📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มชฺฌิมนิกาเย
มชฺฌิมปณฺณาสฏีกา
๑. คหปติวคฺโค
๑. กนฺทรกสุตฺตวณฺณนา
๑. อารามโปกฺขรณีอาทีสูติ ¶ ¶ อารามโปกฺขรณีอุยฺยานเจติยฏฺานาทีสุ. อุสฺสนฺนาติ พหุลา. อโสกกณิการโกวิฬารกุมฺภีราชรุกฺเขหิ สมฺมิสฺสตาย ตํ จมฺปกวนํ นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมปฏิมณฺฑิตนฺติ ทฏฺพฺพํ, น จมฺปกรุกฺขานํเยว นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมตายาติ วทนฺติ. ภควา กุสุมคนฺธสุคนฺเธ จมฺปกวเน วิหรตีติ อิมินา น มาปนกาเล เอว ตสฺมึ นคเร จมฺปกรุกฺขา อุสฺสนฺนา, อถ โข อปรภาเคปีติ ทสฺเสติ. ‘‘ปฺจสตมตฺเตหิ อฑฺฒเตฬเสหี’’ติ เอวํ อทสฺสิตปริจฺเฉเทน. หตฺถิโน จาเรติ สิกฺขาเปตีติ หตฺถาจริโย หตฺถีนํ สิกฺขาปโก, ตสฺส ปุตฺโตติ อาห ‘‘หตฺถาจริยสฺส ปุตฺโต’’ติ. ตทา ภควา เตสํ ปสาทชนนตฺถํ อตฺตโน พุทฺธานุภาวํ อนิคุหิตฺวาว นิสินฺโนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฉพฺพณฺณานํ ฆนพุทฺธรสฺมีน’’นฺติอาทิมาห. ภควโต เจว คารเวนาติ ภควโต ครุภาเวน, ภควติ คารเวนาติ วา ปาโ.
นิจฺจํ ¶ น โหตีติ อภิณฺหํ น โหติ, กทาจิเทว โหตีติ อตฺโถ. อภิณฺหนิจฺจตา หิ อิธ อธิปฺเปตา, น กูฏฏฺนิจฺจตา. โลเก กิฺจิ วิมฺหยาวหํ ทิสฺวา หตฺถวิการมฺปิ กโรนฺติ, องฺคุลึ วา โผฏยนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ¶ ‘‘อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺต’’นฺติ. อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อยํ นิรุตฺตินโย เยภุยฺเยน อุปาทาย รุฬฺหีวเสน วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘เยปิ เต, โภ โคตม, อเหสุํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, กิฺจิ อกตฺตพฺพมฺปิ กริยมานํ ทุกฺกรภาเวน วิมฺหยาวหํ โหติ, ตถา กิฺจิ กตฺตพฺพํ, ปุริมํ ครหจฺฉริยํ, ปจฺฉิมํ ปสํสจฺฉริยํ, ตทุภยํ สุตฺตปทโส ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สมฺมา ปฏิปาทิโตติ สมฺมาปฏิปทายํ ปิโต. เอสา ปฏิปทา ปรมาติ เอตปรมํ, ภาวนปุํสกนิทฺเทโสยํ ยถา ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๐). อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภควา ภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิปทาย ตุมฺเหหิ ปฏิปาทิโต, อตีเตปิ กาเล พุทฺธา เอตปรมํเยว ภิกฺขุสงฺฆํ สมฺมา ปฏิปาเทสุํ, อนาคเตปิ กาเล เอตปรมํเยว ภิกฺขุสงฺฆํ สมฺมา ปฏิปาเทสฺสนฺตีติ ปริพฺพาชโก นยคฺคาเหน ทิฏฺเน อทิฏฺํ อนุมินนฺโต สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ สาสเน สงฺฆสุปฺปฏิปตฺตึ มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย สมสมํ กตฺวา ทสฺเสติ, เอวํ ทสฺเสนฺโต จ เตสํ สุธมฺมตฺจ ตถา ทสฺเสติ เอวาติ เวทิตพฺโพ, พุทฺธสุพุทฺธตา ปน เนสํ สรูเปเนว ทสฺสิตาติ. น อิโต ภิยฺโยติ อิมินา ปาฬิยํ เอตปรมํเยวาติ อวธารเณน นิวตฺติตํ ทสฺเสติ สีลปทฏฺานตฺตา สมาธิสฺส, สมาธิปทฏฺานตฺตา จ ปฺาย สีเลปิ จ อภิสมาจาริกปุพฺพกตฺตา อาทิพฺรหฺมจริยกสฺส วุตฺตํ ‘‘อาภิสมาจาริกวตฺตํ อาทึ กตฺวา’’ติ.
๒. ปุจฺฉานุสนฺธิอาทีสุ อนนฺโตคธตฺตา ‘‘ปาฏิเอกฺโก อนุสนฺธี’’ติ วตฺวา ตเมวตฺถํ ปากฏํ กาตุํ ‘‘ภควา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปสนฺตการณนฺติ อุปสนฺตภาวการณํ. ตฺหิ อริยานํเยว วิสโย, ตตฺถาปิ จ พุทฺธานํ เอว อนวเสสโต วิสโยติ อิมมตฺถํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ ทสฺเสตุํ น หิ ตฺวนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ าตตฺถจริยา กากชาตกาทิวเสน เวทิตพฺพา, โลกตฺถจริยา ตํตํปารมิปูรณวเสน, พุทฺธตฺถจริยา มหาโพธิชาตกาทิวเสน. อจฺฉริยํ โภ โคตมาติอาทินา กนฺทรเกน กตํ ปสาทปเวทนํ ทสฺเสติ.
เยปิ เตติอาทินา เตน วุตฺตมตฺถํ ปจฺจนุภาสนฺเตน ภควตา สมฺปฏิจฺฉิตนฺติ จริตตฺตา อาห – ‘‘สนฺติ หิ กนฺทรกาติ อยมฺปิ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธี’’ติ ¶ . โย หิ กนฺทรเกน ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปสนฺตภาโว กิตฺติโต, ตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโตปิ เตน อปุจฺฉิโตเยว อตฺตโน อชฺฌาสเยน ภควา ‘‘สนฺติ หี’’ติอาทินา เทสนํ อารภิ. เตนาห ‘‘ภควโต กิร เอตทโหสี’’ ¶ ติอาทิ. กปฺเปตฺวาติ อฺถา สนฺตเมว อตฺตานํ อฺถา วิธาย. ปกปฺเปตฺวาติ สนิทสฺสนวเสน คเหตฺวา. เตนาห ‘‘กุหกภาเวนา’’ติอาทิ. ปฏิปทํ ปูรยมานาติ กามํ อวิเสเสน เสกฺขา วุจฺจนฺติ, เต ปน อธิคตมคฺควเสน ‘‘ปูรยมานา’’ติ น วตฺตพฺพา กิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา. มคฺโค หิ เอกจิตฺตกฺขณิโกติ อาห ‘‘อุปริมคฺคสฺส วิปสฺสนาย อุปสนฺตา’’ติ. อิโต มุตฺตาติ มคฺเคนาคตูปสมโต มุตฺตา. กลฺยาณปุถุชฺชเน สนฺธาย วทติ. เตนาห ‘‘จตูหิ สติปฏฺาเนหิ อุปสนฺตา’’ติ.
สตตสีลาติ อวิจฺฉินฺนสีลา. สาติสโย หิ เอเตสํ สีลสฺส อขณฺฑาทิภาโว. สุปริสุทฺธสีลตาวเสน สนฺตตา วุตฺติ เอเตสนฺติ สนฺตตวุตฺติโนติ อาห ‘‘ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. เอวํ สีลวุตฺติวเสน ‘‘สนฺตตวุตฺติโน’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ ชีวิตวุตฺติวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘สนฺตตชีวิกาวาติ อตฺโถ’’ติ อาห. สาสนสฺส ชีวิตวุตฺติ สีลสนฺนิสฺสิตา เอวาติ อาห ‘‘ตสฺมิ’’นฺติอาทิ.
นิปยติ วิโสเสติ ราคาทิสํกิเลสํ, ตโต วา อตฺตานํ นิปาตีติ นิปโก, ปฺวา. เตนาห ‘‘ปฺวนฺโต’’ติ. ปฺาย ตฺวา ชีวิกากปฺปนํ นาม พุทฺธปฏิกุฏฺมิจฺฉาชีวํ ปหาย สมฺมาชีเวน ชีวนนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา เอกจฺโจ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔) ตํสํวณฺณนายฺจ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๔) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. รถวินีตปฏิปทาทโย เตสุ เตสุ สุตฺเตสุ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. อิโต อฺตฺถ มหาโคปาลกสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๖ อาทโย) โลกุตฺตรสติปฏฺานา กถิตาติ อาห – ‘‘อิธ ปน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา สติปฏฺานา กถิตา’’ติ, สติปฏฺานสุตฺเตปิ (ที. นิ. ๒.๓๗๓-๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๖ อาทโย) โวมิสฺสกาว กถิตาติ. เอตฺตเกนาติ เอตฺตกาย เทสนาย.
๓. การกภาวนฺติ ¶ ปฏิปตฺติยํ ปฏิปชฺชนกภาวํ. มยมฺปิ นาม คิหี พหุกิจฺจา สมานา กาเลน กาลํ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา วิหราม, กิมงฺคํ ปน วิเวกวาสิโนติ อตฺตโน การกภาวํ ปเวเทนฺโต เอวํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ อุกฺขิปติ. เตนาห ‘‘อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย’’ติอาทิ. นานารมฺมเณสุ อปราปรํ อุปฺปชฺชมานานํ ราคาทิกิเลสานํ ฆนชฏิตสงฺขาตากาเรน ปวตฺติ กิเลสคหเนน คหนตา, เตนาห ‘‘อนฺโต ชฏา พหิ ชฏา, ชฏาย ชฏิตา ปชา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒). มนุสฺสานํ อชฺฌาสยคหเณน สาเยฺยมฺปีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กสฏสาเยฺเยสุปิ เอเสว นโย’’ติ. ยถา สปฺปิมธุผาณิตาทีสุ กจวรภาโว, ¶ โส กสโฏติ วุจฺจติ, เอวํ สนฺตาเน อปริสุทฺโธ สํกิเลสภาโว กสฏนฺติ อาห ‘‘อปริสุทฺธฏฺเน กสฏตา’’ติ. อตฺตนิ อสนฺตคุณสมฺภาวนํ เกราฏิยฏฺโ. ชานาตีติ ‘‘อิทํ อหิตํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ หิตํ เสวิตพฺพ’’นฺติ วิจาเรติ เทเสติ. วิจารณตฺโถปิ หิ โหติ ชานาติ-สทฺโท ยถา ‘‘อายสฺมา ชานาตี’’ติ. สพฺพาปิ…เป… อธิปฺเปตา ‘‘ปสุปาลกา’’ติอาทีสุ วิย. อิธ อนฺตร-สทฺโท ‘‘วิชฺชนฺตริกายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) วิย ขณตฺโถติ อาห ‘‘ยตฺตเกน ขเณนา’’ติ. เตนาติ หตฺถินา. ตานีติ สาเยฺยาทีนิ.
อตฺถโต กายจิตฺตุชุกตาปฏิปกฺขภูตาว โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺติอาการวิเสสาติ ตานิ ปวตฺติอากาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยสฺสาติ ปาณภูตสฺส อสฺสสฺส วา หตฺถิโน วา. สฺสามีติ ตตฺเถว สปฺปฏิภเย าเน คนฺตฺวา สฺสามีติ น โหติ. อิมสฺส สาเยฺยตาย ปากฏกรณํ วฺจนาธิปฺปายภาวโต. ตถา หิ จตูสุ าเนสุ ‘‘วฺเจตฺวา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, นิคุหนฺโต ปน ตตฺเถว คนฺตฺวา ติฏฺเยฺย. เอส นโย เสเสสุปิ. ปฏิมคฺคํ อาโรหิตุกามสฺสาติ อาคตมคฺคเมว นิวตฺติตฺวา คนฺตุกามสฺส. เลณฺฑวิสฺสชฺชนาทีสุ กาลนฺตราเปกฺขาภาวํ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา อุปสํหรติ.
อนฺโตชาตกาติ อตฺตโน ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ ชาตา. ธนกฺกีตาติ ธนํ ทตฺวา ทาสภาเวน คหิตา. กรมรานีตาติ ทาสภาเวน กรมรคฺคาหคหิตา. ทาสพฺยนฺติ ทาสภาวํ. เปสฺสาติ อทาสา เอว หุตฺวา เวยฺยาวจฺจกรา. อิมํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ อิมํ อตฺตโน หตฺถคตํ วิสฺสชฺเชตฺวา. อิมํ ¶ คณฺหนฺตาติ อิมํ ตสฺส หตฺถคตํ คณฺหนฺตา. สมฺมุขโต อฺถา ปรมฺมุขกาเล กายวาจาสมุทาจารทสฺสเนเนว จิตฺตสฺส เนสํ อฺถา ิตภาโว นิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ.
๔. อยมฺปิ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธีติ เอตฺถาปิ อนนฺตเร วุตฺตนเยเนว อนุสนฺธิโยชนา เวทิตพฺพา. เตเนวาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ. จตุตฺโถ หิตปฏิปทํ ปฏิปนฺโนติ โยชนา. ปุคฺคลสีเสน ปุคฺคลปฏิปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุคฺคเล ปหายา’’ติ อาห. ปฏิปตฺติ หิ อิธ ปหาตพฺพา, น ปุคฺคลา. ยถา อสฺสทฺธาทิปุคฺคลปริวชฺชเนน สทฺธินฺทฺริยาทิภาวนา อิชฺฌนฺติ, เอวํ มิจฺฉาปฏิปนฺนปุคฺคลปริวชฺชเนน มิจฺฉาปฏิปทา วชฺชิตพฺพาติ อาห – ‘‘ปุริเม ตโย ปุคฺคเล ปหายา’’ติ. จตุตฺถปุคฺคลสฺสาติ อิมสฺมึ จตุกฺเก วุตฺตจตุตฺถปุคฺคลสฺส หิตปฏิปตฺติยํเยว ปฏิปาเทมิ ปวตฺเตมีติ ทสฺเสนฺโต. สนฺตาติ สมํ วินาสํ นิโรธํ ปตฺตาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘นิรุทฺธา สนฺตาติ วุตฺตา’’ติ. ปุน สนฺตาติ ภาวนาวเสน กิเลสปริฬาหวิคมโต สนฺตาติ ¶ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘นิพฺพุตา’’ติ. สนฺตาติ อาเนตฺวา โยชนา. สนฺโต หเวติ เอตฺถ สมภาวกเรน สาธุภาวสฺส วิเสสปจฺจยภูเตน ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคตา อริยา ‘‘สนฺโต’’ติ วุตฺตาติ อาห – ‘‘สนฺโต หเว…เป… ปณฺฑิตา’’ติ.
อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๑๙๘) อตฺตภาโว, อิธ ปน โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา, ตํ อตฺตานํ. ปรนฺติ อตฺตโต อฺํ. ฉาตํ วุจฺจติ ตณฺหา ชิฆจฺฉาเหตุตาย. อนฺโต ตาปนกิเลสานนฺติ อตฺตโน สนฺตาเน อตฺตปริฬาหชนนสนฺตปฺปนกิเลสานํ. จิตฺตํ อาราเธตีติ จิตฺตํ ปสาเทติ, สมฺปหํเสตีติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ตถาภูโต จิตฺตํ สมฺปาเทนฺโต อชฺฌาสยํ คณฺหนฺโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จิตฺตํ สมฺปาเทตี’’ติอาทิ.
๕. ทุกฺขํ ปฏิกฺกูลํ เชคุจฺฉํ เอตสฺสาติ ทุกฺขปฏิกฺกูโล ตํ ทุกฺขปฏิกฺกูลํ. วิเสสนวิเสสิตพฺพตา หิ กามจารา. อฏฺกถายํ ปน ทุกฺขสฺส วิเสสิตพฺพตํ สนฺธาย พาหิรตฺถสมาสํ อนาทิยิตฺวา ‘‘ทุกฺขสฺส ปฏิกฺกูล’’นฺติ อตฺโถ วุตฺโต. เยน หิ ภาเคน ปุริสสฺส ทุกฺขํ ปฏิกฺกูลํ, เตน ทุกฺขสฺส ปุริโสปีติ. เตนาห – ‘‘ปจฺจนีกสณฺิต’’นฺติ.
๖. จตูหิ ¶ การเณหีติ ธาตุกุสลตาทีหิ จตูหิ การเณหิ. กมฺมํ กโรตีติ โยคกมฺมํ กโรติ. ยสฺมา สมฺพุทฺธา ปเรสํ มคฺคผลาธิคมาย อุสฺสาหชาตา, ตตฺถ นิรนฺตรํ ยุตฺตปฺปยุตฺตา เอว โหนฺติ, เต ปฏิจฺจ เตสํ อนฺตราโย น โหติเยวาติ อาห ‘‘น ปน พุทฺเธ ปฏิจฺจา’’ติ. กิริยปริหานิยา เทสกสฺส ตสฺเสว วา ปุคฺคลสฺส ตชฺชปโยคาภาวโต. ‘‘เทสกสฺส วา’’ติ อิทํ สาวกานํ วเสน ทฏฺพฺพํ. มหตา อตฺเถนาติ เอตฺถ อตฺถ-สทฺโท อานิสํสปริยาโยติ อาห ‘‘ทฺวีหิ อานิสํเสหี’’ติ. ปสาทํ ปฏิลภติ ‘‘อรหนฺโต’’ติอาทินา สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติยา สุตตฺตา. อภินโว นโย อุทปาทิ สนฺตตสีลตาทิวเสน อนตฺตนฺตปตาทิวเสน, โสปิ ตํ สุตฺวา ทาสาทีสุ สวิเสสํ ลชฺชี ทยาปนฺโน หิตานุกมฺปี หุตฺวา เสกฺขปฏิปทํ สีลํ สาเธนฺโต อนุกฺกเมน สติปฏฺานภาวนํ ปริพฺรูเหติ. เตนาห ภควา ‘‘มหตา อตฺเถน สํยุตฺโต’’ติ.
๘. ปเรสํ หนนฆาตนาทินา โรทาปนโต ลุทฺโท, ตถา วิฆาตกภาเวน กายจิตฺตานํ วิทารณโต ทารุโณ, วิรุทฺธวาทตาย กกฺขโฬ, พนฺธนาคาเร นิยุตฺโต พนฺธนาคาริโก.
๙. ขตฺติยาภิเสเกนาติ ¶ ขตฺติยานํ กตฺตพฺพอภิเสเกน. สนฺถาคารนฺติ สนฺถารวเสน กตํ อคารํ ยฺาวาฏํ. สปฺปิเตเลนาติ สปฺปิมเยน เตเลน, ยมกสฺเนเหน หิ ตทา กายํ อพฺภฺชติ. วจฺฉภาวํ ตริตฺวา ิโต วจฺฉตโร. ปริกฺเขปกรณตฺถายาติ วนมาลาหิ สทฺธึ ทพฺเภหิ เวทิยา ปริกฺเขปนตฺถาย. ยฺภูมิยนฺติ อวเสสยฺฏฺาเน. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
กนฺทรกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. อฏฺกนาครสุตฺตวณฺณนา
๑๗. อวิทูเรติ ¶ ¶ อิมินา ปาฬิยํ ‘‘เวสาลิย’’นฺติ อิทํ สมีเป ภุมฺมวจนนฺติ ทสฺเสติ. สารปฺปตฺตกุลคณนายาติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๑๑.๑๖) มหาสารมหปฺปตฺตกุลคณนาย. ทสเม าเนติ อฺเ อฺเติ ทสคณนฏฺาเน. อฏฺกนคเร ชาโต ภโว อฏฺกนาคโร. กุกฺกุฏาราโมติ ปาฏลิปุตฺเต กุกฺกุฏาราโม, น โกสมฺพิยํ.
๑๘. ปกตตฺถนิทฺเทโส ต-สทฺโทติ ตสฺส ‘‘ภควตา’’ติอาทีหิ ปเทหิ สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตสฺส เยน อภิสมฺพุทฺธภาเวน ภควา ปกโต อธิคโต สุปากโฏ จ, ตํ อภิสมฺพุทฺธภาวํ สทฺธึ อาคมนียปฏิปทาย อตฺถภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โส…เป… อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ อาห. สติปิ าณทสฺสน-สทฺทานํ อิธ ปฺาเววจนภาเว เตน เตน วิเสเสน เตสํ วิสยวิเสเส ปวตฺติทสฺสนตฺถํ อสาธารณาณวิเสสวเสน วิชฺชาตฺตยวเสน วิชฺชาอภิฺานาวรณาณวเสน สพฺพฺุตาณมํสจกฺขุวเสน ปฏิเวธเทสนาาณวเสน จ ตทตฺถํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสํ เตส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาสยานุสยํ ชานตา อาสยานุสยาเณน สพฺพํ เยฺยธมฺมํ ปสฺสตา สพฺพฺุตานาวรณาเณหิ. ปุพฺเพนิวาสาทีหีติ ปุพฺเพนิวาสาสวกฺขยาเณหิ. ปฏิเวธปฺายาติ อริยมคฺคปฺาย. เทสนาปฺาย ปสฺสตาติ เทเสตพฺพธมฺมานํ เทเสตพฺพปฺปการํ โพธเนยฺยปุคฺคลานฺจ อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิเภทํ ธมฺมเทสนาปฺาย ยาถาวโต ปสฺสตา. อรีนนฺติ กิเลสารีนํ, ปฺจวิธมารานํ วา, สาสนสฺส วา ปจฺจตฺถิกานํ อฺติตฺถิยานํ เตสํ ปน หนนํ ปาฏิหาริเยหิ อภิภวนํ อปฺปฏิภานตากรณํ อชฺฌุเปกฺขนเมว วา, เกสิวินยสุตฺตฺเจตฺถ นิทสฺสนํ.
ตถา านาฏฺานาทิวิภาคํ ชานตา ยถากมฺมูปคสตฺเต ปสฺสตา, สวาสนานํ อาสวานํ ขีณตฺตา อรหตา, อภิฺเยฺยาทิเภเท ธมฺเม อภิฺเยฺยาทิโต อวิปรีตาวโพธโต สมฺมาสมฺพุทฺเธน. อถ วา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณตาย ชานตา, กายกมฺมาทิวเสน ติณฺณํ กมฺมานํ าณานุปริวตฺติโต นิสมฺมการิตาย ปสฺสตา, ทวาทีนํ อภาวสาธิกาย ¶ ปหานสมฺปทาย อรหตา, ฉนฺทาทีนํ อหานิเหตุภูตาย อกฺขยปฏิภานสาธิกาย สพฺพฺุตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ เอวํ ทสพลอฏฺารสอาเวณิกพุทฺธธมฺมวเสนปิ โยชนา กาตพฺพา.
๑๙. อภิสงฺขตนฺติ ¶ อตฺตโน ปจฺจเยหิ อภิสมฺมุขภาเวน สเมจฺจ สมฺภูยฺย กตํ, สฺวสฺส กตภาโว อุปฺปาทเนน เวทิตพฺโพ, น อุปฺปนฺนสฺส ปฏิสงฺขรเณนาติ อาห ‘‘อุปฺปาทิต’’นฺติ. เต จสฺส ปจฺจยา เจตนาปธานาติ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ‘‘เจตยิตํ ปกปฺปิต’’นฺติ อตฺถมาห. อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตนฺติ จ ฌานสฺส ปาตุภาวทสฺสนมุเขน วิทฺธํสนภาวํ อุลฺลิงฺเคติ ยฺหิ อหุตฺวา สมฺภวติ, ตํ หุตฺวา ปฏิเวติ. เตนาห ปาฬิยํ ‘อภิสงฺขต’นฺติอาทิ. สมถวิปสฺสนาธมฺเม ิโตติ สมถธมฺเม ิตตฺตา สมาหิโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ นิจฺจสฺาทโย ปชหนฺโต อนุกฺกเมน ตํ อนุโลมาณํ ปาเปตา หุตฺวา วิปสฺสนาธมฺเม ิโต. สมถวิปสฺสนาสงฺขาเตสุ ธมฺเมสุ รฺชนฏฺเน ราโค, นนฺทนฏฺเน นนฺทีติ. ตตฺถ สุขุมา อเปกฺขา วุตฺตา, ยา ‘‘นิกนฺตี’’ติ วุจฺจติ.
เอวํ สนฺเตติ เอวํ ยถารุตวเสน จ อิมสฺส สุตฺตปทสฺส อตฺเถ คเหตพฺเพ สติ. สมถวิปสฺสนาสุ ฉนฺทราโค กตฺตพฺโพติ อนาคามิผลํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตทตฺถาย สมถวิปสฺสนาปิ อนิพฺพตฺเตตฺวา เกวลํ ตตฺถ ฉนฺทราโค กตฺตพฺโพ ภวิสฺสติ. กสฺมา? เตสุ สมถวิปสฺสนาสงฺขาเตสุ ธมฺเมสุ ฉนฺทราคมตฺเตน อนาคามินา ลทฺธพฺพสฺส อลทฺธานาคามิผเลน ลทฺธพฺพตฺตา ตถา สติ เตน อนาคามิผลมฺปิ ลทฺธพฺพเมว นาม โหติ. เตนาห – ‘‘อนาคามิผลํ ปฏิวิทฺธํ ภวิสฺสตี’’ติ. สภาวโต รสิตพฺพตฺตา อวิปรีโต อตฺโถ เอว อตฺถรโส. อฺาปิ กาจิ สุคติโยติ วินิปาติเก สนฺธายาห. อฺาปิ กาจิ ทุคฺคติโยติ อสุรกายมาห.
สมถธุรเมว ธุรํ สมถยานิกสฺส วเสน เทสนาย อาคตตฺตา. มหามาลุกฺโยวาเท ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ ปาทกชฺฌานํ กตฺวา ‘‘โส ยเทว ตตฺถ โหติ รูปคตํ เวทนาคต’’นฺติอาทินา วิปสฺสนํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘โส ตตฺถ ิโต อาสวานํ ขยํ ¶ ปาปุณาตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๓๓) อาคตตฺตา ‘‘มหามาลุกฺโยวาเท วิปสฺสนาว ธุร’’นฺติ อาห. มหาสติปฏฺานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๗๓ อาทโย; ม. นิ. ๑.๑๐๖ อาทโย) สพฺพตฺถกเมว ติกฺขตราย วิปสฺสนาย อาคตตฺตา วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนุตฺตรํ กถิต’’นฺติ. กายคตาสติสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๕๓-๑๕๔) อานาปานชฺฌานาทิวเสน สวิเสสํ สมถวิปสฺสนาย อาคตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สมถุตฺตรํ กถิต’’นฺติ.
อปฺปํ ยาจิเตน พหุํ เทนฺเตน อุฬารปุริเสน วิย เอกํ ธมฺมํ ปุจฺฉิเตน ‘‘อยมฺปิ เอกธมฺโม’’ติ ¶ กถิตตฺตา เอกาทสปิ ธมฺมา ปุจฺฉาวเสน เอกธมฺโม นาม ชาโต ปจฺเจกํ วากฺยปริสมาปนาเยน. เอกวีสติ ปพฺพานิ เตหิ โพธิยมานาย ปฏิปทาย เอกรูปตฺตา ปฏิปทาวเสน เอกธมฺโม นาม ชาโตติ. อิธ อิมสฺมึ อฏฺกนาครสุตฺเต. เนวสฺานาสฺายตนธมฺมานํ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตตาย ตตฺถ สาวกานํ ทุกฺกรนฺติ น จตุตฺถารุปฺปวเสเนตฺถ เทสนา อาคตาติ จตุนฺนํ พฺรหฺมวิหารานํ, เหฏฺิมานํ ติณฺณํ อารุปฺปานฺจ วเสน เอกาทส. ปุจฺฉาวเสนาติ ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, เตน…เป… สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม อกฺขาโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘) เอวํ ปวตฺตปุจฺฉาวเสน. อมตุปฺปตฺติยตฺเถนาติ อมตภาวสฺส อุปฺปตฺติเหตุตาย, สพฺพานิปิ กมฺมฏฺานานิ เอกรสมฺปิ อมตาธิคมปฏิปตฺติยาติ อตฺโถ, เอวเมตฺถ อคฺคผลภูมิ อนาคามิผลภูมีติ ทฺเวว ภูมิโย สรูปโต อาคตา, นานนฺตริยตาย ปน เหฏฺิมาปิ ทฺเว ภูมิโย อตฺถโต อาคตา เอวาติ ทฏฺพฺพา.
๒๑. ปฺจ สตานิ อคฺโฆ เอตสฺสาติ ปฺจสตํ. เสสํ อุตฺตานเมว.
อฏฺกนาครสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. เสขสุตฺตวณฺณนา
๒๒. สนฺถาคารนฺติ ¶ อตฺถานุสาสนาคารํ. เตนาห – ‘‘อุยฺโยคกาลาทีสู’’ติอาทิ. อาทิ-สทฺเทน มงฺคลมหาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สนฺถมฺภนฺตีติ วิสฺสมนฺติ, ปริสฺสมํ วิโนเทนฺตีติ อตฺโถ. สหาติ สนฺนิเวสวเสน ¶ เอกชฺฌํ. สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติ เอตสฺมึ อตฺเถ ตฺถ-การสฺส นฺถ-การํ กตฺวา สนฺถาคารนฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สนฺถรนฺตีติ สมฺมนฺตนวเสน ติฏฺนฺติ.
เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาคตเมว ภวิสฺสตีติ พุทฺธวจนสฺส อาคมนสีเสน อริยผลธมฺมานมฺปิ อาคมนํ วุตฺตเมว, ติยามรตฺตึ ตตฺถ วสนฺตานํ ผลสมาปตฺติวฬฺชนํ โหตีติ. ตสฺมิฺจ ภิกฺขุสงฺเฆ กลฺยาณปุถุชฺชนา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตา โหนฺตีติ เจ? อริยมคฺคธมฺมานํ ตตฺถ อาคมนํ โหติเยว.
อลฺลโคมเยนาติ อจฺเฉน อลฺลโคมยรเสน. โอปฺุฉาเปตฺวาติ วิลิมฺปิตฺวา. จตุชฺชาติยคนฺเธหีติ ตครกุงฺกุมยวนปุปฺผตมาลปตฺตานิ ปิสิตฺวา กตคนฺเธหิ นานาวณฺเณติ นีลาทิวเสน นานาวณฺเณ, น ภิตฺติวิเสสวเสน. ภิตฺติวิเสสวเสน ปน นานาสณฺานรูปเมว. มหาปิฏฺิกโกชวเกติ หตฺถิปิฏฺีสุ อตฺถริตพฺพตาย มหาปิฏฺิกาติ ลทฺธสมฺเ โกชเวติ วทนฺติ. กุตฺตเก ปน สนฺธาเยตํ วุตฺตํ หตฺถตฺถรณา หตฺถิรูปวิจิตฺตา. อสฺสตฺถรกสีหตฺถรกาทโยปิ อสฺสสีหรูปาทิวิจิตฺตา เอว อตฺถรกา, จิตฺตตฺถรกํ นานารูเปหิ เจว นานาวิธมาลากมฺมาทีหิ จ วิจิตฺตํ อตฺถรกํ.
อุปธานนฺติ อปสฺสยนํ อุปทหิตฺวาติ อปสฺสยโยคฺคภาเวน เปตฺวา คนฺเธหิ กตมาลา คนฺธทามํ, ตมาลปตฺตาทีหิ กตํ ปตฺตทามํ. อาทิ-สทฺเทน หิงฺคุลตกฺโกลชาติผลชาติปุปฺผาทีหิ กตทามํ สงฺคณฺหาติ. ปลฺลงฺกากาเรน กตปีํ ปลฺลงฺกปีํ, ตีสุ ปสฺเสสุ, เอกปสฺเส เอว วา สอุปสฺสยํ อปสฺสยปีํ, อนปสฺสยํ มุณฺฑปีํ โยชนาวฏฺเฏติ โยชนปริกฺเขเป.
สํวิธายาติ อนฺตรวาสกสฺส โกณปเทสฺจ อิตรปเทสฺจ สมํ กตฺวา วิธาย. เตนาห – ‘‘กตฺตริยา ปทุมํ กนฺตนฺโต วิยา’’ติ ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺโตติ เอตฺถ จ ยสฺมา พุทฺธานํ รูปสมฺปทา วิย อากปฺปสมฺปทาปิ ปรมุกฺกํสคตา, ตสฺมา ตทา ภควา เอวํ โสภตีติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุวณฺณปามงฺเคนา’’ติอาทิมาห, ตตฺถ อสเมน พุทฺธเวเสนาติอาทินา ¶ ตทา ภควา พุทฺธานุภาวสฺส นิคุหเณ การณาภาวโต ตตฺถ สนฺนิปติตเทวมนุสฺสนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีนํ ปสาทชนนตฺถํ อตฺตโน สภาวปกติกิริยาเยว กปิลวตฺถุํ ปาวิสีติ ทสฺเสติ. พุทฺธานํ กายปฺปภา นาม ปกติยา อสีติหตฺถมตฺตเมว ปเทสํ ผรตีติ อาห – ‘‘อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสี’’ติ นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺปภสฺสรานํ วเสน ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย.
สพฺพปาลิผุลฺโลติ มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคา ผุลฺโล วิกสิโต. ปฏิปาฏิยา ปิตานนฺติอาทิ ปริกปฺปูปมา. ยถา ตํ…เป… อลงฺกตํ อฺโ วิโรจติ, เอวํ วิโรจิตฺถ, สมตึสาย ปารมิตาหิ อภิสงฺขตตฺตา เอวํ วิโรจิตฺถาติ วุตฺตํ โหติ. ปฺจวีสติยา นทีนนฺติ คงฺคาทีนํ จนฺทภาคาปริโยสานานํ ปฺจวีสติยา มหานทีนํ. สมฺภิชฺชาติ สมฺเภทํ มิสฺสีภาวํ ปตฺวา มุขทฺวาเรติ สมุทฺทํ ปวิฏฺฏฺาเน.
เทวมนุสฺสนาคสุปณฺณคนฺธพฺพยกฺขาทีนํ อกฺขีนีติ เจตํ ปริกปฺปนวเสน วุตฺตํ. สหสฺเสนาติ ปทสหสฺเสน, ภาณวารปฺปมาเณน คนฺเถนาติ อตฺโถ.
กมฺปยนฺโต วสุนฺธรนฺติ อตฺตโน คุณวิเสเสหิ ปถวีกมฺปํ อุปฺปาเทนฺโต, เอวํภูโตปิ อเหยนฺโต ปาณานิ. สพฺพทกฺขิณตฺตา พุทฺธานํ ทกฺขิณํ ปมํ ปาทํ อุทฺธรนฺโต. สมํ สมฺผุสเต ภูมึ สุปฺปติฏฺิตปาทตาย. ยทิปิ ภูมึ สมํ ผุสติ, รชสานุปลิปฺปติ สุขุมตฺตา ฉวิยา. นินฺนฏฺานํ อุนฺนมตีติอาทิ พุทฺธานํ สุปฺปติฏฺิตปาทสงฺขาตสฺส มหาปุริสลกฺขณปฏิลาภสฺส นิสฺสนฺทผลํ. นาติทูเร อุทฺธรตีติ อติทูเร เปตุํ น อุทฺธรติ. นจฺจาสนฺเน จ นิกฺขิปนฺติ อจฺจาสนฺเน จ าเน อนิกฺขิปนฺโต นิยฺยาติ. หาสยนฺโต สเทวเก โลเก โตสยนฺโต. จตูหิ ปาเทหิ จรตีติ จตุจารี.
พุทฺธานุภาวสฺส ปกาสนวเสน คตตฺตา วณฺณกาโล นาม กิเรส. สรีรวณฺเณ วา คุณวณฺเณ วา กถิยมาเน ทุกฺกถิตนฺติ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อปริมาณวณฺณา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, พุทฺธคุณสํวณฺณนา ชานนฺตสฺส ยถาธมฺมสํวณฺณนํเยว อนุปวิสตีติ.
ทุกูลจุมฺพฏเกนาติ ¶ คนฺถิตฺวา คหิตทุกูลวตฺเถน, นาควิกฺกนฺตจรโณติ หตฺถินาคสทิสปทนิกฺเขโป. สตปฺุลกฺขโณติ อเนกสตปฺุนิมฺมิตมหาปุริสลกฺขโณ มณิเวโรจโน ยถาติ อติวิย วิโรจมาโน มณิ วิย เวโรจโน นาม เอโก มณิวิเสโสติ เกจิ มหาสาโลวาติ ¶ มหนฺโต สาลรุกฺโข วิย, โกวิฬาราทิมหารุกฺโข วิย วา ปทุโม โกกนโท ยถาติ โกกนทสงฺขาตํ มหาปทุมํ วิย, วิกสมานปทุมํ วิย วา.
อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิยาติอาทิ ตสฺสา ปกิณฺณกกถาย อฺเสํ ทุกฺกรภาวทสฺสนฺเจว สุณนฺตานํ อจฺจนฺตสุขาวหภาวทสฺสนฺจ ปถวีชํ อากฑฺเฒนฺโต วิยาติ นาฬิยนฺตํ โยเชตฺวา มหาปถวิยา เหฏฺิมตเล ปปฺปฏโกชํ อุทฺธํมุขํ กตฺวา อากฑฺเฒนฺโต วิย โยชนิกนฺติ โยชนปฺปมาณํ มธุภณฺฑนฺติ มธุปฏลํ.
มหนฺตนฺติ อุฬารํ. สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหตีติ สพฺพเมว ปจฺจยชาตํ อาวาสทายเกน ทินฺนเมว โหติ. ตถาหิ ทฺเว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสปิ ฉายูทกสมฺปนฺนํ อารามํ ปวิสิตฺวา นฺหายิตฺวา ปฏิสฺสเย มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺนสฺส กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ. พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณธาตุ วาตาตเปหิ กิลมติ, ปฏิสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ ปติฏฺาติ, วณฺณธาตุ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตา วิย โหติ, พหิ วิจรนฺตสฺส จ ปาเท กณฺฏโก วิชฺฌติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสโย เจว โจรภยฺจ อุปฺปชฺชติ, ปฏิสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิปนฺนสฺส ปน สพฺเพ ปริสฺสยา น โหนฺติ, อชฺฌยนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตสฺส อุปสมสุขํ อุปฺปชฺชติ พหิทฺธา วิกฺเขปาภาวโต, พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ มฺจปีาทีนิ น ปฺายนฺติ, มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส ปน อกฺขิปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิตฺโต วิย โหติ, ทฺวารวาตปานมฺจปีาทีนิ ปฺายนฺติ, เอตสฺมิมฺปิ จ อาวาเส วสนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อาวาสทานสฺมึ ทินฺเน สพฺพํ ทานํ ทินฺนเมว โหตี’’ติ. ภูมฏฺก…เป… น สกฺกาติ อยมตฺโถ มหาสุทสฺสนวตฺถุนา (ที. นิ. ๒.๒๔๑ อาทโย) ทีเปตพฺโพ.
สีตนฺติ ¶ (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๒๙๕; สํ. นิ. ฏี. ๒.๔.๒๔๓) อชฺฌตฺตธาตุกฺโขภวเสน วา พหิทฺธอุตุวิปริณามวเสน วา อุปฺปชฺชนกสีตํ. อุณฺหนฺติ อคฺคิสนฺตาปํ. ตสฺส ปน ทวทาหาทีสุ สมฺภโว ทฏฺพฺโพ. ปฏิหนฺตีติ ปฏิพาหติ. ยถา ตทุภยวเสน กายจิตฺตานํ พาธนานิ น โหนฺติ, เอวํ กโรติ. สีตุณฺหพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิตฺโต ภิกฺขุ โยนิโส ปทหิตุํ น สกฺโกติ. วาฬมิคานีติ สีหพฺยคฺฆาทิวาฬมิเค. คุตฺตเสนาสนฺหิ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสินฺนสฺส เต ปริสฺสยา น โหนฺติ ¶ . สรีสเปติ เย เกจิ สรนฺตา คจฺฉนฺเต ทีฆชาติเก. มกเสติ นิทสฺสนเมตํ, ฑํสาทีนํ เอเตเนว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สิสิเรติ สีตกาลวเสน สตฺตาหวทฺทลิกาทิวเสน จ อุปฺปนฺเน สิสิรสมฺผสฺเส. วุฏฺิโยติ ยทา ตทา อุปฺปนฺนา วสฺสวุฏฺิโย ปฏิหนตีติ โยชนา.
วาตาตโป โฆโรติ รุกฺขคจฺฉาทีนํ อุมฺมูลภฺชนวเสน ปวตฺติยา โฆโร สรชอรชาทิเภโท วาโต เจว คิมฺหปริฬาหสมเยสุ อุปฺปตฺติยา โฆโร สูริยาตโป จ. ปฏิหฺตีติ ปฏิพาหียติ. เลณตฺถนฺติ นานารมฺมณโต จิตฺตํ นิวตฺเตตฺวา ปฏิสลฺลานารามตฺถํ. สุขตฺถนฺติ วุตฺตปริสฺสยาภาเวน ผาสุวิหารตฺถํ. ฌายิตุนฺติ อฏฺตึสารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ อุปนิชฺฌายิตุํ. วิปสฺสิตุนฺติ อนิจฺจาทิโต สพฺพสงฺขาเร สมฺมสิตุํ.
วิหาเรติ ปฏิสฺสเย. การเยติ การาเปยฺย. รมฺเมติ มโนรเม นิวาสสุเข. วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ กาเรตฺวา ปน เอตฺถ วิหาเรสุ พหุสฺสุเต สีลวนฺเต กลฺยาณธมฺเม นิวาเสยฺย. เต นิวาเสนฺโต ปน เตสํ พหุสฺสุตานํ ยถา ปจฺจเยหิ กิลมโถ น โหติ, เอวํ อนฺนฺจ ปานฺจ วตฺถเสนาสนานิ จ ทเทยฺย อุชุภูเตสุ อชฺฌาสยสมฺปนฺเนสุ กมฺมผลานํ รตนตฺตยคุณานฺจ สทฺทหเนน วิปฺปสนฺเนน เจตสา.
อิทานิ คหฏฺปพฺพชิตานํ อฺมฺูปการตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เต ตสฺสา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ เตติ พหุสฺสุตา ตสฺสาติ อุปาสกสฺส. ธมฺมํ เทเสนฺตีติ สกลวฏฺฏทุกฺขปนุทนํ ธมฺมํ เทเสนฺติ. ยํ โส ธมฺมํ อิธฺายาติ โส ปุคฺคโล ยํ สทฺธมฺมํ อิมสฺมึ สาสเน สมฺมาปฏิปชฺชเนน ชานิตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อนาสโว หุตฺวา ปรินิพฺพายติ.
ปูชาสกฺการวเสเนว ¶ ปมยาโม เขปิโต, ภควโต เทสนาย อปฺปาวเสโส มชฺฌิมยาโม คโตติ ปาฬิยํ ‘‘พหุเทว รตฺติ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อติเรกตรํ ทิยฑฺฒยาม’’นฺติ. สนฺทสฺเสสีติ อานิสํสํ ทสฺเสสิ, อาวาสทานปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมึ กถํ สุตฺวา ตโต ปรํ, ‘‘มหาราช, อิติปิ สีลํ, อิติปิ สมาธิ, อิติปิ ปฺา’’ติ สีลาทิคุเณ เตสํ สมฺมา ทสฺเสสิ, หตฺเถน คเหตฺวา วิย ปจฺจกฺขโต ปกาเสสิ. สมาทเปสีติ ‘‘เอวํ สีลํ สมาทาตพฺพํ, สีเล ปติฏฺิเตน เอวํ สมาธิ, เอวํ ปฺา ภาเวตพฺพา’’ติ ยถา เต สีลาทิคุเณ อาทิยนฺติ, ตถา คณฺหาเปสิ. สมุตฺเตเชสีติ ยถา สมาทินฺนํ สีลํ สุวิสุทฺธํ โหติ, สมถวิปสฺสนา จ ภาวิยมานา ยถา สุฏฺุ วิโสธิตา อุปริวิเสสาวหา โหนฺติ, เอวํ จิตฺตํ สมุตฺเตเชสิ นิสามนวเสน โวทาเปสิ. สมฺปหํเสสีติ ยถานุสิฏฺํ ิตสีลาทิคุเณหิ สมฺปติ ลทฺธคุณานิสํเสหิ ¶ เจว อุปริ ลทฺธพฺพผลวิเสเสหิ จ อุปริจิตฺตํ สมฺมา ปหํเสสิ, ลทฺธสฺสาสวเสน สุฏฺุ โตเสสิ. เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สมุทายวจโนปิ อสีติมหาเถร-สทฺโท ตเทกเทเสปิ นิรุฬฺโหติ อาห ‘‘อสีติมหาเถเรสุ วิชฺชมาเนสู’’ติ. อานนฺทตฺเถโรปิ หิ อนฺโตคโธ เอวาติ. สากิยมณฺฑเลติ สากิยราชสมูเห.
ปฏิปทาย นิยุตฺตตฺตา ปาฏิปโท. เตนาห – ‘‘ปฏิปนฺนโก’’ติ. สิกฺขนสีลตาทินา เสโข, โอธิโส สมิตปาปตาย สมโณ. เสโข ปาฏิปโท ปฏิปชฺชนปุคฺคลาธิฏฺาเนน ปฏิปทาเทสนํ นิยเมนฺโต ปฏิปทาย ปุคฺคลํ นิยเมติ นามาติ ‘‘ปฏิปทาย ปุคฺคลํ นิยเมตฺวา ทสฺเสตี’’ติ. เสขปฺปฏิปทา สาสเน มงฺคลปฏิปทา สมฺมเทว อเสวิตพฺพปริวชฺชเนน เสวิตพฺพสมาทาเนน อุกฺกํสวตฺถูสุ จ ภาวโต อเสขธมฺมปาริปูริยา อาวหตฺตา จ วฑฺฒมานกปฏิปทา. อกิลมนฺตาว สลฺลกฺเขสฺสนฺตีติ อิทํ ตทา เตสํ อเสขภูมิอธิคมาย อโยคฺยตาย วุตฺตํ. อกิลมนฺตาวาติ อิมินา ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตสฺสปิ อนธิคตมคฺคสฺาปนา ภาริยาติ ทสฺเสติ. โอสฏาติ อนุปฺปวิฏฺา. สกลํ วินยปิฏกํ กถิตเมว โหติ ตสฺส สีลกถาพาหุลฺลโต เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. ตีหิ ปิฏเกหีติ กรณตฺเถ กรณวจนํ. เตน ตํตํปิฏกานํ ตสฺสา ตสฺสา สิกฺขาย สาธกตมภาวํ ทสฺเสติ.
ปิฏฺิวาโต ¶ อุปฺปชฺชติ อุปาทินฺนกสรีรสฺส ตถารูปตฺตา สงฺขารานฺจ อนิจฺจตาย ทุกฺขานุพนฺธตฺตา. อการณํ วา เอตนฺติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตเมว อธิปฺปายํ วิวริตุํ ‘‘ปโหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภฺุชิตุกาโม อโหสิ สกฺยราชูนํ อชฺฌาสยวเสน. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สตฺถาปิ ตเทว สนฺธาย ตตฺถ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา นิปชฺชีตี’’ติ. ยทิ เอวํ ‘‘ปิฏฺิ เม อาคิลายตี’’ติ อิทํ กถนฺติ อาห ‘‘อุปาทินฺนกสรีรฺจ นามา’’ติอาทิ.
๒๓. ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน…เป… สมฺปนฺโน’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๑๑) สมนฺนาคตตฺโถ สมฺปนฺน-สทฺโท, อิธ ปน ปาริปูริอตฺโถติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริปุณฺณสีโลติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. โย ปน สมฺปนฺนสีโลเยว, โส ปริปุณฺณสีโล. ปริสุทฺธฺหิ สีลํ ‘‘ปริปุณฺณ’’นฺติ วุจฺจติ, น สพลํ กมฺมาสํ วา. สุนฺทรธมฺเมหีติ โสภนธมฺเมหิ. ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปนฺนา ตสฺส โสภนภาวโต. เตหิ สปฺปุริสภาวสาธนโต สปฺปุริสานํ ธมฺเมหิ.
๒๔. อิมินา ¶ เอตฺตเกน าเนนาติ ‘‘อิธ, มหานาม, อริยสาวโก’’ติ อารภิตฺวา ยาว ‘‘อกสิรลาภี’’ติ ปทํ อิมินา เอตฺตเกน อุทฺเทสปเทน มาติกํ เปตฺวา. ปฏิปาฏิยาติ อุทฺเทสปฏิปาฏิยา. เอวมาหาติ ‘‘เอวํ กถฺจ, มหานามา’’ติอาทินา อิทานิ วุจฺจมาเนน ทสฺสิตากาเรน อาห.
๒๕. หิรียตีติ ลชฺชียติ ปีฬียติ. ยสฺมา หิรี ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณา, ตสฺมา ‘‘ชิคุจฺฉตีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. โอตฺตปฺปตีติ อุตฺตปฺปติ. ปาปุตฺราสลกฺขณฺหิ โอตฺตปฺปํ. ปคฺคหิตวีริโยติ สงฺโกจํ อนาปนฺนวีริโย. เตนาห ‘‘อโนสกฺกิตมานโส’’ติ. ปหานตฺถายาติ สมุจฺฉินฺทนตฺถาย. กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทา นาม อธิคโม เอวาติ อาห ‘‘ปฏิลาภตฺถายา’’ติ. สติเนปกฺเกนาติ สติยา เนปกฺเกน ติกฺขวิสทสูรภาเวน. อฏฺกถายํ ปน เนปกฺกํ นาม ปฺาติ อธิปฺปาเยน ‘‘สติยา จ นิปกภาเวน จา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, เอวํ สติ อฺโ นิทฺทิฏฺโ นาม โหติ. สติมาติ จ อิมินาว วิเสสา สติ คหิตา, ปรโต ‘‘จิรกตมฺปิ ¶ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา’’ติ สติกิจฺจเมว นิทฺทิฏฺํ, น ปฺากิจฺจํ, ตสฺมา สติเนปกฺเกนาติ สติยา เนปกฺกภาเวนาติ สกฺกา วิฺาตุํ. เตเนว หิ ปจฺจยวิเสสวเสน อฺธมฺมนิรเปกฺโข สติยา พลวภาโว. ตถา หิ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนปิ อชฺฌยนสมฺมสนานิ สมฺภวนฺติ.
เจติยงฺคณวตฺตาทีติ อาทิ-สทฺเทน โพธิยงฺคณวตฺตาทีนิ สงฺคณฺหาติ. อสีติมหาวตฺตปฏิปตฺติปูรณนฺติ เอตฺถ อสีติวตฺตปฏิปตฺติปูรณํ มหาวตฺตปฏิปตฺติปูรณนฺติ วตฺตปฏิปตฺติปูรณ-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ตตฺถ มหาวตฺตานิ (วิภ. มูลฏี. ๔๐๖) นาม วตฺตขนฺธเก (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย) วุตฺตานิ อาคนฺตุกวตฺตํ อาวาสิกํ คมิกํ อนุโมทนํ ภตฺตคฺคํ ปิณฺฑจาริกํ อารฺิกํ เสนาสนํ ชนฺตาฆรํ วจฺจกุฏิ อุปชฺฌายํ สทฺธิวิหาริกํ อาจริยํ อนฺเตวาสิกวตฺตนฺติ จุทฺทส. ตโต อฺานิ ปน กทาจิ ตชฺชนียกมฺมกตาทิกาเล ปาริวาสิกาทิกาเล จ จริตพฺพานิ อสีติ ขุทฺทกวตฺตานิ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ น จริตพฺพานิ, ตสฺมา มหาวตฺเตสุ, อคฺคหิตานิ. ตตฺถ ‘‘ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตํ ปฺเปสฺสามี’’ติ อารภิตฺวา ‘‘น อุปสมฺปาเทตพฺพํ…เป… น ฉมายํ จงฺกมนฺเต จงฺกเม จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๘๑) วุตฺตานิ ปกภตฺเต จริตพฺพวตฺตาวสานานิ ฉสฏฺิ, ตโต ปรํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปาริวาสิกวุฑฺฒตเรน ภิกฺขุนา สทฺธึ มูลายปฏิกสฺสนารเหน มานตฺตารเหน มานตฺตจาริเกน อพฺภานารเหน ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺตพฺพ’’นฺติอาทีนิ (จูฬว. ๘๒) ปกตตฺเต จริตพฺเพหิ อนฺตฺตา วิสุํ วิสุํ อคเณตฺวา ปาริวาสิกวุฑฺฒตราทีสุ ปุคฺคลนฺตเรสุ ¶ จริตพฺพตฺตา เตสํ วเสน สมฺปิณฺเฑตฺวา เอเกกํ กตฺวา คณิตพฺพานิ ปฺจาติ เอกสตฺตติวตฺตานิ, อุกฺเขปนิยกมฺมกตวตฺเตสุ วตฺตปฺาปนวเสน วุตฺตํ – ‘‘น ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ…เป… นฺหาเน ปิฏฺิปริกมฺมํ สาทิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๕๑) อิทํ อภิวาทนาทีนํ อสาทิยนํ เอกํ, ‘‘น ปกตตฺโต ภิกฺขุ สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํสิตพฺโพ’’ติอาทีนิ จ ทสาติ เอวเมตานิ ทฺวาสีติ. เอเตสฺเวว ปน กานิจิ ตชฺชนียกมฺมาทิวตฺตานิ กานิจิ ปาริวาสิกาทิวตฺตานีติ อคฺคหิตคฺคหเณน ทฺวาสีติ, เอวํ อปฺปกํ ปน อูนมธิกํ วา คณนุปคํ น โหตีติ อิธ ‘‘อสีติ’’จฺเจว วุตฺตํ. อฺตฺถ ปน อฏฺกถาปเทเส ‘‘ทฺวาสีติ ขนฺธกวตฺตานี’’ติ วุจฺจติ.
สกฺกจฺจํ ¶ อุทฺทิสนํ สกฺกจฺจํ อุทฺทิสาปนนฺติ ปจฺเจกํ สกฺกจฺจํ-สทฺโท โยเชตพฺโพ. อุทฺทิสนํ อุทฺเทสคฺคหณํ. ธมฺโมสารณํ ธมฺมสฺส อุจฺจารณํ. ธมฺมเทสนา –
‘‘อาทิมฺหิ สีลํ เทเสยฺย, มชฺเฌ ฌานํ วิปสฺสนํ;
ปริโยสาเน จ นิพฺพานํ, เอสา กถิกสณฺิตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๒๔๖) –
เอวํ กถิตลกฺขณา ธมฺมกถา. อุปคนฺตฺวา นิสินฺนสฺส ยสฺส กสฺสจิ คหฏฺสฺส ปพฺพชิตสฺส วา ตงฺขณานุรูปา ธมฺมี กถา อุปนิสินฺนกถา. ภตฺตานุโมทนกถา อนุโมทนิยา. สริตาติ เอตฺถ น เกวลํ จิรกตจิรภาสิตานํ สรณมนุสฺสรณมตฺตํ อธิปฺเปตํ, อถ โข ตถาปวตฺตรูปารูปธมฺมานํ ปริคฺคหมุเขน ปวตฺตวิปสฺสนาจาเร สติสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมึ กาเยน จิรกเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. สกิมฺปิ สรเณนาติ เอกวารํ สรเณน. ปุนปฺปุนํ สรเณนาติ อนุ อนุ สรเณน. สติสมฺโพชฺฌงฺคมฺปิ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสคฺคปริณามิฺจ กตฺวา สรนฺโต ตตฺถ ตตฺถ ชวนวาเร สรณชวนวาเร ปริตฺตชวนวเสน อนุสฺสริตาติ เวทิตพฺพา.
คติอตฺถา ธาตุสทฺทา พุทฺธิอตฺถา โหนฺตีติ อาห – ‘‘อุทยฺจ วยฺจ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถายา’’ติ. มิสฺสกนเยนายํ เทสนา อาคตาติ อาห – ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน จ สมุจฺเฉทวเสน จา’’ติ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปฺาย เจวา’’ติอาทิ. วิปสฺสนาปฺาย นิพฺเพธิกปริยายโต. สา จ โข ปเทสิกาติ นิปฺปเทสิกํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘มคฺคปฺาย ปฏิลาภสํวตฺตนโต จา’’ติ วุตฺตํ. ทุกฺขกฺขยคามินิภาเวปิ เอเสว นโย. สมฺมาติ ยาถาวโต. อกุปฺปธมฺมตาย ¶ หิ มคฺคปฺา เขปิตเขปนาย น ปุน กิจฺจํ อตฺถีติ อุปาเยน าเยน ยา ปวตฺติ สา เอวาติ อาห – ‘‘เหตุนา นเยนา’’ติ.
๒๖. อธิกํ เจโต อภิเจโต, มหคฺคตจิตฺตํ, ตสฺส ปน อธิกตา กามจฺฉนฺทาทิปฏิปกฺขวิคเมน วิสิฏฺภาวปฺปตฺติ, ตนฺนิสฺสิตานิ อาภิเจตสิกานิ. เตนาห ‘‘อภิจิตฺตํ เสฏฺจิตฺตํ สิตาน’’นฺติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานนฺติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ผาสุวิหารภูตานํ. เตหิ ¶ ปน สมงฺคิตกฺขเณ ยสฺมา วิเวกชํ ปีติสุขํ สมาธิชํ ปีติสุขํ อปีติชํ สติปาริสุทฺธิาณสุขฺจ ปฏิลภติ วินฺทติ, ตสฺมา อาห – ‘‘อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ สุขปฏิลาภเหตูน’’นฺติ. อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตาติ อิมินา เตสุ ฌาเนสุ สมาปชฺชนวสีภาวมาห, ‘‘นิกามลาภี’’ติ ปน วจนโต อาวชฺชนาธิฏฺานา ปจฺจเวกฺขณวสิโย จ วุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพา. นิทุกฺขลาภีติ อิมินา เตสํ ฌานานํ สุขปฏิปทาขิปฺปาภิฺตํ ทสฺเสติ, วิปุลลาภีติ อิมินา ปคุณตํ ตปฺปมาณทสฺสิตภาวทีปนโต. เตนาห ‘‘ปคุณภาเวนา’’ติอาทิ. สมาปชฺชิตุํ สกฺโกติ สมาปชฺชนวสีภาวตาย สาธิตตฺตา. สมาธิปาริปนฺถิกธมฺเมติ วสีภาวสฺส ปจฺจนีกธมฺเม. ฌานาธิคมสฺส ปน ปจฺจนีกธมฺมา ปเคว วิกฺขมฺภิตา, อฺถา ฌานาธิคโม เอว น สิยา. อกิลมนฺโต วิกฺขมฺเภตุํ น สกฺโกตีติ กิจฺเฉน วิกฺขมฺเภติ วิโสเธติ, กามาทีนวปจฺจเวกฺขณาทีหิ กามจฺฉนฺทาทีนํ อฺเสํ สมาธิปาริปนฺถิกานํ ทูรสมุสฺสารณํ อิธ วิกฺขมฺภนํ วิโสธนนฺติ เวทิตพฺพํ.
๒๗. วิปสฺสนาหิตาย อุปรูปริวิเสสาวหตฺตา วฑฺฒมานาย ปุพฺพภาคสีลาทิปฏิปทาย. สา เอว ปุพฺพภาคปฏิปทา ยถาภาวิตตาย อวสฺสํ ภาวินํ วิเสสํ ปริคฺคหิตตฺตา อณฺฑํ วิยาติ อณฺฑํ, กิเลเสหิ อทูสิตตาย อปูติ อณฺฑํ เอตสฺสาติ อปุจฺจณฺโฑ, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ิตปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว อปุจฺจณฺฑตา. วิปสฺสนาทิาณปฺปเภทายาติ ปุพฺเพนิวาสาณาทิาณปเภทาย. ตตฺถาติ เจโตขิลสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๑๘๕) ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, เอวํ อุสฺโสฬฺหิปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อภินิพฺพิทายา’’ติ อาคตตฺตา อุสฺโสฬฺหิปนฺนรเสหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตภาโวติ เอวํ ยํ โอปมฺมสํสนฺทนํ อาคตํ, ตํ โอปมฺมสํสนฺทนํ อิธ อิมสฺมึ เสขสุตฺเต โยเชตฺวา เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.
๒๘. มหคฺคตาทิภาเวน เหฏฺิมานํ ฌานานํ อนุรูปมฺปิ อตฺตโน วิเสเสน เต อุตฺตริตฺวา อติกฺกมิตฺวาน ิตนฺติ อนุตฺตรํ, เตนาห – ‘‘ปมาทิชฺฌาเนหิ อสทิสํ อุตฺตม’’นฺติ. ทุติยาทีสุปิ ¶ อภินิพฺภิทาสุ. ปุพฺเพนิวาสาณํ อุปฺปชฺชมานํ ยถา อตฺตโน วิสยปฏิจฺฉาทกํ กิเลสนฺธการํ วิธมนฺตเมว ¶ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อตฺตโน วิสเย กฺจิ วิเสสํ กโรนฺตเมว อุปฺปชฺชตีติ อาห – ‘‘ปุพฺเพนิวาสาเณน ปมํ ชายตี’’ติ, เสสาณทฺวเยปิ เอเสว นโย.
๒๙. จรณสฺมินฺติ ปจฺจตฺเต ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘จรณํ นาม โหตีติ อตฺโถ’’ติ. เตนาติ กรณตฺเถ กรณวจนํ อคตปุพฺพทิสาคมเน เตสํ สาธกตมภาวโต.
อฏฺ าณานีติ อิธ อาคตานิ จ อนาคตานิ จ อมฺพฏฺสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๔ อาทโย) อาคตานิ คเหตฺวา วทติ. วินิวิชฺฌิตฺวาติ ปุพฺเพนิวาสปฏิจฺฉาทกาทิกิเลสตมํ ภินฺทิตฺวา ปทาเลตฺวา.
๓๐. สนงฺกุมาเรนาติ สนนฺตนกุมาเรน. ตเทว หิ ตสฺส สนนฺตนกุมารตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จิรกาลโต ปฏฺายา’’ติ วุตฺตํ. โส อตฺตภาโวติ เยน อตฺตภาเวน มนุสฺสปเถ ฌานํ นิพฺพตฺเตสิ, โส กุมารตฺตภาโว, ตสฺมา พฺรหฺมภูโตปิ ตาทิเสน กุมารตฺตภาเวน จรติ.
ชนิตสฺมึ-สทฺโท เอว อิ-การสฺส เอ-การํ กตฺวา ‘‘ชเนตสฺมิ’’นฺติ วุตฺโต, ชนิตสฺมินฺติ จ ชนสฺมินฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ชนิตสฺมินฺติ สามฺคฺคหเณปิ ยตฺถ จตุวณฺณสมฺา, ตตฺเถว มนุสฺสโลเก. ขตฺติโย เสฏฺโติ โลกสมฺาปิ มนุสฺสโลเกเยว, น เทวกาเย พฺรหฺมกาเย วาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เย โคตฺตปฏิสาริโน’’ติ วุตฺตํ. ปฏิสรนฺตีติ ‘‘อหํ โคตโม, อหํ กสฺสโป’’ติ ปติ ปติ อตฺตโน โคตฺตํ อนุสรนฺติ ปฏิชานนฺติ วาติ อตฺโถ.
เอตฺตาวตาติ ‘‘สาธุ สาธุ อานนฺทา’’ติ เอตฺตเกน สาธุการทาเนน. ชินภาสิตํ นาม ชาตนฺติอาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา เถรภาสิตํ พุทฺธภาสิตเมว นาม ชาตํ. ‘‘กิมฺปนิทํ สุตฺตํ สตฺถุเทสนานุวิธานโต ชินภาสิตํ, อุทาหุ สาธุการทานมตฺเตนา’’ติ เอวรูปา โจทนา อิธ อโนกาสา เถรสฺส เทสนาย ภควโต เทสนานุวิธานเหตุกตฺตา สาธุการทานสฺสาติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
เสขสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. โปตลิยสุตฺตวณฺณนา
๓๑. องฺคา ¶ นาม ¶ ชนปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหิวเสน องฺคาตฺเวว วุจฺจตีติ อาห ‘‘องฺคาเยว โส ชนปโท’’ติ. มหิยา ปนสฺส อุตฺตเรน ยา อาโปติ มหิยา นทิยา ยา อาโป ตสฺส ชนปทสฺส อุตฺตเรน โหนฺติ. ตาสํ อวิทูรตฺตา โส ชนปโท อุตฺตราโปติ วุจฺจติ. สา ปน มหี กตฺถจิ กตฺถจิ ภิชฺชิตฺวา คตาติ อาห ‘‘กตรมหิยา อุตฺตเรน ยา อาโป’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺสา มหิยา อาคมนโต ปฏฺาย อยํ อาวิภาวกถา. ยสฺมา (อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๑๙) โลกิยา ชมฺพุทีโป หิมวา ตตฺถ ปติฏฺิตสมุทฺททหปพฺพตนทิโยติ เอเตสุ ยํ ยํ น มนุสฺสโคจรํ, ตตฺถ สยํ สมฺมูฬฺหา อฺเปิ สมฺโมหยนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺโมหวิธมนตฺถํ ‘‘อยํ กิร ชมฺพุทีโป’’ติอาทิมารทฺธํ. ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ อายามโต จ วิตฺถารโต จาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. อุทเกน อชฺโฌตฺถโฏ ตทุปโภคิสตฺตานํ ปฺุกฺขเยน.
สุนฺทรทสฺสนํ กูฏนฺติ สุทสฺสนกูฏํ, ยํ โลเก ‘‘เหมกูฏ’’นฺติ วุจฺจติ. มูลคนฺโธ กาฬานุสาริยาทิ. สารคนฺโธ จนฺทนาทิ. เผคฺคุคนฺโธ สลลาทิ. ตจคนฺโธ ลวงฺคาทิ. ปปฏิกคนฺโธ กพิตฺถาทิ. รสคนฺโธ สชฺชาทิ, ปตฺตคนฺโธ ตมาลหิริเวราทิ. ปุปฺผคนฺโธ นาคกุงฺกุมาทิ. ผลคนฺโธ ชาติผลาทิ. คนฺธคนฺโธ สพฺเพสํ คนฺธานํ คนฺโธ. ยสฺส หิ รุกฺขสฺส สพฺเพสมฺปิ มูลาทีนํ คนฺโธ อตฺถิ, โส อิธ คนฺโธ นาม. ตสฺส คนฺธสฺส คนฺโธ คนฺธคนฺโธ. สพฺพานิ ปุถุลโต ปฺาสโยชนานิ, อายามโต ปน อุพฺเพธโต วิย ทฺวิโยชนสตาเนวาติ วทนฺติ.
มโนหรสิลาตลานีติ โอตรณตฺถาย มนฺุโสปานสิลาตลานิ. สุปฏิยตฺตานีติ ตทุปโภคิสตฺตานํ สาธารณกมฺมานุภาเวน สุฏฺุ ปฏิยตฺตานิ สุปฺปวตฺติตานิ โหนฺติ. มจฺฉกจฺฉปาทโย อุทกํ มลินํ กโรนฺติ, ตทภาวโต ผลิกสทิสนิมฺมลุทกานิ. ติริยโต ทีฆํ อุคฺคตกูฏนฺติ ‘‘ติรจฺฉานปพฺพต’’นฺติ อาห.
อาปณานิ ¶ เอว โวหารสฺส มุขภูตานีติ อาห ‘‘อาปณมุขสหสฺสานี’’ติ. วิภตฺตานีติ ¶ ววตฺถิตานิ อฺมฺาสมฺภินฺนานิ. วสนฏฺานนฺติ อตฺตโน ยถาผาสุกํ วสิตพฺพฏฺานํ. อาสติ เอตฺถาติ อาสนํ, นิสีทิตพฺพฏฺานานิ.
อสารุปฺปํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนกสฺส ฉาทนโต ฉนฺนํ อนุจฺฉวิกํ, ตเทว อชฺฌาสยสมฺปตฺตึ ปติรูเปติ ปกาเสตีติ ปติรูปํ. เตนาห ‘‘นปฺปติรูป’’นฺติ. การณเววจนานีติ าปกการณเววจนานิ. าปกฺหิ การณํ อธิปฺเปตํ. อตฺถํ อากโรติ ปกาเสตีติ อากาโร, ตเมว ลีนํ คุฬฺหํ อตฺถํ คเมตีติ ลิงฺคํ, โส เตน นิมียตีติ นิมิตฺตนฺติ วุจฺจติ. อิทานิ ตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ทีฆทสวตฺถ…เป… นิมิตฺตาติ วุตฺตา’’ติ อาห. เตติ อาการาทโย. ตถา หิ ปน เมติอาทินา โปตลิโย คหปติ ‘‘ปริพฺพาชกนิยาเมน อหํ ชีวามิ, ตสฺมา คหปติ น โหมีติ วทติ. โอวทนฺโตติ อนุสาสนฺโต. อุปวทนฺโตติ ปริภาสนฺโต.
๓๒. เคธภูโต โลโภติ คิชฺฌนสภาโว โลโภ. อคิชฺฌนลกฺขโณ น โลโภ, อนินฺทาภูตํ อฆฏฺฏนนฺติ นินฺทาย ปฏิปกฺขภูตํ ปเรสํ อฆฏฺฏนํ. นินฺทาฆฏฺฏนาติ นินฺทาวเสน ปเรสํ ฆฏฺฏนา อกฺโกสนา. พฺยวหารโวหาโรปีติ กยวิกฺกยลกฺขโณ สพฺโยหาโรปิ ทานคฺคหณํ โวหาโร. ‘‘ทตฺโต ติสฺโส’’ ติอาทินา โวหรณํ ปฺาปนนฺติ ปฺตฺติ โวหาโร. ยถาธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส โวหรณํ กถนํ โพธนนฺติ วจนํ โวหาโร. ยาถาวโต อยาถาวโต จ โวหรติ เอเตนาติ โวหาโร, เจตนา. อยมิธาธิปฺเปโตติ อยํ เจตนาลกฺขโณ โวหาโร อิธ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต, โส จ โข สาวชฺโชว สมุจฺเฉทสฺส อิจฺฉิตตฺตา. อิทานิ จตุพฺพิธสฺสปิ โวหารสฺส อิธ สมฺภวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คิหีติ เจตนา นตฺถีติ อหํ คิหีติ เจตนาปวตฺติ นตฺถิ. คิหีติ วจนํ นตฺถีติ คิหีติ อตฺตโน ปเรสฺจ วจนปฺปวตฺติ นตฺถิ. คิหีติ ปณฺณตฺติ นตฺถีติ คิหีติ สมฺา นตฺถิ. คิหีติ พฺยวหาโร นตฺถีติ สมุทาจาโร นตฺถิ.
๓๓. ปาณาติปาโตว สํโยชนํ. กสฺมา? พนฺธนภาเวน ปวตฺตนโต นิสฺสริตุํ อปฺปทานโต. ปาณาติปาตสฺส อตฺถิตาย โส ปุคฺคโล ¶ ‘‘ปาณาติปาตี’’ติ วุจฺจตีติ อาห – ‘‘ปาณาติปาตสฺส…เป… โหตี’’ติ. ยฺหิ ยสฺส อตฺถิ, เตน โส อปทิสฺสตีติ. พหุตายาติ อจกฺขุกาทิเภเทน พหุภาวโต. ปาณาติปาตสฺส ปฏิปกฺโข อปาณาติปาโต. โส ปน อตฺถโต กายทฺวาริโก สีลสํวโรติ อาห ‘‘กายิกสีลสํวเรนา’’ติ. อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺยาติอาทิ ปาณาติปาเต อาทีนวทสฺสนํ. อาทีนวทสฺสิโน หิ ตโต โอรมณํ. เทสนาวเสนาติ ¶ อฺตฺถ สุตฺเต อภิธมฺเม จ ทสสุ สํโยชเนสุ ปฺจสุ นีวรเณสุ เทสนาวเสน อปริยาปนฺนมฺปิ สํโยชนนฺติปิ นีวรณนฺติปิ อิธ วุตฺตํ. กสฺมา? ตทตฺถสมฺภวโต. เตนาห – ‘‘วฏฺฏพนฺธนฏฺเน หิตปฺปฏิจฺฉาทนฏฺเน จา’’ติ, ปาณาติปาโต หิ อปาณาติปาตปจฺจยํ หิตํ ปฏิจฺฉาเทนฺโตว อุปฺปชฺชตีติ. เอโก อวิชฺชาสโวติ อิทํ สหชาตวเสน วุตฺตํ, อุปนิสฺสยวเสน ปน อิตเรสมฺปิ อาสวานํ ยถารหํ สมฺภโว เวทิตพฺโพ. ปาณาติปาตี หิ ปุคฺคโล ‘‘ตปฺปจฺจยํ อตฺถํ กริสฺสามี’’ติ กาเม ปตฺเถติ. ทิฏฺึ คณฺหาติ, ภววิเสสํ ปจฺจาสีสติ. ตตฺถ อุปฺปนฺนํ วิหนติ พาธตีติ วิฆาโต, ทุกฺขํ, ปริฬาหนํ อนตฺถุปฺปาทวเสน อุปตาปนํ ปริฬาโห, อยเมเตสํ วิเสโส. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ วาเรสุ. อิมินา อุปาเยนาติ อติเทเสน ปน ปริคฺคหิโต อตฺโถ ปรโต อาคมิสฺสตีติ.
๓๔-๔๐. อิมสฺมึ ปเทติ เอเตน สตฺตสุปิ วาเรสุ ตถา อาคตํ ปทํ สามฺโต คหิตํ. เตนาห ‘‘อิมินา’’ติอาทิ. โรสนํ กายิกํ วาจสิกฺจาติ ตปฺปฏิปกฺโข อโรโสปิ ตถา ทุวิโธติ อาห ‘‘กายิกวาจสิกสํวเรนา’’ติ. ยถา อภิชฺฌา โลโภ, อนภิชฺฌา อโลโภ, เอวํ อโกธูปายาโส อพฺยาปาโท, สํวเร สุขนฺติ สํวโรติ ทฏฺพฺโพ, อนติโลโภ ปน สติสํวเร, อนติมาโน าณสํวเร สงฺคหํ คจฺฉตีติ ทฏฺพฺพํ. อิเมสุ ปน ปเทสุ เอวํ สพฺพวาเรสุ โยชนา กาตพฺพาติ สมฺพนฺโธ.
เอวํ อาสวุปฺปตฺติ เวทิตพฺพาติ เอตฺถ วุตฺตสฺสปิ เอกชฺฌํ วุจฺจมานตฺตา ‘‘ปุน อยํ สงฺเขปวินิจฺฉโย’’ติ วุตฺตํ. อสมฺโมหตฺถํ อารมฺมณสฺส. ปุริเมสุ ตาว จตูสุ วาเรสุ วิรมิตุํ น สกฺโกมีติ วตฺตพฺพํ. ‘‘อตฺตาปิ มํ อุปวเทยฺยา’’ติ เอตสฺส ปทสฺส อตฺถวณฺณนายํ ‘‘น สกฺโกมี’’ติ, ‘‘อนุวิชฺชาปิ มํ วิฺู ครเหยฺยุ’’นฺติ เอตสฺส ปทสฺส อตฺถวณฺณนายํ ‘‘น สกฺโกตี’’ติ ¶ วตฺตพฺพํ, อิมินา นเยน ปจฺฉิเมสุปิ จตูสุ ยถารหํ โยชนา เวทิตพฺพา. อติมาเน ภวาสวอวิชฺชาสวาติ วุตฺตํ มาเนน สห ทิฏฺิยา อนุปฺปชฺชนโต, อติมาโน ปน กามราเคนปิ อุปฺปชฺชเตวาติ ‘‘อติมาเน กามาสวอวิชฺชาสวา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, สฺวายํ นโย วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺโยติ น ทสฺสิโต. ปาติโมกฺขสํวรสีลํ กถิตํ อาทิโต จตูหิ ฉฏฺเน วาติ ปฺจหิ วาเรหิ, เสเสหิ ตีหิ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสงฺขาปหานํ, สพฺเพหิปิ ปน ภิกฺขุภาเว ิตสฺส คิหิโวหารสมุจฺเฉโท กถิโต. ตตฺถ สพฺพตฺถ วตฺตํ ‘‘อิทฺจิทฺจ มยฺหํ กาตุํ นปฺปติรูป’’นฺติ ปฏิสงฺขานวเสน อกรณํ ปชหนฺจ ปฏิสงฺขาปหานํ.
กามาทีนวกถาวณฺณนา
๔๒. อุปสุมฺเภยฺยาติ ¶ เอตฺถ อุป-สทฺโท สมีปตฺโถ, สุมฺภนํ วิกฺเขปนํ. เตเนว ตเมนนฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห – ‘‘ตสฺส สมีเป ขิเปยฺยา’’ติ, ตสฺส กุกฺกุรสฺส สมีเป อฏฺิกงฺกลํ ขิเปยฺยาติ อตฺโถ. นิมฺมํสตฺตา กงฺกลนฺติ วุจฺจตีติ อิมินา วิคตมํสาย อฏฺิกงฺกลิกาย อุรฏฺิมฺหิ วา ปิฏฺิกณฺฏเก วา สีสฏฺิมฺหิ วา กงฺกล-สทฺโท นิรุฬฺโหติ ทสฺเสติ. สุนิกฺกนฺตนฺติ นิลฺลิขิตํ กตฺวาว นิพฺพิเสสํ ลิขิตํ.
เอกตฺตุปฏฺานสฺส อชฺฌุเปกฺขนวเสน ปวตฺติยา เอกตฺตา. เตนาห ‘‘จตุตฺถฌานุเปกฺขา’’ติ. ยสฺมา ปนสฺส อารมฺมณมฺปิ เอกสภาวเมว, ตสฺมา อาห ‘‘สา หี’’ติอาทิ. โลกามิสสงฺขาตาติ อปริฺาตวตฺถุนา โลเกน อามสิตพฺพโต, โลเก วา อามิโสติ สงฺขํ คตาย วเสน กามคุณานํ กามภาโว จ อามิสภาโว จ, โส เอว นิปฺปริยายโต อามิสนฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. กามคุณามิสาติ กามคุเณ ฉนฺทราคา. คหณฏฺเน ภุสํ อาทานฏฺเน.
๔๓. ฑยนํ อากาเสน คมนนฺติ อาห ‘‘อุปฺปติตฺวา คจฺเฉยฺยา’’ติ. คิชฺฌาทีนํ วาสิผรสุ น โหตีติ อาห – ‘‘มุขตุณฺฑเกน ฑสนฺตา ตจฺเฉยฺยุ’’นฺติ. วิสฺสชฺเชยฺยุนฺติ เอตฺถ ‘‘วิสฺสชฺชน’’นฺติ อากฑฺฒนํ อธิปฺเปตํ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ, อากฑฺฒนฺจ อนุพนฺธิตฺวา ปาตนนฺติ อาห ‘‘มํสเปสึ นเขหิ กฑฺฒิตฺวา ปาเตยฺยุ’’นฺติ.
๔๗. ปุริสสฺส ¶ อาโรหนโยคฺยํ โปริเสยฺยํ.
๔๘. สมฺปนฺนํ สุนฺทรํ ผลมสฺสาติ สมฺปนฺนผลํ. ผลูปปนฺนนฺติ ผเลหิ อุเปตนฺติ อาห ‘‘พหุผล’’นฺติ.
๕๐. สุวิทูรวิทูเรติ อริยสฺส วินเย โวหารสมุจฺเฉทโต สุฏฺุ วิทูรภูเต เอว วิทูเร อหํ ิโต. กสฺสจิ นาม อตฺถสฺสปิ อชานนโต น อาชานนฺตีติ อนาชานียาติ กตฺตุสาธนมสฺส ทสฺเสนฺโต อชานนเกติ อชานนฺตโภชนสีเสน เตสํ ทาตพฺพปจฺจเย วทติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
โปตลิยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. ชีวกสุตฺตวณฺณนา
๕๑. กุมาเรน ¶ ภโต โปสาปิโตติ กุมารภโต, กุมารภโต เอว โกมารภจฺโจ ยถา ‘‘ภิสกฺกเมว เภสชฺช’’นฺติ.
อารภนฺตีติ เอตฺถ อารภ-สทฺโท กามํ กามายูหนยฺุฏฺาปนอาปตฺติอาปชฺชนวิฺาปนาทีสุปิ อาคโต, อิธ ปน หึสเน อิจฺฉิตพฺโพติ อาห – ‘‘อารภนฺตีติ ฆาเตนฺตี’’ติ. อุทฺทิสิตฺวา กตนฺติ (อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๑๒; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๙๔) อตฺตานํ อุทฺทิสิตฺวา มารณวเสน กตํ นิพฺพตฺติตํ. ปฏิจฺจกมฺมนฺติ เอตฺถ กมฺม-สทฺโท กมฺมสาธโน อตีตกาลิโกติ อาห – ‘‘อตฺตานํ ปฏิจฺจ กต’’นฺติ. นิมิตฺตกมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ ‘‘ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๔.๗๕) วิย. นิมิตฺตกมฺมสฺสาติ นิมิตฺตภาเวน ลทฺธพฺพกมฺมสฺส, น กรณการาปนวเสน. ปฏิจฺจกมฺมํ เอตฺถ อตฺถีติ มํสํ ปฏิจฺจกมฺมํ ยถา ‘‘พุทฺธํ เอตสฺส อตฺถีติ พุทฺโธ’’ติ. เตสนฺติ นิคณฺานํ. อฺเปิ พฺราหฺมณาทโย ตํลทฺธิกา อตฺเถว.
การณนฺติ เอตฺถ ยุตฺติ อธิปฺเปตา, สา เอว จ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ‘‘ธมฺโม’’ติ วุตฺตาติ อาห – ‘‘การณํ นาม ติโกฏิปริสุทฺธมจฺฉมํสปริโภโค’’ติ. อนุการณํ นาม มหาชนสฺส ตถา พฺยากรณํ ยุตฺติยา ธมฺมสฺส อนุรูปภาวโต มํสํ ปริภฺุชิตพฺพนฺติ อนฺุาตํ ตเถว กถนนฺติ กตฺวา. ตนฺติ ‘‘ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ มํสํ ปริภฺุชตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ ปริภฺุชนํ เนว การณํ โหติ ¶ สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต สติ จ อยุตฺติยํ อธมฺโมติ กตฺวา. ตถา พฺยากรณนฺติ ‘‘ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ มํสํ ปริภฺุชตี’’ติ กถนํ ยุตฺติยา ธมฺมสฺส อนนุรูปภาวโต น อนุการณํ โหติ. ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวาติ ปเร ติตฺถิยา ‘ชาน’นฺติอาทินา ธมฺมํ กเถนฺติ วทนฺติ, เตน การณภูเตน สการโณ หุตฺวา. เตหิ ตถา วตฺตพฺโพ เอว หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา อนุวาโท วา ‘‘มํสํ ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ ปวตฺตา ตุมฺหากํ กถา วา ปรโต ปเรหิ ตถา ปวตฺติตา ตสฺสา อนุกถา วา. วิฺูหิ ครหิตพฺพการณนฺติ ติตฺถิยา ตาว ติฏฺนฺตุ, ตโต อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ ครหิตพฺพการณํ. โกจิ น อาคจฺฉตีติ ครหิตพฺพตํ น อาปชฺชตีติ อตฺโถ. อภิภวิตฺวา อาจิกฺขนฺตีติ อภิภุยฺย มทฺทิตฺวา กเถนฺติ, อภิภูเตน อกฺโกสนฺตีติ อตฺโถ.
๕๒. การเณหีติ ¶ ปริโภคจิตฺตสฺส อวิสุทฺธตาเหตูหิ. ภิกฺขู อุทฺทิสฺสกตํ ทิฏฺํ. ตาทิสมํสฺหิ ปริโภคานารหตฺตา จิตฺตอวิสุทฺธิยา การณํ จิตฺตสํกิเลสาวหโต. อิทานิ ทิฏฺสุตปริสงฺกิตานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ทิฏฺาทีสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตทุภยวิมุตฺตปริสงฺกิตนฺติ ‘‘ทิฏฺํ สุต’’นฺติ อิมํ อุภยํ อนิสฺสาย – ‘‘กึ นุ โข อิมํ ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส วธิตฺวา สมฺปาทิต’’นฺติ เกวลเมว ปริสงฺกิตํ. สพฺพสงฺคาหโกติ สพฺเพสํ ติณฺณํ ปริสงฺกิตานํ สงฺคณฺหนโก.
มงฺคลาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน อาหุนปาหุนาทิกํ สงฺคณฺหาติ. นิพฺเพมติกา โหนฺตีติ สพฺเพน สพฺพํ ปริสงฺกิตาภาวมาห. อิตเรสนฺติ อชานนฺตานํ วฏฺฏติ, ชานโต เอเวตฺถ อาปตฺติ โหติ. เตเยวาติ เย อุทฺทิสฺส กตํ, เตเยว.
อุทฺทิสฺสกตมํสปริโภคโต อกปฺปิยมํสปริโภคสฺส วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อกปฺปิยมํสํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุริมสฺมึ สจิตฺตกา อาปตฺติ, อิตรสฺมึ อจิตฺตกา. เตนาห – ‘‘อกปฺปิยมํสํ อชานิตฺวา ภุตฺตสฺสปิ อาปตฺติเยวา’’ติ. ปริโภคนฺติ ปริภฺุชิตพฺพนฺติ วทามีติ อตฺโถ.
๕๓. ตาทิสสฺสาติ ติโกฏิปริสุทฺธสฺส มจฺฉมํสสฺส ปริโภเค. เมตฺตาวิหาริโนปีติ อปิ-สทฺเทน อเมตฺตาวิหาริโนปิ. เมตฺตาวิหาริโน ปริโภเค สิขาปฺปตฺตา อนวชฺชตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิธ, ชีวก, ภิกฺขู’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. อนิยเมตฺวาติ อวิเสเสตฺวา สามฺโต. ยสฺมา ภควตา – ‘‘ยโต โข, วจฺฉ, ภิกฺขุโน ตณฺหา ปหีนา โหตี’’ติอาทินา มหาวจฺฉโคตฺตสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๑๙๔) อตฺตา อนิยเมตฺวา วุตฺโต. ตถา หิ วจฺฉโคตฺโต – ‘‘ติฏฺตุ ภวํ โคตโม, อตฺถิ ปน โภโต โคตมสฺส เอกภิกฺขุปิ สาวโก อาสวานํ ขยา…เป… อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ อาห, ‘‘อิธ, ภารทฺวาช, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติอาทินา จงฺกีสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๔๓๐) อตฺตา อนิยเมตฺวา วุตฺโต. ตถา หิ ตตฺถ ปรโต – ‘‘ยํ โข ปน อยมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธมฺโม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย, น โส ธมฺโม สุเทสนีโย ลุทฺเทนา’’ติอาทินา เทสนา อาคตา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภควตา หิ มหาวจฺฉโคตฺตสุตฺเต, จงฺกีสุตฺเต อิมสฺมึ สุตฺเตติ ตีสุ าเนสุ อตฺตานํเยว สนฺธาย เทสนา กตา’’ติ. มํสูปเสจโนว อธิปฺเปโต มจฺฉมํสสหิตสฺส อาหารสฺส ปริโภคภาวโต มจฺฉมํสสฺส จ อิธ อธิปฺเปตตฺตา.
