺต, ธนฺชานิ พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมโลกฺจ อุปปนฺโน’’ติ.
ธนฺชานิสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.
๘. วาเสฏฺสุตฺตํ
๔๕๔. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อิจฺฉานงฺคเล [อิจฺฉานงฺกเล (สี. ปี.)] วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อภิฺาตา อภิฺาตา พฺราหฺมณมหาสาลา อิจฺฉานงฺคเล ปฏิวสนฺติ, เสยฺยถิทํ – จงฺกี พฺราหฺมโณ, ตารุกฺโข พฺราหฺมโณ, โปกฺขรสาติ พฺราหฺมโณ, ชาณุสฺโสณิ [ชาณุสฺโสณี (ปี.), ชาณุโสณี (ก.)] พฺราหฺมโณ, โตเทยฺโย พฺราหฺมโณ, อฺเ จ อภิฺาตา อภิฺาตา พฺราหฺมณมหาสาลา. อถ โข วาเสฏฺภารทฺวาชานํ มาณวานํ ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมนฺตานํ อนุวิจรนฺตานํ [อนุจงฺกมมานานํ อนุวิจรมานานํ (สี. ปี.)] อยมนฺตรากถา ¶ อุทปาทิ – ‘‘กถํ, โภ, พฺราหฺมโณ โหตี’’ติ? ภารทฺวาโช มาณโว เอวมาห – ‘‘ยโต โข, โภ, อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน – เอตฺตาวตา โข, โภ, พฺราหฺมโณ โหตี’’ติ. วาเสฏฺโ มาณโว เอวมาห – ‘‘ยโต โข, โภ, สีลวา จ โหติ วตฺตสมฺปนฺโน [วตสมฺปนฺโน (ปี.)] จ – เอตฺตาวตา โข, โภ, พฺราหฺมโณ โหตี’’ติ. เนว โข อสกฺขิ ภารทฺวาโช มาณโว วาเสฏฺํ มาณวํ สฺาเปตุํ, น ปน อสกฺขิ วาเสฏฺโ มาณโว ภารทฺวาชํ มาณวํ สฺาเปตุํ. อถ โข วาเสฏฺโ มาณโว ภารทฺวาชํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘‘อยํ โข, โภ ภารทฺวาช, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ¶ ปพฺพชิโต อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. อายาม, โภ ภารทฺวาช, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ เอตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสาม. ยถา โน สมโณ โคตโม พฺยากริสฺสติ ตถา นํ ธาเรสฺสามา’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ภารทฺวาโช มาณโว วาเสฏฺสฺส มาณวสฺส ปจฺจสฺโสสิ.
๔๕๕. อถ โข วาเสฏฺภารทฺวาชา มาณวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข วาเสฏฺโ มาณโว ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘อนฺุาตปฏิฺาตา, เตวิชฺชา มยมสฺมุโภ;
อหํ โปกฺขรสาติสฺส, ตารุกฺขสฺสายํ มาณโว.
‘‘เตวิชฺชานํ ¶ ยทกฺขาตํ, ตตฺร เกวลิโนสฺมเส;
ปทกสฺมา เวยฺยากรณา [โน พฺยากรณา (สฺยา. กํ. ก.)], ชปฺเป อาจริยสาทิสา;
เตสํ โน ชาติวาทสฺมึ, วิวาโท อตฺถิ โคตม.
‘‘ชาติยา ¶ พฺราหฺมโณ โหติ, ภารทฺวาโช อิติ ภาสติ;
อหฺจ กมฺมุนา [กมฺมนา (สี. ปี.)] พฺรูมิ, เอวํ ชานาหิ จกฺขุม.
‘‘เต ¶ น สกฺโกม าเปตุํ [สฺตฺตุํ (ปี.), สฺาเปตุํ (ก.)], อฺมฺํ มยํ อุโภ;
ภวนฺตํ ปุฏฺุมาคมา, สมฺพุทฺธํ อิติ วิสฺสุตํ.
‘‘จนฺทํ ยถา ขยาตีตํ, เปจฺจ ปฺชลิกา ชนา;
วนฺทมานา นมสฺสนฺติ, โลกสฺมึ โคตมํ.
‘‘จกฺขุํ โลเก สมุปฺปนฺนํ, มยํ ปุจฺฉาม โคตมํ;
ชาติยา พฺราหฺมโณ โหติ, อุทาหุ ภวติ กมฺมุนา [กมฺมนา (สี. ปี.)];
อชานตํ โน ปพฺรูหิ, ยถา ชาเนมุ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
‘‘เตสํ โว อหํ พฺยกฺขิสฺสํ, (วาเสฏฺาติ ภควา)
อนุปุพฺพํ ยถาตถํ;
ชาติวิภงฺคํ ปาณานํ, อฺมฺาหิ ชาติโย.
‘‘ติณรุกฺเขปิ ชานาถ, น จาปิ ปฏิชานเร;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘ตโต กีเฏ ปฏงฺเค จ, ยาว กุนฺถกิปิลฺลิเก;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘จตุปฺปเทปิ ชานาถ, ขุทฺทเก จ มหลฺลเก;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘ปาทุทเรปิ ¶ ชานาถ, อุรเค ทีฆปิฏฺิเก;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘ตโต มจฺเฉปิ ชานาถ, อุทเก วาริโคจเร;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘ตโต ปกฺขีปิ ชานาถ, ปตฺตยาเน วิหงฺคเม;
ลิงฺคํ ¶ ชาติมยํ เตสํ, อฺมฺา หิ ชาติโย.
‘‘ยถา เอตาสุ ชาตีสุ, ลิงฺคํ ชาติมยํ ปุถุ;
เอวํ นตฺถิ มนุสฺเสสุ, ลิงฺคํ ชาติมยํ ปุถุ.
‘‘น ¶ เกเสหิ น สีเสหิ, น กณฺเณหิ น อกฺขีหิ;
น มุเขน น นาสาย, น โอฏฺเหิ ภมูหิ วา.
‘‘น คีวาย น อํเสหิ, น อุทเรน น ปิฏฺิยา;
น โสณิยา น อุรสา, น สมฺพาเธ น เมถุเน [น สมฺพาธา น เมถุนา (ก.)].
‘‘น หตฺเถหิ น ปาเทหิ, นงฺคุลีหิ นเขหิ วา;
น ชงฺฆาหิ น อูรูหิ, น วณฺเณน สเรน วา;
ลิงฺคํ ชาติมยํ เนว, ยถา อฺาสุ ชาติสุ.
‘‘ปจฺจตฺตฺจ สรีเรสุ [ปจฺจตฺตํ สสรีเรสุ (สี. ปี.)], มนุสฺเสสฺเวตํ น วิชฺชติ;
โวการฺจ มนุสฺเสสุ, สมฺาย ปวุจฺจติ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, โครกฺขํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, กสฺสโก โส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, ปุถุสิปฺเปน ชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, สิปฺปิโก โส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย ¶ หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, โวหารํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, วาณิโช โส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, ปรเปสฺเสน ชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, เปสฺสโก [เปสฺสิโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย ¶ หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, อทินฺนํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, โจโร เอโส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, อิสฺสตฺถํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, โยธาชีโว น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, โปโรหิจฺเจน ชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, ยาชโก โส น พฺราหฺมโณ.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, คามํ รฏฺฺจ ภฺุชติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, ราชา เอโส น พฺราหฺมโณ.
