📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มชฺฌิมนิกาเย
อุปริปณฺณาส-ฏีกา
๑. เทวทหวคฺโค
๑. เทวทหสุตฺตวณฺณนา
๑. ทิพฺพนฺติ ¶ ¶ กามคุเณหิ กีฬนฺติ, ลฬนฺติ, เตสุ วา วิหรนฺติ, วิชยสมตฺถตาโยเคน ปจฺจตฺถิเก วิเชตุํ อิจฺฉนฺติ; อิสฺสริยฏฺานาทิสกฺการทานคฺคหณํ ตํตํอตฺถานุสาสนฺจ กโรนฺตา โวหรนฺติ, ปฺุานุภาวปฺปตฺตาย ชุติยา โชเตนฺติ วาติ เทวา วุจฺจนฺติ ราชาโน. ตถา หิ เต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ รฺชยนฺตา สยํ ยถาวุตฺเตหิ วิเสเสหิ ราชนฺติ ทิพฺพนฺติ โสภนฺตีติ จ, ‘‘ราชาโน’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ นิคมเทเส. สาติ โปกฺขรณี. ตนฺติ ตํ, ‘‘เทวทห’’นฺติ ลทฺธนามํ โปกฺขรณึ อุปาทาย, ตสฺส อทูรภวตฺตาติ เกจิ. สพฺพํ สุขาทิเภทํ เวทยิตํ. ปุพฺเพติ ปุริมชาติยํ. กตกมฺมปจฺจยาติ กตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยภาวโต ชาตํ กมฺมํ ปฏิจฺจ. เตน สพฺพาปิ เวทนา กมฺมผลภูตา เอว อนุภวิตพฺพาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อิมินา’’ติอาทิ. อนิยเมตฺวา วุตฺตนฺติ, ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน’’ติ เอวํ อิเม นามาติ อวิเสเสตฺวา วุตฺตมตฺถํ. นิยเมตฺวาติ, ‘‘เอวํวาทิโน, ภิกฺขเว, นิคณฺา’’ติ เอวํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสติ.
กลิสาสนนฺติ ¶ ปราชยํ. กลีติ หิ อนตฺโถ วุจฺจติ, กลีติ สสติ วิปฺผรตีติ กลิสาสนํ, ปราชโย. กลีติ วา โกธมานาทิกิเลสชาติ, ตาย ปน อยุตฺตวาทิตา กลิสาสนํ. ตํ อาโรเปตุกาโม วิภาเวตุกาโม ¶ . เย กมฺมํ กตํ อกตํ วาติ น ชานนฺติ, เต กถํ ตํ เอทิสนฺติ ชานิสฺสนฺติ. เย จ กมฺมํ ปเภทโต น ชานนฺติ, เต กถํ ตสฺส วิปากํ ชานิสฺสนฺติ; วิปากปริโยสิตภาวํ ชานิสฺสนฺติ, เย จ ปาปสฺส กมฺมสฺส ปฏิปกฺขเมว น ชานนฺติ; เต กถํ ตสฺส ปหานํ กุสลกมฺมสฺส จ สมฺปาทนวิธึ ชานิสฺสนฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อุตฺตริ ปุจฺฉายปิ เอเสว นโย’’ติ อาห.
๒. กิฺจาปิ จูฬทุกฺขกฺขนฺเธปิ, (ม. นิ. ๑.๑๘๐) ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติ อิมินา เตสํ นิคณฺานํ อชานนภาโว เอว อุชุกํ ปกาสิโต เหฏฺา เทสนาย ตถา ปวตฺตตฺตา. ตถา หิ อฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘๐) วุตฺตํ – ‘‘เอวํ สนฺเตติ ตุมฺหากํ เอวํ อชานนภาเว สตี’’ติ, ตถาปิ ตตฺถ อุปริเทสนาย สมฺพทฺโธ เอวมตฺโถ วุจฺจมาโน ยุชฺชติ, น อฺถาติ ทสฺเสตุํ อิธ, ‘‘มหานิคณฺสฺส วจเน สจฺเจ สนฺเตติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. เอตฺตกสฺส านสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส ปฺจปริมาณสฺส การณสฺส.
๓. อเนกวารํ วิสรฺชนํ อิธ คาฬฺหาปเลปนํ, น สาฏกสฺส วิย ลิตฺตตาติ อาห – ‘‘พหลูป…เป… ลิตฺเตน วิยา’’ติ. วุตฺตเมว, น ปุน วตฺตพฺพํ, ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
อิเมสํ นิคณฺานํ ตาทิสสฺส เตสํ อภาวโต, ‘‘ชานนกาโล สิยา’’ติ ปริกปฺปวเสน วทติ. เตน เอวํ ชานิตุํ เตหิ สกฺกา สิยา, เตสฺจ ทสฺสนํ สจฺจํ สิยา. ยสฺมา เตสํ ทสฺสนํ อสจฺจํ, ตสฺมา เต น ชานึสูติ ทสฺเสติ. จตูสุ กาเลสูติ วณมุขสฺส ปริกนฺตนกาโล, สลฺลสฺส เอสนกาโล, อพฺพุหนกาโล, วณมุเข อคทงฺคารโอทหนกาโลติ อิเมสุ จตูสุ กาเลสุ. สุทฺธนฺเตติ สุทฺธโกฏฺาเส, ทุกฺขสฺส อนวเสสโต นิชฺชีรณฏฺเน นิทฺทุกฺขภาเวติ อตฺโถ. เอกาย อุปมายาติ, ‘‘สลฺเลน วิทฺธสฺส หิ วิทฺธกาเล เวทนาย ปากฏกาโล วิยา’’ติ อิมาย เอกาย อุปมาย. ตโย อตฺถาติ ปุพฺเพ อหุวมฺหา วา โน วา, ปาปกมฺมํ อกริมฺหา วา โน วา, เอวรูปํ วา ปาปกมฺมํ อกริมฺหาติ อิเม ตโย อตฺถา. จตูหิ อุปมาหีติ วณมุขปริกนฺตนาทีหิ จตูหิ อุปมาหิ. เอโก อตฺโถติ, ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณ’’นฺติอาทินา ¶ วุตฺโต เอโก อตฺโถ. โส หิ ทุกฺขนิชฺชีรณภาวสามฺา เอโก อตฺโถติ วุตฺโต.
๔. อิเม ¶ ปน นิคณฺา. อาสงฺกาย วิทฺโธสฺมีติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา. ปจฺจาหริตุนฺติ ปจฺจาวตฺติตุํ, ปริหริตุนฺติ อตฺโถ.
๕. อตีตวาทํ สทฺทหนฺตานนฺติ, ‘‘อตฺถิ โข, โภ, นิคณฺา ปุพฺเพ ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ เอวํ อตีตํสํ อารพฺภ ปวตฺตํ มหานิคณฺสฺส วาทํ สทฺทหนฺตานํ. ภูตตฺตาติ ยถาภูตตฺตา กึ อวิปรีตเมว อตฺถํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตาติ ปุจฺฉติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. สห ธมฺเมนาติ สหธมฺโม, โส เอว สหธมฺมิโก ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘). ‘‘ธมฺโม’’ติ เอตฺถ การณํ อธิปฺเปตนฺติ อาห – ‘‘สเหตุกํ สการณ’’นฺติ. ปฏิหรติ ปฏิวตฺเตตีติ ปฏิหาโร, วาโท เอว ปฏิหาโร วาทปฏิหาโร; ตํ, อุตฺตรนฺติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘ปจฺจาคมนกวาท’’นฺติ, โจทนํ ปริวตฺเตตฺวา ปฏิปากติกกรณนฺติ อตฺโถ. เตสนฺติ อิทํ อาวุตฺติวเสน คเหตพฺพํ, ‘‘เตสํ สทฺธาเฉทกวาทํ นาม เตสํ ทสฺเสตี’’ติ.
๖. อวิชฺชา อฺาณา สมฺโมหาติ ปริยายวจนเมตํ. อวิชฺชาติ วา อวิชฺชาย กรณภูตาย. อฺาเณนาติ อชานเนน. สมฺโมเหนาติ สมฺมุยฺหเนน มหามุฬฺหตาย. สามํเยว โอปกฺกมิกา เอตรหิ อตฺตโน อุปกฺกมเหตุ ทุกฺขเวทนํ เวทิยมานํ – ‘‘ยํกิฺจายํ…เป… ปุพฺเพกตเหตู’’ติ วิปรีตโต สทฺทหถ. ปุพฺเพกตเหตุวาทสฺิตํ วิปลฺลาสคฺคาหํ คณฺหถ.
๗. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต, ตตฺถ เวทิตพฺพํ ผลํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. เตนาห – ‘‘อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากทายก’’นฺติ. ปโยเคนาติ กายิเกน ปโยเคน วา วาจสิเกน วา ปโยเคน. ปธาเนนาติ ปทหเนน เจตสิเกน อุสฺสาหเนน. อาสนฺเน ภวนฺตเร วิปาเจตุํ น สกฺกา, ปเคว ทูเรติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ทุติเย วา ตติเย วา อตฺตภาเว’’ติ วุตฺตํ. นิพฺพตฺตกภาวโต สุขเวทนาย หิตนฺติ สุขเวทนียํ. สา ปน วิปากเวทนาภาวโต เอกนฺตโต อิฏฺารมฺมณา เอว โหตีติ อาห ‘‘อิฏฺารมฺมณวิปากทายก’’นฺติ. วิปรีตนฺติ ¶ อนิฏฺารมฺมณวิปากทายกํ. นิปฺผนฺเนติ สทฺธึ อฺเน กมฺเมน นิพฺพตฺเต. สมฺปรายเวทนียสฺสาติ อุปปชฺชเวทนียสฺส อปราปริยเวทนียสฺส. เอวํ สนฺเตปีติ กามํ ปริปกฺกเวทนียนฺติ ทิฏฺธมฺมเวทนียเมว วุจฺจติ, ตถาปิ อตฺเถตฺถ อติสโย ทิฏฺธมฺมวิเสสภาวโต ปริปกฺกเวทนียสฺสาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘อยเมตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมึ ทิวเส กตํ, ตโต สตฺตทิวสพฺภนฺตเร.
ตตฺราติ ตสฺมึ ปริปกฺกเวทนียกมฺมสฺส สตฺตทิวสพฺภนฺตเร วิปากทาเน. เอกวารํ กสิตฺวา นิสีทิ ฉาตชฺฌตฺโต หุตฺวา. อาคจฺฉนฺตี อาห – ‘‘อุสฺสูเร ภตฺตํ อาหรียิตฺถา’’ติ โทมนสฺสํ ¶ อนุปฺปาเทตฺวา ยถา กตปฺุํ อนุโมทติ. วิชฺโชตมานํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข อิทมฺปิ ตปฺปกาโร, มม จิตฺตวิกปฺปมตฺตํ, อุทาหุ สุวณฺณเมวา’’ติ วีมํสนฺโต ยฏฺิยา ปหริตฺวา.
วาฬยกฺขสฺจรณตฺตา ราชคหูปจารสฺส นคเร สหสฺสภณฺฑิกํ จาเรสุํ. อุปฺปนฺนราโค จูฬาย ฑํสิ. รฺโ อาจิกฺขิตฺวาติ ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาจิกฺขิตฺวา. มลฺลิกาย วตฺถุ ธมฺมปทวตฺถุมฺหิ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.มลฺลิกาเทวีวตฺถุ) อาคเตน นเยน กเถตพฺพํ.
มรณสนฺติเกปิ กตํ, ปเคว ตโต ปุเรตรํ อตีตตฺตภาเวสุ จ กตํ. อิธ นิพฺพตฺติตวิปาโกติ วุตฺโต อวสฺสํภาวิภาวโต. สมฺปรายเวทนียเมว ภวนฺตเร วิปากทายกภาวโต. อิธ นิพฺพตฺติตคุโณตฺเวว วุตฺโต, น อิธ นิพฺพตฺติตวิปาโกติ วิมุตฺติภาวโต. ปริปกฺกเวทนียนฺติ เวทิตพฺพํ เหฏฺา วุตฺตปริปกฺกเวทนียลกฺขณานติวตฺตนโต. สพฺพลหุํ ผลทายิกาติ เอเตน ผลุปฺปาทนสมตฺถตาโยเคน กมฺมสฺส ปริปกฺกเวทนียตาติ ทสฺเสติ.
จตุปฺปฺจกฺขนฺธผลตาย สฺาภวูปคํ กมฺมํ พหุเวทนียนฺติ วุตฺตํ. เอกขนฺธผลตฺตา อสฺาภวูปคํ กมฺมํ อปฺปเวทนียํ. เกจิ ปน, ‘‘อรูปาวจรกมฺมํ พหุกาลํ เวทิตพฺพผลตฺตา พหุเวทนียํ, อิตรํ อปฺปเวทนียํ. รูปารูปาวจรกมฺมํ วา พหุเวทนียํ, ปริตฺตกมฺมํ อปฺปเวทนีย’’นฺติ วทนฺติ. สวิปากํ กมฺมนฺติ ปจฺจยนฺตรสมวาเย วิปากุปฺปาทนสมตฺถํ, น อารทฺธวิปากเมว. อวิปากํ กมฺมนฺติ ปจฺจยเวกลฺเลน วิปจฺจิตุํ อสมตฺถํ อโหสิกมฺมาทิเภทํ.
๘. ทิฏฺธมฺมเวทนียาทีนนฺติ ¶ ทิฏฺธมฺมเวทนียาทีนํ ทสนฺนํ กมฺมานํ อุปกฺกเมน กมฺมานํ อฺาถาภาวสฺส อนาปาทนียตฺตา ยถาสภาเวเนว กมฺมานิ ติฏฺนฺติ. ตตฺถ นิคณฺานํ อุปกฺกโม นิปฺปโยชโนติ อาห ‘‘อผโล’’ติ. นิคณฺานํ ปทหนสฺส มิจฺฉาวายามสฺส นิปฺผลภาวปฺปเวทโน ปธานจฺเฉทกวาโท. ปเรหิ วุตฺตการเณหีติ เยหิ การเณหิ นิคณฺานํ วาเทสุ โทสํ ทสฺเสนฺติ. เตหิ ปเรหิ วุตฺตการเณหิ. น หิ ลกฺขณยุตฺเตน เหตุนา วินา ปรวาเทสุ โทสํ ทสฺเสตุํ สกฺกา. เตนาห ‘‘สการณา หุตฺวา’’ติ. นิคณฺานํ วาทา จ อนุวาทา จาติ นิคณฺเหิ วุจฺจมานา สกสกสมยปฺปเวทิกา วาทาเจว สาวเกหิ วุจฺจมานา เตสํ อนุวาทา จ. วิฺูหิ ครหิตพฺพํ การณํ อาคจฺฉนฺตีติ, ‘‘อยเมตฺถ โทโส’’ติ ตตฺถ ตตฺถ วิฺูหิ ปณฺฑิเตหิ ครหารหํ การณํ อุปคจฺฉนฺติ, ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺสตฺโถติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ ¶ , ‘‘วุตฺตนเยน ปเรหิ วุตฺเตน การเณน สการณา หุตฺวา โทสทสฺสนวเสน นิคณฺานํ วาทา อนุปฺปตฺตา, ตโต เอว ตํ วาทํ อปฺปสาทนียภาวทสฺสเนน โสเสนฺตา เหตุสมฺปตฺติโวหารสุกฺขเนน มิลาเปนฺตา ทุกฺกฏกมฺมการิโนติอาทโย ทส คารยฺหาปเทสา อุปคจฺฉนฺตี’’ติ.
๙. สงฺคติภาวเหตูติ ตตฺถ ตตฺถ ยทิจฺฉาย สมุฏฺิตสงฺคตินิมิตฺตํ. สา ปน สงฺคติ นิยติลกฺขณาติ อาห ‘‘นิยติภาวการณา’’ติ. อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตอเภชฺชมณิ วิย หิ ปฏินิยตตา นิยติปวตฺตีติ. ฉฬภิชาติเหตูติ กณฺหาภิชาติ นีลาภิชาติ โลหิตาภิชาติ หลิทฺทาภิชาติ สุกฺกาภิชาติ ปรมสุกฺกาภิชาตีติ อิมาสุ อภิชาตีสุ ชาตินิมิตฺตํ. ปาปสงฺคติกาติ นิหีนสงฺคติกา.
๑๐. อนทฺธภูตนฺติ เอตฺถ อธิ-สทฺเทน สมานตฺโถ อทฺธ-สทฺโทติ อาห – ‘‘อนทฺธภูตนฺติ อนธิภูต’’นฺติ. ยถา อาปายิโก อตฺตภาโว มหตา ทุกฺเขน อภิภุยฺยติ, น ตถา อยนฺติ อาห – ‘‘ทุกฺเขน อนธิภูโต นาม มนุสฺสตฺตภาโว วุจฺจตี’’ติ. ‘‘อเจลโก โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๙๔) วุตฺตาย นานปฺปการาย ทุกฺกรการิกาย กิลมเถน. ยทิ เอวํ ¶ กถํ ธุตงฺคธราติ อาห ‘‘เย ปนา’’ติอาทิ. นิยฺยานิกสาสนสฺมิฺหิ วีริยนฺติ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ปวตฺติยมานํ วีริยํ สรีรํ เขทนฺตมฺปิ สมฺมาวายาโม นาม โหติ ายารทฺธภาวโต.
เถโรติ เอตฺถ อาคตมหารกฺขิตตฺเถโร. ติสฺโส สมฺปตฺติโย มนุสฺสเทวนิพฺพานสมฺปตฺติโย, สีลสมาธิปฺาสมฺปตฺติโย วา. ขุรคฺเคเยวาติ ขุเร สีสคฺเค เอว, ขุเร สีสคฺคโต อปนีเต เอวาติ อธิปฺปาโย. อยนฺติ, ‘‘อิสฺสรกุเล นิพฺพตฺโต’’ติอาทินา วุตฺโต. น สพฺเพ เอว สกฺการปุพฺพกํ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณนฺตีติ อาห ‘‘โย ทาสิกุจฺฉิย’’นฺติอาทิ. รชตมุทฺทิกนฺติ รชตมยํ องฺคุลิมุทฺทิกํ. โครกปิยงฺคุมตฺเตนปีติ กปิตฺถฉลฺลิกงฺคุปุปฺผคนฺธมตฺเตนปิ.
ธมฺเมน าเยน อาคตสุขํ ธมฺมสุขนฺติ อาห – ‘‘สงฺฆโต วา…เป… ปจฺจยสุข’’นฺติ. อมุจฺฉิโตติ อนชฺฌาปนฺโน. อิทานิ ตํ อนชฺฌาปนฺนตํ ตสฺส จ ผลํ ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมิกํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมสฺสาติ สมุทยสฺส. โส หิ ปฺจกฺขนฺธสฺส ทุกฺขสฺส การณภูตตฺตา อาสนฺโน ปจฺจกฺโข กตฺวา วุตฺโต. เตนาห ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนาน’’นฺติอาทิ. สงฺขารนฺติ ยถารทฺธาย สาติสยํ กรณโต สงฺขารนฺติ ลทฺธนามํ พลววีริยํ อุสฺโสฬฺหึ. ปทหโตติ ปยฺุชนฺตสฺส ปวตฺเตนฺตสฺส. มคฺเคน วิราโค โหตีติ อริยมคฺเคน ทุกฺขนิทานสฺส วิรชฺชนา ¶ โหติ. เตนาห ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติ. อิมินา สุขาปฏิปทา ขิปฺปาภิฺา กถิตา อกสิเรเนว สีฆตรํ มคฺคปชานตาย โพธิตตฺตา. มชฺฌตฺตตากาโรติ วีริยูเปกฺขมาห. สงฺขารํ ตตฺถ ปทหตีติ ปธานสงฺขารํ ตตฺถ ทุกฺขนิทานสฺส วิรชฺชนนิมิตฺตํ วิรชฺชนตฺถํ ปทหติ. กถํ? มคฺคปฺปธาเนน จตุกิจฺจปฺปธาเน อริยมคฺเค วายาเมน ปทหติ วายมติ. อชฺฌุเปกฺขโตติ วีริยสฺส อนจฺจารทฺธนาติสิถิลตาย วีริยสมตาโยชเน พฺยาปารากรเณน อชฺฌุเปกฺขโต. เตนาห ‘‘อุเปกฺขํ ภาเวนฺตสฺสา’’ติ. อุเปกฺขาภาวนา จ นาเมตฺถ ตถาปวตฺตา อริยมคฺคภาวนา เอวาติ อาห – ‘‘มคฺคภาวนาย ภาเวตี’’ติ.
เอตฺถ จ เอวํ ปาฬิยา ปทโยชนา เวทิตพฺพา, – ‘‘โส เอวํ ปชานาติ. กถํ? สงฺขารํ เม ปทหโต สงฺขารปทหนา อิมสฺส ทุกฺขนิทานสฺส วิราโค โหติ ¶ , อชฺฌุเปกฺขโต เม อุเปกฺขนา อิมสฺส ทุกฺขนิทานสฺส วิราโค โหตี’’ติ. ปฏิปชฺชมานสฺส จายํ ปุพฺพภาควีมํสสฺสาติ คเหตพฺพํ. ตตฺถ สงฺขารปฺปธานาติ สมฺมสนปเทน สุเขเนว ขิปฺปตรํ ภาวนาอุสฺสุกฺกาปนวีริยํ ทสฺสิตนฺติ สุขาปฏิปทา ขิปฺปาภิฺา ทสฺสิตา. อชฺฌุเปกฺขโตติ เอตฺถ กสฺสจิ นาติทฬฺหํ กตฺวา ปวตฺติตวีริเยนปิ ทุกฺขนิทานสฺส วิราโค โหติ วิปสฺสนมนุยฺุชตีติ ทสฺสิตํ. อุภยตฺถาปิ จตุตฺถีเยว ปฏิปทา วิภาวิตาติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ, ‘‘ยสฺส หิ ขฺวาสฺส…เป… อุเปกฺขํ ตตฺถ ภาเวตี’’ติ วาเรหิ ตาสํเยว ปฏิปทานํ วเสน เตสํ ปุคฺคลานํ ปฏิปตฺติ ทสฺสิตา. วฏฺฏทุกฺขนิทานสฺส ปริชิณฺณํ อิเมหิ วาเรหิ ทุกฺขกฺขโย วิภาวิโต.
๑๑. พทฺธจิตฺโตติ สมฺพทฺธจิตฺโต. พหลจฺฉนฺโทติ พหลตณฺหาฉนฺโท. อติจริตฺวาติ อติกฺกมิตฺวา. นฏสตฺถวิธินา นจฺจนกา นฏา, นจฺจกา อิตเร. โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, ‘‘อีทิสํ นาม อิตฺถึ ปริจฺจชิ’’นฺติ. ฉิชฺชาติ ทฺวิธา โหตุ. ภิชฺชาติ ภิชฺชตุ. ‘‘ฉิชฺช วา ภิชฺชวา’’ติ ปททฺวเยนปิ วินาสเมว วทติ. ตฺวาติ ปุพฺพภาคาเณน ชานิตฺวา. ตทุภยนฺติ สงฺขารปทหนอุเปกฺขาภาวนํ.
๑๒. เปเสนฺตสฺสาติ วายมนฺตสฺส. ตํ สนฺธายาติ ทุกฺขาย ปฏิปทาย นิยฺยานตํ สนฺธาย.
อุสุกาโร วิย โยคี เตชนสฺส วิย จิตฺตสฺส อุชุกรณโต. โคมุตฺตวงฺกํ, จนฺทเลขากุฏิลํ, นงฺคลโกฏิชิมฺหํ จิตฺตํ. อลาตา วิย วีริยํ อาตาปน-ปริตาปนโต. กฺจิกเตลํ ¶ วิย สทฺธา สิเนหนโต. นมนทณฺฑโก วิย โลกุตฺตรมคฺโค นิพฺพานารมฺมเณ จิตฺตสฺส นามนโต. โลกุตฺตรมคฺเคน จิตฺตสฺส อุชุกรณํ ภาวนาภิสมยโต ทฏฺพฺพํ. อนฺตทฺวยวชฺชิตา มชฺฌิมา ปฏิปตฺตีติ กตฺวา กิเลสคณวิชฺฌนํ ปหานาภิสมโย. อิตรา ปน ปฏิปทา ทนฺธาภิฺาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ อิมาสุ ทฺวีสุ ยถาวุตฺตาสุ ขิปฺปาภิฺาสุ กถิตาสุ, อิตราปิ กถิตาว โหนฺติ ลกฺขณหารนเยน ปฏิปทาสามฺโต. สหาคมนียาปิ วา ปฏิปทา กถิตาว, ‘‘น เหว อนทฺธภูตํ อตฺถาน’’นฺติอาทินา ปุพฺพภาคปฏิปทาย กถิตตฺตา. ‘‘อาคมนียปฏิปทา ปน น กถิตา’’ติ ¶ อิทํ สวิเสสํ อชฺฌุเปกฺขสฺส อกถิตตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิกฺขมนเทสนนฺติ นิกฺขมนุปายํ เทสนํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เทวทหสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. ปฺจตฺตยสุตฺตวณฺณนา
๒๑. เอเกติ ¶ เอตฺถ เอก-สทฺโท อฺตฺโถ, น คณนาทิอตฺโถติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกจฺเจ’’ติ อาห. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘สนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เตน เตสํ ทิฏฺิคติกานํ วิชฺชมานตาย อวิจฺฉินฺนตา; ตโต จ เนสํ มิจฺฉาคหณโต สิถิลกรณวิเวจเนหิ อตฺตโน เทสนาย กิจฺจการิตา อวิตถตา จ ทีปิตา โหติ. ปรมตฺถสมณพฺราหฺมเณสุ อปรนฺตกปฺปิกตาย เลโสปิ นตฺถีติ อาห ‘‘ปริพฺพชุปคตภาเวนา’’ติอาทิ. สสฺสตาทิวเสน อปรนฺตํ กปฺเปนฺตีติ อปรนฺตกปฺปิโน, เต เอว อปรนฺตกปฺปิกา. ยสฺมา เตหิ อปรนฺตํ ปุริมตรสิทฺเธหิ ตณฺหาทิฏฺิกปฺเปหิ กปฺเปตฺวา อาเสวนพลวตาย จ วิกปฺเปตฺวา อปรภาคสิทฺเธหิ อภินิเวสภูเตหิ ตณฺหาทิฏฺิคฺคาเหหิ คณฺหนฺติ อภินิวิสนฺติ ปรามสนฺติ; ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อปรนฺตํ กปฺเปตฺวา วิกปฺเปตฺวา คณฺหนฺตี’’ติ. ตณฺหุปาทานวเสน กปฺปนคหณานิ เวทิตพฺพานิ. ตณฺหาปจฺจยา หิ อุปาทานํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ มหานิทฺเทเส อุทฺทานโต สงฺเขปโต. ตณฺหาทิฏฺิวเสนาติ ตณฺหาย ทิฏฺิยา จ วเสน. ทิฏฺฏิยา วา อุปนิสฺสยภูตาย สหชาตาย อภินนฺทนกาย จ ตณฺหาย สสฺสตาทิอากาเรน อภินิวิสนฺตสฺส มิจฺฉาคาหสฺส จ วเสน. อนาคตธมฺมวิสยาย อธิปฺเปตตฺตา อนาคตกาลวาจโก อิธ อปร-สทฺโท. รูปาทิขนฺธวินิมุตฺตสฺส กปฺปนวตฺถุโน อภาวา อนฺต-สทฺโท ภาควาจโกติ อาห – ‘‘อนาคตํ ขนฺธโกฏฺาส’’นฺติ. กปฺเปตฺวาติ จ ตสฺมึ อปรนฺเต ตณฺหาย นาภินิเวสานํ สมตฺตนํ ปรินิฏฺาปนมาห. ิตาติ ตสฺสา ลทฺธิยา อวิชหนํ.
อนุคตาติ อารมฺมณกรณวเสน อนุ อนุ คตา อปรนฺเต ปวตฺตา. อารพฺภาติ อาลมฺพิตฺวา. วิสโย หิ ตสฺสา ทิฏฺิยา อปรนฺโต. วิสยภาวโต ¶ เอว หิ โส ตสฺสา อาคมนฏฺานํ อารมฺมณปจฺจโย จาติ วุตฺตํ ‘‘อาคมฺม ปฏิจฺจา’’ติ. อธิวจนปทานีติ ปฺตฺติปทานิ, ทาสาทีสุ สิริวฑฺฒกาทิสทฺโท วิย วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺติยา อธิวจนํ ปฺตฺติ. อถ วา อธิ-สทฺโท อุปริภาเว, วุจฺจตีติ วจนํ, อุปริ วจนํ อธิวจนํ, อุปาทานภูตรูปาทีนํ อุปริ ปฺาปิยมานา อุปาทาปฺตฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ปฺตฺติทีปกปทานีติ อตฺโถ. ปฺตฺติมตฺตฺเหตํ วุจฺจติ, ยทิทํ, ‘‘อตฺตา โลโก’’ติ จ, น รูปเวทนาทโย วิย ปรมตฺโถ. อธิกวุตฺติตาย วา อธิมุตฺติโยติ ทิฏฺิโย วุจฺจนฺติ. อธิกฺหิ สภาวธมฺเมสุ สสฺสตาทึ ปกติอาทึ ทฺรพฺยาทึ ชีวาทึ กายาทิฺจ อภูตมตฺถํ อชฺฌาโรเปตฺวา ¶ ทิฏฺิโย ปวตฺตนฺตีติ. อภิวทนฺตีติ, ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ อภินิวิสิตฺวา วทนฺติ, ‘‘อยํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม’’ติอาทินา วิวทนฺติ. อภิวทนกิริยาย อชฺชาปิ อวิจฺเฉทภาวทสฺสนตฺถํ วตฺตมานกาลวจนํ.
สฺา เอตสฺส อตฺถีติ สฺีติ อาห ‘‘สฺาสมงฺคี’’ติ. นตฺถิ เอตสฺส โรโค ภงฺโคติ อโรโคติ อโรคสทฺทสฺส นิจฺจปริยายตา เวทิตพฺพา. โรครหิตตาสีเสน วา นิพฺพิการตาย นิจฺจตํ ปฏิชานาติ ทิฏฺิคติโกติ อาห ‘‘อโรโคติ นิจฺโจ’’ติ. อิมินาติ, ‘‘สฺี อตฺตา อโรโค ปรํ มรณา’’ติ อิมินา วจเนน. โสฬส สฺีวาทาติ – รูปีจตุกฺกํ, อรูปีจตุกฺกํ, อนฺตวาจตุกฺกํ, เอกนฺตสุขีจตุกฺกนฺติ – อิเมสํ จตุนฺนํ จตุกฺกานํ วเสน โสฬส สฺีวาทา กถิตา. อิเมสุเยว ปุริมานํ ทฺวินฺนํ จตุกฺกานํ วเสน อฏฺ สฺีวาทา อฏฺ จ เนวสฺีนาสฺีวาทา เวทิตพฺพา. สตฺต อุจฺเฉทวาทาติ มนุสฺสตฺตภาเว กามาวจรเทวตฺตภาเว รูปาวจรเทวตฺตภาเว จตุพฺพิธารุปฺปตฺตภาเว จวิตฺวา สตฺตสฺส อุจฺเฉทปฺาปนวเสน สตฺต อุจฺเฉทวาทา กถิตา. อสโต วินาสาสมฺภวโต อตฺถิภาวนิพนฺธโน อุจฺเฉทวาโทติ วุตฺตํ ‘‘สโตติ วิชฺชมานสฺสา’’ติ. ยาวายํ อตฺตา น อุจฺฉิชฺชติ, ตาว วิชฺชติ เอวาติ คหณโต นิรุทยวินาโส อิธ อุจฺเฉโทติ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อุปจฺเฉท’’นฺติ. วิเสเสน นาโส วินาโส, อภาโว, โส ปน มํสจกฺขุ-ปฺาจกฺขุ-ทสฺสนปถาติกฺกโมวาติ อาห ‘‘อทสฺสน’’นฺติ. อทสฺสเน ¶ หิ นาส-สทฺโท โลเก นิรุฬฺโห. ภววิคมนฺติ สภาวาปคมนํ โย หิ นิรุทยวินาสวเสน อุจฺฉิชฺชติ, น โส อตฺตโน สภาเวเนว ติฏฺติ.
ปฺจ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ ปฺจกามคุณสุขมนุโภควเสน จตุพฺพิธรูปชฺฌานสุขปริโภควเสน จ ทิฏฺธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺติปฺาปนวาทา. ทิฏฺธมฺโมติ ทสฺสนภูเตน าเณน อุปลทฺธธมฺโม. ตตฺถ โย อนินฺทฺริยวิสโย, โสปิ สุปากฏภาเวน อินฺทฺริยวิสโย วิย โหตีติ อาห – ‘‘ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺขธมฺโม วุจฺจตี’’ติ. เตเนว จ, ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ปฏิลทฺธอตฺตภาวสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. สฺีติ อาทิวเสน ตีหากาเรหิ สนฺตนฺติ สฺี อสฺี เนวสฺีนาสฺีติ อิเมหิ อากาเรหิ วิชฺชมานํ, สทา อุปลพฺภมานํ สสฺสตนฺติ อตฺโถ. สฺี อตฺตาติอาทีนิ ตีณิ ทสฺสนานิ. สนฺตอตฺถวเสน เอกนฺติ สสฺสตสฺส อตฺตโน วเสน เอกํ ทสฺสนํ. อิตรานิ ทฺเวติ อุจฺเฉทวาท-ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทสฺิตานิ ทฺเว ทสฺสนานิ. ตีณิ หุตฺวา ปฺจ โหนฺตีติ อิทํ, ‘‘สนฺตอตฺถวเสน เอก’’นฺติ สงฺคหวเสน วุตฺตสฺส สฺีติ อาทิวิภาควเสน วุตฺตตฺตา สุวิฺเยฺยนฺติ อฏฺกถายํ น อุทฺธฏํ.
๒๒. รูปีํ ¶ วาติ เอตฺถ (ที. นิ. ฏี. ๑.๗๖-๗๗) ยทิ รูปํ อสฺส อตฺถีติ รูปีติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต. เอวํ สติ รูปวินิมุตฺเตน อตฺตนา ภวิตพฺพํ สฺาย วิย รูปสฺสปิ อตฺตนิยตฺตา. น หิ สฺี อตฺตาติ เอตฺถ สฺา อตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ สุมงฺคลวิลาสินิยํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗๖-๗๗) ‘‘ตตฺถ ปวตฺตสฺฺจสฺส สฺาติ คเหตฺวาติ วุตฺต’’นฺติ. เอวํ สนฺเต, ‘‘กสิณรูปํ อตฺตาติ คณฺหาตี’’ติ อิทํ กถนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ – ‘‘รูปํ อสฺส อตฺถีติ รูปี’’ติ, อถ โข ‘‘รุปฺปนสีโล รูปี’’ติ. รุปฺปนฺเจตฺถ รูปสริกฺขตาย กสิณรูปสฺส วฑฺฒิตาวฑฺฒิตกาลวเสน วิเสสาปตฺติ, สา จ นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ปริตฺตวิปุลตาทิวิเสสสพฺภาวโต. ยทิ เอวํ อิมสฺส วาทสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห น ยุชฺชตีติ? โน น ยุชฺชติ กายเภทโต อุทฺธํ อตฺตโน นิพฺพิการตาย เตน อธิปฺเปตตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อโรโค ปรํ มรณา’’ติ. อถ วา ‘‘รูปํ อสฺส อตฺถีติ รูปี’’ติ วุจฺจมาเนปิ น โทโส. กปฺปนาสิทฺเธนปิ หิ เภเทน สามินิทฺเทสทสฺสนโต ยถา ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติ ¶ . รุปฺปนํ วา รุปฺปนสภาโว รูปํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ รูปี, อตฺตา ‘‘รูปิโน ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๑ ทุกมาติกา) วิย. เอวฺจ กตฺวา รูปสภาวตฺตา อตฺตโน ‘‘รูปํ อตฺตา’’ติ วจนํ ายาคตเมวาติ ‘‘กสิณรูปํ อตฺตาติ คณฺหาตี’’ติ วุตฺตํ. อรูปินฺติ เอตฺตาปิ วุตฺตนยานุสาเรน ยถารหํ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. สนฺตสุขุมํ มฺุจิตฺวา ตพฺพิปรีตสฺส คหเณ การณํ นตฺถีติ ลาภี, ‘‘กสิณรูปํ อตฺตา’’ติ คณฺหาตีติ ลาภิตกฺกิโน เปตฺวา, เสสตกฺกี ลาภิคฺคหเณเนว คหิตา. อนุสฺสุติตกฺกิโกปิ สุทฺธตกฺกิโกปิ วา นิรงฺกุสตฺตา ตกฺกนสฺส กสิณรูปมฺปิ อตฺตาติ กทาจิปิ คณฺเหยฺยาติ วุตฺตํ – ‘‘อุโภปิ รูปานิ คณฺหาติเยวา’’ติ. สุทฺธตกฺกิกสฺส อุภยคฺคหณํ น กตํ, ตสฺมา สาสงฺกวจนํ.
กสิณุคฺฆาฏิมากาส-ปมารุปฺปวิฺาณ-นตฺถิภาวอากิฺจฺายตนานิ อรูปสมาปตฺตินิมิตฺตํ. เปตฺวา สฺากฺขนฺธนฺติ อิทํ สฺาย อตฺตนิยตํ หทเย กตฺวา วุตฺตํ. ‘‘รูปึ วา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน ปน อตฺเถ วุจฺจมาเน สฺากฺขนฺธํ พหิทฺธา อกตฺวา ‘‘อรูปธมฺเม’’อิจฺเจว วตฺตพฺพํ สิยา. มิสฺสกคฺคาหวเสนาติ รูปารูปสมาปตฺตีนํ นิมิตฺตานิ เอกชฺฌํ กตฺวา, ‘‘เอโก อตฺตา’’ติ, ตตฺถ ปวตฺตสฺฺจสฺส, ‘‘สฺา’’ติ คหณวเสน. อยฺหิ ทิฏฺิคติโก รูปารูปสมาปตฺติลาภิตาย ตํนิมิตฺตํ รูปภาเวน อรูปภาเวน จ คเหตฺวา อุปติฏฺติ, ตสฺมา, ‘‘รูปี อรูปี จา’’ติ อภินิเวสํ ชเนติ อชฺฌตฺตวาทิโน วิย ตกฺกมตฺเตเนว วา รูปารูปธมฺเม มิสฺสกวเสน คเหตฺวา, ‘‘รูปี จ อรูปีจ อตฺตา โหตี’’ติ. ตกฺกคาเหเนวาติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตธมฺมา วิย จ อจฺจนฺตสุขุมภาวปตฺติยา สกิจฺจสาธนาสมตฺถตาย ¶ ถมฺภกุฏฺฏหตฺถปาทานํ สงฺฆาโต วิย เนว รูปี, รูปสภาวานติวตฺตนโต น อรูปีติ เอวํ ปวตฺตตกฺกคาเหน. ลาภิวเสนปิ วา อนฺตานนฺติกจตุตฺถวาเท วกฺขมานนเยน อฺมฺปฏิปกฺขวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน ตตฺถ เทสกาลเภทวเสน ตติยจตุตฺถวาทา อิจฺฉิตา; อิธ กาลวตฺถุ เภทวเสนาติ อยเมว วิเสโส. กาลเภทวเสน เจตฺถ ตติยวาทสฺส ปวตฺติ รูปารูปนิมิตฺตานํ สห อนุปฏฺานโต; จตุตฺถวาทสฺส ปน วตฺถุเภทวเสน ¶ ปวตฺติ รูปารูปธมฺมานํ สมูหโต, ‘‘เอโก อตฺตา’’ติ ตกฺกวเสนาติ ตตฺถ วกฺขมานนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
ยทิปิ อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ทิฏฺิคติกสฺส วเสน สมาปตฺติเภเทน สฺานานตฺตสมฺภวโต ทุติยทิฏฺิปิ สมาปนฺนกวเสน ลพฺภติ; ตถาปิ สมาปตฺติยํ เอกรูเปเนว สฺาย อุปฏฺานโต, ‘‘ปมทิฏฺิ สมาปนฺนกวาเรน กถิตา’’ติ อาห. เตเนเวตฺถ สมาปนฺนกคฺคหณํ กตํ. เอกสมาปตฺติลาภิโน เอว วา วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมาปตฺติ เภเทน สฺาเภทสมฺภเวปิ พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมเณ สฺานานตฺเตน โอฬาริเกน นานตฺตสฺีติ, ‘‘ทุติยทิฏฺิ อสมาปนฺนกวาเรนา’’ติ อาห. อวฑฺฒิตกสิณวเสน ปริตฺตสฺิตํ, วฑฺฒิตกสิณวเสน อปฺปมาณสฺิตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตติยทิฏฺิ สุปฺปมตฺเตน วา สราวมตฺเตน วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘องฺคุฏฺปฺปมาโณ วา อตฺตา ยวปฺปมาโณ, อณุมตฺโต วา อตฺตา’’ติอาทิทสฺสนวเสน (อุทา. อฏฺ. ๕๔; ที. นิ. ฏี. ๑.๗๖-๗๗) ปริตฺโต สฺีติ ปริตฺตสฺี. กปิลกณาทาทโย (วิภ. อนุฏี. ๑๘๙) วิย อตฺตโน สพฺพคตภาวปฏิชานนวเสน อปฺปมาโณ สฺีติ อปฺปมาณสฺีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอตนฺติ, ‘‘รูปึ วา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตอตฺตวาทํ. เอเกสนฺติ เอกจฺจานํ. อุปาติวตฺตตนฺติ อติกฺกมนฺตานํ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. วิฺาณกสิณเมเก อภิวทนฺตีติ โยชนา. เตนาห – ‘‘สฺํ…เป… อภิวทนฺตี’’ติ. ตตฺถ ‘‘สฺํ เปตฺวา เสสานิ ตีณี’’ติ อิทํ สฺาย จตุกฺกมฺปิ ปริปุณฺณเมว คเหตฺวา, อปเร อฏฺกนฺติ วทนฺติ. ตทุภยนฺติ ตํ สฺาอฏฺกนฺติ วุตฺตํ อุภยํ. ปรโต อาวิ ภวิสฺสตีติ, ‘‘จตสฺโส รูปสฺี’’ติอาทินา อุปริ ปกาเสสฺสติ. วกฺขติ หิ – ‘‘โกฏฺาสโต อฏฺ, อตฺถโต ปน สตฺต สฺา โหนฺตี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๒๒). เอตฺถาติ, ‘‘เอตํ วา ปนา’’ติ เอตสฺมึ วากฺเย. สมติกฺกมิตุํ สกฺโกนฺติ ตตฺถ อาทีนวทสฺสเนน ตทุทฺธํ อานิสํสทสฺสเนน จ พฺรูหิตสทฺธาทิ คุณตฺตา, วิปริยาเยน อสกฺกุณนํ เวทิตพฺพํ. เย สกฺโกนฺติ, เตว คหิตา เตสํเยว วเสน วกฺขมานสฺส วิเสสสฺส วตฺตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา. สกฺโกนฺตานฺจ เนสํ อุปาติวตฺตนํ ¶ อตฺตโน าณพลานุรูปนฺติ อิมมตฺถํ อุปมาย ทสฺเสตุํ, ‘‘เตสํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อปฺปมาณนฺติ อปฺปมาณารมฺมโณ ¶ , อปฺปมาณารมฺมณตา จสฺส อาคมนวเสน เวทิตพฺพา อนนฺตารมฺมณโต วา. น หิ อารมฺมเณ อนนฺตนฺติ ปรมานนฺตสฺส ปมาณํ วา คณฺหาติ. สุขทุกฺเขหิ อนิฺชนโต รูปวิราคภาวนาวิเสสตาย จ อาเนฺชํ ปตฺวา ติฏฺติ, อยํ โน อตฺตาติ อภิวทนฺตา ติฏฺนฺติ. วิฺาณกสิณเมเกติ วิฺาณฺจายตนํ เอเก ทิฏฺิคติกา อตฺตาติ วทนฺติ. เตนาห – ‘‘วิฺาณฺจายตนํ ตาว ทสฺเสตุ’’นฺติ. ตสฺส ปน อารมฺมณภูตํ กสิณุคฺฆาฏิมากาเส ปวตฺตวิฺาณนฺติ อปเร. ตฺหิ กสิณํ มนสิการวเสน, ‘‘วิฺาณกสิณ’’นฺติ, วิฺาณฺจ ตํ อารมฺมณฏฺเน อายตนฺจาติ, ‘‘วิฺาณฺจายตน’’นฺติ จ วุจฺจติ. อากิฺจฺายตนเมเกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
ตยิทนฺติ ย-กาโร ปทสนฺธิกโรติ อาห ‘‘ตํ อิท’’นฺติ. ทิฏฺิคตนฺติ ยถา วุตฺตํ ‘‘สฺี อตฺตา’’ติ เอวํ วุตฺตํ ทิฏฺึ. ทิฏฺิเยว หิ ทิฏฺิคตํ ‘‘มุตฺตคตํ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑), สงฺขารคต’’นฺติอาทีสุ (มหานิ. ๔๑) วิย. คนฺตพฺพาภาวโต วา ทิฏฺิยา คตมตฺตํ ทิฏฺิคตํ, ทิฏฺิยา คหณมตฺตนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิปกาโร วา ทิฏฺิคตํ. โลกิยา หิ วิธยุตฺตคตปการสทฺเท สมานตฺเถ อิจฺฉนฺติ. ทิฏฺิปจฺจโย ทิฏฺิการณํ, อวิชฺชาทิ ทิฏฺิฏฺานนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อวิชฺชาปิ หิ ทิฏฺิฏฺานํ อุปนิสฺสยาทิภาวโต. ยถาห – ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๐๐๗). ผสฺโสปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถาห ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๑๘-๑๒๔). สฺาปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถาห ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา’’ติ (สุ. นิ. ๘๘๐; มหานิ. ๑๐๙). วิตกฺโกปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถาห – ‘‘ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๒; มหานิ. ๑๒๑). อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถาห – ‘‘ตสฺเสวํ มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, อตฺถิ เม อตฺตาติ ตสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙). ทิฏฺารมฺมณนฺติ ทิฏฺิอารมฺมณภูตํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ. เตนาห – ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐). รูปเวทนาทิวินิมุตฺตสฺส ทิฏฺิยา อารมฺมณสฺส อภาวโต อนาทิยิตฺวา อิทเมว ¶ ทสฺเสติ – ‘‘อิมินา ปจฺจเยน อิทํ นาม ทสฺสนํ คหิต’’นฺติ. อิมินา ปจฺจเยนาติ วา เอตฺถ ปจฺจยคฺคหเณน อารมฺมณมฺปิ คหิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
ตเทวาติ ทิฏฺิคตฺเจว ทิฏฺิปจฺจยฺจ. รูปสฺานนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เอวํ-สทฺโท ปการตฺโถ, ‘‘ยทิ รูปสฺาน’’นฺติอาทินา ปกาเรน วุตฺตสฺานนฺติ อตฺโถ. นิรุปกฺกิเลสา ¶ นีวรณาทิ อุปกฺกิเลสวิมุตฺติโต. อุตฺตมา ปณีตภาวปฺปตฺติโต, ตโต เอว เสฏฺา, เสฏฺตฺตา เอว อุตฺตริตราภาวโต อนุตฺตริยา. อกฺขายตีติ อุปฏฺาติ. อากิฺจฺายตนสฺาย วิสุํ วุจฺจมานตฺตา จตุตฺถารุปฺปสฺาย จ อิมสฺมึ สฺีวาเท อโนตรณโต, ‘‘ยทิ อารุปฺปสฺานนฺติ อิมินา อากาสานฺจายตน-วิฺาณฺจายตนสฺา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. อิตเรหิ ปน ทฺวีหีติ, ‘‘ยทิ เอกตฺตสฺานํ, ยทิ นานตฺตสฺาน’’นฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ. สมาปนฺนกวาโร จ ตถา อิธ กถิโตติ อธิปฺปาโย. โกฏฺาสโต อฏฺ สฺา จตุกฺกทฺวยสงฺคหโต. เอกตฺตสฺีปทํ เปตฺวา อตฺถโต ปน สตฺต สฺา โหนฺติ อคฺคหิตคฺคหเณนาติ อธิปฺปาโย. เตนาห – ‘‘สมาปนฺนก…เป… สงฺคหิโตเยวา’’ติ.
สฺาคตนฺติ สฺาวเสน คตํ, สฺาสงฺคหํ คตํ วา. ตสฺส ปน อทิฏฺิคตสฺสปิ อุปลพฺภมานตฺตา, ‘‘สทฺธึ ทิฏฺิคเตนา’’ติ วุตฺตํ. ปจฺจเยหิ สมาคนฺตฺวา กตนฺติ สห การณภูเตหิ ปจฺจเยหิ เตเนว สห การณภาเวน สมาคนฺตฺวา นิพฺพตฺติตํ; ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ อตฺโถ. สงฺขตตฺตา โอฬาริกํ อุปฺปาทวยฺถตฺตสพฺภาวโต. ยสฺส หิ อุปฺปาโท ปฺายติ, วโย ปฺายติ, ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายติ, ตํ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวโต ปสฺสนฺตสฺส ปากฏภูตวิการํ โอฬาริกํ สิยา. น เจตฺถ มคฺคผลธมฺมา นิทสฺเสตพฺพา เตสํ ตถา อนนุปสฺสิตพฺพโต; เตสมฺปิ สงฺขตภาเวน อิตเรหิ สมานโยคกฺขมตาย ทุนฺนิวารยภาวโต. ตถา หิ ‘‘อเสสวิราคนิโรธา’’ติ (อุทา. ๓) วจนโต มคฺคสฺสปิ นิสฺสรณภาเวน ‘‘อตฺถิ โข ปน สงฺขารานํ นิโรโธ’’ติ นิพฺพานเมเวตฺถ ปฏิโยคภาเวน อุทฺธฏํ ‘‘นิรุชฺฌนฺติ เอตฺถา’’ติ กตฺวา. นิโรธสงฺขาตํ นิพฺพานํ นาม อตฺถีติ เอตฺถ, – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ ¶ อภูตํ อสงฺขต’’นฺติ สุตฺตปทํ (อุทา. ๗๓) อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ. นิพฺพานทสฺสีติ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิพฺพานทสฺสี, ตโต เอว อิตราภิสมยตฺถสิทฺธิยา ตํ สงฺขตํ อติกฺกนฺโต.
๒๓. อฏฺสุ อสฺีวาเทสูติ อิทํ พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๗๘-๘๐) อาคตนเยน วุตฺตเมว หิ สนฺธาย เหฏฺา, ‘‘สฺีติ อิมินา อฏฺ อสฺีวาทา กถิตา’’ติ วุตฺตํ. อิธ ปน จตฺตาโร วาทา เอว อุทฺธฏา. เตนาห ‘‘อสฺี’’ติอาทิ. เอส นโย ปรโต ‘‘อฏฺสุ เนวสฺีนาสฺีวาเทสู’’ติ เอตฺถาปิ. สฺาย สติ ตาย เวทนาคาหสพฺภาวโต ‘‘อาพาธนฏฺเน สฺา โรโค’’ติ วุตฺตํ. ทุกฺขตาสูลโยคโต กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปกฺกปภิชฺชนโต จ สฺา คณฺโฑ; สฺวายมตฺโถ โทสทุฏฺตาย เอว โหตีติ อาห – ‘‘สโทสฏฺเน คณฺโฑ’’ติ. ปีฬาชนนโต อนฺโตตุทนโต ทุรุทฺธรณโต จ สฺา สลฺลํ; สฺวายมตฺโถ ¶ อตฺตภาวํ อนุปวิสิตฺวา อวฏฺาเนนาติ อาห ‘‘อนุปวิฏฺฏฺเน สลฺล’’นฺติ. ปฏิสนฺธิคฺคหเณ วิฺาณํ กุโตจิ อาคตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปฏิสนฺธิวเสน อาคติ’’นฺติ. คตินฺติ ปวตฺตึ. สา ปน ตาสุ ตาสุ คตีสุ วุตฺติ โหตีติ วุตฺตํ – ‘‘จุติวเสน คติ’’นฺติ; วฑฺฒนวเสน ฆนปพนฺธวเสนาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อปราปร’’นฺติ. อปราปรฺหิ ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานํ วิฺาณํ นนฺทูปเสจนํ; อิตรํ ขนฺธตฺตยํ วา นิสฺสาย อภิวุทฺธึ ปติฏฺํ มหนฺตฺจ ปาปุณาตีติ. ปวฑฺฒวเสน วา คตึ, นิกฺเขปวเสน จุตึ, ตโต อปราปรฺจ รูปปวตฺตนวเสน อุปปตฺตึ, อินฺทฺริยปริปากวเสน วุฑฺฒึ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส กตูปจิตภาเวน วิรุฬฺหึ; ตสฺส กมฺมสฺส ผลนิพฺพตฺติยา เวปุลฺลนฺติ โยเชตพฺพํ.
กามฺจาติอาทินา ‘‘อฺตฺร รูปา’’ติอาทิกา โจทนา ลกฺขณวเสน วุตฺตาติ ทสฺเสตฺวา อยฺจ นโย โจทนาย อวิสิฏฺวิสยตาย สิยา; วิสิฏฺวิสยา ปนายํ โจทนาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘อยํ ปน ปฺโห’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺตเก ขนฺเธติ ยถาวุตฺเต รูปเวทนาทิเก จตฺตาโร ขนฺเธ. อฺตฺร รูปาติ อิมินา ยตฺถ กตฺถจิ รูเปน วินา วิฺาณสฺส ปวตฺติ นตฺถีติ ทีปิตํ โหติ. ภววิเสสโจทนาย สภาวโต ¶ เอว วิฺาเณน วินา รูปสฺสปิ ปวตฺติ นตฺถีติ ทีปิตํ โหตีติ อาห – ‘‘อรูปภเวปิ รูปํ, อสฺาภเว จ วิฺาณํ อตฺถี’’ติ. นิโรธสมาปนฺนสฺสาติ สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺนสฺสปิ วิฺาณํ อตฺถิ. พฺยฺชนจฺฉายาย เจ อตฺถํ ปฏิพาหสีติ ยทิ สทฺทตฺถเมว คเหตฺวา อธิปฺปายํ น คณฺหสิ เนยฺยตฺถํ สุตฺตนฺติ. เอตฺถ จ อสฺภเว นิพฺพตฺตสตฺตวเสน ปมวาโท; สฺํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ เอตฺถ วุตฺตนเยน สฺํเยว อตฺตาติ คเหตฺวา ตสฺส กิฺจนภาเวน ิตาย อฺาย สฺาย อภาวโต อสฺีติ ปวตฺโต ทุติยวาโท; ตถา สฺาย สห รูปธมฺเม สพฺเพ เอว วา รูปารูปธมฺเม อตฺตาติ คเหตฺวา ปวตฺโต ตติยวาโท; ตกฺกคฺคาหวเสเนว ปวตฺโต จตุตฺถวาโท. เตสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เนวสฺีนาสฺีวาเทปิ อสฺภเว นิพฺพตฺตสฺส สตฺตสฺส จุติปฏิสนฺธีสุ; สพฺพตฺถ วา ปฏุสฺากิจฺจํ กาตุํ อสมตฺถาย สุขุมาย สฺาย อตฺถิภาวปฏิชานนวเสน ปมวาโท; อสฺีวาเท วุตฺตนเยน สุขุมาย สฺาย วเสน สฺชานนสภาวตาปฏิชานนวเสน จ ทุติยวาทาทโย ปวตฺตาติ. เอวเมตฺถ เอเตสํ วาทานํ สพฺภาโว เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๒๔. ยตฺถ น สฺา, ตตฺถ าณสฺส สมฺภโว เอว นตฺถีติ อาห – ‘‘อสฺา สมฺโมโห’’ติ, อสฺภาโว นาม สมฺโมหปฺปวตฺตีติ อตฺโถ. ยถา นิยฺยนฺตีติ นิยฺยานิยาติ พหุลํ วจนโต กตฺตุสาธโน นิยฺยานิยสทฺโท, เอวํ อิธ วิฺาตพฺพสทฺโทติ อาห – ‘‘วิชานาตีติ ¶ วิฺาตพฺพ’’นฺติ, วิชานนํ วิฺาณนฺติ อตฺโถ. เตน ทิฏฺสุตมุตวิฺาตพฺพมตฺเตนาติ ทิฏฺสุตมุตวิฺาณปฺปมาเณนาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตนาห – ‘‘ปฺจทฺวาริกสฺาปวตฺติมตฺเตนา’’ติ, นิพฺพิกปฺปภาวโต ปฺจทฺวาริกสฺาปวตฺติสเมน ภาวนาภินีหาเรนาติ อตฺโถ. โอฬาริกสงฺขารปฺปวตฺติมตฺเตนาติ โอฬาริกานํ สงฺขารานํ ปวตฺติยา. โอฬาริกสงฺขาราติ เจตฺถ อากิฺจฺายตนปริโยสานา สมาปตฺติธมฺมา อธิปฺเปตา. อุปสมฺปทนฺติ เย สฺาย, อสฺิภาเว จ โทสํ ทิสฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ วณฺเณนฺตาปิ รูปชฺฌานปฏิลาภมตฺเตน ตสฺส สมฺปาทนํ ปฏิลาภํ อธิคมํ ปฺเปนฺติ, เตสํ ตสฺส พฺยสนํ อกฺขายติ อนุปายภาวโต. เตนาห ‘‘วินาโส’’ติอาทิ. วุฏฺานนฺติ สทิสสมาปชฺชนปุพฺพกํ ปริวุฏฺานํ. สมาปตฺติ เอว เตสํ นตฺถิ อนธิคตตฺตา. โอฬาริกสงฺขารปฺปวตฺติยา อนฺตมโส อากิฺจฺายตนสงฺขารปฺปวตฺติยาปิ ปตฺตพฺพนฺติ น อกฺขายติ ¶ เตปิ สมติกฺกมิตฺวา ปตฺตพฺพโต. สงฺขารานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. อวเสสาติ อิโต ปรํ สุขุมภาโว นาม นตฺถีติ สุขุมภาวาปตฺติยา อวเสสา. เตนาห – ‘‘ภาวนาวเสน สพฺพสุขุมภาวํ ปตฺตา สงฺขารา’’ติ. เอตนฺติ เนวสฺานาสฺายตนํ, ปตฺตพฺพํ นาม โหติ ตาทิสสงฺขารปฺปตฺติยํ ตพฺโพหารโต. สงฺขตํ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตตฺตา.
๒๕. ‘‘เย เต สมณพฺราหฺมณา สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕) วกฺขมานตฺตา สพุทฺธิยํ วิปริวตฺตมาเน เอกชฺฌํ คเหตฺวา, ‘‘ตตฺรา’’ติ ภควตา วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘ตตฺราติ สตฺตสุ อุจฺเฉทวาเทสุ ภุมฺม’’นฺติ. อุทฺธํ สรนฺติ อุทฺธํ คตํ สรนฺตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุทฺธํ วุจฺจตี’’ติอาทิ. สรนฺตาติ ยตฺถ ปตฺเถนฺติ น ลภนฺติ, ตํ ชานนฺตา. อาสตฺตินฺติ อาสีสนํ. เปจฺจาติ ปรโลเก. วาณิชูปมา วิยาติ ภวปริยาปนฺนผลวิเสสาเปกฺขาย ปฏิปชฺชนโต. สกฺกายสฺส ภยาติ สนฺโต กาโยติ สกฺกาโย, ปรมตฺถโต วิชฺชมาโน ธมฺมสมูโหติ กตฺวา อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ, ตโต ภายเนน. มา ขียิ มา ปริกฺขยํ อคมาสิ. มา โอสีทิ มา เหฏฺา ภสฺสิ. อพฺภนฺติ อากาสํ มา อุนฺทฺริยิ มา ภิชฺชิตฺวา ปติ. คทฺทุเลน พทฺโธ คทฺทุลพทฺโธ. ทฬฺหถมฺโภ วิย ขีโล วิย จ สกฺกาโย ทุมฺโมจนียโต. สา วิย ทิฏฺิคติโก ตสฺส อนุปริวตฺตนโต. ทณฺฑโก วิย ทิฏฺิ เฉทนกรณาย อสมตฺถภาวกรณโต. รชฺชุ วิย ตณฺหา พนฺธนโต จ, อารมฺมณกรณวเสน สมนฺนาคมนวเสน จ สมฺพทฺธภาวโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทิฏฺิทณฺฑเก ปเวสิตาย ตณฺหารชฺชุยา’’ติ.
๒๖. ภควา อตฺตโน เทสนาวิลาเสน เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน (จตุจตฺตารีส อปรนฺตกปฺปิกวาทา ตตฺถ ตตฺถ อนฺโตคธาติ) อุทฺเทสวเสน ปฺเจว สงฺคเหตฺวา ยถุทฺเทสํ นิคเมนฺโต, ‘‘อิมาเนว ¶ ปฺจายตนานี’’ติ ¶ อาห. ตตฺถ ทุกฺขสฺส นิมิตฺตภาวโต ทิฏฺิคตานํ การณฏฺเน อายตนตฺโถติ วุตฺตํ – ‘‘อิมาเนว ปฺจ การณานี’’ติ. สฺีอาทิวเสน ตีณิ อุจฺเฉทวาโทติ จตฺตาริ ภาชิตานิ. อิตรํ ปน ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ กุหึ ปวิฏฺํ? สรูปโต อภาชิตตฺตา ยถาภาชิเตสุ วาเทสุ กตฺถ อนฺโตคธนฺติ ปุจฺฉติ. อุทฺเทเส ปน สรูปโต คหิตเมว, ‘‘ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ วา ปเนเก อภิวทนฺตี’’ติ. อิตโร เอกตฺตสฺีวาเท นานตฺตสฺีวาเท อนฺโตคธนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกตฺต…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ อาห ยถาสุขฺเจตํ วุตฺตํ. ปโม หิ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาโท นานตฺตสฺีวาเท อนฺโตคโธ, อิตเร จตฺตาโร เอกตฺตสฺีวาเท.
๒๗. อตีตโกฏฺาสสงฺขาตนฺติ อตีตํ ขนฺธโกฏฺาสสงฺขาตํ ปุพฺพนฺตํ. ปุพฺเพ นิวุตฺถธมฺมวิสยา กปฺปนา อิธาธิปฺเปตา, ตสฺมา อตีตกาลวาจโก อิธ ปุพฺพสทฺโท, รูปาทิขนฺธวินิมุตฺตฺจ กปฺปนาวตฺถุ นตฺถิ, อนฺตสทฺโท จ โกฏฺาสวาจโก. เตน วุตฺตํ ‘‘อตีตโกฏฺาสสงฺขาตํ ปุพฺพนฺตํ กปฺเปตฺวา’’ติ. ‘‘กปฺเปตฺวา’’ติ จ ตสฺมึ ปุพฺพนฺเต ตณฺหายนาภินิวิสานํ สมตฺถนํ ปรินิฏฺาปนํ วทติ. เสสมฺปีติ ‘‘ปุพฺพนฺตานุทิฏฺี’’ติ เอวมาทิกํ. ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการนฺติ ‘‘อปรนฺตานุทิฏฺิโน’’ติอาทีสุ วุตฺตปฺปการํ. เอเกกสฺมิฺจ อตฺตาติ อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ กตฺวา, โลโกติ โลกิยนฺติ เอตฺถ ปฺุปาปานิ ตพฺพิปากา จาติ กตฺวา, ตํ ตํ คหณวิเสสํ อุปาทาย ปฺาปนํ โหตีติ อาห – ‘‘รูปาทีสุ อฺตรํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คเหตฺวา’’ติ. สพฺพทาภาเวน สสฺสโต. อมโร นิจฺโจ ธุโวติ ตสฺเสว เววจนานิ. มรณาภาเวน อมโร, อุปฺปาทาภาเวน สพฺพกาลํ วตฺตนโต นิจฺโจ, ถิรฏฺเน วิการาภาเวน ธุโว, ยถาหาติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ นิทฺเทสปฏิสมฺภิทาปาฬีหิ วิภาเวติ. อยฺจ อตฺโถ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, เวทนํ… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐-๑๓๑) อิมิสฺสา ปฺจวิธาย สกฺกายทิฏฺิยา วเสน วุตฺโต. ‘‘รูปวนฺต’’นฺติอาทิกาย (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐-๑๓๑) ปน ปฺจทสวิธาย สกฺกายทิฏฺิยา วเสน จตฺตาโร จตฺตาโร ขนฺเธ, ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺํ – ‘‘โลโก’’ติ ปฺเปนฺตีติ อยมฺปิ อตฺโถ ลพฺภติ, ตถา เอกํ ขนฺธํ, ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺเ ‘‘โลโก’’ติ ปฺเปนฺตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอเสว นโยติ อิมินา ยถา ‘‘รูปาทีสุ อฺตรํ อตฺตาติ ¶ จ โลโกติ จ คเหตฺวา สสฺสโต…เป… ธุโว’’ติ อตฺโถ วุตฺโต; เอวํ อสสฺสโต อนิจฺโจ อธุโว อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ น โหติ ปรํ มรณา; นิจฺโจ จ อนิจฺโจ จ เนวนิจฺโจ นานิจฺโจติ เอวมาทิมตฺถํ อติทิสติ.
จตฺตาโร สสฺสตวาทาติ ลาภีวเสน ตโย, ตกฺกีวเสน เอโกติ เอวํ จตฺตาโร. ปุพฺเพนิวาสาณลาภี ¶ ติตฺถิโย มนฺทปฺโ อเนกชาติสตสหสฺสมตฺตํ อนุสฺสรติ, มชฺฌิมปฺโ ทส สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปานิ, ติกฺขปฺโ จตฺตารีส สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปานิ, น ตโต ปรํ. โส เอวํ อนุสฺสรนฺโต อตฺตา จ โลโก จาติ อภิวทติ. ตกฺกี ปน ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติ อภิวทติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ลาภีวเสน ตโย, ตกฺกีวเสน เอโกติ เอวํ จตฺตาโร สสฺสตวาทา’’ติ. เอเตเนว จ อธิจฺจสมุปฺปตฺติกวาโท วิย สสฺสตวาโท กสฺมา ทุวิเธน น วิภตฺโตติ เจ? ปฏิกฺขิตฺตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.
เอตฺถ จ, ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วาเท อยมยุตฺตตาวิภาวนา – ยทิ หิ ปเรน ปริกปฺปิโต อตฺตา, โลโก วา สสฺสโต สิยา, ตสฺส นิพฺพิการตาย ปุริมรูปาวิชหนโต กสฺสจิ วิเสสาธานสฺส กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อหิตโต นิวตฺตนตฺถํ หิเต จ ปฏิปตฺติอตฺถํ อุปเทโส เอว นิปฺปโยชโน สิยา สสฺสตวาทิโน. กถํ วา โส อุปเทโส ปวตฺตียติ วิการาภาวโต; เอวฺจ อตฺตโน อชฏากาสสฺส วิย ทานาทิกิริยา หึสาทิกิริยา จ น สมฺภวติ; ตถา สุขสฺส ทุกฺขสฺส จ อนุภวนนิพนฺโธ เอว สสฺสตวาทิโน น ยุชฺชติ กมฺมพทฺธาภาวโต, ชาติอาทีนํ อสมฺภวโต กุโต วิโมกฺโข. อถ ปน ธมฺมมตฺตํ ตสฺส อุปฺปชฺชติ เจว วินสฺสติ จ, ยสฺส วเสนายํ กิริยาทิโวหาโรติ วเทยฺย. เอวมฺปิ ปุริมรูปาวิชหเนน อวฏฺิตสฺส อตฺตโน ธมฺมมตฺตนฺติ น สกฺกา สมฺภาเวตุํ; เต วา ปนสฺส ธมฺมา อวตฺถาภูตา ตโต อฺเ วา สิยุํ อนฺเ วา, ยทิ อฺเ, น ตาหิ ตสฺส อุปฺปนฺนาหิปิ โกจิ วิเสโส อตฺถิ. โย หิ กโรติ ปฏิสํเวเทติ จวติ อุปปชฺชติ จาติ อิจฺฉิตํ. ตสฺมา ตทวตฺโถ เอว ยถาวุตฺตโทโส, กิฺจ ธมฺมกปฺปนาปิ นิรตฺถกา สิยา. อถ อนฺเ, อุปฺปาทวินาสวนฺตีหิ อวตฺถาหิ ¶ อนฺสฺส อตฺตโน ตาสํ วิย อุปฺปาทวินาสสมฺภวาปตฺติโต กุโต นิจฺจตาวกาโส. ตาสมฺปิ วา อตฺตโน วิย นิจฺจตาติ พนฺธนวิโมกฺขานํ อสมฺภโว เอวาติ น ยุชฺชติ เอว สสฺสตวาโท; น เจตฺถ โกจิ วาที ธมฺมานํ สสฺสตภาเว ปริสุทฺธํ ยุตฺตึ วตฺตุํ สมตฺโถ อตฺถิ; ยุตฺติรหิตฺจ วจนํ น ปณฺฑิตานํ จิตฺตมาราเธตีติ วิฺูหิ ฉฑฺฑิโต เอวายํ สสฺสตวาโทติ.
สตฺต อุจฺเฉทวาทาติ เอตฺถ เต สรูปมตฺตโต เหฏฺา ทสฺสิตา เอว, ตตฺถ ทฺเว ชนา อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหนฺติ ลาภี จ อลาภี จ. ตตฺถ ลาภี นาม ทิพฺพจกฺขุาณลาภี ทิพฺเพน จกฺขุนา อรหโต จุตึ ทิสฺวา อุปปตฺตึ อปสฺสนฺโต. โย วา ปุถุชฺชนานมฺปิ จุติมตฺตเมว ทฏฺุํ สกฺโกติ, ปุพฺพโยคาภาเวน ปริกมฺมากรเณน วา อุปปาตํ ทฏฺุํ น สกฺโกติ. โส ‘‘ตตฺถ ตตฺเถว ¶ อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. อลาภี – ‘‘โก ปรโลกํ ชานาติ, เอตฺตโก ชีววิสโย, ยาว อินฺทฺริยโคจโร’’ติ อตฺตโน ธีตุยา หตฺถคฺคณฺหนกราชา วิย กามสุขคิทฺธตาย วา, ‘‘ยถา รุกฺขปณฺณานิ รุกฺขโต ปติตานิ น ปฏิสนฺธิยนฺติ, เอวํ สพฺเพปิ สตฺตา อปฺปฏิสนฺธิกมรณเมว คจฺฉนฺติ, ชลพุพฺพุฬกูปมา สตฺตา’’ติ ตกฺกมตฺตวเสน วา อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. ตตฺถ ยํ เหฏฺา วุตฺตํ – ‘‘มนุสฺสตฺตภาเว กามาวจรเทวตฺตภาเว รูปาวจรเทวตฺตภาเว จตุพฺพิธอรูปตฺตภาเว จวิตฺวา สตฺตสฺส อุจฺเฉทปฺาปนวเสน สตฺต อุจฺเฉทวาทา กถิตา’’ติ. ตตฺถ ยุตฺตํ ตาว ปุริเมสุ ตีสุ วาเทสุ ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ วุตฺตํ; ปฺจโวการภวปริยาปนฺนํ อตฺตภาวํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา เตสํ วาทานํ, น ยุตฺตํ จตุโวการภวปริยาปนฺนํ อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปวตฺเตสุ จตุตฺถาทีสุ จตูสุ วาเทสุ, ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ วุตฺตํ. น หิ อรูปีนํ กาโย อตฺถีติ? สจฺจเมตํ, รูปภเว ปวตฺตโวหาเรเนว ทิฏฺิคติโก อรูปภเวปิ กายโวหารมาโรเปตฺวา อาห ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ. ยถา ทิฏฺิคติเกหิ ทิฏฺิโย ปฺตฺตา, ตเถว ภควา ทสฺเสสีติ. อรูปกายภาวโต วา ผสฺสาทิธมฺมสมูหภูเต อรูปตฺตภาเว กายนิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถาห – ‘‘กามาวจรเทวตฺตภาวาทินิรวเสสวิภวปติฏฺาปกานํ ทุติยวาทาทีนํ ยุตฺโต อปรนฺตกปฺปิกภาโว อนาคตทฺธวิสยตฺตา เตสํ ¶ วาทานํ; น ปน ทิฏฺิคติก-ปจฺจกฺขภูต-มนุสฺสตฺตภาว-สมุจฺเฉทปติฏฺาปกสฺส ปมวาทสฺส ปจฺจุปฺปนฺนวิสยตฺตา’’ติ. ยทิ เอวํ ยถา หิ ทุติยาทิวาทานํ, ปุริมปุริมวาทสงฺคหิตสฺเสว อตฺตโน อุตฺตรุตฺตรภโวปปตฺติยา สมุจฺเฉทนโต ยุชฺชติ อปรนฺตกปฺปิกตา, ตถา จ ‘‘โน จ โข, โภ, อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา สมฺมา สมุจฺฉินฺโน โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ อนาคตสฺเสว มนุสฺสตฺตภาวสมุจฺเฉทสฺส อธิปฺเปตตฺตา ปมวาทสฺสปิ อปรนฺตกปฺปิกตา ยุชฺชติ. เอวํ สพฺพสฺสปิ ปุพฺพนฺตโต อาคตสฺส อุจฺเฉทปฺาปนวเสน อิธ ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ เทสนา คตา. เอเต อุจฺเฉทวาทา เหฏฺา อปรนฺตกปฺปิเกสุ เทสนา คตา. เอเต อุจฺเฉทวาทา เหฏฺา อปรนฺตกปฺปิเกสุ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชติ, น ตโต อุทฺธํ ปวตฺติ อตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ชลพุพฺพุฬกูปมา หิ สตฺตาติ ตสฺส ลทฺธิ.
อิธาติ ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ. อิเธว มนุสฺสตฺตภาวาทิเก อุจฺฉิชฺชติ วินฏฺวินาสวเสน. เอวํ อนาคเต อนุปฺปตฺติทสฺสนปรานํ อุจฺเฉทวาทานํ อปรนฺตกปฺปิเกสุ คหณํ; ปุพฺพนฺตโต ปน อาคตสฺส อตฺตโน อิเธว อุจฺเฉททสฺสนปรานํ ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ คหณํ. อิโต ปรํ น คจฺฉตีติ ปน อิทํ อตฺถโต อาปนฺนสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนํ. สตฺเตสุ สงฺขาเรสุ จ เอกจฺจสสฺสตนฺติ ปวตฺโต เอกจฺจสสฺสตวาโท ¶ . โส ปน พฺรหฺมกายิก-ขิฑฺฑาปโทสิก-มโนปโทสิกตฺตภาวโต จวิตฺวา อิธาคตานํ ตกฺกิโน จ อุปฺปชฺชนวเสน จตุพฺพิโธติ อาห ‘‘จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสตวาทา’’ติ. ‘‘สงฺขาเรกจฺจสสฺสติกา’’ติ อิทํ เตหิ สสฺสตภาเวน คยฺหมานานํ ธมฺมานํ ยถาสภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํ, น ปเนกจฺจสสฺสติกมตทสฺสนวเสน. ตสฺส หิ สสฺสตาภิมตํ อสงฺขตเมวาติ ลทฺธิ. ตถา หิ วุตฺตํ (ที. นิ. ๑.๔๙) พฺรหฺมชาเล – ‘‘จิตฺตนฺติ วา มโนติ วา วิฺาณนฺติ วา อยํ อตฺตา นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสตี’’ติ. น หิ ยสฺส ภาวสฺส ปจฺจเยหิ อภิสงฺขตภาวํ ปฏิชานาติ; ตสฺเสว นิจฺจธุวาทิภาโว อนุมฺมตฺตเกน น สกฺกา ปฏิฺาตุํ. เอเตน, ‘‘อุปฺปาทวยธุวตายุตฺตภาวา สิยา นิจฺจา, สิยา อนิจฺจา, สิยา น วตฺตพฺพา’’ติอาทินา ปวตฺตสฺส สตฺตภงฺควาทสฺส อยุตฺตตา วิภาวิตา โหติ.
ตตฺถายํ ¶ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๘) อยุตฺตตาวิภาวนา – ยทิ, ‘‘เยน สภาเวน โย ธมฺโม อตฺถีติ วุจฺจติ, เตเนว สภาเวน โส ธมฺโม นตฺถี’’ติอาทินา วุจฺเจยฺย, สิยา อเนกนฺตวาโท; อถ อฺเน, สิยา น อเนกนฺตวาโท; น เจตฺถ เทสนฺตราทิสมฺพทฺธภาโว ยุตฺโต วตฺตุํ ตสฺส สพฺพโลกสิทฺธตฺตา วิวาทาภาวโต. เย ปน วทนฺติ – ‘‘ยถา สุวณฺณฆเฏ มกุเฏ กเต ฆฏภาโว นสฺสติ, มกุฏภาโว อุปฺปชฺชติ, สุวณฺณภาโว ติฏฺติเยว, เอวํ สพฺพภาวานํ โกจิ ธมฺโม นสฺสติ, โกจิ อุปฺปชฺชติ, สภาโว ปน ติฏฺตี’’ติ. เต วตฺตพฺพา – กึ ตํ สุวณฺณํ, ยํ ฆเฏ มกุเฏ จ อวฏฺิตํ? ยทิ รูปาทิ, โส สทฺโท วิย อนิจฺโจ, อถ รูปาทิสมูโห, สมูโห นาม สมฺมุติมตฺตํ. ตสฺส โวหารมตฺตสฺส อตฺถิตา นตฺถิตา นิจฺจตา วา น วตฺตพฺพา. ตสฺส ปรมตฺถสภาเวน อนุปลพฺภนโตติ อเนกนฺตวาโท น สิยา. ธมฺมา จ ธมฺมิโต อฺเ วา สิยุํ อนฺเ วา. ยทิ อฺเ, น เตสํ อนิจฺจตาย ธมฺมี อนิจฺโจ อฺตฺตา. น หิ รูปา จกฺขุวิฺาณํ อฺตฺตา, น จ รูเป จกฺขุวิฺาณสทฺโท โหติ; กิฺจ ธมฺมกปฺปนาปิ นิรตฺถิกา สิยา ธมฺมิโน นิจฺจานิจฺจตาย อสิชฺฌนโต อถ อนฺเ; อุปฺปาทวินาสวนฺเตหิ อนฺสฺส ธมฺมิโน เตสํ วิย อุปฺปาทวินาสสพฺภาวโต กุโต นิจฺจตาวกาโส, เตสมฺปิ วา ธมฺมิโน วิย นิจฺจตาปตฺติ สิยา. อปิจ นิจฺจานิจฺจนวตฺตพฺพรูโป อตฺตา จ โลโก จ ปรมตฺถโต วิชฺชมานตาปฏิชานนโต ยถา นิจฺจาทีนํ อฺตรํ รูปํ, ยถา วา ทีปาทโย. น หิ ทีปาทีนํ อุทยพฺพยสภาวานํ นิจฺจานิจฺจนวตฺตพฺพสภาวตา สกฺกา วตฺตุํ ชีวสฺส นิจฺจาทีสุ อฺตรํ รูปํ วิยาติ เอวํ สตฺตภงฺคสฺส วิย เสสภงฺคานมฺปิ อสมฺภโวเยวาติ สตฺตภงฺควาทสฺส อยุตฺตตา เวทิตพฺพาติ.
เอตฺถ ¶ จ, ‘‘อิสฺสโร นิจฺโจ, อฺเ สตฺตา อนิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทา สตฺเตกจฺจสสฺสตวาทา; เสยฺยถาปิ อิสฺสรวาทาทโย. ‘‘ปรมาณโว นิจฺจา ธุวา, ทฺวิอณุกาทโย อนิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทา สงฺขาเรกจฺจสสฺสตวาทา; เสยฺยถาปิ กณาทวาทาทโย. นนุ จ ‘‘เอกจฺเจ ธมฺมา สสฺสตา, เอกจฺเจ ¶ อสสฺสตา’’ติ; เอตสฺมึ วาเท จกฺขาทีนํ อสสฺสตตาสนฺนิฏฺานํ ยถาสภาวาวโพโธ เอว, ตยิทํ กถํ มิจฺฉาทสฺสนนฺติ, โก เอวมาห – ‘‘จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวสนฺนิฏฺานํ มิจฺฉาทสฺสน’’นฺติ? อสสฺสเตสุเยว ปน เกสฺจิ ธมฺมานํ สสฺสตภาวาภินิเวโส อิธ มิจฺฉาทสฺสนํ; เตน ปน เอกวาเร ปวตฺตมาเนน จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวาวโพโธ วิทูสิโต สํสฏฺภาวโต; วิสสํสฏฺโ วิย สปฺปิมณฺโฑ สกิจฺจการณาสมตฺตตาย สมฺมาทสฺสนปกฺเข เปตพฺพตํ นารหติ. อถ วา อสสฺสตภาเวน นิจฺฉิตาปิ จกฺขุอาทโย สมาโรปิตชีวสภาวา เอว ทิฏฺิคติ เกหิ คยฺหนฺตีติ ตทวโพธสฺส มิจฺฉาทสฺสนภาโว น สกฺกา นิวาเรตุํ. ตถา หิ วุตฺตํ พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๔๙) – ‘‘จกฺขุนฺติ วา…เป… กาโยติ วา อยํ เม อตฺตา’’ติอาทิ. เอวฺจ กตฺวา อสงฺขตาย สงฺขตาย จ ธาตุยา วเสน ยถากฺกมํ เอกจฺเจ ธมฺมา สสฺสตา; เอกจฺเจ อสสฺสตาติ เอวํ ปวตฺโต วิภชฺชวาโทปิ เอกจฺจสสฺสตวาโท อาปชฺชตีติ เอวํปการา โจทนา อโนกาสา โหติ อวิปรีตธมฺมสภาวสมฺปฏิปตฺติภาวโต.
น มรตีติ อมรา. กา สา? ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๖๒) นเยน ปริยนฺตรหิตา ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ จ วาจา จ, อมราย ทิฏฺิยา วาจาย วิวิโธ เขโปติ อมราวิกฺเขโป. โส เอตสฺส อตฺถีติ อมราวิกฺเขโป. อถ วา อมราติ เอกา มจฺฉชาติ, สา อุมฺมุชฺชนนิมฺมุชฺชนาทิวเสน อุทเก สนฺธาวมานา คาหํ น คจฺฉติ; เอวเมวํ อยมฺปิ วาโท อิโต จิโต จ สนฺธาวติ, คาหํ นาคจฺฉตีติ อมราวิกฺเขโป, โส เอว อมราวิกฺเขปิโก. สฺวายํ วาโท มุสาวาทอนุโยคฉนฺทราคโมหเหตุกตาย จตุธา ปวตฺโตติ อาห – ‘‘จตฺตาโร อมราวิกฺเขปิกา วุตฺตา’’ติ. นนุ เจตฺถ (ที. นิ. ฏี. ๑.๖๕-๖๖) จตุพฺพิโธปิ อมราวิกฺเขปิโก กุสลาทิเก ธมฺเม ปรโลกตฺติกาทีนิ จ ยถาภูตํ อนวพุชฺฌมาโน, ตตฺถ ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ ปุจฺฉาย วิกฺเขปนมตฺตํ อาปชฺชตีติ ตสฺส กถํ ทิฏฺิคติกภาโว. น หิ อวตฺตุกามสฺส วิย ปุจฺฉิตมตฺถํ อชานนฺตสฺส วิกฺเขปกรณมตฺเตน ทิฏฺิคติกตา ยุตฺตาติ? น เหวํ ปุจฺฉาวิกฺเขปกรณมตฺเตน ตสฺส ทิฏฺิคติกตา อิจฺฉิตา, อถ โข มิจฺฉาภินิเวเสน. สสฺสตวเสน มิจฺฉาภินิวิฏฺโเยว หิ มนฺทพุทฺธิตาย กุสลาทิธมฺเม ปรโลกตฺติกาทีนิ ¶ จ, ยาถาวโต อปฺปฏิปชฺชมาโน อตฺตนา อวิฺาตสฺส อตฺถสฺส ปรํ วิฺาเปตุํ อสมตฺถตาย มุสาวาทาทิภเยน จ วิกฺเขปํ อาปชฺชตีติ. ตถา หิสฺส ¶ วาทสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห วุตฺโต. อถ วา ปฺุปาปานํ, ตพฺพิปากานฺจ อนวโพเธน, อสทฺทหเนน จ, ‘‘ตพฺพิสยาย ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณํเยว ยุตฺตํ สุนฺทรฺจา’’ติ, ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อภินิวิสนฺตสฺส อุปฺปนฺนา วิสุํเยเวกา เอสา ทิฏฺิ สตฺตภงฺคทิฏฺิ วิยาติ ทฏฺพฺพา. ตถา เจว วุตฺตํ – ‘‘ปริยนฺตรหิตา ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ เจว วาจา จา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖๑). กถํ ปนสฺสา สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห? อุจฺเฉทวเสน อนภินิเวสโต. ‘‘นตฺถิ โกจิ ธมฺมานํ ยถาภูตเวที วิวาทพหุลตฺตา โลกสฺส; ‘เอวเมว’นฺติ ปน สทฺทนฺตเรน ธมฺเม นิชฺฌานนา อนาทิกาลิกา โลเก’’ติ คาหวเสน สสฺสตเลโสเปตฺถ ลพฺภติเยว.
อมติ คจฺฉติ เอตฺถ สภาโว โอสานนฺติ อนฺโต, มริยาโท, โส เอตสฺส อตฺถีติ อนฺตวา. เตนาห ‘‘สปริยนฺโต’’ติ. อวฑฺฒิตกสิณสฺส ปุคฺคลสฺส เอวํ โหตีติ โยชนา. ทุติยวาโท ‘‘อนนฺตวา โลโก’’ติ วาโท. ตติยวาโท ‘‘อนฺตวา จ อนนฺตวา จา’’ติ วาโท. จตุตฺถวาโท ‘‘เนวนฺตวา นานนฺตวา’’ติ วาโท. เอเต เอว จตฺตาโร วาทิโน สนฺธาย พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๕๓) – ‘‘อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปฺเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ (ที. นิ. ฏี. ๑.๕๓) ยุตฺตํ ตาว ปุริมานํ ติณฺณํ วาทีนํ อนฺตตฺตฺจ อนนฺตตฺตฺจ อนฺตานนฺตตฺตฺจ อารพฺภ ปวตฺตวาทตฺตา อนฺตานนฺติกตฺตํ. ปจฺฉิมสฺส ปน ตทุภยปฏิเสธวเสน ปวตฺตวาทตฺตา กถมนฺตานนฺติกตฺตนฺติ? ตทุภยปฏิเสธวเสน ปวตฺตวาทตฺตา เอว. ยสฺมา ปฏิเสธวาโทปิ อนฺตานนฺตวิสโย เอว ตํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา. อปเร อาหุ – ‘‘ยถา ตติยวาเท สมฺเภทวเสน เอตสฺเสว อนฺตวนฺตตา อนนฺตตา จ สมฺภวติ, เอวํ ตกฺกีวาเทปิ กาลเภทวเสน อุภยสมฺภวโต อฺมฺปฏิเสเธน อุภยฺเว วุจฺจติ. กถํ? อนฺตวนฺตตาปฏิเสเธน หิ อนนฺตตา วุจฺจติ, อนนฺตตาปฏิเสเธน จ อนฺตวนฺตตา, อนฺตานนฺตานฺจ ตติยวาทภาโว กาลเภทสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ ยสฺมา อยํ โลกสฺิโต อตฺตา ฌายีหิ อธิคตวิเสเสหิ อนนฺโต กทาจิ สกฺขิ ทิฏฺโ อนุสุยฺยติ; ตสฺมา เนวนฺตวา. ยสฺมา ปน เตหิ ¶ เอว กทาจิ อนฺตวา สกฺขิ ทิฏฺโ อนุสุยฺยติ, ตสฺมา น ปน อนนฺตวา’’ติ. ยถา จ อนุสฺสุติตกฺกีวเสน, เอวํ ชาติสฺสรตกฺกิอาทีนฺจ วเสน ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. อยฺหิ ตกฺกิโก อวฑฺฒิตภาวปุพฺพกตฺตา ปฏิภาคนิมิตฺตานํ วฑฺฒิตภาวสฺส วฑฺฒิตกาลวเสน อปจฺจกฺขการิตาย อนุสฺสวาทิมตฺเต ตฺวา – ‘‘เนวนฺตวา’’ติ ปฏิกฺขิปติ, อวฑฺฒิตกาลวเสน ปน ‘‘นานนฺโต’’ติ. น ปน อนฺตวนฺตตานนฺตตานํ อจฺจนฺตมภาเวน ยถา ตํ ‘‘เนวสฺีนาสฺี’’ติ, อวสฺสฺจ เอตํ เอวํ วิฺาตพฺพํ, อฺถา วิกฺเขปปกฺขํเยว ภเชยฺย จตุตฺถวาโท. น หิ อนฺตวนฺตตานนฺตตาตทุภยวินิมุตฺโต อตฺตโน ¶ ปกาโร อตฺถิ, ตกฺกีวาที จ ยุตฺติมคฺคโก, กาลเภทวเสน จ ตทุภยมฺปิ เอกสฺมึ น น ยุชฺชตีติ. อนนฺตรจตุกฺกนฺติ เอกตฺตสฺีติ อาคตสฺีจตุกฺกํ.
เอกนฺตสุขีติ เอกนฺเตเนว สุขี. ตํ ปนสฺส สุขํ ทุกฺเขน อโวมิสฺสํ โหตีติ อาห ‘‘นิรนฺตรสุขี’’ติ. เอกนฺตสุขเมวาติ อิทํ สุขพหุลตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตีตาสุ สตฺตสุ ชาตีสูติ อิทํ ตโต ปรํ ชาติสฺสราเณน อนุสฺสริตุํ น สกฺกาติ กตฺวา วุตฺตํ. ตาทิสเมวาติ สุขสมงฺคิเมว อตฺตภาวํ. ‘‘เอวํ สุขสมงฺคี’’ติ ตํ อนุสฺสรนฺตสฺส ชาติสฺสรสฺส อตีตชาติยมฺปิ อิธ วิย ทุกฺขผุฏฺสฺส ตํ อนุสฺสรนฺตสฺส.
