📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
สํยุตฺตนิกาโย
สคาถาวคฺโค
๑. เทวตาสํยุตฺตํ
๑. นฬวคฺโค
๑. โอฆตรณสุตฺตํ
๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘‘กถํ นุ ตฺวํ, มาริส, โอฆมตรี’ติ? ‘อปฺปติฏฺํ ขฺวาหํ, อาวุโส, อนายูหํ ¶ โอฆมตริ’นฺติ. ‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, มาริส, อปฺปติฏฺํ อนายูหํ โอฆมตรี’ติ? ‘ยทาขฺวาหํ, อาวุโส, สนฺติฏฺามิ ตทาสฺสุ สํสีทามิ ¶ ; ยทาขฺวาหํ, อาวุโส, อายูหามิ ตทาสฺสุ นิพฺพุยฺหามิ [นิวุยฺหามิ (สฺยา. กํ. ก.)]. เอวํ ขฺวาหํ, อาวุโส, อปฺปติฏฺํ อนายูหํ โอฆมตริ’’’นฺติ.
‘‘จิรสฺสํ วต ปสฺสามิ, พฺราหฺมณํ ปรินิพฺพุตํ;
อปฺปติฏฺํ อนายูหํ, ติณฺณํ โลเก วิสตฺติก’’นฺติ. –
อิทมโวจ ¶ สา เทวตา. สมนฺุโ สตฺถา อโหสิ. อถ โข สา เทวตา – ‘‘สมนฺุโ เม สตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๒. นิโมกฺขสุตฺตํ
๒. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘ชานาสิ โน ตฺวํ, มาริส, สตฺตานํ นิโมกฺขํ ปโมกฺขํ วิเวก’’นฺติ?
‘‘ชานามิ ขฺวาหํ, อาวุโส, สตฺตานํ นิโมกฺขํ ปโมกฺขํ วิเวก’’นฺติ.
‘‘ยถา กถํ ปน ตฺวํ, มาริส, ชานาสิ สตฺตานํ นิโมกฺขํ ปโมกฺขํ วิเวก’’นฺติ?
‘‘นนฺทีภวปริกฺขยา ¶ [นนฺทิภวปริกฺขยา (สฺยา. กํ.)], สฺาวิฺาณสงฺขยา, เวทนานํ นิโรธา อุปสมา – เอวํ ขฺวาหํ, อาวุโส, ชานามิ สตฺตานํ นิโมกฺขํ ปโมกฺขํ วิเวก’’นฺติ.
๓. อุปนียสุตฺตํ
๓. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อุปนียติ ชีวิตมปฺปมายุ,
ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา;
เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,
ปฺุานิ กยิราถ สุขาวหานี’’ติ.
‘‘อุปนียติ ชีวิตมปฺปมายุ,
ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา;
เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,
โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข’’ติ.
๔. อจฺเจนฺติสุตฺตํ
๔. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ ¶ ¶ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย,
วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ;
เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,
ปฺุานิ กยิราถ สุขาวหานี’’ติ.
‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย,
วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ;
เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,
โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข’’ติ.
๕. กติฉินฺทสุตฺตํ
๕. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘กติ ฉินฺเท กติ ชเห, กติ จุตฺตริ ภาวเย;
กติ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, โอฆติณฺโณติ วุจฺจตี’’ติ.
‘‘ปฺจ ฉินฺเท ปฺจ ชเห, ปฺจ จุตฺตริ ภาวเย;
ปฺจ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, โอฆติณฺโณติ วุจฺจตี’’ติ.
๖. ชาครสุตฺตํ
๖. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ¶ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘กติ ชาครตํ สุตฺตา, กติ สุตฺเตสุ ชาครา;
กติภิ [กตีหิ (สี.)] รชมาเทติ, กติภิ [กตีหิ (สี.)] ปริสุชฺฌตี’’ติ.
‘‘ปฺจ ชาครตํ สุตฺตา, ปฺจ สุตฺเตสุ ชาครา;
ปฺจภิ [ปฺจหิ (สี.)] รชมาเทติ, ปฺจภิ [ปฺจหิ (สี.)] ปริสุชฺฌตี’’ติ.
๗. อปฺปฏิวิทิตสุตฺตํ
๗. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ ¶ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เยสํ ธมฺมา อปฺปฏิวิทิตา, ปรวาเทสุ นียเร [นิยฺยเร (ก.)];
สุตฺตา เต นปฺปพุชฺฌนฺติ, กาโล เตสํ ปพุชฺฌิตุ’’นฺติ.
‘‘เยสํ ธมฺมา สุปฺปฏิวิทิตา, ปรวาเทสุ น นียเร;
เต สมฺพุทฺธา สมฺมทฺา, จรนฺติ วิสเม สม’’นฺติ.
๘. สุสมฺมุฏฺสุตฺตํ
๘. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เยสํ ¶ ธมฺมา สุสมฺมุฏฺา, ปรวาเทสุ นียเร;
สุตฺตา เต นปฺปพุชฺฌนฺติ, กาโล เตสํ ปพุชฺฌิตุ’’นฺติ.
‘‘เยสํ ¶ ธมฺมา อสมฺมุฏฺา, ปรวาเทสุ น นียเร;
เต สมฺพุทฺธา สมฺมทฺา, จรนฺติ วิสเม สม’’นฺติ.
๙. มานกามสุตฺตํ
๙. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘น มานกามสฺส ทโม อิธตฺถิ,
น โมนมตฺถิ อสมาหิตสฺส;
เอโก อรฺเ วิหรํ ปมตฺโต,
น มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปาร’’นฺติ.
‘‘มานํ ปหาย สุสมาหิตตฺโต,
สุเจตโส สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต;
เอโก อรฺเ วิหรํ อปฺปมตฺโต,
ส มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปาร’’นฺติ.
๑๐. อรฺสุตฺตํ
๑๐. สาวตฺถินิทานํ ¶ ¶ . เอกมนฺตํ ¶ ิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อรฺเ ¶ วิหรนฺตานํ, สนฺตานํ พฺรหฺมจารินํ;
เอกภตฺตํ ภฺุชมานานํ, เกน วณฺโณ ปสีทตี’’ติ.
‘‘อตีตํ นานุโสจนฺติ, นปฺปชปฺปนฺติ นาคตํ;
ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺติ, เตน วณฺโณ ปสีทติ’’.
‘‘อนาคตปฺปชปฺปาย, อตีตสฺสานุโสจนา;
เอเตน พาลา สุสฺสนฺติ, นโฬว หริโต ลุโต’’ติ.
นฬวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
โอฆํ นิโมกฺขํ อุปเนยฺยํ, อจฺเจนฺติ กติฉินฺทิ จ;
ชาครํ อปฺปฏิวิทิตา, สุสมฺมุฏฺา มานกามินา;
อรฺเ ทสโม วุตฺโต, วคฺโค เตน ปวุจฺจติ.
๒. นนฺทนวคฺโค
๑. นนฺทนสุตฺตํ
๑๑. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส ¶ อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อฺตรา ตาวตึสกายิกา เทวตา นนฺทเน วเน อจฺฉราสงฺฆปริวุตา ทิพฺเพหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาริยมานา [ปริจาริยมานา (สฺยา. กํ. ก.)] ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘น ¶ เต สุขํ ปชานนฺติ, เย น ปสฺสนฺติ นนฺทนํ;
อาวาสํ นรเทวานํ, ติทสานํ ยสสฺสิน’’นฺติ.
‘‘เอวํ ¶ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อฺตรา เทวตา ตํ เทวตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –
‘‘น ตฺวํ พาเล ปชานาสิ, ยถา อรหตํ วโจ;
อนิจฺจา สพฺพสงฺขารา [สพฺเพ สงฺขารา (สี. สฺยา. กํ.)], อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ.
๒. นนฺทติสุตฺตํ
๑๒. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ¶ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา,
โคมา [โคมิโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โคหิ ตเถว นนฺทติ;
อุปธีหิ ¶ นรสฺส นนฺทนา,
น หิ โส นนฺทติ โย นิรูปธี’’ติ.
‘‘โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา,
โคมา โคหิ ตเถว โสจติ;
อุปธีหิ นรสฺส โสจนา,
น หิ โส โสจติ โย นิรูปธี’’ติ.
๓. นตฺถิปุตฺตสมสุตฺตํ
๑๓. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปมํ, นตฺถิ โคสมิตํ ธนํ;
นตฺถิ สูริยสมา [สุริยสมา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อาภา, สมุทฺทปรมา สรา’’ติ.
‘‘นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ, นตฺถิ ธฺสมํ ธนํ;
นตฺถิ ปฺาสมา อาภา, วุฏฺิ เว ปรมา สรา’’ติ.
๔. ขตฺติยสุตฺตํ
๑๔. ‘‘ขตฺติโย ¶ ¶ ทฺวิปทํ เสฏฺโ, พลีพทฺโท [พลิวทฺโท (สี. ปี.), พลิพทฺโท (สฺยา. กํ. ก.)] จตุปฺปทํ.
โกมารี เสฏฺา ภริยานํ, โย จ ปุตฺตาน ปุพฺพโช’’ติ.
‘‘สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทํ เสฏฺโ, อาชานีโย จตุปฺปทํ;
สุสฺสูสา เสฏฺา ภริยานํ, โย จ ปุตฺตานมสฺสโว’’ติ.
๕. สณมานสุตฺตํ
๑๕. ‘‘ิเต ¶ มชฺฌนฺหิเก [มชฺฌนฺติเก (สพฺพตฺถ)] กาเล, สนฺนิสีเวสุ ปกฺขิสุ.
สณเตว พฺรหารฺํ [มหารฺํ (ก. สี. สฺยา. กํ. ก.)], ตํ ภยํ ปฏิภาติ ม’’นฺติ.
‘‘ิเต มชฺฌนฺหิเก กาเล, สนฺนิสีเวสุ ปกฺขิสุ;
สณเตว พฺรหารฺํ, สา รติ ปฏิภาติ ม’’นฺติ.
๖. นิทฺทาตนฺทีสุตฺตํ
๑๖. ‘‘นิทฺทา ¶ ตนฺที วิชมฺภิตา [ตนฺทิ วิชมฺภิกา (สี. ปี.)], อรตี ภตฺตสมฺมโท.
เอเตน นปฺปกาสติ, อริยมคฺโค อิธ ปาณิน’’นฺติ.
‘‘นิทฺทํ ตนฺทึ วิชมฺภิตํ, อรตึ ภตฺตสมฺมทํ;
วีริเยน [วิริเยน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นํ ปณาเมตฺวา, อริยมคฺโค วิสุชฺฌตี’’ติ.
๗. ทุกฺกรสุตฺตํ
๑๗. ‘‘ทุกฺกรํ ¶ ทุตฺติติกฺขฺจ, อพฺยตฺเตน จ สามฺํ.
พหูหิ ตตฺถ สมฺพาธา, ยตฺถ พาโล วิสีทตี’’ติ.
‘‘กติหํ จเรยฺย สามฺํ, จิตฺตํ เจ น นิวารเย;
ปเท ปเท วิสีเทยฺย, สงฺกปฺปานํ วสานุโค’’ติ.
‘‘กุมฺโมว องฺคานิ สเก กปาเล,
สโมทหํ ภิกฺขุ มโนวิตกฺเก;
อนิสฺสิโต อฺมเหยาโน,
ปรินิพฺพุโต นูปวเทยฺย กฺจี’’ติ.
๘. หิรีสุตฺตํ
๑๘. ‘‘หิรีนิเสโธ ¶ ปุริโส, โกจิ โลกสฺมึ วิชฺชติ.
โย นินฺทํ อปโพธติ [อปโพเธติ (สฺยา. กํ. ก.)], อสฺโส ภทฺโร กสามิวา’’ติ.
‘‘หิรีนิเสธา ตนุยา, เย จรนฺติ สทา สตา;
อนฺตํ ทุกฺขสฺส ปปฺปุยฺย, จรนฺติ วิสเม สม’’นฺติ.
๙. กุฏิกาสุตฺตํ
‘‘กจฺจิ ¶ ¶ เต กุฏิกา นตฺถิ, กจฺจิ นตฺถิ กุลาวกา;
กจฺจิ สนฺตานกา นตฺถิ, กจฺจิ มุตฺโตสิ พนฺธนา’’ติ.
‘‘ตคฺฆ เม กุฏิกา นตฺถิ, ตคฺฆ นตฺถิ กุลาวกา;
ตคฺฆ สนฺตานกา นตฺถิ, ตคฺฆ มุตฺโตมฺหิ พนฺธนา’’ติ.
‘‘กินฺตาหํ ¶ กุฏิกํ พฺรูมิ, กึ เต พฺรูมิ กุลาวกํ;
กึ เต สนฺตานกํ พฺรูมิ, กินฺตาหํ พฺรูมิ พนฺธน’’นฺติ.
‘‘มาตรํ กุฏิกํ พฺรูสิ, ภริยํ พฺรูสิ กุลาวกํ;
ปุตฺเต สนฺตานเก พฺรูสิ, ตณฺหํ เม พฺรูสิ พนฺธน’’นฺติ.
‘‘สาหุ เต กุฏิกา นตฺถิ, สาหุ นตฺถิ กุลาวกา;
สาหุ สนฺตานกา นตฺถิ, สาหุ มุตฺโตสิ พนฺธนา’’ติ.
๑๐. สมิทฺธิสุตฺตํ
๒๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเม. อถ โข อายสฺมา สมิทฺธิ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย เยน ตโปทา เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิฺจิตุํ. ตโปเท คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฏฺาสิ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโน. อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ ตโปทํ โอภาเสตฺวา เยน อายสฺมา สมิทฺธิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาสํ ิตา อายสฺมนฺตํ สมิทฺธึ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อภุตฺวา ¶ ภิกฺขสิ ภิกฺขุ, น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสิ;
ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสุ, มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.
‘‘กาลํ ¶ ¶ ¶ โวหํ น ชานามิ, ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสติ;
ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามิ, มา มํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.
อถ โข สา เทวตา ปถวิยํ [ปวิยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปติฏฺหิตฺวา อายสฺมนฺตํ สมิทฺธึ เอตทโวจ – ‘‘ทหโร ตฺวํ ภิกฺขุ, ปพฺพชิโต สุสุ กาฬเกโส, ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต, ปเมน วยสา, อนิกฺกีฬิตาวี กาเมสุ. ภฺุช, ภิกฺขุ, มานุสเก กาเม; มา สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวี’’ติ.
‘‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวามิ. กาลิกฺจ ขฺวาหํ, อาวุโส, หิตฺวา สนฺทิฏฺิกํ อนุธาวามิ. กาลิกา หิ, อาวุโส, กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา; อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขุ, กาลิกา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย? กถํ สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ?
‘‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ. น ตาหํ [น ขฺวาหํ (สี. ปี.)] สกฺโกมิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ. อยํ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเม. ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉ. ยถา เต ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาสี’’ติ.
‘‘น โข, ภิกฺขุ, สุกโร โส ภควา อมฺเหหิ อุปสงฺกมิตุํ ¶ , อฺาหิ มเหสกฺขาหิ เทวตาหิ ปริวุโต. สเจ โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยาสิ, มยมฺปิ อาคจฺเฉยฺยาม ธมฺมสฺสวนายา’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สมิทฺธิ ตสฺสา เทวตาย ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข อายสฺมา สมิทฺธิ ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘อิธาหํ ¶ ¶ , ภนฺเต, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย เยน ตโปทา เตนุปสงฺกมึ คตฺตานิ ปริสิฺจิตุํ. ตโปเท คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฏฺาสึ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโน. อถ โข, ภนฺเต, อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ ตโปทํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาสํ ิตา อิมาย คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขุ, น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสิ;
ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสุ, มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.
‘‘เอวํ วุตฺเต อหํ, ภนฺเต, ตํ เทวตํ คาถาย ปจฺจภาสึ –
‘‘กาลํ โวหํ น ชานามิ, ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสติ;
ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามิ, มา มํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.
‘‘อถ โข, ภนฺเต, สา เทวตา ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘ทหโร ¶ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปพฺพชิโต สุสุ กาฬเกโส, ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต, ปเมน วยสา, อนิกฺกีฬิตาวี กาเมสุ. ภฺุช, ภิกฺขุ, มานุสเก กาเม; มา สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวี’’’ติ.
‘‘เอวํ วุตฺตาหํ, ภนฺเต, ตํ เทวตํ เอตทโวจํ – ‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวามิ; กาลิกฺจ ขฺวาหํ, อาวุโส, หิตฺวา สนฺทิฏฺิกํ อนุธาวามิ. กาลิกา หิ, อาวุโส, กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา; อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’’ติ.
‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘กถฺจ, ภิกฺขุ, กาลิกา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา; อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย? กถํ สนฺทิฏฺิโก ¶ อยํ ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ? เอวํ วุตฺตาหํ, ภนฺเต ¶ , ตํ เทวตํ เอตทโวจํ – ‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, น ตาหํ สกฺโกมิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ. อยํ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเม. ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉ. ยถา เต ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาสี’’’ติ.
‘‘เอวํ ¶ วุตฺเต, ภนฺเต, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘น โข, ภิกฺขุ, สุกโร โส ภควา อมฺเหหิ อุปสงฺกมิตุํ, อฺาหิ มเหสกฺขาหิ เทวตาหิ ปริวุโต. สเจ โข, ตฺวํ ภิกฺขุ, ตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยาสิ, มยมฺปิ อาคจฺเฉยฺยาม ¶ ธมฺมสฺสวนายา’ติ. สเจ, ภนฺเต, ตสฺสา เทวตาย สจฺจํ วจนํ, อิเธว สา เทวตา อวิทูเร’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, สา เทวตา อายสฺมนฺตํ สมิทฺธึ เอตทโวจ – ‘‘ปุจฺฉ, ภิกฺขุ, ปุจฺฉ, ภิกฺขุ, ยมหํ อนุปฺปตฺตา’’ติ.
อถ โข ภควา ตํ เทวตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘อกฺเขยฺยสฺิโน สตฺตา, อกฺเขยฺยสฺมึ ปติฏฺิตา;
อกฺเขยฺยํ อปริฺาย, โยคมายนฺติ มจฺจุโน.
‘‘อกฺเขยฺยฺจ ปริฺาย, อกฺขาตารํ น มฺติ;
ตฺหิ ตสฺส น โหตีติ, เยน นํ วชฺชา น ตสฺส อตฺถิ;
สเจ วิชานาสิ วเทหิ ยกฺขา’’ติ [ยกฺขีติ (ปี. ก.)].
‘‘น ขฺวาหํ, ภนฺเต, อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ. สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตถา ภาสตุ ยถาหํ อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ ชาเนยฺย’’นฺติ.
‘‘สโม ¶ วิเสสี อุท วา [อถวา (สี. ปี.)] นิหีโน,
โย มฺตี โส วิวเทถ [โสปิ วเทถ (ก.)] เตน;
ตีสุ ¶ วิธาสุ อวิกมฺปมาโน,
สโม วิเสสีติ น ตสฺส โหติ;
สเจ วิชานาสิ วเทหิ ยกฺขา’’ติ.
‘‘อิมสฺสาปิ ¶ ขฺวาหํ, ภนฺเต, ภควตา สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส น วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ. สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตถา ภาสตุ ยถาหํ อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ ชาเนยฺย’’นฺติ.
‘‘ปหาสิ สงฺขํ น วิมานมชฺฌคา, อจฺเฉจฺฉิ [อจฺเฉชฺชิ (สฺยา. กํ. ก.)] ตณฺหํ อิธ นามรูเป;
ตํ ฉินฺนคนฺถํ อนิฆํ นิราสํ, ปริเยสมานา นาชฺฌคมุํ;
เทวา มนุสฺสา อิธ วา หุรํ วา, สคฺเคสุ วา สพฺพนิเวสเนสุ;
สเจ วิชานาสิ วเทหิ ยกฺขา’’ติ.
‘‘อิมสฺส ¶ ขฺวาหํ, ภนฺเต, ภควตา สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ –
‘‘ปาปํ น กยิรา วจสา มนสา,
กาเยน วา กิฺจน สพฺพโลเก;
กาเม ปหาย สติมา สมฺปชาโน,
ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสํหิต’’นฺติ.
นนฺทนวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
นนฺทนา ¶ นนฺทติ เจว, นตฺถิปุตฺตสเมน จ;
ขตฺติโย สณมาโน จ, นิทฺทาตนฺที จ ทุกฺกรํ;
หิรี กุฏิกา นวโม, ทสโม วุตฺโต สมิทฺธินาติ.
๓. สตฺติวคฺโค
๑. สตฺติสุตฺตํ
๒๑. สาวตฺถินิทานํ ¶ ¶ . เอกมนฺตํ ¶ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ, ฑยฺหมาโนว [ฑยฺหมาเนว (สพฺพตฺถ)] มตฺถเก;
กามราคปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ.
‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ, ฑยฺหมาโนว มตฺถเก;
สกฺกายทิฏฺิปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ.
๒. ผุสติสุตฺตํ
‘‘นาผุสนฺตํ ผุสติ จ, ผุสนฺตฺจ ตโต ผุเส;
ตสฺมา ผุสนฺตํ ผุสติ, อปฺปทุฏฺปโทสิน’’นฺติ.
‘‘โย ¶ อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ,
สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;
ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ,
สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.
๓. ชฏาสุตฺตํ
‘‘อนฺโต ¶ ชฏา พหิ ชฏา, ชฏาย ชฏิตา ปชา;
ตํ ตํ โคตม ปุจฺฉามิ, โก อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ.
‘‘สีเล ¶ ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏํ.
‘‘เยสํ ราโค จ โทโส จ, อวิชฺชา จ วิราชิตา;
ขีณาสวา อรหนฺโต, เตสํ วิชฏิตา ชฏา.
‘‘ยตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;
ปฏิฆํ รูปสฺา จ, เอตฺเถสา ฉิชฺชเต [วิชเฏ (ก.)] ชฏา’’ติ.
๔. มโนนิวารณสุตฺตํ
๒๔. ‘‘ยโต ¶ ยโต มโน นิวารเย,
น ทุกฺขเมติ นํ ตโต ตโต;
ส สพฺพโต มโน นิวารเย,
ส สพฺพโต ทุกฺขา ปมุจฺจติ’’.
‘‘น สพฺพโต มโน นิวารเย,
น มโน สํยตตฺตมาคตํ;
ยโต ยโต จ ปาปกํ,
ตโต ตโต มโน นิวารเย’’ติ.
๕. อรหนฺตสุตฺตํ
‘‘โย โหติ ภิกฺขุ อรหํ กตาวี,
ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี;
อหํ ¶ วทามีติปิ โส วเทยฺย,
มมํ วทนฺตีติปิ โส วเทยฺยา’’ติ.
‘‘โย ¶ ¶ โหติ ภิกฺขุ อรหํ กตาวี,
ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี;
อหํ วทามีติปิ โส วเทยฺย,
มมํ วทนฺตีติปิ โส วเทยฺย;
โลเก สมฺํ กุสโล วิทิตฺวา,
โวหารมตฺเตน โส [ส (?)] โวหเรยฺยา’’ติ.
‘‘โย โหติ ภิกฺขุ อรหํ กตาวี,
ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี;
มานํ นุ โข โส อุปคมฺม ภิกฺขุ,
อหํ วทามีติปิ โส วเทยฺย;
มมํ วทนฺตีติปิ โส วเทยฺยา’’ติ.
‘‘ปหีนมานสฺส น สนฺติ คนฺถา,
วิธูปิตา มานคนฺถสฺส สพฺเพ;
ส วีติวตฺโต มฺตํ [มานนํ (สี.), มฺีตํ (?)] สุเมโธ,
อหํ ¶ วทามีติปิ โส วเทยฺย.
‘‘มมํ วทนฺตีติปิ โส วเทยฺย;
โลเก สมฺํ กุสโล วิทิตฺวา;
โวหารมตฺเตน โส โวหเรยฺยา’’ติ.
๖. ปชฺโชตสุตฺตํ
‘‘กติ ¶ โลกสฺมึ ปชฺโชตา, เยหิ โลโก ปกาสติ [ปภาสติ (ก. สี.)];
ภควนฺตํ [ภวนฺตํ (ก.)] ปุฏฺุมาคมฺม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.
‘‘จตฺตาโร ¶ โลเก ปชฺโชตา, ปฺจเมตฺถ น วิชฺชติ;
ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ, รตฺติมาภาติ จนฺทิมา.
‘‘อถ อคฺคิ ทิวารตฺตึ, ตตฺถ ตตฺถ ปกาสติ;
สมฺพุทฺโธ ตปตํ เสฏฺโ, เอสา อาภา อนุตฺตรา’’ติ.
๗. สรสุตฺตํ
‘‘กุโต ¶ สรา นิวตฺตนฺติ, กตฺถ วฏฺฏํ น วตฺตติ;
กตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌตี’’ติ.
‘‘ยตฺถ อาโป จ ปถวี, เตโช วาโย น คาธติ;
อโต สรา นิวตฺตนฺติ, เอตฺถ วฏฺฏํ น วตฺตติ;
เอตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌตี’’ติ.
๘. มหทฺธนสุตฺตํ
‘‘มหทฺธนา มหาโภคา, รฏฺวนฺโตปิ ขตฺติยา;
อฺมฺาภิคิชฺฌนฺติ, กาเมสุ อนลงฺกตา.
‘‘เตสุ อุสฺสุกฺกชาเตสุ, ภวโสตานุสาริสุ;
เกธ ตณฺหํ [โรธตณฺหํ (สฺยา. กํ.), เคธตณฺหํ (ก.)] ปชหึสุ [ปวาหึสุ (สฺยา. กํ. ก.)], เก โลกสฺมึ อนุสฺสุกา’’ติ.
‘‘หิตฺวา ¶ อคารํ ปพฺพชิตา, หิตฺวา ปุตฺตํ ปสุํ วิยํ;
หิตฺวา ราคฺจ โทสฺจ, อวิชฺชฺจ วิราชิย;
ขีณาสวา อรหนฺโต, เต โลกสฺมึ อนุสฺสุกา’’ติ.
๙. จตุจกฺกสุตฺตํ
‘‘จตุจกฺกํ ¶ ¶ นวทฺวารํ, ปุณฺณํ โลเภน สํยุตํ;
ปงฺกชาตํ มหาวีร, กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสตี’’ติ.
‘‘เฉตฺวา นทฺธึ วรตฺตฺจ, อิจฺฉา โลภฺจ ปาปกํ;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, เอวํ ยาตฺรา ภวิสฺสตี’’ติ.
๑๐. เอณิชงฺฆสุตฺตํ
‘‘เอณิชงฺฆํ กิสํ วีรํ, อปฺปาหารํ อโลลุปํ;
สีหํ เวกจรํ นาคํ, กาเมสุ อนเปกฺขินํ;
อุปสงฺกมฺม ปุจฺฉาม, กถํ ทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
‘‘ปฺจ ¶ กามคุณา โลเก, มโนฉฏฺา ปเวทิตา;
เอตฺถ ฉนฺทํ วิราเชตฺวา, เอวํ ทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
สตฺติวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
สตฺติยา ผุสติ เจว, ชฏา มโนนิวารณา;
อรหนฺเตน ปชฺโชโต, สรา มหทฺธเนน จ;
จตุจกฺเกน นวมํ, เอณิชงฺเฆน เต ทสาติ.
๔. สตุลฺลปกายิกวคฺโค
๑. สพฺภิสุตฺตํ
๓๑. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ¶ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ [กฺรุพฺเพถ (ก.)] สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, ปฺา ลพฺภติ [ปฺํ ลภติ (สฺยา. กํ.)] นาฺโต’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, โสกมชฺเฌ น โสจตี’’ติ.
อถ ¶ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สพฺภิเรว ¶ สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, าติมชฺเฌ วิโรจตี’’ติ.