‘‘น ¶ จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมิ, โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ;
โภวาทิ [โภวาที (สฺยา. กํ.)] นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน;
อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘สพฺพสํโยชนํ เฉตฺวา, โย เว น ปริตสฺสติ;
สงฺคาติคํ วิสํยุตฺตํ [วิสฺุตฺตํ (ก.)], ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘เฉตฺวา นทฺธึ [นทฺธึ (สี. ปี.)] วรตฺตฺจ, สนฺทานํ สหนุกฺกมํ;
อุกฺขิตฺตปลิฆํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อกฺโกสํ วธพนฺธฺจ, อทุฏฺโ โย ติติกฺขติ;
ขนฺตีพลํ พลานีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อกฺโกธนํ ¶ วตวนฺตํ, สีลวนฺตํ อนุสฺสทํ;
ทนฺตํ อนฺติมสารีรํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘วาริโปกฺขรปตฺเตว, อารคฺเคริว สาสโป;
โย ¶ น ลิมฺปติ กาเมสุ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โย ทุกฺขสฺส ปชานาติ, อิเธว ขยมตฺตโน;
ปนฺนภารํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘คมฺภีรปฺํ เมธาวึ, มคฺคามคฺคสฺส โกวิทํ;
อุตฺตมตฺถมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อสํสฏฺํ คหฏฺเหิ, อนาคาเรหิ จูภยํ;
อโนกสาริมปฺปิจฺฉํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘นิธาย ทณฺฑํ ภูเตสุ, ตเสสุ ถาวเรสุ จ;
โย น หนฺติ น ฆาเตติ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อวิรุทฺธํ วิรุทฺเธสุ, อตฺตทณฺเฑสุ นิพฺพุตํ;
สาทาเนสุ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส ราโค จ โทโส จ, มาโน มกฺโข จ โอหิโต;
สาสโปริว อารคฺคา, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อกกฺกสํ ¶ วิฺาปนึ, คิรํ สจฺจํ อุทีรเย;
ยาย นาภิสชฺเช กิฺจิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โย จ ทีฆํ ว รสฺสํ วา, อณุํ ถูลํ สุภาสุภํ;
โลเก อทินฺนํ นาเทติ [นาทิยติ (สี. ปี.)], ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อาสา ¶ ยสฺส น วิชฺชนฺติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ;
นิราสาสํ [นิราสยํ (สี. ปี.)] วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺสาลยา น วิชฺชนฺติ, อฺาย อกถํกถึ;
อมโตคธํ ¶ อนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โยธปฺฺุจ ปาปฺจ, อุโภ สงฺคํ อุปจฺจคา;
อโสกํ วิรชํ สุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘จนฺทํ ว วิมลํ สุทฺธํ, วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ;
นนฺทีภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โย อิมํ ปลิปถํ ทุคฺคํ, สํสารํ โมหมจฺจคา;
ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, อเนโช อกถํกถี;
อนุปาทาย นิพฺพุโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โยธกาเม ปหนฺตฺวาน [ปหตฺวาน (สี.)], อนาคาโร ปริพฺพเช;
กามภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘โยธตณฺหํ ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;
ตณฺหาภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘หิตฺวา มานุสกํ โยคํ, ทิพฺพํ โยคํ อุปจฺจคา;
สพฺพโยควิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘หิตฺวา รติฺจ อรตึ, สีตีภูตํ นิรูปธึ;
สพฺพโลกาภิภุํ วีรํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ, อุปปตฺติฺจ สพฺพโส;
อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส ¶ คตึ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา;
ขีณาสวํ อรหนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส ¶ ¶ ปุเร จ ปจฺฉา จ, มชฺเฌ จ นตฺถิ กิฺจนํ;
อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, มเหสึ วิชิตาวินํ;
อเนชํ นฺหาตกํ [นหาตกํ (สี. ปี.)] พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ โย เวทิ, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;
อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘สมฺา เหสา โลกสฺมึ, นามโคตฺตํ ปกปฺปิตํ;
สมฺมุจฺจา สมุทาคตํ, ตตฺถ ตตฺถ ปกปฺปิตํ.
‘‘ทีฆรตฺตานุสยิตํ, ทิฏฺิคตมชานตํ;
อชานนฺตา โน [อชานนฺตา โนติ อชานนฺตา เอว (ฏีกา)] ปพฺรุนฺติ [ปพฺรุวนฺติ (สี. ปี.)], ชาติยา โหติ พฺราหฺมโณ.
‘‘น ชจฺจา พฺราหฺมโณ [วสโล (สฺยา. กํ. ก.)] โหติ, น ชจฺจา โหติ อพฺราหฺมโณ [พฺราหฺมโณ (สฺยา. กํ. ก.)];
กมฺมุนา พฺราหฺมโณ [วสโล (สฺยา. กํ. ก.)] โหติ, กมฺมุนา โหติ อพฺราหฺมโณ [พฺราหฺมโณ (สฺยา. กํ. ก.)].
‘‘กสฺสโก กมฺมุนา โหติ, สิปฺปิโก โหติ กมฺมุนา;
วาณิโช กมฺมุนา โหติ, เปสฺสโก โหติ กมฺมุนา.
‘‘โจโรปิ กมฺมุนา โหติ, โยธาชีโวปิ กมฺมุนา;
ยาชโก กมฺมุนา โหติ, ราชาปิ โหติ กมฺมุนา.
‘‘เอวเมตํ ยถาภูตํ, กมฺมํ ปสฺสนฺติ ปณฺฑิตา;
ปฏิจฺจสมุปฺปาททสฺสา, กมฺมวิปากโกวิทา.
‘‘กมฺมุนา ¶ วตฺตติ โลโก, กมฺมุนา วตฺตติ ปชา;
กมฺมนิพนฺธนา สตฺตา, รถสฺสาณีว ยายโต.
‘‘ตเปน ¶ พฺรหฺมจริเยน, สํยเมน ทเมน จ;
เอเตน พฺราหฺมโณ โหติ, เอตํ พฺราหฺมณมุตฺตมํ.
‘‘ตีหิ วิชฺชาหิ สมฺปนฺโน, สนฺโต ขีณปุนพฺภโว;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, พฺรหฺมา สกฺโก วิชานต’’นฺติ.
๔๖๑. เอวํ ¶ ¶ วุตฺเต, วาเสฏฺภารทฺวาชา มาณวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คเต’’ติ.
วาเสฏฺสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.
๙. สุภสุตฺตํ
๔๖๒. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ อฺตรสฺส คหปติสฺส นิเวสเน เกนจิเทว กรณีเยน. อถ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ยสฺส คหปติสฺส นิเวสเน ปฏิวสติ ตํ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, คหปติ – ‘อวิวิตฺตา สาวตฺถี อรหนฺเตหี’ติ. กํ นุ ขฺวชฺช สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปยิรุปาเสยฺยามา’’ติ? ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปยิรุปาสสฺสู’’ติ. อถ ¶ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ตสฺส คหปติสฺส ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, เอวมาหํสุ – ‘คหฏฺโ อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ, น ปพฺพชิโต อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสล’นฺติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?