สพฺเพสมฺปีติ ลาภีนํ ตกฺกีนมฺปิ. ตถาติ อิมินา ‘‘สพฺเพสมฺปี’’ติ อิทํ ปทํ อากฑฺฒติ. กามาวจรํ นาม อทุกฺขมสุขํ อนุฬารํ อวิภูตนฺติ อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานวเสนา’’ติ. จตุตฺถชฺฌานํ การณภูตํ เอตสฺส อตฺถิ, เตน วา นิพฺพตฺตนฺติ จตุตฺถชฺฌานิกํ. มชฺฌตฺตสฺสาติ มชฺฌตฺตภูตสฺส มชฺฌตฺตเวทนาพหุลสฺส. มชฺฌตฺตภูตฏฺานเมว อตฺตโน มชฺฌตฺตตาปตฺตเมว ภูตปุพฺพํ อนุสฺสรนฺตสฺส. เอกจฺจสสฺสติกาติ เอกจฺจสสฺสตวาทิโน วุตฺตา. ปุคฺคลาธิฏฺาเนน หิ เอกจฺจสสฺสติกา. เอส นโย เสเสสุปิ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาโท สสฺสตวาทสมุทฺทิฏฺโติ กตฺวา ‘‘ทฺเว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา’’ติ จ วุตฺตํ.
๒๘. ทิฏฺุทฺธารนฺติ ยถาวุตฺตานํ ทิฏฺีนํ อนิยฺยานิกภาวทสฺสนวเสน ปทุทฺธรณํ. ปจฺจตฺตํเยว าณนฺติ อปรปฺปจฺจยํ อตฺตนิเยว าณํ. ตํ ปน อตฺตปจฺจกฺขํ ¶ โหตีติ อาห ‘‘ปจฺจกฺขาณ’’นฺติ. สุวณฺณสฺส วิย โทสาปคเมน อุปกฺกิเลสวิคเมน าณสฺส วิสุทฺธนฺติ อาห ‘‘ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลส’’นฺติ. กิเลสนฺธการวิคมโต สปฺปภาสมุชฺชลเมว โหตีติ วุตฺตํ – ‘‘ปริโยทาตนฺติ ปภสฺสร’’นฺติ พาหิรสมยสฺมิมฺปิ โหนฺติ ฌานสฺส สมิชฺฌนโต. มยมิทํ ชานามาติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ จ มิจฺฉาคาหวเสน อฺาณภาคเมว ปริพฺรูเหตฺวา ตโต เอว ยถาคหิตํ คาหํ สนฺธาย – ‘‘มยมิทํ อตฺถํ ตตฺถ ชานามา’’ติ เอวํ ตตฺถ มิจฺฉาคาเห อวิชฺชมานํ าณโกฏฺาสํ โอตาเรนฺติเยว อนุปฺปเวเสนฺติเยว. น ตํ าณํ, มิจฺฉาทสฺสนํ นาเมตํ, กึ ปน ตํ มิจฺฉาทสฺสนํ นาม? สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติอาทินา มิจฺฉาภินิเวสภาวโต. เตนาห ‘‘ตทปิ…เป… อตฺโถ’’ติ. ยํ ตํ ทิฏฺิยา อุปนิสฺสยภูตํ าณํ, ตํ สนฺธายาห – ‘‘ชานนมตฺตลกฺขณตฺตา าณภาคมตฺตเมวา’’ติ. าณมฺปิ หิ ทิฏฺิยา อุปนิสฺสโย โหติเยว ลาภิโน อิตรสฺส จ ตถา ตถา มิจฺฉาภินิเวสโต. อนุปาติวตฺตนโต อนติกฺกมนโต. อสาธารณโต น อุปาติวตฺตนฺติ เอเตนาติ ¶ อนุปาติวตฺตนํ, ตโต. อุปาทานปจฺจยโตติ อุปาทานสฺส ปจฺจยภาวโต. เอเตน ผลูปจาเรเนว อุปาทานมาห. ยทิ พฺรหฺมชาเล อาคตา สพฺพาปิ ทิฏฺิโย อิธ กถิตา โหนฺติ, เอวํ สนฺเต อิทํ สุตฺตํ พฺรหฺมชาลสุตฺเตน เอกสทิสนฺติ อาห – ‘‘พฺรหฺมชาเล ปนา’’ติอาทิ. ‘‘อฺตฺร รูปํ อฺตฺร เวทนา สกฺกายํเยว อนุปริธาวนฺตี’’ติ วจนโต อิธ สกฺกายทิฏฺิ อาคตา. พฺรหฺมชาลํ กถิตเมว โหติ ตตฺถ อาคตานํ ทฺวาสฏฺิยาปิ ทิฏฺีนํ อิธาคตตฺตา. สสฺสตุจฺเฉทาภินิเวโส อตฺตาภินิเวสปุพฺพโก, ‘‘อตฺตา สสฺสโต อตฺตา อุจฺเฉโท’’ติ ปวตฺตนโต.
๓๐. ทฺวาสฏฺิ…เป… ทสฺเสตุนฺติ กถํ ปนายมตฺโถ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ’’ติอาทิปาฬิยา ทสฺสิโต โหตีติ? อปฺปหีนสกฺกายทิฏฺิกสฺส ปุพฺพนฺตาปรนฺตทิฏฺิอุปาทิยนโชตนโต. ปริจฺจาเคนาติ วิกฺขมฺภเนน. จตุตฺถชฺฌานนิโรธา ตติยชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ เอตฺถ น ปริหีนจตุตฺถชฺฌานสฺส ตติยชฺฌานํ ภวติ, ตติยชฺฌานา วุฏฺิตสฺส ปน จตุตฺถชฺฌานา วุฏฺิตสฺส จ ตติยํ ปฏิโลมนเยน สมฺภวติ. เตนาห ‘‘อยํ ¶ ปเนตฺถา’’ติอาทิ. เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพนฺติ ‘‘ปวิเวกา ปีติ นิรุชฺฌตี’’ติ อิทํ, ‘‘นิรามิสสุขสฺสนิโรธา’’ติ เอตฺถ วิย วุฏฺานนิโรธวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ อตฺโถ. หีนชฺฌานปริยาทานกโทมนสฺสนฺติ นีวรณสหคตโทมนสฺสมาห. ตฺหิ ฌานปริยาทานกรํ. กมฺมนียภาโวติ สมาปตฺตึ ปตฺโต วิย สมาปตฺติสมาปชฺชนภาเว กมฺมกฺขมภาโว. โสมนสฺสวิธุรตฺตา โทมนสฺสํ วิยาติ โทมนสฺสนฺติ วุตฺตํ. ‘‘อุปฺปชฺชติ ปวิเวกา ปีตี’’ติ ปุน วุตฺตา ปีติ ฌานทฺวยปีติ. ยํ านํ ฉายา ชหตีติ ยํ ปเทสํ อาตเปน อภิภุยฺยมานํ ฉายา ชหติ. ตตฺถ อาตเป ฉายาติ ปเทเสน อาตปสฺิตานํ ภูตสงฺขตานํ ปหานฏฺานมาห. เตนาห ‘‘ยสฺมึ าเน’’ติอาทิ.
๓๑. นิรามิสํ สุขนฺติ ตติยชฺฌานสุขํ ทูรสมุสฺสาริตกามามิสตฺตา.
๓๒. อทุกฺขมสุขนฺติ จตุตฺถชฺฌานเวทนํ, น ยํ กิฺจิ อุเปกฺขาเวทนํ.
๓๓. นิคฺคหโณติ มมํการภาเวน กิฺจิปิ อคณฺหนฺโต. นิพฺพานสฺส สปฺปายนฺติ นิพฺพานาธิคมสฺส, นิพฺพานสฺเสว วา อวิโลมวเสน เอกนฺติกุปายตาย สปฺปายํ. เตนาห ‘‘อุปการภูต’’นฺติ. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ เตภูมกธมฺเมสุ. เอตนฺติ เอตํ ยถาวุตฺตสมถภาวนาย กิเลสานํ วิกฺขมฺภนํ. สพฺพตฺถ นิกนฺติยา อสุกฺขาปิตตฺตา กถํ นิพฺพานสฺส อุปการปฏิปทา นาม ชาตํ? น ชายเต วาตฺยธิปฺปาโย. สพฺพตฺถาติ ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิอาทิเก สพฺพสฺมึ. อคฺคณฺหนวเสนาติ ¶ ตณฺหาคาเหน อคฺคหณวเสน. ยตฺถ หิ ตณฺหาคาโห วิโมจิโต, ตตฺถ ทิฏฺิมานคฺคาหา สุกฺขา วิย โหนฺติ ตเทกฏฺภาวโต. ตาทิสสฺส นิพฺพานคามินี ปฏิปทา เอว อาสนฺเน, น ทูเร. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปการปฏิปทา นาม ชาต’’นฺติ. ตาทิสสฺส จ สนฺโตหมสฺมีติอาทิกา สมนุปสฺสนา อธิมานปกฺเข ติฏฺตีติ อาห – ‘‘อภิวทตีติ อภิมาเนน อุปวทตี’’ติ. อิทเมว อุปาทิยตีติ นิยมาภาวโต ‘‘อฏฺารสวิธมฺปี’’ติ วุตฺตํ. เสสปเทปิ เอเสว นโย. ทิฏฺุปาทาเน สติ เสสอุปาทานสมฺภโว อวุตฺตสิทฺโธติ ตเทว อุทฺธฏํ.
เส อายตเน เวทิตพฺเพติ นิโรธสฺส การณํ นิพฺพานํ เวทิตพฺพํ. ทฺวินฺนํ อายตนานนฺติ จกฺขายตนาทีนํ ทฺวินฺนํ อายตนานํ. ปฏิกฺเขเปน นิพฺพานํ ทสฺสิตํ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน.
น ¶ คาธตีติ น ปติฏฺาติ. อโตติ อสฺมา นิพฺพานา. สราติ ตณฺหา. สงฺขารปฏิกฺเขเปนาติ สงฺขาเรกเทสภูตานํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ ปฏิกฺเขเปน.
วิฺาณนฺติ วิสิฏฺเน าเณน ชานิตพฺพํ. ตโต เอว อนิทสฺสนํ อจกฺขุวิฺเยฺยํ อนินฺทฺริยโคจรํ. อนนฺตนฺติ อนฺตรหิตํ, นิจฺจนฺติ อตฺโถ. สพฺพโต ปภนฺติ กิเลสนฺธการาภาวโต จ สมนฺตโต ปภสฺสรํ. ‘‘สพฺพโต ปป’’นฺติ วา ปาโ, สพฺพโต ปตติตฺถนฺติ อตฺโถ. จตฺตารีสกมฺมฏฺานสงฺขาเตหิ ติตฺเถหิ โอตริตฺวา อนุปวิสิตพฺพํ อมตสรนฺติ วุตฺตํ โหติ. อนุปาทา กฺจิ ธมฺมํ อคฺคเหตฺวา วิมุจฺจนฺติ เอตฺถาติ อนุปาทาวิโมกฺโข, นิพฺพานํ. อนุปาทา วิมุจฺจติ เอเตนาติ อนุปาทาวิโมกฺโข, อคฺคมคฺโค. อนุปาทาวิโมกฺขนฺติกตาย ปน อรหตฺตผลํ อนุปาทาวิโมกฺโขติ วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ปฺจตฺตยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. กินฺติสุตฺตวณฺณนา
๓๔. ภโวติ ¶ ปริตฺโต. อภโวติ มหนฺโต. วุทฺธิอตฺโถ หิ อยํ อ-กาโร, ‘‘สํวราสํวโร, ผลาผล’’นฺติอาทีสุ วิย, ตสฺมา ภวาภวเหตูติ ขุทฺทกสฺส มหนฺตสฺส วา ภวสฺส เหตุ, ตํ ปจฺจาสีสมาโนติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว สุขํ เวทิสฺสามี’’ติอาทิ.
๓๕. โลกุตฺตรโพธิปกฺขิยธมฺเม อุทฺทิสฺส ปุถุชฺชนานํ วิวาโท สมฺภวตีติ อาห – ‘‘โลกิยโลกุตฺตราว กถิตา’’ติ. โลกิยาปิ หิ โพธิปกฺขิยธมฺมา โลกุตฺตรธมฺมาธิคมสฺส อาสนฺนการณตฺตา วิเสสการณนฺติ ยาว อฺเหิ โลกิยธมฺเมหิ อภิวิสิฏฺโติ กตฺวา, ‘‘อิเมสุ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺเมสู’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ. อตฺถโต นานํ โหตีติ อตฺถโต เภโท โหติ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ สมธิคตตฺตา. น หิ กายาทโย ภาเวตพฺพา, สติเยว ปน ภาเวตพฺพาติ. พฺยฺชนโต นานํ เภทํ. อิมินาปิ การเณนาติ อิมายปิ ยุตฺติยา. อิทานิ ตํ ยุตฺตึ ทสฺเสนฺโต – ‘‘อตฺถฺจ พฺยฺชนฺจา’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ สมาเนตฺวาติ สุตฺตนฺตรโต สมาเนตฺวา, สุตฺตนฺตรปเทหิ จ สมาเนตฺวา. อฺถาติ อฺโต, ภูตโต อปคตํ กตฺวาติ อตฺโถ. มิจฺฉา โรปิตภาโวติ อยาถาวโต ปิตภาโว. อตฺถฺจ พฺยฺชนฺจ วิฺาปนการณเมวาติ อวิปรีตตฺถสฺส สทฺทสฺส จ พุชฺฌนเหตุตาย.
๓๗. อิธ ธมฺมวินยฏฺาเน สติเยว สติปฏฺานนฺติ คหิตา, อตฺถโต สเมติ นาม ยาถาวโต อตฺถสฺส คหิตตฺตา. อสภาวนิรุตฺติภาวโต พฺยฺชนโต นานตฺตนฺติ ตํ ลิงฺคเภเทน วจนเภเทน จ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สติปฏฺาโนติ วา สติปฏฺานาติ วา มิจฺฉา โรเปถา’’ติ อาห. อปฺปมตฺตกนฺติ อณุมตฺตํ สลฺลหุกํ, น ครุตรํ อธนิตํ กตฺวา วตฺตพฺพมฺปิ ธนิตํ โฆสวนฺตํ กตฺวา โรปิเต วุตฺตโทสาภาวโตติ เตนาห – ‘‘นิพฺพุตึ ปตฺตุํ สกฺกา โหตี’’ติ.
พฺยฺชนสฺส มิจฺฉาโรปนํ น วิเสสนฺตรายกรํ โหตีติ าปนตฺถํ, จตุสุ มคฺเคสุ ปฺหํ กเถตฺวาว ปรินิพฺพุโต. สุตฺตนฺตพฺยฺชนํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปนา’’ติ.
๓๘. อถ จตุตฺถวาเร วิวาโท กสฺมา ชาโต? ยาวตา เนสํ วจนํ อตฺถโต เจว สเมติ พฺยฺชนโต จาติ อธิปฺปาโย. สฺาย วิวาโทติ กิฺจาปิ สเมติ อตฺถโต เจว พฺยฺชนโต ¶ จ, สฺา ปน เนสํ อวิสุทฺธา, ตาย สฺาย วเสน วิวาโท ชาโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อห’’นฺติอาทิมาห. อหํ สติปฏฺานนฺติ วทามิ, อยํ สติปฏฺาโนติ วทตีติ เอวํ เตสํ าณํ โหตีติ อิมมตฺถํ, ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติ.
๓๙. น โจทนตฺถาย เวคายิตพฺพนฺติ สีฆํ สีฆํ น โจทนา กาตพฺพาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอกจฺโจ โกธนภาเวน เอวํ ปฏิปฺผริ, ตสฺมา. อนาทานทิฏฺีติ อาทิยิตฺวา อนภินิวิสนโต อนาทานทิฏฺี อทฬฺหคฺคาหี. ปกฺขิปนฺโต วิยาติ คิลิตฺวา ปกฺขิปนฺโต วิย.
อุปฆาโตติ จิตฺตปฺปฆาโต ผรสุปฆาโต วิย. วณฆฏฺฏิตสฺส วิยาติ วเณ ฆฏฺฏิตสฺส วิย ทุกฺขุปฺปตฺติ จิตฺตทุกฺขุปฺปตฺติ. ทฺเว วาเร วตฺวาปิ วิสชฺเชตีติ สุปฺปฏินิสฺสคฺคี เอวํ ปเคว โจทิตมตฺเต วิสฺสชฺเชติ เจติ อธิปฺปาโย ¶ . กถนวเสน จ กายจิตฺตกิลมโถ. เอวรูโปติ สหสา อวิสฺสชฺเชนฺเตน โจทกสฺส วิเหสาวาโท หุตฺวาปิ อกฺโกธนาทิสภาโว.
อุเปกฺขาติ สเกน กมฺเมน ปฺายิสฺสตีติ ตสฺมึ ปุคฺคเล อชฺฌุเปกฺขณา. อุเปกฺขํ อติมฺติ นาม ตสฺส อนาจารสฺส อนชฺฌุเปกฺขณโต.
๔๐. วจนสฺจาโรติ เปสฺุวเสน อฺถาวจนุปสํหาโร. ทิฏฺิปฬาโสติ ยุคคฺคาหวเสน ลทฺธิ. สา ปน จิตฺตสฺส อนาราธนิยภาโว สตฺถุจิตฺตสฺส อนาราธกภาโว. กลโหติ อธิกรณุปฺปาทวเสน ปวตฺโต วิคฺคโห ภณฺฑนสฺส ปุพฺพภาโค.
เยน การเณนาติ เยน ธมฺเมน สตฺถุสาสเนน. ตเมว หิ สนฺธาย วทติ – ‘‘ธมฺโมติ สารณียธมฺโม อธิปฺเปโต’’ติ. เอตฺถาติ ‘‘ธมฺมสฺส จานุธมฺม’’นฺติ เอตฺถ. ธมฺโมติ สมฺพุทฺธสฺส ตสฺส ตถา ปวตฺตํ พฺยากรณํ ยถา วิวาทาปนฺนา สฺตฺตึ คจฺฉนฺติ. เตนาห – ‘‘เตสํ ภิกฺขูนํ สฺตฺติกรณ’’นฺติ. ตเทว พฺยากรณํ อนุธมฺโมติ ภิกฺขุนา วุจฺจมาโน อนุปวตฺโต ธมฺโม. เตนาห – ‘‘ตเทว พฺยากโรติ นามา’’ติ. โกจีติ โย โกจิ. สหธมฺมิโก สการโณ. อฺตฺโถ อยํ กึ สทฺโทติ อาห ‘‘อฺโ’’ติ. อสฺสาติ วุตฺตนเยน ปฏิปนฺนภิกฺขุโน, ตสฺส ปฏิปตฺติ น เกนจิ ครหณียา โหตีติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพํ สุวิฺเยฺยเมว.
กินฺติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. สามคามสุตฺตวณฺณนา
๔๑. ทฺเวธิกชาตาติ ¶ ชาตทฺเวธิกา สฺชาตเภทา. ทฺเวชฺฌชาตาติ ทุวิธภาวํ ปตฺตา. ภณฺฑนฺติ ปริภาสนฺติ เอเตนาติ ภณฺฑนํ, วิรุทฺธจิตฺตตา. ตนฺติ ภณฺฑนํ. ธมฺมวินยนฺติ ปาวจนํ. วิตุชฺชนฺตา มุขสตฺตีหิ. สหิตํ เมติ มยฺหํ วจนํ สหิตํ สิลิฏฺํ ปุพฺพาปรสมฺพนฺธํ อตฺถยุตฺตํ. เตนาห ¶ ‘‘อตฺถสํหิต’’นฺติ. อธิจิณฺณนฺติ อาจิณฺณํ. วิปราวตฺตนฺติ วิโรธทสฺสนวเสน ปราวตฺติตํ, ปราวตฺตํ ทูสิตนฺติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘จิรกาลวเสน…เป… นิวตฺต’’นฺติ. ปริเยสมาโน จร, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา สิกฺขาหีติ อตฺโถ. สเจ สกฺโกสิ, อิทานิเมว มยา เวิตโทสํ นิพฺเพเหิ. มรณเมวาติ อฺมฺฆาตวเสน มรณเมว.
นาฏปุตฺตสฺส อิเมติ นาฏปุตฺติยา. เต ปน ตสฺส สิสฺสาติ อาห ‘‘อนฺเตวาสิเกสู’’ติ. ปุริมปฏิปตฺติโต ปฏินิวตฺตนํ ปฏิวานํ, ตํ รูปํ สภาโว เอเตสนฺติ ปฏิวานรูปา. เตนาห ‘‘นิวตฺตนสภาวา’’ติ. กถนํ อตฺถสฺส อาจิกฺขนํ. ปเวทนํ ตสฺส เหตุทาหรณานิ อาหริตฺวา โพธนํ. น อุปสมาย สํวตฺตตีติ อนุปสมสํวตฺตนํ, ตเทว อนุปสมสํวตฺตนิกํ, ตสฺมึ. สมุสฺสิตํ หุตฺวา ปติฏฺาเหตุภาวโต ถูปํ ปติฏฺาติ อาห – ‘‘ภินฺนถูเปติ ภินฺนปติฏฺเ’’ติ. ถูโปติ วา ธมฺมสฺส นิยฺยานภาโว เวทิตพฺโพ, อฺธมฺเม อภิภุยฺย สมุสฺสิตฏฺเน. โส นิคณฺสฺส สมเย เกหิจิ อภินฺนสมฺมโตปิ ภินฺโน วินฏฺโเยว สพฺเพน สพฺพํ อภาวโตติ ภินฺนถูโป. โส เอว นิยฺยานภาโว วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิตุกามานํ ปฏิสรณํ, ตํ เอตฺถ นตฺถีติ อปฺปฏิสรโณ, ตสฺมึ ภินฺนถูเป อปฺปฏิสรเณติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อาจริยปฺปมาณนฺติ อาจริยมุฏฺิ หุตฺวา ปมาณภูตํ. นานานีหาเรนาติ นานากาเรน. ‘‘วิวาโท น อุปฺปชฺชี’’ติ วตฺวา ตสฺส อนุปฺปตฺติการณํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สตฺถา หิ…เป… อวิวาทการณํ กตฺวาว ปรินิพฺพายี’’ติ วตฺวา ตํ วิวริตุํ ‘‘ภควตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปติฏฺา จ อวสฺสโย จ, ‘‘อยํ ธมฺโม อยํ วินโย อิทํ สตฺถุสาสน’’นฺติ วินิจฺฉยเน มหาปเทสา, ปฺหพฺยากรณานิ จ, ยสฺมา เตสุ ปติฏฺาย เต อวสฺสาย ธมฺมวินยธรา จ นิจฺฉยํ คจฺฉนฺติ. ตถา หิ สุตฺตนฺตมหาปเทสโต วินเย เกนจิ ปุจฺฉิโต อตฺโถ จตุนฺนํ ปฺหพฺยากรณานํ วเสน สุวินิจฺฉิตรูโป, ตสฺมา ธมฺมวินโย อิธ สตฺถุ กิจฺจํ กาตุํ สกฺโกตีติ อาห – ‘‘เตเนวา’’ติอาทิ, ตสฺมา อุฬาราย เทสนาย ภาชนนฺติ อธิปฺปาโย.
๔๒. ปฏิปวิฏฺํ ¶ กตฺวา อาหริตพฺพโต, สจฺจํ การิตพฺพโต ปาภตํ มูลนฺติ อาห – ‘‘กถาปาภต’’นฺติ, ธมฺมกถาย มูลการณนฺติ อตฺโถ. เยสํ ¶ วเสน วิวาโท อุปฺปนฺโน, เตเยว อธมฺมวาทิโน, เตสํ ตาว โส อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตตุ, ตโต อฺเสํ เทวมนุสฺสานํ กถนฺติ, โจทนา ปรมฺปราย สํกิเลสวตฺถุภาวโตติ ปริหาโร. เตนาห – ‘‘โกสมฺพกกฺขนฺธเก วิยา’’ติอาทิ.
๔๓. อภิฺา เทสิตาติ อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ชานิตฺวา โพธิตา. ปติสฺสยมานรูปาติ อปทิสฺส ปติสฺสยมานา ครุกวเสน นิสฺสยมานสภาวา. เตนาห – ‘‘อุปนิสฺสาย วิหรนฺตี’’ติ, ครุตรํ นิสฺสยํ กตฺวา วิหรนฺตีติ อตฺโถ. ปริวาเร ปฺตฺตานีติ, ‘‘อาชีวเหตุ อาชีวการณา’’ติ, เอวํ นิทฺธาเรตฺวา ปริวารปาฬิยํ (ปริ. ๓๓๖) อาสงฺกรวเสน ปิตานิ. ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ (ปารา. ๓๙, ๔๒, ๔๓) วิภงฺคปาวเสเนว หิ ตานิ ภควตา ปฺตฺตานิ. ตานิ เปตฺวา เสสานิ สพฺพสิกฺขาปทานิ อธิปาติโมกฺขํ นามาติ, อิทํ โคพลีพทฺทาเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ เตสมฺปิ อธิปาติโมกฺขภาวโต.
ตตฺรายํ นโยติ ตสฺมึ สุปฺปชหนาย อปฺปมตฺตกภาเว อยํ วกฺขมาโน. ตานีติ ปณีตโภชนานิ. โย โกจีติ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา. ทุกฺกฏวตฺถุกนฺติ ยํ กิฺจิ ทุกฺกฏาปตฺติวตฺถุกํ. เตนาติ สุปฺปชหนภาเวน มูลาปตฺติวีติกฺกมสฺส อณุมตฺตตาย.
ปุพฺพภาคมคฺคนฺติ โลกิยมคฺคํ. ตตฺราติ ตสฺมึ ปุพฺพภาคมคฺคํ นิสฺสาย วิวาทุปฺปาเท. โอภาสาณนฺติ โอภาสสฺส อุปฺปตฺติเหตุภูตํ าณํ. ตตฺถ ปน โส มคฺคสฺิภาเวน มคฺโค จ จตุพฺพิโธติ สุตตฺตา, ‘‘ปฏฺมมคฺโค นามา’’ติอาทิมาห. เอวนฺติ เอวํ อสนฺทิทฺธํ อปริสงฺกิตํ ปริจฺจตฺตํ กตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถตุํ น สกฺโกติ.
เจติยํ น ทิฏฺนฺติ ตสฺส กตํ ถูปํ วทติ. นินฺทิเย ปุถุชฺชนภาเว ิตํ ปาสํสํ อริยภาวํ อาโรเปตฺวา ตํ มิจฺฉาลทฺธึ อภินิวิสฺส ปคฺคยฺห โวหรณโต สคฺโคปิ มคฺโคปิ วาริโตเยวาติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย ¶ นินฺทิยํ ปสํสติ, ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;
วิจินาติ มุเขน โส กลึ, กลินา เตน สุขํ น วินฺทตี’’ติ. (สุ. นิ. ๖๖๓; สํ. นิ. ๑.๑๘๐-๑๘๑; อ. นิ. ๔.๓; เนตฺติ. ๙๒);
‘‘ขเณเนว ¶ อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺถกมฺมฏฺานกถํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ หิ อิมินา ตตฺถ โกหฺมฺปิ ทิสฺสติ; อิตเรสุ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อุปฺปาเฏตฺวาติ อุทฺธริตฺวา. ‘‘อถ เต ภิกฺขู’’ติอาทิ เสสํ นาม. ‘‘อมตํ เต ปริภฺุชนฺติ, เย กายคตาสตึ ปริภฺุชนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๖๐๐) วจนํ ทุคฺคหิตํ คณฺหาเปตฺวา, ‘‘เอตฺตาวตา โว อมตํ ปริภุตฺตํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห.
๔๔. เอวนฺติ อาการลกฺขณเมตํ, น อาการนิยมนํ. เตน อิมินาว การเณน จ โย วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ครุสฺมึ ครูติ ปวตฺตํ จิตฺตํ ครุวิสยตฺตา ตํสหจริตตฺตา ครุ, ตสฺส ภาโว คารวํ, ครุกรณํ, ตํ เอตฺถ นตฺถีติ อคารโว. เตนาห ‘‘คารววิรหิโต’’ติ. ครุสฺส คารววเสน ปติสฺสยนํ ปติสฺโสติ วุจฺจติ นีจวุตฺติตา, ตปฺปฏิปกฺขโต อปฺปติสฺโสติ อาห – ‘‘อปฺปติสฺสโย อนีจวุตฺตี’’ติ. เอตฺถ ยถายํ ปุคฺคโล สตฺถริ อคารโว นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตีสุกาเลสุ อุปฏฺานํ น ยาตีติอาทิ สมุทายกิตฺตนอนวเสสทสฺสนํ, อวยวโต ปน อคารวสิทฺธิ ยถา ตํ สามฺโต สิกฺขาปทสมาทานํ ตพฺพิเสโส เภโท. เอส นโย เสเสสุปิ.
สกฺกจฺจํ น คจฺฉตีติ อาทรวเสน น คจฺฉติ. สงฺเฆ กโตเยว โหติ สงฺฆปริยาปนฺนตฺตา ตสฺส, ยถา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนํ เอเกน ภิกฺขุนา ปฏิคฺคหิตํ สงฺฆสฺส ทินฺนเมว โหติ. อปริปูรยมาโนว สิกฺขาย อคารโว. เตนาห ภควา – ‘‘สิกฺขาย น ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๓๕). อตฺตโน ปริสาย อุปฺปนฺนํ วิวาทมูลํ วิเสสโต อตฺตนา วูปสเมตพฺพโต อตฺตโน จ อนตฺถาวหโต ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺตฺเวว วุตฺตํ. เอส นโย พหิทฺธาติ เอตฺถาปิ.
๔๖. ฉานานีติ ฉมูลานิ. ยถา สมนวเสน สมถานํ วิวาทาทีสุ อธิกตฺตุภาโว, เอวํ วิวาทาทีนํ เตหิ อธิกตฺตพฺพตาปีติ อาห – ‘‘วูปสมนตฺถาย…เป… อธิกรณานี’’ติ. เตน อธิกรณสทฺทสฺส กมฺมตฺถตํ อาห. สมถา วา สมนวเสน อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณานิ, วิวาทาทโย.
วิวาโท ¶ ¶ อุปฺปนฺนมตฺโตว หุตฺวา ปรโต กกฺขฬตฺถาย สํวตฺตนโต ยํ วตฺถุํ นิสฺสาย ปมํ อุปฺปนฺโน วิวาทานุสาเรน มูลกํ วิย อนุพนฺธโรโค ตเมว ตทฺํ วา วตฺถุํ กตฺวา ปวฑฺฒนฺโต วิวาทาธิกรณํ ปตฺวา อุปริ วฑฺฒติ นาม, อนุวาทาปตฺติกิจฺจาธิกรณํ ปตฺวา วิวาทสฺส จ วฑฺฒนํ ปากฏเมว. เตน วุตฺตํ – ‘‘จตฺตาริ อธิกรณานิ ปตฺวา อุปริ วฑฺฒนฺโต โส วิวาโท’’ติ. อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนานนฺติ (ที. นิ. ฏี. ๓.๓๓๑) อุฏฺิตานํ อุฏฺิตานํ. สมถตฺถนฺติ สมนตฺถํ.
อฏฺารสหิ วตฺถูหีติ ลกฺขณวจนเมตํ ยถา ‘‘ยทิ เม พฺยาธี ทาเหยฺยุํ. ทาตพฺพมิทโมสธ’’นฺติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๓.๓๙-๔๒; กงฺขา. อภิ. ฏี. อธิกรณสมถวณฺณนา), ตสฺมา เตสุ อฺตเรน วิวทนฺตา, ‘‘อฏฺารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. อุปวทนาติ อกฺโกโส. โจทนาติ อนุโยโค.
อธิกรณสฺส สมฺมุขาว วินยนโต สมฺมุขาวินโย. สนฺนิปติตปริสาย ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตาย เยภุยฺยสิกกมฺมสฺส กรณํ เยภุยฺยสิกา. การกสงฺฆสฺส สามคฺคิวเสน สมฺมุขีภาโว, น ยถา ตถา การกปุคฺคลานํ สมฺมุขตามตฺตํ. ภูตตาติ ตจฺฉตา. สจฺจปริยาโย หิ อิธ ธมฺม-สทฺโท ‘‘ธมฺมวาที’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๙) วิย. วิเนติ เอเตนาติ วินโย, ตสฺส ตสฺส อธิกรณสฺส วูปสมาย ภควตา วุตฺตวิธิ, ตสฺส วินยสฺส สมฺมุขตา วินยสมฺมุขตา. วิวาทวตฺถุสงฺขาเต อตฺเถ ปจฺจตฺถิกา อตฺถปจฺจตฺถิกา, เตสํ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ. สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติ สมฺมตปุคฺคเลเหว วูปสมนโต.
นนฺติ วิวาทาธิกรณํ. ‘‘น ฉนฺทาคตึ คจฺฉตี’’ติอาทินา (ปริ. ๓๘๓) วุตฺตํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ. คุฬฺหกาทีสุ อลชฺชุสฺสนฺนาย ปริสาย คุฬฺหโก สลากคฺคาโห กาตพฺโพ; ลชฺชุสฺสนฺนาย วิวฏโก, พาลุสฺสนฺนาย สกณฺณชปฺปโก. ยสฺสา กิริยาย ธมฺมวาทิโน พหุตรา, สา เยภุยฺยสิกาติ อาห – ‘‘ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตายา’’ติอาทิ.
เอวํ วินิจฺฉิตนฺติ อาปตฺตึ ทสฺเสตฺวา โรปนวเสน วินิจฺฉิตํ, ปฏิกมฺมํ ปน อาปตฺตาธิกรณสมเถ ปรโต อาคมิสฺสติ. น สมณสารุปฺปํ อสฺสามณกํ, สมเณหิ อกาตพฺพํ, ตสฺมึ. อชฺฌาจาเร วีติกฺกเมสติ. ปฏิจรโตติ ¶ ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส. ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิโย, ปุคฺคโล, ตสฺส กาตพฺพกมฺมํ ตสฺสปาปิยสิกํ.
สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิ ปฏิฺาย, ตถารูปาย ขนฺติยา วา วินา อวูปสมนโต ¶ . เอตฺถาติ อาปตฺติเทสนายํ. ปฏิฺาเต อาปนฺนภาวาทิเก กรณกิริยา, ‘‘อายตึ สํวเรยฺยาสี’’ติ, ปริวาสทานาทิวเสน จ ปวตฺตํ วจีกมฺมํ ปฏิฺาตกรณํ.
ยถานุรูปนฺติ ‘‘ทฺวีหิ จตูหิ ติหิ เอเกนา’’ติ เอวํ วุตฺตนเยน ยถานุรูปํ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ สุตฺเต, เอตสฺมึ วา สมถวิจาเร. วินิจฺฉยนโยติ วินิจฺฉเย นยมตฺตํ. เตนาห ‘‘วิตฺถาโร ปนา’’ติอาทิ.
๔๗. สงฺเขปโตว วุตฺโต, น สมถกฺขนฺธเก วิย วิตฺถารโต. ตถาติ อิมินา ‘‘ธมฺมา’’ติ ปทํ อากฑฺฒติ, เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เอวมาทินา อิมินา ปกาเรนาติ วาติ วุตฺตํ โหติ. โพธิปกฺขิยธมฺมานํ เอกนฺตานวชฺชภาวโต นตฺถิ อธมฺมภาโว, ภควโต เทสิตาการํ หาเปตฺวา วฑฺเฒตฺวา วา กถนํ ยถาธมฺมํ อกตนฺติ กตฺวา อธมฺมภาโวติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ตโย สติปฏฺานา’’ติอาทิ.
นิยฺยานิกนฺติ สปาฏิหีรํ อปฺปฏิวานํ หุตฺวา ปวตฺตติ. ตเถวาติ อิมินา ‘‘เอวํ อมฺหาก’’นฺติอาทินา วุตฺตมตฺถํ อากฑฺฒติ. ภูเตน…เป… กาตพฺพกมฺมํ ธมฺโม นาม ยถาธมฺมํ กรณโต, วุตฺตวิปริยายโต อิโต ปรํ อธมฺโม. อยํ วินโย นาม ราคาทีนํ สํวรณโต ปหานโต ปฏิสงฺขานโต จ. อยํ อวินโย นาม ราคาทีนํ อวินยนโต. อยํ วินโย นาม ยถาวินยกรณโต, วุตฺตวิปริยาเยน อิตโร อวินโย. วตฺถุสมฺปตฺติอาทินา เอว สพฺเพสํ วินยกมฺมานํ อกุปฺปตาติ อาห – ‘‘วตฺถุสมฺปตฺติ…เป… อยํ วินโย นามา’’ติ, ตปฺปฏิปกฺขโต อวินโย เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘วตฺถุวิปตฺตี’’ติอาทิ.
สมฺมาปฏิปตฺติยา นยนฏฺเน ยถาวุตฺโต ธมฺโม เอว เนตฺติ, ตโต เอว สตฺตสฺส วิย รชฺชุ อสิถิลปวตฺติเหตุตาย ธมฺมรชฺชูติ อตฺโถ วุตฺโต. สุตฺตนฺตปริยาเยน ตาว ทส กุสลกมฺมปถา ธมฺโมติ เอวํ วุตฺตา. สา เอว วา โหตุ ธมฺมเนตฺติ, โย อิธ อิมิสฺสา วณฺณนาย, ‘‘ฉตฺตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา’’ติอาทินา ธมฺเมน จ วินเยน จ วุตฺโต, โส เอว ¶ วา ธมฺมเนตฺติ โหตูติ อาเนตฺวา โยชนา. ตาย ธมฺมเนตฺติยา สเมติ ตาย ยถาวุตฺตาย ธมฺมเนตฺติยา สํสนฺทติ, เอกลกฺขณเมว โหตีติ อตฺโถ. เอวํ วิวาทวตฺถุภูโต ธมฺโม เจ ‘‘ธมฺโม’’ติ, อธมฺโม เจ ‘‘อธมฺโม’’ติ, วินโย เจ ‘‘วินโย’’ติ, อวินโย เจ ‘‘อวินโย’’ติ นิจฺฉินนฺเตน เอกจฺจานํ วิวาทาธิกรณเมว ทสฺสิตํ ตสฺส วูปสมธมฺมานํ อปริโยสาปิตตฺตา.
๔๘. ตํ ปเนตนฺติ ¶ วิวาทาธิกรณํ ปจฺจามสติ. วาเร อตฺถสํวณฺณนาวเสน ปตฺเตปิ. ทฺวีหีติ ยสฺมึ อาวาเส วิวาทาธิกรณํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺถ วาสีหิ ทฺวีหิปิ ภิกฺขูหิ อติเรกตรา.
๔๙. ขนฺธสามนฺตนฺติ อาปตฺติกฺขนฺธภาเวน สมีปํ. อาปตฺติสามนฺตํ นาม ปุพฺพภาคา อาปชฺชิตพฺพอาปตฺติ. เมถุนราควเสน กายสํสคฺเค ทุกฺกฏสฺส วตฺถูติ อาห – ‘‘ปมปาราชิกสฺส ปุพฺพภาเค ทุกฺกฏ’’นฺติ. เสสานํ ติณฺณํ ปาราชิกานํ ปุพฺพภาเค ถุลฺลจฺจยเมว.
๕๐. ปริกฺกมิตฺวา อุปกฺกมิตฺวา. อาปตฺตาธิกรณํ ทสฺสิตํ ตตฺเถว วิเสสโต ปฏิฺาย กาเรตพฺพตาย อิจฺฉิตพฺพตฺตา.
๕๒. กมฺมสฺส วตฺถุ ทสฺสิตํ น สมโถติ อธิปฺปาโย. นนุ จายํ สมถาธิกาโรติ? สจฺจํ, สมถสฺส ปน การเณ ทสฺสิเต สมโถ ทสฺสิโตว โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวรูปสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๕๓. อิทํ กมฺมนฺติ ‘‘อิทํ อมฺหากํ ภณฺฑนชาตาน’’นฺติอาทินา วุตฺตกมฺมํ. ติณวตฺถารกสทิสตฺตาติ ตํสทิสตาย ตพฺโพหาโรติ ทสฺเสติ ยถา – ‘‘เอส พฺรหฺมทตฺโต’’ติ. อาการมตฺตเมว ติณวตฺถารกกมฺมํ นาม, น ปน ตสฺส สพฺพโส กรณวิธานํ. เตนาห ‘‘ขนฺธเก’’ติอาทิ. คิหีนํ หีเนน ขุํสนวมฺภนํ ยถา ‘‘ติลสํคุฬิกา นตฺถี’’ติ. ธมฺมิกปฏิสฺสเวสุ วิสํวาทนวเสน อาปนฺนา อาปตฺติ. อสฺสาติ กิจฺจาธิกรณสฺส. สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม สงฺฆสมฺมุขตาทินาว วูปสมนโต.
๕๔. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยวจนโต โกสมฺพิยสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๙๒) โสตาปตฺติมคฺคสมฺมาทิฏฺิ กถิตา, อิธ ปน ‘‘ทิฏฺิสามฺคโต วิหรติ’’จฺเจว ¶ วุตฺตตฺตา, ‘‘อิมสฺมึ สุตฺเต โสตาปตฺติผลสมฺมาทิฏฺิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ปาปกมฺมสฺส อปฺปตา มหนฺตตา สาวชฺชภาวสฺส มุทุติกฺขภาเวน เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘อณุนฺติ อปฺปสาวชฺชํ. ถูลนฺติ มหาสาวชฺช’’นฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สามคามสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. สุนกฺขตฺตสุตฺตวณฺณนา
๕๕. เหฏฺิมมคฺเคหิ ¶ าตมริยาทาย ปชานนโต อฺา, มคฺคปฺา. ตสฺส ผลภาวโต อคฺคผลปฺา, ตํสหคตา สมฺมาสงฺกปฺปาทโย จ ‘‘อฺา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อฺาติ อรหตฺต’’นฺติ. จตูหิ ปเทหิ กถิตา, ‘‘ปริจิณฺณา เม ภควา’’ติอาทีสุ วิย น เอกปเทเนว. ‘‘โลกุตฺตโร ธมฺโม อธิคโต มยา’’ติ มฺนามตฺตํ อธิมาโนติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อปฺปตฺเต ปตฺตสฺิโน’’ติอาทิมาห.
๕๖. อิทํ านนฺติ อิทํ โอภาสาทิสมฺมุติเหตุภูตํ อุฬารตรํ อุทยพฺพยาณํ. อุฬารตรภาเวน หิ ตํ มคฺคผลปฺาย ปจฺจโย หุตฺวา ยาถาวโต ทุพฺพิฺเยฺยตาย วิปสฺสกํ วิสํวาเทติ. เตนาห ‘‘อวิภูตํ อนฺธการ’’นฺติ. อิมํ ปฺหนฺติ อิมํ สุตฺตํ คมฺภีรํ โลกุตฺตรปฏิสํยุตฺตํ อตฺตนา าตุํ อิจฺฉิตํ อตฺถํ. อุคฺคเหตฺวาติ เกวลํ ปิฏกสมฺปาทนวเสเนว อุคฺคณฺหิตฺวา. เตนาห ‘‘อชานิตฺวา’’ติ. วิเสวมานาติ กิเลสวิเส อวมาเนนฺตา, สาสนสฺส วา อนุปการวิรูปปจฺจเย เสวมานา. เอวมสฺสาติ เอวํ วุตฺตนเยน เตสํ กรณเหตุ อสฺส จิตฺตสฺส ธมฺมเทสนาวเสน ปวตฺตสฺส. อฺถาภาโว อเทเสตุกามตา โหติ. ตนฺติ ยถาวุตฺตมตฺถํ สนฺธาย. เอตนฺติ ‘‘ตสฺสปิ โหติ อฺถตฺต’’นฺติ เอวํ วุตฺตํ.
๕๘. กิเลเสหิ อามสียตีติ อามิสํ, โลเกปริยาปนฺนํ อามิสนฺติ อิธ ปฺจ กามคุณา อธิปฺเปตาติ เตสุ วฏฺฏามิสภาเวปิ ลภิเต กามามิสภาโว สิทฺโธติ อาห – ‘‘วฏฺฏามิสกามามิสโลกามิสภูเตสู’’ติ. กามคุณา หิ วฏฺฏสฺส วฑฺฒนโต วฏฺฏามิสํ, กาเมตพฺพโต กามตณฺหาย อามสิตพฺพโต กามามิสํ, เยภูยฺยโต สตฺตโลกสฺส อามิสภาวโต ¶ โลกามิสํ. กามคุณสภาคาติ กามคุณานุโลมา กามคุณปฏิสํยุตฺตา. อาเนฺชสมาปตฺติปฏิสํยุตฺตายาติ กิเลสิฺชนรหิตตาย อิธ อาเนฺชาติ อธิปฺเปตาหิ เหฏฺิมาหิ อรูปสมาปตฺตีหิ ปฏิสํยุตฺตาย. เอวรูโปติ โลกามิสภูเตสุ ปจฺจเยสุ อธิมุตฺโต ตนฺนินฺโน ตคฺครุโก ตปฺปพฺภาโร. เอตฺตาวตาติ เอวํ สทฺธานํ มนุสฺสานํ ทสฺสเนน เตสํ ปวตฺติตาสเยน จ. สีสํ นิกฺขนฺตํ โหตีติ ลาภาสาย สีสํ พหิ นิกฺขนฺตํ วิย โหติ. อุทรํ ผลิตนฺติ อติพหุภณฺฑํ ปกฺขิปิยมานํ ปสิพฺพกํ วิย ลทฺธพฺพสฺส อติปหูตภาเวน อุทรํ ผีตํ โหติ.
๕๙. ยถา ¶ ปุริมา ทฺเว อรูปสมาปตฺติโย อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ อนิฺชนโต ‘‘อนิฺชา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ อิตราปิ. ตํ ปวุตฺตนฺติ โลกามิสสํโยชนํ วิคตํ.
๖๐. นิฆํสนฺติ ‘‘เอตฺตโก อย’’นฺติ ปริจฺเฉทนฺติ อตฺโถ. สิเลเสนาติ จมฺมการสิเลสาทิสิเลเสน, วชิรเลปสิเลเส วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ตํ ภินฺนนฺติ อาเนฺชสํโยชนํ ภินฺนํ วิธมิตํ สมติกฺกนฺตํ ตาสุ สมาปตฺตีสุ อเปกฺขาภาวโต. อชฺฌาสเยน อสมฺพทฺธตฺตา วุตฺตํ – ‘‘ทฺเวธาภินฺนา เสลา วิย โหตี’’ติ. เตนาห – ‘‘ตํ สมาปชฺชิสฺสามีติ จิตฺตํ น อุปฺปชฺชตี’’ติ.
๖๑. วนฺตนฺติ ฉฑฺฑิตํ, วิสฺสฏฺนฺติ อตฺโถ.
๖๒. อุปริสมาปตฺติลาภิโนติ เอตฺถ อุปริสมาปตฺตีติ อรหตฺตผลสมาปตฺติ อธิปฺเปตา, อรหโต จ มคฺคาธิคเมเนว อนาคามิผลสมาปตฺติ, เสกฺขานํ วิสยา เหฏฺิมา ผลสมาปตฺติโย ปฏิปฺปสฺสทฺธา. โลกิยา ปน นิกนฺติปฺปหาเนน ปฏินิสฺสฏฺาติ อาห – ‘‘เหฏฺา…เป… น อุปฺปชฺชตี’’ติ.
๖๓. ‘‘ปฺจ โข อิเม, สุนกฺขตฺต, กามคุณา’’ติอาทินา อารทฺธเทสนา, ‘‘สมฺมา นิพฺพานาธิมุตฺโต ปุริสปุคฺคโล’’ติ อรหตฺตกิตฺตเนน นิฏฺาปิตาติ ตโต ปรํ, ‘‘านํ โข ปนา’’ติอาทิกา เทสนา, ‘‘ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธี’’ติ ¶ วุตฺตา. เตนาห ‘‘เหฏฺา หี’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถา ขีณาสวสฺส สมาปตฺติลาภิโนติ โยชนา, เอวํ วา ขีณาสวสฺส สุกฺขวิปสฺสกสฺสาติ โยเชตพฺพา. ปฏิกฺขิตฺตํ อฏฺกถายํ. ตสฺส ปฏิกฺเขปสฺส การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมาปตฺติลาภิโน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา สุกฺขวิปสฺสโก อธิมานิโก สมาปตฺติลาภิโน สมานโยคกฺขโม อปฺปตฺเต ปตฺตสฺิตาย เภทาภาวโต, เอวํ สุกฺขวิปสฺสโก ขีณาสโว สมานโยคกฺขโม ขีณาสวภาเวน วิเสสาภาวโต, ตสฺมา ‘‘สมาปตฺติลาภิมฺหิ กถิเต อิตโรปิ กถิโตว โหตี’’ติ วุตฺตํ. ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนนฺติ สมาปตฺติลาภิโน อธิมานิกสฺส ขีณาสวสฺส จ. เตเนวาห ‘‘ปุถุชฺชนสฺส ตาวา’’ติอาทิ.
ยทคฺเคนาติ เยน ภาเคน. ยทิปิ ขีณาสวสฺส อสปฺปายารมฺมณํ กิเลสานํ อุปฺปตฺติยา ปจฺจโย น โหติ เตสํ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนตฺตา. สนฺตวิหารปริปนฺโถ ปน สิยา วิสภาคโตติ วุตฺตํ – ‘‘ขีณาสวสฺสปิ อสปฺปายเมวา’’ติ. เตนาห – ‘‘วิสํ นาม…เป… วิสเมวา’’ติ. เอเตน ¶ ‘‘ยถา วิสชานนํ อปฺปมาณํ, วิการุปฺปาทนโต ปน ตํ ปริหริตพฺพํ, เอวํ ปริฺาตมฺปิ วตฺตุ อตฺถวิเสสาภาเวน เอกรูปเมวาติ ตํ ปริหริตพฺพเมวา’’ติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. น หิ อสํวุเตน ภวิตพฺพํ อสารุปฺปภาวโต. ยุตฺตปยุตฺเตเนวาติ สภาคารมฺมณสฺส อาโลกนาทีสุ ยุตฺเตเนว ภวิตุํ วฏฺฏติ.
๖๔. ยตฺถ สยํ นิปตติ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สนฺตานสฺส วิปฺปสนฺนวเสน รุปฺปนโต, วิสสงฺขาตสฺส ทุกฺขสฺส มูลภาวโต จ ‘‘อวิชฺชาสงฺขาโต วิสโทโส’’ติ วุตฺตํ. รุปฺปตีติ กตฺตพฺพาทิมุจฺฉาปาทเนน วิการํ อุปฺปาเทติ. อนุทฺธํเสยฺยาติ วิพาเธยฺย. ราโค หิ อุปฺปชฺชมาโนว กุสลจิตฺตปฺปวตฺติยา โอกาสํ อเทนฺโต ตํ วิพาธติ; ตถาภูโต สทฺธาสิเนหสฺส สมถวิปสฺสนาภิวุฑฺฒิยา วมเนน จ ตํ วิโสเสติ มิลาเปติ. เตนาห ‘‘โสเสยฺย มิลาเปยฺยา’’ติ. สคหณเสสนฺติ คเหตพฺพวิสํ สาวเสสํ กตฺวาติ อตฺโถ. น อลํ น สมตฺถนฺติ อนลํ. สูกปริยาโย ปาฬิยํ วุตฺโต สุก-สทฺโทติ อาห – ‘‘วีหิสุกาทิ จ สูก’’นฺติ.
สอุปาทานสลฺลุทฺธาโร ¶ วิย อปฺปหีโน อวิชฺชาวิสโทโส ทฏฺพฺโพ มหานตฺถุปฺปาทนโต. อสปฺปาย…เป… อสํวุตกาโล ทฏฺพฺโพ อตฺตภาวสฺส อปริหรณภาวโต. มรณํ วิย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตนํ อธิสีลสงฺขาตสฺส อายุโน อเปตตฺตา. มรณมตฺตํ ทุกฺขํ วิย อาปตฺติยา อาปชฺชนํ ยถาวุตฺตสฺส อายุโน อุปปีฬนกภาวโต. อิมินาว นเยน โอปมฺมสํสนฺทนนฺติ เอตฺถ อนุปาทิเสสสลฺลุทฺธาโร วิย ปหีโน อวิชฺชาวิสโทโส; สปฺปาย…เป… สุสํวุตกาโล, ตทุภเยน วเณ ปุถุตฺตํ น คเต มรณาภาโว วิย สิกฺขาย อปจฺจกฺขานํ, มรณมตฺตทุกฺขาภาโว วิย อฺตราย สํกิลิฏฺาย อาปตฺติยา อนาปชฺชนนฺติ โยชนา เวทิตพฺพา.
๖๕. สติยาติ เอตฺถ ยสฺมา ‘‘อริยายา’’ติ น วิเสสิตนฺติ อาห – ‘‘สติ ปฺาคติกา’’ติอาทิ. ปฺา เจตฺถ โลกิยา อธิปฺเปตา, น โลกุตฺตราติ อาห – ‘‘ปริสุทฺธาย วิปสฺสนาปฺายา’’ติ.
ขีณาสวสฺส พลนฺติ อุฬารตเมสุ ทิพฺพสทิเสสุปิ อารมฺมเณสุ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ อนุปนมนเหตุภูตํ สุสํวุตการิสงฺขาตํ ขีณาสวพลํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สํวุตการี’’ติ วุตฺตํ, อุกฺกํสคตสติเวปุลฺลตฺตา ยถา อสํวรสฺส อสํวโร โหติ, เอวํ สติสมฺปชฺพเลน จกฺขาทิทฺวารานิ ¶ สํวริตฺวา ทสฺสนาทิกิจฺจการี. เอวํ ชานิตฺวาติ ‘‘อุปธิ ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ เอวํ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ชานิตฺวา. อุปธียติ ทุกฺขํ เอเตหีติ อุปธี, กิเลสาติ อาห – ‘‘กิเลสุปธิปหานา นิรุปธี’’ติ. ตโต เอว อุปาทียติ ทุกฺขํ เอเตหีติ กิเลสา ‘‘อุปาทานา’’ติปิ วุจฺจนฺตีติ อาห – ‘‘นิรุปาทาโนติ อตฺโถ’’ติ. อุปธี สมฺมเทว ขียนฺติ เอตฺตาติ อุปธิสงฺขโย, นิพฺพานนฺติ อาห – ‘‘อุปธีนํ สงฺขยภูเต นิพฺพาเน’’ติ. อารมฺมณโตติ อารมฺมณํ กตฺวา ตทารมฺมณาย ผลวิมุตฺติยา วิมุตฺโต. กามุปธิสฺมึ กายํ อุปสํหริสฺสตีติ ‘‘กาเมเสวิสฺสามี’’ติ ตตฺถ กายํ อุปนาเมสฺสติ; กายูปสํหาโร ตาว ติฏฺตุ, ตถา จิตฺตํ วา อุปฺปาเทสฺสตีติ เอตํ การณํ นตฺถีติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สุนกฺขตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. อาเนฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนา
๖๖. ขณปภงฺคุตาย ¶ ¶ น นิจฺจา น ธุวาติ อนิจฺจา. ตโต เอว ปณฺฑิเตหิ น อิจฺจา น อุปคนฺตพฺพาติปิ อนิจฺจา. โส จายํ อนิจฺจตฺโถ อุทยวยปริจฺฉินฺนตาย เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา’’ติ อาห; อุปฺปชฺชิตฺวา วินสฺสนโตติ อตฺโถ. อยฺจ อนิจฺจตา วกฺขมานา จ ตุจฺฉาทิตา ทฺวินฺนมฺปิ กามานํ สาธารโณติ อาห – ‘‘วตฺถุกามาปิ กิเลสกามาปี’’ติ. ริตฺตา วิวิตฺตา, เตสํ นิจฺจสาราทีนํ อตฺตนิ อภาวโต เตหิ วิสุํภูตา. ยถา ปน สพฺพโส สภาวรหิตมากาสํ ‘‘ตุจฺฉํ ริตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, น เอวเมเต. เอเต ปน เกวลํ นิจฺจสาราทิวิรหโต เอว ตุจฺฉา ริตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น ปนา’’ติอาทิมาห. ‘‘น หิ ตุจฺฉมุฏฺิ นาม นตฺถี’’ติ อิทํ โลกสมฺาวเสน วุตฺตํ, โลกสมฺา โลกิยกถา น ลงฺฆิตพฺพา.
มุสาติ อิตฺตรปจฺจุปฏฺานตาย น ทิสฺสตีติ อาห ‘‘มุสาติ นาสนกา’’ติ. วิสํวาทนฏฺเน วา มุสา. เอเต หิ อสุภาทิสภาวาปิ พาลานํ สุภาทิภาเวน อุปฏฺหนฺตา สุภาทิคฺคหณสฺส ปจฺจกฺขภาเวน สตฺเต วิสํวาเทนฺติ. นสฺสนสภาวาติ ขณภงฺคตฺตา อิตฺตรปจฺจุปฏฺานตาย ทิสฺสมานา วิยปิ หุตฺวา อปฺายนกปกติกา. เตนาห ‘‘เขตฺตํ วิยา’’ติอาทิ. ธมฺมสทฺโท เจตฺถ ‘‘ชาติธมฺมาน’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๙๘) วิย ปกติปริยาโย, ตถา สภาวสทฺโท จาติ ทฏฺพฺพํ. โมสธมฺมาติ โมสนปกติกา, กุสลภณฺฑหรณสภาวาติ อตฺโถ. มายากตนฺติ มายาย กตํ อุทกาทิมณิอาทิอากาเรน มายาทินา อุปฏฺาปิตํ; มายากตํ วิย มายากตํ อฺสภาวา หุตฺวา อตถา อุปฏฺหนโต. เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. จกฺขุปเถ เอว กตวิชฺชาย, น ตโต ปรนฺติ วุตฺตํ – ‘‘ทสฺสนูปจาเร ิตสฺเสว ตถา ปฺายตี’’ติ. ตยิทํ สมฺพรวิชฺชาวเสน วุตฺตํ.
เอวํ ตาวกาลิกภาเวน กามานํ มายากตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตโต อฺเนปิ ปกาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนิจฺจาทิสภาวานํ กามานํ นิจฺจาทิสภาวทสฺสนํ วิปลฺลาสสหคตตาย เวทิตพฺพํ. พาลานํ ลาปนโตติ อปริฺาตวตฺถุกานํ อนฺธพาลานํ ปุคฺคลานํ วิปลฺลาสเหตุโต. มนุสฺสโลเก ตฺวา ¶ มนุสฺสานํ วา วเสน ภควตา ภาสิตตฺตา วุตฺตํ – ‘‘ทิฏฺธมฺมิกา กามาติ มานุสกา ปฺจ กามคุณา’’ติ ¶ . ตโต เอว จ ‘‘สมฺปรายิกาติ เต เปตฺวา อวเสสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทิฏฺธมฺมา ปจฺจกฺขสภาวา อารมฺมณภูตา เอตาสํ อตฺถีติ ทิฏฺธมฺมิกา. สมฺปรายิเก กาเม อารพฺภ อุปฺปนฺนสฺา สมฺปรายิกา. เต สเมจฺจ ธียติ เอตฺถ อาณาติ เธยฺยํ, อาณาปวตฺติฏฺานํ. มารสฺส เธยฺยนฺติ มารเธยฺยํ ตสฺส อิสฺสริยปวตฺตนตฺตา. เตนาห ‘‘เยหี’’ติอาทิ. คหิตนฺติ วิสยวิสยีภาเวน คหิตํ, อารมฺมณวเสน อารมฺมณกรณวเสน จ คหิตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อารมฺมณกรณวเสน คหณํ นาม ‘‘อิทํ มยฺห’’นฺติ อวิภาเคน ปริคฺคหกรณํ; อารมฺมณวเสน ปน คหณํ ภาคโส อารมฺมณานุภวนนฺติ วทนฺติ. อุภยสฺสปิ ปน ตณฺหาราควเสน คหณํ สนฺธาย, ‘‘อุภยเมตํ คหิต’’นฺติ วุตฺตํ. มาโรติ กิเลสมาโร. ยทคฺเคน กิเลสมาโร, ตทคฺเคน เทวปุตฺตมาโรปิ เต อตฺตโน วสํ วตฺเตติ. ตํ สนฺธายาติ ธมฺมมุเขน ปุคฺคลคฺคหณํ สนฺธาย.
อปฺปหีนวิปลฺลาสา หิ ปุคฺคลา กามาธิมุตฺตา มารสฺส อิสฺสริยวตฺตนฏฺานตาย ‘‘มารเธยฺย’’นฺติ วุตฺตา, ตถา มารสฺส นิวาปโคจรปริยาเยหิปิ เต เอวํ วุตฺตาติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ยถา โจฬสฺสา’’ติอาทิมาห. นิวปตีติ นิวาโป, โส เอว พีชนฺติ นิวาปพีชํ. เตติ กามคุณา. ยตฺถาติ ยสฺมึ ปเทเส.
มนสิ ภวาติ มานสาติ อาห ‘‘จิตฺตสมฺภูตา’’ติ. เต ปน อวิชฺชาทโย ปาฬิยํ อาคตา. เอวฺหิ โลหิตสนฺนิสฺสโย ปุพฺโพ วิย อนุโรธูปนิสฺสโย วิโรโธติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘มมายิเต วตฺถุสฺมิ’’นฺติอาทิมาห. เตธาติ เอตฺถ อิธาติ นิปาตมตฺตํ ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺส’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐) วิย. กามโลกนฺติ กามคุณสงฺขาตํ สงฺขารโลกํ, ยตฺถ วา โลเก กามคุณวนฺตํ โลกํ. จิตฺเตน อธิฏฺหิตฺวาติ ฌานารมฺมณํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ ภาวนาจิตฺเตน อุปฺปาเทตฺวา. ปริตฺตํ นาม วิกฺขมฺภนอสมตฺถตฺตา กิเลเสหิ ปริโต ขณฺฑิตํ วิย โหติ. ตสฺส ปฏิกฺเขเปนาติ ปริตฺตภาวปฏิกฺเขเปน. ปมาณนฺติปิ กามาวจรเมว ¶ ปาปกานํ ปมาณกรณธมฺมานํ วิกฺขมฺภนวเสน อปฺปชหนโต. ตปฺปฏิกฺเขปวเสน อปฺปมาณํ นาม มหคฺคตนฺติ อาห – ‘‘รูปาวจรํ อรูปาวจร’’นฺติ. สมุจฺเฉทวเสน กิเลสานํ อปฺปหาเนน มหคฺคตชฺฌานมฺปิ สุภาวิตํ นาม น โหติ, ปเคว ปริตฺตชฺฌานนฺติ อาห – ‘‘สุภาวิตนฺติ…เป… โลกุตฺตรสฺเสเวตํ นาม’’นฺติ. เอตสฺส วเสนาติ ‘‘สุภาวิต’’นฺติ ปทสฺส วเสน.
ตเมว ปฏิปทนฺติ ตเมว อภิชฺฌาทิปหานาวหํ ฌานปฏิปทํ. อรหตฺเต ตสฺส อุปายภูตาย ¶ วิปสฺสนาย วา จตุตฺถชฺฌาเน ตสฺส อุปายภูเต อุปจาเร วา สติ จิตฺตํ ปสนฺนเมว โหตีติ อาห – ‘‘อรหตฺตํ วา…เป… อุปจารํ วา’’ติ. อธิโมกฺขสมฺปสาโทติ ‘‘อชฺเชว อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วา วิปสฺสนาย วีถิปฏิปนฺนตฺตา; ‘‘อชฺเชว จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสฺสามี’’ติ วา อุปจารสมาธินา จิตฺตสฺส สมาหิตตฺตา อธิมุจฺจนภูโต สมฺปสาโท. ปฏิลาภสมฺปสาโทติ อรหตฺตสฺส จตุตฺถชฺฌานสฺส วา อธิคมสงฺขาโต สมฺปสาโท. ปฏิลาโภปิ หิ กิเลสกาลุสิยาภิภวนโต จิตฺตสฺส สุปฺปสนฺนภาวาวหตฺตา ‘‘สมฺปสาโท’’ติ วุตฺโต. ปจฺจยาติ นามรูปปจฺจยา อวิชฺชาทโย. สพฺพถาติ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต นิสฺสรณโตติ สพฺพปฺปกาเรน. อาสาติ อธิมุจฺจนวเสน อาสีสนา. เตนาห – ‘‘อาสา สนฺติฏฺติ, อธิโมกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ.
ปาทกนฺติ ปทฏฺานํ. กิเลสา สนฺนิสีทนฺตีติ นีวรณสหคตา เอว กิเลสา วิกฺขมฺภนวเสน วูปสมนฺติ. สตีติ อุปจารชฺฌานาวหา สติ สนฺติฏฺติ. สงฺขารคตนฺติ ภาวนาย สมตาย ปวตฺตมานตฺตา, อิเม ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทโย เอกรสา หุตฺวา ปวตฺตนฺตีติ, ภาวนาจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนํ สงฺขารคตํ วิภูตํ ปากฏํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. จิตฺตุปฺปาโทติ ภาวนาจิตฺตุปฺปาโท. เลปปิณฺเฑติ สิเลสปิณฺเฑ ลคฺคมาโน วิย อปฺปิโต วิย โหติ. อุปจาเรน สมาธิยติ อุปจารชฺฌาเนน สมาธิยติ. อยนฺติ อยํ ทุวิโธปิ อธิมุจฺจนากาโร อธิโมกฺขสมฺปสาโท นาม. ตสฺมึ สมฺปสาเท สตีติ เอตสฺมึ วิปสฺสนาลกฺขเณ, อุปจารชฺฌาเน วา อธิโมกฺขสมฺปสาเท สติ. โย ปน อรหตฺตํ วา ปฏิลภติ จตุตฺถชฺฌานํ วา, ตสฺส จิตฺตํ วิปฺปสนฺนํ โหติเยว, อยํ นิปฺปริยายโต ปฏิลาภสมฺปสาโท, เอวํ สนฺเตปิ อิธามิปฺเปตเมว ทสฺเสตุํ ¶ , ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิปสฺสนา หีติอาทิ วุตฺตสฺส สมตฺถนํ. ตตฺถ ปฺายาติ อรหตฺตปฺาย. อธิมุจฺจนสฺสาติ สทฺทหนํ อุสฺสุกฺกาปชฺชนสฺส. อุปจารนฺติ อุปจารชฺฌานํ. อาเนฺชสมาปตฺติยา อธิมุจฺจนสฺส การณนฺติ โยชนา.
เอตรหิ วาติ อิทานิเมว. อาเนฺชํ วาติ จตุตฺถชฺฌานํ วา. สมาปชฺชตีติ อธิคจฺฉติ. อิทํ หีติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรติ. อรหตฺตสจฺฉิกิริยา นาม อคฺคมคฺคภาวนาย สติ อตฺถโต อาปนฺนา โหติ, อคฺคมคฺคปฺา เอว ตทตฺถํ อธิมุจฺจิตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อถ วา’’ติ วิกปฺปนฺตรมาห. ตตฺถ ยถา นาม ปาสาทสฺส อตฺถาย สมานีตทพฺพสมฺภาราวยเว อปฺปโหนฺเต กูฏาคารํ กาตุํ น ปโหนฺติเยว, เอวํสมฺปทมิทนฺติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ตํ อนภิสมฺภุณนฺโต อาเนฺชํ วา สมาปชฺชตี’’ติ อาห. จตุสจฺจํ ¶ วา สจฺฉิกโรติ เหฏฺิมมคฺคาธิคมนวเสน อาเนฺชํ วา สมาปชฺชติ อุภยสฺสปิ เหตุปริคฺคหิตตฺตา.
ตตฺราติ ตสฺมึ ‘‘ปฺาย วา อธิมุจฺจติ, อาเนฺชํ วา สมาปชฺชตี’’ติ ยถาวุตฺเต วิเสสาธิคเม อยํ อิทานิ วุจฺจมาโน โยชนานโย. เอวํ โหตีติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน จิตฺตาภินีหาโร โหติ. กิจฺจนฺติ ปพฺพชิตกิจฺจํ. ตโตติ อรหตฺตาธิคมนโต. โอสกฺกิตมานโสติ สํกุจิตจิตฺโต. อนฺตรา น ติฏฺตีติ อสมาหิตภูมิยํ น ติฏฺติ. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยถา ตสฺส ปุริสสฺส วนมหึสํ คเหตุํ อุสฺสาหวโต โอสกฺกนฺตสฺส สสโคธาทิคฺคหเณ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, เอวํ อิมสฺสปิ ภิกฺขุโน อรหตฺตํ คเหตุํ อุสฺสาหวโต ตโต โอสกฺกิตฺวา จตุตฺถชฺฌานสมาปชฺชเน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ. เอเสว นโยติ ยถาวุตฺตํ อุปมํ อุปมาสํสนฺทนฺจ มคฺคภาวนาโยชนายํ จตุสจฺจสจฺฉิกิริยาโยชนายฺจ อติทิสติ.
เหตุอตฺถโชตโน ยนฺติ นิปาโต, กรเณ วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติ. ตสฺส สํวตฺตนํ อรหติ, ตํ วา ปโยชนํ เอตสฺสาติ ตํสํวตฺตนิกํ. วิฺาณนฺติ วิปากวิฺาณํ. อาเนฺชสภาวํ อุปคจฺฉตีติ อาเนฺชูปคํ. ยถา กุสลํ อาเนฺชสภาวํ, เอวํ ตํ วิปากวิฺาณมฺปิ อาเนฺชสภาวํ อุปคตํ อสฺส ภเวยฺย. เตนาห – ‘‘กาทิสเมว ภเวยฺยาติ อตฺโถ’’ติ. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. กุสลวิฺาณนฺติ ¶ วิปากวิฺาณมฺปิ ตํ กุสลํ วิย วทนฺติ. ตนฺนามกเมวาติ กุสลํ วิย อาเนฺชนามกเมว สิยา. เอตฺถ จ ปุริมวิกปฺเป ‘‘อาเนฺชูปค’’นฺติ ตํสทิสตา วุตฺตา, ทุติยวิกปฺเป ตโต เอว ตํสมฺตา. โส ปนายมตฺโถติ อาเนฺชสทิสตาย วิปากกาเลปิ ตํนามกเมว อสฺสาติ ยถาวุตฺโต อตฺโถ. อิมินา นเยนาติ อิมินา วุตฺตนเยน. เอตฺถ หิ อาเนฺชาภิสงฺขารเหตุวิปากวิฺาณํ ‘‘อาเนฺชูปคํ โหติ วิฺาณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตํนามกเมว กตฺวา ทีปิตํ. อรหตฺตสฺสาปีติ อปิสทฺเทน อคฺคมคฺคภาวนายปิ เหฏฺิมมคฺคภาวนายปีติ อตฺโถ สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺโพ. สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตาติ ‘‘วิปุเลน มหคฺคเตน เจตสา วิหเรยฺย’’นฺติ สมถนยํ ทสฺเสตฺวา เทสนา กถิตา.
๖๗. อยฺหิ ภิกฺขูติ ยํ อุทฺทิสฺส อยํ ทุติยาเนฺชสปฺปายเทสนาย ภิกฺขุ วุตฺโต. ปฺวนฺตตโรติ วตฺวา ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ กมฺมฏฺานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสตี’’ติ วุตฺตํ. เหฏฺิมสฺส หิ ‘‘เย จ ทิฏฺธมฺมิกา กามา’’ติอาทินา รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพาเนว รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวโส ¶ กโต, อิมสฺส ปน ‘‘ยํ กิฺจิ รูป’’นฺติอาทินา สกลรูปธมฺมวเสน. ภควา หิ กมฺมฏฺานํ กเถนฺโต กมฺมฏฺานิกสฺส ภิกฺขุโน การณพลานุรูปเมว ปมํ ภาวนาภินิเวสํ ทสฺเสติ; โส ปจฺฉา าเณ วิปุลํ คจฺฉนฺเต อนวเสสโต ธมฺมํ ปริคฺคณฺหาติ. รูปปฏิพาหเนนาติ รูปวิราคภาวนาย สพฺพโส สมติกฺกเมน. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ ตติยาเนฺชาทีสุ.
ปฺวนฺตตโรติ ปฺุตฺตโร. ติณฺณมฺปิ กมฺมฏฺานํ เอกโต กตฺวาติ กามคุณา สพฺพรูปธมฺมา กามสฺาติ เอวํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ กมฺมฏฺานวเสน ติธา วุตฺเต สมฺมสนูปคธมฺเม เอกโต กตฺวา, ‘‘สพฺพเมตํ อนิจฺจ’’นฺติ เอกชฺฌํ คเหตฺวา, สมฺมสติ ยถา – ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๙๘; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔, ๗, ๘; ติสฺสเมตฺเตยฺยมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๑๐, ๑๑; ปฏิ. ม. ๒.๓๐). เตนาห – ‘‘อุภยเมตํ อนิจฺจ’’นฺติอาทิ. กามรูปสฺาวเสน ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกเภทโต อฏฺ เอเกกโกฏฺาสาติ เอวํ กตํ อุภยนฺติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘ทิฏฺธมฺมิก…เป… วเสน สงฺขิปิตฺวา อุภยนฺติ วุตฺต’’นฺติ. ตณฺหาทิฏฺิวเสนาติ ตณฺหาภินนฺทนาวเสน ‘‘เอตํ มมา’’ติ, ทิฏฺาภินนฺทนาวเสน ¶ ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ เอวํ อภินนฺทิตุํ. เอเสว นโยติ อิมินา ตณฺหาทิฏฺิวเสน ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อภินนฺทิตุํ อชฺโฌสาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺาเปตฺวา าตุนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. กามปฏิพาหเนนาติ อิทํ อาคมนปฏิปทาทสฺสนตฺถํ, วณฺณภณนตฺถฺจ วุตฺตํ. รูปปฏิพาหนํ หิสฺส อาสนฺนํ, ตโตปิ อากาสานฺจายตนสมติกฺกโม, ตํสมติกฺกเมน สเหว สพฺเพ ตา วิปสฺสนาวเสน โอสกฺกนา กถิตา ‘‘อุภยเมตํ อนิจฺจ’’นฺติอาทิวจนโต.
๖๘. อิธ อตฺตโน จาติ อากิฺจฺายตนกมฺมฏฺานํ สนฺธายาห. นิรุชฺฌนฺติ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคนิโรเธน, สมาปชฺชนกฺขเณ ปน อนุปฺปาทเนนปิ. เตนาห ‘‘อากิฺจฺายตนํ ปตฺวา’’ติ. อตปฺปกฏฺเนาติ อุฬารตรภาเวน ฌานสมาปตฺติยา อติตฺติกรภาเวน. ตเมว ปฏิปทนฺติ อากิฺจฺายตนภาวนมาห. สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตา ตติยารุปฺปกมฺมฏฺานสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘ยตฺเถตา’’ติอาทินา.
อิธ อตฺตโนติ ทฺวิโกฏิกสฺุตามนสิการสงฺขาตํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ. เหฏฺา วุตฺตปฏิปทนฺติ อนนฺตรํ วุตฺตอากิฺจฺายตนกมฺมฏฺานํ. สติ สมถภาวนายํ สฺุตามนสิการสฺส ¶ อิธ สาติสยตฺตา วุตฺตํ. ‘‘ทุติยากิฺจฺายตเน วิปสฺสนาวเสน โอสกฺกนา กถิตา’’ติ.
๗๐. ตติยากิฺจฺายตเน อตฺตโนติ จตุโกฏิกสฺุตามนสิการสงฺขาตํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ สฺุตานุปสฺสนาธิกาเร. กฺวจีติ กตฺถจิ าเน, กาเล, ธมฺเม วา. อถ วา กฺวจีติ อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา วา. อตฺตโน อตฺตานนฺติ สกตฺตานํ. ‘‘อยํ โข, โภ พฺรหฺมา…เป… วสี ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๒) ปรปริกปฺปิตํ อตฺตานฺจ กสฺสจิ กิฺจนภูตํ น ปสฺสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กสฺสจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปรสฺสาติ ‘‘ปรา ปชา’’ติ ‘‘ปโร ปุริโส’’ติ จ เอวํ คหิตสฺส. น จ มม กฺวจนีติ เอตฺถ มม-สทฺโท อฏฺานปยุตฺโตติ อาห ‘‘มมสทฺทํ ตาว เปตฺวา’’ติ. ปรสฺส จาติ อตฺตโต อฺสฺส, ‘‘ปโร ปุริโส นาม อตฺถิ มมตฺถาย สชิโต, ตสฺส วเสน มยฺหํ สพฺพํ ¶ อิชฺฌตี’’ติ เอวํ เอกจฺจทิฏฺิคติกปริกปฺปิตวเสน ปรํ อตฺตานํ, ตฺจ อตฺตโน กิฺจนภูตํ น ปสฺสตีติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘น จ กฺวจนี’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ นาหํ กฺวจนีติ สกอตฺตโน อภาวํ ปสฺสติ. น กสฺสจิ กิฺจนตสฺมินฺติ สกอตฺตโน เอว กสฺสจิ อนตฺตนิยตํ ปสฺสติ. น จ, มมาติ เอตํ ทฺวยํ ยถาสงฺขฺยํ สมฺพนฺธิตพฺพํ, อตฺถีติ ปจฺเจกํ. ‘‘น จ กฺวจนิ ปรสฺส อตฺตา อตฺถี’’ติ ปรสฺส อตฺตโน อภาวํ ปสฺสติ, ‘‘ตสฺส ปรสฺส อตฺตโน มม กิสฺมิฺจิ กิฺจนตา น จตฺถี’’ติ ปรสฺส อตฺตโน อนตฺตนิยตํ ปสฺสติ. เอวํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ ขนฺธานํ อตฺตตฺตนิยสฺุตา สุทฺธสงฺขารปฺุชตา จตุโกฏิกสฺุตาปริคฺคณฺหเนน ทิฏฺา โหติ. เหฏฺา วุตฺตปฏิปทนฺติ อิธาปิ อากิฺจฺายตนกมฺมฏฺานเมว วทติ. วิปสฺสนาวเสเนว โอสกฺกนา กถิตา จตุโกฏิกสฺุตาทสฺสนวิเสสภาวโต, ตปฺปธานตฺตา จสฺส มนสิการสฺส.
อิธ อตฺตโนติ เนวสฺานาสฺายตนกมฺมฏฺานมาห. สพฺพสฺาติ รูปสฺา ปฏิฆสฺา นานตฺตสฺา เหฏฺิมา ติสฺโส อรูปสฺาติ เอวํ สพฺพสฺา อนวเสสา นิรุชฺฌนฺตีติ วทนฺติ. ‘‘เหฏฺา วุตฺตา’’ติ ปน วิเสสิตตฺตา อิมสฺมึ อาคตา จตุตฺถชฺฌานสฺาทโย อปิ สฺาติ อปเร. ตนฺติ สมฺมุติมตฺตํ กามสฺาปฏิพาหนวเสเนว เตสํ นานตฺตสฺาทินิโรธสฺส อตฺถสิทฺธตฺตา. สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตา เนวสฺานาสฺายตนภาวนาย สมถกมฺมฏฺานภาวโต.
๗๑. ปุพฺเพ ปฺจวิธํ กมฺมวฏฺฏนฺติ ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา อายูหนา สงฺขารา นิกนฺติตณฺหา ¶ อุปคมนํ อุปาทานํ เจตนา ภโวติ เอวมาคโต สปริกฺขาโร กมฺมปฺปพนฺโธ. น อายูหิตํ อสฺสาติ น เจติตํ ปกปฺปิตํ ภเวยฺย. เอตรหิ เอวํ ปฺจวิธํ วิปากวฏฺฏนฺติ วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนาสงฺขาโต ปจฺจุปฺปนฺโน วิปากปฺปพนฺโธ นปฺปวตฺเตยฺย การณสฺส อนิปฺผนฺนตฺตา. สเจ อายูหิตํ น ภวิสฺสตีติ ยทิ เจติตํ ปกปฺปิตํ น สิยา. ยํ อตฺถีติ ยํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานกํ. เตนาห ‘‘ภูต’’นฺติ. ตฺหิ ปจฺจยนิพฺพตฺตตาย ‘‘ภูต’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปชหามีติ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ตโต เอว อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนวเสน ปชหามิ ปริจฺจชามิ.
ปรินิพฺพายีติ ¶ สห ปริกปฺปเนน อตีตตฺเถติ อาห ‘‘ปรินิพฺพาเยยฺยา’’ติ. ปรินิพฺพาเยยฺย นุ โขติ วา ปาโ, โส เอวตฺโถ. น กิฺจิ กถิตนฺติ เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา สงฺขาราวเสสสุขุมภาเวน าณุตฺตรสฺเสว วิสยภาวโต สรูปโต น กิฺจิ กถิตํ, นเยน ปนสฺส วิเสสํ าเปตุกามตฺตา. ภควโต กิร เอตทโหสิ – ‘‘อิมิสฺสํเยว ปริสติ นิสินฺโน อานนฺโท อนุสนฺธิกุสลตาย เนวสฺานาสฺายตนํ ปาทกํ กตฺวา ิตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสนฺธึ อรหตฺตฺจ สนฺธาย ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, อิมินา ปุจฺฉานุสนฺธินา ตมตฺถํ เทเสสฺสามี’’ติ. โอสกฺกนาย จ อิธาธิปฺเปตตฺตา ภินฺนรสเทสนา โหตีติ ปุจฺฉานุสนฺธิ ปุจฺฉิตา. ตสฺมิฺหิ อสติ อนุสนฺธิเภทภินฺเนสา เทสนา, น จ พุทฺธาจิณฺณา ภินฺนรสเทสนาติ. วิปสฺสนานิสฺสิตนฺติ ตนฺนิสฺสิตํ. ตสฺส ภิกฺขุโน. อุปาทิยติ เอเตนาติ จ อุปาทานํ. น ปรินิพฺพายติ ปหาตพฺพสฺส อปฺปชหนโต. เตนาห ภควา – ‘‘ธมฺมาปิ โข, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐). อุปาทานเสฏฺนฺติ อิทํ เนวสฺานาสฺายตนภวสฺส สพฺพภวคฺคตาทสฺสนปรํ, น ปน อริยภวคฺคสฺส อุปาทานเสฏฺตาปฏิเสธปรํ.
๗๓. นิสฺสายาติ ภวปริยาปนฺนํ นาม ธมฺมํ นิสฺสาย ตปฺปริยาปนฺนํ นาม นิสฺสาย โอฆนิตฺถรณา ภควตา อกฺขาตา; อโห อจฺฉริยเมตํ, อโห อพฺภุตเมตนฺติ.
นวสุปิ าเนสุ สมถยานิกสฺเสว วเสน เทสนาย อาคตตฺตา, อิธ จ กสฺสจิปิ ปาทกชฺฌานสฺส อนามฏฺตฺตา วุตฺตํ – ‘‘อริยสาวโกติ สุกฺขวิปสฺสโก อริยสาวโก’’ติ. นวนฺนมฺปิ กมฺมฏฺานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสตีติ อิทํ ฌานธมฺเมปิ อนุสฺสวลทฺเธ คเหตฺวา สมฺมสนํ สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ; เตภูมกสงฺขารคตํ อิธ วุตฺตนฺติ อนวเสสโต ปริคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ยาวตา สกฺกาโย’’ติ.
เอตํ ¶ อมตนฺติ อมตํ นิพฺพานํ อารพฺภ ปวตฺติยา เอตํ อรหตฺตํ อมตรสํ. เตนาห – ‘‘เอตํ อมตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีต’’นฺติ. ‘‘อนุปาทาย กิฺจิปิ อคฺคเหตฺวา จิตฺตํ วิมุจฺจี’’ติ วุตฺตตฺตาปิ อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมกฺโข นิพฺพานํ อฺตฺถ สุตฺเต วุจฺจติ.
ติณฺณํ ¶ ภิกฺขูนนฺติ อภินิเวสเภเทน ติวิธานํ. ปาทกํ กตฺวา ิตสฺส โอสกฺกนาย อภาเว การณํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. สโมธาเนตฺวาติ สมฺมเทว โอทหิตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน อสงฺกรโต ววตฺถเปตฺวา. สุกถิตํ นาม โหติ กเถตพฺพสฺส อนวเสเสตฺวา กถิตตฺตา.
อาเนฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. คณกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา
๗๔. ยถา ¶ เหฏฺิมโสปานผลกํ โอโรหนฺตสฺส ปจฺฉิมํ นาม โหติ, เอวํ อาโรหนฺตสฺส ปมํ นาม โหตีติ วุตฺตํ – ‘‘ยาว ปจฺฉิมโสปานกเฬวราติ ยาว ปมโสปานผลกา’’ติ. วตฺถุํ โสเธตฺวาติ วตฺถุวิชฺชาจริเยน วุตฺตวิธินา ปาสาทวตฺถุโน โสธนวิธึ กตฺวา. เอตฺถาติ ปาสาทกรเณ. สตฺตธา ภินฺนสฺส วาลคฺคสฺส อํสุโกฏิเวธโก วาลเวธิ นาม. านสมฺปาทนนฺติ เวสาขมณฺฑลาทีนํ สมฺปาทนํ. มุฏฺิกรณาทีหีติ อุสุมุฏฺิกรณชิยาคาหชิยาวิชฺฌาทีหิ. เอวํ คณาเปมาติ เอกํ นาม เอกเมว, ทฺเว ทุกา จตฺตาริ, ตีณิ ติกานิ นว, จตฺตาริ จตุกฺกานิ โสฬสาติอาทินา เอวํ คณนํ สิกฺขาเปม.
๗๕. เกราฏิกา โหนฺตีติ สมยสฺส อนุปกฺกิลิฏฺกรณมายาสาเยฺเยน สมนฺนาคตา โหนฺติ. ตํ ทมนํ ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมติ, อยมสฺส ชาติโทสาภาโว.
๗๖. สติสมฺปชฺาหิ สมงฺคิภาวตฺถายาติ สตตวิหาริภาวสาธเนหิ สติสมฺปชฺเหิ สมนฺนาคมตฺถาย. นนุ จ ขีณาสวา สติเวปุลฺลปฺปตฺตา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺตา จ, กถํ ตสฺส สติสมฺปชฺํ ปโยคสาธนียํ ปวตฺตนฺติ อาห ‘‘ทฺเว หี’’ติอาทิ. สตตวิหารีติ สตตํ สมาปตฺติวิหาริพหุลา, ตสฺมา เต อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺติ. วุตฺตวิปริยาเยน โนสตตวิหาริโน ทฏฺพฺพา. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. อปฺเปตุํ น สกฺโกติ อนาจิณฺณภาวโต.
ตํ วิตกฺเกนฺโตติ ‘‘สามเณรสฺส เสนาสนํ นตฺถิ, อรฺฺจ สีหาทีหิ สปริสฺสยํ, กึ นุ โข ตสฺส ภวิสฺสตี’’ติ ตํ วิตกฺเกนฺโต. เอวรูโปติ ¶ เอทิโส ยถาวุตฺตสามเณรสทิโส ขีณาสโว. อิเม ธมฺเมติ อิมสฺมึ สุตฺเต อาคเต สีลาทิธมฺเม. อาวชฺชิตฺวาวาติ อตฺตโน ปริสุทฺธสีลตาทิอาวชฺชนเหตุ เอว สมาปชฺชิตุํ สกฺขิสฺสติ.
๗๘. ‘‘เยเม, โภ โคตมา’’ติ วจนสฺส สมฺพนฺธํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตถาคเต กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวนฺติ ‘‘เยเม, โภ โคตมา’’ติอาทิอากาเรหิ วตฺตุมารทฺโธ.
อชฺชธมฺเมสูติ ¶ อปุราตนธมฺเมสุ. ตกฺกนมตฺตานิ หิ เตหิ กปฺเปตฺวา สยํปฏิภานํ วิรจิตานิ. ปุราตนตาย ปริปุณฺณตาย เอกนฺตนิยฺยานิกตาย จ ปรโม อุตฺตโม. เตนาห – ‘‘เตสุ…เป… อุตฺตโมติ อตฺโถ’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
คณกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา
๗๙. กมฺมํเยว ¶ กมฺมนฺโต, โส เอตฺถ อตฺถีติ กมฺมกรณฏฺานํ ‘‘กมฺมนฺโต’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘กมฺมนฺตฏฺาน’’นฺติ. เตหิ ธมฺเมหีติ พุทฺธคุเณหิ. เต ปน สพฺพฺุตฺาณปฺปมุขาติ กตฺวา อาห ‘‘สพฺพฺุตฺาณธมฺเมหี’’ติ. สพฺเพน สพฺพนฺติ สพฺพปฺปกาเรน อนวเสสํ, เอตฺตโก คุณานํ ปการเภโท, เตสุ กิฺจิปิ ปการํ อนวเสเสตฺวา. สพฺพโกฏฺาเสหิ สพฺพนฺติ ยตฺตกา คุณภาคา, เตหิ สพฺเพหิ อนวเสสํ นิสฺเสสเมว กตฺวา. โยปิ อโหสีติ โยปิ โกสมฺพิวาสีนํ ภิกฺขูนํ วเสน โกสมฺพิยํ กลโห อโหสิ. โสปิ ตตฺเถว อุปฺปนฺนฏฺาเนเยว อุปฺปนฺนมตฺโต วูปสมิโต. ปรินิพฺพุตกาเล ปนสฺสาติ อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพุตกาเล ปน. ภิยฺโยโสมตฺตาย ภิกฺขู สมคฺคา ชาตา, กถฺจ สํเวโค ชาโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺสฏฺี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สาติสยํ อภิณฺหฺจ อุปสมปฺปตฺติยา อติวิย อุปสนฺตุปสนฺตา. อนุสํยายมาโนติ อนุ อนุ สมฺมเทว ชานนฺโต วิจาเรนฺโต โวสาสมาโน. ‘‘อนุสฺายมาโน’’ติ วา ปาโ. ตตฺถ ย-การสฺส -การํ กตฺวา นิทฺเทโสติ อาห ‘‘อนุวิจรมาโน’’ติ.
