📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
สํยุตฺตนิกาเย
สคาถาวคฺค-อฏฺกถา
คนฺถารมฺภกถา
กรุณาสีตลหทยํ ¶ ¶ ¶ , ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ;
สนรามรโลกครุํ, วนฺเท สุคตํ คติวิมุตฺตํ.
พุทฺโธปิ พุทฺธภาวํ, ภาเวตฺวา เจว สจฺฉิกตฺวา จ;
ยํ อุปคโต คตมลํ, วนฺเท ตมนุตฺตรํ ธมฺมํ.
สุคตสฺส โอรสานํ, ปุตฺตานํ มารเสนมถนานํ;
อฏฺนฺนมฺปิ สมูหํ, สิรสา วนฺเท อริยสงฺฆํ.
อิติ ¶ เม ปสนฺนมติโน, รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปฺุํ;
ยํ สุวิหตนฺตราโย, หุตฺวา ตสฺสานุภาเวน.
สํยุตฺตวคฺคปฏิมณฺฑิตสฺส, สํยุตฺตอาคมวรสฺส;
พุทฺธานุพุทฺธสํวณฺณิตสฺส, าณปฺปเภทชนนสฺส.
อตฺถปฺปกาสนตฺถํ, อฏฺกถา อาทิโต วสิสเตหิ;
ปฺจหิ ยา สงฺคีตา, อนุสงฺคีตา จ ปจฺฉาปิ.
สีหฬทีปํ ปน อาภตาถ, วสินา มหามหินฺเทน;
ปิตา สีหฬภาสาย, ทีปวาสีนมตฺถาย.
อปเนตฺวาน ¶ ตโตหํ, สีหฬภาสํ มโนรมํ ภาสํ;
ตนฺตินยานุจฺฉวิกํ, อาโรเปนฺโต วิคตโทสํ.
สมยํ อวิโลเมนฺโต, เถรานํ เถรวํสทีปานํ;
สุนิปุณวินิจฺฉยานํ, มหาวิหาเร นิวาสีนํ.
หิตฺวา ¶ ปุนปฺปุนาคต-มตฺถํ, อตฺถํ ปกาสยิสฺสามิ;
สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ, จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺส.
สาวตฺถิปภูตีนํ, นครานํ วณฺณนา กตา เหฏฺา;
สงฺคีตีนํ ทฺวินฺนํ, ยา เม อตฺถํ วทนฺเตน.
วิตฺถารวเสน สุทํ, วตฺถูนิ จ ยานิ ตตฺถ วุตฺตานิ;
เตสมฺปิ น อิธ ภิยฺโย, วิตฺถารกถํ กริสฺสามิ.
สุตฺตานํ ¶ ปน อตฺถา, น วินา วตฺถูหิ เย ปกาสนฺติ;
เตสํ ปกาสนตฺถํ, วตฺถูนิปิ ทสฺสยิสฺสามิ.
สีลกถา ธุตธมฺมา, กมฺมฏฺานานิ เจว สพฺพานิ;
จริยาวิธานสหิโต, ฌานสมาปตฺติวิตฺถาโร.
สพฺพา จ อภิฺาโย, ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย เจว;
ขนฺธาธาตายตนินฺทฺริยานิ, อริยานิ เจว จตฺตาริ.
สจฺจานิ ปจฺจยาการเทสนา, สุปริสุทฺธนิปุณนยา;
อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา, วิปสฺสนาภาวนา เจว.
อิติ ปน สพฺพํ ยสฺมา, วิสุทฺธิมคฺเค มยา สุปริสุทฺธํ;
วุตฺตํ ตสฺมา ภิยฺโย, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามิ.
‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค, เอส จตุนฺนมฺปิ อาคมานฺหิ;
ตฺวา ปกาสยิสฺสติ, ตตฺถ ยถาภาสิตมตฺถํ’’.
อิจฺเจว กโต ตสฺมา, ตมฺปิ คเหตฺวาน สทฺธิเมตาย;
อฏฺกถาย วิชานถ, สํยุตฺตวินิสฺสิตํ อตฺถนฺติ.
๑. เทวตาสํยุตฺตํ
๑. นฬวคฺโค
๑. โอฆตรณสุตฺตวณฺณนา
ตตฺถ ¶ ¶ สํยุตฺตาคโม นาม สคาถาวคฺโค, นิทานวคฺโค, ขนฺธกวคฺโค, สฬายตนวคฺโค, มหาวคฺโคติ ปฺจวคฺโค โหติ. สุตฺตโต –
‘‘สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ, สตฺต สุตฺตสตานิ จ;
ทฺวาสฏฺิ เจว สุตฺตานิ, เอโส สํยุตฺตสงฺคโห’’.
ภาณวารโต ¶ ภาณวารสตํ โหติ. ตสฺส วคฺเคสุ สคาถาวคฺโค อาทิ, สุตฺเตสุ โอฆตรณสุตฺตํ. ตสฺสาปิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาทิ. สา ปเนสา ปมมหาสงฺคีติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย อาทิมฺหิ วิตฺถาริตา, ตสฺมา สา ตตฺถ วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา.
๑. ยํ ¶ ปเนตํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ นิทานํ, ตตฺถ เอวนฺติ นิปาตปทํ. เมติอาทีนิ นามปทานิ. สาวตฺถิยํ วิหรตีติ เอตฺถ วีติ อุปสคฺคปทํ, หรตีติ อาขฺยาตปทนฺติ อิมินา ตาว นเยน ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ.
อตฺถโต ปน เอวํสทฺโท ตาว อุปมูปเทส-สมฺปหํสน-ครหณ-วจนสมฺปฏิคฺคหาการนิทสฺสนาวธารณาทิ-อเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส – ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ (ธ. ป. ๕๓) เอวมาทีสุ อุปมายํ อาคโต. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ ¶ , เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยา โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร ¶ . ‘‘เอหิ ตฺวํ มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภวนฺตํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ. เอวฺจ วเทหิ – ‘สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส มาณวสฺส ¶ โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’ติ’’อาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘ตํ กึ มฺถ กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วาติ? อกุสลา, ภนฺเต. สาวชฺชา วา อนวชฺชา วาติ? สาวชฺชา, ภนฺเต. วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วาติ? วิฺุครหิตา, ภนฺเต. สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ วา โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. สฺวายมิธ อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ อาการตฺเถน เอวํสทฺเทน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณํ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนา ปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ? สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.
นิทสฺสนตฺเถน – ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต – ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลสุตฺตํ นิทสฺเสติ.
อวธารณตฺเถน – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๐-๒๒๓) เอวํ ¶ ภควตา – ‘‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล ธมฺมกุสโล พฺยฺชนกุสโล นิรุตฺติกุสโล ปุพฺพาปรกุสโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๙) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกามตํ ชเนติ – ‘‘เอวํ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ.
เมสทฺโท ¶ ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส – ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๑) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู ¶ ’’ ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุต’’นฺติ จ ‘‘มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.
สุตนฺติ อยํ สุตสทฺโท สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค จ คมน-วิสฺสุต-กิลินฺนอุปจิตานุโยค-โสตวิฺเยฺย-โสตทฺวารานุสารวิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา หิสฺส – ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติอาทีสุ คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๑๑) วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) กิลินฺนากิลินฺนสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๑๒) อุปจิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปสุตา ธีรา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วา อตฺโถ. เม-สทฺทสฺส หิ มยาติ อตฺเถ สติ – ‘‘เอวํ มยา สุตํ, โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ ยุชฺชติ. มมาติ อตฺเถ สติ – ‘‘เอวํ มม สุตํ, โสตทฺวารานุสาเรน อุปธารณ’’นฺติ ยุชฺชติ.
เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคิปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ตถา เอวนฺติ ตสฺส โสตทฺวารานุสาเรน ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ¶ ปวตฺติภาวปฺปกาสนํ. เมติ อตฺตปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป – ‘‘นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน กตํ, อยํ ธมฺโม สุโต’’ติ.
ตถา ¶ เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสนํ. เมติ ปุคฺคลปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิสฺสามิ, ตํ มยา เอวํ สุต’’นฺติ.
ตถา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส ¶ . เอวนฺติ หิ อยํ อาการปฺตฺติ. เมติ กตฺตุนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส. เอตฺตาวตา นานาการปฺปวตฺเตน จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน กตฺตุวิสเย คหณสนฺนิฏฺานํ กตํ โหติ.
อถ วา เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – ‘‘มยา สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน วิฺาณวเสน ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน สุต’’นฺติ.
ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. กิฺเหตฺถ ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ, ยํ เอวนฺติ วา เมติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ. สุตนฺติ วิชฺชมานปฺตฺติ. ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธํ, ตํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานนฺติ. ตถา เอวนฺติ จ เมติ จ ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโต อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ.
เอตฺถ จ เอวนฺติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ. น หิ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหติ. สุตนฺติ วจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปติ. ยสฺส หิ สุตํ สมฺมุฏฺํ โหติ, น โส กาลนฺตเรน มยา สุตนฺติ ปฏิชานาติ. อิจฺจสฺส อสมฺโมเหน ปฺาสิทฺธิ, อสมฺโมเสน ปน สติสิทฺธิ. ตตฺถ ปฺาปุพฺพงฺคมาย สติยา พฺยฺชนาวธารณสมตฺถตา, สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อตฺถปฏิเวธสมตฺถตา ¶ . ตทุภยสมตฺถตาโยเคน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส ธมฺมโกสสฺส อนุปาลนสมตฺถโต ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺตสิทฺธิ.
อปโร นโย – เอวนฺติ วจเนน โยนิโส มนสิการํ ทีเปติ, อโยนิโส มนสิกโรโต หิ นานปฺปการปฏิเวธาภาวโต. สุตนฺติ วจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ¶ ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโส มนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ จ กตปฺุตํ สาเธติ, สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา ตทภาวโต. อวิกฺเขเปน ¶ สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ สาเธติ. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต โสตุํ สกฺโกติ, น จ สปฺปุริเส อนุปนิสฺสยมานสฺส สวนํ อตฺถีติ.
อปโร นโย – ยสฺมา ‘‘เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ, โส จ เอวํ ภทฺทโก อากาโร น สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา โหติ, ตสฺมา เอวนฺติ อิมินา ภทฺทเกน อากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ. สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. น หิ อปฺปติรูปเทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส วา สวนํ อตฺถิ. อิจฺจสฺส ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหติ, ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา ปโยคสุทฺธิ, ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิ, ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺติสิทฺธิ. อิติ ปโยคาสยสุทฺธสฺส อาคมาธิคมสมฺปนฺนสฺส วจนํ อรุณุคฺคํ วิย สูริยสฺส อุทยโต, โยนิโส มนสิกาโร วิย จ กุสลกมฺมสฺส, อรหติ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุนฺติ าเน นิทานํ เปนฺโต เอวํ เม สุตนฺติอาทิมาห.
อปโร นโย – เอวนฺติ อิมินา นานปฺปการปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา โสตพฺพเภทปฏิเวธทีปเกน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ. เอวนฺติ จ อิทํ โยนิโส มนสิการทีปกวจนํ ภาสมาโน – ‘‘เอเต มยา ธมฺมา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ ทีเปติ. สุตนฺติ อิทํ สวนโยคทีปกวจนํ ภาสมาโน – ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ ทีเปติ. ตทุภเยนปิ อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ. อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณฺหิ ¶ ธมฺมํ อาทเรน อสฺสุณนฺโต มหตา ¶ หิตา ปริพาหิโร โหตีติ อาทรํ ชเนตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺโม โสตพฺโพติ.
เอวํ ¶ เม สุตนฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา, ตสฺเสว ปน ภควโต วจน’’นฺติ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ, สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.
อปิจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมวจนํ วิวรนฺโต – ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ, น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กตฺตพฺพา’’ติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทตีติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘วินาสยติ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;
เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.
เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –
‘‘สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ’’.
ตถา หิสฺส ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย ¶ จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ¶ ปวนสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๓๒) สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ – ‘ภทฺทาลิ, นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ. อยมฺปิ โข เต ¶ , ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ.
‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘) ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๒.๘) ปฏิเวโธ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. เตน สํวจฺฉร-อุตุ-มาสฑฺฒมาส-รตฺติ-ทิว-ปุพฺพณฺห-มชฺฌนฺหิก-สายนฺห-ปมมชฺฌิมปจฺฉิมยาม-มุหุตฺตาทีสุ กาลปฺปเภทภูเตสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.
ตตฺถ กิฺจาปิ เอเตสุ สํวจฺฉราทีสุ สมเยสุ ยํ ยํ สุตฺตํ ยสฺมึ ยสฺมึ สํวจฺฉเร อุตุมฺหิ มาเส ปกฺเข รตฺติภาเค ทิวสภาเค วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เถรสฺส สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตํ ปฺาย. ยสฺมา ปน ‘‘เอวํ เม สุตํ อสุกสํวจฺฉเร อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกปกฺเข อสุกรตฺติภาเค อสุกทิวสภาเค วา’’ติ เอวํ วุตฺเต น สกฺกา สุเขน ธาเรตุํ วา อุทฺทิสิตุํ วา อุทฺทิสาเปตุํ วา, พหุ จ วตฺตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอเกเนว ปเทน ตมตฺถํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย ชาติสมโย สํเวคสมโย อภินิกฺขมนสมโย ทุกฺกรการิกสมโย มารวิชยสมโย อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทสนาสมโย ปรินิพฺพานสมโยติ เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย สุปฺปกาสา ¶ อเนกกาลปฺปเภทา ¶ เอว สมยา. เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ. โย จายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ กรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิตปฏิปตฺติสมโย ¶ , สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมิกถาสมโย, เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ เทสนาสมโย, เตสุปิ สมเยสุ อฺตรํ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’’นฺติ จ อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ จ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต, วินเย จ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติ กรณวจเนน, ตถา อกตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อุปโยควจเนน นิทฺเทโส กโตติ. ตตฺถ ตถา, อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ จ อธิกรณตฺโถ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขียติ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจนนิทฺเทโส กโต.
วินเย จ เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต.
อิธ ปน อฺสฺมึ จ เอวํชาติเก อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา อิมํ อฺํ วา สุตฺตนฺตํ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ.
เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.
โปราณา ¶ ¶ ปน วณฺณยนฺติ – ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติ วา ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วา อภิลาปมตฺตเภโท เอส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมว ¶ อตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺเตปิ ‘‘เอกสฺมึ สมเย’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ภควาติ ครุ. ครุํ หิ โลเก ‘‘ภควา’’ติ วทนฺติ. อยฺจ สพฺพคุณวิสิฏฺตาย สพฺพสตฺตานํ ครุ, ตสฺมา ‘‘ภควา’’ติ เวทิตพฺโพ. โปราเณหิปิ วุตฺตํ –
‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒);
อปิจ –
‘‘ภคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ. –
อิมิสฺสา คาถาย วเสนสฺส ปทสฺส วิตฺถารโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โส จ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๔) พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺโตเยว.
เอตฺตาวตา เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต ภควโต ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรติ. เตน ‘‘นยิทํ อติกฺกนฺตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ สตฺถุ อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตํ ชนํ สมสฺสาเสติ. เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ สาเธติ. เตน ‘‘เอวํวิธสฺส นาม อริยธมฺมสฺส เทสโก ทสพลธโร วชิรสงฺฆาตสมานกาโย โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, เกน อฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ. เอวนฺติ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ. เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ. เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ. ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ.
สาวตฺถิยนฺติ เอวํนามเก นคเร. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. วิหรตีติ ¶ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ ¶ อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปนเมตํ. อิธ ปน านคมนนิสชฺชาสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ ¶ , เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติจฺเจว เวทิตพฺโพ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา ‘‘วิหรตี’’ติ วุจฺจติ.
เชตวเนติ เชตสฺส ราชกุมารสฺส วเน. ตฺหิ เตน โรปิตํ สํวฑฺฒิตํ ปริปาลิตํ อโหสิ, ตสฺมา ‘‘เชตวน’’นฺติ สงฺขํ คตํ. ตสฺมึ เชตวเน. อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาติตตฺตา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม’’ติ สงฺขํ คเต อาราเม. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมฏฺกถาย สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔) วุตฺโต.
ตตฺถ สิยา – ยทิ ตาว ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, ‘‘เชตวเน’’ติ น วตฺตพฺพํ. อถ ตตฺถ วิหรติ, ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ น วตฺตพฺพํ. น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เอกํ สมยํ วิหริตุนฺติ. น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ.
นนุ อโวจุมฺห ‘‘สมีปตฺเถ ภุมฺมวจน’’นฺติ. ตสฺมา ยถา คงฺคายมุนาทีนํ สมีเป โคยูถานิ จรนฺตานิ ‘‘คงฺคายํ จรนฺติ, ยมุนายํ จรนฺตี’’ติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ยทิทํ สาวตฺถิยา สมีเป เชตวนํ, ตตฺถ วิหรนฺโต วุจฺจติ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน’’ติ. โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ หิสฺส สาวตฺถิวจนํ, ปพฺพชิตานุรูปนิวาสฏฺานนิทสฺสนตฺถํ เสสวจนํ.
อฺตรา เทวตาติ นามโคตฺตวเสน อปากฏา เอกา เทวตาติ อตฺโถ. ‘‘อภิชานาติ โน, ภนฺเต, ภควา อหุ าตฺตรสฺส มเหสกฺขสฺส ยกฺขสฺส สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ ภาสิตา’’ติ เอตฺถ ปน อภิฺาโต สกฺโกปิ เทวราชา ‘‘อฺตโร’’ติ วุตฺโต. ‘‘เทวตา’’ติ ¶ จ อิทํ เทวานมฺปิ เทวธีตานมฺปิ สาธารณวจนํ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ เทโว อธิปฺเปโต, โส จ โข รูปาวจรานํ เทวานํ อฺตโร.
อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺต-สทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภานุโมทนาทีสุ ทิสฺสติ ¶ . ตตฺถ ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม ¶ , จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๐; จูฬว. ๓๘๓) ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. –
เอวมาทีสุ (วิ. ว. ๘๕๗) อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ โภ โคตมา’’ติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๑๕) อพฺภานุโมทเน. อิธ ปน ขเย. เตน อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา, ปริกฺขีณาย รตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถายํ เทวปุตฺโต มชฺฌิมยามสมนนฺตเร อาคโตติ เวทิตพฺโพ. นิยาโม หิ กิเรส เทวตานํ ยทิทํ พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺตา มชฺฌิมยามสมนนฺตเรเยว อาคจฺฉนฺติ.
อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อิธ อภิกฺกนฺต-สทฺโท อภิรูเป, วณฺณ-สทฺโท ปน ฉวิถุติ-กุลวคฺค-การณ-สณฺานปฺปมาณ-รูปายตนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๕๕๓) ฉวิยา. ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน เต, คหปติ, อิเม สมณสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๗) ถุติยํ. ‘‘จตฺตาโรเม, โภ โคตม, วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๑๕) กุลวคฺเค. ‘‘อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธเถโนติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔) การเณ. ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) สณฺาเน. ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๖๐๒) ปมาเณ. ‘‘วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา’’ติ เอวมาทีสุ รูปายตเน. โส อิธ ฉวิยา ทฏฺพฺโพ. เตน อภิกฺกนฺตวณฺณา อภิรูปจฺฉวิ, อิฏฺวณฺณา มนาปวณฺณาติ วุตฺตํ โหติ. เทวตา หิ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉมานา ปกติวณฺณํ ปกติอิทฺธึ ชหิตฺวา โอฬาริกํ อตฺตภาวํ กตฺวา ¶ อติเรกวณฺณํ อติเรกอิทฺธึ มาเปตฺวา นฏสมชฺชาทีนิ คจฺฉนฺตา มนุสฺสา วิย อภิสงฺขเตน กาเยน อาคจฺฉนฺติ. ตตฺถ กามาวจรา อนภิสงฺขเตนปิ อาคนฺตุํ สกฺโกนฺติ, รูปาวจรา ปน น ¶ สกฺโกนฺติ. เตสฺหิ อติสุขุโม อตฺตภาโว, น เตน ¶ อิริยาปถกปฺปนํ โหติ. ตสฺมา อยํ เทวปุตฺโต อภิสงฺขเตเนว อาคโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อภิกฺกนฺตวณฺณา’’ติ.
เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวล-สทฺโท อนวเสส-เยภุยฺยาพฺยามิสฺสานติเรกทฬฺหตฺถวิสํโยคาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๑) อนวเสสตฺถมตฺโถ. ‘‘เกวลกปฺปา จ องฺคมคธา ปหูตํ ขาทนียโภชนียํ อาทาย อุปสงฺกมิสฺสนฺตี’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๔๓) เยภุยฺยตา. ‘‘เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (วิภ. ๒๒๕) อพฺยามิสฺสตา. ‘‘เกวลํ สทฺธามตฺตกํ นูน อยมายสฺมา’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๒๔๔) อนติเรกตา. ‘‘อายสฺมโต, ภนฺเต, อนุรุทฺธสฺส พาหิโย นาม สทฺธิวิหาริโก เกวลกปฺปํ สงฺฆเภทาย ิโต’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๔๓) ทฬฺหตฺถตา. ‘‘เกวลี วุสิตวา อุตฺตมปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๗) วิสํโยโค อตฺโถ. อิธ ปนสฺส อนวเสสตฺโถ อธิปฺเปโต.
กปฺป-สทฺโท ปนายํ อภิสทฺทหน-โวหาร-กาล-ปฺตฺติ-เฉทน-วิกปฺป-เลสสมนฺตภาวาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘โอกปฺปนิยเมตํ โภโต โคตมสฺส, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อภิสทฺทหนมตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) โวหาโร. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาโล. ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ ปฺตฺติ. ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ เอวมาทีสุ (วิ. ว. ๑๐๙๔, ๑๑๐๑) เฉทนํ. ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๔๔๖) วิกปฺโป. ‘‘อาตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุ’’นฺติ ¶ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๘๐) เลโส. ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๔) สมนฺตภาโว. อิธ ปนสฺส สมนฺตภาวตฺโถ อธิปฺเปโต. ตสฺมา เกวลกปฺปํ เชตวนนฺติ เอตฺถ ‘‘อนวเสสํ สมนฺตโต เชตวน’’นฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โอภาเสตฺวาติ ¶ วตฺถาลงฺการสรีรสมุฏฺิตาย อาภาย ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ.
เยนาติ ¶ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ตสฺมา ‘‘ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมี’’ติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน, สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย. อุปสงฺกมีติ จ คตาติ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา เอวํ คตา ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ เยนตฺเถน โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส อุปฏฺานํ อาคตา, ตํ ปุจฺฉิตุกามา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชุลึ สิรสิ ปติฏฺเปตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส – ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. ตสฺมา ยถา ิตา เอกมนฺตํ ิตา โหติ, ตถา อฏฺาสีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ อุปโยควจนํ. อฏฺาสีติ านํ กปฺเปสิ. ปณฺฑิตา หิ เทวมนุสฺสา ครุฏฺานิยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาสนกุสลตาย เอกมนฺตํ ติฏฺนฺติ, อยฺจ เทโว เตสํ อฺตโร, ตสฺมา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
กถํ ิโต ปน เอกมนฺตํ ิโต โหตีติ? ฉ านโทเส วชฺเชตฺวา. เสยฺยถิทํ – อติทูรํ, อจฺจาสนฺนํ, อุปริวาตํ ¶ , อุนฺนตปฺปเทสํ, อติสมฺมุขํ, อติปจฺฉาติ. อติทูเร ิโต หิ สเจ กเถตุกาโม โหติ, อุจฺจาสทฺเทน กเถตพฺพํ โหติ. อจฺจาสนฺเน ิโต สงฺฆฏฺฏนํ กโรติ. อุปริวาเต ิโต สรีรคนฺเธน พาธติ. อุนฺนตปฺปเทเส ิโต อคารวํ ปกาเสติ. อติสมฺมุขา ิโต สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ. อติปจฺฉา ิโต สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, คีวํ ปสาเรตฺวา ทฏฺพฺพํ โหติ. ตสฺมา อยมฺปิ เอเต ฉ านโทเส วชฺเชตฺวา อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกมนฺตํ อฏฺาสี’’ติ.
เอตทโวจาติ ¶ เอตํ อโวจ. กถํ นูติ การณปุจฺฉา. ภควโต หิ ติณฺโณฆภาโว ทสสหสฺสิโลกธาตุยา ปากโฏ, เตนิมิสฺสา เทวตาย ตตฺถ กงฺขา นตฺถิ, อิมินา ปน การเณน ‘‘ติณฺโณ’’ติ น ชานาติ, เตน สา ตํ การณํ ปุจฺฉมานา เอวมาห.
มาริสาติ ¶ เทวตานํ ปิยสมุทาจารวจนเมตํ. นิทฺทุกฺขาติ วุตฺตํ โหติ. ยทิ เอวํ ‘‘ยทา โข เต, มาริส, สงฺกุนา สงฺกุ หทเย สมาคจฺเฉยฺย, อถ นํ ตฺวํ ชาเนยฺยาสิ ‘วสฺสสหสฺสํ เม นิรเย ปจฺจมานสฺสา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๑๒) อิทํ วิรุชฺฌติ. น หิ เนรยิกสตฺโต นิทฺทุกฺโข นาม โหติ. กิฺจาปิ น นิทฺทุกฺโข, รุฬฺหีสทฺเทน ปน เอวํ วุจฺจติ. ปุพฺเพ กิร ปมกปฺปิกานํ นิทฺทุกฺขานํ สุขสมปฺปิตานํ เอส โวหาโร, อปรภาเค ทุกฺขํ โหตุ วา มา วา, รุฬฺหีสทฺเทน อยํ โวหาโร วุจฺจเตว นิปฺปทุมาปิ นิรุทกาปิ วา โปกฺขรณี โปกฺขรณี วิย.
โอฆมตรีติ เอตฺถ จตฺตาโร โอฆา, กาโมโฆ ภโวโฆ ทิฏฺโโฆ อวิชฺโชโฆติ. ตตฺถ ปฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราโค กาโมโฆ นาม. รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ฌานนิกนฺติ จ ภโวโฆ นาม. ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ทิฏฺโโฆ นาม. จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณํ อวิชฺโชโฆ นาม. ตตฺถ กาโมโฆ อฏฺสุ โลภสหคเตสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชติ, ภโวโฆ จตูสุ ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺตโลภสหคเตสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺโโฆ จตูสุ ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺเตสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชติ, อวิชฺโชโฆ สพฺพากุสเลสุ อุปฺปชฺชติ.
สพฺโพปิ เจส อวหนนฏฺเน ราสฏฺเน จ โอโฆติ เวทิตพฺโพ. อวหนนฏฺเนาติ ¶ อโธคมนฏฺเน. อยฺหิ อตฺตโน วสํ คเต สตฺเต อโธ คเมติ, นิรยาทิเภทาย ทุคฺคติยํเยว นิพฺพตฺเตติ, อุปริภาวํ วา นิพฺพานํ คนฺตุํ อเทนฺโต อโธ ตีสุ ภเวสุ จตูสุ โยนีสุ ปฺจสุ คตีสุ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ นวสุ สตฺตาวาเสสุ จ คเมตีติปิ อตฺโถ. ราสฏฺเนาติ มหนฺตฏฺเน. มหา เหโส กิเลสราสิ อวีจิโต ปฏฺาย ยาว ภวคฺคา ปตฺถโฏ, ยทิทํ ปฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราโค นาม. เสเสสุปิ เอเสว นโย. เอวมยํ ราสฏฺเนาปิ โอโฆติ ¶ เวทิตพฺโพ. อตรีติ อิมํ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆํ เกน นุ ตฺวํ, มาริส, การเณน ติณฺโณติ ปุจฺฉติ.
อถสฺสา ภควา ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต อปฺปติฏฺํ ขฺวาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อปฺปติฏฺนฺติ อปฺปติฏฺหนฺโต. อนายูหนฺติ อนายูหนฺโต, อวายมนฺโตติ อตฺโถ. อิติ ภควา คูฬฺหํ ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา ปฺหํ กเถสิ. เทวตาปิ นํ สุตฺวา ‘‘พาหิรกํ ตาว โอฆํ ตรนฺตา นาม าตพฺพฏฺาเน ติฏฺนฺตา ตริตพฺพฏฺาเน อายูหนฺตา ตรนฺติ, อยํ ปน อวีจิโต ยาว ภวคฺคา ปตฺถฏํ ¶ กิเลโสฆํ กิเลสราสึ อปฺปติฏฺหนฺโต อนายูหนฺโต อตรินฺติ อาห. กึ นุ โข เอตํ? กถํ นุ โข เอต’’นฺติ? วิมตึ ปกฺขนฺตา ปฺหสฺส อตฺถํ น อฺาสิ.
กึ ปน ภควตา ยถา สตฺตา น ชานนฺติ, เอวํ กถนตฺถาย ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตา ปฏิวิทฺธาติ? น เอตทตฺถาย ปฏิวิทฺธา. ทฺเว ปน ภควโต เทสนา นิคฺคหมุเขน จ อนุคฺคหมุเขน จ. ตตฺถ เย ปณฺฑิตมานิโน โหนฺติ อฺาเตปิ าตสฺิโน ปฺจสตา พฺราหฺมณปพฺพชิตา วิย, เตสํ มานนิคฺคหตฺถํ ยถา น ชานนฺติ, เอวํ มูลปริยายาทิสทิสํ ธมฺมํ เทเสติ. อยํ นิคฺคหมุเขน เทสนา. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘นิคฺคยฺห นิคฺคยฺหาหํ, อานนฺท, วกฺขามิ, ปวยฺห ปวยฺห, อานนฺท, วกฺขามิ, โย สาโร, โส สฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๙๖). เย ¶ ปน อุชุกา สิกฺขากามา, เตสํ สุวิฺเยฺยํ กตฺวา อากงฺเขยฺยสุตฺตาทิสทิสํ ธมฺมํ เทเสติ, ‘‘อภิรม, ติสฺส, อภิรม, ติสฺส, อหโมวาเทน อหมนุคฺคเหน อหมนุสาสนิยา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๔) จ เน สมสฺสาเสติ. อยํ อนุคฺคหมุเขน เทสนา.
อยํ ปน เทวปุตฺโต มานตฺถทฺโธ ปณฺฑิตมานี, เอวํ กิรสฺส อโหสิ – อหํ โอฆํ ชานามิ, ตถาคตสฺส โอฆติณฺณภาวํ ชานามิ, ‘‘อิมินา ปน การเณน ติณฺโณ’’ติ เอตฺตกมตฺตํ น ชานามิ. อิติ มยฺหํ าตเมว พหุ, อปฺปํ อฺาตํ, ตมหํ กถิตมตฺตเมว ชานิสฺสามิ. กิฺหิ นาม ตํ ภควา วเทยฺย, ยสฺสาหํ อตฺถํ น ชาเนยฺยนฺติ. อถ สตฺถา ‘‘อยํ กิลิฏฺวตฺถํ วิย ¶ รงฺคชาตํ อภพฺโพ อิมํ มานํ อปฺปหาย เทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ, มานนิคฺคหํ ตาวสฺส กตฺวา ปุน นีจจิตฺเตน ปุจฺฉนฺตสฺส ปกาเสสฺสามี’’ติ ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา ปฺหํ กเถสิ. โสปิ นิหตมาโน อโหสิ, สา จสฺส นิหตมานตา อุตฺตริปฺหปุจฺฉเนเนว เวทิตพฺพา. ตสฺส ปน ปฺหปุจฺฉนสฺส อยมตฺโถ – กถํ ปน ตฺวํ, มาริส, อปฺปติฏฺํ อนายูหํ โอฆมตริ, ยถาหํ ชานามิ, เอวํ เม กเถหีติ.
อถสฺส ภควา กเถนฺโต ยทาสฺวาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยทา สฺวาหนฺติ ยสฺมึ กาเล อหํ. สุกาโร นิปาตมตฺตํ. ยถา จ เอตฺถ, เอวํ สพฺพปเทสุ. สํสีทามีติ ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา อตรนฺโต ตตฺเถว โอสีทามิ. นิพฺพุยฺหามีติ าตุํ อสกฺโกนฺโต อติวตฺตามิ. อิติ าเน จ วายาเม จ โทสํ ทิสฺวา อติฏฺนฺโต อวายมนฺโต โอฆมตรินฺติ เอวํ ภควตา ปฺโห กถิโต. เทวตายปิ ปฏิวิทฺโธ, น ปน ปากโฏ, ตสฺส ปากฏีกรณตฺถํ สตฺต ทุกา ทสฺสิตา. กิเลสวเสน ¶ หิ สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, อภิสงฺขารวเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. ตณฺหาทิฏฺีหิ วา สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, อวเสสกิเลสานฺเจว อภิสงฺขารานฺจ วเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. ตณฺหาวเสน วา สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, ทิฏฺิวเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. สสฺสตทิฏฺิยา วา สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, อุจฺเฉททิฏฺิยา อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. โอลียนาภินิเวสา หิ ภวทิฏฺิ, อติธาวนาภินิเวสา วิภวทิฏฺิ ¶ . ลีนวเสน วา สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, อุทฺธจฺจวเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. ตถา กามสุขลฺลิกานุโยควเสน สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, อตฺตกิลมถานุโยควเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. สพฺพากุสลาภิสงฺขารวเสน สนฺติฏฺนฺโต สํสีทติ นาม, สพฺพโลกิยกุสลาภิสงฺขารวเสน อายูหนฺโต นิพฺพุยฺหติ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘เสยฺยถาปิ, จุนฺท, เย เกจิ อกุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต อโธภาคงฺคมนียา, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต อุปริภาคงฺคมนียา’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๖).
อิมํ ปฺหวิสฺสชฺชนํ สุตฺวาว เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ตุฏฺา ปสนฺนา อตฺตโน ตุฏฺิฺจ ปสาทฺจ ปกาสยนฺตี จิรสฺสํ วตาติ คาถมาห. ตตฺถ จิรสฺสนฺติ จิรสฺส กาลสฺส อจฺจเยนาติ อตฺโถ. อยํ ¶ กิร เทวตา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา ตสฺส ปรินิพฺพานโต ปฏฺาย อนฺตรา อฺํ พุทฺธํ น ทิฏฺปุพฺพา, ตสฺมา อชฺช ภควนฺตํ ทิสฺวา เอวมาห. กึ ปนิมาย เทวตาย อิโต ปุพฺเพ สตฺถา น ทิฏฺปุพฺโพติ. ทิฏฺปุพฺโพ วา โหตุ อทิฏฺปุพฺโพ วา, ทสฺสนํ อุปาทาย เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏติ. พฺราหฺมณนฺติ พาหิตปาปํ ขีณาสวพฺราหฺมณํ. ปรินิพฺพุตนฺติ กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุตํ. โลเกติ สตฺตโลเก. วิสตฺติกนฺติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ อาสตฺตวิสตฺตตาทีหิ การเณหิ วิสตฺติกา วุจฺจติ ตณฺหา, ตํ วิสตฺติกํ อปฺปติฏฺมานํ อนายูหมานํ ติณฺณํ นิตฺติณฺณํ อุตฺติณฺณํ จิรสฺสํ วต ขีณาสวพฺราหฺมณํ ปสฺสามีติ อตฺโถ.
สมนฺุโ สตฺถา อโหสีติ ตสฺสา เทวตาย วจนํ จิตฺเตเนว สมนุโมทิ, เอกชฺฌาสโย อโหสิ. อนฺตรธายีติ อภิสงฺขตกายํ ชหิตฺวา อตฺตโน ปกติอุปาทิณฺณกกายสฺมึเยว ตฺวา ลทฺธาสา ลทฺธปติฏฺา หุตฺวา ทสพลํ คนฺเธหิ จ มาเลหิ จ ปูเชตฺวา อตฺตโน ภวนํเยว อคมาสีติ.
โอฆตรณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. นิโมกฺขสุตฺตวณฺณนา
๒. อิทานิ ¶ ทุติยสุตฺตโต ปฏฺาย ปมมาคตฺจ อุตฺตานตฺถฺจ ปหาย ยํ ยํ อนุตฺตานํ, ตํ ตเทว วณฺณยิสฺสาม. ชานาสิ โนติ ชานาสิ นุ. นิโมกฺขนฺติอาทีนิ มคฺคาทีนํ นามานิ ¶ . มคฺเคน หิ สตฺตา กิเลสพนฺธนโต นิมุจฺจนฺติ, ตสฺมา มคฺโค สตฺตานํ นิโมกฺโขติ วุตฺโต. ผลกฺขเณ ปน เต กิเลสพนฺธนโต ปมุตฺตา, ตสฺมา ผลํ สตฺตานํ ปโมกฺโขติ วุตฺตํ. นิพฺพานํ ปตฺวา สตฺตานํ สพฺพทุกฺขํ วิวิจฺจติ, ตสฺมา นิพฺพานํ วิเวโกติ วุตฺตํ. สพฺพานิ วา เอตานิ นิพฺพานสฺเสว นามานิ. นิพฺพานฺหิ ปตฺวา สตฺตา สพฺพทุกฺขโต นิมุจฺจนฺติ ปมุจฺจนฺติ วิวิจฺจนฺติ, ตสฺมา ตเทว ‘‘นิโมกฺโข ปโมกฺโข วิเวโก’’ติ วุตฺตํ. ชานามิ ขฺวาหนฺติ ชานามิ โข อหํ. อวธารณตฺโถ โขกาโร ¶ . อหํ ชานามิเยว. สตฺตานํ นิโมกฺขาทิชานนตฺถเมว หิ มยา สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธนฺติ สีหนาทํ นทติ. พุทฺธสีหนาทํ นาม กิร เอตํ สุตฺตํ.
นนฺทีภวปริกฺขยาติ นนฺทีมูลกสฺส กมฺมภวสฺส ปริกฺขเยน. นนฺทิยา จ ภวสฺส จาติปิ วฏฺฏติ. ตตฺถ หิ ปุริมนเย นนฺทีภเวน ติวิธกมฺมาภิสงฺขารวเสน สงฺขารกฺขนฺโธ คหิโต, สฺาวิฺาเณหิ ตํสมฺปยุตฺตา จ ทฺเว ขนฺธา. เตหิ ปน ตีหิ ขนฺเธหิ สมฺปยุตฺตา เวทนา เตสํ คหเณน คหิตาวาติ อนุปาทิณฺณกานํ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ อปฺปวตฺติวเสน สอุปาทิเสสํ นิพฺพานํ กถิตํ โหติ. เวทนานํ นิโรธา อุปสมาติ อุปาทิณฺณกเวทนานํ นิโรเธน จ อุปสเมน จ. ตตฺถ เวทนาคหเณน ตํสมฺปยุตฺตา ตโย ขนฺธา คหิตาว โหนฺติ, เตสํ วตฺถารมฺมณวเสน รูปกฺขนฺโธปิ. เอวํ อิเมสํ อุปาทิณฺณกานํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อปฺปวตฺติวเสน อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ กถิตํ โหติ. ทุติยนเย ปน นนฺทิคฺคหเณน สงฺขารกฺขนฺโธ คหิโต, ภวคฺคหเณน อุปปตฺติภวสงฺขาโต รูปกฺขนฺโธ, สฺาทีหิ สรูเปเนว ตโย ขนฺธา. เอวํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อปฺปวตฺติวเสน นิพฺพานํ กถิตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. อิมเมว จ นยํ จตุนิกายิกภณฺฑิกตฺเถโร โรเจติ. อิติ นิพฺพานวเสเนว ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสีติ.
นิโมกฺขสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อุปนียสุตฺตวณฺณนา
๓. ตติเย ¶ ¶ อุปนียตีติ ปริกฺขียติ นิรุชฺฌติ, อุปคจฺฉติ วา, อนุปุพฺเพน มรณํ อุเปตีติ อตฺโถ. ยถา วา โคปาเลน โคคโณ นียติ, เอวํ ชราย มรณสนฺติกํ อุปนียตีติ อตฺโถ. ชีวิตนฺติ ชีวิตินฺทฺริยํ. อปฺปนฺติ ปริตฺตํ โถกํ. ตสฺส ทฺวีหากาเรหิ ปริตฺตตา เวทิตพฺพา สรสปริตฺตตาย จ ขณปริตฺตตาย จ. สรสปริตฺตตายปิ หิ ‘‘โย, ภิกฺขเว, จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๗; สํ. นิ. ๒.๑๔๓) วจนโต ปริตฺตํ. ขณปริตฺตตายปิ. ปรมตฺถโต หิ อติปริตฺโต สตฺตานํ ชีวิตกฺขโณ เอกจิตฺตปฺปวตฺติมตฺโตเยว ¶ . ยถา นาม รถจกฺกํ ปวตฺตมานมฺปิ เอเกเนว เนมิปฺปเทเสน ปวตฺตติ, ติฏฺมานมฺปิ เอเกเนว ติฏฺติ, เอวเมวํ เอกจิตฺตกฺขณิกํ สตฺตานํ ชีวิตํ, ตสฺมึ จิตฺเต นิรุทฺธมตฺเต สตฺโต นิรุทฺโธติ วุจฺจติ. ยถาห – อตีเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิตฺถ น ชีวติ น ชีวิสฺสติ, อนาคเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิสฺสติ น ชีวติ น ชีวิตฺถ, ปจฺจุปฺปนฺเน จิตฺตกฺขเณ ชีวติ น ชีวิตฺถ น ชีวิสฺสติ.
‘‘ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;
เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุโส วตฺตเต ขโณ.
‘‘เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺส, ติฏฺมานสฺส วา อิธ;
สพฺเพปิ สทิสา ขนฺธา, คตา อปฺปฏิสนฺธิกา.
‘‘อนิพฺพตฺเตน น ชาโต, ปจฺจุปฺปนฺเนน ชีวติ;
จิตฺตภงฺคา มโต โลโก, ปฺตฺติ ปรมตฺถิยา’’ติ. (มหานิ. ๑๐);
ชรูปนีตสฺสาติ ชรํ อุปคตสฺส, ชราย วา มรณสนฺติกํ อุปนีตสฺส. น สนฺติ ตาณาติ ตาณํ เลณํ สรณํ ภวิตุํ สมตฺถา นาม เกจิ นตฺถิ. เอตํ ภยนฺติ เอตํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส มรณูปคมนํ, อายุปริตฺตตา, ชรูปนีตสฺส ตาณาภาโวติ ติวิธํ ภยํ ภยวตฺถุ ภยการณนฺติ ¶ อตฺโถ. ปฺุานิ กยิราถ สุขาวหานีติ วิฺู ปุริโส สุขาวหานิ สุขทายกานิ ปฺุานิ กเรยฺย. อิติ เทวตา รูปาวจรชฺฌานํ สนฺธาย ปุพฺพเจตนํ อปรเจตนํ มฺุจเจตนฺจ คเหตฺวา พหุวจนวเสน ¶ ‘‘ปฺุานี’’ติ อาห. ฌานสฺสาทํ ฌานนิกนฺตึ ฌานสุขฺจ คเหตฺวา ‘‘สุขาวหานี’’ติ อาห. ตสฺสา กิร เทวตาย สยํ ทีฆายุกฏฺาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตตฺตา เหฏฺา กามาวจรเทเวสุ ปริตฺตายุกฏฺาเน จวมาเน อุปปชฺชมาเน จ ถุลฺลผุสิตเก วุฏฺิปาตสทิเส สตฺเต ทิสฺวา เอตทโหสิ ‘‘อโหวติเม สตฺตา ฌานํ ภาเวตฺวา อปริหีนชฺฌานา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก เอกกปฺป-ทฺเวกปฺป-จตุกปฺป-อฏฺกปฺป-โสฬสกปฺป-ทฺวตฺตึสกปฺป-จตุสฏฺิกปฺปปฺปมาณํ อทฺธานํ ติฏฺเยฺยุ’’นฺติ. ตสฺมา เอวมาห.
อถ ภควา – ‘‘อยํ เทวตา อนิยฺยานิกํ วฏฺฏกถํ กเถตี’’ติ วิวฏฺฏมสฺสา ทสฺเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ โลกามิสนฺติ ทฺเว โลกามิสา ¶ ปริยาเยน จ นิปฺปริยาเยน จ. ปริยาเยน เตภูมกวฏฺฏํ โลกามิสํ, นิปฺปริยาเยน จตฺตาโร ปจฺจยา. อิธ ปริยายโลกามิสํ อธิปฺเปตํ. นิปฺปริยายโลกามิสมฺปิ วฏฺฏติเยว. สนฺติเปกฺโขติ นิพฺพานสงฺขาตํ อจฺจนฺตสนฺตึ เปกฺขนฺโต อิจฺฉนฺโต ปตฺถยนฺโตติ.
อุปนียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อจฺเจนฺติสุตฺตวณฺณนา
๔. จตุตฺเถ อจฺเจนฺตีติ อติกฺกมนฺติ. กาลาติ ปุเรภตฺตาทโย กาลา. ตรยนฺติ รตฺติโยติ รตฺติโย อติกฺกมมานา ปุคฺคลํ มรณูปคมนาย ตรยนฺติ สีฆํ สีฆํ คมยนฺติ. วโยคุณาติ ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวยานํ คุณา, ราสโยติ อตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อหตานํ วตฺถานํ ทิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) เอตฺถ หิ ปฏลฏฺโ คุณฏฺโ. ‘‘สตคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) เอตฺถ อานิสํสฏฺโ. ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณ’’นฺติ เอตฺถ โกฏฺาสฏฺโ. ‘‘กยิรา มาลาคุเณ พหู’’ติ (ธ. ป. ๕๓) เอตฺถ ราสฏฺโ. ‘‘ปฺจ กามคุณา’’ติ เอตฺถ พนฺธนฏฺโ. อิธ ปน ราสฏฺโ คุณฏฺโ. ตสฺมา วโยคุณาติ วโยราสโย เวทิตพฺพา. อนุปุพฺพํ ¶ ชหนฺตีติ อนุปฏิปาฏิยา ปุคฺคลํ ชหนฺติ. มชฺฌิมวเย ิตํ หิ ปมวโย ชหติ, ปจฺฉิมวเย ิตํ ทฺเว ปมมชฺฌิมา ชหนฺติ, มรณกฺขเณ ปน ตโยปิ วยา ชหนฺเตว. เอตํ ภยนฺติ เอตํ กาลานํ อติกฺกมนํ, รตฺติทิวานํ ตริตภาโว, วโยคุณานํ ชหนภาโวติ ติวิธํ ภยํ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
อจฺเจนฺติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. กติฉินฺทสุตฺตวณฺณนา
๕. ปฺจเม ¶ ¶ กติ ฉินฺเทติ ฉินฺทนฺโต กติ ฉินฺเทยฺย. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ ‘‘ฉินฺเท ชเห’’ติ อตฺถโต เอกํ. คาถาพนฺธสฺส ปน มฏฺภาวตฺถํ อยํ เทวตา สทฺทปุนรุตฺตึ วชฺชยนฺตี เอวมาห. กติ สงฺคาติโคติ กติ สงฺเค อติคโต, อติกฺกนฺโตติ อตฺโถ. สงฺคาติโกติปิ ปาโ, อยเมว อตฺโถ. ปฺจ ฉินฺเทติ ฉินฺทนฺโต ปฺจ โอรมฺภาคิยสํโยชนานิ ฉินฺเทยฺย. ปฺจ ชเหติ ชหนฺโต ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ ชเหยฺย. อิธาปิ ฉินฺทนฺจ ชหนฺจ อตฺถโต เอกเมว, ภควา ปน เทวตาย อาโรปิตวจนานุรูเปเนว เอวมาห. อถ วา ปาเทสุ พทฺธปาสสกุโณ วิย ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ เหฏฺา อากฑฺฒมานาการานิ โหนฺติ, ตานิ อนาคามิมคฺเคน ฉินฺเทยฺยาติ วทติ. หตฺเถหิ คหิตรุกฺขสาขา วิย ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ อุปริ อากฑฺฒมานาการานิ โหนฺติ, ตานิ อรหตฺตมคฺเคน ชเหยฺยาติ วทติ. ปฺจ จุตฺตริ ภาวเยติ เอเตสํ สํโยชนานํ ฉินฺทนตฺถาย เจว ปหานตฺถาย จ อุตฺตริ อติเรกํ วิเสสํ ภาเวนฺโต สทฺธาปฺจมานิ อินฺทฺริยานิ ภาเวยฺยาติ อตฺโถ. ปฺจ สงฺคาติโคติ ราคสงฺโค โทสสงฺโค โมหสงฺโค มานสงฺโค ทิฏฺิสงฺโคติ อิเม ปฺจ สงฺเค อติกฺกนฺโต. โอฆติณฺโณติ วุจฺจตีติ จตุโรฆติณฺโณติ กถียติ. อิมาย ปน คาถาย ปฺจินฺทฺริยานิ โลกิยโลกุตฺตรานิ กถิตานีติ.
กติฉินฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ชาครสุตฺตวณฺณนา
๖. ฉฏฺเ ¶ ชาครตนฺติ ชาครนฺตานํ. ปฺจ ชาครตนฺติ วิสฺสชฺชนคาถายํ ปน สทฺธาทีสุ ปฺจสุ อินฺทฺริเยสุ ชาครนฺเตสุ ปฺจ นีวรณา สุตฺตา นาม. กสฺมา? ยสฺมา ตํสมงฺคีปุคฺคโล ยตฺถ กตฺถจิ นิสินฺโน วา ิโต วา อรุณํ อุฏฺเปนฺโตปิ ปมาทตาย อกุสลสมงฺคิตาย สุตฺโต นาม โหติ. เอวํ สุตฺเตสุ ปฺจสุ นีวรเณสุ ปฺจินฺทฺริยานิ ชาครานิ นาม. กสฺมา ¶ ? ยสฺมา ตํสมงฺคีปุคฺคโล ยตฺถ กตฺถจิ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโตปิ อปฺปมาทตาย กุสลสมงฺคิตาย ชาคโร นาม โหติ. ปฺจหิ ปน นีวรเณเหว กิเลสรชํ อาทิยติ คณฺหาติ ปรามสติ. ปุริมา ¶ หิ กามจฺฉนฺทาทโย ปจฺฉิมานํ ปจฺจยา โหนฺตีติ ปฺจหิ อินฺทฺริเยหิ ปริสุชฺฌตีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิธาปิ ปฺจินฺทฺริยานิ โลกิยโลกุตฺตราเนว กถิตานีติ.
ชาครสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อปฺปฏิวิทิตสุตฺตวณฺณนา
๗. สตฺตเม ธมฺมาติ จตุสจฺจธมฺมา. อปฺปฏิวิทิตาติ าเณน อปฺปฏิวิทฺธา. ปรวาเทสูติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตวาเทสุ. เต หิ อิโต ปเรสํ ติตฺถิยานํ วาทตฺตา ปรวาทา นาม. นียเรติ อตฺตโน ธมฺมตายปิ คจฺฉนฺติ, ปเรนปิ นียนฺติ. ตตฺถ สยเมว สสฺสตาทีนิ คณฺหนฺตา คจฺฉนฺติ นาม, ปรสฺส วจเนน ตานิ คณฺหนฺตา นียนฺติ นาม. กาโล เตสํ ปพุชฺฌิตุนฺติ เตสํ ปุคฺคลานํ ปพุชฺฌิตุํ อยํ กาโล. โลกสฺมิฺหิ พุทฺโธ อุปฺปนฺโน, ธมฺโม เทสิยติ, สงฺโฆ สุปฺปฏิปนฺโน, ปฏิปทา ภทฺทิกา, อิเม จ ปน มหาชนา วฏฺเฏ สุตฺตา นปฺปพุชฺฌนฺตีติ เทวตา อาห. สมฺพุทฺธาติ สมฺมา เหตุนา การเณน พุทฺธา. จตฺตาโร หิ พุทฺธา – สพฺพฺุพุทฺโธ, ปจฺเจกพุทฺโธ, จตุสจฺจพุทฺโธ, สุตพุทฺโธติ. ตตฺถ สมตึสปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺโต สพฺพฺุพุทฺโธ นาม. กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา สยมฺภุตํ ปตฺโต ปจฺเจกพุทฺโธ นาม. อวเสสา ขีณาสวา จตุสจฺจพุทฺธา นาม. พหุสฺสุโต สุตพุทฺโธ นาม. อิมสฺมึ อตฺเถ ตโยปิ ปุริมา วฏฺฏนฺติ. สมฺมทฺาติ สมฺมา เหตุนา ¶ การเณน ชานิตฺวา. จรนฺติ วิสเม สมนฺติ วิสเม วา โลกสนฺนิวาเส วิสเม วา สตฺตนิกาเย วิสเม วา กิเลสชาเต สมํ จรนฺตีติ.
อปฺปฏิวิทิตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สุสมฺมุฏฺสุตฺตวณฺณนา
๘. อฏฺเม ¶ สุสมฺมุฏฺาติ ปฺาย อปฺปฏิวิทฺธภาเวเนว สุนฏฺา. ยถา หิ ทฺเว เขตฺตานิ กสิตฺวา, เอกํ วปิตฺวา, พหุธฺํ อธิคตสฺส อวาปิตเขตฺตโต อลทฺธํ สนฺธาย ‘‘พหุํ เม ธฺํ นฏฺ’’นฺติ วทนฺโต อลทฺธเมว ‘‘นฏฺ’’นฺติ วทติ, เอวมิธาปิ อปฺปฏิวิทิตาว สุสมฺมุฏฺา นาม. อสมฺมุฏฺาติ ปฺาย ปฏิวิทฺธภาเวเนว อนฏฺา. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
สุสมฺมุฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. มานกามสุตฺตวณฺณนา
๙. นวเม ¶ มานกามสฺสาติ มานํ กาเมนฺตสฺส อิจฺฉนฺตสฺส. ทโมติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส สมาธิปกฺขิโก ทโม นตฺถีติ วทติ. ‘‘สจฺเจน ทนฺโต ทมสา อุเปโต, เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๙๕) เอตฺถ หิ อินฺทฺริยสํวโร ทโมติ วุตฺโต. ‘‘ยทิ สจฺจา ทมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิยฺโยธ วิชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๑) เอตฺถ ปฺา. ‘‘ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปฺุํ, อตฺถิ ปฺุสฺส อาคโม’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๖๕) เอตฺถ อุโปสถกมฺมํ. ‘‘สกฺขิสฺสสิ โข ตฺวํ, ปุณฺณ, อิมินา ทมูปสเมน สมนฺนาคโต สุนาปรนฺตสฺมึ ชนปเท วิหริตุ’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๘๘; ม. นิ. ๓.๓๙๖) เอตฺถ อธิวาสนขนฺติ. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต ทโมติ สมาธิปกฺขิกธมฺมานํ เอตํ นามํ. เตเนวาห – ‘‘น โมนมตฺถิ อสมาหิตสฺสา’’ติ. ตตฺถ โมนนฺติ จตุมคฺคาณํ, ตฺหิ มุนาตีติ โมนํ, จตุสจฺจธมฺเม ชานาตีติ อตฺโถ. มจฺจุเธยฺยสฺสาติ เตภูมกวฏฺฏสฺส. ตฺหิ มจฺจุโน ปติฏฺานฏฺเน มจฺจุเธยฺยนฺติ วุจฺจติ. ปารนฺติ ¶ ตสฺเสว ปารํ นิพฺพานํ. ตเรยฺยาติ ปฏิวิชฺเฌยฺย ปาปุเณยฺย วา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอโก อรฺเ วิหรนฺโต ปมตฺโต ปุคฺคโล มจฺจุเธยฺยสฺส ปารํ น ตเรยฺย น ปฏิวิชฺเฌยฺย น ปาปุเณยฺยาติ.
มานํ ปหายาติ อรหตฺตมคฺเคน นววิธมานํ ปชหิตฺวา. สุสมาหิตตฺโตติ อุปจารปฺปนาสมาธีหิ สุฏฺุ สมาหิตตฺโต. สุเจตโสติ าณสมฺปยุตฺตตาย ¶ สุนฺทรจิตฺโต. าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน หิ สุเจตโสติ น วุจฺจติ, ตสฺมา าณสมฺปยุตฺเตน สุเจตโส หุตฺวาติ อตฺโถ. สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโตติ สพฺเพสุ ขนฺธายตนาทีสุ วิปฺปมุตฺโต หุตฺวา. ตเรยฺยาติ เอตฺถ เตภูมกวฏฺฏํ สมติกฺกมนฺโต นิพฺพานํ ปฏิวิชฺฌนฺโต ตรตีติ ปฏิเวธตรณํ นาม วุตฺตํ. อิติ อิมาย คาถาย ติสฺโส สิกฺขา กถิตา โหนฺติ. กถํ – มาโน นามายํ สีลเภทโน, ตสฺมา ‘‘มานํ ปหายา’’ติ อิมินา อธิสีลสิกฺขา กถิตา โหติ. ‘‘สุสมาหิตตฺโต’’ติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขา. ‘‘สุเจตโส’’ติ เอตฺถ จิตฺเตน ปฺา ทสฺสิตา, ตสฺมา อิมินา อธิปฺาสิกฺขา กถิตา. อธิสีลฺจ นาม สีเล สติ โหติ, อธิจิตฺตํ จิตฺเต สติ, อธิปฺา ปฺาย สติ. ตสฺมา สีลํ นาม ปฺจปิ ทสปิ สีลานิ, ปาติโมกฺขสํวโร อธิสีลํ นามาติ เวทิตพฺพํ. อฏฺ สมาปตฺติโย จิตฺตํ, วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ อธิจิตฺตํ. กมฺมสฺสกตาณํ ปฺา, วิปสฺสนา อธิปฺา. อนุปฺปนฺเนปิ หิ พุทฺธุปฺปาเท ปวตฺตตีติ ปฺจสีลํ ¶ ทสสีลํ สีลเมว, ปาติโมกฺขสํวรสีลํ พุทฺธุปฺปาเทเยว ปวตฺตตีติ อธิสีลํ. จิตฺตปฺาสุปิ เอเสว นโย. อปิจ นิพฺพานํ ปตฺถยนฺเตน สมาทินฺนํ ปฺจสีลมฺปิ ทสสีลมฺปิ อธิสีลเมว. สมาปนฺนา อฏฺ สมาปตฺติโยปิ อธิจิตฺตเมว. สพฺพมฺปิ วา โลกิยสีลํ สีลเมว, โลกุตฺตรํ อธิสีลํ. จิตฺตปฺาสุปิ เอเสว นโยติ. อิติ อิมาย คาถาย สโมธาเนตฺวา ติสฺโส สิกฺขา สกลสาสนํ กถิตํ โหตีติ.
มานกามสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อรฺสุตฺตวณฺณนา
๑๐. ทสเม สนฺตานนฺติ สนฺตกิเลสานํ, ปณฺฑิตานํ วา. ‘‘สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ (ชา. ๒.๒๑.๔๑๓), ทูเร สนฺโต ปกาสนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๓๐๔) หิ ปณฺฑิตาปิ ¶ สนฺโตติ วุตฺตา. พฺรหฺมจารินนฺติ เสฏฺจารีนํ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺตานํ. เกน วณฺโณ ปสีทตีติ เกน การเณน ฉวิวณฺโณ ปสีทตีติ ปุจฺฉติ. กสฺมา ปเนสา เอวํ ปุจฺฉติ? เอสา กิร วนสณฺฑวาสิกา ภุมฺมเทวตา อารฺเก ภิกฺขู ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺเต อรฺํ ปวิสิตฺวา ¶ รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสินฺเน ปสฺสติ. เตสฺจ เอวํ นิสินฺนานํ พลวจิตฺเตกคฺคตา อุปฺปชฺชติ. ตโต วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ โอกฺกมติ, จิตฺตํ ปสีทติ. จิตฺเต ปสนฺเน โลหิตํ ปสีทติ, จิตฺตสมุฏฺานานิ อุปาทารูปานิ ปริสุทฺธานิ โหนฺติ, วณฺฏา ปมุตฺตตาลผลสฺส วิย มุขสฺส วณฺโณ โหติ. ตํ ทิสฺวา เทวตา จินฺเตสิ – ‘‘สรีรวณฺโณ นามายํ ปณีตานิ รสสมฺปนฺนานิ โภชนานิ สุขสมฺผสฺสานิ นิวาสนปาปุรณสยนานิ อุตุสุเข เตภูมิกาทิเภเท จ ปาสาเท มาลาคนฺธวิเลปนาทีนิ จ ลภนฺตานํ ปสีทติ, อิเม ปน ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา มิสฺสกภตฺตํ ภฺุชนฺติ, วิรฬมฺจเก วา ผลเก วา สิลาย วา สยนานิ กปฺเปนฺติ, รุกฺขมูลาทีสุ วา อพฺโภกาเส วา วสนฺติ, เกน นุ โข การเณน เอเตสํ วณฺโณ ปสีทตี’’ติ. ตสฺมา ปุจฺฉิ.
อถสฺสา ภควา การณํ กเถนฺโต ทุติยํ คาถํ อาห. ตตฺถ อตีตนฺติ อตีเต อสุโก นาม ราชา ธมฺมิโก อโหสิ, โส อมฺหากํ ปณีเต ปจฺจเย อทาสิ. อาจริยุปชฺฌายา ลาภิโน อเหสุํ. อถ มยํ เอวรูปานิ โภชนานิ ภฺุชิมฺหา, จีวรานิ ปารุปิมฺหาติ เอวํ เอกจฺเจ ¶ ปจฺจยพาหุลฺลิกา วิย อิเม ภิกฺขู อตีตํ นานุโสจนฺติ. นปฺปชปฺปนฺติ นาคตนฺติ อนาคเต ธมฺมิโก ราชา ภวิสฺสติ, ผีตา ชนปทา ภวิสฺสนฺติ, พหูนิ สปฺปินวนีตาทีนิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, ‘‘ขาทถ ภฺุชถา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ วตฺตาโร ภวิสฺสนฺติ, ตทา มยํ เอวรูปานิ โภชนานิ ภฺุชิสฺสาม, จีวรานิ ปารุปิสฺสามาติ เอวํ อนาคตํ น ปตฺเถนฺติ. ปจฺจุปฺปนฺเนนาติ เยน เกนจิ ตงฺขเณ ลทฺเธน ยาเปนฺติ. เตนาติ เตน ติวิเธนาปิ การเณน.
เอวํ วณฺณสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺเสว วณฺณสฺส วินาสํ ทสฺเสนฺโต อนนฺตรํ คาถมาห. ตตฺถ ¶ อนาคตปฺปชปฺปายาติ อนาคตสฺส ปตฺถนาย. เอเตนาติ เอเตน การณทฺวเยน. นโฬว หริโต ลุโตติ ยถา หริโต นโฬ ลายิตฺวา อุณฺหปาสาเณ ปกฺขิตฺโต สุสฺสติ, เอวํ สุสฺสนฺตีติ.
อรฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา. นฬวคฺโค ปโม.
๒. นนฺทนวคฺโค
๑. นนฺทนสุตฺตวณฺณนา
๑๑. นนฺทนวคฺคสฺส ¶ ปเม ตตฺราติ ตสฺมึ อาราเม. โขติ พฺยฺชนสิลิฏฺตาวเสน นิปาตมตฺตํ. ภิกฺขู อามนฺเตสีติ ปริสเชฏฺเก ภิกฺขู ชานาเปสิ. ภิกฺขโวติ เตสํ อามนฺตนาการทีปนํ. ภทนฺเตติ ปติวจนทานํ. เต ภิกฺขูติ เย ตตฺถ สมฺมุขีภูตา ธมฺมปฏิคฺคาหกา ภิกฺขู. ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ ภควโต วจนํ ปติอสฺโสสุํ, อภิมุขา หุตฺวา สุณึสุ สมฺปฏิจฺฉึสูติ อตฺโถ. เอตทโวจาติ เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘ภูตปุพฺพ’’นฺติอาทิวจนํ อโวจ. ตตฺถ ตาวตึสกายิกาติ ตาวตึสกาเย นิพฺพตฺตา. ตาวตึสกาโย นาม ทุติยเทวโลโก วุจฺจติ. มเฆน มาณเวน สทฺธึ มจลคาเม กาลํ กตฺวา ตตฺถ อุปฺปนฺเน เตตฺตึส เทวปุตฺเต อุปาทาย กิร ตสฺส เทวโลกสฺส อยํ ปณฺณตฺติ ชาตาติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน เสสจกฺกวาเฬสุปิ ฉ กามาวจรเทวโลกา อตฺถิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สหสฺสํ ¶ จาตุมหาราชิกานํ สหสฺสํ ตาวตึสาน’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๙), ตสฺมา นามปณฺณตฺติเยเวสา ตสฺส เทวโลกสฺสาติ เวทิตพฺพา. เอวฺหิ นิทฺโทสํ ปทํ โหติ.
นนฺทเน วเนติ เอตฺถ ตํ วนํ ปวิฏฺเ ปวิฏฺเ นนฺทยติ โตเสตีติ นนฺทนํ. ปฺจสุ หิ มรณนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘สมฺปตฺตึ ปหาย จวิสฺสามา’’ติ ปริเทวมานา เทวตา สกฺโก เทวานมินฺโท ‘‘มา ปริเทวิตฺถ, อภิชฺชนธมฺมา นาม สงฺขารา นตฺถี’’ติ โอวทิตฺวา ตตฺถ ปเวสาเปติ. ตาสํ อฺาหิ เทวตาหิ พาหาสุ คเหตฺวา ปเวสิตานมฺปิ ¶ ตสฺส สมฺปตฺตึ ทิสฺวาว มรณโสโก วูปสมฺมติ, ปีติปาโมชฺชเมว อุปฺปชฺชติ. อถ ตสฺมึ กีฬมานา เอว อุณฺหสนฺตตฺโต หิมปิณฺโฑ วิย วิลียนฺติ, วาตาปหตทีปสิขา วิย วิชฺฌายนฺตีติ เอวํ ยํกิฺจิ อนฺโต ปวิฏฺํ นนฺทยติ โตเสติเยวาติ นนฺทนํ, ตสฺมึ นนฺทเน. อจฺฉราสงฺฆปริวุตาติ อจฺฉราติ เทวธีตานํ นามํ, ตาสํ สมูเหน ปริวุตา.
ทิพฺเพหีติ เทวโลเก นิพฺพตฺเตหิ. ปฺจหิ กามคุเณหีติ มนาปิยรูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพสงฺขาเตหิ ปฺจหิ กามพนฺธเนหิ กามโกฏฺาเสหิ วา ¶ . สมปฺปิตาติ อุเปตา. อิตรํ ตสฺเสว เววจนํ. ปริจารยมานาติ รมมานา, เตสุ เตสุ วา รูปาทีสุ อินฺทฺริยานิ สฺจารยมานา. ตายํ เวลายนฺติ ตสฺมึ ปริจารณกาเล. โส ปนสฺส เทวปุตฺตสฺส อธุนา อภินิพฺพตฺตกาโล เวทิตพฺโพ. ตสฺส หิ ปฏิสนฺธิกฺขเณเยว รตฺตสุวณฺณกฺขนฺโธ วิย วิโรจยมาโน ติคาวุตปฺปมาโณ อตฺตภาโว นิพฺพตฺติ. โส ทิพฺพวตฺถนิวตฺโถ ทิพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต ทิพฺพมาลาวิเลปนธโร ทิพฺเพหิ จนฺทนจุณฺเณหิ สมํ วิกิริยมาโน ทิพฺเพหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ โอวุโต นิวุโต ปริโยนทฺโธ โลภาภิภูโต หุตฺวา โลภนิสฺสรณํ นิพฺพานํ อปสฺสนฺโต อาสภึ วาจํ ภาสนฺโต วิย มหาสทฺเทน ‘‘น เต สุขํ ปชานนฺตี’’ติ อิมํ คาถํ คายมาโน นนฺทนวเน วิจริ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสี’’ติ.
เย น ปสฺสนฺติ นนฺทนนฺติ เย ตตฺร ปฺจกามคุณานุภวนวเสน นนฺทนวนํ น ปสฺสนฺติ. นรเทวานนฺติ เทวนรานํ, เทวปุริสานนฺติ อตฺโถ. ติทสานนฺติ ติกฺขตฺตุํ ทสนฺนํ. ยสสฺสินนฺติ ปริวารสงฺขาเตน ยเสน สมฺปนฺนานํ.
อฺตรา เทวตาติ เอกา อริยสาวิกา เทวตา. ปจฺจภาสีติ ‘‘อยํ พาลเทวตา อิมํ สมฺปตฺตึ ¶ นิจฺจํ อจลํ มฺติ, นาสฺสา เฉทนเภทนวิทฺธํสนธมฺมตํ ชานาตี’’ติ อธิปฺปายํ วิวฏฺเฏตฺวา ทสฺเสนฺตี ‘‘น ตฺวํ พาเล’’ติ อิมาย คาถาย ปติอภาสิ. ยถา อรหตํ วโจติ ยถา อรหนฺตานํ วจนํ, ตถา ตฺวํ น ชานาสีติ. เอวํ ตสฺสา อธิปฺปายํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ¶ อิทานิ อรหนฺตานํ วจนํ ทสฺเสนฺตี อนิจฺจาติอาทิมาห. ตตฺถ อนิจฺจา วต สงฺขาราติ สพฺเพ เตภูมกสงฺขารา หุตฺวา อภาวตฺเถน อนิจฺจา. อุปฺปาทวยธมฺมิโนติ อุปฺปาทวยสภาวา. อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺตีติ อิทํ ปุริมสฺเสว เววจนํ. ยสฺมา วา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา อุปฺปาทวยธมฺมิโนติ. อุปฺปาทวยคฺคหเณน เจตฺถ ตทนนฺตรา เวมชฺฌฏฺานํ คหิตเมว โหติ. เตสํ วูปสโม สุโขติ เตสํ สงฺขารานํ วูปสมสงฺขาตํ นิพฺพานเมว สุขํ. อิทํ อรหตํ วโจติ.
นนฺทนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. นนฺทติสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย ¶ นนฺทตีติ ตุสฺสติ อตฺตมโน โหติ. ปุตฺติมาติ พหุปุตฺโต. ตสฺส หิ เอกจฺเจ ปุตฺตา กสิกมฺมํ กตฺวา ธฺสฺส โกฏฺเ ปูเรนฺติ, เอกจฺเจ วณิชฺชํ กตฺวา หิรฺสุวณฺณํ อาหรนฺติ, เอกจฺเจ ราชานํ อุปฏฺหิตฺวา ยานวาหนคามนิคมาทีนิ ลภนฺติ. อถ เตสํ อานุภาวสงฺขาตํ สิรึ อนุภวมานา มาตา วา ปิตา วา นนฺทติ. ฉณทิวสาทีสุ วา มณฺฑิตปสาธิเต ปุตฺเต สมฺปตฺตึ อนุภวมาเน ทิสฺวา นนฺทตีติ, ‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา’’ติ อาห. โคหิ ตเถวาติ ยถา ปุตฺติมา ปุตฺเตหิ, ตถา โคสามิโกปิ สมฺปนฺนํ โคมณฺฑลํ ทิสฺวา คาโว นิสฺสาย โครสสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน โคหิ นนฺทติ. อุปธี หิ นรสฺส นนฺทนาติ, เอตฺถ อุปธีติ จตฺตาโร อุปธี – กามูปธิ, ขนฺธูปธิ, กิเลสูปธิ, อภิสงฺขารูปธีติ. กามาปิ หิ ‘‘ยํ ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฏฺานภาวโต ‘‘อุปธิยติ เอตฺถ สุข’’นฺติ อิมินา วจนตฺเถน อุปธีติ วุจฺจติ. ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโตติ. อิธ ปน กามูปธิ อธิปฺเปโต. ปฺจ หิ กามคุณา เตภูมิกาทิปาสาท-อุฬารสยน-วตฺถาลงฺการ-นาฏกปริวาราทิวเสน ¶ ปจฺจุปฏฺิตา ปีติโสมนสฺสํ อุปสํหรมานา นรํ นนฺทยนฺติ. ตสฺมา ยถา ปุตฺตา จ คาโว จ, เอวํ อิเมปิ อุปธี หิ นรสฺส นนฺทนาติ เวทิตพฺพา. น หิ โส นนฺทติ โย นิรูปธีติ โย กามคุณสมฺปตฺติรหิโต ทลิทฺโท ทุลฺลภฆาสจฺฉาทโน ¶ , น หิ โส นนฺทติ. เอวรูโป มนุสฺสเปโต จ มนุสฺสเนรยิโก จ กึ นนฺทิสฺสติ ภควาติ อาห.
อิทํ สุตฺวา สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เทวตา โสกวตฺถุเมว นนฺทวตฺถุํ กโรติ, โสกวตฺถุภาวมสฺสา ทีเปสฺสามี’’ติ ผเลน ผลํ ปาเตนฺโต วิย ตาเยว อุปมาย ตสฺสา วาทํ ภินฺทนฺโต ตเมว คาถํ ปริวตฺเตตฺวา โสจตีติ อาห. ตตฺถ โสจติ ปุตฺเตหีติ วิเทสคมนาทิวเสน ปุตฺเตสุ นฏฺเสุปิ นสฺสนฺเตสุปิ อิทานิ นสฺสิสฺสนฺตีติ นาสสงฺกีปิ ¶ โสจติ, ตถา มเตสุปิ มรนฺเตสุปิ โจเรหิ ราชปุริเสหิ คหิเตสุ วา ปจฺจตฺถิกานํ หตฺถํ อุปคเตสุ วา มรณสงฺกีปิ หุตฺวา โสจติ. รุกฺขปพฺพตาทีหิ ปติตฺวา หตฺถปาทาทีนํ เภทวเสน ภินฺเนสุปิ ภิชฺชนฺเตสุปิ เภทสงฺกีปิ หุตฺวา โสจติ. ยถา จ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา, โคสามิโกปิ ตเถว นวหากาเรหิ โคหิ โสจติ. อุปธี หิ นรสฺส โสจนาติ ยถา จ ปุตฺตคาโว, เอวํ ปฺจ กามคุโณปธีปิ –
‘‘ตสฺส เจ กามยานสฺส, ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน;
เต กามา ปริหายนฺติ, สลฺลวิทฺโธว รุปฺปตี’’ติ. (สุ. นิ. ๗๗๓) –
วุตฺตนเยน นรํ โสจนฺติ. ตสฺมา นรสฺส โสจนา โสกวตฺถุกเมวาติ เวทิตพฺพา. น หิ โส โสจติ, โย นิรูปธีติ ยสฺส ปน จตุพฺพิธาเปเต อุปธิโย นตฺถิ, โส นิรุปธิ มหาขีณาสโว กึ โสจิสฺสติ, น โสจติ เทวเตติ.
นนฺทติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. นตฺถิปุตฺตสมสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ตติเย นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปมนฺติ วิรูเปปิ หิ อตฺตโน ปุตฺตเก สุวณฺณพิมฺพกํ วิย มฺนฺติ, มาลาคุเฬ วิย สีสาทีสุ กตฺวา ปริหรมานา เตหิ โอหทิตาปิ โอมุตฺติกาปิ คนฺธวิเลปนปติตา วิย โสมนสฺสํ อาปชฺชนฺติ. เตนาห – ‘‘นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปม’’นฺติ ¶ . ปุตฺตเปมสมํ เปมํ นาม นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. โคสมิตํ ธนนฺติ โคหิ สมํ โคธนสมํ โคธนสทิสํ ¶ อฺํ ธนํ นาม นตฺถิ ภควาติ อาห. สูริยสมา อาภาติ สูริยาภาย สมา อฺา อาภา นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. สมุทฺทปรมาติ เย เกจิ อฺเ สรา นาม, สพฺเพ เต สมุทฺทปรมา, สมุทฺโท เตสํ อุตฺตโม, สมุทฺทสทิสํ อฺํ อุทกนิธานํ นาม นตฺถิ, ภควาติ.
ยสฺมา ปน อตฺตเปเมน สมํ เปมํ นาม นตฺถิ. มาตาปิตาทโย หิ ฉฑฺเฑตฺวาปิ ปุตฺตธีตาทโย จ อโปเสตฺวาปิ สตฺตา อตฺตานเมว ¶ โปเสนฺติ. ธฺเน จ สมํ ธนํ นาม นตฺถิ. (ยทา หิ สตฺตา ทุพฺภิกฺขา โหนฺติ), ตถารูเป หิ กาเล หิรฺสุวณฺณาทีนิ โคมหึสาทีนิปิ ธฺคฺคหณตฺถํ ธฺสามิกานเมว สนฺติกํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. ปฺาย จ สมา อาภา นาม นตฺถิ. สูริยาทโย หิ เอกเทสํเยว โอภาสนฺติ, ปจฺจุปฺปนฺนเมว จ ตมํ วิโนเทนฺติ. ปฺา ปน ทสสหสฺสิมฺปิ โลกธาตุํ เอกปฺปชฺโชตํ กาตุํ สกฺโกติ, อตีตํสาทิปฏิจฺฉาทกฺจ ตมํ วิธมติ. เมฆวุฏฺิยา จ สโม สโร นาม นตฺถิ. นทีวาปิ โหตุ ตลากาทีนิ วา, วุฏฺิสโม สโร นาม นตฺถิ. เมฆวุฏฺิยา หิ ปจฺฉินฺนาย มหาสมุทฺโท องฺคุลิปพฺพเตมนมตฺตมฺปิ อุทกํ น โหติ, วุฏฺิยา ปน ปวตฺตมานาย ยาว อาภสฺสรภวนาปิ เอโกทกํ โหติ. ตสฺมา ภควา เทวตาย ปฏิคาถํ วทนฺโต นตฺถิ อตฺตสมํ เปมนฺติอาทิมาหาติ.
นตฺถิปุตฺตสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ขตฺติยสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ ขตฺติโย ทฺวิปทนฺติ ทฺวิปทานํ ราชา เสฏฺโ. โกมารีติ กุมาริกาเล คหิตา. อยํ เสสภริยานํ เสฏฺาติ วทติ. ปุพฺพโชติ ปมํ ชาโต กาโณ วาปิ โหตุ กุณิอาทีนํ วา อฺตโร, โย ปมํ ชาโต, อยเมว ปุตฺโต อิมิสฺสา เทวตาย วาเท เสฏฺโ นาม โหติ. ยสฺมา ปน ทฺวิปทาทีนํ พุทฺธาทโย เสฏฺา, ตสฺมา ภควา ปฏิคาถํ อาห. ตตฺถ กิฺจาปิ ภควา สพฺเพสํเยว อปทาทิเภทานํ สตฺตานํ เสฏฺโ, อุปฺปชฺชมาโน ปเนส สพฺพสตฺตเสฏฺโ ทฺวิปเทสุเยว อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทํ เสฏฺโติ อาห. ทฺวิปเทสุ อุปฺปนฺนสฺส จสฺส สพฺพสตฺตเสฏฺภาโว ¶ อปฺปฏิหโตว โหติ. อาชานีโยติ หตฺถี วา โหตุ อสฺสาทีสุ อฺตโร วา, โย การณํ ชานาติ, อยํ อาชานีโยว จตุปฺปทานํ เสฏฺโติ อตฺโถ. กูฏกณฺณรฺโ คุฬวณฺณอสฺโส วิย. ราชา กิร ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา เจติยปพฺพตํ คมิสฺสามีติ กลมฺพนทีตีรํ สมฺปตฺโต, อสฺโส ตีเร ตฺวา อุทกํ โอตริตุํ น อิจฺฉติ ¶ , ราชา อสฺสาจริยํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อโห ¶ วต ตยา อสฺโส สิกฺขาปิโต อุทกํ โอตริตุํ น อิจฺฉตี’’ติ อาห. อาจริโย ‘‘สุสิกฺขาปิโต เทว อสฺโส, เอตสฺส หิ จิตฺตํ – ‘สจาหํ อุทกํ โอตริสฺสามิ, วาลํ เตมิสฺสติ, วาเล ตินฺเต รฺโ องฺเค อุทกํ ปาเตยฺยา’ติ, เอวํ ตุมฺหากํ สรีเร อุทกปาตนภเยน น โอตรติ, วาลํ คณฺหาเปถา’’ติ อาห. ราชา ตถา กาเรสิ. อสฺโส เวเคน โอตริตฺวา ปารํ คโต. สุสฺสูสาติ สุสฺสูสมานา. กุมาริกาเล วา คหิตา โหตุ ปจฺฉา วา, สุรูปา วา วิรูปา วา, ยา สามิกํ สุสฺสูสติ ปริจรติ โตเสติ, สา ภริยานํ เสฏฺา. อสฺสโวติ อาสุณมาโน. เชฏฺโ วา หิ โหตุ กนิฏฺโ วา, โย มาตาปิตูนํ วจนํ สุณาติ, สมฺปฏิจฺฉติ, โอวาทปฏิกโร โหติ, อยํ ปุตฺตานํ เสฏฺโ, อฺเหิ สนฺธิจฺเฉทกาทิโจเรหิ ปุตฺเตหิ โก อตฺโถ เทวเตติ.
ขตฺติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สณมานสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม ิเต มชฺฌนฺหิเกติ ิตมชฺฌนฺหิเก. สนฺนิสีเวสูติ ยถา ผาสุกฏฺานํ อุปคนฺตฺวา สนฺนิสินฺเนสุ วิสฺสมมาเนสุ. ิตมชฺฌนฺหิกกาโล นาเมส สพฺพสตฺตานํ อิริยาปถทุพฺพลฺยกาโล. อิธ ปน ปกฺขีนํเยว วเสน ทสฺสิโต. สณเตวาติ สณติ วิย มหาวิรวํ วิย มุจฺจติ. สณมานเมว เจตฺถ ‘‘สณเตวา’’ติ วุตฺตํ. ตปฺปฏิภาคํ นาเมตํ. นิทาฆสมยสฺมิฺหิ ิตมชฺฌนฺหิกกาเล จตุปฺปทคเณสุ เจว ปกฺขีคเณสุ จ สนฺนิสินฺเนสุ วาตปูริตานํ สุสิรรุกฺขานฺเจว ฉิทฺทเวณุปพฺพานฺจ ขนฺเธน ขนฺธํ สาขาย สาขํ สงฺฆฏฺฏยนฺตานํ ปาทปานฺจ อรฺมชฺเฌ มหาสทฺโท อุปฺปชฺชติ ¶ . ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ตํ ภยํ ปฏิภาติ มนฺติ ตํ เอวรูเป กาเล มหาอรฺสฺส สณมานํ มยฺหํ ภยํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ทนฺธปฺา กิเรสา เทวตา ตสฺมึ ขเณ อตฺตโน นิสชฺชผาสุกํ กถาผาสุกํ ทุติยกํ อลภนฺตี เอวมาห. ยสฺมา ปน ตาทิเส กาเล ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตสฺส วิวิตฺเต อรฺายตเน กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน อนปฺปกํ สุขํ อุปฺปชฺชติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘สฺุาคารํ ¶ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ. (ธ. ป. ๓๗๓) จ,
‘‘ปุรโต ¶ ปจฺฉโต วาปิ, อปโร เจ น วิชฺชติ;
อตีว ผาสุ ภวติ, เอกสฺส วสโต วเน’’ติ. (เถรคา. ๕๓๗) จ;
ตสฺมา ภควา ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ สา รติ ปฏิภาติ มนฺติ ยา เอวรูเป กาเล เอกกสฺส นิสชฺชา นาม, สา รติ มยฺหํ อุปฏฺาตีติ อตฺโถ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
สณมานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. นิทฺทาตนฺทีสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ นิทฺทาติ, ‘‘อภิชานามหํ, อคฺคิเวสฺสน, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) เอวรูปาย อพฺยากตนิทฺทาย ปุพฺพภาคาปรภาเคสุ เสขปุถุชฺชนานํ สสงฺขาริกอกุสเล จิตฺเต อุปฺปนฺนํ ถินมิทฺธํ. ตนฺทีติ อติจฺฉาตาติสีตาทิกาเลสุ อุปฺปนฺนํ อาคนฺตุกํ อาลสิยํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ตตฺถ กตมา ตนฺที? ยา ตนฺที ตนฺทิยนา ตนฺทิมนตา อาลสฺยํ อาลสฺยายนา อาลสฺยายิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ตนฺที’’ติ (วิภ. ๘๕๗). วิชมฺภิตาติ กายวิชมฺภนา. อรตีติ อกุสลปกฺขา อุกฺกณฺิตตา. ภตฺตสมฺมโทติ ภตฺตมุจฺฉา ภตฺตกิลมโถ. วิตฺถาโร ปน เตสํ – ‘‘ตตฺถ กตมา ¶ วิชมฺภิตา? ยา กายสฺส ชมฺภนา วิชมฺภนา’’ติอาทินา นเยน อภิธมฺเม อาคโตว. เอเตนาติ เอเตน นิทฺทาทินา อุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺโ นิวาริตปาตุภาโว. นปฺปกาสตีติ น โชตติ, น ปาตุภวตีติ อตฺโถ. อริยมคฺโคติ โลกุตฺตรมคฺโค. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. ปาณินนฺติ สตฺตานํ. วีริเยนาติ มคฺคสหชาตวีริเยน. นํ ปณาเมตฺวาติ เอตํ กิเลสชาตํ นีหริตฺวา. อริยมคฺโคติ โลกิยโลกุตฺตรมคฺโค. อิติ มคฺเคเนว อุปกฺกิเลเส นีหริตฺวา มคฺคสฺส วิสุทฺธิ วุตฺตาติ.
นิทฺทาตนฺทีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ทุกฺกรสุตฺตวณฺณนา
๑๗. สตฺตเม ¶ ทุตฺติติกฺขนฺติ ทุกฺขมํ ทุอธิวาสิยํ. อพฺยตฺเตนาติ พาเลน. สามฺนฺติ สมณธมฺโม. อิมินา เทวตา อิทํ ทสฺเสติ – ยํ ปณฺฑิตา กุลปุตฺตา ทสปิ วสฺสานิ วีสติปิ สฏฺิปิ ¶ วสฺสานิ ทนฺเต อภิทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจปิ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหิตฺวาปิ เอกาสนํ เอกภตฺตํ ปฏิเสวมานา อาปาณโกฏิกํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตา สามฺํ กโรนฺติ. ตํ ภควา พาโล อพฺยตฺโต กาตุํ น สกฺโกตีติ. พหู หิ ตตฺถ สมฺพาธาติ ตสฺมึ สามฺสงฺขาเต อริยมคฺเค พหู สมฺพาธา มคฺคาธิคมาย ปฏิปนฺนสฺส ปุพฺพภาเค พหู ปริสฺสยาติ ทสฺเสติ.
จิตฺตฺเจ น นิวารเยติ ยทิ อโยนิโส อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ น นิวาเรยฺย, กติ อหานิ สามฺํ จเรยฺย? เอกทิวสมฺปิ น จเรยฺย. จิตฺตวสิโก หิ สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺโกติ. ปเท ปเทติ อารมฺมเณ อารมฺมเณ. อารมฺมณฺหิ อิธ ปทนฺติ อธิปฺเปตํ. ยสฺมึ ยสฺมึ หิ อารมฺมเณ กิเลโส อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ตตฺถ พาโล วิสีทติ นาม. อิริยาปถปทมฺปิ วฏฺฏติ. คมนาทีสุ หิ ยตฺถ ยตฺถ กิเลโส อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ตตฺเถว วิสีทติ นาม. สงฺกปฺปานนฺติ กามสงฺกปฺปาทีนํ.
กุมฺโม วาติ กจฺฉโป วิย. องฺคานีติ คีวปฺจมานิ องฺคานิ. สโมทหนฺติ สโมทหนฺโต, สโมทหิตฺวา วา. มโนวิตกฺเกติ มนมฺหิ อุปฺปนฺนวิตกฺเก. เอตฺตาวตา อิทํ ทสฺเสติ – ยถา กุมฺโม โสณฺฑิปฺจมานิ องฺคานิ สเก กปาเล สโมทหนฺโต สิงฺคาลสฺส โอตารํ น เทติ, สโมทหิตฺวา จสฺส ¶ อปฺปสยฺหตํ อาปชฺชติ, เอวเมวํ ภิกฺขุ มนมฺหิ อุปฺปนฺนวิตกฺเก สเก อารมฺมณกปาเล สโมทหํ มารสฺส โอตารํ น เทติ, สโมทหิตฺวา จสฺส อปฺปสยฺหตํ อาปชฺชตีติ. อนิสฺสิโตติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสเยหิ อนิสฺสิโต หุตฺวา. อเหยาโนติ อวิหึสมาโน. ปรินิพฺพุโตติ กิเลสนิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต. นูปวเทยฺย กฺจีติ ยํกิฺจิ ปุคฺคลํ อาจารวิปตฺติอาทีสุ ยาย กายจิ มงฺกุํ กาตุกาโม หุตฺวา น วเทยฺย, ‘‘กาเลน วกฺขามิ โน อกาเลนา’’ติอาทโย ปน ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺเปตฺวา อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตน จิตฺเตน การฺุตํ ปฏิจฺจ วเทยฺยาติ.
ทุกฺกรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. หิรีสุตฺตวณฺณนา
๑๘. อฏฺเม ¶ หิรีนิเสโธติ หิริยา อกุสเล ธมฺเม นิเสเธตีติ หิรีนิเสโธ. โกจิ โลกสฺมึ ¶ วิชฺชตีติ โกจิ เอวรูโป วิชฺชตีติ ปุจฺฉติ. โย นินฺทํ อปโพธตีติ โย ครหํ อปหรนฺโต พุชฺฌติ. อสฺโส ภทฺโร กสามิวาติ ยถา ภทฺโร อสฺสาชานีโย กสํ อปหรนฺโต พุชฺฌติ, ปโตทจฺฉายํ ทิสฺวา สํวิชฺฌนฺโต วิย กสาย อตฺตนิ นิปาตํ น เทติ, เอวเมว โย ภิกฺขุ ภูตสฺส ทสอกฺโกสวตฺถุโน อตฺตนิ นิปาตํ อททนฺโต นินฺทํ อปโพธติ อปหรนฺโต พุชฺฌติ, เอวรูโป โกจิ ขีณาสโว วิชฺชตีติ ปุจฺฉติ. อภูตกฺโกเสน ปน ปริมุตฺโต นาม นตฺถิ. ตนุยาติ ตนุกา, หิริยา อกุสเล ธมฺเม นิเสเธตฺวา จรนฺตา ขีณาสวา นาม อปฺปกาติ อตฺโถ. สทา สตาติ นิจฺจกาลํ สติเวปุลฺเลน สมนฺนาคตา. อนฺตํ ทุกฺขสฺส ปปฺปุยฺยาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส โกฏึ อนฺตภูตํ นิพฺพานํ ปาปุณิตฺวา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
หิรีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. กุฏิกาสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม กจฺจิ เต กุฏิกาติ อยํ เทวตา ทส มาเส อนฺโตวสนฏฺานฏฺเน มาตรํ กุฏิกํ กตฺวา, ยถา สกุณา ทิวสํ โคจรปสุตา รตฺตึ กุลาวกํ อลฺลียนฺติ, เอวเมวํ สตฺตา ¶ ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวาปิ มาตุคามสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติ, อาลยวเสน ภริยํ กุลาวกํ กตฺวา. กุลปเวณึ สนฺตานกฏฺเน ปุตฺเต สนฺตานเก กตฺวา, ตณฺหํ พนฺธนํ กตฺวา, คาถาพนฺธเนน อิเม ปฺเห สโมธาเนตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ, ภควาปิสฺสา วิสฺสชฺเชนฺโต ตคฺฆาติอาทิมาห. ตตฺถ ตคฺฆาติ เอกํสวจเน นิปาโต. นตฺถีติ ปหาย ปพฺพชิตตฺตา วฏฺฏสฺมึ วา ปุน มาตุกุจฺฉิวาสสฺส ทารภรณสฺส ปุตฺตนิพฺพตฺติยา วา อภาวโต นตฺถิ.
เทวตา ‘‘มยา สนฺนาหํ พนฺธิตฺวา คุฬฺหา ปฺหา ปุจฺฉิตา, อยฺจ สมโณ ปุจฺฉิตมตฺเตเยว วิสฺสชฺเชสิ, ชานํ นุ โข เม อชฺฌาสยํ กเถสิ, อุทาหุ ¶ อชานํ ยํ วา ตํ วา มุขารุฬฺหํ กเถสี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน กินฺตาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ กินฺตาหนฺติ กึ เต อหํ. อถสฺสา ภควา อาจิกฺขนฺโต มาตรนฺติอาทิมาห. สาหุ เตติ คาถาย อนุโมทิตฺวา สมฺปหํสิตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา อตฺตโน เทวฏฺานเมว คตาติ.
กุฏิกาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสเม ¶ ตโปทาราเมติ ตโปทสฺส ตตฺโตทกสฺส รหทสฺส วเสน เอวํ ลทฺธนาเม อาราเม. เวภารปพฺพตสฺส กิร เหฏฺา ภุมฺมฏฺกนาคานํ ปฺจโยชนสติกํ นาคภวนํ เทวโลกสทิสํ มณิมเยน ตเลน อารามุยฺยาเนหิ จ สมนฺนาคตํ. ตตฺถ นาคานํ กีฬนฏฺาเน มหาอุทกรหโท, ตโต ตโปทา นาม นที สนฺทติ กุถิตา อุณฺโหทกา. กสฺมา ปเนสา เอทิสา? ราชคหํ กิร ปริวาเรตฺวา มหาเปตโลโก ติฏฺติ, ตตฺถ ทฺวินฺนํ มหาโลหกุมฺภินิรยานํ อนฺตเรน อยํ ตโปทา อาคจฺฉติ, ตสฺมา กุถิตา สนฺทติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ยตายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา สนฺทติ, โส ทโห อจฺโฉทโก สีโตทโก สาโตทโก เสโตทโก สุปฺปติตฺโถ รมณีโย ปหูตมจฺฉกจฺฉโป, จกฺกมตฺตานิ จ ปทุมานิ ปุปฺผนฺติ. อปิจายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉติ, เตนายํ ตโปทา กุถิตา สนฺทตี’’ติ (ปารา. ๒๓๑).
อิมสฺส ปน อารามสฺส ¶ อภิมุขฏฺาเน ตโต มหาอุทกรหโท ชาโต, ตสฺส วเสนายํ วิหาโร ‘‘ตโปทาราโม’’ติ วุจฺจติ.
สมิทฺธีติ ตสฺส กิร เถรสฺส อตฺตภาโว สมิทฺโธ อภิรูโป ปาสาทิโก, ตสฺมา ‘‘สมิทฺธี’’ตฺเวว สงฺขํ คโต. คตฺตานิ ปริสิฺจิตุนฺติ ปธานิกตฺเถโร เอส, พลวปจฺจูเส อุฏฺายาสนา สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา พหิ ¶ สฏฺิหตฺถมตฺเต มหาจงฺกเม อปราปรํ จงฺกมิตฺวา ‘‘เสทคหิเตหิ คตฺเตหิ ปริภฺุชมานํ เสนาสนํ กิลิสฺสตี’’ติ มฺมาโน คตฺตานิ ปริสิฺจนตฺถํ สรีรโธวนตฺถํ อุปสงฺกมิ. เอกจีวโร อฏฺาสีติ นิวาสนํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ หตฺเถน คเหตฺวา อฏฺาสิ.
คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโนติ คตฺตานิ ปุพฺพสทิสานิ โวทกานิ กุรุมาโน. อลฺลสรีเร ปารุตํ หิ จีวรํ กิลิสฺสติ ทุคฺคนฺธํ โหติ, น เจตํ วตฺตํ. เถโร ปน วตฺตสมฺปนฺโน, ตสฺมา วตฺเต ิโตว นฺหายิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา อฏฺาสิ. ตตฺถ อิทํ นฺหานวตฺตํ – อุทกติตฺถํ คนฺตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ จีวรานิ นิกฺขิปิตฺวา เวเคน ิตเกเนว น โอตริตพฺพํ, สพฺพทิสา ปน โอโลเกตฺวา ¶ วิวิตฺตภาวํ ตฺวา ขาณุคุมฺพลตาทีนิ ววตฺถเปตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุกฺกาสิตฺวา อวกุชฺช ิเตน อุตฺตราสงฺคจีวรํ อปเนตฺวา ปสาเรตพฺพํ, กายพนฺธนํ โมเจตฺวา จีวรปิฏฺเเยว เปตพฺพํ. สเจ อุทกสาฏิกา นตฺถิ, อุทกนฺเต อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา นิวาสนํ โมเจตฺวา สเจ สินฺนฏฺานํ อตฺถิ, ปสาเรตพฺพํ. โน เจ อตฺถิ, สํหริตฺวา เปตพฺพํ. อุทกํ โอตรนฺเตน สณิกํ นาภิปฺปมาณมตฺตํ โอตริตฺวา วีจึ อนุฏฺาเปนฺเตน สทฺทํ อกโรนฺเตน นิวตฺติตฺวา อาคตทิสาภิมุเขน นิมุชฺชิตพฺพํ, เอวํ จีวรํ รกฺขิตํ โหติ. อุมฺมุชฺชนฺเตนปิ สทฺทํ อกโรนฺเตน สณิกํ อุมฺมุชฺชิตฺวา นฺหานปริโยสาเน อุทกนฺเต อุกฺกุฏิเกน นิสีทิตฺวา นิวาสนํ ปริกฺขิปิตฺวา อุฏฺาย สุปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ อปารุปิตฺวาว าตพฺพนฺติ.
เถโรปิ ตถา นฺหายิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา วิคจฺฉมานอุทกํ กายํ โอโลกยมาโน อฏฺาสิ. ตสฺส ปกติยาปิ ปาสาทิกสฺส ¶ ปจฺจูสสมเย สมฺมา ปริณตาหารสฺส อุณฺโหทเกน นฺหาตสฺส อติวิย มุขวณฺโณ วิโรจิ, พนฺธนา ปวุตฺตตาลผลํ วิย ปภาสมฺปนฺโน ปุณฺณจนฺโท วิย ตงฺขณวิกสิตปทุมํ วิย มุขํ สสฺสิริกํ อโหสิ, สรีรวณฺโณปิ วิปฺปสีทิ. ตสฺมึ สมเย วนสณฺเฑ อธิวตฺถา ภุมฺมเทวตา ปาสาทิกํ ภิกฺขุํ โอโลกยมานา สมนํ นิคฺคเหตุํ อสกฺโกนฺตี กามปริฬาหาภิภูตา หุตฺวา, ‘‘เถรํ ปโลเภสฺสามี’’ติ อตฺตภาวํ อุฬาเรน ¶ อลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา สหสฺสวฏฺฏิปทีปํ ปชฺชลมานา วิย จนฺทํ อุฏฺาปยมานา วิย สกลารามํ เอโกภาสํ กตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อวนฺทิตฺวาว เวหาเส ิตา คาถํ อภาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อฺตรา เทวตา…เป… อชฺฌภาสี’’ติ.
อภุตฺวาติ ปฺจ กามคุเณ อปริภฺุชิตฺวา. ภิกฺขสีติ ปิณฺฑาย จรสิ. มา ตํ กาโล อุปจฺจคาติ เอตฺถ กาโล นาม ปฺจกามคุณปฏิเสวนกฺขโม ทหรโยพฺพนกาโล. ชราชิณฺเณน หิ โอภคฺเคน ทณฺฑปรายเณน ปเวธมาเนน กาสสาสาภิภูเตน น สกฺกา กาเม ปริภฺุชิตุํ. อิติ อิมํ กาลํ สนฺธาย เทวตา ‘‘มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ อาห. ตตฺถ มา อุปจฺจคาติ มา อติกฺกมิ.
กาลํ โวหํ น ชานามีติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ. กาลํ น ชานามีติ มรณกาลํ สนฺธาย วทติ. สตฺตานฺหิ –
‘‘ชีวิตํ ¶ พฺยาธิ กาโล จ, เทหนิกฺเขปนํ คติ;
ปฺเจเต ชีวโลกสฺมึ, อนิมิตฺตา น นายเร’’.
ตตฺถ ชีวิตํ ตาว ‘‘เอตฺตกเมว, น อิโต ปร’’นฺติ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺตํ. กลลกาเลปิ หิ สตฺตา มรนฺติ, อพฺพุท-เปสิ-ฆน-อฑฺฒมาส-เอกมาส-ทฺเวมาส-เตมาส-จตุมาสปฺจมาส…เป… ทสมาสกาเลปิ, กุจฺฉิโต นิกฺขนฺตสมเยปิ, ตโต ปรํ วสฺสสตสฺส อนฺโตปิ พหิปิ มรนฺติเยว. พฺยาธิปิ ‘‘อิมินาว พฺยาธินา สตฺตา มรนฺติ, น อฺเนา’’ติ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺโต. จกฺขุโรเคนปิ หิ สตฺตา มรนฺติ โสตโรคาทีนํ อฺตเรนปิ. กาโลปิ, ‘‘อิมสฺมึ เยว กาเล มริตพฺพํ, น อฺสฺมิ’’นฺติ เอวํ ¶ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺโต. ปุพฺพณฺเหปิ หิ สตฺตา มรนฺติ มชฺฌนฺหิกาทีนํ อฺตรสฺมิมฺปิ. เทหนิกฺเขปนมฺปิ, ‘‘อิเธว มียมานานํ เทเหน ปติตพฺพํ, น อฺตฺถา’’ติ เอวํ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺตํ. อนฺโตคาเม ชาตานฺหิ พหิคาเมปิ อตฺตภาโว ปตติ, พหิคาเมปิ ชาตานํ อนฺโตคาเมปิ. ตถา ถลชานํ ชเล, ชลชานํ ถเลติ อเนกปฺปการโต วิตฺถาเรตพฺพํ. คติปิ, ‘‘อิโต จุเตน อิธ นิพฺพตฺติตพฺพ’’นฺติ เอวํ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺตา. เทวโลกโต หิ จุตา มนุสฺเสสุปิ นิพฺพตฺตนฺติ ¶ , มนุสฺสโลกโต จุตา เทวโลกาทีนํ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺตนฺตีติ เอวํ ยนฺเต ยุตฺตโคโณ วิย คติปฺจเก โลโก สมฺปริวตฺตติ. ตสฺเสวํ สมฺปริวตฺตโต ‘‘อิมสฺมึ นาม กาเล มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ อิมํ มรณสฺส กาลํ โวหํ น ชานามิ.
ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสตีติ อยํ กาโล มยฺหํ ปฏิจฺฉนฺโน อวิภูโต น ปฺายติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อยํ กาโล ปฏิจฺฉนฺโน น ปฺายติ, ตสฺมา ปฺจ กามคุเณ อภุตฺวาว ภิกฺขามิ. มา มํ กาโล อุปจฺจคาติ เอตฺถ สมณธมฺมกรณกาลํ สนฺธาย ‘‘กาโล’’ติ อาห. อยฺหิ สมณธมฺโม นาม ปจฺฉิเม กาเล ติสฺโส วโยสีมา อติกฺกนฺเตน โอภคฺเคน ทณฺฑปรายเณน ปเวธมาเนน กาสสาสาภิภูเตน น สกฺกา กาตุํ. ตทา หิ น สกฺกา โหติ อิจฺฉิติจฺฉิตํ พุทฺธวจนํ วา คณฺหิตุํ, ธุตงฺคํ วา ปริภฺุชิตุํ, อรฺวาสํ วา วสิตุํ, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปตฺตึ วา สมาปชฺชิตุํ, ปทภาณ-สรภฺธมฺมกถา-อนุโมทนาทีนิ วา กาตุํ, ตรุณโยพฺพนกาเล ปเนตํ สพฺพํ สกฺกา กาตุนฺติ อยํ สมณธมฺมกรณสฺส กาโล มา มํ อุปจฺจคา, ยาว มํ นาติกฺกมติ, ตาว กาเม อภุตฺวาว สมณธมฺมํ กโรมีติ อาห.
ปถวิยํ ¶ ปติฏฺหิตฺวาติ สา กิร เทวตา – ‘‘อยํ ภิกฺขุ สมณธมฺมกรณสฺส กาลํ นาม กเถติ, อกาลํ นาม กเถติ, สเหตุกํ กเถติ สานิสํส’’นฺติ เอตฺตาวตาว เถเร ลชฺชํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา มหาพฺรหฺมํ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย ¶ จ นํ มฺมานา คารวชาตา อากาสา โอรุยฺห ปถวิยํ อฏฺาสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ปถวิยํ ิตา, เยน ปนตฺเถน อาคตา, ปุนปิ ตเมว คเหตฺวา ทหโร ตฺวนฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุสูติ ตรุโณ. กาฬเกโสติ สุฏฺุ กาฬเกโส. ภทฺเรนาติ ภทฺทเกน. เอกจฺโจ หิ ทหโรปิ สมาโน กาโณ วา โหติ กุณิอาทีนํ วา อฺตโร, โส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต นาม น โหติ. โย ปน อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก สพฺพสมฺปตฺติสมฺปนฺโน, ยํ ยเทว อลงฺการปริหารํ อิจฺฉติ, เตน เตน อลงฺกโต เทวปุตฺโต วิย จรติ, อยํ ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต นาม โหติ. เถโร จ อุตฺตมรูปสมฺปนฺโน, เตน นํ เอวมาห.
อนิกฺกีฬิตาวี ¶ กาเมสูติ กาเมสุ อกีฬิตกีโฬ อภุตฺตาวี, อกตกามกีโฬติ อตฺโถ. มา สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวาติ เยภุยฺเยน หิ ตา อทิฏฺสจฺจา อวีตราคา อปรจิตฺตวิทูนิโย เทวตา ภิกฺขู ทสปิ วสฺสานิ วีสติมฺปิ…เป… สฏฺิมฺปิ วสฺสานิ ปริสุทฺธํ อขณฺฑํ พฺรหฺมจริยํ จรมาเน ทิสฺวา – ‘‘อิเม ภิกฺขู มานุสเก ปฺจ กามคุเณ ปหาย ทิพฺเพ กาเม ปตฺถยนฺตา สมณธมฺมํ กโรนฺตี’’ติ สฺํ อุปฺปาเทนฺติ, อยมฺปิ ตตฺเถว อุปฺปาเทสิ. ตสฺมา มานุสเก กาเม สนฺทิฏฺิเก, ทิพฺเพ จ กาลิเก กตฺวา เอวมาห.
น โข อหํ, อาวุโสติ, อาวุโส, อหํ สนฺทิฏฺิเก กาเม หิตฺวา กาลิเก กาเม น อนุธาวามิ น ปตฺเถมิ น ปิเหมิ. กลิกฺจ โข อหํ, อาวุโสติ อหํ โข, อาวุโส, กาลิกํ กามํ หิตฺวา สนฺทิฏฺิกํ โลกุตฺตรธมฺมํ อนุธาวามิ. อิติ เถโร จิตฺตานนฺตรํ อลทฺธพฺพตาย ทิพฺเพปิ มานุสเกปิ ปฺจ กามคุเณ กาลิกาติ อกาสิ, จิตฺตานนฺตรํ ลทฺธพฺพตาย โลกุตฺตรธมฺมํ สนฺทิฏฺิกนฺติ. ปฺจกามคุเณสุ สโมหิเตสุปิ สมฺปนฺนกามสฺสาปิ กามิโน จิตฺตานนฺตรํ อิจฺฉิติจฺฉิตารมฺมณานุภวนํ น สมฺปชฺชติ. จกฺขุทฺวาเร อิฏฺารมฺมณํ อนุภวิตุกาเมน หิ จิตฺตการโปตฺถการรูปการาทโย ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อิทํ นาม สชฺเชถา’’ติ วตฺตพฺพํ โหติ. เอตฺถนฺตเร อเนกโกฏิสตสหสฺสานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ. อถ ปจฺฉา ตํ อารมฺมณํ สมฺปาปุณาติ ¶ . เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโย. โสตาปตฺติมคฺคานนฺตรํ ปน โสตาปตฺติผลเมว ¶ อุปฺปชฺชติ, อนฺตรา อฺสฺส จิตฺตสฺส วาโร นตฺถิ. เสสผเลสุปิ เอเสว นโยติ.
โส ตเมวตฺถํ คเหตฺวา กาลิกา หิ, อาวุโสติอาทิมาห. ตตฺถ กาลิกาติ วุตฺตนเยน สโมหิตสมฺปตฺตินาปิ กาลนฺตเร ปตฺตพฺพา. พหุทุกฺขาติ ปฺจ กามคุเณ นิสฺสาย ปตฺตพฺพทุกฺขสฺส พหุตาย พหุทุกฺขา. ตํวตฺถุกสฺเสว อุปายาสสฺส พหุตาย พหุปายาสา. อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโยติ ปฺจ กามคุเณ นิสฺสาย ลทฺธพฺพสุขโต อาทีนโว ภิยฺโย, ทุกฺขเมว พหุตรนฺติ อตฺโถ. สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโมติ อยํ โลกุตฺตรธมฺโม เยน เยน อธิคโต โหติ, เตน เตน ปรสทฺธาย คนฺตพฺพตํ หิตฺวา ปจฺจเวกฺขณาเณน สยํ ทฏฺพฺโพติ ¶ สนฺทิฏฺิโก. อตฺตโน ผลทานํ สนฺธาย นาสฺส กาโลติ อกาโล, อกาโลเยว อกาลิโก. โย เอตฺถ อริยมคฺคธมฺโม, โส อตฺตโน ปวตฺติสมนนฺตรเมว ผลํ เทตีติ อตฺโถ. ‘‘เอหิ ปสฺส อิมํ ธมฺม’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ เอหิปสฺสวิธึ อรหตีติ เอหิปสฺสิโก. อาทิตฺตํ เจลํ วา สีสํ วา อชฺฌุเปกฺขิตฺวาปิ ภาวนาวเสน อตฺตโน จิตฺเต อุปนยํ อรหตีติ โอปเนยฺยิโก. สพฺเพหิ อุคฺฆฏิตฺูอาทีหิ วิฺูหิ ‘‘ภาวิโต เม มคฺโค, อธิคตํ ผลํ, สจฺฉิกโต นิโรโธ’’ติ อตฺตนิ อตฺตนิ เวทิตพฺโพติ ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหีติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๖ อาทโย) ธมฺมานุสฺสติวณฺณนายํ วุตฺโต.
อิทานิ สา เทวตา อนฺโธ วิย รูปวิเสสํ เถเรน กถิตสฺส อตฺเถ อชานนฺตี กถฺจ ภิกฺขูติอาทิมาห. ตตฺถ กถฺจาติปทสฺส ‘‘กถฺจ ภิกฺขุ กาลิกา กามา วุตฺตา ภควตา, กถํ พหุทุกฺขา, กถํ พหุปายาสา’’ติ? เอวํ สพฺพปเทหิ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
นโวติ อปริปุณฺณปฺจวสฺโส หิ ภิกฺขุ นโว นาม โหติ, ปฺจวสฺสโต ปฏฺาย มชฺฌิโม, ทสวสฺสโต ปฏฺาย เถโร. อปโร นโย – อปริปุณฺณทสวสฺโส นโว, ทสวสฺสโต ปฏฺาย มชฺฌิโม, วีสติวสฺสโต ปฏฺาย เถโร. เตสํ อหํ นโวติ วทติ.
นโวปิ เอกจฺโจ สตฺตฏฺวสฺสกาเล ปพฺพชิตฺวา ทฺวาทสเตรสวสฺสานิ ¶ สามเณรภาเวเนว อติกฺกนฺโต จิรปพฺพชิโต โหติ, อหํ ปน อจิรปพฺพชิโตติ วทติ. อิมํ ธมฺมวินยนฺติ อิมํ ธมฺมฺจ วินยฺจ. อุภยมฺเปตํ สาสนสฺเสว นามํ. ธมฺเมน เหตฺถ ทฺเว ปิฏกานิ วุตฺตานิ, วินเยน ¶ วินยปิฏกํ, อิติ ตีหิ ปิฏเกหิ ปกาสิตํ ปฏิปตฺตึ อธุนา อาคโตมฺหีติ วทติ.
มเหสกฺขาหีติ มหาปริวาราหิ. เอเกกสฺส หิ เทวรฺโ โกฏิสตมฺปิ โกฏิสหสฺสมฺปิ ปริวาโร โหติ, เต อตฺตานํ มหนฺเต าเน เปตฺวา ตถาคตํ ปสฺสนฺติ. ตตฺถ อมฺหาทิสานํ อปฺเปสกฺขานํ มาตุคามชาติกานํ กุโต โอกาโสติ ทสฺเสติ.
มยมฺปิ ¶ อาคจฺเฉยฺยามาติ อิทํ สา เทวตา ‘‘สเจปิ จกฺกวาฬํ ปูเรตฺวา ปริสา นิสินฺนา โหติ, มหติยา พุทฺธวีถิยา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ ลภตี’’ติ ตฺวา อาห. ปุจฺฉ ภิกฺขุ, ปุจฺฉ ภิกฺขูติ ถิรกรณวเสน อาเมฑิตํ กตํ.
อกฺเขยฺยสฺิโนติ เอตฺถ ‘‘เทโว, มนุสฺโส, คหฏฺโ, ปพฺพชิโต, สตฺโต, ปุคฺคโล, ติสฺโส, ผุสฺโส’’ติอาทินา นเยน อกฺเขยฺยโต สพฺเพสํ อกฺขานานํ สพฺพาสํ กถานํ วตฺถุภูตโต ปฺจกฺขนฺธา ‘‘อกฺเขยฺยา’’ติ วุจฺจนฺติ. ‘‘สตฺโต นโร โปโส ปุคฺคโล อิตฺถี ปุริโส’’ติ เอวํ สฺา เอเตสํ อตฺถีติ สฺิโน, อกฺเขยฺเยสฺเวว สฺิโนติ อกฺเขยฺยสฺิโน, ปฺจสุ ขนฺเธสุ สตฺตปุคฺคลาทิสฺิโนติ อตฺโถ. อกฺเขยฺยสฺมึ ปติฏฺิตาติ ปฺจสุ ขนฺเธสุ อฏฺหากาเรหิ ปติฏฺิตา. รตฺโต หิ ราควเสน ปติฏฺิโต โหติ, ทุฏฺโ โทสวเสน, มูฬฺโห โมหวเสน, ปรามฏฺโ ทิฏฺิวเสน, ถามคโต อนุสยวเสน, วินิพทฺโธ มานวเสน, อนิฏฺงฺคโต วิจิกิจฺฉาวเสน, วิกฺเขปคโต อุทฺธจฺจวเสน ปติฏฺิโต โหติ. อกฺเขยฺยํ อปริฺายาติ ปฺจกฺขนฺเธ ตีหิ ปริฺาหิ อปริชานิตฺวา. โยคมายนฺติ มจฺจุโนติ มจฺจุโน โยคํ ปโยคํ ปกฺเขปํ อุปกฺเขปํ อุปกฺกมํ อพฺภนฺตรํ อาคจฺฉนฺติ, มรณวสํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เอวมิมาย คาถาย กาลิกา กามา กถิตา.
ปริฺายาติ าตปริฺา, ตีรณปริฺา, ปหานปริฺาติ อิมาหิ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา. ตตฺถ กตมา าตปริฺา? ปฺจกฺขนฺเธ ¶ ปริชานาติ – ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ, อยํ เวทนากฺขนฺโธ, อยํ สฺากฺขนฺโธ, อยํ สงฺขารกฺขนฺโธ, อยํ วิฺาณกฺขนฺโธ, อิมานิ เตสํ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานี’’ติ, อยํ าตปริฺา. กตมา ตีรณปริฺา? เอวํ าตํ กตฺวา ปฺจกฺขนฺเธ ตีเรติ อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโตติ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ. อยํ ¶ ตีรณปริฺา. กตมา ปหานปริฺา? เอวํ ตีรยิตฺวา อคฺคมคฺเคน ปฺจสุ ขนฺเธสุ ฉนฺทราคํ ปชหติ. อยํ ปหานปริฺา.
อกฺขาตารํ น มฺตีติ เอวํ ตีหิ ปริฺาหิ ปฺจกฺขนฺเธ ปริชานิตฺวา ขีณาสโว ภิกฺขุ อกฺขาตารํ ปุคฺคลํ น มฺติ. อกฺขาตารนฺติ กมฺมวเสน การณํ เวทิตพฺพํ, อกฺขาตพฺพํ กเถตพฺพํ ปุคฺคลํ น มฺติ, น ปสฺสตีติ อตฺโถ ¶ . กินฺติ อกฺขาตพฺพนฺติ? ‘‘ติสฺโส’’ติ วา ‘‘ผุสฺโส’’ติ วา เอวํ เยน เกนจิ นาเมน วา โคตฺเตน วา ปกาเสตพฺพํ. ตฺหิ ตสฺส น โหตีติ ตํ ตสฺส ขีณาสวสฺส น โหติ. เยน นํ วชฺชาติ เยน นํ ‘‘ราเคน รตฺโต’’ติ วา ‘‘โทเสน ทุฏฺโ’’ติ วา ‘‘โมเหน มูฬฺโห’’ติ วาติ โกจิ วเทยฺย, ตํ การณํ ตสฺส ขีณาสวสฺส นตฺถิ.
สเจ วิชานาสิ วเทหีติ สเจ เอวรูปํ ขีณาสวํ ชานาสิ, ‘‘ชานามี’’ติ วเทหิ. โน เจ ชานาสิ, อถ ‘‘น ชานามี’’ติ วเทหิ. ยกฺขาติ เทวตํ อาลปนฺโต อาห. อิติ อิมาย คาถาย สนฺทิฏฺิโก นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม กถิโต. สาธูติ อายาจนตฺเถ นิปาโต.
โย มฺตีติ โย อตฺตานํ ‘‘อหํ สโม’’ติ วา ‘‘วิเสสี’’ติ วา ‘‘นิหีโน’’ติ วา มฺติ. เอเตน ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทโย ตโย มานา คหิตาว. เตสุ คหิเตสุ นว มานา คหิตาว โหนฺติ. โส วิวเทถ เตนาติ โส ปุคฺคโล เตเนว มาเนน เยน เกนจิ ปุคฺคเลน สทฺธึ – ‘‘เกน มํ ตฺวํ ปาปุณาสิ, กึ ชาติยา ปาปุณาสิ, อุทาหุ โคตฺเตน, กุลปเทเสน, วณฺณโปกฺขรตาย, พาหุสจฺเจน, ธุตคุเณนา’’ติ เอวํ วิวเทยฺย. อิติ อิมายปิ อุปฑฺฒคาถาย กาลิกา กามา กถิตา.
ตีสุ วิธาสูติ ตีสุ มาเนสุ. ‘‘เอกวิเธน รูปสงฺคโห’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๕๘๔) หิ โกฏฺาโส ‘‘วิโธ’’ติ วุตฺโต. ‘‘กถํวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ, กถํวิธํ ปฺวนฺตํ วทนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๕) อากาโร. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วิธา. กตมา ติสฺโส ¶ ? เสยฺโยหมสฺมีติ วิธา, สทิโสหมสฺมีติ วิธา, หีโนหมสฺมีติ วิธา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๑๖๒) มาโน ‘‘วิธา’’ติ วุตฺโต. อิธาปิ มาโนว. เตน วุตฺตํ ‘‘ตีสุ วิธาสูติ ตีสุ มาเนสู’’ติ. อวิกมฺปมาโนติ โส ปุคฺคโล เอเตสุ สงฺเขปโต ตีสุ ¶ , วิตฺถารโต นวสุ มาเนสุ น กมฺปติ, น จลติ. สโม วิเสสีติ น ตสฺส โหตีติ ตสฺส ปหีนมานสฺส ขีณาสวสฺส ‘‘อหํ สทิโส’’ติ วา ‘‘เสยฺโย’’ติ วา ‘‘หีโน’’ติ วา น โหตีติ ทสฺเสติ. ปจฺฉิมปทํ วุตฺตนยเมว. อิติ อิมายปิ อุปฑฺฒคาถาย นววิโธ สนฺทิฏฺิโก โลกุตฺตรธมฺโม กถิโต.
ปหาสิ ¶ สงฺขนฺติ, ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๑๒๐, ๒๓๙) ปฺา ‘‘สงฺขา’’ติ อาคตา. ‘‘อตฺถิ เต โกจิ คณโก วา มุทฺทิโก วา สงฺขายโก วา, โย ปโหติ คงฺคาย วาลุกํ คเณตุ’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๔๑๐) เอตฺถ คณนา. ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๘๐) โกฏฺาโส. ‘‘ยา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ สงฺขา สมฺา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๕) เอตฺถ ปณฺณตฺติ ‘‘สงฺขา’’ติ อาคตา. อิธาปิ อยเมว อธิปฺเปตา. ปหาสิ สงฺขนฺติ ปทสฺส หิ อยเมวตฺโถ – รตฺโต ทุฏฺโ มูฬฺโห อิติ อิมํ ปณฺณตฺตึ ขีณาสโว ปหาสิ ชหิ ปชหีติ.
น วิมานมชฺฌคาติ นวเภทํ ติวิธมานํ น อุปคโต. นิวาสฏฺเน วา มาตุกุจฺฉิ ‘‘วิมาน’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ อายตึ ปฏิสนฺธิวเสน น อุปคจฺฉีติปิ อตฺโถ. อนาคตตฺเถ อตีตวจนํ. อจฺเฉจฺฉีติ ฉินฺทิ. ฉินฺนคนฺถนฺติ จตฺตาโร คนฺเถ ฉินฺทิตฺวา ิตํ. อนีฆนฺติ นิทฺทุกฺขํ. นิราสนฺติ นิตฺตณฺหํ. ปริเยสมานาติ โอโลกยมานา. นาชฺฌคมุนฺติ น อธิคจฺฉนฺติ น วินฺทนฺติ น ปสฺสนฺติ. วตฺตมานตฺเถ อตีตวจนํ. อิธ วา หุรํ วาติ อิธโลเก วา ปรโลเก วา. สพฺพนิเวสเนสูติ ตโย ภวา, จตสฺโส โยนิโย, ปฺจ คติโย, สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, นว สตฺตาวาสา, อิติ อิเมสุปิ สพฺเพสุ สตฺตนิเวสเนสุ เอวรูปํ ขีณาสวํ กายสฺส เภทา อุปฺปชฺชมานํ วา อุปฺปนฺนํ ¶ วา น ปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อิมาย คาถาย สนฺทิฏฺิกํ โลกุตฺตรธมฺมเมว กเถสิ.
อิมฺจ คาถํ สุตฺวา สาปิ เทวตา อตฺถํ สลฺลกฺเขสิ, เตเนว การเณน อิมสฺส ขฺวาหํ, ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ ปาปํ น กยิราติ คาถาย ทสกุสลกมฺมปถวเสนปิ กเถตุํ วฏฺฏติ อฏฺงฺคิกมคฺควเสนปิ. ทสกุสลกมฺมปถวเสน ตาว วจสาติ จตุพฺพิธํ วจีสุจริตํ คหิตํ. มนสาติ ติวิธํ มโนสุจริตํ คหิตํ. กาเยน วา กิฺจน สพฺพโลเกติ ติวิธํ กายสุจริตํ คหิตํ. อิเม ตาว ทสกุสลกมฺมปถธมฺมา โหนฺติ. กาเม ปหายาติ อิมินา ปน กามสุขลฺลิกานุโยโค ¶ ปฏิกฺขิตฺโต. สติมา สมฺปชาโนติ อิมินา ทสกุสลกมฺมปถการณํ สติสมฺปชฺํ คหิตํ. ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสํหิตนฺติ อิมินา อตฺตกิลมถานุโยโค ปฏิสิทฺโธ. อิติ เทวตา ‘‘อุโภ อนฺเต วิวชฺเชตฺวา ¶ การเณหิ สติสมฺปชฺเหิ สทฺธึ ทสกุสลกมฺมปถธมฺเม ตุมฺเหหิ กถิเต อาชานามิ ภควา’’ติ วทติ.
อฏฺงฺคิกมคฺควเสน ปน อยํ นโย – ตสฺมึ กิร าเน มหตี ธมฺมเทสนา อโหสิ. เทสนาปริโยสาเน เทวตา ยถาาเน ิตาว เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อตฺตนา อธิคตํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ทสฺเสนฺตี เอวมาห. ตตฺถ วจสาติ สมฺมาวาจา คหิตา, มโน ปน องฺคํ น โหตีติ มนสาติ มคฺคสมฺปยุตฺตกํ จิตฺตํ คหิตํ. กาเยน วา กิฺจน สพฺพโลเกติ สมฺมากมฺมนฺโต คหิโต, อาชีโว ปน วาจากมฺมนฺตปกฺขิกตฺตา คหิโตว โหติ. สติมาติ อิมินา วายามสติสมาธโย คหิตา. สมฺปชาโนติปเทน สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺปา. กาเม ปหาย, ทุกฺขํ น เสเวถาติปททฺวเยน อนฺตทฺวยวชฺชนํ. อิติ อิเม ทฺเว อนฺเต อนุปคมฺม มชฺฌิมํ ปฏิปทํ ตุมฺเหหิ กถิตํ, อาชานามิ ภควาติ วตฺวา ตถาคตํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ.
สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นนฺทนวคฺโค ทุติโย.
๓. สตฺติวคฺโค
๑. สตฺติสุตฺตวณฺณนา
๒๑. สตฺติวคฺคสฺส ปเม ¶ สตฺติยาติ เทสนาสีสเมตํ. เอกโตขาราทินา สตฺเถนาติ อตฺโถ. โอมฏฺโติ ปหโต. จตฺตาโร หิ ปหารา โอมฏฺโ อุมฺมฏฺโ มฏฺโ วิมฏฺโติ. ตตฺถ อุปริ ตฺวา อโธมุขํ ทินฺนปหาโร โอมฏฺโ นาม; เหฏฺา ตฺวา อุทฺธํมุขํ ทินฺโน อุมฺมฏฺโ นาม; อคฺคฬสูจิ วิย วินิวิชฺฌิตฺวา คโต มฏฺโ นาม; เสโส สพฺโพปิ วิมฏฺโ นาม. อิมสฺมึ ปน าเน โอมฏฺโ คหิโต. โส หิ สพฺพทารุโณ ทุรุทฺธรสลฺโล ทุตฺติกิจฺโฉ อนฺโตโทโส อนฺโตปุพฺพโลหิโตว โหติ ¶ , ปุพฺพโลหิตํ อนิกฺขมิตฺวา วณมุขํ ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺติ. ปุพฺพโลหิตํ ¶ นิหริตุกาเมหิ มฺเจน สทฺธึ พนฺธิตฺวา อโธสิโร กาตพฺโพ โหติ, มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาปุณาติ. ปริพฺพเชติ วิหเรยฺย.
อิมาย คาถาย กึ กเถติ? ยถา สตฺติยา โอมฏฺโ ปุริโส สลฺลุพฺพหน-วณติกิจฺฉนานํ อตฺถาย วีริยํ อารภติ, ปโยคํ กโรติ ปรกฺกมติ. ยถา จ ฑยฺหมาโน มตฺถเก อาทิตฺตสีโส ตสฺส นิพฺพาปนตฺถาย วีริยํ อารภติ, ปโยคํ กโรติ ปรกฺกมติ, เอวเมว ภิกฺขุ กามราคํ ปหานาย สโต อปฺปมตฺโต หุตฺวา วิหเรยฺย ภควาติ กเถสิ.
อถ ภควา จินฺเตสิ – อิมาย เทวตาย อุปมา ตาว ทฬฺหํ กตฺวา อานีตา, อตฺถํ ปน ปริตฺตกํ คเหตฺวา ิตา, ปุนปฺปุนํ กเถนฺตีปิ เหสา กามราคสฺส วิกฺขมฺภนปหานเมว กเถยฺย. ยาว จ กามราโค มคฺเคน น สมุคฺฆาฏิยติ, ตาว อนุพทฺโธว โหติ. อิติ ตเมว โอปมฺมํ คเหตฺวา ปมมคฺควเสน เทสนํ วินิวฏฺเฏตฺวา เทเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ ปุริมานุสาเรเนว เวทิตพฺโพติ. ปมํ.
๒. ผุสติสุตฺตวณฺณนา
๒๒. ทุติเย นาผุสนฺตํ ผุสตีติ กมฺมํ อผุสนฺตํ วิปาโก น ผุสติ, กมฺมเมว วา อผุสนฺตํ กมฺมํ น ผุสติ. กมฺมฺหิ นากโรโต กริยติ. ผุสนฺตฺจ ตโต ¶ ผุเสติ กมฺมํ ผุสนฺตํ วิปาโก ผุสติ, กมฺมเมว วา ผุสติ. กมฺมฺหิ กโรโต กริยติ. ตสฺมา ผุสนฺตํ ผุสติ, อปฺปทุฏฺปโทสินนฺติ ยสฺมา น อผุสนฺตํ ผุสติ, ผุสนฺตฺจ ผุสติ, อยํ กมฺมวิปากานํ ธมฺมตา, ตสฺมา โย ‘‘อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺสา’’ติ เอวํ วุตฺโต อปฺปทุฏฺปโทสี ปุคฺคโล, ตํ ปุคฺคลํ กมฺมํ ผุสนฺตเมว กมฺมํ ผุสติ, วิปาโก วา ผุสติ. โส หิ ปรสฺส อุปฆาตํ กาตุํ สกฺโกติ วา มา วา, อตฺตา ปนาเนน จตูสุ อปาเยสุ ปิโต นาม โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ. ทุติยํ.
๓. ชฏาสุตฺตวณฺณนา
๒๓. ตติเย ¶ ¶ อนฺโตชฏาติ คาถายํ ชฏาติ ตณฺหาย ชาลินิยา อธิวจนํ. สา หิ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ เหฏฺุปริยวเสน ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต สํสิพฺพนฏฺเน เวฬุคุมฺพาทีนํ สาขาชาลสงฺขาตา ชฏา วิยาติ ชฏา. สา ปเนสา สกปริกฺขารปรปริกฺขาเรสุ สกอตฺตภาว-ปรอตฺตภาเวสุ อชฺฌตฺติกายตน-พาหิรายตเนสุ จ อุปฺปชฺชนโต อนฺโตชฏา พหิชฏาติ วุจฺจติ. ตาย เอวํ อุปฺปชฺชมานาย ชฏาย ชฏิตา ปชา. ยถา นาม เวฬุชฏาทีหิ เวฬุอาทโย, เอวํ ตาย ตณฺหาชฏาย สพฺพาปิ อยํ สตฺตนิกายสงฺขาตา ปชา ชฏิตา วินทฺธา, สํสิพฺพิตาติ อตฺโถ. ยสฺมา จ เอวํ ชฏิตา, ตํ ตํ โคตม ปุจฺฉามีติ ตสฺมา ตํ ปุจฺฉามิ. โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. โก อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ อิมํ เอวํ เตธาตุกํ ชเฏตฺวา ิตํ ชฏํ โก วิชเฏยฺย, วิชเฏตุํ โก สมตฺโถติ ปุจฺฉติ.
อถสฺส ภควา ตมตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺโต สีเล ปติฏฺายาติอาทิมาห. ตตฺถ สีเล ปติฏฺายาติ จตุปาริสุทฺธิสีเล ตฺวา. เอตฺถ จ ภควา ชฏาวิชฏนํ ปุจฺฉิโต สีลํ อารภนฺโต น ‘‘อฺํ ปุฏฺโ อฺํ กเถตี’’ติ เวทิตพฺโพ. ชฏาวิชฏกสฺส หิ ปติฏฺาทสฺสนตฺถเมตฺถ สีลํ กถิตํ.