๔๖๓. ‘‘วิภชฺชวาโท โข อหเมตฺถ, มาณว; นาหเมตฺถ เอกํสวาโท. คิหิสฺส วาหํ, มาณว, ปพฺพชิตสฺส วา มิจฺฉาปฏิปตฺตึ น วณฺเณมิ. คิหี วา ¶ หิ ¶ , มาณว, ปพฺพชิโต วา มิจฺฉาปฏิปนฺโน มิจฺฉาปฏิปตฺตาธิกรณเหตุ น อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสลํ. คิหิสฺส วาหํ, มาณว, ปพฺพชิตสฺส วา สมฺมาปฏิปตฺตึ วณฺเณมิ. คิหี วา หิ, มาณว, ปพฺพชิโต วา สมฺมาปฏิปนฺโน สมฺมาปฏิปตฺตาธิกรณเหตุ อาราธโก โหติ ายํ ธมฺมํ กุสล’’นฺติ.
‘‘พฺราหฺมณา, โภ โคตม, เอวมาหํสุ – ‘มหฏฺมิทํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ ฆราวาสกมฺมฏฺานํ มหปฺผลํ โหติ; อปฺปฏฺมิทํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ ปพฺพชฺชา กมฺมฏฺานํ อปฺปผลํ โหตี’ติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ.
‘‘เอตฺถาปิ ¶ โข อหํ, มาณว, วิภชฺชวาโท; นาหเมตฺถ เอกํสวาโท. อตฺถิ, มาณว, กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; อตฺถิ, มาณว, กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ; อตฺถิ, มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; อตฺถิ, มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ. กตมฺจ, มาณว ¶ , กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ ¶ โหติ? กสิ โข, มาณว, กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ. กตมฺจ, มาณว, กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ? กสิเยว โข, มาณว, กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ. กตมฺจ, มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ? วณิชฺชา โข, มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ. กตมฺจ มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ? วณิชฺชาเยว โข, มาณว, กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ.
๔๖๔. ‘‘เสยฺยถาปิ, มาณว, กสิ กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; เอวเมว โข, มาณว, ฆราวาสกมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ ¶ อปฺปผลํ โหติ. เสยฺยถาปิ, มาณว, กสิเยว กมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ; เอวเมว โข, มาณว, ฆราวาสกมฺมฏฺานํ มหฏฺํ มหากิจฺจํ มหาธิกรณํ มหาสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ. เสยฺยถาปิ, มาณว, วณิชฺชา กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ; เอวเมว ¶ โข, มาณว, ปพฺพชฺชา กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ วิปชฺชมานํ อปฺปผลํ โหติ. เสยฺยถาปิ, มาณว, วณิชฺชาเยว กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหติ; เอวเมว โข ¶ , มาณว, ปพฺพชฺชา กมฺมฏฺานํ อปฺปฏฺํ อปฺปกิจฺจํ อปฺปาธิกรณํ อปฺปสมารมฺภํ สมฺปชฺชมานํ มหปฺผลํ โหตี’’ติ.
‘‘พฺราหฺมณา ¶ , โภ โคตม, ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายา’’ติ. ‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย – สเจ เต อครุ – สาธุ เต ปฺจ ธมฺเม อิมสฺมึ ปริสติ ภาสสฺสู’’ติ. ‘‘น โข เม, โภ โคตม, ครุ ยตฺถสฺสุ ภวนฺโต วา นิสินฺโน ภวนฺตรูโป วา’’ติ [นิสินฺนา ภวนฺตรูปา วาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ‘‘เตน หิ, มาณว, ภาสสฺสู’’ติ. ‘‘สจฺจํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปมํ ธมฺมํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย. ตปํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ทุติยํ ธมฺมํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย. พฺรหฺมจริยํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ตติยํ ธมฺมํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย. อชฺเฌนํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา จตุตฺถํ ธมฺมํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย. จาคํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ¶ ปฺจมํ ธมฺมํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนาย. พฺราหฺมณา, โภ โคตม, อิเม ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย, กุสลสฺส อาราธนายาติ. อิธ ภวํ โคตโม กิมาหา’’ติ?
๔๖๕. ‘‘กึ ปน, มาณว, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมี’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘กึ ปน, มาณว, อตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ เอกาจริยปาจริโยปิ ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ โย เอวมาห – ‘อหํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ¶ วิปากํ ปเวเทมี’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’. ‘‘กึ ¶ ปน, มาณว, เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฏฺโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโ กสฺสโป ภคุ, เตปิ เอวมาหํสุ – ‘มยํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมา’’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.
‘‘อิติ กิร, มาณว, นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ โย เอวมาห – ‘อหํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา ¶ สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมี’ติ; นตฺถิ โกจิ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ เอกาจริยปาจริโยปิ ยาว สตฺตมา อาจริยมหยุคาปิ โย เอวมาห ¶ – ‘อหํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมี’ติ; เยปิ เต พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ, ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฏฺโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโ กสฺสโป ภคุ. เตปิ น เอวมาหํสุ – ‘มยํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา วิปากํ ปเวเทมา’ติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, มาณว, อนฺธเวณิ ปรมฺปราสํสตฺตา ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติ; เอวเมว โข, มาณว, อนฺธเวณูปมํ มฺเ พฺราหฺมณานํ ภาสิตํ สมฺปชฺชติ – ปุริโมปิ น ปสฺสติ มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสตี’’ติ.
๔๖๖. เอวํ วุตฺเต, สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควตา อนฺธเวณูปเมน วุจฺจมาโน กุปิโต อนตฺตมโน ภควนฺตํเยว ขุํเสนฺโต ภควนฺตํเยว วมฺเภนฺโต ภควนฺตํเยว วทมาโน – ‘สมโณ โคตโม ปาปิโต ภวิสฺสตี’ติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พฺราหฺมโณ, โภ โคตม, โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก เอวมาห – ‘เอวเมว ¶ ปนิเธกจฺเจ [ปนิเมเก (สพฺพตฺถ)] สมณพฺราหฺมณา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ ¶ ปฏิชานนฺติ. เตสมิทํ ภาสิตํ ¶ หสฺสกํเยว สมฺปชฺชติ, นามกํเยว สมฺปชฺชติ, ริตฺตกํเยว สมฺปชฺชติ, ตุจฺฉกํเยว สมฺปชฺชติ. กถฺหิ นาม มนุสฺสภูโต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชตี’’’ติ?
‘‘กึ ปน, มาณว, พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก สพฺเพสํเยว สมณพฺราหฺมณานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาตี’’ติ? ‘‘สกายปิ หิ, โภ โคตม, ปุณฺณิกาย ทาสิยา พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก เจตสา เจโต ปริจฺจ น ปชานาติ, กุโต ปน สพฺเพสํเยว สมณพฺราหฺมณานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานิสฺสตี’’ติ?