๘๐. เหฏฺิมปุจฺฉเมวาติ ¶ โคปกโมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตปุจฺฉเมว. โส หิ ‘‘เตหิ ธมฺเมหี’’ติอาทินา, ‘‘อตฺถิ โกจิ ตุมฺหากํ สาสนสฺส สารภูโต ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิ. อยฺจ ตเมว ‘‘ปฏิสรโณ’’ติ ปริยาเยน ปุจฺฉิ. อปฺปฏิสรเณติ ยํ ตุมฺเห ภิกฺขุํ ปฏิโพเธยฺยาถ, ตาทิสสฺส อภาเวน อปฺปฏิสรเณ. ตถาคเตน ปเวทิโต ธมฺโม ปฏิสรณํ เอเตสนฺติ ธมฺมปฏิสรณา. เตนาห ‘‘ธมฺโม อวสฺสโย’’ติ.
๘๑. อาคจฺฉตีติ วาจุคฺคตภาเวน อาคจฺฉติ. วตฺถุวีติกฺกมสงฺขาเต ครุครุตรลหุลหุตราทิเภเท อชฺฌาจาเร อาปตฺติสมฺาติ อาห – ‘‘อาปตฺติ…เป… อาณาติกฺกมนเมวา’’ติ. ยถาธมฺมนฺติ ธมฺมานุรูปํ. ยถาสิฏฺนฺติ ยถานุสิฏฺํ. ธมฺโม โนติ เอตฺถ โน-สทฺโท อวธารเณ ‘‘น โน สมํ อตฺถิ ตถาคเตนา’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) วิย. เตเนวาห ‘‘ธมฺโมว กาเรตี’’ติ.
๘๓. ‘‘ยถา ตํ ตุมฺหาทิเสหิ รกฺขเกหิ โคปเกหี’’ติ เอวํ ปสนฺนเวเสน อตฺตานํ อุกฺกํสาเปตุกาโม ¶ . อริยูปวาทปาปํ ขมาปเน สติ อนฺตรายาย น โหตีติ อาห – ‘‘อิจฺเจตํ กุสล’’นฺติ. โคนงฺคลมกฺกโฏติ โคนงฺคุฏฺมกฺกโฏ.
๘๔. อยํ อุกฺกํสาเปตุํ อิจฺฉิตํ ยถารทฺธมตฺถํ วิสํวาเทติ อวณฺณิตมฺปิ วณฺณิตํ กตฺวา กเถนฺโต; อิมสฺส วจนสฺส ปฏิกฺเขเปน อิมินา ทาตพฺพปิณฺฑปาตสฺส อนฺตราโย มา โหตูติ เอวํ ปิณฺฑปาตํ รกฺขิตุํ น โข ปน สกฺกาติ โยชนา. อิทนฺติ ‘‘น โข, พฺราหฺมณ, โส ภควา’’ติอาทิเทสนํ. อพฺภนฺตรํ กริตฺวาติ นิพฺพานนฺโตคธํ กตฺวา, อนฺตรํ วา ตสฺส นิชฺฌานสฺส การณํ กตฺวา. กามราควเสน หิ ตํ นิชฺฌานํ โหตีติ. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺตปเทเส. สพฺพสงฺคาหิกชฺฌานนฺติ โลกิยโลกุตฺตรสฺส อนฺตราโย มา โหตูติ เอวํ กตฺวาปิ รูปาวจรสฺส มคฺคฌานสฺส ผลฌานสฺสาติ สพฺพสฺสปิ สงฺคณฺหนวเสน เทสิตตฺตา สพฺพสงฺคาหกชฺฌานํ นาม กถิตํ.
ยํ โน มยนฺติ เอตฺถ โนติ นิปาตมตฺตํ. ตํ โนติ เอตฺถ ปน โนติ อมฺหากนฺติ อตฺโถ. อุสูยติ ราชกิจฺจปสุตตาธีนตาย เอกตฺถาภินิเวสภาวโต ¶ . มนฺทปฺตาย วสฺสการคตอิสฺสาภิภูตจิตฺตตาย ปริปุณฺณํ กตฺวา วุตฺตมฺปิ อตฺถํ อนุปธาเรนฺโต อาห – ‘‘เอกเทสเมว กเถสี’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. มหาปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา
๘๕. ตสฺมึ ¶ อหูติ ตสฺมึ อหนีติ อาห ‘‘ตสฺมึ ทิวเส’’ติ. อนสเนนาติ สพฺพโส อาหารสฺส อภฺุชเนน สาสนิกสีเลน พาหิรกอนสเนน อุเปตา หุตฺวาติ โยชนา. วา-สทฺเทน ขีรปานมธุสายนาทิวิธึ สงฺคณฺหาติ. อุเปจฺจ วสิตพฺพโต อุโปสโถ, ปาติโมกฺขุทฺเทโส. อุเปเตน สมนฺนาคเตน หุตฺวา วสิตพฺพโต สนฺตาเน วาเสตพฺพโต อุโปสโถ, สีลํ. อนสนาทิธมฺมาทึ วา อุเปจฺจ วสนํ อุปวาโส อุโปสโถ. ตถารูเป หตฺถิชาติวิเสเส อุโปสโถติ สมฺามตฺตนฺติ อาห – ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชาติอาทีสุ ปฺตฺตี’’ติ. วุตฺตนเยน อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, ทิวโส. โส ปเนส อุโปสโถ. มาสปุณฺณตายาติ มาสสฺส ปูริตภาเวน. สมฺปุณฺณาติ สพฺพโส ปุณฺณา. ตาย หิ รตฺติยา วเสน มาโส อนวเสสโต ปุณฺโณ โหติ. มาสทฺธมาสาทิเภทํ กาลํ มาติ มินนฺโต วิย โหตีติ จ ‘‘มา’’อิติ จนฺโท วุจฺจติ. เอตฺถาติ เอติสฺสา รตฺติยา. ปุณฺโณ ปริปุณฺณกโล ชาโตติ ปุณฺณมา. ตฺหิ จนฺทปาริปูริยา มาสปาริปูริยา เอวมาห. เอเตน ตสฺส อุโปสถภาวํ ทสฺเสติ.
ทิสฺสติ ผลํ สนฺทิสฺสตีติ เทโส, เหตูติ อาห ‘‘เทสนฺติ การณ’’นฺติ. สพฺพํ กเถนฺติ สพฺพํ อตฺตนา ปริคฺคหิตปฺปการํ กเถนฺติ. กเถตุํ น สกฺโกนฺติ อวิสยตฺตา. ปาสาทปริเวเณติ ปาสาทสฺส ปุรโต วิวฏงฺคเณ. เหฏฺา วุตฺตนเยนาติ เสขสุตฺเต (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๒) วุตฺตนเยน วิตฺถาเรตพฺพํ.
๘๖. อิเม นุ โขติ เอตฺถ นูติ สํสยโชตโนติ อาห – ‘‘วิมติปุจฺฉา วิย กถิตา’’ติ. ชานนฺเตนาติอาทิ ปุจฺฉาวตฺตทสฺสนปรํ ทฏฺพฺพํ, น ¶ ปุจฺฉกสฺส สตฺถุ อตฺตโน อชานนภาวทีปนปรํ. ชานาติ หิ ภควา. อชานนฺเตน วิย หุตฺวา ปุจฺฉิเต. ยถาภูตสภาวํ ชานนฺโต วิย ปุจฺฉติ โกหฺเ ตฺวา. เตนาห – ‘‘เถโร เอวรูปํ วจนํ กึ กริสฺสตี’’ติ การณสฺส สุปฺปหีนตฺตาติ อธิปฺปาโย.
ฉนฺทมูลกาติ ตณฺหาฉนฺทมูลกา. ตณฺหา หิ ทุกฺขสมุทโย. กุสลสฺโ วา ถิรวิสทนิปุณสฺโ วา, กุสลสงฺขาโร วา ติขิณถิรวิสทสงฺขาโร วา; สุวิสุทฺธวิปุโลทารวิฺาโณ ¶ วาติ อิมมตฺถํ ‘‘สฺาทีสุปิ เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติ. กสฺมา ปเนตฺถ อนาคตกาลวเสเนว เทสนา อาคตาติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ.
ขนฺธานํ ขนฺธปณฺณตฺตีติ ขนฺธสทฺทาภิเธยฺยานํ รุปฺปนานุภวนสฺชานนาภิสงฺขรวิชานนสภาวานํ อตฺถานํ ‘‘ขนฺโธ’’ติ อยํ สมฺา. กิตฺตเกนาติ กึปริมาเณน อตฺเถน, ราสตฺถภาคตฺถาทีสุ กีทิเสนาติ อธิปฺปาโย.
เหตุเหตูติ เหตุปจฺจยภูโต เหตุ. โย หิ โลภาทีนํ สหชาตธมฺเมสุ มูลฏฺเนุปการกภาโว นิปฺปริยาเยน เหตุตฺโถ; โส ปถวีอาทีสุปิ ปจฺจยภาวมตฺเตน เหตุปริยายทสฺสนโต ทุติเยน เหตุ-สทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺโต ‘‘เหตุเหตู’’ติ. อวิชฺชา ปฺุาภิสงฺขาราทีนํ สาธารณปจฺจยตฺตา สาธารณเหตุ, ‘‘อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส วิปาก’’นฺติ เอตฺถ วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ ปจฺจเยสุ อิฏฺานิฏฺวิปากนิยามกตฺตา กมฺมํ ตสฺส ปธานการณนฺติ อาห – ‘‘กุสลากุสลํ อตฺตโน อตฺตโน วิปากทาเน อุตฺตมเหตู’’ติ. ‘‘มหาภูตา เหตู’’ติ อยเมวตฺโถ ‘‘มหาภูตา ปจฺจโย’’ติ อิมินาปิ วุตฺโตติ เหตุสทฺทปจฺจยสทฺทานํ สมานตฺถตฺตา ปจฺจโย เอว เหตุ ปจฺจยเหตุ, โย จ รูปกฺขนฺธสฺส เหตุ, โส เอว ตสฺส ปฺาปนาย ปจฺจโยติ วุตฺโตติ อาห – ‘‘อิธ ปจฺจยเหตุ อธิปฺเปโต’’ติ. ยทคฺเคน ปจฺจยธมฺโม อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุปฺปาทาย ิติยา จ ปจฺจโย, ตทคฺเคน ตสฺส ภาวโต สมฺาโต ปฺาปนายปิ โส ปจฺจโยติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ. ปาฬิยํ อวิภาเคน วุตฺตมตฺถํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ, ‘‘ตตฺถ ปถวีธาตู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปฺาปนายาติ สเหตุอเหตุกนฺติอาทิอากาเรหิ โพธนาย ¶ . ตํ ปน สพฺโพธนํ าเณน ทสฺสนํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ทสฺสนตฺถายา’’ติ.
ผสฺโสติ ผสฺสสมงฺคีภาโว. โส เจตฺถ สกิจฺจนิปฺผาทนสมตฺถสฺส ผสฺสสฺส นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺโต หิ ผสฺโส ตถารูปาย เวทนาย ปจฺจโย โหตีติ. เอตทตฺถเมเวตฺถ ภควตา ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา กตา, ตสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนาตีตกาลวเสน ทฺวิกาลิโก ผสฺสสทฺโท เวทิตพฺโพ. ผสฺเส สติ เวเทติ ผสฺสปจฺจยา เวทนาอิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ยเถว หิ เวทนาย เอวํ สฺาย สงฺขารานมฺปิ ผสฺโส วิเสสปจฺจโย ตสฺมึ อสติ อภาวโต. เจตนาคฺคหเณน อายูหนานุรูปตาย ตปฺปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมา คหิตา. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธภาชนีเย (วิภ. ๒๑, ๒๒) จ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา ¶ เจตนาว นิทฺทิฏฺา. วิฺาณกฺขนฺธสฺสาติ เอตฺถ เอกสฺมึ ภเว อาทิภูตวิฺาณสฺส นามรูปปจฺจยตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ปฏิสนฺธิวิฺาเณน ตาวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ คพฺภเสยฺยกสฺส สภาวกสฺส รูปปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘อุปริมปริจฺเฉเทนา’’ติ วุตฺตํ สมตึสโต อุปริ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตสฺส รูปานํ อสมฺภวโต. อิทานิ ปวตฺติวิฺาณสฺส นามรูปปจฺจยํ ทฺวารวเสน ทสฺเสตุํ, ‘‘จกฺขุทฺวาเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. นนุ จ วิฺาณสฺสปิ ผสฺโส ปจฺจโย, กสฺมา ตโย เอว ขนฺธา ผสฺสปจฺจยา วุตฺตาติ? สจฺจเมตํ, ยถา ปน วิฺาณสหิโต ผสฺโส เวทนาทีนํ ปจฺจโย, น เอวํ วิฺาณสฺส. เตนาห ภควา – ‘‘ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ม. นิ. ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๔, ๔๕; ๒.๔.๖๐) ผสฺโส วิย นามรูปํ วิฺาณสฺส วิเสสปจฺจโย ยถา นามรูปปจฺจยาปิ วิฺาณนฺติ. ตสฺมา อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ นามรูปสฺเสว วิฺาณปจฺจยตา วุตฺตา, น ผสฺสสฺส.
๘๗. ยาว สกฺกายทิฏฺิ สมุปฺปชฺชติ, ตาว วฏฺฏสฺส ปริยนฺโต นตฺเถวาติ อปฺปหีนสกฺกายทิฏฺิโก วฏฺเฏ ปริพฺภมตีติ อาห – ‘‘กถํ ปน, ภนฺเตติ วฏฺฏํ ปุจฺฉนฺโต’’ติ. ยถา จ สกฺกายทิฏฺิโชตนา วฏฺฏปุจฺฉา, เอวํ ตพฺเภทนโชตนา วิวฏฺฏปุจฺฉาติ อาห – ‘‘สกฺกายทิฏฺิ น โหตีติ วิวฏฺฏํ ปุจฺฉนฺโต’’ติ.
๘๘. อยํ ¶ รูเป อสฺสาโทติ ยาถาวโต ทสฺสนํ ปริฺาภิสมโย, ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนฺจ รูปนฺติ อาห – ‘‘อิมินา ปริฺาปฏิเวโธ เจว ทุกฺขสจฺจฺจ กถิต’’นฺติ. ‘‘ยํ รูปํ อนิจฺจ’’นฺติอาทิวจนโต อนิจฺจาทิภาโว ตตฺถ อาทีนโว, โส จสฺส ปจฺจยาธีนวุตฺติตาย ปจฺจโย สมุทยสจฺจนฺติ สมุทยปฺปหาเนน อาทีนวสมติกฺกโมติ อาทีนวคฺคหเณน สิทฺธมตฺถมาห – ‘‘ปหานปฏิเวโธ เจว สมุทยสจฺจฺจา’’ติ. สพฺพสงฺขตนิสฺสรณํ นิพฺพานฺจ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิตพฺพนฺติ อาห – ‘‘อิมินา สจฺฉิกิริยาปฏิเวโธ เจว นิโรธสจฺจฺจา’’ติ. อิเมสุ ตีสุ าเนสูติ ยถาวุตฺเตสุ ทุกฺขาทีสุ ตีสุ อภิสมยฏฺาเนสุ. เย สมฺมาทิฏฺิอาทโย ธมฺมาติ เย อริยมคฺคสฺิตา สมฺมาทิฏฺิอาทโย อฏฺ, สตฺต วา ธมฺมา. ภาวนาปฏิเวโธ มคฺคสจฺจนฺติ ภาวนาภิสมยวเสน ปวตฺตํ มคฺคสจฺจํ. เสสปเทสุปีติ, ‘‘อยํ เวทนาย อสฺสาโท’’ติอาทิปเทสุปิ.
๘๙. อิมสฺมินฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขตาย สกอตฺตภาโว คหิโต, ตเทว อชฺฌตฺตา ขนฺธาติ ตปฺปฏิโยคิตาย, ‘‘พหิทฺธาติ ปรสฺส สวิฺาณเก กาเย’’ติ วุตฺตํ. สพฺพนิมิตฺเตสูติ สพฺเพสุ รูปนิมิตฺตาทีสุปิ ¶ . ตานิ ปน อินฺทฺริยพทฺธานิปิ อนินฺทฺริยพทฺธานิปิ ตํสภาวานีติ อาห ‘‘อนินฺทฺริยพทฺธมฺปิ สงฺคณฺหาตี’’ติ. วิฺาณคฺคหเณเนเวตฺถ เวทนาทโยปิ คหิตา อวินาภาวโตติ, ‘‘สวิฺาณเก กาเย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กาโย’’ติ วา ขนฺธสมูโหติ อตฺโถ.
๙๐. อนตฺตนิ ตฺวาติ อตฺตรหิเต อนตฺตสภาเว ขนฺธโกฏฺาเส ตฺวา ตํ อาธารํ กตฺวา กตานิ กมฺมานิ. กตรสฺมึ อตฺตนิ ตฺวาติ กีทิเส อตฺตนิ นิสฺสยวิปากํ ทสฺสนฺติ วิปจฺจิสฺสนฺติ. เอเตน การกเวทกรหิตตฺตา อตฺตปกฺขกมฺมกานิ น ยุชฺชนฺตีติ ทสฺเสติ, ขนฺธานํ ขณิกตฺตา จ กตนาสอกตพฺภาคมโทโส จ อาปชฺชตีติ.
ตตฺรายํ (อิติวุ. อฏฺ. ๗๔; สารตฺถ. ฏี. ๑.๕) โจทนาโสธนาวิธิ – ปาณาติปาตวเสน ตาว กมฺมปถสมฺพนฺธวิภาวนา, ขเณ ขเณ หิ นิรุชฺฌนสภาเวสุ สงฺขาเรสุ โก หนฺติ, โก วา หฺติ, ยทิ จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน, โส อรูปตฺตา ¶ น เฉทนเภทนาทิวเสน วิโกปนสมตฺโถ, นปิ วิโกปนีโย. อถ รูปสนฺตาโน, โส อเจตนตฺตา กฏฺกลิงฺครูปโมติ น ตตฺถ เฉทนาทินา ปาณาติปาตาปฺุํ ปสวติ ยถา มตสรีเร. ปโยโคปิ ปาณาติปาตสฺส ปหรณปฺปหาราทิโก อตีเตสุ วา สงฺขาเรสุ ภเวยฺย, อนาคเตสุ, ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วา, ตตฺถ น ตาว อตีตานาคเตสุ สมฺภวติ เตสํ อภาวโต, ปจฺจุปฺปนฺเนสุ จ สงฺขารานํ ขณิกตฺตา สรเสเนว นิรุชฺฌนสภาวตาย วินาสาภิมุเขสุ นิปฺปโยชโน ปโยโค สิยา, วินาสสฺส จ การณรหิตตฺตา น ปหรณปฺปหาราทิปฺปโยคเหตุกํ มรณํ, นิรีหกตาย จ สงฺขารานํ กสฺส โส ปโยโค? ขณิกตฺตา วธาธิปฺปายสมกาลภิชฺชนกสฺส กิริยาปริโยสานกาลานวฏฺานโต กสฺส ปาณาติปาตกมฺมพทฺโธติ?
วุจฺจเตยถาวุตฺตวธกเจตนาสหิโต สงฺขารปฺุโช สตฺตสงฺขาโต หนฺติ. เตน ปวตฺติตวธปฺปโยคนิมิตฺตํ อปคตอุสฺมาวิฺาณชีวิตินฺทฺริโย มตโวหารปวตฺตินิพนฺธโน ยถาวุตฺตวปฺปโยคกรเณ อุปฺปชฺชนารโห รูปารูปธมฺมสมูโห หฺติ, เกวโล วา จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน. วธปฺปโยคาวิสยภาเวปิ ตสฺส ปฺจโวการภเว รูปสนฺตานาธีนวุตฺติตาย รูปสนฺตาเน ปเรน ปโยชิตชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยควเสน ตนฺนิพฺพตฺติตวิพนฺธกวิสทิรูปุปฺปตฺติยา วิคเต วิจฺเฉโท โหตีติ น ปาณาติปาตสฺส อสมฺภโว; นาปิ อเหตุโก ปาณาติปาโต, น จ ปโยโค นิปฺปโยชโน ปจฺจุปฺปนฺเนสุ สงฺขาเรสุ กตปฺปโยควเสน ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชนารหสฺส สงฺขารกลาปสฺส ตถา อนุปฺปตฺติโต. ขณิกานํ สงฺขารานํ ขณิกมรณสฺส อิธ มรณภาเวน อนธิปฺเปตตฺตา สนฺตติมรณสฺส จ ยถาวุตฺตนเยน สเหตุกภาวโต น อเหตุกํ มรณํ ¶ ; น จ กตฺตุรหิโต ปาณาติปาตปฺปโยโค นิรีหเกสุปิ สงฺขาเรสุ สนฺนิหิตตามตฺเตน อุปการเกสุ อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปผลุปฺปาทเน นิยเตสุ การเณสุ กตฺตุโวหารสิทฺธิโต ยถา – ‘‘ปทีโป ปกาเสติ, นิสากโร จนฺทิมา’’ติ. น จ เกวลสฺส วจาธิปฺปายสหภุโน จิตฺตเจตสิกกลาปสฺส ปาณาติปาโต อิจฺฉิโต สนฺตานวเสน อวฏฺิตสฺเสว ปฏิชานนโต; สนฺตานวเสน ปวตฺตมานานฺจ ¶ ปทีปาทีนํ อตฺถกิริยสิทฺธิ ทิสฺสตีติ อตฺเถว ปาณาติปาเตน กมฺมุนา พทฺโธ; ตโต เอว ยสฺมึ สนฺตาเน ปาณาติปาตเจตนา ปวตฺตา; ตตฺเถว สนฺตาเน ปจฺจยนฺตรสมวาเยน ภวนฺตเร นิรยาทีสุ ตสฺสา ผลปฺปวตฺตีติ นตฺเถว กตวินาโส อกตพฺภาคโม จ. อิมินา นเยน อทินฺนาทานาทีนฺจ วเสน ยถารหํ กมฺมปถสมฺพนฺธวิภาวนา เวทิตพฺพาติ.
สพฺโพ ทิฏฺิคฺคาโห ตณฺหาวสคตสฺเสว โหตีติ อาห ‘‘ตณฺหาธิปเตยฺเยนา’’ติ. เตสุ เตสุ ธมฺเมสูติ มยา เทสิยมานทสฺสนธมฺเมสุ. ปกติกมฺมฏฺานนฺติ ตสฺส เถรสฺส สนฺติเก คเหตฺวา ปริหริยมานกมฺมฏฺานํ. อฺํ นวกมฺมฏฺานนฺติ ภควโต เทสนานุสาเรน คหิตํ อฺํ นวํ กมฺมฏฺานํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาปุณฺณมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. จูฬปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา
๙๑. ตุณฺหีภูตํ ¶ ตุณฺหีภูตนฺติ อาเมฑิตวจนํ พฺยาปนิจฺฉาวเสน วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘ยํ ยํ ทิส’’นฺติอาทิ. อนุวิโลเกตฺวาติ เอตฺถ อนุสทฺโทปิ พฺยาปนิจฺฉายเมวาติ อนุ อนุ วิโลเกตฺวาติ อตฺโถ. เตเนวาห – ‘‘ตโต ตโต วิโลเกตฺวา’’ติ. อสนฺโต นีโจ ปุริโสติ อสปฺปุริโสติ อาห – ‘‘ปาปปุริโส ลามกปุริโส’’ติ. โสติ อสปฺปุริโส. ตนฺติ อสปฺปุริสํ ชานิตุํ น สกฺโกติ อสปฺปุริสธมฺมานํ ยาถาวโต อชานนโต. ปาปธมฺมสมนฺนาคโตติ กายทุจฺจริตาทิอสนฺตุฏฺิตาทิลามกธมฺมสมนฺนาคโต. อสปฺปุริเส ภตฺติ เอตสฺสาติ อสปฺปุริสภตฺติ. เตนาห – ‘‘อสปฺปุริสเสวโน’’ติ. อสปฺปุริสธมฺโม อสปฺปุริโส อุตฺตรปทโลเปน, เตสํ จินฺตนสีโลติ อสปฺปุริสจินฺตี. เตนาห ‘‘อสปฺปุริสจินฺตาย จินฺตโก’’ติ, ทุจฺจินฺติตจินฺตีติ อตฺโถ. อสปฺปุริสมนฺตนนฺติ อสาธุชนวิจารํ อสปฺปุริสวีมํสํ. อสปฺปุริสวาจนฺติ จตุพฺพิธํ ทุพฺภาสิตํ. อสปฺปุริสกมฺมํ นาม ติวิธมฺปิ กายทุจฺจริตํ. อสปฺปุริสทิฏฺิ นาม วิเสสโต ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ, ตาย สมนฺนาคโต อสปฺปุริสทิฏฺิยา สมนฺนาคโต, อสปฺปุริสทานํ ¶ นาม อสกฺกจฺจทานาทิ. สพฺโพปายมตฺโถ ปาฬิโต เอว วิฺายติ.
‘‘ปาณํ หนิสฺสามี’’ติอาทิกา เจตนา กามํ ปรพฺยาพาธายปิ โหติเยว, ยถา ปน สา อตฺตโน พลวตรทุกฺขตฺถาย โหติ, ตถา น ปรสฺสาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ, ‘‘อตฺตโน ทุกฺขตฺถาย จินฺเตติ’’อิจฺเจว วุตฺโต. ยถา อสุโก อสุกนฺติอาทีหิ ปาปโก ปาปวิปาเกกเทสํ พลวํ ครุตรํ วา ปจฺจนุโภนฺโตปิ ยถา ปโร ปจฺจนุโภติ, น ตถา สยนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ปรพฺยาพาธายา’’ติ. คเหตฺวาติ ปาปกิริยาย สหายภาเวน คเหตฺวา.
อสกฺกจฺจนฺติ อนาทรํ กตฺวา. เทยฺยธมฺมสฺส อสกฺกรณํ อปฺปสนฺนากาโร, ปุคฺคลสฺส อสกฺกรณํ อครุกรณนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เทยฺยธมฺมํ น สกฺกโรติ นามา’’ติอาทิมาห. อจิตฺตีกตฺวาติ น จิตฺเต กตฺวา, น ปูเชตฺวาติ อตฺโถ. ปูเชนฺโต หิ ปูเชตพฺพวตฺถุํ จิตฺเต เปติ, ตโต น พหิ กโรติ. จิตฺตํ วา อจฺฉริยํ กตฺวา ปฏิปตฺติ จิตฺตีกรณํ, สมฺภาวนกิริยา. ตปฺปฏิกฺเขปโต อจิตฺตีกรณํ, อสมฺภาวนกิริยา. อปวิทฺธนฺติ อุจฺฉิฏฺาทิฉฑฺฑนียธมฺมํ วิย อวขิตฺตกํ. เตนาห – ‘‘ฉฑฺเฑตุกาโม วิยา’’ติอาทิ. โรคํ ปกฺขิปนฺโต ¶ วิยาติ โรคิกสรีรํ โอทนาทีหิ ปมชฺชิตฺวา วมฺมิเก โรคํ ปกฺขิปนฺโต วิย. อทฺธา อิมสฺส ทานสฺส ผลํ มเมว อาคจฺฉตีติ เอวํ ยสฺส ตถา ทิฏฺิ อตฺถิ, โส อาคมนทิฏฺิโก, อยํ ปน น ตาทิโสติ อาห ‘‘อนาคมนทิฏฺิโก’’ติ. เตนาห – ‘‘โน ผลปาฏิกงฺขี หุตฺวา เทตี’’ติ.
กามฺจายํ ยถาวุตฺตปุคฺคโล อสทฺธมฺมาทีหิ ปาปธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, เตหิ ปน สพฺเพหิปิ มิจฺฉาทสฺสนํ มหาสาวชฺชนฺติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา นิรเย อุปปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตปฏิปกฺขนเยนาติ กณฺหปกฺเข วุตฺตสฺส อตฺถสฺส วิปริยาเยน สุกฺกปกฺเข อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘สเทวกํ โลก’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๑) เทวสทฺโท ฉกามาวจรเทเวสุ, เอวมิธาติ อาห ‘‘ฉกามาวจรเทวา’’ติ. ตตฺถ พฺรหฺมานํ วิสุํ คหิตตฺตา กามาวจรเทวคฺคหณนฺติ เจ? อิธ ทานผลสฺส อธิปฺเปตตฺตา กามาวจรเทวคฺคหณํ ¶ , ตตฺถาปิ ฉกามาวจรคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ เทวมหตฺตตาทิวจนโต. ติณฺณํ กุลานํ สมฺปตฺตีติ ขตฺติยมหตฺตาทีนํ ติณฺณํ กุลานํ สมฺปตฺติ, น เกวลํ กุลสมฺปทา เอว อธิปฺเปตา, อถ โข ตตฺถ อายุวณฺณยสโภคอิสฺสริยาทิสมฺปทาปิ อธิปฺเปตาติ ทฏฺพฺพํ อุฬารสฺส ทานมยปฺุสฺส วเสน เตสมฺปิ สมิชฺฌนโต. สุทฺธวฏฺฏวเสเนว กถิตํ สุกฺกปกฺเขปิ สพฺพโส วิวฏฺฏสฺส อนามฏฺตฺตา. สทฺธาทโย หิ โลกิยกุสลสมฺภารา เอเวตฺถ อธิปฺเปตาติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬปุณฺณมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ เทวทหวคฺควณฺณนา.
๒. อนุปทวคฺโค
๑. อนุปทสุตฺตวณฺณนา
๙๓. อิทฺธิมาติ ¶ ¶ คุโณ ปากโฏ ปรโตโฆเสน วินา ปาสาทกมฺปนเทวจาริกาทีหิ สยเมว ปกาสภาวโต; ธุตวาทาทิคุณานมฺปิ ตถาภาเว เอเตเนว นเยน เตสํ คุณานํ ปากฏโยคโต จ ปเรสํ นิจฺฉิตภาวโต จ. ปฺวโต คุณาติ ปฺาปเภทปภาวิเต คุณวิเสเส สนฺธาย วทติ. เต หิ เยภุยฺเยน ปเรสํ อวิสยา. เตนาห – ‘‘น สกฺกา อกถิตา ชานิตุ’’นฺติ. วิสภาคา สภาคา นาม อโยนิโสมนสิการพหุเลสุ ปุถุชฺชเนสุ, เต ปน อปฺปหีนราคโทสตาย ปรสฺส วิชฺชมานมฺปิ คุณํ มกฺเขตฺวา อวิชฺชมานํ อวณฺณเมว โฆเสนฺตีติ อาห – ‘‘วิสภาค…เป… กเถนฺตี’’ติ.
ยา อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต ยถาภูตํ ปชานนา, อยํ ธาตุกุสลตา. อายตนกุสลตายปิ เอเสว นโย. อวิชฺชาทีสุ ทฺวาทสสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ โกสลฺลํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสลตา. อิทํ อิมสฺส ผลสฺส านํ การณํ, อิทํ อฏฺานํ อการณนฺติ เอวํ านฺจ านโต, อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานนา, อยํ านาฏฺานกุสลตา. โย ปน อิเมสุ ธาตุอาทีสุ ปริฺาภิสมยาทิวเสน นิสฺสงฺคคติยา ปณฺฑาติ ลทฺธนาเมน าเณน อิโต คโต ปวตฺโต, อยํ ปณฺฑิโต นามาติ อาห – ‘‘อิเมหิ จตูหิ การเณหิ ปณฺฑิโต’’ติ. มหนฺตานํ อตฺถานํ ปริคฺคณฺหนโต มหตี ปฺา เอตสฺสาติ มหาปฺโ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโยติ อาห – ‘‘มหาปฺาทีหิ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ’’ติ.
นานตฺตนฺติ ยาหิ มหาปฺาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโร ‘‘มหาปฺโ’’ติอาทินา กิตฺตียติ, ตาสํ มหาปฺาทีนํ อิทํ นานตฺตํ อยํ เวมตฺตตา. ยสฺส กสฺสจิ (ที. นิ. ฏี. ๓.๒๑๖; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๑๐; อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๕๘๔) วิเสสโต อรูปธมฺมสฺส มหตฺตํ นาม กิจฺจสิทฺธิยา เวทิตพฺพนฺติ ตทสฺส กิจฺจสิทฺธิยา ทสฺเสนฺโต, ‘‘มหนฺเต ¶ สีลกฺขนฺเธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปฺา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เหตุมหนฺตตาย ปจฺจยมหนฺตตาย นิสฺสยมหนฺตตาย ปเภทมหนฺตตาย กิจฺจมหนฺตตาย ¶ ผลมหนฺตตาย อานิสํสมหนฺตตาย จ สีลกฺขนฺธสฺส มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ เหตู อโลภาทโย, ปจฺจยา หิโรตฺตปฺปสทฺธาสติวีริยาทโย. นิสฺสยา สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธินิยตตา ตํสมงฺคิโน จ ปุริสวิเสสา. ปเภโท จาริตฺตาทิวิภาโค. กิจฺจํ ตทงฺคาทิวเสน ปฏิปกฺขสฺส วิธมนํ. ผลํ สคฺคสมฺปทา นิพฺพานสมฺปทา จ. อานิสํโส ปิยมนาปตาทิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๙) อากงฺเขยฺยสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๔ อาทโย) จ อาคตนเยน เวทิตพฺโพ. อิมินา นเยน สมาธิกฺขนฺธาทีนมฺปิ มหนฺตตา ยถารหํ นิทฺธาเรตฺวา เวทิตพฺพา, านาฏฺานาทีนํ ปน มหนฺตภาโว มหาวิสยตาย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ านาฏฺานานํ มหาวิสยตา พหุธาตุกสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๒๔ อาทโย) สยเมว อาคมิสฺสติ. วิหารสมาปตฺตีนํ สมาธิกฺขนฺเธ นิทฺธาริตนเยน เวทิตพฺพา, อริยสจฺจานํ สกลสาสนสงฺคหณโต สจฺจวิภงฺเค (วิภ. ๑๘๙ อาทโย) ตํสํวณฺณนาสุ (วิภ. อฏฺ. ๑๘๙ อาทโย) อาคตนเยน. สติปฏฺานาทีนํ วิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๓๕๕ อาทโย) ตํสํวณฺณนาทีสุ (วิภ. อฏฺ. ๓๕๕ อาทโย) จ อาคตนเยน. สามฺผลานํ มหโต หิตสฺส มหโต สุขสฺส มหโต อตฺถสฺส มหโต โยคกฺเขมสฺส นิปฺผตฺติภาวโต สนฺตปณีตนิปุณอตกฺกาวจรปณฺฑิตเวทนียภาวโต จ. อภิฺานํ มหาสมฺภารโต มหาวิสยโต มหากิจฺจโต มหานุภาวโต มหานิปฺผตฺติโต จ. นิพฺพานสฺส มทนิมฺมทนาทิมหตฺถสิทฺธิโต มหนฺตตา เวทิตพฺพา.
ปุถุปฺาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – นานาขนฺเธสุ าณํ ปวตฺตตีติ, ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ นาม…เป… อยํ วิฺาณกฺขนฺโธ นามา’’ติ, เอวํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ นานากรณํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. เตสุปิ ‘‘เอกวิเธน รูปกฺขนฺโธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขนฺโธ, เอกวิเธน เวทนากฺขนฺโธ, พหุวิเธน เวทนากฺขนฺโธ, เอกวิเธน สฺากฺขนฺโธ…เป… เอกวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ, พหุวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส เอกวิธาทิวเสน อตีตาทิเภทวเสนปิ นานากรณํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. ตถา ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป… อิทํ ธมฺมายตนํ นาม. ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, ทฺเว จตุภูมกา’’ติ เอวํ อายตนนานตฺตํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ.
นานาธาตูสูติ ¶ ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป… อยํ มโนวิฺาณธาตุ นาม. ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, ทฺเว จตุภูมกา’’ติ เอวํ นานาธาตูสุ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. ตยิทํ ¶ อุปาทิณฺณกธาตุวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปจฺเจกพุทฺธานฺหิ ทฺวินฺนฺจ อคฺคสาวกานํ อุปาทิณฺณกธาตูสุเยว นานากรณํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. ตฺจ โข เอกเทสโตว, โน นิปฺปเทสโต, อนุปาทิณฺณกธาตูนํ ปน นานากรณํ น ชานนฺติเยว. สพฺพฺุพุทฺธานํเยว ปน, ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขนฺโธ เสโต โหติ, อิมสฺส กณฺโห, อิมสฺส พหลตฺตโจ, อิมสฺส ตนุตฺตโจ, อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺานาทิวเสน เอวรูปํ, อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ ปีตํ โลหิตํ โอทาตํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ, ผลํ ขุทฺทกํ มหนฺตํ ทีฆํ วฏฺฏํ สุสณฺานํ มฏฺํ ผรุสํ สุคนฺธํ มธุรํ ติตฺตกํ อมฺพิลํ กฏุกํ กสาวํ, กณฺฏโก ติขิโณ อติขิโณ อุชุโก กุฏิโล โลหิโต โอทาโต โหตี’’ติ ธาตุนานตฺตํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ.
อตฺเถสูติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ. นานาปฏิจฺจสมุปฺปาเทสูติ อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภทโต สนฺตานเภทโต จ นานปฺปเภเทสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ. อวิชฺชาทิองฺคานฺหิ ปจฺเจกํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺิตาติ. เตนาห – สงฺขารปิฏเก ‘‘ทฺวาทส ปจฺจยา ทฺวาทส ปฏิจฺจสมุปฺปาทา’’ติ. นานาสฺุตมนุปลพฺเภสูติ นานาสภาเวสุ นิจฺจสาราทิวิรหโต สฺุสภาเวสุ, ตโต เอว อิตฺถิปุริสอตฺตอตฺตนิยาทิวเสน อนุปลพฺเภสุ สภาเวสุ. ม-กาโร เหตฺถ ปทสนฺธิกโร. นานาอตฺเถสูติ อตฺถปฏิสมฺภิทาวิสเยสุ ปจฺจยุปฺปนฺนาทินานาอตฺเถสุ. ธมฺเมสูติ ธมฺมปฏิสมฺภิทาวิสเยสุ ปจฺจยาทินานาธมฺเมสุ. นิรุตฺตีสูติ เตสํเยว อตฺถธมฺมานํ นิทฺธารณวจนสงฺขาตาสุ นานานิรุตฺตีสุ. ปฏิภาเนสูติ เอตฺถ อตฺถปฏิสมฺภิทาทีสุ วิสยภูเตสุ, ‘‘อิมานิ อิทมตฺถโชตกานี’’ติ (วิภ. ๗๒๕-๗๔๕) ตถา ตถา ปฏิภานโต ปฏิภานานีติ ลทฺธนาเมสุ าเณสุ. ปุถุ นานาสีลกฺขนฺเธสูติอาทีสุ สีลสฺส ปุถุตฺตํ นานตฺตฺจ วุตฺตเมว. อิตเรสํ ปน วุตฺตนยานุสาเรน สุวิฺเยฺยตฺตา ปากฏเมว. ยํ ปน อภินฺนํ เอกเมว นิพฺพานํ, ตตฺถ อุปจารวเสน ปุถุตฺตํ คเหตพฺพนฺติ อาห – ‘‘ปุถุ นานาชนสาธารเณ ธมฺเม สมติกฺกมฺมา’’ติ. เตนสฺส มทนิมฺมทนาทิปริยาเยน ปุถุตฺตํ ปริทีปิตํ โหติ.
เอวํ ¶ วิสยวเสน ปฺาย มหตฺตํ ปุถุตฺตฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน หาสภาวํ, ปวตฺติอาการวเสน ชวนภาวํ, กิจฺจวเสน ติกฺขาทิภาวฺจ ทสฺเสตุํ, ‘‘กตมา หาสปฺา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ หาสพหุโลติ ปีติพหุโล. เสสปทานิ ตสฺเสว เววจนานิ. สีลํ ปริปูเรตีติ หฏฺปหฏฺโ อุทคฺคุทคฺโค หุตฺวา ปีติสหคตาย ปฺาย. ปีติโสมนสฺสสหคตา หิ ปฺา อภิรติวเสน อารมฺมเณ ผุลฺลา วิกสิตา วิย ปวตฺตติ; น อุเปกฺขาสหคตาติ ปาติโมกฺขสีลํ เปตฺวา หาสนียํ ปรํ ติวิธมฺปิ สีลํ ปริปูเรตีติ อตฺโถ. วิสุํ วุตฺตตฺตา ปุน สีลกฺขนฺธมาห. สมาธิกฺขนฺธนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
รูปํ ¶ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ รูปกฺขนฺธํ อนิจฺจนฺติ สีฆํ เวเคน ปวตฺติยา ปฏิปกฺขทูรีภาเวน ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส สาติสยตฺตา อินฺเทน วิสฺสฏฺวชิรํ วิย ลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌนฺตี อทนฺธายนฺตี รูปกฺขนฺเธ อนิจฺจลกฺขณํ เวคสา ปฏิวิชฺฌติ, ตสฺมา สา ชวนปฺา นามาติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาวเสน ชวนปฺํ ทสฺเสตฺวา พลววิปสฺสนาวเสน ทสฺเสตุํ, ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ขยฏฺเนาติ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนโต ขยสภาวตฺตา. ภยฏฺเนาติ ภยานกภาวโต. อสารกฏฺเนาติ อตฺตสารวิรหโต นิจฺจสาราทิวิรหโต จ. ตุลยิตฺวาติ ตุลาภูตาย วิปสฺสนาปฺาย ตุเลตฺวา. ตีรยิตฺวาติ ตาย เอว ตีรณภูตาย ตีเรตฺวา. วิภาวยิตฺวาติ ยาถาวโต ปกาเสตฺวา ปฺจกฺขนฺธํ วิภูตํ กตฺวา. รูปนิโรเธติ รูปกฺขนฺธสฺส นิโรธภูเต นิพฺพาเน นินฺนโปณปพฺภารวเสน. อิทานิ สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาวเสน ชวนปฺํ ทสฺเสตุํ, ปุน ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาวเสนาติ เกจิ.
าณสฺส ติกฺขภาโว นาม สวิเสสํ ปฏิปกฺขสมุจฺฉินฺทเนน เวทิตพฺโพติ, ‘‘ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปฺา’’ติ วตฺวา เต ปน กิเลเส วิภาเคน ทสฺเสนฺโต, ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺก’’นฺติอาทิมาห. ติกฺขปฺโ หิ ขิปฺปาภิฺโ โหติ, ปฏิปทา จสฺส น จลตีติ อาห – ‘‘เอกสฺมึ อาสเน จตฺตาโร อริยมคฺคา อธิคตา โหนฺตี’’ติอาทิ.
‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา นิโรธธมฺมา’’ติ ยาถาวโต ทสฺสเนน สจฺจสมฺปฏิเวโธ อิชฺฌติ, น อฺถาติ การณมุเขน นิพฺเพธิกปฺํ ทสฺเสตุํ, ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ ¶ อุพฺเพคพหุโล โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุพฺเพคพหุโลติ วุตฺตนเยน สพฺพสงฺขาเรสุ อภิณฺหํ ปวตฺตสํเวโค. อุตฺตาสพหุโลติ าณุตฺราสวเสน สพฺพสงฺขาเรสุ พหุโส อุตฺรสฺตมานโส. เตน อาทีนวานุปสฺสนมาห. อุกฺกณฺนพหุโลติ ปน อิมินา นิพฺพิทานุปสฺสนํ อาห – อรติพหุโลติอาทินา ตสฺสา เอว อปราปรุปฺปตฺตึ. พหิมุโขติ สพฺพสงฺขารโต พหิภูตํ นิพฺพานํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตาณมุโข, ตถา วา ปวตฺติตวิโมกฺขมุโข. นิพฺพิชฺฌนํ นิพฺเพโธ, โส เอติสฺสา อตฺถิ, นิพฺพิชฺฌตีติ วา นิพฺเพธา, สาว ปฺา นิพฺเพธิกา. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
ปชฺชติ เอเตน วิปสฺสนาทิโกติ ปทํ, สมาปตฺติ, ตสฺมา อนุปทนฺติ อนุสมาปตฺติโยติ อตฺโถ. ปทํ วา สมฺมสนุปคา ธมฺมา วิปสฺสนาย ปวตฺติฏฺานภาวโต. เตนาห ‘‘สมาปตฺติวเสน วา’’ติ ¶ . ฌานงฺควเสน วาติ ฌานงฺควเสนาติ จ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน กมตฺโถ อิธ ปทสทฺโท, ตสฺมา อนุปทํ อนุกฺกเมนาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อนุปฏิปาฏิยา’’ติ. ธมฺมวิปสฺสนนฺติ ตํตํสมาปตฺติจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปสฺสนํ. วิปสฺสตีติ สมาปตฺติโย ฌานมุเขน เต เต ธมฺเม ยาถาวโต ปริคฺคเหตฺวา, ‘‘อิติปิ ทุกฺขา’’ติอาทินา สมฺมสติ. อทฺธมาเสน อรหตฺตํ ปตฺโต อุกฺกํสคตสฺส สาวกานํ สมฺมสนจารสฺส นิปฺปเทเสน ปวตฺติยมานตฺตา, สาวกปารมีาณสฺส จ ตถา ปฏิปาเทตพฺพตฺตา. เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺโต; ธมฺมเสนาปติ ปน ตโต จิเรน, เอวํ สนฺเตปิ ยสฺมา โมคฺคลฺลานตฺเถโรปิ มหาปฺโว, ตสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโรว มหาปฺตโรติ. อิทานิ ตมตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ, ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมฺมสนํ จรติ เอตฺถาติ สมฺมสนจาโร, วิปสฺสนาภูมิ, ตํ สมฺมสนจารํ. เอกเทสเมวาติ สกอตฺตภาเว สงฺขาเร อนวเสสโต ปริคฺคเหตฺุจ สมฺมสิตฺุจ อสกฺโกนฺตํ อตฺตโน อภินีหารสมุทาคตาณพลานุรูปํ เอกเทสเมว ปริคฺคเหตฺวา สมฺมสนฺโต. นนุ จ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อนภิชานํ อปริชานํ อวิราชยํ อปฺปชหํ อภพฺโพ ทุกฺขกฺขยายา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๖) วจนโต วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิตุกาเมน สพฺพํ ปริฺเยฺยํ ปริชานิตพฺพเมว? สจฺจเมตํ, ตฺจ โข สมฺมสนุปคธมฺมวเสน วุตฺตํ. ตสฺมา สสนฺตานคเต สพฺพธมฺเม ¶ , ปรสนฺตานคเต จ เตสํ สนฺตานวิภาคํ อกตฺวา พหิทฺธาภาวสามฺโต สมฺมสนํ, อยํ สาวกานํ สมฺมสนจาโร. เถโร ปน พหิทฺธาธมฺเมปิ สนฺตานวิภาเคน เกจิ เกจิ อุทฺธริตฺวา สมฺมสิ, ตฺจ โข าเณน ผุฏฺมตฺตํ กตฺวา. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยฏฺิโกฏิยา อุปฺปีเฬนฺโต วิย เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต’’ติ. ตตฺถ าเณน นาม ยาวตา เนยฺยํ ปวตฺติตพฺพํ, ตถา อปวตฺตนโต ‘‘ยฏฺิโกฏิยา อุปฺปีเฬนฺโต วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย อภาวโต ‘‘เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต’’ติ วุตฺตํ.
พุทฺธานํ สมฺมสนจาโร ทสสหสฺสิโลกธาตุยํ สตฺตสนฺตานคตา, อนินฺทฺริยพทฺธา จ สงฺขาราติ วทนฺติ, โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสูติ อปเร. ตถา หิ อทฺธตฺตยวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทนยํ โอสริตฺวา ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน พุทฺธานํ มหาวชิราณํ ปวตฺตํ. ปจฺเจกพุทฺธานํ สสนฺตานคเตหิ สทฺธึ มชฺฌิมเทสวาสิสตฺตสนฺตานคตา อนินฺทฺริยพทฺธา จ สมฺมสนจาโรติ วทนฺติ, ชมฺพุทีปวาสิสตฺตสนฺตานคตาติ เกจิ. ธมฺมเสนาปติโนปิ ยถาวุตฺตสาวกานํ วิปสฺสนาภูมิเยว สมฺมสนจาโร. ตตฺถ ปน เถโร สาติสยํ นิรวเสสํ อนุปทธมฺมํ วิปสฺสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สาวกานํ สมฺมสนจารํ นิปฺปเทสํ สมฺมสี’’ติ.
ตตฺถ ‘‘สาวกานํ วิปสฺสนาภูมี’’ติ เอตฺถ สุกฺขวิปสฺสกา โลกิยาภิฺปฺปตฺตา ปกติสาวกา ¶ อคฺคสาวกา ปจฺเจกพุทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺธาติ ฉสุ ชเนสุ สุกฺขวิปสฺสกานํ ฌานาภิฺาหิ อนธิคตปฺาเนปฺุตฺตา อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปเทโสกฺกมนํ วิปสฺสนากาเล อิจฺฉิกิจฺฉิตธมฺมวิปสฺสนา นตฺถิ. เต ยถาปริคฺคหิตธมฺมมตฺเตเยว ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺติ. โลกิยาภิฺปฺปตฺตา ปน ปกติสาวกา เยน มุเขน วิปสฺสนํ อารภนฺติ; ตโต อฺเน วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กาตุํ สกฺโกนฺติ วิปุลาณตฺตา. มหาสาวกา อภินีหารสมฺปนฺนตฺตา ตโต สาติสยํ วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กาตุํ สกฺโกนฺติ. อคฺคสาวเกสุ ทุติโย อภินีหารสมฺปตฺติยา สมาธานสฺส สาติสยตฺตา วิปสฺสนํ ตโตปิ วิตฺถาริกํ กโรติ. ปโม ปน ตโต มหาปฺตาย สาวเกหิ อสาธารณํ วิตฺถาริกํ กโรติ. ปจฺเจกพุทฺโธ เตหิปิ มหาภินีหารตาย อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ ตโตปิ วิตฺถาริกวิปสฺสนํ กโรนฺติ. พุทฺธานํ, สมฺมเทว, ปริปูริตปฺาปารมิปภาวิต-สพฺพฺุตฺาณาธิคมนสฺส อนุรูปายาติ. ยถา ¶ นาม กตวาลเวธปริจเยน สรภงฺคสทิเสน ธนุคฺคเหน ขิตฺโต สโร อนฺตรา รุกฺขลตาทีสุ อสชฺชมาโน ลกฺขเณเยว ปตติ; น สชฺชติ น วิรชฺฌติ, เอวํ อนฺตรา อสชฺชมานา อวิรชฺฌมานา วิปสฺสนา สมฺมสนียธมฺเมสุ ยาถาวโต นานานเยหิ ปวตฺตติ. ยํ มหาาณนฺติ วุจฺจติ, ตสฺส ปวตฺติอาการเภโท คณโต วุตฺโตเยว.
เอเตสุ จ สุกฺขวิปสฺสกานํ วิปสฺสนาจาโร ขชฺโชตปภาสทิโส, อภิฺปฺปตฺตปกติสาวกานํ ทีปปภาสทิโส, มหาสาวกานํ โอกฺกาปภาสทิโส, อคฺคสาวกานํ โอสธิตารกาปภาสทิโส, ปจฺเจกพุทฺธานํ จนฺทปภาสทิโส, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ รสฺมิสหสฺสปฏิมณฺฑิตสรทสูริยมณฺฑลสทิโส อุปฏฺาสิ. ตถา สุกฺขวิปสฺสกานํ วิปสฺสนาจาโร อนฺธานํ ยฏฺิโกฏิยา คมนสทิโส, โลกิยาภิฺปฺปตฺตปกติสาวกานํ ทณฺฑกเสตุคมนสทิโส, มหาสาวกานํ ชงฺฆเสตุคมนสทิโส, อคฺคสาวกานํ สกฏเสตุคมนสทิโส, ปจฺเจกพุทฺธานํ มหาชงฺฆมคฺคคมนสทิโส, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ มหาสกมคฺคคมนสทิโสติ เวทิตพฺโพ.
อรหตฺตฺจ กิร ปตฺวาติ เอตฺถ กิร-สทฺโท อนุสฺสวลทฺโธยมตฺโถติ ทีเปตุํ วุตฺโต. ปตฺวา อฺาสิ อตฺตโน วิปสฺสนาจารสฺส มหาวิสยตฺตา ติกฺขวิสทสูรภาวสฺส จ สลฺลกฺขเณน. กถํ ปนายํ มหาเถโร ทนฺธํ อรหตฺตํ ปาปุณนฺโต สีฆํ อรหตฺตํ ปตฺตโต ปฺาย อตฺตานํ สาติสยํ กตฺวา อฺาสีติ อาห – ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. มหาชฏนฺติ มหาชาลสาขํ อติวิย สิพฺพิตชาลํ. ยฏฺึ ปน สารํ วา อุชุํ วา น ลภติ เวณุคฺคหเณ อนุจฺจินิตฺวา เวณุสฺส คหิตตฺตา. เอวํสมฺปทนฺติ ยถา เตสุ ปุริเสสุ เอโก เวฬุคฺคหเณ อนุจฺจินิตฺวา เวฬุยฏฺึ คณฺหาติ, เอโก อุจฺจินิตฺวา, เอวํ นิปฺผตฺติกํ. ปธานนฺติ ภาวนานุยฺุชนํ.
สตฺตสฏฺิ ¶ าณานีติ ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๗๓ มาติกา) อาคเตสุ เตสตฺตติยา าเณสุ เปตฺวา ฉ อสาธารณาณานิ สุตมยาณาทีนิ ปฏิภานปฏิสมฺภิทาาณปริโยสานานิ สตฺตสฏฺิ าณานิ. ตานิ หิ สาวเกหิ ปวิจิตพฺพานิ, น อิตรานิ. โสฬสวิธํ ปฺนฺติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๓๗๙; สํ. นิ. ฏี. ๓.๕.๓๗๙) มหาปฺาทิกา, นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติปฺาติ อิทํ โสฬสวิธํ ปฺํ.
ตตฺราติ ¶ ตสฺส. อิทํ โหตีติ อิทํ ทานิ วุจฺจมานํ อนุปุพฺพสมฺมสนํ โหติ. วิปสฺสนาโกฏฺาสนฺติ วิตกฺกาทิสมฺมสิตพฺพธมฺมวิภาเคน วิภตฺตวิปสฺสนาภาคํ.
๙๔. ปเม ฌาเนติ อุปสิเลเส ภุมฺมํ, ตสฺมา เย ปเม ฌาเน ธมฺมาติ เย ปมชฺฌานสํสฏฺา ธมฺมาติ อตฺโถ. อนฺโตสมาปตฺติยนฺติ จ สมาปตฺติสหคเต จิตฺตุปฺปาเท สมาปตฺติสมฺํ อาโรเปตฺวา วุตฺตํ. ววตฺถิตาติ กตววตฺถนา นิจฺฉิตา. ปริจฺฉินฺนาติ าเณน ปริจฺฉินฺนา สลกฺขณโต ปริจฺฉิชฺช าตา. โอโลเกนฺโตติ าณจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต ปสฺสนฺโต. อภินิโรปนํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อาโรปนํ. อนุมชฺชนํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อนุวิจารณํ. ผรณํ ปณีตรูเปหิ กายสฺส พฺยาปนํ, วิปฺผาริกภาโว วา. สาตนฺติ สาตมธุรตา. อธิกฺเขโป วิกฺเขปสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สมาธานํ. ผุสนํ อินฺทฺริยวิสยวิฺาณสฺส ตโต อุปฺปชฺชิตฺวา อารมฺมเณ ผุสนากาเรน วิย ปวตฺติ. เวทยิตํ อารมฺมณานุภวนํ. สฺชานนํ นีลาทิวเสน อารมฺมณสฺส สลฺลกฺขณํ. เจตยิตํ เจตโส พฺยาปาโร. วิชานนํ อารมฺมณูปลทฺธิ. กตฺตุกมฺยตา จิตฺตสฺส อารมฺมเณน อตฺถิกตา. ตสฺมึ อารมฺมเณ อธิมุจฺจนํ, สนฺนิฏฺานํ วา อธิโมกฺโข. โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนํ ปคฺคาโห, อธิคฺคโหติ อตฺโถ. อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา านํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฏฺานํ. สมปฺปวตฺเตสุ อสฺเสสุ สารถิ วิย สกิจฺจปสุเตสุ สมฺปยุตฺเตสุ อชฺฌุเปกฺขนํ มชฺฌตฺตตา. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อารมฺมเณ อนุนยนํ สํจรณํ อนุนโย. สภาวโตติ ยถาภูตสภาวโต. โสฬสนฺนํ เอว เจตฺถ ธมฺมานํ คหณํ เตสํเยว เถเรน ววตฺถาปิตภาวโต, เต เอวสฺส ตทา อุปฏฺหึสุ, น อิตเรติ วทนฺติ. วีริยสติคฺคหเณน เจตฺถ อินฺทฺริยภาวสามฺโต สทฺธาปฺา; สติคฺคหเณเนว เอกนฺตานวชฺชภาวสามฺโต ปสฺสทฺธิอาทโย ฉ ยุคฬา; อโลภาโทสา จ สงฺคหิตา ฌานจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตฺตา เตสํ ธมฺมานํ. เถเรน จ ธมฺมา ววตฺถานสามฺโต อารทฺธา. เต น อุปฏฺหึสูติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ อปเร.
วิทิตา อุปฺปชฺชนฺตีติ อุปฺปาเทปิ เนสํ เวทนานํ ปชานนํ โหติเยวาติ อตฺโถ. เสสปททฺวเยปิ ¶ เอเสว นโย. ตํ ชานาตีติ ตําโณ, ตสฺส ¶ ภาโว ตําณตา, าณสฺส อตฺตสํเวทนนฺติ อตฺโถ. ตํสมานโยคกฺขมาหิ สมฺปยุตฺตธมฺมา. าณพหุตาติ าณสฺส พหุภาโว, เอกจิตฺตุปฺปาเท อเนกาณตาติ อตฺโถ. อิทานิ ตเมวตฺถํ วิวริตุํ, ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น สกฺกา ชานิตุํ อารมฺมณกรณสฺส อภาวโต. อสมฺโมหาวโพโธ จ อีทิสสฺส าณสฺส นตฺถิ. เอเกกเมว าณํ อุปฺปชฺชติ ตสฺมึ ขเณ เอกสฺเสว อาวชฺชนสฺส อุปฺปชฺชนโต, น จ อาวชฺชเนน วินา จิตฺตุปฺปตฺติ อตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, กปฺปา ติฏฺนฺติ เย มรู;
น ตฺเวว เตปิ ชีวนฺติ, ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สํยุตา’’ติ. (มหานิ. ๑๐, ๓๙) จ,
‘‘นตฺถิ จิตฺเต ยุคา คหี’’ติ จ –
วตฺถารมฺมณานํ ปริคฺคหิตตายาติ ยสฺมิฺจ อารมฺมเณ เย ฌานธมฺมา ปวตฺตนฺติ, เตสํ วตฺถารมฺมณานํ ปเคว าเณน ปริจฺฉิชฺช คหิตตฺตา. ยถา นาม มิคสูกราทีนํ อาสเยปริคฺคหิเต ตตฺร ิตา มิคา วา สูกรา วา ตโต อุฏฺานโตปิ อาคมนโตปิ เนสาทสฺส สุขคฺคหณา โหนฺติ, เอวํสมฺปทมิทํ. เตนาห ‘‘เถเรน หี’’ติอาทิ. เตนาติ วตฺถารมฺมณานํ ปริคฺคหิตภาเวน. อสฺสาติ เถรสฺส. เตสํ ธมฺมานนฺติ ฌานจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานํ ธมฺมานํ. อุปฺปาทํ อาวชฺชนฺตสฺสาติอาทินา อุปฺปาทาทีสุ ยํ ยเทว อารพฺภ าณํ อุปฺปชฺชติ; ตสฺมึ ตสฺมึ ขเณ ตสฺส ตสฺเสว จสฺส ปากฏภาโว ทีปิโต. น หิ อาวชฺชเนน วินา าณํ อุปฺปชฺชติ. อหุตฺวา สมฺโภนฺตีติ ปุพฺเพ อวิชฺชมานา หุตฺวา สมฺภวนฺติ, อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. อุทยํ ปสฺสติ เตสํ ธมฺมานํ, ‘‘อหุตฺวา สมฺโภนฺตี’’ติ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิภาวทสฺสนโต. ปุพฺเพ อภาวโพธโก หิ อตฺตลาโภ ธมฺมานํ อุทโย. หุตฺวาติ อุปฺปชฺชิตฺวา. ปฏิเวนฺตีติ ปฏิ ขเณ ขเณ วินสฺสนฺติ. วยํ ปสฺสติ, ‘‘หุตฺวา ปฏิเวนฺตี’’ติ เตสํ ธมฺมานํ ภงฺคกฺขณสมงฺคิภาวทสฺสนโต. วิทฺธํสภาวโพธโก หิ ธมฺมานํ วิชฺชมานโต วโย.
เตสุ ธมฺเมสุ นตฺถิ เอตสฺส อุปโย ราควเสน อุปคมนนฺติ อนุปโย, อนนุโรโธ. หุตฺวา วิหรตีติ โยชนา. ตถา นตฺถิ เอตสฺส อปาโย ปฏิฆวเสน อปคมนนฺติ อนปาโย, อวิโรโธ. ‘‘เอตํ มม, ¶ เอโส เม อตฺถา’’ติ ตสฺส ตณฺหาทิฏฺิอภินิเวสาภาวโต ตณฺหาทิฏฺินิสฺสเยหิ ¶ อนิสฺสิโต. อปฺปฏิพทฺโธติ อนุปยานิสฺสิตภาวโต วิปสฺสนาย ปริพนฺธวเสน ฉนฺทราเคน น ปฏิพทฺโธ น วิพนฺธิโต. วิปฺปมุตฺโตติ ตโต เอว วิกฺขมฺภนวิมุตฺติวเสน กามราคโต วิมุตฺโต. วิสํยุตฺโต วิกฺขมฺภนวเสเนว ปฏิปกฺขธมฺเมหิ วิสํยุตฺโต.
กิเลสมริยาทา เตน กตา ภเวยฺยาติ อนฺโตสมาปตฺติยํ ปวตฺเต โสฬส ธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตมานํ วิปสฺสนาวีถึ ภินฺทิตฺวา สเจ ราคาทโย อุปฺปชฺเชยฺยุํ; ตสฺส วิปสฺสนาวีถิยา กิเลสมริยาทา เตน จิตฺเตน, จิตฺตสมงฺคินา วา กตา ภเวยฺย. เตสูติ เตสุ ธมฺเมสุ. อสฺสาติ เถรสฺส. เอโกปีติ ราคาทีสุ เอโกปีติ จ วทนฺติ. วุตฺตากาเรน เอกจฺจานํ อนาปาถคมเน สติ วิปสฺสนา น เตสุ ธมฺเมสุ นิรนฺตรปฺปวตฺตาติ อารมฺมณมริยาทา ภเวยฺย. วิกฺขมฺภิตปจฺจนีกตฺตาติ วิปสฺสนาย ปฏิปกฺขธมฺมานํ ปเคว วิกฺขมฺภิตตฺตา อิทานิปิ วิกฺขมฺเภตพฺพา กิเลสา นตฺถีติ วุตฺตํ.
อิโตติ ปมชฺฌานโต. อนนฺตโรติ อุปริโม ฌานาทิวิเสโส. ตสฺส ปชานนสฺสาติ, ‘‘อตฺถิ อุตฺตริ นิสฺสรณ’’นฺติ เอวํ ปวตฺตชานนสฺส. พหุลีกรเณนาติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปาทเนน.
สมฺปสาทนฏฺเนาติ กิเลสกาลุสิยาปคมเนน, ตสฺส วิจารกฺโขภวิคเมน วา เจตโส สมฺมเทว ปาสาทิกภาเวน.
วีริยํ สติ อุเปกฺขาติ อาคตฏฺาเน ปาริสุทฺธิอุเปกฺขา, อทุกฺขมสุขาเวทนาติ เอตฺถ ฌานุเปกฺขาติ, ‘‘สุขฏฺาเน เวทนุเปกฺขาวา’’ติ วุตฺตํ. สุขฏฺาเนติ จ ปมชฺฌานาทีสุ สุขสฺส วุตฺตฏฺาเน. ปสฺสทฺธตฺตาติ สมธุรเจตยิตภาเวน อารมฺมเณ วิสฏวิตฺถตภาวโต โย โส เจตโส อาโภโค วุตฺโต. สามฺผลาทีสุ สติยา ปาริสุทฺธิ, สา ถน อตฺถโต สติวินิมุตฺตา นตฺถีติ อาห ‘‘ปริสุทฺธาสติเยวา’’ติ. ปาริสุทฺธิอุเปกฺขา, น ฌานุเปกฺขาทโย.
๙๕. อีทิเสสุ าเนสุ สติยา น กทาจิปิ าณวิรโห อตฺถีติ อาห – ‘‘าเณน สมฺปชาโน หุตฺวา’’ติ. ตถา หิ ตติยชฺฌาเน, ‘‘สติมา สุขวิหารี’’ติ เอตฺถ สมฺปชาโนติ อยมตฺโถ วุตฺโต เอว โหติ ¶ . น สาวกานํ อนุปทธมฺมวิปสฺสนา โหติ สงฺขาราวเสสสุขุมปฺปวตฺติยา ทุวิฺเยฺยตฺตา วินิพฺภุชิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโต. เตนาห – ‘‘กลาปวิปสฺสนํ ทสฺเสนฺโต เอวมาหา’’ติ.
๙๖. ปฺาย ¶ จสฺสทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ ทสฺสนสมกาลํ ขียมานา อาสวา, ‘‘ทิสฺวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ วุตฺตา. สมานกาเลปิ หิ เอทิโส สทฺทปฺปโยโค ทิสฺสติ –
‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗).
‘‘นิหนฺตฺวา ติมิรํ สพฺพํ, อุคฺคเตโช สมุคฺคโต;
เวโรจโน รสฺมิมาลี, โลกจกฺขุปภงฺกโร’’ติ. (ปฏฺา. อนุฏี. ๑.๒๕-๓๔; วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๕๘๐) จ –
เอวมาทีสุ. เหตุอตฺโถ วา อยํ ทิสฺวาสทฺโท อสมานกตฺตุโก ยถา – ‘‘ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ โหติ, สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหตี’’ติ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๘๐๒). ทสฺสนเหตุโก หิ อาสวานํ ปริกฺขโย ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมเย สติ ปหานาภิสมยสฺส ลพฺภนโต. ยุคนทฺธํ อาหริตฺวาติ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ ฌานธมฺเม สมฺมสนฺโต สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวติ. เอวํ ยาว เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สมฺมสนฺโต สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ กตฺวา ยถา เถโร อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อรหตฺตํ ปตฺตวาโร อิธ คหิโต’’ติ. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. ทีฆนขสุตฺตเทสนาย (ม. นิ. ๒.๒๐๕-๒๐๖) หิ เถโร อรหตฺตํ ปตฺโต. ตทา จ อนาคามี หุตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชตีติ วจนอวสโร นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อรหตฺตํ ปตฺตวาโร อิธ คหิโต’’ติ. ยทิ เอวํ – ‘‘สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? เถเร วิชฺชมาเน ปณฺฑิตคุเณ อนวเสสโต ทสฺเสตฺวา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปตุํ. นิโรธสมาปชฺชนํ ปน เถรสฺส อาจิณฺณสมาจิณฺณํ. เตนาห ‘‘นิโรธํ ปน…เป… วทนฺตี’’ติ. เตน ผลสมาปตฺติมฺปิ อนฺตรา สมาปชฺชติเยวาติ ทสฺเสติ.
โวมิสฺสํ ¶ วิวริตุํ ‘‘ตตฺถสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘นิโรธํ สมาปชฺชิสฺสามี’’ติ อาโภเคน สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ อาหริตฺวา ิตสฺส นิโรธสมาปตฺติ สีสํ นาม โหติ, ตสฺส อาโภควเสน นิโรธสฺส วาโร อาคจฺฉติ. ผลสมาปตฺติ คูฬฺโห โหติ, ‘‘ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิสฺสามี’’ติ อาโภคสฺส อภาวโต. ผลสมาปตฺติ สีสํ โหตีติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน อตฺโถ ¶ เวทิตพฺโพ. เอเตน อาโภคปฏิพทฺธเมเตสํ อาคมนนฺติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ชมฺพุทีปวาสิโน เถรา ปนาติอาทิ อฏฺกถารุฬฺหเมว ตํ วจนํ. อนฺโตสมาปตฺติยนฺติ นิโรธํ สมาปนฺนกาเล. ติสมุฏฺานิกรูปธมฺเมติ อุตุกมฺมาหารวเสน ติสมุฏฺานิกรูปธมฺเม.
๙๗. จิณฺณวสิตนฺติ ปฏิปกฺขทูริภาเวน สุภาวิตวสีภาวํ. นิปฺผตฺตึ ปตฺโตติ อุกฺกํสปรินิปฺผตฺตึ ปตฺโต. อุเร วายามชนิตาย โอรโส. ปภาวิตนฺติ อุปฺปาทิตํ. ธมฺเมนาติ อริยมคฺคธมฺเมน. ตสฺส หิ อธิคเมน อริยาย ชาติยา ชาโต นิพฺพตฺโตติ กตฺวา, ‘‘ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต’’ติ วุจฺจติ. ธมฺมทายสฺสาติ นววิธสฺส โลกุตฺตรธมฺมทายสฺส. อาทิยนโตติ คณฺหนโต, สสนฺตาเน อุปฺปาทนโตติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อนุปทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. ฉพฺพิโสธนสุตฺตวณฺณนา
๙๘. ขีณา ¶ ชาตีติ อตฺตโน ชาติกฺขยํ ปฏิชานนฺเตน อรหตฺตํ พฺยากตํ โหติ อรหโต ตทภาวโต. ตถา วุสิตํ พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาโส เม ปริโยสิโตติ ปฏิชานนฺเตนปิ. กตํ กรณียนฺติ จตูหิ มคฺเคหิ จตูสุ สจฺเจสุ ปริฺาทิวเสน โสฬสวิธสฺสปิ กิจฺจสฺส อตฺตนา นิฏฺาปิตภาวํ ปฏิชานนฺเตนปิ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อายตึ ปุนพฺภวาภาวํ, อายตึ วา ปริฺาทิกรณียาภาวํ ปฏิชานนฺเตนปีติ อาห – ‘‘เอเกนปิ ปเทน อฺา พฺยากตาว โหตี’’ติ. ทฺวิกฺขตฺตุํ พทฺธํ ปน สุพทฺธํ วิยาติ วุตฺตํ. อิธ ปน อฺาพฺยากรณํ จตูหิ ปเทหิ อาคตํ, ตสฺมา วตฺตพฺพเมว เจตฺถ นตฺถีติ ¶ อธิปฺปาโย. เจตนาย ทิฏฺวาทิตา นาม อริยโวหาโร. สภาโวติ ปกติอตฺโถ หิ อยํ ธมฺมสทฺโท, ‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๗๔-๒๗๕) วิย ตสฺมา, อนุธมฺโมติ อริยภาวํ อนุคตา ปกตีติ อตฺโถ. ปรมปฺปิจฺฉตาย อริยา อตฺตโน คุเณ อนาวิกโรนฺตาปิ สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวปเวทนตฺถฺเจว สพฺรหฺมจารีนํ สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุสฺสาหชนนตฺถฺจ ตาทิสานํ ปรินิพฺพานสมเยเยว อาวิกโรนฺตีติ อธิปฺปาเยนาห – ‘‘ปรินิพฺพุตสฺส…เป… กาตพฺโพ’’ติ.
๙๙. ทุพฺพลนฺติ เผคฺคุ วิย สุเภชฺชนียํ พลวิรหิตํ, อสารนฺติ อตฺโถ. วิราคุตนฺติ ปลุชฺชนสภาวํ. วิคจฺฉนสภาวนฺติ วินาสคมนสภาวํ. อนิจฺจทุกฺขวิปริณามตฺตา อสฺสาสเลสสฺสปิ อภาวโต อสฺสาสวิรหิตํ. อารมฺมณกรณวเสน สมนฺนาคมนวเสน จ ยถารหํ อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺตีติ อุปยา, ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อุปาทิยนฺติ ทฬฺหคฺคาหํ คณฺหนฺตีติ อุปาทานา. อธิติฏฺติ เจตโส อภินนฺทนภูตาติ เจตโส อธิฏฺานํ. ตาหีติ ตณฺหาทิฏฺีหิ. ตนฺติ จิตฺตํ. อภินิวิสตีติ อภิรติวเสน นิวิสติ, อยฺเหตฺถ อตฺโถ – สกฺกายธมฺเมสุ จิตฺตํ อภินิวิสติ ‘‘เอตํ มมํ, เอโส เม อตฺตา’’ติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ เอตาหิ อภินิเวสาหิ, ตถา สกฺกายธมฺเมสุ จิตฺตํ อนุเสติ เอตาหีติ อนุสยา, ตณฺหาทิฏฺิโย. ยทคฺเคน หิ เตภูมกธมฺเมสุ ราคาทโย อนุเสนฺติ, ตทคฺเคน ตํสหคตธมฺมา ตตฺถ อนุเสนฺตีติ ปริยาเยน, ‘‘ตํ อนุเสตี’’ติ วุตฺตํ. ขยา วิราคาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ‘‘ขเยน วิราเคนา’’ติ เหตุมฺหิ กรณวเสน อตฺโถ วุตฺโต. วิราเคนาติ จ อิติสทฺโท อาทิ อตฺโถ ¶ . เตน ‘‘นิโรเธนา’’ติ เอวมาทิกํ คหิตํ โหติ. อฺมฺเววจนาเนว อุปยาทีนํ สมุจฺเฉทสฺเสว โพธนโต.
๑๐๐. ปติฏฺาติ เอตฺถ เสสภูตตฺตยํ อุปาทารูปฺจาติ ปติฏฺานา, นิชฺชีวฏฺเน ธาตุจาติ ปติฏฺานธาตุ. นฺหานียจุณฺณํ พาหิรอุทกํ วิย เสสภูตตฺตยํ อาพนฺธตีติ อาพนฺธนํ. ปจนียภตฺตํ พาหิรเตโช วิย เสสภูตตฺตยํ ปริปาเจตีติ ปริปาจนํ. พาหิรวาโต วิย เสสภูตตฺตยํ วิตฺถมฺเภตีติ วิตฺถมฺภนํ. ธาตุสทฺทตฺโถ วุตฺโตเยว. อสมฺผุฏฺธาตูติ ¶ อสมฺผุสิตภาโว เตสํ วิปริมฏฺตาภาวโต. วิชานนํ อารมฺมณูปลทฺธิ. อหํ อตฺตาติ อหํ, ‘‘รูปธมฺโม เม อตฺตา’’ติ อตฺตโกฏฺาเสน อตฺตภาเวน น อุปคมึ น คณฺหึ. นิสฺสิตนิสฺสิตาปิ นิสฺสิตา เอว นามาติ อาห ‘‘ปถวีธาตุนิสฺสิตาวา’’ติ. อตฺตนา วา ปน ตนฺนิสฺสิตาติ ‘‘เอเกน ปริยาเยนา’’ติ. อุปาทารุปมฺปิ กามํ นิสฺสิตมฺปิ โหติ. ตถาปิ ตํ นิสฺสิตํ โหติเยวาติ ตํ น อุทฺธฏํ. ปริจฺเฉทกรตฺตา ปริจฺเฉทากาสสฺส ‘‘อวินิพฺโภควเสนา’’ติ วุตฺตํ. เตน จ ตถา ปริจฺฉินฺนตฺตา สพฺพมฺปิ ภูตุปาทารูปํ อากาสธาตุนิสฺสิตํ นาม. ตํ นิสฺสาย ปวตฺติยา อุปาทารูปํ วิย ภูตรูปานิ, อรูปกฺขนฺธา วิย จ วตฺถุรูปานิ, ‘‘ตํนิสฺสิตรูปวตฺถุกา อรูปกฺขนฺธา’’ติ วุตฺตนเยน อากาสธาตุนิสฺสิตจกฺขาทิรูปธมฺมวตฺถุกา เวทนาทโย อรูปกฺขนฺธา อากาสธาตุนิสฺสิตา นามาติ อิมมตฺถํ ตถา-สทฺเทน อุปสํหรติ. อิธาปีติ อากาสธาตุนิสฺสิตปเทปิ, น ปถวีธาตุนิสฺสิตปทาทีสุ เอว. รูปารูปนฺติ สพฺพมฺปิ รูปารูปํ คหิตเมว โหติ, อคฺคหิตํ นตฺถิ. สหชาตา…เป… นิสฺสิตนฺติ อิทํ นิปฺปริยายสิทฺธํ นิสฺสยตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตํ. เหฏฺา วุตฺตนเยน ปริยายสิทฺเธ นิสฺสยตฺเต คยฺหมาเน – ‘‘ปจฺฉาชาตปจฺจโยติ ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๑) วจนโต สพฺพํ จตุสมุฏฺานิกรูปํ, ‘‘วิฺาณธาตุนิสฺสิต’’นฺติ วตฺตพฺพํ. ตถา อนนฺตรวิฺาณธาตุปจฺจยา ปวตฺตนโต, ‘‘วิฺาณธาตุนิสฺสิต’’นฺติ วตฺตพฺพํ.
๑๐๑. รุปฺปติ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ รูปนฺติ อยมตฺโถ จกฺขุทฺวาเร อาปาถคเต รูปายตเน นิปฺปริยายโต ลพฺภติ, น อาปาถมนาคเต. จกฺขุวิฺาณวิฺาตพฺพภาโว ปน อาปาถมนาคเตปิ ตสฺมึ ลพฺภเตว ตํสภาวานติวตฺถนโต. รูปายตนํ ทฺวิธา วิภชิตฺวา. เถโร ปน อาปาถํ อนาคตสฺสาปิ รูปายตนสฺส รูปภาวํ น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุนฺติ ทฺวิธากรณํ นานุชานนฺโต ฉนฺโนวาทํ นิทสฺเสติ, ‘‘อุปริ ฉนฺโนวาเท กินฺติ กริสฺสถา’’ติ. ตตฺถ หิ ‘‘จกฺขุํ, อาวุโส ฉนฺน, จกฺขุวิฺาณํ จกฺขุวิฺาณวิฺาตพฺเพ ¶ ธมฺเม’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๙๑) อาคตํ, น เจตฺถ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคตเมว รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณวิฺาตพฺพปเทน คหิตํ, น อาปาถํ อนาคตนฺติ สกฺกา วิฺาตุํ ¶ อวิเสเสเนว รูปายตเนน ตณฺหามานทิฏฺิคาหาภาวสฺส โชติตตฺตา. เตนาห ‘‘น ยิทํ ลพฺภตี’’ติ. รูปเมวาติ รูปายตนเมว. ยทิ เอวํ ‘‘จกฺขุวิฺาณวิฺาตพฺเพสุ ธมฺเมสู’’ติ ปทํ กถํ เนตพฺพนฺติ อาห – ‘‘จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตา ปนา’’ติอาทิ. จกฺขุวิฺาเณน สทฺธึ วิฺาตพฺเพสูติ เยน มโนวิฺาเณน จกฺขุวิฺาณํ อนิจฺจนฺติอาทินา จกฺขุวิฺาเณน สทฺธึ เตน วิฺาตพฺเพสุ ตํสมฺปยุตฺตธมฺเมสูติ อตฺโถ. ตณฺหาฉนฺโทติ ตสฺสนสภาโว ฉนฺโท, น กตฺตุกมฺยตา ฉนฺโทเยวาติ ตณฺหาฉนฺโท. รชฺชนวเสนาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาตํ จิตฺตสฺส อนุรฺชนวเสน. อภินนฺทนวเสนาติ อารมฺมเณ อภิรมิตฺวา นนฺทนวเสน. สปฺปีติกตณฺหา หิ นนฺทีติ วุจฺจติ. ตณฺหายนวเสน ตณฺหา.
๑๐๒. อหงฺกาโรติ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๒๑, ๑๒๓๙; วิภ. ๘๓๒, ๘๖๖; สํ. นิ. ๔.๑๐๘; มหานิ. ๒๑, ๑๗๘) อหํกรณํ. เยน หิ มมํ กโรติ, เอตํ มมงฺกาโร. สฺเววาติ ‘‘อหงฺกาโร’’ติ วุตฺตมาโน. เอวํ จตุตฺถชฺฌาเน นิทฺทิฏฺเ สพฺพาสุ โลกิยาภิฺาสุ วุจฺจมานาสุ เหฏฺา วิชฺชาทฺวยํ วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน, ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ทิพฺพจกฺขฺุจ อวตฺวา กสฺมา วุตฺต’’นฺติ อาห? อิตโร อิธ สพฺพวาเรสุปิ โลกุตฺตรธมฺมปุจฺฉา อธิกตา ตสฺมา ‘‘โส เอวํ สมาหิเต’’ติอาทินา ตติยา วิชฺชา กถิตาติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ภิกฺขู โลกิยธมฺมํ น ปุจฺฉนฺตี’’ติอาทิมาห. เอกวิสฺสชฺชิตสุตฺตํ นาเมตํ ตติยวิชฺชาย เอว อาคตตฺตา. อริยธมฺมวเสนปิสฺส สมฺา อตฺเถวาติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ฉพฺพิโสธนนฺติปิสฺส นาม’’นฺติ วตฺวา เตสุ ธมฺเมสุ เภทํ ทสฺเสตุํ, ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิสุทฺธาติ ตสฺสา โจทนาย โสธนวเสน วิโสธิตา. เอกเมว กตฺวาติ เอกวารวเสเนว ปาฬิยํ เอกชฺฌํ อาคตตฺตา เอกเมว โกฏฺาสํ กตฺวา. ยทิ เอวํ กถํ วา ฉพฺพิโสธนตาติ อาห – ‘‘จตูหิ อาหาเรหิ สทฺธิ’’นฺติ กถํ ปเนตฺถ จตฺตาโร อาหารา คเหตพฺพาติ? เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘สาธูติ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุตฺตริ ปฺโห ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ เหฏฺา อาคเตน นเยน อาหารวาโร อาหริตฺวา วตฺตพฺโพติ. ‘‘พหิทฺธา สพฺพนิมิตฺเตสู’’ติ เอตฺถ อาหารานมฺปิ สงฺคหิตตฺตา อาหารา อตฺถโต อาคตา เอวาติ อฺเ. อปเร ปน รูปกฺขนฺธคฺคหเณน กพฬีกาโร อาหาโร ¶ , สงฺขารกฺขนฺธคฺคหเณน ผสฺสาหาโร, มโนสฺเจตนาหารคฺคหเณน วิฺาณาหาโร สรูปโตปิ คหิโตติ วทนฺติ.
‘‘ฉพฺพิโสธน’’นฺติ อิมสฺส สุตฺตสฺส สมฺาย อนฺวตฺถตํ ทสฺเสตฺวา อายติมฺปิ ตาทิเสน พฺยากรเณน ¶ ภิกฺขูนํ ปฏิปตฺติมฺปิ ทสฺสนตฺถํ, ‘‘อิเม ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. วินยนิทฺเทสปริยาเยนาติ วินยนิทฺเทเส อาคเตน การเณน. วินเย วา อาคตนิทฺเทสานุกฺกเมน.
อธิคนฺตพฺพโต อธิคโม, ฌานาทิอธิคมปุจฺฉา. เตนาห – ‘‘ฌานวิโมกฺขาทีสู’’ติอาทิ. อุปายปุจฺฉาติ อธิคโมปายปุจฺฉา. กินฺตีติ เกน ปกาเรน วิธินาติ อตฺโถ.
กตเมสํ ตฺวํ ธมฺมานํ ลาภีติ อิทํ ปน ปุพฺเพ ‘‘กึ เต อธิคต’’นฺติ อนิทฺธาริตเภทา ฌานาทิวิเสสา ปุจฺฉิตาติ อิทานิ เตสํ นิทฺธาเรตฺวา ปุจฺฉนาการทสฺสนํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ยถาวุตฺเตหิ อากาเรหิ อธิคมพฺยากรณํ โสเธตพฺพํ, ตสฺมา. เอตฺตาวตาวาติ เอตฺตเกน พฺยากรณมตฺเตเนว น สกฺกาโร กาตพฺโพ. พฺยากรณฺหิ เอกจฺจสฺส อยาถาวโตปิ โหติ, ยถา นาม ชาตรูปปติรูปํ ชาตรูปํ วิย ขายตีติ ชาตรูปํ นิฆํสนตาปนเฉทเนหิ โสเธตพฺพํ เอวเมวํ อิเมสุ อิทาเนว วุตฺเตสุ ฉสุ าเนสุ ปกฺขิปิตฺวา โสธนตฺถํ วตฺตพฺโพ วิโมกฺขาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน สมาธิ-สมาปตฺติ-าณทสฺสน-มคฺคภาวนา-ผลสจฺฉิกิริยา สงฺคณฺหาติ.
ปากโฏ โหติ อธิคตวิเสสสฺส สติสมฺโมสาภาวโต. เสสปุจฺฉาสุปิ ‘‘ปากโฏ โหตี’’ติ ปเท เอเสว นโย. อุคฺคหปริปุจฺฉากุสลาติ สชฺฌายมคฺคสํวณฺณนาสุ นิปุณา. ยาย ปฏิปทาย ยสฺส อริยมคฺโค อาคจฺฉติ, สา ปุพฺพภาคปฏิปตฺติ อาคมนปฏิปทา. โสเธตพฺพาติ สุทฺธา อุทาหุ อสุทฺธาติ วิจารณวเสน โสเธตพฺพา. น สุชฺฌตีติ ตตฺถ ตตฺถ ปมาทปฏิปตฺติภาวโต. อปเนตพฺโพ อตฺตโน ปฏิฺาย. ‘‘สุชฺฌตี’’ติ วตฺวา สุชฺฌนาการํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ทีฆรตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปฺายตีติ เอตฺถ ‘‘ยที’’ติ ปทํ อาเนตฺวา ยทิ โส ภิกฺขุ ตาย ปฏิปทาย ยทิ ปฺายตีติ สมฺพนฺโธ. ขีณาสวปฏิปตฺติสทิสา ปฏิปทา โหติ ทีฆรตฺตํ วิกฺขมฺภิตกิเลสตฺตา.
นทิยา ¶ สมุทฺทํ ปกฺขนฺทนฏฺานํ นทีมุขทฺวารํ. มทฺทมาโนติ พทรสาฬวํ สรสํ ปตฺเต ปกฺขิตฺโต หุตฺวา มทฺทมาโน. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ฉพฺพิโสธนสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. สปฺปุริสธมฺมสุตฺตวณฺณนา
๑๐๕. สปฺปุริสธมฺมนฺติ ¶ สปฺปุริสภาวกรํ ธมฺมํ. โส ปน ยสฺมา สปฺปุริสานํ ปเวณิโก ธมฺโม โหติ. ตสฺมา อาห – ‘‘สปฺปุริสานํ ธมฺม’’นฺติ, เอส นโย อสปฺปุริสธมฺมนฺติ เอตฺถาปิ. เอวํ ปธานํ อนุฏฺาตพฺพฺจ สปฺปุริสธมฺมํ อาทึ กตฺวา มาติกํ เปตฺวา อยถานุปุพฺพิยา นิทฺทิสนฺโต ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสธมฺโม’’ติอาทิมาห. ตถา ปน นิทฺทิสนฺโต อุทาหรณปุพฺพกํ เหตุํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน อิจฺฉิตพฺพปริจฺจาคปุพฺพกํ คเหตพฺพคฺคหณํ นาม ายปฏิปตฺติ, ตสฺมา สปฺปุริสธมฺมา สมฺปาเทตพฺพาติ ทีเปนฺโต สตฺถา อยถานุปุพฺพิยา นิทฺธารียตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. ตถา อฺตฺถาปิ ‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานฺจ เสวนา’’ติ. เอตเทว หิ กุลทฺวยํ ‘‘อุจฺจกุล’’นฺติ วุจฺจติ นิปฺปริยายโต. ตถาหิ อนฺติมภวิกา โพธิสตฺตา ตตฺเถว ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ. โสติ สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภิกฺขุ. อนฺตรํ กริตฺวาติ ตํ การณํ กตฺวา. ปฏิปทา หิ วิฺูนํ ปูชาย การณํ, น อุจฺจกุลีนตา. มหากุลาติ วิปุลกุลา อุปาทิโตทิตกุลสมฺปวตฺติกาติ อตฺโถ.
๑๐๖. ยสสทฺโท ปริวารวาจโก. ยสสฺสีติ จ สาติสยปริวารวนฺตตา วุจฺจตีติ อาห ‘‘ปริวารสมฺปนฺโน’’ติ. อาธิปเตยฺยาภาวโต ปเรสํ อุปรินตฺติ เอเตสํ อีโส อีสนํ อิสฺสริยนฺติ อกฺขาตพฺพาติ อปฺเปสกฺขา. เตนาห ‘‘อปฺปปริวารา’’ติ. อภาวตฺโถ หิ อิธ อปฺป-สทฺโท.