นโรติ ¶ สตฺโต. สปฺโติ กมฺมชติเหตุกปฏิสนฺธิปฺาย ปฺวา. จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยนฺติ สมาธิฺเจว วิปสฺสนฺจ ภาวยมาโน. จิตฺตสีเสน เหตฺถ อฏฺ สมาปตฺติโย กถิตา, ปฺานาเมน วิปสฺสนา. อาตาปีติ วีริยวา. วีริยฺหิ กิเลสานํ อาตาปนปริตาปนฏฺเน ‘‘อาตาโป’’ติ วุจฺจติ, ตทสฺส อตฺถีติ อาตาปี. นิปโกติ เนปกฺกํ วุจฺจติ ปฺา, ตาย สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. อิมินา ปเทน ปาริหาริยปฺํ ทสฺเสติ. ปาริหาริยปฺา นาม ‘‘อยํ กาโล อุทฺเทสสฺส, อยํ กาโล ปริปุจฺฉายา’’ติอาทินา นเยน สพฺพตฺถ การาปิตา ปริหริตพฺพปฺา. อิมสฺมิฺหิ ปฺหาพฺยากรเณ ติกฺขตฺตุํ ปฺา อาคตา. ตตฺถ ปมา ชาติปฺา, ทุติยา วิปสฺสนาปฺา, ตติยา สพฺพกิจฺจปริณายิกา ปาริหาริยปฺา.
โส ¶ อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ โส อิเมหิ สีลาทีหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ. ยถา นาม ปุริโส ปถวิยํ ปติฏฺาย สุนิสิตํ สตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา มหนฺตํ เวฬุคุมฺพํ วิชเฏยฺย, เอวเมวํ สีเล ¶ ปติฏฺาย สมาธิสิลายํ สุนิสิตํ วิปสฺสนาปฺาสตฺถํ วีริยพลปคฺคหิเตน ปาริหาริยปฺาหตฺเถน อุกฺขิปิตฺวา สพฺพมฺปิ ตํ อตฺตโน สนฺตาเน ปติตํ ตณฺหาชฏํ วิชเฏยฺย สฺฉินฺเทยฺย สมฺปทาเลยฺยาติ.
เอตฺตาวตา เสขภูมึ กเถตฺวา อิทานิ ชฏํ วิชเฏตฺวา ิตํ มหาขีณาสวํ ทสฺเสนฺโต เยสนฺติอาทิมาห. เอวํ ชฏํ วิชเฏตฺวา ิตํ ขีณาสวํ ทสฺเสตฺวา ปุน ชฏาย วิชฏโนกาสํ ทสฺเสนฺโต ยตฺถ นามฺจาติอาทิมาห. ตตฺถ นามนฺติ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา. ปฏิฆํ รูปสฺา จาติ เอตฺถ ปฏิฆสฺาวเสน กามภโว คหิโต, รูปสฺาวเสน รูปภโว. เตสุ ทฺวีสุ คหิเตสุ อรูปภโว คหิโตว โหติ ภวสงฺเขเปนาติ. เอตฺเถสา ฉิชฺชเต ชฏาติ เอตฺถ เตภูมกวฏฺฏสฺส ปริยาทิยนฏฺาเน เอสา ชฏา ฉิชฺชติ, นิพฺพานํ อาคมฺม ฉิชฺชติ นิรุชฺฌตีติ อยํ อตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. ตติยํ.
๔. มโนนิวารณสุตฺตวณฺณนา
๒๔. จตุตฺเถ ยโต ยโตติ ปาปโต วา กลฺยาณโต วา. อยํ กิร เทวตา ‘‘ยํกิฺจิ กุสลาทิเภทํ โลกิยํ วา โลกุตฺตรํ วา มโน, ตํ นิวาเรตพฺพเมว, น อุปฺปาเทตพฺพ’’นฺติ เอวํลทฺธิกา ¶ . ส สพฺพโตติ โส สพฺพโต. อถ ภควา – ‘‘อยํ เทวตา อนิยฺยานิกกถํ กเถติ, มโน นาม นิวาเรตพฺพมฺปิ อตฺถิ ภาเวตพฺพมฺปิ, วิภชิตฺวา นมสฺสา ทสฺเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทุติยคาถํ อาห. ตตฺถ น มโน สํยตตฺตมาคตนฺติ, ยํ วุตฺตํ ‘‘น สพฺพโต มโน นิวารเย’’ติ, กตรํ ตํ มโน, ยํ ตํ สพฺพโต น นิวาเรตพฺพนฺติ เจ. มโน สํยตตฺตํ อาคตํ, ยํ มโน ยตฺถ สํยตภาวํ อาคตํ, ‘‘ทานํ ทสฺสามิ, สีลํ รกฺขิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน อุปฺปนฺนํ, เอตํ มโน น นิวาเรตพฺพํ, อฺทตฺถุ พฺรูเหตพฺพํ วฑฺเฒตพฺพํ. ยโต ยโต จ ปาปกนฺติ ยโต ยโต อกุสลํ อุปฺปชฺชติ, ตโต ตโต จ ตํ นิวาเรตพฺพนฺติ. จตุตฺถํ.
๕. อรหนฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๕. ปฺจเม ¶ กตาวีติ จตูหิ มคฺเคหิ กตกิจฺโจ. อหํ วทามีติ อยํ เทวตา วนสณฺฑวาสินี, สา อารฺกานํ ภิกฺขูนํ ‘‘อหํ ภฺุชามิ, อหํ นิสีทามิ, มม ปตฺโต, มม ¶ จีวร’’นฺติอาทิกถาโวหารํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิเม ภิกฺขู ‘ขีณาสวา’ติ มฺามิ, ขีณาสวานฺจ นาม เอวรูปา อตฺตุปลทฺธินิสฺสิตกถา โหติ, น โหติ นุ โข’’ติ ชานนตฺถํ เอวํ ปุจฺฉติ.
สามฺนฺติ โลกนิรุตฺตึ โลกโวหารํ. กุสโลติ ขนฺธาทีสุ กุสโล. โวหารมตฺเตนาติ อุปลทฺธินิสฺสิตกถํ หิตฺวา โวหารเภทํ อกโรนฺโต ‘‘อหํ, มมา’’ติ วเทยฺย. ‘‘ขนฺธา ภฺุชนฺติ, ขนฺธา นิสีทนฺติ, ขนฺธานํ ปตฺโต, ขนฺธานํ จีวร’’นฺติ หิ วุตฺเต โวหารเภโท โหติ, น โกจิ ชานาติ. ตสฺมา เอวํ อวตฺวา โลกโวหาเรน โวหรตีติ.
อถ เทวตา – ‘‘ยทิ ทิฏฺิยา วเสน น วทติ, มานวเสน นุ โข วทตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน โย โหตีติ ปุจฺฉิ. ตตฺถ มานํ นุ โขติ โส ภิกฺขุ มานํ อุปคนฺตฺวา มานวเสน วเทยฺย นุ โขติ. อถ ภควา – ‘‘อยํ เทวตา ขีณาสวํ สมานํ วิย กโรตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ขีณาสวสฺส นววิโธปิ มาโน ปหีโน’’ติ ทสฺเสนฺโต ปฏิคาถํ อาห. ตตฺถ วิธูปิตาติ วิธมิตา. มานคนฺถสฺสาติ มานา จ ¶ คนฺถา จ อสฺส. มฺตนฺติ มฺนํ. ติวิธมฺปิ ตณฺหา-ทิฏฺิ-มาน-มฺนํ โส วีติวตฺโต, อติกฺกนฺโตติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ. ปฺจมํ.
๖. ปชฺโชตสุตฺตวณฺณนา
๒๖. ฉฏฺเ ปุฏฺุนฺติ ปุจฺฉิตุํ. กถํ ชาเนมูติ กถํ ชาเนยฺยาม. ทิวารตฺตินฺติ ทิวา จ รตฺติฺจ. ตตฺถ ตตฺถาติ ยตฺถ ยตฺเถว ปชฺชลิโต โหติ, ตตฺถ ตตฺถ. เอสา อาภาติ เอสา พุทฺธาภา. กตมา ปน สาติ? าณาโลโก วา โหตุ ปีติอาโลโก วา ปสาทาโลโก วา ธมฺมกถาอาโลโก วา, สพฺโพปิ พุทฺธานํ ปาตุภาวา อุปฺปนฺโน อาโลโก พุทฺธาภา นาม. อยํ อนุตฺตรา สพฺพเสฏฺา อสทิสาติ. ฉฏฺํ.
๗. สรสุตฺตวณฺณนา
๒๗. สตฺตเม ¶ กุโต สรา นิวตฺตนฺตีติ อิเม สํสารสรา กุโต นิวตฺตนฺติ, กึ อาคมฺม นปฺปวตฺตนฺตีติ ¶ อตฺโถ. น คาธตีติ น ปติฏฺาติ. อโตติ อโต นิพฺพานโต. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ. สตฺตมํ.
๘. มหทฺธนสุตฺตวณฺณนา
๒๘. อฏฺเม นิธานคตํ มุตฺตสาราทิ มหนฺตํ ธนเมเตสนฺติ มหทฺธนา. สุวณฺณรชตภาชนาทิ มหาโภโค เอเตสนฺติ มหาโภคา. อฺมฺาภิคิชฺฌนฺตีติ อฺมฺํ อภิคิชฺฌนฺติ ปตฺเถนฺติ ปิเหนฺติ. อนลงฺกตาติ อติตฺตา อปริยตฺตชาตา. อุสฺสุกฺกชาเตสูติ นานากิจฺจชาเตสุ อนุปฺปนฺนานํ รูปาทีนํ อุปฺปาทนตฺถาย อุปฺปนฺนานํ อนุภวนตฺถาย อุสฺสุกฺเกสุ. ภวโสตานุสารีสูติ วฏฺฏโสตํ อนุสรนฺเตสุ. อนุสฺสุกาติ อวาวฏา. อคารนฺติ มาตุคาเมน สทฺธึ เคหํ. วิราชิยาติ วิราเชตฺวา. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. อฏฺมํ.
๙. จตุจกฺกสุตฺตวณฺณนา
๒๙. นวเม ¶ จตุจกฺกนฺติ จตุอิริยาปถํ. อิริยาปโถ หิ อิธ จกฺกนฺติ อธิปฺเปโต. นวทฺวารนฺติ นวหิ วณมุเขหิ นวทฺวารํ. ปุณฺณนฺติ อสุจิปูรํ. โลเภน สํยุตนฺติ ตณฺหาย สํยุตฺตํ. กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสตีติ เอตสฺส เอวรูปสฺส สรีรสฺส กถํ นิคฺคมนํ ภวิสฺสติ, กถํ มุตฺติ ปริมุตฺติ สมติกฺกโม ภวิสฺสตีติ ปุจฺฉติ. นทฺธินฺติ อุปนาหํ, ปุพฺพกาเล โกโธ, อปรกาเล อุปนาโหติ เอวํ ปวตฺตํ พลวโกธนฺติ อตฺโถ. วรตฺตนฺติ ‘‘เฉตฺวา นทฺธิ วรตฺตฺจ, สนฺทานํ สหนุกฺกม’’นฺติ คาถาย (ธ. ป. ๓๙๘; สุ. นิ. ๖๒๗) ตณฺหา วรตฺตา, ทิฏฺิ สนฺทานํ นาม ชาตํ. อิธ ปน ปาฬินิทฺทิฏฺเ กิเลเส เปตฺวา อวเสสา ‘‘วรตฺตา’’ติ เวทิตพฺพา, อิติ กิเลสวรตฺตฺจ เฉตฺวาติ อตฺโถ. อิจฺฉา โลภนฺติ เอโกเยว ธมฺโม อิจฺฉนฏฺเน อิจฺฉา, ลุพฺภนฏฺเน โลโภติ วุตฺโต. ปมุปฺปตฺติกา วา ทุพฺพลา อิจฺฉา, อปราปรุปฺปตฺติโก พลวา โลโภ. อลทฺธปตฺถนา วา อิจฺฉา, ปฏิลทฺธวตฺถุมฺหิ โลโภ. สมูลํ ตณฺหนฺติ อวิชฺชามูเลน สมูลกํ ตณฺหํ. อพฺพุยฺหาติ อคฺคมคฺเคน อุปฺปาเฏตฺวา. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. นวมํ.
๑๐. เอณิชงฺฆสุตฺตวณฺณนา
๓๐. ทสเม ¶ ¶ เอณิชงฺฆนฺติ เอณิมิคสฺส วิย สุวฏฺฏิตชงฺฆํ. กิสนฺติ อถูลํ สมสรีรํ. อถ วา อาตเปน มิลาตํ มาลาคนฺธวิเลปเนหิ อนุปพฺรูหิตสรีรนฺติปิ อตฺโถ. วีรนฺติ วีริยวนฺตํ. อปฺปาหารนฺติ โภชเน มตฺตฺุตาย มิตาหารํ, วิกาลโภชนปฏิกฺเขปวเสน วา ปริตฺตาหารํ. อโลลุปนฺติ ¶ จตูสุ ปจฺจเยสุ โลลุปฺปวิรหิตํ. รสตณฺหาปฏิกฺเขโป วา เอส. สีหํเวกจรํ นาคนฺติ เอกจรํ สีหํ วิย, เอกจรํ นาคํ วิย. คณวาสิโน หิ ปมตฺตา โหนฺติ, เอกจรา อปฺปมตฺตา, ตสฺมา เอกจราว คหิตาติ. ปเวทิตาติ ปกาสิตา กถิตา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ นามรูเป. ปฺจกามคุณวเสน หิ รูปํ คหิตํ, มเนน นามํ, อุภเยหิ ปน อวินิภุตฺตธมฺเม คเหตฺวา ปฺจกฺขนฺธาทิวเสนเปตฺถ ภุมฺมํ โยเชตพฺพนฺติ. ทสมํ.
สตฺติวคฺโค ตติโย.
๔. สตุลฺลปกายิกวคฺโค
๑. สพฺภิสุตฺตวณฺณนา
๓๑. สตุลฺลปกายิกวคฺคสฺส ปเม สตุลฺลปกายิกาติ สตํ ธมฺมํ สมาทานวเสน อุลฺลเปตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตาติ สตุลฺลปกายิกา. ตตฺริทํ วตฺถุ – สมฺพหุลา กิร สมุทฺทวาณิชา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทึสุ. เตสํ ขิตฺตสรเวเคน คจฺฉนฺติยา นาวาย สตฺตเม ทิวเส สมุทฺทมชฺเฌ มหนฺตํ อุปฺปาติกํ ปาตุภูตํ, มหาอูมิโย อุฏฺหิตฺวา นาวํ อุทกสฺส ปูเรนฺติ. นาวาย นิมุชฺชมานาย มหาชโน อตฺตโน อตฺตโน เทวตานํ นามานิ คเหตฺวา อายาจนาทีนิ กโรนฺโต ปริเทวิ. เตสํ มชฺเฌ เอโก ปุริโส – ‘‘อตฺถิ นุ โข เม เอวรูเป ภเย ปติฏฺา’’ติ อาวชฺเชนฺโต อตฺตโน ปริสุทฺธานิ สรณานิ เจว สีลานิ จ ทิสฺวา โยคี วิย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. ตเมนํ อิตเร สภยการณํ ปุจฺฉึสุ. โส เตสํ ¶ กเถสิ – ‘‘อมฺโภ อหํ นาวํ อภิรูหนทิวเส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา สรณานิ เจว สีลานิ จ อคฺคเหสึ, เตน เม ภยํ นตฺถี’’ติ. กึ ปน สามิ เอตานิ อฺเสมฺปิ วตฺตนฺตีติ? อาม วตฺตนฺตีติ ¶ เตน หิ ¶ อมฺหากมฺปิ เทถาติ. โส เต มนุสฺเส สตํ สตํ กตฺวา สตฺต โกฏฺาเส อกาสิ, ตโต ปฺจสีลานิ อทาสิ. เตสุ ปมํ ชงฺฆสตํ โคปฺผกมตฺเต อุทเก ิตํ อคฺคเหสิ, ทุติยํ ชาณุมตฺเต, ตติยํ กฏิมตฺเต, จตุตฺถํ นาภิมตฺเต, ปฺจมํ ถนมตฺเต, ฉฏฺํ คลปฺปมาเณ, สตฺตมํ มุเขน โลโณทเก ปวิสนฺเต อคฺคเหสิ. โส เตสํ สีลานิ ทตฺวา – ‘‘อฺํ ตุมฺหากํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, สีลเมว อาวชฺเชถา’’ติ อุคฺโฆเสสิ. ตานิ สตฺตปิ ชงฺฆสตานิ ตตฺถ กาลํ กตฺวา อาสนฺนกาเล คหิตสีลํ นิสฺสาย ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตึสุ, เตสํ ฆฏาวเสเนว วิมานานิ นิพฺพตฺตึสุ. สพฺเพสํ มชฺเฌ อาจริยสฺส โยชนสติกํ สุวณฺณวิมานํ นิพฺพตฺติ, อวเสนานิ ตสฺส ปริวารานิ หุตฺวา สพฺพเหฏฺิมํ ทฺวาทสโยชนิกํ อโหสิ. เต นิพฺพตฺตกฺขเณเยว กมฺมํ อาวชฺเชนฺตา อาจริยํ นิสฺสาย สมฺปตฺติลาภํ ตฺวา, ‘‘คจฺฉาม ตาว, ทสพลสฺส สนฺติเก อมฺหากํ อาจริยสฺส วณฺณํ กเถยฺยามา’’ติ มชฺฌิมยามสมนนฺตเร ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ, ตา เทวตา อาจริยสฺส วณฺณภณนตฺถํ เอเกกํ คาถํ อภาสึสุ.
ตตฺถ สพฺภิเรวาติ ปณฺฑิเตหิ, สปฺปุริเสหิ เอว. ร-กาโร ปทสนฺธิกโร. สมาเสถาติ สห นิสีเทยฺย. เทสนาสีสเมว เจตํ, สพฺพอิริยาปเถ สพฺภิเรว สห กุพฺเพยฺยาติ อตฺโถ. กุพฺเพถาติ กเรยฺย. สนฺถวนฺติ มิตฺตสนฺถวํ. ตณฺหาสนฺถโว ปน น เกนจิ สทฺธึ กาตพฺโพ, มิตฺตสนฺถโว พุทฺธ-ปจฺเจกพุทฺธ-พุทฺธสาวเกหิ สห กาตพฺโพ. อิทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. สตนฺติ พุทฺธาทีนํ สปฺปุริสานํ. สทฺธมฺมนฺติ ปฺจสีลทสสีลจตุสติปฏฺานาทิเภทํ สทฺธมฺมํ, อิธ ปน ปฺจสีลํ อธิปฺเปตํ. เสยฺโย โหตีติ วฑฺฒิ โหติ. น ปาปิโยติ ลามกํ กิฺจิ น โหติ. นาฺโตติ วาลิกาทีหิ เตลาทีนิ วิย อฺโต อนฺธพาลโต ปฺา นาม น ลพฺภติ, ติลาทีหิ ปน เตลาทีนิ วิย สตํ ธมฺมํ ตฺวา ปณฺฑิตเมว เสวนฺโต ภชนฺโต ลภตีติ. โสกมชฺเฌติ ¶ โสกวตฺถูนํ โสกานุคตานํ วา สตฺตานํ มชฺฌคโต น โสจติ พนฺธุลมลฺลเสนาปติสฺส ¶ อุปาสิกา วิย, ปฺจนฺนํ โจรสตานํ มชฺเฌ ธมฺมเสนาปติสฺส สทฺธิวิหาริโก สํกิจฺจสามเณโร วิย จ.
าติมชฺเฌ วิโรจตีติ าติคณมชฺเฌ สํกิจฺจเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก อธิมุตฺตกสามเณโร วิย โสภติ. โส กิร เถรสฺส ภาคิเนยฺโย โหติ, อถ นํ เถโร อาห – ‘‘สามเณร, มหลฺลโกสิ ชาโต, คจฺฉ, วสฺสานิ ปุจฺฉิตฺวา เอหิ, อุปสมฺปาเทสฺสามิ ต’’นฺติ. โส ‘‘สาธู’’ติ เถรํ วนฺทิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย โจรอฏวิยา โอรภาเค ภคินิคามํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย ¶ จริ, ตํ ภคินี ทิสฺวา วนฺทิตฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา โภเชสิ. โส กตภตฺตกิจฺโจ วสฺสานิ ปุจฺฉิ. สา ‘‘อหํ น ชานามิ, มาตา เม ชานาตี’’ติ อาห. อถ โส ‘‘ติฏฺถ ตุมฺเห, อหํ มาตุสนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ อฏวึ โอติณฺโณ. ตเมนํ ทูรโตว โจรปุริโส ทิสฺวา โจรานํ อาโรเจสิ. โจรา ‘‘สามเณโร กิเรโก อฏวึ โอติณฺโณ, คจฺฉถ นํ อาเนถา’’ติ อาณาเปตฺวา เอกจฺเจ ‘‘มาเรม น’’นฺติ อาหํสุ, เอกจฺเจ วิสฺสชฺเชมาติ. สามเณโร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เสโข สกรณีโย, อิเมหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา โสตฺถิมตฺตานํ กริสฺสามี’’ติ โจรเชฏฺกํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อุปมํ เต, อาวุโส, กริสฺสามี’’ติ อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อหุ อตีตมทฺธานํ, อรฺสฺมึ พฺรหาวเน;
เจโต กูฏานิ โอฑฺเฑตฺวา, สสกํ อวธี ตทา.
‘‘สสกฺจ มตํ ทิสฺวา, อุพฺพิคฺคา มิคปกฺขิโน;
เอกรตฺตึ อปกฺกามุํ, ‘อกิจฺจํ วตฺตเต อิธ’.
‘‘ตเถว สมณํ หนฺตฺวา, อธิมุตฺตํ อกิฺจนํ;
อทฺธิกา นาคมิสฺสนฺติ, ธนชานิ ภวิสฺสตี’’ติ.
‘‘สจฺจํ โข สมโณ อาห, อธิมุตฺโต อกิฺจโน;
อทฺธิกา นาคมิสฺสนฺติ, ธนชานิ ภวิสฺสติ.
‘‘สเจ ปฏิปเถ ทิสฺวา, นาโรเจสฺสสิ กสฺสจิ;
ตว สจฺจมนุรกฺขนฺโต, คจฺฉ ภนฺเต ยถาสุข’’นฺติ.
โส ¶ ¶ ¶ เตหิ โจเรหิ วิสฺสชฺชิโต คจฺฉนฺโต าตโยปิ ทิสฺวา เตสมฺปิ น อาโรเจสิ. อถ เต อนุปฺปตฺเต โจรา คเหตฺวา วิเหยึสุ, อุรํ ปหริตฺวา ปริเทวมานฺจสฺส มาตรํ โจรา เอตทโวจุํ –
‘‘กึ เต โหติ อธิมุตฺโต, อุทเร วสิโก อสิ;
ปุฏฺา เม อมฺม อกฺขาหิ, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.
‘‘อธิมุตฺตสฺส อหํ มาตา, อยฺจ ชนโก ปิตา;
ภคินี ภาตโร จาปิ, สพฺเพว อิธ าตโย.
‘‘อกิจฺจการี อธิมุตฺโต, ยํ ทิสฺวา น นิวารเย;
เอตํ โข วตฺตํ สมณานํ, อริยานํ ธมฺมชีวินํ.
‘‘สจฺจวาที อธิมุตฺโต, ยํ ทิสฺวา น นิวารเย;
อธิมุตฺตสฺส สุจิณฺเณน, สจฺจวาทิสฺส ภิกฺขุโน;
สพฺเพว อภยํ ปตฺตา, โสตฺถึ คจฺฉนฺตุ าตโย’’ติ.
เอวํ เต โจเรหิ วิสฺสชฺชิตา คนฺตฺวา อธิมุตฺตํ อาหํสุ –
‘‘ตว ตาต สุจิณฺเณน, สจฺจวาทิสฺส ภิกฺขุโน;
สพฺเพว อภยํ ปตฺตา, โสตฺถึ ปจฺจาคมมฺหเส’’ติ.
เตปิ ปฺจสตา โจรา ปสาทํ อาปชฺชิตฺวา อธิมุตฺตสฺส สามเณรสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. โส เต อาทาย อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปมํ อตฺตนา อุปสมฺปนฺโน ปจฺฉา เต ปฺจสเต อตฺตโน อนฺเตวาสิเก กตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. เต อธิมุตฺตเถรสฺส โอวาเท ิตา สพฺเพ อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อิมมตฺถํ คเหตฺวา เทวตา ‘‘สตํ สทฺธมฺมมฺาย าติมชฺเฌ วิโรจตี’’ติ อาห.
สาตตนฺติ สตตํ สุขํ วา จิรํ ติฏฺนฺตีติ วทติ. สพฺพาสํ โวติ สพฺพาสํ ตุมฺหากํ. ปริยาเยนาติ การเณน. สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ, น เกวลํ เสยฺโยว โหติ, น จ เกวลํ ปฺํ ลภติ, โสกมชฺเฌ น โสจติ, าติมชฺเฌ วิโรจติ, สุคติยํ นิพฺพตฺตติ, จิรํ สุขํ ติฏฺติ, สกลสฺมา ปน วฏฺฏทุกฺขาปิ มุจฺจตีติ. ปมํ.
๒. มจฺฉริสุตฺตวณฺณนา
๓๒. ทุติเย ¶ ¶ ¶ มจฺเฉรา จ ปมาทา จาติ อตฺตสมฺปตฺตินิคูหนลกฺขเณน มจฺเฉเรน เจว สติวิปฺปวาสลกฺขเณน ปมาเทน จ. เอกจฺโจ หิ ‘อิทํ เม เทนฺตสฺส ปริกฺขยํ คมิสฺสติ, มยฺหํ วา ฆรมานุสกานํ วา น ภวิสฺสตี’’ติ มจฺฉริเยน ทานํ น เทติ. เอกจฺโจ ขิฑฺฑาทิปสุตตฺตา ‘ทานํ ทาตพฺพ’’นฺติ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ. เอวํ ทานํ น ทียตีติ เอวเมตํ ยสทายกํ สิรีทายกํ สมฺปตฺติทายกํ สุขทายกํ ทานํ นาม น ทียตีติอาทินา การณํ กเถสิ. ปฺุํ อากงฺขมาเนนาติ ปุพฺพเจตนาทิเภทํ ปฺุํ อิจฺฉมาเนน. เทยฺยํ โหติ วิชานตาติ อตฺถิ ทานสฺส ผลนฺติ ชานนฺเตน ทาตพฺพเมวาติ วทติ.
ตเมว พาลํ ผุสตีติ ตํเยว พาลํ อิธโลกปรโลเกสุ ชิฆจฺฉา จ ปิปาสา จ ผุสติ อนุพนฺธติ น วิชหติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ตเมว ผุสติ, ตสฺมา. วิเนยฺย มจฺเฉรนฺติ มจฺเฉรมลํ วิเนตฺวา. ทชฺชา ทานํ มลาภิภูติ มลาภิภู หุตฺวา ตํ มจฺเฉรมลํ อภิภวิตฺวา ทานํ ทเทยฺย.
เต มเตสุ น มียนฺตีติ อทานสีลตาย มรเณน มเตสุ น มียนฺติ. ยถา หิ มโต สมฺปริวาเรตฺวา ปิเต พหุมฺหิปิ อนฺนปานาทิมฺหิ ‘‘อิทํ อิมสฺส โหตุ, อิทํ อิมสฺสา’’ติ อุฏฺหิตฺวา สํวิภาคํ น กโรติ, เอวํ อทานสีโลปีติ มตกสฺส จ อทานสีลสฺส จ โภคา สมสมา นาม โหนฺติ. เตน ทานสีลา เอวรูเปสุ มเตสุ น มียนฺตีติ อตฺโถ. ปนฺถานํว สห วชํ, อปฺปสฺมึ เย ปเวจฺฉนฺตีติ ยถา อทฺธานํ กนฺตารมคฺคํ สห วชนฺตา ปถิกา สห วชนฺตานํ ปถิกานํ อปฺปสฺมึ ปาเถยฺเย สํวิภาคํ กตฺวา ปเวจฺฉนฺติ ททนฺติเยว, เอวเมวํ เย ปน อนมตคฺคํ สํสารกนฺตารํ สห วชนฺตา สห วชนฺตานํ อปฺปสฺมิมฺปิ เทยฺยธมฺเม สํวิภาคํ กตฺวา ททนฺติเยว, เต มเตสุ น มียนฺติ.
เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ เอส โปราณโก ธมฺโม, สนนฺตนานํ ¶ วา ปณฺฑิตานํ เอส ธมฺโมติ. อปฺปสฺเมเกติ อปฺปสฺมึ เทยฺยธมฺเม เอเก. ปเวจฺฉนฺตีติ ¶ ททนฺติ. พหุเนเก น ทิจฺฉเรติ พหุนาปิ โภเคน สมนฺนาคตา เอกจฺเจ น ททนฺติ. สหสฺเสน สมํ มิตาติ สหสฺเสน สทฺธึ มิตา, สหสฺส ทานสทิสา โหติ.
ทุรนฺวโยติ ¶ ทุรนุคมโน, ทุปฺปูโรติ อตฺโถ. ธมฺมํ จเรติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํ จรติ. โยปิ สมฺุชกฺจเรติ โย อปิ ขลมณฺฑลาทิโสธนปลาลโปนาทิวเสน สมฺุชกฺจรติ. ทารฺจ โปสนฺติ ทารฺจ โปสนฺโต. ททํ อปฺปกสฺมินฺติ อปฺปกสฺมึ ปณฺณสากมตฺตสฺมิมฺปิ สํวิภาคํ กตฺวา ททนฺโตว โส ธมฺมํ จรติ. สตํ สหสฺสานนฺติ สหสฺสํ สหสฺสํ กตฺวา คณิตานํ ปุริสานํ สตํ, สตสหสฺสนฺติ อตฺโถ. สหสฺสยาคินนฺติ ภิกฺขุสหสฺสสฺส วา ยาโค กหาปณสหสฺเสน วา นิพฺพตฺติโต ยาโคปิ สหสฺสยาโค. โส เอเตสํ อตฺถีติ สหสฺสยาคิโน, เตสํ สหสฺสยาคินํ. เอเตน ทสนฺนํ วา ภิกฺขุโกฏีนํ ทสนฺนํ วา กหาปณโกฏีนํ ปิณฺฑปาโต ทสฺสิโต โหติ. เย เอตฺตกํ ททนฺติ, เต กลมฺปิ นคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺสาติ อาห. ยฺวายํ สมฺุชกํ จรนฺโตปิ ธมฺมํ จรติ, ทารํ โปเสนฺโตปิ, อปฺปกสฺมึ ททนฺโตปิ, ตถาวิธสฺส เอเต สหสฺสยาคิโน กลมฺปิ นคฺฆนฺติ. ยํ เตน ทลิทฺเทน เอกปฏิวีสกมตฺตมฺปิ สลากภตฺตมตฺตมฺปิ วา ทินฺนํ, ตสฺส ทานสฺส สพฺเพสมฺปิ เตสํ ทานํ กลํ นคฺฆตีติ. กลํ นาม โสฬสภาโคปิ สตภาโคปิ สหสฺสภาโคปิ. อิธ สตภาโค คหิโต. ยํ เตน ทานํ ทินฺนํ, ตสฺมึ สตธา วิภตฺเต อิตเรสํ ทสโกฏิสหสฺสทานํ ตโต เอกโกฏฺาสมฺปิ นคฺฆตีติ อาห.
เอวํ ตถาคเต ทานสฺส อคฺฆํ กโรนฺเต สมีเป ิตา เทวตา จินฺเตสิ – ‘‘เอวํ ภควา มหนฺตํ ทานํ ปาเทน ปวฏฺเฏตฺวา รตนสติเก วิย นรเก ปกฺขิปนฺโต อิทํ เอวํ ปริตฺตกํ ¶ ทานํ จนฺทมณฺฑเล ปหรนฺโต วิย อุกฺขิปติ, กถํ นุ โข เอตํ มหปฺผลตร’’นฺติ ชานนตฺถํ คาถาย อชฺฌภาสิ. ตตฺถ เกนาติ เกน การเณน. มหคฺคโตติ มหตฺตํ คโต, วิปุลสฺเสตํ เววจนํ. สเมน ทินฺนสฺสาติ สเมน ทินฺนสฺส ทานสฺส. อถสฺสา ภควา ทานํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ททนฺติ เหเกติอาทิมาห. ตตฺถ วิสเม นิวิฏฺาติ วิสเม กายวจีมโนกมฺเม ปติฏฺิตา หุตฺวา. เฉตฺวาติ โปเถตฺวา. วธิตฺวาติ มาเรตฺวา. โสจยิตฺวาติ ปรํ ¶ โสกสมปฺปิตํ กตฺวา. อสฺสุมุขาติ อสฺสุมุขสมฺมิสฺสา. ปรํ โรทาเปตฺวา ทินฺนทานฺหิ อสฺสุมุขทานนฺติ วุจฺจติ. สทณฺฑาติ ทณฺเฑน ตชฺเชตฺวา ปหริตฺวา ทินฺนทกฺขิณา สทณฺฑาติ วุจฺจติ. เอวนฺติ นาหํ สมฺมาสมฺพุทฺธตาย มหาทานํ คเหตฺวา อปฺปผลํ นาม กาตุํ สกฺโกมิ ปริตฺตกทานํ วา มหปฺผลํ นาม. อิทํ ปน มหาทานํ อตฺตโน อุปฺปตฺติยา อปริสุทฺธตาย เอวํ อปฺปผลํ นาม โหติ, อิตรํ ปริตฺตทานํ อตฺตโน อุปฺปตฺติยา ปริสุทฺธตาย เอวํ มหปฺผลํ นามาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต เอวนฺติอาทิมาหาติ. ทุติยํ.
๓. สาธุสุตฺตวณฺณนา
๓๓. ตติเย ¶ อุทานํ อุทาเนสีติ อุทาหารํ อุทาหริ. ยถา หิ ยํ เตลํ มานํ คเหตุํ น สกฺโกติ วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ อวเสสโกติ วุจฺจติ. ยฺจ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อชฺโฌตฺถริตฺวา คจฺฉติ, ตํ โอโฆติ วุจฺจติ, เอวเมวํ ยํ ปีติวจนํ หทยํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อธิกํ หุตฺวา อนฺโต อสณฺหิตฺวา พหิ นิกฺขมติ, ตํ อุทานนฺติ วุจฺจติ. เอวรูปํ ปีติมยํ วจนํ นิจฺฉาเรสีติ อตฺโถ. สทฺธายปิ สาหุ ทานนฺติ กมฺมฺจ กมฺมผลฺจ สทฺทหิตฺวาปิ ทินฺนทานํ สาหุ ลทฺธกํ ภทฺทกเมว. อาหูติ ¶ กเถนฺติ. กถํ ปเนตํ อุภยํ สมํ นาม โหตีติ? ชีวิตภีรุโก หิ ยุชฺฌิตุํ น สกฺโกติ, ขยภีรุโก ทาตุํ น สกฺโกติ. ‘‘ชีวิตฺจ รกฺขิสฺสามิ ยุชฺฌิสฺสามิ จา’’ติ หิ วทนฺโต น ยุชฺฌติ. ชีวิเต ปน อาลยํ วิสฺสชฺเชตฺวา, ‘‘เฉชฺชํ วา โหตุ มรณํ วา, คณฺหิสฺสาเมตํ อิสฺสริย’’นฺติ อุสฺสหนฺโตว ยุชฺฌติ. ‘‘โภเค จ รกฺขิสฺสามิ, ทานฺจ ทสฺสามี’’ติ วทนฺโต น ททาติ. โภเคสุ ปน อาลยํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทสฺสามีติ อุสฺสหนฺโตว เทติ. เอวํ ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมํ โหติ. กิฺจ ภิยฺโย? อปฺปาปิ สนฺตา พหุเก ชินนฺตีติ ยถา จ ยุทฺเธ อปฺปกาปิ วีรปุริสา พหุเก ภีรุปุริเส ชินนฺติ, เอวํ สทฺธาทิสมฺปนฺโน อปฺปกมฺปิ ทานํ ททนฺโต พหุมจฺเฉรํ มทฺทติ, พหฺุจ ทานวิปากํ อธิคจฺฉติ. เอวมฺปิ ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมานํ. เตเนวาห –
‘‘อปฺปมฺปิ เจ สทฺทหาโน ททาติ,
เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติ.
อิมสฺส ¶ จ ปนตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ เอกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ จ องฺกุรวตฺถุ จ วิตฺถาเรตพฺพํ.
ธมฺมลทฺธสฺสาติ ธมฺเมน สเมน ลทฺธสฺส โภคสฺส ธมฺมลทฺธสฺส จ ปุคฺคลสฺส. เอตฺถ ปุคฺคโล ลทฺธธมฺโม นาม อธิคตธมฺโม อริยปุคฺคโล. อิติ ยํ ธมฺมลทฺธสฺส โภคสฺส ทานํ ธมฺมลทฺธสฺส อริยปุคฺคลสฺส ทียติ, ตมฺปิ สาธูติ อตฺโถ. โย ธมฺมลทฺธสฺสาติ อิมสฺมิมฺปิ คาถาปเท อยเมว อตฺโถ. อุฏฺานวีริยาธิคตสฺสาติ อุฏฺาเนน จ วีริเยน จ อธิคตสฺส โภคสฺส. เวตรณินฺติ ¶ เทสนาสีสมตฺตเมตํ. ยมสฺส ปน เวตรณิมฺปิ สฺชีวกาฬสุตฺตาทโยปิ เอกตึสมหานิรเยปิ สพฺพโสว อติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ.
วิเจยฺย ทานนฺติ วิจินิตฺวา ทินฺนทานํ. ตตฺถ ทฺเว วิจินนา ทกฺขิณาวิจินนํ ทกฺขิเณยฺยวิจินนฺจ. เตสุ ลามกลามเก ปจฺจเย อปเนตฺวา ปณีตปณีเต วิจินิตฺวา เตสํ ทานํ ทกฺขิณาวิจินนํ นาม. วิปนฺนสีเล ¶ อิโต พหิทฺธา ปฺจนวุติปาสณฺฑเภเท วา ทกฺขิเณยฺเย ปหาย สีลาทิคุณสมฺปนฺนานํ สาสเน ปพฺพชิตานํ ทานํ ทกฺขิเณยฺยวิจินนํ นาม. เอวํ ทฺวีหากาเรหิ วิเจยฺย ทานํ. สุคตปฺปสตฺถนฺติ สุคเตน วณฺณิตํ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยวิจินนํ ทสฺเสนฺโต เย ทกฺขิเณยฺยาติอาทิมาห. พีชานิ วุตฺตานิ ยถาติ อิมินา ปน ทกฺขิณาวิจินนํ อาห. อวิปนฺนพีชสทิสา หิ วิจินิตฺวา คหิตา ปณีตปณีตา เทยฺยธมฺมาติ.
ปาเณสุปิ สาธุ สํยโมติ ปาเณสุ สํยตภาโวปิ ภทฺทโก. อยํ เทวตา อิตราหิ กถิตํ ทานานิสํสํ อติกฺกมิตฺวา สีลานิสํสํ กเถตุมารทฺธา. อเหยํ จรนฺติ อวิหึสนฺโต จรมาโน. ปรูปวาทาติ ปรสฺส อุปวาทภเยน. ภยาติ อุปวาทภยา. ทานา จ โข ธมฺมปทํว เสยฺโยติ ทานโต นิพฺพานสงฺขาตํ ธมฺมปทเมว เสยฺโย. ปุพฺเพ จ หิ ปุพฺพตเร จ สนฺโตติ ปุพฺเพ จ กสฺสปพุทฺธาทิกาเล ปุพฺพตเร จ โกณาคมนพุทฺธาทิกาเล, สพฺเพปิ วา เอเต ปุพฺเพ จ ปุพฺพตเร จ สนฺโต นามาติ. ตติยํ.
๔. นสนฺติสุตฺตวณฺณนา
๓๔. จตุตฺเถ ¶ กมนียานีติ รูปาทีนิ อิฏฺารมฺมณานิ. อปุนาคมนํ อนาคนฺตา ปุริโส มจฺจุเธยฺยาติ เตภูมกวฏฺฏสงฺขาตา มจฺจุเธยฺยา อปุนาคมนสงฺขาตํ นิพฺพานํ อนาคนฺตา. นิพฺพานฺหิ สตฺตา น ปุนาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ อปุนาคมนนฺติ วุจฺจติ. ตํ กาเมสุ พทฺโธ จ ปมตฺโต จ อนาคนฺตา นาม โหติ, โส ตํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา เอวมาห. ฉนฺทชนฺติ ตณฺหาฉนฺทโต ชาตํ. อฆนฺติ ปฺจกฺขนฺธทุกฺขํ. ทุติยปทํ ตสฺเสว เววจนํ. ฉนฺทวินยา อฆวินโยติ ตณฺหาวินเยน ปฺจกฺขนฺธวินโย ¶ . อฆวินยา ทุกฺขวินโยติ ปฺจกฺขนฺธวินเยน วฏฺฏทุกฺขํ วินีตเมว โหติ. จิตฺรานีติ อารมฺมณจิตฺตานิ. สงฺกปฺปราโคติ สงฺกปฺปิตราโค. เอวเมตฺถ วตฺถุกามํ ปฏิกฺขิปิตฺวา กิเลสกาโม กาโมติ วุตฺโต. อยํ ปนตฺโถ ปสูรสุตฺเตน ¶ (สุ. นิ. ๘๓๐ อาทโย) วิภาเวตพฺโพ. ปสูรปริพฺพาชโก หิ เถเรน ‘‘สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม’’ติ วุตฺเต –
‘‘น เต กามา ยานิ จิตฺรานิ โลเก,
สงฺกปฺปราคฺจ วเทสิ กามํ;
สงฺกปฺปยํ อกุสเล วิตกฺเก,
ภิกฺขูปิ เต เหหินฺติ กามโภคี’’ติ. –
อาห. อถ นํ เถโร อโวจ –
‘‘เต เจ กามา ยานิ จิตฺรานิ โลเก,
สงฺกปฺปราคํ น วเทสิ กามํ;
ปสฺสนฺโต รูปานิ มโนรมานิ,
สตฺถาปิ เต เหหิติ กามโภคี.
สุณนฺโต สทฺทานิ, ฆายนฺโต คนฺธานิ;
สายนฺโต รสานิ, ผุสนฺโต ผสฺสานิ มโนรมานิ;
สตฺถาปิ เต เหหิติ กามโภคี’’ติ.
อเถตฺถ ธีราติ อถ เอเตสุ อารมฺมเณสุ ปณฺฑิตา ฉนฺทราคํ วินยนฺติ. สํโยชนํ สพฺพนฺติ ทสวิธมฺปิ สํโยชนํ. อกิฺจนนฺติ ราคกิฺจนาทิวิรหิตํ. นานุปตนฺติ ทุกฺขาติ วฏฺฏทุกฺขา ปน ตสฺส อุปริ น ปตนฺติ. อิจฺจายสฺมา ¶ โมฆราชาติ, ‘‘ปหาสิ สงฺข’’นฺติ คาถํ สุตฺวา ตสฺสํ ¶ ปริสติ อนุสนฺธิกุสโล โมฆราชา นาม เถโร ‘‘อิมิสฺสา คาถาย อตฺโถ น ยถานุสนฺธึ คโต’’ติ จินฺเตตฺวา ยถานุสนฺธึ ฆเฏนฺโต เอวมาห. ตตฺถ อิธ วา หุรํ วาติ อิธโลเก วา ปรโลเก วา. นรุตฺตมํ อตฺถจรํ นรานนฺติ กิฺจาปิ สพฺเพ ขีณาสวา นรุตฺตมา เจว อตฺถจรา จ นรานํ, เถโร ปน ทสพลํ สนฺธาเยวมาห. เย ตํ นมสฺสนฺติ ปสํสิยา เตติ ยทิ ตถาวิมุตฺตํ เทวมนุสฺสา นมสฺสนฺติ, อถ เย ตํ ภควนฺตํ กาเยน วา วาจาย วา อนุปฏิปตฺติยา วา นมสฺสนฺติ, เต กึ ปสํสิยา, อุทาหุ อปสํสิยาติ. ภิกฺขูติ โมฆราชตฺเถรํ ¶ อาลปติ. อฺาย ธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ ชานิตฺวา. สงฺคาติคา เตปิ ภวนฺตีติ เย ตํ กาเยน วา วาจาย วา อนุปฏิปตฺติยา วา นมสฺสนฺติ. เต จตุสจฺจธมฺมํ อฺาย วิจิกิจฺฉํ ปหาย สงฺคาติคาปิ โหนฺติ, ปสํสิยาปิ โหนฺตีติ. จตุตฺถํ.
๕. อุชฺฌานสฺิสุตฺตวณฺณนา
๓๕. ปฺจเม อุชฺฌานสฺิกาติ อุชฺฌานสฺี เทวโลโก นาม ปาฏิเยกฺโก นตฺถิ, อิมา ปน เทวตา ตถาคตสฺส จตุปจฺจยปริโภคํ นิสฺสาย อุชฺฌายมานา อาคตา. ตาสํ กิร เอวํ อโหสิ – ‘‘สมโณ โคตโม ภิกฺขูนํ ปํสุกูลจีวร-ปิณฺฑิยาโลป-รุกฺขมูลเสนาสนปูติมุตฺตเภสชฺเชหิ สนฺโตสสฺเสว ปริยนฺตการิตํ วณฺเณติ, สยํ ปน ปตฺตุณฺณทุกูล โขมาทีนิ ปณีตจีวรานิ ธาเรติ, ราชารหํ อุตฺตมํ โภชนํ ภฺุชติ, เทววิมานกปฺปาย คนฺธกุฏิยา วรสยเน สยติ, สปฺปินวนีตาทีนิ เภสชฺชานิ ปฏิเสวติ, ทิวสํ มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสติ, วจนมสฺส อฺโต คจฺฉติ, กิริยา อฺโต’’ติ อุชฺฌายมานา อาคมึสุ. เตน ตาสํ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ‘‘อุชฺฌานสฺิกา’’ติ นามํ คหิตํ.
อฺถา สนฺตนฺติ อฺเนากาเรน ภูตํ. นิกจฺจาติ นิกติยา วฺจนาย, วฺเจตฺวาติ อตฺโถ. กิตวสฺเสวาติ กิตโว วุจฺจติ สากุณิโก. โส ¶ หิ อคุมฺโพว สมาโน สาขปณฺณาทิปฏิจฺฉาทเนน คุมฺพวณฺณํ ทสฺเสตฺวา อุปคเต โมรติตฺติราทโย ¶ สกุเณ มาเรตฺวา ทารภรณํ กโรติ. อิติ ตสฺส กิตวสฺส อิมาย วฺจนาย เอวํ วฺเจตฺวา สกุณมํสโภชนํ วิย กุหกสฺสาปิ ปํสุกูเลน อตฺตานํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา กถาเฉกตาย มหาชนํ วฺเจตฺวา ขาทมานสฺส วิจรโต. ภุตฺตํ เถยฺเยน ตสฺส ตนฺติ สพฺโพปิ ตสฺส จตุปจฺจยปริโภโค เถยฺเยน ปริภุตฺโต นาม โหตีติ เทวตา ภควนฺตํ สนฺธาย วทติ. ปริชานนฺติ ปณฺฑิตาติ อยํ การโก วา อการโก วาติ ปณฺฑิตา ชานนฺติ. อิติ ตา เทวตา ‘‘ตถาคตาปิ มยเมว ปณฺฑิตา’’ติ มฺมานา เอวมาหํสุ.
อถ ภควา นยิทนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยายํ ปฏิปทา ทฬฺหาติ อยํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปทา ทฬฺหา ถิรา. ยาย ปฏิปทาย ธีรา ปณฺฑิตา อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จาติ ทฺวีหิ ฌาเนหิ ฌายิโน มารพนฺธนา ปมุจฺจนฺติ, ตํ ปฏิปทํ ภาสิตมตฺเตน วา สวนมตฺเตน วา โอกฺกมิตุํ ¶ ปฏิปชฺชิตุํ น สกฺกาติ อตฺโถ. น เว ธีรา ปกุพฺพนฺตีติ ธีรา ปณฺฑิตา วิทิตฺวา โลกปริยายํ สงฺขารโลกสฺส อุทยพฺพยํ ตฺวา จตุสจฺจธมฺมฺจ อฺาย กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุตา โลเก วิสตฺติกํ ติณฺณา เอวํ น กุพฺพนฺติ, มยํ เอวรูปานิ น กเถมาติ อตฺโถ.
ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวาติ ‘‘อยุตฺตํ อมฺเหหิ กตํ, อการกเมว มยํ การกวาเทน สมุทาจริมฺหา’’ติ ลชฺชมานา มหาพฺรหฺมนิ วิย ภควติ คารวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อคฺคิกฺขนฺธํ วิย ภควนฺตํ ทุราสทํ กตฺวา ปสฺสมานา อากาสโต โอตริตฺวา ภูมิยํ ตฺวาติ อตฺโถ. อจฺจโยติ อปราโธ. โน, ภนฺเต, อจฺจาคมาติ อมฺเห อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปวตฺโต. อาสาเทตพฺพนฺติ ฆฏฺฏยิตพฺพํ. ตา กิร เทวตา ภควนฺตํ กาเยน วาจายาติ ทฺวีหิปิ ฆฏฺฏยึสุ. ตถาคตํ อวนฺทิตฺวา อากาเส ปติฏฺมานา กาเยน ฆฏฺฏยึสุ, กิตโวปมํ อาหริตฺวา นานปฺปการกํ อสพฺภิวาทํ วทมานา วาจาย ฆฏฺฏยึสุ. ตสฺมา อาสาเทตพฺพํ อมฺิมฺหาติ อาหํสุ. ปฏิคฺคณฺหาตูติ ขมตุ. อายตึ สํวรายาติ ¶ อนาคเต สํวรณตฺถาย, ปุน เอวรูปสฺส อปราธสฺส โทสสฺส อกรณตฺถาย.
สิตํ ¶ ปาตฺวากาสีติ อคฺคทนฺเต ทสฺเสนฺโต ปหฏฺาการํ ทสฺเสสิ. กสฺมา? ตา กิร เทวตา น สภาเวน ขมาเปนฺติ, โลกิยมหาชนฺจ สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลํ ตถาคตฺจ เอกสทิสํ กโรนฺติ. อถ ภควา ‘‘ปรโต กถาย อุปฺปนฺนาย พุทฺธพลํ ทีเปตฺวา ปจฺฉา ขมิสฺสามี’’ติ สิตํ ปาตฺวากาสิ. ภิยฺโยโส มตฺตายาติ อติเรกปฺปมาเณน. อิมํ คาถํ อภาสีติ กุปิโต เอส อมฺหากนฺติ มฺมานา อภาสิ.
น ปฏิคณฺหตีติ น ขมติ นาธิวาเสติ. โกปนฺตโรติ อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนโกโป. โทสครูติ โทสํ ครุํ กตฺวา อาทาย วิหรนฺโต. ส เวรํ ปฏิมฺุจตีติ โส เอวรูโป คณฺิกํ ปฏิมฺุจนฺโต วิย ตํ เวรํ อตฺตนิ ปฏิมฺุจติ เปติ, น ปฏินิสฺสชฺชตีติ อตฺโถ. อจฺจโย เจ น วิชฺเชถาติ สเจ อจฺจายิกกมฺมํ น ภเวยฺย. โน จิธาปคตํ สิยาติ ยทิ อปราโธ นาม น ภาเวยฺย. เกนีธ กุสโล สิยาติ ยทิ เวรานิ น สมฺเมยฺยุํ, เกน การเณน กุสโล ภเวยฺย.
กสฺสจฺจยาติ ¶ คาถาย กสฺส อติกฺกโม นตฺถิ? กสฺส อปราโธ นตฺถิ? โก สมฺโมหํ นาปชฺชติ? โก นิจฺจเมว ปณฺฑิโต นามาติ อตฺโถ? อิมํ กิร คาถํ ภณาปนตฺถํ ภควโต สิตปาตุกมฺมํ. ตสฺมา อิทานิ เทวตานํ พุทฺธพลํ ทีเปตฺวา ขมิสฺสามีติ ตถาคตสฺส พุทฺธสฺสาติอาทิมาห. ตตฺถ ตถาคตสฺสาติ ตถา อาคโตติ เอวมาทีหิ การเณหิ ตถาคตสฺส. พุทฺธสฺสาติ จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตฺตาทีหิ การเณหิ วิโมกฺขนฺติกปณฺณตฺติวเสน เอวํ ลทฺธนามสฺส. อจฺจยํ เทสยนฺตีนนฺติ ยํ วุตฺตํ ตุมฺเหหิ ‘‘อจฺจยํ เทสยนฺตีนํ…เป… ส เวรํ ปฏิมฺุจตี’’ติ, ตํ สาธุ วุตฺตํ, อหํ ปน ตํ เวรํ นาภินนฺทามิ น ปตฺถยามีติ อตฺโถ. ปฏิคฺคณฺหามิ โวจฺจยนฺติ ตุมฺหากํ อปราธํ ขมามีติ. ปฺจมํ.
๖. สทฺธาสุตฺตวณฺณนา
๓๖. ฉฏฺเ ¶ สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหตีติ ปุริสสฺส เทวโลเก มนุสฺสโลเก เจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตสฺส สทฺธา ทุติยา โหติ, สหายกิจฺจํ สาเธติ. โน เจ อสฺสทฺธิยํ อวติฏฺตีติ ยทิ ¶ อสฺสทฺธิยํ น ติฏฺติ. ยโสติ ปริวาโร. กิตฺตีติ วณฺณภณนํ. ตตฺวสฺส โหตีติ ตโต อสฺส โหติ. นานุปตนฺติ สงฺคาติ ราคสงฺคาทโย ปฺจ สงฺคา น อนุปตนฺติ. ปมาทมนุยฺุชนฺตีติ เย ปมาทํ กโรนฺติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เต ตํ อนุยฺุชนฺติ นาม. ธนํ เสฏฺํว รกฺขตีติ มุตฺตามณิสาราทิอุตฺตมธนํ วิย รกฺขติ. ฌายนฺโตติ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายนฺโต. ตตฺถ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ นาม วิปสฺสนามคฺคผลานิ. วิปสฺสนา หิ ตีณิ ลกฺขณานิ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ. มคฺโค วิปสฺสนาย อาคตกิจฺจํ สาเธตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ. ผลํ ตถลกฺขณํ นิโรธสจฺจํ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ. อฏฺ สมาปตฺติโย ปน กสิณารมฺมณสฺส อุปนิชฺฌายนโต อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ เวทิตพฺพา. ปรมํ นาม อรหตฺตสุขํ อธิปฺเปตนฺติ. ฉฏฺํ.
๗. สมยสุตฺตวณฺณนา
๓๗. สตฺตเม สกฺเกสูติ ‘‘สกฺยา วต, โภ กุมารา’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๖๗) อุทานํ ปฏิจฺจ สกฺกาติ ลทฺธนามานํ ราชกุมารานํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รูฬฺหีสทฺเทน สกฺกาติ วุจฺจติ ¶ . ตสฺมึ สกฺเกสุ ชนปเท. มหาวเนติ สยํชาเต อโรปิเม หิมวนฺเตน สทฺธึ เอกาพทฺเธ มหติ วเน. สพฺเพเหว อรหนฺเตหีติ อิมํ สุตฺตํ กถิตทิวเสเยว ปตฺตอรหนฺเตหิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – สากิยโกลิยา หิ กิร กปิลวตฺถุนครสฺส จ โกลิยนครสฺส จ อนฺตเร โรหิณึ นาม นทึ เอเกเนว อาวรเณน พนฺธาเปตฺวา สสฺสานิ กาเรนฺติ. อถ เชฏฺมูลมาเส สสฺเสสุ มิลายนฺเตสุ อุภยนครวาสีนมฺปิ กมฺมการา สนฺนิปตึสุ. ตตฺถ โกลิยนครวาสิโน อาหํสุ – ‘‘อิทํ อุทกํ อุภยโต อาหริยมานํ น ตุมฺหากํ, น อมฺหากํ ปโหสฺสติ ¶ , อมฺหากํ ปน สสฺสํ เอเกน อุทเกเนว นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติ. กปิลวตฺถุวาสิโน อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเหสุ โกฏฺเ ปูเรตฺวา ิเตสุ มยํ รตฺตสุวณฺณนีลมณิกาฬกหาปเณ ¶ จ คเหตฺวา ปจฺฉิปสิพฺพกาทิหตฺถา น สกฺขิสฺสาม ตุมฺหากํ ฆรทฺวาเร วิจริตุํ, อมฺหากมฺปิ สสฺสํ เอเกเนว อุทเกน นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติ. ‘‘น มยํ ทสฺสามา’’ติ. ‘‘มยมฺปิ น ทสฺสามา’’ติ. เอวํ กถํ วฑฺเฒตฺวา เอโก อุฏฺาย เอกสฺส ปหารํ อทาสิ, โสปิ อฺสฺสาติ เอวํ อฺมฺํ ปหริตฺวา ราชกุลานํ ชาตึ ฆฏฺเฏตฺวา กลหํ วฑฺฒยึสุ.
โกลิยกมฺมการา วทนฺติ – ‘‘ตุมฺเห กปิลวตฺถุวาสิเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย โสณสิงฺคาลาทโย วิย อตฺตโน ภคินีหิ สทฺธึ สํวสึสุ, เอเตสํ หตฺถิโน จ อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? สากิยกมฺมการา วทนฺติ – ‘‘ตุมฺเห ทานิ กุฏฺิโน ทารเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย อนาถา นิคฺคติกา ติรจฺฉานา วิย โกลรุกฺเข วสึสุ, เอเตสํ หตฺถิโน จ อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? เต คนฺตฺวา ตสฺมึ กมฺเม นิยุตฺตอมจฺจานํ กเถสุํ, อมจฺจา ราชกุลานํ กเถสุํ. ตโต สากิยา – ‘‘ภคินีหิ สทฺธึ สํวสิตกานํ ถามฺจ พลฺจ ทสฺเสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมึสุ. โกลิยาปิ – ‘‘โกลรุกฺขวาสีนํ ถามฺจ พลฺจ ทสฺเสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมึสุ.
ภควาปิ รตฺติยา ปจฺจูสสมเยว มหากรุณาสมาปตฺติโต อุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต อิเม เอวํ ยุทฺธสชฺเช นิกฺขมนฺเต อทฺทส. ทิสฺวา – ‘‘มยิ คเต อยํ กลโห วูปสมฺมิสฺสติ นุ โข อุทาหุ โน’’ติ อุปธาเรนฺโต – ‘‘อหเมตฺถ คนฺตฺวา กลหวูปสมนตฺถํ ตีณิ ชาตกานิ กเถสฺสามิ, ตโต กลโห วูปสมฺมิสฺสติ. อถ สามคฺคิทีปนตฺถาย ทฺเว ชาตกานิ กเถตฺวา อตฺตทณฺฑสุตฺตํ ¶ เทเสสฺสามิ. เทสนํ สุตฺวา ¶ อุภยนครวาสิโนปิ อฑฺฒติยานิ อฑฺฒติยานิ กุมารสตานิ ทสฺสนฺติ, อหํ เต ปพฺพาเชสฺสามิ, ตทา มหาสมาคโม ภวิสฺสตี’’ติ สนฺนิฏฺานํ อกาสิ. ตสฺมา อิเมสุ ยุทฺธสชฺเชสุ นิกฺขมนฺเตสุ กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย คนฺตฺวา ทฺวินฺนํ เสนานํ อนฺตเร อากาเส ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา นิสีทิ.
กปิลวตฺถุวาสิโน ภควนฺตํ ทิสฺวาว, ‘‘อมฺหากํ าติเสฏฺโ สตฺถา อาคโต. ทิฏฺโ นุ โข เตน อมฺหากํ กลหกรณภาโว’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘น โข ปน สกฺกา ภควติ อาคเต อมฺเหหิ ปรสฺส สรีเร สตฺถํ ¶ ปาเตตุํ. โกลิยนครวาสิโน อมฺเห หนนฺตุ วา พชฺฌนฺตุ วา’’ติ. อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา, ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, นิสีทึสุ. โกลิยนครวาสิโนปิ ตเถว จินฺเตตฺวา อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา, ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, นิสีทึสุ.
ภควา ชานนฺโตว, ‘‘กสฺมา อาคตตฺถ, มหาราชา’’ติ ปุจฺฉิ? ‘‘น, ภควา, ติตฺถกีฬาย น ปพฺพตกีฬาย, น นทีกีฬาย, น คิริทสฺสนตฺถํ, อิมสฺมึ ปน าเน สงฺคามํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อาคตมฺหา’’ติ. ‘‘กึ นิสฺสาย โว กลโห, มหาราชาติ? อุทกํ, ภนฺเตติ. อุทกํ กึ อคฺฆติ, มหาราชาติ? อปฺปํ, ภนฺเตติ. ปถวี นาม กึ อคฺฆติ, มหาราชาติ? อนคฺฆา, ภนฺเตติ. ขตฺติยา กึ อคฺฆนฺตีติ? ขตฺติยา นาม อนคฺฆา, ภนฺเตติ. อปฺปมูลํ อุทกํ นิสฺสาย กิมตฺถํ อนคฺเฆ ขตฺติเย นาเสถ, มหาราช, กลเห อสฺสาโท นาม นตฺถิ, กลหวเสน, มหาราช, อฏฺาเน เวรํ กตฺวา เอกาย รุกฺขเทวตาย กาฬสีเหน สทฺธึ พทฺธาฆาโต สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ อนุปฺปตฺโตเยวาติ วตฺวา ผนฺทนชาตกํ (ชา. ๑.๑๓.๑๔ อาทโย) กเถสิ’’. ตโต ‘‘ปรปตฺติเยน นาม, มหาราช, น ภวิตพฺพํ. ปรปตฺติยา หุตฺวา หิ เอกสฺส สสกสฺส กถาย ติโยชนสหสฺสวิตฺถเต หิมวนฺเต จตุปฺปทคณา มหาสมุทฺทํ ปกฺขนฺทิโน ¶ อเหสุํ. ตสฺมา ปรปตฺติเยน น ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา, ปถวีอุนฺทฺริยชาตกํ กเถสิ. ตโต ‘‘กทาจิ, มหาราช, ทุพฺพโลปิ มหาพลสฺส รนฺธํ วิวรํ ปสฺสติ, กทาจิ มหาพโล ทุพฺพลสฺส. ลฏุกิกาปิ หิ สกุณิกา หตฺถินาคํ ฆาเตสี’’ติ ลฏุกิกชาตกํ (ชา. ๑.๕.๓๙ อาทโย) กเถสิ. เอวํ กลหวูปสมนตฺถาย ตีณิ ชาตกานิ กเถตฺวา สามคฺคิปริทีปนตฺถาย ทฺเว ชาตกานิ กเถสิ. กถํ? ‘‘สมคฺคานฺหิ, มหาราช, โกจิ โอตารํ นาม ปสฺสิตุํ น สกฺโกตีติ วตฺวา, รุกฺขธมฺมชาตกํ (ชา. ๑.๑.๗๔) กเถสิ ¶ . ตโต ‘‘สมคฺคานํ, มหาราช, โกจิ วิวรํ ทสฺสิตุํ น สกฺขิ. ยทา ปน อฺมฺํ วิวาทมกํสุ, อถ เต เนสาทปุตฺโต ชีวิตา โวโรเปตฺวา อาทาย คโตติ วิวาเท อสฺสาโท นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา, วฏฺฏกชาตกํ (ชา. ๑.๑.๑๑๘) กเถสิ. เอวํ อิมานิ ปฺจ ชาตกานิ กเถตฺวา อวสาเน อตฺตทณฺฑสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๔๑ อาทโย) กเถสิ.
ราชาโน ปสนฺนา – ‘‘สเจ สตฺถา นาคมิสฺส, มยํ สหตฺถา อฺมฺํ วธิตฺวา โลหิตนทึ ปวตฺตยิสฺสาม. อมฺหากํ ปุตฺตภาตโร จ เคหทฺวาเร ¶ น ปสฺเสยฺยาม, สาสนปฏิสาสนมฺปิ โน อาหรณโก นาภวิสฺส. สตฺถารํ นิสฺสาย โน ชีวิตํ ลทฺธํ. สเจ ปน สตฺถา อาคารํ อชฺฌาวสิสฺส ทีปสหสฺสทฺวยปริวารํ จตุมหาทีปรชฺชมสฺส หตฺถคตํ อภวิสฺส, อติเรกสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา อภวิสฺสํสุ, ตโต ขตฺติยปริวาโร อวิจริสฺส. ตํ โข ปเนส สมฺปตฺตึ ปหาย นิกฺขมิตฺวา สมฺโพธึ ปตฺโต. อิทานิปิ ขตฺติยปริวาโรเยว วิจรตู’’ติ อุภยนครวาสิโน อฑฺฒติยานิ อฑฺฒติยานิ กุมารสตานิ อทํสุ. ภควาปิ เต ปพฺพาเชตฺวา มหาวนํ อคมาสิ. เตสํ ครุคารเวน น อตฺตโน รุจิยา ปพฺพชิตานํ อนภิรติ อุปฺปชฺชิ. ปุราณทุติยิกาโยปิ เตสํ – ‘‘อยฺยปุตฺตา อุกฺกณฺนฺตุ, ฆราวาโส น สณฺาตี’’ติอาทีนิ วตฺวา สาสนํ เปเสนฺติ. เต จ อติเรกตรํ อุกฺกณฺึสุ.
ภควา อาวชฺเชนฺโต เตสํ อนภิรติภาวํ ตฺวา – ‘‘อิเม ภิกฺขู มาทิเสน พุทฺเธน สทฺธึ เอกโต วสนฺตา อุกฺกณฺนฺติ, หนฺท เนสํ ¶ กุณาลทหสฺส วณฺณํ กเถตฺวา ตตฺถ เนตฺวา อนภิรตึ วิโนเทมี’’ติ กุณาลทหสฺส วณฺณํ กเถสิ. เต ตํ ทฏฺุกามา อเหสุํ. ทฏฺุกามตฺถ, ภิกฺขเว, กุณาลทหนฺติ? อาม ภควาติ. ยทิ เอวํ เอถ คจฺฉามาติ. อิทฺธิมนฺตานํ ภควา คมนฏฺานํ มยํ กถํ คมิสฺสามาติ. ตุมฺเห คนฺตุกามา โหถ, อหํ มมานุภาเวน คเหตฺวา คมิสฺสามีติ. สาธุ, ภนฺเตติ. ภควา ปฺจ ภิกฺขุสตานิ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา กุณาลทเห ปติฏฺาย เต ภิกฺขู อาห – ‘‘ภิกฺขเว, อิมสฺมึ กุณาลทเห เยสํ มจฺฉานํ นามํ น ชานาถ มมํ ปุจฺฉถา’’ติ.
เต ปุจฺฉึสุ. ภควา ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ กเถสิ. น เกวลฺจ, มจฺฉานํเยว, ตสฺมึ วนสณฺเฑ รุกฺขานมฺปิ ปพฺพตปาเท ทฺวิปทจตุปฺปทสกุณานมฺปิ นามานิ ปุจฺฉาเปตฺวา กเถสิ. อถ ทฺวีหิ ¶ สกุเณหิ มุขตุณฺฑเกน ฑํสิตฺวา คหิตทณฺฑเก นิสินฺโน กุณาลสกุณราชา ปุรโต ปจฺฉโต อุโภสุ จ ปสฺเสสุ สกุณสงฺฆปริวุโต อาคจฺฉติ. ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา – ‘‘เอส, ภนฺเต, อิเมสํ สกุณานํ ราชา ภวิสฺสติ, ปริวารา เอเต เอตสฺสา’’ติ มฺามาติ. เอวเมตํ, ภิกฺขเว, อยมฺปิ มเมว วํโส มม ปเวณีติ. อิทานิ ตาว มยํ, ภนฺเต, เอเต สกุเณ ปสฺสาม. ยํ ปน ภควา ¶ ‘‘อยมฺปิ มเมว วํโส มม ปเวณี’’ติ อาห, ตํ โสตุกามมฺหาติ. โสตุกามตฺถ, ภิกฺขเวติ? อาม ภควาติ. เตน หิ สุณาถาติ ตีหิ คาถาสเตหิ มณฺเฑตฺวา กุณาลชาตกํ (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) กเถนฺโต อนภิรตึ วิโนเทสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มคฺเคเนว จ เนสํ อิทฺธิปิ อาคตา. ภควา ‘‘โหตุ ตาว เอตฺตกํ เตสํ ภิกฺขูน’’นฺติ อากาเส อุปฺปติตฺวา มหาวนเมว อคมาสิ. เตปิ ภิกฺขู คมนกาเล ทสพลสฺส อานุภาเวน คนฺตฺวา อาคมนกาเล อตฺตโน อานุภาเวน ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา มหาวเน โอตรึสุ.
ภควา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา – ‘‘เอถ, ภิกฺขเว, นิสีทถ. อุปริมคฺคตฺตยวชฺฌานํ โว กิเลสานํ กมฺมฏฺานํ กเถสฺสามี’’ติ กมฺมฏฺานํ กเถสิ. ภิกฺขู จินฺตยึสุ – ‘‘ภควา อมฺหากํ อนภิรตภาวํ ตฺวา กุณาลทหํ เนตฺวา อนภิรตึ ¶ วิโนเทสิ, ตตฺถ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตานํ โน อิทานิ อิธ ติณฺณํ มคฺคานํ กมฺมฏฺานํ อทาสิ, น โข ปน อมฺเหหิ ‘โสตาปนฺนา มย’นฺติ วีตินาเมตุํ วฏฺฏติ, ปุริสปุริเสหิ โน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เต ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา อุฏฺาย นิสีทนํ ปปฺโผเฏตฺวา วิสุํ วิสุํ ปพฺภารรุกฺขมูเลสุ นิสีทึสุ.
ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ภิกฺขู ปกติยาปิ อวิสฺสฏฺกมฺมฏฺานา, ลทฺธุปายสฺส ปน ภิกฺขุโน กิลมนการณํ นาม นตฺถิ. คจฺฉนฺตา คจฺฉนฺตา จ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ‘อตฺตนา ปฏิวิทฺธคุณํ อาโรเจสฺสามา’ติ มม สนฺติกํ อาคมิสฺสนฺติ. เอเตสุ อาคเตสุ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติสฺสนฺติ, มหาสมโย ภวิสฺสติ, วิวิตฺเต โอกาเส มยา นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตโต วิวิตฺเต โอกาเส พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา นิสีทิ.
สพฺพปมํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คตตฺเถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตโต อปโร ตโต อปโรติ ปฺจสตาปิ ปทุมินิยํ ปทุมานิ วิย วิกสึสุ. สพฺพปมํ อรหตฺตํ ปตฺตภิกฺขุ ¶ ‘‘ภควโต อาโรเจสฺสามี’’ติ ปลฺลงฺกํ วินิพฺภุชิตฺวา นิสีทนํ ปปฺโผเฏตฺวา อุฏฺาย ทสพลาภิมุโข อโหสิ. เอวํ อปโรปิ อปโรปีติ ปฺจสตา ภตฺตสาลํ ปวิสนฺตา ¶ วิย ปฏิปาฏิยาว อาคมึสุ. ปมํ อาคโต วนฺทิตฺวา นิสีทนํ ปฺาเปตฺวา, เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา, ปฏิวิทฺธคุณํ อาโรเจตุกาโม ‘‘อตฺถิ นุ โข อฺโ โกจิ? นตฺถี’’ติ นิวตฺติตฺวา อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺโต อปรมฺปิ อทฺทส อปรมฺปิ อทฺทสเยวาติ สพฺเพปิ เต อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา, อยํ อิมสฺส หรายมาโน น กเถสิ, อยํ อิมสฺส หรายมาโน น กเถสิ. ขีณาสวานํ กิร ทฺเว อาการา โหนฺติ – ‘‘อโห วต มยา ปฏิวิทฺธคุณํ สเทวโก โลโก ขิปฺปเมว ปฏิวิชฺเฌยฺยา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ปฏิวิทฺธภาวํ ปน นิธิลทฺธปุริโส วิย น อฺสฺส อาโรเจตุกามา โหนฺติ.
เอวํ โอสฏมตฺเต ปน ตสฺมึ อริยมณฺฑเล ปาจีนยุคนฺธรปริกฺเขปโต อพฺภา ¶ มหิกา ธูโม รโช ราหูติ, อิเมหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตํ พุทฺธุปฺปาทปฏิมณฺฑิตสฺส โลกสฺส รามเณยฺยกทสฺสนตฺถํ ปาจีนทิสาย อุกฺขิตฺตรชตมยมหาอาทาสมณฺฑลํ วิย, เนมิวฏฺฏิยํ คเหตฺวา, ปริวตฺติยมานรชตจกฺกสสฺสิริกํ ปุณฺณจนฺทมณฺฑลํ อุลฺลงฺฆิตฺวา, อนิลปถํ ปฏิปชฺชิตฺถ. อิติ เอวรูเป ขเณ ลเย มุหุตฺเต ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ มหาวเน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ.
ตตฺถ ภควาปิ มหาสมฺมตสฺส วํเส อุปฺปนฺโน, เตปิ ปฺจสตา ภิกฺขู มหาสมฺมตสฺส กุเล อุปฺปนฺนา. ภควาปิ ขตฺติยคพฺเภ ชาโต, เตปิ ขตฺติยคพฺเภ ชาตา. ภควาปิ ราชปพฺพชิโต, เตปิ ราชปพฺพชิตา. ภควาปิ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย หตฺถคตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ นิสฺสชฺชิตฺวา ปพฺพชิโต, เตปิ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย หตฺถคตานิ รชฺชานิ วิสฺสชฺชิตฺวา ปพฺพชิตา. อิติ ภควา ปริสุทฺเธ โอกาเส, ปริสุทฺเธ รตฺติภาเค, สยํ ปริสุทฺโธ ปริสุทฺธปริวาโร, วีตราโค วีตราคปริวาโร, วีตโทโส วีตโทสปริวาโร, วีตโมโห วีตโมหปริวาโร, นิตฺตณฺโห นิตฺตณฺหปริวาโร, นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลสปริวาโร, สนฺโต สนฺตปริวาโร, ทนฺโต ทนฺตปริวาโร, มุตฺโต มุตฺตปริวาโร, อติวิย วิโรจตีติ. วณฺณภูมิ นาเมสา, ยตฺตกํ สกฺโกติ, ตตฺตกํ วตฺตพฺพํ. อิติ อิเม ภิกฺขู สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหี’’ติ.
เยภุยฺเยนาติ ¶ ¶ พหุตรา สนฺนิปติตา, มนฺทา น สนฺนิปติตา อสฺี อรูปาวจรเทวตา สมาปนฺนเทวตาโย จ. ตตฺรายํ สนฺนิปาตกฺกโม – มหาวนสฺส กิร สามนฺตา เทวตา จลึสุ, ‘‘อายาม โภ! พุทฺธทสฺสนํ นาม พหูปการํ, ธมฺมสฺสวนํ พหูปการํ, ภิกฺขุสงฺฆทสฺสนํ พหูปการํ. อายาม อายามา’’ติ! มหาสทฺทํ ¶ กุรุมานา อาคนฺตฺวา ภควนฺตฺจ ตํมุหุตฺตํ อรหตฺตปฺปตฺตขีณาสเว จ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอเตเนว อุปาเยน ตาสํ ตาสํ สทฺทํ สุตฺวา สทฺทนฺตรอฑฺฒคาวุตคาวุตอฑฺฒโยชนโยชนาทิวเสน ติโยชนสหสฺสวิตฺถเต หิมวนฺเต, ติกฺขตฺตุํ เตสฏฺิยา นครสหสฺเสสุ, นวนวุติยา โทณมุขสตสหสฺเสสุ, ฉนวุติยา ปฏฺฏนโกฏิสตสหสฺเสสุ, ฉปณฺณาสาย รตนากเรสูติ สกลชมฺพุทีเป, ปุพฺพวิเทเห, อปรโคยาเน, อุตฺตรกุรุมฺหิ, ทฺวีสุ ปริตฺตทีปสหสฺเสสูติ สกลจกฺกวาเฬ, ตโต ทุติยตติยจกฺกวาเฬติ เอวํ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา สนฺนิปติตาติ เวทิตพฺพา. ทสสหสฺสจกฺกวาฬฺหิ อิธ ทสโลกธาตุโยติ อธิปฺเปตํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทสหิ จ โลกธาตูหิ เทวตา เยภุยฺเยน สนฺนิปติตา โหนฺตี’’ติ.
เอวํ สนฺนิปติตาหิ เทวตาหิ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ยาว พฺรหฺมโลกา สูจิฆเร นิรนฺตรํ ปกฺขิตฺตสูจีหิ วิย ปริปุณฺณํ โหติ. ตตฺถ พฺรหฺมโลกสฺส เอวํ อุจฺจตฺตนํ เวทิตพฺพํ – โลหปาสาเท กิร สตฺตกูฏาคารสโม ปาสาโณ พฺรหฺมโลเก ตฺวา อโธ ขิตฺโต จตูหิ มาเสหิ ปถวึ ปาปุณาติ. เอวํ มหนฺเต โอกาเส ยถา เหฏฺา ตฺวา ขิตฺตานิ ปุปฺผานิ วา ธูโม วา อุปริ คนฺตุํ, อุปริ วา ตฺวา ขิตฺตสาสปา เหฏฺา โอตริตุํ อนฺตรํ น ลภนฺติ, เอวํ นิรนฺตรา เทวตา อเหสุํ. ยถา โข ปน จกฺกวตฺติรฺโ นิสินฺนฏฺานํ อสมฺพาธํ โหติ, อาคตาคตา มเหสกฺขา ขตฺติยา โอกาสํ ลภนฺติเยว, ปรโต ปรโต ปน อติสมฺพาธํ โหติ. เอวเมว ภควโต นิสินฺนฏฺานํ อสมฺพาธํ, อาคตาคตา มเหสกฺขา เทวา จ พฺรหฺมาโน จ โอกาสํ ลภนฺติเยว. อปิ สุทํ ภควโต อาสนฺนาสนฺนฏฺาเน วาลคฺคนิตฺตุทนมตฺเต ปเทเส ทสปิ วีสติปิ เทวา สุขุเม อตฺตภาเว มาเปตฺวา อฏฺํสุ. สพฺพปรโต สฏฺิ สฏฺิ เทวตา อฏฺํสุ.
สุทฺธาวาสกายิกานนฺติ ¶ ¶ สุทฺธาวาสวาสีนํ. สุทฺธาวาสา นาม สุทฺธานํ อนาคามิขีณาสวานํ อาวาสา ปฺจ พฺรหฺมโลกา. เอตทโหสีติ กสฺมา อโหสิ? เต กิร พฺรหฺมาโน สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ยถา ปริจฺเฉเทน วุฏฺิตา พฺรหฺมภวนํ โอโลเกนฺตา ปจฺฉาภตฺเต ภตฺตเคหํ วิย สฺุตํ อทฺทสํสุ. ตโต ‘‘กุหึ พฺรหฺมาโน คตา’’ติ อาวชฺชนฺตา มหาสมาคมํ ตฺวา ¶ – ‘‘อยํ สมาคโม มหา, มยํ โอหีนา, โอหีนกานํ ปน โอกาโส ทุลฺลโภ โหติ, ตสฺมา คจฺฉนฺตา อตุจฺฉหตฺถา หุตฺวา เอเกกํ คาถํ อภิสงฺขริตฺวา คจฺฉาม. ตาย มหาสมาคเม จ อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปสฺสาม, ทสพลสฺส จ วณฺณํ ภาสิสฺสามา’’ติ. อิติ เตสํ สมาปตฺติโต อุฏฺาย อาวชฺชิตตฺตา เอตทโหสิ.
ภควโต ปุรโต ปาตุรเหสุนฺติ ปาฬิยํ ภควโต สนฺติเก อภิมุขฏฺาเนเยว โอติณฺณา วิย กตฺวา วุตฺตา, น โข ปเนตฺถ เอวํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เต ปน พฺรหฺมโลเก ิตาเยว คาถา อภิสงฺขริตฺวา เอโก ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอตริ, เอโก ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, เอโก ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, เอโก อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอตริ. ตโต ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอติณฺณพฺรหฺมา นีลกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา นีลรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ มณิวมฺมํ ปฏิมฺุจนฺโต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา พุทฺธวีถิ นาม เกนจิ อุตฺตริตุํ น สกฺกา, ตสฺมา มหติยา พุทฺธวีถิยาว อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข อตฺตนา อภิสงฺขตํ คาถํ อภาสิ.
ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอติณฺณพฺรหฺมา ปีตกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา สุวณฺณปภํ มฺุจิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ สุวณฺณปฏํ ปารุปนฺโต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา ตเถว อกาสิ. ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอติณฺณพฺรหฺมา โลหิตกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา โลหิตกรสฺมิโย มฺุจิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ รตฺตวรกมฺพเลน ปริกฺขิปนฺโต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา ตเถว อกาสิ. อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ โอติณฺณพฺรหฺมา โอทาตกสิณํ ¶ สมาปชฺชิตฺวา ¶ โอทาตรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ สุมนกุสุมปฏํ ปารุปนฺโต วิย อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา ตเถว อกาสิ.
ปาฬิยํ ปน ภควโต ปุรโต ปาตุรเหสุํ. อถ โข ตา เทวตา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสูติ เอวํ เอกกฺขเณ วิย ปุรโต ปาตุภาโว จ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิตภาโว จ วุตฺโต, โส อิมินา อนุกฺกเมน อโหสิ, เอกโต กตฺวา ปน ทสฺสิโต. คาถาภาสนํ ปน ปาฬิยมฺปิ วิสุํ วิสุํเยว วุตฺตํ.
ตตฺถ ¶ มหาสมโยติ มหาสมูโห. ปวนํ วุจฺจติ วนสณฺโฑ. อุภเยนปิ ภควา ‘‘อิมสฺมึ ปน วนสณฺเฑ อชฺช มหาสมูโห สนฺนิปาโต’’ติ อาห. ตโต เยสํ โส สนฺนิปาโต, เต ทสฺเสตุํ เทวกายา สมาคตาติ อาห. ตตฺถ เทวกายาติ เทวฆฏา. อาคตมฺห อิมํ ธมฺมสมยนฺติ เอวํ สมาคเต เทวกาเย ทิสฺวา มยมฺปิ อิมํ ธมฺมสมูหํ อาคตา. กึ การณา? ทกฺขิตาเย อปราชิตสงฺฆนฺติ เกนจิ อปราชิตํ อชฺเชว ตโย มาเร มทฺทิตฺวา วิชิตสงฺคามํ อิมํ อปราชิตสงฺฆํ ทสฺสนตฺถาย อาคตมฺหาติ อตฺโถ. โส ปน, พฺรหฺมา, อิมํ คาถํ ภาสิตฺวา, ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา, ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํเยว อฏฺาสิ.
อถ ทุติโย วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา อภาสิ. ตตฺถ ตตฺร ภิกฺขโวติ ตสฺมึ สนฺนิปาตฏฺาเน ภิกฺขู. สมาทหํสูติ สมาธินา โยเชสุํ. จิตฺตมตฺตโน อุชุกํ อกํสูติ อตฺตโน จิตฺเต สพฺเพ วงฺกกุฏิลชิมฺหภาเว หริตฺวา อุชุกํ อกรึสุ. สารถีว เนตฺตานิ คเหตฺวาติ ยถา สมปฺปวตฺเตสุ สินฺธเวสุ โอธสฺตปโตโท สารถี สพฺพโยตฺตานิ คเหตฺวา อโจเทนฺโต อวาเรนฺโต ติฏฺติ, เอวํ ฉฬงฺคุเปกฺขาย สมนฺนาคตา คุตฺตทฺวารา สพฺเพเปเต ปฺจสตา ภิกฺขู อินฺทฺริยานิ รกฺขนฺติ ปณฺฑิตา, เอเต ทฏฺุํ อิธาคตมฺหา ภควาติ, โสปิ คนฺตฺวา ยถาาเนเยว อฏฺาสิ.
อถ ตติโย วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา อภาสิ. ตตฺถ เฉตฺวา ขีลนฺติ ราคโทสโมหขีลํ ฉินฺทิตฺวา. ปลิฆนฺติ ราคโทสโมหปลิฆเมว. อินฺทขีลนฺติ ราคโทสโมหอินฺทขีลเมว ¶ . อูหจฺจ มเนชาติ เอเต ตณฺหาเอชาย อเนชา ภิกฺขู อินฺทขีลํ อูหจฺจ สมูหนิตฺวา จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฏิหตจาริกํ ¶ จรนฺติ. สุทฺธาติ นิรุปกฺกิเลสา. วิมลาติ นิมฺมลา. อิทํ ตสฺเสว เววจนํ. จกฺขุมตาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺเตน. สุทนฺตาติ จกฺขุโตปิ ทนฺตา โสตโตปิ ฆานโตปิ ชิวฺหาโตปิ กายโตปิ มนโตปิ ทนฺตา. สุสุนาคาติ ตรุณนาคา. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – ฉนฺทาทีหิ น คจฺฉนฺตีติ นาคา, เตน เตน มคฺเคน ปหีเน กิเลเส น อาคจฺฉนฺตีติ นาคา, นานปฺปการํ อาคุํ น กโรนฺตีติ นาคา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๘๐) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
อปิจ –
‘‘อาคุํ น กโรติ กิฺจิ โลเก,
สพฺพสํโยค วิสชฺช พนฺธนานิ;
สพฺพตฺถ ¶ น สชฺชตี วิมุตฺโต,
นาโค ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตา’’ติ. –
เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สุสุนาคาติ สุสู นาคา, สุสุนาคภาวสมฺปตฺตึ ปตฺตาติ อตฺโถ. เต เอวรูเป อนุตฺตเรน โยคฺคาจริเยน ทมิเต ตรุณนาเค ทสฺสนาย อาคตมฺห ภควาติ. โสปิ คนฺตฺวา ยถาาเนเยว อฏฺาสิ.
อถ จตุตฺโถ วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา อภาสิ. ตตฺถ คตาเสติ นิพฺเพมติกสรณคมเนน คตา. โสปิ คนฺตฺวา ยถาาเนเยว อฏฺาสีติ. สตฺตมํ.
๘. สกลิกสุตฺตวณฺณนา
๓๘. อฏฺเม มทฺทกุจฺฉิสฺมินฺติ เอวํนามเก อุยฺยาเน. ตฺหิ อชาตสตฺตุมฺหิ กุจฺฉิคเต ตสฺส มาตรา – ‘‘อยํ มยฺหํ กุจฺฉิคโต คพฺโภ รฺโ สตฺตุ ภวิสฺสติ. กึ เม อิมินา’’ติ? คพฺภปาตนตฺถํ กุจฺฉิ มทฺทาปิตา. ตสฺมา ‘‘มทฺทกุจฺฉี’’ติ สงฺขํ คตํ. มิคานํ ปน อภยวาสตฺถาย ทินฺนตฺตา มิคทาโยติ วุจฺจติ.
เตน โข ปน สมเยนาติ เอตฺถ อยํ อนุปุพฺพิกถา – เทวทตฺโต หิ อชาตสตฺตุํ นิสฺสาย ธนุคฺคเห จ ธนปาลกฺจ ¶ ปโยเชตฺวาปิ ตถาคตสฺส ¶ ชีวิตนฺตรายํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘สหตฺเถเนว มาเรสฺสามี’’ติ คิชฺฌกูฏปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา มหนฺตํ กูฏาคารปฺปมาณํ สิลํ อุกฺขิปิตฺวา, ‘‘สมโณ โคตโม จุณฺณวิจุณฺโณ โหตู’’ติ ปวิชฺฌิ. มหาถามวา กิเรส ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรติ. อฏฺานํ โข ปเนตํ, ยํ พุทฺธานํ ปรูปกฺกเมน ชีวิตนฺตราโย ภเวยฺยาติ ตํ ตถาคตสฺส สรีราภิมุขํ อาคจฺฉนฺตํ อากาเส อฺา สิลา อุฏฺหิตฺวา สมฺปฏิจฺฉิ. ทฺวินฺนํ สิลานํ สมฺปหาเรน มหนฺโต ปาสาณสฺส สกลิกา อุฏฺหิตฺวา ภควโต ปิฏฺิปาทปริยนฺตํ อภิหนิ, ปาโท มหาผรสุนา ปหโต วิย สมุคฺคตโลหิเตน ลาขารสมกฺขิโต วิย อโหสิ. ภควา อุทฺธํ อุลฺโลเกตฺวา เทวทตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘พหุ ตยา โมฆปุริส, อปฺุํ ปสุตํ, โย ตฺวํ ปทุฏฺจิตฺโต วธกจิตฺโต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทสี’’ติ. ตโต ปฏฺาย ภควโต อผาสุ ชาตํ. ภิกฺขู จินฺตยึสุ – ‘‘อยํ วิหาโร อุชฺชงฺคโล ¶ วิสโม, พหูนํ ขตฺติยาทีนฺเจว ปพฺพชิตานฺจ อโนกาโส’’ติ. เต ตถาคตํ มฺจสิวิกาย อาทาย มทฺทกุจฺฉึ นยึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควโต ปาโท สกลิกาย ขโต โหตี’’ติ.
ภุสาติ พลวติโย. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. ทุกฺขนฺติ สุขปฏิกฺเขโป. ติพฺพาติ พหลา. ขราติ ผรุสา. กฏุกาติ ติขิณา. อสาตาติ อมธุรา. น ตาสุ มโน อปฺเปติ, น ตา มนํ อปฺปายนฺติ วฑฺเฒนฺตีติ อมนาปา. สโต สมฺปชาโนติ เวทนาธิวาสนสติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต หุตฺวา. อวิหฺมาโนติ อปีฬิยมาโน, สมฺปริวตฺตสายิตาย เวทนานํ วสํ อคจฺฉนฺโต.
สีหเสยฺยนฺติ เอตฺถ กามโภคิเสยฺยา, เปตเสยฺยา, สีหเสยฺยา, ตถาคตเสยฺยาติ จตสฺโส เสยฺยา. ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, กามโภคี สตฺตา วาเมน ปสฺเสน เสนฺตี’’ติ อยํ กามโภคิเสยฺยา. เตสุ หิ เยภุยฺเยน ทกฺขิณปสฺเสน ¶ สยาโน นาม นตฺถิ. ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, เปตา อุตฺตานา เสนฺตี’’ติ อยํ เปตเสยฺยา. อปฺปมํสโลหิตตฺตา หิ อฏฺิสงฺฆาฏชฏิตา เอเกน ปสฺเสน สยิตุํ น สกฺโกนฺติ, อุตฺตานาว เสนฺติ. ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, สีโห มิคราชา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ อนุปกฺขิปิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน เสตี’’ติ อยํ สีหเสยฺยา. เตชุสฺสทตฺตา ¶ หิ สีโห มิคราชา ทฺเว ปุริมปาเท เอกสฺมึ, ‘ปจฺฉิมปาเท เอกสฺมึ าเน เปตฺวา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทปจฺฉิมปาทนงฺคุฏฺานํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ทฺวินฺนํ ปุริมปาทานํ มตฺถเก สีสํ เปตฺวา สยติ, ทิวสมฺปิ สยิตฺวา ปพุชฺฌมาโน น อุตฺรสนฺโต ปพุชฺฌติ, สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทาทีนํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขติ’. สเจ กิฺจิ านํ วิชหิตฺวา ิตํ โหติ, ‘‘นยิทํ ตุยฺหํ ชาติยา, น สูรภาวสฺส อนุรูป’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ตตฺเถว สยติ, น โคจราย ปกฺกมติ. อวิชหิตฺวา ิเต ปน ‘‘ตุยฺหํ ชาติยา จ สูรภาวสฺส จ อนุรูปมิท’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ อุฏฺาย สีหวิชมฺภิตํ วิชมฺภิตฺวา เกสรภารํ วิธุนิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ. จตุตฺถชฺฌานเสยฺยา ปน ‘‘ตถาคตเสยฺยา’’ติ วุจฺจติ. ตาสุ อิธ สีหเสยฺยา อาคตา. อยฺหิ เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา นาม.
ปาเท ปาทนฺติ ทกฺขิณปาเท วามปาทํ. อจฺจาธายาติ อติอาธาย, อีสกํ อติกฺกมฺม เปตฺวา ¶ . โคปฺผเกน หิ โคปฺผเก ชาณุนา วา ชาณุมฺหิ สงฺฆฏฺฏิยมาเน อภิณฺหํ เวทนา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ, เสยฺยา อผาสุกา โหติ. ยถา น สงฺฆฏฺเฏติ, เอวํ อติกฺกมฺม ปิเต เวทนา นุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, เสยฺยา ผาสุ โหติ. ตสฺมา เอวํ นิปชฺชิ. สโต สมฺปชาโนติ สยนปริคฺคาหกสติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต. ‘‘อุฏฺานสฺ’’นฺติ ปเนตฺถ น วุตฺตํ, คิลานเสยฺยา เหสา ตถาคตสฺส.
สตฺตสตาติ ¶ อิมสฺมึ สุตฺเต สพฺพาปิ ตา เทวตา คิลานเสยฺยฏฺานํ อาคตา. อุทานํ อุทาเนสีติ คิลานเสยฺยํ อาคตานํ โทมนสฺเสน ภวิตพฺพํ สิยา. อิมาสํ ปน ตถาคตสฺส เวทนาธิวาสนํ ทิสฺวา, ‘‘อโห พุทฺธานํ มหานุภาวตา! เอวรูปาสุ นาม เวทนาสุ วตฺตมานาสุ วิการมตฺตมฺปิ นตฺถิ, สิรีสยเน อลงฺกริตฺวา ปิตสุวณฺณรูปกํ วิย อนิฺชมาเนน กาเยน นิปนฺโน, อิทานิสฺส อธิกตรํ มุขวณฺโณ วิโรจติ, อาภาสมฺปนฺโน ปุณฺณจนฺโท วิย สมฺปติ วิกสิตํ วิย จ อรวินฺทํ อสฺส มุขํ โสภติ, กาเยปิ วณฺณายตนํ อิทานิ สุสมฺมฏฺกฺจนํ วิย วิปฺปสีทตี’’ติ อุทานํ อุทปาทิ.
นาโค ¶ วต โภติ, เอตฺถ โภติ ธมฺมาลปนํ. พลวนฺตฏฺเน นาโค. นาควตาติ นาคภาเวน. สีโห วตาติอาทีสุ อสนฺตาสนฏฺเน สีโห. พฺยตฺตปริจยฏฺเน การณาการณชานเนน วา อาชานีโย. อปฺปฏิสมฏฺเน นิสโภ. ควสตเชฏฺโก หิ อุสโภ, ควสหสฺสเชฏฺโก วสโภ, ควสตสหสฺสเชฏฺโก นิสโภติ วุจฺจติ. ภควา ปน อปฺปฏิสมฏฺเน อาสภํ านํ ปฏิชานาติ. เตเนวตฺเถน อิธ ‘‘นิสโภ’’ติ วุตฺโต. ธุรวาหฏฺเน โธรยฺโห. นิพฺพิเสวนฏฺเน ทนฺโต.
ปสฺสาติ อนิยมิตาณตฺติ. สมาธินฺติ อรหตฺตผลสมาธึ. สุวิมุตฺตนฺติ ผลวิมุตฺติยา สุวิมุตฺตํ. ราคานุคตํ ปน จิตฺตํ อภินตํ นาม โหติ, โทสานุคตํ อปนตํ. ตทุภยปฏิกฺเขเปน น จาภินตํ น จาปนตนฺติ อาห. น จ สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคตนฺติ น สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิเลเส นิคฺคเหตฺวา วาริตวตํ, กิเลสานํ ปน ฉินฺนตฺตา วตํ ผลสมาธินา สมาหิตนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมิตพฺพนฺติ วิเหเตพฺพํ ฆฏฺเฏตพฺพํ. อทสฺสนาติ อฺาณา. อฺาณี หิ อนฺธพาโลว เอวรูเป สตฺถริ อปรชฺเฌยฺยาติ เทวทตฺตํ ฆฏฺฏยมานา วทนฺติ.
ปฺจเวทาติ ¶ อิติหาสปฺจมานํ เวทานํ ธารกา. สตํ สมนฺติ วสฺสสตํ. ตปสฺสีติ ตปนิสฺสิตกา ¶ หุตฺวา. จรนฺติ จรนฺตา. น สมฺมาวิมุตฺตนฺติ สเจปิ เอวรูปา พฺราหฺมณา วสฺสสตํ จรนฺติ, จิตฺตฺจ เนสํ สมฺมา วิมุตฺตํ น โหติ. หีนตฺตรูปา น ปารํ คมา เตติ หีนตฺตสภาวา เต นิพฺพานงฺคมา น โหนฺติ. ‘‘หีนตฺถรูปา’’ติปิ ปาโ, หีนตฺถชาติกา ปริหีนตฺถาติ อตฺโถ. ตณฺหาธิปนฺนาติ ตณฺหาย อชฺโฌตฺถฏา. วตสีลพทฺธาติ อชวตกุกฺกุรวตาทีหิ จ วเตหิ ตาทิเสเหว จ สีเลหิ พทฺธา. ลูขํ ตปนฺติ ปฺจาตปตาปนํ กณฺฏกเสยฺยาทิกํ ตปํ. อิทานิ สา เทวตา สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ กเถนฺตี น มานกามสฺสาติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมวาติ. อฏฺมํ.
๙. ปมปชฺชุนฺนธีตุสุตฺตวณฺณนา
๓๙. นวเม ปชฺชุนฺนสฺส ธีตาติ ปชฺชุนฺนสฺส นาม วสฺสวลาหกเทวรฺโ จาตุมหาราชิกสฺส ธีตา. อภิวนฺเทติ ภควา ตุมฺหากํ ปาเท ¶ วนฺทามิ. จกฺขุมตาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺเตน ตถาคเตน. ธมฺโม อนุพุทฺโธติ, ‘‘อิทํ มยา ปุพฺเพ ปเรสํ สนฺติเก เกวลํ สุตํเยว อาสี’’ติ วทติ. สาหํ ทานีติ, สา อหํ อิทานิ. สกฺขิ ชานามีติ, ปฏิเวธวเสน ปจฺจกฺขเมว ชานามิ. วิครหนฺตาติ, ‘‘หีนกฺขรปทพฺยฺชโน’’ติ วา ‘‘อนิยฺยานิโก’’ติ วา เอวํ ครหนฺตา. โรรุวนฺติ, ทฺเว โรรุวา – ธูมโรรุโว จ ชาลโรรุโว จ. ตตฺถ ธูมโรรุโว วิสุํ โหติ, ชาลโรรุโวติ ปน อวีจิมหานิรยสฺเสเวตํ นามํ. ตตฺถ หิ สตฺตา อคฺคิมฺหิ ชลนฺเต ชลนฺเต ปุนปฺปุนํ รวํ รวนฺติ, ตสฺมา โส ‘‘โรรุโว’’ติ วุจฺจติ. โฆรนฺติ ทารุณํ. ขนฺติยา อุปสเมน อุเปตาติ รุจฺจิตฺวา ขมาเปตฺวา คหณขนฺติยา จ ราคาทิอุปสเมน จ อุเปตาติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยปชฺชุนฺนธีตุสุตฺตวณฺณนา
๔๐. ทสเม ธมฺมฺจาติ จ สทฺเทน สงฺฆฺจ, อิติ ตีณิ รตนานิ นมสฺสมานา อิธาคตาติ วทติ. อตฺถวตีติ, อตฺถวติโย. พหุนาปิ โข ตนฺติ ยํ ธมฺมํ สา อภาสิ, ตํ ¶ ธมฺมํ พหุนาปิ ปริยาเยน อหํ วิภเชยฺยํ. ตาทิโส ธมฺโมติ, ตาทิโส หิ อยํ ภควา ธมฺโม, ตํสณฺิโต ตปฺปฏิภาโค พหูหิ ปริยาเยหิ วิภชิตพฺพยุตฺตโกติ ทสฺเสติ. ลปยิสฺสามีติ, กถยิสฺสามิ. ยาวตา เม มนสา ปริยตฺตนฺติ ยตฺตกํ มยา มนสา ปริยาปุฏํ, ตสฺสตฺถํ ¶ ทิวสํ อวตฺวา มธุปฏลํ ปีเฬนฺตี วิย มุหุตฺเตเนว สํขิตฺเตน กเถสฺสามิ. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. ทสมํ.
สตุลฺลปกายิกวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. อาทิตฺตวคฺโค
๑. อาทิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๔๑. อาทิตฺตวคฺคสฺส ปเม ชราย มรเณน จาติ เทสนาสีสเมตํ, ราคาทีหิ ปน เอกาทสหิ อคฺคีหิ โลโก อาทิตฺโตว. ทาเนนาติ ทานเจตนาย. ทินฺนํ โหติ สุนีหตนฺติ ทานปฺุเจตนาหิ ทายกสฺเสว โหติ ฆรสามิกสฺส วิย นีหตภณฺฑกํ, เตเนตํ วุตฺตํ. โจรา หรนฺตีติ ¶ อทินฺเน โภเค โจราปิ หรนฺติ ราชาโนปิ, อคฺคิปิ ฑหติ, ปิตฏฺาเนปิ นสฺสนฺติ. อนฺเตนาติ มรเณน. สรีรํ สปริคฺคหนฺติ สรีรฺเจว โจราทีนํ วเสน อวินฏฺโภเค จ. สคฺคมุเปตีติ เวสฺสนฺตรมหาราชาทโย วิย สคฺเค นิพฺพตฺตตีติ. ปมํ.
๒. กึททสุตฺตวณฺณนา
๔๒. ทุติเย อนฺนโทติ ยสฺมา อติพลวาปิ ทฺเว ตีณิ ภตฺตานิ อภุตฺวา อุฏฺาตุํ น สกฺโกติ, ภุตฺวา ปน ทุพฺพโลปิ หุตฺวา พลสมฺปนฺโน โหติ, ตสฺมา ‘‘อนฺนโท พลโท’’ติ อาห. วตฺถโทติ ยสฺมา สุรูโปปิ ทุจฺโจโฬ วา อโจโฬ วา วิรูโป โหติ โอหีฬิโต ทุทฺทสิโก, วตฺถจฺฉนฺโน เทวปุตฺโต วิย โสภติ ¶ , ตสฺมา ‘‘วตฺถโท โหติ วณฺณโท’’ติ อาห. ยานโทติ หตฺถิยานาทีนํ ทายโก. เตสุ ปน –
‘‘น หตฺถิยานํ สมณสฺส กปฺปติ,
น อสฺสยานํ, น รเถน ยาตุํ;
อิทฺจ ยานํ สมณสฺส กปฺปติ,
อุปาหนา รกฺขโต สีลขนฺธ’’นฺติ.
ตสฺมา ¶ ฉตฺตุปาหนกตฺตรยฏฺิมฺจปีานํ ทายโก, โย จ มคฺคํ โสเธติ, นิสฺเสณึ กโรติ, เสตุํ กโรติ, นาวํ ปฏิยาเทติ, สพฺโพปิ ยานโทว โหติ. สุขโท โหตีติ ยานสฺส สุขาวหนโต สุขโท นาม โหติ. จกฺขุโทติ อนฺธกาเร จกฺขุมนฺตานมฺปิ รูปทสฺสนาภาวโต ทีปโท จกฺขุโท นาม โหติ, อนุรุทฺธตฺเถโร วิย ทิพฺพจกฺขุ สมฺปทมฺปิ ลภติ.
สพฺพทโท โหตีติ สพฺเพสํเยว พลาทีนํ ทายโก โหติ. ทฺเว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสาปิ สีตลาย โปกฺขรณิยา นฺหายิตฺวา ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา มุหุตฺตํ มฺเจ นิปชฺชิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺนสฺส หิ กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ. พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณายตนํ วาตาตเปหิ ฌายติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิปนฺนสฺส จ วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ โอกฺกมติ, วณฺณายตนํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ ¶ วิย โหติ. พหิ วิจรนฺตสฺส ปาเท กณฺฏโก วิชฺฌติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสโย เจว โจรภยฺจ อุปฺปชฺชติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิปนฺนสฺส สพฺเพเต ปริสฺสยา น โหนฺติ, ธมฺมํ สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตสฺส อุปสมสุขํ อุปฺปชฺชติ. ตถา พหิ วิจรนฺตสฺส จ เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ กูเป โอติณฺโณ วิย โหติ, มฺจปีาทีนิ น ปฺายนฺติ. มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส ปน อกฺขิปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิตฺโต วิย โหติ, ทฺวารกวาฏวาตปานมฺจปีาทีนิ ¶ ปฺายนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘โส จ สพฺพทโท โหติ, โย ททาติ อุปสฺสย’’นฺติ.
อมตํทโท จ โส โหตีติ ปณีตโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรนฺโต วิย อมรณทานํ นาม เทติ. โย ธมฺมมนุสาสตีติ โย ธมฺมํ อนุสาสติ, อฏฺกถํ กเถติ, ปาฬึ วาเจติ, ปุจฺฉิตปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขติ, ธมฺมสฺสวนํ กโรติ, สพฺโพเปส ธมฺมํ อนุสาสติ นาม. สพฺพทานานฺจ อิทํ ธมฺมทานเมว อคฺคนฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ,
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;
สพฺพรตึ ¶ ธมฺมรติ ชินาติ,
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๕๔); ทุติยํ;
๓. อนฺนสุตฺตวณฺณนา
๔๓. ตติเย อภินนฺทนฺตีติ ปตฺเถนฺติ. ภชตีติ อุปคจฺฉติ, จิตฺตคหปติสีวลิตฺเถราทิเก วิย ปจฺฉโต อนุพนฺธติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิธโลเก ปรโลเก จ อนฺนทายกเมว อนุคจฺฉติ, ตสฺมา. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. ตติยํ.
๔. เอกมูลสุตฺตวณฺณนา
๔๔. จตุตฺเถ เอกมูลนฺติ อวิชฺชา ตณฺหาย มูลํ, ตณฺหา อวิชฺชาย. อิธ ปน ตณฺหา อธิปฺเปตา. ทฺวีหิ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺีหิ อาวฏฺฏตีติ ทฺวิราวฏฺฏา. สา จ ราคาทีหิ ตีหิ มเลหิ ติมลา. ตตฺราสฺสา โมโห สหชาตโกฏิยา ¶ มลํ โหติ, ราคโทสา อุปนิสฺสยโกฏิยา. ปฺจ ปน กามคุณา อสฺสา ปตฺถรณฏฺานา, เตสุ สา ปตฺถรตีติ ปฺจปตฺถรา. สา จ อปูรณียฏฺเน สมุทฺโท. อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ ปเนสา ทฺวาทสายตเนสุ ¶ อาวฏฺฏติ ปริวฏฺฏตีติ ทฺวาทสาวฏฺฏา. อปติฏฺฏฺเน ปน ปาตาโลติ วุจฺจตีติ. เอกมูลํ…เป… ปาตาลํ, อตริ อิสิ, อุตฺตริ สมติกฺกมีติ อตฺโถ. จตุตฺถํ.
๕. อโนมสุตฺตวณฺณนา
๔๕. ปฺจเม อโนมนามนฺติ สพฺพคุณสมนฺนาคตตฺตา อเวกลฺลนามํ, ปริปูรนามนฺติ อตฺโถ. นิปุณตฺถทสฺสินฺติ ภควา สณฺหสุขุเม ขนฺธนฺตราทโย อตฺเถ ปสฺสตีติ นิปุณตฺถทสฺสี. ปฺาททนฺติ อนฺวยปฺาธิคมาย ปฏิปทํ กถนวเสน ปฺาย ทายกํ. กามาลเย อสตฺตนฺติ ปฺจกามคุณาลเย อลคฺคํ. กมมานนฺติ ภควา มหาโพธิมณฺเฑเยว อริยมคฺเคน คโต, น อิทานิ คจฺฉติ, อตีตํ ปน อุปาทาย อิทํ วุตฺตํ. มเหสินฺติ มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสิตารํ ปริเยสิตารนฺติ. ปฺจมํ.
๖. อจฺฉราสุตฺตวณฺณนา
๔๖. ฉฏฺเ ¶ อจฺฉราคณสงฺฆุฏฺนฺติ อยํ กิร เทวปุตฺโต สตฺถุสาสเน ปพฺพชิตฺวา วตฺตปฏิปตฺตึ ปูรยมาโน ปฺจวสฺสกาเล ปวาเรตฺวา ทฺเวมาติกํ ปคุณํ กตฺวา กมฺมากมฺมํ อุคฺคเหตฺวา จิตฺตรุจิตํ กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา สลฺลหุกวุตฺติโก อรฺํ ปวิสิตฺวา โย ภควตา มชฺฌิมยาโม สยนสฺส โกฏฺาโสติ อนฺุาโต. ตสฺมิมฺปิ สมฺปตฺเต ‘‘ปมาทสฺส ภายามี’’ติ มฺจกํ อุกฺขิปิตฺวา รตฺติฺจ ทิวา จ นิราหาโร กมฺมฏฺานเมว มนสากาสิ.
อถสฺส อพฺภนฺตเร สตฺถกวาตา อุปฺปชฺชิตฺวา ชีวิตํ ปริยาทิยึสุ. โส ธุรสฺมึเยว กาลมกาสิ. โย หิ โกจิ ภิกฺขุ จงฺกเม จงฺกมมาโน วา อาลมฺพนตฺถมฺภํ นิสฺสาย ิโต วา จงฺกมโกฏิยํ จีวรํ ¶ สีเส เปตฺวา นิสินฺโน วา นิปนฺโน วา ปริสมชฺเฌ อลงฺกตธมฺมาสเน ธมฺมํ เทเสนฺโต วา กาลํ กโรติ, สพฺโพ โส ธุรสฺมึ กาลํ ¶ กโรติ นาม. อิติ อยํ จงฺกมเน กาลํ กตฺวา อุปนิสฺสยมนฺทตาย อาสวกฺขยํ อปฺปตฺโต ตาวตึสภวเน มหาวิมานทฺวาเร นิทฺทายิตฺวา ปพุชฺฌนฺโต วิย ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. ตาวเทวสฺส สุวณฺณโตรณํ วิย ติคาวุโต อตฺตภาโว นิพฺพตฺติ.
อนฺโตวิมาเน สหสฺสมตฺตา อจฺฉรา ตํ ทิสฺวา, ‘‘วิมานสามิโก เทวปุตฺโต อาคโต, รมยิสฺสาม น’’นฺติ ตูริยานิ คเหตฺวา ปริวารยึสุ. เทวปุตฺโต น ตาว จุตภาวํ ชานาติ, ปพฺพชิตสฺีเยว อจฺฉรา โอโลเกตฺวา วิหารจาริกํ อาคตํ มาตุคามํ ทิสฺวา ลชฺชี. ปํสุกูลิโก วิย อุปริ ิตํ ฆนทุกูลํ เอกํสํ กโรนฺโต อํสกูฏํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อินฺทฺริยานิ โอกฺขิปิตฺวา อโธมุโข อฏฺาสิ. ตสฺส กายวิกาเรเนว ตา เทวตา ‘‘สมณเทวปุตฺโต อย’’นฺติ ตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘อยฺย, เทวปุตฺต, เทวโลโก นามายํ, น สมณธมฺมสฺส กรโณกาโส, สมฺปตฺตึ อนุภวโนกาโส’’ติ. โส ตเถว อฏฺาสิ. เทวตา ‘‘น ตาวายํ สลฺลกฺเขตี’’ติ ตูริยานิ ปคฺคณฺหึสุ. โส ตถาปิ อโนโลเกนฺโตว อฏฺาสิ.
อถสฺส สพฺพกายิกํ อาทาสํ ปุรโต ปยึสุ. โส ฉายํ ทิสฺวา จุตภาวํ ตฺวา, ‘‘น มยา อิมํ านํ ปตฺเถตฺวา สมณธมฺโม กโต, อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ ปตฺเถตฺวา กโต’’ติ สมฺปตฺติยา วิปฺปฏิสารี อโหสิ, ‘‘สุวณฺณปฏํ ปฏิลภิสฺสามี’’ติ ตกฺกยิตฺวา ยุทฺธฏฺานํ โอติณฺณมลฺโล ¶ มูลกมุฏฺึ ลภิตฺวา วิย. โส – ‘‘อยํ สคฺคสมฺปตฺติ นาม สุลภา, พุทฺธานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ’’ติ จินฺเตตฺวา วิมานํ อปวิสิตฺวาว อสมฺภินฺเนเนว สีเลน อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทสพลสฺส สนฺติกํ อาคมฺม อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิโต อิมํ คาถํ อภาสิ.
ตตฺถ อจฺฉราคณสงฺฆุฏฺนฺติ อจฺฉราคเณน คีตวาทิตสทฺเทหิ สงฺโฆสิตํ. ปิสาจคณเสวิตนฺติ ตเมว อจฺฉราคณํ ปิสาจคณํ กตฺวา วทติ. วนนฺติ นนฺทนวนํ สนฺธาย วทติ. อยฺหิ นิยามจิตฺตตาย อตฺตโน ครุภาเวน เทวคณํ ‘‘เทวคโณ’’ติ วตฺตุํ น โรเจติ. ‘‘ปิสาจคโณ’’ติ วทติ. นนฺทนวนฺจ ‘‘นนฺทน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘โมหน’’นฺติ วทติ ¶ . กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสตีติ ¶ กถํ นิคฺคมนํ ภวิสฺสติ, กถํ อติกฺกโม ภวิสฺสติ, อรหตฺตสฺส เม ปทฏฺานภูตํ วิปสฺสนํ อาจิกฺขถ ภควาติ วทติ.
อถ ภควา ‘‘อติสลฺลิขเตว อยํ เทวปุตฺโต, กึ นุ โข อิท’’นฺติ? อาวชฺเชนฺโต อตฺตโน สาสเน ปพฺพชิตภาวํ ตฺวา – ‘‘อยํ อจฺจารทฺธวีริยตาย กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต, อชฺชาปิสฺส จงฺกมนสฺมึเยว อตฺตภาโว อสมฺภินฺเนน สีเลน อาคโต’’ติ จินฺเตสิ. พุทฺธา จ อกตาภินิเวสสฺส อาทิกมฺมิกสฺส อกตปริกมฺมสฺส อนฺเตวาสิโน จิตฺตกาโร ภิตฺติปริกมฺมํ วิย – ‘‘สีลํ ตาว โสเธหิ, สมาธึ ภาเวหิ, กมฺมสฺสกตปฺํ อุชุํ กโรหี’’ติ ปมํ ปุพฺพภาคปฺปฏิปทํ อาจิกฺขนฺติ, การกสฺส ปน ยุตฺตปยุตฺตสฺส อรหตฺตมคฺคปทฏฺานภูตํ สณฺหสุขุมํ สฺุตาวิปสฺสนํเยว อาจิกฺขนฺติ, อยฺจ เทวปุตฺโต การโก อภินฺนสีโล, เอโก มคฺโค อสฺส อนาคโตติ สฺุตาวิปสฺสนํ อาจิกฺขนฺโต อุชุโก นามาติอาทิมาห.
ตตฺถ อุชุโกติ กายวงฺกาทีนํ อภาวโต อฏฺงฺคิโก มคฺโค อุชุโก นาม. อภยา นาม สา ทิสาติ นิพฺพานํ สนฺธายาห. ตสฺมึ หิ กิฺจิ ภยํ นตฺถิ, ตํ วา ปตฺตสฺส ภยํ นตฺถีติ ‘‘อภยา นาม สา ทิสา’’ติ วุตฺตํ. รโถ อกูชโนติ อฏฺงฺคิโก มคฺโคว อธิปฺเปโต. ยถา หิ ปากติกรโถ อกฺเข วา อนพฺภฺชิเต อติเรเกสุ วา มนุสฺเสสุ อภิรุฬฺเหสุ กูชติ วิรวติ, น เอวํ อริยมคฺโค. โส หิ เอกปฺปหาเรน จตุราสีติยาปิ ปาณสหสฺเสสุ อภิรุหนฺเตสุ ¶ น กูชติ น วิรวติ. ตสฺมา ‘‘อกูชโน’’ติ วุตฺโต. ธมฺมจกฺเกหิ สํยุโตติ กายิกเจตสิกวีริยสงฺขาเตหิ ธมฺมจกฺเกหิ สํยุตฺโต.
หิรีติ เอตฺถ หิริคฺคหเณน โอตฺตปฺปมฺปิ คหิตเมว โหติ. ตสฺส อปาลมฺโพติ ยถา พาหิรกรถสฺส รเถ ิตานํ โยธานํ อปตนตฺถาย ทารุมยํ อปาลมฺพนํ โหติ, เอวํ อิมสฺส มคฺครถสฺส อชฺฌตฺตพหิทฺธาสมุฏฺานํ หิโรตฺตปฺปํ อปาลมฺพนํ. สตฺยสฺส ¶ ปริวารณนฺติ รถสฺส สีหจมฺมาทิปริวาโร วิย อิมสฺสาปิ มคฺครถสฺส สมฺปยุตฺตา สติ ปริวารณํ. ธมฺมนฺติ โลกุตฺตรมคฺคํ ¶ . สมฺมาทิฏฺิปุเรชวนฺติ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิปุเรชวา อสฺส ปุพฺพยายิกาติ สมฺมาทิฏฺิปุเรชโว, ตํ สมฺมาทิฏฺิปุเรชวํ. ยถา หิ ปมตรํ ราชปุริเสหิ กาณกุณิอาทีนํ นีหรเณน มคฺเค โสธิเต ปจฺฉา ราชา นิกฺขมติ, เอวเมวํ วิปสฺสนา สมฺมาทิฏฺิยา อนิจฺจาทิวเสน ขนฺธาทีสุ โสธิเตสุ ปจฺฉา ภูมิลทฺธวฏฺฏํ ปริชานมานา มคฺคสมฺมาทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ธมฺมาหํ สารถึ พฺรูมิ, สมฺมาทิฏฺิปุเรชว’’นฺติ.
อิติ ภควา เทสนํ นิฏฺาเปตฺวา อวสาเน จตฺตาริ สจฺจานิ ทีเปสิ. เทสนาปริโยสาเน เทวปุตฺโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. ยถา หิ รฺโ โภชนกาเล อตฺตโน มุขปฺปมาเณ กพเฬ อุกฺขิตฺเต องฺเก นิสินฺโน ปุตฺโต อตฺตโน มุขปฺปมาเณเนว ตโต กพฬํ กโรติ, เอวเมวํ ภควติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ เทเสนฺเตปิ สตฺตา อตฺตโน อุปนิสฺสยานุรูเปน โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณนฺติ. อยมฺปิ เทวปุตฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ภควนฺตํ คนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา ปกฺกามีติ. ฉฏฺํ.
๗. วนโรปสุตฺตวณฺณนา
๔๗. สตฺตเม ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนาติ เก ธมฺมฏฺา, เก สีลสมฺปนฺนาติ ปุจฺฉติ. ภควา อิมํ ปฺหํ ถาวรวตฺถุนา ทีเปนฺโต อารามโรปาติอาทิมาห. ตตฺถ อารามโรปาติ ปุปฺผารามผลารามโรปกา. วนโรปาติ สยํชาเต อโรปิมวเน สีมํ ปริกฺขิปิตฺวา เจติยโพธิจงฺกมนมณฺฑปกุฏิเลณรตฺติฏฺานทิวาฏฺานานํ การกา ฉายูปเค รุกฺเข โรเปตฺวา ททมานาปิ วนโรปาเยว นาม. เสตุการกาติ วิสเม เสตุํ กโรนฺติ, อุทเก นาวํ ปฏิยาเทนฺติ ¶ . ปปนฺติ ปานียทานสาลํ. อุทปานนฺติ ยํกิฺจิ โปกฺขรณีตฬากาทึ. อุปสฺสยนฺติ วาสาคารํ. ‘‘อุปาสย’’นฺติปิ ปาโ.
สทา ปฺุํ ปวฑฺฒตีติ น อกุสลวิตกฺกํ ¶ วา วิตกฺเกนฺตสฺส นิทฺทายนฺตสฺส วา ปวฑฺฒติ. ยทา ยทา ปน อนุสฺสรติ, ตทา ตทา ตสฺส วฑฺฒติ. อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘สทา ปฺุํ ปวฑฺฒตี’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนาติ ตสฺมึ ธมฺเม ิตตฺตา เตนปิ สีเลน สมฺปนฺนตฺตา ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนา. อถ วา ¶ เอวรูปานิ ปฺุานิ กโรนฺตานํ ทส กุสลา ธมฺมา ปูเรนฺติ, เตสุ ิตตฺตา ธมฺมฏฺา. เตเนว จ สีเลน สมฺปนฺนตฺตา สีลสมฺปนฺนาติ. สตฺตมํ.
๘. เชตวนสุตฺตวณฺณนา
๔๘. อฏฺเม อิทํ หิ ตํ เชตวนนฺติ อนาถปิณฺฑิโก เทวปุตฺโต เชตวนสฺส เจว พุทฺธาทีนฺจ วณฺณภณนตฺถํ อาคโต เอวมาห. อิสิสงฺฆนิเสวิตนฺติ ภิกฺขุสงฺฆนิเสวิตํ.
เอวํ ปมคาถาย เชตวนสฺส วณฺณํ กเถตฺวา อิทานิ อริยมคฺคสฺส กเถนฺโต กมฺมํ วิชฺชาติอาทิมาห. ตตฺถ กมฺมนฺติ มคฺคเจตนา. วิชฺชาติ มคฺคปฺา. ธมฺโมติ สมาธิปกฺขิกา ธมฺมา. สีลํ ชีวิตมุตฺตมนฺติ สีเล ปติฏฺิตสฺส ชีวิตํ อุตฺตมนฺติ ทสฺเสติ. อถ วา วิชฺชาติ ทิฏฺิสงฺกปฺปา. ธมฺโมติ วายามสติสมาธโย. สีลนฺติ วาจากมฺมนฺตาชีวา. ชีวิตมุตฺตมนฺติ เอตสฺมึ สีเล ิตสฺส ชีวิตํ นาม อุตฺตมํ. เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺตีติ เอเตน อฏฺงฺคิกมคฺเคน สตฺตา วิสุชฺฌนฺติ.
ตสฺมาติ ยสฺมา มคฺเคน สุชฺฌนฺติ, น โคตฺตธเนหิ, ตสฺมา. โยนิโส วิจิเน ธมฺมนฺติ อุปาเยน สมาธิปกฺขิยธมฺมํ วิจิเนยฺย. เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌตีติ เอวํ ตสฺมึ อริยมคฺเค วิสุชฺฌติ. อถ วา โยนิโส วิจิเน ธมฺมนฺติ อุปาเยน ปฺจกฺขนฺธธมฺมํ วิจิเนยฺย. เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌตีติ เอวํ เตสุ จตูสุ สจฺเจสุ วิสุชฺฌติ.
อิทานิ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วณฺณํ กเถนฺโต สาริปุตฺโตวาติอาทิมาห. ตตฺถ สาริปุตฺโตวาติ อวธารณวจนํ, เอเตหิ ปฺาทีหิ สาริปุตฺโตว เสยฺโยติ วทติ. อุปสเมนาติ กิเลสอุปสเมน ¶ . ปารํ คโตติ นิพฺพานํ คโต. โย โกจิ นิพฺพานํ ปตฺโต ภิกฺขุ, โส เอตาวปรโม สิยา, น เถเรน อุตฺตริตโร นาม อตฺถีติ วทติ. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. อฏฺมํ.
๙. มจฺฉริสุตฺตวณฺณนา
๔๙. นวเม ¶ มจฺฉริโนติ มจฺเฉเรน สมนฺนาคตา. เอกจฺโจ หิ อตฺตโน วสนฏฺาเน ภิกฺขุํ หตฺถํ ปสาเรตฺวาปิ น วนฺทติ, อฺตฺถ คโต วิหารํ ¶ ปวิสิตฺวา สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา มธุรปฏิสนฺถารํ กโรติ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ วสนฏฺานํ นาคจฺฉถ, สมฺปนฺโน ปเทโส, ปฏิพลา มยํ อยฺยานํ ยาคุภตฺตาทีหิ อุปฏฺานํ กาตุ’’นฺติ. ภิกฺขู ‘‘สทฺโธ อยํ อุปาสโก’’ติ ยาคุภตฺตาทีหิ สงฺคณฺหนฺติ. อเถโก เถโร ตสฺส คามํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จรติ. โส ตํ ทิสฺวา อฺเน วา คจฺฉติ, ฆรํ วา ปวิสติ. สเจปิ สมฺมุขีภาวํ อาคจฺฉติ, หตฺเถน วนฺทิตฺวา – ‘‘อยฺยสฺส ภิกฺขํ เทถ, อหํ เอเกน กมฺเมน คจฺฉามี’’ติ ปกฺกมติ. เถโร สกลคามํ จริตฺวา ตุจฺฉปตฺโตว นิกฺขมติ. อิทํ ตาว มุทุมจฺฉริยํ นาม, เยน สมนฺนาคโต อทายโกปิ ทายโก วิย ปฺายติ. อิธ ปน ถทฺธมจฺฉริยํ อธิปฺเปตํ, เยน สมนฺนาคโต ภิกฺขูสุ ปิณฺฑาย ปวิฏฺเสุ, ‘‘เถรา ิตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ มยฺหํ ปาทา รุชฺชนฺตี’’ติอาทีนิ วตฺวา สิลาถมฺโภ วิย ขาณุโก วิย จ ถทฺโธ หุตฺวา ติฏฺติ, สามีจิมฺปิ น กโรติ. กทริยาติ อิทํ มจฺฉริโนติ ปทสฺเสว เววจนํ. มุทุกมฺปิ หิ มจฺฉริยํ ‘‘มจฺฉริย’’นฺเตว วุจฺจติ, ถทฺธํ ปน กทริยํ นาม. ปริภาสกาติ ภิกฺขู ฆรทฺวาเร ิเต ทิสฺวา, ‘‘กึ ตุมฺเห กสิตฺวา อาคตา, วปิตฺวา, ลายิตฺวา? มยํ อตฺตโนปิ น ลภาม, กุโต ตุมฺหากํ, สีฆํ นิกฺขมถา’’ติอาทีหิ สํตชฺชกา. อนฺตรายกราติ ¶ ทายกสฺส สคฺคนฺตราโย, ปฏิคฺคาหกานํ ลาภนฺตราโย, อตฺตโน อุปฆาโตติ อิเมสํ อนฺตรายานํ การกา.
สมฺปราโยติ ปรโลโก. รตีติ ปฺจกามคุณรติ. ขิฑฺฑาติ กายิกขิฑฺฑาทิกา ติวิธา ขิฑฺฑา. ทิฏฺเ ธมฺเมส วิปาโกติ ตสฺมึ นิพฺพตฺตภวเน ทิฏฺเ ธมฺเม เอส วิปาโก. สมฺปราเย จ ทุคฺคตีติ ‘‘ยมโลกํ อุปปชฺชเร’’ติ วุตฺเต สมฺปราเย จ ทุคฺคติ.
วทฺูติ ภิกฺขู ฆรทฺวาเร ิตา กิฺจาปิ ตุณฺหีว โหนฺติ, อตฺถโต ปน – ‘‘ภิกฺขํ เทถา’’ติ วทนฺติ นาม. ตตฺร เย ‘‘มยํ ปจาม, อิเม ปน น ปจนฺติ, ปจมาเน ปตฺวา อลภนฺตา ¶ กุหึ ลภิสฺสนฺตี’’ติ? เทยฺยธมฺมํ สํวิภชนฺติ, เต วทฺู นาม. ปกาสนฺตีติ วิมานปฺปภาย โชตนฺติ. ปรสมฺภเตสูติ ปเรหิ สมฺปิณฺฑิเตสุ. สมฺปราเย จ สุคฺคตีติ, ‘‘เอเต สคฺคา’’ติ ¶ เอวํ วุตฺตสมฺปราเย สุคติ. อุภินฺนมฺปิ วา เอเตสํ ตโต จวิตฺวา ปุน สมฺปราเยปิ ทุคฺคติสุคติเยว โหตีติ. นวมํ.
๑๐. ฆฏีการสุตฺตวณฺณนา
๕๐. ทสเม อุปปนฺนาเสติ นิพฺพตฺติวเสน อุปคตา. วิมุตฺตาติ อวิหาพฺรหฺมโลกสฺมึ อุปปตฺติสมนนฺตรเมว อรหตฺตผลวิมุตฺติยา วิมุตฺตา. มานุสํ เทหนฺติ อิธ ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ เอว วุตฺตานิ. ทิพฺพโยคนฺติ ปฺจ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ. อุปจฺจคุนฺติ อติกฺกมึสุ. อุปโกติอาทีนิ เตสํ เถรานํ นามานิ. กุสลี ภาสสี เตสนฺติ, ‘‘กุสล’’นฺติ อิทํ วจนํ อิมสฺส อตฺถีติ กุสลี, เตสํ เถรานํ ตฺวํ กุสลํ อนวชฺชํ ภาสสิ, โถเมสิ ปสํสสิ ¶ , ปณฺฑิโตสิ เทวปุตฺตาติ วทติ. ตํ เต ธมฺมํ อิธฺายาติ เต เถรา ตํ ธมฺมํ อิธ ตุมฺหากํ สาสเน ชานิตฺวา. คมฺภีรนฺติ คมฺภีรตฺถํ. พฺรหฺมจารี นิรามิโสติ นิรามิสพฺรหฺมจารี นาม อนาคามี, อนาคามี อโหสินฺติ อตฺโถ. อหุวาติ อโหสิ. สคาเมยฺโยติ เอกคามวาสี. ปริโยสานคาถา สงฺคีติกาเรหิ ปิตาติ. ทสมํ.
อาทิตฺตวคฺโค ปฺจโม.
๖. ชราวคฺโค
๑. ชราสุตฺตวณฺณนา
๕๑. ชราวคฺคสฺส ปเม สาธูติ ลทฺธกํ ภทฺทกํ. สีลํ ยาว ชราติ อิมินา อิทํ ทสฺเสติ – ยถา มุตฺตามณิรตฺตวตฺถาทีนิ อาภรณานิ ตรุณกาเลเยว โสภนฺติ, ชราชิณฺณกาเล ตานิ ธาเรนฺโต ‘‘อยํ อชฺชาปิ พาลภาวํ ปตฺเถติ, อุมฺมตฺตโก มฺเ’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ ¶ , น เอวํ สีลํ. สีลฺหิ นิจฺจกาลํ โสภติ. พาลกาเลปิ หิ สีลํ รกฺขนฺตํ ‘‘กึ อิมสฺส สีเลนา’’ติ? วตฺตาโร นตฺถิ. มชฺฌิมกาเลปิ มหลฺลกกาเลปีติ.
สทฺธา ¶ สาธุ ปติฏฺิตาติ หตฺถาฬวกจิตฺตคหปติอาทีนํ วิย มคฺเคน อาคตา ปติฏฺิตสทฺธา นาม สาธุ. ปฺา นรานํ รตนนฺติ เอตฺถ จิตฺตีกตฏฺาทีหิ รตนํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยทิ จิตฺตีกตนฺติ รตนํ, นนุ ภควา จิตฺตีกโต ปุริสสีโห, เย จ โลเก จิตฺตีกตา, เตสํ จิตฺตีกโต ภควา. ยทิ รติกรนฺติ รตนํ, นนุ ภควา รติกโร ปุริสสีโห, ตสฺส วจเนน จรนฺตา ฌานรติสุเขน อภิรมนฺติ. ยทิ อตุลฺยนฺติ รตนํ, นนุ ภควา อตุโล ปุริสสีโห. น หิ ¶ สกฺกา ตุเลตุํ คุเณหิ คุณปารมึ คโต. ยทิ ทุลฺลภนฺติ รตนํ, นนุ ภควา ทุลฺลโภ ปุริสสีโห. ยทิ อโนมสตฺตปริโภคนฺติ รตนํ, นนุ ภควา อโนโม สีเลน สมาธินา ปฺาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติาณทสฺสเนนา’’ติ.
อิธ ปน ทุลฺลภปาตุภาวฏฺเน ปฺา ‘‘รตน’’นฺติ วุตฺตํ. ปฺุนฺติ ปฺุเจตนา, สา หิ อรูปตฺตา ปริหริตุํ น สกฺกาติ. ปมํ.