‘‘เสยฺยถาปิ, มาณว, ชจฺจนฺโธ ปุริโส น ปสฺเสยฺย กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย นีลกานิ ¶ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย ปีตกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย โลหิตกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย มฺชิฏฺกานิ รูปานิ, น ปสฺเสยฺย สมวิสมํ, น ปสฺเสยฺย ตารกรูปานิ, น ปสฺเสยฺย จนฺทิมสูริเย. โส เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, นตฺถิ กณฺหสุกฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ นีลกานิ รูปานิ, นตฺถิ นีลกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ ปีตกานิ รูปานิ, นตฺถิ ปีตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ โลหิตกานิ รูปานิ, นตฺถิ โลหิตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ มฺชิฏฺกานิ รูปานิ, นตฺถิ มฺชิฏฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ สมวิสมํ, นตฺถิ สมวิสมสฺส ¶ ทสฺสาวี; นตฺถิ ตารกรูปานิ, นตฺถิ ตารกรูปานํ ทสฺสาวี; นตฺถิ จนฺทิมสูริยา, นตฺถิ จนฺทิมสูริยานํ ทสฺสาวี. อหเมตํ น ชานามิ, อหเมตํ น ปสฺสามิ; ตสฺมา ตํ นตฺถี’ติ. สมฺมา นุ โข โส, มาณว, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ?
‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. อตฺถิ กณฺหสุกฺกานิ รูปานิ, อตฺถิ กณฺหสุกฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ นีลกานิ รูปานิ, อตฺถิ นีลกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ ปีตกานิ รูปานิ, อตฺถิ ปีตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ โลหิตกานิ รูปานิ, อตฺถิ โลหิตกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ มฺชิฏฺกานิ รูปานิ, อตฺถิ มฺชิฏฺกานํ รูปานํ ทสฺสาวี; อตฺถิ สมวิสมํ, อตฺถิ สมวิสมสฺส ทสฺสาวี; อตฺถิ ตารกรูปานิ, อตฺถิ ตารกรูปานํ ทสฺสาวี ¶ ; อตฺถิ จนฺทิมสูริยา, อตฺถิ จนฺทิมสูริยานํ ทสฺสาวี. ‘อหเมตํ น ¶ ชานามิ, อหเมตํ น ปสฺสามิ; ตสฺมา ตํ นตฺถี’ติ; น หิ โส, โภ โคตม, สมฺมา วทมาโน วเทยฺยา’’ติ.
‘‘เอวเมว โข, มาณว, พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก อนฺโธ อจกฺขุโก. โส วต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ’’.
๔๖๗. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาณว, เย เต โกสลกา พฺราหฺมณมหาสาลา, เสยฺยถิทํ – จงฺกี พฺราหฺมโณ ตารุกฺโข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ พฺราหฺมโณ ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ ปิตา จ [วา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เต โตเทยฺโย, กตมา เนสํ เสยฺโย [เสยฺยา (สฺยา. กํ.)], ยํ วา เต สมฺมุจฺจา ¶ [สมฺมุสา (สี. ปี.)] วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อสมฺมุจฺจา’’ติ? ‘‘สมฺมุจฺจา, โภ โคตม’’.
‘‘กตมา ¶ เนสํ เสยฺโย, ยํ วา เต มนฺตา วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อมนฺตา’’ติ? ‘‘มนฺตา, โภ โคตม’’.
‘‘กตมา เนสํ เสยฺโย, ยํ วา เต ปฏิสงฺขาย วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อปฺปฏิสงฺขายา’’ติ? ‘‘ปฏิสงฺขาย, โภ โคตม’’.
‘‘กตมา เนสํ เสยฺโย, ยํ วา เต อตฺถสํหิตํ วาจํ ภาเสยฺยุํ ยํ วา อนตฺถสํหิต’’นฺติ? ‘‘อตฺถสํหิตํ, โภ โคตม’’.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาณว, ยทิ เอวํ สนฺเต, พฺราหฺมเณน โปกฺขรสาตินา โอปมฺเน สุภควนิเกน สมฺมุจฺจา วาจา ภาสิตา อสมฺมุจฺจา’’ติ [อสมฺมุสา วาติ (ปี.) เอวมิตรปฺหตฺตเยปิ วาสทฺเทน สห ทิสฺสติ]? ‘‘อสมฺมุจฺจา, โภ โคตม’’.
‘‘มนฺตา วาจา ภาสิตา อมนฺตา วา’’ติ? ‘‘อมนฺตา, โภ โคตม’’.
‘‘ปฏิสงฺขาย วาจา ภาสิตา อปฺปฏิสงฺขายา’’ติ? ‘‘อปฺปฏิสงฺขาย, โภ โคตม’’.
‘‘อตฺถสํหิตา วาจา ภาสิตา อนตฺถสํหิตา’’ติ? ‘‘อนตฺถสํหิตา, โภ โคตม’’.
‘‘ปฺจ ¶ ¶ โข อิเม, มาณว, นีวรณา. กตเม ปฺจ? กามจฺฉนฺทนีวรณํ, พฺยาปาทนีวรณํ, ถีนมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณํ, วิจิกิจฺฉานีวรณํ – อิเม โข, มาณว, ปฺจ นีวรณา. อิเมหิ โข มาณว, ปฺจหิ นีวรเณหิ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก อาวุโต นิวุโต โอผุโฏ [โอวุโต (สี.), โอผุโต (สฺยา. กํ. ปี.)] ปริโยนทฺโธ. โส วต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.
๔๖๘. ‘‘ปฺจ ¶ โข อิเม, มาณว, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา ¶ คนฺธา… ชิวฺหา วิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, มาณว, ปฺจ กามคุณา. อิเมหิ โข, มาณว, ปฺจหิ กามคุเณหิ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ โอปมฺโ สุภควนิโก คถิโต มุจฺฉิโต อชฺโฌปนฺโน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ ปริภฺุชติ. โส วต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาณว, ยํ วา ติณกฏฺุปาทานํ ปฏิจฺจ อคฺคึ ชาเลยฺย ยํ วา นิสฺสฏฺติณกฏฺุปาทานํ อคฺคึ ชาเลยฺย, กตโม นุ ขฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จา’’ติ? ‘‘สเจ ตํ, โภ โคตม, านํ นิสฺสฏฺติณกฏฺุปาทานํ อคฺคึ ชาเลตุํ, สฺวาสฺส อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จา’’ติ. ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, มาณว, อนวกาโส ยํ นิสฺสฏฺติณกฏฺุปาทานํ อคฺคึ ชาเลยฺย อฺตฺร อิทฺธิมตา. เสยฺยถาปิ, มาณว, ติณกฏฺุปาทานํ ปฏิจฺจ อคฺคิ ชลติ ตถูปมาหํ, มาณว, อิมํ ปีตึ วทามิ ยายํ ปีติ ปฺจ ¶ กามคุเณ ปฏิจฺจ. เสยฺยถาปิ, มาณว, นิสฺสฏฺติณกฏฺุปาทาโน [นิสฺสฏฺติณกฏฺุปาทานํ ปฏิจฺจ (สี. ปี. ก.)] อคฺคิ ชลติ ตถูปมาหํ, มาณว ¶ , อิมํ ปีตึ วทามิ ยายํ ปีติ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ.
‘‘กตมา จ, มาณว, ปีติ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ? อิธ, มาณว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, มาณว, ปีติ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ¶ ธมฺเมหิ. ปุน จปรํ, มาณว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยมฺปิ โข, มาณว, ปีติ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ.
๔๖๙. ‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, กตเมตฺถ [กเมตฺถ (ก. สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พฺราหฺมณา ธมฺมํ มหปฺผลตรํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนายา’’ติ? ‘‘เยเม, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย ¶ กุสลสฺส อาราธนาย, จาคเมตฺถ พฺราหฺมณา ธมฺมํ มหปฺผลตรํ ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนายา’’ติ.