อคถิโต ¶ อปฺปฏิพทฺโธ. ตณฺหามุจฺฉนายาติ ตณฺหายนวเสน มุจฺฉาปตฺติยา. อนชฺโฌปนฺโน ตณฺหาย อภิภวิตฺวา น อชฺโฌตฺถโฏ, คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา น สณฺิโตติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘สพฺพํ อาลุมฺปิตฺวา’’ติอาทิ. อิธ อาทีนโว อาหารสฺส ปฏิกูลภาโวติ อาห ‘‘เอกรตฺติวาเสนา’’ติอาทิ. อยมตฺโถ อาหารปริโภโคติ อตฺถสํโยชนปริจฺเฉทิกา ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๘๒; ม. นิ. ๑.๒๓; ๒.๒๔; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๔.๑๒๐) ปวตฺตา อาหารปฏิพทฺธฉนฺทราคนิสฺสรณภูตา ปฺา อสฺส อตฺถีติ นิสฺสรณปฺโ. อิทมตฺถนฺติ เอตมตฺถาย. เอวํ สนฺเตติ ‘‘พฺรหฺมาติ จ เมตฺตาวิหาริโน สมฺา’’ติ อวตฺวา เย ธมฺมา เมตฺตาวิหารสฺส ปฏิปกฺขภูตา, ตตฺถ สาวเสสํ ปหาสิ พฺรหฺมา, อนวเสสํ ปหาสิ ภควาติ สเจ เต อิทํ สนฺธาย ภาสิตํ, เอวํ สนฺเต ตว อิทํ ยถาวุตฺตวจนํ อนุชานามิ, น เมตฺตาวิหาริตาสามฺมตฺตโตติ อตฺโถ.
๕๕. ‘‘ปาฏิเยกฺโก ¶ อนุสนฺธี’’ติ วตฺวา วิสุํ อนุสนฺธิภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺมึ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทฺวารํ ถเกตีติ มจฺฉมํสปริโภคานฺุาย อฺเสํ วจนทฺวารํ ปิทหติ, โจทนาปถํ นิรุนฺธติ. กถํ สตฺตานุทฺทยํ ทสฺเสติ? สตฺตานุทฺทยมุเขน พาหิรกานํ มจฺฉมํสปริโภคปฏิกฺเขโป ตยิทํ มิจฺฉา, ติโกฏิปริสุทฺธสฺเสว มจฺฉมํสสฺส ปริโภโค ภควตา อนฺุาโต. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘ตีหิ โข อหํ, ชีวก, าเนหิ มํสํ ปริโภคนฺติ วทามี’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๕๒). วินเยปิ (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) วุตฺตํ – ‘‘ติโกฏิปริสุทฺธํ, เทวทตฺต, มจฺฉมํสํ มยา อนฺุาต’’นฺติ. ติโกฏิปริสุทฺธฺจ ภฺุชนฺตานํ สตฺเตสุ อนุทฺทยา นิจฺจลา. ‘‘สตฺตานุทฺทยํ ทสฺเสตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘สเจ หี’’ติอาทิมาห.
ปเมน การเณนาติ เทสนาวเสนปิ ปโยควเสนปิ ปเมน ปรูปฆาตเหตุนา. กฑฺฒิโต โส ปาโณ. คเลน ปเวเธนฺเตนาติ โยตฺตคเลน กรเณน อสยฺหมาเนน. พหุปฺุเมว โหติ อาสาทนาเปกฺขาย อภาวโต, หิตชฺฌาสยตฺตา วาติ อธิปฺปาโย. เอสาหํ, ภนฺเตติอาทิ กสฺมา วุตฺตํ, สรณคมนวเสเนว คหิตสรโณติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อย’’นฺติอาทิ. โอคาหนฺโตติอาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา สุตฺตํ อนุสฺสรนฺโต อตฺถํ อุปธาเรนฺโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ชีวกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. อุปาลิสุตฺตวณฺณนา
๕๖. ปาวารํ ¶ ปารุปตีติ ปาวาริโก, อิทํ ตสฺส กุลสมุทาคตํ นามํ, โส ปน มหทฺธโน มหาโภโค นคเร เสฏฺิฏฺาเน ิโต. เตนาห ‘‘ทุสฺสปาวาริกเสฏฺิโน’’ติ. ทีฆตฺตา ทีฆตมตฺตา. โส กิร ปมาณโต อุปวจฺฉยโต ทิยฑฺฒรตนํ อติกฺกมฺม ิโต. เอวํลทฺธนาโมติ ‘‘ทีฆตปสฺสี’’ติ ลทฺธสมฺโ. พาหิรายตเนติ ติตฺถิยสมเย ปิณฺฑปาโตติ โวหาโร นตฺถิ, ตสฺมา สาสนโวหาเรน ‘‘ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต’’ติ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
ทสฺเสตีติ ¶ เทเสติ. เปตีติ อฺมฺสงฺกรโต ววตฺถเปติ. กิริยายาติ กรเณน. ปวตฺติยาติ ปวตฺตเนน. ทณฺฑานิ ปฺเปตีติ เอตฺถ กสฺมา ภควตา อาทิโตว ตถา น ปุจฺฉิตนฺติ? ยสฺมา สา ตสฺมึ อตฺเถ สภาวนิรุตฺติ น โหติ, สาสเน โลเก สมยนฺตเรสุ จ ตาทิโส สมุทาจาโร นตฺถิ, เกวลํ ปน ตสฺเสว นิคณฺสฺสายํ โกฏฺาลกสทิโส สมุทาจาโรติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมานิ ปฺเปติ’’ อิจฺเจวาห. อจิตฺตกนฺติ จิตฺตรหิตํ, จิตฺเตน อสมุฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. กถํ ปน ตทุภยสฺส จิตฺเตน วินา สมฺภโวติ โจทนํ สนฺธาย ตตฺถ นิทสฺสนมาห ‘‘ยถา กิรา’’ติอาทิ. ปฏิวิภตฺตานนฺติ อตฺถโต ภินฺนานํ. ปฏิวิสิฏฺานนฺติ วิเสสนปทวเสน สทฺทโตปิ ภินฺนานํ. วจนํ ปติฏฺเปตุกาโมติ ทีฆตปสฺสิโน ยถาวุตฺตวจนํ ปติฏฺเปตุกาโม. ตสฺมิฺหิ ปติฏฺาปิเต เตนปฺปสงฺเคน อาคโต, อุปาลิ คหปติ ตสฺมึ ปเทเส ธมฺมํ ทิสฺวา สาสเน อภิปฺปสีทิสฺสติ.
กถา เอว อุปริ วาทาโรปนสฺส วตฺถุภาวโต กถาวตฺถุ. กถายํ ปติฏฺเปสีติ กถาวตฺถุสฺมึ, ตทตฺเถ วา ปติฏฺเปสิ. ยถา ตํ วาทาโรปนภเยน น อวชานาติ, เอวํ ตสฺสํ กถายํ, ตสฺมึ วา อตฺเถ ทีฆตปสฺสึ ยาวตติยํ วาเท ปติฏฺเปสิ. วาทนฺติ โทสํ.
๕๗. อิทานิ เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมมฺปิ คเหตฺวา กายกมฺมาทิวเสน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ กายกมฺมํ นามาติอาทิ ‘‘กมฺมสฺส กิริยายา’’ติ ปาฬิยํ อกุสลกมฺมสฺส อธิคตตฺตา วุตฺตํ, ปุพฺเพ ปน อฏฺกามาวจรกุสลเจตนาติอาทิ สาวชฺชํ อนวชฺชฺจ สามฺโต เอกชฺฌํ กตฺวา ทสฺสิตํ. กสฺมา ปเนตฺถ เจตนา น คหิตาติ อาห ‘‘อิมสฺมึ สุตฺเต กมฺมํ ธุร’’นฺติ. กายกมฺมาทิเภทํ กมฺมเมว ¶ ธุรํ เชฏฺกํ ปุพฺพงฺคมํ, น เจตนามตฺตเมว. เอวมาคเตปีติ กมฺมานีติ เอวํ นาเมน อาคเตปิ เจตนา ธุรํ, ตตฺถ เจตนํ เชฏฺกํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. กถํ ปน ตตฺถ กมฺมนฺติ วา กมฺมานีติ วา อาคเต เตสํ เจตนาย ธุรภาโวติ อาห ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ…เป… ลภตี’’ติ. ตตฺถ ยตฺถ กตฺถจีติ ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ทฺวาเร. สา วุตฺตาวาติ สา เจตนา วุตฺตาว, ยา กายสงฺขาราทิปริยาเยน (ยสฺส กสฺสจิ กมฺมสฺส กายทฺวาราทีสุ ปวตฺตาปนเจตนา) สมฺปยุตฺตธมฺมาปิ ¶ ตทคฺเคน โลกิยาปิ โลกุตฺตราปิ กมฺมเมว, อภิชฺฌาทโย ปน เจตนาปกฺขิกาติ ทฏฺพฺพํ.
มหนฺตนฺติ กฏุกผลํ. น กิลมติ สปฺปาฏิหาริยตฺตา ปฏิฺาย. อิทานิ เตสํ สปฺปาฏิหาริยตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยทิ อกุสลํ ปตฺวา กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มหนฺตนฺติ วทนฺโต น กิลมติ, อถ กสฺมา ภควา อิธ อกุสลํ มโนกมฺมํ มหาสาวชฺชํ กเถสีติ อาห ‘‘อิมสฺมึ ปน าเน’’ติอาทิ. ยาวตติยํ ปติฏฺาปนมตฺเตน คตมคฺคํ ปฏิปชฺชนฺโต. เตนาห ‘‘กิฺจิ อตฺถนิปฺผตฺตึ อปสฺสนฺโตปี’’ติ.
๕๘. นิวาสฏฺานภูโต พาลโก เอติสฺสา อตฺถีติ พาลกินี. สตฺถุปฏิฺาตตาย นิคณฺานํ มหาติ สมฺภาวิตตฺตา มหานิคณฺโ.
๖๐. อาวฏฺเฏติ ปุริมาการโต นิวตฺเตติ อตฺตโน วเส วตฺเตติ เอตายาติ อาวฏฺฏนี, มายา. เตนาห ‘‘อาวฏฺเฏตฺวา คหณมาย’’นฺติ. สตฺถุปฏิฺานํ พุทฺธทสฺสเน จิตฺตเมว น อุปฺปชฺชติ, อยเมตฺถ ธมฺมตา. สเจ ปน โส ตํ ปฏิฺํ อปฺปหาย พุทฺธานํ สมฺมุขีภาวํ อุปคจฺเฉยฺย, สตฺตธา มุทฺธา ผเลยฺย, ตสฺมา ภควา ‘‘มา อยํ พาโล วินสฺสี’’ติอาทิโตว ยถา สมฺมุขีภาวํ น ลภติ, ตถา กโรติ. สฺวายมตฺโถ ปาถิกปุตฺตสมาคเมน ทีเปตพฺโพ. ทสฺสนสมฺปตฺตินิยามมาห ‘‘ตถาคตํ หี’’ติอาทิ. อาคมา นุ โข อิธ ตุมฺหากํ สนฺติกํ.
๖๑. วจีสจฺเจ ปติฏฺหิตฺวาติ ยถาปฏิฺาตาย ปฏิฺาย ตฺวา.
๖๒. สีโตทเก อมตา ปาณา ปานกาเล ปน มรนฺติ, เตปิ เตน สีโตทกปริโภเคน มาริตา โหนฺติ, ตสฺมา ตปสฺสินา นาม สพฺเพน สพฺพํ สีโตทกํ น ปริภฺุชิตพฺพนฺติ เตสํ ลทฺธิ. ปากติกํ วา อุทกํ สตฺโตติ ปุราตนานํ นิคณฺานํ ลทฺธิ. เตนาห ‘‘สตฺตสฺาย สีโตทกํ ปฏิกฺขิปนฺตี’’ติ. เตสํ ตํ อธุนาตนนิคณฺานํ วาเทน วิรุชฺฌติ. เต หิ ปถวีอาทินวปทตฺถโต ¶ อฺเมว ชีวิตํ ปฏิชานนฺติ. จิตฺเตน สีโตทกํ ปาตุกาโม ปริภฺุชิตุกาโม โหติ โรเค ตฺวาปิ สตฺตานํ จิตฺตสฺส ตถา น วิตตตา. เตนาห – ‘‘เตนสฺส มโนทณฺโฑ ตตฺเถว ภิชฺชตี’’ติ. เตนาติ สีโตทกํ ปาตุํ ปริภฺุชิตฺุจ อิจฺฉเนน. อสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส นิคณฺสฺส. ตตฺเถวาติ ตถาจิตฺตุปฺปาทเน เอว. ภิชฺชติ สํวรสฺส วิโกปิตตฺตา. ตถาภูโต โส นิคณฺโ สีโตทกํ ¶ เจ ลเภยฺย, กติปยํ กาลํ ชีเวยฺย, อลาเภน ปน ปริสุสฺสมานกณฺโฏฺตาลุชิวฺหาอาทิโก สพฺพโส ปริทาหาภิภูโต มเรยฺย. เตนาห – ‘‘สีโตทกํ อลภมาโน กาลํ กเรยฺยา’’ติ. กสฺมา? ยสฺมา สีโตทกํ ปิวาย สนฺนิสฺสิตจิตฺตสฺส มรณํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มโนทณฺโฑ ปน ภินฺโนปิ จุติมฺปิ อากฑฺฒตี’’ติ. ยสฺมา ปน ตถาภูตจิตฺตสฺส นิคณฺสฺส มโนสตฺเตสุ นาม เทเวสุ อุปปตฺติ โหตีติ ติตฺถิยานํ ลทฺธิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มโนทณฺโฑ ปน ภินฺโนปิ ปฏิสนฺธิมฺปิ อากฑฺฒตี’’ติ. อิตีติ เอวํ ‘‘อิธาสฺส นิคณฺโ’’ติอาทิอากาเรน. นนฺติ อุปาลึ คหปตึ. มหนฺโตติ วทาเปสิ ‘‘มโนปฏิพทฺโธ กาลงฺกโรตี’’ติ วทนฺโตติ อธิปฺปาโย.
อุปาสกสฺสาติ อุปาลิสฺส คหปติสฺส. มุจฺฉาวเสนาติอาทินา อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ มโนทณฺฑสฺส มหนฺตตํ วิภาเวติ. จิตฺตสนฺตติปฺปวตฺติมตฺเตเนวาติ วินา กายทณฺเฑน วจีทณฺเฑน จ เกวลํ จิตฺตสนฺตติปฺปวตฺติมตฺเตน. ภิชฺชิตฺวาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน อภิชฺชิตฺวาปิ. อนิยฺยานิกาติ อปฺปาฏิหีรา, อยุตฺตาติ อตฺโถ. สลฺลกฺเขสิ อุปาสโกติ วิภตฺตึ วิปริณาเมตฺวา โยชนา. ปฺหปฏิภานานีติ าตุํ อิจฺฉิเต อตฺเถ อุปฺปชฺชนกปฏิภานานิ.
‘‘มโนปฏิพทฺโธ กาลํ กโรตี’’ติ วทนฺเตน อตฺถโต มโนทณฺฑสฺส ตทุตฺตรภาโว ปฏิฺาโต โหตีติ อาห ‘‘อิทานิ มโนทณฺโฑ มหนฺโตติ อิทํ วจน’’นฺติ. ตถา เจว วุตฺตํ – ‘‘มโนทณฺโฑว พลวา มหนฺโตติ วทาเปสี’’ติ.
๖๓. ปาณาติปาตาทิโต ยมนํ ยาโม, จตุพฺพิโธ ยาโม จตุยาโม, จตุยามสงฺขาเตน สํวเรน สํวุโต จาตุยามสํวรสํวุโต. อฏฺกถายํ ปน ยาม-สทฺโท โกฏฺาสปริยาโยติ ‘‘อิมินา จตุโกฏฺาเสนา’’ติ วุตฺตํ. ปิยชาติกํ รูปาทิอารมฺมณํ ราควเสน พาเลหิ ภาวนียตฺตา ‘‘ภาวิต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ภาวิตนฺติ ปฺจ กามคุณา’’ติ.
โย สพฺพํ ปาปํ อาสวฺจ วาเรตีติ สพฺพวารี, ตสฺส นวสุ ปทตฺเถสุ สตฺตโม ปทตฺโถ, เตน สพฺพวารินา ปาปํ วาริตฺวา ิโตติ สพฺพวาริวาริโต ¶ . เตนาห ‘‘สพฺเพน ปาปวารเณน วาริตปาโป’’ติ. ¶ ตโต เอว สพฺพสฺส วาริตพฺพสฺส อาสวสฺส ธุนนโต สพฺพวาริธุโต. วาริตพฺพสฺส นิวารณวเสน สพฺพวาริโน ผุโฏ ผุสิโตติ สพฺพวาริผุโฏ. สงฺฆาตนฺติ สหสา หนนํ, อสฺเจตนิกวธนฺติ อตฺโถ. กตรสฺมึ โกฏฺาเสติ ตีสุ ทณฺฑโกฏฺาเสสุ กตรโกฏฺาเส.
๖๔. ขลิยติ สมาทิยตีติ ขลํ, ราสีติ อาห – ‘‘เอกํ มํสขลนฺติ เอกํ มํสราสิ’’นฺติ. วิชฺชาธรอิทฺธิยา อิทฺธิมา. สา ปน อิทฺธิ ยสฺมา อานุภาวสมฺปนฺนสฺเสว อิชฺฌติ, น ยสฺส กสฺสจิ. ตสฺมา อาห ‘‘อานุภาวสมฺปนฺโน’’ติ. วิชฺชานุภาววเสเนว อานุภาวสมฺปนฺโน. จิตฺเต วสีภาวปฺปตฺโต อานุภาวาย เอว วิชฺชาย ปคุณภาวาปาทเนน. เอเตน วสีภาวํ โลกิยสมฺาวเสน ภควา อุปาลึ คหปตึ ปฺเปตุกาโม เอวมาห. โลกิกา หิ ‘‘ภาวนามยอิทฺธิยา อิทฺธิมา เจโตวสีภาวปฺปตฺโต ปรูปฆาตํ กโรตี’’ติ มฺนฺติ. ตถา หิ เต อิสโย ปเรสํ สํวณฺเณนฺติ, อิสีนํ อานุภาวํ กิตฺเตนฺติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสตีติ.
๖๕. อรฺเมว หุตฺวาติ สพฺพโส อรฺเมว หุตฺวา. อรฺภาเวน อรฺํ ชาตํ, น นามมตฺเตน. อิสีนํ อตฺถายาติ อิสีนํ อาสาทนตฺถาย.
โคธาวรีตีรโต นาติทูเร. อุสูยมาโนติ ‘‘น มํ เอส ชโน ปริวาเรตี’’ติ อุสูยํ กโรนฺโต. กิลิฏฺโ วตาติ ปงฺกทนฺตรชสิรตาทีหิ กิลิฏฺสรีโร. อนฺชิตมณฺฑิโตติ อนฺชิตกฺขิโก สพฺเพน, สพฺพํ อมณฺฑิโต จ. ตสฺมึ กาเล ‘‘กาลสฺเสว อกฺขีนํ อฺชนํ มงฺคล’’นฺติ มนุสฺสานํ ลทฺธิ, ตสฺมา อนฺชนํ วิสุํ คหิตํ.
ราชา ตสฺส วจนํ คเหตฺวาติ ‘‘เวเทสุ อีทิสํ อาคตํ ภวิสฺสตีติ เอวํ, ภนฺเต’’ติ ราชา ตสฺส ปุโรหิตสฺส วจนํ คเหตฺวา. อุสุมชาตหทโยติ อุตฺตตฺตหทโย. นาสิกานํ อปฺปโหนฺเต มุเขน อสฺสสนฺโต.
วิชิตชเยหิ อาคนฺตฺวา นกฺขตฺตยุตฺตํ อาคเมนฺเตหิ นิสีทิตพฺพฏฺานํ ชยขนฺธาวารฏฺานํ. อุทกวุฏฺิปาตนาทิ ตสฺมึ ปาปกมฺเม อสมงฺคิภูตานมฺปิ สมนฺุตาย ¶ อนฺโตกรณตฺถํ กตํ. กตภณฺฑวุฏฺีติ อาภรณวสฺสํ. มหาชโน สมนฺุโ ชาโตติ โยชนา. มาตุโปสกราโมติ มาตริ สมฺมาปฏิปนฺโน ราโม นาม เอโก ปุริโส. อสมงฺคิภูตานนฺติ อสมนฺุานํ.
อวกิริยาติ ¶ อสุสฺสูสตํ ปฏิจฺจ. ผุลิงฺคานีติ อคฺคิกณานิ. ปตนฺติ กาเยติ กาเย อิโต จิโต นิปตนฺติ. เอเต กิร นิรยํ วิวริตฺวา มหาชนสฺส ทสฺเสนฺติ.
ยถาผาสุกฏฺานนฺติ มยํ กฺจิปิ เทสํ อุทฺทิสฺส น คจฺฉาม, ยตฺถ ปน วสนฺตสฺส ปพฺพชิตสฺส ผาสุ โหติ, ตํ ยถาผาสุกฏฺานํ คจฺฉามาติ อธิปฺปาโย. สงฺฆาติ สํหตา. คณาติ ตํตํเสณิภาเวน คณิตพฺพตาย คณา. คณีภูตาติ เอกชฺฌาสยา หุตฺวา ราสิภูตา. อทินฺนาทานนฺติอาทีสุปิ นิรเย ปจฺจิตฺวา มนุสฺสโลกํ อาคตสฺส วิปากาวเสเสนาติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ.
ปคฺคณฺหิสฺสามีติ สมฺภาวนํ อุปฺปาเทสฺสามิ. เนสํ กตฺตพฺพนฺติ จินฺเตสีติ โยชนา. กึ จินฺเตสิ? อาฆาตํ อุปฺปาเทตฺวา อนตฺถกรณูปายํ. เตนาห ‘‘โส ธมฺมกถาปริโยสาเน’’ติอาทิ. นาคพลปิจฺฉิลฺลาทีนนฺติ นาคพลสาสปองฺโกลเตลกณิการนิยฺยาสาทีนํ จิกฺขลฺลานํ. วิเหยึสุ นิรยาทิกถาหิ ฆฏฺเฏนฺตา. ฉทฺวารารมฺมเณติ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ ทฺวารานํ อารมฺมณภูเต รูปาทิวิสเย.
นว วุฏฺิโยติ อุทกวุฏฺิ สุมนปุปฺผวุฏฺิ มาสกวุฏฺิ กหาปณวุฏฺิ อาภรณวุฏฺิ อาวุธวุฏฺิ องฺคารวุฏฺิ ปาสาณวุฏฺิ วาลิกาวุฏฺีติ อิมา นว วุฏฺิโย. อวฺจยีติ สกฺการํ กโรนฺโต วิย หุตฺวา อสกฺการํ กโรนฺโต อนตฺถจรเณน วฺจยิ. อทูสเกติ อนปราเธ.
‘‘ทิฏฺมงฺคลิกา พฺราหฺมณกฺา’’ติ ชาตกฏฺกถาทีสุ (ชา. อฏฺ. ๔.๑๕.มาตงฺคชาตกวณฺณนา) อาคตํ, อิธ ปน ‘‘เสฏฺิธีตา’’ติ. วาเรยฺยตฺถายาติ อาวาหตฺถาย, อสฺสาติ เปสิตปุคฺคลสฺส. ตาทิเสน นีจกุลสํวตฺตนิเยน กมฺมุนา ลทฺโธกาเสน จณฺฑาลโยนิยํ นิพฺพตฺโต.
จมฺมเคเหติ ¶ จมฺเมน ฉาทิเต เคเห. มาตงฺโคตฺเววสฺส นามํ อโหสิ ชาติสมุทาคตํ. ตนฺติ ฆณฺฏํ. วาเทนฺโต ตาลเนน สทฺทํ กโรนฺโต. มหาปถํ ปฏิปชฺชิ ทิฏฺมงฺคลิกาย เคหทฺวารสมีเปน.
ตสฺสา เวยฺยาวจฺจกรา เจว อุปฏฺากมนุสฺสา ปฏิพทฺธา จ สุราโสณฺฑาทโย ชาณุกปฺปราทีหิ สุโกฏฺฏิตํ โกฏฺฏิตภาเวน มุจฺฉํ อาปนฺนตฺตา มโตติ สฺาย ฉฑฺเฑสุํ.
อถ โพธิสตฺโต ¶ อายุอวเสสสฺส อตฺถิตาย มนฺทมนฺเท วาเต วายนฺเต จิเรน สฺํ ปฏิลภติ. เตนาห ‘‘มหาปุริโส’’ติอาทิ. เคหงฺคเณติ เคหสฺส มหาทฺวารโต พหิ วิวฏงฺคเณ. ปติโตติ ปาตํ กตฺวา อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺตึ อนฺตรํ กตฺวา อนุปฺปเวเสน นิปนฺโน. ทิฏฺมงฺคลิกายาติ ทิฏฺมงฺคลิกาการเณน.
ยสนฺติ วิภวํ กิตฺติสทฺทฺจ. จนฺทนฺติ จนฺทมณฺฑลํ, จนฺทวิมานนฺติ อตฺโถ. อุจฺฉิฏฺเคเหติ ปเรหิ ปริภุตฺตเคเห. มณฺฑเปติ นครมชฺเฌ มหามณฺฑเป.
ขีรมณิมูลนฺติ ขีรมูลํ, ปาเทสุ พทฺธมณิมูลฺจ. ยาวตา วาจุคฺคตา ปริยตฺตีติ ยตฺตโก มนุสฺสวจีทฺวารโต อุคฺคโต นิกฺขนฺโต ปวตฺโต, ยํกิฺจิ วจีมยนฺติ อตฺโถ. อากาสงฺคเณติ วิวฏงฺคเณ.
ทุมฺมวาสีติ ธูโม ธูสโร, อนฺชิตามณฺฑิโตติ อธิปฺปาโย. โอตลฺลโกติ นิหีนชฺฌาสโย, อปฺปานุภาโวติ อตฺโถ. ปฏิมฺุจ กณฺเติ ยาว คลวาฏกา ปารุปิตฺวา. โก เร ตุวนฺติ อเร โก นาม ตฺวํ.
ปกตนฺติ ปฏิยตฺตํ นานปฺปการโต อภิสงฺขตํ. อุตฺติฏฺปิณฺฑนฺติ อนฺตรฆรํ อุปคมฺม ตฺวา ลทฺธพฺพปิณฺฑํ, ภิกฺขาหารนฺติ อตฺโถ. ลภตนฺติ ลจฺฉตุ. สปาโกติ มหาสตฺโต ชาติวเสน ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกโรติ.
อตฺถตฺถิตํ สทฺทหโตติ สมฺปรายิกสฺส อตฺถสฺส อตฺถิภาวํ สทฺทหนฺตสฺส. อเปหีติ อปคจฺฉ. เอตฺโตติ อิมสฺมา านา. ชมฺมาติ ลามก.
อนูปเขตฺเตติ ¶ อชงฺคเล อุทกสมฺปนฺเน เขตฺเต ผลวิเสสํ ปจฺจาสีสนฺตา. เอตาย สทฺธาย ททาหิ ทานนฺติ นินฺนํ ถลฺจ ปูเรนฺโต เมโฆ วิย คุณวนฺเต นิคฺคุเณ จ ทานํ เทหิ, เอวํ เทนฺโต จ อปฺเปว อาราธเย ทกฺขิเณยฺเยติ. ทกฺขิเณยฺเยติ สีลาทิคุณสมนฺนาคเต.
ตานีติ เต พฺราหฺมณา. เวณุปทเรนาติ เวฬุวิลีเวน.
คิรึ นเขน ¶ ขณสีติ ปพฺพตํ อตฺตโน นเขน ขณนฺโต วิย อโหสิ. อโยติ กาลโลหํ. ปทหสีติ อภิภวสิ, อตฺตโน สรีเรน อภิภวนฺโต วิย อโหสิ.
อาเวธิตนฺติ จลิตํ วิปริวตฺเตตฺวา ิตํ. ปิฏฺิโตติ ปิฏฺิปสฺเสน. พาหุํ ปสาเรติ อกมฺมเนยฺยนฺติ อกมฺมกฺขมํ พาหุทฺวยํ ถทฺธํ สุกฺขทณฺฑกํ วิย เกวลํ ปสาเรติ, น สมิฺเชติ, เสตานิ อกฺขีนิ ปริวตฺตเนน กณฺหมณฺฑลสฺส อทิสฺสนโต.
ชีวิตนฺติ ชีวนํ.
เวหายสนฺติ อากาเส. ปถทฺธุโนติ ปถภูตทฺธุโน วิย.
สฺมฺปิ น กโรตีติ ‘‘อิเม กุลปฺปสุตา’’ติ สฺามตฺตมฺปิ น กโรติ. ทนฺตกฏฺกุจฺฉิฏฺกนฺติ ขาทิตทนฺตกฏฺตฺตา วุตฺตํ. เอตสฺเสว อุปริ ปติสฺสติ อปฺปทุฏฺปโทสภาวโต, มหาสตฺตสฺส ตทา อุกฺกํสคตเขตฺตภาวโต. อิทฺธิวิสโย นาม อจินฺเตยฺโย, ตสฺมา กถํ สูริยสฺส อุคฺคนฺตุํ นาทาสีติ น จินฺเตตพฺพํ. อรุณุคฺคํ น ปฺายตีติ ตสฺมึ ปเทเส อรุณปภา น ปฺายติ, อนฺธกาโร เอว โหติ.
ยกฺขาวฏฺโฏ นุ โข อยํ กาลวิปริยาโย. มหาปฺนฺติ มหนฺตานํ ปฺานํ อธิฏฺานภูตํ. ชนปทสฺส มุขํ ปสฺสถาติ อิมสฺส ชนปทวาสิโน ชนสฺส อุปทฺทเวน มงฺกุภูตํ มุขํ ปสฺสถ.
เอตสฺส กถา เอตสฺเสว อุปริ ปติสฺสตีติ ยาหิ เตน ปารมิตาปริภาวนสมิทฺธาหิ นานาสมาปตฺติวิหารปริปูริตาหิ สีลทิฏฺิสมฺปทาหิ สุสงฺขตสนฺตาเน มหากรุณาธิวาเส มหาสตฺเต อริยูปวาทกมฺมอภิสปสงฺขาตา ผรุสวาจา ปวตฺติตา, สา อภิสปิ ตสฺส เขตฺตวิเสสภาวโต ตสฺส จ อชฺฌาสยผรุสตาย ทิฏฺธมฺมเวทนิยกมฺมํ หุตฺวา ¶ สเจ โส มหาสตฺตํ น ขมาเปติ, สตฺตเม ทิวเส วิปจฺจนสภาวํ ชาตํ, ขมาปิเต ปน มหาสตฺเต ปโยคสมฺปตฺติ ปฏิพาหิตตฺตา อวิปากธมฺมตํ อาปชฺชติ อโหสิกมฺมภาวโต. อยฺหิ อริยูปวาทปาปสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนิยสฺส ธมฺมตา, เตน วุตฺตํ ‘เอตสฺส กถา เอตสฺเสว อุปริ ปติสฺสตี’ติอาทิ. มหาสตฺโต ปน ตํ ตสฺส อุปริ ปติตุํ น อทาสิ, อุปาเยน โมเจสิ. เตน วุตฺตํ จริยาปิฏเก (จริยา. ๒.๖๔) –
‘‘ยํ โส ¶ ตทา มํ อภิสปิ, กุปิโต ทุฏฺมานโส;
ตสฺเสว มตฺถเก นิปติ, โยเคน ตํ ปโมจยิ’’นฺติ.
ยฺหิ ตตฺถ สตฺตเม ทิวเส โพธิสตฺเตน สูริยุคฺคมนนิวารณํ กตํ, อยเมตฺถ โยโคติ อธิปฺเปโต. โยเคน หิ อุพฺพฬฺหา สราชิกา ปริสา นครวาสิโน เนคมา เจว ชานปทา จ โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ ตาปสํ อาเนตฺวา ขมาเปสุํ. โส จ โพธิสตฺตสฺส คุเณ ชานิตฺวา ตสฺมึ จิตฺตํ ปสาเทสิ. ยํ ปนสฺส มตฺถเก มตฺติกาปิณฺฑสฺส ปนํ, ตสฺส จ สตฺตธา ผาลนํ กตํ, ตํ มนุสฺสานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ. อฺถา หิ – ‘‘อิเม ปพฺพชิตา สมานา จิตฺตสฺส วเส วตฺตนฺติ, น ปน จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺตาเปนฺตี’’ติ มหาสตฺตมฺปิ เตน สทิสํ กตฺวา คณฺเหยฺยุํ, ตทสฺส เตสํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ. เตนาห ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิ.
โลหกูฏวสฺสนฺติ อยคุฬวสฺสํ. ตทา หิ รตนมตฺตานิ ทิยฑฺฒรตนมตฺตานิปิ ติขิณํสานิ อยคุฬมณฺฑลานิ อิโต จิโต จ นิปตนฺตา มนุสฺสานํ สรีรานิ ขณฺฑขณฺฑกานิ อกํสุ. กลลวสฺสนฺติ ตนุกกทฺทมปฏลกทฺทมํ. อุปหจฺจาติ อาฆาเฏตฺวา. ตเทว มชฺฌารฺํ.
๖๗. อนุวิจฺจการนฺติ อนุวิจฺจกรณํ. การเณหิ ทฺวีหิ อนิยฺยานิกสาสเน ิตานํ อตฺตโน สาวกตฺตํ อุปคเต ปคฺคหนิคฺคหานิ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๖๙. อนุปุพฺพึ กถนฺติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๗๕-๗๖; อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๑๒) อนุปุพฺพิยา อนุปุพฺพํ กเถตพฺพกถํ, กา ปน สา? ทานาทิกถา. ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา สุกรตฺตา สีเล ปติฏฺานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโตว กถิตา ¶ . ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ. สีเลน ทายกปฏิคฺคหณวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคยสสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตา. ตฺจ สีลํ วฏฺฏนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผลนฺติ ทสฺสนตฺถํ, อิเมหิ จ ทานสีลมเยหิ ปณีตจริยเภทภินฺเนหิ ปฺุกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา โภคภวสมฺปตฺติโยติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถา. สฺวายํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ สพฺพทา อนุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มคฺโค, มคฺคฺจ กเถนฺเตน ¶ ตทธิคมูปายสนฺทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ ปเคว อิตเร สพฺเพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว. หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสฺหิตาติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว, สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส. สพฺพโส กิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพติ อยมตฺโถ มคฺคนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
สุขานํ นิทานนฺติ ทิฏฺธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานํ นิพฺพานสฺหิตานฺจาติ สพฺเพสมฺปิ สุขานํ การณํ. ยฺหิ กิฺจิ โลเก โภคสุขํ นาม, ตํ สพฺพํ ทานนิทานนฺติ ปากโฏ อยมตฺโถ. ยํ ปน ฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานปฏิสํยุตฺตํ สุขํ, ตสฺสปิ ทานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติเยว. สมฺปตฺตีนํ มูลนฺติ ยา อิมา โลเก ปเทสรชฺชสิริสฺสริยสตฺตรตนสมุชฺชลจกฺกวตฺติสมฺปทาติ เอวํปเภทา มานุสิกา สมฺปตฺติโย, ยา จ จาตุมหาราชาทิคตา ทิพฺพา สมฺปตฺติโย, ยา วา ปนฺาปิ สมฺปตฺติโย, ตาสํ สพฺพาสํ อิทํ มูลการณํ. โภคานนฺติ ภฺุชิตพฺพฏฺเน ‘‘โภโค’’นฺติ ลทฺธนามานํ มนาปิยรูปาทีนํ, ตนฺนิสฺสยานํ วา อุปโภคสุขานํ, ปติฏฺา นิจฺจลาธิฏฺานตาย. วิสมคตสฺสาติ พฺยสนปฺปตฺตสฺส. ตาณนฺติ รกฺขา ตโต ปริปาลนโต. เลณนฺติ พฺยสเนหิ ปริปาติยมานสฺส โอลียนปเทโส. คตีติ คนฺตพฺพฏฺานํ. ปรายณนฺติ ปฏิสรณํ. อวสฺสโยติ วินิปติตุํ อเทนฺโต นิสฺสโย. อารมฺมณนฺติ โอลุพฺภารมฺมณํ.
รตนมยสีหาสนสทิสนฺติ ¶ สพฺพรตนมยสตฺตงฺคมหาสีหาสนสทิสํ, มหคฺฆํ หุตฺวา สพฺพโส วินิปติตุํ อปฺปทานโต. มหาปถวิสทิสํ คตคตฏฺาเน ปติฏฺาสมฺภวโต. ยถา ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส อาลมฺพนรชฺชุ อุตฺติฏฺโต ติฏฺโต จ อุปตฺถมฺโภ, เอวํ ทานํ สตฺตานํ สมฺปตฺติภเว อุปปตฺติยา ิติยา จ ปจฺจโย โหตีติ อาห ‘‘อาลมฺพนฏฺเน อาลมฺพนรชฺชุสทิส’’นฺติ. ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเนาติ ทุคฺคติทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน. สมสฺสาสนฏฺเนาติ โลภมจฺฉริยาทิปฏิสตฺตุปทฺทวโต สมฺมเทว อสฺสาสนฏฺเน. ภยปริตฺตาณฏฺเนาติ ทาลิทฺทิยภยโต ปริปาลนฏฺเน. มจฺเฉรมลาทีหีติ มจฺเฉรโลภโทสอิสฺสามิจฺฉาทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิ จิตฺตมเลหิ. อนุปลิตฺตฏฺเนาติ อนุปกฺกิลิฏฺตาย. เตสนฺติ มจฺเฉรมลาทีนํ. เอเตสํ เอว ทุราสทฏฺเน. อสนฺตาสนฏฺเนาติ อสนฺตาสเหตุภาเวน. โย หิ ทายโก ทานปติ, โส สมฺปติปิ น กุโตจิ สนฺตสติ, ปเคว อายตึ. พลวนฺตฏฺเนาติ มหาพลวตาย. ทายโก หิ ทานปติ สมฺปติ ปกฺขพเลน พลวา โหติ, อายตึ ปน กายพลาทีหิ. อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเนาติ ‘‘วุฑฺฒิการณ’’นฺติ อภิสมฺมตภาเวน. วิปตฺติโต สมฺปตฺติยา นยนํ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนํ.
อิทานิ ¶ มหาโพธิจริยภาเวนปิ ทานคุณํ ทสฺเสตุํ ทานํ นาเมตนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺตานํ นิยฺยาเทนฺเตนาติ เอเตน ทานผลํ สมฺมเทว ปสฺสนฺตา มหาปุริสา อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชนฺติ, ตสฺมา โก นาม วิฺุชาติโก พาหิเร วตฺถุมฺหิ สงฺคํ กเรยฺยาติ โอวาทํ เทติ. อิทานิ ยา โลกิยา โลกุตฺตรา จ อุกฺกํสคตา สมฺปตฺติโย, ตา สพฺพา ทานโตเยว ปวตฺตนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทานฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺติโย อตฺตหิตาย เอว, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ ปน อตฺตหิตาย จ ปรหิตาย จาติ ทสฺเสตุํ สา ตาสํ ปรโต วุตฺตา. เอตา โลกิยา, อิมา ปน โลกุตฺตราติ ทสฺเสตุํ ‘‘สาวกปารมีาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตาสุปิ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺตรุกฺกฏฺตมเมว ทสฺเสตุํ กเมน าณตฺตยํ วุตฺตํ. เตสํ ปน ทานสฺส ปจฺจยภาโว เหฏฺา วุตฺโตเยว. เอเตเนว ตสฺส พฺรหฺมสมฺปตฺติยาปิ ปจฺจยภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ.
ทานฺจ นาม หิตชฺฌาสเยน, ปูชาวเสน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก ปุริสปุคฺคโล ปเรสํ สนฺตกํ หริสฺสตีติ ¶ อฏฺานเมตนฺติ อาห – ‘‘ทานํ ททนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกตี’’ติ. สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ โสภาวิเสสาวหตฺตา สีลสฺส. สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถีติ เอตฺถ ‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปี’’ติอาทิกา (ธ. ป. ๕๕; มิ. ป. ๔.๑.๑) คาถา – ‘‘คนฺโธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ, กายา จุโต คจฺฉติ มาลุเตนา’’ติอาทิกา (ชา. ๒.๑๗.๕๕) ชาตกคาถาโย จ อาหริตฺวา วตฺตพฺพา, สีลฺหิ สตฺตานํ อาภรณฺเจว อลงฺกาโร จ คนฺธวิเลปนฺจ ทสฺสนียภาวาวหฺจ. เตนาห ‘‘สีลาลงฺกาเรน หี’’ติอาทิ.
อยํ สคฺโค ลพฺภตีติ อิทํ มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ สมาทานสีลํ สนฺธายาห. เตนาห สกฺโก เทวราชา –
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๑.๘.๗๕; ๒.๒๒.๔๒๙; ที. นิ. ฏี. ๒.๗๕-๗๖);
อิฏฺโติ สุโข. กนฺโตติ กมนีโย. มนาโปติ มนวฑฺฒนโก. ตํ ปน ตสฺส อิฏฺาทิภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิจฺจเมตฺถ กีฬา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
โทโสติ อนิจฺจตาทินา อปฺปสฺสาทาทินา จ ทูสิตภาโว, ยโต เต วิฺูนํ จิตฺตํ นาราเธนฺติ ¶ . อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺเตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตา. ตถา จ กามา ยถาภูตํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฏฺนฺติ. ลามกภาโวติ อเสฏฺเหิ เสวิตพฺโพ, เสฏฺเหิ น เสวิตพฺโพ นิหีนภาโว. สํกิลิสฺสนนฺติ วิพาธกตา อุปตาปตา จ.
เนกฺขมฺเม อานิสํสนฺติ เอตฺถ ยตฺตกา กาเมสุ อาทีนวา, ตปฺปฏิปกฺขโต ตตฺตกา เนกฺขมฺเม อานิสํสา. อปิจ – ‘‘เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฏฺํ นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสฺาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตกฺเกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปาทสฺายา’’ติอาทินา (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๖; ที. นิ. ฏี. ๒.๗๕-๗๖) นเยน เนกฺขมฺเม อานิสํเส ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วณฺเณสิ. กลฺลจิตฺตนฺติ เหฏฺา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ยสฺมา อสฺสทฺธิยาทโย จิตฺตสฺส โรคภูตา ¶ , ตทา เต วิคตา, ตสฺมา อาห ‘‘อโรคจิตฺต’’นฺติ. ทิฏฺิมานาทิกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํ. กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํ. สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํ. ยทา ภควา อฺาสีติ สมฺพนฺโธ. อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํ. มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกถินจิตฺตํ. วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิกฺเขปสฺส วิคตตฺตา เตน อปิหิตจิตฺตํ. อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหิตวเสน อลีนจิตฺตํ. ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ เอวเมตฺถ เสสปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน อุปาลิสฺส สํกิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคนิปฺผาทนฺจ ทสฺเสติ. อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํ. สมฺมเทวาติ สุฏฺุ เอว. รชนนฺติ นีลปีตาทิรงฺคชาตํ. ปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ คณฺเหยฺย ปภสฺสรํ ภเวยฺย. ตสฺมึเยว อาสเนติ ติสฺสํ เอว นิสชฺชายํ. เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสกตา ติกฺขปฺตา สุขปฏิปทาขิปฺปาภิฺตา จ ทสฺสิตา โหติ. วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํ. อนวเสสทิฏฺิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํ. ติณฺณํ มคฺคานนฺติ เหฏฺิมานํ ติณฺณํ มคฺคานํ. ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนนฺติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตํ หี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฏิวิชฺฌนฺตนฺติ อสมฺโมหปฏิเวธวเสน ปฏิวิชฺฌนฺตํ. เตนาห ‘‘กิจฺจวเสนา’’ติ.
ตตฺริทํ ¶ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฏฺภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฏฺภาโว, โธวนสิลา วิย อนุปุพฺพีกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเก เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกาภเรหิ กาฬกปเทเส สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปโยโค วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา สติสมาธิปฺาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารมฺโภ. เตน ปโยเคน วตฺเถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารมฺเภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมคฺโค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มคฺเคน ปริโยทปนนฺติ.
ทิฏฺธมฺโมติ วตฺวา ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณสมฺปตฺติโต อฺาปิ วิชฺชตีติ ¶ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา ธมฺเมสุ เอกเทสนาปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. เตนสฺส สจฺจาภิสมฺโพธํเยว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาหนฺตํ นาม โหติ. เตนาห – ‘‘ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม’’ติ. ติณฺณา วิจิกิจฺฉาติ สปฺปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา อฏฺวตฺถุกา จ ติณฺณา วิจิกิจฺฉา ติณฺณวิจิกิจฺฉา. วิคตกถํกโถติ ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, กึ นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถา. สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฏิปกฺเขสุ สีลาทิคุเณสุ สุปฺปติฏฺิตตฺตา เวสารชฺชํ วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโต. อตฺตนา เอว ปจฺจกฺขโต ทิฏฺตฺตา น ตสฺส ปโร ปจฺเจตพฺโพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย.
๗๒. เตน หิ สมฺมาติ โทวาริเกน สทฺธึ สลฺลปติเยว, ‘‘เอตฺเถวา’’ติ เตน วุตฺตวจนํ สุตฺวาปิ ตสฺส อตฺถํ อสลฺลกฺเขนฺโต. กสฺมา? ปริเทวตาย. เตนาห ‘‘พลวโสเกน อภิภูโต’’ติ.
๗๓. เตเนวาติ เยน อุตฺตราสงฺเคน อาสนํ สมฺมชฺชติ, เตเนว อุทเร ปริกฺขิปนฺโต ‘‘มาหํ สตฺถารํ มม สรีเรน ผุสิ’’นฺติ อนฺตรํ กโรนฺโต อุตฺตราสงฺเคน ตํ อุทเร ปริกฺขิปนฺโต ปริคฺคเหตฺวา. ‘‘ทตฺตปฺตฺต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๗๑) วิย ทตฺต-สทฺโท เอตฺถ พาลปริยาโยติ ¶ อาห ‘‘ชโฬสิ ชาโต’’ติ. อุปฏฺากสฺส อฺถาภาเวนาติ ปุพฺเพ อตฺตโน อุปฏฺากสฺส อิทานิ อนุปฏฺากภาเวน.
๗๕. อวิฺาณกํ ทารุสาขาทิมยํ. พหลพหลํ ปีตาวเลปนํ รงฺคชาตนฺติ อติวิย พหลํ ปีตวณฺณมฺชิฏฺอาทิอวเลปนรชนํ. ฆฏฺเฏตฺวา อุปฺปาทิตจฺฉวึ, ยา รงฺคํ ปิวติ. นิลฺโลมตนฺติ ปุนปฺปุนํ อนุลิมฺปเนน. ขณฺฑขณฺฑิตนฺติ ขณฺฑขณฺฑิตภาวํ. รงฺคกฺขโม รชนิโย. เตนาห ‘‘ราคมตฺตํ ชเนตี’’ติ. อนุโยคนฺติ โจทนํ. วีมํสนฺติ วิจารณํ. ถุเส โกฏฺเฏตฺวา ตณฺฑุลปริเยสนํ ¶ วิย กทลิยํ สารปริเยสนํ วิย จ นิคณฺวาเท สารวีมํสนํ. ตโต เอว จ ตํ วีมํสนฺโต ริตฺตโก ตุจฺฉโกว โหตีติ. สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ จตุสจฺจวินิมุตฺตํ นตฺถิ, ตฺจ วีมํสิยมานํ วิฺูนํ ปีติโสมนสฺสเมว ชเนติ, อตปฺปกฺจ อเสจนาภาเวนาติ อาห ‘‘จตุสจฺจกถา หี’’ติอาทิ. ยถา ยถาติ ยทิ ขนฺธมุเขน ยทิ ธาตายตนาทีสุ อฺตรมุเขน พุทฺธวจนํ โอคาหิสฺสติ, ตถา ตถา คมฺภีราณานํเยว โคจรภาวโต คมฺภีรเมว โหติ. โย เจตฺถ ปณฺฑิโต นิปุโณ กตปรปฺปวาโท ปณิธาย สพฺพถาเมน โจทนํ อารมฺภติ ตสฺส โจทนา เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาเลตุํ น สกฺโกติ. ปุน สุจิรมฺปิ กาลํ วิจาเรนฺเตสุปิ วิมทฺทกฺขมโต, เอวํ ตถาคตวาโท สฺวาขฺยาตภาวโตติ อาห ‘‘อนุโยคกฺขโม วิมชฺชนกฺขโม จา’’ติ.
๗๖. วิสยปริฺาเณน ทหติ ปฏิปกฺเข โสเธตีติ ธีโร, สฺวายมสฺส ธีรภาโว สพฺพโส สมฺโมหวิทฺธํสนตายาติ อาห – ‘‘ยา ปฺา…เป… เตน สมนฺนาคตสฺสา’’ติ. ปภินฺนขีลสฺสาติ สมุจฺฉินฺนสพฺพเจโตขีลสฺส, กิเลสมจฺจุมารวิชเยเนว อภิสงฺขารขนฺธมารา ชิตาว โหนฺตีติ เตสํ ทฺวินฺนํ อิธ อคฺคหณํ. อีฆ-สทฺโท ทุกฺขปริยาโยติ อาห ‘‘นิทฺทุกฺขสฺสา’’ติ. ตตฺถ สอุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา กิเลเสน นิทฺทุกฺขตา, อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา วิปากทุกฺเขน นิทฺทุกฺขตา. รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนาทิวเสน วิวิธํ อีสนโต วีสํ, วีสเมว เวสํ, ราคาทีติ อาห – ‘‘เวสนฺตรสฺสาติ ราคาทิวีสํ ตริตฺวา วิตริตฺวา ิตสฺสา’’ติ.
ตุสิตสฺสาติ กรุณายนวเสน ตุสิยา อิตสฺส สํวตฺตสฺส. เอวํ สติ ‘‘มุทิตสฺสา’’ติ อิทํ ปุนรุตฺตเมว โหติ. มนุชสฺสาติ ปมาย ชาติยา ภควา มนุสฺสชาติโย หุตฺวา วุตฺตานํ วกฺขมานานฺจ วเสน สเทวกํ อภิภวิตฺวา ิโต อจฺฉริโย ภควาติ ทสฺเสติ. สเทวกํ โลกํ สํสารโต นิพฺพานสุขํ นรติ เนติ ปาเปตีติ นโร, นายโกติ อตฺโถ, ตสฺส นรสฺส, เตนาห ¶ ‘‘ปุนรุตฺต’’นฺติ. ‘‘มนุชสฺสา’’ติ วตฺวา ‘‘นรสฺสา’’ติ ปุนรุตฺตํ ปทํ. อตฺถวเสน อฺถา วุจฺจมาเน เอเกกคาถาย ทสคุณา นปฺปโหนฺติ, น ปูเรนฺตีติ อตฺโถ.
วิเนตีติ วินโย, วินโย เอว เวเนยิโกติ อาห ‘‘สตฺตานํ วินายกสฺสา’’ติ. วิฺูนํ รุจึ ราติ, อีเรตีติ วา รุจิโร, สฺวายมสฺส รุจิรภาโว ¶ กุสลตายาติ อาห ‘‘สุจิธมฺมสฺสา’’ติ. ปภาสกสฺสาติ าณาโลเกน ปภสฺสรภาวกรสฺส. นิสฺสงฺคสฺสาติ อฏฺสุปิ ปริสาสุ, สเทเว วา สพฺพสฺมึ โลเก อคฺคณฺหาปนปริจฺจาเคน นิสฺสฏสฺส. คมฺภีรคุณสฺสาติ ปเรสํ าเณน อปฺปติฏฺภาวา คมฺภีรคุณสฺส. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๘). อริยาย วา ตุณฺหีภาเวน โมนปฺปตฺตสฺส. ธมฺเม ิตสฺสาติ ธมฺมกาเย สุปฺปติฏฺิตสฺส. สํวุตตฺตสฺสาติ อรกฺขิยกายสมาจาราทิตาย สํวุตสภาวสฺส.
อาคุํ น กโรตีติอาทีหิ จตูหิ การเณหิ, ปนฺตเสนาสนสฺสาติ วิวิตฺตเสนาสนสฺส. ปฏิมนฺตนปฺายาติ สพฺพปรปฺปวาทานํ วิปราวตฺตมนฺตนปฺาย. โมนํ วุจฺจติ าณํ สพฺพโต กิเลสานํ นิธุนนโต.
อิสิสตฺตมสฺสาติ สพฺพอิสีสุ เชฏฺสฺส สาธุตมสฺส. เสฏฺปฺปตฺตสฺสาติ เสฏฺํ อุตฺตมํ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺตสฺส. อกฺขราทีนีติ อกฺขรปทพฺยฺชนาการ-นิรุตฺตินิทฺเทส-สํกาสนปกาสน-วิวรณ-วิภชนุตฺตานีกรณานีติ พฺยฺชนตฺถปทานิ. สโมธาเนตฺวา วิเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ปกาสนโต กถนโต ปทกสฺส. ปุริ-สทฺโท ‘‘ปุพฺเพ’’ติ อิมินา สมานตฺโถติ อาห – ‘‘ปุรินฺททสฺสาติ สพฺพปมํ ธมฺมทานทายกสฺสา’’ติ. ภควา อสยฺหํ สหิตุํ สมตฺโถติ อาห ‘‘สมตฺถสฺสา’’ติ. เตนาห – ‘‘ตถาคตํ พุทฺธมสยฺหสาหิน’’นฺติ (อิติวุ. ๓๘). เต ปตฺตสฺสาติ เต คุเณ อนวเสสโต ปตฺตสฺส. วิตฺถาเรตฺวา สํกิเลสโวทานธมฺมํ พฺยากโรตีติ พฺยากรโณ, พฺยากรโณ เอว เวยฺยากรโณ. ตนฺติปทนฺติ ตนฺตึ อาโรเปตฺวา ปิตํ ปทํ.
ตณฺหาพนฺธเนน สพฺเพน วา กิเลสพนฺธเนน อพทฺธสฺส. มหาปฺายาติ มหานุภาวาย ปฺาย, มหาวิสยาย วา ปฺาย. สพฺพา หิ ภควโต ปฺา มหานุภาวา, ยถาสกํ วิสเย มหาวิสยา จ เอกาทิวเสน อนวเสสโต มหาวิสยา นาม สพฺพฺุตาว. อานุภาวทสฺสนฏฺเนาติ อจฺฉริยาจินฺเตยฺยาปริเมยฺยสฺส อตฺตโน อานุภาวสฺส โลกสฺส ทสฺสนฏฺเน ¶ . ยกฺขสฺสาติ วา โลเกน ปูชนียสฺส ¶ . อยํ อุปาสโก ขุชฺชุตฺตรา วิย อุปาสิกา เสขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโตติ อาห ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคเนว ปฏิสมฺภิทา อาคตา’’ติ. กิเลสปฺปหานวณฺณํ กเถนฺโตติ กิเลสปฺปหานํ วิสยํ นิมิตฺตํ กตฺวา วณฺณํ กเถนฺโต.
๗๗. สมฺปิณฺฑิตาติ สนฺนิจิตา, คนฺถิตาติ อตฺโถ. อิเม สตฺตาติ ยํ ยเทว ปริพฺภมนฺตา สตฺตา. อตฺตโนว จินฺตยนฺตีติ อวีตตณฺหตาย สกํเยว ปโยชนํ จินฺเตนฺติ. ตถา หิ มเต าตเก อนุโสจนฺตาปิ เตหิ สาเธตพฺพสฺส อตฺตโน ปโยชนสฺเสว วเสน อนุโสจนฺติ. อุณฺหํ อโหสีติ พลวตา จิตฺตสฺส สนฺตาเปน สนฺตตฺตํ อพฺภนฺตรํ หทยฏฺานํ ขทิรงฺคารสนฺตาปิตํ วิย อุณฺหํ อโหสิ. เตนาห ‘‘โลหิตํ วิลียิตฺถา’’ติ. ปตฺตมตฺตนฺติ เอกปตฺตปูรมตฺตํ. อภิสมยสาธิกาย จตุสจฺจเทสนาย สงฺเขเปเนว เทสิตตฺตา อาห – ‘อุคฺฆฏิตฺุปุคฺคลสฺส วเสน ธมฺมเทสนา ปรินิฏฺิตา’’ติ.
อุปาลิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. กุกฺกุรวติกสุตฺตวณฺณนา
๗๘. โกลิเยสูติ ¶ พหุวจนวเสนายํ ปาฬิ อาคตา. เอวํนามเก ชนปเทติ อตฺถวจนํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ. น นิยมิโตติ ‘‘อสุกมฺหิ นาม วิหาเร’’ติ น นิยเมตฺวา วุตฺโต. เสนาสเนเยวาติ อาวาเสเยว, น รุกฺขมูลาทิเก. เวสกิริยา ฆาสคฺคหณาทินา สมาทาตพฺพฏฺเน โควตํ, ตสฺมึ นิยุตฺโต โควติโก. เตนาห ‘‘สมาทินฺนโควโต’’ติ. ยํ สนฺธายาหุ เวทเวทิโน – ‘‘คจฺฉํ ภกฺเขติ, ติฏฺํ มุตฺเตติ, อุปาหา อุทกํ ธูเปติ, ติณานิ ฉินฺทตี’’ติอาทิ. อยํ อเจโลติ อเจลกปพฺพชฺชาวเสน อเจโล, ปุริโม ปน โควติโก กุกฺกุรวติโกติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ วตฺตพฺโพ. ปลิกุณฺิตฺวาติ อุโภ หตฺเถ อุโภ ปาเท จ สมิฺชิตฺวา. ‘‘อุกฺกุฏิโก หุตฺวา’’ติปิ วทนฺติ. คมนํ นิปฺผชฺชนํ คตีติ อาห – ‘‘กา ¶ คตีติ กา นิปฺผตฺตี’’ติ. นิปฺผตฺติปริโยสานา หิ วิปากธมฺมปฺปวตฺติ. กตูปจิตกมฺมวเสน อภิสมฺปเรติ เอตฺถาติ อภิสมฺปราโย, ปรโลโก. ตตฺถสฺส จ นิปฺผตฺตึ ปุจฺฉตีติ อาห – ‘‘อภิสมฺปรายมฺหิ กตฺถ นิพฺพตฺตี’’ติ. กุกฺกุรวตสมาทานนฺติ กุกฺกุรภาวสมาทานํ, ‘‘อชฺช ปฏฺาย อหํ กุกฺกุโร’’ติ กุกฺกุรภาวาธิฏฺานํ.
๗๙. ปริปุณฺณนฺติ ยตฺตกา กุกฺกุรวิการา, เตหิ ปริปุณฺณํ. เตนาห ‘‘อนูน’’นฺติ. อพฺโพกิณฺณนฺติ เตหิ อโวมิสฺสํ. กุกฺกุราจารนฺติ กุกฺกุรานํ คมนากาโรติอาทิอาจาเรน กุกฺกุรภาวาธิฏฺานจิตฺตมาห. ตถา ตถา อากปฺเปตพฺพโต อากปฺโป, ปวตฺติอากาโร. โส ปเนตฺถ คมนาทิโกติ อาห ‘‘กุกฺกุรานํ คมนากาโร’’ติอาทิ. อาจาเรนาติ กุกฺกุรสีลาจาเรน. วตสมาทาเนนาติ กุกฺกุรวตาธิฏฺาเนน. กุกฺกุรจริยาทิเยว ทุกฺกรตปจรณํ. เตน คติวิปริเยสากาเรน ปวตฺตา ลทฺธิ. อสฺส กุกฺกุรวติกสฺส อฺา คติ นตฺถีติ อิตรคตึ ปฏิกฺขิปติ, อิตราสํ ปน สมฺภโว เอว นตฺถีติ. นิปชฺชมานนฺติ วตสีลาทีนํ สํโคปนวเสน สิชฺฌมานํ. ยถา สกมฺมกธาตุสทฺทา อตฺถวิเสสวเสน อกมฺมกา โหนฺติ ‘‘วิพุทฺโธ ปุริโส วิพุทฺโธ กมลสณฺโฑ’’ติ, เอวํ อตฺถวิเสสวเสน อกมฺมกาปิ สกมฺมกา โหนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น ปริเทวามิ น อนุตฺถุนามี’’ติอาทิมาห. อนุตฺถุนสทฺโท จ สกมฺมกวเสน ปยุชฺชติ ‘‘ปุราณานิ อนุตฺถุน’’นฺติอาทีสุ. อยฺเจตฺถ ปโยโคติ อิมินา คาถายฺจ อนุตฺถุนนโรทนํ อธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสติ.
๘๐. วุตฺตนเยเนวาติ ¶ อิมินา โควตนฺติ โควตสมาทานํ. โคสีลนฺติ ควาจารํ. โคจิตฺตนฺติ ‘‘อชฺช ปฏฺาย โคหิ กาตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. คฺวากปฺเป ปน วตฺตพฺพํ อวสิฏฺํ ‘‘กุกฺกุรากปฺเป วุตฺตสทิสเมวา’’ติ อิมินาว อติทิฏฺํ, วิสิฏฺฺจ ยถา ปน ตตฺถาติอาทินา วุตฺตเมว. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ กุกฺกุรวตาทีสุ วุตฺตนยเมว.
๘๑. เอกจฺจกมฺมกิริยาวเสนาติ เอกจฺจสฺส อกุสลกมฺมสฺส กุสลกมฺมสฺส กรณปฺปสงฺเคน. อิเมสนฺติ โควติกกุกฺกุรวติกานํ. กิริยาติ โควตภาวนาทิวเสน ปวตฺตา กิริยา. ปากฏา ภวิสฺสตีติ ‘‘อิมสฺมึ กมฺมจตุกฺเก อิทํ นาม กมฺมํ ภชตี’’ติ ปากฏา ภวิสฺสติ.
กาฬกนฺติ ¶ (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๒๓๒) มลีนํ, จิตฺตสฺส อปภสฺสรภาวกรณนฺติ อตฺโถ. ตํ ปเนตฺถ กมฺมปถสมฺปตฺตเมว อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ทสอกุสลกมฺมปถ’’นฺติ. กณฺหนฺติ กณฺหาภิชาติเหตุโต วา กณฺหํ. เตนาห ‘‘กณฺหวิปาก’’นฺติ. อปายูปปตฺติ มนุสฺเสสุ จ โทภคฺคิยํ กณฺหวิปาโก, ยถา ตมภาโว วุตฺโต, เอกตฺตนิทฺเทเสน ปน ‘‘อปาเย นิพฺพตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ, นิพฺพตฺตาปนโตติ อตฺโถ. สุกฺกนฺติ โอทาตํ, จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณนฺติ อตฺโถ, สุกฺกาภิชาติเหตุโต วา สุกฺกํ. เตนาห ‘‘สุกฺกวิปาก’’นฺติ. สคฺคูปปตฺติ มนุสฺสโลเก โสภคฺคิยฺจ สุกฺกวิปาโก, ยถา จ โชติภาโว วุตฺโต, เอกตฺตนิทฺเทเสน ปน ‘‘สคฺเค นิพฺพตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ, นิพฺพตฺตาปนโตติ อตฺโถ, โวมิสฺสกกมฺมนฺติ กาเลน กณฺหํ, กาเลน สุกฺกนฺติ เอวํ มิสฺสกวเสน กตกมฺมํ. ‘‘สุขทุกฺขวิปาก’’นฺติ วตฺวา สุขทุกฺขานํ ปวตฺติอาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘มิสฺสกกมฺมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กมฺมสฺส กณฺหสุกฺกสมฺา กณฺหสุกฺกาภิชาติเหตุตายาติ, อปจฺจยคามิตาย ตทุภยวินิมุตฺตสฺส กมฺมกฺขยกรกมฺมสฺส อิธ สุกฺกปริยาโยปิ น อิจฺฉิโตติ อาห – ‘‘อุภย…เป… อสุกฺกนฺติ วุตฺต’’นฺติ. ตตฺถ อุภยวิปากสฺสาติ ยถาธิคตสฺส วิปากสฺส. สมฺปตฺติภวปริยาปนฺโน หิ วิปาโก อิธ ‘‘สุกฺกวิปาโก’’ติ อธิปฺเปโต, น อจฺจนฺตปริสุทฺโธ.
สทุกฺขนฺติ อตฺตนา อุปฺปาเทตพฺเพน ทุกฺเขน สทุกฺขํ, ทุกฺขสํวตฺตนิกนฺติ อตฺโถ. ‘‘อิมสฺมึ สุตฺเต เจตนา ธุรํ, อุปาลิสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๕๖) กมฺม’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตมฺปิ อตฺถํ อิธ สาธยติ วิชานนตฺถํ. อภิสงฺขริตฺวาติ อายูหิตฺวา. ตํ ปน ปจฺจยสมวายสิทฺธิโต สํกฑฺฒนํ ปิณฺฑนํ วิย โหตีติ อาห – ‘‘สงฺกฑฺฒิตฺวา, ปิณฺฑํ กตฺวาติ อตฺโถ’’ติ, สทุกฺขํ โลกนฺติ ¶ อปายโลกมาห. วิปากผสฺสาติ ผสฺสสีเสน ตตฺถ วิปากปวตฺตมาห. ภูตกมฺมโตติ นิพฺพตฺตกมฺมโต อตฺตนา กตูปจิตกมฺมโต. ยถาภูตนฺติ ยาทิสํ. กมฺมสภาควเสนาติ กมฺมสริกฺขกวเสน. อุปปตฺติ โหตีติ อปทาทิเภทา อุปปตฺติ. กมฺเมน วิย วุตฺตาติ ยํ กโรติ, เตน อุปปชฺชตีติ เอกกมฺเมเนว ชายมานา วิย วุตฺตา อปทาทิเภทา. อุปปตฺติ จ นาม วิปาเกน โหติ วิปาเก สมฺภวนฺเต เอกํเสน เต อุปปตฺติวิเสสา สมฺภวนฺติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘เตน อุปปชฺชตี’’ติ อุปปตฺติกมฺมเหตุกา วุตฺตาติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. เยน กมฺมวิปาเกน นิพฺพตฺโตติ ¶ เยน กมฺมวิปาเกน วิปจฺจมาเนน อยํ สตฺโต นิพฺพตฺโตติ วุจฺจติ. ตํกมฺมวิปากผสฺสาติ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส วิปากภูตา ผสฺสา. กมฺเมน ทาตพฺพํ ทายํ ตพฺพิปากํ อาทิยนฺตีติ กมฺมทายาทา, ผสฺสา. กมฺมสฺส ทายชฺชตา กมฺมผลสฺส ทายชฺชํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กมฺมทายชฺชา’’ติ. เตนาห ‘‘กมฺมเมว เนสํ ทายชฺชํ สนฺตก’’นฺติ.
ติสฺโส จ เหฏฺิมชฺฌานเจตนาติ อิทํ อพฺยาพชฺฌเวทนํ เวทิยนเอกนฺตสุขุปฺปตฺติยา เหตุภาวสาธนํ. ยทิ เอวํ ยถาวุตฺตา ฌานเจตนา ตาว โหตุ เอกนฺตสุขุปฺปตฺติเหตุภาวโต. กามาวจรา กินฺตีติ กามาวจรา ปน กุสลเจตนา ตํสภาวาภาวโต กินฺติ เกน ปกาเรน อพฺยาพชฺฌมโนสงฺขาโร นาม ชาโตติ โจเทติ, อิตโร ปน น สพฺพา กามาวจรกุสลเจตนา ตถา คหิตา, อถ โข เอกจฺจา ฌานเจตนานุกูลาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กสิณสชฺชนกาเล กสิณาเสวนกาเล ลพฺภนฺตี’’ติ อาห. ตตฺถ กสิณาเสวนเจตนา คเหตพฺพา, สา อุปจารชฺฌานสฺส สาธิกา. เตน กามาวจรเจตนา ปมชฺฌานเจตนาย ฆฏิตาติ กสิณสชฺชนเจตนาปิ กทาจิ ตาทิสา โหตีติ คหิตา. ปริกมฺมาทิวเสน หิ ปวตฺตา ภาวนามยา กามาวจรกุสลเจตนา ปมชฺฌานสฺส อาสนฺนตาย วุตฺตา. จตุตฺถชฺฌานเจตนา ตติยชฺฌานเจตนาย ฆฏิตาติ อิทํ เอกตฺตกายเอกตฺตสฺีสตฺตาวาสวตาย ตํสริกฺขกา อุเปกฺขาปิ อีทิเสสุ าเนสุ สุขสริกฺขตา, เอวํ สนฺตสภาวตา าณสหิตตา จ. เกจิ ปน จตุตฺถชฺฌานเจตนานุคุณาติ นิทสฺเสนฺตา กสิณสชฺชนกาเล กสิณชฺฌานกาเล กสิณาเสวนกาเล ลพฺภตีติ ตติยชฺฌานเจตนาย อาสนฺนฆฏิตตา วุตฺตาติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, วุตฺตนเยเนว ตาสํ ฆฏิตตา เวทิตพฺพา. อุภยมิสฺสกวเสนาติ อุภเยสํ กุสลากุสลสงฺขารานํ สุขทุกฺขานฺจ มิสฺสกภาววเสน. เวมานิกเปตานนฺติ อิทํ พาหุลฺลโต วุตฺตํ, อิตเรสมฺปิ วินิปาติกานํ กาเลน ทุกฺขํ โหติเยว.
ตสฺส ¶ ปหานายาติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส กมฺมสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนาย. ยา เจตนาติ ยา อปจยคามินิเจตนา. กมฺมํ ปตฺวาติ สุขกมฺมนฺติ วุจฺจมาเน มคฺคเจตนาย อฺโ ปณฺฑรตโร ธมฺโม นาม นตฺถิ ¶ อจฺจนฺตปาริสุทฺธิภาวโต. อกณฺหา อสุกฺกาติ อาคตาติ เอตฺถ สุกฺกภาวปฏิกฺเขปการณํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. เตนาห ‘‘อิทํ ปน กมฺมจตุกฺกํ ปตฺวา’’ติอาทิ.
๘๒. อนิยฺยานิกปกฺเขติ อเจฬกปพฺพชฺชาย กุกฺกุรวเต จ. โยเคติ ายธมฺมปฏิปตฺติยนฺติ อตฺโถ. โยเนนาติ โย ติตฺถิยปริวาโส เตน ภควตา ปฺตฺโต. ยํ ติตฺถิยปริวาสํ สมาทิยิตฺวาติ อยเมตฺถ โยชนา. ฆํสิตฺวา สุวณฺณํ วิย นิฆํโสปฺปเล. โกฏฺเฏตฺวา หตฺเถน วิย กุลาลภาชนํ.
วูปกฏฺโติ วิวิตฺโต เอกีภูโต. เปสิตตฺโตติ นิพฺพานํ ปติ เปสิตตฺโต. กามํ ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ…เป… วิหาสีติ อิมินาว อรหตฺตนิกูเฏน เทสนา นิฏฺาปิตา โหติ, อายสฺมโต ปน เสนิยสฺส ปฏิปตฺติกิตฺตนปรเมตํ อุชุกํ อาปนฺนอรหตฺตภาวทีปนํ, ยทิทํ ‘‘อฺตโร โข ปนา’’ติอาทิวจนนฺติ อาห ‘‘อรหตฺตนิกูเฏเนวา’’ติ. อรหตฺตาธิคโมเยว ตสฺส เตสํ อพฺภนฺตรตา. เสสํ สพฺพํ สุวิฺเยฺยเมว.
กุกฺกุรวติกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. อภยราชกุมารสุตฺตวณฺณนา
๘๓. ชาติยา ¶ อสมาโน นิหีนาจริโย ปรทตฺตูปชีวิกาย มาตุยา กุจฺฉิยํ ชาโต ปาทสิกปุตฺโต. นินฺทาวเสน วทติ เอเตนาติ วาโท อคุโณติ อาห – ‘‘วาทํ อาโรเปหีติ โทสํ อาโรเปหี’’ติ. นิพฺพตฺตวเสน นิรยํ อรหติ, นิรยสํวตฺตนิเยน วา กมฺเมน นิรเย นิยุตฺโต เนรยิโก. อาปายิโกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อวีจิมฺหิ อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ อายุกปฺปสฺิตํ อนฺตรกปฺปํ ติฏฺตีติ กปฺปฏฺโ. นิรยูปปตฺติปริหรณวเสน ติกิจฺฉิตุํ สกฺกุเณยฺโยติ เตกิจฺโฉ, น เตกิจฺโฉ อเตกิจฺโฉ. ทฺเว อนฺเต โมเจตฺวาติ ผรุสํ วา อปฺปิยํ วา กปฺเปยฺยาติ ทฺเว โกฏฺาเส มฺุจิตฺวา ¶ เต อนามสิตฺวา ปุจฺฉิตํ อตฺถํ ตโต พหิ กโรนฺโต อุคฺคิลติ นาม. ตํ ปน เอวํ กาตุํ น สกฺโกตีติ อาห – ‘‘อุคฺคิลิตุํ พหิ นีหริตุํ น สกฺขิตี’’ติ. เอวเมวายํ ปุจฺฉา น คเหตพฺพา, อยเมตฺถ โทโสติ ตํ อปุจฺฉํ กโรนฺโต อปนยนฺโต โอคิลติ นาม, ตถา ปน อสกฺโกนฺโต ปติฏฺาเปนฺโต น โอคิลติ นาม, ภควา ปน ตมตฺถํ โอกาสมฺปิ อกโรนฺโต อุภยถาปิ อสกฺขีติ เวทิตพฺโพ. กถํ? ภควา หิ ‘‘น ขฺเวตฺถ ราชกุมาร เอกํเสนา’’ติ วทนฺโต นิคณฺสฺส อธิปฺปายํ วิปริวตฺเตติ, อุโภ อนฺเต โมเจตฺวา ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ, เอวํ ตาว อุคฺคิลิตุํ อสกฺขิ. ‘‘น ตตฺร ราชกุมาร เอกํเสนา’’ติ วทนฺโต เอว จ ‘‘นายํ ปุจฺฉา เอวํ อวิภาเคน ปุจฺฉิตพฺพา, วิภชิตฺวา ปน ปุจฺฉิตพฺพา’’ติ ปุจฺฉาย โทสํ ทีเปนฺโต ตํ หาเรนฺโต โอคิลิตุมฺปิ สกฺขตีติ.
อุฏฺาตุํ น สกฺขิสฺสติ จิตฺตสฺส อฺถา ปวตฺติยา. อภโย ทฺเว มคฺเค กตปริจโย เฉโก นิปุโณ วาทสีโล จ หุตฺวา วิจรติ. เตนาห – ‘‘โส วาทชฺฌาสยตาย ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ อาหา’’ติ.
๘๕. เอวรูปนฺติ ยา ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา ทุรุตฺตวาจา, เอวรูปา วาจา, น ปน ผรุสวาจา. ผรุสวาจาย หิ เสตุฆาโต ตถาคตานํ. เจตนาผรุสตาย หิ ผรุสวาจา อิจฺฉิตา, น ปเรสํ อปฺปิยตามตฺเตน. นฏฺา นิคณฺา โอคิลิกาทิสมฺมตสฺส ปฺหสฺส เอกวจเนน วิทฺธํสิตตฺตา.
๘๖. ทารกสฺส องฺเก นิสีทนสฺส การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เลสวาทิโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เลสวาทิโนติ ¶ ฉลวาทิโน, วาทมคฺเค วา อปริปุณฺณตาย เลสมตฺเตเนว วาทสีลา. โอสฏสงฺคาโมติ อเนกวารํ ปรวาทมทฺทนวเสน โอติณฺณวาทสงฺคาโม. วิชฺฌิตฺวาติ นเขน วิชฺฌิตฺวา. อิมเมวาติ ยฺวายํ ทารโก อตฺตโน วาทภงฺคปริหรณตฺถํ อิมินา องฺเก นิสีทาปิโต, อิมเมว อสฺส ทารกํ อุปมํ นิสฺสยํ กตฺวา วาทํ ภินฺทิสฺสามิ. ‘‘อสฺส วาทํ อปฺปฏิตตาย อุปมาย ภฺชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา.
อปเนยฺยํ ¶ อสฺส อหนฺติ อสฺส ทารกสฺส มุขโต อหํ ตํ อปเนยฺยํ. อภูตตฺโถว อภูตํ อุตฺตรปทโลเปนาติ อาห ‘‘อภูตนฺติ อภูตตฺถ’’นฺติ. อตจฺฉนฺติ ตสฺเสว เววจนนฺติ อาห ‘‘อตจฺฉนฺติ น ตจฺฉ’’นฺติ. อภูตนฺติ วา อสนฺตํ อวิชฺชมานํ. อตจฺฉนฺติ อตถาการํ. อนตฺถสํหิตนฺติ ทิฏฺธมฺมิเกน, สมฺปรายิเกน วา อนตฺเถน สํหิตํ, อนตฺเถ วา สํหิตํ, น อตฺโถติ วา อนตฺโถ, อตฺถสฺส ปฏิปกฺโข สภาโว, เตน สํหิตนฺติ อนตฺถสํหิตํ, ปิสุณวาจํ สมฺผปฺปลาปฺจาติ อตฺโถ. เอวเมตฺถ จตุพฺพิธสฺสปิ วจีทุจฺจริตสฺส คหิตตา ทฏฺพฺพา.
ทุปฺปยุตฺโตติ ทุปฺปฏิปนฺโน. น ตํ ตถาคโต ภาสติ อภูตตาทิโทสทุฏฺตฺตา. ตมฺปิ ตถาคโต น ภาสติ ภูตตฺเถปิ อนตฺถสํหิตตาทิโทสทุฏฺตฺตา.
านํ การณํ เอติสฺสา อตฺถีติ านิยา ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา, น านิยาติ อฏฺานิยา, นิกฺการณา อยุตฺติยุตฺตา, สา เอว กถาติ อฏฺานิยกถา. อตฺตปจฺจกฺขกถํ กเถมาติ อตฺตนา เอว ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปวตฺติยมานํ ฉลกถํ กเถม.
คามิกมหลฺลโก ‘‘อิเม มํ วฺเจตุกามา, อหเมว ทานิ อิเม วฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เอวํ ภวิสฺสตี’’ติอาทิมาห. ‘‘น มยํ ทาสา’’ติปิ วตฺตุํ นาสกฺขึสุ ปุพฺเพ ตถากติกาย กตตฺตา.
ตติยํ ตติยเมวาติ ทฺวีสุปิ ปกฺเขสุ ตติยํ ตติยเมว วาจํ. ภาสิตพฺพกาลํ อนติกฺกมิตฺวาติ ยสฺส ยทา ยถา ภาสิตพฺพํ, ตสฺส ตทา ตเถว จ ภาสนโต ภาสิตพฺพํ การณํ ภาสิตพฺพกาลฺจ อนติกฺกมิตฺวาว ภาสติ.
๘๗. านุปฺปตฺติกาเณนาติ ¶ าเน เอว อุปฺปชฺชนกาเณน. ตสฺมึ ตสฺมึ การเณ ตสฺส ตํ ตํ อวตฺถาย อุปฺปชฺชนกาเณน, ธมฺมานํ ยถาสภาวโต อวพุชฺฌนสภาโวติ ธมฺมสภาโว. ธมฺเม สภาวธมฺเม อนวเสเส วา ยาถาวโต อุปธาเรตีติ ธมฺมธาตุ, สพฺพฺุตา. เตนาห ‘‘สพฺพฺุตฺาณสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. สุปฺปฏิวิทฺธนฺติ สพฺพํ เยฺยธมฺมํ สุฏฺุ ปฏิวิชฺฌนวเสน, สุฏฺุ ปฏิวิทฺธนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘หตฺถคตํ ภควโต’’ติ. เนยฺยปุคฺคลวเสน ปรินิฏฺิตาติ กถาปริวิภาเคน อยเมว ¶ เทสนา จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตํ ปจฺจกฺขาสีติ.
อภยราชกุมารสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. พหุเวทนิยสุตฺตวณฺณนา
๘๘. ปฺจกงฺโคติ ¶ วฑฺฒกีกิจฺจสาธเน วาสิอาทิปฺจกํ องฺคํ สํธนํ เอตสฺมินฺติ ปฺจกงฺโค. ถมฺภาทิวตฺถูนํ ถปนฏฺเน ถปติ. ปณฺฑิตอุทายิตฺเถโร, น กาฬุทายี เถโร.
๘๙. ปริยายติ อตฺตโน ผลํ วตฺเตตีติ ปริยาโย, การณํ. เวทนาสนฺนิสฺสิโต จ กายิกเจตสิกภาโว การณํ. เตนาห – ‘‘กายิกเจตสิกวเสน ทฺเว เวทิตพฺพา’’ติ. ตตฺถ ปสาทกายสนฺนิสฺสิตา กายิกา, เจโตสนฺนิสฺสิตา เจตสิกา. สุขาทิวเสน ติสฺโสติ เอตฺถ สุขนทุกฺขนุเปกฺขนานิ สุขาทิเวทนาย การณํ. ตานิ หิ ปวตฺตินิมิตฺตานิ กตฺวา ตตฺถ สุขาทิสทฺทปฺปวตฺติ, อิมินา นเยน เสเสสุปิ ยถารหํ การณํ นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพํ. อุปวิจารวเสนาติ อารมฺมณํ อุเปจฺจ สวิเสสปวตฺติวเสน. ยสฺมิฺหิ อารมฺมเณ โสมนสฺสเวทนา ปวตฺตติ, อารมฺมณตาย ตํ อุปคนฺตฺวา อิตรเวทนาหิ วิสิฏฺตาย สวิเสสํ ตตฺถ ปวตฺติ. เตนาห ‘‘โสมนสฺสฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรตี’’ติ. เอส นโย เสสเวทนาสุ เคหสฺสิตานีติ เคหนิสฺสิตานิ.
๙๐. ปริยาเยนาติ ‘‘อิทเมตฺถ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ วุตฺตฏฺานํ สนฺธาย วทติ. ตํ ทสฺเสนฺโตติ กามฺเจตฺถ สุตฺเต – ‘‘ทฺเวปานนฺท, เวทนา วุตฺตา’’ติ ทฺเว อาทึ กตฺวา เวทนา ทสฺสิตา, เอกาปิ ปน ทสฺสิตา เอวาติ ทสฺเสนฺโต. อุปตฺถมฺเภตุนฺติ เอกาปิ เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยน, เอวํ สติ ทฺเวปิ วตฺตพฺพาติ เอวํ ตสฺส วาทํ อุปตฺถมฺเภตุํ. กถํ ปน เอกา เวทนา วุตฺตาติ? ยํ กิฺจิ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, อิทเมตฺถ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามีติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อิติวุตฺตกวณฺณนายํ (อิติวุ. อฏฺ. ๕๒ อาทโย) ปรมตฺถทีปนิยํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
กถํ ¶ ปเนตฺถ รูปาวจรจตุตฺเถ อรูเปสุ สฺาเวทยิตนิโรเธ สุขํ อุทฺธตนฺติ อาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. สนฺตฏฺเนาติ ปฏิปกฺขธมฺมานํ วูปสนฺตภาเวน. ปณีตฏฺเนาติ ภาวนาวิเสสวิสิฏฺเน อตปฺปกภาเวเนว เสฏฺภาเวน จ, ปจฺจยวิเสเสน ปธานภาวํ นีตนฺติปิ ปณีตํ. เวทยิตสุขํ นาม เวทนาภูตํ สุขนฺติ กตฺวา. อเวทยิตสุขํ นาม ยาวตา นิทฺทุกฺขตา, ตาวตา สุขนฺติ วุจฺจตีติ.อถ วา นิโรโธ สุฏฺุ ขาทติ ขนติ กายิกเจตสิกาพาธนฺติ ¶ วตฺตพฺพตํ อรหติ สตฺตาหมฺปิ ตตฺถ ทุกฺขสฺส นิรุชฺฌนโต. เตนาห ‘‘นิทฺทุกฺขภาวสงฺขาเตน สุขฏฺเนา’’ติ.
๙๑. ยสฺมึ ยสฺมึ ภเว, จิตฺตุปฺปาเท, อวตฺถาย วา นิทฺทุกฺขภาโว, ทุกฺขสฺส ปฏิปกฺขตา อนุปลพฺภเนน ทุกฺขวิวิตฺตํ, ตํ สุขสฺมึเยว ปฺเปติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
พหุเวทนียสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. อปณฺณกสุตฺตวณฺณนา
๙๓. นานาวิธาติ ¶ นานาวิธทิฏฺิกา สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชามตฺเตน สมณา, ชาติมตฺเตน พฺราหฺมณา จ. ทสฺสนนฺติ ทิฏฺิ. คหิตนฺติ อภินิวิสฺส คหิตํ. อิติ เต อตฺตโน ทสฺสนํ คเหตุกามา ปุจฺฉนฺติ. วินา ทสฺสเนน โลโก น นิยฺยาตีติ วิโมกฺขภาวนาย เอเกน ทสฺสเนน วินา โลโก สํสารทุกฺขโต น นิคจฺฉติ. เอกทิฏฺิยมฺปิ ปติฏฺาตุํ นาสกฺขึสุ สทฺธาการาภาวโต. ตถา หิ เต อิมาย เทสนาย สรเณสุ ปติฏฺหึสุ. ยสฺมา อวิปรีเต สทฺเธยฺยวตฺถุสฺมึ อุปฺปนฺนสทฺธา ‘‘อาการวตี’’ติ อธิปฺเปตา, ตสฺมา โย โลเก อวิปรีตธมฺมเทสนา, อยเมเวสาติ ปวตฺตา มคฺคสาธนคตาย สทฺธาย การณภาวโต ตนฺนิสฺสยา สทฺธา, สา อาการวตีติ วุตฺตา. อวตฺถุสฺมิฺหิ สทฺธา อยุตฺตการณตาย น อาการวตี. อาการวตีติ เอตฺถ วตี-สทฺโท น เกวลํ อตฺถิตามตฺตทีปโก, อถ โข อติสยตฺถทีปโก ปาสํสตฺถทีปโก วา ทฏฺพฺโพ. เตน อาการวตีติ สทฺเธยฺยวตฺถุวเสน อติสยการณวตีติ วา ปาสํสการณวตีติ วา ¶ อยเมตฺถ อตฺโถ. อปณฺณโกติ เอตฺถ ยถา กฺจิ อตฺถํ สาเธตุํ อารทฺธสฺส ปโยโค วิรทฺโธ, ตตฺถ อการโก วิย โหติ ปุนปิ อารภิตพฺพตาย. อวิรทฺโธ ปน อตฺถสฺส สาธนโต อปณฺณโก, เอวํ อยมฺปิ ธมฺโม อภิภวิตฺวา ปวตฺตนโต เอกํสโต ‘‘อปณฺณโก’’ติ วุตฺโต. เตนาห ‘‘อวิรทฺโธ อทฺเวชฺฌคามี เอกํสคาหิโก’’ติ.
๙๔. ตพฺพิปจฺจนีกภูตาติ ตสฺสา มิจฺฉาทิฏฺิยา ปจฺจนีกภูตา.