อถ ¶ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สตฺตา ติฏฺนฺติ สาตต’’นฺติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กสฺส นุ โข, ภควา, สุภาสิต’’นฺติ? สพฺพาสํ โว สุภาสิตํ ปริยาเยน, อปิ จ มมปิ สุณาถ –
‘‘สพฺภิเรว ¶ สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา ตา เทวตาโย ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายึสูติ.
๒. มจฺฉริสุตฺตํ
๓๒. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ ¶ คาถํ อภาสิ –
‘‘มจฺเฉรา ¶ จ ปมาทา จ, เอวํ ทานํ น ทียติ [ทิยฺยติ (ก.)];
ปฺุํ อากงฺขมาเนน, เทยฺยํ โหติ วิชานตา’’ติ.
อถ ¶ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘ยสฺเสว ภีโต น ททาติ มจฺฉรี, ตเทวาททโต ภยํ;
ชิฆจฺฉา จ ปิปาสา จ, ยสฺส ภายติ มจฺฉรี;
ตเมว พาลํ ผุสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;
ปฺุานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘เต มเตสุ น มียนฺติ, ปนฺถานํว สหพฺพชํ;
อปฺปสฺมึ เย ปเวจฺฉนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโน.
‘‘อปฺปสฺเมเก ปเวจฺฉนฺติ, พหุเนเก น ทิจฺฉเร;
อปฺปสฺมา ทกฺขิณา ทินฺนา, สหสฺเสน สมํ มิตา’’ติ.
อถ ¶ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘ทุทฺททํ ททมานานํ, ทุกฺกรํ กมฺม กุพฺพตํ;
อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ, สตํ ธมฺโม ทุรนฺวโย [ทุรนฺนโย (สี.)].
‘‘ตสฺมา ¶ สตฺจ อสตํ [อสตฺจ (สี. สฺยา. กํ.)], นานา โหติ อิโต คติ;
อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ, สนฺโต สคฺคปรายนา’’ติ.
อถ ¶ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก เอตทโวจ – ‘‘กสฺส นุ โข, ภควา, สุภาสิต’’นฺติ?
‘‘สพฺพาสํ โว สุภาสิตํ ปริยาเยน; อปิ จ มมปิ สุณาถ –
‘‘ธมฺมํ จเร โยปิ สมฺุชกํ จเร,
ทารฺจ โปสํ ททมปฺปกสฺมึ;
สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ,
กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติ.
อถ ¶ โข อปรา เทวตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เกเนส ยฺโ วิปุโล มหคฺคโต,
สเมน ทินฺนสฺส น อคฺฆเมติ;
กถํ [อิทํ ปทํ กตฺถจิ สีหฬโปตฺถเก นตฺถิ] สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ,
กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติ.
‘‘ททนฺติ เหเก วิสเม นิวิฏฺา,
เฉตฺวา วธิตฺวา อถ โสจยิตฺวา;
สา ¶ ทกฺขิณา อสฺสุมุขา สทณฺฑา,
สเมน ทินฺนสฺส น อคฺฆเมติ.
‘‘เอวํ สตํ สหสฺสานํ สหสฺสยาคินํ;
กลมฺปิ นาคฺฆนฺติ ตถาวิธสฺส เต’’ติ.
๓. สาธุสุตฺตํ
๓๓. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข สมฺพหุลา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา ¶ อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ;
มจฺเฉรา จ ปมาทา จ, เอวํ ทานํ น ทียติ;
ปฺุํ อากงฺขมาเนน, เทยฺยํ โหติ วิชานตา’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ;
อปิ จ อปฺปกสฺมิมฺปิ สาหุ ทานํ’’.
‘‘อปฺปสฺเมเก ปเวจฺฉนฺติ, พหุเนเก น ทิจฺฉเร;
อปฺปสฺมา ทกฺขิณา ทินฺนา, สหสฺเสน สมํ มิตา’’ติ.
อถ ¶ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ; อปฺปกสฺมิมฺปิ สาหุ ทานํ;
อปิ จ สทฺธายปิ สาหุ ทานํ’’.
‘‘ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมานมาหุ,
อปฺปาปิ สนฺตา พหุเก ชินนฺติ;
อปฺปมฺปิ เจ สทฺทหาโน ททาติ,
เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติ.
อถ ¶ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สาธุ ¶ โข, มาริส, ทานํ; อปฺปกสฺมิมฺปิ สาหุ ทานํ;
สทฺธายปิ ¶ สาหุ ทานํ; อปิ จ ธมฺมลทฺธสฺสาปิ สาหุ ทานํ’’.
‘‘โย ธมฺมลทฺธสฺส ททาติ ทานํ,
อุฏฺานวีริยาธิคตสฺส ชนฺตุ;
อติกฺกมฺม โส เวตรณึ ยมสฺส,
ทิพฺพานิ านานิ อุเปติ มจฺโจ’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ; อปฺปกสฺมิมฺปิ สาหุ ทานํ;
สทฺธายปิ สาหุ ทานํ; ธมฺมลทฺธสฺสาปิ สาหุ ทานํ;
อปิ ¶ จ วิเจยฺย ทานมฺปิ สาหุ ทานํ’’.
‘‘วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ,
เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;
เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ,
พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขตฺเต’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สาธุ โข, มาริส, ทานํ; อปฺปกสฺมิมฺปิ สาหุ ทานํ;
สทฺธายปิ สาหุ ทานํ; ธมฺมลทฺธสฺสาปิ สาหุ ทานํ;
วิเจยฺย ทานมฺปิ สาหุ ทานํ; อปิ จ ปาเณสุปิ สาธุ สํยโม’’.
‘‘โย ¶ ปาณภูตานิ [ปาณภูเตสุ (สี. ปี.)] อเหยํ จรํ,
ปรูปวาทา น กโรนฺติ ปาปํ;
ภีรุํ ¶ ปสํสนฺติ น หิ ตตฺถ สูรํ,
ภยา หิ สนฺโต น กโรนฺติ ปาป’’นฺติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กสฺส ¶ นุ โข, ภควา, สุภาสิต’’นฺติ?
‘‘สพฺพาสํ โว สุภาสิตํ ปริยาเยน, อปิ จ มมปิ สุณาถ –
‘‘สทฺธา หิ ทานํ พหุธา ปสตฺถํ,
ทานา จ โข ธมฺมปทํว เสยฺโย;
ปุพฺเพ ¶ จ หิ ปุพฺพตเร จ สนฺโต,
นิพฺพานเมวชฺฌคมุํ สปฺา’’ติ.
๔. นสนฺติสุตฺตํ
๓๔. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘น สนฺติ กามา มนุเชสุ นิจฺจา,
สนฺตีธ กมนียานิ เยสุ [กาเมสุ (ก.)] พทฺโธ;
เยสุ ปมตฺโต อปุนาคมนํ,
อนาคนฺตา ปุริโส มจฺจุเธยฺยา’’ติ.
‘‘ฉนฺทชํ อฆํ ฉนฺทชํ ทุกฺขํ;
ฉนฺทวินยา อฆวินโย;
อฆวินยา ทุกฺขวินโย’’ติ.
‘‘น ¶ เต กามา ยานิ จิตฺรานิ โลเก,
สงฺกปฺปราโค ¶ ปุริสสฺส กาโม;
ติฏฺนฺติ จิตฺรานิ ตเถว โลเก,
อเถตฺถ ธีรา วินยนฺติ ฉนฺทํ.
‘‘โกธํ ¶ ¶ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ,
สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย;
ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ,
อกิฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา.
‘‘ปหาสิ สงฺขํ น วิมานมชฺฌคา [น จ มานมชฺฌคา (ก. สี.), น วิมานมาคา (สฺยา. กํ.)],
อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหํ อิธ นามรูเป;
ตํ ฉินฺนคนฺถํ อนิฆํ นิราสํ,
ปริเยสมานา นาชฺฌคมุํ;
เทวา มนุสฺสา อิธ วา หุรํ วา,
สคฺเคสุ วา สพฺพนิเวสเนสู’’ติ.
‘‘ตํ เจ หิ นาทฺทกฺขุํ ตถาวิมุตฺตํ (อิจฺจายสฺมา โมฆราชา),
เทวา มนุสฺสา อิธ วา หุรํ วา;
นรุตฺตมํ อตฺถจรํ นรานํ,
เย ตํ นมสฺสนฺติ ปสํสิยา เต’’ติ.
‘‘ปสํสิยา เตปิ ภวนฺติ ภิกฺขู (โมฆราชาติ ภควา),
เย ตํ นมสฺสนฺติ ตถาวิมุตฺตํ;
อฺาย ¶ ธมฺมํ วิจิกิจฺฉํ ปหาย,
สงฺคาติคา เตปิ ภวนฺติ ภิกฺขู’’ติ.
๕. อุชฺฌานสฺิสุตฺตํ
๓๕. เอกํ ¶ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา อุชฺฌานสฺิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาสํ อฏฺํสุ. เวหาสํ ¶ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อฺถา สนฺตมตฺตานํ, อฺถา โย ปเวทเย;
นิกจฺจ กิตวสฺเสว, ภุตฺตํ เถยฺเยน ตสฺส ตํ.
‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;
อกโรนฺตํ ภาสมานานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.
‘‘น ยิทํ ภาสิตมตฺเตน, เอกนฺตสวเนน วา;
อนุกฺกมิตเว สกฺกา, ยายํ ปฏิปทา ทฬฺหา;
ยาย ธีรา ปมุจฺจนฺติ, ฌายิโน มารพนฺธนา.
‘‘น ¶ เว ธีรา ปกุพฺพนฺติ, วิทิตฺวา โลกปริยายํ;
อฺาย นิพฺพุตา ธีรา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.
อถ ¶ โข ตา เทวตาโย ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อจฺจโย โน, ภนฺเต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ [ยถาพาลา ยถามูฬฺหา ยถาอกุสลา (สพฺพตฺถ)], ยา มยํ ภควนฺตํ อาสาเทตพฺพํ อมฺิมฺหา. ตาสํ โน, ภนฺเต, ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ อายตึ สํวรายา’’ติ. อถ โข ภควา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ โข ตา เทวตาโย ภิยฺโยโสมตฺตาย อุชฺฌายนฺติโย เวหาสํ อพฺภุคฺคฺฉุํ. เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อจฺจยํ ¶ เทสยนฺตีนํ, โย เจ น ปฏิคณฺหติ;
โกปนฺตโร โทสครุ, ส เวรํ ปฏิมฺุจตี’’ติ.
‘‘อจฺจโย เจ น วิชฺเชถ, โนจิธาปคตํ [โนจีธ อปหตํ (สฺยา. กํ.), โนจิธาปกตํ (?)] สิยา;
เวรานิ น จ สมฺเมยฺยุํ, เกนีธ [เวรานิ จ สมฺเมยฺยุํ, เตนิธ (สี.)] กุสโล สิยา’’ติ.
‘‘กสฺสจฺจยา น วิชฺชนฺติ, กสฺส นตฺถิ อปาคตํ;
โก น สมฺโมหมาปาทิ, โก จ ธีโร [โกธ ธีโร (สฺยา. กํ.)] สทา สโต’’ติ.
‘‘ตถาคตสฺส ¶ พุทฺธสฺส, สพฺพภูตานุกมฺปิโน;
ตสฺสจฺจยา น วิชฺชนฺติ, ตสฺส นตฺถิ อปาคตํ;
โส น สมฺโมหมาปาทิ, โสว [โสธ (สฺยา. กํ.)] ธีโร สทา สโต’’ติ.
‘‘อจฺจยํ เทสยนฺตีนํ, โย เจ น ปฏิคณฺหติ;
โกปนฺตโร ¶ โทสครุ, ส เวรํ ปฏิมฺุจติ;
ตํ เวรํ นาภินนฺทามิ, ปฏิคฺคณฺหามิ โวจฺจย’’นฺติ.
๖. สทฺธาสุตฺตํ
๓๖. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ ¶ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหติ,
โน เจ อสฺสทฺธิยํ อวติฏฺติ;
ยโส ¶ จ กิตฺตี จ ตตฺวสฺส โหติ,
สคฺคฺจ โส คจฺฉติ สรีรํ วิหายา’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ,
สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย;
ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ,
อกิฺจนํ นานุปตนฺติ สงฺคา’’ติ.
‘‘ปมาทมนุยฺุชนฺติ ¶ , พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา;
อปฺปมาทฺจ เมธาวี, ธนํ เสฏฺํว รกฺขติ.
‘‘มา ปมาทมนุยฺุเชถ, มา กามรติ สนฺถวํ;
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต, ปปฺโปติ ปรมํ สุข’’นฺติ.
๗. สมยสุตฺตํ
๓๗. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ มหาวเน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ; ทสหิ จ โลกธาตูหิ เทวตา เยภุยฺเยน สนฺนิปติตา โหนฺติ ภควนฺตํ ทสฺสนาย ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อถ โข จตุนฺนํ สุทฺธาวาสกายิกานํ เทวตานํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ มหาวเน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ; ทสหิ จ โลกธาตูหิ เทวตา เยภุยฺเยน สนฺนิปติตา โหนฺติ ภควนฺตํ ทสฺสนาย ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ยํนูน มยมฺปิ เยน ภควา เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปจฺเจกํ คาถํ [ปจฺเจกคาถํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภาเสยฺยามา’’ติ.
อถ ¶ โข ตา เทวตา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ ¶ วา พาหํ สมิฺเชยฺย. เอวเมว – สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ อนฺตรหิตา ภควโต ปุรโต ปาตุรเหสุํ. อถ โข ตา เทวตา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ ¶ คาถํ อภาสิ –
‘‘มหาสมโย ปวนสฺมึ, เทวกายา สมาคตา;
อาคตมฺห อิมํ ธมฺมสมยํ, ทกฺขิตาเย อปราชิตสงฺฆ’’นฺติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตตฺร ภิกฺขโว สมาทหํสุ, จิตฺตมตฺตโน อุชุกํ อกํสุ [อุชุกมกํสุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)];
สารถีว เนตฺตานิ คเหตฺวา, อินฺทฺริยานิ รกฺขนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.
อถ ¶ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เฉตฺวา ขีลํ เฉตฺวา ปลิฆํ, อินฺทขีลํ อูหจฺจ มเนชา;
เต จรนฺติ สุทฺธา วิมลา, จกฺขุมตา สุทนฺตา สุสุนาคา’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ.
๘. สกลิกสุตฺตํ
๓๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ มทฺทกุจฺฉิสฺมึ ¶ มิคทาเย. เตน โข ปน สมเยน ภควโต ปาโท สกลิกาย [สกฺขลิกาย (ก.)] ขโต โหติ. ภุสา สุทํ ภควโต เวทนา วตฺตนฺติ สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา [ติปฺปา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา; ตา สุทํ ภควา สโต สมฺปชาโน ¶ อธิวาเสติ อวิหฺมาโน. อถ โข ภควา จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน.
อถ ¶ โข สตฺตสตา สตุลฺลปกายิกา เทวตาโย อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ มทฺทกุจฺฉึ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เอกา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นาโค ¶ วต, โภ, สมโณ โคตโม; นาควตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘สีโห วต, โภ, สมโณ โคตโม; สีหวตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.
อถ ¶ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘อาชานีโย วต, โภ, สมโณ โคตโม; อาชานียวตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘นิสโภ วต, โภ, สมโณ โคตโม; นิสภวตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘โธรยฺโห วต, โภ, สมโณ โคตโม; โธรยฺหวตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘ทนฺโต วต, โภ, สมโณ ¶ โคตโม; ทนฺตวตา จ สมุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน’’ติ.
อถ โข อปรา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘ปสฺส สมาธึ สุภาวิตํ จิตฺตฺจ สุวิมุตฺตํ, น จาภินตํ น ¶ จาปนตํ น ¶ จ สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคตํ [สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตวตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริวาวตํ (ก.)]. โย เอวรูปํ ปุริสนาคํ ปุริสสีหํ ปุริสอาชานียํ ¶ ปุริสนิสภํ ปุริสโธรยฺหํ ปุริสทนฺตํ อติกฺกมิตพฺพํ มฺเยฺย กิมฺตฺร อทสฺสนา’’ติ.
‘‘ปฺจเวทา สตํ สมํ, ตปสฺสี พฺราหฺมณา จรํ;
จิตฺตฺจ เนสํ น สมฺมา วิมุตฺตํ, หีนตฺถรูปา น ปารงฺคมา เต.
‘‘ตณฺหาธิปนฺนา วตสีลพทฺธา, ลูขํ ตปํ วสฺสสตํ จรนฺตา;
จิตฺตฺจ เนสํ น สมฺมา วิมุตฺตํ, หีนตฺถรูปา น ปารงฺคมา เต.
‘‘น มานกามสฺส ทโม อิธตฺถิ, น โมนมตฺถิ อสมาหิตสฺส;
เอโก อรฺเ วิหรํ ปมตฺโต, น มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปาร’’นฺติ.
‘‘มานํ ปหาย สุสมาหิตตฺโต, สุเจตโส สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต;
เอโก อรฺเ วิหรมปฺปมตฺโต, ส มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปาร’’นฺติ.
๙. ปมปชฺชุนฺนธีตุสุตฺตํ
๓๙. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข โกกนทา ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ มหาวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา โกกนทา ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘เวสาลิยํ ¶ วเน วิหรนฺตํ, อคฺคํ สตฺตสฺส สมฺพุทฺธํ;
โกกนทาหมสฺมิ ¶ อภิวนฺเท, โกกนทา ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา.
‘‘สุตเมว ปุเร อาสิ, ธมฺโม จกฺขุมตานุพุทฺโธ;
สาหํ ทานิ สกฺขิ ชานามิ, มุนิโน เทสยโต สุคตสฺส.
‘‘เย เกจิ อริยํ ธมฺมํ, วิครหนฺตา จรนฺติ ทุมฺเมธา;
อุเปนฺติ โรรุวํ โฆรํ, จิรรตฺตํ ทุกฺขํ อนุภวนฺติ.
‘‘เย จ โข อริเย ธมฺเม, ขนฺติยา อุปสเมน อุเปตา;
ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกาย ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ.
๑๐. ทุติยปชฺชุนฺนธีตุสุตฺตํ
๔๐. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข จูฬโกกนทา [จุลฺลโกกนทา (สี. สฺยา. กํ.)] ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา ¶ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ มหาวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา จูฬโกกนทา ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘อิธาคมา วิชฺชุปภาสวณฺณา, โกกนทา ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา;
พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ นมสฺสมานา, คาถาจิมา อตฺถวตี อภาสิ.
‘‘พหุนาปิ ¶ โข ตํ วิภเชยฺยํ, ปริยาเยน ตาทิโส ธมฺโม;
สํขิตฺตมตฺถํ [สํขิตฺตมตฺตํ (ก.)] ลปยิสฺสามิ, ยาวตา เม มนสา ปริยตฺตํ.
‘‘ปาปํ น กยิรา วจสา มนสา,
กาเยน วา กิฺจน สพฺพโลเก;
กาเม ¶ ปหาย สติมา สมฺปชาโน,
ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสํหิต’’นฺติ.
สตุลฺลปกายิกวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
สพฺภิมจฺฉรินา สาธุ, น สนฺตุชฺฌานสฺิโน;
สทฺธา สมโย สกลิกํ, อุโภ ปชฺชุนฺนธีตโรติ.
๕. อาทิตฺตวคฺโค
๑. อาทิตฺตสุตฺตํ
๔๑. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย ¶ รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘อาทิตฺตสฺมึ อคารสฺมึ, ยํ นีหรติ ภาชนํ;
ตํ ตสฺส โหติ อตฺถาย, โน จ ยํ ตตฺถ ฑยฺหติ.
‘‘เอวํ อาทิตฺตโก โลโก, ชราย มรเณน จ;
นีหเรเถว ทาเนน, ทินฺนํ โหติ สุนีหตํ.
‘‘ทินฺนํ ¶ ¶ สุขผลํ โหติ, นาทินฺนํ โหติ ตํ ตถา;
โจรา หรนฺติ ราชาโน, อคฺคิ ฑหติ นสฺสติ.
‘‘อถ ¶ อนฺเตน ชหติ, สรีรํ สปริคฺคหํ;
เอตทฺาย เมธาวี, ภฺุเชถ จ ทเทถ จ;
ทตฺวา จ ภุตฺวา จ ยถานุภาวํ;
อนินฺทิโต สคฺคมุเปติ าน’’นฺติ.
๒. กึททสุตฺตํ
‘‘กึทโท พลโท โหติ, กึทโท โหติ วณฺณโท;
กึทโท สุขโท โหติ, กึทโท โหติ จกฺขุโท;
โก จ สพฺพทโท โหติ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
‘‘อนฺนโท พลโท โหติ, วตฺถโท โหติ วณฺณโท;
ยานโท สุขโท โหติ, ทีปโท โหติ จกฺขุโท.
‘‘โส จ สพฺพทโท โหติ, โย ททาติ อุปสฺสยํ;
อมตํ ทโท จ โส โหติ, โย ธมฺมมนุสาสตี’’ติ.
๓. อนฺนสุตฺตํ
‘‘อนฺนเมวาภินนฺทนฺติ, อุภเย เทวมานุสา;
อถ โก นาม โส ยกฺโข, ยํ อนฺนํ นาภินนฺทตี’’ติ.
‘‘เย ¶ นํ ททนฺติ สทฺธาย, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
ตเมว อนฺนํ ภชติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
‘‘ตสฺมา ¶ ¶ วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;
ปฺุานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
๔. เอกมูลสุตฺตํ
‘‘เอกมูลํ ทฺวิราวฏฺฏํ, ติมลํ ปฺจปตฺถรํ;
สมุทฺทํ ทฺวาทสาวฏฺฏํ, ปาตาลํ อตรี อิสี’’ติ.
๕. อโนมสุตฺตํ
‘‘อโนมนามํ ¶ นิปุณตฺถทสฺสึ, ปฺาททํ กามาลเย อสตฺตํ;
ตํ ปสฺสถ สพฺพวิทุํ สุเมธํ, อริเย ปเถ กมมานํ มเหสิ’’นฺติ.
๖. อจฺฉราสุตฺตํ
‘‘อจฺฉราคณสงฺฆุฏฺํ, ปิสาจคณเสวิตํ;
วนนฺตํ โมหนํ นาม, กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสตี’’ติ.
‘‘อุชุโก นาม โส มคฺโค, อภยา นาม สา ทิสา;
รโถ อกูชโน นาม, ธมฺมจกฺเกหิ สํยุโต.
‘‘หิรี ตสฺส อปาลมฺโพ, สตฺยสฺส ปริวารณํ;
ธมฺมาหํ สารถึ พฺรูมิ, สมฺมาทิฏฺิปุเรชวํ.
‘‘ยสฺส เอตาทิสํ ยานํ, อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา;
ส เว เอเตน ยาเนน, นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก’’ติ.
๗. วนโรปสุตฺตํ
‘‘เกสํ ¶ ¶ ทิวา จ รตฺโต จ, สทา ปฺุํ ปวฑฺฒติ;
ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนา, เก ชนา สคฺคคามิโน’’ติ.
‘‘อารามโรปา วนโรปา, เย ชนา เสตุการกา;
ปปฺจ อุทปานฺจ, เย ททนฺติ อุปสฺสยํ.
‘‘เตสํ ¶ ทิวา จ รตฺโต จ, สทา ปฺุํ ปวฑฺฒติ;
ธมฺมฏฺา สีลสมฺปนฺนา, เต ชนา สคฺคคามิโน’’ติ.
๘. เชตวนสุตฺตํ
‘‘อิทฺหิ ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํ;
อาวุตฺถํ [อาวุฏฺํ (ก.)] ธมฺมราเชน, ปีติสฺชนนํ มม.
‘‘กมฺมํ ¶ วิชฺชา จ ธมฺโม จ, สีลํ ชีวิตมุตฺตมํ;
เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺติ, น โคตฺเตน ธเนน วา.
‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;
โยนิโส วิจิเน ธมฺมํ, เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌติ.
‘‘สาริปุตฺโตว ปฺาย, สีเลน อุปสเมน จ;
โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยา’’ติ.
๙. มจฺฉริสุตฺตํ
‘‘เยธ ¶ มจฺฉริโน โลเก, กทริยา ปริภาสกา;
อฺเสํ ททมานานํ, อนฺตรายกรา นรา.
‘‘กีทิโส ¶ เตสํ วิปาโก, สมฺปราโย จ กีทิโส;
ภควนฺตํ ปุฏฺุมาคมฺม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.
‘‘เยธ มจฺฉริโน โลเก, กทริยา ปริภาสกา;
อฺเสํ ททมานานํ, อนฺตรายกรา นรา.
‘‘นิรยํ ติรจฺฉานโยนึ, ยมโลกํ อุปปชฺชเร;
สเจ เอนฺติ มนุสฺสตฺตํ, ทลิทฺเท ชายเร กุเล.
‘‘โจฬํ ปิณฺโฑ รตี ขิฑฺฑา, ยตฺถ กิจฺเฉน ลพฺภติ;
ปรโต อาสีสเร [อาสึสเร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พาลา, ตมฺปิ เตสํ น ลพฺภติ;
ทิฏฺเ ธมฺเมส วิปาโก, สมฺปราเย [สมฺปราโย (สฺยา. กํ. ปี.)] จ ทุคฺคตี’’ติ.
‘‘อิติเหตํ วิชานาม, อฺํ ปุจฺฉาม โคตม;
เยธ ลทฺธา มนุสฺสตฺตํ, วทฺู วีตมจฺฉรา.
‘‘พุทฺเธ ¶ ปสนฺนา ธมฺเม จ, สงฺเฆ จ ติพฺพคารวา;
กีทิโส เตสํ วิปาโก, สมฺปราโย จ กีทิโส;
ภควนฺตํ ปุฏฺุมาคมฺม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.
‘‘เยธ ลทฺธา มนุสฺสตฺตํ, วทฺู วีตมจฺฉรา;
พุทฺเธ ปสนฺนา ธมฺเม จ, สงฺเฆ จ ติพฺพคารวา;
เอเต สคฺคา [สคฺเค (สี. สฺยา. กํ.)] ปกาสนฺติ, ยตฺถ เต อุปปชฺชเร.
‘‘สเจ ¶ ¶ เอนฺติ มนุสฺสตฺตํ, อฑฺเฒ อาชายเร กุเล;
โจฬํ ปิณฺโฑ รตี ขิฑฺฑา, ยตฺถากิจฺเฉน ลพฺภติ.
‘‘ปรสมฺภเตสุ ¶ โภเคสุ, วสวตฺตีว โมทเร;
ทิฏฺเ ธมฺเมส วิปาโก, สมฺปราเย จ สุคฺคตี’’ติ.
๑๐. ฆฏีการสุตฺตํ
‘‘อวิหํ อุปปนฺนาเส, วิมุตฺตา สตฺต ภิกฺขโว;
ราคโทสปริกฺขีณา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.
‘‘เก จ เต อตรุํ ปงฺกํ [สงฺคํ (สี. สฺยา.)], มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตรํ;
เก หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ.
‘‘อุปโก ปลคณฺโฑ จ, ปุกฺกุสาติ จ เต ตโย;
ภทฺทิโย ขณฺฑเทโว จ, พาหุรคฺคิ จ สิงฺคิโย [พหุทนฺตี จ ปิงฺคโย (สี.)];
เต หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ.
‘‘กุสลี ภาสสี เตสํ, มารปาสปฺปหายินํ;
กสฺส เต ธมฺมมฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธน’’นฺติ.
‘‘น อฺตฺร ภควตา, นาฺตฺร ตว สาสนา;
ยสฺส เต ธมฺมมฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธนํ.
‘‘ยตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;
ตํ เต ธมฺมํ อิธฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธน’’นฺติ.
‘‘คมฺภีรํ ¶ ภาสสี วาจํ, ทุพฺพิชานํ สุทุพฺพุธํ;
กสฺส ตฺวํ ¶ ธมฺมมฺาย, วาจํ ภาสสิ อีทิส’’นฺติ.