‘‘ตํ กิ มฺสิ, มาณว, อิธ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส มหายฺโ ปจฺจุปฏฺิโต อสฺส. อถ ทฺเว พฺราหฺมณา อาคจฺเฉยฺยุํ – ‘อิตฺถนฺนามสฺส พฺราหฺมณสฺส มหายฺํ อนุภวิสฺสามา’ติ. ตตฺเรกสฺส [ตตฺเถกสฺส (ปี.)] พฺราหฺมณสฺส เอวมสฺส – ‘อโห วต! อหเมว ลเภยฺยํ ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, น อฺโ พฺราหฺมโณ ลเภยฺย ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑ’นฺติ. านํ โข ปเนตํ, มาณว ¶ , วิชฺชติ ยํ อฺโ พฺราหฺมโณ ลเภยฺย ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, น โส พฺราหฺมโณ ลเภยฺย ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ. ‘อฺโ พฺราหฺมโณ ลภติ ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, นาหํ ลภามิ ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑ’นฺติ – อิติ โส ¶ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน. อิมสฺส ปน, มาณว, พฺราหฺมณา กึ วิปากํ ปฺเปนฺตี’’ติ? ‘‘น ขฺเวตฺถ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เอวํ ทานํ เทนฺติ – ‘อิมินา ปโร กุปิโต โหตุ อนตฺตมโน’ติ. อถ ขฺเวตฺถ พฺราหฺมณา อนุกมฺปาชาติกํเยว [อนุกมฺปชาติกํเยว (สฺยา. กํ. ก.)] ทานํ เทนฺตี’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต, โข, มาณว, พฺราหฺมณานํ อิทํ ฉฏฺํ ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ – ยทิทํ อนุกมฺปาชาติก’’นฺติ. ‘‘เอวํ สนฺเต, โภ โคตม, พฺราหฺมณานํ อิทํ ฉฏฺํ ปฺุกิริยวตฺถุ โหติ – ยทิทํ อนุกมฺปาชาติก’’นฺติ.
‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, อิเม ตฺวํ ปฺจ ธมฺเม กตฺถ พหุลํ สมนุปสฺสสิ – คหฏฺเสุ วา ปพฺพชิเตสุ วา’’ติ? ‘‘เยเม, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, อิมาหํ ปฺจ ธมฺเม ปพฺพชิเตสุ ¶ พหุลํ สมนุปสฺสามิ อปฺปํ คหฏฺเสุ. คหฏฺโ หิ, โภ โคตม, มหฏฺโ มหากิจฺโจ มหาธิกรโณ มหาสมารมฺโภ, น สตตํ สมิตํ สจฺจวาที ¶ โหติ; ปพฺพชิโต โข ปน, โภ โคตม, อปฺปฏฺโ อปฺปกิจฺโจ อปฺปาธิกรโณ อปฺปสมารมฺโภ, สตตํ สมิตํ สจฺจวาที โหติ. คหฏฺโ หิ, โภ โคตม, มหฏฺโ มหากิจฺโจ มหาธิกรโณ มหาสมารมฺโภ น สตตํ สมิตํ ตปสฺสี โหติ… พฺรหฺมจารี โหติ… สชฺฌายพหุโล โหติ… จาคพหุโล โหติ; ปพฺพชิโต โข ปน, โภ โคตม, อปฺปฏฺโ อปฺปกิจฺโจ อปฺปาธิกรโณ อปฺปสมารมฺโภ สตตํ สมิตํ ตปสฺสี โหติ… พฺรหฺมจารี โหติ… สชฺฌายพหุโล โหติ… จาคพหุโล ¶ โหติ. เยเม, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, อิมาหํ ปฺจ ธมฺเม ปพฺพชิเตสุ พหุลํ สมนุปสฺสามิ อปฺปํ คหฏฺเสู’’ติ.
‘‘เย เต, มาณว, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย จิตฺตสฺสาหํ เอเต ปริกฺขาเร ¶ วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนาย. อิธ, มาณว, ภิกฺขุ สจฺจวาที โหติ. โส ‘สจฺจวาทีมฺหี’ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ. ยํ ตํ กุสลูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, จิตฺตสฺสาหํ เอตํ ปริกฺขารํ วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนาย. อิธ, มาณว, ภิกฺขุ ตปสฺสี โหติ…เป… พฺรหฺมจารี โหติ…เป… สชฺฌายพหุโล โหติ…เป… จาคพหุโล โหติ. โส ‘จาคพหุโลมฺหี’ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ. ยํ ตํ กุสลูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, จิตฺตสฺสาหํ เอตํ ปริกฺขารํ วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนาย. เย ¶ เต มาณว, พฺราหฺมณา, ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย, จิตฺตสฺสาหํ เอเต ปริกฺขาเร วทามิ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนายา’’ติ.
๔๗๐. เอวํ วุตฺเต, สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม – ‘สมโณ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ ชานาตี’’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มาณว, อาสนฺเน อิโต นฬการคาโม, น ยิโต ทูเร นฬการคาโม’’ติ?
‘‘เอวํ, โภ, อาสนฺเน อิโต นฬการคาโม ¶ , น ยิโต ทูเร นฬการคาโม’’ติ.
‘‘ตํ, กึ มฺสิ มาณว, อิธสฺส ปุริโส นฬการคาเม ชาตวทฺโธ [ชาตวฑฺโฒ (สฺยา. กํ. ก.)]; ตเมนํ นฬการคามโต ตาวเทว อวสฏํ [อปสกฺกํ (สฺยา. กํ. ก.)] นฬการคามสฺส มคฺคํ ปุจฺเฉยฺยุํ; สิยา นุ โข, มาณว, ตสฺส ¶ ปุริสสฺส นฬการคาเม ชาตวทฺธสฺส นฬการคามสฺส มคฺคํ ปุฏฺสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา วิตฺถายิตตฺตํ วา’’ติ?
‘‘โน หิทํ, โภ โคตม’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?
‘‘อมุ หิ, โภ โคตม, ปุริโส นฬการคาเม ชาตวทฺโธ. ตสฺส สพฺพาเนว นฬการคามสฺส มคฺคานิ สุวิทิตานี’’ติ. ‘‘สิยา นุ โข, มาณว, ตสฺส ปุริสสฺส นฬการคาเม ชาตวทฺธสฺส นฬการคามสฺส มคฺคํ ปุฏฺสฺส ทนฺธายิตตฺตํ ¶ วา วิตฺถายิตตฺตํ วาติ, น ตฺเวว ตถาคตสฺส พฺรหฺมโลกํ วา พฺรหฺมโลกคามินึ วา ปฏิปทํ ปุฏฺสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา วิตฺถายิตตฺตํ วา. พฺรหฺมานฺจาหํ, มาณว, ปชานามิ พฺรหฺมโลกฺจ พฺรหฺมโลกคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถาปฏิปนฺโน จ พฺรหฺมโลกํ อุปปนฺโน ตฺจ ปชานามี’’ติ ¶ .
‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม – ‘สมโณ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตี’ติ. สาธุ เม ภวํ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตู’’ติ.