๙๕. เนสนฺติ กุสลานํ ธมฺมานํ. อกุสลโต นิกฺขนฺตภาเวติ อสํกิลิฏฺภาเว. อานิสํโสติ สุทฺธวิปากตา. วิสุทฺธิปกฺโขติ วิสุทฺธิภาโว ปริโยทาตตา. อภูตธมฺมสฺส ทิฏฺิภาวสฺส สฺาปนา อาจิกฺขนา อภูตธมฺมสฺาปนา. สาวชฺเชสุ ปรมวชฺเช มิจฺฉาทสฺสเน ปคฺคหณนฺติ กุโต สุสีลฺยสฺส ปคฺคโหติ อาห – ‘‘มิจฺฉาทสฺสนํ คณฺหนฺตสฺเสว สุสีลฺยํ ปหีนํ โหตี’’ติ. มิจฺฉาทิฏฺิอาทโยติ เอตฺถ มิจฺฉาสงฺกปฺโป ปรโลกาภาวจินฺตา, มิจฺฉาวาจา ปรโลกาภาววาทภูโต มุสาวาโท, อริยานํ ปจฺจนีกตาทโย. อปราปรํ อุปฺปชฺชนวเสนาติ ปุนปฺปุนํ จิตฺเต อุปฺปชฺชนวเสน. ปาปกา อกุสลา ธมฺมาติ ปจฺจเวกฺขณสฺาปนาทิกาเล อุปฺปชฺชนกา ตถาปวตฺตา อกุสลขนฺธา.
กลิคฺคโหติ ¶ อนตฺถปริคฺคโห. โส ปน ยสฺมา ทิฏฺเว ธมฺเม อภิสมฺปรายฺจ ปราชโย โหตีติ อาห ‘‘ปราชยคฺคาโห’’ติ. ทุสฺสมตฺโตติ เอตฺถ ทุ-สทฺโท ‘‘สมาทินฺโน’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา โยเชตพฺโพติ อาห ‘‘ทุปฺปรามฏฺโ’’ติ. ยถา ทุปฺปรามฏฺโ โหติ, เอวํ สมาทินฺโน ทุสฺสมตฺโต ทุสมาทินฺโน วุตฺโต. สกวาทเมว ผริตฺวาติ อตฺตโน นตฺถิกวาทเมว ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗; ๓.๒๗-๒๘) อวธาเรนฺโต อฺสฺส โอกาสอทานวเสน ผริตฺวา. เตนาห ‘‘อธิมุจฺจิตฺวา’’ติ. ‘‘สมฺพุทฺโธ’’ติอาทิ อธิมุจฺจนาการทสฺสนํ. ริฺจตีติ วิเวเจติ อปเนติ. เตนาห ‘‘วชฺเชตี’’ติ.
๙๖. กฏคฺคโหติ กตํ สพฺพโส สิทฺธิเมว กตฺวา คหณํ. โส ปน ชยลาโภ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ชยคฺคาโห’’ติ. สุคฺคหิโตติ สุฏฺุกรณวเสน คหิโต. สุปรามฏฺโติ สุฏฺุ ปราปรํ อาเสวนวเสน อามฏฺโ ¶ . อุภเยนปิ ตสฺส กมฺมสฺส กตูปจิตภาวํ ทสฺเสติ, โสตฺถิภาวาวหตฺตฺจ สคฺคุปปตฺติสํวตฺตนโต ปาปสภาวปหานโต จ.
๙๗. สหตฺถา กโรนฺตสฺสาติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๖; สํ. นิ. ฏี. ๒.๓.๒๑๑) สหตฺเถเนว กโรนฺตสฺส. นิสฺสคฺคิยถาวราทโยปิ อิธ สหตฺถกรเณเนว สงฺคหิตา. ปจนํ ทหนํ วิพาธนนฺติ อาห ‘‘ทณฺเฑน ปีเฬนฺตสฺสา’’ติ. โสกํ สยํ กโรนฺตสฺสาติ ปรสฺส โสกการณํ สยํ กโรนฺตสฺส, โสกํ วา อุปฺปาเทนฺตสฺส. ปเรหิ อตฺตโน วจนกเรหิ. สยมฺปิ ผนฺทโตติ ปรสฺส วิพาธนปโยเคน สยมฺปิ ผนฺทโต. อติปาตยโตติ ปทํ สุทฺธกตฺตุอตฺเถ เหตุกตฺตุอตฺเถ จ วตฺตตีติ อาห ‘‘หนนฺตสฺสปิ หนาเปนฺตสฺสาปี’’ติ.
ฆรสฺส ภิตฺติ อนฺโต พหิ จ สนฺธิตา หุตฺวา ิตา ฆรสนฺธิ. กิฺจิปิ อเสเสตฺวา นิรวเสสเมว โลโปติ นิลฺโลโป. เอกาคาเร นิยุตฺโต วิโลโป เอกาคาริโก. ปริโต สพฺพโส ปนฺเถ หนนํ ปริปนฺโถ. ปาปํ น กรียติ ปุพฺเพ อสโต อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ตสฺมา นตฺถิ ปาปํ. ยทิ เอวํ กถํ สตฺตา ปาปํ ปฏิปชฺชนฺตีติ อาห – ‘‘สตฺตา ปน กโรมาติ เอวํสฺิโน โหนฺตี’’ติ. เอวํ กิรสฺส โหติ ‘‘อิเมสฺหิ สตฺตานํ หึสาทิกิริยา น อตฺตานํ ผุสติ ตสฺส นิจฺจตาย นิพฺพิการตฺตา, สรีรํ ปน อเจตนํ กฏฺกลิงฺครูปมํ, ตสฺมึ วิโกปิเตปิ น กิฺจิ ปาป’’นฺติ. ขุรเนมินาติ นิสิตขุรมยเนมินา. คงฺคาย ทกฺขิณทิสา อปฺปติรูปเทโส, อุตฺตรทิสา ปติรูปเทโสติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทกฺขิณฺเจ’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ‘‘ทกฺขิณตีเร มนุสฺสา กกฺขฬา’’ติอาทิมาห.
มหายาคนฺติ ¶ มหาวิชิตยฺสทิสํ มหายาคํ. สีลสํยเมนาติ กายิกวาจสิกสํวเรน. สจฺจวจเนนาติ สจฺจวาจาย. ตสฺส วิสุํ วจนํ โลเก ครุตรปฺุสมฺมตภาวโต. ยถา หิ ปาปธมฺเมสุ มุสาวาโท ครุ, เอวํ ปฺุธมฺเมสุ สจฺจวาจา. เตนาห ภควา – ‘‘เอกํ ธมฺมมตีตสฺสา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๑๗๖). วุตฺตนเยเนวาติ กณฺหปกฺเข วุตฺตนเยน. ตตฺถ หิ – ‘‘นตฺถิ ปาปํ, นตฺถิ ปาปสฺส อาคโม’’ติ อาคตํ, อิธ ‘‘อตฺถิ ปฺุํ, อตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม’’ติ อาคตํ, อยเมว วิเสโส. เสสํ วุตฺตสทิสเมวาติ ¶ ‘‘เตสเมตํ ปาฏิกงฺข’’นฺติ เอวมาทึ สนฺธาย วทติ, ตํ เหฏฺา ปุริมวารสทิสํ.
๑๐๐. อุภเยนาติ เหตุปจฺจยปฏิเสธวจเนน. สํกิเลสปจฺจยนฺติ สํสาเร ปริพฺภมเนน กิลินฺนสฺส มลินภาวสฺส การณํ. วุตฺตวิปริยาเยน วิสุทฺธิปจฺจยนฺติ สทฺทตฺโถ เวทิตพฺโพ. พลนฺติอาทีสุ สตฺตานํ สํกิเลสาวหํ โวทานาวหฺจ อุสฺสาหสงฺขาตํ พลํ วา, สูรวีรภาวสงฺขาตํ วีริยํ วา, ปุริเสน กตฺตพฺโพ ปุริสถาโม วา, โส เอว ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนปฺปตฺติยา ปุริสปรกฺกโม วา นตฺถิ น อุปลพฺภติ.
สตฺวโยคโต, รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย จ สตฺตา. ปาณนโต อสฺสาสปสฺสาสวเสน ปวตฺติยา ปาณา. เต ปน โส เอกินฺทฺริยาทิวเสน วิภชิตฺวา วทตีติ อาห ‘‘เอกินฺทฺริโย’’ติอาทิ. อณฺฑโกสาทีสุ ภวนโต ภูตาติ วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘อณฺฑโกส…เป… วทนฺตี’’ติ. ชีวนโต ปาณํ ธาเรนฺโต วิย วฑฺฒนโต ชีวาติ เอวํ สตฺตปาณภูตชีเวสุ สทฺทตฺโถ เวทิตพฺโพ. นตฺถิ เอเตสํ สํกิเลสวิสุทฺธีสุ วโสติ อวสา. นตฺถิ เนสํ พลํ วีริยฺจาติ อพลา อวีริยา. นิยตตาติ อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตาเภชฺชมณิ วิย นิยตปวตฺตนตาย คติชาติพนฺธปชหวเสน นิยาโม. ตตฺถ ตตฺถ คมนนฺติ ฉนฺนํ อภิชาตีนํ ตาสุ ตาสุ คตีสุ อุปคมนํ สมวาเยน สมาคโม. สภาโวเยวาติ ยถา กณฺฏกสฺส ติกฺขตา, กพิฏฺผลานํ ปริมณฺฑลตา, มิคปกฺขีนํ วิจิตฺตาการตา, เอวํ สพฺพสฺสปิ โลกสฺส เหตุปจฺจเยน วินา ตถา ตถา ปริณาโม, อยํ สภาโวเยว อกิตฺติโมเยว. เตนาห ‘‘เยน หี’’ติอาทิ.
สกุเณ หนตีติ สากุณิโก, ตถา สูกริโก. ลุทฺโทติ อฺโปิ โย โกจิ มาควิโก เนสาโท. ปาปกมฺมปสุตตาย กณฺหาภิชาติ นาม. ภิกฺขูติ สากิยา ภิกฺขู, มจฺฉมํสขาทนโต นีลาภิชาตีติ วทนฺติ. ายลทฺเธปิ ปจฺจเย ภฺุชมานา อาชีวกสมยสฺส วิโลมคาหิตาย ‘‘ปจฺจเยสุ กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺตี’’ติ วทนฺติ. เอเก ปพฺพชิตา ¶ , เย สวิเสสํ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุตฺตา. ตถา ¶ หิ เต กณฺฏเก วตฺเตนฺตา วิย โหนฺตีติ กณฺฏกวุตฺติกาติ วุตฺตา. ตฺวา ภฺุชนทานปฏิกฺเขปาทิวตสมาโยเคน ปณฺฑรตรา. อเจลกสาวกาติ อาชีวกสาวเก วทติ. เต กิร อาชีวกลทฺธิยา วิสุทฺธจิตฺตตาย นิคณฺเหิปิ ปณฺฑรตรา. นนฺทาทโย หิ ตถารูปาย ปฏิปตฺติยา ปตฺตพฺพา, ตสฺมา นนฺทาทโย นิคณฺเหิ อาชีวกสาวเกหิ จ ปณฺฑรตราติ วุตฺตา ‘‘สุกฺกาภิชาตี’’ติ.
อยเมเตสํ ลทฺธีติ สากุณิกาทิภาวูปคมเนน กณฺหาภิชาติอาทีสุ ทุกฺขํ สุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺตา อนุกฺกเมน มหากปฺปานํ จุลฺลาสีติสหสฺสานิ เขเปตฺวา อาชีวกภาวูปคมเนน ปรมสุกฺกาภิชาติยํ ตฺวา สํสารโต สุชฺฌนฺตีติ อยํ เตสํ นิยติ อาชีวกานํ ลทฺธิ.
‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ วทนฺโต นตฺถิโก ทานสฺส ผลํ ปฏิกฺขิปตีติ อาห – ‘‘นตฺถิกทิฏฺิ วิปากํ ปฏิพาหตี’’ติ. ตถา เจว เหฏฺา สํวณฺณิตํ ‘‘นตฺถิกทิฏฺิ หิ นตฺถิตมาหา’’ติ. อเหตุกทิฏฺิ อุภยนฺติ กมฺมํ วิปากฺจ อุภยํ. โส หิ ‘‘อเหตู อปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ วิสุชฺฌนฺตี’’ติ วทนฺโต กมฺมสฺส วิย วิปากสฺสปิ สํกิเลสวิสุทฺธีนํ ปจฺจยตฺตาภาววจนโต ตทุภยํ ปฏิพาหติ นาม. วิปาโก ปฏิพาหิโต โหติ อสติ กมฺเม วิปากาภาวโต. กมฺมํ ปฏิพาหิตํ โหติ อสติ วิปาเก กมฺมสฺส นิรตฺถกภาวาปตฺติโต. อตฺถโตติ สรูเปน. อุภยปฏิพาหกาติ วิสุํ วิสุํ ตํตํทิฏฺิตา วุตฺตาปิ สพฺเพ เต นตฺถิกาทโย นตฺถิกทิฏฺิอาทิวเสน ปจฺเจกํ ติวิธทิฏฺิกา เอว อุภยปฏิพาหกตฺตา. ‘‘อุภยปฏิพาหกา’’ติ หิ เหตุวจนํ. อเหตุกวาทา จาติอาทิ ปฏิฺาวจนํ. โย หิ วิปากปฏิพาหเนน นตฺถิกทิฏฺิโก, โส อตฺถโต กมฺมปฏิพาหเนน อกิริยทิฏฺิโก, อุภยปฏิพาหเนน อเหตุกทิฏฺิโก จ โหติ. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย.
สชฺฌายนฺตีติ ตํ ทิฏฺิทีปกํ คนฺถํ อุคฺคเหตฺวา ปนฺติ. วีมํสนฺตีติ ตสฺส อตฺถํ วิจาเรนฺติ. เตสนฺติอาทิ วีมํสนาการทสฺสนํ. ตสฺมึ อารมฺมเณติ ยถาปริกปฺปิตกมฺมผลาภาวทีปเก ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย ลทฺธิยา อารมฺมเณ. มิจฺฉาสติ สนฺติฏฺตีติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิวเสน ¶ อนุสฺสวูปลทฺเธ อตฺเถ ตทาการปริวิตกฺกเนหิ สวิคฺคเห วิย สรูปโต จิตฺตสฺส ปจฺจุปฏฺิเต จิรกาลปริจเยน ‘‘เอวเมต’’นฺติ นิชฺฌานกฺขมภาวูปคมเนน นิชฺฌานกฺขนฺติยา ตถา คหิเต ปุนปฺปุนํ ตเถว อาเสวนฺตสฺส พหุลีกโรนฺตสฺส มิจฺฉาวิตกฺเกน สมาทิยมานา มิจฺฉาวายามุปตฺถมฺภิตา อตํสภาวํ ‘‘ตํสภาว’’นฺติ คณฺหนฺตี มิจฺฉาสตีติ ลทฺธนามา ตํลทฺธิสหคตา ตณฺหา สนฺติฏฺติ ¶ . จิตฺตํ เอกคฺคํ โหตีติ ยถาวุตฺตวิตกฺกาทิปจฺจยลาเภน ตสฺมึ อารมฺมเณ อวฏฺิตตาย อเนกคฺคํ ปหาย เอกคฺคํ อปฺปิตํ วิย โหติ. มิจฺฉาสมาธิปิ หิ ปจฺจยวิเสเสหิ ลทฺธภาวนาพเลหิ กทาจิ สมาธานปติรูปกิจฺจกโร โหติเยว วาลวิชฺฌนาทีสุ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. ชวนานิ ชวนฺตีติ อเนกกฺขตฺตุํ เตนากาเรน ปุพฺพภาคิเยสุ ชวนวาเรสุ ปวตฺเตสุ สพฺพปจฺฉิเม ชวนวาเร สตฺต ชวนานิ ชวนฺติ. ปมชวเน ปน สเตกิจฺฉา โหนฺติ, ตถา ทุติยาทีสูติ ธมฺมสภาวทสฺสนเมตํ, น ปน ตสฺมึ ขเณ เตสํ สเตกิจฺฉภาวาปาทนํ เกนจิ สกฺกา กาตุํ.
ตตฺถาติ เตสุ ตีสุ มิจฺฉาทสฺสเนสุ. โกจิ เอกํ ทสฺสนํ โอกฺกมตีติ ยสฺส เอกสฺมึเยว อภินิเวโส อาเสวนา จ ปวตฺตา, โส เอกํเยว ทสฺสนํ โอกฺกมติ. ยสฺส ปน ทฺวีสุ, ตีสุปิ วา อภินิเวสนา ปวตฺตา, โส ทฺเว ตีณิ โอกฺกมติ. เอเตน ยา ปุพฺเพ อุภยปฏิพาหนตามุเขน วุตฺตา อตฺถสิทฺธา สพฺพทิฏฺิกตา, สา ปุพฺพภาคิยา. ยา ปน มิจฺฉตฺตนิยาโมกฺกนฺติ ภูตา, สา ยถาสกํ ปจฺจยสมุทาคมสิทฺธิโต ภินฺนารมฺมณานํ วิย วิเสสาธิคมานํ อฺมฺํ เอกชฺฌํ อนุปฺปตฺติยา อสํกิณฺณา เอวาติ ทสฺเสติ. เอกสฺมึ โอกฺกนฺเตปีติอาทินา ติสฺสนฺนมฺปิ ทิฏฺีนํ สมานพลตํ สมานผลตฺจ ทสฺเสติ, ตสฺมา ติสฺโสปิ เจตา เอกสฺส อุปฺปนฺนา อฺมฺํ อพฺโพกิณฺณา เอว, เอกาย วิปาเก ทินฺเน อิตรา อนุพลปฺปทายิกา โหนฺติ. วฏฺฏขาณุ นามาติ อิทํ วจนํ เนยฺยตฺถํ, น นีตตฺถนฺติ ตํ วิวริตฺวา ทสฺเสตุํ กึ ปเนสาติอาทิ วุตฺตํ, อกุสลํ นาเมตํ อพลํ ทุพฺพลํ, น กุสลํ วิย มหาพลนฺติ อาห – ‘‘เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว นิยโต’’ติ. อฺถา สมฺมตฺตนิยาโม วิย มิจฺฉตฺตนิยาโมปิ อจฺจนฺติโก สิยา. ยทิ เอวํ วฏฺฏขาณุกโชตนา กถนฺติ อาห ‘‘อาเสวนวเสน ปนา’’ติอาทิ, ตสฺมา ยถา ‘‘สกึ นิมุคฺโค ¶ นิมุคฺโคว โหตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๑๕) วุตฺตํ, เอวํ วฏฺฏขาณุกโชตนา. ยาทิเส หิ ปจฺจเย ปฏิจฺจ อยํ ตํตํทสฺสนํ โอกฺกนฺโต ปุน กทาจิ ตปฺปฏิปกฺเข ปจฺจเย ปฏิจฺจ ตโต สีสุกฺขิปนมสฺส น โหตีติ น วตฺตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ.
ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ สํสารขาณุภาวสฺสปิ ปจฺจโย อกลฺยาณชโน, ตสฺมา. ภูติกาโมติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ วเสน อตฺตโน คุเณหิ วฑฺฒิกาโม. ยํ ปเนตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘ยถา จิรกาลภาวนาย ปริปากูปคมลทฺธพลตฺตา อุปนิสฺสยกุสลา อกุสเล สพฺพโส สมุจฺฉินฺทนฺติ, เอวํ อกุสลธมฺมา ตโตปิ จิรกาลภาวนาสมฺภวโต ลทฺธพลา หุตฺวา กทาจิ กุสลธมฺเมปิ สมุจฺฉินฺทนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ทฬฺหมิจฺฉาภินิเวสสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส วฏฺฏขาณุกภาวโชตนาปิ ¶ สมตฺถิตา โหตี’’ติ ยถา ตํ ‘‘วสฺสภฺานํ ทิฏฺี’’ติ, ตํ น, มิจฺฉตฺตนิยตธมฺมานํ จิรกาลภาวนามตฺเตน น ปฏิปกฺขสฺส ปชหนสมตฺถตา, อถ โข ธมฺมตาสิทฺเธน ปจฺจยวิเสสาหิตสามตฺถิเยน อตฺตโน ปหายกสภาเวน ปหายกภาโว ภาวนากุสลานํเยว วุตฺโต, อกุสลานํเยว จ ปหาตพฺพภาโว ‘‘ทสฺสเนน ปหาตพฺพา’’ติอาทินา นเยน, อกุสลานํเยว ทุพฺพลภาโว ‘‘อพลานํ พลียนฺตี’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๗๗๖; มหานิ. ๕) (ยุตฺตินาปิ นามโต วา อธิคมนิโย อาโลโก อาโลกภาวโต พาหิรารเณกา วิย น เจตฺถ ปฏิฺตฺเต ภาเวสตา โสตุโน อาสํกิตพฺพา วิเสสวสฺส สาเธตพฺพโต สามฺสฺส จ โสตุภาเวน อธิปฺเปตตฺตา เวท-สทฺทสฺส โลโป ทีเป สภาเว สาธเน ยถา ตํ สทฺทยภาวสฺส นาปิ วิสุทฺธกอนุมานาทิวิโรธสมฺภาวโต. น หิ สกฺกา อนฺตราโลกสฺส พาหิราโลกสฺส วิย รูปกายํ อุปาทาย รูปตา จกฺขุวิฺเยฺยตฺตาทิเก ปติฏฺาเปตุํ สกฺกาติ วุตฺตํ, นนุปิ อนฺตราโลโก อวิคฺคหตฺตา เวทนา วิยาติ สทฺเธว าณาโลกสฺส อวิชฺชนฺธการา วิย วิธมนิยภาเว สพฺเพสมฺปิ กุสลธมฺมานํ เกนจิปิ อกุสลธมฺเมน สมุจฺฉินฺทนิยตา สิทฺธาว โหติ). วฏฺฏขาณุกโจทนาย ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมวาติ ติฏฺเตสา พาลชนวิกตฺถนา.
๑๐๓. ฌานจิตฺตมยาติ ¶ รูปาวจรชฺฌานจิตฺเตน นิพฺพตฺตา. ตถา หิ เตสํ วิเสเสน ฌานมนสา นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘มโนมยา’’ติ วุตฺตา, อวิเสเสน ปน อภิสงฺขารมนสา สพฺเพปิ สตฺตา มโนมยา เอว. สฺามยาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘อรูปชฺฌานสฺายา’’ติ. อยนฺติ รูปิตาภาวปฏิปชฺชนกปุคฺคโล. อปฺปฏิลทฺธชฺฌาโนติ อนธิคตรูปชฺฌาโน. ตสฺสปีติ ตกฺกิโนปิ. รูปชฺฌาเน กงฺขา นตฺถิ อนุสฺสววเสน ลทฺธวินิจฺฉยตฺตา.
๑๐๔. สาราคายาติ สราคภาวาย. สนฺติเกติ สมีเป, น ถามคตา ทิฏฺินาติทูรตฺตา สราคา, น สมฺปยุตฺตตฺตา. สา หิ น ถามคตา วฏฺฏปริยาปนฺเนสุ ธมฺเมสุ รชฺชตีติ วิฺายตีติ อาห – ‘‘ราควเสน วฏฺเฏ รชฺชนสฺสา’’ติ. สพฺเพปิ สํโยชนา ตณฺหาวเสเนว สมฺภวนฺตีติ อาห – ‘‘ตณฺหาวเสน สํโยชนตฺถายา’’ติ. อารุปฺเป ปนสฺส กงฺขา นตฺถีติ อนุสฺสววเสน ลทฺธนิจฺฉยํ สนฺธาย วุตฺตํ. กามํ ทุคฺคติทุกฺขานํ เอกนฺตสํวตฺตเนน นตฺถิกทิฏฺิอาทีนํ อปณฺณกตา ปากฏา เอว, นิปฺปริยาเยน ปน อนวชฺชสฺส อตฺถสฺส เอกนฺตสาธกํ อปณฺณกนฺติ กตฺวา โจทนา, สาวชฺชสฺสปิ อตฺถสฺส สาธเน เอกํสิกภาวํ คเหตฺวา ปริหาโร. เตนาห ‘‘คหณวเสนา’’ติอาทิ. เตน รุฬฺหีวเสน ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทีนิ อปณฺณกงฺคานิ ชาตานีติ ทสฺเสติ.
๑๐๕. เหฏฺา ¶ ตโย ปุคฺคลาว โหนฺตีติ อตฺตนฺตโป ปรนฺตโปติ อิมสฺมึ จตุกฺเก เหฏฺา ตโย ปุคฺคลา โหนฺติ. ยถาวุตฺตา ปฺจปิ ปุคฺคลา ทุปฺปฏิปนฺนาว, ตโต อตฺถิกวาทาทโย ปฺจปุคฺคลา สมฺมาปฏิปนฺนตาย อิมสฺมึ จตุกฺเก เอโก จตุตฺถปุคฺคโลว โหติ. เอตมตฺถํ ทสฺเสตุนฺติ อิธ เหฏฺา วุตฺตปุคฺคลปฺจกทฺวยํ อิมสฺมึ จตุกฺเก เอว สงฺคหํ คจฺฉตีติ วิภาเคน ทุปฺปฏิปตฺติสุปฺปฏิปตฺติโย ทสฺเสตุํ ภควา อิมํ เทสนํ อารภีติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อปณฺณกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ คหปติวคฺควณฺณนา.
๒. ภิกฺขุวคฺโค
๑. อมฺพลฏฺิกราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา
๑๐๗. อมฺพลฏฺิกายนฺติ ¶ ¶ เอตฺถ อมฺพลฏฺิกา วุจฺจติ สุชาโต ตรุณมฺพรุกฺโข, ตสฺส ปน อวิทูเร กโต ปาสาโท อิธ ‘‘อมฺพลฏฺิกา’’ติ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘เวฬุวนวิหารสฺสา’’ติอาทิ. ปธานฆรสงฺเขเปติ ภาวนาเคหปฺปกาเร โยคีนํ เคเหติ อตฺโถ. ติขิโณว โหติ, น ตสฺส ติขิณภาโว เกนจิ กาตพฺโพ สภาวสิทฺธตฺตา. เอวเมว อตฺตโน วิมุตฺติปริปาจนกมฺมุนา ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา อยมฺปิ อายสฺมา…เป… ตตฺถ วิหาสิ. ปกติปฺตฺตเมวาติ ปกติยา ปฺตฺตํ พุทฺธานํ อุปคมนโต ปุเรตรเมว จาริตฺตวเสน ปฺตฺตํ.
๑๐๘. อุทกํ อเนน ธียติ, ปียติ วา เอตฺถาติ อุทกาธานํ. อุทกฏฺานนฺติ จ ขุทฺทกภาชนํ. ‘‘โอวาททานตฺถํ อามนฺเตสี’’ติ วตฺวา ตํ ปนสฺส โอวาททานํ น อิเธว, อถ โข พหูสุ าเนสุ พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺติตนฺติ ตานิ ตานิ สงฺเขปโต ทสฺเสตฺวา อิธ สํวณฺณนตฺถํ ‘‘ภควตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ สพฺพพุทฺเธหิ อวิชหิตนฺติ อิมินา สพฺเพสํ พุทฺธานํ สาสเน กุมารปฺหา นาม โหตีติ ทสฺเสติ. เอเกกโต ปฏฺาย ยาว ทสกา ปวตฺตา ทส ปุจฺฉา เอตสฺสาติ ทสปุจฺฉํ, เอเกกโต ปฏฺาย ยาว ทสกา เอกุตฺตรวเสน ปวตฺตํ วิสฺสชฺชนตฺถาย ปฺจปณฺณสวิสฺสชฺชนํ สามเณรปฺหนฺติ สมฺพนฺโธ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถโชติกายํ ขุทฺทกฏฺกถายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๔.กุมารปฺหวณฺณนา) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อนาทีนวทสฺสิตาย อภิณฺหํ มุสา สมุทาจรณโต ‘‘ปิยมุสาวาทา’’ติ วุตฺตํ, อุทกาวเสสฉฑฺฑนอุทกาธานนิกุชฺชนอุกฺกุชฺชนทสฺสนสฺิตา จตสฺโส อุทกาธานูปมาโย สพฺพสฺส ยุทฺธกมฺมสฺส อกรณกรณวเสน ทสฺสิตา ทฺเว หตฺถิอุปมาโย.
ตตฺถ ¶ ราหุลสุตฺตนฺติ สุตฺตนิปาเต อาคตํ ราหุลสุตฺตํ (สุ. นิ. ๓๓๗ อาทโย). อภิณฺโหวาทวเสน วุตฺตนฺติ อิมินา อนฺตรนฺตรา ตํ สุตฺตํ กเถตฺวา ภควา เถรํ โอวทตีติ ทสฺเสติ. อิทฺจ ปนาติ อิทํ ยถาวุตฺตํ ภควโต ตํตํกาลานุรูปํ อตฺตโน โอวาททานํ สนฺธาย. พีชนฺติ อณฺฑํ. ปสฺสสิ นูติ ¶ นุ-สทฺโท อนุชานเน, นนุ ปสฺสสีติ อตฺโถ. สจฺจธมฺมํ ลงฺฆิตฺวา ิตสฺส กิฺจิปิ อกตฺตพฺพํ นาม ปาปํ นตฺถีติ อาห – ‘‘สมฺปชานมุสาวาเท สํวรรหิตสฺส โอปมฺมทสฺสนตฺถํ วุตฺตา’’ติ. ตถา หิ –
‘‘เอกํ ธมฺมมตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน;
วิติณฺณปรโลกสฺส, นตฺถิ ปาปมการิย’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๗๖);
อุรุฬฺหวาติ อุรุฬฺโห หุตฺวา อุสฺสิโต. โส ปน ทมวเสน อภิรุยฺห วฑฺฒิโต อาโรหนโยคฺโย จ โหตีติ อาห ‘‘อภิวฑฺฒิโต อาโรหสมฺปนฺโน’’ติ. อาคตาคเตติ อตฺตโน โยคฺยปเทสํ อาคตาคเต. ปฏิเสนาย ผลกโกฏฺกมุณฺฑปาการาทโยติ ปฏิเสนาย อตฺตโน อารกฺขตฺถาย ปิเต ผลกโกฏฺเก เจว อุทฺธจฺฉทปาการาทิเก จ. เอตํ ปเทสนฺติ เอตํ ปรเสนาปเทสํ. เอตฺตเกนาติ โอโลกนมตฺเตน. ตสฺส โอโลกนาการทสฺสเนเนว. สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ เสนานีกํ ทฺเวธา ภิชฺชติ, ตีรปาติกํ มทฺทิตํ หุตฺวา ปทาตา หุตฺวา ทฺเวธา หุตฺวา ปลายนฺติ. กณฺเณหิ ปหริตฺวาติ ปเคว สรานํ อาคมนสทฺทํ อุปธาเรตฺวา ยถา เวโค น โหติ, เอวํ สมุฏฺาเปตฺวา เตหิ ปหริตฺวา ปาตนํ. ปฏิหตฺถิปฏิอสฺสาติอาทินา ปจฺเจกํ ปติ-สทฺโท โยเชตพฺโพติ. ทีฆาสิลฏฺิยาติ ทีฆลตาย อสิลฏฺิยา.
กรเณติ กมฺมกรเณ. มฺติ หตฺถาโรโห. อยมุคฺครนฺติ ตาทิเส กาเล คหิตมุคฺครํ. โอโลเกตฺวาติ าณจกฺขุนา ทิสฺวา, อภิณฺหํ สมฺปชฺํ อุปฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ.
๑๐๙. สสกฺกนฺติ ปสฺสิตุํ ยุตฺตํ กตฺวา อุสฺสาหํ ชเนตฺวา น กรณียํ, ตาทิสํ นิยมโต อกตฺตพฺพํ โหตีติ อาห ‘‘เอกํเสเนว น กาตพฺพ’’นฺติ. ปฏิสํหเรยฺยาสีติ กรณโต สงฺโกจํ อาปชฺเชยฺยาสิ. ยถาภูโต อสนฺโต นิวตฺโต อกโรนฺโต นาม โหตีติ อาห ‘‘นิวตฺเตยฺยาสิ มา กเรยฺยาสี’’ติ. อนุปเทยฺยาสีติ อนุพลปฺปทายี ภเวยฺยาสิ. เตนาห ‘‘อุปตฺถมฺเภยฺยาสี’’ติ. ตํ ปน อนุพลปฺปทานํ อุปตฺถมฺภนํ ปุนปฺปุนํ กรณเมวาติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ กเรยฺยาสี’’ติ ¶ . สิกฺขมาโนติ ตํเยว อธิสีลสิกฺขํ ตนฺนิสฺสยฺจ สิกฺขาทฺวยํ สิกฺขนฺโต สมฺปาเทนฺโต.
๑๑๑. กิตฺตเก ¶ ปน าเนติ กิตฺตเก าเน ปวตฺตานิ. อวิทูเร เอว ปวตฺตานีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกสฺมึ ปุเรภตฺเตเยว โสเธตพฺพานี’’ติ อาห. เอวฺหิ ตานิ สุโสธิตานิ โหนฺติ สุปริสุทฺธานิ. ปเรสํ อปฺปิยํ ครุํ คารยฺหํ, ยถาวุตฺตฏฺานโต ปน อฺํ วา กมฺมฏฺานมนสิกาเรเนว กายกมฺมาทีนิ ปริโสธิตานิ โหนฺตีติ น คหิตํ. ปฏิฆํ วาติ เอตฺถ วา-สทฺเทน อสมเปกฺขเณ โมหสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
๑๑๒. วุตฺตนเยน กายกมฺมาทิปริโสธนํ นาม อิเธว, น อิโต พหิทฺธาติ อาห ‘‘พุทฺธา…เป… สาวกา วา’’ติ. เต หิ อตฺถโต สมณพฺราหฺมณา วาติ. ตสฺมาติ ยสฺมา สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ อารุฬฺหมคฺโค, ราหุล, มยา ตุยฺหํ อาจิกฺขิโต, ตสฺมา. เตน อนุสิกฺขนฺเตน ตยา เอวํ สิกฺขิตพฺพนฺติ โอวาทํ อทาสิ. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
อมฺพลฏฺิกราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา
สมตฺตา.
๒. มหาราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา
๑๑๓. อิริยาปถานุพนฺธเนนาติ ¶ อิริยาปถคมนานุพนฺธเนน, น ปฏิปตฺติคมนานุพนฺธเนน. อฺเมว หิ พุทฺธานํ ปฏิปตฺติคมนํ อฺํ สาวกานํ. วิลาสิตคมเนนาติ – ‘‘ทูเร ปาทํ น อุทฺธรติ, น อจฺจาสนฺเน ปาทํ นิกฺขิปติ, นาติสีฆํ คจฺฉติ นาติสณิก’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๒๔๓; อุทา. อฏฺ. ๗๖; สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺค ๓.๒๘๕) วุตฺเตน สภาวสีเลน พุทฺธานํ จาตุริยคมเนน. ตเทว หิ สนฺธาย ‘‘ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺโต’’ติ วุตฺตํ. ปทานุปทิโกติ ราหุลตฺเถรสฺสปิ ลกฺขณปาริปูริยา ตาทิสเมว คมนนฺติ ยตฺตกํ ปเทสํ อนฺตรํ อทตฺวา ภควโต ปิฏฺิโต คนฺตุํ อารทฺโธ, สพฺพตฺถ ตเมว คมนปทานุปทํ คจฺฉตีติ ปทานุปทิโก.
วณฺณนาภูมิ ¶ จายํ ตตฺถ ภควนฺตํ เถรฺจ อเนกรูปาหิ อุปมาหิ วณฺเณนฺโต ‘‘ตตฺถ ภควา’’ติอาทิมาห. นิกฺขนฺตคชโปตโก วิย วิโรจิตฺถาติ ปทํ อาเนตฺวา โยชนา. เอวํ ตํ เกสรสีโห วิยาติอาทีสุปิ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. ตารกราชา นาม จนฺโท. ทฺวินฺนํ จนฺทมณฺฑลานนฺติอาทิ ปริกปฺปวจนํ, พุทฺธาเวณิกสนฺตกํ วิย พุทฺธานํ อากปฺปโสภา อโหสิ, อโห สิรีสมฺปตฺตีติ โยชนา.
อาทิยมานาติ คณฺหนฺติ. ‘‘ปจฺฉา ชานิสฺสามา’’ติ น อชฺชุเปกฺขิตพฺโพ. อิทํ น กตฺตพฺพนฺติ วุตฺเตติ อิทํ ปาณอติปาตนํ น กตฺตพฺพนฺติ วุตฺเต อิทํ ทณฺเฑน วา เลฑฺฑุนา วา วิเหนํ น กตฺตพฺพํ, อิทํ ปาณินา ทณฺฑกทานฺจ อนฺตมโส กุชฺฌิตฺวา โอโลกนมตฺตมฺปิ น กตฺตพฺพเมวาติ นยสเตนปิ นยสหสฺเสนปิ ปฏิวิชฺฌติ, ตถา อิธ ตาว สมฺมชฺชนํ กตฺตพฺพนฺติ วุตฺเตปิ ตตฺถ ปริภณฺฑกรณํ วิหารงฺคณสมฺมชฺชนํ กจวรฉฑฺฑนํ วาลิกาสมกิรณนฺติ เอวมาทินา นยสเตน นยสหสฺเสน ปฏิวิชฺฌติ. เตนาห – ‘‘อิทํ กตฺตพฺพนฺติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย’’ติ. ปริภาสนฺติ ตชฺชนํ. ลภามีติ ปจฺจาสีสติ.
สพฺพเมตนฺติ สพฺพํ เอตํ มยิ ลพฺภมานํ สิกฺขากามตํ. อภิฺายาติ ชานิตฺวา. สหาโยติ รฏฺปาลตฺเถรํ สนฺธายาห. โส หิ ภควตา สทฺธาปพฺพชิตภาเว เอตทคฺเค ปิโต. ธมฺมารกฺโขติ ¶ สตฺถุ สทฺธมฺมรตนานุปาลโก ธมฺมภณฺฑาคาริโก. เปตฺติโยติ จูฬปิตา. สพฺพํ เม ชินสาสนนฺติ สพฺพมฺปิ พุทฺธสาสนํ มยฺหเมว.
ฉนฺทราคํ ตฺวาติ ฉนฺทราคํ มม จิตฺเต อุปฺปนฺนํ ตฺวา. อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเลติ วิหารปริยนฺเต อฺตรสฺมึ รุกฺขมูลฏฺาเน อนุจฺฉวิเก.
ตทาติ อคฺคสาวเกหิ ปสาทาปนกาเล. อฺกมฺมฏฺานานิ จงฺกมนอิริยาปเถปิ ปิฏฺิปสารณกาเลปิ สมิชฺฌนฺติ, น เอวมิทนฺติ อาห – ‘‘อิทมสฺส เอติสฺสา นิสชฺชาย กมฺมฏฺานํ อนุจฺฉวิก’’นฺติ. อานาปานสฺสตินฺติ อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ.
สมสีสี โหตีติ สเจ สมสีสี หุตฺวา น ปรินิพฺพายติ. ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ โน เจ ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ. ขิปฺปาภิฺโติ ขิปฺปํ ลหุํเยว ปตฺตพฺพฉฬภิฺโ.
ปริปุณฺณาติ ¶ โสฬสสุ อากาเรสุ กสฺสจิปิ อตาปเนน สพฺพโส ปุณฺณา. สุภาวิตาติ สมถภาวนาย วิปสฺสนาภาวนาย จ อนุปุพฺพสมฺปาทเนน สุภาวิตา. คณนาวิธานานุปุพฺพิยา อาเสวิตตฺตา อนุปุพฺพํ ปริจิตา.
โอมานํ วาติ อวชานนํ อฺุาตนฺติ เอวํวิธํ มานํ วา. อติมานํ วาติ ‘‘กึ อิเมหิ, มเมว อานุภาเวน ชีวิสฺสามี’’ติ เอวํ อติมานํ วา กุโต ชเนสฺสตีติ.
๑๑๔. วิสงฺขริตฺวาติ วิสํยุตฺเต กตฺวา, ยถา สงฺคากาเรน คหณํ น คจฺฉติ, เอวํ วินิภฺุชิตฺวาติ อตฺโถ. มหาภูตานิ ตาว วิตฺถาเรตุ, สมฺมสนูปคตฺตา, อสมฺมสนูปคํ อากาสธาตุํ อถ กสฺมา วิตฺถาเรสีติ อาห ‘‘อุปาทารูปทสฺสนตฺถ’’นฺติ. อาโปธาตุ สุขุมรูปํ. อิตราสุ โอฬาริกสุขุมตาปิ ลพฺภตีติ อาห ‘‘อุปาทารูปทสฺสนตฺถ’’นฺติ. เหฏฺา จตฺตาริ มหาภูตาเนว กถิตานิ, น อุปาทารูปนฺติ ตสฺส ปเนตฺถ ลกฺขณหารนเยน อากาสทสฺสเนน ทสฺสิตตา เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘อิมินา มุเขน ตํ ทสฺเสตุ’’นฺติ. น เกวลํ อุปาทารูปคฺคหณทสฺสนตฺถเมว อากาสธาตุ วิตฺถาริตา, อถ โข ปริคฺคหสุขตายปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปริจฺฉินฺทิตพฺพสฺส รูปสฺส นิรวเสสปริยาทานตฺถํ ‘‘อชฺฌตฺติเกนา’’ติ วิเสสนมาห. อากาเสนาติ อากาสธาตุยา คหิตาย. ปริจฺฉินฺนรูปนฺติ ตาย ปริจฺฉินฺทิตกลาปคตมฺปิ ปากฏํ โหติ วิภูตํ หุตฺวา อุปฏฺาติ.
อิทานิ ¶ วุตฺตเมวตฺถํ สุขคฺคหณตฺถํ คาถาย ทสฺเสติ. ตสฺสาติ อุปาทายรูปสฺส. เอวํ อาวิภาวตฺถนฺติ เอวํ ปริจฺฉินฺนตาย อากาสสฺส วเสน วิภูตภาวตฺถํ. ตนฺติ อากาสธาตุํ.
๑๑๘. อากาสภาวํ คตนฺติ จตูหิ มหาภูเตหิ อสมฺผุฏฺานํ เตสํ ปริจฺเฉทกภาเวน อากาสนฺติ คเหตพฺพตํ คตํ, อากาสเมว วา อากาสคตํ ยถา ‘‘ทิฏฺิคตํ (ธ. ส. ๓๘๑; มหานิ. ๑๒), อตฺถงฺคต’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๐) จ. อาทินฺนนฺติ อิมนฺติ ตณฺหาทิฏฺีหิ อาทินฺนํ. เตนาห ‘‘คหิตํ ปรามฏฺ’’นฺติ. อฺตฺถ กมฺมชํ ‘‘อุปาทินฺน’’นฺติ วุจฺจติ, น ตถา อิธาติ อาห ‘‘สรีรฏฺกนฺติ อตฺโถ’’ติ. ปถวีธาตุอาทีสุ ¶ วุตฺตนเยเนวาติ มหาหตฺถิปโทปเม (ม. นิ. ๑.๓๐๐ อาทโย) วุตฺตนยทสฺสนํ สนฺธาย วทติ.
๑๑๙. ตาทิภาโว นาม นิฏฺิตกิจฺจสฺส โหติ, อยฺจ วิปสฺสนํ อนุยฺุชติ, อถ กิมตฺถํ ตาทิภาวตา วุตฺตาติ? ปถวีสมตาทิลกฺขณาจิกฺขณาหิ วิปสฺสนาย สุขปฺปวตฺติอตฺถํ. เตนาห ‘‘อิฏฺานิฏฺเสู’’ติอาทิ. คเหตฺวาติ กุสลปฺปวตฺติยา โอกาสทานวเสน ปริคฺคเหตฺวา. น ปติฏฺิโตติ น นิสฺสิโต น ลคฺโค.
๑๒๐. พฺรหฺมวิหารภาวนา อสุภภาวนา อานาปานสฺสติภาวนา จ อุปจารํ วา อปฺปนํ วา ปาเปนฺโต วิปสฺสนาย ปาทกภาวาย อนิจฺจาทิสฺาย วิปสฺสนาภาเวน อุสฺสกฺกิตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตาธิคมาย โหตีติ ‘‘เมตฺตาทิภาวนาย ปน โหตี’’ติ วุตฺตํ. ยตฺถ กตฺถจิ สตฺเตสุ สงฺขาเรสุ จ ปฏิหฺนกิเลโสติ อาฆาตภาวเมว วทติ ายภาวโต อฺเสมฺปิ. อสฺมิมาโนติ รูปาทิเก ปจฺเจกํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘อยมหมสฺมี’’ติ เอวํ ปวตฺตมาโน.
๑๒๑. อิทํ กมฺมฏฺานนฺติ เอตฺถ คณนาทิวเสน อาเสวิยมานา อสฺสาสปสฺสาสา โยคกมฺมสฺส ปติฏฺานตาย กมฺมฏฺานํ. ตตฺถ ปน ตถาปวตฺโต มนสิกาโร ภาวนา. เอตฺถ จ ตสฺเสว เถรสฺส ภควตา พหูนํ กมฺมฏฺานานํ เทสิตตฺตา จริตํ อนาทิยิตฺวา กมฺมฏฺานานิ สพฺเพสํ ปุคฺคลานํ สปฺปายานีติ อยมตฺโถ สิทฺโธ, อติสปฺปายวเสน ปน กมฺมฏฺาเนสุ วิภาคกถา กถิตาติ เวทิตพฺพา.
มหาราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. จูฬมาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา
๑๒๒. เอวํ ¶ ปิตานีติ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทินยปฺปวตฺตานิ ทิฏฺิคตานิ อนิยฺยานิกตาย น พฺยากาตพฺพานิ น กเถตพฺพานิ, เอวํ ปนียปกฺเข ปิตานิ เจว นิยฺยานิกสาสเน ฉฑฺฑนียตาย ปฏิกฺขิตฺตานิ จ, อปิเจตฺถ อตฺถโต ปฏิกฺเขโป เอว พฺยากาตพฺพโต. ยถา เอโก ¶ กมฺมกิเลสวเสน อิตฺถตฺตํ อาคโต, ตถา อปโรปิ อปโรปีติ สตฺโต ตถาคโต วุจฺจตีติ อาห – ‘‘ตถาคโตติ สตฺโต’’ติ. ตํ อพฺยากรณํ มยฺหํ น รุจฺจตีติ ยทิ สสฺสโต โลโก, สสฺสโต โลโกติ, อสสฺสโต โลโก, อสสฺสโต โลโกติ ชานามาติ พฺยากาตพฺพเมว, ยํ ปน อุภยถา อพฺยากรณํ, ตํ เม จิตฺตํ น อาราเธติ อชานนเหตุกตฺตา อพฺยากรณสฺส. เตนาห – ‘‘อชานโต โข ปน อปสฺสโต เอตเทว อุชุกํ, ยทิทํ น ชานามิ น ปสฺสามี’’ติ. สสฺสโตติอาทีสุ สสฺสโตติ สพฺพกาลิโก, นิจฺโจ ธุโว อวิปริณามธมฺโมติ อตฺโถ. โส หิ ทิฏฺิคติเกหิ โลกียนฺติ เอตฺถ ปฺุปาปตพฺพิปากา, สยํ วา ตพฺพิปากากราทิภาเวน อวิยุตฺเตหิ โลกียตีติ โลโกติ อธิปฺเปโต. เอเตน จตฺตาโรปิ สสฺสตวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. อสสฺสโตติ น สสฺสโต, อนิจฺโจ อทฺธุโว เภทนธมฺโมติ อตฺโถ, อสสฺสโตติ จ สสฺสตภาวปฏิกฺเขเปน อุจฺเฉโท ทีปิโตติ สตฺตปิ อุจฺเฉทวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. อนฺตวาติ ปริวฏุโม ปริจฺฉินฺนปริมาโณ, อสพฺพคโตติ อตฺโถ. เตน ‘‘สรีรปริมาโณ, องฺคุฏฺปริมาโณ, ยวปริมาโณ ปรมาณุปริมาโณ อตฺตา’’ติ (อุทา. อฏฺ. ๕๔; ที. นิ. ฏี. ๑.๗๖-๗๗) เอวมาทิวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ.
ตถาคโต ปรํ มรณาติ ตถาคโต ชีโว อตฺตา มรณโต อิมสฺส กายสฺส เภทโต ปรํ อุทฺธํ โหติ อตฺถิ สํวิชฺชตีติ อตฺโถ. เอเตน สสฺสตภาวมุเขน โสฬส สฺีวาทา, อฏฺ อสฺีวาทา, อฏฺ จ เนวสฺีนาสฺีวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. น โหตีติ นตฺถิ น อุปลพฺภติ. เอเตน อุจฺเฉทวาโท ทสฺสิโต โหติ. อปิจ โหติ จ น จ โหตีติ อตฺถิ นตฺถิ จาติ. เอเตน เอกจฺจสสฺสตวาโท ทสฺสิโต. เนว โหติ น น โหตีติ ปน อิมินา อมราวิกฺเขปวาโท ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ. ภควตา ปน อนิยฺยานิกตฺตา อนตฺถสํหิตานิ อิมานิ ทสฺสนานีติ ตานิ น พฺยากตานิ, ตํ อพฺยากรณํ สนฺธายาห อยํ เถโร ‘‘ตํ เม น รุจฺจตี’’ติ. สิกฺขํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ยถาสมาทินฺนสิกฺขํ ปหาย.
๑๒๕. ตฺวํ ¶ เนว ¶ ยาจโกติ อหํ ภนฺเต ภควติ พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามีติอาทินา. น ยาจิตโกติ ตฺวํ มาลุกฺยปุตฺต มยิ พฺรหฺมจริยํ จราติอาทินา.
๑๒๖. ปรเสนาย ิเตน ปุริเสน. พหลเลปเนนาติ พหลวิเลปเนน. มหาสุปิยาทิ สพฺโพ มุทุหิทโก เวณุวิเสโส สณฺโห. มรุวาติ มกจิ. ขีรปณฺณิโนติ ขีรปณฺณิยา, ยสฺสา ฉินฺทนมตฺเต ปณฺเณ ขีรํ ปคฺฆรติ. คจฺฉนฺติ คจฺฉโต ชาตํ สยํชาตคุมฺพโต คหิตนฺติ อธิปฺปาโย. สิถิลหนุ นาม ทตฺตา กณฺโณ ปตงฺโค. เอตาย ทิฏฺิยา สติ น โหตีติ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ เอตาย ทิฏฺิยา สติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาโส น โหติ, ตํ ปหาย เอว ปตฺตพฺพโต.
๑๒๗. อตฺเถว ชาตีติอาทินา เอตา ทิฏฺิโย ปจฺเจกมฺปิ สํสารปริพฺรูหนา กฏสิวฑฺฒนา นิพฺพานวิพนฺธนาติ ทสฺเสติ.
๑๒๘. ตสฺมาติหาติ อิทํ อฏฺาเน อุทฺธฏํ, าเนเยว ปน ‘‘วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺพ’’นฺติ อิมสฺส ปรโต กตฺวา สํวณฺเณตพฺพํ. อตฺตโน ผเลน อรณียโต อนุคนฺตพฺพโต การณมฺปิ ‘‘อตฺโถ’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘การณนิสฺสิต’’นฺติ. เตนาห ‘‘พฺรหฺมจริยสฺส อาทิมตฺตมฺปี’’ติ. ปุพฺพปทฏฺานนฺติ ปมารมฺโภ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬมาลุกฺยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. มหามาลุกฺยสุตฺตวณฺณนา
๑๒๙. โอรํ ¶ วุจฺจติ กามธาตุ, ตตฺถ ปวตฺติยา สํวตฺตนโต โอรํ ภชนฺตีติ โอรมฺภาคิยานิ, เหฏฺิมมคฺควชฺฌตาย โอรมฺภาเค เหฏฺาโกฏฺาเส ภชนฺตีติ โอรมฺภาคิยานิ ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา. เตนาห ‘‘เหฏฺาโกฏฺาสิกานี’’ติอาทิ. กมฺมุนา หิ วฏฺเฏน จ ทุกฺขํ สํโยเชนฺตีติ สํโยชนานิ, โอรมฺภาคิยสฺิตานิ สํโยชนานิ ยสฺส อปฺปหีนานิ, ตสฺเสว วฏฺฏทุกฺขํ. ยสฺส ปน ตานิ ปหีนานิ, ตสฺส ตํ นตฺถีติ. อปฺปหีนตาย อนุเสตีติ อริยมคฺเคน อสมุจฺฉินฺนตาย การณลาเภ ¶ สติ อุปฺปชฺชติ, อปฺปหีนภาเวน อนุเสติ. อนุสยมาโน สํโยชนํ นาม โหตีติ อนุสยตฺตํ ผริตฺวา ปวตฺตมาโน ปาปธมฺโม ยถาวุตฺเตนตฺเถน สํโยชนํ นาม โหติ. เอเตน ยทิ ปน อนุสยโต สํโยชนํ ปวตฺตํ, ตถาปิ เย เต กามราคาทโย ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตเยว พนฺธนฏฺเน สํโยชนานีติ ทสฺเสติ.
เอวํ สนฺเตปีติ ยเทว โอรมฺภาคิยสํโยชนํ ภควตา ปุจฺฉิตํ, ตเทว เถเรนปิ วิสฺสชฺชิตํ, ตถาปิ อยํ ลทฺธิ สนฺนิสฺสยา. ตตฺถ โทสาโรปนาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส วาเท’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมุทาจารกฺขเณเยวาติ ปวตฺติกฺขเณ เอว. น หิ สพฺเพ วตฺตมานา กิเลสา สํโยชนตฺถํ ผรนฺตีติ อธิปฺปาโย. เตนาติ เตน การเณน, ตถาลทฺธิกตฺตาติ อตฺโถ. จินฺเตสิ ‘‘ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ โยชนา. อตฺตโน ธมฺมตาเยวาติ อชฺฌตฺตาสเยเนว. วิสํวาทิตาติ สตฺถุ จิตฺตสฺส อนาราธเนน วิเวจิตา. เอวมกาสิ เอวํ ธมฺมํ เทสาเปสิ.
๑๓๐. สกฺกายทิฏฺิปริยุฏฺิเตนาติ ปริยุฏฺานสมตฺถสกฺกายทิฏฺิเกน. ตถาภูตฺจ จิตฺตํ ตาย ทิฏฺิยา วิคยฺหิตํ อชฺโฌตฺถฏฺจ นาม โหตีติ อาห ‘‘คหิเตน อภิภูเตนา’’ติ. ทิฏฺินิสฺสรณํ นาม ทสฺสนมคฺโค เตน สมุจฺฉินฺทิตพฺพโต, โส ปน นิพฺพานํ อาคมฺม ตํ สมุจฺฉินฺทติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺินิสฺสรณํ นิพฺพาน’’นฺติ. อวิโนทิตา อนีหฏาติ ปททฺวเยนปิ สมุจฺเฉทวเสน อปฺปหีนตฺตํเยว วทติ. อฺํ สํโยชนํ อฺโ อนุสโยติ วทนฺติ, สหภาโว นาม อฺเน โหติ. น หิ ตเทว เตน สหาติ วุจฺจตีติ เตสํ อธิปฺปาโย. อฺเนาติ อตฺถโต อฺเน. อวตฺถามตฺตโต ยทิปิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นตฺถิ, อวยโว ปน สมุทาโย น โหตีติ โส สมุทายโต อฺโ เอวาติ สกฺกา วตฺตุนฺติ ยถาวุตฺตสฺส ปริหารสฺส อปฺปาฏิหีรกตํ อาสงฺกิตฺวา ปกฺขนฺตรํ อาสลฺลิตํ ‘‘อถาปิ สิยา’’ติอาทินา. ปกฺขนฺตเรหิ ปริหารา ¶ โหนฺตีติ ยถาวุตฺตาเยนปิ อฺโ ปุริโส อถาปิ สิยา, อยํ ปเนตฺถ อฺโ โทโสติ อาห ‘‘ยทิ ตเทวา’’ติอาทิ. อถาปิ สิยา ตุยฺหํ ยทิ ปริวิตกฺโก อีทิโส ยทิ ตเทว สํโยชนนฺติอาทิ. อิมมตฺถํ สนฺธายาติ ปรมตฺถโต โส เอว ¶ กิเลโส สํโยชนมนุสโย จ, พนฺธนตฺถอปฺปหีนตฺถานํ ปน อตฺเถว เภโทติ อิมมตฺถํ สนฺธาย.
๑๓๒. ตจจฺเฉโท วิย สมาปตฺติ กิเลสานํ สมาปตฺติวิกฺขมฺภนสฺส สารจฺเฉทสฺส อนุสยสฺส ทูรภาวโต. เผคฺคุจฺเฉโท วิย วิปสฺสนา ตสฺส อาสนฺนภาวโต. เอวรูปา ปุคฺคลาติ อภาวิตสทฺธาทิพลตาย ทุพฺพลนามกายา ปุคฺคลา, เยสํ สกฺกายนิโรธาย…เป… นาธิมุจฺจติ. เอวํ ทฏฺพฺพาติ ยถา โส ทุพฺพลโก ปุริโส, เอวํ ทฏฺพฺโพ โส ปุริโส คงฺคาปารํ วิย สกฺกายปารํ คนฺตุํ อสมตฺถตฺตา. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺขสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๑๓๓. อุปธิวิเวเกนาติ อิมินา อุปธิวิเวกาติ กรเณ นิสฺสกฺกนนฺติ ทสฺเสติ, อุปธิวิเวกาติ วา เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนสฺส อุปธิวิเวเกนาติ เหตุมฺหิ กรณวจเนน ปฺจกามคุณวิเวโก กถิโต. กามคุณาปิ หิ อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปธีติ วุจฺจนฺตีติ. ถินมิทฺธปจฺจยา กายวิชมฺภิตาทิเภทํ กายาลสิยํ. ตตฺถาติ อนฺโตสมาปตฺติยํ สมาปตฺติอพฺภนฺตเร ชาตํ. ตํ ปน สมาปตฺติปริยาปนฺนมฺปิ อปริยาปนฺนมฺปีติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนฺโตสมาปตฺติกฺขเณเยวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รูปาทโย ธมฺเมติ รูปเวทนาทิเก ปฺจกฺขนฺธธมฺเม. น นิจฺจโตติ อิมินา นิจฺจปฏิกฺเขปโต เตสํ อนิจฺจตมาห. ตโต เอว อุทยวยนฺตโต วิปริณามโต ตาวกาลิกโต จ เต อนิจฺจาติ โชติตํ โหติ. ยฺหิ นิจฺจํ น โหติ, ตํ อุทยพฺพยปริจฺฉินฺนํ ชราย มรเณน จาติ ทฺเวธา วิปริณตํ อิตฺตรขณเมว จ โหติ. น สุขโตติ อิมินา สุขปฏิกฺเขปโต เตสํ ทุกฺขตมาห, อโต เอว อภิณฺหํ ปฏิปีฬนโต ทุกฺขวตฺถุโต จ เต ทุกฺขาติ โชติตํ โหติ. อุทยพฺพยวนฺตตาย หิ เต อภิณฺหํ ปฏิปีฬนโต นิรนฺตรทุกฺขตาย ทุกฺขสฺเสว จ อธิฏฺานภูตาติ. ปจฺจยยาปนียตาย โรคมูลตาย จ โรคโต. ทุกฺขตาสูลโยคิตาย กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปกฺกภิชฺชนโต จ คณฺฑโต. ปีฬาชนนโต อนฺโตตุทนโต ทุนฺนีหรณโต จ อวทฺธิอาวหโต อฆวตฺถุโต จ อเสรีภาวโต อาพาธปทฏฺานตาย จ อาพาธโต. อวสวตฺตนโต อวิเธยฺยตาย ปรโต ¶ . พฺยาธิชรามรเณหิ ปลุชฺชนียตาย ปโลกโต. สามีนิวาสีการกเวทกอธิฏฺายกวิรหโต สฺุโต. อตฺตปฏิกฺเขปฏฺเน อนตฺตโต, รูปาทิธมฺมาปิ น เอตฺถ อตฺตา โหนฺตีติ อนตฺตา, เอวํ อยมฺปิ น อตฺตา โหตีติ อนตฺตา. เตน ¶ อพฺยาปารโต นิรีหโต ตุจฺฉโต อนตฺตาติ ทีปิตํ โหติ. ลกฺขณตฺตยเมว อวโพธตฺถํ เอกาทสหิ ปเทหิ วิภชิตฺวา คหิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อนฺโตสมาปตฺติยนฺติ สมาปตฺตีนํ สหชาตตาย สมาปตฺตีนํ อพฺภนฺตเร. จิตฺตํ ปฏิสํหรตีติ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคาทิอุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภเนน วิปสฺสนาจิตฺตํ ปฏิสํหรติ. เตนาห ‘‘โมเจตี’’ติ. สวนวเสนาติ ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติอาทินา สวนวเสน. ถุติวเสนาติ ตเถว โถมนาวเสน คุณโต สํกิตฺตนวเสน. ปริยตฺติวเสนาติ ตสฺส ธมฺมสฺส ปริยาปุณนวเสน. ปฺตฺติวเสนาติ ตทตฺถสฺส ปฺาปนวเสน. อารมฺมณกรณวเสเนว อุปสํหรติ มคฺคจิตฺตํ. เอตํ สนฺตนฺติอาทิ ปน อวธารณนิวตฺติตตฺถทสฺสนํ. ยถา วิปสฺสนา ‘‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีต’’นฺติอาทินา อสงฺขตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหรติ, เอวํ มคฺโค นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน อภิสเมนฺโต ตตฺถ ลพฺภมาเน สพฺเพ วิเสเส อสมฺโมหโต ปฏิวิชานนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ อุปสํหรติ. เตนาห ‘‘อิมินา ปน อากาเรนา’’ติอาทิ. โส ตตฺถ ิโตติ โส อทนฺธวิปสฺสโน โยคี ตตฺถ ตาย อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยารมฺมณาย วิปสฺสนาย ิโต. สพฺพโสติ ตสฺส มคฺคสฺส อธิคมาย นิพฺพตฺติตสมถวิปสฺสนาสุ. อสกฺโกนฺโต อนาคามี โหตีติ เหฏฺิมมคฺควหาสุ เอว สมถวิปสฺสนาสุ ฉนฺทราคํ ปหาย อคฺคมคฺควหาสุ ตาสุ นิกนฺตึ ปริยาทาตุํ อสกฺโกนฺโต อนาคามิตายเมว สณฺาติ.
สมติกฺกนฺตตฺตาติ สมถวเสน วิปสฺสนาวเสน จาติ สพฺพถาปิ รูปสฺส อติกฺกนฺตตฺตา. เตนาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ. อเนนาติ โยคินา. ตํ อติกฺกมฺมาติ อิทํ โย วา ปมํ ปฺจโวการภวปริยาปนฺเน ธมฺเม สมฺมเทว สมฺมสิตฺวา เต วิวชฺเชตฺวา ตโต อรูปสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา อรูปธมฺเม สมฺมสติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อิทานิ อรูปํ สมฺมสตี’’ติ.
สมถวเสน ¶ คจฺฉโตติ สมถปฺปธานํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ อนุยฺุชนฺตสฺส. จิตฺเตกคฺคตา ธุรํ โหตีติ ตสฺส วิปสฺสนาภาวนาย ตถา ปุพฺเพ ปวตฺตตฺตา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา สมาธิปฺปธานา โหติ, มคฺเคปิ จิตฺเตกคฺคตา ธุรํ โหติ, สมาธินฺทฺริยํ ปุพฺพงฺคมํ พลวํ โหติ. โส เจโตวิมุตฺโต นามาติ โส อริโย เจโตวิมุตฺโต นาม โหติ. วิปสฺสนาวเสน คจฺฉโตติ ‘‘สมถวเสน คจฺฉโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยฺจ ปุคฺคลวิภาโค สุตฺตนฺตนเยน อิธาภิหิโต ปริยาโย นาม, อภิธมฺมนเยน ปรโต กีฏาคิริสุตฺตวณฺณนายํ ทสฺสยิสฺสาม. อยํ สภาวธมฺโมเยวาติ ปุพฺพภาคปฏิปทา สมถปฺปธานา เจ สมาธิ ธุรํ, วิปสฺสนาปธานา เจ ปฺา ธุรนฺติ อยํ ธมฺมสภาโวเยว, เอตฺถ กิฺจิ น อาสงฺกิตพฺพํ.
อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ¶ อินฺทฺริยเวมตฺตตา. เตนาห ‘‘อินฺทฺริยนานตฺตํ วทามี’’ติ. อินฺทฺริยนานตฺตตา การณนฺติ อิทํ ทสฺเสติ – อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสนาภินิเวโส วิย สมถวเสน วิปสฺสนาวเสน จ ยํ ปุพฺพภาคคมนํ, ตํ อปฺปมาณํ ตํ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนํ, ยสฺส สมาธิ ธุรํ ปุพฺพงฺคมํ พลวํ โหติ, โส อริโย เจโตวิมุตฺติ นาม โหติ. ยสฺส ปฺา ธุรํ ปุพฺพงฺคมํ พลวํ โหติ โส อริโย ปฺาวิมุตฺโต นาม โหติ. อิทานิ ตมตฺถํ พุทฺธิวิสิฏฺเน นิทสฺสเนน ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา’’ติอาทิมาห, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหามาลุกฺยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. ภทฺทาลิสุตฺตวณฺณนา
๑๓๔. อสิยตีติ ¶ อสนํ, ภฺุชนํ โภชนํ, อสนสฺส โภชนํ อสนโภชนํ, อาหารปริโภโค, เอกสฺมึ กาเล อสนโภชนํ เอกาสนโภชนํ. โส ปน กาโล สพฺพพุทฺธานํ สพฺพปจฺเจกพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณวเสน ปุพฺพณฺโห เอว อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘เอกสฺมึ ปุเรภตฺเต อสนโภชน’’นฺติ. วิปฺปฏิสารกุกฺกุจฺจนฺติ ‘‘อยุตฺตํ วต มยา กตํ, โย อตฺตโน สรีรปกตึ อชานนฺโต เอกาสนโภชนํ ภฺุชิ, เยน เม อิทํ สรีรํ กิสํ ชาตํ พฺรหฺมจริยานุคฺคโห นาโหสี’’ติ เอวํ ¶ วิปฺปฏิสารกุกฺกุจฺจํ ภเวยฺย. เอตํ สนฺธาย สตฺถา อาห, น ภทฺทาลิเมว ตาทิสํ กิริยํ อนุชานนฺโต. อิตรถาติ ยทิ เอกํเยว ภตฺตํ ทฺวิธา กตฺวา ตโต เอกสฺส ภาคสฺส ภฺุชนํ เอกเทสภฺุชนํ อธิปฺเปตํ. โก สกฺโกตีติ โก เอวํ ยาเปตุํ สกฺโกติ. อตีตชาติปริจโยปิ นาม อิเมสํ สตฺตานํเยว อนุพนฺธตีติ อาห ‘‘อตีเต’’ติอาทิ. วิรวนฺตสฺเสวาติ อนาทเร สามิวจนํ. ตํ มทฺทิตฺวาติ ‘‘อยํ สิกฺขา สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ สาสเน อาจิณฺณํ, อยฺจ ภิกฺขุ อิมํ สิกฺขเตวา’’ติ วตฺวา ตํ ภทฺทาลึ ตสฺส วา อนุสฺสาหปเวทนํ อภิภวิตฺวา. ภิกฺขาจารคมนตฺถํ น วิตกฺกมาฬกํ อคมาสิ, วิหารจาริกํ จรนฺโต ตสฺส วสนฏฺานํ ภควา คจฺฉติ.
๑๓๕. ทูสยนฺติ ครหนฺติ เอเตนาติ โทโส, อปราโธ, โส เอว กุจฺฉิตภาเวน โทสโก. ครหาย ปวตฺติฏฺานโต โอกาโส. เตนาห – ‘‘เอตํ โอกาสํ เอตํ อปราธ’’นฺติ. ทุกฺกรตรนฺติ ปติการวเสน อติสเยน ทุกฺกรํ. อปราโธ หิ น ขมาเปนฺตํ ยถาปจฺจยํ วิตฺถาริโต หุตฺวา ทุปฺปติกาโร โหติ. เตนาห ‘‘วสฺสฺหี’’ติอาทิ.
อลคฺคิตฺวาติ อิมมฺปิ นาม อปนีตํ อกาสีติ เอวํ อวิเนตฺวา, ตํ ตํ ตสฺส หิตปฏิปตฺตึ นิวารณํ กตฺวาติ อตฺโถ. ายปฏิปตฺตึ อติจฺจ เอติ ปวตฺตตีติ อจฺจโย, อปราโธ, ปุริเสน มทฺทิตฺวา ปวตฺติโต อปราโธ อตฺถโต ปุริสํ อติจฺจ อภิภวิตฺวา ปวตฺโต นาม โหติ. เตนาห ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา’’ติ. อวเสสปจฺจยานํ สมาคเม เอติ ผลํ เอตสฺมา อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติ จาติ สมโย, เหตุ ยถา ‘‘สมุทาโย’’ติ อาห ‘‘เอกํ การณ’’นฺติ. ยํ ปเนตฺถ ภทฺทาลิตฺเถรสฺส อปริปูรการิตาย ภิกฺขุอาทีนํ ชานนํ, ตมฺปิ การณํ กตฺวา ‘‘อหํ โข, ภนฺเต, น อุสฺสหามี’’ติอาทินา วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
๑๓๖. เอกจิตฺตกฺขณิกาติ ¶ ปมมคฺคจิตฺตกฺขเณน เอกจิตฺตกฺขณิกา. เอวํ อาณาเปตุํ น ยุตฺตนฺติ สงฺกมตฺถาย อาณาเปตุํ น ยุตฺตํ ปโยชนาภาวโต. อนาจิณฺณฺเจตํ พุทฺธานํ, ยทิทํ ปทสา อกฺกมนํ. ตถา หิ –
‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;
มา นํ กลลํ อกฺกมิตฺถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๓);
สุเมธปณฺฑิเตน ¶ ปจฺจาสีสิตํ น กตํ. ยถาห –
‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
อุสฺสีสเก มํ ตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๖๐);
ภควตา อาณตฺเต สติ เตสมฺปิ เอวํ กาตุํ น ยุตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอเตสํ ปฏิพาหิตุํ ยุตฺตนฺติ อิทํ อฏฺานปริกปฺปนวเสเนว วุตฺตํ. น หิ พุทฺธานํ กาตุํ อารทฺธํ นาม กิจฺจํ เกหิจิ ปฏิพาหิตุํ ยุตฺตํ นาม อตฺถิ ปฏิพาหิตุํเยว อกรณโต. สมฺมตฺตนิยามสฺส อโนกฺกนฺตตฺตา วุตฺตํ ‘‘พาหิรโก’’ติ.
๑๓๗. น กมฺมฏฺานํ อลฺลียตีติ จิตฺตํ กมฺมฏฺานํ น โอตรติ.
๑๔๐. ปุนปฺปุนํ กาเรนฺตีติ ทณฺฑกมฺมปณามนาทิการณํ ปุนปฺปุนํ กาเรนฺติ. สมฺมาวตฺตมฺหิ น วตฺตตีติ ตสฺสา ตสฺสา อาปตฺติยา วุฏฺานตฺถํ ภควตา ปฺตฺตสมฺมาวตฺตมฺหิ น วตฺตติ. อนุโลมวตฺเต น วตฺตตีติ เยน เยน วตฺเตน สงฺโฆ อนุโลมิโก โหติ, ตสฺมึ ตสฺมึ อนุโลมวตฺเต น วตฺตติ วิโลมเมว คณฺหาติ, ปฏิโลเมน โหติ. นิตฺถารณกวตฺตมฺหีติ เยน วตฺเตน สงฺโฆ อนุโลมิโก โหติ, สาปตฺติกภาวโต นิตฺถิณฺโณ โหติ, ตมฺหิ นิตฺถารณวตฺตสฺมึ น วตฺตติ. เตนาห ‘‘อาปตฺตี’’ติอาทิ. ทุพฺพจกรเณติ ทุพฺพจสฺส ภิกฺขุโน กรเณ.
๑๔๔. ยาเปตีติ วตฺตติ, สาสเน ติฏฺตีติ อตฺโถ. อภิฺาปตฺตาติ ‘‘อสุโก อสุโก จ เถโร สีลวา กลฺยาณธมฺโม พหุสฺสุโต’’ติอาทินา อภิฺาตภาวํ ปตฺตา อธิคตอภิฺาตา.
๑๔๕. สตฺเตสุ หายมาเนสูติ กิเลสพหุลตาย ปฏิปชฺชนกสตฺเตสุ ปริหายนฺเตสุ ปฏิปเถสุ ¶ ชายมาเนสุ. อนฺตรธายติ นาม ตทาธารตาย. ทิฏฺธมฺมิกา ปรูปวาทาทโย. สมฺปรายิกา อปายทุกฺขวิเสสา. อาสวนฺติ เตน เตน ปจฺจเยน ปวตฺตนฺตีติ อาสวา. เนสนฺติ ปรูปวาทาทิอาสวานํ. เตติ วีติกฺกมธมฺมา.
อกาลํ ทสฺเสตฺวาติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อกาลํ ทสฺเสตฺวา. อุปฺปตฺตินฺติ อาสวฏฺานิยานํ ธมฺมานมุปฺปตฺตึ. สิกฺขาปทปฺตฺติยา กาลํ, ตาว ¶ เสนาสนานิ ปโหนฺติ, เตน อาวาสมจฺฉริยาทิเหตุนา สาสเน เอกจฺเจ อาสวฏฺานิยา ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ. อิมินา นเยนาติ อิมินา ปน เหตุนา ปทโสธมฺมสิกฺขาปทานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
ยสนฺติ กิตฺติสทฺทํ ปริวารฺจ. สาคตตฺเถรสฺส นาคทมนกิตฺติยสาทิวเสน สุราปานสงฺขาโต อาสวฏฺานิโย ธมฺโม อุปฺปชฺชิ.
รเสน รสํ สํสนฺเทตฺวาติ อุปาทินฺนกผสฺสรเสน อนุปาทินฺนกผสฺสรสํ สํสนฺเทตฺวา.
๑๔๖. น โข, ภทฺทาลิ, เอเสว เหตุ, อถ โข อฺมฺปิ อตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. เตน ธมฺมสฺส สกฺกจฺจสวเน เถรํ นิโยเชติ.
๑๔๗. วิเสวนาจารนฺติ อทนฺตกิริยํ. ปรินิพฺพายตีติ วูปสมฺมติ. ตตฺถ อทนฺตกิริยํ ปหาย ทนฺโต โหติ. ยุคสฺสาติ รถธุรสฺส.
อนุกฺกเมติ อนุรูปปริคเม. ตทวตฺถานุรูปํ ปาทานํ อุกฺขิปเน นิกฺขิปเน จ. เตนาห ‘‘จตฺตาโร ปาเท’’ติอาทิ. รชฺชุพนฺธนวิธาเนนาติ ปาทโต ภูมิยา โมจนวิธาเนน. เอวํ กรณตฺถนฺติ ยถา อสฺเส นิสินฺนสฺเสว ภูมึ คเหตุํ สกฺกา, เอวํ จตฺตาโร ปาเท ตถา กตฺวา อตฺตโน นิจฺจลภาวกรณตฺถํ. มณฺฑเลติ มณฺฑลธาวิกายํ. ปถวีกมเนติ ปถวึ ผุฏฺมตฺเตน คมเน. เตนาห ‘‘อคฺคคฺคขุเรหี’’ติ. โอกฺกนฺตกรณสฺมินฺติ โอกฺกนฺเตตฺวา ปรเสนาสมฺมทฺทน โอกฺกนฺตกรเณ. เอกสฺมึ าเนติ จตูสุ ปาเทสุ ยตฺถ กตฺถจิ เอกสฺมึ าเน คมนํ โจเทนฺตีติ อตฺโถ, โส ปเนตฺถ สีฆตโร อธิปฺเปโต. ทวตฺเตติ มริยาทาโกปเนหิ นานปฺปโยชเน, ปรเสนาย ปวตฺตมหานาทปหรเณหิ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยุทฺธกาลสฺมิ’’นฺติอาทิ.
รฺา ชานิตพฺพคุเณติ ยถา ราชา อสฺสสฺส คุเณ ชานาติ, เอวํ เตน ชานิตพฺพคุณการณํ ¶ กาเรติ. อสฺสราชวํเสติ ทุสฺสหํ ทุกฺขํ ปตฺวาปิ ยถา อยํ ราชวํสานุรูปกิริยํ น ชหิสฺสติ, เอวํ สิกฺขาปเน. สิกฺขาปนเมว หิ สนฺธาย สพฺพตฺถ ‘‘การณํ กาเรตี’’ติ วุตฺตํ ตสฺส กรณการาปนปริยายตฺตา.
ยถา ¶ อุตฺตมชโว โหตีติ ชวทสฺสนฏฺาเน ยถา หโย อุตฺตมชวํ น หาเปสิ, เอวํ สิกฺขาเปติ. อุตฺตมหยภาเว, ยถา อุตฺตมหโย โหตีติ กมฺมกรณกาเล อตฺตโน อุตฺตมสภาวํ อนิคุหิตฺวา อวชฺเชตฺวา ยถา อตฺถสิทฺธิ โหติ, เอวํ ปรมชเวน สิกฺขาเปติ. ยถา กิริยา วินา ทพฺพมฺปิ วินา กิริยํ น ภวติ, เอวํ ทฏฺพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ปกติยา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺราติ ตสฺมึ ปกติยา อุตฺตมหยสฺเสว อุตฺตมหยการณารหตฺตา อุตฺตมชวปฏิปชฺชเน. มาสขาทกโฆฏกานนฺติ มาสํ ขาทิตฺวา ยถา ตถา วิคุณขลุงฺคกานํ. วลฺชกทณฺฑนฺติ รฺา คเหตพฺพสุวณฺณทณฺฑํ. ธาตุปตฺถทฺโธติ อตฺตนาว สมุปฺปาทิตธาตุยา อุปตฺถมฺภิโต หุตฺวา.
อุตฺตเม สาขลฺเยติ ปรมสขิลภาเว สขิลวาจาย เอว ทเมตพฺพตาย. เตนาห ‘‘มุทุวาจาย หี’’ติอาทิ.
อรหตฺตผลสมฺมาทิฏฺิยาติ ผลสมาปตฺติกาเล ปวตฺตสมฺมาาณํ. สมฺมาาณํ ปุพฺเพ วุตฺตสมฺมาทิฏฺิเยวาติ ปน อิทํ ผลสมฺมาทิฏฺิภาวสามฺเน วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปจฺจเวกฺขณาณ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ ‘‘อเสกฺเขนา’’ติ วิเสสิตตฺตา. ตมฺปิ อเสกฺขาณนฺติ เจ? เอวมฺปิ นิปฺปริยาย เสกฺขคฺคหเณ ปริยายเสกฺขคฺคหณํ น ยุตฺตเมว, กิจฺจเภเทน วา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกา เอว หิ สา ปฺา นิพฺพานสฺส ปจฺจกฺขกิริยาย สมฺมาทสฺสนกิจฺจํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ วุตฺตา, สมฺมาชานนกิจฺจํ อุปาทาย ‘‘สมฺมาาณ’’นฺติ. อฺาตาวินฺทฺริยวเสน วา สมฺมาทิฏฺิ, ปฺินฺทฺริยวเสน สมฺมาาณนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. มคฺคผลาวหาย เทสนาย สงฺเขปโตว อาคตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อุคฺฆฏิตฺุปุคฺคลสฺส วเสนา’’ติ.
ภทฺทาลิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. ลฏุกิโกปมสุตฺตวณฺณนา
๑๔๘. มหาอุทายิตฺเถโรติ ¶ กาฬุทายิลาฬุทายิตฺเถเรหิ อฺโ มหาเทหตาย มหาอุทายีติ สาสเน ปฺาโต เถโร. อปหริ อปหรติ อปหริสฺสตีติ อปหตฺตา. เตกาลิโก หิ อยํ ¶ สทฺโท. อุปหตฺตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อปหารโกติ อปเนตา. อุปหารโกติ อุปเนตา.
๑๔๙. ยนฺติ ภุมฺมตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, เตน จ อนนฺตรนิทฺทิฏฺสมโย ปจฺจามฏฺโติ อาห ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ. น ภควนฺตํ ปฏิจฺจาติ น ภควนฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา.
กมฺมนิปฺผนฺนตฺถนฺติ อตฺตนา อายาจิยมานกมฺมสิทฺธิอตฺถํ. ภวตีติ ภู, น ภูติ อภู, ภยวเสน ปน สา อิตฺถี ‘‘อภุ’’นฺติ อาห. อาตุ มาตูติ เอตฺถ ยถา –
‘‘องฺคา องฺคา สมฺภวสิ, หทยา อธิชายเส;
อตฺตา เอว ปุตฺต นามาสิ, ส ชีว สรโทสต’’นฺติ. –
อาทีสุ ปุตฺโต ‘‘อตฺตา’’ติ วุจฺจติ กุลวเสน สนฺตาเน ปวตฺตนโต. เอวํ ปิตาปิ ‘‘ปุตฺตสฺส อตฺตา’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา ‘‘ภิกฺขุสฺส อตฺตา มาตา’’ติ วตฺถุกามา ภยวเสน ‘‘อาตุ มาตู’’ติ อาห. เตนาห ‘‘อาตูติ ปิตา’’ติอาทิ.
๑๕๐. เอวเมวนฺติ อิทํ ครหตฺถโชตนนิปาตปทนฺติ วุตฺตํ ‘‘ครหนฺโต อาหา’’ติ. ตถา หิ นํ วาจกสทฺเทเนว ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา’’ติ อาห. อาหํสูติ เตสํ ตถา วจนสฺส อวิจฺเฉเทน ปวตฺติทีปนนฺติ อาห ‘‘วทนฺตี’’ติ. กึ ปนิมสฺส อปฺปมตฺตกสฺสาติ ปหาตพฺพวตฺถุํ อวมฺมาเนหิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘กึ ปนา’’ติ. เหตุมฺหิ โชเตตพฺเพ เจตํ สามิวจนํ ยถา ‘‘อนุสฺสวสฺส เหตุ, อชฺเฌนสฺส เหตู’’ติ. เตนาห ‘‘อปฺปมตฺตกสฺส เหตู’’ติ. นนุ อปสฺสนฺเตน วิย อสุณนฺเตน วิย ภวิตพฺพนฺติ? สตฺถารา นาม อปฺปมตฺตเกสุ โทเสสุ อปสฺสนฺเตน วิย จ อสุณนฺเตน วิย จ ภวิตพฺพนฺติ เตสํ อธิปฺปาเยน วิวรณํ. เตสุ จาติ สิกฺขากาเมสุ จ. อปฺปจฺจยํ อุปฏฺาเปนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. เตสนฺติ เย ‘‘โมฆปุริสา’’ติ วุตฺตา ปุคฺคลา, เตสํ. คเล พทฺธํ มหากฏฺนฺติ คเล โอลมฺเพตฺวา พทฺธํ รุกฺขทณฺฑมาห. ¶ ปูติลตายาติ คโลจิยา. ปาราชิกวตฺถุ วิย ทุปฺปชหํ โหตีติ ฉนฺทกปฺปหานวเสน ตํ ปชหิตุํ น สกฺโกติ.
๑๕๑. อนุสฺสุกฺกาติ ¶ ตสฺส ปหาตพฺพสฺส ปหาเน อุสฺสุกฺกรหิตา. อปจฺจาสีสนปกฺเขติ ตาย ปรทตฺตวุตฺติตาย กสฺสจิ ปจฺจยสฺส กุโตจิ อปจฺจาสีสกปกฺเข ิตา หุตฺวา สุปฺปชหํ โหติ, น ตสฺส ปหาเน ภาริยํ อตฺถิ.
๑๕๒. ทลิทฺโท ทุคฺคโต. อสฺสโกติ อสาปเตยฺโย. เคหยฏฺิโยติ เคหฉทนสฺส อาธารา, ตา อุชุกํ ติริยํ เปตพฺพทณฺฑา. สมนฺตโต ภิตฺติปาเทสุ เปตพฺพทณฺฑา มณฺฑลา. กากาติทายินฺติ อิโต จิโต กาเกหิ อติปาตวเสน อุฑฺเฑตพฺพํ. เตนาห ‘‘ยตฺถ กิฺจิเทวา’’ติอาทิ. สูรกากาติ กากานํ อุฑฺเฑปนาการมาห. นปรมรูปนฺติ หีนรูปํ. วิลีวมฺจโกติ ตาลเวตฺตกาทีหิ วีตมฺจโก. สา ปนสฺส สนฺตานานํ ฉินฺนภินฺนตาย โอลุคฺควิลุคฺคตา, ตถา สติ สา วิสมรูปา โหตีติ อาห ‘‘โอณตา’’ติอาทิ. โส ปุคฺคโล ลูขโภชี โหตีติ อาห ‘‘ธฺํ นาม กุทฺรูสโก’’ติ. สมกาลํ วปิตพฺพตาย สมวาปกํ, ยถาอุตุ วปิตพฺพพีชํ. ชายิกาติ กุจฺฉิตา ภริยา, สพฺพตฺถ ครหายํ ก-สทฺโท. โส วตาหํ ปพฺพเชยฺยนฺติ โสหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ปพฺพเชยฺยํ, โยหํ ปุริโส นาม อสฺสํ วตาติ ปพฺพชฺชาวเสน อตฺตโน ปุริสํ โพเธยฺย. ตํสภาเว ิตสฺส โพธา น ตุ ทุกฺกรา, สา ขโฏปิกา. สา กุมฺภี. เมณฺฑกเสฏฺิโน อฑฺฒเตฬสานิ โกฏฺาคารสตานิ วิย.
๑๕๓. สุวณฺณนิกฺขสตานนฺติ อเนเกสํ สุวณฺณนิกฺขสตานํ. จโยติ สนฺตาเนหิ นิจโย อวีจิ นิจฺจปฺปพนฺธนิจโย. เตนาห ‘‘สนฺตานโต กตสนฺนิจโย’’ติ.
๑๕๔. เหฏฺา กิฺจาปิ อปฺปชหนกา ปมํ ทสฺสิตา, ปชหนกา ปธานา, เตสฺจ วเสเนตฺถ ปุคฺคลจตุกฺกํ ทสฺสิตํ. เต ตฺเจว ปชหนฺตีติ ปชหนกา ปมํ คหิตา. ราสิวเสนาติ ‘‘อิธุทายิ เอกจฺโจ ปุคฺคโล’’ติอาทินา จตุกฺเก อาคตวิภาคํ อนามสิตฺวา ‘‘เต เต’’ติ ปจุรวเสน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘น ปาฏิเยกฺกํ วิภตฺตา’’ติ. อวิภาเคน คหิตวตฺถูสุ วิภาคโต คหณํ โลกสิทฺธเมตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ปชหนกปุคฺคลาติ ‘‘เต ตฺเจว ปชหนฺตี’’ติ เอวํ ปชหนกปุคฺคลา เอว.
อุปธิอนุธาวนกาติ อุปธีสุ อนุอนุธาวนกา อุปธิโย อารพฺภ ปวตฺตนกา. วิตกฺกาเยวาติ ¶ กามสงฺกปฺปาทิวิตกฺกาเยว. อินฺทฺริยนานตฺตตาติ วิมุตฺติปริปาจกานํ อินฺทฺริยานํ ปโรปริยตฺตํ. ตสฺส หิ วเสเนว เต จตฺตาโร ปุคฺคลา ชาตา. อคฺคมคฺคตฺถาย วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ยาว น ตํ มคฺเคน สมุคฺฆาเตนฺติ, ตาว นปฺปชหนฺติ นาม. อิติ เหฏฺิมา ตโยปิ อริยา อปฺปหีนสฺส กิเลสสฺส วเสน ‘‘นปฺปชหนฺตี’’ติ วุตฺตา, ปเคว ปุถุชฺชนา. วุตฺตนเยน ปน วิปสฺสนํ มคฺเคน ฆเฏนฺตา เต จตฺตาโร ชนา อคฺคมคฺคกฺขเณ ปชหนฺติ นาม. เต เอว ตตฺถ สีฆการิโน ขิปฺปํ ปชหนฺติ นาม, เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ.