‘‘กุมฺภกาโร ¶ ปุเร อาสึ, เวกฬิงฺเค [เวหฬิงฺเค (สี.), เวภฬิงฺเค (สฺยา. กํ.)] ฆฏีกโร;
มาตาเปตฺติภโร อาสึ, กสฺสปสฺส อุปาสโก.
‘‘วิรโต ¶ เมถุนา ธมฺมา, พฺรหฺมจารี นิรามิโส;
อหุวา เต สคาเมยฺโย, อหุวา เต ปุเร สขา.
‘‘โสหเมเต ปชานามิ, วิมุตฺเต สตฺต ภิกฺขโว;
ราคโทสปริกฺขีเณ, ติณฺเณ โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.
‘‘เอวเมตํ ตทา อาสิ, ยถา ภาสสิ ภคฺคว;
กุมฺภกาโร ปุเร อาสิ, เวกฬิงฺเค ฆฏีกโร;
มาตาเปตฺติภโร อาสิ, กสฺสปสฺส อุปาสโก.
‘‘วิรโต เมถุนา ธมฺมา, พฺรหฺมจารี นิรามิโส;
อหุวา เม สคาเมยฺโย, อหุวา เม ปุเร สขา’’ติ.
‘‘เอวเมตํ ปุราณานํ, สหายานํ อหุ สงฺคโม;
อุภินฺนํ ภาวิตตฺตานํ, สรีรนฺติมธาริน’’นฺติ.
อาทิตฺตวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
อาทิตฺตํ กึททํ อนฺนํ, เอกมูลอโนมิยํ;
อจฺฉราวนโรปเชตํ, มจฺฉเรน ฆฏีกโรติ.
๖. ชราวคฺโค
๑. ชราสุตฺตํ
‘‘กึสุ ¶ ¶ ยาว ชรา สาธุ, กึสุ สาธุ ปติฏฺิตํ;
กึสุ นรานํ รตนํ, กึสุ โจเรหิ ทูหร’’นฺติ.
‘‘สีลํ ยาว ชรา สาธุ, สทฺธา สาธุ ปติฏฺิตา;
ปฺา นรานํ รตนํ, ปฺุํ โจเรหิ ทูหร’’นฺติ.
๒. อชรสาสุตฺตํ
‘‘กึสุ ¶ อชรสา สาธุ, กึสุ สาธุ อธิฏฺิตํ;
กึสุ นรานํ รตนํ, กึสุ โจเรหฺยหาริย’’นฺติ.
‘‘สีลํ ¶ อชรสา สาธุ, สทฺธา สาธุ อธิฏฺิตา;
ปฺา นรานํ รตนํ, ปฺุํ โจเรหฺยหาริย’’นฺติ.
๓. มิตฺตสุตฺตํ
‘‘กึสุ ปวสโต [ปถวโต (ปี. ก.)] มิตฺตํ, กึสุ มิตฺตํ สเก ฆเร;
กึ มิตฺตํ อตฺถชาตสฺส, กึ มิตฺตํ สมฺปรายิก’’นฺติ.
‘‘สตฺโถ ปวสโต มิตฺตํ, มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร;
สหาโย ¶ อตฺถชาตสฺส, โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ;
สยํกตานิ ปฺุานิ, ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิก’’นฺติ.
๔. วตฺถุสุตฺตํ
‘‘กึสุ ¶ วตฺถุ มนุสฺสานํ, กึสูธ ปรโม สขา;
กึสุ ภูตา อุปชีวนฺติ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ [ปถวึ สิตาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
‘‘ปุตฺตา วตฺถุ มนุสฺสานํ, ภริยา จ [ภริยาว (สี.), ภริยา (สฺยา. กํ.)] ปรโม สขา;
วุฏฺึ ภูตา อุปชีวนฺติ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ.
๕. ปมชนสุตฺตํ
‘‘กึสุ ชเนติ ปุริสํ, กึสุ ตสฺส วิธาวติ;
กึสุ สํสารมาปาทิ, กึสุ ตสฺส มหพฺภย’’นฺติ.
‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ, จิตฺตมสฺส วิธาวติ;
สตฺโต สํสารมาปาทิ, ทุกฺขมสฺส มหพฺภย’’นฺติ.
๖. ทุติยชนสุตฺตํ
‘‘กึสุ ¶ ชเนติ ปุริสํ, กึสุ ตสฺส วิธาวติ;
กึสุ สํสารมาปาทิ, กิสฺมา น ปริมุจฺจตี’’ติ.
‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ, จิตฺตมสฺส วิธาวติ;
สตฺโต สํสารมาปาทิ, ทุกฺขา น ปริมุจฺจตี’’ติ.
๗. ตติยชนสุตฺตํ
‘‘กึสุ ¶ ชเนติ ปุริสํ, กึสุ ตสฺส วิธาวติ;
กึสุ สํสารมาปาทิ, กึสุ ตสฺส ปรายน’’นฺติ.
‘‘ตณฺหา ¶ ¶ ชเนติ ปุริสํ, จิตฺตมสฺส วิธาวติ;
สตฺโต สํสารมาปาทิ, กมฺมํ ตสฺส ปรายน’’นฺติ.
๘. อุปฺปถสุตฺตํ
‘‘กึสุ อุปฺปโถ อกฺขาโต, กึสุ รตฺตินฺทิวกฺขโย;
กึ มลํ พฺรหฺมจริยสฺส, กึ สินานมโนทก’’นฺติ.
‘‘ราโค อุปฺปโถ อกฺขาโต, วโย รตฺตินฺทิวกฺขโย;
อิตฺถี มลํ พฺรหฺมจริยสฺส, เอตฺถายํ สชฺชเต ปชา;
ตโป จ พฺรหฺมจริยฺจ, ตํ สินานมโนทก’’นฺติ.
๙. ทุติยสุตฺตํ
‘‘กึสุ ทุติยา [ทุติยํ (สฺยา. กํ. ปี.)] ปุริสสฺส โหติ, กึสุ เจนํ ปสาสติ;
กิสฺส จาภิรโต มจฺโจ, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
‘‘สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหติ, ปฺา เจนํ ปสาสติ;
นิพฺพานาภิรโต มจฺโจ, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
๑๐. กวิสุตฺตํ
‘‘กึสุ นิทานํ คาถานํ, กึสุ ตาสํ วิยฺชนํ;
กึสุ สนฺนิสฺสิตา คาถา, กึสุ คาถานมาสโย’’ติ.
‘‘ฉนฺโท ¶ นิทานํ คาถานํ, อกฺขรา ตาสํ วิยฺชนํ;
นามสนฺนิสฺสิตา คาถา, กวิ คาถานมาสโย’’ติ.
ชราวคฺโค ฉฏฺโ.
ตสฺสุทฺทานํ –
ชรา ¶ ¶ อชรสา มิตฺตํ, วตฺถุ ตีณิ ชนานิ จ;
อุปฺปโถ จ ทุติโย จ, กวินา ปูริโต วคฺโคติ.
๗. อทฺธวคฺโค
๑. นามสุตฺตํ
‘‘กึสุ ¶ ¶ สพฺพํ อทฺธภวิ [อนฺวภวิ (สี.)], กิสฺมา ภิยฺโย น วิชฺชติ;
กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ [วสมทฺธคู (ก.)].
‘‘นามํ สพฺพํ อทฺธภวิ, นามา ภิยฺโย น วิชฺชติ;
นามสฺส เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ.
๒. จิตฺตสุตฺตํ
‘‘เกนสฺสุ นียติ โลโก, เกนสฺสุ ปริกสฺสติ;
กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ.
‘‘จิตฺเตน นียติ โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสติ;
จิตฺตสฺส เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ.
๓. ตณฺหาสุตฺตํ
‘‘เกนสฺสุ นียติ โลโก, เกนสฺสุ ปริกสฺสติ;
กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ.
‘‘ตณฺหาย ¶ นียติ โลโก, ตณฺหาย ปริกสฺสติ;
ตณฺหาย เอกธมฺมสฺส, สพฺเพว วสมนฺวคู’’ติ.
๔. สํโยชนสุตฺตํ
‘‘กึสุ ¶ ¶ สํโยชโน โลโก, กึสุ ตสฺส วิจารณํ;
กิสฺสสฺสุ วิปฺปหาเนน, นิพฺพานํ อิติ วุจฺจตี’’ติ.
‘‘นนฺทีสํโยชโน [นนฺทิสํโยชโน (สี. สฺยา. กํ.)] โลโก, วิตกฺกสฺส วิจารณํ;
ตณฺหาย วิปฺปหาเนน, นิพฺพานํ อิติ วุจฺจตี’’ติ.
๕. พนฺธนสุตฺตํ
‘‘กึสุ สมฺพนฺธโน โลโก, กึสุ ตสฺส วิจารณํ;
กิสฺสสฺสุ วิปฺปหาเนน, สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธน’’นฺติ.
‘‘นนฺทีสมฺพนฺธโน ¶ โลโก, วิตกฺกสฺส วิจารณํ;
ตณฺหาย วิปฺปหาเนน, สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธน’’นฺติ.
๖. อตฺตหตสุตฺตํ
‘‘เกนสฺสุพฺภาหโต โลโก, เกนสฺสุ ปริวาริโต;
เกน สลฺเลน โอติณฺโณ, กิสฺส ธูปายิโต สทา’’ติ.
‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก, ชราย ปริวาริโต;
ตณฺหาสลฺเลน โอติณฺโณ, อิจฺฉาธูปายิโต สทา’’ติ.
๗. อุฑฺฑิตสุตฺตํ
‘‘เกนสฺสุ ¶ อุฑฺฑิโต โลโก, เกนสฺสุ ปริวาริโต;
เกนสฺสุ ปิหิโต โลโก, กิสฺมึ โลโก ปติฏฺิโต’’ติ.
‘‘ตณฺหาย อุฑฺฑิโต โลโก, ชราย ปริวาริโต;
มจฺจุนา ปิหิโต โลโก, ทุกฺเข โลโก ปติฏฺิโต’’ติ.
๘. ปิหิตสุตฺตํ
‘‘เกนสฺสุ ¶ ปิหิโต โลโก, กิสฺมึ โลโก ปติฏฺิโต;
เกนสฺสุ อุฑฺฑิโต โลโก, เกนสฺสุ ปริวาริโต’’ติ.
‘‘มจฺจุนา ¶ ปิหิโต โลโก, ทุกฺเข โลโก ปติฏฺิโต;
ตณฺหาย อุฑฺฑิโต โลโก, ชราย ปริวาริโต’’ติ.
๙. อิจฺฉาสุตฺตํ
‘‘เกนสฺสุ พชฺฌตี โลโก, กิสฺส วินยาย มุจฺจติ;
กิสฺสสฺสุ วิปฺปหาเนน, สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธน’’นฺติ.
‘‘อิจฺฉาย พชฺฌตี โลโก, อิจฺฉาวินยาย มุจฺจติ;
อิจฺฉาย วิปฺปหาเนน, สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธน’’นฺติ.
๑๐. โลกสุตฺตํ
‘‘กิสฺมึ ¶ โลโก สมุปฺปนฺโน, กิสฺมึ กุพฺพติ สนฺถวํ;
กิสฺส โลโก อุปาทาย, กิสฺมึ โลโก วิหฺตี’’ติ.
‘‘ฉสุ ¶ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถวํ;
ฉนฺนเมว อุปาทาย, ฉสุ โลโก วิหฺตี’’ติ.
อทฺธวคฺโค [อนฺววคฺโค (สี.)] สตฺตโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
นามํ จิตฺตฺจ ตณฺหา จ, สํโยชนฺจ พนฺธนา;
อพฺภาหตุฑฺฑิโต ปิหิโต, อิจฺฉา โลเกน เต ทสาติ.
๘. เฉตฺวาวคฺโค
๑. เฉตฺวาสุตฺตํ
๗๑. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ¶ ิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กึสุ เฉตฺวา [ฌตฺวา (สี.), ฆตฺวา (สฺยา. กํ.) เอวมุปริปิ] สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;
กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมา’’ติ.
‘‘โกธํ ¶ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;
โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส เทวเต;
วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ.
๒. รถสุตฺตํ
‘‘กึสุ รถสฺส ปฺาณํ, กึสุ ปฺาณมคฺคิโน;
กึสุ รฏฺสฺส ปฺาณํ, กึสุ ปฺาณมิตฺถิยา’’ติ.
‘‘ธโช ¶ ¶ รถสฺส ปฺาณํ, ธูโม ปฺาณมคฺคิโน;
ราชา รฏฺสฺส ปฺาณํ, ภตฺตา ปฺาณมิตฺถิยา’’ติ.
๓. วิตฺตสุตฺตํ
‘‘กึสูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ, กึสุ สุจิณฺโณ สุขมาวหติ;
กึสุ ¶ หเว สาทุตรํ [สาธุตรํ (ก.)] รสานํ, กถํชีวึ [กึสุชีวึ (ก.)] ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ.
‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหติ;
สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสานํ, ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ.
๔. วุฏฺิสุตฺตํ
‘‘กึสุ อุปฺปตตํ เสฏฺํ, กึสุ นิปตตํ วรํ;
กึสุ ปวชมานานํ, กึสุ ปวทตํ วร’’นฺติ.
‘‘พีชํ อุปฺปตตํ เสฏฺํ, วุฏฺิ นิปตตํ วรา;
คาโว ปวชมานานํ, ปุตฺโต ปวทตํ วโรติ.
‘‘วิชฺชา อุปฺปตตํ เสฏฺา, อวิชฺชา นิปตตํ วรา;
สงฺโฆ ปวชมานานํ, พุทฺโธ ปวทตํ วโร’’ติ.
๕. ภีตาสุตฺตํ
‘‘กึสูธ ภีตา ชนตา อเนกา,
มคฺโค จเนกายตนปฺปวุตฺโต;
ปุจฺฉามิ ตํ โคตม ภูริปฺ,
กิสฺมึ ิโต ปรโลกํ น ภาเย’’ติ.
‘‘วาจํ ¶ ¶ มนฺจ ปณิธาย สมฺมา,
กาเยน ¶ ปาปานิ อกุพฺพมาโน;
พวฺหนฺนปานํ ฆรมาวสนฺโต,
สทฺโธ ¶ มุทู สํวิภาคี วทฺู;
เอเตสุ ธมฺเมสุ ิโต จตูสุ,
ธมฺเม ิโต ปรโลกํ น ภาเย’’ติ.
๖. นชีรติสุตฺตํ
‘‘กึ ชีรติ กึ น ชีรติ, กึสุ อุปฺปโถติ วุจฺจติ;
กึสุ ธมฺมานํ ปริปนฺโถ, กึสุ รตฺตินฺทิวกฺขโย;
กึ มลํ พฺรหฺมจริยสฺส, กึ สินานมโนทกํ.
‘‘กติ โลกสฺมึ ฉิทฺทานิ, ยตฺถ วิตฺตํ [จิตฺตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] น ติฏฺติ;
ภควนฺตํ ปุฏฺุมาคมฺม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.
‘‘รูปํ ชีรติ มจฺจานํ, นามโคตฺตํ น ชีรติ;
ราโค อุปฺปโถติ วุจฺจติ.
‘‘โลโภ ธมฺมานํ ปริปนฺโถ, วโย รตฺตินฺทิวกฺขโย;
อิตฺถี มลํ พฺรหฺมจริยสฺส, เอตฺถายํ สชฺชเต ปชา;
ตโป จ พฺรหฺมจริยฺจ, ตํ สินานมโนทกํ.
‘‘ฉ โลกสฺมึ ฉิทฺทานิ, ยตฺถ วิตฺตํ น ติฏฺติ;
อาลสฺยฺจ [อาลสฺสฺจ (สี. ปี.)] ปมาโท จ, อนุฏฺานํ อสํยโม;
นิทฺทา ตนฺที [ตนฺทิ (สี.)] จ เต ฉิทฺเท, สพฺพโส ตํ วิวชฺชเย’’ติ.
๗. อิสฺสริยสุตฺตํ
‘‘กึสุ ¶ ¶ อิสฺสริยํ โลเก, กึสุ ภณฺฑานมุตฺตมํ;
กึสุ สตฺถมลํ โลเก, กึสุ โลกสฺมิมพฺพุทํ.
‘‘กึสุ หรนฺตํ วาเรนฺติ, หรนฺโต ปน โก ปิโย;
กึสุ ปุนปฺปุนายนฺตํ, อภินนฺทนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.
‘‘วโส ¶ อิสฺสริยํ โลเก, อิตฺถี ภณฺฑานมุตฺตมํ;
โกโธ สตฺถมลํ โลเก, โจรา โลกสฺมิมพฺพุทา.
‘‘โจรํ หรนฺตํ วาเรนฺติ, หรนฺโต สมโณ ปิโย;
สมณํ ปุนปฺปุนายนฺตํ, อภินนฺทนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.
๘. กามสุตฺตํ
‘‘กิมตฺถกาโม ¶ น ทเท, กึ มจฺโจ น ปริจฺจเช;
กึสุ มฺุเจยฺย กลฺยาณํ, ปาปิกํ น จ โมจเย’’ติ.
‘‘อตฺตานํ น ทเท โปโส, อตฺตานํ น ปริจฺจเช;
วาจํ มฺุเจยฺย กลฺยาณํ, ปาปิกฺจ น โมจเย’’ติ.
๙. ปาเถยฺยสุตฺตํ
‘‘กึสุ พนฺธติ ปาเถยฺยํ, กึสุ โภคานมาสโย;
กึสุ นรํ ปริกสฺสติ, กึสุ โลกสฺมิ ทุชฺชหํ;
กิสฺมึ พทฺธา ปุถู สตฺตา, ปาเสน สกุณี ยถา’’ติ.
‘‘สทฺธา ¶ ¶ พนฺธติ ปาเถยฺยํ, สิรี โภคานมาสโย;
อิจฺฉา นรํ ปริกสฺสติ, อิจฺฉา โลกสฺมิ ทุชฺชหา;
อิจฺฉาพทฺธา ปุถู สตฺตา, ปาเสน สกุณี ยถา’’ติ.
๑๐. ปชฺโชตสุตฺตํ
‘‘กึสุ โลกสฺมิ ปชฺโชโต, กึสุ โลกสฺมิ ชาคโร;
กึสุ กมฺเม สชีวานํ, กิมสฺส อิริยาปโถ.
‘‘กึสุ อลสํ อนลสฺจ [กึ อาลสฺยานาลสฺยฺจ (ก.)], มาตา ปุตฺตํว โปสติ;
กึ ภูตา อุปชีวนฺติ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ.
‘‘ปฺา โลกสฺมิ ปชฺโชโต, สติ โลกสฺมิ ชาคโร;
คาโว กมฺเม สชีวานํ, สีตสฺส อิริยาปโถ.
‘‘วุฏฺิ อลสํ อนลสฺจ, มาตา ปุตฺตํว โปสติ;
วุฏฺึ ภูตา อุปชีวนฺติ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ.
๑๑. อรณสุตฺตํ
‘‘เกสูธ ¶ อรณา โลเก, เกสํ วุสิตํ น นสฺสติ;
เกธ อิจฺฉํ ปริชานนฺติ, เกสํ โภชิสฺสิยํ สทา.
‘‘กึสุ ¶ มาตา ปิตา ภาตา, วนฺทนฺติ นํ ปติฏฺิตํ;
กึสุ อิธ ชาติหีนํ, อภิวาเทนฺติ ขตฺติยา’’ติ.
‘‘สมณีธ อรณา โลเก, สมณานํ วุสิตํ น นสฺสติ;
สมณา อิจฺฉํ ปริชานนฺติ, สมณานํ โภชิสฺสิยํ สทา.
‘‘สมณํ ¶ ¶ มาตา ปิตา ภาตา, วนฺทนฺติ นํ ปติฏฺิตํ;
สมณีธ ชาติหีนํ, อภิวาเทนฺติ ขตฺติยา’’ติ.
เฉตฺวาวคฺโค อฏฺโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
เฉตฺวา รถฺจ จิตฺตฺจ, วุฏฺิ ภีตา นชีรติ;
อิสฺสรํ กามํ ปาเถยฺยํ, ปชฺโชโต อรเณน จาติ.
เทวตาสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
๒. เทวปุตฺตสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. ปมกสฺสปสุตฺตํ
๘๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข กสฺสโป เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข กสฺสโป เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภิกฺขุํ ภควา ปกาเสสิ, โน จ ภิกฺขุโน อนุสาส’’นฺติ. ‘‘เตน หิ กสฺสป, ตฺเเวตฺถ ปฏิภาตู’’ติ.
‘‘สุภาสิตสฺส สิกฺเขถ, สมณูปาสนสฺส จ;
เอกาสนสฺส จ รโห, จิตฺตวูปสมสฺส จา’’ติ.
อิทมโวจ กสฺสโป เทวปุตฺโต; สมนฺุโ สตฺถา อโหสิ. อถ โข กสฺสโป เทวปุตฺโต ‘‘สมนฺุโ เม สตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๒. ทุติยกสฺสปสุตฺตํ
๘๓. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิโต โข กสฺสโป เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ภิกฺขุ ¶ ¶ สิยา ฌายี วิมุตฺตจิตฺโต,
อากงฺเข เจ หทยสฺสานุปตฺตึ;
โลกสฺส ตฺวา อุทยพฺพยฺจ,
สุเจตโส อนิสฺสิโต ตทานิสํโส’’ติ.
๓. มาฆสุตฺตํ
๘๔. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข มาโฆ เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ ¶ . เอกมนฺตํ ิโต โข มาโฆ เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กึสุ เฉตฺวา สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;
กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมา’’ติ.
‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;
โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส วตฺรภู;
วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ.
๔. มาคธสุตฺตํ
๘๕. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิโต โข มาคโธ เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กติ ¶ โลกสฺมึ ปชฺโชตา, เยหิ โลโก ปกาสติ;
ภวนฺตํ ปุฏฺุมาคมฺม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.
‘‘จตฺตาโร ¶ โลเก ปชฺโชตา, ปฺจเมตฺถ น วิชฺชติ;
ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ, รตฺติมาภาติ จนฺทิมา.
‘‘อถ อคฺคิ ทิวารตฺตึ, ตตฺถ ตตฺถ ปกาสติ;
สมฺพุทฺโธ ตปตํ เสฏฺโ, เอสา อาภา อนุตฺตรา’’ติ.
๕. ทามลิสุตฺตํ
๘๖. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข ทามลิ เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ทามลิ เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘กรณียเมตํ พฺราหฺมเณน, ปธานํ อกิลาสุนา;
กามานํ วิปฺปหาเนน, น เตนาสีสเต ภว’’นฺติ.
‘‘นตฺถิ กิจฺจํ พฺราหฺมณสฺส (ทามลีติ ภควา),
กตกิจฺโจ หิ พฺราหฺมโณ.
‘‘ยาว ¶ น คาธํ ลภติ นทีสุ,
อายูหติ ¶ สพฺพคตฺเตภิ ชนฺตุ;
คาธฺจ ลทฺธาน ถเล ิโต โย,
นายูหตี ¶ ปารคโต หิ โสว [โสติ (สี. ปี. ก.), โหติ (สฺยา. กํ.), โส (?)].
‘‘เอสูปมา ทามลิ พฺราหฺมณสฺส,
ขีณาสวสฺส นิปกสฺส ฌายิโน;
ปปฺปุยฺย ชาติมรณสฺส อนฺตํ,
นายูหตี ปารคโต หิ โส’’ติ [โหตีติ (สฺยา. กํ.)].
๖. กามทสุตฺตํ
๘๗. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ ิโต โข กามโท เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทุกฺกรํ ภควา, สุทุกฺกรํ ภควา’’ติ.
‘‘ทุกฺกรํ วาปิ กโรนฺติ (กามทาติ ภควา),
เสขา สีลสมาหิตา;
ิตตฺตา อนคาริยุเปตสฺส,
ตุฏฺิ โหติ สุขาวหา’’ติ.
‘‘ทุลฺลภา ภควา ยทิทํ ตุฏฺี’’ติ.
‘‘ทุลฺลภํ วาปิ ลภนฺติ (กามทาติ ภควา),
จิตฺตวูปสเม รตา;
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ,
ภาวนาย รโต มโน’’ติ.
‘‘ทุสฺสมาทหํ ภควา ยทิทํ จิตฺต’’นฺติ.
‘‘ทุสฺสมาทหํ วาปิ สมาทหนฺติ (กามทาติ ภควา),
อินฺทฺริยูปสเม รตา;
เต เฉตฺวา มจฺจุโน ชาลํ,
อริยา คจฺฉนฺติ กามทา’’ติ.
‘‘ทุคฺคโม ¶ ภควา วิสโม มคฺโค’’ติ.
‘‘ทุคฺคเม วิสเม วาปิ, อริยา คจฺฉนฺติ กามท;
อนริยา วิสเม มคฺเค, ปปตนฺติ อวํสิรา;
อริยานํ สโม มคฺโค, อริยา หิ วิสเม สมา’’ติ.
๗. ปฺจาลจณฺฑสุตฺตํ
๘๘. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ ¶ ิโต โข ปฺจาลจณฺโฑ เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สมฺพาเธ วต โอกาสํ, อวินฺทิ ภูริเมธโส;
โย ฌานมพุชฺฌิ [ฌานมพุธา (ก. สี.), ฌานมพุทฺธิ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] พุทฺโธ, ปฏิลีนนิสโภ มุนี’’ติ.
‘‘สมฺพาเธ วาปิ วินฺทนฺติ (ปฺจาลจณฺฑาติ ภควา),
ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา;
เย สตึ ปจฺจลตฺถํสุ,
สมฺมา เต สุสมาหิตา’’ติ.
๘. ตายนสุตฺตํ
๘๙. สาวตฺถินิทานํ. อถ ¶ โข ตายโน เทวปุตฺโต ปุราณติตฺถกโร อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ตายโน เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘ฉินฺท โสตํ ปรกฺกมฺม, กาเม ปนุท พฺราหฺมณ;
นปฺปหาย มุนี กาเม, เนกตฺตมุปปชฺชติ.
‘‘กยิรา เจ กยิราเถนํ, ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม;
สิถิโล หิ ปริพฺพาโช, ภิยฺโย อากิรเต รชํ.
‘‘อกตํ ¶ ทุกฺกฏํ [ทุกฺกตํ (สี. ปี.)] เสยฺโย, ปจฺฉา ตปติ ทุกฺกฏํ;
กตฺจ สุกตํ เสยฺโย, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ.
‘‘กุโส ¶ ¶ ยถา ทุคฺคหิโต, หตฺถเมวานุกนฺตติ;
สามฺํ ทุปฺปรามฏฺํ, นิรยายูปกฑฺฒติ.
‘‘ยํ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมํ, สํกิลิฏฺฺจ ยํ วตํ;
สงฺกสฺสรํ พฺรหฺมจริยํ, น ตํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.
อิทมโวจ ตายโน เทวปุตฺโต; อิทํ วตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺตึ ตายโน นาม เทวปุตฺโต ปุราณติตฺถกโร อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภิกฺขเว, ตายโน เทวปุตฺโต มม สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘ฉินฺท โสตํ ปรกฺกมฺม, กาเม ปนุท พฺราหฺมณ;
นปฺปหาย มุนี กาเม, เนกตฺตมุปปชฺชติ.
‘‘กยิรา เจ กยิราเถนํ, ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม;
สิถิโล ¶ หิ ปริพฺพาโช, ภิยฺโย อากิรเต รชํ.
‘‘อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย, ปจฺฉา ตปติ ทุกฺกฏํ;
กตฺจ สุกตํ เสยฺโย, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ.
‘‘กุโส ¶ ยถา ทุคฺคหิโต, หตฺถเมวานุกนฺตติ;
สามฺํ ทุปฺปรามฏฺํ, นิรยายูปกฑฺฒติ.