‘‘เตน หิ, มาณว, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
๔๗๑. ‘‘กตโม จ, มาณว, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค? อิธ, มาณว, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺติ. เสยฺยถาปิ, มาณว, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จาตุทฺทิสา วิฺาเปยฺย [เอวเมว โข มาณว เอวํ ภาวิตาย เมตฺตาย (สี. สฺยา. กํ. ปี. ที. นิ. ๑.๕๕๖) ตถาปิ อิธ ปาโเยว อุปมาย สํสนฺทิยมาโน ปริปุณฺโณ วิย ทิสฺสติ]; เอวเมว โข, มาณว…เป… เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, เมตฺตาย [เอวเมว โข มาณว เอวํ ภาวิตาย เมตฺตาย (สี. สฺยา. กํ. ปี. ที. นิ. ๑.๕๕๖) ตถาปิ อิธ ปาโเยว อุปมาย สํสนฺทิยมาโน ปริปุณฺโณ วิย ทิสฺสติ] เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ ¶ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺติ. อยมฺปิ โข, มาณว, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค. ‘‘ปุน ¶ จปรํ, มาณว, ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน ¶ มหคฺคเตน อปฺปมาเณน ¶ อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, อุเปกฺขาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺติ. เสยฺยถาปิ, มาณว, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จาตุทฺทิสา วิฺาเปยฺย; เอวเมว โข, มาณว…เป… เอวํ ภาวิตาย โข, มาณว, อุเปกฺขาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺติ. อยมฺปิ โข, มาณว, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโค’’ติ.
๔๗๒. เอวํ วุตฺเต, สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ. หนฺท, จ ทานิ มยํ, โภ โคตม, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มาณว, กาลํ มฺสี’’ติ. อถ โข สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
เตน โข ปน สมเยน ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ สพฺพเสเตน วฬวาภิรเถน [วฬภีรเถน (สี.)] สาวตฺถิยา นิยฺยาติ ทิวา ทิวสฺส. อทฺทสา โข ชาณุสฺโสณิ ¶ พฺราหฺมโณ สุภํ มาณวํ โตเทยฺยปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน สุภํ มาณวํ โตเทยฺยปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ภวํ ภารทฺวาโช อาคจฺฉติ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘อิโต หิ โข อหํ, โภ ¶ , อาคจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ภวํ ภารทฺวาโช, สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ปณฺฑิโต มฺเติ’’? ‘‘โก ¶ จาหํ, โภ, โก จ สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ¶ ชานิสฺสามิ? โสปิ นูนสฺส ตาทิโสว โย สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชาเนยฺยา’’ติ. ‘‘อุฬาราย ขลุ, ภวํ ภารทฺวาโช, สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตี’’ติ. ‘‘โก จาหํ, โภ, โก จ สมณํ โคตมํ ปสํสิสฺสามิ? ปสตฺถปสตฺโถว โส ภวํ โคตโม เสฏฺโ เทวมนุสฺสานํ. เย จิเม, โภ, พฺราหฺมณา ปฺจ ธมฺเม ปฺเปนฺติ ปฺุสฺส กิริยาย กุสลสฺส อาราธนาย; จิตฺตสฺเสเต สมโณ โคตโม ปริกฺขาเร วเทติ – ยทิทํ จิตฺตํ อเวรํ อพฺยาพชฺฌํ ตสฺส ภาวนายา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ สพฺพเสตา วฬวาภิรถา โอโรหิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘ลาภา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, สุลทฺธลาภา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ยสฺส วิชิเต ตถาคโต วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ.
สุภสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.
๑๐. สงฺคารวสุตฺตํ
๔๗๓. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. เตน โข ปน สมเยน ธนฺชานี [ธานฺชานี (สี. ปี.)] นาม พฺราหฺมณี จฺจลิกปฺเป [มณฺฑลกปฺเป (สี.), ปจฺจลกปฺเป (สฺยา. กํ.), จณฺฑลกปฺเป (ปี.)] ปฏิวสติ อภิปฺปสนฺนา พุทฺเธ จ ธมฺเม จ สงฺเฆ จ. อถ โข ธนฺชานี พฺราหฺมณี อุปกฺขลิตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ ¶ .
เตน โข ปน สมเยน สงฺคารโว นาม มาณโว จฺจลิกปฺเป ปฏิวสติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ¶ , ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. อสฺโสสิ โข สงฺคารโว มาณโว ธนฺชานิยา พฺราหฺมณิยา เอวํ วาจํ ภาสมานาย. สุตฺวา ธนฺชานึ พฺราหฺมณึ เอตทโวจ – ‘‘อวภูตาว อยํ [อวภูตา จยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธนฺชานี พฺราหฺมณี, ปรภูตาว อยํ [ปราภูตา จยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธนฺชานี พฺราหฺมณี, วิชฺชมานานํ (เตวิชฺชานํ) [( ) สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] พฺราหฺมณานํ, อถ จ ปน ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสิสฺสตี’’ติ [ภาสตีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี)]. ‘‘น หิ ปน ตฺวํ, ตาต ภทฺรมุข, ตสฺส ภควโต สีลปฺาณํ ชานาสิ. สเจ ตฺวํ, ตาต ภทฺรมุข, ตสฺส ภควโต สีลปฺาณํ ชาเนยฺยาสิ, น ตฺวํ, ตาต ภทฺรมุข, ตํ ภควนฺตํ อกฺโกสิตพฺพํ ปริภาสิตพฺพํ มฺเยฺยาสี’’ติ. ‘‘เตน หิ, โภติ, ยทา สมโณ โคตโม จฺจลิกปฺปํ อนุปฺปตฺโต โหติ อถ ¶ เม อาโรเจยฺยาสี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภทฺรมุขา’’ติ โข ธนฺชานี พฺราหฺมณี สงฺคารวสฺส มาณวสฺส ปจฺจสฺโสสิ.
อถ โข ภควา โกสเลสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน จฺจลิกปฺปํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา จฺจลิกปฺเป วิหรติ โตเทยฺยานํ พฺราหฺมณานํ อมฺพวเน. อสฺโสสิ โข ธนฺชานี พฺราหฺมณี – ‘‘ภควา กิร จฺจลิกปฺปํ อนุปฺปตฺโต, จฺจลิกปฺเป วิหรติ โตเทยฺยานํ พฺราหฺมณานํ อมฺพวเน’’ติ. อถ โข ธนฺชานี พฺราหฺมณี เยน สงฺคารโว มาณโว เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา สงฺคารวํ มาณวํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ตาต ภทฺรมุข, โส ภควา จฺจลิกปฺปํ อนุปฺปตฺโต, จฺจลิกปฺเป วิหรติ โตเทยฺยานํ พฺราหฺมณานํ อมฺพวเน. ยสฺสทานิ, ตาต ภทฺรมุข, กาลํ มฺสี’’ติ.
๔๗๔. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข สงฺคารโว มาณโว ธนฺชานิยา พฺราหฺมณิยา ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ ¶ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สงฺคารโว มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺติ โข, โภ โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ. ตตฺร, โภ โคตม, เย ¶ เต สมณพฺราหฺมณา ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ, เตสํ ภวํ โคตโม กตโม’’ติ? ‘‘ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตานํ, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺตานมฺปิ ¶ โข อหํ, ภารทฺวาช, เวมตฺตํ วทามิ. สนฺติ, ภารทฺวาช, เอเก สมณพฺราหฺมณา อนุสฺสวิกา. เต อนุสฺสเวน ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ; เสยฺยถาปิ พฺราหฺมณา เตวิชฺชา. สนฺติ ปน, ภารทฺวาช, เอเก สมณพฺราหฺมณา เกวลํ สทฺธามตฺตเกน ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ; เสยฺยถาปิ ตกฺกี วีมํสี. สนฺติ, ภารทฺวาช, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํเยว ธมฺมํ อภิฺาย ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ. ตตฺร, ภารทฺวาช, เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํเยว ธมฺมํ อภิฺาย ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ, เตสาหมสฺมิ. ตทมินาเปตํ, ภารทฺวาช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํเยว ธมฺมํ อภิฺาย ทิฏฺธมฺมาภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ, เตสาหมสฺมิ.