สํเวคํ กตฺวา อคฺคึ อกฺกนฺตปุริโส วิย. มคฺเคนาติ อนุกฺกมาคเตน อคฺคมคฺเคน. มหาหตฺถิปโทปเมติ มหาหตฺถิปโทปมสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๓๐๐ อาทโย). ตตฺถ หิ ‘‘ตสฺส ธาตารมฺมณเมว จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ อธิมุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๒) เอตฺถ อติติกฺขนาติติกฺข-นาติมนฺทอติมนฺท-ปุคฺคลวเสน อฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๐๒) ตโย วารา อุทฺธฏา, ตตฺถ มชฺฌิมวเสเนว ปฺโห กถิโต. อินฺทฺริยภาวเนติ อินฺทฺริยภาวนาสุตฺเต, ตตฺถาปิ มชฺฌิมนเยเนว ปฺโห กถิโต. เตนาห ‘‘อิเมสู’’ติอาทิ.
ตนฺติ ‘‘อุปธี’’ติ วุตฺตํ ขนฺธปฺจกํ. ทุกฺขสฺส มูลนฺติ สพฺพสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส การณํ. นิคฺคหโณติ นิรุปาทาโน. เตนาห ‘‘นิตฺตณฺโห’’ติ.
๑๕๕. เย ปชหนฺตีติ ‘‘เต ตฺเจว ปชหนฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตปุคฺคลา. เต อิเม นาม เอตฺตเก กิเลเส ปชหนฺตีติ เย เต ปุถุชฺชนา ลาภิโน จ ปฺจ กามคุเณ เอตฺตเก ตํตํฌานาทิวตฺถุเก จ ตํตํมคฺควชฺฌตาย ปริจฺฉินฺนตฺตา เอตฺตเก กิเลเส ปชหนฺติ. เย นปฺปชหนฺตีติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อสุจิสุขํ กายาสุจิสนฺนิสฺสิตตฺตา. อนริเยหีติ อปริสุทฺเธหิ. ปฏิลาภโต ภายิตพฺพํ กิเลสทุกฺขคติกตฺตา. วิปากโต ภายิตพฺพํ อปายทุกฺขคติกตฺตา. คณโตปิ กิเลสโตปิ วิวิตฺตสุขนฺติ คณสงฺคณิกโต จ กิเลสสงฺคณิกโต ¶ จ วิวิตฺตสุขํ. ราคาทิวูปสมตฺถายาติ ราคาทิวูปสมาวหํ สุขํ. น ภายิตพฺพํ สมฺปติ อายติฺจ เอกนฺตหิตภาวโต.
๑๕๖. อิฺชิตสฺมินฺติ ปจฺจตฺเต ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘อิฺชน’’นฺติอาทิ. อิฺชติ เตนาติ อิฺชิตํ, ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส โขภกรํ โอฬาริกํ ฌานงฺคํ. จตุตฺถชฺฌานํ อนิฺชนํ สนฺนิสินฺนาภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๓๘๔-๓๘๖; ปารา. ๑๒-๑๓).
อลํ-สทฺโท ¶ ยุตฺตตฺโถปิ โหติ – ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุํ, อลํ วิมุจฺจิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔, ๑๒๘, ๑๓๔, ๑๔๓), ตสฺมา อนลํ อนุสงฺคํ กาตุํ อยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อกตฺตพฺพอาลยนฺติ วทามี’’ติ. สนฺนิฏฺานนฺติ สมฺมาปฏิปตฺติยํ อลํ เอตฺตาวตาติ อุสฺสาหปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน สนฺนิฏฺานํ น กาตพฺพนฺติ โยชนา. อุทฺธมฺภาคิยสฺิตํ อณุํ วา โอรมฺภาคิยสฺิตํ ถูลํ วา, รูปราโคติ เอวรูปํ อณุํ วา กามาสโว ปฏิฆนฺติ เอวรูปํ ถูลํ วา, มุทุนา ปวตฺติอาการวิเสเสน อปฺปสาวชฺชํ, กมฺมพนฺธนฏฺเน วา อปฺปสาวชฺชํ, ตพฺพิปริยายโต มหาสาวชฺชํ เวทิตพฺพํ. นาติติกฺขปฺสฺส วเสน เทสนาย ปวตฺตตฺตา ‘‘เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสนา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพโส หิ ปริยาทินฺนนิกนฺติกสฺส อริยปุคฺคลสฺส วเสน สฺาเวทยิตนิโรธสฺส อาคตตฺตา ‘‘อรหตฺตนิกูเฏเนว นิฏฺาปิตา’’ติ วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
ลฏุกิโกปมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. จาตุมสุตฺตวณฺณนา
๑๕๗. ยถาอุปนิสฺสเยนาติ ¶ โย โย อุปนิสฺสโย ยถาอุปนิสฺสโย, เตน ยถาอุปนิสฺสเยน สมฺมาปโยเคน. ปติฏฺหิสฺสนฺติ สาสเน ปติฏฺํ ปฏิลภิสฺสนฺติ. วสนฏฺานานีติ วสฺสคฺคาทิวเสน วสนฏฺานานิ. สณฺาปยมานาติ สุวิภตฺตภาเวน เปนฺตา.
อวินิพฺโภคสทฺทนฺติ วินิภฺุชิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยสทฺทํ. วจีโฆโสปิ หิ พหูหิ เอกจฺจํ ปวตฺติโต านโต จ ทูรตโร เกวลํ มหานิคฺโฆโส ¶ เอว หุตฺวา โสตปถมาคจฺฉติ. มจฺฉวิโลเปติ มจฺเฉ วิลุมฺปิตฺวา วิย คหเณ, มจฺฉานํ วา นยเน.
๑๕๘. ววสฺสคฺคตฺเถติ นิจฺฉยตฺเถ, อิทํ ตาว อมฺเหหิ วุจฺจมานวจนํ เอกนฺตโสตพฺพํ, ปจฺฉา ตุมฺเหหิ กาตพฺพํ กโรถาติ อธิปฺปาโย. วจนปริหาโรติ เตหิ สกฺยราชูหิ วุตฺตวจนสฺส ปริหาโร. เลสกปฺปนฺติ กปฺปิยเลสํ. ธุรวหาติ ธุรวาหิโน, โธรยฺหาติ อตฺโถ. ปาทมูลนฺติ อุปจารํ วทติ. วิคจฺฉิสฺสตีติ หายิสฺสติ. ปฏิปฺผริโตติ น ภควโต สมฺมุขาว, สกฺยราชูนํ ปุรโตปิ วิปฺผริโตว โหติ.
๑๕๙. อภินนฺทตูติ อภิมุโข หุตฺวา ปโมทตุ. อภิวทตูติ อภิรูปวเสน วทตุ. ปสาทฺถตฺตนฺติ อปฺปสาทสฺส วิปริณาโม หีนายาวตฺตนสงฺขาตํ ปริวตฺตนํ, เตนาห ‘‘วิพฺภมนฺตานํ. วิปริณามฺถตฺต’’นฺติ. การณูปจาเรน สสฺเสสุ พีชปริยาโยติ อาห ‘‘พีชานํ ตรุณานนฺติ ตรุณสสฺสาน’’นฺติ. ตรุณภาเวเนว ตสฺส ภาวิโน ผลสฺส อภาเวน วิปริณาโม.
๑๖๐. กตฺตพฺพสฺส สรเสเนว กรณํ จิตฺตรุจิยํ, น ตถา ปรสฺส อุสฺสาทเนนาติ อาห – ‘‘ปกฺโกสิยมานานํ คมนํ นาม น ผาสุก’’นฺติ. มยมฺปิ ภควา วิย ทิฏฺธมฺมสุขวิหาเรเนว วิหริสฺสามาติ ทีเปติ ปกติยา วิเวกชฺฌาสยภาวโต วิรทฺโธ อาคตสฺส ภารสฺส อวหนโตเยว. เตนาห ‘‘อตฺตโน ภารภาวํ น อฺาสี’’ติ.
๑๖๑. กสฺมา ¶ อารภีติ? สปฺปายโต. ปฺจสตา หิ ภิกฺขู อภินวา, ตสฺมา เตสํ โอวาททานตฺถํ ภควา อิมํ เทสนํ อารภีติ.
๑๖๒. โกธุปายาสสฺสาติ เอตฺถ กุชฺฌนฏฺเน โกโธ, สฺเวว จิตฺตสฺส กายสฺส จ อติปฺปมทฺทนมถนุปฺปาทเนหิ ทฬฺหํ อายาสฏฺเน อุปายาโส. อเนกวารํ ปวตฺติตฺวา อตฺตนา สมเวตํ สตฺตํ อชฺโฌตฺถริตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา อนยพฺยสนปาปเนน โกธุปายาสสฺส อูมิสทิสตา ทฏฺพฺพา. เตนาห ‘‘โกธุปายาเส’’ติอาทิ.
๑๖๓. โอทริกตฺเตน ขาทิโตติ โอทริกภาเวน อามิสเคเธน มิจฺฉาชีเวน ชีวิกากปฺปเนน นาสิตสีลาทิคุณตาย ขาทิตธมฺมสรีโร.
๑๖๔. ปฺจกามคุณาวฏฺเฏ ¶ นิมุชฺชิตฺวาติ เอตฺถ กามราคาภิภูเต สตฺเต อิโต จ เอตฺโต, เอตฺโต จ อิโตติ เอวํ มนาปิยรูปาทิวิสยสงฺขาเต อาวฏฺเฏ อตฺตานํ สํสาเรตฺวา ยถา ตโต พหิภูเต เนกฺขมฺเม จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ, เอวํ อาวฏฺเฏตฺวา พฺยสนาปาทเนน กามคุณานํ อาวฏฺฏสทิสตา ทฏฺพฺพา. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ.
๑๖๕. ราคานุทฺธํสิเตนาติ ราเคน อนุทฺธํสิเตน. จณฺฑมจฺฉํ อาคมฺมาติ สุสุกาทิจณฺฑมจฺฉํ อาคมฺม. มาตุคามํ อาคมฺมาติ มาตุคาโม หิ โยนิโสมนสิการรหิตํ อธีรปุริสํ อิตฺถิกุตฺตภูเตหิ อตฺตโน หาวภาววิลาเสหิ อภิภุยฺย คเหตฺวา ธีรชาติยมฺปิ อตฺตโน รูปาทีหิ ปโลภนวเสน อนวเสสํ อตฺตโน อุปการธมฺเม สีลาทิเก สมฺปาเทตุํ อสมตฺถํ กโรนฺโต อนยพฺยสนํ ปาเปติ. เตนาห – ‘‘มาตุคามํ อาคมฺม อุปฺปนฺนกามราโค วิพฺภมตี’’ติ.
ภยํ นาม ยตฺถ ภายิตพฺพวตฺถุ, ตตฺถ โอตรนฺตสฺเสว โหติ, น อโนตรนฺตสฺส, ตํ โอตริตฺวา ภยํ วิโนเทตฺวา ตตฺถ กิจฺจํ สาเธตพฺพํ, อิตรถา จตฺถสิทฺธิ น โหตีติ อิมมตฺถํ อุปโมปมิตพฺพสรูปวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุทกํ นิสฺสาย อานิสํโส ปิปาสวินยนํ สรีรสุทฺธิ ปริฬาหูปสโม กายอุตุคฺคาหาปนนฺติ เอวมาทิ. สาสนํ นิสฺสาย อานิสํโส ปน สงฺเขปโต วฏฺฏทุกฺขูปสโม, วิตฺถารโต ปน สีลานิสํสาทิวเสน อเนกวิโธ, โส วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๙) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. วุตฺตปฺปกาโร อานิสํโส โหติ ตานิ ภยานิ อภิภุยฺย ปวตฺตสฺสาติ อธิปฺปาโย. อิมานิ อภายิตฺวาติ อิมานิ โกธูปายาสาทิภยานิ ¶ อภิภุยฺย ปวตฺติตฺวา อภายิตฺวา. โกธูปายาสาทโย หิ ภายติ เอตสฺมาติ ภยนฺติ วุตฺตา. เถโรติ มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถโร. กามํ ปหานาภิสมยกาโล เอว สจฺฉิกิริยาภิสมโย, สมฺมาทิฏฺิยา ปน สํกิเลสโวทานธมฺเมสุ กิจฺจํ อสํกิณฺณํ กตฺวา ทสฺเสตุํ สมานกาลิกมฺปิ อสมานกาลิกํ วิย วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาโสตํ ฉินฺทิตฺวา นิพฺพานปารํ ทฏฺุํ น สกฺโกตี’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
จาตุมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. นฬกปานสุตฺตวณฺณนา
๑๖๖. ยตฺถ ¶ ¶ โพธิสตฺตปมุโข วานโร นฬเกน ปานียํ ปิวิ, สา โปกฺขรณี, ตสฺสามนฺโต ภูมิปฺปเทโส, ตตฺถ นิวิฏฺคาโม จ ‘‘นฬกปาน’’นฺเตว ปฺายิตฺถ, อิธ ปน คาโม อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘นฬกปาเนติ เอวํนามเก คาเม’’ติ. อิทานิ ตมตฺถํ อาคมนโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺเพ กิรา’’ติ อารทฺธํ. ปฺวาติ อิติกตฺตพฺพตาย ปฺาย ปฺวา.
ถูลทีฆพหุลภาเวน มหตีหิ ทาิกาหิ สมนฺนาคตตฺตา มหาทาิโก. ‘‘อุทกรกฺขโส อห’’นฺติ วตฺวา วานรานํ กฺจิ อมฺุจิตฺวา ‘‘สพฺเพ ตุมฺเห มม หตฺถคตา’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตุมฺเห ปน สพฺเพ ขาทิสฺสามี’’ติ อาห. ธมิ…เป… ปิวึสูติ โพธิสตฺเตน คหิตนโฬ อนวเสโส อพฺภนฺตเร สพฺพสนฺธีนํ นิพฺพาเธน เอกจฺฉิทฺโท อโหสิ. เนว มํ ตฺวํ วธิสฺสสีติ อุทกรกฺขส ตฺวํ วธิตุกาโมปิ มม ปุริสถาเมน น วธิสฺสสิ.
เอวํ ปน วตฺวา มหาสตฺโต ‘‘อยํ ปาโป เอตฺถ ปานียํ ปิวนฺเต อฺเปิ สตฺเต มา พาธยิตฺถา’’ติ กรุณายมาโน ‘‘เอตฺถ ชายนฺตา นฬา สพฺเพ อปพฺพพนฺธา เอกจฺฉิทฺทาว โหนฺตู’’ติ อธิฏฺาย คโต. เตนาห ‘‘ตโต ปฏฺายา’’ติอาทิ.
๑๖๗. อนุรุทฺธปฺปมุขา ภิกฺขู ภควตา ‘‘กจฺจิ ตุมฺเห อนุรุทฺธา’’ติ ปุจฺฉิตาติ เถโร ‘‘ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต’’ติ อาห.
สเจ ปพฺพชติ, ชีวิตํ ลภิสฺสติ, โน อฺถาติ รฺา ปพฺพชฺชาย อภินีตาติ ราชาภินีตา. โจราภินีตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. โจรานํ มูลํ ฉินฺทนฺโต ‘‘กณฺฏกโสธนํ กริสฺสามี’’ติ. อาชีวิกายาติ อาชีเวน ชีวิตวุตฺติยา. อิเมสุ ปน อนุรุทฺธตฺเถราทีสุ.
วิเวกนฺติ ปุพฺพกาลิกกิริยปฺปธานํ ‘‘อพฺยาปชฺชํ อุเปต’’นฺติอาทีสุ วิยาติ อาห – ‘‘วิวิจฺจา’’ติ, วิวิจฺจิตฺวา วิวิตฺโต หุตฺวา วินา หุตฺวาติ อตฺโถ. ปพฺพชิตกิจฺจนฺติ ปพฺพชิตสฺส สารุปฺปกิจฺจํ. สมณกิจฺจนฺติ สมณภาวกรณกิจฺจํ. ยทคฺเคน หิ ปพฺพชิตกิจฺจํ ¶ กาตุํ น สกฺโกติ ตทคฺเคน สมณภาวกรมฺปิ กิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ. เตนาห ‘‘โส เยวา’’ติอาทิ.
๑๖๘. อปฺปฏิสนฺธิเก ¶ ตาว พฺยากโรนฺโต ปวตฺตีสุ านํ อตีโตติ กตฺวา อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ นาม ตตฺถ ปฏิสนฺธิยา อภาวกิตฺตนโต. มหนฺตตุฏฺิโนติ วิปุลปโมทา.
๑๖๙. อิมสฺสาติ ‘‘อสฺสา’’ติ ปทสฺส อตฺถวจนํ. อิมสฺส ิตสฺส อายสฺมโต สามํ ทิฏฺโ วา โหติ อนุสฺสวสุโต วาติ โยชนา. สมาธิปกฺขิกา ธมฺมา ธมฺมาติ อธิปฺเปตา, สมาธิ ปน เอวํวิหารีติ เอตฺถ วิหารสทฺเทน คหิโต. เอวํวิมุตฺตาติ เอตฺถ ปน วิมุตฺติสทฺเทน ผลวิมุตฺติ คหิตา. จรโตปีติ สมถวิปสฺสนาจาเรน จรโตปิ วิหรนฺตสฺสปิ. อุปาสกอุปาสิกาาเนสุ ลพฺภมานมฺปิ อรหตฺตํ อปฺปกภาวโต ปาฬิยํ อนุทฺธฏนฺติ ทฏฺพฺพํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
นฬกปานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. โคลิยานิสุตฺตวณฺณนา
๑๗๓. ปทสมาจาโรติ ¶ ตํตํปจฺจยเภททสฺสนาย วิคตตฺตา ปกาเรหิ ทลิทฺทสมาจาโร สิถิลสมาจาโรติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ตาทิโส สมาจาโร ถิโร ทฬฺโห นาม น โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทุพฺพลสมาจาโร’’ติ. ‘‘สาขสมาจาโร’’ติ วา ปาโ, ตตฺถ ตตฺถ ลคฺคนฏฺเน สาขาสทิสสีโลติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โอฬาริกาจาโร’’ติ. ปจฺจเยสุ สาเปกฺโขติ ปจฺจเยสุ สาเปกฺขตาย เอว หิสฺส โอฬาริกาจารตา เวทิตพฺพา. ครุนา กิสฺมิฺจิ วุตฺเต คารววเสน ปติสฺสวนํ ปติสฺโส, ปติสฺสวจนภูตํ ตํสภาคฺจ ยํ กิฺจิ คารวนฺติ อตฺโถ. สห ปติสฺเสนาติ สปฺปติสฺเสน, สปฺปติสฺสเวน โอวาทสมฺปฏิจฺฉเนน. ปติสฺสียตีติ วา ปติสฺโส, ครุกาตพฺโพ, เตน สห ปติสฺเสนาติ สพฺพํ ปุพฺเพ วิย. เตนาห ‘‘สเชฏฺเกนา’’ติ. เสริวิหาโร นาม อตฺตปฺปธานวาโส. เตนาห ‘‘นิรงฺกุสวิหาเรนา’’ติ.
อนุปขชฺชาติ อนุปกฑฺฒิตฺวา. ครุฏฺานิยานํ อนฺตรํ อนาปุจฺฉา อนุปวิสิตฺวาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ โย’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อาภิสมาจาริกนฺติ ¶ อภิสมาจาเร ภวํ. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘วตฺตปฏิปตฺติมตฺตมฺปี’’ติ. นาติกาลสฺเสว สงฺฆสฺส ปุรโต ปวิสิตพฺพํ, น ปจฺฉา ปฏิกฺกมิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน อติกาเล จ คามปฺปเวโส อติทิวา ปฏิกฺกมนฺจ นิวาริตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น อติปาโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุทฺธจฺจปกติโกติ วิพฺภนฺตจิตฺโต. อวจาปลฺเยนาติ ทฬฺหวาตาปหตปลฺลวสทิเสน โลลภาเวน.
ปฺวตาติ อิมินา ภิกฺขุสารุปฺเปสุ อิติกตฺตพฺเพสุ อุปายปฺา อธิปฺเปตา, น สุตมยปฺา. อภิธมฺเม อภิวินเย โยโคติ อิมินา ภาวนาปฺาอุตฺตริมนุสฺสธมฺเม โยโค ปกาสิโต. โยโคติ จ ปริจโย อุคฺคณฺหวเสน.
อารุปฺปาติ อิมินา จตสฺโสปิ อรูปสมาปตฺติโย คหิตา, ตา ปน จตูหิ รูปสมาปตฺตีหิ วินา น สมฺปชฺชนฺตีติ อาห – ‘‘อารุปฺปาติ เอตฺตาวตา อฏฺปิ สมาปตฺติโย วุตฺตา โหนฺตี’’ติ. กสิเณติ ทสวิเธ กสิเณ. เอกํ ปริกมฺมกมฺมฏฺานนฺติ ยํ กิฺจิ เอกภาวนา ¶ ปริกมฺมทีปนํ ขนฺธกมฺมฏฺานํ. เตนาห ‘‘ปคุณํ กตฺวา’’ติ. กสิณปริกมฺมํ ปน ตคฺคหเณเนว คหิตํ โหติ, โลกิยา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา เหฏฺา คหิตาติ อาห ‘‘อุตฺตริมนุสฺสธมฺเมติ อิมินา สพฺเพปิ โลกุตฺตรธมฺเม ทสฺเสตี’’ติ. เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสนาติ ชานิตฺวา วิตฺถาเรตฺวา าตพฺพปุคฺคลสฺส วเสนาติ.
โคลิยานิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. กีฏาคิริสุตฺตวณฺณนา
๑๗๔. ปฺจ ¶ อานิสํเสติ อปฺปาพาธตาทิเก ปฺจ คุเณ. ตตฺถ อกฺขิโรคกุจฺฉิโรคาทีนํ อภาโว อปฺปาพาธตา. สรีเร เตสํ กุปฺปนทุกฺขสฺส อภาโว อปฺปาตงฺกํ. สรีรสฺส อุฏฺานสุขตา ลหุฏฺานํ. พลํ นาม กายพลํ. ผาสุวิหาโร อิริยาปถสุขตา. อนุปกฺขนฺทานีติ ทุจฺจชนวเสน สตฺตานํ อนุปวิฏฺานิ. สฺชานิสฺสถาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ตสฺมา อิติ เอวํ อานิสํสนฺติ อตฺโถ.
๑๗๕. อาวาเส นิยุตฺตาติ อาวาสิกา ตสฺส อนติวตฺตนโต. เตนาห ‘‘นิพทฺธวาสิโน’’ติ, นิยตวาสิโนติ อตฺโถ. ตนฺนิพนฺธาติ ¶ นิพนฺธํ วุจฺจติ พฺยาปาโร, ตตฺถ พนฺธา ปสุตา อุสฺสุกาติ ตนฺนิพนฺธา. กถํ เต ตตฺถ นิพนฺธาติ อาห ‘‘อกตํ เสนาสน’’นฺติอาทิ. อุปฺปชฺชนเกน กาเลน ปตฺตพฺพํ กาลิกํ โส ปน กาโล อนาคโต เอว โหตีติ อาห ‘‘อนาคเต กาเล ปตฺตพฺพ’’นฺติ.
๑๗๘. เอตฺตกา เวทนา เสวิตพฺพาติ อฏฺารสปิ เนกฺขมฺมนิสฺสิตา เวทนา เสวิตพฺพา, เคหสฺสิตา น เสวิตฺพฺพา.
๑๘๑. ตํ กตํ โสฬสวิธสฺสปิ กิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา. อนุโลมิกานีติ อุตุสุขภาเวน อนุรูปานิ. เตนาห ‘‘กมฺมฏฺานสปฺปายานี’’ติ. สมานํ กุรุมานาติ โอมตฺตตํ อธิมตฺตตฺจ ปหาย สมกิจฺจตํ สมฺปาเทนฺตา.
๑๘๒. เต ทฺเว โหนฺตีติ เต อาทิโต วุตฺตา ทฺเว.
อุภโต (อ. นิ. ฏี. ๓.๗.๑๔) อุภยถา อุโภหิ ภาเคหิ วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต เอกเทสสรูเปกเสสนเยน. ตถา หิ วุตฺตํ อภิธมฺมฏฺกถายํ (ปุ. ป. อฏฺ. ๒๔) ‘‘ทฺวีหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ. ตตฺถ เกจิ ตาว เถรา – ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ ¶ วทนฺติ. อฺเ เถรา – ‘‘อยํ อุภโตภาควิมุตฺโต รูปโต มุจฺจิตฺวา นามํ นิสฺสาย ิโต ปุน ตโต มุจฺจนโต นามนิสฺสิตโก’’ติ วตฺวา ตสฺส จ สาธกํ –
‘‘อจฺจิ ยถา วาตเวเคน ขิตฺตา, (อุปสิวาติ ภควา,)
อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ;
เอวํ มุนิ นามกายา วิมุตฺโต,
อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๐๘๐; จูฬนิ. อุปสีวมาณวปุจฺฉา ๑๑; อุปสีวมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔๓) –
อิมํ สุตฺตปทํ วตฺวา ‘‘นามกายโต จ รูปกายโต จ สุวิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ วทนฺติ. สุตฺเต หิ อากิฺจฺายตนลาภิโน อุปสิวพฺราหฺมณสฺส ภควตา นามกายา วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโตติ อกฺขาโตติ. อปเร ปน ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน ¶ เอกวารํ วิมุตฺโต, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน เอกวารํ วิมุตฺโตติ เอวํ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ วทนฺติ. เอตฺถ ปมวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต. ทุติยวาเท อุภโตภาคโต วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต. ตติยวาเท ปน ทฺวีหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺโตติ อยเมเตสํ วิเสโส. กิเลเสหิ วิมุตฺโต กิเลสา วา วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉเทหิ กายทฺวยโต วิมุตฺตา อสฺสาติ อยมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตนาห ‘‘ทฺวีหิ ภาเคหี’’ติอาทิ.
โสติ อุภโตภาควิมุตฺโต. กามฺเจตฺถ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานมฺปิ อรูปาวจรชฺฌานํ วิย ทุวงฺคิกํ อาเนฺชปฺปตฺตนฺติ วุจฺจติ. ตํ ปน ปทฏฺานํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต นาม น โหติ รูปกายโต อวิมุตฺตตฺตา. ตฺหิ กิเลสกายโตว วิมุตฺตํ, น รูปกายโต, ตสฺมา ตโต วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต น โหตีติ อาห – ‘‘จตุนฺนํ อรูป…เป… ปฺจวิโธ โหตี’’ติ. ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทิเก นิโรธสมาปตฺติอนฺเต อฏฺ วิโมกฺเข วตฺวา – ‘‘ยโต จ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, อยํ วุจฺจติ, อานนฺท, ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ ยทิปิ มหานิทาเน (ที. นิ. ๒.๑๒๙-๑๓๐) วุตฺตํ, ตํ ปน อุภโตภาควิมุตฺตเสฏฺวเสน วุตฺตนฺติ อิธ สพฺพอุภโตภาควิมุตฺตสงฺคหณตฺถํ ‘‘ปฺจวิโธ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปาฬิ ปเนตฺถ…เป… อภิธมฺเม อฏฺวิโมกฺขลาภิโน วเสน อาคตา’’ติ อาห. อิธาปิ หิ กีฏาคิริสุตฺเต ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล…เป… อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ ¶ อรูปสมาปตฺติวเสน จตฺตาโร อุภโตภาควิมุตฺตา, เสฏฺโ จ วุตฺโต วุตฺตลกฺขณูปปตฺติโต. ยถาวุตฺเตสุ หิ ปฺจสุ ปุริมา จตฺตาโร นิโรธํ น สมาปชฺชนฺตีติ ปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตา นาม. อฏฺสมาปตฺติลาภี อนาคามี ตํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโตติ นิปฺปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตเสฏฺโ นาม.
กตโม จ ปุคฺคโลติอาทีสุ กตโมติ ปุจฺฉาวจนํ, ปุคฺคโลติ อสาธารณโต ปุจฺฉิตพฺพวจนํ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. เอกจฺโจติ เอโก ¶ . อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตีติ อฏฺ สมาปตฺติโย สหชาตนามกาเยน ปฏิลภิตฺวา วิหรติ. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ วิปสฺสนาปฺาย สงฺขารคตํ, มคฺคปฺาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปสฺสิตฺวา จตฺตาโรปิ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ปฺาวิมุตฺโตติ วิเสสโต ปฺาย เอว วิมุตฺโต, น ตสฺสา ปติฏฺานภูเตน อฏฺวิโมกฺขสงฺขาเตน สาติสเยน สมาธินาติ ปฺาวิมุตฺโต. โย อริโย อนธิคตอฏฺวิโมกฺเขน สพฺพโส อาสเวหิ วิมุตฺโต, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. อธิคเตปิ หิ รูปชฺฌานวิโมกฺเข น โส สาติสยสมาธินิสฺสิโตติ น ตสฺส วเสน อุภโตภาควิมุตฺโต โหตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อรูปชฺฌาเนสุ ปน เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุตฺโตเยว นาม โหติ. เตน หิ อฏฺวิโมกฺเขกเทเสน ตํนามทานสมตฺเถน อฏฺวิโมกฺขลาภีตฺเวว วุจฺจติ. สมุทาเย หิ ปวตฺโต โวหาโร อวยเวปิ ทิสฺสติ ยถา ‘‘สตฺติสโย’’ติ. ปาฬีติ อภิธมฺมปาฬิ. เอตฺถาติ เอติสฺสํ ปฺาวิมุตฺติกถายํ. อฏฺวิโมกฺขปฏิกฺเขปวเสเนวาติ อวธารเณน อิธาปิ ปฏิกฺเขปวเสเนว อาคตภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตี’’ติ.
ผุฏฺนฺตํ สจฺฉิกโรตีติ ผุฏฺานํ อนฺโต ผุฏฺนฺโต, ผุฏฺานํ อรูปชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโย. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ, ผุฏฺานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกโรติ สจฺฉิกาตพฺโพปาเยนาติ วุตฺตํ โหติ. ภาวนปุํสกํ วา เอตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒) วิย. โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต นามกาเยกเทสโต จ วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน วิมุตฺโต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมกฺโข อาโลจิโต ปกาสิโต วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโต, นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกจฺเจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน โส สจฺฉิกโต โหติ, ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธํ ยถาอาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิกโรตีติ ‘‘กายสกฺขี’’ติ วุจฺจติ, น ตุ ‘‘วิมุตฺโต’’ติ เอกจฺจานํ อาสวานํ ¶ อปริกฺขีณตฺตา. เตนาห ¶ – ‘‘ฌานผสฺสํ ปมํ ผุสติ, ปจฺฉา นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตี’’ติ. อยํ จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนํ เอเกกโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา กายสกฺขิภาวํ ปตฺตานํ จตุนฺนํ, นิโรธา วุฏฺาย อคฺคมคฺคปฺปตฺตอนาคามิโน จ วเสน อุภโตภาควิมุตฺโต วิย ปฺจวิโธ นาม โหติ. เตน วุตฺตํ อภิธมฺมฏีกายํ ‘‘กายสกฺขิมฺหิปิ เอเสว นโย’’ติ.
ทิฏฺนฺตํ ปตฺโตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคาณสฺส อนนฺตรํ ปตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ทิฏฺตฺตา ปตฺโต’’ติปิ ปาโ. เอเตน จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฏฺิยา นิโรธสฺส ปตฺตตํ ทีเปติ. เตนาห ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา, สุโข นิโรโธติ าตํ โหตี’’ติ. ตตฺถ ปฺายาติ มคฺคปฺาย. ปมผลฏฺโต ยาว อคฺคมคฺคฏฺา, ตาว ทิฏฺิปฺปตฺโต. เตนาห ‘‘โสปิ กายสกฺขิ วิย ฉพฺพิโธ โหตี’’ติ. ยถา ปน ปฺาวิมุตฺโต ปฺจวิโธ วุตฺโต, เอวํ อยมฺปิ สุกฺขวิปสฺสโก, จตูหิ รูปชฺฌาเนหิ วุฏฺาย ทิฏฺิปฺปตฺตภาวปฺปตฺตา จตฺตาโร จาติ ปฺจวิโธ โหตีติ เวทิตพฺโพ. สทฺธาวิมุตฺเตปิ เอเสว นโย. อิทํ ทุกฺขนฺติ เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺขนฺติ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ เปตฺวา ตณฺหํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ ทุกฺขสจฺจนฺติ ยาถาวโต ปชานาติ. ยสฺมา ปน ตณฺหา ทุกฺขํ ชเนติ นิพฺพตฺเตติ, ตโต ตํ ทุกฺขํ สมุเทติ, ตสฺมา นํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ ยสฺมา ปน อิทํ ทุกฺขํ สมุทโย จ นิพฺพานํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ อปฺปวตฺตึ คจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อริโย ปน อฏฺงฺคิโก มคฺโค ตํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ, เตน ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอตฺตาวตา นานกฺขเณ สจฺจววตฺถานํ ทสฺสิตํ. อิทานิ ตํ เอกกฺขเณ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺสตฺโถ อาคมิสฺสติ.
สทฺธาย วิมุตฺโตติ เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺสปิ สทฺธามตฺเตน วิมุตฺตภาโว ทีปิโต โหติ. สทฺธาวิมุตฺโตติ วา สทฺธาย อธิมุตฺโตติ อตฺโถ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘โสตาปตฺติผล’’นฺติอาทินา วุตฺตนเยน. สทฺทหนฺตสฺสาติ ‘‘เอกํสโต อยํ ปฏิปทา กิเลสกฺขยํ อาวหติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภาสิตตฺตา’’ติ เอวํ สทฺทหนฺตสฺส. ยสฺมา ปนสฺส อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ ¶ นิจฺจสฺาปหานวเสน ภาวนาย ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ ปสฺสโต ตตฺถ ตตฺถ ปจฺจกฺขตาปิ อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สทฺทหนฺตสฺส วิยา’’ติ. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. เอตฺถ จ ปุพฺพภาคมคฺคภาวนาติ วจเนน อาคมนียปฏิปทานานตฺเตน สทฺธาวิมุตฺตทิฏฺิปฺปตฺตานํ ปฺานานตฺตํ โหตีติ ทสฺสิตํ. อภิธมฺมฏฺกถายมฺปิ (ปุ. ป. อฏฺ. ๒๘) ‘‘เนสํ กิเลสปฺปหาเน ¶ นานตฺตํ นตฺถิ, ปฺาย นานตฺตํ อตฺถิเยวา’’ติ วตฺวา – ‘‘อาคมนียนานตฺเตเนว สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ สนฺนิฏฺานํ กต’’นฺติ วุตฺตํ.
ปฺาสงฺขาตํ ธมฺมํ อธิมตฺตตาย ปุพฺพงฺคมํ หุตฺวา ปวตฺตํ อนุสฺสรตีติ ธมฺมานุสารี. เตนาห ‘‘ธมฺโม’’ติอาทิ. สทฺธํ อนุสฺสรติ สทฺธาปุพฺพงฺคมํ มคฺคํ ภาเวตีติ อิมมตฺถํ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อติทิสติ. ปฺํ วาเหตีติ ปฺาวาหี, ปฺํ สาติสยํ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวตี’’ติ. สทฺธาวาหินฺติ เอตฺถ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุภโตภาควิมุตฺตาทิกถาติ อุภโตภาควิมุตฺตาทีสุ อาคมนโต ปฏฺาย วตฺตพฺพกถา. เอเตสนฺติ ยถาวุตฺตานํ อุภโตภาควิมุตฺตาทีนํ. อิธาติ อิมสฺมึ กีฏาคิริสุตฺเต. นนุ จ อฏฺสมาปตฺติลาภิวเสน อุภโตภาควิมุตฺโต กายสกฺขีอาทโย จ อภิธมฺเม อาคตา, กถมิธ อรูปชฺฌานลาภีวเสเนว อุทฺธฏาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ.
ผุสิตฺวา ปตฺวา. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ น อาสวา ปฺาย ปสฺสียนฺติ, ทสฺสนการณา ปฺาย ปริกฺขีณา ‘‘ทิสฺวา ปฺาย ปริกฺขีณา’’ติ วุตฺตา. ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตา เอว หิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยา โหตีติ. ตถาคเตน ปเวทิตาติ โพธิมณฺเฑ นิสีทิตฺวา ตถาคเตน ปฏิวิทฺธา วิทิตา ปจฺฉา ปเรสํ ปากฏีกตา. ‘‘จตุสจฺจธมฺมา’’ติ วตฺวา ตทนฺโตคธตฺตา สีลาทีนํ ‘‘อิมสฺมึ าเน สีลํ กถิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อตฺเถนาติ อวิปฺปฏิสาราทิปโยชเนน ตสฺมึ ตสฺมึ ปีติอาทิเกน อตฺเถน. การเณนาติ สปฺปุริสูปนิสฺสยาทินา การเณน ตสฺมึ ตสฺมึ สมาธิอาทิปทฏฺานตาย สีลาทิ ¶ การเณ. จิณฺณจริตตฺตาติ สทฺธาจิณฺณภาเวน สมฺโพธาวหภาเว. ตตฺถ ตตฺถ วิจริตา วิเสเสน จริตา, เตสุ เตน ปฺา สุฏฺุ จราปิตาติ อตฺโถ. ปติฏฺิตา โหติ มคฺเคน อาคตตฺตา. มตฺตาย ปริตฺตปฺปมาเณน. โอโลกนํ ขมนฺติ, ปฺาย คเหตพฺพตํ อุเปนฺติ.
ตโยติ กายสกฺขิทิฏฺิปฺปตฺตสทฺธาวิมุตฺตา. ยถาิโตว ปาฬิอตฺโถ, น ตตฺถ กิฺจิ นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพํ อตฺถีติ สุตฺตนฺตปริยาเยน อวุตฺตํ วทติ. ตสฺส มคฺคสฺสาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส ยํ กาตพฺพํ, ตสฺส อธิคตตฺตา. อุปริ ปน ติณฺณํ มคฺคานํ อตฺถาย เสวมานา อนุโลมเสนาสนํ, ภชมานา กลฺยาณมิตฺเต, สมนฺนานยมานา อินฺทฺริยานิ อนุปุพฺเพน ภาวนามคฺคปฺปฏิปาฏิยา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ มคฺคสฺส อเนกจิตฺตกฺขณิกตายาติ อยเมตฺถ สุตฺตปเทเส ปาฬิยา อตฺโถ.
อิมเมว ¶ ปาฬึ คเหตฺวาติ ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล สทฺธานุสารี’’ติ มคฺคฏฺเ ปุคฺคเล วตฺวา ‘‘อิมสฺส โข อหํ, ภิกฺขเว’’ติอาทินา เตสํ วเสน อนุโลมเสนาสนเสวนาทีนํ วุตฺตตฺตา อิมเมว ยถาวุตฺตํ ปาฬิปเทสํ คเหตฺวา ‘‘โลกุตฺตรธมฺโม พหุจิตฺตกฺขณิโก’’ติ วทติ. โส วตฺตพฺโพติ โส วิตณฺฑวาที เอวํ วตฺตพฺโพ. ยทิ มคฺคฏฺปุคฺคเล วตฺวา อนุโลมิกเสนาสนเสวนาทิ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ มคฺคสมงฺคิโน เอว หุตฺวา เต ตถา ปฏิปชฺชนฺติ, เอวํ สนฺเต เสนาสนปฏิสํยุตฺตรูปาทิวิปสฺสนคฺคหณสฺมึ ตว มเตน มคฺคสมงฺคิโน เอว อาปชฺเชยฺยุํ, น เจตํ เอวํ โหติ, ตสฺมา สุตฺตํ เม ลทฺธนฺติ ยํ กิฺจิ มา กเถหีติ วาเรตพฺโพ. เตนาห ‘‘ยทิ อฺเน จิตฺเตนา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอวํ สนฺเตติ นานาจิตฺเตเนว เสนาสนปฏิเสวนาทิเก สติ. ตตฺถ ปาฬิยํ ยทิ โลกุตฺตรธมฺมสมงฺคิโน เอว ปฺจวิฺาณสมงฺคิกาเลปิ โลกุตฺตรสมงฺคิตํ สเจ สมฺปฏิจฺฉสิ, สตฺถารา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌสิ สุตฺตวิโรธทีปนโต. เตนาห ‘‘สตฺถารา หี’’ติอาทิ. ธมฺมวิจารณา นาม ตุยฺหํ อวิสโย, ตสฺมา ยาคุํ ปิวาหีติ อุยฺโยเชตพฺโพ.
๑๘๓. อาทิเกเนวาติ ปเมเนว. อนุปุพฺพสิกฺขาติ อนุปุพฺเพเนว ปวตฺตสิกฺขาย. เตนาห ‘‘กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจน’’นฺติ. สทฺธา ชาตา เอตสฺสาติ สทฺธาชาโต, อคฺยาหิตาติปกฺเขเปน ชาต-สทฺทสฺส ปจฺฉาวจนํ ¶ . เอวเมตนฺติ อธิมุจฺจนํ โอกปฺปนิยสทฺธา. สนฺติเก นิสีทติ อุปฏฺานวเสน. สาธุกํ กตฺวา ธาเรตีติ ยถาสุตํ ธมฺมํ วาจุคฺคตกรณวเสน ตํ ปคุณํ กตฺวา สารวเสน ธาเรติ. ฉนฺโท ชายตีติ ธมฺเมสุ นิชฺฌานกฺขเมสุ อิเม ธมฺเม ภาวนาปฺาย ปจฺจกฺขโต อุสฺสามีติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺโท ชายติ. อุสฺสหตีติ ฉนฺโท อุปฺปาทมตฺเต อฏฺตฺวา ตโต ภาวนารมฺภวเสน อุสฺสหติ. ตุลยติติ สมฺมสนวเสน สงฺขาเร. ตีรณวิปสฺสนาย ตุลยนฺโตติ ตีรณปริฺาย ชานิตฺวา อุปริ ปหานปริฺาย วเสน ปริตุลยนฺโต ปฏิชานนฺโต. มคฺคปธานํ ปทหตีติ มคฺคลกฺขณํ ปธานิกํ มคฺคํ ปทหติ. เปสิตจิตฺโตติ นิพฺพานํ ปติ เปสิตจิตฺโต. นามกาเยนาติ มคฺคปฺปฏิปาฏิยา ตํตํมคฺคสมฺปยุตฺตนามกาเยน. น ปน กิฺจิ อาหาติ ทูรตาย สมานํ น กิฺจิ วจนํ ภควา อาห เต ทฬฺหตรํ นิคฺคณฺหิตุํ.
๑๘๔. ปเณน โวหาเรน พฺยากรณํ ปณวิยา, ปณวิยา อภาเวน โอปณวิยา, น อุเปตีติ น ยุชฺชติ. ตนฺติ อิทํ อิธ อธิปฺเปตํ ปโณ ปณวิยํ ทสฺเสตุํ. ตยิทํ สพฺพํ ภควา ‘‘มยํ โข, อาวุโส, สายฺเจว ภฺุชามา’’ติ อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ วุตฺตํ สิกฺขาย อวตฺตนภาวทีปนวจนํ สนฺธาย วทติ.
อุกฺขิปิตฺวาติ ¶ สีเสน คเหตฺวา วิย สมาทาย. อนุธมฺโมติ อนุรูโป สภาโว, สาวกภาวสฺส อนุจฺฉวิกา ปฏิปตฺติ. โรหนียนฺติ วิรุฬฺหิภาวํ. สินิยฺหติ เอตฺถ, เอเตน วาติ สิเนโห, การณํ. ตํ เอตฺถ อตฺถีติ สิเนหวนฺตํ, ปาทกนฺติ อตฺโถ. ตโจ เอกํ องฺคนฺติ ตโจ วีรปกฺขภาเว เอกมงฺคํ. ปธานํ อนุยฺุชนฺตสฺส หิ ตเจ ปลุชฺชมาเนปิ ตํนิมิตฺตํ อโวสานํ อนาปชฺชนกสฺเสว วีริยสฺส เอกํ องฺคํ เอกํ การณํ. เอวํ เสเสสุ วตฺตพฺพํ. เตนาห – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา น วุฏฺหิสฺสามีติ เอวํ ปฏิปชฺชตี’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
กีฏาคิริสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ ภิกฺขุวคฺควณฺณนา.
๓. ปริพฺพาชกวคฺโค
๑. เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตวณฺณนา
๑๘๕. ตตฺถาติ ¶ ¶ เอกปุณฺฑรีกสฺิเต ปริพฺพาชการาเม. อนาคตปุพฺโพ โลกิยสมุทาหารวเสน ‘‘จิรสฺสํ โข, ภนฺเต’’ติอาทินา วุจฺจติ, อยํ ปเนตฺถ อาคตปุพฺพตํ อุปาทาย ตถา วุตฺโต. ภควา หิ เกสฺจิ วิมุตฺติชนนตฺถํ, เกสฺจิ อินฺทฺริยปริปากตฺถํ, เกสฺจิ วิเสสาธิคมตฺถํ กทาจิ ติตฺถิยารามํ อุปคจฺฉติ. อนนฺุาย ตฺวาติ อนนุชานิตพฺเพ ตฺวา. อนุชานิตพฺพํ สิยา อนฺาตสฺส เยฺยสฺส อภาวโต. ยาวตกฺหิ เยฺยํ, ตาวตกํ ภควโต าณํ, ยาวตกฺจ ภควโต าณํ ตาวตกํ เยฺยํ. เตเนวาห – ‘‘น ตสฺส อทิฏฺมิธตฺถิ กิฺจิ, อโถ อวิฺาตมชานิตพฺพ’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒; ปฏิ. ม. ๑.๑๒๑). สพฺพฺุตฺาเณน หิ ภควา อาวชฺเชตฺวา ปชานาติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อาวชฺชนปฏิพทฺธํ พุทฺธสฺส ภควโต าณ’’นฺติ (มิ. ป. ๔.๑.๒). ยทิ เอวํ ‘‘จรํ สมาหิโต นาโค, ติฏฺํ นาโค สมาหิโต’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๓) อิทํ สุตฺตปทํ กถนฺติ? วิกฺเขปาภาวทีปนปทเมตํ, น อนาวชฺชเนนปิ าณานํ ปวตฺติปริทีปนํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วิตฺถารโต วุตฺตเมว.
๑๘๖. ยาวเทวาติ อิทํ ยถารุจิ ปวตฺติ วิย อปราปรุปฺปตฺติปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ตทภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘สกึ ขีณานํ อาสวานํ ปุน เขเปตพฺพาภาวา’’ติ. ปจฺจุปฺปนฺนชานนคุณนฺติ อิทํ ทิพฺพจกฺขุาณสฺส ปริภณฺฑาณํ อนาคตํสาณํ อนาทิยิตฺวา วุตฺตํ, ตสฺส ปน วเสน อนาคตํสาณคุณํ ทสฺเสตีติ วตฺตพฺพํ สิยา.
คิหิปริกฺขาเรสูติ วตฺถาภรณาทิธนธฺาทิคิหิปริกฺขาเรสุ. คิหิลิงฺคํ ปน อปฺปมาณํ, ตสฺมา คิหิพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกรา โหนฺติเยว. สติ ปน ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย คิหิลิงฺเค เต น ติฏฺนฺติเยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เยปี’’ติอาทิมาห. สุกฺขาเปตฺวา สมุจฺฉินฺทิตฺวา. อรหตฺตํ ¶ ปตฺตทิวเสเยว ปพฺพชนํ วา ปรินิพฺพานํ วาติ อยํ นโย น สพฺพสาธารโณติ อาห ‘‘ภูมเทวตา ปน ติฏฺนฺตี’’ติ. ตตฺถ การณวจนํ ¶ ‘‘นิลียโนกาสสฺส อตฺถิตายา’’ติ. อรฺปพฺพตาทิปวิเวกฏฺานํ นิลียโนกาโส. เสสกามภเวติ กามโลเก. ลฬิตชนสฺสาติ อาภรณาลงฺการนจฺจคีตาทิวเสน วิลาสยุตฺตชนสฺส.
โสปีติ ‘‘โส อฺตฺร เอเกนา’’ติ วุตฺโต โสปิ. กรโต น กรียติ ปาปนฺติ เอวํ น กิริยํ ปฏิพาหติ. ยทิ อตฺตานํเยว คเหตฺวา กเถติ, อถ กสฺมา มหาสตฺโต ตทา อาชีวกปพฺพชฺชํ อุปคจฺฉีติ อาห ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ. ตสฺสปีติ น เกวลํ อฺเสํ เอว ปาสณฺฑานํ, ตสฺสปิ. วีริยํ น หาเปสีติ ตโปชิคุจฺฉวาทํ สมาทิยิตฺวา ิโต วิราคตฺถาย ตํ สมาทิณฺณวตฺตํ น ปริจฺจชิ, สตฺถุสาสนํ น ฉฑฺเฑสิ. เตนาห – ‘‘กิริยวาที หุตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตตี’’ติ.
เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. อคฺคิวจฺฉสุตฺตวณฺณนา
๑๘๗. โลกสฺส ¶ สสฺสตตาปวตฺติปฏิกฺเขปวเสน ปวตฺโต วาโท อุจฺเฉทวาโท เอว โหตีติ สสฺสตคฺคาหาภาเว อุจฺเฉทคฺคาหภาวโต ปุน ปริพฺพาชเกน ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ วทนฺเตน อุจฺเฉทคฺคาโห ปุจฺฉิโต, ภควตาปิ โส เอว ปฏิกฺขิตฺโตติ อาห ‘‘ทุติเย นาหํ อุจฺเฉททิฏฺิโก’’ติ. อนฺตานนฺติกาทิวเสนาติ เอตฺถ อนฺตานนฺติกคฺคหเณน อนฺตวา โลโก อนนฺตวา โลโกติ อิมํ วาททฺวยมาห. อาทิ-สทฺเทน ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติอาทิวาทจตุกฺกํ สงฺคณฺหาติ, อิตรํ ปน ทฺวยํ สรูเปเนว คหิตนฺติ. ปฏิกฺเขโป เวทิตพฺโพติ ‘‘ตติเย นาหํ อนฺตวาทิฏฺิโก, จตุตฺเถ นาหํ อนนฺตวาทิฏฺิโก’’ติ เอวมาทินา ปฏิกฺเขโป เวทิตพฺโพ. ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ อยมฺปิ สสฺสตวาโท, โส จ โข อปรนฺตกปฺปิกวเสน, ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ ปน ปุพฺพนฺตกปฺปิกวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส. ‘‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ อยมฺปิ อุจฺเฉทวาโท, โส จ โข สตฺตวเสน, ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ ปน สตฺตสงฺขารวเสนาติ วทนฺติ.
๑๘๙. สปฺปติภยํ ¶ อุปฺปชฺชนโต สห ทุกฺเขนาติ สทุกฺขํ. เตนาห ‘‘กิเลสทุกฺเขนา’’ติอาทิ. เตสํเยวาติ กิเลสทุกฺขวิปากทุกฺขานํเยว. สอุปฆาตกนฺติ สพาธํ. สอุปายาสนฺติ สปริสฺสมํ สอุปตาปํ สปีฬํ. สปริฬาหนฺติ สทรถํ.
กิฺจิ ทิฏฺิคตนฺติ อิมา ตาว อฏฺ ทิฏฺิโย มา โหนฺตุ, อตฺถิ ปน, โภ โคตม, ยํ กิฺจิ ทิฏฺิคตํ คหิตํ. น หิ ตาย ทิฏฺิยา วินา กฺจิ สมยํ ปวตฺเตตุํ ยุชฺชตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ. อปวิทฺธนฺติ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ฉฑฺฑิตํ. ปฺาย ทิฏฺนฺติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ภควตา ปฏิวิทฺธํ. ยตฺถ อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ สตฺตํ มเถนฺติ สมฺมทฺทนฺตีติ มถิตาติ อาห ‘‘มถิตานนฺติ เตสํเยว เววจน’’นฺติ. กฺจิ ธมฺมนฺติ รูปธมฺมํ อรูปธมฺมํ วา. อนุปาทิยิตฺวาติ อคฺคเหตฺวา.
๑๙๐. น อุเปตีติ สงฺขํ น คจฺฉตีติ อตฺโถติ อาห ‘‘น ยุชฺชตี’’ติ. อนุชานิตพฺพํ สิยา อนุปาทาวิมุตฺตสฺส กฺจิปิ อุปฺปตฺติยา อภาวโต. ‘‘เอวํ วิมุตฺตจิตฺโต น อุปปชฺชตี’’ติ กามฺเจตํ สภาวปเวทนํ ปรินิพฺพานํ, เอเก ปน อุจฺเฉทวาทิโน ‘‘มยมฺปิ ‘สตฺโต อายตึ น อุปปชฺชตี’ติ วทาม, สมโณ โคตโมปิ ตถา วทตี’’ติ อุจฺเฉทภาเวเยว ปติฏฺหิสฺสนฺติ, ตสฺมา ภควา ¶ ‘‘น อุปปชฺชตีติ โข วจฺฉ น อุเปตี’’ติ อาห. ‘‘อุปปชฺชตี’’ติ ปน วุตฺเต สสฺสตเมว คณฺเหยฺยาติ โยชนา. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. อปฺปติฏฺโติ อุจฺเฉทวาทาทิวเสน ปติฏฺารหิโต. อนาลมฺโพติ เตสํเยว วาทานํ โอลมฺพารมฺมณสฺส อภาเวน อนาลมฺโพ. สุขปเวสนฏฺานนฺติ เตสฺเว วาทานํ สุขปเวสโนกาสํ มา ลภตูติ. อนนฺุาย ตฺวาติ ‘‘น อุปปชฺชตี’’ติอาทินา อนุชานิตพฺพาย ปฏิฺาย านเหตุ. อนฺุมฺปีติ อนุชานิตพฺพมฺปิ ทุติยปฺหํ ปฏิกฺขิปิ. ปริยตฺโต ปน ธมฺโม อตฺถโต ปจฺจยากาโร เอวาติ อาห ‘‘ธมฺโมติ ปจฺจยาการธมฺโม’’ติ. อฺตฺถ ปโยเคนาติ อิมมฺหา นิยฺยานิกสาสนา อฺสฺมึ มิจฺฉาสมเย ปวตฺตปฺปโยเคน, อนิยฺยานิกํ วิวิธํ มิจฺฉาปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชนฺเตนาติ อตฺโถ. ‘‘อฺวาทิยเกนา’’ติปิ ปาโ, ปจฺจยาการโต อฺาการทีปกอาจริยวาทํ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺเตนาติ อตฺโถ.
๑๙๑. อปฺปจฺจโยติ ¶ อนุปาทาโน, นิรินฺธโนติ อตฺโถ.
๑๙๒. เยน รูเปนาติ เยน ภูตุปาทาทิเภเทน รูปธมฺเมน. ตํ รูปํ ตปฺปฏิพทฺธสํโยชนปฺปหาเนน ขีณาสว-ตถาคตสฺส ปหีนํ อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปนฺนํ. เตน วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘อนุปฺปาทธมฺม’’นฺติอาทิ. อฺเสํ ชานนาย อภาวคุณตาย คุณคมฺภีโร. ‘‘เอตฺตกา คุณา’’ติ ปมาณํ คณฺหิตุํ น สกฺกุเณยฺโย. ‘‘อีทิสา เอตสฺส คุณา’’ติ ปริโยคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุปฺปริโยคาฬฺโหติ. ทุชฺชาโนติ อคาธตาย คมฺภีโร ‘‘เอตฺตกานิ อุทกฬฺหกสตานี’’ติอาทินา ปเมตุํ น สกฺกาติ อปฺปเมยฺโย, ตโต เอว ทุชฺชาโน. เอวเมวานฺติ ยถา มหาสมุทฺโท คมฺภีโร อปฺปเมยฺโย ทุชฺชาโน, เอวเมว ขีณาสโวปิ คุณวเสน, ตสฺมา อยํ รูปาทึ คเหตฺวา รูปีติอาทิโวหาโร ภเวยฺย, ปรินิพฺพุตสฺส ปน ตทภาวา ตถา ปฺาเปตุํ น สกฺกา, ตโต ตํ อารพฺภ อุปปชฺชตีติอาทิ น ยุชฺเชยฺย. ยถา ปน วิชฺชมาโน เอว ชาตเวโท พฺยตฺเตน ปุริเสน นียมาโน ปุรตฺถิมาทิทิสํ คโตติ วุจฺเจยฺย, น นิพฺพุโต, เอวํ ขีณาสโวปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมวา’’ติอาทิมาห.
อนิจฺจตาติ เอตฺถ อนิจฺจตาคหณํ อสารนิทสฺสนํ. เตน ยถา โส สาลรุกฺโข สาขาปลาสาทิอสาราปคเมน สุทฺโธ สาเร ปติฏฺิโต, เอวมยํ ธมฺมวินโย สาสวสงฺขาตอสารวิคเมน โลกุตฺตรธมฺมสาเร ปติฏฺิโตติ ทสฺเสติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อคฺคิวจฺฉสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. มหาวจฺฉสุตฺตวณฺณนา
๑๙๓. สห ¶ กถา เอตสฺส อตฺถีติ สหกถี, ‘‘มยํ ปุจฺฉาวเสน ตุมฺเห วิสฺสชฺชนวเสนา’’ติ เอวํ สหปวตฺตกโถติ อตฺโถ. เอตสฺเสว กถิตานิ, ตตฺถ ปเม วิชฺชาตฺตยํ เทสิตํ, ทุติเย อคฺคินา ทสฺสิตนฺติ เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตํ อคฺคิวจฺฉสุตฺตนฺติ นามํ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. สีฆํ ลทฺธึ น วิสฺสชฺเชนฺติ, ยสฺมา สงฺขารานํ นิยโตยํ วินาโส อนฺสมุปฺปาโท, เหตุสมุปฺปนฺนาปิ น จิเรน นิชฺฌานํ ขมนฺติ, น ลหุํ. เตนาห ‘‘วสาเตล ¶ …เป… สุชฺฌนฺตี’’ติ. ปจฺฉิมคมนํ าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา. ยฏฺึ อาลมฺพิตฺวา อุทกํ ตริตุํ โอตรนฺโต ปุริโส ‘‘ยฏฺึ โอตริตฺวา อุทเก ปตมาโน’’ติ วุตฺโต. กมฺมปถวเสน วิตฺถารเทสนนฺติ สํขิตฺตเทสนํ อุปาทาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘มูลวเสน เจตฺถา’’ติอาทิ. วิตฺถารสทิสาติ กมฺมปถวเสน อิธ เทสิตเทสนาว มูลวเสน เทสิตเทสนํ อุปาทาย วิตฺถารสทิสา. วิตฺถารเทสนา นาม นตฺถีติ น เกวลํ อยเมว, อถ โข สพฺพาปิ พุทฺธานํ นิปฺปริยาเยน อุชุเกน นิรวเสสโต วิตฺถารเทสนา นาม นตฺถิ เทสนาาณสฺส มหาวิสยตาย กรณสมฺปตฺติยา จ ตชฺชาย มหานุภาวตฺตา สพฺพฺุตฺาณสฺส. สพฺพฺุตฺาณสมงฺคิตาย หิ อวเสสปฏิสมฺภิทานุภาวิตาย อปริมิตกาลสมฺภตาณสมฺภารสมุทาคตาย กทาจิปิ ปริกฺขยานรหาย อนฺสาธารณาย ปฏิภานปฏิสมฺภิทาย ปหูตชิวฺหาทิตทนุรูปรูปกายสมฺปตฺติสมฺปทาย วิตฺถาริยมานา ภควโต เทสนา กถํ ปริมิตา ปริจฺฉินฺนา ภเวยฺย, มหาการุณิกตาย ปน ภควา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ตตฺถ ตตฺถ ปริมิตํ ปริจฺฉินฺนํ กตฺวา นิฏฺเปติ. อยฺจ อตฺโถ มหาสีหนาทสุตฺเตน (ม. นิ. ๑.๑๔๖ อาทโย) ทีเปตพฺโพ. สพฺพํ สํขิตฺตเมว อตฺตชฺฌาสยวเสน อกเถตฺวา โพธเนยฺยปุคฺคลชฺฌาสยวเสน เทสนาย นิฏฺาปิตตฺตา. น เจตฺถ ธมฺมสาสนวิโรโธ ปริยายํ อนิสฺสาย ยถาธมฺมํ ธมฺมานํ โพธิตตฺตา สพฺพลหุตฺตา จาติ.
๑๙๔. สตฺต ธมฺมา กามาวจรา สมฺปตฺตสมาทานวิรตีนํ อิธาธิปฺเปตตฺตา.
อนิยเมตฺวาติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สาวโก’’ติ วา นิยมํ วิเสเสน อกตฺวา. อตฺตานเมว…เป… เวทิตพฺพํ, ตถา หิ ปริพฺพาชโก ‘‘ติฏฺตุ ภวํ โคตโม’’ติ อาห.
๑๙๕. สตฺถาว ¶ อรหา โหติ ปฏิปตฺติยา ปาริปูริภาวโต. ตสฺมึ พฺยากเตติ ตสฺมึ ‘‘เอกภิกฺขุปิ สาวโก’’ติอาทินา สุฏฺุ ปฺเห กถิเต.
๑๙๖. สมฺปาทโกติ ปฏิปตฺติสมฺปาทโก.
๑๙๗. เสขาย ¶ วิชฺชายาติ เสขลกฺขณปฺปตฺตาย มคฺคปฺาย สาติสยํ กตฺวา กรณวเสน วุตฺตา, ผลปฺา ปน ตาย ปตฺตพฺพตฺตา กมฺมภาเวน วุตฺตา. เตนาห ‘‘เหฏฺิมผลตฺตยํ ปตฺตพฺพ’’นฺติ. อิมํ ปเนตฺถ อวิปรีตมตฺถํ ปาฬิโต เอว วิฺายมานํ อปฺปฏิวิชฺฌนโต วิตณฺฑวาที ‘‘ยาวตกํ เสเขน ปตฺตพฺพํ, อนุปฺปตฺตํ ตํ มยา’’ติ วจนเลสํ คเหตฺวา ‘‘อรหตฺตมคฺโคปิ อเนน ปตฺโตเยวา’’ติ วทติ. เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานาย คาถาย.
กิเลสานิ ปหาย ปฺจาติ ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนสงฺขาเต สํกิเลเส ปหาย ปชหิตฺวา, ปหานเหตุ วา. ปริปุณฺณเสโขติ สพฺพโส วฑฺฒิตเสขธมฺโม. อปริหานธมฺโมติ อปริหานสภาโว. น หิ ยสฺส ผาติคเตหิ สีลาทิธมฺเมหิ ปริหานิ อตฺถิ, สมาธิมฺหิ ปริปูรการิตาย เจโตวสิปฺปตฺโต. เตนาห ‘‘สมาหิตินฺทฺริโย’’ติ. อปริหานธมฺมตฺตาว ิตตฺโต.
อนาคามินา หิ อเสขภาวาวหา ธมฺมา ปริปูเรตพฺพา, น เสขภาวาวหาติ โส เอกนฺตปริปุณฺเณ เสโข วุตฺโต. เอตํ น พุทฺธวจนนฺติ ‘‘มคฺโค พหุจิตฺตกฺขณิโก’’ติ เอตํ วจนํ น พุทฺธวจนํ อนนฺตเรกนฺตวิปากทานโต, พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตเน ปโยชนาภาวโต จ โลกุตฺตรกุสลสฺส, ‘‘สมาธิมานนฺตริกฺมาหุ (ขุ. ปา. ๖.๕; สุ. นิ. ๒๒๘), น ปารํ ทิคุณํ ยนฺตี’’ติ (สุ. นิ. ๗๑๙) เอวมาทีนิ สุตฺตปทานิ เอตสฺสตฺถสาธกานิ. โอรมฺภาคิยสํโยชนปฺปหาเนน เสกฺขธมฺมปริปูริภาวสฺส วุตฺตตาย อตฺโถ ตว วจเนน วิรุชฺฌตีติ. อสฺส อายสฺมโต วจฺฉสฺส.
๑๙๘. อภิฺา วา การณนฺติ ยฺหิ ตํ ตตฺร ตตฺร สกฺขิภพฺพตาสงฺขาตํ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ, ตสฺส อภิฺา การณํ. อถ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ อภิฺา, เอวํ สติ อภิฺาปาทกชฺฌานํ การณํ. อวสาเน ฉฏฺาภิฺาย ปน อรหตฺตํ. เอตฺถ จ ยสฺมา ปมสุตฺเต อาสวกฺขโย อธิปฺเปโต, อาสวา ขีณา เอว, น ปุน เขเปตพฺพา, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘ยาวเทวา’’ติ น วุตฺตํ. อิธ ผลสมาปตฺติ อธิปฺเปตา, สา จ ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชียติ, ตสฺมา ‘‘ยาวเทวา’’ติ วุตฺตํ. ตโต เอว หิ ‘‘อรหตฺตํ วา การณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺหิ ‘‘กุทาสฺสุ ¶ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ, ¶ ยทริยา เอตรหิ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕; ๓.๓๐๗) อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺเปตฺวา อภิฺา นิพฺพตฺเตนฺตสฺส การณํ, ตยิทํ สพฺพสาธารณํ น โหตีติ สาธารณวเสน นํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา วา’’ติ อาห.
๒๐๐. ปริจรนฺติ นาม วิปฺปกตพฺรหฺมจริยวาสตฺตา. ปริจิณฺโณ โหติ สาวเกน นาม สตฺถุ ธมฺเม กตฺตพฺพา ปริจริยา สมฺมเทว นิฏฺาปิตตฺตา. เตนาห ‘‘อิติ…เป… เถโร เอวมาหา’’ติ. เตสํ คุณานนฺติ เตสํ อเสกฺขคุณานํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาวจฺฉสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. ทีฆนขสุตฺตวณฺณนา
๒๐๑. ขนนํ ¶ ขตํ, สูกรสฺส ขตํ เอตฺถ อตฺถีติ สูกรขตา, สูกรสฺส วา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ปมํ ขตํ อุปาทาย สูกรขตา, ตาย. เอวํนามเกติ เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามเก. ปํสุโธเตติ โธตปํสุเก. โอตริตฺวา อภิรุหิตพฺพนฺติ ปกติภูมิโต อเนเกหิ โสปานผลเกหิ โอตริตฺวา ปุน เลณทฺวารํ กติปเยหิ อภิรุหิตพฺพํ.
ิตโกวาติ มาตุลสฺส ิตตฺตา ตตฺถ สคารวสปติสฺสวเสน ิตโกว. กิฺจาปิ สพฺพ-สทฺโท อวิเสสโต อนวเสสปริยาทายโก, วตฺถุอธิปฺปายานุโรธี ปน สทฺทปฺปโยโคติ ตมตฺถํ สนฺธาย ปริพฺพาชโก ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ อาห. ยา โลเก มนุสฺสอุปปตฺติโยติอาทิกา อุปปตฺติโย, ตา อนตฺถสมุทาคตา ตตฺถ ตตฺเถว สตฺตานํ อุจฺฉิชฺชนโต, ตสฺมา สมยวาทีหิ วุจฺจมานา สพฺพา อายตึ อุปฺปชฺชนอุปปตฺติ น โหติ. ชลพุพฺพุฬกา วิย หิ อิเม สตฺตา ตตฺถ ตตฺถ สมเย อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนฺติ, เตสํ ตตฺถ ปฏิสนฺธิ นตฺถีติ อสฺส อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ปฏิสนฺธิโย’’ติอาทิ. อสฺส อธิปฺปายํ มฺุจิตฺวาติ เยนาธิปฺปาเยน ปริพฺพาชโก ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ อาห, ตํ ตสฺส อธิปฺปายํ ชานนฺโตปิ อชานนฺโต วิย หุตฺวา ตสฺส อกฺขเร ตาว โทสํ ทสฺเสนฺโตติ ¶ ปเทสสพฺพํ สนฺธาย เตน วุตฺตํ, สพฺพสพฺพวิสยํ กตฺวา ตตฺถ โทสํ คณฺหนฺโต. ยถา โลเก เกนจิ ‘‘สพฺพํ วุตฺตํ, ตํ มุสา’’ติ วุตฺเต ตสฺส วจนสฺส สพฺพนฺโตคธตฺตา มุสาภาโว อาปชฺเชยฺย, เอวํ อิมสฺสปิ ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ วทโต ตถา ปวตฺตา ทิฏฺิปิ นกฺขมตีติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘เอสาปิ เต ทิฏฺิ นกฺขมตี’’ติ. ยถา ปน เกนจิ ‘‘สพฺพํ วุตฺตํ มุสา’’ติ วุตฺเต อธิปฺปายานุโรธินี สทฺทปฺปวตฺติ, ตสฺส วจนํ มฺุจิตฺวา ตทฺเสเมว มุสาภาโว ายาคโต, เอวมิธาปิ ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ วจนโต ยสฺสา ทิฏฺิยา วเสน ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ เตน วุตฺตํ, ตํ ทิฏฺึ มฺุจิตฺวา ตทฺเมว ยถาธิปฺเปตํ สพฺพํ นกฺขมตีติ อยมตฺโถ ายาคโต, ภควา ปน วาทีวโร สุขุมาย อาณิยา ถูลํ อาณึ นีหรนฺโต วิย อุปาเยน ตสฺส ทิฏฺิคตํ นีหริตุํ ตสฺส อธิปฺปาเยน อวตฺวา สทฺทวเสน ตาว ลพฺภมานํ โทสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาปิ โข เต’’ติอาทิมาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘อสฺส อธิปฺปายํ มฺุจิตฺวา อกฺขเร ตาว โทสํ ทสฺเสนฺโต’’ติ.
ปริพฺพาชโก ¶ ปน ยํ สนฺธาย ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ มยา วุตฺตํ, ‘‘อยํ โส’’ติ ยถาวุตฺตโทสปริหรณตฺถํ ตสฺมึ อตฺเถ วุจฺจมาเน เอส โทโส สพฺโพ น โหติ, เอวมฺปิ สมโณ โคตโม มม วาเท โทสเมว อาโรเปยฺยาติ อตฺตโน อชฺฌาสยํ นิคุหิตฺวา ยถาวุตฺตโทสํ ปริหริตุกาโม ‘‘เอสา เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตมฺปสฺส ตาทิสเมวาติ ยํ ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ คหิตํ วตฺถุ, ตมฺปิ ตาทิสเมว ภเวยฺยาติ. อยฺจ สพฺพนฺโตคธทิฏฺิ มยฺหมฺปิ ทิฏฺิวตฺถุ, ตํ เม ขเมยฺยวาติ. ยสฺมา ปน ‘‘เอสาปิ ทิฏฺิ ตุยฺหํ นกฺขมตี’’ติ ยาปิ ทิฏฺิ วุตฺตา ภวตา โคตเมน, สาปิ มยฺหํ นกฺขมติ, ตสฺมา สพฺพํ เม นกฺขมเตวาติ ปริพฺพาชกสฺส อธิปฺปาโย. เตนาห – ‘‘ตํ ปริหรามีติ สฺาย วทตี’’ติ. ตถา จ วกฺขติ ‘‘ตสฺมาปิ อุจฺเฉททิฏฺิ มยฺหํ นกฺขมตี’’ติ. ‘‘เอสา เม ทิฏฺี’’ติ ยา ิติภูตา ทิฏฺิ, ตาย ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ ปเนตฺถ สพฺพคฺคหเณน คหิตตฺตา อาห – ‘‘อตฺถโต ปนสฺส เอสา ทิฏฺิ น เม ขมตีติ อาปชฺชตี’’ติ. อยํ โทโสติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยสฺส ปนา’’ติอาทิ. เอสาติ ทิฏฺิ. รุจิตนฺติ ทิฏฺิทสฺสเนน อภินิวิสิตฺวา โรเจตฺวา คหิตํ. เตน หิ ทิฏฺิอกฺขเมน อรุจิเตน ภวิตพฺพนฺติ สติ ทิฏฺิยา อกฺขมภาเว ตโต ตาย คหิตาย ขเมยฺย รุจฺเจยฺย ยถา, เอวํ สพฺพสฺส อกฺขมภาเวติ ¶ อปรภาเค สพฺพํ ขมติ รุจฺจตีติ อาปชฺชติ. น ปเนส ตํ สมฺปฏิจฺฉตีติ เอส ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ เอวํ วทนฺโต อุจฺเฉทวาที ตํ วุตฺตนเยน สพฺพสฺส ขมนํ รุจฺจนํ น สมฺปฏิจฺฉติ. าเยน วุตฺตมตฺถํ กถํ น สมฺปฏิจฺฉตีติ อาห ‘‘เกวลํ ตสฺสาปิ อุจฺเฉททิฏฺิยา อุจฺเฉทเมว คณฺหาตี’’ติ. สพฺเพสฺหิ ธมฺมานํ อายตึ อุปฺปาทํ อรุจฺจิตฺวา ตํ สนฺธาย อยํ ‘‘สพฺพํ เม นกฺขมตี’’ติ วทติ, อุจฺเฉททิฏฺิเกสุ จ อุจฺฉินฺเนสุ กุโต อุจฺเฉททิฏฺิสภาโวติ.
เตนาติ เตน การเณน, ยสฺมา อิเธกจฺเจ สตฺตา อีทิสํ ทิฏฺึ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. ปชหนเกน วา จิตฺเตน เอกชฺฌํ คเหตฺวา ปชหนเกหิ อปฺปชหนเก นิทฺธาเรตุํ ภควา ‘‘อโต…เป… พหุตรา’’ติ อโวจาติ อาห – ‘‘ปชหนเกสุ นิสฺสกฺก’’นฺติ ยถา ‘‘ปฺจสีเลหิ ปภาวนา ปฺวนฺตตรา’’ติ. ‘‘พหู’’ติ วตฺวา น เกวลํ พหู, อถ โข อติวิย พหูติ ทสฺเสนฺโต ‘‘พหุตรา’’ติ อาห. ‘‘พหู หี’’ติ นยิทํ นิสฺสกฺกวจนํ, อถ โข ปจฺจตฺตวจนํ. กถํ หิ-สทฺโทติ อาห ‘‘หิ-กาโร นิปาตมตฺต’’นฺติ. อนิสฺสกฺกวจนํ ตาว ตสฺส ปชหนกานํ พหุภาวโต เตปิ ปรโต ‘‘พหุตรา’’ติ วุจฺจียนฺติ. มูลทสฺสนนฺติ เย ตาทิสํ ทสฺสนํ ปมํ อุปาทิยนฺติ, ตชฺชาติกเมว ปจฺฉา คหิตทสฺสนํ. วิชาติยฺหิ ปมํ คหิตทสฺสนํ อปฺปหาย วิชาติยสฺส คหณํ น สมฺภวติ วิรุทฺธสฺส อภินิเวสสฺส สห อนวฏฺานโต ¶ . อวิรุทฺธํ ปน มูลทสฺสนํ อวิสฺสชฺชิตฺวา วิสยาทิเภทภินฺนํ อปรทสฺสนํ คเหตุํ ลพฺภติ. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ.
ตตฺถ กิฺจาปิ เอกจฺจสสฺสตวาโท สสฺสตุจฺเฉทาภินิเวสานํ วเสน ยถากฺกมํ สสฺสตุจฺเฉทคฺคาหนชาติโก, อุจฺเฉทคฺคาเหน ปน สสฺสตาภินิเวสสฺส ตํคาเหน จ อสสฺสตาภินิเวสสฺส วิรุชฺฌนโต อุภยตฺถปิ ‘‘เอกจฺจสสฺสตํ วา คเหตุํ น สกฺกา’’ติ วุตฺตํ, ตถา ‘‘สสฺสตํ วา อุจฺเฉทํ วา น สกฺกา คเหตุ’’นฺติ จ. มูลสสฺสตฺหิ ปมํ คหิตํ. อายตเนสุปิ โยเชตพฺพนฺติ ปมํ จกฺขายตนํ สสฺสตนฺติ คเหตฺวา อปรภาเค น เกวลํ จกฺขายตนเมว สสฺสตํ, โสตายตนมฺปิ สสฺสตํ, ฆานายตนาทิปิ สสฺสตนฺติ คณฺหาตีติอาทินา โยเชตพฺพํ. อายตเนสุปีติ ปิ-สทฺเทน ธาตูนํ อินฺทฺริยานมฺปิ คาโห ทฏฺพฺโพ. อิทํ สนฺธายาติ ¶ ‘‘มูเล สสฺสต’’นฺติอาทินา วุตฺตปมคฺคาหสฺส สมานชาติยํ อปรคฺคาหํ สนฺธาย.
ทุติยวาเร ปมวาเร วุตฺตสทิสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อาทีนวํ ทิสฺวาติ ‘‘ยทิ รูปํ สสฺสตํ สิยา, นยิทํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺย. ยสฺมา จ โข อิทํ รูปํ อสสฺสตํ, ตสฺมา อภิณฺหปฏิปีฬนฏฺเน อุทยวยวนฺตตาย รูปํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ, สสฺสตาภินิเวโส มิจฺฉา’’ติอาทินา ตตฺถ สสฺสตวาเท อาทีนวํ โทสํ ทิสฺวา. โอฬาริกนฺติ ตสฺมา ปฏิปีฬนฏฺเน อยาถาวคฺคาหตาย รูปํ น สณฺหํ โอฬาริกเมว. เวทนาทีนมฺปิ อนิจฺจาทิภาวทสฺสนํ รูปเวทนาอาทีนํ สมานโยคกฺขมตฺตา. วิสฺสชฺเชตีติ ปชหติ.
ติสฺโส ลทฺธิโยติ สสฺสตุจฺเฉทเอกจฺจสสฺสตทิฏฺิโย. ยสฺมา สสฺสตทิฏฺิกา วฏฺเฏ รชฺชนสฺส อาสนฺนา. ตถา หิ เต โอลียนฺตีติ วุจฺจนฺติ, ภวาภวทิฏฺีนํ วเสน อิเมสํ สตฺตานํ สํสารโต สีสุกฺขิปนํ นตฺถีติ เอตาว ติสฺโส วิเสสโต คเหตพฺพา.
อิธโลกํ ปรโลกฺจ อตฺถีติ ชานาตีติ เอตฺตาวตา สสฺสตทสฺสนสฺส อปฺปสาวชฺชตาการณมาห, วฏฺฏํ อสฺสาเทติ, อภินนฺทตีติ อิมินา ทนฺธวิราคตาย. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. อิธโลกํ ปรโลกฺจ อตฺถีติ ชานาตีติ อิมินา ตาสุ ตาสุ คตีสุ สตฺตานํ สํสรณํ ปฏิกฺขิปตีติ ทสฺเสติ, สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ อตฺถีติ ชานาตีติ อิมินา กมฺมผลํ. กุสลํ น กโรตีติ อิมินา กมฺมํ, อกุสลํ กโรนฺโต น ภายตีติ อิมินา ปฺุาปฺุานิ สภาวโต ชายนฺตีติ ทสฺเสติ. วฏฺฏํ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ ตนฺนินฺนภาวโต ¶ . สีฆํ ลทฺธึ ชหิตุํ น สกฺโกติ วฏฺฏุปจฺเฉทสฺส อรุจฺจนโต. อุจฺเฉทวาที หิ ตสฺมึ ภเว อุจฺเฉทํ มฺติ. ตโต ปรํ อิธโลกํ ปรโลกฺจ อตฺถีติ ชานาติ สุกตทุกฺกฏานํ ผลํ อตฺถีติ ชานาติ กมฺมผลวาทีภาวโต. เยภุยฺเยน หิ อุจฺเฉทวาที สภาวนิยติยทิจฺฉาภินิเวเสสุ อฺตฺราภินิเวโส โหติ. สีฆํ ทสฺสนํ ปชหติ วฏฺฏาภิรติยา อภาวโต. ปารมิโย ปูเรตุํ สกฺโกนฺโต ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา, โลกโวหารมตฺเตเนว โส สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพายตีติ โยชนา. อสกฺโกนฺโตติ พุทฺโธ โหตุํ อสกฺโกนฺโต. อภินีหารํ ¶ กตฺวา อคฺคสาวกาทิภาวสฺส อภินีหารํ สมฺปาเทตฺวา. สาวโก หุตฺวาติ อคฺคสาวโก มหาสาวโก หุตฺวา, ตตฺถาปิ เตวิชฺโช ฉฬภิฺโ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต วา สุกฺขวิปสฺสโก เอว วา พุทฺธสาวโก หุตฺวา ปรินิพฺพายติ. สพฺพมิทํ อุจฺเฉทวาทิโน กลฺยาณมิตฺตนิสฺสเยน สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเน ขิปฺปวิราคตาทสฺสนตฺถํ อาคตํ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
๒๐๒. กฺชิเยเนวาติ อารนาเฬน. กฺชิยสทิเสน อุจฺเฉททสฺสเนน. ปูริโตติ ปริปุณฺณชฺฌาสโย. โสติ ปริพฺพาชโก. อปฺปหายาติ อภินฺทิตฺวา. วิคฺคโหติ กลโห อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ อฺมฺํ วิรุทฺธคฺคาโหติ กตฺวา. วิวาทนฺติ วิรุทฺธวาทํ. วิฆาตนฺติ วิโรธเหตุกํ จิตฺตวิฆาตํ. วิเหสนฺติ วิคฺคหวิวาทนิมิตฺตํ กายิกํ เจตสิกฺจ กิลมถํ. อาทีนวํ ทิสฺวาติ เอตาสํ ทิฏฺีนํ เอวรูโป อาทีนโว, อนิยฺยานิกภาวตาย ปน สมฺปติ อายติฺจ มหาทีนโวติ เอวํ อาทีนวํ ทิสฺวา.
๒๐๕. ‘‘เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔๑; สํ. นิ. ๓.๘) กายํ อนฺเวตีติ กายนฺวโย, โสเยว, ตสฺส วา สมูโห กายนฺวยตา, กายปฏิพทฺโธ กิเลโส. เตนาห ‘‘กายํ…เป… อตฺโถ’’ติ.
อสมฺมิสฺสภาวนฺติ อสงฺกรโต ววตฺถิตภาวํ. เตน ตาสํ ยถาสกํ ปจฺจยานํ อุปฺปชฺชิตฺวา วิคมํ ทสฺเสติ. เอวฺหิ ตาสํ กทาจิปิ สงฺกโร นตฺถิ. เตนาห ‘‘ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ’’ติอาทิ. สรูปํ อคฺคเหตฺวา ‘‘อฺา เวทนา’’ติ อนิยเมน วุตฺตตฺตา ตเมว วิคมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนุปฺปนฺนาว โหนฺติ อนฺตรหิตา วา’’ติ อาห. สรูปโต นิยเมตฺวา วุจฺจมาเน กาจิ อนุปฺปนฺนา วา โหติ, กาจิ อนฺตรหิตา วาติ. จุณฺณวิจุณฺณภาวทสฺสนตฺถนฺติ ขเณ ขเณ ภิชฺชมานภาวทสฺสนตฺถํ.
น เกนจิ ¶ สํวทตีติ เกนจิ ปุคฺคเลน สทฺธึ ทิฏฺิราควเสน สํกิลิฏฺจิตฺโต น วทติ. เตนาห ‘‘สสฺสตํ คเหตฺวา’’ติอาทิ. น วิวทตีติ วิรุทฺธภาโว หุตฺวา น วิวทติ. ปริวตฺเตตฺวาติ อุจฺเฉทํ คเหตฺวา เอกจฺจสสฺสตํ คเหตฺวา เอวํ วุตฺตนเยน ตโยปิ วาทา ปริวตฺเตตฺวา โยเชตพฺพา ¶ . เตน โวหรตีติ เตน โลกโวหาเรน โลกสมฺํ อนติธาวนฺโต สตฺโต ปุริโส ปุคฺคโลติอาทินา โวหรติ, น ปน อิโต พาหิรกา วิย อภินิวิสติ. เตนาห ‘‘อปรามสนฺโต’’ติ. กฺจิ ธมฺมนฺติ รูปาทีสุ เอกํ ธมฺมมฺปิ. ปรามาสคฺคาเหน อคฺคณฺหนฺโตติ ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา, ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา จ ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสิตฺวา คหเณน อคฺคณฺหนฺโต.
กตาวีติ กตกิจฺโจ. โส วเทยฺยาติ ขีณาสโว ภิกฺขุ อหงฺการมมงฺกาเรสุ สพฺพโส สมุจฺฉินฺเนสุปิ อหํ วทามีติ วเทยฺย. ตตฺถ อหนฺติ นิยกชฺฌตฺตสนฺตาเน. มมนฺติ ตสฺส สนฺตกภูเต วตฺถุสฺมึ โลกนิรุฬฺเห. สมฺนฺติ ตตฺถ สุกุสลตาย โลเก สมฺา กุสโล วิทิตฺวา. โวหารมตฺเตนาติ เกวลํ ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา มหาโพธิปารมิโย ปูเรตุํ อสกฺโกนฺโต สาวโก หุตฺวา เทสโวหารมตฺเตน น อปฺปหีนตณฺโห วิย อนฺธปุถุชฺชโน อภินิเวสนวเสน.
๒๐๖. สสฺสตาทีสูติ สสฺสตาภินิเวสาทีสุ. เตสํ เตสํ ธมฺมานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. สสฺสตํ อภิฺายาติ สสฺสตทิฏฺึ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต นิสฺสรณโต อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ปหานนฺติ อจฺจนฺตปฺปหานํ สมุจฺเฉทํ. รูปสฺส ปหานนฺติ รูปสฺส ตปฺปฏิพทฺธสฺโชนปฺปหาเนน ปหานํ. อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุทฺเธหิ อาสเวหิ อคฺคเหตฺวาว จิตฺตํ วิมุจฺจิ. ‘‘อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจี’’ติ เอตฺถ กิฺจิปิ อคฺคเหตฺวา อเสเสตฺวา. โสฬส ปฺาติ มหาปฺาทิกา โสฬส ปฺา. จตุรงฺคสมนฺนาคโตติ ปุณฺณอุโปสถทิวสตา, เกนจิ อนามนฺติตเมว อเนกสตานํเยว อเนกสหสฺสานํ วา ภิกฺขูนํ สนฺนิปติตตา, สพฺเพสํ เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปนฺนตา, ฉฬภิฺตา จาติ. เตนาห ‘‘ตตฺริมานิ องฺคานี’’ติอาทิ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
ทีฆนขสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา
๒๐๗. ทฺเว ¶ มาคณฺฑิยาติ ทฺเว ¶ มาคณฺฑิยนามกา. เทวคพฺภสทิสนฺติ เทวานํ วสนโอวรกสทิสํ. เอตํ วุตฺตนฺติ ‘‘ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส อคฺยาคาเร ติณสนฺถารเก’’ติ เอตํ วุตฺตํ. น เกวลํ ตํ ทิวสเมวาติ ยํ ทิวสํ มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ติณสนฺถารกํ ปฺตฺตํ, น เกวลํ ตํ ทิวสเมว ภควา เยนฺตโร วนสณฺโฑ, เตนุปสงฺกมีติ โยชนา. คามูปจาเรติ คามสมีเป. สฺาณํ กตฺวาติ สฺาณํ กตฺวา วิย. น หิ ภควโต ตสฺส สฺาณกรเณ ปโยชนํ อตฺถิ.