๒. อชรสาสุตฺตวณฺณนา
๕๒. ทุติเย อชรสาติ อชีรเณน, อวิปตฺติยาติ อตฺโถ. สีลฺหิ อวิปนฺนเมว สาธุ โหติ, วิปนฺนสีลํ อาจริยุปชฺฌายาทโยปิ น สงฺคณฺหนฺติ, คตคตฏฺาเน นิทฺธมิตพฺโพว โหตีติ. ทุติยํ.
๓. มิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๕๓. ตติเย สตฺโถติ สทฺธึจโร, ชงฺฆสตฺโถ วา สกฏสตฺโถ วา. มิตฺตนฺติ โรเค อุปฺปนฺเน ปาฏงฺกิยา วา อฺเน วา ยาเนน หริตฺวา เขมนฺตสมฺปาปเนน มิตฺตํ. สเก ฆเรติ อตฺตโน เคเห ¶ . ตถารูเป โรเค ชาเต ปุตฺตภริยาทโย ชิคุจฺฉนฺติ, มาตา ปน อสุจิมฺปิ จนฺทนํ วิย มฺติ. ตสฺมา สา สเก ฆเร มิตฺตํ. สหาโย อตฺถชาตสฺสาติ อุปฺปนฺนกิจฺจสฺส โย ตํ กิจฺจํ วหติ นิตฺถรติ, โส กิจฺเจสุ สห อยนภาเวน สหาโย มิตฺตํ, สุราปานาทิสหายา ปน น มิตฺตา. สมฺปรายิกนฺติ สมฺปรายหิตํ. ตติยํ.
๔. วตฺถุสุตฺตวณฺณนา
๕๔. จตุตฺเถ ¶ ปุตฺตา วตฺถูติ มหลฺลกกาเล ปฏิชคฺคนฏฺเน ปุตฺตา ปติฏฺา. ปรโมติ อฺเสํ อกเถตพฺพสฺสปิ คุยฺหสฺส กเถตพฺพยุตฺตตาย ภริยา ปรโม สขา นาม. จตุตฺถํ.
๕-๗. ปมชนสุตฺตาทิวณฺณนา
๕๕. ปฺจเม วิธาวตีติ ปรสมุทฺทาทิคมนวเสน อิโต จิโต จ วิธาวติ. ปฺจมํ.
๕๖. ฉฏฺเ ¶ ทุกฺขาติ วฏฺฏทุกฺขโต. ฉฏฺํ.
๕๗. สตฺตเม ปรายณนฺติ นิปฺผตฺติ อวสฺสโย. สตฺตมํ.
๘. อุปฺปถสุตฺตวณฺณนา
๕๘. อฏฺเม ราโค อุปฺปโถติ สุคติฺจ นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตสฺส อมคฺโค. รตฺตินฺทิวกฺขโยติ รตฺติทิเวหิ, รตฺติทิเวสุ วา ขียติ. อิตฺถี มลนฺติ เสสํ พาหิรมลํ ภสฺมขาราทีหิ โธวิตฺวา สกฺกา โสเธตุํ, มาตุคามมเลน ทุฏฺโ ปน น สกฺกา สุทฺโธ นาม กาตุนฺติ อิตฺถี ‘‘มล’’นฺติ วุตฺตา. เอตฺถาติ เอตฺถ อิตฺถิยํ ปชา สชฺชติ. ตโปติ อินฺทฺริยสํวรธุตงฺคคุณวีริยทุกฺกรการิกานํ นามํ, อิธ ปน เปตฺวา ทุกฺกรการิกํ สพฺพาปิ กิเลสสนฺตาปิกา ปฏิปทา วฏฺฏติ. พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติ. อฏฺมํ.
๙. ทุติยสุตฺตวณฺณนา
๕๙. นวเม ¶ กิสฺส จาภิรโตติ กิสฺมึ อภิรโต. ทุติยาติ สุคติฺเจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตสฺส ทุติยิกา. ปฺา เจนํ ปสาสตีติ ปฺา เอตํ ปุริสํ ‘‘อิทํ กโรหิ, อิทํ มากรี’’ติ อนุสาสติ. นวมํ.
๑๐. กวิสุตฺตวณฺณนา
๖๐. ทสเม ฉนฺโท นิทานนฺติ คายตฺติอาทิโก ฉนฺโท คาถานํ นิทานํ. ปุพฺพปฏฺาปนคาถา อารภนฺโต หิ ‘‘กตรจฺฉนฺเทน โหตู’’ติ อารภติ ¶ . วิยฺชนนฺติ ชนนํ. อกฺขรํ หิ ปทํ ชเนติ, ปทํ คาถํ ชเนติ, คาถา อตฺถํ ปกาเสตีติ. นามสนฺนิสฺสิตาติ สมุทฺทาทิปณฺณตฺตินิสฺสิตา. คาถา ¶ อารภนฺโต หิ สมุทฺทํ วา ปถวึ วา ยํ กิฺจิ นามํ นิสฺสยิตฺวาว อารภติ. อาสโยติ ปติฏฺา. กวิโต หิ คาถา ปวตฺตนฺติ. โส ตาสํ ปติฏฺา โหตีติ. ทสมํ.
ชราวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. อทฺธวคฺโค
๑. นามสุตฺตวณฺณนา
๖๑. อทฺธวคฺคสฺส ปเม นามํ สพฺพํ อทฺธภวีติ นามํ สพฺพํ อภิภวติ อนุปตติ. โอปปาติเกน วา หิ กิตฺติเมน วา นาเมน มุตฺโต สตฺโต วา สงฺขาโร วา นตฺถิ. ยสฺสปิ หิ รุกฺขสฺส วา ปาสาณสฺส วา ‘‘อิทํ นาม นาม’’นฺติ น ชานนฺติ, อนามโกตฺเวว ตสฺส นามํ โหติ. ปมํ.
๒-๓. จิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา
๖๒. ทุติเย ¶ สพฺเพว วสมนฺวคูติ เย จิตฺตสฺส วสํ คจฺฉนฺติ, เตสํเยว อนวเสสปริยาทานเมตํ. ทุติยํ.
๔-๕. สํโยชนสุตฺตาทิวณฺณนา
๖๔. จตุตฺเถ กึ สุ สํโยชโนติ กึ สํโยชโน กึ พนฺธโน? วิจารณนฺติ วิจรณา ปาทานิ. พหุวจเน เอกวจนํ กตํ. วิตกฺกสฺส วิจารณนฺติ วิตกฺโก ตสฺส ปาทา. จตุตฺถํ.
๖๕. ปฺจเมปิ เอเสว นโย. ปฺจมํ.
๖. อตฺตหตสุตฺตวณฺณนา
๖๖. ฉฏฺเ เกนสฺสุพฺภาหโตติ เกน อพฺภาหโต. สุ-กาโร นิปาตมตฺตํ. อิจฺฉาธูปายิโตติ อิจฺฉาย อาทิตฺโต. ฉฏฺํ.
๗-๙. อุฑฺฑิตสุตฺตาทิวณฺณนา
๖๗. สตฺตเม ¶ ¶ ตณฺหาย อุฑฺฑิโตติ ตณฺหาย อุลฺลงฺฆิโต. จกฺขฺุหิ ตณฺหารชฺชุนา อาวุนิตฺวา รูปนาคทนฺเต อุฑฺฑิตํ, โสตาทีนิ สทฺทาทีสูติ ตณฺหาย อุฑฺฑิโต โลโก. มจฺจุนา ปิหิโตติ อนนฺตเร อตฺตภาเว กตํ กมฺมํ น ทูรํ เอกจิตฺตนฺตรํ, พลวติยา ปน มารณนฺติกเวทนาย ปพฺพเตน วิย โอตฺถฏตฺตา สตฺตา ตํ น พุชฺฌนฺตีติ ‘‘มจฺจุนา ปิหิโต โลโก’’ติ วุตฺตํ. สตฺตมํ.
๖๘. อฏฺเม สฺเวว ปฺโห เทวตาย เหฏฺุปริยายวเสน ปุจฺฉิโต. อฏฺมํ.
๖๙. นวเม ¶ สพฺพํ อุตฺตานเมว. นวมํ.
๑๐. โลกสุตฺตวณฺณนา
๗๐. ทสเม กิสฺมึ โลโก สมุปฺปนฺโนติ กิสฺมึ อุปฺปนฺเน โลโก อุปฺปนฺโนติ ปุจฺฉติ. ฉสูติ ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ อายตเนสุ อุปฺปนฺเนสุ อุปฺปนฺโนติ วุจฺจติ. ฉสุ กุพฺพตีติ เตสุเยว ฉสุ สนฺถวํ กโรติ. อุปาทายาติ ตานิเยว จ อุปาทาย อาคมฺม ปฏิจฺจ ปวตฺตติ. วิหฺตีติ เตสุเยว ฉสุ วิหฺติ ปีฬิยติ. อิติ อชฺฌตฺติกายตนวเสน อยํ ปฺโห อาคโต, อชฺฌตฺติกพาหิรานํ ปน วเสน อาหริตุํ วฏฺฏติ. ฉสุ หิ อชฺฌตฺติกายตเนสุ อุปฺปนฺเนสุ อยํ อุปฺปนฺโน นาม โหติ, ฉสุ พาหิเรสุ สนฺถวํ กโรติ, ฉนฺนํ อชฺฌตฺติกานํ อุปาทาย ฉสุ พาหิเรสุ วิหฺตีติ. ทสมํ.
อทฺธวคฺโค สตฺตโม.
๘. เฉตฺวาวคฺโค
๑. เฉตฺวาสุตฺตวณฺณนา
๗๑. เฉตฺวาวคฺคสฺส ¶ ปเม เฉตฺวาติ วธิตฺวา. สุขํ เสตีติ โกธปริฬาเหน อปริทยฺหมานตฺตา สุขํ สยติ. น โสจตีติ โกธวินาเสน วินฏฺโทมนสฺสตฺตา น โสจติ. วิสมูลสฺสาติ ทุกฺขวิปากสฺส ¶ . มธุรคฺคสฺสาติ กุทฺธสฺส ปฏิกุชฺฌิตฺวา, อกฺกุฏฺสฺส ปจฺจกฺโกสิตฺวา, ปหฏสฺส จ ปฏิปหริตฺวา สุขํ อุปฺปชฺชติ, ตํ สนฺธาย มธุรคฺโคติ วุตฺโต. อิมสฺมึ หิ าเน ปริโยสานํ อคฺคนฺติ วุตฺตํ. อริยาติ พุทฺธาทโย. ปมํ.
๒. รถสุตฺตวณฺณนา
๗๒. ทุติเย ปฺายติ เอเตนาติ ปฺาณํ. ธโช รถสฺสาติ มหนฺตสฺมึ หิ สงฺคามสีเส ทูรโตว ¶ ธชํ ทิสฺวา ‘‘อสุกรฺโ นาม อยํ รโถ’’ติ รโถ ปากโฏ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ธโช รถสฺส ปฺาณ’’นฺติ. อคฺคิปิ ทูรโตว ธูเมน ปฺายติ. โจฬรฏฺํ ปณฺฑุรฏฺนฺติ เอวํ รฏฺมฺปิ รฺา ปฺายติ. จกฺกวตฺติรฺโ ธีตาปิ ปน อิตฺถี ‘‘อสุกสฺส นาม ภริยา’’ติ ภตฺตารํ ปตฺวาว ปฺายติ. ตสฺมา ธูโม ปฺาณมคฺคิโนติอาทิ วุตฺตํ. ทุติยํ.
๓. วิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๗๓. ตติเย สทฺธีธ วิตฺตนฺติ ยสฺมา สทฺโธ สทฺธาย มุตฺตมณิอาทีนิปิ วิตฺตานิ ลภติ, ติสฺโสปิ กุลสมฺปทา, ฉ กามสคฺคานิ, นว พฺรหฺมโลเก ปตฺวา ปริโยสาเน อมตมหานิพฺพานทสฺสนมฺปิ ลภติ, ตสฺมา มณิมุตฺตาทีหิ วิตฺเตหิ สทฺธาวิตฺตเมว เสฏฺํ. ธมฺโมติ ทสกุสลกมฺมปโถ. สุขมาวหตีติ สพฺพมฺปิ สาสวานาสวํ อสํกิลิฏฺสุขํ อาวหติ. สาทุตรนฺติ ¶ โลกสฺมึ โลณมฺพิลาทีนํ สพฺพรสานํ สจฺจเมว มธุรตรํ. สจฺจสฺมึ หิ ิตา สีฆเวคํ นทิมฺปิ นิวตฺเตนฺติ, วิสมฺปิ นิมฺมทฺเทนฺติ, อคฺคิมฺปิ ปฏิพาหนฺติ, เทวมฺปิ วสฺสาเปนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺพรสานํ มธุรตรนฺติ วุตฺตํ. ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺนฺติ โย ปฺาชีวี คหฏฺโ สมาโน ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาย สลากภตฺตาทีนิ ปฏฺเปตฺวา ปฺาย ชีวติ, ปพฺพชิโต วา ปน ธมฺเมน อุปฺปนฺเน ปจฺจเย ‘‘อิทมตฺถ’’นฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนฺโต กมฺมฏฺานํ อาทาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อริยผลาธิคมวเสน ปฺาย ชีวติ, ตํ ปฺาชีวึ ปุคฺคลํ เสฏฺํ ชีวิตํ ชีวตีติ อาหุ. ตติยํ.
๔. วุฏฺิสุตฺตวณฺณนา
๗๔. จตุตฺเถ ¶ พีชนฺติ อุปฺปตนฺตานํ สตฺตวิธํ ธฺพีชํ เสฏฺํ. ตสฺมิฺหิ อุคฺคเต ชนปโท เขโม โหติ สุภิกฺโข. นิปตตนฺติ นิปตนฺตานํ เมฆวุฏฺิ เสฏฺา. เมฆวุฏฺิยฺหิ สติ วิวิธานิ สสฺสานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ชนปทา ผีตา โหนฺติ เขมา สุภิกฺขา. ปวชมานานนฺติ ชงฺคมานํ ปทสา จรมานานํ คาโว เสฏฺา. ตา นิสฺสาย หิ สตฺตา ปฺจ โครเส ปริภฺุชมานา สุขํ วิหรนฺติ. ปวทตนฺติ ราชกุลมชฺฌาทีสุ วทนฺตานํ ปุตฺโต วโร. โส หิ มาตาปิตูนํ อนตฺถาวหํ น วทติ.
วิชฺชา ¶ อุปฺปตตํ เสฏฺาติ ปุริมปฺเห กิร สุตฺวา สมีเป ิตา เอกา เทวตา ‘‘เทวเต, กสฺมา ตฺวํ เอตํ ปฺหํ ทสพลํ ปุจฺฉสิ? อหํ เต กเถสฺสามี’’ติ อตฺตโน ขนฺติยา ลทฺธิยา ปฺหํ กเถสิ. อถ นํ อิตรา เทวตา อาห – ‘‘ยาว ปธํสี วเทสิ เทวเต ยาว ปคพฺภา มุขรา, อหํ พุทฺธํ ภควนฺตํ ปุจฺฉามิ. ตฺวํ มยฺหํ กสฺมา กเถสี’’ติ? นิวตฺเตตฺวา ตเทว ปฺหํ ทสพลํ ปุจฺฉิ. อถสฺสา สตฺถา วิสฺสชฺเชนฺโต วิชฺชา อุปฺปตตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ วิชฺชาติ จตุมคฺควิชฺชา. สา หิ อุปฺปตมานา สพฺพากุสลธมฺเม สมุคฺฆาเตติ. ตสฺมา ‘‘อุปฺปตตํ เสฏฺา’’ติ วุตฺตา. อวิชฺชาติ วฏฺฏมูลกมหาอวิชฺชา. สา หิ นิปตนฺตานํ โอสีทนฺตานํ วรา. ปวชมานานนฺติ ปทสา จรมานานํ ชงฺคมานํ ¶ อโนมปฺุกฺเขตฺตภูโต สงฺโฆ วโร. ตฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา สตฺตา โสตฺถึ ปาปุณนฺติ. พุทฺโธติ ยาทิโส ปุตฺโต วา โหตุ อฺโ วา, เยสํ เกสฺจิ วทมานานํ พุทฺโธ วโร. ตสฺส หิ ธมฺมเทสนํ อาคมฺม อเนกสตสหสฺสานํ ปาณานํ พนฺธนโมกฺโข โหตีติ. จตุตฺถํ.
๕. ภีตาสุตฺตวณฺณนา
๗๕. ปฺจเม กึสูธ ภีตาติ กึ ภีตา? มคฺโค จเนกายตนปฺปวุตฺโตติ อฏฺตึสารมฺมณวเสน อเนเกหิ การเณหิ กถิโต. เอวํ สนฺเต กิสฺส ภีตา หุตฺวา อยํ ชนตา ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย อคฺคเหสีติ วทติ. ภูริปฺาติ พหุปฺ อุสฺสนฺนปฺ. ปรโลกํ น ภาเยติ อิมสฺมา โลกา ปรํ โลกํ คจฺฉนฺโต น ภาเยยฺย. ปณิธายาติ เปตฺวา. พหฺวนฺนปานํ ¶ ฆรมาวสนฺโตติ อนาถปิณฺฑิกาทโย วิย พหฺวนฺนปาเน ฆเร วสนฺโต. สํวิภาคีติ อจฺฉราย คหิตมฺปิ นเขน ผาเลตฺวา ปรสฺส ทตฺวาว ภฺุชนสีโล. วทฺูติ วุตฺตตฺถเมว.
อิทานิ คาถาย องฺคานิ อุทฺธริตฺวา ทสฺเสตพฺพานิ – ‘‘วาจ’’นฺติ หิ อิมินา จตฺตาริ วจีสุจริตานิ คหิตานิ, ‘‘มเนนา’’ติปเทน ตีณิ มโนสุจริตานิ, ‘‘กาเยนา’’ติ ปเทน ตีณิ กายสุจริตานิ. อิติ อิเม ทส กุสลกมฺมปถา ปุพฺพสุทฺธิองฺคํ นาม. พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโตติ อิมินา ยฺอุปกฺขโร คหิโต. สทฺโธติ เอกมงฺคํ, มุทูติ เอกํ, สํวิภาคีติ เอกํ, วทฺูติ เอกํ. อิติ อิมานิ จตฺตาริ องฺคานิ สนฺธาย ‘‘เอเตสุ ธมฺเมสุ ิโต จตูสู’’ติ อาห.
อปโรปิ ¶ ปริยาโย – วาจนฺติอาทีนิ ตีณิ องฺคานิ, พหฺวนฺนปานนฺติ อิมินา ยฺอุปกฺขโรว คหิโต, สทฺโธ มุทู สํวิภาคี วทฺูติ เอกํ องฺคํ. อปโร ทุกนโย นาม โหติ. ‘‘วาจํ มนฺจา’’ติ อิทเมกํ องฺคํ, ‘‘กาเยน ปาปานิ อกุพฺพมาโน, พหฺวนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโต’’ติ เอกํ, ‘‘สทฺโธ มุทู’’ติ เอกํ, ‘‘สํวิภาคี วทฺู’’ติ เอกํ. เอเตสุ จตูสุ ธมฺเมสุ ิโต ธมฺเม ิโต นาม โหติ. โส อิโต ปรโลกํ คจฺฉนฺโต น ภายติ. ปฺจมํ.
๖. นชีรติสุตฺตวณฺณนา
๗๖. ฉฏฺเ ¶ นามโคตฺตํ น ชีรตีติ อตีตพุทฺธานํ ยาวชฺชทิวสา นามโคตฺตํ กถิยติ, ตสฺมา น ชีรตีติ วุจฺจติ. โปราณา ปน ‘‘อทฺธาเน คจฺฉนฺเต น ปฺายิสฺสติ, ชีรณสภาโว ปน น โหติเยวา’’ติ วทนฺติ. อาลสฺยนฺติ อาลสิยํ, เยน ิตฏฺาเน ิโตว, นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺโนว โหติ, เตเลปิ อุตฺตรนฺเต ิตึ น กโรติ. ปมาโทติ นิทฺทาย วา กิเลสวเสน วา ปมาโท. อนุฏฺานนฺติ กมฺมสมเย กมฺมกรณวีริยาภาโว. อสํยโมติ สีลสฺมาภาโว วิสฺสฏฺาจารตา. นิทฺทาติ โสปฺปพหุลตา. ตาย คจฺฉนฺโตปิ ิโตปิ นิสินฺโนปิ นิทฺทายติ, ปเคว นิปนฺโน. ตนฺทีติ อติจฺฉาตาทิวเสน อาคนฺตุกาลสิยํ. เต ฉิทฺเทติ ตานิ ฉ ฉิทฺทานิ วิวรานิ. สพฺพโสติ ¶ สพฺพากาเรน. ตนฺติ นิปาตมตฺตํ. วิวชฺชเยติ วชฺเชยฺย ชเหยฺย. ฉฏฺํ.
๗. อิสฺสริยสุตฺตวณฺณนา
๗๗. สตฺตเม สตฺถมลนฺติ มลคฺคหิตสตฺถํ. กึ สุ หรนฺตํ วาเรนฺตีติ กํ หรนฺตํ นิเสเธนฺติ. วโสติ อาณาปวตฺตนํ. อิตฺถีติ อวิสฺสชฺชนียภณฺฑตฺตา ‘‘อิตฺถี ภณฺฑานมุตฺตมํ, วรภณฺฑ’’นฺติ อาห. อถ วา สพฺเพปิ โพธิสตฺตา จ จกฺกวตฺติโน จ มาตุกุจฺฉิยํเยว นิพฺพตฺตนฺตีติ ‘‘อิตฺถี ภณฺฑานมุตฺตม’’นฺติ อาห. โกโธ สตฺถมลนฺติ โกโธ มลคฺคหิตสตฺถสทิโส, ปฺาสตฺถสฺส วา มลนฺติ สตฺถมลํ. อพฺพุทนฺติ วินาสการณํ, โจรา โลกสฺมึ วินาสกาติ อตฺโถ. หรนฺโตติ สลากภตฺตาทีนิ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต. สลากภตฺตาทีนิ หิ ปฏฺปิตกาเลเยว มนุสฺเสหิ ปริจฺจตฺตานิ. เตสํ ตานิ หรนฺโต สมโณ ปิโย โหติ, อนาหรนฺเต ปฺุหานึ นิสฺสาย วิปฺปฏิสาริโน โหนฺติ. สตฺตมํ.
๘. กามสุตฺตวณฺณนา
๗๘. อฏฺเม ¶ ¶ อตฺตานํ น ทเทติ ปรสฺส ทาสํ กตฺวา อตฺตานํ น ทเทยฺย เปตฺวา สพฺพโพธิสตฺเตติ วุตฺตํ. น ปริจฺจเชติ สีหพฺยคฺฆาทีนํ น ปริจฺจเชยฺย สพฺพโพธิสตฺเต เปตฺวาเยวาติ วุตฺตํ. กลฺยาณนฺติ สณฺหํ มุทุกํ. ปาปิกนฺติ ผรุสํ วาจํ. อฏฺมํ.
๙. ปาเถยฺยสุตฺตวณฺณนา
๗๙. นวเม สทฺธา พนฺธติ ปาเถยฺยนฺติ สทฺธํ อุปฺปาเทตฺวา ทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, เตเนตํ วุตฺตํ. สิรีติ อิสฺสริยํ. อาสโยติ วสนฏฺานํ. อิสฺสริเย หิ อภิมุขีภูเต ถลโตปิ ชลโตปิ โภคา อาคจฺฉนฺติเยว. เตเนตํ วุตฺตํ. ปริกสฺสตีติ ปริกฑฺฒติ. นวมํ.
๑๐. ปชฺโชตสุตฺตวณฺณนา
๘๐. ทสเม ปชฺโชโตติ ปทีโป วิย โหติ. ชาคโรติ ชาครพฺราหฺมโณ วิย โหติ. คาโว กมฺเม สชีวานนฺติ กมฺเมน สห ชีวนฺตานํ ¶ คาโวว กมฺเม กมฺมสหายา กมฺมทุติยกา นาม โหนฺติ. โคมณฺฑเลหิ สทฺธึ กสิกมฺมาทีนิ นิปฺผชฺชนฺติ. สีตสฺส อิริยาปโถติ สีตํ อสฺส สตฺตกายสฺส อิริยาปโถ ชีวิตวุตฺติ. สีตนฺติ นงฺคลํ. ยสฺส หิ นงฺคเลหิ เขตฺตํ อปฺปมตฺตกมฺปิ กฏฺํ น โหติ, โส กถํ ชีวิสฺสตีติ วทติ. ทสมํ.
๑๑. อรณสุตฺตวณฺณนา
๘๑. เอกาทสเม อรณาติ นิกฺกิเลสา. วุสิตนฺติ วุสิตวาโส. โภชิสฺสิยนฺติ อทาสภาโว. สมณาติ ขีณาสวสมณา. เต หิ เอกนฺเตน อรณา นาม. วุสิตํ น นสฺสตีติ เตสํ อริยมคฺควาโส ¶ น นสฺสติ. ปริชานนฺตีติ ปุถุชฺชนกลฺยาณกโต ปฏฺาย เสขา โลกิยโลกุตฺตราย ปริฺาย ปริชานนฺติ. โภชิสฺสิยนฺติ ขีณาสวสมณานํเยว นิจฺจํ ภุชิสฺสภาโว นาม. วนฺทนฺตีติ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย วนฺทนฺติ. ปติฏฺิตนฺติ สีเล ปติฏฺิตํ ¶ . สมณีธาติ สมณํ อิธ. ชาติหีนนฺติ อปิ จณฺฑาลกุลา ปพฺพชิตํ. ขตฺติยาติ น เกวลํ ขตฺติยาว, เทวาปิ สีลสมฺปนฺนํ สมณํ วนฺทนฺติเยวาติ. เอกาทสมํ.
เฉตฺวาวคฺโค อฏฺโม.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
เทวตาสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. เทวปุตฺตสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. ปมกสฺสปสุตฺตวณฺณนา
๘๒. เทวปุตฺตสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม เทวปุตฺโตติ เทวานฺหิ องฺเก นิพฺพตฺตา ปุริสา เทวปุตฺตา นาม, อิตฺถิโย เทวธีตโร นาม โหนฺติ. นามวเสน อปากฏาว ‘‘อฺตรา เทวตา’’ติ วุจฺจติ, ปากโฏ ‘‘อิตฺถนฺนาโม เทวปุตฺโต’’ติ. ตสฺมา เหฏฺา ‘‘อฺตรา เทวตา’’ติ วตฺวา อิธ ‘‘เทวปุตฺโต’’ติ วุตฺตํ. อนุสาสนฺติ อนุสิฏฺึ. อยํ กิร เทวปุตฺโต ภควตา สมฺโพธิโต สตฺตเม วสฺเส ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา ติทสปุเร วสฺสํ อุปคมฺม อภิธมฺมํ เทเสนฺเตน ฌานวิภงฺเค – ‘‘ภิกฺขูติ สมฺาย ภิกฺขุ, ปฏิฺาย ภิกฺขู’’ติ (วิภ. ๕๑๐). เอวํ ภิกฺขุนิทฺเทสํ กถิยมานํ อสฺโสสิ. ‘‘เอวํ วิตกฺเกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถ, เอวํ มนสิกโรถ, มา เอวํ มนสากตฺถ. อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’’ติ (ปารา. ๑๙). เอวรูปํ ปน ภิกฺขุโอวาทํ ภิกฺขุอนุสาสนํ น อสฺโสสิ. โส ตํ สนฺธาย – ‘‘ภิกฺขุํ ภควา ปกาเสสิ, โน จ ภิกฺขุโน อนุสาส’’นฺติ อาห.
เตน หีติ ยสฺมา มยา ภิกฺขุโน อนุสิฏฺิ น ปกาสิตาติ วทสิ, ตสฺมา. ตฺเเวตฺถ ปฏิภาตูติ ตุยฺเหเวสา อนุสิฏฺิปกาสนา อุปฏฺาตูติ. โย หิ ปฺหํ กเถตุกาโม โหติ, น จ สกฺโกติ สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา กเถตุํ. โย วา น กเถตุกาโม โหติ, สกฺโกติ ปน กเถตุํ. โย วา ¶ เนว กเถตุกาโม โหติ, กเถตุํ น จ สกฺโกติ. สพฺเพสมฺปิ เตสํ ภควา ปฺหํ ภารํ น กโรติ. อยํ ปน เทวปุตฺโต กเถตุกาโม เจว, สกฺโกติ จ กเถตุํ. ตสฺมา ตสฺเสว ภารํ กโรนฺโต ภควา เอวมาห. โสปิ ปฺหํ กเถสิ.
ตตฺถ ¶ สุภาสิตสฺส สิกฺเขถาติ สุภาสิตํ สิกฺเขยฺย, จตุสจฺจนิสฺสิตํ ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตํ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยนิสฺสิตํ จตุพฺพิธํ วจีสุจริตเมว สิกฺเขยฺย. สมณูปาสนสฺส จาติ สมเณหิ อุปาสิตพฺพํ สมณูปาสนํ ¶ นาม อฏฺตึสเภทํ กมฺมฏฺานํ, ตมฺปิ สิกฺเขยฺย ภาเวยฺยาติ อตฺโถ. พหุสฺสุตานํ วา ภิกฺขูนํ อุปาสนมฺปิ สมณูปาสนํ. ตมฺปิ ‘กึ, ภนฺเต, กุสล’’นฺติอาทินา ปฺหปุจฺฉเนน ปฺาวุทฺธตฺถํ สิกฺเขยฺย. จิตฺตวูปสมสฺส จาติ อฏฺสมาปตฺติวเสน จิตฺตวูปสมํ สิกฺเขยฺย. อิติ เทวปุตฺเตน ติสฺโส สิกฺขา กถิตา โหนฺติ. ปุริมปเทน หิ อธิสีลสิกฺขา กถิตา, ทุติยปเทน อธิปฺาสิกฺขา, จิตฺตวูปสเมน อธิจิตฺตสิกฺขาติ เอวํ อิมาย คาถาย สกลมฺปิ สาสนํ ปกาสิตเมว โหติ. ปมํ.
๒. ทุติยกสฺสปสุตฺตวณฺณนา
๘๓. ทุติเย ฌายีติ ทฺวีหิ ฌาเนหิ ฌายี. วิมุตฺตจิตฺโตติ กมฺมฏฺานวิมุตฺติยา วิมุตฺตจิตฺโต. หทยสฺสานุปตฺตินฺติ อรหตฺตํ. โลกสฺสาติ สงฺขารโลกสฺส. อนิสฺสิโตติ ตณฺหาทิฏฺีหิ อนิสฺสิโต, ตณฺหาทิฏฺิโย วา อนิสฺสิโต. ตทานิสํโสติ อรหตฺตานิสํโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อรหตฺตานิสํโส ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปตฺเถนฺโต ฌายี ภเวยฺย, สุวิมุตฺตจิตฺโต ภเวยฺย, โลกสฺส อุทยพฺพยํ ตฺวา อนิสฺสิโต ภเวยฺย. ตนฺติธมฺโม ปน อิมสฺมึ สาสเน ปุพฺพภาโคติ. ทุติยํ.
๓-๔. มาฆสุตฺตาทิวณฺณนา
๘๔. ตติเย มาโฆติ สกฺกสฺเสตํ นามํ. สฺเวว วตฺเตน อฺเ อภิภวิตฺวา เทวิสฺสริยํ ปตฺโตติ วตฺรภู, วตฺรนามกํ วา อสุรํ อภิภวตีติ วตฺรภู. ตติยํ.
๘๕. จตุตฺถํ ¶ วุตฺตตฺถเมว. จตุตฺถํ.
๕. ทามลิสุตฺตวณฺณนา
๘๖. ปฺจเม น เตนาสีสเต ภวนฺติ เตน การเณน ยํ กิฺจิ ภวํ น ปตฺเถติ. อายตปคฺคโห นาเมส เทวปุตฺโต, ขีณาสวสฺส กิจฺจโวสานํ นตฺถิ. ขีณาสเวน หิ อาทิโต อรหตฺตปฺปตฺติยา ¶ วีริยํ กตํ ¶ , อปรภาเค มยา อรหตฺตํ ปตฺตนฺติ มา ตุณฺหี ภวตุ, ตเถว วีริยํ ทฬฺหํ กโรตุ ปรกฺกมตูติ จินฺเตตฺวา เอวมาห.
อถ ภควา ‘‘อยํ เทวปุตฺโต ขีณาสวสฺส กิจฺจโวสานํ อกเถนฺโต มม สาสนํ อนิยฺยานิกํ กเถติ, กิจฺจโวสานมสฺส กเถสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นตฺถิ กิจฺจนฺติอาทิมาห. ตีสุ กิร ปิฏเกสุ อยํ คาถา อสํกิณฺณา. ภควตา หิ อฺตฺถ วีริยสฺส โทโส นาม ทสฺสิโต นตฺถิ. อิธ ปน อิมํ เทวปุตฺตํ ปฏิพาหิตฺวา ‘‘ขีณาสเวน ปุพฺพภาเค อาสวกฺขยตฺถาย อรฺเ วสนฺเตน กมฺมฏฺานํ อาทาย วีริยํ กตํ, อปรภาเค สเจ อิจฺฉติ, กโรตุ, โน เจ อิจฺฉติ, ยถาสุขํ วิหรตู’’ติ ขีณาสวสฺส กิจฺจโวสานทสฺสนตฺถํ เอวมาห. ตตฺถ คาธนฺติ ปติฏฺํ. ปฺจมํ.
๖. กามทสุตฺตวณฺณนา
๘๗. ฉฏฺเ ทุกฺกรนฺติ อยํ กิร เทวปุตฺโต ปุพฺพโยคาวจโร พหลกิเลสตาย สปฺปโยเคน กิเลเส วิกฺขมฺเภนฺโต สมณธมฺมํ กตฺวา ปุพฺพูปนิสฺสยมนฺทตาย อริยภูมึ อปฺปตฺวาว กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต. โส ‘‘ตถาคตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ทุกฺกรภาวํ อาโรเจสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา เอวมาห. ตตฺถ ทุกฺกรนฺติ ทสปิ วสฺสานิ…เป… สฏฺิปิ ยเทตํ เอกนฺตปริสุทฺธสฺส สมณธมฺมสฺส กรณํ นาม, ตํ ทุกฺกรํ. เสขาติ สตฺต เสขา. สีลสมาหิตาติ สีเลน สมาหิตา สมุเปตา. ิตตฺตาติ ปติฏฺิตสภาวา. เอวํ ปุจฺฉิตปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ อุปริปฺหสมุฏฺาปนตฺถํ อนคาริยุเปตสฺสาติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ อนคาริยุเปตสฺสาติ อนคาริยํ นิคฺเคหภาวํ อุเปตสฺส. สตฺตภูมิเกปิ หิ ปาสาเท วสนฺโต ภิกฺขุ วุฑฺฒตเรน อาคนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ อิทํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺเต ปตฺตจีวรํ อาทาย นิกฺขมเตว. ตสฺมา ‘‘อนคาริยุเปโต’’ติ วุจฺจติ. ตุฏฺีติ จตุปจฺจยสนฺโตโส. ภาวนายาติ จิตฺตวูปสมภาวนาย.
เต เฉตฺวา มจฺจุโน ชาลนฺติ เย รตฺตินฺทิวํ อินฺทฺริยูปสเม รตา, เต ทุสฺสมาทหํ จิตฺตํ สมาทหนฺติ. เย จ สมาหิตจิตฺตา, เต จตุปจฺจยสนฺโตสํ ปูเรนฺตา น กิลมนฺติ. เย สนฺตุฏฺา, เต สีลํ ปูเรนฺตา น กิลมนฺติ ¶ . เย สีเล ปติฏฺิตา สตฺต เสขา, เต อริยา มจฺจุโน ชาลสงฺขาตํ กิเลสชาลํ ฉินฺทิตฺวา คจฺฉนฺติ. ทุคฺคโมติ ‘‘สจฺจเมตํ, ภนฺเต, เย อินฺทฺริยูปสเม ¶ รตา, เต ทุสฺสมาทหํ สมาทหนฺติ…เป… เย สีเล ปติฏฺิตา, เต มจฺจุโน ชาลํ ฉินฺทิตฺวา คจฺฉนฺติ’’. กึ น คจฺฉิสฺสนฺติ? อยํ ปน ทุคฺคโม ภควา วิสโม มคฺโคติ อาห. ตตฺถ กิฺจาปิ อริยมคฺโค เนว ทุคฺคโม น วิสโม, ปุพฺพภาคปฏิปทาย ปนสฺส พหู ปริสฺสยา โหนฺติ. ตสฺมา เอวํ วุตฺโต. อวํสิราติ าณสิเรน อโธสิรา หุตฺวา ปปตนฺติ. อริยมคฺคํ อาโรหิตุํ อสมตฺถตาเยว จ เต อนริยมคฺเค ปปตนฺตีติ จ วุจฺจนฺติ. อริยานํ สโม มคฺโคติ สฺเวว มคฺโค อริยานํ สโม โหติ. วิสเม สมาติ วิสเมปิ สตฺตกาเย สมาเยว. ฉฏฺํ.
๗. ปฺจาลจณฺฑสุตฺตวณฺณนา
๘๘. สตฺตเม สมฺพาเธติ นีวรณสมฺพาธํ กามคุณสมฺพาธนฺติ ทฺเว สมฺพาธา. เตสุ อิธ นีวรณสมฺพาธํ อธิปฺเปตํ. โอกาสนฺติ ฌานสฺเสตํ นามํ. ปฏิลีนนิสโภติ ปฏิลีนเสฏฺโ. ปฏิลีโน นาม ปหีนมาโน วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิลีโน โหติ ¶ . อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อสฺมิมาโน ปหีโน โหติ อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๘; มหานิ. ๘๗). ปจฺจลตฺถํสูติ ปฏิลภึสุ. สมฺมา เตติ เย นิพฺพานปตฺติยา สตึ ปฏิลภึสุ, เต โลกุตฺตรสมาธินาปิ สุสมาหิตาติ มิสฺสกชฺฌานํ กถิตํ. สตฺตมํ.
๘. ตายนสุตฺตวณฺณนา
๘๙. อฏฺเม ปุราณติตฺถกโรติ ปุพฺเพ ติตฺถกโร. เอตฺถ จ ติตฺถํ นาม ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย, ติตฺถกโร นาม ตาสํ อุปฺปาทโก สตฺถา. เสยฺยถิทํ นนฺโท, วจฺโฉ, กิโส, สํกิจฺโจ. ปุราณาทโย ปน ติตฺถิยา นาม. อยํ ปน ทิฏฺึ อุปฺปาเทตฺวา กถํ สคฺเค นิพฺพตฺโตติ? กมฺมวาทิตาย. เอส กิร อุโปสถภตฺตาทีนิ อทาสิ, อนาถานํ วตฺตํ ปฏฺเปสิ, ปติสฺสเย อกาสิ, โปกฺขรณิโย ขณาเปสิ, อฺมฺปิ พหุํ กลฺยาณํ อกาสิ. โส ตสฺส นิสฺสนฺเทน สคฺเค นิพฺพตฺโต, สาสนสฺส ¶ ปน นิยฺยานิกภาวํ ชานาติ. โส ตถาคตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สาสนานุจฺฉวิกา วีริยปฺปฏิสํยุตฺตา คาถา วกฺขามีติ อาคนฺตฺวา ฉินฺท โสตนฺติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ ฉินฺทาติ อนิยมิตอาณตฺติ. โสตนฺติ ตณฺหาโสตํ. ปรกฺกมฺมาติ ปรกฺกมิตฺวา วีริยํ กตฺวา. กาเมติ กิเลสกาเมปิ วตฺถุกาเมปิ. ปนุทาติ นีหร. เอกตฺตนฺติ ฌานํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กาเม อชหิตฺวา มุนิ ฌานํ น อุปปชฺชติ, น ปฏิลภตีติ อตฺโถ. กยิรา เจ กยิราเถนนฺติ ยทิ วีริยํ กเรยฺย, กเรยฺยาถ, ตํ วีริยํ น โอสกฺเกยฺย. ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเมติ ทฬฺหํ เอนํ กเรยฺย. สิถิโล หิ ปริพฺพาโชติ สิถิลคหิตา ปพฺพชฺชา. ภิยฺโย อากิรเต รชนฺติ อติเรกํ ¶ อุปริ กิเลสรชํ อากิรติ. อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโยติ ทุกฺกฏํ อกตเมว เสยฺโย. ยํ กิฺจีติ น เกวลํ ทุกฺกฏํ กตฺวา กตสามฺเมว, อฺมฺปิ ยํ กิฺจิ สิถิลํ กตํ เอวรูปเมว โหติ. สํกิลิฏฺนฺติ ทุกฺกรการิกวตํ. อิมสฺมึ หิ สาสเน ปจฺจยเหตุ สมาทินฺนธุตงฺควตํ สํกิลิฏฺเมว. สงฺกสฺสรนฺติ สงฺกาย สริตํ, ‘‘อิทมฺปิ อิมินา กตํ ภวิสฺสติ, อิทมฺปิ อิมินา’’ติ เอวํ อาสงฺกิตปริสงฺกิตํ. อาทิพฺรหฺมจริยิกาติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตา ปุพฺพปธานภูตา. อฏฺมํ.
๙. จนฺทิมสุตฺตวณฺณนา
๙๐. นวเม จนฺทิมาติ จนฺทวิมานวาสี เทวปุตฺโต. สพฺพธีติ สพฺเพสุ ขนฺธอายตนาทีสุ. โลกานุกมฺปกาติ ตุยฺหมฺปิ เอตสฺสปิ ตาทิสา เอว. สนฺตรมาโนวาติ ตุริโต วิย. ปมฺุจสีติ อตีตตฺเถ วตฺตมานวจนํ. นวมํ.
๑๐. สูริยสุตฺตวณฺณนา
๙๑. ทสเม สูริโยติ สูริยวิมานวาสี เทวปุตฺโต. อนฺธกาเรติ จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺตินิวารเณน อนฺธภาวกรเณ. วิโรจตีติ เวโรจโน. มณฺฑลีติ มณฺฑลสณฺาโน. มา, ราหุ, คิลี จรมนฺตลิกฺเขติ อนฺตลิกฺเข จรํ สูริยํ, ราหุ, มา คิลีติ วทติ. กึ ปเนส ตํ คิลตีติ ¶ ? อาม, คิลติ. ราหุสฺส หิ อตฺตภาโว มหา, อุจฺจตฺตเนน อฏฺโยชนสตาธิกานิ จตฺตาริ โยชนสหสฺสานิ, พาหนฺตรมสฺส ทฺวาทสโยชนสตานิ, พหลตฺเตน ฉ โยชนสตานิ, สีสํ นว โยชนสตํ, นลาฏํ ติโยชนสตํ, ภมุกนฺตรํ ปณฺณาสโยชนํ, มุขํ ทฺวิโยชนสตํ, ฆานํ ติโยชนสตํ, มุขาธานํ ติโยชนสตคมฺภีรํ หตฺถตลปาทตลานิ ปุถุลโต ทฺวิโยชนสตานิ ¶ . องฺคุลิปพฺพานิ ปณฺณาส โยชนานิ. โส จนฺทิมสูริเย วิโรจมาเน ทิสฺวา อิสฺสาปกโต ¶ เตสํ คมนวีถึ โอตริตฺวา มุขํ วิวริตฺวา ติฏฺติ. จนฺทวิมานํ สูริยวิมานํ วา ติโยชนสติเก มหานรเก ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ. วิมาเน อธิวตฺถา เทวตา มรณภยตชฺชิตา เอกปฺปหาเรเนว วิรวนฺติ. โส ปน วิมานํ กทาจิ หตฺเถน ฉาเทติ, กทาจิ หนุกสฺส เหฏฺา ปกฺขิปติ, กทาจิ ชิวฺหาย ปริมชฺชติ, กทาจิ อวคณฺฑการกํ ภฺุชนฺโต วิย กโปลนฺตเร เปติ. เวคํ ปน วาเรตุํ น สกฺโกติ. สเจ วาเรสฺสามีติ คณฺฑกํ กตฺวา ติฏฺเยฺย, มตฺถกํ ตสฺส ภินฺทิตฺวา นิกฺขเมยฺย, อากฑฺฒิตฺวา วา นํ โอนเมยฺย. ตสฺมา วิมาเนน สเหว คจฺฉติ. ปชํ มมนฺติ จนฺทิมสูริยา กิร ทฺเวปิ เทวปุตฺตา มหาสมยสุตฺตกถนทิวเส โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา. เตน ภควา ‘‘ปชํ มม’’นฺติ อาห, ปุตฺโต มม เอโสติ อตฺโถ. ทสมํ.
ปโม วคฺโค.
๒. อนาถปิณฺฑิกวคฺโค
๑. จนฺทิมสสุตฺตวณฺณนา
๙๒. ทุติยวคฺคสฺส ปเม กจฺเฉวาติ กจฺเฉ วิย. กจฺเฉติ ปพฺพตกจฺเฉปิ นทีกจฺเฉปิ. เอโกทิ นิปกาติ เอกคฺคจิตฺตา เจว ปฺาเนปกฺเกน จ สมนฺนาคตา. สตาติ สติมนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย ฌานานิ ลภิตฺวา ¶ เอโกที นิปกา สตา วิหรนฺติ, เต อมกเส ปพฺพตกจฺเฉ วา นทีกจฺเฉ วา มคา วิย โสตฺถึ คมิสฺสนฺตีติ. ปารนฺติ นิพฺพานํ. อมฺพุโชติ มจฺโฉ. รณฺชหาติ กิเลสฺชหา. เยปิ ฌานานิ ลภิตฺวา อปฺปมตฺตา กิเลเส ชหนฺติ, เต สุตฺตชาลํ ภินฺทิตฺวา มจฺฉา วิย นิพฺพานํ คมิสฺสนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ปมํ.
๒. เวณฺฑุสุตฺตวณฺณนา
๙๓. ทุติเย ¶ เวณฺฑูติ ตสฺส เทวปุตฺตสฺส นามํ. ปยิรุปาสิยาติ ปริรุปาสิตฺวา. อนุสิกฺขเรติ ¶ สิกฺขนฺติ. สิฏฺิปเทติ อนุสิฏฺิปเท. กาเล เต อปฺปมชฺชนฺตาติ กาเล เต อปฺปมาทํ กโรนฺตา. ทุติยํ.
๓. ทีฆลฏฺิสุตฺตวณฺณนา
๙๔. ตติเย ทีฆลฏฺีติ เทวโลเก สพฺเพ สมปฺปมาณา ติคาวุติกาว โหนฺติ, มนุสฺสโลเก ปนสฺส ทีฆตฺตภาวตาย เอวํนามํ อโหสิ. โส ปฺุานิ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโตปิ ตเถว ปฺายิ. ตติยํ.
๔. นนฺทนสุตฺตวณฺณนา
๙๕. จตุตฺเถ โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. อนาวฏนฺติ ตถาคตสฺส หิ สพฺพฺุตฺาณํ เปเสนฺตสฺส รุกฺโข วา ปพฺพโต วา อาวริตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เตนาห ‘‘อนาวฏ’’นฺติ. อิติ ตถาคตํ โถเมตฺวา เทวโลเก อภิสงฺขตปฺหํ ปุจฺฉนฺโต กถํวิธนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ทุกฺขมติจฺจ อิริยตีติ ทุกฺขํ อติกฺกมิตฺวา วิหรติ. สีลวาติ โลกิยโลกุตฺตเรน สีเลน สมนฺนาคโต ขีณาสโว. ปฺาทโยปิ มิสฺสกาเยว เวทิตพฺพา. ปูชยนฺตีติ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชนฺติ. จตุตฺถํ.
๕-๖. จนฺทนสุตฺตาทิวณฺณนา
๙๖. ปฺจเม อปฺปติฏฺเ อนาลมฺเพติ เหฏฺา อปติฏฺเ อุปริ อนาลมฺพเน. สุสมาหิโตติ อปฺปนายปิ อุปจาเรนปิ สุฏฺุ สมาหิโต ¶ . ปหิตตฺโตติ เปสิตตฺโต. นนฺทีราคปริกฺขีโณติ ปริกฺขีณนนฺทีราโค. นนฺทีราโค นาม ตโย กมฺมาภิสงฺขารา. อิติ อิมาย คาถาย กามสฺาคหเณน ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ, รูปสํโยชนคหเณน ปฺจ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ, นนฺทีราเคน ตโย กมฺมาภิสงฺขารา ¶ คหิตา. เอวํ ยสฺส ทส สํโยชนานิ ตโย จ กมฺมาภิสงฺขารา ปหีนา, โส คมฺภีเร มโหเฆ น สีทตีติ. กามสฺาย วา กามภโว, รูปสํโยชเนน รูปภโว คหิโต, เตสํ คหเณน อรูปภโว คหิโตว ¶ , นนฺทีราเคน ตโย กมฺมาภิสงฺขารา คหิตาติ เอวํ ยสฺส ตีสุ ภเวสุ ตโย สงฺขารา นตฺถิ, โส คมฺภีเร น สีทตีติปิ ทสฺเสติ. ปฺจมํ.
๗. สุพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา
๙๘. สตฺตเม สุพฺรหฺมาติ โส กิร เทวปุตฺโต อจฺฉราสงฺฆปริวุโต นนฺทนกีฬิกํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. ตํ ปฺจสตา เทวธีตโร ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา, ปฺจสตา รุกฺขํ อภิรุฬฺหา. นนุ จ เทวตานํ จิตฺตวเสน โยชนสติโกปิ รุกฺโข โอนมิตฺวา หตฺถํ อาคจฺฉติ, กสฺมา ตา อภิรุฬฺหาติ. ขิฑฺฑาปสุตตาย. อภิรุยฺห ปน มธุรสฺสเรน คายิตฺวา คายิตฺวา ปุปฺผานิ ปาเตนฺติ, ตานิ คเหตฺวา อิตรา เอกโตวณฺฏิกมาลาทิวเสน คนฺเถนฺติ. อถ รุกฺขํ อภิรุฬฺหา อุปจฺเฉทกกมฺมวเสน เอกปฺปหาเรเนว กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺติ.
อถ กาเล คจฺฉนฺเต เทวปุตฺโต ‘‘อิมาสํ เนว สทฺโท สุยฺยติ, น ปุปฺผานิ ปาเตนฺติ. กหํ นุ โข คตา’’ติ? อาวชฺเชนฺโต นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ ทิสฺวา ปิยวตฺถุกโสเกน รุปฺปมาโน จินฺเตสิ – ‘‘เอตา ตาว ยถากมฺเมน คตา, มยฺหํ อายุสงฺขาโร กิตฺตโก’’ติ. โส – ‘‘สตฺตเม ทิวเส มยาปิ อวเสสาหิ ปฺจสตาหิ สทฺธึ กาลํ กตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺติตพฺพ’’นฺติ ทิสฺวา พลวตเรน โสเกน รุปฺปิ. โส – ‘‘อิมํ มยฺหํ โสกํ สเทวเก โลเก อฺตฺร ตถาคตา นิทฺธมิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา นิจฺจํ อุตฺรสฺตนฺติ คาถมาห.
ตตฺถ ¶ อิทนฺติ อตฺตโน จิตฺตํ ทสฺเสติ. ทุติยปทํ ปุริมสฺเสว ¶ เววจนํ. นิจฺจนฺติ จ ปทสฺส เทวโลเก นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺายาติ อตฺโถ น คเหตพฺโพ, โสกุปฺปตฺติกาลโต ปน ปฏฺาย นิจฺจนฺติ เวทิตพฺพํ. อนุปฺปนฺเนสุ กิจฺเฉสูติ อิโต สตฺตาหจฺจเยน ยานิ ทุกฺขานิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, เตสุ. อโถ อุปฺปติเตสุ จาติ ยานิ ปฺจสตานํ อจฺฉรานํ นิรเย นิพฺพตฺตานํ ทิฏฺานิ, เตสุ จาติ เอวํ อิเมสุ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺเนสุ ทุกฺเขสุ นิจฺจํ มม อุตฺรสฺตํ จิตฺตํ, อพฺภนฺตเร ฑยฺหมาโน วิย โหมิ ภควาติ ทสฺเสติ.
นาฺตฺร ¶ โพชฺฌา ตปสาติ โพชฺฌงฺคภาวนฺจ ตโปคุณฺจ อฺตฺร มฺุจิตฺวา โสตฺถึ น ปสฺสามีติ อตฺโถ. สพฺพนิสฺสคฺคาติ นิพฺพานโต. เอตฺถ กิฺจาปิ โพชฺฌงฺคภาวนา ปมํ คหิตา, อินฺทฺริยสํวโร ปจฺฉา, อตฺถโต ปน อินฺทฺริยสํวโรว ปมํ เวทิตพฺโพ. อินฺทิยสํวเร หิ คหิเต จตุปาริสุทฺธิสีลํ คหิตํ โหติ. ตสฺมึ ปติฏฺิโต ภิกฺขุ นิสฺสยมุตฺตโก ธุตงฺคสงฺขาตํ ตโปคุณํ สมาทาย อรฺํ ปวิสิตฺวา กมฺมฏฺานํ ภาเวนฺโต สห วิปสฺสนาย โพชฺฌงฺเค ภาเวติ. ตสฺส อริยมคฺโค ยํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ, โส ‘‘สพฺพนิสฺสคฺโค’’ติ ภควา จตุสจฺจวเสน เทสนํ วินิวตฺเตสิ. เทวปุตฺโต เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ. สตฺตมํ.
๘-๑๐. กกุธสุตฺตาทิวณฺณนา
๙๙. อฏฺเม กกุโธ เทวปุตฺโตติ อยํ กิร โกลนคเร มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อุปฏฺากปุตฺโต ทหรกาเลเยว เถรสฺส สนฺติเก วสนฺโต ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา กาลงฺกโต, พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิ. ตตฺราปิ นํ กกุโธ พฺรหฺมาตฺเวว สฺชานนฺติ. นนฺทสีติ ตุสฺสสิ. กึ ลทฺธาติ ตุฏฺิ นาม กิฺจิ มนาปํ ลภิตฺวา โหติ, ตสฺมา เอวมาห. กึ ชียิตฺถาติ ยสฺส หิ กิฺจิ มนาปํ จีวราทิวตฺถุ ชิณฺณํ โหติ, โส โสจติ, ตสฺมา เอวมาห. อรตี นาภิกีรตีติ อุกฺกณฺิตา นาภิภวติ. อฆชาตสฺสาติ ทุกฺขชาตสฺส, วฏฺฏทุกฺเข ิตสฺสาติ อตฺโถ. นนฺทีชาตสฺสาติ ชาตตณฺหสฺส. อฆนฺติ เอวรูปสฺส ¶ หิ วฏฺฏทุกฺขํ อาคตเมว โหติ ¶ . ‘‘ทุกฺขี สุขํ ปตฺถยตี’’ติ หิ วุตฺตํ. อิติ อฆชาตสฺส นนฺที โหติ, สุขวิปริณาเมน ทุกฺขํ อาคตเมวาติ นนฺทีชาตสฺส อฆํ โหติ. อฏฺมํ.
๑๐๑. ทสเม อานนฺทตฺเถรสฺส อนุมานพุทฺธิยา อานุภาวปฺปกาสนตฺถํ อฺตโรติ อาห. ทสมํ.
ทุติโย วคฺโค.
๓. นานาติตฺถิยวคฺโค
๑-๒. สิวสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๐๒. ตติยวคฺคสฺส ¶ ปมํ วุตฺตตฺถเมว. ปมํ.
๑๐๓. ทุติเย ปฏิกจฺเจวาติ ปมํเยว. อกฺขจฺฉินฺโนวฌายตีติ อกฺขจฺฉินฺโน อวฌายติ, พลวจินฺตนํ จินฺเตติ. ทุติยคาถาย อกฺขจฺฉินฺโนวาติ อกฺขจฺฉินฺโน วิย. ทุติยํ.
๓-๔. เสรีสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๐๔. ตติเย ทายโกติ ทานสีโล. ทานปตีติ ยํ ทานํ เทมิ, ตสฺส ปติ หุตฺวา เทมิ, น ทาโส น สหาโย. โย หิ อตฺตนา มธุรํ ภฺุชติ, ปเรสํ อมธุรํ เทติ, โส ทานสงฺขาตสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ทาโส หุตฺวา เทติ. โย ยํ อตฺตนา ภฺุชติ, ตเทว เทติ, โส สหาโย หุตฺวา เทติ. โย ปน อตฺตนา เยน เตน ยาเปติ, ปเรสํ มธุรํ เทติ, โส ปติ เชฏฺโก สามิ หุตฺวา เทติ. อหํ ‘‘ตาทิโส อโหสิ’’นฺติ ¶ วทติ.
จตูสุ ทฺวาเรสุติ ตสฺส กิร รฺโ สินฺธวรฏฺํ โสธิวากรฏฺนฺติ ทฺเว รฏฺานิ อเหสุํ, นครํ โรรุวํ นาม. ตสฺส เอเกกสฺมึ ทฺวาเร เทวสิกํ สตสหสฺสํ อุปฺปชฺชติ, อนฺโตนคเร วินิจฺฉยฏฺาเน สตสหสฺสํ. โส พหุหิรฺสุวณฺณํ ราสิภูตํ ทิสฺวา กมฺมสฺสกตาณํ อุปฺปาเทตฺวา จตูสุ ทฺวาเรสุ ¶ ทานสาลาโย กาเรตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ ทฺวาเร อุฏฺิตอาเยน ทานํ เทถาติ อมจฺเจ เปสิ. เตนาห – ‘‘จตูสุ ทฺวาเรสุ ทานํ ทียิตฺถา’’ติ.
สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานนฺติ เอตฺถ สมณาติ ปพฺพชฺชูปคตา. พฺราหฺมณาติ โภวาทิโน. สมิตปาปพาหิตปาเป ปน สมณพฺราหฺมเณ เอส นาลตฺถ. กปณาติ ทุคฺคตา ทลิทฺทมนุสฺสา กาณกุณิอาทโย. อทฺธิกาติ ปถาวิโน. วนิพฺพกาติ เย ‘‘อิฏฺํ, ทินฺนํ, กนฺตํ, มนาปํ, กาเลน, อนวชฺชํ ทินฺนํ, ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺย, คจฺฉตุ ภวํ พฺรหฺมโลก’’นฺติอาทินา นเยน ¶ ทานสฺส วณฺณํ โถมยมานา วิจรนฺติ. ยาจกาติ เย ‘‘ปสตมตฺตํ เทถ, สราวมตฺตํ เทถา’’ติอาทีนิ จ วตฺวา ยาจมานา วิจรนฺติ. อิตฺถาคารสฺส ทานํ ทียิตฺถาติ ปมทฺวารสฺส ลทฺธตฺตา ตตฺถ อุปฺปชฺชนกสตสหสฺเส อฺมฺปิ ธนํ ปกฺขิปิตฺวา รฺโ อมจฺเจ หาเรตฺวา อตฺตโน อมจฺเจ เปตฺวา รฺา ทินฺนทานโต ราชิตฺถิโย มหนฺตตรํ ทานํ อทํสุ. ตํ สนฺธาเยวมาห. มม ทานํ ปฏิกฺกมีติ ยํ มม ทานํ ตตฺถ ทียิตฺถ, ตํ ปฏินิวตฺติ. เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโย. โกจีติ กตฺถจิ. ทีฆรตฺตนฺติ อสีติวสฺสสหสฺสานิ. เอตฺตกํ กิร กาลํ ตสฺส รฺโ ทานํ ทียิตฺถ. ตติยํ.
๑๐๕. จตุตฺถํ วุตฺตตฺถเมว. จตุตฺถํ.
๕. ชนฺตุสุตฺตวณฺณนา
๑๐๖. ปฺจเม ¶ โกสเลสุ วิหรนฺตีติ ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วิหรนฺติ. อุทฺธตาติ อกปฺปิเย กปฺปิยสฺิตาย จ กปฺปิเย อกปฺปิยสฺิตาย จ อนวชฺเช สาวชฺชสฺิตาย จ สาวชฺเช อนวชฺชสฺิตาย จ อุทฺธจฺจปกติกา หุตฺวา. อุนฺนฬาติ อุคฺคตนฬา, อุฏฺิตตุจฺฉมานาติ วุตฺตํ โหติ. จปลาติ ปตฺตจีวรมณฺฑนาทินา จาปลฺเลน ยุตฺตา. มุขราติ มุขขรา, ขรวจนาติ วุตฺตํ โหติ. วิกิณฺณวาจาติ อสํยตวจนา, ทิวสมฺปิ นิรตฺถกวจนปลาปิโน. มุฏฺสฺสติโนติ นฏฺสฺสติโน สติวิรหิตา, อิธ กตํ เอตฺถ ปมุสฺสนฺติ. อสมฺปชานาติ นิปฺปฺา. อสมาหิตาติ อปฺปนาอุปจารสมาธิรหิตา, จณฺฑโสเต ¶ พทฺธนาวาสทิสา. วิพฺภนฺตจิตฺตาติ อนวฏฺิตจิตฺตา, ปนฺถารุฬฺหพาลมิคสทิสา. ปากตินฺทฺริยาติ สํวราภาเวน คิหิกาเล วิย วิวฏอินฺทฺริยา.
ชนฺตูติ เอวํนามโก เทวปุตฺโต. ตทหุโปสเถติ ตสฺมึ อหุ อุโปสเถ, อุโปสถทิวเสติ อตฺโถ. ปนฺนรเสติ จาตุทฺทสิกาทิปฏิกฺเขโป. อุปสงฺกมีติ โจทนตฺถาย อุปคโต. โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิกฺขนฺตา, อิทานิ ปมตฺตา วิหรนฺติ, น โข ปเนเต ปาฏิเยกฺกํ นิสินฺนฏฺาเน โจทิยมานา กถํ คณฺหิสฺสนฺติ, สมาคมนกาเล โจทิสฺสามี’’ติ อุโปสถทิวเส เตสํ สนฺนิปติตภาวํ ตฺวา อุปสงฺกมิ. คาถาหิ อชฺฌภาสีติ สพฺเพสํ มชฺเฌ ตฺวา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ¶ ยสฺมา คุณกถาย สทฺธึ นิคฺคุณสฺส อคุโณ ปากโฏ โหติ, ตสฺมา คุณํ ตาว กเถนฺโต สุขชีวิโน ปุเร อาสุนฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุขชีวิโน ปุเร อาสุนฺติ ปุพฺเพ ภิกฺขู สุปฺโปสา สุภรา ¶ อเหสุํ, อุจฺจนีจกุเลสุ สปทานํ จริตฺวา ลทฺเธน มิสฺสกปิณฺเฑน ยาเปสุนฺติ อธิปฺปาเยน เอวมาห. อนิจฺฉาติ นิตฺตณฺหา หุตฺวา.
เอวํ โปราณกภิกฺขูนํ วณฺณํ กเถตฺวา อิทานิ เตสํ อวณฺณํ กเถนฺโต ทุปฺโปสนฺติอาทิมาห. ตตฺถ คาเม คามณิกา วิยาติ ยถา คาเม คามกุฏา นานปฺปกาเรน ชนํ ปีเฬตฺวา ขีรทธิตณฺฑุลาทีนิ อาหราเปตฺวา ภฺุชนฺติ, เอวํ ตุมฺเหปิ อเนสนาย ิตา ตุมฺหากํ ชีวิกํ กปฺเปถาติ อธิปฺปาเยน วทติ. นิปชฺชนฺตีติ อุทฺเทสปริปุจฺฉามนสิกาเรหิ อนตฺถิกา หุตฺวา สยนมฺหิ หตฺถปาเท วิสฺสชฺเชตฺวา นิปชฺชนฺติ. ปราคาเรสูติ ปรเคเหสุ, กุลสุณฺหาทีสูติ อตฺโถ. มุจฺฉิตาติ กิเลสมุจฺฉาย มุจฺฉิตา.
เอกจฺเจติ วตฺตพฺพยุตฺตเกเยว. อปวิทฺธาติ ฉฑฺฑิตกา. อนาถาติ อปติฏฺา. เปตาติ สุสาเน ฉฑฺฑิตา กาลงฺกตมนุสฺสา. ยถา หิ สุสาเน ฉฑฺฑิตา นานาสกุณาทีหิ ขชฺชนฺติ, าตกาปิ เนสํ นาถกิจฺจํ น ¶ กโรนฺติ, น รกฺขนฺติ, น โคปยนฺติ, เอวเมวํ เอวรูปาปิ อาจริยุปชฺฌายาทีนํ สนฺติกา โอวาทานุสาสนึ น ลภนฺตีติ อปวิทฺธา อนาถา, ยถา เปตา, ตเถว โหนฺติ. ปฺจมํ.
๖. โรหิตสฺสสุตฺตวณฺณนา
๑๐๗. ฉฏฺเ ยตฺถาติ จกฺกวาฬโลกสฺส เอโกกาเส ภุมฺมํ. น จวติ น อุปปชฺชตีติ อิทํ อปราปรํ จุติปฏิสนฺธิวเสน คหิตํ. คมเนนาติ ปทคมเนน. นาหํ ตํ โลกสฺส อนฺตนฺติ สตฺถา สงฺขารโลกสฺส อนฺตํ สนฺธาย วทติ. าเตยฺยนฺติอาทีสุ าตพฺพํ, ทฏฺพฺพํ, ปตฺตพฺพนฺติ อตฺโถ.
อิติ เทวปุตฺเตน จกฺกวาฬโลกสฺส อนฺโต ปุจฺฉิโต, สตฺถารา สงฺขารโลกสฺส กถิโต. โส ปน อตฺตโน ปฺเหน สทฺธึ สตฺถุ พฺยากรณํ สเมตีติ สฺาย ปสํสนฺโต อจฺฉริยนฺติอาทิมาห.
ทฬฺหธมฺโมติ ¶ ทฬฺหธนุ, อุตฺตมปฺปมาเณน ธนุนา สมนฺนาคโต. ธนุคฺคโหติ ธนุอาจริโย. สุสิกฺขิโตติ ¶ ทส ทฺวาทส วสฺสานิ ธนุสิปฺปํ สิกฺขิโต. กตหตฺโถติ อุสภปฺปมาเณปิ วาลคฺคํ วิชฺฌิตุํ สมตฺถภาเวน กตหตฺโถ. กตูปาสโนติ กตสรกฺเขโป ทสฺสิตสิปฺโป. อสเนนาติ กณฺเฑน. อติปาเตยฺยาติ อติกฺกเมยฺย. ยาวตา โส ตาลจฺฉายํ อติกฺกเมยฺย, ตาวตา กาเลน เอกจกฺกวาฬํ อติกฺกมามีติ อตฺตโน ชวสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ.
ปุรตฺถิมา สมุทฺทา ปจฺฉิโมติ ยถา ปุรตฺถิมสมุทฺทา ปจฺฉิมสมุทฺโท ทูเร, เอวํ เม ทูเร ปทวีติหาโร อโหสีติ วทติ. โส กิร ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ิโต ปาทํ ปสาเรตฺวา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อกฺกมติ, ปุน ทุติยํ ปาทํ ปสาเรตฺวา ปรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อกฺกมติ. อิจฺฉาคตนฺติ อิจฺฉา เอว. อฺตฺเรวาติ นิปฺปปฺจตํ ทสฺเสติ. ภิกฺขาจารกาเล กิเรส นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺเต มุขํ โธวิตฺวา กาเล สมฺปตฺเต อุตฺตรกุรุมฺหิ ปิณฺฑาย จริตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ นิสินฺโน ภตฺตกิจฺจํ กโรติ, ตตฺถ มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา ปุน ชวติ. วสฺสสตายุโกติ ตทา ทีฆายุกกาโล โหติ, อยํ ปน วสฺสสตาวสิฏฺเ ¶ อายุมฺหิ คมนํ อารภิ. วสฺสสตชีวีติ ตํ วสฺสสตํ อนนฺตราเยน ชีวนฺโต. อนฺตราว กาลงฺกโตติ จกฺกวาฬโลกสฺส อนฺตํ อปฺปตฺวา อนฺตราว มโต. โส ปน ตตฺถ กาลํ กตฺวาปิ อาคนฺตฺวา อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ นิพฺพตฺติ. อปฺปตฺวาติ สงฺขารโลกสฺส อนฺตํ อปฺปตฺวา. ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส. อนฺตกิริยนฺติ ปริยนฺตกรณํ. กเฬวเรติ อตฺตภาเว. สสฺิมฺหิ สมนเกติ สสฺเ สจิตฺเต. โลกนฺติ ทุกฺขสจฺจํ. โลกสมุทยนฺติ สมุทยสจฺจํ. โลกนิโรธนฺติ นิโรธสจฺจํ. ปฏิปทนฺติ มคฺคสจฺจํ. อิติ – ‘‘นาหํ, อาวุโส, อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ ติณกฏฺาทีสุ ปฺเปมิ ¶ , อิมสฺมึ ปน จาตุมหาภูติเก กายสฺมึ เยว ปฺเปมี’’ติ ทสฺเสติ. สมิตาวีติ สมิตปาโป. นาสีสตีติ น ปตฺเถติ. ฉฏฺํ.
๑๐๘-๑๐๙. สตฺตมฏฺมานิ วุตฺตตฺถาเนว. สตฺตมํ, อฏฺมํ.
๙. สุสิมสุตฺตวณฺณนา
๑๑๐. นวเม ตุยฺหมฺปิ โน, อานนฺท, สาริปุตฺโต รุจฺจตีติ สตฺถา เถรสฺส วณฺณํ กเถตุกาโม, วณฺโณ จ นาเมส วิสภาคปุคฺคลสฺส สนฺติเก กเถตุํ น วฏฺฏติ. ตสฺส สนฺติเก กถิโต ¶ หิ มตฺถกํ น ปาปุณาติ. โส หิ ‘‘อสุโก นาม ภิกฺขุ สีลวา’’ติ วุตฺเต. ‘‘กึ ตสฺส สีลํ? โครูปสีโล โส. กึ ตยา อฺโ สีลวา น ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ วา? ‘‘ปฺวา’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ปฺโ โส? กึ ตยา อฺโ ปฺวา น ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ? วา, อาทีนิ วตฺวา วณฺณกถาย อนฺตรายํ กโรติ. อานนฺทตฺเถโร ปน สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สภาโค, ปณีตานิ ลภิตฺวา เถรสฺส เทติ, อตฺตโน อุปฏฺากทารเก ปพฺพาเชตฺวา เถรสฺส สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหาเปติ, อุปสมฺปาเทติ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ อานนฺทตฺเถรสฺส ตเถว กโรติ. กึ การณา? อฺมฺสฺส คุเณสุ ปสีทิตฺวา. อานนฺทตฺเถโร หิ – ‘‘อมฺหากํ เชฏฺภาติโก เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ สตสหสฺสฺจ กปฺเป ปารมิโย ปูเรตฺวา โสฬสวิธํ ปฺํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ธมฺมเสนาปติฏฺาเน ิโต’’ติ เถรสฺส คุเณสุ ปสีทิตฺวาว เถรํ มมายติ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มยา กตฺตพฺพํ มุโขทกทานาทิกิจฺจํ สพฺพํ อานนฺโท กโรติ. อานนฺทํ นิสฺสาย อหํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตุํ ลภามี’’ติ อายสฺมโต อานนฺทสฺส คุเณสุ ¶ ปสีทิตฺวาว ตํ มมายติ. ตสฺมา ภควา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วณฺณํ กเถตุกาโม อานนฺทตฺเถรสฺส สนฺติเก กเถตุํ อารทฺโธ.
ตตฺถ ตุยฺหมฺปีติ สมฺปิณฺฑนตฺโถ ปิ-กาโร. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อานนฺท, สาริปุตฺตสฺส อาจาโร โคจโร วิหาโร อภิกฺกโม ¶ ปฏิกฺกโม อาโลกิตวิโลกิตํ สมิฺชิตปสารณํ มยฺหํ รุจฺจติ, อสีติมหาเถรานํ รุจฺจติ, สเทวกสฺส โลกสฺส รุจฺจติ. ตุยฺหมฺปิ รุจฺจตี’’ติ?
ตโต เถโร สาฏกนฺตเร ลทฺโธกาโส พลวมลฺโล วิย ตุฏฺมานโส หุตฺวา – ‘‘สตฺถา มยฺหํ ปิยสหายสฺส วณฺณํ กถาเปตุกาโม. ลภิสฺสามิ โน อชฺช, ทีปธชภูตํ มหาชมฺพุํ วิธุนนฺโต วิย วลาหกนฺตรโต จนฺทํ นีหริตฺวา ทสฺเสนฺโต วิย สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วณฺณํ กเถตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปมตรํ ตาว จตูหิ ปเทหิ ปุคฺคลปลาเป หรนฺโต กสฺส หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺสาติอาทิมาห. พาโล หิ พาลตาย, ทุฏฺโ โทสตาย, มูฬฺโห โมเหน, วิปลฺลตฺถจิตฺโต อุมฺมตฺตโก จิตฺตวิปลฺลาเสน วณฺณํ ‘‘วณฺโณ’’ติ วา อวณฺณํ ‘‘อวณฺเณ’’ติ วา, ‘‘อยํ พุทฺโธ, อยํ สาวโก’’ติ วา น ชานาติ. อพาลาทโย ปน ชานนฺติ, ตสฺมา อพาลสฺสาติอาทิมาห. น รุจฺเจยฺยาติ พาลาทีนํเยว หิ โส น รุจฺเจยฺย, น อฺสฺส กสฺสจิ น รุจฺเจยฺย.
เอวํ ¶ ปุคฺคลปลาเป หริตฺวา อิทานิ โสฬสหิ ปเทหิ ยถาภูตํ วณฺณํ กเถนฺโต ปณฺฑิโต, ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ ปณฺฑิโตติ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต, จตูสุ โกสลฺเลสุ ิตสฺเสตํ นามํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหติ อายตนกุสโล จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสโล จ านาฏฺานกุสโล จ, เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ‘ปณฺฑิโต ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๔). มหาปฺโติอาทีสุ มหาปฺาทีหิ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ตตฺริทํ มหาปฺาทีนํ นานตฺตํ (ปฏิ. ม. ๓.๔) – กตมา มหาปฺา? มหนฺเต สีลกฺขนฺเธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปฺา, มหนฺเต สมาธิกฺขนฺเธ, ปฺากฺขนฺเธ, วิมุตฺติกฺขนฺเธ, วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปฺา. มหนฺตานิ านาฏฺานานิ, มหาวิหารสมาปตฺติโย, มหนฺตานิ อริยสจฺจานิ, มหนฺเต สติปฏฺาเน, สมฺมปฺปธาเน, อิทฺธิปาเท, มหนฺตานิ อินฺทฺริยานิ, พลานิ, โพชฺฌงฺคานิ, มหนฺเต ¶ อริยมคฺเค ¶ , มหนฺตานิ สามฺผลานิ, มหาอภิฺาโย, มหนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปฺา.
สา ปน เถรสฺส เทโวโรหนํ กตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร ิเตน สตฺถารา ปุถุชฺชนปฺจเก ปฺเห ปุจฺฉิเต ตํ วิสฺสชฺเชนฺตสฺส ปากฏา ชาตา.
กตมา ปุถุปฺา? ปุถุ นานาขนฺเธสุ, (าณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปฺา.) ปุถุ นานาธาตูสุ, ปุถุ นานาอายตเนสุ, ปุถุ นานาปฏิจฺจสมุปฺปาเทสุ, ปุถุ นานาสฺุตมนุปลพฺเภสุ, ปุถุ นานาอตฺเถสุ, ธมฺเมสุ นิรุตฺตีสุ ปฏิภาเนสุ, ปุถุ นานาสีลกฺขนฺเธสุ, ปุถุ นานาสมาธิ-ปฺาวิมุตฺติ-วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธสุ, ปุถุ นานาานาฏฺาเนสุ, ปุถุ นานาวิหารสมาปตฺตีสุ, ปุถุ นานาอริยสจฺเจสุ, ปุถุ นานาสติปฏฺาเนสุ, สมฺมปฺปธาเนสุ, อิทฺธิปาเทสุ, อินฺทฺริเยสุ, พเลสุ, โพชฺฌงฺเคสุ, ปุถุ นานาอริยมคฺเคสุ, สามฺผเลสุ, อภิฺาสุ, ปุถุ นานาชนสาธารเณ ธมฺเม สมติกฺกมฺม ปรมตฺเถ นิพฺพาเน าณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปฺา.
กตมา หาสปฺา? อิเธกจฺโจ หาสพหุโล เวทพหุโล ตุฏฺิพหุโล ปาโมชฺชพหุโล สีลํ ปริปูเรติ, อินฺทฺริยสํวรํ ปริปูเรติ, โภชเน มตฺตฺุตํ, ชาคริยานุโยคํ, สีลกฺขนฺธํ, สมาธิกฺขนฺธํ, ปฺากฺขนฺธํ, วิมุตฺติกฺขนฺธํ, วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺธํ ปริปูเรตีติ, หาสปฺา. หาสพหุโล ปาโมชฺชพหุโล านาฏฺานํ ปฏิวิชฺฌตีติ หาสปฺา. หาสพหุโล วิหารสมาปตฺติโย ปริปูเรตีติ หาสปฺา. หาสพหุโล อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ. สติปฏฺาเน ¶ , สมฺมปฺปธาเน, อิทฺธิปาเท, อินฺทฺริยานิ, พลานิ ¶ , โพชฺฌงฺคานิ, อริยมคฺคํ ภาเวตีติ หาสปฺา. หาสพหุโล สามฺผลานิ สจฺฉิกโรติ, อภิฺาโย ปฏิวิชฺฌตีติ หาสปฺา, หาสพหุโล เวทตุฏฺิปาโมชฺชพหุโล ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตีติ หาสปฺา.
เถโร จ สรโท นาม ตาปโส หุตฺวา อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ปาทมูเล อคฺคสาวกปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. ตํกาลโต ปฏฺาย หาสพหุโล สีลปริปูรณาทีนิ อกาสีติ หาสปฺโ.
กตมา ¶ ชวนปฺา? ยํกิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป… ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปฺา. ทุกฺขโต ขิปฺปํ, อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปฺา. ยา กาจิ เวทนา…เป… ยา กาจิ สฺา… เย เกจิ สงฺขารา… ยํกิฺจิ วิฺาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป… สพฺพํ วิฺาณํ อนิจฺจโต, ทุกฺขโต, อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปฺา. จกฺขุ…เป… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจโต, ทุกฺขโต, อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปฺา. รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยฏฺเน, ทุกฺขํ ภยฏฺเน, อนตฺตา อสารกฏฺเนาติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา รูปนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปฺา. เวทนา… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ… จกฺขุ…เป… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยฏฺเน…เป… วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปฺา. รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป… วิฺาณํ. จกฺขุ…เป… ชรามรณํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ¶ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปฺา.
กตมา ติกฺขปฺา? ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปฺา. อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ… อุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ… อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม… อุปฺปนฺนํ ราคํ… โทสํ… โมหํ… โกธํ… อุปนาหํ… มกฺขํ… ปฬาสํ… อิสฺสํ… มจฺฉริยํ… มายํ… สาเยฺยํ… ถมฺภํ… สารมฺภํ… มานํ… อติมานํ… มทํ… ปมาทํ… สพฺเพ กิเลเส… สพฺเพ ทุจฺจริเต… สพฺเพ อภิสงฺขาเร… สพฺเพ ภวคามิกมฺเม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมตีติ ติกฺขปฺา. เอกสฺมึ อาสเน ¶ จตฺตาโร จ อริยมคฺคา, จตฺตาริ จ สามฺผลานิ, จตสฺโส จ ปฏิสมฺภิทาโย, ฉ จ อภิฺาโย อธิคตา โหนฺติ สจฺฉิกตา ผสฺสิตา ปฺายาติ ติกฺขปฺา.
เถโร จ ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺเต เทสิยมาเน ิตโกว สพฺพกิเลเส ฉินฺทิตฺวา สาวกปารมิาณํ ปฏิวิทฺธกาลโต ปฏฺาย ติกฺขปฺโ นาม ชาโต. เตนาห – ‘‘ติกฺขปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต’’ติ.
กตมา ¶ นิพฺเพธิกปฺา? อิเธกจฺโจ สพฺพสงฺขาเรสุ อุพฺเพคพหุโล โหติ อุตฺตาสพหุโล อุกฺกณฺนพหุโล อรติพหุโล อนภิรติพหุโล พหิมุโข น รมติ สพฺพสงฺขาเรสุ, อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปฺปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิพฺเพธิกปฺา. อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปฺปทาลิตปุพฺพํ โทสกฺขนฺธํ… โมหกฺขนฺธํ… โกธํ… อุปนาหํ…เป… สพฺเพ ภวคามิกมฺเม นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิพฺเพธิกปฺา.
อปฺปิจฺโฉติ สนฺตคุณนิคุหนตา, ปจฺจยปฏิคฺคหเณ จ มตฺตฺุตา, เอตํ อปฺปิจฺฉลกฺขณนฺติ อิมินา ลกฺขเณน สมนฺนาคโต. สนฺตุฏฺโติ จตูสุ ปจฺจเยสุ ยถาลาภสนฺโตโส ยถาพลสนฺโตโส ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ, อิเมหิ ตีหิ สนฺโตเสหิ สมนฺนาคโต. ปวิวิตฺโตติ กายวิเวโก จ ¶ วิเวกฏฺกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํ, จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํ, อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตานนฺติ, อิเมสํ ติณฺณํ วิเวกานํ ลาภี. อสํสฏฺโติ ทสฺสนสํสคฺโค สวนสํสคฺโค สมุลฺลปนสํสคฺโค ปริโภคสํสคฺโค กายสํสคฺโคติ, อิเมหิ ปฺจหิ สํสคฺเคหิ วิรหิโต. อยฺจ ปฺจวิโธ สํสคฺโค ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อุปาสเกหิ อุปสิกาหิ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหีติ อฏฺหิ ปุคฺคเลหิ สทฺธึ ชายติ, โส สพฺโพปิ เถรสฺส นตฺถีติ อสํสฏฺโ.
อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตวีริโย ปริปุณฺณวีริโย. ตตฺถ อารทฺธวีริโย ภิกฺขุ คมเน อุปฺปนฺนกิเลสสฺส านํ ปาปุณิตุํ น เทติ, าเน อุปฺปนฺนสฺส นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนสฺส เสยฺยํ ปาปุณิตุํ น เทติ, ตสฺมึ ตสฺมึ อิริยาปเถ อุปฺปนฺนํ ตตฺถ ตตฺเถว นิคฺคณฺหาติ. เถโร ปน จตุจตฺตาลีส วสฺสานิ มฺเจ ปิฏฺึ น ปสาเรติ. ตํ สนฺธาย ‘‘อารทฺธวีริโย’’ติ อาห. วตฺตาติ ¶ โอธุนนวตฺตา. ภิกฺขูนํ อชฺฌาจารํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช กเถสฺสามิ, สฺเว กเถสฺสามี’’ติ กถาววตฺถานํ น กโรติ, ตสฺมึ ตสฺมึ เยว าเน โอวทติ อนุสาสตีติ อตฺโถ.
วจนกฺขโมติ วจนํ ขมติ. เอโก หิ ปรสฺส โอวาทํ เทติ, สยํ ปน อฺเน โอวทิยมาโน กุชฺฌติ. เถโร ปน ปรสฺสปิ โอวาทํ เทติ, สยํ ¶ โอวทิยมาโนปิ สิรสา สมฺปฏิจฺฉติ. เอกทิวสํ กิร สาริปุตฺตตฺเถรํ สตฺตวสฺสิโก สามเณโร – ‘‘ภนฺเต, สาริปุตฺต, ตุมฺหากํ นิวาสนกณฺโณ โอลมฺพตี’’ติ อาห. เถโร กิฺจิ อวตฺวาว เอกมนฺตํ คนฺตฺวา ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา อาคมฺม ‘‘เอตฺตกํ วฏฺฏติ อาจริยา’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ.
‘‘ตทหุ ปพฺพชิโต สนฺโต, ชาติยา สตฺตวสฺสิโก;
โสปิ มํ อนุสาเสยฺย, สมฺปฏิจฺฉามิ มตฺถเก’’ติ. (มิ. ป. ๖.๔.๘) –
อาห.
โจทโกติ ¶ วตฺถุสฺมึ โอติณฺเณ วา อโนติณฺเณ วา วีติกฺกมํ ทิสฺวา – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขุนา นาม เอวํ นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพํ, เอวํ คนฺตพฺพํ, เอวํ าตพฺพํ, เอวํ นิสีทิตพฺพํ, เอวํ ขาทิตพฺพํ, เอวํ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ ตนฺติวเสน อนุสิฏฺึ เทติ.
ปาปครหีติ ปาปปุคฺคเล น ปสฺเส, น เตสํ วจนํ สุเณ, เตหิ สทฺธึ เอกจกฺกวาเฬปิ น วเสยฺยํ.
‘‘มา เม กทาจิ ปาปิจฺโฉ, กุสีโต หีนวีริโย;
อปฺปสฺสุโต อนาทโร, สเมโต อหุ กตฺถจี’’ติ. –
เอวํ ปาปปุคฺคเลปิ ครหติ, ‘‘สมเณน นาม ราควสิเกน โทสโมหวสิเกน น โหตพฺพํ, อุปฺปนฺโน ราโค โทโส โมโห ปหาตพฺโพ’’ติ เอวํ ปาปธมฺเมปิ ครหตีติ ทฺวีหิ การเณหิ ‘‘ปาปครหี, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต’’ติ วทติ.
เอวํ ¶ อายสฺมตา อานนฺเทน โสฬสหิ ปเทหิ เถรสฺส ยถาภูตวณฺณปฺปกาสเน กเต – ‘‘กึ อานนฺโท อตฺตโน ปิยสหายสฺส วณฺณํ กเถตุํ น ลภติ, กเถตุ กึ ปน เตน กถิตํ ตเถว โหติ, กึ โส สพฺพฺู’’ติ? โกจิ ปาปปุคฺคโล วตฺตุํ มา ลภตูติ สตฺถา ตํ วณฺณภณนํ อกุปฺปํ สพฺพฺุภาสิตํ กโรนฺโต ชินมุทฺทิกาย ลฺฉนฺโต เอวเมตนฺติอาทิมาห.
เอวํ ¶ ตถาคเตน จ อานนฺทตฺเถเรน จ มหาเถรสฺส วณฺเณ กถิยมาเน ภุมฏฺกา เทวตา อุฏฺหิตฺวา เอเตเหว โสฬสหิ ปเทหิ วณฺณํ กถยึสุ. ตโต อากาสฏฺกเทวตา สีตวลาหกา อุณฺหวลาหกา จาตุมหาราชิกาติ ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา เทวตา อุฏฺหิตฺวา เอเตเหว โสฬสหิ ปเทหิ วณฺณํ กถยึสุ. เอเตนุปาเยน เอกจกฺกวาฬํ อาทึ กตฺวา ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ เทวตา อุฏฺหิตฺวา กถยึสุ. อถายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สทฺธิวิหาริโก สุสีโม เทวปุตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมา เทวตา อตฺตโน อตฺตโน นกฺขตฺตกีฬํ ปหาย ¶ ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา มยฺหํ อุปชฺฌายสฺเสว วณฺณํ กเถนฺติ, คจฺฉามิ ตถาคตสฺส สนฺติกํ, คนฺตฺวา เอตเทว วณฺณภณนํ เทวตาภาสิตํ กโรมี’’ติ, โส ตถา อกาสิ. ตํ ทสฺเสตุํ อถ โข สุสีโมติอาทิ วุตฺตํ.
อุจฺจาวจาติ อฺเสุ าเนสุ ปณีตํ อุจฺจํ วุจฺจติ, หีนํ อวจํ. อิธ ปน อุจฺจาวจาติ นานาวิธา วณฺณนิภา. ตสฺสา กิร เทวปริสาย นีลฏฺานํ อตินีลํ, ปีตกฏฺานํ อติปีตกํ, โลหิตฏฺานํ อติโลหิตํ, โอทาตฏฺานํ อจฺโจทาตนฺติ, จตุพฺพิธา วณฺณนิภา ปาตุภวิ. เตเนว เสยฺยถาปิ นามาติ จตสฺโส อุปมา อาคตา. ตตฺถ สุโภติ สุนฺทโร. ชาติมาติ ชาติสมฺปนฺโน. สุปริกมฺมกโตติ โธวนาทิปริกมฺเมน สุฏฺุ ปริกมฺมกโต. ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺโตติ รตฺตกมฺพเล ปิโต. เอวเมวนฺติ รตฺตกมฺพเล นิกฺขิตฺตมณิ วิย สพฺพา เอกปฺปหาเรเนว วิโรจิตุํ อารทฺธา. นิกฺขนฺติ อติเรกปฺจสุวณฺเณน กตปิฬนฺธนํ. ตฺหิ ฆฏฺฏนมชฺชนกฺขมํ โหติ. ชมฺโพนทนฺติ มหาชมฺพุสาขาย ปวตฺตนทิยํ นิพฺพตฺตํ, มหาชมฺพุผลรเส วา ปถวิยํ ปวิฏฺเ สุวณฺณงฺกุรา อุฏฺหนฺติ, เตน สุวณฺเณน กตปิฬนฺธนนฺติปิ อตฺโถ. ทกฺขกมฺมารปุตฺตอุกฺกามุขสุกุสลสมฺปหฏฺนฺติ สุกุสเลน กมฺมารปุตฺเตน อุกฺกามุเข ปจิตฺวา สมฺปหฏฺํ. ธาตุวิภงฺเค (ม. นิ. ๓.๓๕๗ อาทโย) อกตภณฺฑํ คหิตํ, อิธ ปน กตภณฺฑํ.
วิทฺเธติ ทูรีภูเต. เทเวติ อากาเส. นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโนติ อากาสํ อภิลงฺฆนฺโต. อิมินา ¶ ตรุณสูริยภาโว ทสฺสิโต. โสรโตติ ¶ โสรจฺเจน สมนฺนาคโต. ทนฺโตติ นิพฺพิเสวโน. สตฺถุวณฺณาภโตติ ¶ สตฺถารา อาภตวณฺโณ. สตฺถา หิ อฏฺปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ‘‘เสวถ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๗๑) นเยน เถรสฺส วณฺณํ อาหรีติ เถโร อาภตวณฺโณ นาม โหติ. กาลํ กงฺขตีติ ปรินิพฺพานกาลํ ปตฺเถติ. ขีณาสโว หิ เนว มรณํ อภินนฺทติ, น ชีวิตํ ปตฺเถติ, ทิวสสงฺเขปํ เวตนํ คเหตฺวา ิตปุริโส วิย กาลํ ปน ปตฺเถติ, โอโลเกนฺโต ติฏฺตีติ อตฺโถ. เตเนวาห –
‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;
กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติ. (เถรคา. ๑๐๐๑-๑๐๐๒); นวมํ;
๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตวณฺณนา
๑๑๑. ทสเม นานาติตฺถิยสาวกาติ เต กิร กมฺมวาทิโน อเหสุํ, ตสฺมา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตา, เต ‘‘อตฺตโน อตฺตโน สตฺถริ ปสาเทน นิพฺพตฺตมฺหา’’ติ สฺิโน หุตฺวา ‘‘คจฺฉาม ทสพลสฺส สนฺติเก ตฺวา อมฺหากํ สตฺถารานํ วณฺณํ กเถสฺสามา’’ติ อาคนฺตฺวา ปจฺเจกคาถาหิ กถยึสุ. ตตฺถ ฉินฺทิตมาริเตติ ฉินฺทิเต จ มาริเต จ. หตชานีสูติ โปถเน จ ธนชานีสุ จ. ปฺุํ วา ปนาติ อตฺตโน ปฺุมฺปิ น สมนุปสฺสติ, สงฺเขปโต ปฺุาปฺุานํ วิปาโก นตฺถีติ วทติ. ส เว วิสฺสาสมาจิกฺขีติ โส – ‘‘เอวํ กตปาปานมฺปิ กตปฺุานมฺปิ วิปาโก นตฺถี’’ติ วทนฺโต สตฺตานํ วิสฺสาสํ อวสฺสยํ ปติฏฺํ อาจิกฺขติ, ตสฺมา มานนํ วนฺทนํ ปูชนํ อรหตีติ วทติ.
ตโปชิคุจฺฉายาติ กายกิลมถตเปน ปาปชิคุจฺฉเนน. สุสํวุตตฺโตติ สมนฺนาคโต ปิหิโต วา. เชคุจฺฉีติ ตเปน ปาปชิคุจฺฉโก. นิปโกติ ปณฺฑิโต. จาตุยามสุสํวุโตติ จาตุยาเมน สุสํวุโต. จาตุยาโม ¶ นาม สพฺพวาริวาริโต จ โหติ สพฺพวาริยุตฺโต จ สพฺพวาริธุโต จ สพฺพวาริผุโฏ จาติ อิเม จตฺตาโร โกฏฺาสา. ตตฺถ สพฺพวาริวาริโตติ วาริตสพฺพอุทโก, ปฏิกฺขิตฺตสพฺพสีโตทโกติ อตฺโถ. โส กิร สีโตทเก สตฺตสฺี โหติ ¶ , ตสฺมา ตํ น วลฺเชติ. สพฺพวาริยุตฺโตติ สพฺเพน ปาปวารเณน ยุโต. สพฺพวาริธุโตติ สพฺเพน ปาปวารเณน ธุตปาโป ¶ . สพฺพวาริผุโฏติ สพฺเพน ปาปวารเณน ผุฏฺโ. ทิฏฺํ สุตฺจ อาจิกฺขนฺติ ทิฏฺํ ‘‘ทิฏฺํ เม’’ติ สุตํ ‘‘สุตํ เม’’ติ อาจิกฺขนฺโต, น นิคุหนฺโต. น หิ นูน กิพฺพิสีติ เอวรูโป สตฺถา กิพฺพิสการโก นาม น โหติ.
นานาติตฺถิเยติ โส กิร นานาติตฺถิยานํเยว อุปฏฺาโก, ตสฺมา เต อารพฺภ วทติ. ปกุธโก กาติยาโนติ ปกุโธ กจฺจายโน. นิคณฺโติ นาฏปุตฺโต. มกฺขลิปูรณาเสติ มกฺขลิ จ ปูรโณ จ. สามฺปฺปตฺตาติ สมณธมฺเม โกฏิปฺปตฺตา. น หิ นูน เตติ สปฺปุริเสหิ น ทูเร, เตเยว โลเก สปฺปุริสาติ วทติ. ปจฺจภาสีติ ‘‘อยํ อาโกฏโก อิเมสํ นคฺคนิสฺสิริกานํ ทสพลสฺส สนฺติเก ตฺวา วณฺณํ กเถตีติ เตสํ อวณฺณํ กเถสฺสามี’’ติ ปติอภาสีติ.
ตตฺถ สหาจริเตนาติ สห จริตมตฺเตน. ฉโว สิคาโลติ ลามโก กาลสิคาโล. โกตฺถุโกติ ตสฺเสว เววจนํ. สงฺกสฺสราจาโรติ อาสงฺกิตสมาจาโร. น สตํ สริกฺโขติ ปณฺฑิตานํ สปฺปุริสานํ สทิโส น โหติ, กึ ตฺวํ กาลสิคาลสทิเส ติตฺถิเย สีเห กโรสีติ?
อนฺวาวิสิตฺวาติ ‘‘อยํ เอวรูปานํ สตฺถารานํ อวณฺณํ กเถติ, เตเนว นํ มุเขน วณฺณํ กถาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส สรีเร อนุอาวิสิ อธิมุจฺจิ, เอวํ อนฺวาวิสิตฺวา. อายุตฺตาติ ตโปชิคุจฺฉเน ยุตฺตปยุตฺตา. ปาลยํ ปวิเวกิยนฺติ ปวิเวกํ ปาลยนฺตา. เต กิร ‘‘นฺหาปิตปวิเวกํ ปาเลสฺสามา’’ติ ¶ สยํ เกเส ลฺุจนฺติ. ‘‘จีวรปวิเวกํ ปาเตสฺสามา’’ติ นคฺคา วิจรนฺติ. ‘‘ปิณฺฑปาตปวิเวกํ ปาเลสฺสามา’’ติ สุนขา วิย ภูมิยํ วา ภฺุชนฺติ หตฺเถสุ วา. ‘‘เสนาสนปวิเวกํ ปาเลสฺสามา’’ติ กณฺฏกเสยฺยาทีนิ กปฺเปนฺติ. รูเป นิวิฏฺาติ ตณฺหาทิฏฺีหิ รูเป ปติฏฺิตา. เทวโลกาภินนฺทิโนติ เทวโลกปตฺถนกามา. มาติยาติ มจฺจา, เต เว มจฺจา ปรโลกตฺถาย สมฺมา อนุสาสนฺตีติ วทติ.
อิติ ¶ วิทิตฺวาติ ‘‘อยํ ปมํ เอเตสํ อวณฺณํ กเถตฺวา อิทานิ วณฺณํ กเถติ, โก นุ โข เอโส’’ติ อาวชฺเชนฺโต ชานิตฺวาว. เย จนฺตลิกฺขสฺมึ ปภาสวณฺณาติ เย อนฺตลิกฺเข จนฺโทภาสสูริโยภาสสฺฌาราคอินฺทธนุตารกรูปานํ ปภาสวณฺณา. สพฺเพว เต เตติ สพฺเพว เต ตยา. นมุจีติ มารํ อาลปติ. อามิสํว มจฺฉานํ วธาย ขิตฺตาติ ยถา มจฺฉานํ วธตฺถาย พฬิสลคฺคํ ¶ อามิสํ ขิปติ, เอวํ ตยา ปสํสมาเนน เอเต รูปา สตฺตานํ วธาย ขิตฺตาติ วทติ.
มาณวคามิโยติ อยํ กิร เทวปุตฺโต พุทฺธุปฏฺาโก. ราชคหียานนฺติ ราชคหปพฺพตานํ. เสโตติ เกลาโส. อฆคามินนฺติ อากาสคามีนํ. อุทธินนฺติ อุทกนิธานานํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ราชคหียานํ ปพฺพตานํ วิปุโล เสฏฺโ, หิมวนฺตปพฺพตานํ เกลาโส, อากาสคามีนํ อาทิจฺโจ, อุทกนิธานานํ สมุทฺโท, นกฺขตฺตานํ จนฺโท, เอวํ สเทวกสฺส โลกสฺส พุทฺโธ เสฏฺโติ. ทสมํ.
นานาติตฺถิยวคฺโค ตติโย.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
เทวปุตฺตสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. โกสลสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. ทหรสุตฺตวณฺณนา
๑๑๒. โกสลสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ปเม ¶ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทีติ ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต ภควา เตน, เอวํ โสปิ ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ. สีโตทกํ วิย อุณฺโหทเกน สมฺโมทิตํ เอกีภาวํ อคมาสิ. ยาย จ – ‘‘กจฺจิ, โภ โคตม, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โภโต จ โคตมสฺส สาวกานฺจ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สมฺโมทิ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสมฺโมทชนนโต สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต จ สมฺโมทนียํ, อตฺถพฺยฺชนมธุรตาย จิรมฺปิ กาลํ สาเรตุํ นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุํ อรหรูปโต สริตพฺพภาวโต จ สารณียํ. สุยฺยมานสุขโต จ สมฺโมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต สารณียํ. ตถา พฺยฺชนปริสุทฺธตาย สมฺโมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฏฺเปตฺวา อิโต ปุพฺเพ ตถาคตสฺส อทิฏฺตฺตา คุณาคุณวเสน คมฺภีรภาวํ วา อุตฺตานภาวํ วา อชานนฺโต เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ยํ โอวฏฺฏิกสารํ กตฺวา อาคโต โลกนิสฺสรณภโวกฺกนฺติปฺหํ สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธตํ ปุจฺฉิตุํ ภวมฺปิ โนติอาทิมาห.
ตตฺถ ภวมฺปีติ ปิ-กาโร สมฺปิณฺฑนตฺเถ นิปาโต, เตน จ ฉ สตฺถาเร สมฺปิณฺเฑติ. ยถา ปูรณาทโย ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธมฺหา’’ติ ปฏิชานนฺติ, เอวํ ภวมฺปิ นุ ปฏิชานาตีติ อตฺโถ. อิทํ ปน ราชา น อตฺตโน ลทฺธิยา, โลเก มหาชเนน ¶ คหิตปฏิฺาวเสน ปุจฺฉติ. อถ ภควา พุทฺธสีหนาทํ นทนฺโต ยํ หิ ตํ มหาราชาติอาทิมาห. ตตฺถ อหํ หิ มหาราชาติ อนุตฺตรํ สพฺพเสฏฺํ สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตํ สมฺมาสมฺโพธึ อหํ อภิสมฺพุทฺโธติ อตฺโถ. สมณพฺราหฺมณาติ ¶ ปพฺพชฺชูปคมเนน ¶ สมณา, ชาติวเสน พฺราหฺมณา. สงฺฆิโนติอาทีสุ ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต สงฺโฆ เอเตสํ อตฺถีติ สงฺฆิโน. สฺเวว คโณ เอเตสํ อตฺถีติ คณิโน. อาจารสิกฺขาปนวเสน ตสฺส คณสฺส อาจริยาติ คณาจริยา. าตาติ ปฺาตา ปากฏา. ‘‘อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา อปฺปิจฺฉตาย วตฺถมฺปิ น นิวาเสนฺตี’’ติ เอวํ สมุคฺคโต ยโส เอเตสํ อตฺถีติ ยสสฺสิโน. ติตฺถกราติ ลทฺธิกรา. สาธุสมฺมตาติ ‘‘สนฺโต สปฺปุริสา’’ติ เอวํ สมฺมตา. พหุชนสฺสาติ อสฺสุตวโต อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺส. ปูรโณติอาทีนิ เตสํ นามโคตฺตานิ. ปูรโณติ หิ นามเมว. ตถา, มกฺขลีติ. โส ปน โคสาลาย ชาตตฺตา โคสาโลติ วุตฺโต. นาฏปุตฺโตติ นาฏสฺส ปุตฺโต. เพลฏฺปุตฺโตติ เพลฏฺสฺส ปุตฺโต. กจฺจายโนติ ปกุธสฺส โคตฺตํ. เกสกมฺพลสฺส ธารณโต อชิโต เกสกมฺพโลติ วุตฺโต.
เตปิ มยาติ กปฺปโกลาหลํ พุทฺธโกลาหลํ จกฺกวตฺติโกลาหลนฺติ ตีณิ โกลาหลานิ. ตตฺถ ‘‘วสฺสสตสหสฺสมตฺถเก กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ กปฺปโกลาหลํ นาม โหติ – ‘‘อิโต วสฺสสตสหสฺสมตฺถเก โลโก วินสฺสิสฺสติ, เมตฺตํ มาริสา, ภาเวถ, กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺข’’นฺติ มนุสฺสปฺปเถ เทวตา โฆเสนฺติโย วิจรนฺติ. ‘‘วสฺสสหสฺสมตฺถเก ปน พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ พุทฺธโกลาหลํ นาม โหติ – ‘‘อิโต วสฺสสหสฺสมตฺถเก พุทฺโธ อุปฺปชฺชิตฺวา ธมฺมานุธมฺมปฏิปทํ ปฏิปนฺเนน สงฺฆรตเนน ปริวาริโต ธมฺมํ เทเสนฺโต วิจริสฺสตี’’ติ เทวตา อุคฺโฆเสนฺติ. ‘‘วสฺสสตมตฺถเก ปน จกฺกวตฺตี อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม โหติ – ‘‘อิโต วสฺสสตมตฺถเก สตฺตรตนสมฺปนฺโน จตุทฺทีปิสฺสโร ¶ สหสฺส ปุตฺตปริวาโร เวหาสงฺคโม จกฺกวตฺติราชา อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เทวตา อุคฺโฆเสนฺติ.
อิเมสุ ตีสุ โกลาหเลสุ อิเม ฉ สตฺถาโร พุทฺธโกลาหลํ สุตฺวา อาจริเย ปยิรุปาสิตฺวา จินฺตามาณิวิชฺชาทีนิ อุคฺคณฺหิตฺวา – ‘‘มยํ พุทฺธมฺหา’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา มหาชนปริวุตา ชนปทํ วิจรนฺตา อนุปุพฺเพน สาวตฺถิยํ ปตฺตา. เตสํ อุปฏฺากา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘มหาราช, ปูรโณ กสฺสโป…เป… อชิโต เกสกมฺพโล พุทฺโธ กิร สพฺพฺู กิรา’’ติ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘ตุมฺเหว เน นิมนฺเตตฺวา อาเนถา’’ติ อาห ¶ . เต คนฺตฺวา เตหิ, ‘‘ราชา โว นิมนฺเตติ. รฺโ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วุตฺตา คนฺตุํ น อุสฺสหนฺติ, ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานา อุปฏฺากานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถาย อธิวาเสตฺวา สพฺเพ เอกโตว อคมํสุ. ราชา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ¶ ‘‘นิสีทนฺตู’’ติ อาห. นิคฺคุณานํ อตฺตภาเว ราชุสฺมา นาม ผรติ, เต มหารเหสุ อาสเนสุ นิสีทิตุํ อสกฺโกนฺตา ผลเกสุ เจว ภูมิยํ จ นิสีทึสุ.
ราชา ‘‘เอตฺตเกเนว นตฺถิ เตสํ อนฺโต สุกฺกธมฺโม’’ติ วตฺวา อาหารํ อทตฺวาว ตาลโต ปติตํ มุคฺคเรน โปเถนฺโต วิย ‘‘ตุมฺเห พุทฺธา, น พุทฺธา’’ติ ปฺหํ ปุจฺฉิ. เต จินฺตยึสุ – ‘‘สเจ ‘พุทฺธมฺหา’ติ วกฺขาม, ราชา พุทฺธวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา กเถตุํ อสกฺโกนฺเต ‘ตุมฺเห มยํ พุทฺธาติ มหาชนํ วฺเจตฺวา อาหิณฺฑถา’ติ ชิวฺหมฺปิ ฉินฺทาเปยฺย, อฺมฺปิ อนตฺถํ กเรยฺยา’’ติ สกปฏิฺาย เอว ‘น มยํ พุทฺธา’ติ วทึสุ. อถ เน ราชา เคหโต นิกฑฺฒาเปสิ. เต ราชฆรโต นิกฺขนฺเต อุปฏฺากา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ อาจริยา ราชา ตุมฺเห ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา สกฺการสมฺมานํ อกาสี’’ติ? ราชา ‘‘พุทฺธา ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ, ตโต มยํ – ‘‘สเจ อยํ ราชา พุทฺธวิสเย ปฺหํ กถิยมานํ อชานนฺโต อมฺเหสุ มนํ ปโทเสสฺสติ, พหุํ อปฺุํ ปสวิสฺสตี’’ติ รฺโ อนุกมฺปาย ‘น มยํ พุทฺธา’ติ วทิมฺหา, มยํ ปน พุทฺธา เอว, อมฺหากํ พุทฺธภาโว, อุทเกน โธวิตฺวาปิ หริตุํ น สกฺกาติ. อิติ พหิทฺธา ‘พุทฺธมฺหา’ติ ¶ อาหํสุ – รฺโ สนฺติเก ‘น มยํ พุทฺธา’ติ วทึสูติ, อิทํ คเหตฺวา ราชา เอวมาห. ตตฺถ กึ ปน ภวํ โคตโม ทหโร เจว ชาติยา, นโว จ ปพฺพชฺชายาติ อิทํ อตฺตโน ปฏิฺํ คเหตฺวา วทติ. ตตฺถ กินฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ. เอเต ชาติมหลฺลกา จ จิรปพฺพชิตา จ ‘‘พุทฺธมฺหา’’ติ น ปฏิชานนฺติ, ภวํ โคตโม ชาติยา จ ทหโร ปพฺพชฺชาย จ นโว กึ ปฏิชานาติ? มา ปฏิชานาหีติ อตฺโถ.
น อฺุาตพฺพาติ น อวชานิตพฺพา. น ปริโภตพฺพาติ น ปริภวิตพฺพา. กตเม จตฺตาโรติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. ขตฺติโยติ ราชกุมาโร. อุรโคติ อาสีวิโส. อคฺคีติ อคฺคิเยว. ภิกฺขูติ อิมสฺมึ ปน ปเท เทสนากุสลตาย อตฺตานํ อพฺภนฺตรํ กตฺวา สีลวนฺตํ ปพฺพชิตํ ทสฺเสติ. เอตฺถ ¶ จ ทหรํ ราชกุมารํ ทิสฺวา, อุกฺกมิตฺวา มคฺคํ อเทนฺโต, ปารุปนํ อนปเนนฺโต, นิสินฺนาสนโต อนุฏฺหนฺโต, หตฺถิปิฏฺาทีหิ อโนตรนฺโต, เหฏฺา กตฺวา มฺนวเสน อฺมฺปิ เอวรูปํ อนาจารํ กโรนฺโต ขตฺติยํ อวชานาติ นาม. ‘‘ภทฺทโก วตายํ ราชกุมาโร, มหากณฺโฑ มโหทโร – กึ นาม ยํกิฺจิ โจรูปทฺทวํ วูปสเมตุํ ยตฺถ กตฺถจิ าเน รชฺชํ อนุสาสิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติอาทีนิ วทนฺโต ปริโภติ นาม. อฺชนิสลากมตฺตมฺปิ อาสีวิสโปตกํ กณฺณาทีสุ ปิฬนฺธนฺโต องฺคุลิมฺปิ ชิวฺหมฺปิ ฑํสาเปนฺโต อุรคํ อวชานาติ นาม ¶ . ‘‘ภทฺทโก วตายํ อาสีวิโส อุทกเทฑฺฑุโภ วิย กึ นาม กิฺจิเทว ฑํสิตุํ กสฺสจิเทว กาเย วิสํ ผริตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติอาทีนิ วทนฺโต ปริโภติ นาม. ขชฺโชปนกมตฺตมฺปิ อคฺคึ คเหตฺวา หตฺเถน กีฬนฺโต ภณฺฑุกฺขลิกาย ขิปนฺโต จูฬาย วา สยนปิฏฺสาฏกปสิพฺพกาทีสุ วา เปนฺโต อคฺคึ อวชานาติ นาม. ‘‘ภทฺทโก วตายํ อคฺคิ กตรํ นุ โข ยาคุภตฺตํ ปจิสฺสติ, กตรํ มจฺฉมํสํ, กสฺส สีตํ วิโนเทสฺสตี’’ติอาทีนิ วทนฺโต ปริโภติ นาม. ทหรสามเณรมฺปิ ปน ทิสฺวา อุกฺกมิตฺวา มคฺคํ อเทนฺโตติ ¶ ราชกุมาเร วุตฺตํ อนาจารํ กโรนฺโต ภิกฺขุํ อวชานาติ นาม. ‘‘ภทฺทโก วตายํ สามเณโร มหากณฺโ มโหทโร ยํกิฺจิ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตุํ ยํกิฺจิ อรฺํ อชฺโฌคาเหตฺวา วสิตุํ สกฺขิสฺสติ, สงฺฆตฺเถรกาเล มนาโป ภวิสฺสตี’’ติอาทีนิ วทนฺโต ปริโภติ นาม. ตํ สพฺพมฺปิ น กาตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต น อฺุาตพฺโพ น ปริโภตพฺโพติ อาห.
เอตทโวจาติ เอตํ คาถาพนฺธํ อโวจ. คาถา จ นาเมตา ตทตฺถทีปนาปิ โหนฺติ วิเสสตฺถทีปนาปิ, ตตฺริมา ตทตฺถมฺปิ วิเสสตฺถมฺปิ ทีเปนฺติเยว. ตตฺถ ขตฺติยนฺติ เขตฺตานํ อธิปตึ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เขตฺตานํ อธิปตีติ โข, วาเสฏฺ, ‘ขตฺติโย ขตฺติโย’ตฺเวว ทุติยํ อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๓๑). ชาติสมฺปนฺนนฺติ ตาเยว ขตฺติยชาติยา ชาติสมฺปนฺนํ. อภิชาตนฺติ ตีณิ กุลานิ อติกฺกมิตฺวา ชาตํ.
านํ หีติ การณํ วิชฺชติ. มนุชินฺโทติ มนุสฺสเชฏฺโก. ราชทณฺเฑนาติ รฺโ อุทฺธฏทณฺเฑน, โส อปฺปโก นาม น โหติ, ทสสหสฺสวีสติสหสฺสปฺปมาโณ โหติเยว. ตสฺมึ ปกฺกมเต ภุสนฺติ ¶ ตสฺมึ ปุคฺคเล พลวอุปกฺกมํ อุปกฺกมติ. รกฺขํ ชีวิตมตฺตโนติ อตฺตโน ชีวิตํ รกฺขมาโน ตํ ขตฺติยํ ปริวชฺเชยฺย น ฆฏฺเฏยฺย.
อุจฺจาวเจหีติ นานาวิเธหิ. วณฺเณหีติ สณฺาเนหิ. เยน เยน หิ วณฺเณน จรนฺโต โคจรํ ลภติ, ยทิ สปฺปวณฺเณน, ยทิ เทฑฺฑุภวณฺเณน, ยทิ ธมนิวณฺเณน, อนฺตมโส กลนฺทกวณฺเณนปิ จรติเยว. อาสชฺชาติ ปตฺวา. พาลนฺติ เยน พาเลน ฆฏฺฏิโต, ตํ พาลํ นรํ วา นารึ วา ฑํเสยฺย.
ปหูตภกฺขนฺติ พหุภกฺขํ. อคฺคิสฺส หิ อภกฺขํ นาม นตฺถิ. ชาลินนฺติ ชาลวนฺตํ. ปาวกนฺติ ¶ อคฺคึ. ปาวคนฺติปิ ปาโ. กณฺหวตฺตนินฺติ วตฺตนีติ มคฺโค, อคฺคินา คตมคฺโค กณฺโห โหติ กาฬโก, ตสฺมา ‘‘กณฺหวตฺตนี’’ติ วุจฺจติ.
มหา หุตฺวานาติ มหนฺโต หุตฺวา. อคฺคิ หิ เอกทา ยาวพฺรหฺมโลกปฺปมาโณปิ โหติ. ชายนฺติ ¶ ตตฺถ ปาโรหาติ ตตฺถ อคฺคินา ทฑฺฒวเน ปาโรหา ชายนฺติ. ปาโรหาติ ติณรุกฺขาทโย วุจฺจนฺติ. เต หิ อคฺคินา ทฑฺฒฏฺาเน มูลมตฺเตปิ อวสิฏฺเ ปาทโต โรหนฺติ ชายนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปาโรหา’’ติ วุจฺจนฺติ. ปุน โรหนตฺเถน วา ปาโรหา. อโหรตฺตานมจฺจเยติ รตฺตินฺทิวานํ อติกฺกเม. นิทาเฆปิ เทเว วุฏฺมตฺเต ชายนฺติ.
ภิกฺขุ ฑหติ เตชสาติ เอตฺถ อกฺโกสนฺตํ ปจฺจกฺโกสนฺโต ภณฺฑนฺตํ ปฏิภณฺฑนฺโต ปหรนฺตํ ปฏิปหรนฺโต ภิกฺขุ นาม กิฺจิ ภิกฺขุเตชสา ฑหิตุํ น สกฺโกติ. โย ปน อกฺโกสนฺตํ น ปจฺจกฺโกสติ, ภณฺฑนฺตํ น ปฏิภณฺฑติ. ปหรนฺตํ น ปฏิปหรติ, ตสฺมึ วิปฺปฏิปนฺโน ตสฺส สีลเตเชน ฑยฺหติ. เตเนเวตํ วุตฺตํ. น ตสฺส ปุตฺตา ปสโวติ ตสฺส ปุตฺตธีตโรปิ โคมหึสกุกฺกุฏสูกราทโย ปสโวปิ น ภวนฺติ, วินสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ทายาทา วินฺทเร ธนนฺติ ตสฺส ทายาทาปิ ธนํ น วินฺทนฺติ. ตาลาวตฺถู ภวนฺติ เตติ เต ภิกฺขุเตชสา ทฑฺฒา วตฺถุมตฺตาวสิฏฺโ มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย ภวนฺติ, ปุตฺตธีตาทิวเสน น วฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ.
ตสฺมาติ ¶ ยสฺมา สมณเตเชน ทฑฺฒา มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย อวิรุฬฺหิธมฺมา ภวนฺติ, ตสฺมา. สมฺมเทว สมาจเรติ สมฺมา สมาจเรยฺย. สมฺมา สมาจรนฺเตน ปน กึ กาตพฺพนฺติ? ขตฺติยํ ตาว นิสฺสาย ลทฺธพฺพํ คามนิคมยานวาหนาทิอานิสํสํ, อุรคํ นิสฺสาย ตสฺส กีฬาปเนน ลทฺธพฺพํ วตฺถหิรฺสุวณฺณาทิอานิสํสํ อคฺคึ นิสฺสาย ตสฺสานุภาเวน ปตฺตพฺพํ ยาคุภตฺตปจนสีตวิโนทนาทิอานิสํสํ, ภิกฺขุํ นิสฺสาย ตสฺส วเสน ปตฺตพฺพํ อสุตสวนสุตปริโยทปน-สคฺคมคฺคาธิคมาทิอานิสํสํ สมฺปสฺสมาเนน ‘‘เอเต นิสฺสาย ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาโร อาทีนโว อตฺถิ. กึ อิเมหี’’ติ? น สพฺพโส ปหาตพฺพา. อิสฺสริยตฺถิเกน ปน วุตฺตปฺปการํ อวชานนฺจ ปริภวนฺจ อกตฺวา ปุพฺพุฏฺายิปจฺฉานิปาติตาทีหิ ¶ อุปาเยหิ ขตฺติยกุมาโร โตเสตพฺโพ, เอวํ ตโต อิสฺสริยํ อธิคมิสฺสติ. อหิตุณฺฑิเกน อุรเค วิสฺสาสํ อกตฺวา นาควิชฺชํ ปริวตฺเตตฺวา อชปเทน ทณฺเฑน คีวาย คเหตฺวา วิสหเรน มูเลน ทาา โธวิตฺวา เปฬายํ ปกฺขิปิตฺวา กีฬาเปนฺเตน จริตพฺพํ. เอวํ ตํ นิสฺสาย ฆาสจฺฉาทนาทีนิ ลภิสฺสติ. ยาคุปจนาทีนิ ¶ กตฺตุกาเมน อคฺคึ วิสฺสาเสน ภณฺฑุกฺขลิกาทีสุ อปกฺขิปิตฺวา หตฺเถหิ อนามสนฺเตน โคมยจุณฺณาทีหิ ชาเลตฺวา ยาคุปจนาทีนิ กตฺตพฺพานิ, เอวํ ตํ นิสฺสาย อานิสํสํ ลภิสฺสติ. อสุตสวนาทีนิ ปตฺถยนฺเตนปิ ภิกฺขุํ อติวิสฺสาเสน เวชฺชกมฺมนวกมฺมาทีสุ อโยเชตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺาตพฺโพ, เอวํ ตํ นิสฺสาย อสุตปุพฺพํ พุทฺธวจนํ อสุตปุพฺพํ ปฺหาวินิจฺฉยํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ ติสฺโส กุลสมฺปตฺติโย ฉ กามสคฺคานิ นว จ พฺรหฺมโลเก ปตฺวา อมตมหานิพฺพานทสฺสนมฺปิ ลภิสฺสตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย สมฺมเทว สมาจเรติ อาห.
เอตทโวจาติ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺโน ปสาทํ อาวิกโรนฺโต เอตํ ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติอาทิวจนํ อโวจ. ตตฺถ อภิกฺกนฺตนฺติ อภิกนฺตํ อติอิฏฺํ อติมนาปํ, อติสุนฺทรนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน เทสนํ โถเมติ ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนา’’ติ. เอเกน อตฺตโน ¶ ปสาทํ ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโท’’ติ.
ตโต ปรํ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขปิตํ, เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริมุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ ¶ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ วเทยฺย. อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสี อฑฺฒรตฺตฆนวนสณฺฑ เมฆปฏเลหิ จตุรงฺเค ตเม. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธมฺเม ปติตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺเตน, ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานา ปภุติ มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธกาเร นิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตํ ธาเรนฺเตน มยฺหํ ภควตา เอเตหิ ปริยาเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตติ.
เอวํ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต เอสาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ. ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจาติ ¶ ภควนฺตฺจ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจาติ อิมํ รตนตฺตยํ สรณํ คจฺฉามิ. อุปาสกํ มํ, ภนฺเต, ภควา ธาเรตูติ มํ ภควา ‘อุปาสโก อย’นฺติ เอวํ ธาเรตุ, ชานาตูติ อตฺโถ. อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวา. อชฺชทคฺเคติ วา ปาโ, ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ อตฺโถ. ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภควา ธาเรตูติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย สามฺผลสุตฺเต สพฺพากาเรน วุตฺโตติ. ปมํ.
๒. ปุริสสุตฺตวณฺณนา
๑๑๓. ทุติเย ¶ ¶ อภิวาเทตฺวาติ ปุริมสุตฺเต สรณคตตฺตา อิธ อภิวาเทสิ. อชฺฌตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ, อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. โลภาทีสุ ลุพฺภนลกฺขโณ โลโภ, ทุสฺสนลกฺขโณ โทโส, มุยฺหนลกฺขโณ โมโหติ. หึสนฺตีติ วิเหเนฺติ นาเสนฺติ วินาเสนฺติ. อตฺตสมฺภูตาติ อตฺตนิ สมฺภูตา. ตจสารํว สมฺผลนฺติ ยถา ตจสารํ เวฬุํ วา นฬํ วา อตฺตโน ผลํ หึสติ วินาเสติ, เอวํ หึสนฺติ วินาเสนฺตีติ. ทุติยํ.
๓. ชรามรณสุตฺตวณฺณนา
๑๑๔. ตติเย อฺตฺร ชรามรณาติ ชรามรณโต มุตฺโต นาม อตฺถีติ วุจฺจติ. ขตฺติยมหาสาลาติ ขตฺติยมหาสาลา นาม มหาสารปฺปตฺตา ขตฺติยา. เยสํ หิ ขตฺติยานํ เหฏฺิมนฺเตน โกฏิสตํ นิธานคตํ โหติ, ตโย กหาปณกุมฺภา วลฺชนตฺถาย เคหมชฺเฌ ราสึ กตฺวา ปิตา โหนฺติ, เต ขตฺติยมหาสาลา นาม. เยสํ พฺราหฺมณานํ อสีติโกฏิธนํ นิหิตํ โหติ, ทิยฑฺโฒ กหาปณกุมฺโภ วลฺชนตฺถาย เคหมชฺเฌ ราสึ กตฺวา ปิโต โหติ, เต พฺราหฺมณมหาสาลา นาม. เยสํ คหปตีนํ จตฺตาลีสโกฏิธนํ นิหิตํ โหติ, กหาปณกุมฺโภ วลฺชนตฺถาย เคหมชฺเฌ ราสึ กตฺวา ปิโต โหติ, เต คหปติมหาสาลา นาม.
อฑฺฒาติ อิสฺสรา. นิธานคตธนสฺส มหนฺตตาย มหทฺธนา. สุวณฺณรชตภาชนาทีนํ อุปโภคภณฺฑานํ มหนฺตตาย มหาโภคา. อนิธานคตสฺส ชาตรูปรชตสฺส ปหูตตาย, ปหูตชาตรูปรชตา ¶ . วิตฺตูปกรณสฺส ตุฏฺิกรณสฺส ปหูตตาย ปหูตวิตฺตูปกรณา. โคธนาทีนฺจ สตฺตวิธธฺานฺจ ปหูตตาย ปหูตธนธฺา. เตสมฺปิ ชาตานํ นตฺถิ อฺตฺร ชรามรณาติ เตสมฺปิ เอวํ อิสฺสรานํ ชาตานํ นิพฺพตฺตานํ นตฺถิ อฺตฺร ชรามรณา, ชาตตฺตาเยว ชรามรณโต โมกฺโข นาม นตฺถิ, อนฺโตชรามรเณเยว โหติ.
อรหนฺโตติอาทีสุ ¶ ¶ อารกา กิเลเสหีติ อรหนฺโต. ขีณา เอเตสํ จตฺตาโร อาสวาติ ขีณาสวา. พฺรหฺมจริยวาสํ วุฏฺา ปรินิฏฺิตวาสาติ วุสิตวนฺโต. จตูหิ มคฺเคหิ กรณียํ เอเตสํ กตนฺติ กตกรณียา. ขนฺธภาโร กิเลสภาโร อภิสงฺขารภาโร กามคุณภาโรติ, อิเม โอหิตา ภารา เอเตสนฺติ โอหิตภารา. อนุปฺปตฺโต อรหตฺตสงฺขาโต สโก อตฺโถ เอเตสนฺติ อนุปฺปตฺตสทตฺถา. ทสวิธมฺปิ ปริกฺขีณํ ภวสํโยชนํ เอเตสนฺติ ปริกฺขีณภวสํโยชนา. สมฺมา การเณหิ ชานิตฺวา วิมุตฺตาติ สมฺมทฺาวิมุตฺตา. มคฺคปฺาย จตุสจฺจธมฺมํ ตฺวา ผลวิมุตฺติยา วิมุตฺตาติ อตฺโถ. เภทนธมฺโมติ ภิชฺชนสภาโว. นิกฺเขปนธมฺโมติ นิกฺขิปิตพฺพสภาโว. ขีณาสวสฺส หิ อชีรณธมฺโมปิ อตฺถิ, อารมฺมณโต ปฏิวิทฺธํ นิพฺพานํ, ตํ หิ น ชีรติ. อิธ ปนสฺส ชีรณธมฺมํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. อตฺถุปฺปตฺติโก กิรสฺส สุตฺตสฺส นิกฺเขโป. สิวิกสาลาย นิสีทิตฺวา กถิตนฺติ วทนฺติ. ตตฺถ ภควา จิตฺรานิ รถยานาทีนิ ทิสฺวา ทิฏฺเมว อุปมํ กตฺวา, ‘‘ชีรนฺติ เว ราชรถา’’ติ คาถมาห.
ตตฺถ ชีรนฺตีติ ชรํ ปาปุณนฺติ. ราชรถาติ รฺโ อภิรูหนรถา. สุจิตฺตาติ สุวณฺณรชตาทีหิ สุฏฺุ จิตฺติตา. อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปตีติ เอวรูเปสุ อนุปาทิณฺณเกสุ สารทารุมเยสุ รเถสุ ชีรนฺเตสุ อิมสฺมึ อชฺฌตฺติเก อุปาทิณฺณเก มํสโลหิตาทิมเย สรีเร กึ วตฺตพฺพํ? สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติเยวาติ อตฺโถ. สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตีติ สนฺโต สพฺภีหิ สทฺธึ สตํ ธมฺโม น ชรํ อุเปตีติ เอวํ ปเวทยนฺติ. ‘‘สตํ ธมฺโม นาม นิพฺพานํ, ตํ น ชีรติ, อชรํ อมตนฺติ เอวํ กเถนฺตี’’ติ อตฺโถ. ยสฺมา วา นิพฺพานํ อาคมฺม สีทนสภาวา กิเลสา ภิชฺชนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺภีติ วุจฺจติ. อิติ ปุริมปทสฺส การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตี’’ติ อาห. อิทํ หิ วุตฺตํ โหติ – สตํ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ, ตสฺมา สนฺโต สพฺภิ ปเวทยนฺติ. อชรํ นิพฺพานํ สตํ ธมฺโมติ ¶ อาจิกฺขนฺตีติ อตฺโถ. สุนฺทราธิวจนํ วา เอตํ สพฺภีติ. ยํ สพฺภิธมฺมภูตํ นิพฺพานํ สนฺโต ปเวทยนฺติ กถยนฺติ, โส สตํ ธมฺโม น ชรํ อุเปตีติปิ อตฺโถ. ตติยํ.
๔. ปิยสุตฺตวณฺณนา
๑๑๕. จตุตฺเถ ¶ ¶ รโหคตสฺสาติ รหสิ คตสฺส. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ นิลีนสฺส เอกีภูตสฺส. เอวเมตํ, มหาราชาติ อิธ ภควา อิมํ สุตฺตํ สพฺพฺุภาสิตํ กโรนฺโต อาห. อนฺตเกนาธิปนฺนสฺสาติ มรเณน อชฺโฌตฺถฏสฺส. จตุตฺถํ.
๕. อตฺตรกฺขิตสุตฺตวณฺณนา
๑๑๖. ปฺจเม หตฺถิกาโยติ หตฺถิฆฏา. เสเสสุปิ เอเสว นโย. สํวโรติ ปิทหนํ. สาธุ สพฺพตฺถ สํวโรติ อิมินา กมฺมปถเภทํ อปตฺตสฺส กมฺมสฺส สํวรํ ทสฺเสติ. ลชฺชีติ หิริมา. ลชฺชีคหเณน เจตฺถ โอตฺตปฺปมฺปิ คหิตเมว โหติ. ปฺจมํ.
๖. อปฺปกสุตฺตวณฺณนา
๑๑๗. ฉฏฺเ อุฬาเร อุฬาเรติ ปณีเต จ พหุเก จ. มชฺชนฺตีติ มานมชฺชเนน มชฺชนฺติ. อติสารนฺติ อติกฺกมํ. กูฏนฺติ ปาสํ. ปจฺฉาสนฺติ ปจฺฉา เตสํ. ฉฏฺํ.
๗. อฑฺฑกรณสุตฺตวณฺณนา
๑๑๘. สตฺตเม กามเหตูติ กามมูลกํ. กามนิทานนฺติ กามปจฺจยา. กามาธิกรณนฺติ กามการณา. สพฺพานิ เหตานิ อฺมฺเววจนาเนว. ภทฺรมุโขติ สุนฺทรมุโข. เอกทิวสํ กิร ราชา อฑฺฑกรเณ นิสีทิ. ตตฺถ ปมตรํ ลฺชํ คเหตฺวา นิสินฺนา อมจฺจา อสฺสามิเกปิ สามิเก กรึสุ. ราชา ตํ ตฺวา – ‘‘มยฺหํ ตาว ปถวิสฺสรสฺส สมฺมุขาเปเต เอวํ กโรนฺติ, ปรมฺมุขา กึ นาม น กริสฺสนฺติ? ปฺายิสฺสติ ทานิ วิฏฏูโภ เสนาปติ สเกน ¶ รชฺเชน, กึ มยฺหํ เอวรูเปหิ ลฺชขาทเกหิ มุสาวาทีหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน นิสชฺชายา’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺมา เอวมาห. ขิปฺปํว โอฑฺฑิตนฺติ กุมินํ วิย โอฑฺฑิตํ. ยถา มจฺฉา โอฑฺฑิตํ กุมินํ ปวิสนฺตา น ชานนฺติ, เอวํ สตฺตา กิเลสกาเมน วตฺถุกามํ วีติกฺกมนฺตา น ชานนฺตีติ อตฺโถ. สตฺตมํ.
๘. มลฺลิกาสุตฺตวณฺณนา
๑๑๙. อฏฺเม ¶ ¶ อตฺถิ นุ โข เต มลฺลิเกติ กสฺมา ปุจฺฉติ? อยํ กิร มลฺลิกา ทุคฺคตมาลาการสฺส ธีตา, เอกทิวสํ อาปณโต ปูวํ คเหตฺวา ‘‘มาลารามํ คนฺตฺวาว ขาทิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตี ปฏิปเถ ภิกฺขุสงฺฆปริวารํ ภควนฺตํ ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา ตํ ภควโต อทาสิ. สตฺถา นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. อานนฺทตฺเถโร จีวรํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. ภควา ตตฺถ นิสีทิตฺวา ตํ ปูวํ ปริภฺุชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. เถโร ‘‘อิมิสฺสา, ภนฺเต, โก วิปาโก ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. อานนฺท, อชฺเชสา ตถาคตสฺส ปมโภชนํ อทาสิ, อชฺเชว โกสลรฺโ อคฺคมเหสี ภวิสฺสตีติ. ตํทิวสเมว จ ราชา กาสิคาเม ภาคิเนยฺเยน ยุทฺเธน ปราชิโต ปลายิตฺวา นครํ อาคจฺฉนฺโต มาลารามํ ปวิสิตฺวา พลกายสฺส อาคมนํ อาคเมสิ. ตสฺส สา วตฺตํ อกาสิ. โส ตาย วตฺเต ปสีทิตฺวา ตํ อนฺเตปูรํ อติหาราเปตฺวา ตํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ.
อเถกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘มยา อิมิสฺสา ทุคฺคตกุลสฺส ธีตุยา มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทินฺนํ, ยํนูนาหํ อิมํ ปุจฺเฉยฺยํ ‘โก เต ปิโย’ติ? สา ‘ตฺวํ เม, มหาราช, ปิโย’ติ วตฺวา ปุน มํ ปุจฺฉิสฺสติ. อถสฺสาหํ ‘มยฺหมฺปิ ตฺวํเยว ปิยา’ติ วกฺขามี’’ติ. อิติ โส อฺมฺํ วิสฺสาสชนนตฺถํ สมฺโมทนียํ กถํ กเถนฺโต ปุจฺฉติ. สา ปน เทวี ปณฺฑิตา พุทฺธุปฏฺายิกา ธมฺมุปฏฺายิกา สงฺฆุปฏฺายิกา มหาปฺา ¶ , ตสฺมา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘นายํ ปฺโห รฺโ มุขํ โอโลเกตฺวา กเถตพฺโพ’’ติ. สา สรเสเนว กเถตฺวา ราชานํ ปุจฺฉิ. ราชา ตาย สรเสน กถิตตฺตา นิวตฺติตุํ อลภนฺโต สยมฺปิ สรเสเนว กเถตฺวา ‘‘สการณํ อิทํ, ตถาคตสฺส นํ อาโรเจสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ภควโต อาโรเจสิ. เนวชฺฌคาติ นาธิคจฺฉติ. เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสนฺติ ยถา เอกสฺส อตฺตา ปิโย, เอวํ ปเรสํ ปุถุสตฺตานมฺปิ อตฺตา ปิโยติ อตฺโถ. อฏฺมํ.
๙. ยฺสุตฺตวณฺณนา
๑๒๐. นวเม ¶ ถูณูปนีตานีติ ถูณํ อุปนีตานิ, ถูณาย พทฺธานิ โหนฺติ. ปริกมฺมานิ กโรนฺตีติ เอตฺตาวตา เตหิ ภิกฺขูหิ รฺโ อารทฺธยฺโ ตถาคตสฺส อาโรจิโต. กสฺมา ปน รฺา อยํ ยฺโ อารทฺโธ? ทุสฺสุปินปฏิฆาตาย. เอกทิวสํ กิร ราชา สพฺพาลงฺการปฺปฏิมณฺฑิโต ¶ หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ อนุสฺจรนฺโต วาตปานํ วิวริตฺวา โอโลกยมานํ เอกํ อิตฺถึ ทิสฺวา ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺโต ตโตว ปฏินิวตฺติตฺวา อนฺเตปุรํ ปวิสิตฺวา เอกสฺส ปุริสสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘คจฺฉ ตสฺสา สสฺสามิกภาวํ วา อสฺสามิกภาวํ วา ชานาหี’’ติ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา ปุจฺฉิ. สา ‘‘เอโส เม สามิโก อาปเณ นิสินฺโน’’ติ ทสฺเสสิ. ราชปุริโส รฺโ ตมตฺถํ อาจิกฺขิ. ราชา ตํ ปุริสํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มํ อุปฏฺหา’’ติ อาห. ‘‘นาหํ, เทว, อุปฏฺหิตุํ ชานามี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อุปฏฺานํ นาม น อาจริยสฺส สนฺติเก อุคฺคเหตพฺพ’’นฺติ พลกฺกาเรน อาวุธผลกํ คาหาเปตฺวา อุปฏฺากํ อกาสิ. อุปฏฺหิตฺวา เคหํ คตมตฺตเมว จ นํ ปุน ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อุปฏฺาเกน นาม รฺโ วจนํ กตฺตพฺพํ, คจฺฉ อิโต โยชนมตฺเต อมฺหากํ สีสโธวนโปกฺขรณี อตฺถิ, ตโต อรุณมตฺติกฺจ โลหิตุปฺปลมาลฺจ คณฺหิตฺวา เอหิ. สเจ อชฺเชว นาคจฺฉสิ, ราชทณฺฑํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา เปเสสิ. โส ราชภเยน นิกฺขมิตฺวา ¶ คโต.
ราชาปิ ตสฺมึ คเต โทวาริกํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อชฺช สายนฺเหเยว ทฺวารํ ปิทหิตฺวา ‘อหํ ราชทูโต’ติ วา ‘อุปราชทูโต’ติ วา ภณนฺตานมฺปิ มา วิวรี’’ติ อาห. โส ปุริโส มตฺติกฺจ อุปฺปลานิ จ คเหตฺวา ทฺวาเร ปิหิตมตฺเต อาคนฺตฺวา พหุํ วทนฺโตปิ ทฺวารํ อลภิตฺวา ปริสฺสยภเยน เชตวนํ คโต. ราชาปิ ราคปริฬาเหน อภิภูโต กาเล นิสีทติ, กาเล ติฏฺติ, กาเล นิปชฺชติ, สนฺนิฏฺานํ อลภนฺโต ยตฺถ กตฺถจิ นิสินฺนโกว มกฺกฏนิทฺทาย นิทฺทายติ.
ปุพฺเพ ¶ จ ตสฺมึเยว นคเร จตฺตาโร เสฏฺิปุตฺตา ปรทาริกกมฺมํ กตฺวา นนฺโทปนนฺทาย นาม โลหกุมฺภิยา นิพฺพตฺตึสุ. เต เผณุทฺเทหกํ ปจฺจมานา ตึสวสฺสสหสฺสานิ เหฏฺา คจฺฉนฺตา กุมฺภิยา ตลํ ปาปุณนฺติ, ตึสวสฺสสหสฺสานิ อุปริ คจฺฉนฺตา มตฺถกํ ปาปุณนฺติ. เต ตํ ทิวสํ อาโลกํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน ทุกฺกฏภเยน เอเกกํ คาถํ วตฺตุกามา วตฺตุํ อสกฺโกนฺตา เอเกกํ อกฺขรเมว อาหํสุ. เอโก ส-การํ, เอโก โส-การํ, เอโก น-การํ, เอโก ทุ-การํ อาห. ราชา เตสํ เนรยิกสตฺตานํ สทฺทํ สุตกาลโต ปฏฺาย สุขํ อวินฺทมาโนว ตํรตฺตาวเสสํ วีตินาเมสิ.
อรุเณ อุฏฺิเต ปุโรหิโต อาคนฺตฺวา ตํ สุขเสยฺยํ ปุจฺฉิ. โส ‘‘กุโต เม, อาจริย, สุข’’นฺติ ¶ ? วตฺวา, ‘‘สุปิเน เอวรูเป สทฺเท อสฺโสสิ’’นฺติ อาจิกฺขิ. พฺราหฺมโณ – ‘‘อิมสฺส รฺโ อิมินา สุปิเนน วุฑฺฒิ วา หานิ วา นตฺถิ, อปิจ โข ปน ยํ อิมสฺส เคเห อตฺถิ, ตํ สมณสฺส โคตมสฺส โหติ, โคตมสาวกานํ โหติ, พฺราหฺมณา กิฺจิ น ลภนฺติ, พฺราหฺมณานํ ภิกฺขํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ, ‘‘ภาริโย อยํ, มหาราช, สุปิโน ตีสุ ชานีสุ เอกา ปฺายติ, รชฺชนฺตราโย วา ภวิสฺสติ ชีวิตนฺตราโย วา, เทโว วา น วสฺสิสฺสตี’’ติ อาห. กถํ โสตฺถิ ภเวยฺย อาจริยาติ? ‘‘มนฺเตตฺวา าตุํ สกฺกา, มหาราชาติ. คจฺฉถ อาจริเยหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา อมฺหากํ โสตฺถึ กโรถา’’ติ.
โส สิวิกสาลายํ พฺราหฺมเณ สนฺนิปาเตตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘วิสุํ วิสุํ คนฺตฺวา เอวํ วทถา’’ติ ตโย วคฺเค อกาสิ ¶ . พฺราหฺมณา ปวิสิตฺวา ราชานํ สุขเสยฺยํ ปุจฺฉึสุ. ราชา ปุโรหิตสฺส กถิตนิยาเมเนว กเถตฺวา ‘‘กถํ โสตฺถิ ภเวยฺยา’’ติ ปุจฺฉิ. มหาพฺราหฺมณา – ‘‘สพฺพปฺจสตํ ยฺํ ยชิตฺวา เอตสฺส กมฺมสฺส โสตฺถิ ภเวยฺย, เอวํ, มหาราช, อาจริยา กเถนฺตี’’ติ อาหํสุ. ราชา เตสํ สุตฺวา อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. อถ ทุติยวคฺคพฺราหฺมณาปิ อาคนฺตฺวา ตตฺเถว กเถสุํ. ตถา ตติยวคฺคพฺราหฺมณาปิ. อถ ราชา ‘‘ยฺํ กโรนฺตู’’ติ อาณาเปสิ. ตโต ปฏฺาย พฺราหฺมณา อุสภาทโย ปาเณ อาหราเปสุํ. นคเร มหาสทฺโท อุทปาทิ ¶ . ตํ ปวตฺตึ ตฺวา มลฺลิกา ราชานํ ตถาคตสฺส สนฺติกํ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ ภควา – ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวาทิวสฺสา’’ติ อาห. ราชา – ‘‘อชฺช เม, ภนฺเต, สุปินเก จตฺตาโร สทฺทา สุตา, โสหํ พฺราหฺมเณ ปุจฺฉึ. พฺราหฺมณา ‘ภาริโย, มหาราช, สุปิโน, สพฺพปฺจสตํ ยฺํ ยชิตฺวา ปฏิกมฺมํ กโรมาติ อารทฺธา’’’ติ อาห. กินฺติ เต, มหาราช, สทฺทา สุตาติ. โส ยถาสุตํ อาโรเจสิ. อถ นํ ภควา อาห – ปุพฺเพ, มหาราช, อิมสฺมึเยว นคเร จตฺตาโร เสฏฺิปุตฺตา ปรทาริกา หุตฺวา นนฺโทปนนฺทาย โลหกุมฺภิยา นิพฺพตฺตา สฏฺิวสฺสสหสฺสมตฺถเก อุคฺคจฺฉึสุ.
ตตฺถ เอโก –
‘‘สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;
นิรเย ปจฺจมานานํ, กทา อนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ.(เป. ว. ๘๐๒; ชา. ๑.๔.๕๔) –
อิมํ ¶ คาถํ วตฺถุกาโม อโหสิ. ทุติโย –
‘‘โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา, โยนึ ลทฺธาน มานุสึ;
วทฺู สีลสมฺปนฺโน, กาหามิ กุสลํ พหุ’’นฺติ. (เป. ว. ๘๐๕; ชา. ๑.๔.๕๖) –
อิมํ คาถํ วตฺถุกาโม อโหสิ. ตติโย –
‘‘นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต, น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ;
ตทา หิ ปกตํ ปาปํ, มม ตุยฺหฺจ มาริสา’’ติ. (เป. ว. ๘๐๓; ชา. ๑.๔.๕๕) –
อิมํ คาถํ วตฺถุกาโม อโหสิ. จตุตฺโถ –
‘‘ทุชฺชีวิตมชีวิมฺหา, เย สนฺเต น ททมฺหเส;
วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ, ทีปํ นากมฺห อตฺตโน’’ติ. (เป. ว. ๘๐๔; ชา. ๑.๔.๕๓) –
อิมํ ¶ . เต อิมา คาถา วตฺตุํ อสกฺโกนฺตา เอเกกํ อกฺขรํ วตฺวา ตตฺเถว นิมุคฺคา. อิติ, มหาราช, เต เนรยิกสตฺตา ยถากมฺเมน วิรวึสุ. ตสฺส สทฺทสฺส สุตปจฺจยา ตุยฺหํ หานิ วา วุฑฺฒิ วา นตฺถิ. เอตฺตกานํ ปน ปสูนํ ฆาตนกมฺมํ นาม ภาริยนฺติ นิรยภเยน ตชฺเชตฺวา ธมฺมกถํ ¶ กเถสิ. ราชา ทสพเล ปสีทิตฺวา, ‘‘มฺุจามิ, เนสํ ชีวิตํ ททามิ, หริตานิ เจว ติณานิ ขาทนฺตุ, สีตลานิ จ ปานียานิ ปิวนฺตุ, สีโต จ เนสํ วาโต อุปวายตู’’ติ วตฺวา, ‘‘คจฺฉถ หาเรถา’’ติ มนุสฺเส อาณาเปสิ. เต คนฺตฺวา พฺราหฺมเณ ปลาเปตฺวา ตํ ปาณสงฺฆํ พนฺธนโต โมเจตฺวา นคเร ธมฺมเภรึ จราเปสุํ.
อถ ราชา ทสพลสฺส สนฺติเก นิสินฺโน อาห – ‘‘ภนฺเต, เอกรตฺติ นาม ติยามา โหติ, มยฺหํ ปน อชฺช ทฺเว รตฺติโย เอกโต ฆฏิตา วิย อเหสุ’’นฺติ. โสปิ ปุริโส ตตฺเถว นิสินฺโน ¶ อาห – ‘‘ภนฺเต, โยชนํ นาม จตุคาวุตํ โหติ, มยฺหํ ปน อชฺช ทฺเว โยชนานิ เอกโต กตานิ วิย อเหสุ’’นฺติ. อถ ภควา – ‘‘ชาครสฺส ตาว รตฺติยา ทีฆภาโว ปากโฏ, สนฺตสฺส โยชนสฺส ทีฆภาโว ปากโฏ, วฏฺฏปติตสฺส ปน พาลปุถุชฺชนสฺส อนมตคฺคสํสารวฏฺฏํ เอกนฺตทีฆเมวา’’ติ ราชานฺจ ตฺจ ปุริสํ เนรยิกสตฺเต จ อารพฺภ ธมฺมปเท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ทีฆา ชาครโต รตฺติ, ทีฆํ สนฺตสฺส โยชนํ;
ทีโฆ พาลานํ สํสาโร, สทฺธมฺมํ อวิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๖๐);
คาถาปริโยสาเน โส อิตฺถิสามิโก ปุริโส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ การณํ ชานิตฺวา.
อสฺสเมธนฺติอาทีสุ – โปราณราชกาเล กิร สสฺสเมธํ ปุริสเมธํ สมฺมาปาสํ วาจาเปยฺยนฺติ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ อเหสุํ, เยหิ ราชาโน โลกํ สงฺคณฺหึสุ. ตตฺถ นิปฺผนฺนสสฺสโต ¶ ทสมภาคคฺคหณํ สสฺสเมธํ นาม, สสฺสสมฺปาทเน เมธาวิตาติ อตฺโถ. มหาโยธานํ ฉมาสิกํ ภตฺต-เวตนานุปฺปทานํ ปุริสเมธํ นาม, ปุริสสงฺคณฺหเน เมธาวิตาติ อตฺโถ. ทลิทฺทมนุสฺสานํ หตฺถโต เลขํ คเหตฺวา ตีณิ วสฺสานิ วินาว วฑฺฒิยา สหสฺสทฺวิสหสฺสมตฺตธนานุปฺปทานํ สมฺมาปาสํ นาม. ตฺหิ สมฺมา มนุสฺเส ปาเสติ, หทเย พนฺธิตฺวา วิย เปติ, ตสฺมา สมฺมาปาสนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ตาต มาตุลา’’ติอาทินา นเยน สณฺหวาจาภณนํ วาจาเปยฺยํ นาม, ปิยวาจาติ อตฺโถ. เอวํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคหิตํ รฏฺํ อิทฺธฺเจว ¶ โหติ ผีตฺจ ปหูตอนฺนปานํ เขมํ นิรพฺพุทํ. มนุสฺสา มุทา โมทมานา อุเร ปุตฺเต นจฺเจนฺตา อปารุตฆรทฺวารา วิหรนฺติ. อิทํ ฆรทฺวาเรสุ อคฺคฬานํ อภาวโต นิรคฺคฬนฺติ วุจฺจติ. อยํ โปราณิกา ปเวณี.
อปรภาเค ปน โอกฺกากราชกาเล พฺราหฺมณา อิมานิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ อิมฺจ รฏฺสมฺปตฺตึ ปริวตฺเตตฺวา อุทฺธํมูลกํ กตฺวา อสฺสเมธํ ปุริสเมธนฺติ อาทิเก ปฺจ ยฺเ นาม อกํสุ. เตสุ อสฺสเมตฺถ เมธนฺติ วธนฺตีติ อสฺสเมโธ. ทฺวีหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส เอกวีสติยูปสฺส เอกสฺมึ มชฺฌิมทิวเสเยว สตฺตนวุติปฺจปสุสตฆาตภึสนสฺส เปตฺวา ภูมิฺจ ¶ ปุริเส จ อวเสสสพฺพวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. ปุริสเมตฺถ เมธนฺตีติ ปุริสเมโธ. จตูหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึ ภูมิยา อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. สมฺมเมตฺถ ปาเสนฺตีติ สมฺมาปาโส. ทิวเส ทิวเส สมฺมํ ขิปิตฺวา ตสฺส ¶ ปติโตกาเส เวทึ กตฺวา สํหาริเมหิ ยูปาทีหิ สรสฺสตินทิยา นิมุคฺโคกาสโต ปภุติ ปฏิโลมํ คจฺฉนฺเตน ยชิตพฺพสฺส สตฺรยาคสฺเสตํ อธิวจนํ. วาชเมตฺถ ปิวนฺตีติ วาชเปยฺโย. เอเกน ปริยฺเน สตฺตรสหิ ปสูหิ ยชิตพฺพสฺส เพลุวยูปสฺส สตฺตรสกทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. นตฺถิ เอตฺถ อคฺคฬาติ นิรคฺคโฬ. นวหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึ ภูมิยา จ ปุริเสหิ จ อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส สพฺพเมธปริยายนามสฺส อสฺสเมธวิกปฺปสฺเสเวตํ อธิวจนํ. มหารมฺภาติ มหากิจฺจา มหากรณียา. สมฺมคฺคตาติ สมฺมา ปฏิปนฺนา พุทฺธาทโย. นิรารมฺภาติ อปฺปตฺถา อปฺปกิจฺจา. ยชนฺติ อนุกุลนฺติ อนุกุเลสุ ยชนฺติ, ยํ นิจฺจภตฺตาทิ ปุพฺพปุริเสหิ ปฏฺปิตํ, ตํ อปราปรํ อนุปจฺฉินฺนตฺตา มนุสฺสา ททนฺตีติ อตฺโถ. นวมํ.
๑๐. พนฺธนสุตฺตวณฺณนา
๑๒๑. ทสเม อิธ, ภนฺเต, รฺาติ อิทํ เต ภิกฺขู เตสุ มนุสฺเสสุ อานนฺทตฺเถรสฺส สุกตการณํ อาโรเจนฺตา อาโรเจสุํ. รฺโ กิร สกฺเกน กุสราชสฺส ทินฺโน อฏฺวงฺโก มณิ ปเวณิยา อาคโต. ราชา อลงฺกรณกาเล ตํ มณึ อาหรถาติ อาห. มนุสฺสา ‘‘ปิตฏฺาเน ¶ น ปสฺสามา’’ติ อาโรเจสุํ. ราชา อนฺโตฆรจาริโน ‘‘มณึ ปริเยสิตฺวา เทถา’’ติ พนฺธาเปสิ. อานนฺทตฺเถโร เต ทิสฺวา มณิปฏิสามกานํ เอกํ อุปายํ อาจิกฺขิ ¶ . เต รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘ปณฺฑิโต เถโร, เถรสฺส วจนํ กโรถา’’ติ. ปฏิสามกมนุสฺสา ราชงฺคเณ อุทกจาฏึ เปตฺวา สาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา เต มนุสฺเส อาหํสุ – ‘‘สาฏกํ ปารุปิตฺวา เอตฺถ คนฺตฺวา หตฺถํ โอตาเรถา’’ติ. มณิโจโร จินฺเตสิ – ‘‘ราชภณฺฑํ วิสฺสชฺเชตุํ วา วลฺเชตุํ วา น สกฺกา’’ติ. โส เคหํ คนฺตฺวา มณึ อุปกจฺฉเก เปตฺวา สาฏกํ ปารุปิตฺวา อาคมฺม อุทกจาฏิยํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกามิ. มหาชเน ปฏิกฺกนฺเต ราชมนุสฺสา จาฏิยํ หตฺถํ โอตาเรตฺวา มณึ ทิสฺวา อาหริตฺวา รฺโ อทํสุ. ‘‘อานนฺทตฺเถเรน กิร ทสฺสิตนเยน มณิ ทิฏฺโ’’ติ มหาชโน โกลาหลํ อกาสิ. เต ภิกฺขู ตํ การณํ ตถาคตสฺส อาโรเจนฺตา อิมํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. สตฺถา – ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, ยํ อานนฺโท มนุสฺสานํ หตฺถารุฬฺหมณึ อาหราเปยฺย ¶ , ยตฺถ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อตฺตโน าเณ ตฺวา อเหตุกปฏิสนฺธิยํ นิพฺพตฺตานํ ติรจฺฉานคตานมฺปิ หตฺถารุฬฺหํ ภณฺฑํ อาหราเปตฺวา รฺโ อทํสู’’ติ วตฺวา –
‘‘อุกฺกฏฺเ สูรมิจฺฉนฺติ, มนฺตีสุ อกุตูหลํ;
ปิยฺจ อนฺนปานมฺหิ, อตฺเถ ชาเต จ ปณฺฑิต’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๙๒) –
มหาสารชาตกํ กเถสิ.
น ตํ ทฬฺหนฺติ ตํ พนฺธนํ ถิรนฺติ น กเถนฺติ. ยทายสนฺติ ยํ อายสา กตํ. สารตฺตรตฺตาติ สุฏฺุ รตฺตรตฺตา, สารตฺเตน วา รตฺตา สารตฺตรตฺตา, สารํ อิทนฺติ มฺนาย รตฺตาติ อตฺโถ. อเปกฺขาติ อาลโย นิกนฺติ. อาหูติ กเถนฺติ. โอหารินนฺติ จตูสุ อปาเยสุ อากฑฺฒนกํ. สิถิลนฺติ น อายสาทิพนฺธนํ วิย อิริยาปถํ นิวาเรตฺวา ิตํ. เตน หิ พนฺธเนน พทฺธา ปรเทสมฺปิ คจฺฉนฺติเยว. ทุปฺปมฺุจนฺติ อฺตฺร โลกุตฺตราเณน มฺุจิตุํ อสกฺกุเณยฺยนฺติ. ทสมํ.
ปโม วคฺโค.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. สตฺตชฏิลสุตฺตวณฺณนา
๑๒๒. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ปเม ¶ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทติ ปุพฺพารามสงฺขาเต วิหาเร มิคารมาตุยา ปาสาเท. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกา อุปาสิกา ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ นิมนฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตสหสฺสทานํ ทตฺวา ภควโต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา – ‘‘อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส อคฺคุปฏฺายิกา โหมี’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกปุตฺตสฺส ธนฺจยเสฏฺิโน เคเห สุมนเทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ ¶ . ชาตกาเล จสฺสา วิสาขาติ นามํ อกํสุ. สา ยทา ภควา ภทฺทิยนครํ อคมาสิ, ตทา ปฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธึ ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ คตา ปมทสฺสนมฺหิเยว โสตาปนฺนา อโหสิ. อปรภาเค สาวตฺถิยํ มิคารเสฏฺิปุตฺตสฺส ปุณฺณวฑฺฒนกุมารสฺส เคหํ คตา. ตตฺถ นํ มิคารเสฏฺิ มาติฏฺาเน เปสิ, ตสฺมา มิคารมาตาติ วุจฺจติ. ตาย การิเต ปาสาเท.
พหิ ทฺวารโกฏฺเกติ ปาสาททฺวารโกฏฺกสฺส พหิ, น วิหารทฺวารโกฏฺกสฺส. โส กิร ปาสาโท โลหปาสาโท วิย สมนฺตา จตุทฺวารโกฏฺกยุตฺเตน ปากาเรน ปริกฺขิตฺโต. เตสุ ปาจีนทฺวารโกฏฺกสฺส พหิ ปาสาทจฺฉายายํ ปาจีนโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต ปฺตฺเต วรพุทฺธาสเน นิสินฺโน โหติ.
ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมาติ ปรูฬฺหกจฺฉา ปรูฬฺหนขา ปรูฬฺหโลมา, กจฺฉาทีสุ ทีฆโลมา ทีฆนขา จาติ อตฺโถ. ขาริวิวิธนฺติ วิวิธขารึ นานปฺปการกํ ปพฺพชิตปริกฺขารภณฺฑกํ. อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ อวิทูรมคฺเคน นครํ ปวิสนฺติ. ราชาหํ ¶ , ภนฺเตติ อหํ, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล, มยฺหํ นามํ ตุมฺเห ชานาถาติ. กสฺมา ปน ราชา โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส สนฺติเก นิสินฺโน เอวรูปานํ นคฺคโภคฺคนิสฺสิริกานํ อฺชลึ ปคฺคณฺหาตีติ. สงฺคณฺหนตฺถาย. เอวํ หิสฺส อโหสิ – ‘‘สจาหํ เอตฺตกมฺปิ เอเตสํ น กริสฺสามิ ¶ , ‘มยํ ปุตฺตทารํ ปหาย เอตสฺสตฺถาย ทุพฺโภชนทุกฺขเสยฺยาทีนิ อนุโภม, อยํ อมฺหากํ อฺชลิมตฺตมฺปิ น กโรตี’ติ อตฺตนา ทิฏฺํ สุตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา น กเถยฺยุํ. เอวํ กเต ปน อนิคูหิตฺวา กเถสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา เอวมกาสิ. อปิจ สตฺถุ อชฺฌาสยชานนตฺถํ เอวมกาสิ.
กาสิกจนฺทนนฺติ สณฺหจนฺทนํ. มาลาคนฺธวิเลปนนฺติ วณฺณคนฺธตฺถาย มาลํ, สุคนฺธภาวตฺถาย คนฺธํ, วณฺณคนฺธตฺถาย วิเลปนฺจ ธาเรนฺเตน.
สํวาเสนาติ สหวาเสน. สีลํ เวทิตพฺพนฺติ อยํ สุสีโล วา ทุสฺสีโล วาติ สํวสนฺเตน อุปสงฺกมนฺเตน ชานิตพฺโพ. ตฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา น อิตฺตรนฺติ ตฺจ สีลํ ทีเฆน กาเลน เวทิตพฺพํ, น อิตฺตเรน. ทฺวีหตีหฺหิ สํยตากาโร จ สํวุตินฺทฺริยากาโร จ น สกฺกา ทสฺเสตุํ. มนสิกโรตาติ สีลมสฺส ปริคฺคเหสฺสามีติ มนสิกโรนฺเตน ปจฺจเวกฺขนฺเตเนว สกฺกา ¶ ชานิตุํ, น อิตเรน. ปฺวตาติ ตมฺปิ สปฺปฺเเนว ปณฺฑิเตน. พาโล หิ มนสิกโรนฺโตปิ ชานิตุํ น สกฺโกติ.
สํโวหาเรนาติ กถเนน.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, โวหารํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, วาณิโช โส น พฺราหฺมโณ’’ติ. (ม. นิ. ๒.๔๕๗) –
เอตฺถ หิ พฺยวหาโร โวหาโร นาม. ‘‘จตฺตาโร อริยโวหารา จตฺตาโร อนริยโวหารา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๓) เอตฺถ เจตนา. ‘‘สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร’’ติ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๕) เอตฺถ ปฺตฺติ. ‘‘โวหารมตฺเตน โส โวหเรยฺยา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๕) เอตฺถ กถา โวหาโร. อิธาปิ เอโสว อธิปฺเปโต. เอกจฺจสฺส หิ สมฺมุขา กถา ปรมฺมุขาย กถาย น สเมติ, ปรมฺมุขา ¶ กถา จ สมฺมุขาย กถาย, ตถา ปุริมกถา จ ปจฺฉิมกถาย, ปจฺฉิมกถา จ ปุริมกถาย. โส กเถนฺเตเนว สกฺกา ชานิตุํ ‘‘อสุจิ เอโส ปุคฺคโล’’ติ. สุจิสีลสฺส ปน ปุริมํ ปจฺฉิเมน, ปจฺฉิมฺจ ปุริเมน สเมติ, สมฺมุขากถิตํ ปรมฺมุขากถิเตน, ปรมฺมุขากถิตฺจ สมฺมุขากถิเตน, ตสฺมา กเถนฺเตน สกฺกา สุจิภาโว ชานิตุนฺติ ปกาเสนฺโต เอวมาห.
ถาโมติ ¶ าณถาโม. ยสฺส หิ าณถาโม นตฺถิ, โส อุปฺปนฺเนสุ อุปทฺทเวสุ คเหตพฺพคฺคหณํ กตพฺพกิจฺจํ อปสฺสนฺโต อทฺวารฆรํ ปวิฏฺโ วิย จรติ. เตนาห อาปทาสุ โข, มหาราช, ถาโม เวทิตพฺโพติ. สากจฺฉายาติ สํกถาย. ทุปฺปฺสฺส หิ กถา อุทเก เคณฺฑุ วิย อุปฺปลวติ, ปฺวโต กเถนฺตสฺส ปฏิภานํ อนนฺตรํ โหติ. อุทกวิปฺผนฺทิเตเนว หิ มจฺโฉ ขุทฺทโก วา มหนฺโต วาติ ายติ. โอจรกาติ เหฏฺาจรกา. จรา หิ ปพฺพตมตฺถเกน จรนฺตาปิ เหฏฺา – จรกาว โหนฺติ. โอจริตฺวาติ อวจริตฺวา วีมํสิตฺวา, ตํ ตํ ปวตฺตึ ตฺวาติ อตฺโถ. รโชชลฺลนฺติ รชฺจ ชลฺลฺจ. วณฺณรูเปนาติ วณฺณสณฺาเนน. อิตฺตรทสฺสเนนาติ ลหุกทสฺสเนน. วิยฺชเนนาติ ปริกฺขารภณฺฑเกน. ปติรูปโก มตฺติกากุณฺฑโลวาติ สุวณฺณกุณฺฑลปติรูปโก มตฺติกากุณฺฑโลว. โลหฑฺฒมาโสติ โลหฑฺฒมาสโก. ปมํ.
๒. ปฺจราชสุตฺตวณฺณนา
๑๒๓. ทุติเย ¶ รูปาติ นีลปีตาทิเภทํ รูปารมฺมณํ. กามานํ อคฺคนฺติ เอตํ กามานํ อุตฺตมํ เสฏฺนฺติ รูปครุโก อาห. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ยโตติ ยทา. มนาปปริยนฺตนฺติ ¶ มนาปนิปฺผตฺติกํ มนาปโกฏิกํ. ตตฺถ ทฺเว มนาปานิ ปุคฺคลมนาปํ สมฺมุติมนาปฺจ. ปุคฺคลมนาปํ นาม ยํ เอกสฺส ปุคฺคลสฺส อิฏฺํ กนฺตํ โหติ, ตเทว อฺสฺส อนิฏฺํ อกนฺตํ. ปจฺจนฺตวาสีนฺหิ คณฺฑุปฺปาทาปิ อิฏฺา โหนฺติ กนฺตา มนาปา, มชฺฌิมเทสวาสีนํ อติเชคุจฺฉา. เตสฺจ โมรมํสาทีนิ อิฏฺานิ โหนฺติ, อิตเรสํ ตานิ อติเชคุจฺฉานิ. อิทํ ปุคฺคลมนาปํ. อิตรํ สมฺมุติมนาปํ.
อิฏฺานิฏฺารมฺมณํ นาม โลเก ปฏิวิภตฺตํ นตฺถิ, วิภชิตฺวา ปน ทสฺเสตพฺพํ. วิภชนฺเตน จ น อติอิสฺสรานํ มหาสมฺมตมหาสุทสฺสนธมฺมาโสกาทีนํ วเสน วิภชิตพฺพํ. เตสฺหิ ทิปฺปกปฺปมฺปิ อารมฺมณํ อมนาปํ อุปฏฺาติ. อติทุคฺคตานํ ทุลฺลภนฺนปานานํ วเสนปิ น วิภชิตพฺพํ. เตสฺหิ กณาชกภตฺตสิตฺถานิปิ ปูติมํสสฺส รโสปิ อติมธุโร อมตสทิโส โหติ. มชฺฌิมานํ ปน คณกมหามตฺตเสฏฺิ กุฏุมฺพิกวาณิชาทีนํ กาเลน ¶ อิฏฺํ กาเลน อนิฏฺํ ลภมานานํ วเสน วิภชิตพฺพํ. ตฺจ ปเนตํ อารมฺมณํ ชวนํ ปริจฺฉินฺทิตุํ น สกฺโกติ. ชวนฺหิ อิฏฺเปิ รชฺชติ อนิฏฺเปิ, อิฏฺเปิ ทุสฺสติ อนิฏฺเปิ. เอกนฺตโต ปน วิปากจิตฺตํ อิฏฺานิฏฺํ ปริจฺฉินฺทติ. กิฺจาปิ หิ มิจฺฉาทิฏฺิกา พุทฺธํ วา สงฺฆํ วา มหาเจติยาทีนิ วา อุฬารานิ อารมฺมณานิ ทิสฺวา อกฺขีนิ ปิทหนฺติ โทมนสฺสํ อาปชฺชนฺติ, ธมฺมสทฺทํ สุตฺวา กณฺเณ ถเกนฺติ, จกฺขุวิฺาณโสตวิฺาณานิ ปน เตสํ กุสลวิปากาเนว โหนฺติ. กิฺจาปิ คูถสูกราทโย คูถคนฺธํ ฆายิตฺวา ขาทิตุํ ลภิสฺสามาติ โสมนสฺสชาตา โหนฺติ, คูถทสฺสเน ปน เนสํ จกฺขุวิฺาณํ, ตสฺส คนฺธฆายเน ฆานวิฺาณํ, รสสายเน ชิวฺหาวิฺาณฺจ อกุสลวิปากเมว โหติ. ภควา ปน ปุคฺคลมนาปตํ สนฺธาย เต จ, มหาราช, รูปาติอาทิมาห.
จนฺทนงฺคลิโกติ อิทํ ตสฺส อุปาสกสฺส นามํ. ปฏิภาติ มํ ภควาติ ภควา มยฺหํ เอกํ การณํ อุปฏฺาติ ปฺายติ. ตสฺส เต ปฺจ ราชาโน อามุตฺตมณิกุณฺฑเล สชฺชิตาย ¶ อาปานภูมิยา นิสินฺนวเสเนว มหตา ราชานุภาเวน ปรเมน อิสฺสริยวิภเวน อาคนฺตฺวาปิ ทสพลสฺส ¶ สนฺติเก ิตกาลโต ปฏฺาย ทิวา ปทีเป วิย อุทกาภิสิตฺเต องฺคาเร วิย สูริยุฏฺาเน ขชฺโชปนเก วิย จ หตปฺปเภ หตโสเภ ตํ ตถาคตฺจ เตหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน วิโรจมานํ ทิสฺวา, ‘‘มหนฺตา วต โภ พุทฺธา นามา’’ติ ปฏิภานํ อุทปาทิ. ตสฺมา เอวมาห.
โกกนทนฺติ ปทุมสฺเสเวตํ เววจนํ. ปาโตติ กาลสฺเสว. สิยาติ ภเวยฺย. อวีตคนฺธนฺติ อวิคตคนฺธํ. องฺคีรสนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. ภควโต หิ องฺคโต รสฺมิโย นิกฺขมนฺติ, ตสฺมา องฺคีรโสติ วุจฺจติ. ยถา โกกนทสงฺขาตํ ปทุมํ ปาโตว ผุลฺลํ อวีตคนฺธํ สิยา, เอวเมว ภควนฺตํ องฺคีรสํ ตปนฺตํ อาทิจฺจมิว อนฺตลิกฺเข วิโรจมานํ ปสฺสาติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ. ภควนฺตํ อจฺฉาเทสีติ ภควโต อทาสีติ อตฺโถ. โลกโวหารโต ปเนตฺถ อีทิสํ วจนํ โหติ. โส กิร อุปาสโก – ‘‘เอเต ตถาคตสฺส คุเณสุ ปสีทิตฺวา มยฺหํ ปฺจ อุตฺตราสงฺเค ¶ เทนฺติ, อหมฺปิ เต ภควโตว ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อทาสิ. ทุติยํ.
๓. โทณปากสุตฺตวณฺณนา
๑๒๔. ตติเย โทณปากกุรนฺติ โทณปากํ กุรํ, โทณสฺส ตณฺฑุลานํ ปกฺกภตฺตํ ตทูปิยฺจ สูปพฺยฺชนํ ภฺุชตีติ อตฺโถ. ภุตฺตาวีติ ปุพฺเพ ภตฺตสมฺมทํ วิโนเทตฺวา มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา พุทฺธุปฏฺานํ คจฺฉติ, ตํทิวสํ ปน ภฺุชนฺโตว ทสพลํ สริตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา อคมาสิ. มหสฺสาสีติ ตสฺส คจฺฉโต พลวา ภตฺตปรีฬาโห อุทปาทิ, ตสฺมา มหนฺเตหิ อสฺสาเสหิ อสฺสสติ, คตฺตโตปิสฺส เสทพินฺทูนิ มุจฺจนฺติ, ตเมนํ อุโภสุ ปสฺเสสุ ตฺวา ยมกตาลวณฺเฏหิ พีชนฺติ, พุทฺธคารเวน ปน นิปชฺชิตุํ น อุสฺสหตีติ อิทํ สนฺธาย ‘‘มหสฺสาสี’’ติ วุตฺตํ. อิมํ คาถํ อภาสีติ, ราชา โภชเน ¶ อมตฺตฺุตาย กิลมติ, ผาสุ วิหารํ ทานิสฺส กริสฺสามีติ จินฺเตตฺวา อภาสิ. มนุชสฺสาติ สตฺตสฺส. กหาปณสตนฺติ ปาตราเส ปณฺณาสํ สายมาเส ปณฺณาสนฺติ เอวํ กหาปณสตํ. ปริยาปุณิตฺวาติ รฺา สทฺธึ โถกํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ มงฺคลอสึ กสฺส ทมฺมิ, มหาราชา’’ติ? อสุกสฺส นาม เทหีติ โส ตํ อสึ ทตฺวา ทสพลสฺส สนฺติกํ อาคมฺม วนฺทิตฺวา ิตโกว ‘‘คาถํ วทถ, โภ โคตมา’’ติ วตฺวา ภควตา วุตฺตํ ปริยาปุณิตฺวาติ อตฺโถ.
ภตฺตาภิหาเร ¶ สุทํ ภาสตีติ กถํ ภาสติ? ภควตา อนุสิฏฺินิยาเมน. ภควา หิ นํ เอวํ อนุสาสิ – ‘‘มาณว, อิมํ คาถํ นโฏ วิย ปตฺตปตฺตฏฺาเน มา อวจ, รฺโ ภฺุชนฏฺาเน ตฺวา ปมปิณฺฑาทีสุปิ อวตฺวา โวสานปิณฺเฑ คหิเต วเทยฺยาสิ, ราชา สุตฺวาว ภตฺตปิณฺฑํ ฉฑฺเฑสฺสติ. อถ รฺโ หตฺเถสุ โธเตสุ ปาตึ อปเนตฺวา สิตฺถานิ คเณตฺวา ตทุปิยํ พฺยฺชนํ ตฺวา ปุนทิวเส ตาวตเก ตณฺฑุเล หาเรยฺยาสิ, ปาตราเส จ วตฺวา สายมาเส มา วเทยฺยาสี’’ติ. โส สาธูติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตํทิวสํ รฺโ ปาตราสํ ภุตฺวา คตตฺตา สายมาเส ภควโต อนุสิฏฺินิยาเมน คาถํ อภาสิ ¶ . ราชา ทสพลสฺส วจนํ สริตฺวา ภตฺตปิณฺฑํ ปาติยํเยว ฉฑฺเฑสิ. รฺโ หตฺเถสุ โธเตสุ ปาตึ อปเนตฺวา สิตฺถานิ คเณตฺวา ตทุปิยํ พฺยฺชนํ ตฺวา ปุนทิวเส ตตฺตเก ตณฺฑุเล หรึสุ.
นาฬิโกทนปรมตาย สณฺาสีติ โส กิร มาณโว ทิวเส ทิวเส ตถาคตสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ, ทสพลสฺส วิสฺสาสิโก อโหสิ. อถ นํ เอกทิวสํ ปุจฺฉิ ‘‘ราชา กิตฺตกํ ภฺุชตี’’ติ? โส ‘‘นาฬิโกทน’’นฺติ อาห. วฏฺฏิสฺสติ เอตฺตาวตา ปุริสภาโค เอส, อิโต ปฏฺาย คาถํ มา วทีติ. อิติ ราชา ตตฺเถว สณฺาสิ. ทิฏฺธมฺมิเกน เจว อตฺเถน สมฺปรายิเกน จาติ เอตฺถ สลฺลิขิตสรีรตา ทิฏฺธมฺมิกตฺโถ นาม, สีลํ สมฺปรายิกตฺโถ. โภชเน มตฺตฺุตา หิ สีลงฺคํ นาม โหตีติ. ตติยํ.
๔. ปมสงฺคามสุตฺตวณฺณนา
๑๒๕. จตุตฺเถ ¶ เวเทหิปุตฺโตติ เวเทหีติ ปณฺฑิตาธิวจนเมตํ, ปณฺฑิติตฺถิยา ปุตฺโตติ อตฺโถ. จตุรงฺคินินฺติ หตฺถิอสฺสรถปตฺติสงฺขาเตหิ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ. สนฺนยฺหิตฺวาติ จมฺมปฏิมฺุจนาทีหิ สนฺนาหํ กาเรตฺวา. สงฺคาเมสุนฺติ ยุชฺฌึสุ. เกน การเณน? มหาโกสลรฺา กิร พิมฺพิสารสฺส ธีตรํ เทนฺเตน ทฺวินฺนํ รชฺชานํ อนฺตเร สตสหสฺสุฏฺาโน กาสิคาโม นาม ธีตุ ทินฺโน. อชาตสตฺตุนา จ ปิตริ มาริเต มาตาปิสฺส รฺโ วิโยคโสเกน นจิรสฺเสว มตา. ตโต ราชา ปเสนทิ โกสโล – ‘‘อชาตสตฺตุนา มาตาปิตโร มาริตา, มยฺหํ ปิตุ สนฺตโก คาโม’’ติ ตสฺสตฺถาย อฑฺฑํ กโรติ. อชาตสตฺตุปิ ‘‘มยฺหํ มาตุ สนฺตโก’’ติ ตสฺส คามสฺสตฺถาย ทฺเวปิ มาตุลภาคิเนยฺยา ยุชฺฌึสุ.
ปาปา ¶ เทวทตฺตาทโย มิตฺตา อสฺสาติ ปาปมิตฺโต. เตเยวสฺส สหายาติ ปาปสหาโย. เตสฺเววสฺส จิตฺตํ นินฺนํ สมฺปวงฺกนฺติ ปาปสมฺปวงฺโก. ปเสนทิสฺส สาริปุตฺตตฺเถราทีนํ วเสน กลฺยาณมิตฺตาทิตา เวทิตพฺพา. ทุกฺขํ เสตีติ ชิตานิ หตฺถิอาทีนิ อนุโสจนฺโต ทุกฺขํ สยิสฺสติ. อิทํ ภควา ปุน ตสฺส ชยการณํ ทิสฺวา อาห. ชยํ เวรํ ปสวตีติ ชินนฺโต เวรํ ปสวติ, เวริปุคฺคลํ ลภติ. จตุตฺถํ.
๕. ทุติยสงฺคามสุตฺตวณฺณนา
๑๒๖. ปฺจเม ¶ อพฺภุยฺยาสีติ ปราชเย ครหปฺปตฺโต ‘‘อารามํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ กถาสลฺลาปํ สุณาถา’’ติ รตฺติภาเค พุทฺธรกฺขิเตน นาม วุฑฺฒปพฺพชิเตน ธมฺมรกฺขิตสฺส วุฑฺฒปพฺพชิตสฺส ‘‘สเจ ราชา อิมฺจ อุปายํ กตฺวา คจฺเฉยฺย, ปุน ชิเนยฺยา’’ติ วุตฺตชยการณํ สุตฺวา อภิอุยฺยาสิ.
ยาวสฺส อุปกปฺปตีติ ยาว ตสฺส อุปกปฺปติ สยฺหํ โหติ. ยทา จฺเติ ยทา อฺเ. วิลุมฺปนฺตีติ ตํ วิลุมฺปิตฺวา ¶ ิตปุคฺคลํ วิลุมฺปนฺติ. วิลุมฺปตีติ วิลุมฺปิยติ. านํ หิ มฺตีติ ‘‘การณ’’นฺติ หิ มฺติ. ยทาติ ยสฺมึ กาเล. เชตารํ ลภเต ชยนฺติ ชยนฺโต ปุคฺคโล ปจฺฉา เชตารมฺปิ ลภติ. โรเสตารนฺติ ฆฏฺเฏตารํ. โรสโกติ ฆฏฺฏโก. กมฺมวิวฏฺเฏนาติ กมฺมปริณาเมน, ตสฺส วิลุมฺปนกมฺมสฺส วิปากทาเนน. โส วิลุตฺโต วิลุปฺปตีติ โส วิลุมฺปโก วิลุมฺปิยติ. ปฺจมํ.
๖. มลฺลิกาสุตฺตวณฺณนา
๑๒๗. ฉฏฺเ อุปสงฺกมีติ มลฺลิกาย เทวิยา คพฺภวุฏฺานกาเล สูติฆรํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา อารกฺขํ ทตฺวา อุปสงฺกมิ. อนตฺตมโน อโหสีติ, ‘‘ทุคฺคตกุลสฺส เม ธีตุ มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทินฺนํ, สเจ ปุตฺตํ อลภิสฺส, มหนฺตํ สกฺการํ อธิคมิสฺส, ตโต ทานิ ปริหีนา’’ติ อนตฺตมโน อโหสิ. เสยฺยาติ ทนฺธปฺสฺมา เอลมูคปุตฺตโต เอกจฺจา อิตฺถีเยว เสยฺยา. โปสาติ โปเสหิ. ชนาธิปาติ ชนาธิภุํ ราชานํ อาลปติ. สสฺสุเทวาติ สสฺสุสสุรเทวตา. ทิสมฺปตีติ ทิสาเชฏฺกา. ตาทิสา สุภคิยาติ ตาทิสาย สุภริยาย. ฉฏฺํ.
๗. อปฺปมาทสุตฺตวณฺณนา
๑๒๘. สตฺตเม ¶ สมธิคฺคยฺหาติ สมธิคฺคณฺหิตฺวา, อาทิยิตฺวาติ อตฺโถ. อปฺปมาโทติ การาปกอปฺปมาโท. สโมธานนฺติ สมวธานํ อุปกฺเขปํ. เอวเมว โขติ หตฺถิปทํ วิย หิ การาปกอปฺปมาโท, เสสปทชาตานิ วิย อวเสสา จตุภูมกา กุสลธมฺมา. เต หตฺถิปเท เสสปทานิ วิย ¶ ¶ อปฺปมาเท สโมธานํ คจฺฉนฺติ, อปฺปมาทสฺส อนฺโต ปริวตฺตนฺติ. ยถา จ หตฺถิปทํ เสสปทานํ อคฺคํ เสฏฺํ, เอวํ อปฺปมาโท เสสธมฺมานนฺติ ทสฺเสติ. มหคฺคตโลกุตฺตรธมฺมานมฺปิ เหส ปฏิลาภกฏฺเน โลกิโยปิ สมาโน อคฺโคว โหติ.
อปฺปมาทํ ปสํสนฺตีติ ‘‘เอตานิ อายุอาทีนิ ปตฺถยนฺเตน อปฺปมาโทว กาตพฺโพ’’ติ อปฺปมาทเมว ปสํสนฺติ. ยสฺมา วา ปฺุกิริยาสุ ปณฺฑิตา อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ, ตสฺมา อายุอาทีนิ ปตฺถยนฺเตน อปฺปมาโทว กาตพฺโพติ อตฺโถ. อตฺถาภิสมยาติ อตฺถปฏิลาภา. สตฺตมํ.
๘. กลฺยาณมิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๒๙. อฏฺเม โส จ โข กลฺยาณมิตฺตสฺสาติ โส จายํ ธมฺโม กลฺยาณมิตฺตสฺเสว สฺวากฺขาโต นาม โหติ, น ปาปมิตฺตสฺสาติ. กิฺจาปิ หิ ธมฺโม สพฺเพสมฺปิ สฺวากฺขาโตว, กลฺยาณมิตฺตสฺส ปน สุสฺสูสนฺตสฺส สทฺทหนฺตสฺส อตฺถํ ปูเรติ เภสชฺชํ วิย วฬฺชนฺตสฺส น อิตรสฺสาติ. เตเนตํ วุตฺตํ. ธมฺโมติ เจตฺถ เทสนาธมฺโม เวทิตพฺโพ.
อุปฑฺฒมิทนฺติ เถโร กิร รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ สมณธมฺโม นาม โอวาทเก อนุสาสเก กลฺยาณมิตฺเต สติ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ิตสฺส สมฺปชฺชติ, อุปฑฺฒํ กลฺยาณมิตฺตโต โหติ, อุปฑฺฒํ ปจฺจตฺตปุริสการโต’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ ปเทสาเณ ิโต นิปฺปเทสํ จินฺเตตุํ น สกฺโกมิ, สตฺถารํ ปุจฺฉิตฺวา นิกฺกงฺโข ภวิสฺสามี’’ติ. ตสฺมา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห. พฺรหฺมจริยสฺสาติ อริยมคฺคสฺส. ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตาติ ยา เอสา กลฺยาณมิตฺตตา นาม, สา อุปฑฺฒํ, ตโต อุปฑฺฒํ อาคจฺฉตีติ อตฺโถ. อิติ เถเรน ‘‘อุปฑฺฒุปฑฺฒา สมฺมาทิฏฺิอาทโย กลฺยาณมิตฺตโต อาคจฺฉนฺติ, อุปฑฺฒุปฑฺฒา ปจฺจตฺตปุริสการโต’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ¶ เถรสฺส อยํ มโนรโถ, ยถา ปน พหูหิ สิลาถมฺเภ อุสฺสาปิเต, ‘‘เอตฺตกํ านํ อสุเกน อุสฺสาปิตํ, เอตฺตกํ อสุเกนา’’ติ วินิพฺโภโค นตฺถิ, ยถา จ มาตาปิตโร นิสฺสาย อุปฺปนฺเนสุ ปุตฺเตสุ ‘‘เอตฺตกํ มาติโต ¶ นิพฺพตฺตํ, เอตฺตกํ ปิติโต’’ติ วินิพฺโภโค นตฺถิ, เอวํ อิธาปิ อวินิพฺโภคธมฺโม เหส, ‘‘เอตฺตกํ สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ ¶ กลฺยาณมิตฺตโต นิพฺพตฺตํ, เอตฺตกํ ปจฺจตฺตปุริสการโต’’ติ น สกฺกา ลทฺธุํ, กลฺยาณมิตฺตตาย ปน อุปฑฺฒคุโณ ลพฺภตีติ เถรสฺส อชฺฌาสเยน อุปฑฺฒํ นาม ชาตํ, สกลคุโณ ปฏิลพฺภตีติ ภควโต อชฺฌาสเยน สกลํ นาม ชาตํ. กลฺยาณมิตฺตตาติ เจตํ ปุพฺพภาคปฏิลาภงฺคํ นามาติ คหิตํ. อตฺถโต กลฺยาณมิตฺตํ นิสฺสาย ลทฺธา สีลสมาธิวิปสฺสนาวเสน จตฺตาโร ขนฺธา. สงฺขารกฺขนฺโธติปิ วทนฺติเยว.
มา เหวํ, อานนฺทาติ, อานนฺท, มา เอวํ อภณิ, พหุสฺสุโต ตฺวํ เสขปฏิสมฺภิทปฺปตฺโต อฏฺ วเร คเหตฺวา มํ อุปฏฺหสิ, จตูหิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, ตาทิสสฺส เอวํ กเถตุํ น วฏฺฏติ. สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ, ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตาติ อิทํ ภควา – ‘‘จตฺตาโร มคฺคา จตฺตาริ ผลานิ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา สพฺพํ กลฺยาณมิตฺตมูลกเมว โหตี’’ติ สนฺธายาห. อิทานิ วจีเภเทเนว การณํ ทสฺเสนฺโต กลฺยาณมิตฺตสฺเสตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปาฏิกงฺขนฺติ ปาฏิกงฺขิตพฺพํ อิจฺฉิตพฺพํ, อวสฺสํภาวีติ อตฺโถ.
อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. สมฺมาทิฏฺึ ภาเวตีติอาทีสุ อฏฺนฺนํ อาทิปทานํเยว ตาว อยํ สงฺเขปวณฺณนา – สมฺมา ทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฏฺิ. สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกปฺโป. สมฺมา ปริคฺคหณลกฺขณา สมฺมาวาจา. สมฺมา สมุฏฺาปนลกฺขโณ สมฺมากมฺมนฺโต. สมฺมา โวทาปนลกฺขณา สมฺมาอาชีโว. สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม. สมฺมา อุปฏฺานลกฺขณา สมฺมาสติ. สมฺมา สมาธานลกฺขโณ สมฺมาสมาธิ.
เตสุ เอเกกสฺส ตีณิ กิจฺจานิ โหนฺติ. เสยฺยาถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ ตาว อฺเหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธึ มิจฺฉาทิฏฺึ ปชหติ, นิโรธํ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปสฺสติ ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหวิธมนวเสน อสมฺโมหโต. สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ตเถว มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ จ ปชหนฺติ, นิโรธฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติ. วิเสสโต ปเนตฺถ สมฺมาทิฏฺิ สหชาตธมฺเม สมฺมา ทสฺเสติ ¶ . สมฺมาสงฺกปฺโป สหชาตธมฺเม อภินิโรเปติ, สมฺมาวาจา สมฺมา ปริคฺคณฺหาติ, สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมา ¶ สมุฏฺาเปติ, สมฺมาอาชีโว สมฺมา โวทาเปติ ¶ , สมฺมาวายาโม สมฺมา ปคฺคณฺหาติ, สมฺมาสติ สมฺมา อุปฏฺาเปติ, สมฺมาสมาธิ สมฺมา ทหติ.
อปิเจสา สมฺมาทิฏฺิ นาม ปุพฺพภาเค นานาขณา นานารมฺมณา โหติ, มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณา. กิจฺจโต ปน สมฺมาทิฏฺิ ทุกฺเข าณนฺติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ. สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานาขณา นานารมฺมณา โหนฺติ, มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณา. เตสุ สมฺมาสงฺกปฺโป กิจฺจโต เนกฺขมฺมสงฺกปฺโปติอาทีนิ ตีณิ นามานิ ลภติ. สมฺมาวาจาทโย ตโย วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาโยปิ, มคฺคกฺขเณ ปน วิรติโยว. สมฺมาวายาโม สมฺมาสตีติ อิทมฺปิ ทฺวยํ กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฏฺานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภติ. สมฺมาสมาธิ ปน ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิเยว.
เอวํ ตาว ‘‘สมฺมาทิฏฺิ’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตานํ อฏฺนฺนํ อาทิปทานํเยว อตฺถวณฺณนํ ตฺวา อิทานิ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตนฺติอาทีสุ เอวํ าตพฺโพ. ภาเวตีติ วฑฺเฒติ, อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน ปุนปฺปุนํ ชเนติ, อภินิพฺพตฺเตตีติ อตฺโถ. วิเวกนิสฺสิตนฺติ วิเวกํ นิสฺสิตํ, วิเวเก วา นิสฺสิตนฺติ วิเวกนิสฺสิตํ. วิเวโกติ วิวิตฺตตา. วิวิตฺตตา จายํ ตทงฺควิเวโก, วิกฺขมฺภน-สมุจฺเฉท-ปฏิปฺปสฺสทฺธิ-นิสฺสรณวิเวโกติ ปฺจวิโธ. เอวเมตสฺมึ ปฺจวิเธ วิเวเก. วิเวกนิสฺสิตนฺติ ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ สมุจฺเฉทวิเวกนิสฺสิตํ นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตฺจ สมฺมาทิฏฺึ ภาเวตีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ อยํ อริยมคฺคภาวนานุยุตฺโต โยคี วิปสฺสนากฺขเณ กิจฺจโต ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ, อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ, มคฺคกาเล ปน กิจฺจโต สมุจฺเฉทวิเวกนิสฺสิตํ, อารมฺมณโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ สมฺมาทิฏฺึ ภาเวติ. เอส นโย วิราคนิสฺสิตาทีสุ. วิเวกตฺถา เอว หิ วิราคาทโย ¶ .
เกวลฺเจตฺถ โวสฺสคฺโค ทุวิโธ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโค จ ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโค จาติ. ตตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโคติ วิปสฺสนากฺขเณ จ ตทงฺควเสน, มคฺคกฺขเณ จ สมุจฺเฉทวเสน กิเลสปฺปหานํ. ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโคติ วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ ปน อารมฺมณกรเณน นิพฺพานปกฺขนฺทนํ, ตทุภยมฺปิ อิมสฺมึ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก ¶ อตฺถวณฺณนานเย ¶ วฏฺฏติ. ตถา หิ อยํ สมฺมาทิฏฺิ ยถาวุตฺเตน ปกาเรน กิเลเส จ ปริจฺจชติ, นิพฺพานฺจ ปกฺขนฺทติ.
โวสฺสคฺคปริณามินฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน โวสฺสคฺคตฺถํ ปริณมนฺตํ ปริณตฺจ, ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกฺจาติ อิทํ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ อริยมคฺคภาวนานุยุตฺโต ภิกฺขุ ยถา สมฺมาทิฏฺิ กิเลสปริจฺจาคโวสฺสคฺคตฺถํ นิพฺพานปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคตฺถฺจ ปริปจฺจติ, ยถา จ ปริปกฺกา โหติ, ตถา นํ ภาเวตีติ. เอส นโย เสสมคฺคงฺเคสุ.
อาคมฺมาติ อารพฺภ สนฺธาย ปฏิจฺจ. ชาติธมฺมาติ ชาติสภาวา ชาติปกติกา. ตสฺมาติ ยสฺมา สกโล อริยมคฺโคปิ กลฺยาณมิตฺตํ นิสฺสาย ลพฺภติ, ตสฺมา. หนฺทาติ ววสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. อปฺปมาทํ ปสํสนฺตีติ อปฺปมาทํ วณฺณยนฺติ, ตสฺมา อปฺปมาโท กาตพฺโพ. อตฺถาภิสมยาติ อตฺถปฏิลาภา. อฏฺมํ.
๙. ปมอปุตฺตกสุตฺตวณฺณนา
๑๓๐. นวเม ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺส ทิวา, มชฺฌนฺหิกสมเยติ อตฺโถ. สาปเตยฺยนฺติ ธนํ. โก ปน วาโท รูปิยสฺสาติ สุวณฺณรชตตมฺพโลหกาฬโลหผาลกจฺฉปกาทิเภทสฺส ฆนกตสฺส เจว ปริโภคภาชนาทิเภทสฺส จ รูปิยภณฺฑสฺส ปน โก วาโท? ‘‘เอตฺตกํ นามา’’ติ กา ปริจฺเฉทกถาติ อตฺโถ. กณาชกนฺติ สกุณฺฑกภตฺตํ. พิลงฺคทุติยนฺติ กฺชิกทุติยํ. สาณนฺติ สาณวากมยํ ¶ . ติปกฺขวสนนฺติ ตีณิ ขณฺฑานิ ทฺวีสุ าเนสุ สิพฺพิตฺวา กตนิวาสนํ.
อสปฺปุริโสติ ลามกปุริโส. อุทฺธคฺคิกนฺติอาทีสุ อุปรูปริภูมีสุ ผลทานวเสน อุทฺธํ อคฺคมสฺสาติ อุทฺธคฺคิกา. สคฺคสฺส หิตา ตตฺรุปปตฺติชนนโตติ โสวคฺคิกา. นิพฺพตฺตฏฺาเนสุ สุโข วิปาโก อสฺสาติ สุขวิปากา. สุฏฺุ อคฺคานํ ทิพฺพวณฺณาทีนํ วิเสสานํ นิพฺพตฺตนโต สคฺคสํวตฺตนิกา. เอวรูปํ ทกฺขิณทานํ น ปติฏฺาเปตีติ.
สาโตทกาติ มธุโรทกา. เสตฺโตทกาติ วีจีนํ ภินฺนฏฺาเน อุทกสฺส เสตตาย เสโตทกา. สุปติตฺถาติ ¶ สุนฺทรติตฺถา. ตํ ชโนติ ¶ เยน อุทเกน สาโตทกา, ตํ อุทกํ ชโน ภาชนานิ ปูเรตฺวา เนว หเรยฺย. น ยถาปจฺจยํ วา กเรยฺยาติ, ยํ ยํ อุทเกน อุทกกิจฺจํ กาตพฺพํ, ตํ ตํ น กเรยฺย. ตทเปยฺยมานนฺติ ตํ อเปยฺยมานํ. กิจฺจกโร จ โหตีติ อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจกโร เจว กุสลกิจฺจกโร จ, ภฺุชติ จ, กมฺมนฺเต จ ปโยเชติ, ทานฺจ เทตีติ อตฺโถ. นวมํ.
๑๐. ทุติยอปุตฺตกสุตฺตวณฺณนา
๑๓๑. ทสเม ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสีติ ปิณฺฑปาเตน สทฺธึ สํโยเชสิ, ปิณฺฑปาตํ อทาสีติ อตฺโถ. ปกฺกามีติ เกนจิเทว ราชุปฏฺานาทินา กิจฺเจน คโต. ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสีติ โส กิร อฺเสุปิ ทิวเสสุ ตํ ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ปสฺสติ, ทาตุํ ปนสฺส จิตฺตํ น อุปฺปชฺชติ. ตสฺมึ ปน ทิวเส อยํ ปทุมวติเทวิยา ตติยปุตฺโต ตคฺครสิขี ปจฺเจกพุทฺโธ คนฺธมาทนปพฺพเต ผลสมาปตฺติสุเขน วีตินาเมตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย วุฏฺาย อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา มโนสิลาตเล นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อิทฺธิยา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา นครทฺวาเร โอรุยฺห จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย นครวาสีนํ ฆรทฺวาเรสุ สหสฺสภณฺฑิกํ เปนฺโต วิย ปาสาทิเกหิ อภิกฺกนฺตาทีหิ อนุปุพฺเพน เสฏฺิโน ฆรทฺวารํ สมฺปตฺโต. ตํทิวสฺจ ¶ เสฏฺิ ปาโตว อุฏฺาย ปณีตโภชนํ ภฺุชิตฺวา, ฆรทฺวารโกฏฺเก อาสนํ ปฺาเปตฺวา, ทนฺตนฺตรานิ โสเธนฺโต นิสินฺโน โหติ. โส ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา, ตํทิวสํ ปาโต ภุตฺวา นิสินฺนตฺตา ทานจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา, ภริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อิมสฺส สมณสฺส ปิณฺฑปาตํ เทหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
เสฏฺิภริยา จินฺเตสิ – ‘‘มยา เอตฺตเกน กาเลน อิมสฺส ‘เทถา’ติ วจนํ น สุตปุพฺพํ, ทาเปนฺโตปิ จ อชฺช น ยสฺส วา ตสฺส วา ทาเปติ, วีตราคโทสโมหสฺส วนฺตกิเลสสฺส โอหิตภารสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทาเปติ, ยํ วา ตํ วา อทตฺวา ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามี’’ติ, ฆรา นิกฺขมฺม ปจฺเจกพุทฺธํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย อนฺโตนิเวสเน ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา สุปริสุทฺเธหิ สาลิตณฺฑุเลหิ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา ตทนุรูปํ ขาทนียํ พฺยฺชนํ สุเปยฺยฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา พหิ คนฺเธหิ สมลงฺกริตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถสุ ¶ ปติฏฺเปตฺวา วนฺทิ. ปจฺเจกพุทฺโธ – ‘‘อฺเสมฺปิ ปจฺเจกพุทฺธานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ ¶ อปริภฺุชิตฺวาว อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. โสปิ โข เสฏฺิ พาหิรโต อาคจฺฉนฺโต ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา มยํ ‘‘ตุมฺหากํ ปิณฺฑปาตํ เทถา’’ติ วตฺวา ปกฺกนฺตา, อปิ โว ลทฺโธติ? อาม, เสฏฺิ ลทฺโธติ. ‘‘ปสฺสามี’’ติ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอโลเกสิ. อถสฺส ปิณฺฑปาตคนฺโธ อุฏฺหิตฺวา นาสาปุฏํ ปหริ. โส จิตฺตํ สํยเมตุํ อสกฺโกนฺโต ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อาโหสีติ.
วรเมตนฺติอาทิ วิปฺปฏิสารสฺส อุปฺปนฺนาการทสฺสนํ. ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตกํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสีติ ตทา กิรสฺส อวิภตฺเตเยว กุฏุมฺเพ มาตาปิตโร จ เชฏฺภาตา จ กาลมกํสุ. โส ภาตุชายาย สทฺธึเยว สํวาสํ กปฺเปสิ. ภาตุ ปนสฺส เอโก ปุตฺโต โหติ, ตํ วีถิยา กีฬนฺตํ มนุสฺสา วทนฺติ – ‘‘อยํ ทาโส อยํ ทาสี อิทํ ยานํ อิทํ ธนํ ตว สนฺตก’’นฺติ. โส เตสํ กถํ คเหตฺวา – ‘‘อยํ ทาโส มยฺหํ สนฺตก’’นฺติอาทีนิ กเถติ.
อถสฺส จูฬปิตา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ทารโก อิทาเนว เอวํ กเถสิ, มหลฺลกกาเล กุฏุมฺพํ มชฺเฌ ภินฺทาเปยฺย, อิทาเนวสฺส กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ เอกทิวสํ วาสึ อาทาย – ‘‘เอหิ ปุตฺต, อรฺํ คจฺฉามา’’ติ ตํ อรฺํ เนตฺวา วิรวนฺตํ วิรวนฺตํ มาเรตฺวา อาวาเฏ ¶ ปกฺขิปิตฺวา ปํสุนา ปฏิจฺฉาเทสิ. อิทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. สตฺตกฺขตฺตุนฺติ สตฺตวาเร. ปุพฺพปจฺฉิมเจตนาวเสน เจตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอกปิณฺฑปาตทานสฺมิฺหิ เอกาว เจตนา ทฺเว ปฏิสนฺธิโย น เทติ, ปุพฺพปจฺฉิมเจตนาหิ ปเนส สตฺตกฺขตฺตุํ สคฺเค, สตฺตกฺขตฺตุํ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺโต. ปุราณนฺติ ปจฺเจกสมฺพุทฺธสฺส ทินฺนปิณฺฑปาตเจตนากมฺมํ.
ปริคฺคหนฺติ ปริคฺคหิตวตฺถุ. อนุชีวิโนติ เอกํ มหากุลํ นิสฺสาย ปณฺณาสมฺปิ สฏฺิปิ กุลานิ ชีวนฺติ, เต มนุสฺเส สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. สพฺพํ นาทาย คนฺตพฺพนฺติ สพฺพเมตํ น อาทิยิตฺวา คนฺตพฺพํ. สพฺพํ นิกฺขิปฺปคามินนฺติ สพฺพเมตํ นิกฺขิปฺปสภาวํ, ปริจฺจชิตพฺพสภาวเมวาติ อตฺโถ. ทสมํ.
ทุติโย วคฺโค.
๓. ตติยวคฺโค
๑. ปุคฺคลสุตฺตวณฺณนา
๑๓๒. ตติยวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม ‘‘นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต’’ติอาทิเกน ตเมน ยุตฺโตติ ตโม. กายทุจฺจริตาทีหิ ปุน นิรยตมูปคมนโต ตมปรายโณ. อิติ อุภเยนปิ ขนฺธตโมว กถิโต โหติ. ‘‘อุจฺเจ กุเล ปจฺจาชาโต’’ติอาทิเกน โชตินา ยุตฺตโต โชติ, อาโลกีภูโตติ วุตฺตํ โหติ. กายสุจริตาทีหิ ปุน สคฺคูปปตฺติโชติภาวูปคมนโต โชติปรายโณ. อิมินา นเยน อิตเรปิ ทฺเว เวทิตพฺพา.
เวนกุเลติ วิลีวการกุเล. เนสาทกุเลติ มิคลุทฺทกาทีนํ กุเล. รถการกุเลติ จมฺมการกุเล. ปุกฺกุสกุเลติ ปุปฺผฉฑฺฑกกุเล. กสิรวุตฺติเกติ ทุกฺขวุตฺติเก. ทุพฺพณฺโณติ ปํสุปิสาจโก วิย ฌามขาณุวณฺโณ. ทุทฺทสิโกติ วิชาตมาตุยาปิ อมนาปทสฺสโน ¶ . โอโกฏิมโกติ ลกุณฺฑโก. กาโณติ เอกกฺขิกาโณ วา อุภยกฺขิกาโณ วา. กุณีติ เอกหตฺถกุณี วา อุภยหตฺถกุณี วา. ขฺโชติ เอกปาทขฺโช วา อุภยปาทขฺโช วา. ปกฺขหโตติ หตปกฺโข ปีสปฺปี. ปทีเปยฺยสฺสาติ เตลกปลฺลกาทิโน ปทีปอุปกรณสฺส. เอวํ โข, มหาราชาติ เอตฺถ เอโก ปุคฺคโล พหิทฺธา อาโลกํ อทิสฺวา มาตุกุจฺฉิสฺมึเยว กาลํ กตฺวา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺโต สกลํ กปฺปมฺปิ สํสรติ, โสปิ ตโมตมปรายโณว. โส ปน กุหกปุคฺคโล ภเวยฺย. กุหกสฺส หิ เอวรูปา นิพฺพตฺติ โหตีติ วุตฺตํ.
เอตฺถ จ ‘‘นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ จณฺฑาลกุเล วา’’ติอาทีหิ อาคมนวิปตฺติ เจว ปุพฺพุปฺปนฺนปจฺจยวิปตฺติ จ ทสฺสิตา. ทลิทฺเทติอาทีหิ ปวตฺตปจฺจยวิปตฺติ. กสิรวุตฺติเกติอาทีหิ อาชีวุปายวิปตฺติ. ทุพฺพณฺโณติอาทีหิ ¶ อตฺตภาววิปตฺติ. พวฺหาพาโธติอาทีหิ ทุกฺขการณสมาโยโค. น ลาภีติอาทีหิ สุขการณวิปตฺติ เจว อุปโภควิปตฺติ จ. กาเยน ทุจฺจริตนฺติอาทีหิ ตมปรายณภาวสฺส การณสมาโยโค. กายสฺส เภทาติอาทีหิ สมฺปรายิกตมูปคโม. สุกฺกปกฺโข วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺโพ.
อกฺโกสตีติ ¶ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสติ. ปริภาสตีติ, ‘‘กสฺมา ติฏฺถ? กึ ตุมฺเหหิ อมฺหากํ กสิกมฺมาทีนิ กตานี’’ติอาทีหิ? ปริภววจเนหิ ปริภาสติ. โรสโกติ ฆฏฺฏโก. อพฺยคฺคมนโสติ เอกคฺคจิตฺโต. ปมํ.
๒. อยฺยิกาสุตฺตวณฺณนา
๑๓๓. ทุติเย ชิณฺณาติ ชราชิณฺณา. วุฑฺฒาติ วโยวุฑฺฒา. มหลฺลิกาติ ชาติมหลฺลิกา. อทฺธคตาติ อทฺธํ จิรกาลํ อติกฺกนฺตา. วโยอนุปฺปตฺตาติ ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺตา. ปิยา มนาปาติ รฺโ กิร มาตริ มตาย อยฺยิกา มาตุฏฺาเน ตฺวา ปฏิชคฺคิ, เตนสฺส อยฺยิกาย พลวเปมํ อุปฺปชฺชิ. ตสฺมา เอวมาห. หตฺถิรตเนนาติ ¶ สตสหสฺสคฺฆนโก หตฺถี สตสหสฺสคฺฆนเกน อลงฺกาเรน อลงฺกโต หตฺถิรตนํ นาม. อสฺสรตเนปิ เอเสว นโย. คามวโรปิ สตสหสฺสุฏฺานกคาโมว. สพฺพานิ ตานิ เภทนธมฺมานีติ เตสุ หิ กิฺจิ กริยมานเมว ภิชฺชติ, กิฺจิ กตปริโยสิตํ จกฺกโต อนปนีตเมว, กิฺจิ อปเนตฺวา ภูมิยํ ปิตมตฺตํ, กิฺจิ ตโต ปรํ, เอวเมว สตฺเตสุปิ โกจิ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา มรติ, โกจิ มูฬฺหคพฺภาย มาตริ มาตุกุจฺฉิโต อนิกฺขนฺโตว, โกจิ นิกฺขนฺตมตฺโต, โกจิ ตโต ปรนฺติ. ตสฺมา เอวมาห. ทุติยํ.
๑๓๔. ตติเย สพฺพํ อุตฺตานเมว. ตติยํ.
๔. อิสฺสตฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๓๕. จตุตฺถสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป. ภควโต กิร ปมโพธิยํ มหาลาภสกฺกาโร อุทปาทิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ. ติตฺถิยา หตลาภสกฺการา หุตฺวา กุเลสุ เอวํ กนฺเถนฺตา วิจรนฺติ – ‘‘สมโณ โคตโม ¶ เอวมาห, ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ, น อฺเสํ ทานํ ทาตพฺพํ. มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, น อฺเสํ สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ. มยฺหเมว ทินฺนํ มหปฺผลํ, น อฺเสํ ทินฺนํ มหปฺผลํ. มยฺหเมว สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ, น อฺเสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ. ยุตฺตํ นุ โข สยมฺปิ ภิกฺขาจารนิสฺสิเตน ปเรสํ ภิกฺขาจารนิสฺสิตานํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อนฺตรายํ กาตุํ, อยุตฺตํ กโรติ อนนุจฺฉวิก’’นฺติ. สา ¶ กถา ปตฺถรมานา ราชกุลํ สมฺปตฺตา. ราชา สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อฏฺานเมตํ ยํ ตถาคโต ปเรสํ ลาภนฺตรายํ กเรยฺย. เอเต ตถาคตสฺส อลาภาย อยสาย ปริสกฺกนฺติ. สจาหํ อิเธว ตฺวา ‘มา เอวํ อโวจุตฺถ, น สตฺถา เอวํ กเถตี’ติ วเทยฺยํ, เอวํ สา กถา นิชฺฌตฺตึ น คจฺเฉยฺย, อิมสฺส มหาชนสฺส สนฺนิปติตกาเลเยว นํ นิชฺฌาเปสฺสามี’’ติ เอกํ ฉณทิวสํ อาคเมนฺโต ตุณฺหี อโหสิ.
อปเรน ¶ สมเยน มหาฉเณ สมฺปตฺเต ‘‘อยํ อิมสฺส กาโล’’ติ นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘สทฺธา วา อสฺสทฺธา วา สมฺมาทิฏฺิกา วา มิจฺฉาทิฏฺิกา วา เคหรกฺขเก ทารเก วา มาตุคาเม วา เปตฺวา อวเสสา เย วิหารํ นาคจฺฉนฺติ, ปฺาสํ ทณฺโฑ’’ติ. สยมฺปิ ปาโตว นฺหตฺวา กตปาตราโส สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต มหตา พลกาเยน สทฺธึ วิหารํ อคมาสิ. คจฺฉนฺโต จ จินฺเตสิ – ‘‘ภควา ตุมฺเห กิร เอวํ วทถ ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ…เป… น อฺเสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ เอวํ ปุจฺฉิตุํ อยุตฺตํ, ปฺหเมว ปุจฺฉิสฺสามิ, ปฺหํ กเถนฺโต จ เม ภควา อวสาเน ติตฺถิยานํ วาทํ ภฺชิสฺสตี’’ติ. โส ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต กตฺถ นุ โข, ภนฺเต, ทานํ ทาตพฺพนฺติ อาห. ยตฺถาติ ยสฺมึ ปุคฺคเล จิตฺตํ ปสีทติ, ตสฺมึ ทาตพฺพํ, ตสฺส วา ทาตพฺพนฺติ อตฺโถ.
เอวํ วุตฺเต ราชา เยหิ มนุสฺเสหิ ติตฺถิยานํ วจนํ อาโรจิตํ, เต โอโลเกสิ. เต รฺา โอโลกิตมตฺตาว มงฺกุภูตา อโธมุขา ปาทงฺคุฏฺเกน ภูมึ เลขมานา อฏฺํสุ. ราชา – ‘‘เอกปเทเนว, ภนฺเต, หตา ติตฺถิยา’’ติ มหาชนํ สาเวนฺโต มหาสทฺเทน อภาสิ. เอวฺจ ปน ภาสิตฺวา – ‘‘ภควา จิตฺตํ นาม นิคณฺาเจลกปริพฺพาชกาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปสีทติ ¶ , กตฺถ ปน, ภนฺเต, ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ ปุจฺฉิ. อฺํ โข เอตนฺติ, ‘‘มหาราช, อฺํ ตยา ปมํ ปุจฺฉิตํ, อฺํ ปจฺฉา, สลฺลกฺเขหิ เอตํ, ปฺหากถนํ ปน มยฺหํ ภาโร’’ติ วตฺวา สีลวโต โขติอาทิมาห. ตตฺถ อิธ ตฺยสฺสาติ อิธ เต อสฺส. สมุปพฺยูฬฺโหติ ราสิภูโต. อสิกฺขิโตติ ธนุสิปฺเป อสิกฺขิโต. อกตหตฺโถติ มุฏฺิพนฺธาทิวเสน อสมฺปาทิตหตฺโถ. อกตโยคฺโคติ ติณปฺุชมตฺติกาปฺุชาทีสุ อกตปริจโย. อกตูปาสโนติ ราชราชมหามตฺตานํ อทสฺสิตสรกฺเขโป. ฉมฺภีติ ปเวธิตกาโย.
กามจฺฉนฺโท ปหีโนติอาทีสุ อรหตฺตมคฺเคน กามจฺฉนฺโท ปหีโน โหติ, อนาคามิมคฺเคน พฺยาปาโท ¶ , อรหตฺตมคฺเคเนว ถินมิทฺธํ, ตถา อุทฺธจฺจํ, ตติเยเนว กุกฺกุจฺจํ, ปมมคฺเคน วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติ. อเสกฺเขน ¶ สีลกฺขนฺเธนาติ อเสกฺขสฺส สีลกฺขนฺโธ อเสกฺโข สีลกฺขนฺโธ นาม. เอส นโย สพฺพตฺถ. เอตฺถ จ ปุริเมหิ จตูหิ ปเทหิ โลกิยโลกุตฺตรสีลสมาธิปฺาวิมุตฺติโย กถิตา. วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณาณํ โหติ, ตํ โลกิยเมว.
อิสฺสตฺตนฺติ อุสุสิปฺปํ. พลวีริยนฺติ เอตฺถ พลํ นาม วาโยธาตุ, วีริยํ กายิกเจตสิกวีริยเมว. ภเรติ ภเรยฺย. นาสูรํ ชาติปจฺจยาติ, ‘‘อยํ ชาติสมฺปนฺโน’’ติ เอวํ ชาติการณา อสูรํ น ภเรยฺย.
ขนฺติโสรจฺจนฺติ เอตฺถ ขนฺตีติ อธิวาสนขนฺติ, โสรจฺจนฺติ อรหตฺตํ. ธมฺมาติ เอเต ทฺเว ธมฺมา. อสฺสเมติ อาวสเถ. วิวเนติ อรฺฏฺาเน, นิรุทเก อรฺเ จตุรสฺสโปกฺขรณิอาทีนิ การเยติ อตฺโถ. ทุคฺเคติ วิสมฏฺาเน. สงฺกมนานีติ ปณฺณาสหตฺถสฏฺิหตฺถานิ สโมกิณฺณปริสุทฺธวาลิกานิ สงฺกมนานิ กเรยฺย.
อิทานิ เอเตสุ อรฺเสนาสเนสุ วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขาจารวตฺตํ อาจิกฺขนฺโต อนฺนํ ปานนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เสนาสนานีติ มฺจปีาทีนิ. วิปฺปสนฺเนนาติ ขีณาสวสฺส เทนฺโตปิ สกงฺเขน กิเลสมลิเนน จิตฺเตน อทตฺวา วิปฺปสนฺเนเนว จิตฺเตน ทเทยฺย. ถนยนฺติ คชฺชนฺโต. สตกฺกกูติ สตสิขโร, อเนกกูโฏติ อตฺโถ. อภิสงฺขจฺจาติ อภิสงฺขริตฺวา สโมธาเนตฺวา ราสึ กตฺวา.
อาโมทมาโนติ ¶ ตุฏฺมานโส หุตฺวา. ปกิเรตีติ ทานคฺเค วิจิรติ, ปกิรนฺโต วิย วา ทานํ เทติ. ปฺุธาราติ อเนกทานเจตนามยา ปฺุธารา. ทาตารํ อภิวสฺสตีติ ยถา อากาเส สมุฏฺิตเมฆโต นิกฺขนฺตา อุทกธารา ปถวึ สิเนหยนฺตี เตเมนฺตี กิเลทยนฺตี อภิวสฺสติ, เอวเมว อยมฺปิ ทายกสฺส อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนา ปฺุธารา ตเมว ทาตารํ อนฺโต สิเนเหติ ปูเรติ อภิสนฺเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทาตารํ อภิวสฺสตี’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. ปพฺพตูปมสุตฺตวณฺณนา
๑๓๖. ปฺจเม ¶ มุทฺธาวสิตฺตานนฺติ ขตฺติยาภิเสเกน มุทฺธนิ อวสิตฺตานํ กตาภิเสกานํ. กามเคธปริยุฏฺิตานนฺติ กาเมสุ เคเธน ปริยุฏฺิตานํ อภิภูตานํ. ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺตานนฺติ ¶ ชนปเท ถิรภาวปฺปตฺตานํ. ราชกรณียานีติ ราชกมฺมานิ ราชูหิ กตฺตพฺพกิจฺจานิ. เตสุ ขฺวาหนฺติ เตสุ อหํ. อุสุกฺกมาปนฺโนติ พฺยาปารํ อาปนฺโน. เอส กิร ราชา ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ภควโต อุปฏฺานํ คจฺฉติ, อนฺตราคมนานิ พหูนิปิ โหนฺติ. ตสฺส นิพทฺธํ คจฺฉโต พลกาโย มหาปิ โหติ อปฺโปปิ. อเถกทิวสํ ปฺจสตา โจรา จินฺตยึสุ – ‘‘อยํ ราชา อเวลาย อปฺเปน พเลน สมณสฺส โคตมสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ, อนฺตรามคฺเค นํ คเหตฺวา รชฺชํ คณฺหิสฺสามา’’ติ. เต อนฺธวเน นิลียึสุ. ราชาโน จ นาม มหาปฺุา โหนฺติ. อถ เตสํเยว อพฺภนฺตรโต เอโก ปุริโส นิกฺขมิตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา มหนฺตํ พลกายํ อาทาย อนฺธวนํ ปริวาเรตฺวา เต สพฺเพ คเหตฺวา อนฺธวนโต ยาว นครทฺวารา มคฺคสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ ยถา อฺมฺํ จกฺขุนา จกฺขุํ อุปนิพนฺธิตฺวา โอโลเกนฺติ, เอวํ อาสนฺนานิ สูลานิ โรปาเปตฺวา สูเลสุ อุตฺตาเสสิ. อิทํ สนฺธาย เอวมาห.
อถ สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ วกฺขามิ, ‘มหาราช, มาทิเส นาม สมฺมาสมฺพุทฺเธ ธุรวิหาเร วสนฺเต ตยา เอวรูปํ ทารุณํ กมฺมํ กตํ, อยุตฺตํ เต กต’นฺติ, อถายํ ราชา มงฺกุ หุตฺวา สนฺถมฺภิตุํ น สกฺกุเณยฺย, ปริยาเยน ธมฺมํ กเถนฺตสฺเสว เม สลฺลกฺเขสฺสตี’’ติ ธมฺมเทสนํ อารภนฺโต ¶ ตํ กึ มฺสีติอาทิมาห. ตตฺถ สทฺธายิโกติ สทฺธาตพฺโพ, ยสฺส ตฺวํ วจนํ สทฺทหสีติ อตฺโถ. ปจฺจยิโกติ ตสฺเสว เววจนํ, ยสฺส วจนํ ปตฺติยายสีติ อตฺโถ. อพฺภสมนฺติ อากาสสมํ. นิปฺโปเถนฺโต อาคจฺฉตีติ ปถวิตลโต ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา สพฺเพ สตฺเต สณฺหกรณียํ ติณจุณฺณํ วิย กโรนฺโต ปิสนฺโต อาคจฺฉติ.
อฺตฺร ธมฺมจริยายาติ เปตฺวา ธมฺมจริยํ อฺํ กาตพฺพํ นตฺถิ, ทสกุสลกมฺมปถสงฺขาตา ธมฺมจริยาว กตฺตพฺพา, ภนฺเตติ – สมจริยาทีนิ ตสฺเสว เววจนานิ. อาโรเจมีติ อาจิกฺขามิ. ปฏิเวทยามีติ ชานาเปมิ. อธิวตฺตตีติ ¶ อชฺโฌตฺถรติ. หตฺถิยุทฺธานีติ นาฬาคิริสทิเส เหมกปฺปเน นาเค อภิรุยฺห ยุชฺฌิตพฺพยุทฺธานิ. คตีติ นิปฺผตฺติ. วิสโยติ โอกาโส, สมตฺถภาโว วา. น หิ สกฺกา เตหิ ชรามรณํ ปฏิพาหิตุํ ¶ . มนฺติโน มหามตฺตาติ มนฺตสมฺปนฺนา มโหสธวิธุรปณฺฑิตาทิสทิสา มหาอมจฺจา. ภูมิคตนฺติ มหาโลหกุมฺภิโย ปูเรตฺวา ภูมิยํ ปิตํ. เวหาสฏฺนฺติ จมฺมปสิพฺพเก ปูเรตฺวา ตุลาสงฺฆาฏาทีสุ ลคฺเคตฺวา เจว นิยฺยุหาทีสุ จ ปูเรตฺวา ปิตํ. อุปลาเปตุนฺติ อฺมฺํ ภินฺทิตุํ. ยถา ทฺเว ชนา เอเกน มคฺเคน น คจฺฉนฺติ เอวํ กาตุํ.
นภํ อาหจฺจาติ อากาสํ ปูเรตฺวา. เอวํ ชรา จ มจฺจุ จาติ อิธ ทฺเวเยว ปพฺพตา คหิตา, ราโชวาเท ปน ‘‘ชรา อาคจฺฉติ สพฺพโยพฺพนํ วิลุมฺปมานา’’ติ เอวํ ชรา มรณํ พฺยาธิ วิปตฺตีติ จตฺตาโรเปเต อาคตาว. ตสฺมาติ ยสฺมา หตฺถิยุทฺธาทีหิ ชรามรณํ ชินิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา. สทฺธํ นิเวสเยติ สทฺธํ นิเวเสยฺย, ปติฏฺาเปยฺยาติ. ปฺจมํ.
ตติโย วคฺโค.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
โกสลสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. มารสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. ตโปกมฺมสุตฺตวณฺณนา
๑๓๗. มารสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม อุรุเวลายํ วิหรตีติ ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ อุรุเวลคามํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ปมาภิสมฺพุทฺโธติ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปมํ อนฺโตสตฺตาหสฺมึเยว. ทุกฺกรการิกายาติ ฉพฺพสฺสานิ กตาย ทุกฺกรการิกาย. มาโร ปาปิมาติ อตฺตโน วิสยํ อติกฺกมิตุํ ปฏิปนฺเน สตฺเต มาเรตีติ มาโร. ปาเป นิโยเชติ, สยํ วา ปาเป นิยุตฺโตติ ปาปิมา. อฺานิปิสฺส กณฺโห, อธิปติ, วสวตฺตี, อนฺตโก, นมุจิ, ปมตฺตพนฺธูติอาทีนิ พหูนิ นามานิ, อิธ ปน นามทฺวยเมว คหิตํ. อุปสงฺกมีติ – ‘‘อยํ สมโณ โคตโม ‘มุตฺโตสฺมี’ติ มฺติ, อมุตฺตภาวมสฺส กเถสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ.
ตโปกมฺมา อปกฺกมฺมาติ ตโปกมฺมโต อปกฺกมิตฺวา. อปรทฺโธติ ‘‘ทูเร ตฺวํ สุทฺธิมคฺคา’’ติ วทติ. อมรํ ตปนฺติ อมรตปํ อมรภาวตฺถาย กตํ ลูขตปํ, อตฺตกิลมถานุโยโค. สพฺพานตฺถาวหํ โหตีติ, ‘‘สพฺพํ ตปํ มยฺหํ อตฺถาวหํ น ภวตี’’ติ ตฺวา. ผิยาริตฺตํว ธมฺมนีติ อรฺเ ถเล ผิยาริตฺตํ วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อรฺเ ถเล นาวํ เปตฺวา ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา มหาชนา อภิรูหิตฺวา ผิยาริตฺตํ คเหตฺวา สํกฑฺเฒยฺยุํ เจว อุปฺปีเลยฺยุํ จ, โส มหาชนสฺส วายาโม เอกงฺคุลทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ นาวาย คมนํ อสาเธนฺโต นิรตฺถโก ภเวยฺย ¶ น อนตฺถาวโห, เอวเมว อหํ ‘สพฺพํ อมรํ ตปํ อนตฺถาวหํ โหตี’ติ ตฺวา วิสฺสชฺเชสินฺติ.
อิทานิ ¶ ตํ อมรํ ตปํ ปหาย เยน มคฺเคน พุทฺโธ ชาโต, ตํ ทสฺเสนฺโต สีลนฺติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ สีลนฺติ วจเนน สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวา คหิตา, สมาธินา สมฺมาวายามสติสมาธโย, ปฺาย สมฺมาทิฏฺิสงฺกปฺปา. มคฺคํ โพธาย ภาวยนฺติ อิมํ อฏฺงฺคิกเมว อริยมคฺคํ โพธตฺถาย ภาวยนฺโต. เอตฺถ จ โพธายาติ มคฺคตฺถาย. ยถา หิ ยาคุตฺถาย ยาคุเมว ปจนฺติ, ปูวตฺถาย ปูวเมว ปจนฺติ, น อฺํ กิฺจิ กโรนฺติ, เอวํ มคฺคเมว มคฺคตฺถาย ภาเวติ. เตนาห ‘‘มคฺคํ โพธาย ภาวย’’นฺติ. ปรมํ สุทฺธินฺติ อรหตฺตํ. นิหโตติ ตฺวํ มยา นิหโต ปราชิโต. ปมํ.
๒. หตฺถิราชวณฺณสุตฺตวณฺณนา
๑๓๘. ทุติเย รตฺตนฺธการติมิสายนฺติ รตฺตึ อนฺธภาวการเก มหาตเม จตุรงฺเค ตมสิ. อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหตีติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ ปาสาณผลเก มหาจีวรํ สีเส เปตฺวา ปธานํ ปริคฺคณฺหมาโน นิสินฺโน โหติ.
นนุ จ ตถาคตสฺส อภาวิโต วา มคฺโค, อปฺปหีนา วา กิเลสา, อปฺปฏิวิทฺธํ วา อกุปฺปํ, อสจฺฉิกโต วา นิโรโธ นตฺถิ, กสฺมา เอวมกาสีติ? อนาคเต กุลปุตฺตานํ องฺกุสตฺถํ. ‘‘อนาคเต หิ กุลปุตฺตา มยา คตมคฺคํ อาวชฺชิตฺวา อพฺโภกาสวาสํ วสิตพฺพํ มฺมานา ปธานกมฺมํ กริสฺสนฺตี’’ติ สมฺปสฺสมาโน สตฺถา เอวมกาสิ. มหาติ มหนฺโต. อริฏฺโกติ กาฬโก. มณีติ ปาสาโณ. เอวมสฺส สีสํ โหตีติ เอวรูปํ ตสฺส กาฬวณฺณํ กูฏาคารปฺปมาณํ มหาปาสาณสทิสํ สีสํ โหติ.
สุภาสุภนฺติ ทีฆมทฺธานํ สํสรนฺโต สุนฺทราสุนฺทรํ วณฺณํ กตฺวา อาคโตสีติ วทติ. อถ วา สํสรนฺติ สํสรนฺโต อาคจฺฉนฺโต. ทีฆมทฺธานนฺติ วสวตฺติฏฺานโต ยาว อุรุเวลาย ทีฆมคฺคํ, ปุเร โพธาย วา ฉพฺพสฺสานิ ¶ ทุกฺกรการิกสมยสงฺขาตํ ทีฆกาลํ. วณฺณํ กตฺวา สุภาสุภนฺติ สุนฺทรฺจ อสุนฺทรฺจ นานปฺปการํ วณฺณํ กตฺวา อเนกวารํ มม สนฺติกํ อาคโตสีติ อตฺโถ. โส กิร วณฺโณ นาม นตฺถิ, เยน ¶ วณฺเณน มาโร วิภึสกตฺถาย ภควโต สนฺติกํ น อาคตปุพฺโพ. เตน ตํ ภควา เอวมาห. อลํ เต เตนาติ อลํ ตุยฺหํ เอเตน มารวิภึสาการทสฺสนพฺยาปาเรน. ทุติยํ.
๓. สุภสุตฺตวณฺณนา
๑๓๙. ตติเย ¶ สุสํวุตาติ สุปิหิตา. น เต มารวสานุคาติ, มาร, เต ตุยฺหํ วสานุคา น โหนฺติ. น เต มารสฺส พทฺธคูติ เต ตุยฺหํ มารสฺส พทฺธจรา สิสฺสา อนฺเตวาสิกา น โหนฺติ. ตติยํ.
๔. ปมมารปาสสุตฺตวณฺณนา
๑๔๐. จตุตฺเถ โยนิโส มนสิการาติ อุปายมนสิกาเรน. โยนิโส สมฺมปฺปธานาติ อุปายวีริเยน การณวีริเยน. วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติ. อชฺฌภาสีติ ‘‘อยํ อตฺตนา วีริยํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวาปิ น ตุสฺสติ, อิทานิ อฺเสมฺปิ ‘ปาปุณาถา’ติ อุสฺสาหํ กโรติ, ปฏิพาเหสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา อภาสิ.
มารปาเสนาติ กิเลสปาเสน. เย ทิพฺพา เย จ มานุสาติ เย ทิพฺพา กามคุณสงฺขาตา มานุสา กามคุณสงฺขาตา จ มารปาสา นาม อตฺถิ, สพฺเพหิ เตหิ ตฺวํ พทฺโธติ วทติ. มารพนฺธนพทฺโธติ มารพนฺธเนน พทฺโธ, มารพนฺธเน วา พทฺโธ. น เม สมณ โมกฺขสีติ สมณ ตฺวํ มม วิสยโต น มุจฺจิสฺสสิ. จตุตฺถํ.
๕. ทุติยมารปาสสุตฺตวณฺณนา
๑๔๑. ปฺจเม มุตฺตาหนฺติ มุตฺโต อหํ. ปุริมํ สุตฺตํ อนฺโตวสฺเส วุตฺตํ, อิทํ ปน ปวาเรตฺวา วุฏฺวสฺสกาเล. จาริกนฺติ อนุปุพฺพคมนจาริกํ. (ปวาเรตฺวา) ทิวเส ทิวเส โยชนปรมํ ¶ คจฺฉนฺตา จรถาติ วทติ. มา เอเกน ทฺเวติ เอกมคฺเคน ทฺเว ชนา มา อคมิตฺถ. เอวฺหิ คเตสุ เอกสฺมึ ธมฺมํ เทเสนฺเต, เอเกน ตุณฺหีภูเตน าตพฺพํ โหติ. ตสฺมา เอวมาห.
อาทิกลฺยาณนฺติ อาทิมฺหิ กลฺยาณํ สุนฺทรํ ภทฺทกํ. ตถา มชฺฌปริโยสาเนสุ. อาทิมชฺฌปริโยสานฺจ นาเมตํ สาสนสฺส จ เทสนาย จ ¶ วเสน ทุวิธํ. ตตฺถ สาสนสฺส สีลํ อาทิ, สมถวิปสฺสนามคฺคา มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํ. สีลสมาธโย วา อาทิ ¶ , วิปสฺสนามคฺคา มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํ. สีลสมาธิวิปสฺสนา วา อาทิ, มคฺโค มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํ. เทสนาย ปน จตุปฺปทิกาย คาถาย ตาว ปมปาโท อาทิ, ทุติยตติยา มชฺฌํ, จตุตฺโถ ปริโยสานํ. ปฺจปทฉปฺปทานํ ปมปาโท อาทิ, อวสานปาโท ปริโยสานํ, อวเสสา มชฺฌํ. เอกานุสนฺธิกสุตฺตสฺส นิทานํ อาทิ, ‘‘อิทมโวจา’’ติ ปริโยสานํ, เสสํ มชฺฌํ. อเนกานุสนฺธิกสฺส มชฺเฌ พหูปิ อนุสนฺธิ มชฺฌเมว, นิทานํ อาทิ, ‘‘อิทมโวจา’’ติ ปริโยสานํ.
สาตฺถนฺติ สาตฺถกํ กตฺวา เทเสถ. สพฺยฺชนนฺติ พฺยฺชเนหิ เจว ปเทหิ จ ปริปูรํ กตฺวา เทเสถ. เกวลปริปุณฺณนฺติ สกลปริปุณฺณํ. ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สาสนพฺรหฺมจริยํ. ปกาเสถาติ อาวิกโรถ.
อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปฺาจกฺขุมฺหิ อปฺปกิเลสรชสภาวา, ทุกูลสาณิยา ปฏิจฺฉนฺนา วิย จตุปฺปทิกคาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถา สนฺตีติ อตฺโถ. อสฺสวนตาติ อสฺสวนตาย. ปริหายนฺตีติ อลาภปริหานิยา ธมฺมโต ปริหายนฺติ. เสนานิคโมติ ปมกปฺปิกานํ เสนาย นิวิฏฺโกาเส ปติฏฺิตคาโม, สุชาตาย วา ปิตุ เสนานี นาม นิคโม. เตนุปสงฺกมิสฺสามีติ นาหํ ตุมฺเห อุยฺโยเชตฺวา ปริเวณาทีนิ กาเรตฺวา อุปฏฺากาทีหิ ปริจริยมาโน ¶ วิหริสฺสามิ, ติณฺณํ ปน ชฏิลานํ อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา ธมฺมเมว เทเสตุํ อุปสงฺกมิสฺสามีติ. เตนุปสงฺกมีติ, ‘‘อยํ สมโณ โคตโม มหายุทฺธํ วิจาเรนฺโต วิย, ‘มา เอเกน ทฺเว อคมิตฺถ, ธมฺมํ เทเสถา’ติ สฏฺิ ชเน อุยฺโยเชติ, อิมสฺมึ ปน เอกสฺมิมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺเต มยฺหํ จิตฺตสฺสาทํ นตฺถิ, เอวํ พหูสุ เทเสนฺเตสุ กุโต ภวิสฺสติ, ปฏิพาหามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ. ปฺจมํ.
๖. สปฺปสุตฺตวณฺณนา
๑๔๒. ฉฏฺเ โสณฺฑิกากิลฺชนฺติ สุราการกานํ ปิฏฺปตฺถรณกกิลฺชํ. โกสลิกา กํสปาตีติ โกสลรฺโ รถจกฺกปฺปมาณา ปริโภคปาติ ¶ . คฬคฬายนฺเตติ คชฺชนฺเต. กมฺมารคคฺคริยาติ กมฺมารุทฺธนปณาฬิยา. ธมมานายาติ ภสฺตวาเตน ปูริยมานาย. อิติ วิทิตฺวาติ – ‘‘สมโณ โคตโม ปธานมนุยุตฺโต สุเขน นิสินฺโน, ฆฏฺฏยิสฺสามิ น’’นฺติ วุตฺตปฺปการํ ¶ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา นิยามภูมิยํ อิโต จิโต จ สฺจรนฺตํ วิชฺชุลตาโลเกน ทิสฺวา, ‘‘โก นุ โข เอโส สตฺโต’’ติ? อาวชฺเชนฺโต, ‘‘มาโร อย’’นฺติ เอวํ วิทิตฺวา.
สฺุเคหานีติ สฺุาคารานิ. เสยฺยาติ เสยฺยตฺถาย. สฺสามิ จงฺกมิสฺสามิ นิสีทิสฺสามิ นิปชฺชิสฺสามีติ เอตทตฺถาย โย สฺุาคารานิ เสวตีติ อตฺโถ. โส มุนิ อตฺตสฺโตติ โส พุทฺธมุนิ หตฺถปาทกุกฺกุจฺจาภาเวน สํยตตฺตภาโว. โวสฺสชฺช จเรยฺย ตตฺถ โสติ โส ตสฺมึ อตฺตภาเว อาลยํ นิกนฺตึ โวสฺสชฺชิตฺวา ปหาย จเรยฺย. ปติรูปํ หิ ตถาวิธสฺส ตนฺติ ตาทิสสฺส ตํสณฺิตสฺส พุทฺธมุนิโน ตํ อตฺตภาเว นิกนฺตึ โวสฺสชฺชิตฺวา จรณํ นาม ปติรูปํ ยุตฺตํ อนุจฺฉวิกํ.
จรกาติ สีหพฺยคฺฆาทิกา สฺจรณสตฺตา. เภรวาติ สวิฺาณกอวิฺาณกเภรวา. ตตฺถ สวิฺาณกา สีหพฺยคฺฆาทโย, อวิฺาณกา รตฺติภาเค ขาณุวมฺมิกาทโย. เตปิ หิ ตสฺมึ กาเล ยกฺขา วิย อุปฏฺหนฺติ, รชฺชุวลฺลิยาทีนิ สพฺพานิ สปฺปา วิย อุปฏฺหนฺติ. ตตฺถาติ เตสุ เภรเวสุ สฺุาคารคโต ¶ พุทฺธมุนิ โลมจลนมตฺตกมฺปิ น กโรติ.
อิทานิ อฏฺานปริกปฺปํ ทสฺเสนฺโต นภํ ผเลยฺยาติอาทิมาห. ตตฺถ ผเลยฺยาติ กากปทํ วิย หีรหีรโส ผเลยฺย. จเลยฺยาติ โปกฺขรปตฺเต วาตาหโต อุทกพินฺทุ วิย จเลยฺย. สลฺลมฺปิ เจ อุรสิ ปกปฺปเยยฺยุนฺติ ติขิณสตฺติสลฺลํ เจปิ อุรสฺมึ จาเรเยยฺยุํ. อุปธีสูติ ขนฺธูปธีสุ. ตาณํ น กโรนฺตีติ ติขิเณ สลฺเล อุรสฺมึ จาริยมาเน ภเยน คุมฺพนฺตรกนฺทราทีนิ ปวิสนฺตา ตาณํ กโรนฺติ นาม. พุทฺธา ปน สมุจฺฉินฺนสพฺพภยา เอวรูปํ ตาณํ นาม น กโรนฺติ. ฉฏฺํ.
๗. สุปติสุตฺตวณฺณนา
๑๔๓. สตฺตเม ¶ ปาเท ปกฺขาเลตฺวาติ อุตุคาหาปนตฺถํ โธวิตฺวา. พุทฺธานํ ปน สรีเร รโชชลฺลํ น อุปลิมฺปติ, อุทกมฺปิ โปกฺขรปตฺเต ปกฺขิตฺตํ วิย วิวฏฺฏิตฺวา คจฺฉติ. อปิจ โข โธตปาทเก เคเห ปาเท โธวิตฺวา ปวิสนํ ปพฺพชิตานํ วตฺตํ. ตตฺถ พุทฺธานํ วตฺตเภโท นาม นตฺถิ, วตฺตสีเส ปน ตฺวา โธวนฺติ. สเจ หิ ตถาคโต เนว นฺหาเยยฺย, น ปาเท โธเวยฺย, ‘‘นายํ ¶ มนุสฺโส’’ติ วเทยฺยุํ. ตสฺมา มนุสฺสกิริยํ อมฺุจนฺโต โธวติ. สโต สมฺปชาโนติ โสปฺปปริคฺคาหเกน สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต. อุปสงฺกมีติ สมโณ โคตโม สพฺพรตฺตึ อพฺโภกาเส จงฺกมิตฺวา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา นิทฺทายติ, อติวิย สุขสยิโต ภวิสฺสติ, ฆฏฺฏยิสฺสามิ นนฺติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ.
กึ โสปฺปสีติ กึ สุปสิ, กึ โสปฺปํ นามิทํ ตวาติ วทติ. กึ นุ โสปฺปสีติ กสฺมา นุ สุปสิ? ทุพฺภโค วิยาติ มโต วิย, วิสฺี วิย จ. สฺุมคารนฺติ สฺุํ เม ฆรํ ลทฺธนฺติ โสปฺปสีติ วทติ. สูริเย อุคฺคเตติ สูริยมฺหิ อุฏฺิเต. อิทานิ หิ อฺเ ภิกฺขู สมฺมชฺชนฺติ ¶ , ปานียํ อุปฏฺเปนฺติ, ภิกฺขาจารคมนสชฺชา ภวนฺติ, ตฺวํ กสฺมา โสปฺปสิเยว.
ชาลินีติ ตโย ภเว อชฺโฌตฺถริตฺวา ิเตน ‘‘อชฺฌตฺติกสฺสุปาทาย อฏฺารสตณฺหาวิจริตานี’’ติอาทินา (วิภ. ๘๔๒) เตน เตน อตฺตโน โกฏฺาสภูเตน ชาเลน ชาลินี. วิสตฺติกาติ รูปาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ วิสตฺตตาย วิสมูลตาย วิสปริโภคตาย จ วิสตฺติกา. กุหิฺจิ เนตเวติ กตฺถจิ เนตุํ. สพฺพูปธิ ปริกฺขยาติ สพฺเพสํ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารกามคุณเภทานํ อุปธีนํ ปริกฺขยา. กึ ตเวตฺถ, มาราติ, มาร, ตุยฺหํ กึ เอตฺถ? กสฺมา ตฺวํ อุณฺหยาคุยํ นิลียิตุํ อสกฺโกนฺตี ขุทฺทกมกฺขิกา วิย อนฺตนฺเตเนว อุชฺฌายนฺโต อาหิณฺฑสีติ. สตฺตมํ.
๘. นนฺทติสุตฺตวณฺณนา
๑๔๔. อฏฺมํ เทวตาสํยุตฺเต วุตฺตตฺถเมว. อฏฺมํ.
๙. ปมอายุสุตฺตวณฺณนา
๑๔๕. นวเม ¶ อปฺปํ วา ภิยฺโยติ ภิยฺโย ชีวนฺโต อปรํ วสฺสสตํ ชีวิตุํ น สกฺโกติ, ปณฺณาสํ วา สฏฺิ วา วสฺสานิ ชีวติ. อชฺฌภาสีติ สมโณ โคตโม ‘‘มนุสฺสานํ อปฺปมายู’’ติ กเถติ, ทีฆภาวมสฺส กเถสฺสามีติ ปจฺจนีกสาตตาย อภิภวิตฺวา อภาสิ.
น ¶ นํ หีเฬติ ตํ อายุํ ‘‘อปฺปกมิท’’นฺติ น หีเฬยฺย. ขีรมตฺโต วาติ ยถา ทหโร กุมาโร อุตฺตานเสยฺยโก ขีรํ ปิวิตฺวา ทุกูลจุมฺพฏเก นิปนฺโน อสฺี วิย นิทฺทายติ, กสฺสจิ อายุํ อปฺปํ วา ทีฆํ วาติ น จินฺเตติ, เอวํ สปฺปุริโส. จเรยฺยาทิตฺตสีโส วาติ อายุํ ปริตฺตนฺติ ตฺวา ปชฺชลิตสีโส วิย จเรยฺย. นวมํ.
๑๐. ทุติยอายุสุตฺตวณฺณนา
๑๔๖. ทสเม เนมีว รถกุพฺพรนฺติ ยถา ทิวสํ คจฺฉนฺตสฺส รถสฺส จกฺกเนมิ กุพฺพรํ อนุปริยายติ น วิชหติ, เอวํ อายุ อนุปริยายตีติ. ทสมํ.
ปโม วคฺโค.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. ปาสาณสุตฺตวณฺณนา
๑๔๗. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ปเม นิสินฺโนติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปธานํ ปริคฺคณฺหนฺโต นิสินฺโน. มาโรปิสฺส สุขนิสินฺนภาวํ ตฺวา ฆฏฺฏยิสฺสามีติ อุปสงฺกมนฺโต. ปทาเลสีติ ปพฺพตปิฏฺเ ตฺวา ปวิชฺฌิ. ปาสาณา นิรนฺตรา อฺมฺํ อภิหนนฺตา ปตนฺติ. เกวลนฺติ สกลํ. สพฺพนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. ปมํ.
๒. กินฺนุสีหสุตฺตวณฺณนา
๑๔๘. ทุติเย วิจกฺขุกมฺมายาติ ปริสาย ปฺาจกฺขุํ วินาเสตุกมฺยตาย. พุทฺธานํ ปเนส ปฺาจกฺขุํ วินาเสตุํ น สกฺโกติ, ปริสาย เภรวารมฺมณํ ¶ สาเวนฺโต วา ทสฺเสนฺโต วา สกฺโกติ. วิชิตาวี นุ มฺสีติ กึ นุ ตฺวํ ‘‘วิชิตวิชโย อห’’นฺติ มฺสิ? มา เอวํ มฺิ, นตฺถิ เต ชโย. ปริสาสูติ, อฏฺสุ ปริสาสุ. พลปฺปตฺตาติ ทสพลปฺปตฺตา. ทุติยํ.
๓. สกลิกสุตฺตวณฺณนา
๑๔๙. ตติเย ¶ มนฺทิยา นูติ มนฺทภาเวน โมมูหภาเวน. อุทาหุ กาเวยฺยมตฺโตติ อุทาหุ ยถา กวิ กพฺพํ จินฺเตนฺโต เตน กพฺพกรเณน มตฺโต สยติ, เอวํ สยสิ. สมฺปจุราติ พหโว. กิมิทํ โสปฺปเส วาติ กสฺมา อิทํ โสปฺปํ โสปฺปสิเยว? อตฺถํ สเมจฺจาติ อตฺถํ สมาคนฺตฺวา ปาปุณิตฺวา. มยฺหํ หิ อสงฺคโห นาม สงฺคหวิปนฺโน วา อตฺโถ นตฺถิ. สลฺลนฺติ ติขิณํ สตฺติสลฺลํ. ชคฺคํ น สงฺเกติ ยถา เอกจฺโจ สีหปถาทีสุ ชคฺคนฺโต สงฺกติ, ตถา อหํ ชคฺคนฺโตปิ น สงฺกามิ. นปิ เภมิ โสตฺตุนฺติ ยถา เอกจฺโจ สีหปถาทีสุเยว สุปิตุํ ภายติ, เอวํ อหํ สุปิตุมฺปิ น ภายามิ. นานุตปนฺติ มามนฺติ ยถา อาจริยสฺส วา อนฺเตวาสิกสฺส วา อผาสุเก ชาเต อุทฺเทสปริปุจฺฉาย ¶ ิตตฺตา อนฺเตวาสึ รตฺตินฺทิวา อติกฺกมนฺตา อนุตปนฺติ, เอวํ มํ นานุตปนฺติ. น หิ มยฺหํ กิฺจิ อปรินิฏฺิตกมฺมํ นาม อตฺถิ. เตเนวาห หานึ น ปสฺสามิ กุหิฺจิ โลเกติ. ตติยํ.
๔. ปติรูปสุตฺตวณฺณนา
๑๕๐. จตุตฺเถ อนุโรธวิโรเธสูติ ราคปฏิเฆสุ. มา สชฺชิตฺโถ ตทาจรนฺติ เอวํ ธมฺมกถํ อาจรนฺโต มา ลคฺคิ. ธมฺมกถํ กเถนฺตสฺส หิ เอกจฺเจ สาธุการํ ททนฺติ, เตสุ ราโค อุปฺปชฺชติ. เอกจฺเจ อสกฺกจฺจํ สุณนฺติ, เตสุ ปฏิโฆ อุปฺปชฺชติ. อิติ ธมฺมกถิโก อนุโรธวิโรเธสุ สชฺชติ นาม. ตฺวํ เอวํ มา สชฺชิตฺโถติ วทติ. ยทฺมนุสาสตีติ ยํ อฺํ อนุสาสติ, ตํ. สมฺพุทฺโธ หิตานุกมฺปี หิเตน อนุปกมฺปติ. ยสฺมา จ หิตานุกมฺปี ¶ , ตสฺมา อนุโรธวิโรเธหิ วิปฺปมุตฺโต ตถาคโตติ. จตุตฺถํ.
๕. มานสสุตฺตวณฺณนา
๑๕๑. ปฺจเม อากาเส จรนฺเตปิ พนฺธตีติ อนฺตลิกฺขจโร. ปาโสติ ราคปาโส. มานโสติ มนสมฺปยุตฺโต. ปฺจมํ.
๖. ปตฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๕๒. ฉฏฺเ ¶ ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อุปาทายาติ ปฺจ อุปาทานกฺขนฺเธ อาทิยิตฺวา, สภาวสามฺลกฺขณวเสน นานปฺปการโต วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต. สนฺทสฺเสตีติ ขนฺธานํ สภาวลกฺขณาทีนิ ทสฺเสติ. สมาทเปตีติ คณฺหาเปติ. สมุตฺเตเชตีติ สมาทานมฺหิ อุสฺสาหํ ชเนติ. สมฺปหํเสตีติ ปฏิวิทฺธคุเณน โวทาเปติ โชตาเปติ. อฏฺึ กตฺวาติ อตฺถิกํ กตฺวา, ‘‘อยํ โน อธิคนฺตพฺโพ อตฺโถ’’ติ เอวํ สลฺลกฺเขตฺวา ตาย เทสนาย อตฺถิกา หุตฺวา. มนสิ กตฺวาติ จิตฺเต เปตฺวา. สพฺพเจตโส สมนฺนาหริตฺวาติ สพฺเพน ¶ เตน กมฺมการกจิตฺเตน สมนฺนาหริตฺวา. โอหิตโสตาติ ปิตาโสตา. อพฺโภกาเส นิกฺขิตฺตาติ โอตาปนตฺถาย ปิตา.
รูปํ เวทยิตํ สฺานฺติ, เอเต รูปาทโย ตโย ขนฺธา. ยฺจ สงฺขตนฺติ อิมินา สงฺขารกฺขนฺโธ คหิโต. เอวํ ตตฺถ วิรชฺชตีติ ‘‘เอโส อหํ น โหมิ, เอตํ มยฺหํ น โหตี’’ติ ปสฺสนฺโต เอวํ เตสุ ขนฺเธสุ วิรชฺชติ. เขมตฺตนฺติ เขมีภูตํ อตฺตภาวํ. อิมินา ผลกฺขณํ ทสฺเสติ. อนฺเวสนฺติ ภวโยนิคติิติสตฺตาวาสสงฺขาเตสุ สพฺพฏฺาเนสุ ปริเยสมานา. นาชฺฌคาติ น ปสฺสีติ. ฉฏฺํ.
๗. ฉผสฺสายตนสุตฺตวณฺณนา
๑๕๓. สตฺตเม ผสฺสายตนานนฺติ สฺชาติสโมสรณฏฺเน ฉทฺวาริกสฺส ผสฺสสฺส อายตนานํ. ภยเภรวํ สทฺทนฺติ เมฆทุนฺทุภิอสนิปาตสทฺทสทิสํ ภยชนกํ สทฺทํ. ปถวี มฺเ อุนฺทฺรียตีติ อยํ มหาปถวี ปฏปฏสทฺทํ ¶ กุรุมานา วิย อโหสิ. เอตฺถ โลโก วิมุจฺฉิโตติ เอเตสุ ฉสุ อารมฺมเณสุ โลโก อธิมุจฺฉิโต. มารเธยฺยนฺติ มารสฺส านภูตํ เตภูมกวฏฺฏํ. สตฺตมํ.
๘. ปิณฺฑสุตฺตวณฺณนา
๑๕๔. อฏฺเม ปาหุนกานิ ภวนฺตีติ ตถารูเป นกฺขตฺเต ตตฺถ ตตฺถ เปเสตพฺพานิ ปาหุนกานิ ภวนฺติ, อาคนฺตุกปณฺณาการทานานิ วา. สยํจรณทิวเส สมวยชาติโคตฺตา กุมารกา ¶ ตโต ตโต สนฺนิปตนฺติ. กุมาริกาโยปิ อตฺตโน อตฺตโน วิภวานุรูเปน อลงฺกตา ตหํ ตหํ วิจรนฺติ. ตตฺร กุมาริกาโยปิ ยถารุจิกานํ กุมารกานํ ปณฺณาการํ เปเสนฺติ, กุมารกาปิ กุมาริกานํ อฺสฺมึ อสติ อนฺตมโส มาลาคุเฬนปิ ปริกฺขิปนฺติ. อนฺวาวิฏฺาติ อนุ อาวิฏฺา. ตํทิวสํ กิร ปฺจสตา ¶ กุมาริกาโย อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺติโย ปฏิปเถ สตฺถารํ ทิสฺวา ฉณปูวํ ทเทยฺยุํ. สตฺถา ตาสํ ทานานุโมทนตฺถํ ปกิณฺณกธมฺมเทสนํ เทเสยฺย, เทสนาปริโยสาเน สพฺพาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺเหยฺยุํ. มาโร ตาสํ สมฺปตฺติยา อนฺตรายํ กริสฺสามีติ อนฺวาวิสิ. ปาฬิยํ ปน มา สมโณ โคตโม ปิณฺฑมลตฺถาติ เอตฺตกํเยว วุตฺตนฺติ.
กึ ปน สตฺถา มาราวฏฺฏนํ อชานิตฺวา ปวิฏฺโติ? อาม อชานิตฺวา. กสฺมา? อนาวชฺชนตาย. พุทฺธานฺหิ – ‘‘อสุกฏฺาเน ภตฺตํ ลภิสฺสาม, น ลภิสฺสามา’’ติ อาวชฺชนํ น อนนุจฺฉวิกํ. ปวิฏฺโ ปน มนุสฺสานํ อุปจารเภทํ ทิสฺวา, ‘‘กึ อิท’’นฺติ? อาวชฺเชนฺโต ตฺวา, ‘‘อามิสตฺถํ มาราวฏฺฏนํ ภินฺทิตุํ อนนุจฺฉวิก’’นฺติ อภินฺทิตฺวาว นิกฺขนฺโต.
อุปสงฺกมีติ อมิตฺตวิชเยน วิย ตุฏฺโ สกลคาเม กฏจฺฉุมตฺตมฺปิ ภตฺตํ อลภิตฺวา คามโต นิกฺขมนฺตํ ภควนฺตํ คามิยมนุสฺสเวเสน อุปสงฺกมิ. ตถาหํ กริสฺสามีติ อิทํ โส มุสา ภาสติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘มยา เอวํ วุตฺเต ปุน ปวิสิสฺสติ, อถ นํ คามทารกา ‘สกลคาเม จริตฺวา กฏจฺฉุภิกฺขมฺปิ อลภิตฺวา คามโต นิกฺขมฺม ปุน ปวิฏฺโสี’ติอาทีนิ ¶ วตฺวา อุปฺปณฺเฑสฺสนฺตี’’ติ. ภควา ปน – ‘‘สจายํ มํ เอวํ วิเหเสฺสติ มุทฺธมสฺเสว สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ ตสฺมึ อนุกมฺปาย อปวิสิตฺวา คาถาทฺวยมาห.
ตตฺถ ปสวีติ ชเนสิ นิปฺผาเทสิ. อาสชฺชาติ อาสาเทตฺวา ฆฏฺเฏตฺวา. น เม ปาปํ วิปจฺจตีติ มม ปาปํ น ปจฺจติ. นิปฺผลํ เอตนฺติ กึ นุ ตฺวํ เอวํ มฺสิ? มา เอวํ มฺิ, อตฺถิ ตยา กตสฺส ปาปสฺส ผลนฺติ ทีเปติ. กิฺจนนฺติ มทฺทิตุํ สมตฺถํ ราคกิฺจนาทิ กิเลสชาตํ. อาภสฺสรา ยถาติ ยถา อาภสฺสรา เทวา สปฺปีติกชฺฌาเนน ยาเปนฺตา ปีติภกฺขา นาม โหนฺติ, เอวํ ภวิสฺสามาติ. อฏฺมํ.
๙. กสฺสกสุตฺตวณฺณนา
๑๕๕. นวเม ¶ ¶ นิพฺพานปฏิสํยุตฺตายาติ นิพฺพานํ อปทิสิตฺวา ปวตฺตาย. หฏหฏเกโสติ ปุริมเกเส ปจฺฉโต, ปจฺฉิมเกเส ปุรโต วามปสฺสเกเส ทกฺขิณโต, ทกฺขิณปสฺสเกเส วามโต ผริตฺวา ผริตฺวา วิปฺปกิณฺณเกโส. มม จกฺขุสมฺผสฺสวิฺาณายตนนฺติ จกฺขุวิฺาเณน สมฺปยุตฺโต จกฺขุสมฺผสฺโสปิ วิฺาณายตนมฺปิ มเมวาติ. เอตฺถ จ จกฺขุสมฺผสฺเสน วิฺาณสมฺปยุตฺตกา ธมฺมา คหิตา, วิฺาณายตเนน สพฺพานิปิ จกฺขุทฺวาเร อุปฺปนฺนานิ อาวชฺชนาทิวิฺาณานิ. โสตทฺวาราทีสุปิ เอเสว นโย. มโนทฺวาเร ปน มโนติ สาวชฺชนกํ ภวงฺคจิตฺตํ. ธมฺมาติ อารมฺมณธมฺมา. มโนสมฺผสฺโสติ สาวชฺชเนน ภวงฺเคน สมฺปยุตฺตผสฺโส. วิฺาณายตนนฺติ ชวนจิตฺตํ ตทารมฺมณมฺปิ วฏฺฏติ.
ตเวว ปาปิม, จกฺขูติ ยํ โลเก ติมิรกาจาทีหิ อุปทฺทุตํ อเนกโรคายตนํ อุปกฺกวิปกฺกํ อนฺตมโส กาณจกฺขุปิ, สพฺพํ ตํ ตเวว ภวตุ. รูปาทีสุปิ เอเสว นโย.
ยํ วทนฺตีติ ยํ ภณฺฑกํ ‘‘มม อิท’’นฺติ วทนฺติ. เย วทนฺติ มมนฺติ จาติ เย จ ปุคฺคลา ‘‘มม’’นฺติ วทนฺติ. เอตฺถ เจ เต มโน อตฺถีติ เอเตสุ จ าเนสุ ยทิ จิตฺตํ อตฺถิ. น เม สมณ โมกฺขสีติ สมณ มยฺหํ วิสยโต น มุจฺจิสฺสสิ. ยํ วทนฺตีติ ยํ ภณฺฑกํ วทนฺติ, น ตํ มยฺหํ. เย วทนฺตีติ เยปิ ปุคฺคลา เอวํ วทนฺติ, น เต อหํ. น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสีติ ภวโยนิคติอาทีสุ มยฺหํ คตมคฺคมฺปิ น ปสฺสสิ. นวมํ.
๑๐. รชฺชสุตฺตวณฺณนา
๑๕๖. ทสเม ¶ อหนํ อฆาตยนฺติ อหนนฺเตน อฆาตยนฺเตน. อชินํ อชาปยนฺติ ปรสฺส ธนชานึ อกโรนฺเตน อการาเปนฺเตน. อโสจํ อโสจาปยนฺติ อโสจนฺเตน อโสจาปยนฺเตน. อิติ ภควา อธมฺมิกราชูนํ รชฺเช วิชิเต ทณฺฑกรปีฬิเต มนุสฺเส ทิสฺวา การฺุวเสน เอวํ จินฺเตสิ. อุปสงฺกมีติ ¶ ‘‘สมโณ โคตโม ‘สกฺกา นุ โข รชฺชํ กาเรตุ’นฺติ จินฺเตสิ, รชฺชํ กาเรตุกาโม ภวิสฺสติ, รชฺชฺจ นาเมตํ ปมาทฏฺานํ, รชฺชํ กาเรนฺเต สกฺกา โอตารํ ลภิตุํ, คจฺฉามิ อุสฺสาหมสฺส ชเนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ. อิทฺธิปาทาติ อิชฺฌนกโกฏฺาสา ¶ . ภาวิตาติ วฑฺฒิตา. พหุลีกตาติ ปุนปฺปุนํ กตา. ยานีกตาติ ยุตฺตยานํ วิย กตา. วตฺถุกตาติ ปติฏฺฏฺเนวตฺถุกตา. อนุฏฺิตาติ อวิชหิตา นิจฺจานุพทฺธา. ปริจิตาติ สาตจฺจกิริยาย สุปริจิตา กตา อิสฺสาสสฺส อวิราธิตเวธิหตฺโถ วิย. สุสมารทฺธาติ สุฏฺุ สมารทฺธา ปริปุณฺณภาวนา. อธิมุจฺเจยฺยาติ จินฺเตยฺย.
ปพฺพตสฺสาติ ปพฺพโต ภเวยฺย. ทฺวิตฺตาวาติ ติฏฺตุ เอโก ปพฺพโต, ทฺวิกฺขตฺตุมฺปิ ตาว มหนฺโต สุวณฺณปพฺพโต เอกสฺส นาลํ, น ปริยตฺโตติ อตฺโถ. อิติ วิทฺวา สมฺจเรติ เอวํ ชานนฺโต สมํ จเรยฺย. ยโตนิทานนฺติ ทุกฺขํ นาม ปฺจกามคุณนิทานํ, ตํ ยโตนิทานํ โหติ, เอวํ โย อทกฺขิ. กถํ นเมยฺยาติ โส ชนฺตุ เตสุ ทุกฺขสฺส นิทานภูเตสุ กาเมสุ เกน การเณน นเมยฺย. อุปธึ วิทิตฺวาติ กามคุณอุปธึ ‘‘สงฺโค เอโส, ลคฺคนเมต’’นฺติ เอวํ วิทิตฺวา. ตสฺเสว ชนฺตุ วินยาย สิกฺเขติ ตสฺเสว อุปธิสฺส วินยาย สิกฺเขยฺย. ทสมํ.
ทุติโย วคฺโค.
๓. ตติยวคฺโค
๑. สมฺพหุลสุตฺตวณฺณนา
๑๕๗. ตติยวคฺคสฺส ปเม ชฏณฺฑุเวนาติ ชฏาจุมฺพฏเกน. อชินกฺขิปนิวตฺโถติ สขุรํ อชินจมฺมํ เอกํ นิวตฺโถ เอกํ ปารุโต. อุทุมฺพรทณฺฑนฺติ ¶ อปฺปิจฺฉภาวปฺปกาสนตฺถํ อีสกํ วงฺกํ อุทุมฺพรทณฺฑํ คเหตฺวา. เอตทโวจาติ โลเก พฺราหฺมณสฺส วจนํ นาม สุสฺสูสนฺติ, พฺราหฺมเณสุปิ ปพฺพชิตสฺส, ปพฺพชิเตสุปิ มหลฺลกสฺสาติ มหลฺลกพฺราหฺมณสฺส ปพฺพชิตเวสํ คเหตฺวา ปธานภูมิยํ กมฺมํ กโรนฺเต เต ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา เอตํ ‘‘ทหรา ภวนฺโต’’ติอาทิวจนํ ¶ อโวจ. โอกมฺเปตฺวาติ หนุเกน อุรํ ปหรนฺโต อโธนตํ กตฺวา. ชิวฺหํ นิลฺลาเลตฺวาติ กพรมหาชิวฺหํ นีหริตฺวา อุทฺธมโธ อุภยปสฺเสสุ จ ลาเลตฺวา. ติวิสาขนฺติ ติสาขํ. นลาฏิกนฺติ ภกุฏึ, นลาเฏ อุฏฺิตํ วลิตฺตยนฺติ อตฺโถ. ปกฺกามีติ ตุมฺเห ชานนฺตานํ ¶ วจนํ อกตฺวา อตฺตโนว เตเล ปจฺจิสฺสถาติ วตฺวา เอกํ มคฺคํ คเหตฺวา คโต. ปมํ.
๒. สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา
๑๕๘. ทุติเย ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เมติ เอวรูปสฺส สตฺถุ เจว ธมฺมสฺส จ สพฺรหฺมจารีนฺจ ลทฺธตฺตา มยฺหํ ลาภา มยฺหํ สุลทฺธนฺติ. โส กิรายสฺมา ปจฺฉา มูลกมฺมฏฺานํ สมฺมสิตฺวา ‘‘อรหตฺตํ คเหสฺสามี’’ติ ปาสาทิกํ ตาว กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา พุทฺธธมฺมสงฺฆคุเณ อาวชฺเชตฺวา จิตฺตกลฺลตํ อุปฺปาเทตฺวา จิตฺตํ หาเสตฺวา โตเสตฺวา นิสินฺโน. เตนสฺส เอวมโหสิ. อุปสงฺกมีติ ‘‘อยํ สมิทฺธิ ภิกฺขุ ปาสาทิกํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสินฺนสทิโส, ยาว มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรหตฺตํ น คณฺหาติ, ตาวสฺส อนฺตรายํ กริสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิ. คจฺฉ ตฺวนฺติ สตฺถา สกลชมฺพุทีปํ โอโลเกนฺโต ‘‘ตสฺมึเยว าเน ตสฺส กมฺมฏฺานํ สปฺปายํ ภวิสฺสตี’’ติ อทฺทส, ตสฺมา เอวมาห. สติปฺา จ เม พุทฺธาติ มยา สติ จ ปฺา จ าตา. กรสฺสุ รูปานีติ พหูนิปิ วิภึสการหานิ รูปานิ กรสฺสุ. เนว มํ พฺยาธยิสฺสสีติ มํ เนว เวธยิสฺสสิ น กมฺปสฺเสสิ. ทุติยํ.
๓. โคธิกสุตฺตวณฺณนา
๑๕๙. ตติเย ¶ อิสิคิลิปสฺเสติ อิสิคิลิสฺส นาม ปพฺพตสฺส ปสฺเส. กาฬสิลายนฺติ กาฬวณฺณาย สิลายํ. สามยิกํ เจโตวิมุตฺตินฺติ ¶ อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุจฺจติ, อารมฺมเณ จ อธิมุจฺจตีติ โลกิยสมาปตฺติ สามยิกา เจโตวิมุตฺติ นาม. ผุสีติ ปฏิลภิ. ปริหายีติ กสฺมา ยาว ฉฏฺํ ปริหายิ? สาพาธตฺตา. เถรสฺส กิร วาตปิตฺตเสมฺหวเสน อนุสายิโก อาพาโธ อตฺถิ, เตน สมาธิสฺส สปฺปาเย อุปการกธมฺเม ปูเรตุํ น สกฺโกติ, อปฺปิตปฺปิตาย สมาปตฺติยา ปริหายติ.