‘‘ยํ ¶ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมํ, สํกิลิฏฺฺจ ยํ วตํ;
สงฺกสฺสรํ พฺรหฺมจริยํ, น ตํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.
‘‘อิทมโวจ, ภิกฺขเว, ตายโน เทวปุตฺโต, อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ. อุคฺคณฺหาถ, ภิกฺขเว, ตายนคาถา; ปริยาปุณาถ, ภิกฺขเว, ตายนคาถา; ธาเรถ, ภิกฺขเว, ตายนคาถา. อตฺถสํหิตา, ภิกฺขเว, ตายนคาถา อาทิพฺรหฺมจริยิกา’’ติ.
๙. จนฺทิมสุตฺตํ
๙๐. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เตน โข ปน สมเยน จนฺทิมา เทวปุตฺโต ราหุนา อสุรินฺเทน คหิโต โหติ. อถ โข จนฺทิมา เทวปุตฺโต ภควนฺตํ อนุสฺสรมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘นโม เต พุทฺธ วีรตฺถุ, วิปฺปมุตฺโตสิ สพฺพธิ;
สมฺพาธปฏิปนฺโนสฺมิ, ตสฺส เม สรณํ ภวา’’ติ.
อถ โข ภควา จนฺทิมํ เทวปุตฺตํ อารพฺภ ราหุํ อสุรินฺทํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตถาคตํ อรหนฺตํ, จนฺทิมา สรณํ คโต;
ราหุ จนฺทํ ปมฺุจสฺสุ, พุทฺธา โลกานุกมฺปกา’’ติ.
อถ โข ราหุ อสุรินฺโท จนฺทิมํ เทวปุตฺตํ มฺุจิตฺวา ตรมานรูโป เยน เวปจิตฺติ อสุรินฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สํวิคฺโค ¶ โลมหฏฺชาโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข ราหุํ อสุรินฺทํ เวปจิตฺติ อสุรินฺโท คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กึ นุ สนฺตรมาโนว, ราหุ จนฺทํ ปมฺุจสิ;
สํวิคฺครูโป อาคมฺม, กึ นุ ภีโตว ติฏฺสี’’ติ.
‘‘สตฺตธา ¶ เม ผเล มุทฺธา, ชีวนฺโต น สุขํ ลเภ;
พุทฺธคาถาภิคีโตมฺหิ, โน เจ มฺุเจยฺย จนฺทิม’’นฺติ.
๑๐. สูริยสุตฺตํ
๙๑. สาวตฺถินิทานํ. เตน ¶ โข ปน สมเยน สูริโย เทวปุตฺโต ราหุนา อสุรินฺเทน คหิโต โหติ. อถ โข สูริโย เทวปุตฺโต ภควนฺตํ อนุสฺสรมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘นโม เต พุทฺธ วีรตฺถุ, วิปฺปมุตฺโตสิ สพฺพธิ;
สมฺพาธปฏิปนฺโนสฺมิ, ตสฺส เม สรณํ ภวา’’ติ.
อถ โข ภควา สูริยํ เทวปุตฺตํ อารพฺภ ราหุํ อสุรินฺทํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘ตถาคตํ ¶ อรหนฺตํ, สูริโย สรณํ คโต;
ราหุ สูริยํ [สุริยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปมฺุจสฺสุ, พุทฺธา โลกานุกมฺปกา.
‘‘โย อนฺธกาเร ตมสิ ปภงฺกโร,
เวโรจโน มณฺฑลี อุคฺคเตโช;
มา ¶ ราหุ คิลี จรมนฺตลิกฺเข,
ปชํ มมํ ราหุ ปมฺุจ สูริย’’นฺติ.
อถ โข ราหุ อสุรินฺโท สูริยํ เทวปุตฺตํ มฺุจิตฺวา ตรมานรูโป เยน เวปจิตฺติ อสุรินฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข ราหุํ อสุรินฺทํ เวปจิตฺติ อสุรินฺโท คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กึ นุ สนฺตรมาโนว, ราหุ สูริยํ ปมฺุจสิ;
สํวิคฺครูโป อาคมฺม, กึ นุ ภีโตว ติฏฺสี’’ติ.
‘‘สตฺตธา ¶ เม ผเล มุทฺธา, ชีวนฺโต น สุขํ ลเภ;
พุทฺธคาถาภิคีโตมฺหิ, โน เจ มฺุเจยฺย สูริย’’นฺติ.
ปโม วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทฺเว กสฺสปา จ มาโฆ จ, มาคโธ ทามลิ กามโท;
ปฺจาลจณฺโฑ ตายโน, จนฺทิมสูริเยน เต ทสาติ.
๒. อนาถปิณฺฑิกวคฺโค
๑. จนฺทิมสสุตฺตํ
๙๒. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข จนฺทิมโส [จนฺทิมาโส (ก.)] เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา ¶ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ ¶ . เอกมนฺตํ ิโต โข จนฺทิมโส เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เต หิ โสตฺถึ คมิสฺสนฺติ, กจฺเฉ วามกเส มคา;
ฌานานิ อุปสมฺปชฺช, เอโกทิ นิปกา สตา’’ติ.
‘‘เต หิ ปารํ คมิสฺสนฺติ, เฉตฺวา ชาลํว อมฺพุโช;
ฌานานิ อุปสมฺปชฺช, อปฺปมตฺตา รณฺชหา’’ติ.
๒. เวณฺฑุสุตฺตํ
๙๓. เอกมนฺตํ ¶ ิโต โข เวณฺฑุ [เวณฺหุ (สี.)] เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สุขิตาว เต [สุขิตา วต เต (สี. สฺยา. กํ.)] มนุชา, สุคตํ ปยิรุปาสิย;
ยฺุชํ [ยุชฺช (สี.), ยฺุช (สฺยา. กํ. ปี.)] โคตมสาสเน, อปฺปมตฺตา นุ สิกฺขเร’’ติ.
‘‘เย ¶ เม ปวุตฺเต สิฏฺิปเท [สตฺถิปเท (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] (เวณฺฑูติ ภควา),
อนุสิกฺขนฺติ ฌายิโน;
กาเล เต อปฺปมชฺชนฺตา,
น มจฺจุวสคา สิยุ’’นฺติ.
๓. ทีฆลฏฺิสุตฺตํ
๙๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข ทีฆลฏฺิ เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ทีฆลฏฺิ เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ภิกฺขุ สิยา ฌายี วิมุตฺตจิตฺโต,
อากงฺเข เจ หทยสฺสานุปตฺตึ;
โลกสฺส ตฺวา อุทยพฺพยฺจ,
สุเจตโส อนิสฺสิโต ตทานิสํโส’’ติ.
๔. นนฺทนสุตฺตํ
๙๕. เอกมนฺตํ ¶ ิโต โข นนฺทโน เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ โคตม ภูริปฺ,
อนาวฏํ ภควโต าณทสฺสนํ;
กถํวิธํ ¶ ¶ ¶ สีลวนฺตํ วทนฺติ,
กถํวิธํ ปฺวนฺตํ วทนฺติ;
กถํวิโธ ทุกฺขมติจฺจ อิริยติ,
กถํวิธํ เทวตา ปูชยนฺตี’’ติ.
‘‘โย สีลวา ปฺวา ภาวิตตฺโต,
สมาหิโต ฌานรโต สตีมา;
สพฺพสฺส โสกา วิคตา ปหีนา,
ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี.
‘‘ตถาวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ,
ตถาวิธํ ปฺวนฺตํ วทนฺติ;
ตถาวิโธ ทุกฺขมติจฺจ อิริยติ,
ตถาวิธํ เทวตา ปูชยนฺตี’’ติ.
๕. จนฺทนสุตฺตํ
๙๖. เอกมนฺตํ ิโต โข จนฺทโน เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กถํสุ [โกสุธ (สี.)] ตรติ โอฆํ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโต;
อปฺปติฏฺเ อนาลมฺเพ, โก คมฺภีเร น สีทตี’’ติ.
‘‘สพฺพทา สีลสมฺปนฺโน, ปฺวา สุสมาหิโต;
อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, โอฆํ ตรติ ทุตฺตรํ.
‘‘วิรโต ¶ กามสฺาย, รูปสํโยชนาติโค;
นนฺทีราคปริกฺขีโณ, โส คมฺภีเร น สีทตี’’ติ.
๖. วาสุทตฺตสุตฺตํ
๙๗. เอกมนฺตํ ¶ ¶ ิโต โข วาสุทตฺโต เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ, ฑยฺหมาโนว [ฑยฺหมาเนว (สพฺพตฺถ)] มตฺถเก;
กามราคปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ.
‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ, ฑยฺหมาโนว มตฺถเก;
สกฺกายทิฏฺิปฺปหานาย, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ.
๗. สุพฺรหฺมสุตฺตํ
๙๘. เอกมนฺตํ ิโต โข สุพฺรหฺมา เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘นิจฺจํ อุตฺรสฺตมิทํ จิตฺตํ, นิจฺจํ อุพฺพิคฺคมิทํ [อุพฺพิคฺคิทํ (มหาสติปฏฺานสุตฺตวณฺณนายํ)] มโน;
อนุปฺปนฺเนสุ ¶ กิจฺเฉสุ [กิจฺเจสุ (พหูสุ)], อโถ อุปฺปติเตสุ จ;
สเจ อตฺถิ อนุตฺรสฺตํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
‘‘นาฺตฺร โพชฺฌา ตปสา [โพชฺฌงฺคตปสา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], นาฺตฺรินฺทฺริยสํวรา;
นาฺตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา, โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณิน’’นฺติ.
‘‘อิทมโวจ…เป… ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ.
๘. กกุธสุตฺตํ
๙๙. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาเกเต วิหรติ อฺชนวเน มิคทาเย. อถ โข กกุโธ เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ อฺชนวนํ โอภาเสตฺวา ¶ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข กกุโธ เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นนฺทสิ, สมณา’’ติ? ‘‘กึ ลทฺธา, อาวุโส’’ติ? ‘‘เตน หิ, สมณ, โสจสี’’ติ? ‘‘กึ ชียิตฺถ, อาวุโส’’ติ? ‘‘เตน หิ, สมณ, เนว นนฺทสิ น จ [เนว (สี. สฺยา. กํ.)] โสจสี’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ.
‘‘กจฺจิ ¶ ตฺวํ อนโฆ [อนิโฆ (สพฺพตฺถ)] ภิกฺขุ, กจฺจิ นนฺที [นนฺทิ (สี. สฺยา. กํ.)] น วิชฺชติ;
กจฺจิ ตํ เอกมาสีนํ, อรตี นาภิกีรตี’’ติ.
‘‘อนโฆ เว อหํ ยกฺข, อโถ นนฺที น วิชฺชติ;
อโถ มํ เอกมาสีนํ, อรตี นาภิกีรตี’’ติ.
‘‘กถํ ตฺวํ อนโฆ ภิกฺขุ, กถํ นนฺที น วิชฺชติ;
กถํ ตํ เอกมาสีนํ, อรตี นาภิกีรตี’’ติ.
‘‘อฆชาตสฺส เว นนฺที, นนฺทีชาตสฺส เว อฆํ;
อนนฺที อนโฆ ภิกฺขุ, เอวํ ชานาหิ อาวุโส’’ติ.
‘‘จิรสฺสํ วต ปสฺสามิ, พฺราหฺมณํ ปรินิพฺพุตํ;
อนนฺทึ อนฆํ ภิกฺขุํ, ติณฺณํ โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.
๙. อุตฺตรสุตฺตํ
๑๐๐. ราชคหนิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ ิโต โข อุตฺตโร เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อุปนียติ ¶ ชีวิตมปฺปมายุ,
ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา;
เอตํ ¶ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,
ปฺุานิ กยิราถ สุขาวหานี’’ติ.
‘‘อุปนียติ ชีวิตมปฺปมายุ,
ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา;
เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,
โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข’’ติ.
๑๐. อนาถปิณฺฑิกสุตฺตํ
๑๐๑. เอกมนฺตํ ิโต โข อนาถปิณฺฑิโก เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘อิทฺหิ ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํ;
อาวุตฺถํ ธมฺมราเชน, ปีติสฺชนนํ มม.
‘‘กมฺมํ ¶ วิชฺชา จ ธมฺโม จ, สีลํ ชีวิตมุตฺตมํ;
เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺติ, น โคตฺเตน ธเนน วา.
‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;
โยนิโส ¶ ¶ วิจิเน ธมฺมํ, เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌติ.
‘‘สาริปุตฺโตว ปฺาย, สีเลน อุปสเมน จ;
โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยา’’ติ.
อิทมโวจ อนาถปิณฺฑิโก เทวปุตฺโต. อิทํ วตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
อถ ¶ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺตึ อฺตโร เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภิกฺขเว, โส เทวปุตฺโต มม สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘อิทฺหิ ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํ;
อาวุตฺถํ ธมฺมราเชน, ปีติสฺชนนํ มม.
‘‘กมฺมํ วิชฺชา จ ธมฺโม จ, สีลํ ชีวิตมุตฺตมํ;
เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺติ, น โคตฺเตน ธเนน วา.
‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;
โยนิโส วิจิเน ธมฺมํ, เอวํ ตตฺถ วิสุชฺฌติ.
‘‘สาริปุตฺโตว ปฺาย, สีเลน อุปสเมน จ;
โยปิ ปารงฺคโต ภิกฺขุ, เอตาวปรโม สิยา’’ติ.
‘‘อิทมโวจ, ภิกฺขเว, โส เทวปุตฺโต. อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โส หิ นูน, ภนฺเต, อนาถปิณฺฑิโก เทวปุตฺโต ภวิสฺสติ. อนาถปิณฺฑิโก คหปติ อายสฺมนฺเต สาริปุตฺเต อภิปฺปสนฺโน อโหสี’’ติ. ‘‘สาธุ ¶ สาธุ, อานนฺท, ยาวตกํ โข, อานนฺท, ตกฺกาย ปตฺตพฺพํ อนุปฺปตฺตํ ตํ ตยา. อนาถปิณฺฑิโก หิ โส, อานนฺท, เทวปุตฺโต’’ติ.
อนาถปิณฺฑิกวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
จนฺทิมโส ¶ [จนฺทิมาโส (ปี. ก.)] จ เวณฺฑุ [เวณฺหุ (สี. ก.)] จ, ทีฆลฏฺิ จ นนฺทโน;
จนฺทโน วาสุทตฺโต จ, สุพฺรหฺมา กกุเธน จ;
อุตฺตโร นวโม วุตฺโต, ทสโม อนาถปิณฺฑิโกติ.
๓. นานาติตฺถิยวคฺโค
๑. สิวสุตฺตํ
๑๐๒. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สิโว เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข สิโว เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย.
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, ปฺา ลพฺภติ นาฺโต.
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, โสกมชฺเฌ น โสจติ.
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ ¶ สทฺธมฺมมฺาย, าติมชฺเฌ วิโรจติ.
‘‘สพฺภิเรว ¶ ¶ สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ ¶ สทฺธมฺมมฺาย, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สตฺตา ติฏฺนฺติ สาตต’’นฺติ.
อถ โข ภควา สิวํ เทวปุตฺตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
๒. เขมสุตฺตํ
๑๐๓. เอกมนฺตํ ิโต โข เขโม เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา, อมิตฺเตเนว อตฺตนา;
กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ, ยํ โหติ กฏุกปฺผลํ.
‘‘น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ;
ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ, วิปากํ ปฏิเสวติ.
‘‘ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;
ยสฺส ปตีโต สุมโน, วิปากํ ปฏิเสวติ.
‘‘ปฏิกจฺเจว [ปฏิคจฺเจว (สี.)] ตํ กยิรา, ยํ ชฺา หิตมตฺตโน;
น สากฏิกจินฺตาย, มนฺตา ธีโร ปรกฺกเม.
‘‘ยถา สากฏิโก มฏฺํ [ปนฺถํ (สี.), ปสตฺถํ (สฺยา. กํ.)], สมํ หิตฺวา มหาปถํ;
วิสมํ มคฺคมารุยฺห, อกฺขจฺฉินฺโนว ฌายติ.
‘‘เอวํ ¶ ¶ ธมฺมา อปกฺกมฺม, อธมฺมมนุวตฺติย;
มนฺโท มจฺจุมุขํ ปตฺโต, อกฺขจฺฉินฺโนว ฌายตี’’ติ.
๓. เสรีสุตฺตํ
๑๐๔. เอกมนฺตํ ิโต โข เสรี เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อนฺนเมวาภินนฺทนฺติ ¶ , อุภเย เทวมานุสา;
อถ โก นาม โส ยกฺโข, ยํ อนฺนํ นาภินนฺทตี’’ติ.
‘‘เย นํ ททนฺติ สทฺธาย, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
ตเมว อนฺนํ ภชติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;
ปฺุานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
‘‘อจฺฉริยํ ¶ , ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวสุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา –
‘‘เย นํ ททนฺติ สทฺธาย, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
ตเมว อนฺนํ ภชติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;
ปฺุานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
‘‘ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, สิรี [เสรี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นาม ราชา อโหสึ ทายโก ทานปติ ทานสฺส วณฺณวาที. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, จตูสุ ทฺวาเรสุ ทานํ ทียิตฺถ สมณ-พฺราหฺมณ-กปณทฺธิก-วนิพฺพกยาจกานํ. อถ โข ¶ มํ, ภนฺเต, อิตฺถาคารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ [อิตฺถาคารา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ (ก.)] – ‘เทวสฺส โข [เทวสฺเสว โข (ก. สี.)] ทานํ ทียติ; อมฺหากํ ทานํ น ทียติ. สาธุ มยมฺปิ เทวํ นิสฺสาย ทานานิ ทเทยฺยาม, ปฺุานิ กเรยฺยามา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อหํ โขสฺมิ ทายโก ทานปติ ทานสฺส วณฺณวาที. ทานํ ทสฺสามาติ วทนฺเต กินฺติ วเทยฺย’นฺติ? โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, ปมํ ทฺวารํ อิตฺถาคารสฺส อทาสึ. ตตฺถ อิตฺถาคารสฺส ทานํ ทียิตฺถ; มม ทานํ ปฏิกฺกมิ.
‘‘อถ โข มํ, ภนฺเต, ขตฺติยา อนุยนฺตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘เทวสฺส โข ทานํ ทียติ; อิตฺถาคารสฺส ทานํ ทียติ; อมฺหากํ ทานํ น ทียติ. สาธุ มยมฺปิ เทวํ นิสฺสาย ทานานิ ทเทยฺยาม, ปฺุานิ กเรยฺยามา’ติ ¶ . ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อหํ โขสฺมิ ทายโก ทานปติ ทานสฺส วณฺณวาที. ทานํ ทสฺสามาติ วทนฺเต กินฺติ วเทยฺย’นฺติ ¶ ? โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, ทุติยํ ทฺวารํ ขตฺติยานํ อนุยนฺตานํ อทาสึ. ตตฺถ ขตฺติยานํ อนุยนฺตานํ ทานํ ทียิตฺถ, มม ทานํ ปฏิกฺกมิ.
‘‘อถ โข มํ, ภนฺเต, พลกาโย อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘เทวสฺส โข ทานํ ทียติ; อิตฺถาคารสฺส ทานํ ทียติ; ขตฺติยานํ อนุยนฺตานํ ทานํ ทียติ; อมฺหากํ ทานํ น ทียติ. สาธุ มยมฺปิ เทวํ นิสฺสาย ทานานิ ทเทยฺยาม, ปฺุานิ กเรยฺยามา’ติ. ตสฺส ¶ มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อหํ โขสฺมิ ทายโก ทานปติ ทานสฺส วณฺณวาที. ทานํ ทสฺสามาติ วทนฺเต ¶ กินฺติ วเทยฺย’นฺติ? โส ขฺวาหํ ภนฺเต, ตติยํ ทฺวารํ พลกายสฺส อทาสึ. ตตฺถ พลกายสฺส ทานํ ทียิตฺถ, มม ทานํ ปฏิกฺกมิ.
‘‘อถ โข มํ, ภนฺเต, พฺราหฺมณคหปติกา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘เทวสฺส โข ทานํ ทียติ; อิตฺถาคารสฺส ทานํ ทียติ; ขตฺติยานํ อนุยนฺตานํ ทานํ ทียติ; พลกายสฺส ทานํ ทียติ; อมฺหากํ ทานํ น ทียติ. สาธุ มยมฺปิ เทวํ นิสฺสาย ทานานิ ทเทยฺยาม, ปฺุานิ กเรยฺยามา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อหํ โขสฺมิ ทายโก ทานปติ ทานสฺส วณฺณวาที. ทานํ ทสฺสามาติ วทนฺเต กินฺติ วเทยฺย’นฺติ? โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, จตุตฺถํ ทฺวารํ พฺราหฺมณคหปติกานํ อทาสึ. ตตฺถ พฺราหฺมณคหปติกานํ ทานํ ทียิตฺถ, มม ทานํ ปฏิกฺกมิ.
‘‘อถ โข มํ, ภนฺเต, ปุริสา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘น โข ทานิ เทวสฺส โกจิ ทานํ ทียตี’ติ. เอวํ วุตฺตาหํ, ภนฺเต, เต ปุริเส เอตทโวจํ – ‘เตน หิ, ภเณ, โย พาหิเรสุ ชนปเทสุ อาโย สฺชายติ ตโต อุปฑฺฒํ อนฺเตปุเร ปเวเสถ, อุปฑฺฒํ ตตฺเถว ทานํ เทถ สมณ-พฺราหฺมณ-กปณทฺธิก-วนิพฺพก-ยาจกาน’นฺติ ¶ . โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, เอวํ ทีฆรตฺตํ กตานํ ปฺุานํ เอวํ ทีฆรตฺตํ กตานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ปริยนฺตํ นาธิคจฺฉามิ – เอตฺตกํ ปฺุนฺติ วา เอตฺตโก ปฺุวิปาโกติ วา เอตฺตกํ สคฺเค าตพฺพนฺติ วาติ. อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวสุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา –
‘‘เย ¶ นํ ททนฺติ สทฺธาย, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
ตเมว อนฺนํ ภชติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
‘‘ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ, ทชฺชา ทานํ มลาภิภู;
ปฺุานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
๔. ฆฏีการสุตฺตํ
๑๐๕. เอกมนฺตํ ¶ ¶ ิโต โข ฆฏีกาโร เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อวิหํ อุปปนฺนาเส, วิมุตฺตา สตฺต ภิกฺขโว;
ราคโทสปริกฺขีณา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.
‘‘เก จ เต อตรุํ ปงฺกํ, มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตรํ;
เก หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ.
‘‘อุปโก ปลคณฺโฑ [ผลคณฺโฑ (ก.)] จ, ปุกฺกุสาติ จ เต ตโย;
ภทฺทิโย ขณฺฑเทโว จ, พาหุรคฺคิ จ สงฺคิโย [พาหุทนฺตี จ ปิงฺคิโย (สี. สฺยา.)];
เต หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปจฺจคุ’’นฺติ.
‘‘กุสลี ภาสสี เตสํ, มารปาสปฺปหายินํ;
กสฺส เต ธมฺมมฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธน’’นฺติ.
‘‘น ¶ อฺตฺร ภควตา, นาฺตฺร ตว สาสนา;
ยสฺส เต ธมฺมมฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธนํ.
‘‘ยตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;
ตํ เต ธมฺมํ อิธฺาย, อจฺฉิทุํ ภวพนฺธน’’นฺติ.
‘‘คมฺภีรํ ¶ ภาสสี วาจํ, ทุพฺพิชานํ สุทุพฺพุธํ;
กสฺส ตฺวํ ธมฺมมฺาย, วาจํ ภาสสิ อีทิส’’นฺติ.
‘‘กุมฺภกาโร ปุเร อาสึ, เวกฬิงฺเค ฆฏีกโร;
มาตาเปตฺติภโร อาสึ, กสฺสปสฺส อุปาสโก.
‘‘วิรโต เมถุนา ธมฺมา, พฺรหฺมจารี นิรามิโส;
อหุวา เต สคาเมยฺโย, อหุวา เต ปุเร สขา.
‘‘โสหเมเต ปชานามิ, วิมุตฺเต สตฺต ภิกฺขโว;
ราคโทสปริกฺขีเณ, ติณฺเณ โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.
‘‘เอวเมตํ ตทา อาสิ, ยถา ภาสสิ ภคฺคว;
กุมฺภกาโร ปุเร อาสิ, เวกฬิงฺเค ฆฏีกโร.
‘‘มาตาเปตฺติภโร ¶ อาสิ, กสฺสปสฺส อุปาสโก;
วิรโต เมถุนา ธมฺมา, พฺรหฺมจารี นิรามิโส;
อหุวา เม สคาเมยฺโย, อหุวา เม ปุเร สขา’’ติ.
‘‘เอวเมตํ ปุราณานํ, สหายานํ อหุ สงฺคโม;
อุภินฺนํ ภาวิตตฺตานํ, สรีรนฺติมธาริน’’นฺติ.
๕. ชนฺตุสุตฺตํ
๑๐๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ สมฺพหุลา ภิกฺขู, โกสเลสุ วิหรนฺติ หิมวนฺตปสฺเส อรฺกุฏิกาย อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิกิณฺณวาจา มุฏฺสฺสติโน อสมฺปชานา อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา ปากตินฺทฺริยา.
อถ โข ¶ ชนฺตุ เทวปุตฺโต ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘สุขชีวิโน ปุเร อาสุํ, ภิกฺขู โคตมสาวกา;
อนิจฺฉา ปิณฺฑเมสนา [ปิณฺฑเมสานา (?)], อนิจฺฉา สยนาสนํ;
โลเก อนิจฺจตํ ตฺวา, ทุกฺขสฺสนฺตํ อกํสุ เต.
‘‘ทุปฺโปสํ กตฺวา อตฺตานํ, คาเม คามณิกา วิย;
ภุตฺวา ภุตฺวา นิปชฺชนฺติ, ปราคาเรสุ มุจฺฉิตา.
‘‘สงฺฆสฺส อฺชลึ กตฺวา, อิเธกจฺเจ วทามหํ [วนฺทามหํ (ก.)];
อปวิทฺธา อนาถา เต, ยถา เปตา ตเถว เต [ตเถว จ (สี.)].
‘‘เย โข ปมตฺตา วิหรนฺติ, เต เม สนฺธาย ภาสิตํ;
เย อปฺปมตฺตา วิหรนฺติ, นโม เตสํ กโรมห’’นฺติ.
๖. โรหิตสฺสสุตฺตํ
๑๐๗. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ ิโต โข โรหิตสฺโส เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยตฺถ นุ โข, ภนฺเต, น ชายติ น ชียติ น มียติ [น ชิยฺยติ น มิยฺยติ (สฺยา. กํ. ก.)] น จวติ น อุปปชฺชติ, สกฺกา นุ โข โส, ภนฺเต, คมเนน โลกสฺส ¶ อนฺโต าตุํ วา ทฏฺุํ วา ปาปุณิตุํ ¶ วา’’ติ? ‘‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ¶ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’’ติ.
‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวสุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’ติ.
‘‘ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, โรหิตสฺโส นาม อิสิ อโหสึ โภชปุตฺโต อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูโป ¶ ชโว อโหสิ; เสยฺยถาปิ นาม ทฬฺหธมฺมา [ทฬฺหธมฺโม (สพฺพตฺถ) ฏีกา จ โมคฺคลฺลานพฺยากรณํ จ โอโลเกตพฺพํ] ธนุคฺคโห สุสิกฺขิโต กตหตฺโถ กตโยคฺโค กตูปาสโน ลหุเกน อสเนน อปฺปกสิเรเนว ติริยํ ตาลจฺฉายํ อติปาเตยฺย. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูโป ปทวีติหาโร อโหสิ; เสยฺยถาปิ นาม ปุรตฺถิมา สมุทฺทา ปจฺฉิโม สมุทฺโท. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – ‘อหํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ ปาปุณิสฺสามี’ติ. โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, เอวรูเปน ชเวน สมนฺนาคโต เอวรูเปน จ ปทวีติหาเรน อฺตฺเรว อสิต-ปีต-ขายิต-สายิตา อฺตฺร อุจฺจาร-ปสฺสาวกมฺมา อฺตฺร นิทฺทากิลมถปฏิวิโนทนา วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวี วสฺสสตํ คนฺตฺวา อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ อนฺตราว กาลงฺกโต.
‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวสุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามี’’’ติ.
‘‘น โข ¶ ปนาหํ, อาวุโส, อปฺปตฺวา โลกสฺส อนฺตํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยํ วทามิ. อปิ จ ขฺวาหํ, อาวุโส, อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺเปมิ โลกสมุทยฺจ โลกนิโรธฺจ โลกนิโรธคามินิฺจ ปฏิปทนฺติ.
‘‘คมเนน น ปตฺตพฺโพ, โลกสฺสนฺโต กุทาจนํ;
น จ อปฺปตฺวา โลกนฺตํ, ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนํ.
‘‘ตสฺมา ¶ ¶ หเว โลกวิทู สุเมโธ,
โลกนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย;
โลกสฺส อนฺตํ สมิตาวิ ตฺวา,
นาสีสติ โลกมิมํ ปรฺจา’’ติ.
๗. นนฺทสุตฺตํ
๑๐๘. เอกมนฺตํ ิโต โข นนฺโท เทวปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย,
วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ;
ปฺุานิ กยิราถ สุขาวหานี’’ติ.
‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย,
วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ;
เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,
โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข’’ติ.
๘. นนฺทิวิสาลสุตฺตํ
๑๐๙. เอกมนฺตํ ิโต โข นนฺทิวิสาโล เทวปุตฺโต ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวารํ, ปุณฺณํ โลเภน สํยุตํ;
ปงฺกชาตํ มหาวีร, กถํ ยาตฺรา ภวิสฺสตี’’ติ.
‘‘เฉตฺวา นทฺธึ วรตฺตฺจ, อิจฺฉาโลภฺจ ปาปกํ;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, เอวํ ยาตฺรา ภวิสฺสตี’’ติ.
๙. สุสิมสุตฺตํ
๑๑๐. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘ตุยฺหมฺปิ โน, อานนฺท, สาริปุตฺโต รุจฺจตี’’ติ?
‘‘กสฺส ¶ หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส อายสฺมา สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺย? ปณฺฑิโต, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต ¶ . มหาปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. ปุถุปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. หาสปฺโ [หาสุปฺโ (สี.)], ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. ชวนปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. ติกฺขปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. นิพฺเพธิกปฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. อปฺปิจฺโฉ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. สนฺตุฏฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. ปวิวิตฺโต, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. อสํสฏฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. อารทฺธวีริโย, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. วตฺตา, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. วจนกฺขโม, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. โจทโก, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. ปาปครหี, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. กสฺส หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส อายสฺมา สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺยา’’ติ?
‘‘เอวเมตํ ¶ , อานนฺท, เอวเมตํ, อานนฺท! กสฺส หิ นาม, อานนฺท, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺย? ปณฺฑิโต, อานนฺท, สาริปุตฺโต. มหาปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. ปุถุปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. หาสปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. ชวนปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. ติกฺขปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. นิพฺเพธิกปฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. อปฺปิจฺโฉ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. สนฺตุฏฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. ปวิวิตฺโต, อานนฺท, สาริปุตฺโต. อสํสฏฺโ, อานนฺท, สาริปุตฺโต. อารทฺธวีริโย, อานนฺท, สาริปุตฺโต. วตฺตา, อานนฺท, สาริปุตฺโต. วจนกฺขโม, อานนฺท, สาริปุตฺโต ¶ . โจทโก, อานนฺท, สาริปุตฺโต. ปาปครหี, อานนฺท, สาริปุตฺโต. กสฺส หิ นาม, อานนฺท, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺยา’’ติ?
อถ โข สุสิโม [สุสีโม (สี.)] เทวปุตฺโต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน มหติยา เทวปุตฺตปริสาย ¶ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข สุสิโม เทวปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘เอวเมตํ ¶ , ภควา, เอวเมตํ, สุคต. กสฺส หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส อายสฺมา สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺย? ปณฺฑิโต, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. มหาปฺโ, ภนฺเต, ปุถุปฺโ, ภนฺเต, หาสปฺโ, ภนฺเต, ชวนปฺโ, ภนฺเต, ติกฺขปฺโ, ภนฺเต, นิพฺเพธิกปฺโ, ภนฺเต, อปฺปิจฺโฉ, ภนฺเต, สนฺตุฏฺโ, ภนฺเต, ปวิวิตฺโต, ภนฺเต, อสํสฏฺโ, ภนฺเต, อารทฺธวีริโย, ภนฺเต, วตฺตา, ภนฺเต, วจนกฺขโม, ภนฺเต, โจทโก, ภนฺเต, ปาปครหี, ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต. กสฺส หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส อายสฺมา สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺย?
‘‘อหมฺปิ หิ, ภนฺเต, ยฺเทว เทวปุตฺตปริสํ อุปสงฺกมึ, เอตเทว พหุลํ สทฺทํ สุณามิ – ‘ปณฺฑิโต อายสฺมา สาริปุตฺโต; มหาปฺโ อายสฺมา, ปุถุปฺโ อายสฺมา, หาสปฺโ อายสฺมา, ชวนปฺโ อายสฺมา, ติกฺขปฺโ อายสฺมา, นิพฺเพธิกปฺโ อายสฺมา, อปฺปิจฺโฉ อายสฺมา, สนฺตุฏฺโ อายสฺมา, ปวิวิตฺโต อายสฺมา, อสํสฏฺโ อายสฺมา, อารทฺธวีริโย อายสฺมา, วตฺตา อายสฺมา, วจนกฺขโม อายสฺมา, โจทโก อายสฺมา, ปาปครหี อายสฺมา สาริปุตฺโต’ติ ¶ . กสฺส หิ นาม, ภนฺเต, อพาลสฺส อทุฏฺสฺส อมูฬฺหสฺส อวิปลฺลตฺถจิตฺตสฺส อายสฺมา สาริปุตฺโต น รุจฺเจยฺยา’’ติ?
อถ โข สุสิมสฺส เทวปุตฺตสฺส เทวปุตฺตปริสา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ.
‘‘เสยฺยถาปิ นาม มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺโต ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมวํ สุสิมสฺส เทวปุตฺตสฺส เทวปุตฺตปริสา ¶ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ.
‘‘เสยฺยถาปิ นาม นิกฺขํ ชมฺโพนทํ ทกฺขกมฺมารปุตฺตอุกฺกามุขสุกุสลสมฺปหฏฺํ ปณฺฑุกมฺพเล ¶ นิกฺขิตฺตํ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมวํ สุสิมสฺส เทวปุตฺตสฺส เทวปุตฺตปริสา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ.
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ นาม สรทสมเย วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ โอสธิตารกา ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมวํ สุสิมสฺส เทวปุตฺตสฺส ¶ เทวปุตฺตปริสา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ.
‘‘เสยฺยถาปิ นาม สรทสมเย วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อาทิจฺโจ นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโน [อพฺภุสฺสุกฺกมาโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อพฺภุคฺคมมาโน (ที. นิ. ๒.๒๕๘)] สพฺพํ อากาสคตํ ตมคตํ อภิวิหจฺจ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมวํ สุสิมสฺส เทวปุตฺตสฺส เทวปุตฺตปริสา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตมนา ปมุทิตา ปีติโสมนสฺสชาตา อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ.
อถ โข สุสิโม เทวปุตฺโต อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ปณฺฑิโตติ สมฺาโต, สาริปุตฺโต อโกธโน;
อปฺปิจฺโฉ โสรโต ทนฺโต, สตฺถุวณฺณาภโต อิสี’’ติ.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อารพฺภ สุสิมํ เทวปุตฺตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –
‘‘ปณฺฑิโตติ สมฺาโต, สาริปุตฺโต อโกธโน;
อปฺปิจฺโฉ โสรโต ทนฺโต, กาลํ กงฺขติ สุทนฺโต’’ [กาลํ กงฺขติ ภตโก สุทนฺโต (สี.), กาลํ กงฺขติ ภาวิโต สุทนฺโต (สฺยา. กํ.), กาลํ กงฺขติ ภติโก สุทนฺโต (ปี.)] ติ.
๑๐. นานาติตฺถิยสาวกสุตฺตํ
๑๑๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข สมฺพหุลา นานาติตฺถิยสาวกา เทวปุตฺตา ¶ อสโม จ สหลิ [สหลี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] จ นีโก [นิงฺโก (สี. ปี.), นิโก (สฺยา. กํ.)] จ อาโกฏโก จ เวคพฺภริ จ [เวฏมฺพรี จ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มาณวคามิโย จ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา ¶ เกวลกปฺปํ ¶ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ¶ เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิโต โข อสโม เทวปุตฺโต ปูรณํ กสฺสปํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อิธ ฉินฺทิตมาริเต, หตชานีสุ กสฺสโป;
น ปาปํ สมนุปสฺสติ, ปฺุํ วา ปน อตฺตโน;
ส เว วิสฺสาสมาจิกฺขิ, สตฺถา อรหติ มานน’’นฺติ.
อถ โข สหลิ เทวปุตฺโต มกฺขลึ โคสาลํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตโปชิคุจฺฉาย สุสํวุตตฺโต,
วาจํ ปหาย กลหํ ชเนน;
สโมสวชฺชา วิรโต สจฺจวาที,
น หิ นูน ตาทิสํ กโรติ [น ห นุน ตาที ปกโรติ (สี. สฺยา. กํ.)] ปาป’’นฺติ.
อถ โข นีโก เทวปุตฺโต นิคณฺํ นาฏปุตฺตํ [นาถปุตฺตํ (สี.)] อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เชคุจฺฉี ¶ นิปโก ภิกฺขุ, จาตุยามสุสํวุโต;
ทิฏฺํ สุตฺจ อาจิกฺขํ, น หิ นูน กิพฺพิสี สิยา’’ติ.
อถ โข อาโกฏโก เทวปุตฺโต นานาติตฺถิเย อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ปกุธโก กาติยาโน นิคณฺโ,
เย จาปิเม มกฺขลิปูรณาเส;
คณสฺส ¶ สตฺถาโร สามฺปฺปตฺตา,
น หิ นูน เต สปฺปุริเสหิ ทูเร’’ติ.
อถ โข เวคพฺภริ เทวปุตฺโต อาโกฏกํ เทวปุตฺตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –
‘‘สหาจริเตน [สหารเวนาปิ (ก. สี.), สคารเวนาปิ (ปี.)] ฉโว สิคาโล [สิงฺคาโล (ก.)],
น โกตฺถุโก สีหสโม กทาจิ;
นคฺโค มุสาวาที คณสฺส สตฺถา,
สงฺกสฺสราจาโร น สตํ สริกฺโข’’ติ.
อถ ¶ ¶ โข มาโร ปาปิมา เพคพฺภรึ เทวปุตฺตํ อนฺวาวิสิตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตโปชิคุจฺฉาย อายุตฺตา, ปาลยํ ปวิเวกิยํ;
รูเป จ เย นิวิฏฺาเส, เทวโลกาภินนฺทิโน;
เต เว สมฺมานุสาสนฺติ, ปรโลกาย มาติยา’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา, ‘มาโร อยํ ปาปิมา’ อิติ วิทิตฺวา, มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –
‘‘เย เกจิ รูปา อิธ วา หุรํ วา,
เย จนฺตลิกฺขสฺมึ ปภาสวณฺณา;
สพฺเพว เต เต นมุจิปฺปสตฺถา,
อามิสํว มจฺฉานํ วธาย ขิตฺตา’’ติ.
อถ โข มาณวคามิโย เทวปุตฺโต ภควนฺตํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘วิปุโล ¶ ราชคหียานํ, คิริเสฏฺโ ปวุจฺจติ;
เสโต หิมวตํ เสฏฺโ, อาทิจฺโจ อฆคามินํ.
‘‘สมุทฺโท อุทธินํ เสฏฺโ, นกฺขตฺตานฺจ จนฺทิมา [นกฺขตฺตานํว จนฺทิมา (ก.)];
สเทวกสฺส โลกสฺส, พุทฺโธ อคฺโค ปวุจฺจตี’’ติ.
นานาติตฺถิยวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
สิโว เขโม จ เสรี จ, ฆฏี ชนฺตุ จ โรหิโต;
นนฺโท นนฺทิวิสาโล จ, สุสิโม นานาติตฺถิเยน เต ทสาติ.
เทวปุตฺตสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
๓. โกสลสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. ทหรสุตฺตํ
๑๑๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภวมฺปิ โน โคตโม อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ ปฏิชานาตี’’ติ? ‘‘ยฺหิ ตํ, มหาราช, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย ‘อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’ติ, มเมว [มมํ (สพฺพตฺถ)] ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย. อหฺหิ, มหาราช, อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ.
‘‘เยปิ เต, โภ โคตม, สมณพฺราหฺมณา สงฺฆิโน คณิโน คณาจริยา าตา ยสสฺสิโน ติตฺถกรา สาธุสมฺมตา พหุชนสฺส, เสยฺยถิทํ – ปูรโณ กสฺสโป, มกฺขลิ โคสาโล, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต, สฺจโย เพลฏฺปุตฺโต, ปกุโธ กจฺจายโน, อชิโต เกสกมฺพโล; เตปิ มยา ¶ ‘อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ ปฏิชานาถา’ติ ปุฏฺา สมานา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ น ปฏิชานนฺติ. กึ ปน ภวํ โคตโม ทหโร เจว ชาติยา นโว จ ปพฺพชฺชายา’’ติ?
‘‘จตฺตาโร ¶ โข เม, มหาราช, ทหราติ น อฺุาตพฺพา, ทหราติ น ปริโภตพฺพา. กตเม จตฺตาโร? ขตฺติโย โข, มหาราช, ทหโรติ น อฺุาตพฺโพ, ทหโรติ น ปริโภตพฺโพ. อุรโค โข, มหาราช, ทหโรติ น อฺุาตพฺโพ, ทหโรติ น ปริโภตพฺโพ. อคฺคิ ¶ โข, มหาราช, ทหโรติ น อฺุาตพฺโพ, ทหโรติ น ปริโภตพฺโพ. ภิกฺขุ, โข, มหาราช, ทหโรติ น อฺุาตพฺโพ, ทหโรติ น ปริโภตพฺโพ. อิเม โข, มหาราช, จตฺตาโร ทหราติ น อฺุาตพฺพา, ทหราติ น ปริโภตพฺพา’’ติ.
อิทมโวจ ¶ ภควา. อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘ขตฺติยํ ชาติสมฺปนฺนํ, อภิชาตํ ยสสฺสินํ;
ทหโรติ นาวชาเนยฺย, น นํ ปริภเว นโร.
‘‘านฺหิ โส มนุชินฺโท, รชฺชํ ลทฺธาน ขตฺติโย;
โส กุทฺโธ ราชทณฺเฑน, ตสฺมึ ปกฺกมเต ภุสํ;
ตสฺมา ตํ ปริวชฺเชยฺย, รกฺขํ ชีวิตมตฺตโน.
‘‘คาเม วา ยทิ วา รฺเ, ยตฺถ ปสฺเส ภุชงฺคมํ;
ทหโรติ นาวชาเนยฺย, น นํ ปริภเว นโร.
‘‘อุจฺจาวเจหิ ¶ วณฺเณหิ, อุรโค จรติ เตชสี [เตชสา (สี. ก.), เตชสิ (ปี. ก.)];
โส อาสชฺช ฑํเส พาลํ, นรํ นาริฺจ เอกทา;
ตสฺมา ตํ ปริวชฺเชยฺย, รกฺขํ ชีวิตมตฺตโน.
‘‘ปหูตภกฺขํ ชาลินํ, ปาวกํ กณฺหวตฺตนึ;
ทหโรติ นาวชาเนยฺย, น นํ ปริภเว นโร.
‘‘ลทฺธา หิ โส อุปาทานํ, มหา หุตฺวาน ปาวโก;
โส อาสชฺช ฑเห [ทเห] พาลํ, นรํ นาริฺจ เอกทา;
ตสฺมา ตํ ปริวชฺเชยฺย, รกฺขํ ชีวิตมตฺตโน.
‘‘วนํ ยทคฺคิ ฑหติ [ทหติ (ก.)], ปาวโก กณฺหวตฺตนี;
ชายนฺติ ตตฺถ ปาโรหา, อโหรตฺตานมจฺจเย.
‘‘ยฺจ ¶ โข สีลสมฺปนฺโน, ภิกฺขุ ฑหติ เตชสา;
น ตสฺส ปุตฺตา ปสโว, ทายาทา วินฺทเร ธนํ;
อนปจฺจา อทายาทา, ตาลาวตฺถู ภวนฺติ เต.
‘‘ตสฺมา ¶ หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;
ภุชงฺคมํ ปาวกฺจ, ขตฺติยฺจ ยสสฺสินํ;
ภิกฺขฺุจ สีลสมฺปนฺนํ, สมฺมเทว สมาจเร’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ [นิกุชฺชิตํ (?)] วา อุกฺกุชฺเชยฺย ¶ , ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย ¶ , อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ, ภนฺเต, ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๒. ปุริสสุตฺตํ
๑๑๓. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, ปุริสสฺส ธมฺมา อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหารายา’’ติ?
‘‘ตโย โข, มหาราช, ปุริสสฺส ธมฺมา อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหาราย. กตเม ตโย? โลโภ โข, มหาราช, ปุริสสฺส ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหาราย. โทโส โข, มหาราช, ปุริสสฺส ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหาราย. โมโห โข, มหาราช, ปุริสสฺส ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหาราย ¶ . อิเม โข, มหาราช, ตโย ปุริสสฺส ธมฺมา อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหารายา’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘โลโภ ¶ โทโส จ โมโห จ, ปุริสํ ปาปเจตสํ;
หึสนฺติ อตฺตสมฺภูตา, ตจสารํว สมฺผล’’นฺติ [สปฺผลนฺติ (สฺยา. กํ.)].
๓. ชรามรณสุตฺตํ
๑๑๔. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, ชาตสฺส อฺตฺร ชรามรณา’’ติ? ‘‘นตฺถิ โข, มหาราช, ชาตสฺส อฺตฺร ชรามรณา. เยปิ เต, มหาราช, ขตฺติยมหาสาลา อฑฺฒา มหทฺธนา มหาโภคา ปหูตชาตรูปรชตา ¶ ปหูตวิตฺตูปกรณา ปหูตธนธฺา, เตสมฺปิ ชาตานํ นตฺถิ อฺตฺร ชรามรณา. เยปิ เต, มหาราช, พฺราหฺมณมหาสาลา…เป… คหปติมหาสาลา อฑฺฒา มหทฺธนา มหาโภคา ปหูตชาตรูปรชตา ปหูตวิตฺตูปกรณา ปหูตธนธฺา, เตสมฺปิ ชาตานํ นตฺถิ อฺตฺร ชรามรณา. เยปิ เต, มหาราช, ภิกฺขู อรหนฺโต ขีณาสวา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทฺาวิมุตฺตา, เตสํ ปายํ กาโย เภทนธมฺโม นิกฺเขปนธมฺโม’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา,
อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ;
สตฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ,
สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตี’’ติ.
๔. ปิยสุตฺตํ
๑๑๕. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘เกสํ นุ โข ปิโย อตฺตา, เกสํ อปฺปิโย อตฺตา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘เย จ โข เกจิ กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ; เตสํ อปฺปิโย อตฺตา’. กิฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ – ‘ปิโย โน อตฺตา’ติ, อถ โข เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? ยฺหิ อปฺปิโย อปฺปิยสฺส ¶ กเรยฺย, ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ; ตสฺมา เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. เย จ โข เกจิ กาเยน สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ; เตสํ ปิโย อตฺตา. กิฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อปฺปิโย โน อตฺตา’ติ; อถ โข เตสํ ปิโย อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? ยฺหิ ปิโย ปิยสฺส กเรยฺย, ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ; ตสฺมา เตสํ ปิโย อตฺตา’’ติ.
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! เย หิ เกจิ, มหาราช, กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ; เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. กิฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ – ‘ปิโย โน อตฺตา’ติ, อถ โข เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? ยฺหิ, มหาราช, อปฺปิโย อปฺปิยสฺส กเรยฺย, ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ; ตสฺมา เตสํ อปฺปิโย อตฺตา. เย จ โข เกจิ, มหาราช ¶ , กาเยน ¶ สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ; เตสํ ปิโย อตฺตา. กิฺจาปิ เต เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อปฺปิโย โน อตฺตา’ติ; อถ โข เตสํ ปิโย อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? ยฺหิ มหาราช, ปิโย ปิยสฺส กเรยฺย, ตํ เต อตฺตนาว อตฺตโน กโรนฺติ; ตสฺมา เตสํ ปิโย อตฺตา’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘อตฺตานฺเจ ปิยํ ชฺา, น นํ ปาเปน สํยุเช;
น หิ ตํ สุลภํ โหติ, สุขํ ทุกฺกฏการินา.
‘‘อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, ชหโต มานุสํ ภวํ;
กิฺหิ ตสฺส สกํ โหติ, กิฺจ อาทาย คจฺฉติ;
กิฺจสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินี [อนุปายินี (สฺยา. กํ. ก.)].
‘‘อุโภ ¶ ปฺฺุจ ปาปฺจ, ยํ มจฺโจ กุรุเต อิธ;
ตฺหิ ตสฺส สกํ โหติ, ตฺจ [ตํว (?)] อาทาย คจฺฉติ;
ตฺจสฺส [ตํวสฺส (?)] อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินี.
‘‘ตสฺมา กเรยฺย กลฺยาณํ, นิจยํ สมฺปรายิกํ;
ปฺุานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
๕. อตฺตรกฺขิตสุตฺตํ
๑๑๖. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก ¶ อุทปาทิ – ‘เกสํ นุ โข รกฺขิโต อตฺตา, เกสํ อรกฺขิโต อตฺตา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ; เตสํ อรกฺขิโต อตฺตา. กิฺจาปิ เต หตฺถิกาโย วา รกฺเขยฺย, อสฺสกาโย วา รกฺเขยฺย, รถกาโย วา รกฺเขยฺย, ปตฺติกาโย ¶ วา รกฺเขยฺย; อถ โข เตสํ อรกฺขิโต อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? พาหิรา เหสา รกฺขา, เนสา รกฺขา อชฺฌตฺติกา; ตสฺมา เตสํ อรกฺขิโต อตฺตา. เย จ โข เกจิ กาเยน สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ; เตสํ รกฺขิโต อตฺตา. กิฺจาปิ เต เนว หตฺถิกาโย รกฺเขยฺย, น อสฺสกาโย รกฺเขยฺย, น รถกาโย รกฺเขยฺย ¶ , น ปตฺติกาโย รกฺเขยฺย; อถ โข เตสํ รกฺขิโต อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? อชฺฌตฺติกา เหสา รกฺขา, เนสา รกฺขา พาหิรา; ตสฺมา เตสํ รกฺขิโต อตฺตา’’’ติ.
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! เย หิ เกจิ, มหาราช, กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ…เป… เตสํ อรกฺขิโต อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? พาหิรา เหสา, มหาราช, รกฺขา, เนสา รกฺขา อชฺฌตฺติกา; ตสฺมา เตสํ อรกฺขิโต อตฺตา. เย จ โข เกจิ, มหาราช, กาเยน สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ; เตสํ รกฺขิโต อตฺตา. กิฺจาปิ เต เนว หตฺถิกาโย รกฺเขยฺย, น อสฺสกาโย ¶ รกฺเขยฺย, น รถกาโย รกฺเขยฺย, น ปตฺติกาโย รกฺเขยฺย; อถ โข เตสํ รกฺขิโต อตฺตา. ตํ กิสฺส เหตุ? อชฺฌตฺติกา ¶ เหสา, มหาราช, รกฺขา, เนสา รกฺขา พาหิรา; ตสฺมา เตสํ รกฺขิโต อตฺตา’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘กาเยน สํวโร สาธุ, สาธุ วาจาย สํวโร;
มนสา สํวโร สาธุ, สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร;
สพฺพตฺถ สํวุโต ลชฺชี, รกฺขิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ.
๖. อปฺปกสุตฺตํ
๑๑๗. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘อปฺปกา เต สตฺตา โลกสฺมึ เย อุฬาเร อุฬาเร โภเค ลภิตฺวา น เจว มชฺชนฺติ, น จ ปมชฺชนฺติ, น จ กาเมสุ เคธํ อาปชฺชนฺติ, น จ สตฺเตสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ. อถ โข เอเตว พหุตรา สตฺตา โลกสฺมึ เย อุฬาเร อุฬาเร โภเค ลภิตฺวา มชฺชนฺติ เจว ปมชฺชนฺติ ¶ , จ กาเมสุ จ เคธํ อาปชฺชนฺติ, สตฺเตสุ จ วิปฺปฏิปชฺชนฺตี’’’ติ.
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! อปฺปกา เต, มหาราช, สตฺตา โลกสฺมึ, เย อุฬาเร อุฬาเร โภเค ลภิตฺวา น เจว มชฺชนฺติ, น จ ปมชฺชนฺติ, น จ กาเมสุ เคธํ อาปชฺชนฺติ, น ¶ จ สตฺเตสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ. อถ โข เอเตว พหุตรา สตฺตา โลกสฺมึ, เย อุฬาเร อุฬาเร โภเค ลภิตฺวา ¶ มชฺชนฺติ เจว ปมชฺชนฺติ จ กาเมสุ จ เคธํ อาปชฺชนฺติ, สตฺเตสุ จ วิปฺปฏิปชฺชนฺตี’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘สารตฺตา กามโภเคสุ, คิทฺธา กาเมสุ มุจฺฉิตา;
อติสารํ น พุชฺฌนฺติ, มิคา กูฏํว โอฑฺฑิตํ;
ปจฺฉาสํ กฏุกํ โหติ, วิปาโก หิสฺส ปาปโก’’ติ.
๗. อฑฺฑกรณสุตฺตํ
๑๑๘. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, อฑฺฑกรเณ [อตฺถกรเณ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นิสินฺโน ปสฺสามิ ขตฺติยมหาสาเลปิ พฺราหฺมณมหาสาเลปิ คหปติมหาสาเลปิ อฑฺเฒ มหทฺธเน มหาโภเค ปหูตชาตรูปรชเต ปหูตวิตฺตูปกรเณ ปหูตธนธฺเ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ สมฺปชานมุสา ภาสนฺเต. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ – ‘อลํ ทานิ เม อฑฺฑกรเณน, ภทฺรมุโข ทานิ อฑฺฑกรเณน ปฺายิสฺสตี’’’ติ.
‘‘(เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ มหาราช!) [( ) สี. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] เยปิ เต, มหาราช, ขตฺติยมหาสาลา พฺราหฺมณมหาสาลา คหปติมหาสาลา อฑฺฒา มหทฺธนา มหาโภคา ปหูตชาตรูปรชตา ปหูตวิตฺตูปกรณา ¶ ปหูตธนธฺา กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ สมฺปชานมุสา ภาสนฺติ; เตสํ ตํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘สารตฺตา กามโภเคสุ, คิทฺธา กาเมสุ มุจฺฉิตา;
อติสารํ น พุชฺฌนฺติ, มจฺฉา ขิปฺปํว โอฑฺฑิตํ;
ปจฺฉาสํ กฏุกํ โหติ, วิปาโก หิสฺส ปาปโก’’ติ.