สมณเสยฺยานุรูปนฺติ สมณสฺส อนุจฺฉวิกา เสยฺยา. ปาสํสตฺโถ หิ อยํ รูป-สทฺโท. เตนาห ‘‘อิมํ ติณสนฺถารก’’นฺติอาทิ. อนากิณฺโณติ วิลุฬิโต อฆฏฺฏิโต. หตฺถปาทสีเสหิ ตตฺถ ตตฺถ ปหเฏน น จลิโต อภินฺโน, อจลิตตฺตา เอว อภินฺนํ อตฺถรณํ. ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปฺตฺโต วิยาติ อยํ เฉเกน จิตฺตกาเรน จินฺเตตฺวา ตุลิกาย ปริจฺฉินฺนเลขาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ลิขิตา จิตฺตกตเสยฺยา วิย. ภูนํ วุจฺจติ วฑฺฒิตํ, ตํ หนฺตีติ ภูนหุโน. เตนาห ‘‘หตวฑฺฒิโน’’ติ. ตํ ปนายํ จกฺขาทีสุ สํวรวิธานํ วฑฺฒิหนนํ มฺติ. เตนาห ‘‘มริยาทการกสฺสา’’ติ. พฺรูเหตพฺพนฺติ อุฬารวิสยูปหาเรน วฑฺเฒตพฺพํ ปีเณตพฺพํ. ตํ ปน อนนุภูตานุภวเนน โหตีติ อาห ‘‘อทิฏฺํ ทกฺขิตพฺพ’’นฺติ. อนุภูตํ ปน อปณีตํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺํ สมติกฺกมิตพฺพ’’นฺติ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย. ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาที กิเรส ปริพฺพาชโก, ตสฺมา เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ วฑฺฒึ ปฺเปติ. ยสฺมา ยํ ฉนฺนมฺปิ จกฺขาทีนํ ยถาสกํ วิสยคฺคหณํ ปฏิกฺขิปนฺโต โลกสฺส อวฑฺฒิตํ วินาสเมว ปฺเปติ, ตสฺมา โส สยมฺปิ วฑฺฒิหโต หตวฑฺฒิโต.
สํกิเลสโต อารกตฺตา อริโย นิยฺยานิกธมฺมภาวโต าโย ธมฺโม. วชฺชเลสสฺสปิ อภาวโต กุสโล. เตนาห ‘‘ปริสุทฺเธ การณธมฺเม อนวชฺเช’’ติ. อุคฺคตสฺสาติ อุจฺจกุลีนตาทินา อุฬารสฺส. มุเข อารกฺขํ เปตฺวาติ มุเขน สํยโต หุตฺวา. อมฺพชมฺพูอาทีนิ คเหตฺวา วิย อปูรยมาโนติ อมฺพชมฺพูอาทีนิ อฺมฺวิสทิสานิ วิย ปูรณกถานเยน ยํ กิฺจิ อกเถตฺวา. เตนาห ‘‘มยา กถิตนิยาเมนา’’ติ.
๒๐๘. ผลสมาปตฺติยา ¶ ¶ วุฏฺิโตติ ทิวาวิหารโต วุฏฺิโตติ อตฺโถ. ทิวาวิหาโรปิ หิ ‘‘ปฏิสลฺลาน’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาที’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๘). ภควา หิ ผลสมาปตฺติโต วุฏฺานุตฺตรกาลํ เตสํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ทิวาวิหารโต วุฏฺาย ตตฺถ คโต. สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปาณํ, ตํ นิพฺพินฺทนวเสนปิ โหติ, สํเวคนิสฺสิตํ สนฺธายาห ‘‘ปีติสํเวเคน สํวิคฺโค’’ติ. โส ปน ยสฺมา ปุริมาวตฺถาย จลนํ โหติ จิตฺตสฺส, ตสฺมา อาห ‘‘จลิโต กมฺปิโต’’ติ. ติขิณโสเตน ปุริเสนาติ ภควนฺตํ สนฺธายาห.
๒๐๙. ธมฺมเทสนํ อารภิ ยถา วิเนยฺยทมนกุสโล วสนฏฺานฏฺเนาติ อิทํ อารมิตพฺพภาวสฺส ภาวลกฺขณวจนํ. อารมติ เอตฺถาติ อาราโม, รูปํ อาราโม เอตสฺสาติ รูปารามํ, ตโต เอว ตนฺนินฺนภาเวน รูเป รตนฺติ รูปรตํ, เตน สมฺโม ทุปฺปตฺติยา รูเปน สมฺมุทิตนฺติ รูปสมฺมุทิตํ, ตเทตํ ตทภิหตชวนกิจฺจํ ตตฺถ อาโรเปตฺวา วุตฺตํ. ทนฺตนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ทนฺตํ ทมิตํ. นิพฺพิเสวนนฺติ วิคตวิสุกายิกํ. คุตฺตนฺติ สติยา คุตฺตํ. รกฺขิตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. สํวุตนฺติ อปนีตํ ปเวสนิวารเณน. เตนาห ‘‘ปิหิต’’นฺติ.
๒๑๐. อุปฺปชฺชนปริฬาหนฺติ อุปฺปชฺชนกิเลสปริฬาหํ. กึ วจนํ วตฺตพฺพํ อสฺสาติ รูปารมฺมณํ อนุภวิตฺวา สมุทยาทิปหานํ ปริคฺคณฺหิตฺวา ปรินิพฺพินฺทิตฺวา วิรชฺชิตฺวา โย วิมุตฺโต, ตตฺถ กึ วุทฺธิหตปริยาโย อวสฺสํ ลภติ น ลภตีติ ปุจฺฉติ. ปริพฺพาชโก ตาทิเส สารพทฺธวิมุตฺติเก วุทฺธิหโตติ น วเทยฺยาติ อาห ‘‘น กิฺจิ, โภ, โคตมา’’ติ.
๒๑๑. เตติ ตยา, อยเมว วา ปาโ. วสฺสํ วาโส วสฺสํ อุตฺตรปทโลเปน, วสฺสิตุํ อรหตีติ วสฺสิโก, วสฺสกาเล นิวาสานุจฺฉวิโกติ อตฺโถ.
นาติอุจฺโจ โหติ นาตินีโจติ คิมฺหิโก วิย อุจฺโจ, เหมนฺติโก วิย นีโจ น โหติ, อถ โข ตทุภยเวมชฺฌลกฺขณตาย นาติอุจฺโจ โหติ นาตินีโจ. นาติตนูนีติ ¶ เหมนฺติกสฺส วิย น ขุทฺทกานิ. นาติพหูนีติ คิมฺหิกสฺส วิย น อติพหูนิ. มิสฺสกาเนวาติ เหมนฺติกคิมฺหิเกสุ วุตฺตลกฺขณโวมิสฺสกานิ. อุณฺหปเวสนตฺถายาติ นิยูเหสุ ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตฺจ ปติตสูริโยภาสวเสน อุณฺหสฺส อพฺภนฺตรปเวสนตฺถาย. ภิตฺตินิยูหานิ นีหรียนฺตีติ ¶ ทกฺขิณปสฺเส ภิตฺตีสุ นิยูหานิ นีหริตฺวา กรียนฺติ. วิปุลชาลานีติ ปุถุลฉิทฺทานิ. อุทกยนฺตานีติ อุทกวาหกยนฺตานิ.
นีลุปฺปลคจฺฉเก กตฺวาติ วิกสิเตหิ นีลุปฺปเลหิ คจฺฉเก นฬินิเก กตฺวา. คนฺธกลลนฺติ คนฺธมิสฺสกกทฺทมํ. ยมกภิตฺตีติ ยุคฬภิตฺติ, ตสฺสา อนฺตเร นาฬิ, ยโต อุทกํ อภิรุหติ. โลหนาฬินฺติ โลหมยยนฺตนาฬึ. ชาลนฺติ ตมฺพโลหมยํ ชาลํ. เหฏฺา ยนฺตํ ปริวตฺเตนฺตีติ เหฏฺาภาเค อุทกยนฺตํ คเมนฺติ. อุทกผุสิเต เตเมนฺเต วิวณฺณตา มาโหสีติ นีลปฏํ นิวาเสติ. ทิวากาเลติ ทิวสเวลาย. อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต วิหรามีติ เอเตน อตฺตโน ผลสมาปตฺติวิหาโร ภควตา ทสฺสิโตติ อาห – ‘‘ตาย รติยา รมมาโนติ อิทํ จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติรตึ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ.
๒๑๒. มหา จ เนสํ ปปฺโจติ เนสํ ราชูนํ มหาปปฺโจ ราชิทฺธิวเสน สพฺพทา สมฺปตฺติวิสโย จ, อนุภวิตุํ น ลภนฺตีติ อธิปฺปาโย. มนฺเต คเวสนฺตา วิจรนฺติ, น โภคสุขํ. คณนา นาม อจฺฉินฺนคณนา, น วิคณคณนา น ปณคณนา. อาวฏฺโฏติ ยถาธิคเต ทิพฺเพ กาเม ปหาย กามเหตุ อาวฏฺโฏ นิวตฺโต ปริวตฺติโต ภเวยฺย. เอวํ มานุสกา กามาติ ยถา โกจิ กุสคฺเคน อุทกํ คเหตฺวา มหาสมุทฺเท อุทกํ มิเนยฺย. ตตฺถ มหาสมุทฺเท อุทกเมว มหนฺตํ วิปุลํ ปณีตฺจ, เอวํ ทิพฺพานํ กามานํ สมีเป อุปนิธาย มานุสกา กามา อปฺปมตฺตกา โอรมตฺตกา นิหีนา, ทิพฺพาว กามา มหนฺตา วิปุลา อุฬารา ปณีตา. สมธิคยฺหาติ สมฺมา อธิคมนวเสน นิคฺคยฺห ทิพฺพมฺปิ สุขํ หีนํ กตฺวา ติฏฺติ.
๒๑๓. อาโรคฺยเหตุกํ สุขํ อสฺส อตฺถีติ สุขี, ตํ ปนสฺส โรควิคมโตวาติ อาห ‘‘ปมํ ทุกฺขิโต ปจฺฉา สุขิโต’’ติ. เสรี นาม อตฺตาธีนวุตฺตีติ อาห ‘‘เสรี เอกโก ภเวยฺยา’’ติ. อตฺตโน วโส ¶ สยํวโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ สยํวสี. องฺคารกปลฺลํ วิย กามวตฺถุปริฬาหเหตุโต. ตจฺเฉตฺวาติ ฆฏฺเฏตฺวา, กณฺฑูยิตฺวาติ อตฺโถ.
๒๑๔. เยน กาโย มธุรกชาโต โหติ, ตํ กิร กุฏฺํ ฉวึ วินาเสติ, จมฺมํ ฉิทฺทชาตํ วิย โหติ. เตเนวาห ‘‘อุปหตกายปฺปสาโท’’ติ. ปจฺจลตฺถาติ ปฏิลภิ. อวิชฺชาภิภูตตาย วิโรธิปจฺจยสมาโยเคน ปฺินฺทฺริยสฺส อุปหตตฺตา. อายตึ ทุกฺขผลตาย เอตรหิ จ กิเลสทุกฺขพหุลตาย กามานํ ทุกฺขสมฺผสฺสตา, ตทุภยสํยุตฺเตสุ เตสุ จ ตํ อสลฺลกฺขิตฺวา ¶ เอกนฺตสุขาภินิเวโส วิปรีตสฺาย, น เกวลาย สุขเวทนาย สุขาติ ปวตฺตสฺี.
๒๑๕. ตานีติ กุฏฺสรีเร วณมุขานิ. อสุจีนีติ อสุภานิ. ทุคฺคนฺธานีติ วิสฺสคนฺธานิ. ปูตีนีติ กุณปภูตานิ. อิทานีติ เอตรหิ. นเขหิ วิปฺปตจฺฉนอคฺคิปริตาปเนหิ อตินิปฺปีฬนกาเล ปาณกา…เป… ปคฺฆรนฺติ, เตน เวทนา ตนุกา โหติ. เอวนฺติ วุตฺตนเยน เวทนาย ตนุกภาวโต.
อาโรคฺยภาเว ธนลาภาทิลาภุปฺปตฺติโต, อสติ จ อาโรคฺเย ลาภสฺส นิรตฺถกภาวโต, ทิฏฺธมฺมิกาทิสพฺพสมฺปตฺตีนํ ลาภสฺส นิมิตฺตภาวโต จ อาโรคฺยปรมา ลาภา. นิพฺพาเน สุขุปฺปตฺติโต, อสติ จ นิพฺพานาธิคเม ตาทิสสฺส สุขสฺส อนุปลพฺภนโต, สพฺพสงฺขตวิวิตฺตตฺตา จ สพฺพโส จ สํสารทุกฺขาภาวโต, อธิคเต จ ตสฺมึ สกลวฏฺฏทุกฺขาภาวโต จ นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ. ปุพฺพภาคมคฺคานนฺติ กายานุปสฺสนาทิเภทภินฺนานํ อริยมคฺคสฺส ปุพฺพภาคิยานํ มคฺคานํ. เตสฺจ อมตคามิตา นาม ตนฺนินฺนตาวเสเนว สจฺฉิกิริยาวเสนาติ อาห ‘‘ปุพฺพภาคคมเนเนว อมตคามิน’’นฺติ. อฏฺงฺคิโก อริยมคฺโค เขโม สพฺพปริสฺสยสมุคฺฆาตเนน อนุปทฺทุตตฺตา, ตํสมงฺคีนํ สพฺพโส อนุปทฺทุตตฺตา ตํสมงฺคีนํ สพฺพโส อนุปทฺทวเหตุโต จ. ลทฺธิวเสน คหิตาติ สสฺสตวาทาทีหิ เกวลํ เตสํ ลทฺธิวเสน ตถา คหิตา. เขมอมตคามินนฺติ อิมินา หิ ‘‘เขมํอมตคามิน’’นฺติ วิภตฺติอโลเปน นิทฺเทโส, อตฺโถ ปน วิภตฺติโลเปน ทฏฺพฺโพติ ทสฺเสติ.
๒๑๖. อโนมชฺชตีติ ¶ อนุ อนุ โอมชฺชติ. อปราปรํ หตฺถํ เหฏฺา โอตาเรนฺโต มชฺชติ.
๒๑๗. เฉกนฺติ ฆนภาเวน วีตํ. ฆนมฏฺภาเวน สุนฺทรํ โหตีติ อาห ‘‘สมฺปนฺน’’นฺติ. สาธูหิ ปรมปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺเหิ ลาโต คหิโตติ สาหุฬิ. สงฺการโจฬกํ นิจฺจกาฬกํ.
๒๑๘. ตตฺถ ตตฺถ รุชนฏฺเน วิพาธนฏฺเน โรโคว ภูโต. วิปสฺสนาาเณนปิ สิขาปฺปตฺเตน อาโรคฺยํ เอกเทเสน ปสฺสติ, นิพฺพานฺจ วฏฺฏปฏิปกฺขโตติ อาห ‘‘วิปสฺสนาาณฺเจวา’’ติ.
๒๑๙. อนฺตราติ ¶ ปมุปฺปตฺติ ชรามรณานํ เวมชฺเฌ. อุปหโตติ ปิตฺตเสมฺหาทิโทเสหิ ทูสิตภาเวน กถิโต. ปิตฺตาทิโทเส ปน เภสชฺชเสวนาย นิวตฺเตนฺโต อุปหตํ ปฏิปากติกํ กโรนฺโต จกฺขูนิ อุปฺปาเทติ นาม. วินฏฺานีติ อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปนฺนานิ.
๒๒๐. ปุพฺเพ วุตฺเต สาหุฬิยจีเร. วฏฺเฏ อนุคตจิตฺเตนาติ อนมตคฺเค สํสารวฏฺเฏ อนาทีนวทสฺสิตาย อนุคามิจิตฺเตน.
๒๒๑. ธมฺมสฺสาติ นิพฺพานสฺส. อนุธมฺมนฺติ อนุรูปํ นิยฺยานธมฺมํ. เตนาห ‘‘อนุจฺฉวิกํ ปฏิปท’’นฺติ. ปฺจกฺขนฺเธติ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ทสฺเสติ. ‘‘ทีฆรตฺตํ วต, โภ’’ติอาทินา ปาฬิยํ วิวฏฺฏํ ทสฺสิตํ. เตนาห ‘‘อุปาทานนิโรธาติ วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. สนฺทกสุตฺตวณฺณนา
๒๒๓. เทเวน ¶ วสฺเสน กโต โสพฺโภ เทวกตโสพฺโภ. เตนาห ‘‘วสฺโส…เป… รหโท’’ติ. คุหาติ ปํสุคุหา ปาสาณคุหา มิสฺสกคุหาติ ติสฺโส คุหา. ตตฺถ ปํสุคุหา อุทกมุตฺตฏฺาเน อโหสิ นินฺนฏฺานํ ปน อุทเกน อชฺโฌตฺถตํ. อุมงฺคํ กตฺวาติ เหฏฺา สุทุคฺคํ กตฺวา. อนมตคฺคิยํ ¶ ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ ‘‘น โข โส สตฺตาวาโส สุลภรูโป, โย อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อนาวุฏฺปุพฺโพ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๖๐) อิทฺจ ตฬากํ มยา วุตฺถปุพฺพํ ภวิสฺสติ, ตมฺปิ านํ โส จ อตฺตภาโว อปฺตฺติกภาวํ คโตติ เอวํ อนมตคฺคิยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตาทิสํ านํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. อิมินา นเยน สมุทฺทปพฺพตทสฺสนาทีสุปิ ปจฺจเวกฺขณาวิธิ เวทิตพฺโพ.
อุจฺจํ นทมานายาติ อุจฺจํ กตฺวา สทฺทํ กโรนฺติยา กามสฺสาทภวสฺสาทาทิวตฺถุนฺติ ‘‘อยฺจ อยฺจ กาโม อิฏฺโ กนฺโต มนาโป, อสุโก ภโว อิฏฺโ กนฺโต มนาโป, เอวมยํ โลโก ปิเยหิ ปิยตโร’’ติ เอวํ กามสฺสาทภวสฺสาทโลกสฺสาทาทิสงฺขาตํ วตฺถุํ. ทุคฺคติโต สํสารโต จ นิยฺยาติ เอเตนาติ นิยฺยานํ, สคฺคมคฺโค โมกฺขมคฺโค จ, ตํ นิยฺยานํ อรหติ, นิยฺยาเน วา นิยุตฺตาติ นิยฺยานิกา, นิยฺยานํ วา ผลํ เอติสฺสา อตฺถีติ นิยฺยานิกา, วจีทุจฺจริตาทิสํกิเลสโต นิยฺยาตีติ วา นิยฺยานียา, อี-การสฺส รสฺสตฺตํ ย-การสฺส จ ก-การํ กตฺวา นิยฺยานิกา, เจตนาย สทฺธึ สมฺผปฺปลาปา เวรมณิ. ตปฺปฏิปกฺขโต อนิยฺยานิกา, ตสฺสา ภาโว อนิยฺยานิกตฺตํ, ตสฺมา อนิยฺยานิกตฺตา. ติรจฺฉานภูตาติ ติโรกรณภูตา. เคหสฺสิตกถาติ กามปฏิสํยุตฺตกถา. กมฺมฏฺานภาเวติ อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตจตุสจฺจกมฺมฏฺานภาเว. สห อตฺเถนาติ สาตฺถกํ, หิตปฏิสํยุตฺตนฺติ อตฺโถ. วิสิขาติ ฆรสนฺนิเวโส, วิสิขาคหเณน จ ตนฺนิวาสิโน คหิตา ‘‘คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ (สารตฺถ. ฏี. ๑.อาจริยปรมฺปรกถาวณฺณนา) วิย. เตเนวาห ‘‘สูรา สมตฺถา’’ติ ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติ จ. กุมฺภฏฺานปฺปเทเสน กุมฺภทาสิโย วุตฺตาติ อาห ‘‘กุมฺภทาสิกถา วา’’ติ.
๒๒๘. โวหาโร วิย เตสํ ตถา โวหารมตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘พฺรหฺมจริยวาเส’’ติ. อกตาติ สเมน, วิสเมน วา เกนจิ เหตุนา น กตา น วิหิตา. กตวิโธ กรณวิธิ นตฺถิ ¶ เอเตสนฺติ อกฏวิธา. ปททฺวเยนปิ โลเก เกนจิ เหตุปจฺจเยน เนสํ อนิพฺพตฺตตํ ทสฺเสติ. อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตาติ กสฺสจิ อิทฺธิมโต เจโตวสิปฺปตฺตสฺส เทวสฺส, อิสฺสราทิโน วา อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตา. อนิมฺมาตาติ กสฺสจิ อนิมฺมาปิตา. รูปาทิชนกภาวนฺติ รูปสทฺทาทีนํ ปจฺจยภาวํ, รูปาทโยปิ ปถวิยาทีหิ ¶ อปฺปฏิพทฺธวุตฺติกาติ ตสฺส อธิปฺปาโย. ยถา ปพฺพตกูฏํ เกนจิ อนิพฺพตฺติตํ กสฺสจิ จ อนิพฺพตฺตนกํ, เอวเมเตปีติ อาห ‘‘ปพฺพตกูฏา วิย ิตาติ กูฏฏฺา’’ติ. ยมิทํ พีชโต องฺกุราทิ ชายตีติ วุจฺจติ, ตํ วิชฺชมานเมว ตโต นิกฺขมติ นาวิชฺชมานํ, อฺถา อฺโตปิ อฺสฺส อุปลทฺธิ สิยาติ อธิปฺปาโย. เอวํ ิตาติ เอวํ นิพฺพิการา ิตา. อุภเยนปีติ อตฺถทฺวเยนปีติ วทนฺติ. ‘‘กูฏฏฺา เอสิกฏฺายิฏฺิตา’’ติ ปททฺวเยนปิ. เตสํ สตฺตนฺนํ กายานํ. ิตตฺตาติ นิพฺพิการาภาเวน ิตตฺตา. น จลนฺตีติ วิการํ นาปชฺชนฺติ. วิการาภาวโต หิ เตสํ สตฺตนฺนํ กายานํ เอสิกฏฺายิฏฺิตตา. อนิฺชนฺจ อตฺถโต ปกติยา อวฏฺานเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น วิปริณาเมนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตถา อวิปริณามธมฺมตฺตา เอว เต อฺมฺํ น พฺยาพาเธนฺติ. สติ หิ วิการํ อาปาเทตพฺพตาย พฺยาพาธกตาปิ สิยา, ตถา อนุคฺคเหตพฺพตาย อนุคฺคาหกตาติ ตทภาวํ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘นาล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
ปถวี เอว กาเยกเทสตฺตา ปถวีกาโย. หนฺตุํ วา ฆาเตตุํ วา สมตฺโถ นาม นตฺถิ ชีวสตฺตมานํ กายานํ นิจฺจตาย นิพฺพิการภาวโต, เอเตเนว เนสมหนฺตพฺพตา อฆาเตตพฺพตา อตฺถโต วุตฺตาเยวาติ ทฏฺพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สตฺตนฺนํตฺเวว กายาน’’นฺติอาทิ. โสตุํ วา สาเวตุํ วา สมตฺโถ นาม นตฺถีติ ปจฺเจกํ เนสํ สวเนสุ อสมตฺถตฺตา ตเทกเทสาทีสุปิ อสมตฺถตํ ทีเปติ. ยทิ โกจิ หนฺตา นตฺถิ, กถํ สตฺถปฺปหาโรติ อาห ‘‘ยถา มุคฺคราสิอาทีสู’’ติอาทิ. เกวลํ สฺามตฺตเมว โหติ, หนนฆาตนาทิ ปน ปรมตฺถโต นตฺเถว กายานํ อวิโกปนียภาวโตติ อธิปฺปาโย. เกวลํ ตกฺกมตฺเตน นิรตฺถกํ ทิฏฺึ ทีเปตีติ เอเตน ยสฺมา ตกฺกิกา นิรงฺกุสตาย ปริกปฺปนสฺส ยํ กิฺจิ อตฺตนา ปริกปฺปิตํ สารโต มฺมานา ตเถว อภินิวิสฺส ตกฺกทิฏฺิคฺคาหํ คณฺหนฺติ, ตสฺมา น เตสํ ทิฏฺิวตฺถุสฺมึ วิฺูหิ วิจารณา กตฺตพฺพาติ ทสฺเสติ. เกจีติ สารสมาสาจริยา. ปฺจินฺทฺริยวเสนาติ ปฺจรูปินฺทฺริยวเสน. กมฺมนฺติ ลทฺธิ กมฺมภาเวน สุปากฏตฺตา. อวงฺกกถาตารณาทิกา ทฺวาสฏฺิ ปฏิปทา. เอกสฺมึ กปฺเปติ เอกสฺมึ มหากปฺเป.
ปุริสภูมิโยติ ¶ ปธานปุคฺคเลน นิทฺเทโส, อิตฺถีนมฺเปตา ภูมิโย อิจฺฉนฺเตว. ภิกฺขุ จ ปนฺนโกติอาทิ เตสํ ปาฬิเยว. ตตฺถ ปนฺนโกติ ภิกฺขาย วิจรณโกติ วทนฺติ, เตสํ วา ปฏิปตฺตึ ¶ ปฏิปนฺนโก. ชิโนติ ชิณฺโณ, ชราวเสน นิหีนธาตุโกติ วทนฺติ, อตฺตโน วา ปฏิปตฺติยา ปฏิปกฺขํ ชินิตฺวา ิโต. โส กิร ตถาภูโต กสฺสจิปิ ธมฺมํ น กเถติ, เตนาห ‘‘น กิฺจิ อาหา’’ติ. อลาภินฺติ ‘‘โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๙๔) นเยน วุตฺตอลาภเหตุสมาโยเคน อลาภึ. ตโต เอว ชิฆจฺฉาทุพฺพลปเรตตาย สยนปรายณํ สมณํ ปนฺนภูมีติ วทติ.
อาชีววุตฺติสตานีติ สตฺตานํ อาชีวภูตานิ ชีวิกาวุตฺติสตานิ. ปสุคฺคหเณน เอฬกชาติ คหิตา, มิคคฺคหเณน รุรุควยาทิสพฺพมิคชาติ. พหู เทวาติ จาตุมหาราชิกาทิพฺรหฺมกายิกาทิวเสน เนสํ อนฺตรเภทวเสน พหู เทวา. ตตฺถ จาตุมหาราชิกานํ เอกจฺโจ อนฺตรเภโท ‘‘มหาสมยสุตฺเตน’’ (ที. นิ. ๒.๓๓๑ อาทโย) ทีเปตพฺโพ. มานุสาปิ อนนฺตาติ ทีปเทสกุลวํสาชีวาทิวิภาควเสน มานุสาปิ อนนฺตเภทา. ปิสาจา เอว เปสาจา, เต อปรเปตาทโย มหนฺตา เวทิตพฺพา.
ฉทฺทนฺตทหมนฺทากินิโย กุฬีรมุจลินฺทนาเมน วทติ. คณฺิกาติ ปพฺพคณฺิกา. ปณฺฑิโตปิ…เป… อุทฺธํ น คจฺฉติ, กสฺมา? สตฺตานํ สํสรณกาลสฺส นิยตภาวโต.
อปริปกฺกํ สํสรณนิมิตฺตํ สีลาทินา ปริปาเจติ นาม สีฆํเยว วิสุทฺธิปฺปตฺติยา. ปริปกฺกํ ผุสฺส ผุสฺส ปตฺวา ปตฺวา ปริปกฺกภาวาปาทเนน พฺยนฺตึ กโรติ นาม. สุตฺตคุเฬติ สุตฺตวฏฺฏิยํ. นิพฺเพิยมานเมว ปเลตีติ อุปมาย สตฺตานํ สํสาโร อนุกฺกเมน ขียเตว, น ตสฺส วทฺธีติ ทสฺเสติ ปริจฺฉินฺนรูปตฺตา.
๒๒๙. นิยติวาเท ปกฺขิปนฺโตติ สพฺพฺุตํ ปฏิชานิตฺวาปิ ปเทสฺุตาย อสมฺปายมาโน ตตฺถ อตฺตโน อฺาณกิริยํ ปริหริตุํ อสกฺโกนฺโต จ ‘‘เอวเมสา นิยตี’’ติ นิยติวาเท ปกฺขิปนฺโต.
๒๓๐. ธมฺมกถาย ¶ อปสฺสยภูโต อนุสฺสโว เอตสฺส อตฺถีติ อนุสฺสวี, เตเนวสฺส อปสฺสยวาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุสฺสวนิสฺสิโต’’ติ อาห. สวนํ สจฺจโตติ ยํ กิฺจิ อนุสฺสวํ, ตํ สวนํ สจฺจนฺติ คเหตฺวา ิโต. ปิฏกสมฺปทายาติ คนฺถสมฺปาทเนน, ตาทิสํ คนฺถํ ปคุณํ วาจุคฺคตํ กตฺวา ตํ นิสฺสาย ธมฺมํ กเถติ. เตนาห ‘‘วคฺคปณฺณาสกายา’’ติอาทิ.
๒๓๒. มนฺทปฺโติ ¶ ปริตฺตปฺโ. โมมูโหติ สมฺมุยฺหโก. ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา วิวิโธ นานปฺปกาโร เขโป วาจาย ปรวาทานํ ขีปนํ วาจาวิกฺเขโป, ตํ วาจาวิกฺเขปํ, น มรติ น ปจฺฉิชฺชติ ยถาวุตฺโต วาทวิกฺเขโป เอตายาติ อมรา, ตตฺถ ปวตฺตา ทิฏฺิ อมราวิกฺเขโป, ตํ อมราวิกฺเขปํ. อปริยนฺตวิกฺเขปนฺติ ‘‘เอวมฺปิ เม โน’’ติอาทินา ปุจฺฉิตสฺส อปริโยสาปนวเสน วิกฺเขปํ. อิโต จิโต จ สนฺธาวติ เอกสฺมึ สภาเว อนวฏฺานโต. คาหํ น อุปคจฺฉตีติ มิจฺฉาคาหตาย อุตฺตรวิธานาย ปุริมปกฺขํ เปตฺวา คาหํ น อุปคจฺฉติ. อมราสทิสาย อมราย วิกฺเขโปติ อมราวิกฺเขโป.
อิทํ กุสลนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, อิมินา ปกาเรนาติ อตฺโถ. อมราวิกฺเขปิโก ยถา กุสเล, เอวํ อฺสฺมึ ยํ กิฺจิ เกนจิ ปุจฺฉิตํ อตฺถํ อตฺตโน อรุจฺจนตาย ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ วิกฺเขปฺเว อาปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทิ ตตฺถ ตตฺถ ปุจฺฉิตาการปฏิเสธนวเสน วิกฺขิปนาการทสฺสนํ. นนุ เจตฺถ วิกฺเขปวาทิโน วิกฺเขปปกฺขสฺส อนนุชานนํ วิกฺเขปปกฺเข อวฏฺานํ ยุตฺตนฺติ? น, ตตฺถาปิ ตสฺส สมฺมูฬฺหสฺส ปฏิกฺเขปวเสเนว วิกฺเขปวาทสฺส ปวตฺตนโต. เตน วุตฺตํ ‘‘โน’’ติ. ตถา หิ สฺจโย เพลฏฺปุตฺโต รฺา อชาตสตฺตุนา สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ ปรโลกตฺติกาทีนํ ปฏิเสธนมุเขน วิกฺเขปํ พฺยากาสิ.
เอตฺถาห – ‘‘นนุ จายํ สพฺโพปิ อมราวิกฺเขปิโก กุสลาทโย ธมฺเม ปรโลกตฺติกาทีนิ จ ยถาภูตํ อนวพุชฺฌมาโน ตตฺถ ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน ปุจฺฉาย วิกฺเขปมตฺตํ อาปชฺชติ, ตสฺส กถํ ทิฏฺิคตภาโว. น หิ อวตฺตุกามสฺส วิย ปุจฺฉิตมตฺถํ อชานนฺตสฺส วิกฺเขปกรณมตฺเตน ¶ ตสฺส ทิฏฺิคติกตา ยุตฺตา’’ติ? วุจฺจเต – น เหว โข ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณมตฺเตน ตสฺส ทิฏฺิคติกตา, อถ โข มิจฺฉาภินิเวสวเสน. สสฺสตาภินิเวเสน มิจฺฉาภินิวิฏฺโเยว หิ ปุคฺคโล มนฺทพุทฺธิตาย กุสลาทิธมฺเม ปรโลกตฺติกาทีนิ จ ยาถาวโต อปฺปฏิปชฺชมาโน อตฺตนา อวิฺาตสฺส อตฺถสฺส ปรํ วิฺาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย มุสาวาทภเยน จ วิกฺเขปํ อาปชฺชตีติ. อถ วา ปฺุปาปานํ ตพฺพิปากานฺจ อนวโพเธน อสทฺทหเนน จ ตพฺพิสยาย ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณํเยว สุนฺทรนฺติ ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อภินิวิสนฺตสฺส อุปฺปนฺนา วิสุํเยว สา เอกา ทิฏฺิ สตฺตภงฺคทิฏฺิ วิยาติ ทฏฺพฺพา, อินฺทฺริยพทฺธโต จ ตติยฏฺานภาเว ทสฺสิโต.
๒๓๔. สนฺนิธิการกํ ¶ กาเมติ เอตฺถ อนินฺทฺริยพทฺธานิ อธิปฺเปตานีติ ติลตณฺฑุลาทิคฺคหณํ, ตสฺส โลกสฺส อปฺปสาทปริหารตฺถํ กทาจิ ตณฺฑุลนาฬิอาทิสงฺคหณกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ติลตณฺฑุลาทโย ปฺายนฺตี’’ติ.
๒๓๖. อาชีวกา มตา นามาติ อิเม อาชีวกา สพฺพโส สมฺมาปฏิปตฺติรหิตา มิจฺฉา เอว จ ปฏิปชฺชมานา อธิสีลสงฺขาตสฺส สีลชีวิตสฺส อภาเวน มตา นาม. ปุตฺตมตาติ มตปุตฺตา. สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยวาโส อตฺถีติ สมณํ เอว โคตมํ ปริสุทฺโธ สุปริปุณฺโณ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาวโห พฺรหฺมจริยวาโส อตฺถิ. เอเตเนตฺถ ธมฺมสุธมฺมตาทิทีปเนน พุทฺธสุพุทฺธตฺจ ทีเปติ, อฺตฺถ นตฺถีติ อิมินา พาหิรเกสุ ตสฺส อภาวํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สนฺทกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. มหาสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนา
๒๓๗. อภิฺาตาติ ¶ เอทิโส เอทิโส จาติ อภิลกฺขณวเสน าตา. อปฺปสทฺทสฺส วินีโต, อปฺปสทฺทตาย มนฺทภาณิตาย วินีโตติ จ อปฺปสทฺทวินีโตติ วุจฺจมาเน อฺเน วินีตภาโว ทีปิโต โหติ, ภควา ปน สยมฺภุาเณน สยเมว วินีโต. ตสฺมา ปาฬิยํ ‘‘อปฺปสทฺทวินีโต’’ติ น วุตฺตํ. เตนาห ‘‘น หิ ภควา อฺเน วินีโต’’ติ.
๒๓๘. หิยฺโยทิวสํ ¶ อุปาทาย ตโต อาสนฺนานิ กติปยานิ ทิวสานิ ปุริมานิ นาม โหนฺติ, ปุริมานีติ จ ปุพฺพกานิ, อตีตานีติ อตฺโถ. ตโต ปรนฺติ ยถา วุตฺตอตีตทิวสโต อนนฺตรํ ปรํ ปุริมตรํ อติสเยน ปุริมตฺตา. อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ ปวตฺติโต ยถากฺกมํ ปุริมปุริมตรภาโว, เอวํ สนฺเตปิ ยเทตฺถ ‘‘ปุริมตร’’นฺติ วุตฺตํ, ตโต ปภุติ ยํ ยํ โอรํ, ตํ ตํ ปรํ, ยํ ยํ ปรํ, ตํ ตํ ‘‘ปุริมตร’’นฺติ วุตฺตํ โหติ. กุตูหลยุตฺตา สาลา กุตูหลสาลา ยถา ‘‘อาชฺรโถ’’ติ. อิเม ทสฺสนาทโย.
อยถาภูตคุเณหีติ อยถาภูตํ มิจฺฉาทีปิตอตฺถมตฺเตเนว อุคฺโฆสิตคุเณหิ สมุคฺคโต โฆสิโต. ตรนฺติ อติกฺกมนฺติ เอเตนาติ ติตฺถํ, อคฺคมคฺโค. ทิฏฺิคติกมคฺโค ปน อยถาภูโตปิ เตสํ ตถา วิตรณํ อุปาทาย ติตฺถนฺติ โวหรียตีติ ตํ กโรนฺตา ติตฺถกรา. โอสรตีติ ปวิสติ.
๒๓๙. สหิตนฺติ ปุพฺพาปราวิรุทฺธํ. น กิฺจิ ชาตนฺติ ปฏิฺาโทสเหตุโทสอุทาหรณโทสทุฏฺโทสตาย น กิฺจิ ชาตํ. เตนาห ‘‘อาโรปิโต เต วาโท’’ติ. วทนฺติ เตน ปริภาสนฺตีติ วาโท โทโส. สภาวกฺโกเสนาติ สภาวโต ปวตฺตโกฏฺาเสน.
๒๔๐. ปีเฬยฺยาติ มธุภณฺเฑน สห ภาชเน ปีเฬตฺวา ทเทยฺย. สพฺรหฺมจารีหิ สมฺปโยเชตฺวาติ สหธมฺมิเกหิ วิเหนปโยคํ กตฺวา, เตนาห ‘‘วิวาทํ กตฺวา’’ติ.
๒๔๑. อิตรีตเรนาติ ปณีตโต อิตเรน. เตนาห ‘‘ลามกลามเกนา’’ติ.
๒๔๒. ภตฺตโกสเกนาติ ¶ โกสกภตฺเตน, ขุทฺทกสราวภตฺตเกนาติ อตฺโถ. เพลุวมตฺตภตฺตาหาราติ พิลฺลปมาณภตฺตโภชนา. โอฏฺวฏฺฏิยาติ มุขวฏฺฏิยา. สพฺพากาเรเนวาติ สพฺพปฺปกาเรเนว. อนปฺปาหาโรติ น วตฺตพฺโพ กทาจิ อปฺปาหาโรติ กตฺวา. ตตฺถ อติวิย อฺเหิ อวิสยฺหํ อปฺปาหารตํ ภควโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปธานภูมิย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. มยาติ นิสฺสกฺกวจนํ. วิเสสตราติ เตน ธมฺเมน วิเสสวนฺตตรา.
วตสมาทานวเสเนว ¶ ปํสุกูลํ ธาเรนฺตีติ ปํสุกูลิกาติ อาห – ‘‘สมาทินฺนปํสุกูลิกงฺคา’’ติ, สทฺทตฺโถ ปน ‘‘วิสุทฺธิมคฺเค’’ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๔) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. ปิณฺฑปาติกา สปทานจาริโนติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ ตตฺถ สตฺเถน ฉินฺทิตตฺตา สตฺถลูขานิ. ยํ ยํ สปฺปายํ, ตสฺเสว คหณํ อุจฺจินนฺติ อาห ‘‘อุจฺจินิตฺวา…เป… ถิรฏฺานเมว คเหตฺวา’’ติ. อลาพุโลมสานีติ อลาพุโลมานิ วิย สุขุมตรานิ จีวรสุตฺตํสูนิ เอเตสํ สนฺตีติ อลาพุโลมสานิ. ปาติตสาณปํสุกูลนฺติ กเฬวเรน สทฺธึ ฉฑฺฑิตสาณมยํ ปํสุกูลํ, ยํ ตุมฺพมตฺเต ปุฬเว โอธุนิตฺวา สตฺถา คณฺหิ.
‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๔๙) วุตฺตํ มธุกรภิกฺขาจารวตํ ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) วจนโต ภิกฺขูนํ ปกติภูตํ วตนฺติ วุตฺตํ ‘‘อฺุฉาสเก วเต รตา’’ติ. วต-สทฺโท เจตฺถ ปกติวตสงฺขาตํ สกวตํ วทติ. เตนาห ‘‘อฺุฉาจริยสงฺขาเต ภิกฺขูนํ ปกติวเต’’ติ. อุจฺจนีจฆรทฺวารฏฺายิโนติ มหนฺตขุทฺทกเคหานํ พหิทฺวารโกฏฺกฏฺายิโน. กพรมิสฺสกํ ภตฺตํ สํหริตฺวาติ กณาชกมิสฺสกํ ภตฺตํ สมฺปิณฺฑิตฺวา. อุมฺมารโต ปฏฺายาติ ฆรุมฺมารโต ปฏฺาย.
จีวรานุคฺคหตฺถนฺติ จีวรานุรกฺขณตฺถํ. เอตฺถ จ ยสฺมา พุทฺธา นาม สเทวเก โลเก อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ, สา จสฺส ปฺุกฺเขตฺตตา ปรมุกฺกํสคตา, ตสฺมา สตฺตานํ ตาทิสํ อุปการํ อาจิกฺขิตฺวา เต จ อนุคฺคณฺหนฺตา คหปติจีวรํ สาทิยนฺติ, จตุปจฺจยสนฺโตเส ปน เน ปรมุกฺกํสคตา เอวาติ ทฏฺพฺพํ.
๒๔๔. สปฺปจฺจยนฺติ สเหตุกํ สการณํ หุตฺวา ธมฺมํ เทเสตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. โจทโก ปน อธิปฺปายํ อชานนฺโต ‘‘กึ ปนา’’ติอาทิมาห. อิตโร ‘‘โน น เทเสตี’’ติอาทินา อธิปฺปายํ วิวรติ. นิทานนฺติ เจตฺถ าปกํ อุปฺปตฺติการณํ อธิปฺเปตํ, ตฺจ ตสฺส ตสฺส อนุปฺปตฺติยุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปฏิปกฺขหรณโต ‘‘สปฺปาฏิหาริย’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ปุริมสฺเสเวตํ ¶ เววจน’’นฺติ. ราคาทีนํ วา ปฏิหรณํ ปฏิหาริยํ, ตเทว ปาฏิหาริยํ, สห ปาฏิหาริเยนาติ สปฺปาฏิหาริยํ. ราคาทิปฏิเสธวเสเนว หิ สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ.
๒๔๕. ตสฺส ¶ ตสฺส ปฺหสฺสาติ ยํ ยํ ปฺหํ ปโร อภิสงฺขริตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส ปฺหสฺส. อุปริ อาคมนวาทปถนฺติ วิสฺสชฺชเน กเต ตโต อุปริ อาคจฺฉนกํ วาทมคฺคํ. วิเสเสตฺวา วทนฺโตติ วตฺตติ, ‘‘โภ โคตม, วตฺตุมรหตี’’ติ อตฺตโน วาทเภทนตฺถํ อาหตํ การณํ อตฺตโน มารณตฺถํ อาวุธํ นิทสฺเสนฺโต วิย วิเสเสตฺวา วทนฺโต ปหารเกน วจเนน. อนฺตรนฺตเรติ มยา วุจฺจมานกถาปพนฺธสฺส อนฺตรนฺตเร. ทเทยฺย วเทยฺย. เอวรูเปสุ าเนสูติ ปรวาทีหิ สทฺธึ วาทปฏิวาทฏฺาเนสุ. เต นิคฺคเหตุํ มยา เทสิตํ สุตฺตปทํ อาเนตฺวา มมเยว อนุสาสนึ โอวาทํ ปจฺจาสีสนฺติ.
๒๔๖. สมฺปาเทมีติ มโนรถํ สมฺปาเทมิ. ปริปูเรมีติ อชฺฌาสยํ ปริปูเรมิ. อธิสีเลติ อธิเก อุตฺตมสีเล. สาวกสีลโต จ ปจฺเจกพุทฺธสีลโต จ พุทฺธานํ สีลํ อธิกํ อุกฺกฏฺํ ปรมุกฺกํสโต อนฺสาธารณภาวโต. เตนาห ‘‘พุทฺธสีลํ นาม กถิต’’นฺติ. านุปฺปตฺติกปฺาติ ตตฺถ ตตฺถ านโส อุปฺปนฺนปฺา. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. อวเสสา ปฺาติ อิธ ปาฬิยํ อาคตา อนาคตา จ ยถาวุตฺตาณทฺวยวินิมุตฺตา ปฺา.
๒๔๗. วิเสสาธิคมานนฺติ สติปฏฺานาทีนํ อธิคนฺธพฺพวิเสสานํ. อภิฺา นาม ฉ อภิฺา, ตาสุ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ฉฬภิฺารหโตว อคฺคมคฺคปฺา อิธ อภิฺาติ อธิปฺเปตา, ตสฺส โวสานํ ปริโยสานํ ปารมี ปรมุกฺกํสาติ อวกํสาติ จ อคฺคผลํ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อภิฺา…เป… อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ.
อุปายปธาเนติ อริยผลาธิคมนสฺส อุปายภูเต ปธาเน. ‘‘อนุปฺปนฺนปาปกานุปฺปาทาทิอตฺถา’’ติ คหิตา ตเถว โหนฺติ, ตํ อตฺถํ สาเธนฺติเยวาติ เอตสฺส อตฺถสฺส ทีปโก สมฺมา-สทฺโทติ ยถาอธิปฺเปตตฺถสฺส อนุปฺปนฺนปาปกานุปฺปาทาทิโน อุปายภูเต, ปธานอุปายภูเตติ อตฺโถ. สมฺมา-สทฺทสฺส วา โยนิโส อตฺถทีปกตํ สนฺธาย ‘‘โยนิโส ปธาเน’’ติ วุตฺตํ. ฉนฺทํ ชเนตีติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทํ อุปฺปาเทติ ปวตฺเตติ วา. วายมตีติ ปโยคปรกฺกมํ กโรติ. วีริยํ อารภตีติ กายิกเจตสิกวีริยํ กโรติ. จิตฺตํ อุกฺขิปตีติ ¶ เตเนว สหชาตวีริเยน โกสชฺชปกฺขโต จิตฺตํ อุกฺขิปติ. ปทหตีติ สมฺมปฺปธานภูตํ วีริยํ ปวตฺเตติ. ปฏิปาฏิยา ปเนตานิ จตฺตาริ ปทานิ อาเสวนาภาวนาพหุลีกมฺมสาตจฺจกิริยาหิ ¶ โยเชตพฺพานิ. ‘‘ปทหตี’’ติ วา อิมินา อาเสวนาทีหิ สทฺธึ สิขาปตฺตํ อุสฺโสฬฺหิวีริยํ โยเชตพฺพํ. วฑฺฒิยา ปริปูรณตฺถนฺติ ยาวตา ภาวนาปาริปูริยา ปริปูรณตฺถํ. ยา ิตีติ ยา กุสลานํ ธมฺมานํ ปฏิปกฺขวิคเมน อวฏฺิติ. โส อสมฺโมโสติ โส อวินาโส. ยํ เวปุลฺลนฺติ โย สพฺพโส วิปุลภาโว มหนฺตตา. ภาวนาปาริปูรีติ ภาวนาย ปริปูริตา. อตฺโถติปิ เวทิตพฺพํ ปุริมปจฺฉิมปทานํ สมานตฺถภาวโต.
ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตาตํตํวิเสสาธิคมสฺส ปฏิปทาวิภาวนาย อารทฺธตฺตา. อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปชฺชเนน อนตฺถาวหตา นาม นตฺถีติ วุตฺตํ – ‘‘อุปฺปชฺชมานา’’ติ วจนํ อุปฺปนฺนานํ ราสนฺตรภาเวน คหิตตฺตา. ตถา กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปชฺชเนนาติ วุตฺตํ – อนุปฺปชฺชมานาติ วจนํ อุปฺปนฺนานํ ราสนฺตรภาเวน คหิตตฺตา. นิรุชฺฌมานาติ ปฏิปกฺขสมาโยเคน วินสฺสมานา, น ขณนิโรธวเสน นิรุชฺฌมานา.
โลภาทโย เวทิตพฺพา, เย อารทฺธวิปสฺสกานํ อุปฺปชฺชนารหา. สกึ อุปฺปชฺชิตฺวาติ สภาวกถนมตฺตเมตํ. เอกวารเมว หิ มคฺโค อุปฺปชฺชติ. นิรุชฺฌมาโนติ สรเสเนว นิรุชฺฌมาโน. น หิ ตสฺส ปฏิปกฺขสมาโยโค นาม อตฺถิ. ผลสฺสาติ อนนฺตรกาเลว อุปฺปชฺชนกผลสฺส. ปจฺจยํ ทตฺวาว นิรุชฺฌตีติ อิมินา มคฺโค สมฺปติ อายติฺจ เอกนฺเตเนว อตฺถาวโหติ ทสฺเสติ. ปุริมสฺมิมฺปีติ ‘‘อนุปฺปนฺนา เม กุสลา ธมฺมา อนุปฺปชฺชมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’’นฺติ เอตสฺมึ ตติยวาเรปิ. ‘‘สมถวิปสฺสนา คเหตพฺพา’’ติ วุตฺตํ อฏฺกถายํ, ตํ ปน มคฺคสฺส อนุปฺปนฺนตาย สพฺภาวโต, อนุปฺปชฺชมาเน จ ตสฺมึ วฏฺฏานตฺถสพฺภาวโตติ มคฺคสฺสปิ สาธารณภาวโต น ยุตฺตนฺติ ปฏิกฺขิปติ. ยทิ สมถวิปสฺสนานมฺปิ อนุปฺปตฺติ อนตฺถาวหา, มคฺคสฺส อนุปฺปตฺติยา วตฺตพฺพํ นตฺถีติ.
มหนฺตํ ¶ , คารวํ โหติ, ตสฺมา ‘‘สงฺฆคารเวน ยถารุจิ วนฺทิตุํ น ลภามี’’ติ สงฺเฆน สห น นิกฺขมิ. เอตฺตกํ ธาตูนํ นิธานํ นาม อฺตฺร นตฺถิ, มหาธาตุนิธานโต หิ นีหริตฺวา กติปยา ธาตุโย ตตฺถ ตตฺถ เจติเย อุปนีตา, อิธ ปน รามคามถูเป วินฏฺเ นาคภวนํ ปวิฏฺา โทณมตฺตา ธาตุโย อุปนีตา. อติมนฺทานิ โนติ นนุ อติวิย มนฺทานิ.
สํวิชฺชิตฺวาติ ‘‘กถฺหิ นาม มาทิโส อีทิสํ อนตฺถํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ สํเวคํ ชเนตฺวา. อีทิสํ นาม มาทิสํ อารพฺภ วตฺตพฺพนฺติ กึ วทตีติ ตํ วจนํ อนาทิยนฺโต.
สนฺตสมาปตฺติโต ¶ อฺํ สนฺถมฺภนการณํ พลวํ นตฺถีติ ตโต ปริหีโน สมฺมาปฏิปตฺติยํ ปติฏฺา กถํ ภวิสฺสตีติ อาห ‘‘สนฺตาย…เป… น สกฺโกตี’’ติ. น หิ มหารชฺชุยา ฉินฺนาย สุตฺตตนฺตู สนฺถมฺเภตุํ สกฺโกนฺตีติ. สมเถ ทสฺเสตฺวา เตน สมานคติกา อิมสฺมึ วิสเย วิปสฺสนาปีติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘เอวํ อุปฺปนฺนา สมถวิปสฺสนา…เป… สํวตฺตนฺตี’’ติ.
กาสาวนฺติ กาสาววตฺถํ. กจฺฉํ ปีเฬตฺวา นิวตฺถนฺติ ปจฺฉิมํ โอวฏฺฏิกํ ปีเฬนฺโต วิย ทฬฺหํ กตฺวา นิวตฺถํ อทฺทสํสูติ โยชนา.
วุตฺตนเยนาติ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๓๙๔) ‘‘กามา นาเมเต อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติอาทินา วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ อาทีนวทสฺสนปุพฺพกเนกฺขมฺมปฏิปตฺติยา ฉนฺทราคํ วิกฺขมฺภยโต สมุจฺฉินฺทนฺตสฺส จ ‘‘อนุปฺปนฺโน จ กามาสโว น อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา เหฏฺา สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕ อาทโย; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕ อาทโย) วุตฺตนเยน. อารมฺมณรสํ อนุภวิตฺวา นิรุทฺธวิปาโกติ ตทารมฺมณมาห. อนุภวิตฺวา ภวิตฺวา จ วิคตํ ภูตวิคตํ. อนุภูตภูตา หิ ภูตตาสามฺเน ภูต-สทฺเทน วุตฺตา. สามฺเมว หิ อุปสคฺเคน วิเสสียตีติ. อนุภูตสทฺโท จ กมฺมวจนิจฺฉาย อภาวโต อนุภวกวาจโก ทฏฺพฺโพ. วิปาโก อารมฺมเณ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺโธ ภุตฺวาวิคโตติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ¶ วิกปฺปคาหวเสน ราคาทีหิ ตพฺพิปกฺเขหิ จ อกุสลํ กุสลฺจ กมฺมํ อารมฺมณรสํ อนุภวิตฺวา วิคตนฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ยถาวุตฺโต ปน วิปาโก เกวลํ อารมฺมณรสานุภวนวเสเนว ปวตฺตตีติ อนุภวิตฺวา วิคตตฺตา นิปฺปริยาเยเนว วุตฺโต, ตสฺส จ ตถา วุตฺตตฺตา กมฺมํ ภวิตฺวา วิคตปริยาเยน, ยํ ‘‘อุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ิติยา’’ติ เอตฺถ ‘‘อุปฺปนฺน’’นฺติ คเหตฺวา ตํสทิสานํ ปหานํ, วุทฺธิ จ วุตฺตา. วิปจฺจิตุํ โอกาสกรณวเสน อุปฺปติตํ อตีตกมฺมฺจ ตโต อุปฺปชฺชิตุํ อารทฺโธ อนาคโต วิปาโก จ ‘‘โอกาสกตุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺโต. ยํ อุปฺปนฺนสทฺเทน วินาปิ วิฺายมานํ อุปฺปนฺนํ สนฺธาย ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, สฺเจตนิกาน’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๒๑๗, ๒๑๙) วุตฺตํ.
เตสูติ วิปสฺสนาย ภูมิภูเตสุ ขนฺเธสุ. อนุสยิตกิเลสาติ อนุสยวเสน ปวตฺตา อปฺปหีนา มคฺเคน ปหาตพฺพา กิเลสา อธิปฺเปตา. เตนาห ‘‘อตีตา…เป… น วตฺตพฺพา’’ติ. เตสฺหิ อมฺพรุกฺโขปมาย วตฺตมานาทิตา น วตฺตพฺพา มคฺเคน ปหาตพฺพานํ ตาทิสสฺส วิภาคสฺส อนุปฺปชฺชนโต. อปฺปหีนาว โหนฺตีติ อิมินา อปฺปหีนฏฺเน อนุสยฏฺโติ ทสฺเสติ. อิทํ ¶ ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นามาติ อิทํ เตสุ ขนฺเธสุ อุปฺปตฺติรหกิเลสชาตํ ตาย เอว อุปฺปตฺติรหตาย ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นาม, เตภูมกภูมิลทฺธา นาม โหตีติ อตฺโถ. ตาสุ ตาสุ ภูมีสูติ มนุสฺสเทวาทิอตฺตภาวสงฺขาเตสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ. ตสฺมึ ตสฺมึ สนฺตาเน อนุปฺปตฺติอนาปาทิตตาย อสมุคฺฆาติตา. เอตฺถ จ ลทฺธภูมิกํ ภูมิลทฺธนฺติ วุตฺตํ อคฺคิอาหิโต วิย.
โอกาสกตุปฺปนฺน-สทฺเทปิ จ โอกาโส กโต เอเตนาติ โอกาโส กโต เอตสฺสาติ จ อตฺถทฺวเยปิ กต-สทฺทสฺส ปรนิปาโต ทฏฺพฺโพ. อาหตขีรรุกฺโข วิย นิมิตฺตคฺคาหวเสน อธิคฺคหิตํ อารมฺมณํ, อนาหตขีรรุกฺโข วิย อวิกฺขมฺภิตตาย อนฺโตคธกิเลสํ อารมฺมณํ. นิมิตฺตคฺคาหกาวิกฺขมฺภิตกิเลสา วา ปุคฺคลา อาหตานาหตขีรรุกฺขสทิสา. ปุริมนเยเนวาติ อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺเน วิย ‘‘อิมสฺมึ นาม าเน นุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพา. กสฺมา? อสมุคฺฆาติตตฺตา’’ติ โยเชตฺวา วิตฺถาเรตพฺพํ.
วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทามคฺเค. ตตฺถ จ มคฺเคน ปหีนกิเลสานเมว ติธา นวตฺตพฺพตํ อปากฏํ สุปากฏํ กาตุํ อชาตผลรุกฺโข อุปมาภาเวน อาคโต ¶ . อตีตาทีนํ อปฺปหีนตา ทสฺสนตฺถมฺปิ ‘‘ชาตผลรุกฺเขน ทีเปตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา อจฺฉินฺเน รุกฺเข นิพฺพตฺตารหานิ ผลานิ ฉินฺเน อนุปฺปชฺชมานานิ น กทาจิ สสภาวานิ อเหสุํ โหนฺติ ภวิสฺสนฺติ จาติ ตานิ อตีตาทิภาเวน น วตฺตพฺพานิ, เอวํ มคฺเคน ปหีนกิเลสา จ ทฏฺพฺพา. ยถา เฉเท อสติ ผลานิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, สติ จ นุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ เฉทสฺส สาตฺถกตา, เอวํ มคฺคภาวนาย จ สาตฺถกตา โยเชตพฺพา.
เตปิ ปชหติเยว กิเลสปฺปหาเนเนว เตสมฺปิ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนโต. อภิสงฺขารวิฺาณสฺสาติ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส. อุปาทินฺนอนุปาทินฺนโตติ อุปาทินฺนขนฺธโต เจว กิเลสโต จ. อุปปตฺติวเสน วุฏฺานํ ทสฺเสตุมาห – ‘‘ภววเสน ปนา’’ติอาทิ. เย โสตาปนฺนสฺส สตฺต ภวา อปฺปหีนา, ตโต ปฺจ เปตฺวา อิตเร ทฺเว ‘‘สุคติภเวกเทสา’’ติ อธิปฺเปตา. สุคติกามภวโตติ สุคติภเวกเทสภูตกามภวโต. อรหตฺตมคฺโค รูปารูปภวโต วุฏฺาติ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนสมุคฺฆาตภาวโต. ยทิ อรหตฺตมคฺโค เอว อริยมคฺโค สิยา, โส เอว สพฺพกิเลเส ปชเหยฺย, สพฺพภเวหิปิ วุฏฺเหยฺย. ยสฺมา ปน โอธิโสว กิเลสา ปหียนฺติ, ตสฺมา เหฏฺิมเหฏฺิมมคฺเคหิ ปหีนาวเสเส กิเลเส โส ปชหติ, อิติ อิมํ สามตฺถิยํ สนฺธาย ¶ ‘‘สพฺพภเวหิ วุฏฺาติเยวาติปิ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ โส เอว ‘‘วชิรูปโม’’ติ วุตฺโต.
โหตุ ตาว วุตฺตนเยน อนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนสทิสานํ ปหานาย อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนาย มคฺคภาวนา, อถ มคฺคกฺขเณ กถํ อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนานฺจ ิติยา ภาวนา โหติ เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา ตสฺสาติ โจเทติ, อิตโร ‘‘มคฺคปฺปวตฺติยาเยวา’’ติ ปริหารมาห. มคฺโค หิ กามฺเจกจิตฺตกฺขณิโก, ตถารูโป ปนสฺส ปวตฺติวิเสโส, ยํ อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา สาติสยํ อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ สวิเสสํ ปาริปูรึ ปาปุณนฺติ. เตนาห ‘‘มคฺโค หี’’ติอาทิ. กิฺจาปิ อริยมคฺโค วตฺตมานกฺขเณ อนุปฺปนฺโน นาม น โหติ, อนุปฺปนฺนปุพฺพตํ อุปาทาย อุปจารวเสน ตถา วุจฺจตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนาคตปุพฺพํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยเมวาติ อยํ มคฺคสฺส ยถาปจฺจยปวตฺติ ¶ เอว ิติ นามาติ, มคฺคสมงฺคี ปุคฺคโล มคฺคมฺปิ ภาเวนฺโต เอว ตสฺส ิติยา ภาเวตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
อุปสมมานํ คจฺฉตีติ วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน กิเลเส อุปสเมนฺตํ วตฺตติ. ปุพฺพภาคินฺทฺริยานิ เอว วา อธิปฺเปตานิ. เตเนวาห ‘‘กิเลสูปสมตฺถํ วา คจฺฉตี’’ติ.
๒๔๘. อธิมุจฺจนฏฺเนาติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๒๙; อ. นิ. ฏี. ๓.๘.๖๖) อธิกํ สวิเสสํ มุจฺจนฏฺเน, เตนาห ‘‘สุฏฺุ มุจฺจนฏฺโ’’ติ. เอเตน สติปิ สพฺพสฺสปิ รูปาวจรชฺฌานสฺส วิกฺขมฺภนวเสน ปฏิปกฺขโต วิมุตฺตภาเว เยน ภาวนาวิเสเสน ตํ ฌานํ สาติสยํ ปฏิปกฺขโต วิมุจฺจิตฺวา ปวตฺตติ, โส ภาวนาวิเสโส ทีปิโต. ภวติ หิ สมานชาติยุตฺโตปิ ภาวนาวิเสเสน ปวตฺติอาการวิเสโส. ยถา ตํ สทฺธาวิมุตฺตโต ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส, ตถา ปจฺจนีกธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตาย เอว อนิคฺคหิตภาเวน นิราสงฺกตาย อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺเนปิ วิโมกฺโข. เตนาห ‘‘อารมฺมเณ จา’’ติอาทิ. อยํ ปนตฺโถติ อยํ อธิมุจฺจนตฺโถ ปจฺฉิมวิโมกฺเข นิโรเธ นตฺถิ. เกวโล วิมุตฺตตฺโถ เอว ตตฺถ ลพฺภติ, ตํ สยเมว ปรโต วกฺขติ.
รูปีติ เยนายํ สสนฺตติปริยาปนฺเนน รูเปน สมนฺนาคโต, ตํ ยสฺส ฌานสฺส เหตุภาเวน วิสิฏฺํ รูปํ โหติ. เยน วิสิฏฺเน รูเปน ‘‘รูปี’’ติ วุจฺเจยฺย รูปี-สทฺทสฺส อติสยตฺถทีปนโต, ตเทว สสนฺตติปริยาปนฺนรูปนิมิตฺตํ ฌานมิว ปรมตฺถโต รูปีภาวสาธกนฺติ ¶ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ. รูปชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปน. รูปานีติ ปเนตฺถ ปุริมปทโลโป ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘นีลกสิณาทีนิ รูปานี’’ติ.
อนฺโตอปฺปนายํ สุภนฺติ อาโภโค นตฺถีติ อิมินา ปุพฺพาโภควเสน อธิมุตฺติ สิยาติ ทสฺเสติ. เอวฺเหตฺถ ตถาวตฺตพฺพตาปตฺติโจทนา อนวกาสา โหติ. ยสฺมา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ตตฺถ กตาธิการานํ อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุตฺติ สิยา, ตสฺมา อฏฺกถายํ ตถา ตติโย วิโมกฺโข สํวณฺณิโต. ยสฺมา ปน เมตฺตาทิวเสน ปวตฺตมานา ภาวนา สตฺเต อปฺปฏิกูลโต ทหติ, ¶ เต สุภโต อธิมุจฺจิตฺวาว ปวตฺตติ, ตสฺมา ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๒) พฺรหฺมวิหารภาวนา ‘‘สุภวิโมกฺโข’’ติ วุตฺตา, ตยิทํ อุภยมฺปิ เตน เตน ปริยาเยน วุตฺตตฺตา น วิรุชฺฌตีติ ทฏฺพฺพํ.
สพฺพโสติ อนวเสสโต. น หิ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ เอกเทโสปิ ตตฺถ อวสิฏฺโติ. วิสฺสฏฺตฺตาติ ยถาปริจฺฉินฺเน กาเล นิโรธิตตฺตา. อุตฺตโม วิโมกฺโข นาม อริเยเหว สมาปชฺชิตพฺพโต, อริยผลปริโยสานตฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺติภาวโต จ.
๒๔๙. อภิภวตีติ อภิภุ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๓; อ. นิ. ฏี. ๓.๖.๖๑-๖๕) ปริกมฺมํ, าณํ วา. อภิภุ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ, ฌานํ. อภิภวิตพฺพํ วา อารมฺมณสงฺขาตํ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ, ฌานํ. อารมฺมณาภิภวนโต อภิภุ จ ตํ อายตนฺจ โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิฏฺานภาวโต มนายตนธมฺมายตนภาวโต จาติปิ สสมฺปยุตฺตํ ฌานํ อภิภายตนํ. เตนาห ‘‘อภิภวนการณานี’’ติอาทิ. ตานีติ อภิภายตนสฺิตานิ ฌานานิ. สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส อาโภโค ปุพฺพภาคภาวนาวเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตํ อภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ปริกมฺมวเสน อชฺฌตฺตํ รูปสฺี, น อปฺปนาวเสน. น หิ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณา อปฺปนา อชฺฌตฺตวิสยา สมฺภวติ. ตํ ปน อชฺฌตฺต ปริกมฺมวเสน ลทฺธํ กสิณนิมิตฺตํ อสุวิสุทฺธเมว โหติ, น พหิทฺธา ปริกมฺมวเสน ลทฺธํ วิย วิสุทฺธํ.
ปริตฺตานีติ ยถาลทฺธานิ สุปฺปสราวมตฺตานิ. เตนาห ‘‘อวฑฺฒิตานี’’ติ. ปริตฺตวเสเนวาติ วณฺณวเสน อาโภเค วิชฺชมาเนปิ ปริตฺตวเสเนว อิทมภิภายตนํ วุตฺตํ. ปริตฺตตา เหตฺถ อภิภวนสฺส การณํ. วณฺณาโภเค สติปิ อสติปิ อภิภายตนภาวนา นาม ติกฺขปฺสฺเสว สมฺภวติ, น อิตรสฺสาติ ‘‘าณุตฺตริโก ปุคฺคโล’’ติ. อภิภวิตฺวา สมาปชฺชตีติ ¶ เอตฺถ อภิภวนํ สมาปชฺชนฺจ อุปจารชฺฌานาธิคมสมนนฺตรเมว อปฺปนาฌานุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ. สห นิมิตฺตุปฺปาเทนาติ จ อปฺปนาปริวาสาภาวสฺส ลกฺขณวจนเมตํ. โย ‘‘ขิปฺปาภิฺโ’’ติ วุจฺจติ ¶ , ตโตปิ าณุตฺตรสฺเสว อภิภายตนภาวนา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ นิมิตฺเต. อปฺปนํ ปาเปตีติ ภาวนา อปฺปนํ เนติ.
เอตฺถ จ เกจิ ‘‘อุปฺปนฺเน อุปจารชฺฌาเน ตํ อารพฺภ เย เหฏฺิมนฺเตน ทฺเว ตโย ชวนวารา ปวตฺตนฺติ, เต อุปจารชฺฌาน ปกฺขิกา เอว, ตทนนฺตรฺจ ภวงฺคปริวาเสน อุปจาราเสวนาย จ วินา อปฺปนา โหติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนว อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. น หิ ปาริวาสิกปริกมฺเมน อปฺปนาวาโร อิจฺฉิโต, นาปิ มหคฺคตปฺปมาณชฺฌาเนสุ วิย อุปจารชฺฌาเน เอกนฺตโต ปจฺจเวกฺขณา อิจฺฉิตพฺพา, ตสฺมา อุปจารชฺฌานาธิคมโต ปรํ กติปยภวงฺคจิตฺตาวสาเน อปฺปนํ ปาปุณนฺโต ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วุตฺโต. ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทนา’’ติ จ อธิปฺปายิกมิทํ วจนํ, น นีตตฺถํ, อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
น อนฺโตสมาปตฺติยํ ตทา ตถารูปสฺส อาโภคสฺส อสมฺภวโต, สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส อาโภโค ปุพฺพภาคภาวนาวเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตํ อภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) ปน ‘‘อิมินา ปนสฺส ปุพฺพภาโค กถิโต’’ติ วุตฺตํ. อนฺโตสมาปตฺติยํ ตถา อาโภคาภาเว กสฺมา ‘‘ฌานสฺายปี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อภิภว…เป… อตฺถี’’ติ.
วฑฺฒิตปฺปมาณานีติ วิปุลปฺปมาณานีติ อตฺโถ, น เอกงฺคุลทฺวงฺคุลาทิวเสน วฑฺฒิตปฺปมาณานีติ ตถา วฑฺฒนสฺเสเวตฺถ อสมฺภวโต. เตนาห ‘‘มหนฺตานี’’ติ.
รูเป สฺา รูปสฺา, สา อสฺส อตฺถีติ รูปสฺี, น รูปสฺี อรูปสฺี. สฺาสีเสน ฌานํ วทติ. รูปสฺาย อนุปฺปาทนเมเวตฺถ อลาภิตา. พหิทฺธาว อุปฺปนฺนนฺติ พหิทฺธาวตฺถุสฺมึเยว อุปฺปนฺนํ. อภิธมฺเม ปน ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอวํ จตุนฺนํ อภิภายตนานํ อาคตตฺตา อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) ‘‘กสฺมา ปน ยถา สุตฺตนฺเต – ‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานี’ติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา ¶ อิธ จตูสุปิ อภิภายตเนสุ อชฺฌตฺตํ ¶ อรูปสฺิตาว วุตฺตา’’ติ โจทนํ กตฺวา ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ การณํ วตฺวา ‘‘ตตฺถ วา หิ อิธ วา พหิทฺธารูปาเนว อภิภวิตพฺพานิ, ตสฺมา ตานิ นิยมโต วตฺตพฺพานีติ ตตฺราปิ อิธาปิ วุตฺตานิ. ‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี’ติ อิทํ ปน สตฺถุ เทสนาวิลาสมตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํ.
เอตฺถ จ วณฺณาโภครหิตานิ สหิตานิ จ สพฺพานิ ‘‘ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วุตฺตานิ, ตถา ‘‘อปฺปมาณานี’’ติ ทฏฺพฺพานิ. อตฺถิ หิ เอโส ปริยาโย ‘‘ปริตฺตานิ อภิภุยฺย ตานิ เจ กทาจิ วณฺณวเสน อาภุชิตานิ โหนฺติ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ อภิภุยฺยา’’ติ. ปริยายกถา หิ สุตฺตนฺตเทสนาติ. อภิธมฺเม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วณฺณาโภครหิตานิ วิสุํ วุตฺตานิ, ตถา สหิตานิ. อตฺถิ หิ อุภยตฺถ อภิภวนปริยาโยติ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติอาทินา ปมทุติยอภิภายตเนสุ ปมวิโมกฺโข, ตติยจตุตฺถาภิภายตเนสุ ทุติยวิโมกฺโข, วณฺณาภิภายตเนสุ ตติยวิโมกฺโข จ อภิภวนปฺปวตฺติโต สงฺคหิโต, อภิธมฺเม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขาภิภายตนานิ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ วิโมกฺเข วชฺเชตฺวา อภิภายตนานิ กถิตานิ, สพฺพานิ จ วิโมกฺขกิจฺจานิ ฌานานิ วิโมกฺขเทสนายํ วุตฺตานิ. ตเทตํ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติ อาคตสฺส อภิภายตนทฺวยสฺส อภิธมฺเม อภิภายตเนสุ อวจนโต ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนฺจ สพฺพวิโมกฺขกิจฺจสาธารณวจนภาวโต ววตฺถานํ กตนฺติ วิฺายติ.
‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ อิทํ อภิธมฺเม กตฺถจิปิ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปานิ ปสฺสตี’’ติ อวตฺวา สพฺพตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘พหิทฺธารูปานิ ปสฺสตี’’ติ, ตสฺส การณวจนํ. เตน ยํ อฺเหตุกํ, ตํ เตน เหตุนา วุตฺตํ, ยํ ปน เทสนาวิลาสเหตุกํ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาย เอว อภิธมฺเม วจนํ, น ตสฺส อฺํ การณํ มคฺคิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียตา จ เตสํ พหิทฺธารูปานํ วิย อวิภูตตฺตา, เทสนาวิลาโส จ ยถาวุตฺตววตฺถานวเสน เวทิตพฺโพ, เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน วิชฺชมานปริยายกถนภาวโต. ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอเตเนว สิทฺธตฺตา นีลาทิอภิภายตนานิ น วตฺตพฺพานีติ เจ? น, นีลาทีสุ ¶ กตาธิการานํ นีลาทิภาวสฺเสว อภิภวนการณตฺตา. น หิ เตสํ ปริสุทฺธาปริสุทฺธวณฺณานํ ปริตฺตตา ตทปฺปมาณตา วา อภิภวนการณํ, อถ โข นีลาทิภาโว เอวาติ. เอเตสุ จ ปริตฺตาทิกสิณรูเปสุ ยํ จริตสฺส อิมานิ อภิภายตนานิ อิชฺฌนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สพฺพสงฺคาหิกวเสนาติ ¶ สกลนีลวณฺณนีลนิทสฺสนนีลนิภาสานํ สาธารณวเสน. วณฺณวเสนาติ สภาววณฺณวเสน. นิทสฺสนวเสนาติ ปสฺสิตพฺพตาวเสน. โอภาสวเสนาติ สปฺปภาสตาย อวภาสนวเสน. อุมาปุปฺผนฺติ อตสิปุปฺผํ. นีลเมว โหติ วณฺณสงฺกราภาวโต. พาราณสิยํ ภวนฺติ พาราณสิยํ สมุฏฺิตํ.
เต ธมฺเมติ เต สติปฏฺานาทิธมฺเม เจว อฏฺวิโมกฺขธมฺเม จ. จิณฺณวสีภาวาเยว ตตฺถ อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ปริโยสานุตฺตรํ สตํ คตา อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺตา.
๒๕๐. สกลฏฺเนาติ (ที. นิ. ฏี. ๓.๓๔๖; อ. นิ. ฏี. ๓.๑๐.๒๕) สกลภาเวน, อสุภนิมิตฺตาทีสุ วิย เอกเทเส อฏฺตฺวา อนวเสสโต คเหตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. ยถา เขตฺตํ สสฺสานํ อุปฺปตฺติฏฺานํ วฑฺฒิฏฺานฺจ, เอวเมว ตํตํสมฺปยุตฺตธมฺมานนฺติ อาห ‘‘เขตฺตฏฺเนา’’ติ. ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ อิทํ อุทฺธํ อโธ ติริยนฺติ โยเชตพฺพํ. ปริจฺฉินฺทิตฺวา เอว หิ สพฺพตฺถ กสิณํ วฑฺเฒตพฺพํ. เตน เตน การเณนาติ อุปริอาทีสุ เตน เตน กสิเณน. ยถา กินฺติ อาห – ‘‘อาโลกมิว รูปทสฺสนกาโม’’ติ, ยถา ทิพฺพจกฺขุนา อุทฺธํ เจ รูปํ ทฏฺุกาโม, อุทฺธํ อาโลกํ ปสาเรติ, อโธ เจ, อโธ, สมนฺตโต เจ รูปํ ทฏฺุกาโม, สมนฺตโต อาโลกํ ปสาเรติ, เอวํ สพฺพกสิณนฺติ อตฺโถ. เอกสฺสาติ ปถวีกสิณาทีสุ เอเกกสฺส. อฺภาวานุปคมนตฺถนฺติ อฺกสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ, อฺสฺส วา กสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ. น หิ อฺเน ปสาริตกสิณํ ตโต อฺเน ปสาริตกสิณภาวํ อุปคจฺฉติ, เอวมฺปิ เนสํ อฺกสิณสมฺเภทาภาโว เวทิตพฺโพ. น อฺํ ปถวีอาทิ. น หิ อุทเกน ิตฏฺาเน สสมฺภารปถวี อตฺถิ. อฺกสิณสมฺเภโทติ อาโปกสิณาทินา สงฺกโร ¶ . สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ เสสกสิเณสุ. เอกเทเส อฏฺตฺวา อนวเสสผรณํ ปมาณสฺส อคฺคหณโต อปฺปมาณํ. เตเนว หิ เนสํ กสิณสมฺา. ตถา หิ ‘‘ตฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เจตสา ผรนฺโตติ ภาวนาจิตฺเตน อารมฺมณํ กโรนฺโต. ภาวนาจิตฺตฺหิ กสิณํ ปริตฺตํ วา วิปุลํ วา สกลเมว มนสิ กโรติ.
กสิณุคฺฆาฏิมากาเส ปวตฺตํ วิฺาณํ ผรณอปฺปมาณวเสน ‘‘วิฺาณกสิณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ ตํ ‘‘วิฺาณ’’นฺติ วุจฺจติ. กสิณวเสนาติ อุคฺฆาฏิตกสิณวเสน กสิณุคฺฆาฏิมากาเส อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา. ยตฺตกฺหิ านํ กสิณํ ปสาริตํ, ตตฺตกํ อากาสภาวนาวเสน อากาสํ โหตีติ. เอวํ ยตฺตกํ านํ อากาสํ หุตฺวา อุปฏฺิตํ, ตตฺตกํ อากาสเมว หุตฺวา วิฺาณสฺส ปวตฺตนโต อาคมนวเสน วิฺาณกสิเณปิ อุทฺธํอโธติริยตา ¶ วุตฺตาติ ‘‘กสิณุคฺฆาฏิมากาสวเสน ตตฺถ ปวตฺตวิฺาเณ อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา’’ติ อาห.
๒๕๒. วุตฺโตเยว วมฺมิกสุตฺเต. นิสฺสิตฺจ ฉวตฺถุนิสฺสิตตฺตา วิปสฺสนาาณสฺส. ปฏิพทฺธฺจ เตน วินา อปฺปวตฺตนโต กายสฺิตานํ รูปธมฺมานํ อารมฺมณกรณโต จ. สุฏฺุ ภาติ โอภาสตีติ วา สุโภ. กุรุวินฺทชาติอาทิชาติวิเสโสปิ มณิ อากรปาริสุทฺธิมูลโก เอวาติ อาห ‘‘สุปริสุทฺธอากรสมุฏฺิโต’’ติ. โทสนีหรณวเสน ปริกมฺมนิปฺผตฺตีติ อาห ‘‘สุฏฺุ กตปริกมฺโม อปนีตปาสาณสกฺขโร’’ติ. โธวนเวธนาทีหีติ จตูสุ ปาสาเณสุ โธวเนน เจว กาฬกาทิอปหรณตฺถาย สุตฺเตน อาวุนนตฺถาย จ วิชฺฌเนน. ตาปสณฺหกรณาทีนํ สงฺคโห อาทิ-สทฺเทน. วณฺณสมฺปตฺตินฺติ สุตฺตสฺส วณฺณสมฺปตฺตึ.
มณิ วิย กรชกาโย ปจฺจเวกฺขิตพฺพโต. อาวุตสุตฺตํ วิย วิปสฺสนาาณํ อนุปวิสิตฺวา ิตตฺตา. จกฺขุมา ปุริโส วิย วิปสฺสนาลาภี ภิกฺขุ สมฺมเทว ตสฺส ทสฺสนโต. ตทารมฺมณานนฺติ รูปธมฺมารมฺมณานํ. ผสฺสปฺจมกจิตฺตเจตสิกคฺคหเณน คหิตธมฺมาปิ วิปสฺสนาจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนา เอวาติ เวทิตพฺพํ. เอวฺหิ เตสํ วิปสฺสนาาณคติกตฺตา ‘‘อาวุตสุตฺตํ วิย วิปสฺสนาาณ’’นฺติ วจนํ อวิโรธิตํ โหติ.
าณสฺสาติ ¶ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส. ยทิ เอวํ าณสฺส วเสน วตฺตพฺพํ, น ปุคฺคลสฺสาติ อาห ‘‘ตสฺส ปนา’’ติอาทิ. มคฺคสฺส อนนฺตรํ, ตสฺมา โลกิยาภิฺานํ ปรโต ฉฏฺาภิฺาย ปุรโต วตฺตพฺพํ วิปสฺสนาาณํ. เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปายํ าณานุปุพฺพฏฺิติ, เอวํ สนฺเตปิ เอตสฺส อนฺตรา วาโร นตฺถีติ ปฺจสุ โลกิยาภิฺาสุ กถิตาสุ อากงฺเขยฺยสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๔ อาทโย) วิย ฉฏฺาภิฺา กเถตพฺพาติ เอตสฺส อนภิฺาลกฺขณสฺส วิปสฺสนาาณสฺส ตาสํ อนฺตรา วาโร น โหติ, ตสฺมา ตตฺถ อวสราภาวโต อิเธว รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานานนฺตรเมว ทสฺสิตํ วิปสฺสนาาณํ. ยสฺมา จาติ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน น เกวลํ ตเทว, อถ โข อิทมฺปิ การณํ วิปสฺสนาาณสฺส อิเธว ทสฺสเนติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ทิพฺเพน จกฺขุนา เภรวรูปํ ปสฺสโตติ เอตฺถ อิทฺธิวิธาเณน เภรวํ รูปํ นิมฺมินิตฺวา จกฺขุนา ปสฺสโตติ วตฺตพฺพํ, เอวมฺปิ อภิฺาลาภิโน อปริฺาณวตฺถุกสฺส ภยสนฺตาโส อุปฺปชฺชติ อุจฺจวาลิกวาสีมหานาคตฺเถรสฺส วิย. อิธาปีติ อิมสฺมึ วิปสฺสนาาเณปิ, น สติปฏฺานาทีสุ เอวาติ อธิปฺปาโย.
๒๕๓. มโนมยิทฺธิยํ ¶ จิณฺณวสิตาย อภิฺา โวสานปารมิปฺปตฺตตา เวทิตพฺพาติ โยชนา. มเนน นิพฺพตฺตนฺติ อภิฺามเนน นิพฺพตฺติตํ. ตํ สทิสภาวทสฺสนตฺถเมวาติ สณฺานโตปิ วณฺณโตปิ อวยววิเสสโตปิ สทิสภาวทสฺสนตฺถเมว. สชาติยํ ิโต, น นาคิทฺธิยา อฺชาติรูโป. สุปริกมฺมกตมตฺติกาทโย วิย อิทฺธิวิธาณํ วิกุพฺพนกิริยาย นิสฺสยภาวโต.
๒๕๕. อปฺปกสิเรเนวาติ อกิจฺเฉเนว.
๒๕๖. มนฺโท อุตฺตานเสยฺยกทารโกปิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ วุตฺตํ. ยุวาปิ โกจิ อนิจฺฉนโต อมณฺฑนสีโล โหตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘มณฺฑนกชาติโก’’ติ วุตฺตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยุวาปี’’ติอาทิ. กาฬติลปฺปมาณา พินฺทโว กาฬติลกานิ. นาติกมฺมาสติลปฺปมาณา พินฺทโว ติลกานิ. วงฺกํ นาม ปิยงฺคํ. โยพฺพนปีฬกาทโย มุขทูสิปีฬกา. มุขคโต โทโส มุขโทโส, ลกฺขณวจนฺเจตํ มุเข อโทสสฺสปิ ปากฏภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา ¶ . ยถา วา มุเข โทโส, เอวํ มุเข อโทโสปิ มุขโทโส สรโลเปน, มุขโทโส จ มุขโทโส จ มุขโทโสติ เอกเสสนเยนเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ ปเรสํ โสฬสวิธํ จิตฺตํ ปากฏํ โหตีติ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ.
๒๕๙. ปฏิปทาวเสนาติ ยถารหํ สมถวิปสฺสนามคฺคปฏิปทาวเสน. อฏฺสุ โกฏฺาเสสูติ สติปฏฺานาทีสุ โพธิปกฺขิยธมฺมโกฏฺาเสสุ, วิโมกฺขโกฏฺาเสสุ วาติ อิเมสุ อฏฺสุ โกฏฺาเสสุ. เสเสสูติ วุตฺตาวเสเสสุ อภิภายตนโกฏฺาสาทีสุ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. สมณมุณฺฑิกาปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๖๐. อุคฺคหิตุนฺติ ¶ สิกฺขิตุํ. อุคฺคาเหตุนฺติ สิกฺขาเปตุํ, ปาโต อตฺตนา ยถาอุคฺคหิตมตฺถํ ตพฺพิภาวนตฺถาย อุจฺจารณวเสน ปเรสํ คาเหตุนฺติ อตฺโถ. สมยนฺติ ทิฏฺึ. สา หิ สํโยชนภาวโต สเมติ สมฺพนฺธา เอติ ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา สํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโยติ วุจฺจติ. ทิฏฺิสํโยชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺตีติ. สูริยสฺส อุคฺคมนโต อตฺถงฺคมา อยํ เอตฺตโก กาโล รตฺตนฺธการวิธมนโต ทิวา นาม, ตสฺส ปน มชฺฌิมปหารสฺิโต กาโล สมุชฺชลิตปภาเตชทหนภาเวน ทิวา นาม. เตนาห ‘‘ทิวสสฺสปิ ทิวาภูเต’’ติ. ปฏิสํหริตฺวาติ นิวตฺเตตฺวา. เอวํ จิตฺตสฺส ปฏิสํหรณํ นาม โคจรกฺเขตฺเต ปนนฺติ อาห ‘‘ฌานรติเสวนวเสน เอกีภาวํ คโต’’ติ. เอเตน กายวิเวกปุพฺพกํ จิตฺตวิเวกมาห. สีลาทิคุณวิเสสโยคโต มนสา สมฺภาวนียา, เต ปน ยสฺมา อตฺตโน สีลาทิคุเณหิ วิฺูนํ มนาปา โหนฺติ (กิเลสอนิคฺคหสฺส ปฺจปสาทายตฺตตฺตา,) ตสฺมา อาห ‘‘มนวฑฺฒนกาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อุนฺนมตีติ อุทคฺคํ โหติ. วฑฺฒตีติ สทฺธาวเสน วฑฺฒติ. เตนาห ภควา – ‘‘อนุสฺสรณมฺปหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติ (อิติวุ. ๑๐๔; สํ. นิ. ๕.๑๘๔).
๒๖๑. ปฺเปมีติ ¶ ปชานนภาเวน าเปมิ ตถา ววตฺถเปมิ. เตนาห ‘‘ทสฺเสมิ เปมี’’ติ. ปริปุณฺณกุสลนฺติ สพฺพโส ปุณฺณกุสลธมฺมํ, อุตฺตมกุสลนฺติ อุตฺตมภาวํ เสฏฺภาวํ ปตฺตกุสลธมฺมํ. อโยชฺฌนฺติ วาทยุทฺเธน อโยธนียํ, วาทยุทฺธํ โหตุ, เตน ปราชโย น โหตีติ ทสฺเสติ, เตนาห ‘‘วาทยุทฺเธนา’’ติอาทิ. สํวรปฺปหานนฺติ ปฺจสุ สํวเรสุ เยน เกนจิ สํวเรน สํวรลกฺขณํ ปหานํ. ปฏิเสวนปฺปหานํ วาติ วา-สทฺเทน ปริวชฺชนปฺปหานาทึ สงฺคณฺหาติ. เสสปเทสูติ ‘‘น ภาสตี’’ติอาทีสุ ปเทสุ. เอเสว นโยติ อิมินา ‘‘อภาสนมตฺตเมว วทตี’’ติ เอวมาทึ อติทิสติ.
นาภินนฺทีติ น สมฺปฏิจฺฉิ. สาสเน ติณฺณํ ทุจฺจริตานํ มิจฺฉาชีวสฺส วิวชฺชนํ วณฺณียติ, อยฺจ เอวํ กเถติ, ตสฺมา สาสนสฺส อนุโลมํ วิย วทติ, วทนฺโต จ สมฺมาสมฺพุทฺเธ ธมฺเม จสฺส อปฺปสาทํ น ทสฺเสติ, ตสฺมา ปสนฺนการมฺปิ วทตีติ มฺมาโน ตสฺส วาทํ น ปฏิเสเธติ.