ยํนูนาหํ สตฺถํ อาหเรยฺยนฺติ โส กิร จินฺเตสิ, ยสฺมา ปริหีนชฺฌานสฺส กาลงฺกโรโต อนิพทฺธา คติ โหติ, อปริหีนชฺฌานสฺส นิพทฺธา คติ โหติ, พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา สตฺถํ อาหริตุกาโม อโหสิ. อุปสงฺกมีติ – ‘‘อยํ สมโณ สตฺถํ อาหริตุกาโม, สตฺถาหรณฺจ ¶ นาเมตํ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขสฺส โหติ. โย เอวํ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺโข โหติ, โส มูลกมฺมฏฺานํ สมฺมสิตฺวา อรหตฺตมฺปิ คเหตุํ สมตฺโถ โหติ, มยา ปน ปฏิพาหิโตปิ เอส น โอรมิสฺสติ, สตฺถารา ปฏิพาหิโต โอรมิสฺสตี’’ติ เถรสฺส อตฺถกาโม วิย หุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ.
ชลาติ ชลมานา. ปาเท วนฺทามิ จกฺขุมาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา ตว ปาเท วนฺทามิ. ชุตินฺธราติ อานุภาวธรา. อปฺปตฺตมานโสติ อปฺปตฺตอรหตฺโต. เสโขติ สีลาทีนิ สิกฺขมาโน สกรณีโย. ชเน สุตาติ ชเน วิสฺสุตา. สตฺถํ อาหริตํ โหตีติ เถโร กิร ‘‘กึ มยฺหํ อิมินา ชีวิเตนา’’ติ? อุตฺตาโน นิปชฺชิตฺวา สตฺเถน คลนาฬึ ฉินฺทิ, ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชึสุ. เถโร เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา ตํเยว เวทนํ ปริคฺคเหตฺวา สตึ อุปฏฺเปตฺวา มูลกมฺมฏฺานํ สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพายิ. สมสีสี นาม ติวิโธ โหติ อิริยาปถสมสีสี, โรคสมสีสี, ชีวิตสมสีสีติ.
ตตฺถ ¶ โย านาทีสุ อิริยาปเถสุ อฺตรํ อธิฏฺาย – ‘‘อิมํ อโกเปตฺวาว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ วิปสฺสนํ ปฏฺเปติ, อถสฺส อรหตฺตปฺปตฺติ จ อิริยาปถโกปนฺจ เอกปฺปหาเรเนว โหติ. อยํ อิริยาปถสมสีสี นาม. โย ปน จกฺขุโรคาทีสุ อฺตรสฺมึ ¶ สติ – ‘‘อิโต อนุฏฺิโตว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ วิปสฺสนํ ปฏฺเปติ, อถสฺส อรหตฺตปฺปตฺติ จ โรคโต วุฏฺานฺจ เอกปฺปหาเรเนว โหติ. อยํ โรคสมสีสี นาม. เกจิ ปน ตสฺมึเยว อิริยาปเถ ตสฺมิฺจ โรเค ปรินิพฺพานวเสเนตฺถ สมสีสิตํ ปฺาเปนฺติ. ยสฺส ปน อาสวกฺขโย จ ชีวิตกฺขโย จ เอกปฺปหาเรเนว โหติ. อยํ ชีวิตสมสีสี นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ยสฺส ปุคฺคลสฺส อปุพฺพํ อจริมํ อาสวปริยาทานฺจ โหติ ชีวิตปริยาทานฺจ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สมสีสี’’ติ (ปุ. ป. ๑๖).
เอตฺถ จ ปวตฺติสีสํ กิเลสสีสนฺติ ทฺเว สีสานิ. ตตฺถ ปวตฺติสีสํ นาม ชีวิตินฺทฺริยํ, กิเลสสีสํ นาม อวิชฺชา. เตสุ ชีวิตินฺทฺริยํ จุติจิตฺตํ เขเปติ, อวิชฺชา มคฺคจิตฺตํ. ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ เอกโต อุปฺปาโท นตฺถิ. มคฺคานนฺตรํ ปน ผลํ, ผลานนฺตรํ ภวงฺคํ, ภวงฺคโต วุฏฺาย ปจฺจเวกฺขณํ, ตํ ปริปุณฺณํ วา โหติ อปริปุณฺณํ วา. ติขิเณน อสินา สีเส ฉิชฺชนฺเตปิ ¶ หิ เอโก วา ทฺเว วา ปจฺจเวกฺขณวารา อวสฺสํ อุปฺปชฺชนฺติเยว, จิตฺตานํ ปน ลหุปริวตฺติตาย อาสวกฺขโย จ ชีวิตปริยาทานฺจ เอกกฺขเณ วิย ปฺายติ.
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺหาติ อวิชฺชามูเลน สมูลกํ ตณฺหํ อรหตฺตมคฺเคน อุปฺปาเฏตฺวา. ปรินิพฺพุโตติ อนุปาทิเสสนิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต.
วิวตฺตกฺขนฺธนฺติ ปริวตฺตกฺขนฺธํ. เสมานนฺติ อุตฺตานํ หุตฺวา สยิตํ โหติ. เถโร ปน กิฺจาปิ อุตฺตานโก สยิโต, ตถาปิสฺส ทกฺขิเณน ปสฺเสน ปริจิตสยนตฺตา สีสํ ทกฺขิณโตว ปริวตฺติตฺวา ิตํ. ธูมายิตตฺตนฺติ ธูมายิตภาวํ. ตสฺมึ หิ ขเณ ธูมวลาหกา วิย ติมิรวลาหกา วิย จ อุฏฺหึสุ. วิฺาณํ สมนฺเวสตีติ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ ปริเยสติ. อปฺปติฏฺิเตนาติ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน อปฺปติฏฺิเตน, อปฺปติฏฺิตการณาติ อตฺโถ. เพลุวปณฺฑุวีณนฺติ เพลุวปกฺกํ วิย ปณฺฑุวณฺณํ สุวณฺณมหาวีณํ. อาทายาติ กจฺเฉ เปตฺวา. อุปสงฺกมีติ ¶ ‘‘โคธิกตฺเถรสฺส นิพฺพตฺตฏฺานํ น ¶ ชานามิ, สมณํ โคตมํ ปุจฺฉิตฺวา นิกฺกงฺโข ภวิสฺสามี’’ติ ขุทฺทกทารกวณฺณี หุตฺวา อุปสงฺกมิ. นาธิคจฺฉามีติ น ปสฺสามิ. โสกปเรตสฺสาติ โสเกน ผุฏฺสฺส. อภสฺสถาติ ปาทปิฏฺิยํ ปติตา. ตติยํ.
๔. สตฺตวสฺสานุพนฺธสุตฺตวณฺณนา
๑๖๐. จตุตฺเถ สตฺต วสฺสานีติ ปุเร โพธิยา ฉพฺพสฺสานิ, โพธิโต ปจฺฉา เอกํ วสฺสํ. โอตาราเปกฺโขติ ‘‘สเจ สมณสฺส โคตมสฺส กายทฺวาราทีสุ กิฺจิเทว อนนุจฺฉวิกํ ปสฺสามิ, โจเทสฺสามิ น’’นฺติ เอวํ วิวรํ อเปกฺขมาโน. อลภมาโนติ รถเรณุมตฺตมฺปิ อวกฺขลิตํ อปสฺสนฺโต. เตนาห –
‘‘สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ, อนุพนฺธึ ปทาปทํ;
โอตารํ นาธิคจฺฉิสฺสํ, สมฺพุทฺธสฺส สตีมโต’’ติ. (สุ. นิ. ๔๔๘);
อุปสงฺกมีติ ‘‘อชฺช สมณํ โคตมํ อติคเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิ.
ฌายสีติ ¶ ฌายนฺโต อวชฺฌายนฺโต นิสินฺโนสีติ วทติ. วิตฺตํ นุ ชีโนติ สตํ วา สหสฺสํ วา ชิโตสิ นุ. อาคุํ นุ คามสฺมินฺติ, กึ นุ อนฺโตคาเม ปมาณาติกฺกนฺตํ ปาปกมฺมํ อกาสิ, เยน อฺเสํ มุขํ โอโลเกตุํ อวิสหนฺโต อรฺเ วิจรสิ? สกฺขินฺติ มิตฺตภาวํ.
ปลิขายาติ ขณิตฺวา. ภวโลภชปฺปนฺติ ภวโลภสงฺขาตํ ตณฺหํ. อนาสโว ฌายามีติ นิตฺตณฺโห หุตฺวา ทฺวีหิ ฌาเนหิ ฌายามิ. ปมตฺตพนฺธูติ มารํ อาลปติ. โส หิ เยเกจิ โลเก ปมตฺตา, เตสํ พนฺธุ.
สเจ มคฺคํ อนุพุทฺธนฺติ ยทิ ตยา มคฺโค อนุพุทฺโธ. อเปหีติ อปยาหิ. อมจฺจุเธยฺยนฺติ ¶ มจฺจุโน อโนกาสภูตํ นิพฺพานํ. ปารคามิโนติ เยปิ ปารํ คตา, เตปิ ปารคามิโน. เยปิ ปารํ คจฺฉิสฺสนฺติ, เยปิ ปารํ คนฺตุกามา, เตปิ ปารคามิโน.
วิสูกายิกานีติ ¶ มารวิสูกานิ. วิเสวิตานีติ วิรุทฺธเสวิตานิ, ‘‘อปฺปมายุ มนุสฺสานํ, อจฺจยนฺติ อโหรตฺตา’’ติ วุตฺเต. ‘‘ทีฆมายุ มนุสฺสานํ, นาจฺจยนฺติ อโหรตฺตา’’ติอาทีนิ ปฏิโลมการณานิ. วิปฺผนฺทิตานีติ, ตมฺหิ ตมฺหิ กาเล หตฺถิราชวณฺณสปฺปวณฺณาทิทสฺสนานิ. นิพฺเพชนียาติ อุกฺกณฺนียา.
อนุปริยคาติอาทีสุ กิฺจาปิ อตีตวจนํ กตํ, อตฺโถ ปน วิกปฺปวเสน เวทิตพฺโพ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เมทวณฺณํ ปาสาณํ วายโส ทิสฺวา – ‘‘อปิ นาเมตฺถ มุทุํ วินฺเทยฺยาม, อปิ อสฺสาโท สิยา’’ติ อนุปริคจฺเฉยฺย, อถ โส ตตฺถ อสฺสาทํ อลภิตฺวาว วายโส เอตฺโต อปกฺกเมยฺย, ตโต ปาสาณา อปคจฺเฉยฺย, เอวํ มยมฺปิ โส กาโก วิย เสลํ โคตมํ อาสชฺช อสฺสาทํ วา สนฺถวํ วา อลภนฺตา โคตมา นิพฺพินฺทิตฺวา อปคจฺฉาม. จตุตฺถํ.
๕. มารธีตุสุตฺตวณฺณนา
๑๖๑. ปฺจเม อภาสิตฺวาติ เอตฺถ อ-กาโร นิปาตมตฺตํ, ภาสิตฺวาติ อตฺโถ. อภาสยิตฺวาติปิ ¶ ปาโ. อุปสงฺกมึสูติ ‘‘โคปาลกทารกํ วิย ทณฺฑเกน ภูมึ เลขํ ทตฺวา อติวิย ทุมฺมโน หุตฺวา นิสินฺโน. ‘กินฺนุ โข การณ’นฺติ? ปุจฺฉิตฺวา, ชานิสฺสามา’’ติ อุปสงฺกมึสุ.
โสจสีติ จินฺเตสิ. อารฺมิว กฺุชรนฺติ ยถา อรฺโต เปสิตคณิการหตฺถินิโย อารฺกํ กฺุชรํ อิตฺถิกุตฺตทสฺสเนน ปโลเภตฺวา พนฺธิตฺวา อานยนฺติ, เอวํ อานยิสฺสาม. มารเธยฺยนฺติ เตภูมกวฏฺฏํ.
อุปสงฺกมึสูติ – ‘‘ตุมฺเห โถกํ อธิวาเสถ, มยํ ตํ ¶ อาเนสฺสามา’’ติ ปิตรํ สมสฺสาเสตฺวา อุปสงฺกมึสุ. อุจฺจาวจาติ นานาวิธา. เอกสตํ เอกสตนฺติ เอเกกํ สตํ สตํ กตฺวา. กุมาริวณฺณสตนฺติ อิมินา นเยน กุมาริอตฺตภาวานํ สตํ.
อตฺถสฺส ¶ ปตฺตึ หทยสฺส สนฺตินฺติ, ทฺวีหิปิ ปเทหิ อรหตฺตเมว กเถสิ. เสนนฺติ กิเลสเสนํ. สา หิ ปิยรูปสาตรูปา นาม. เอกาหํ ฌายนฺติ เอโก อหํ ฌายนฺโต. สุขมนุโพธินฺติ อรหตฺตสุขํ อนุพุชฺฌึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปิยรูปํ สาตรูปํ เสนํ ชินิตฺวา อหํ เอโก ฌายนฺโต ‘‘อตฺถสฺส ปตฺตึ หทยสฺส สนฺติ’’นฺติ สงฺขํ คตํ อรหตฺตสุขํ อนุพุชฺฌึ. ตสฺมา ชเนน มิตฺตสนฺถวํ น กโรมิ, เตเนว จ เม การเณน เกนจิ สทฺธึ สกฺขี น สมฺปชฺชตีติ.
กถํวิหารีพหุโลติ กตเมน วิหาเรน พหุลํ วิหรนฺโต. อลทฺธาติ อลภิตฺวา. โยติ นิปาตมตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กตเมน ฌาเนน พหุลํ ฌายนฺตํ ตํ ปุคฺคลํ กามสฺา อลภิตฺวาว ปริพาหิรา โหนฺตีติ.
ปสฺสทฺธกาโยติ จตุตฺถชฺฌาเนน อสฺสาสปสฺสาสกายสฺส ปสฺสทฺธตฺตา ปสฺสทฺธกาโย. สุวิมุตฺตจิตฺโตติ อรหตฺตผลวิมุตฺติยา สุฏฺุ วิมุตฺตจิตฺโต. อสงฺขราโนติ ตโย กมฺมาภิสงฺขาเร อนภิสงฺขโรนฺโต. อโนโกติ อนาลโย. อฺาย ธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ ชานิตฺวา. อวิตกฺกฌายีติ อวิตกฺเกน จตุตฺถชฺฌาเนน ฌายนฺโต. น กุปฺปตีติอาทีสุ โทเสน น กุปฺปติ, ราเคน น สรติ, โมเหน น ถีโน. อิเมสุ ตีสุ มูลกิเลเสสุ คหิเตสุ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ ¶ คหิตเมว โหติ. ปมปเทน วา พฺยาปาทนีวรณํ คหิตํ, ทุติเยน กามจฺฉนฺทนีวรณํ, ตติเยน ถินํ อาทึ กตฺวา เสสนีวรณานิ. อิติ อิมินา นีวรณปฺปหาเนน ขีณาสวํ ทสฺเสติ.
ปฺโจฆติณฺโณติ ปฺจทฺวาริกํ กิเลโสฆํ ติณฺโณ. ฉฏฺนฺติ มโนทฺวาริกมฺปิ ฉฏฺํ กิเลโสฆํ อตริ. ปฺโจฆคฺคหเณน วา ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ¶ , ฉฏฺคฺคหเณน ปฺจุทฺธมฺภาคิยานิ เวทิตพฺพานิ. คณสงฺฆจารีติ คเณ จ สงฺเฆ จ จรตีติ สตฺถา คณสงฺฆจารี นาม. อทฺธา จริสฺสนฺตีติ อฺเปิ สทฺธา พหุชนา เอกํเสน จริสฺสนฺติ. อยนฺติ อยํ สตฺถา. อโนโกติ อนาลโย.
อจฺเฉชฺช ¶ เนสฺสตีติ อจฺฉินฺทิตฺวา นยิสฺสติ, มจฺจุราชสฺส หตฺถโต อจฺฉินฺทิตฺวา นิพฺพานปารํ นยิสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. นยมานานนฺติ นยมาเนสุ.
เสลํว สิรสูหจฺจ, ปาตาเล คาธเมสถาติ มหนฺตํ กูฏาคารปฺปมาณํ สิลํ สีเส เปตฺวา ปาตาเล ปติฏฺคเวสนํ วิย. ขาณุํว อุรสาสชฺชาติ อุรสิ ขาณุํ ปหริตฺวา วิย. อเปถาติ อปคจฺฉถ. อิมสฺมึ าเน สงฺคีติการา ‘‘อิทมโวจา’’ติ เทสนํ นิฏฺเปตฺวา ททฺทลฺลมานาติ คาถํ อาหํสุ. ตตฺถ ททฺทลฺลมานาติ อติวิย ชลมานา โสภมานา. อาคฺฉุนฺติ อาคตา. ปนุทีติ นีหริ. ตูลํ ภฏฺํว มาลุโตติ ยถา ผลโต ภฏฺํ สิมฺพลิตูลํ วา โปฏกิตูลํ วา วาโต ปนุทติ นีหรติ, เอวํ ปนุทีติ. ปฺจมํ.
ตติโย วคฺโค.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
มารสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ภิกฺขุนีสํยุตฺตํ
๑. อาฬวิกาสุตฺตวณฺณนา
๑๖๒. ภิกฺขุนีสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม อาฬวิกาติ อาฬวิยํ ชาตา อาฬวินครโตเยว จ นิกฺขมฺม ปพฺพชิตา. อนฺธวนนฺติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เจติเย นวกมฺมตฺถาย ธนํ สมาทเปตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺส ยโสธรสฺส นาม ธมฺมภาณกสฺส อริยปุคฺคลสฺส อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา ตตฺเถว อกฺขิเภทปฺปตฺเตหิ ปฺจหิ โจรสเตหิ นิวุตฺถตฺตา ตโต ปฏฺาย ‘‘อนฺธวน’’นฺติ สงฺขํ คตํ วนํ. ตํ กิร สาวตฺถิโต ทกฺขิณปสฺเส คาวุตมตฺเต โหติ ราชารกฺขาย คุตฺตํ. ตตฺถ ปวิเวกกามา ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ คจฺฉนฺติ. ตสฺมา อยมฺปิ กายวิเวกตฺถินี เยน ตํ วนํ, เตนุปสงฺกมิ. นิสฺสรณนฺติ นิพฺพานํ. ปฺายาติ ปจฺจเวกฺขณาเณน. น ตฺวํ ชานาสิ ตํ ปทนฺติ ตฺวํ เอตํ นิพฺพานปทํ วา นิพฺพานคามิมคฺคปทํ วา น ชานาสิ. สตฺติสูลูปมาติ วินิวิชฺฌนตฺเถน สตฺติสูลสทิสา. ขนฺธาสํ อธิกุฏฺฏนาติ ขนฺธา เตสํ อธิกุฏฺฏนภณฺฑิกา. ปมํ.
๒. โสมาสุตฺตวณฺณนา
๑๖๓. ทุติเย านนฺติ อรหตฺตํ. ทุรภิสมฺภวนฺติ ทุปฺปสหํ. ทฺวงฺคุลปฺายาติ ปริตฺตปฺาย. ยสฺมา วา ทฺวีหิ องฺคุเลหิ กปฺปาสวฏฺฏึ คเหตฺวา สุตฺตํ กนฺตนฺติ, ตสฺมา ¶ อิตฺถี ‘‘ทฺวงฺคุลปฺา’’ติ วุจฺจติ. าณมฺหิ วตฺตมานมฺหีติ ผลสมาปตฺติาเณ ปวตฺตมาเน. ธมฺมํ วิปสฺสโตติ จตุสจฺจธมฺมํ วิปสฺสนฺตสฺส, ปุพฺพภาเค วา วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตํ ขนฺธปฺจกเมว. กิฺจิ วา ปน อฺสฺมีติ อฺํ วา กิฺจิ ‘‘อหํ อสฺมี’’ติ ตณฺหามานทิฏฺิวเสน ยสฺส สิยา. ทุติยํ.
๓. กิสาโคตมีสุตฺตวณฺณนา
๑๖๔. ตติเย ¶ กิสาโคตมีติ อปฺปมํสโลหิตตาย กิสา, โคตมีติ ปนสฺสา นามํ. ปุพฺเพ กิร สาวตฺถิยํ เอกสฺมึ กุเล อสีติโกฏิธนํ สพฺพํ องฺคาราว ชาตํ. กุฏุมฺพิโก องฺคารชาตานิ อนีหริตฺวา ¶ – ‘‘อวสฺสํ โกจิ ปฺุวา ภวิสฺสติ, ตสฺส ปฺุเน ปุน ปากติกํ ภวิสฺสตี’’ติ สุวณฺณหิรฺสฺส จาฏิโย ปูเรตฺวา อาปเณ เปตฺวา สมีเป นิสีทิ. อเถกา ทุคฺคตกุลสฺส ธีตา – ‘‘อฑฺฒมาสกํ คเหตฺวา ทารุสากํ อาหริสฺสามี’’ติ วีถึ คตา ตํ ทิสฺวา กุฏุมฺพิกํ อาห – ‘‘อาปเณ ตาว ธนํ เอตฺตกํ, เคเห กิตฺตกํ ภวิสฺสตี’’ติ. กึ ทิสฺวา อมฺม เอวํ กเถสีติ? อิมํ หิรฺสุวณฺณนฺติ. โส ‘‘ปฺุวตี เอสา ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺสา วสนฏฺานํ ปุจฺฉิตฺวา อาปเณ ภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา ตสฺสา มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺหากํ เคเห วยปฺปตฺโต ทารโก อตฺถิ, ตสฺเสตํ ทาริกํ เทถา’’ติ. กึ สามิ ทุคฺคเตหิ สทฺธึ เกฬึ กโรสีติ? มิตฺตสนฺถโว นาม ทุคฺคเตหิปิ สทฺธึ โหติ, เทถ นํ, กุฏุมฺพสามินี ภวิสฺสตีติ นํ คเหตฺวา ฆรํ อาเนสิ. สา สํวาสมนฺวาย ปุตฺตํ วิชาตา. ปุตฺโต ปทสา อาหิณฺฑนกาเล กาลมกาสิ. สา ทุคฺคตกุเล อุปฺปชฺชิตฺวา มหากุลํ คนฺตฺวาปิ ‘‘ปุตฺตวินาสํ ปตฺตามฺหี’’ติ อุปฺปนฺนพลวโสกา ปุตฺตสฺส สรีรกิจฺจํ วาเรตฺวา ตํ มตกเฬวรํ อาทาย นคเร วิปฺปลปนฺตี จรติ.
เอกทิวสํ มหติยา พุทฺธวีถิยา ทสพลสฺส ¶ สนฺติกํ คนฺตฺวา – ‘‘ปุตฺตสฺส เม อโรคภาวตฺถาย เภสชฺชํ เทถ ภควา’’ติ อาห. คจฺฉ สาวตฺถึ อาหิณฺฑิตฺวา ยสฺมึ เคเห มตปุพฺโพ นตฺถิ, ตโต สิทฺธตฺถกํ อาหร, ปุตฺตสฺส เต เภสชฺชํ ภวิสฺสตีติ. สา นครํ ปวิสิตฺวา ธุรเคหโต ปฏฺาย ภควตา วุตฺตนเยน คนฺตฺวา สิทฺธตฺถกํ ยาจนฺตี ฆเร ฆเร, ‘‘กุโต ตฺวํ เอวรูปํ ฆรํ ปสฺสิสฺสสี’’ติ วุตฺตา กติปยานิ เคหานิ อาหิณฺฑิตฺวา – ‘‘สพฺเพสมฺปิ กิรายํ ธมฺมตา, น มยฺหํ ปุตฺตสฺเสวา’’ติ สาลายํ ฉวํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถา ‘‘อิมํ ปพฺพาเชตู’’ติ ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ เปเสสิ. สา ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิมํ เถรึ สนฺธาย ‘‘อถ โข กิสาโคตมี’’ติ วุตฺตํ.
เอกมาสีติ เอกา อาสิ. รุทมฺมุขีติ รุทมานมุขี วิย. อจฺจนฺตํ มตปุตฺตามฺหีติ เอตฺถ ¶ อนฺตํ อตีตํ อจฺจนฺตํ, ภาวนปุํสกเมตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปุตฺตมรณํ อนฺตํ อตีตํ โหติ, เอวํ มตปุตฺตา อหํ, อิทานิ มม ปุน ปุตฺตมรณํ นาม นตฺถิ. ปุริสา เอตทนฺติกาติ ปุริสาปิ เม เอตทนฺติกาว ¶ . โย เม ปุตฺตมรณสฺส อนฺโต, ปุริสานมฺปิ เม เอเสวนฺโต, อภพฺพา อหํ อิทานิ ปุริสํ คเวสิตุนฺติ. สพฺพตฺถ วิหตา นนฺทีติ สพฺเพสุ ขนฺธายตนธาตุภวโยนิคติิตินิวาเสสุ มม ตณฺหานนฺที วิหตา. ตโมกฺขนฺโธติ อวิชฺชากฺขนฺโธ. ปทาลิโตติ าเณน ภินฺโน. ตติยํ.
๔. วิชยาสุตฺตวณฺณนา
๑๖๕. จตุตฺเถ ปฺจงฺคิเกนาติ อาตตํ วิตตํ อาตตวิตตํ ฆนํ สุสิรนฺติ เอวํ ปฺจงฺคสมนฺนาคเตน. นิยฺยาตยามิ ตุยฺเหวาติ สพฺเพ ตุยฺหํเยว เทมิ. นาหํ เตนตฺถิกาติ นาหํ เตน อตฺถิกา. ปูติกาเยนาติ สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย นิจฺจํ อุคฺฆริตปคฺฆริตฏฺเน ปูติกาโยว, ตสฺมา เอวมาห. ภินฺทเนนาติ ภิชฺชนสภาเวน. ปภงฺคุนาติ จุณฺณวิจุณฺณํ อาปชฺชนธมฺเมน. อฏฺฏียามีติ อฏฺฏา ปีฬิตา โหมิ. หรายามีติ ลชฺชามิ. สนฺตา สมาปตฺตีติ ¶ อฏฺวิธา โลกิยสมาปตฺติ อารมฺมณสนฺตตาย องฺคสนฺตตาย จ สนฺตาติ วุตฺตา. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ รูปารูปภเวสุ, เตสํ ทฺวินฺนํ ภวานํ คหิตตฺตา คหิเต กามภเว อฏฺสุ จ สมาปตฺตีสูติ เอเตสุ สพฺเพสุ าเนสุ มยฺหํ อวิชฺชาตโม วิหโตติ วทติ. จตุตฺถํ.
๕. อุปฺปลวณฺณาสุตฺตวณฺณนา
๑๖๖. ปฺจเม สุปุปฺผิตคฺคนฺติ อคฺคโต ปฏฺาย สุฏฺุ ปุปฺผิตํ สาลรุกฺขํ. น จตฺถิ เต ทุติยา วณฺณธาตูติ ตว วณฺณธาตุสทิสา ทุติยา วณฺณธาตุ นตฺถิ, ตยา สทิสา อฺา ภิกฺขุนี นตฺถีติ วทติ. อิธาคตา ตาทิสิกา ภเวยฺยุนฺติ ยถา ตฺวํ อิธาคตา กิฺจิ สนฺถวํ วา สิเนหํ วา น ลภสิ, เอวเมวํ เตปิ ตยาว สทิสา ภเวยฺยุํ. ปขุมนฺตริกายนฺติ ทฺวินฺนํ อกฺขีนํ มชฺเฌ นาสวํเสปิ ติฏฺนฺตึ มํ น ปสฺสสิ. วสีภูตมฺหีติ วสีภูตา อสฺมิ. ปฺจมํ.
๖. จาลาสุตฺตวณฺณนา
๑๖๗. ฉฏฺเ ¶ โก นุ ตํ อิทมาทปยีติ โก นุ มนฺทพุทฺธิ พาโล ตํ เอวํ คาหาเปสิ? ปริกฺเลสนฺติ อฺมฺปิ นานปฺปการํ อุปทฺทวํ. อิทานิ ยํ มาโร อาห ¶ – ‘‘โก นุ ตํ อิทมาทปยี’’ติ, ตํ มทฺทนฺตี – ‘‘น มํ อนฺธพาโล อาทเปสิ, โลเก ปน อคฺคปุคฺคโล สตฺถา ธมฺมํ เทเสสี’’ติ ทสฺเสตุํ, พุทฺโธติอาทิมาห. ตตฺถ สจฺเจ นิเวสยีติ ปรมตฺถสจฺเจ นิพฺพาเน นิเวเสสิ. นิโรธํ อปฺปชานนฺตาติ นิโรธสจฺจํ อชานนฺตา. ฉฏฺํ.
๗. อุปจาลาสุตฺตวณฺณนา
๑๖๘. สตฺตเม ¶ เอนฺติ มารวสํ ปุนาติ ปุนปฺปุนํ มรณมารกิเลสมารเทวปุตฺตมารานํ วสํ อาคจฺฉนฺติ. ปธูปิโตติ สนฺตาปิโต. อคติ ยตฺถ มารสฺสาติ ยตฺถ ตุยฺหํ มารสฺส อคติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ นิพฺพาเน. สตฺตมํ.
๘. สีสุปจาลาสุตฺตวณฺณนา
๑๖๙. อฏฺเม สมณี วิย ทิสฺสสีติ สมณิสทิสา ทิสฺสสิ. กิมิว จรสิ โมมูหาติ กึ การณา โมมูหา วิย จรสิ? อิโต พหิทฺธาติ อิมมฺหา สาสนา พหิ. ปาสํ เฑนฺตีติ ปาสณฺฑา, สตฺตานํ จิตฺเตสุ ทิฏฺิปาสํ ขิปนฺตีติ อตฺโถ. สาสนํ ปน ปาเส โมเจติ, ตสฺมา ปาสณฺโฑติ น วุจฺจติ, อิโต พหิทฺธาเยว ปาสณฺฑา โหนฺติ. ปสีทนฺตีติ สํสีทนฺติ ลคฺคนฺติ.
อิทานิ ‘‘กํ นุ อุทฺทิสฺส มุณฺฑาสี’’ติ ปฺหํ กเถนฺตี อตฺถิ สกฺยกุเล ชาโตติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺพาภิภูติ สพฺพานิ ขนฺธายตนธาตุภวโยนิคติอาทีนิ อภิภวิตฺวา ิโต. มรณมาราทโย นุทิ นีหรีติ มารนุโท. สพฺพตฺถมปราชิโตติ สพฺเพสุ ราคาทีสุ วา มารยุทฺเธ วา อชิโต. สพฺพตฺถ มุตฺโตติ สพฺเพสุ ขนฺธาทีสุ มุตฺโต. อสิโตติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสเยน ¶ อนิสฺสิโต. สพฺพกมฺมกฺขยํ ปตฺโตติ สพฺพกมฺมกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปตฺโต. อุปธิสงฺขเยติ อุปธิสงฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน อารมฺมณโต วิมุตฺโต. อฏฺมํ.
๙. เสลาสุตฺตวณฺณนา
๑๗๐. นวเม เกนิทํ ปกตนฺติ เกน อิทํ กตํ. พิมฺพนฺติ อตฺตภาวํ สนฺธาย วทติ. อฆนฺติ ทุกฺขปติฏฺานตฺตา อตฺตภาวเมว วทติ. เหตุภงฺคาติ เหตุนิโรเธน ปจฺจยเวกลฺเลน. นวมํ.
๑๐. วชิราสุตฺตวณฺณนา
๑๗๑. ทสเม ¶ ¶ นยิธ สตฺตุปลพฺภตีติ อิมสฺมึ สุทฺธสงฺขารปฺุเช ปรมตฺถโต สตฺโต นาม น อุปลพฺภติ. ขนฺเธสุ สนฺเตสูติ ปฺจสุ ขนฺเธสุ วิชฺชมาเนสุ เตน เตนากาเรน ววตฺถิเตสุ. สมฺมุตีติ สตฺโตติ สมฺามตฺตเมว โหติ. ทุกฺขนฺติ ปฺจกฺขนฺธทุกฺขํ. นาฺตฺร ทุกฺขาติ เปตฺวา ทุกฺขํ อฺโ เนว สมฺโภติ น นิรุชฺฌตีติ. ทสมํ.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
ภิกฺขุนีสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. พฺรหฺมสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. พฺรหฺมายาจนสุตฺตวณฺณนา
๑๗๒. พฺรหฺมสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม ปริวิตกฺโก อุทปาทีติ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ อยํ เจตโส วิตกฺโก อุทปาทิ. กทา อุทปาทีติ? พุทฺธภูตสฺส อฏฺเม สตฺตาเห ราชายตนมูเล สกฺเกน เทวานมินฺเทน อาภตํ ทนฺตกฏฺฺจ โอสธหรีตกฺจ ขาทิตฺวา มุขํ โธวิตฺวา จตูหิ โลกปาเลหิ อุปนีเต ปจฺจคฺเฆ เสลมยปตฺเต ตปุสฺสภลฺลิกานํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา ปุน ปจฺจาคนฺตฺวา อชปาลนิคฺโรเธ นิสินฺนมตฺตสฺส.
อธิคโตติ ปฏิวิทฺโธ. ธมฺโมติ จตุสจฺจธมฺโม. คมฺภีโรติ อุตฺตานปฏิกฺเขปวจนเมตํ. ทุทฺทโสติ คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส ทุกฺเขน ทฏฺพฺโพ, น สกฺกา สุเขน ทฏฺุํ. ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ ทุกฺเขน อวพุชฺฌิตพฺโพ, น สกฺกา สุเขน อวพุชฺฌิตุํ. สนฺโตติ นิพฺพุโต. ปณีโตติ อตปฺปโก. อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อตกฺกาวจโรติ ตกฺเกน อวจริตพฺโพ โอคาหิตพฺโพ น โหติ, าเณเนว อวจริตพฺโพ. นิปุโณติ สณฺโห. ปณฺฑิตเวทนีโยติ สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺเนหิ ปณฺฑิเตหิ เวทิตพฺโพ. อาลยรามาติ สตฺตา ปฺจสุ กามคุเณสุ อลฺลียนฺติ, ตสฺมา เต อาลยาติ วุจฺจนฺติ. อฏฺสตตณฺหาวิจริตานิ วา อลฺลียนฺติ, ตสฺมาปิ อาลยาติ วุจฺจนฺติ. เตหิ อาลเยหิ รมนฺตีติ อาลยรามา. อาลเยสุ รตาติ อาลยรตา. อาลเยสุ ¶ สุฏฺุ มุทิตาติ อาลยสมฺมุทิตา. ยเถว หิ สุสชฺชิตํ ปุปฺผผลภริตรุกฺขาทิสมฺปนฺนํ อุยฺยานํ ปวิฏฺโ ราชา ตาย ตาย สมฺปตฺติยา รมติ, สมฺมุทิโต อาโมทิตปโมทิโต โหติ, น อุกฺกณฺติ, สายมฺปิ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉติ, เอวมิเมหิปิ กามาลยตณฺหาลเยหิ ¶ สตฺตา รมนฺติ, สํสารวฏฺเฏ สมฺมุทิตา อนุกฺกณฺิตา วสนฺติ. เตน เตสํ ภควา ทุวิธํ อาลยํ อุยฺยานภูมึ วิย ทสฺเสนฺโต ‘‘อาลยรามา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ยทิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส านํ สนฺธาย ‘‘ยํ อิท’’นฺติ, ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ สนฺธาย ‘‘โย อย’’นฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อิเมสํ ¶ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา, อิทปฺปจฺจยตา จ สา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท จาติ อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโท. สงฺขาราทิปจฺจยานํ เอตํ อธิวจนํ. สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพํ นิพฺพานเมว. ยสฺมา หิ ตํ อาคมฺม สพฺพสงฺขารวิปฺผนฺทิตานิ สมนฺติ, วูปสมฺมนฺติ, ตสฺมา สพฺพสงฺขารสมโถติ วุจฺจติ. ยสฺมา จ ตํ อาคมฺม สพฺเพ อุปธโย ปฏินิสฺสฏฺา โหนฺติ, สพฺพา ตณฺหา ขียนฺติ, สพฺเพ กิเลสราคา วิรชฺชนฺติ, สพฺพํ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธติ วุจฺจติ. ยา ปเนสา ตณฺหา ภเวน ภวํ, ผเลน วา สทฺธึ กมฺมํ วินติ สํสิพฺพตีติ กตฺวา วานนฺติ วุจฺจติ, ตโต นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํ. โส มมสฺส กิลมโถติ ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺส, สา มม วิเหสา อสฺสาติ อตฺโถ. กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา จ อสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺเต ปน อุภยมฺเปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ. อปิสฺสูติ อนุพฺรูหนตฺเถ นิปาโต. โส ‘‘น เกวลํ อยํ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ, อิมาปิ คาถา ปฏิภํสู’’ติ ทีเปติ. อนจฺฉริยาติ อนุอจฺฉริยา. ปฏิภํสูติ ¶ ปฏิภานสงฺขาตสฺส าณสฺส โคจรา อเหสุํ, ปริวิตกฺกยิตพฺพตํ ปาปุณึสุ.
กิจฺเฉนาติ ทุกฺเขน, น ทุกฺขาย ปฏิปทาย. พุทฺธานํ หิ จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฏิปทาว โหนฺติ. ปารมีปูรณกาเล ปน สราคสโทสสโมหสฺเสว สโต อาคตาคตานํ ยาจกานํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ สีสํ กนฺติตฺวา คลโลหิตํ นีหริตฺวา สุอฺชิตานิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา กุลวํสปฺปทีปํ ปุตฺตํ มนาปจารินึ ภริยนฺติ เอวมาทีนิ เทนฺตสฺส อฺานิ จ ขนฺติวาทิสทิเสสุ อตฺตภาเวสุ เฉชฺชเภชฺชาทีนิ ปาปุณนฺตสฺส อาคมนียปฏิปทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. หลนฺติ เอตฺถ ห-กาโร นิปาตมตฺโต, อลนฺติ อตฺโถ. ปกาสิตุนฺติ เทสิตุํ, เอวํ กิจฺเฉน อธิคตสฺส อลํ เทสิตุํ ปริยตฺตํ เทสิตุํ. โก อตฺโถ เทสิเตนาติ วุตฺตํ โหติ? ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสผุฏฺเหิ ราคโทสานุคเตหิ วา.
ปฏิโสตคามินฺติ ¶ นิจฺจาทีนํ ปฏิโสตํ, ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภ’’นฺติ เอวํ คตํ จตุสจฺจธมฺมํ. ราครตฺตาติ กามราเคน ภวราเคน ทิฏฺิราเคน จ รตฺตา. น ทกฺขนฺตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ อิมินา สภาเวน น ปสฺสิสฺสนฺติ ¶ , เต อปสฺสนฺเต โก สกฺขิสฺสติ เอวํ คาหาเปตุํ. ตโมขนฺเธน อาวุฏาติ อวิชฺชาราสินา อชฺโฌตฺถฏา.
อปฺโปสฺสุกฺกตายาติ นิรุสฺสุกฺกภาเวน, อเทเสตุกามตายาติ อตฺโถ. กสฺมา ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ? นนุ เอส มุตฺโต โมเจสฺสามิ, ติณฺโณ ตาเรสฺสามิ –
‘‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตารยิสฺสํ สเทวก’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๕๖) –
ปตฺถนํ กตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโตติ? สจฺจเมตํ, ตเทวํ ปจฺจเวกฺขณานุภาเวน ปนสฺส ¶ เอวํ จิตฺตํ นมิ. ตสฺส หิ สพฺพฺุตํ ปตฺวา สตฺตานํ กิเลสคหนตํ, ธมฺมสฺส จ คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สตฺตานํ กิเลสคหนตา จ ธมฺมคมฺภีรตา จ สพฺพากาเรน ปากฏา ชาตา. อถสฺส – ‘‘อิเม สตฺตา กฺชิยปุณฺณา ลาพุ วิย, ตกฺกภริตา จาฏิ วิย, วสาเตลปีตปิโลติกา วิย, อฺชนมกฺขิตหตฺโถ วิย จ กิเลสภริตา อติสํกิลิฏฺา ราครตฺตา โทสทุฏฺา โมหมูฬฺหา, เต กึ นาม ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ? จินฺตยโต กิเลสคหนปจฺจเวกฺขณานุภาเวนาปิ เอวํ จิตฺตํ นมิ.
‘‘อยฺจ ธมฺโม ปถวีสนฺธารกอุทกกฺขนฺโธ วิย คมฺภีโร, ปพฺพเตน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปิโต สาสโป วิย ทุทฺทโส, สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏิยา โกฏิปฏิปาทนํ วิย ทุรนุโพโธ. นนุ มยา หิ อิมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วายมนฺเตน อทินฺนํ ทานํ นาม นตฺถิ, อรกฺขิตํ สีลํ นาม นตฺถิ, อปริปูริตา กาจิ ปารมี นาม นตฺถิ, ตสฺส เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺสาปิ ปถวี น กมฺปิตฺถ, ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ น กมฺปิตฺถ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺตสฺสาปิ น กมฺปิตฺถ, ปจฺฉิมยาเม ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปฏิวิชฺฌนฺตสฺเสว เม ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ. อิติ มาทิเสนาปิ ติกฺขาเณน กิจฺเฉเนวายํ ธมฺโม ปฏิวิทฺโธ. ตํ โลกิยมหาชนา กถํ ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ? ธมฺมคมฺภีรปจฺจเวกฺขณานุภาเวนาปิ เอวํ จิตฺตํ นมีติ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ¶ พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายปิสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ. ชานาติ หิ ภควา – ‘‘มม อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺเต นมมาเน มํ มหาพฺรหฺมา ธมฺมเทสนํ ¶ ยาจิสฺสติ, อิเม จ สตฺตา พฺรหฺมครุกา. เต ‘สตฺถา กิร ธมฺมํ น เทเสตุกาโม อโหสิ. อถ นํ มหาพฺรหฺมา ยาจิตฺวา เทสาเปสิ. สนฺโต วต โภ ธมฺโม, ปณีโต วต โภ ธมฺโม’ติ มฺมานา สุสฺสูสิสฺสนฺตี’’ติ. อิทมฺปิสฺส การณํ ปฏิจฺจ อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายาติ เวทิตพฺพํ.
สหมฺปติสฺสาติ ¶ โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม เถโร ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปมชฺฌานภูมิยํ กปฺปายุกพฺรหฺมา หุตฺวา นิพฺพตฺโต. ตตฺร นํ ‘‘สหมฺปติพฺรหฺมา’’ติ ปฏิสฺชานนฺติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺสา’’ติ. นสฺสติ วต โภติ โส กิร อิมํ สทฺทํ ตถา นิจฺฉาเรสิ, ยถา ทสสหสฺสิโลกธาตุพฺรหฺมาโน สุตฺวา สพฺเพ สนฺนิปตึสุ. ยตฺร หิ นามาติ ยสฺมึ นาม โลเก. ปุรโต ปาตุรโหสีติ เตหิ ทสหิ พฺรหฺมสหสฺเสหิ สทฺธึ ปาตุรโหสิ. อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปฺามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสํ เอวํสภาวาติ อปฺปรชกฺขชาติกา. อสฺสวนตาติ อสฺสวนตาย. ภวิสฺสนฺตีติ ปุริมพุทฺเธสุ ทสปฺุกิริยวเสน กตาธิการา ปริปากคตา ปทุมานิ วิย สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ, ธมฺมเทสนํเยว อากงฺขมานา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อริยภูมึ โอกฺกมนารหา น เอโก, น ทฺเว, อเนกสตสหสฺสา ธมฺมสฺส อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตีติ ทสฺเสติ.
ปาตุรโหสีติ ปาตุภวิ. สมเลหิ จินฺติโตติ สมเลหิ ฉหิ สตฺถาเรหิ จินฺติโต. เต หิ ปุเรตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลชมฺพุทีเป กณฺฏเก ปตฺถรมานา วิย, วิสํ สิฺจมานา วิย จ สมลํ มิจฺฉาทิฏฺิธมฺมํ เทสยึสุ. อปาปุเรตนฺติ วิวรํ เอตํ. อมตสฺส ทฺวารนฺติ อมตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารภูตํ อริยมคฺคํ. สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธนฺติ อิเม สตฺตา ราคาทิมลานํ อภาวโต วิมเลน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อนุพุทฺธํ จตุสจฺจธมฺมํ สุณนฺตุ ตาว ภควาติ ยาจติ.
เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโตติ เสลมเย เอกคฺฆเน ปพฺพตมุทฺธนิ ยถาิโตว. น หิ ตสฺส ิตสฺส ทสฺสนตฺถํ คีวุกฺขิปนปสารณาทิกิจฺจํ อตฺถิ. ตถูปมนฺติ ตปฺปฏิภาคํ เสลปพฺพตูปมํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา เสลปพฺพตมุทฺธนิ ิโตว จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปสฺเสยฺย ¶ , ตถา ตฺวมฺปิ สุเมธ สุนฺทรปฺ สพฺพฺุตาเณน สมนฺตจกฺขุ ภควา ธมฺมมยํ ปาสาทมารุยฺห สยํ อเปตโสโก โสกาวติณฺณํ ¶ ชาติชราภิภูตํ ชนตํ อเวกฺขสฺสุ ¶ อุปธารย อุปปริกฺข. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา หิ ปพฺพตปาเท สมนฺตา มหนฺตํ เขตฺตํ กตฺวา, ตตฺถ เกทารปาฬีสุ กุฏิกาโย กตฺวา รตฺตึ อคฺคึ ชาเลยฺยุํ, จตุรงฺคสมนฺนาคตฺจ อนฺธการํ อสฺส, อถ ตสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ตฺวา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ภูมึ โอโลกยโต เนว เขตฺตํ น เกทารปาฬิโย น กุฏิโย น ตตฺถ สยิตมนุสฺสา ปฺาเยยฺยุํ. กุฏิกาสุ ปน อคฺคิชาลามตฺตกเมว ปฺาเยยฺย, เอวํ ธมฺมปาสาทํ อารุยฺห สตฺตนิกายํ โอโลกยโต ตถาคตสฺส เย เต อกตกลฺยาณา สตฺตา, เต เอกวิหาเร ทกฺขิณชาณุปสฺเส นิสินฺนาปิ พุทฺธจกฺขุสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา สรา วิย โหนฺติ. เย ปน กตกลฺยาณา เวเนยฺยปุคฺคลา, เต เอวสฺส ทูเรปิ ิตา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ โส อคฺคิ วิย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ, หิมวนฺโตว ปพฺพโต;
อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๔);
อชฺเฌสนนฺติ ยาจนํ. พุทฺธจกฺขุนาติ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน จ อาสยานุสยาเณน จ. อิเมสํ หิ ทฺวินฺนํ าณานํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ นามํ, สพฺพฺุตฺาณสฺส ‘‘สมนฺตจกฺขู’’ติ, ติณฺณํ มคฺคาณานํ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ. อปฺปรชกฺเขติอาทีสุ เยสํ วุตฺตนเยเนว ปฺาจกฺขุมฺหิ ราคาทิรชํ อปฺปํ, เต อปฺปรชกฺขา. เยสํ ตํ มหนฺตํ, เต มหารชกฺขา. เยสํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ, เต ติกฺขินฺทฺริยา. เยสํ ตานิ มุทูนิ, เต มุทินฺทฺริยา. เยสํ เตเยว สทฺธาทโย อาการา สุนฺทรา, เต สฺวาการา. เย กถิตการณํ สลฺลกฺเขนฺติ, สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิฺาเปตุํ, เต สุวิฺาปยา. เย ปรโลกฺเจว วชฺชฺจ ภยโต ปสฺสนฺติ, เต ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิโน นาม.
อยํ ปเนตฺถ ปาฬิ – ‘‘สทฺโธ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อสฺสทฺโธ ¶ ปุคฺคโล มหารชกฺโข. อารทฺธวีริโย, กุสีโต. อุปฏฺิตสฺสติ, มุฏฺสฺสติ. สมาหิโต ¶ , อสมาหิโต. ปฺวา, ทุปฺปฺโ ปุคฺคโล มหารชกฺโข. ตถา สทฺโธ ปุคฺคโล ติกฺขินฺทฺริโย…เป… ปฺวา ปุคฺคโล ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวี, ทุปฺปฺโ ปุคฺคโล น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวี. โลโกติ ขนฺธโลโก, อายตนโลโก, ธาตุโลโก, สมฺปตฺติภวโลโก, สมฺปตฺติสมฺภวโลโก, วิปตฺติภวโลโก, วิปตฺติสมฺภวโลโก. เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา. ทฺเว โลกา นามฺจ รูปฺจ. ตโย ¶ โลกา ติสฺโส เวทนา. จตฺตาโร โลกา จตฺตาโร อาหารา. ปฺจ โลกา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ฉ โลกา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ. สตฺต โลกา สตฺต วิฺาณฏฺิติโย. อฏฺ โลกา อฏฺ โลกธมฺมา. นว โลกา นว สตฺตาวาสา. ทส โลกา ทสายตนานิ. ทฺวาทส โลกา ทฺวาทสายตนานิ. อฏฺารส โลกา อฏฺารส ธาตุโย. วชฺชนฺติ สพฺเพ กิเลสา วชฺชา, สพฺเพ ทุจฺจริตา วชฺชา, สพฺเพ อภิสงฺขารา วชฺชา, สพฺเพ ภวคามิกมฺมา วชฺชา, อิติ อิมสฺมิฺจ โลเก อิมสฺมิฺจ วชฺเช ติพฺพา ภยสฺา ปจฺจุปฏฺิตา โหติ, เสยฺยถาปิ อุกฺขิตฺตาสิเก วธเก. อิเมหิ ปฺาสาย อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ ชานาติ ปสฺสติ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ. อิทํ ตถาคตสฺส อินฺทฺริยปโรปริยตฺเต าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒).
อุปฺปลินิยนฺติ อุปฺปลวเน. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. อนฺโตนิมุคฺคโปสีนีติ ยานิ อนฺโต นิมุคฺคาเนว โปสิยนฺติ. อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ิตานี ติ อุทกํ อติกฺกมิตฺวา ิตานิ. ตตฺถ ยานิ อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ, ตานิ สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ อาคมยมานานิ ิตานิ อชฺช ปุปฺผนกานิ. ยานิ ปน สโมทกํ ิตานิ, ตานิ สฺเว ปุปฺผนกานิ. ยานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ, ตานิ ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ. อุทกา ปน อนุคฺคตานิ อฺานิปิ สโรคอุปฺปลาทีนิ นาม อตฺถิ, ยานิ เนว ปุปฺผิสฺสนฺติ, มจฺฉกจฺฉปภกฺขาเนว ภวิสฺสนฺติ, ตานิ ปาฬึ นารุฬฺหานิ. อาหริตฺวา ปน ทีเปตพฺพานีติ ทีปิตานิ. ยเถว หิ ตานิ จตุพฺพิธานิ ปุปฺผานิ, เอวเมวํ อุคฺฆฏิตฺู ¶ วิปฺจิตฺู เนยฺโย ปทปรโมติ จตฺตาโร ปุคฺคลา.
ตตฺถ ‘‘ยสฺส ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฏเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล อุคฺฆฏิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส ¶ วิตฺถาเรน อตฺเถ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปฺจิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโส มนสิกโรโต กลฺยาณมิตฺเต เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต อนุปุพฺเพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนยฺโย. ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต พหุมฺปิ ภณโต พหุมฺปิ ธารยโต พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโม (ปุ. ป. ๑๔๘-๑๕๑). ตตฺถ ภควา อุปฺปลวนาทิสทิสํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต – ‘‘อชฺช ปุปฺผนกานิ วิย อุคฺฆฏิตฺู, สฺเว ปุปฺผนกานิ วิย ¶ วิปฺจิตฺู, ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ วิย เนยฺโย, มจฺฉกจฺฉปภกฺขานิ ปุปฺผานิ วิย ปทปรโม’’ติ อทฺทสฺส. ปสฺสนฺโต จ ‘‘เอตฺตกา อปฺปรชกฺขา, เอตฺตกา มหารชกฺขา, ตตฺราปิ เอตฺตกา อุคฺฆฏิตฺู’’ติ เอวํ สพฺพาการโตว อทฺทส.
ตตฺถ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ภควโต ธมฺมเทสนา อตฺถํ สาเธติ. ปทปรมานํ อนาคตตฺถาย วาสนา โหติ. อถ ภควา อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถาวหํ ธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา เทเสตุกมฺยตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน สพฺเพปิ ตีสุ ภเวสุ สตฺเต ภพฺพาภพฺพวเสน ทฺเว โกฏฺาเส อกาสิ. เย สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘กตเม สตฺตา อภพฺพา? เย เต สตฺตา กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา กิเลสาวรเณน สมนฺนาคตา วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา อสฺสทฺธา อจฺฉนฺทิกา ทุปฺปฺา อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ, อิเม เต สตฺตา อภพฺพา. กตเม สตฺตา ภพฺพา? เย เต สตฺตา น กมฺมาวรเณน…เป… อิเม เต สตฺตา ภพฺพา’’ติ (วิภ. ๘๒๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๑๕). ตตฺถ สพฺเพปิ อภพฺพปุคฺคเล ปหาย ภพฺพปุคฺคเลเยว าเณน ปริคฺคเหตฺวา, ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา เอตฺตกา โทส-โมหจริตา ¶ วิตกฺก-สทฺธา-พุทฺธิจริตา’’ติ ฉ โกฏฺาเส อกาสิ. เอวํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ จินฺเตสิ.
ปจฺจภาสีติ ปติอภาสิ. อปารุตาติ วิวฏา. อมตสฺส ทฺวาราติ อริยมคฺโค. โส หิ อมตสงฺขาตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารํ, โส มยา วิวริตฺวา ปิโตติ ทสฺเสติ. ปมฺุจนฺตุ สทฺธนฺติ สพฺเพ อตฺตโน สทฺธํ ปมฺุจนฺตุ ¶ วิสฺสชฺเชนฺตุ. ปจฺฉิมปททฺวเย อยมตฺโถ – อหฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺติตมฺปิ อิมํ ปณีตํ อุตฺตมํ ธมฺมํ กายวาจากิลมถสฺี หุตฺวา น ภาสึ. อิทานิ ปน สพฺโพ ชโน สทฺธาภาชนํ อุปเนตุ, ปูเรสฺสามิ เตสํ สงฺกปฺปนฺติ.
อนฺตรธายีติ สตฺถารํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา อนฺตรหิโต, สกฏฺานเมว คโตติ อตฺโถ. คเต จ ปน ตสฺมึ ภควา ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ? อาฬารุทกานํ กาลงฺกตภาวํ, ปฺจวคฺคิยานฺจ พหูปการภาวํ ตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสตุกาโม พาราณสิยํ อิสิปตนํ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสีติ. ปมํ.
๒. คารวสุตฺตวณฺณนา
๑๗๓. ทุติเย ¶ อุทปาทีติ อยํ วิตกฺโก ปฺจเม สตฺตาเห อุทปาทิ. อคารโวติ อฺสฺมึ คารวรหิโต, กฺจิ ครุฏฺาเน อฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ. อปฺปติสฺโสติ ปติสฺสยรหิโต, กฺจิ เชฏฺกฏฺาเน อฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ.
สเทวเกติอาทีสุ สทฺธึ เทเวหิ สเทวเก. เทวคฺคหเณน เจตฺถ มารพฺรหฺเมสุ คหิเตสุปิ มาโร นาม วสวตฺตี สพฺเพสํ อุปริ วสํ วตฺเตติ, พฺรหฺมา นาม มหานุภาโว เอกงฺคุลิยา เอกสฺมึ จกฺกวาฬสหสฺเส อาโลกํ ผรติ. ทฺวีหิ ทฺวีสุ…เป… ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสุปิ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อาโลกํ ผรติ, โส อิมินา สีลสมฺปนฺนตโรติ วตฺตุํ มา ลภตูติ สมารเก สพฺรหฺมเกติ วิสุํ วุตฺตํ. ตถา สมณา นาม เอกนิกายาทิวเสน พหุสฺสุตา สีลวนฺโต ปณฺฑิตา, พฺราหฺมณาปิ วตฺถุวิชฺชาทิวเสน พหุสฺสุตา ปณฺฑิตา, เต อิมินา สีลสมฺปนฺนตราติ วตฺตุํ มา ลภนฺตูติ สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชายาติ วุตฺตํ. สเทวมนุสฺสายาติ ¶ อิทํ ปน นิปฺปเทสโต ทสฺสนตฺถํ คหิตเมว คเหตฺวา วุตฺตํ. อปิเจตฺถ ปุริมานิ ตีณิ ปทานิ โลกวเสน วุตฺตานิ, ปจฺฉิมานิ ทฺเว ปชาวเสน. สีลสมฺปนฺนตรนฺติ สีเลน สมฺปนฺนตรํ, อธิกตรนฺติ อตฺโถ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ สีลาทโย จตฺตาโร ธมฺมา โลกิยโลกุตฺตรา กถิตา, วิมุตฺติาณทสฺสนํ โลกิยเมว. ปจฺจเวกฺขณาณํ เหตํ.
ปาตุรโหสีติ ¶ – ‘‘อยํ สตฺถา อวีจิโต ยาว ภวคฺคา สีลาทีหิ อตฺตนา อธิกตรํ อปสฺสนฺโต ‘มยา ปฏิวิทฺธํ นวโลกุตฺตรธมฺมเมว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหริสฺสามี’ติ จินฺเตติ, การณํ ภควา จินฺเตติ, อตฺถํ วุฑฺฒิวิเสสํ จินฺเตติ, คจฺฉามิสฺส อุสฺสาหํ ชเนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุรโต ปากโฏ อโหสิ, อภิมุเข อฏฺาสีติ อตฺโถ.
วิหรนฺติ จาติ เอตฺถ โย วเทยฺย ‘‘วิหรนฺตีติ วจนโต ปจฺจุปฺปนฺเนปิ พหู พุทฺธา’’ติ, โส ‘‘ภควาปิ, ภนฺเต, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อิมินา วจเนน ปฏิพาหิตพฺโพ.
‘‘น ¶ เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;
สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล’’ติ. (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕) –
อาทีหิ จสฺส สุตฺเตหิ อฺเสํ พุทฺธานํ อภาโว ทีเปตพฺโพ. ตสฺมาติ ยสฺมา สพฺเพปิ พุทฺธา สทฺธมฺมครุโน, ตสฺมา. มหตฺตมภิกงฺขตาติ มหนฺตภาวํ ปตฺถยมาเนน. สรํ พุทฺธาน-สาสนนฺติ พุทฺธานํ สาสนํ สรนฺเตน. ทุติยํ.
๓. พฺรหฺมเทวสุตฺตวณฺณนา
๑๗๔. ตติเย เอโกติ านาทีสุ อิริยาปเถสุ เอกโก, เอกวิหารีติ อตฺโถ. วูปกฏฺโติ กาเยน วูปกฏฺโ นิสฺสโฏ. อปฺปมตฺโตติ สติยา อวิปฺปวาเส ิโต. อาตาปีติ วีริยาตาเปน สมนฺนาคโต. ปหิตตฺโตติ เปสิตตฺโต. กุลปุตฺตาติ อาจารกุลปุตฺตา. สมฺมเทวาติ น อิณฏฺฏา น ภยฏฺฏา น ชีวิตปกตา หุตฺวา, ยถา วา ตถา วา ปพฺพชิตาปิ เย อนุโลมปฏิปทํ ปูเรนฺติ, เต สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ นาม. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ¶ ปริโยสานภูตํ อริยผลํ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ สามํ ชานิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา. อุปสมฺปชฺชาติ ปฏิลภิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหาสิ. เอวํ วิหรนฺโต จ ขีณา ชาติ…เป… อพฺภฺาสีติ. เอเตนสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมิ ทสฺสิตา.
กตมา ¶ ปนสฺส ชาติ ขีณา, กถฺจ นํ อพฺภฺาสีติ? วุจฺจเต, น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา ตตฺถ วายามาภาวโต, น ปจฺจุปฺปนฺนา วิชฺชมานตฺตา. มคฺคสฺส ปน อภาวิตตฺตา ยา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ. สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา. ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา – ‘‘กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตี’’ติ ชานนฺโต ชานาติ.
วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ ¶ . กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย, เอวํ โสฬสกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา กตมคฺคภาวนา นตฺถีติ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถตฺตภาวโต, อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ นตฺถิ, อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลโก รุกฺโข วิยาติ อพฺภฺาสิ. อฺตโรติ เอโก. อรหตนฺติ อรหนฺตานํ, ภควโต สาวกานํ อรหตํ อพฺภนฺตโร อโหสิ.
สปทานนฺติ สปทานจารํ, สมฺปตฺตฆรํ อนุกฺกมฺม ปฏิปาฏิยา จรนฺโต. อุปสงฺกมีติ อุปสงฺกมนฺโต. มาตา ปนสฺส ปุตฺตํ ทิสฺวาว ฆรา นิกฺขมฺม ปตฺตํ คเหตฺวา อนฺโตนิเวสนํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปสิ.
อาหุตึ นิจฺจํ ปคฺคณฺหาตีติ นิจฺจกาเล อาหุติปิณฺฑํ ปคฺคณฺหาติ. ตํ ทิวสํ ปน ตสฺมึ ฆเร ภูตพลิกมฺมํ โหติ. สพฺพเคหํ หริตุปลิตฺตํ วิปฺปกิณฺณลาชํ ¶ วนมาลปริกฺขิตฺตํ อุสฺสิตทฺธชปฏากํ ตตฺถ ตตฺถ ปุณฺณฆเร เปตฺวา ทณฺฑทีปิกา ชาเลตฺวา คนฺธจุณฺณมาลาทีหิ อลงฺกตํ, สมนฺตโต สฺฉาทิยมานา ธูมกฏจฺฉุ อโหสิ. สาปิ พฺราหฺมณี กาลสฺเสว วุฏฺาย โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหายิตฺวา สพฺพาลงฺกาเรน อตฺตภาวํ อลงฺกริ. สา ตสฺมึ สมเย มหาขีณาสวํ นิสีทาเปตฺวา, ยาคุอุฬุงฺกมตฺตมฺปิ อทตฺวา, ‘‘มหาพฺรหฺมํ โภเชสฺสามี’’ติ สุวณฺณปาติยํ ปายาสํ ¶ ปูเรตฺวา สปฺปิมธุสกฺขราทีหิ โยเชตฺวา นิเวสนสฺส ปจฺฉาภาเค หริตุปลิตฺตภาวาทีหิ อลงฺกตา ภูตปีิกา อตฺถิ. สา ตํ ปาตึ อาทาย, ตตฺถ คนฺตฺวา, จตูสุ โกเณสุ มชฺเฌ จ เอเกกํ ปายาสปิณฺฑํ เปตฺวา, เอกํ ปิณฺฑํ หตฺเถน คเหตฺวา, ยาว กปฺปรา สปฺปินา ปคฺฆรนฺเตน ปถวิยํ ชาณุมณฺฑลํ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ภฺุชตุ ภวํ มหาพฺรหฺมา, สายตุ ภวํ มหาพฺรหฺมา, ตปฺเปตุ ภวํ มหาพฺรหฺมา’’ติ วทมานา พฺรหฺมานํ โภเชติ.
เอตทโหสีติ มหาขีณาสวสฺส สีลคนฺธํ ฉเทวโลเก อชฺโฌตฺถริตฺวา พฺรหฺมโลกํ อุปคตํ ฆายมานสฺส เอตํ อโหสิ. สํเวเชยฺยนฺติ โจเทยฺยํ, สมฺมาปฏิปตฺติยํ โยเชยฺยํ. ‘อยํ หิ เอวรูปํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ มหาขีณาสวํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุอุฬุงฺกมตฺตมฺปิ อทตฺวา, ‘‘มหาพฺรหฺมํ โภเชสฺสามี’’ติ ตุลํ ปหาย หตฺเถน ตุลยนฺตี วิย, เภรึ ปหาย กุจฺฉึ วาเทนฺตี วิย, อคฺคึ ¶ ปหาย ขชฺโชปนกํ ธมมานา วิย ภูตพลึ กุรุมานา อาหิณฺฑติ. คจฺฉามิสฺสา มิจฺฉาทสฺสนํ ภินฺทิตฺวา อปายมคฺคโต อุทฺธริตฺวา ยถา อสีติโกฏิธนํ พุทฺธสาสเน วิปฺปกิริตฺวา สคฺคมคฺคํ อาโรหติ, ตถา กโรมีติ วุตฺตํ โหติ.
ทูเร อิโตติ อิมมฺหา านา ทูเร พฺรหฺมโลโก. ตโต หิ กูฏาคารมตฺตา สิลา ปาติตา เอเกน อโหรตฺเตน อฏฺจตฺตาลีสโยชนสหสฺสานิ เขปยมานา จตูหิ มาเสหิ ปถวิยํ ปติฏฺเหยฺย, สพฺพเหฏฺิโมปิ พฺรหฺมโลโก เอวํ ทูเร. ยสฺสาหุตินฺติ ยสฺส พฺรหฺมุโน อาหุตึ ปคฺคณฺหาสิ, ตสฺส พฺรหฺมโลโก ¶ ทูเรติ อตฺโถ. พฺรหฺมปถนฺติ เอตฺถ พฺรหฺมปโถ นาม จตฺตาริ กุสลชฺฌานานิ, วิปากชฺฌานานิ ปน เนสํ ชีวิตปโถ นาม, ตํ พฺรหฺมปถํ อชานนฺตี ตฺวํ กึ ชปฺปสิ วิปฺปลปสิ? พฺรหฺมาโน หิ สปฺปีติกชฺฌาเนน ยาเปนฺติ, น เอตํ ติณพีชานิ ปกฺขิปิตฺวา รนฺธํ โคยูสํ ขาทนฺติ, มา อการณา กิลมสีติ.
เอวํ วตฺวา ปุน โส มหาพฺรหฺมา อฺชลึ ปคฺคยฺห อวกุชฺโช หุตฺวา เถรํ อุปทิสนฺโต เอโส หิ เต พฺราหฺมณิ พฺรหฺมเทโวติอาทิมาห. ตตฺถ นิรูปธิโกติ กิเลสาภิสงฺขารกามคุโณปธีหิ วิรหิโต. อติเทวปตฺโตติ เทวานํ อติเทวภาวํ พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมภาวํ ปตฺโต. อนฺโปสีติ ¶ เปตฺวา อิมํ อตฺตภาวํ อฺสฺส อตฺตภาวสฺส วา ปุตฺตทารสฺส วา อโปสนตาย อนฺโปสี.
อาหุเนยฺโยติ อาหุนปิณฺฑํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโต. เวทคูติ จตุมคฺคสงฺขาเตหิ เวเทหิ ทุกฺขสฺสนฺตํ คโต. ภาวิตตฺโตติ อตฺตานํ ภาเวตฺวา วฑฺเฒตฺวา ิโต. อนูปลิตฺโตติ ตณฺหาทีหิ เลเปหิ อาลิตฺโต. ฆาเสสนํ อิริยตีติ อาหารปริเยสนํ จรติ.
น ตสฺส ปจฺฉา น ปุรตฺถมตฺถีติ ปจฺฉา วุจฺจติ อตีตํ, ปุรตฺถํ วุจฺจติ อนาคตํ, อตีตานาคเตสุ ขนฺเธสุ ฉนฺทราควิรหิตสฺส ปจฺฉา วา ปุรตฺถํ วา นตฺถีติ วทติ. สนฺโตติอาทีสุ ราคาทิสนฺตตาย สนฺโต. โกธธูมวิคมา วิธูโม, ทุกฺขาภาวา อนีโฆ, กตฺตรทณฺฑาทีนิ คเหตฺวา วิจรนฺโตปิ วธกเจตนาย อภาวา นิกฺขิตฺตทณฺโฑ. ตสถาวเรสูติ เอตฺถ ปน ปุถุชฺชนา ตสา นาม, ขีณาสวา ถาวรา นาม. สตฺต ปน เสขา ตสาติ วตฺตุํ น ¶ สกฺกา, ถาวรา น โหนฺติ, ภชมานา ปน ถาวรปกฺขเมว ภชนฺติ. โส ตฺยาหุตินฺติ โส เต อาหุตึ.
วิเสนิภูโตติ กิเลสเสนาย วิเสโน ชาโต. อเนโชติ นิตฺตณฺโห. สุสีโลติ ขีณาสวสีเลน สุสีโล. สุวิมุตฺตจิตฺโตติ ผลวิมุตฺติยา สุฏฺุ วิมุตฺตจิตฺโต. โอฆติณฺณนฺติ จตฺตาโร ¶ โอเฆ ติณฺณํ. เอตฺตเกน กถามคฺเคน พฺรหฺมา เถรสฺส วณฺณํ กเถนฺโต อายตเน พฺราหฺมณึ นิโยเชสิ. อวสานคาถา ปน สงฺคีติกาเรหิ ปิตา. ปติฏฺเปสิ ทกฺขิณนฺติ จตุปจฺจยทกฺขิณํ ปติฏฺเปสิ. สุขมายติกนฺติ สุขายติกํ อายตึ สุขวิปากํ, สุขาวหนฺติ อตฺโถ. ตติยํ.
๔. พกพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา
๑๗๕. จตุตฺเถ ปาปกํ ทิฏฺิคตนฺติ ลามิกา สสฺสตทิฏฺิ. อิทํ นิจฺจนฺติ อิทํ สห กาเยน พฺรหฺมฏฺานํ อนิจฺจํ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วทติ. ธุวาทีนิ ตสฺเสว เววจนานิ. ตตฺถ ธุวนฺติ ถิรํ. สสฺสตนฺติ สทา วิชฺชมานํ. เกวลนฺติ อขณฺฑํ สกลํ. อจวนธมฺมนฺติ อจวนสภาวํ. อิทํ หิ น ชายตีติอาทีสุ อิมสฺมึ าเน โกจิ ชายนโก วา ชียนโก วา มียนโก วา จวนโก ¶ วา อุปปชฺชนโก วา นตฺถิ, ตํ สนฺธาย วทติ. อิโต จ ปนฺนฺติ อิโต สหกายา พฺรหฺมฏฺานา อุตฺตริ อฺํ นิสฺสรณํ นาม นตฺถีติ. เอวมสฺส ถามคตา สสฺสตทิฏฺิ อุปฺปนฺนา โหติ. เอวํวาที จ ปน โส อุปริ ติสฺโส ฌานภูมิโย จตฺตาโร มคฺเค จตฺตาริ ผลานิ นิพฺพานนฺติ สพฺพํ ปฏิพาหติ. กทา ปนสฺส สา ทิฏฺิ อุปฺปนฺนาติ? ปมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพตฺตกาเล. ทุติยชฺฌานภูมิยนฺติ เอเก.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – เหฏฺุปปตฺติโก กิเรส พฺรหฺมา อนุปฺปนฺเน พุทฺธุปฺปาเท อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา จตุตฺถชฺฌานภูมิยํ เวหปฺผลพฺรหฺมโลเก ปฺจกปฺปสติกํ อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺติ. ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา เหฏฺุปปตฺติกํ กตฺวา ตติยชฺฌานํ ปณีตํ ภาเวตฺวา สุภกิณฺหพฺรหฺมโลเก จตุสฏฺิกปฺปํ อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺติ. ตตฺถ ทุติยชฺฌานํ ภาเวตฺวา อาภสฺสเร อฏฺ กปฺเป อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺติ. ตตฺถ ปมชฺฌานํ ภาเวตฺวา, ปมชฺฌานภูมิยํ กปฺปายุโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ ¶ . โส ปมกาเล อตฺตนา กตกมฺมฺจ นิพฺพตฺตฏฺานฺจ ¶ อฺาสิ, กาเล ปน คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต อุภยํ ปมุสฺสิตฺวา สสฺสตทิฏฺึ อุปฺปาเทสิ.
อวิชฺชาคโตติ อวิชฺชาย คโต สมนฺนาคโต อฺาณี อนฺธีภูโต. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม. วกฺขตีติ ภณติ. ‘‘ยตฺรา’’ติ นิปาตโยเคน ปน อนาคตวจนํ กตํ.
เอวํ วุตฺเต โส พฺรหฺมา ยถา นาม มคฺคโจโร ทฺเว ตโย ปหาเร อธิวาเสนฺโต สหาเย อนาจิกฺขิตฺวาปิ อุตฺตรึ ปหารํ ปหริยมาโน ‘‘อสุโก จ อสุโก จ มยฺหํ สหาโย’’ติ อาจิกฺขติ, เอวเมว ภควตา สนฺตชฺชิยมาโน สตึ ลภิตฺวา, ‘‘ภควา มยฺหํ ปทานุปทํ เปกฺขนฺโต มํ นิปฺปีฬิตุกาโม’’ติ ภีโต อตฺตโน สหาเย อาจิกฺขนฺโต ทฺวาสตฺตตีติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – โภ โคตม, มยํ ทฺวาสตฺตติ ชนา ปฺุกมฺมา เตน ปฺุกมฺเมน อิธ นิพฺพตฺตา. วสวตฺติโน สยํ อฺเสํ วเส อวตฺติตฺวา ปเร อตฺตโน วเส วตฺเตม, ชาติฺจ ชรฺจ อตีตา, อยํ โน เวเทหิ คตตฺตา ‘‘เวทคู’’ติ สงฺขํ คตา ภควา อนฺติมา พฺรหฺมุปปตฺติ. อสฺมาภิชปฺปนฺติ ชนา อเนกาติ อเนกชนา อมฺเห ¶ อภิชปฺปนฺติ. ‘‘อยํ โข ภวํ พฺรหฺมา, มหาพฺรหฺมา, อภิภู, อนภิภูโต, อฺทตฺถุทโส, วสวตฺตี, อิสฺสโร, กตฺตา, นิมฺมาตา, เสฏฺโ, สชิตา, วสี, ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติ เอวํ ปตฺเถนฺติ ปิเหนฺตีติ.
อถ นํ ภควา อปฺปํ หิ เอตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอตนฺติ ยํ ตฺวํ อิธ ตว อายุํ ‘‘ทีฆ’’นฺติ มฺสิ, เอตํ อปฺปํ ปริตฺตกํ. สตํ สหสฺสานํ นิรพฺพุทานนฺติ นิรพฺพุทคณนาย สตสหสฺสนิรพฺพุทานํ. อายุํ ปชานามีติ, ‘‘อิทานิ ตว อวสิฏฺํ เอตฺตกํ อายู’’ติ อหํ ชานามิ. อนนฺตทสฺสี ภควา หมสฺมีติ, ภควา, ตุมฺเห ‘‘อหํ อนนฺตทสฺสี ชาติอาทีนิ อุปาติวตฺโต’’ติ วทถ. กึ เม ปุราณนฺติ, ยทิ ตฺวํ อนนฺตทสฺสี, เอวํ สนฺเต อิทํ เม อาจิกฺข, กึ มยฺหํ ปุราณํ? วตสีลวตฺตนฺติ สีลเมว วุจฺจติ. ยมหํ วิชฺาติ ยํ อหํ ¶ ตยา กถิตํ ชาเนยฺยํ, ตํ เม อาจิกฺขาติ วทติ.
อิทานิสฺส อาจิกฺขนฺโต ภควา ยํ ตฺวํ อปาเยสีติอาทิมาห. ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ปุพฺเพ กิเรส กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา – ‘‘ชาติชรามรณสฺส อนฺตํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมฺม อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อภิฺาปาทกชฺฌานสฺส ¶ ลาภี หุตฺวา คงฺคาตีเร ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา ฌานรติยา วีตินาเมติ. ตทา จ กาเลนกาลํ สตฺถวาหา ปฺจหิ สกฏสเตหิ มรุกนฺตารํ ปฏิปชฺชนฺติ. มรุกนฺตาเร ปน ทิวา น สกฺกา คนฺตุํ, รตฺตึ คมนํ โหติ. อถ ปุริมสกฏสฺส อคฺคยุเค ยุตฺตพลิพทฺทา คจฺฉนฺตา คจฺฉนฺตา นิวตฺติตฺวา อาคตมคฺคาภิมุขา อเหสุํ, สพฺพสกฏานิ ตเถว นิวตฺติตฺวา อรุเณ อุคฺคเต นิวตฺติตภาวํ ชานึสุ. เตสฺจ ตทา กนฺตารํ อติกฺกมนทิวโส อโหสิ. สพฺพํ ทารุทกํ ปริกฺขีณํ – ตสฺมา ‘‘นตฺถิ ทานิ อมฺหากํ ชีวิต’’นฺติ จินฺเตตฺวา, โคเณ จกฺเกสุ พนฺธิตฺวา, มนุสฺสา สกฏจฺฉายํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชึสุ.
ตาปโสปิ กาลสฺเสว ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา ปณฺณสาลทฺวาเร นิสินฺโน คงฺคํ โอโลกยมาโน อทฺทส คงฺคํ มหตา อุทโกเฆน ปูริยมานํ ปวตฺติตมณิกฺขนฺธํ วิย อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺมึ โลเก เอวรูปสฺส มธุโรทกสฺส อลาเภน กิลิสฺสมานา สตฺตา’’ติ? โส เอวํ อาวชฺเชนฺโต มรุกนฺตาเร ตํ สตฺถํ ทิสฺวา ‘อิเม สตฺตา มา นสฺสนฺตู’ติ ‘‘อิโต จิโต จ มหาอุทกกฺขนฺโธ ฉิชฺชิตฺวา มรุกนฺตาเร ¶ สตฺถาภิมุโข คจฺฉตู’’ติ อภิฺาจิตฺเตน อธิฏฺาสิ. สห จิตฺตุปฺปาเทน มาติการุฬฺหํ วิย อุทกํ ตตฺถ อคมาสิ. มนุสฺสา อุทกสทฺเทน วุฏฺาย อุทกํ ทิสฺวา หฏฺตุฏฺา นฺหายิตฺวา ปิวิตฺวา โคเณปิ ปาเยตฺวา โสตฺถินา อิจฺฉิตฏฺานํ อคมํสุ. สตฺถา ตํ พฺรหฺมุโน ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสนฺโต ปมํ คาถมาห. ตตฺถ อปาเยสีติ ปาเยสิ. อ-กาโร นิปาตมตฺตํ. คมฺมนีติ คิมฺเห. สมฺปเรเตติ คิมฺหาตเปน ผุฏฺเ อนุคเต.
อปรสฺมิมฺปิ สมเย ตาปโส คงฺคาตีเร ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อรฺคามกํ นิสฺสาย วสติ. เตน จ สมเยน โจรา ตํ คามํ ปหริตฺวา หตฺถสารํ คเหตฺวา คาวิโย จ กรมเร ¶ จ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. คาโวปิ สุนขาปิ มนุสฺสาปิ มหาวิรวํ วิรวนฺติ. ตาปโส ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กินฺนุ โข เอต’’นฺติ? อาวชฺเชนฺโต ‘‘มนุสฺสานํ ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตฺวา ‘‘มยิ ปสฺสนฺเต อิเม สตฺตา มา นสฺสนฺตู’’ติ อภิฺาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อภิฺาจิตฺเตน โจรานํ ปฏิปเถ จตุรงฺคินึ เสนํ มาเปสิ. กมฺมสชฺชา อาคจฺฉนฺตา โจรา ทิสฺวา, ‘‘ราชา มฺเ อาคโต’’ติ วิโลปํ ฉฑฺเฑตฺวา ปกฺกมึสุ. ตาปโส ‘‘ยํ ยสฺส สนฺตกํ, ตํ ตสฺเสว โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ, ตํ ตเถว อโหสิ. มหาชโน โสตฺถิภาวํ ปาปุณิ. สตฺถา อิทมฺปิ ¶ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ เอณิกูลสฺมินฺติ คงฺคาตีเร. คยฺหกํ นียมานนฺติ คเหตฺวา นียมานํ, กรมรํ นียมานนฺติปิ อตฺโถ.
ปุน เอกสฺมึ สมเย อุปริคงฺคาวาสิกํ เอกํ กุลํ เหฏฺาคงฺคาวาสิเกน กุเลน สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ กตฺวา, นาวาสงฺฆาฏํ พนฺธิตฺวา, พหุํ ขาทนียฺเจว โภชนียฺจ คนฺธมาลาทีนิ จ อาโรเปตฺวา คงฺคาโสเตน อาคจฺฉติ. มนุสฺสา ขาทมานา ภฺุชมานา นจฺจนฺตา คายนฺตา เทววิมาเนน คจฺฉนฺตา วิย พลวโสมนสฺสา อเหสุํ. คงฺเคยฺยโก นาโค ทิสฺวา กุปิโต ‘‘อิเม มยิ สฺมฺปิ น กโรนฺติ. อิทานิ เน สมุทฺทเมว ปาเปสฺสามี’’ติ มหนฺตํ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา อุทกํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา อุฏฺาย ผณํ กตฺวา, สุสุการํ กโรนฺโต อฏฺาสิ. มหาชโน ทิสฺวา ภีโต วิสฺสรมกาสิ. ตาปโส ปณฺณสาลายํ นิสินฺโน สุตฺวา, ‘‘อิเม คายนฺตา นจฺจนฺตา โสมนสฺสชาตา อาคจฺฉนฺติ. อิทานิ ปน ภยรวํ รวึสุ, กินฺนุ โข’’ติ? อาวชฺเชนฺโต ¶ นาคราชํ ทิสฺวา, ‘‘มยิ ปสฺสนฺเต สตฺตา มา นสฺสนฺตู’’ติ อภิฺาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อตฺตภาวํ ปชหิตฺวา สุปณฺณวณฺณํ มาเปตฺวา นาคราชสฺส ทสฺเสสิ. นาคราชา ภีโต ผณํ สํหริตฺวา อุทกํ ปวิฏฺโ, มหาชโน โสตฺถิภาวํ ปาปุณิ. สตฺถา อิทมฺปิ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสนฺโต ตติยํ คาถมาห. ตตฺถ ลุทฺเทนาติ ทารุเณน. มนุสฺสกมฺยาติ มนุสฺสกามตาย, มนุสฺเส วิเหเตุกามตายาติ อตฺโถ.
อปรสฺมิมฺปิ ¶ สมเย เอส อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เกสโว นาม ตาปโส อโหสิ. เตน สมเยน อมฺหากํ โพธิสตฺโต กปฺโป นาม มาณโว เกสวสฺส พทฺธจโร อนฺเตวาสิโก หุตฺวา อาจริยสฺส กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี พุทฺธิสมฺปนฺโน อตฺถจโร อโหสิ. เกสโว เตน วินา วสิตุํ น สกฺโกติ, ตํ นิสฺสาเยว ชีวิกํ กปฺเปสิ. สตฺถา อิทมฺปิ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห.
ตตฺถ พทฺธจโรติ อนฺเตวาสิโก, โส ปน เชฏฺนฺเตวาสิโก อโหสิ. สมฺพุทฺธิมนฺตํ วตินํ อมฺีติ, ‘‘สมฺมา พุทฺธิมา วตสมฺปนฺโน อย’’นฺติ เอวํ มฺมาโน กปฺโป ตว อนฺเตวาสิโก อโหสึ อหํ โส เตน สมเยนาติ ทสฺเสติ. อฺเปิ ชานาสีติ น เกวลํ มยฺหํ อายุเมว, อฺเปิ ตฺวํ ชานาสิเยว. ตถา หิ พุทฺโธติ ตถา หิ ตฺวํ พุทฺโธ, ยสฺมา พุทฺโธ, ตสฺมา ชานาสีติ อตฺโถ. ตถา หิ ตฺยายํ ชลิตานุภาโวติ ยสฺมา จ ตฺวํ พุทฺโธ, ตสฺมา ¶ เต อยํ ชลิโต อานุภาโว. โอภาสยํ ติฏฺตีติ สพฺพํ พฺรหฺมโลกํ โอภาสยนฺโต ติฏฺติ. จตุตฺถํ.
๕. อฺตรพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา
๑๗๖. ปฺจเม เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวาติ เตโชกสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย, ‘‘สรีรโต ชาลา นิกฺขมนฺตู’’ติ อธิฏฺหนฺโต อธิฏฺานจิตฺตานุภาเวน สกลสรีรโต ชาลา นิกฺขมนฺติ, เอวํ เตโชธาตุํ สมาปนฺโน นาม โหติ, ตถา สมาปชฺชิตฺวา. ตสฺมึ พฺรหฺมโลเกติ กสฺมา เถโร ตตฺถ อคมาสิ? เถรสฺส กิร เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ นิสินฺนํ ตถาคตํ ทิสฺวา ‘‘อฏฺิเวธี ¶ อยํ ปุคฺคโล, มยาเปตฺถ คนฺตพฺพ’’นฺติ อโหสิ, ตสฺมา อคมาสิ. เสสานํ คมเนปิ ¶ เอเสว นโย. โส หิ พฺรหฺมา ตถาคตสฺส เจว ตถาคตสาวกานฺจ อานุภาวํ อทิสฺวา อภพฺโพ วินยํ อุปคนฺตุํ, เตน โส สนฺนิปาโต อโหสิ. ตตฺถ ตถาคตสฺส สรีรโต อุคฺคตชาลา สกลพฺรหฺมโลกํ อติกฺกมิตฺวา อชฏากาเส ปกฺขนฺทา, ตา จ ปน ฉพฺพณฺณา อเหสุํ, ตถาคตสฺส สาวกานํ อาภา ปกติวณฺณาว.
ปสฺสสิ วีติวตฺตนฺตนฺติ อิมสฺมึ พฺรหฺมโลเก อฺพฺรหฺมสรีรวิมานาลงฺการาทีนํ ปภา อติกฺกมมานํ พุทฺธสฺส ภควโต ปภสฺสรํ ปภํ ปสฺสสีติ ปุจฺฉติ. น เม, มาริส, สา ทิฏฺีติ ยา เมสา, ‘‘อิธาคนฺตุํ สมตฺโถ อฺโ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา นตฺถี’’ติ ปุเร ทิฏฺิ, นตฺถิ เม สา. กถํ วชฺชนฺติ เกน การเณน วเทยฺยํ. นิจฺโจมฺหิ สสฺสโตติ อิมสฺส กิร พฺรหฺมุโน ลทฺธิทิฏฺิ สสฺสตทิฏฺิ จาติ ทฺเว ทิฏฺิโย. ตตฺราสฺส ตถาคตฺเจว ตถาคตสาวเก จ ปสฺสโต ลทฺธิทิฏฺิ ปหีนา. ภควา ปเนตฺถ มหนฺตํ ธมฺมเทสนํ เทเสสิ. พฺรหฺมา เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อิติสฺส มคฺเคน สสฺสตทิฏฺิ ปหีนา, ตสฺมา เอวมาห.
พฺรหฺมปาริสชฺชนฺติ พฺรหฺมปาริจาริกํ. เถรานฺหิ ภณฺฑคาหกทหรา วิย พฺรหฺมานมฺปิ ปาริสชฺชา พฺรหฺมาโน นาม โหนฺติ. เตนุปสงฺกมาติ กสฺมา เถรสฺเสว สนฺติกํ เปเสสิ? เถเร กิรสฺส ตตฺตเกเนว กถาสลฺลาเปน วิสฺสาโส อุทปาทิ, ตสฺมา ตสฺเสว สนฺติกํ เปเสสิ อฺเปีติ ยถา ตุมฺเห จตฺตาโร ชนา, กินฺนุ โข เอวรูปา อฺเปิ อตฺถิ, อุทาหุ ตุมฺเห จตฺตาโร เอว มหิทฺธิกาติ? เตวิชฺชาติ ปุพฺเพนิวาสทิพฺพจกฺขุอาสวกฺขยสงฺขาตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ ¶ สมนฺนาคตา. อิทฺธิปตฺตาติ อิทฺธิวิธาณํ ปตฺตา. เจโตปริยายโกวิทาติ ปเรสํ จิตฺตาจาเร กุสลา. เอวเมตฺถ ปฺจ อภิฺาปิ สรูเปน วุตฺตา. ทิพฺพโสตํ ปน ตาสํ วเสน อาคตเมว โหติ. พหูติ เอวรูปา ฉฬภิฺา พุทฺธสาวกา พหู คณนปถํ อติกฺกนฺตา, สกลํ ชมฺพุทีปํ กาสาวปชฺโชตํ กตฺวา วิจรนฺตีติ. ปฺจมํ.
๖. พฺรหฺมโลกสุตฺตวณฺณนา
๑๗๗. ฉฏฺเ ¶ ¶ ปจฺเจกํ ทฺวารพาหนฺติ เอเกโก เอเกกํ ทฺวารพาหํ นิสฺสาย ทฺวารปาลา วิย อฏฺํสุ. อิทฺโธติ ฌานสุเขน สมิทฺโธ. ผีโตติ อภิฺาปุปฺเผหิ สุปุปฺผิโต. อนธิวาเสนฺโตติ อสหนฺโต. เอตทโวจาติ เอเตสํ นิมฺมิตพฺรหฺมานํ มชฺเฌ นิสินฺโน เอตํ ‘‘ปสฺสสิ เม’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
ตโย สุปณฺณาติ คาถาย ปฺจสตาติ สตปทํ รูปวเสน วา ปนฺติวเสน วา โยเชตพฺพํ. รูปวเสน ตาว ตโย สุปณฺณาติ ตีณิ สุปณฺณรูปสตานิ. จตุโร จ หํสาติ จตฺตาริหํสรูปสตานิ. พุคฺฆีนิสา ปฺจสตาติ พฺยคฺฆสทิสา เอกจฺเจ มิคา พฺยคฺฆีนิสา นาม, เตสํ พฺยคฺฆีนิสารูปกานํ ปฺจสตานิ, ปนฺติวเสน ตโย สุปณฺณาติ ตีณิ สุปณฺณปนฺติสตานิ, จตุโร หํสาติ จตฺตาริ หํสปนฺติสตานิ. พฺยคฺฆีนิสา ปฺจสตาติ ปฺจ พฺยคฺฆีนิสา ปนฺติสตานิ. ฌายิโนติ ฌายิสฺส มยฺหํ วิมาเน อยํ วิภูตีติ ทสฺเสติ. โอภาสยนฺติ โอภาสยมานํ. อุตฺตรสฺสํ ทิสายนฺติ ตํ กิร กนกวิมานํ เตสํ มหาพฺรหฺมานํ ิตฏฺานโต อุตฺตรทิสายํ โหติ. ตสฺมา เอวมาห. อยํ ปนสฺส อธิปฺปาโย – เอวรูเป กนกวิมาเน วสนฺโต อหํ กสฺส อฺสฺส อุปฏฺานํ คมิสฺสามีติ. รูเป รณํ ทิสฺวาติ รูปมฺหิ ชาติชราภงฺคสงฺขาตํ โทสํ ทิสฺวา. สทา ปเวธิตนฺติ สีตาทีหิ จ นิจฺจํ ปเวธิตํ จลิตํ ฆฏฺฏิตํ รูปํ ทิสฺวา. ตสฺมา น รูเป รมติ สุเมโธติ ยสฺมา รูเป รณํ ปสฺสติ, สทา ปเวธิตฺจ รูปํ ปสฺสติ, ตสฺมา สุเมโธ สุนฺทรปฺโ โส สตฺถา รูเป น รมตีติ. ฉฏฺํ.
๗. โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา
๑๗๘. สตฺตเม อปฺปเมยฺยํ ปมินนฺโตติ อปฺปเมยฺยํ ขีณาสวปุคฺคลํ ‘‘เอตฺตกํ สีลํ, เอตฺตโก ¶ สมาธิ, เอตฺตกา ปฺา’’ติ เอวํ มินนฺโต. โกธวิทฺวา วิกปฺปเยติ โก อิธ วิทฺวา ¶ เมธาวี วิกปฺเปยฺย, ขีณาสโวว ขีณาสวํ มินนฺโต กปฺเปยฺยาติ ทีเปติ. นิวุตํ ตํ มฺเติ โย ปน ปุถุชฺชโน ตํ ปเมตุํ อารภติ, ตํ นิวุตํ อวกุชฺชปฺํ มฺามีติ. สตฺตมํ.
๘. กตโมทกติสฺสสุตฺตวณฺณนา
๑๗๙. อฏฺเม ¶ อกิสฺสวนฺติ กิสฺสวา วุจฺจติ ปฺา, นิปฺปฺโติ อตฺโถ. อฏฺมํ.
๙. ตุรูพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา
๑๘๐. นวเม อาพาธิโกติ ‘‘สาสปมตฺตีหิ ปีฬกาหี’’ติอาทินา นเยน อนนฺตรสุตฺเต อาคเตน อาพาเธน อาพาธิโก. พาฬฺหคิลาโนติ อธิมตฺตคิลาโน. ตุรูติ โกกาลิกสฺส อุปชฺฌาโย ตุรุตฺเถโร นาม อนาคามิผลํ ปตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. โส ภูมฏฺกเทวตา อาทึ กตฺวา, ‘‘อยุตฺตํ โกกาลิเกน กตํ อคฺคสาวเก อนฺติมวตฺถุนา อพฺภาจิกฺขนฺเตนา’’ติ ปรมฺปราย พฺรหฺมโลกสมฺปตฺตํ โกกาลิกสฺส ปาปกมฺมํ สุตฺวา – ‘‘มา มยฺหํ ปสฺสนฺตสฺเสว วราโก นสฺสิ, โอวทิสฺสามิ นํ เถเรสุ จิตฺตปสาทตฺถายา’’ติ อาคนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต อฏฺาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ตุรู ปจฺเจกพฺรหฺมา’’ติ. เปสลาติ ปิยสีลา. โกสิ ตฺวํ, อาวุโสติ นิปนฺนโกว กพรกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา เอวมาห. ปสฺส ยาวฺจ เตติ ปสฺส ยตฺตกํ ตยา อปรทฺธํ, อตฺตโน นลาเฏ มหาคณฺฑํ อปสฺสนฺโต สาสปมตฺตาย ปีฬกาย มํ โจเทตพฺพํ มฺสีติ อาห.
อถ นํ ‘‘อทิฏฺิปฺปตฺโต อยํ วราโก, คิลวิโส วิย กสฺสจิ วจนํ น กริสฺสตี’’ติ ตฺวา ปุริสสฺส หีติอาทิมาห. ตตฺถ กุารีติ กุาริสทิสา ผรุสา วาจา. ฉินฺทตีติ กุสลมูลสงฺขาเต มูเลเยว นิกนฺตติ. นินฺทิยนฺติ นินฺทิตพฺพํ ทุสฺสีลปุคฺคลํ. ปสํสตีติ อุตฺตมตฺเถ สมฺภาเวตฺวา ขีณาสโวติ วทติ. ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโยติ ¶ , โย วา ปสํสิตพฺโพ ขีณาสโว, ตํ อนฺติมวตฺถุนา โจเทนฺโต ‘‘ทุสฺสีโล อย’’นฺติ วทติ. วจินาติ มุเขน โส กลินฺติ, โส ตํ อปราธํ มุเขน วิจินาติ นาม. กลินา เตนาติ เตน อปราเธน สุขํ น วินฺทติ. นินฺทิยปสํสาย หิ ปสํสิยนินฺทาย จ สมโกว วิปาโก.
สพฺพสฺสาปิ ¶ สหาปิ อตฺตนาติ สพฺเพน สเกนปิ อตฺตนาปิ สทฺธึ โย อกฺเขสุ ธนปราชโย นาม, อยํ อปฺปมตฺตโก อปราโธ. โย ¶ สุคเตสูติ โย ปน สมฺมคฺคเตสุ ปุคฺคเลสุ จิตฺตํ ปทุสฺเสยฺย, อยํ จิตฺตปโทโสว ตโต กลิโต มหนฺตตโร กลิ.
อิทานิ ตสฺส มหนฺตตรภาวํ ทสฺเสนฺโต สตํ สหสฺสานนฺติอาทิมาห. ตตฺถ สตํ สหสฺสานนฺติ นิรพฺพุทคณนาย สตสหสฺสํ. ฉตฺตึสตีติ อปรานิ ฉตฺตึสติ นิรพฺพุทานิ. ปฺจ จาติ อพฺพุทคณนาย ปฺจ อพฺพุทานิ. ยมริยครหีติ ยํ อริเย ครหนฺโต นิรยํ อุปปชฺชติ, ตตฺถ เอตฺตกํ อายุปฺปมาณนฺติ. นวมํ.
๑๐. โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา
๑๘๑. ทสเม โกกาลิโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ, โก อยํ โกกาลิโก, กสฺมา จ อุปสงฺกมิ? อยํ กิร โกกาลิกรฏฺเ โกกาลิกนคเร โกกาลิกเสฏฺิสฺส ปุตฺโต ปพฺพชิตฺวา ปิตรา การาปิเต วิหาเร ปฏิวสติ จูฬโกกาลิโกติ นาเมน, น เทวทตฺตสฺส สิสฺโส. โส หิ พฺราหฺมณปุตฺโต มหาโกกาลิโก นาม. ภควติ ปน สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต ทฺเว อคฺคสาวกา ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ชนปทจาริกํ จรมานา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย วิเวกาวาสํ วสิตุกามา เต ภิกฺขู อุยฺโยเชตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺมึ ชนปเท ตํ นครํ ปตฺวา ตํ วิหารํ อคมํสุ. ตตฺถ เนสํ โกกาลิโก วตฺตํ ทสฺเสสิ. เต เตน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา, ‘‘อาวุโส, มยํ อิธ เตมาสํ วสิสฺสาม, มา กสฺสจิ อาโรเจหี’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา วสึสุ. วสิตฺวา ปวารณาทิวเส ปวาเรตฺวา, ‘‘คจฺฉาม มยํ, อาวุโส’’ติ โกกาลิกํ อาปุจฺฉึสุ. โกกาลิโก ‘‘อชฺเชกทิวสํ, อาวุโส, วสิตฺวา สฺเว คมิสฺสถา’’ติ วตฺวา ทุติยทิวเส นครํ ปวิสิตฺวา มนุสฺเส อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห อคฺคสาวเก อิธาคนฺตฺวา ¶ วสมาเนปิ น ชานาถ, น เน โกจิ ปจฺจเยนาปิ นิมนฺเตตี’’ติ. นครวาสิโน, ‘‘กหํ, ภนฺเต, เถรา, กสฺมา โน น อาโรจยิตฺถา’’ติ? กึ อาวุโส อาโรจิเตน, กึ น ปสฺสถ ทฺเว ภิกฺขู เถราสเน นิสีทนฺเต, เอเต อคฺคสาวกาติ. เต ขิปฺปํ สนฺนิปติตฺวา สปฺปิผาณิตาทีนิ เจว จีวรทุสฺสานิ จ สํหรึสุ.
โกกาลิโก ¶ จินฺเตสิ – ‘‘ปรมปฺปิจฺฉา อคฺคสาวกา ปยุตฺตวาจาย อุปฺปนฺนํ ลาภํ น สาทิยิสฺสนฺติ ¶ , อสาทิยนฺตา ‘อาวาสิกสฺส เทถา’ติ วกฺขนฺตี’’ติ. ตํ ตํ ลาภํ คาหาเปตฺวา เถรานํ สนฺติกํ อคมาสิ. เถรา ทิสฺวาว ‘‘อิเม ปจฺจยา เนว อมฺหากํ, น โกกาลิกสฺส กปฺปนฺตี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปกฺกมึสุ. โกกาลิโก ‘‘กถํ หิ นาม อตฺตนา อคณฺหนฺตา มยฺหมฺปิ อทาเปตฺวา ปกฺกมิสฺสนฺตี’’ติ? อาฆาตํ อุปฺปาเทสิ. เตปิ ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปุน อตฺตโน ปริสํ อาทาย ชนปทจาริกํ จรนฺตา อนุปุพฺเพน ตสฺมึ รฏฺเ ตเมว นครํ ปจฺจาคมึสุ. นาครา เถเร สฺชานิตฺวา สห ปริกฺขาเรหิ ทานํ สชฺชิตฺวา นครมชฺเฌ มณฺฑปํ กตฺวา ทานํ อทํสุ, เถรานฺจ ปริกฺขาเร อุปนาเมสุํ. เถรา ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาทยึสุ. ตํ ทิสฺวา โกกาลิโก จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ปุพฺเพ อปฺปิจฺฉา อเหสุํ, อิทานิ ปาปิจฺฉา ชาตา, ปุพฺเพปิ อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺปวิวิตฺตสทิสา มฺเ’’ติ เถเร อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุพฺเพ อปฺปิจฺฉา วิย, อิทานิ ปน ปาปภิกฺขู ชาตา’’ติ วตฺวา ‘‘มูลฏฺาเนเยว เนสํ ปติฏฺํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ ตรมานรูโป นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อยเมว โกกาลิโก อิมินา จ การเณน อุปสงฺกมีติ เวทิตพฺโพ.
ภควา ตํ ตุริตตุริตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว อาวชฺเชนฺโต อฺาสิ – ‘‘อยํ อคฺคสาวเก อกฺโกสิตุกาโม อาคโต’’ติ. ‘‘สกฺกา นุ โข ปฏิเสเธตุ’’นฺติ จ อาวชฺเชนฺโต, ‘‘น สกฺกา ปฏิเสเธตุํ, เถเรสุ อปรชฺฌิตฺวา กาลงฺกโต เอกํเสน ปทุมนิรเย นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ทิสฺวา, ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนปิ นาม ครหนฺตํ สุตฺวา น นิเสเธตี’’ติ วาทโมจนตฺถํ อริยูปวาทสฺส จ มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ มา เหวนฺติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิเสเธสิ. ตตฺถ มา เหวนฺติ มา เอวํ อภณิ. สทฺธายิโกติ สทฺธาย อากโร ปสาทาวโห สทฺธาตพฺพวจโน วา. ปจฺจยิโกติ ปตฺติยายิตพฺพวจโน.
ปกฺกามีติ กมฺมานุภาเวน โจทิยมาโน ปกฺกามิ. โอกาสกตํ หิ กมฺมํ น สกฺกา ปฏิพาหิตุํ, ตํ ตสฺส ตตฺถ าตุํ น อทาสิ. อจิรปกฺกนฺตสฺสาติ ปกฺกนฺตสฺส ¶ สโต น จิเรเนว. สพฺโพ กาโย ผุโฏ ¶ อโหสีติ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โอกาสํ อาวชฺเชตฺวา สกลสรีรํ อฏฺีนิ ภินฺทิตฺวา อุคฺคตาหิ ปีฬกาหิ อชฺโฌตฺถฏํ อโหสิ. ยสฺมา ปน พุทฺธานุภาเวน ตถารูปํ กมฺมํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว วิปากํ น เทติ, ทสฺสนูปจาเร วิชหิตมตฺเต เทติ, ตสฺมา ตสฺส อจิรปกฺกนฺตสฺส ปีฬกา อุฏฺหึสุ. กลายมตฺติโยติ จณกมตฺติโย. เพลุวสลาฏุกมตฺติโยติ ¶ ตรุณเพลุวมตฺติโย. (พิลฺลมตฺติโยติ มหาเพลุวมตฺติโย.) ปภิชฺชึสูติ ภิชฺชึสุ. ตาสุ ภินฺนาสุ สกลสรีรํ ปนสปกฺกํ วิย อโหสิ. โส ปกฺเกน คตฺเตน เชตวนทฺวารโกฏฺเก วิสคิลิโต มจฺโฉ วิย กทลิปตฺเตสุ สยิ. อถ ธมฺมสวนตฺถํ อาคตาคตา มนุสฺสา – ‘‘ธิ โกกาลิก, ธิ โกกาลิก, อยุตฺตมกาสิ, อตฺตโนเยว มุขํ นิสฺสาย อนยพฺยสนํ ปตฺโต’’ติ อาหํสุ. เตสํ สุตฺวา อารกฺขเทวตา ธิ-การํ อกํสุ. อารกฺขกเทวตานํ อากาสเทวตาติ อิมินา อุปาเยน ยาว อกนิฏฺภวนา เอกธิกาโร อุทปาทิ. อถสฺส อุปชฺฌาโย อาคนฺตฺวา โอวาทํ อคณฺหนฺตํ ตฺวา ครหิตฺวา ปกฺกามิ.
กาลมกาสีติ อุปชฺฌาเย ปกฺกนฺเต กาลมกาสิ. ปทุมํ นิรยนฺติ ปาฏิเยกฺโก ปทุมนิรโย นาม นตฺถิ, อวีจิมหานิรยมฺหิเยว ปน ปทุมคณนาย ปจฺจิตพฺเพ เอกสฺมึ าเน นิพฺพตฺติ.
วีสติขาริโกติ มาคธเกน ปตฺเถน จตฺตาโร ปตฺถา โกสลรฏฺเ เอกปตฺโถ โหติ, เตน ปตฺเถน จตฺตาโร ปตฺถา อาฬฺหกํ, จตฺตาริ อาฬฺหกานิ โทณํ, จตุโทณา มานิกา, จตุมานิกา ขารี, ตาย ขาริยา วีสติขาริโก. ติลวาโหติ มาคธกานํ สุขุมติลานํ ติลสกฏํ. อพฺพุโท นิรโยติ อพฺพุโท นาม ปาฏิเยกฺโก นิรโย นตฺถิ. อวีจิมฺหิเยว ปน อพฺพุทคณนาย ปจฺจิตพฺพฏฺานสฺเสตํ นามํ. นิรพฺพุทาทีสุปิ ¶ เอเสว นโย.
วสฺสคณนาปิ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา – ยเถว หิ สตํ สตสหสฺสานิ โกฏิ โหติ, เอวํ สตํ สตสหสฺสโกฏิโย ปโกฏิ นาม โหติ, สตํ สตสหสฺสปโกฏิโย โกฏิปโกฏิ นาม, สตํ สตสหสฺสโกฏิปโกฏิโย ¶ นหุตํ, สตํ สตสหสฺสนหุตานิ นินฺนหุตํ, สตํ สตสหสฺสนินฺนหุตานิ เอกํ อพฺพุทํ, ตโต วีสติคุณํ นิรพฺพุทํ. เอเสว นโย สพฺพตฺถาติ. ทสมํ.
ปโม วคฺโค.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. สนงฺกุมารสุตฺตวณฺณนา
๑๘๒. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ปเม สปฺปินีตีเรติ สปฺปินีนามิกาย นทิยา ตีเร. สนงฺกุมาโรติ โส กิร ปฺจสิขกุมารกกาเล ฌานํ ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต กุมารกวณฺเณเนว วิจรติ. เตน นํ ‘‘กุมาโร’’ติ สฺชานนฺติ, โปราณกตฺตา ปน ‘‘สนงฺกุมาโร’’ติ วุจฺจติ. ชเนตสฺมินฺติ ชนิตสฺมึ, ปชายาติ อตฺโถ. เย โคตฺตปฏิสาริโนติ เย ชเนตสฺมึ โคตฺตํ ปฏิสรนฺติ เตสุ โลเก โคตฺตปฏิสารีสุ ขตฺติโย เสฏฺโ. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ ภยเภรวสุตฺตปริยาเยน (ม. นิ. ๑.๓๔ อาทโย) ปุพฺเพนิวาสาทีหิ วา ตีหิ, อมฺพฏฺสุตฺตปริยาเยน (ที. นิ. ๑.๒๗๘ อาทโย) วิปสฺสนาาณํ มโนมยิทฺธิ ฉ อภิฺาโยติ อิมาหิ วา อฏฺหิ วิชฺชาหิ, สีเลสุ ปริปูรการิตา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา โภชเน มตฺตฺุตา ชาคริยานุโยโค สตฺต สทฺธมฺมา จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานีติ เอวํ ปนฺนรสธมฺมเภเทน จรเณน จ สมนฺนาคโต. โส เสฏฺโ เทวมานุเสติ โส ขีณาสวพฺราหฺมโณ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ เสฏฺโ อุตฺตโมติ. ปมํ.
๒. เทวทตฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๘๓. ทุติเย ¶ อจิรปกฺกนฺเตติ สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา นจิรสฺเสว เวฬุวนโต คยาสีสํ คเต. อสฺสตรินฺติ คทฺรภสฺส วฬวาย ชาตํ. ทุติยํ.
๓. อนฺธกวินฺทสุตฺตวณฺณนา
๑๘๔. ตติเย ¶ อนฺธกวินฺทนฺติ เอวํนามกํ คามํ. อุปสงฺกมีติ ‘‘สตฺถา อิทานิปิ วีริยํ กโรติ ปธานมนุยฺุชติ, คจฺฉามิสฺส สนฺติเก ตฺวา สาสนานุจฺฉวิกํ วีริยปฏิสํยุตฺตํ คาถํ วกฺขามี’’ติ อุปสงฺกมิ.
ปนฺตานีติ ¶ ชนตํ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อนุปจาเร ิตานิ. สํโยชนวิปฺปโมกฺขาติ ตานิ จ เสนาสนานิ เสวมาโน น จีวราทีนํ อตฺถาย เสเวยฺย, อถ โข ทสสํโยชนวิปฺปโมกฺขตฺถาย จเรยฺย. สงฺเฆ วเสติ เตสุ เสนาสเนสุ รตึ อลภนฺโต อุปฏฺากาทีนํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ คทฺรภปิฏฺเ รชํ วิย อุปฺปตนฺโต อรฺเ อจริตฺวา สงฺฆมชฺเฌ วเสยฺย. รกฺขิตตฺโต สตีมาติ ตตฺถ จ วสนฺโต สควจณฺโฑ โคโณ วิย สพฺรหฺมจาริโน อวิชฺฌนฺโต อฆฏฺเฏนฺโต รกฺขิตตฺโต สติปฏฺานปรายโณ หุตฺวา วเสยฺย.
อิทานิ สงฺเฆ วสมานสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขาจารวตฺตํ อาจิกฺขนฺโต กุลากุลนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปิณฺฑิกาย จรนฺโตติ ปิณฺฑตฺถาย จรมาโน. เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานีติ สงฺฆมชฺฌํ โอตริตฺวา วสมาโนปิ ธุรปริเวเณ ตาลนาฬิเกรอาทีนิ โรเปตฺวา อุปฏฺากาทิสํสฏฺโ น วเสยฺย, จิตฺตกลฺลตํ ปน ชเนตฺวา จิตฺตํ หาเสตฺวา โตเสตฺวา ปุน ปนฺตเสนาสเน วเสยฺยาติ อรฺสฺเสว วณฺณํ กเถติ. ภยาติ วฏฺฏภยโต. อภเยติ นิพฺพาเน. วิมุตฺโตติ อธิมุตฺโต หุตฺวา วเสยฺย.
ยตฺถ เภรวาติ ยสฺมึ าเน ภยชนกา สวิฺาณกา สีหพฺยคฺฆาทโย, อวิฺาณกา รตฺติภาเค ขาณุวลฺลิอาทโย พหู อตฺถิ. สรีสปาติ ทีฆชาติกาทิสรีสปา. นิสีทิ ตตฺถ ภิกฺขูติ ¶ ตาทิเส าเน ภิกฺขุ นิสินฺโน. อิมินา อิทํ ทีเปติ – ภควา ยถา ตุมฺเห เอตรหิ ตตฺรฏฺกเภรวารมฺมณานิ เจว สรีสเป จ วิชฺชุนิจฺฉารณาทีนิ จ อมนสิกตฺวา นิสินฺนา, เอวเมวํ ปธานมนุยุตฺตา ภิกฺขู นิสีทนฺตีติ.
ชาตุ เม ทิฏฺนฺติ เอกํเสน มยา ทิฏฺํ. น ยิทํ อิติหีติหนฺติ อิทํ อิติห อิติหาติ น ตกฺกเหตุ วา นยเหตุ วา ปิฏกสมฺปทาเนน วา ¶ อหํ วทามิ. เอกสฺมึ พฺรหฺมจริยสฺมินฺติ เอกาย ธมฺมเทสนาย. ธมฺมเทสนา หิ อิธ พฺรหฺมจริยนฺติ อธิปฺเปตา. มจฺจุหายินนฺติ มรณปริจฺจาคินํ ขีณาสวานํ.
ทสา จ ทสธา ทสาติ เอตฺถ ทสาติ ทเสว, ทสธา ทสาติ สตํ, อฺเ จ ทสุตฺตรํ เสขสตํ ปสฺสามีติ วทติ. โสตสมาปนฺนาติ มคฺคโสตํ สมาปนฺนา. อติรจฺฉานคามิโนติ เทสนามตฺตเมตํ, อวินิปาตธมฺมาติ อตฺโถ. สงฺขาตุํ โนปิ สกฺโกมีติ มุสาวาทภเยน เอตฺตกา นาม ¶ ปฺุภาคิโน สตฺตาติ คเณตุํ น สกฺโกมีติ พหุํ พฺรหฺมธมฺมเทสนํ สนฺธาย เอวมาห. ตติยํ.
๔. อรุณวตีสุตฺตวณฺณนา
๑๘๕. จตุตฺเถ อภิภูสมฺภวนฺติ อภิภู จ สมฺภโว จ. เตสุ อภิภูเถโร สาริปุตฺตตฺเถโร วิย ปฺาย อคฺโค, สมฺภวตฺเถโร มหาโมคฺคลฺลาโน วิย สมาธินา อคฺโค. อุชฺฌายนฺตีติ อวชฺฌายนฺติ, ลามกโต วา จินฺเตนฺติ. ขิยฺยนฺตีติ, กินฺนาเมตํ กินฺนาเมตนฺติ? อฺมฺํ กเถนฺติ. วิปาเจนฺตีติ วิตฺถารยนฺตา ปุนปฺปุนํ กเถนฺติ. เหฏฺิเมน อุปฑฺฒกาเยนาติ นาภิโต ปฏฺาย เหฏฺิมกาเยน. ปาฬิยํ เอตฺตกเมว อาคตํ. เถโร ปน ‘‘ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา นาควณฺณํ คเหตฺวา ทสฺเสติ, สุปณฺณวณฺณํ คเหตฺวา วา ทสฺเสตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) นเยน อาคตํ อเนกปฺปการํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ ทสฺเสสิ. อิมา คาถาโย อภาสีติ เถโร กิร จินฺเตสิ – ‘‘กถํ เทสิตา นุ โข ธมฺมเทสนา สพฺเพสํ ปิยา อสฺส มนาปา’’ติ. ตโต อาวชฺเชนฺโต – ‘‘สพฺเพปิ ปาสณฺฑา สพฺเพ เทวมนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน สมเย ปุริสการํ ¶ วณฺณยนฺติ, วีริยสฺส อวณฺณวาที นาม นตฺถิ, วีริยปฏิสํยุตฺตํ กตฺวา เทเสสฺสามิ, เอวํ อยํ ธมฺมเทสนา สพฺเพสํ ปิยา ภวิสฺสติ มนาปา’’ติ ตฺวา ตีสุ ปิฏเกสุ วิจินิตฺวา อิมา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อารมฺภถาติ อารมฺภวีริยํ กโรถ. นิกฺกมถาติ นิกฺกมวีริยํ กโรถ. ยฺุชถาติ ปโยคํ กโรถ ปรกฺกมถ. มจฺจุโน เสนนฺติ มจฺจุโน เสนา นาม กิเลสเสนา, ตํ ธุนาถ. ชาติสํสารนฺติ ชาติฺจ ¶ สํสารฺจ, ชาติสงฺขาตํ วา สํสารํ. ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตีติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริจฺเฉทํ กริสฺสติ. กึ ปน กตฺวา เถโร สหสฺสิโลกธาตุํ วิฺาเปสีติ? นีลกสิณํ ตาว สมาปชฺชิตฺวา สพฺพตฺถ อาโลกฏฺาเน อนฺธการํ ผริ, โอทาตกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา อนฺธการฏฺาเน โอภาสํ. ตโต ‘‘กิมิทํ อนฺธการ’’นฺติ? สตฺตานํ อาโภเค อุปฺปนฺเน อาโลกํ ทสฺเสสิ. อาโลกฏฺาเน อาโลกกิจฺจํ นตฺถิ, ‘‘กึ อาโลโก อย’’นฺติ? วิจินนฺตานํ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อถ เตสํ เถโรติ วทนฺตานํ อิมา คาถาโย อภาสิ, สพฺเพ โอสฏาย ปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส วิย สทฺทํ สุณึสุ. อตฺโถปิ เนสํ ปากโฏ อโหสิ. จตุตฺถํ.
๕. ปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา
๑๘๖. ปฺจเม ¶ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเนติ ยเถว หิ กทมฺพนทีตีรโต ราชมาตุวิหารทฺวาเรน ถูปารามํ คนฺตพฺพํ โหติ, เอวํ หิรฺวติกาย นาม นทิยา ปาริมตีรโต สาลวนํ อุยฺยานํ. ยถา อนุราธปุรสฺส ถูปาราโม, เอวํ ตํ กุสินาราย โหติ. ยถา ถูปารามโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสนมคฺโค ปาจีนมุโข คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตติ, เอวํ อุยฺยานโต สาลปนฺติ ปาจีนมุขา คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตา. ตสฺมา ตํ ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน. อนฺตเรน ¶ ยมกสาลานนฺติ มูลกฺขนฺธวิฏปปตฺเตหิ อฺมฺํ สํสิพฺพิตฺวา ิตสาลานํ อนฺตริกาย. อปฺปมาเทน สมฺปาเทถาติ สติอวิปฺปวาเสน กตฺตพฺพกิจฺจานิ สมฺปาทยถ. อิติ ภควา ยถา นาม มรณมฺเจ นิปนฺโน มหทฺธโน กุฏุมฺพิโก ปุตฺตานํ ธนสารํ อาจิกฺเขยฺย, เอวเมวํ ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ทินฺนํ โอวาทํ สพฺพํ เอกสฺมึ อปฺปมาทปเทเยว ปกฺขิปิตฺวา อภาสิ. อยํ ตถาคตสฺส ปจฺฉิมา วาจาติ อิทํ ปน สงฺคีติการานํ วจนํ.
อิโต ปรํ ยํ ปรินิพฺพานปริกมฺมํ กตฺวา ภควา ปรินิพฺพุโต, ตํ ทสฺเสตุํ, อถ โข ภควา ปมํ ฌานนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺเน ภควติ อสฺสาสปสฺสาสานํ อปฺปวตฺตึ ทิสฺวา, ‘‘ปรินิพฺพุโต สตฺถา’’ติ สฺาย เทวมนุสฺสา เอกปฺปหาเรน วิรวึสุ, อานนฺทตฺเถโรปิ – ‘‘ปรินิพฺพุโต นุ โข, ภนฺเต, อนุรุทฺธ ภควา’’ติ เถรํ ¶ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘น โข, อาวุโส อานนฺท, ตถาคโต ปรินิพฺพุโต, อปิจ สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺโน’’ติ อาห. กถํ ปน โส อฺาสิ? เถโร กิร สตฺถารา สทฺธึเยว ตํ ตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺโต ยาว เนวสฺานาสฺายตนวุฏฺานํ, ตาว คนฺตฺวา, ‘‘อิทานิ ภควา นิโรธํ สมาปนฺโน, อนฺโตนิโรเธ จ กาลํกิริยา นาม นตฺถี’’ติ อฺาสิ.
อถ โข ภควา สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺหิตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิ…เป… ตติยชฺฌานา วุฏฺหิตฺวา จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชีติ เอตฺถ ปน ภควา จตุวีสติยา าเนสุ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิ, เตรสสุ าเนสุ ทุติยํ ฌานํ… ตถา ตติยํ… ปนฺนรสสุ าเนสุ จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิ. กถํ? ทสสุ อสุเภสุ ทฺวตฺตึสากาเร อฏฺสุ ¶ กสิเณสุ เมตฺตากรุณามุทิเตสุ อานาปาเน ปริจฺเฉทากาเสติ อิเมสุ ตาว จตุวีสติยา าเนสุ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิ. เปตฺวา ปน ทฺวตฺตึสาการฺจ ทส จ อสุภานิ เสเสสุ เตรสสุ ทุติยํ ฌานํ… เตสุเยว ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. อฏฺสุ ปน กสิเณสุ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาเร อานาปาเน ปริจฺเฉทากาเส จตูสุ อรูเปสูติ อิเมสุ ¶ ปนฺนรสสุ าเนสุ จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิ. อยมฺปิ จ สงฺเขปกถาว. นิพฺพานปุรํ ปวิสนฺโต ปน ภควา ธมฺมสฺสามิ สพฺพาปิ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย ปวิสิตฺวา วิเทสํ คจฺฉนฺโต าติชนํ อาลิงฺเคตฺวา วิย สพฺพสมาปตฺติสุขํ อนุภวิตฺวา ปวิฏฺโ.
จตุตฺถชฺฌานา วุฏฺหิตฺวา สมนนฺตรา ภควา ปรินิพฺพายีติ เอตฺถ จ ฌานสมนนฺตรํ ปจฺจเวกฺขณสมนนฺตรนฺติ, ทฺเว สมนนฺตรานิ. จตุตฺถชฺฌานา วุฏฺาย ภวงฺคํ โอติณฺณสฺส ตตฺเถว ปรินิพฺพานํ ฌานสมนนฺตรํ นาม, จตุตฺถชฺฌานา วุฏฺหิตฺวา ปุน ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ภวงฺคํ โอติณฺณสฺส ตตฺเถว ปรินิพฺพานํ ปจฺจเวกฺขณสมนนฺตรํ นาม. อิมานิ ทฺเวปิ สมนนฺตราเนว. ภควา ปน ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ฌานา วุฏฺาย ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ภวงฺคจิตฺเตน อพฺยากเตน ทุกฺขสจฺเจน ปรินิพฺพายิ. เย หิ เกจิ พุทฺธา วา ปจฺเจกพุทฺธา วา อริยสาวกา วา อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกํ อุปาทาย สพฺเพ ภวงฺคจิตฺเตเนว อพฺยากเตน ทุกฺขสจฺเจน กาลํ กโรนฺติ.
ภูตาติ ¶ สตฺตา. อปฺปฏิปุคฺคโลติ ปฏิภาคปุคฺคลวิรหิโต. พลปฺปตฺโตติ ทสวิธํ าณพลํ ปตฺโต. อุปฺปาทวยธมฺมิโนติ อุปฺปาทวยสภาวา. เตสํ วูปสโมติ เตสํ สงฺขารานํ วูปสโม. สุโขติ อสงฺขตํ นิพฺพานเมว สุขนฺติ อตฺโถ. ตทาสีติ ‘‘สห ปรินิพฺพานา มหาภูมิจาโล อโหสี’’ติ เอวํ มหาปรินิพฺพาเน (ที. นิ. ๒.๒๒๐) วุตฺตํ ภูมิจาลํ สนฺธายาห. โส หิ โลมหํสนโก จ ภึสนโก จ อาสิ. สพฺพาการวรูเปเตติ สพฺพาการวรคุณูเปเต. นาหุ อสฺสาสปสฺสาโสติ น ชาโต อสฺสาสปสฺสาโส. อเนโชติ ตณฺหาสงฺขาตาย เอชาย อภาเวน อเนโช. สนฺติมารพฺภาติ อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ อารพฺภ ปฏิจฺจ สนฺธาย. จกฺขุมาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา. ปรินิพฺพุโตติ ขนฺธปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต. อสลฺลีเนนาติ อนลฺลีเนน อสงฺกุฏิเตน สุวิกสิเตเนว จิตฺเตน. เวทนํ อชฺฌวาสยีติ ¶ เวทนํ อธิวาเสสิ, น เวทนานุวตฺตี หุตฺวา อิโต จิโต สมฺปริวตฺติ. วิโมกฺโขติ ¶ เกนจิ ธมฺเมน อนาวรณวิโมกฺโข สพฺพโส อปฺตฺติภาวูปคโม ปชฺโชตนิพฺพานสทิโส ชาโตติ. ปฺจมํ.
ทุติโย วคฺโค.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
พฺรหฺมสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. พฺราหฺมณสํยุตฺตํ
๑. อรหนฺตวคฺโค
๑. ธนฺชานีสุตฺตวณฺณนา
๑๘๗. พฺราหฺมณสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม ธนฺชานีติ ธนฺชานิโคตฺตา. อุกฺกฏฺโคตฺตา กิเรสา. เสสพฺราหฺมณา กิร พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตา, ธนฺชานิโคตฺตา มตฺถกํ ภินฺทิตฺวา นิกฺขนฺตาติ เตสํ ลทฺธิ. อุทานํ อุทาเนสีติ กสฺมา อุทาเนสิ? โส กิร พฺราหฺมโณ มิจฺฉาทิฏฺิโก ‘‘พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ’’ติ วุตฺเต กณฺเณ ปิทหติ, ถทฺโธ ขทิรขาณุสทิโส. พฺราหฺมณี ปน โสตาปนฺนา อริยสาวิกา. พฺราหฺมโณ ทานํ เทนฺโต ปฺจสตานํ พฺราหฺมณานํ อปฺโปทกํ ปายาสํ เทติ, พฺราหฺมณี พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส นานารสโภชนํ. พฺราหฺมณสฺส ทานทิวเส พฺราหฺมณี ตสฺส วสวตฺติตาย ปหีนมจฺเฉรตาย จ สหตฺถา ปริวิสติ. พฺราหฺมณิยา ปน ทานทิวเส พฺราหฺมโณ ปาโตว ฆรา นิกฺขมิตฺวา ปลายติ. อเถกทิวสํ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณิยา สทฺธึ อสมฺมนฺเตตฺวา ปฺจสเต พฺราหฺมเณ นิมนฺเตตฺวา พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘สฺเว โภติ อมฺหากํ ฆเร ปฺจสตา พฺราหฺมณา ภฺุชิสฺสนฺตี’’ติ. มยา กึ กาตพฺพํ พฺราหฺมณาติ? ตยา อฺํ กิฺจิ กาตพฺพํ นตฺถิ, สพฺพํ ปจนปริเวสนํ อฺเ กริสฺสนฺติ. ยํ ปน ตฺวํ ิตาปิ นิสินฺนาปิ ขิปิตฺวาปิ อุกฺกาสิตฺวาปิ ‘‘นโม พุทฺธสฺสา’’ติ ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส นมกฺการํ กโรสิ, ตํ สฺเว เอกทิวสมตฺตํ มา อกาสิ. ตํ หิ สุตฺวา พฺราหฺมณา อนตฺตมนา โหนฺติ, มา มํ พฺราหฺมเณหิ ภินฺทสีติ. ตฺวํ พฺราหฺมเณหิ ¶ วา ภิชฺช เทเวหิ วา, อหํ ปน สตฺถารํ อนุสฺสริตฺวา น สกฺโกมิ อนมสฺสมานา สณฺาตุนฺติ. โภติ กุลสติเก คาเม คามทฺวารมฺปิ ตาว ปิทหิตุํ วายมนฺติ, ตฺวํ ทฺวีหงฺคุเลหิ ปิทหิตพฺพํ มุขํ พฺราหฺมณานํ โภชนกาลมตฺตํ ปิทหิตุํ น สกฺโกสีติ. เอวํ ปุนปฺปุนํ กเถตฺวาปิ โส นิวาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุสฺสีสเก ปิตํ มณฺฑลคฺคขคฺคํ ¶ คเหตฺวา – ‘‘โภติ สเจ สฺเว พฺราหฺมเณสุ นิสินฺเนสุ ตํ ¶ มุณฺฑสมณกํ นมสฺสสิ, อิมินา ตํ ขคฺเคน ปาทตลโต ปฏฺาย ยาว เกสมตฺถกา กฬีรํ วิย โกฏฺเฏตฺวา ราสึ กริสฺสามี’’ติ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อิมินา มณฺฑลคฺเคน, ปาทโต ยาว มตฺถกา;
กฬีรมิว เฉชฺชามิ, ยทิ มิจฺฉํ น กาหสิ.
‘‘สเจ พุทฺโธติ ภณสิ, สเจ ธมฺโมติ ภาสสิ;
สเจ สงฺโฆติ กิตฺเตสิ, ชีวนฺตี เม นิเวสเน’’ติ.
อริยสาวิกา ปน ปถวี วิย ทุปฺปกมฺปา, สิเนรุ วิย ทุปฺปริวตฺติยา. สา เตน นํ เอวมาห –
‘‘สเจ เม องฺคมงฺคานิ, กามํ เฉชฺชสิ พฺราหฺมณ;
เนวาหํ วิรมิสฺสามิ, พุทฺธเสฏฺสฺส สาสนา.
‘‘นาหํ โอกฺกา วรธรา, สกฺกา โรธยิตุํ ชินา;
ธีตาหํ พุทฺธเสฏฺสฺส, ฉินฺท วา มํ วธสฺสุ วา’’ติ.
เอวํ ธนฺชานิคชฺชิตํ นาม คชฺชนฺตี ปฺจ คาถาสตานิ อภาสิ. พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณึ ปรามสิตุํ วา ปหริตุํ วา อสกฺโกนฺโต ‘‘โภติ ยํ เต รุจฺจติ, ตํ กโรหี’’ติ วตฺวา ขคฺคํ สยเน ขิปิ. ปุนทิวเส เคหํ หริตุปลิตฺตํ การาเปตฺวา ลาชาปุณฺณฆฏมาลาคนฺธาทีหิ ตตฺถ ตตฺถ อลงฺการาเปตฺวา ปฺจนฺนํ พฺราหฺมณสตานํ นวสปฺปิสกฺขรมธุยุตฺตํ อปฺโปทกปายาสํ ปฏิยาทาเปตฺวา กาลํ อาโรจาเปสิ.
พฺราหฺมณีปิ ปาโตว คนฺโธทเกน สยํ นฺหายิตฺวา สหสฺสคฺฆนกํ อหตวตฺถํ นิวาเสตฺวา ปฺจสตคฺฆนกํ เอกํสํ กตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา ¶ สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา ภตฺตคฺเค พฺราหฺมเณ ¶ ปริวิสมานา เตหิ สทฺธึ เอกปนฺติยํ นิสินฺนสฺส ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ภตฺตํ อุปสํหรนฺตี ทุนฺนิกฺขิตฺเต ทารุภณฺเฑ ปกฺขลิ. ปกฺขลนฆฏฺฏนาย ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชิ. ตสฺมึ สมเย ทสพลํ สริ. สติสมฺปนฺนตาย ปน ปายาสปาตึ อฉฑฺเฑตฺวา สณิกํ โอตาเรตฺวา ภูมิยํ สณฺเปตฺวา ปฺจนฺนํ พฺราหฺมณสตานํ มชฺเฌ สิรสิ อฺชลึ เปตฺวา เยน เวฬุวนํ, เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตสฺมิฺจ ¶ สมเย เตสุ พฺราหฺมเณสุ เกจิ ภุตฺตา โหนฺติ, เกจิ ภฺุชมานา, เกจิ หตฺเถ โอตาริตมตฺตา, เกสฺจิ โภชนํ ปุรโต ปิตมตฺตํ โหติ. เต ตํ สทฺทํ สุตฺวาว สิเนรุมตฺเตน มุคฺคเรน สีเส ปหฏา วิย กณฺเณสุ สูเลน วิทฺธา วิย ทุกฺขโทมนสฺสํ ปฏิสํเวทิยมานา ‘‘อิมินา อฺลทฺธิเกน มยํ ฆรํ ปเวสิตา’’ติ กุชฺฌิตฺวา หตฺเถ ปิณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา มุเขน คหิตํ นิฏฺุภิตฺวา ธนุํ ทิสฺวา กากา วิย พฺราหฺมณํ อกฺโกสมานา ทิสาวิทิสา ปกฺกมึสุ. พฺราหฺมโณ เอวํ ภิชฺชิตฺวา คจฺฉนฺเต พฺราหฺมเณ ทิสฺวา พฺราหฺมณึ สีสโต ปฏฺาย โอโลเกตฺวา, ‘‘อิทเมว ภยํ สมฺปสฺสมานา มยํ หิยฺโย ปฏฺาย โภตึ ยาจนฺตา น ลภิมฺหา’’ติ นานปฺปกาเรหิ พฺราหฺมณึ อกฺโกสิตฺวา, เอตํ ‘‘เอวเมวํ ปนา’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
อุปสงฺกมีติ ‘‘สมโณ โคตโม คามนิคมรฏฺปูชิโต, น สกฺกา คนฺตฺวา ยํ วา ตํ วา วตฺวา สนฺตชฺเชตุํ, เอกเมว นํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺโตว ‘‘กึสุ เฉตฺวา’’ติ คาถํ อภิสงฺขริตฺวา – ‘‘สเจ ‘อสุกสฺส นาม วธํ โรเจมี’ติ วกฺขติ, อถ นํ ‘เย ตุยฺหํ น รุจฺจนฺติ, เต มาเรตุกาโมสิ, โลกวธาย อุปฺปนฺโน, กึ ตุยฺหํ สมณภาเวนา’ติ? นิคฺคเหสฺสามิ. สเจ ‘น กสฺสจิ วธํ โรเจมี’ติ วกฺขติ, อถ นํ ‘ตฺวํ ราคาทีนมฺปิ วธํ น อิจฺฉสิ. กสฺมา สมโณ หุตฺวา อาหิณฺฑสี’ติ? นิคฺคเหสฺสามี. อิติ อิมํ อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ สมโณ โคตโม เนว คิลิตุํ น อุคฺคิลิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ ¶ . สมฺโมทีติ อตฺตโน ปณฺฑิตตาย กุทฺธภาวํ อทสฺเสตฺวา มธุรกถํ กเถนฺโต สมฺโมทิ. ปฺโห เทวตาสํยุตฺเต กถิโต. เสสมฺปิ เหฏฺา วิตฺถาริตเมวาติ. ปมํ.