๑๐๗. นเวว ธุตงฺคานิ อาคตานีติ เอตฺถ ยถา อุกฺกฏฺปํสุกูลิกสฺส เตจีวริกตา สุกรา. เอวํ อุกฺกฏฺปิณฺฑปาติกสฺส สปทานจาริกตา สุกรา. เอกาสนิกสฺส จ ปตฺตปิณฺฑิกขลุปจฺฉาภตฺติกตา สุกรา เอวาติ – ‘‘ปํสุกูลิโก โหตี’’ติอาทิวจเนเนว ปาฬิยา อนาคตานมฺปิ อาคตภาโว เวทิตพฺโพ ปริหรณสุกรตาย เตสมฺปิ สมาทานสมฺภวโต. เตนาห ‘‘เตรส โหนฺตี’’ติ.
๑๐๘. กามตณฺหาทิกาย ¶ ¶ ตาย ตณฺหาย นิพฺพตฺตาติ ตมฺมยา, ปุถุชฺชนา, ปกติภาวูปคมเนน เตสํ ภาโว ตมฺมยตา, ตปฺปฏิกฺเขปโต อตมฺมยตา, นิตฺตณฺหตา. ตํเยว การณํ กตฺวาติ ปมชฺฌาเนปิ ตณฺหาปหานํเยว การณํ กตฺวา. จิตฺเต อุปฺปาเทตฺวาติ อตมฺมยตาปริยาเยน วุตฺเต ตณฺหาย ปฏิปกฺขธมฺเม สมฺปาเทตฺวา. น มฺตีติ มฺนานํ อริยมคฺเคน สพฺพโส สมุจฺฉินฺนตฺตา กิสฺมิฺจิ โอกาเส กามภวาทิเก เกนจิ วตฺถุนา หตฺถิอสฺสเขตฺตวตฺถาทินา ปตฺตจีวรวิหารปริเวณาทินา จ ปุคฺคลํ น มฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สปฺปุริสธมฺมสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนา
๑๐๙. อฺมฺนฺติ ¶ อฺํ อฺํ. เตนาห ‘‘อฺํ เสวิตพฺพ’’นฺติอาทิ. สตฺตหิ ปเทหีติ สตฺตหิ วากฺเยหิ. ปชฺชติ เอเตน ยถาธิปฺเปโต อตฺโถติ ปทํ, วากฺยํ. สาริปุตฺตตฺเถรสฺส โอกาสกรณํ ธมฺมทายาเท (ม. นิ. ๑.๓๑) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
๑๑๓. ทิฏฺิเยว ปจฺจยวเสน ปฏิลทฺธตาย ทิฏฺิปฏิลาโภ. สฺาปฏิลาเภปิ เอเสว นโย. มิจฺฉาทิฏฺิสมฺมาทิฏฺิโย…เป… น คหิตา กมฺมปถปฺปตฺตานํ เตสํ มโนสมาจารภาเวน คหิตตฺตา. ยทิ เอวํ กสฺมา ทิฏฺิ จิตฺตุปฺปาทวาเร น คหิตาติ? กามํ มิจฺฉาทิฏฺิยา อวยวิภาโว ลพฺภติ, ตถาปิ จิตฺตุปฺปาทกฺขเณ โลกิยโลกุตฺตรจิตฺตุปฺปาเทสุ กมฺมปถโกฏฺาโส น อุทฺธโฏ.
๑๑๕. กามสฺาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ยถา พฺยาปาทวิหึสาสฺา สงฺคหิตา, เอวํ อนภิชฺฌาอพฺยาปาทอวิหึสาสฺา สงฺคหิตา ปเมน อาทิสทฺเทน ‘‘อนภิชฺฌาสหคตาย สฺายา’’ติอาทิปาสฺส สงฺคหิตตฺตา.
๑๑๗. ติ กามภวาทีนํ อปริโยสานาย ปริโยสานํ อิจฺฉโตปิ ตาทิสสฺส ภวานํ อปริโยสานเมว โหติ ¶ . จตฺตาโร โหนฺติ ปุคฺคลวเสน. เตนาห ‘‘ปุถุชฺชโนปิ หี’’ติอาทิ. อกุสลา ธมฺมา วฑฺฒนฺตีติ เตสํ ปหานาย อปฺปฏิปชฺชมานสฺสาติ อธิปฺปาโย, ตโต เอว กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ. เตนสฺส กิเลสทุกฺเขน วิปากทุกฺเขน จ สทุกฺขเมว อตฺตภาวํ อภินิพฺพตฺเตติ. โอรมฺภาคิยสํโยชนานิ ปหาย สุทฺธาวาเสสุ นิพฺพตฺตนารโห อนาคามี กถํ…เป… อภิวฑฺฒนฺตีติ อาห ‘‘อนาคามีปี’’ติอาทิ. สทุกฺขเมว อตฺตภาวํ อภินิพฺพตฺเตติ, ยาย ลพฺภมานอกุสลาภิวุทฺธึ กุสลปริหานิฺจ คเหตฺวา อนาคามิโนปิ สพฺยาพชฺฌอตฺตภาวาภินิพฺพตฺตนํ วุตฺตํ. เอวํ ยถาลพฺภมานํ อกุสลปริหานึ กุสลาภิวุทฺธิฺจ คเหตฺวา ปุถุชฺชนสฺสปิ อนฺติมภวิกสฺส อพฺยาพชฺฌอตฺตภาวาภินิพฺพตฺตนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘ปุถุชฺชโนปี’’ติอาทิ. อกุสลเมว หายติ,น กุสลํ ตสฺส พุทฺธิปกฺเข ิตตฺตา. ตตฺถาปิ วิปสฺสนเมว คพฺภํ คณฺหาเปติ, น วฏฺฏคพฺภํ อนฺติมภวิกตาย วิวฏฺฏูปนิสฺสิตตฺตา อชฺฌาสยสฺส, าณสฺส จ ปากคมนโต.
๑๑๙. เอกจฺจสฺสาติ ¶ สามิวจนํ ‘‘อภินนฺทตี’’ติอาทีสุ ปจฺจตฺตวเสน ปริณาเมตพฺพํ, ตถา ‘‘นิพฺพินฺทตี’’ติอาทีสุปิ. อุคฺคณฺหิตฺวาปีติ ปิ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. ภควโต ภาสิตสฺส อตฺถํ อชานนฺตา ตาว ทีฆรตฺตํ หิตสุขโต ปริพาหิรา โหนฺตุ ชานนฺตานมฺปิ สพฺเพสํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหตีติ อเนกํสิกตํ โจเทนฺโต ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิมาห. อิตโร สพฺเพสมฺปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติเยวาติ, ‘‘อปฺปฏิสนฺธิกา’’ติอาทินา อเนกํสิกตํ ปริหรติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. พหุธาตุกสุตฺตวณฺณนา
๑๒๔. ภยนฺติ ¶ (อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๑) จิตฺตสํสปฺปตาติ อาห ‘‘จิตฺตุตฺราโส’’ติ. อุปทฺทโวติ อนฺตราโย. ตสฺส ปน วิกฺเขปการณตฺตา วุตฺตํ ‘‘อเนกคฺคตากาโร’’ติ. อุปสคฺโคติ อุปสชฺชนํ. ตโต อปฺปตีการวิฆาตาปตฺติ ¶ ยสฺมา ปตีการาภาเวน วิหฺมานสฺส กิฺจิ กาตุํ อสมตฺถสฺส โอสีทนการณํ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ลคฺคนากาโร’’ติ. วฺเจตฺวา อาคนฺตุํ ยถาวุตฺเต ทิวเส อนาคจฺฉนฺเตสุ. พหิ อนิกฺขมนตฺถาย ทฺวาเร อคฺคึ ทตฺวา.
นเฬหีติ นฬจฺฉนฺนสงฺเขเปน อุปริ ฉาเทตฺวา เตหิเยว ทารุกจฺฉทนนิยาเมน ปริโตปิ ฉาทิตา. เอเสว นโยติ อิมินา ติเณหิ ฉนฺนตํ, เสสสมฺภารานํ รุกฺขมยตฺจ อติทิสติ. วิธวาปุตฺเตติ อทนฺตภาโวปลกฺขณํ. เต หิ นิปฺปิติกา อวินีตา อสํยตา อกิจฺจการิโน โหนฺติ.
มตฺถกํ อปาเปตฺวาว นิฏฺาปิตาติ กสฺมา ภควา เอวมกาสีติ? อานนฺทตฺเถรสฺส ปุจฺฉาโกสลฺลทีปนตฺถเมว, ตตฺถ นิสินฺนานํ สนฺนิปติตภิกฺขูนํ เทสนาย ชานนตฺถฺจ. เต กิร สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ อชานนฺตา อนฺธการํ ปวิฏฺา วิย ิตา. ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน ปริคฺคยฺห ชานิสฺสนฺตีติ.
๑๒๕. รูปปริคฺคโหว กถิโต, น อฺํ กิฺจีติ อตฺโถ. อิทานิ ตโต สจฺจานิ นิทฺธาเรตฺวา จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ทสฺเสตุํ, ‘‘สพฺพาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฺจกฺขนฺธา โหนฺตีติ อทฺเธกาทส ธาตุโย รูปกฺขนฺโธ, อทฺธฏฺมา ธาตุโย ยถารหํ เวทนาทโย จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธาติ เอวํ อฏฺารส ธาตุโย ปฺจกฺขนฺธา โหนฺติ. ปฺจปิ ขนฺธา ตณฺหาวชฺชา ทุกฺขสจฺจํ. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. นิโรธปชานนาติ ปฺาสีเสน มคฺคกิจฺจมาห. สมฺมาทิฏฺิปมุโข หิ อริยมคฺโค. มตฺถกํ ปาเปตฺวา กถิตํ โหติ สมฺมสนสฺส ภูมิยา นิปฺผตฺติยา จ กถิตตฺตา. ชานาติ ปสฺสตีติ อิมินา าณทสฺสนํ กถิตํ ตํ ปน โลกิยํ โลกุตฺตรนฺติ ทุวิธนฺติ ตทุภยมฺปิ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘สห วิปสฺสนาย มคฺโค วุตฺโต’’ติ.
เอตฺตาวตาปิ โขติ ปิ-สทฺทคฺคหเณน อฺเน ปริยาเยน สตฺถา ธาตุโกสลฺลํ เทเสตุกาโมติ เถโร ¶ , ‘‘สิยา ปน, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉตีติ ภควา ปถวีธาตุอาทิวเสนปิ ธาตุโกสลฺลํ วิภาเวติ. ตตฺถ ปถวีธาตุอาทิสทฺเทน เทสนาการณํ วิภาเวนฺโต, ‘‘ปถวีธาตุ…เป… วุตฺตา’’ติ อาห. ตาปิ หิ อาทิโต ฉ ธาตุโย. ‘‘วิฺาณธาตุโต ¶ นีหริตฺวา ปูเรตพฺพา’’ติ วตฺวา กถํ รูปธาตุโย นีหรียนฺตีติ โจทนํ สนฺธาย ตํ นยํ ทสฺเสตุํ, ‘‘วิฺาณธาตู’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามฺเจตฺถ กายวิฺาณธาตุยา อารมฺมณํ โผฏฺพฺพธาตุปถวีธาตุ อาทิวเสน เทสนารุฬเมว, กายธาตุ ปน นีหริตพฺพาติ เอกํสเมว นีหรณวิธึ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ อาห. ปุริมปจฺฉิมวเสน มโนธาตูติ ปจฺฉิมภาควเสน กิริยามโนธาตุ คเหตพฺพา ตสฺสานุรูปภาวโต. นนุ เจตฺถ มโนธาตุ นามายํ มโนวิฺาณธาตุยา อสํสฏฺา, วิสุํเยว เจสา ธาตูติ? สจฺจเมตํ อฏฺารสธาตุเทสนาย, จิตฺตวิภตฺตินิทฺเทเส ฉวิฺาณกายเทสนายํ ปน สา มโนวิฺาณกายสงฺคหิตาวาติ ทฏฺพฺพํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๕๑๗) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. อถ วา ปุริมปจฺฉิมวเสนาติ ปุเรจรานุจรวเสน. มโนธาตูติ วิปากมโนธาตุ คเหตพฺพา ปุเรจรณโต, ปรโต อุปฺปชฺชนกิริยามโนวิฺาณธาตุยา อนนฺตรํ มโนธาตุยา, กิริยามโนธาตุยา อนนฺตรํ มโนวิฺาณธาตุยา อนุปฺปชฺชนโต จ.
ธมฺมานํ ยาวเทว นิสฺสตฺตนิชฺชีววิภาวนตฺถาย สตฺถุ ธาตุเทสนาติ อฺเสุ สภาวธารณาทิอตฺเถสุ ลพฺภมาเนสุปิ อยเมตฺถ อตฺโถ ปธาโนติ อาห – ‘‘เอสนโย สพฺพตฺถา’’ติ. สปฺปฏิปกฺขวเสนาติ สปฺปฏิภาควเสน สุขํ ทุกฺเขน สปฺปฏิภาคํ, ทุกฺขํ สุเขน, เอวํ โสมนสฺสโทมนสฺสาติ. ยถา สุขาทีนํเยว สมุทาจาโร วิภูโต, น อุเปกฺขาย, เอวํ ราคาทีนํเยว สมุทาจาโร วิภูโต, น โมหสฺส, เตน วุตฺตํ ‘‘อวิภูตภาเวนา’’ติ. กายวิฺาณธาตุ ปริคฺคหิตาว โหติ ตทวินาภาวโต. เสสาสุ โสมนสฺสธาตุอาทีสุ, ปริคฺคหิตาว โหติ อวินาภาวโต เอว. น หิ โสมนสฺสาทโย มโนธาตุยา วินา วตฺตนฺติ. อุเปกฺขาธาตุโต นีหริตฺวาติ เอตฺถ จกฺขุวิฺาณธาตุอาทโย จตสฺโส วิฺาณธาตุโย ตาสํ วตฺถารมฺมณภูตา จกฺขุธาตุอาทโย จาติ อฏฺ รูปธาตุโย, มโนธาตุ, อุเปกฺขาสหคตา มโนวิฺาณธาตุ, อุเปกฺขาสหคตา เอว ธมฺมธาตูติ เอวํ ปนฺนรส ธาตุโย อุเปกฺขาธาตุโต นีหริตพฺพา. โสมนสฺสธาตุอาทโย ปน จตสฺโส ธาตุโย ธมฺมธาตุอนฺโตคธา ¶ , เอวํ สุขธาตุโต กายวิฺาณธาตุยา ตสฺสา วตฺถารมฺมณภูตานํ กายธาตุโผฏฺพฺพธาตูนฺจ นีหรณา เหฏฺา ทสฺสิตนยาติ, ‘‘อุเปกฺขาธาตุโต นีหริตฺวา ปูเรตพฺพา’’อิจฺเจว วุตฺตํ.
กามวิตกฺกาทโย อิธ กามธาตุอาทิปริยาเยน วุตฺตาติ ‘‘กามธาตุอาทีนํ ทฺเวธาวิตกฺเก กามวิตกฺกาทีสุ ¶ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ อาห. ตตฺถ หิ ‘‘กามวิตกฺโกติ กามปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, พฺยาปาทวิตกฺโกติ พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, วิหึสาวิตกฺโกติ วิหึสาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก เนกฺขมฺมวิตกฺโก, โส ยาว ปมชฺฌานา วฏฺฏติ. อพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อพฺยาปาทวิตกฺโก, โส เมตฺตาปุพฺพภาคโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานา วฏฺฏติ. อวิหึสาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อวิหึสาวิตกฺโก, โส กรุณาย ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานา วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อยํ ปนตฺโถ อภิธมฺเม วิตฺถารโต อาคโต เอวาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘อภิธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามธาตุโต นีหริตฺวาติ เอตฺถ กามคฺคหเณน คหิตา รูปธาตุอาทโย ฉ, ตํวิสยา สตฺตวิฺาณธาตุโย, ตตฺถ ปฺจนฺนํ วิฺาณธาตูนํ จกฺขุธาตุอาทโย ปฺจาติ อฏฺารส. เนกฺขมฺมธาตุอาทโย ปน ธมฺมธาตุอนฺโตคธา เอว.
กามตณฺหาย วิสยภูตา ธมฺมา กามธาตูติ อาห – ‘‘ปฺจ กามาวจรกฺขนฺธา กามธาตู’’ติ. ตถา รูปตณฺหาย วิสยภูตา ธมฺมา รูปธาตุ, อรูปตณฺหาย วิสยภูตา ธมฺมา อรูปธาตูติ อาห – ‘‘จตฺตาโร อรูปาวจรกฺขนฺธา’’ติอาทิ. กามตณฺหา กาโม อุตฺตรปทโลเปน, เอวํ รูปารูปตณฺหา รูปารูปํ. อารมฺมณกรณวเสน ตา ยตฺถ อวจรนฺติ, เต กามาวจราทโยติ เอวํ กามาวจรกฺขนฺธาทีนํ กามตณฺหาทิภาโว เวทิตพฺโพ. อาทินา นเยนาติ เอเตน ‘‘อุปริโต ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทเว อนฺโตกริตฺวา เอตฺถาวจรา’’ติอาทิปาฬึ (วิภ. ๑๐๒๐) สงฺคณฺหาติ. เอตฺถาวจราติ อวีจิปรนิมฺมิตปริจฺฉินฺโนกาสาย กามตณฺหาย วิสยภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตโทกาสตา จ ตณฺหาย ตนฺนินฺนตฺตา เวทิตพฺพา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ปริปุณฺณอฏฺารสธาตุกตฺตา กามาวจรธมฺมานํ ‘‘กามธาตุโต นีหริตฺวา ปูเรตพฺพา’’ติ ¶ วุตฺตํ. มโนวิฺาณธาตุธมฺมธาตุ เอกเทสมตฺตเมว หิ รูปารูปาวจรธมฺมาติ.
สมาคนฺตฺวาติ สหิตา หุตฺวา. ยตฺตกฺหิ ปจฺจยธมฺมา อตฺตโน ผลสฺส การณํ, ตตฺถ ตนฺนิพฺพตฺตเน สมาคตา วิย โหติ เวกลฺเล ตทนิพฺพตฺตนโต. สงฺขตธาตุโต นีหริตฺวา ปูเรตพฺพา อสงฺขตาย ธาตุยา ธมฺมธาตุเอกเทสภาวโต.
๑๒๖. เอวํ ปวตฺตมานา มยํ อตฺตาติ คหณํ คมิสฺสามาติ อิมินา วิย อธิปฺปาเยน อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตา อชฺฌตฺตา, เตสุ ภวา ตปฺปริยาปนฺนตฺตาติ อชฺฌตฺติกานิ. ตโต พหิภูตานิ พาหิรานิ. อายตนกถา ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา จ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๑๐, ๕๗๐, ๕๗๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ น วิตฺถาริตา.
๑๒๗. อวิชฺชมานํ ¶ านํ อฏฺานํ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๒๖๘; วิภ. มูลฏี. ๘๐๙), นตฺถิ านนฺติ วา อฏฺานํ. อนวกาโสติ เอตฺถ เอเสว นโย. ตทตฺถนิคมนเมว หิ ‘‘เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ วจนนฺติ. เตนาห ‘‘อุภเยนปี’’ติอาทิ. ยนฺติ การเณ ปจฺจตฺตวจนํ, เหตุอตฺโถ จ การณตฺโถติ อาห – ‘‘ยนฺติ เยน การเณนา’’ติ. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน เอตฺถ ทิฏฺิสมฺปตฺติ เวทิตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘มคฺคทิฏฺิยา สมฺปนฺโน’’ติ. กุโต ปนายมตฺโถ ลพฺภตีติ? ลิงฺคโต. ลิงฺคฺเหตํ, ยทิทํ นิจฺจโต อุปคมนปฏิกฺเขโป. จตุภูมเกสูติ อิทํ จตุตฺถภูมกสงฺขารานํ อริยสาวกสฺส วิสยภาวูปคมนโต วุตฺตํ; น ปน เต อารพฺภ นิจฺจโต อุปคมนสพฺภาวโต. วกฺขติ จ ‘‘จตุตฺถภูมกสงฺขารา ปนา’’ติอาทินา. อภิสงฺขตสงฺขารอภิสงฺขรณกสงฺขารานํ สปฺปเทสตฺตา นิปฺปเทสสงฺขารคฺคหณตฺถํ ‘‘สงฺขตสงฺขาเรสู’’ติ วุตฺตํ. โลกุตฺตรสงฺขารานํ ปน นิวตฺตเน การณํ สยเมว วกฺขติ. เอตํ การณํ นตฺถิ เสตุฆาตตฺตา. เตชุสฺสทตฺตาติ สํกิเลสวิธมนเตชสฺส อธิกภาวโต. ตถา หิ เต คมฺภีรภาเวน ทุทฺทสา. อกุสลานํ อารมฺมณํ น โหนฺตีติ อิทํ ปกรณวเสน วุตฺตํ. อปฺปหีนวิปลฺลาสานํ สตฺตานํ กุสลธมฺมานมฺปิ เต อารมฺมณํ น โหนฺติ.
อสุเข ‘‘สุข’’นฺติ วิปลฺลาโส จ อิธ สุขโต อุปคมนสฺส านนฺติ อธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เอกนฺต…เป… วุตฺต’’นฺติ. อตฺตทิฏฺิวเสนาติ ปธานทิฏฺิมาห ¶ . ทิฏฺิยา นิพฺพานสฺส อวิสยภาโว เหฏฺา วุตฺโต เอวาติ ‘‘กสิณาทิปณฺณตฺติสงฺคหตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ. ปริจฺเฉโทติ สงฺขารานํ ปริจฺเฉโท สงฺขารานํ ปริจฺฉิชฺชคหณํ. สฺวายํ เยสํ นิจฺจาทิโต อุปคมนํ ภวติ เตสํเยว วเสน กาตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพวาเรสู’’ติอาทิมาห. สพฺพวาเรสูติ นิจฺจาทิสพฺพวาเรสุ. ปุถุชฺชโน หีติ หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา ยํ ยํ สงฺขารํ นิจฺจาทิวเสน ปุถุชฺชนกาเล อุปคจฺฉติ, ตํ ตํ อริยมคฺคาธิคเมน อนิจฺจาทิวเสน คณฺหนฺโต ยาถาวโต ชานนฺโต ตํ คาหํ ตํ ทิฏฺึ วินิเวเติ วิสฺสชฺเชติ. ตสฺมา ยตฺถ คาโห ตตฺถ วิสฺสชฺชนาติ จตุตฺถภูมกสงฺขารา อิธ สงฺขารคฺคหเณน น คยฺหตีติ อตฺโถ.
๑๒๘. ปุตฺตสมฺพนฺเธน มาตาปิตุสมฺา, ทตฺตกิตฺติมาทิวเสนปิ ปุตฺตโวหาโร โลเก ทิสฺสติ, โส จ โข ปริยายโต นิปฺปริยายสิทฺธํ ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ชนิกา ว มาตา ชนโก ปิตา’’ติ วุตฺตํ. ตถา อานนฺตริยกมฺมสฺส อธิปฺเปตตฺตา ‘‘มนุสฺสภูโตว ขีณาสโว อรหาติ อธิปฺเปโต’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อฏฺานเมต’’นฺติอาทินา มาตุอาทีนํเยว ชีวิตา โวโรปเน อริยสาวกสฺส อภพฺพภาวทสฺสนโต ตทฺํ อริยสาวโก ชีวิตา โวโรเปตีติ อิทํ อตฺถโต อาปนฺนเมวาติ มฺมาโน วทติ – ‘‘กึ ปน อริยสาวโก อฺํ ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติ ¶ ? ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ วจนโต, ‘‘เอตมฺปิ อฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สเจปิ หี’’ติอาทิ. พลทีปนตฺถนฺติ สทฺธาทิพลสมนฺนาคมทีปนตฺถํ. อริยมคฺเคนาคตสทฺธาทิพลวเสน หิ อริยสาวโก ตาทิสํ สาวชฺชํ น กโรติ.
ปฺจหิ การเณหีติ อิทํ อตฺถนิปฺผาทกานิ เตสํ ปุพฺพภาคิยานิ จ การณานิ การณภาวสามฺเน เอกชฺฌํ คเหตฺวา วุตฺตํ, น ปน สพฺเพสํ ปฺจนฺนํ สหโยคกฺขมโต. อากาเรหีติ การเณหิ. อนุสฺสาวเนนาติ อนุรูปํ สาวเนน. เภทสฺส อนุรูปํ ยถา เภโท โหติ, เอวํ ภินฺทิตพฺพานํ ภิกฺขูนํ อตฺตโน วจนสฺส สาวเนน วิฺาปเนน. เตนาห ‘‘นนุ ตุมฺเห’’ติอาทิ. กณฺณมูเล วจีเภทํ กตฺวาติ เอเตน ¶ ‘‘ปากฏํ กตฺวา เภทกรวตฺถุทีปนํ โวหาโร, ตตฺถ อตฺตโน นิจฺฉิตมตฺถํ รหสฺสวเสน วิฺาปนํ อนุสฺสาวน’’นฺติ ทสฺเสติ.
กมฺมเมว อุทฺเทโส วา ปมาณนฺติ เตหิ สงฺฆเภทสิทฺธิโต วุตฺตํ, อิตเร ปน เตสํ ปุพฺพภาคภูตา. เตนาห ‘‘โวหารา’’ติอาทิ. ตตฺถาติ โวหาเร. จุติอนนฺตรํ ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตานิ ตนฺนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลานิ, อนนฺตรปฺปโยชนานิ จาติ อานนฺตริยานิ, ตานิ เอว ‘‘อานนฺตริยกมฺมานี’’ติ วุตฺตานิ.
กมฺมโตติ ‘‘เอวํ อานนฺตริยกมฺมํ โหติ, เอวํ อนนฺตริยกมฺมสทิส’’นฺติ เอวํ กมฺมวิภาคโต. ทฺวารโตติ กายาทิทฺวารโต. กปฺปฏฺิติยโตติ ‘‘อิทํ กปฺปฏฺิติกวิปากํ, อิทํ น กปฺปฏฺิติกวิปาก’’นฺติ เอวํ กปฺปฏฺิติยวิภาคโต. ปากาติ ‘‘อิทเมตฺถ วิปจฺจติ, อิทํ น วิปจฺจตี’’ติ วิปจฺจนวิภาคโต. สาธารณาทีหีติ คหฏฺปพฺพชิตานํ สาธารณาสาธารณโต, อาทิ-สทฺเทน เวทนาทิวิภาคโต จ.
ยสฺมา มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺเสว จ กุสลธมฺมานํ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺติ, ยถา ตํ ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ โพธิตฺตยนิพฺพตฺติยํ, เอวํ มนุสฺสภาเว ิตสฺเสว อกุสลธมฺมานมฺปิ ติกฺขวิสทสูรภาวาปตฺตีติ อาห ‘‘มนุสฺสภูตสฺเสวา’’ติ. ปากติกมนุสฺสานมฺปิ จ กุสลธมฺมานํ วิเสสปฺปตฺติ วิมานวตฺถุอฏฺกถายํ (วิ. ว. อฏฺ. ๓) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. ยถา วุตฺโต จ อตฺโถ สมานชาติยสฺส วิโกปเน กมฺมํ ครุตรํ, น ตถา วิชาติยสฺสาติ วุตฺตํ – ‘‘มนุสฺสภูตํ มาตรํ วา ปิตรํ วา’’ติ. ลิงฺเค ปริวตฺเต จ โส เอว เอกกมฺมนิพฺพตฺโต ภวงฺคปฺปพนฺโธ, ชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺโธ จ, น อฺโติ อาห ‘‘อปิ ปริวตฺตลิงฺค’’นฺติ. อรหนฺเตปิ ¶ เอเสว นโย. ตสฺส วิปากนฺติอาทิ กมฺมสฺส อานนฺตริยภาวสมตฺถนํ, จตุโกฏิกฺเจตฺถ สมฺภวติ. ตตฺถ ปมา โกฏิ ทสฺสิตา, อิตราสุ วิสงฺเกตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยทิปิ ตตฺถ วิสงฺเกโต, กมฺมํ ปน ครุตรํ อานนฺตริยสทิสํ ภายิตพฺพนฺติ อาห – ‘‘อานนฺตริยํ อาหจฺเจว ติฏฺตี’’ติ. อยํ ปฺโหติ าปนิจฺฉานิพฺพตฺตา กถา.
อานนฺตริยํ ผุสติ มรณาธิปฺปาเยเนว อานนฺตริยวตฺถุโน วิโกปิตตฺตา. อานนฺตริยํ น ผุสติ อานนฺตริยวตฺถุอภาวโต. สพฺพตฺถ ¶ หิ ปุริมํ อภิสนฺธิจิตฺตํ อปฺปมาณํ, วธกจิตฺตํ ปน ตทารมฺมณํ ชีวิตินฺทฺริยฺจ อานนฺตริยนานนฺตริยภาเว ปมาณนฺติ ทฏฺพฺพํ. สงฺคามจตุกฺกํ สมฺปตฺตวเสน โยเชตพฺพํ.
เตเนวาติ เตเนว ปโยเคน. อรหนฺตฆาโต โหติเยว อรหโต มาริตตฺตา. ปุถุชฺชนสฺเสว ทินฺนํ โหตีติ ยสฺมา ยถา วธกจิตฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณมฺปิ ปพนฺธวิจฺเฉทวเสน จ ชีวิตินฺทฺริยํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตติ, น เอวํ จาคเจตนา, สา หิ จชิตพฺพวตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา จชนมตฺตเมว โหติ, อฺสนฺตกภาวกรณฺจ ตสฺส จชนํ, ตสฺมา ยสฺส ตํ สนฺตกํ กตํ. ตสฺเสว ทินฺนํ โหตีติ.
โลหิตํ สโม สรตีติ อภิฆาเตน ปกุปฺปมานํ สฺจิตํ โหติ. มหนฺตตรนฺติ ครุตรํ. สรีรปฏิชคฺคเน วิยาติ สตฺถุรูปกายปฏิชคฺคเน วิย.
อสนฺนิปติเตติ อิทํ สามคฺคิยทีปนํ. เภโท จ โหตีติ สงฺฆสฺส เภโท โหติ. วฏฺฏตีติ สฺายาติ อีทิสกรณํ สงฺฆสฺส เภทาย น โหตีติ สฺาย. นวโต อูนปริสายํ กโรนฺตสฺส ตถาติ โยเชตพฺพํ, ตถาติ อิมินา ‘‘น อานนฺตริยกมฺมนฺติ’’ อิมํ อากฑฺฒติ, น ปน ‘‘เภโท โหตี’’ติ อิทํ. เหฏฺิมนฺเตน หิ นวนฺนเมว วเสน สงฺฆเภโท. ธมฺมวาทิโน อนวชฺชา ยถาธมฺมํ อวฏฺานโต. สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาโค สงฺฆราชิ.
กายทฺวารเมว ปูเรนฺติ กายกมฺมภาเวเนว ลกฺขิตพฺพโต.
‘‘สณฺหนฺเต หิ…เป… มุจฺจตี’’ติ อิทํ กปฺปฏฺกถาย น สเมติ. ตถา หิ กปฺปฏฺกถายํ (กถา. อฏฺ. ๖๕๔-๖๕๗) วุตฺตํ – ‘‘อาปายิโกติ อิทํ สุตฺตํ ยํ โส เอกํ กปฺปํ ¶ อสีติภาเค กตฺวา ตโต เอกภาคมตฺตํ กาลํ ติฏฺเยฺย, ตํ อายุกปฺปํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. กปฺปวินาเสเยวาติ ปน อายุกปฺปวินาเสเยวาติ อตฺเถ สติ นตฺถิ วิโรโธ. เอตฺถ จ สณฺหนฺเตติ อิทมฺปิ ‘‘สฺเวววินสฺสิสฺสตี’’ติ วิย อภูตปริกปฺปวเสน วุตฺตํ. เอกทิวสเมว นิรเย ปจฺจติ ตโต ปรํ กปฺปาภาเว อายุกปฺปสฺสปิ อภาวโตติ อวิโรธโต ¶ อตฺถโยชนา ทฏฺพฺพา. เสสานีติ สงฺฆเภทโต อฺานิ อานนฺตริยกมฺมานิ.
อโหสิกมฺมํ…เป… สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ, เอวํ สติ กถํ เนสํ อานนฺตริยตา จุติอนนฺตรํ วิปากทานาภาวโต. อถ สติ ผลทาเน จุติอนนฺตโร เอว เอเตสํ ผลกาโล, น อฺโติ ผลกาลนิยเมน นิยตตา นิจฺฉิตา, น ผลทานนิยเมน, เอวมฺปิ นิยตผลกาลานํ อฺเสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ ทิฏฺธมฺมเวทนียานฺจ นิยตตา อาปชฺเชยฺย. ตสฺมา วิปากธมฺมธมฺมานํ ปจฺจยนฺตรวิกลตาทีหิ อวิปจฺจมานานมฺปิ อตฺตโน สภาเวน วิปากธมฺมตา วิย พลวตา อานนฺตริเยน วิปาเก ทินฺเน อวิปจฺจมานานมฺปิ อานนฺตริยานํ ผลทาเน นิยตสภาวา อานนฺตริยสภาวา จ ปวตฺตีติ อตฺตโน สภาเวน ผลทานนิยเมเนว นิยตตา อานนฺตริยตา จ เวทิตพฺพา. อวสฺสฺจ อานนฺตริยสภาวา ตโต เอว นิยตสภาวา จ เตสํ ปวตฺตีติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมตํ อฺสฺส พลวโต อานนฺตริยสฺส อภาเว จุติอนนฺตรํ เอกนฺเตน ผลทานโต.
นนุ เอวํ อฺเสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ อฺสฺมึ วิปากทายเก อสติ จุติอนนฺตรเมกนฺเตน ผลทานโต นิยตสภาวา อนนฺตริยสภาวา จ ปวตฺติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ. อสมานชาติเกน เจโตปณิธิวเสน อุปฆาตเกน จ นิวตฺเตตพฺพวิปากตฺตา อนนฺตเร เอกนฺตผลทายกตฺตาภาวา. น ปน อานนฺตริยกานํ ปมชฺฌานาทีนํ ทุติยชฺฌานาทีนิ วิย อสมานชาติกํ ผลนิวตฺตกํ อตฺถิ สพฺพานนฺตริยานํ อวีจิผลตฺตา. น จ เหฏฺูปปตฺตึ อิจฺฉโต สีลวโต เจโตปณิธิ วิย อุปรูปปตฺติชนกกมฺมผลํ อานนฺตริยผลํ นิวตฺเตตุํ สมตฺโถ เจโตปณิธิ อตฺถิ อนิจฺฉนฺตสฺเสว อวีจิปาตนโต, น จ อานนฺตริโยปฆาตกํ กิฺจิ กมฺมํ อตฺถิ, ตสฺมา เตสํเยว อนนฺตเร เอกนฺตวิปากชนกสภาวา ปวตฺตีติ. อเนกานิ จ อานนฺตริยานิ กตานิ เอกนฺเตเนว วิปาเก นิยตสภาวตฺตา อุปรตาวิปจฺจนสภาวาสงฺกตฺตา นิจฺฉิตานิ สภาวโต นิยตาเนว. เตสุ ปน สมานสภาเวสุ เอเกน วิปาเก ทินฺเน อิตรานิ อตฺตนา กาตพฺพกิจฺจสฺส เตเนว กตตฺตา น ทุติยํ ตติยํ วา ปฏิสนฺธึ กโรนฺติ. น สมตฺถตาวิฆาตตฺตาติ นตฺถิ เตสํ อานนฺตริยกตา นิวตฺติ; ครุตรภาโว ปน เตสุ ลพฺภเตวาติ สงฺฆเภทสฺส ¶ สิยา ¶ ครุตรภาโวติ, ‘‘เยน…เป… วิปจฺจตี’’ติ อาห. เอกสฺส ปน อฺานิ อุปตฺถมฺภกานิ โหนฺตีติ ทฏฺพฺพานิ. ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจตีติ วจเนน อิตเรสํ ปวตฺติวิปากทายิตา อนฺุาตา วิย ทิสฺสติ. โน วา ตถา สีลวตีติ ยถา ปิตา สีลวา, ตถา สีลวตี โน วา โหตีติ โยชนา. สเจ มาตา สีลวตี, มาตุฆาโต ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจตีติ โยชนา.
ปกตตฺโตติ อนุกฺขิตฺโต. สมานสํวาสโกติ อปาราชิโก. สมานสีมายนฺติ เอกสีมายํ.
สตฺถุกิจฺจํ กาตุํ อสมตฺโถติ ยํ สตฺถารา กาตพฺพกิจฺจํ อนุสาสนาทิ, ตํ กาตุํ อสมตฺโถติ ภควนฺตํ ปจฺจกฺขาย. อฺํ ติตฺถกรนฺติ อฺํ สตฺถารํ.
๑๒๙. อภิชาติอาทิสุ (อ. นิ. ฏี. ๑.๑.๒๗๗) ปกปฺปเนน เทวตูปสงฺกมนาทินา ชาตจกฺกวาเฬน สมานโยคกฺเขมํ ทสสหสฺสปริมาณํ านํ ชาติเขตฺตํ, สรเสเนว อาณาปวตฺติฏฺานํ อาณาเขตฺตํ, วิสยภูตํ านํ วิสยเขตฺตํ. ทสสหสฺสี โลกธาตูติ อิมาย โลกธาตุยา สทฺธึ อิมํ โลกธาตุํ ปริวาเรตฺวา ิตา ทสสหสฺสี โลกธาตุ. ตตฺตกานํเยว ชาติเขตฺตภาโว ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺโพ. ‘‘ปริคฺคหวเสนา’’ติ เกจิ. ‘‘สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ ตตฺตกํ เอว ชาติเขตฺตํ ตนฺนิวาสีนํเยว จ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย’’ติ จ วทนฺติ. มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนกาลาทีนํ ฉนฺนํ เอว คหณํ นิทสฺสนมตฺตํ มหาภินีหาราทิกาเลปิ ตสฺส ปกมฺปนสฺส ลพฺภมานโต. อาณาเขตฺตํ นาม ยํ เอกชฺฌํ สํวฏฺฏติ จ วิวฏฺฏติ จ. อาณา วตฺตติ อาณาย ตนฺนิวาสีนํ เทวตานํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉเนน, ตฺจ โข เกวลํ พุทฺธานํ อานุภาเวเนว, น อธิปฺปายวเสน, อธิปฺปายวเสน ปน ‘‘ยาวตา วา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วจนโต ตโต ปรมฺปิ อาณา ปวตฺเตยฺย.
น อุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถีติ, ‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชตี’’ติอาทึ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; มิ. ป. ๔.๕.๑๑) อิมิสฺสํ โลกธาตุยํ ตฺวา วทนฺเตน ภควตา, ‘‘กึ ปนาวุโส สาริปุตฺต, อตฺเถตรหิ อฺเ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ¶ ภควตา สมสมา สมฺโพธิยนฺติ, เอวํ ปุฏฺโ อหํ, ภนฺเต, โนติ วเทยฺย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑), วตฺวา ตสฺส การณํ ทสฺเสตุํ, ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺเว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา’’ติ อิมํ สุตฺตํ (ที. นิ. ๓.๑๖๑; มิ. ป. ๕.๑.๑) ทสฺเสนฺเตน ¶ ธมฺมเสนาปตินา จ พุทฺธเขตฺตภูตํ อิมํ โลกธาตุํ เปตฺวา อฺตฺถ อนุปฺปตฺติ วุตฺตา โหตีติ อธิปฺปาโย.
เอกโตติ สห, เอกสฺมึ กาเลติ อตฺโถ. โส ปน กาโล กถํ ปริจฺฉินฺโนติ จริมภเว ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ยาว ธาตุปรินิพฺพานาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. นิสินฺนกาลโต ปฏฺายาติ ปฏิโลมกฺกเมน วทติ. ปรินิพฺพานโต ปฏฺายาติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานโต ปฏฺาย. เอตฺถนฺตเรติ จริมภเว โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณํ ธาตุปรินิพฺพานนฺติ เอเตสํ อนฺตเร.
อฺสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ น นิวาริตา, ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตีณิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปตฺติอนฺตรธาเนน หิ สาสนสฺส โอสกฺกิตตฺตา อปรสฺส พุทฺธสฺส อุปฺปตฺติ ลทฺธาวสรา โหติ. ปฏิปทาติ ปฏิเวธาวหา ปุพฺพภาคปฏิปทา. ‘‘ปริยตฺติ ปมาณ’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ โพธิสตฺตํ นิทสฺสนํ กตฺวา ทสฺเสตุํ, ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ ตยิทํ หีนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิยฺยานิกธมฺมสฺส ิติฺหิ ทสฺเสนฺโต อนิยฺยานิกธมฺมํ นิทสฺเสติ.
มาติกาย อนฺตรหิตายาติ, ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทินยปฺปตฺตา สิกฺขาปทปาฬิ มาติกา, ตาย อนฺตรหิตาย นิทานุทฺเทสสงฺขาเต ปาติโมกฺขุทฺเทเส ปพฺพชฺชายุปสมฺปทากมฺเมสุ จ สาสนํ ติฏฺตีติ อตฺโถ. อถ วา ปาติโมกฺเข ธรนฺเตเยว ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ, เอวํ สติ ตทุภยํ ปาติโมกฺเข อนฺโตคธํ ตทุภยาภาเว ปาติโมกฺขาภาวโต, ตสฺมา ตยิทํ ตยํ สาสนสฺส ิติเหตูติ อาห – ‘‘ปาติโมกฺขปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาสุ ิตาสุ สาสนํ ติฏฺตี’’ติ. ยสฺมา วา อุปสมฺปทาธีนํ ปาติโมกฺขํ, อุปสมฺปทา จ ปพฺพชฺชาธีนา, ตสฺมา ปาติโมกฺเข สิทฺเธ, สิทฺธาสุ ปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาสุ จ สาสนํ ติฏฺติ. ปจฺฉิมปฏิเวธโต หิ ปรํ ปฏิเวธสาสนํ, ปจฺฉิมสีลโต จ ปรํ ปฏิปตฺติสาสนํ วินฏฺํ นาม โหติ. โอสกฺกิตํ นามาติ ปจฺฉิมกปฏิเวธสีลเภททฺวยํ เอกโต กตฺวา ตโต ปรํ วินฏฺํ นาม โหตีติ อตฺโถ.
เตน ¶ กามํ ‘‘สาสนฏฺิติยา ปริยตฺติ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ, ปริยตฺติ ปน ปฏิปตฺติเหตุกาติ ปฏิปตฺติยา อสติ อปฺปติฏฺา โหติ, ตสฺมา ปฏิปตฺติอนฺตรธานํ สาสโนสกฺกนสฺส วิเสสการณนฺติ ทสฺเสตฺวา ตยิทํ สาสโนสกฺกนํ ธาตุปรินิพฺพาโนสานนฺติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตีณิ ปรินิพฺพานานี’’ติ วุตฺตํ.
การฺุนฺติ ¶ ปริเทวนการฺุํ. ชมฺพุทีเป ทีปนฺตเรสุ เทวนาคพฺรหฺมโลเกสุ จ วิปฺปกิริตฺวา ิตานํ ธาตูนํ มหาโพธิปลฺลงฺเก เอกชฺฌํ สนฺนิปตนํ, รสฺมิวิสฺสชฺชนํ, ตตฺถ เตโชธาตุยา อุฏฺานํ, เอกชาลีภาโว จาติ สพฺพเมตํ สตฺถุ อธิฏฺานวเสเนว เวทิตพฺพํ.
อนจฺฉริยตฺตาติ ทฺวีสุปิ อุปฺปชฺชมาเนสุ อจฺฉริยตฺตาภาวโทสโตติ อตฺโถ. พุทฺธา นาม มชฺเฌ ภินฺนํ สุวณฺณํ วิย เอกสทิสาติ เตสํ เทสนาปิ เอกรสา เอวาติ อาห – ‘‘เทสนาย จ วิเสสาภาวโต’’ติ. เอเตนปิ อนจฺฉริยตฺตเมว สาเธติ. วิวาทภาวโตติ เอเตน วิวาทาภาวตฺถํ ทฺเว เอกโต น อุปฺปชฺชนฺตีติ ทสฺเสติ.
ตตฺถาติ มิลินฺทปฺเห. เอกํ พุทฺธํ ธาเรตีติ เอกพุทฺธธารณี. เอเตน เอวํ สภาวา เอเต พุทฺธคุณา, เยน ทุติยพุทฺธคุเณ ธาเรตุํ อสมตฺถา อยํ โลกธาตูติ ทสฺเสติ. ปจฺจยวิเสสนิปฺผนฺนานฺหิ คุณธมฺมานํ ภาริโย วิเสโส น สกฺกา ธาเรตุนฺติ, ‘‘น ธาเรยฺยา’’ติ วตฺวา ตเมว อธารณํ ปริยายนฺตเรนปิ ปกาเสนฺโต ‘‘จเลยฺยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จเลยฺยาติ ปริปฺผนฺเทยฺย. กมฺเปยฺยาติ ปเวเธยฺย. นเมยฺยาติ เอกปสฺเสน นเมยฺย. โอนเมยฺยาติ โอสีเทยฺย. วินเมยฺยาติ วิวิธํ อิโตจิโต จ นเมยฺย. วิกิเรยฺยาติ วาเตน ถุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิเรยฺย. วิธเมยฺยาติ วินสฺเสยฺย. วิทฺธํเสยฺยาติ สพฺพโส วิทฺธสฺตา ภเวยฺย. ตถาภูตา จ กตฺถจิ น ติฏฺเยฺยาติ อาห ‘‘น านมุปคจฺเฉยฺยา’’ติ.
อิทานิ ตตฺถ นิทสฺสนํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ยถา, มหาราชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมุปาทิกาติ สมํ อุทฺธํ ปชฺชติ ปวตฺตตีติ สมุปาทิกา, อุทกสฺส อุปริ สมํ คามินีติ อตฺโถ. วณฺเณนาติ สณฺาเนน. ปมาเณนาติ อาโรเหน ¶ . กิสถูเลนาติ กิสถูลภาเวน, ปริณาเหนาติ อตฺโถ.
ฉาเทนฺตนฺติ โรเจนฺตํ รุจึ อุปฺปาเทนฺตํ. ตนฺทีกโตติ เตน โภชเนน ตนฺทีภูโต. อโนนมิตทณฺฑชาโตติ ยาวทตฺถํ โภชเนน โอนมิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อโนนมิตทณฺโฑ วิย ชาโต. สกึ ภุตฺโต วเมยฺยาติ เอกมฺปิ อาโลปํ อชฺโฌหริตฺวา วเมยฺยาติ อตฺโถ.
อติธมฺมภาเรน ปถวี จลตีติ ธมฺเมน นาม ปถวี ติฏฺเยฺย. สา กึ เตเนว จลติ วินสฺสตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ. ปุน เถโร ‘‘รตนํ นาม โลเก กุฏุมฺพํ สนฺธาเรนฺตํ อภิมตฺจ โลเกน อตฺตโน ครุสภาวตาย สกฏภงฺคสฺส การณํ อติภารภูตํ ทิฏฺํ. เอวํธมฺโม ¶ จ หิตสุขวิเสเสหิ ตํสมงฺคินํ ธาเรนฺโต อภิมโต จ วิฺูนํ คมฺภีรปฺปเมยฺยภาเวน ครุสภาวตฺตา อติภารภูโต ปถวีจลนสฺส การณํ โหตี’’ติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อิธ, มหาราช, ทฺเว สกฏา’’ติอาทิมาห. เอเตเนว ตถาคตสฺส มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนาทิกาเล ปถวีกมฺปนการณํ สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกสกฏโต รตนนฺติ เอกสฺมา, เอกสฺส วา สกฏสฺส รตนํ, ตสฺมา สกฏโต คเหตฺวาติ อตฺโถ.
โอสาริตนฺติ อุจฺจาริตํ, วุตฺตนฺติ อตฺโถ. อคฺโคติ สพฺพสตฺเตหิ อคฺโค.
สภาวปกตีติ สภาวภูตา อกิตฺติมา ปกติ. การณมหนฺตตายาติ มหนฺเตหิ พุทฺธการกธมฺเมหิ ปารมิตาสงฺขาเตหิ การเณหิ พุทฺธคุณานํ นิพฺพตฺติโตติ วุตฺตํ โหติ. ปถวิอาทีนิ มหนฺตานิ วตฺถูนิ, มหนฺตา จ สกฺกภาวาทโย อตฺตโน อตฺตโน วิสเย เอเกกา เอว, สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ มหนฺโต อตฺตโน วิสเย เอโกว, โก จ ตสฺส วิสโย? พุทฺธภูมิ, ยาวตกํ วา เยฺยํ. เอวํ ‘‘อากาโส วิย อนนฺตวิสโย ภควา เอโกว โหตี’’ติ วทนฺโต ปรจกฺกวาเฬสุ ทุติยสฺส พุทฺธสฺส อภาวํ ทสฺเสติ.
อิมินาว ¶ ปเทนาติ ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ อิมินา เอว ปเทน. ทสจกฺกวาฬสหสฺสานิ คหิตานิ ชาติเขตฺตตฺตา. เอกจกฺกวาเฬเนวาติ อิมินา เอกจกฺกวาเฬเนว. ยถา – ‘‘อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วุตฺเต อิมสฺมิมฺปิ จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีเปเยว, ตตฺถปิ มชฺฌิมปเทเส เอวาติ ปริจฺฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ; เอวํ ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ ชาติเขตฺเต อธิปฺเปเตปิ อิมินาว จกฺกวาเฬน ปริจฺฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ.
วิวาทูปจฺเฉทโตติ วิวาทูปจฺเฉทการณา. ทฺวีสุ อุปฺปนฺเนสุ โย วิวาโท ภเวยฺย, ตสฺส อนุปฺปาโทเยเวตฺถ วิวาทุปจฺเฉโท. เอกสฺมึ ทีเปติอาทินา ทีปนฺตเรปิ เอกชฺฌํ น อุปฺปชฺชนฺติ, ปเคว เอกทีเปติ ทสฺเสติ. โส ปริหาเยถาติ จกฺกวาฬสฺส ปเทเส เอว วตฺติตพฺพตฺตา ปริหาเยยฺย.
๑๓๐. มนุสฺสตฺตนฺติ มนุสฺสภาโว ตสฺเสว ปพฺพชฺชาทิคุณสมฺปตฺติอาทีนํ โยคฺคภาวโต. ลิงฺคสมฺปตฺตีติ ปุริสภาโว. เหตูติ มโนวจีปณิธานปุพฺพิกา เหตุสมฺปทา. สตฺถารทสฺสนนฺติ สตฺถุสมฺมุขีภาโว. ปพฺพชฺชาติ กมฺมกิริยวาทีสุ ตาปเสสุ, ภิกฺขูสุ วา ปพฺพชฺชา. คุณสมฺปตฺตีติ อภิฺาทิคุณสมฺปทา. อธิกาโรติ พุทฺธํ อุทฺทิสฺส อธิโก สกฺกาโร. ฉนฺทตาติ ¶ สมฺมาสมฺโพธึ อุทฺทิสฺส สาติสโย กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺโท. อฏฺธมฺมสโมธานาติ เอเตสํ อฏฺนฺนํ ธมฺมานํ สมาโยเคน. อภินีหาโรติ กายปณิธานํ. สมิชฺฌตีติ นิปฺผชฺชตีติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยา จริยาปิฏกวณฺณนาย (จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
สพฺพาการปริปูรเมวาติ ปริปุณฺณลกฺขณตาย สตฺตุสฺสทาทีหิ สพฺพากาเรหิ สมฺปนฺนเมว. น หิ อิตฺถิยา โกโสหิตวตฺถคุยฺหตา สมฺภวติ, ทุติยปกติ จ นาม ปมปกติโต นิหีนา เอว. เตเนวาห อนนฺตรวาเร ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ.
อิธ ปุริสสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตนโตติ อิมสฺมึ มนุสฺสโลเก ปุริสภูตสฺส ตตฺถ พฺรหฺมโลเก พฺรหฺมตฺตภาเวน นิพฺพตฺตนโต. เตน อสติปิ ปุริสลิงฺเค ปุริสาการา พฺรหฺมาโน โหนฺตีติ ทสฺเสติ. ตํเยว หิ ปุริสาการํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ยํ ปุริโส พฺรหฺมตฺตํ กเรยฺยา’’ติ. เตเนวาห ‘‘สมาเนปี’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ อิตฺถิโย พฺรหฺมโลเก น อุปฺปชฺชนฺตีติ อาห ‘‘พฺรหฺมตฺต’’นฺติอาทิ.
๑๓๑. กายทุจฺจริตสฺสาติอาทิปาฬิยา กมฺมนิยาโม นาม กถิโต. สมฺชนํ สมงฺโค, โส เอตสฺส อตฺถีติ สมงฺคี, สมนฺนาคโต. สมฺชนสีโล วา สมงฺคี. ปุพฺพภาเค อายูหนสมงฺคิตา, สนฺนิฏฺาปกเจตนาวเสน เจตนาสมงฺคิตา. เจตนาสนฺตติวเสน วา อายูหนสมงฺคิตา, ตํตํเจตนาขณวเสน เจตนาสมงฺคิตา. กตูปจิตสฺส อวิปกฺกวิปากสฺส กมฺมสฺส วเสน กมฺมสมงฺคิตา, กมฺเม ปน วิปจฺจิตุํ อารทฺเธ วิปากปฺปวตฺติวเสน วิปากสมงฺคิตา. กมฺมาทีนํ อุปฏฺานกาลวเสน อุปฏฺานสมงฺคิตา. กุสลากุสลกมฺมายูหนกฺขเณติ กุสลกมฺมสฺส จ อกุสลกมฺมสฺส จ สมีหนกฺขเณ. ตถาติ อิมินา กุสลากุสลกมฺมปทํ อากฑฺฒติ. ยถา กตํ กมฺมํ ผลทานสมตฺถํ โหติ, ตถา กตํ อุปจิตํ. วิปาการหนฺติ ทุติยภวาทีสุ วิปจฺจนารหํ. อุปฺปชฺชมานานํ อุปปตฺตินิมิตฺตํ อุปฏฺาตีติ โยชนา. จลตีติ ปริวตฺตติ. เอเกน หิ กมฺมุนา ตชฺเช นิมิตฺเต อุปฏฺาปิเต ปจฺจยวิเสสวเสน ตโต อฺเน กมฺมุนา อฺสฺส นิมิตฺตสฺส อุปฏฺานํ ปริวตฺตนํ.
สุนขชีวิโกติ สุนเขหิ ชีวนสีโล. ตลสนฺถรณปูชนฺติ ภูมิตลสฺส ปุปฺเผหิ สนฺตรณปูชํ. อายูหนเจตนากมฺมสมงฺคิตาวเสนาติ กายทุจฺจริตสฺส อปราปรํ อายูหเนน สนฺนิฏฺาปกเจตนาย ¶ ตสฺเสว ปกปฺปเน กมฺมกฺขยกราเณน อเขปิตตฺตา ยถูปจิตกมฺมุนา จ สมงฺคิภาวสฺส วเสน.
๑๓๒. เอวํ สสฺสิริกนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน อเนกธาตุวิภชนาทินา นานานยวิจิตฺตตาย ปรมนิปุณคมฺภีรตาย จ อตฺถโต พฺยฺชนโต จ สโสภํ กตฺวา.
นํ ธาเรหีติ เอตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํ. ธาตุอาทิวเสน ปริวฏฺฏียนฺติ อตฺถา เอเตหีติ ปริวฏฺฏา, เทสนาเภทา. จตฺตาโร ปริวฏฺฏา เอตสฺส, เอตสฺมึ วาติ จตุปริวฏฺโฏ, ธมฺมปริยาโย. ธมฺโม จ โส ปริยตฺติภาวโต ยถาวุตฺเตนตฺเถน อาทาโสติ ธมฺมาทาโส. อุปฏฺานฏฺเน ยถาธมฺมานํ อาทาโสติปิ ธมฺมาทาโส. ยถา หิ อาทาเสน ¶ สตฺตานํ มุเข มลโทสหรณํ, เอวํ อิมินาปิ สุตฺเตน โยคีนํ มุเข มลโทสหรณํ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิมินา สุตฺเตน กิเลเส มทฺทิตฺวา สมถาธิคเมน โยคิโน ชยปฺปตฺตา; ตสฺมา อมตปุรปฺปเวสเน อุคฺโฆสนมหาเภริตาย จ อมตทุนฺทุภิ. อิธ วุตฺตนฺติ อิมสฺมึ สุตฺเต วุตฺตํ. อนุตฺตโร สงฺคามวิชโยติ อนุตฺตรภาวโต กิเลสสงฺคามวิชโย, ‘‘วิเชติ เอเตนา’’ติ กตฺวา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
พหุธาตุกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. อิสิคิลิสุตฺตวณฺณนา
๑๓๓. สมฺายติ ¶ เอตายาติ สมฺา, นามนฺติ อตฺโถ. อยมยํ นามาติ ปฺาเปนฺติ เอตาย, ตถาปฺาปนมตฺตนฺติ วา ปฺตฺติ, นามเมว. เตนาห ‘‘ปุริมปทสฺเสว เววจน’’นฺติ. เสเสสุปีติ ‘‘ปณฺฑวสฺส ปพฺพตสฺสา’’ติอาทีสุ ตีสุ วาเรสุปิ.
สมุฏฺานํ ตาว สุตฺตสฺส กเถตฺวา อตฺถสํวณฺณนํ กาตุํ ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น ปพฺพเตหิ อตฺโถติ น ภควโต ปพฺพเตหิ กถิเตหิ อตฺโถ อตฺถิ. อิสิคิลิภาโวติ อิสิคิลินามตา. อิตีติ อิมินา การเณน, อิมํ อฏฺุปฺปตฺตึ อเวกฺขนฺโตติ อตฺโถ.
เจติยคพฺเภติ เจติยฆเร เจติยสฺส อพฺภนฺตเร. ยมกมหาทฺวารนฺติ ยมกกวาฏยุตฺตํ มหนฺตํ ทฺวารํ. ทฺเวธา กตฺวาติ ปพฺพตสฺส อพฺภนฺตเร มณฺฑปสงฺเขเปน เลณํ นิมฺมินิตฺวา ทฺเวธา กตฺวา ตทา เต ตตฺถ วสึสุ.
วสิตกาลฺจ กเถนฺโต เตสํ มาตุยา ยาว ตติยภวโต ปฏฺาย สมุทาคมํ ทสฺเสตุํ, ‘‘อตีเต กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปตฺเถสีติ ตสฺสา กิร เขตฺตกุฏิยา วีหโย ภชฺชนฺติยา ตตฺถ มหากรฺชปุปฺผปฺปมาณา มหนฺตา มโนหรา ปฺจสตมตฺตา ลาชา ชายึสุ. สา ตา คเหตฺวา มหนฺเต ปทุมินิปตฺเต เปสิ. ตสฺมิฺจ สมเย เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ ตสฺสา อนุคฺคหตฺถํ อวิทูเร เขตฺตปาฬิยา คจฺฉติ. สา ตํ ทิสฺวา ¶ ปสนฺนมานสา สุปุปฺผิตํ มหนฺตํ เอกํ ปทุมํ คเหตฺวา ตตฺถ ลาเช ปกฺขิปิตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘อิมสฺส, ภนฺเต, ปฺุสฺส อานุภาเวน อานุภาวสมฺปนฺเน ปฺจสตปุตฺเต ลเภยฺย’’นฺติ ปฺจ ปุตฺตสตานิ ปตฺเถสิ. ตสฺมึเยว ขเณติ ยทา สา ยถาวุตฺตํ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ; ตสฺมึเยว ขเณ ปฺจสตา มิคลุทฺทกา สมฺภตสมฺภารา ปริปกฺกปจฺเจกโพธิาณา ตสฺเสว ปจฺเจกพุทฺธสฺส มธุรมํสํ ทตฺวา, ‘‘เอติสฺสา ปุตฺตา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺถยึสุ. อตีตาสุ อเนกชาตีสุ ตสฺสา ปุตฺตภาเวน อาคตตฺตา ตถา เตสํ อโหสีติ วทนฺติ. ปาทุทฺธาเรติ ปาทุทฺธาเร ปาทุทฺธาเร. ปาทุทฺธารสีเสน เจตฺถ นิกฺขิปนํ อาห.
คพฺภมลํ นิสฺสายาติ พหิ นิกฺขนฺตํ คพฺภมลํ นิสฺสยํ กตฺวา สํเสทชภาเวน นิพฺพตฺตา ¶ . โอปปาติกภาเวนาติ เกจิ. ขยวยํ ปฏฺเปตฺวาติ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา. วิปสฺสนาติ อนิจฺจานุปสฺสนาปุพฺพิกา สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนปุพฺพิกา จ, สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส อนิจฺจลกฺขเณ ทิฏฺเ, ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ เสสลกฺขณานิ สุวิฺเยฺยาเนว โหนฺติ. ปจฺเจกโพธิาณํ นิพฺพตฺตยึสูติ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ ปจฺเจกโพธิปารมิตาย ปรินิปฺผนฺนตฺตา าณสฺส ปริปากตฺตา วุตฺตนเยน สยเมว วิปสฺสนํ ปวตฺเตตฺวา มตฺถกํ ปาเปตฺวา ปจฺเจกโพธิาณํ อธิคจฺฉึสุ. สพฺเพปิ เต ตํเยว คาถํ อภาสึสูติ อาห – ‘‘อยํ เตสํ พฺยากรณคาถา อโหสี’’ติ.
สโรรุหนฺติ สรสิ ชาตํ. ปทุมปลาสปตฺตชนฺติ ขุทฺทกมหนฺเตหิ กมลทเลหิ สหชาตํ. ขุทฺทกมหนฺตกมลทลสงฺขาตานิ วา ปทุมปลาสปตฺตานิ เอตฺถ สนฺตีติ ปทุมปลาสปตฺตํ, ปทุมคจฺฉํ. ตตฺถ ชาตนฺติ ปทุมปลาสปตฺตชํ. สุปุปฺผิตนฺติ สุฏฺุ ปุปฺผิตํ สมฺมา วิกสิตํ. ภมรคณานุจิณฺณนฺติ ภมรคเณหิ อนุกุลฺเจว อนุปริพฺภมิตฺจ. อนิจฺจตายุปคตนฺติ ขเณ ขเณ วณฺณเภทาทิวเสน อนิจฺจตาย อุปคตํ. วิทิตฺวาติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ชานิตฺวา. เอโก จเรติ ตสฺมา อฺโปิ มาทิโส โหตุกาโม เอวํ ปฏิปชฺชิตฺวา เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.
๑๓๕. สติสารสีลสาราทิสมนฺนาคมเนน ¶ สตฺเตสุ สารภูตา. สพฺพโส วฏฺฏทุกฺขสฺส วิคตตฺตา นิทฺทุกฺขา. สมุจฺฉินฺนตณฺหตาย นิตฺตณฺหา. มานจฺฉิโทติ ถุติวจนํ.
เอเตสํ เอกนามกาเยวาติ เอเตสํ อาคตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ปาฬิยํ อนาคตา อฺเ ปจฺเจกพุทฺธา สมานนามกา เอว. วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏีกรณตฺถํ ‘‘อิเมสุ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิสุํ วิสุํ อวตฺวาติ ปจฺเจกํ สรูปโต อวตฺวา. อฺเ จาติ อสาธารณตฺตา อาห. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิสิคิลิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. มหาจตฺตารีสกสุตฺตวณฺณนา
๑๓๖. โทเสหิ ¶ อารกาติ อริยํ. เตนาห ‘‘นิทฺโทส’’นฺติ. สา ปน นิทฺโทสตา โลกุตฺตรภาเวน สวิเสสาติ อาห ‘‘โลกุตฺตร’’นฺติ. สมฺมา สุนฺทโร ปสตฺโถ นิยฺยานิโก สมาธิ สมฺมาสมาธีติ อาห – ‘‘สมฺมาสมาธินฺติ มคฺคสมาธิ’’นฺติ. อุปนิสีทติ เอตฺถ ผลํ ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตายาติ อุปนิสํ, การณนฺติ อาห – ‘‘สอุปนิสนฺติ สปฺปจฺจย’’นฺติ. ปริกโรติ ปริวาเรตีติ ปริกฺขาโรติ อาห – ‘‘สปริกฺขารนฺติ สปริวาร’’นฺติ.
ปริวาริตาติ สหชาตาทิปจฺจยภาเวน ปริวารนฺเตหิ วิย อุปคตา. ปุเรจาริกาติ วุฏฺานคามินิภาวนา สหชาตาทิปจฺจยวเสน ปจฺจยตฺตา ปุรสฺสรา. เตนาห – ‘‘วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิ จา’’ติ. อิทานิ ตานิ กิจฺจโต ทสฺเสตุํ, ‘‘วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปริวีมํสคฺคหณํ ตตฺถ ตตฺถ จิตฺตุปฺปาเท วีมํสาธิปเตยฺเยน ปวตฺติยา สมฺมาทิฏฺิยา ปุพฺพงฺคมภาวทสฺสนตฺถํ. เตนสฺส มคฺคสมาธิสฺส นานาขณิกํ ปุพฺพงฺคมภาวํ ทสฺเสติ. วีมํสนปริโยสาเนติ ตถาปวตฺตอนุโลมาณสฺส โอสาเน. ภูมิลทฺธํ วฏฺฏํ สมุคฺฆาฏยมานาติ อตฺตโน สนฺตาเน ทีฆรตฺตํ อนุสยิตํ กิเลสวฏฺฏํ สมุจฺฉินฺทนฺติ. วูปสมยมานาติ ตสฺเสว เววจนํ. วูปสมยมานาติ วา ตโต เอว อวสิฏฺมฺปิ วฏฺฏํ อปฺปวตฺติกรณวเสน วูปสเมนฺติ. เตเนวาห – ‘‘มคฺคสมฺมาทิฏฺิ…เป… อุปฺปชฺชตี’’ติ. สาติ สมฺมาทิฏฺิ. ทุวิธาปีติ ¶ ยถาวุตฺตา ทุวิธาปิ. อิธ อธิปฺเปตา วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย กิจฺจสฺส ทสฺสิตตฺตา.
ลกฺขเณ ปฏิวิชฺฌมาเน ลกฺขณิโก ธมฺโม ปฏิวิทฺโธ โหตีติ อาห – ‘‘มิจฺฉาทิฏฺึ…เป… อารมฺมณโต ปชานาตี’’ติ. วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิยมฺปิ เอเสว นโย. กิจฺจโตติ ภาวนากิจฺจโต. สมฺมาทิฏฺิยํ ตทธิคตอสมฺโมหตาย อสมฺโมหโต ปชานาติ. กิจฺจโตติ ปฏิเวธกิจฺจโต. ตํ ปน สพฺพถา อสมฺมุยฺหนเมวาติ อาห ‘‘อสมฺโมหโต’’ติ. เอวํ ปชานนาติ มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาทิฏฺีติ ยาถาวโต อวโพโธ. อสฺสาติ ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส.
ทฺวายนฺติ -กาโร ทีฆํ กตฺวา วุตฺโต. เตนาห ‘‘ทฺวยํ วทามี’’ติ. ทฺเว อวยวา เอตสฺสาติ ทฺวยํ. เตนาห ‘‘ทุวิธโกฏฺาสํ วทามี’’ติ. ปฺุสฺส เอโก ภาโค โส เอว ปฺุภาคิโก ¶ , ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘ปฺุภาคิยา’’ติ วุตฺตํ. อุปธิสงฺขาตสฺสาติ ขนฺธปพนฺธสงฺขาตสฺส.
อมตทฺวารนฺติ อริยมคฺคํ. ปฺเปตีติ นิยฺยานาทิปการโต ปฺเปติ. เตนาห ‘‘วิภชิตฺวา ทสฺเสตี’’ติ. ตตฺถ สมฺโมหสฺส วิทฺธํสเนน อสมฺโมหโต ทสฺเสติ. ตสฺมึ อตฺเถติ อมตทฺวารปฺาปเน อตฺเถ. โพชฺฌงฺคปฺปตฺตาติ โพชฺฌงฺคภาวปฺปตฺตา. มคฺคภาเวน นิยฺยานภาเวน ปวตฺติยา มคฺคปฺาย อฏฺนฺนมฺปิ สาธารณตฺตา สมุทายสฺส จ อวยโว องฺคนฺติ กตฺวา เสสธมฺเม องฺคิกภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘อริยมคฺคสฺส องฺค’’นฺติ อาห. โส ภิกฺขูติ มิจฺฉาทิฏฺึ ‘‘มิจฺฉาทิฏฺี’’ติ สมฺมาทิฏฺึ ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ ชานนฺโต ภิกฺขุ. ปชหนตฺถายาติ สมุจฺเฉทวเสน ปชหนาย. ปฏิลาภตฺถายาติ มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา อธิคมาย. กุสลวายาโมติ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺโตว โกสลฺลสมฺภูโต วายาโม. สรตีติ สโต, ตํ ปนสฺส สรณํ สติสมงฺคิตายาติ อาห ‘‘สติยา สมนฺนาคโต’’ติ. กามฺเจตฺถ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺึ ยถาภูตา สมฺมาวายามสติโย สหชาตา จ ปุเรชาตา จ หุตฺวา ปริวาเรนฺติ, ‘‘อิติยิเม ตโย ธมฺมา สมฺมาทิฏฺึ อนุปริธาวนฺติ อนุปริวตฺตนฺตี’’ติ ปน วจนโต, ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทินา มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา เอว เสสธมฺมานํ ยถารหํ สหจรณภาเวน ปริวารณํ โยชิตํ. สมฺมาสงฺกปฺปาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวานํ คหณํ อิตเรสํ ปริวารภาเวน คหิตตฺตา ¶ . น หิ สกฺกา เต เอว ปริวาเร ปริวารวนฺเต จ กตฺวา วตฺตุํ สงฺกรโต สมฺโมหชนนโต จ. ตโยติ สมฺมาทิฏฺิวายามสติโย สหชาตปริวาราว โหนฺติ มคฺคกฺขณิกานํ เตสํ อธิปฺเปตตฺตา วิปสฺสนาขณวิรตีนํ อสมฺภวโต.
๑๓๗. ตกฺกนวเสน โลกสิทฺเธนาติ อธิปฺปาโย. ‘‘เอวฺเจวฺจ ภวิตพฺพ’’นฺติ วิวิธํ ตกฺกนํ กูเป วิย อุทกสฺส อารมฺมณสฺส อากฑฺฒนํ วิตกฺกนํ วิตกฺโก. สงฺกปฺปนวเสนาติ ตํ ตํ อารมฺมณํ คเหตฺวา กปฺปนวเสน. ตกฺกนํ กปฺปนนฺติ จ อตํสหชาตานเมวาติ ทฏฺพฺพํ. เอกคฺโคติ อิมินา สมาธินา ลทฺธุปการสฺเสว วิตกฺกสฺส อปฺปนาปริยาโย โหตีติ ทสฺเสติ. วิเสเสน วา อปฺปนา วิตกฺกสฺส วเสน จิตฺตํ อารมฺมณํ อภิโรเปติ, วิตกฺเก อสติ กถนฺติ อาห ‘‘วิตกฺเก ปนา’’ติอาทิ. อตฺตโนเยว ธมฺมตาย จิตฺตํ อารมฺมณํ อภิรุหตีติ, เอเตน อารมฺมณธมฺมานํ คหณํ นาม สภาวสิทฺธํ, น ธมฺมนฺตรมเปกฺขติ, วิตกฺโก ปน ปวตฺตมาโน อารมฺมณาภินิโรปนวเสเนว ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ. เอวํ สนฺเตปิ สภาวาวิตกฺกจิตฺตุปฺปาทโต สวิตกฺกจิตฺตุปฺปาทสฺส อารมฺมณคฺคหณวิเสโส วิตกฺเกน ชาโตติ กตฺวา วิตกฺโก จิตฺตสฺส อารมฺมณคฺคหเณ วิเสสปจฺจโยติ ปากโฏยมตฺโถ. อปเร ปน ภณนฺติ ¶ – ยถา โกจิ ราชวลฺลภํ, ตํสมฺพนฺธีนํ มิตฺตํ วา นิสฺสาย ราชเคหํ อาโรหติ อนุปวิสติ, เอวํ วิตกฺกํ นิสฺสาย จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ วิตกฺกสฺส อารมฺมณาภินิโรปนสภาวตฺตา, อฺเสํ ธมฺมานฺจ อวิตกฺกสภาวโต. เตนาห ภควา – ‘‘เจตโส อภินิโรปนา’’ติ (ธ. ส. ๗).
ยทิ เอวํ กถํ อวิตกฺกจิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหตีติ? วิตกฺกพเลเนว. ยถา หิ โส ปุริโส ปริจเยน เตน วินาปิ นิราสงฺโก ราชเคหํ ปวิสติ, เอวํ ปริจเยน วิตกฺเกน วินาปิ อวิตกฺกํ จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ. ปริจเยนาติ จ สนฺตาเน ปวตฺตวิตกฺกภาวนาสงฺขาเตน ปริจเยน. วิตกฺกสฺส หิ สนฺตาเน อภิณฺหํ ปวตฺตสฺส วเสน จิตฺตสฺส อารมฺมณาภิรุหนํ จิรปริจิตํ; เตน ตํ กทาจิ วิตกฺเกน วินาปิ ตตฺถ ปวตฺตเตว; ยถา าณสหคตํ จิตฺตํ สมฺมสนวเสน จิรปริจิตํ กทาจิ ¶ าณรหิตมฺปิ สมฺมสนวเสน ปวตฺตติ; ยถา วา กิเลสสหิตํ หุตฺวา ปวตฺตํ สพฺพโส กิเลสรหิตมฺปิ ปริจเยน กิเลสวาสนาวเสน ปวตฺตติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
วาจํ สงฺขโรตีติ วาจํ อุปฺปาเทติ, วจีโฆสุปฺปตฺติยา วิเสสปจฺจโย โหตีติ อตฺโถ. โลกิยวิตกฺโก ทฺวตฺตึสจิตฺตสหคโต วาจํ สงฺขโรติ วจีวิฺตฺติชนนโต. วจีสงฺขาโรตฺเวว ปนสฺส นามํ โหติ รุฬฺหิโต, ตํสมตฺถตานิโรธโต วา สมฺภวโต ปน สงฺขาโรติ. ‘‘โลกุตฺตรสมฺมาสงฺกปฺปํ ปริวาเรนฺตี’’ติ วตฺวา ติวิเธ สมฺมาสงฺกปฺเป กทาจิ กตมํ ปริวาเรนฺตีติ? โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิ. นานาจิตฺเตสุ ลพฺภนฺติ นานาสมนฺนาหารเหตุกตฺตา, ปุพฺพภาเคเยว จ เต อุปฺปชฺชนฺตีติ. ตีณิ นามานิ ลภติ ติวิธสฺสปิ ปฏิปกฺขสฺส สมุจฺฉินฺทเนน สาติสยํ ติณฺณมฺปิ กิจฺจกรณโต. เอส นโย สมฺมาวาจาทีสุปิ.
๑๓๘. วิรมติ เอตายาติ เวรมณี วิรติ วุจฺจติ. สา มุสาวาทโต วิรมณสฺส การณภาวโต เจตนาปิ เวรสฺส มณนโต วินาสนโต วิรติปีติ อาห – ‘‘วิรติปิ เจตนาปิ วฏฺฏตี’’ติ. อารกา รมตีติ สมุจฺฉินฺเนหิ ทูรโต สมุสฺสาเรติ. วินา เตหิ รมตีติ อจฺจนฺตเมว เตหิ วินา ภวติ. ตโต ตโตติ ทิฏฺเ อทิฏฺวาทาทิโต มุสาวาทา. วิเสสโต อนุปฺปตฺติธมฺมตฺตา ปฏินิวตฺตา หุตฺวา.
๑๔๐. ติวิเธน กุหนวตฺถุนาติ ปจฺจยปฏิเสวน-สามนฺตชปฺปน-อิริยาปถปวตฺตนสงฺขาเตน ปาปิจฺฉตา นิพฺพตฺเตน ติวิเธน กุหนวตฺถุนา. เอตาย กุหนาย กรณภูตาย ปจฺจยุปฺปาทนตฺถํ นิมิตฺตํ ¶ สีลํ เอเตสนฺติ โยชนา. อตฺตวิสยลาภเหตุ อกฺโกสนขุํสนวมฺภนาทิวเสน ปิสนํ ฆฏฺฏนํ วิเหนํ นิปฺเปโส. อิโต ลทฺธํ อฺสฺส, ตโต ลทฺธํ ปรสฺส ทตฺวา เอวํ ลาเภน ลาภํ นิชิคีํสตีติ ลาเภน ลาภํ นิชิคีํสนา. ปาฬิยํ อาคโต กุหนาทิวเสน มิจฺฉาอาชีโว. โก ปน โสติ อาห ‘‘อาชีวเหตู’’ติอาทิ. ตาสํเยวาติ อวธารณํ, ‘‘อาชีโว กุปฺปมาโน กายวจีทฺวาเรสุ เอว กุปฺปตี’’ติ กตฺวา วุตฺตํ.
๑๔๑. สมฺมา ¶ ปสตฺถา โสภนา นิยฺยานิกา ทิฏฺิ เอตสฺสาติ สมฺมาทิฏฺิ, ปุคฺคโล. ตสฺส ปน ยสฺมา สมฺมาทิฏฺิ สจฺจาภิสมยสฺส นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย อวสฺสโย, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘มคฺคสมฺมาทิฏฺิยํ ิตสฺสา’’ติ. ปโหติ ภวติ ตาย สเหว อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติ. ปจฺจเวกฺขณาณํ ยาถาวโต ชานนฏฺเน สมฺมาาณนฺติ อิธาธิปฺเปตํ, ตฺจ โข มคฺคสมาธิมฺหิ ิเต เอว โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ อาห – ‘‘มคฺคสมฺมาสมาธิมฺหิ…เป… สมฺมาาณํ ปโหตี’’ติอาทิ. อิมินา กึ ทสฺเสตีติ? ยถา มคฺคสมฺมาทิฏฺิยํ ิโต ปุคฺคโล, ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ วุตฺโต, เอวํ มคฺคผลปจฺจเวกฺขณาเณ ิโต, ‘‘สมฺมาาโณ’’ติ วุตฺโต, ตสฺส จ มคฺคผลสมฺมาสมาธิปวตฺติยา ปโหติ สมฺมาาณสฺส สมฺมาวิมุตฺติยา ปโหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. ผลสมาธิ ตาว ปวตฺตตุ, มคฺคสมาธิ ปน กถนฺติ? ตมฺปิ อกุปฺปภาวตาย อจฺจนฺตสมาธิภาวโต กิจฺจนิปฺผตฺติยา ปวตฺตเตวาติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. เปตฺวา อฏฺผลงฺคานีติ ผลภูตานิ สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ, ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺส สมฺมาสงฺกปฺโป ปโหตี’’ติอาทินา วิสุํ คหิตตฺตา เปตฺวา. สมฺมาาณํ ปจฺจเวกฺขณํ กตฺวาติ ปจฺจเวกฺขณาณํ สมฺมาาณํ กตฺวา. ผลํ กาตุนฺติ ผลธมฺมสหจริตตาย วิปากสภาวตาย จ ‘‘ผล’’นฺติ ลทฺธนาเม ผลสมฺปยุตฺตธมฺเม สมฺมาวิมุตฺตึ กาตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ตถา จ วุตฺตํ สลฺเลขสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๓) ‘‘ผลสมฺปยุตฺตานิ ปน สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ เปตฺวา เสสธมฺมา สมฺมาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา’’ติ.
๑๔๒. นิชฺชิณฺณาติ นิชฺชีริตา, วิทฺธสฺตา วินาสิตาติ อตฺโถ. ผลํ กถิตนฺติ ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺส, ภิกฺขเว, มิจฺฉาทิฏฺิ นิชฺชิณฺณา โหตี’’ติ อิมินา วาเรน สามฺผลํ กถิตนฺติ วทนฺติ, นิชฺชีรณํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนนฺติ อธิปฺปาโย. นิชฺชีรณํ ปน สมุจฺฉินฺทนนฺติ กตฺวา, มชฺฌิมภาณกา…เป… มคฺโค กถิโตติ วทนฺติ. ทสฺสนฏฺเนาติ ปริฺาภิสมยาทิวเสน จตุนฺนํ สจฺจานํ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน. วิทิตกรณฏฺเนาติ ปจฺจกฺเขน ยถาทิฏฺานํ มคฺคผลานํ ปากฏกรณฏฺเน. ตทธิมุตฺตฏฺเนาติ ตสฺมึ ยถาสจฺฉิกเต นิพฺพาเน อธิมุจฺจนภาเวน.
กุสลปกฺขาติ ¶ อนวชฺชโกฏฺาสา. มหาวิปากทาเนนาติ มหโต วิปุลสฺส โลกุตฺตรสฺส สุขวิปากสฺส เจว กายิกาทิทุกฺขวิปากสฺส จ ทาเนน.
ยถา ¶ มหาวิปากสฺส ทาเนน มหาจตฺตารีสกํ, ตถา พหุตายปิ มหาจตฺตารีสโกติ ทสฺเสตุํ, ‘‘อิมสฺมิฺจ ปน สุตฺเต ปฺจ สมฺมาทิฏฺิโย กถิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. พหุอตฺโถปิ หิ มหา-สทฺโท โหติ ‘‘มหาชโน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๖๕). เอตฺถ จ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา วตฺถุเภเทน ทส มิจฺฉาทิฏฺิธมฺมา กถิตา, วตฺถุเภเทเนว, ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา ทส สมฺมาทิฏฺิธมฺมาติ วีสติ โหติ. ยถา ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺส, ภิกฺขเว, สมฺมาสงฺกปฺโป ปโหตี’’ติอาทินา มคฺควเสน ทส สมฺมตฺตธมฺมา, ตปฺปฏิปกฺขภูตา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิสฺส มิจฺฉาสงฺกปฺโป ปโหตี’’ติอาทินา อตฺถโต ทส มิจฺฉตฺตธมฺมาติ วีสติ, ตถา ผลวเสน เตสุ เอวํ วีสติ. กถํ วาเรปิ สมฺมาทิฏฺิอาทโย ทสาติ วีสติ? เอวเมเต ทฺเว จตฺตารีสกานิ ปุริเมน สทฺธึ ตโย จตฺตารีสกา วิภาวิตาติ เวทิตพฺพา.
๑๔๓. ปสํสิยสฺส อุชุวิปจฺจนีกํ นินฺทิยํ ปสํสนฺโตปิ อตฺถโต ปสํสิยํ นินฺทนฺโต นาม โหติ. ปสํสิยสฺส คุณปริธํสนมุเขเนว หิ นินฺทิยสฺส ปสํสาย ปวตฺตนโตติ อาห – ‘‘มิจฺฉาทิฏฺินามายํ โสภนาติ วทนฺโตปิ สมฺมาทิฏฺึ ครหติ นามา’’ติอาทิ. เอวมาทีติ อาทิสทฺเทน ‘‘นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๒๒๗) เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ; ตสฺมา เอวํวาทิโนติ เอวํ เหตุ ปฏิกฺเขปวาทิโนติ อตฺโถ. โอกฺกนฺตนิยามาติ โอคาฬฺหมิจฺฉตฺตนิยามา. เอวรูปํ ลทฺธึ คเหตฺวาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ จูฬปุณฺณมสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนยเมว ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เอทิโส หิ ‘‘พุทฺธานมฺปิ อเตกิจฺโฉ’’ติอาทิ วุตฺตสทิโส.
อตฺตโน นินฺทาภเยนาติ ‘‘สมฺมาทิฏฺิฺจ นาเมเต ครหนฺตี’’อาทินา อุปริ ปเรหิ วตฺตพฺพนินฺทาภเยน. ฆฏฺฏนภเยนาติ ตถา ปเรสํ อาสาทนาภเยน. สหธมฺเมน ปเรน อตฺตโน อุปริ กาตพฺพนิคฺคโห อุปารมฺโภ, ครหโต ปริตฺตาโส อุปารมฺภภยํ, ตํ ปน อตฺถโต อุปวาทภยํ โหตีติ อาห ‘‘อุปวาทภเยนา’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาจตฺตารีสกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. อานาปานสฺสติสุตฺตวณฺณนา
๑๔๔. ปุพฺเพนาติ ¶ ¶ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ. ‘‘อปรํ วิเสส’’นฺติ วุตฺตตฺตา วิเสสวิสโย จ ปุพฺพสทฺโทติ อาห – ‘‘สีลปริปูรณาทิโต ปุพฺพวิเสสโต’’ติ.
๑๔๕. อารทฺโธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา อาราธิโต. ยทตฺถาย สาสเน ปพฺพชฺชา, วิเสสาปตฺติ จ, ตเทเวตฺถ อปฺปตฺตนฺติ อธิปฺเปตํ, ตํ ฌานวิปสฺสนานิมิตฺตนฺติ อาห – ‘‘อปฺปตฺตสฺส อรหตฺตสฺสา’’ติ. โกมุทีติ กุมุทวตี. ตทา กิร กุมุทานิ สุปุปฺผิตานิ โหนฺติ. เตนาห – ‘‘กุมุทานํ อตฺถิตาย โกมุที’’ติ. กุมุทานํ สมูโห, กุมุทานิ เอว วา โกมุทา, เต เอตฺถ อตฺถีติ โกมุทีติ. ปวารณสงฺคหนฺติ มหาปวารณํ อกตฺวา อาคมนียสงฺคหณํ.
อารทฺธวิปสฺสกสฺสาติ อารภิตวิปสฺสนสฺส, วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตฺวา วิปสฺสิสฺส. ภิกฺขู อิธ โอสริสฺสนฺติ วุตฺถวสฺสา ปวาริตปวารณา ‘‘ภควนฺตํ วนฺทิสฺสาม, กมฺมฏฺานํ โสเธสฺสาม, ยถาลทฺธํ วิเสสฺจ ปเวทิสฺสามา’’ติ อชฺฌาสเยน. อิเม ภิกฺขูติ อิเม ตรุณสมถวิปสฺสนา ภิกฺขู. วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ เสนาสนสปฺปายาทิอลาเภน. อปลิพุทฺธนฺติ อฺเหิ อนุปทฺทุตํ. เสนาสนํ คเหตุํ น ลภนฺติ อนฺโตวสฺสภาวโต. เอกสฺส ทินฺโนปิ สพฺเพสํ ทินฺโนเยว โหติ, ตสฺมา สุตสุตฏฺาเนเยว เอกมาสํ วสิตฺวา โอสรึสุ.
๑๔๖. อลนฺติ ยุตฺตํ, โอปายิกนฺติ อตฺโถ, ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔, ๑๒๘, ๑๓๔, ๑๔๓) วิย. ปุฏพทฺธํ ปริหริตฺวา อสิตํ ปุโฏสํ อ-การสฺส โอ-การํ กตฺวา. เตนาห ‘‘ปาเถยฺย’’นฺติ.
๑๔๗. วิปสฺสนา กถิตาติ อนิจฺจสฺามุเขเนว วิปสฺสนาภาวนา กถิตา. น หิ เกวลาย อนิจฺจานุปสฺสนาย วิปสฺสนากิจฺจํ สมิชฺฌติ. พหู ภิกฺขู เต จ วิตฺถารรุจิกาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
๑๔๙. สพฺพตฺถาติ ¶ สพฺพวาเรสุ. ‘‘ตสฺมา ติห, ภิกฺขเว, เวทนานุปสฺสี’’ติอาทีสุปิ ปีติปฏิสํเวทิตาทิวเสเนว ¶ เวทนานุปสฺสนาย วุตฺตตฺตา, ‘‘สุขเวทนํ สนฺธาเยตํ วุตฺต’’นฺติ อาห. สติปฏฺานภาวนามนสิการตาย วุตฺตํ – ‘‘สาธุกํ มนสิการ’’นฺติ. สฺานาเมน ปฺา วุตฺตา เตสํ ปโยคตฺตา. มนสิการนาเมน เวทนา วุตฺตา, ภาวนาย ปริจิตตฺตา อารมฺมณสฺส มนสิการนฺติ กตฺวา. วิตกฺกวิจาเร เปตฺวาติ วุตฺตํ วจีสงฺขารตฺตา เตสํ.
เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ มนสิการปริยาปนฺนตาย ‘‘มนสิกาโร’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สนฺเต เวทนานุปสฺสนาภาโว น ยุชฺชติ, อสฺสาสปสฺสาสา หิสฺส อารมฺมณํ. วตฺถุนฺติ สุขาทีนํ เวทนานํ ปวตฺติฏฺานภูตํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทิยติ, เวทนาย เอกนฺตภาวทสฺสเนน ตสฺส เวทนานุปสฺสนาภาโว ยุชฺชติ เอวาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. เอตสฺส อนุโยคสฺส.
ทฺวีหากาเรหีติ เย สนฺธาย วุตฺตํ, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘อารมฺมณโต อสมฺโมหโต จา’’ติ อาห. สปฺปีติเก ทฺเว ฌาเนติ ปีติสหคตานิ ปมทุติยชฺฌานานิ ปฏิปาฏิยา สมาปชฺชติ. สมาปตฺติกฺขเณติ สมาปชฺชนกฺขเณ. ฌานปฏิลาเภนาติ ฌาเนน สมงฺคีภาเวน. อารมฺมณโต อารมฺมณมุเขน ตทารมฺมณฌานปริยาปนฺนา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ อารมฺมณสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตา. ยถา นาม สปฺปปริเยสนํ จรนฺเตน ตสฺส อาสเย ปฏิสํวิทิเต โสปิ ปฏิสํวิทิโตว โหติ มนฺตาคทพเลน ตสฺส คหณสฺส สุกรตฺตา; เอวํ ปีติยา อาสยภูเต อารมฺมเณ ปฏิสํวิทิเต สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา เอว โหติ สลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต จ ตสฺสา คหณสฺส สุกรตฺตา. วิปสฺสนากฺขเณติ วิปสฺสนาปฺาปุพฺพงฺคมาย มคฺคปฺาย วิเสสโต ทสฺสนกฺขเณ. ลกฺขณปฏิเวธาติ ปีติยา สลกฺขณสฺส สามฺลกฺขณสฺส จ ปฏิวิชฺฌเนน. ยฺหิ ปีติยา วิเสสโต สามฺโต จ ลกฺขณํ, ตสฺมึ วิทิเต สา ยาถาวโต วิทิตา โหติ. เตนาห – ‘‘อสมฺโมหโต ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตี’’ติ.
อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวตุํ, ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทีฆํ อสฺสาสวเสนาติ ทีฆสฺส อสฺสาสสฺส อารมฺมณภูตสฺส วเสน. จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ อวิกฺเขปํ ปชานโตติ ฌานปริยาปนฺนํ อวิกฺเขโปติ ลทฺธนามํ ¶ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ ตํสมฺปยุตฺตาย ปฺาย ปชานโต. ยเถว หิ อารมฺมณมุเขน ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ อารมฺมณมุเขน ปฏิสํวิทิตา เอว โหนฺติ. สติ อุปฏฺิตา โหตีติ ทีฆํ อสฺสาสวเสน ฌานสมฺปยุตฺตา สติ ตสฺมึ อารมฺมเณ อุปฏฺิเต อารมฺมณมุเขน ฌาเนปิ อุปฏฺิตา เอว นาม โหติ. ตาย สติยาติ เอวํ อุปฏฺิตาย ตาย สติยา ยถาวุตฺเตน เตน าเณน สุปฺปฏิวิทิตตฺตา ¶ อารมฺมณสฺส ตสฺส วเสน ตทารมฺมณา สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ. อวเสสปทานิปีติ ‘‘ทีฆํ ปสฺสาสวเสนา’’ติอาทิปทานิปิ.
เอวํ ปฏิสมฺภิทามคฺเค วุตฺตมตฺถํ อิมสฺมึ สุตฺเต โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ, ‘‘อิตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมินาปิ โยคินา มนสิกาเรน ปฏิลภิตพฺพโต ปฏิลาโภติ วุตฺตํ – ‘‘ฌานสมฺปยุตฺเต เวทนาสงฺขาตมนสิการปฏิลาเภนา’’ติ.
อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตนฺติ อสฺสาสปสฺสาเส นิสฺสาย ปฏิลทฺธปฏิภาคนิมิตฺตํ อารมฺมณํ กิฺจาปิ กโรติ; สติฺจ สมฺปชฺฺจ อุปฏฺเปตฺวา ปวตฺตนโต อารมฺมณมุเขน ตทารมฺมณสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตา จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสีเยว นาเมส โหติ. เอวํ จิตฺตานุปสฺสนาปิ สติสมฺปชฺพเลเนว โหตีติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ปชหติ เอเตน, สยํ วา ปชหตีติ ปหานํ, าณํ. โทมนสฺสวเสน พฺยาปาทนีวรณํ ทสฺสิตํ ตเทกฏฺภาวโต. ตสฺสาติ นีวรณปพฺพสฺส. ปหานกราณนฺติ ปชหนาณํ. วิปสฺสนาปรมฺปรนฺติ ปฏิปาฏิยา วิปสฺสนมาห. สมถปฏิปนฺนนฺติ มชฺฌิมสมถนิมิตฺตํ ปฏิปนฺนจิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ. เอกโต อุปฏฺานนฺติ ปฏิปกฺขวิคเมน เอกภาเวน อุปฏฺานํ. สหชาตานํ อชฺฌุเปกฺขนา โหตีติ ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ พฺยาปารสฺส อนาปชฺชิตตฺตา อารมฺมณานํ อชฺฌุเปกฺขนา, ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหติ อุเปกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ, เอวํ วุตฺตอชฺฌุเปกฺขนา ปวตฺตาติ ปฏิปนฺนา. เกวลํ นีวรณาทิธมฺเมติ นีวรณาทิธมฺเม เอว ปหีเน ทิสฺวา, อถ โข เตสํ ปชหนาณมฺปิ ยาถาวโต ปฺาย ทิสฺวา อชฺฌุเปกฺขิตา โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘ธมฺมาปิ โข, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐).
๑๕๐. อนิจฺจาทิวเสน ¶ ปวิจินตีติ อนิจฺจาทิปฺปกาเรหิ วิจินติ ปสฺสติ. นิรามิสาติ กิเลสามิสรหิตา. กายิกเจตสิกทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิยาติ กายจิตฺตานํ สาธุภาวูปคมเนน วิกฺขมฺภิตตฺตา. สหชาตธมฺมานํ เอกสภาเวน ปวตฺติยา สหชาตอชฺฌุเปกฺขนาย อชฺฌุเปกฺขิตา โหติ.
ตสฺมึ กาเย ปวตฺตา กายารมฺมณา สติ, ปุพฺพภาคิโย สติสมฺโพชฺฌงฺโค. เอส นโย เสเสสุปิ. โสมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทวเสน เจตํ โอกฺกมนํ โอลิยนํ โกสชฺชํ, ตโต อติวตฺตนํ อติธาวนํ อุทฺธจฺจํ, ตทุภยวิธุรา โพชฺฌงฺคุเปกฺขาภูตา อโนสกฺกนอนติวตฺตนสงฺขาตา มชฺฌตฺตาการตา. อิทานิ ยเถว หีติอาทินา ตเมว มชฺฌตฺตาการํ ¶ อุปมาย วิภาเวติ. ตุทนํ วา ปโตเทน. อากฑฺฒนํ วา รสฺมินา. นตฺถิ น กาตพฺพํ อตฺถิ. เอกจิตฺตกฺขณิกาติ เอเกกสฺมึ จิตฺเต วิปสฺสนาวเสน สห อุปฺปชฺชนกา. นานารสลกฺขณาติ นานากิจฺจา เจว นานาสภาวา จ.
๑๕๒. วุตฺตตฺถาเนว สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒๗) อานาปานารมฺมณา อปราปรํ ปวตฺตสติโย อารมฺมณสีเสน ตทารมฺมณา ธมฺมา คหิตา, ตา ปเนกสนฺตาเน โลกิยจิตฺตสมฺปยุตฺตาติ โลกิยา, ตา วฑฺฒมานา โลกิยํ จตุพฺพิธมฺปิ สติปฏฺานํ ปริปูเรนฺติ. วิชฺชาวิมุตฺติผลนิพฺพานนฺติ วิมุตฺตีนํ ผลภูตํ เตหิเยว เวทิตพฺพํ กิเลสนิพฺพานํ, อมตมหานิพฺพานเมว วิชฺชาวิมุตฺตีนํ อธิคเมน อธิคนฺตพฺพตาย ตถา วุตฺตํ. ปริปูรณฺจสฺส อารมฺมณํ กตฺวา อมตสฺสานุภวนเมว. อิธ สุตฺเต โลกิยาปิ โพชฺฌงฺคา กถิตา โลกุตฺตราปีติ เอตฺตกํ คเหตฺวา, ‘‘อิติ โลกิยสฺส อาคตฏฺาเน โลกิยํ กถิต’’นฺติ จ อตฺถวณฺณนาวเสน อฏฺกถายํ กถิตํ. เถโรติ มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถโร. อฺตฺถ เอวํ โหตีติ อฺสฺมึ โลกิยโลกุตฺตรธมฺมานํ ตตฺถ ตตฺถ โวมิสฺสกนเยน อาคตสุตฺเต เอวํ โลกิยํ อาคตํ, อิธ โลกุตฺตรํ อาคตนฺติ กเถตพฺพํ โหติ. โลกุตฺตรํ อุปริ อาคตนฺติ วิชฺชาวิมุตฺตึ ปริปูเรนฺตีติ เอวํ โลกุตฺตรํ อุปริ เทสนายํ อาคตํ; ตสฺมา โลกิยา เอว โพชฺฌงฺคา วิชฺชาวิมุตฺติ ปริปูริกา กเถตพฺพา ¶ โลกุตฺตรานํ โพชฺฌงฺคานํ วิชฺชาคหเณน คหิตตฺตา, ตสฺมา เถเรน วุตฺโตเยเวตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
อานาปานสฺสติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. กายคตาสติสุตฺตวณฺณนา
๑๕๓-๔. ตปฺปฏิสรณานํ ¶ กามาวจรสตฺตานํ ปฏิสรณฏฺเน เคหา กามคุณา, เคเห สิตา อารพฺภ ปวตฺติยา อลฺลีนาติ เคหสฺสิตา. สรนฺตีติ เวคสา ปวตฺตนฺติ. เวเคน หิ ปวตฺติ ธาวตีติ วุจฺจติ. สงฺกปฺปาติ เย เกจิ มิจฺฉาสงฺกปฺปา, พฺยาปาทวิหึสาสงฺกปฺปาทโยปิ กามคุณสิตา เอวาติ. โคจรชฺฌตฺตสฺมึเยวาติ ปริคฺคหิเต กมฺมฏฺาเน เอว วตฺตนฺติ. ตฺหิ ธมฺมวเสน อุปฏฺิตาย ภาวนาย โคจรภาวโต ‘‘โคจรชฺฌตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อสฺสาสปสฺสาสกาเย คตา ปวตฺตาติ กายคตา, ตํ กายคตาสตึ. สติสีเสน ตํสหคเต ภาวนาธมฺเม วทติ อสฺสาสปสฺสาสกายาทิเก ตํตํโกฏฺาเส สมถวตฺถุภาเวน ปริคฺคเหตฺวา สติยา ปริคฺคหิตตฺตา; ตถาปริคฺคหิเต วา เต อารพฺภ อนิจฺจาทิมนสิการวเสน ปวตฺตา กายารมฺมณา สตี สติภาเวน วตฺวา เอกชฺฌํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กายปริคฺคาหิก’’นฺติอาทิมาห.
สติปฏฺาเนติ มหาสติปฏฺานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๗๘; ม. นิ. ๑.๑๑๑), จุทฺทสวิเธน กายานุปสฺสนา กถิตา, จุณฺณกชาตานิ อฏฺิกานิ ปริโยสานํ กตฺวา กายานุปสฺสนา นิทฺทิฏฺา, อิธ ปน เกสาทีสุ วณฺณกสิณวเสน นิพฺพตฺติตานํ จตุนฺนํ ฌานานํ วเสน อุปริเทสนาย วฑฺฒิตตฺตา อฏฺารสวิเธน กายคตาสติภาวนา.
๑๕๖. ตสฺส ภิกฺขุโนติ โย กายคตาสติภาวนาย วสีภูโต, ตสฺส ภิกฺขุโน. สมฺปโยควเสน วิชฺชํ ภชนฺตีติ สหชาต-อฺมฺ-นิสฺสย-สมฺปยุตฺต-อตฺถิ-อวิคตปจฺจยวเสน วิชฺชํ ภชนฺติ, ตาย สห เอกีภาวมิว คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. วิชฺชาภาเค วิชฺชาโกฏฺาเส ¶ วตฺตนฺตีติ วิชฺชาสภาคตาย ตเทกเทเส วิชฺชาโกฏฺาเส วตฺตนฺติ. ตาหิ สมฺปยุตฺตธมฺมา ผสฺสาทโย. นนุ เจตฺถ วิชฺชานํ วิชฺชาภาคิยตา น สมฺภวตีติ? โน น สมฺภวติ. ยาย หิ วิชฺชาย วิชฺชาสมฺปยุตฺตานํ วิชฺชาภาคิยตา, สา ตํนิมิตฺตาย วิชฺชาย อุปจรียตีติ. เอกา วิชฺชา วิชฺชา, เสสา วิชฺชาภาคิยาติ อฏฺสุ วิชฺชาสุ เอกํ ‘‘วิชฺชา’’ติ คเหตฺวา อิตรา ตสฺสา ภาคตาย ‘‘วิชฺชาภาคิยา’’ติ เวทิตพฺพา. สทฺธึ ปวตฺตนสภาวาสุ อยเมว วิชฺชาติ วตฺตพฺพาติ นิยมสฺส อภาวโต วิชฺชาภาโค วิย วิชฺชาภาคิยาปิ ปวตฺตติ เอวาติ วตฺตพฺพํ. อาโปผรณนฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตภูเตน อาโปกสิเณน สพฺพโส มหาสมุทฺทผรณํ อาโปผรณํ นาม. ทิพฺพจกฺขุาณสฺส กิจฺจํ ผรณนฺติ กตฺวา, ทิพฺพจกฺขุอตฺถํ วา อาโลกผรณํ ¶ ทิพฺพจกฺขุผรณนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุภยสฺมิมฺปิ ปกฺเข สมุทฺทงฺคมานํ กุนฺนทีนํ สมุทฺทนฺโตคธตฺตา เตสํ เจตสา ผุฏตา เวทิตพฺพา. กุนฺนทิคฺคหณฺเจตฺถ กฺจิเมว กาลํ สนฺทิตฺวา ตาสํ อุทกสฺส สมุทฺทปริยาปนฺนภาวูปคมนตฺตา, น พหิ มหานทิโย วิย ปริตฺตกาลฏฺิติกาติ.
โอตารนฺติ กิเลสุปฺปตฺติยา อวสรํ, ตํ ปน วิวรํ ฉิทฺทนฺติ จ วุตฺตํ. อารมฺมณนฺติ กิเลสุปฺปตฺติยา โอลมฺพนํ. ยาว ปริโยสานาติ มตฺติกาปฺุชสฺส ยาว ปริโยสานา.
๑๕๘. อภิฺายาติ อิทฺธิวิธาทิอภิฺาย. สจฺฉิกาตพฺพสฺสาติ ปจฺจกฺขโต กาตพฺพสฺส อธิฏฺานวิกุพฺพนาทิธมฺมสฺส. อภิฺาว การณนฺติ อาห – ‘‘สจฺฉิกิริยาเปกฺขาย, อภิฺาการณสฺส ปน สิทฺธิยา ปากฏา’’ติ. มริยาทพทฺธาติ อุทกมาติกามุเข กตา.
ยุตฺตยานํ วิย กตาย อิจฺฉิติจฺฉิเต กาเล สุเขน ปจฺจเวกฺขิตพฺพตฺตา. ปติฏฺากตายาติ สมฺปตฺตีนํ ปติฏฺาภาวํ ปาปิตาย. อนุปฺปวตฺติตายาติ ภาวนาพหุลีกาเรหิ อนุปฺปวตฺติตาย. ปริจยกตายาติ อาเสวนทฬฺหตาย สุจิรํ ปริจยาย. สุสมฺปคฺคหิตายาติ สพฺพโส อุกฺกํสํ ปาปิตาย. สุสมารทฺธายาติ อติวิย สมฺมเทว นิพฺพตฺติกตาย. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
กายคตาสติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. สงฺขารุปปตฺติสุตฺตวณฺณนา
๑๖๐. สงฺขารุปปตฺตินฺติ ¶ ¶ วิปากกฺขนฺธสฺิตานํ สงฺขารานํ อุปฺปตฺตึ, นิพฺพตฺตินฺติ อตฺโถ. ยสฺมา อวธารณํ เอตสฺมึ ปเท อิจฺฉิตพฺพนฺติ, ‘‘สงฺขารานํเยว อุปปตฺติ’’นฺติ วตฺวา เตน นิวตฺติตํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘น สตฺตสฺสา’’ติ อาห. เตน สตฺโต ชีโว อุปฺปชฺชตีติ มิจฺฉาวาทํ ปฏิกฺขิปติ. เอวํ อุปฺปชฺชนกธมฺมวเสน อุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุปฺปตฺติชนกธมฺมวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ปฺุาภิสงฺขาเรน วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กาเมสุ ปฺุาภิสงฺขาเรนปิ อุปปตฺติ โหติ, สา ปน อิมสฺมึ สุตฺเต คหิตาติ. ปฺุาภิสงฺขาเรน วาติ วา-สทฺโท อวุตฺตตฺถาเปกฺขณวิกปฺปตฺโถ, อวุตฺตตฺถาเปกฺขาย ปน น อาคโต ‘‘อาเนฺชาภิสงฺขาเรนา’’ติ. อถ วา อุปปตฺติ อาคตา, เอวํ กิจฺจํ อาคตํ, อาเนฺชาภิสงฺขาโร ปเนตฺถ สรูเปน อนาคโตปิ ปฺุาภิสงฺขารคฺคหเณเนว คหิโตติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘ปฺุาเนฺชาภิสงฺขาเรนา’’ติ ปนฺติ. ภวูปคกฺขนฺธานนฺติ สุคติภวูปคานํ อุปาทานกฺขนฺธานํ.
๑๖๑. โลกิกา วฏฺฏนฺติ กมฺมวฏฺฏสฺส คหณโต. ภวูปปตฺติเหตุภูตา โอกปฺปนียสทฺธา จตุปาริสุทฺธิสีลํ ตาทิสํ พุทฺธวจนพาหุสจฺจํ อามิสปริจฺจาโค กมฺมสฺสกตาาณํ กมฺมผลทิฏฺิ จ อิเม สทฺธาทโย เวทิตพฺพา. เปตีติ ปณิทหนวเสน เปติ. ปณิทหตีติ หิ อยเมตฺถ อตฺโถ. ปติฏฺาเปตีติ ตตฺถ สุปฺปติฏฺิตํ กตฺวา เปติ. สหปตฺถนายาติ, ‘‘อโห วตาหํ…เป… อุปปชฺเชยฺย’’นฺติ เอวํ ปวตฺตปตฺถนาย สห. สทฺธาทโยวาติ ยถาวุตฺตา สทฺธาทโย เอว ปฺจ ธมฺมา อุปปตฺติยา สงฺขรณฏฺเน สงฺขารา, ตสฺมา เอว อฺเหิ วิสิฏฺภวูปหรณฏฺเน วิหารา นามาติ. ตสฺมึ าเนติ ตสฺมึ อุปปตฺติฏฺาเน.
ปฺจธมฺมาว ตํสมงฺคีปุคฺคโล อุปปตฺตึ มคฺคติ คเวสติ เอเตนาติ มคฺโค. ปฏิปชฺชติ เอตายาติ ปฏิปทา. เจตนา ปเนตฺถ สุทฺธสงฺขารตาย สทฺธาทิคฺคหเณเนว คหิตา, ตสฺมา อวธารณํ กตํ. อุปปตฺติปกปฺปนวเสเนว ปวตฺติยา ปตฺถนาคหเณเนว ตสฺสา คหณนฺติ เกจิ. จิตฺตกรยุตฺตคตินิพฺพตฺตนธมฺมวเสน อวธารณสฺส กตตฺตา. เจตนา หิ นาม กมฺมํ, ตสฺสา อุปปตฺตินิพฺพตฺตเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ตสฺสา ปน กิจฺจกรณา สทฺธาทโย ปตฺถนา จาติ อิเม ธมฺมา สหการิโน ภวูปปตฺติยา นิยามกา โหนฺตีติ ตตฺรูปปตฺติยา ปวตฺตนฺตีติ เตสํ มคฺคาทิภาโว วุตฺโต. เตนาห ¶ ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิ. เตน สทฺธา ปตฺถนา จาติ อุภเย ธมฺมา สหิตา ¶ หุตฺวา กมฺมํ วิเสเสนฺตา คตึ นิยเมนฺตีติ ทสฺเสติ, ปฏิสนฺธิคฺคหณํ อนิยตํ เกวลสฺส กมฺมสฺส วเสนาติ อธิปฺปาโย. กามฺเจตฺถ ‘‘กมฺมํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ, กมฺมายูหนโต ปน ปเคว ปตฺถนํ เปตุมฺปิ วฏฺฏติเยว. กมฺมํ กตฺวาติ เจตฺถ ‘‘ตาเปตฺวา ภฺุชติ, ภุตฺวา สยตี’’ติอาทีสุ วิย น กาลนิยโม, กมฺมํ กตฺวา ยทา กทาจิ ปตฺถนํ กาตุํ วฏฺฏตีติ จ อิทํ จาริตฺตทสฺสนํ วิย วุตฺตํ. ยถา หิ ภวปตฺถนา ยาว มคฺเคน น สมุจฺฉิชฺชติ, ตาว อนุปฺปนฺนาภินวกตูปจิตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจโย โหติเยว. ปุน ตถา วิเสสปจฺจโย, ยถา นิยเมตฺวา อุปฺปาทิตา. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยสฺส ปฺจ ธมฺมา อตฺถิ, น ปตฺถนา ตสฺส คติ อนิพทฺธา’’ติ.
๑๖๕. สพฺพโสวาติ ‘‘อิทํ กาฬกํ สามํ เสตํ หริตํ มณฺฑลํ อปริมณฺฑลํ จตุรํสํ ปริปุณฺณํ ขุทฺทกํ มหนฺต’’นฺติอาทินา สพฺพโสว ปากฏํ โหติ.
๑๖๗. สุนฺทโรติ กาฬกาทิโทสรหิตตาย โสภโน. อากรสมฺปนฺโน สมฺปนฺนอากรุปฺปตฺติยา. โธวนาทีหีติ โธวนตาปนมชฺชนาทีหิ.
๑๖๘. โลกธาตูนํ สตสหสฺสํ อตฺตโน วเส วตฺตนโต สตสหสฺโส. ตสฺส ปน ตตฺถ โอภาสกรณํ ปากฏนฺติ อาห ‘‘อาโลกผรณพฺรหฺมา’’ติ. อยเมว นโย เหฏฺา ‘‘สหสฺโส พฺรหฺมา’’ติอาทีสุปิ. นิกฺเขน กตนฺติ นิกฺขปริมาเณน ชมฺโพนเทน กตํ. นิกฺขํ ปน วีสติสุวณฺณนฺติ เกจิ. ปฺจวีสติสุวณฺณนฺติ อปเร. สุวณฺณํ นาม จตุธรณนฺติ วทนฺติ. ฆฏฺฏนมชฺชนกฺขมํ น โหติ ปริตฺตภาวโต. อติเรเกนาติ ปฺจสุวณฺณอติเรเกน นิกฺขปฺปมาณํ อสมฺปตฺเตน. วณฺณวนฺตํ ปน น โหติ อวิปุลตาย อุฬารํ หุตฺวา อนุปฏฺานโต. อวณฺณวนฺตตาย เอว ผรุสธาตุกํ ขายติ. ตาสูติ ตาสุ ภูมีสุ, ยตฺถ สาขา วฑฺฒิตฺวา ิตา. เตติ สุวณฺณงฺกุรา. ปจิตฺวาติ ตาเปตฺวา. สมฺปหฏฺนฺติ สมุชฺชลีกตนฺติ อาห – ‘‘โธตฆฏฺฏิตปมชฺชิต’’นฺติ, ตมฺพมตฺติกเลปํ กตฺวา โธตฺเจว ปาสาณาทินา ฆฏฺฏิตฺจ เอฬกโลมาทินา ปมชฺชิตฺจาติ อตฺโถ.
เอตเทวาติ ¶ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เอตฺถ อาโลกผรณเมว. อถ วา ยํ ทิพฺพจกฺขุผรณํ, อาโลกผรณมฺปิ เอตเทว. ยตฺตกฺหิ านํ โยคี กสิณาโลเกน ผรติ; ตตฺตกํ านํ ทิพฺพจกฺขุาณํ ผุสตีติ ทิพฺพจกฺขุผรเณ ทสฺสิเต อาโลกผรณํ ทสฺสิตเมวาติ อตฺโถ. สพฺพตฺถาติ สพฺพสฺมึ ‘‘ผริตฺวา’’ติ อาคตฏฺาเน. อวินาเสนฺเตนาติ อสมฺภินฺเนน.
กสิณผรณํ ¶ วิยาติ กสิโณภาเสน ผรณํ วิย ทิสฺสติ อุปฏฺาติ, มณิปภาผรณสฺส วิย พฺรหฺมโลเก ธาตุผรณสฺส ทสฺสิตตฺตาติ อธิปฺปาโย. สรีรปภา ปน นิกฺขปภาสทิสาติ, ‘‘นิกฺโขปมฺเม สรีรผรณํ วิย ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อฏฺกถา นาม นตฺถีติ ปาฬิปทสฺส อตฺถวณฺณนาย นาม นิจฺฉิตาย ภวิตพฺพํ, อวินิจฺฉิตาย ปน นตฺถิ วิยาติ อกถนํ นาม อฏฺกถาย อนาจิณฺณนฺติ ตสฺส วาทํ ปฏิกฺขิปิตฺวา. ยถา หิ วตฺตพฺพํ, ตถา อวตฺวา ‘‘วิยา’’ติ วจนํ กิมตฺถิยนฺติ อธิปฺปาโย. พุทฺธานํ พฺยามปฺปภา พฺยามปฺปเทเส สพฺพกาลํ อธิฏฺาติ วิย ตสฺส พฺรหฺมุโน สรีรผรณํ สรีราภาย ปตฺถรณํ สพฺพกาลิกํ. จตฺตาริมานิ อิตรานิ ผรณานิ อวินาเสตฺวา อฺมฺมภินฺทิตฺวา กเถตพฺพํ. ผรณปทสฺเสว เววจนํ ‘‘อธิมุจฺจเนเนว ผรณ’’นฺติ. ปตฺถรตีติ ยถาวุตฺตํ ผรณวเสน ปตฺถรติ. ชานาตีติ อธิมุจฺจนวเสน ชานาติ.
๑๖๙. อาทโยติ อาทิ-สทฺเทน สุเภ สงฺคณฺหาติ. อาภาติ ทุติยชฺฌานภูมิเก เทเว เอกชฺฌํ คเหตฺวา สาธารณโต วุตฺตํ. ตโต สุภาติ ตติยชฺฌานภูมิเก. เตนาห – ‘‘ปาฏิเยกฺกา เทวา นตฺถี’’ติอาทิ. สาธารณโต กตายปิ ปตฺถนาย ฌานงฺคํ ปริตฺตํ ภาวิตฺเจ, ปริตฺตาเภสุ อุปปตฺติ โหติ, มชฺฌิมฺเจ, อปฺปมาณาเภสุ, ปณีตฺเจ, อาภสฺสเรสุ อุปปตฺติ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. สุภาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สุวิฺเยฺโยติ อาห – ‘‘เวหปฺผลาทิวารา ปากฏาเยวา’’ติ.
กามาวจเรสุ นิพฺพตฺตตูติอาทินา สทฺธาทีนํ อชฺฌานวิปสฺสนานํ กถํ ตทธิฏฺานํ โหตีติ อาสงฺกติ. อิตโร สทฺธาทีนํ อชฺฌานสภาวตฺเตปิ ฌานวิปสฺสนานํ อธิฏฺานํ นิสฺสยปจฺจยาทิวเสน สปฺปจฺจยตฺตา พฺรหฺมโลกูปปตฺตึ นิพฺพานฺจ อาวหนฺตีติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อิเม ปฺจ ธมฺมา’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ สีลนฺติ สมฺภารสีลํ. อนาคามี สมุจฺฉินฺนโอรมฺภาคิยสํโยชโน สมาโน สเจ สพฺพโส อุปปตฺติโย อติกฺกมิตุํ น สกฺโกติ, อริยภูมีสุ เอว นิพฺพตฺตติ ยถูปจิตฌานกมฺมุนาติ อาห – ‘‘อนาคามิ…เป… นิพฺพตฺตตี’’ติ. อุปริมคฺคนฺติ อคฺคมคฺคํ ภาเวตฺวา. อาสวกฺขยนฺติ สพฺพโส อาสวานํ ขยํ ปหานํ ปาปุณาติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สงฺขารุปปตฺติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ อนุปทวคฺควณฺณนา.
๓. สฺุตวคฺโค
๑. จูฬสฺุตสุตฺตวณฺณนา
๑๗๖. กาลปริจฺเฉทํ ¶ ¶ กตฺวาติ สมาปชฺชนฺเตหิ นาม กาลปริจฺเฉโท กาตพฺโพ. เถโร ปน ภควโต วตฺตกรณตฺถํ กาลปริจฺเฉทํ กโรติ, ‘‘เอตฺตเก กาเล วีติวตฺเต อิทํ นาม ภควโต กาตพฺพ’’นฺติ. โส ตตฺถกํเยว สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา’’ติ. สฺุตาผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวาติ เอเตน อิตเร, ‘‘น โสตาปนฺนสกทาคามี ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺตี’’ติ วทนฺติ, ตํ วาทํ ปฏิเสเธติ. สฺุโตติ อตฺตสฺุโต จ นิจฺจสฺุโต จ สงฺขารา อุปฏฺหึสุ. เสกฺขานฺหิ สฺุตาปฏิเวโธ ปาเทสิโก สุภสุขสฺานํ อปฺปหีนตฺตา, ตสฺมา โส เถโร สฺุตากถํ โสตุกาโม ชาโต. ธุเรน ธุรํ ปหรนฺเตน วิยาติ รถธุเรน รถธุรํ ปหรนฺเตน วิย กตฺวา อุชุกเมว สฺุตา…เป… วตฺถุํ น สกฺกาติ โยชนา. เอกํ ปทนฺติ เอกํ สฺุตาปทํ.
ปุพฺเพปาหนฺติอาทินา ภควา ปมโพธิยมฺปิ อตฺตโน สฺุตาวิหารพาหุลฺลํ ปกาเสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปมโพธิยมฺปี’’ติ อาห. เอโกติอาทิ เถรสฺส สฺุตากถาย ภาชนภาวทสฺสนตฺถํ. โสตุนฺติ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โสตุมฺปิ. อุคฺคเหตุมฺปิติ ยถาภูตํ ธมฺมํ ธารณปริปุจฺฉาปริจยวเสน หทเยน อุคฺคหิตํ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย อวินฏฺเ กาตุมฺปิ. กเถตุมฺปีติ วิตฺถาเรน ปเรสํ ทสฺเสตุมฺปิ สกฺกา. ตตฺถาติ มิคารมาตุปาสาเท. กฏฺรูปโปตฺถกรูปจิตฺตรูปวเสน กตาติ ถมฺภาทีสุ อุตฺติริตฺวา กตานํ กฏฺรูปานํ, นิยฺยูหาทีสุ ปฏิมาวเสน รจิตานํ โปตฺถกรูปานํ, สิตฺติปสฺเส จิตฺตกมฺมวเสน วิรจิตานํ จิตฺตรูปานฺจ กตา นิฏฺปิตา. เวสฺสวณมนฺธาตาทีนนฺติ ปฏิมารูเปน กตานํ เวสฺสวณมนฺธาตุสกฺกาทีนํ. จิตฺตกมฺมวเสนาติ อารามาทิจิตฺตกมฺมวเสน. สณฺิตมฺปีติ อวยวภาเวน สณฺิตํ หุตฺวา ิตมฺปิ. ชิณฺณปฏิสงฺขรณตฺถนฺติ ชิณฺณานํ นิยฺยูหกูฏาคารปาสาทาวยวานํ อภิสงฺขรณตฺถาย ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ¶ รหสฺสสฺาเณน ปิตํ. ‘‘ปริภฺุชิสฺสามี’’ติ ตสฺมึ ¶ ตสฺมึ กิจฺเจ วินิยฺุชนวเสน ปริภฺุชิตพฺพสฺส. เอตํ วุตฺตนฺติ, ‘‘อยํ มิคารมาตุปาสาโท สฺุโ’’ติอาทิกํ วุตฺตํ.
นิจฺจนฺติ สพฺพกาลํ รตฺติฺจ ทิวา จ. เอกภาวํ เอกํ อสฺุตนฺติ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ, เอกตฺตํ เอโก อสฺุโตติ อตฺโถ. คาโมติ ปวตฺตนวเสนาติ เคหสนฺนิเวสวีถิจจฺจรสิงฺฆาฏกาทิเก อุปาทาย คาโมติ โลกุปฺปตฺติวเสน. กิเลสวเสนาติ ตตฺถ อนุนยปฏิฆวเสน. เอเสว นโยติ อิมินา ‘‘ปวตฺตวเสน วา กิเลสวเสน วา อุปฺปนฺนํ มนุสฺสสฺ’’นฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. เอตฺถ จ ยถา คามคฺคหเณน ฆราทิสฺา สงฺคหิตา, เอวํ มนุสฺสคฺคหเณน อิตฺถิปุริสาทิสฺา สงฺคหิตา. ยสฺมา รุกฺขาทิเก ปฏิจฺจ อรฺสฺา ตตฺถ ปพฺพตวนสณฺฑาทโย อนฺโตคธา, ตสฺมา ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ ตํ วิภาคํ อคฺคเหตฺวา เอกํ อรฺํเยว ปฏิจฺจ อรฺสฺํ มนสิ กโรติ. โอตรตีติ อนุปฺปวิสติ. อธิมุจฺจตีติ นิจฺฉิโนติ. ปวตฺตทรถาติ ตถารูปาย ปสฺสทฺธิยา อภาวโต โอฬาริกธมฺมปฺปวตฺติสิทฺธา ทรถา. กิเลสทรถาติ อนุนยปฏิฆสมฺภวา กิเลสทรถา. ทุติยปเทติ ‘‘เย อสฺสุ ทรถา มนุสฺสสฺํ ปฏิจฺจา’’ติ อิมสฺมึ ปเท. มนสิการสนฺตตาย, – ‘‘นายํ ปุพฺเพ วิย โอฬาริกา, ธมฺมปฺปวตฺตี’’ติ สงฺขารทสฺสนทรถานํ สุขุมตา สลฺลหุกตา จ จริตตฺถาติ อาห ‘‘ปวตฺตทรถมตฺตา อตฺถี’’ติ.
ยํ กิเลสทรถชาตํ, ตํ อิมิสฺสา ทรถสฺาย น โหตีติ โยชนา. ปวตฺตทรถมตฺตํ อวสิฏฺํ โหติ, วิชฺชมานเมว อตฺถิ อิทนฺติ ปชานาตีติ โยชนา. สฺุตา นิพฺพตฺตีติ สฺุตนฺติ ปวตฺติ. สฺุตา สหจริตฺหิ สฺุํ, อิธ สฺุตาติ วุตฺตา.
๑๗๗. อสฺสาติ ภควโต เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน จิตฺตปฺปวตฺติ อโหสิ. อจฺจนฺตสฺุตนฺติ ‘‘ปรมานุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ อรหตฺตํ เทเสสฺสามีติ. อรฺสฺาย วิเสสานธิคมนโตติ, ‘‘อรฺํ อรฺ’’นฺติ มนสิกาเรน ฌานาทิวิเสสสฺส อธิคมาภาวโต, ‘‘ปถวี’’ติ มนสิกาเรน วิเสสาธิคมนโต. อิทานิ ตเมวตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตติ เอวํ วปิเต สาลิอาทโย สมฺปชฺชนฺติ. ธุวเสวนนฺติ นิยตเสวนํ ปาริหาริยกมฺมฏฺานํ. ปฏิจฺจาติ เอตฺถ ‘‘สมฺภูต’’นฺติ วจนเสโส อิจฺฉิโตติ อาห ‘‘ปฏิจฺจ สมฺภูต’’นฺติ. ปถวึ ปฏิจฺจ สมฺภูตา หิ สฺาติ.
ปถวีกสิเณ ¶ โส ปถวีสฺี โหติ, น ปกติปถวิยํ. ตสฺสาติ ปถวีกสิณสฺส. เตหีติ ¶ คณฺฑาทีหิ. สุฏฺุ วิหตนฺติ ยถา วลีนํ เลโสปิ น โหติ, เอวํ สมฺมเทว อาโกฏิตํ. นทีตฬากาทีนํ ตีรปฺปเทโส อุทกสฺส อากรฏฺเน กูลํ, อุนฺนตภาวโต อุคฺคตํ กูลํ วิยาติ อุกฺกูลํ, ภูมิยา อุจฺจฏฺานํ. วิคตํ กูลนฺติ วิกฺกูลํ, นีจฏฺานํ. เตนาห ‘‘อุจฺจนีจ’’นฺติ. เอกํ สฺนฺติ เอกํ ปถวีติสฺํเยว.
๑๘๒. สติปิ สงฺขารนิมิตฺตวิรเห ยาทิสานํ นิมิตฺตานํ อภาเวน ‘‘อนิมิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, ตานิ ทสฺเสตุํ, ‘‘นิจฺจนิมิตฺตาทิวิรหิโต’’ติ วุตฺตํ. จตุมหาภูติกํ จตุมหาภูตนิสฺสิตํ. สฬายตนปฏิสํยุตฺตํ จกฺขายตนาทิสฬายตนสหิตํ.
๑๘๓. วิปสฺสนาย ปฏิวิปสฺสนนฺติ ธมฺมานฺจ ปุน วิปสฺสนํ. อิธาติ อตฺตโน ปจฺจกฺขภูตยถาธิคตมคฺคผลํ วทตีติ อาห – ‘‘อริยมคฺเค เจว อริยผเล จา’’ติ. อุปาทิเสสทรถทสฺสนตฺถนฺติ สพฺพโส กิเลสุปธิยา ปหีนาย ขนฺโธปธิ อวิสิฏฺา, ตปฺปจฺจยา ทรถา อุปาทิเสสทรถา, ตํ ทสฺสนตฺถํ. ยสฺมา วิสยโต คามสฺา โอฬาริกา, มนุสฺสสฺา สุขุมา, ตสฺมา มนุสฺสสฺาย คามสฺํ นิวตฺเตตฺวา. ยสฺมา ปน มนุสฺสสฺาปิ สภาควตฺถุปริคฺคหโต โอฬาริกา, สภาควตฺถุโต อรฺสฺา สุขุมา, ตสฺมา อรฺสฺาย มนุสฺสสฺํ นิวตฺเตตฺวา. ปถวีสฺาทินิวตฺตเน การณํ เหฏฺา สุตฺตนฺตเรสุ จ วุตฺตเมว. อนุปุพฺเพนาติ มคฺคปฺปฏิปาฏิยา. นิจฺจสาราทีนํ สพฺพโส อวตฺถุตาย อจฺจนฺตเมว สฺุตฺตา อจฺจนฺตสฺุตา.
๑๘๔. สฺุตผลสมาปตฺตินฺติ สฺุตวิโมกฺขสฺส ผลภูตตฺตา, สฺุตานุปสฺสนาย วเสน สมาปชฺชิตพฺพตฺตา จ สฺุตผลสมาปตฺตินฺติ ลทฺธนามํ อรหตฺตผลสมาปตฺตึ. ยสฺมา อตีเต ปจฺเจกสมฺพุทฺธา อเหสุํ, อนาคเต ภวิสฺสนฺติ, อิทานิ ปน พุทฺธสาสนสฺส ธรมานตฺตา ปจฺเจกพุทฺธา น วตฺตนฺติ, ตสฺมา ปจฺเจกพุทฺธคฺคหณํ อกตฺวา, ‘‘เอตรหิปิ พุทฺธพุทฺธสาวกสงฺขาตา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. น หิ พุทฺธสาสเน ธรนฺเต ปจฺเจกพุทฺธา ภวนฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬสฺุตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. มหาสฺุตสุตฺตวณฺณนา
๑๘๕. ฉวิวณฺเณน ¶ ¶ โส กาโฬ, น นาเมน. ปลาลสนฺถาโรติ อาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน โกจฺฉจิมิลิกากฏสาราทีนํ คหณํ. คณภิกฺขูนนฺติ คณพนฺธนวเสน ภิกฺขูนํ.
ยทิ สํสโย นาม นตฺถิ, ‘‘สมฺพหุลา นุ โข’’ติ อิทํ กถนฺติ อาห ‘‘วิตกฺกปุพฺพภาคา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิตกฺโก ปุพฺพภาโค เอติสฺสาติ วิตกฺกปุพฺพภาคา, ปุจฺฉา. สา ‘‘สมฺพหุลา โน เอตฺถ ภิกฺขูวิหรนฺตี’’ติ วจนํ, วิตกฺโก ปน ‘‘สมฺพหุลา นุ โข อิธ ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ อิมินา อากาเรน ตทา ภควโต อุปฺปนฺโน จิตฺตสงฺกปฺโป, ตสฺส ปริวิตกฺกสฺส ตพฺภาวโชตโนยํ นุ-กาโร วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘วิตกฺกปุพฺพภาเค จายํ นุ-กาโร นิปาตมตฺโต’’ติ. กิฺจาปิ คจฺฉนฺโต ทิสฺวา, ‘‘สมฺพหุลา โน เอตฺถ ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ ปุจฺฉาวเสน ภควตา วุตฺโต, อถ โข ‘‘น โข, อานนฺท, ภิกฺขุ โสภติ สงฺคณิการาโม’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๑๘๕) อุปริเทสนาวเสน มตฺถกํ คจฺฉนฺเต อวินิจฺฉิโต นาม น โหติ, อถ โข วิสุํ วินิจฺฉิโต เอว โหติ, ทิสฺวา นิจฺฉินิตฺวาว กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ตถา ปุจฺฉติ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺตี’’ติ (ปารา. ๑๖). เตนาห ‘‘อิโต กิรา’’ติอาทิ.
ยถา นทีโอติณฺณํ อุทกํ ยถานินฺนํ ปกฺขนฺทติ, เอวํ สตฺตา ธาตุโส สํสนฺทนฺติ, ตสฺมา ‘‘คณวาโส นทีโอติณฺณอุทกสทิโส’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ – ‘‘นิรยติรจฺฉานโยนี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุรุวินฺทาทินฺหานียจุณฺณานิ สณฺหสุขุมภาวโต นาฬิยํ ปกฺขิตฺตานิ นิรนฺตราเนว ติฏฺนฺตีติ อาห – ‘‘จุณฺณภริตา นาฬิ วิยา’’ติ. สตฺตปณฺณาส กุลสตสหสฺสานีติ สตฺตสตสหสฺสาธิกานิ ปฺาส กุลานํเยว สตสหสฺสานิ, มนุสฺสานํ ปน วเสน สตฺต โกฏิโย ตทา ตตฺถ วสึสุ.
ตโต จินฺเตสิ, กถํ? กามฺจายํ โลกปกติ, มยฺหํ ปน สาสเน อยุตฺโตว โสติ อาห – ‘‘มยา’’ติอาทิ. ธมฺมนฺติ สภาวสิทฺธํ. สํเวโคติ สโหตฺตปฺปาณํ วุจฺจติ. น โข ปเนตํ สกฺกา คิลานุปฏฺานโอวาทานุสาสนิอาทิวเสน สมาคมสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา. คณเภทนนฺติ คณสงฺคณิกาย วิเวจนํ.
๑๘๖. กตปริภณฺฑนฺติ ¶ ¶ ปุพฺเพ กตสํวิธานสฺส จีวรสฺส วุตฺตากาเรน ปฏิสงฺขรณํ. โนติ อมฺหากํ. อนตฺตมโนติ อนาราธิตจิตฺโต.
สกคเณน สหภาวโต สงฺคณิกาติ อาห ‘‘สกปริสสโมธาน’’นฺติ. คโณติ ปน อิธ ชนสมูโหติ วุตฺตํ ‘‘นานาชนสโมธาน’’นฺติ. โสภติ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมานโต. กามโต นิกฺขมตีติ นิกฺขโม, เอวํ นิกฺขมวเสน อุปฺปนฺนํ สุขํ. คณสงฺคณิกากิเลสสงฺคณิกาหิ ปวิวิตฺติ ปวิเวโก. ปวิเวกวเสน อุปฺปนฺนํ สุขํ. ราคาทีนํ อุปสมาวหํ สุขํ อุปสมสุขํ. มคฺคสมฺโพธาวหํ สุขํ สมฺโพธิสุขํ. นิกาเมตพฺพสฺส, นิกามํ วา ลาภี นิกามลาภี. นิทุกฺขํ สุเขเนว ลภตีติ อทุกฺขลาภี. กสิรํ วุจฺจติ อปฺปกนฺติ อาห – ‘‘อกสิรลาภีติ วิปุลลาภี’’ติ.
สามายิกนฺติ สมเย กิเลสวิมุจฺจนํ อจฺจนฺตเมวาติ สามายิกํ ม-กาเร อ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา. เตนาห – ‘‘อปฺปิตปฺปิตสมเย กิเลเสหิ วิมุตฺต’’นฺติ. กนฺตนฺติ องฺคสนฺตตาย อารมฺมณสนฺตตาย จ กมนียํ มโนรมฺมํ. อสามายิกํ อจฺจนฺตวิมุตฺตํ.
เอตฺตาวตาติอาทินา สงฺคณิการามสฺส วิเสสาธิคมสฺส อนฺตรายิกภาวํ อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ สห นิทสฺสเนน ทสฺเสติ. ตตฺถ สา ทุวิธา อนฺตรายิกตา โวทานธมฺมานํ อนุปฺปตฺติเหตุกา, สํกิเลสธมฺมานํ อุปฺปตฺติเหตุกา จ.
เต ปมํ ‘‘สงฺคณิการาโม’’ติอาทินา วิภาเวตฺวา อิตรํ วิภาเวตุํ, ‘‘อิทานิ โทสุปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อฏฺิฺจ ปฏิจฺจ นฺหารฺุจ ปฏิจฺจ จมฺมฺจ ปฏิจฺจ มํสฺจ ปฏิจฺจ อากาโส ปริวาริโต รูปนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๖) วิย อิธ รูปสทฺโท กรชกายปริยาโยติ ‘‘รูปนฺติ สรีร’’นฺติ อาห. ‘‘นาหํ, อานนฺท…เป… โทมนสฺสุปายาสา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขจิตฺตานํ อารทฺธวิปสฺสกานมฺปิ อสปฺปายวชฺชนสปฺปายเสวนวเสน กายสฺส ปริหรณํ โหตีติ? สจฺจํ, ตํ ปน โย กลฺลสรีรํ นิสฺสาย ธมฺมสาธนาย อนุยฺุชิตุกาโม โหติ, ตสฺเสว ธมฺมสาธนตาวเสน. ธมฺมสาธนภาวฺหิ อเปกฺขิตฺวา อสปฺปายํ วชฺเชตฺวา สปฺปายวเสน โปเสตฺวา สุฏฺุตรํ หุตฺวา ¶ อนุยฺุชนโต กายสฺส ปริหรณํ, น โส กาเย อภิรโต นาม โหติ ปจฺจเวกฺขณายตฺตตฺตา อเปกฺขาย วิโนทิตพฺโพ ตาทิโสติ. อุปาลิคหปติโนติ เอตฺถาปิ ‘‘ทสพลสาวกตฺตุปคมนสงฺขาเตนา’’ติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ.
๑๘๗. มหากรุณาวเสน ¶ ปริวุตาย ปริสาย มชฺเฌ นิสินฺโนปิ เอกนฺตวิเวกชฺฌาสยตฺตา เอกโกว. เอเตน สตฺถุโน ปวิวิตฺตสฺส ปวิเวกตฺเตน วิวิตฺตตํ ทสฺเสติ. รูปารูปปฏิภาคนิมิตฺเตหิ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘รูปาทีนํ สงฺขตนิมิตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ. อติวิย สนฺตตรปณีตตมภาเวน วิเสสโต สิโนติ พนฺธตีติ วิสโย, โส เอว สสนฺตติปริยาปนฺนตาย อชฺฌตฺตํ. กึ ปน ตนฺติ อาห – ‘‘สฺุตนฺติ สฺุตผลสมาปตฺติ’’นฺติ. อุปธิวิเวกตาย อสงฺขตา ธาตุ อิธ วิเวโกติ อธิปฺเปโตติ อาห – ‘‘วิเวกนินฺเนนา’’ติอาทิ. ภงฺคมตฺตมฺปิ อเสเสตฺวา อาสวฏฺานิยานฺจ ธมฺมานํ ตตฺถ วิคตตฺตา เตสํ วเสน วิคตนฺเตน, เอวํภูตํ เตสํ พฺยนฺติภาวํ ปตฺตนฺติ ปาฬิยํ ‘‘พฺยนฺติภูเตนา’’ติ วุตฺตํ. อุยฺโยชนํ วิสฺสชฺชนํ, ตํ เอตสฺส อตฺถิ, อุยฺโยเชติ วิสฺสชฺเชตีติ วา อุยฺโยชนิกํ. ยสฺมา น สพฺพกถา อุยฺโยชนวเสเนว ปวตฺตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุยฺโยชนิกปฏิสํยุตฺต’’นฺติ.
เตลปากํ คณฺหนฺโต วิยาติ ยถา เตลปาโก นาม ปริจฺฉินฺนกาโล น อติกฺกมิตพฺโพ, เอวํ อตฺตโน สมาปตฺติกาลํ อนติกฺกมิตฺวา. ยถา หิ กุสโล เวชฺโช เตลํ ปจนฺโต ตํ ตํ เตลกิจฺจํ จินฺเตตฺวา ยทิ วา ปตฺถินฺนปาโก, ยทิ วา มชฺฌิมปาโก, ยทิ วา ขรปาโก อิจฺฉิตพฺโพ, ตสฺส กาลํ อุปธาเรตฺวา ปจติ, เอวํ ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต เวเนยฺยานํ าณปริปากํ อุปธาเรตฺวา ตํ ตํ กาลํ อนติกฺกมิตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา ปริสํ อุยฺโยเชนฺโต จ วิเวกนินฺเนเนว จิตฺเตน อุยฺโยเชติ. ทฺเว ปฺจวิฺาณานิปิ ตทภินีหตมโนวิฺาณวเสน นิพฺพานนินฺนาเนว. พุทฺธานฺหิ สงฺขารานํ สุฏฺุ ปริฺาตตาย ปณีตานมฺปิ รูปาทีนํ อาปาถคมเน ปเคว อิตเรสํ ปฏิกูลตาว สุปากฏา หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตสฺมา ฆมฺมาภิตตฺตสฺส วิย สีตชลฏฺานนินฺนตา นิพฺพานนินฺนเมว จิตฺตํ โหติ, ตสฺส อติวิย สนฺตปณีตภาวโต.
๑๘๘. อชฺฌตฺตเมวาติ ¶ อิธ ฌานารมฺมณํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘โคจรชฺฌตฺตเมวา’’ติ. อิธ นิยกชฺฌตฺตํ สฺุตํ. อปคุณปาทกชฺฌานฺหิ เอตฺถ ‘‘นิยกชฺฌตฺต’’นฺติ อธิปฺเปตํ วิปสฺสนาวิเสสสฺส อธิปฺเปตตฺตา, นิยกชฺฌตฺตํ นิชฺชีวนิสฺสตฺตตํ, อนตฺตตนฺติ อตฺโถ. อสมฺปชฺชนภาวชานเนนาติ อิทานิ เม กมฺมฏฺานํ วีถิปฏิปนฺนํ น โหติ, อุปฺปถเมว ปวตฺตตีติ ชานเนน.
กสฺมา ปเนตฺถ ภควตา วิปสฺสนาย เอว ปาทเก ฌาเน อวตฺวา ปาทกชฺฌานํ คหิตนฺติ อาห – ‘‘อปฺปคุณปาทกชฺฌานโต’’ติอาทิ. น ปกฺขนฺทติ สมฺมา น สมาหิตตฺตา. โส ปน ‘‘อชฺฌตฺตธมฺมา ¶ มยฺหํ นิชฺชฏา นิคุมฺพา หุตฺวา น อุปฏฺหนฺติ, หนฺทาหํ พหิทฺธาธมฺเม มนสิ กเรยฺยํ เอกจฺเจสุ สงฺขาเรสุ อุปฏฺิเตสุ อิตเรปิ อุปฏฺเหยฺยุเมวา’’ติ ปรสฺส…เป… มนสิ กโรติ. ปาทกชฺฌานวเสน วิย สมฺมสิตชฺฌานวเสนปิ อุภโตภาควิมุตฺโต โหติเยวาติ อาห – ‘‘อรูปสมาปตฺติยํ นุ โข กถนฺติ อาเนฺชํ มนสิ กโรตี’’ติ. น เม จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ มยฺหํ วิปสฺสนาจิตฺตํ วีถิปฏิปนฺนํ หุตฺวา น วหตีติ. ปาทกชฺฌานเมวาติ วิปสฺสนาย ปาทกภูตเมว ฌานํ. ปุนปฺปุนํ มนสิ กาตพฺพนฺติ ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชิตพฺพํ วิปสฺสนาย ติกฺขวิสทตาปาทนาย. อวหนฺเต นิปุณาภาเวน เฉทนกิริยาย อปฺปวตฺตนฺเต. สมาปชฺชิตฺวา วิปสฺสนาย ติกฺขกมฺมกรณํ สมถวิปสฺสนาวิหาเรนาติ อาห – ‘‘กมฺมฏฺาเน มนสิกาโร วหตี’’ติ.
๑๘๙. สมฺปชฺชติ เมติ วีถิปฏิปตฺติยา ปุพฺเพนาปรํ วิเสสาภาวโต สมฺปชฺชติ เม กมฺมฏฺานนฺติ ชานเนน. อิริยาปถํ อหาเปตฺวาติ ยถา ปริสฺสโม นาคจฺฉติ, เอวํ อตฺตโน พลานุรูปํ ตสฺส กาลํ เนตฺวา ปมาณเมว ปวตฺตเนน อิริยาปถํ อโหเปตฺวา. สพฺพวาเรสูติ านนิสชฺชาสยนวาเรสุ. กถาวาเรสุ ปน วิเสสํ ตตฺถ ตตฺถ วทนฺติ. อิทํ วุตฺตนฺติ อิทํ, ‘‘อิมินา วิหาเรนา’’ติอาทิวจนํ วุตฺตํ.
๑๙๐. กามวิตกฺกาทโย โอฬาริกกามราคพฺยาปาทสภาคาติ อาห – ‘‘วิตกฺกปหาเนน ทฺเว มคฺเค กเถตฺวา’’ติ. กามคุเณสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. กิสฺมิฺจิเทว กิเลสุปฺปตฺติการเณติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส กิเลสุปฺปตฺติการณํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺถา สพฺเพปิ ปฺจ กามคุณา กิเลสุปฺปตฺติการณเมว. สมุทาจรตีติ สมุทาจาโรติ อาห ‘‘สมุทาจรณโต’’ติ. โส ปน ยสฺมา จิตฺตสฺส, น สตฺตสฺส, ตสฺมา วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘เจตโส’’ติ. ม-กาโร ปทสนฺธิกโร เอ-การสฺส จ อกาโร กโตติ อาห ‘‘เอวํ สนฺเต เอตนฺติ.
๑๙๑. อนุสโยติ มานานุสโย ภวราคานุสโย อวิชฺชานุสโยติ ติวิโธปิ อนุสโย ปหียติ อรหตฺตมคฺเคน. วุตฺตนเยเนวาติ, ‘‘ตโต มคฺคานนฺตรํ ผลํ, ผลโต วุฏฺาย ปจฺจเวกฺขมาโน ปหีนภาวํ ชานาติ, ตสฺส ชานเนน สมฺปชาโน โหตี’’ติ วุตฺตนเยน.
กุสลโต อายาตีติ อายโต, โส เอเตสนฺติ กุสลายติกา. เตนาห ‘‘กุสลโต อาคตา’’ติ. ตํ ปน เนสํ กุสลายติกตฺตํ อุปนิสฺสยวเสน โหติ สหชาตวเสนปีติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ, ‘‘เสยฺยถิท’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
ยสฺมา ¶ ปน ยถาวุตฺตธมฺเมสุ เกจิ โลกิยา, เกจิ โลกุตฺตรา; อถ กสฺมา วิเสเสน ‘‘โลกุตฺตรา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘โลเก อุตฺตรา วิสิฏฺา’’ติ. เตน โลกิยธมฺเมสุ อุตฺตมภาเวน ฌานาทโย โลกุตฺตรา วุตฺตา, น โลกสฺส อุตฺตรณโตติ ทสฺเสติ. ยํ กิฺจิ มหคฺคตจิตฺตํ มารสฺส อวิสโย อกามาวจรตฺตา, ปเคว ตํ วิปสฺสนาย ปาทกภูตํ สุวิกฺขาลิตมลนฺติ อาห – ‘‘ชานิตุํ น สกฺโกตี’’ติ. เอโก อานิสํโส อตฺถิ ภาวนานุโยคสฺส สปฺปายธมฺมกถาปฏิลาโภ.
๑๙๒. เอตทตฺถนฺติ เกวลสฺส สุตสฺส อตฺถาย. สปฺปายาสปฺปายวเสนาติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ สปฺปายวเสน ทสกถาวตฺถูนิ อาคตานีติ? สจฺจเมตํ, อสปฺปายกถาวชฺชนปุพฺพิกาย สปฺปาย กถาย วเสน อาคตตฺตา ‘‘สปฺปายาสปฺปายวเสน อาคตานี’’ติ วุตฺตํ. สุตปริยตฺติวเสนาติ สรูเปน ตตฺถ อนาคตานิปิ ทสกถาวตฺถูนิ สุตฺตเคยฺยาทิอนฺโตคธตฺตา, ‘‘สุตปริยตฺติวเสน อาคตานี’’ติ วุตฺตํ. ปริปูรณวเสน สรูปโต อาคตตฺตา อิมสฺมึ าเน ตฺวา กเถตพฺพานิ. อตฺโถติ สามฺตฺโถ.
๑๙๓. อนุอาวตฺตนฺตีติ ¶ อนุอนุ อภิมุขา หุตฺวา วตฺตนฺติ, ปยิรุปาสนาทิวเสน อนุกูลยนฺติ. มุจฺฉนตณฺหนฺติ ปจฺจเยสุ มุจฺฉนาการํ. ตณฺหาย ปตฺถนา นาม เตนากาเรน ปวตฺตีติ อาห – ‘‘ปตฺเถติ ปวตฺเตตี’’ติ. กิเลสูปทฺทเวนาติ กิเลสสงฺขาเตน อุปทฺทเวน. กิเลสา หิ สตฺตานํ มหานตฺถกรณโต ‘‘อุปทฺทโว’’ติ วุจฺจนฺติ. อตฺตโน อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺเนน กิเลสูปทฺทเวน อนฺเตวาสิโน, อุปทฺทโว อนฺเตวาสูปทฺทโว, พฺรหฺมจริยสฺส อุปทฺทโว พฺรหฺมจารุปทฺทโวติ อิมมตฺถํ ‘‘เสสุปทฺทเวสุปิ เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติ. คุณมรณํ กถิตํ, น ชีวิตมรณํ.
อปฺปลาภาติ อปฺปมตฺตกลาภี วิเสสานํ. เอวํ วุตฺโตติ ยถาวุตฺตพฺรหฺมจารุปทฺทโว ทุกฺขวิปากตโร เจว กฏุกวิปากตโร จาติ เอวํ วุตฺโต. อาจริยนฺเตวาสิกูปทฺทโว หิ พาหิรกสมยวเสน วุตฺโต, พฺรหฺมจารุปทฺทโว ปน สาสนวเสน. ทุรกฺขาเต หิ ธมฺมวินเย ทุปฺปฏิปตฺติ น มหาสาวชฺชา มิจฺฉาภินิเวสสฺส สิถิลวายามภาวโต; สฺวาขฺยาเต ปน ธมฺมวินเย ทุปฺปฏิปตฺติ มหาสาวชฺชา มหโต อตฺถสฺส พาหิรภาวกรณโต. เตนาห ‘‘สาสเน ปนา’’ติอาทิ.
๑๙๖. ตสฺมาติ อิทํ ปุพฺพปราเปกฺขํ ปุริมสฺส จ อตฺถสฺส การณภาเวน ปจฺจามสนนฺติ อาห ¶ ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. มิตฺตํ เอตสฺส อตฺถีติ มิตฺตวา, ตสฺส ภาโว มิตฺตวตา, ตาย. มิตฺตวเสน ปฏิปชฺชนนฺติ อาห ‘‘มิตฺตปฏิปตฺติยา’’ติ. สปตฺตวตายาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
ทุกฺกฏทุพฺภาสิตมตฺตมฺปีติ อิมินา ปเคว อิตรํ วีติกฺกมนฺโตติ ทสฺเสติ. สาวเกสุ หิตปรกฺกมนํ โอวาทานุสาสนีหิ ปฏิปชฺชนนฺติ อาห – ‘‘ตถา น ปฏิปชฺชิสฺสามี’’ติ. อามกมตฺตนฺติ กุลาลภาชนํ วุจฺจติ. นาหํ ตุมฺเหสุ ตถา ปฏิปชฺชิสฺสามีติ กุมฺภกาโร วิย อามกภาชเนสุ อหํ ตุมฺเหสุ เกวลํ ชานาเปนฺโต น ปฏิปชฺชิสฺสามิ. นิคฺคณฺหิตฺวาติ นีหริตฺวา. โลกิยคุณาปิ อิธ สาโรตฺเวว อธิปฺเปตา โลกุตฺตรคุณานํ อธิฏฺานภาวโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหาสฺุตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. อจฺฉริยพฺภุตสุตฺตวณฺณนา
๑๙๗. วิภตฺติปติรูปกา ¶ ¶ จ นิปาตา โหนฺตีติ ยถารหํ ตํตํวิภตฺติอตฺถทีปกา, อิธ ปจฺจตฺตวจโน ยตฺรสทฺโท, หิสทฺโท เหตุอตฺโถ, นามสทฺโท อจฺฉริยตฺโถ, ปทตฺตยสฺส ปน อจฺฉริยตฺถนิทฺทิฏฺตาย ‘‘อจฺฉริยตฺเถ นิปาโต’’ติ วุตฺตํ. เอกํสโต ปเนตํ ปทตฺตยํ. ตถา หิ วกฺขติ, ‘‘ยตฺราติ นิปาตวเสน อนาคตวจน’’นฺติ. ปปฺจสทฺโท เหฏฺา วุตฺโต. ฉินฺนวฏุเมติ อิมินา สพฺพกิเลสวฏฺฏสฺส อกุสลกมฺมวฏฺฏสฺส จ ฉินฺนตฺตา วิปากวฏฺฏสฺส จ อุปริ วกฺขมานตฺตา อาห – ‘‘วฏุมนฺติ กุสลากุสลกมฺมวฏฺฏํ วุจฺจตี’’ติ. นิปาตวเสน ยตฺรสทฺทโยเคน. อนาคตวจนนฺติ อิทํ อนาคตวจนสทิสตฺตา วุตฺตํ. อนาคตตฺถวาจี หิ อนาคตวจนํ, อตฺโถ เจตฺถ อตีโตติ. อนุสฺสรีติ อิทํ อนุสฺสริตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘น อนุสฺสริสฺสตี’’ติ สทฺทปโยคสฺส อตีตวิสยตฺตา. ยทา ปน เตหิ ภิกฺขูหิ ยา กถา ปวตฺติตา, ตโต ปจฺฉาปิ ภควโต เตสํ พุทฺธานํ อนุสฺสรณํ โหติเยว.
ขตฺติยชจฺจาติอาทิกาลโต ปฏฺาย อสมฺภินฺนาย ขตฺติยชาติยา อุทิโตทิตาย. พฺรหฺมชจฺจาติ พฺราหฺมณชจฺจา. เอวํโคตฺเตปิ เอเสว นโย. โลกิยโลกุตฺตรสีเลนาติ ปารมิตาสมฺภูเตน พุทฺธาเวณิกตฺตา อนฺสาธารเณน โลกิเยน โลกุตฺตเรน จ สีเลน. เอวํสีลาติ อนวเสสสีลานํ วิสุํ ปจฺจเวกฺขณกรเณน เอวํสีลาติ อนุสฺสริสฺสติ. เอส นโย เสเสสุ. ยถา วิชฺชาภาคิยา วิชฺชาสมฺปยุตฺตธมฺมา, เอวํ สมาธิปกฺขา สมาธิสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ สติวีริยาทโยติ อาห – ‘‘เหฏฺา สมาธิปกฺขานํ ธมฺมานํ คหิตตฺตา วิหาโร คหิโตวา’’ติ. ตสฺมา สมาธิปกฺขธมฺมวินิมุตฺโต เอว อิธ วิหาโร อธิปฺเปโตติ วุตฺตํ ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิ.
ยถา วา อฏฺสมาปตฺติวิปสฺสนามคฺคผลสงฺคหิตา โลกิยโลกุตฺตรา สมาธิปฺา ‘‘เอวํธมฺมา เอวํปฺา’’ติ ปเทหิ เหฏฺา คหิตาปิ ยถาสกํ ปฏิปกฺขโต มุจฺจนสฺส ปวตฺติวิเสสํ อุปาทาย ‘‘เอวํวิมุตฺตา’’ติ เอตฺถ ปุน คหิตา, ตถา ‘‘เอวํธมฺมา’’ติ เอตฺถ คหิตาปิ สมาธิปกฺขธมฺมา ทิพฺพพฺรหฺมอาเนฺชอริยวิหารสงฺขาตํ อตฺตโน ปวตฺติวิเสสํ อุปาทาย, ‘‘เอวํวิหารี’’ติ เอตฺถ ปุน คหิตาติ วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธ. ผลธมฺมานํ ปวตฺติกาเลปิ ¶ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ น ตํอานุภาวชาตา, อถ โข อริยมคฺเคน กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตาติ ¶ อาห – ‘‘มคฺคานุภาเวน กิเลสานํ ปฏิปสฺสทฺธนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ. โย ยํ ปชหติ, โส ปหายโก ปหาตพฺพโต วิมุตฺโตติ วุจฺจติ วิสํสฏฺภาวโตติ ปหานวิภาเคน วุจฺจมาเน อปหายกสฺส นิพฺพานสฺส กถํ วิมุตฺตตา? วิสํสฏฺาภาวโต เอว. ตฺหิ ปกติยาว สพฺพโส กิเลเสหิ วิสํสฏฺํ วินิสฺสฏํ สุวิทูรวิทูเร ิตํ, ตสฺมาสฺส ตโต นิสฺสฏตฺตา นิสฺสรณวิมุตฺติ นิสฺสรณปหานนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘นิพฺพาน’’นฺติอาทิ.
๑๙๙. อิเม ตถาคตสฺส อจฺฉริยอพฺภุตธมฺมา, น สาวกวิสยา, มม ปน เทสนา ตยา สุตา เอวาติ เต เถรสฺเสว ภารํ กโรนฺโต, ‘‘ตํ ภิยฺโยโสมตฺตาย ปฏิภนฺตู’’ติ อาห. สโต สมฺปชาโนติ เอตฺถ กาลเภทวเสน ลพฺภมานมฺปิ สมฺปชานภาวํ อนามสิตฺวา คติวิภาเคน ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ทฺเว สมฺปชฺานี’’ติอาทิ วุตฺตํ – อฏฺ วเร คณฺหนฺโตติ เอตฺถ กถํ วรํ เทวตา เทติ, ปรสฺส ทียมานฺจ ตํ กถํ ปรสฺส สมิชฺฌตีติ? กมฺมพเลเนว. ยทิ หิ ตํ กมฺมํ กโตกาสํ ยสฺส ตทปเทเสน ผลํ วิปจฺจติ, เอวํ เทวตาย ตสฺส วรํ ทินฺนํ, อิตเรน จ ลทฺธนฺติ โวหาโร โหตีติ. อปิจ ปรสฺส ปตฺถิตวรานิ นาม วิปจฺจมานสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยภูโต ปโยควิเสโสติ ทฏฺพฺพํ. ตานิ วิปจฺจเน เอกนฺติกานิปิ อปฺเปสกฺขา เทวตา – ‘‘อยมสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสติ, โน’’ติ น ชานนฺติ, สกฺโก ปน ปฺวา ตานิ เอกจฺจํ ชานาติเยว. เตน วุตฺตํ – ‘‘สกฺเกน ปสีทิตฺวา ทินฺเน อฏฺ วเร คณฺหนฺโต’’ติอาทิ.
ปมชวนวาเรติ อุปฺปนฺนสฺส สพฺพปมชวนวาเร. โส หิ ปฏิสนฺธิยา อาสนฺนภาวโต อวิสโท โหติ, เทวภาเว นิกนฺติวเสน อุปฺปชฺชนโต น ชานาติ. อฺาหิ เทวตาหิ อสาธารณชานนํ โหติ ทุติยชวนวารโต ปฏฺาย ปวตฺตนโต.
อฺเปิ เทวาติอาทินา โพธิสตฺตสฺส ตตฺถ สมฺปชฺเเนว ิตภาวํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวติ. อาหารูปจฺเฉเทน กาลงฺกโรนฺตีติ อิทํ ขิฑฺฑาปโทสิกวเสน วุตฺตํ. อิตเรสมฺปิ ทิพฺพโภเคหิ มุจฺฉิตตํ อชฺฌาปนฺนานํ ติฏฺนฺตานํ สมฺปชฺาภาโว โหติเยว. กึ ตถารูปํ อารมฺมณํ ¶ นตฺถีติ ยถารูปํ อุฬารํ ปณีตฺจ อารมฺมณํ ปฏิจฺจ เต เทวา สํมุจฺฉิตา อาหารูปจฺเฉทมฺปิ กโรนฺติ, กึ ตถารูปํ อุฬารํ ปณีตฺจ อารมฺมณํ โพธิสตฺตสฺส นตฺถีติ โพธิสตฺตสฺส สมฺปชฺานุภาวํ วิภาเวตุํ โจทนํ สมุฏฺาเปติ? โพธิสตฺโต หิ ยตฺถ ยตฺถ นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ ตตฺถ อฺเ สตฺเต ทสหิ วิเสเสหิ อธิคฺคณฺหาติ, ปเคว ตตฺถ เทวภูโต, ตถาปิ ‘‘สโต สมฺปชาโน’’ติ อยเมตฺถ อจฺฉริยธมฺโม วุตฺโต.
๒๐๐. สมฺปตฺติภเว ¶ ทีฆายุกตา นาม ปฺาพเลน โหติ, โพธิสตฺโต จ มหาปฺโ, ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ ภเว เตน ทีฆายุเกน ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน, ‘‘เสสตฺตภาเวสุ กึ ยาวตายุกํ น ติฏฺตี’’ติ โจเทติ. อิตโร ‘‘อาม น ติฏฺตี’’ติ ปฏิชานิตฺวา, ‘‘อฺทา หี’’ติอาทินา ตตฺถ การณมาห. ‘‘อิธ น ภวิสฺสามี’’ติ อธิมุจฺจนวเสน กาลกิริยา อธิมุตฺติกาลกิริยา. ปารมิธมฺมานฺหิ อุกฺกํสปฺปตฺติยา ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺตภาเว อภิฺาสมาปตฺตีหิ สนฺตานสฺส วิเสสิตตฺตา อตฺตสิเนหสฺส ตนุภาเวน สตฺเตสุ จ มหากรุณาย อุฬารภาเวน อธิฏฺานสฺส ติกฺขวิสทภาวาปตฺติยา โพธิสตฺตานํ อธิปฺปายา สมิชฺฌนฺติ, จิตฺเต วิย กมฺเมสุ จ เตสํ วสิภาโว, ตสฺมา ยตฺถุปปนฺนานํ ปารมิโย สมฺมเทว ปริพฺรูเหนฺติ, วุตฺตนเยน กาลํ กตฺวา ตตฺถ อุปปชฺชนฺติ. ตถา หิ อยํ มหาสตฺโต อิมสฺมึเยว กปฺเป นานาชาตีสุ อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต อปฺปกเมว กาลํ ตตฺถ ตฺวา ตโต จวิตฺวา อิธ นิพฺพตฺโต. เตนาห – ‘‘อยํ กาลกิริยา อฺเสํ น โหตี’’ติ. สพฺพปารมีนํ ปูริตตฺตาติ อิมินา ปโยชนาภาวโต ตตฺถ ตฺวา อธิมุตฺติกาลกิริยา นาม น โหตีติ ทสฺเสติ. อปิจ จริมภเว จตุมหานิธิสมุฏฺานปุพฺพิกาย ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสาย มหาสมฺปตฺติยา นิพฺพตฺติ วิย พุทฺธภูตสฺส อสทิสทานาทิวเสน อนฺสาธารณลาภุปฺปตฺติ วิย จ อิโต ปรํ มหาปุริสสฺส ทิพฺพสมฺปตฺติอนุภวนํ นาม นตฺถีติ ยาวตายุกฏฺานํ อุสฺสาหชาตสฺส ปฺุสมฺภารสฺส วเสนาติ ทฏฺพฺพํ. อยฺเหตฺถ ธมฺมตา.
มนุสฺสคณนาวเสน, น เทวคณนาวเสน. ปุพฺพนิมิตฺตานีติ จุติยา ปุพฺพนิมิตฺตานิ. อมิลายิตฺวาติ เอตฺถ อมิลาตคฺคหเณเนว ตาสํ มาลานํ วณฺณสมฺปทาปิ คนฺธสมฺปทาปิ โสภาสมฺปทาปิ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ. พาหิรพฺภนฺตรานํ ¶ รโชชลฺลานํ เลสสฺสปิ อภาวโต เทวานํ สรีรคตานิ วตฺถานิ สพฺพกาลํ ปริสุทฺธปภสฺสราเนว หุตฺวา ติฏฺนฺตีติ อาห ‘‘วตฺเถสุปิ เอเสว นโย’’ติ. เนว สีตํ น อุณฺหนฺติ ยสฺส สีตสฺส ปตีการวเสน อธิกํ เสวิยมานํ อุณฺหํ, สยเมว วา ขรตรํ หุตฺวา อธิภวนฺตํ สรีเร เสทํ อุปฺปาเทยฺย, ตาทิสํ เนว สีตํ น อุณฺหํ โหติ. ตสฺมึ กาเลติ ยถาวุตฺเต มรณาสนฺนกาเล. พินฺทุพินฺทุวเสนาติ มุตฺตคุฬิกา วิย พินฺทุ พินฺทุ หุตฺวา เสทา มุจฺจนฺติ. ทนฺตานํ ขณฺฑิตภาโว ขณฺฑิจฺจํ. เกสานํ ปลิตภาโว ปาลิจฺจํ. อาทิ-สทฺเทน วลิตฺตจตํ สงฺคณฺหาติ. กิลนฺตรูโป อตฺตภาโว โหติ, น ปน ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทีหีติ อธิปฺปาโย. อุกฺกณฺิตาติ อนภิรติ, สา นตฺถิ อุปรูปริ อุฬารุฬารานเมว โภคานํ วิเสสโต รุจิชนกานํ อุปติฏฺนโต.
ปณฺฑิตา เอวาติ พุทฺธิสมฺปนฺนา เอว เทวตา. ยถา เทวตา ‘‘สมฺปติ ชาตา กีทิเสน ปฺุกมฺเมน ¶ อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อิมินา นาม ปฺุกมฺเมน อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ ชานนฺติ, เอวํ อตีตภเว อตฺตนา กตํ เอกจฺจํ อฺมฺปิ ปฺุํ ชานนฺติเยว มหาปฺุาติ อาห – ‘‘เย มหาปฺุา’’ติอาทิ.
น ปฺายนฺติ จิรตรกาลตฺตา ปรมายุโน. อนิยฺยานิกนฺติ น นิยฺยานาวหํ สตฺตานํ อภาชนภาวโต. สตฺตา น ปรมายุโน โหนฺติ นาม ปาปุสฺสนฺนตายาติ อาห – ‘‘ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺตี’’ติ. เอตฺถาห – ‘‘กสฺมา สมฺพุทฺธา มนุสฺสโลเก เอว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวพฺรหฺมโลเกสู’’ติ. เทวโลเก ตาว นุปฺปชฺชนฺติ พฺรหฺมจริยวาสสฺส อโนกาสภาวโต ตถา อนจฺฉริยภาวโต. อจฺฉริยธมฺมา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, เตสํ สา อจฺฉริยธมฺมตา เทวตฺตภาเว ิตานํ น ปากฏา โหติ ยถา มนุสฺสภูตานํ. เทวภูเต หิ สมฺมาสมฺพุทฺเธ ทิสฺสมานํ พุทฺธานุภาวํ เทวานุภาวโตว โลโก ทหติ, น พุทฺธานุภาวโต, ตถา สติ สมฺมาสมฺพุทฺเธ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ อิสฺสรกุตฺตคฺคาหํ น วิสฺสชฺเชติ, เทวตฺตภาวสฺส จ จิรกาลปวตฺตนโต เอกจฺจสสฺสตวาทโต น ปริมุจฺจติ. ‘‘พฺรหฺมโลเก นุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว ¶ นโย. สตฺตานํ ตาทิสคาหวิโมจนตฺถฺหิ พุทฺธา ภควนฺโต มนุสฺสสุคติยํเยว อุปฺปชฺชนฺติ; น เทวสุคติยํ, มนุสฺสสุคติยํ อุปฺปชฺชนฺตาปิ โอปปาติกา น โหนฺติ, สติ จ โอปปาติกูปปตฺติยํ วุตฺตโทสานติวตฺตนโต. ธมฺมเวเนยฺยานํ อตฺถาย ธมฺมตนฺติยา ปนสฺส วิย ธาตุเวเนยฺยานํ อตฺถาย ธาตูนํ ปนสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา จ. น หิ โอปปาติกานํ ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ สรีรธาตุโย ติฏฺนฺติ, ตสฺมา น โอปปาติกา โหนฺติ, จริมภเว จ มหาโพธิสตฺตา, มนุสฺสภาวสฺส ปากฏกรณาย ทารปริคฺคหมฺปิ กโรนฺตา ยาว ปุตฺตมุขทสฺสนา อคารมชฺเฌ ติฏฺนฺติ. ปริปากคตสีลเนกฺขมฺมปฺาทิปารมิกาปิ น อภินิกฺขมนฺติ, กึ วา เอตาย การณจินฺตาย? สพฺพพุทฺเธหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณา, ยทิทํ มนุสฺสภูตานํเยว อภิสมฺพุชฺฌนา, น เทวภูตานนฺติ อยเมตฺถ ธมฺมตา. ตถา หิ ตทตฺโถ มหาภินีหาโรปิ มนุสฺสภูตานํเยว อิชฺฌติ, น อิตเรสํ.
กสฺมา ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา ชมฺพุทีเปเยว อุปฺปชฺชนฺติ, น เสสทีเปสูติ? เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘ยสฺมา ปถวิยา นาภิภูตา พุทฺธานุภาวสหิตา อจลฏฺานภูตา โพธิมณฺฑภูมิ ชมฺพุทีเปเยว อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ชมฺพุทีเปเยว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ; ‘‘ตถา อิตเรสมฺปิ อวิชหิตฏฺานานํ ตตฺเถว ลพฺภมานโต’’ติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ยสฺมา ปุริมพุทฺธานํ มหาโพธิสตฺตานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ นิพฺพตฺติยา สาวกโพธิสตฺตานํ สาวกโพธิยา อภินีหาโร สาวกปารมีนํ สมฺภรณํ ปริปาจนฺจ พุทฺธเขตฺตภูเต อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีเปเยว ¶ อิชฺฌติ, น อฺตฺถ. เวเนยฺยานํ วินยนตฺโถ จ พุทฺธุปฺปาโทติ อคฺคสาวกาทิเวเนยฺยวิเสสาเปกฺขาย เอกสฺมึ ชมฺพุทีเปเยว พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, น เสสทีเปสุ. อยฺจ นโย สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณติ เตสํ อุตฺตมปุริสานํ ตตฺเถว อุปฺปตฺติ สมฺปตฺติจกฺกานํ วิย อฺมฺุปนิสฺสยโต อปราปรํ วตฺตตีติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห – ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตีติ ทีปํ ปสฺสตี’’ติ. อิมินา นเยน เทสนิยเมปิ การณํ วตฺตพฺพํ.
อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ พฺราหฺมณานมฺปิ ปูชนียภาวโต. ราชา เม ปิตา ภวิสฺสตีติ กุลํ ปสฺสิ ปิตุวเสน กุลสฺส นิทฺทิสิตพฺพโต ¶ . ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานีติ ปสฺสิ เตน อตฺตโน อนฺตรายาภาวํ อฺาสิ, ตสฺสา จ ตุสิตภเว ทิพฺพสมฺปตฺติปจฺจนุภวนํ.
ตา เทวตาติ ทสสหสฺสิจกฺกวาฬเทวตา. กถํ ปน ตา โพธิสตฺตสฺส ปูริตปารมิภาวํ ภาวินฺจ สมฺพุทฺธภาวํ ชานนฺตีติ? มเหสกฺขานํ เทวตานํ วเสน, เยภุยฺเยน จ ตา เทวตา อภิสมยภาคิโน. ตถา หิ ภควโต จ ธมฺมทานสํวิภาเค อเนกวารํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬวาสิเทวตาสนฺนิปาโต อโหสิ.
จวามีติ ปชานาติ จุติอาสนฺนชวเนหิ าณสหิเตหิ จุติยา อุปฏฺิตภาวสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตา. จุติจิตฺตํ น ชานาติ จุติจิตฺตกฺขณสฺส อิตฺตรภาวโต. ตถา หิ ตํ จุตูปปาตาณสฺสปิ อวิสโย เอว. ปฏิสนฺธิจิตฺเตปิ เอเสว นโย. อาวชฺชนปริยาโยติ อาวชฺชนกฺกโม. ยสฺมา เอกวารํ อาวชฺชิตมตฺเตน อารมฺมณํ นิจฺฉินิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ตเมวารมฺมณํ ทุติยํ ตติยฺจ อาวชฺชิตฺวา นิจฺฉียติ, อาวชฺชนสีเสน เจตฺถ ชวนวาโร คหิโต. เตนาห – ‘‘ทุติยตติยจิตฺตวาเรเยว ชานิสฺสตี’’ติ. จุติยา ปุเรตรํ กติปยจิตฺตวารโต ปฏฺาย มรณํ เม อาสนฺนนฺติ ชานนโต, ‘‘จุติกฺขเณปิ จวามีติ ปชานาตี’’ติ วุตฺตํ. ปฏิสนฺธิยา ปน อปุพฺพภาวโต ปฏิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาติ. นิกนฺติยา อุปฺปตฺติโต ปรโต อสุกสฺมึ าเน มยา ปฏิสนฺธิ คหิตาติ ปชานาติ, ทุติยชวนโต ปฏฺาย ชานาตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ตสฺมึ กาเลติ ปฏิสนฺธิคฺคหณกาเล. ทสสหสฺสี กมฺปตีติ เอตฺถ กมฺปนการณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. มหาการุณิกา พุทฺธา ภควนฺโต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปรตาย พหุลํ โสมนสฺสิกาว โหนฺตีติ เตสํ ปมมหาวิปากจิตฺเตน ปฏิสนฺธิคฺคหณํ อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗; ธ. ส. ๔๙๘; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๙๙) วุตฺตํ. มหาสีวตฺเถโร ปน ¶ ยทิปิ มหาการุณิกา พุทฺธา ภควนฺโต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปรา, วิเวกชฺฌาสยา ปน วิสงฺขารนินฺนา สพฺพสงฺขาเรสุ อชฺฌุเปกฺขณพหุลาติ ปฺจเมน มหาวิปากจิตฺเตน ปฏิสนฺธิคฺคหณมาห.
ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺายาติ ปุณฺณมาย ปุเร สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย, สุกฺกปกฺเข นวมิโต ปฏฺายาติ อตฺโถ. สตฺตเม ทิวเสติ ¶ อาสาฬฺหีปุณฺณมาย. อิทํ สุปินนฺติ อิทานิ วุจฺจมานาการํ สุปินํ. เนสํ เทวิโยติ มหาราชูนํ เทวิโย.
โส จ โข ปุริสคพฺโภ, น อิตฺถิคพฺโภ, ปุตฺโต เต ภวิสฺสตีติ เอตฺตกเมว เต พฺราหฺมณา อตฺตโน สุปินสตฺถนเยน กเถสุํ. สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสตีติอาทิ ปน เทวตาวิคฺคเหน ภาวินมตฺถํ ยาถาวโต ปเวเทสุํ.
คพฺภาวกฺกนฺติโยติ เอตฺถ คพฺโภ วุจฺจติ มาตุกุจฺฉิ, ตตฺถ อุปฺปตฺติ อวกฺกนฺติ, ตาว คพฺภาวกฺกนฺติ, ยาว น นิกฺขมติ. ิตกาว นิกฺขมนฺติ ธมฺมาสนโต โอตรนฺโต ธมฺมกถิโก วิย.
๒๐๑. วตฺตมานสมีเป วตฺตมาเน วิย โวหรียตีติ โอกฺกมตีติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘โอกฺกนฺโต โหตีติ อตฺโถ’’ติ. เอวํ โหตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรนสฺส สมฺปชานนา โหติ. น โอกฺกมมาเน ปฏิสนฺธิกฺขณสฺส ทุวิฺเยฺยตฺตา. ตถา จ วุตฺตํ – ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาตี’’ติ. ทสสหสฺสจกฺกวาฬปตฺถรเณน วา อปฺปมาโณ. อติวิย สมุชฺชลภาเวน อุฬาโร. เทวานุภาวนฺติ เทวานํ ปภานุภาวํ. เทวานฺหิ ปภํโส โอภาโส อธิภวติ, น เตสํ อาธิปจฺจํ. เตนาห ‘‘เทวาน’’นฺติอาทิ.
รุกฺขคจฺฉาทินา เกนจิ น หฺตีติ อฆา, อพาธา. เตนาห ‘‘นิจฺจวิวฏา’’ติ. อสํวุตาติ เหฏฺา อุปริ จ เกน จิ น ปิหิตา. เตนาห ‘‘เหฏฺาปิ อปฺปติฏฺา’’ติ. ตตฺถ ปิ-สทฺเทน ยถา เหฏฺา อุทกสฺส ปิธายิกา ปถวี นตฺถีติ อสํวุตา โลกนฺตริกา, เอวํ อุปริปิ จกฺกวาเฬสุ วิย เทววิมานานํ อภาวโต อสํวุตา อปฺปติฏฺาติ ทสฺเสติ. อนฺธกาโร เอตฺถ อตฺถีติ อนฺธการา. จกฺขุวิฺาณํ น ชายติ อาโลกสฺสาภาวโต, น จกฺขุโน. ตถา หิ ‘‘เตน โอภาเสน อฺมฺํ สฺชานนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ชมฺพุทีเป ิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ อตฺถงฺคมนวเสน อุปฑฺฒํ สูริยมณฺฑลํ ปฺายติ, อปรโคยานวาสีนํ ¶ อุคฺคมนวเสน, เอวํ เสสทีเปสุปีติ อาห – ‘‘เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ ปฺายนฺตี’’ติ. อิโต อฺถา ปน ทฺวีสุ เอว ทีเปสุ เอกปฺปหาเรเนว ปฺายตีติ. เอเกกาย ทิสาย นว นว โยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการวิธมนมฺปิ อิมินา นเยน ทฏฺพฺพํ. ปภาย นปฺปโหนฺตีติ ¶ อตฺตโน ปภาย โอภาสิตุํ น อภิสมฺภุณนฺติ. ยุคนฺธรปพฺพตมตฺถกปฺปมาเณ อากาเส วิจรณโต, ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมชฺเฌน จรนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
วาวฏาติ ขาทนตฺถํ คณฺหิตุํ อุปกฺกมนฺตา. วิปริวตฺติตฺวาติ วิวฏฺฏิตฺวา. ฉิชฺชิตฺวาติ มุจฺฉาปตฺติยา ิตฏฺานโต มุจฺจิตฺวา, องฺคปจฺจงฺคจฺเฉทนวเสน วา ฉิชฺชิตฺวา. อจฺจนฺตขาเรติ อาตปสนฺตาปาภาเวน อติสีตภาวํ สนฺธาย อจฺจนฺตขารตา วุตฺตา สิยา. น หิ ตํ กปฺปสณฺานอุทกํ สมฺปตฺติกรมหาเมฆวุฏฺํ ปถวีสนฺธารกํ กปฺปวินาสกอุทกํ วิย ขารํ ภวิตุมรหติ. ตถา หิ สติ ปถวีปิ วิลีเยยฺย. เตสํ วา ปาปกมฺมพเลน เปตานํ ปกติอุทกสฺส ปุพฺพเขฬภาวาปตฺติ วิย ตสฺส อุทกสฺส ตทา ขารภาวาปตฺติ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อจฺจนฺตขาเร อุทเก’’ติ. สมนฺตโตติ สพฺพภาคโต ฉปฺปการมฺปิ.
๒๐๒. จตุนฺนํ มหาราชูนํ วเสนาติ เวสฺสวณาทิจตุมหาราชภาวสามฺเน.
๒๐๓. สภาเวเนวาติ ปรสฺส สนฺติเก คหเณน วินา อตฺตโน สภาเวเนว สยเมว อธิฏฺหิตฺวา สีลสมฺปนฺนา.
มนุสฺเสสูติ อิทํ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ – ‘‘มนุสฺสิตฺถิยา นาม มนุสฺสปุริเสสุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ, โพธิสตฺตมาตุ ปน เทเวสูปิ ตาทิสํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชเตว. ยถา โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวน โพธิสตฺตสฺส มาตุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, เอวํ ตสฺส อานุภาเวเนว สา เกนจิ ปุริเสน อนติกฺกมนียาติ อาห – ‘‘ปาทา น วหนฺติ, ทิพฺพสงฺขลิกา วิย พชฺฌนฺตี’’ติ.
ปุพฺเพ ‘‘กามคุณูปสํหิตํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ปุน ‘‘ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรตี’’ติ วุตฺตํ, กถมิทํ อฺมฺํ น วิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘ปุพฺเพ’’ติอาทิ. วตฺถุปฏิกฺเขโปติ อพฺรหฺมจริยวตฺถุปฏิเสโธ. เตนาห ‘‘ปุริสาธิปฺปายวเสนา’’ติ. อารมฺมณปฏิลาโภติ รูปาทิปฺจกามคุณารมฺมณสฺเสว ปฏิลาโภ.