๒๖๒. ยถา ¶ ตสฺส วจนํ, เอวํ สนฺเตติ ยถา ตสฺส ปริพฺพาชกสฺส วจนํ, เอวํ สมณภาเว สนฺเต ลพฺภมาเน. มยํ ปน เอวํ น วทามาติ เอเตน สมณภาโว นาม เอวํ น โหตีติ ทสฺเสติ. โย หิ ธมฺโม ยาทิโส, ตเถว ตํ พุทฺธา ทีเปนฺติ. วิเสสาณํ น โหตีติ กายวิเสสวิสยาณํ ตสฺส ตทา นตฺถิ, ยโต ปรกาเย อุปกฺกมํ กเรยฺยาติ ทสฺเสติ, ตสฺส ปน ตตฺถ วิเสสาณมฺปิ นตฺเถวาติ. ยสฺมา กายปฏิพทฺธํ กายกมฺมํ, ตสฺมา ตํ นิวตฺเตนฺโต อาห ‘‘อฺตฺร ผนฺทิตมตฺตา’’ติ. กิเลสสหคตจิตฺเตเนวาติ ทุกฺขสมฺผสฺสสฺส อสหนนิมิตฺเตน โทมนสฺสสหคตจิตฺเตเนว. ทุติยวาเรปิ เอเสว นโย. ชิฆจฺฉาปิปาสทุกฺขสฺส อสหนนิมิตฺเตน โทมนสฺเสเนว. วิกูชิตมตฺตาติ เอตฺถ วิรูปํ กูชิตํ วิกูชิตํ ปุพฺเพนิวาสสนฺนิสฺสยํ อุปยํ, ตํ ปเนตฺถ โรทนหสนสมุฏฺาปกจิตฺตสหคตนฺติ โทสสหคตํ โลภสหคตฺจาติ ทฏฺพฺพํ. จิตฺตนฺติ กุสลจิตฺตํ. อกุสลจิตฺตํ ปน อตีตารมฺมณํ ปวตฺตตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. สริตฺวาติ ยาว น สติสณฺาปนา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตาว สุปินนฺเต อนุภูตํ วิย ทุกฺขํ สริตฺวา โรทนฺติ. หสนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อยฺจ นโย เย ลทฺธสุขารมฺมณา หุตฺวา คหิตปฏิสนฺธิกา มาตุกุจฺฉิโตปิ สุเขเนว นิกฺขมนฺติ, เตสํ วเสน วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ปายนฺติยาติ อตฺตโน ชนปทเทสรูเปน ¶ ปายนฺติยา. อยมฺปีติ อาชีโวปิ มาตุ อฺวิหิตกาเล จ โลกสฺสาทวเสน กิเลสสหคตจิตฺเตเนว โหติ.
๒๖๓. สมธิคยฺหาติ สมฺมา อธิคตภาเวน คเหตฺวา อภิภวิตฺวา วิเสเสตฺวา วิสิฏฺโ หุตฺวา. ขีณาสวํ สนฺธายาติ พฺยติเรกวเสน ขีณาสวํ สนฺธาย. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ขีณาสวมฺปิ โสตาปนฺนกุสลํ ปฺเปติ เสกฺขภูมิยํ ิตตฺตา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
ตีณิ ปทานิ นิสฺสายาติ น กาเยน ปาปกํ กมฺมํ กโรติ, น ปาปกํ วาจํ ภาสติ, น ปาปกํ อาชีวํ อาชีวตีติ อิมานิ ตีณิ ปทานิ นิสฺสาย กุสลสีลมูลกา จ อกุสลสีลมูลกา จาติ ทฺเว ปมจตุกฺกา ปิตา. เอกํ ปทํ นิสฺสายาติ น ปาปกํ สงฺกปฺปํ สงฺกปฺเปตีติ อิมํ เอกปทํ นิสฺสาย กุสลสงฺกปฺปมูลกา อกุสลสงฺกปฺปมูลกา จาติ อิเม ทฺเว ปจฺฉิมจตุกฺกา ปิตา.
๒๖๔. วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตจิตฺตทฺวยมฺปิ วฏฺฏติ พลวตา โมเหน สมนฺนาคตตฺตา. ตถา หิ ตานิ ‘‘โมมูหจิตฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติ.
กุหินฺติ กึนิมิตฺตํ. กตรํานํ ปาปุณิตฺวาติ กึ การณํ อาคมฺม. เอตฺเถเตติ เอตฺถาติ กายวจีมโนสุจริตภาวนาสาชีวนิปฺผตฺติยํ ¶ . สา ปน เหฏฺิมโกฏิยา โสตาปตฺติผเลน ทีเปตพฺพาติ อาห ‘‘โสตาปตฺติผเล ภุมฺม’’นฺติ. ยสฺมา อาชีวฏฺมกํ อวสิฏฺฺจ สีลํ ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺส จ ปาริสุทฺธิปาติโมกฺขาธิคเมน โสตาปตฺติผลปฺปตฺติยา สิทฺโธ โหตีติ อาห – ‘‘ปาติโมกฺข…เป… นิรุชฺฌตี’’ติ. ‘‘สุขสีโล ทุกฺขสีโล’’ติอาทีสุ วิย ปกติอตฺถสีลสทฺทํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘อกุสลสีล’’นฺติอาทิ.
๒๖๕. กามาวจรกุสลจิตฺตเมว วุตฺตํ สมฺปตฺตสมาทานวิรติปุพฺพกสฺส สีลสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เตนาห – ‘‘เอเตน หิ กุสลสีลํ สมุฏฺาตี’’ติ.
สีลวาติ เอตฺถ วา-สทฺโท ปาสํสตฺโถว เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘สีลสมฺปนฺโน โหตี’’ติ. โย สีลมตฺเต ปติฏฺิโต, น สมาธิปฺาสุ, โส ¶ สีลมยธมฺมปูริตตาย สีลมโย. เตนาห ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติอาทิ. ยตฺถาติ ยสฺสํ เจโตวิมุตฺติยํ ปฺาวิมุตฺติยฺจ. ตทุภยฺจ ยสฺมา อรหตฺตผเล สงฺคหิตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อรหตฺตผเล ภุมฺม’’นฺติ. อเสสํ นิรุชฺฌติ สุขวิปากภาวสฺส สพฺพโส ปฏิปฺปสฺสมฺภนโต.
๒๖๖. กามปฏิสํยุตฺตา สฺา กามสฺา. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อิตรา ทฺเวติ พฺยาปาทวิหึสาสฺา.
อนาคามิผลปมชฺฌานนฺติ อนาคามิผลสหคตํ ปมชฺฌานํ. เอตฺถาติ ยถาวุตฺเต ปมชฺฌาเน. เอตฺถ จ อุชุวิปจฺจนีเกน ปฏิปกฺขปฺปหานํ สาติสยนฺติ ปมชฺฌานคฺคหณํ. เตนาห ‘‘อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ. เนกฺขมฺมสฺานํ กามาวจรจิตฺตสหคตตา ตสฺส สีลสฺส สมุฏฺานตา จ สมฺปยุตฺตนเยน เวทิตพฺพา.
๒๖๗. กุสลสงฺกปฺปนิโรธทุติยชฺฌานิกอรหตฺตผลอกุสลสงฺกปฺปนิโรธ- ปมชฺฌานิกอนาคามิผลคฺคหเณน สมโณ ทสฺสิโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สมณมุณฺฑิกาปุตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. จูฬสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนา
๒๗๑. ปฺโหติ ¶ าตุํ อิจฺฉิโต อตฺโถ, ตเทว ธมฺมเทสนาย นิมิตฺตภาวโต การณํ. อุปฏฺาตูติ าณสฺส โคจรภาวํ อุปคจฺฉตุ. เยน การเณนาติ เยน ตุยฺหํ อุปฏฺิเตน การเณน ธมฺมเทสนา อุปฏฺเหยฺย, ตํ ปน ปริพฺพาชกสฺส อชฺฌาสยวเสน ตถา วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เอเตน หิ…เป… ทีเปตี’’ติ. เอกงฺคณานีติ ปิธานาภาเวน เอกงฺคณสทิสานิ. เตนาห ‘‘ปากฏานี’’ติ.
ชานนฺโตติ อตฺตโน ตถาภาวํ สยํ ชานนฺโต. สกฺกจฺจํ สุสฺสูสตีติ ‘‘ตถาภูตํเยว มํ ตถา อโวจา’’ติ สาทรํ สุสฺสูสติ. ตสฺมาติ ทิพฺพจกฺขุลาภิโน อนาคตํสาณลาภโต. เอวมาหาติ ‘‘โย ¶ โข, อุทายิ, ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘โส วา มํ อปรนฺตํ อารพฺภ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยา’’ติ เอวํ อโวจ.
อิตรนฺติ อวสิฏฺํ อิมสฺมึ าเน วตฺตพฺพํ. วุตฺตนยเมวาติ ‘‘โย หิ ลาภี’’ติอาทินา วุตฺตนยเมว. อตีเตติ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส วิสยภูเต อตฺเถ. อนาคเตติ อนาคตํสาณสฺส วิสยภูเต อนาคเต อตฺเถ.
ปํสุปเทเส นิพฺพตฺตนโต ปํสุสโมกิณฺณสรีรตาย ปํสุปิสาจกํ. เอกํ มูลํ คเหตฺวาติ ทีฆโส เหฏฺิมนฺเตน จตุรงฺคุลํ, อุปริมนฺเตน วิทตฺถิกํ รุกฺขคจฺฉลตาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ เอกํ มูลํ คเหตฺวา อฺชาติกานํ อทิสฺสมานกาโย โหติ. อยํ กิร เนสํ ชาติสิทฺธา ธมฺมตา. ตตฺราติ ตสฺส มูลวเสน อทิสฺสมานกตาย. น ทิสฺสติ าเณน น ปสฺสติ.
๒๗๒. น จ อตฺถํ ทีเปยฺยาติ อธิปฺเปตมตฺถํ สา วาจา สรูปโต น จ ทีเปยฺย, เกวลํ วาจามตฺตเมวาติ อธิปฺปาโย. ปฏิหริตพฺพฏฺเน ปรสนฺตาเน เนตพฺพฏฺเน ปฏิหาริย-สทฺททฺวาเรน วิฺาตพฺโพ ภาวตฺโถ, โสว ปาฏิหีรโก นิรุตฺตินเยน, นตฺถิ เอตสฺส ปาฏิหีรกนฺติ อปฺปาฏิหีรกตํ, ต-สทฺเทน ปทํ วฑฺเฒตฺวา ตถา วุตฺตํ, อนิยฺยานํ. เตนาห ‘‘นิรตฺถกํ สมฺปชฺชตี’’ติ. สุภกิณฺหเทวโลเก ขนฺธา วิย โชเตตีติ อิมินา – ‘‘ทิพฺโพ รูปี มโนมโย สพฺพงฺคปจฺจงฺคี อหีนินฺทฺริโย อตฺตา’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.
๒๗๓. สอุปสคฺคปทสฺส ¶ อตฺโถ อุปสคฺเคน วินาปิ วิฺายตีติ อาห ‘‘วิทฺเธติ อุพฺพิทฺเธ’’ติ. สา จสฺส อุพฺพิทฺธตา อุปกฺกิเลสวิคเมน สุจิภาเวน อุปฏฺานนฺติ อาห ‘‘เมฆวิคเมน ทูรีภูเต’’ติ. อินฺทนีลมณิ วิย ทิพฺพติ โชเตตีติ เทโว, อากาโส. ‘‘อฑฺฒรตฺตสมเย’’ติ วตฺตพฺเพ ภุมฺมตฺเถ วิหิตวจนานํ อจฺจนฺตสํโยคาภาวา อุปโยควจนํ เวทิตพฺพํ. ปุณฺณมาสิยฺหิ คคนมชฺฌสฺส ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อนฺเต ิเต อฑฺฒรตฺเต สมโย ภินฺโน นาม โหติ, มชฺเฌ เอว ปน ิโต อภินฺโน นาม. เตนาห ‘‘อภินฺเน อฑฺฒรตฺตสมเย’’ติ.
เย อนุโภนฺตีติ เย เทวา จนฺทิมสูริยานํ อาภา อนุโภนฺติ วินิภฺุชนฺติ วฬฺชนฺติ จ เตหิ เทเวหิ พหู เจว พหุตรา จ จนฺทิมสูริยานํ อาภา ¶ อนนุโภนฺโต. เตนาห – ‘‘อตฺตโน สรีโรภาเสเนว อาโลกํ ผริตฺวา วิหรนฺตี’’ติ.
๒๗๔. ปุจฺฉามูฬฺโห ปน ชาโต ‘‘อยํ ปรโม วณฺโณ’’ติ คหิตปทสฺส วิธมเนน. อเจลกปาฬินฺติ ‘‘อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๑.๓๙๔) อเจลกปฏิปตฺติทีปกคนฺถํ, คนฺถสีเสเนว เตน ปกาสิตวาทานิ วทติ. สุราเมรยปานมนุยุตฺตปุคฺคลสฺส สุราปานโต วิรติ ตสฺส กายํ จิตฺตฺจ ตาเปนฺตี สํวตฺตตีติ สุราปานวิรติ (ตโป, โสเยว คุโณ. เตนาห ‘‘สุราปานวิรตีติ อตฺโถ’’ติ).
๒๗๕. เอกนฺตํ อจฺจนฺตเมว สุขํ อสฺสาติ เอกนฺตสุขํ. ปฺจสุ ธมฺเมสูติ ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรตี’’ติอาทีสุ ปฺจสุ สีลาจารธมฺเมสุ. น ชานึสูติ สมฺโมเสน อนุปฏฺหนฺติ ตทตฺถํ น พุชฺฌนฺติ. พุทฺธุปฺปาเทน กิร วิหตเตชานิ มหานุภาวานิ มนฺตปทานิ วิย พาหิรกานํ โยคาวจรคนฺเถน สทฺธึ โยคาวจรปฏิปทา นสฺสติ. อุคฺคณฺหึสูติ ‘‘ปฺจ ปุพฺพภาคธมฺเม’’ติอาทิวจนมตฺตํ อุคฺคณฺหึสุ. ตติยชฺฌานโตติ การโณปจาเรน ผลํ วทติ, ผลภูตโต ตติยชฺฌานโต.
๒๗๖. เอกนฺตสุขสฺส โลกสฺส ปฏิลาเภน ปตฺติยา ตตฺถ นิพฺพตฺติ ปฏิลาภสจฺฉิกิริยา. เอกนฺตสุเข โลเก อนภินิพฺพตฺติตฺวา เอว อิทฺธิยา ตตฺถ คนฺตฺวา ตสฺส สตฺตโลกสฺส ภาชนโลกสฺส จ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนํ ปจฺจกฺขสจฺฉิกิริยา. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ.
๒๗๗. อุทฺจนิโกติ ¶ อุทฺจโน. วิฺฌุปพฺพตปสฺเส คามานํ อนิวิฏฺตฺตา ตึสโยชนมตฺตํ านํ อฏวี นาม, ตตฺถ เสนาสนํ, ตสฺมึ อฏวิเสนาสเน ปธานกมฺมิกานํ ภิกฺขูนํ พหูนํ ตตฺถ นิวาเสน เอกํ ปธานฆรํ อโหสิ.
จูฬสกุลุทายิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. เวขนสสุตฺตวณฺณนา
๒๘๐. สห ¶ ¶ วตฺถุกาเมน กิเลสกาโม ครุ ครุกาตพฺโพ เอตสฺสาติ กามครุ. เตสฺเวว กาเมสุ นินฺนโปณปพฺภารชฺฌาสโยติ กามาธิมุตฺโต. ปพฺพชฺชาปมชฺฌานาทิกํ เนกฺขมฺมํ ครุ ครุกาตพฺพํ เอตสฺสาติ เนกฺขมฺมครุ. ตตฺถ นินฺนโปณปพฺภารชฺฌาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต สฺวายมตฺโถ ยถา เอกจฺเจ คหฏฺเ ลพฺภติ, เอวํ เอกจฺเจ อนคาเรปีติ อาห ‘‘ปพฺพชิโตปี’’ติอาทิ. อยํ ปน เวขนโส ปริพฺพาชโก. โส หิ เวขนสตาปสปพฺพชฺชํ อุปคนฺตฺวา เวขนเสน อิมินา ทิฏฺิมาทาย สมาทิยิตฺวา ิตตฺตา ‘‘เวขนโส’’ติ วุจฺจติ. ยถา โลโก สยํ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺโตปิ สมาโน ปจฺจกฺขโต อนุภวิยมานํ สาลากิกํ อคฺคิสนฺตาปํ วิย อนาทิกาลานุคตสมฺมากวจรสนฺตาปํ อาทิตฺตตาย น สลฺลกฺเขติ, สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปน มหากรุณาสมุสฺสาหิตมานเสน ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺต’’นฺติ อาทิตฺตปริยาเย (สํ. นิ. ๔.๒๘; มหาว. ๕๔) เทสิยมาเน สลฺลกฺเขติ, เอวํ อยมฺปิ อนาทิกาลปริภาวิตํ อตฺตอชฺฌาสเย อวฏฺิตํ กามาธิมุตฺตํ สรเสน อนุปธาเรนฺโต สตฺถารา – ‘‘ปฺจ โข อิเม, กจฺจาน, กามคุณา’’ติอาทินา กามคุเณสุ กามสุเข ภาสิยมาเน ‘‘กามาธิมุตฺตํ วต ปพฺพชิตสฺส จิตฺต’’นฺติ อุปธาเรสฺสตีติ อาห – ‘‘อิมาย กถาย กถิยมานาย อตฺตโน กามาธิมุตฺตตํ สลฺลกฺเขสฺสตี’’ติ. กามคฺคสุขนฺติ กาเมตพฺพวตฺถูหิ อคฺคภูตํ สุขํ. สพฺเพ หิ เตภูมกธมฺมา กามนียฏฺเน กามา, เต ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนสุขโต นิพฺพานสุขเมว อคฺคภูตํ สุขํ. ยถาห – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) – ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕, ๒๑๗; ธ. ป. ๒๐๓) จ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิพฺพานํ อธิปฺเปต’’นฺติ.
๒๘๑. ปุพฺเพนิวาสาณลาภิโน ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ วุจฺจมานกถา อนุจฺฉวิกา ตทตฺถสฺส ปจฺจกฺขภาวโต, ตทภาวโต เวขนสสฺส อนนุจฺฉวิกาติ อาห ‘‘ยสฺมา…เป… นตฺถี’’ติ. อนาคตกถาย…เป… นตฺถีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อารกฺขตฺถายาติ เทวตาหิ มนฺตปเทหิ สห ิตา ¶ ตตฺถ อารกฺขตฺถาย. อวิชฺชายาติ อิทํ ลกฺขณวจนํ, ตํมูลกตฺตา วา สพฺพกิเลสธมฺมานํ อวิชฺชาว คหิตา. ชานนํ ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณาเณน. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เวขนสสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ ปริพฺพาชกวคฺควณฺณนา.
๔. ราชวคฺโค
๑. ฆฏิการสุตฺตวณฺณนา
๒๘๒. จริยนฺติ ¶ ¶ โพธิจริยํ, โพธิสมฺภารสมฺภรณวเสน ปวตฺติตํ โพธิสตฺตปฏิปตฺตินฺติ อตฺโถ. สุการณนฺติ โพธิปริปาจนสฺส เอกนฺติกํ สุนฺทรํ การณํ, กสฺสปสฺส ภควโต ปยิรุปาสนาทึ สนฺธาย วทติ. ตฺหิ เตน สทฺธึ มยา อิธ กตนฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. มนฺทหสิตนฺติ อีสกํ หสิตํ. กุหํ กุหนฺติ หาส-สทฺทสฺส อนุกรณเมตํ. หฏฺปหฏฺาการมตฺตนฺติ หฏฺปหฏฺมตฺตํ. ยถา คหิตสงฺเกตา ‘‘ปหฏฺโ ภควา’’ติ สฺชานนฺติ, เอวํ อาการทสฺสนมตฺตํ.
อิทานิ อิมินา ปสงฺเคน ตาสํ สมุฏฺานํ วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘หสิตฺจ นาเมต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อชฺฌุเปกฺขนวเสนปิ หาโส น สมฺภวติ, ปเคว โทมนสฺสวเสนาติ อาห ‘‘เตรสหิ โสมนสฺสสหคตจิตฺเตหี’’ติ. นนุ จ เกจิ โกธวเสนปิ หสนฺตีติ? น, เตสมฺปิ ยํ ตํ โกธวตฺถุ, ตสฺส มยํ ทานิ ยถากามการิตํ อาปชฺชิสฺสามาติ ทุวิฺเยฺยนฺตเรน โสมนสฺสจิตฺเตเนว หาสสฺส อุปฺปชฺชนโต. เตสูติ ปฺจสุ โสมนสฺสสหคตจิตฺเตสุ. พลวารมฺมเณติ อุฬารอารมฺมเณ ยมกมหาปาฏิหาริยสทิเส. ทุพฺพลารมฺมเณติ อนุฬาเร อารมฺมเณ. อิมสฺมึ ปน าเน…เป… อุปฺปาเทสีติ อิทํ โปราณฏฺกถายํ ตถา อาคตตฺตา วุตฺตํ. น อเหตุกโสมนสฺสสหคตจิตฺเตน ภควโต สิตํ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ.
อภิธมฺมฏีกายํ (ธ. ส. มูลฏี. ๕๖๘) ปน ‘‘อตีตํสาทีสุ อปฺปฏิหตํ าณํ วตฺวา ‘อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺต’นฺติอาทิวจนโต (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. มาฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕; เนตฺติ. ๑๕; ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕; วิภ. มูลฏี. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา; ที. นิ. ฏี. ๓.๑๔๑, ๓๐๕) ‘ภควโต ¶ อิทํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’ติ วุตฺตวจนํ วิจาเรตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อิมินา หสิตุปฺปาทจิตฺเตน ปวตฺติยมานมฺปิ ภควโต สิตกรณํ ปุพฺเพนิวาส-อนาคตํส-สพฺพฺุตฺาณานํ อนุวตฺตกตฺตา าณานุปริวตฺติเยวาติ, เอวํ ปน าณานุปริวตฺติภาเว สติ น โกจิ ปาฬิอฏฺกถานํ วิโรโธ. ตถา หิ อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๖๘) ‘‘เตสํ ¶ าณานํ จิณฺณปริยนฺเต อิทํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อวสฺสฺจ เอตํ เอวํ อิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา อาวชฺชนสฺสปิ ภควโต ปวตฺติ ตถารูเป กาเล น สํยุชฺเชยฺย, ตสฺสปิ หิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกภาวสฺส อิจฺฉิตตฺตา, ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘เอวฺจ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนสฺสปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺตํ อุปปนฺนํ โหตี’’ติ, น จ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺเต ตํสมุฏฺิตาย วิฺตฺติยา กายกมฺมาทิภาวํ อาปชฺชนภาโว วิพนฺธตีติ ตเมว สนฺธาย วทติ. เตนาห ‘‘เอวํ อปฺปมตฺตกมฺปี’’ติ. สเตริตา วิชฺชุลตา นาม สเตรตาวิชฺชุลตา. สา หิ อิตรวิชฺชุลตา วิย ขณฏฺิติกา สีฆนิโรธา จ น โหติ, อปิจ โข ทนฺธนิโรธา, ตฺจ สพฺพกาลํ จตุทีปิกมหาเมฆโตว นิจฺฉรติ เตนาห ‘‘จาตุทฺทีปิกมหาเมฆมุขโต’’ติ. อยํ กิร ตาสํ รสฺมิวฏฺฏีนํ ธมฺมตา, ยทิทํ ติกฺขตฺตุํ สิรวรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทาคฺเคสุเยว อนฺตรธานํ.
๒๘๓. ยทิปิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ ปฺาปารมิตา ปริภาวิตา, ตถาปิ อิทานิ ตํ พุทฺธนฺตรํ ตสฺสา ปฏิปาเทตพฺพตฺตา วุตฺตํ ‘‘อปริปกฺกาณตฺตา’’ติ. กามฺจสฺส าณาย อิทานิปิ ปฏิปาเทตพฺพตา อตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิ นนุ สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ ปสาเทน สมฺภาวนาย ภวิตพฺพํ ตถา จิรกาลํ ปริภาวิตตฺตา, กถํ ตตฺถ หีฬนาติ อาห ‘‘พฺราหฺมณกุเล’’ติอาทิ. จิรกาลปริจิตาปิ หิ คุณภาวนา อปฺปเกนปิ อกลฺยาณมิตฺตสํสคฺเคน วิปริวตฺตติ อฺถตฺตํ คจฺฉติ. เตน มหาสตฺโตปิ ชาติสิทฺธายํ ลทฺธิยํ ตฺวา ชาติสิทฺเธน มาเนน เอวมาห – ‘‘กึ ปน เตน มุณฺฑเกน สมณเกน ทิฏฺเนา’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ –
‘‘ตสฺมา อกลฺยาณชนํ, อาสีวิสมิโวรคํ,
อารกา ปริวชฺเชยฺย, ภูติกาโม วิจกฺขโณ’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐-๑๗๒);
นฺหานจุณฺเณน สุตฺเตน กตา โสตฺติ, กุรุวินฺทคุฬิกา, สา เอว สินายนฺติ กายํ วิโสเธนฺติ เอตายาติ สินานํ. เตนาห – ‘‘โสตฺติ สินานนฺติ สินานตฺถาย กตโสตฺติ’’นฺติ.
๒๘๔. อริยปริหาเรนาติ ¶ อริยานํ ปริหาเรน, อนาคามีนํ นฺหานกาเล อตฺตโน กายสฺส ปริหารนิยาเมนาติ อตฺโถ. อตฺตโน ¶ าณสมฺปตฺติยา วิภวสมฺปตฺติยา ปสนฺนการํ กาตุํ สกฺขิสฺสติ. เอตทตฺถนฺติ ‘‘อหิตนิวารณํ, หิเต นิโยชนํ พฺยสเน ปริวชฺชน’’นฺติ ยทิทํ, เอตทตฺถํ มิตฺตา นาม โหนฺติ. เกจิ ‘‘ยาเวตฺถ อหุปี’’ติ ปนฺติ, เตสํ ยาว เอตฺถ เกสคฺคคหณํ ตาว อยํ นิพนฺโธ อหุปีติ อตฺโถ.
๒๘๕. สติปฏิลาภตฺถายาติ โพธิยา มหาภินีหารํ กตฺวา โพธิสมฺภารปฏิปทาย ปูรณภาเว สติยา ปฏิลาภตฺถาย. อิทานิ ตสฺส สตุปฺปาทนียกถาย ปวตฺติตาการํ สงฺเขเปเนว ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ น ลามกฏฺานํ โอติณฺณสตฺโตติ อิมินา มหาสตฺตสฺส ปณีตาธิมุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา เอวํ ปณีตาธิมุตฺติกสฺส ปมาทกิริยา น ยุตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตาทิสสฺส นาม ปมาทวิหาโร น ยุตฺโต’’ติ อาห. ตทา โพธิสตฺตสฺส เนกฺขมฺมชฺฌาสโย เตลปฺปทีโป วิย วิเสสโต นิพฺพตฺติ, ตํ ทิสฺวา ภควา ตทนุรูปํ ธมฺมกถํ กโรนฺโต ‘‘ตาทิสสฺส…เป… กเถสี’’ติ. ปรสมุทฺทวาสี เถรา อฺถา วทนฺติ. อฏฺกถายํ ปน นายํ พุทฺธานํ ภาโร, ยทิทํ ปูริตปารมีนํ โพธิสตฺตานํ ตถา ธมฺมเทสนา เตสํ มหาภินีหารสมนนฺตรมฺปิ โพธิสมฺภารสฺส สยมฺภุาเณเนว ปฏิวิทิตตฺตา. ตสฺมา โพธิสตฺตภาวปเวทนเมว ตสฺส ภควา อกาสีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สติปฏิลาภตฺถายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สติปฏิลาภตฺถายาติ สมฺมาปฏิปตฺติยา อุชฺชลเน ปากฏกรสติปฏิลาภาย.
๒๘๖. าณฺหิ กิเลสธมฺมวิทาลนปทาลเนหิ สิงฺคํ วิยาติ สิงฺคํ. ตฺหิ ปฏิปตฺติยา อุปตฺถมฺภิตํ อุสฺสิตํ นาม โหติ, ตทภาเว ปติตํ นาม. เกจิ ปน วีริยํ สิงฺคนฺติ วทนฺติ. ตสฺมึ สมฺมปฺปธานวเสน ปวตฺเต พาหิรปพฺพชฺชํ อุปคตาปิ มหาสตฺตา วิสุทฺธาสยา อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมงฺคิโน ยถารหํ คนฺถธุรํ วาสธุรฺจ ปริพฺรูหยนฺตา วิหรนฺติ, ปเคว พุทฺธสาสเน อปฺปิจฺฉตาทีหีติ อาห ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีเล ปนา’’ติอาทิ. วิปสฺสนํ พฺรูเหนฺตา สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนา โหนฺตีติ วุตฺตํ – ‘‘ยาว อนุโลมาณํ อาหจฺจ ติฏฺนฺตี’’ติ, อนุโลมาณโต โอรเมว วิปสฺสนํ เปนฺตีติ อตฺโถ. มคฺคผลตฺถํ วายามํ น กโรนฺติ ปฺาปารมิตาย สพฺพฺุตฺาณคพฺภสฺส อปริปุณฺณตฺตา อปริปกฺกตฺตา จ.
๒๘๗. เถเรหีติ ¶ วุทฺธตเรหิ. นิวาเส สตีติ ยสฺมึ าเน ปพฺพชิโต, ตตฺเถว นิวาเส. วปฺปกาลโตติ สสฺสานํ วปฺปกาลโต. ปุพฺเพ วิย ตโต ปรํ ติขิเณน สูริยสนฺตาเปน ปโยชนํ นตฺถีติ วุตฺตํ – ‘‘วปฺปกาเล วิตานํ วิย อุปริ วตฺถกิลฺชํ พนฺธิตฺวา’’ติ. ปุฏเกติ กลาเป.
๒๘๘. ปจฺจยสามคฺคิเหตุกตฺตา ¶ ธมฺมปฺปตฺติยา ปเทสโต ปริฺาวตฺถุกาปิ อริยา อุปฏฺิเต จิตฺตวิฆาตปจฺจเย ยเทตํ นาติสาวชฺชํ, ตเทวํ คณฺหนฺตีติ อยเมตฺถ ธมฺมตาติ อาห – ‘‘อลาภํ อารพฺภ จิตฺตฺถตฺต’’นฺติอาทิ. โสติ กิกี กาสิราชา. พฺราหฺมณภตฺโตติ พฺราหฺมเณสุ ภตฺโต. เทเวติ พฺราหฺมเณ สนฺธายาห. ภูมิเทวาติ เตสํ สมฺา, ตทา พฺราหฺมณครุโก โลโก. ตทา หิ กสฺสโปปิ ภควา พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ธีตุ อวณฺณํ วตฺวาติ, ‘‘มหาราช, ตว ธีตา พฺราหฺมณสมยํ ปหาย มุณฺฑปาสณฺฑิกสมยํ คณฺหี’’ติอาทินา ราชปุตฺติยา อคุณํ วตฺวา. วรํ คณฺหึสุ าตกา. รชฺชํ นิยฺยาเตสิ ‘‘มา เม วจนํ มุสา อโหสิ, อฏฺเม ทิวเส นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ.
ปาวนอสฺมนยนวเสน สมฺมา ปาวีกตตฺตา ปริสุทฺธตณฺฑุลานิ. ปาฬิยํ ตณฺฑุลปฏิภสฺตานีติ ตณฺฑุลขณฺฑานิ. มุคฺคปฏิภสฺตกฬายปฏิภสฺเตสุปิ เอเสว นโย.
๒๘๙. โก นุ โขติ ภุมฺมตฺเถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห – ‘‘กุหึ นุ โข’’ติ ปาริปูรึ โยชียนฺติ พฺยฺชนโภชนานิ เอตฺถาติ ปริโยโค, ตโต ปริโยคา. เตนาห ‘‘สูปภาชนโต’’ติ. สฺํ ทตฺวาติ วุตฺตํ สพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา ตุมฺหากํ อตฺถาย สมฺปาเทตฺวา นิกฺขิตฺโต อุปฏฺาโกติ ภควโต อาโรเจถาติ สฺํ ทตฺวา. อติวิสฺสตฺโถติ อติวิย วิสฺสตฺโถ. ปฺจวณฺณาติ ขุทฺทิกาทิวเสน ปฺจปฺปการา.
๒๙๐. กินฺติ นิสฺสกฺเก ปจฺจตฺตวจนํ, กสฺมาติ อตฺโถ? ธมฺมิโกติ อิมินา อาคมนสุทฺธึ ทสฺเสติ ¶ . ภิกฺขูนํ ปตฺเต ภตฺตสทิโสติ อิมินา อุปาสเกน สตฺถุ ปริจฺจตฺตภาวํ ตตฺถ สตฺถุโน จ อปริสงฺกตํ ทสฺเสติ. สิกฺขาปทเวลา นาม นตฺถีติ ธมฺมสฺสามิภาวโต สิกฺขาปทมริยาทา นาม นตฺถิ ปณฺณตฺติวชฺเช, ปกติวชฺเช ปน เสตุฆาโต เอว.
๒๙๑. ฉทนฏฺาเน ยทากาสํ, ตเทว ตสฺส เคหสฺส ฉทนนฺติ อากาสจฺฉทนํ. ปกติยา อุตุผรณเมวาติ ฉาทิเต ยาทิสํ อุตุ, ฉทเน อุตฺติณภาเวปิ ตมฺหิ เคเห ตาทิสเมว อุตุผรณํ อโหสิ. เตสํเยวาติ เตสํ ฆฏิการสฺส มาตาปิตูนํ เอว.
๒๙๒. ‘‘จตสฺโส ¶ มุฏฺิโย เอโก กุฑุโว, จตฺตาโร กุฑุวา เอโก ปตฺโถ, จตฺตาโร ปตฺถา เอโก อาฬฺหโก, จตฺตาโร อาฬฺหกา เอกํ โทณํ, จตฺตาริ โทณานิ เอกา มานิกา, จตสฺโส มานิกา เอกา ขารี, วีสติ ขาริกา เอโก วาโหติ ตเทว เอกสกฏ’’นฺติ สุตฺตนิปาตฏฺกถาทีสุ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๖๖๒) วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘ทฺเว สกฏานิ เอโก วาโห’’ติ วุตฺตํ. เตลผาณิตาทินฺติ อาทิ-สทฺเทน สปฺปิอาทึ มริจาทิกฏุกภณฺฑฺจ สงฺคณฺหาติ. นาหํ รฺา ทิฏฺปุพฺโพ, กุโต ปริปฺผสฺโสติ อธิปฺปาโย. นจฺจิตฺวาติ นจฺจํ ทตฺวา.
ฆฏิการสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. รฏฺปาลสุตฺตวณฺณนา
๒๙๓. ถูลเมว ¶ ถุลฺลํ, ถุลฺลา วิปุลา มหนฺตา โกฏฺา ชาตา อิมสฺสาติ ถุลฺลโกฏฺิกนฺติ โอทนปูปปหูตวเสน ลทฺธนาโม นิคโม. อฏฺกถายํ ปน ถุลฺลโกฏฺนฺติ อตฺโถ วุตฺโต. เตน ปาฬิยํ อิก-สทฺเทน ปทวฑฺฒนํ กตนฺติ ทสฺเสติ.
๒๙๔. รฏฺปาโลติ อิทํ ตสฺส กุลปุตฺตสฺส นามํ. ปเวณิวเสน อาคตกุลวํสานุคตนฺติ สมุทาคมโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา รฏฺปาโล’’ติอาทิ วุตฺตํ. สนฺธาเรตุนฺติ วินาสนโต ปุพฺเพ ยาทิสํ, ตเถว สมฺมเทว ธาเรตุํ สมตฺโถ. สทฺธาติ กมฺมผลสทฺธาย สมฺปนฺนา. สามเณรํ ทิสฺวาติ สิกฺขากามตาย เอตทคฺเค ปิยมานํ ทิสฺวา.
สห ¶ รฺาติ สราชิกํ, รฺา สทฺธึ ราชปริสํ. จาตุวณฺณนฺติ พฺราหฺมณาทิจตุวณฺณสมุทายํ. โปเสตุนฺติ วทฺเธตุํ ทานาทีหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคณฺหิตุํ. ยํ กุลํ. ปโหสฺสตีติ สกฺขิสฺสติ.
เตน เตน เม อุปปริกฺขโตติ ‘‘กามา นาเมเต อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา, อฏฺิกงฺกลูปมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗; มหานิ. ๓, ๖) จ อาทินา เยน เยน อากาเรน กาเมสุ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, ตพฺพิปริยายโต เนกฺขมฺเม อานิสํสํ คุณํ ปกาเสนฺตํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, เตน เตน ปกาเรน อุปปริกฺขโต วีมํสนฺตสฺส มยฺหํ เอวํ โหติ เอวํ อุปฏฺาติ. สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยนฺติ อธิสีลาทิสิกฺขตฺตยสงฺคหํ เสฏฺจริยํ. อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน อขณฺฑํ ลกฺขณวจนฺเหตํ. กฺจิปิ สิกฺเขกเทสํ อเสเสตฺวา เอกนฺเตเนว ปริปูเรตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ. จิตฺตุปฺปาทมตฺตมฺปิ สํกิเลสมลํ อนุปฺปาเทตฺวา อจฺจนฺตเมว วิสุทฺธํ กตฺวา ปริหริตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ. ตโต เอว สงฺขํ วิย ลิขิตนฺติ สงฺขลิขิตํ. เตนาห ‘‘ลิขิตสงฺขสทิส’’นฺติ. ทาิกาปิ มสฺสุคฺคหเณเนว คเหตฺวา ‘‘มสฺสุ’’ตฺเวว วุตฺตํ, อุตฺตราธรมสฺสุนฺติ อตฺโถ. กสาเยน รตฺตานิ กาสายานิ. อนนฺุาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชติ ‘‘มาตาปิตูนํ โลกิยมหาชนสฺส จิตฺตฺถตฺตํ มา โหตู’’ติ. ตถา หิ สุทฺโธทนมหาราชสฺส ตถา วโร ทินฺโน.
๒๙๕. ปิยายิตพฺพโต ¶ ปิโยติ อาห ‘‘ปีติชนโก’’ติ. มนสฺส อปฺปายนโต มนาโปติ อาห ‘‘มนวฑฺฒนโก’’ติ. สุเขธิโต ตรุณทารกกาเล. ตโต ปรฺจ สปฺปิขีราทิสาทุรสมนฺุโภชนาทิอาหารสมฺปตฺติยา สุขปริภโต. อถ วา ทฬฺหภตฺติกธาติชนาทิปริชนสมฺปตฺติยา เจว ปริจฺฉทสมฺปตฺติยา จ อุฬารปณีตสุขปจฺจยูปหาเรหิ จ สุเขธิโต, อกิจฺเฉเนว ทุกฺขปฺปจฺจยวิโนทเนน สุขปริภโต. อชฺฌตฺติกงฺคสมฺปตฺติยา วา สุเขธิโต, พาหิรงฺคสมฺปตฺติยา สุขปริภโต. กสฺสจีติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, กิฺจีติ วุตฺตํ โหติ, อยเมว วา ปาโ. ตถา หิ ‘‘อปฺปมตฺตกมฺปิ กลภาคํ ทุกฺขสฺส น ชานาสี’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. เอวํ สนฺเตติ นนุ มยํ รฏฺปาล มรณาทีสุ เกนจิ อุปาเยน อปฺปตีกาเรน มรเณนปิ ตยา อกามกาปิ ¶ วินา ภวิสฺสาม, เอวํ สติ. เยนาติ เยน การเณน. กึ ปนาติ เอตฺถ กินฺติ การณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เกน ปน การเณนา’’ติ.
๒๙๖. ปริจาเรหีติ ปริโต ตตฺถ ตตฺถ ยถาสกํ วิสเยสุ จาเรหิ. เตนาห ‘‘อิโต จิโต จ อุปเนหี’’ติ. ปริจาเรหีติ วา สุขูปกรเณหิ อตฺตานํ ปริจาเรหิ, อตฺตโน ปริจรณํ กาเรหิ. ตถาภูโต จ ยสฺมา ลฬนฺโต กีฬนฺโต นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘ลฬา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิจฺจทานํ ทานํ นาม, อุโปสถทิวสาทีสุ ทาตพฺพํ อติเรกทานํ ปทานํ นาม. ปเวณีรกฺขณวเสน วา ทียมานํ ทานํ นาม, อตฺตนาว ปฏฺเปตฺวา ทียมานํ ปทานํ นาม. ปจุรชนสาธารณํ วา นาติอุฬารํ ทานํ นาม, อนฺสาธารณํ อติอุฬารํ ปทานํ นาม. อุทฺทสฺเสตพฺพาติ อุทฺธํ ทสฺเสตพฺพา. กุโต อุทฺธํ เต ทสฺเสตพฺพา? ปพฺพชิตโต อุทฺธํ อตฺตานํ มาตาปิตโร ทสฺเสตพฺพา, เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ.
๒๙๙. พลํ คเหตฺวาติ เอตฺถ พลคฺคหณํ นาม กายพลสฺส อุปฺปาทนเมวาติ อาห ‘‘กายพลํ ชเนตฺวา’’ติ. เอวํ วิหรนฺโตติ ยถา ปาฬิยํ วุตฺตํ เอวํ เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต วิหรนฺโต. ตสฺมาติ ยสฺมา เนยฺโย, น อุคฺฆฏิตฺู, น จ วิปฺจิตฺู, ตสฺมา. จิเรน ปพฺพชิโต ทฺวาทสเม วสฺเส อรหตฺตํ ปาปุณิ. ยํ ปน วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘น จิรสฺเสวา’’ติ, ตํ สฏฺิ วสฺสานิ ตโต อธิกมฺปิ วิปสฺสนาปริวาสํ วสนฺเต อุปาทาย วุตฺตํ.
สตฺตทฺวารโกฏฺกสฺสาติ สตฺตคพฺภนฺตรทฺวารโกฏฺกสีเสน คพฺภนฺตรานิ วทติ. ปหราเปตีติ วโยวุฑฺฒานุรูปํ กปฺปาปนาทินา อลงฺการาเปติ. อนฺโตชาตตาย าติสทิสี ทาสี าติทาสี. ปูติภาเวเนว ลกฺขิตพฺโพ โทโส วา อภิโทโส, โสว อาภิโทสิโก, อภิโทสํ วา ปจฺจูสกาลํ คโต ปตฺโต อติกฺกนฺโตติ อาภิโทสิโก. เตนาห ‘‘เอกรตฺตาติกฺกนฺตสฺสา’’ติอาทิ ¶ . อปริโภคารโห ปูติภูตภาเวน. อริยโวหาเรนาติ อริยสมุทาจาเรน. อริยา หิ มาตุคามํ ภคินิวาเทน สมุทาจรนฺติ. นิสฺสฏฺปริคฺคหนฺติ ปริจฺจตฺตาลยํ. วตฺตุํ วฏฺฏตีติ นิรเปกฺขภาวโต วุตฺตํ, อิธ ปน วิเสสโต อปริโภคารหตฺตาว วตฺถุโน. นิมียติ สฺายตีติ นิมิตฺตํ, ตถาสลฺลกฺขิโต อากาโรติ อาห ‘‘อาการํ อคฺคเหสี’’ติ.
๓๐๐. ฆรํ ¶ ปวิสิตฺวาติ เคหสามินิยา นิสีทิตพฺพฏฺานภูตํ อนฺโตเคหํ ปวิสิตฺวา. อาลปเนติ ทาสิชนสฺส อาลปเน. พหิ นิกฺขมนฺตาติ ยถาวุตฺตอนฺโตเคหโต พหิ นิกฺขมนฺติโย. ฆเรสุ สาลา โหนฺตีติ ฆเรสุ เอกมนฺเต โภชนสาลา โหนฺติ ปาการปริกฺขิตฺตา สุสํวิหิตทฺวารพนฺธา สุสมฺมฏฺวาลิกงฺคณา.
อโนกปฺปนํ อสทฺทหนํ. อมริสนํ อสหนํ. อนาคตวจนํ อนาคตสทฺทปฺปโยโค, อตฺโถ ปน วตฺตมานกาลิโกว. เตนาห ‘‘ปจฺจกฺขมฺปี’’ติ. อริยิทฺธิยนฺติ ‘‘ปฏิกูเล อปฏิกูลสฺี วิหรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๔๔) เอวํ วุตฺตอริยิทฺธิยํ.
ปูติกุมฺมาโส ฉฑฺฑนียธมฺโม ตสฺส เคหโต ลทฺโธปิ น ทาตพฺพยุตฺตโก ทาสิชเนน ทินฺโนติ อาห ‘‘เทยฺยธมฺมวเสน เนว ทานํ อลตฺถมฺหา’’ติ. ‘‘อิเมหิ มุณฺฑเกหี’’ติอาทินา นิตฺถุนนวจเนน ปจฺจกฺขานํ อตฺถโต ลทฺธเมว, ตสฺส ปน อุชุกผาสุสมาจารวเสน อลทฺธตฺตา วุตฺตํ ‘‘น ปจฺจกฺขาน’’นฺติ. เตนาห – ‘‘ปฏิสนฺถารวเสน ปจฺจกฺขานมฺปิ น อลตฺถมฺหา’’ติ. ‘‘เนว ทาน’’นฺติอาทิ ปจฺจาสีสาย อกฺขนฺติยา จ วุตฺตํ วิย ปจุรชโน มฺเยฺยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ อธิปฺปายมสฺส วิวริตุํ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุตฺติกาปฏิจฺฉนฺนนฺติ สิปฺปิกาฉทาหิ ฉนฺนํ.
อุกฺกฏฺเอกาสนิกตายาติ อิทํ ภูตกถนมตฺตํ เถรสฺส ตถาภาวทีปนโต. มุทุกสฺสปิ หิ เอกาสนิกสฺส ยาย นิสชฺชาย กิฺจิมตฺตํ โภชนํ ภุตฺตํ, วตฺตสีเสนปิ ตโต วุฏฺิตสฺส ปุน ภฺุชิตุํ น วฏฺฏติ. เตนาห ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร ‘‘อาสนํ วา รกฺเขยฺย โภชนํ วา’’ติ. อุกฺกฏฺสปทานจาริโกติ ปุรโต ปจฺฉโต จ อาหฏภิกฺขมฺปิ อคฺคเหตฺวา พหิทฺวาเร ตฺวา ปตฺตวิสฺสชฺชนเมว กโรติ. เอเตเนว เถรสฺส อุกฺกฏฺปิณฺฑปาติกภาโว ทีปิโต. เตนาห – ‘‘สฺวาตนาย ภิกฺขํ นาม นาธิวาเสตี’’ติ. อถ กสฺมา อธิวาเสสีติ อาห ‘‘มาตุ อนุคฺคเหนา’’ติอาทิ ¶ . ปณฺฑิตา หิ มาตาปิตูนํ อาจริยุปชฺฌายานํ วา กาตพฺพํ อนุคฺคหํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ธุตงฺคสุทฺธิกา น ภวนฺติ.
๓๐๑. ปยุตฺตนฺติ วทฺธิวเสน ปโยชิตํ, ตทฺธิตโลปํ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ยถา อฺตฺถาปิ ‘‘ปิตามหํ ธนํ ลทฺธา, สุขํ ชีวติ สฺจโย’’ติ ¶ . เชฏฺกิตฺถิโยติ ปธานิตฺถิโย. อิโตติ อิมสฺมึ กุเล อนุภวิตพฺพวิภวสมฺปตฺติโต. อฺโตติ อิมสฺส ทินฺนตฺตา อฺสฺมึ กุเล อนุภวิตพฺพสมฺปตฺติโต.
๓๐๒. จิตฺตวิจิตฺตนฺติ กปฺปนาย เจว อรหรูเปน อลงฺการาทินา จ จิตฺติตฺเจว วิจิตฺติตฺจ. วณกายนฺติ วณภูตํ กายํ. สมนฺตโต อุสฺสิตนฺติ เหฏฺิมกายวเสน เหฏฺา อุปริ จ สนฺนิสฺสิตํ. นิจฺจาตุรนฺติ อภิณฺหปฺปฏิปีฬิตํ, สทา ทุกฺขิตํ วา. พหุสงฺกปฺปนฺติ ราควตฺถุภาเวน อภิชเนหิ หาวภาววิลาสวเสน, อามิสวเสน จ โสณสิงฺคาลาทีหิ พหูหิ สงฺกปฺเปตพฺพํ. ิตีติ อวฏฺานํ อวิปริณาโม นตฺถิ. เตนาห – ‘‘ภิชฺชนธมฺมตาว นิยตา’’ติ, ปริสฺสวภาวาปตฺติ เจว วินาสปตฺติ จ เอกนฺติกาติ อตฺโถ.
จิตฺตกตมฺปีติ คนฺธาทีหิ จิตฺตกตมฺปิ. รูปนฺติ สรีรํ.
อลตฺตกกตาติ ปิณฺฑิอลตฺตเกน สุวณฺณกตา. เตนาห ‘‘อลตฺตเกน รฺชิตา’’ติ. จุณฺณกมกฺขิตนฺติ โทสนีหรเณหิ ตาปทหนาทีหิ กตาภิสงฺขารมุขํ โคโรจนาทีหิ โอภาสนกจุณฺเณหิ มกฺขิตํ, เตนาห ‘‘สาสปกกฺเกนา’’ติอาทิ.
รโสทเกนาติ สรลนิยฺยาสรสมิสฺเสน อุทเกน. อาวตฺตนปริวตฺเต กตฺวาติ อาวตฺตนปริวตฺตนวเสน นเต กตฺวา. อฏฺปทกรจนายาติ ภิตฺติกูฏทฺธจนฺทาทิวิภาคาย อฏฺปทกรจนาย.
วิรวมาเนติ ‘‘อยํ ปลายติ, คณฺห คณฺหา’’ติ วิรวมาเน. หิรฺสุวณฺณโอโรเธติ วตฺตพฺพํ.
๓๐๓. อุสฺสิตาย อุสฺสิตายาติ กุลวิภวพาหุสจฺจปฺาสมฺปตฺติยา อุคฺคตาย อุคฺคตาย. อภิลกฺขิโต อุฬารภาเวน.
๓๐๔. ปริชฺุานีติ ¶ ปริหานานิ. เย พฺยาธินา อภิภูตา สตฺตา ชิณฺณกปฺปา วโยหานิสตฺตา วิย โหนฺติ, ตโต นิวตฺเตนฺโต ‘‘ชราชิณฺโณ’’ติ อาห. วโยวุฑฺโฒ, น สีลาทิวุฑฺโฒ. มหตฺตํ ลาติ คณฺหาตีติ มหลฺลโก, ชาติยา มหลฺลโก, น วิภวาทินาติ ชาติมหลฺลโก ¶ . ทฺวตฺติราชปริวตฺตสงฺขาตํ อทฺธานํ กาลํ คโต วีติวตฺโตติ อทฺธคโต. ตถา จ ปมวยํ มชฺฌิมวยฺจ อตีโต โหตีติ อาห ‘‘อทฺธานํ อติกฺกนฺโต’’ติ. ชิณฺณาทิปเทหิ ปมวยมชฺฌิมวยสฺส โพธิตตฺตา อนุปฺปตฺตตาวิสิฏฺโ วย-สทฺโท โอสานวยวิสโยติ อาห ‘‘ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปตฺโต’’ติ.
‘‘อปฺปิจฺโฉ, อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺโส’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๑) เอวมาทีสุ วิย อปฺป-สทฺโท อภาวตฺโถติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อปฺปาพาโธติ อโรโค, อปฺปาตงฺโกติ นิทฺทุกฺโข’’ติ. อปฺปตฺโถ วา อิธ, ตตฺถาปิ อปฺป-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ ‘‘โย หิ, คหปติ, อิมํ ปูติกายํ ปริหรนฺโต มุหุตฺตมฺปิ อาโรคฺยํ ปฏิชาเนยฺย กิมฺตฺร พาลฺยา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑) สุตฺตปทํ สมตฺถิตํ โหติ. วิปจฺจนํ วิปาโก, โส เอว เวปาโก. สโม เวปาโก เอติสฺสา อตฺถีติ สมเวปากินี, ตาย. เตเนว สมเวปากินิภาเวน สพฺพมฺปิ สมฺมเทว คณฺหาติ ธาเรตีติ คหณี. คหณิสมฺปตฺติยา หิ ยถาภุตฺตอาหาโร สมฺมเทว ชีรนฺโต สรีเร ติฏฺติ, โน อฺถา ภุตฺตภุตฺโต อาหาโร ชีรติ คหณิยา ติกฺขภาเวน. ตเถว ติฏฺตีติ ภุตฺตากาเรเนว ติฏฺติ คหณิยา มนฺทภาวโต. ภตฺตจฺฉนฺโท อุปฺปชฺชเตว ภุตฺตอาหารสฺส สมฺมา ปริณามํ คตตฺตา. เตเนวาติ สมเวปากินิภาเวเนว. ปตฺตานํ โภคานํ ปริกฺขิยมานํ น สหสา เอกชฺฌํเยว ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อถ โข อนุกฺกเมน, ตถา าตโยปีติ อาห ‘‘อนุปุพฺเพนา’’ติ. ฉาตกภยาทินาติ อาทิ-สทฺเทน พฺยาธิภยาทึ สงฺคณฺหาติ.
๓๐๕. อุทฺเทสสีเสน นิทฺเทโส คหิโตติ อาห ‘‘ธมฺมนิทฺเทสา อุทฺทิฏฺา’’ติ. ยสฺมา วา เย ธมฺมา อุทฺทิสิตพฺพฏฺเน ‘‘อุทฺเทสา’’ติ วุจฺจนฺติ. เตว ธมฺมา นิทฺทิสิตพฺพฏฺเน นิทฺเทสาติ ‘‘ธมฺมนิทฺเทสา อุทฺทิฏฺา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. อถ วา เย ธมฺมา อนิจฺจตาทิวิภาวนวเสน อุทฺธํ อุทฺธํ เทเสสฺสนฺติ, เต ธมฺมา ตเถว นิสฺเสสโต เทเสสฺสนฺตีติ เอวํ อุทฺเทสนิทฺเทสปทานํ อนตฺถนฺตรตา เวทิตพฺพา. ตตฺถาติ ชรามรณสนฺติเก. อทฺธุโวติ นิทฺธุโว น ถิโร, อนิจฺโจติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ธุวฏฺานวิรหิโต’’ติ, อชาตาภูตาสงฺขตธุวภาวการณวิวิตฺโตติ อตฺโถ. อุปนียฺยตีติ วา ¶ ชรามรเณน โลโก สมฺมา นียติ, ตสฺมา อทฺธุโวติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตายิตุนฺติ ชาติอาทิพฺยสนโต รกฺขิตุํ สมตฺเถน อิสฺสเรน อตฺตนา วิรหิโตติ. ‘‘อิมํ โลกํ อิโต วฏฺฏทุกฺขโต โมเจสฺสามิ, ชราพฺยาธิมรณานํ ตํ อธิภวิตุํ น ทสฺสามี’’ติ เอวํ อภิสรตีติ ¶ อภิสฺสรณํ, โลกสฺส สุขสฺส ทาตา หิตสฺส วิธาตา โกจิ อิสฺสโร, ตทภาวโต อาห ‘‘อนภิสฺสโรติ อสรโณ’’ติ. นิสฺสโก มมายิตพฺพวตฺถุอภาวโต, เตนาห ‘‘สกภณฺฑวิรหิโต’’ติอาทิ. ตณฺหาย วเส ชาโต ตณฺหาย วิชิโตติ กตฺวา ‘‘ตณฺหาย ทาโส’’ติ วุตฺตํ.
๓๐๖. หตฺถิวิสยตฺตา หตฺถิสนฺนิสฺสิตตฺตา วา หตฺถิสิปฺปํ ‘‘หตฺถี’’ติ คหิตนฺติ อาห – ‘‘หตฺถิสฺมินฺติ หตฺถิสิปฺเป’’ติ, เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. สาติสยํ อูรุพลํ เอตสฺส อตฺถีติ อูรุพลีติ อาห – ‘‘อูรุพลสมฺปนฺโน’’ติ, ตเมวตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อภินฺนํ ปรเสนํ ภินฺทโต ภินฺนํ สกเสนํ สนฺธารยโต อุปตฺถมฺภยโต. พาหุพลีติ เอตฺถาปิ ‘‘ยสฺส หิ ผลกฺจ อาวุธฺจ คเหตฺวา’’ติอาทินา อตฺโถ วตฺตพฺโพ, อิธ ปน ปรหตฺถคตํ รชฺชํ อาหริตุํ พาหุพลนฺติ โยชนา. ยถา หิ ‘‘อูรุพลี’’ติ เอตฺถาปิ พาหุพลํ อนามสิตฺวา อตฺโถ, เอวํ ‘‘พาหุพลี’’ติ เอตฺถ อูรุพลํ อนามสิตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ, อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโว. อลํ สมตฺโถ อตฺตา เอตสฺสาติ อลมตฺโถติ อาห ‘‘สมตฺถอตฺตภาโว’’ติ.
ปริโยธายาติ วา ปริโต อารกฺขํ โอทหิตฺวา. ‘‘สํวิชฺชนฺเต โข, โภ รฏฺปาล, อิมสฺมึ ราชกุเล หตฺถิกายาปิ…เป… วตฺติสฺสนฺตี’’ติ อิทมฺปิ โส ราชา อุปริ ธมฺมุทฺเทสสฺส การณํ อาหรนฺโต อาห.
วุตฺตสฺเสว อนุ ปจฺฉา คายนวเสน กถนํ อนุคีติ. ตา ปน คาถา ธมฺมุทฺเทสานํ เทสนานุปุพฺพึ อนาทิยิตฺวาปิ ยถารหํ สงฺคณฺหนวเสน อนุคีตาติ อาห ‘‘จตุนฺนํ ธมฺมุทฺเทสานํ อนุคีติ’’นฺติ.
๓๐๗. เอกนฺติ เอกชาติยํ. วตฺถุกามกิเลสกามา วิสยเภเทน ภินฺทิตฺวา ตถา วุตฺตาติ ทฏฺพฺโพ.
สาครนฺเตนาติ ¶ สาครปริยนฺเตน.
อโห วตาติ โสจเน นิปาโต, ‘‘อโห วต ปาปํ กตํ มยา’’ติอาทีสุ วิย. อมราติอาทีสุ ¶ อาหูติ กเถนฺติ. มตํ อุทฺทิสฺส ‘‘อมฺห’’นฺติ วตฺตพฺเพ โสกวเสน ‘‘อมร’’นฺติ วุจฺจติ.
โวสานนฺติ นิฏฺํ, ปริโยสานนฺติ อตฺโถ. สาวาติ ปฺา เอว. ธนโตติ สพฺพธนโต. อุตฺตมตรา เสฏฺา, เตเนวาห ‘‘ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔).
เตสุ ปาปํ กโรนฺเตสุ สตฺเตสุ, นิทฺธารเณ เจตํ ภุมฺมวจนํ. ปรมฺปรายาติ อตฺตภาวปรมฺปราย. สํสารํ อาปชฺชิตฺวาติ ภวาทีสุ สํสารสฺส อาปชฺชนเหตุํ อาปชฺชนฺโต ปรโลกํ อุเปติ, ปรโลกํ อุเปนฺโตว พหุวิธทุกฺขสงฺขาตํ คพฺภฺจ อุเปติ. ตาทิสสฺสาติ ตถารูปสฺส คพฺภวาสทุกฺขาทีนํ อธิฏฺานภูตสฺส อปฺปปฺสฺส อฺโ อปฺปปฺโ จ อภิสทฺทหนฺโต หิตสุขาวหนฺติ ปตฺติยายนฺโต.
‘‘ปาปธมฺโม’’ติ วุตฺตตฺตา ตาทิสสฺส ปรโลโก นาม ทุคฺคติ เอวาติ อาห ‘‘ปรมฺหิ อปายโลเก’’ติ.
วิวิธรูเปนาติ รูปสทฺทาทิวเสน ตตฺถปิ ปณีตตราทิวเสน พหุวิธรูเปน.
สามฺเมวาติ สมณภาโว เอว เสยฺโย. เอตฺถ จ อาทิโต ทฺวีหิ คาถาหิ จตุตฺโถ ธมฺมุทฺเทโส อนุคีโต. จตุตฺถคาถาย ตติโย. ปฺจมคาถาย ทุติโย. ฉฏฺคาถาย ทุติยตติยา. สตฺตมคาถาย ปโม ธมฺมุทฺเทโส อนุคีโต, อฏฺมาทีหิ ปวตฺตินิวตฺตีสุ กาเมสุ เนกฺขมฺเม จ ยถารหํ อาทีนวานิสํสํ วิภาเวตฺวา อตฺตโน ปพฺพชฺชการณํ ปรมโต ทสฺเสนฺโต ยถาวุตฺตธมฺมุทฺเทสํ นิคเมติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ตา ปน คาถา ธมฺมุทฺเทสานํ เทสนานุปุพฺพึ อนาทิยิตฺวาปิ ยถารหํ สงฺคณฺหนวเสน อนุคีตา’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
รฏฺปาลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. มฆเทวสุตฺตวณฺณนา
๓๐๘. ปุพฺเพ ¶ ¶ มฆเทโว นาม ราชาติ อตีตกาเล อิมสฺมึเยว กปฺเป อเนกวสฺสสหสฺสายุเกสุ มนุสฺเสสุ ปฏิปาฏิยา อุปฺปนฺนานํ จตุราสีติสหสฺสานํ จกฺกวตฺติราชูนํ อาทิปุริโส มฆเทโวติ เอวํนาโม ราชา.
ธมฺโมติ ราชธมฺโมติ โลกิกา วทนฺติ. มหาโพธินิธานปารมิตาสงฺขาโต ปน ธมฺโม อตฺถีติ ธมฺมิโก. ธมฺเมนาติ าเยน. ตทา พฺรหฺมวิหาราทิภาวนาธมฺมสฺส รฺโ อนธิคตตฺตา ตสฺสปิ วา อนภิชฺฌาทีหิ สมานโยคกฺขมตฺตา วุตฺตํ ‘‘ทสกุสลกมฺมปเถ ิโต’’ติ. ธมฺมนฺติ ธมฺมโต อนเปตํ. ตถา หิ จ โส ปกฺขปาตาภาวโต ‘‘สโม’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘สมํ จรตี’’ติ. ปกตินิยาเมเนวาติ ปเวณิยา อาคตนิยาเมเนว. ยสฺมา นิคมชนปเทสุ เยภุยฺเยน คหปตีนํ สงฺคโห, ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘คหปติกาน’’นฺตฺเวว วุตฺตํ. ปาฬิยํ ปน อฺเมว นาครจาริตฺตํ, อฺํ เนคมชนปทจาริตฺตนฺติ เต วิสุํ คหิตา ‘‘เนคเมสุ เจว ชนปเทสุ จา’’ติ. ปจฺจุคฺคมนนิคฺคมนวเสน อุโปสถสฺส ปฏิหรณํ ปาฏิหาริโย, โส เอว ปาฏิหาริโก, ปกฺโข. อิเม ทิวสาติ อิเม จตฺตาโร ทิวสา.
๓๐๙. เทโวติ มจฺจุ อภิภวนฏฺเน. ยถา หิ เทโว ปกติสตฺเต อภิภวติ, เอวํ มจฺจุ สตฺเต อภิภวติ. ‘‘อหํ อสุกํ มทฺทิตุํ อาคมิสฺสามิ, ตฺวํ ตสฺส เกเส คเหตฺวา มา วิสฺสชฺเชหี’’ติ มจฺจุเทวสฺส อาณากรา ทูตา วิยาติ ทูตาติ วุจฺจนฺติ. อลงฺกตปฏิยตฺตายาติ อิทํ อตฺตโน ทิพฺพานุภาวํ อาวิกตฺวา ิตายาติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เทวตาพฺยากรณสทิสเมว โหติ น จิเรเนว มรณสมฺภวโต. วิสุทฺธิเทวานนฺติ ขีณาสวพฺรหฺมานํ. เต หิ จริมภเว โพธิสตฺตานํ ชิณฺณาทิเก ทสฺเสนฺติ.
ทุขิตฺจ พฺยาธิตนฺติ พฺยาธิภาเวน สฺชาตทุกฺขนฺติ อตฺโถ. อนฺติมภวิกโพธิสตฺตานํ วิสุทฺธิเทเวหิ อุปฏฺาปิตภาวํ อุปาทาย ตทฺเสํ เตหิ อนุปฏฺาปิตานมฺปิ ปณฺฑิตานํ ตถา โวหริตพฺพตา ปริยายสิทฺธาติ อาห ‘‘อิมินา ปริยาเยนา’’ติ.
ทิสมฺปตีติ ¶ วิภตฺติอโลเปน นิทฺเทโส, ทิสาสีเสน เทสา วุตฺตาติ เทสานํ อธิปติราชาติ ¶ อตฺโถ. อุตฺตมงฺเค สิรสิ รุหนฺตีติ อุตฺตมงฺครุหา, เกสา. เต ปเนตฺถ ยสฺมา ปลิตตฺตา อวิเสสโต สพฺพปจฺฉิมวยสนฺทสฺสกา โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘วโยหรา’’ติ วุตฺตา.
ปุริสยุโค ยสฺมา ตสฺมึ วํเส สฺชาตปุริสฏฺิติยา ปริจฺฉินฺโน, ตสฺมา อาห ‘‘วํสสมฺภเว ปุริเส’’ติ. ราชเคหโต อาหฏภิกฺขาย ยาเปนฺโตติ อิมินา กุมารกปพฺพชฺชาย อุปคตภาวํ ทสฺเสติ.
ปริหริยมาโนวาติ อฺเน อฺเน ปริหริยมาโน วิย เวลาย เวลาย เตน มหตา ปริชเนน อุปฏฺิยมาโน กุมารกีฬํ กีฬีติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘ปริหริยมาโน เอวา’’ติ อวธารณวเสน อตฺถํ วทนฺติ, ตถา สติ จตุราสีติวสฺสสหสฺสานิ ถฺปายี ตรุณทารโก อโหสีติ อาปชฺชตีติ ตทยุตฺตํ. กุมารกาลํ วตฺวา ตทนนฺตรํ โอปรชฺชวจนโต วิรุทฺธฺเจตํ. (ปฺจมงฺคลวจเนน อุนฺนงฺคลมงฺคลอุกฺกนฺตนมงฺคลกมฺมหายมงฺคลทุสฺสมงฺคลานิ สมุปคตานิ เอว อเหสุนฺติ ทฏฺพฺพํ).
๓๑๑. สวํสวเสน อาคตา ปุตฺตนตฺตุอาทโย ปุตฺตา จ ปปุตฺตา จ เอติสฺสาติ ปุตฺตปปุตฺตกา ปรมฺปรา. นิหตนฺติ นิหิตํ ปิตํ, ปวตฺติตนฺติ อตฺโถ. นิหตนฺติ วา สตตํ ปติฏฺิตภาเวน วฬฺชิตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘กลฺยาณวตฺต’’นฺติ. อติเรกตรา ทฺเว คุณาติ มหาสตฺตสฺส มฆเทวกาลโต อติเรกตรา ทฺเว คุณา อิตรราชูหิ ปน อติเรกตรา อเนกสตสหสฺสปฺปเภทา เอว คุณา อเหสุนฺติ.
๓๑๒. เตตฺตึส สหปฺุการิโน เอตฺถ นิพฺพตฺตาติ ตํสหจริตฏฺานํ เตตฺตึสํ, ตเทว ตาวตึสํ, ตํนิวาโส เอเตสนฺติ ตาวตึสา. นิวาสภาโว จ เตสํ ตตฺถ นิพฺพตฺตนปุพฺพโกติ อาห – ‘‘เทวานํ ตาวตึสานนฺติ ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตเทวาน’’นฺติ. รฺโติ นิมิมหาราชสฺส. โอวาเท ตฺวาติ ‘‘สีลํ อรกฺขนฺโต มม สนฺติกํ มา อาคจฺฉตู’’ติ นิคฺคณฺหนวเสนปิ, ‘‘เอกนฺตโต มม วิชิเต วสนฺเตน สีลํ รกฺขิตพฺพ’’นฺติ เอวํ ปวตฺติตโอวาทวเสนปิ โอวาเท ตฺวา.
อถ ¶ นนฺติ มหาชุติกํ มหาวิปฺผารํ มหานุภาวํ นิมิราชานํ. ‘‘สกฺโกหมสฺมิ เทวินฺโท, ตว สนฺติกมาคโต’’ติ อตฺตโน สกฺกภาวํ ปเวเทตฺวา ‘‘กงฺขํ เต ปฏิวิโนเทสฺสามี’’ติ อาห. เตนาห ‘‘สพฺพภูตานมิสฺสรา’’ติอาทิ.
สีลํ ¶ อุปาทาย โอมกตาย ‘‘กิ’’นฺติ หีเฬนฺโต วทติ. คุณวิสิฏฺตายาติ ลาภยสาทีนฺเจว ปิยมนาปตาทีนฺจ อาสวกฺขยปริโยสานานํ นิมิตฺตภาเวน อุตฺตมคุณตาย. ตทา สกฺโก อนุรุทฺธตฺเถโร, โส อตฺตโน ปุริมชาติยํ ปจฺจกฺขสิทฺธํว ทานโต สีลํ มหนฺตํ วิภาเวนฺโต ‘‘อหฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺตนา วสิยมานํ กามาวจรเทวโลกํ สนฺธาย ‘‘เปตฺติวิสยโต’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส หิ กปฺปสตสหสฺสํ วิวฏฺฏชฺฌาสยสฺส ปูริตปารมิสฺส เทวโลโก เปตโลโก วิย อุปฏฺาสิ. เตเนวาห ‘‘อจฺฉราคณสงฺฆุฏฺํ, ปิสาจคณเสวิต’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๔๖).
ขตฺติเยติ ขตฺติยชาติยํ. วิสุชฺฌตีติ พฺรหฺมโลกูปปตฺตึ สนฺธาย วทติ กามสํกิเลสวิสุชฺฌนโต. กายาติ จ พฺรหฺมกายมาห.
อิมสฺส มม อทิฏฺปุพฺพรูปํ ทิสฺวา ‘‘อหุเทว ภย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห ‘‘อวิกมฺปมาโน’’ติ. ภายนฺโต หิ จิตฺตสฺส อฺถตฺเตน กายสฺส จ ฉมฺภิตตฺเตน วิกมฺปติ นาม. เตนาห ‘‘อภายมาโน’’ติ. สุขํ กเถตุํ โหตีติ ปฺุผลํ กเถตุํ สุขํ โหติ.
๓๑๓. มนํ อาคมฺม ยุตฺตาเยว โหนฺตีติ มาตลิสฺส สกฺกสฺเสว จิตฺตํ ชานิตฺวา ยุตฺตา วิย โหนฺติ, รเถ ยุตฺตอาชานียกิจฺจํ กโรนฺติ เทวปุตฺตา. เอวํ ตาทิเส กาเล ตถา ปฏิปชฺชนฺติ, ยถา เอราวโณ เทวปุตฺโต หตฺถิกิจฺจํ. นทฺธิโต ปฏฺายาติ รถปฺชรปริยนฺเตน อกฺขสฺส สมฺพนฺธฏฺานํ นทฺธี, ตโต ปฏฺาย. อกฺโข พชฺฌติ เอตฺถาติ อกฺขพทฺโธ, อกฺเขน รถสฺส พทฺธฏฺานํ. ยถา เทวโลกโต ยาว จนฺทมณฺฑลสฺส คมนวีถิ, ตาว อตฺตโน อานุภาเวน เหฏฺามุขเมว รถํ เปเสสิ, เอวํ จนฺทมณฺฑลสฺส คมนวีถิโต ยาว รฺโ ปาสาโท, ตาว ตเถว เปเสสิ. ทฺเว มคฺเค ทสฺเสตฺวาติ ปโตทลฏฺิยา อากาสํ วิลิขนฺโต วิย อตฺตโน อานุภาเวน นิรยคามี เทวโลกคามี จาติ ทฺเว มคฺเค ¶ ทสฺเสตฺวา. กตเมนาติอาทิ เทสนามตฺตํ, ยถา เตน รเถน คจฺฉนฺตสฺส นิรโย เทวโลโก จ ปากฏา โหนฺติ, ตถา กรณํ อธิปฺเปตํ.
วุตฺตการณเมว สนฺธายาห มหาสตฺโต ‘‘อุภเยเนว มํ มาตลิ เนหี’’ติ. ทุคฺคนฺติ ทุคฺคมํ. เวตฺตรณินฺติ เอวํนามกํ นิรยํ. กุถิตนฺติ ปกฺกุถิตํ นิปกฺกเตลสทิสชาลํ. ขารสํยุตฺตนฺติ ขาโรทกสทิสํ.
รถํ นิวตฺเตตฺวาติ นิรยาภิมุขโต นิวตฺเตตฺวา. พีรณีเทวธีตายาติ ‘‘พีรณี’’ติ เอวํนามิกาย ¶ อจฺฉราย. โสณทินฺนเทวปุตฺตสฺสาติ ‘‘โสณทินฺโน’’ติ เอวํนามกสฺส เทวปุตฺตสฺส. คณเทวปุตฺตานนฺติ คณวเสน ปฺุํ กตฺวา คณวเสเนว นิพฺพตฺตเทวปุตฺตานํ.
ปตฺตกาเลติ อุปกฏฺาย เวลาย. อติถินฺติ ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ. กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน เอกํ ขีณาสวตฺเถรนฺติปิ วทนฺติ. มาตาว ปุตฺตํ สกิมาภินนฺทีติ ยถา ปวาสโต อาคตํ ปุตฺตํ มาตา สกึ เอกวารํ อาคตกาเล อภินนฺทติ, ตถา นิจฺจกาเล อภินนฺทิ สกฺกจฺจํ ปริวิสิ. สํยมา สํวิภาคาติ สีลสํยมา สํวิภาคสีลา. ชาตเกติ นิมิชาตเก.
จิตฺตกูฏนฺติ เทวนครสฺส ทกฺขิณทิสาย ทฺวารโกฏฺกํ. สกฺโก จิตฺตํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโตติ มหาสตฺเต ปวตฺตํ เทวตานํ สกฺการสมฺมานํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ อตฺตโน อุสูยจิตฺตํ พหิ อนาวิกตฺวา อพฺภนฺตเรเยว จ นํ เปตุํ อสกฺโกนฺโต. อฺเสํ ปฺุเน วสาหีติ สกฺกสฺส มหาสตฺตํ โรเสตุกามตาย อาราธนํ นิทสฺเสติ. ปุราณสกฺโก ทีฆายุโก, ตํ อุปาทาย ชราชิณฺณํ วิย กตฺวา ‘‘ชรสกฺโก’’ติ วุตฺตํ.
๓๑๕. เสสํ สพฺพนฺติ ปพฺพชฺชุปคมนา เสสํ อตฺตโน วํเส โปราณราชูนํ ราชจาริตฺตํ. ปากติกนฺติ ปุน สภาวตฺตเมว คโต อโหสิ, อปพฺพชิตภาววจเนเนวสฺส พฺรหฺมวิหารภาวนาทีนํ ปพฺพชฺชาคุณานํ อภาโว ทีปิโต โหติ.
๓๑๖. วีริยํ อกโรนฺโต สมุจฺฉินฺทติ, น ตาว สมุจฺฉินฺนํ, กลฺยาณมิตฺตสํสคฺคาทิปจฺจยสมวาเย สติ สีลวตํ กลฺยาณวตฺตํ ปวตฺเตตุํ สกฺโกติ ¶ . ทุสฺสีเลน สมุจฺฉินฺนํ นาม โหติ ตสฺส ตตฺถ นิราสภาเวน ปฏิปตฺติยา เอว อสมฺภวโต. สตฺต เสขา ปวตฺเตนฺติ กลฺยาณวตฺตสฺส อปรินิฏฺิตกิจฺจตฺตา. ขีณาสเวน ปวตฺติตํ นาม ปรินิฏฺิตกิจฺจตฺตา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มฆเทวสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. มธุรสุตฺตวณฺณนา
๓๑๗. มธุรายนฺติ ¶ อุตฺตรมธุรายํ. คุนฺทาวเนติ กาฬสิปฺปลิวเน. อติมุตฺตกวเนติ จ วทนฺติ. จตูสุ วณฺเณสุ พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ. ปณฺฑโรติ ปริสุทฺโธ. กาฬโกติ อปริสุทฺโธ. ชาติโคตฺตาทิปฺาปนฏฺาเนสูติ ชาติโคตฺตาทิวเสน สุทฺธจินฺตายํ พฺราหฺมณา เอว สุทฺธชาติกา, น อิตเรติ อธิปฺปาโย. สํสารโต วา สุทฺธจินฺตายํ พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ เวทวิหิตสฺส สุทฺธวิธิโน อฺเสํ อวิสยตฺตาติ อธิปฺปาโย. ตํ ปเนตํ เตสํ วิรุชฺฌติ ขตฺติยเวสฺสานมฺปิ มนฺตชฺเฌนสฺส อนฺุาตตฺตา, มนฺตชฺเฌนวิธินา จ สํสารสุทฺธิยาภาวโต. ปุตฺตา นาม อโนรสาปิ โหนฺติ, น ตถา อิเมติ อาห ‘‘โอรสา’’ติ. อุเร สํวฑฺฒิตปุตฺโตปิ ‘‘โอรส’’นฺติ วุจฺจติ. อิเม ปน มุขโต นิคฺคโต หุตฺวา อุเร สํวฑฺฒาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โอรสา มุขโต ชาตา’’ติ วุตฺตํ. ตโต เอว พฺรหฺมโต ชาตาติ พฺรหฺมชา, พฺรหฺมสมฺภูตาปิ ‘‘พฺรหฺมชา’’ติ วุจฺจนฺติ, น ตถา อิเม. อิเม ปน ปจฺจกฺขโต พฺรหฺมุนา นิมฺมิตาติ พฺรหฺมนิมฺมิตา, ตโต เอว พฺรหฺมโต ลทฺธพฺพวิชฺชาทิทายชฺชทายาทาติ พฺรหฺมทายาทาติ สพฺพเมตํ พฺราหฺมณานํ กตฺถนาปลาปสทิสํ วิฺูนํ อปฺปมาณํ อวิมทฺทกฺขมํ วาจาวตฺถุมตฺตํ พฺรหฺมกุตฺตสฺเสว อภาวโต. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺควณฺณนายํ วุตฺตเมว. เตนาห ‘‘โฆโสเยวา’’ติอาทิ. โวหารมตฺตเมเวตนฺติ เอตํ ‘‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ’’ติอาทิ วจนมตฺตเมว, น ตสฺส อตฺโถ เตหิ อธิปฺเปตปฺปกาโร อตฺถิ.
๓๑๘. สมิชฺเฌยฺยาติ ทิฏฺิทีปนวเสน อตฺตโน อชฺฌาสโย นิปฺผชฺเชยฺย. เตนาห ‘‘มโนรโถ ปูเรยฺยา’’ติ. ขตฺติโยปีติ ปรขตฺติโยปิ ¶ . อสฺสาติ สมิทฺธธนาทึ ปตฺตสฺส. เตนาห – ‘‘อิสฺสริยสมฺปตฺตสฺสา’’ติ เนสนฺติ เอเตสํ จตุนฺนํ วณฺณานํ เอตฺถ ปุพฺพุฏฺายิภาวาทินา อิตเรหิ อุปจริตพฺพตาย น กิฺจิ นานากรณนฺติ โยชนา.
๓๒๒. อหํ ¶ จีวราทีหิ อุปฏฺาโก, ตุมฺหากํ อิจฺฉิตจฺฉิตกฺขเณ วเทยฺยาถ เยนตฺโถติ โยชนา. โจราทิอุปทฺทวนิเสธเนน รกฺขาคุตฺติ, ทานาทินิมิตฺตอุปทฺทวนิเสธเนน อาวรณคุตฺติ. ปจฺจุปฺปนฺนานตฺถนิเสธเนน วา รกฺขาคุตฺติ, อาคามิอนตฺถนิเสธเนน อาวรณคุตฺติ. เอตฺถ จ ขตฺติยาทีสุ โย โย อิสฺสโร, ตสฺส อิตเรน อนุวตฺเตตพฺพภาเว, กุสลากุสลกรเณน เนสํ วเสน ลทฺธพฺพอภิสมฺปราเย, ปพฺพชิเตหิ ลทฺธพฺพสามีจิกิริยาย จ อณุมตฺโตปิ วิเสโส นตฺถิ, ตสฺมา โส วิเสสาภาโว ปาฬิยํ ตตฺถ ตตฺถ วาเร ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติอาทินา วิภาวิโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มธุรสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. โพธิราชกุมารสุตฺตวณฺณนา
๓๒๔. โอโลกนกปทุมนฺติ ¶ ลีลาอรวินฺทํ. ตสฺมาติ โกกนทสณฺานตฺตา โกกนโทติ สงฺขํ ลภิ.
๓๒๕. ยาว ปจฺฉิม…เป… ผลกํ วุตฺตํ ตสฺส สพฺพปจฺฉา สนฺถตตฺตา. อุปริมผลคตฺหิ โสปานมตฺถกํ. โอโลกนตฺถํเยวาติ น เกวลํ ภควโต อาคมนฺเว โอโลกนตฺถํ, อถ โข อตฺตโน ปตฺถนาย สนฺถราปิตาย เจลปฏิกาย อกฺกมนสฺสปิ.
สกุณโปตเกติ กาทมฺพฏิฏฺฏิภปุตฺตเก. อฺโว ภเวยฺยาติ ตสฺมึ อตฺตภาเว มาตุคามโต อฺโ อิทานิ ภริยาภูโต มาตุคาโม ภเวยฺย. ปุตฺตํ ลเภยฺยาติ อตฺตโน กมฺมวเสน ปุตฺตํ, โน ตสฺส. อุโภหีติ อิเมหิ เอว อุโภหิ. อิเมหิ การเณหีติ ตสฺส ราชกุมารสฺส พุทฺธํ ปฏิจฺจ มิจฺฉาคหณํ, ติตฺถิยานํ อุชฺฌายนํ, อนาคเต มนุสฺสานํ ภิกฺขูนํ อุทฺทิสฺส วิปฺปฏิสาโรติ อิเมหิ ตีหิ การเณหิ. ปฺตฺตนฺติ สนฺถตํ เจลปฏิกํ. มงฺคลํ อิจฺฉนฺตีติ มงฺคลิกา.
๓๒๖. ตติยํ ¶ การณนฺติ อิมินา ภิกฺขูสุ วิปฺปฏิสารานุปฺปาทนมาห. ยํ กิฺจิ ปริภฺุชน-สุขํ กามสุขลฺลิกานุโยโคติ อธิปฺปาเยน กามสุขลฺลิกานุโยคสฺี หุตฺวา…เป… มฺมาโน เอวมาห.
๓๒๗. อถ นํ ภควา ตโต มิจฺฉาภินิเวสโต วิเวเจตุกาโม ‘‘โส โข อห’’นฺติอาทินา อตฺตโน ทุกฺกรจริยํ ทสฺเสตุํ อารภิ. มหาสจฺจเก(ม. นิ. ๑.๓๖๔ อาทโย) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ ‘‘โส โข อห’’นฺติอาทิปาสฺส ตตฺถ อาคตนิยาเมเนว อาคตตฺตา. ปาสราสิสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๗๒ อาทโย) วุตฺตนเยนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
๓๔๓. องฺกุสํ คณฺหนฺติ เอเตน ตสฺส คหเณ เฉโก โหตีติ องฺกุสคหณสิปฺปํ. เมฆอุตุนฺติ เมฆํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนสีตอุตุํ. ปพฺพตอุตุนฺติ ปพฺพตํ ปฏิจฺจ อุณฺหอุตุํ. อุภยวเสน จ ตสฺส ¶ ตถา สีตุณฺหอุตุโต เอโน อาคโตติ ต-การสฺส ท-การํ กตฺวา อุเทโนติ นามํ อกาสิ.
ตาปโส โอคาฬฺหาณวเสน รฺโ มตภาวํ ตฺวา. อาทิโต ปฏฺายาติ โกสมฺพินคเร ปรนฺตปรฺโ อคฺคมเหสิภาวโต ปฏฺาย. ปุพฺเพติ สีลวนฺตกาเล. หตฺถิคนฺถนฺติ หตฺถีนํ อตฺตโน วเส วตฺตาปนสตฺถํ. เตเนวสฺส ตํ สิกฺขาเปติ, กิจฺจฺจ อิชฺฌติ.
๓๔๔. ปทหนภาโวติ ภาวนานุโยโค. ปธาเน วา นิยุตฺโต ปธานิโย, ปธานิยสฺส ภิกฺขุโน, ตสฺเสว ปธานิยภาวสฺส องฺคานิ การณานิ ปธานิยงฺคานิ. สทฺธา เอตสฺส อตฺถีติ สทฺโธ. กิฺจาปิ ปจฺเจกโพธิสตฺตานมฺปิ อภินีหารโต ปฏฺาย อาคตา อาคมนสทฺธา เอว, มหาโพธิสตฺตานํ ปน สทฺธา ครุตราติ สา เอว คหิตา. อจลภาเวน โอกปฺปนํ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวาขฺยาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เกนจิ อกมฺปิยภาเวน รตนตฺตยคุเณ โอคาหิตฺวา กปฺปนํ. ปสาทุปฺปตฺติ รตนตฺตเย ปสีทนเมว. โพธินฺติ จตุมคฺคาณนฺติ วุตฺตํ ตํนิมิตฺตตฺตา สพฺพฺุตฺาณสฺส, โพธีติ วา สมฺมาสมฺโพธิ. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจติ. นิจฺฉิตสุพุทฺธตาย ธมฺมสฺส สุธมฺมตา สงฺฆสฺส สุปฺปฏิปตฺติ วินิจฺฉิตา เอว ¶ โหตีติ อาห ‘‘เทสนาสีสเมว เจต’’นฺติอาทิ. ตสฺส ปธานํ วีริยํ อิชฺฌติ รตนตฺตยสทฺธาย ‘‘อิมาย ปฏิปทาย ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ ปธานานุโยเค อวํมุขสมฺภวโต.
อปฺปาพาโธติอาทิ เหฏฺา วุตฺตเมว. อคุณํ ปกาเสตา อายตึ สํวรํ อาปชฺชิตา สมฺมาปฏิปตฺติยา วิโสธนตฺถํ. อุทยฺจ อตฺถฺจ คนฺตุนฺติ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา’’ติอาทินา ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อุทยฺจ วยฺจ ชานิตุํ. เตนาห ‘‘เอเตนา’’ติอาทิ. ปริสุทฺธาย อุปกฺกิเลสวินิมุตฺตาย. นิพฺพิชฺฌิตุนฺติ ตทงฺควเสน ปชหิตุํ สมุจฺเฉทปฺปหานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ. ยํ ทุกฺขํ ขียตีติ กิเลเสสุ อปฺปหีเนสุ เตน ตทุปนิสฺสยกมฺมํ ปฏิจฺจ ยํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺเชยฺย, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๓๔๕. เสสทิวเสติ สตฺตทิวสโต ปฏฺาย ยาว ทฺเว รตฺตินฺทิวา.