๔๗๕. ‘‘อิธ เม, ภารทฺวาช, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เอตทโหสิ – ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ¶ ปพฺพเชยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, อปเรน ¶ สมเยน ทหโรว สมาโน สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ¶ ปเมน วยสา อกามกานํ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชึ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส กาลาม, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อาฬาโร กาลาโม มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา. ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ ¶ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน ‘าณวาทฺจ วทามิ, เถรวาทฺจ ชานามิ, ปสฺสามี’ติ จ ปฏิชานามิ, อหฺเจว อฺเ จ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ; อทฺธา อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหรตี’ติ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ ¶ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อาฬาโร กาลาโม อากิฺจฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข อาฬารสฺเสว กาลามสฺส อตฺถิ วีริยํ…เป… สติ… สมาธิ… ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ปฺา. ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ อาฬาโร กาลาโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข อหํ, อาวุโส, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม. อิติ ยาหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตมหํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ ปเวเทมิ. อิติ ยาหํ ธมฺมํ ชานามิ ¶ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ, ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตมหํ ธมฺมํ ชานามิ ¶ . อิติ ยาทิโส อหํ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส อหํ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, อุโภว สนฺตา อิมํ คณํ ปริหรามา’ติ. อิติ โข, ภารทฺวาช, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อตฺตโน อนฺเตวาสึ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว อากิฺจฺายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.
๔๗๖. ‘‘โส โข อหํ, ภารทฺวาช, กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส [ปสฺส ม. นิ. ๑.๒๗๘ ปาสราสิสุตฺเต], อิมสฺมึ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อุทโก รามปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘วิหรตายสฺมา. ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิฺู ปุริโส นจิรสฺเสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณึ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตาวตเกเนว โอฏฺปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน ‘าณวาทฺจ วทามิ, เถรวาทฺจ ชานามิ, ปสฺสามี’ติ จ ปฏิชานามิ, อหฺเจว อฺเ จ ¶ . ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข ราโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ; อทฺธา ราโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหาสี’ติ. อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อุทโก รามปุตฺโต เนวสฺานาสฺายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข รามสฺเสว อโหสิ สทฺธา, มยฺหํปตฺถิ สทฺธา; น โข รามสฺเสว อโหสิ วีริยํ…เป… สติ… สมาธิ… ปฺา, มยฺหํปตฺถิ ปฺา. ยํนูนาหํ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรามีติ ปเวเทสิ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรสฺเสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ – ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ¶ ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ ¶ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจารึ ปสฺสาม. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ, ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตํ ธมฺมํ ราโม อภิฺาสิ. อิติ ยาทิโส ราโม อโหสิ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส ราโม อโหสิ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, ตุวํ อิมํ คณํ ปริหรา’ติ. อิติ โข, ภารทฺวาช, อุทโก รามปุตฺโต สพฺรหฺมจารี เม สมาโน อาจริยฏฺาเน มํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิฺาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว เนวสฺานาสฺายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมึ.
๔๗๗. ‘‘โส โข อหํ, ภารทฺวาช, กึกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน มคเธสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน อุรุเวฬา เสนานิคโม ตทวสรึ. ตตฺถทฺทสํ รมณียํ ภูมิภาคํ, ปาสาทิกฺจ วนสณฺฑํ, นทิฺจ สนฺทนฺตึ เสตกํ สุปติตฺถํ รมณียํ, สมนฺตา ¶ จ โคจรคามํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘รมณีโย วต, โภ, ภูมิภาโค, ปาสาทิโก จ วนสณฺโฑ, นที จ สนฺทติ เสตกา สุปติตฺถา รมณียา, สมนฺตา จ โคจรคาโม. อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’ติ ¶ . โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตตฺเถว นิสีทึ – ‘อลมิทํ ปธานายา’ติ. อปิสฺสุ มํ, ภารทฺวาช, ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ภารทฺวาช, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, โภ โคตม, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ, ตฺจ ¶ ปน อุทเก นิกฺขิตฺตํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภารทฺวาช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ อวูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน จปิ เต ¶ โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ภารทฺวาช, ปมา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๔๗๘. ‘‘อปราปิ โข มํ, ภารทฺวาช, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ภารทฺวาช, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ โคตม. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, โภ โคตม, อลฺลํ กฏฺํ สสฺเนหํ, กิฺจาปิ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ¶ ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภารทฺวาช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต ¶ โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ภารทฺวาช, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๔๗๙. ‘‘อปราปิ ¶ โข มํ, ภารทฺวาช, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณึ อาทาย – ‘อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺสิ, ภารทฺวาช, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณึ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคึ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ โภ โคตม. ตํ กิสฺส เหตุ? อทฺุหิ, โภ โคตม, สุกฺขํ กฏฺํ โกฬาปํ, ตฺจ ปน อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺต’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, ภารทฺวาช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ สุปฺปหีโน โหติ สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ¶ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ภารทฺวาช, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. อิมา โข มํ, ภารทฺวาช, ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
๔๘๐. ‘‘ตสฺส ¶ มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺเหยฺยํ อภินิปฺปีเฬยฺยํ อภิสนฺตาเปยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหามิ อภินิปฺปีเฬมิ อภิสนฺตาเปมิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, พลวา ปุริโส ทุพฺพลตรํ ปุริสํ สีเส วา คเหตฺวา ขนฺเธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคณฺเหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย, เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
๔๘๑. ‘‘ตสฺส ¶ ¶ มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. เสยฺยถาปิ นาม กมฺมารคคฺคริยา ธมมานาย อธิมตฺโต สทฺโท โหติ, เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, พลวา ปุริโส, ติณฺเหน สิขเรน มุทฺธนิ อภิมตฺเถยฺย, เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต ¶ จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ ¶ , อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, พลวา ปุริโส ทฬฺเหน วรตฺตกฺขณฺเฑน สีเส สีสเวํ ทเทยฺย, เอวเมว โข, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา ¶ วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. เสยฺยถาปิ ¶ , ภารทฺวาช, ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา ติณฺเหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉึ ปริกนฺเตยฺย, เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉึ ปริกนฺตนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธึ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ ¶ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห โหติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ, เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺโต กายสฺมึ ฑาโห โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต. อปิสฺสุ มํ, ภารทฺวาช, เทวตา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาลงฺกโต สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺจา ¶ เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, อปิ จ กาลงฺกโรตี’ติ. เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, นาปิ กาลงฺกโรติ; อรหํ สมโณ โคตโม, วิหาโรตฺเวว โส อรหโต เอวรูโป โหตี’ติ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺเชยฺย’นฺติ. อถ โข มํ, ภารทฺวาช, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘มา โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิ. สเจ โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิสฺสสิ, ตสฺส เต มยํ ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรสฺสาม. ตาย ตฺวํ ยาเปสฺสสี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘อหฺเจว โข ปน สพฺพโส อชชฺชิตํ ปฏิชาเนยฺยํ, อิมา จ เม เทวตา ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรยฺยุํ, ตาย จาหํ ยาเปยฺยํ. ตํ มมสฺส มุสา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตา เทวตา ปจฺจาจิกฺขามิ, ‘หล’นฺติ วทามิ.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ ปสตํ ปสตํ ¶ , ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูส’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรสึ ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ ¶ , ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, โถกํ โถกํ อาหารํ ¶ อาหารยโต ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสํ, อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา, เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม โอฏฺปทํ, เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม วฏฺฏนาวฬี, เอวเมวสฺสุ เม ปิฏฺิกณฺฏโก อุณฺณตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปานสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุ อามกจฺฉินฺโน วาตาตเปน สํผุฏิโต โหติ สมฺมิลาโต, เอวเมวสฺสุ เม สีสจฺฉวิ สํผุฏิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ‘อุทรจฺฉวึ ปริมสิสฺสามี’ติ ปิฏฺิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ‘ปิฏฺิกณฺฏกํ ปริมสิสฺสามี’ติ อุทรจฺฉวึเยว ปริคฺคณฺหามิ; ยาวสฺสุ เม, ภารทฺวาช, อุทรจฺฉวิ ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ภารทฺวาช ¶ , ‘วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามี’ติ ตตฺเถว อวกุชฺโช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, อิมเมว กายํ อสฺสาเสนฺโต ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชามิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. อปิสฺสุ มํ, ภารทฺวาช, มนุสฺสา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘กาโฬ สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม, สาโม สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม นปิ สาโม, มงฺคุรจฺฉวิ สมโณ โคตโม’ติ; ยาวสฺสุ เม, ภารทฺวาช, ตาว ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต อุปหโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย.