๒๐๔. กิลมโถติ ¶ เขโท. กายสฺส หิ ครุภาวกินภาวาทโยปิ ตสฺสา ตทา น โหนฺติ เอว. ‘‘ติโรกุจฺฉิคตํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ, กทา ¶ ปฏฺาย ปสฺสตีติ อาห – ‘‘กลลาทิกาลํ อติกฺกมิตฺวา’’ติอาทิ. ทสฺสเน ปโยชนํ สยเมว วทติ, ตสฺส อภาวโต กลลาทิกาเล น ปสฺสติ. ปุตฺเตนาติ ทหเรน มนฺเทน อุตฺตานเสยฺยเกน. ยํ ตํ มาตูติอาทิ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ. จกฺกวตฺติคพฺภโตปิ หิ สวิเสสํ โพธิสตฺตคพฺโภ ปริหารํ ลภติ ปฺุสมฺภารสฺส สาติสยตฺตา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา อติวิย สปฺปายาหาราจารา จ หุตฺวา สกฺกจฺจํ ปริหรติ. ปุรตฺถาภิมุโขติ มาตุ ปุรตฺถาภิมุโข. อิทานิ ติโรกุจฺฉิคตสฺส ทิสฺสมานตาย อพฺภนฺตรํ พาหิรฺจ การณํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ปุพฺเพ กตกมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อสฺสาติ เทวิยา. วตฺถุนฺติ กุจฺฉึ. ผลิกอพฺภปฏลาทิโน วิย โพธิสตฺตมาตุกุจฺฉิตจสฺส ปฏลภาเวน อาโลกสฺส วิพนฺธาภาวโต ยถา โพธิสตฺตมาตา กุจฺฉิคตํ โพธิสตฺตํ ปสฺสติ, กิเมวํ โพธิสตฺโตปิ มาตรํ อฺฺจ ปุรโต รูปคตํ ปสฺสติ, โนติ อาห, ‘‘โพธิสตฺโต ปนา’’ติอาทิ. กสฺมา ปน สติ จกฺขุมฺหิ อาโลเก จ น ปสฺสตีติ อาห – ‘‘น หิ อนฺโตกุจฺฉิยํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. อสฺสาสปสฺสาสา วิย หิ ตตฺถ จกฺขุวิฺาณมฺปิ น อุปฺปชฺชติ ตชฺชาสมนฺนาหารสฺสาภาวโต.
๒๐๕. ยถา อฺา อิตฺถิโย วิชาตปจฺจยา ตาทิเสน โรเคน อภิภูตาปิ หุตฺวา มรนฺติ, โพธิสตฺตมาตุ ปน โพธิสตฺเต กุจฺฉิคเต น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติ; เกวลํ อายุปริกฺขเยเนว กาลํ กโรติ, สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. โพธิสตฺเตน วสิตฏฺานํ หีติอาทินา ตตฺถ การณมาห. อปเนตฺวาติ อคฺคมเหสิฏฺานโต นีหริตฺวา. อนุรกฺขิตุํ น สกฺโกตีติ สมฺมา คพฺภปริหารํ นานุยฺุชติ, เตน คพฺโภ พหฺวาพาโธ โหติ. วตฺถุวิสทํ โหตีติ คพฺภาสโย ปริสุทฺโธ โหติ. มาตุ มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฏฺาเส โพธิสตฺตสฺส คพฺโภกฺกมนมฺปิ ตสฺสา อายุปริมาณวิโลกเนเนว สงฺคหิตํ วโยวเสน อุปฺปชฺชนกวิการสฺส ปริวชฺชนโต, อิตฺถิสภาเวน อุปฺปชฺชนกวิกาโร ปน โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวเนว วูปสมฺมติ.
สตฺตมาสชาโตติ ปฏิสนฺธิคฺคหณโต สตฺตเม มาเส ชาโต. โส สีตุณฺหกฺขโม น โหติ อติวิย สุขุมาลตาย. อฏฺมาสชาโต กามํ สตฺตมาสชาตโต พุทฺธิอวยโว, เอกจฺเจ ปน จมฺมปเทสา ¶ พุทฺธึ ปาปุณนฺตา ฆฏฺฏนํ น สหนฺติ, เตน โส น ชีวติ. สตฺตมาสชาตสฺส ปน น ตาว เต ชาตาติ วทนฺติ.
ิตาว หุตฺวาติ นิทฺทุกฺขตาย ิตา เอว หุตฺวา. ทุกฺขสฺส หิ พลวภาวโต ตํ ทุกฺขํ อสหมานา ¶ อฺา อิตฺถิโย นิสินฺนา วา นิปนฺนา วา วิชายนฺติ. อุปวิชฺาติ อุปคตวิชายนกาลา. สกลนครวาสิโนติ กปิลวตฺถุํ ปริวาเรตฺวา ิเตสุ เทวทหาทีสุ ฉสุ นคเรสุ วสนฺตา.
เทวา นํ ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺตีติ โลกนาถํ มหาปุริสํ มยเมว ปมํ ปฏิคฺคณฺหามาติ สฺชาตคารวพหุมานา อตฺตโน ปีตึ ปเวเทนฺตา ขีณาสวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน อาทิโต ปฏิคฺคณฺหนฺติ. สูติเวสนฺติ สูติชคฺคนธาติเวสํ. เอเกติ อุตฺตรวิหารวาสิโน. มจฺฉกฺขิสทิสํ ฉวิวเสน.
๒๐๖. อชินปฺปเวณิยาติ อชินจมฺเมหิ สิพฺเพตฺวา กตปเวณิยา. มหาเตโชติ มหานุภาโว. มหายโสติ มหาปริวาโร วิปุลกิตฺติโฆโส จ.
ภคฺควิภคฺคาติ สมฺพาธฏฺานโต นิกฺขมเนน วิภาวิตตฺตา ภคฺคา วิภคฺคา วิย จ หุตฺวา. เตน เนสํ อวิสทภาวเมว ทสฺเสติ. อลคฺโค หุตฺวาติ คพฺภาสเย โยนิปเทเส จ กตฺถจิ อลคฺโค อสตฺโต หุตฺวา. อุทเกนาติ คพฺภาสยคเตน อุทเกน อมกฺขิโต นิกฺขมติ สมฺมกฺขิตสฺส ตาทิสสฺส อุทกเสมฺหาทิกสฺเสว ตตฺถ อภาวโต. โพธิสตฺตสฺส หิ ปฺุานุภาเวน ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ตํ านํ วิสุทฺธํ ปรมสุคนฺธคนฺธกุฏิ วิย จนฺทนคนฺธํ วายนฺตํ ติฏฺติ. อุทกวฏฺฏิโยติ อุทกกฺขนฺธา.
๒๐๗. มุหุตฺตชาโตติ มุหุตฺเตน ชาโต หุตฺวา มุหุตฺตมตฺโตว. อนุธาริยมาเนติ อนุกูลวเสน นียมาเน. อาคตาเนวาติ ตํ านํ อุปคตานิ เอว.
อเนกสาขนฺติ รตนมยาเนกสตปติฏฺานหีรกํ. สหสฺสมณฺฑลนฺติ เตสํ อุปริ ปติฏฺิตํ อเนกสหสฺสมณฺฑลหีรกํ. มรูติ เทวา.
น ¶ โข ปเนวํ ทฏฺพฺพนฺติ สตฺตปทวีติหารโต ปเคว ทิสาวิโลกนสฺส กตตฺตา. เตนาห ‘‘มหาสตฺโต หี’’ติอาทิ. เอกงฺคณานีติ วิวฏภาเวน วิหารงฺคณปริเวณงฺคณานิ วิย เอกงฺคณสทิสานิ อเหสุํ. สทิโสปิ นตฺถีติ ตุมฺหากํ อิทํ วิโลกนํ วิสิฏฺเ ปสฺสิตุํ อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโรติ อาหํสุ. สพฺพปโมติ สพฺพปฺปธาโน. ปธานปริยาโย หิ อิธ ปมสทฺโท. เตนาห ‘‘อิตรานี’’ติอาทิ. เอตฺถ จ มเหสกฺขา ตาว เทวา ¶ ตถา วทนฺติ, อิตเร ปน กถนฺติ? มหาสตฺตสฺส อานุภาวทสฺสเนเนว. มเหสกฺขานฺหิ เทวานํ มหาสตฺตสฺส อานุภาโว วิย เตน สทิสานมฺปิ อานุภาโว ปจฺจกฺโข อโหสิ. อิตเร ปน เตสํ วจนํ สุตฺวา สทฺทหนฺตา อนุมินนฺตา ตถา อาหํสุ.
ชาตมตฺตสฺเสว โพธิสตฺตสฺส านาทีนิ เยสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภูตานีติ เต นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต, ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปติฏฺานํ จตุอิทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ อิทฺธิปาทวเสน โลกุตฺตรธมฺเมสุ สุปฺปติฏฺิตภาวสมิชฺฌนโต. อุตฺตราภิมุขภาโว โลกสฺส อุตฺตรณวเสน คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. สตฺตปทคมนํ สตฺตโพชฺฌงฺคาทิคมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, วิสุทฺธฉตฺตธารณํ สุวิสุทฺธวิมุตฺติฉตฺตธารณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปฺจราชกกุธภณฺฑานิ ปฺจวิธวิมุตฺติคุณปริวารตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, อนาวฏทิสานุวิโลกนํ อนาวฏาณตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, ‘‘อคฺโคหมสฺมี’’ติอาทิวจนํ อปฺปฏิวตฺติยธมฺมจกฺกปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ; อยมนฺติมา ชาตีติ อายตึ ชาติยา อภาวกิตฺตนา อนุปาทิ…เป… ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ; ตสฺส ตสฺส อนาคเต ลทฺธพฺพวิเสสสฺส ตํ ตํ นิมิตฺตํ อพฺยภิจารีนิมิตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น อาคโตติ อิมสฺมึ สุตฺเต อฺตฺถ จ วกฺขมานาย อนุปุพฺพิยา อนาคตตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อาหริตฺวาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สุตฺเต อฏฺกถาสุ จ อาคตนเยน อาหริตฺวา ทีเปตพฺโพ.
ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปีติ ปน อิทํ สติปิ อิธ ปาฬิยํ อาคตตฺเต วกฺขมานานมจฺฉริยานํ มูลภูตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, เอวํ อฺมฺปีทิสํ ทฏฺพฺพํ. ตนฺติ พทฺธา วีณา, จมฺมพทฺธา เภริโยติ ปฺจงฺคิกตูริยสฺส นิทสฺสนมตฺตํ, จ-สทฺเทน วา อิตเรสมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ภิชฺชึสูติ ปาเทสุ พทฺธฏฺาเนสุเยว ¶ ภิชฺชึสุ. วิคจฺฉึสูติ วูปสมึสุ. สกเตโชภาสิตานีติ อติวิย สมุชฺชลาย อตฺตโน ปภาย โอภาสิตานิ อเหสุํ. น ปวตฺตีติ น สนฺที. วาโต น วายีติ ขโร วาโต น วายิ, มุทุสุโข ปน สตฺตานํ สุขาวโห วายิ. ปถวีคตา อเหสุํ อุจฺจฏฺาเน าตุํ อวิสหนฺตา. อุตุสมฺปนฺโนติ อนุณฺหาสีตตาสงฺขาเตน อุตุนา สมฺปนฺโน. วามหตฺถํ อุเร เปตฺวา ทกฺขิเณน ปุถุปาณินา หตฺถตาฬเนน สทฺทกรณํ อปฺโผฏนํ. มุเขน อุสฺเสฬนํ สทฺทมฺุจนํ เสฬนํ. เอกทฺธชมาลา อโหสีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน วิจิตฺตปุปฺผสุคนฺธปุปฺผวสฺสเทวา วสฺสึสุ, สูริเย ทิพฺพมาเน เอว ตารกา โอภาสึสุ, อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อุทกํ ปถวิโต อุพฺภิชฺชิ, พิลาสยา ทริสยา ติรจฺฉานา อาสยโต นิกฺขมึสุ; ราคโทสโมหาปิ ตนุ ภวึสุ, ปถวิยํ รโช วูปสมิ, อนิฏฺคนฺโธ วิคจฺฉิ, ทิพฺพคนฺโธ วายิ, รูปิโน เทวา สรูเปเนว มนุสฺสานํ อาปาถมคมํสุ ¶ , สตฺตานํ จุตุปปาตา นาเหสุนฺติ อิเมสํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ยานิ มหาภินีหารสมเย อุปฺปนฺนานิ ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ, ตานิ อนวเสสานิ ตทา อเหสุนฺติ.
ตตฺราปีติ เตสุปิ ปถวิกมฺปาทีสุ เอวํ ปุพฺพนิมิตฺตภาโว เวทิตพฺโพ, น เกวลํ สมฺปติชาตสฺส านาทีสุ เอวาติ อธิปฺปาโย. สพฺพฺุตฺาณปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ สพฺพสฺส เยฺยสฺส ติตฺถกรมตสฺส จ จาลนโต. เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว อิมสฺมึเยว เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต, เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปติตฺวา ธมฺมปฏิคฺคณฺหนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปมํ เทวตานํ ปฏิคฺคหณํ ทิพฺพวิหารปฏิลาภสฺส, ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฏิคฺคหณํ ตตฺเถว านสฺส นิจฺจลสภาวโต อาเนฺชวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. วีณานํ สยํ วชฺชนํ ปรูปเทเสน วินา สยเมว อนุปุพฺพวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. เภรีนํ วชฺชนํ จกฺกวาฬปริยนฺตาย ปริสาย ปเวทนสมตฺถสฺส ธมฺมเภริยา อนุสาวนสฺส อมตทุนฺทุภิโฆสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. อนฺทุพนฺธนาทีนํ เฉโท มานวินิพนฺธเฉทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ; สุปฏฺฏนสมฺปาปุณนํ อตฺถาทิ อนุรูปํ อตฺถาทีสุ าณสฺส เภทาธิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ.
นิพฺพานรเสนาติ กิเลสานํ นิพฺพายนรเสน. เอกรสภาวสฺสาติ สาสนสฺส สพฺพตฺถ เอกรสภาวสฺส. วาตสฺส อวายนํ กิสฺส ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตภินฺทนสฺสา’’ติ. อากาสาทิอปฺปติฏฺวิสมจฺจลฏฺานํ ปหาย ¶ สกุณานํ ปถวีคมนํ ตาทิสํ มิจฺฉาคาหํ ปหาย สตฺตานํ ปาเณหิ รตนตฺตยสรณคมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. เทวตานํ อปฺโผฏนาทีหิ กีฬนํ ปโมทนุปฺปตฺติอุทานสฺส ภววนฺตคมเนน ธมฺมสภาวโพธเนน จ ปโมทวิภาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ธมฺมเวควสฺสนสฺสาติ เทสนาาณเวเคน ธมฺมามตสฺส วสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. กายคตาสติวเสน ลทฺธชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคผลสุขานุภโว กายคตาสติอมตปฏิลาโภ, ตสฺส ปน กายสฺสปิ อตปฺปกสุขาวหตฺตา ขุทาปิปาสาปีฬนาภาโว ปุพฺพนิมิตฺตํ วุตฺโต. อริยทฺธชมาลามาลิตายาติ สเทวกสฺส โลกสฺส อริยมคฺคโพชฺฌงฺคธชมาลาหิ มาลิตภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ อนุทฺธฏํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอตฺถาติ ‘‘สมฺปติชาโต’’ติอาทินา อาคเต อิมสฺมึ าเน. วิสฺสชฺชิโตว, ตสฺมา อมฺเหหิ อิธ อปุพฺพํ วตฺตพฺพํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ตทา ปถวิยํ คจฺฉนฺโตปิ มหาสตฺโต อากาเสน คจฺฉนฺโต วิย มหาชนสฺส อุปฏฺาสีติ อยเมตฺถ นิยติ ธมฺมนิยาโม โพธิสตฺตานํ ธมฺมตาติ อิทํ นิยติวาทวเสน กถนํ. ‘‘ปุพฺเพ ปุริมชาตีสุ ตาทิสสฺส ปฺุสมฺภารกมฺมสฺส กตตฺตา ¶ อุปจิตตฺตา มหาชนสฺส ตถา อุปฏฺาสี’’ติ อิทํ ปุพฺเพกตกมฺมวาทวเสน กถนํ. อิเมสํ สตฺตานํ อุปริ อีสนสีลตาย ยถาสกํ กมฺมเมว อิสฺสโร นาม, ตสฺส นิมฺมานํ อตฺตโน ผลสฺส นิพฺพตฺตนํ, มหาปุริโสปิ สเทวกํ โลกํ อภิภวิตุํ สมตฺเถน อุฬาเรน ปฺุกมฺมุนา นิพฺพตฺติโต เตน อิสฺสเรน นิมฺมิโต นาม, ตสฺส จายํ นิมฺมานวิเสโส, ยทิทํ มหานุภาวตา. ยาย มหาชนสฺส ตถา อุปฏฺาสีติ อิทํ อิสฺสรนิมฺมานวาทวเสน กถนํ. เอวํ ตํ ตํ พหุํ วตฺวา กึ อิมาย ปริยายกถายาติ อวสาเน อุชุกเมว เอวํ พฺยากาสิ. สมฺปติชาโต ปถวิยํ กถํ ปทสา คจฺฉติ, เอวํมหานุภาโว อากาเสน มฺเ คจฺฉตีติ ปริกปฺปนสฺส วเสน อากาเสน คจฺฉนฺโต วิย อโหสิ. สีฆตรํ ปน สตฺตปทวีติหาเรน คตตฺตา ทิสฺสมานรูโปปิ มหาชนสฺส อทิสฺสมาโน วิย อโหสิ. อเจลกภาโว ขุทฺทกสรีรตา จ ตาทิสสฺส อิริยาปถสฺส อนนุจฺฉวิกาติ กมฺมานุภาวสฺชนิตปาฏิหาริยวเสน อลงฺการปฏิยตฺโต วิย; โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วิย จ มหาชนสฺส อุปฏฺาสีติ เวทิตพฺพํ; พุทฺธภาวานุจฺฉวิกสฺส ¶ โพธิสตฺตานุภาวสฺส ยาถาวโต ปเวทิตตฺตา พุทฺเธน วิย…เป… อตฺตมนา อโหสิ.
ปากฏา หุตฺวาติ วิภูตา หุตฺวา. พุทฺธานํ เย เย สงฺขาเร ววตฺถเปตุกามา, เต เต อุปฺปาทกฺขเณปิ สพฺพโส สุปฺปฏิวิทิตา สุปากฏา หตฺถตเล อามลกํ วิย สุฏฺุ วิภูตา เอว หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. อโนกาสคเตติ ปริคฺคหสฺส อโนกาสกาเล ปวตฺเต. นิปฺปเทเสติ นิรวเสเส. โอกาสปฺปตฺเตติ านคมนาทิกาเล อุปฺปนฺเน, เต หิ สมฺมสนสฺส โยคฺยกาเล อุปฺปตฺติยา โอกาสปฺปตฺตาติ อธิปฺปาโย. สตฺตทิวสพฺภนฺตเรติ อิทํ พุทฺธานํ ปากติกสมฺมสนวเสน วุตฺตํ, อากงฺขนฺตา ปน เต ยทา กทาจิ อุปฺปนฺนสงฺขาเร สมฺมสนฺติเยว. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อจฺฉริยพฺภุตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๔. พากุลสุตฺตวณฺณนา
๒๐๙. ยถา ¶ ‘‘ทฺวตฺตึสา’’ติ วตฺตพฺเพ ทฺวิ-สทฺทสฺส พา-อาเทสํ กตฺวา พาตฺตึสาติ วุจฺจติ, เอวํ เอตฺถ พา-การาเทสํ กตฺวา พากุโลติ สมฺา อโหสิ, สายํ ตสฺส อนฺวตฺถสฺาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สีสํ นฺหาเปตฺวาติ มงฺคลตฺถํ มหาคงฺคาย สีสํ นฺหาเปตฺวา. นิมุชฺชนวเสนาติ ชณฺณุปมาเณ อุทเก โถกํเยว นิมุชฺชนวเสน. ฉฑฺเฑตฺวา ปลาตา มรณภยตชฺชิตา. ปหริยมานา มรนฺติ, น ชาเลน พนฺธิตมตฺเตน. ทารกสฺส เตเชนาติ ทารกสฺส ปฺุเตเชน. นีหฏมตฺโตว มโต, ตสฺส มรณตฺถํ อุปกฺกโม น กโต, เยน อุปกฺกเมน ทารกสฺส พาโธ สิยา. ตนฺติ มจฺฉํ. สกลเมวาติ ปริปุณฺณาวยวเมว.
น เกลายตีติ น มมายติ กิสฺมิฺจิ น มฺติ. ทารกสฺส ปฺุเตเชน ปิฏฺิโต ผาเลนฺตี. ทารกํ ลภตีติ อุคฺโฆสนวเสน เภรึ จราเปตฺวา. ปวตฺตึ อาจิกฺขิ, อตฺตโน ปุตฺตภาวํ กเถสิ. กุจฺฉิยา ธาริตตฺตา อมาตา กาตุํ น สกฺกา ชนนีภาวโต. มจฺฉํ คณฺหนฺตาปีติ มจฺฉํ กิณิตฺวา คณฺหนฺตาปิ. ตถา คณฺหนฺตา จ ตปฺปริยาปนฺนํ สพฺพํ คณฺหาติ นามาติ ¶ อาห – ‘‘วกฺกยกนาทีนิ พหิ กตฺวา คณฺหนฺตา นาม นตฺถี’’ติ. อยมฺปิ อมาตา กาตุํ น สกฺกา สามิกภาวโต. ทารโก อุภินฺนมฺปิ กุลานํ ทายาโท โหตุ ทฺวินฺนํ ปุตฺตภาวโต.
อสีติเมติ ชาติยา อสีติเม วสฺเส. ปพฺพชฺชามตฺเตน กิเลสานํ อสมุจฺฉิชฺชนโต วีติกฺกมิตุํ กามสฺา อุปฺปนฺนปุพฺพาติ ปุจฺฉา ปน ปุจฺฉิตพฺพา. เตนาห – ‘‘เอวฺจ โข มํ, อาวุโส กสฺสป, ปุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ.
๒๑๐. นิยเมตฺวาติ ตํ ตํวาเร เสสวาเรน นิยเมตฺวา. กมฺมปถเภทโกติ กมฺมปถวิเสสกโร. ตตฺถ กามวิตกฺโก ยถา กายวจีทฺวาเรสุ โจปนปฺปตฺโต กมฺมปถปฺปตฺโต นาม โหติ; มโนทฺวาเร ปรภณฺฑสฺส อตฺตโน ปริณามนวเสน ปวตฺตอภิชฺฌาสหคโต; เอวํ กามสฺาติ, ตถา พฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกสฺาติ เถโร, ‘‘อุภยมฺเปตํ กมฺมปถเภทกเมวา’’ติ อาห. กมฺมปถํ อปฺปตฺตํ สฺํ สนฺธาย, ‘‘สฺา อุปฺปนฺนมตฺตาวา’’ติ วุจฺจมาเน วิตกฺกิตมฺปิ สมานํ กมฺมปถํ อปฺปตฺตเมว, อุภยสฺส ปน วเสน สุตฺตปทํ ปวตฺตนฺติ เถรสฺส อธิปฺปาโย.
๒๑๑. อายูหนกมฺมนฺติ ¶ อตฺตนา อายูหิตพฺพกมฺมํ. โลมกิลิฏฺานีติ กิลิฏฺโลมานิ, กิลิฏฺํสูนีติ อตฺโถ. กิเมวํ โภเคสุ ปรนิมฺมิตภเว วสวตฺติเทวานํ วิย สพฺพโส อายูหนกมฺเมน วินา อฺสฺสปิ ปพฺพชิตสฺส ปจฺจยลาโภ ทิฏฺปุพฺโพ สุตปุพฺโพติ อาห ‘‘อนจฺฉริยฺเจต’’นฺติ. กุลูปกเถรานเมตํ กมฺมํ, เถโร ปน กทาจิปิ กุลูปโก นาโหสิ.
คทฺทุหนมตฺตนฺติ โคทุหนมตฺตกาลํ. อิธ ปน สกโล โคทุหโน อธิปฺเปโตติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘คาวึ…เป… กาลมตฺตมฺปี’’ติ อาห. นิพนฺธีติ นิพทฺธทาตพฺพํ กตฺวา เปสิ.
สกิเลสปุคฺคลสฺส อเสริภาวกรเณน รเณน สทิสตาย รโณ, สํกิเลโส. อฺา อุทปาทีติ ปนาห, ตสฺมา อรหตฺตํ น ปฏิฺาตนฺติ ทสฺเสติ. นนุ ตถา วจนํ ปฏิชานนํ วิย โหตีติ อาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ.
๒๑๒. อวาปุรติ ¶ ทฺวารํ เอเตนาติ อวาปุรณํ. ปมสงฺคหโต ปจฺฉา เทสิตตฺตา ทุติยสงฺคเห สงฺคิตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
พากุลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๕. ทนฺตภูมิสุตฺตวณฺณนา
๒๑๓. ผุเสยฺยาติ ¶ าณผุสนา นาม อธิปฺเปตา, ตสฺมา ลเภยฺยาติ อธิคจฺเฉยฺย. เอวํ ปฏิปนฺโนติ, ‘‘อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต’’ติ วุตฺตปฺปกาเรน ปฏิปนฺโน. อชานนโกฏฺาเสเยวาติ อวธารเณน อตฺตนิ กตํ โทสาโรปนํ นิวตฺเตติ.
๒๑๔. อปฺปนาอุปจารนฺติ อปฺปนฺเจว อุปจารฺจ ปาเปตฺวา กเถสีติ อตฺถํ วทนฺติ, อปฺปนาสหิโต ปน อุปจาโร อปฺปนาอุปจาโร, ตํ ปาเปตฺวา กเถสีติ อตฺโถ.
นิกฺขมตีติ นิกฺขโม, อวคฺคาหกามโต นิกฺขมนํ นิกฺขโม เอว เนกฺขมฺโม, ปมชฺฌานาทิ. สติ กิเลสกาเม อตฺตโน อุปหารํ อุปจาเรตฺวา อสฺสาเทตฺวา ปริภฺุชติ นามาติ อาห – ‘‘ทุวิเธปิ กาเม ปริภฺุชมาโน’’ติ. ทุวิเธปีติ หีนปณีตาทิวเสน ทุวิเธ.
๒๑๕. กูฏาการนฺติ คาฬฺหสาเยฺยํ อปฺปติรูเป าเน ขนฺธคตปาตนาทิ. ทนฺตคมนนฺติ ทนฺเตหิ นิพฺพิเสวเนหิ คนฺธพฺพคตึ. ปตฺตพฺพํ ภูมินฺติ สมฺมากิริยาย ลทฺธพฺพสมฺปตฺตึ.
๒๑๖. พฺยติหรณวเสน ลงฺฆกํ วิลงฺฆกํ, อฺมฺหตฺถคฺคหณํ. เตนาห – ‘‘หตฺเถน หตฺถํ คเหตฺวา’’ติ.
๒๑๗. คเหตุํ สมตฺโถติ คณิการหตฺถินีหิ อุปลาเปตฺวา อรฺหตฺถึ วจนวเสน คเหตุํ สมตฺโถ. อติปสฺสิตฺวา อติฏฺานวเสน ปสฺสิตฺวา. เอตฺถเคธาติ เอตสฺมึ อรฺเ นาควเน ปวตฺตเคธา. สุขายตีติ สุขํ อยติ ปวตฺเตติ, ‘‘สุขํ หรตี’’ติ วา ปาโ. ฑิณฺฑิโม อานโก. นิหิตสพฺพวงฺกโทโสติ อปคตสพฺพสาเยฺยโทโส. อปนีตกสาโวติ อเปตสารมฺภกสาโว.
๒๑๙. ปฺจกามคุณนิสฺสิตสีลานนฺติ ¶ อกุสลานํ. เคหสฺสิตสีลานนฺติ วา วฏฺฏสนฺนิสฺสิตสีลานํ.
๒๒๒. เอส ¶ นโย สพฺพตฺถาติ, ‘‘มชฺฌิโม, ทหโร’’ติ อาคเตสุ อุปมาวาเรสุ, ‘‘เถโร’’ติอาทินา อาคเตสุ อุปเมยฺยวาเรสูติ ปฺจสุ สํกิเลสปกฺขิเยสุ วาเรสุ เอส ยถาวุตฺโตว นโยติ เวทิตพฺโพ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ทนฺตภูมิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. ภูมิชสุตฺตวณฺณนา
๒๒๓. อาสฺเจปิ ¶ กริตฺวาติ, ‘‘อิมินาหํ พฺรหฺมจริเยน เทโว วา ภเวยฺยํ เทวฺตโร วา, ทุกฺขโต วา มุจฺเจยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา เจปิ จรนฺติ, อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย ตณฺหาย พฺรหฺมจริยสฺส วิทูสิตตฺตาติ อธิปฺปาโย. อนาสฺเจปิ กริตฺวาติ วุตฺตนเยน ปตฺถนํ อกตฺวา. อภพฺพา ผลสฺส อธิคมาย อนิยมิตภาวโต. ปณิธานวเสน หิ ปฺุผลํ นิยตํ นาม โหติ, ตทภาวโต กตํ ปฺุํ น ลภตีติ อธิปฺปาโย. ตติยปกฺเข อุภยฏฺาเนหิ วุตฺตํ, จตุตฺถปกฺโข สมฺมาวตาโร อิติ จตุโกฏิโก ปฺโห ชาลวเสน อาหโฏ, ตตฺถ อาสา นาม ปตฺถนา, มิจฺฉาคาหสฺมึ สติ น วิปจฺจติ, สมฺมาคาหสฺมึ สติ วิปจฺจติ, อุภยถาปิ อุภยาเปกฺขานาม, โย มิจฺฉตฺตธมฺเม ปุรกฺขตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรติ, ตสฺส ยถาธิปฺปายผลํ สมิชฺฌตีติ น วตฺตพฺพํ อโยนิโส พฺรหฺมจริยสฺส จิณฺณตฺตา; โย ปน สมฺมตฺตํ ปุรกฺขตฺวา พฺรหฺมจริยํ จรติ, ตสฺส ยถาธิปฺปายํ พฺรหฺมจริยผลํ น สมิชฺฌตีติ น วตฺตพฺพํ โยนิโส พฺรหฺมจริยสฺส จิณฺณตฺตา. เตน วุตฺตํ – ‘‘อาสฺเจปิ กริตฺวา อโยนิโส พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี’’ติอาทิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ภูมิชสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนา
๒๓๐. อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ¶ เอวมาหํสูติ วุตฺตํ อุปสงฺกมนการณํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ตสฺส อุปาสกสฺส อผาสุกกาโล อโหสี’’ติ อาห. อวิราธิตนฺติ อวิรชฺฌนกํ. ยทิ วา เต ธมฺมา นานตฺถา, ยทิ วา เอกตฺถา, ยํ ตตฺถ อวิรชฺฌนกํ, ตํ ตํเยว ปฏิภาตูติ โยชนา. ฌานเมวาติ อปฺปมาณชฺฌานเมว, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ ปน วุตฺตตฺตา จิตฺเตกคฺคตาเยว เอวํ วุจฺจตีติ อุปาสกสฺส อธิปฺปาโย.
๒๓๑. ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา ‘‘รุกฺขมูล’’นฺติ วุจฺจตีติ เอวํ วุตฺตํ เอกรุกฺขมูลปฺปมาณฏฺานํ. กสิณนิมิตฺเตน โอตฺถริตฺวาติ กสิณารมฺมณํ ฌานํ สมาปชฺชนฺโต ตสฺมึ กสิณ…เป… วิหรตีติ วุตฺโต. อาโภโค นตฺถิ ฌานกฺขเณ. กามํ สมาปตฺติกฺขเณ อาโภโค นตฺถิ ตโต ปน ปุพฺเพ วา สิยา โส อาโภโค, ตมฺปิ สนฺธาย มหคฺคตนฺติ เกจิ. อิทานิ ตาสํ เจโตวิมุตฺตีนํ สติปิ เกนจิ วิเสเสน อเภเท วิสยาทิโต ลพฺภมานเภทํ ทสฺเสตุํ, ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิมิตฺตํ น วฑฺฒติ วฑฺเฒตพฺพสฺส นิมิตฺตสฺเสว อภาวโต. ปถวีกสิณาทีนํ วิย อากาสภาวนาย อุคฺฆาฏนํ น ชายติ. ตานิ ฌานานีติ พฺรหฺมวิหารชฺฌานานิ. จุทฺทสวิเธน ปริทมนาภาวโต อภิฺานํ ปาทกานิ น โหนฺติ. นิมิตฺตุคฺฆาฏสฺเสว อภาวโต อรูปชฺฌานานํ อนธิฏฺานตาย นิโรธสฺส ปาทกานิ น โหนฺตีติ. กมฺมวฏฺฏภาเวน กิเลสวฏฺฏวิปากวฏฺฏานํ ติณฺณํ วฏฺฏานํ ปจฺจยภาโว วฏฺฏปาทกตา. อุปปชฺชนวเสเนว ตํ ตํ ภวํ โอกฺกมติ เอเตหีติ ภโวกฺกมนานิ. ทุติยนยสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุคฺฆาฏนสฺส ลพฺภนโต อรูปชฺฌาโนปริ สมติกฺกโม โหตีติ อยเมว วิเสโส. เอวนฺติ ยถาวุตฺเตน นิมิตฺตาวฑฺฒนนิมิตฺตวฑฺฒนาทิปฺปกาเรน. นานตฺถาติ นานาสภาวา. เอวนฺติ อปฺปมาณมหคฺคตสทฺทวจนียตาย นานาพฺยฺชนา. กามฺเจตฺถ อปฺปมาณสมาปตฺติโตปิ นีหริตฺวา วกฺขมานภวูปปตฺติการณํ ทสฺเสตุํ สกฺกา, อฏฺกถายํ ปน กสิณฌานโตว นีหริตฺวา โยชนา กตาติ ตถา วุตฺตํ. อถ วา มหคฺคตคหเณเนตฺถ อปฺปมาณาติ วุตฺตพฺรหฺมวิหารานมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ ตสฺสา สมฺาย อุภเยสมฺปิ สาธารณภาวโต.
๒๓๒. เอวํ ¶ วุตฺโตติ อสติปิ ตถารูเป อาโภเค ‘‘ปริตฺตาภาติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรตี’’ติ ¶ วุตฺโต. อปฺปมาณํ กตฺวา กสิณํ วฑฺเฒนฺตสฺส กสิณวฑฺฒนวเสน พหุลีการสมฺภวโต สิยา ฌานสฺส พลวตรตา, ตทภาเว จ ทุพฺพลตา, อาจิณฺณวสิตาย ปน ปจฺจนีกธมฺมานํ สมฺมา อปริโสธเน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ปฺจหากาเรหิ ฌานสฺส อปฺปคุณตํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สุปฺปมตฺเต วา’’ติอาทิมาห. ฌานสฺส อปฺปานุภาวตาย เอว ตนฺนิมิตฺตา ปภาปิ อปฺปตรา อปริสุทฺธาว โหตีติ อาห – ‘‘วณฺโณ…เป… สํกิลิฏฺโ จา’’ติ. ทุติยนโย วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ. ตตฺถาปิ กสิณสฺส ปริตฺตภาเวน วณฺณสฺส ปริตฺตตา, ปริตฺตารมฺมณาย อนุรูปตาย วา นิมิตฺตํ ปภามณฺฑลกมฺปิ ปริตฺตเมว สิยาติ อธิปฺปาโย. วิปุลปริกมฺมนฺติ วิปุลภาเวน ปริกมฺมํ. เสสํ ตติยจตุตฺถนเยสุ วตฺตพฺพํ ปมทุติยนเยสุ วุตฺตสทิสเมว.
วณฺณนานตฺตนฺติ ยทิ ปีตํ ยทิ โลหิตํ ยทิ วา โอทาตนฺติ สรีรวณฺณนานตฺตํ. อาภานานตฺตนฺติ ปริตฺตวิปุลตาวเสน ปภาย นานตฺตํ. อจฺจินานตฺตนฺติ เตโชธาตุสฺส ทีฆาทิวเสน เวมตฺตตา. อภินิวิสนฺตีติ อภิรติวเสน นิวิสนฺติ นิสีทนฺติ ติฏฺนฺติ. เตนาห ‘‘วสนฺตี’’ติ.
๒๓๔. อาภนฺติ ทิพฺพนฺตีติ อาภาติ อาห ‘‘อาภาสมฺปนฺนา’’ติ. ตทงฺเคนาติ วา ตสฺสา ปริตฺตตาย อปฺปมาณตาย จ อาภาการณํ, ตํ ปน อตฺถโต ภวูปปตฺติการณเมวาติ อาห – ‘‘ตสฺสา ภวูปปตฺติยา องฺเคนา’’ติ. กายาลสิยภาโว ตนฺทีอาทีนํ เหตุภูตา กายสฺส วิตฺถายิตตา.
๒๓๕. ปารมิโยติ มหาสาวกสํวตฺตนิกา สาวกปารมิโย ปูเรนฺโต. พฺรหฺมโลเกติ พฺรหฺมตฺตภาเว, พฺรหฺมโลเก วา อุปฺปตฺตึ ปฏิลภิ, วุตฺตมฺปิ เจตํ เถรคาถาสุ. อโวกิณฺณนฺติ อฺเหิ อสมฺมิสฺสนฺติ อตฺโถ. ปุพฺเพ สฺจริตนฺติ อตีตภเวสุ ชาติวเสน สฺจรณํ มม, สฺจริตนฺติ ตํ มมสฺสาติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. อุปกฺกิเลสสุตฺตวณฺณนา
๒๓๖. ตสฺมาติ ¶ ¶ อตฺถกามตฺตา เอวมาห, น ภควโต วจนํ อนาทิยนฺโต. เย ปน ตทา สตฺถุวจนํ น คณฺหึสุ, เต กิฺจิ อวตฺวา ตุณฺหีภูตา มงฺกุภูตา อฏฺํสุ, ตสฺมา อุภเยสมฺปิ สตฺถริ อคารวปฏิปตฺติ นาโหสิ.
เยนปิ ชเนน น ทิฏฺโติ เยน อุภยชเนน อฺวิหิตตาย กุฑฺฑกวาฏาทิอนฺตริกตาย วา น ทิฏฺโ. ทมนตฺถนฺติ เตหิ อุปาสเกหิ นิมฺมทภาวํ อาปาทิตานํ เตสํ ภิกฺขูนํ ทมนตฺถํ. ปยึสูติ โย อิเมสํ ภิกฺขูนํ เทติ, ตสฺส สตํ ทณฺโฑติ, สหสฺสนฺติ จ วทนฺติ.
๒๓๗. วคฺคภาเวเนว (สารตฺถ. ฏี. มหาวคฺโค ๓.๔๖๔) นานาสทฺโท อสฺสาติ ปุถุสทฺโท. สมชโนติ ภณฺฑเน สมชฺฌาสโย ชโน. พาลลกฺขเณ ิโตปิ ‘‘อหํ พาโล’’ติ น มฺติ. ภิยฺโย จาติ อตฺตโน พาลภาวสฺส อชานนโตปิ ภิยฺโย จ ภณฺฑนสฺส อุปริ โผโฏ วิย สงฺฆเภทสฺส อตฺตโน การณภาวมฺปิ อุปฺปชฺชมานํ น มฺิ นฺาสิ.
กลหวเสน ปวตฺตวาจาเยว โคจโร เอเตสนฺติ วาจาโคจรา หุตฺวา. มุขายามนฺติ วิวาทวเสน มุขํ อายเมตฺวา ภาณิโน. น ตํ ชานนฺตีติ ตํ กลหํ น ชานนฺติ. กลหํ กโรนฺโต จ ตํ น ชานนฺโต นาม นตฺถิ. ยถา ปน น ชานนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ อาห – ‘‘เอวํ สาทีนโว อย’’นฺติ. อยํ กลโห นาม อตฺตโน ปเรสฺจ อตฺถชาปนโต อนตฺถุปฺปาทนโต ทิฏฺเว ธมฺเม สมฺปราเย จ สาทีนโว, สโทโสติ อตฺโถ.
อุปนยฺหนฺตีติ อุปนาหวเสน อนุพนฺธนฺติ. โปราโณติ ปุริเมหิ พุทฺธาทีหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณตาย ปุราตโน.
น ชานนฺตีติ อนิจฺจสฺํ น ปจฺจุปฏฺาเปนฺติ.
ตถา ปวตฺตเวรานนฺติ อฏฺิฉินฺนาทิภาวํ นิสฺสาย อุปนยวเสน จิรกาลํ ปวตฺตเวรานํ.
พาลสหายตาย ¶ ¶ อิเม ภิกฺขู กลหปสุตา, ปณฺฑิตสหายานํ ปน อิทํ น สิยาติ ปณฺฑิตสหายสฺส พาลสหายสฺส จ วณฺณาวณฺณทีปนตฺถํ วุตฺตา. สีหพฺยคฺฆาทิเก ปากฏปริสฺสเย ราคโทสาทิเก ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเย จ อภิภวิตฺวา.
มาตงฺโค อรฺเ มาตงฺครฺเติ สรโลเปน สนฺธิ. มาตงฺคสทฺเทเนว หตฺถิภาวสฺส วุตฺตตฺตา นาควจนํ ตสฺส มหตฺตวิภาวนตฺถนฺติ อาห – ‘‘นาโคติ มหนฺตาธิวจนเมต’’นฺติ. มหนฺตปริยาโยปิ หิ นาค-สทฺโท โหติ ‘‘เอวํ นาคสฺส นาเคน, อีสาทนฺตสฺส หตฺถิโน’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๕; มหาว. ๔๖๗).
๒๓๘. กิรสทฺโท อนุสฺสวสูจนตฺโถ นิปาโต. เตน อยเมตฺถ สุติปรมฺปราติ ทสฺเสติ. ภควตา หิ โส อาทีนโว ปเคว ปริฺาโต, น เตน สตฺถา นิพฺพิณฺโณ โหติ; ตสฺมึ ปน อนฺโตวสฺเส เกจิ พุทฺธเวเนยฺยา นาเหสุํ; เตน อฺตฺถ คมนํ เตสํ ภิกฺขูนํ ทมนุปาโยติ ปาลิเลยฺยกํ อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺโต เอกวิหารึ อายสฺมนฺตํ ภคุํ, สมคฺควาสํ วสนฺเต จ อนุรุทฺธตฺเถราทิเก สมฺปหํเสตุํ อนุรุทฺธตฺเถรสฺส จ. อิมํ อุปกฺกิเลโสวาทํ ทาตุํ ตตฺถ คโต, ตสฺมา กลหการเก กิรสฺสาติ เอตฺถาปิ กิรสทฺทคฺคหเณ เอเสว นโย. วุตฺตนยเมว โคสิงฺคสาลสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๓๒๕ อาทโย).
๒๔๑. ‘‘ยถา กถํ ปนา’’ติ วุตฺตปุจฺฉานํ ปจฺฉิมภาวโต ‘‘อตฺถิ ปน โวติ ปจฺฉิมปุจฺฉายา’’ติ วุตฺตํ, น ปุน ‘‘อตฺถิ ปน โว’’ติ ปวตฺตนสฺส ปุจฺฉนสฺส อตฺถิภาวโต. โส ปน โลกุตฺตรธมฺโม. เถรานนฺติ อนุรุทฺธตฺเถราทีนํ นตฺถิ. ปริกมฺโมภาสํ ปุจฺฉตีติ ทิพฺพจกฺขุาเณ กตาธิการตฺตา ตสฺส อุปฺปาทนตฺถํ ปริกมฺโมภาสํ ปุจฺฉติ. ปริกมฺโมภาสนฺติ ปริกมฺมสมาธินิพฺพตฺตํ โอภาสํ, อุปจารชฺฌานสฺชนิตํ โอภาสนฺติ อตฺโถ. จตุตฺถชฺฌานลาภี หิ ทิพฺพจกฺขุปริกมฺมตฺถํ โอภาสกสิณํ ภาเวตฺวา อุปจาเร ปิโต สมาธิ ปริกมฺมสมาธิ, ตตฺถ โอภาโส ปริกมฺโมภาโสติ วุตฺโต. ตํ สนฺธายาห – ‘‘โอภาสฺเจว สฺชานามาติ ปริกมฺโมภาสํ สฺชานามา’’ติ. ยตฺตเก หิ าเน ทิพฺพจกฺขุนา รูปคตํ ทฏฺุกาโม, ตตฺตกํ านํ โอภาสกสิณํ ผริตฺวา ิโต. ตํ ¶ โอภาสํ ตตฺถ จ รูปคตํ ทิพฺพจกฺขุาเณน ปสฺสติ, เถรา จ ตถา ปฏิปชฺชึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘โอภาสฺเจว สฺชานาม ทสฺสนฺจ รูปาน’’นฺติ. ยสฺมา ปน เตสํ รูปคตํ ปสฺสนฺตานํ ปริกมฺมวาโร อติกฺกมิ, ตโต โอภาโส อนฺตรธายิ, ตสฺมึ อนฺตรหิเต รูปคตมฺปิ น ปฺายติ. ปริกมฺมนฺติ หิ ยถาวุตฺตกสิณารมฺมณํ อุปจารชฺฌานํ, รูปคตํ ปสฺสนฺตานํ กสิโณภาสวเสน รูปคตทสฺสนํ, กสิโณภาโส ¶ จ ปริกมฺมวเสนาติ ตทุภยมฺปิ ปริกมฺมสฺส อปฺปวตฺติยา นาโหสิ, ตยิทํ การณํ อาทิกมฺมิกภาวโต เถรา น มฺึสุ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นปฺปฏิวิชฺฌามา’’ติ.
นิมิตฺตํ ปฏิวิชฺฌิตพฺพนฺติ การณํ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสตฺวา สุวิสุทฺธทิพฺพจกฺขุาเณ เถรํ ปติฏฺาเปตุกาโม สตฺถา วทติ. กึ น อาฬุเลสฺสนฺตีติ กึ น พฺยาโมเหสฺสนฺติ, พฺยาโมเหสฺสนฺติ เอวาติ อตฺโถ. วิจิกิจฺฉา อุทปาทีติ ทิพฺพจกฺขุโน ยถาอุปฏฺิเตสุ รูปคเตสุ อปุพฺพตาย, ‘‘อิทํ นุ โข รูปคตํ กึ, อิทํ นุ โข กิ’’นฺติ มคฺเคน อสมุจฺฉินฺนตฺตา วิจิกิจฺฉา สํสโย อุปฺปชฺชิ. สมาธิ จวีติ วิจิกิจฺฉาย อุปฺปนฺนตฺตา ปริกมฺมสมาธิ วิคจฺฉิ. ตโต เอว หิ ปริกมฺโมภาโสปิ อนฺตรธายิ, ทิพฺพจกฺขุนาปิ รูปํ น ปสฺสิ. น มนสิ กริสฺสามีติ มนสิการวเสน เม รูปานิ อุปฏฺหึสุ, รูปานิ ปสฺสโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อิทานิ กิฺจิ น มนสิ กริสฺสามีติ ตุณฺหี อโหสิ ตํ ปน ตุณฺหีภาวปฺปตฺตึ สนฺธายาห ‘‘อมนสิกาโร อุทปาที’’ติ.
ตถาภูตสฺส อมนสิการสฺส อภาวํ อาคมฺม อุปฺปิลํ อุทปาทิ. วีริยํ คาฬฺหํ ปคฺคหิตนฺติ ถินมิทฺธฉมฺภิตตฺตานํ วูปสมนตฺถํ อจฺจารทฺธวีริยํ อโหสิ, เตน จิตฺเต สมาธิทูสิกา เคหสฺสิตา พลวปีติ อุปฺปนฺนา. เตนาห ‘‘อุปฺปิลํ อุปฺปนฺน’’นฺติ. ตโตติ สิถิลวีริยตฺตา. ปตเมยฺยาติ อติวิย ขินฺนํ ภเวยฺย. ตํ มมาติ ปตฺถนาอภิภวนียมนสีเสน ชปฺเปตีติ อภิชปฺปา, ตณฺหา. นานตฺตา นานาสภาวา สฺา นานตฺตสฺา. อติวิย อุปริ กตฺวา นิชฺฌานํ เปกฺขนํ อตินิชฺฌายิตตฺตํ.
๒๔๓. ปริกมฺโมภาสเมวาติ ปริกมฺมสมุฏฺิตํ โอภาสเมว. น จ รูปานิ ปสฺสามีติ โอภาสมนสิการปสุตตาย ทิพฺพจกฺขุนา รูปานิ น ปสฺสามิ. วิสยรูปเมวาติ เตน ผริตฺวา ิตฏฺาเนว ทิพฺพจกฺขุโน วิสยภูตํ รูปคตเมว มนสิ กโรมิ.
กสิณรูปานํ ¶ วเสเนตฺถ โอภาสสฺส ปริตฺตตาติ อาห ‘‘ปริตฺตฏฺาเน โอภาส’’นฺติ. ปริตฺตานิ รูปานีติ กติปยานิ, สา จ เนสํ ปริตฺตตา านวเสเนวาติ อาห ‘‘ปริตฺตกฏฺาเน รูปานี’’ติ. ‘‘อปฺปมาณฺเจวา’’ติอาทินา วุตฺโต ทุติยวาโร. โอภาสปริตฺตตํ สนฺธาย ปริกมฺมสมาธิ ‘‘ปริตฺโต’’ติ วุตฺโต ตสฺเสว โอภาสสฺส อปฺปมาณตาย อปฺปมาณสมาธีติ วจนโต. ตสฺมึ สมเยติ ตสฺมึ ปริตฺตสมาธิโน อุปฺปนฺนสมเย. ทิพฺพจกฺขุปิ ปริตฺตกํ โหติ ปริตฺตรูปคตทสฺสนโต.
๒๔๕. ทุกติกชฺฌานสมาธินฺติ ¶ จตุกฺกนเย ทุกชฺฌานสมาธึ, ปฺจกนเย ติกชฺฌานสมาธินฺติ โยชนา. ทุกชฺฌานสมาธินฺติ จตุกฺกนเย ตติยจตุตฺถวเสน ทุกชฺฌานสมาธึ, ปฺจกนเย จตุตฺถปฺจมวเสน ทุกชฺฌานสมาธึ. ติกจตุกฺกชฺฌานสมาธินฺติ จตุกฺกนเย ติกชฺฌานสมาธึ, ปฺจกนเย จตุกฺกชฺฌานสมาธินฺติ โยชนา.
ติวิธนฺติ สปฺปีติกวเสน ติปฺปการํ สมาธึ. ตทนฺโตคธาติ สปฺปีติกาทิสภาวา. กามํ ภควา ปุริมยาเม ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ, ปจฺฉิมยาเม ทิพฺพจกฺขุาณํ นิพฺพตฺเตนฺโตปิ อิมานิ าณานิ ภาเวสิเยว. วิปสฺสนาปาทกานิ ปน าณานิ สนฺธาย, ‘‘ปจฺฉิมยาเม’’ติ วุตฺตํ, เตนาห ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. ปฺจมชฺฌานสฺสาติ ปฺจมชฺฌานิกสฺส วเสน ปมชฺฌานิโก มคฺโค นตฺถิ. โสติ ปฺจกนโย ภควโต โลกิโย อโหสิ. เอตนฺติ เอตํ, ‘‘สวิตกฺกมฺปิ สวิจารํ สมาธึ ภาเวมี’’ติอาทิวจนํ. โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ‘‘โลกิยํ วา โลกุตฺตรเมว วา’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
อุปกฺกิเลสสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา
๒๔๖. เอเตหีติ ¶ ทุจินฺติตาทีหิ. เอเตน ลกฺขณสทฺทสฺส กรณตฺถตมาห. ตาเนวาติ ลกฺขณานิ เอว. ตสฺสาติ พาลสฺส. ‘‘อยํ พาโล’’ติ นิมียติ สฺจานียติ เอเตหีติ พาลนิมิตฺตานิ. อปทานํ วุจฺจติ วิขฺยาตํ กมฺมํ. ทุจินฺติตาทีนิ จ พาเล วิขฺยาตานิ, อวธารณภาเว วา, ตสฺมา พาลสฺส อปทานานีติ พาลาปทานานิ. อภิชฺฌาทีหิ ¶ ทุฏฺํ ทูสิตํ จินฺเตตีติ ทุจินฺติตจินฺตี. โลภาทีหิ ทุฏฺํ ภาสิตํ มุสาวาทาทึ ภาสตีติ ทุพฺภาสิตภาสี. เตสํ เตสํเยว วเสน กตฺตพฺพโต ทุกฺกฏกมฺมํ ปาณาติปาตาทึ กโรตีติ ทุกฺกฏกมฺมการี. เตนาห ‘‘จินฺตยนฺโต’’ติอาทิ. ตานิ อุปนิสฺสาย ชาตนฺติ ตชฺชํ. ตโต เอว เตสํ สารุปฺปํ อนุรูปนฺติ ตสฺสารุปฺปํ. เตนาห ‘‘ตชฺชาติก’’นฺติอาทิ. กจฺฉมานายาติ กถิยมานาย.
๒๔๘. ยสฺมา สตฺตานํ ยถูปจิตานิ กมฺมานิ กโตกาสานิ ตทุปฏฺาปิตานิ กมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตานิ มรณสฺส อาสนฺนกาเล จิตฺตสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺตานิ, ตทา โอลมฺพนฺตานิ วิย อภิภวนฺตานิ วิย อชฺโฌตฺถรนฺตานิ วิย อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘โอลมฺพนาทิอากาเรน หิ ตานิ อุปฏฺหนฺตี’’ติ. อุปฏฺานากาโร เอว ตทา จิตฺตสฺส โคจรภาวํ คจฺฉตีติ อาห – ‘‘ตสฺมึ อุปฏฺานากาเร อาปาถคเต’’ติ.
๒๔๙. น สกฺกาติ น วทตีติ เอเตน ทฺเวปิ ปฏิเสธา ปกติอตฺถาติ อยมตฺโถ วุตฺโต โหติ. น สุกราติ ปน อิมินา ทุกฺกรภาโว ทีปิโต, ทุกฺกรฺจ ตาว อุปาเยน สกฺกา กาตุนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘น สุกรํ ปนา’’ติอาทิ. เตนาติ วินิวิชฺฌิตฺวา คมเนน อฺมฺํ สํวิชฺฌเนน. อสฺสาติ โจรสฺส. อิโต อุตฺตริปีติ มชฺฌนฺหิกสมยํ สายนฺหสมยฺจ สตฺติสเตน.
๒๕๐. สงฺขมฺปิ น อุเปตีติ อิมินา สงฺขาตพฺพมตฺตํ นตฺถีติ ทีปิตํ โหตีติ อาห – ‘‘คณนามตฺตมฺปิ น คจฺฉตี’’ติ. อุปนิกฺเขปนมตฺตมฺปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กลภาคนฺติ กลานํ สงฺคณนโกฏฺาสํ. เตนาห ‘‘สติมํ กล’’นฺติอาทิ. โอโลกิตมตฺตมฺปีติ อุปนิกฺเขปนวเสน โอโลกนมตฺตกมฺปิ. ตํ กมฺมการณนฺติ ตํ ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณํ จตุนฺนมฺปิ ปสฺสานํ วเสน สมฺปริวตฺเตตฺวา กโรนฺติเยว, ปาฬิยํ ปน เอกปสฺสวเสน อาคตา. เคหสฺสาติ ¶ มหโต เคหสฺส. สพฺพโตติ สพฺพาวยวโต. สมฺปชฺชลิเต เอกชาลีภูเต. สุปกฺกุถิตายาติ สุฏฺุ นิปกฺกาย.
วิภตฺโตติ ตตฺถ นิพฺพตฺตกสตฺตานํ สาธารณกมฺมุนา วิภตฺโต วิย นิพฺพตฺโต. อโยปากาเรน ปริโต อตฺโต คหิโตติ อโยปาการปริยตฺโต ปริกฺขิตฺโต.
ยมกโคฬกาติ ¶ ทารกานํ กีฬนยุคฬา. เอวมฺปิ ทุกฺโขติ ยถาวุตฺตอุสฺสทนิรยวเสนปิ โสต-ฆาน-ชิวฺหา-กาย-มโน-โคจรตาวเสนปิ อิมินา อากาเรน ทุกฺโขติ.
๒๕๑. ทนฺเตหิ อุลฺเลหิตฺวาติ อุตฺตรทนฺเตหิ อฺฉิตฺวา. รสวเสน อติตฺโต อสฺสาโท รสาโท. เตนาห ‘‘รสเคเธน ปริภุตฺตรโส’’ติ.
๒๕๒. ทุรูโปติ วิรูโป. ทุทฺทโสติ เตเนว วิรูปภาเวน อนิฏฺทสฺสโน. ลกุณฺโกติ รสฺโส. ปวิฏฺคีโวติ ขนฺธนฺตรํ อนุปวิฏฺคีโว. มโหทโรติ วิปุลกุจฺฉิ. เยภุยฺเยน หิ ลกุณฺฏกา สตฺตา รสฺสคีวา ปุถุลกุจฺฉิกาว โหนฺตีติ ตถา วุตฺตํ. กาโณ นาม จกฺขุวิกโลติ วุตฺตํ – ‘‘เอกกฺขิกาโณ วา อุภยกฺขิกาโณ วา’’ติ. กุณีติ หตฺถวิกโล วุจฺจตีติ อาห – ‘‘เอกหตฺถกุณี วา อุภยหตฺถกุณี วา’’ติ. วาตาทินา อุปหตกายปกฺโข อิธ ปกฺขหโตติ อธิปฺเปโต, น ปกฺขิหโตติ อาห – ‘‘ปกฺขหโตติ ปีสปฺปี’’ติ. ทุกฺขานุปพนฺธทสฺสนตฺถนฺติ อปราปรชาตีสุ วิปากทุกฺขสฺส อนุปพนฺธวเสน ปวตฺติทสฺสนตฺถํ.
กลียติ ขลียติ อปฺปหียติ สาสนํ เอเตนาติ กลิ, ชุตปราชโย. โส เอว คหสทิสตาย ‘‘กลิคฺคโห’’ติ วุตฺโต. อธิพนฺธนฺติ กุฏุมฺพสฺส อธิวุตฺถสฺส มูลภูตสฺส อตฺตโน พนฺธิตพฺพตํ. เตนาห ‘‘อตฺตนาปิ พนฺธํ นิคจฺเฉยฺยา’’ติ. พาลภูมิยา พาลภาวสฺส มตฺถกปฺปตฺติ นิรยคามิกมฺมการิตาติ ‘‘นิรเย นิพฺพตฺตติ’’จฺเจว วุตฺตํ. ตคฺคหเณเนว ปน ตโต มุทุมุทุตราทิกมฺมวเสน เสสาปาเยสุ อปราปรนิพฺพตฺตาทิพาลภูมิ วิภาวิตา โหตีติ.
๒๕๓. วุตฺตานุสาเรนาติ ‘‘พาโล อย’’นฺติอาทินา วุตฺตสฺส อตฺถวจนสฺส ‘‘ปณฺฑิโต อย’’นฺติ เอเตหิ ลกฺขียตีติอาทินา อนุสาเรน. มโนสุจริตาทีนํ วเสนาติ จินฺเตนฺโต อนภิชฺฌา-อพฺยาปาท-สมฺมาทสฺสนํ สุจินฺติตเมว จินฺเตตีติอาทินา มโนสุจริตานํ ติณฺณํ สุจริตานํ วเสน โยเชตพฺพานิ.
จกฺกรตนวณฺณนา
๒๕๖. อุโปสถํ ¶ ¶ (ที. นิ. ฏี. ๒.๒๔๓) วุจฺจติ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ สพฺพทิวเสสุ คหฏฺเหิ รกฺขิตพฺพสีลํ, สมาทานวเสน ตํ เอตสฺส อตฺถีติ อุโปสถิโก, ตสฺส. เตนาห ‘‘สมาทินฺนอุโปสถงฺคสฺสา’’ติ. ตทาติ ตสฺมึ กาเล, ยสฺมึ ปน กาเล จกฺกวตฺติภาวสํวตฺตนิย-ทาน-สีลาทิ-ปฺุสมฺภารสมุทาคมสมฺปนฺโน ปูริตจกฺกวตฺติวตฺโต กาทีปเทสวิเสสปจฺจาชาติยา เจว กุลรูปโภคาธิปเตยฺยาทิคุณวิเสสสมฺปตฺติยา จ ตทนุรูเป อตฺตภาเว ิโต โหติ, ตสฺมึ กาเล. ตาทิเส หิ กาเล จกฺกวตฺติภาวี ปุริสุตฺตโม ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคโต ราชา ขตฺติโย หุตฺวา มุทฺธาวสิตฺโต วิสุทฺธสีโล อนุโปสถํ สตสหสฺสวิสฺสชฺชนาทินา สมฺมาปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชติ, น ยทา จกฺกรตนํ อุปฺปชฺชติ, ตทา เอว. เตนาห – ‘‘ปาโต…เป… ธมฺมตา’’ติ. (ตตฺถ ทโม อินฺทฺริยสํวโร, สํยโม สีลสํวโร.)
วุตฺตปฺปการปฺุกมฺมปจฺจยนฺติ จกฺกวตฺติภาวาวหทานทมสํยมาทิปฺุกมฺมเหตุกํ. นีลมณิสงฺฆาฏสทิสนฺติ อินฺทนีลมณิสฺจยสมานํ. ทิพฺพานุภาวยุตฺตตฺตาติ ทสฺสนียตา มนฺุโฆสตา อากาสคามิตา โอภาสวิสฺสชฺชนา อปฺปฏิฆาตตา รฺโ อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติการณตาติ เอวมาทีหิ ทิพฺพสทิเสหิ อานุภาเวหิ สมนฺนาคตตฺตา. สพฺเพหิ อากาเรหีติ สพฺเพหิ สุนฺทเรหิ อากาเรหิ. ปริปูรนฺติ ปริปุณฺณํ. สา จสฺส ปาริปูริ อิทาเนว วิตฺถารียติ.
ปนาฬีติ ฉิทฺทํ. สุทฺธสินิทฺธทนฺตปนฺติยา นิพฺพิวรายาติ อธิปฺปาโย. นาภิปนาฬิ ปริกฺเขปปฏฺเฏสูติ นาภิปริกฺเขปปฏฺเฏ เจว นาภิยา ปนาฬิปริกฺเขปปฏฺเฏ จ. สุวิภตฺตาวาติ อฺมฺํ อสํกิณฺณตฺตา สุฏฺุ วิภตฺตา. ปริจฺเฉทเลขนฺตเรสุ มณิกา สุวิภตฺตา หุตฺวา ปฺายนฺตีติ วทนฺติ.
ปริจฺเฉทเลขาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน มาลากมฺมาทึ สงฺคณฺหาติ. สุรตฺตาติอาทีสุ สุรตฺตคฺคหเณน มหานามวณฺณตํ ปฏิกฺขิปติ, สุทฺธคฺคหเณน สํกิลิฏฺตํ, สินิทฺธคฺคหเณน ลูขตํ. กามํ ตสฺส จกฺกรตนสฺส เนมิมณฺฑลํ อสนฺธิกํว นิพฺพตฺตํ, สพฺพตฺถกเมว ปน เกวลํ ปวาฬวณฺโณว ¶ น โสภตีติ ปกติจกฺกสฺส สนฺธิยุตฺเตสุ าเนสุ รตฺตชมฺพุนทปริกฺขตํ อโหสิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สนฺธีสุ ปนสฺสา’’ติอาทิ.
เนมิมณฺฑลปิฏฺิยนฺติ ¶ เนมิมณฺฑลสฺส ปิฏฺิปเทเส. ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานมนฺตเรติ ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานํ อนฺตรสมีเป ปเทเส. ฉิทฺทมณฺฑลจิตฺโตติ มณฺฑลสณฺานฉิทฺทวิจิตฺโต. สุกุสลสมนฺนาหตสฺสาติ สุฏฺุ กุสเลน สิปฺปินา ปหตสฺส, วาทิตสฺสาติ อตฺโถ. วคฺคูติ มโนรโม รชนีโยติ สุณนฺตานํ ราคุปฺปาทโก. กมนีโยติ กนฺโต. สโมสริตกุสุมทามาติ โอลมฺพิตสุคนฺธกุสุมทามา. เนมิปริกฺเขปสฺสาติ เนมิปริยนฺตปริกฺเขปสฺส. นาภิปนาฬิยา ทฺวินฺนํ ปสฺสานํ วเสน ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ นาภิปนาฬีน’’นฺติ วุตฺตํ. เอกา เอว หิ สา ปนาฬิ. เยหีติ เยหิ ทฺวีหิ สีหมุเขหิ. ปุน เยหีติ มุตฺตากลาเปหิ.
โอธาปยมานนฺติ โสตุํ อวหิตานิ กุรุมานํ. จนฺโท ปุรโต, จกฺกรตนํ ปจฺฉาติ เอวํ ปุพฺพาปริเยน ปุพฺพาปรภาเคน.
อนฺเต ปุรสฺสาติ อนุราธปุเร รฺโ อนฺเตปุรสฺส อุตฺตรสีหปฺชรอาสนฺเน ตทา รฺโ ปาสาเท ตาทิสสฺส อุตฺตรทิสาย สีหปฺชรสฺส ลพฺภมานตฺตา วุตฺตํ. สุเขน สกฺกาติ กิฺจิ อนารุหิตฺวา สรีรฺจ อนุลฺลงฺฆิตฺวา ยถาิเตเนว หตฺเถน ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิตฺวา สุเขน สกฺกา โหติ ปูเชตุํ.
นานาวิราครตนปฺปภาสมุชฺชลนฺติ นานาวิธจิตฺตวณฺณรตโนภาสปภสฺสรํ. อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวตฺเตติ. อาคนฺตฺวา ิตฏฺานโต อุปริ อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวตฺเต.
สนฺนิเวสกฺขโมติ ขนฺธวารสนฺนิเวสโยคฺโย. สุลภาหารูปกรโณติ สุเขเนว ลทฺธพฺพธฺโครสทารุติณาทิโภชนสาธโน. ปรจกฺกนฺติ ปรสฺส รฺโ เสนา, อาณา วา.
อาคตนนฺทโนติ อาคโต หุตฺวา นนฺทิชนโน. อาคตํ วา อาคมนํ, เตน นนฺทตีติ อาคตนนฺทโน. คมเนน โสเจตีติ คมนโสจโน. อุปกปฺเปถาติ อุปรูปริ กปฺเปถ สํวิทหถ, อุปเนถาติ ¶ อตฺโถ. อุปปริกฺขิตฺวาติ เหตุโตปิ สภาวโตปิ ผลโตปิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกอาทีนวโตปิ วีมํสิตฺวา.
วิภาเวนฺติ ปฺาย อตฺถํ วิภูตํ กโรนฺตีติ วิภาวิโน, ปฺวนฺโต. อนุยนฺตาติ อนุวตฺตกา. โอคจฺฉมานนฺติ โอสีทนฺตํ. โยชนมตฺตนฺติ วิตฺถารโต โยชนมตฺตํ ปเทสํ. คมฺภีรภาเวน ¶ ปน ยถา ภูมิ ทิสฺสติ, เอวํ โอคจฺฉติ. เตนาห ‘‘มหาสมุทฺทตล’’นฺติอาทิ. อนฺเต จกฺกรตนํ อุทเกน เสนาย อนชฺโฌตฺถรณตฺถํ.
๒๕๗. ปุรตฺถิโม สมุทฺโท ปริยนฺโต อสฺสาติ ปุรตฺถิมสมุทฺทปริยนฺโต, ปุรตฺถิมสมุทฺทํ ปริยนฺตํ กตฺวา. จาตุรนฺตายาติ จาตุสมุทฺทนฺตาย ปุพฺพวิเทหาทิจตุโกฏฺาสนฺตาย.
หตฺถิรตนวณฺณนา
๒๕๘. หริจนฺทนาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน จตุชฺชาติยคนฺธาทึ สงฺคณฺหาติ. อาคมนํ จินฺเตถาติ วทนฺติ จกฺกวตฺติวตฺตสฺส ปูริตตาย ปริจิตตฺตา. ภูมิผุสนเกหิ วาลธิ, วรงฺคํ หตฺโถติ อิเมหิ จ ตีหิ, จตูหิ ปาเทหิ จาติ สตฺตหิ อวยเวหิ ิตตฺตา สตฺตปติฏฺโ. อิตเรสํ อมจฺจาทีนํ จินฺตยนฺตานํ น อาคจฺฉติ. อปเนตฺวาติ อตฺตโน อานุภาเวน อปเนตฺวา. คนฺธเมว หิ ตสฺส อิตเร หตฺถิโน น สหนฺติ.
อสฺสรตนวณฺณนา
สินฺธวกุลโตติ สินฺธวสฺสาชานียกุลโต.
มณิรตนวณฺณนา
สกฏนาภิสมปฺปมาณนฺติ ปริณาหโต มหาสกฏสฺส นาภิยา สมปฺปมาณํ. อุโภสุ อนฺเตสูติ เหฏฺา อุปริ จาติ ทฺวีสุ อนฺเตสุ. กณฺณิกปริยนฺตโตติ ทฺวินฺนํ กฺจนปทุมานํ กณฺณิกาย ปริยนฺตโต. มุตฺตาชาลเก เปตฺวาติ สุวิสุทฺเธ มุตฺตามเย ชาลเก ปติฏฺเปตฺวา.
อิตฺถิรตนวณฺณนา
‘‘อิตฺถิรตนํ ¶ ปาตุภวตี’’ติ วตฺวา อสฺส ปาตุภวนาการํ ทสฺเสตุํ, ‘‘มทฺทราชกุลโต วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มทฺทรฏฺํ กิร อภิรูปานํ อิตฺถีนํ อุปฺปตฺติฏฺานํ. สณฺานปาริปูริยาติ หตฺถปาทาทิสรีราวยวานํ สุสณฺิตตาย. อวยวปาริปูริยา หิ สมุทายปาริปูริสิทฺธิ. รูปนฺติ สรีรํ. ทสฺสนียาติ สุรูปภาเวน ปสฺสิตพฺพยุตฺตา. โสมนสฺสวเสน จิตฺตํ ปสาเทติ โยนิโส ¶ จินฺเตนฺตานํ กมฺมผลสทฺธาย วเสน. ปสาทาวหตฺตาติ การณวจเนน ยถา ปาสาทิกตาย วณฺณโปกฺขรตาสิทฺธิ วุตฺตา, เอวํ ทสฺสนียตาย ปาสาทิกตาสิทฺธิ, อภิรูปตาย จ ทสฺสนียตาสิทฺธิ วตฺตพฺพาติ นยํ ทสฺเสติ. ปฏิโลมโต วา วณฺณโปกฺขรตาย ปาสาทิกตาสิทฺธิ, ปาสาทิกตาย ทสฺสนียตาสิทฺธิ, ทสฺสนียตาย อภิรูปตาสิทฺธิ โยเชตพฺพา. เอวํ สรีรสมฺปตฺติวเสน อภิรูปตาทิเก ทสฺเสตฺวา อิทานิ สรีเร โทสาภาววเสนปิ เต ทสฺเสตุํ, ‘‘อภิรูปา วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา ปมาณยุตฺตา, เอวํ อาโรหปริณาหโยคโต จ ปาสาทิกา นาติทีฆตาทโย. เอวํ มนุสฺสานํ ทิพฺพรูปตาสมฺปตฺติปีติ ‘‘อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณ’’นฺติ วุตฺตํ. กายวิปตฺติยาติ สรีรโทสสฺส. อภาโวติ อจฺจนฺตเมว ทูรีภาโว.
สตวิหตสฺสาติ สตกฺขตฺตุํ วิหตสฺส. สตวิหตสฺสาติ จ อิทํ กปฺปาสปิจุวเสน วุตฺตํ, ตูลปิจุโน ปน วิหนนเมว นตฺถิ. กุงฺกุมตครตุรุกฺขยวนปุปฺผานิ จตุชฺชาติ. ตมาลตครตุรุกฺขยวนปุปฺผานีติ อปเร.
อคฺคิทฑฺฒา วิยาติ อาสนคเตน อคฺคินา ทฑฺฒา วิย. ปมเมวาติ อฺกิจฺจโต ปมเมว, ทสฺสนสมกาลเมวาติ อตฺโถ. ตํ ตํ อตฺตนา รฺโ กาตพฺพกิจฺจํ กึ กโรมีติ ปุจฺฉิตพฺพตาย กึ กรณนฺติ ปฏิสฺสาเวตีติ กิงฺการปฏิสฺสาวินี.
มาตุคาโม นาม เยภุยฺเยน สชาติโก, อิตฺถิรตนสฺส ปน ตํ นตฺถีติ ทสฺเสตุํ, ‘‘สฺวาสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คุณาติ รูปคุณา เจว อาจารคุณา จ. ปุริมกมฺมานุภาเวนาติ ตสฺสา ปุริมกมฺมานุภาเวน. อิตฺถิรตนสฺส ตพฺภาวสํวตฺตนิยปุริมกมฺมสฺส อานุภาเวน, จกฺกวตฺติโนปิ ปริวารสํวตฺตนิยํ ปฺุกมฺมํ ตาทิสสฺส ผลวิเสสสฺส อุปนิสฺสโย โหติเยว. เตนาห ‘‘จกฺกวตฺติโน ปฺุํ อุปนิสฺสายา’’ติ. เอเตน เสสรตเนสุปิ ¶ เตสํ วิเสสานํ ตทุปนิสฺสยตา วิภาวิตา เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ปุพฺเพ เอกเทสวเสน ลพฺภมานปาริปูรี รฺโ จกฺกวตฺติภาวูปคมนโต ปฏฺาย สพฺพาการปาริปูรา ชาตา.
คหปติรตนวณฺณนา
ปกติยาวาติ สภาเวเนว, จกฺกรตนปาตุภาวโต ปุพฺเพปิ.
ปริณายกรตนวณฺณนา
นิสฺสายาติ อุปนิสฺสาย.
๒๖๐. กฏคฺคโห ¶ วุจฺจติ ชยคฺคโห สกานํ ปณานํ กฏภาเวน อตฺถสิทฺธิวเสน สงฺคณฺหนนฺติ กตฺวา. เตนาห ‘‘ชยคฺคาเหนา’’ติ. เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกปฺปโยเคเนว สตสหสฺสานิ อธิคจฺเฉยฺยาติ โยชนา. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. เทวทูตสุตฺตวณฺณนา
๒๖๑. ทฺเว ¶ อคาราติอาทีติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘สทฺวารา…เป… อนุวิจรนฺเตปี’’ติ เอตมตฺถํ สงฺคณฺหาติ. เอตฺตกเมว หิ อสฺสปุรสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๓๒; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๓๒) วิตฺถาริตํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติอาทิ ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๓๙๗) ตถา วิตฺถาริตมฺปิ สุตฺตสํวณฺณนา โหตีติ กตฺวา, ‘‘อสฺสปุรสุตฺเต วิตฺถาริตเมวา’’ติ วุตฺตํ.
๒๖๒. นิรยโต ปฏฺาย เทสนํ เทวโลเกน โอสาเปตีติ สํกิเลสธมฺเมหิ สํเวเชตฺวา โวทานธมฺเมหิ นิฏฺาเปนฺโต. ทุติยํ ปน วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ตทิทํ เวเนยฺยชฺฌาสยวิสิฏฺนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ สงฺขิปิตฺวา วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ, ‘‘สเจ’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสติ ภควา.
เอกจฺเจ ¶ เถราติ (กถา. อนุฏี. ๘๖๖-๘๖๘; อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๓๖) อนฺธกาทิเก, วิฺาณวาทิโน จ สนฺธาย วทติ. เนรยิเก นิรเย ปาเลนฺติ ตโต นิคฺคนฺตุมปฺปทานวเสน รกฺขนฺตีติ นิรยปาลา. เนรยิกานํ นรกทุกฺเขน ปริโยนทฺธาย อลํ สมตฺถาติ วา นิรยปาลา. ตนฺติ ‘‘นตฺถิ นิรยปาลา’’ติวจนํ. ปฏิเสธิตเมวาติ ‘‘อตฺถิ นิรเย นิรยปาลา, อตฺถิ จ การณิกา’’ติอาทินา นเยน อภิธมฺเม (กถา. ๘๖๖) ปฏิเสธิตเมว. ยทิ นิรยปาลา นาม น สิยุํ, กมฺมการณาปิ น ภเวยฺย. สติ หิ การณิเก กมฺมการณาย ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. เอตฺถาห – ‘‘กึ ปเนเต นิรยปาลา เนรยิกา, อุทาหุ อเนรยิกา’’ติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว เนรยิกา, อิเม นิรยสํวตฺตนิเยน กมฺมุนา นิพฺพตฺตาติ สยมฺปิ นิรยทุกฺขํ อนุภเวยฺยุํ, ตถา สติ อฺเสํ เนรยิกานํ ยาตนาย อสมตฺถา สิยุํ, ‘‘อิเม เนรยิกา, อิเม นิรยปาลา’’ติ ววตฺถานฺจ น สิยา, เย จ เย ยาเตนฺติ, เตหิ สมานรูปพลปฺปมาเณหิ อิตเรสํ ภยสนฺตาสา น สิยุํ. อถ อเนรยิกา, เนสํ ตตฺถ กถํ สมฺภโวติ วุจฺจเต – อเนรยิกา นิรยปาลา อนิรยคติสํวตฺตนิยกมฺมนิพฺพตฺติโต. นิรยูปปตฺติสํวตฺตนิยกมฺมโต หิ อฺเเนว กมฺมุนา เต นิพฺพตฺตนฺติ รกฺขสชาติกตฺตา. ตถา หิ วทนฺติ สพฺพตฺถิวาทิโน –
‘‘โกธนา ¶ กุรูรกมฺมนฺตา, ปาปาภิรุจิโน สทา;
ทุกฺขิเตสุ จ นนฺทนฺติ, ชายนฺติ ยมรกฺขสา’’ติ. (กถา. อนุฏี. ๘๖๖-๘๖๘; อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๓๖);
ตตฺถ ยเทเก วทนฺติ ‘‘ยาตนาทุกฺขํ ปฏิสํเวเทยฺยุํ, อถ วา อฺมฺํ ยาเตยฺยุ’’นฺติอาทิ, ตยิทํ อสารํ นิรยปาลานํ เนรยิกภาวสฺเสว อภาวโต. ยทิปิ อเนรยิกา นิรยปาลา, อโยมยาย ปน อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย นิรยภูมิยา ปริกฺกมมานา กถํ ทาหทุกฺขํ นานุภวนฺตีติ? กมฺมานุภาวโต. ยถา หิ อิทฺธิมนฺโต เจโตวสิปฺปตฺตา มหาโมคฺคลฺลานาทโย เนรยิเก อนุกมฺปนฺตา อิทฺธิพเลน นิรยภูมึ อุปคตา ทาหทุกฺเขน น พาธียนฺติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
อิทฺธิวิสยสฺส ¶ อจินฺเตยฺยภาวโตติ เจ? อิทมฺปิ ตํสมานํ กมฺมวิปากสฺส อจินฺเตยฺยภาวโต. ตถารูเปน หิ กมฺมุนา เต นิพฺพตฺตา. ยถา นิรยทุกฺเขน อพาธิตา เอว หุตฺวา เนรยิเก ยาเตนฺติ, น เจตฺตเกน พาหิรวิสยาภาโว ยุชฺชติ อิฏฺานิฏฺตาย ปจฺเจกํ ทฺวารปุริเสสุ วิภตฺตสภาวตฺตา. ตถา หิ เอกจฺจสฺส ทฺวารสฺส ปุริสสฺส จ อิฏฺํ เอกจฺจสฺส อนิฏฺํ, เอกจฺจสฺส จ อนิฏฺํ เอกจฺจสฺส อิฏฺํ โหติ. เอวฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ – ‘‘นตฺถิ กมฺมวเสน เตชสา ปรูปตาปน’’นฺติอาทิ, ตทปาหตํ โหติ. ยํ ปน วทนฺติ – ‘‘อเนรยิกานํ เนสํ กถํ ตตฺถ สมฺภโว’’ติ นิรเย เนรยิกานํ ยาตนาสพฺภาวโต. เนรยิกสตฺตยาตนาโยคฺยฺหิ อตฺตภาวํ นิพฺพตฺเตนฺตํ กมฺมํ ตาทิสนิกนฺติวินามิตํ นิรยฏฺาเนเยว นิพฺพตฺเตติ. เต จ เนรยิเกหิ อธิกตรพลาโรหปริณาหา อติวิย ภยานกทสฺสนา กุรูรตรปโยคา จ โหนฺติ. เอเตเนว ตตฺถ เนรยิกานํ วิพาธกกากสุนขาทีนมฺปิ นิพฺพตฺติ สํวณฺณิตาติ ทฏฺพฺพํ.
กถํ อฺคติเกหิ อฺคติกพาธนนฺติ จ น วตฺตพฺพํ อฺตฺถาปิ ตถา ทสฺสนโต. ยํ ปเนเก วทนฺติ – ‘‘อสตฺตสภาวา เอว นิรยปาลา นิรยสุนขาทโย จา’’ติ ตมฺปิ เตสํ มติมตฺตํ อฺตฺถ ตถา อทสฺสนโต. น หิ กาจิ อตฺถิ ตาทิสี ธมฺมปฺปวตฺติ, ยา อสตฺตสภาวา, สมฺปติสตฺเตหิ อปฺปโยชิตา จ สตฺตกิจฺจํ สาเธนฺตี ทิฏฺปุพฺพา. เปตานํ ปานียนิวารกานํ ทณฺฑาทิหตฺถปุริสานมฺปิ สพฺภาเว, อสตฺตภาเว จ วิเสสการณํ นตฺถิ. สุปิโนปฆาโตปิ อตฺถิ, กิจฺจสมตฺถตา ปน อปฺปมาณํ ทสฺสนาทิมตฺเตนปิ ตทตฺถสิทฺธิโต. ตถา หิ สุปิเน อาหารูปโภคาทินา น อตฺถสิทฺธิ, อิทฺธินิมฺมานรูปํ ปเนตฺถ ลทฺธปริหารํ อิทฺธิวิสยสฺส ¶ อจินฺเตยฺยภาวโต. อิธาปิ กมฺมวิปากสฺส อจินฺเตยฺยภาวโตติ เจ? ตํ น, อสิทฺธตฺตา. เนรยิกานํ กมฺมวิปากโต นิรยปาลาติ อสิทฺธเมตํ, วุตฺตนเยน ปน ปาฬิโต จ เตสํ สตฺตภาโว เอว สิทฺโธติ. สกฺกา หิ วตฺตุํ, ‘‘สตฺตสงฺขาตา นิรยปาลสฺิตา ธมฺมปฺปวตฺติ สาภิสนฺธิกปรูปฆาตี อตฺถิ กิจฺจสพฺภาวโต โอชาหาราทิรกฺขสสนฺตติ ¶ วิยา’’ติ. อภิสนฺธิปุพฺพกตา เจตฺถ น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุํ ตถา ตถา อภิสนฺธิยา ยาตนโต, ตโต เอว น สงฺฆาตปพฺพตาทีหิ อเนกนฺติกตา. เย ปน วทนฺติ – ‘‘ภูตวิเสสา เอว เอเต วณฺณสณฺานาทิวิเสสวนฺโต เภรวาการา ‘นรกปาลา’ติ สมฺํ ลภนฺตี’’ติ. ตทสิทฺธํ อุชุกเมว ปาฬิยํ, – ‘‘อตฺถิ นิรเยสุ นิรยปาลา’’ติ (กถา. ๘๖๖) วาทสฺส ปติฏฺาปิตตฺตา.
อปิจ ยถา อริยวินเย นรกปาลานํ ภูตมตฺตตา อสิทฺธา, ตถา ปฺตฺติมตฺตวาทิโนปิ เตสํ ภูตมตฺตตา อสิทฺธาว สพฺพโส รูปธมฺมานํ อตฺถิ ภาวสฺเสว อปฺปฏิชานนโต. น หิ ตสฺส ภูตานิ นาม ปรมตฺถโต สนฺติ. ยทิ ปรมตฺถํ คเหตฺวา โวหรติ, อถ กสฺมา จกฺขุรูปาทีนิ ปฏิกฺขิปตีติ? ติฏฺเตสา อนวฏฺิตตกฺกานํ อปฺปหีนสมฺโมหวิปลฺลาสานํ วาทวีมํสา, เอวํ, ‘‘อตฺเถว นิรเย นิรยปาลา’’ติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. สติ จ เนสํ สพฺภาเว, อสติปิ พาหิเร วิสเย นรเก วิย เทสาทินิยโม โหตีติ วาโท น สิชฺฌติ, สติ เอว ปน พาหิเร วิสเย เทสาทินิยโมติ ทฏฺพฺพํ.
เทวทูตสราปนวเสน สตฺเต ยถูปจิเต ปฺุกมฺเม ยเมติ นิยเมตีติ ยโม, ตสฺส ยมสฺส เวมานิกเปตานํ ราชภาวโต รฺโ. เตนาห – ‘‘ยมราชา นาม เวมานิกเปตราชา’’ติ. กมฺมวิปากนฺติ อกุสลกมฺมวิปากํ. เวมานิกเปตาติ กณฺหสุกฺกวเสน มิสฺสกกมฺมํ กตฺวา วินิปาติกเทวตา วิย สุกฺเกน กมฺมุนา ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ. ตถา หิ เต มคฺคผลภาคิโนปิ โหนฺติ, ปวตฺติยํ ปน กมฺมานุรูปํ กทาจิ ปฺุผลํ, กทาจิ อปฺุผลํ ปจฺจนุภวนฺติ. เยสํ ปน อริยมคฺโค อุปฺปชฺชติ, เตสํ มคฺคาธิคมโต ปฏฺาย ปฺุผลเมว อุปฺปชฺชตีติ ทฏฺพฺพํ. อปฺุผลํ ปุพฺเพ วิย กฏุกํ น โหติ. มนุสฺสตฺตภาเว ิตานํ มุทุกเมว โหตีติ อปเร. ธมฺมิโก ราชาติ เอตฺถ ตสฺส ธมฺมิกภาโว ธมฺมเทวปุตฺตสฺส วิย อุปฺปตฺตินิยมิตธมฺมวเสเนว เวทิตพฺโพ. ทฺวาเรสูติ อวีจิมหานรกสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ.
ชาติธมฺโมติ กมฺมกิเลสวเสน ชาติปกติโก. เตนาห ‘‘ชาติสภาโว’’ติ. สภาโว จ ¶ นาม เตโชธาตุยา อุณฺหตา วิย น กทาจิปิ วิคจฺฉตีติ อาห ‘‘อปริมุตฺโต ชาติยา’’ติอาทิ.
๒๖๓. อิทานิ ¶ ชาติยา เทวทูตภาวํ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสตุํ, ‘‘ทหรกุมาโร’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺถโต เอวํ วทติ นามาติ วาจาย อวทนฺโตปิ อตฺถาปตฺติโต เอวํ วทนฺโต วิย โหติ วิฺูนนฺติ อตฺโถ. เอวํ ตุมฺหากมฺปิ ชาติ อาคมิสฺสตีติ เอวํ สํกิลิฏฺเชคุจฺฉอสมตฺถทหราวตฺถา ชาติ ตุมฺหากํ อาคมิสฺสติ. กามฺจายํ อาคตา เอว, สา ปน อตีตานาคตาย อุปริปิ อาคมนาย ปโยโค อิจฺฉิตพฺโพ, อนาคตาย น อิจฺฉิตพฺโพติ อาห ‘‘ชาติ อาคมิสฺสตี’’ติ. เตเนวาห – ‘‘อิติ ตสฺสา…เป… กโรถา’’ติ. เตนาติ เตน การเณน วิฺูนํ เวทวตฺถุภาเวนาติ อตฺโถ.
อูรุพลนฺติ อูรุพลี. เตน ทูเรปิ คมนาคมนลงฺฆนาทิสมตฺถตํ ทสฺเสติ, พาหุพลนฺติ ปน อิมินา หตฺเถหิ กาตพฺพกิจฺจสมตฺถตํ, ชวคฺคหเณน เวคสฺส ปวตฺติสมตฺถตํ. อนฺตรหิตา นฏฺา. เสสํ ปมเทวทูเต วุตฺตนยเมว.
วิวิธํ ทุกฺขํ อาทหตีติ พฺยาธิ, วิเสเสน วา อาธียติ เอเตนาติ พฺยาธิ, เตน พฺยาธินา. อภิหโตติ พาธิโต, อุปทฺทุโตติ อตฺโถ.
๒๖๕. การณา นาม ‘‘หตฺถจฺเฉทาทิเภทา อธิกปีฬา กรียติ เอตายา’’ติ กตฺวา ยาตนา, สา เอว การณิเกหิ กาตพฺพฏฺเน กมฺมนฺติ กมฺมการณา ยาตนากมฺมนฺติ อตฺโถ.
๒๖๖. พหุํ ปาปํ กตนฺติ พหุโส ปาปํ กตํ. เตน ปาปสฺส พหุลีกรณมาห. พหูติ วา มหนฺตํ. มหตฺโถปิ หิ พหุสทฺโท ทิสฺสติ, ‘‘พหุ วต กตํ อสฺสา’’ติอาทีสุ, ครุกนฺติ วุตฺตํ โหติ. โสติ ครุกํ พหุลํ วา ปาปํ กตฺวา ิโต นิรเย นิพฺพตฺตติเยว, น ยมปุริเสหิ ยมสฺส สนฺติกํ นียติ. ปริตฺตนฺติ ปมาณปริตฺตตาย กาลปริตฺตตาย จ ปริตฺตํ, ปุริมสฺมึ ปกฺเข อครุนฺติ อตฺโถ, ทุติยสฺมึ อพหุลนฺติ. ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ, ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กตฺตพฺพเมวาติ ทณฺฑเมว. อนุวิชฺชิตฺวา วีมํสิตฺวา. วินิจฺฉยฏฺานนฺติ อฏฺฏกรณฏฺานํ. ปริตฺตปาปกมฺมาติ ทุพฺพลปาปกมฺมา. เต หิ ปาปกมฺมสฺส ทุพฺพลภาวโต กตูปจิตสฺส จ โอกาสารหกุสลกมฺมสฺส พลวภาวโต อตฺตโน ธมฺมตายปิ สรนฺติ.