๘. มลฺลิกาสุตฺตํ
๑๑๙. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล มลฺลิกาย เทวิยา สทฺธึ อุปริปาสาทวรคโต โหติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล มลฺลิกํ เทวึ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นุ โข เต, มลฺลิเก, โกจฺโ อตฺตนา ปิยตโร’’ติ? ‘‘นตฺถิ โข เม, มหาราช, โกจฺโ อตฺตนา ปิยตโร. ตุยฺหํ ปน, มหาราช, อตฺถฺโ ¶ โกจิ อตฺตนา ปิยตโร’’ติ? ‘‘มยฺหมฺปิ โข, มลฺลิเก, นตฺถฺโ โกจิ อตฺตนา ปิยตโร’’ติ.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปาสาทา โอโรหิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ ¶ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, มลฺลิกาย เทวิยา สทฺธึ อุปริปาสาทวรคโต มลฺลิกํ เทวึ เอตทโวจํ – ‘อตฺถิ นุ โข เต, มลฺลิเก, โกจฺโ ¶ อตฺตนา ปิยตโร’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, มลฺลิกา เทวี มํ เอตทโวจ – ‘นตฺถิ โข เม, มหาราช, โกจฺโ อตฺตนา ปิยตโร. ตุยฺหํ ปน, มหาราช, อตฺถฺโ โกจิ อตฺตนา ปิยตโร’ติ? เอวํ วุตฺตาหํ, ภนฺเต, มลฺลิกํ เทวึ เอตทโวจํ – ‘มยฺหมฺปิ โข, มลฺลิเก, นตฺถฺโ โกจิ อตฺตนา ปิยตโร’’ติ.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสา,
เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจิ;
เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสํ,
ตสฺมา น หึเส ปรมตฺตกาโม’’ติ.
๙. ยฺสุตฺตํ
๑๒๐. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส มหายฺโ ปจฺจุปฏฺิโต โหติ, ปฺจ จ อุสภสตานิ ปฺจ จ วจฺฉตรสตานิ ปฺจ จ วจฺฉตริสตานิ ปฺจ จ ¶ อชสตานิ ปฺจ จ อุรพฺภสตานิ ถูณูปนีตานิ โหนฺติ ยฺตฺถาย. เยปิสฺส เต โหนฺติ ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา, เตปิ ทณฺฑตชฺชิตา ภยตชฺชิตา อสฺสุมุขา รุทมานา ปริกมฺมานิ กโรนฺติ.
อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ¶ สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส มหายฺโ ปจฺจุปฏฺิโต ¶ โหติ, ปฺจ จ อุสภสตานิ ปฺจ จ วจฺฉตรสตานิ ปฺจ จ วจฺฉตริสตานิ ปฺจ จ อชสตานิ ปฺจ จ อุรพฺภสตานิ ถูณูปนีตานิ โหนฺติ ยฺตฺถาย ¶ . เยปิสฺส เต โหนฺติ ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา, เตปิ ทณฺฑตชฺชิตา ภยตชฺชิตา อสฺสุมุขา รุทมานา ปริกมฺมานิ กโรนฺตี’’ติ.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘อสฺสเมธํ ปุริสเมธํ, สมฺมาปาสํ วาชเปยฺยํ นิรคฺคฬฺหํ;
มหายฺา มหารมฺภา [วาชเปยฺยุํ; นิรคฺคฬํ มหารมฺภา (ก.)], น เต โหนฺติ มหปฺผลา.
‘‘อเชฬกา จ คาโว จ, วิวิธา ยตฺถ หฺเร;
น ตํ สมฺมคฺคตา ยฺํ, อุปยนฺติ มเหสิโน.
‘‘เย จ ยฺา นิรารมฺภา, ยชนฺติ อนุกุลํ สทา;
อเชฬกา จ คาโว จ, วิวิธา เนตฺถ หฺเร;
เอตํ ¶ สมฺมคฺคตา ยฺํ, อุปยนฺติ มเหสิโน.
‘‘เอตํ ยเชถ เมธาวี, เอโส ยฺโ มหปฺผโล;
เอตฺหิ ยชมานสฺส, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย;
ยฺโ จ วิปุโล โหติ, ปสีทนฺติ จ เทวตา’’ติ.
๑๐. พนฺธนสุตฺตํ
๑๒๑. เตน โข ปน สมเยน รฺา ปเสนทินา โกสเลน มหาชนกาโย พนฺธาปิโต โหติ, อปฺเปกจฺเจ รชฺชูหิ อปฺเปกจฺเจ อนฺทูหิ อปฺเปกจฺเจ สงฺขลิกาหิ.
อถ ¶ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, รฺา ปเสนทินา โกสเลน มหาชนกาโย ¶ พนฺธาปิโต, อปฺเปกจฺเจ รชฺชูหิ อปฺเปกจฺเจ อนฺทูหิ อปฺเปกจฺเจ สงฺขลิกาหี’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘น ¶ ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา,
ยทายสํ ทารุชํ ปพฺพชฺจ;
สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ,
ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา.
‘‘เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา,
โอหารินํ สิถิลํ ทุปฺปมฺุจํ;
เอตมฺปิ เฉตฺวาน ปริพฺพชนฺติ,
อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติ.
ปโม วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทหโร ปุริโส ชรา, ปิยํ อตฺตานรกฺขิโต;
อปฺปกา อฑฺฑกรณํ, มลฺลิกา ยฺพนฺธนนฺติ.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. สตฺตชฏิลสุตฺตํ
๑๒๒. เอกํ ¶ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท. เตน โข ปน สมเยน ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต พหิทฺวารโกฏฺเก นิสินฺโน โหติ. อถ ¶ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
เตน ¶ โข ปน สมเยน สตฺต จ ชฏิลา สตฺต จ นิคณฺา สตฺต จ อเจลกา สตฺต จ เอกสาฏกา สตฺต จ ปริพฺพาชกา ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมา ขาริวิวิธมาทาย [ขาริวิธํ อาทาย (ปี.) ที. นิ. ๑.๒๘๐ ตทฏฺกถาปิ โอโลเกตพฺพา] ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ¶ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา เยน เต สตฺต จ ชฏิลา สตฺต จ นิคณฺา สตฺต จ อเจลกา สตฺต จ เอกสาฏกา สตฺต จ ปริพฺพาชกา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ นามํ สาเวสิ – ‘‘ราชาหํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล…เป… ราชาหํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล’’ติ.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อจิรปกฺกนฺเตสุ เตสุ ¶ สตฺตสุ จ ชฏิเลสุ สตฺตสุ จ นิคณฺเสุ สตฺตสุ จ อเจลเกสุ สตฺตสุ จ เอกสาฏเกสุ สตฺตสุ จ ปริพฺพาชเกสุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เย เต, ภนฺเต, โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา เอเต เตสํ อฺตรา’’ติ.
‘‘ทุชฺชานํ โข เอตํ, มหาราช, ตยา คิหินา กามโภคินา ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวสนฺเตน กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภนฺเตน มาลาคนฺธวิเลปนํ ธารยนฺเตน ชาตรูปรชตํ สาทิยนฺเตน – ‘อิเม วา อรหนฺโต, อิเม วา อรหตฺตมคฺคํ สมาปนฺนา’’’ติ.
‘‘สํวาเสน โข, มหาราช, สีลํ เวทิตพฺพํ. ตฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา, น อิตฺตรํ; มนสิกโรตา, โน อมนสิกโรตา; ปฺวตา, โน ทุปฺปฺเน. สํโวหาเรน โข, มหาราช, โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํ. ตฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา, น อิตฺตรํ; มนสิกโรตา, โน อมนสิกโรตา; ปฺวตา, โน ทุปฺปฺเน. อาปทาสุ โข, มหาราช, ถาโม เวทิตพฺโพ. โส จ โข ทีเฆน อทฺธุนา, น อิตฺตรํ; มนสิกโรตา, โน อมนสิกโรตา; ปฺวตา, โน ทุปฺปฺเน. สากจฺฉาย ¶ , โข, มหาราช, ปฺา เวทิตพฺพา. สา จ โข ทีเฆน อทฺธุนา, น อิตฺตรํ; มนสิกโรตา, โน ¶ อมนสิกโรตา; ปฺวตา, โน ทุปฺปฺเนา’’ติ.
‘‘อจฺฉริยํ ¶ , ภนฺเต, อพฺภุตํ ภนฺเต! ยาว สุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ‘ทุชฺชานํ โข เอตํ, มหาราช, ตยา คิหินา กามโภคินา ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวสนฺเตน กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภนฺเตน มาลาคนฺธวิเลปนํ ธารยนฺเตน ชาตรูปรชตํ สาทิยนฺเตน – อิเม วา อรหนฺโต, อิเม วา อรหตฺตมคฺคํ สมาปนฺนา’ติ. สํวาเสน โข, มหาราช, สีลํ เวทิตพฺพํ. ตฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา, น อิตฺตรํ; มนสิกโรตา, โน อมนสิกโรตา; ปฺวตา, โน ทุปฺปฺเน. สํโวหาเรน โข มหาราช ¶ , โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํ. ตฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา, น อิตฺตรํ; มนสิกโรตา, โน อมนสิกโรตา; ปฺวตา, โน ทุปฺปฺเน. อาปทาสุ โข, มหาราช, ถาโม เวทิตพฺโพ. โส จ โข ทีเฆน อทฺธุนา, น อิตฺตรํ; มนสิกโรตา, โน อมนสิกโรตา; ปฺวตา, โน ทุปฺปฺเน. สากจฺฉาย โข, มหาราช, ปฺา เวทิตพฺพา. สา จ โข ทีเฆน อทฺธุนา, น อิตฺตรํ; มนสิกโรตา, โน อมนสิกโรตา; ปฺวตา, โน ทุปฺปฺเนา’’ติ.
‘‘เอเต, ภนฺเต, มม ปุริสา จรา โอจรกา ชนปทํ โอจริตฺวา อาคจฺฉนฺติ. เตหิ ปมํ โอจิณฺณํ อหํ ปจฺฉา โอสาปยิสฺสามิ [โอยายิสฺสามิ (สี.), โอหยิสฺสามิ (สฺยา. กํ.)]. อิทานิ เต, ภนฺเต, ตํ รโชชลฺลํ ปวาเหตฺวา สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู โอทาตวตฺถา [โอทาตวตฺถวสนา (สี.)] ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรสฺสนฺตี’’ติ.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘น วณฺณรูเปน นโร สุชาโน,
น วิสฺสเส อิตฺตรทสฺสเนน;
สุสฺตานฺหิ วิยฺชเนน,
อสฺตา โลกมิมํ จรนฺติ.
‘‘ปติรูปโก มตฺติกากุณฺฑโลว,
โลหฑฺฒมาโสว สุวณฺณฉนฺโน;
จรนฺติ ¶ โลเก [เอเก (สี. ปี.)] ปริวารฉนฺนา,
อนฺโต อสุทฺธา พหิ โสภมานา’’ติ.
๒. ปฺจราชสุตฺตํ
๑๒๓. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เตน โข ปน สมเยน ปฺจนฺนํ ราชูนํ ปเสนทิปมุขานํ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตานํ สมงฺคีภูตานํ ปริจารยมานานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘‘กึ นุ โข กามานํ อคฺค’’นฺติ? ตตฺเรกจฺเจ [ตตฺเรเก (สี. ปี.)] เอวมาหํสุ – ‘‘รูปา กามานํ อคฺค’’นฺติ. เอกจฺเจ เอวมาหํสุ ¶ – ‘‘สทฺทา กามานํ อคฺค’’นฺติ. เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘‘คนฺธา กามานํ อคฺค’’นฺติ. เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘‘รสา กามานํ อคฺค’’นฺติ. เอกจฺเจ เอวมาหํสุ ¶ – ‘‘โผฏฺพฺพา กามานํ อคฺค’’นฺติ. ยโต โข เต ราชาโน นาสกฺขึสุ อฺมฺํ สฺาเปตุํ.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เต ราชาโน เอตทโวจ – ‘‘อายาม, มาริสา, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺฉิสฺสาม. ยถา โน ภควา พฺยากริสฺสติ ตถา นํ ธาเรสฺสามา’’ติ [ธาเรยฺยามาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ‘‘เอวํ, มาริสา’’ติ โข เต ราชาโน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปจฺจสฺโสสุํ.
อถ โข เต ปฺจ ราชาโน ปเสนทิปมุขา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ ปฺจนฺนํ ราชูนํ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตานํ สมงฺคีภูตานํ ปริจารยมานานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘กึ นุ โข กามานํ อคฺค’นฺติ? เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘รูปา กามานํ อคฺค’นฺติ. เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘สทฺทา กามานํ อคฺค’นฺติ. เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘คนฺธา กามานํ อคฺค’นฺติ. เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘รสา กามานํ อคฺค’นฺติ. เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘โผฏฺพฺพา กามานํ อคฺค’นฺติ. กึ นุ โข, ภนฺเต, กามานํ อคฺค’’นฺติ?
‘‘มนาปปริยนฺตํ ขฺวาหํ, มหาราช, ปฺจสุ กามคุเณสุ อคฺคนฺติ วทามิ. เตว [เต จ (สี. ปี. ก.), เย จ (สฺยา. กํ.)], มหาราช, รูปา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เตว [เต จ (สี. ปี. ก.)] รูปา เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติ. เยหิ จ โย รูเปหิ อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป, โส เตหิ รูเปหิ อฺํ รูปํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติ. เต ตสฺส รูปา ปรมา โหนฺติ. เต ตสฺส รูปา อนุตฺตรา โหนฺติ.
‘‘เตว ¶ , มหาราช, สทฺทา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เตว สทฺทา เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติ. เยหิ จ โย สทฺเทหิ อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป, โส เตหิ สทฺเทหิ อฺํ สทฺทํ อุตฺตริตรํ วา ¶ ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติ. เต ตสฺส สทฺทา ปรมา โหนฺติ. เต ตสฺส สทฺทา อนุตฺตรา โหนฺติ.
‘‘เตว, มหาราช, คนฺธา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เตว คนฺธา เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติ. เยหิ จ โย คนฺเธหิ อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป, โส เตหิ คนฺเธหิ อฺํ คนฺธํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติ. เต ตสฺส คนฺธา ปรมา โหนฺติ. เต ตสฺส คนฺธา อนุตฺตรา โหนฺติ.
‘‘เตว, มหาราช, รสา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เตว รสา เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติ. เยหิ จ โย รเสหิ อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป, โส เตหิ รเสหิ อฺํ รสํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติ. เต ตสฺส รสา ปรมา โหนฺติ. เต ตสฺส รสา อนุตฺตรา โหนฺติ.
‘‘เตว, มหาราช, โผฏฺพฺพา เอกจฺจสฺส มนาปา โหนฺติ, เตว โผฏฺพฺพา เอกจฺจสฺส อมนาปา โหนฺติ. เยหิ ¶ จ โย โผฏฺพฺเพหิ อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป, โส เตหิ โผฏฺพฺเพหิ อฺํ โผฏฺพฺพํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น ปตฺเถติ. เต ตสฺส ¶ โผฏฺพฺพา ปรมา โหนฺติ. เต ตสฺส โผฏฺพฺพา อนุตฺตรา โหนฺตี’’ติ.
เตน โข ปน สมเยน จนฺทนงฺคลิโก อุปาสโก ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ. อถ โข จนฺทนงฺคลิโก อุปาสโก อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ ภควา, ปฏิภาติ มํ สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ จนฺทนงฺคลิกา’’ติ ภควา อโวจ.
อถ โข จนฺทนงฺคลิโก อุปาสโก ภควโต สมฺมุขา ตทนุรูปาย คาถาย อภิตฺถวิ –
‘‘ปทุมํ ¶ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ,
ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ,
ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข’’ติ.
อถ ¶ โข เต ปฺจ ราชาโน จนฺทนงฺคลิกํ อุปาสกํ ปฺจหิ อุตฺตราสงฺเคหิ อจฺฉาเทสุํ. อถ โข จนฺทนงฺคลิโก อุปาสโก เตหิ ปฺจหิ อุตฺตราสงฺเคหิ ภควนฺตํ อจฺฉาเทสีติ.
๓. โทณปากสุตฺตํ
๑๒๔. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล โทณปากกุรํ [โทณปากสุทํ (สี.), โทณปากํ สุทํ (ปี.)] ภฺุชติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ ¶ โกสโล ภุตฺตาวี มหสฺสาสี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
อถ โข ภควา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภุตฺตาวึ มหสฺสาสึ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘มนุชสฺส สทา สตีมโต,
มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;
ตนุกสฺส [ตนุ ตสฺส (สี. ปี.)] ภวนฺติ เวทนา,
สณิกํ ชีรติ อายุปาลย’’นฺติ.
เตน ¶ โข ปน สมเยน สุทสฺสโน มาณโว รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปิฏฺิโต ิโต โหติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล สุทสฺสนํ มาณวํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ตาต สุทสฺสน, ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ ปริยาปุณิตฺวา มม ภตฺตาภิหาเร (ภตฺตาภิหาเร) [( ) สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] ภาส. อหฺจ เต เทวสิกํ กหาปณสตํ (กหาปณสตํ) [( ) สี. สฺยา. กํ. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] นิจฺจํ ภิกฺขํ ปวตฺตยิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ เทวา’’ติ โข สุทสฺสโน มาณโว รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ ปริยาปุณิตฺวา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ภตฺตาภิหาเร สุทํ ภาสติ –
‘‘มนุชสฺส ¶ สทา สตีมโต,
มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;
ตนุกสฺส ¶ ภวนฺติ เวทนา,
สณิกํ ชีรติ อายุปาลย’’นฺติ.
อถ ¶ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อนุปุพฺเพน นาฬิโกทนปรมตาย [นาฬิโกทนมตฺตาย (ก.)] สณฺาสิ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อปเรน สมเยน สุสลฺลิขิตคตฺโต ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชนฺโต ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘อุภเยน วต มํ โส ภควา อตฺเถน อนุกมฺปิ – ทิฏฺธมฺมิเกน เจว อตฺเถน สมฺปรายิเกน จา’’ติ.
๔. ปมสงฺคามสุตฺตํ
๑๒๕. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ อพฺภุยฺยาสิ เยน กาสิ. อสฺโสสิ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล – ‘‘ราชา กิร มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา มมํ อพฺภุยฺยาโต เยน กาสี’’ติ. อถ ¶ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ ปจฺจุยฺยาสิ เยน กาสิ. อถ โข ราชา จ มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ราชา จ ปเสนทิ โกสโล สงฺคาเมสุํ. ตสฺมึ โข ปน สงฺคาเม ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ปราเชสิ. ปราชิโต จ ราชา ปเสนทิ โกสโล สกเมว [สงฺคามา (ก.)] ราชธานึ สาวตฺถึ ปจฺจุยฺยาสิ [ปายาสิ (สี. ปี.)].
อถ ¶ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –
‘‘อิธ, ภนฺเต, ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ อพฺภุยฺยาสิ เยน กาสิ. อสฺโสสิ โข, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล – ‘ราชา ¶ กิร มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา มมํ อพฺภุยฺยาโต เยน กาสี’ติ. อถ โข, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล ¶ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ ปจฺจุยฺยาสิ เยน กาสิ. อถ โข, ภนฺเต, ราชา จ มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ราชา จ ปเสนทิ โกสโล สงฺคาเมสุํ. ตสฺมึ โข ปน, ภนฺเต, สงฺคาเม ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ปราเชสิ. ปราชิโต จ, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล สกเมว ราชธานึ สาวตฺถึ ปจฺจุยฺยาสี’’ติ.
‘‘ราชา, ภิกฺขเว, มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ปาปมิตฺโต ปาปสหาโย ปาปสมฺปวงฺโก; ราชา จ โข, ภิกฺขเว, ปเสนทิ โกสโล กลฺยาณมิตฺโต กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวงฺโก. อชฺเชว [อชฺชตฺจ (สี. ปี.), อชฺเชวํ (สฺยา. กํ.)], ภิกฺขเว ¶ , ราชา ปเสนทิ โกสโล อิมํ รตฺตึ ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘ชยํ เวรํ ปสวติ, ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต;
อุปสนฺโต สุขํ เสติ, หิตฺวา ชยปราชย’’นฺติ.
๕. ทุติยสงฺคามสุตฺตํ
๑๒๖. [เอตฺถ ‘‘อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ อพฺภุยฺยาสี’’ติ อาทินา ปาเน ภวิตพฺพํ. อฏฺกถายํ หิ ‘‘อพฺภุยฺยาสีติ ปราชเย ครหปฺปตฺโต…เป… วุตฺตชยการณํ สุตฺวา อภิอุยฺยาสี’’ติ วุตฺตํ] อถ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต จตุรงฺคินึ ¶ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ อพฺภุยฺยาสิ เยน กาสิ. อสฺโสสิ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล – ‘‘ราชา กิร มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา มมํ อพฺภุยฺยาโต เยน กาสี’’ติ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ ปจฺจุยฺยาสิ เยน กาสิ. อถ โข ราชา จ มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ราชา จ ปเสนทิ โกสโล สงฺคาเมสุํ. ตสฺมึ โข ปน สงฺคาเม ราชา ปเสนทิ โกสโล ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ ปราเชสิ, ชีวคฺคาหฺจ นํ อคฺคเหสิ. อถ โข รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กิฺจาปิ โข มฺยายํ ¶ ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต อทุพฺภนฺตสฺส ทุพฺภติ, อถ จ ปน เม ภาคิเนยฺโย โหติ. ยํนูนาหํ รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุโน เวเทหิปุตฺตสฺส สพฺพํ หตฺถิกายํ ปริยาทิยิตฺวา สพฺพํ ¶ อสฺสกายํ ปริยาทิยิตฺวา สพฺพํ รถกายํ ปริยาทิยิตฺวา สพฺพํ ¶ ปตฺติกายํ ปริยาทิยิตฺวา ชีวนฺตเมว นํ โอสชฺเชยฺย’’นฺติ [โอสฺสชฺเชยฺยนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุโน เวเทหิปุตฺตสฺส สพฺพํ หตฺถิกายํ ปริยาทิยิตฺวา สพฺพํ อสฺสกายํ ปริยาทิยิตฺวา สพฺพํ รถกายํ ปริยาทิยิตฺวา สพฺพํ ปตฺติกายํ ปริยาทิยิตฺวา ชีวนฺตเมว นํ โอสชฺชิ [โอสฺสชิ (สี.), โอสฺสชฺชิ (สฺยา. กํ. ปี.)].
อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –
‘‘อิธ ¶ , ภนฺเต, ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ อพฺภุยฺยาสิ เยน กาสิ. อสฺโสสิ โข, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล – ‘ราชา กิร มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา มมํ อพฺภุยฺยาโต เยน กาสี’ติ. อถ โข, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ ปจฺจุยฺยาสิ เยน กาสิ. อถ โข, ภนฺเต, ราชา จ มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ราชา จ ปเสนทิ โกสโล สงฺคาเมสุํ. ตสฺมึ โข ปน, ภนฺเต, สงฺคาเม ราชา ปเสนทิ โกสโล ราชานํ มาคธํ อชาตสตฺตุํ เวเทหิปุตฺตํ ปราเชสิ, ชีวคฺคาหฺจ นํ อคฺคเหสิ. อถ โข, ภนฺเต, รฺโ ปเสนทิสฺส ¶ โกสลสฺส เอตทโหสิ – ‘กิฺจาปิ โข มฺยายํ ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต อทุพฺภนฺตสฺส ทุพฺภติ, อถ จ ปน เม ภาคิเนยฺโย โหติ. ยํนูนาหํ รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุโน เวเทหิปุตฺตสฺส สพฺพํ หตฺถิกายํ ปริยาทิยิตฺวา สพฺพํ อสฺสกายํ สพฺพํ รถกายํ สพฺพํ ปตฺติกายํ ปริยาทิยิตฺวา ชีวนฺตเมว นํ โอสชฺเชยฺย’’’นฺติ.
‘‘อถ ¶ โข, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล รฺโ มาคธสฺส อชาตสตฺตุโน เวเทหิปุตฺตสฺส สพฺพํ หตฺถิกายํ ปริยาทิยิตฺวา สพฺพํ อสฺสกายํ ปริยาทิยิตฺวา สพฺพํ รถกายํ ปริยาทิยิตฺวา ¶ สพฺพํ ปตฺติกายํ ปริยาทิยิตฺวา ชีวนฺตเมว นํ โอสชฺชี’’ติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘วิลุมฺปเตว ปุริโส, ยาวสฺส อุปกปฺปติ;
ยทา จฺเ วิลุมฺปนฺติ, โส วิลุตฺโต วิลุปฺปติ [วิลุมฺปติ (สี. ปี. ก.)].
‘‘านฺหิ มฺติ พาโล, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;
ยทา จ ปจฺจติ ปาปํ, อถ ทุกฺขํ นิคจฺฉติ.
‘‘หนฺตา ลภติ [ลภติ หนฺตา (สี. สฺยา. กํ.)] หนฺตารํ, เชตารํ ลภเต ชยํ;
อกฺโกสโก จ อกฺโกสํ, โรเสตารฺจ โรสโก;
อถ กมฺมวิวฏฺเฏน, โส วิลุตฺโต วิลุปฺปตี’’ติ.
๖. มลฺลิกาสุตฺตํ
๑๒๗. สาวตฺถินิทานํ ¶ ¶ . อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ โข อฺตโร ปุริโส เยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อุปกณฺณเก อาโรเจสิ – ‘‘มลฺลิกา, เทว, เทวี ธีตรํ วิชาตา’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล อนตฺตมโน อโหสิ.
อถ โข ภควา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ อนตฺตมนตํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘อิตฺถีปิ หิ เอกจฺจิยา, เสยฺยา โปส ชนาธิป;
เมธาวินี สีลวตี, สสฺสุเทวา ปติพฺพตา.
‘‘ตสฺสา ¶ โย ชายติ โปโส, สูโร โหติ ทิสมฺปติ;
ตาทิสา สุภคิยา [สุภริยาปุตฺโต (ก.)] ปุตฺโต, รชฺชมฺปิ อนุสาสตี’’ติ.
๗. อปฺปมาทสุตฺตํ
๑๒๘. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, เอโก ธมฺโม โย อุโภ อตฺเถ สมธิคฺคยฺห ติฏฺติ – ทิฏฺธมฺมิกฺเจว อตฺถํ สมฺปรายิกฺจา’’ติ?
‘‘อตฺถิ โข, มหาราช, เอโก ธมฺโม โย อุโภ อตฺเถ สมธิคฺคยฺห ติฏฺติ – ทิฏฺธมฺมิกฺเจว อตฺถํ สมฺปรายิกฺจา’’ติ.
‘‘กตโม ¶ ปน, ภนฺเต, เอโก ธมฺโม, โย อุโภ อตฺเถ สมธิคฺคยฺห ติฏฺติ – ทิฏฺธมฺมิกฺเจว อตฺถํ สมฺปรายิกฺจา’’ติ?
‘‘อปฺปมาโท โข, มหาราช, เอโก ธมฺโม, โย อุโภ อตฺเถ สมธิคฺคยฺห ติฏฺติ – ทิฏฺธมฺมิกฺเจว อตฺถํ สมฺปรายิกฺจาติ. เสยฺยถาปิ, มหาราช, ยานิ กานิจิ ชงฺคลานํ [ชงฺคมานํ (สี. ปี.)] ปาณานํ ปทชาตานิ, สพฺพานิ ตานิ หตฺถิปเท สโมธานํ คจฺฉนฺติ, หตฺถิปทํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ – ยทิทํ มหนฺตตฺเตน; เอวเมว โข, มหาราช, อปฺปมาโท เอโก ธมฺโม, โย อุโภ ¶ อตฺเถ สมธิคฺคยฺห ติฏฺติ – ทิฏฺธมฺมิกฺเจว อตฺถํ สมฺปรายิกฺจา’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘อายุํ อโรคิยํ วณฺณํ, สคฺคํ อุจฺจากุลีนตํ;
รติโย ปตฺถยนฺเตน, อุฬารา อปราปรา.