๓๔๖. กุจฺฉิสนฺนิสฺสิโต ¶ คพฺโภ นิสฺสยโวหาเรน ‘‘กุจฺฉี’’ติ วุจฺจติ, โส เอติสฺสา อตฺถีติ กุจฺฉิมตี. เตนาห ‘‘อาปนฺนสตฺตา’’ติ. อารกฺโข ปนสฺส ปจฺจุปฏฺิโต โหตีติ มาตรา คหิตสรณํ คพฺภวุฏฺิตสฺส ตสฺส สรณคมนํ ปเวทยิตสฺส กุสลํ สรณํ นาม, มาตุ กตรกฺโข ปุตฺตสฺสปิ ปจฺจุปฏฺิโตติ. มหลฺลกกาเลติ วจนตฺถํ ชานนกาเล. สาเรนฺตีติ ยถาทิฏฺํ ยถาพลํ รตนตฺตยคุณปติฏฺาปนวเสน อสฺส สาเรนฺติ. สลฺลกฺเขตฺวาติ วุตฺตมตฺถํ อุปธาเรตฺวา. สรณํ คหิตํ นาม โหติ รตนตฺตยสฺส สรณภาวสลฺลกฺขณปุพฺพกตนฺนินฺนจิตฺตภาวโตว. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
โพธิราชกุมารสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. องฺคุลิมาลสุตฺตวณฺณนา
๓๔๗. องฺคุลีนํ ¶ มาลํ ธาเรตีติ อิมินา อนฺวตฺถา ตสฺส สมฺาติ ทสฺเสติ. ตตฺราติ ตสฺมึ อาจริยวจเนน องฺคุลิมาลสฺส ธารเณ. กรีสสหสฺสเขตฺเต เอกสาลิสีสํ วิย อปฺายมานสกกิจฺโจ โหตีติ อธิปฺปาโย. ตกฺกสีลํ เปสยึสุ ‘‘ตาทิสสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก ¶ สิปฺปุคฺคหสมฺมาปโยเคน ทิฏฺธมฺมิเก สมฺปรายิเก จ อตฺเถ ชานนฺโต ภาริยํ น กเรยฺยา’’ติ. พาหิรกา อเหสุํ อหึสกสฺส วตฺตสมฺปตฺติยา อาจริยสฺส จิตฺตสภาวโต นิพฺพตฺตนติภาเวน. สิเนเหเนว วทนฺเตติ สิเนเหน วิย วทนฺเต.
คณนมฺปิ น อุคฺคณฺหาตีติ คณนวิธิมฺปิ น สลฺลกฺเขติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘ปกติยา’’ติอาทินา. ปิตฏฺาเนติ รุกฺขคจฺฉนฺตราทิเก ปิตฏฺาเน สกุนฺตสิงฺคาลานํ วเสน องฺคุลิโย วินสฺสนฺติ. ภคฺคโวติ โกสลรฺโ ปุโรหิตํ โคตฺเตน วทติ. โจโร อวิสฺสาสนีโย สาหสิกภาวโต. ปุราณสนฺถตา สาขา อวิสฺสาสนียา วิจฺฉิกาทีนํ ปเวสนโยคฺยตฺตา. ราชา อวิสฺสาสนีโย อิสฺสริยมเทน ธนโลเภน จ กทาจิ ชีวิเต สงฺกาภาวโต. อิตฺถี อวิสฺสาสนียา โลลสีลจิตฺตภาวโต. อนุทฺธรณีโย ภวิสฺสติ สํสารปงฺกโต.
๓๔๘. สงฺกริตฺวาติ ‘‘มยํ เอกชฺฌํ สนฺนิปติตฺวา โจรํ มาเรตฺวา วา ปลาเปตฺวา คมิสฺสามา’’ติ สงฺกรํ กตฺวา. อิทฺธาภิสงฺขารนฺติ อภิสงฺขรณํ อธิฏฺานํ. อภิสงฺขาสีติ อธิฏฺหิ. สํหริตฺวาติ สํขิปิตฺวา. โอรภาเคติ โจรสฺส โอรภาเค.
๓๔๙. ทณฺโฑติ ปหรณหตฺถจฺเฉทนาทิโก ทณฺฑนสงฺขาโต ทณฺโฑ. ปวตฺตยิตพฺโพติ อาเนตพฺโพ. อปเนตฺวาติ อตฺตโน สนฺตานโต สมุจฺเฉทวเสน ปหาย. ปฏิสงฺขายาติ ปฏิสงฺขาเนน. อวิหึสายาติ กรุณาย. สารณียธมฺเมสูติ ฉสุปิ สารณียธมฺเมสุ, ิโต อฏฺิตานํ ปาปธมฺมานํ โพธิมูเล เอว สมุจฺฉินฺนตฺตา. ยถา อตีเต อปริมิตํ กาลํ สนฺธาวิตํ, เอวํ อิมาย ปฏิปตฺติยา อนาคเตปิ สนฺธาวิสฺสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทานี’’ติอาทิมาห.
อิตฺเววาติ อิติ เอว, อิติ-สทฺโท นิทสฺสนตฺโถ. เตนาห ‘‘เอวํ วตฺวา เยวา’’ติ. อกิรีติ อากิริ, ปฺจปิ อาวุธานิ วิกิริ. เตน วุตฺตํ ‘‘ขิปิ ฉฑฺเฑสี’’ติ.
๓๕๐. เอตฺโตวาติ ¶ อโต เอว อาคตมคฺเคเนว สาวตฺถึ คตา. อธิวาเสสฺสตีติ ‘‘โจรํ ปฏิเสเธตุํ คมิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ตุณฺหี ภวิสฺสติ ¶ . ทารุณกมฺเมน อุปฺปนฺนนามนฺติ ‘‘องฺคุลิมาโล’’ติ อิมํ นามํ สนฺธาย วทติ.
๓๕๑. หตฺถี อรฺหตฺถี โหนฺติ มนุสฺสานํ ตตฺถ คนฺตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, เอวํ อสฺสาปิ. กูฏสหสฺสานํ ภิชฺชนการณํ โหติ เถรสฺส อาคมนภเยน ฆเฏ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายเนน. คพฺภมูฬฺหายาติ พฺยากุลคพฺภาย. ปพฺพชฺชาพเลนาติ วุตฺตํ, สตฺถุ เทสนานุภาเวนาติ ปน วตฺตพฺพํ. โส หิ ตสฺสาปิ การณนฺติ. อริยา นาม ชาติ ปพฺพชฺชา อริยภาวตฺถาย ชาตีติ กตฺวา.
มหาปริตฺตํ นาเมตนฺติ มหานุภาวํ ปริตฺตํ นาเมตํ. ตถา หิ นํ เถโร สพฺพภาเวน อริยาย ชาโต สจฺจาธิฏฺาเนน อกาสิ. เตนาห ‘‘สจฺจกิริยกตฏฺาเน’’ติ. คพฺภมูฬฺหนฺติ มูฬฺหคพฺภํ. คพฺโภ หิ ปริปกฺโก สมฺปชฺชมาโน วิชายนกาเล กมฺมชวาเตหิ สฺจาเลตฺวา ปริวตฺติโต อุทฺธํปาโท อโธสีโส หุตฺวา โยนิมุขาภิมุโข โหติ, เอวํ โส กสฺสจิ อลคฺโค โสตฺถินา พหิ นิกฺขมติ, วิปชฺชมาโน ปน วิปริวตฺตนวเสน โยนิมคฺคํ ปิทหิตฺวา ติริยํ นิปชฺชติ, ตถา ยสฺสา โยนิมคฺโค ปิทหติ, สา ตตฺถ กมฺมชวาเตหิ อปราปรํ ปริวตฺตมานา พฺยากุลา มูฬฺหคพฺภาติ วุจฺจติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘คพฺภมูฬฺห’’นฺติ.
สจฺจกิริยา นาม พุทฺธาสยํ อตฺตโน สีลํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กตา, ตสฺมา สจฺจกิริยา เวชฺชกมฺมํ น โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เถรสฺสปิ จาติอาทินา อุปสงฺกมิตพฺพการณํ วทติ. อิเม ทฺเว เหตู ปฏิจฺจ ภควา เถรํ สจฺจกิริยํ กาเรสิ. ชาตินฺติ มูลชาตึ.
๓๕๒. ปริยาทาย อาหจฺจ ภินฺเนน สีเสน. สภาคทิฏฺธมฺมเวทนียกมฺมนฺติ นิรเย นิพฺพตฺตนสกกมฺมสภาคภูตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียกมฺมํ. สภาคตา จ สมานวตฺถุกตา สมานารมฺมณตาเอกวีถิปริยาปนฺนตาทิวเสน สพฺพถา สริกฺขตา, สทิสมฺปิ จ นาม ตเทวาหรียติ ยถา ‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปาโก’’ติ จ ‘‘สา เอว ติตฺติรี ตาเนว โอสธานี’’ติ จ. อิทานิ ตเมว สภาคตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมํ หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. กริยมานเมวาติ ปจฺจยสมวาเยน ปฏิปาฏิยา นิพฺพตฺติยมานเมว. ตโย โกฏฺาเส ปูเรติ, ทิฏฺธมฺมเวทนียอปราปริยายเวทนียอุปปชฺชเวทนียสงฺขาเต ตโย ภาเค ปูเรติ, เตสํ ติณฺณํ ภาคานํ วเสน ปวตฺตติ.
ทิฏฺธมฺโม ¶ ¶ วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต ปจฺจุปฺปนฺโน อตฺตภาโว, ตตฺถ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. ปจฺจุปฺปนฺนภวโต อนนฺตรํ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ อุปปชฺชเวทนียํ. ทิฏฺธมฺมานนฺตรภวโต อฺสฺมึ อตฺตภาวปริยาเย อตฺตภาวปริวตฺเต เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ อปราปริยายเวทนียํ. ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตาย, ปจฺจยวิเสเสน ปฏิลทฺธวิเสสตาย จ พลวภาวปฺปตฺตา ตาทิสสฺส ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส วเสน สาติสยา หุตฺวา ปวตฺตา ปมชวนเจตนา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ผลทายินี ทิฏฺธมฺมเวทนียา นาม. สา หิ วุตฺตากาเรน พลวติ ชวนสนฺตาเน คุณวิเสสยุตฺเตสุ อุปการานุปการวสปฺปวตฺติยา อาเสวนาลาเภน อปฺปวิปากตาย จ อิตรทฺวยํ วิย ปวตฺตสนฺตานุปรมาเปกฺขํ โอกาสลาภาเปกฺขฺจ กมฺมํ น โหตีติ อิเธว ปุปฺผมตฺตํ วิย ปวตฺติวิปากมตฺตํ ผลํ เทติ.
ตถา อสกฺโกนฺตนฺติ กมฺมสฺส ผลทานํ นาม อุปธิปโยคาทิปจฺจยนฺตรสมวาเยเนว โหตีติ ตทภาวโต ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตํ. อโหสิกมฺมนฺติ กมฺมํเยว อโหสิ, น ตสฺส วิปาโก อโหสิ, อตฺถิ ภวิสฺสติ วาติ เอวํ วตฺตพฺพํ กมฺมํ. อตฺถสาธิกาติ ทานาทิปาณาติปาตาทิอตฺถสฺส นิปฺผาทิกา. กา ปน สาติ อาห ‘‘สตฺตมชวนเจตนา’’ติ. สา หิ สนฺนิฏฺาปกเจตนา วุตฺตนเยน ปฏิลทฺธวิเสสา ปุริมชวนเจตนาหิ ลทฺธาเสวนา จ สมานา อนนฺตเร อตฺตภาเว วิปากทายินี อุปปชฺชเวทนียกมฺมํ นาม. เตนาห ‘‘อนนฺตเร อตฺตภาเว วิปากํ เทตี’’ติ. สติ สํสารปฺปวตฺติยาติ อิมินา อสติ สํสารปฺปวตฺติยา อโหสิกมฺมปกฺเข ติฏฺติ วิปจฺจโนกาสสฺส อภาวโตติ.
สมุคฺฆาฏิตานิ วิปจฺจโนกาสสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน. ทิฏฺธมฺมเวทนียํ อตฺถิ วิปาการหาภาวสฺส อนิพฺพตฺติตตฺตา วิปจฺจโนกาสสฺส อนุปจฺฉินฺนตฺตา. กตูปจิตฺหิ กมฺมํ สติ วิปจฺจโนกาเส ยาว น ผลํ เทติ, ตาว อตฺเถว นาม วิปาการหภาวโต. ‘‘ยสฺส โข’’ติ อิทํ อนิยมาการวจนํ ภควตา กมฺมสริกฺขตาวเสน สาธารณโต วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยาทิสสฺส โข’’ติ.
ปมาทกิเลสวิมุตฺโตติ ปมาทเหตุเกหิ สพฺเพหิ กิเลเสหิ วิมุตฺโต.
ปาปสฺส ¶ ปิธานํ นาม อวิปากธมฺมตาปาทนนฺติ อาห ‘‘อปฺปฏิสนฺธิกํ กรียตี’’ติ. พุทฺธสาสเนติ ¶ สิกฺขาตฺตยสงฺคเห พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน. ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิหรตีติ อกตฺตพฺพสฺส อกรณวเสน, กตฺตพฺพสฺส จ ปริปูรณวเสน ปวตฺตติ.
ทิสฺสนฺติ กุชฺฌนฺตีติ ทิสา, ปฏิปกฺขาติ อาห ‘‘สปตฺตา’’ติ. ตปฺปสํสปการนฺติ เมตฺตานิสํสกิตฺตนาการํ. กาเลนาติ อาเมฑิตโลเปน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ขเณ ขเณ’’ติ. อนุกโรนฺตูติ เยสํ กลฺยาณมิตฺตานํ สนฺติเก สุณนฺติ, ยถาสุตํ ธมฺมํ เตสํ อนุกโรนฺตุ ทิฏฺานุคติกรณํ อาปชฺชนฺตุ, อตฺตโน เวริปุคฺคลานมฺปิ ภควโต สนฺติเก ธมฺมสฺสวนํ สมฺมาปฏิปตฺติฺจ ปจฺจาสีสติ.
ตสนฺติ คตึ ปตฺถยนฺตีติ ตสา ภวนฺตราทีสุ สํสรณภาวโต. เตนาห ‘‘ตสา วุจฺจนฺติ สตณฺหา’’ติ.
เนตพฺพฏฺานํ อุทกํ นยนฺตีติ เนตฺติกา. พนฺธิตฺวาติ ทฬฺหํ พนฺธิตฺวา. เตลกฺชิเกนาติ เตลมิสฺสิเตน กฺชิเกน.
ยาทิโสว อนิฏฺเ, ตาทิโสว อิฏฺเติ อิฏฺานิฏฺเ นิพฺพิกาเรน ตาที. เยสํ ปน กามามิสาทีนํ วนฺตตฺตา ราคาทีนํ จตฺตตฺตา กาโมฆาทีนํ ติณฺณตฺตา ตาทิภาโว ภเวยฺย, เตสํ ภควตา สพฺพโส วนฺตา จตฺตา ติณฺณา, ตสฺมา ภควา วนฺตาวีติ ตาที, จตฺตาวีติ ตาที, ติณฺณาวีติ ตาที, เยหิ อนฺสาธารเณหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ภควา ตาทิภาเวน อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต ตํนิทฺเทโส, เตหิ คุเณหิ ยาถาวโต นิทฺทิสิตพฺพโตปิ ตาที. ยถา ยนฺตรชฺชุยา ยนฺตํ นียติ, เอวํ ยาย ตณฺหาย ภโว นียติ, สา ‘‘ภวเนตฺติ ภวรชฺชู’’ติ วุตฺตา. เตนาห ‘‘ตาย หี’’ติอาทิ, กมฺมานิ กุสลาทีนิ วิปจฺจยนฺติ อปจฺจยนฺติ เอตายาติ กมฺมวิปาโก. อปจฺจยภาโว นาม อริยมคฺคเจตนายาติ อาห ‘‘มคฺคเจตนายา’’ติ. ยาว น กิเลสา ปหียนฺติ, ตาว อิเม สตฺตา สอิณา เอว อเสริวิหารภาวโตติ อาห ‘‘อณโณ นิกฺกิเลโส ชาโต’’ติ.
เถยฺยปริโภโค (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๙๑) นาม สามิปริโภคาภาวโต. ภควตาปิ หิ อตฺตโน สาสเน สีลวโต ปจฺจยา อนฺุาตา, น ทุสฺสีลสฺส, ทายกานํ ¶ สีลวโตเยว ปริจฺจาโค, น ทุสฺสีลสฺส อตฺตโน การานํ มหปฺผลภาวสฺส ปจฺจาสีสนโต. อิติ สตฺถารา อนนฺุาตตฺตา ทายเกหิ จ อปริจฺจตฺตตฺตา ‘‘ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยปริโภโค นามา’’ติ วุตฺตํ ¶ . อิณวเสน ปริโภโค อิณปริโภโค. ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิยา อภาวโต อิณํ คเหตฺวา ปริโภโค วิยาติ อตฺโถ. ยสฺมา เสกฺขา ภควโต โอรสปุตฺตา, ตสฺมา เต ปิตุสนฺตกานํ ปจฺจยานํ ทายาทา หุตฺวา เต ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตีติ เตสํ ปริโภโค ทายชฺชปริโภโค นาม. กึ ปน เต ภควโต ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ, อุทาหุ คิหีหิ ทินฺนนฺติ? คิหีหิ ทินฺนาปิ เต ภควตา อนฺุาตตฺตา ภควโต สนฺตกา โหนฺติ อนนฺุาเตสุ สพฺเพน สพฺพํ ปริโภคาภาวโต อนฺุาเตสุเยว ปริโภคสมฺภวโต. ธมฺมทายาทสุตฺตฺเจตฺถ (ม. นิ. ๑.๒๙ อาทโย) สาธกํ.
อวีตราคานํ ตณฺหาปรวสตาย ปจฺจยปริโภเค สามิภาโว นตฺถิ, ตทภาเวน วีตราคานํ ตตฺถ สามิภาโว ยถารุจิ ปริโภคสมฺภวโต. ตถา หิ เต ปฏิกูลมฺปิ อปฺปฏิกูลากาเรน, อปฺปฏิกูลมฺปิ ปฏิกูลากาเรน ตทุภยํ วิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขากาเรน จ ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ, ทายกานฺจ มโนรถํ ปริปูเรนฺติ. เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค, ตํสํวณฺณนาสุ จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. กิเลสอิณานํ อภาวํ สนฺธาย ‘‘อณโณ’’ติ วุตฺตํ, น ปจฺจเวกฺขิตปริโภคมตฺตํ. เตนาห อายสฺมา จ พากุโล – ‘‘สตฺตาหเมว โข อหํ, อาวุโส, สรโณ รฏฺปิณฺฑํ ภฺุชิ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๒๑๑).
วตฺถุกามกิเลสกาเมหิ ตณฺหาย ปวตฺติอาการํ ปฏิจฺจ อตฺถิ รมณโวหาโรติ อาห – ‘‘ทุวิเธสุปิ กาเมสุ ตณฺหารติสนฺถว’’นฺติ. มนฺติตนฺติ กถิตํ. อุปฺปนฺเนหิ สตฺถุปฏิฺเหิ. สํวิภตฺตาติ กุสลาทิวเสน ขนฺธาทีหิ อากาเรหิ วิภตฺตา. สุนฺทรํ อาคมนนฺติ สฺวาคตํ. ตโต เอว น กุจฺฉิตํ อาคตํ. โสฬสวิธกิจฺจสฺส ปริโยสิตตฺตา อาห ‘‘ตํ สพฺพํ มยา กต’’นฺติ. มคฺคปฺายเมว ตติยวิชฺชาสมฺาติ อาห – ‘‘ตีหิ วิชฺชาหิ นวหิ จ โลกุตฺตรธมฺเมหี’’ติ.
องฺคุลิมาลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. ปิยชาติกสุตฺตวณฺณนา
๓๕๓. ปกตินิยาเมนาติ ¶ ¶ ยถา โสกุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ อิติ กตฺตพฺเพสุ อสมฺโมหวเสน จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ, ตานิ จสฺส อุปฏฺหนฺติ, น เอวํ โสกสฺส จิตฺตสงฺโกจสภาวโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ปกตินิยาเมน ปน น ปฏิภนฺตี’’ติ. เกจิ ปน ‘‘สามนฺตา กติปเย น กุฏุมฺพํ สนฺธาเรติ. เตนาห ‘น สพฺเพน สพฺพํ ปฏิภนฺตี’ติ’’ วทนฺติ. เอตฺถาติ ทุติยปเท. อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ ‘‘น ปฏิภาตี’’ติ ปทสฺส ‘‘น รุจฺจตี’’ติ อตฺถมาห. น ปฏิภาตีติ วา ภฺุชิตุกามตาจิตฺตํ น อุปฏฺิตนฺติ อตฺโถ. ปติฏฺิโตกาสนฺติ อินฺทฺริยาวิฏฺฏฺานํ วทติ. ปิยายิตพฺพโต ปิโย ชาติ อุปฺปตฺติฏฺานํ เอเตสนฺติ ปิยชาติกา. ปิโย ปภุติ เอเตสนฺติ ปิยปฺปภุติกาติ วตฺตพฺเพ, อุ-การสฺส ว-การํ, ต-การสฺส จ โลปํ กตฺวา ‘‘ปิยปฺปภาวิกา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ปิยโต ปภวนฺตี’’ติ.
๓๕๕. ปร-สทฺเทน สมานตฺถํ อชฺฌตฺติกภาวนิเสธนตฺถํ ‘‘ปิเร’’ติ ปทนฺติ อาห ‘‘อมฺหากํ ปเร’’ติ. ปิเรติ วา ‘‘ปรโต’’ติ อิมินา สมานตฺถํ นิปาตปทนฺติ อาห ‘‘จร ปิเรติ ปรโต คจฺฉา’’ติ.
๓๕๖. ทฺวิธา เฉตฺวาติ เอตฺถ ยทิ อิตฺถี ตสฺส ปุริสสฺส ปิยา, กถํ ทฺวิธา ฉินฺทตีติ อาห ‘‘ยทิ หี’’ติอาทิ.
๓๕๗. กถํ กเถยฺยนฺติ ยถา ภควา เอตสฺส พฺราหฺมณสฺส กเถสิ, โส จ เม กเถสิ, ตถา จาหํ กเถยฺยํ. มรณวเสน วิปริณาโม อตฺตภาวสฺส ปริวตฺตตฺตา. ปลายิตฺวา คมนวเสน อฺถาภาโว มิตฺตสนฺถวสฺส สมาคมสฺส จ อฺถาภูตตฺตา.
ฉฑฺฑิตภาเวนาติ ปริวตฺติตภาเวน. หตฺถคมนวเสน อฺถาภาโว ปุพฺเพ สวเส วตฺติตานํ อิทานิ วเส อวตฺตนภาเวน.
อาจเมหีติ ¶ อาจมนํ มุขวิกฺขาลนํ กาเรหิ. ยสฺมา มุขํ วิกฺขาเลนฺตา หิ หตฺถปาเท โธวิตฺวา วิกฺขาเลนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาจมิตฺวา’’ติ วตฺวา ปจฺฉาปิ ตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มุขํ วิกฺขาเลตฺวา’’ติ อาห. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ปิยชาติกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. พาหิติกสุตฺตวณฺณนา
๓๕๙. สาวชฺชตาย ¶ ¶ อุปารมฺภํ อรหตีติ โอปารมฺโภ. เตนาห ‘‘โทสํ อาโรปนารโห’’ติ. พาลา อุปารมฺภวตฺถุมฺํ อมูลกมฺปิ นํ อาโรเปนฺตา อุคฺโฆเสนฺติ, ตสฺมา เต อนามสิตฺวา ‘‘วิฺูหี’’ติ อิทํ ปทํ คเหตฺวา ปฺเหน าตุํ อิจฺฉิเตน อตฺเถน อุปารมฺภาทีนํ อุปริ อุตฺตรํ ปริปูเรตุํ นาสกฺขิมฺหา. ตํ การณนฺติ ตํ อุปฺปตฺติการณํ. ยทิ หิ มยา ‘‘วิฺูหี’’ติ ปทํ ปกฺขิปิตฺวา วุตฺตํ ภเวยฺย, ปฺหา เม ปริปุณฺณา ภเวยฺย, น ปน วุตฺตา. อิทานิ ปน ตํ การณํ อุตฺตรํ อายสฺมตา อานนฺเทน ‘‘วิฺูหี’’ติ เอวํ วทนฺเตน ปริปูริตํ.
๓๖๐. โกสลฺลปฏิปกฺขโต อโกสลฺลํ วุจฺจติ อวิชฺชา, ตํสมุฏฺานโต อโกสลฺลสมฺภูโต. อวชฺชํ วุจฺจติ ครหิตพฺพํ, สห อวชฺเชหีติ สาวชฺโช, คารยฺโห. ราคาทิโทเสหิ สโทโส. เตหิ เอว สพฺยาพชฺโฌ, ตโต เอว สมฺปติ อายติฺจ สทุกฺโข. สพฺยาพชฺฌาทิโก นิสฺสนฺทวิปาโก.
ตถา อตฺโถ วุตฺโต ภเวยฺยาติ ปุจฺฉาสภาเคนปิ อตฺโถ วุตฺโต ภเวยฺย, ปุจฺฉนฺตสฺส ปน น ตาว จิตฺตาราธนํ. เตนาห – ‘‘เอวํ พฺยากรณํ ปน น ภาริย’’นฺติ, ครุกรณํ น โหติ วิสารชฺชํ น สิยาติ อธิปฺปาโย. เตนาห – ‘‘อปฺปหีนอกุสโลปิ หิ ปหานํ วณฺเณยฺยา’’ติ. เอวรูโป ปน ยถาการี ตถาวาที น โหติ, น เอวํ ภควาติ อาห ‘‘ภควา’’ติอาทิ. เอวํ พฺยากาสีติ ‘‘สพฺพากุสลธมฺมปหีโน โข, มหาราช, ตถาคโต’’ติ เอวํ พฺยากาสิ. สุกฺกปกฺเขปิ เอเสว นโยติ อิมินา ‘‘สพฺเพสํเยว กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทํ วณฺเณตี’’ติ วุตฺเต ยถา ปุจฺฉา, ตถา อตฺโถ วุตฺโต ภเวยฺย, เอวํ พฺยากรณํ ปน น ภาริยํ, อสมฺปาทิตกุสลธมฺโมปิ อุปสมฺปทํ วณฺเณยฺย. ภควา ปน สมฺมเทว สมฺปาทิตกุสลตฺตา ยถาการี ตถาวาทีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ พฺยากาสี’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
พาหิติกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. ธมฺมเจติยสุตฺตวณฺณนา
๓๖๔. เมทวณฺณา ¶ ¶ อุฬุปวณฺณา จ ตตฺถ ตตฺถ ปาสาณา อุสฺสนฺนา อเหสุนฺติ เมทาฬุปนฺติ คามสฺส สมฺา ชาตา. อุฬุปวณฺณาติ จนฺทสมานวณฺณตาย เมทปาสาณา วุตฺตาติ เกจิ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘เมทวณฺณา ปาสาณา กิเรตฺถ อุสฺสนฺนา อเหสุ’’นฺติ อิทํ วุตฺตํ. อสฺสาติ เสนาปติสฺส. กถาสมุฏฺาปนตฺถนฺติ มลฺลิกาย โสกวิโนทนธมฺมกถาสมุฏฺาปนตฺถํ.
รฺาติ ปเสนทีโกสลรฺา. มหจฺจาติ มหติยา. ปทวิปลฺลาเสน เจตํ วุตฺตํ. ปสาทมรหนฺตีติ ปาสาทิกานิ. เตนาห ‘‘สห รฺชนกานี’’ติ. ยานิ ปน ปาสาทิกานิ, ตานิ ปสฺสิตุํ ยุตฺตานิ. ปาสาทิกานีติ วา สทฺทหนสหิตานิ. เตนาห ‘‘ปสาทชนกานี’’ติ. ‘‘อปฺปาพาธ’’นฺติ อาทีสุ วิย อปฺปสทฺโท อภาวตฺโถติ อาห ‘‘นิสฺสทฺทานี’’ติ. อนิยมตฺถวาจี ย-สทฺโท อนิยมาการวาจโกปิ โหตีติ ‘‘ยตฺถา’’ติ ปทสฺส ‘‘ยาทิเสสู’’ติอาทิมาห. ตถา หิ องฺคุลิมาลสุตฺเต (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔๗ อาทโย) ‘‘ยสฺส โข’’ติ ปทสฺส ‘‘ยาทิสสฺส โข’’ติ อตฺโถ วุตฺโต.
๓๖๖. ปฏิจฺฉทนฺติ ปฏิจฺฉาทกํ. ราชกกุธภณฺฑานีติ ราชภณฺฑภูตานิ. รหายตีติ รโห กโรติ, มํ อชฺเฌสตีติ อตฺโถ.
๓๖๗. ยถาสภาวโต เยฺยํ ธาเรติ อวธาเรตีติ ธมฺโม, าณนฺติ อาห ‘‘ปจฺจกฺขาณสงฺขาตสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ. อนุนโยติ อนุคจฺฉนโก. ทิฏฺเน หิ อทิฏฺสฺส อนุมานํ. เตนาห ‘‘อนุมานํ อนุพุทฺธี’’ติ. อาปาณโกฏิกนฺติ ยาว ปาณโกฏิ, ตาว ชีวิตปริโยสานํ. เอตนฺติ ธมฺมนฺวยสงฺขาตํ อนุมานํ. เอวนฺติ ‘‘อิธ ปนาห’’นฺติ วุตฺตปฺปกาเรน.
๓๖๙. จกฺขุํ อพนฺธนฺเต วิยาติ อปาสาทิกตาย ปสฺสนฺตานํ จกฺขุํ อตฺตนิ อพนฺธนฺเต วิย. กุลสนฺตานานุพนฺโธ โรโค กุลโรโค. อุฬารนฺติ สานุภาวํ. โย หิ อานุภาวสมฺปนฺโน, ตํ ‘‘มเหสกฺข’’นฺติ วทนฺติ. อรหตฺตํ คณฺหนฺโตติ อุกฺกฏฺนิทฺเทโสยํ, เหฏฺิมผลานิ คณฺหนฺโตปิ.
๓๗๔. ธมฺมํ เจเตติ สํเวเทติ เอเตหีติ ธมฺมเจติยานิ, ธมฺมสฺส ปูชาวจนานิ. นนุ เจตานิ พุทฺธสงฺฆคุณทีปนานิปิ สนฺติ? กถํ ‘‘ธมฺมเจติยานีติ ธมฺมสฺส จิตฺตีการวจนานี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตีสุ หี’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺมา พุทฺธรตนมูลกานิ เสสรตนานิ ตสฺส วเสน ลทฺธพฺพโต. โกสลรฺา เจตฺถ พุทฺธคารเวน ธมฺมสงฺฆคารวํ ปเวทิตํ, ตสฺมา ‘‘ภควติ จิตฺตีกาเร กเต ธมฺโมปิ กโตว โหตี’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา จ รตนตฺตยปสาทปุพฺพิกา สาสเน สมฺมาปฏิปตฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อาทิพฺรหฺมจริยกานีติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตานี’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ธมฺมเจติยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนา
๓๗๕. อนนฺตรสุตฺเต ¶ วุตฺตกรณีเยเนวาติ ‘‘ปาสาเท วา นาฏเกสุ วา จิตฺตสฺสาทํ อลภมาโน ตตฺถ ตตฺถ วิจริตุํ อารทฺโธ’’ติ วุตฺตกรณีเยน. อปฺปทุฏฺปโทสีนฺหิ เอวํ โหตีติ.
๓๗๖. ปุจฺฉิโตติ ‘‘อฺํ ทูตํ นาลตฺถุ’’นฺติ ปุจฺฉิโต. โสติ ราชา. ตาสํ วนฺทนา สเจ อุตฺตรกาลํ, อตฺตโน อาคมนการณํ กเถสฺสติ.
๓๗๘. เอกาวชฺชเนนาติ เอกวีถิชวเนน. เตน เอกจิตฺตํ ตาว ติฏฺตุ, เอกจิตฺตวีถิยาปิ สพฺพํ ชานิตุํ น สกฺกาติ ทสฺเสติ. ‘‘อิทํ นาม อตีตํ ชานิสฺสามี’’ติ อนิยเมตฺวา อาวชฺชโต ยํ กิฺจิ อตีตํ ชานาติ, นิยมิเต ปน นิยมิตเมวาติ อาห – ‘‘เอเกน หิ…เป… เอกเทสเมว ชานาตี’’ติ. เตน จิตฺเตนาติ ‘‘อตีตํ สพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตจิตฺเตน. อิตเรสูติ อนาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ. การณชาติกนฺติ ยุตฺติสภาวํ, ยุตฺติยา ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. สมฺปรายคุณนฺติ สมฺปราเย กตกมฺมสฺส วิเสสํ.
๓๗๙. โลกุตฺตรมิสฺสกานิ กถิตานิ โพธิราชกุมารสุตฺเต วิย โลกิยา เจว โลกุตฺตรา จ. ยถาลาภวเสน เจตฺถ ปธานิยงฺคานํ ¶ โลกุตฺตรคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. ปจฺเจกํ เอว เนสฺจ ปธานิยงฺคตา ทฏฺพฺพา ยถา ‘‘อฏฺวิโมกฺขา สนฺทิสฺสนฺติ โลกุตฺตรมิสฺสกา’’ติ. โลกุตฺตราเนวาติ เจตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ปธานนานตฺตนฺติ ปทหนนานตฺตํ, ภาวนานุโยควิเสสนฺติ อตฺโถ. สงฺขาเร ปริมทฺทิตฺวา ปฏิปกฺขธมฺเม เอกเทสโต ปชหิตฺวา ิตสฺส ภาวนานุโยโค สพฺเพน สพฺพํ อปริมทฺทิตสงฺขารสฺส อปฺปหีนปฏิปกฺขสฺส ภาวนานุโยคโต สุขุโม วิสโทว โหติ, สจฺจาภิสมเยน สนฺตานสฺส อาหิตวิเสสตฺตาติ อาห – ‘‘อฺาทิสเมว หิ ปุถุชฺชนสฺส ปธานํ, อฺาทิสํ โสตาปนฺนสฺสา’’ติอาทิ. อยฺจ วิเสโส น เกวลํ อนริยอริยปุคฺคลโต เอว, อถ โข อริเยสุปิ เสกฺขาทิวิเสสโตปิ ลพฺภติ อภิสงฺขารวิเสสโต อภินีหารโต จ อิชฺฌนโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อฺาทิสํ สกทาคามิโน’’ติอาทิมาห. น ปาปุณาตีติ ยสฺมา ปุถุชฺชโน สพฺพถาว ปธานํ ปทหนฺโต โสตาปตฺติมคฺคํ ¶ อธิคจฺฉติ, โสตาปนฺโน จ สกทาคามิมคฺคนฺติ เหฏฺิมํ อุปริมโต โอฬาริกํ, อุปริมฺจ อิตรโต สุขุมํ เตน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส ปชหนโต, อิติ อธิคนฺตพฺพวิเสเสน จ อธิคมปฏิปทาย สณฺหสุขุมตา ติกฺขวิสทตา จ วิฺายตีติ อาห – ‘‘ปุถุชฺชนสฺส ปธานํ โสตาปนฺนสฺส ปธานํ น ปาปุณาตี’’ติอาทิ.
อกูฏกรณนฺติ อวฺจนกิริยํ. อนวจฺฉินฺทนนฺติ อติยานํ. อวิฺฉนํ น อากฑฺฒนํ, นิยุตฺตตํ วินิเวเตฺวา สมนฺตา วิปริวตฺติตฺวา สมธาราย ฉฑฺฑนํ วา. ตสฺส การณํ ตํการณํ, ตํ การณนฺติ วา ตํ กิริยํ ตํ อธิการํ. ทนฺเตหิ คนฺตพฺพภูมินฺติ ทนฺเตหิ ปตฺตพฺพฏฺานํ, ปตฺตพฺพวตฺถุํ วา. จตฺตาโรปิ อสฺสทฺธา นาม อุปริมอุปริมสทฺธาย อภาวโต. เยน หิ ยํ อปฺปตฺตํ, ตสฺส ตํ นตฺถิ. อริยสาวกสฺส…เป… นตฺถิ ปมมคฺเคเนว มายาสาเยฺยานํ ปหาตพฺพตฺตา. เตเนวาติ สมฺมเทว วิรุทฺธปกฺขานํ สทฺธาทีนํ อิธาธิปฺเปตตฺตา. ยทิ เอวํ กถํ มิสฺสกกถาติ อาห ‘‘อสฺสขฬุงฺกสุตฺตนฺเต ปนา’’ติอาทิ. จตฺตาโรว โหนฺติ ปุถุชฺชนาทิวเสน.
โอปมฺมสํสนฺทเน อทนฺตหตฺถิอาทโย วิยาติอาทินา กณฺหปกฺเข, ยถา ปน ทนฺตหตฺถิอาทโยติอาทินา สุกฺกปกฺเข จ สาธารณโต เอกชฺฌํ ¶ กตฺวา วุตฺตํ, อสาธารณโต ภินฺทิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๓๘๐. สมฺมปฺปธานา นิพฺพิสิฏฺวีริยา. เตนาห – ‘‘น กิฺจิ นานากรณํ วทามิ, ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺติ’’นฺติ. น หิ สุกฺขวิปสฺสกเตวิชฺชฉฬภิฺานํ วิมุตฺติยา นานากรณํ อตฺถิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ เอกสฺสา’’ติอาทิ. กึ ตฺวํ น ชานาสีติ สมฺพนฺโธ. อาคจฺฉนฺตีติ อุปฺปชฺชนวเสน อาคจฺฉนฺติ. นาคจฺฉนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิทํ ปุจฺฉนฺโตติ อิทํ ปุจฺฉามีติ ทสฺเสนฺโต. อปฺปหีนเจตสิกทุกฺขา อนธิคตอนาคามิตา. เตนาห ‘‘อุปปตฺติวเสน อาคนฺตาโร’’ติ. สมุจฺฉินฺนทุกฺขาติ สมุคฺฆาฏิตเจตสิกทุกฺขา.
๓๘๑. ตมฺหา านาติ ตโต ยถาธิคตอิสฺสริยฏฺานโต. ปุน ตมฺหา านาติ ตโต ทุคฺคตา. สมฺปนฺนกามคุณนฺติ อุฬารกามคุณสมนฺนาคตํ.
ตตฺถาติ กามเทวโลเก. านภาวโตติ อรหตฺตฺเจ อธิคตํ, ตาวเทว ปรินิพฺพานโต. อุปริเทเว ¶ จาติ อุปรูปริ ภูมิวาเส เทเว จ, จกฺขุวิฺาณทสฺสเนนปิ ทสฺสนาย นปฺปโหนฺตีติ โยชนา.
๓๘๒. วุตฺตนเยเนวาติ เทวปุจฺฉาย วุตฺเตเนว นเยน. สา กิร กถาติ ‘‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา, โย สกิเทว สพฺพํ เนยฺย’’นฺติ กถา. เตติ วิฏฏูภสฺชยา. อิมสฺมึเยว าเนติ อิมสฺมึ มิคทาเยเยว. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
กณฺณกตฺถลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ ราชวคฺควณฺณนา.
๕. พฺราหฺมณวคฺโค
๑. พฺรหฺมายุสุตฺตวณฺณนา
๓๘๓. ‘‘มหาสตฺโต ¶ ¶ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติอาทีสุ (มหาว. ๓๘) อุฬารตา วิสโย, ‘‘มหาชนกาโย สนฺนิปตี’’ติอาทีสุ สมฺพหุลภาววิสโย, อิธ ปน ตทุภยมฺปิสฺส อตฺโถติ ‘‘มหตาติ คุณมหตฺเตนปิ มหตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปิจฺฉตาทีติ อาทิ-สทฺเทน สนฺตุฏฺิสลฺเลขปวิเวกอสํสคฺควีริยารมฺภาทีนํ สงฺคโห. ทิฏฺิสีลสามฺสงฺฆาตสงฺขาเตนาติ เอตฺถ ‘‘นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’ (สํ. นิ. ๒.๔๑; ๓.๙๙๘, ๑๐๐๔) – ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติอาทิวจนโต ทิฏฺิสีลานํ นิยตสภาวตฺตา โสตาปนฺนาปิ อฺมฺํ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตา, ปเคว สกทาคามิอาทโย. ‘‘ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๑; ปริ. ๒๗๔) ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) วจนโต ปุถุชฺชนานมฺปิ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาโว ลพฺภติเยว.
โอฏฺปหตกรณวเสน อตฺถวิภาควเสน. สนิฆณฺฑุเกฏุภานนฺติ เอตฺถ นิฆณฺฑูติ วจนียวาจกภาเวน อตฺถํ สทฺทฺจ ขณฺฑติ วิภชฺช ทสฺเสตีติ นิขณฺฑุ. โส เอว อิธ ข-การสฺส ฆ-การํ กตฺวา ‘‘นิฆณฺฑู’’ติ วุตฺโต. กิฏติ คเมติ กิริยาทิวิภาคํ, ตํ วา อนวเสสปริยาทานโต คเมนฺโต ปูเรตีติ เกฏุภํ. เววจนปฺปกาสกนฺติ ปริยายสทฺททีปกํ, เอเกกสฺส อตฺถสฺส อเนกปริยายวจนวิภาวกนฺติ อตฺโถ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อเนเกสมฺปิ อตฺถานํ เอกสทฺทวจนียตาวิภาวนวเสนปิ ตสฺส คนฺถสฺส ปวตฺตตฺตา. วจีเภทาทิลกฺขณา กิริยา กปฺปียติ เอเตนาติ กิริยากปฺโป, โส ปน วณฺณปทสมฺพนฺธปทตฺถวิภาคโต พหุวิกปฺโปติ อาห ‘‘กิริยากปฺปวิกปฺโป’’ติ. อิทฺจ มูลกิริยากปฺปคนฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ ¶ สตสหสฺสปริมาโณ นลจริยาทิปกรณํ. านกรณาทิวิภาคโต ¶ นิพฺพจนวิภาคโต จ อกฺขรา ปเภทียนฺติ เอเตหีติ อกฺขรปฺปเภทา, สิกฺขานิรุตฺติโย. เอเตสนฺติ เวทานํ. เต เอว เวเท ปทโส กายตีติ ปทโก. ตํ ตํ สทฺทํ ตทตฺถฺจ พฺยากโรติ พฺยาจิกฺขติ เอเตนาติ พฺยากรณํ, สทฺทสตฺถํ. อายตึ หิตํ เตน โลโก น ยตติ น อีหตีติ โลกายตํ. ตฺหิ คนฺถํ นิสฺสาย สตฺตา ปฺุกิริยาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ. วยตีติ วโย, น วโย อวโย, น อวโย อนวโย, อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ กตฺถจิ อปริกิลนฺโต อวิตฺถายนฺโต เต คนฺเถ สนฺธาเรติ ปูเรตีติ อตฺโถ. ทฺเว ปฏิเสธา ปกตึ คเมนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อวโย น โหตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ อวยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวโย…เป… น สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ.
๓๘๔. ครูติ ภาริยํ อตฺตานํ ตโต โมเจตฺวา คมนํ ทุกฺกรํ โหติ. อนตฺโถปิ อุปฺปชฺชติ นินฺทาพฺยาโรสอุปารมฺภาทิ. อพฺภุคฺคโตติ เอตฺถ อภิสทฺทโยเคน อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ อุปโยควจนํ.
ลกฺขณานีติ ลกฺขณทีปนานิ มนฺตปทานิ. อนฺตรธายนฺตีติ น เกวลํ ลกฺขณมนฺตานิเยว, อฺานิปิ พฺราหฺมณานํ าณพลาภาเวน อนุกฺกเมน อนฺตรธายนฺติ. ตถา หิ วทนฺติ ‘‘เอกสตํ อทฺธริยํ ทิปฺาสมตฺตโต สามา’’ติอาทิ. ปณิธิมหโต สมาทานมหโตติอาทินา ปจฺเจกํ มห-สทฺโท โยเชตพฺโพ. ปณิธิมหนฺตตาทิ จสฺส พุทฺธวํสจริยาปิฏกวณฺณนาทิวเสเนว เวทิตพฺโพ. นิฏฺาติ นิปฺผตฺติโย. ชาติสามฺโตติ ลกฺขณชาติยา ลกฺขณภาเวน สมานภาวโต. ยถา หิ พุทฺธานํ ลกฺขณานิ สุวิสุทฺธานิ สุปริพฺยตฺตานิ ปริปุณฺณานิ จ โหนฺติ, น เอวํ จกฺกวตฺตีนํ. เตนาห ‘‘น เตเหว พุทฺโธ โหตี’’ติ.
อภิรูปตา ทีฆายุกตา, อปฺปาตงฺกตา พฺราหฺมณาทีนํ ปิยมนาปตาติ จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหิ. ทานํ ปิยวจนํ อตฺถจริยา สมานตฺตตาติ อิเมหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ. รฺชนโตติ ปีติชนนโต. จกฺกํ จกฺกรตนํ วตฺเตติ ปวตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี, สมฺปตฺติจกฺเกหิ สยํ วตฺเตติ, เตหิ จ ปรํ สตฺตนิกายํ วตฺเตติ ปวตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี, ปรหิตาวโห อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต วตฺตนํ เอตสฺส อตฺถีติ จกฺกวตฺตี, อปฺปฏิหตํ วา ¶ อาณาสงฺขาตํ จกฺกํ วตฺเตตีติ จกฺกวตี, อปฺปฏิหตํ วา อาณาสงฺขาตํ จกฺกํ วตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี, ขตฺติยมณฺฑลาทิสฺิตํ จกฺกํ สมูหํ อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี. ธมฺมํ จรตีติ ธมฺมิโก. ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺโม รฺชนตฺเถน ราชาติ ธมฺมราชา. โกปาทีติ อาทิ-สทฺเทน กามโลภมานมทาทิเก ¶ สงฺคณฺหาติ. วิชิตาวีติ วิชิตวา. เกนจิ อกมฺปิยฏฺเน ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต. ทฬฺหภตฺติภาวโต วา ชนปโท ถาวริยํ ปตฺโต เอตฺถาติ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต. จิตฺตีกตภาวาทินาปิ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๒๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๕๐) จกฺกสฺส รตนฏฺโ เวทิตพฺโพ. เอส นโย เสเสสุปิ. รตินิมิตฺตตาย วา จิตฺตีกตาทิภาวสฺส รติชนนฏฺเน เอกสงฺคหตาย วิสุํ อคฺคหณํ.
อิเมหิ ปน รตเนหิ ราชา จกฺกวตฺตี ยํ ยมตฺถํ ปจฺจนุโภติ, ตํ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อชิตํ ชินาติ มเหสกฺขตาสํวตฺตนิยกมฺมนิสฺสนฺทภาวโต. วิชิเต ยถาสุขํ อนุวิจรติ หตฺถิรตนํ อสฺสรตนฺจ อภิรุหิตฺวา เตสํ อานุภาเวน อนฺโตปาตราเสเยว สกลํ ปถวึ อนุสํยายิตฺวา ราชธานิยํ ปจฺจาคมนโต. ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ เตน ตตฺถ ตตฺถ กตฺตพฺพกิจฺจสฺส สํวิธานโต. เสเสหีติ มณิรตนอิตฺถิรตนคหปติรตเนหิ. ตตฺถ มณิรตเนน โยชนปฺปมาเณ เทเส อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกทสฺสนาทินา สุขมนุภวติ, อิตฺถิรตเนน อติกฺกนฺตมานุสรูปสมฺปตฺติทสฺสนาทิวเสน, คหปติรตเนน อิจฺฉิติจฺฉิตมณิกนกรชตาทิธนปฺปฏิลาภวเสน. อุสฺสาหสตฺติโยโค เยน เกนจิ อปฺปฏิหตาณาจกฺกภาวสิทฺธิโต. หตฺถิอสฺสรตนาทีนํ มหานุภาวตฺตา โกสสมฺปตฺติยาปิ ปภาวสมฺปตฺติสิทฺธิโต ‘‘หตฺถิ…เป… โยโค’’ติ วุตฺตํ. โกโส หิ นาม สติ อุสฺสาหสมฺปตฺติยํ (อุคฺคเตชสฺส สุกุมารปรกฺกมสฺส ปสนฺนมุขสฺส สมฺมุเข ปาปุณาติ). ปจฺฉิเมนาติ ปริณายกรตเนน. ตฺหิ สพฺพราชกิจฺเจสุ กุสลํ อวิรชฺฌนปโยคํ. เตนาห ‘‘มนฺตสตฺติโยโค’’ติ. ติวิธสตฺติโยคผลํ ปริปุณฺณํ โหตีติ สมฺพนฺโธ. เสเสหีติ เสเสหิ ปฺจหิ รตเนหิ. อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ อโทสสงฺขาเตน กุสลมูเลน สหชาตาทิปจฺจยวเสน อุปฺปาทิตกมฺมสฺส ¶ อานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ โสมฺมตรรตนชาติกตฺตา. มชฺฌิมานิ มณิอิตฺถิคหปติรตนานิ. อโลภ…เป… กมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ อุฬารธนสฺส อุฬารธนปฏิลาภการณสฺส จ ปริจฺจาคสมฺปทาเหตุกตฺตา. ปจฺฉิมนฺติ ปริณายกรตนํ. ตฺหิ อโมห…เป… กมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชติ มหาปฺเเนว จกฺกวตฺติราชกิจฺจสฺส ปริเณตพฺพตฺตา.
สรณโต ปฏิปกฺขวิธมนโต สูรา. เตนาห ‘‘อภีรุกชาติกา’’ติ. อสุเร วิชินิตฺวา ิตตฺตา วีโร, สกฺโก เทวานมินฺโท, ตสฺส องฺคํ เทวปุตฺโต เสนงฺคภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘วีรงฺครูปาติ เทวปุตฺตสทิสกายา’’ติ. สภาโวติ สภาวภูโต อตฺโถ. วีรการณนฺติ วีรภาวการณํ. วีริยมยสรีรา วิยาติ สวิคฺคหวีริยสทิสา สวิคฺคหฺเจ วีริยํ สิยา, ตํสทิสาติ อตฺโถ. ¶ นนุ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ปฏิเสนา นาม นตฺถิ, ยมสฺส ปุตฺตา ปมทฺเทยฺยุํ, อถ กสฺมา ‘‘ปรเสนปมทฺทนา’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ. เตน ปรเสนา โหตุ วา มา วา, เต ปน เอวํ มหานุภาวาติ ทสฺเสติ. ธมฺเมนาติ กตูปจิเตน อตฺตโน ปฺุธมฺเมน. เตน หิ สฺโจทิตา ปถวิยํ สพฺพราชาโน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ‘‘สฺวาคตํ เต มหาราชา’’ติอาทึ วตฺวา อตฺตโน รชฺชํ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส นิยฺยาเทนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส อิมํ…เป… อชฺฌาวสตี’’ติ. อฏฺกถายํ ปน ตสฺส ยถาวุตฺตธมฺมสฺส จิรตรํ วิปจฺจิตุํ ปจฺจยภูตํ จกฺกวตฺติวตฺตสมุทาคตํ ปโยคสมฺปตฺติสงฺขาตํ ธมฺมํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพติอาทินา ปฺจสีลธมฺเมนา’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ ‘‘อทณฺเฑน อสตฺเถนา’’ติ อิทํ วจนํ สุฏฺุตรํ สมตฺถิตํ โหติ, ยสฺมา ราคาทโย ปาปธมฺมา อุปฺปชฺชมานา สตฺตสนฺตานํ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺนฺติ, กุสลปวตฺตึ นิวาเรนฺติ, ตสฺมา เต ‘‘ฉทนา, ฉทา’’ติ จ วุตฺตา.
วิวฏฺเฏตฺวา ปริวตฺเตตฺวา. ปูชารหตา วุตฺตา ‘‘อรหตีติ อรห’’นฺติ. ตสฺสาติ ปูชารหตาย. ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา อรหนฺติ. พุทฺธตฺตเหตุภูตา วิวฏฺฏจฺฉทตา วุตฺตา สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานปุพฺพกตฺตา พุทฺธภาวสิทฺธิยา. อรหํ วฏฺฏาภาเวนาติ ผเลน เหตุอนุมานทสฺสนํ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฉทนาภาเวนาติ เหตุนา ผลานุมานทสฺสนํ. เหตุทฺวยํ วุตฺตํ ‘‘วิวฏฺโฏ วิจฺฉโท จา’’ติ. ทุติยเวสารชฺเชนาติ ‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๕๐) อาคเตน เวสารชฺเชน. ปุริมสิทฺธีติ ¶ ปุริมสฺส ปทสฺส อตฺถสิทฺธิ. ปเมนาติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๕๐) อาคเตน เวสารชฺเชน. ทุติยสิทฺธีติ พุทฺธตฺตสิทฺธิ. ตติยจตุตฺเถหีติ ‘‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๕๐), ‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๕๐) จ อาคเตหิ ตติยจตุตฺเถหิ เวสารชฺเชหิ. ตติยสิทฺธีติ วิวฏฺฏจฺฉทนตา สิทฺธิ. ยาถาวโต อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺมาปเทเสน หิ สตฺถุ วิวฏฺฏจฺฉทภาโว โลเก ปากโฏ อโหสิ. ปุริมํ ธมฺมจกฺขุนฺติ ปุริมปทํ ภควโต ธมฺมจกฺขุํ สาเธติ กิเลสารีนํ สํสารจกฺกสฺส จ อรานํ หตภาวทีปนโต. ทุติยํ ปทํ พุทฺธจกฺขุํ สาเธติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺเสว ตํ สมฺภวโต. ตติยํ ปทํ สมนฺตจกฺขุํ สาเธติ สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ หิ วตฺวา ‘‘วิวฏฺฏจฺฉโท’’ติ วจนํ พุทฺธภาวาวหเมว สพฺพกิเลสปฺปหานํ วิภาเวตีติ. สูรภาวนฺติ ลกฺขณวิภาวเนน วิสทาณตํ.
๓๘๕. คเวสีติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๗) าเณน ปริเยสนํ อกาสิ. สมานยีติ าเณน สงฺกเลนฺโต สมานํ อานยิ สมาหริ. น สกฺโกติ สํกุจิเต อิริยาปเถ เยภุยฺเยน ¶ เตสํ ทุพฺพิภาวนโต. กงฺขตีติ ปทสฺส อากงฺขตีติ อยมตฺโถติ อาห – ‘‘อโห วต ปสฺเสยฺยนฺติ ปตฺถนํ อุปฺปาเทตี’’ติ. กิจฺฉตีติ กิลมติ. ‘‘กงฺขตี’’ติ ปทสฺส ปุพฺเพ อาสีสนตฺถตํ วตฺวา อิทานิ ตสฺส สํสยตฺถตฺตเมว วิกปฺปนฺตรวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘กงฺขาย วา ทุพฺพลา วิมติ วุตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตีหิ ธมฺเมหิ ติปฺปกาเรหิ สํสยธมฺเมหิ. กาลุสฺสิยภาโวติ อปฺปสนฺนตาย เหตุภูโต อาวิลภาโว. ยสฺมา ภควโต โกโสหิตํ สพฺพพุทฺธาเวณิกํ วตฺถคุยฺหํ สุวิสุทฺธกฺจนมณฺฑลสนฺนิกาสํ อตฺตโน สณฺานสนฺนิเวสสุนฺทรตาย อาชาเนยฺยคนฺธหตฺถิโน วรงฺคจารุภาวํ วิกสมานตปนิยารวินฺทสมุชฺชลเกสราวตฺตวิลาสํ สฺฌาปภานุรฺชิตชลวนนฺตราภิลกฺขิต-สมฺปุณฺณจนฺทมณฺฑลโสภฺจ อตฺตโน สิริยา อภิภุยฺย วิราชติ, ยํ พาหิรพฺภนฺตรมเลหิ อนุปกฺกิลิฏฺตาย จิรกาลํ สุปริจิตพฺรหฺมจริยาธิการตาย สุสณฺิตสณฺานสมฺปตฺติยา จ โกปีนมฺปิ สนฺตํ อโกปีนเมว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. ปหูตภาวนฺติ ¶ ปุถุลภาวํ. เอตฺเถว หิ ตสฺส สํสโย, ตนุมุทุสุกุมารตาทีสุ ปนสฺส คุเณสุ ตสฺส วิจารณา เอว นาโหสิ.
หิริกรโณกาสนฺติ หิริยิตพฺพฏฺานํ. ฉายนฺติ ปฏิพิมฺพํ. กีทิสนฺติ อาห ‘‘อิทฺธิยา’’ติอาทิ. ฉายารูปนฺติ ภควโต ปฏิพิมฺพรูปํ. ตฺจ โข พุทฺธสนฺตานโต วินิมุตฺตํ รูปกมตฺตํ ภควโต สรีรวณฺณสณฺานาวยวํ อิทฺธิมยํ พิมฺพกมตฺตํ, ตํ ปน ทสฺเสนฺโต ภควา ยถา อตฺตโน พุทฺธรูปํ น ทิสฺสติ, ตถา กตฺวา ทสฺเสติ. นีหริตฺวาติ ผริตฺวา.
กณฺณโสตานํ อุปจิตตนุตมฺพโลมตาย โธตรชตปนาฬิกาสทิสตา วุตฺตา. มุขปริยนฺเตติ เกสนฺเต.
กิริยากรณนฺติ กิริยาย กายิกสฺส วาจสิกสฺส ปฏิปตฺติ. ตตฺถาติ เตสุ กิจฺเจสุ. ธมฺมกถิกานํ วตฺตํ ทสฺเสตุํ พีชนิคฺคหณํ กตํ. น หิ อฺถา สพฺพสฺสปิ โลกสฺส อลงฺการภูตํ ปรมุกฺกํสคตํ สิกฺขาสํยมานํ พุทฺธานํ มุขจนฺทมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตพฺพํ โหติ.
ปตฺถริตวิตานโอลมฺพิตคนฺธทามกุสุมทามเก คนฺธมณฺฑลมาเฬ. ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ‘‘เอตฺตกํ เวลํ สมาปตฺติยา วีตินาเมสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺเตน ปุพฺพภาเคน กาลํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา. ปจฺจยทายเกสุ อนุโรธวเสน ปริสํ อุสฺสาเทนฺโต วา ปคฺคณฺหนฺโต, อทายเกสุ วิโรธวเสน ปริสํ อปสาเทนฺโต วา.
โยคกฺเขมํ ¶ อนฺตรายาภาวํ. สภาวคุเณเนวาติ ยถาวุตฺตคุเณเนว. โภโต โคตมสฺส คุณํ สวิคฺคหํ จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ วิตฺถาเรน สนฺธาเรตุํ อปฺปโหนฺตโต. ภวคฺคํ อตินีจํ อุปรูปริ สนฺธาเรตุํ อปฺปโหนฺตโต.
๓๘๖. านคมนาทีสุ (ที. นิ. ฏี. ๒.๓๕) ภูมิยํ สุฏฺุ สมํปติฏฺิตา ปาทา เอตสฺสาติ สุปฺปติฏฺิตปาโท. ตํ ปน ภควโต สุปฺปติฏฺิตปาทตํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อคฺคตลนฺติ อคฺคปาทตลํ. ปณฺหีติ ปณฺหิตลํ. ปสฺสนฺติ ปาทตลสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ เอเกกํ, อุภยเมว วา ปริยนฺตํ ปสฺสํ. สุวณฺณปาทุกตลํ วิย อุชุกํ นิกฺขิปิยมานํ. เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกกฺขเณเยว. สกลํ ปาทตลํ ภูมึ ผุสติ นิกฺขิปเน. เอกปฺปหาเรเนว สกลํ ปาทตลํ ภูมิโต อุฏฺหตีติ โยชนา.
ตตฺราติ ¶ ตาย สุปฺปติฏฺิตปาทตาย อนุปุพฺพนินฺนาว อจฺฉริยพฺภุตํ อิทํ วุจฺจมานํ นิสฺสนฺทผลํ. วุตฺตเมวตฺถํ สตฺถุ ติทิวคมเนน สุปากฏํ กาตุํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทึ วตฺวา ‘‘น หี’’ติอาทินา ตํ สมตฺเถติ. เตน ปมลกฺขณโตปิ ทุติยลกฺขณํ มหานุภาวนฺติ ทสฺเสติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อนฺตมโส จกฺกวตฺติรฺโ ปริสํ อุปาทาย สพฺโพปิ จกฺกลกฺขณสฺเสว ปริวาโร’’ติ. ยุคนฺธรปพฺพตสฺส ตาวตึสภวนสฺส จ ปกติปทนิกฺเขปฏฺานุปสงฺกมเน เนว พุทฺธานํ, น เทวตานํ อานุภาโว, อถ โข พุทฺธานํ ลกฺขณานุภาโวติ อิมมตฺถํ นิทสฺสิตํ. สีลเตเชน…เป… ทสนฺนํ ปารมีนํ อานุภาเวนาติ อิทมฺปิ ลกฺขณนิพฺพตฺตกมฺมวิเสสกิตฺตนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. สพฺพาวนฺเตหีติ สพฺพปเทสวนฺเตหิ.
นาภิปริจฺฉินฺนาติ นาภิยํ ปริจฺฉินฺนา ปริจฺเฉทวเสน ิตา. นาภิมุขปริกฺเขปปฏฺโฏติ ปกติจกฺกสฺส อกฺขพฺภาหตปริหรณตฺถํ นาภิมุเข เปตพฺพปริกฺเขปปฏฺโฏ. เนมิมณิกาติ เนมิยํ อาวฬิภาเวน ิตมณิกาเลขา.
สมฺพหุลวาโรติ พหุวิธเลขงฺควิภาวนวาโร. สตฺตีติ อาวุธสตฺติ. สิริวจฺโฉติ สิริมุขํ. นนฺทีติ ทกฺขิณาวฏฺฏํ. โสวตฺติโกติ โสวตฺติองฺโก. วฏํสโกติ อาเวฬํ. วฑฺฒมานกนฺติ ปุริสหาริ ปุริสงฺคํ. โมรหตฺถโกติ โมรปิฺฉกลาโป, โมรปิฺฉ ปริสิพฺพิโต วา พีชนิวิเสโส. วาลพีชนีติ จามริวาลํ. สิทฺธตฺถาทิ ปุณฺณฆฏปุณฺณปาติโย. ‘‘จกฺกวาโฬ’’ติ วตฺวา ตสฺส ปธานาวยเว ทสฺเสตุํ ‘‘หิมวา สิเนรุ…เป… สหสฺสานี’’ติ วุตฺตํ.
อายตปณฺหีติ ¶ อิทํ อฺเสํ ปณฺหิโต ทีฆตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปน อติทีฆตนฺติ อาห ‘‘ปริปุณฺณปณฺหี’’ติ. ยถา ปน ปณฺหิลกฺขณํ ปริปุณฺณํ นาม โหติ, ตํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อารคฺเคนาติ มณฺฑลาย สิขาย. วฏฺเฏตฺวาติ ยถา สุวฏฺฏํ โหติ, เอวํ วฏฺเฏตฺวา. รตฺตกมฺพลเคณฺฑุกสทิสาติ รตฺตกมฺพลมยเคณฺฑุกสทิสา.
มกฺกฏสฺเสวาติ วานรสฺส วิย. ทีฆภาเวน สมตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. นิยฺยาสเตเลนาติ ฉทิกนิยฺยาสาทินิยฺยาสสมฺมิสฺเสน เตเลน.
ตลุนาติ ¶ สุกุมารา.
จมฺเมนาติ องฺคุลนฺตรเวิตจมฺเมน. ปฏิพทฺธองฺคุลนฺตโรติ เอกโต สมฺพทฺธองฺคุลนฺตโร. เอกปฺปมาณาติ ทีฆโต สมานปฺปมาณา. ยวลกฺขณนฺติ อพฺภนฺตรโต องฺคุลิปพฺเพิตํ ยวลกฺขณํ. ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ ตํตํปพฺพานํ สมานเทสตาย องฺคุลีนํ ปสาริตกาเล อฺมฺํ วิชฺฌิตานิ วิย ผุสิตฺวา ติฏฺนฺติ.
สงฺขา วุจฺจนฺติ โคปฺผกา, อุทฺธํ สงฺขา เอเตสนฺติ อุสฺสงฺขา, ปาทา. ปิฏฺิปาเทติ ปิฏฺิปาทสมีเป. สุเขน ปาทา ปริวตฺตนฺติ ปาทนามนาทีสุ, เตเนว คจฺฉนฺตานํ เตสํ เหฏฺา ปาทตลานิ ทิสฺสนฺติ. เตนาติ โคปฺผกานํ ปิฏฺิปาทโต อุทฺธํ ปติฏฺิตตฺตา. จตุรงฺคุลมตฺตฺหิ ตานิ อุทฺธํ อาโรหิตฺวา ปติฏฺหนฺติ, นิคุฬฺหานิ จ โหนฺติ, น อฺเสํ วิย ปฺายมานานิ. สติปิ เทสนฺตรปฺปวตฺติยํ นิจฺจโลติ ทสฺสนตฺถํ นาภิคฺคหณํ.
ยสฺมา เอณีมิคสฺส สมนฺตโต เอกสทิสมํสา อนุกฺกเมน อุทฺธํ ถูลา ชงฺฆา โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอณีมิคสทิสชงฺฆา’’ติ. ปริปุณฺณชงฺโฆติ สมนฺตโต มํสูปจเยน ปริปุณฺณชงฺโฆ. เตนาห ‘‘น เอกโต’’ติอาทิ.
เอเตนาติ ‘‘อโนนมนฺโต’’ติอาทิวจเนน, ชาณุผาสุภาวทีปเนนาติ อตฺโถ. อวเสสชนาติ อิมินา ลกฺขเณน รหิตา ชนา. ขุชฺชา วา โหนฺติ เหฏฺิมกายโต อุปริมกายสฺส รสฺสตาย. วามนา วา อุปริมกายโต เหฏฺิมกายสฺส รสฺสตาย. เอเตน เปตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ จกฺกวตฺตินฺจ อิตเร สตฺตา ขุชฺชา วามนา จาติ ทสฺเสติ.
โอหิตนฺติ ¶ สโมหิตํ อนฺโตคธํ. ตถาภูตํ ปน ตํ เตน ฉนฺนํ โหตีติ อาห ‘‘ปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ.
สุวณฺณวณฺโณติ สุวณฺณวณฺณวณฺโณติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘ชาติหิงฺคุลเกนา’’ติอาทิ. สฺวายมตฺโถ อาวุตฺติาเยน จ เวทิตพฺโพ. สรีรปริยาโย อิธ วณฺณสทฺโทติ อธิปฺปาเยน ปมวิกปฺปํ วตฺวา ตถารูปาย ปน รุฬฺหิยา อภาวํ มนสิ กตฺวา วณฺณธาตุปริยายเมว วณฺณสทฺทํ คเหตฺวา ทุติยวิกปฺโป วุตฺโต.
รโชติ ¶ สุขุมรโช. ชลฺลนฺติ มลีนภาวาวโห เรณุสฺจโย. เตนาห ‘‘มลํ วา’’ติ. ยทิ วิวฏฺฏติ, กถํ นฺหานาทีติ อาห ‘‘หตฺถโธวนา’’ติอาทิ.
อาวฏฺฏปริโยสาเนติ ปทกฺขิณาวฏฺฏาย อนฺเต.
พฺรหฺมุโน สรีรํ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อโนนมิตฺวา อุชุกเมว อุคฺคตนฺติ อาห ‘‘พฺรหฺมา วิย อุชุคตฺโต’’ติ. ปสฺสวงฺกาติ ทกฺขิณปสฺเสน วา วามปสฺเสน วา วงฺกา.
หตฺถปิฏฺิอาทิวเสน สตฺต อุสฺสทา เอตสฺสาติ สตฺตุสฺสโท.
สีหสฺส ปุพฺพทฺธํ สีหปุพฺพทฺธํ, ปริปุณฺณาวยวตาย สีหปุพฺพทฺธํ วิย สกโล กาโย อสฺสาติ สีหปุพฺพทฺธกาโย. สีหสฺเสวาติ สีหสฺส วิย. สณฺนฺตีติ สณฺหนฺติ. นานาจิตฺเตนาติ วิวิธจิตฺเตน. ปฺุจิตฺเตนาติ ปารมิตาปฺุจิตฺตรูเปน. จิตฺติโตติ สฺชาตจิตฺตภาโว.
ทฺวินฺนํ โกฏฺฏานมนฺตรนฺติ ทฺวินฺนํ ปิฏฺิพาหานํ เวมชฺฌํ, ปิฏฺิมชฺฌสฺส อุปริภาโค. จิตํ ปริปุณฺณนฺติ อนินฺนภาเวน จิตํ, ทฺวีหิ โกฏฺเฏหิ สมตลตาย ปริปุณฺณํ. อุคฺคมฺมาติ อุคฺคนฺตฺวา.
นิคฺโรธปริมณฺฑโล วิย ปริมณฺฑโล นิคฺโรธปริมณฺฑโล เอกสฺส ปริมณฺฑลสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา. น หิ สพฺโพ นิคฺโรโธ มณฺฑโล. เตนาห ‘‘สมกฺขนฺธสาโข นิคฺโรโธ’’ติ. ปริมณฺฑลสทฺทสนฺนิธาเนน วา ปริมณฺฑโลว นิคฺโรโธ คยฺหตีติ ปริมณฺฑลสทฺทสฺส โลเปน วินาปิ ¶ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘นิคฺโรโธ วิย ปริมณฺฑโล’’ติ. ยาวตกฺวสฺสาติ โอ-การสฺส ว-การาเทสํ กตฺวา วุตฺตํ.
สมวฏฺฏิตกฺขนฺโธติ สมํ สุวฏฺฏิตกฺขนฺโธ. โกฺจา วิย ทีฆคลา, พกา วิย วงฺกคลา, วราหา วิย ปุถุลคลาติ โยชนา. สุวณฺณาลิงฺคสทิโสติ สุวณฺณมยขุทฺทกมุทิงฺคสทิโส.
รสคฺคสคฺคีติ มธุราทิเภทํ รสํ คสนฺติ อนฺโต ปเวสนฺตีติ รสคฺคสา, รสคฺคสานํ อคฺคา รสคฺคสคฺคา, ตา เอตสฺส สนฺตีติ รสคฺคสคฺคี. เตนาติ โอชาย อผรเณน, หีนธาตุกตฺตา เต พหฺวาพาธา โหนฺติ.
‘‘หนู’’ติ ¶ สนฺนิสฺสยทนฺตาธารสฺส สมฺา, ตํ ภควโต สีหหนุสทิสํ, ตสฺมา ภควา สีหหนุ. ตตฺถ ยสฺมา พุทฺธานํ รูปกายสฺส ธมฺมกายสฺส จ อุปมา นาม นิหีนุปมาว, นตฺถิ สมานุปมา, กุโต อธิกูปมา, ตสฺมา อยมฺปิ นิหีนุปมาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ติภาควเสน มณฺฑลตาย ทฺวาทสิยํ ปกฺขสฺส จนฺทสทิสานิ.
ทนฺตานํ อุจฺจนีจตา อพฺภนฺตรพาหิรปสฺสวเสนปิ เวทิตพฺพา, น อคฺควเสเนว. เตนาห ‘‘อยปฏฺฏฉินฺนสงฺขปฏลํ วิยา’’ติ. อยปฏฺฏนฺติ จ กกจํ อธิปฺเปตํ. วิสมาติ วิสมสณฺานา.
วิจฺฉินฺทิตฺวา วิจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺตสรตาย ฉินฺนสฺสราปิ. อเนกาการตาย ภินฺนสฺสราปิ. กากสฺส วิย อมนฺุสรตาย กากสฺสราปิ. อปลิพุทฺธตฺตาติ อนุปทฺทุตวตฺถุกตฺตา. วตฺถุนฺติ จ อกฺขรุปฺปตฺติฏฺานมาห. อฏฺงฺคสมนฺนาคโตติ เอตฺถ อฏฺงฺคานิ ปรโต อาคมิสฺสนฺติ. มฺชุโฆโสติ มธุรสฺสโร.
กรวีกสทฺโท เยสํ สตฺตานํ โสตปถํ อุปคจฺฉติ, เต อตฺตโน สรสมฺปตฺติยา ปกตึ ชหาเปตฺวา อวเส กโรนฺโต อตฺตโน วเส วตฺเตติ, เอวํ มธุโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺริท’’นฺติอาทิมาห. ตํ ปีตินฺติ ตํ พุทฺธคตํ ปีตึ. เตเนว นีหาเรน ปุนปฺปุนํ ปวตฺตนฺตํ อวิชหิตฺวา วิกฺขมฺภิตกิเลสา เถรานํ สนฺติเก ลทฺธธมฺมสฺสวนสปฺปายา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ปริปกฺกาณตาย ¶ ‘‘สตฺตหิ…เป… ปติฏฺาสี’’ติ. สตฺตสตมตฺเตน โอโรธชเนน สทฺธึ ปทสาว เถรานํ สนฺติกํ อุปคตตฺตา ‘‘สตฺตหิ ชงฺฆาสเตหิ สทฺธิ’’นฺติ วุตฺตํ.
อภินีลเนตฺโตติ อธิกนีลเนตฺโต. อธิกนีลตา จ สาติสยํ นีลภาเวน เวทิตพฺพา, น เนตฺเต นีลวณฺณสฺเสว อธิกภาวโตติ อาห ‘‘น สกลนีลเนตฺโตวา’’ติอาทิ. ปีตโลหิตวณฺณา เสตมณฺฑลคตราชิวเสน, นีลเสตกาฬวณฺณา ปน ตํตํมณฺฑลวเสเนว เวทิตพฺพา.
จกฺขุภณฺฑนฺติ อกฺขิทลนฺติ เกจิ, อกฺขิทลปตฺตนฺติ อฺเ. อกฺขิทเลหิ ปน สทฺธึ อกฺขิพิมฺพนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวฺหิ วินิคฺคตคมฺภีรโชตนาปิ ยุตฺตา โหติ.
อุณฺณาสทฺโท ¶ โลเก อวิเสสโต โลมปริยาโย, อิธ ปน โลมวิเสสวาจโกติ อาห ‘‘อุณฺณโลม’’นฺติ. นลาฏมชฺฌชาตาติ นลาฏมชฺฌคตา. โอทาตตาย อุปมา, น มุทุตาย. รชตปุพฺพุฬกาติ รชตมยตารกา.
ทฺเว อตฺถวเส ปฏิจฺจ วุตฺตนฺติ ยสฺมา พุทฺธา จกฺกวตฺติโน จ ปริปุณฺณนลาฏตาย ปริปุณฺณสีสพิมฺพตาย จ ‘‘อุณฺหีสสีสา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตสฺมา เต ทฺเว อตฺถวเส ปฏิจฺจ ‘‘อุณฺหีสสีโส’’ติ อิทํ วุตฺตํ. อิทานิ ตํ อตฺถทฺวยํ ภควติ สุปฺปติฏฺิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถาคตสฺสหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สณฺหตมตาย สุวณฺณวณฺณตาย จ รฺโ พทฺธอุณฺหีสปฏฺโฏ วิย วิโรจติ. กปฺปสีสาติ ทฺวิธาภูตสีสา. ผลสีสาติ ผลสทิสสีสา. อฏฺิสีสาติ มํสสฺส อภาวโต ตโจปริโยนทฺธอฏฺิมตฺตสีสา. ตุมฺพสีสาติ ลาพุสทิสสีสา. ปพฺภารสีสาติ ปิฏฺิภาเคน โอลมฺพมานสีสา. ปุริมนเยนาติ ปริปุณฺณนลาฏตาปกฺเขน. อุณฺหีสเวิตสีโส วิยาติ อุณฺหีสปฏฺเฏน เวิตสีสปเทโส วิย. อุณฺหีสํ วิยาติ เฉเกน สิปฺปินา วิรจิตอุณฺหีสมณฺฑลํ วิย.
กมฺมนฺติ เยน เยน กมฺเมน ยํ ยํ ลกฺขณํ นิพฺพตฺตํ, ตํ ตํ กมฺมํ. กมฺมสริกฺขกนฺติ ตสฺส ตสฺส ลกฺขณสฺส ตํกมฺมานุรูปตา. ลกฺขณนฺติ ตสฺส มหาปุริสลกฺขณสฺส อวิปรีตสภาโว. ลกฺขณานิสํสนฺติ ตํ ลกฺขณปฏิลาเภน ลทฺธพฺพคุโณ. อิมานิ กมฺมาทีนีติ อิมานิ อนนฺตรํ วุตฺตานิ กมฺมกมฺมสริกฺขกาทีนิ ทสฺเสตฺวา ตํ สรูปโต วิภาเวตฺวา กเถตพฺพานิ สํวณฺณเกน.
รตนวิจิตฺตสุวณฺณโตรณํ ¶ ตสฺมึ กาเล มนุสฺสโลเก นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘เทวนคเร’’ติ. สพฺพโส สุปุปฺผิตสาลรุกฺโข อสาธารณโสโภ มนุสฺสูปจาเร น ลพฺภตีติ อาห ‘‘เสลนฺตรมฺหี’’ติ. กิริยาจารนฺติ กายิกวาจสิกกิริยาปวตฺตึ.
๓๘๗. สตตปาฏิหาริยนฺติ สตตํ จริมภเว สพฺพกาลํ ลกฺขณนิพฺพตฺตกกมฺมานุภาวเหตุกํ พุทฺธาเวณิกํ ปาฏิหาริยํ. พุทฺธานํ อติทูเร ปาทํ นิกฺขิปิตุกามานมฺปิ นาติทูเร เอว นิกฺขิปนํ โหตีติ ‘‘น อติทูเร เปสฺสามีติ ¶ อุทฺธรตี’’ติ วุตฺตํ. ปกติสฺจรณวเสเนตํ วุตฺตํ, ตาทิเสน ปาเทน อเนกโยชเน เปสฺสามีติ อุทฺธรณมฺปิ โหติเยว. อติทูรํ หีติอาทิ ปมาณาติกฺกเม โทสทสฺสนํ. เอวํ สตีติ เอวํ ทกฺขิณปาทวามปาทานํ ยถาธิปฺเปตปติฏฺิตฏฺาเน สติ. ปทวิจฺเฉโทติ ปทวารวิจฺเฉโท. ยาทิสํ ปสาเรนฺโต วามปาทสฺส อุทฺธรณํ ปติฏฺานฺจ, ทกฺขิณปาทสฺส ตาทิสเมว, อิติ เนสํ อุทฺธรณปติฏฺานานํ สมานโต อฺมฺภาเวน อนูนานธิกตาย วุตฺตํ ‘‘ทกฺขิณปาทกิจฺจํ วามปาเทน นิยมิตํ, วามปาทกิจฺจํ ทกฺขิณปาเทน นิยมิต’’นฺติ.
ทิวาติ อุปกฏฺาย เวลาย. วิหารภตฺตตฺถายาติ วิหาเร ยถาวุทฺธํ คเหตพฺพภตฺตตฺถาย. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตติ ปกติคมเนน ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโต. โอกาสํ น ลภตีติ ปทนิกฺเขปฏฺานํ น ลภติ. อูรุปริยาโย อิธ สตฺถิ-สทฺโทติ อาห ‘‘น อูรุํ อุนฺนาเมตี’’ติ. ทณฺฑงฺกุสํ วุจฺจติ ทีฆทณฺโฑ องฺกุโส, เตน รุกฺขสาขํ ฉินฺทโต ปุริสสฺส ยถา ปจฺฉาภาเคน ปาทานํ โอสกฺกนํ โหติ, เอวํ ภควโต ปาทา น โอสกฺกนฺตีติ อาห ‘‘รุกฺขสาขาเฉทน…เป… โอสกฺกาเปตี’’ติ. โอพทฺธานาพทฺธฏฺาเนหิ ปาทํ โกฏฺเฏนฺโต วิยาติ อาพทฺธฏฺาเนน อนาพทฺธฏฺาเนน จ ปาทขณฺฑํ โกฏฺเฏตฺวา ถทฺธํ กโรนฺโต วิย. น อิโต จิโต จ จาเลตีติ อปราปรํ น จาเลติ. อุสฺสงฺขปาทตาย สุเขเนว ปาทานํ ปริวตฺตนโต นาภิโต ปฏฺาย อุปริมกาโย น อิฺชตีติ เหฏฺิมกาโยว อิฺชติ. เตนาห ‘‘อุปริม…เป… นิจฺจโล โหตี’’ติ. น ชานาติ อนิฺชนโต. กายพเลนาติ คมนปโยคสงฺขาเตน กายคเตน วิเสสพเลน. ชวคมนเหตุภูเตน วา กายพเลน. เตนาห ‘‘พาหา ขิปนฺโต’’ติอาทิ. ชเวน คจฺฉนฺโต หิ พาหา ขิปติ, สรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ. นาคาปโลกิตวเสนาติ นาคสฺส อปโลกนมิว สกลกาเยเนว ปริวตฺเตตฺวา อปโลกนวเสน.
อนาวรณาณสฺสาติ อนาวรณาณพเลน ทสฺสนสฺส. อนาวรณวาโร ปน กาเย ปติฏฺิตรูปทสฺสนมฺปิ อนาวรณเมวาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. อินฺทขีลโต ปฏฺายาติ นครทฺวาเร อินฺทขีลโต ¶ ปฏฺาย. ปกติอิริยาปเถเนวาติ ¶ โอนมนาทึ อกตฺวา อุชุกคมนาทินา เอว. ยทิ เอวํ โกฏฺกทฺวารเคหปฺปเวเส กถนฺติ อาห ‘‘ทลิทฺทมนุสฺสาน’’นฺติอาทิ. ปริวตฺเตนฺเตนาติ นิปชฺชนตฺถํ กายํ ปริวตฺเตนฺเตน.
หตฺเถหิ คเหตฺวาติ อุโภหิ หตฺเถหิ อุโภสุ กฏิปฺปเทเสสุ ปริคฺคเหตฺวา. ปตติ นิสีทนฏฺาเน นิปชฺชนวเสน ปตติ. โอริมํ องฺคํ นิสฺสาย นิสินฺโนติ ปลฺลงฺกมาภุชิตฺวา อุกฺกุฏิกนิสชฺชาย อุปริมกายํ เหฏฺิมกาเย ปติฏฺเปนฺโตเยว ภารีกรณวเสน โอริมงฺคํ นิสฺสาย นิสินฺโน. ฆํสนฺโตติ อานิสทเทเสน อาสนฏฺานํ ฆํสนฺโต. ปาริมงฺคนฺติ สตฺถิภาคสมฺมทฺทํ อานิสทปเทสํ. ตเถวาติ ฆํสนฺโต เอว. โอลมฺพกํ ธาเรนฺโต วิยาติ โอลมฺพกสุตฺตํ โอตาเรนฺโต วิย. เตน อุชุกเมว นิสีทนมาห. สรีรสฺส ครุกภาวเหตูนํ ทูรโต สมุปายิตภาเวน สลฺลหุกภาวโต ตูลปิจุํ เปนฺโต วิย.
อปฺเปสกฺขานํ มหานุภาวเคหปฺปเวเส สิยา ฉมฺภิตตฺตํ, จิตฺตกฺโขโภ, ทรถวเสน นานปฺปการกปฺปนํ, ภยวเสน ตณฺหาวเสน ปริตสฺสนํ, ตํ สพฺพํ ภควโต นตฺถีติ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘น ฉมฺภตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๓๘๗) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘น ฉมฺภตี’’ติอาทิ.
อุทกํ ทียติ เอเตนาติ อุทกทานํ, ภิงฺการาทิ อุทกภาชนํ. พทฺธํ กตฺวาติ หตฺถคตมตฺติกํ วิย อตฺตโน วเส อวตฺตนฺตํ กตฺวา. ปริวตฺเตตฺวาติ กุชฺชิตฺวา. วิฉฑฺฑยมาโน อุทกสฺส วิกฺขิปนวเสน ฉฑฺฑยมาโน.
ตถา น คณฺหาติ, พฺยฺชนมตฺตาย เอว คณฺหนฺโต. ภตฺตํ วา อมนาปนฺติ อาเนตฺวา โยชนา. พฺยฺชเนน อาโลปอตินามนํ, อาโลเปน พฺยฺชนอตินามนนฺติ อิเมสุ ปน ทฺวีสุ ปมเมว อสารุปฺปตาย อนิฏฺํ วชฺเชตพฺพนฺติ ปาฬิยํ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สพฺพตฺเถวาติ สพฺพสฺมึ อาหริตพฺพวตฺถุสฺมึ สุปณีตภาเวน รโส ปากโฏ โหติ าเณน ปริฺาตตฺตา. รสเคโธ ปน นตฺถิ เสตุฆาตตฺตา.
อสฺสาติ ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทิปทสฺส. วุตฺตเมตนฺติ ‘‘วิสุทฺธิมคฺเค วินิจฺฉโย อาคโต’’ติ สพฺพาสวสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๓) สํวณฺณยนฺเตน วุตฺตเมตํ, ตสฺมา ¶ น เอตฺถ ตํ วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย, ตสฺมา โย ตสฺมึ ตสฺมึ วินิจฺฉเย วิเสสวาโท อิจฺฉิตพฺโพ. โส ปรมตฺถมฺชูสาย วิสุทฺธิมคฺควณฺณนาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ปตฺตสฺส คหณฏฺานนฺติ หตฺเถน ปตฺตสฺส ¶ คหณปเทสํ. วินิวตฺติตฺวาติ ปตฺเต สพฺพํ อามิสคตํ สทฺธึ ภตฺเตน วินิวตฺติตฺวา คจฺฉติ. ปมาณาติกฺกนฺตนฺติ เกลายนวเสน อติกฺกนฺตปมาณํ อารกฺขํ เปติ. จีวรโภคนฺตรนฺติ จีวรปฏลนฺตรํ. อุทเรน อกฺกมิตฺวาติ อุทเรเนว สนฺนิรุมฺภิตฺวา.
อปฺปตฺตกาลํ อภิมุขํ นาเมติ อุปนาเมตีติ อตินาเมติ, ปตฺตกาลํ อติกฺกาเมนฺโต นาเมติ อปเนตีติ อตินาเมติ. อุภยมฺปิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ปาฬิยํ ‘‘น จ อนุโมทนสฺส กาลมตินาเมตี’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย หี’’ติอาทิมาห.
เวคคมเนน ปฏิสํมฺุจิตฺวา ธาวิตฺวา คจฺฉติ. อจฺจุกฺกฏฺนฺติ อติวิย อุทฺธํ กตฺวา กฑฺฒิตปารุตํ. เตนาห ‘‘โย หิ ยาว หนุกฏฺิโต…เป… โหตี’’ติ. อจฺโจกฺกฏฺนฺติ อติวิย เหฏฺา กตฺวา กฑฺฒิตปารุตํ. เตนาห ‘‘ยาว โคปฺผกา โอตาเรตฺวา’’ติ. อุภโต อุกฺขิปิตฺวาติ ทกฺขิณโต วามโตติ อุโภสุ ปสฺเสสุ อุตฺตราสงฺคํ อุกฺขิปิตฺวา. ถนนฺติ ทกฺขิณถนํ.