อากาสเจติยนฺติ ¶ ¶ คิริสิขเร วิวฏงฺคเณ กตเจติยํ. อคฺคิชาลสทฺทนฺติ ‘‘ปฏปฏา’’ติ ปวตฺตมานํ อคฺคิชาลาย สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘มยา ตทา อากาสเจติเย ปูชิตรตฺตปฏา วิยา’’ติ อตฺตโน ปูชิตปฏํ อนุสฺสริ. ปฺจหิปิ น สรตีติ พลวตา ปาปกมฺเมน พฺยาโมหิโต ปฺจ สฺาณานิ น คณฺหาติ. ตุณฺหี โหติ กมฺมารโห อยนฺติ ตตฺถ ปตีการํ อปสฺสนฺโต.
๒๖๗. อวีจิมหานิรโย อุพฺเพเธนปิ โยชนสตเมวาติ วทนฺติ. นวนวโยชนิกา โหติ ปุถุลโต. มหานิรยสฺส มหนฺตตฺตา ตถาปิ ภิตฺติสตํ โยชนสหสฺสํ โหตีติ อุสฺสทสฺส สพฺพสฺส ปริกฺเขปโต ‘‘ทสโยชนสหสฺสํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.
๒๖๘. ฌายตีติ ปฏิปากติกํ โหติ. ตาทิสเมวาติ ปุริมสทิสตฺตา ‘‘อุพฺภตํ สทิสเมว โหตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ. พหุสมฺปตฺโตติ วา พหุฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ปุรตฺถิมทฺวารํ สมฺปตฺโต โหติ.
ฉนฺนํ ชาลานนฺติ จตูหิ ทิสาหิ เหฏฺา อุปริ จ อุพฺภตานํ ฉนฺนํ ชาลานํ. สตฺตานํ นิรนฺตรตา นิรยสํวตฺตนิยกมฺมกตานฺจ พหุภาวโต ชาลานํ ตาว สตฺตานฺจ นิรนฺตรตฺตา อวีจิ โหตุ; ทุกฺขสฺส ปน กถํ นิรนฺตรตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘กายทฺวาเร…เป… เอกํ ทุกฺขสหคต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาวชฺชนํ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺตีรณํ โวฏฺพฺพนํ ทฺเว ตทารมฺมณจิตฺตานีติ ฉ อุเปกฺขาสหคตานิ. เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ ตตฺถ อุเปกฺขาสหคตจิตฺตานิปิ ปวตฺตนฺติ อุเปกฺขาเวทนาปิ ลทฺธาวสรา; ทุกฺขเวทนา ปน พลวตรา นิสิตนิสิเตน ติขิเณน สตฺเถน นิรนฺตรํ สรีรํ ฉินฺทนฺตี วิย ทุกฺขํ อุปเนนฺตี วิย ตา เวทนา อภิภวนฺตี อชฺโฌตฺถรนฺตี อุปฺปชฺชนฺตี นิรนฺตรา วิย โหติ. เตนาห ‘‘อนุทหนพลวตายา’’ติอาทิ. อุเปกฺขาเวทนาติ วา ตตฺถ อติวิย อนิฏฺผลตาย อนิฏฺารมฺมณา อุเปกฺขาเวทนา ทุกฺขาติ วุจฺจติ, ยถา อิฏฺผลพหุตาย อิฏฺารมฺมณา ฌานาทิปริยาปนฺเน จ สุคติภเว จ อุเปกฺขาเวทนา สุขาติ วุจฺจติ, เอวํ ทุกฺขสฺส นิรนฺตรตาย อวีจีติ เวทิตพฺพํ.
๒๖๙. เอโก ¶ ปาโท มหานิรเย โหติ, เอโก คูถนิรเย นิปตติ, กมฺมเวคุกฺขิตฺโต อนฺตรา ปทมาวหติ เสสารมฺภตาย. หตฺถิคีวปฺปมาณา ปริณาเหน. เอกโทณิกนาวาปฺปมาณา อายาเมน.
โปกฺขรปตฺตานีติ ¶ ขุรธาราสทิสานิ ติขิณคฺคานิ อโยสูลมยาเนว ปทุมปตฺตานิ. เหฏฺา ขุรธาราติ เหฏฺาภูมิยํ นิกฺขิตฺตา, เวตฺตลตาโย จ ติขิณธารกณฺฏกา อโยมยา เอว. เตนาห – ‘‘โส ตตฺถ ทุกฺขา’’ติอาทิ. กุสติณานีติ กุสติณชาติตาย ตถา วุตฺตานิ. ขรวาลิกาติ ขรา ติขิณโกฏิกา สิงฺฆาฏกสณฺานา วาลิกา.
๒๗๐. ทนฺเต สมฺผุเสตีติ เหฏฺิมทนฺเต ยถา กิฺจิ มุเข ปกฺขิปิตุํ น สกฺกา, เอวํ สุผุสิเต กโรติ. ตมฺพโลหปานโต ปฏฺายาติ วุตฺตการณโต ปฏิโลมโตปิ เอวํ กมฺมการณานํ การณมาห. ทุติเยนาติ กุารีหิ ตจฺฉเนน. ตติเยนาติ วาสีหิ ตจฺฉเนน. อวิชหิตเมว สํเวคเหตุตาย โลกสฺส มหโต อตฺถสฺส สํวตฺตนโต.
๒๗๑. หีนกายํ หีนํ วา อตฺตภาวํ อุปคตา. อุปาทาเนติ จตุพฺพิเธปิ อุปาทาเน. ตํ อตฺถโต ตณฺหาทิฏฺิคฺคาโหติ อาห ‘‘ตณฺหาทิฏฺิคหเณ’’ติ. สมฺภวติ ชรามรณํ เอเตนาติ สมฺภโว, อุปาทานนฺติ อาห – ‘‘ชาติยา มรณสฺส จ การณภูเต’’ติ. อนุปาทาติ อนุปาทาย. เตนาห ‘‘อนุปาทิยิตฺวา’’ติ.
สพฺพทุกฺขาติกฺกนฺตา นามาติ สกลมฺปิ วฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกนฺตา เอว โหนฺติ จริมจิตฺตนิโรเธน วฏฺฏทุกฺขเลสสฺสปิ อสมฺภวโต.
เทวทูตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
นิฏฺิตา จ สฺุตวคฺควณฺณนา.
๔. วิภงฺควคฺโค
๑. ภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๗๒. เอกา ¶ ¶ รตฺติ เอกรตฺโต, ภทฺโท เอกรตฺโต เอตสฺสาติ ภทฺเทกรตฺตํ, วิปสฺสนํ ปริพฺรูเหนฺโต ปุคฺคโล. เตนาห – ‘‘วิปสฺสนานุโยคสมนฺนาคตตฺตา’’ติ. ตํ อุทฺทิสฺส ปวตฺติยา ปน ภทฺเทกรตฺตสหจรณโต ภทฺเทกรตฺโต. เตนาห ภควา – ‘‘ภทฺเทกรตฺตสฺส โว, ภิกฺขเว, อุทฺเทสฺจ วิภงฺคฺจ เทเสสฺสามี’’ติ. เทเสตพฺพมตฺถํ อุทฺทิสติ เอเตนาติ อุทฺเทโส, สงฺเขปเทสนา เอว. ยสฺมา ปน นิทฺเทสปทานํ ชนนิฏฺาเน ิตตฺตา มาตา วิยาติ มาติกาติ วุจฺจติ, ตสฺมาห ‘‘อุทฺเทสนฺติ มาติก’’นฺติ. อุทฺทิฏฺมตฺถํ วิภชติ เอเตนาติ วิภงฺโค วิตฺถารเทสนา, เตนาห – ‘‘วิตฺถารภาชนิย’’นฺติ ‘‘ยถาอุทฺทิฏฺมตฺถํ วิตฺถารโต ภาเชติ วิภชติ เอเตนา’’ติ กตฺวา.
อุปฺปาทาทิขณตฺตยํ ปตฺวา อติกฺกมํ อติกฺกนฺตํ อตีตํ. ตํ ปน อตฺถโต วิคตํ ขนฺธปฺจกนฺติ อาห ‘‘อตีเต ขนฺธปฺจเก’’ติ. ตณฺหาทิฏฺีหิ นานุคจฺเฉยฺยาติ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนาหิ นานุภเวยฺย, นาภินนฺเทยฺยาติ อตฺโถ. ยถา ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา วิปรีตคฺคาหวเสน อตีเตสุ รูปาทีสุ มิจฺฉาอภินิวิสนํ ปรามาโส ทิฏฺาภินนฺทนา; เอวํ ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา วิปรีตคฺคาหวเสน อนาคเตสุ รูปาทีสุ มิจฺฉาอภินิวิสนํ ปรามาโส ทิฏฺิ กมฺมสมาทานํ ทิฏฺิปตฺถนาติ ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห – ‘‘ตณฺหาทิฏฺีหิ น ปตฺเถยฺยา’’ติ. ยทตีตนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน ‘‘อปตฺต’’นฺติ ปทํ สงฺคณฺหาติ. ตมฺปิ หิ การณวจนํ. เตนาห ‘‘ยสฺมา จา’’ติ. ตตฺถายมธิปฺปาโย, ‘‘อตีตํ ตณฺหาทิวเสน นาภินนฺทิตพฺพํ สพฺพโส อวิชฺชมานตฺตา สสวิสาณํ วิย, ตถา อนาคตมฺปิ น ปตฺเถตพฺพ’’นฺติ. ตตฺถ สิยา – อตีตํ นาภินนฺทิตพฺพํ อภินนฺทนาย นิปฺปโยชนตฺตา, อนาคตปตฺถนา ปน สผลาปิ สิยาติ น สพฺพโส ปฏิกฺขิปิตพฺพาติ? น, ตสฺสาปิ สวิฆาตภาเวน ปฏิกฺขิปิตพฺพโต. เตนาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปหีนนฺติ นิสฺสฏฺสภาวํ. นิรุทฺธนฺติ ¶ ภคฺคํ. อตฺถงฺคตนฺติ วินาสํ. อปฺปตฺตนฺติ สภาวํ อุปฺปาทาทิกํ อสมฺปตฺตํ. อชาตนฺติ น ชาตํ. อนิพฺพตฺตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ.
ยตฺถ ยตฺถาติ ยสฺมึ ยสฺมึ ขเณ, ยสฺมึ ยสฺมึ วา ธมฺมปฺุเช อุปฺปนฺนํ, ตํ สพฺพมฺปิ อเสเสตฺวา. อรฺาทีสุ วาติ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ. เตน ¶ อรฺเ วา รุกฺขมูเล วา ปพฺพตกนฺทราทีสุ วาติ านนิยมาภาวา อนุปสฺสนาย สาตจฺจการิตํ ทสฺเสติ. ยมกาทิวเสน ปริพฺรูหิยมานา วิปสฺสนา วิย ปฏิปกฺเขหิ อโกปนิยาว โหตีติ อาห – ‘‘อสํหีรํ อสํกุปฺปนฺติ อิทํ วิปสฺสนาปฏิวิปสฺสนาทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ. คาถายมยมตฺโถ วิปสฺสนาวเสน ยุชฺชตีติ อาห – ‘‘วิปสฺสนา หี’’ติอาทิ. กึ เอตาย ปริยายกถายาติ นิปฺปริยายโตว อสํหีรํ อสํกุปฺปํ ทสฺเสตุํ, ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กถํ ปน นิจฺจสฺส นิพฺพานสฺส อนุพฺรูหนา โหตีติ อาห ‘‘ปุนปฺปุน’’นฺติอาทิ. เอเตน ตทารมฺมณธมฺมา พฺรูหนาย, เตสํ อารมฺมณมฺปิ อตฺถโต อนุพฺรูหิตํ นาม โหติ พหุลํ มนสิกาเรนาติ ทสฺเสติ.
อาทิโต ตาปนํ อาตาปนํ, เตน อารมฺภธาตุมาห. ปริโต ตาปนํ ปริตาปนํ, เตน นิกฺกมธาตุปรกฺกมธาตุโย จาติ. ตสฺส เสนาติ ตสฺส มจฺจุโน สหกรณฏฺเน เสนา วิยาติ เสนา. สงฺคโรติอาทีสุ มิตฺตาการคฺคหเณน สามปโยคมาห. ลฺชคฺคหเณน ลฺชทานํ, เตน ทานปฺปโยคํ. พลราสีติ หตฺถิอสฺสาทิพลกาโย. เตน ทณฺฑเภทานิ วทติ. เภโทปิ หิ พลวโต เอว อิชฺฌติ, สฺวายํ จตุพฺพิโธปิ อุปายโยเคน สมฺปวตฺตียติ. ตตฺถ ตตฺถ จ สงฺคํ อาสตฺตึ อรติ เทตีติ สงฺคโร ปุพฺพภาเค วา สงฺครณวเสน ตสฺส ปฏิชานนวเสน ปวตฺตนโต.
อุฏฺาหกํ อุฏฺานวีริยสมฺปนฺนํ. สปรหิตสีวนลกฺขเณน อสาธุภาวปรมฺมุขภาวคมเนน วา สนฺโต.
๒๗๓. มนฺุรูปวเสเนว เอวํรูโป อโหสีนฺติ อตีตํ อนฺวาคเมติ ตตฺถ นนฺทิยาสมนฺวานยนโต. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. กุสลสุขโสมนสฺสเวทนาวเสนาติ กุสลเวทนาวเสน สุขเวทนาวเสน โสมนสฺสเวทนาวเสนาติ ปจฺเจกํ เวทนาสทฺโท โยเชตพฺโพ. ตณฺหาภินนฺทนาย สติ ทิฏฺาภินนฺทนา สิทฺธา เอวาติ – ‘‘ตณฺหํ สมนฺวาเนติ’’อิจฺเจว วุตฺตํ. หีนรูปาทิ…เป… น มฺติ อมนฺุโปิ สมาโน สมนฺุภาวสฺเสว วเสน มฺนาย ปวตฺตนโต. นานุปวตฺตยติ วิกฺขมฺภนวเสน นนฺทิยา ทูรีกตตฺตา.
๒๗๔. อุฬารสุนฺทรภาวมุเขเนว ¶ ¶ อนาคเตสุปิ รูปาทีสุ ตณฺหาทิฏฺิกปฺปนา ปวตฺตตีติ อาห – ‘‘เอวํรูโป…เป… เวทิตพฺพา’’ติ.
๒๗๕. วตฺตพฺพํ สิยาติ ยถา นนฺทิยา อสมนฺวานยนโชตนํ พฺยติเรกมุเขน ปติฏฺเปตุํ, ‘‘อตีตํ น นฺวาคเมยฺยา’’ติ อุทฺเทสสฺส, ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, อตีตํ อนฺวาคเมตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๗๓) วิภงฺโค วุตฺโต, เอวํ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนฺจ โย ธมฺม’’นฺติอาทิกสฺส อุทฺเทสสฺส พฺยติเรกมุเขน วิภงฺเค วุจฺจมาเน วิปสฺสนาปฏิกฺเขปวเสน, ‘‘กถฺจ…เป… วตฺตพฺพํ สิยา’’ติ วุตฺตํ. ตยิทํ ปรมคมฺภีรํ สตฺถุเทสนานยํ อนุปธาเรตฺวา โจทิตํ, ยสฺมา ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนฺจ โย ธมฺม’’นฺติอาทิกสฺส อุทฺเทสสฺส พฺยติเรกมุเขเนว วิปสฺสนาปฏิกฺเขปวเสน, ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปจฺจุปฺปนฺเนสู’’ติ วิภงฺคเทสนา สมฺปวตฺตติ. เตนาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตสฺสา เอวาติ วิปสฺสนาย เอว. อภาวํ ทสฺเสตุํ สํหีรตีติ มาติกํ อุทฺธริตฺวาติ กเถตุกมฺยตาย มาติกาวเสน ปทุทฺธารํ กตฺวา, ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสุตวา สุตวา’’ติ จ อาทินา วิตฺถาโร วุตฺโต. วิปสฺสนาย อภาวโตติ วิปสฺสนาย อภาวิตตาย อวิกฺขมฺภิตตาย ตณฺหาทิฏฺีหิ สปตฺเตหิ วิย ตตฺถ ตตฺถ ปนาย อากฑฺฒียติ, ตตฺถ ตตฺถ วิสเย ตโต เอว อปายสมุทฺทํ สํสารสมุทฺทํ อานียติ. สุกฺกปกฺโข วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๒. อานนฺทภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๗๖. พหิทฺธา ¶ ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวตฺเตตฺวา เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ จิตฺตสฺส สมฺมเทว ลยนํ อปฺปนํ ปฏิสลฺลานํ, โย โกจิ สมาปตฺติวิหาโร, อิธ ปน อริยวิหาโร อธิปฺเปโตติ อาห – ‘‘ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต’’ติอาทิ. ชานนฺโตว ภควา กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ปุจฺฉิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺตี’’ติอาทิ (ปารา. ๑๖).
๒๗๘. สาธุการมทาสีติ ¶ สาธุสทฺทํ สาเวสิ. ตํ ปน ปสํสา โหตีติ ปสํสตฺโถ สาธุสทฺโท. เตนาห ‘‘เทสนํ ปสํสนฺโต’’ติ. วิชฺชมาเนหิ วณฺเณหิ คุณวนฺเต อุทคฺคตากรณํ สมฺปหํสนํ, เกวลํ คุณสํกิตฺตนวเสน โถมนา ปสํสาติ อยเมเตสํ วิเสโส.
อานนฺทภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๓. มหากจฺจานภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๗๙. อุณฺหภาเวน ¶ ตปนโต ตปํ อุทกํ เอตสฺสาติ ตโปทา, รหโท. เตนาห ‘‘ตตฺโตทกสฺส รหทสฺสา’’ติ. สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ, ‘‘เวภารปพฺพตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตโต อุทกรหทโต, ตํ รหทํ อุปนิสฺสายาติ อตฺโถ. นาคภวนาคโตปิ หิ โส รหโท ตโต อุปริ มนุสฺสโลเก ชลาสเยน สมฺพทฺโธ โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตโปทา นาม นที สนฺทตี’’ติ. เอทิสาติ กุถิตา อุณฺหา, อนฺวตฺถนามวเสน ตโปทาติ จ วุจฺจตีติ อตฺโถ. เปตโลโกติ เปตานํ วสนฏฺานํ ปจฺเจกนิรยํ สนฺธายาห. อิมสฺส ปน อารามสฺสาติ ตโปทารามสฺส. ตโตติ ตโปทาสงฺขาตนทิโต. มหาอุทกรหโทติ มหาอุทกภริตํ ปลฺลลํ.
๒๘๐. สมิทฺโธติ อุฬาโร, ปริปุณฺโณเยวาติ อตฺโถ. อาทิมฺหิ พฺรหฺมจริยมสฺสาติ อาทิพฺรหฺมจริโย, โส เอว อาทิพฺรหฺมจริยโก. เตนาห ‘‘ปุพฺพภาคปฺปฏิปตฺติภูโต’’ติ. ‘‘อตีตํ อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ อทฺธเภทมุเขน สงฺขตธมฺมโพธวจนํ.
๒๘๒. กามํ ขนฺธาทิวเสน วิภชนํ สาธารณํ, ปมทุติยจตุตฺถสุตฺเตสุ ปน ขนฺธวเสน วิภชนํ กตฺวา อิธ ตถา อกตฺวา เอวํ เทสนาย ปนํ ตโต อฺถา อายตนวเสน วิภชนตฺถํ. เอวํ วิภินฺนา หิ สงฺเขปวิตฺถารโต อนวเสสา สมฺมสนุปคา ธมฺมา วิภชิตฺวา ทสฺสิตา โหนฺติ; อยํ กิเรตฺถ ภควโต อชฺฌาสโย เถเรน นยโต คหิโตติ ทสฺเสตุํ, ‘‘อิมสฺมึ กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทฺวาทสายตนวเสเนว มาติกํ เปสีติ โลกิยานิ ทฺวาทสายตนานิ เอว สนฺธาย ¶ มาติกํ เปสิ, ยถา ตีสุ สุตฺเตสุ ขนฺธวเสน วิภตฺตํ, เอวํ ยทิ ภควตา อิธาปิ วิภชนํ อิจฺฉิตํ สิยา, ตถา วิภเชยฺย, ยสฺมา ปน ตถา อวิภชิตฺวาว คนฺธกุฏึ ปวิฏฺโ, ตสฺมา ทฺวาทสายตนวเสเนเวตฺถ วิภชนํ ภควตา จ อธิปฺเปตนฺติ นยคฺคาเห ตฺวา เถโร วิภชิ. เตนาห – ‘‘นยํ ปฏิลภิตฺวา เอวมาหา’’ติ. ภาริยํ กตนฺติ ทุกฺกรํ กตํ. อปเท ปทํ ทสฺสิตํ อากาเส ปทํ กตํ สาธารณสฺส อตฺถสฺส วิสิฏฺวิสยตาย ทสฺสิตตฺตา. นิกนฺติวิฺาณนฺติ นิกนฺติตณฺหาย สมฺปยุตฺตํ วิฺาณํ, ‘‘ฉนฺทราคปฺปฏิพทฺธํ โหตี’’ติ วจนโต. มโนติ ภวงฺคจิตฺตํ มโนทฺวาริกชวนานํ ทฺวารภูตํ.
๒๘๓. ปตฺถนาวเสน เปสีติ ปตฺถนาวเสน จิตฺตํ ปวตฺเตสิ.
มหากจฺจานภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา
สมตฺตา.
๔. โลมสกกงฺคิยภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๘๖. ฆนนิจิตโลโม ¶ โลมโส, อยํ ปน อปฺปตาย โลมสโกติ อาห – ‘‘อีสกโลมสาการตายา’’ติ, โลมสโก องฺคิโก โลมสกกงฺคิโย, ปโม ก-กาโร อปฺปตฺโถ, ทุติยํ ปน ปทวฑฺฒนเมว. รตฺตกมฺพลสิลายนฺติ รตฺตกมฺพลวณฺณสิลายํ. โอรุยฺหาติ อากาสโต โอตริตฺวา. ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ทินฺนลาภสกฺการสฺส อสาทิยนโต มนุสฺสปเถ น วสนฺติ.
ทสหิ จกฺกวาฬสหสฺเสหีติ นิสฺสกฺกวจนโต อาคนฺตฺวาติ อธิปฺปาโย. สนฺนิปติตาหิ เทวตาหีติ กรณวจนํ. ปฺาปโยคมนฺทตาย ปฏิวิชฺฌิตุํ อสกฺโกนฺตานํ เทวานํ าณสฺส ติกฺขวิสทภาวาปาทเนน สมุตฺเตเชตุํ สํเวคชนนตฺถํ…เป… อภาสิ. ตตฺราติ ตสฺมึ เทวสนฺนิปาเต, ติสฺสํ วา เทสนายํ. เทวตฺตสฺสาติ เทวภาวสฺส, ทิพฺพสมฺปตฺติยาติ อตฺโถ. ภทฺเทกรตฺตสฺส สุตฺตสฺส เอตาติ ภทฺเทกรตฺติยา.
สวนมุเขน พฺยฺชนโส อตฺถโส จ อุปธารณํ อุคฺคณฺหนนฺติ อาห – ‘‘ตุณฺหีภูโต นิสีทิตฺวา สุณนฺโต อุคฺคณฺหาติ นามา’’ติ. วาจุคฺคตกรณํ ปริยาปุณนนฺติ อาห – ‘‘วาจาย สชฺฌายํ กโรนฺโต ปริยาปุณาติ นามา’’ติ. คนฺถสฺส ปริหณํ ธารณํ, ตํ ปน ปเรสุ ปติฏฺาปนํ ¶ ปากฏํ โหตีติ อาห – ‘‘อฺเสํ วาเจนฺโต ธาเรติ นามา’’ติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
โลมสกกงฺคิยภทฺเทกรตฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา
สมตฺตา.
๕. จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๒๘๙. องฺคสุภตายาติ ¶ องฺคานํ หตฺถปาทาทิสรีราวยวานํ สุนฺทรภาเวน. ยํ อปจฺจํ กุจฺฉิตํ มุทฺธํ วา, ตตฺถ โลเก มาณวโวหาโร, เยภุยฺเยน สตฺตา ทหรกาเล สุทฺธธาตุกา โหนฺตีติ วุตฺตํ, ‘‘ตรุณกาเล โวหรึสู’’ติ. อธิปติตฺตาติ อิสฺสรภาวโต.
สมาหารนฺติ สนฺนิจยํ. ปณฺฑิโต ฆรมาวเสติ ยสฺมา อปฺปตเรปิ พฺยยมาเน โภคา ขียนฺติ, อปฺปตเรปิ สฺจยมาเน วฑฺฒนฺติ, ตสฺมา วิฺุชาติโก กิฺจิ พฺยยํ อกตฺวา อยเมว อุปฺปาเทนฺโต ฆราวาสํ อนุติฏฺเยฺยาติ โลภาเทสิตมตฺถํ วทติ.
ธนโลเภน…เป… นิพฺพตฺโต. โลภวสิกสฺส หิ คติ นิรโย วา ติรจฺฉานโยนิ วา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘นิมิตฺตสฺสาทคถิตํ วา, ภิกฺขเว, วิฺาณํ ติฏฺมานํ ติฏฺติ อนุพฺยฺชนสฺสาทคถิตํ วา. ตสฺมึ สมเย กาลงฺกเรยฺย, ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ วทามิ – นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๕). นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ กโตกาสสฺส กมฺมสฺส ปฏิพาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโต.
ปตฺตกฺขนฺธอโธมุขภาวํ สนฺธาย ‘‘โอนาเมตฺวา’’ติ วุตฺตํ. พฺราหฺมณจาริตฺตสฺส ภาวิตตํ สนฺธายาห ‘‘พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต’’ติ. ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉีติ สุตเมตํ มยา, ‘‘มยฺหํ ปิตา สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ, เอตํ โภตา โคตเมน วุตฺตนฺติ. กิมิทํ วุตฺตนฺติ อิมํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ.
ตเถว วตฺวาติ ยถา สุนขสฺส วุตฺตํ, ตเถว วตฺวา. อวิสํวาทนตฺถนฺติ, ‘‘โตเทยฺยพฺราหฺมโณ สุนโข ชาโต’’ติ อตฺตโน วจนสฺส อวิสํวาทนตฺถํ, วิสํวาทนาภาวทสฺสนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. าโตมฺหิ ¶ อิมินาติ อิมินา มม ปุตฺเตน มยฺหํ ปุริมชาติยํ ปิตาติ เอวํ าโต อมฺหีติ ชานิตฺวา. พุทฺธานุภาเวน กิร สุนโข ตถา ทสฺเสติ, น ชาติสฺสรตาย. ภควนฺตํ ทิสฺวา ภุกฺกรณํ ปน ปุริมชาติสิทฺธวาสนาย. ภวปฏิจฺฉนฺนนฺติ ภวนฺตรภาเวน ปฏิจฺฉนฺนํ. นาม-สทฺโท สมฺภาวเน. ปฏิสนฺธิอนฺตรนฺติ อฺชาติปฏิสนฺธิคฺคหเณน เหฏฺิมชาตํ คตึ. องฺควิชฺชาปาโก กิเรส, เตน อปฺปายุกทีฆายุกตาทิวเสน จุทฺทส ปฺเห อภิสงฺขริ; เอวํ กิรสฺส อโหสิ, ‘‘อิเมสํ สตฺตานํ อปฺปายุกตาทโย วิเสสา องฺคปจฺจงฺควเสน สลฺลกฺขิยนฺติ. น ¶ โข ปเนตํ ยุตฺตํ ‘องฺคปจฺจงฺคานิ ยาว เตสํ เตสํ การณ’นฺติ; ตสฺมา ภวิตพฺพเมตฺถ อฺเเนว การเณน. สมโณ โคตโม ตํ การณํ วิภชิตฺวา กเถสฺสติ, เอวายํ สพฺพฺูติ นิจฺฉโย เม อปณฺณโก ภวิสฺสตี’’ติ. อปเร ปน ภณนฺติ, ‘‘ติรจฺฉานคตํ มนุสฺสํ วา อาวิสิตฺวา อิจฺฉิตตฺถกสาวนํ นาม มหามนฺตวิชฺชาวเสน โหติ; ตสฺมา น เอตฺตาวตา สมณสฺส โคตมสฺส สพฺพฺุตา สุนิจฺฉิตา โหติ. ยํ นูนาหํ กมฺมผลมสฺส อุทฺทิสฺส ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยํ, ตตฺถ จ เม จิตฺตํ อาราเธนฺโต ปฺหํ พฺยากริสฺสติ. เอวายํ สพฺพฺูติ วินิจฺฉโย เม ภวิสฺสตีติ เต ปฺเห ปุจฺฉตี’’ติ.
ภณฺฑกนฺติ สาปเตยฺยํ, สนฺตกนฺติ อตฺโถ. กมฺมุนา ทาตพฺพํ อาทิยนฺตีติ กมฺมทายาทา, อตฺตนา กตูปจิตกมฺมผลภาคีติ อตฺโถ. ตํ ปน กมฺมทายชฺชํ การโณปจาเรน วทนฺโต, ‘‘กมฺมํ เอเตสํ ทายชฺชํ ภณฺฑกนฺติ อตฺโถ’’ติ อาห – ยถา ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปฺุํ ปวฑฺฒตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๘๐). ยวติ ผลํ สภาวโต ภินฺนมฺปิ อภินฺนํ วิย มิสฺสิตํ โหติ, เอเตนาติ โยนีติ อาห – ‘‘กมฺมํ เอเตสํ โยนิ การณ’’นฺติ. มมตฺตวเสน พชฺฌติ สํพชฺฌตีติ พนฺธุ, าติ สาโลหิโต จ. กมฺมํ ปน เอกนฺตสมฺพนฺธเมวาติ อาห – ‘‘กมฺมํ เอเตสํ พนฺธู’’ติ. ปติฏฺาติ อวสฺสโย. กมฺมสทิโส หิ สตฺตานํ อวสฺสโย นตฺถิ, อฺโ โกจิ อิสฺสโร พฺรหฺมา วา น กโรติ ตาทิสํ กตฺตุํ สชฺชิตุํ อสมตฺถภาวโต. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. กมฺมเมวาติ กสฺมา อวธาริตํ, นนุ กิเลสาปิ สตฺตานํ หีนปณีตภาวการณํ, น เกวลนฺติ ¶ ? สจฺจเมตํ, กิเลสปโยเคน วิปากวฏฺฏํ นิพฺพตฺตํ กมฺมปวตฺติตเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ. ‘‘กถิตสฺส อตฺถํ น สฺชานาสี’’ติ สงฺเขปโต วตฺวา นนุ ภควา มหาการุณิโก ปเรสํ าปนตฺถเมว ธมฺมํ เทเสตีติ อาห – ‘‘มานนิสฺสิโต กิเรสา’’ติอาทิ.
๒๙๐. สมตฺเตนาติ ปริยตฺเตน, ยถา ตํ ผลํ ทาตุํ สมตฺถํ โหติ, เอวํ กเตน, อุปจิเตนาติ อตฺโถ. ตาทิสํ ปน อตฺตโน กิจฺเจ อนูนํ นาม โหตีติ อาห ‘‘ปริปุณฺเณนา’’ติ. สมาทินฺเนนาติ เอตฺถ สมาทานํ นาม ตณฺหาทิฏฺีหิ คหณํ ปรามสนนฺติ อาห – ‘‘คหิเตน ปรามฏฺเนา’’ติ. ปฏิปชฺชติ เอตาย สุคติทุคฺคตีติ ปฏิปทา, กมฺมํ. ตถา หิ ตํ ‘‘กมฺมปโถ’’ติ วุจฺจติ.
เอสาติ ปฏิปทา. ทุพฺพลํ อุปฆาตกเมว สิยาติ อุปปีฬกสฺส วิสยํ ทสฺเสตุํ, ‘‘พลวกมฺเมนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. พลวกมฺเมนาติ ปฺุกมฺเมน. วทติ นามาติ วทนฺโต วิย โหติ ¶ . นิพฺพตฺตาเปยฺยนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อุปปีฬกสภาวํ กมฺมํ ชนกสภาวํ น โหตีติ? สพฺพเมตํ ปริกปฺปนวจนํ, ยถา มนุสฺสา ปจฺจตฺถิกํ ปฏิปกฺขํ กิฺจิ กาตุํ อสมตฺถาปิ เกจิ อาลมฺพนวเสน สมตฺถา วิย อตฺตานํ ทสฺเสนฺติ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ เกจิ. อปเร ปน ภณนฺติ – ยสฺสิทํ กมฺมสฺสวิปากํ ปีเฬติ, สเจ ตสฺมึ อโนกาเส เอว สยํ วิปจฺจิตุํ โอกาสํ ลเภยฺย, อปาเยสุ เอว ตํสมงฺคิปุคฺคลํ นิพฺพตฺตาเปยฺย, ยสฺมา ตํ กมฺมํ พลวํ หุตฺวา อวเสสปจฺจยสมวาเยน วิปจฺจิตุํ อารทฺธํ, ตสฺมา อิตรํ ตสฺส วิปากํ วิพาเธนฺตํ อุปปีฬกํ นาม ชาตํ. เอตทตฺถเมว เจตฺถ ‘‘พลวกมฺเมน นิพฺพตฺต’’นฺติ พลวคฺคหณํ กตํ. กิจฺจวเสน หิ เนสํ กมฺมานํ เอตา สมฺา, ยทิทํ อุปปีฬกํ อุปจฺเฉทกํ ชนกํ อุปตฺถมฺภกนฺติ, น กุสลานิ วิย อุปตฺถมฺภานิ โหนฺติ นิพฺพตฺตตฺถาย. ปีเฬตฺวาติ วิเหเตฺวา ปฏิฆาฏนาทิวเสน อุจฺฉุเตลยนฺตาทโย วิย อุจฺฉุติลาทิเก วิพาเธตฺวา. นิโรชนฺติ นิตฺเตชํ. นิยูสนฺติ นิรสํ. กสฏนฺติ นิสฺสารํ. ปริสฺสยนฺติ อุปทฺทวํ.
อิทานิ ปริสฺสยสฺส อุปนยนาการํ ทสฺเสนฺเตน ตตฺถ, ‘‘ทารกสฺสา’’ติอาทึ วตฺวา โภคานํ วินาสนาการํ ทสฺเสตุํ, ปุน ‘‘ทารกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุมฺภโทหนาติ กุมฺภปูรขีรา. โคมณฺฑเลติ โคยูเถ.
อฏฺุสภคมนํ ¶ กตฺวาติ อฏฺอุสภปฺปมาณํ ปเทสํ ปจฺจตฺถิกํ อุทฺทิสฺส ธนุคฺคโห อนุยายึ กตฺวา. ตนฺติ สรํ. อฺโติ ปจฺจตฺถิโก. ตตฺเถว ปาเตยฺย อจฺจาสนฺนํ กตฺวา สรสฺส ขิตฺตตฺตา. วาฬมจฺโฉทกนฺติ มกราทิวาฬมจฺฉวนฺตํ อุทกํ.
ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตกํ กมฺมํ ชนกกมฺมํ นาม ปริปุณฺณวิปากทายิภาวโต, น ปวตฺติวิปากมตฺตนิพฺพตฺตกํ. โภคสมฺปทาทีติ อาทิ-สทฺเทน อาโรคฺยสมฺปทาทิ-ปริวารสมฺปทาทีนิ คณฺหาติ. น ทีฆายุกตาทีนิ หิ อปฺปายุกตาสํวตฺตนิเกน กมฺมุนา นิพฺพตฺตานิ; อฺํ ทีฆายุกตากรเณน อุปตฺถมฺเภตุํ สกฺโกติ; น อติทุพฺพณฺณํ อปฺเปสกฺขํ นีจกุลีนํ ทุปฺปฺํ วา วณฺณวนฺตตาทิวเสน. ตถา หิ วกฺขติ, ‘‘อิมสฺมึ ปน ปฺหวิสฺสชฺชเน’’ติอาทิ, ตํ ปน นิทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปุริมานีติ อุปปีฬโกปจฺเฉทกานิ. อุปปีฬกุปฆาตา นาม กุสลวิปากปฏิพาหกาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทฺเว อกุสลาเนวา’’ติ วุตฺตํ. อุปตฺถมฺภกํ กุสลเมวาติ เอตฺถ ยถา ชนกํ อุภยสภาวํ, เอวํ อิตเรสมฺปิ อุภยสภาวตาย วุจฺจมานาย น โกจิ วิโรโธ. เทวทตฺตาทีนฺหิ นาคาทีนํ ¶ อิโต อนุปฺปวจฺฉิตานํ เปตาทีนฺจ นรกาทีสุ อกุสลกมฺมวิปากสฺส อุปตฺถมฺภนุปปีฬนุปฆาตนานิ น น สมฺภวนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ยา เหฏฺา พหูสุ อานนฺตริเยสุ เอเกน คหิตปฏิสนฺธิกสฺส อิตเรสํ ตสฺส อนุพลปฺปทายิตา วุตฺตา, สาปิ สมตฺถิตา โหติ. ยสฺมิฺหิ กมฺเม กเต ชนกนิพฺพตฺตํ กุสลผลํ วา อกุสลผลํ วา พฺยาธิธาตุสมตาทินิมิตฺตํ วิพาธียติ, ตมุปตฺถมฺภกํ. ยสฺมึ ปน กเต ชาติสมตฺถสฺส ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺติยฺจ วิปากกฏตฺตารูปานํ อุปฺปตฺติ โหติ, ตํ ชนกํ. ยสฺมึ ปน กเต อฺเน ชนิตสฺส อิฏฺสฺส วา อนิฏฺสฺส วา ผลสฺส วิพาธาวิจฺเฉทปจฺจยานุปฺปตฺติยา อุปพฺรูหนปจฺจยุปฺปตฺติยา จ ชนกสามตฺถิยานุรูปํ ปริวุตฺติจิรตรปพนฺธา โหติ, เอตํ อุปตฺถมฺภกํ. ตถา ยสฺมึ กเต ชนกนิพฺพตฺตํ กุสลผลํ อกุสลผลํ วา พฺยาธิธาตุสมตาทินิมิตฺตํ วิพาธียติ, ตํ อุปปีฬกํ. ยสฺมึ ปน กเต ชนกสามตฺถิยวเสน จิรตรปพนฺธารหมฺปิ สมานํ ผลํ วิจฺเฉทกปจฺจยุปฺปตฺติยา วิจฺฉิชฺชติ, ตํ อุปฆาตกนฺติ อยเมตฺถ สาโร.
ตตฺถาติ ¶ เตสุ กมฺเมสุ. อุปจฺเฉทกกมฺเมนาติ อายุโน อุปฆาตกกมฺเมน. สฺวายมุปฆาตกภาโว ทฺวิธา อิจฺฉิตพฺโพติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาณาติปาตินา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น สกฺโกติ ปาณาติปาตกมฺมุนา สนฺตานสฺส ตถาภิสงฺขตตฺตา. ยสฺมิฺหิ สนฺตาเน นิพฺพตฺตํ, ตสฺส เตน อภิสงฺขตตา อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺพา ตตฺเถว ตสฺส วิปากสฺส วินิพนฺธนโต. เอเตน กุสลสฺส กมฺมสฺส อายูหนกฺขเณเยว ปาณาติปาโต ตาทิสํ สามตฺถิยุปฆาตํ กโรตีติ ทสฺเสติ, ตโต กมฺมํ อปฺปผลํ โหติ. ‘‘ทีฆายุกา’’ติอาทินา อุปฆาตสามตฺถิเยน เขตฺเต อุปฺปนฺนสสฺสํ วิย อุปปตฺตินิยามกา ธมฺมาติ ทสฺเสติ. อุปปตฺติ นิยตวิเสเส วิปจฺจิตุํ โอกาเส กโรนฺเต เอว กุสลกมฺเม อากฑฺฒิยมานปฏิสนฺธิกํ ปาณาติปาตกมฺมํ อปฺปายุกตฺถาย นิยเมตีติ อาห – ‘‘ปฏิสนฺธิเมว วา นิยาเมตฺวา อปฺปายุกํ กโรตี’’ติ. ปาณาติปาตเจตนาย อจฺจนฺตกฏุกวิปากตฺตา สนฺนิฏฺานเจตนาย นิรเย นิพฺพตฺตติ ตสฺสา อตฺถสฺส ขีณาภาวโต; อิตเร ปน น ตถา ภาริยาติ อาห – ‘‘ปุพฺพา…เป… โหตี’’ติ. อิธ ปน ยํ เหฏฺา วุตฺตสทิสํ, ตํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
มนุสฺสามนุสฺสปริสฺสยาติ มานุสกา อมานุสกา จ อุปทฺทวา. ปุรโตติ ปุพฺพทฺวารโต. ปจฺฉโตติ ปจฺฉิมวตฺถุโต. ปวฏฺฏมานาติ ปริชนสฺส, เทวตานํ วา เทเสน ปวฏฺฏมานา. ปเรหีติ ปุราตเนหิ ปเรหิ. สมฺมุขีภาวนฺติ สามิภาววเสน ปจฺจกฺขตฺตํ. อาหริตฺวา เทนฺติ อิณายิกา. กมฺมนฺตาติ วณิชฺชาทิกมฺมานิ. อปาณาติปาตกมฺมนฺติ ปาณาติปาตสฺส ปฏิปกฺขภูตํ กมฺมํ; ปาณาติปาตา วิรติวเสน ปวตฺติตกมฺมนฺติ อตฺโถ. ทีฆายุกสํวตฺตนิกํ โหติ วิปากสฺส กมฺมสริกฺขภาวโต ¶ . อิมินา นเยนาติ อิมินา อปฺปายุกทีฆายุกสํวตฺตนิเกสุ กมฺเมสุ ยถาวุตฺเตน ตํ สํวตฺตนิกวิภาวนนเยน.
วิเหนกมฺมาทีนิปีติ ปิ-สทฺเทน โกธอิสฺสามนกมจฺเฉรถทฺธอวิทฺทสุภาววเสน ปวตฺติตกมฺมานิ สงฺคณฺหาติ. ตเถวาติ ยถา ปาณาติปาตกมฺมํ อตฺถโต เอวํ วทติ นามาติ วุตฺตํ, ตเถว วทมานานิ วิย. ‘‘ยํ ยเทวาติปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ (ขุ. ปา. ๘.๑๐) วจนโต ยถา สพฺพกุสลํ สพฺพาสํ สมฺปตฺตีนํ อุปนิสฺสโย, เอวํ สพฺพํ อกุสลํ สพฺพาสํ วิปตฺตีนํ อุปนิสฺสโยติ, ‘‘อุปปีฬเนน นิพฺโภคตํ อาปาเทตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ ¶ . ตถา หิ ปาณาติปาตกมฺมวเสนปิ อยํ นโย ทสฺสิโต. อวิเหนาทีนีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อกฺโกธน-อนิสฺสามน-ทาน-อนติมาน-วิทฺทสุภาเวน ปวตฺตกมฺมานิ สงฺคณฺหาติ.
๒๙๓. อิสฺสา มโน เอตสฺสาติ อิสฺสามนโกติ อาห ‘‘อิสฺสาสมฺปยุตฺตจิตฺโต’’ติ. อุปกฺโกสนฺโตติ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺโต. อิสฺสํ พนฺธตีติ อิสฺสํ อนุพนฺธติ อิสฺสาสหิตเมว จิตฺตํ อนุปวตฺเตติ. อปฺเปสกฺโขติ อปฺปานุภาโว อปฺปฺาโต. เตนาห ‘‘น ปฺายตี’’ติ. สา ปนสฺส อปฺปานุภาวตา ปริวาราภาเวน ปากฏา โหตีติ อาห ‘‘อปฺปปริวาโร’’ติ.
๒๙๔. มจฺฉริยวเสน น ทาตา โหตีติ สพฺพโส เทยฺยธมฺมสฺส อภาเวน น ทาตา น โหติ. อมจฺฉรี หิ ปุคฺคโล สติ เทยฺยธมฺเม ยถารหํ เทติเยว.
๒๙๕. อภิวาเทตพฺพํ เขตฺตวเสน มตฺถกปฺปตฺตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘พุทฺธํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฺเปิ มาตุปิตุเชฏฺภาตราทโย อภิวาทนาทิอรหา สนฺติ, เตสุ ถทฺธาทิวเสน กรณํ นีจกุลสํวตฺตนิกเมว. น หิ ปวตฺเต สกฺกา กาตุนฺติ สมฺพนฺโธ. เตน ปวตฺติวิปากทายิโน กมฺมสฺส วิสโย เอโสติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ปฏิสนฺธิเมว ปนา’’ติอาทิ.
๒๙๖. อปริปุจฺฉเนนาติ อปริปุจฺฉามตฺเตน นิรเย น นิพฺพตฺตติ; อปริปุจฺฉาเหตุ ปน กตฺตพฺพากรณาทีหิ สิยา นิรยนิพฺพตฺตีติ ปาฬิยํ, ‘‘น ปริปุจฺฉิตา โหตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อปริปุจฺฉโก ปนา’’ติอาทิมาห. ยถานุสนฺธึ ปาเปสีติ เทสนํ ยถานุสนฺธินิฏฺานํ ปาเปสิ. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๖. มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๒๙๘. กมฺมสฺส ¶ โมฆภาโว นาม ผเลน ตุจฺฉตา ผลาภาโวติ อาห – ‘‘โมฆนฺติ ตุจฺฉํ อผล’’นฺติ. ตถํ ภูตนฺติ สจฺจสทฺทสฺส อตฺถมาห. ปริพฺพาชโก ¶ ปน ‘‘สจฺจ’’นฺติ อิมินา ตเมว สผลนฺติ วทติ. สผลฺหิ กมฺมํ สตฺถุ อภิมตมโนกมฺมนฺติ อธิปฺปาโย. อิทฺจ ‘‘โมฆํ กายกมฺม’’นฺติอาทิวจนํ. ตํ คเหตฺวาติ ปรมฺปราย คเหตฺวา. เอสาติ โปตลิปุตฺโต ปริพฺพาชโก. อภิสฺานิโรธกถํ สนฺธาย วทติ. สาปิ หิ ติตฺถิยานํ อนฺตเร ปากฏา ชาตาติ. เถโรติ สมิทฺธิตฺเถโร. ยถา ภควตา วุตฺตํ, ตโต จ อฺถาว โทสาโรปนภเยน คเหตฺวา ตโต ภควนฺตํ เถโร รกฺขตีติ อธิปฺปาเยน ปริพฺพาชโก, ‘‘ปริรกฺขิตพฺพํ มฺิสฺสตี’’ติ อโวจาติ อาห – ‘‘ปริรกฺขิตพฺพนฺติ ครหโต โมจเนน รกฺขิตพฺพ’’นฺติ. สฺเจตนา อสฺส อตฺถีติ สฺเจตนิกํ. กมฺมนฺติ สฺเจตนิกสฺสปิ กมฺมสฺส อตฺตโน สมเย อิจฺฉิตตฺตา ปริพฺพาชเกน วุตฺตํ.
สงฺขตสงฺขารตาย รูปเมว ‘‘ติลมตฺตมฺปิ สงฺขาร’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘มํสจกฺขุนาว ปสฺสตี’’ติ. สมาคมทสฺสนํ สนฺธายาติ กตฺถจิปิ ตสฺส ทสฺสนํ สนฺธาย, น ปริฺาทสฺสนํ. เตนาห ภควา – ‘‘กุโต ปเนวรูปํ กถาสลฺลาป’’นฺติ.
๒๙๙. วฏฺฏทุกฺขนฺติ สํสารทุกฺขํ. กิเลสทุกฺขนฺติ กิเลสสมฺภวราคปริฬาหทุกฺขํ. สงฺขารทุกฺขนฺติ ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขนฺติ เอวํ วุตฺตทุกฺขํ. สเจ ภาสิตํ ภเวยฺยาติ อิมํ อีทิสํ ทุกฺขํ สนฺธาย อายสฺมตา สมิทฺธินา ภาสิตํ สิยา นุ ภควา, อวิภชิตฺวา พฺยากรณํ ยุตฺตเมวาติ อธิปฺปาโย.
๓๐๐. อุมฺมงฺคนฺติ อุมฺมุชฺชนํ, กถามุฬฺเหน อนฺตรา อฺาณวิสยปฺหา อุมฺมงฺคํ. เตนาห – ‘‘ปฺหาอุมฺมงฺค’’นฺติ เนว ทิพฺพจกฺขุนาติ กสฺมา วุตฺตํ. น หิ ตํ อโยนิโส อุมฺมุชฺชนํ ทิพฺพจกฺขุวิสยนฺติ? กามฺเจตํ น ทิพฺพจกฺขุวิสยํ, ทิพฺพจกฺขุปริภณฺฑาวิสยํ ปน สิยาติ ตถา วุตฺตํ. อธิปฺปาเยเนวาติ อุทายิตฺเถรสฺส อธิปฺปาเยเนว คยฺหมาเนน ตํ อโยนิโย อุมฺมุชฺชนํ อฺาสิ. สนฺนิสีทิตุํ ปุพฺเพ นิสินฺนากาเรน สนฺนิสีทิตุํ น สกฺโกติ. สมิทฺธิตฺเถเรน อนภิสงฺขตสฺเสว อตฺถสฺส กถิตตฺตา, ‘‘ยํ อภูตํ, ตเทว กเถสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ¶ ‘‘อโยนิโส อุมฺมุชฺชิสฺสตี’’ติ. ติสฺโส เวทนา ปุจฺฉิตา, ‘‘กึ โส เวทิยตี’’ติ อวิภาเคน เวทิยมานสฺส ชาติตตฺตา. สุขาย เวทนาย หิตนฺติ สุขเวทนิยํ. เตนาห ¶ – ‘‘สุขเวทนาย ปจฺจยภูต’’นฺติ. เสเสสูติ, ‘‘ทุกฺขเวทนิย’’นฺติอาทีสุ.
เหฏฺา ติกชฺฌานเจตนาติ เอตฺถ, ‘‘กุสลโต’’ติ อธิการโต รูปาวจรกุสลโต เหฏฺา ติกชฺฌานเจตนาติ อตฺโถ. เอตฺถาติ เอเตสุ กามาวจรรูปาวจรสุขเวทนิยกมฺเมสุ. อทุกฺขมสุขมฺปีติ ปิ-สทฺเทน อิฏฺารมฺมเณ สุขมฺปีติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑติ.
ยทิ กายทฺวาเร ปวตฺตโต อฺตฺถ อทุกฺขมสุขํ ชเนติ, อถ กสฺมา, ‘‘ทุกฺขสฺเสว ชนนโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘สา ปน เวทนา’’ติอาทิ.
จตุตฺถชฺฌานเจตนาติ เอตฺถ อรูปาวจรกุสลเจตนาติปิ วตฺตพฺพํ. ยถา หิ ‘‘กาเยน วาจาย มนสา’’ติ เอตฺถ ยถาลาภคฺคหณวเสน มนสา สุขเวทนิยํ อทุกฺขมสุขเวทนิยนฺติ อยมตฺโถ อรูปาวจรกุสเลปิ ลพฺภตีติ สุขมฺปิ ชเนติ อุกฺกฏฺสฺส าณสมฺปยุตฺตกุสลสฺส โสฬสวิปากจิตฺตนิพฺพตฺตนโต, อยฺจ นโย เหฏฺา, ‘‘อทุกฺขมสุขมฺปี’’ติ เอตฺถาปิ วตฺตพฺโพ. ปุพฺเพ ปริยายโต ทุกฺขเวทนา วุตฺตา, สุตฺตนฺตสํวณฺณนา เหสาติ อิทานิ นิปฺปริยายโต ปุน ทสฺเสตุํ, ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน เอตฺถ ทุกฺขเวทนิยํ ปวตฺติวเสเนว วฏฺฏตีติ. เอตสฺสาติ ทุกฺขเวทนิยสฺส ปวตฺติวเสเนว ยุชฺชมานตฺตา เอตสฺส วเสน สพฺพํ สุขเวทนิยํ อทุกฺขมสุขเวทนิยฺจ ปวตฺติวเสเนว วตฺตุํ วฏฺฏติ.
อาลโยติ อภิรุจิ. มหากมฺมวิภงฺคาณนฺติ มหติ กมฺมวิภชเน าณํ, มหนฺตํ วา กมฺมวิภชนาณํ. ภาชนํ นาม นิทฺเทโส, อยํ ปน อุทฺเทโสติ กตฺวา อาห – ‘‘กตเม จตฺตาโร…เป… มาติกาฏฺปน’’นฺติ.
๓๐๑. ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ ยถาอุทฺทิฏฺสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณสฺส อภาชนภาวโต, ปุจฺฉานุสนฺธิอชฺฌาสยานุสนฺธีสุ จ อนนฺโตคธตฺตา. เตนาห ‘‘อิทํ หี’’ติอาทิ. อิทํ อารมฺมณํ กตฺวาติ อิธ, ‘‘ปาณาติปาตึ อทินฺนาทายิ’’นฺติอาทินา ปุคฺคลาธิฏฺาเนน วุตฺตํ กมฺมวิภงฺคํ อารพฺภ. อิมํ ปจฺจยํ ลภิตฺวาติ ตสฺเสว เววจนํ. อิทํ ทสฺสนํ คณฺหนฺตีติ อิทํ, ‘‘อตฺถิ กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานิ, นตฺถิ กิร, โภ, ปาปกานิ กมฺมานี’’ติ จ อาทีนิ หตฺถิทสฺสกอนฺธาวิย ทิฏฺมตฺเต เอว ตฺวา อจิตฺตกทสฺสนฺจ คณฺหนฺติ. วีริยํ กิเลสานํ อาตาปนวเสน ¶ อาตปฺปํ, ตเทว ปทหวเสน ปธานํ, ¶ ปุนปฺปุนํ ยฺุชนวเสน อนุโยโค, ตถา ภาวนาย นปฺปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, สมฺมา โยนิโส มนสิ กโรติ เอเตนาติ สมฺมามนสิกาโรติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาเยน, ‘‘ปฺจปิ วีริยสฺเสว นามานี’’ติ อาห. อปฺปมาโท วา สติยา อวิปฺปวาโส. ยสฺมึ มนสิกาเร สติ ตสฺส ทิพฺพจกฺขุาณํ อิชฺฌติ, อยเมตฺถ สมฺมามนสิกาโรติ เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เจโตสมาธินฺติ ทิพฺพจกฺขุาณสหคตํ จิตฺตสมาธึ. เตนาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุสมาธิ’’นฺติ. อฺถาติ อกุสลกมฺมกรณโต อฺถา, ตํ ปน กุสลกมฺมกรณํ โหตีติ อาห – ‘‘เย ทสฺสนฺนํ กุสลานํ กมฺมปถานํ ปูริตตฺตา’’ติ ทิฏฺิถาเมนาติ ทิฏฺิวเสน ทิฏฺิพเลน. ทิฏฺิปรามาเสนาติ ทิฏฺิวเสน ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรามาเสน. อธิฏฺหิตฺวาติ, ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ อธิฏฺาย อภินิวิสิตฺวา. อาทิยิตฺวาติ ทฬฺหคฺคาหํ คเหตฺวา. โวหรตีติ อตฺตโน คหิตคฺคหณํ ปเรสํ ทีเปนฺโต โวหรติ.
๓๐๒. ตตฺรานนฺทาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. อิทมฺปีติ อิทํ วจนํ. ‘‘ตตฺรานนฺทา’’ติ เอวมาทิวจนมฺปีติ อตฺโถ. น มหากมฺมวิภงฺคาณสฺส ภาชนํ ตสฺส อนิทฺเทสภาวโต. อสฺสาติ มหากมฺมวิภงฺคาณสฺส มาติกาฏฺปนเมว ทิพฺพจกฺขุกานํ สมณพฺราหฺมณานํ วเสน อนฺุาตพฺพสฺส จ ทสฺสนวเสน อุทฺเทสภาวโต. เตนาห ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอตฺถ ปนาติ ‘‘ตตฺรานนฺทา’’ติอาทิปาเ. เอเตสํ ทิพฺพจกฺขุกานนฺติ เอเตสํ เหฏฺา จตูสุปิ วาเรสุ อาคตานํ ทิพฺพจกฺขุกานํ. เอตฺตกาติ เอกจฺจิยา สจฺจคิรา. อนฺุาตาติ อนุชานิตา. อนนฺุาตาติ ปฏิกฺเขปิตา. อิธ อนนฺุาตมุเขน ทีปิตํ อนนฺุาตภาวมตฺตํ. ตตฺรานนฺทาติอาทิเก ตตฺราติ นิทฺธารเณ ภุมฺมนฺติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เตสุ จตูสุ สมณพฺราหฺมเณสู’’ติ อาห. อิทํ วจนํ ‘‘อตฺถิ กิร, โภ…เป… วิปาโก’’ติ อิทํ เอวํ วุตฺตํ. อสฺสาติ ตถาวาทิโน สมณพฺราหฺมณสฺส. อฺเนากาเรนาติ ‘‘โย กิร, โภ’’ติอาทินา วุตฺตการณโต อฺเน การเณน. ทฺวีสุ าเนสูติ ‘‘อตฺถิ กิร, โภ…เป… วิปาโก’’ติ จ, ‘‘อปายํ…เป… นิรยํ อุปปนฺน’’นฺติ จ อิเมสุ ¶ ทฺวีสุ ปาปเทเสสุ. อนฺุาตา ตทตฺถสฺส อตฺถิภาวโต. ตีสุ าเนสูติ ‘‘โย กิร, โภ…เป… นิรยํ อุปปชฺชติ’’, ‘‘ยมฺปิ โส…เป… เต สฺชานนฺติ’’, ‘‘ยมฺปิ โส ยเทว…เป… โมฆมฺ’’นฺติ อิเมสุ ตีสุ ปาปเทเสสุ. อนนฺุาตา ตทตฺถสฺสาเนกนฺติกตฺตา มิจฺฉาภินิเวสโต จ. เตนาห ภควา – ‘‘อฺถา หิ, อานนฺท, ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณ’’นฺติ. ยถา เต อปฺปหีนวิปลฺลาสา ปเทสาณสมณพฺราหฺมณา กมฺมวิภงฺคํ สฺชานนฺติ, ตโต อฺถาว สพฺพโส ปหีนวิปลฺลาสสฺส ตถา อาคมนาทิอตฺเถน ตถาคตสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณํ โหตีติ อตฺโถ.
๓๐๓. อิมินา ¶ ทิพฺพจกฺขุเกน ยํ กมฺมํ กโรนฺโต ทิฏฺโ, ตโต ปุพฺเพติ โยชนา. ตโตติ ตโต กริยมานกมฺมโต ปุพฺเพ. ขนฺโทติ กุมาโร. สิโวติ อิสฺสโร. ปิตามโหติ พฺรหฺมา. อิสฺสราทีหีติ อิสฺสรพฺรหฺมปชาปติอาทีหิ. วิสฏฺโติ นิมฺมิโต. มิจฺฉาทสฺสเนนาติ มิจฺฉาทสฺสนวเสน. ยนฺติ ยํ กมฺมํ. ตตฺถาติ เตสุ ปาณาติปาตาทิวเสน ปวตฺตกมฺเมสุ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ ปฏิสํเวเทตีติ โยชนา. อุปปชฺชิตฺวาติ ทุติยภเว นิพฺพตฺติตฺวา. อปรสฺมึ ปริยาเยติ อฺสฺมึ ยตฺถ กตฺถจิ ภเว.
เอกํ กมฺมราสินฺติ ปาณาติปาตาทิเภเทน เอกํ กมฺมสมุทายํ. เอกํ วิปากราสินฺติ ตสฺเสว องฺเคน เอกํ วิปากสมุทายํ. อิมินาติ ยถาวุตฺเตน ทิพฺพจกฺขุเกน สมเณน พฺราหฺมเณน วา อทิฏฺา. ตโยติ ‘‘ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหตี’’ติอาทินา วุตฺตา ตโย. ทฺเว วิปากราสีติ ทิฏฺธมฺมเวทนิโย อปราปริยายเวทนิโยติ ทฺเว วิปากราสี. อุปปชฺชเวทนิยํ ปน เตน ทิฏฺํ, ตสฺมา ‘‘ทฺเว’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺโ เอโก, อทิฏฺา ตโยติ ทิฏฺเ จ อทิฏฺเ จ จตฺตาโร กมฺมราสี, ตถา ทิฏฺโ เอโก, อทิฏฺา ทฺเวติ ตโย วิปากราสี. อิมานิ สตฺต านานีติ ยถาวุตฺตานิ สตฺต าณสฺส ปวตฺตนฏฺานานิ. ‘‘อิมสฺส นาม กมฺมสฺส อิทํ ผลํ นิพฺพตฺต’’นฺติ กมฺมสฺส, ผลสฺส วา อทิฏฺตฺตา, ‘‘ทุติยวาเร ทิพฺพจกฺขุเกน กิฺจิ น ทิฏฺ’’นฺติ วุตฺตํ. ปมํ วุตฺตนเยน ตโย กมฺมราสี เวทิตพฺพา, อิธ ทิพฺพจกฺขุเกน ทิฏฺสฺส อภาวโต, ‘‘ปจฺจตฺตฏฺานานี’’ติ วุตฺตํ.
ภวติ วฑฺฒติ เอเตนาติ ภพฺพํ, วฑฺฒินิมิตฺตํ. น ภพฺพํ อภพฺพนฺติ อาห ‘‘ภูตวิรหิต’’นฺติ. อตฺตโน ผเล ภาสนํ ทิพฺพนํ อาภาสนนฺติ อาห – ‘‘อาภาสติ อภิภวติ ปฏิพาหตี’’ติ. พลวกมฺมนฺติ มหาสาวชฺชํ กมฺมํ ครุสมาเสวิตาทิเภทํ. อาสนฺเนติ มรเณ, อภิณฺหํ อุปฏฺาเนน วา ¶ ตสฺส มรณจิตฺตสฺส อาสนฺเน. พลวกมฺมนฺติ ครุสมาเสวิตตาทิวเสน พลวํ กุสลกมฺมํ. ทุพฺพลกมฺมสฺสาติ อตฺตโน ทุพฺพลสฺส. อาสนฺเน กุสลํ กตนฺติ อิธาปิ อาสนฺนตา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
อุปฏฺานากาเรนาติ มรณสฺส อาสนฺนกาเล กมฺมสฺส อุปฏฺานากาเรน. ตสฺสาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส. นิพฺพตฺติการณภูตํ หุตฺวา อุปฏฺาติ อกุสลนฺติ โยชนา. ติตฺถิยา กมฺมนฺตรวิปากนฺตเรสุ อกุสลตาย ยํ กิฺจิ กมฺมํ ยสฺส กสฺสจิ วิปากสฺส การณํ กตฺวา คณฺหนฺติ หตฺถิทสฺสกอนฺธาทโย วิย ทิฏฺมตฺตาภินิเวสิโนติ, ‘‘อฺติตฺถิยา…เป… อุปฏฺาตี’’ติ วุตฺตํ. อิตรสฺมินฺติ ภพฺพฺเจว ภพฺพาภาสฺจ, ภพฺพํ อภพฺพาภาสนฺติ อิมสฺมึ ทฺวเย ¶ . เอเสว นโย ปมทุติยปุคฺคลวเสน ปุริมานํ ทฺวินฺนํ กมฺมานํ โยชนานโย วุตฺโต อุปฏฺานาการวเสน. อยเมว ตติยจตุตฺถปุคฺคลวเสน ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ กมฺมานํ โยชนานโย. ตติยสฺส หิ กมฺมสฺส กุสลตฺตา ตสฺส จ สคฺเค นิพฺพตฺตตฺตา ตตฺถ การณภูตํ กุสลํ หุตฺวา อุปฏฺาติ; ตถา จตุตฺถสฺสปิ กมฺมสฺส กุสลตฺตา, ตสฺส ปน นิรเย นิพฺพตฺตตฺตา ตตฺถ นิพฺพตฺติการณภูตํ อฺติตฺถิยานํ อกุสลํ หุตฺวา อุปฏฺาตีติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๗. สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๐๔. เวทิตพฺพานีติ ¶ เอตฺถ ยถา วิทิตานิ ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ วฏฺฏทุกฺขสมติกฺกมาย โหนฺติ, ตถา เวทนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห – ‘‘สหวิปสฺสเนน มคฺเคน ชานิตพฺพานี’’ติ. ตตฺถ วิปสฺสนาย อารมฺมณโต มคฺเคน อสมฺโมหโต ชานนํ ทฏฺพฺพํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. มโน สวิเสสํ อุปวิจรติ อารมฺมเณ ปวตฺตติ เอเตหีติ มโนปวิจารา, วิตกฺกวิจารา. อารมฺมเณ หิ อภินิโรปนานุมชฺชเนหิ วิตกฺกวิจาเรหิ สห จิตฺตํ ปวตฺตติ, น ตพฺพิรหิตํ. เตนาห ‘‘วิตกฺกวิจารา’’ติอาทิ. สตฺตา ปชฺชนฺติ เอเตหิ ยถารหํ วฏฺฏํ วิวฏฺฏฺจาติ สตฺตปทา ¶ , เคหนิสฺสิตา วฏฺฏปทา. โยคฺคานํ ทมนอาจริยา โยคฺคาจริยา. เตนาห ‘‘ทเมตพฺพทมกาน’’นฺติ. เสสนฺติ วุตฺตาวเสสํ เอกสตฺตติวิธวิฺาณํ สผสฺสรูปกสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา.
๓๐๕. อิธาติ อิมิสฺสํ ฉวิฺาณกายเทสนายํ. มโนธาตุตฺตยวินิมุตฺตเมว มโนวิฺาณธาตูติ เวทิตพฺพํ.
จกฺขุมฺหิ สมฺผสฺโสติ จกฺขุํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน สมฺผสฺโส. เตนาห – ‘‘จกฺขุวิาณสมฺปยุตฺตสมฺผสฺสสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ.
ยถา เกวเลน วิฺาเณน รูปทสฺสนํ น โหติ, เอวํ เกวเลน จกฺขุปสาเทนปีติ วุตฺตํ ‘‘จกฺขุวิฺาเณนา’’ติ. เตน ปาฬิยํ จกฺขุนาติ นิสฺสยมุเขน นิสฺสิตกิจฺจํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อารมฺมณวเสนาติ อารมฺมณปจฺจยภาเวน. ‘‘อุปวิจรติ’’จฺเจว กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ตตฺถ วิตกฺกพฺยาปาโรปิ อตฺถีติ? สจฺจํ อตฺถิ. โส ปเนตฺถ ตคฺคติโกติ อาห – ‘‘วิตกฺโก ตํสมฺปยุตฺโต จา’’ติ. สมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ อุปวิจรณํ วิตกฺกวิจารานํเยเวตฺถ กิจฺจนฺติ ‘‘วิตกฺกวิจารสงฺขาตา มโนปวิจารา’’ติ วุตฺตํ. โสมนสฺสยุตฺโต อุปวิจาโร โสมนสฺสูปวิจาโร ยถา ‘‘อาชฺรโถ’’ติ อาห ‘‘โสมนสฺเสน สทฺธิ’’นฺติอาทิ.
๓๐๖. อุปวิจารานํ อุปสฺสยฏฺเน เคหํ วิยาติ เคหํ, รูปาทโยติ อาห – ‘‘เคหสฺสิตานีติ กามคุณนิสฺสิตานี’’ติ. นิจฺจสฺาทินิกฺขมนโต เนกฺขมฺมํ วิปสฺสนาติ, ‘‘เนกฺขมฺมสฺสิตานีติ ¶ วิปสฺสนานิสฺสิตานี’’ติ วุตฺตํ. อิฏฺานนฺติ กสิวณิชฺชาทิวเสน ปริยิฏฺานนฺติ อาห ‘‘ปริเยสิตาน’’นฺติ. ปิยภาโว ปน กนฺตสทฺเทเนว กถิโตติ กามิตพฺพานํ มโน รเมตีติ มโนรมานํ. โลเกน อามสียตีติ โลกามิสํ, ตณฺหา. ตาย คเหตพฺพตาย อิฏฺภาวาปาทเนน ปฏิสงฺขตตาย จ ปฏิสํยุตฺตานํ. อตีเต กตํ อุปฺปชฺชติ อารมฺมณิกอนุภวนสฺส อสมฺภวโตติ อธิปฺปาโย. เอทิสํ อนุสฺสรณํ ทิฏฺคฺคหณานุสฺสเรน จ โหตีติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยถาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
อนิจฺจาการนฺติ หุตฺวา อภาวาการํ. วิปริณามวิราคนิโรธนฺติ ชราย มรเณน จาติ ทฺเวธา วิปริณาเมตพฺพฺเจว, ตโต เอว ปโลกิตํ ภงฺคฺจ. อฏฺกถายํ ปน ยสฺมา อุปฺปนฺนํ รูปํ เตเนวากาเรน น ติฏฺติ ¶ , อถ โข อุปฺปาทาวตฺถาสงฺขาตํ ปกตึ วิชหติ, วิชหิตฺจ ชราวตฺถาย ตโต วิคจฺฉติ, วิคจฺฉนฺตฺจ ภงฺคุปฺปตฺติยา นิรุชฺฌตีติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ปกติวิชหเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามฺเจตฺถ ‘‘ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต’’ติ วุตฺตํ, อนุโพธาณํ ปน อธิปฺเปตํ วีถิปฏิปนฺนาย วิปสฺสนาย วเสนาติ ‘‘วิปสฺสนาปฺายา’’ติ วุตฺตํ อุปวิจารนิทฺเทสภาวโต. ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘ฉสุทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต’’ติอาทิ. สงฺขารานํ เภทํ ปสฺสโตติ สพฺเพสํ สงฺขารานํ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวํ วีถิปฏิปนฺเนน วิปสฺสนาาเณน ปสฺสโต. เตนาห ‘‘สงฺขารคตมฺหิ ติกฺเข’’ติอาทิ. ตตฺถ สงฺขาคตมฺหีติ สงฺขารคเต วิสยภูเต. ติกฺเขติ ภาวนาพเลน อินฺทฺริยานฺจ สมตาย ติพฺเพ. สูเรติ ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตาย, เตสฺจ อภิภวนสมตฺถตาย วิสเท ปฏุภูเต ปวตฺตนฺเต.
กิเลสานํ วิกฺขมฺภนวเสน วูปสนฺตตาย สนฺตจิตฺตสฺส, สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนโต ภิกฺขุโน, อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสนฺนิสฺสิตตฺตา อมานุสี รตีติ วิเวกรติ เนกฺขมฺมรติ. ยโต ยโตติ ยถา ยถา นยวิปสฺสนาทีสุ เยน เยน สมฺมสนากาเรนาติ อตฺโถ. ขนฺธานํ อุทยพฺพยนฺติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธานํ อุปฺปาทฺจ ภงฺคฺจ. อมตนฺตํ วิชานตนฺติ วิชานนฺตานํ วิฺูนํ อารทฺธวิปสฺสนานํ ตํ ปีติปาโมชฺชํ อมตาธิคมเหตุตาย อมตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเตติ รูปาทิวเสน ฉพฺพิเธ อิฏฺารมฺมเณ ยถารหํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อาปาถคเต. วิสเย เจตํ ภุมฺมวจนํ.
๓๐๗. ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ. อนุตฺตรวิโมกฺโข นาม อรหตฺตํ อิธ อธิปฺเปตํ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน. กถํ ปน ตตฺถ ปิหํ อุปฏฺเปติ, น หิ อธิคตํ อรหตฺตํ อารมฺมณํ โหติ, น ¶ จ ตํ อารพฺภ ปิหา ปวตฺตตีติ? โก วา เอวมาห – ‘‘อรหตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา ปิหํ อุปฏฺเปตี’’ติ. อนุสฺสุติลทฺธํ ปน ปริกปฺปสิทฺธํ อรหตฺตํ อุทฺทิสฺส ปตฺถนํ เปติ, ตตฺถ จิตฺตํ ปณิทหติ. เตนาห ภควา – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’’ติ. อายตนนฺติ อรหตฺตเมว ฉฬงฺคสมนฺนาคมาทิการณภาวโต, มนายตนธมฺมายตนภาวโต จ ตถา วุตฺตํ, ตํ ปเนตํ โทมนสฺสํ ¶ ปตฺถนํ ปฏฺเปนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ ปตฺถนาย สหาวตฺตนโต. น หิ โลภโทสานํ สห วุตฺติ อตฺถิ. ปตฺถนามูลกตฺตาติ อิมินา อุปฏฺาปยโต ปทสฺส เหตุอตฺถโชตกตมาห. เอวนฺติ ‘‘กุทาสฺสุนามา’’ติอาทินา วุตฺตากาเรน. อุสฺสุกฺกาเปตุนฺติ ยถา มคฺเคน ฆเฏติ, เอวํ อุสฺสุกฺกาเปตุํ.
๓๐๘. อฺาณุเปกฺขาติ อฺาณสหิตา อุเปกฺขา อสมเปกฺขนปวตฺตา. เตน เตน มคฺโคธินา ตสฺส ตสฺส อปายคมนียกิเลโสธิสฺส อนวเสสโต ชิตตฺตา ขีณาสโว นิปฺปริยายโต โอธิชิโน นาม; ตทภาวโต ปุถุชฺชโน นิปฺปริยายโตว อโนธิชิโน นาม; เสโข ปน สิยา ปริยายโต โอธิชิโนติ. ตมฺปิ นิวตฺเตนฺโต, ‘‘อขีณาสวสฺสาติ อตฺโถ’’ติ อาห. อายตึ วิปากํ ชินิตฺวาติ อปฺปวตฺติกรณวเสน สพฺพโส อายตึ วิปากํ ชินิตฺวา ิตตฺตา ขีณาสโวว นิปฺปริยายโต วิปากชิโน นาม; ตทภาวโต ปุถุชฺชโน นิปฺปริยายโต อวิปากชิโน นาม; เสโข ปน สิยา ปริยายโต วิปากชิโนติ. ตมฺปิ นิวตฺเตนฺโต ‘‘อขีณาสวสฺเสวาติ อตฺโถ’’ติ อาห. อปสฺสนฺตสฺส รูปนฺติ ปาฬิโต ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ปาฬิยํ ปุพฺเพ ‘‘ปุถุชฺชนสฺสา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺสา’’ติ วจนํ อนฺธปุถุชฺชนสฺสายํ อุเปกฺขา, น กลฺยาณปุถุชฺชนสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ. เคหสฺสิตา อุเปกฺขา หิ ยํ กิฺจิ อารมฺมณวตฺถุํ อเปกฺขสฺเสว, น นิรเปกฺขสฺสาติ อิฏฺเ, อิฏฺมชฺฌตฺเต วา อารมฺมเณ สิยาติ วุตฺตํ ‘‘อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต’’ติ. อฺาเณน ปน ตตฺถ อชฺฌุเปกฺขนาการปฺปตฺติ โหติ. เตนาห ‘‘คุฬปิณฺฑเก’’ติอาทิ.
อิฏฺเ อรชฺชนฺตสฺส อนิฏฺเ อทุสฺสนฺตสฺสาติ อิทํ เยภุยฺเยน สตฺตานํ อิฏฺเ รชฺชนํ, อนิฏฺเ ทุสฺสนนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. อโยนิโยมนสิกาโร หิ ตํตํอารมฺมณวเสน น กตฺถจิปิ ชวนนิยมํ กโรตีติ วุตฺตวิปรีเตปิ อารมฺมเณ รชฺชนทุสฺสนํ สมฺภวติ, ตถาปิสฺส รชฺชนทุสฺสนํ อตฺถโต ปฏิกฺขิตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อสมเปกฺขเนติ อสมํ อยุตฺตทสฺสเน อโยนิโส สมฺโมหปุพฺพกํ อารมฺมณสฺส คหเณ.
๓๐๙. ปวตฺตนวเสนาติ อุปฺปาทนวเสน เจว พหุลีกรณวเสน จ. นิสฺสาย เจว อาคมฺม ¶ จาติ อาคมนฏฺานภูเต นิสฺสยปจฺจยภูเต จ ¶ กตฺวา. อติกฺกนฺตานิ นาม โหนฺติ วิกฺขมฺภเนน อุสฺสาเรนฺตา สมุสฺสาเรนฺตา.
โสมนสฺสภาวสามฺํ คเหตฺวา, ‘‘สริกฺขเกเนว สริกฺขกํ ชหาเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อิธาปิ ปหายกํ นาม ปหาตพฺพโต พลวเมว, สํกิเลสธมฺมานํ พลวภาวโต สาติสยํ ปน พลวภาวํ สนฺธาย ‘‘อิทานิ พลวตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. พลวภาวโต โวทานธมฺมานํ อธิคมสฺส อธิปฺเปตตฺตา เหตฺถ เนกฺขมฺมสฺสิตโทมนสฺสานมฺปิ ปหานํ โชติตํ.
อุเปกฺขาย ปหายกภาเวน อธิปฺเปตตฺตา ‘‘อุเปกฺขากถา เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ฌานสฺส อลาภิโน จ ลาภิโน จ ปกิณฺณกสงฺขารสมฺมสนํ สนฺธาย, ‘‘สุทฺธสงฺขาเร จ ปาทเก กตฺวา’’ติ. อุเปกฺขาสหคตาติ ภาวนาย ปคุณภาวํ อาคมฺม กทาจิ อชฺฌุเปกฺขนวเสนปิ หิ สมฺมสนํ โหตีติ. ปาทกชฺฌานวเสน, สมฺมสิตธมฺมวเสน วา อาคมนวิปสฺสนาย พหุลํ โสมนสฺสสหคตภาวโต ‘‘วุฏฺานคามินี ปน วิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตาวา’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺตํ. อุเปกฺขาสหคตา โหตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จตุตฺถชฺฌานาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อรูปชฺฌานานิ สงฺคณฺหาติ. ปุริมสทิสาวาติ ปุริมสทิสา เอว, อุเปกฺขาสหคตา วา โหติ โสมนสฺสสหคตา วาติ อตฺโถ. อิทํ สนฺธายาติ ยํ จตุตฺถชฺฌานาทิปาทกโต เอว อุเปกฺขาสหคตํ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนํ นิสฺสาย โสมนสฺสสหคตาย วิปสฺสนาย ปหานํ, อิทํ สนฺธาย. ปหานนฺติ เจตฺถ สมติกฺกมลกฺขณํ เวทิตพฺพํ.
เอตํ วิเสสํ วิปสฺสนาย อาวชฺชนฏฺานภูตํ. วุฏฺานคามินิยา อาสนฺเน สมาปนฺนชฺฌานวิปสฺสนา ปาทกชฺฌานวิปสฺสนา, สมฺมสิตธมฺโมติ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา. ปุคฺคลชฺฌาสโยติ ปาทกชฺฌานสฺส สมฺมสิตชฺฌานสฺส จ เภเท สติ ปฏิปชฺชนกสฺส ปุคฺคลสฺส, ‘‘อโห วต มยฺหํ ปฺจงฺคิกํ ฌานํ ภเวยฺย จตุรงฺคิก’’นฺติอาทินา ปุพฺเพ ปวตฺตอชฺฌาสโย. เตสมฺปิ วาเทติ เอตฺถ ปมเถรวาเท. อยเมว…เป… นิยเมติ ตโต ตโต ทุติยาทิปาทกชฺฌานโต อุปฺปนฺนสฺส สงฺขารุเปกฺขาาณสฺส ปาทกชฺฌานาติกฺกนฺตานํ ¶ องฺคานํ อสมาปชฺชิตุกามตา วิราคภาวนาภาวโต อิตรสฺส จ อตพฺภาวโต. เอเตเนว หิ ปมเถรวาเท อปาทกปมชฺฌานปาทกมคฺคา ปมชฺฌานิกาว โหนฺติ, อิตเร จ ทุติยชฺฌานิกาทิมคฺคา ปาทกชฺฌานวิปสฺสนานิยเมหิ ตํตํฌานิกาว. เอวํ เสสวาเทสุปิ วิปสฺสนานิยโม ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ. เตนาห – ‘‘เตสมฺปิ วาเท อยเมว ปุพฺพภาเค วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาว นิยเมตี’’ติ. วุตฺตาว, ตสฺมา น อิธ วตฺตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
๓๑๐. นานตฺตาทิ ¶ กามาวจราทิกุสลาทิวิภาคโต นานาวิธา. เตนาห ‘‘อเนกปฺปการา’’ติ. นานตฺตสิตาติ รูปสทฺทาทินานารมฺมณนิสฺสยา. เอกตฺตา เอกสภาวา ชาติภูมิอาทิวิภาคาภาวโต. เอการมฺมณนิสฺสิตาติ เอกปฺปกาเรเนว อารมฺมเณ ปวตฺตา. เหฏฺา อฺาณุเปกฺขา วุตฺตา ‘‘พาลสฺส มุฬฺหสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๘). อุปริ ฉฬงฺคุเปกฺขา วกฺขติ ‘‘อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๑๑). ทฺเว อุเปกฺขา คหิตา ทฺวินฺนมฺปิ เอกตฺตา, เอกชฺฌํ คเหตพฺพโต, นานตฺตสิตาย อุเปกฺขาย ปกาสิตภาวโต จ.
อฺาณุเปกฺขา อฺา สทฺทาทีสุ ตตฺถ ตตฺเถว วิชฺชมานตฺตา. รูเปสูติ จ อิมินา น เกวลํ รูปายตนวิเสสา เอว คหิตา, อถ โข กสิณรูปานิปีติ อาห – ‘‘รูเป อุเปกฺขาภาวฺจ อฺา’’ติอาทิ. เอกตฺตสิตภาโวปิ อิธ เอกตฺตวิสยสมฺปโยควเสเนว อิจฺฉิโต, น อารมฺมณวเสน จาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. สมฺปยุตฺตวเสนาติ สมฺปโยควเสน. อากาสานฺจายตนํ นิสฺสยตีติ อากาสานฺจายตนนิสฺสิตา, อากาสานฺจายตนขนฺธนิสฺสิตา. เสสาสุปีติ วิฺาณฺจายตนนิสฺสิตาทีสุปิ.
อรูปาวจรวิปสฺสนุเปกฺขายาติ อรูปาวจรธมฺมารมฺมณาย วิปสฺสนุเปกฺขาย. รูปาวจรวิปสฺสนุเปกฺขนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตาย กามรูปารูปเภทาย ตณฺหาย นิพฺพตฺตาติ ตมฺมยา, เตภูมกธมฺมา, เตสํ ภาโว ตมฺมยตา, ตณฺหา ยสฺส คุณสฺส วเสน อตฺเถ สทฺทนิเวโส, ตทภิธานโกติ อาห – ‘‘ตมฺมยตา นาม ตณฺหา’’ติ ¶ . อตมฺมยตา ตมฺมยตาย ปฏิปกฺโขติ กตฺวา. วิปสฺสนุเปกฺขนฺติ, ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ, ตํ ปชหติ อุเปกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๗๑; อ. นิ. ๗.๕๕) เอวมาคตํ สงฺขารวิจินเน มชฺฌตฺตภูตํ อุเปกฺขํ.
๓๑๑. ยทริโยติ เอตฺถ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อุปโยคปุถุวจเน จ ย-สทฺโทติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘เย สติปฏฺาเน อริโย’’ติ อาห. กามํ ‘‘อริโย’’ติ ปทํ สพฺเพสมฺปิ ปฏิวิทฺธสจฺจานํ สาธารณํ, วกฺขมานสฺส ปน วิเสสสฺส พุทฺธาเวณิกตฺตา, ‘‘อริโย สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ วุตฺตํ. น หิ ปจฺเจกพุทฺธาทีนํ อยมานุภาโว อตฺถิ. ตีสุ าเนสูติ น สุสฺสูสนฺตีติ วา, เอกจฺเจ น สุสฺสูสนฺติ เอกจฺเจ สุสฺสูสนฺตีติ วา, สุสฺสูสนฺตีติ วา, ปฏิปนฺนาปฏิปนฺนานํ สาวกานํ ปฏิปตฺติสงฺขาเตสุ ตีสุ สติปฏฺาเนสุ. สตึ ปฏฺเปนฺโตติ ปฏิฆานุนเยหิ อนวสฺสุตตฺตา ตทุภยนิวตฺตตฺตา สพฺพทา สตึ อุปฏฺเปนฺโต. พุทฺธานเมว สา นิจฺจํ อุปฏฺิตสติตา, น อิตเรสํ อาเวณิกธมฺมภาวโต. อาทเรน โสตุมิจฺฉา อิธ สุสฺสูสาติ ตทภาวํ ¶ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สทฺทหิตฺวา โสตุํ น อิจฺฉนฺตี’’ติ อาห. น อฺาติ ‘‘น อฺายา’’ติ วตฺตพฺเพ ยการโลเปน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘น ชานนตฺถายา’’ติ. สตฺถุ โอวาทสฺส อนาทิยนเมว โวกฺกมนนฺติ อาห – ‘‘อติกฺกมิตฺวา…เป… มฺนฺตี’’ติ.
เคหสฺสิตโทมนสฺสวเสนาติ อิทํ อิธ ปฏิกฺขิปิตพฺพมตฺตทสฺสนปทํ ทฏฺพฺพํ. เนกฺขมฺมสฺสิตโทมนสฺสสฺสปิ สตฺถุ ปสงฺควเสน ‘‘น เจว อตฺตมโน โหตี’’ติ อตฺตมนปฏิกฺเขเปน อนตฺตมนตา วุตฺตา วิย โหตีติ ตํ ปฏิเสเธนฺโต – ‘‘อปฺปตีโต โหตีติ น เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ. ตสฺส เสตุฆาโต หิ ตถาคตานํ. ยทิ เอวํ กสฺมา อตฺตมนตาปฏิกฺเขโปติ อาห – ‘‘อปฺปฏิปนฺนเกสุ ปน อนตฺตมนตาการณสฺส อภาเวเนตํ วุตฺต’’นฺติ. ปฏิฆอวสฺสเวนาติ ฉหิ ทฺวาเรหิ ปฏิฆวิสฺสนฺทเนน, ปฏิฆปฺปวตฺติยาติ อตฺโถ. อุปฺปิลาวิโตติ น เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ อุปฺปิลาวิตตฺตสฺส โพธิมูเล เอว ปหีนตฺตา. ปฏิปนฺนเกสูติ อิทํ อธิการวเสน วุตฺตํ, อปฺปฏิปนฺนเกสุปิ ตถาคตสฺส อนตฺตมนตาการณํ นตฺเถว. เอตํ วุตฺตนฺติ เอตํ ‘‘อตฺตมโน เจว โหตี’’ติอาทิวจนํ วุตฺตํ ¶ สาวกานํ สมฺมาปฏิปตฺติยา สตฺถุ อนวชฺชาย จิตฺตาราธนาย สมฺภวโต.
๓๑๒. ทมิโตติ นิพฺพิเสวนภาวาปาทเนน สิกฺขาปิโต. อิริยาปถปริวตฺตนวเสน อปริวตฺติตฺวา เอกทิสาย เอว สตฺตทิสาวิธาวนสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา สาริตานํ หตฺถิทมฺมาทีนํ เอกทิสาธาวนมฺปิ อนิวตฺตนวเสเนว ยุตฺตนฺติ อาห – ‘‘อนิวตฺติตฺวา ธาวนฺโต เอกํเยว ทิสํ ธาวตี’’ติ. กาเยน อนิวตฺติตฺวาวาติ กาเยน อปริวตฺติตฺวา เอว. วิโมกฺขวเสน อฏฺ ทิสา วิธาวติ, น ปุรตฺถิมาทิทิสาวเสน. เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกนีหาเรเนว, เอกสฺมึเยว วา ทิวเส เอกภาเคน. ‘‘ปหาโร’’ติ หิ ทิวสสฺส ตติโย ภาโค วุจฺจติ. วิธาวนฺเจตฺถ ฌานสมาปชฺชนวเสน อกลงฺกมปฺปติสาตํ ชวนจิตฺตปวตฺตนฺติ อาห ‘‘สมาปชฺชติเยวา’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สฬายตนวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๘. อุทฺเทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๑๓. เทเสตพฺพสฺส ¶ อตฺถสฺส อุทฺทิสนํ อุทฺเทโส, วิภชนํ วิภงฺโคติ อาห – ‘‘มาติกฺจ วิภชนฺจา’’ติ ตุเลยฺยาติอาทีนิ จตฺตาริปิ ปทานิ ปฺาเววจนานิ. อถ วา ตุเลยฺยาติ ตุลนภูตาย ปฺาย ตสฺส ธมฺมสฺส ปคฺคหาทิวิธินา ปริตุเลยฺย. ตีเรยฺยาติ ตีรณภูตาย ปฺาย ตตฺถ าณกิริยาสมาปนวเสน ตีเรยฺย. ปริคฺคณฺเหยฺยาติ ตถาสมาปนฺโน อานิสํเส อสฺสาทอาทีนเว จ วิจิเนยฺย. ปริจฺฉินฺเทยฺยาติ ปริจฺฉินฺทภูเตน าเณน อตฺถํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชาเนยฺย. อารมฺมเณสูติ รูปาทิปุถุตฺตารมฺมเณสุ. นิกนฺติวเสนาติ นิกามนวเสน อเปกฺขาวเสน. ติฏฺมานนฺติ ปวตฺตมานํ. โคจรชฺฌตฺเตติ ฌานารมฺมณภูเต. ตฺหิ ภาวนาจิตฺเตนาภิภุยฺย อวิสฺสชฺชิตฺวา คยฺหมานํ อชฺฌตฺตํ วิย โหตีติ ‘‘โคจรชฺฌตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ภาวนํ อารทฺธสฺส ภิกฺขุโน ยทิ ภาวนารมฺมเณ นิกนฺติ อุปฺปชฺเชยฺย, ตาย นิกนฺติยา อุปริ ภาวนํ วิสฺสชฺเชตฺวา จิตฺตสํโกจวเสน สณฺิตํ นาม, ตทภาเวน อสณฺิตํ นาม โหตีติ, ‘‘อชฺฌตฺตํ อสณฺิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘โคจรชฺฌตฺเต นิกนฺติวเสน อสณฺิต’’นฺติ ¶ อาห. ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘นิกนฺติวเสน หิ อติฏฺมานํ หานภาคิยํ น โหติ, วิเสสภาคิยเมว โหตี’’ติ. อคฺคเหตฺวาติ รูปาทีสุ กิฺจิ ตณฺหาทิคฺคาหวเสน อคฺคเหตฺวา. ตถา อคฺคหเณเนว หิ ตณฺหาปริตาสาทิวเสน น ปริตสฺเสยฺย. อวเสสสฺส จ ทุกฺขสฺสาติ โสกาทิทุกฺขสฺส. อวเสสสฺส จ ทุกฺขสฺสาติ วา ชาติชรามรณสีเสน วิปากทุกฺขสฺส คหิตตฺตา กิเลสทุกฺขสฺส เจว สํสารทุกฺขสฺส จาติ อตฺโถ.