‘‘อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ, ปฺุกิริยาสุ ปณฺฑิตา;
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ, อธิคฺคณฺหาติ ปณฺฑิโต.
‘‘ทิฏฺเ ¶ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ.
๘. กลฺยาณมิตฺตสุตฺตํ
๑๒๙. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ มยฺหํ ¶ , ภนฺเต, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, โส จ โข กลฺยาณมิตฺตสฺส กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส, โน ปาปมิตฺตสฺส โน ปาปสหายสฺส โน ปาปสมฺปวงฺกสฺสา’’’ติ.
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! สฺวากฺขาโต ¶ , มหาราช, มยา ธมฺโม. โส จ โข กลฺยาณมิตฺตสฺส กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส, โน ปาปมิตฺตสฺส โน ปาปสหายสฺส โน ปาปสมฺปวงฺกสฺสาติ.
‘‘เอกมิทาหํ, มหาราช, สมยํ สกฺเกสุ วิหรามิ นครกํ นาม สกฺยานํ นิคโม. อถ โข, มหาราช, อานนฺโท ภิกฺขุ เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, มหาราช, อานนฺโท ภิกฺขุ มํ เอตทโวจ – ‘อุปฑฺฒมิทํ, ภนฺเต, พฺรหฺมจริยสฺส – ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตา’’’ติ.
‘‘เอวํ วุตฺตาหํ, มหาราช, อานนฺทํ ภิกฺขุํ เอตทโวจํ – ‘มา เหวํ, อานนฺท, มา เหวํ, อานนฺท! สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ – ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา ¶ กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตา. กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวสฺสติ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกริสฺสติ’’’.
‘‘กถฺจ, อานนฺท, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวงฺโก ¶ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวติ, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกโรติ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สมฺมาทิฏฺึ ภาเวติ ¶ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามึ, สมฺมาสงฺกปฺปํ ภาเวติ…เป… สมฺมาวาจํ ภาเวติ…เป… สมฺมากมฺมนฺตํ ภาเวติ…เป… สมฺมาอาชีวํ ภาเวติ…เป… สมฺมาวายามํ ภาเวติ…เป… สมฺมาสตึ ภาเวติ…เป… สมฺมาสมาธึ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามึ. เอวํ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวงฺโก อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวติ, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกโรติ. ตทมินาเปตํ, อานนฺท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา สกลเมวิทํ พฺรหฺมจริยํ – ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตา’’ติ.
‘‘มมฺหิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺติ, ชราธมฺมา สตฺตา ชราย ปริมุจฺจนฺติ, พฺยาธิธมฺมา สตฺตา พฺยาธิโต ปริมุจฺจนฺติ, มรณธมฺมา สตฺตา มรเณน ปริมุจฺจนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสธมฺมา สตฺตา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาเสหิ ปริมุจฺจนฺติ. อิมินา โข เอตํ, อานนฺท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา สกลเมวิทํ ¶ พฺรหฺมจริยํ – ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตา’’ติ.
‘‘ตสฺมาติห เต, มหาราช, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กลฺยาณมิตฺโต ภวิสฺสามิ กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวงฺโก’ติ. เอวฺหิ เต ¶ , มหาราช, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺส เต, มหาราช, กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส อยํ เอโก ¶ ธมฺโม อุปนิสฺสาย วิหาตพฺโพ – อปฺปมาโท กุสเลสุ ธมฺเมสุ.
‘‘อปฺปมตฺตสฺส เต, มหาราช, วิหรโต อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย, อิตฺถาคารสฺส อนุยนฺตสฺส เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ราชา โข อปฺปมตฺโต วิหรติ, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย. หนฺท, มยมฺปิ อปฺปมตฺตา วิหราม, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายา’’’ติ.
‘‘อปฺปมตฺตสฺส ¶ เต, มหาราช, วิหรโต อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย, ขตฺติยานมฺปิ อนุยนฺตานํ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ราชา โข อปฺปมตฺโต วิหรติ อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย. หนฺท, มยมฺปิ อปฺปมตฺตา วิหราม, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายา’’’ติ.
‘‘อปฺปมตฺตสฺส เต, มหาราช, วิหรโต อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย, พลกายสฺสปิ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ราชา โข อปฺปมตฺโต วิหรติ อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย. หนฺท, มยมฺปิ อปฺปมตฺตา วิหราม, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายา’’’ติ.
‘‘อปฺปมตฺตสฺส เต, มหาราช, วิหรโต อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย, เนคมชานปทสฺสปิ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ราชา โข อปฺปมตฺโต วิหรติ, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย. หนฺท, มยมฺปิ อปฺปมตฺตา วิหราม, อปฺปมาทํ อุปนิสฺสายา’’’ติ?
‘‘อปฺปมตฺตสฺส เต, มหาราช, วิหรโต อปฺปมาทํ อุปนิสฺสาย, อตฺตาปิ คุตฺโต รกฺขิโต ภวิสฺสติ – อิตฺถาคารมฺปิ คุตฺตํ รกฺขิตํ ภวิสฺสติ, โกสโกฏฺาคารมฺปิ คุตฺตํ รกฺขิตํ ภวิสฺสตี’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘โภเค ¶ ปตฺถยมาเนน, อุฬาเร อปราปเร;
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ, ปฺุกิริยาสุ ปณฺฑิตา.
‘‘อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ, อธิคฺคณฺหาติ ปณฺฑิโต;
ทิฏฺเ ¶ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ.
๙. ปมอปุตฺตกสุตฺตํ
๑๓๐. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ทิวา ทิวสฺส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ?
‘‘อิธ, ภนฺเต, สาวตฺถิยํ เสฏฺิ คหปติ กาลงฺกโต. ตมหํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชนฺเตปุรํ อติหริตฺวา อาคจฺฉามิ. อสีติ, ภนฺเต, สตสหสฺสานิ หิรฺสฺเสว, โก ปน ¶ วาโท รูปิยสฺส ¶ ! ตสฺส โข ปน, ภนฺเต, เสฏฺิสฺส คหปติสฺส เอวรูโป ภตฺตโภโค อโหสิ – กณาชกํ ภฺุชติ พิลงฺคทุติยํ. เอวรูโป วตฺถโภโค อโหสิ – สาณํ ธาเรติ ติปกฺขวสนํ. เอวรูโป ยานโภโค อโหสิ – ชชฺชรรถเกน ยาติ ปณฺณฉตฺตเกน ธาริยมาเนนา’’ติ.
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! อสปฺปุริโส โข, มหาราช, อุฬาเร โภเค ลภิตฺวา เนวตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, น มาตาปิตโร สุเขติ ปีเณติ, น ปุตฺตทารํ สุเขติ ปีเณติ, น ทาสกมฺมกรโปริเส ¶ สุเขติ ปีเณติ, น มิตฺตามจฺเจ สุเขติ ปีเณติ, น สมณพฺราหฺมเณสุ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปติ โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ. ตสฺส เต โภเค เอวํ สมฺมา อปริภฺุชิยมาเน [อปริภฺุชมาโน (สพฺพตฺถ)] ราชาโน วา หรนฺติ โจรา วา หรนฺติ อคฺคิ วา ฑหติ อุทกํ วา วหติ อปฺปิยา วา ทายาทา หรนฺติ. เอวํส เต [เอวํ สนฺเต (สี. ปี.)], มหาราช, โภคา สมฺมา อปริภฺุชิยมานา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โน ปริโภคํ.
‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, อมนุสฺสฏฺาเน โปกฺขรณี อจฺโฉทกา สีโตทกา สาโตทกา เสโตทกา สุปติตฺถา รมณียา. ตํ ชโน เนว หเรยฺย น ปิเวยฺย น นหาเยยฺย น ยถาปจฺจยํ วา กเรยฺย. เอวฺหิ ตํ, มหาราช, อุทกํ สมฺมา อปริภฺุชิยมานํ [อปริภฺุชมานํ (สฺยา. กํ.)] ปริกฺขยํ คจฺเฉยฺย ¶ , โน ปริโภคํ. เอวเมว โข, มหาราช, อสปฺปุริโส อุฬาเร โภเค ลภิตฺวา เนวตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, น มาตาปิตโร สุเขติ ปีเณติ, น ปุตฺตทารํ สุเขติ ปีเณติ, น ทาสกมฺมกรโปริเส สุเขติ ปีเณติ, น มิตฺตามจฺเจ สุเขติ ปีเณติ, น สมณพฺราหฺมเณสุ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปติ โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ. ตสฺส เต โภเค เอวํ สมฺมา อปริภฺุชิยมาเน ราชาโน วา หรนฺติ โจรา วา หรนฺติ อคฺคิ วา ฑหติ อุทกํ วา วหติ อปฺปิยา วา ทายาทา หรนฺติ. เอวํส เต [เอวํ สนฺเต (สี. ปี.)], มหาราช, โภคา สมฺมา อปริภฺุชิยมานา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, โน ปริโภคํ.
‘‘สปฺปุริโส จ โข, มหาราช, อุฬาเร โภเค ลภิตฺวา อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, มาตาปิตโร สุเขติ ปีเณติ, ปุตฺตทารํ สุเขติ ปีเณติ, ทาสกมฺมกรโปริเส สุเขติ ปีเณติ, มิตฺตามจฺเจ สุเขติ ปีเณติ, สมณพฺราหฺมเณสุ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปติ โสวคฺคิกํ ¶ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ. ตสฺส เต โภเค เอวํ สมฺมา ปริภฺุชิยมาเน เนว ราชาโน หรนฺติ ¶ ¶ , น โจรา หรนฺติ, น อคฺคิ ฑหติ, น อุทกํ วหติ, น อปฺปิยา ทายาทา หรนฺติ. เอวํส เต, มหาราช, โภคา สมฺมา ปริภฺุชิยมานา ปริโภคํ คจฺฉนฺติ, โน ปริกฺขยํ.
‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร โปกฺขรณี อจฺโฉทกา สีโตทกา สาโตทกา เสโตทกา สุปติตฺถา รมณียา. ตฺจ อุทกํ ชโน หเรยฺยปิ ปิเวยฺยปิ นหาเยยฺยปิ ยถาปจฺจยมฺปิ กเรยฺย. เอวฺหิ ตํ, มหาราช, อุทกํ สมฺมา ปริภฺุชิยมานํ ปริโภคํ คจฺเฉยฺย, โน ปริกฺขยํ. เอวเมว โข, มหาราช, สปฺปุริโส อุฬาเร โภเค ลภิตฺวา อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, มาตาปิตโร สุเขติ ปีเณติ, ปุตฺตทารํ สุเขติ ปีเณติ, ทาสกมฺมกรโปริเส สุเขติ ปีเณติ, มิตฺตามจฺเจ สุเขติ ปีเณติ, สมณพฺราหฺมเณสุ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปติ โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ. ตสฺส เต โภเค เอวํ สมฺมา ปริภฺุชิยมาเน เนว ราชาโน หรนฺติ, น โจรา หรนฺติ, น อคฺคิ ฑหติ, น อุทกํ วหติ, น อปฺปิยา ทายาทา หรนฺติ. เอวํส เต, มหาราช, โภคา สมฺมา ปริภฺุชิยมานา ปริโภคํ คจฺฉนฺติ, โน ปริกฺขย’’นฺติ.
‘‘อมนุสฺสฏฺาเน ¶ อุทกํว สีตํ,
ตทเปยฺยมานํ ปริโสสเมติ;
เอวํ ธนํ กาปุริโส ลภิตฺวา,
เนวตฺตนา ภฺุชติ โน ททาติ.
ธีโร จ วิฺู อธิคมฺม โภเค,
โส ภฺุชติ กิจฺจกโร จ โหติ;
โส าติสงฺฆํ นิสโภ ภริตฺวา,
อนินฺทิโต สคฺคมุเปติ าน’’นฺติ.
๑๐. ทุติยอปุตฺตกสุตฺตํ
๑๓๑. อถ ¶ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ทิวา ทิวสฺส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ?
‘‘อิธ, ภนฺเต, สาวตฺถิยํ เสฏฺิ คหปติ กาลงฺกโต. ตมหํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชนฺเตปุรํ อติหริตฺวา อาคจฺฉามิ. สตํ, ภนฺเต, สตสหสฺสานิ หิรฺสฺเสว, โก ปน วาโท รูปิยสฺส! ตสฺส โข ปน, ภนฺเต, เสฏฺิสฺส คหปติสฺส เอวรูโป ภตฺตโภโค อโหสิ – กณาชกํ ภฺุชติ พิลงฺคทุติยํ. เอวรูโป วตฺถโภโค อโหสิ – สาณํ ธาเรติ ติปกฺขวสนํ ¶ . เอวรูโป ยานโภโค อโหสิ – ชชฺชรรถเกน ยาติ ปณฺณฉตฺตเกน ธาริยมาเนนา’’ติ.
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! ภูตปุพฺพํ โส, มหาราช, เสฏฺิ คหปติ ตคฺครสิขึ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสิ. ‘เทถ สมณสฺส ปิณฺฑ’นฺติ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ทตฺวา จ ปน ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ – ‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุเชยฺยุ’นฺติ. ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตกํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสิ.
‘‘ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ คหปติ ตคฺครสิขึ ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสิ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน สตฺตกฺขตฺตุํ สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิ. ตสฺเสว ¶ กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา ¶ สตฺตกฺขตฺตุํ เสฏฺิตฺตํ กาเรสิ. ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ คหปติ ทตฺวา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ – ‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุเชยฺยุ’นฺติ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน นาสฺสุฬาราย ภตฺตโภคาย จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬาราย วตฺถโภคาย จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬาราย ยานโภคาย จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬารานํ ปฺจนฺนํ กามคุณานํ โภคาย จิตฺตํ นมติ. ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ คหปติ ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตกํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสิ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน พหูนิ วสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺถ. ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิทํ สตฺตมํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชโกสํ ปเวเสติ. ตสฺส โข, มหาราช, เสฏฺิสฺส คหปติสฺส ปุราณฺจ ปฺุํ ปริกฺขีณํ, นวฺจ ปฺุํ อนุปจิตํ. อชฺช ปน, มหาราช, เสฏฺิ คหปติ มหาโรรุเว นิรเย ปจฺจตี’’ติ ¶ . ‘‘เอวํ, ภนฺเต, เสฏฺิ คหปติ มหาโรรุวํ นิรยํ อุปปนฺโน’’ติ. ‘‘เอวํ ¶ , มหาราช, เสฏฺิ คหปติ มหาโรรุวํ นิรยํ อุปปนฺโน’’ติ. อิทมโวจ…เป….
‘‘ธฺํ ธนํ รชตํ ชาตรูปํ, ปริคฺคหํ วาปิ ยทตฺถิ กิฺจิ;
ทาสา กมฺมกรา เปสฺสา, เย จสฺส อนุชีวิโน.
‘‘สพฺพํ ¶ นาทาย คนฺตพฺพํ, สพฺพํ นิกฺขิปฺปคามินํ [นิกฺขีปคามินํ (สฺยา. กํ. ก.)];
ยฺจ กโรติ กาเยน, วาจาย อุท เจตสา.
‘‘ตฺหิ ตสฺส สกํ โหติ, ตฺจ อาทาย คจฺฉติ;
ตฺจสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินี.
‘‘ตสฺมา กเรยฺย กลฺยาณํ, นิจยํ สมฺปรายิกํ;
ปฺุานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
ทุติโย วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
ชฏิลา ปฺจ ราชาโน, โทณปากกุเรน จ;
สงฺคาเมน ทฺเว วุตฺตานิ, มลฺลิกา [ธีตรา (พหูสุ)] ทฺเว อปฺปมาเทน จ;
อปุตฺตเกน ทฺเว วุตฺตา, วคฺโค เตน ปวุจฺจตีติ.
๓. ตติยวคฺโค
๑. ปุคฺคลสุตฺตํ
๑๓๒. สาวตฺถินิทานํ ¶ ¶ ¶ . อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘จตฺตาโรเม, มหาราช, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? ตโมตมปรายโน, ตโมโชติปรายโน, โชติตมปรายโน, โชติโชติปรายโน’’.
‘‘กถฺจ, มหาราช ปุคฺคโล ตโมตมปรายโน โหติ? อิธ, มหาราช, เอกจฺโจ ปุคฺคโล นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ, จณฺฑาลกุเล วา เวนกุเล [เวณกุเล (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา เนสาทกุเล วา รถการกุเล วา ปุกฺกุสกุเล วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปานโภชเน กสิรวุตฺติเก ¶ , ยตฺถ กสิเรน ฆาสจฺฉาโท ลพฺภติ. โส จ โหติ ทุพฺพณฺโณ ทุทฺทสิโก โอโกฏิมโก พวฺหาพาโธ [พหฺวาพาโธ (ก.)] กาโณ วา กุณี วา ขฺโช วา ปกฺขหโต วา, น ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺส. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช ¶ , ปุริโส อนฺธการา วา อนฺธการํ คจฺเฉยฺย, ตมา วา ตมํ คจฺเฉยฺย, โลหิตมลา วา โลหิตมลํ คจฺเฉยฺย. ตถูปมาหํ, มหาราช, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวํ โข, มหาราช, ปุคฺคโล ตโมตมปรายโน โหติ.
‘‘กถฺจ, มหาราช, ปุคฺคโล ตโมโชติปรายโน โหติ? อิธ, มหาราช, เอกจฺโจ ปุคฺคโล นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ, จณฺฑาลกุเล วา เวนกุเล วา เนสาทกุเล วา รถการกุเล วา ปุกฺกุสกุเล วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปานโภชเน กสิรวุตฺติเก, ยตฺถ กสิเรน ฆาสจฺฉาโท ลพฺภติ. โส จ โข โหติ ทุพฺพณฺโณ ทุทฺทสิโก ¶ โอโกฏิมโก พวฺหาพาโธ, กาโณ วา ¶ กุณี วา ขฺโช วา ปกฺขหโต วา, น ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺส. โส กาเยน สุจริตํ จรติ, วาจาย สุจริตํ จรติ, มนสา สุจริตํ จรติ. โส กาเยน สุจริตํ จริตฺวา วาจาย สุจริตํ จริตฺวา มนสา สุจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส ปถวิยา วา ปลฺลงฺกํ อาโรเหยฺย, ปลฺลงฺกา วา อสฺสปิฏฺึ อาโรเหยฺย, อสฺสปิฏฺิยา วา หตฺถิกฺขนฺธํ อาโรเหยฺย, หตฺถิกฺขนฺธา วา ปาสาทํ อาโรเหยฺย. ตถูปมาหํ, มหาราช, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวํ โข, มหาราช, ปุคฺคโล ตโมโชติปรายโน โหติ.
‘‘กถฺจ, มหาราช, ปุคฺคโล โชติตมปรายโน โหติ? อิธ ¶ , มหาราช, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อุจฺเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ, ขตฺติยมหาสาลกุเล วา พฺราหฺมณมหาสาลกุเล วา คหปติมหาสาลกุเล วา, อฑฺเฒ มหทฺธเน มหาโภเค ปหูตชาตรูปรชเต ¶ ปหูตวิตฺตูปกรเณ ปหูตธนธฺเ. โส จ โหติ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก, ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต, ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺส. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส ปาสาทา วา หตฺถิกฺขนฺธํ โอโรเหยฺย, หตฺถิกฺขนฺธา วา อสฺสปิฏฺึ โอโรเหยฺย, อสฺสปิฏฺิยา วา ปลฺลงฺกํ โอโรเหยฺย, ปลฺลงฺกา วา ปถวึ โอโรเหยฺย, ปถวิยา วา อนฺธการํ ปวิเสยฺย. ตถูปมาหํ, มหาราช, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวํ โข, มหาราช, ปุคฺคโล โชติตมปรายโน โหติ.
‘‘กถฺจ, มหาราช, ปุคฺคโล โชติโชติปรายโน โหติ? อิธ, มหาราช, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อุจฺเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ, ขตฺติยมหาสาลกุเล วา พฺราหฺมณมหาสาลกุเล วา คหปติมหาสาลกุเล ¶ วา, อฑฺเฒ มหทฺธเน มหาโภเค ปหูตชาตรูปรชเต ปหูตวิตฺตูปกรเณ ¶ ปหูตธนธฺเ. โส จ โหติ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก, ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต ¶ , ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺส. โส กาเยน สุจริตํ จรติ, วาจาย สุจริตํ จรติ, มนสา สุจริตํ จรติ. โส กาเยน สุจริตํ จริตฺวา วาจาย สุจริตํ จริตฺวา มนสา สุจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ปุริโส ปลฺลงฺกา วา ปลฺลงฺกํ สงฺกเมยฺย, อสฺสปิฏฺิยา วา อสฺสปิฏฺึ สงฺกเมยฺย, หตฺถิกฺขนฺธา วา หตฺถิกฺขนฺธํ สงฺกเมยฺย, ปาสาทา วา ปาสาทํ สงฺกเมยฺย. ตถูปมาหํ, มหาราช, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวํ โข, มหาราช, ปุคฺคโล โชติโชติปรายโน โหติ. อิเม ¶ โข, มหาราช, จตฺตาโร ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘ทลิทฺโท ปุริโส ราช, อสฺสทฺโธ โหติ มจฺฉรี;
กทริโย ปาปสงฺกปฺโป, มิจฺฉาทิฏฺิ อนาทโร.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ วาปิ, อฺเ วาปิ วนิพฺพเก;
อกฺโกสติ ปริภาสติ, นตฺถิโก โหติ โรสโก.
‘‘ททมานํ นิวาเรติ, ยาจมานาน โภชนํ;
ตาทิโส ปุริโส ราช, มียมาโน ชนาธิป;
อุเปติ นิรยํ โฆรํ, ตโมตมปรายโน.
‘‘ทลิทฺโท ปุริโส ราช, สทฺโธ โหติ อมจฺฉรี;
ททาติ ¶ เสฏฺสงฺกปฺโป, อพฺยคฺคมนโส นโร.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ วาปิ, อฺเ วาปิ วนิพฺพเก;
อุฏฺาย อภิวาเทติ, สมจริยาย สิกฺขติ.
‘‘ททมานํ ¶ น วาเรติ [น นิวาเรติ (สี.)], ยาจมานาน โภชนํ;
ตาทิโส ปุริโส ราช, มียมาโน ชนาธิป;
อุเปติ ติทิวํ านํ, ตโมโชติปรายโน.
‘‘อฑฺโฒ ¶ เจ [อฑฺโฒ เว (ปี. ก.)] ปุริโส ราช, อสฺสทฺโธ โหติ มจฺฉรี;
กทริโย ปาปสงฺกปฺโป, มิจฺฉาทิฏฺิ อนาทโร.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ วาปิ, อฺเ วาปิ วนิพฺพเก;
อกฺโกสติ ปริภาสติ, นตฺถิโก โหติ โรสโก.
‘‘ททมานํ นิวาเรติ, ยาจมานาน โภชนํ;
ตาทิโส ปุริโส ราช, มียมาโน ชนาธิป;
อุเปติ นิรยํ โฆรํ, โชติตมปรายโน.
‘‘อฑฺโฒ เจ ปุริโส ราช, สทฺโธ โหติ อมจฺฉรี;
ททาติ เสฏฺสงฺกปฺโป, อพฺยคฺคมนโส นโร.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ วาปิ, อฺเ วาปิ วนิพฺพเก;
อุฏฺาย อภิวาเทติ, สมจริยาย สิกฺขติ.
‘‘ททมานํ น วาเรติ, ยาจมานาน โภชนํ;
ตาทิโส ปุริโส ราช, มียมาโน ชนาธิป;
อุเปติ ติทิวํ านํ, โชติโชติปรายโน’’ติ.
๒. อยฺยิกาสุตฺตํ
๑๓๓. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภควา ¶ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวาทิวสฺสา’’ติ?
‘‘อยฺยิกา ¶ เม, ภนฺเต, กาลงฺกตา ชิณฺณา วุฑฺฒา มหลฺลิกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา วีสวสฺสสติกา ชาติยา. อยฺยิกา โข ปน เม, ภนฺเต, ปิยา โหติ มนาปา. หตฺถิรตเนน เจปาหํ, ภนฺเต, ลเภยฺยํ ‘มา เม อยฺยิกา กาลมกาสี’ติ, หตฺถิรตนมฺปาหํ ทเทยฺยํ – ‘มา เม อยฺยิกา กาลมกาสี’ติ. อสฺสรตเนน เจปาหํ, ภนฺเต, ลเภยฺยํ ‘มา เม อยฺยิกา กาลมกาสี’ติ, อสฺสรตนมฺปาหํ ทเทยฺยํ – ‘มา เม อยฺยิกา กาลมกาสี’ติ. คามวเรน เจปาหํ ภนฺเต, ลเภยฺยํ ‘มา เม อยฺยิกา กาลมกาสี’ติ, คามวรมฺปาหํ ทเทยฺยํ – ‘มา เม อยฺยิกา กาลมกาสี’ติ. ชนปทปเทเสน [ชนปเทน (สี. สฺยา. ปี.)] เจปาหํ, ภนฺเต, ลเภยฺยํ ¶ ‘มา เม อยฺยิกา กาลมกาสี’ติ, ชนปทปเทสมฺปาหํ ทเทยฺยํ – ‘มา เม อยฺยิกา กาลมกาสี’ติ. ‘สพฺเพ สตฺตา, มหาราช, มรณธมฺมา มรณปริโยสานา มรณํ อนตีตา’ติ. ‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวสุภาสิตมิทํ, ภนฺเต, ภควตา – สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา มรณปริโยสานา มรณํ อนตีตา’’’ติ.
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา ¶ มรณปริโยสานา มรณํ อนตีตา. เสยฺยถาปิ, มหาราช, ยานิ กานิจิ กุมฺภการภาชนานิ อามกานิ เจว ปกฺกานิ จ สพฺพานิ ตานิ เภทนธมฺมานิ เภทนปริโยสานานิ เภทนํ อนตีตานิ; เอวเมว โข, มหาราช, สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา มรณปริโยสานา มรณํ อนตีตา’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘สพฺเพ สตฺตา มริสฺสนฺติ, มรณนฺตฺหิ ชีวิตํ;
ยถากมฺมํ คมิสฺสนฺติ, ปฺุปาปผลูปคา;
นิรยํ ปาปกมฺมนฺตา, ปฺุกมฺมา จ สุคฺคตึ.
‘‘ตสฺมา กเรยฺย กลฺยาณํ, นิจยํ สมฺปรายิกํ;
ปฺุานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
๓. โลกสุตฺตํ
๑๓๔. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, โลกสฺส ธมฺมา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหารายา’’ติ? ‘‘ตโย โข, มหาราช, โลกสฺส ธมฺมา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหาราย. กตเม ตโย? โลโภ โข, มหาราช, โลกสฺส ธมฺโม, อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหาราย. โทโส ¶ โข, มหาราช, โลกสฺส ธมฺโม, อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหาราย. โมโห โข, มหาราช, โลกสฺส ธมฺโม, อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหาราย. อิเม โข, มหาราช, ตโย โลกสฺส ธมฺมา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺติ อหิตาย ทุกฺขาย อผาสุวิหารายา’’ติ. อิทมโวจ…เป…
‘‘โลโภ ¶ โทโส จ โมโห จ, ปุริสํ ปาปเจตสํ;
หึสนฺติ อตฺตสมฺภูตา, ตจสารํว สมฺผล’’นฺติ.