๒. อกฺโกสสุตฺตวณฺณนา
๑๘๘. ทุติเย ¶ อกฺโกสกภารทฺวาโชติ ภารทฺวาโชว โส, ปฺจมตฺเตหิ ปน คาถา สเตหิ ตถาคตํ อกฺโกสนฺโต อาคโตติ. ‘‘อกฺโกสกภารทฺวาโช’’ติ ตสฺส สงฺคีติกาเรหิ นามํ คหิตํ. กุปิโต อนตฺตมโนติ ‘‘สมเณน โคตเมน มยฺหํ เชฏฺกภาตรํ ปพฺพาเชนฺเตน ¶ ชานิ กตา, ปกฺโข ภินฺโน’’ติ โกเธน กุปิโต โทมนสฺเสน จ อนตฺตมโน หุตฺวาติ อตฺโถ. อกฺโกสตีติ ‘‘โจโรสิ, พาโลสิ, มูฬฺโหสิ, เถโนสิ, โอฏฺโสิ, เมณฺโฑสิ, โคโณสิ, คทฺรโภสิ, ติรจฺฉานคโตสิ, เนรยิโกสี’’ติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสติ. ปริภาสตีติ ‘‘โหตุ มุณฺฑกสมณก, ‘อทณฺโฑ อห’นฺติ กโรสิ, อิทานิ เต ราชกุลํ คนฺตฺวา ทณฺฑํ อาโรเปสฺสามี’’ติอาทีนิ วทนฺโต ปริภาสติ นาม.
สมฺภฺุชตีติ เอกโต ภฺุชติ. วีติหรตีติ กตสฺส ปฏิการํ กโรติ. ภควนฺตํ โข, โคตมนฺติ กสฺมา เอวมาห? ‘‘ตเวเวตํ, พฺราหฺมณ, ตเวเวตํ, พฺราหฺมณา’’ติ กิรสฺส สุตฺวา. ‘‘อิสโย นาม กุปิตา สปนํ เทนฺติ กิสวจฺฉาทโย วิยา’’ติ อนุสฺสววเสน ‘‘สปติ มํ มฺเ สมโณ โคตโม’’ติ ภยํ อุปฺปชฺชิ. ตสฺมา เอวมาห.
ทนฺตสฺสาติ นิพฺพิเสวนสฺส. ตาทิโนติ ตาทิลกฺขณํ ปตฺตสฺส. ตสฺเสว เตน ปาปิโยติ ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส เตน โกเธน ปาปํ โหติ. สโต อุปสมฺมตีติ สติยา สมนฺนาคโต หุตฺวา อธิวาเสติ. อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตานนฺติ อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตํ. อยเมว วา ปาโ. โย ปุคฺคโล สโต อุปสมฺมติ, อุภินฺนมตฺถํ จรติ ติกิจฺฉติ สาเธติ, ตํ ปุคฺคลํ ชนา พาโลติ มฺนฺติ. กีทิสา ชนา? เย ธมฺมสฺส อโกวิทา. ธมฺมสฺสาติ ปฺจกฺขนฺธธมฺมสฺส วา จตุสจฺจธมฺมสฺส วา. อโกวิทาติ ตสฺมึ ธมฺเม อกุสลา อนฺธพาลปุถุชฺชนา. ทุติยํ.
๓. อสุรินฺทกสุตฺตวณฺณนา
๑๘๙. ตติเย ¶ อสุรินฺทกภารทฺวาโชติ อกฺโกสกภารทฺวาชสฺส กนิฏฺโ. กุปิโตติ เตเนว การเณน กุทฺโธ. ชยฺเจวสฺส ตํ โหตีติ อสฺเสว ตํ ชยํ โหติ, โส ชโย โหตีติ อตฺโถ ¶ . กตมสฺสาติ? ยา ติติกฺขา วิชานโต อธิวาสนาย คุณํ วิชานนฺตสฺส ติติกฺขา อธิวาสนา, อยํ ตสฺส วิชานโตว ชโย. พาโล ¶ ปน ผรุสํ ภณนฺโต ‘‘มยฺหํ ชโย’’ติ เกวลํ ชยํ มฺติ. ตติยํ.
๔. พิลงฺคีกสุตฺตวณฺณนา
๑๙๐. จตุตฺเถ พิลงฺคิกภารทฺวาโชติ ภารทฺวาโชว โส, นานปฺปการํ ปน สุทฺธฺจ สมฺภารยุตฺตฺจ กฺชิกํ กาเรตฺวา วิกฺกิณาเปนฺโต พหุธนํ สงฺขรีติ ‘‘พิลงฺคิกภารทฺวาโช’’ติ ตสฺส สงฺคีติกาเรหิ นามํ คหิตํ. ตุณฺหีภูโตติ ‘‘ตโย เม เชฏฺกภาตโร อิมินา ปพฺพาชิตา’’ติ อติวิย กุทฺโธ กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต ตุณฺหีภูโต อฏฺาสิ. คาถา ปน เทวตาสํยุตฺเต กถิตาว. จตุตฺถํ.
๕. อหึสกสุตฺตวณฺณนา
๑๙๑. ปฺจเม อหึสกภารทฺวาโชติ ภารทฺวาโชเวส, อหึสกปฺหํ ปน ปุจฺฉิ, เตนสฺเสตํ สงฺคีติกาเรหิ นามํ คหิตํ. นาเมน วา เอส อหึสโก, โคตฺเตน ภารทฺวาโช. อหึสกาหนฺติ อหึสโก อหํ, อิติ เม ภวํ โคตโม ชานาตูติ อาห. ตถา จสฺสาติ ตถา เจ อสฺส, ภเวยฺยาสีติ อตฺโถ. น หึสตีติ น วิเหเติ น ทุกฺขาเปติ. ปฺจมํ.
๖. ชฏาสุตฺตวณฺณนา
๑๙๒. ฉฏฺเ ชฏาภารทฺวาโชติ ภารทฺวาโชเวส, ชฏาปฺหสฺส ปน ปุจฺฉิตตฺตา สงฺคีติกาเรหิ เอวํ วุตฺโต. เสสํ เทวตาสํยุตฺเต กถิตเมว. ฉฏฺํ.
๗. สุทฺธิกสุตฺตวณฺณนา
๑๙๓. สตฺตเม ¶ สุทฺธิกภารทฺวาโชติ อยมฺปิ ภารทฺวาโชว, สุทฺธิกปฺหสฺส ปน ปุจฺฉิตตฺตา ¶ สงฺคีติกาเรหิ เอวํ วุตฺโต. สีลวาปิ ตโปกรนฺติ สีลสมฺปนฺโนปิ ตโปกมฺมํ กโรนฺโต. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ เอตฺถ วิชฺชาติ ตโย เวทา. จรณนฺติ โคตฺตจรณํ. โส สุชฺฌติ น อฺา อิตรา ปชาติ โส เตวิชฺโช พฺราหฺมโณ สุชฺฌติ, อยํ ปน อฺา นามิกา ¶ ปชา น สุชฺฌตีติ วทติ. พหุมฺปิ ปลปํ ชปฺปนฺติ พหุมฺปิ ปลปํ ชปฺปนฺโต, ‘‘พฺราหฺมโณว สุชฺฌตี’’ติ เอวํ วจนสหสฺสมฺปิ ภณนฺโตติ อตฺโถ. อนฺโตกสมฺพูติ อนฺโต กิเลสปูติสภาเวน ปูติโก. สํกิลิฏฺโติ กิลิฏฺเหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคโต. สตฺตมํ.
๘. อคฺคิกสุตฺตวณฺณนา
๑๙๔. อฏฺเม อคฺคิกภารทฺวาโชติ อยมฺปิ ภารทฺวาโชว, อคฺคิ ปริจรณวเสน ปนสฺส สงฺคีติกาเรหิ เอตํ นามํ คหิตํ. สนฺนิหิโต โหตีติ สํโยชิโต โหติ. อฏฺาสีติ กสฺมา ตตฺถ อฏฺาสิ? ภควา กิร ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต อิมํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ เอวรูปํ อคฺคปายาสํ คเหตฺวา ‘มหาพฺรหฺมานํ โภเชมี’ติ อคฺคิมฺหิ ฌาเปนฺโต อผลํ กโรติ อปายมคฺคํ โอกฺกมติ, อิมํ ลทฺธึ อวิสฺสชฺชนฺโต อปายปูรโกว ภวิสฺสติ, คจฺฉามิสฺส ธมฺมเทสนาย, มิจฺฉาทิฏฺึ ภินฺทิตฺวา ปพฺพาเชตฺวา จตฺตาโร มคฺเค เจว จตฺตาริ จ ผลานิ เทมี’’ติ, ตสฺมา ปุพฺพณฺหสมเย ราชคหํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ อฏฺาสิ.
ตีหิ วิชฺชาหีติ ตีหิ เวเทหิ. ชาติมาติ ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา ปริสุทฺธาย ชาติยา สมนฺนาคโต. สุตวา พหูติ พหุ นานปฺปกาเร คนฺเถ สุตวา. โสมํ ภฺุเชยฺยาติ โส เตวิชฺโช พฺราหฺมโณ อิมํ ปายาสํ ภฺุชิตุํ ยุตฺโต, ตุมฺหากํ ปเนส ปายาโส อยุตฺโตติ วทติ.
เวทีติ ปุพฺเพนิวาสาเณน ชานิ ปฏิวิชฺฌิ. สคฺคาปายนฺติ ทิพฺเพน จกฺขุนา สคฺคมฺปิ อปายมฺปิ ปสฺสติ. ชาติกฺขยนฺติ อรหตฺตํ. อภิฺาโวสิโตติ ชานิตฺวา โวสิตโวสาโน. พฺราหฺมโณ ¶ ภวนฺติ อวีจิโต ยาว ภวคฺคา โภตา โคตเมน สทิโส ชาติสมฺปนฺโน ขีณาสวพฺราหฺมโณ นตฺถิ, ภวํเยว พฺราหฺมโณติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา สุวณฺณปาตึ ปูเรตฺวา ทสพลสฺส ปายาสํ อุปนาเมสิ. สตฺถา อุปฺปตฺตึ ทีเปตฺวา ¶ โภชนํ ปฏิกฺขิปนฺโต คาถาภิคีตํ เมติอาทิมาห. ตตฺถ คาถาภิคีตนฺติ คาถาหิ อภิคีตํ. อโภชเนยฺยนฺติ อภฺุชิตพฺพํ ¶ . อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตฺวํ, พฺราหฺมณ, มยฺหํ เอตฺตกํ กาลํ ภิกฺขาจารวตฺเตน ิตสฺส กฏจฺฉุมตฺตมฺปิ ทาตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ ปน มยา ตุยฺหํ กิลฺชมฺหิ ติเล วิตฺถาเรนฺเตน วิย สพฺเพ พุทฺธคุณา ปกาสิตา, อิติ คายเนน คายิตฺวา ลทฺธํ วิย อิทํ โภชนํ โหติ, ตสฺมา อิทํ คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยนฺติ. สมฺปสฺสตํ, พฺราหฺมณ, เนส ธมฺโมติ, พฺราหฺมณ, อตฺถฺจ ธมฺมฺจ สมฺปสฺสนฺตานํ ‘‘เอวรูปํ โภชนํ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ เอส ธมฺโม น โหติ. สุธาโภชนมฺปิ คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา, คาถาหิ คายิตฺวา ลทฺธํ พุทฺธา นีหรนฺติเยว. ธมฺเม สติ, พฺราหฺมณ, วุตฺติเรสาติ, พฺราหฺมณ, ธมฺเม สติ ธมฺมํ อเปกฺขิตฺวา ธมฺเม ปติฏฺาย ชีวิตํ กปฺเปนฺตานํ เอสา วุตฺติ อยํ อาชีโว – เอวรูปํ นีหริตฺวา ธมฺมลทฺธเมว ภฺุชิตพฺพนฺติ.
อถ พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – อหํ ปุพฺเพ สมณสฺส โคตมสฺส คุเณ วา อคุเณ วา น ชานามิ. อิทานิ ปนสฺสาหํ คุเณ ตฺวา มม เคเห อสีติโกฏิมตฺตํ ธนํ สาสเน วิปฺปกิริตุกาโม ชาโต, อยฺจ ‘‘มยา ทินฺนปจฺจยา อกปฺปิยา’’ติ วทติ. อปฺปฏิคฺคยฺโห อหํ สมเณน โคตเมนาติ. อถ ภควา สพฺพฺุตฺาณํ เปเสตฺวา ตสฺส จิตฺตาจารํ วีมํสนฺโต, ‘‘อยํ สพฺเพปิ อตฺตนา ทินฺนปจฺจเย ‘อกปฺปิยา’ติ สลฺลกฺเขติ. ยํ หิ โภชนํ อารพฺภ กถา อุปฺปนฺนา, เอตเทว น วฏฺฏติ, เสสา นิทฺโทสา’’ติ พฺราหฺมณสฺส จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ทานทฺวารํ ทสฺเสนฺโต อฺเน จาติอาทิมาห. ตตฺถ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตนฺติ หตฺถกุกฺกุจฺจาทีนํ วเสน วูปสนฺตกุกฺกุจฺจํ. อนฺเนน ปาเนนาติ เทสนามตฺตเมตํ ¶ . อยํ ปนตฺโถ – อฺเหิ ตยา ‘‘ปริจฺจชิสฺสามี’’ติ สลฺลกฺขิเตหิ จีวราทีหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหสฺสุ. เขตฺตํ หิ ตํ ปฺุเปกฺขสฺส โหตีติ เอตํ ตถาคตสาสนํ นาม ปฺุเปกฺขสฺส ปฺุตฺถิกสฺส ตุยฺหํ อปฺเปปิ พีเช พหุสสฺสผลทายกํ สุเขตฺตํ วิย ปฏิยตฺตํ โหติ. อฏฺมํ.
๙. สุนฺทริกสุตฺตวณฺณนา
๑๙๕. นวเม สุนฺทริกภารทฺวาโชติ สุนฺทริกาย นทิยา ตีเร อคฺคิชุหเณน เอวํลทฺธนาโม. สุนฺทริกายาติ เอวํนามิกาย นทิยา. อคฺคึ ¶ ชุหตีติ อาหุตึ ปกฺขิปเนน ชาเลติ ¶ . อคฺคิหุตฺตํ ปริจรตีติ อคฺยายตนํ สมฺมชฺชนุปเลปนพลิกมฺมาทินา ปยิรุปาสติ. โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภฺุเชยฺยาติ โส กิร พฺราหฺมโณ อคฺคิมฺหิ หุตาวเสสํ ปายาสํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อคฺคิมฺหิ ตาว ปกฺขิตฺตปายาโส มหาพฺรหฺมุนา ภุตฺโต, อยํ ปน อวเสโส อตฺถิ, ตํ ยทิ พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตสฺส พฺราหฺมณสฺส ทเทยฺยํ, เอวํ เม ปิตรา สห ปุตฺโตปิ สนฺตปฺปิโต ภเวยฺย, สุวิโสธิโต จสฺส พฺรหฺมโลกคามิมคฺโค’’ติ. โส พฺราหฺมณสฺส ทสฺสนตฺถํ อุฏฺายาสนา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกสิ, ‘‘โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภฺุเชยฺยา’’ติ?
รุกฺขมูเลติ ตสฺมึ วนสณฺเฑ เชฏฺกรุกฺขสฺส มูเล. สสีสํ ปารุตํ นิสินฺนนฺติ สห สีเสน ปารุตกายํ นิสินฺนํ. กสฺมา ปน ภควา ตตฺถ นิสีทิ? ภควา กิร ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต อิมํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – อยํ พฺราหฺมโณ เอวรูปํ อคฺคปายาสํ คเหตฺวา ‘‘มหาพฺรหฺมานํ โภเชมี’’ติ อคฺคิมฺหิ ฌาเปนฺโต อผลํ กโรติ…เป… จตฺตาโร มคฺเค เจว จตฺตาริ จ ผลานิ เทมีติ. ตสฺมา กาลสฺเสว วุฏฺาย สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย คนฺตฺวา วุตฺตนเยน ตสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. อถ กสฺมา สสีสํ ปารุปีติ? หิมปาตสฺส จ สีตวาตสฺส จ ปฏิพาหณตฺถํ, ปฏิพโลว เอตํ ตถาคโต อธิวาเสตุํ. สเจ ปน อปารุปิตฺวา ¶ นิสีเทยฺย, พฺราหฺมโณ ทูรโตว สฺชานิตฺวา นิวตฺเตยฺย, เอวํ สติ กถา นปฺปวตฺเตยฺย. อิติ ภควา – ‘‘พฺราหฺมเณ อาคเต สีสํ วิวริสฺสามิ, อถ มํ โส ทิสฺวา กถํ ปวตฺเตสฺสติ, ตสฺสาหํ กถานุสาเรน ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ กถาปวตฺตนตฺถํ เอวมกาสิ.
อุปสงฺกมีติ พฺราหฺมโณ – ‘‘อยํ สสีสํ ปารุปิตฺวา สพฺพรตฺตึ ปธานมนุยุตฺโต. อิมสฺส ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา อิมํ หพฺยเสสํ ทสฺสามี’’ติ, พฺราหฺมณสฺี หุตฺวา อุปสงฺกมิ. มุณฺโฑ อยํ ภวํ, มุณฺฑโก อยํ ภวนฺติ สีเส วิวริตมตฺเต นีจเกสนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มุณฺโฑ’’ติ อาห. ตโต สุฏฺุตรํ โอโลเกนฺโต ปวตฺตมตฺตมฺปิ สิขํ อทิสฺวา หีเฬนฺโต ‘‘มุณฺฑโก’’ติ อาห. ตโตวาติ ยตฺถ ิโต อทฺทส, ตมฺหาว ปเทสา. มุณฺฑาปิ หีติ เกนจิ การเณน มุณฺฑิตสีสาปิ โหนฺติ.
มา ¶ ชาตึ ปุจฺฉาติ ยทิ ทานสฺส มหปฺผลตํ ปจฺจาสีสสิ, ชาตึ มา ปุจฺฉ. อการณํ หิ ทกฺขิเณยฺยภาวสฺส ชาติ. จรณฺจ ปุจฺฉาติ อปิจ โข สีลาทิคุณเภทํ จรณํ ปุจฺฉ. เอตํ หิ ทกฺขิเณยฺยภาวสฺส การณํ. อิทานิสฺส ตมตฺถํ วิภาเวนฺโต กฏฺา หเว ชายติ ชาตเวโทติอาทิมาห ¶ . ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – อิธ กฏฺา อคฺคิ ชายติ, น จ โส สาลาทิกฏฺา ชาโตว อคฺคิกิจฺจํ กโรติ, สาปาน-โทณิอาทิกฏฺา ชาโต น กโรติ, อตฺตโน ปน อจฺจิยาทิคุณสมฺปตฺติยา ยโต วา ตโต วา ชาโต กโรติเยว. เอวํ น พฺราหฺมณกุลาทีสุ ชาโตว ทกฺขิเณยฺโย โหติ, จณฺฑาลกุลาทีสุ ชาโต น โหติ, อปิจ โข นีจกุลิโนปิ อุจฺจกุลิโนปิ ขีณาสว-มุนิ ธิติมา หิรีนิเสโธ อาชานีโย โหติ. อิมาย ธิติหิริปโมกฺขาย คุณสมฺปตฺติยา ชาติมา อุตฺตมทกฺขิเณยฺโย โหติ. โส หิ ธิติยา คุเณ ธาเรติ, หิริยา โทเส นิเสเธตีติ. อปิเจตฺถ มุนีติ โมนธมฺเมน สมนฺนาคโต. ธิติมาติ วีริยวา. อาชานีโยติ การณาการณชานนโก. หิรีนิเสโธติ หิริยา ปาปานิ นิเสเธตฺวา ิโต.
สจฺเจน ทนฺโตติ ¶ ปรมตฺถสจฺเจน ทนฺโต. ทมสา อุเปโตติ อินฺทฺริยทเมน อุเปโต. เวทนฺตคูติ จตุนฺนํ มคฺคเวทานํ อนฺตํ, จตูหิ วา มคฺคเวเทหิ กิเลสานํ อนฺตํ คโต. วุสิตพฺรหฺมจริโยติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ วุตฺโถ. ยฺโปนีโตติ อุปนีตยฺโ ปฏิยาทิตยฺโ จ. ตมุปวฺหเยถาติ เยน ยฺโ ปฏิยาทิโต, โส ตํ ปรมตฺถพฺราหฺมณํ อวฺหเยยฺย. ‘‘อินฺทมวฺหยาม, โสมมวฺหยาม, วรุณมวฺหยาม, อีสานมวฺหยาม, ยามมวฺหยามา’’ติ อิทํ ปน อวฺหานํ นิรตฺถกํ. กาเลนาติ อวฺหยนฺโต จ ‘‘กาโล, ภนฺเต, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ อนฺโตมชฺฌนฺหิกกาเลเยว ตํ อุปวฺหเยยฺย. โส ชุหติ ทกฺขิเณยฺเยติ โย เอวํ กาเล ขีณาสวํ อามนฺเตตฺวา ตตฺถ จตุปจฺจยทกฺขิณํ ปติฏฺเปติ, โส ทกฺขิเณยฺเย ชุหติ นาม, น อเจตเน อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปนฺโต.
อิติ พฺราหฺมโณ ภควโต กถํ สุณนฺโต ปสีทิตฺวา อิทานิ อตฺตโน ปสาทํ อาวิกโรนฺโต อทฺธา สุยิฏฺนฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – อทฺธา มม ยิทํ อิทานิ สุยิฏฺฺจ สุหุตฺจ ภวิสฺสติ, ปุพฺเพ ปน อคฺคิมฺหิ ฌาปิตํ นิรตฺถกํ อโหสีติ. อฺโ ชโนติ ‘‘อหํ พฺราหฺมโณ, อหํ พฺราหฺมโณ’’ติ วทนฺโต ¶ อนฺธพาลปุถุชฺชโน. หพฺยเสสนฺติ หุตเสสํ. ภฺุชตุ ภวนฺติอาทิ ปุริมสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
น ขฺวาหนฺติ น โข อหํ. กสฺมา ปเนวมาหาติ? ตสฺมึ กิร โภชเน อุปหฏมตฺเตว ‘‘สตฺถา ¶ ภฺุชิสฺสตี’’ติ สฺาย จตูสุ มหาทีเปสุ ทฺวีสุ ปริตฺตทีปสหสฺเสสุ เทวตา ปุปฺผผลาทีนิ เจว สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตาทีนิ จ อาทาย มธุปฏลํ ปีเฬตฺวา มธุํ คณฺหนฺติโย วิย ทิพฺพานุภาเวน นิพฺพตฺติโตชเมว คเหตฺวา ปกฺขิปึสุ. เตน ตํ สุขุมตฺตํ คตํ, มนุสฺสานฺจ โอฬาริกํ วตฺถูติ เตสํ ตาว โอฬาริกวตฺถุตาย สมฺมา ปริณามํ น คจฺฉติ. โคยูเส ปน ติลพีชานิ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกตฺตา โอฬาริกมิสฺสกํ ชาตํ, เทวานฺจ สุขุมํ วตฺถูติ เตสํ สุขุมวตฺถุตาย สมฺมา ปริณามํ น คจฺฉติ. สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวสฺสาปิ กุจฺฉิยํ น ปริณมติ. อฏฺสมาปตฺติลาภีขีณาสวสฺส ปน สมาปตฺติพเลน ¶ ปริณาเมยฺย. ภควโต ปน ปากติเกเนว กมฺมชเตเชน ปริณาเมยฺย.
อปฺปหริเตติ อหริเต. สเจ หิ หริเตสุ ติเณสุ ปกฺขิเปยฺย, สินิทฺธปายาเสน ติณานิ ปูตีนิ ภเวยฺยุํ. พุทฺธา จ ภูตคามสิกฺขาปทํ น วีติกฺกมนฺติ, ตสฺมา เอวมาห. ยตฺถ ปน คลปฺปมาณานิ มหาติณานิ, ตาทิเส าเน ปกฺขิปิตุํ วฏฺฏติ. อปฺปาณเกติ สปฺปาณกสฺมึ หิ ปริตฺตเก อุทเก ปกฺขิตฺเต ปาณกา มรนฺติ, ตสฺมา เอวมาห. ยํ ปน คมฺภีรํ มหาอุทกํ โหติ, ปาติสเตปิ ปาติสหสฺเสปิ ปกฺขิตฺเต น อาลุฬติ, ตถารูเป อุทเก วฏฺฏติ. โอปิลาเปสีติ สุวณฺณปาติยา สทฺธึเยว นิมุชฺชาเปสิ. จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายตีติ เอวรูปํ สทฺทํ กโรติ. กึ ปเนส ปายาสสฺส อานุภาโว, อุทาหุ ตถาคตสฺสาติ? ตถาคตสฺส. อยํ หิ พฺราหฺมโณ ตํ ปายาสํ โอปิลาเปตฺวา อุมฺมคฺคํ อารุยฺห สตฺถุ สนฺติกํ อนาคนฺตฺวาว คจฺเฉยฺย, อถ ภควา – ‘‘เอตฺตกํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา มม สนฺติกํ อาคมิสฺสติ. อถสฺสาหํ ธมฺมเทสนาย มิจฺฉาทิฏฺิคหณํ ภินฺทิตฺวา สาสเน โอตาเรตฺวา อมตปานํ ปาเยสฺสามี’’ติ อธิฏฺานพเลน เอวมกาสิ.
ทารุ ¶ สมาทหาโนติ ทารุํ ฌาปยมาโน. พหิทฺธา หิ เอตนฺติ เอตํ ทารุชฺฌาปนํ นาม อริยธมฺมโต พหิทฺธา. ยทิ เอเตน สุทฺธิ ภเวยฺย, เย ทวฑาหกาทโย พหูนิ ทารูนิ ฌาเปนฺติ, เต ปมตรํ สุชฺเฌยฺยุํ. กุสลาติ ขนฺธาทีสุ กุสลา. อชฺฌตฺตเมวุชฺชลยามิ โชตินฺติ นิยกชฺฌตฺเต อตฺตโน สนฺตานสฺมึเยว าณโชตึ ชาเลมิ. นิจฺจคฺคินีติ อาวชฺชนปฏิพทฺเธน สพฺพฺุตฺาเณน นิจฺจํ ปชฺชลิตคฺคิ. นิจฺจสมาหิตตฺโตติ นิจฺจํ สมฺมา ปิตจิตฺโต. พฺรหฺมจริยํ จรามีติ โพธิมณฺเฑ จริตํ พฺรหฺมจริยํ คเหตฺวา เอวํ วทติ.
มาโน ¶ หิ เต, พฺราหฺมณ, ขาริภาโรติ ยถา ขาริภาโร ขนฺเธน วยฺหมาโน อุปริ ิโตปิ อกฺกนฺตกฺกนฺตฏฺาเน ปถวิยา สทฺธึ ผุเสติ, เอวเมว ชาติโคตฺตกุลาทีนิ มานวตฺถูนิ นิสฺสาย อุสฺสาปิโต มาโนปิ ตตฺถ ตตฺถ อิสฺสํ อุปฺปาเทนฺโต จตูสุ อปาเยสุ สํสีทาเปติ. เตนาห ‘‘มาโน หิ เต, พฺราหฺมณ, ขาริภาโร’’ติ ¶ . โกโธ ธูโมติ ตว าณคฺคิสฺส อุปกฺกิเลสฏฺเน โกโธ ธุโม. เตน หิ เต อุปกฺกิลิฏฺโ าณคฺคิ น วิโรจติ. ภสฺมนิ โมสวชฺชนฺติ นิโรชฏฺเน มุสาวาโท ฉาริกา นาม. ยถา หิ ฉาริกาย ปฏิจฺฉนฺโน อคฺคิ น โชเตติ, เอวํ เต มุสาวาเทน ปฏิจฺฉนฺนํ าณนฺติ ทสฺเสติ. ชิวฺหา สุชาติ ยถา ตุยฺหํ สุวณฺณรชตโลหกฏฺมตฺติกาสุ อฺตรมยา ยาคยชนตฺถาย สุชา โหติ, เอวํ มยฺหํ ธมฺมยาคํ ยชนตฺถาย ปหูตชิวฺหา สุชาติ วทติ. หทยํ โชติฏฺานนฺติ ยถา ตุยฺหํ นทีตีเร โชติฏฺานํ, เอวํ มยฺหํ ธมฺมยาคสฺส ยชนฏฺานตฺเถน สตฺตานํ หทยํ โชติฏฺานํ. อตฺตาติ จิตฺตํ.
ธมฺโม รหโทติ ยถา ตฺวํ อคฺคึ ปริจริตฺวา ธูมฉาริกเสทกิลิฏฺสรีโร สุนฺทริกํ นทึ โอตริตฺวา นฺหายสิ, เอวํ มยฺหํ สุนฺทริกาสทิเสน พาหิเรน รหเทน อตฺโถ นตฺถิ, อฏฺงฺคิกมคฺคธมฺโม ปน มยฺหํ รหโท, ตตฺราหํ ปาณสตมฺปิ ปาณสหสฺสมฺปิ จตุราสีติปาณสหสฺสานิปิ เอกปฺปหาเรน นฺหาเปมิ. สีลติตฺโถติ ตสฺส ปน เม ธมฺมรหทสฺส จตุปาริสุทฺธิสีลํ ติตฺถนฺติ ทสฺเสติ. อนาวิโลติ ยถา ตุยฺหํ สุนฺทริกา นที จตูหิ ปฺจหิ เอกโต นฺหายนฺเตหิ เหฏฺุปริยวาลิกา อาลุฬา โหติ ¶ , น เอวํ มยฺหํ รหโท, อเนกสตสหสฺเสสุปิ ปาเณสุ โอตริตฺวา นฺหายนฺเตสุ โส อนาวิโล วิปฺปสนฺโนว โหติ. สพฺภิ สตํ ปสตฺโถติ ปณฺฑิเตหิ ปณฺฑิตานํ ปสฏฺโ. อุตฺตมตฺเถน วา โส สพฺภีติ วุจฺจติ, ปณฺฑิเตหิ ปสตฺถตฺตา สตํ ปสตฺโถ. ตรนฺติ ปารนฺติ นิพฺพานปารํ คจฺฉนฺติ.
อิทานิ อริยมคฺครหทสฺส องฺคานิ อุทฺธริตฺวา ทสฺเสนฺโต สจฺจํ ธมฺโมติอาทิมาห. ตตฺถ สจฺจนฺติ วจีสจฺจํ. ธมฺโมติ อิมินา ทิฏฺิสงฺกปฺปวายามสติสมาธโย ทสฺเสติ. สํยโมติ อิมินา กมฺมนฺตาชีวา คหิตา. สจฺจนฺติ วา อิมินา มคฺคสจฺจํ คหิตํ. สา อตฺถโต สมฺมาทิฏฺิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สมฺมาทิฏฺิ มคฺโค เจว เหตุ จา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙). สมฺมาทิฏฺิยา ปน คหิตาย ตคฺคติกตฺตา สมฺมาสงฺกปฺโป คหิโตว โหติ. ธมฺโมติ อิมินา วายามสติสมาธโย. สํยโมติ อิมินา วาจากมฺมนฺตาชีวา. เอวมฺปิ อฏฺงฺคิโก มคฺโค ทสฺสิโต ¶ โหติ. อถ วา สจฺจนฺติ ปรมตฺถสจฺจํ ¶ , ตํ อตฺถโต นิพฺพานํ. ธมฺโมติปเทน ทิฏฺิ สงฺกปฺโป วายาโม สติ สมาธีติ ปฺจงฺคานิ คหิตานิ. สํยโมติ วาจา กมฺมนฺโต อาชีโวติ ตีณิ. เอวมฺปิ อฏฺงฺคิโก มคฺโค ทสฺสิโต โหติ. พฺรหฺมจริยนฺติ เอตํ พฺรหฺมจริยํ นาม. มชฺเฌ สิตาติ สสฺสตุจฺเฉเท วชฺเชตฺวา มชฺเฌ นิสฺสิตา. พฺรหฺมปตฺตีติ เสฏฺปตฺติ. ส ตุชฺชุภูเตสุ นโม กโรหีติ เอตฺถ ต-กาโร ปทสนฺธิกโร, ส ตฺวํ อุชุภูเตสุ ขีณาสเวสุ นโม กโรหีติ อตฺโถ. ตมหํ นรํ ธมฺมสารีติ พฺรูมีติ โย เอวํ ปฏิปชฺชติ, ตมหํ ปุคฺคลํ ‘‘ธมฺมสารี เอโส ธมฺมสาริยา ปฏิจฺฉนฺโน’’ติ จ ‘‘กุสลธมฺเมหิ อกุสลธมฺเม สาเรตฺวา ิโต’’ติ วาติ วทามีติ. นวมํ.
๑๐. พหุธีตรสุตฺตวณฺณนา
๑๙๖. ทสเม อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑติ ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘คจฺฉามิสฺส สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ตสฺมึ วนสณฺเฑ วิหรติ. นฏฺา โหนฺตีติ กสิตฺวา วิสฺสฏฺา อฏวิมุขา จรมานา พฺราหฺมเณ ภฺุชิตุํ คเต ปลาตา โหนฺติ. ปลฺลงฺกนฺติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํ. อาภุชิตฺวาติ พนฺธิตฺวา ¶ . อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อุปริมํ สรีรํ อุชุกํ เปตฺวา, อฏฺารส ปิฏฺิกณฺฏเก โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาเทตฺวา. ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวาติ กมฺมฏฺานาภิมุขํ สตึ ปยิตฺวา, มุขสมีเป วา กตฺวาติ อตฺโถ. เตเนว วิภงฺเค วุตฺตํ – ‘‘อยํ สติ อุปฏฺิตา โหติ สูปฏฺิตา นาสิกคฺเค วา มุขนิมิตฺเต วา, เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ (วิภ. ๕๓๗). อถ วา ‘‘ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ. มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ. สตีติ อุปฏฺานฏฺโ. เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ เอวํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๔) วุตฺตนเยนเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตตฺรายํ สงฺเขโป – ‘‘ปริคฺคหิตนิยฺยานํ สตึ กตฺวา’’ติ. เอวํ นิสีทนฺโต จ ปน ฉพฺพณฺณา ฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา นิสีทิ. อุปสงฺกมีติ โทมนสฺสาภิภูโต อาหิณฺฑนฺโต, ‘‘สุเขน วตายํ สมโณ นิสินฺโน’’ติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ.
อชฺชสฏฺึ ¶ น ทิสฺสนฺตีติ อชฺช ฉทิวสมตฺตกา ปฏฺาย น ทิสฺสนฺติ. ปาปกาติ ลามกา ติลขาณุกา. เตน กิร ติลเขตฺเต วปิเต ตทเหว เทโว วสฺสิตฺวา ติเล ปํสุมฺหิ โอสีทาเปสิ ¶ , ปุปฺผํ วา ผลํ วา คเหตุํ นาสกฺขึสุ. เยปิ วฑฺฒึสุ, เตสํ อุปริ ปาณกา ปติตฺวา ปณฺณานิ ขาทึสุ, เอกปณฺณทุปณฺณา ขาณุกา อวสิสฺสึสุ. พฺราหฺมโณ เขตฺตํ โอโลเกตุํ คโต เต ทิสฺวา – ‘‘วฑฺฒิยา เม ติลา คหิตา, เตปิ นฏฺา’’ติ โทมนสฺสชาโต อโหสิ, ตํ คเหตฺวา อิมํ คาถมาห.
อุสฺโสฬฺหิกายาติ อุสฺสาเหน กณฺณนงฺคุฏฺาทีนิ อุกฺขิปิตฺวา วิจรนฺตา อุปฺปตนฺติ. ตสฺส กิร อนุปุพฺเพน โภเคสุ ปริกฺขีเณสุ ปกฺขิปิตพฺพสฺส อภาเวน ตุจฺฉโกฏฺา อเหสุํ. ตสฺส อิโต จิโต จ สตฺตหิ ฆเรหิ อาคตา มูสิกา เต ตุจฺฉโกฏฺเ ปวิสิตฺวา อุยฺยานกีฬํ กีฬนฺตา วิย นจฺจนฺติ, ตํ คเหตฺวา เอวมาห.
อุปฺปาฏเกหิ สฺฉนฺโนติ อุปฺปาฏกปาณเกหิ สฺฉนฺโน. ตสฺส กิร พฺราหฺมณสฺส สยนตฺถาย สนฺถตํ ติณปณฺณสนฺถารํ โกจิ อนฺตรนฺตรา ปฏิชคฺคนฺโต นตฺถิ. โส ทิวสํ อรฺเ กมฺมํ กตฺวา สายํ อาคนฺตฺวา ตสฺมึ นิปชฺชติ. อถสฺส อุปฺปาฏกปาณกา สรีรํ เอกจฺฉนฺนํ กโรนฺตา ขาทนฺติ, ตํ คเหตฺวา เอวมาห.
วิธวาติ ¶ มตปติกา. ยาว กิร ตสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห วิภวมตฺตา อโหสิ, ตาว ตา วิธวาปิ หุตฺวา ปติกุเลสุ วสิตุํ ลภึสุ. ยทา ปน โส นิทฺธโน ชาโต, ตทา ตา ‘‘ปิตุฆรํ คจฺฉถา’’ติ สสฺสุสสุราทีหิ นิกฺกฑฺฒิตา ตโต ตสฺเสว ฆรํ อาคนฺตฺวา วสนฺติโย พฺราหฺมณสฺส โภชนกาเล ‘‘คจฺฉถ อยฺยเกน สทฺธึ ภฺุชถา’’ติ ปุตฺเต เปเสนฺติ, เตหิ ปาติยํ หตฺเถสุ โอตาริเตสุ พฺราหฺมโณ หตฺถสฺส โอกาสํ น ลภติ. ตํ คเหตฺวา อิมํ คาถมาห.
ปิงฺคลาติ กฬารปิงฺคลา. ติลกาหตาติ กาฬเสตาทิวณฺเณหิ ติลเกหิ อาหตคตฺตา. โสตฺตํ ปาเทน โพเธตีติ นิทฺทํ โอกฺกนฺตํ ปาเทน ปหริตฺวา ปโพเธติ. อยํ กิร พฺราหฺมโณ มูสิกสทฺเทน อุพฺพาฬฺโห อุปฺปาฏเกหิ จ ขชฺชมาโน สพฺพรตฺตึ ¶ นิทฺทํ อลภิตฺวา ปจฺจูสกาเล นิทฺทายติ. อถ นํ อกฺขีสุ นิมฺมิลิตมตฺเตสฺเวว – ‘‘กึ กโรสิ, พฺราหฺมณ, ปจฺฉา จ ปุพฺเพ จ คหิตสฺส อิณสฺส? วฑฺฒิ มตฺถกํ ปตฺตา, สตฺต ธีตโร โปเสตพฺพา. อิทานิ อิณายิกา อาคนฺตฺวา ¶ เคหํ ปริวาเรสฺสนฺติ, คจฺฉ กมฺมํ กโรหี’’ติ ปาเทน ปหริตฺวา ปโพเธติ. ตํ คเหตฺวา อิมํ คาถมาห.
อิณายิกาติ เยสํ อเนน หตฺถโต อิณํ คหิตํ. โส กิร กสฺสจิ หตฺถโต เอกํ กหาปณํ กสฺสจิ ทฺเว กสฺสจิ ทส…เป… กสฺสจิ สตนฺติ เอวํ พหูนํ หตฺถโต อิณํ อคฺคเหสิ. เต ทิวา พฺราหฺมณํ อปสฺสนฺตา ‘‘เคหโต ตํ นิกฺขนฺตเมว คณฺหิสฺสามา’’ติ พลวปจฺจูเส คนฺตฺวา โจเทนฺติ. ตํ คเหตฺวา อิมํ คาถมาห.
ภควา เตน พฺราหฺมเณน อิมาหิ สตฺตหิ คาถาหิ ทุกฺเข กถิเต ‘‘ยํ ยํ, พฺราหฺมณ, ตยา ทุกฺขํ กถิตํ, สพฺพเมตํ มยฺหํ นตฺถี’’ติ ทสฺเสนฺโต ปฏิคาถาหิ พฺราหฺมณสฺส ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ. พฺราหฺมโณ ตา คาถา สุตฺวา ภควติ ปสนฺโน สรเณสุ ปติฏฺาย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺเต ภารทฺวาชโคตฺโตติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อลตฺถาติ ลภิ.
ตฺจ ปน พฺราหฺมณํ ภควา ปพฺพาเชตฺวา อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา ปุนทิวเส เตน เถเรน ปจฺฉาสมเณน โกสลรฺโ เคหทฺวารํ อคมาสิ ¶ . ราชา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห วนฺทิตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ตถาคตํ อุปริปาสาทํ อาโรเปตฺวา วราสเน นิสีทาเปตฺวา คนฺโธทเกน ปาเท โธวิตฺวา สตปากเตเลน มกฺเขตฺวา ยาคุํ อาหราเปตฺวา รชตทณฺฑํ สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา สตฺถุ อุปนาเมสิ. สตฺถา ปตฺตํ ปิทหิ. ราชา ตถาคตสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา, ‘‘สเจ เม, ภนฺเต, โทโส อตฺถิ, ขมถา’’ติ อาห. นตฺถิ, มหาราชาติ. อถ กสฺมา ยาคุํ น คณฺหถาติ? ปลิโพโธ อตฺถิ, มหาราชาติ. กึ ปน, ภนฺเต, ยาคุํ อคณฺหนฺเตเหว ลภิตพฺโพ เอส ปลิโพโธ, ปฏิพโล อหํ ปลิโพธํ ทาตุํ, คณฺหถ, ภนฺเตติ. สตฺถา อคฺคเหสิ. มหลฺลกตฺเถโรปิ ทีฆรตฺตํ ฉาโต ยาวทตฺถํ ยาคุํ ปิวิ. ราชา ขาทนียโภชนียํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ภควนฺตํ ¶ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภควา ตุมฺเห ปเวณิยา อาคเต โอกฺกากวํเส อุปฺปชฺชิตฺวา จกฺกวตฺติสิรึ ปหาย ปพฺพชิตฺวา โลเก อคฺคตํ ปตฺโต, โก นาม, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปลิโพโธ’’ติ? มหาราช, เอตสฺส มหลฺลกตฺเถรสฺส ปลิโพโธ อมฺหากํ ปลิโพธสทิโสวาติ.
ราชา ¶ เถรํ วนฺทิตฺวา – ‘‘โก, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปลิโพโธ’’ติ ปุจฺฉิ? อิณปลิโพโธ, มหาราชาติ. กิตฺตโก, ภนฺเตติ? คเณหิ, มหาราชาติ. รฺโ ‘‘เอกํ ทฺเว สตํ สหสฺส’’นฺติ คเณนฺตสฺส องฺคุลิโย นปฺปโหนฺติ. อเถกํ ปุริสํ ปกฺโกสิตฺวา, ‘‘คจฺฉ, ภเณ, นคเร เภรึ จราเปหิ ‘สพฺเพ พหุธีติกพฺราหฺมณสฺส อิณายิกา ราชงฺคเณ สนฺนิปตนฺตู’’ติ. มนุสฺสา เภรึ สุตฺวา สนฺนิปตึสุ. ราชา เตสํ หตฺถโต ปณฺณานิ อาหราเปตฺวา สพฺเพสํ อนูนํ ธนมทาสิ. ตตฺถ สุวณฺณเมว สตสหสฺสคฺฆนกํ อโหสิ. ปุน ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘อฺโปิ อตฺถิ, ภนฺเต, ปลิโพโธ’’ติ. อิณํ นาม, มหาราช, ทตฺวา มุจฺจิตุํ สกฺกา, เอตา ปน สตฺต ทาริกา มหาปลิโพธา มยฺหนฺติ. ราชา ยานานิ เปเสตฺวา ตสฺส ธีตโร อาหราเปตฺวา อตฺตโน ธีตโร กตฺวา ตํ ตํ กุลฆรํ เปเสตฺวา, ‘‘อฺโปิ, ภนฺเต, อตฺถิ ปลิโพโธ’’ติ ปุจฺฉิ? พฺราหฺมณี, มหาราชาติ. ราชา ยานํ เปเสตฺวา, ตสฺส พฺราหฺมณึ อาหราเปตฺวา, อยฺยิกฏฺาเน เปตฺวา ปุน ปุจฺฉิ – ‘‘อฺโปิ, ภนฺเต, อตฺถิ ปลิโพโธ’’ติ? นตฺถิ ¶ , มหาราชาติ วุตฺเต ราชาปิ จีวรทุสฺสานิ ทาเปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มม สนฺตกํ ตุมฺหากํ ภิกฺขุภาวํ ชานาถา’’ติ อาห. อาม, มหาราชาติ. อถ นํ ราชา อาห – ‘‘ภนฺเต, จีวรปิณฺฑปาตาทโยปิ สพฺเพ ปจฺจยา อมฺหากํ สนฺตกา ภวิสฺสนฺติ. ตุมฺเห ตถาคตสฺส มนํ คเหตฺวา สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ. เถโร ตเถว อปฺปมตฺโต สมณธมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อาสวกฺขยํ ปตฺโตติ. ทสมํ.
ปโม วคฺโค.
๒. อุปาสกวคฺโค
๑. กสิภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา
๑๙๗. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ปเม มคเธสูติ เอวํนามเก ชนปเท. ทกฺขิณาคิริสฺมินฺติ ราชคหํ ปริวาเรตฺวา ิตสฺส คิริโน ทกฺขิณภาเค ชนปโท อตฺถิ, ตสฺมึ ชนปเท, ตตฺถ วิหารสฺสาปิ ตเทว นามํ. เอกนาฬายํ พฺราหฺมณคาเมติ เอกนาฬาติ ตสฺส คามสฺส นามํ. พฺราหฺมณา ¶ ปเนตฺถ สมฺพหุลา ปฏิวสนฺติ, พฺราหฺมณโภโค เอว วา โส. ตสฺมา ‘‘พฺราหฺมณคาโม’’ติ วุจฺจติ.
เตน โข ปน สมเยนาติ ยํ สมยํ ภควา มคธรฏฺเ เอกนาฬํ พฺราหฺมณคามํ อุปนิสฺสาย ทกฺขิณคิริมหาวิหาเร พฺราหฺมณสฺส อินฺทฺริยปริปากํ อาคมยมาโน วิหรติ, เตน สมเยน. กสิภารทฺวาชสฺสาติ โส พฺราหฺมโณ กสึ นิสฺสาย ชีวติ, ภารทฺวาโชติ จสฺส โคตฺตํ. ปฺจมตฺตานีติ ปฺจ ปมาณานิ, อนูนานิ อนธิกานิ ปฺจนงฺคลสตานีติ วุตฺตํ โหติ. ปยุตฺตานีติ โยชิตานิ, พลีพทฺทานํ ขนฺเธสุ เปตฺวา ยุเค โยตฺเตหิ โยชิตานีติ อตฺโถ.
วปฺปกาเลติ วปฺปนกาเล พีชนิกฺเขปสมเย. ตตฺถ ทฺเว วปฺปานิ กลลวปฺปฺจ ปํสุวปฺปฺจ. ปํสุวปฺปํ อิธ อธิปฺเปตํ, ตฺจ โข ปมทิวเส มงฺคลวปฺปํ. ตตฺถายํ อุปกรณสมฺปทา – ตีณิ พลิพทฺทสหสฺสานิ อุปฏฺาปิตานิ โหนฺติ, สพฺเพสํ สุวณฺณมยานิ สิงฺคานิ ปฏิมุกฺกานิ, รชตมยา ขุรา, สพฺเพ ¶ เสตมาลาหิ เจว คนฺธปฺจงฺคุลีหิ จ อลงฺกตา ปริปุณฺณปฺจงฺคา สพฺพลกฺขณสมฺปนฺนา, เอกจฺเจ กาฬา อฺชนวณฺณา, เอกจฺเจ เสตา ผลิกวณฺณา, เอกจฺเจ รตฺตา ปวาฬวณฺณา, เอกจฺเจ กมฺมาสา มสารคลฺลวณฺณา. เอวํ ปฺจสตา กสฺสกา สพฺเพ อหตเสตวตฺถา คนฺธมาลาลงฺกตา ทกฺขิณอํสกูเฏสุ ปติฏฺิตปุปฺผจุมฺพฏกา หริตาลมโนสิลาลฺชนุชฺชลคตฺตา ทส ทส นงฺคลา เอเกกคุมฺพา หุตฺวา คจฺฉนฺติ. นงฺคลานํ สีสฺจ ยุคฺจ ปโตทา จ สุวณฺณขจิตา ¶ . ปมนงฺคเล อฏฺ พลีพทฺทา ยุตฺตา, เสเสสุ จตฺตาโร จตฺตาโร, อวเสสา กิลนฺตปริวตฺตนตฺถํ อานีตา. เอเกกคุมฺเพ เอเกกพีชสกฏํ เอเกโก กสติ, เอเกโก วปฺปติ.
พฺราหฺมโณ ปน ปเคว มสฺสุกมฺมํ การาเปตฺวา นฺหายิตฺวา สุคนฺธคนฺเธหิ วิลิตฺโต ปฺจสตคฺฆนกํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา สหสฺสคฺฆนกํ เอกํสํ กริตฺวา เอเกกิสฺสา องฺคุลิยา ทฺเว ทฺเวติ วีสติ องฺคุลิมุทฺทิกาโย กณฺเณสุ สีหกุณฺฑลานิ สีเส พฺรหฺมเวนํ ปฏิมฺุจิตฺวา สุวณฺณมาลํ กณฺเ กตฺวา พฺราหฺมณคณปริวุโต กมฺมนฺตํ โวสาสติ. อถสฺส พฺราหฺมณี อเนกสตภาชเนสุ ปายาสํ ปจาเปตฺวา มหาสกเฏสุ อาโรเปตฺวา คนฺโธทเกน นฺหายิตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา พฺราหฺมณีคณปริวุตา กมฺมนฺตํ อคมาสิ. เคหมฺปิสฺส หริตุปลิตฺตํ วิปฺปกิณฺณลาชํ ¶ ปุณฺณฆฏกทลิธชปฏากาหิ อลงฺกตํ คนฺธปุปฺผาทีหิ สุกตพลิกมฺมํ, เขตฺตฺจ เตสุ เตสุ าเนสุ สมุสฺสิตทฺธชปฏากํ อโหสิ. ปริชนกมฺมกาเรหิ สทฺธึ โอสฏปริสา อฑฺฒเตยฺยสหสฺสา อโหสิ, สพฺเพ อหตวตฺถา, สพฺเพสํ ปายาสโภชนเมว ปฏิยตฺตํ.
อถ พฺราหฺมโณ สุวณฺณปาตึ โธวาเปตฺวา ปายาสสฺส ปูเรตฺวา สปฺปิมธุผาณิเตหิ อภิสงฺขริตฺวา นงฺคลพลิกมฺมํ การาเปสิ. พฺราหฺมณี ปฺจนฺนํ กสฺสกสตานํ สุวณฺณรชตกํสตมฺพโลหมยานิ ภาชนานิ ทาเปตฺวา สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา ปายาเสน ปริวิสนฺตี คจฺฉติ. พฺราหฺมโณ ปน พลิกมฺมํ กาเรตฺวา รตฺตพนฺธิกาโย อุปาหนาโย อาโรหิตฺวา รตฺตสุวณฺณทณฺฑกํ คเหตฺวา, ‘‘อิธ ปายาสํ เทถ, อิธ สปฺปึ ¶ เทถ, อิธ สกฺขรํ เทถา’’ติ โวสาสมาโน วิจรติ. อยํ ตาว กมฺมนฺเต ปวตฺติ.
วิหาเร ปน ยตฺถ ยตฺถ พุทฺธา วสนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ เนสํ เทวสิกํ ปฺจ กิจฺจานิ ภวนฺติ, เสยฺยถิทํ – ปุเรภตฺตกิจฺจํ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจํ ปุริมยามกิจฺจํ มชฺฌิมยามกิจฺจํ ปจฺฉิมยามกิจฺจนฺติ.
ตตฺริทํ ปุเรภตฺตกิจฺจํ ¶ – ภควา หิ ปาโตว อุฏฺาย อุปฏฺากานุคฺคหตฺถํ สรีรผาสุกตฺถฺจ มุขโธวนาทิปริกมฺมํ กตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา, ตาว วิวิตฺตาสเน วีตินาเมตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย กทาจิ เอกโก กทาจิ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ กทาจิ ปกติยา, กทาจิ อเนเกหิ ปาฏิหาริเยหิ วตฺตมาเนหิ. เสยฺยถิทํ – ปิณฺฑาย ปวิสโต โลกนาถสฺส ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา มุทุคติโย วาตา ปถวึ โสเธนฺติ, วลาหกา อุทกผุสิตานิ มฺุจนฺตา มคฺเค เรณุํ วูปสเมตฺวา อุปริ วิตานํ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, อปเร วาตา ปุปฺผานิ อุปหริตฺวา มคฺเค โอกิรนฺติ. อุนฺนตา ภูมิปฺปเทสา โอนมนฺติ, โอนตา อุนฺนมนฺติ. ปาทนิกฺเขปสมเย สมาว ภูมิ โหติ, สุขสมฺผสฺสานิ ปทุมปุปฺผานิ วา ปาเท สมฺปฏิจฺฉนฺติ. อินฺทขีลสฺส อนฺโต ปิตมตฺเต ทกฺขิณปาเท สรีรา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณรสสิฺจนานิ วิย จิตฺรปฏปริกฺขิตฺตานิ วิย จ ปาสาทกูฏาคาราทีนิ กโรนฺติโย อิโต จิโต จ วิธาวนฺติ. หตฺถิอสฺสวิหงฺคาทโย สกสกฏฺาเนสุ ิตาเยว มธุเรนากาเรน สทฺทํ กโรนฺติ ¶ , ตถา เภริวีณาทีนิ ตูริยานิ มนุสฺสานฺจ กายูปคานิ อาภรณานิ. เตน สฺาเณน มนุสฺสา ชานนฺติ ‘‘อชฺช ภควา อิธ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ’’ติ. เต สุนิวตฺถา สุปารุตา คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย ฆรา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรวีถึ ปฏิปชฺชิตฺวา ภควนฺตํ คนฺธปุปฺผาทีหิ สกฺกจฺจํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, ทส ภิกฺขู, อมฺหากํ วีสติ, อมฺหากํ ภิกฺขุสตํ เทถา’’ติ ยาจิตฺวา ภควโตปิ ปตฺตํ คเหตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิมาเนนฺติ.
ภควา ¶ กตภตฺตกิจฺโจ เตสํ สนฺตานานิ โอโลเกตฺวา ตถา ธมฺมํ เทเสติ, ยถา เกจิ สรณคมเน ปติฏฺหนฺติ, เกจิ ปฺจสุ สีเลสุ, เกจิ โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลานํ อฺตรสฺมึ, เกจิ ปพฺพชิตฺวา อคฺคผเล อรหตฺเตติ ¶ . เอวํ มหาชนํ อนุคฺคเหตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คจฺฉติ. ตตฺถ คนฺธมณฺฑลมาเฬ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทติ ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสานํ อาคมยมาโน. ตโต ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน อุปฏฺาโก ภควโต นิเวเทติ. อถ ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสติ. อิทํ ตาว ปุเรภตฺตกิจฺจํ.
อถ ภควา เอวํ กตปุเรภตฺตกิจฺโจ คนฺธกุฏิยา อุปฏฺาเน นิสีทิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปาทปีเ ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทติ – ‘‘ภิกฺขเว, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ, ทุลฺลโภ พุทฺธุปฺปาโท โลกสฺมึ, ทุลฺลโภ มนุสฺสตฺตปฏิลาโภ, ทุลฺลภา สทฺธาสมฺปตฺติ, ทุลฺลภา ปพฺพชฺชา, ทุลฺลภํ สทฺธมฺมสฺสวน’’นฺติ. ตตฺถ เกจิ ภควนฺตํ กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉนฺติ. ภควา เตสํ อตฺตโน จริยานุรูปํ กมฺมฏฺานํ เทติ. ตโต สพฺเพปิ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ คจฺฉนฺติ, เกจิ อรฺํ, เกจิ รุกฺขมูลํ, เกจิ ปพฺพตาทีนํ อฺตรํ, เกจิ จาตุมหาราชิกภวนํ…เป… เกจิ วสวตฺติภวนนฺติ. ตโต ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา สเจ อากงฺขติ, ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน มุหุตฺตํ สีหเสยฺยํ กปฺเปติ. อถ สมสฺสาสิตกาโย อุฏฺหิตฺวา ทุติยภาเค โลกํ โวโลเกติ. ตติยภาเค ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ, ตตฺถ มหาชโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุนิวตฺโถ สุปารุโต คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย วิหาเร สนฺนิปตติ. ตโต ภควา สมฺปตฺตปริสาย อนุรูเปน ปาฏิหาริเยน คนฺตฺวา ธมฺมสภายํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน ¶ นิสชฺช ธมฺมํ เทเสติ กาลยุตฺตํ สมยยุตฺตํ. อถ กาลํ วิทิตฺวา ปริสํ อุยฺโยเชติ, มนุสฺสา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺติ. อิทํ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจํ.
โส เอวํ นิฏฺิตปจฺฉาภตฺตกิจฺโจ สเจ คตฺตานิ โอสิฺจิตุกาโม โหติ, พุทฺธาสนา วุฏฺาย นฺหานโกฏฺกํ ปวิสิตฺวา อุปฏฺาเกน ปฏิยาทิตอุทเกน คตฺตานิ อุตุํ คาหาเปติ ¶ . อุปฏฺาโกปิ พุทฺธาสนํ อาเนตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺาเปติ. ภควา สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา ตตฺถ อาคนฺตฺวา นิสีทติ ¶ เอกโกว มุหุตฺตํ ปฏิสลฺลีโน. อถ ภิกฺขู ตโต ตโต อาคมฺม ภควโต อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ. ตตฺถ เอกจฺเจ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ กมฺมฏฺานํ, เอกจฺเจ ธมฺมสฺสวนํ ยาจนฺติ. ภควา เตสํ อธิปฺปายํ สมฺปาเทนฺโต ปุริมยามํ วีตินาเมติ. อิทํ ปุริมยามกิจฺจํ.
ปุริมยามกิจฺจปริโยสาเน ปน ภิกฺขูสุ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺเตสุ สกลทสสหสฺสิโลกธาตุเทวตาโย โอกาสํ ลภมานา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ ยถาภิสงฺขตํ อนฺตมโส จตุรกฺขรมฺปิ. ภควา ตาสํ ตาสํ เทวตานํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต มชฺฌิมยามํ วีตินาเมติ. อิทํ มชฺฌิมยามกิจฺจํ.
ปจฺฉิมยามํ ปน ตโย โกฏฺาเส กตฺวา ปุเรภตฺตโต ปฏฺาย นิสชฺชาปีฬิตสฺส สรีรสฺส กิลาสุภาวโมจนตฺถํ เอกํ โกฏฺาสํ จงฺกเมน วีตินาเมติ. ทุติยโกฏฺาเส คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ. ตติยโกฏฺาเส ปจฺจุฏฺาย นิสีทิตฺวา ปุริมพุทฺธานํ สนฺติเก ทานสีลาทิวเสน กตาธิการปุคฺคลทสฺสนตฺถํ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกติ. อิทํ ปจฺฉิมยามกิจฺจํ.
ตทาปิ เอวํ โอโลเกนฺโต กสิภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ทิสฺวา – ‘‘ตตฺถ มยิ คเต กถา ปวตฺติสฺสติ, กถาวสาเน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เอโส พฺราหฺมโณ สปุตฺตทาโร ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺาย อสีติโกฏิธนํ มม สาสเน วิปฺปกิริตฺวา อปรภาเค นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา กถํ สมุฏฺาเปตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เอตมตฺถํ ทสฺเสตุํ อถ โข ภควาติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ¶ ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ, ปุพฺพณฺหสมเยติ อตฺโถ. นิวาเสตฺวาติ ปริทหิตฺวา. วิหารจีวรปริวตฺตนวเสเนตํ วุตฺตํ. ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตํ หตฺเถหิ, จีวรํ กาเยน อาทิยิตฺวา, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ¶ ธาเรตฺวาติ อตฺโถ. ภควโต กิร ปิณฺฑาย ปวิสิตุกามสฺส ภมโร วิย วิกสิตปทุมทฺวยมชฺฌํ, อินฺทนีลมณิวณฺณเสลมยปตฺโต หตฺถทฺวยมชฺฌํ อาคจฺฉติ. ตํ เอวมาคตํ ปตฺตํ หตฺเถหิ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา จีวรฺจ ปริมณฺฑลํ ปารุตํ กาเยน ธาเรตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เตนุปสงฺกมีติ ¶ เยน มคฺเคน กมฺมนฺโต คนฺตพฺโพ, เตน เอกโกว อุปสงฺกมิ. กสฺมา ปน นํ ภิกฺขู นานุพนฺธึสูติ? ยทา หิ ภควา เอกโกว กตฺถจิ คนฺตุกาโม โหติ, ยาว ภิกฺขาจารเวลา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํ นิสีทติ. ภิกฺขู ตาย สฺาย ชานนฺติ ‘‘อชฺช ภควา เอกโกว ปิณฺฑาย จริตุกาโม, อทฺธา กฺจิ เอว วิเนตพฺพปุคฺคลํ อทฺทสา’’ติ. เต อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา คนฺธกุฏึ ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺติ. ตทา จ ภควา เอวมกาสิ, ตสฺมา ภิกฺขู นานุพนฺธึสูติ.
ปริเวสนา วตฺตตีติ เตสํ สุวณฺณภาชนาทีนิ คเหตฺวา นิสินฺนานํ ปฺจสตานํ กสฺสกานํ ปริวิสนา วิปฺปกตา โหติ. เอกมนฺตํ อฏฺาสีติ ยตฺถ ิตํ พฺราหฺมโณ ปสฺสติ, ตถารูเป ทสฺสนูปจาเร กถาสวนผาสุเก อุจฺจฏฺาเน อฏฺาสิ. ตฺวา จ รชตสุวณฺณรสปิฺชรํ จนฺทิมสูริยานํ ปภํ อติโรจมานํ สมนฺตโต สรีรปฺปภํ มฺุจิ, ยาย อชฺโฌตฺถฏตฺตา พฺราหฺมณสฺส กมฺมนฺตสาลาภิตฺติรุกฺขกสิตมตฺติกปิณฺฑาทโย สุวณฺณมยา วิย อเหสุํ. อถ มนุสฺสา ภฺุชนฺตา จ กสนฺตา จ สพฺพกิจฺจานิ ปหาย อสีติอนุพฺยฺชนปริวารํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ สรีรํ พฺยามปฺปภาปริกฺเขปวิภูสิตํ พาหุยุคลํ ชงฺคมํ วิย ปทุมสรํ, รสฺมิชาลสมุชฺชลิตตาราคณมิว คคนตลํ, วิชฺชุลตาวินทฺธมิว จ กนกสิขรํ สิริยา ชลมานํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอกมนฺตํ ิตํ ทิสฺวา หตฺถปาเท โธวิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห สมฺปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. เอวํ เตหิ สมฺปริวาริตํ อทฺทสา โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย ิตํ, ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – อหํ โข, สมณ, กสามิ จ วปามิ จาติ.
กสฺมา ¶ ปนายํ เอวมาห, กึ สมนฺตปาสาทิเก ปสาทนีเย อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺเตปิ ตถาคเต อปฺปสาเทน, อุทาหุ อฑฺฒติยานํ ชนสหสฺสานํ ปายาสํ ปฏิยาเทตฺวาปิ กฏจฺฉุภิกฺขาย มจฺเฉเรนาติ? อุภยถาปิ โน, ภควโต ปนสฺส ทสฺสเนน อติตฺตํ นิกฺขิตฺตกมฺมนฺตํ ชนํ ทิสฺวา ‘‘กมฺมภงฺคํ ¶ เม กาตุํ อาคโต’’ติ อนตฺตมนตา อโหสิ, ตสฺมา ¶ เอวมาห. ภควโต จ ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา – ‘‘สจายํ กมฺมนฺเต อปฺปโยชยิสฺส, สกลชมฺพุทีเป มนุสฺสานํ สีเส จูฬามณิ วิย อภวิสฺส, โก นามสฺส อตฺโถ น สมฺปชฺชิสฺสติ, เอวเมวํ อลสตาย กมฺมนฺเต อปฺปโยเชตฺวา วปฺปมงฺคลาทีสุ ปิณฺฑาย จรตี’’ติปิสฺส อนตฺตมนตา อโหสิ. เตนาห – ‘‘อหํ โข, สมณ, กสามิ จ วปามิ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภฺุชามี’’ติ.
อยํ กิรสฺส อธิปฺปาโย – มยฺหมฺปิ ตาว กมฺมนฺตา น พฺยาปชฺชนฺติ, น จมฺหิ ยถา ตฺวํ เอวํ ลกฺขณสมฺปนฺโน, ตฺวมฺปิ กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภฺุชสฺสุ, โก เต อตฺโถ น สมฺปชฺเชยฺย เอวํ ลกฺขณสมฺปนฺนสฺสาติ. อปิจายํ อสฺโสสิ – ‘‘สกฺยราชกุเล กิร กุมาโร อุปฺปนฺโน, โส จกฺกวตฺติรชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต’’ติ. ตสฺมา อิทานิ ‘‘อยํ โส’’ติ ตฺวา ‘‘จกฺกวตฺติรชฺชํ ปหาย กิลนฺโตสี’’ติ อุปารมฺภํ อาโรเปนฺโต เอวมาห. อปิจ ติกฺขปฺโ เอส พฺราหฺมโณ, น ภควนฺตํ อปสาเทนฺโต ภณติ, ภควโต ปน รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปฺุสมฺปตฺตึ สมฺภาวยมาโน กถาปวตฺตนตฺถมฺปิ เอวมาห. อถ ภควา เวเนยฺยวเสน สเทวเก โลเก อคฺคกสฺสกวปฺปกภาวํ อตฺตโน ทสฺเสนฺโต อหมฺปิ โข พฺราหฺมโณติอาทิมาห.
อถ พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ สมโณ’’ ‘อหมฺปิ กสามิ จ วปามิ จา’ติ ภณติ. น จสฺส โอฬาริกานิ ยุคนงฺคลาทีนิ กสิภณฺฑานิ ปสฺสามิ, กึ นุ โข มุสา ภณตี’’ติ? ภควนฺตํ ปาทตลโต ปฏฺาย ยาว เกสคฺคา โอโลกยมาโน, องฺควิชฺชาย กตาธิการตฺตา ทฺวตฺตึสวรลกฺขณสมฺปตฺติมสฺส ตฺวา, ‘‘อฏฺานเมตํ ยํ เอวรูโป มุสา ภเณยฺยา’’ติ สฺชาตพหุมาโน ¶ ภควติ สมณวาทํ ปหาย โคตฺเตน ภควนฺตํ สมุทาจรมาโน น โข ปน มยํ ปสฺสาม โภโต โคตมสฺสาติอาทิมาห. ภควา ปน ยสฺมา ปุพฺพธมฺมสภาคตาย กถนํ นาม พุทฺธานํ อานุภาโว, ตสฺมา พุทฺธานุภาวํ ทีเปนฺโต สทฺธา พีชนฺติอาทิมาห.
กา ปเนตฺถ ปุพฺพธมฺมสภาคตา? นนุ พฺราหฺมเณน ภควา นงฺคลาทิกสิสมฺภารสมาโยคํ ปุฏฺโ อปุจฺฉิตสฺส พีชสฺส สภาคตาย อาห ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ, เอวฺจ สติ กถาปิ อนนุสนฺธิกา โหติ? น หิ พุทฺธานํ อนนุสนฺธิกกถา ¶ นาม อตฺถิ, นปิ ปุพฺพธมฺมสฺส อสภาคตาย ¶ กเถนฺติ. เอวํ ปเนตฺถ อนุสนฺธิ เวทิตพฺพา – พฺราหฺมเณน หิ ภควา ยุคนงฺคลาทิกสิสมฺภารวเสน กสึ ปุจฺฉิโต. โส ตสฺส อนุกมฺปาย ‘‘อิทํ อปุจฺฉิต’’นฺติ อปริหาเปตฺวา สมูลํ สอุปการํ สสมฺภารํ สผลํ กสึ ปฺาเปตุํ มูลโต ปฏฺาย ทสฺเสนฺโต ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ พีชํ กสิยา มูลํ, ตสฺมึ สติ กตฺตพฺพโต, อสติ อกตฺตพฺพโต, ตปฺปมาเณน จ กตฺตพฺพโต. พีเช หิ สติ กสึ กโรนฺติ, น อสติ. พีชปฺปมาเณน จ กุสลา กสฺสกา เขตฺตํ กสนฺติ, น อูนํ ‘‘มา โน สสฺสํ ปริหายี’’ติ, น อธิกํ ‘‘มา โน โมโฆ วายาโม อโหสี’’ติ. ยสฺมา จ พีชเมว มูลํ, ตสฺมา ภควา มูลโต ปฏฺาย กสิสมฺภารํ ทสฺเสนฺโต ตสฺส พฺราหฺมณสฺส กสิยา ปุพฺพธมฺมสฺส พีชสฺส สภาคตาย อตฺตโน กสิยา ปุพฺพธมฺมํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ. เอวเมตฺถ ปุพฺพธมฺมสภาคตาปิ เวทิตพฺพา.
ปุจฺฉิตํเยว วตฺวา อปุจฺฉิตํ ปจฺฉา กึ น วุตฺตนฺติ เจ? ตสฺส อุปการภาวโต จ ธมฺมสมฺพนฺธสมตฺถภาวโต จ. อยํ หิ พฺราหฺมโณ ปฺวา, มิจฺฉาทิฏฺิกุเล ปน ชาตตฺตา สทฺธารหิโต, สทฺธารหิโต จ ปฺวา ปเรสํ สทฺธาย อตฺตโน อวิสเย อปฏิปชฺชมาโน วิเสสํ นาธิคจฺฉติ, กิเลสกาลุสฺสิยปรามฏฺาปิ จสฺส ทุพฺพลา สทฺธา พลวติยา ปฺาย สหสา วตฺตมานา อตฺถสิทฺธึ น กโรติ หตฺถินา สทฺธึ เอกธุเร ยุตฺโต โคโณ ¶ วิย. อิติสฺส สทฺธา อุปการิกาติ ตํ พฺราหฺมณํ สทฺธาย ปติฏฺาเปนฺเตน ปจฺฉาปิ วตฺตพฺโพ อยมตฺโถ เทสนากุสลตาย ปุพฺเพ วุตฺโต. พีชสฺส จ อุปการิกา วุฏฺิ, สา ตทนนฺตรํเยว วุจฺจมานา สมตฺถา โหติ. เอวํ ธมฺมสมฺพนฺธสมตฺถภาวโต ปจฺฉาปิ วตฺตพฺโพ อยมตฺโถ, อฺโ จ เอวรูโป อีสาโยตฺตาทิ ปุพฺเพ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ สมฺปสาทลกฺขณา สทฺธา, โอกปฺปนลกฺขณา วา. พีชนฺติ ปฺจวิธํ พีชํ มูลพีชํ ขนฺธพีชํ ผลุพีชํ อคฺคพีชํ พีชพีชเมว ปฺจมนฺติ. ตํ สพฺพมฺปิ วิรุหณฏฺเน พีชนฺเตว สงฺขํ คจฺฉติ.
ตตฺถ ¶ ยถา พฺราหฺมณสฺส กสิยา มูลภูตํ พีชํ ทฺเว กิจฺจานิ กโรติ, เหฏฺา มูเลน ปติฏฺาติ, อุปริ องฺกุรํ อุฏฺาเปติ, เอวํ ภควโต กสิยา มูลภูตา สทฺธา เหฏฺา สีลมูเลน ปติฏฺาติ ¶ , อุปริ สมถวิปสฺสนงฺกุรํ อุฏฺาเปติ. ยถา จ ตํ มูเลน ปถวิรสํ อาโปรสํ คเหตฺวา นาเฬน ธฺปริปากคหณตฺถํ วฑฺฒติ, เอวมยํ สีลมูเลน สมถวิปสฺสนารสํ คเหตฺวา อริยมคฺคนาเฬน อริยผลธฺปริปากคหณตฺถํ วฑฺฒติ. ยถา จ ตํ สุภูมิยํ ปติฏฺหิตฺวา มูลงฺกุรปณฺณนาฬกณฺฑปสเวหิ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปตฺวา ขีรํ ชเนตฺวา อเนกสาลิผลภริตํ สาลิสีสํ นิปฺผาเทติ, เอวเมสา จิตฺตสนฺตาเน ปติฏฺหิตฺวา ฉหิ วิสุทฺธีหิ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปตฺวา าณทสฺสนวิสุทฺธิขีรํ ชเนตฺวา อเนกปฏิสมฺภิทาภิฺาภริตํ อรหตฺตผลํ นิปฺผาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ.
กสฺมา ปน อฺเสุ ปโรปฺาสาย กุสลธมฺเมสุ เอกโต อุปฺปชฺชมาเนสุ สทฺธาว ‘‘พีช’’นฺติ วุตฺตาติ เจ? พีชกิจฺจกรณโต. ยถา หิ เตสุ วิฺาณํเยว วิชานนกิจฺจํ กโรติ, เอวํ สทฺธา พีชกิจฺจํ. สา จ สพฺพกุสลานํ มูลภูตา. ยถาห – ‘‘สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสติ…เป… ปฺาย จ นํ อติวิชฺฌ ปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๓).
อกุสลธมฺเม ¶ เจว กายฺจ ตปตีติ ตโป. อินฺทฺริยสํวรวีริยธุตงฺคทุกฺกรการิกานํ เอตํ อธิวจนํ, อิธ ปน อินฺทฺริยสํวโร อธิปฺเปโต. วุฏฺีติ วสฺสวุฏฺิ วาตวุฏฺีติอาทิ อเนกวิธา, อิธ วสฺสวุฏฺิ อธิปฺเปตา. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส วสฺสวุฏฺิสมนุคฺคหิตํ พีชํ พีชมูลกฺจ สสฺสํ วิรุหติ น มิลายติ นิปฺผตฺตึ คจฺฉติ, เอวํ ภควโต อินฺทฺริยสํวรสมนุคฺคหิตา สทฺธา, สทฺธามูลา จ สีลาทโย ธมฺมา วิรุหนฺติ, น มิลายนฺติ นิปฺผตฺตึ คจฺฉนฺติ. เตนาห ‘‘ตโป วุฏฺี’’ติ.
ปฺา เมติ เอตฺถ วุตฺโต เม-สทฺโท ปุริมปเทสุปิ โยเชตพฺโพ ‘‘สทฺธา เม พีชํ, ตโป เม วุฏฺี’’ติ เตน กึ ทีเปติ? ยถา, พฺราหฺมณ, ตยา วปิเต เขตฺเต สเจ วุฏฺิ อตฺถิ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ อตฺถิ, อุทกมฺปิ ตาว ทาตพฺพํ โหติ. ตถา มยา หิริอีเส ปฺายุคนงฺคเล มโนโยตฺเตน เอกาพทฺเธ กเต วีริยพลีพทฺเท โยเชตฺวา สติปาจเนน วิชฺฌิตฺวา อตฺตโน จิตฺตสนฺตานเขตฺตมฺหิ สทฺธาพีเช วปิเต ¶ วุฏฺิยา อภาโว นาม นตฺถิ, อยํ ปน เม นิจฺจกาลํ อินฺทฺริยสํวรตโป วุฏฺีติ.
ปฺาติ ¶ กามาวจราทิเภทโต อเนกวิธา. อิธ ปน สห วิปสฺสนาย มคฺคปฺา อธิปฺเปตา. ยุคนงฺคลนฺติ ยุคฺจ นงฺคลฺจ ยุคนงฺคลํ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส ยุคนงฺคลํ, เอวํ ภควโต ทุวิธาปิ วิปสฺสนา ปฺา จ. ตตฺถ ยถา ยุคํ อีสาย อุปนิสฺสยํ โหติ, ปุรโต จ อีสาพทฺธํ โหติ, โยตฺตานํ นิสฺสยํ โหติ, พลีพทฺทานํ เอกโต คมนํ ธาเรติ, เอวํ ปฺา หิริปฺปมุขานํ ธมฺมานํ อุปนิสฺสยา โหติ. ยถาห – ‘‘ปฺุตฺตรา สพฺเพ กุสลา ธมฺมา’’ติ (อ. นิ. ๘.๘๓; ๑๐.๕๘) จ, ‘‘ปฺา หิ เสฏฺา กุสลา วทนฺติ, นกฺขตฺตราชาริว ตารกาน’’นฺติ (ชา. ๒.๑๗.๘๑) จ. กุสลานํ ธมฺมานํ ปุพฺพงฺคมฏฺเน ปุรโต จ โหติ. ยถาห – ‘‘สีลํ สิรี จาปิ สตฺจ ธมฺโม, อนฺวายิกา ปฺวโต ภวนฺตี’’ติ หิริวิปฺปโยเคน อนุปฺปตฺติโต ปน อีสาพทฺโธ โหติ. มโนสงฺขาตสฺส สมาธิโยตฺตสฺส นิสฺสยปจฺจยโต โยตฺตานํ ¶ นิสฺสโย โหติ. อจฺจารทฺธาติลีนภาวปฏิเสธนโต วีริยพลีพทฺทานํ เอกโต คมนํ ธาเรติ, ยถา จ นงฺคลํ ผาลยุตฺตํ กสนกาเล ปถวิฆนํ ภินฺทติ, มูลสนฺตานกานิ ปทาเลติ, เอวํ สติยุตฺตา ปฺา วิปสฺสนากาเล ธมฺมานํ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณฆนํ ภินฺทติ, สพฺพกิเลสมูลสนฺตานกานิ ปทาเลติ. สา จ โข โลกุตฺตราว, อิตรา ปน โลกิกาปิ สิยา. เตนาห ‘‘ปฺา เม ยุคนงฺคล’’นฺติ.
หิรียติ ปาปเกหิ ธมฺเมหีติ หิรี. ตคฺคหเณน ตาย อวิปฺปยุตฺตํ โอตฺตปฺปมฺปิ คหิตเมว โหติ. อีสาติ ยุคนงฺคลสนฺธาริกา รุกฺขลฏฺิ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส อีสา ยุคนงฺคลํ ธาเรติ, เอวํ ภควโตปิ หิรี โลกิยโลกุตฺตรปฺาสงฺขาตํ ยุคนงฺคลํ ธาเรติ หิริอภาเว ปฺาย อภาวโต. ยถา จ อีสาปฏิพทฺธยุคนงฺคลํ กิจฺจกรํ โหติ อจลํ อสิถิลํ, เอวํ หิริปฏิพทฺธา จ ปฺา กิจฺจการี โหติ อจลา อสิถิลา อพฺโพกิณฺณา อหิริเกน. เตนาห ‘‘หิรี อีสา’’ติ. มุนาตีติ มโน, จิตฺตสฺเสตํ นามํ. อิธ ปน มโนสีเสน ตํสมฺปยุตฺโต สมาธิ อธิปฺเปโต. โยตฺตนฺติ รชฺชุพนฺธนํ. ตํ ติวิธํ อีสาย สห ยุคสฺส ¶ พนฺธนํ, ยุเคน สห พลีพทฺทานํ พนฺธนํ, สารถินา สห พลีพทฺทานํ เอกาพนฺธนนฺติ. ตตฺถ ยถา พฺราหฺมณสฺส โยตฺตํ อีสายุคพลีพทฺเท เอกาพทฺเธ กตฺวา สกกิจฺเจ ปฏิปาเทติ, เอวํ ภควโต สมาธิ สพฺเพว เต หิริปฺาวีริยธมฺเม เอการมฺมเณ อวิกฺเขปสภาเวน พนฺธิตฺวา สกกิจฺเจ ปฏิปาเทติ. เตนาห ‘‘มโน โยตฺต’’นฺติ.
จิรกตาทิมตฺถํ ¶ สรตีติ สติ. ผาเลตีติ ผาโล. ปาเชนฺติ เอเตนาติ ปาชนํ. ตํ อิธ ‘‘ปาจน’’นฺติ วุตฺตํ. ปโตทสฺเสตํ นามํ. ผาโล จ ปาจนฺจ ผาลปาจนํ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส ผาลปาจนํ, เอวํ ภควโต วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา มคฺคสมฺปยุตฺตา จ สติ. ตตฺถ ยถา ผาโล นงฺคลํ ¶ อนุรกฺขติ, ปุรโต จสฺส คจฺฉติ, เอวํ สติ กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสมานา อารมฺมเณ วา อุปฏฺาปยมานา ปฺานงฺคลํ รกฺขติ. เตเนเวสา ‘‘สตารกฺเขน เจตสา วิหรตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑๐.๒๐) วิย อารกฺขาติ วุตฺตา. อปฺปมุสฺสนวเสน จสฺสา ปุรโต โหติ. สติปริจิเต หิ ธมฺเม ปฺา ปชานาติ, โน ปมุฏฺเ. ยถา จ ปาจนํ พลีพทฺทานํ วิชฺฌนภยํ ทสฺเสนฺตํ สํสีทิตุํ น เทติ, อุปฺปถคมนํ วาเรติ, เอวํ สติ วีริยพลีพทฺทานํ อปายภยํ ทสฺเสนฺตี โกสชฺชสํสีทนํ น เทติ, กามคุณสงฺขาเต อโคจเร จารํ นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชนฺตี อุปฺปถคมนํ วาเรติ. เตนาห ‘‘สติ เม ผาลปาจน’’นฺติ.
กายคุตฺโตติ ติวิเธน กายสุจริเตน คุตฺโต. วจีคุตฺโตติ จตุพฺพิเธน วจีสุจริเตน คุตฺโต. เอตฺตาวตา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วุตฺตํ. อาหาเร อุทเร ยโตติ เอตฺถ อาหารมุเขน สพฺพปจฺจยานํ คหิตตฺตา จตุพฺพิเธปิ ปจฺจเย ยโต สํยโต นิรุปกฺกิเลโสติ อตฺโถ. อิมินา อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ วุตฺตํ. อุทเร ยโตติ อุทเร ยโต สํยโต มิตโภชี, อาหาเร มตฺตฺูติ วุตฺตํ โหติ. อิมินา โภชเน มตฺตฺุตามุเขน ปจฺจยปฏิเสวนสีลํ วุตฺตํ. เตน กึ ทีเปติ? ยถา ตฺวํ, พฺราหฺมณ, พีชํ วปิตฺวา สสฺสปริปาลนตฺถํ กณฺฏกวตึ วา รุกฺขวตึ วา ปาการปริกฺเขปํ วา กโรสิ, เตน เต โคมหึสมิคคณา ปเวสํ อลภนฺตา สสฺสํ น วิลุมฺปนฺติ, เอวมหมฺปิ ตํ สทฺธาพีชํ วปิตฺวา นานปฺปการกุสลสสฺสปริปาลนตฺถํ กายวจีอาหารคุตฺติมยํ ติวิธํ ปริกฺเขปํ กโรมิ ¶ , เตน เม ราคาทิอกุสลธมฺมโคมหึสมิคคณา ปเวสํ อลภนฺตา นานปฺปการกํ กุสลสสฺสํ น วิลุมฺปนฺตีติ.
สจฺจํ กโรมิ นิทฺทานนฺติ เอตฺถ ทฺวีหากาเรหิ อวิสํวาทนํ สจฺจํ. นิทฺทานนฺติ เฉทนํ ลุนนํ อุปฺปาฏนํ ¶ . กรณตฺเถ เจตํ อุปโยควจนํ เวทิตพฺพํ. อยํ เหตฺถ อตฺโถ ‘‘สจฺเจน กโรมิ นิทฺทาน’’นฺติ. กึ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยถา ตฺวํ พาหิรํ กสึ กตฺวา สสฺสทูสกานํ ติณานํ หตฺเถน วา อสิเตน วา นิทฺทานํ กโรสิ, เอวํ อหมฺปิ อชฺฌตฺติกํ กสึ กตฺวา กุสลสสฺสทูสกานํ ¶ วิสํวาทนติณานํ สจฺเจน นิทฺทานํ กโรมี’’ติ. ยถาภูตาณํ วา เอตฺถ สจฺจนฺติ เวทิตพฺพํ. เตน อตฺตสฺาทีนํ ติณานํ นิทฺทานํ กโรมีติ ทสฺเสติ. อถ วา นิทฺทานนฺติ เฉทกํ ลาวกํ อุปฺปาฏกนฺติ อตฺโถ. ยถา ตฺวํ ทาสํ วา กมฺมกรํ วา นิทฺทานํ กโรสิ, ‘‘นิทฺเทหิ ติณานี’’ติ ติณานํ เฉทกํ ลาวกํ อุปฺปาฏกํ กโรสิ, เอวมหํ สจฺจํ กโรมีติ ทสฺเสติ, อถ วา สจฺจนฺติ ทิฏฺิสจฺจํ. ตมหํ นิทฺทานํ กโรมิ, ฉินฺทิตพฺพํ ลุนิตพฺพํ อุปฺปาเฏตพฺพํ กโรมีติ. อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ วิกปฺเปสุ อุปโยเคเนวตฺโถ ยุชฺชติ.
โสรจฺจํ เม ปโมจนนฺติ เอตฺถ ยํ ตํ ‘‘กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม’’ติ สีลเมว ‘‘โสรจฺจ’’นฺติ วุตฺตํ, น ตํ อธิปฺเปตํ. ‘‘กายคุตฺโต’’ติอาทินา หิ ตํ วุตฺตเมว. อรหตฺตผลํ ปน อธิปฺเปตํ. ตํ หิ สุนฺทเร นิพฺพาเน รตตฺตา ‘‘โสรจฺจ’’นฺติ วุจฺจติ. ปโมจนนฺติ โยควิสฺสชฺชนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ตว ปโมจนํ ปุนปิ สายนฺเห วา ทุติยทิวเส วา อนาคตสํวจฺฉเร วา โยเชตพฺพโต อปฺปโมจนเมว โหติ, น มม เอวํ. น หิ มม อนฺตรา โมจนํ นาม อตฺถิ. อหํ หิ ทีปงฺกรทสพลกาลโต ปฏฺาย ปฺานงฺคเล วีริยพลีพทฺเท โยเชตฺวา กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ มหากสึ กสนฺโต ตาว น มฺุจึ, ยาว น สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌึ. ยทา จ เม สพฺพํ ตํ กาลํ เขเปตฺวา โพธิมูเล อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส สพฺพคุณปริวารํ อรหตฺตผลํ อุทปาทิ, ตทา มยา ตํ ¶ สพฺพุสฺสุกฺกปฏิปฺปสฺสทฺธิยา ปมุตฺตํ, น ทานิ ปุน โยเชตพฺพํ ภวิสฺสตีติ. เอตมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘โสรจฺจํ เม ปโมจน’’นฺติ.
วีริยํ ¶ เม ธุรโธรยฺหนฺติ เอตฺถ วีริยนฺติ กายิกเจตสิโก วีริยารมฺโภ. ธุรโธรยฺหนฺติ ธุรายํ โธรยฺหํ, ธุราวหนฺติ อตฺโถ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส ธุรายํ โธรยฺหากฑฺฒิตํ นงฺคลํ ภูมิฆนํ ภินฺทติ, มูลสนฺตานกานิ จ ปทาเลติ, เอวํ ภควโต วีริยากฑฺฒิตํ ปฺานงฺคลํ ยถา วุตฺตํ ฆนํ ภินฺทติ, กิเลสสนฺตานกานิ จ ปทาเลติ. เตนาห ‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺห’’นฺติ. อถ วา ปุริมธุราวหตฺตา ธุรา, มูลธุราวหตฺตา โธรยฺหา, ธุรา จ โธรยฺหา จ ธุรโธรยฺหา. อิติ ยถา พฺราหฺมณสฺส เอเกกสฺมึ นงฺคเล จตุพลีพทฺทปเภทํ ธุรโธรยฺหํ วหนฺตํ อุปฺปนฺนุปฺปนฺนํ ติณมูลฆาตฺเจว สสฺสสมฺปตฺติฺจ สาเธติ, เอวํ ภควโต จตุสมฺมปฺปธานวีริยเภทํ ธุรโธรยฺหํ วหนฺตํ อุปฺปนฺนุปฺปนฺนํ อกุสลฆาตฺเจว กุสลสมฺปตฺติฺจ สาเธติ. เตนาห ‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺห’’นฺติ.
โยคกฺเขมาธิวาหนนฺติ ¶ เอตฺถ โยเคหิ เขมตฺตา นิพฺพานํ โยคกฺเขมํ นาม, ตํ อธิกิจฺจ วาหียติ, อภิมุขํ วา วาหียตีติ อธิวาหนํ, โยคกฺเขมสฺส อธิวาหนํ โยคกฺเขมาธิวาหนนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ตว ธุรโธรยฺหํ ปุรตฺถิมาทีสุ อฺตรทิสาภิมุขํ วาหียติ, ตถา มม ธุรโธรยฺหํ นิพฺพานาภิมุขํ วาหียตีติ. เอวํ วาหียมานํว คจฺฉติ อนิวตฺตนฺตํ. ยถา ตว นงฺคลํ วหนฺตํ ธุรโธรยฺหํ เขตฺตโกฏึ ปตฺวา ปุน นิวตฺตติ, เอวํ อนิวตฺตนฺตํ ทีปงฺกรกาลโต ปฏฺาย คจฺฉเตว. ยสฺมา วา เตน เตน มคฺเคน ปหีนา กิเลสา น ปุนปฺปุนํ ปหาตพฺพา โหนฺติ, ยถา ตว นงฺคเลน ฉินฺนานิ ติณานิ ปุน อปรสฺมึ สมเย ฉินฺทิตพฺพานิ โหนฺติ, ตสฺมาปิ เอวํ ปมมคฺควเสน ทิฏฺเกฏฺเ ¶ กิเลเส, ทุติยวเสน โอฬาริเก, ตติยวเสน อณุสหคเต, จตุตฺถวเสน สพฺพกิเลเส ปชหนฺตํ คจฺฉติ อนิวตฺตนฺตํ. อถ วา คจฺฉติ อนิวตฺตนฺติ นิวตฺตนรหิตํ หุตฺวา คจฺฉตีติ อตฺโถ. ตนฺติ ตํ ธุรโธรยฺหํ. เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวํ คจฺฉนฺตฺจ ยถา ตว ธุรโธรยฺหํ น ตํ านํ คจฺฉติ, ยตฺถ คนฺตฺวา กสฺสโก อโสโก วิรโช หุตฺวา น โสจติ. เอตํ ปน ตํ านํ คจฺฉติ ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจติ. ยตฺถ สติปาจเนน เอตํ วีริยธุรโธรยฺหํ โจเทนฺโต คนฺตฺวา มาทิโส กสฺสโก อโสโก วิรโช หุตฺวา น โสจติ, ตํ สพฺพโสกสลฺลสมุคฺฆาตภูตํ นิพฺพานํ นาม อสงฺขตํ านํ คจฺฉตีติ.
อิทานิ ¶ นิคมนํ กโรนฺโต เอวเมสา กสีติ คาถมาห. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺส, พฺราหฺมณ, เอสา สทฺธาพีชา ตโปวุฏฺิยา อนุคฺคหิตา กสี ปฺามยํ ยุคนงฺคลํ หิริมยฺจ อีสํ มโนมเยน โยตฺเตน เอกาพทฺธํ กตฺวา ปฺานงฺคเลน สติผาลํ อาโกเฏตฺวา สติปาจนํ คเหตฺวา กายวจีอาหารคุตฺติยา โคเปตฺวา สจฺจํ นิทฺทานํ กตฺวา โสรจฺจปโมจนํ วีริยธุรโธรยฺหํ โยคกฺเขมาภิมุขํ อนิวตฺตนฺตํ วาหนฺเตน กฏฺา กสี กมฺมปริโยสานํ จตุพฺพิธํ สามฺผลํ ปาปิตา, สา โหติ อมตปฺผลา, สา เอสา กสี อมตปฺผลา โหติ. อมตํ วุจฺจติ นิพฺพานํ, นิพฺพานานิสํสา โหตีติ อตฺโถ. สา โข ปเนสา กสี น มเมเวกสฺส อมตปฺผลา โหติ, อถ โข โย โกจิ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา เอตํ กสึ กสติ, โส สพฺโพปิ เอตํ กสิตฺวาน สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ.
เอวํ ภควา พฺราหฺมณสฺส อรหตฺตนิกูเฏน นิพฺพานปริโยสานํ กตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. ตโต ¶ พฺราหฺมโณ คมฺภีรตฺถํ เทสนํ สุตฺวา – ‘‘มม กสิผลํ ภฺุชิตฺวา ปุนปิ ทิวเสเยว ฉาโต โหติ, อิมสฺส ปน กสี อมตปฺผลา, ตสฺส ผลํ ภฺุชิตฺวา สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ ตฺวา ปสนฺโน ปสนฺนาการํ กโรนฺโต ภฺุชตุ ภวํ โคตโมติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ ตโต ปรฺจ วุตฺตตฺถเมวาติ. ปมํ.
๒. อุทยสุตฺตวณฺณนา
๑๙๘. ทุติเย ¶ โอทเนน ปูเรสีติ อตฺตโน อตฺถาย สมฺปาทิเตน สูปพฺยฺชเนน โอทเนน ปูเรตฺวา อทาสิ. ภควา กิร ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโตว ตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา, ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา, คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา, ทฺวารํ ปิธาย, นิสินฺโน ตสฺส โภชนํ อุปสํหริยมานํ ทิสฺวา, เอกโกว ปตฺตํ อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา, คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม, นครทฺวาเร ปตฺตํ นีหริตฺวา, อนฺโตนครํ ปวิสิตฺวา, ปฏิปาฏิยา คจฺฉนฺโต พฺราหฺมณสฺส ทฺวารโกฏฺเก อฏฺาสิ. พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ทิสฺวา, อตฺตโน สชฺชิตํ โภชนํ อทาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทุติยมฺปีติ ทุติยทิวเสปิ. ตติยมฺปีติ ตติยทิวเสปิ. ตานิ กิร ตีณิ ทิวสานิ นิรนฺตรํ ¶ พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวารํ คจฺฉนฺตสฺส ภควโต อนฺตรา อฺโ โกจิ อุฏฺาย ปตฺตํ คเหตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ, มหาชโน โอโลเกนฺโตว อฏฺาสิ.
เอตทโวจาติ พฺราหฺมโณ ตีณิ ทิวสานิ ปตฺตํ ปูเรตฺวา เทนฺโตปิ น สทฺธาย อทาสิ, ‘‘ฆรทฺวารํ อาคนฺตฺวา ิตสฺส ปพฺพชิตสฺส ภิกฺขามตฺตมฺปิ อทตฺวา ภฺุชตี’’ติ อุปารมฺภภเยน อทาสิ. ททนฺโต จ ทฺเว ทิวสานิ ทตฺวา กิฺจิ อวตฺวาว นิวตฺโต. ภควาปิ กิฺจิ อวตฺวาว ปกฺกนฺโต. ตติยทิวเส ปน อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต เอตํ ‘‘ปกฏฺโก’’ติอาทิวจนํ อโวจ. ภควาปิ เอตํ วจนํ นิจฺฉาราปนตฺถเมว ยาว ตติยมคมาสิ. ตตฺถ ปกฏฺโกติ รสคิทฺโธ.
ปุนปฺปุนํ เจว วปนฺติ พีชนฺติ สตฺถา พฺราหฺมณสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, ตฺวํ ตีณิ ทิวสานิ ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา โอสกฺกสิ, ปุนปฺปุนํ กาตพฺพา นาม โลกสฺมึ โสฬส ธมฺมา’’ติ วตฺวา เต ธมฺเม ทสฺเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ ปุนปฺปุนํ เจว วปนฺตีติ เอกสฺมึ สสฺสวาเร วุตฺตํ ¶ ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติ อโนสกฺกิตฺวา อปราปเรสุปิ สสฺสวาเรสุ จ วปนฺติเยว. ปุนปฺปุนํ วสฺสตีติ น เอกทิวสํ วสฺสิตฺวา ติฏฺติ, ปุนปฺปุนทิวเสสุปิ ปุนปฺปุนสํวจฺฉเรสุปิ วสฺสติเยว, เอวํ ชนปทา อิทฺธา โหนฺติ. เอเตนุปาเยน สพฺพตฺถ นโย เวทิตพฺโพ.
ยาจกาติ ¶ อิมสฺมึ ปเท สตฺถา เทสนากุสลตาย อตฺตานมฺปิ ปกฺขิปิตฺวา ทสฺเสติ. ขีรนิกาติ ขีรการกา โคโทหกา. น หิ เต เอกวารเมว ถนํ อฺฉนฺติ, ปุนปฺปุนํ อฺฉนฺตา เธนุํ ทุหนฺตีติ อตฺโถ. กิลมติ ผนฺทติ จาติ อยํ สตฺโต เตน อิริยาปเถน กิลมติ เจว ผนฺทติ จ. คพฺภนฺติ โสณสิงฺคาลาทีนมฺปิ ติรจฺฉานคตานํ กุจฺฉึ. สิวถิกนฺติ สุสานํ, มตํ มตํ สตฺตํ ตตฺถ ปุนปฺปุนํ หรนฺตีติ อตฺโถ. มคฺคฺจ ลทฺธา อปุนพฺภวายาติ อปุนพฺภวาย มคฺโค นาม นิพฺพานํ, ตํ ลภิตฺวาติ อตฺโถ.
เอวํ วุตฺเตติ เอวํ ภควตา อนฺตรวีถิยํ ตฺวาว โสฬส ปุนปฺปุนธมฺเม เทเสนฺเตน วุตฺเต. เอตทโวจาติ เทสนาปริโยสาเน ปสนฺโน สทฺธึ ¶ ปุตฺตทารมิตฺตาติวคฺเคน ภควโต ปาเท วนฺทิตฺวา เอตํ ‘‘อภิกฺกนฺตํ โภ’’ติอาทิวจนํ อโวจ. ทุติยํ.
๓. เทวหิตสุตฺตวณฺณนา
๑๙๙. ตติเย วาเตหีติ อุทรวาเตหิ. ภควโต กิร ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺตสฺส ปสตมุคฺคยูสาทีนิ อาหารยโต ทุพฺโภชเนน เจว ทุกฺขเสยฺยาย จ อุทรวาโต กุปฺปิ. อปรภาเค สมฺโพธึ ปตฺวา ปณีตโภชนํ ภฺุชนฺตสฺสาปิ อนฺตรนฺตรา โส อาพาโธ อตฺตานํ ทสฺเสติเยว. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อุปฏฺาโก โหตีติ ปมโพธิยํ อนิพทฺธุปฏฺากกาเล อุปฏฺาโก โหติ. ตสฺมึ กิร กาเล สตฺถุอสีติมหาเถเรสุ อุปฏฺาโก อภูตปุพฺโพ นาม นตฺถิ. นาคสมาโล อุปวาโน สุนกฺขตฺโต จุนฺโท สมณุทฺเทโส สาคโต โพธิ เมฆิโยติ อิเม ปน ปาฬิยํ อาคตุปฏฺากา. อิมสฺมึ ปน กาเล อุปวานตฺเถโร ปาโตว อุฏฺาย ปริเวณสมฺมชฺชนํ ทนฺตกฏฺทานํ นฺหาโนทกปริยาทนํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อนุคมนนฺติ สพฺพํ ภควโต อุปฏฺานมกาสิ. อุปสงฺกมีติ ปมโพธิยํ กิร วีสติ วสฺสานิ นิทฺธูมํ ¶ อรฺเมว โหติ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุทกตาปนมฺปิ น ภควตา อนฺุาตํ. โส จ พฺราหฺมโณ อุทฺธนปาฬึ พนฺธาเปตฺวา ¶ มหาจาฏิโย อุทฺธนมาโรเปตฺวา อุณฺโหทกํ กาเรตฺวา, นฺหานียจุณฺณาทีหิ สทฺธึ ตํ วิกฺกิณนฺโต ชีวิกํ กปฺเปติ. นฺหายิตุกามา ตตฺถ คนฺตฺวา มูลํ ทตฺวา นฺหายิตฺวา คนฺเธ วิลิมฺปิตฺวา มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา ปกฺกมนฺติ. ตสฺมา เถโร ตตฺถ อุปสงฺกมิ.
กึ ปตฺถยาโนติ กึ อิจฺฉนฺโต. กึ เอสนฺติ กึ คเวสนฺโต. ปูชิโต ปูชเนยฺยานนฺติ อิทํ เถโร ทสพลสฺส วณฺณํ กเถตุมารภิ. คิลานเภสชฺชตฺถํ คเตน กิร คิลานสฺส วณฺโณ กเถตพฺโพติ วตฺตเมตํ. วณฺณํ หิ สุตฺวา มนุสฺสา สกฺกจฺจํ เภสชฺชํ ทาตพฺพํ มฺนฺติ. สปฺปายเภสชฺชํ ลทฺธา คิลาโน ขิปฺปเมว วุฏฺาติ. กเถนฺเตน จ ฌานวิโมกฺขสมาปตฺติมคฺคผลานิ อารพฺภ กเถตุํ น วฏฺฏติ. ‘‘สีลวา ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก พหุสฺสุโต อาคมธโร วํสานุรกฺขโก’’ติ เอวํ ปน อาคมนียปฏิปทํเยว กเถตุํ วฏฺฏติ. ปูชเนยฺยานนฺติ อสีติมหาเถรา สเทวเกน โลเกน ¶ ปูเชตพฺพาติ ปูชเนยฺยา. เตเยว สกฺกาตพฺพาติ สกฺกเรยฺยา. เตสํเยว อปจิติ กตฺตพฺพาติ อปเจยฺยา. ภควา เตสํ ปูชิโต สกฺกโต อปจิโต จ, อิจฺจสฺส ตํ คุณํ ปกาเสนฺโต เถโร เอวมาห. หาตเวติ หริตุํ.
ผาณิตสฺส จ ปุฏนฺติ มหนฺตํ นิจฺฉาริกํ คุฬปิณฺฑํ. โส กิร ‘‘กึ สมณสฺส โคตมสฺส อผาสุก’’นฺติ? ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อุทรวาโต’’ติ สุตฺวา, ‘‘เตน หิ มยเมตฺถ เภสชฺชํ ชานาม, อิโต โถเกน อุทเกน อิทํ ผาณิตํ อาโลเฬตฺวา นฺหานปริโยสาเน ปาตุํ เทถ, อิติ อุณฺโหทเกน พหิ ปริเสโท ภวิสฺสติ, อิมินา อนฺโตติ เอวํ สมณสฺส โคตมสฺส ผาสุกํ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา เถรสฺส ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา อทาสิ.
อุปสงฺกมีติ ตสฺมึ กิร อาพาเธ ปฏิปฺปสฺสทฺเธ ‘‘เทวหิเตน ตถาคตสฺส เภสชฺชํ ทินฺนํ, เตเนว โรโค วูปสนฺโต, อโห ทานํ ปรมทานํ พฺราหฺมณสฺสา’’ติ กถา วิตฺถาริตา ชาตา. ตํ สุตฺวา กิตฺติกาโม พฺราหฺมโณ ‘‘เอตฺตเกนปิ ¶ ตาว เม อยํ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต’’ติ โสมนสฺสชาโต อตฺตนา กตภาวํ ชานาเปตุกาโม ตาวตเกเนว ทสพเล วิสฺสาสํ อาปชฺชิตฺวา อุปสงฺกมิ.
ทชฺชาติ ทเทยฺย. กถํ หิ ยชมานสฺสาติ เกน การเณน ยชนฺตสฺส. อิชฺฌตีติ สมิชฺฌติ มหปฺผโล โหติ. โยเวทีติ โย อเวทิ อฺาสิ, วิทิตํ ปากฏมกาสิ ‘‘โยเวตี’’ติปิ ¶ ปาโ, โย อเวติ ชานาตีติ อตฺโถ. ปสฺสตีติ ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสติ. ชาติกฺขยนฺติ อรหตฺตํ. อภิฺาโวสิโตติ ชานิตฺวา โวสิโต โวสานํ กตกิจฺจตํ ปตฺโต. เอวํ หิ ยชมานสฺสาติ อิมินา ขีณาสเว ยชนากาเรน ยชนฺตสฺส. ตติยํ.
๔. มหาสาลสุตฺตวณฺณนา
๒๐๐. จตุตฺเถ ลูโข ลูขปาวุรโณติ ชิณฺโณ ชิณฺณปาวุรโณ. อุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? ตสฺส กิร ฆเร อฏฺสตสหสฺสธนํ อโหสิ. โส จตุนฺนํ ปุตฺตานํ อาวาหํ กตฺวา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ อทาสิ ¶ . อถสฺส พฺราหฺมณิยา กาลงฺกตาย ปุตฺตา สมฺมนฺตยึสุ – ‘‘สเจ อฺํ พฺราหฺมณึ อาเนสฺสติ, ตสฺสา กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตวเสน กุลํ ภิชฺชิสฺสติ. หนฺท นํ มยํ สงฺคณฺหามา’’ติ. เต จตฺตาโรปิ ปณีเตหิ ฆาสจฺฉาทนาทีหิ อุปฏฺหนฺตา หตฺถปาทสมฺพาหนาทีนิ กโรนฺตา สงฺคณฺหิตฺวา เอกทิวสํ ทิวา นิทฺทายิตฺวา วุฏฺิตสฺส หตฺถปาเท สมฺพาหมานา ปาฏิเยกฺกํ ฆราวาเส อาทีนวํ วตฺวา – ‘‘มยํ ตุมฺเห อิมินา นีหาเรน ยาวชีวํ อุปฏฺหิสฺสาม, เสสธนมฺปิ โน เทถา’’ติ ยาจึสุ. พฺราหฺมโณ ปุน เอเกกสฺส สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ ทตฺวา อตฺตโน นิวตฺถปารุปนมตฺตํ เปตฺวา สพฺพํ อุปโภคปริโภคํ จตฺตาโร โกฏฺาเส กตฺวา นิยฺยาเทสิ. ตํ เชฏฺปุตฺโต กติปาหํ อุปฏฺหิ.
อถ นํ เอกทิวสํ นฺหตฺวา อาคจฺฉนฺตํ ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา สุณฺหา เอวมาห – ‘‘กึ ตยา เชฏฺปุตฺตสฺส สตํ วา สหสฺสํ วา อติเรกํ ทินฺนมตฺถิ? นนุ สพฺเพสํ ทฺเว ทฺเว สตสหสฺสานิ ทินฺนานิ, กึ เสสปุตฺตานํ ฆรสฺส มคฺคํ น ชานาสี’’ติ? โส ‘‘นสฺส วสลี’’ติ ¶ กุชฺฌิตฺวา อฺสฺส ฆรํ อคมาสิ, ตโตปิ กติปาหจฺจเยน อิมินาว อุปาเยน ปลาปิโต อฺสฺสาติ เอวํ เอกฆเรปิ ปเวสนํ อลภมาโน ปณฺฑรงฺคปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขาย จรนฺโต กาลานมจฺจเยน ชราชิณฺโณ ทุพฺโภชนทุกฺขเสยฺยาหิ มิลาตสรีโร ภิกฺขาจารโต อาคมฺม, ปีกาย นิปนฺโน นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวา วุฏฺาย นิสินฺโน อตฺตานํ โอโลเกตฺวา ปุตฺเตสุ ปติฏฺํ อปสฺสนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ กิร โคตโม อพฺภากุฏิโก อุตฺตานมุโข สุขสมฺภาโส ปฏิสนฺถารกุสโล, สกฺกา สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฏิสนฺถารํ ลภิตุ’’นฺติ นิวาสนปาวุรณํ สณฺเปตฺวา ภิกฺขาภาชนมาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ.
ทาเรหิ ¶ สํปุจฺฉ ฆรา นิกฺขาเมนฺตีติ สพฺพํ มม สนฺตกํ คเหตฺวา มยฺหํ นิทฺธนภาวํ ตฺวา อตฺตโน ภริยาหิ สทฺธึ มนฺตยิตฺวา มํ ฆรา นิกฺกฑฺฒาเปนฺติ.
นนฺทิสฺสนฺติ นนฺทิชาโต ตุฏฺโ ปมุทิโต อโหสึ. ภวมิจฺฉิสนฺติ วุฑฺฒึ ปตฺถยึ. สาว วาเรนฺติ สูกรนฺติ ยถา สุนขา วคฺควคฺคา หุตฺวา ภุสฺสนฺตา ¶ ภุสฺสนฺตา สูกรํ วาเรนฺติ, ปุนปฺปุนํ มหารวํ รวาเปนฺติ, เอวํ ทาเรหิ สทฺธึ มํ พหุํ วตฺวา วิรวนฺตํ ปลาเปนฺตีติ อตฺโถ.
อสนฺตาติ อสปฺปุริสา. ชมฺมาติ ลามกา. ภาสเรติ ภาสนฺติ. ปุตฺตรูเปนาติ ปุตฺตเวเสน. วโยคตนฺติ ตโย วเย คตํ อติกฺกนฺตํ ปจฺฉิมวเย ิตํ มํ. ชหนฺตีติ ปริจฺจชนฺติ.
นิพฺโภโคติ นิปฺปริโภโค. ขาทนา อปนียตีติ อสฺโส หิ ยาวเทว ตรุโณ โหติ ชวสมฺปนฺโน, ตาวสฺส นานารสํ ขาทนํ ททนฺติ, ชิณฺณํ นิพฺโภคํ ตโต อปเนนฺติ, อนฺติมวเย ตํ วตฺตํ น ลภติ, คาวีหิ สทฺธึ อฏวิยํ สุกฺขติณานิ ขาทนฺโต จรติ. ยถา โส อสฺโส, เอวํ ชิณฺณกาเล วิลุตฺตสพฺพธนตฺตา นิพฺโภโค มาทิโสปิ พาลกานํ ปิตา เถโร ปรฆเรสุ ภิกฺขติ.
ยฺเจติ นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย มม ปุตฺตา อนสฺสวา อปฺปติสฺสา อวสวตฺติโน, เตหิ ทณฺโฑว กิร เสยฺโย สุนฺทรตโรติ. อิทานิสฺส เสยฺยภาวํ ทสฺเสตุํ จณฺฑมฺปิ โคณนฺติอาทิ วุตฺตํ.
ปุเร โหตีติ อคฺคโต โหติ, ตํ ปุรโต กตฺวา คนฺตุํ สุขํ โหตีติ อตฺโถ ¶ . คาธเมธตีติ อุทกํ โอตรณกาเล คมฺภีเร อุทเก ปติฏฺํ ลภติ.
ปริยาปุณิตฺวาติ อุคฺคณฺหิตฺวา วา วาจุคฺคตา กตฺวา. สนฺนิสินฺเนสูติ ตถารูเป พฺราหฺมณานํ สมาคมทิวเส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตสุ ปุตฺเตสุ ตํ สภํ โอคาเหตฺวา พฺราหฺมณานํ มชฺเฌ มหารเห อาสเน นิสินฺเนสุ. อภาสีติ ‘อยํ เม กาโล’ติ สภาย มชฺเฌ ปวิสิตฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา ¶ , ‘‘โภ อหํ ตุมฺหากํ คาถา ภาสิตุกาโม, ภาสิเต สุณิสฺสถา’’ติ วตฺวา – ‘‘ภาส, พฺราหฺมณ, สุโณมา’’ติ วุตฺโต ิตโกว อภาสิ. ‘‘เตน จ สมเยน มนุสฺสานํ วตฺตํ โหติ โย มาตาปิตูนํ สนฺตกํ ขาทนฺโต มาตาปิตโร น โปเสติ, โส มาเรตพฺโพ’’ติ. ตสฺมา เต พฺราหฺมณปุตฺตา ปิตุปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘ชีวิตํ โน ตาต, เทหี’’ติ ยาจึสุ. โส ปิตุหทยสฺส ปุตฺตานํ มุทุตฺตา ‘‘มา เม, โภ, พาลเก วินาสยิตฺถ, โปสิสฺสนฺติ ม’’นฺติ อาห.
อถสฺส ¶ ปุตฺเต มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘สเจ, โภ, อชฺช ปฏฺาย ปิตรํ น สมฺมา ปฏิชคฺคิสฺสถ, ฆาเตสฺสาม โว’’ติ. เต ภีตา ฆรํ เนตฺวา ปฏิชคฺคึสุ. ตํ ทสฺเสตุํ อถ โข นํ พฺราหฺมณมหาสาลนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เนตฺวาติ ปีเ นิสีทาเปตฺวา สยํ อุกฺขิปิตฺวา นยึสุ. นฺหาเปตฺวาติ สรีรํ เตเลน อพฺภฺชิตฺวา อุพฺพฏฺเฏตฺวา คนฺธจุณฺณาทีหิ นฺหาเปสุํ. พฺราหฺมณิโยปิ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อชฺช ปฏฺาย อมฺหากํ ปิตรํ สมฺมา ปฏิชคฺคถ. สเจ ปมาทํ อาปชฺชิสฺสถ, ฆรโต โว นิกฺกฑฺฒิสฺสามา’’ติ วตฺวา, ปณีตโภชนํ โภเชสุํ.
พฺราหฺมโณ สุโภชนฺจ สุขเสยฺยฺจ อาคมฺม กติปาหจฺจเยน สฺชาตพโล ปีณิตินฺทฺริโย อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อยํ เม สมฺปตฺติ สมณํ โคตมํ นิสฺสาย ลทฺธา’’ติ ปณฺณาการํ อาทาย ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. ตํ ทสฺเสตุํ อถ โข โสติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอตทโวจาติ ทุสฺสยุคํ ปาทมูเล เปตฺวา เอตํ อโวจ. สรณคมนาวสาเน จาปิ ภควนฺตํ เอวมาห – ‘‘โภ โคตม, มยฺหํ ปุตฺเตหิ จตฺตาริ ธุรภตฺตานิ ทินฺนานิ ¶ , ตโต อหํ ทฺเว ตุมฺหากํ ทมฺมิ, ทฺเว สยํ ปริภฺุชิสฺสามี’’ติ. กลฺยาณํ, พฺราหฺมณ, ปาฏิเยกฺกํ ปน มา นิยฺยาเทหิ, อมฺหากํ รุจฺจนฏฺานเมว คมิสฺสามาติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ฆรํ คนฺตฺวา ปุตฺเต อามนฺเตสิ ‘‘ตาตา, สมโณ โคตโม มยฺหํ สหาโย, ตสฺส ทฺเว ธุรภตฺตานิ ทินฺนานิ, ตุมฺเห ตสฺมึ สมฺปตฺเต มา ปมชฺชถา’’ติ. สาธุ, ตาตาติ. ปุนทิวเส ภควา ปุพฺพณฺหสมเย ปตฺตจีวรํ อาทาย เชฏฺปุตฺตสฺส นิเวสนทฺวารํ คโต. โส สตฺถารํ ทิสฺวาว หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา ปณีตโภชนมทาสิ. สตฺถา ปุนทิวเส อิตรสฺส, ปุนทิวเส อิตรสฺสาติ ปฏิปาฏิยา สพฺเพสํ ฆรานิ อคมาสิ. สพฺเพ ตเถว สกฺการํ อกํสุ.
อเถกทิวสํ ¶ เชฏฺปุตฺตสฺส ฆเร มงฺคลํ ปจฺจุปฏฺิตํ. โส ปิตรํ อาห – ‘‘ตาต, กสฺส มงฺคลํ เทมา’’ติ. อมฺเห อฺํ น ชานาม? นนุ สมโณ โคตโม มยฺหํ สหาโยติ? เตน หิ ตุมฺเห ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ สฺวาตนาย สมณํ โคตมํ นิมนฺเตถาติ. พฺราหฺมโณ ตถา อกาสิ ¶ . ภควา อธิวาเสตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส หริตุปลิตฺตํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ เคหํ สตฺถารํ ปเวเสตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทาเปตฺวา อปฺโปทกปายาสฺเจว ขชฺชกวิกติฺจ อทาสิ. อนฺตรภตฺตสฺมึเยว พฺราหฺมณสฺส จตฺตาโรปิ ปุตฺตา สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวา อาหํสุ – ‘‘โภ โคตม, มยํ อมฺหากํ ปิตรํ ปฏิชคฺคาม นปฺปมชฺชาม, ปสฺสถสฺส อตฺตภาว’’นฺติ. สตฺถา ‘‘กลฺยาณํ โว กตํ, มาตาปิตุโปสกํ นาม โปราณกปณฺฑิตานํ อาจิณฺณเมวา’’ติ วตฺวา มหานาคชาตกํ (ชา. ๑.๑๑.๑ อาทโย; จริยา. ๒.๑ อาทโย) นาม กเถตฺวา, จตฺตาริ สจฺจานิ ทีเปตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน พฺราหฺมโณ สทฺธึ จตูหิ ปุตฺเตหิ จตูหิ จ สุณฺหาหิ เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. ตโต ปฏฺาย สตฺถา น สพฺพกาลํ เตสํ เคหํ อคมาสีติ. จตุตฺถํ.
๕. มานตฺถทฺธสุตฺตวณฺณนา
๒๐๑. ปฺจเม ¶ มานตฺถทฺโธติ วาตภริตภสฺตา วิย มาเนน ถทฺโธ. อาจริยนฺติ สิปฺปุคฺคหณกาเล อาจริโย อนภิวาเทนฺตสฺส สิปฺปํ น เทติ, อฺสฺมึ ปน กาเล ตํ น อภิวาเทติ, อตฺถิภาวมฺปิสฺส น ชานาติ. นายํ สมโณติ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘ยสฺมา อยํ สมโณ มาทิเส ชาติสมฺปนฺนพฺราหฺมเณ สมฺปตฺเต ปฏิสนฺถารมตฺตมฺปิ น กโรติ, ตสฺมา น กิฺจิ ชานาตี’’ติ.
อพฺภุตวิตฺตชาตาติ อภูตปุพฺพาย ตุฏฺิยา สมนฺนาคตา. เกสุ จสฺสาติ เกสุ ภเวยฺย. กฺยสฺสาติ เก อสฺส ปุคฺคลสฺส. อปจิตา อสฺสูติ อปจิตึ ทสฺเสตุํ ยุตฺตา ภเวยฺยุํ. อรหนฺเตติ อิมาย คาถาย เทสนากุสลตฺตา อตฺตานํ อนฺโตกตฺวา ปูชเนยฺยํ ทสฺเสติ. ปฺจมํ.
๖. ปจฺจนีกสุตฺตวณฺณนา
๒๐๒. ฉฏฺเ ¶ ‘‘สพฺพํ เสต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘สพฺพํ กณฺห’’นฺติอาทินา นเยน ปจฺจนีกํ กโรนฺตสฺเสวสฺส สาตํ สุขํ โหตีติ ปจฺจนีกสาโต. โย ¶ จ วิเนยฺย สารมฺภนฺติ โย กรณุตฺตริยลกฺขณํ สารมฺภํ วิเนตฺวา สุณาตีติ อตฺโถ. ฉฏฺํ.
๗. นวกมฺมิกสุตฺตวณฺณนา
๒๐๓. สตฺตเม นวกมฺมิกภารทฺวาโชติ โส กิร อรฺเ รุกฺขํ ฉินฺทาเปตฺวา ตตฺเถว ปาสาทกูฏาคาราทีนิ โยเชตฺวา นครํ อาหริตฺวา วิกฺกิณาติ, อิติ นวกมฺมํ นิสฺสาย ชีวตีติ นวกมฺมิโก, โคตฺเตน ภารทฺวาโชติ นวกมฺมิกภารทฺวาโช. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสีติ ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา นิสินฺนํ ภควนฺตํ ทิสฺวาน อสฺส เอตํ อโหสิ. วนสฺมินฺติ อิมสฺมึ วนสณฺเฑ. อุจฺฉินฺนมูลํ เม วนนฺติ มยฺหํ กิเลสวนํ อุจฺฉินฺนมูลํ. นิพฺพนโถติ นิกฺกิเลสวโน. เอโก รเมติ เอกโก อภิรมามิ. อรตึ วิปฺปหายาติ ปนฺตเสนาสเนสุ เจว ภาวนาย จ อุกฺกณฺิตํ ชหิตฺวา. สตฺตมํ.
๘. กฏฺหารสุตฺตวณฺณนา
๒๐๔. อฏฺเม ¶ อนฺเตวาสิกาติ เวยฺยาวจฺจํ กตฺวา สิปฺปุคฺคณฺหนกา ธมฺมนฺเตวาสิกา. นิสินฺนนฺติ ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา นิสินฺนํ. คมฺภีรรูเปติ คมฺภีรสภาเว.
พหุเภรเวติ ตตฺรฏฺกสวิฺาณกอวิฺาณกเภรเวหิ พหุเภรเว. วิคาหิยาติ อนุปวิสิตฺวา. อนิฺชมาเนนาติอาทีนิ กายวิเสสนานิ, เอวรูเปน กาเยนาติ อตฺโถ. สุจารุรูปํ วตาติ อติสุนฺทรํ วต ฌานํ ฌายสีติ วทติ.
วนวสฺสิโต มุนีติ วนํ อวสฺสิโต พุทฺธมุนิ. อิทนฺติ อิทํ ตุมฺหากํ เอวํ วเน นิสินฺนการณํ มยฺหํ อจฺเฉรรูปํ ปฏิภาติ. ปีติมโนติ ตุฏฺจิตฺโต. วเน วเสติ วนมฺหิ วสิ.
มฺามหนฺติ ¶ มฺามิ อหํ. โลกาธิปติสหพฺยตนฺติ โลกาธิปติมหาพฺรหฺมุนา สหภาวํ. อากงฺขมาโนติ อิจฺฉมาโน. ติทิวํ อนุตฺตรนฺติ อิทํ พฺรหฺมโลกเมว สนฺธายาห. กสฺมา ภวํ วิชนมรฺมสฺสิโตติ อหํ ตาว พฺรหฺมโลกํ อากงฺขมาโนติ มฺามิ. ยทิ เอวํ น โหติ, อถ เม อาจิกฺข, กสฺมา ภวนฺติ? ปุจฺฉติ. พฺรหฺมปตฺติยาติ เสฏฺปตฺติยา ¶ . อิธ อิทํ ตโป กสฺมา กโรสีติ อปเรนปิ อากาเรน ปุจฺฉติ.
กงฺขาติ ตณฺหา. อภินนฺทนาติ อภินนฺทนวเสน ตณฺหาว วุตฺตา. อเนกธาตูสูติ อเนกสภาเวสุ อารมฺมเณสุ. ปุถูติ นานปฺปการา ตณฺหา เสสกิเลสา วา. สทาสิตาติ นิจฺจกาลํ อวสฺสิตา. อฺาณมูลปฺปภวาติ อวิชฺชามูลา หุตฺวา ชาตา. ปชปฺปิตาติ ตณฺหาว ‘‘อิทมฺปิ มยฺหํ, อิทมฺปิ มยฺห’’นฺติ ปชปฺปาปนวเสน ปชปฺปิตา นามาติ วุตฺตา. สพฺพา มยา พฺยนฺติกตาติ สพฺพา ตณฺหา มยา อคฺคมคฺเคน วิคตนฺตา นิรนฺตา กตา. สมูลิกาติ สทฺธึ อฺาณมูเลน.
อนูปโยติ อนุปคมโน. สพฺเพสุ ธมฺเมสุ วิสุทฺธทสฺสโนติ อิมินา สพฺพฺุตฺาณํ ทีเปติ. สมฺโพธิมนุตฺตรนฺติ อรหตฺตํ สนฺธายาห. สิวนฺติ เสฏฺํ ¶ . ฌายามีติ ทฺวีหิ ฌาเนหิ ฌายามิ. วิสารโทติ วิคตสารชฺโช. อฏฺมํ.
๙. มาตุโปสกสุตฺตวณฺณนา
๒๐๕. นวเม เปจฺจาติ อิโต ปฏิคนฺตฺวา. นวมํ.
๑๐. ภิกฺขกสุตฺตวณฺณนา
๒๐๖. ทสเม อิธาติ อิมสฺมึ ภิกฺขุภาเว. วิสฺสํ ธมฺมนฺติ ทุคฺคนฺธํ อกุสลธมฺมํ. พาหิตฺวาติ อคฺคมคฺเคน ชหิตฺวา. สงฺขายาติ าเณน. ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจตีติ โส เว ภินฺนกิเลสตฺตา ภิกฺขุ นาม วุจฺจติ. ทสมํ.
๑๑. สงฺคารวสุตฺตวณฺณนา
๒๐๗. เอกาทสเม ¶ ปจฺเจตีติ อิจฺฉติ ปตฺเถติ. สาธุ, ภนฺเตติ อายาจมาโน อาห. เถรสฺส กิเรส คิหิสหาโย, ตสฺมา เถโร ‘‘อยํ วราโก มํ สหายํ ลภิตฺวาปิ มิจฺฉาทิฏฺึ คเหตฺวา มา อปายปูรโก อโหสี’’ติ อายาจติ. อปิเจส มหาปริวาโร, ตสฺมึ ¶ ปสนฺเน ปฺจกุลสตานิ อนุวตฺติสฺสนฺตีติ มฺมาโนปิ อายาจติ. อตฺถวสนฺติ อตฺถานิสํสํ อตฺถการณํ. ปาปนฺติ ปาณาติปาตาทิอกุสลํ. ปวาเหมีติ คลปฺปมาณํ อุทกํ โอตริตฺวา ปวาเหมิ ปลาเปมิ. ธมฺโมติ คาถา วุตฺตตฺถาว. เอกาทสมํ.
๑๒. โขมทุสฺสสุตฺตวณฺณนา
๒๐๘. ทฺวาทสเม โขมทุสฺสํ นามาติ โขมทุสฺสานํ อุสฺสนฺนตฺตา เอวํลทฺธนามํ. สภายนฺติ สาลายํ. ผุสายตีติ ผุสิตานิ มฺุจติ วสฺสติ. สตฺถา กิร ตํ สภํ อุปสงฺกมิตุกาโม – ‘‘มยิ เอวเมวํ อุปสงฺกมนฺเต อผาสุกธาตุกํ โหติ, เอกํ การณํ ปฏิจฺจ อุปสงฺกมิสฺสามี’’ติ อธิฏฺานวเสน วุฏฺึ อุปฺปาเทสิ. สภาธมฺมนฺติ สุขนิสินฺเน กิร อสฺจาเลตฺวา เอกปสฺเสน ปวิสนํ เตสํ สภาธมฺโม ¶ นาม, น มหาชนํ จาเลตฺวา อุชุกเมว ปวิสนํ. ภควา จ อุชุกเมว อาคจฺฉติ, เตน เต กุปิตา ภควนฺตํ หีเฬนฺตา ‘‘เก จ มุณฺฑกา สมณกา, เก จ สภาธมฺมํ ชานิสฺสนฺตี’’ติ อาหํสุ. สนฺโตติ ปณฺฑิตา สปฺปุริสา. ปหายาติ เอเต ราคาทโย ชหิตฺวา ราคาทิวินยาย ธมฺมํ ภณนฺติ, ตสฺมา เต สนฺโต นามาติ. ทฺวาทสมํ.
อุปาสกวคฺโค ทุติโย.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
พฺราหฺมณสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. วงฺคีสสํยุตฺตํ
๑. นิกฺขนฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๐๙. วงฺคีสสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ปเม ¶ อคฺคาฬเว เจติเยติ อาฬวิยํ อคฺคเจติเย. อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ อคฺคาฬวโคตมกาทีนิ ยกฺขนาคาทีนํ ภวนานิ, เจติยานิ อเหสุํ. อุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตานิ อปเนตฺวา มนุสฺสา วิหาเร กรึสุ. เตสํ ตาเนว นามานิ ชาตานิ. นิคฺโรธกปฺเปนาติ นิคฺโรธรุกฺขมูลวาสินา กปฺปตฺเถเรน. โอหิยฺยโกติ โอหีนโก. วิหารปาโลติ โส กิร ตทา อวสฺสิโก โหติ ปตฺตจีวรคฺคหเณ อโกวิโท. อถ นํ เถรา ภิกฺขู – ‘‘อาวุโส, อิมานิ ฉตฺตุปาหนกตฺตรยฏฺิอาทีนิ โอโลเกนฺโต นิสีทา’’ติ วิหารรกฺขกํ กตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิหารปาโล’’ติ. สมลงฺกริตฺวาติ อตฺตโน วิภวานุรูเปน อลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา. จิตฺตํ อนุทฺธํเสตีติ กุสลจิตฺตํ วิทฺธํเสติ วินาเสติ. ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ เอตสฺมึ ราเค อุปฺปนฺเน ตํ การณํ กุโต ลพฺภา. ยํ เม ปโรติ เยน เม การเณน อฺโ ปุคฺคโล วา ธมฺโม วา อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อิทาเนว อภิรตึ อุปฺปาเทยฺย อาจริยุปชฺฌายาปิ มํ วิหาเร โอหาย คตา.
อคารสฺมาติ อคารโต นิกฺขนฺตํ. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ อุปคตนฺติ อตฺโถ. กณฺหโตติ กณฺหปกฺขโต มารปกฺขโต อาธาวนฺติ. อุคฺคปุตฺตาติ อุคฺคตานํ ปุตฺตา มเหสกฺขา ราชฺภูตา. ทฬฺหธมฺมิโนติ ทฬฺหธนุโน, อุตฺตมปฺปมาณํ อาจริยธนุํ ธารยมานา. สหสฺสํ อปลายินนฺติ เย เต สมนฺตา สเรหิ ปริกิเรยฺยุํ, เตสํ อปลายีนํ สงฺขํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สหสฺส’’นฺติ อาห. เอตโต ¶ ภิยฺโยติ เอตสฺมา สหสฺสา อติเรกตรา. เนว มํ พฺยาธยิสฺสนฺตีติ มํ จาเลตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. ธมฺเม สมฺหิ ปติฏฺิตนฺติ อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาทนสมตฺเถ สเก สาสนธมฺเม ปติฏฺิตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิสฺสาสสหสฺเส ตาว สมนฺตา สเรหิ ปริกิรนฺเต สิกฺขิโต ¶ ปุริโส ทณฺฑกํ คเหตฺวา สพฺเพ สเร สรีเร อปตมาเน อนฺตราว ปหริตฺวา ปาทมูเล ปาเตติ. ตตฺถ ¶ เอโกปิ อิสฺสาโส ทฺเว สเร เอกโต น ขิปติ, อิมา ปน อิตฺถิโย รูปารมฺมณาทิวเสน ปฺจ ปฺจ สเร เอกโต ขิปนฺติ. เอวํ ขิปนฺติโย เอตา สเจปิ อติเรกสหสฺสา โหนฺติ, เนว มํ จาเลตุํ สกฺขิสฺสนฺตีติ.