๔๘๒. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ อตีตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยึสุ ¶ , เอตาวปรมํ, นยิโต ภิยฺโย; เยปิ หิ เกจิ อนาคตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยิสฺสนฺติ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิยฺโย; เยปิ หิ เกจิ ¶ เอตรหิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิยฺโย. น โข ปนาหํ อิมาย กฏุกาย ทุกฺกรการิกาย อธิคจฺฉามิ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ. สิยา นุ โข อฺโ มคฺโค โพธายา’ติ ¶ ? ตสฺส มยฺหํ ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘อภิชานามิ โข ปนาหํ ปิตุ สกฺกสฺส กมฺมนฺเต สีตาย ชมฺพุจฺฉายาย นิสินฺโน วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตา. สิยา นุ โข เอโส มคฺโค โพธายา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, สตานุสาริ วิฺาณํ อโหสิ – ‘เอเสว มคฺโค โพธายา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘กึ นุ โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ ยํ ตํ สุขํ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ ยํ ตํ สุขํ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ.
๔๘๓. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ – ‘น โข ตํ สุกรํ สุขํ อธิคนฺตุํ เอวํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกาเยน. ยํนูนาหํ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ โอทนกุมฺมาส’นฺติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสึ โอทนกุมฺมาสํ. เตน โข ปน มํ, ภารทฺวาช, สมเยน ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ปจฺจุปฏฺิตา โหนฺติ – ‘ยํ โข สมโณ โคตโม ธมฺมํ อธิคมิสฺสติ ตํ โน อาโรเจสฺสตี’ติ. ยโต โข อหํ, ภารทฺวาช, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสึ โอทนกุมฺมาสํ, อถ เม เต ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู นิพฺพิชฺช ปกฺกมึสุ – ‘พาหุลฺลิโก สมโณ โคตโม ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลายา’ติ.
‘‘โส โข อหํ, ภารทฺวาช, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตฺวา พลํ ¶ คเหตฺวา วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ ¶ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ¶ ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อยํ โข เม, ภารทฺวาช, รตฺติยา ปเม ยาเม ปมา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
๔๘๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ ¶ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ…เป… อยํ โข เม, ภารทฺวาช, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ ¶ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสึ. อยํ โข เม, ภารทฺวาช, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา ¶ วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต’’ติ.
๔๘๕. เอวํ วุตฺเต, สงฺคารโว มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อฏฺิตวตํ [อฏฺิต วต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โภโต โคตมสฺส ปธานํ อโหสิ, สปฺปุริสวตํ [สปฺปุริส วต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โภโต โคตมสฺส ปธานํ อโหสิ; ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. กึ นุ โข, โภ โคตม, อตฺถิ เทวา’’ติ [อธิเทวาติ (ก.) เอวํ สพฺเพสุ ‘อตฺถิ เทวา’ติปเทสุ]? ‘‘านโส เมตํ [โข ปเนตํ (สฺยา. กํ. ก.)], ภารทฺวาช, วิทิตํ ยทิทํ – อธิเทวา’’ติ [อตฺถิ เทวาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อติเทวาติ (?) เอวํ สพฺเพสุ ‘อธิเทวา’ติปเทสุ]. ‘‘กึ นุ โข, โภ โคตม, ‘อตฺถิ เทวา’ติ ปุฏฺโ สมาโน ‘านโส เมตํ, ภารทฺวาช ¶ , วิทิตํ ยทิทํ อธิเทวา’ติ วเทสิ. นนุ, โภ โคตม, เอวํ สนฺเต ตุจฺฉา มุสา โหตี’’ติ? ‘‘‘อตฺถิ เทวา’ติ, ภารทฺวาช, ปุฏฺโ สมาโน ‘อตฺถิ เทวา’ติ ¶ โย วเทยฺย, ‘านโส เม วิทิตา’ติ [านโส วิทิตา เม วิทิตาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), านโส เม วิทิตา อติเทวาติ (?)] โย วเทยฺย; อถ ขฺเวตฺถ วิฺุนา ปุริเสน เอกํเสน นิฏฺํ คนฺตพฺพํ [คนฺตุํ (ก.), คนฺตุํ วา (สฺยา. กํ.)] ยทิทํ – ‘อตฺถิ เทวา’’’ติ. ‘‘กิสฺส ปน เม ภวํ โคตโม อาทิเกเนว น พฺยากาสี’’ติ [โคตโม อาทิเกเนว พฺยากาสีติ (ก.), โคตโม อตฺถิ เทวาติ น พฺยากาสีติ (?)]? ‘‘อุจฺเจน สมฺมตํ โข เอตํ, ภารทฺวาช, โลกสฺมึ ยทิทํ – ‘อตฺถิ เทวา’’’ติ.
๔๘๖. เอวํ วุตฺเต, สงฺคารโว มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ – เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ¶ ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ¶ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
สงฺคารวสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.
พฺราหฺมณวคฺโค นิฏฺิโต ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
พฺรหฺมายุ เสลสฺสลายโน, โฆฏมุโข จ พฺราหฺมโณ;
จงฺกี เอสุ ธนฺชานิ, วาเสฏฺโ สุภคารโวติ.
อิทํ วคฺคานมุทฺทานํ –
วคฺโค คหปติ ภิกฺขุ, ปริพฺพาชกนามโก;
ราชวคฺโค พฺราหฺมโณติ, ปฺจ มชฺฌิมอาคเม.
มชฺฌิมปณฺณาสกํ สมตฺตํ.