๓๑๖. รูปเมว กิเลสุปฺปตฺติยา การณภาวโต รูปนิมิตฺตํ. ราคาทิวเสน ตํ อนุธาวตีติ รูปนิมิตฺตานุสารี.
๓๑๘. นิกนฺติวเสน อสณฺิตนฺติ อเปกฺขาวเสน สณฺิตํ นิกนฺตึ ปหาย ปวตฺตมานํ อุปริ วิเสสาวหโตติ. เตนาห ‘‘นิกนฺติวเสน หี’’ติอาทิ.
๓๒๐. อคฺคเหตฺวา อปริตสฺสนาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ, ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ตณฺหาทิคฺคาหวเสน อุปาทิยิตฺวา ตณฺหาปริตาสาทิวเสน ปริตสฺสนา, วุตฺตวิปริยาเยน อคฺคเหตฺวา อปริตสฺสนา เวทิตพฺพา. กถํ ปเนสา อนุปาทาปริตสฺสนา โหตีติ มหาเถรสฺส อธิปฺปายํ ¶ วิวริตุํ โจทนํ สมุฏฺเปติ? อุปาทาตพฺพสฺส อภาวโตติ ตสฺส อนุปาทาปริตสฺสนาภาเว การณวจนํ. ยทิ หีติอาทิ ตสฺส สมตฺถนํ. อุปาทาปริตสฺสนาว อสฺส ตถา อุปาทาตพฺพสฺส ตเถว อุปาทินฺนตฺตา. เอวนฺติ นิจฺจาทิอากาเรน. อุปาทินฺนาปีติ คหิตปรามฏฺาปิ. อนุปาทินฺนาว โหนฺติ อโยนิโส คหิตตฺตา, วิฺูสุ นิสฺสาย ชานิตพฺพตฺตา จ. ทิฏฺิวเสนาติ มิจฺฉาทิฏฺิยา คหณาการวเสน, ตสฺส ปน อยถาภูตคาหิตาย ปรมตฺถโต จ อภาวโต. อตฺถโตติ ปรมตฺถโต. อนุปาทาปริตสฺสนาเยว นาม โหติ อุปาทาตพฺพาการสฺส อภาเวน ตํ อนุปาทิยิตฺวา เอว ปริตสฺสนาติ กตฺวา.
ปริวตฺตตีติ น ตเทว รูปํ อฺถา ปวตฺตํ ปริวตฺตติ, อถ โข ปกติชหเนน สภาววิคเมน นสฺสติ ภิชฺชติ. วิปริณตนฺติ อฺถตฺตํ คตํ วินฏฺํ. กมฺมวิฺาณนฺติ อภิสงฺขารวิฺาณํ. ‘‘รูปํ อตฺตา’’ติอาทิ มิจฺฉาคาหวเสน วิฺาณสฺส รูปเภเทน วุตฺตสฺส เภทานุปริวตฺติ โหติ. วิปริณามํ อนุคนฺตฺวา วิปริวตฺตนตํ อารพฺภ ปวตฺตํ วิปริณามานุปริวตฺตํ; ตโต ¶ สมุปฺปนฺนา ปริตสฺสนา วิปริณามานุปริวตฺตชา ปริตสฺสนาติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘วิปริณามสฺส…เป… ปริตสฺสนา’’ติ. อกุสลธมฺมสมุปฺปาทา จาติ, ‘‘ยํ อหุ วต เม, ตํ วต เม นตฺถี’’ติอาทินา ปวตฺตา อกุสลจิตฺตุปฺปาทธมฺมา. เขเปตฺวาติ ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน อนุปฺปตฺตินิมิตฺตตาย เขเปตฺวา. ภยตาเสนาติ ภายนวเสนปิ จิตฺตุตฺราเสน. ตณฺหาตาเสนาติ ตสฺสเนน. สวิฆาโตติ จิตฺตวิฆาตนวิฆาเตน สวิฆาโต. ตโต เอว เจโตทุกฺเขน สทุกฺโข. มณิกรณฺฑกสฺายาติ ริตฺตกรณฺฑํเยว มณิปริปุณฺณกรณฺโฑติ อุปฺปนฺนสฺาย. อคฺคเหตฺวา ปริตสฺสนาติ คเหตพฺพสฺส อภาเวน คหณมฺปิ อวิชฺชมานปกฺขิยเมวาติ อคฺคเหตฺวา ปริตสฺสนา นาม โหติ.
๓๒๑. กมฺมวิฺาณเมว นตฺถิ สติ กมฺมวิฺาเณ รูปเภทานุปริวตฺติ สิยาติ กมฺมวิฺาณาภาวทสฺสนมุเขน ขีณาสวสฺส สพฺพโส กิเลสาภาวํ ทสฺเสติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อุทฺเทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๙. อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๒๓. เคหสฺสิตวเสนาติ ¶ กิเลสนิสฺสิตวเสน อนุโรธวเสน. เนว อุกฺขิเปยฺยาติ น อนุคฺคณฺเหยฺย. น อวกฺขิเปยฺยาติ เคหสฺสิตวเสน วิโรธวเสน น นิคฺคณฺเหยฺย. อนุโรเธน วินา สมฺปหํสนวเสน ยถาภูตคุณกถนํ เนวุสฺสาทนา วชฺชาภาวโต; ตถา วิโรเธน วินา วิเวจนวเสน ยถาภูตโทสกถนํ น อปสาทนํ. สภาวเมวาติ ยถาภูตสภาวเมว กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส อนาเทสกรณวเสน กเถยฺย, เสยฺยถาปิ อายสฺมา สุภูติตฺเถโร. วินิจฺฉิตสุขนฺติ, ‘‘อชฺฌตฺตํ อนวชฺช’’นฺติอาทินา วิเสสโต วินิจฺฉิตสุขาย โหติ. ปรมฺมุขา อวณฺณนฺติ สฺวายํ รโหวาโท เปสฺุูปสํหารวเสน ปวตฺโต อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ปิสุณวาจนฺติ อตฺโถ’’ติ. ขีณาตีติ ขีโณ, โย ภาสติ, ยฺจ อุทฺทิสฺส ภาสติ, ทฺเวปิ หึสติ วิพาธตีติ อตฺโถ, ตํ ขีณวาทํ. สฺวายํ ยสฺมา กิเลเสหิ อากิณฺโณ สํกิลิฏฺโ เอว จ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อากิณฺณํ ¶ สํกิลิฏฺํ วาจ’’นฺติ. เตน อวสิฏฺํ ติวิธมฺปิ วจีทุจฺจริตมาห. อธิฏฺหิตฺวาติ, ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ อชฺโฌสาย. อาทายาติ ปคฺคยฺห. โวหเรยฺยาติ สมุทาจเรยฺย. โลกสมฺนฺติ โลกสงฺเกตํ.
๓๒๔. อารมฺมณโต สมฺปโยคโต กาเมหิ ปฏิสํหิตตฺตา กามปฏิสนฺธิ, กามสุขํ. เตนาห ‘‘กามูปสํหิเตน สุเขนา’’ติ. สทุกฺโขติ วิปากทุกฺเขน สํกิเลสทุกฺเขน สทุกฺโข. ตถา สปริฬาโหติ วิปากปริฬาเหน เจว กิเลสปริฬาเหน จ สปริฬาโห.
๓๒๖. วฏฺฏโต นิสฺสริตุํ อทตฺวา ตตฺเถว สีทาปนโต มิจฺฉาปฏิปทาภาเวน สตฺเต สํโยเชตีติ สํโยชนํ, วิเสสโต ภวสํโยชนํ ตณฺหาติ อาห ‘‘ตณฺหาเยตํ นาม’’นฺติ. น ตณฺหาเยว มานาทโยปิ สํโยชนตฺตํ สาเธนฺติ นาม สพฺพโส สํโยชนโต สุฏฺุ พนฺธนโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๕-๑๒๖).
อิมํ จตุกฺกนฺติ, ‘‘เย กามปฏิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยคํ อนุยุตฺตา, เย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุยุตฺตา’’ติ เอวมาคตํ อิมํ จตุกฺกํ นิสฺสาย. ‘‘เอตทคฺเค ปิโต’’ติ, วตฺวา ตํ นิสฺสาย ปิตภาวํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ, ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุสฺสาทนาอปสาทนา ¶ ปฺายนฺติ ตถาคเตน วิเนตพฺพปุคฺคลวเสน ธมฺมเทสนาย ปวตฺเตตพฺพโต. อยํ ปุคฺคโล…เป… อาจารสมฺปนฺโนติ วา นตฺถิ ปเรสํ อนุทฺเทสกวเสน ธมฺมเทสนาย ปวตฺตนโต.
๓๒๙. ปรมฺมุขา อวณฺณนฺติ นินฺทิยสฺส โทสสฺส นินฺทนํ. น หิ กทาจิ นินฺทิโย ปสํสิโย โหติ, ตํ ปน กาลํ ตฺวาว กเถตพฺพนฺติ อาห, ‘‘ยุตฺตปตฺตกาลํ ตฺวาวา’’ติ. ขีณวาเทปิ เอเสว นโย ตสฺส รโหวาเทน สมานโยคกฺขมตฺตา.
๓๓๐. ฆาตียตีติ วธียติ. สทฺโทปิ ภิชฺชติ นสฺสติ, เภโท โหตีติ อตฺโถ. เคลฺปฺปตฺโตติ เขทํ ปริสฺสมํ ปตฺโต. อปลิพุทฺธนฺติ โทเสหิ อนนุปติตํ.
๓๓๑. อภินิวิสฺส ¶ โวหรตีติ เอวเมตํ, น อิโต อฺถาติ ตํ ชนปทนิรุตฺตึ อภินิวิสิตฺวา สมุทาจรติ. อติธาวนนฺติ สมฺํ นาเมตํ โลกสงฺเกตสิทฺธา ปฺตฺตีติ ปฺตฺติมตฺเต อฏฺตฺวา ปรมตฺถโต ถามสา ปรามสฺส โวหรณํ.
๓๓๒. อปรามสนฺโตติ อนภินิวิสนฺโต สมฺามตฺตโตว โวหรติ.
๓๓๓. มริยาทภาชนียนฺติ ยถาวุตฺตสมฺมาปฏิปทาย มิจฺฉาปฏิปทาย จ อฺมฺํ สงฺกรภาววิภาชนํ. รณนฺติ สตฺตา เอเตหิ กนฺทนฺติ อกนฺทนฺตาปิ กนฺทนการณภาวโตติ รณา; ราคโทสโมหา, ทสปิ วา กิเลสา, สพฺเพปิ วา เอกนฺตากุสลา, เตหิ นานปฺปการทุกฺขนิพฺพตฺตเกหิ อภิภูตา สตฺตา กนฺทนฺติ; สห รเณหีติ สรโณ. รณสทฺโท วา ราคาทิเรณูสุ นิรุฬฺโห. เตนาห ‘‘สรโช สกิเลโส’’ติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘สทุกฺโข เอโส ธมฺโม’’ติอาทินา อาคตตฺตา กามสุขานุโยคาทโยปิ ‘‘สรโณ’’ติ วุตฺตาติ ทุกฺขาทีนํ รณภาโว ตนฺนิพฺพตฺตกสภาวานํ อกุสลานํ สรณตา จ เวทิตพฺพา. อรโณติอาทีนํ ปทานํ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
วตฺถุํ โสเธตีติ นิโรธสมาปชฺชเนน มหปฺผลภาวกรเณน ทกฺขิเณยฺยวตฺถุภูตํ อตฺตานํ วิโสเธติ; นิโรธสมาปตฺติยา วตฺถุวิโสธนํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺิตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ มหากสฺสปตฺเถราทีนํ ทินฺนทกฺขิณาวิสุทฺธิยา ทีเปตพฺพํ. เตนาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ. ตเถวาติ อิมินา ‘‘ปิณฺฑาย จรนฺโต’’ติอาทึ อุปสํหรติ. เมตฺตาภาวนาย มุทุภูตจิตฺตพหุมานปุพฺพกํ เทนฺตีติ ¶ , ‘‘สุภูติตฺเถโร ทกฺขิณํ วิโสเธตี’’ติ วุตฺตํ. เตน ทายกโตปิ ทกฺขิณาวิสุทฺธึ ทสฺเสติ. วตฺถุโสธนํ ปน ปฏิภาคโต. เอวํ ปน กาตุํ สกฺกาติ สาวกานมฺปิ กิเมวํ ลหุวุฏฺานาธิฏฺานํ สาวเกสุ จิณฺณวสีภาโว สมฺภวตีติ ปุจฺฉติ. อิตโร อคฺคสาวกมหาสาวเกสุ กึ วตฺตพฺพํ, ปกติสาวเกสุปิ วสิปฺปตฺเตสุ ลพฺภตีติ เต ทสฺเสนฺโต, ‘‘อาม สกฺกา’’ติอาทิมาห. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๐. ธาตุวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๔๒. อปริกฺขีณายุกํ ¶ ¶ ปุกฺกุสาติกุลปุตฺตํ อุทฺทิสฺส คมนนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ตุริตคมนจาริก’’นฺติ. มม วาสุปคมเนน ตว จิตฺตสฺส อผาสุกํ อนิฏฺํ สเจ นตฺถิ. โสติ ปุพฺพุปคโต. ทินฺนํ ทินฺนเมว วฏฺฏตีติ เอกวารํ ทินฺนํ ทินฺนเมว ยุตฺตํ, น ปุน ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. กตํ กตเมวาติ สงฺคหตฺถํ กตํ อนุจฺฉวิกกมฺมํ กตเมว, น ตํ ปุน วิปริวตฺเตตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
ปุกฺกุสาติมฺหิ อุภยถาปิ กุลปุตฺตภาโว ปริปุณฺโณ เอวาติ อาห – ‘‘ชาติกุลปุตฺโตปิ อาจารกุลปุตฺโตปี’’ติ. ตตฺราติ ตสฺมึ ตกฺกสีลโต อาคมเน. องฺเก นิปนฺนทารกํ วิย ชนํ โตเสติ ตุฏฺึ ปาเปติ. รตนานิ อุปฺปชฺชนฺติ ปพฺพตสมุทฺทาทิสนฺนิสฺสิตตฺตา ปจฺจนฺตเทสสฺส. ทสฺสนียนฺติ ทสฺสเนเนว สุขาวหํ. เอวรูปนฺติ ทสฺสนียํ สวนียฺจ.
อนคฺฆกมฺพเล มหคฺฆกมฺพเล. สารกรณฺฑเกติ จนฺทนสาราทิสารมยกรณฺฑเก. ลิขาเปตฺวา อุกฺกิราเปตฺวา. ลาขาย วฏฺฏาเปตฺวาติ มุขํ ปิทหิตฺวา ลาขาปริกมฺมํ กาเรตฺวา.
อนฺโต ทุสฺสภณฺฑิกํ อตฺถีติ อฺาสิ นาติครุกภาวโต. อนคฺฆา อเหสุนฺติ วณฺณสมฺปตฺติผสฺสสมฺปตฺติปมาณมหตฺตทุนฺนิมฺมาปิยตาหิ มหคฺฆา อเหสุํ, มหาปฺุโ ราชา ตสฺส อตฺเถวาติ อธิปฺปาโย.
ยทิ เอวํ, ‘‘กินฺนุ โข เปเสมี’’ติ กสฺมา วีมํสํ อาปชฺชีติ อาห – ‘‘อปิจ โข ปนา’’ติอาทิ. โสติ พิมฺพิสาโร ราชา. วิจินิตุํ อารทฺโธ รตนสฺส อเนกวิธตฺตา อุตฺตรุตฺตริฺจ ปณีตตราทิภาวโต. สุวณฺณรชตาทีติ สุวณฺณรชตปวาฬมณิมุตฺตาเวฬุริยาทิ. อินฺทฺริยพทฺธนฺติ จกฺขาทิอินฺทฺริยปฏิพทฺธํ. ปเทสนฺติ คุณวเสน เอกเทสํ น ปาปุณาติ.
สามํ สจฺจานํ อภิสมฺพุทฺธตาสามฺเน, ‘‘พุทฺธรตนมฺปิ ทุวิธ’’นฺติ วุตฺตํ. พุทฺธรตนสมํ รตนํ นาม นตฺถิ, ยสฺมา ปน อิมสฺมึ โลเก ปรสฺมึ วา ปน พุทฺเธน สทิโส น วิชฺชตีติ. ปมโพธิยํเยว ปวตฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘โฆโสปี’’ติอาทิ.
ราชา ¶ ตุฏฺโ จินฺเตสิ, ‘‘ตตฺถ อวิชฺชมานํเยว เปเสตุํ ลทฺธ’’นฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปริปุณฺณํ เอกทิวสมฺปิ ตสฺมึ ปเทเส พุทฺธานํ อาวาสปริคฺคโห ¶ นตฺถิ, ตสฺมา. ปุพฺพทิสามุขนฺติ ปุพฺพทิสาภิมุขํ สีหปฺชรํ. เตนสฺส สุวิภูตาโลกตํ ทสฺเสติ.
เอวํ อนฺสาธารณสฺส ภควโต อีทิโส สมุทาคโมติ ทสฺเสตุํ, ‘‘เอวํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สมฺปนฺนสมุทาคมสฺส ตทนุรูปา อยํ ผลสมฺปทาติ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตุสิตภวนโต’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อริยธมฺโม นาม อริยมคฺคปฺปธาโน, อริยมคฺโค จ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยสงฺคโห, เต จ อุทฺเทสมตฺเตเนว คหิตาติ อาห – ‘‘สตฺตตึสโพธิปกฺขิเย เอกเทเสน ลิขิตฺวา’’ติ. จูฬสีลาทีนิ พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๘-๙) อาคตนเยน เวทิตพฺพานิ. ฉทฺวารสํวรํ สติสมฺปชฺนฺติ มนจฺฉฏฺานํ ทฺวารานํ สํวรณวเสน สตฺตฏฺานิกํ สติสมฺปชฺํ. ทฺวาทสปฺปเภทํ จีวราทิจตุปฺปจฺจยสนฺโตสํ. อรฺรุกฺขมูลาทีนฺจ วิภงฺคํ ภาวนานุกูลํ เสนาสนํ. ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา วุตฺตํ นีวรณปฺปหานํ. ปริกมฺมนฺติ กสิณาทิปริกมฺมํ. ปาฬิยํ อาคตนเยน อฏฺตึส กมฺมฏฺานานิ. วิสุทฺธิปฏิปาฏิยา ยาว อาสวกฺขยา อิมํ ปฏิปตฺตึ เอกเทเสน ลิขิ. โสฬสวิธนฺติ โสฬสวิธภาวนาย ปโยคํ.
กิลฺชมเยติ นานาวิธภิตฺติวิภตฺเต สณฺหสุขุมรตนปริสิพฺพิเต กิลฺชมยสมุคฺเค. พหิ วตฺเถน เวเตฺวาติ ปมํ สุขุมกมฺพเลน เวเตฺวา ปฏิปาฏิยา เตตฺตึสาย สมุคฺเคสุ ปกฺขิปิตฺวา ตโต พหิ สุขุมวตฺเถน เวเตฺวา ฉาเทตฺวา. ติณคจฺฉปหานสมฺมชฺชนาทินา โสธิตมตฺตกเมว โหตุ, กทลิปุณฺณฆฏปนธชปฏากุสฺสาปนาทิอลงฺกรเณน มา นิฏฺาเปถาติ อตฺโถ. ราชานุภาเวน ปฏิยาเทถาติ มม ราชานุรูปํ สชฺเชถ, อลงฺกโรถาติ อตฺโถ. อนฺตรโภคิกานนฺติ อนุยุตฺตราชมหามตฺตานํ. ชวนทูเตติ ขิปฺปํ คจฺฉนฺตกทูตปุริเส. ตาเฬหิ สห อวจรนฺตีติ ตาฬาวจรา.
รฺา ปณฺณาการํ อุทฺทิสฺส กตปูชาสกฺการสฺส อมจฺจโต สุตตฺตา ปณฺณาการํ อุจฺจฏฺาเน เปตฺวา สยํ นีจาสเน นิสินฺโน. นายํ อฺสฺส รตนสฺส ภวิสฺสตีติ อยํ ปริหาโร อฺสฺส มณิมุตฺตาทิเภทสฺส รตนสฺส น ภวิสฺสติ มณิมุตฺตาทีหิ อภิสงฺขตตฺตา. พลวโสมนสฺสํ ¶ อุปฺปชฺชิ จิรตนกาลํ พุทฺธสาสเน ภาวิตภาวนตาย วาสิตวาสนตาย ฆเฏ ทีโป วิย อพฺภนฺตเร เอว สมุชฺชลมานปริปกฺกติเหตุกภาวโต.
ธาเรมีติ ¶ อิจฺฉามิ, คณฺหามีติ อตฺโถ. ทฺเวชฺฌวจนนฺติ ทฺเวฬฺหกภาโว. อนฺตรํ กโรตีติ ทฺวินฺนํ ปาทานํ อนฺตรํ ตํ เลขํ กโรติ, เอเกน ปาเทน อติกฺกมีติ อตฺโถ. ตสฺสา คตมคฺเคนาติ ตาย เทวิยา วิวฏฺฏมานาย นาสิตาย คตมคฺเคน. ตํ ปน เลขนฺติ ปุกฺกุสาตินา กตเลขํ. ปณฺณจฺฉตฺตกนฺติ ตาลปตฺตมุฏฺึ.
สตฺถุคารเวนาติ สตฺถริ อุปฺปนฺนปสาทเปมพหุมานสมฺภเวน. ตทา สตฺถารํเยว มนสิ กตฺวา ตนฺนินฺนภาเวน คจฺฉนฺโต, ‘‘ปุจฺฉิสฺสามี’’ติปิ จิตฺตํ น อุปฺปาเทสิ, ‘‘เอตฺถ นุ โข สตฺถา วสตี’’ติ ปริวิตกฺกสฺเสว อภาวโต; ราชคหํ ปน ปตฺวา รฺโ เปสิตสาสนวเสน ตตฺถ จ วิหารสฺส พหุภาวโต สตฺถา กหํ วสตีติ ปุจฺฉิ. สตฺถุ เอกกสฺเสว นิกฺขมนํ ปฺจจตฺตาลีส โยชนานิ ปทสา คมนฺจ ธมฺมปูชาวเสน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ธมฺมปูชาย จ พุทฺธานํ อาจิณฺณภาโว เหฏฺา วิตฺถาริโตเยว. พุทฺธโสภํ ปน ปฏิจฺฉาเทตฺวา อฺาตกเวเสน ตตฺถ คมนํ ตสฺส กุลปุตฺตสฺส วิสฺสตฺถวเสน มคฺคทรถปฏิปสฺสมฺภนตฺถํ. อปฺปฏิปสฺสทฺธมคฺคทรโถ หิ ธมฺมเทสนาย ภาชนํ น โหตีติ. ตถาหิ วกฺขติ, ‘‘นนุ จ ภควา’’ติอาทิ.
อุรุทฺธนฺติ วิสาลนฺติ เกจิ. อติเรกติโยชนสตนฺติอาทินา อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ มจฺเฉรวินยเน สพฺรหฺมจารีนํ โอวาททานํ. อจฺจนฺตสุขุมาโลติอาทินา สตฺถุ ธมฺมคารเวน สทฺธึ กุลปุตฺตสฺสปิ ธมฺมคารวํ สํสนฺทติ สเมตีติ ทสฺเสติ. เตน ภควโต กตสฺส ปจฺจุคฺคมนสฺส านคตภาวํ วิภาเวนฺโต อฺเสมฺปิ ภพฺพรูปานํ กุลปุตฺตานํ ยถารหํ สงฺคโห กาตพฺโพติ ทสฺเสติ.
พฺรหฺมโลกปฺปมาณนฺติ อุจฺจภาเวน. อานุภาเวนาติ อิทฺธานุภาเวน ยถา โส โสตปถํ น อุปคจฺฉติ, เอวํ วูปสเมตุํ สกฺโกติ. อวิพฺภนฺตนฺติ วิพฺภมรหิตํ นิลฺโลลุปฺปํ. ‘‘ภาวนปุํสกํ ปเนต’’นฺติ วตฺวา ตสฺส วิวรณตฺถํ, ‘‘ปาสาทิเกน อิริยาปเถนา’’ติ วุตฺตํ. อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เอตํ กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘ยถา อิริยโต’’ติอาทิ. อมนาโป ¶ โหติ ปสฺสนฺตานํ. สีหเสยฺยาย นิปนฺนสฺสปิ หิ เอกจฺเจ สรีราวยวา อโธขิตฺตวิกฺขิตฺตา วิย ทิสฺสนฺติ. กฏิยํ ทฺวินฺนํ อูรุสนฺธีนํ ทฺวินฺนฺจ ชาณุสนฺธีนํ วเสน จตุสนฺธิกปลฺลงฺกํ. น ปติฏฺาตีติ นปฺปวตฺตติ, ‘‘กํสิ ตฺว’’นฺติอาทินา อปุจฺฉิเต กถาปวตฺติ เอว น โหติ. อปฺปติฏฺิตาย กถาย น สฺชายตีติ ตถา ปน ปุจฺฉาวเสน กถาย อปฺปวตฺติตาย อุปริ ธมฺมกถา น สฺชายติ น อุปฺปชฺชติ. อิตีติ ตสฺมา. กถาปติฏฺาปนตฺถํ กถาปวตฺตนตฺถํ กถาสมุฏฺาปนตฺถํ วา ปุจฺฉิ.
สภาวเมว ¶ กเถตีติ อตฺตโน ภควโต อทิฏฺปุพฺพตฺตา ‘‘อทิฏฺปุพฺพกํ กถมหํ ชาเนยฺย’’นฺติ สภาวเมว เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสยเมว กเถติ; น ปน สเทวกสฺส โลกสฺส สุปากฏํ สภาวสิทฺธํ พุทฺธรูปกายสภาวํ. อถ วา สภาวเมว กเถตีติ ‘‘อิทเมว’’นฺติ ชานนฺโตปิ ตทา ภควโต รุจิยา ตถาปวตฺตมานํ รูปกายสภาวเมว กเถติ อปฺปวิกฺขมฺภนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห – ‘‘ตถา หิ น’’นฺติอาทิ, วิปสฺสนาลกฺขณเมว ปฏิปทนฺติ อธิปฺปาโย.
๓๔๓. ‘‘ปุพฺพภาคปฏิปทํ อกเถตฺวา’’ติ วตฺวา ปุพฺพภาคปฏิปทาย อกถเน การณํ ปุพฺพภาคปฏิปทฺจ สรูปโต ทสฺเสตุํ, ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปริสุทฺธายปิ ปุพฺพภาคปฏิปทาย วิปสฺสนา ตถา น กิจฺจการี, ปเคว อวิชฺชมานายาติ, ‘‘ยสฺส หิ…เป… อปริสุทฺธา โหติ’’จฺเจว วุตฺตํ. ปุพฺพภาคปฏิปทา จ นาม สงฺเขปโต ปนฺนรส จรณธมฺมาติ อาห – ‘‘สีลสํวรํ…เป… อิมํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ อาจิกฺขตี’’ติ. ยานกิจฺจํ สาเธติ มคฺคคมเนน อกิลนฺตภาวสาธนตฺตา. จิรกาลํ ปริภาวิตาย ปริปกฺกคตาย เหตุสมฺปทาย อุปฏฺาปิตํ สามเณรสีลมฺปิ ปริปุณฺณํ อขณฺฑาทิภาวปฺปตฺติยา, ยํ ปุพฺพเหตุตฺตา ‘‘สีล’’นฺติ วุจฺจติ.
ธาตุโย ปรมตฺถโต วิชฺชมานา, ปฺตฺติมตฺโถ ปุริโส อวิชฺชมาโน. อถ กสฺมา ภควา อรหตฺตสฺส ปทฏฺานภูตํ วิปสฺสนํ กเถนฺโต ‘‘ฉธาตุโร’’ติ อวิชฺชมานปฺปธานํ เทสนํ อารภีติ อาห – ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ. กตฺถจิ ‘‘เตวิชฺโช ฉฬภิฺโ’’ติอาทีสุ วิชฺชมาเนน อวิชฺชมานํ ทสฺเสติ. กตฺถจิ – ‘‘อิตฺถิรูปํ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑.๑) อวิชฺชมาเนน วิชฺชมานํ ทสฺเสติ. กตฺถจิ ‘‘จกฺขุวิฺาณํ ¶ โสตวิฺาณ’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๑๒๑) วิชฺชมาเนน วิชฺชมานํ ทสฺเสติ. กตฺถจิ – ‘‘ขตฺติยกุมาโร พฺราหฺมณกฺาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๗๕) อวิชฺชมาเนน อวิชฺชมานํ ทสฺเสติ. อิธ ปน วิชฺชมาเนน อวิชฺชมานํ ทสฺเสติ. ‘‘ฉธาตุโร’’ติ หิ สมาสตฺโถ อวิชฺชมาโน ปุคฺคลวิสยตฺตา, ตสฺส ปทสฺส อวยวตฺโถ ปน อปฺปธานตฺโถ วิชฺชมาโน, โส สทฺทกฺกเมน อปฺปธาโนปิ อตฺถกฺกเมน ปธาโนติ อาห – ‘‘วิชฺชมาเนน อวิชฺชมานํ ทสฺเสนฺโต’’ติ. ปุคฺคลาธิฏฺานาเยตฺถ เทสนาย การณํ ทสฺเสตุํ, ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปฏฺาเปยฺยาติ – ‘‘ธาตุโย’’อิจฺเจว กุลปุตฺตสฺส จิตฺตํ นิเวเสยฺย ตถา สฺชาเนยฺย, เอวํ ธมฺมํ เทเสยฺยาติ อตฺโถ. สนฺเทหํ กเรยฺยาติ อสติ ปุริเส โก กโรติ? โก ปฏิสํเวเทติ, ธาตุโย เอวาติ กึ นุ โข อิทํ, กถํ นุ โข อิทนฺติ สํสยํ อุปฺปาเทยฺย? สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยาติ จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร วตฺตมานํ วิย เทสิยมาเน อตฺเถ สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺย ¶ . ตถาภูโต จ เทสนาย อภาชนภูตตฺตา เทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น สกฺกุเณยฺย. เอวมาหาติ เอวํ ‘‘ฉธาตุโร’’ติ อาห.
ยํ ตฺวํ ปุริโสติ สฺชานาสีติ ยํ รูปารูปธมฺมสมูหํ ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานํ อธิฏฺานวิเสสวิสิฏฺํ – ‘‘ปุริโส สตฺโต อิตฺถี’’ติอาทินา ตฺวํ สฺชานาสิ, โส ฉธาตุโร. สนฺเตสุปิ ฉธาตุวินิมุตฺเตสุ ธาตฺวนฺตเรสุ สุขาวคฺคหณตฺถํ ตถา วุตฺตํ ตคฺคหเณเนว จ เตสํ คเหตพฺพโต, สฺวายมตฺโถ เหฏฺา ทสฺสิโต เอว. เสสปเทสูติ ‘‘ฉผสฺสายตโน’’ติอาทิปเทสุปิ. จตฺตาริ อธิฏฺานานิ จตสฺโส ปติฏฺา เอตสฺสาติ จตุราธิฏฺาโน, อธิติฏฺติ ปติฏฺหติ เอเตนาติ อธิฏฺานํ, เยสุ ปติฏฺาย อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ อธิคจฺฉติ, เตสํ ปฺาทีนํ เอตํ อธิวจนํ. เตนาห ‘‘สฺวายํ ภิกฺขู’’ติอาทิ. เอตฺโตติ วฏฺฏโต. วิวฏฺฏิตฺวาติ วินิวฏฺฏิตฺวา อปสกฺกิตฺวา. เอตฺโตติ วา เอเตหิ ฉธาตุอาทีหิ. เอตฺถ หิ นิวิฏฺสฺส อายตฺตสฺส อุตฺตมาย สิทฺธิยา อสมฺภโวติ. ปติฏฺิตนฺติ อริยมคฺคาธิคมวเสน สุปฺปติฏฺิตํ. เอวฺหิ สพฺพโส ปฏิปกฺขสมุจฺฉินฺทเนน ตตฺถ ปติฏฺิโต โหติ. มฺสฺสวา นปฺปวตฺตนฺตีติ ฉหิปิ ทฺวาเรหิ ปวตฺตมานโสตาย มคฺเคน วิโสสิตาย สพฺพโส วิคตาย สพฺพโส วิจฺเฉทปฺปตฺติยา น สนฺทนฺติ. เตนาห ‘‘นปฺปวตฺตนฺตี’’ติ. ยสฺมา มาเน ¶ สพฺพโส สมุจฺฉินฺเน อสมุจฺฉินฺโน อนุปสนฺโต กิเลโส นาม นตฺถิ, ตสฺมา อาห – ‘‘มุนิ สนฺโตติ วุจฺจตี’’ติ ราคคฺคิอาทีนํ นิพฺพาเนน นิพฺพุโต.
ปฺํ นปฺปมชฺเชยฺยาติ, ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตาย (ม. นิ. ๑.๔๒๓; ๒.๒๔; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๓.๑๕; วิภ. ๕๑๙; มหานิ. ๑๖๑) อปฺปมาทปฺปฏิปตฺติยา สมาธิวิปสฺสนาปฺํ นปฺปมชฺเชยฺย. เอเตน ปุพฺพภาคิยํ สมถวิปสฺสนาภาวนมาห. สจฺจมนุรกฺเขยฺยาติ สจฺจานุรกฺขนาปเทเสน สีลวิโสธนมาห; สจฺเจ ิโต สมาทินฺนสีลํ อวิโกเปตฺวา ปริปูเรนฺโต สมาธิสํวตฺตนิยตํ กโรติ. เตนาห ‘‘วจีสจฺจํ รกฺเขยฺยา’’ติ. กิเลสปริจฺจาคํ พฺรูเหยฺยาติ ตทงฺคาทิวเสน กิเลสานํ ปริจฺจชนวิธึ วฑฺเฒยฺย. กิเลสวูปสมนํ สิกฺเขยฺยาติ ยถา เต กิเลสา ตทงฺคาทิวเสน ปริจฺจตฺตา ยถาสมุทาจารปฺปวตฺติยา สนฺตาเน ปริฬาหํ น ชเนนฺติ; เอวํ กิเลสานํ วูปสมนวิธึ สิกฺเขยฺย ปฺาธิฏฺานาทีนนฺติ โลกุตฺตรานํ ปฺาธิฏฺานาทีนํ. อธิคมตฺถายาติ ปฏิลาภตฺถาย.
๓๔๗. ปุพฺเพ ¶ วุตฺตานนฺติ, ‘‘จตุราธิฏฺาโน, ยตฺถ ิตํ มฺสฺสวา นปฺปวตฺตนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๔๓) เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตานํ.
๓๔๘. วตฺตพฺพํ ภเวยฺยาติ นิทฺเทสวเสน วตฺตพฺพํ ภเวยฺย. อาทีหีติ เอวมาทีหิ. กิจฺจํ นตฺถิ กิจฺจาภาวโต. อุปฺปฏิปาฏิธาตุกนฺติ อยถานุปุพฺพิกํ. ยถาธมฺมวเสเนวาติ เทเสตพฺพธมฺมานํ ยถาสภาเวเนว. สปฺปายํ ธุตงฺคนฺติ อตฺตโน กิเลสนิคฺคณฺหนโยคฺคํ ธุตงฺคํ. จิตฺตรุจิตนฺติ อตฺตโน จิตฺตปกติยา อาจริเยหิ วิโรเจตพฺพํ, จริยานุกูลนฺติ อตฺโถ. หตฺถิปโทปมสุตฺตาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน วิสุทฺธิมคฺคธาตุวิภงฺคาทึ สงฺคณฺหาติ.
๓๕๔. อยมฺเปตฺถาติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน ‘‘อถาปรํ อุเปกฺขาเยว อวสิสฺสตี’’ติ อุปริเทสนํ สมฺปิณฺเฑติ. โสปิ หิ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธีติ. นนุ จายํ ยถาอุทฺทิฏฺาย วิฺาณธาตุยา นิทฺเทโสปิ ¶ ภวิสฺสตีติ ยถานุสนฺธินโย วิชฺชตีติ? น, วิฺาณธาตุนิทฺเทสนเยน เทสนาย อปฺปวตฺตตฺตา เตนาห ‘‘เหฏฺโต’’ติอาทิ. ยํ วา ปนาติอาทินา ปน เทสนาย สานุสนฺธิตํ วิภาเวติ. น หิ พุทฺธา ภควนฺโต อนนุสนฺธิกํ เทสนํ เทเสนฺติ. อาคมนียวิปสฺสนาวเสนาติ ยสฺสา ปุพฺเพ ปวตฺตตฺตา อาคมนียฏฺาเน ิตา วิปสฺสนา, ตสฺสา วเสน. กมฺมการกวิฺาณนฺติ ‘‘เนตํ มม เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ เอวํ วิปสฺสนากิจฺจการกํ วิปสฺสนาสหิตํ วิฺาณํ. วิฺาณธาตุวเสนาติ ยถาอุทฺทิฏฺาย วิฺาณธาตุยา ภาชนวเสน. สตฺถุ กถนตฺถายาติ สตฺถารา อุทฺเทสเมว กตฺวา ปิตตฺตา นิทฺเทสวเสน กถนตฺถาย. อกถิตภาโว เอว หิสฺส อวสิฏฺตา กถนตฺถาย ปฏิวิชฺฌนตฺถาย จ. ปฏิปกฺขวิคเมน ตสฺส จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตาติ อาห ‘‘นิรุปกฺกิเลส’’นฺติ. อุปกฺกิเลสานํ ปน ปหีนภาวโต ปริโยทาตํ. สมุทยวเสน อุทยทสฺสนตฺถฺเจว ปจฺจยนิโรธวเสน อตฺถงฺคมทสฺสนตฺถฺจ. การณภาเวน สุขาย เวทนาย หิตนฺติ สุขเวทนิยํ. เตนาห ‘‘สุขเวทนาย ปจฺจยภูต’’นฺติ.
๓๖๐. รูปกมฺมฏฺานมฺปิ จตุธาตุววตฺถานวเสน, อรูปกมฺมฏฺานมฺปิ สุขทุกฺขเวทนามุเขน ปคุณํ ชาตํ.
สตฺถุ กถนตฺถํเยว อวสิสฺสตีติ, ‘‘กุลปุตฺตสฺส ปฏิวิชฺฌนตฺถ’’นฺติ วุตฺตเมวตฺถํ นิเสเธติ, ตสฺมา วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถตุํ, ‘‘อิมสฺมึ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุลปุตฺตสฺส รูปาวจรชฺฌาเนติ กุลปุตฺเตน อธิคตรูปาวจรชฺฌาเน. เตนาห – ‘‘ภิกฺขุ ปคุณํ ตว อิทํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาน’’นฺติ. ยํ กิฺจิ สุวณฺณตาปนโยคฺยํ ¶ องฺคารภาชนํ อิธ ‘‘อุกฺกา’’ติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘องฺคารกปลฺล’’นฺติ. สชฺเชยฺยาติ ยถา ตตฺถ ปกฺขิตฺตสุวณฺณฺจ ตปฺปติ, เอวํ ปฏิยาทิเยยฺย. นีหฏโทสนฺติ วิคตีภูตกาฬกํ. อปนีตกสาวนฺติ อปคตสุขุมกาฬกํ.
อริยมคฺเค ปติฏฺาเปตุกาเมน นาม สพฺพสฺมิมฺปิ โลกิยธมฺเม วิรชฺชนตฺถาย ธมฺโม กเถตพฺโพติ อธิปฺปาเยน, ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทินา โจทนา กตา. วิเนยฺยทมนกุสเลน ภควตา เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน ตาว จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขาย วณฺโณ กถิโตติ ตสฺส ปริหารํ วทนฺโต, ‘‘กุลปุตฺตสฺสา’’ติอาทิมาห.
๓๖๑. ตทนุธมฺมนฺติ ¶ ตสฺส อรูปาวจรสฺส กุสลสฺส อนุรูปธมฺมํ, ยาย ปฏิปทาย ตสฺส อธิคโม โหติ, ตสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘รูปาวจรชฺฌาน’’นฺติ. ตคฺคหณาติ ตสฺส คหเณน ตสฺสา ปฏิปตฺติยา ปฏิปชฺชมาเนน. อิโต อุตฺตรินฺติ ‘‘วิฺาณฺจายตน’’นฺติอาทีสุ.
๓๖๒. ตสฺเสวาติ อรูปาวจรชฺฌานสฺส. เอตํ ปน สวิปากํ อรูปาวจรชฺฌานํ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตตฺตา สงฺขตํ. ปกปฺปิตนฺติ ปจฺจยวเสน สวิหิตํ. อายูหิตนฺติ สมฺปิณฺฑิตํ. กโรนฺเตน กรียตีติ ปฏิปชฺชนเกน ปฏิปชฺชียติ สงฺขรียติ. นิพฺพานํ วิย น นิจฺจํ น สสฺสตํ. อถ โข ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวตาย ตาวกาลิกํ. ตโต เอว จวนาทิสภาวนฺติ สพฺพเมตํ รูปาวจรธมฺเมสุ อาทีนววิภาวนํ. ทุกฺเข ปติฏฺิตนฺติ สงฺขารทุกฺเข ปติฏฺิตํ. อตาณนฺติ จวนสภาวาทิตาย ตาณรหิตํ. อเลณนฺติ ตโต อรกฺขตฺตา ลียนฏฺานรหิตํ. อสรณนฺติ อปฺปฏิสรณํ. อสรณีภูตนฺติ สพฺพกาลมฺปิ อปฺปฏิสรณํ.
สมตฺตปตฺตวิเส ขนฺธาทีสุ คหิเต ทุตฺติกิจฺฉา สิยาติ, ‘‘ขนฺธํ วา สีสํ วา คเหตุํ อทตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เอวเมวาติ เอตฺถายํ อุปมาสํสนฺทนา – เฉโก ภิสกฺโก วิย สมฺมาสมฺพุทฺโธ. วิสวิกาโร วิย กิเลสทุกฺขานุพนฺโธ, ภิสกฺกสฺส วิสํ านโต จาเวตฺวา อุปริ อาโรปนํ วิย ภควโต เทสนานุภาเวน กุลปุตฺตสฺส กามภเว นิกนฺตึ ปริยาทาย อรูปชฺฌาเน ภวนํ. ภิสกฺกสฺส วิสํ โอตาเรตฺวา ปถวิยํ ปาตนํ วิย กุลปุตฺตสฺส โอรมฺภาคิยกิเลสทุกฺขาปนยนํ.
อสมฺปตฺตสฺสาติ อรูปาวจรชฺฌานํ อนธิคตสฺส. อปฺปฏิลทฺธสฺเสวาติ ตสฺส เววจนํ. สพฺพเมตนฺติ ¶ ‘‘อนิจฺจํ อธุว’’นฺติอาทินา วิตฺถารโต วุตฺตํ สพฺพเมตํ อาทีนวํ. เอกปเทเนว ‘‘สงฺขตเมต’’นฺติ กเถสิ สงฺขตปเทเนว ตสฺส อตฺถสฺส อนวเสสโต ปริยาทินฺนตฺตา.
นายูหตีติ ภวการณเจตนาวเสน พฺยาปารํ น สมูเหติ น สมฺปิณฺเฑติ. เตนาห – ‘‘น ราสึ กโรตี’’ติ. อภิสงฺขรณํ นาม เจตนาพฺยาปาโรติ อาห – ‘‘น อภิสฺเจตยตี’’ติ. ตํ ปน ผลุปฺปาทนสมตฺถตาย ผเลน กปฺปนนฺติ อาห ‘‘น กปฺเปตี’’ติ. สเจ อภิสงฺขารเจตนา อุฬารา, ผลมหตฺตสงฺขาตาย วุฑฺฒิยา โหติ, อนุฬารา จ อวุฑฺฒิยาติ อาห – ‘‘วุฑฺฒิยา วา ปริหานิยา วา’’ติ. พุทฺธวิสเย ตฺวาติ ภควา ¶ อตฺตโน พุทฺธสุพุทฺธตาย สีหสมานวุตฺติตาย จ เทสนํ อุกฺกํสโต สาวเกหิ ปตฺตพฺพํ วิเสสํ อนวเสเสนฺโต ตถา วทติ, น สาวกวิสยํ อติกฺกมิตฺวา อตฺตโน พุทฺธวิสยเมว เทเสนฺโต. เตนาห – ‘‘อรหตฺตนิกูฏํ คณฺหี’’ติ. ยทิ กุลปุตฺโต อตฺตโน…เป… ปฏิวิชฺฌิ, อถ กสฺมา ภควา เทสนาย อรหตฺตนิกูฏํ คณฺหีติ อาห ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ.
อิโต ปุพฺเพติ อิโต อนาคามิผลาธิคมโต อุตฺตริ อุปริ. อสฺสาติ กุลปุตฺตสฺส. กเถนฺตสฺส ภควโต ธมฺเม เนว กงฺขา น วิมติ ปมมคฺเคเนว กงฺขาย สมุจฺฉินฺนตฺตา. เอกจฺเจสุ าเนสูติ ตถา วิเนยฺยาเนสุ. ตถา หิ อยมฺปิ กุลปุตฺโต อนาคามิผลํ ปตฺวา ภควนฺตํ สฺชานิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยโต อเนนา’’ติอาทิ.
๓๖๓. อนชฺโฌสิตาติ อนชฺโฌสนียาติ อยมตฺโถติ อาห – ‘‘คิลิตฺวา ปรินิฏฺาเปตฺวา คเหตุํ น ยุตฺตา’’ติ.
๓๖๔. ราโคว อนุสโย ราคานุสโย, โส จ ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนารโหติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ วุตฺตํ – ‘‘สุขเวทนํ อารพฺภ ราคานุสโย อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ. น ปน ตสฺส อุปฺปาทนํ อตฺถิ ขณตฺตยสมาโยคาสมฺภวโต. เอส นโย เสเสสุปิ. อิตรนฺติ อทุกฺขมสุขเวทนํ. วิสํยุตฺโตติ เกนจิ สฺโชเนน อสํยุตฺตตาย เอว นิยตวิปฺปยุตฺโต. กายสฺส โกฏิ ปรโม อนฺโต เอตสฺสาติ กายโกฏิกํ. ทุติยปเทติ ‘‘ชีวิตปริยนฺติก’’นฺติ อิมสฺมึ ปเท. วิเสวนสฺสาติ อุปาทานสฺส. สีตีภวิสฺสนฺตีติ ปทสฺส ‘‘นิรุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, กถํ ปน เวทยิตานํ ทฺวาทสสุ อายตเนสุ นิรุชฺฌนํ สีติภาวปฺปตฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห – ‘‘กิเลสา หี’’ติอาทิ. สมุทยปฺเหนาติ มหาสติปฏฺาเน (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓) สมุทยสจฺจนิโรธปฺเหน. นนุ สพฺพโส กิเลสปริฬาหวิคเม สีติภาโว ¶ นาม เวทนานิโรธมตฺเตน อธิปฺเปโต; เตน อิธ เวทยิตานิ วุตฺตานิ, น กิเลสาติ เวทยิตานํ อจฺจนฺตนิโรธสงฺขาโต สีติภาโวปิ กิเลสสมุจฺเฉเทเนวาติ อาห ‘‘เวทยิตานิปี’’ติอาทิ.
๓๖๕. อิทํ ¶ โอปมฺมสํสนฺทนนฺติ เอตฺถ สฺโชนา ทีปสิขา วิย, อธิฏฺานกปลฺลิกา วิย เวทนาย นิสฺสยภูตา จตฺตาโร ขนฺธา, เตลํ วิย กิเลสา, วฏฺฏิ วิย กมฺมวฏฺฏํ, อุปหรณกปุริโส วิย วฏฺฏคามี ปุถุชฺชโน, ตสฺส สีสจฺเฉทกปุริโส วิย อรหตฺตมคฺโค สนฺตานสฺส สมุจฺเฉทกรณโต, อนาหาราย ทีปสิขาย นิพฺพายนํ วิย กมฺมกิเลสานํ อนนฺตรปจฺจยโต อนาหาราย เวทนาย อนุปาทิเสสวเสน นิพฺพายนํ.
อาทิมฺหิ สมาธิวิปสฺสนาปฺาหีติ ปุพฺพภาคปฏิปทาภูตา ตยา ปคุณสมาธิโต อรหตฺตสฺส ปทฏฺานภูตวิปสฺสนาปฺาโต จ. อุตฺตริตราติ วิสิฏฺตรา. เอวํ สมนฺนาคโตติ เอตฺถ เอวํ-สทฺโท อิทํสทฺทตฺถวจโนติ อาห – ‘‘อิมินา อุตฺตเมน อรหตฺตผลปฺาธิฏฺาเนนา’’ติ. สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ เขเปตีติ สพฺพทุกฺขกฺขโย, อคฺคมคฺโค, ตํปริยาปนฺนตาย ตตฺถ าณนฺติ อาห – ‘‘สพฺพทุกฺขกฺขเย าณํ นาม อรหตฺตมคฺเค าณ’’นฺติ. อรหตฺตผเล าณํ อธิปฺเปตํ วุตฺตนเยน สพฺพทุกฺขกฺขเย สนฺเต ตนฺนิมิตฺตํ วา อุปฺปนฺนาณนฺติ กตฺวา. ตสฺสาติ, ‘‘เอวํ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อิมินา ปรเมน ปฺาธิฏฺาเนน สมนฺนาคโต โหตี’’ติ วุตฺตภิกฺขุโน.
๓๖๖. หีติ ยสฺมา. วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติ, ตสฺมา สพฺพทุกฺขกฺขเย าณนฺติ อรหตฺตผลาณํ อธิปฺเปตํ. สจฺจนฺติ ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานํ, น มคฺคสจฺจํ. กามํ อรหตฺตผลวิมุตฺติ ปฏิปกฺเขหิ อโกปนียตาย อกุปฺปา, ‘‘สจฺเจ ิตา’’ติ ปน วจนโต, ‘‘อกุปฺปารมฺมณกรเณน อกุปฺปาติ วุตฺตา’’ติ อาห. วิตถนฺติ นฏฺํ, ชราย มรเณน จ วิปริณาเมตพฺพตาย ยาทิสํ อุปฺปาทาวตฺถาย ชาตํ, ตโต อฺาทิสนฺติ อตฺโถ. ตถา หิ ตํ ชรามรเณหิ ปริมุสิตพฺพรูปตาย ‘‘มุสา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘โมสธมฺมนฺติ นสฺสนสภาว’’นฺติ. ตํ อวิตถนฺติ ตํ วุตฺตนเยน อวิตถํ นาม, ตํ สภาโว สพฺพกาลํ เตเนว ลพฺภนโต. สมถวิปสฺสนาวเสน วจีสจฺจโตติ สมถวิปสฺสนาวเสน ยํ วิสุทฺธิมตฺตํ วจีสจฺจํ, ตโต. ทุกฺขสจฺจสมุทยสจฺเจหิ ตจฺฉวิปลฺลาสภูตสภาเวหิ. อิติ เนสํ ยถาสกํ สภาเวน อวิตถภาเว อโมสธมฺมตาย เตหิปิ อวิตถภาวา ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานเมว อุตฺตริตรํ. ตสฺมาติ นิพฺพานสฺเสว อุตฺตริตรภาวโต.
๓๖๗. อุปธียติ ¶ ¶ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปธี, ขนฺธา กามคุณา จ. อุปทหนฺติ ทุกฺขนฺติ อุปธี, กิเลสาภิสงฺขารา. ปริปูรา คหิตา ปรามฏฺาติ ปริยตฺตภาเวน ตณฺหาย คหิตา ทิฏฺิยา ปรามฏฺา. สมถวิปสฺสนาวเสน กิเลสปริจฺจาคโตติ วิกฺขมฺภนวเสน ตทงฺคปฺปหานวเสน จ กิเลสานํ ปริจฺจชนโต. อุตฺตริตโร วิสิฏฺตรสฺส ปหานปฺปการสฺส อภาวโต.
๓๖๘. อาฆาตกรณวเสนาติ เจตสิกาฆาตสฺส อุปฺปชฺชนวเสน. พฺยาปชฺชนวเสนาติ จิตฺตสฺส วิปตฺติภาววเสน. สมฺปทุสฺสนวเสนาติ สพฺพโส ทุสฺสนวเสน. ตีหิ ปเทหิ ยทิ อรหตฺตมคฺเคน กิเลสานํ ปริจฺจาโค จาคาธิฏฺานํ, อรหตฺตมคฺเคเนว เนสํ วูปสโม อุปสมาธิฏฺานํ โหตีติ ทสฺเสติ. เอตฺถ วิเสเสน ปริจฺจาโค สมฺปชหนํ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ จาโค, ตถา ปน ปริจฺจาเคน โย โส เนสํ ตทา วูปสนฺตตาย อภาโว, อยํ อุปสโมติ อยเมเตสํ วิเสโส.
๓๖๙. มฺิตนฺติ มฺนา, ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา กปฺปนาติ อตฺโถ. อวิชฺชาวิพนฺธนตณฺหาคาหาทีนํ สาธารณภาวโต อยมหนฺติ เอตฺถ อหนฺติ ทิฏฺิมฺนาทสฺสนํ, สา ปน ทิฏฺิ มานมฺนาย อตฺตนิยคาหวเสน โหตีติ สฺเวว ‘‘อย’’นฺติ อิมินา คหิโตติ อาห – ‘‘อยมหนฺติ เอกํ ตณฺหามฺิตเมว วฏฺฏตี’’ติ. อาพาธฏฺเนาติ ปฏิปีฬนฏฺเน. มฺนาวเสน หิ สตฺตานํ ตถา โหติ. อนฺโตโทสฏฺเนาติ อพฺภนฺตรทุฏฺภาเวน. มฺนาทูสิตตฺตา หิ สตฺตานํ อตฺตภาโว ทุกฺขตามูลายตฺโต, กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทนิโรธภงฺเคหิ อุทฺธมุทฺธํ ปกฺกปภินฺโน โหตีติ ผลูปจาเรน ‘‘มฺิตํ คณฺโฑ’’ติ วุตฺโต. อนุปวิฏฺฏฺเนาติ อนุปวิสิตฺวา หทยมาหจฺจ อธิฏฺาเนน. มฺิตฺหิ ปีฬาชนนโต อนฺโตตุทนโต ทุรุทฺธรณโต สลฺลํ. ขีณาสวมุนิ สพฺพโส กิเลสานํ สนฺตตฺตา, ตโต เอว ปริฬาหานํ ปรินิพฺพุตตฺตา วูปสนฺตตฺตา สนฺโต อุปสนฺโต นิพฺพุโตติ วุจฺจติ. ยตฺถ ิตนฺติ ยสฺมึ อเสกฺขภูมิยํ ิตํ. ยทิ ภควา อตฺตโน เทสนาาณานุรูปํ เทสนํ ปวตฺตาเปยฺย, มหาปถวึ ปตฺถรนฺตสฺส วิย, อากาสํ ปสาเรนฺตสฺส วิย, อนนฺตาปริเมยฺยโลกธาตุโย ปฏิจฺจ เตสํ ิตาการํ ¶ อนุปฺปูรํ วิจินนฺตสฺส วิย เทสนา ปริโยสานํ น คจฺเฉยฺย. ยสฺมา ปนสฺส วิเนยฺยชฺฌาสยานุรูปเมว เทสนา ปวตฺติ, น ตโต ปรํ อณุมตฺตมฺปิ วฑฺฒติ. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘สพฺพาปิ ธมฺมเทสนา สํขิตฺตาว, วิตฺถารเทสนา นาม นตฺถี’’ติ. นนุ สตฺตปกรณเทสนา วิตฺถารกถาติ? น สาปิ วิตฺถารกถาติ อาห – ‘‘สมนฺตปฏฺานกถาปิ สํขิตฺตาเยวา’’ติ. สนฺนิปติตเทวปริสาย อชฺฌาสยานุรูปเมว หิ ตสฺสาปิ ปวตฺติ, น สตฺถุเทสนาาณานุรูปนฺติ. ยถานุสนฺธึ ¶ ปาเปสิ ยถาอุทฺทิฏฺเ อนุปุพฺเพน อนวเสสโต วิภชนวเสน เทสนาย นิฏฺาปิตตฺตา. วิปฺจิตฺู…เป… กเถสิ นาติสงฺเขปวิตฺถารวเสน เทสิตตฺตา.
๓๗๐. อฏฺนฺนํ ปริกฺขารานนฺติ นยิทมนวเสสปริยาทานํ, ลกฺขณวจนํ ปเนตํ, อฺตรสฺสาติ วจนเสโส. ตถา หิ, ‘‘มยฺหํ อิทฺธิมยปริกฺขารลาภาย ปจฺจโย โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา ปตฺตจีวรํ, ปตฺตํ, จีวรเมว วา ทินฺเน จริมภเว อิทฺธิมยปริกฺขาโร นิพฺพตฺตตีติ วทนฺติ. อทินฺนตฺตาติ เกจิวาโท, เตนาห ‘‘กุลปุตฺโต’’ติอาทิ. โอกาสาภาวโตติ อุปสมฺปทาลกฺขณสฺส อสมฺภวโต. เตนาห – ‘‘กุลปุตฺตสฺส อายุปริกฺขีณ’’นฺติ. อุทกติตฺถ…เป… อารทฺโธ ปรมปฺปิจฺฉภาวโต.
วิพฺภนฺตาติ ภนฺตจิตฺตา. สิงฺเคน วิชฺฌิตฺวา ฆาเตสิ ปุริมชาติพทฺธาฆาตตายาติ วทนฺติ.
มานุสํ โยคนฺติ มนุสฺสตฺตภาวํ. อตฺตภาโว หิ ยุชฺชติ กมฺมกิเลเสหีติ ‘‘โยโค’’ติ วุจฺจติ. อุปจฺจคุนฺติ อุปคจฺฉึสุ. อุปโกติอาทิ เตสํ นามานิ.
คนฺธกฏฺเหีติ จนฺทนาครุสฬลเทวทารุอาทีหิ คนฺธทารูหิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ธาตุวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๑. สจฺจวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๗๑. อาจิกฺขนาติ ¶ ¶ – ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจ’’นฺติ อาทิโต กถนํ. เทสนาติ ตสฺเสว อตฺถสฺส อติสชฺชนํ ปโพธนํ. ปฺาปนาติ ปกาเรหิ าปนา, สา ปน ยสฺมา อิตฺถมิทนฺติ เวเนยฺยานํ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนา, เตสํ วา สนฺตาเน ปติฏฺาปนา โหติ, ตสฺมา อาห – ‘‘ทุกฺขสจฺจาทีนํ ปนา’’ติ. ปฏฺปนาติ ปติฏฺาปนา. ยสฺมา ปฏฺปิยมานสภาวา เทสนา ภาชนํ อุปคจฺฉนฺตี วิย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ปฺาปนา’’ติ, ชานาปนาติ อตฺโถ. วิวฏกรณาติ เทสิยมานสฺส อตฺถสฺส วิวฏภาวกรณํ. วิภาคกิริยาติ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถวิภาคสฺส วิตฺถารกรณํ. ปากฏภาวกรณนฺติ อคมฺภีรภาวาปาทนํ. อปโร นโย – จตุสจฺจสฺิตสฺส อตฺถสฺส ปจฺเจกํ สรูปโต ทสฺสนวเสน อิทนฺติ อาทิโต สิกฺขาปนํ กถนํ อาจิกฺขนา, เอวํ ปรสนฺตาเน ปโพธนวเสน ปวตฺตาปนา เทสนา, เอวํ วิเนยฺยานํ จิตฺตปริโตสชนเนน เตสํ พุทฺธิปริปาจนํ ‘‘ปฺาปนา’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ปฺาเปนฺตี จ สา เทสิยมานํ อตฺถํ เวเนยฺยสนฺตาเน ปการโต เปติ ปติฏฺเปตีติ ‘‘ปฏฺปนา’’ติ วุจฺจติ. ปการโต เปนฺตี ปน สํขิตฺตสฺส วิตฺถารโต ปฏิวุตฺตสฺส ปุนาภิธานโต ‘‘วิวรณา’’ติ, ตสฺเสวตฺถสฺส วิภาคกรณโต ‘‘วิภชนา’’ติ, วุตฺตสฺส วิตฺถาเรนาภิธานโต วิภตฺตสฺส เหตุทาหรณทสฺสนโต, ‘‘อุตฺตานีกมฺม’’นฺติ วุจฺจติ. เตนาห – ‘‘ปากฏภาวกรณ’’นฺติ, เหตูปมาวเสนตฺถสฺส ปากฏภาวกรณโตติ อตฺโถ.
อนุคฺคาหกาติ อนุคฺคณฺหนกามา. สฺวายมนุคฺคโห สงฺคหวตฺถุวเสน ปากโฏ โหตีติ อาห ‘‘อามิสสงฺคเหนา’’ติอาทิ. ชเนตา ชเนตฺตีติ อาห ‘‘ชนิกา มาตา’’ติ. วุทฺธึ ปริสํ อาปาเทตีติ อาปาเทตา. เตนาห ‘‘โปเสตา’’ติ. อิทานิ ทฺวินฺนํ มหาเถรานํ ยถากฺกมํ สพฺรหฺมจารีนํ ภควตา วุตฺเตหิ ชนิกโปสิกมาตุฏฺานิเยหิ สงฺคาหกตํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ, ‘‘ชนิกมาตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปรโตโฆเสน วินาปิ อุปริมคฺคาธิคโม โหตีติ ‘‘ปจฺจตฺตปุริสกาเรนา’’ติ วุตฺตํ. ปมมคฺโค เอว หิ สาวกานํ เอกนฺตโต โฆสาเปกฺโขติ. ปตฺเตสุปีติ ปิ-สทฺเทน ปเคว อปฺปตฺเตสูติ ทสฺเสติ. ภวสฺส ¶ อปฺปมตฺตกตา นาม อิตฺตรกาลตายาติ อาห ‘‘อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปี’’ติ. ชเนตาติ ชนโก, เถโร ปน อริยาย ชนยิตา. อาปาเทตาติ วฑฺเฒตา ปริพฺรูเหตา. ปุริมสฺมึ สจฺจทฺวเย สมฺมสนคฺคหณํ โลกิยตฺตา ตสฺส, อิตรสฺมึ ตสฺส อคฺคหณํ โลกุตฺตรตฺตา.
กาเมหิ ¶ นิกฺขนฺโต สงฺกปฺโป เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป. สฺวายมสฺส ตโต นิกฺขมนตฺโถ เตสํ ปฏิปกฺขภาวโต เตหิ วิสํสคฺคโต วิรชฺชนโต สมุจฺฉินฺทนโต สพฺพโส วิวิตฺตภาวโต จ โหตีติ ทสฺเสตุํ, ‘‘กามปจฺจนีกฏฺเนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กามปทฆาตนฺติ ยถา กาโม ปทํ ปติฏฺํ น ลภติ, เอวํ หนนํ, กามสมุจฺเฉทนฺติ อตฺโถ. กาเมหิ สพฺพโส วิวิตฺตตฺตา กามวิวิตฺโต, อริยมคฺโค, ตสฺส อนฺโต, อริยผลํ, ตสฺมึ กามวิวิตฺตนฺเต. เอเสว นโยติ อิมินา ‘‘พฺยาปาทปจฺจนีกฏฺเนา’’ติอาทิโยชนํ อติทิสติ. สพฺเพ เจเต เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโย นานาจิตฺเตสุ ลพฺภนฺตีติ โยชนา. ยทิ เอกจิตฺเต ลพฺภนฺติ, กถํ ติวิธมิจฺฉาสงฺกปฺปานํ สมุคฺฆาโตติ อาห ‘‘ตตฺร หี’’ติอาทิ. น นานา ลพฺภตีติ อิมินา ติวิธกิจฺจการิตํ สมฺมาสงฺกปฺปสฺส ทสฺเสติ. กิจฺจวเสน หิ ตสฺส นามสฺส ลาโภ. สมฺมาวาจาทีนมฺปิ มคฺคกฺขเณ เอกจิตฺเต ลพฺภมานานมฺปิ จตุกิจฺจการิตาย จตุพฺพิธนามาทิตา เวทิตพฺพา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สจฺจวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตา.
๑๒. ทกฺขิณาวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๗๖. มหาปชาปติโคตมีติ ¶ เอตฺถ โคตมีติ ตสฺส โคตมโคตฺตโต อาคตํ นามํ, มหาปชาปติ ปน คุณโต. ตํ วิวริตุํ, ‘‘นามกรณทิวเส ปนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มหตึ อุฬารํ ปชํ ชนนโปสเนหิ ปริรกฺขตีติ มหาปชาปติ. ปริโภควเสน น หฺตีติ อหตํ. สิปฺปิกานนฺติ ตนฺตวายานํ. วายนฏฺานนฺติ วีนฏฺานํ. ตานิ มํ น โตเสนฺติ กายิกสฺส ปฺุสฺส อภาวโต. เตนาห – ‘‘สหตฺถา กตเมว ¶ มํ โตเสตี’’ติ. ปิสิตฺวา นิพฺพตฺตนํ กตฺวา. โปเถตฺวาติ สุขุมภาวาปาทนตฺถํ ธนุเกน เนตฺวา. กาลานุกาลฺจ ธาติคณปริวุตา คนฺตฺวา เวมโกฏึ อคฺคเหสิ เอกทิวสนฺติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ ‘‘เอกทิวสํ ปน…เป… อกาสี’’ติ ปุริมวจเนน ตํ น วิรุชฺเฌยฺย.
ฉ เจตนาติ ฉพฺพิธา เจตนา. น หิ ตา ฉเยว เจตนาติ. สงฺเฆ โคตมิ เทหิ…เป… สงฺโฆ จาติ อิทเมว สุตฺตปทํ. สงฺเฆ โคตมิ เทหีติ สงฺฆสฺส ทานาย นิโยเชสิ, ตสฺมา สงฺโฆว ทกฺขิเณยฺยตโรติ อยเมเวตฺถ อตฺโถ. ยทิ เอวนฺติอาทินา ตตฺถ พฺยภิจารํ ทสฺเสติ. ราชมหามตฺตาทโยติอาทินา ตตฺถ พฺยติเรกโต นิทสฺสนํ อาห. มหนฺตตรา ภเวยฺยุนฺติ อานุภาวาทินา มหนฺตตรา ภเวยฺยุํ, น จ ตํ อตฺถีติ. ตสฺมาติ ยสฺมา คุณวิสิฏฺเหตุกํ ทกฺขิเณยฺยตํ อนเปกฺขิตฺวา อตฺตโน ทียมานสฺส ทาปนํ ลภติ, ตสฺมา. มา เอวํ คณฺหาติ สมฺมาสมฺพุทฺธโต สงฺโฆว ทกฺขิเณยฺโย’’ติ มา คณฺห.
ตตฺถ นิจฺฉยสาธกํ สุตฺตปทํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘นยิมสฺมึ โลเก…เป… วิปุลผเลสิน’’นฺติ อาห. สฺวายมตฺโถ รตนสุตฺเต (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖), ‘‘ยํ กิฺจิ วิตฺต’’นฺติ คาถาย, อคฺคปสาทสุตฺตาทีหิ (อิติวุ. ๙๐) จ วิภาเวตพฺโพติ. เตนาห – ‘‘สตฺถารา อุตฺตริตโร ทกฺขิเณยฺโย นาม นตฺถี’’ติ.
โคตมิยา อนฺติมภวิกตาย ทานสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อนุปฺปาทนโต น ตํ ครุตรํ สงฺฆสฺส ปาทาปเน การณนฺติ อาห – ‘‘ปจฺฉิมาย ชนตายา’’ติอาทิ. วจนโตปีติ ตสฺส วตฺถยุคสฺส สตฺถุ เอว ปฏิคฺคหณาย วจนโตปิ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ.
สตฺถา ¶ สงฺฆปริยาปนฺโนว อีทิเส าเน อคฺคผลฏฺตาย อฏฺ-อริยปุคฺคลภาวโต, สเจ ปนสฺส น สยํ สงฺฆปริยาปนฺนตา, กถํ สงฺเฆ ปูชิเต สตฺถา ปูชิโต นาม สิยาติ อธิปฺปาโย. ตีณิ สรณคมนานิ ตโย เอว อคฺคปสาทาติ วกฺขตีติ อธิปฺปาโย. อภิเธยฺยานุรูปานิ หิ ลิงฺควจนานิ. น รุหติ อยาถาวปฏิปตฺติภาวโต, น คิหิเวสคฺคหณาทินา คิหิภาวสฺส ปฏิกฺขิปิตตฺตา. น วตฺตพฺพเมตํ ‘‘สตฺถา สงฺฆปริยาปนฺโน’’ติ สตฺถุภาวโต. สาวกสมูโห หิ สงฺโฆ ¶ . สงฺฆคเณ หิ สตฺถา อุตฺตริตโร อนฺสาธารณคุเณหิ สมนฺนาคตภาวโต มูลรตนภาวโต จ.
๓๗๗. สมฺปติชาตสฺส มหาสตฺตสฺส สตฺตปทวีติหารคมนํ ธมฺมตาวเสน ชาตํ, ปรํ ตทฺทหรสทิสี ปฏิปตฺตีติ อาห – ‘‘หตฺถปาทกิจฺจํ อสาเธนฺเตสู’’ติ.
๓๗๘. ปจฺจูปการํ น สุกรํ วทามิ อนุจฺฉวิกกิริยาย กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. อภิวาเทนฺติ เอเตนาติ อภิวาทนํ. วนฺทมาเนหิ อนฺเตวาสิเกหิ อาจริยํ ‘‘สุขี โหตู’’ติอาทินา อภิวาเทนฺติ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘อภิวาทน’’นฺติ. ตทภิมุโข…เป… วนฺทิตฺวา นิปชฺชติ, เสยฺยถาปิ อายสฺมา สาริปุตฺโต. กาลานุกาลํ อุปฏฺานํ พีชยนปาทสมฺพาหนาทิ อนุจฺฉวิกกมฺมสฺส กรณํ นาม. อนุจฺฉวิกํ กิริยํ กาตุํ น สกฺโกติเยว, ยสฺมา อาจริเยน กตสฺส ธมฺมานุคฺคหสฺส อนฺเตวาสินา กริยมาโน อามิสานุคฺคโห สงฺขมฺปิ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น อุเปติเยวาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘น สุปฺปติการํ วทามี’’ติ.
๓๗๙. ปาฏิปุคฺคลิกํ ทกฺขิณํ อารพฺภ สมุฏฺิตํ, ‘‘ตํ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหตู’’ติ มหาปชาปติโคตมิยา วจนํ นิมิตฺตํ กตฺวา เทสนาย อุฏฺิตตฺตา. น เกวลฺจ ตสฺสา เอว วจนํ, อถ โข อานนฺทตฺเถโรปิ…เป… สมาทเปสิ, ตสฺมา วิภาคโต จุทฺทสสุ…เป… โหตีติ ทสฺเสตุํ, อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ ปติปจฺเจกํ ปุคฺคลํ ทียตีติ ปาฏิปุคฺคลิกํ. ปมสทฺโท ยถา อคฺคตฺโถ, เอวํ เสฏฺปริยาโยปีติ อาห ‘‘เชฏฺกวเสนปี’’ติ. อคฺคา อุตฺตเม เขตฺเต ปวตฺตตฺตา. ทุติยตติยาปิ ปรมทกฺขิณาเยว สพฺพโส สมฺมาวิกฺขมฺภิตราคาทิกิเลสตฺตา. ราคาทโย หิ อทกฺขิเณยฺยภาวสฺส การณํ. เตเนวาห – ‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๓๕๖). ยสฺมา ปน สวาสนํ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนกิเลเสหิ ตโต เอว สพฺพโส อปฺปฏิหตาณจาเรหิ อนนฺตาปริเมยฺยคุณคณาธาเรหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ สทิโส สเทวเก โลเก โกจิ ทกฺขิเณยฺโย นตฺถิ. ตสฺมา ‘‘ปรมทกฺขิณาเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติ. ยสฺมา ปฺจาภิฺโ อฏฺสมาปตฺติลาภี เอว ¶ โหติ โลกิยาภิฺานํ อฏฺสมาปตฺติอธิฏฺานตฺตา, ตสฺมา ‘‘โลกิยปฺจาภิฺเ’’อิจฺเจว วุตฺตํ, น ‘‘อฏฺสมาปตฺติลาภิมฺหี’’ติ ตาย อวุตฺตสิทฺธตฺตา. โคสีลธาตุโกติ ¶ โคสีลสภาโว, สีลวตา สทิสสีโลติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อสโ’’ติอาทิ. เตน น อลชฺชิธาตุโก ปกติสิทฺโธ อิธ ปุถุชฺชนสีลวาติ อธิปฺเปโตติ ทสฺเสติ.
ปริจฺฉินฺทนฺโตติ เอตฺตโกติ ปจฺเจกปฺปมาณโต ตโต เอว อฺมฺํ อสงฺกรโตว ปริจฺฉินฺทนฺโต. กถํ ปน อสงฺขฺเยยฺยภาเวน วุจฺจมาโน วิปาโก ปริจฺฉินฺโน โหติ? โสปิ ตสฺส ปริจฺเฉโท เอว อิตเรหิ อสํกิณฺณภาวทีปนโต, เอตทตฺถเมว ปุพฺเพ อสงฺกรคฺคหณํ กตํ. คุณวเสนาติ ลกฺขณสมฺปนฺนาทิคุณวเสน. อุปการวเสนาติ โภครกฺขาทิอุปการวเสน. ยํ โปสนตฺถํ ทินฺนํ, อิทํ น คหิตํ ทานลกฺขณาโยคโต. อนุคฺคหปูชนิจฺฉาวเสน หิ อตฺตโน เทยฺยวตฺถุปริจฺจาโค ทานํ ภยราคลทฺธุกามกุลาทิวเสน สาวชฺชาภาวโต. ตมฺปิ น คหิตํ อยาวทตฺถตาอปริปุณฺณภาเวน ยถาธิปฺเปตผลทานาสมตฺถภาวโต. สมฺปตฺตสฺสาติ สนฺติกาคตสฺส. เตน สมฺปตฺติปโยชเน อนเปกฺขตํ ทสฺเสติ. ผลํ ปฏิกงฺขิตฺวาติ ‘‘อิทํ เม ทานมยํ ปฺุํ อายตึ สุขหิตภาวาย โหตู’’ติอาทินา ผลํ ปจฺจาสีสิตฺวา. เตนสฺส ผลทาเน นมิยตํ ทสฺเสติ, ยาวทตฺถนฺติ อิมินา ปริปุณฺณผลตํ. สตคุณาติ เอตฺถ คุณสทฺโท น ‘‘คุเณน นามํ อุทฺธเรยฺย’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๑๓; อุทา. อฏฺ. ๕๓; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๗๖; เนตฺติ. อฏฺ. ๔.๓๘) วิย สมฺปตฺติอตฺโถ, ‘‘ตทฺทิคุณ’’นฺติอาทีสุ วิย น วฑฺฒนตฺโถ, ‘‘ปฺจ กามคุณา โลเก, มโนฉฏฺา ปเวทิตา’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๗๓) วิย น โกฏฺาสตฺโถ, ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ขุ. ปา. ๓) วิย น อนฺตภาคตฺโถ, อถ โข อานิสํสตฺโถติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สตานิสํสา’’ติ อาห, เต อานิสํเส สรูปโต ทสฺเสตุํ, ‘‘อายุสต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สตคุณาติ วา สตวฑฺฒิกาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นิปฺปริตสํ กโรตีติ อายุอาทีนํ อานิสํสานํ อปริตฺตาสํ กโรติ. อถ วา นิปฺปริตสํ กโรตีติ อายุอาทินิมิตฺตํ อปริตฺตาสํ กโรติ. อถ วา นิปฺปริตสํ กโรตีติ อายุอาทีนิ ตโต ¶ อุตฺตริมฺปิ อาหาราทิเหตุ อปริตฺตาสํ กโรติ. อตฺตภาววินิมุตฺตสฺจรณสฺส อภาวา, ‘‘ภวสเตปิ วุตฺเต อยเมวตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ, ‘‘ปุถุชฺชนทุสฺสีเล’’ติอาทีสุ สพฺพวาเรสุ. นโย เนตพฺโพติ, ‘‘อายุสหสฺสํ วณฺณสหสฺส’’นฺติอาทิโก นโย.
สาสนาวตรณํ นาม ยาวเทว วฏฺฏทุกฺขนิตฺถรณตฺถํ, ตฺจ มคฺคปฏิเวธนํ, ตสฺมา นิพฺเพธภาคิยสรณคมนํ สิกฺขาปทสมาทานํ ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา สีลปริปูรณํ อธิจิตฺตสิกฺขานุโยโค วิปสฺสนาภาวนาติ สพฺพาเปสา โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปตฺติ เอว โหตีติ อาห – ‘‘ติสรณํ คโต อุปาสโกปี’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถา นิพฺเพธภาคิโย สมาธิ ตาว นาม ปรมฺปราย อริยมคฺคาธิคมสฺส ปจฺจยภาวโต อุปนิสฺสโย; ตถา นิพฺเพธภาคิยํ ¶ สีลปริปูรณํ อุปสมฺปทา ปพฺพชฺชา อุปาสกสฺส ทสสุ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺานํ อนฺตมโส สรณาทิคมนมฺปิ นิพฺเพธภาคิยํ อริยมคฺคาธิคมสฺส อุปนิสฺสโย โหติเยวาติ, ‘‘สพฺพาเปสา โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปตฺตี’’ติ วุตฺตา. ตตฺถ อนฺสาธารณ-วิชฺชาจรณาทิ-อสงฺขฺเยยฺยอปริเมยฺย-คุณ-สมุทยปูริเต ภควติ สทฺธมฺเม อริยสงฺเฆ อุฬารตรพหุมานคารวตํ คโต. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวาขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ ตปฺปรายณตาทิอาการปฺปตฺโต าณปริโสธิโต ปสาโท สรณคมนนฺติ เตน วตฺถุคเตน ปสาเทน ปริภาวิเต สนฺตาเน กตํ ปฺุกฺเขตฺตสมฺปตฺติยา มหปฺผลํ มหานิสํสเมว โหตีติ อาห – ‘‘ตสฺมึ ทินฺนทานมฺปิ อสงฺขฺเยยฺยํ อปฺปเมยฺย’’นฺติ. ตยิทํ สรณํ วตฺถุตฺตเย ปสาทภาเวน อชฺฌาสยสมฺปตฺติมตฺตํ, ตาทิสสฺส ปน ปฺจสีลํ อชฺฌาสยสมฺปตฺติอุปถมฺภิโต กายวจีสํยโมติ ตตฺถ ทินฺนํ ตโต อุตฺตริ มหปฺผลนฺติ, ทสสีลํ ปน ปริปุณฺณุโปสถสีลํ, ตตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ, ‘‘ตโต อุตฺตริ มหปฺผล’’นฺติ วุตฺตํ. สามเณรสีลาทีนํ ปน อุตฺตริ วิสิฏฺตราทิภาวโต ตตฺถ ตตฺถ ทินฺนสฺส วิเสสมหปฺผลตา วุตฺตา.
มคฺคสมงฺคิตา นาม มคฺคจิตฺตกฺขณปริจฺฉินฺนา, ตสฺมิฺจ ขเณ กถํ ทาตุํ ปฏิคฺคเหตฺุจ สมฺภวตีติ โจเทติ ‘‘กึ ปน มคฺคสมงฺคิสฺส สกฺกา ทานํ ทาตุ’’นฺติ. อิตโร ตาทิเส สติ สมเยติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อาม สกฺกา’’ติ ปฏิชานิตฺวา, ‘‘อารทฺธวิปสฺสโก’’ติอาทินา ตมตฺถํ วิวรติ. ตสฺมึ ขเณติ ตสฺมึ ปกฺขิปนกฺขเณ. ยทิ อฏฺมกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ ¶ ผลโต อสงฺขฺเยยฺยเมว, โก เนสํ วิเสโสติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. เตน สติปิ อสงฺขฺเยยฺยภาวสามฺเ อตฺถิ เนสํ อปฺปพหุภาโว สํวฏฺฏฏฺายี อสงฺขฺเยยฺยมหากปฺปาสงฺขฺเยยฺยานํ วิยาติ ทสฺเสติ. มคฺคสมงฺคีนํ เตน เตน โอธินา สํกิเลสธมฺมานํ ปหียมานตฺตา โวทานธมฺมานํ วฑฺฒมานตฺตา อปริโยสิตกิจฺจตฺตา อปริปุณฺณคุณตา, ปริโยสิตกิจฺจตฺตา ผลสมงฺคีนํ ปริปุณฺณคุณตาติ ตํตํมคฺคฏฺเหิ ผลฏฺานํ เขตฺตาติสยตา เวทิตพฺพา. เหฏฺิมเหฏฺิเมหิ ปน มคฺคฏฺเหิ อุปริมานํ มคฺคฏฺานํ ผลฏฺเหิ ผลฏฺานํ อุตฺตริตรตา ปากฏา เอว. ตถา หิ อุปริมานํ ทินฺนทานสฺส มหปฺผลตา วุตฺตา.
๓๘๐. กามฺเจตฺถ พุทฺธปฺปมุเข อุภโตสงฺเฆ เกวเล จ ภิกฺขุสงฺเฆ ทานํ อตฺถิ เอว, น ปน พุทฺธปฺปมุเข ภิกฺขุสงฺเฆ, ตํ ปน พุทฺธปฺปมุขอุภโตสงฺเฆเนว สงฺคหิตนฺติ อวิรุทฺธํ. น ปาปุณนฺติ มหปฺผลภาเวน สทิสตมฺปิ, กุโต อธิกตํ.
‘‘ตถาคเต ปรินิพฺพุเต อุภโตสงฺฆสฺส’’ อิจฺเจว วุตฺตตฺตา – ‘‘กึ ปนา’’ติอาทินา โจเทติ ¶ . อิตโร ปรินิพฺพุเต ตถาคเต ตํ อุทฺทิสฺส คนฺธปุปฺผาทิปริจฺจาโค วิย จีวราทิปริจฺจาโคปิ มหปฺผโล โหติเยวาติ กตฺวา ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสตุํ, ‘‘อุภโตสงฺฆสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เอตฺตกาเยว, ภิกฺขู อุทฺทิสถา’’ติ เอวํ ปริจฺเฉทสฺส อกรเณน อุปจารสีมาปริยาปนฺนานํ เขตฺตปริยาปนฺนานํ วเสน อปริจฺฉินฺนกมหาภิกฺขุสงฺเฆ.
โคตฺตํ วุจฺจติ สาธารณนามํ, มตฺตสทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, ตสฺมา สมณาติ โคตฺตมตฺตํ อนุภวนฺติ ธาเรนฺตีติ โคตฺรภุโน. เตนาห ‘‘นามมตฺตสมณา’’ติ. ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโต สมณคโณ สงฺโฆ, ตสฺมา สงฺโฆ ทุสฺสีโล นาม นตฺถิ. คุณสงฺขายาติ อานิสํสคณนาย, มหปฺผลตายาติ อตฺโถ. กาสาว…เป… อสงฺขฺเยยฺยาติ วุตฺตา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตา. ยถา ปน สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทานํ โหติ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ, ‘‘สงฺฆคตา ทกฺขิณา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จิตฺตีการนฺติ คารวํ.
สงฺฆโต น ปุคฺคลโต. อฺถตฺตํ อาปชฺชตีติ ‘‘อิมสฺส มยา ทินฺนํ สงฺฆสฺส ทินฺนํ โหตี’’ติ เอวํ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา, ‘‘สงฺฆสฺส ทสฺสามี’’ติ เทยฺยธมฺมํ ¶ ปฏิยาเทตฺวา สามเณรสฺส นาม ทาตพฺพํ ชาตนฺติ อฺถตฺตํ อาปชฺชติ; ตสฺมา ตสฺส ทกฺขิณา สงฺฆคตา น โหติเยว ปุคฺคลวเสน จิตฺตสฺส ปริณามิตตฺตา. นิพฺเพมติโก หุตฺวาติ ‘‘กึ นุ โข มยา อิมสฺส ทินฺนํ โหติ วา น วา’’ติ วิมตึ อนุปฺปาเทตฺวา, ‘‘โย ปนา’’ติอาทินา วุตฺตากาเรน กโรติ.
ตตฺถาติอาทินา วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏกรณตฺถํ วตฺถุํ นิทสฺเสติ, ‘‘ปรสมุทฺทวาสิโน’’ติอาทินา. โอปฺุชาเปตฺวา ปริภณฺฑํ กาเรตฺวา, หริตโคมเยน อุปลิมฺปิตฺวาติ อตฺโถ. กาสาวกณฺสงฺฆสฺสาติ กาสาวกณฺสมูหสฺส. โก โสเธตีติ มหปฺผลภาวกรเณน โก วิโสเธติ. มหปฺผลภาวาปตฺติยา หิ ทกฺขิณา วิสุชฺฌติ นาม. ตตฺถ เยสํ หตฺเถ ทินฺนํ, เตสํ วเสน ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาย วิสุทฺธตฺตา, – ‘‘ตทาปาหํ, อานนฺท, สงฺฆคตํ ทกฺขิณํ อสงฺขฺเยยฺยํ อปฺปเมยฺยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐) จ วุตฺตํ, ตสฺมา กมฺมวเสเนว ทกฺขิณาวิสุทฺธึ ปุจฺฉติ. อิตโร อริยสงฺเฆ ทินฺนทกฺขิณาย นิพฺพิสิฏฺํ กตฺวา วุตฺตตฺตา มตฺถกปฺปตฺตสฺเสว อริยสงฺฆสฺส วเสน ทกฺขิณาวิสุทฺธึ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สาริปุตฺต…เป… โสเธนฺตี’’ติ วตฺวา ปุน, ‘‘เย เกจิ อรหนฺโต โสเธนฺตี’’ติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. เถรา จิรปรินิพฺพุตาติ อิทํ อชฺชตนานมฺปิ อริยานํ สาวกตํ ทสฺเสนฺเตน มคฺคโสธนวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, น อุทฺทิสฺส ปฺุกรเณ สติ อกรณปฺปตฺติยา. เอวฺหิ ‘‘อสีติมหาเถรา โสเธนฺตี’’ติ อิทํ สุวุตฺตํ โหติ, น อฺถา.
‘‘สงฺฆคตาย ¶ ทกฺขิณายา’’ติ กามฺเจตํ สาธารณวจนํ, ตถาปิ ตตฺถ ตตฺถ ปุคฺคลวิเสโส าตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘อตฺถิ พุทฺธปฺปมุโข สงฺโฆ’’ติอาทิมาห. น อุปเนตพฺโพ ภควโต กาเล ภิกฺขูนํ อภิฺาปฏิสมฺภิทาคุณวเสน อติวิย อุฬารภาวโต, เอตรหิ ตทภาวโต. เอตรหิ สงฺโฆ…เป… น อุปเนตพฺโพติ เอตฺถ นยานุสาเรน อตฺโถ วตฺตพฺโพ. เตน เตเนว สมเยนาติ ตสฺส ตสฺส กาลสฺส สมฺปตฺติวิปตฺติมุเขน ปฏิปตฺติยา อุฬารตํ อนุฬารตฺจ อุลฺลิงฺเคติ. ยตฺถ หิ ภิกฺขู คุเณหิ สพฺพโส ปริปุณฺณา โหนฺติ, ตสฺมึ สมเย สงฺฆคตา ทกฺขิณา อิตรสฺมึ สมเย ทกฺขิณโต มหปฺผลตราติ ทฏฺพฺพา. สงฺเฆ จิตฺตีการํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺสาติ สุปฺปฏิปนฺนตาทึ สงฺเฆ อาวชฺชิตฺวา สงฺฆคเตน ¶ ปสาเทน สงฺฆสฺส สมฺมุขา วิย ตสฺมึ ปุคฺคเล จ คารววเสน เทนฺตสฺส ปุถุชฺชนสมเณ ทินฺนํ มหปฺผลตรํ สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา คหิตตฺตา, ‘‘สงฺฆสฺส เทมี’’ติเยว ทินฺนตฺตา จ.
เอเสว นโยติ อิมินา, ‘‘โสตาปนฺเน ทินฺนํ มหปฺผลตร’’นฺติ เอวมาทึ อติทิสติ. อาทิ-สทฺเทน อุทฺทิสิตฺวา คหิโต สกทาคามี, ปาฏิปุคฺคลิโก อนาคามีติ เอวมาทิ สงฺคหิตํ. มหปฺผลตรเมว. เตนาห ภควา – ‘‘น ตฺเววาหํ, อานนฺท, เกนจิ ปริยาเยน สงฺฆคตาย ทกฺขิณาย ปาฏิปุคฺคลิกํ ทานํ มหปฺผลตรํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐). ยทิ ขีณาสเว ทินฺนทานโต สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา คหิตทุสฺสีเลปิ ทินฺนทานํ มหปฺผลํ, เอวํ สนฺเต – ‘‘สีลวโต, มหาราช, ทินฺนํ มหปฺผลํ, โน ตถา ทุสฺสีเล’’ติ อิทํ กถนฺติ อาห – ‘‘ตํ อิมํ นยํ คหายา’’ติอาทิ. สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา คหณวิธึ ปหาย ทุสฺสีลสฺเสว คหณวเสน วุตฺตํ. อิมสฺมึ จตุกฺเก ทฏฺพฺพนฺติ อิมสฺส ปทสฺส วเสน ทฏฺพฺพ