สกฺขี หิ เม สุตํ เอตนฺติ มยา หิ สมฺมุขา เอตํ สุตํ. นิพฺพานคมนํ มคฺคนฺติ วิปสฺสนํ สนฺธายาห. โส หิ นิพฺพานสฺส ปุพฺพภาคมคฺโค, ลิงฺควิปลฺลาเสน ปน ‘‘มคฺค’’นฺติ อาห. ตตฺถ เมติ ตสฺมึ เม อตฺตโน ตรุณวิปสฺสนาสงฺขาเต นิพฺพานคมนมคฺเค มโน นิรโต. ปาปิมาติ กิเลสํ อาลปติ. มจฺจูติปิ ตเมว อาลปติ. น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสีติ ยถา เม ภวโยนิอาทีสุ คตมคฺคมฺปิ น ปสฺสสิ, ตถา กริสฺสามีติ. ปมํ.
๒. อรตีสุตฺตวณฺณนา
๒๑๐. ทุติเย นิกฺขมตีติ วิหารา นิกฺขมติ. อปรชฺชุ วา กาเลติ ทุติยทิวเส วา ภิกฺขาจารกาเล. วิหารครุโก กิเรส เถโร. อรติฺจ รติฺจาติ สาสเน อรตึ กามคุเณสุ จ รตึ. สพฺพโส เคหสิตฺจ วิตกฺกนฺติ ปฺจกามคุณเคหนิสฺสิตํ ปาปวิตกฺกฺจ สพฺพากาเรน ปหาย. วนถนฺติ กิเลสมหาวนํ. กุหิฺจีติ กิสฺมิฺจิ อารมฺมเณ. นิพฺพนโถติ นิกฺกิเลสวโน. อรโตติ ตณฺหารติรหิโต.
ปถวิฺจ เวหาสนฺติ ปถวิฏฺิตฺจ ¶ อิตฺถิปุริสวตฺถาลงฺการาทิวณฺณํ, เวหาสฏฺกฺจ จนฺทสูริโยภาสาทิ. รูปคตนฺติ รูปเมว. ชคโตคธนฺติ ชคติยา โอคธํ, อนฺโตปถวิยํ นาคภวนคตนฺติ อตฺโถ. ปริชียตีติ ปริชีรติ. สพฺพมนิจฺจนฺติ สพฺพํ ตํ อนิจฺจํ. อยํ เถรสฺส มหาวิปสฺสนาติ วทนฺติ. เอวํ สมจฺจาติ เอวํ สมาคนฺตฺวา. จรนฺติ มุตตฺตาติ วิฺาตตฺตภาวา วิหรนฺติ.
อุปธีสูติ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขาเรสุ. คธิตาติ คิทฺธา. ทิฏฺสุเตติ จกฺขุนา ทิฏฺเ รูเป, โสเตน สุเต สทฺเท. ปฏิเฆ จ มุเต จาติ เอตฺถ ปฏิฆปเทน คนฺธรสา คหิตา, มุตปเทน โผฏฺพฺพารมฺมณํ ¶ . โย เอตฺถ น ลิมฺปตีติ โย เอเตสุ ปฺจกามคุเณสุ ตณฺหาทิฏฺิเลเปหิ น ลิมฺปติ.
อถ สฏฺินิสฺสิตา สวิตกฺกา, ปุถู ชนตาย อธมฺมา นิวิฏฺาติ อถ ฉ อารมฺมณนิสฺสิตา ปุถู อธมฺมวิตกฺกา ชนตาย นิวิฏฺาติ อตฺโถ. น ¶ จ วคฺคคตสฺส กุหิฺจีติ เตสํ วเสน น กตฺถจิ กิเลสวคฺคคโต ภเวยฺย. โน ปน ทุฏฺุลฺลภาณีติ ทุฏฺุลฺลวจนภาณีปิ น สิยา. ส ภิกฺขูติ โส เอวํวิโธ ภิกฺขุ นาม โหติ.
ทพฺโพติ ทพฺพชาติโก ปณฺฑิโต. จิรรตฺตสมาหิโตติ ทีฆรตฺตํ สมาหิตจิตฺโต. นิปโกติ เนปกฺเกน สมนฺนาคโต ปริณตปฺโ. อปิหาลูติ นิตฺตณฺโห. สนฺตํ ปทนฺติ นิพฺพานํ. อชฺฌคมา มุนีติ อธิคโต มุนิ. ปฏิจฺจ ปรินิพฺพุโต กงฺขติ กาลนฺติ นิพฺพานํ ปฏิจฺจ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพานกาลํ อาคเมติ. ทุติยํ.
๓. เปสลสุตฺตวณฺณนา
๒๑๑. ตติเย ¶ อติมฺตีติ ‘‘กึ อิเม มหลฺลกา? น เอเตสํ ปาฬิ, น อฏฺกถา, น ปทพฺยฺชนมธุรตา, อมฺหากํ ปน ปาฬิปิ อฏฺกถาปิ นยสเตน นยสหสฺเสน อุปฏฺาตี’’ติ อติกฺกมิตฺวา มฺติ. โคตมาติ โคตมพุทฺธสาวกตฺตา อตฺตานํ อาลปติ. มานปถนฺติ มานารมฺมณฺเจว มานสหภุโน จ ธมฺเม. วิปฺปฏิสารีหุวาติ วิปฺปฏิสารี อหุวา, อโหสีติ อตฺโถ. มคฺคชิโนติ มคฺเคน ชิตกิเลโส. กิตฺติฺจ สุขฺจาติ วณฺณภณนฺจ กายิกเจตสิกสุขฺจ. อขิโลธ ปธานวาติ อขิโล อิธ ปธานวา วีริยสมฺปนฺโน. วิสุทฺโธติ วิสุทฺโธ ภเวยฺย. อเสสนฺติ นิสฺเสสํ นววิธํ. วิชฺชายนฺตกโรติ วิชฺชาย กิเลสานํ อนฺตกโร. สมิตาวีติ ราคาทีนํ สมิตตาย สมิตาวี. ตติยํ.
๔. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา
๒๑๒. จตุตฺเถ ราโคติ อายสฺมา อานนฺโท มหาปฺุโ สมฺภาวิโต, ตํ ราชราชมหามตฺตาทโย ¶ นิมนฺเตตฺวา อนฺโตนิเวสเน นิสีทาเปนฺติ. สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตาปิ อิตฺถิโย เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ตาลวณฺเฏน พีเชนฺติ, อุปนิสีทิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ ธมฺมํ สุณนฺติ. ตตฺถ อายสฺมโต วงฺคีสสฺส นวปพฺพชิตสฺส อารมฺมณํ ปริคฺคเหตุํ อสกฺโกนฺตสฺส อิตฺถิรูปารมฺมเณ ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. โส สทฺธาปพฺพชิตตฺตา อุชุชาติโก กุลปุตฺโต ‘‘อยํ เม ราโค วฑฺฒิตฺวา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ นาเสยฺยา’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา อนนฺตรํ นิสินฺโนว เถรสฺส อตฺตานํ อาวิกโรนฺโต กามราเคนาติอาทิมาห.
ตตฺถ นิพฺพาปนนฺติ ราคนิพฺพานการณํ. วิปริเยสาติ วิปลฺลาเสน. สุภํ ราคูปสฺหิตนฺติ ราคฏฺานิยํ อิฏฺารมฺมณํ. ปรโต ปสฺสาติ อนิจฺจโต ปสฺส. มา จ อตฺตโตติ ¶ อตฺตโต มา ปสฺส. กายคตา ตฺยตฺถูติ กายคตา เต อตฺถุ. อนิมิตฺตฺจ ภาเวหีติ นิจฺจาทีนํ นิมิตฺตานํ อุคฺฆาฏิตตฺตา วิปสฺสนา อนิมิตฺตา นาม, ตํ ภาเวหีติ วทติ. มานาภิสมยาติ มานสฺส ทสฺสนาภิสมยา เจว ปหานาภิสมยา จ. อุปสนฺโตติ ราคาทิสนฺตตาย อุปสนฺโต. จตุตฺถํ.
๕. สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา
๒๑๓. ปฺจเม องฺเคหีติ การเณหิ, อวยเวหิ วา. มุสาวาทาเวรมณิอาทีนิ หิ จตฺตาริ สุภาสิตวาจาย การณานิ, สจฺจวจนาทโย จตฺตาโร อวยวา. การณตฺเถ จ องฺคสทฺเท ‘‘จตูหี’’ติ นิสฺสกฺกวจนํ โหติ, อวยวตฺเถ กรณวจนํ. สมนฺนาคตาติ สมนุอาคตา ปวตฺตา ยุตฺตา จ. วาจาติ สมุลฺลปนวาจา, ยา ‘‘วาจา คิรา พฺยปฺปโถ’’ติ (ธ. ส. ๖๓๖) จ, ‘‘เนลา กณฺณสุขา’’ติ (ที. นิ. ๑.๙) จ อาคตา. ‘‘ยา ปน วาจาย เจ กตํ กมฺม’’นฺติ เอวํ วิฺตฺติ จ ‘‘ยา จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ อารติ…เป… อยํ วุจฺจติ สมฺมาวาจา’’ติ (วิภ. ๒๐๖) เอวํ วิรติ จ, ‘‘ผรุสวาจา, ภิกฺขเว, อาเสวิตา ภาวิตา พหุลีกตา นิรยสํวตฺตนิกา โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๔๐) เอวํ เจตนา จ วาจาติ อาคตา, น สา อิธ อธิปฺเปตา. กสฺมา? อภาสิตพฺพโต. สุภาสิตาติ สุฏฺุ ภาสิตา. เตนสฺสา อตฺถาวหตํ ทีเปติ. โน ทุพฺภาสิตาติ น ทุฏฺุ ภาสิตา. เตนสฺสา อนตฺถาวหนปหานตํ ทีเปติ. อนวชฺชาติ ราคาทิวชฺชรหิตา. อิมินาสฺสา การณสุทฺธึ จตุโทสาภาวฺจ ทีเปติ. อนนุวชฺชาติ อนุวาทวิมุตฺตา ¶ . อิมินาสฺสา สพฺพาการสมฺปตฺตึ ทีเปติ. วิฺูนนฺติ ปณฺฑิตานํ. เตน นินฺทาปสํสาสุ พาลา อปฺปมาณาติ ทีเปติ.
สุภาสิตํเยว ¶ ¶ ภาสตีติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย จตูสุ วาจงฺเคสุ อฺตรนิทฺโทสวจนเมตํ. โน ทุพฺภาสิตนฺติ ตสฺเสว วาจงฺคสฺส ปฏิปกฺขภาสนนิวารณํ. โน ทุพฺภาสิตนฺติ อิมินา มิจฺฉาวาจปฺปหานํ ทีเปติ. สุภาสิตนฺติ อิมินา ปหีนมิจฺฉาวาเจน ภาสิตพฺพวจนลกฺขณํ. องฺคปริทีปนตฺถํ ปเนตฺถ อภาสิตพฺพํ ปุพฺเพ อวตฺวา ภาสิตพฺพเมวาห. เอส นโย ธมฺมํเยวาติอาทีสุปิ. เอตฺถ จ ปเมน ปิสุณโทสรหิตํ สมคฺคกรณํ วจนํ วุตฺตํ, ทุติเยน สมฺผปฺปลาปโทสรหิตํ ธมฺมโต อนเปตํ มนฺตาวจนํ, อิตเรหิ ทฺวีหิ ผรุสาลิกรหิตานิ ปิยสจฺจวจนานิ. อิเมหิ โขติ อาทินา ตานิ องฺคานิ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต ตํ วาจํ นิคเมติ. ยฺจ อฺเ ปฏิฺาทีหิ อวยเวหิ, นามาทีหิ ปเทหิ, ลิงฺควจนวิภตฺติกาลการกสมฺปตฺตีหิ จ สมนฺนาคตํ มุสาวาทาทิวาจมฺปิ สุภาสิตนฺติ มฺนฺติ, ตํ ปฏิเสเธติ. อวยวาทิสมนฺนาคตาปิ หิ ตถารูปี วาจา ทุพฺภาสิตาว โหติ อตฺตโน จ ปเรสฺจ อนตฺถาวหตฺตา. อิเมหิ ปน จตูหงฺเคหิ สมนฺนาคตา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา ฆฏเจฏิกาคีติกปริยาปนฺนาปิ โหติ, ตถาปิ สุภาสิตาว โลกิยโลกุตฺตรหิตสุขาวหตฺตา. ตถา หิ มคฺคปสฺเส สสฺสํ รกฺขนฺติยา สีหฬเจฏิกาย สีหฬเกเนว ชาติชรามรณยุตฺตํ คีติกํ คายนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา สฏฺิมตฺตา วิปสฺสกา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ตถา ติสฺโส นาม อารทฺธวิปสฺสโก ภิกฺขุ ปทุมสรสมีเปน คจฺฉนฺโต ปทุมสเร ปทุมานิ ภฺชิตฺวา –
‘‘ปาโตว ¶ ผุลฺลิตโกกนทํ, สูริยาโลเกน ภิชฺชิยเต;
เอวํ มนุสฺสตฺตํ คตา สตฺตา, ชราภิเวเคน มทฺทิยนฺตี’’ติ. –
อิมํ คีติกํ คายนฺติยา เจฏิกาย สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต.
พุทฺธนฺตเรปิ อฺตโร ปุริโส สตฺตหิ ปุตฺเตหิ สทฺธึ อฏวิโต อาคมฺม อฺตราย อิตฺถิยา มุสเลน ตณฺฑุเล โกฏฺเฏนฺติยา –
‘‘ชราย ¶ ¶ ปริมทฺทิตํ เอตํ, มิลาตฉวิจมฺมนิสฺสิตํ;
มรเณน ภิชฺชติ เอตํ, มจฺจุสฺส ฆาสมามิสํ.
‘‘กิมีนํ อาลยํ เอตํ, นานากุณเปน ปูริตํ;
อสุจิสฺส ภาชนํ เอตํ, กทลิกฺขนฺธสมํ อิท’’นฺติ. –
อิมํ คีติกํ สุตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺโต สห ปุตฺเตหิ ปจฺเจกโพธึ ปตฺโต. เอวํ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา ฆฏเจฏิกาคีติกปริยาปนฺนาปิ โหติ, ตถาปิ สุภาสิตาติ เวทิตพฺพา. สุภาสิตตฺตา เอว จ อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิฺูนํ อตฺถตฺถิกานํ อตฺถปฏิสรณานํ, โน พฺยฺชนปฏิสรณานนฺติ.
สารุปฺปาหีติ อนุจฺฉวิกาหิ. อภิตฺถวีติ ปสํสิ. น ตาปเยติ วิปฺปฏิสาเรน น ตาเปยฺย น วิพาเธยฺย. ปเรติ ปเรหิ ภินฺทนฺโต นาภิภเวยฺย น พาเธยฺย. อิติ อิมาย คาถาย อปิสุณวาจาวเสน ภควนฺตํ โถเมติ. ปฏินนฺทิตาติ ปิยายิตา. ยํ อนาทายาติ ยํ วาจํ ภาสนฺโต ปเรสํ ปาปานิ อปฺปิยานิ ผรุสวจนานิ อนาทาย อตฺถพฺยฺชนมธุรํ ปิยเมว ภาสติ, ตํ วาจํ ภาเสยฺยาติ ¶ ปิยวาจาวเสน อภิตฺถวิ.
อมตาติ สาธุภาเวน อมตสทิสา. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖) นิพฺพานามตปจฺจยตฺตา วา อมตา. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ ยา อยํ สจฺจวาจา นาม, เอส โปราโณ ธมฺโม จริยา ปเวณี. อิทเมว หิ โปราณานํ อาจิณฺณํ, น เต อลิกํ ภาสึสุ. เตเนวาห – สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ, อาหุ สนฺโต ปติฏฺิตาติ.
ตตฺถ สจฺเจ ปติฏฺิตตฺตาว อตฺตโน จ ปเรสฺจ อตฺเถ ปติฏฺิตา, อตฺเถ ปติฏฺิตตฺตา เอว ธมฺเม ปติฏฺิตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. สจฺจวิเสสนเมว วา เอตํ. อิทํ หิ วุตฺตํ โหติ – สจฺเจ ปติฏฺิตา, กีทิเส? อตฺเถ จ ธมฺเม จ, ยํ ปเรสํ อตฺถโต อนเปตตฺตา อตฺถํ อนุปโรธกรํ ¶ , ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ ธมฺมิกเมว อตฺถํ สาเธตีติ. อิติ อิมาย คาถาย สจฺจวจนวเสน อภิตฺถวิ.
เขมนฺติ ¶ อภยํ นิรุปทฺทวํ. เกน การเณนาติ เจ. นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, ยสฺมา กิเลสนิพฺพานํ ปาเปติ, วฏฺฏทุกฺขสฺส จ อนฺตกิริยาย สํวตฺตตีติ อตฺโถ. อถ วา ยํ พุทฺโธ นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยายาติ ทฺวินฺนํ นิพฺพานธาตูนํ อตฺถาย เขมมคฺคปฺปกาสนโต เขมํ วาจํ ภาสติ, สา เว วาจานมุตฺตมาติ สา วาจา สพฺพวาจานํ เสฏฺาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิติ อิมาย คาถาย มนฺตาวจนวเสน ภควนฺตํ อภิตฺถวนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺเปสีติ. ปฺจมํ.
๖. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๑๔. ฉฏฺเ โปริยาติ อกฺขราทิปริปุณฺณาย. วิสฺสฏฺายาติ อวิพทฺธาย อปลิพุทฺธาย. ธมฺมเสนาปติสฺส หิ กเถนฺตสฺส ปิตฺตาทีนํ วเสน อปลิพุทฺธวจนํ โหติ, อยทณฺเฑน ปหตกํสตาลโต สทฺโท วิย นิจฺฉรติ. อเนลคลายาติ อเนลาย อคลาย นิทฺโทสาย เจว อกฺขลิตปทพฺยฺชนาย จ. เถรสฺส หิ กถยโต ปทํ วา พฺยฺชนํ วา น ปริหายติ. อตฺถสฺส วิฺาปนิยาติ อตฺถสฺส วิฺาปนสมตฺถาย. ภิกฺขุนนฺติ ¶ ภิกฺขูนํ.
สํขิตฺเตนปีติ ‘‘จตฺตาริมานิ, อาวุโส, อริยสจฺจานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ทุกฺขํ อริยสจฺจํ…เป… อิมานิ โข, อาวุโส, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, ตสฺมาติห, อาวุโส, อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ โยโค กรณีโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๖-๑๐๙๘) เอวํ สํขิตฺเตนปิ เทเสติ. วิตฺถาเรนปีติ ‘‘กตมํ, อาวุโส, ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๗๓) นเยน ตาเนว วิภชนฺโต วิตฺถาเรนปิ ภาสติ. ขนฺธาทิเทสนาสุปิ เอเสว นโย. สาฬิกายิว นิคฺโฆโสติ ยถา มธุรํ อมฺพปกฺกํ สายิตฺวา ปกฺเขหิ วาตํ ทตฺวา มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรนฺติยา สาฬิกสกุณิยา นิคฺโฆโส, เอวํ เถรสฺส ธมฺมํ กเถนฺตสฺส มธุโร นิคฺโฆโส โหติ. ปฏิภานํ อุทีรยีติ สมุทฺทโต อูมิโย วิย อนนฺตํ ปฏิภานํ อุฏฺหติ. โอเธนฺตีติ โอทหนฺติ. ฉฏฺํ.
๗. ปวารณาสุตฺตวณฺณนา
๒๑๕. สตฺตเม ¶ ¶ ตทหูติ ตสฺมึ อหุ, ตสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ. อุปวสนฺตีติ จ สีเลน วา อนสเนน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. โส ปเนส อุโปสถทิวโส อฏฺมีจาตุทฺทสีปนฺนรสีเภเทน ติวิโธ, ตสฺมา เสสทฺวยนิวารณตฺถํ ปนฺนรเสติ วุตฺตํ. ปวารณายาติ วสฺสํ-วุฏฺ-ปวารณาย. วิสุทฺธิปวารณาติปิ เอติสฺสาว นามํ. นิสินฺโน โหตีติ สายนฺหสมเย สมฺปตฺตปริสาย กาลยุตฺตํ ธมฺมํ เทเสตฺวา อุทกโกฏฺเก คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา นิวตฺถนิวาสโน เอกํสํ สุคตมหาจีวรํ กตฺวา มชฺฌิมตฺถมฺภํ นิสฺสาย ปฺตฺเต วรพุทฺธาสเน ปุรตฺถิมทิสาย อุฏฺหโต จนฺทมณฺฑลสฺส สิรึ สิริยา อภิภวมาโน นิสินฺโน โหติ. ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตนฺติ ยโต ยโต อนุวิโลเกติ, ตโต ตโต ตุณฺหีภูตเมว. ตตฺถ หิ เอกภิกฺขุสฺสาปิ หตฺถกุกฺกุจฺจํ วา ปาทกุกฺกุจฺจํ วา นตฺถิ, สพฺเพ นิรวา สนฺเตน อิริยาปเถน นิสีทึสุ. อนุวิโลเกตฺวาติ ทิสฺสมานปฺจปสาเทหิ เนตฺเตหิ อนุวิโลเกตฺวา. หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. น จ เม กิฺจิ ครหถาติ เอตฺถ น จ กิฺจีติ ปุจฺฉนตฺเถ น-กาโร. กึ เม กิฺจิ ¶ ครหถ? ยทิ ครหถ, วทถ, อิจฺฉาเปมิ โว วตฺตุนฺติ อตฺโถ. กายิกํ วา วาจสิกํ วาติ อิมินา กายวจีทฺวาราเนว ปวาเรติ, น มโนทฺวารํ. กสฺมา? อปากฏตฺตา. กายวจีทฺวาเรสุ หิ โทโส ปากโฏ โหติ, น มโนทฺวาเร. ‘‘เอกมฺเจ สยโตปิ หิ กึ จินฺเตสี’’ติ? ปุจฺฉิตฺวา จิตฺตาจารํ ชานาติ. อิติ มโนทฺวารํ อปากฏตฺตา น ปวาเรติ, โน อปริสุทฺธตฺตา. โพธิสตฺตภูตสฺสาปิ หิ ตสฺส ภูริทตฺตฉทฺทนฺตสงฺขปาลธมฺมปาลาทิกาเล มโนทฺวารํ ปริสุทฺธํ, อิทาเนตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
เอตทโวจาติ ธมฺมเสนาปติฏฺาเน ิตตฺตา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภารํ วหนฺโต เอตํ อโวจ. น โข มยํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, มยํ ภควโต น กิฺจิ ครหาม. กายิกํ วา วาจสิกํ วาติ อิทํ จตุนฺนํ อรกฺขิยตํ สนฺธาย เถโร อาห. ภควโต หิ จตฺตาริ อรกฺขิยานิ. ยถาห –
‘‘จตฺตาริมานิ ¶ , ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรกฺขิยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ปริสุทฺธกายสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส ¶ วจีทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย, ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปริสุทฺธมโนสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส มโนทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย, ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปริสุทฺธาชีโว, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส มิจฺฉาอาชีโว, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย ‘‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๗.๕๘).
อิทานิ ภควโต ยถาภูตคุเณ กเถนฺโต ภควา หิ, ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ อนุปฺปนฺนสฺสาติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธโต ปฏฺาย อฺเน สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา อนุปฺปาทิตปุพฺพสฺส. อสฺชาตสฺสาติ อิทํ อนุปฺปนฺนเววจนเมว. อนกฺขาตสฺสาติ อฺเน อเทสิตสฺส. ปจฺฉา สมนฺนาคตาติ ปมคตสฺส ภควโต ปจฺฉา สมนุอาคตา. อิติ เถโร ยสฺมา สพฺเพปิ ภควโต สีลาทโย คุณา อรหตฺตมคฺคเมว นิสฺสาย อาคตา, ตสฺมา อรหตฺตมคฺคเมว นิสฺสาย คุณํ กเถสิ. เตน สพฺพคุณา กถิตาว โหนฺติ. อหฺจ โข, ภนฺเตติ อิทํ เถโร สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส อตฺตโน เจว สงฺฆสฺส จ กายิกวาจสิกํ ปวาเรนฺโต อาห.
ปิตรา ¶ ปวตฺติตนฺติ จกฺกวตฺติมฺหิ กาลงฺกเต วา ปพฺพชิเต วา สตฺตาหจฺจเยน จกฺกํ อนฺตรธายติ, ตโต ทสวิธํ ทฺวาทสวิธํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปูเรตฺวา นิสินฺนสฺส ปุตฺตสฺส อฺํ ปาตุภวติ, ตํ โส ปวตฺเตติ. รตนมยตฺตา ปน สทิสฏฺเน ตเทว วตฺตํ กตฺวา ‘‘ปิตรา ปวตฺติต’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา วา โส ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหมนุสาสิสฺสามี’’ติ อาห, ตสฺมา ปิตรา ปวตฺติตํ อาณาจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตติ นาม. สมฺมเทว อนุปฺปวตฺเตสีติ สมฺมา นเยน เหตุนา การเณเนว อนุปฺปวตฺเตสิ. ภควา หิ จตุสจฺจธมฺมํ กเถติ, เถโร ตเมว อนุกเถติ, ตสฺมา เอวมาห. อุภโตภาควิมุตฺตาติ ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุตฺตา ¶ , อรูปาวจรสมาปตฺติยา รูปกายโต วิมุตฺตา, อคฺคมคฺเคน นามกายโตติ. ปฺาวิมุตฺตาติ ปฺาย วิมุตฺตา เตวิชฺชาทิภาวํ อปฺปตฺตา ขีณาสวา.
วิสุทฺธิยาติ วิสุทฺธตฺถาย. สํโยชนพนฺธนจฺฉิทาติ สํโยชนสงฺขาเต เจว พนฺธนสงฺขาเต จ กิเลเส ฉินฺทิตฺวา ิตา. วิชิตสงฺคามนฺติ วิชิตราคโทสโมหสงฺคามํ, มารพลสฺส วิชิตตฺตาปิ ¶ วิชิตสงฺคามํ. สตฺถวาหนฺติ อฏฺงฺคิกมคฺครเถ อาโรเปตฺวา เวเนยฺยสตฺถํ วาเหติ สํสารกนฺตารํ อุตฺตาเรตีติ ภควา สตฺถวาโห, ตํ สตฺถวาหํ. ปลาโปติ อนฺโตตุจฺโฉ ทุสฺสีโล. อาทิจฺจพนฺธุนนฺติ อาทิจฺจพนฺธุํ สตฺถารํ ทสพลํ วนฺทามีติ วทติ. สตฺตมํ.
๘. ปโรสหสฺสสุตฺตวณฺณนา
๒๑๖. อฏฺเม ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํ. อกุโตภยนฺติ นิพฺพาเน กุโตจิ ภยํ นตฺถิ, นิพฺพานปฺปตฺตสฺส วา กุโตจิ ภยํ นตฺถีติ นิพฺพานํ อกุโตภยํ นาม. อิสีนํ อิสิสตฺตโมติ วิปสฺสิโต ปฏฺาย อิสีนํ สตฺตมโก อิสิ.
กึ นุ เต วงฺคีสาติ อิทํ ภควา อตฺถุปฺปตฺติวเสน อาห. สงฺฆมชฺเฌ กิร กถา อุทปาทิ ‘‘วงฺคีสตฺเถโร วิสฺสฏฺวตฺโต ¶ , เนว อุทฺเทเส, น ปริปุจฺฉาย, น โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรติ, คาถา พนฺธนฺโต จุณฺณิยปทานิ กโรนฺโต วิจรตี’’ติ. อถ ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ภิกฺขู วงฺคีสสฺส ปฏิภานสมฺปตฺตึ น ชานนฺติ, จินฺเตตฺวา จินฺเตตฺวา วทตีติ มฺนฺติ, ปฏิภานสมฺปตฺติมสฺส ชานาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘กึ นุ เต วงฺคีสา’’ติอาทิมาห.
อุมฺมคฺคปถนฺติ อเนกานิ กิเลสุมฺมุชฺชนสตานิ, วฏฺฏปถตฺตา ปน ปถนฺติ วุตฺตํ. ปภิชฺช ขิลานีติ ราคขิลาทีนิ ปฺจ ภินฺทิตฺวา จรสิ. ตํ ปสฺสถาติ ตํ เอวํ อภิภุยฺย ภินฺทิตฺวา จรนฺตํ พุทฺธํ ปสฺสถ. พนฺธปมฺุจกรนฺติ พนฺธนโมจนกรํ. อสิตนฺติ อนิสฺสิตํ. ภาคโส ปวิภชนฺติ สติปฏฺานาทิโกฏฺาสวเสน ธมฺมํ วิภชนฺตํ. ปวิภชฺชาติ วา ปาโ, องฺคปจฺจงฺคโกฏฺาสวเสน วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา ปสฺสถาติ อตฺโถ.
โอฆสฺสาติ ¶ จตุโรฆสฺส. อเนกวิหิตนฺติ สติปฏฺานาทิวเสน อเนกวิธํ. ตสฺมึ จ อมเต อกฺขาเตติ ตสฺมึ เตน อกฺขาเต อมเต. ธมฺมทฺทสาติ ธมฺมสฺส ปสฺสิตาโร. ิตา อสํหีราติ อสํหาริยา หุตฺวา ปติฏฺิตา.
อติวิชฺฌาติ อติวิชฺฌิตฺวา. สพฺพฏฺิตีนนฺติ สพฺเพสํ ทิฏฺิฏฺานานํ วิฺาณฏฺิตีนํ วา ¶ . อติกฺกมมทฺทสาติ อติกฺกมภูตํ นิพฺพานมทฺทส. อคฺคนฺติ อุตฺตมธมฺมํ. อคฺเคติ วา ปาโ, ปมตรนฺติ อตฺโถ. ทสทฺธานนฺติ ปฺจนฺนํ, อคฺคธมฺมํ ปฺจวคฺคิยานํ, อคฺเค วา ปฺจวคฺคิยานํ ธมฺมํ เทเสสีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอส ธมฺโม สุเทสิโตติ ชานนฺเตน จ ปมาโท น กาตพฺโพ, ตสฺมา. อนุสิกฺเขติ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺเขยฺย. อฏฺมํ.
๙. โกณฺฑฺสุตฺตวณฺณนา
๒๑๗. นวเม ¶ อฺาสิโกณฺฑฺโติ ปมํ ธมฺมสฺส อฺาตตฺตา เอวํ คหิตนาโม เถโร. สุจิรสฺเสวาติ กีวจิรสฺส? ทฺวาทสนฺนํ สํวจฺฉรานํ. เอตฺตกํ กาลํ กตฺถ วิหาสีติ. ฉทฺทนฺตภวเน มนฺทากินิโปกฺขรณิยา ตีเร ปจฺเจกพุทฺธานํ วสนฏฺาเน. กสฺมา? วิหารครุตาย. โส หิ ปฺวา มหาสาวโก. ยเถว ภควโต, เอวมสฺส ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวมนุสฺสานํ อพฺภนฺตเร คุณา ปตฺถฏาว. เทวมนุสฺสา ตถาคตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กตฺวา ‘‘อคฺคธมฺมํ ปฏิวิทฺธสาวโก’’ติ อนนฺตรํ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปูเชนฺติ. สนฺติกํ อาคตานฺจ นาม ตถารูปา ธมฺมกถา วา ปฏิสนฺถาโร วา กาตพฺโพ โหติ. เถโร จ วิหารครุโก, เตนสฺส โส ปปฺโจ วิย อุปฏฺาติ. อิติ วิหารครุตาย ตตฺถ คนฺตฺวา วิหาสิ.
อปรมฺปิ การณํ – ภิกฺขาจารเวลายํ ตาว สพฺพสาวกา วสฺสคฺเคน คจฺฉนฺติ. ธมฺมเทสนากาเล ปน มชฺฌฏฺาเน อลงฺกตพุทฺธาสนมฺหิ สตฺถริ นิสินฺเน ทกฺขิณหตฺถปสฺเส ธมฺมเสนาปติ, วามหตฺถปสฺเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร นิสีทติ, เตสํ ปิฏฺิภาเค อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส อาสนํ ปฺาเปนฺติ. เสสา ภิกฺขู ตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทนฺติ. ทฺเว อคฺคสาวกา อคฺคธมฺมปฏิวิทฺธตฺตา จ มหลฺลกตฺตา จ เถเร สคารวา เถรํ มหาพฺรหฺมํ ¶ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย อาสีวิสํ วิย จ มฺมานา ธุราสเน นิสีทนฺตา โอตฺตปฺปนฺติ หรายนฺติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิเมหิ ธุราสนตฺถาย กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปารมิโย ปูริตา, เต อิทานิ ธุราสเน นิสีทนฺตา มม โอตฺตปฺปนฺติ หรายนฺติ, ผาสุวิหารํ เนสํ กริสฺสามี’’ติ. โส ปติรูเป กาเล ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, ชนปเท วสิตุ’’นฺติ อาห, สตฺถา อนุชานิ.
เถโร ¶ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ฉทฺทนฺตภวเน มนฺทากินิตีรํ คโต. ปุพฺเพ ปจฺเจกพุทฺธานํ ปาริจริยาย กตปริจยา อฏฺสหสฺสา หตฺถินาคา เถรํ ทิสฺวาว ‘‘อมฺหากํ ปฺุกฺเขตฺตํ อาคต’’นฺติ นเขหิ ¶ จงฺกมนํ นิตฺติณํ กตฺวา อาวรณสาขา หริตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานํ ปฏิชคฺคิตฺวา วตฺตํ กตฺวา สพฺเพ สนฺนิปติตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘สเจ หิ มยํ ‘อยํ เถรสฺส กตฺตพฺพํ กริสฺสติ, อยํ กริสฺสตี’ติ ปฏิปชฺชิสฺสาม, เถโร พหุาติกคามํ คโต วิย ยถาโธเตเนว ปตฺเตน คมิสฺสติ, วาเรน นํ ปฏิชคฺคิสฺสาม, เอกสฺส ปน วาเร ปตฺเต เสเสหิปิ นปฺปมชฺชิตพฺพ’’นฺติ วารํ ปยึสุ. วาริกนาโค ปาโตว เถรสฺส มุโขทกฺจ ทนฺตกฏฺฺจ เปติ, วตฺตํ กโรติ.
มนฺทากินิโปกฺขรณี นาม เจสา ปณฺณาสโยชนา โหติ. ตสฺสา ปฺจวีสติโยชนมตฺเต าเน เสวาโล วา ปณกํ วา นตฺถิ, ผลิกวณฺณํ อุทกเมว โหติ. ตโต ปรํ ปน กฏิปฺปมาเณ อุทเก อฑฺฒโยชนวิตฺถตํ เสสปทุมวนํ ปณฺณาสโยชนํ สรํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตํ. ตทนนฺตรํ ตาว มหนฺตเมว รตฺตปทุมวนํ, ตทนนฺตรํ รตฺตกุมุทวนํ, ตทนนฺตรํ เสตกุมุทวนํ, ตทนนฺตรํ นีลุปฺปลวนํ, ตทนนฺตรํ รตฺตุปฺปลวนํ, ตทนนฺตรํ สุคนฺธรตฺตสาลิวนํ, ตทนนฺตรํ เอฬาลุกลาพุกุมฺภณฺฑาทีนิ มธุรรสานิ วลฺลิผลานิ, ตทนนฺตรํ อฑฺฒโยชนวิตฺถารเมว อุจฺฉุวนํ, ตตฺถ ปูครุกฺขกฺขนฺธปฺปมาณา อุจฺฉู, ตทนนฺตรํ กทลิวนํ, ยโต ทุเว ปกฺกานิ ขาทนฺตา กิลมนฺติ, ตทนนฺตรํ จาฏิปฺปมาณผลํ ปนสวนํ, ตทนนฺตรํ ชมฺพุวนํ, ตทนนฺตรํ อมฺพวนํ, ตทนนฺตรํ กปิตฺถวนนฺติ. สงฺเขปโต ตสฺมึ ทเห ขาทิตพฺพยุตฺตกํ ผลํ นาม นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ. กุสุมานํ ปุปฺผนสมเย วาโต เรณุวฏฺฏึ อุฏฺาเปตฺวา ปทุมินิปตฺเตสุ เปติ, ตตฺถ อุทกผุสิตานิ ปตนฺติ. ตโต อาทิจฺจปาเกน ปจฺจิตฺวา ปกฺกปโยฆนิกา วิย ติฏฺติ, เอตํ โปกฺขรมธุ นาม ¶ , ตํ เถรสฺส อาหริตฺวา เทนฺติ. มุฬาลํ นงฺคลสีสมตฺตํ โหติ, ตมฺปิ อาหริตฺวา เทนฺติ. ภิสํ มหาเภริโปกฺขรปฺปมาณํ โหติ, ตสฺส เอกสฺมึ ปพฺเพ ปาทฆฏกปฺปมาณํ ขีรํ โหติ, ตํ อาหริตฺวา เทนฺติ. โปกฺขรฏฺีนิ มธุสกฺขราย โยเชตฺวา ¶ เทนฺติ. อุจฺฉุํ ปาสาณปิฏฺเ เปตฺวา ปาเทน อกฺกมนฺติ. ตโต รโส ปคฺฆริตฺวา โสณฺฑิอาวาเฏ ปูเรตฺวา, อาทิจฺจปาเกน ปจฺจิตฺวา ขีรปาสาณปิณฺโฑ วิย ติฏฺติ, ตํ อาหริตฺวา เทนฺติ. ปนสกทลิอมฺพปกฺกาทีสุ กถาว นตฺถิ.
เกลาสปพฺพเต ¶ นาคทตฺโต นาม เทวปุตฺโต วสติ. เถโร กาเลน กาลํ ตสฺส วิมานทฺวารํ คจฺฉติ. โส นวสปฺปิโปกฺขรมธุจุณฺณยุตฺตสฺส นิรุทกปายาสสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา เทติ. โส กิร กสฺสปพุทฺธกาเล วีสติวสฺสสหสฺสานิ สุคนฺธสปฺปินา ขีรสลากํ อทาสิ. เตนสฺเสตํ โภชนํ อุปฺปชฺชติ. เอวํ เถโร ทฺวาทส วสฺสานิ วสิตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกนฺโต ปริกฺขีณภาวํ ตฺวา ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘หตฺถินาเคหิ มํ ทฺวาทส วสฺสานิ อุปฏฺหนฺเตหิ ทุกฺกรํ กตํ, สตฺถารํ อนุชานาเปตฺวา เอเตสํเยว สนฺติเก ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อากาเสน ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สุจิรสฺเสว เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติ.
นามฺจาติ กสฺมา นามํ สาเวติ? เถรฺหิ เกจิ สฺชานนฺติ, เกจิ น สฺชานนฺติ. ตตฺถ เถโร จินฺเตสิ – ‘‘เย มํ อชานนฺตา ‘โก เอส ปณฺฑรสีโส โอภคฺโค โคปานสิวงฺโก มหลฺลโก สตฺถารา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรตี’ติ จิตฺตํ ปทูเสสฺสนฺติ, เต อปายปูรกา ภวิสฺสนฺติ. เย ปน มํ ชานนฺตา – ‘ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ สตฺถา วิย ปฺาโต ปากโฏ มหาสาวโก’ติ จิตฺตํ ปสาเทสฺสนฺติ, เต สคฺคูปคา ภวิสฺสนฺตี’’ติ, สตฺตานํ อปายมคฺคํ ปิทหิตฺวา สคฺคมคฺคํ วิวรนฺโต นามํ สาเวติ.
พุทฺธานุพุทฺโธติ ปมํ สตฺถา จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌิ, ปจฺฉา เถโร, ตสฺมา พุทฺธานุพุทฺโธติ, วุจฺจติ. ติพฺพนิกฺกโมติ พาฬฺหวีริโย. วิเวกานนฺติ ติณฺณํ วิเวกานํ. เตวิชฺโช, เจโตปริยายโกวิโทติ ฉสุ อภิฺาสุ จตสฺโส วทติ. อิตรา ทฺเว กิฺจาปิ น วุตฺตา, เถโร ปน ฉฬภิฺโว. อิมิสฺสา จ คาถาย ปริโยสาเน ปริสา สนฺนิสีทิ. ปริสาย ¶ สนฺนิสินฺนภาวํ ตฺวา เถโร สตฺถารา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ปริกฺขีณา เม, ภนฺเต, อายุสงฺขารา, ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ, ปรินิพฺพานกาลํ อนุชานาเปสิ ¶ . กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสสิ โกณฺฑฺาติ? อุปฏฺาเกหิ เม, ภนฺเต, หตฺถินาเคหิ ทุกฺกรํ กตํ, เตสํ สนฺติเกติ. สตฺถา อนุชานิ.
เถโร ทสพลํ ปทกฺขิณํ กตฺวา – ‘‘ปุพฺพํ ตํ เม, ภนฺเต, ปมทสฺสนํ, อิทํ ปจฺฉิมทสฺสน’’นฺติ ปริเทวนฺเต มหาชเน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา, ทฺวารโกฏฺเก ิโต – ‘‘มา ¶ โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, พุทฺธา วา โหนฺตุ พุทฺธสาวกา วา, อุปฺปนฺนา สงฺขารา อภิชฺชนกา นาม นตฺถี’’ติ มหาชนํ โอวทิตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว มหาชนสฺส เวหาสํ อพฺภุคฺคมฺม มนฺทากินิตีเร โอตริตฺวา โปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา นิวตฺถนิวาสโน กตุตฺตราสงฺโค เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ผลสมาปตฺติยา ตโย ยาเม วีตินาเมตฺวา พลวปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพายิ. เถรสฺส สหปรินิพฺพานา หิมวติ สพฺพรุกฺขา ปุปฺเผหิ จ ผเลหิ จ โอนตวินตา อเหสุํ. วาริกนาโค เถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อชานนฺโต ปาโตว มุโขทกทนฺตกฏฺานิ อุปฏฺเปตฺวา วตฺตํ กตฺวา ขาทนียผลานิ อาหริตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ อฏฺาสิ. โส ยาว สูริยุคฺคมนา เถรสฺส นิกฺขมนํ อปสฺสนฺโต ‘‘กึ นุ โข เอตํ? ปุพฺเพ อยฺโย ปาโตว จงฺกมติ, มุขํ โธวติ. อชฺช ปน ปณฺณสาลโตปิ น นิกฺขมตี’’ติ กุฏิทฺวารํ กมฺเปตฺวา โอโลเกนฺโต เถรํ นิสินฺนกเมว ทิสฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ปรามสิตฺวา อสฺสาสปสฺสาเส ปริเยสนฺโต เตสํ อปฺปวตฺติภาวํ ตฺวา – ‘‘ปรินิพฺพุโต เถโร’’ติ โสณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา มหารวํ วิรวิ. สกลหิมวนฺโต เอกนินฺนาโท อโหสิ. อฏฺนาคสหสฺสานิ สนฺนิปติตฺวา เถรํ เชฏฺกนาคสฺส กุมฺเภ นิสีทาเปตฺวา สุปุปฺผิตรุกฺขสาขา คเหตฺวา ปริวาเรตฺวา สกลหิมวนฺตํ อนุวิจริตฺวา สกฏฺานเมว อาคตา.
สกฺโก วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต, อมฺหากํ เชฏฺภาตา ปรินิพฺพุโต, สกฺการํ กริสฺสาม, นวโยชนิกํ สพฺพรตนมยํ กูฏาคารํ มาเปหี’’ติ. โส ตถา กตฺวา เถรํ ตตฺถ นิปชฺชาเปตฺวา หตฺถินาคานํ อทาสิ. เต กูฏาคารํ อุกฺขิปิตฺวา ติโยชนสหสฺสํ หิมวนฺตํ ปุนปฺปุนํ อาวิชฺฌึสุ ¶ . เตสํ หตฺถโต อากาสฏฺกา เทวา คเหตฺวา ¶ สาธุกีฬิตํ กีฬึสุ. ตโต วสฺสวลาหกา สีตวลาหกา อุณฺหวลาหกา จาตุมหาราชิกา ตาวตึสาติ เอเตนุปาเยน ยาว พฺรหฺมโลกา กูฏาคารํ อคมาสิ, ปุน พฺรหฺมาโน เทวานนฺติ อนุปุพฺเพน หตฺถินาคานํเยว กูฏาคารํ อทํสุ. เอเกกา เทวตา จตุรงฺคุลมตฺตํ จนฺทนฆฏิกํ อาหริ, จิตโก นวโยชนิโก อโหสิ. กูฏาคารํ จิตกํ อาโรปยึสุ. ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา สพฺพรตฺตึ สชฺฌายมกํสุ. อนุรุทฺธตฺเถโร ธมฺมํ กเถสิ, พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ปุนทิวเส อรุณุคฺคมนเวลายเมว จิตกํ นิพฺพาเปตฺวา สุมนมกุฬวณฺณานํ ธาตูนํ ปริสาวนํ ปูเรตฺวา ภควติ นิกฺขมิตฺวา เวฬุวนวิหารโกฏฺกํ สมฺปตฺเต อาหริตฺวา สตฺถุ หตฺเถ ปยึสุ. สตฺถา ธาตุปริสาวนํ คเหตฺวา ปถวิยา หตฺถํ ปสาเรสิ, มหาปถวึ ภินฺทิตฺวา รชตพุพฺพุฬสทิสํ เจติยํ ¶ นิกฺขมิ. สตฺถา สหตฺเถน เจติเย ธาตุโย นิเธสิ. อชฺชาปิ กิร ตํ เจติยํ ธรติเยวาติ. นวมํ.
๑๐. โมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา
๒๑๘. ทสเม สมนฺเนสตีติ ปริเยสติ ปจฺจเวกฺขติ. นคสฺสาติ ปพฺพตสฺส. มุนินฺติ พุทฺธมุนึ. ทุกฺขสฺส ปารคุนฺติ ทุกฺขปารํ คตํ. สมนฺเนสนฺติ สมนฺเนสนฺโต. เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนนฺติ เอวํ สพฺพคุณสมฺปนฺนํ. อเนกาการสมฺปนฺนนฺติ อเนเกหิ คุเณหิ สมนฺนาคตํ. ทสมํ.
๑๑. คคฺคราสุตฺตวณฺณนา
๒๑๙. เอกาทสเม ตฺยาสฺสุทนฺติ เต อสฺสุทํ. อสฺสุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. วณฺเณนาติ สรีรวณฺเณน. ยสสาติ ปริวาเรน. วิคตมโลว ภาณุมาติ วิคตมโล อาทิจฺโจ วิย. เอกาทสมํ.
๑๒. วงฺคีสสุตฺตวณฺณนา
๒๒๐. ทฺวาทสเม ¶ อายสฺมาติ ปิยวจนํ. วงฺคีโสติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. โส กิร ปุพฺเพ ปทุมุตฺตรกาเล ปฏิภานสมฺปนฺนํ สาวกํ ทิสฺวา ทานํ ¶ ทตฺวา ปตฺถนํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ ปารมิโย ปูเรตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล สกลชมฺพุทีเป วาทกามตาย ชมฺพุสาขํ ปริหริตฺวา เอเกน ปริพฺพาชเกน สทฺธึ วาทํ กตฺวา วาเท ชยปราชยานุภาเวน เตเนว ปริพฺพาชเกน สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปตฺวา วสมานาย เอกิสฺสา ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต วยํ อาคมฺม มาติโต ปฺจวาทสตานิ, ปิติโต ปฺจวาทสตานีติ วาทสหสฺสํ อุคฺคณฺหิตฺวา วิจรติ. เอกฺจ วิชฺชํ ชานาติ, ยํ วิชฺชํ ปริชปฺปิตฺวา มตานํ สีสํ องฺคุลิยา ปหริตฺวา – ‘‘อสุกฏฺาเน นิพฺพตฺโต’’ติ ชานาติ. โส อนุปุพฺเพน คามนิคมาทีสุ วิจรนฺโต ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต นครทฺวาเร สาลาย นิสีทติ.
ตทา ¶ จ นครวาสิโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธมาลาทิหตฺถา ธมฺมสฺสวนาย วิหารํ คจฺฉนฺติ. มาณโว ทิสฺวา, ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ? ปุจฺฉิ. เต ‘‘ทสพลสฺส สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนายา’’ติ อาหํสุ. โสปิ สปริวาโร เตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ ภควา อาห – ‘‘วงฺคีส, ภทฺทกํ กิร สิปฺปํ ชานาสี’’ติ. ‘‘โภ โคตม, อหํ พหุสิปฺปํ ชานามิ. ตุมฺเห กตรํ สนฺธาย วทถา’’ติ? ฉวทูสกสิปฺปนฺติ. อาม, โภ โคตมาติ. อถสฺส ภควา อตฺตโน อานุภาเวน นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘วงฺคีส, อยํ กหํ นิพฺพตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. โส มนฺตํ ชปฺปิตฺวา องฺคุลิยา ปหริตฺวา ‘‘นิรเย’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, วงฺคีส, สุกถิต’’นฺติ เทวโลเก นิพฺพตฺตสฺส สีสํ ทสฺเสสิ. ตมฺปิ โส ตเถว พฺยากาสิ. อถสฺส ขีณาสวสฺส สีสํ ทสฺเสสิ. โส ปุนปฺปุนํ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวาปิ องฺคุลิยา ปหริตฺวาปิ นิพฺพตฺตฏฺานํ น ¶ ปสฺสติ.
อถ นํ ภควา ‘‘กิลมสิ, วงฺคีสา’’ติ อาห? อาม โภ, โคตมาติ. ปุนปฺปุนํ อุปธาเรหีติ. ตถา กโรนฺโตปิ อทิสฺวา, ‘‘ตุมฺเห, โภ โคตม, ชานาถา’’ติ อาห. อาม, วงฺคีส, มํ นิสฺสาย เจส คโต, อหมสฺส คตึ ชานามีติ. มนฺเตน ชานาสิ, โภ โคตมาติ? อาม, วงฺคีส, เอเกน มนฺเตเนว ชานามีติ. โภ โคตม, มยฺหํ มนฺเตน อิมํ มนฺตํ เทถาติ. อมูลิโก, วงฺคีส, มยฺหํ มนฺโตติ. เทถ, โภ โคตมาติ. น ¶ สกฺกา มยฺหํ สนฺติเก อปพฺพชิตสฺส ทาตุนฺติ. โส อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา สมโณ โคตโม อติเรกสิปฺปํ ชานาติ, อหํ อิมสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สิปฺปํ คณฺหามิ, ตโต สกลชมฺพุทีเป อมฺเหหิ พหุตรํ ชานนฺโต นาม น ภวิสฺสติ. ตุมฺเห ยาว อหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อนุกฺกณฺิตฺวา วิจรถา’’ติ เต อุยฺโยเชตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาห. สตฺถา นิคฺโรธกปฺปสฺส ปฏิปาเทสิ. เถโร ตํ อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคมฺม วนฺทิตฺวา ิโต ‘‘สิปฺปํ เทถา’’ติ ยาจิ. วงฺคีส, ตุมฺเห สิปฺปํ คณฺหนฺตา อโลณโภชนถณฺฑิลเสยฺยาทีหิ ปริกมฺมํ กตฺวา คณฺหถ, อิมสฺสาปิ สิปฺปสฺส ปริกมฺมํ อตฺถิ, ตํ ตาว กโรหีติ. สาธุ, ภนฺเตติ. อถสฺส สตฺถา ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ตํ อนุโลมปฏิโลมํ มนสิกโรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ ปาปุณิ.
วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทีติ เอวํ อรหตฺตํ ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต. กาเวยฺยมตฺตาติ กาเวยฺเยน ¶ กพฺพกรเณน มตฺตา. ขนฺธายตนธาตุโยติ ¶ อิมานิ ขนฺธาทีนิ ปกาเสนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. เย นิยามคตทฺทสาติ เย นิยามคตา เจว นิยามทสฺสาติ จ. สฺวาคตนฺติ สุอาคมนํ. อิทฺธิปตฺโตมฺหีติ อิมินา อิทฺธิวิธาณํ คหิตํ. เจโตปริยายโกวิโทติ อิมินา เจโตปริยาณํ. ทิพฺพโสตํ ปน อวุตฺตมฺปิ คหิตเมว โหติ. เอวํ ฉ อภิฺาปตฺโต เอโส มหาสาวโกติ เวทิตพฺโพ. ทฺวาทสมํ.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
วงฺคีสสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วนสํยุตฺตํ
๑. วิเวกสุตฺตวณฺณนา
๒๒๑. วนสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ปเม ¶ โกสเลสุ วิหรตีติ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตสฺส ชนปทสฺส สุลภภิกฺขตาย ตตฺถ คนฺตฺวา วิหรติ. สํเวเชตุกามาติ วิเวกํ ปฏิปชฺชาเปตุกามา. วิเวกกาโมติ ตโย วิเวเก ปตฺถยนฺโต. นิจฺฉรตี พหิทฺธาติ พาหิเรสุ ปุถุตฺตารมฺมเณสุ จรติ. ชโน ชนสฺมินฺติ ตฺวํ ชโน อฺสฺมึ ชเน ฉนฺทราคํ วินยสฺสุ. ปชหาสีติ ปชห. ภวาสีติ ภว. สตํ ตํ สารยามเสติ สติมนฺตํ ปณฺฑิตํ ตํ มยมฺปิ สารยาม, สตํ วา ธมฺมํ มยํ ตํ สารยามาติ อตฺโถ. ปาตาลรโชติ อปฺปติฏฺฏฺเน ปาตาลสงฺขาโต กิเลสรโช. มา ตํ กามรโชติ อยํ กามราครโช ตํ มา อวหริ, อปายเมว มา เนตูติ อตฺโถ. ปํสุกุนฺถิโตติ ปํสุมกฺขิโต. วิธุนนฺติ วิธุนนฺโต. สิตํ รชนฺติ สรีรลคฺคํ รชํ. สํเวคมาปาทีติ เทวตาปิ นาม มํ เอวํ สาเรตีติ วิเวกมาปนฺโน, อุตฺตมวีริยํ วา ปคฺคยฺห ปรมวิเวกํ มคฺคเมว ปฏิปนฺโนติ. ปมํ.
๒. อุปฏฺานสุตฺตวณฺณนา
๒๒๒. ทุติเย สุปตีติ อยํ กิร ขีณาสโว, โส ทูเร ภิกฺขาจารคามํ คนฺตฺวา อาคโต ปณฺณสาลาย ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา อวิทูเร ชาตสฺสรํ โอตริตฺวา คตฺตานิ อุตุํ คาหาเปตฺวา ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ตตฺถ นีจมฺจกํ ปฺาเปตฺวา ¶ นิทฺทํ อโนกฺกมนฺโตว นิปนฺโน. ขีณาสวสฺสาปิ หิ กายทรโถ โหติเยวาติ ตสฺส วิโนทนตฺถํ, ตํ สนฺธาย สุปตีติ วุตฺตํ. อชฺฌภาสีติ ‘‘อยํ ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ทิวา สุปติ, ทิวาโสปฺปฺจ นาเมตํ วฑฺฒิตํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ นาเสตี’’ติ มฺมานา ‘‘โจเทสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา อภาสิ.
อาตุรสฺสาติ ¶ ชราตุโร โรคาตุโร กิเลสาตุโรติ ตโย อาตุรา, เตสุ กิเลสาตุรํ สนฺธาเยวมาห. สลฺลวิทฺธสฺสาติ สวิเสน ¶ สตฺติสลฺเลน วิย อวิชฺชาวิสวิฏฺเน ตณฺหาสลฺเลน หทเย วิทฺธสฺส. รุปฺปโตติ ฆฏฺฏิยมานสฺส.
อิทานิสฺส กาเมสุ อาทีนวํ กถยนฺตี อนิจฺจาติอาทิมาห. ตตฺถ อสิตนฺติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสเยน อนิสฺสิตํ. กสฺมา ปพฺพชิตํ ตเปติ เอวรูปํ ขีณาสวํ ทิวาโสปฺปํ น ตปติ, ตาทิสํ ปน กสฺมา น ตเปสฺสตีติ? วทติ. เถรสฺเสว วา เอตํ วจนํ, ตสฺมา อยเมตฺถ อตฺโถ – พทฺเธสุ มุตฺตํ อสิตํ มาทิสํ ขีณาสวปพฺพชิตํ กสฺมา ทิวาโสปฺปํ ตเป, น ตเปสฺสตีติ? เสสคาถาสุปิ เอเสว นโย. เทวตาย หิ วจนปกฺเข – ‘‘เอวรูปํ ขีณาสวปพฺพชิตํ ทิวาโสปฺปํ น ตปติ, ตาทิสํ ปน กสฺมา น ตเปสฺสติ? ตเปสฺสติเยวา’’ติ อตฺโถ. เถรสฺส วจนปกฺเข – ‘‘เอวรูปํ มาทิสํ ขีณาสวปพฺพชิตํ กสฺมา ทิวาโสปฺปํ ตเป? น ตปติเยวา’’ติ อตฺโถ. อยํ ปเนตฺถ อนุตฺตานปทวณฺณนา. วินยาติ วินเยน. สมติกฺกมาติ วฏฺฏมูลิกาย อวิชฺชาย สมติกฺกเมน. ตํ าณนฺติ ตํ จตุสจฺจาณํ. ปรโมทานนฺติ ปรมปริสุทฺธํ. ปพฺพชิตนฺติ เอวรูเปน าเณน สมนฺนาคตํ ปพฺพชิตํ. วิชฺชายาติ จตุตฺถมคฺควิชฺชาย. อารทฺธวีริยนฺติ ปคฺคหิตวีริยํ ปริปุณฺณวีริยํ. ทุติยํ.
๓. กสฺสปโคตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๒๓. ตติเย เฉตนฺติ เอกํ มิคลุทฺทกํ. โอวทตีติ โส กิร มิคลุทฺทโก ปาโตว ภฺุชิตฺวา ‘‘มิเค วธิสฺสามี’’ติ อรฺํ ปวิฏฺโ เอกํ โรหิตมิคํ ทิสฺวา ‘‘สตฺติยา นํ ปหริสฺสามี’’ติ ¶ อนุพนฺธมาโน เถรสฺส ปมสุตฺเต วุตฺตนเยเนว ทิวาวิหารํ นิสินฺนสฺส อวิทูเรน ปกฺกมติ. อถ นํ เถโร – ‘‘อุปาสก, ปาณาติปาโต นาเมส อปายสํวตฺตนิโก อปฺปายุกสํวตฺตนิโก, สกฺกา อฺเนปิ กสิวณิชฺชาทิกมฺเมน ทารภรณํ กาตุํ, มา เอวรูปํ กกฺขฬกมฺมํ กโรหี’’ติ อาห. โสปิ ‘‘มหาปํสุกูลิกตฺเถโร กเถตี’’ติ คารเวน ตฺวา โสตุํ อารทฺโธ. อถสฺส โสตุกามตํ ชเนสฺสามีติ เถโร องฺคุฏฺกํ ชาลาเปสิ. โส อกฺขีหิปิ ปสฺสติ, กณฺเณหิปิ สุณาติ, จิตฺตํ ปนสฺส ‘‘อสุกฏฺานํ ¶ มิโค คโต ภวิสฺสติ, อสุกติตฺถํ โอติณฺโณ, ตตฺถ นํ คนฺตฺวา ฆาเตตฺวา ยาวทิจฺฉกํ มํสํ ขาทิตฺวา เสสํ กาเชนาทาย ¶ คนฺตฺวา ปุตฺตเก โตเสสฺสามี’’ติ เอวํ มิคสฺเสว อนุปทํ ธาวติ. เอวํ วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺตํ เถรํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โอวทตี’’ติ. อชฺฌภาสีติ ‘‘อยํ เถโร อทารุํ ตจฺฉนฺโต วิย อเขตฺเต วปฺปนฺโต วิย อตฺตโนปิ กมฺมํ นาเสติ, เอตสฺสาปิ โจเทสฺสามิ น’’นฺติ อภาสิ.
อปฺปปฺนฺติ นิปฺปฺํ. อเจตสนฺติ การณชานนสมตฺเถน จิตฺเตน รหิตํ. มนฺโทวาติ อนฺธพาโล วิย. สุณาตีติ ตว ธมฺมกถํ สุณาติ. น วิชานาตีติ อตฺถมสฺส น ชานาติ. อาโลเกตีติ ตว ปุถุชฺชนิกอิทฺธิยา ชลนฺตํ องฺคุฏฺกํ อาโลเกติ. น ปสฺสตีติ เอตฺถ ‘‘เนว เตลํ น วฏฺฏิ น ทีปกปลฺลิกา, เถรสฺส ปน อานุภาเวนายํ ชลตี’’ติ อิมํ การณํ น ปสฺสติ. ทส ปชฺโชเตติ ทสสุ องฺคุลีสุ ทส ปทีเป. รูปานีติ การณรูปานิ. จกฺขูติ ปฺาจกฺขุ. สํเวคมาปาทีติ กึ เม อิมินาติ? วีริยํ ปคฺคยฺห ปรมวิเวกํ อรหตฺตมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ตติยํ.
๔. สมฺพหุลสุตฺตวณฺณนา
๒๒๔. จตุตฺเถ สมฺพหุลาติ พหู สุตฺตนฺติกา อาภิธมฺมิกา วินยธรา จ. วิหรนฺตีติ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิหรนฺติ. ปกฺกมึสูติ เต กิร ตสฺมึ ชนปเท อฺตรํ คามํ อุปสงฺกมนฺเต ทิสฺวา มนุสฺสา ปสนฺนจิตฺตา ¶ อาสนสาลาย โกชวตฺถรณาทีนิ ปฺาเปตฺวา ยาคุขชฺชกานิ ทตฺวา อุปนิสีทึสุ. มหาเถโร เอกํ ธมฺมกถิกํ ‘‘ธมฺมํ กเถหี’’ติ อาห. โส จิตฺตํ ธมฺมกถํ กเถสิ. มนุสฺสา ปสีทิตฺวา โภชนเวลายํ ปณีตโภชนํ อทํสุ. มหาเถโร มนฺุํ ภตฺตานุโมทนมกาสิ. มนุสฺสา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, เตมาสํ วสถา’’ติ ปฏิฺํ กาเรตฺวา คมนาคมนสมฺปนฺเน าเน เสนาสนานิ กาเรตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหึสุ. มหาเถโร วสฺสูปนายิกทิวเส ภิกฺขู โอวทิ – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเหหิ ครุกสฺส สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คหิตํ, พุทฺธปาตุภาโว นาม ทุลฺลโภ. มาสสฺส อฏฺ ทิวเส ธมฺมสฺสวนํ กตฺวา คณสงฺคณิกํ ปหาย อปฺปมตฺตา วิหรถา’’ติ. เต ตโต ปฏฺาย ยฺุชนฺติ ฆเฏนฺติ. กทาจิ สพฺพรตฺติกํ ธมฺมสฺสวนํ ¶ กโรนฺติ, กทาจิ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติ, กทาจิ ปธานํ กโรนฺติ. เตสํ ธมฺมสฺสวนทิวเส ธมฺมํ กเถนฺตานํเยว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ. ปฺหาวิสฺสชฺชนทิวเส ¶ พฺยตฺโต ภิกฺขุ ปฺหํ ปุจฺฉติ, ปณฺฑิโต วิสฺสชฺเชตีติ ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนํ กโรนฺตานํเยว. ปธานทิวเส สูริยตฺถงฺคมเน คณฺฑึ ปหริตฺวาว จงฺกมํ โอตริตฺวา ปธานํ กโรนฺตานํเยว. เต เอวํ วสฺสํ วสฺสิตฺวา ปวาเรตฺวา ปกฺกมึสุ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ปริเทวมานาติ ‘‘อิทานิ ตถารูปํ มธุรํ ธมฺมสฺสวนํ ปฺหากถนํ กุโต ลภิสฺสามี’’ติอาทีนิ วตฺวา โรทมานา.
ขายตีติ ปฺายติ อุปฏฺาติ. โก เมติ กหํ อิเม. วชฺชิภูมิยาติ วชฺชิรฏฺาภิมุขา คตา. มคา วิยาติ ยถา มคา ตสฺมึ ตสฺมึ ปพฺพตปาเท วา วนสณฺเฑ วา วิจรนฺตา – ‘‘อิทํ อมฺหากํ มาตุสนฺตกํ ปิตุสนฺตกํ ปเวณิอาคต’’นฺติ อคเหตฺวา, ยตฺเถว เนสํ โคจรผาสุตา จ โหติ ปริปนฺถาภาโว จ, ตตฺถ วิจรนฺติ. เอวํ อนิเกตา อเคหา ภิกฺขโวปิ ‘‘อยํ, อาวุโส, อมฺหากํ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺตโก ปเวณิอาคโต’’ติ อคเหตฺวา ยตฺเถว เนสํ อุตุสปฺปายํ โภชนสปฺปายํ ปุคฺคลสปฺปายํ เสนาสนสปฺปายํ ธมฺมสฺสวนสปฺปายฺจ สุลภํ โหติ, ตตฺถ วิหรนฺติ. จตุตฺถํ.
๕. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา
๒๒๕. ปฺจเม ¶ อานนฺโทติ ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺเถโร. อติเวลนฺติ อติกฺกนฺตํ เวลํ. คิหิสฺตฺติพหุโลติ รตฺติฺจ ทิวา จ พหุกาลํ คิหี สฺาปยนฺโต. ภควติ ปรินิพฺพุเต มหากสฺสปตฺเถโร เถรํ อาห – ‘‘อาวุโส, มยํ ราชคเห วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ธมฺมํ สงฺคายิสฺสาม, คจฺฉ ตฺวํ อรฺํ ปวิสิตฺวา อุปริมคฺคตฺตยตฺถาย วายามํ กโรหี’’ติ. โส ภควโต ปตฺตจีวรมาทาย โกสลรฏฺํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อรฺาวาเส วสิตฺวา ปุนทิวเส เอกํ คามํ ปาวิสิ. มนุสฺสา เถรํ ทิสฺวา – ‘‘ภนฺเต อานนฺท, ตุมฺเห ปุพฺเพ สตฺถารา สทฺธึ อาคจฺฉถ. อชฺช เอกกาว อาคตา. กหํ สตฺถารํ เปตฺวา อาคตตฺถ? อิทานิ กสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจรถ? กสฺส มุโขทกํ ทนฺตกฏฺํ เทถ, ปริเวณํ สมฺมชฺชถ, วตฺตปฏิวตฺตํ กโรถา’’ติ พหุํ วตฺวา ปริเทวึสุ. เถโร – ‘‘มา, อาวุโส, โสจิตฺถ, มา ¶ ปริเทวิตฺถ, อนิจฺจา สงฺขารา’’ติอาทีนิ วตฺวา เต สฺาเปตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน วสนฏฺานเมว คจฺฉติ. มนุสฺสา สายมฺปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ตเถว ปริเทวนฺติ. เถโรปิ ตเถว โอวทติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อชฺฌภาสีติ ¶ ‘‘อยํ เถโร ภิกฺขุสงฺฆสฺส กถํ สุตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา อิทานิ คิหี สฺาเปนฺโต วิหรติ, สตฺถุ สาสนํ อสงฺคหิตปุปฺผราสิ วิย ิตํ, ธมฺมสงฺคหํ น กโรติ, โจเทสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา อภาสิ.
ปสกฺกิยาติ ปวิสิตฺวา. หทยสฺมึ โอปิยาติ กิจฺจโต จ อารมฺมณโต จ หทยมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา. ‘‘นิพฺพานํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ วีริยํ กโรนฺโต นิพฺพานํ กิจฺจโต หทยมฺหิ โอเปติ นาม, นิพฺพานารมฺมณํ ปน สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทนฺโต อารมฺมณโต. ตทุภยมฺปิ สนฺธาเยสา ภาสติ. ฌายาติ ทฺวีหิ ฌาเนหิ ฌายิโก ภว. พิฬิพิฬิกาติ อยํ คิหีหิ สทฺธึ พิฬิพิฬิกถา. ปฺจมํ.
๖. อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนา
๒๒๖. ฉฏฺเ ¶ ปุราณทุติยิกาติ อนนฺตเร อตฺตภาเว อคฺคมเหสี. โสภสีติ ปุพฺเพปิ โสภสิ, อิทานิปิ โสภสิ. ทุคฺคตาติ น คติทุคฺคติยา ทุคฺคตา. ตา หิ สุคติยํ ิตา สมฺปตฺตึ อนุภวนฺติ, ปฏิปตฺติทุคฺคติยา ปน ทุคฺคตา. ตโต จุตา หิ ตา นิรเยปิ อุปปชฺชนฺตีติ ทุคฺคตา. ปติฏฺิตาติ สกฺกายสฺมึ หิ ปติฏฺหนฺโต อฏฺหิ การเณหิ ปติฏฺาติ – รตฺโต ราควเสน ปติฏฺาติ, ทุฏฺโ โทสวเสน… มูฬฺโห โมหวเสน… วินิพทฺโธ มานวเสน… ปรามฏฺโ ทิฏฺิวเสน… ถามคโต อนุสยวเสน… อนิฏฺงฺคโต วิจิกิจฺฉาวเสน… วิกฺเขปคโต อุทฺธจฺจวเสน ปติฏฺาติ. ตาปิ เอวํ ปติฏฺิตาว. นรเทวานนฺติ เทวนรานํ.
นตฺถิ ทานีติ สา กิร เทวธีตา เถเร พลวสิเนหา อโหสิ, ปฏิคนฺตุํ นาสกฺขิ. กาเลน อาคนฺตฺวา ปริเวณํ สมฺมชฺชติ, มุโขทกํ ทนฺตกฏฺํ ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺเปติ. เถโร อนาวชฺชเนน ปริภฺุชติ. เอกสฺมึ ทิวเส เถรสฺส ชิณฺณจีวรสฺส โจฬกภิกฺขํ จรโต สงฺการกูเฏ ทิพฺพทุสฺสํ เปตฺวา ปกฺกมิ. เถโร ตํ ทิสฺวา อุกฺขิปิตฺวา, โอโลเกนฺโต ทุสฺสนฺตํ ¶ ทิสฺวา ‘‘ทุสฺสเมต’’นฺติ ตฺวา, ‘‘อลํ เอตฺตาวตา’’ติ อคฺคเหสิ. เตเนวสฺส จีวรํ นิฏฺาสิ. อถ ทฺเว อคฺคสาวกา อนุรุทฺธตฺเถโร จาติ ตโย ชนา จีวรํ กรึสุ. สตฺถา สูจึ โยเชตฺวา ¶ อทาสิ. นิฏฺิตจีวรสฺส ปิณฺฑาย จรโต เทวตา ปิณฺฑปาตํ สมาทเปติ. สา กาเลน เอกิกา, กาเลน อตฺตทุติยา เถรสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉติ. ตทา ปน อตฺตตติยา อาคนฺตฺวา ทิวาฏฺาเน เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘มยํ มนาปกายิกา นาม มนสา อิจฺฉิติจฺฉิตรูปํ มาเปมา’’ติ อาห. เถโร – ‘‘เอตา เอวํ วทนฺติ, วีมํสิสฺสามิ, สพฺพา นีลกา โหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ. ตา เถรสฺส มนํ ตฺวา สพฺพาว นีลวณฺณา อเหสุํ, เอวํ ปีตโลหิตโอทาตวณฺณาติ. ตโต จินฺตยึสุ – ‘‘เถโร อมฺหากํ ทสฺสนํ อสฺสาเทตี’’ติ ตา สมชฺชํ กาตุํ อารทฺธา, เอกาปิ คายิ, เอกาปิ นจฺจิ, เอกาปิ อจฺฉรํ ปหริ. เถโร อินฺทฺริยานิ โอกฺขิปิ. ตโต – ‘‘น อมฺหากํ ทสฺสนํ เถโร อสฺสาเทตี’’ติ ตฺวา สิเนหํ วา สนฺถวํ วา อลภมานา นิพฺพินฺทิตฺวา คนฺตุมารทฺธา. เถโร ตาสํ คมนภาวํ ตฺวา – ‘‘มา ¶ ปุนปฺปุนํ อาคจฺฉึสู’’ติ อรหตฺตํ พฺยากโรนฺโต อิมํ คาถมาห. ตตฺถ วิกฺขีโณติ ขีโณ. ชาติสํสาโรติ ตตฺถ ตตฺถ ชาติสงฺขาโต สํสาโร. ฉฏฺํ.
๗. นาคทตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๒๗. สตฺตเม อติกาเลนาติ สพฺพรตฺตึ นิทฺทายิตฺวา พลวปจฺจูเส โกฏิสมฺมฺุชนิยา โถกํ สมฺมชฺชิตฺวา มุขํ โธวิตฺวา ยาคุภิกฺขาย ปาโตว ปวิสติ. อติทิวาติ ยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปิวิตฺวา เอกสฺมึ าเน นิปนฺโน นิทฺทายิตฺวา – ‘‘มนุสฺสานํ โภชนเวลาย ปณีตํ ภิกฺขํ ลภิสฺสามี’’ติ อุปกฏฺเ มชฺฌนฺหิเก อุฏฺาย ธมฺมกรเณน อุทกํ คเหตฺวา อกฺขีนิ ปมชฺชิตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา มชฺฌนฺหิเก วีติวตฺเต ปฏิกฺกมติ. ทิวา จ อาคนฺตฺวาติ อติกาเล ปวิฏฺเน นาม อฺเหิ ภิกฺขูหิ ปมตรํ อาคนฺตพฺพํ โหติ, ตฺวํ ปน อติวิย ทิวา อาคนฺตฺวา คตาสีติ อตฺโถ. ภายามิ นาคทตฺตนฺติ ตํ นาคทตฺตํ อหํ ภายามิ. สุปฺปคพฺภนฺติ สุฏฺุ ปคพฺภํ. กุเลสูติ ขตฺติยกุลาทิอุปฏฺากกุเลสุ. สตฺตมํ.
๘. กุลฆรณีสุตฺตวณฺณนา
๒๒๘. อฏฺเม ¶ อชฺโฌคาฬฺหปฺปตฺโตติ โอคาหปฺปตฺโต. โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ¶ ตํ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา ทุติยทิวเส คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ ปาสาทิเกหิ อภิกฺกนฺตาทีหิ. อฺตรํ กุลํ ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปิณฺฑปาตํ อทาสิ. ภตฺตานุโมทนํ ปุน สุตฺวา อติเรกตรํ ปสีทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิจฺจกาลํ อิเธว ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตสิ. เถโร อธิวาเสตฺวา เตสํ อาหารํ ปริภฺุชมาโน วีริยํ ปคฺคยฺห ฆเฏนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘พหูปการํ เม เอตํ กุลํ, อฺตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสามี’’ติ? ผลสมาปตฺติสุขํ อนุภวนฺโต ตตฺเถว วสิ. อชฺฌภาสีติ สา กิร เถรสฺส ขีณาสวภาวํ อชานนฺตี ¶ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เถโร เนว อฺํ คามํ คจฺฉติ, น อฺํ ฆรํ, น รุกฺขมูลอาสนสาลาทีสุ นิสีทติ, นิจฺจกาลํ ฆรํ ปวิสิตฺวาว นิสีทติ, อุโภเปเต โอคาธปฺปตฺตา ปฏิคาธปฺปตฺตา, กทาจิ เอส อิมํ กุลํ ทูเสยฺย, โจเทสฺสามิ น’’นฺติ. ตสฺมา อภาสิ.
สณฺาเนติ นครทฺวารสฺส อาสนฺเน มนุสฺสานํ ภณฺฑกํ โอตาเรตฺวา วิสฺสมนฏฺาเน. สงฺคมฺมาติ สมาคนฺตฺวา. มนฺเตนฺตีติ กเถนฺติ. มฺจ ตฺจาติ มฺจ กเถนฺติ ตฺจ กเถนฺติ. กิมนฺตรนฺติ กึ การณํ? พหู หิ สทฺทา ปจฺจูหาติ พหุกา เอเต โลกสฺมึ ปฏิโลมสทฺทา. น เตนาติ เตน การเณน, เตน วา ตปสฺสินา น มงฺกุ โหตพฺพํ. น หิ เตนาติ น หิ เตน ปเรหิ วุตฺตวจเนน สตฺโต กิลิสฺสติ, อตฺตนา กเตน ปน ปาปกมฺเมเนว กิลิสฺสตีติ ทสฺเสติ. วาตมิโค ยถาติ ยถา วเน วาตมิโค วาเตริตานํ ปณฺณาทีนํ สทฺเทน ปริตสฺสติ, เอวํ โย สทฺทปริตฺตาสี โหตีติ อตฺโถ. นาสฺส สมฺปชฺชเต วตนฺติ ตสฺส ลหุจิตฺตสฺส วตํ น สมฺปชฺชติ. เถโร ปน ขีณาสวตฺตา สมฺปนฺนวโตติ เวทิตพฺโพ. อฏฺมํ.
๙. วชฺชิปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๒๙. นวเม วชฺชิปุตฺตโกติ วชฺชิรฏฺเ ราชปุตฺโต ฉตฺตํ ปหาย ปพฺพชิโต. สพฺพรตฺติจาโรติ กตฺติกนกฺขตฺตํ โฆเสตฺวา สกลนครํ ธชปฏากาทีหิ ¶ ปฏิมณฺเฑตฺวา ปวตฺติโต สพฺพรตฺติจาโร. อิทฺหิ นกฺขตฺตํ ยาว จาตุมหาราชิเกหิ เอกาพทฺธํ โหติ. ตูริยตาฬิตวาทิตนิคฺโฆสสทฺทนฺติ เภริอาทิตูริยานํ ตาฬิตานํ วีณาทีนฺจ วาทิตานํ นิคฺโฆสสทฺทํ. อภาสีติ เวสาลิยํ กิร สตฺต ราชสหสฺสานิ สตฺตสตานิ สตฺต จ ราชาโน, ตตฺตกาว เตสํ อุปราชเสนาปติอาทโย ¶ . เตสุ อลงฺกตปฏิยตฺเตสุ นกฺขตฺตกีฬนตฺถาย วีถึ โอติณฺเณสุ สฏฺิหตฺเถ มหาจงฺกเม จงฺกมมาโน นภสฺส มชฺเฌ ิตํ จนฺทํ ทิสฺวา จงฺกมนโกฏิยํ ผลกํ นิสฺสาย ิโต อภาสิ. อปวิทฺธํว ¶ วนสฺมึ ทารุกนฺติ วตฺถเวนาลงฺการรหิตตฺตา วเน ฉฑฺฑิตทารุกํ วิย ชาตํ. ปาปิโยติ ลามกตโร อมฺเหหิ อฺโ โกจิ อตฺถิ. ปิหยนฺตีติ เถโร อารฺิโก ปํสุกูลิโก ปิณฺฑปาติโก สปทานจาริโก อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโติ พหู ตุยฺหํ ปตฺถยนฺตีติ อตฺโถ. สคฺคคามินนฺติ สคฺคํ คจฺฉนฺตานํ คตานมฺปิ. นวมํ.
๑๐. สชฺฌายสุตฺตวณฺณนา
๒๓๐. ทสเม ยํ สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. สชฺฌายพหุโลติ นิสฺสรณปริยตฺติวเสน สชฺฌายนโต พหุตรํ กาลํ สชฺฌายนฺโต. โส กิร อาจริยสฺส ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา อาจริยํ อุทิกฺขนฺโต ติฏฺติ. อถ นํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺนสฺส ตาลวณฺฏวาตํ ทตฺวา ปานียํ อาปุจฺฉิตฺวา ปาเท โธวิตฺวา เตลํ มกฺเขตฺวา วนฺทิตฺวา ิโต อุทฺเทสํ คเหตฺวา ยาว สูริยตฺถงฺคมา สชฺฌายํ กโรติ. โส นฺหานโกฏฺเก อุทกํ อุปฏฺเปตฺวา องฺคารกปลฺเล อคฺคึ กโรติ. อาจริยสฺส นฺหตฺวา อาคตสฺส ปาเทสุ อุทกํ ปฺุฉิตฺวา ปิฏฺิปริกมฺมํ กตฺวา วนฺทิตฺวา อุทฺเทสํ คเหตฺวา ปมยาเม สชฺฌายํ กตฺวา มชฺฌิมยาเม สรีรํ สมสฺสาเสตฺวา ปจฺฉิมยาเม อุทฺเทสํ คเหตฺวา ยาว อรุณุคฺคมนา สชฺฌายํ กตฺวา นิรุทฺธสทฺทํ ขยโต สมฺมสติ. ตโต เสสํ อุปาทายรูปํ ภูตรูปํ นามรูปนฺติ ปฺจสุ ขนฺเธสุ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อปฺโปสฺสุกฺโกติ อุทฺเทสคฺคหเณ จ สชฺฌายกรณีเย จ นิรุสฺสุกฺโก. สงฺกสายตีติ ยสฺส ทานิ อตฺถาย อหํ สชฺฌายํ กเรยฺยํ, โส เม อตฺโถ มตฺถกํ ¶ ปตฺโต. กึ เม อิทานิ สชฺฌาเยนาติ ผลสมาปตฺติสุเขน กาลํ อติวตฺเตติ. อชฺฌภาสีติ, ‘‘กึ นุ โข อสฺส เถรสฺส อผาสุกํ ชาตํ, อุทาหุสฺส อาจริยสฺส? เกน นุ โข การเณน ปุพฺเพ วิย มธุรสฺสเรน น สชฺฌายตี’’ติ? อาคนฺตฺวา สนฺติเก ิตา อภาสิ.
ธมฺมปทานีติ อิธ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ อธิปฺเปตํ ¶ . นาธียสีติ น สชฺฌายสิ. นาทิยสีติ วา ปาโ, น คณฺหาสีติ อตฺโถ. ปสํสนฺติ ธมฺมภาณโก ปสํสํ ลภติ, อาภิธมฺมิโก ¶ สุตฺตนฺติโก วินยธโรติสฺส ปสํสิตา ภวนฺติ. วิราเคนาติ อริยมคฺเคน. อฺายาติ ชานิตฺวา. นิกฺเขปนนฺติ ตสฺส ทิฏฺสุตาทิโน วิสฺสชฺชนํ สนฺโต วทนฺตีติ ทีเปติ, น พุทฺธวจนสฺส. เอตฺตาวตา ‘‘เถโร พุทฺธวจนํ น วิสฺสชฺชาเปตี’’ติ น นิจฺจกาลํ สชฺฌายนฺเตเนว ภวิตพฺพํ, สชฺฌายิตฺวา ปน – ‘‘เอตฺตกสฺสาหํ อตฺถสฺส วา ธมฺมสฺส วา อาธาโร ภวิตุํ สมตฺโถ’’ติ ตฺวา วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ทสมํ.
๑๑. อกุสลวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา
๒๓๑. เอกาทสเม อกุสเล วิตกฺเกติ กามวิตกฺกาทโย ตโย มหาวิตกฺเก. อโยนิโส มนสิการาติ อนุปายมนสิกาเรน. โสติ โส ตฺวํ. อโยนิโส ปฏินิสฺสชฺชาติ เอตํ อนุปายมนสิการํ วชฺเชหิ. สตฺถารนฺติ อิมาย คาถาย ปาสาทิกกมฺมฏฺานํ กเถติ. ปีติสุขมสํสยนฺติ เอกํเสเนว พลวปีติฺจ สุขฺจ อธิคมิสฺสสิ. เอกาทสมํ.
๑๒. มชฺฌนฺหิกสุตฺตวณฺณนา
๒๓๒. ทฺวาทสเม ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เทวตาสํยุตฺเต นนฺทนวคฺเค วุตฺตเมว. ทฺวาทสมํ.
๑๓. ปากตินฺทฺริยสุตฺตวณฺณนา
๒๓๓. เตรสมํ เทวปุตฺตสํยุตฺเต ชนฺตุเทวปุตฺตสุตฺเต วิตฺถาริตเมว. เตรสมํ.
๑๔. คนฺธตฺเถนสุตฺตวณฺณนา
๒๓๔. จุทฺทสเม ¶ อชฺฌภาสีติ ตํ ภิกฺขุํ นาเฬ คเหตฺวา ปทุมํ สิงฺฆมานํ ทิสฺวาว – ‘‘อยํ ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ อรฺํ ¶ ปวิฏฺโ คนฺธารมฺมณํ อุปนิชฺฌายติ, สฺวายํ อชฺช อุปสิงฺฆํ สฺเวปิ ปุนทิวเสปิ อุปสิงฺฆิสฺสติ, เอวมสฺส สา คนฺธตณฺหา วฑฺฒิตฺวา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ นาเสสฺสติ, มา มยิ ปสฺสนฺติยา นสฺสตุ, โจเทสฺสามิ น’’นฺติ อุปสงฺกมิตฺวา อภาสิ.
เอกงฺคเมตํ ¶ เถยฺยานนฺติ เถนิตพฺพานํ รูปารมฺมณาทีนํ ปฺจโกฏฺาสานํ อิทํ เอกงฺคํ, เอกโกฏฺาโสติ อตฺโถ. น หรามีติ น คเหตฺวา คจฺฉามิ. อาราติ ทูเร นาเฬ คเหตฺวา นาเมตฺวา ทูเร ิโต อุปสิงฺฆามีติ วทติ. วณฺเณนาติ การเณน.
ยฺวายนฺติ โย อยํ. ตสฺมึ กิร เทวตาย สทฺธึ กเถนฺเตเยว เอโก ตาปโส โอตริตฺวา ภิสขนนาทีนิ กาตุํ อารทฺโธ, ตํ สนฺธาเยวมาห. อากิณฺณกมฺมนฺโตติ เอวํ อปริสุทฺธกมฺมนฺโต. อขีณกมฺมนฺโตติปิ ปาโ, กกฺขฬกมฺมนฺโตติ อตฺโถ. น วุจฺจตีติ คนฺธโจโรติ วา ปุปฺผโจโรติ วา กสฺมา น วุจฺจติ.
อากิณฺณลุทฺโทติ พหุปาโป คาฬฺหปาโป วา, ตสฺมา น วุจฺจติ. ธาติเจลํว มกฺขิโตติ ยถา ธาติยา นิวตฺถกิลิฏฺวตฺถํ อุจฺจารปสฺสาวปํสุมสิกทฺทมาทีหิ มกฺขิตํ, เอวเมวํ ราคโทสาทีหิ มกฺขิโต. อรหามิ วตฺตเวติ อรหามิ วตฺตุํ. เทวตาย โจทนา กิร สุคตานุสิฏฺิสทิสา, น ตํ ลามกา หีนาธิมุตฺติกา มิจฺฉาปฏิปนฺนกปุคฺคลา ลภนฺติ. ตสฺมึ ปน อตฺตภาเว มคฺคผลานํ ภพฺพรูปา ปุคฺคลา ตํ ลภนฺติ, ตสฺมา เอวมาห.
สุจิคเวสิโนติ สุจีนิ สีลสมาธิาณานิ คเวสนฺตสฺส. อพฺภามตฺตํ วาติ วลาหกกูฏมตฺตํ วิย. ชานาสีติ สุทฺโธ อยนฺติ ชานาสิ. วชฺชาสีติ วเทยฺยาสิ. เนว ตํ อุปชีวามาติ เทวตา กิร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ภิกฺขุ อตฺถิ เม หิตกามา เทวตา, สา มํ โจเทสฺสติ สาเรสฺสตีติ ¶ ปมาทมฺปิ อนุยฺุเชยฺย, นาสฺส ¶ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิสฺสามี’’ติ. ตสฺมา เอวมาห. ตฺวเมวาติ ตฺวํเยว. ชาเนยฺยาติ ชาเนยฺยาสิ. เยนาติ เยน กมฺเมน สุคตึ คจฺเฉยฺยาสิ, ตํ กมฺมํ ตฺวํเยว ชาเนยฺยาสีติ. จุทฺทสมํ.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
วนสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ยกฺขสํยุตฺตํ
๑. อินฺทกสุตฺตวณฺณนา
๒๓๕. ยกฺขสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ปเม ¶ อินฺทกสฺสาติ อินฺทกูฏนิวาสิโน ยกฺขสฺส. ยกฺขโต หิ กูเฏน, กูฏโต จ ยกฺเขน นามํ ลทฺธํ. รูปํ น ชีวนฺติ วทนฺตีติ ยทิ พุทฺธา รูปํ ชีวนฺติ น วทนฺติ, ยทิ รูปํ สตฺโต ปุคฺคโลติ เอวํ น วทนฺตีติ อตฺโถ. กถํ นฺวยนฺติ กถํ นุ อยํ? กุตสฺส อฏฺียกปิณฺฑเมตีติ อสฺส สตฺตสฺส อฏฺิยกปิณฺฑฺจ กุโต อาคจฺฉติ? เอตฺถ จ อฏฺิคฺคหเณน ตีณิ อฏฺิสตานิ, ยกปิณฺฑคฺคหเณน นว มํสเปสิสตานิ คหิตานิ. ยทิ รูปํ น ชีโว, อถสฺส อิมานิ จ อฏฺีนิ อิมา จ มํสเปสิโย กุโต อาคจฺฉนฺตีติ ปุจฺฉติ. กถํ นฺวยํ สชฺชติ คพฺภรสฺมินฺติ เกน นุ การเณน อยํ สตฺโต มาตุกุจฺฉิสฺมึ สชฺชติ ลคฺคติ, ติฏฺตีติ? ปุคฺคลวาที กิเรส ยกฺโข, ‘‘เอกปฺปหาเรเนว สตฺโต มาตุกุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺตตี’’ติ คเหตฺวา คพฺภเสยฺยกสตฺตสฺส มาตา มจฺฉมํสาทีนิ ขาทติ, สพฺพานิ เอกรตฺติวาเสน ปจิตฺวา เผณํ วิย วิลียนฺติ. ยทิ รูปํ สตฺโต น ภเวยฺย, เอวเมว วิลีเยยฺยาติ ลทฺธิยา เอวมาห. อถสฺส ภควา – ‘‘น มาตุกุจฺฉิสฺมึ เอกปฺปหาเรเนว นิพฺพตฺตติ, อนุปุพฺเพน ปน วฑฺฒตี’’ติ ทสฺเสนฺโต ปมํ กลลํ โหตีติอาทิมาห. ตตฺถ ปมนฺติ ปเมน ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สทฺธึ ติสฺโสติ วา ผุสฺโสติ วา นามํ นตฺถิ, อถ โข ตีหิ ชาติอุณฺณํสูหิ กตสุตฺตคฺเค สณฺิตเตลพินฺทุปฺปมาณํ กลลํ โหติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ติลเตลสฺส ยถา พินฺทุ, สปฺปิมณฺโฑ อนาวิโล;
เอวํ วณฺณปฺปฏิภาคํ, กลลํ สมฺปวุจฺจตี’’ติ.
กลลา ¶ ¶ โหติ อพฺพุทนฺติ ตสฺมา กลลา สตฺตาหจฺจเยน มํสโธวนอุทกวณฺณํ อพฺพุทํ นาม โหติ, กลลนฺติ นามํ อนฺตรธายติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สตฺตาหํ กลลํ โหติ, ปริปกฺกํ สมูหตํ;
วิวฏฺฏมานํ ตพฺภาวํ, อพฺพุทํ นาม ชายตี’’ติ.
อพฺพุทา ¶ ชายเต เปสีติ ตสฺมาปิ อพฺพุทา สตฺตาหจฺจเยน วิลีนติปุสทิสา เปสิ นาม สฺชายติ. สา มริจผาณิเตน ทีเปตพฺพา. คามทาริกา หิ สุปกฺกานิ มริจานิ คเหตฺวา สาฏกนฺเต ภณฺฑิกํ กตฺวา ปีเฬตฺวา มณฺฑํ อาทาย กปาเล ปกฺขิปิตฺวา อาตเป เปนฺติ, ตํ สุกฺขมานํ สพฺพภาเคหิ มุจฺจติ. เอวรูปา เปสิ โหติ, อพฺพุทนฺติ นามํ อนฺตรธายติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สตฺตาหํ อพฺพุทํ โหติ, ปริปกฺกํ สมูหตํ;
วิวฏฺฏมานํ ตพฺภาวํ, เปสิ นาม ปชายตี’’ติ.
เปสิ นิพฺพตฺตตี ฆโนติ ตโต เปสิโต สตฺตาหจฺจเยน กุกฺกุฏณฺฑสณฺาโน ฆโน นาม มํสปิณฺโฑ นิพฺพตฺตติ, เปสีติ นามํ อนฺตรธายติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สตฺตาหํ เปสิ ภวติ, ปริปกฺกํ สมูหตํ;
วิวฏฺฏมานํ ตพฺภาวํ, ฆโนติ นาม ชายติ.
‘‘ยถา กุกฺกุฏิยา อณฺฑํ, สมนฺตา ปริมณฺฑลํ;
เอวํ ฆนสฺส สณฺานํ, นิพฺพตฺตํ กมฺมปจฺจยา’’ติ.
ฆนา ปสาขา ชายนฺตีติ ปฺจเม สตฺตาเห ทฺวินฺนํ หตฺถปาทานํ สีสสฺส จตฺถาย ปฺจ ปีฬกา ชายนฺติ, ยํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ปฺจเม, ภิกฺขเว, สตฺตาเห ปฺจ ปีฬกา สณฺหนฺติ กมฺมโต’’ติ.
อิโต ¶ ปรํ ฉฏฺสตฺตมาทีนิ สตฺตาหานิ อติกฺกมฺม เทสนํ สงฺขิปิตฺวา ทฺวาจตฺตาลีเส สตฺตาเห ปริณตกาลํ คเหตฺวา ทสฺเสนฺโต เกสาติอาทิมาห. ตตฺถ เกสา โลมา นขาปิ จาติ ทฺวาจตฺตาลีเส สตฺตาเห เอตานิ ชายนฺติ.
เตน โส ตตฺถ ยาเปตีติ ตสฺส หิ นาภิโต อุฏฺิโต นาโฬ มาตุ อุทรปฏเลน เอกาพทฺโธ โหติ, โส อุปฺปลทณฺฑโก วิย ฉิทฺโท, เตน อาหารรโส สํสริตฺวา อาหารสมุฏฺานรูปํ สมุฏฺาเปติ. เอวํ โส ทส มาเส ยาเปติ. มาตุกุจฺฉิคโต นโรติ มาตุยา ติโรกุจฺฉิคโต, กุจฺฉิยา อพฺภนฺตรคโตติ อตฺโถ. อิติ ภควา ¶ ‘‘เอวํ โข, ยกฺข, อยํ สตฺโต อนุปุพฺเพน มาตุกุจฺฉิยํ วฑฺฒติ, น เอกปฺปหาเรเนว นิพฺพตฺตตี’’ติ ทสฺเสติ. ปมํ.
๒. สกฺกนามสุตฺตวณฺณนา
๒๓๖. ทุติเย ¶ สกฺกนามโกติ เอวํ นามโก เอโก ยกฺโข, โส กิร มารปกฺขิกยกฺโข. วิปฺปมุตฺตสฺสาติ ตีหิ ภเวหิ วิปฺปมุตฺตสฺส. ยทฺนฺติ ยํ อฺํ. วณฺเณนาติ การเณน. สํวาโสติ เอกโต วาโส, สกฺขิธมฺโม มิตฺตธมฺโมติ อตฺโถ. สปฺปฺโติ สุปฺโ สมฺพุทฺโธ. ทุติยํ.
๓. สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา
๒๓๗. ตติเย คยายนฺติ คยาคาเม, คยาย อวิทูเร นิวิฏฺคามํ อุปนิสฺสายาติ อตฺโถ. ฏงฺกิตมฺเจติ ทีฆมฺเจ ปาทมชฺเฌ วิชฺฌิตฺวา อฏนิโย ปเวเสตฺวา กตมฺเจ. ตสฺส ‘‘อิทํ อุปริ, อิทํ เหฏฺา’’ติ นตฺถิ, ปริวตฺเตตฺวา อตฺถโตปิ ตาทิโสว โหติ, ตํ เทวฏฺาเน เปนฺติ. จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ ปาสาณํ อตฺถริตฺวา กตเคหมฺปิ ‘‘ฏงฺกิตมฺโจ’’ติ วุจฺจติ. สูจิโลมสฺสาติ กถินสูจิสทิสโลมสฺส. โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา ทูรฏฺานโต อาคโต เสทมลคฺคหิเตน คตฺเตน สุปฺตฺตํ สงฺฆิกมฺจํ อนาทเรน อปจฺจตฺถริตฺวา นิปชฺชิ, ตสฺส ปริสุทฺธสีลสฺส ตํ กมฺมํ สุทฺธวตฺเถ กาฬกํ วิย อโหสิ. โส ตสฺมึ อตฺตภาเว วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํกตฺวา คยาคามทฺวาเร สงฺการฏฺาเน ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺตมตฺตสฺเสว จสฺส สกลสรีรํ กถินสูจีหิ ควิจฺฉิวิชฺฌิตํ วิย ชาตํ.
อเถกทิวสํ ¶ ภควา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ ยกฺขํ ปมาวชฺชนสฺเสว อาปาถํ อาคตํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ เอกํ พุทฺธนฺตรํ มหาทุกฺขํ อนุภวิ. กึ นุ ขฺวาสฺส มํ อาคมฺม โสตฺถิการณํ ภเวยฺยา’’ติ? อาวชฺเชนฺโต ¶ ปมมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทส. อถสฺส สงฺคหํ กาตุกาโม สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา สุคตมหาจีวรํ ปารุปิตฺวา เทววิมานกปฺปํ คนฺธกุฏึ ปหาย หตฺถิควาสฺสมนุสฺสกุกฺกุราทิกุณปทุคฺคนฺธํ สงฺการฏฺานํ คนฺตฺวา ตตฺถ มหาคนฺธกุฏิยํ วิย นิสีทิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.
ขโรติ ¶ สุํสุมารปิฏฺิ วิย ฉทนิฏฺกาหิ วิสมจฺฉทนปิฏฺิ วิย จ ขรสรีโร. โส กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล สีลสมฺปนฺโน อุปาสโก เอกทิวเส วิหาเร จิตฺตตฺถรณาทีหิ อตฺถตาย ภูมิยา สงฺฆิเก อตฺถรเณ อตฺตโน อุตฺตราสงฺคํ อปจฺจตฺถริตฺวา นิปชฺชิ. สงฺฆิกํ เตลํ อภาเชตฺวา อตฺตโน อุตฺตราสงฺคํ อปจฺจตฺถริตฺวา นิปชฺชิ. สงฺฆิกํ เตลํ อภาเชตฺวา อตฺตโน หตฺเถหิ สรีรํ มกฺเขสีติปิ วทนฺติ. โส เตน กมฺเมน สคฺเค นิพฺพตฺติตุํ อสกฺโกนฺโต ตสฺเสว คามสฺส ทฺวาเร สงฺการฏฺาเน ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺตมตฺตสฺส จสฺส สกลสรีรํ วุตฺตปฺปการํ อโหสิ. เต อุโภปิ สหายา ชาตา. อิติ ขรสฺส ขรภาโว เวทิตพฺโพ.
อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ โคจรํ ปริเยสนฺตา สมาคมฏฺานํ วา คจฺฉนฺตา อาสนฺเน าเน คจฺฉนฺติ. เตสุ สูจิโลโม สตฺถารํ น ปสฺสติ, ขรโลโม ปมตรํ ทิสฺวา สูจิโลมํ ยกฺขํ เอตทโวจ – ‘‘เอโส สมโณ’’ติ, สมฺม, เอส ตว ภวนํ ปวิสิตฺวา นิสินฺโน เอโก สมโณติ. เนโส สมโณ, สมณโก เอโสติ โส กิร โย มํ ปสฺสิตฺวา ภีโต ปลายติ, ตํ สมณโกติ วทติ. โย น ภายติ, ตํ สมโณติ. ตสฺมา ‘‘อยํ มํ ทิสฺวา ภีโต ปลายิสฺสตี’’ติ มฺมาโน เอวมาห.
กายํ อุปนาเมสีติ เภรวรูปํ นิมฺมินิตฺวา มหามุขํ วิวริตฺวา สกลสรีเร โลมานิ อุฏฺาเปตฺวา กายํ อุปนาเมสิ. อปนาเมสีติ รตนสติกํ สุวณฺณคฺฆนิกํ วิย โถกํ อปนาเมสิ. ปาปโกติ ลามโก อมนฺุโ. โส คูถํ วิย อคฺคิ วิย กณฺหสปฺโป วิย จ ปริวชฺเชตพฺโพ, น อิมินา สุวณฺณวณฺเณน สรีเรน สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ. เอวํ วุตฺเต ปน สูจิโลโม ‘‘ปาปโก กิร เม สมฺผสฺโส’’ติ กุทฺโธ ปฺหํ ตํ, สมณาติอาทิมาห. จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามีติ เยสฺหิ อมนุสฺสา จิตฺตํ ¶ ขิปิตุกามา โหนฺติ, เตสํ เสตมุขํ นีโลทรํ สุรตฺตหตฺถปาทํ ¶ มหาสีสํ ปชฺชลิตเนตฺตํ เภรวํ วา อตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา ทสฺเสนฺติ, เภรวํ วา สทฺทํ สาเวนฺติ, กเถนฺตานํเยว วา มุเข หตฺถํ ปกฺขิปิตฺวา หทยํ มทฺทนฺติ, เตน เต สตฺตา อุมฺมตฺตกา โหนฺติ ขิตฺตจิตฺตา. ตํ สนฺธาเยวมาห. ปารคงฺคายาติ ทฺวีสุ ปาเทสุ คเหตฺวา ¶ ตํ อาวิฺเฉตฺวา ยถา น ปุนาคจฺฉสิ, เอวํ ปารํ วา คงฺคาย ขิปิสฺสามีติ วทติ. สเทวเกติอาทิ วุตฺตตฺถเมว. ปุจฺฉ ยทากงฺขสีติ ยํกิฺจิ อากงฺขสิ, ตํ สพฺพํ ปุจฺฉ, อเสสํ เต พฺยากริสฺสามีติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรติ.
กุโตนิทานาติ กึนิทานา, กึปจฺจยาติ อตฺโถ? กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺตีติ ยถา กุมารกา กากํ คเหตฺวา โอสฺสชนฺติ ขิปนฺติ, เอวํ ปาปวิตกฺกา กุโต สมุฏฺาย จิตฺตํ โอสฺสชนฺตีติ ปุจฺฉติ?
อิโตนิทานาติ อยํ อตฺตภาโว นิทานํ เอเตสนฺติ อิโต นิทานา. อิโตชาติ อิโต อตฺตภาวโต ชาตา. อิโต สมุฏฺาย มโนวิตกฺกาติ ยถา ทีฆสุตฺตเกน ปาเท พทฺธํ กากํ กุมารกา ตสฺส สุตฺตปริยนฺตํ องฺคุลิยํ เวเตฺวา โอสฺสชนฺติ, โส ทูรํ คนฺตฺวาปิ ปุน เตสํ ปาทมูเลเยว ปตติ, เอวเมว อิโต อตฺตภาวโต สมุฏฺาย ปาปวิตกฺกา จิตฺตํ โอสฺสชนฺติ.
สฺเนหชาติ ตณฺหาสิเนหโต ชาตา. อตฺตสมฺภูตาติ อตฺตนิ สมฺภูตา. นิคฺโรธสฺเสว ขนฺธชาติ นิคฺโรธขนฺเธ ชาตา ปาโรหา วิย. ปุถูติ พหู อเนกปฺปการา ปาปวิตกฺกา ตํสมฺปยุตฺตกิเลสา จ. วิสตฺตาติ ลคฺคา ลคฺคิตา. กาเมสูติ วตฺถุกาเมสุ. มาลุวาว วิตตา วเนติ ยถา วเน มาลุวา ลตา ยํ รุกฺขํ นิสฺสาย ชายติ, ตํ มูลโต ยาว อคฺคา, อคฺคโต ยาว มูลา ปุนปฺปุนํ สํสิพฺพิตฺวา อชฺโฌตฺถริตฺวา โอตตวิตตา ติฏฺติ. เอวํ วตฺถุกาเมสุ ปุถู กิเลสกามา วิสตฺตา, ปุถู วา สตฺตา เตหิ กิเลสกาเมหิ วตฺถุกาเมสุ วิสตฺตา. เย นํ ปชานนฺตีติ เย ‘‘อตฺตสมฺภูตา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ อตฺตภาวํ ชานนฺติ.
ยโตนิทานนฺติ ¶ ยํ นิทานมสฺส อตฺตภาวสฺส ตฺจ ชานนฺติ. เต นํ วิโนเทนฺตีติ เต เอวํ อตฺตภาวสงฺขาตสฺส ทุกฺขสจฺจสฺส นิทานภูตํ สมุทยสจฺจํ มคฺคสจฺเจน วิโนเทนฺติ. เต ทุตฺตรนฺติ เต สมุทยสจฺจํ นีหรนฺตา อิทํ ทุตฺตรํ กิเลโสฆํ ตรนฺติ. อติณฺณปุพฺพนฺติ อนมตคฺเค สํสาเร สุปินนฺเตปิ น ติณฺณปุพฺพํ. อปุนพฺภวายาติ อปุนพฺภวสงฺขาตสฺส นิโรธสจฺจสฺสตฺถาย. อิติ ¶ อิมาย คาถาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน ¶ เทสนํ นิฏฺเปสิ. เทสนาวสาเน สูจิโลโม ตสฺมึเยว ปเทเส ิโต เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. โสตาปนฺนา จ นาม น กิลิฏฺตฺตภาเว ติฏฺนฺตีติ สห ผลปฏิลาเภนสฺส สรีเร เสตกณฺฑุปีฬกสูจิโย สพฺพา ปติตา. โส ทิพฺพวตฺถนิวตฺโถ ทิพฺพวรทุกูลุตฺตราสงฺโค ทิพฺพเวนเวิโต ทิพฺพาภรณคนฺธมาลธโร สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา ภุมฺมเทวตาปริหารํ ปฏิลภีติ. ตติยํ.
๔. มณิภทฺทสุตฺตวณฺณนา
๒๓๘. จตุตฺเถ สุขเมธตีติ, สุขํ ปฏิลภติ. สุเว เสยฺโยติ สุเว สุเว เสยฺโย, นิจฺจเมว เสยฺโยติ อตฺโถ. เวรา น ปริมุจฺจตีติ อหํ สติมาติ เอตฺตเกน เวรโต น มุจฺจติ. ยสฺสาติ ยสฺส อรหโต. อหึสายาติ กรุณาย เจว กรุณาปุพฺพภาเค จ. เมตฺตํโสติ โส เมตฺตฺเจว เมตฺตาปุพฺพภาคฺจ ภาเวติ. อถ วา อํโสติ โกฏฺาโส วุจฺจติ. เมตฺตา อํโส เอตสฺสาติ เมตฺตํโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺส อรหโต สพฺพกาลํ อหึสาย รโต มโน, ยสฺส จ สพฺพภูเตสุ เมตฺตาโกฏฺาโส อตฺถิ, ตสฺส เกนจิ ปุคฺคเลน สทฺธึ เวรํ นาม นตฺถิ ยกฺขาติ. จตุตฺถํ.
๕. สานุสุตฺตวณฺณนา
๒๓๙. ปฺจเม ยกฺเขน คหิโต โหตีติ โส กิร ตสฺสา อุปาสิกาย เอกปุตฺตโก. อถ นํ สา ทหรกาเลเยว ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สีลวา อโหสิ วตฺตสมฺปนฺโน, อาจริยุปชฺฌายอาคนฺตุกาทีนํ ¶ วตฺตํ กตเมว โหติ, มาสสฺส อฏฺมีทิวเส ปาโต วุฏฺาย อุทกมาฬเก อุทกํ อุปฏฺาเปตฺวา ธมฺมสฺสวนคฺคํ สมฺมชฺชิตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา มธุรสฺสเรน ธมฺมสฺสวนํ โฆเสติ. ภิกฺขู ตสฺส ถามํ ตฺวา ‘‘สรภาณํ ภณ, สามเณรา’’ติ อชฺเฌสนฺติ. โส ‘‘มยฺหํ หทยวาโต รุชติ, กาโส วา พาธตี’’ติ กิฺจิ ปจฺจาหารํ อกตฺวา ธมฺมาสนํ ¶ อภิรุหิตฺวา อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย สรภาณํ วตฺวา โอตรนฺโต – ‘‘มยฺหํ มาตาปิตูนมฺปิ อิมสฺมึ สรภฺเ ปตฺตี’’ติ วทติ. ตสฺส มนุสฺสา มาตาปิตโร ปตฺติยา ทินฺนภาวํ น ชานนฺติ. อนนฺตรตฺตภาเว ปนสฺส มาตา ยกฺขินี ชาตา. สา เทวตาหิ สทฺธึ อาคตา ¶ , ธมฺมํ สุตฺวา – ‘‘สามเณเรน ทินฺนปตฺตึ อนุโมทามิ, ตาตา’’ติ วทติ. สีลสมฺปนฺนา จ นาม ภิกฺขู สเทวกสฺส โลกสฺส ปิยา โหนฺตีติ ตสฺมึ สามเณเร เทวตา สลชฺชา สคารวา มหาพฺรหฺมํ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย จ นํ มฺนฺติ. สามเณเร คารเวน ตํ ยกฺขินึ ครุํ กตฺวา ปสฺสนฺติ. ธมฺมสฺสวนยกฺขสมาคมาทีสุ ‘‘สานุมาตา สานุมาตา’’ติ ยกฺขินิยา อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ เทนฺติ. มเหสกฺขาปิ ยกฺขา ตํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมนฺติ, อาสนา วุฏฺหนฺติ.
อถ โข สามเณโร วุฑฺฒิมนฺวาย ปริปกฺกินฺทฺริโย อนภิรติปีฬิโต อนภิรตึ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต ปรูฬฺหเกสนโข กิลิฏฺนิวาสนปารุปโน กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เอกโกว มาตุ ฆรํ คโต. อุปาสิกา ปุตฺตํ ทิสฺวา, วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ตาต, ตฺวํ ปุพฺเพ อาจริยุปชฺฌาเยหิ วา ทหรสามเณเรหิ วา สทฺธึ อิธาคจฺฉสิ. กสฺมา เอกโกว อชฺช อาคโต’’ติ? โส อุกฺกณฺิตภาวํ อาโรเจสิ. สทฺธา อุปาสิกา นานปฺปกาเรน ฆราวาเส อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ปุตฺตํ โอวทมานาปิ ตํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตี, ‘‘อปฺเปว นาม อตฺตโน ธมฺมตายปิ สลฺลกฺเขสฺสตี’’ติ อนุโยเชตฺวาว – ‘‘ติฏฺ, ตาต, ยาว เต ยาคุภตฺตํ สมฺปาเทมิ, ยาคุํ ปิวิตฺวา กตภตฺตกิจฺจสฺส เต มนาปานิ วตฺถานิ นีหริตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ สามเณโร. อุปาสิกา มุหุตฺเตเนว ยาคุขชฺชกํ สมฺปาเทตฺวา อทาสิ. ตโต ‘‘ภตฺตํ สมฺปาเทสฺสามี’’ติ อวิทูเร นิสินฺนา ตณฺฑุเล โธวติ. ตสฺมึ สมเย สา ยกฺขินี ‘‘กหํ นุ โข สามเณโร? กิฺจิ ภิกฺขาหารํ ลภติ ¶ , อุทาหุ โน’’ติ? อาวชฺชมานา ตสฺส วิพฺภมิตุกามตาย นิสินฺนภาวํ ตฺวา, ‘‘มา เหว โข เม เทวตานํ อนฺตเร ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺย, คจฺฉามิสฺส ¶ วิพฺภมเน อนฺตรายํ กโรมี’’ติ อาคนฺตฺวา สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา คีวํ ปริวตฺเตตฺวา ภูมิยํ ปาเตสิ. โส อกฺขีหิ วิปริวตฺเตหิ เขเฬน ปคฺฆรนฺเตน ภูมิยํ วิปฺผนฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยกฺเขน คหิโต โหตี’’ติ.
อภาสีติ อุปาสิกา ปุตฺตสฺส ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา เวเคน คนฺตฺวา ปุตฺตํ อาลิงฺเคตฺวา อูรูสุ นิปชฺชาเปสิ. สกลคามวาสิโน อาคนฺตฺวา พลิกมฺมาทีนิ กโรนฺติ. อุปาสิกา ปริเทวมานา อิมา คาถาโย อภาสิ.
ปาฏิหาริยปกฺขฺจาติ มนุสฺสา ‘‘อฏฺมีอุโปสถสฺส ปจฺจุคฺคมนฺจ อนุคฺคมนฺจ กริสฺสามา’’ติ ¶ สตฺตมิยาปิ นวมิยาปิ อุโปสถงฺคานิ สมาทิยนฺติ, จาตุทฺทสีปนฺนรสีนํ ปจฺจุคฺคมนานุคฺคมนํ กโรนฺตา เตรสิยาปิ ปาฏิปเทปิ สมาทิยนฺติ, ‘‘วสฺสาวาสสฺส อนุคฺคมนํ กริสฺสามา’’ติ ทฺวินฺนํ ปวารณานํ อนฺตเร อฑฺฒมาสํ นิพทฺธุโปสถิกา ภวนฺติ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปาฏิหาริยปกฺขฺจา’’ติ. อฏฺงฺคสุสมาคตนฺติ อฏฺงฺเคหิ สุฏฺุ สมาคตํ, สมฺปยุตฺตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ เสฏฺจริยํ. น เต หิ ยกฺขา กีฬนฺตีติ น เต คเหตฺวา ยกฺขา กิลเมนฺติ.
ปุน จาตุทฺทสินฺติ อิมาย คาถาย สามเณรสฺส กาเย อธิมุตฺตา ยกฺขินี อาห. อาวิ วา ยทิ วา รโหติ กสฺสจิ สมฺมุเข วา ปรมฺมุเข วา. ปมุตฺยตฺถีติ ปมุตฺติ อตฺถิ. อุปฺปจฺจาปีติ อุปฺปติตฺวาปิ. สเจปิ สกุโณ วิย อุปฺปติตฺวา ปลายสิ, ตถาปิ เต โมกฺโข นตฺถีติ วทติ. เอวฺจ ปน วตฺวา สามเณรํ มฺุจิ. สามเณโร อกฺขีนิ อุมฺมีเลสิ, มาตา เกเส ปกิริย อสฺสสนฺตี ปสฺสสนฺตี โรทติ. โส ‘‘อมนุสฺเสน คหิโตมฺหี’’ติ น ชานาติ. โอโลเกนฺโต ปน ‘‘อหํ ปุพฺเพ ปีเ นิสินฺโน. มาตา เม อวิทูเร นิสีทิตฺวา ตณฺฑุเล โธวติ. อิทานิ ปนมฺหิ ภูมิยํ ¶ นิสินฺโน, มาตาปิ เม อสฺสสนฺตี ปสฺสสนฺตี โรทติ, สกลคามวาสิโนปิ สนฺนิปติตา. กึ นุ โข เอต’’นฺติ? นิปนฺนโกว มตํ วา อมฺมาติ คาถมาห.
กาเม ¶ จชิตฺวานาติ ทุวิเธปิ กาเม ปหาย. ปุนราคจฺฉเตติ วิพฺภมนวเสน อาคจฺฉติ. ปุน ชีวํ มโต หิ โสติ อุปฺปพฺพชิตฺวา ปุน ชีวนฺโตปิ โส มตโกว, ตสฺมา ตมฺปิ โรทนฺตีติ วทติ.
อิทานิสฺส ฆราวาเส อาทีนวํ ทสฺเสนฺตี กุกฺกุฬาติอาทิมาห. ตตฺถ กุกฺกุฬาติ ฆราวาโส กิร อุณฺหฏฺเน กุกฺกุฬา นาม โหติ. กสฺส อุชฺฌาปยามเสติ – ‘‘อภิธาวถ, ภทฺทํ เต โหตู’’ติ เอวํ วตฺวา – ‘‘ยํ ตฺวํ วิพฺภมิตุกาโม ยกฺเขน ปาปิโต, อิมํ วิปฺปการํ กสฺส มยํ อุชฺฌาปยาม นิชฺฌาปยาม อาโรจยามา’’ติ วทติ. ปุน ฑยฺหิตุมิจฺฉสีติอาทิตฺตฆรโต นีหฏภณฺฑํ วิย ฆรา นีหริตฺวา พุทฺธสาสเน ปพฺพชิโต ปุน มหาฑาหสทิเส ฆราวาเส ฑยฺหิตุํ อิจฺฉสีติ อตฺโถ. โส มาตริ กเถนฺติยา กเถนฺติยา สลฺลกฺเขตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปฏิลภิตฺวา, ‘‘นตฺถิ มยฺหํ คิหิภาเวน อตฺโถ’’ติ อาห. อถสฺส มาตา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตุฏฺา ¶ ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา, ‘‘กติ วสฺโสสิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ปริปุณฺณวสฺโสมฺหิ อุปาสิเกติ. ‘‘เตน หิ, ตาต, อุปสมฺปทํ กโรหี’’ติ จีวรสาฏเก อทาสิ. โส ติจีวรํ การาเปตฺวา อุปสมฺปนฺโน พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหนฺโต เตปิฏโก หุตฺวา สีลาทีนํ อาคตฏฺาเน ตํ ตํ ปูเรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา มหาธมฺมกถิโก หุตฺวา วีสวสฺสสตํ ตฺวา สกลชมฺพุทีปํ โขเภตฺวา ปรินิพฺพายิ. ปฺจมํ.
๖. ปิยงฺกรสุตฺตวณฺณนา
๒๔๐. ฉฏฺเ เชตวเนติ เชตวนสฺส ปจฺจนฺเต โกสมฺพกกุฏิ นาม อตฺถิ, ตตฺถ วิหรติ. ธมฺมปทานีติ อิธ ปาฏิเยกฺกํ สงฺคหํ อารุฬฺหา ฉพฺพีสติวคฺคา ตนฺติ อธิปฺเปตา ¶ . ตตฺร เถโร ตสฺมึ สมเย อนฺโตวิหาเร นิสินฺโน มธุรสฺสเรน สรภฺํ กตฺวา อปฺปมาทวคฺคํ ภาสติ. เอวํ โตเสสีติ สา กิร ปุตฺตํ ปิยงฺกรํ องฺเกนาทาย เชตวนสฺส ปจฺฉิมภาคโต ปฏฺาย โคจรํ ปริเยสนฺตี อนุปุพฺเพน นคราภิมุขี หุตฺวา อุจฺจารปสฺสาวเขฬสิงฺฆาณิกทุพฺโภชนานิ ปริเยสมานา เถรสฺส วสนฏฺานํ ปตฺวา มธุรสฺสรํ อสฺโสสิ. ตสฺสา โส สทฺโท ฉวิอาทีนิ เฉตฺวา ¶ อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ หทยงฺคมนีโย หุตฺวา อฏฺาสิ. อถสฺสา โคจรปริเยสเน จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชิ, โอหิตโสตา ธมฺมเมว สุณนฺตี ิตา. ยกฺขทารกสฺส ปน ทหรตาย ธมฺมสฺสวเน จิตฺตํ นตฺถิ. โส ชิฆจฺฉาย ปีฬิตตฺตา, ‘‘กสฺมา อมฺมา คตคตฏฺาเน ขาณุโก วิย ติฏฺสิ? น มยฺหํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ปริเยสสี’’ติ ปุนปฺปุนํ มาตรํ โจเทติ. สา ‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส เม อนฺตรายํ กโรตี’’ติ ปุตฺตกํ ‘‘มา สทฺทํ กริ, ปิยงฺกรา’’ติ เอวํ โตเสสิ. ตตฺถ มา สทฺทํ กรีติ สทฺทํ มา กริ.
ปาเณสุ จาติ คาถาย สา อตฺตโน ธมฺมตาย สมาทิณฺณํ ปฺจสีลํ ทสฺเสติ. ตตฺถ สํยมามเสติ สํยมาม สํยตา โหม. อิมินา ปาณาติปาตา วิรติ คหิตา, ทุติยปเทน มุสาวาทา วิรติ, ตติยปเทน เสสา ติสฺโส วิรติโย. อปิ มุจฺเจม ปิสาจโยนิยาติ อปิ นาม ยกฺขโลเก อุปฺปนฺนานิ ปฺจ เวรานิ ปหาย, โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา อิมาย ฉาตกทุพฺภิกฺขาย ปิสาจยกฺขโยนิยา มุจฺเจม, ตาตาติ วทติ. ฉฏฺํ.
๗. ปุนพฺพสุสุตฺตวณฺณนา
๒๔๑. สตฺตเม ¶ เตน โข ปน สมเยนาติ กตรสมเยน? สูริยสฺส อตฺถงฺคมนสมเยน. ตทา กิร ภควา ปจฺฉาภตฺเต มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ อุยฺโยเชตฺวา นฺหานโกฏฺเก นฺหตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน ปุรตฺถิมโลกธาตุํ โอโลกยมาโน นิสีทิ. อเถกจาริกทฺวิจาริกาทโย ปํสุกูลิกปิณฺฑปาติกภิกฺขู อตฺตโน ¶ อตฺตโน วสนฏฺาเนหิ นิกฺขมิตฺวา อาคมฺม ทสพลํ วนฺทิตฺวา รตฺตสาณิยา ปริกฺขิปมานา วิย นิสีทึสุ. อถ เนสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา สตฺถา นิพฺพานปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กเถสิ.
เอวํ โตเสสีติ สา กิร ธีตรํ องฺเกนาทาย ปุตฺตํ องฺคุลิยา คเหตฺวา เชตวนปิฏฺิยํ ปาการปริกฺเขปสมีเป อุจฺจารปสฺสาวเขฬสิงฺฆาณิกํ ปริเยสมานา อนุปุพฺเพน เชตวนทฺวารโกฏฺกํ สมฺปตฺตา. ภควโต จ, ‘‘อานนฺท, ปตฺตํ อาหร, จีวรํ อาหร, วิฆาสาทานํ ทานํ เทหี’’ติ กเถนฺตสฺส สทฺโท สมนฺตา ทฺวาทสหตฺถมตฺตเมว คณฺหาติ. ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ¶ สเจปิ จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา ปริสา นิสีทติ, ยถา ปริสํ คจฺฉติ, พหิปริสาย เอกงฺคุลิมตฺตมฺปิ น นิคฺคจฺฉติ, ‘‘มา อการณา มธุรสทฺโท นสฺสี’’ติ. ตตฺรายํ ยกฺขินี พหิปริสาย ิตา สทฺทํ น สุณาติ, ทฺวารโกฏฺเก ิตาย ปนสฺสา มหติยา พุทฺธวีถิยา อภิมุเข ิตา คนฺธกุฏิ ปฺายิ. สา นิวาเต ทีปสิขา วิย พุทฺธคารเวน หตฺถกุกฺกุจฺจาทิรหิตํ นิจฺจลํ ปริสํ ทิสฺวา – ‘‘นูน เมตฺถ กิฺจิ ภาชนียภณฺฑํ ภวิสฺสติ, ยโต อหํ สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีสุ กิฺจิเทว ปตฺตโต วา หตฺถโต วา ปคฺฆรนฺตํ ภูมิยํ วา ปน ปติตํ ลภิสฺสามี’’ติ อนฺโตวิหารํ ปาวิสิ. ทฺวารโกฏฺเก อวรุทฺธกานํ นิวารณตฺถาย ิตา อารกฺขเทวตา ยกฺขินิยา อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา น นิวาเรสิ. ตสฺสา สห ปริสาย เอกีภาวคมเนน มธุรสฺสโร ฉวิอาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ อฏฺาสิ. ตํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย นิจฺจลํ ิตํ ปุริมนเยเนว ปุตฺตกา โจทยึสุ. สา ‘‘ธมฺมสฺสวนสฺส เม อนฺตรายํ กโรนฺตี’’ติ ปุตฺตเก ตุณฺหี อุตฺตริเก โหหีติ เอวํ โตเสสิ.
ตตฺถ ยาวาติ ยาว ธมฺมํ สุณามิ, ตาว ตุณฺหี โหหีติ อตฺโถ. สพฺพคนฺถปฺปโมจนนฺติ นิพฺพานํ อาคมฺม สพฺเพ คนฺถา ปมุจฺจนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺพคนฺถปฺปโมจนนฺติ วุจฺจติ. อติเวลาติ เวลาติกฺกนฺตา ปมาณาติกฺกนฺตา. ปิยายนาติ มคฺคนา ปตฺถนา. ตโต ปิยตรนฺติ ยา ¶ อยํ อสฺส ธมฺมสฺส มคฺคนา ปตฺถนา, อิทํ มยฺหํ ตโต ปิยตรนฺติ อตฺโถ. ปิยตราติ วา ปาโ. ปาณินนฺติ ยถา ¶ ปาณีนํ ทุกฺขา โมเจติ. เก โมเจตีติ? ปาณิเนติ อาหริตฺวา วตฺตพฺพํ. ยํ ธมฺมํ อภิสมฺพุทฺธนฺติ, ยํ ธมฺมํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ. ตุณฺหีภูตายมุตฺตราติ น เกวลํ อหเมว, อยํ เม ภคินี อุตฺตราปิ ตุณฺหีภูตาติ วทติ. สทฺธมฺมสฺส อนฺายาติ, อมฺม, มยํ ปุพฺเพปิ อิมํ สทฺธมฺมเมว อชานิตฺวา อิทานิ อิทํ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทุกฺขํ จราม วิหราม.
จกฺขุมาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา. ธมฺมํ เทเสนฺโตเยว ภควา ปริสํ สลฺลกฺขยมาโน ตสฺสา ยกฺขินิยา เจว ยกฺขทารกสฺส จ โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา เทสนํ วินิวฏฺเฏตฺวา จตุสจฺจกถํ ทีเปติ, ตํ สุตฺวา ตสฺมึเยว เทเส ิตา ยกฺขินี สทฺธึ ปุตฺเตน ¶ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา. ธีตุยาปิ ปนสฺสา อุปนิสฺสโย อตฺถิ, อติทหรตฺตา ปน เทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ นาสกฺขิ.
อิทานิ สา ยกฺขินี ปุตฺตสฺส อนุโมทนํ กโรนฺตี สาธุ โข ปณฺฑิโต นามาติอาทิมาห. อชฺชาหมฺหิ สมุคฺคตาติ อหมฺหิ อชฺช วฏฺฏโต อุคฺคตา สมุคฺคตา สาสเน วา อุคฺคตา สมุคฺคตา, ตฺวมฺปิ สุขี โหหีติ. ทิฏฺานีติ มยา จ ตยา จ ทิฏฺานิ. อุตฺตราปิ สุณาตุ เมติ, ‘‘อมฺหากํ จตุสจฺจปฏิเวธภาวํ, ธีตา เม อุตฺตราปิ, สุณาตู’’ติ วทติ. สห สจฺจปฏิเวเธเนว สาปิ สูจิโลโม วิย สพฺพํ เสตกณฺฑุกจฺฉุอาทิภาวํ ปหาย ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภติ สทฺธึ ปุตฺเตน. ธีตา ปนสฺสา ยถา นาม โลเก มาตาปิตูหิ อิสฺสริเย ลทฺเธ ปุตฺตานมฺปิ ตํ โหติ, เอวํ มาตุ-อานุภาเวเนว สมฺปตฺตึ ลภิ. ตโต ปฏฺาย จ สา สทฺธึ ปุตฺตเกหิ คนฺธกุฏิสมีปรุกฺเขเยว นิวาสรุกฺขํ ลภิตฺวา สายํ ปาตํ พุทฺธทสฺสนํ ลภมานา ธมฺมํ สุณมานา ทีฆรตฺตํ ตตฺเถว วสิ. สตฺตมํ.
๘. สุทตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๔๒. อฏฺเม เกนจิเทว กรณีเยนาติ วาณิชฺชกมฺมํ อธิปฺเปตํ. อนาถปิณฺฑิโก จ ราชคหเสฏฺิ จ อฺมฺํ ภคินิปติกา โหนฺติ. ยทา ราชคเห อุฏฺานกภณฺฑกํ มหคฺฆํ โหติ, ตทา ราชคหเสฏฺิ ตํ คเหตฺวา ¶ ปฺจสกฏสเตหิ สาวตฺถึ คนฺตฺวา โยชนมตฺเต ิโต อตฺตโน ¶ อาคตภาวํ ชานาเปติ. อนาถปิณฺฑิโก ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ตสฺส มหาสกฺการํ กตฺวา เอกยานํ อาโรเปตฺวา สาวตฺถึ ปวิสติ. โส สเจ ภณฺฑํ ลหุกํ วิกฺกียติ, วิกฺกิณาติ. โน เจ, ภคินิฆเร เปตฺวา ปกฺกมติ. อนาถปิณฺฑิโกปิ ตเถว กโรติ. สฺวายํ ตทาปิ เตเนว กรณีเยน อคมาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ตํ ทิวสํ ปน ราชคหเสฏฺิ โยชนมตฺเต ิเตน อนาถปิณฺฑิเกน อาคตภาวชานนตฺถํ เปสิตํ ปณฺณํ น สุณิ, ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ อคมาสิ. โส ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน ฆเร อุทฺธนขณาปนทารุผาลนาทีนิ กาเรสิ. อนาถปิณฺฑิโกปิ ‘‘อิทานิ มยฺหํ ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสติ, อิทานิ กริสฺสตี’’ติ ฆรทฺวาเรปิ ปจฺจุคฺคมนํ อลภิตฺวา ¶ อนฺโตฆรํ ปวิฏฺโ ปฏิสนฺถารมฺปิ น พหุํ อลตฺถ. ‘‘กึ, มหาเสฏฺิ, กุสลํ ทารกรูปานํ? นสิ มคฺเค กิลนฺโต’’ติ? เอตฺตโกว ปฏิสนฺถาโร อโหสิ. โส ตสฺส มหาพฺยาปารํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ เต, คหปติ, อาวาโห วา ภวิสฺสตี’’ติ? ขนฺธเก (จูฬว. ๓๐๔) อาคตนเยเนว กถํ ปวตฺเตตฺวา ตสฺส มุขโต พุทฺธสทฺทํ สุตฺวา ปฺจวณฺณํ ปีตึ ปฏิลภิ. สา ตสฺส สีเสน อุฏฺาย ยาว ปาทปิฏฺิยา, ปาทปิฏฺิยา อุฏฺาย ยาว สีสา คจฺฉติ, อุภโต อุฏฺาย มชฺเฌ โอสรติ, มชฺเฌ อุฏฺาย อุภโต คจฺฉติ. โส ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏฺโ, ‘‘พุทฺโธติ ตฺวํ, คหปติ, วเทสิ? พุทฺโธ ตาหํ, คหปติ, วทามี’’ติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมึ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ อาห. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อสฺโสสิ โข อนาถปิณฺฑิโก, คหปติ, พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ.
เอตทโหสิ อกาโล โข อชฺชาติ โส กิร ตํ เสฏฺึ ปุจฺฉิ, ‘‘กุหึ คหปติ สตฺถา วิหรตี’’ติ? อถสฺส โส – ‘‘พุทฺธา ¶ นาม ทุราสทา อาสีวิสสทิสา โหนฺติ, สตฺถา สิวถิกาย วสติ, น สกฺกา ตตฺถ ตุมฺหาทิเสหิ อิมาย เวลาย คนฺตุ’’นฺติ อาจิกฺขิ. อถสฺส เอตทโหสิ. พุทฺธคตาย สติยา นิปชฺชีติ ตํทิวสํ กิรสฺส ภณฺฑสกเฏสุ วา อุปฏฺาเกสุ วา จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชิ, สายมาสมฺปิ น อกาสิ, สตฺตภูมิกํ ปน ปาสาทํ อารุยฺห สุปฺตฺตาลงฺกตวรสยเน ‘‘พุทฺโธ พุทฺโธ’’ติ สชฺฌายํ กโรนฺโตว นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. เตน วุตฺตํ ‘‘พุทฺธคตาย สติยา นิปชฺชี’’ติ.