วิสฺสฏฺโติ วิมุตฺโต. เตนาห ‘‘วิสฺสฏฺตฺตาเยว เจส วิฺเยฺโย’’ติ. ยสฺมา อมุตฺตวาทิโน วจนํ อวิสฺสฏฺตาย น สินิยฺหติ, น เอวํ มุตฺตวาทิโนติ อาห ‘‘สินิทฺโธ’’ติ. วิฺเยฺโยติ สุปริพฺยตฺตตาย อกฺขรโต จ พฺยฺชนโต จ วิฺาตุํ สกฺกุเณยฺโย. เตนาห ‘‘ปากโฏ’’ติ. วิฺาปนิโยติ วิชานิตพฺโพ. พฺยฺชนวเสเนว เจตฺถ วิฺเยฺยตา เวทิตพฺพา โฆสสฺส อธิปฺเปตตฺตา. มธุโรติ ปิโย เปมนีโย อปลิพุทฺโธ. สวนมรหติ, สวนสฺส โสตสฺส หิโตติ วา สวนีโย. สมฺปิณฺฑิโตติ สหิโต. ภควโต หิ สทฺโท อุปฺปตฺติฏฺานกตาสฺจิตตฺตา สหิตากาเรเนว อาปาถมาคจฺฉติ, น อโยสลากาย ปหฏกํสถาลํ วิย วิปฺปกิณฺโณ. เตนาห ‘‘อวิสารี’’ติ. คมฺภีโรติ ยถา คมฺภีรวตฺถุปริจฺฉินฺทเนน าณสฺส คมฺภีรสมฺา, เอวํ คมฺภีรฏฺานสมฺภวโต สทฺทสฺส คมฺภีรสมฺาติ อาห ‘‘คมฺภีโรติ คมฺภีรสมุฏฺิโต’’ติ ¶ . นินฺนาทวาติ สวิเสสํ นินฺนาทวา. สฺวายํ วิเสโส คมฺภีรภาวสิทฺโธติ อาห ‘‘คมฺภีรตฺตาเยว เจส นินฺนาที’’ติ. เอวเมตฺถ จตฺตาริ องฺคานิ จตุรงฺคนิปฺผาทีนิ เวทิตพฺพานิ. อการณา มา นสฺสีติ พุทฺธานุภาเวน วิย สรสฺส ปริสปริยนฺตตา วุตฺตา, ธมฺมตาวเสเนว ปน สา เวทิตพฺพา ตสฺส มูลการณสฺส ตถา อวฏฺิตตฺตา.
ปจฺโจสกฺกิตฺวาติ ปฏินิวตฺติตฺวา. สมุสฺสิตกฺจนปพฺพตํ วิย อุปริ อินฺทนีลรตนวิตตสิขํ ¶ วิชฺชุลฺลตาภูสิตํ. มหาปถวีอาทโย สตฺถุคุณปฏิภาคตาย นิทสฺสนํ, เกวลํ มหนฺตตามตฺตํ อุปาทาย นิทสฺสิตา.
๓๙๐. อปฺปฏิสํวิทิโตติ อนาโรจิโต. อาคมนวเสน เจตฺถ ปฏิสํเวทิตนฺติ อาห ‘‘อวิฺาตอาคมโน’’ติ. อุคฺคตภาวนฺติ กุลโภควิชฺชาทีหิ อุฬารภาวํ. อนุทฺทยสมฺปนฺนาติ การุณิกา.
๓๙๑. สหสาว โอกาสกรเณน อุจฺจกุลีนตา ทีปิตา โหตีติ อาห ‘‘เวเคน อุฏฺาย ทฺวิธา ภิชฺชิตฺวา’’ติอาทิ.
นาริสมานนามนฺติ อิตฺถิอตฺถโชตกนามํ. เตนาห ‘‘อิตฺถิลิงฺค’’นฺติ. อวฺหาตพฺพาติ กเถตพฺพา.
๓๙๔. เอกนีหาเรเนว อฏฺ ปฺเห พฺยากโรนฺโต. ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ…เป… ปวุจฺจตี’’ติ อิมินา ปุพฺเพนิวาสสฺส วิทิตการณํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตสฺส ปุพฺเพนิวาโส ปากโฏ’’ติ. ทิพฺพจกฺขุาณํ กถิตํ ตสฺส ปริภณฺฑาณภาวโต ยถากมฺมูปคาณสฺส. ‘‘ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺา โวสิโต’’ติ จ วุตฺตตฺตา มุนีติ อเสกฺขมุนิ อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อรหตฺตาณโมเนยฺเยน สมนฺนาคโต’’ติ.
กิเลสราเคหิ กิเลสวิวณฺณตาหิ. ชาติกฺขยปฺปตฺตตฺตา ‘‘อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วุตฺตตฺตา. อภิชานิตฺวาติ อภิวิสิฏฺตาย อคฺคมคฺคปฺาย ตฺวา. อิทานิ ปฏิสมฺภิทายํ อาคตนเยน ปริฺาปหานภาวนาสจฺฉิกิริยาสมาปตฺตีนํ ปารคมเนน ปารคูติ อยเมตฺถ อตฺโถติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปารคูติ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อภิฺเยฺยธมฺมานํ ชานนวเสน อภิฺาปารคู. ตาทิโสติ ยาทิโส ‘‘ปารคู สพฺพธมฺมาน’’นฺติ ปททฺวเยน ¶ วุตฺโต, ตาทิโส. ฉหิ อากาเรหีติ ปชานนาทีหิ ยถาวุตฺเตหิ ฉหิ อากาเรหิ.
กามฺเจตฺถ ทฺเว เอว ปุจฺฉาคาถา ทฺเว จ วิสฺสชฺชนาคาถา, ปุจฺฉาปฏิปาฏิยา ปน อสงฺกรโต จ วิสฺสชฺชนํ ปวตฺตติ, ตํ นิทฺธาเรตุํ กึ ปนาติอาทิ วุตฺตํ. เวเทหิ คตตฺตาติ เวเทหิ มคฺคาเณหิ ปารงฺคตตฺตา. ปุพฺเพนิวาสนฺติอาทีหิ วิชฺชานํ อตฺถิตาย โพธิตตฺตา. ปาปธมฺมานนฺติ ฉตฺตึสปาปธมฺมานํ โสตฺถานํ มคฺคํ ปาปเนน นิสฺเสสโต โสธิตตฺตา.
๓๙๕. ธมฺโม ¶ นาม อรหตฺตมคฺโค กุสลธมฺเมสุ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน. ตสฺส อนุรูปธมฺมภาวโต อนุธมฺโม นาม เหฏฺิมมคฺคผลธมฺมา. โย สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ยถานุสิฏฺํ น ปฏิปชฺชติ, โส ตถาคตํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเติ นาม. โย ปน ปฏิปชฺชนฺโต จ ทนฺธาภิฺตาย กมฺมฏฺานโสธนตฺถํ อนฺตรนฺตรา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อเนกวารํ กถาเปติ, โส เอตฺตาวตา ธมฺมาธิกรณํ ตถาคตํ วิเหเตีติ น วตฺตพฺโพ. น หิ ภควโต ธมฺมเทสนาย ปริสฺสโม อตฺถิ, อยฺจ อตฺโถ มหาสุทสฺสนสุตฺตาทีหิ (ที. นิ. ๒.๒๔๑ อาทโย) ทีเปตพฺโพ, ตสฺมา – ‘‘สจฺจธมฺมสฺส อนุธมฺม’’นฺติ วตฺตพฺเพ วุตฺตเมว พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ปรินิพฺพายีติ ปรกาเล เจตฺถ ปรินิพฺพานมฺปิ สงฺคยฺหติ, ตํ ปน อิมสฺมึ คหิตเมว โหตีติ อาห ‘‘เทสนาย อรหตฺเตเนว กูฏํ คหิต’’นฺติ.
พฺรหฺมายุสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. เสลสุตฺตวณฺณนา
๓๙๖. เกณิโยติ ¶ ตสฺส นามํ, ปุพฺเพ เกณิยา ชีวิกากปฺปนโตติ วทนฺติ. ชฏิโลติ ชฏาธโร. พฺราหฺมณชาติกตฺตา โกฏิสารตาย จ พฺราหฺมณมหาสาโล. ปโยเชตฺวา นิสฺสโย หุตฺวา วสติ, รตฺตึ กามสมฺปตฺตึ อนุภวตีติ วา โยชนา. สุสงฺขตนฺติ สปฺปิมธุสกฺกราทีหิ เจว มริจสิงฺคีเวราทีหิ จ สุฏฺุ อภิสงฺขตํ.
ปฏิกฺเขปปสนฺนตายาติ ¶ อโหวตายํ อปฺปิจฺโฉ, โย นิมนฺติยมาโนปิ น สาทิยตีติ อุปนิมนฺติยมานสฺส ปฏิกฺเขเป ติตฺถิยานํ ปสนฺนภาวโตติ. ตํ กถํ? วิรุทฺธเมตนฺติ ‘‘อการณเมต’’นฺติ ปฏิกฺขิปติ.
๓๙๘. กปฺปสหสฺเสหิปิ…เป… อโหสีติ อิทํ นานุสฺสวสิทฺธํ อนุมานคฺคหณํ สนฺธายาห. ปเทติ อุตฺตรปทโลเปน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ปทปฺปมาเณ’’ติ. ปชฺชติ นิกฺขิปติ เอตฺถาติ วา ปทํ ปกติยา ปาทนิกฺขิปฏฺานํ, ตสฺมึ ปเท. กีฬาปสุตตาทินา ปมาทํ อาปชฺชติ. โพธิสตฺตจาริกนฺติ ทุกฺกรจริยํ สนฺธาย วทติ.
๓๙๙. ปริปุณฺณตายาติ อนูนตาย. อหีนงฺคตายาติ อเวกลฺลภาวโต. โรจตีติ รุจิ, เทหปฺปภา, โสภณา รุจิ เอตสฺสาติ สุรุจิ. อาโรหสมฺปตฺติ กายสฺส ปมาณยุตฺตอุจฺจตา. ปริณาหสมฺปตฺติ กิสถูลภาววชฺชิตปริณาหตา. สณฺานสมฺปตฺติ อวยวานํ สุสณฺิตตา. จารุทสฺสโนติ ปิยทสฺสโน เตนาห ‘‘สุจิรมฺปี’’ติอาทิ. สุวณฺณสทิสวณฺโณติ ชาติหิงฺคุลเกน มทฺทิตฺวา สิลานิฆํเสเนว ปริกมฺมํ กตฺวา ปิตฆนสุวณฺณรูปวณฺโณ. มหาปุริสภาวํ พฺยฺเชนฺติ ปกาเสนฺตีติ พฺยฺชนานิ, มหาปุริสลกฺขณานีติ อาห ‘‘ปมํ วุตฺตพฺยฺชนาเนวา’’ติ.
ปุพฺเพ วุตฺตนฺติ ‘‘สุรุจี’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตํ, ‘‘อาทิจฺโจว วิโรจสี’’ติ ปุน วุตฺตํ. ‘‘จารุทสฺสโน สุวณฺณวณฺโณสี’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตํ, ‘‘กลฺยาณทสฺสโน ภิกฺขุ กฺจนาภตฺตโจ’’ติ ปุน วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘อุตฺตรคาถายปิ เอเสว นโย’’ติ. สาติสยํ อุตฺตมวณฺเณ วณฺเณตฺวา อุตฺตมวณฺณิโนติ ปเทน สนฺตํ ปกาเสตีติ อาห ‘‘อุตฺตมวณฺณสมฺปนฺนสฺสา’’ติ. อุตฺตมสารถีติ ¶ เสฏฺปุริสสารถิ. ตตฺถ ตตฺถ ชมฺพุวนสณฺฑมณฺฑิตตาย ชมฺพุทีโป ‘‘ชมฺพุสณฺโฑ’’ติ วุจฺจติ. อิสฺสริยนฺติ จกฺกวตฺติสฺสริยํ.
ชาติขตฺติยาติ ชาติมนฺโต ขตฺติยา. ราชาภิราชาติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท ปูชตฺโถติ อาห ‘‘ราชูนํ ปูชนีโย’’ติ.
อปฺปมาณาติ อปริมาณา โลกธาตุโย. ‘‘ยาวตา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) หิ วุตฺตํ. ธมฺมราชา อนุตฺตโรติ เอตฺถ วุตฺตอนุตฺตรภาวํ ‘‘ยาวตา ¶ หี’’ติอาทินา ปากฏตรํ กตฺวา ธมฺมราชภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘สฺวาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ธมฺเมนาติ ปฏิเวธธมฺเมน. เตนาห ‘‘อนุตฺตเรเนวา’’ติ. อนุตฺตเรนาติ วิสิฏฺเน อุตฺตเมน. อิมสฺมึ ปกฺเข ธมฺเมนาติ ปฏิปตฺติธมฺเมนาติปิ สงฺคยฺหติ. ปริยตฺติธมฺเมนาติ เทสนาธมฺเมน อาณาจกฺกํ ปวตฺเตมีติ โยชนา. เทสนาาณปฏิเวธาณวิภาคํ ธมฺมจกฺกเมว วา. อปฺปฏิวตฺติยนฺติ ปฏิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยํ.
ตถาคเตน ชาโตติ ตถาคเตน เหตุนา อริยาย ชาติยา ชาโต. เหตุอตฺเถ กรณวจนํ. อนุชาโตติ จ วุตฺเต อนุ-สทฺทสฺส วเสน ตถาคตนฺติ จ อุปโยควจนเมว โหติ, โส จ อนุ-สทฺโท เหตุอตฺถโชตโกติ อาห ‘‘ตถาคตํ เหตุํ อนุชาโต’’ติ. อวฺาตพฺพภาเวน ชาโตติ อวชาโต ทุปฺปฏิปนฺนตฺตา. เตนาห ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ โกกาลิกํ อารพฺภ ‘‘ปุริสนฺตกลิ อวชาโต’’ติ. ปุตฺโต นาม น โหติ ตสฺส โอวาทานุสาสนิยํ อฏฺิตตฺตา. เอวมาหาติ ‘‘อนุชาโต ตถาคต’’นฺติ เอวมาห.
วิชฺชาติ มคฺควิชฺชา. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน วิมุตฺตีติ ผลวิมุตฺติ. นนุ จ มคฺโค ภาเวตพฺเพน คหิโตติ? สจฺจํ คหิโต, สพฺเพ จ ปน สตฺต ธมฺมา อภิฺเยฺยาติ วิชฺชาย อภิฺเยฺยภาโว วุตฺโต. อิมินา วา นเยน สพฺเพสมฺปิ อภิฺเยฺยภาโว วุตฺโต เอวาติ เวทิตพฺโพ. ผเลน วินา เหตุภาวสฺเสว อภาวโต เหตุวจเนน ผลสิทฺธิ, นิโรธสฺส จ สมฺปาปเนน มคฺคสฺส เหตุภาโว. ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺตเนน ตณฺหาย สมุทยภาโวติ อิมมตฺถํ สงฺคหิตเมว อตฺถโต อาปนฺนตฺตา. ยุตฺตเหตุนาติ ยุตฺติยุตฺเตน เหตุนา พุทฺธภาวํ สาเธติ สจฺจวินิมุตฺตสฺส พุชฺฌิตพฺพสฺส อภาวโต สจฺจสมฺโพธเนเนว จ ตสฺส อนวเสสโต พุทฺธตฺตา. อตฺถวจนฺเจตํ, ปโยควจนานิ ปน – พฺราหฺมณ, อหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ สพฺพถา อวิปรีตธมฺมเทสโน, สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา สพฺพตฺถ อวิปรีตมาจิกฺขติ ยถาหํ สพฺพมคฺคเทสโกติ ¶ . กึ ปน ภควา สยเมว อตฺตโน สมฺมาสมฺพุทฺธภาวํ อาโรเจตีติ? มหากรุณาย อฺเสํ มหาวิสยโต. ตตฺถ ‘‘เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมี’’ติอาทีนิ (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; กถา. ๔๐๕) สุตฺตปทานิ อิทเมว จ สุตฺตปทํ เอตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ.
สลฺลกนฺตโนติ ¶ สลฺลานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา. โรคสฺสาติ กิเลสโรคสฺส. ตสฺมาติ อปุนปวตฺติปาทเนน ติกิจฺฉนโต. พฺรหฺมํ วา เสฏฺํ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺโตติ พฺรหฺมภูโต. เอวํ อาคตายาติ อิมินา –
‘‘กามา เต ปมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;
ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติ.
ถินมิทฺธํ เตปฺจมํ ถินมิทฺธํ เต, ฉฏฺา ภีรู ปวุจฺจติ;
สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มกฺโข ถมฺโภ เต อฏฺโม.
ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร, มิจฺฉาลทฺโธ จ โย ยโส;
โย จตฺตานํ สมุกฺกํเส, ปเร จ อวชานติ;
เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี’’ติ. (สุ. นิ. ๔๓๘-๔๔๑);
เอวํ วุตฺตํ นววิธํ เสนํ สงฺคยฺหติ. วเส วตฺเตตฺวาติ สมุจฺฉินฺทเนน อนุปฺปาทตาปาทเนน วเส วตฺเตตฺวา. กุโตจิ อภโย นิพฺภโย.
สยเมว ทฏฺพฺพนฺติ เยน เยน อธิคโต, เตน เตน ปรสทฺธาย คนฺตพฺพํ หิตฺวา อสมฺโมหโต ปจฺจเวกฺขณาาเณเนว สามํ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘ปจฺจกฺข’’นฺติ. ปสฏฺา ทิฏฺิ สนฺทิฏฺิ. ยถา รเถน ชยตีติ รถิโก, เอวํ อิทํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ สนฺทิฏฺิยา ชยตีติ สนฺทิฏฺิกํ. อถ วา ทิฏฺนฺติ ทสฺสนํ วุจฺจติ, ทิฏฺเมว สนฺทิฏฺํ, สนฺทสฺสนนฺติ อตฺโถ. สนฺทิฏฺํ อรหตีติ สนฺทิฏฺิโก ยถา วตฺถยุคํ อรหตีติ วตฺถยุคิโก. สนฺทิฏฺิกํ ผลทานํ สนฺธาย นาสฺส กาโลติ อกาลํ, อกาลเมว อกาลิกํ, น กาลนฺตรํ เขเปตฺวา ผลํ เทติ, อตฺตโน ปน ปวตฺติสมนนฺตรเมว ผลํ เทตีติ อตฺโถ. อถ วา อตฺตโน ผลปฺปทาเน ปกฏฺโ กาโล ปตฺโต อสฺสาติ กาลิโก, โลกิโย กุสลธมฺโม, อิทํ ปน สมนนฺตรผลตฺตา น กาลิกํ.
๔๐๐. ‘‘มหายฺํ ¶ ปวตฺตยี’’ติอาทีสุ เกวลํ ทานธมฺมาทีสุ ยฺปริยายสมฺภวโต ‘‘พฺราหฺมณานํ ยฺาภาวโต’’ติ วุตฺตํ. พฺราหฺมณา หิ ‘‘อคฺคิมุขา เทวา’’ติ อคฺคิชุหนปุพฺพกํ ยฺํ วิทหนฺติ. เตนาห ‘‘อคฺคิชุหนปฺปธานาติ อตฺโถ’’ติ ‘‘ภูรฺภุว? สฺว?’’ อิติ สาวิตฺตี ปุพฺพกตฺตา มุขํ ปุพฺพงฺคมํ ¶ . ‘‘มุขมิว มุข’’นฺติอาทีสุ วิย อิธาปิ ปธานปริยาโย มุขสทฺโทติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มนุสฺสานํ เสฏฺโต ราชา ‘มุข’นฺติ วุตฺโต’’ติ อาห. อาธารโตติ โอคาหนฺตีนํ นทีนํ อาธารภาวโต ปฏิสรณโต คนฺตพฺพฏฺานภาวโต. สฺาณโตติ จนฺทโยควเสน อชฺช อสุกนกฺขตฺตนฺติ ปฺายนโต. อาโลกกรณโตติ นกฺขตฺตานิ อภิภวิตฺวา อาโลกกรณโต. โสมฺมภาวโตติ สีตหิมวาสีตวาตูปกฺขรภาวโต. ตปนฺตานนฺติ ทีปสิขา อคฺคิชาลา อสนิวิจกฺกนฺติ เอวมาทีนํ วิชฺชลนฺตานํ. อายมุขํ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาเวน.
ทิพฺพจกฺขุ ธมฺมจกฺขุ ปฺาจกฺขุ พุทฺธจกฺขุ สมนฺตจกฺขูติ อิเมหิ ปฺจหิ จกฺขูหิ. เต สรณสฺสาติ เต สรณสฺส จ, เต สรณภาวมูลกตฺตา อิตรทฺวยสฺส จ, ยถาวุตฺต เต-ปเทน วุตฺตตฺถโต ปรสฺส จาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘เต ตุยฺหํ, อิตรสฺส จ สรณสฺส อโห อานุภาโว’’ติ. อาวุตฺติวเสน วา เต สรณสฺสาติ เอตฺถ อตฺโถ วิภาเวตพฺโพ – ตุยฺหํ สรณภูตสฺส จ อิตรสรณสฺส จ อานุภาโวติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เสลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. อสฺสลายนสุตฺตวณฺณนา
๔๐๑. อฺมฺวิสิฏฺตฺตา ¶ วิสทิสํ รชฺชํ วิรชฺชํ, วิรชฺชโต อาคตา, ตตฺถ ชาตาติ วา เวรชฺชกา, เอวํ ชาตา โข ปน เต, ยสฺมา วตฺถาภรณาทิวิภาเคน นานปฺปการา โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นานาเวรชฺชกาน’’นฺติ. อฏฺกถายํ ปน เวรชฺชสฺเสว วเสน นานปฺปการตา วุตฺตา. ยฺุปาสนาทินาติ ยฺานุภวนมนฺตชฺเฌนทกฺขิณปริเยสนาทินา. จตุวณฺณสาธารณนฺติ ขตฺติยาทีนํ จตุนฺนํ วณฺณานํ สาธารณํ สํสารสุทฺธิปาปตสฺสนํ. นฺหานสุทฺธิยาติ ติตฺถสมุทฺทขาเตสุ มนฺตชปฺปนปุพฺพกํ สายํตติยอุทโกโรหนาทินฺหานสุทฺธิยา. ภาวนาสุทฺธิยาติ ปรมโชติภูตาย ปุริสภาวนาสงฺขาตาย สุทฺธิยา. วาปิตสิโรติ โอโรปิตเกโส. ตเมว หิ สิโร วาปิตนฺติ วุจฺจติ.
สภาววาทีติ ¶ ยถาภูตวาที. ปพฺพชนฺตาติ พฺราหฺมณปพฺพชฺชํ อุปคจฺฉนฺตา, ตสฺมา พฺราหฺมณานํ ปพฺพชฺชาวิธานํ สิกฺขนฺเตน โภตา ‘‘พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา’’ติ อยํ วิธิ สเหตุโก สอุปาทาโน สกฺกจฺจํ อุคฺคหิโต, ตสฺมา ตุยฺหํ ปราชโย นตฺถิ…เป… เอวมาหํสุ.
๔๐๒. ลทฺธิภินฺทนตฺถนฺติ ‘‘พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา’’ติ เอวํ ปวตฺตลทฺธิยา วินิเวนตฺถํ. ปุตฺตปฏิลาภตฺถายาติ ‘‘เอวํ มยํ เปตฺติกํ อิณธารํ โสเธยฺยามา’’ติ ลทฺธิยํ ตฺวา ปุตฺตปฏิลาภตฺถาย. อยฺเหตฺถ อธมฺมิกานํ พฺราหฺมณานํ อชฺฌาสโย. เนสนฺติ พฺราหฺมณานํ. สจฺจวจนํ สิยาติ ‘‘พฺรหฺมุโน ปุตฺตา’’ติอาทิวจนํ สจฺจํ ยทิ สิยา พฺราหฺมณีนํ…เป… ภเวยฺย, น เจตํ อตฺถิ. มหาพฺรหฺมุโน มุขโต ชาโตติ วาทจฺเฉทกวาโท มุขโตชาตจฺเฉกวาโท. อสฺสลายโนวิฺู ชาติโก ‘‘นิรกฺเขปํ สมเณน โคตเมน วุตฺต’’นฺติ ชานนฺโตปิ สหคตานํ พฺราหฺมณานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ ‘‘กิฺจาปิ ภวํ โคตโม’’ติอาทิมาห.
๔๐๓. อิทานิ พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณติ วาทํ ภินฺทิตุํ ‘‘สุตํ เต โยนกกมฺโพเชสู’’ติอาทิ อารทฺธํ. ยทิ พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, สพฺพตฺถ พฺราหฺมโณว เสฏฺโ ภเวยฺย, อถ กสฺมา โยนกกมฺโพชาทิชนปเทสุ พฺราหฺมณานํ เสฏฺภาโว นตฺถิ? เอวฺหิ ตตฺถ วณฺณา ¶ , ตสฺมา ‘‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ’’ติ ลทฺธิมตฺตเมตํ. เตสุ หิ ชนปเทสุ ชนา เอกชฺฌํ สนฺนิปติตฺวา สมฺมนฺตยิตฺวา กติกํ อกํสุ, ทาสํ สามิกํ กตฺวา อิตเร สพฺเพ ตํ ปูเชตฺวา ตสฺส วเส วตฺตนฺติ, โย เตสํ อยฺโย โหติ อิตเร สพฺเพ ตสฺส ทาสา โหนฺติ, เต กติปยสํวจฺฉราติกฺกเมน ตสฺส กิฺจิ โทสํ ทิสฺวา ตํ ตโต านโต อปเนตฺวา อฺํ เปนฺติ, อิติ โส อยฺโย หุตฺวา ทาโส โหติ, อิตโร ทาโส หุตฺวา อยฺโย โหติ, เอวํ ตาว เกจิ ‘‘อยฺโย หุตฺวา ทาโส โหติ, ทาโส หุตฺวา อยฺโย โหตี’’ติ เอตฺถ อตฺถํ วทนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ปุริมวเสเนว ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘พฺราหฺมโณ สภริโย’’ติอาทิ วุตฺตํ. วยปฺปตฺเต ปุตฺเต อสตีติ อิทํ วกฺขมานสฺส ทารกสฺส ทายชฺชสามิกภาวสฺส ตาว ทสฺสนํ. มาติโต สุทฺโธติ เอตฺถ ¶ โย มาติโต สุทฺธตฺตา อยฺโย, ปิติโต อสุทฺธตฺตา ทาโส โหติ, โส เอว ปิติโต อสุทฺธตฺตา ทาโส หุตฺวา มาติโต อยฺโย โหตีติ ชาตึ สมฺเภเทติ. โสว สพฺเพน สพฺพํ โหตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ อปเร. โก ถาโมติ มหนฺเต โลกสนฺนิวาเส อนมตคฺเค อตีเต กาเล อิตฺถีนํ วา จิตฺเต อนวฏฺิเต ทาสา ทาสา เอว โหนฺติ, อยฺยา อยฺยา เอว โหนฺตีติ เอตฺถ โก เอกนฺติโก สเหตุโก อวสฺสโย, ตสฺส สาธโก สิทฺธนฺโต, กึ นิทสฺสนนฺติ อตฺโถ.
๔๐๔. สุกฺกจฺเฉทกวาโท นามาติ ‘‘พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ’’ติ เอวํ วุตฺโต สุกฺกจฺเฉทกวาโร นาม.
๔๐๘. สพฺพสฺมึ อคฺคิกิจฺจํ กโรนฺเตติ เอเตน ยถา ยโต กุโตจิ นิสฺสยโต อุปฺปนฺโน อคฺคิอุปาทานสมฺปนฺโน อคฺคิกิจฺจํ กโรติ, เอวํ ยสฺมึ กสฺมิฺจิ ทาสกุเล ชาโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน สมฺมาปฏิปชฺชมาโน สํสารโต สุชฺฌติ เอวาติ ทสฺเสติ.
๔๐๙. ปาทสิกวณฺโณติ อนฺตราฬวณฺโณ. เอเตสนฺติ ขตฺติยกุมาเรน พฺราหฺมณกฺาย อุปฺปนฺนปุตฺโต, พฺราหฺมณกุมาเรน ขตฺติยกฺาย อุปฺปนฺนปุตฺโตติ เอเตสํ ทฺวินฺนํ มาณวกานํ. มตกภตฺเตติ มเต อุทฺทิสฺส กตภตฺเต. ถาลิปาเกติ กตมงฺคลภตฺเต.
๔๑๐. ตุมฺเหติ ชาติสามฺโต มาณวํ พฺราหฺมเณหิ สทฺธึ เอกชฺฌํ สงฺคณฺหนฺโต อาห. โก นุ โขติ อวํสิโร อิสิวาโท, เตสํ พฺราหฺมณีสีนํ อสามตฺถิยทสฺสเนน ชาติยา อปฺปมาณตํ วิภาเวตุํ คามทารกเวเสน อุปคจฺฉิ. เตน วุตฺตํ ‘‘คามณฺฑลรูโป วิยา’’ติ. โกณฺฑทมโกติ อทนฺตทมโก.
๔๑๑. ชเนตีติ ¶ ชนิกา ชเนตฺติ. ชนโก ปิตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. คนฺธพฺพปฺหนฺติ คนฺธพฺพสฺส มาตุกุจฺฉิยํ อุปฺปชฺชนกสตฺตสฺส ขตฺติยภาวาทิปุจฺฉํ. ทพฺพิคหณสิปฺปมฺปิ เอกา วิชฺชา เวทิตพฺพา. ตตฺถ กิร กุสโล ยํ กิฺจิ อาหารูปคปณฺณปุปฺผผลพีชํ อนฺตมโส เอลาลุกมฺปิ คเหตฺวา เภสชฺเชหิ โยเชตฺวา ปจนฺโต สปฺปิมธุผาณิเตหิ สมานรสํ กตฺวา สมฺปาเทตุํ ¶ สกฺโกติ, ปุณฺโณปิ ตาทิโส, เตน าตํ ตฺวํ ทพฺพิคหณสิปฺปมตฺตมฺปิ น ชานาสีติ สมฺพนฺโธ. สทฺโธติ กมฺมผลสทฺธาย สทฺโธ, โปถุชฺชนิเกเนว รตนตฺตยปสาเทน ปสนฺโน. เตเนวาห – ‘‘อุปาสกํ มํ ภวํ…เป… สรณํ คต’’นฺติ.
อสฺสลายนสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. โฆฏมุขสุตฺตวณฺณนา
๔๑๒. เขมิยา ¶ นาม รฺโ เทวิยา โรปิตตฺตา ตํ อมฺพวนํ เขมิยมฺพวนนฺติ วุจฺจตีติ วทนฺติ. ธมฺมิโกติ ธมฺมยุตฺโต สพฺพโสว อธมฺมํ ปหาย ธมฺเม ิโต. ปริพฺพชติ ปพฺพชติ เอเตนาติ ปริพฺพโช, ฆราวาสโต นิกฺขมนปุพฺพกํ ลิงฺคคฺคหณวเสน สีลสมาทานํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ปริพฺพเช. สภาโวติ ตํ ปริพฺพาชนิยํ, เตหิ เตหิ ปริพฺพาชเกหิ อนุฏฺาตพฺโพ ปฏิปตฺติธมฺมสงฺขาโต สภาโว. ธมฺโมว ปมาณนฺติ เอเตน มยํ อหิริมนา จิตฺตสฺส ยถาอุปฏฺิตํ กเถม, ตสฺมา ตํ อปฺปมาณํ, โย ปเนตฺถ อวิตโถ ธมฺโม, ตเทว ปมาณํ. อธิคตปฏิปตฺติสงฺขาโต สภาโว อตฺถิ, ตสฺส ตุมฺเหหิ ตุมฺเหหิ พหุนา นานาสนฺทสฺสนาทิ กมฺเมน อิธ ภวิตพฺพํ, พหุเทเวตฺถ วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
๔๑๔. สารตฺตรตฺตาติ สารชฺชนวเสน รตฺตา, พหุลราควเสน อภิรตฺตาติ อตฺโถ. อตฺตนา าเปตพฺพมตฺถํ อนุคฺคหาเปติ โพเธตีติ อนุคฺคโห, าปิตการณํ, สห อนุคฺคเหนาติ สานุคฺคหา. เตนาห ‘‘สการณา’’ติ. กึ ปน ตํ การณํ? อิมสฺสาธิปฺปาโย ‘‘นตฺถิ ธมฺมิโก ปริพฺพโช’’ติ มยา วุตฺโต, อทฺธา ปนายสฺมา อุเทโน ยาถาวโต ธมฺมิกํ ปริพฺพชํ เม อาจิกฺขตีติ. เตนาห ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ.
๔๒๑. สพฺพมิทํ ถาวรชงฺคมํ ปุริสกตํ, ตสฺมา ยํ กิฺจิ กตฺวา อตฺตา โปเสตพฺโพ รกฺขิตพฺโพติ โลกายตนิสฺสิโต นีติมคฺโค โฆฏมุขกนฺโต, ตสฺมา อาห ‘‘เอตสฺส กิร ชานนสิปฺเป’’ติอาทิ. สคฺเค ¶ นิพฺพตฺโต นาม นตฺถิ อกตฺตพฺพเมว กรณโต. เทวโลกปริยาปนฺนธนํ มนุสฺสานํ อุปกปฺปปฺุาภาวโต ปุพฺเพ อตฺตนา นิหิตธนํ ‘‘อสุเก จา’’ติ อาจิกฺขิตฺวา คโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
โฆฏมุขสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. จงฺกีสุตฺตวณฺณนา
๔๒๒. ตสฺมินฺติ ¶ สาลวเน. อุตฺตเรน โอปาสาทนฺติ โอปาสาทคามสฺส อุตฺตรทิสายํ. อุตฺตเรนาติ เอน-สทฺทโยเคน หิ โอปาสาทนฺติ อุปโยควจนํ. อชฺฌาวสตีติ เอตฺถ อธิ-อา-สทฺทานํ อนตฺถนฺตรตํ หทเย กตฺวา อาห ‘‘วสตี’’ติ. อิทานิ เตสํ อตฺถวิเสสภาวิตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิภวิตฺวา วา อาวสตี’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ โอปาสาทปเท. สตฺตุสฺสทนฺติอาทีสุ ปน กถนฺติ อาห – ‘‘ตสฺส อนุปฺปโยคตฺตาว เสสปเทสู’’ติ. อุป-อนุ-อธิ-อิติ-เอวํ-ปุพฺพเก วสนกิริยยาฏฺาเน อุปโยควจนเมว ปาปุณาตีติ สทฺทวิทู อิจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘ลกฺขณํ สทฺทสตฺถโต ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อุปสคฺควเสน ปเนตฺถ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ เวทิตพฺพ’’นฺติ. อุสฺสทตา นาเมตฺถ พหุลตาติ ตํ พหุลตํ ทสฺเสตุํ ‘‘พหุชน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อาวชฺชิตฺวาติ ปริกฺขิปิตฺวา.
รฺา วิย ภฺุชิตพฺพนฺติ วา ราชโภคฺคํ. รฺโ ทายภูตนฺติ กุลปรมฺปราย โภคฺคภาเวน รฺา ลทฺธทายภูตํ. เตนาห ‘‘ทายชฺชนฺติ อตฺโถ’’ติ. ราชนีหาเรน ปริภฺุชิตพฺพโต อุทฺธํ ปริโภคลาภสฺส เสฏฺเทยฺยตา นาม นตฺถีติ อาห – ‘‘ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ราชสงฺเขเปน ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ. ติตฺถปพฺพตาทีสูติ นทีติตฺถปพฺพตปาทคามทฺวารอฏวีมุขาทีสุ. นิสฺสฏฺปริจฺจตฺตนฺติ มุตฺตจาควเสน ปริจฺจตฺตํ กตฺวา. เอเตสํ พฺราหฺมณคหปติกานํ.
๔๒๓. ติ สนฺนิปติตา. โย โกจิ วิฺูนํ อิจฺฉิโต ปฺโห, ตสฺส ปุจฺฉิตสฺส ยาถาวโต กถนสมตฺโถ ปุจฺฉิตปฺหพฺยากรณสมตฺโถ.กุลาปเทสาทินา มหตี มตฺตา เอตสฺสาติ มหามตฺโต.
๔๒๔. เตติ ¶ ‘‘นานาเวรชฺชกา’’ติ วุตฺตพฺราหฺมณา. ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๐๓; อ. นิ. ฏี. ๓.๕.๑๓๔) เอตฺตเก วุตฺเต เยหิ เกหิจิ ทฺวีหิ ภาเคหิ สุชาตตา วิฺาเยยฺย, สุชาตสทฺโท จ ‘‘สุชาโต จารุทสฺสโน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๓; เถรคา. ๘๑๘) อาโรหปริณาหสมฺปตฺติปริยาโยติ ชาติวเสเนว สุชาตตํ วิภาเวตุํ ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ วุตฺตํ. อโนรสปุตฺตวเสนปิ โลเก มาตุปิตุสมฺา ทิสฺสติ, อิธ ปนสฺส โอรสปุตฺตวเสเนว อิจฺฉียตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สํสุทฺธคหณีโก’’ติ ¶ วุตฺตํ. ปิตา จ มาตา จ ปิตโร, ปิตูนํ ปิตโร ปิตามหา, เตสํ ยุโค ปิตามหยุโค, ตสฺมา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยุคสทฺโท เจตฺถ เอกเสสนเยน ทฏฺพฺโพ ‘‘ยุโค จ ยุโค จ ยุคา’’ติ. เอวฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวินฺนํ คหิตเมว โหติ. เตนาห – ‘‘ตโต อุทฺธํ สพฺเพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหคฺคหเณเนว คหิตา’’ติ. ปุริสคฺคหณฺเจตฺถ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ ‘‘มาติโต’’ติ ปาฬิวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. อกฺขิตฺโตติ อปฺปตฺตเขโป. อนวกฺขิตฺโตติ สทฺธถาลิปากาทีสุ น อวกฺขิตฺโต. ชาติวาเทนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกน การเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ อุภโต…เป… ปิตามหยุคาติ เอเตน พฺราหฺมณสฺส โยนิโทสาภาโว ทสฺสิโต สํสุทฺธคหณิกภาวกิตฺตนโต. อกฺขิตฺโตติ อิมินา กิริยาปราธาภาโว. กิริยาปราเธน หิ สตฺตา เขปํ ปาปุณนฺติ. อนุปกุฏฺโติ อิมินา อยุตฺตสํสคฺคาภาโว. อยุตฺตสํสคฺคมฺปิ หิ ปฏิจฺจ สตฺตา อกฺโกสํ ลภนฺติ.
อิสฺสโรติ อธิปเตยฺยสํวตฺตนิยกมฺมผเลน อีสนสีโล. สา ปนสฺส อิสฺสรตา วิภวสมฺปตฺติปจฺจยา ปากฏา ชาตาติ อฑฺฒตาปริยายภาเวน วทนฺโต ‘‘อฑฺโฒติ อิสฺสโร’’ติ อาห. มหนฺตํ ธนมสฺส ภูมิคตฺเจว เวหาสฏฺฺจาติ มหทฺธโน. ตสฺสาติ ตสฺส ตสฺส. วทนฺติ ‘‘อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ อนุปสงฺกมนการณํ กิตฺเตมา’’ติ.
อธิกรูโปติ วิสิฏฺรูโป อุตฺตมสรีโร. ทสฺสนํ อรหตีติ ทสฺสนีโย. เตนาห ‘‘ทสฺสนโยคฺโค’’ติ. ปสาทํ อาวหตีติ ปาสาทิโก. เตนาห ‘‘จิตฺตปสาทชนนโต’’ติ. วณฺณสฺสาติ วณฺณธาตุยา ¶ . สรีรนฺติ สนฺนิเวสวิสิฏฺโ กรจรณคีวาสีสาทิ อวยวสมุทาโย, โส จ สณฺานมุเขน คยฺหตีติ ‘‘ปรมาย วณฺณโปกฺขรตายาติ ปรมาย…เป… สมฺปตฺติยา จา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพวณฺเณสุ สุวณฺณวณฺโณว อุตฺตโมติ วุตฺตํ ‘‘เสฏฺเน สุวณฺณวณฺเณน สมนฺนาคโต’’ติ. ตถา หิ พุทฺธา จกฺกวตฺติโน จ สุวณฺณวณฺณาว โหนฺติ. พฺรหฺมวจฺฉสีติ อุตฺตมสรีราโภ สุวณฺณาโภติ อตฺโถ. อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธายาห ‘‘มหาพฺรหฺมุโน สรีรสทิเสน สรีเรน สมนฺนาคโต’’ติ. น พฺรหฺมุชุคตฺตตํ. อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนายาติ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา อวยวปาริปูริยา จ ทสฺสนาย โอกาโส น ขุทฺทโก. เตนาห ‘‘สพฺพาเนวา’’ติอาทิ.
ยมนิยมลกฺขณํ สีลมสฺส อตฺถีติ สีลวา, ตํ ปนสฺส รตฺตฺุตาย วุทฺธํ วฑฺฒิตํ สีลํ อสฺส อตฺถีติ วุทฺธสีลี, เตน จ สพฺพทา สมาโยคโต วุฑฺฒสีเลน สมนฺนาคโต. ปฺจสีลมตฺตเมว สนฺธาย วทนฺติ ตโต ปรํ สีลสฺส ตตฺถ อภาวโต เตสฺจ อชานนโต.
านกรณสมฺปตฺติยา ¶ สิกฺขาสมฺปตฺติยา จ กตฺถจิปิ อนูนตาย ปริมณฺฑลปทานิ พฺยฺชนานิ อกฺขรานิ เอติสฺสาติ ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา. อถ วา ปชฺชติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, นามาทิ, ยถาธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ วากฺยํ, เตสํ ปริปุณฺณตาย ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา. อตฺถาปนสาธนตาย วาจาว กรณนฺติ วากฺกรณํ, อุทาหรณโฆโส. คุณปริปุณฺณภาเวน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส, เตน วา ภาสิตพฺพอตฺถสฺส. ปูเร ปุณฺณภาเว. ปูเรติ จ ปุริมสฺมึ อตฺเถ อาธาเร ภุมฺมํ, ทุติยสฺมึ วิสเย. สุขุมาลตฺตเนนาติ อิมินา ตสฺสา วาจาย มุทุสณฺหภาวมาห. อปลิพุทฺธาย ปิตฺตเสมฺหาทีหิ. สนฺทิฏฺํ สพฺพํ ทสฺเสตฺวา วิย เอกเทสกถนํ. วิลมฺพิตํ สณิกํ จิรายิตฺวา กถนํ. ‘‘สนฺทิทฺธวิลมฺพิตาที’’ติ วา ปาโ. ตตฺถ สนฺทิทฺธํ สนฺเทหชนกํ. อาทิ-สทฺเทน ขลิตานุกฑฺฒิตาทึ สงฺคณฺหาติ. อาทิมชฺฌปริโยสานํ ปากฏํ กตฺวาติ อิมินา จสฺส วาจาย อตฺถปาริปูรึ วทนฺติ.
๔๒๕. สทิสาติ เอกเทเสน สทิสา. น หิ พุทฺธานํ คุเณหิ สพฺพถา สทิสา เกจิปิ คุณา อฺเสุ ลพฺภนฺติ. อิตเรติ อตฺตโน คุเณหิ อสทิสคุเณ. อิทนฺติ อิทํ อตฺถชาตํ. โคปทกนฺติ คาวิยา ปเท ิตอุทกํ. กุลปริยาเยนาติ กุลานุกฺกเมน.
ตตฺถาติ ¶ มฺจเก. สีหเสยฺยํ กปฺเปสีติ ยถา ราหุ อสุรินฺโท อายามโต วิตฺถารโต อุพฺเพธโต จ ภควโต รูปกายสฺส ปริจฺเฉทํ คเหตุํ น สกฺโกติ, ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรนฺโต สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ.
ปริสุทฺธฏฺเน อริยนฺติ อาห ‘‘อริยํ อุตฺตมํ ปริสุทฺธ’’นฺติ. อนวชฺชฏฺเน กุสลํ, น สุขวิปากฏฺเน. กตฺถจิ จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ กตฺถจิ อปริมาณาปิ เทวมนุสฺสา ยสฺมา จตุวีสติยา าเนสุ อสงฺขฺเยยฺยา อปริเมยฺยา มคฺคผลามตํ ปิวนฺติ. โกฏิสตสหสฺสาทิปริมาเณนปิ พหู เอว. ตสฺมา อนุตฺตราจารสิกฺขาปนวเสเนว ภควา พหูนํ อาจริโย. เตติ กามราคโต อฺเ ภควตา ปหีนกิเลเส.
อปาปปุเรกฺขาโรติ อปาเปหิ ปุรกฺขรียติ, น วา ปาปํ ปุรโต กโรตีติปิ อปาปปุเรกฺขาโรติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปาเป นว โลกุตฺตรธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อปาเปติ ปาปปปฏิปกฺเข ปาปรหิเต จ. พฺรหฺมนิ ภวา, พฺรหฺมุโน วา หิตา ครุกรณาทินา, พฺรหฺมานํ วา มคฺคํ ชานาตีติ พฺรหฺมฺา, ตสฺสา พฺรหฺมฺาย ปชาย.
ติโรรฏฺา ¶ ติโรชนปทาติ เอตฺถ รชฺชํ รฏฺํ ราชนฺติ ราชาโน เอเตนาติ กตฺวา. ตเทกเทสภูตา ปเทสา ปน ชนปโท ชนา ปชฺชนฺติ เอตฺถ สุขชีวิกํ ปาปุณนฺตีติ กตฺวา. ปุจฺฉาย โทสํ สลฺลกฺเขตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ภควา วิสฺสชฺเชติ เตสํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ จินฺเตตฺวาติ อธิปฺปาโย. นวกาติ อาคนฺตุกภาเวน อมฺหากํ อภินวา.
๔๒๖. โอปาเตติ นิปฺปาเตตีติ อตฺโถ. ตถาภูโต จ ตตฺถ เปสิตา โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปเวเสตี’’ติ. สํปุรกฺขโรนฺตีติ สกฺกจฺจํ ปุพฺพงฺคมํ กโรนฺติ. เตนาห ‘‘ปุรโต กตฺวา วิจรนฺตี’’ติ.
๔๒๗. สุทฺเท พหิ กตฺวา รโห สาสิตพฺพฏฺเน มนฺตา เอว ตํตํอตฺถปฏิปตฺติเหตุตาย ปทนฺติ มนฺตปทํ เวทํ. เตนาห ‘‘เวโท’’ติ. เอวํ กิราติ ปรมฺปรภาเวน อาภตนฺติ อาจริยปรมฺปราย อาภตํ. ปาวจนสงฺขาตสมฺปตฺติยาติ ¶ ปมุขวจนมฺหิ อุทตฺตาทิสมฺปตฺติยา. สาวิตฺติอาทีหิ ฉนฺทพนฺเธหิ วคฺคพนฺเธหิ จาติ คายตฺตีอาทีหิ อชฺฌายานุวากาทีหิ ฉนฺทพนฺเธหิ จ วคฺคพนฺเธหิ จ. สมฺปาเทตฺวาติ ปทสมฺปตฺตึ อหาเปตฺวา. ปวตฺตาโรติ วา ปาวจนวเสน วตฺตาโร. สชฺฌายิตนฺติ คายนวเสน สชฺฌายิตํ, ตํ ปน ปเทเนว อิจฺฉิตนฺติ อาห ‘‘ปทสมฺปตฺติวเสนา’’ติ. อฺเสํ วุตฺตนฺติ ปาวจนวเสน อฺเสํ วุตฺตํ. ราสิกตนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทาทิวเสน, ตตฺถาปิ ปจฺเจกํ มนฺตพฺรหฺมาทิวเสน อชฺฌายานุวากาทิวเสน ราสิกตํ. ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกตฺวาติ ทิพฺพจกฺขุปริภณฺเฑน ยถากมฺมูปคาเณน สตฺตานํ กมฺมสฺสกตํ, ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน ทิพฺพจกฺขุสทิเสน ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตกปฺเป พฺราหฺมณานํ มนฺตชฺเฌนวิธิฺจ โอโลเกตฺวา. ปาวจเนน สห สํสนฺเทตฺวาติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ยํ วจนํ วฏฺฏสนฺนิสฺสิตํ, เตน สห อวิรุทฺธํ กตฺวา. น หิ เตสํ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิโต อตฺโถ ปจฺจกฺโข โหติ. อปราปเรติ อฏฺกาทีหิ อปราปเร, ปจฺฉิมา โอกฺกากราชกาลาทีสุ อุปฺปนฺนา. ปกฺขิปิตฺวาติ อฏฺกาทีหิ คนฺถิตมนฺตปเทสุ กิเลสสนฺนิสฺสิตปทานํ ตตฺถ ตตฺถ ปเท ปกฺขิปนํ กตฺวา. วิรุทฺเธ อกํสูติ พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตาทีสุ (ขุ. นิ. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตํ) อาคตนเยเนว สํกิเลสิกตฺถทีปนโต ปจฺจนีกภูเต อกํสุ.
๔๒๘. ปฏิปาฏิยา ฆฏิตาติ ปฏิปาฏิยา สมฺพทฺธา. ปรมฺปรสํสตฺตาติ อาทานิยาย ยฏฺิยา สํสตฺตา. เตนาห ‘‘ยฏฺิคฺคาหเกน จกฺขุมตา’’ติ. ปุริมสฺสาติ มณฺฑลากาเรน ิตาย อนฺธเวณิยา สพฺพปุริมสฺส หตฺเถน สพฺพปจฺฉิมสฺส กจฺฉํ คณฺหาเปตฺวา. ทิวสมฺปีติ อเนกทิวสมฺปิ ¶ . จกฺขุสฺส อนาคตภวํ ตฺวา ยถาอกฺกนฺตฏฺาเนเยว อนุปติตฺวา อกฺกมนํว สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘กหํ จกฺขุมา กหํ มคฺโค’’ติ ปริเวทิตฺวา.
ปาฬิอาคเตสุ ทฺวีสูติ สทฺธา อนุสฺสโวติ อิเมสุ ทฺวีสุ. เอวรูเปติ ยถา สทฺธานุสฺสวา, เอวรูเป เอว ปจฺจกฺขคาหิโนติ อตฺโถ. ตโยติ รุจิอาการปริวิตกฺกทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติโย. ภูตวิปากาติ ภูตตฺถนิฏฺายกา อธิปฺเปตตฺถสาธกา, วุตฺตวิปริยาเยน อภูตตฺถวิปากา เวทิตพฺพา ¶ . เอตฺถาติ เอเตสุ สทฺธายิตาทิวตฺถูสุ. เอกํเสเนว นิฏฺํ คนฺตุํ นาลํ อเนกนฺติกตฺตา สทฺธาทิคฺคาหสฺส. อุปริ ปุจฺฉาย มคฺคํ วิวริตฺวา เปสิ สจฺจานุรกฺขาย าตุกามตาย อุปฺปาทิตตฺตา. ปสฺสติ หิ ภควา – มยา ‘‘สจฺจมนุรกฺขตา…เป… นิฏฺํ คนฺตุ’’นฺติ วุตฺเต สจฺจานุรกฺขณํ าตุกาโม มาณโว ‘‘กิตฺตาวตา’’ติอาทินา ปุจฺฉิสฺสติ, ตสฺส ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา สจฺจานุโพเธ ปุจฺฉาย อวสรํ ทตฺวา ตสฺส อุปนิสฺสเย อุปการธมฺเม กเถสฺสามีติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปริ ปุจฺฉาย มคฺคํ วิวริตฺวา เปสี’’ติ.
๔๓๐. อตฺตานฺเว สนฺธาย วทติ, ยโต วุตฺตํ ปาฬิยํ – ‘‘ยํ โข ปนายมายสฺมา ธมฺมํ เทเสติ, คมฺภีโร โส ธมฺโม ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ’’ติอาทิ. ลุพฺภนฺตีติ โลภนียา ยถา ‘‘อปายคมนียา’’ติ อาห ‘‘โลภนีเยสุ ธมฺเมสูติ โลภธมฺเมสู’’ติ. ยถา วา รูปาทิธมฺมา โลภนียา, เอวํ โลโภติ อาห ‘‘โลภนีเยสุ ธมฺเมสูติ โลภธมฺเมสู’’ติ. เตเนวาห – ‘‘ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓). เอเส นโย เสสปททฺวเยปิ.
๔๓๒. นิเวเสตีติ เปติ ปฏฺเปติ. ปยิรุปาสตีติ อุปฏฺานวเสน อุปคนฺตฺวา นิสีทติ. สุยฺยติ เอเตนาติ โสตนฺติ อาห ‘‘ปสาทโสต’’นฺติ. ตฺหิ สวนาย โอทหิตพฺพนฺติ. ธาเรติ สนฺธาเรติ ตตฺเถว มนํ เปติ. อตฺถโตติ ยถาวุตฺตสฺส ธมฺมสฺส อตฺถโต. การณโตติ ยุตฺติโต เหตุทาหรเณหิ อุปปตฺติโต. โอโลกนนฺติ เอวเมตนฺติ ยถาสภาวโต ปฺาจกฺขุนา ทฏฺพฺพตํ ขมนฺติ, ตฺจ มหนฺตสฺส มณิโน ปชฺชลนฺตสฺส วิย อาวิกตฺวา อตฺถสฺส จิตฺเต อุปฏฺานนฺติ อาห ‘‘อิธา’’ติอาทิ. กตฺตุกมฺยตาฉนฺโทติ กตฺตุกามตาสงฺขาโต กุสลจฺฉนฺโท. วายมตีติอาทิโต จตุนฺนมฺปิ วีริยานํ วเสน วายามํ ปรกฺกมํ กโรติ. มคฺคปธานํ ปทหตีติ มคฺคาวหํ มคฺคปริยาปนฺนฺจ สมฺมปฺปธานํ ปทหติ, ปทหนวเสน ตํ ปริปูเรติ. ปรมสจฺจนฺติ อโมฆธมฺมตฺตา ปรมตฺถสจฺจํ. สหชาตนามกาเยนาติ มคฺคปฺาสหชาตนามกาเยน ¶ . ตเทวาติ ตเทว ปรมสจฺจํ นิพฺพานํ. เตเนวาห – ‘‘สจฺฉิกิริยาภิสมเยน วิภูตํ ปากฏํ กโรนฺโต ปสฺสตี’’ติ.
๔๓๓-๔. มคฺคานุโพโธติ ¶ มคฺคปฏิปาฏิยา โพโธ พุชฺฌนํ, เยสํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนวเสน มคฺคปฺปฏิเวโธ, เตสํ ปฏิปสฺสมฺภนวเสน ปวตฺตมานํ สามฺผลํ, มคฺเคน ปฏิวิทฺธานิ สจฺจานิ, ปรมตฺถสจฺจเมว วา อนุรูปพุชฺฌนนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘สจฺจานุปฺปตฺตีติ ผลสจฺฉิกิริยา’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ สติ เหฏฺา วุตฺตา สทฺธาปฏิลาภาทโย ทฺวาทส ธมฺมา สจฺจานุปฺปตฺติยา อุปการา โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เตสํเยวาติ เหฏฺา วุตฺตานํ ทฺวาทสนฺน’’นฺติ. นายํ ‘‘เตสํเยวา’’ติ ปทสฺส อตฺโถ. สติปิ กุสลวิปากาทิภาเวน นานตฺเต วตฺถารมฺมณภูมิกิจฺจาทิวเสน ปน สทิสาติ อุปายโตว มคฺคธมฺมา อาเสวิตา พหุลีกตา ผลภูตาติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ตํสทิเส ตพฺโพหารํ กตฺวา ‘‘เตสํ มคฺคสมฺปยุตฺตธมฺมาน’’นฺติ วุตฺตํ. เอวฺหิ อาเสวนาคหณํ สมตฺถิตํ, น อฺถา. น หิ เอกจิตฺตกฺขณิกานํ มคฺคธมฺมานํ อาเสวนา, พหุลีกมฺมํ วา อตฺถีติ. ตุลนาติ วิปสฺสนา. สา หิ วุฏฺานคามินิภูตา มคฺคปฺปธานสฺส พหุการา ตสฺส อภาเว มคฺคปฺปธานสฺเสว อภาวโต, เอวํ อุสฺสาโห ตุลนาย ฉนฺโท อุสฺสาหสฺส พหุกาโรติอาทินา เหฏฺิมสฺส อุปริมูปการตํ สุวิฺเยฺยเมวาติ อาห – ‘‘อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
จงฺกีสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. เอสุการีสุตฺตวณฺณนา
๔๓๗. โกฏฺาสนฺติ ¶ มํสภาคํ. ลคฺคาเปยฺยุนฺติ นฺหารุนา วา วาเกน วา พนฺธิตฺวา ปุริสสฺส หตฺเถ วา วสนเคเห วา โอลมฺพนวเสน พนฺเธยฺยุํ. สตฺถธมฺมนฺติ สตฺถิเกสุ สตฺถวาเหน ปเณตพฺพํ อาณาธมฺมํ. ตสฺส นิกฺขมนตฺถนฺติ ตํ มูลํ สตฺถิเกหิ นิตฺถรณตฺถํ. ปาปํ อสฺสาติ ปริจรนฺตสฺส ปาริจริยาย อหิตํว อสฺส. เตนาห ‘‘น เสยฺโย’’ติ. อุจฺจกุลีนาทโย ทุติยวาราทีหิ วุจฺจนฺติ, อิธ อุปธิวิปตฺติสมฺปตฺติโย ปาปิยาทิปเทหิ วุตฺตาติ อธิปฺปาโย. เตนาห – ‘‘ปาปิโยติ ปาปโก ลามโก อตฺตภาโว อสฺสา’’ติ. เสยฺยํโสติ หิตโกฏฺาโส, หิตสภาโวติ อตฺโถ. อุจฺจกุลีนตาติ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘อุจฺจากุลีนตฺเตนา’’ติ. ‘‘วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๕; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. ๕๓; อป. อฏฺ. ๒.๗.๒๐; พุ. วํ. อฏฺ. ๔.๔; จริยา. อฏฺ. ๑.นิทานกถา; ๒.ปกิณฺณกกถา; ที. นิ. ฏี. ๑.คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; สํ. นิ. ฏี. ๑.๒.๑; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑; วชิร. ฏี. คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; สารตฺถ. ฏี. ๑.คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; เนตฺติ. ฏี. คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา; ม. นิ. ฏี. ๑.๑) วิย วณฺณสทฺโท อิธ ปสํสาปริยาโยติ อาห ‘‘เวสฺโสปิ หิ อุฬารวณฺโณ โหตี’’ติ.
๔๔๐. ‘‘นิรโว ปทสทฺโท โสฬารโคตฺตสฺส อกิณฺณมตฺติกาปตฺโต ติฏฺเยฺย อสงฺคจารี’’ติ วุตฺตตฺตา ภิกฺขา จริตพฺพาว, อยํ เตสํ กุลธมฺโมติ อธิปฺปาโย. หริตฺวาติ อปเนตฺวา. สตฺตชีโว สตฺตวาณิชโก. โคเปติ รกฺขตีติ โคโป, อารกฺขาธิกาเร นิยุตฺโต. อสนฺติ ลูนนฺติ เตนาติ อสิตํ, ลวิตฺตํ. วิวิธํ ภารํ อาภฺชนฺติ โอลมฺพนฺติ เอตฺถาติ พฺยาภงฺคี, กาชํ.
๔๔๑. อนุสฺสรโตติ อนุสฺสรณเหตุ กุลวํสานุสฺสรณกฺขเณ ขตฺติโยติอาทินา สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เตนาห ‘‘โปราเณ…เป… อนุสฺสริยมาเน’’ติ. อุจฺจนีจตฺตชานนตฺถฺจ กุลววตฺถานํ กตํ โหตีติ ขตฺติยาทิกุลกมฺมุนา เตสํ จตุนฺนํ วณฺณานํ สนฺธนํ ชีวิกํ ปฺเปนฺติ พฺราหฺมณา, ตถาคโต ปน โลกุตฺตรธมฺมเมว ปุริสสฺส สนฺธนํ ปฺเปติ เตน สตฺตสฺส โลกคฺคภาวสิทฺธิโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอสุการีสุตฺตวณฺณนา ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. ธนฺชานิสุตฺตวณฺณนา
๔๔๕. ราชคหํ ¶ ปริกฺขิปิตฺวา ิตปพฺพตสฺสาติ ปณฺฑวปพฺพตํ สนฺธายาห. ราชคหนครสฺส ทกฺขิณทิสาภาเค ปพฺพตสฺส สมีเป ิโต ชนปโท ทกฺขิณาคิริ. ตณฺฑุลปุฏกานํ ปาลิ เอตฺถาติ ตณฺฑุลปาลิ. ตสฺส ¶ กิร ทฺวารสมีเป ตณฺฑุลวาณิชา ตณฺฑุลปสิพฺพเก วิวริตฺวา ปฏิปาฏิยา เปตฺวา นิสีทนฺติ, เตนสฺส ‘‘ตณฺฑุลปาลิทฺวาร’’นฺติ สมฺา อโหสิ. สพฺพเมว สสฺสํ คณฺหาตีติ ทลิทฺทกสฺสกานํ ทิวสปริพฺพยมตฺตเมว วิสฺสชฺเชตฺวา สพฺพเมว อายโต นิปฺผนฺนํ ธฺํ คณฺหาติ. มนฺทสสฺสานีติ มนฺทนิปฺผตฺติกานิ สสฺสานิ.
๔๔๖. อิมินา นเยนาติ ทาสกมฺมกรสฺส นิวาสนภตฺตเวตฺตนานุปฺปทาเนน มงฺคลทิวเสสุ ธนวตฺถาลงฺการานุปฺปทานาทินา จ โปเสตพฺโพ. มิตฺตามจฺจานํ ปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาทิ มิตฺตามจฺจกรณียํ กตฺตพฺพํ, ตถา าติสาโลหิตานํ. ตตฺถ อาวาหวิวาหสมฺพทฺเธน ‘‘อมฺหากํ อิเม’’ติ ายนฺตีติ าตี, มาตาปิตาทิสมฺพทฺธตาย สมานโลหิตาติ สาโลหิตา. สมฺมา ททนฺเตสุปิ อสชฺชนโต นตฺถิ เอเตสํ ติถีติ อติถิ, เตสํ อตฺตนา สมานปริโภควเสน อติถิกรณียํ กาตพฺพํ, อติถิพลีติ อตฺโถ. าตกภูตปุพฺพา เปตฺติวิสยํ อุปคตา ปุพฺพเปตา, ทกฺขิเณยฺเยสุ กาเลน กาลํ ทานํ ทตฺวา เตสํ อุทฺทิสนํ ปุพฺพเปตกรณียํ, เปตพลีติ อตฺโถ. คนฺธปุปฺผวิเลปนชาลาภตฺเตหิ กาเลน กาลํ เทวตานํ ปูชา เทวตากรณียํ, เทวตาพลีติ อตฺโถ, ราชกิจฺจกรณํ อุปฏฺานํ ราชกรณียํ. อยมฺปิ กาโยติ อตฺตโน กายํ สนฺธาย วทติ. อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ.
๔๔๗. ปฺจ ทุสฺสีลฺยกมฺมานีติ นิจฺจสีลปฏิปกฺขธมฺมา. ทส อกุสลกมฺมปถธมฺมา ทส ทุสฺสีลฺยกมฺมานิ. อธมฺมจารี เอว วิสมจารี กายวิสมาทิจรณโตติ วิสมจารีปทสฺส อตฺโถ วิสุํ น วุตฺโต.
๔๔๘-๔๕๓. โอสรนฺติ ¶ อปสกฺกนฺติ, ขียนฺตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปริหายนฺตี’’ติ. อภิสรนฺตีติ อภิวฑฺฒนวเสน ปวตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘วฑฺฒนฺตี’’ติ. ตตฺราติ พฺรหฺมโลเก. อสฺสาติ พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺนสฺส ธนฺชานิสฺส. ตโต ปฏฺายาติ ยทา ภควตา ‘‘เอโส, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตโต ปฏฺาย. จตุสจฺจวินิมุตฺตนฺติ นิทฺธาเรตฺวา วิภชิตฺวา วุจฺจมาเนหิ สจฺเจหิ วิมุตฺตํ. อตฺถโต ปน ตโต ปุพฺเพปิ สจฺจวิมุตฺตํ กถํ น กเถสิเยว สจฺจวิมุตฺตสฺส นิยฺยานสฺส อภาวโต.
ธนฺชานิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. วาเสฏฺสุตฺตวณฺณนา
๔๕๔. ชาตึ ¶ ¶ โสเธตุกามา โหนฺตีติ สหวาสีนํ พฺราหฺมณานํ กิริยา ปราเธน วา อสารุปฺปตฺเตน วา ชาติยา อุปกฺกิเลสํ อาสงฺกาย ตํ โสเธตุกามา โหนฺติ. มนฺเต โสเธตุกามา โหนฺตีติ มนฺตวจเน อาจริยมติโจทนาย อฺเน วากฺเยน เกนจิ การเณน สํสเย อุปฺปนฺเน ตํ โสเธตุกามา โหนฺติ. อนฺตราติ เวมชฺเฌ, อฺตฺเถวา อนฺตราสทฺโทติ ตสฺส อฺา กถาติ วจนํ อวคนฺตพฺพํ. ขนฺตีเมตฺตานุทฺทยาทิคุณสมฺปนฺโน เอว ‘‘สีลวาติ คุณวา’’ติอาห. เตหิ สีลสฺส วิสฺสชฺชนกาเลปิ ‘‘สีลวา’’ติ วุจฺจติ. สมฺปนฺนสีลตฺตา วา เตหิ สมนฺนาคโต เอว โหตีติ อาห ‘‘สีลวาติ คุณวา’’ติ. อาจารสมฺปนฺโนติ สาธุ อาจารวตฺโต.
๔๕๕. สิกฺขิตาติ เตวิชฺชานํ สิกฺขิตา ตุมฺเห, น ทานิ ตุมฺเหหิ กิฺจิ กตฺตพฺพํ อตฺถีติ อตฺโถ. ปฏิฺาตาติ ปฏิชานิตฺวา ิตา.
เวทตฺตยสงฺขาตา ติสฺโส วิชฺชา อชฺฌยนฺตีติ เตวิชฺชา. เตนาห ‘‘ติเวทาน’’นฺติ. ตโย เวเท อณนฺติ อชฺฌยนฺตีติ พฺราหฺมณา, เตสํ. ยํ เอกํ ปทมฺปิ อกฺขาตํ, ตํ อตฺถโต พฺยฺชนโต จ เกวลิโน อธิยิโน อปฺปปโยเคน. นิฏฺาคตมฺหาติ นิปฺผตฺตึ คตา อมฺหา เตวิชฺชาย สกสมยสฺส กถเน.
มโนกมฺมโต หิ วตฺตสมฺปทาติการณูปจาเรนายมตฺโถ วุตฺโตติ อาห – ‘‘เตน สมนฺนาคโต หิ อาจารสมฺปนฺโน โหตี’’ติ.
ขยาตีตนฺติ วฑฺฒิปกฺเข ิตนฺติ อตฺโถ. สุกฺกปกฺขปาฏิปทโต ปฏฺาย หิ จนฺโท วฑฺฒตีติ วุจฺจติ, น ขียตีติ. วนฺทมานา ชนา นมกฺการํ กโรนฺติ.
อตฺถทสฺสเนนาติ วิวรเณน ทสฺสนปริณายกฏฺเน โลกสฺส จกฺขุ หุตฺวา สมุปฺปนฺนํ.
๔๕๖. ติฏฺตุ ตาว พฺราหฺมณจินฺตาติ – ‘‘กึ ชาติยา พฺราหฺมโณ โหติ อุทาหุ ภวติ กมฺมุนา’’ติ อยํ พฺราหฺมณวิจาโร ตาว ติฏฺตุ ¶ . ชาติทสฺสนตฺถํ ติณรุกฺขกีฏปฏงฺคโต ปฏฺาย โลเก ¶ ชาติวิภงฺคํ วิตฺถารโต กเถสฺสามีติ เตสํ จิตฺตสมฺปหํสนตฺถํ เทเสตพฺพมตฺถํ ปฏิชานาติ. ตตฺถ อฺมฺา หิ ชาติโยติ อิทํ การณวจนํ, ยสฺมา อิมา ชาติโย นาม อฺมฺํ วิสิฏฺา, ตสฺมา ชาติวิภงฺคํ พฺยากริสฺสามีติ.
ยสฺมา อิธ อุปาทินฺนกชาติ พฺยากาตพฺพภาเวน อาคตา, ตสฺสา ปน นิทสฺสนภาเวน อิตรา, ตสฺมา ‘‘ชาติวิภงฺคํ ปาณาน’’นฺติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. เตสํ เตสํ ปาณานํ ชาติโยติ อตฺโถ. เอวนฺติ นิทสฺสนํ กเถตฺวา นิทสฺสิตพฺเพ กถิยมาเน. ตสฺสาติ วาเสฏฺสฺส. กามํ ‘‘เตสํ โวหํ พฺยกฺขิสฺส’’นฺติ อุโภปิ มาณเว นิสฺสาย เทสนา อาคตา, ตถาปิ ตตฺถ ตตฺถ ‘‘เอวํ, วาเสฏฺ, ชานาหี’’ติอาทินา วาเสฏฺเมว อาลปนฺโต ภควา ตเมว อิมินา นิยาเมน ปมุขํ อกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺสาติ วาเสฏฺสฺสา’’ติ. ชาติเภโท ชาติวิเสโส, ชาติยา เภโท ปากโฏ ภวิสฺสติ นิทสฺสเนน วิภูตภาวํ อาปาทิเตน ปฏิฺาตสฺส อตฺถสฺส วิภูตภาวาปตฺติโต. อาม น วฏฺฏตีติ กมฺมนานตาย เอว อุปาทินฺนนานตาย ปฏิกฺเขปปทเมตํ, น พีชนานตาย อนุปาทินฺนนานตาย ปฏิกฺเขปปทนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ตํตํโยนิขิปนมตฺตํ กมฺมสฺส สามตฺถิยํ, ตํตํโยนินิยตา ปน เย วณฺณวิเสสา, เต ตํตํโยนิสิทฺธิยาว สิทฺธา โหนฺตีติ ตํ ปน โยนิขิปนกมฺมํ ตํตํโยนิวิสิฏฺ-วิเสสาภิภูตาย ปโยคนิปฺผตฺติยา, อสํมุจฺฉิตาย เอว วา ปจฺจยภูตาย ภวปตฺถนาย อภิสงฺขตเมวาติ วิฺาตพฺพปจฺจยวิเสเสน วินา ผลวิเสสาภาวโต เอตํ สมีหิตกมฺมํ ปตฺถนาทีหิ จ ภินฺนสตฺติตํ วิสิฏฺสามตฺถิยํ วา อาปชฺชิตฺวา จกฺขุนฺทฺริยาทิวิสิฏฺผลนิพฺพตฺตกํ ชายติ, เอวํ โยนิขิปนตํโยนินิยตวิเสสาวหตา โหตีติ. เถเรน หิ พีชนานตา วิย กมฺมนานตาปิ อุปาทินฺนกนานตาย สิยา นุ โข ปจฺจโยติ โจทนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปจฺจยวิเสสวิสิฏฺา กมฺมนานตา ปน ปจฺจโยติ นิจฺฉิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
นานาวณฺณาติ นานปฺปการวณฺณา. ตาลนาฬิเกราทีนํ โลเก อภิฺาตติณชาติภาวโต วิเสเสน คยฺหติ อภิฺาตโสตนเยน. ชาติยา พฺราหฺมโณวาติ อฏฺานปยุตฺโต เอว-สทฺโท, ชาติยาว ¶ พฺราหฺมโณ ภเวยฺยาติ โยชนา. น จ คยฺหตีติ ติณรุกฺขาทีสุ วิย พฺราหฺมเณสุ ชาตินิยตสฺส ลิงฺคสฺส อนุปลพฺภนโต, ปิวนภฺุชนกถนหสนาทิกิริยาย พฺราหฺมณภาเวน เอกนฺติกลิงฺคนิยตาย มนฺตชฺเฌนาทึ วินา อนุปลพฺภนโต จ. วจีเภเทเนวาติ อาหจฺจวจเนเนว.
กีเฏ ปฏงฺเคติอาทีสุ ชาตินานตา ลพฺภติ อฺมฺลิงฺควิสิฏฺตาทสฺสนา. กุนฺถา กีฏกา ¶ , ขชฺชขาทกา กิปิลฺลิกา. อุปฺปติตฺวาติ อุฑฺเฑตฺวา อุฑฺเฑตฺวา. ปฏภาวํ คจฺฉนฺตีติ วา ปฏงฺคา, น ขุทฺทกปาณกา กีฏา นาม. เตสมฺปิ กีฏกานํ.
กาฬกาทโยติ กลนฺทกาทโย.
อุทรํเยว เนสํ ปาทา อุทเรเนว สมฺปชฺชนโต.
สฺาปุพฺพโก วิธิ อนิจฺโจติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุทเก’’ติ อาห ยถา ‘‘วีรสฺส ภาโว วีริย’’นฺติ.
ปตฺตสมุทาเย ปกฺขสทฺโทติ ‘‘ปตฺเตหิ ยนฺตี’’ติ วุตฺตํ. น หิ อวยวพฺยติเรเกน สมุทาโย อตฺถิ.
สงฺเขเปน วุตฺโต ‘‘ชาติวเสน นานา’’ติอาทินา. เอตฺถ ปทตฺเถ ทุพฺพิฺเยฺยํ นตฺถีติ สมฺพนฺธมตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺรายํ โยชนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘น หิ พฺราหฺมณานํ เอทิสํ สีสํ โหติ, ขตฺติยานํ เอทิสนฺติ นิยโม อตฺถิ ยถา หตฺถิอสฺสมิคาทีน’’นฺติ อิทเมว วากฺยํ สพฺพตฺถ เนตพฺพํ. ตํ สํงฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา นเยน สพฺพํ โยเชตพฺพ’’นฺติ อาห.
ตสฺสาติ ยถาวุตฺตนิคมนวจนสฺส อยํ โยชนา อิทานิ วุจฺจมานา โยชนา เวทิตพฺพา.
๔๕๗. โวการนฺติ โวกรณํ, เยน วิสิฏฺตาย น โวกรียติ ชาติเภโทติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘นานตฺต’’นฺติ.
โครกฺขาทิอุปชีวเนน อาชีววิปนฺโน, หึสาทินา สีลวิปนฺโน, นิกฺขิตฺตวตฺตตาทินา อาจารวิปนฺโนติ. สามฺโชตนา วิเสเส นิวิฏฺา โหตีติ อาห ‘‘โครกฺขนฺติ เขตฺตรกฺข’’นฺติ. ‘‘โคติ หิ ปถวิยา นาม’’นฺติ. เตหิ เตหิ อุปาเยหิ สิกฺขิตพฺพฏฺเน สิปฺปํ, ตตฺถ โกสลฺลํ. ปเรสํ ¶ อีสนฏฺเน หึสนฏฺเน อิสฺโส, โส อสฺส อตฺถีติ อิสฺโส โยธาชีวิโก, อิสฺสสฺส กมฺมํ ปหรณํ, อุสุํ สตฺติฺจ นิสฺสาย ปวตฺตา ชีวิกา อิสฺสตฺตํ. เตนาห ‘‘อาวุธชีวิก’’นฺติ. ยํ นิสฺสาย อสฺส ชีวิกา, ตเทว ทสฺเสตุํ ‘‘อุสฺุจ สตฺติฺจา’’ติ วุตฺตํ.
พฺรหฺมํ ¶ วุจฺจติ เวโท, ตํ อณติ ชานาตีติ พฺราหฺมโณ, ชานนฺจ โปราเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิหิตนิยาเมน พฺราหฺมเณหิ กโตปสเมน อนุฏฺานตเปน ยถา ‘‘อาชีวสีลาจารวิปนฺโน นตฺถี’’ติ พฺราหฺมณธมฺมิเกหิ โลกิยปณฺฑิเตหิ จ สมฺปฏิจฺฉิโต, ตถา ปฏิปชฺชนเมวาติ อาห ‘‘เอวํ พฺราหฺมณสมเยน…เป… สาเธตฺวา’’ติ. เอวํ สนฺเตติ เอวํ อาชีวสีลาจารวิปนฺนสฺส อพฺราหฺมณภาเว สติ น ชาติยา พฺราหฺมโณ โหติ, คุเณหิ ปน อาชีวสีลาจารสมฺปตฺติสงฺขาเตหิ พฺราหฺมโณ โหติ, ตสฺมา คุณานํเยว พฺราหฺมณภาวกรณโต จตุวณฺณวิภาเค ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ชาโต โย สีลาทิคุณสมฺปนฺนตาย คุณวา, โส วุตฺตลกฺขเณน นิปฺปริยายโต พาหิตปาปตาย พฺราหฺมโณติ อยเมตฺถ พฺราหฺมณภาเว าโยติ, เอวํ ายํ อตฺถโต อาปนฺนํ กตฺวา. นนฺติ ตเมว ยถาวุตฺตํ ายํ. โย พฺราหฺมณสฺส สํวณฺณิตายาติ มาตุยา อุภโตสุชาตตาทิกุลวณฺเณน สํวณฺณิตาย ปสตฺถาย ยถารูปาย พฺราหฺมณสฺส มาตา ภวิตุํ ยุตฺตา, ตถารูปาย มาตริสมฺภูโต. เอเตน จตุนฺนํ โยนีนํ ยตฺถ กตฺถจิ วิเสสนิฏฺา กตา. เตนาห ‘‘ตตฺราปิ วิเสเสนา’’ติ. เอวํ สามฺโต วิเสสนิฏฺาวเสน ‘‘โยนิชํ มตฺติสมฺภว’’นฺติ ปทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ สามฺโชตนํ อนาทิยิตฺวา วิเสสโชตนาวเสเนว อตฺถํ วตฺตุํ ‘‘ยาจาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปริสุทฺธอุปฺปตฺติมคฺคสงฺขาตา โยนิ วุตฺตาติ อนุปกฺกุฏฺภาเวน ปริสุทฺธอุปฺปตฺติมคฺคสงฺขาตา ยา จายํ โยนิ วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ตโตปิ ชาตสมฺภูตตฺตาติ ตโต โยนิโต ชาตตฺตา มาตาเปตฺติสมฺปตฺติโต สมฺภูตตฺตา.
วิสิฏฺตฺตาติ สมุทายภูตา มนุสฺสา ราคาทินา วิสิฏฺตฺตา. ราคาทินา สห กิฺจเนนาติ สกิฺจโน. ตเถว ราคาทิสงฺขาเตน ปลิโพธนฏฺเน สห ปลิโพเธนาติ สปลิโพโธ. สพฺพคหณปฏินิสฺสคฺเคนาติ อุปาทานสงฺขาตสฺส สพฺพสฺส คหณสฺส ปฏินิสฺสชฺชเนน. ยสฺมา พาหิตปาโป อตฺตโน สนฺตานโต พหิกตปาโป, ตสฺมา ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณนฺติ ¶ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. เอวรูโป เอติสฺสา กถาย อุปเทโส นานปฺปการโต วิภตฺโต, ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
๔๕๘. คหิตทณฺเฑสูติ ปเรสํ ทณฺเฑน วิเหนํ อนิธาย อาทินฺนทณฺเฑสุ.
๔๕๙. กิฺจิ คหณนฺติ ตณฺหาคาหาทีสุ กิฺจิ คาหํ.
เยน กามภเวน มานุสเกหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ ยฺุชติ, ตํ มานุสกํ โยคํ. ‘‘มานุสกํ ¶ โยค’’นฺติ เอตฺถ จ เอกเทสํ คเหตฺวา วุตฺตํ, เอส นโย ‘‘ทิพฺพโยค’’นฺติ เอตฺถาปิ. สพฺพโยควิสํยุตฺตนฺติ ปททฺวเยน วุตฺเตหิ สพฺพกิเลสโยเคหิ วิปฺปยุตฺตํ.
รตินฺติ อภิรตึ อาสตฺตึ. กุสลภาวนายาติ กายภาวนาทิ กุสลธมฺมภาวนาย อุกฺกณฺิตํ. วีริยวนฺตนฺติ วีริยสพฺภาเวน วีรํ นิทฺทิสติ, วีรภาโว หิ วีริยนฺติ.
สุนฺทรํ านนฺติ นิพฺพานํ. สุนฺทราย ปฏิปตฺติยา อริยปฏิปตฺติยา.
นิพฺพตฺตินฺติ ปริโยสานํ. อตีเตติ อตีตโกฏฺาเส. กิฺจนการโกติ ปลิโพธเหตุภูโต.
อเสกฺเข สีลกฺขนฺธาทิเก มหนฺเต คุเณ. ปฺจนฺนํ มารานํ วิชิตตฺตา วิชิตวิชยํ.
๔๖๐. อิทํ อชานนฺตาติ ‘‘ชาติยา พฺราหฺมโณ’’ติ อิทํ โลกสมฺามตฺตนฺติ อชานนฺตา. เย พฺราหฺมเณสุ นามโคตฺตํ นาม ตติยํ ทิฏฺาภินิเวสํ ชเนนฺติ, สาว เนสํ ทิฏฺิ. กตํ อภิสงฺขตนฺติ ปริกปฺปนวเสเนว กตํ ปิตํ ตทุปจิตํ, น เหตุปจฺจยสมาโยเคน. สมุจฺจาติ สมฺมุติยา. กา ปน สา สมฺมุตีติ อาห ‘‘สมฺายา’’ติ, โลกสมฺาเตนาติ อตฺโถ. สมฺมา ปน ปรมตฺถโต อชานนฺตานํ นามโคตฺตํ เอวํ กปฺเปตีติ อาห ‘‘โน เจ’’ติอาทิ. ตํ ปน อสนฺตมฺปิ ปรมตฺถโต สนฺตตาเยว อภินิวิสนฺติ, เตสมยํ โทโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ ปกปฺปิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ภควา – ‘‘ชนปทนิรุตฺตึ นาภินิเวเสยฺยา’’ติ ¶ (ม. นิ. ๓.๓๓๑). อชานนฺตา โนติ เอตฺถ โน-สทฺโท อวธารณตฺโถ – ‘‘น โน สมํ อตฺถิ ตถาคเตนา’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๖.๓) วิยาติ อาห ‘‘อชานนฺตาว เอวํ วทนฺตี’’ติ.
นิปฺปริยายนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, นิปฺปริยาเยน อุชุกเมวาติ อตฺโถ, น ปุพฺเพ วิย ‘‘โย หิ โกจี’’ติ ปริยายวเสน. ‘‘น ชจฺจา’’ติ คาถาย ปุพฺพทฺเธน ชาติวาทํ ปฏิกฺขิปนฺโต ปจฺฉิมทฺเธน กมฺมวาทํ ปติฏฺเปนฺโต. ตตฺถาติ ติสฺสํ คาถายํ. อุปฑฺฒคาถาย วิตฺถารณตฺถนฺติ อุปฑฺฒคาถาย อตฺถํ วิตฺถาเรตุํ ‘‘กสฺสโก กมฺมุนา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปุริมาย จตูหิ ปาเทหิ, ปจฺฉิเม ทฺวีหิ ทฺวินฺนมฺปิ สาธารณโต อตฺโถ วิตฺถาริโต. ตตฺถ กสิกมฺมาทีติ อาทิ-สทฺเทน สิปฺปกมฺมวาณิชาทิ สงฺคโห.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทปธานวจนวิฺเยฺโย ¶ ปจฺจโย ปฏิจฺจสมุปฺปาทสทฺทสฺส อตฺโถ ปจฺจยุปฺปนฺนาเปกฺขาย โหตีติ อาห – ‘‘อิมินา ปจฺจเยน เอตํ โหตี’’ติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๗๐) ตํสํวณฺณนายฺจ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๕๗๐) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. สมฺมานาวมานารหกุเลติ สมฺมานารเห ขตฺติยาทิกุเล, อวมานารเห จณฺฑาลาทิกุเล กมฺมวเสน อุปปตฺติ โหติ กมฺมสฺส วิปจฺจมาโนกาสกรตาย วินา ตาทิสาย อุจฺจนีจกุลนิพฺพตฺติยา อภาวโต. อฑฺฒทลิทฺทตาทิ อฺาปิ หีนปณีตตา.
กมฺมุนาติ เจตฺถ ยถา โลกปชาสตฺตสทฺเทหิ เอโก เอวตฺโถ วุตฺโต, เอวํ เสสสทฺเทหิปิ, อธิปฺปายวิเสโส ปน ตตฺถ อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุริมปเทน เจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นายํ โลโก พฺรหฺมนิมฺมิโต กมฺเมน อุปฺปชฺชนโต. น หิ สนฺนิหิตการณานํ ผลานํ อฺเน อุปฺปตฺติทิฏฺิ ยุชฺชติ. เตนาห ‘‘ทิฏฺิยา ปฏิเสโธ เวทิตพฺโพ’’ติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาทีสุวุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ตถา โลกสฺส ปมุปฺปตฺติ น พฺรหฺมุนาติ ‘‘กมฺมุนา หิ ตาสุ ตาสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตติเยน ‘‘อยํ โลโก อาทิโต ปภุติ ปภวกมฺมุนา วตฺตตี’’ติ วุตฺตมตฺถํ นิคเมติ.วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส สูจนฺหิ นิคมนํ. ตํ ปน นิยมตฺถํ โหตีติ อาห ‘‘กมฺเมเนว พทฺธา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, น อฺถา’’ติ ¶ . จตุตฺเถน ปเทน. ยายโตติ คจฺฉโต. นิพฺพตฺตโตติ นิพฺพตฺตนฺตสฺส. ปวตฺตโตติ ปวตฺตนฺตสฺส.
ธุตธมฺมา วิเสสโต ตณฺหาย สนฺตตฺตวเสน วตฺตนฺตีติ อาห ‘‘ตเปนาติ ธุตงฺคตเปนา’’ติ. เมถุนวิรติ วิเสสโต พฺราหฺมณานํ พฺรหฺมจริยนฺติ สา อิธ พฺรหฺมจริเยนาติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘พฺรหฺมจริเยนาติ เมถุนวิรติยา’’ติ. เอเตนาติ อิมินา ‘‘ตเปนา’’ติอาทีหิ จตูหิ ปเทหิ วุตฺเตน. เสฏฺเนาติ อุตฺตเมน. สํกิเลสวิสุทฺธิยา ปริสุทฺเธน. พฺรหฺมนฺติ พฺรหฺมภาวํ เสฏฺภาวํ. โส ปเนตฺถ อตฺถโต พฺราหฺมณภาโวติ อาห ‘‘พฺราหฺมณภาวํ อาวหตี’’ติ.
พฺรหฺมา จ สกฺโก จาติ สกฺกครุกานํ สกฺโก สกฺเกนปิ ครุกาตพฺพโต, พฺรหฺมครุกานํ พฺรหฺมา พฺรหฺมุนาปิ ครุกาตพฺพโต. วิชานตนฺติ ปรมตฺถพฺราหฺมณสฺส วิเสสํ ชานนฺตานํ วิฺูนํ. อวิฺุโน หิ อปฺปมาณํ. เตนาห – ‘‘ปณฺฑิตาน’’นฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
วาเสฏฺสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. สุภสุตฺตวณฺณนา
๔๖๒. ตุทิสฺาโต ¶ คาโม นิคโม เอตสฺสาติ โตเทยฺโย, ตสฺส อตฺตโช โตเทยฺยปุตฺโตติ อาห ‘‘ตุทิคามา’’ติอาทิ. อาราธโกติ สํราธโก. ธมฺมนิสนฺติ ยสฺมา สมฺปาทเนน ปริปูรเณน อิจฺฉิตา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมฺปาทโก ปริปูรโก’’ติ. ายติ นิจฺฉเยน คเมติ นิพฺพานํ, ตํ วา ายติ ปฏิวิชฺฌียติ เอเตนาติ าโย, ตโต เอตสฺส สมฺปาทกเหตุภาวโต าโย ธมฺโม อริยมคฺโค ตํ ายํ ธมฺมํ. เตนาห ‘‘การณธมฺม’’นฺติ. อนวชฺชนฺติ อวชฺชปฏิปกฺขํ.