รตฺติยา สุทํ ติกฺขตฺตุํ อุฏฺาสิ ปภาตนฺติ มฺมาโนติ ปมยาเม ตาว วีติวตฺเต อุฏฺาย พุทฺธํ ¶ อนุสฺสริ, อถสฺส พลวปฺปสาโท อุทปาทิ, ปีติอาโลโก อโหสิ, สพฺพตมํ วิคจฺฉิ, ทีปสหสฺสุชฺชลํ วิย จนฺทุฏฺานํ สูริยุฏฺานํ วิย จ ชาตํ. โส ‘‘ปปาทํ อาปนฺโน วตมฺหิ, สูริโย อุคฺคโต’’ติ อุฏฺาย อากาสตเล ิตํ จนฺทํ อุลฺโลเกตฺวา ‘‘เอโกว ยาโม คโต, อฺเ ทฺเว อตฺถี’’ติ ปุน ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ. เอเตนุปาเยน มชฺฌิมยามาวสาเนปิ ปจฺฉิมยามาวสาเนปีติ ติกฺขตฺตุํ อุฏฺาสิ. ปจฺฉิมยามาวสาเน ปน พลวปจฺจูเสเยว อุฏฺาย อากาสตลํ อาคนฺตฺวา ¶ มหาทฺวาราภิมุโขว อโหสิ, สตฺตภูมิกทฺวารํ สยเมว วิวฏํ อโหสิ. โส ปาสาทา โอรุยฺห อนฺตรวีถึ ปฏิปชฺชิ.
วิวรึสูติ ‘‘อยํ มหาเสฏฺิ ‘พุทฺธุปฏฺานํ คมิสฺสามี’ติ นิกฺขนฺโต, ปมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ติณฺณํ รตนานํ อคฺคุปฏฺาโก หุตฺวา อสทิสํ สงฺฆารามํ กตฺวา จาตุทฺทิสสฺส อริยคณสฺส อนาวฏทฺวาโร ภวิสฺสติ, น ยุตฺตมสฺส ทฺวารํ ปิทหิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา วิวรึสุ. อนฺตรธายีติ ราชคหํ กิร อากิณฺณมนุสฺสํ อนฺโตนคเร นว โกฏิโย, พหินคเร นวาติ ตํ อุปนิสฺสาย อฏฺารส มนุสฺสโกฏิโย วสนฺติ. อเวลาย มตมนุสฺเส พหิ นีหริตุํ อสกฺโกนฺตา อฏฺฏาลเก ตฺวา พหิทฺวาเร ขิปนฺติ. มหาเสฏฺิ นครโต พหินิกฺขนฺตมตฺโตว อลฺลสรีรํ ปาเทน อกฺกมิ, อปรมฺปิ ปิฏฺิปาเทน ปหริ. มกฺขิกา อุปฺปติตฺวา ปริกิรึสุ. ทุคฺคนฺโธ นาสปุฏํ อภิหนิ. พุทฺธปฺปสาโท ตนุตฺตํ คโต. เตนสฺส ¶ อาโลโก อนฺตรธายิ, อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ. สทฺทมนุสฺสาเวสีติ ‘‘เสฏฺิสฺส อุสฺสาหํ ชเนสฺสามี’’ติ สุวณฺณกิงฺกิณิกํ ฆฏฺเฏนฺโต วิย มธุรสฺสเรน สทฺทํ อนุสฺสาเวสิ.
สตํ กฺาสหสฺสานีติ ปุริมปทานิปิ อิมินาว สหสฺสปเทน สทฺธึ สมฺพนฺธนียานิ. ยเถว หิ สตํ กฺาสหสฺสานิ, สตํ สหสฺสานิ หตฺถี, สตํ สหสฺสานิ อสฺสา, สตํ สหสฺสานิ รถาติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อิติ เอเกกสตสหสฺสเมว ทีปิตํ. ปทวีติหารสฺสาติ ปทวีติหาโร นาม สมคมเน ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฏฺิรตนมตฺตํ. กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสินฺติ ตํ เอกํ ปทวีติหารํ โสฬสภาเค กตฺวา ตโต เอโก โกฏฺาโส ปุน โสฬสธา, ตโต เอโก โสฬสธาติ เอวํ โสฬส วาเร โสฬสธา ภินฺนสฺส เอโก โกฏฺาโส โสฬสิกลา นาม, ตํ โสฬสิกลํ เอตานิ จตฺตาริ สตสหสฺสานิ น อคฺฆนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สตํ หตฺถิสหสฺสานิ สตํ อสฺสสหสฺสานิ สตํ รถสหสฺสานิ สตํ กฺาสหสฺสานิ, ตา จ โข อามุกฺกมณิกุณฺฑลา สกลชมฺพุทีปราชธีตโร วาติ อิมสฺมา เอตฺตกา ลาภา วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส ¶ ตสฺมึ โสฬสิกลสงฺขาเต ปเทเส ปวตฺตเจตนาว อุตฺตริตราติ. อิทํ ปน วิหารคมนํ กสฺส วเสน คหิตนฺติ? วิหารํ คนฺตฺวา อนนฺตราเยน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหนฺตสฺส. ‘‘คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กริสฺสามิ ¶ , เจติยํ วนฺทิสฺสามิ, ธมฺมํ โสสฺสามิ, ทีปปูชํ กริสฺสามิ, สงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ ทสฺสามิ, สิกฺขาปเทสุ วา สรเณสุ วา ปติฏฺหิสฺสามี’’ติ คจฺฉโตปิ วเสน วฏฺฏติเยว.
อนฺธกาโร อนฺตรธายีติ โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอกโกติ สฺํ กโรมิ, อนุยุตฺตาปิ เม อตฺถิ, กสฺมา ภายามี’’ติ สูโร อโหสิ. อถสฺส พลวา พุทฺธปฺปสาโท อุทปาทิ. ตสฺมา อนฺธกาโร อนฺตรธายีติ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย. อปิจ ปุรโต ปุรโต คจฺฉนฺโต ภึสนเก สุสานมคฺเค อฏฺิกสงฺขลิกสมํสโลหิตนฺติอาทีนิ อเนกวิธานิ กุณปานิ อทฺทส ¶ . โสณสิงฺคาลาทีนํ สทฺทํ อสฺโสสิ. ตํ สพฺพํ ปริสฺสยํ ปุนปฺปุนํ พุทฺธคตํ ปสาทํ วฑฺเฒตฺวา มทฺทนฺโต อคมาสิเยว.
เอหิ สุทตฺตาติ โส กิร เสฏฺิ คจฺฉมาโนว จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก พหู ปูรณกสฺสปาทโย ติตฺถิยา ‘มยํ พุทฺธา มยํ พุทฺธา’ติ วทนฺติ, กถํ นุ โข อหํ สตฺถุ พุทฺธภาวํ ชาเนยฺย’’นฺติ? อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มยฺหํ คุณวเสน อุปฺปนฺนํ นามํ มหาชโน ชานาติ, กุลทตฺติยํ ปน เม นามํ อฺตฺร มยา น โกจิ ชานาติ. สเจ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, กุลทตฺติกนาเมน มํ อาลปิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา เอวมาห.
ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต. อาสตฺติโยติ ตณฺหาโย. สนฺตินฺติ กิเลสวูปสมํ. ปปฺปุยฺยาติ ปตฺวา. อิทฺจ ปน วตฺวา สตฺถา ตสฺส อนุปุพฺพิกถํ กเถตฺวา มตฺถเก จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ. เสฏฺิ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวสโต ปฏฺาย มหาทานํ ทาตุํ อารภิ. พิมฺพิสาราทโย เสฏฺิสฺส สาสนํ เปเสนฺติ – ‘‘ตฺวํ อาคนฺตุโก, ยํ นปฺปโหติ, ตํ อิโต อาหราเปหี’’ติ. โส ‘‘อลํ ตุมฺเห พหุกิจฺจา’’ติ สพฺเพ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ อานีตวิภเวน สตฺตาหํ มหาทานํ อทาสิ. ทานปริโยสาเน จ ภควนฺตํ สาวตฺถิยํ วสฺสาวาสํ ปฏิชานาเปตฺวา ราชคหสฺส จ สาวตฺถิยา ¶ จ อนฺตเร โยชเน โยชเน สตสหสฺสํ ทตฺวา ปฺจจตฺตาลีส ¶ วิหาเร กาเรนฺโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา เชตวนมหาวิหารํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาเทสีติ. อฏฺมํ.
๙. ปมสุกฺกาสุตฺตวณฺณนา
๒๔๓. นวเม รถิกาย รถิกนฺติ เอกํ รถิกํ คเหตฺวา ตโต อปรํ คจฺฉนฺโต รถิกาย รถิกํ อุปสงฺกมนฺโต นาม โหติ. สิงฺฆาฏเกปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ รถิกาติ รจฺฉา. สิงฺฆาฏกนฺติ จตุกฺกํ. กึ เม กตาติ กึ อิเม กตา? กึ กโรนฺตีติ อตฺโถ. มธุปีตาว ¶ เสยเรติ คนฺธมธุปานํ ปีตา วิย สยนฺติ. คนฺธมธุปานํ ปีโต กิร สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกติ, อสฺี หุตฺวา สยเตว. ตสฺมา เอวมาห.
ตฺจ ปน อปฺปฏิวานียนฺติ ตฺจ ปน ธมฺมํ อปฺปฏิวานียํ เทเสติ. พาหิรกฺหิ สุมธุรมฺปิ โภชนํ ปุนปฺปุนํ ภฺุชนฺตสฺส น รุจฺจติ, ‘‘อปเนถ, กึ อิมินา’’ติ? ปฏิวาเนตพฺพํ อปเนตพฺพํ โหติ, น เอวมยํ ธมฺโม. อิมํ หิ ธมฺมํ ปณฺฑิตา วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ สุณนฺตา ติตฺตึ น คจฺฉนฺติ. เตนาห ‘‘อปฺปฏิวานีย’’นฺติ. อเสจนกโมชวนฺติ อนาสิตฺตกํ โอชวนฺตํ. ยถา หิ พาหิรานิ อสมฺภินฺนปายาสาทีนิปิ สปฺปิมธุสกฺขราหิ อาสิตฺตานิ โยชิตาเนว มธุรานิ โอชวนฺตานิ โหนฺติ, น เอวมยํ ธมฺโม. อยํ หิ อตฺตโน ธมฺมตาย มธุโร เจว โอชวา จ, น อฺเน อุปสิตฺโต. เตนาห ‘‘อเสจนกโมชว’’นฺติ. ปิวนฺติ มฺเ สปฺปฺาติ ปณฺฑิตปุริสา ปิวนฺติ วิย. วลาหกเมว ปนฺถคูติ วลาหกนฺตรโต นิกฺขนฺตอุทกํ ฆมฺมาภิตตฺตา ปถิกา วิย. นวมํ.
๑๐-๑๑. ทุติยสุกฺกาสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๔๔. ทสเม ปฺุํ วต ปสวิ พหุนฺติ พหุํ วต ปฺุํ ปสวตีติ. ทสมํ.
๒๔๕. เอกาทสมํ อุตฺตานเมว. เอกาทสมํ.
๑๒. อาฬวกสุตฺตวณฺณนา
๒๔๖. ทฺวาทสเม ¶ อาฬวิยนฺติ อาฬวีติ ตํ รฏฺมฺปิ นครมฺปิ. ตฺจ ภวนํ นครสฺส อวิทูเร คาวุตมตฺเต ิตํ. ภควา ตตฺถ วิหรนฺโต ตํ นครํ อุปนิสฺสาย ¶ อาฬวิยํ วิหรตีติ ¶ วุตฺโต. อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเนติ เอตฺถ ปน อยมนุปุพฺพิกถา – อาฬวโก กิร ราชา วิวิธนาฏกูปโภคํ ฉฑฺเฑตฺวา โจรปฏิพาหนตฺถํ ปฏิราชนิเสธนตฺถํ พฺยายามกรณตฺถฺจ สตฺตเม สตฺตเม ทิวเส มิควํ คจฺฉนฺโต เอกทิวสํ พลกาเยน สทฺธึ กติกํ อกาสิ – ‘‘ยสฺส ปสฺเสน มิโค ปลายติ, ตสฺเสว โส ภาโร’’ติ. อถ ตสฺเสว ปสฺเสน มิโค ปลายิ, ชวสมฺปนฺโน ราชา ธนุํ คเหตฺวา ปตฺติโกว ติโยชนํ ตํ มิคํ อนุพนฺธิ. เอณิมิคา จ ติโยชนเวคา เอว โหนฺติ. อถ ปริกฺขีณชวํ ตํ อุทกํ วิย ปวิสิตฺวา ิตํ วธิตฺวา ทฺวิธา เฉตฺวา อนตฺถิโกปิ มํเสน ‘‘นาสกฺขิ มิคํ คเหตุ’’นฺติ อปวาทโมจนตฺถํ กาเชนาทาย อาคจฺฉนฺโต นครสฺสาวิทูเร พหลปตฺตปลาสํ มหานิคฺโรธํ ทิสฺวา ปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ตสฺส มูลมุปคโต. ตสฺมิฺจ นิคฺโรเธ อาฬวโก ยกฺโข มหาราชสนฺติกา ภวนํ ลภิตฺวา มชฺฌนฺหิกสมเย ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย ผุฏฺโกาสํ ปวิฏฺเ ปาณิโน ขาทนฺโต ปฏิวสติ. โส ตํ ทิสฺวา ขาทิตุํ อุปคโต. ราชา เตน สทฺธึ กติกํ อกาสิ – ‘‘มฺุจ มํ, อหํ เต ทิวเส ทิวเส มนุสฺสฺจ ถาลิปากฺจ เปเสสฺสามี’’ติ. ยกฺโข – ‘‘ตฺวํ ราชูปโภเคน ปมตฺโต น สริสฺสสิ, อหํ ปน ภวนํ อนุปคตฺจ อนนฺุาตฺจ ขาทิตุํ น ลภามิ, สฺวาหํ ภวนฺตมฺปิ ชีเยยฺย’’นฺติ น มฺุจิ. ราชา ‘‘ยํ ทิวสํ น เปเสมิ, ตํ ทิวสํ มํ คเหตฺวา ขาทา’’ติ อตฺตานํ อนุชานิตฺวา เตน มุตฺโต นคราภิมุโข อคมาสิ.
พลกาโย มคฺเค ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ิโต ราชานํ ทิสฺวา, ‘‘กึ, มหาราช, อยสมตฺตภยา เอวํ กิลนฺโตสี’’ติ? วทนฺโต ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปฏิคฺคเหสิ. ราชา ตํ ปวตฺตึ อนาโรเจตฺวา นครํ คนฺตฺวา กตปาตราโส นครคุตฺติกํ อามนฺเตตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. นครคุตฺติโก – ‘‘กึ, เทว ¶ , กาลปริจฺเฉโท กโต’’ติ อาห? น กโต ภเณติ. ทุฏฺุ กตํ, เทว, อมนุสฺสา หิ ปริจฺฉินฺนมตฺตเมว ลภนฺติ, อปริจฺฉินฺเน ปน ชนปทสฺสาพาโธ ภวิสฺสติ, โหตุ เทว, กิฺจาปิ เอวมกาสิ, อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ รชฺชสุขมนุโภหิ, อหเมตฺถ กาตพฺพํ กริสฺสามีติ. โส กาลสฺเสว วุฏฺาย พนฺธนาคารทฺวาเร ตฺวา เย เย วชฺฌา โหนฺติ, เต เต สนฺธาย ‘‘โย ชีวิตตฺถิโก, โส นิกฺขมตู’’ติ ¶ ภณติ. โย ปมํ นิกฺขมติ, ตํ เคหํ ¶ เนตฺวา นฺหาเปตฺวา โภเชตฺวา จ ‘‘อิมํ ถาลิปากํ ยกฺขสฺส เทหี’’ติ เปเสติ. ตํ รุกฺขมูลํ ปวิฏฺมตฺตํเยว ยกฺโข เภรวํ อตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา มูลกนฺทํ วิย ขาทิ. ยกฺขานุภาเวน กิร มนุสฺสานํ เกสาทีนิ อุปาทาย สกลสรีรํ นวนีตปิณฺฑํ วิย โหติ, ยกฺขสฺส ภตฺตํ คาหาเปตุํ คตปุริสา ตํ ทิสฺวา ภีตา ยถามิตฺตํ อาโรเจสุํ. ตโต ปภุติ ‘‘ราชา โจเร คเหตฺวา ยกฺขสฺส เทตี’’ติ มนุสฺสา โจรกมฺมโต ปฏิวิรตา. ตโต อปเรน สมเยน นวโจรานํ อภาเวน ปุราณโจรานฺจ ปริกฺขเยน พนฺธนาคารานิ สฺุานิ อเหสุํ.
อถ นครคุตฺติโก รฺโ อาโรเจสิ. ราชา อตฺตโน ธนํ นครรจฺฉาสุ ฉฑฺฑาเปสิ ‘‘อปฺเปว นาม โกจิ โลเภน คณฺเหยฺยา’’ติ. ตํ ปาเทนปิ โกจิ นจฺฉุปิ. โส โจเร อลภนฺโต อมจฺจานํ อาโรเจสิ. อมจฺจา ‘‘กุลปฏิปาฏิยา เอกเมกํ ชิณฺณกํ เปเสม, โส ปกติยาปิ มจฺจุปเถ วตฺตตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘อมฺหากํ ปิตรํ อมฺหากํ ปิตามหํ เปเสตีติ มนุสฺสา โขภํ กริสฺสนฺติ, มา โว เอตํ รุจฺจี’’ติ วาเรสิ. ‘‘เตน หิ, เทว, ทารกํ เปเสม อุตฺตานเสยฺยกํ, ตถาวิธสฺส หิ ‘มาตา เม’ติ ‘ปิตา เม’ติ สิเนโห นตฺถี’’ติ อาหํสุ. ราชา อนุชานิ. เต ตถา อกํสุ. นคเร ทารกมาตโร จ ทารเก คเหตฺวา คพฺภินิโย จ ปลายิตฺวา ปรชนปเท ทารเก สํวฑฺเฒตฺวา อาเนนฺติ. เอวํ ทฺวาทส วสฺสานิ คตานิ.
ตโต เอกทิวสํ สกลนครํ วิจินิตฺวา ¶ เอกมฺปิ ทารกํ อลภิตฺวา อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นตฺถิ, เทว, นคเร ทารโก เปตฺวา อนฺเตปุเร ตว ปุตฺตํ อาฬวกกุมาร’’นฺติ. ราชา ‘‘ยถา มม ปุตฺโต ปิโย, เอวํ สพฺพโลกสฺส, อตฺตนา ปน ปิยตรํ นตฺถิ, คจฺฉถ ตมฺปิ ทตฺวา มม ชีวิตํ รกฺขถา’’ติ. เตน จ สมเยน อาฬวกสฺส มาตา ปุตฺตํ นฺหาเปตฺวา มณฺเฑตฺวา ทุกูลจุมฺพฏเก กตฺวา องฺเก สยาเปตฺวา นิสินฺนา โหติ. ราชปุริสา รฺโ อาณาย ตตฺถ คนฺตฺวา วิปฺปลปนฺติยา ตสฺสา โสฬสนฺนฺจ เทวิสหสฺสานํ สทฺธึ ธาติยา ตํ อาทาย ปกฺกมึสุ, ‘‘สฺเว ยกฺขภกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ. ตํทิวสฺจ ภควา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย ¶ เชตวนวิหาเร คนฺธกุฏิยํ มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต อทฺทส อาฬวกสฺส กุมารสฺส อนาคามิผลุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสยํ ยกฺขสฺส จ โสตาปตฺติผลุปฺปตฺติยา, เทสนาปริโยสาเน จ จตุราสีติปาณสหสฺสานํ ธมฺมจกฺขุปฏิลาภสฺสาติ. โส วิภาตาย รตฺติยา ปุริมภตฺตกิจฺจํ กตฺวา สุนิฏฺิตปจฺฉาภตฺตกิจฺโจ กาฬปกฺขูโปสถทิวเส วตฺตมาเน โอคฺคเต สูริเย เอโก อทุติโย ปตฺตจีวรมาทาย ปาทมคฺเคเนว สาวตฺถิโต ตึส โยชนานิ ¶ คนฺตฺวา ตสฺส ยกฺขสฺส ภวนํ ปาวิสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.
กึ ปน ภควา ยสฺมึ นิคฺโรเธ อาฬวกสฺส ภวนํ, ตสฺส มูเล วิหาสิ, อุทาหุ ภวเนเยวาติ? ภวเนเยว. ยเถว หิ ยกฺขา อตฺตโน ภวนํ ปสฺสนฺติ, ตถา ภควาปิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ภวนทฺวาเร อฏฺาสิ. ตทา อาฬวโก หิมวนฺเต ยกฺขสมาคมํ คโต โหติ. ตโต อาฬวกสฺส ทฺวารปาโล คทฺรโภ นาม ยกฺโข ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘กึ, ภนฺเต, ภควา วิกาเล อาคโต’’ติ อาห. อาม, คทฺรภ, อาคโตมฺหิ, สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺตํ อาฬวกสฺส ภวเนติ ¶ . น เม, ภนฺเต, ครุ, อปิจ โข โส ยกฺโข กกฺขโฬ ผรุโส, มาตาปิตูนมฺปิ อภิวาทนาทีนิ น กโรติ, มา รุจฺจิ ภควโต อิธ วาโสติ. ชานามิ, คทฺรภ, ตสฺส สภาวํ, น โกจิ มมนฺตราโย ภวิสฺสติ. สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺตนฺติ.
ทุติยมฺปิ คทฺรโภ ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อคฺคิตตฺตกปาลสทิโส, ภนฺเต, อาฬวโก, มาตาปิตโรติ วา สมณพฺราหฺมณาติ วา ธมฺโมติ วา น ชานาติ, อิธาคตานํ ปน จิตฺตกฺเขปมฺปิ กโรติ, หทยมฺปิ ผาเลติ, ปาเทปิ คเหตฺวา ปรสมุทฺทํ วา ปรจกฺกวาฬํ วา ขิปตี’’ติ. ทุติยมฺปิ ภควา อาห – ‘‘ชานามิ, คทฺรภ, สเจปิ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺต’’นฺติ. น เม, ภนฺเต, ครุ, อปิจ โข โส ยกฺโข อตฺตโน อนาโรเจตฺวา อนุชานนฺตํ มํ ชีวิตาปิ โวโรเปยฺย, อาโรเจมิ, ภนฺเต, ตสฺสาติ. ยถาสุขํ ¶ , คทฺรภ, อาโรเจหีติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ตฺวเมว ชานาหี’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา หิมวนฺตาภิมุโข ปกฺกามิ. ภวนทฺวารมฺปิ สยเมว ภควโต วิวรมทาสิ. ภควา อนฺโตภวนํ ปวิสิตฺวา ยตฺถ อภิลกฺขิเตสุ มงฺคลทิวสาทีสุ นิสีทิตฺวา อาฬวโก สิรึ อนุโภติ, ตสฺมึเยว ทิพฺพรตนมเย ปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา สุวณฺณาภํ มฺุจิ. ตํ ทิสฺวา ยกฺขสฺส อิตฺถิโย อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา สมฺปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. ภควา ‘‘ปุพฺเพ ตุมฺเห ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา ปูชเนยฺยํ ปูเชตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ปตฺตา, อิทานิปิ ตเถว กโรถ, มา อฺมฺํ อิสฺสามจฺฉริยาภิภูตา วิหรถา’’ติอาทินา นเยน ตาสํ ปกิณฺณกธมฺมกถํ กเถสิ. ตา ภควโต มธุรนิคฺโฆสํ สุตฺวา สาธุการสหสฺสานิ ทตฺวา ภควนฺตํ สมฺปริวาเรตฺวา นิสีทึสุเยว. คทฺรโภปิ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อาฬวกสฺสาโรเจสิ – ‘‘ยคฺเฆ ¶ , มาริส, ชาเนยฺยาสิ วิมาเน เต ภควา นิสินฺโน’’ติ. โส คทฺรภสฺส สฺํ อกาสิ ‘‘ตุณฺหี โหหิ, คนฺตฺวา กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ. ปุริสมาเนน กิร ลชฺชิโต อโหสิ, ตสฺมา ‘‘มา โกจิ ปริสมชฺเฌ สุเณยฺยา’’ติ เอวมกาสิ.
ตทา สาตาคิรเหมวตา ภควนฺตํ เชตวเนเยว วนฺทิตฺวา ‘‘ยกฺขสมาคมํ คมิสฺสามา’’ติ สปริวารา นานายาเนหิ ¶ อากาเสน คจฺฉนฺติ. อากาเส จ ยกฺขานํ สพฺพตฺถ มคฺโค นตฺถิ, อากาสฏฺานิ วิมานานิ ปริหริตฺวา มคฺคฏฺาเนเนว มคฺโค โหติ. อาฬวกสฺส ปน วิมานํ ภูมฏฺํ สุคุตฺตํ ปาการปริกฺขิตฺตํ สุสํวิหิตทฺวารอฏฺฏาลกโคปุรํ อุปริ กํสชาลสฺฉนฺนํ มฺชูสสทิสํ ติโยชนํ อุพฺเพเธน, ตสฺส อุปริ มคฺโค โหติ. เต ตํ ปเทสมาคมฺม คนฺตุํ นาสกฺขึสุ. พุทฺธานํ หิ นิสินฺโนกาสสฺส อุปริภาเคน ยาว ภวคฺคา โกจิ คนฺตุํ น สกฺโกติ. เต ‘‘กิมิท’’นฺติ? อาวชฺเชตฺวา ภควนฺตํ ทิสฺวา อากาเส ขิตฺตเลฑฺฑุ วิย โอรุยฺห วนฺทิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา, ‘‘ยกฺขสมาคมํ คจฺฉาม ภควา’’ติ ตีณิ วตฺถูนิ ปสํสนฺตา ยกฺขสมาคมํ อคมํสุ. อาฬวโก เต ทิสฺวา, ‘‘อิธ นิสีทถา’’ติ ปฏิกฺกมฺม โอกาสมทาสิ. เต อาฬวกสฺส นิเวเทสุํ – ‘‘ลาภา เต, อาฬวก, ยสฺส เต ภวเน ภควา วิหรติ, คจฺฉาวุโส, ภควนฺตํ ปยิรุปาสสฺสู’’ติ. เอวํ ภควา ภวเนเยว วิหาสิ, น ยสฺมึ นิคฺโรเธ ¶ อาฬวกสฺส ภวนํ, ตสฺส มูเลติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกํ สมยํ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.
อถ โข อาฬวโก…เป… เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติ กสฺมา ปนายํ เอตทโวจ? โรเสตุกามตาย. ตตฺเรวํ อาทิโต ปภุติ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ – อยํ หิ ยสฺมา อสฺสทฺธสฺส สทฺธากถา ทุกฺกถา โหติ ทุสฺสีลาทีนํ สีลาทิกถา วิย, ตสฺมา เตสํ ยกฺขานํ สนฺติกา ภควโต ปสํสํ สุตฺวาเยว อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย อพฺภนฺตเร โกเปน ตฏตฏายมานหทโย หุตฺวา ‘‘โก โส ภควา นาม, โย มม ภวนํ ปวิฏฺโ’’ติ อาห. เต อหํสุ – ‘‘น ตฺวํ, อาวุโส, ชานาสิ ภควนฺตํ อมฺหากํ สตฺถารํ, โย ตุสิตภวเน ิโต ปฺจมหาวิโลกิตํ วิโลเกตฺวา’’ติอาทินา นเยน ยาว ธมฺมจกฺกปวตฺตนา กเถนฺตา ปฏิสนฺธิอาทีสุ ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ วตฺวา, ‘‘อิมานิปิ ตฺวํ, อาวุโส, อจฺฉริยานิ นาทฺทสา’’ติ? โจเทสุํ. โส ทิสฺวาปิ โกธวเสน ‘‘นาทฺทส’’นฺติ อาห. อาวุโส อาฬวก, ปสฺเสยฺยาสิ วา ตฺวํ, น วา, โก ตยา อตฺโถ ปสฺสตา วา อปสฺสตา ¶ วา? กึ ตฺวํ กริสฺสสิ ¶ อมฺหากํ สตฺถุโน, โย ตฺวํ ตํ อุปนิธาย จลกฺกกุธ-มหาอุสภสมีเป ตทหุชาตวจฺฉโก วิย, ติธา ปภินฺนมตฺตวารณสมีเป ภิงฺกโปตโก วิย, ภาสุรวิลมฺพิตเกสรโสภิตกฺขนฺธสฺส มิครฺโ สมีเป ชรสิงฺคาโล วิย, ทิยฑฺฒโยชนสตปวฑฺฒกายสุปณฺณราชสมีเป ฉินฺนปกฺขกากโปตโก วิย ขายสิ, คจฺฉ ยํ เต กรณียํ, ตํ กโรหีติ. เอวํ วุตฺเต ทุฏฺโ อาฬวโก อุฏฺหิตฺวา มโนสิลาตเล วามปาเทน ตฺวา – ‘‘ปสฺสถ ทานิ ตุมฺหากํ วา สตฺถา มหานุภาโว, อหํ วา’’ติ ทกฺขิณปาเทน สฏฺิโยชนมตฺตํ เกลาสปพฺพตกูฏํ อกฺกมิ. ตํ อโยกูฏปหโฏ วิย นิทฺธนฺตอโยปิณฺโฑ ปปฏิกาโย มฺุจิ, โส ตตฺร ตฺวา, ‘‘อหํ อาฬวโก’’ติ อุคฺโฆเสสิ. สกลชมฺพุทีปํ สทฺโท ผริ.
จตฺตาโร กิร สทฺทา สกลชมฺพุทีเป สูยึสุ – ยฺจ ปุณฺณโก ยกฺขเสนาปติ ธนฺชยโกรพฺยราชานํ ชูตํ ชินิตฺวา อปฺโผเฏตฺวา ‘‘อหํ ชินิ’’นฺติ อุคฺโฆเสสิ; ยฺจ สกฺโก เทวานมินฺโท กสฺสปภควโต สาสเน โอสกฺกนฺเต วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ สุนขํ กริตฺวา – ‘‘อหํ ปาปภิกฺขู จ ¶ ปาปภิกฺขุนิโย จ อุปาสเก จ อุปาสิกาโย จ สพฺเพว จ อธมฺมวาทิโน ขาทามี’’ติ อุคฺโฆสาเปสิ; ยฺจ กุสชาตเก ปภาวติเหตุ สตฺตหิ ราชูหิ นคเร อุปรุทฺเธ ปภาวตึ อตฺตนา สห หตฺถิกฺขนฺเธ อาโรเปตฺวา นครา นิกฺขมฺม – ‘‘อหํ สีหสฺสรมหากุสราชา’’ติ มหาปุริโส อุคฺโฆเสสิ; ยฺจ เกลาสมุทฺธนิ ตฺวา อาฬวโกติ. ตทา หิ สกลชมฺพุทีเป ทฺวาเร ตฺวา อุคฺโฆสิตสทิสํ อโหสิ. ติโยชนสหสฺสวิตฺถโต จ หิมวาปิ สงฺกมฺปิ ยกฺขสฺสานุภาเวน.
โส วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปสิ – ‘‘เอเตเนว สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ ¶ . เต ปุรตฺถิมาทิเภทา วาตา สมุฏฺหิตฺวา อฑฺฒโยชนโยชนทฺวิโยชนติโยชนปฺปมาณานิ ปพฺพตกูฏานิ ปทาเลตฺวา วนคจฺฉรุกฺขาทีนิ อุมฺมูลํ กตฺวา, อาฬวินครํ ปกฺขนฺตา ชิณฺณหตฺถิสาลาทีนิ จุณฺเณนฺตา ฉทนิฏฺกา อากาเส วิธเมนฺตา. ภควา ‘‘มา กสฺสจิ อุปโรโธ โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. เต วาตา ทสพลํ ปตฺวา จีวรกณฺณมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต มหาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ‘‘อุทเกน อชฺโฌตฺถริตฺวา สมณํ มาเรสฺสามี’’ติ. ตสฺสานุภาเวน อุปรูปริ สตปฏลสหสฺสปฏลาทิเภทา วลาหกา อุฏฺหิตฺวา ปวสฺสึสุ. วุฏฺิธาราเวเคน ปถวี ฉิทฺทา อโหสิ. วนรุกฺขาทีนํ อุปริ มโหโฆ อาคนฺตฺวา ทสพลสฺส จีวเร อุสฺสาวพินฺทุมตฺตมฺปิ เตเมตุํ นาสกฺขิ. ตโต ปาสาณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. มหนฺตานิ มหนฺตานิ ปพฺพตกูฏานิ ธูมายนฺตานิ ¶ ปชฺชลนฺตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลํ ปตฺวา ทิพฺพมาลาคุฬานิ สมฺปชฺชึสุ. ตโต ปหรณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. เอกโตธาราอุภโตธาราอสิสตฺติขุรปฺปาทโย ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลํ ปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ อเหสุํ. ตโต องฺคารวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. กึสุก วณฺณา องฺคารา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา วิกีรยึสุ. ตโต กุกฺกุลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อจฺจุณฺหา กุกฺกุลา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล จนฺทนจุณฺณํ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต วาลิกวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อติสุขุมวาลิกา ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต กลลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ กลลวสฺสํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพคนฺธํ หุตฺวา นิปติ. ตโต ¶ อนฺธการํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘ภึเสตฺวา สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ. ตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อนฺธการสทิสํ หุตฺวา ทสพลํ ปตฺวา สูริยปฺปภาวิหตมิว อนฺธการํ อนฺตรธายิ.
เอวํ ยกฺโข อิมาหิ นวหิ วาตวสฺสปาสาณปหรณงฺคารกุกฺกุลวาลิกกลลนฺธการวุฏฺีหิ ¶ ภควนฺตํ ปลาเปตุํ อสกฺโกนฺโต นานาวิธปหรณหตฺถาย อเนกปฺปการรูปภูตคณสมากุลาย จตุรงฺคินิยา เสนาย สยเมว ภควนฺตํ อภิคโต. เต ภูตคณา อเนกปฺปกาเร วิกาเร กตฺวา ‘‘คณฺหถ หนถา’’ติ ภควโต อุปริ อาคจฺฉนฺตา วิย โหนฺติ. อปิจ โข นิทฺธนฺตโลหปิณฺฑํ วิย มกฺขิกา, ภควนฺตํ อลฺลียิตุํ อสมตฺถาว อเหสุํ. เอวํ สนฺเตปิ ยถา โพธิมณฺเฑ มาโร อาคตเวลายเมว นิวตฺโต, ตถา อนิวตฺเตตฺวา อุปฑฺฒรตฺติมตฺตํ พฺยากุลมกํสุ. เอวํ อุปฑฺฒรตฺติมตฺตํ อเนกปฺปการวิภึสนกทสฺสเนนปิ ภควนฺตํ จาเลตุํ อสกฺโกนฺโต อาฬวโก จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ เกนจิ อเชยฺยํ ทุสฺสาวุธํ มฺุเจยฺย’’นฺติ.
จตฺตาริ กิร อาวุธานิ โลเก เสฏฺานิ – สกฺกสฺส วชิราวุธํ, เวสฺสวณสฺส คทาวุธํ, ยมสฺส นยนาวุธํ, อาฬวกสฺส ทุสฺสาวุธนฺติ. ยทิ หิ สกฺโก ทุฏฺโ วชิราวุธํ สิเนรุมตฺถเก ปหเรยฺย, อฏฺสฏฺิสหสฺสาธิกโยชนสตสหสฺสํ วินิวิชฺฌิตฺวา เหฏฺโต คจฺเฉยฺย. เวสฺสวเณน กุชฺฌนกาเล วิสฺสชฺชิตํ คทาวุธํ พหูนํ ยกฺขสหสฺสานํ สีสํ ปาเตตฺวา ปุน หตฺถปาสํ อาคนฺตฺวา ติฏฺติ. ยเมน ทุฏฺเน นยนาวุเธน โอโลกิตมตฺเต อเนกานิ กุมฺภณฺฑสหสฺสานิ ตตฺตกปาเล ติลา วิย ผรนฺตานิ วินสฺสนฺติ. อาฬวโก ทุฏฺโ สเจ อากาเส ทุสฺสาวุธํ มฺุเจยฺย, ทฺวาทส วสฺสานิ เทโว น วสฺเสยฺย. สเจ ปถวิยํ มฺุเจยฺย. สพฺพรุกฺขติณาทีนิ สุสฺสิตฺวา ¶ ทฺวาทสวสฺสนฺตเร น ปุน วิรุเหยฺยุํ. สเจ สมุทฺเท มฺุเจยฺย, ตตฺตกปาเล อุทกพินฺทุ วิย สพฺพมุทกํ สุสฺเสยฺย. สเจ สิเนรุสทิเสปิ ปพฺพเต มฺุเจยฺย, ขณฺฑาขณฺฑํ หุตฺวา วิกิเรยฺย. โส เอวํ มหานุภาวํ ทุสฺสาวุธํ อุตฺตริสาฏกํ มฺุจิตฺวา อคฺคเหสิ. เยภุยฺเยน ทสสหสฺสีโลกธาตุเทวตา เวเคน สนฺนิปตึสุ ‘‘อชฺช ¶ ¶ ภควา อาฬวกํ ทเมสฺสติ, ตตฺถ ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ ยุทฺธทสฺสนกามาปิ เทวตา สนฺนิปตึสุ. เอวํ สกลมฺปิ อากาสํ เทวตาหิ ปริปุณฺณมโหสิ.
อถ อาฬวโก ภควโต สมีเป อุปรูปริ วิจริตฺวา วตฺถาวุธํ มฺุจิ. ตํ อสนิวิจกฺกํ วิย อากาเส เภรวสทฺทํ กโรนฺตํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ ภควนฺตํ ปตฺวา ยกฺขมานมทฺทนตฺถํ ปาทปฺุฉนโจฬํ หุตฺวา ปาทมูเล นิปติ. อาฬวโก ตํ ทิสฺวา ฉินฺนวิสาโณ วิย อุสโภ อุทฺธตทาโ วิย สปฺโป นิตฺเตโช นิมฺมโท นิปติตมานทฺธโช หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ทุสฺสาวุธมฺปิ เม สมณํ นาภิโภสิ. กึ นุ โข การณ’’นฺติ? ‘‘อิทํ การณํ, เมตฺตาวิหารยุตฺโต สมโณ, หนฺท นํ โรเสตฺวา เมตฺตาย วิโยเชมี’’ติ อิมินา สมฺพนฺเธเนตํ วุตฺตํ – อถ โข อาฬวโก ยกฺโข เยน ภควา…เป… นิกฺขม สมณาติ. ตตฺถายมธิปฺปาโย – กสฺมา มยา อนนฺุาโต มม ภวนํ ปวิสิตฺวา ฆรสามิโก วิย อิตฺถาคารสฺส มชฺเฌ นิสินฺโนสิ? อนนุยุตฺตเมตํ สมณสฺส ยทิทํ อทินฺนปริโภโค อิตฺถิสํสคฺโค จ? ตสฺมา ยทิ ตฺวํ สมณธมฺเม ิโต, นิกฺขม สมณาติ. เอเก ปน – ‘‘เอตานิ อฺานิ จ ผรุสวจนานิ วตฺวา เอวายํ เอตทโวจา’’ติ ภณนฺติ.
อถ ภควา – ‘‘ยสฺมา ถทฺโธ ปฏิถทฺธภาเวน วิเนตุํ น สกฺกา, โส หิ ปฏิถทฺธภาเว กยิรมาเน, เสยฺยถาปิ จณฺฑสฺส กุกฺกุรสฺส นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺย, โส ภิยฺโยโสมตฺตาย จณฺฑตโร อสฺส, เอวํ ถทฺธตโร โหติ, มุทุนา ปน โส สกฺกา วิเนตุ’’นฺติ ตฺวา, สาธาวุโสติ ปิยวจเนน ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นิกฺขมิ. เตน วุตฺตํ สาธาวุโสติ ภควา นิกฺขมีติ.
ตโต อาฬวโก – ‘‘สุพฺพโจ วตายํ สมโณ เอกวจเนเนว นิกฺขนฺโต, เอวํ นาม นิกฺขเมตุํ สุขํ สมณํ อการเณเนวาหํ สกลรตฺตึ ยุทฺเธน อพฺภุยฺยาสิ’’นฺติ มุทุจิตฺโต หุตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิปิ น สกฺกา ชานิตุํ, กึ นุ โข สุพฺพจตาย นิกฺขนฺโต อุทาหุ โกธโน ¶ . หนฺทาหํ ¶ วีมํสามี’’ติ. ตโต ปวิส, สมณาติ อาห. อถ สุพฺพโจติ มุทุภูตจิตฺตววตฺถานกรณตฺถํ ปุน ปิยวจนํ วทนฺโต สาธาวุโสติ ภควา ¶ ปาวิสิ. อาฬวโก ปุนปฺปุนํ ตเมว สุพฺพจภาวํ วีมํสนฺโต ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ นิกฺขม ปวิสาติ อาห. ภควาปิ ตถา อกาสิ. ยทิ น กเรยฺย, ปกติยาปิ ถทฺธยกฺขสฺส จิตฺตํ ถทฺธตรํ หุตฺวา ธมฺมกถาย ภาชนํ น ภเวยฺย. ตสฺมา ยถา นาม มาตา โรทนฺตํ ปุตฺตกํ ยํ โส อิจฺฉติ, ตํ ทตฺวา วา กตฺวา วา สฺาเปสิ ตถา ภควา กิเลสโรทเนน โรทนฺตํ ยกฺขํ สฺาเปตุํ ยํ โส ภณติ, ตํ อกาสิ. ยถา จ ธาตี ถฺํ อปิวนฺตํ ทารกํ กิฺจิ ทตฺวา อุปลาเฬตฺวา ปาเยติ, ตถา ภควา ยกฺขํ โลกุตฺตรธมฺมขีรํ ปาเยตุํ ตสฺส ปตฺถิตวจนกรเณน อุปลาเฬนฺโต เอวมกาสิ. ยถา จ ปุริโส ลาพุมฺหิ จตุมธุรํ ปูเรตุกาโม ตสฺสพฺภนฺตรํ โสเธติ, เอวํ ภควา ยกฺขสฺส จิตฺเต โลกุตฺตรจตุมธุรํ ปูเรตุกาโม ตสฺสพฺภนฺตเร โกธมลํ โสเธตุํ ยาว ตติยํ นิกฺขมนปวิสนํ อกาสิ.
อถ อาฬวโก ‘‘สุพฺพโจ อยํ สมโณ ‘นิกฺขมา’ติ วุตฺโต นิกฺขมติ, ‘ปวิสา’ติ วุตฺโต ปวิสติ. ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ เอวเมว สกลรตฺตึ กิลเมตฺวา ปาเท คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิเปยฺย’’นฺติ? ปาปกํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา จตุตฺถวารํ อาห นิกฺขม, สมณาติ. ตํ ตฺวา ภควา น ขฺวาหํ ตนฺติ อาห. เอวํ วา วุตฺเต ตทุตฺตริกรณียํ ปริเยสมาโน ปฺหํ ปุจฺฉิตพฺพํ มฺิสฺสติ. ตํ ธมฺมกถาย มุขํ ภวิสฺสตีติ ตฺวา, น ขฺวาหํ ตนฺติ อาห. ตตฺถ น-อิติ ปฏิกฺเขเป. โขติ อวธารเณ. อหนฺติ อตฺตนิทสฺสนํ. ตนฺติ เหตุวจนํ. เตเนเวตฺถ ‘‘ยสฺมา ตฺวํ เอวํ จินฺเตสิ, ตสฺมา อหํ, อาวุโส, เนว นิกฺขมิสฺสามิ, ยํ เต กรณียํ, ตํ กโรหี’’ติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ตโต อาฬวโก ยสฺมา ปุพฺเพปิ อากาเสน คมนเวลาย – ‘‘กึ นุ โข เอตํ สุวณฺณวิมานํ, อุทาหุ รชตมณิวิมานานํ อฺตรํ, หนฺท นํ ปสฺสามา’’ติ เอวํ อตฺตโน วิมานํ อาคเต อิทฺธิมนฺเต ตาปสปริพฺพาชเก ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ ¶ อสกฺโกนฺเต จิตฺตกฺเขปาทีหิ วิเหเติ, ตสฺมา ภควนฺตมฺปิ ตถา วิเหเสฺสามีติ มฺมาโน ปฺหํ ตนฺติอาทิมาห.
กุโต ปนสฺส ปฺหาติ ¶ ? ตสฺส กิร มาตาปิตโร กสฺสปํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสิตฺวา อฏฺ ¶ ปฺเห สห วิสฺสชฺชเนน อุคฺคเหสุํ. เต ทหรกาเล อาฬวกํ ปริยาปุณาเปสุํ; โส กาลจฺจเยน วิสฺสชฺชนํ สมฺมุสฺสิ. ตโต ‘‘อิเม ปฺหาปิ มา วินสฺสนฺตู’’ติ สุวณฺณปฏฺเ ชาติหิงฺคุลเกน เลขาเปตฺวา วิมาเน นิกฺขิปิ. เอวเมเต ปุฏฺปฺหา พุทฺธวิสยาว โหนฺติ. ภควา ตํ สุตฺวา ยสฺมา พุทฺธานํ ปริจฺจตฺตลาภนฺตราโย วา ชีวิตนฺตราโย วา สพฺพฺุตฺาณพฺยามปฺปภาทิปฏิฆาโต วา น สกฺกา เกนจิ กาตุํ, ตสฺมา นํ โลเก อสาธารณํ พุทฺธานุภาวํ ทสฺเสนฺโต น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ปสฺสามิ สเทวเก โลเกติอาทิมาห.
เอวํ ภควา ตสฺส พาธนจิตฺตํ ปฏิเสเธตฺวา ปฺหาปุจฺฉเน อุสฺสาหํ ชเนนฺโต อาห อปิจ ตฺวํ, อาวุโส, ปุจฺฉ, ยทากงฺขสีติ. ตสฺสตฺโถ – ปุจฺฉ, ยทิ อากางฺขสิ, น เม ปฺหาวิสฺสชฺชเน ภาโร อตฺถิ. อถ วา ปุจฺฉ, ยํ อากงฺขสิ. สพฺพํ เต วิสฺสชฺเชสฺสามีติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ อสาธารณํ ปจฺเจกพุทฺธอคฺคสาวกมหาสาวเกหิ. เอวํ ภควโต สพฺพฺุปวารณาย ปวาริตาย อถ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ.
ตตฺถ กึ สูธ วิตฺตนฺติ, กึ สุ อิธ วิตฺตํ. วิตฺตนฺติ ธนํ. ตํ หิ ปีติสงฺขาตํ วิตฺตึ กโรติ, ตสฺมา ‘‘วิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. สุจิณฺณนฺติ สุกตํ. สุขนฺติ กายิกเจตสิกํ สาตํ. อาวหาตีติ อาวหติ อาเนติ เทติ อปฺเปติ. หเว-อิติ ทฬฺหตฺเถ นิปาโต. สาทุตรนฺติ อติสเยน สาทุ. ‘‘สาธุตร’’นฺติปิ ปาโ. รสานนฺติ รสสฺิตานํ ธมฺมานํ. กถนฺติ เกน ปกาเรน. กถํชีวิโน ชีวิตํ กถํชีวึชีวิตํ. คาถาพนฺธสุขตฺถํ ปน สานุนาสิกํ ¶ วุจฺจติ. กถํชีวึ ชีวตนฺติ วา ปาโ, ตสฺส ‘‘ชีวนฺตานํ กถํชีวิ’’นฺติ อตฺโถ. เอวํ อิมาย คาถาย ‘‘กึ สุ อิธ โลเก ปุริสสฺส วิตฺตํ เสฏฺํ? กึ สุ สุจิณฺณํ สุขมาวหาติ? กึ รสานํ สาทุตรํ? กถํชีวึ ชีวิตํ เสฏฺมาหู’’ติ? อิเม จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ.
อถสฺส ภควา กสฺสปทสพเลน วิสฺสชฺชิตนเยเนว วิสฺสชฺเชนฺโต อิมํ คาถมาห สทฺธีธ วิตฺตนฺติ. ตตฺถ ยถา หิรฺสุวณฺณาทิ วิตฺตํ อุปโภคสุขํ ¶ อาวหติ, ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ ปฏิพาหติ, ทาลิทฺทิยํ วูปสเมติ, มุตฺตาทิรตนปฏิลาภเหตุ โหติ, โลกสนฺตติฺจ อาวหติ, เอวํ โลกิยโลกุตฺตรา สทฺธาปิ ยถาสมฺภวํ โลกิยโลกุตฺตรํ วิปากํ สุขมาวหติ, สทฺธาธุเรน ปฏิปนฺนานํ ชาติชราทิทุกฺขํ ปฏิพาหติ, คุณทาลิทฺทิยํ วูปสเมติ, สติสมฺโพชฺฌงฺคาทิรตนปฏิลาภเหตุ โหติ.
‘‘สทฺโธ ¶ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโส โภคสมปฺปิโต;
ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๓) –
วจนโต โลกสนฺตติฺจ อาวหตีติ กตฺวา ‘‘วิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน เตสํ สทฺธาวิตฺตํ อนุคามิกํ อนฺสาธารณํ สพฺพสมฺปตฺติเหตุ, โลกิยสฺส หิรฺสุวณฺณาทิวิตฺตสฺสาปิ นิทานํ. สทฺโธเยว หิ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา วิตฺตํ อธิคจฺฉติ, อสฺสทฺธสฺส ปน วิตฺตํ ยาวเทว อนตฺถาย โหติ, ตสฺมา เสฏฺนฺติ วุตฺตํ. ปุริสสฺสาติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทเทสนา. ตสฺมา น เกวลํ ปุริสสฺส, อิตฺถิอาทีนมฺปิ สทฺธาวิตฺตเมว เสฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ.
ธมฺโมติ ทสกุสลธมฺโม, ทานสีลภาวนาธมฺโม วา. สุจิณฺโณติ สุกโต สุจริโต. สุขมาวหตีติ โสณเสฏฺิปุตฺตรฏฺปาลาทีนํ วิย มนุสฺสสุขํ, สกฺกาทีนํ วิย ทิพฺพสุขํ, ปริโยสาเน มหาปทุมาทีนํ วิย นิพฺพานสุขฺจ อาวหติ.
สจฺจนฺติ อยํ สจฺจสทฺโท อเนเกสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. เสยฺยถิทํ – ‘‘สจฺจํ ภเณ น กุชฺเฌยฺยา ¶ ’’ ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๒๔) วาจาสจฺเจ. ‘‘สจฺเจ ิตา สมณพฺราหฺมณา จา’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๑.๔๓๓) วิรติสจฺเจ. ‘‘กสฺมา นุ สจฺจานิ วทนฺติ นานา, ปวาทิยาเส กุสลา วทานา’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๙๑) ทิฏฺิสจฺเจ. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณสจฺจานี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๘๕) พฺราหฺมณสจฺเจ. ‘‘เอกํ หิ สจฺจํ น ทุติยมตฺถี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๙๐; มหานิ. ๑๑๙) ปรมตฺถสจฺเจ. ‘‘จตุนฺนํ สจฺจานํ กติ กุสลา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๒๑๖) อริยสจฺเจ. อิธ ปน ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานํ วิรติสจฺจฺจ อพฺภนฺตรํ กตฺวา ¶ วาจาสจฺจํ อธิปฺเปตํ, ยสฺสานุภาเวน อุทกาทีนิ วเส วตฺเตนฺติ, ชาติชรามรณปารํ ตรนฺติ. ยถาห –
‘‘สจฺเจน วาเจนุทกมฺหิ ธาวติ,
วิสมฺปิ สจฺเจน หนนฺติ ปณฺฑิตา;
สจฺเจน เทโว ถนยํ ปวสฺสติ,
สเจ ิตา นิพฺพุตึ ปตฺถยนฺติ.
‘‘เย ¶ เกจิเม อตฺถิ รสา ปถพฺยา,
สจฺจํ เตสํ สาทุตรํ รสานํ;
สจฺเจ ิตา สมณพฺราหฺมณา จ,
ตรนฺติ ชาติมรณสฺส ปาร’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๓๓);
สาทุตรนฺติ มธุรตรํ ปณีตตรํ. รสานนฺติ เย อิเม ‘‘มูลรโส ขนฺธรโส’’ติอาทินา (ธ. ส. ๖๒๘-๖๓๐) นเยน สายนียธมฺมา, เยจิเม ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ผลรสํ (มหาว. ๓๐๐), อรสรูโป ภวํ โคตโม, เย เต, พฺราหฺมณ, รูปรสา สทฺทรสา (ปารา. ๓; อ. นิ. ๘.๑๑), อนาปตฺติ รสรเส (ปาจิ. ๖๐๕-๖๑๑), อยํ ธมฺมวินโย เอกรโส วิมุตฺติรโส (จูฬว. ๓๘๕; อ. นิ. ๘.๑๙), ภาคี วา ภควา อตฺถรสสฺส ธมฺมรสสฺสา’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๔๙) นเยน รูปาจารรสุปวชฺชา อวเสสา พฺยฺชนาทโย ‘‘ธมฺมรสา’’ติ วุจฺจนฺติ ¶ . เตสํ รสานํ สจฺจํ หเว สาทุตรํ สจฺจเมว สาทุตรํ. สาธุตรํ วา, เสฏฺตรํ, อุตฺตมตรํ. มูลรสาทโย หิ สรีรมุปพฺรูเหนฺติ, สํกิเลสิกฺจ สุขมาวหนฺติ. สจฺจรเส วิรติสจฺจวาจาสจฺจรสา สมถวิปสฺสนาทีหิ จิตฺตํ อุปพฺรูเหติ, อสํกิเลสิกฺจ สุขมาวหติ. วิมุตฺติรโส ปรมตฺถสจฺจรสปริภาวิตตฺตา สาทุ, อตฺถรสธมฺมรสา จ ตทธิคมูปายภูตํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ นิสฺสาย ปวตฺติโตติ.
ปฺาชีวึชีวิตนฺติ เอตฺถ ปน ยฺวายํ อนฺเธกจกฺขุทฺวิจกฺขุเกสุ ทฺวิจกฺขุปุคฺคโล คหฏฺโ วา กมฺมนฺตานุฏฺาน-สรณคมนทาน-สํวิภาค-สีลสมาทานุโปสถกมฺมาทิ คหฏฺปฏิปทํ, ปพฺพชิโต วา อวิปฺปฏิสารกรสีลสงฺขาตํ ตทุตฺตริจิตฺตวิสุทฺธิอาทิเภทมฺปิ ปพฺพชิตปฏิปทํ ปฺาย อาราเธตฺวา ชีวติ, ตสฺส ¶ ปฺาย ชีวิโน ชีวิตํ, ตํ วา ปฺาชีวิตํ เสฏฺมาหูติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอวํ ภควตา วิสฺสชฺชิเต จตฺตาโรปิ ปฺเห สุตฺวา อตฺตมโน ยกฺโข อวเสเสปิ จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉนฺโต กถํสุ ตรติ โอฆนฺติ คาถมาห. อถสฺส ภควา ปุริมนเยเนว วิสฺสชฺเชนฺโต สทฺธาย ตรตีติ คาถมาห. ตตฺถ กิฺจาปิ โย จตุพฺพิธโมฆํ ตรติ, โส สํสารณฺณวมฺปิ ตรติ, วฏฺฏทุกฺขมฺปิ อจฺเจติ, กิเลสมลาปิ ปริสุชฺฌติ, เอวํ สนฺเตปิ ปน ยสฺมา อสฺสทฺโธ โอฆตรณํ อสทฺทหนฺโต น ปกฺขนฺทติ, ปฺจสุ กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺเคน ปมตฺโต ¶ ตตฺเถว วิสตฺตตฺตา สํสารณฺณวํ น ตรติ, กุสีโต ทุกฺขํ วิหรติ โวกิณฺโณ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ, อปฺปฺโ สุทฺธิมคฺคํ อชานนฺโต น ปริสุชฺฌติ, ตสฺมา ตปฺปฏิปกฺขํ ทสฺเสนฺเตน ภควตา อยํ คาถา วุตฺตา.
เอวํ วุตฺตาย เจตาย ยสฺมา โสตาปตฺติยงฺคปทฏฺานํ สทฺธินฺทฺริยํ, ตสฺมา สทฺธาย ตรติ โอฆนฺติ อิมินา ปเทน ทิฏฺโฆตรณํ โสตาปตฺติมคฺคํ โสตาปนฺนฺจ ปกาเสติ. ยสฺมา ปน โสตาปนฺโน กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย สาตจฺจกิริยสงฺขเตน อปฺปมาเทน สมนฺนาคโต ทุติยมคฺคํ อาราเธตฺวา เปตฺวา สกิเทวิมํ ¶ โลกํ อาคมนมคฺคํ อวเสสํ โสตาปตฺติมคฺเคน อติณฺณํ ภโวฆวตฺถุํ สํสารณฺณวํ ตรติ, ตสฺมา อปฺปมาเทน อณฺณวนฺติ อิมินา ปเทน ภโวฆตรณํ สกทาคามิมคฺคํ สกทาคามิฺจ ปกาเสติ. ยสฺมา จ สกทาคามี วีริเยน ตติยมคฺคํ อาราเธตฺวา สกทาคามิมคฺเคน อนตีตํ กาโมฆวตฺถุํ กาโมฆสฺิตฺจ กามทุกฺขมจฺเจติ, ตสฺมา วีริเยน ทุกฺขมจฺเจตีติ อิมินา ปเทน กาโมฆตรณํ อนาคามิมคฺคํ อนาคามิฺจ ปกาเสติ. ยสฺมา ปน อนาคามี วิคตกามสฺาย ปริสุทฺธาย ปฺาย เอกนฺตปริสุทฺธํ จตุตฺถมคฺคปฺํ อาราเธตฺวา อนาคามิมคฺเคน อปฺปหีนํ อวิชฺชาสงฺขาตํ ปรมมลํ ปชหติ, ตสฺมา ปฺาย ปริสุชฺฌตีติ, อิมินา ปเทน อวิชฺโชฆตรณํ อรหตฺตมคฺคฺจ อรหตฺตฺจ ปกาเสติ. อิมาย จ อรหตฺตนิกูเฏน กถิตาย คาถาย ปริโยสาเน ยกฺโข โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
อิทานิ ¶ ตเมว ‘‘ปฺาย ปริสุชฺฌตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ ปฺาปทํ คเหตฺวา อตฺตโน ปฏิภาเนน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต กถํสุ ลภเต ปฺนฺติ อิมํ ฉปฺปทํ คาถมาห. ตตฺถ กถํสูติ สพฺพตฺเถว อตฺถยุตฺติปุจฺฉา โหนฺติ. อยํ หิ ปฺาทิอตฺถํ ตฺวา ตสฺส ยุตฺตึ ปุจฺฉติ – ‘‘กถํ, กาย ยุตฺติยา, เกน การเณน ปฺํ ลภตี’’ติ? เอส นโย ธนาทีสุ.
อถสฺส ภควา จตูหิ การเณหิ ปฺาลาภํ ทสฺเสนฺโต สทฺทหาโนติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – เยน ปุพฺพภาเค กายสุจริตาทิเภเทน อปรภาเค จ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยเภเทน ธมฺเมน อรหนฺโต พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกา นิพฺพานํ ปตฺตา, ตํ สทฺทหาโน อรหตํ ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา โลกิยโลกุตฺตรปฺํ ลภติ, ตฺจ โข น สทฺธามตฺตเกเนว. ยสฺมา ปน สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ ¶ , อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสนฺโต โสตํ โอทหติ, โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ตสฺมา อุปสงฺกมนโต ปภุติ ยาว ธมฺมสฺสวเนน สุสฺสูสํ ลภติ. กึ วุตฺตํ โหติ – ตํ ธมฺมํ สทฺทหิตฺวาปิ อาจริยุปชฺฌาเย กาเลน อุปสงฺกมิตฺวา ¶ วตฺตกรเณน ปยิรุปาสิตฺวา ยทา ปยิรุปาสนาย อาราธิตจิตฺตา กิฺจิ วตฺตุกามา โหนฺติ. อถ อธิคตาย โสตุกามตาย โสตํ โอทหิตฺวา สุณนฺโต ลภตีติ. เอวํ สุสฺสูสมฺปิ จ สติอวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺโต สุภาสิตทุพฺภาสิตฺุตาย วิจกฺขโณ เอว ลภติ, น อิตโร. เตนาห ‘‘อปฺปมตฺโต วิจกฺขโณ’’ติ.
เอวํ ยสฺมา สทฺธาย ปฺลาภสํวตฺตนิกํ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชติ, สุสฺสูสาย สกฺกจฺจํ ปฺาธิคมูปายํ สุณาติ, อปฺปมาเทน คหิตํ น ปมุสฺสติ. วิจกฺขณตาย อนูนาธิกํ อวิปรีตฺจ คเหตฺวา วิตฺถาริกํ กโรติ. สุสฺสูสาย วา โอหิตโสโต ปฺาปฏิลาภเหตุํ ธมฺมํ สุณาติ, อปฺปมาเทน สุตธมฺมํ ธาเรติ, วิจกฺขณตาย ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขติ, อถานุปุพฺเพน ปรมตฺถสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ตสฺมาสฺส ภควา ‘‘กถํสุ ลภเต ปฺ’’นฺติ ปุฏฺโ อิมานิ จตฺตาริ การณานิ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห.
อิทานิ ¶ ตโต ปเร ตโย ปฺเห วิสฺสชฺเชนฺโต ปติรูปการีติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ เทสกาลาทีนิ อหาเปตฺวา โลกิยสฺส โลกุตฺตรสฺส วา ธนสฺส ปติรูปํ อธิคมูปายํ กโรตีติ ปติรูปการี. ธุรวาติ เจตสิกวีริยวเสน อนิกฺขิตฺตธุโร. อุฏฺาตาติ, ‘‘โย จ สีตฺจ อุณฺหฺจ, ติณา ภิยฺโย น มฺตี’’ติอาทินา (เถรคา. ๒๓๒) นเยน กายิกวีรียวเสน อุฏฺานสมฺปนฺโน อสิถิลปรกฺกโม. วินฺทเต ธนนฺติ เอกมูสิกาย นจิรสฺเสว จตุสตสหสฺสสงฺขํ จูฬนฺเตวาสี วิย โลกิยธนฺจ, มหลฺลกมหาติสฺสตฺเถโร วิย โลกุตฺตรธนฺจ ลภติ. โส ‘‘ตีหิเยว อิริยาปเถหิ วิหริสฺสามี’’ติ วตฺตํ กตฺวา ถินมิทฺธาคมนเวลาย ปลาลจุมฺพฏกํ เตเมตฺวา สีเส กตฺวา คลปฺปมาณํ อุทกํ ปวิสิตฺวา ถินมิทฺธํ ปฏิพาหนฺโต ทสหิ วสฺเสหิ อรหตฺตํ ¶ ปาปุณิ. สจฺเจนาติ วจีสจฺเจนาปิ ‘‘สจฺจวาที ภูตวาที’’ติ, ปรมตฺถสจฺเจนาปิ ‘‘พุทฺโธ ปจฺเจกพุทฺโธ อริยสาวโก’’ติ เอวํ กิตฺตึ ปปฺโปติ. ททนฺติ ยํกิฺจิ อิจฺฉิตปตฺถิตํ ททนฺโต มิตฺตานิ คนฺถติ, สมฺปาเทติ กโรตีติ อตฺโถ. ทุทฺททํ วา ททํ ตํ คนฺถติ. ทานมุเขน วา จตฺตาริปิ สงฺคหวตฺถูนิ คหิตานีติ เวทิตพฺพานิ, เตหิ มิตฺตานิ กโรตีติ วุตฺตํ โหติ.
เอวํ ¶ คหฏฺปพฺพชิตานํ สาธารเณน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเกน นเยน จตฺตาโร ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ ‘‘กถํ เปจฺจ น โสจตี’’ติ อิมํ ปฺจมํ ปฺหํ คหฏฺวเสน วิสฺสชฺเชนฺโต ยสฺเสเตติอาทีมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส ‘‘สทฺทหาโน อรหต’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตาย สพฺพกลฺยาณธมฺมุปฺปาทิกาย สทฺธาย สมนฺนาคตตฺตา สทฺธสฺส, ฆรเมสิโนติ ฆราวาสํ ปฺจ วา กามคุเณ เอสนฺตสฺส คเวสนฺตสฺส กามโภคิโน คหฏฺสฺส ‘‘สจฺเจน กิตฺตึ ปปฺโปตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการํ สจฺจํ. ‘‘สุสฺสูสํ ลภเต ปฺ’’นฺติ เอตฺถ สุสฺสูสปฺานาเมน วุตฺโตว ทโม. ‘‘ธุรวา อุฏฺาตา’’ติ เอตฺถ ธุรนาเมน อุฏฺานนาเมน จ วุตฺตา ธิติ. ‘‘ททํ มิตฺตานิ คนฺถตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปกาโร จาโค จาติ เอเต จตุโร ธมฺมา สนฺติ. ส เว เปจฺจ น โสจตีติ อิธโลกา ปรโลกํ คนฺตฺวา ส เว น โสจตีติ.
เอวํ ¶ ภควา ปฺจมมฺปิ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตํ ยกฺขํ โจเทนฺโต อิงฺฆ อฺเปีติอาทิมาห. ตตฺถ อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. อฺเปีติ อฺเปิ ธมฺเม ปุถู สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉสฺสุ. อฺเปิ วา ปูรณาทโย สพฺพฺุปฏิฺเ ปุถู สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉสฺสุ. ยทิ อมฺเหหิ ‘‘สจฺเจน กิตฺตึ ปปฺโปตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการา สจฺจา ภิยฺโย กิตฺติปฺปตฺติการณํ วา, ‘‘สุสฺสูสํ ลภเต ปฺ’’นฺติ เอตฺถ สุสฺสูสาติ ปฺาปเทเสน วุตฺตา ทมฺมา ภิยฺโย ¶ โลกิยโลกุตฺตรปฺาปฏิลาภการณํ วา, ‘‘ททํ มิตฺตานิ คนฺถตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการา จาคา ภิยฺโย มิตฺตคนฺถนการณํ วา, ‘‘ธุรวา อุฏฺาตา’’ติ เอตฺถ ตํ ตํ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ธุรนาเมน อุฏฺานนาเมน จ วุตฺตาย มหาภารสหนตฺเถน อุสฺโสฬฺหิภาวปฺปตฺตาย วีริยสงฺขาตาย ขนฺตฺยา ภิยฺโย โลกิยโลกุตฺตรธนวินฺทนการณํ วา, ‘‘สจฺจํ ทมฺโม ธิติ จาโค’’ติ เอวํ วุตฺเตหิ อิเมเหว จตูหิ ธมฺเมหิ ภิยฺโย อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ เปจฺจ อโสจนการณํ วา อิธ วิชฺชตีติ อยเมตฺถ สทฺธึ สงฺเขปโยชนาย อตฺถวณฺณนา. วิตฺถารโต ปน เอกเมกํ ปทํ อตฺถุทฺธารปทุทฺธารปทวณฺณนานเยหิ วิภชิตฺวา เวทิตพฺพา.
เอวํ วุตฺเต ยกฺโข เยน สํสเยน อฺเ ปุจฺเฉยฺย, ตสฺส ปหีนตฺตา กถํ นุ ทานิ ปุจฺเฉยฺยํ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณติ วตฺวา เยปิสฺส อปุจฺฉนการณํ น ชานนฺติ, เตปิ ชานาเปนฺโต โยหํ อชฺชปชานามิ, โย อตฺโถ สมฺปรายิโกติ อาห. ตตฺถ อชฺชาติ อชฺชาทึ กตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปชานามีติ ยถาวุตฺเตน ปกาเรน ชานามิ. โย อตฺโถติ เอตฺตาวตา ‘‘สุสฺสูสํ ลภเต ปฺ’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตํ ทิฏฺธมฺมิกํ ทสฺเสติ. สมฺปรายิโกติ อิมินา ‘‘ยสฺเสเต จตุโร ¶ ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ เปจฺจ โสกาภาวการณํ สมฺปรายิกํ. อตฺโถติ จ การณสฺเสตํ อธิวจนํ. อยํ หิ อตฺถสทฺโท ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๑; ที. นิ. ๑.๒๕๕) ปาตฺเถ วตฺตติ. ‘‘อตฺโถ เม, คหปติ, หิรฺสุวณฺเณนา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๕๐; ม. นิ. ๓.๒๕๘) วิจกฺขเณ. ‘‘โหติ สีลวตํ อตฺโถ’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๑๑) วุฑฺฒิมฺหิ. ‘‘พหุชโน ภชเต อตฺถเหตู’’ติอาทีสุ ธเน. ‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๗.๖๖; สํ. นิ. ๑.๒๕๐; เถรคา. ๔๔๓) หิเต ¶ . ‘‘อตฺเถ ชาเต จ ปณฺฑิต’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๙๒) การเณ. อิธ ปน การเณ. ตสฺมา ยํ ปฺาทิลาภาทีนํ การณํ ทิฏฺธมฺมิกํ, ยฺจ เปจฺจ โสกาภาวสฺส การณํ สมฺปรายิกํ, ตํ โยหํ อชฺช ภควตา วุตฺตนเยน ¶ สามํเยว ปชานามิ, โส กถํ นุ ทานิ ปุจฺเฉยฺยํ ปุถู สมณพฺราหฺมเณติ เอวเมตฺถ สงฺเขปโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอวํ ยกฺโข ‘‘ปชานามิ โย อตฺโถ สมฺปรายิโก’’ติ วตฺวา ตสฺส าณสฺส ภควํมูลกตฺตํ ทสฺเสนฺโต อตฺถาย วต เม พุทฺโธติ อาห. ตตฺถ อตฺถายาติ หิตาย วุฑฺฒิยา จ. ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ ‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา’’ติ เอตฺถ วุตฺตจาเคน ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ, ตํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ พุทฺธํ ปชานามีติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘สงฺฆํ สนฺธาย เอวมาหา’’ติ ภณนฺติ.
เอวํ อิมาย คาถาย อตฺตโน หิตาธิคมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สหิตปฏิปตฺตึ ทีเปนฺโต โส อหํ วิจริสฺสามีติอาทิมาห. ตตฺถ คามา คามนฺติ เทวคามา เทวคามํ. ปุรา ปุรนฺติ เทวนครโต เทวนครํ. นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตนฺติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต ภควา, สฺวากฺขาโต วต ภควโต ธมฺโม’’ติอาทินา นเยน พุทฺธสุโพธิตฺจ ธมฺมสุธมฺมตฺจ จ-สทฺเทน ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน วต ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติฺจ อภิตฺถวิตฺวา นมสฺสมาโน ธมฺมโฆสโก หุตฺวา วิจริสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ.
เอวมิมาย คาถาย ปริโยสานฺจ รตฺติวิภาวนฺจ สาธุการสทฺทุฏฺานฺจ อาฬวกกุมารสฺส ยกฺขภวนํ อานยนฺจ เอกกฺขเณเยว อโหสิ. ราชปุริสา สาธุการสทฺทํ สุตฺวา – ‘‘เอวรูโป สาธุการสทฺโท เปตฺวา พุทฺเธ น อฺเสํ อพฺภุคฺคจฺฉติ, อาคโต นุ โข ภควา’’ติ อาวชฺเชนฺตา ภควโต สรีรปฺปภํ ทิสฺวา ปุพฺเพ วิย พหิ อฏฺตฺวา นิพฺพิสงฺกา อนฺโตเยว ปวิสิตฺวา อทฺทสํสุ ภควนฺตํ ยกฺขสฺส ภวเน นิสินฺนํ, ยกฺขฺจ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ¶ ิตํ. ทิสฺวาน ยกฺขํ อาหํสุ – ‘‘อยํ เต, มหายกฺข, ราชกุมาโร พลิกมฺมาย อานีโต, หนฺท นํ ขาท วา ภฺุช วา, ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’ติ. โส โสตาปนฺนตฺตา ลชฺชิโต วิเสเสน ¶ จ ภควโต ปุรโต เอวํ วุจฺจมาโน อถ ตํ กุมารํ อุโภหิ หตฺเถหิ ปฏิคฺคเหตฺวา ภควโต ¶ อุปนาเมสิ ‘‘อยํ, ภนฺเต, กุมาโร มยฺหํ เปสิโต, อิมาหํ ภควโต ทมฺมิ, หิตานุกมฺปกา พุทฺธา, ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต, ภควา อิมํ ทารกํ อิมสฺส หิตตฺถาย สุขตฺถายา’’ติ อิมฺจ คาถมาห –
‘‘อิมํ กุมารํ สตปฺุลกฺขณํ,
สพฺพงฺคุเปตํ ปริปุณฺณพฺยฺชนํ;
อุทคฺคจิตฺโต สุมโน ททามิ เต,
ปฏิคฺคห โลกหิตาย จกฺขุมา’’ติ.
ปฏิคฺคเหสิ ภควา กุมารํ. ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ ยกฺขสฺส จ กุมารสฺส จ มงฺคลกรณตฺถํ ปาทูนคาถํ อภาสิ. ตํ ยกฺโข กุมารํ สรณํ คเมนฺโต ติกฺขตฺตุํ จตุตฺถปาเทน ปูเรสิ. เสยฺยถิทํ –
‘‘ทีฆายุโก โหตุ อยํ กุมาโร,
ตุวฺจ ยกฺข สุขิโต ภวาหิ;
อพฺยาธิตา โลกหิตาย ติฏฺถ,
อยํ กุมาโร สรณมุเปติ พุทฺธํ;
อยํ กุมาโร สรณมุเปติ ธมฺมํ;
อยํ กุมาโร สรณมุเปติ สงฺฆ’’นฺติ.
อถ ภควา กุมารํ ราชปุริสานํ อทาสิ – ‘‘อิมํ วฑฺเฒตฺวา ปุน มเมว เทถา’’ติ. เอวํ โส กุมาโร ราชปุริสานํ หตฺถโต ยกฺขสฺส หตฺถํ, ยกฺขสฺส หตฺถโต ภควโต หตฺถํ, ภควโต หตฺถโต ปุน ราชปุริสานํ หตฺถํ คตตฺตา นามโต ‘‘หตฺถโก อาฬวโก’’ติ ชาโต. ตํ อาทาย ปฏินิวตฺเต ราชปุริเส ทิสฺวา กสฺสกวนกมฺมิกาทโย ‘‘กึ ยกฺโข กุมารํ อติทหรตฺตา น อิจฺฉี’’ติ? ภีตา ปุจฺฉึสุ. ราชปุริสา ‘‘มา ภายถ. เขมํ กตํ ภควตา’’ติ สพฺพมาโรเจสุํ ¶ . ตโต ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สกลํ อาฬวินครํ เอกโกลาหเลน ยกฺขาภิมุขํ อโหสิ. ยกฺโขปิ ภควโต ภิกฺขาจารกาเล อนุปฺปตฺเต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อุปฑฺฒมคฺคํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติ.
อถ ภควา นคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ นครทฺวาเร อฺตรสฺมึ วิวิตฺเต รุกฺขมูเล ปฺตฺตพุทฺธาสเน นิสีทิ. ตโต มหาชนกาเยน สทฺธึ ราชา จ นาครา จ เอกโต สมฺปิณฺฑิตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม ¶ วนฺทิตฺวา ปริวาเรตฺวา ¶ นิสินฺนา – ‘‘กถํ, ภนฺเต, เอวํ ทารุณํ ยกฺขํ ทมยิตฺถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. เตสํ ภควา ยุทฺธมาทึ กตฺวา ‘‘เอวํ นววิธํ วสฺสํ วสฺเสตฺวา เอวํ วิภึสนกํ อกาสิ, เอวํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ตสฺสาหํ เอวํ วิสฺสชฺเชสิ’’นฺติ ตเมวาฬวกสุตฺตํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน จตุราสีติปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ตโต ราชา เจว นาครา จ เวสฺสวณมหาราชสฺส ภวนสมีเป ยกฺขสฺส ภวนํ กตฺวา ปุปฺผคนฺธาทิสกฺการุเปตํ นิจฺจพลึ ปวตฺเตสุํ. ตฺจ กุมารํ วิฺุตํ ปตฺตํ ‘‘ตฺวํ ภควนฺตํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิ, คจฺฉ ภควนฺตํเยว ปยิรุปาสสฺสุ ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ วิสฺสชฺเชสุํ. โส ภควนฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ปยิรุปาสมาโน นจิรสฺเสว อนาคามิผเล ปติฏฺาย สพฺพํ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา ปฺจสตอุปาสกปริวาโร อโหสิ. ภควา จ นํ เอตทคฺเค นิทฺทิสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ อุปาสกานํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ปริสํ สงฺคณฺหนฺตานํ ยทิทํ หตฺถโก อาฬวโก’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๕๑). ทฺวาทสมํ.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
ยกฺขสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. สกฺกสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. สุวีรสุตฺตวณฺณนา
๒๔๗. สกฺกสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม อภิยํสูติ กทา อภิยํสุ? ยทา พลวนฺโต อเหสุํ, ตทา. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – สกฺโก กิร มคธรฏฺเ มจลคามเก มโฆ นาม มาณโว หุตฺวา เตตฺตึส ปุริเส คเหตฺวา กลฺยาณกมฺมํ กโรนฺโต สตฺต วตปทานิ ปูเรตฺวา ตตฺถ กาลงฺกโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ตํ พลวกมฺมานุภาเวน สปริสํ เสสเทวตา ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อาคนฺตุกเทวปุตฺตา อาคตา’’ติ เนวาสิกา คนฺธปานํ สชฺชยึสุ. สกฺโก สกปริสาย สฺํ อทาสิ – ‘‘มาริสา มา คนฺธปานํ ปิวิตฺถ, ปิวนาการมตฺตเมว ทสฺเสถา’’ติ. เต ตตฺถ อกํสุ. เนวาสิกเทวตา สุวณฺณสรเกหิ อุปนีตํ คนฺธปานํ ยาวทตฺถํ ปิวิตฺวา มตฺตา ตตฺถ ตตฺถ สุวณฺณปถวิยํ ปติตฺวา สยึสุ. สกฺโก ‘‘คณฺหถ ปุตฺตหตาย ปุตฺเต’’ติ เต ปาเทสุ คเหตฺวา สิเนรุปาเท ขิปาเปสิ. สกฺกสฺส ปฺุเตเชน ตทนุวตฺตกาปิ สพฺเพ ตตฺเถว ปตึสุ. เต สิเนรุเวมชฺฌกาเล สฺํ ลภิตฺวา, ‘‘ตาตา น สุรํ ปิวิมฺห, น สุรํ ปิวิมฺหา’’ติ อาหํสุ. ตโต ปฏฺาย อสุรา นาม ชาตา. อถ เนสํ กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ สิเนรุสฺส เหฏฺิมตเล ทสโยชนสหสฺสํ อสุรภวนํ นิพฺพตฺติ. สกฺโก เตสํ นิวตฺเตตฺวา ¶ อนาคมนตฺถาย อารกฺขํ เปสิ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อนฺตรา ทฺวินฺนํ อยุชฺฌปุรานํ,
ปฺจวิธา ปิตา อภิรกฺขา;
อุทกํ กโรฏิ-ปยสฺส จ หารี,
มทนยุตา จตุโร จ มหตฺถา’’ติ.
ทฺเว ¶ ¶ นครานิ หิ ยุทฺเธน คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อยุชฺฌปุรานิ นาม ชาตานิ เทวนครฺจ อสุรนครฺจ. ยทา หิ อสุรา พลวนฺโต โหนฺติ, อถ เทเวหิ ปลายิตฺวา เทวนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร ปิทหิเต อสุรานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. ยทา เทวา พลวนฺโต โหนฺติ, อถาสุเรหิ ปลายิตฺวา อสุรนครสฺส ทฺวาเร ปิทหิเต สกฺกานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. อิติ อิมานิ ทฺเว นครานิ อยุชฺฌปุรานิ นาม. เนสํ อนฺตรา เอเตสุ อุทกาทีสุ ปฺจสุ าเนสุ สกฺเกน อารกฺขา ปิตา. ตตฺถ อุทกสทฺเทน นาคา คหิตา. เต หิ อุทเก พลวนฺโต โหนฺติ. ตสฺมา สิเนรุสฺส ปมาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. กโรฏิสทฺเทน สุปณฺณา คหิตา. เตสํ กิร กโรฏิ นาม ปานโภชนํ, เตน ตํ นามํ ลภึสุ. ทุติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. ปยสฺสหารีสทฺเทน กุมฺภณฺฑา คหิตา. ทานวรกฺขสา กิร เต. ตติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. มทนยุตสทฺเทน ยกฺขา คหิตา. วิสมจาริโน กิรเต ยุชฺฌโสณฺฑา. จตุตฺถาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. จตุโร จ มหนฺตาติ จตฺตาโร มหาราชาโน วุตฺตา. ปฺจมาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. ตสฺมา ยทิ อสุรา กุปิตาวิลจิตฺตา เทวปุรํ อุปยนฺติ ยุทฺเธสู, ยํ คิริโน ปมํ ปริภณฺฑํ, ตํ อุรคา ปฏิพาหนฺติ เอวํ เสเสสุ เสสา.
เต ปน อสุรา อายุวณฺณรสอิสฺสริยสมฺปตฺตีหิ ตาวตึสสทิสาว. ตสฺมา อนฺตรา อตฺตานํ อชานิตฺวา ปาฏลิยา ปุปฺผิตาย, ‘‘น อิทํ เทวนครํ, ตตฺถ ปาริจฺฉตฺตโก ปุปฺผติ, อิธ ปน จิตฺตปาฏลี, ชรสกฺเกนามฺหากํ ¶ สุรํ ปาเยตฺวา วฺจิตา, เทวนครฺจ โน คหิตํ, คจฺฉาม เตน สทฺธึ ยุชฺฌิสฺสามา’’ติ หตฺถิอสฺสรเถ อารุยฺห สุวณฺณรชตมณิผลกานิ คเหตฺวา, ยุทฺธสชฺชา หุตฺวา, อสุรเภริโย วาเทนฺตา มหาสมุทฺเท อุทกํ ทฺวิธา เภตฺวา อุฏฺหนฺติ. เต เทเว วุฏฺเ วมฺมิกมกฺขิกา วมฺมิกํ วิย สิเนรุํ อภิรุหิตุ อารภนฺติ. อถ เนสํ ปมํ นาเคหิ สทฺธึ ยุทฺธํ โหติ. ตสฺมึ โข ปน ยุทฺเธ น กสฺสจิ ฉวิ วา จมฺมํ วา ฉิชฺชติ, น โลหิตํ อุปฺปชฺชติ, เกวลํ กุมารกานํ ทารุเมณฺฑกยุทฺธํ วิย อฺมฺํ สนฺตาสนมตฺตเมว ¶ โหติ. โกฏิสตาปิ โกฏิสหสฺสาปิ นาคา เตหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา เต อสุรปุรํเยว ปเวเสตฺวา นิวตฺตนฺติ.
ยทา ปน อสุรา พลวนฺโต โหนฺติ, อถ นาคา โอสกฺกิตฺวา ทุติเย อาลินฺเท สุปณฺเณหิ สทฺธึ เอกโตว หุตฺวา ยุชฺฌนฺติ. เอส นโย สุปณฺณาทีสูปิ. ยทา ปน ตานิ ปฺจปิ ¶ านานิ อสุรา มทฺทนฺติ, ตทา เอกโต สมฺปิณฺฑิตานิปิ ปฺจ พลานิ โอสกฺกนฺติ. อถ จตฺตาโร มหาราชาโน คนฺตฺวา สกฺกสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจนฺติ. สกฺโก เตสํ วจนํ สุตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสติกํ เวชยนฺตรถํ อารุยฺห สยํ วา นิกฺขมติ, เอกํ วา ปุตฺตํ เปเสติ. อิมสฺมึ ปน กาเล ปุตฺตํ เปเสตุกาโม, ตาต สุวีราติอาทิมาห.
เอวํ ภทฺทนฺตวาติ โขติ เอวํ โหตุ ภทฺทํ ตว อิติ โข. ปมาทํ อาปาเทสีติ ปมาทํ อกาสิ. อจฺฉราสงฺฆปริวุโต สฏฺิโยชนํ วิตฺถาเรน สุวณฺณมหาวีถึ โอตริตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬนฺโต นนฺทนวนาทีสุ วิจรตีติ อตฺโถ.
อนุฏฺหนฺติ อนุฏฺหนฺโต. อวายามนฺติ อวายมนฺโต. อลสฺวสฺสาติ อลโส อสฺส. น จ กิจฺจานิ การเยติ กิฺจิ กิจฺจํ นาม น กเรยฺย. สพฺพกามสมิทฺธสฺสาติ สพฺพกาเมหิ สมิทฺโธ อสฺส. ตํ เม, สกฺก, วรํ ทิสาติ, สกฺก เทวเสฏฺ, ตํ เม วรํ อุตฺตมํ านํ โอกาสํ ทิสํ อาจิกฺข กเถหีติ วทติ. นิพฺพานสฺส หิ โส มคฺโคติ กมฺมํ อกตฺวา ชีวิตฏฺานํ นาม นิพฺพานสฺส มคฺโค. ปมํ.
๒. สุสีมสุตฺตวณฺณนา
๒๔๘. ทุติเย ¶ สุสีมนฺติ อตฺตโน ปุตฺตสหสฺสสฺส อนฺตเร เอวํนามกํ เอกํ ปุตฺตเมว. ทุติยํ.
๓. ธชคฺคสุตฺตวณฺณนา
๒๔๙. ตติเย สมุปพฺยูฬฺโหติ สมฺปิณฺฑิโต ราสิภูโต. ธชคฺคํ อุลฺโลเกยฺยถาติ สกฺกสฺส กิร ทิยฑฺฒโยชนสตายาโม รโถ ¶ . ตสฺส หิ ปจฺฉิมนฺโต ปณฺณาสโยชโน, มชฺเฌ รถปฺชโร ปณฺณาสโยชโน, รถสนฺธิโต ยาว รถสีสา ปณฺณาสโยชนานิ. ตเทว ปมาณํ ทิคุณํ กตฺวา ติโยชนสตายาโมติปิ วทนฺติเยว. ตสฺมึ โยชนิกปลฺลงฺโก อตฺถโต, ติโยชนิกํ เสตจฺฉตฺตํ มตฺถเก ปิตํ, เอกสฺมึเยว ยุเค สหสฺสอาชฺา ยุตฺตา, เสสาลงฺการสฺส ปมาณํ นตฺถิ. ธโช ปนสฺส อฑฺฒติยานิ โยชนสตานิ อุคฺคโต, ยสฺส วาตาหตสฺส ปฺจงฺคิกตูริยสฺเสว ¶ สทฺโท นิจฺฉรติ, ตํ อุลฺโลเกยฺยาถาติ วทติ. กสฺมา? ตํ ปสฺสนฺตานฺหิ ราชา โน อาคนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิขาตถมฺโภ วิย ิโต, กสฺส มยํ ภายามาติ ภยํ น โหติ. ปชาปติสฺสาติ โส กิร สกฺเกน สมานวณฺโณ สมานายุโก ทุติยํ อาสนํ ลภติ. ตถา วรุโณ อีสาโน จ. วรุโณ ปน ตติยํ อาสนํ ลภติ, อีสาโน จตุตฺถํ. ปลายีติ อสุเรหิ ปราชิโต ตสฺมึ รเถ ิโต อปฺปมตฺตกมฺปิ รชธชํ ทิสฺวา ปลายนธมฺโม.
อิติปิ โส ภควาติอาทีนิ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตาเนว. อิทมโวจาติ อิทํ ธชคฺคปริตฺตํ นาม ภควา อโวจ, ยสฺส อาณาเขตฺเต โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬ อานุภาโว วตฺตติ. อิทํ อาวชฺเชตฺวา หิ ยกฺขภยโจรภยาทีหิ ทุกฺเขหิ มุตฺตานํ อนฺโต นตฺถิ. ติฏฺตุ อฺทุกฺขวูปสโม, อิทํ อาวชฺชมาโน หิ ปสนฺนจิตฺโต อากาเสปิ ปติฏฺํ ลภติ.
ตตฺริทํ วตฺถุ – ทีฆวาปิเจติยมฺหิ กิร สุธากมฺเม ¶ กยิรมาเน เอโก ทหโร มุทฺธเวทิกาปาทโต ปติตฺวา เจติยกุจฺฉิยา ภสฺสติ. เหฏฺา ิโต ภิกฺขุสงฺโฆ ‘‘ธชคฺคปริตฺตํ, อาวุโส, อาวชฺชาหี’’ติ อาห. โส มรณภเยน ตชฺชิโต ‘‘ธชคฺคปริตฺตํ มํ รกฺขตู’’ติ อาห. ตาวเทวสฺส เจติยกุจฺฉิโต ทฺเว อิฏฺกา นิกฺขมิตฺวา โสปานํ หุตฺวา อฏฺํสุ, อุปริฏฺิโต วลฺลินิสฺเสณึ โอตาเรสุํ. ตสฺมึ นิสฺเสณิยํ ิเต อิฏฺกา ยถาฏฺาเนเยว อฏฺํสุ. ตติยํ.
๔. เวปจิตฺติสุตฺตวณฺณนา
๒๕๐. จตุตฺเถ ¶ เวปจิตฺตีติ โส กิร อสุรานํ สพฺพเชฏฺโก. เยนาติ นิปาตมตฺตํ นนฺติ จ. กณฺปฺจเมหีติ ทฺวีสุ หตฺเถสุ ปาเทสุ กณฺเ จาติ เอวํ ปฺจหิ พนฺธเนหิ. ตานิ ปน นฬินสุตฺตํ วิย มกฺกฏกสุตฺตํ วิย จ จกฺขุสฺสาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, อิริยาปถํ รุชฺฌนฺติ. เตหิ ปน จิตฺเตเนว พชฺฌติ, จิตฺเตเนว มุจฺจติ. อกฺโกสตีติ โจโรสิ พาโลสิ มูฬฺโหสิ เถโนสิ โอฏฺโสิ โคโณสิ คทฺรโภสิ เนรยิโกสิ ติรจฺฉานคโตสิ, นตฺถิ ตุยฺหํ สุคติ, ทุคฺคติเยว ตุยฺหํ ปาฏิกงฺขาติ อิเมหิ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสติ. ปริภาสตีติ, ชรสกฺก, น ตฺวํ สพฺพกาลํ ชินิสฺสสิ, ยทา อสุรานํ ชโย ภวิสฺสติ, ตทา ตมฺปิ เอวํ พนฺธิตฺวา อสุรภวนสฺส ทฺวาเร นิปชฺชาเปตฺวา โปถาเปสฺสามีติ อาทีนิ วตฺวา ตชฺเชติ. สกฺโก วิชิตวิชโย น ตํ มนสิ กโรติ, มหาปฏิคฺคหณํ ปนสฺส มตฺถเก วิธุนนฺโต สุธมฺมเทวสภํ ปวิสติ ¶ เจว นิกฺขมติ จ. อชฺฌภาสีติ ‘‘กึ นุ โข เอส สกฺโก อิมานิ ผรุสวจนานิ ภเยน ติติกฺขติ, อุทาหุ อธิวาสนขนฺติยา สมนฺนาคตตฺตา’’ติ? วีมํสนฺโต อภาสิ.
ทุพฺพลฺยา โนติ ทุพฺพลภาเวน นุ. ปฏิสํยุเชติ ปฏิสํยุเชยฺย ปฏิปฺผเรยฺย. ปภิชฺเชยฺยุนฺติ วิรชฺเชยฺยุํ. ปกุชฺเฌยฺยุนฺติปิ ปาโ. ปรนฺติ ปจฺจตฺถิกํ. โย สโต อุปสมฺมตีติ โย สติมา หุตฺวา อุปสมฺมติ, ตสฺส อุปสมํเยวาหํ ¶ พาลสฺส ปฏิเสธนํ มฺเติ อตฺโถ. ยทา นํ มฺตีติ ยสฺมา ตํ มฺติ. อชฺฌารุหตีติ อชฺโฌตฺถรติ. โคว ภิยฺโย ปลายินนฺติ ยถา โคยุทฺเธ ตาวเทว ทฺเว คาโว ยุชฺฌนฺเต โคคโณ โอโลเกนฺโต ติฏฺติ, ยทา ปน เอโก ปลายติ, อถ นํ ปลายนฺตํ สพฺโพ โคคโณ ภิยฺโย อชฺโฌตฺถรติ. เอวํ ทุมฺเมโธ ขมนฺตํ ภิยฺโย อชฺโฌตฺถรตีติ อตฺโถ.
สทตฺถปรมาติ สกตฺถปรมา. ขนฺตฺยา ภิยฺโย น วิชฺชตีติ เตสุ สกอตฺถปรเมสุ อตฺเถสุ ขนฺติโต อุตฺตริตโร อฺโ อตฺโถ น วิชฺชติ. ตมาหุ ปรมํ ขนฺตินฺติ โย พลวา ติติกฺขติ, ตสฺส ตํ ขนฺตึ ปรมํ อาหุ. พาลพลํ นาม อฺาณพลํ. ตํ ยสฺส พลํ, อพลเมว ¶ ตํ พลนฺติ อาหุ กเถนฺตีติ ทีเปติ. ธมฺมคุตฺตสฺสาติ ธมฺเมน รกฺขิตสฺส, ธมฺมํ วา รกฺขนฺตสฺส. ปฏิวตฺตาติ ปฏิปฺผริตฺวา วตฺตา, ปฏิปฺผริตฺวา วา พาลพลนฺติ วเทยฺยาปิ, ธมฺมฏฺํ ปน จาเลตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ตสฺเสว เตน ปาปิโยติ เตน โกเธน ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส ปาปํ. กตรสฺส? โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ. ติกิจฺฉนฺตานนฺติ เอกวจเน พหุวจนํ, ติกิจฺฉนฺตนฺติ อตฺโถ. ชนา มฺนฺตีติ เอวรูปํ อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภินฺนํ อตฺถํ ติกิจฺฉนฺตํ นิปฺผาเทนฺตํ ปุคฺคลํ ‘‘อนฺธพาโล อย’’นฺติ อนฺธพาลปุถุชฺชนาว เอวํ มฺนฺติ. ธมฺมสฺส อโกวิทาติ จตุสจฺจธมฺเม อเฉกา. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. โขติ นิปาตมตฺตํ. จตุตฺถํ.
๕. สุภาสิตชยสุตฺตวณฺณนา
๒๕๑. ปฺจเม อสุรินฺทํ เอตทโวจาติ เฉกตาย เอตํ อโวจ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘ปรสฺส นาม คาหํ โมเจตฺวา ปมํ วตฺตุํ ครุ. ปรสฺส วจนํ อนุคนฺตฺวา ปน ปจฺฉา สุขํ ¶ วตฺตุ’’นฺติ. ปุพฺพเทวาติ เทวโลเก จิรนิวาสิโน ปุพฺพสามิกา, ตุมฺหากํ ตาว ปเวณิอาคตํ ภณถาติ ¶ . อทณฺฑาวจราติ ทณฺฑาวจรณรหิตา, ทณฺฑํ วา สตฺถํ วา คเหตพฺพนฺติ เอวเมตฺถ นตฺถีติ อตฺโถ. ปฺจมํ.
๖. กุลาวกสุตฺตวณฺณนา
๒๕๒. ฉฏฺเ อชฺฌภาสีติ ตสฺส กิร สิมฺพลิวนาภิมุขสฺส ชาตสฺส รถสทฺโท จ อาชานียสทฺโท ธชสทฺโท จ สมนฺตา อสนิปาตสทฺโท วิย อโหสิ. ตํ สุตฺวา สิมฺพลิวเน พลวสุปณฺณา ปลายึสุ, ชราชิณฺณา เจว โรคทุพฺพลา จ อสฺชาตปกฺขโปตกา จ ปลายิตุํ อสกฺโกนฺตา, มรณภเยน ตชฺชิตา เอกปฺปหาเรเนว มหาวิรวํ วิรวึสุ. สกฺโก ตํ สุตฺวา ‘‘กสฺส สทฺโท, ตาตา’’ติ? มาตลึ ปุจฺฉิ. รถสทฺทํ, เต เทว, สุตฺวา สุปณฺณา ปลายิตุํ อสกฺโกนฺตา วิรวนฺตีติ. ตํ สุตฺวา กรุณาสมาวชฺชิตหทโย อภาสิ. อีสามุเขนาติ รถสฺส อีสามุเขน. ยถา กุลาวเก อีสามุขํ น สฺจุณฺเณติ, เอวํ อิมินา อีสามุเขน เต ปริวชฺชย. โส หิ รโถ ปฺุปจฺจยนิพฺพตฺโต จกฺกวาฬปพฺพเตปิ ¶ สิเนรุมฺหิปิ สมฺมุขีภูเต วินิวิชฺฌิตฺวาว คจฺฉติ น สชฺชติ, อากาสคตสทิเสเนว คจฺฉติ. สเจ เตน สิมฺพลิวเนน คโต ภเวยฺย, ยถา มหาสกเฏ กทลิวนมชฺเฌน วา เอรณฺฑวนมชฺเฌน วา คจฺฉนฺเต สพฺพวนํ วิภคฺคํ นิมฺมถิตํ โหติ, เอวํ ตมฺปิ สิมฺพลิวนํ ภเวยฺย. ฉฏฺํ.
๗. นทุพฺภิยสุตฺตวณฺณนา
๒๕๓. สตฺตเม อุปสงฺกมีติ ‘‘อยํ สกฺโก ‘โยปิ เม อสฺส สุปจฺจตฺถิโก, ตสฺส ปาหํ น ทุพฺเภยฺย’นฺติ จินฺเตติ, มยา ตสฺส ปจฺจตฺถิกตโร นาม นตฺถิ, วีมํสิสฺสามิ ตาว นํ, กึ นุ โข มํ ปสฺสิตฺวา ทุพฺภติ, น ทุพฺภตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ. ติฏฺ เวปจิตฺติ คหิโตสีติ เวปจิตฺติ, เอตฺเถว ติฏฺ, คหิโต ตฺวํ มยาติ วทติ. สห วจเนเนวสฺส ¶ โส กณฺปฺจเมหิ พนฺธเนหิ พทฺโธว อโหสิ. สปสฺสุ จ เมติ มยิ อทุพฺภตฺถาย สปถํ กโรหีติ วทติ. ยํ มุสาภณโต ปาปนฺติ อิมสฺมึ กปฺเป ปมกปฺปิเกสุ เจติยรฺโ ปาปํ สนฺธายาห. อริยูปวาทิโนติ โกกลิกสฺส วิย ปาปํ. มิตฺตทฺทุโน จ ยํ ปาปนฺติ มหากปิชาตเก มหาสตฺเต ทุฏฺจิตฺตสฺส ¶ ปาปํ. อกตฺุโนติ เทวทตฺตสทิสสฺส อกตฺุโน ปาปํ. อิมานิ กิร อิมสฺมึ กปฺเป จตฺตาริ มหาปาปานิ. สตฺตมํ.
๘. เวโรจนอสุรินฺทสุตฺตวณฺณนา
๒๕๔. อฏฺเม อฏฺํสูติ ทฺวารปาลรูปกานิ วิย ิตา. นิปฺผทาติ นิปฺผตฺติ, ยาว อตฺโถ นิปฺผชฺชติ, ตาว วายเมเถวาติ วทติ. ทุติยคาถา สกฺกสฺส. ตตฺถ ขนฺตฺยา ภิยฺโยติ นิปฺผนฺนโสภเนสุ อตฺเถสุ ขนฺติโต อุตฺตริตโร อตฺโถ นาม นตฺถิ. อตฺถชาตาติ กิจฺจชาตา. โสณสิงฺคาลาทโยปิ หิ อุปาทาย อกิจฺจชาโต สตฺโต นาม นตฺถิ. อิโต เอตฺโต คมนมตฺตมฺปิ กิจฺจเมว โหติ. สํโยคปรมา ตฺเวว, สมฺโภคา สพฺพปาณินนฺติ ปาริวาสิกโอทนาทีนิ หิ อสมฺโภคารหานิ โหนฺติ, ตานิ ปุน อุณฺหาเปตฺวา ภชฺชิตฺวา สปฺปิมธุผาณิตาทีหิ สํโยชิตานิ สมฺโภคารหานิ โหนฺติ. เตนาห ‘‘สํโยคปรมา ตฺเวว, สมฺโภคา สพฺพปาณิน’’นฺติ ¶ . นิปฺผนฺนโสภโน อตฺโถติ อิเม อตฺถา นาม นิปฺผนฺนาว โสภนฺติ. ปุน จตุตฺถคาถา สกฺกสฺส. ตตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อฏฺมํ.
๙. อรฺายตนอิสิสุตฺตวณฺณนา
๒๕๕. นวเม ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตีติ หิมวนฺตปเทเส รมณีเย อรฺายตเน รตฺติฏฺานทิวาฏฺานจงฺกมนาทีหิ สมฺปนฺนาสุ ปณฺณสาลาสุ วสนฺติ. สกฺโก จ เทวานมินฺโท เวปจิตฺติ จาติ อิเม ทฺเว ชนา ชามาติกสสุรา กาเลน กลหํ กโรนฺติ, กาเลน เอกโต จรนฺติ, อิมสฺมึ ปน กาเล เอกโต ¶ จรนฺติ. ปฏลิโยติ คณงฺคณูปาหนา. ขคฺคํ โอลคฺเคตฺวาติ ขคฺคํ อํเส โอลคฺเคตฺวา. ฉตฺเตนาติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺเตน มตฺถเก ธารยมาเนน. อปพฺยามโต กริตฺวาติ พฺยามโต อกตฺวา. จิรทิกฺขิตานนฺติ จิรสมาทิณฺณวตานํ. อิโต ปฏิกฺกมฺมาติ ‘‘อิโต ปกฺกม ปริวชฺชย, มา อุปริวาเต ติฏฺา’’ติ วทนฺติ. น เหตฺถ เทวาติ เอตสฺมึ สีลวนฺตานํ คนฺเธ เทวา น ปฏิกฺกูลสฺิโน, อิฏฺกนฺตมนาปสฺิโนเยวาติ ทีเปติ. นวมํ.
๑๐. สมุทฺทกสุตฺตวณฺณนา
๒๕๖. ทสเม ¶ สมุทฺทตีเร ปณฺณกุฏีสูติ จกฺกวาฬมหาสมุทฺทปิฏฺิยํ รชตปฏฺฏวณฺเณ วาลุกปุฬิเน วุตฺตปฺปการาสุ ปณฺณสาลาสุ วสนฺติ. สิยาปิ โนติ สิยาปิ อมฺหากํ. อภยทกฺขิณํ ยาเจยฺยามาติ อภยทานํ ยาเจยฺยาม. เยภุยฺเยน กิร เทวาสุรสงฺคาโม มหาสมุทฺทปิฏฺเ โหติ. อสุรานํ น สพฺพกาลํ ชโย โหติ, พหุวาเร ปราชโยว โหติ. เต เทเวหิ ปราชิตา ปลายนฺตา อิสีนํ อสฺสมปเทน คจฺฉนฺตา ‘‘สกฺโก อิเมหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา อมฺเห นาเสติ, คณฺหถ ปุตฺตหตาย ปุตฺเต’’ติ กุปิตา อสฺสมปเท ปานียฆฏจงฺกมนสาลาทีนิ วิทฺธํเสนฺติ. อิสโย อรฺโต ผลาผลํ อาทาย อาคตา นํ ทิสฺวา ปุน ทุกฺเขน ปฏิปากติกํ ¶ กโรนฺติ. เตปิ ปุนปฺปุนํ ตเถว วินาเสนฺติ. ตสฺมา ‘‘อิทานิ เตสํ สงฺคาโม ปจฺจุปฏฺิโต’’ติ สุตฺวา เอวํ จินฺตยึสุ.
กามํกโรติ ¶ อิจฺฉิตกโร. ภยสฺส อภยสฺส วาติ ภยํ วา อภยํ วา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ ตฺวํ อภยํ ทาตุกาโม, อภยํ ทาตุํ ปโหสิ. สเจ ภยํ ทาตุกาโม. ภยํ ทาตุํ ปโหสิ. อมฺหากํ ปน อภยทานํ เทหีติ. ทุฏฺานนฺติ วิรุทฺธานํ. ปวุตฺตนฺติ เขตฺเต ปติฏฺาปิตํ.
ติกฺขตฺตุํ อุพฺพิชฺชีติ สายมาสภตฺตํ ภฺุชิตฺวา สยนํ อภิรุยฺห นิปนฺโน นิทฺทาย โอกฺกนฺตมตฺตาย สมนฺตา ตฺวา สตฺติสเตน ปหโฏ วิย วิรวนฺโต อุฏฺหติ, ทสโยชนสหสฺสํ อสุรภวนํ ‘‘กิมิท’’นฺติ สงฺโขภํ อาปชฺชติ. อถ นํ อาคนฺตฺวา ‘‘กิมิท’’นฺติ ปุจฺฉนฺติ. โส ‘‘น กิฺจี’’ติ วทติ. ทุติยยามาทีสุปิ เอเสว นโย. อิติ อสุรานํ ‘‘มา ภายิ, มหาราชา’’ติ ตํ อสฺสาเสนฺตานํเยว อรุณํ อุคฺคจฺฉติ. เอวมสฺส ตโต ปฏฺาย เคลฺชาตํ จิตฺตํ เวปติ. เตเนว จสฺส ‘‘เวปจิตฺตี’’ติ อปรํ นามํ อุทปาทีติ. ทสมํ.
ปโม วคฺโค.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. วตปทสุตฺตวณฺณนา
๒๕๗. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ปเม วตปทานีติ วตโกฏฺาสานิ. สมตฺตานีติ ปริปุณฺณานิ. สมาทินฺนานีติ คหิตานิ. กุเล เชฏฺาปจายีติ กุลเชฏฺกานํ มหาปิตา มหามาตา จูฬปิตา จูฬมาตา มาตุโล มาตุลานีติอาทีนํ อปจิติการโก. สณฺหวาโจติ ปิยมุทุมธุรวาโจ. มุตฺตจาโคติ วิสฺสฏฺจาโค. ปยตปาณีติ เทยฺยธมฺมทานตฺถาย สทา โธตหตฺโถ. โวสฺสคฺครโตติ โวสฺสชฺชเน รโต. ยาจโยโคติ ปเรหิ ยาจิตพฺพารโห, ยาจโยโคติ วา ยาจโยเคเนว ยุตฺโต. ทานสํวิภาครโตติ ทาเน จ สํวิภาเค จ รโต. ปมํ.
๒. สกฺกนามสุตฺตวณฺณนา
๒๕๘. ทุติเย ¶ ¶ มนุสฺสภูโตติ มคธรฏฺเ มจลคาเม มนุสฺสภูโต. อาวสถํ อทาสีติ จตุมหาปเถ มหาชนสฺส อาวสถํ กาเรตฺวา อทาสิ. สหสฺสมฺปิ อตฺถานนฺติ สหสฺสมฺปิ การณานํ, ชนสหสฺเสน วา วจนสหสฺเสน วา โอสาริเต ‘‘อยํ อิมสฺส อตฺโถ, อยํ อิมสฺส อตฺโถ’’ติ เอกปเท ิโตว วินิจฺฉินติ. ทุติยํ.
๓. มหาลิสุตฺตวณฺณนา
๒๕๙. ตติเย อุปสงฺกมีติ ‘‘สกฺโก เทวราชาติ กเถนฺติ, อตฺถิ นุ โข โส สกฺโก, เยน โส ทิฏฺปุพฺโพติ อิมมตฺถํ ทสพลํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิ. ตฺจ ปชานามีติ พหุวจเน เอกวจนํ, เต จ ธมฺเม ปชานามีติ อตฺโถ. สกฺโก กิร อนนฺตเร อตฺตภาเว มคธรฏฺเ มจลคาเม มโฆ นาม มาณโว อโหสิ ปณฺฑิโต พฺยตฺโต, โพธิสตฺตจริยา วิย จ ตสฺส จริยา อโหสิ. โส เตตฺตึส ปุริเส คเหตฺวา กลฺยาณมกาสิ. เอกทิวสํ อตฺตโนว ปฺาย อุปปริกฺขิตฺวา คามมชฺเฌ มหาชนสฺส สนฺนิปติตฏฺาเน กจวรํ อุภโตปสฺเสสุ อปพฺยูหิตฺวา ตํ านํ รมณียํ อกาสิ. ปุน ตตฺเถว มณฺฑปํ กาเรสิ. ปุน คจฺฉนฺเต กาเล สาลํ ¶ กาเรสิ. คามโต จ นิกฺขมิตฺวา คาวุตมฺปิ อฑฺฒโยชนมฺปิ ติคาวุตมฺปิ โยชนมฺปิ วิจริตฺวา เตหิ สหาเยหิ สทฺธึ วิสมํ สมํ อกาสิ. เต สพฺเพว เอกจฺฉนฺทา ตตฺถ ตตฺถ เสตุยุตฺตฏฺาเน เสตุํ, มณฺฑปสาลาโปกฺขรณิมาลาวจฺฉโรปนปทีนํ ยุตฺตฏฺาเนสุ มณฺฑปสาลาโปกฺขรณิมาลาวจฺฉโรปนาทีนิ กโรนฺตา พหุํ ปฺุมกํสุ. มโฆ สตฺต วตปทานิ ปูเรตฺวา กายสฺส เภทา สทฺธึ สหาเยหิ ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ. ตํ สพฺพํ ภควา ชานาติ. เตนาห – เยสํ ธมฺมานํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคา, ตฺจ ปชานามีติ. อยํ สกฺกสฺส สกฺกตฺตาธิคเม สงฺเขปกถา, วิตฺถาโร ปน สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย สกฺกปณฺหวณฺณนายํ วุตฺโต. ตติยํ.
๔. ทลิทฺทสุตฺตวณฺณนา
๒๖๐. จตุตฺเถ ¶ ¶ มนุสฺสทลิทฺโทติ มนุสฺสอธโน. มนุสฺสกปโณติ มนุสฺสการฺุตํ ปตฺโต. มนุสฺสวราโกติ มนุสฺสลามโก. ตตฺราติ ตสฺมึ าเน, ตสฺมึ วา อติโรจเน. อุชฺฌายนฺตีติ อวชฺฌายนฺติ ลามกโต จินฺเตนฺติ. ขิยนฺตีติ กเถนฺติ ปกาเสนฺติ. วิปาเจนฺตีติ ตตฺถ ตตฺถ กเถนฺติ วิตฺถาเรนฺติ. เอโส โข มาริสาติ เอตฺถ อยมนุปุพฺพิกถา – โส กิร อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ กาสิรฏฺเ พาราณสิราชา หุตฺวา สมุสฺสิตทฺธชปฏากนานาลงฺกาเรน สุฏฺุ อลงฺกตํ นครํ ปทกฺขิณํ อกาสิ อตฺตโน สิริสมฺปตฺติยา สมากฑฺฒิตเนตฺเตน ชนกาเยน สมุลฺโลกิยมาโน. ตสฺมิฺจ สมเย เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ คนฺธมาทนปพฺพตา อาคมฺม ตสฺมึ นคเร ปิณฺฑาย จรติ, สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส อุตฺตมทมถสมนฺนาคโต. มหาชโนปิ ราชคตํ จิตฺตีการํ ปหาย ปจฺเจกพุทฺธเมว โอโลเกสิ. ราชา – ‘‘อิทานิ อิมสฺมึ ชนกาเย เอโกปิ มํ น โอโลเกติ. กึ นุ โข เอต’’นฺติ? โอโลเกนฺโต ปจฺเจกพุทฺธํ อทฺทส. โสปิ ปจฺเจกพุทฺโธ มหลฺลโก โหติ ปจฺฉิมวเย ิโต. จีวรานิปิสฺส ชิณฺณานิ, ตโต ตโต สุตฺตานิ คฬนฺติ. รฺโ สตสหสฺสาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมึ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา จิตฺตปสาทมตฺตํ วา หตฺถํ ปสาเรตฺวา วนฺทนมตฺตํ วา นาโหสิ. โส ราชา ‘‘ปพฺพชิโต มฺเ เอส อุสูยาย มํ น โอโลเกตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘กฺวายํ กุฏฺิจีวรานิ ปารุโต’’ติ นิฏฺุภิตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน มหานิรเย นิพฺพตฺติตฺวา วิปากาวเสเสน มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉนฺโต ราชคเห ปรมกปณาย อิตฺถิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. คหิตกาลโต ปฏฺาย สา อิตฺถี กฺชิกมตฺตมฺปิ ¶ อุทรปูรํ นาลตฺถ. ตสฺส กุจฺฉิคตสฺเสว กณฺณนาสา วิลีนา, สงฺขปลิตกุฏฺี หุตฺวา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺโต. มาตาปิตโร ¶ นาม ทุกฺกรการิกา โหนฺติ, เตนสฺส มาตา ยาว กปาลํ คเหตฺวา จริตุํ น สกฺโกติ, ตาวสฺส กฺชิกมฺปิ อุทกมฺปิ อาหริตฺวา อทาสิ. ภิกฺขาย จริตุํ สมตฺถกาเล ปนสฺส กปาลํ หตฺเถ ทตฺวา ‘‘ปฺายิสฺสสิ สเกน กมฺเมนา’’ติ ปกฺกามิ.
อถสฺส ¶ ตโต ปฏฺาย สกลสรีรโต มํสานิ ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺติ, ยูสํ ปคฺฆรติ, มหาเวทนา วตฺตนฺติ. ยํ ยํ รจฺฉํ นิสฺสาย สยติ, สพฺพรตฺตึ มหารเวน รวติ. ตสฺส การฺุปริเทวิตสทฺเทน สกลวีถิยํ มนุสฺสา สพฺพรตฺตึ นิทฺทํ น ลภนฺติ. ตสฺส ตโต ปฏฺาย สุขสยิเต ปโพเธตีติ สุปฺปพุทฺโธตฺเวว นามํ อุทปาทิ. อถาปเรน สมเยน ภควติ ราชคหํ สมฺปตฺเต นาครา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา นครมชฺเฌ มหามณฺฑปํ กตฺวา ทานํ อทํสุ. สุปฺปพุทฺโธปิ กุฏฺี คนฺตฺวา ทานคฺคมณฺฑปสฺส อวิทูเร นิสีทิ. นาครา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสนฺตา ตสฺสาปิ ยาคุภตฺตํ อทํสุ. ตสฺส ปณีตโภชนํ ภุตฺตสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กตฺวา สจฺจานิ ทีเปสิ, สุปฺปพุทฺโธ นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺโนว เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. สตฺถา อุฏฺาย วิหารํ คโต. โสปิ จุมฺพฏํ อารุยฺห กปาลมาทาย ทณฺฑโมลุพฺภ อตฺตโน วสนฏฺานํ คจฺฉนฺโต วิพฺภนฺตาย คาวิยา ชีวิตา โวโรปิโต มตฺติกปาตึ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณปาตึ ปฏิลภนฺโต วิย ทุติยจิตฺตวาเร เทวโลเก นิพฺพตฺโต อตฺตโน ปฺุํ นิสฺสาย อฺเ เทเว อติกฺกมฺม วิโรจิตฺถ. ตํ การณํ ทสฺเสนฺโต สกฺโก เทวานมินฺโท เอโส โข มาริสาติอาทิมาห.
สทฺธาติ มคฺเคนาคตสทฺธา. สีลฺจ ยสฺส กลฺยาณนฺติ กลฺยาณสีลํ นาม อริยสาวกสฺส อริยกนฺตสีลํ วุจฺจติ. ตตฺถ กิฺจาปิ อริยสาวกสฺส เอกสีลมฺปิ อกนฺตํ นาม นตฺถิ, อิมสฺมึ ปนตฺเถ ภวนฺตเรปิ อปฺปหีนํ ปฺจสีลํ อธิปฺเปตํ. จตุตฺถํ.
๕. รามเณยฺยกสุตฺตวณฺณนา
๒๖๑. ปฺจเม ¶ อารามเจตฺยาติ อารามเจติยานิ. วนเจตฺยาติ วนเจติยานิ. อุภยตฺถาปิ ¶ จิตฺตีกตฏฺเน เจตฺยํ เวทิตพฺพํ. มนุสฺสรามเณยฺยสฺสาติ มนุสฺสรมณียภาวสฺส. อิทานิ มนุสฺสรมณียกวเสน ภูมิรมณียกํ ทสฺเสนฺโต คาเม วาติอาทิมาห. ปฺจมํ.
๖. ยชมานสุตฺตวณฺณนา
๒๖๒. ฉฏฺเ ¶ ยชมานานนฺติ ยชนฺตานํ. ตทา กิร องฺคมคธวาสิกา มนุสฺสา อนุสํวจฺฉรํ สปฺปิมธุผาณิตาทีสุ อคฺคํ คเหตฺวา เอกสฺมึ าเน ทารูนํ สฏฺิมตฺเต สกฏภาเร ราสึ กตฺวา อคฺคึ ทตฺวา ปชฺชลิตกาเล ‘‘มหาพฺรหฺมุโน ยชามา’’ติ ตํ สพฺพํ ปกฺขิปนฺติ. ‘‘เอกวารํ ปกฺขิตฺตํ สหสฺสคุณผลํ เทตี’’ติ เนสํ ลทฺธิ. สกฺโก เทวราชา ‘‘สพฺเพปิเม สพฺพอคฺคานิ คเหตฺวา ‘มหาพฺรหฺมุโน ยชามา’ติ อคฺคิมฺหิ ฌาเปนฺติ. อผลํ กโรนฺติ, มยิ ปสฺสนฺเต มา นสฺสนฺตุ, ยถา พุทฺธสฺส เจว สงฺฆสฺส จ ทตฺวา พหุํ ปฺุํ ปสวนฺติ, เอวํ กริสฺสามี’’ติ ทารุราสึ ชลาเปตฺวา โอโลเกนฺเตสุ มนุสฺเสสุ ปุณฺณมทิวเส พฺรหฺมตฺตภาวํ มาเปตฺวา มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว จนฺทมณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา นิกฺขนฺโต วิย อโหสิ. มหาชโน ทิสฺวา ‘‘อิมํ ยฺํ ปฏิคฺคเหตุํ มหาพฺรหฺมา อาคจฺฉตี’’ติ ชณฺณุเกหิ ภูมิยํ ปติฏฺาย, อฺชลึ ปคฺคยฺห นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. พฺราหฺมณา อาหํสุ ‘‘ตุมฺเห ‘มยํ ตกฺเกน กเถมา’ติ มฺถ, อิทานิ ปสฺสถ, อยํ โว พฺรหฺมา สหตฺถา ยฺํ ปฏิคฺคเหตุํ อาคจฺฉตี’’ติ. สกฺโก อาคนฺตฺวา ทารุจิตกมตฺถเก อากาเส ตฺวา ‘‘กสฺสายํ สกฺกาโร’’ติ ปุจฺฉิ? ตุมฺหากํ, ภนฺเต, ปฏิคฺคณฺหถ โน ยฺนฺติ. เตน หิ อาคจฺฉถ, มา ตุลํ ฉฑฺเฑตฺวา หตฺเถน ตุลยิตฺถ, อยํ สตฺถา ธุรวิหาเร วสติ, ตํ ปุจฺฉิสฺสาม ‘‘กสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ โหตี’’ติ ¶ ? อุภยรฏฺวาสิโน คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉนฺโต เอวมาห.
ตตฺถ ปฺุเปกฺขานนฺติ ปฺุํ อิจฺฉนฺตานํ ปฺุตฺถิกานํ. โอปธิกํ ปฺุนฺติ อุปธิวิปากํ ปฺุํ. สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ อริยสงฺเฆ ทินฺนํ วิปฺผารวนฺตํ โหติ. เทสนาวสาเน จตุราสีติปาณสหสฺสานิ อมตปานํ ปิวึสุ. ตโต ปฏฺาย มนุสฺสา สพฺพานิ อคฺคทานานิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทํสุ. ฉฏฺํ.
๗. พุทฺธวนฺทนาสุตฺตวณฺณนา
๒๖๓. สตฺตเม ¶ อุฏฺเหีติ อุฏฺห, ฆฏ, วายม. วิชิตสงฺคามาติ ราคาทีนฺเจว ทฺวาทสโยชนิกสฺส จ มารพลสฺส ชิตตฺตา ภควนฺตํ เอวํ อาลปติ ¶ . ปนฺนภาราติ โอโรปิตขนฺธกิเลสาภิสงฺขารภาร. ปนฺนรสาย รตฺตินฺติ ปนฺนรสาย ปุณฺณมาย รตฺตึ. สตฺตมํ.
๘. คหฏฺวนฺทนาสุตฺตวณฺณนา
๒๖๔. อฏฺเม ปุถุทฺทิสาติ จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสา จ. ภุมฺมาติ ภูมิวาสิโน. จิรรตฺตสมาหิเตติ อุปจารปฺปนาหิ จิรรตฺตสมาหิตจิตฺเต. วนฺเทติ วนฺทามิ. พฺรหฺมจริยปรายเณติ ทสปิ วสฺสานิ วีสติปิ วสฺสานิ…เป… สฏฺิปิ วสฺสานิ อาปาณโกฏิกํ เอกเสยฺยํ เอกภตฺตนฺติอาทิกํ เสฏฺจริยํ พฺรหฺมจริยํ จรมาเนติ อตฺโถ. ปฺุกราติ จตุปจฺจยทานํ กุสุมฺภสุมนปูชา ทีปสหสฺสชาลนฺติ เอวมาทิปฺุการกา. สีลวนฺโตติ อุปาสกตฺเต ปติฏฺาย ปฺจหิปิ ทสหิปิ สีเลหิ สมนฺนาคตา. ธมฺเมน ทารํ โปเสนฺตีติ อุมงฺคภินฺทนาทีนิ อกตฺวา ธมฺมิเกหิ กสิโครกฺขวณิชฺชาทีหิ ปุตฺตทารํ โปเสนฺติ. ปมุโข รถมารุหีติ เทวานํ ปมุโข เสฏฺโ รถํ อารุหิ. อฏฺมํ.
๙. สตฺถารวนฺทนาสุตฺตวณฺณนา
๒๖๕. นวเม ¶ ภควนฺตํ นมสฺสตีติ เอกํสํ อุตฺตริยํ ทุกุลํ กตฺวา, พฺรหฺมชาณุโก หุตฺวา สิรสิ อฺชลึ เปตฺวา นมสฺสติ. โส ยกฺโขติ โส สกฺโก. อโนมนามนฺติ สพฺพคุเณหิ โอมกภาวสฺส นตฺถิตาย สพฺพคุณเนมิตฺตเกหิ นาเมหิ อโนมนามํ. อวิชฺชาสมติกฺกมาติ จตุสจฺจปฏิจฺฉาทิกาย วฏฺฏมูลกอวิชฺชาย สมติกฺกเมน. เสกฺขาติ สตฺต เสกฺขา. อปจยารามาติ วฏฺฏวิทฺธํสเน รตา. สิกฺขเรติ สิกฺขนฺติ. นวมํ.
๑๐. สงฺฆวนฺทนาสุตฺตวณฺณนา
๒๖๖. ทสเม อชฺฌภาสีติ กสฺมา เอส ปุนปฺปุนํ เอวํ ภาสตีติ? สกฺกสฺส กิร เทวรฺโ ¶ สทฺโท มธุโร, สุผสิตํ ทนฺตาวรณํ, กถนกาเล สุวณฺณกิงฺกิณิกสทฺโท วิย นิจฺฉรติ. ตํ ปุนปฺปุนํ โสตุํ ลภิสฺสามีติ ภาสติ. ปูติเทหสยาติ ปูติมฺหิ มาตุสรีเร วา, อตฺตโนเยว วา สรีรํ อวตฺถริตฺวา สยนโต ปูติเทหสยา. นิมุคฺคา ¶ กุณปมฺเหเตติ ทสมาเส มาตุกุจฺฉิสงฺขาเต กุณปสฺมึ เอเต นิมุคฺคา. เอตํ เตสํ ปิหยามีติ เอเตสํ เอตํ ปิหยามิ ปตฺถยามิ. น เต สํ โกฏฺเ โอเปนฺตีติ น เต สํ สนฺตกํ ธฺํ โกฏฺเ ปกฺขิปนฺติ. น หิ เอเตสํ ธฺํ อตฺถิ. น กุมฺภีติ น กุมฺภิยํ. น กโฬปิยนฺติ น ปจฺฉิยํ. ปรนิฏฺิตเมสานาติ ปเรสํ นิฏฺิตํ ปรฆเร ปกฺกํ ภิกฺขาจารวตฺเตน เอสมานา คเวสมานา. เตนาติ เอวํ ปริยิฏฺเน. สุพฺพตาติ ทสปิ…เป… สฏฺิปิ วสฺสานิ สุสมาทินฺนสุนฺทรวตา.
สุมนฺตมนฺติโนติ ธมฺมํ สชฺฌายิสฺสาม, ธุตงฺคํ สมาทิยิสฺสาม, อมตํ ปริภฺุชิสฺสาม, สมณธมฺมํ กริสฺสามาติ เอวํ สุภาสิตภาสิโน. ตุณฺหีภูตา สมฺจราติ ติยามรตฺตึ อสนิโฆเสน ¶ โฆสิตา วิย ธมฺมํ กเถนฺตาปิ ตุณฺหีภูตา สมํ จรนฺติเยว นาม. กสฺมา? นิรตฺถกวจนสฺสาภาวา. ปุถุมจฺจา จาติ พหุสตฺตา จ อฺมฺํ วิรุทฺธา. อตฺตทณฺเฑสุ นิพฺพุตาติ ปรวิเหนตฺถํ คหิตทณฺเฑสุ สตฺเตสุ นิพฺพุตา วิสฺสฏฺทณฺฑา. สาทาเนสุ อนาทานาติ สคหเณสุ สตฺเตสุ จ ภวโยนิอาทีนํ เอกโกฏฺาสสฺสาปิ อคหิตตฺตา อคหณา. ทสมํ.
ทุติโย วคฺโค.
๓. ตติยวคฺโค
๑. เฉตฺวาสุตฺตวณฺณนา
๒๖๗. ตติยวคฺคสฺส ปมํ วุตฺตตฺถเมว. ปมํ.
๒. ทุพฺพณฺณิยสุตฺตวณฺณนา
๒๖๘. ทุติเย ¶ ทุพฺพณฺโณติ ฌามขาณุวณฺโณ. โอโกฏิมโกติ ลกุณฺฑโก มโหทโร. อาสเนติ ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ. โกธภกฺโขติ สกฺเกน คหิตนามเมเวตํ. โส ปน เอโก รูปาวจรพฺรหฺมา, ‘‘สกฺโก กิร ขนฺติพเลน สมนฺนาคโต’’ติ สุตฺวา วีมํสนตฺถํ อาคโต ¶ . อวรุทฺธกยกฺขา ปน เอวรูปํ สํวิหิตารกฺขํ านํ ปวิสิตุํ น สกฺโกนฺติ. อุปสงฺกมีติ เทวานํ สุตฺวา ‘‘น สกฺกา เอส ผรุเสน จาเลตุํ, นีจวุตฺตินา ปน ขนฺติยํ ิเตน สกฺกา ปลาเปตุ’’นฺติ ตถา ปลาเปตุกาโม อุปสงฺกมิ. อนฺตรธายีติ ขนฺติยํ ตฺวา พลวจิตฺตีการํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา นีจวุตฺติยา ทสฺสิยมานาย สกฺกาสเน าตุํ อสกฺโกนฺโต อนฺตรธายิ. น สูปหตจิตฺโตมฺหีติ เอตฺถ สูติ นิปาตมตฺตํ, อุปหตจิตฺโตมฺหีติ อาห. นาวตฺเตน สุวานโยติ น โกธาวตฺเตน สุอานโย, โกธวเส วตฺเตตุํ น สุกโรมฺหีติ วทติ. น โว จิราหนฺติ โวติ นิปาตมตฺตํ, อหํ จิรํ น กุชฺฌามีติ วทติ. ทุติยํ.
๓. สมฺพริมายาสุตฺตวณฺณนา
๒๖๙. ตติเย ¶ อาพาธิโกติ อิสิคเณน อภิสปกาเล อุปฺปนฺนาพาเธน อาพาธิโก. วาเจหิ มนฺติ สเจ มํ สมฺพริมายํ วาเจสิ, เอวมหํ ตมฺปิ ติกิจฺฉิสฺสามีติ วทติ. มา โข ตฺวํ, มาริส, วาเจสีติ วินาปิ ตาว สมฺพริมายํ สกฺโก อมฺเห พาธติ, ยทิ ปน ตํ ชานิสฺสติ, นฏฺา มยํ, มา อตฺตโน เอกสฺส อตฺถาย อมฺเห นาเสหีติ วตฺวา นิวารยึสุ. สมฺพโรว สตํ สมนฺติ ยถา สมฺพโร อสุรินฺโท มายาวี มายํ ปโยเชตฺวา วสฺสสตํ นิรเย ปกฺโก, เอวํ ปจฺจติ. ตุมฺเห ธมฺมิกาว, อลํ โว มายายาติ วทติ. กึ ปน สกฺโก ตสฺส โกธํ ติกิจฺฉิตุํ สกฺกุเณยฺยาติ? อาม สกฺกุเณยฺย. กถํ? ตทา กิร โส อิสิคโณ ธรติเยว, ตสฺมา นํ อิสีนํ สนฺติกํ เนตฺวา ขมาเปยฺย, เอวมสฺส ผาสุ ภเวยฺย. เตน ปน วฺจิตตฺตา ตถา อกตฺวา ปกฺกนฺโตว. ตติยํ.
๔. อจฺจยสุตฺตวณฺณนา
๒๗๐. จตุตฺเถ สมฺปโยเชสุนฺติ กลหํ อกํสุ. อจฺจสราติ อติกฺกมิ, เอโก ภิกฺขุ เอกํ ¶ ภิกฺขุํ อติกฺกมฺม วจนํ อโวจาติ อตฺโถ. ยถาธมฺมํ ¶ นปฺปฏิคฺคณฺหาตีติ น ขมติ. โกโธ โว วสมายาตูติ โกโธ ตุมฺหากํ วสํ อาคจฺฉตุ, มา ตุมฺเห โกธวสํ คมิตฺถาติ ทีเปติ. มา จ มิตฺเต หิ โว ชราติ เอตฺถ หีติ นิปาตมตฺตํ, ตุมฺหากํ มิตฺตธมฺเม ชรา นาม มา นิพฺพตฺติ. ภุมฺมตฺเถ วา กรณวจนํ, มิตฺเตสุ โว ชรา มา นิพฺพตฺติ, มิตฺตภาวโต อฺถาภาโว มา โหตูติ อตฺโถ. อครหิยํ มา ครหิตฺถาติ อคารยฺหํ ขีณาสวปุคฺคลํ มา ครหิตฺถ. จตุตฺถํ.
๕. อกฺโกธสุตฺตวณฺณนา
๒๗๑. ปฺจเม มา โว โกโธ อชฺฌภวีติ โกโธ ตุมฺเห มา อภิภวิ, ตุมฺเหว โกธํ อภิภวถ. มา จ กุชฺฌิตฺถ กุชฺฌิตนฺติ กุชฺฌนฺตานํ มา ปฏิกุชฺฌิตฺถ. อกฺโกโธติ เมตฺตา ¶ จ เมตฺตาปุพฺพภาโค จ. อวิหึสาติ กรุณา จ กรุณาปุพฺพภาโค จ. อถ ปาปชนํ โกโธ, ปพฺพโตวาภิมทฺทตีติ ลามกชนํ ปพฺพโต วิย โกโธ อภิมทฺทตีติ. ปฺจมํ.
ตติโย วคฺโค.
สกฺกสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
สคาถาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย ปโม ภาโค.