๔. อิสฺสตฺตสุตฺตํ
๑๓๕. สาวตฺถินิทานํ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กตฺถ นุ โข, ภนฺเต, ทานํ ทาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ยตฺถ โข, มหาราช, จิตฺตํ ปสีทตี’’ติ. ‘‘กตฺถ ปน, ภนฺเต, ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ? ‘‘อฺํ โข เอตํ, มหาราช, กตฺถ ทานํ ทาตพฺพํ, อฺํ ปเนตํ กตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ? สีลวโต โข, มหาราช, ทินฺนํ มหปฺผลํ, โน ตถา ทุสฺสีเล. เตน หิ, มหาราช, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา, เต ขเมยฺย, ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ตฺยสฺส ยุทฺธํ ปจฺจุปฏฺิตํ สงฺคาโม สมุปพฺยูฬฺโห [สมูปพฺพูฬฺโห (สี.), สมุปพฺพุฬฺโห (ปี.)]. อถ อาคจฺเฉยฺย ขตฺติยกุมาโร อสิกฺขิโต อกตหตฺโถ อกตโยคฺโค อกตูปาสโน ¶ ภีรุ ฉมฺภี อุตฺราสี ปลายี. ภเรยฺยาสิ ตํ ปุริสํ, อตฺโถ จ เต ตาทิเสน ปุริเสนา’’ติ? ‘‘นาหํ, ภนฺเต, ภเรยฺยํ ตํ ปุริสํ, น จ เม อตฺโถ ตาทิเสน ปุริเสนา’’ติ. ‘‘อถ อาคจฺเฉยฺย พฺราหฺมณกุมาโร อสิกฺขิโต…เป… อถ อาคจฺเฉยฺย เวสฺสกุมาโร อสิกฺขิโต…เป… อถ อาคจฺเฉยฺย สุทฺทกุมาโร อสิกฺขิโต…เป… น จ เม อตฺโถ ตาทิเสน ปุริเสนา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ตฺยสฺส ยุทฺธํ ปจฺจุปฏฺิตํ สงฺคาโม สมุปพฺยูฬฺโห. อถ อาคจฺเฉยฺย ¶ ขตฺติยกุมาโร สุสิกฺขิโต กตหตฺโถ กตโยคฺโค กตูปาสโน อภีรุ อจฺฉมฺภี อนุตฺราสี อปลายี. ภเรยฺยาสิ ตํ ปุริสํ, อตฺโถ จ เต ตาทิเสน ปุริเสนา’’ติ? ‘‘ภเรยฺยาหํ, ภนฺเต ¶ , ตํ ปุริสํ, อตฺโถ จ เม ตาทิเสน ปุริเสนา’’ติ. ‘‘อถ อาคจฺเฉยฺย พฺราหฺมณกุมาโร…เป… อถ อาคจฺเฉยฺย เวสฺสกุมาโร…เป… อถ อาคจฺเฉยฺย สุทฺทกุมาโร สุสิกฺขิโต กตหตฺโถ กตโยคฺโค กตูปาสโน อภีรุ อจฺฉมฺภี อนุตฺราสี อปลายี. ภเรยฺยาสิ ตํ ปุริสํ, อตฺโถ จ เต ตาทิเสน ปุริเสนา’’ติ? ‘‘ภเรยฺยาหํ, ภนฺเต, ตํ ปุริสํ, อตฺโถ จ เม ตาทิเสน ปุริเสนา’’ติ.
‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยสฺมา กสฺมา เจปิ [ยสฺมา เจปิ (สี. สฺยา. กํ. ก.)] กุลา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, โส จ โหติ ปฺจงฺควิปฺปหีโน ปฺจงฺคสมนฺนาคโต, ตสฺมึ ¶ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหติ. กตมานิ ปฺจงฺคานิ ปหีนานิ โหนฺติ? กามจฺฉนฺโท ปหีโน โหติ, พฺยาปาโท ปหีโน โหติ, ถินมิทฺธํ ปหีนํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหีนํ โหติ, วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติ. อิมานิ ปฺจงฺคานิ ปหีนานิ โหนฺติ. กตเมหิ ปฺจหงฺเคหิ ¶ สมนฺนาคโต โหติ? อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสกฺเขน สมาธิกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสกฺเขน ปฺากฺขนฺเธน สมนฺนาคโต ¶ โหติ, อเสกฺเขน วิมุตฺติกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสกฺเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ. อิเมหิ ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ. อิติ ปฺจงฺควิปฺปหีเน ปฺจงฺคสมนฺนาคเต ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ. อิทมโวจ ภควา…เป… สตฺถา –
‘‘อิสฺสตฺตํ [อิสฺสตฺถํ (สี. สฺยา. กํ.)] พลวีริยฺจ [พลวิริยฺจ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], ยสฺมึ วิชฺเชถ มาณเว;
ตํ ยุทฺธตฺโถ ภเร ราชา, นาสูรํ ชาติปจฺจยา.
‘‘ตเถว ขนฺติโสรจฺจํ, ธมฺมา ยสฺมึ ปติฏฺิตา;
อริยวุตฺตึ เมธาวึ, หีนชจฺจมฺปิ ปูชเย.
‘‘การเย อสฺสเม รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;
ปปฺจ วิวเน กยิรา, ทุคฺเค สงฺกมนานิ จ.
‘‘อนฺนํ ¶ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จ;
ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.
‘‘ยถา หิ เมโฆ ถนยํ, วิชฺชุมาลี สตกฺกกุ;
ถลํ นินฺนฺจ ปูเรติ, อภิวสฺสํ วสุนฺธรํ.
‘‘ตเถว สทฺโธ สุตวา, อภิสงฺขจฺจ โภชนํ;
วนิพฺพเก ตปฺปยติ, อนฺนปาเนน ปณฺฑิโต.
‘‘อาโมทมาโน ปกิเรติ, เทถ เทถาติ ภาสติ;
ตํ ¶ หิสฺส คชฺชิตํ โหติ, เทวสฺเสว ปวสฺสโต;
สา ปฺุธารา วิปุลา, ทาตารํ อภิวสฺสตี’’ติ.
๕. ปพฺพตูปมสุตฺตํ
๑๓๖. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘ยานิ ตานิ, ภนฺเต, รฺํ ขตฺติยานํ มุทฺธาวสิตฺตานํ อิสฺสริยมทมตฺตานํ กามเคธปริยุฏฺิตานํ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺตานํ มหนฺตํ ปถวิมณฺฑลํ อภิวิชิย อชฺฌาวสนฺตานํ ราชกรณียานิ ภวนฺติ, เตสุ ขฺวาหํ, เอตรหิ อุสฺสุกฺกมาปนฺโน’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ เต ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ¶ ปุรตฺถิมาย ทิสาย สทฺธายิโก ปจฺจยิโก. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยคฺเฆ, มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ปุรตฺถิมาย ทิสาย. ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ปพฺพตํ อพฺภสมํ สพฺเพ ปาเณ นิปฺโปเถนฺโต อาคจฺฉติ. ยํ เต, มหาราช, กรณียํ, ตํ กโรหี’ติ. อถ ทุติโย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ปจฺฉิมาย ทิสาย…เป… อถ ตติโย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตราย ทิสาย…เป… อถ จตุตฺโถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ทกฺขิณาย ทิสาย สทฺธายิโก ปจฺจยิโก. โส ตํ ¶ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยคฺเฆ มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ¶ ทกฺขิณาย ทิสาย. ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ปพฺพตํ อพฺภสมํ สพฺเพ ปาเณ นิปฺโปเถนฺโต อาคจฺฉติ. ยํ เต, มหาราช, กรณียํ ตํ กโรหี’ติ. เอวรูเป เต, มหาราช, มหติ มหพฺภเย สมุปฺปนฺเน ทารุเณ มนุสฺสกฺขเย [มนุสฺสกาเย (ก.)] ทุลฺลเภ มนุสฺสตฺเต กิมสฺส กรณีย’’นฺติ?
‘‘เอวรูเป เม, ภนฺเต, มหติ มหพฺภเย สมุปฺปนฺเน ทารุเณ มนุสฺสกฺขเย ทุลฺลเภ มนุสฺสตฺเต กิมสฺส กรณียํ อฺตฺร ธมฺมจริยาย อฺตฺร สมจริยาย อฺตฺร กุสลกิริยาย อฺตฺร ปฺุกิริยายา’’ติ?
‘‘อาโรเจมิ โข เต, มหาราช, ปฏิเวเทมิ โข เต, มหาราช, อธิวตฺตติ โข ตํ, มหาราช, ชรามรณํ. อธิวตฺตมาเน เจ เต, มหาราช, ชรามรเณ กิมสฺส กรณีย’’นฺติ? ‘‘อธิวตฺตมาเน จ เม, ภนฺเต, ชรามรเณ กิมสฺส กรณียํ อฺตฺร ธมฺมจริยาย สมจริยาย กุสลกิริยาย ปฺุกิริยาย? ยานิ ตานิ, ภนฺเต, รฺํ ขตฺติยานํ มุทฺธาวสิตฺตานํ อิสฺสริยมทมตฺตานํ ¶ กามเคธปริยุฏฺิตานํ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺตานํ มหนฺตํ ปถวิมณฺฑลํ อภิวิชิย อชฺฌาวสนฺตานํ หตฺถิยุทฺธานิ ภวนฺติ; เตสมฺปิ, ภนฺเต, หตฺถิยุทฺธานํ นตฺถิ คติ นตฺถิ วิสโย อธิวตฺตมาเน ชรามรเณ. ยานิปิ ตานิ, ภนฺเต, รฺํ ขตฺติยานํ มุทฺธาวสิตฺตานํ…เป… อชฺฌาวสนฺตานํ อสฺสยุทฺธานิ ภวนฺติ…เป… รถยุทฺธานิ ภวนฺติ ¶ …เป… ปตฺติยุทฺธานิ ภวนฺติ; เตสมฺปิ ¶ , ภนฺเต, ปตฺติยุทฺธานํ นตฺถิ คติ นตฺถิ วิสโย อธิวตฺตมาเน ชรามรเณ. สนฺติ โข ปน, ภนฺเต, อิมสฺมึ ราชกุเล มนฺติโน มหามตฺตา, เย ปโหนฺติ [เยสํ โหนฺติ (ก.)] อาคเต ปจฺจตฺถิเก มนฺเตหิ เภทยิตุํ. เตสมฺปิ, ภนฺเต, มนฺตยุทฺธานํ นตฺถิ คติ นตฺถิ วิสโย อธิวตฺตมาเน ชรามรเณ. สํวิชฺชติ โข ปน, ภนฺเต, อิมสฺมึ ราชกุเล ปหูตํ หิรฺสุวณฺณํ ภูมิคตฺเจว เวหาสฏฺฺจ, เยน มยํ ปโหม อาคเต ปจฺจตฺถิเก ธเนน อุปลาเปตุํ. เตสมฺปิ, ภนฺเต, ธนยุทฺธานํ นตฺถิ คติ นตฺถิ วิสโย อธิวตฺตมาเน ชรามรเณ. อธิวตฺตมาเน จ เม, ภนฺเต, ชรามรเณ กิมสฺส กรณียํ อฺตฺร ธมฺมจริยาย สมจริยาย กุสลกิริยาย ปฺุกิริยายา’’ติ?
‘‘เอวเมตํ, มหาราช, เอวเมตํ, มหาราช! อธิวตฺตมาเน ชรามรเณ กิมสฺส กรณียํ อฺตฺร ธมฺมจริยาย สมจริยาย กุสลกิริยาย ปฺุกิริยายา’’ติ? อิทมโวจ ภควา…เป… สตฺถา –
‘‘ยถาปิ ¶ เสลา วิปุลา, นภํ อาหจฺจ ปพฺพตา;
สมนฺตานุปริยาเยยฺยุํ, นิปฺโปเถนฺโต จตุทฺทิสา.
‘‘เอวํ ชรา จ มจฺจุ จ, อธิวตฺตนฺติ ปาณิเน [ปาณิโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)];
ขตฺติเย พฺราหฺมเณ เวสฺเส, สุทฺเท จณฺฑาลปุกฺกุเส;
น ¶ กิฺจิ [น กฺจิ (?)] ปริวชฺเชติ, สพฺพเมวาภิมทฺทติ.
‘‘น ตตฺถ หตฺถีนํ ภูมิ, น รถานํ น ปตฺติยา;
น จาปิ มนฺตยุทฺเธน, สกฺกา เชตุํ ธเนน วา.
‘‘ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;
พุทฺเธ ธมฺเม จ สงฺเฆ จ, ธีโร สทฺธํ นิเวสเย.
‘‘โย ¶ ธมฺมํ จริ [ธมฺมจารี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] กาเยน, วาจาย อุท เจตสา;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ.
ตติโย วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
ปุคฺคโล อยฺยิกา โลโก, อิสฺสตฺตํ [อิสฺสตฺถํ (สี. สฺยา. กํ.)] ปพฺพตูปมา;
เทสิตํ พุทฺธเสฏฺเน, อิมํ โกสลปฺจกนฺติ.
โกสลสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
๔. มารสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. ตโปกมฺมสุตฺตํ
๑๓๗. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อชปาลนิคฺโรธมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ. อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘มุตฺโต วตมฺหิ ตาย ทุกฺกรการิกาย. สาธุ มุตฺโต วตมฺหิ ตาย อนตฺถสํหิตาย ทุกฺกรการิกาย. สาธุ วตมฺหิ มุตฺโต โพธึ สมชฺฌค’’นฺติ [สาธุ ิโต สโต โพธึ สมชฺเฌคนฺติ (สี. ปี.), สาธุ วตมฺหิ สตฺโต โพธิสมชฺฌคูติ (สฺยา. กํ.)].
อถ โข มาโร ปาปิมา ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตโปกมฺมา อปกฺกมฺม, เยน น สุชฺฌนฺติ มาณวา;
อสุทฺโธ มฺสิ สุทฺโธ, สุทฺธิมคฺคา อปรทฺโธ’’ [สุทฺธิมคฺคมปรทฺโธ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ติ.
อถ โข ภควา ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘อนตฺถสํหิตํ ¶ ตฺวา, ยํ กิฺจิ อมรํ ตปํ [อปรํ ตปํ (ก.)];
สพฺพํ นตฺถาวหํ โหติ, ผิยาริตฺตํว ธมฺมนิ [วมฺมนิ (สี.), ธมฺมนึ (ปี.), ชมฺมนึ (ก.) เอตฺถายํ ธมฺมสทฺโท สกฺกเต ธนฺวนํ-สทฺเทน สทิโส มรุวาจโกติ เวทิตพฺโพ, ยถา ทฬฺหธมฺมาติปทํ].
‘‘สีลํ สมาธิ ปฺฺจ, มคฺคํ โพธาย ภาวยํ;
ปตฺโตสฺมิ ปรมํ สุทฺธึ, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ.
อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ, ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๒. หตฺถิราชวณฺณสุตฺตํ
๑๓๘. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อชปาลนิคฺโรธมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ ¶ . เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺตนฺธการติมิสายํ อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติ, เทโว จ เอกเมกํ ผุสายติ. อถ โข มาโร ปาปิมา ภควโต ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. เสยฺยถาปิ นาม มหาอริฏฺโก มณิ, เอวมสฺส สีสํ โหติ. เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ รูปิยํ, เอวมสฺส ทนฺตา โหนฺติ. เสยฺยถาปิ นาม มหตี นงฺคลีสา [นงฺคลสีสา (ปี. ก.)], เอวมสฺส โสณฺโฑ โหติ. อถ โข ภควา ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, วณฺณํ กตฺวา สุภาสุภํ;
อลํ เต เตน ปาปิม, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ.
อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๓. สุภสุตฺตํ
๑๓๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อชปาลนิคฺโรธมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ. เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺตนฺธการติมิสายํ อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติ, เทโว จ เอกเมกํ ผุสายติ. อถ โข มาโร ปาปิมา, ภควโต ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต อวิทูเร อุจฺจาวจา วณฺณนิภา อุปทํเสติ, สุภา เจว อสุภา จ. อถ โข ภควา ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘สํสรํ ¶ ทีฆมทฺธานํ, วณฺณํ กตฺวา สุภาสุภํ;
อลํ เต เตน ปาปิม, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตก.
‘‘เย ¶ จ กาเยน วาจาย, มนสา จ สุสํวุตา;
น เต มารวสานุคา, น เต มารสฺส พทฺธคู’’ [พทฺธภู (ก.), ปจฺจคู (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ติ.
อถ โข มาโร…เป… ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๔. ปมมารปาสสุตฺตํ
๑๔๐. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ ¶ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘มยฺหํ โข, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา โยนิโส สมฺมปฺปธานา อนุตฺตรา วิมุตฺติ อนุปฺปตฺตา, อนุตฺตรา วิมุตฺติ สจฺฉิกตา. ตุมฺเหปิ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา โยนิโส สมฺมปฺปธานา อนุตฺตรํ วิมุตฺตึ อนุปาปุณาถ, อนุตฺตรํ วิมุตฺตึ สจฺฉิกโรถา’’ติ. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘พทฺโธสิ มารปาเสน, เย ทิพฺพา เย จ มานุสา;
มารพนฺธนพทฺโธสิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ.
‘‘มุตฺตาหํ [มุตฺโตหํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มารปาเสน, เย ทิพฺพา เย จ มานุสา;
มารพนฺธนมุตฺโตมฺหิ, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา…เป… ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๕. ทุติยมารปาสสุตฺตํ
๑๔๑. เอกํ ¶ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘มุตฺตาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพปาเสหิ เย ทิพฺพา เย จ มานุสา. ตุมฺเหปิ, ภิกฺขเว, มุตฺตา สพฺพปาเสหิ เย ทิพฺพา เย จ มานุสา. จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย ¶ สุขาย เทวมนุสฺสานํ. มา เอเกน ทฺเว อคมิตฺถ. เทเสถ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ ¶ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสถ. สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ¶ ปริหายนฺติ. ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อฺาตาโร. อหมฺปิ, ภิกฺขเว, เยน อุรุเวลา เสนานิคโม เตนุปสงฺกมิสฺสามิ ธมฺมเทสนายา’’ติ. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘พทฺโธสิ สพฺพปาเสหิ, เย ทิพฺพา เย จ มานุสา;
มหาพนฺธนพทฺโธสิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ.
‘‘มุตฺตาหํ สพฺพปาเสหิ, เย ทิพฺพา เย จ มานุสา;
มหาพนฺธนมุตฺโตมฺหิ, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา…เป… ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๖. สปฺปสุตฺตํ
๑๔๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺตนฺธการติมิสายํ อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติ, เทโว จ เอกเมกํ ผุสายติ.
อถ ¶ ¶ โข มาโร ปาปิมา ภควโต ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม มหนฺตํ สปฺปราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. เสยฺยถาปิ นาม มหตี เอกรุกฺขิกา นาวา, เอวมสฺส กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม มหนฺตํ โสณฺฑิกากิฬฺชํ, เอวมสฺส ผโณ โหติ. เสยฺยถาปิ นาม มหตี โกสลิกา กํสปาติ, เอวมสฺส อกฺขีนิ ภวนฺติ. เสยฺยถาปิ นาม เทเว คฬคฬายนฺเต วิชฺชุลฺลตา นิจฺฉรนฺติ, เอวมสฺส มุขโต ชิวฺหา นิจฺฉรติ. เสยฺยถาปิ นาม กมฺมารคคฺคริยา ธมมานาย สทฺโท โหติ, เอวมสฺส อสฺสาสปสฺสาสานํ สทฺโท โหติ.
อถ โข ภควา ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘โย สฺุเคหานิ เสวติ,
เสยฺโย โส มุนิ อตฺตสฺโต;
โวสฺสชฺช จเรยฺย ตตฺถ โส,
ปติรูปฺหิ ตถาวิธสฺส ตํ.
‘‘จรกา ¶ พหู เภรวา พหู,
อโถ ฑํสสรีสปา [ฑํส สิรึสปา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] พหู;
โลมมฺปิ ¶ น ตตฺถ อิฺชเย,
สฺุาคารคโต มหามุนิ.
‘‘นภํ ¶ ผเลยฺย ปถวี จเลยฺย,
สพฺเพปิ ปาณา อุท สนฺตเสยฺยุํ;
สลฺลมฺปิ เจ อุรสิ ปกปฺปเยยฺยุํ,
อุปธีสุ ตาณํ น กโรนฺติ พุทฺธา’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๗. สุปติสุตฺตํ
๑๔๓. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข ภควา พหุเทวรตฺตึ อพฺโภกาเส จงฺกมิตฺวา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปาเท ปกฺขาเลตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กึ โสปฺปสิ กึ นุ โสปฺปสิ,
กิมิทํ โสปฺปสิ ทุพฺภโค [ทุพฺภโต (สฺยา. กํ.), ทุพฺภโย (ปี.)] วิย;
สฺุมคารนฺติ โสปฺปสิ,
กิมิทํ โสปฺปสิ สูริเย อุคฺคเต’’ติ.
‘‘ยสฺส ¶ ชาลินี วิสตฺติกา,
ตณฺหา นตฺถิ กุหิฺจิ เนตเว;
สพฺพูปธิปริกฺขยา พุทฺโธ,
โสปฺปติ กึ ตเวตฺถ มารา’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา…เป… ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๘. นนฺทติสุตฺตํ
๑๔๔. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา, โคมา โคภิ ตเถว นนฺทติ;
อุปธีหิ ¶ นรสฺส นนฺทนา, น หิ โส นนฺทติ โย นิรูปธี’’ติ.
‘‘โสจติ ¶ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา, โคมา โคภิ ตเถว โสจติ;
อุปธีหิ นรสฺส โสจนา, น หิ โส โสจติ โย นิรูปธี’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๙. ปมอายุสุตฺตํ
๑๔๕. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘อปฺปมิทํ, ภิกฺขเว, มนุสฺสานํ อายุ. คมนีโย สมฺปราโย, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ. นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํ. โย, ภิกฺขเว, จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ทีฆมายุ มนุสฺสานํ, น นํ หีเฬ สุโปริโส;
จเรยฺย ขีรมตฺโตว, นตฺถิ มจฺจุสฺส อาคโม’’ติ.
‘‘อปฺปมายุ มนุสฺสานํ, หีเฬยฺย นํ สุโปริโส;
จเรยฺยาทิตฺตสีโสว, นตฺถิ มจฺจุสฺส นาคโม’’ติ.
อถ โข มาโร…เป… ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๑๐. ทุติยอายุสุตฺตํ
๑๔๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. ตตฺร โข ภควา…เป… เอตทโวจ –
‘‘อปฺปมิทํ, ภิกฺขเว, มนุสฺสานํ อายุ. คมนีโย สมฺปราโย, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ. นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํ. โย, ภิกฺขเว, จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘นาจฺจยนฺติ ¶ อโหรตฺตา, ชีวิตํ นูปรุชฺฌติ;
อายุ อนุปริยายติ, มจฺจานํ เนมีว รถกุพฺพร’’นฺติ.
‘‘อจฺจยนฺติ อโหรตฺตา, ชีวิตํ อุปรุชฺฌติ;
อายุ ขียติ มจฺจานํ, กุนฺนทีนํว โอทก’’นฺติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
ปโม วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
ตโปกมฺมฺจ นาโค จ, สุภํ ปาเสน เต ทุเว;
สปฺโป สุปติ นนฺทนํ, อายุนา อปเร ทุเวติ.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. ปาสาณสุตฺตํ
๑๔๗. เอกํ ¶ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺตนฺธการติมิสายํ อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติ, เทโว จ เอกเมกํ ผุสายติ. อถ โข มาโร ปาปิมา ภควโต ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม เยน ภควา ¶ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต อวิทูเร มหนฺเต ปาสาเณ ปทาเลสิ.
อถ โข ภควา ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘สเจปิ เกวลํ สพฺพํ, คิชฺฌกูฏํ จเลสฺสสิ [คเฬยฺยสิ (สฺยา. กํ.), จเลยฺยาสิ (ก.)];
เนว สมฺมาวิมุตฺตานํ, พุทฺธานํ อตฺถิ อิฺชิต’’นฺติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๒. กินฺนุสีหสุตฺตํ
๑๔๘. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส ¶ อาราเม. เตน โข ปน สมเยน ภควา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสติ.
อถ ¶ โข มารสฺส ปาปิมโต เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข สมโณ โคตโม มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสติ. ยํนูนาหํ เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกเมยฺยํ วิจกฺขุกมฺมายา’’ติ. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กินฺนุ ¶ สีโหว นทสิ, ปริสายํ วิสารโท;
ปฏิมลฺโล หิ เต อตฺถิ, วิชิตาวี นุ มฺสี’’ติ.
‘‘นทนฺติ เว มหาวีรา, ปริสาสุ วิสารทา;
ตถาคตา พลปฺปตฺตา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๓. สกลิกสุตฺตํ
๑๔๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ มทฺทกุจฺฉิสฺมึ มิคทาเย. เตน โข ปน สมเยน ภควโต ปาโท สกลิกาย ¶ ขโต โหติ, ภุสา สุทํ ภควโต เวทนา วตฺตนฺติ สารีริกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา อสาตา อมนาปา. ตา สุทํ ภควา สโต สมฺปชาโน อธิวาเสติ อวิหฺมาโน. อถ โข ภควา จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ ¶ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘มนฺทิยา นุ โข เสสิ อุทาหุ กาเวยฺยมตฺโต,
อตฺถา นุ เต สมฺปจุรา น สนฺติ;
เอโก วิวิตฺเต สยนาสนมฺหิ,
นิทฺทามุโข กิมิทํ โสปฺปเส วา’’ติ.
‘‘น มนฺทิยา สยามิ นาปิ กาเวยฺยมตฺโต,
อตฺถํ สเมจฺจาหมเปตโสโก;
เอโก วิวิตฺเต สยนาสนมฺหิ,
สยามหํ สพฺพภูตานุกมฺปี.
‘‘เยสมฺปิ สลฺลํ อุรสิ ปวิฏฺํ,
มุหุํ มุหุํ หทยํ เวธมานํ;
เตปีธ ¶ โสปฺปํ ลภเร สสลฺลา,
ตสฺมา ¶ อหํ น สุเป วีตสลฺโล.
‘‘ชคฺคํ น สงฺเก นปิ เภมิ โสตฺตุํ,
รตฺตินฺทิวา นานุตปนฺติ มามํ;
หานึ น ปสฺสามิ กุหิฺจิ โลเก,
ตสฺมา สุเป สพฺพภูตานุกมฺปี’’ติ.
อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๔. ปติรูปสุตฺตํ
๑๕๐. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ เอกสาลายํ พฺราหฺมณคาเม. เตน โข ปน สมเยน ภควา มหติยา คิหิปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสติ.
อถ ¶ โข มารสฺส ปาปิมโต เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข สมโณ โคตโม มหติยา คิหิปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสติ. ยํนูนาหํ เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกเมยฺยํ วิจกฺขุกมฺมายา’’ติ. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เนตํ ตว ปติรูปํ, ยทฺมนุสาสสิ;
อนุโรธวิโรเธสุ, มา สชฺชิตฺโถ ตทาจร’’นฺติ.
‘‘หิตานุกมฺปี สมฺพุทฺโธ, ยทฺมนุสาสติ;
อนุโรธวิโรเธหิ, วิปฺปมุตฺโต ตถาคโต’’ติ.
อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๕. มานสสุตฺตํ
๑๕๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส;
เตน ตํ พาธยิสฺสามิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ.
‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฏฺพฺพา จ มโนรมา;
เอตฺถ เม วิคโต ฉนฺโท, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๖. ปตฺตสุตฺตํ
๑๕๒. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เตน โข ปน สมเยน ภควา ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อุปาทาย ภิกฺขูนํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ [สมาทาเปติ (?)] สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา [อฏฺิกตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มนสิ ¶ กตฺวา สพฺพเจตสา [สพฺพเจตโส (สี. สฺยา. กํ. ปี.), สพฺพํ เจตสา (ก.)] สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ.
อถ โข มารสฺส ปาปิมโต เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข สมโณ โคตโม ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อุปาทาย ภิกฺขูนํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ¶ ธมฺมํ สุณนฺติ. ยํนูนาหํ เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกเมยฺยํ วิจกฺขุกมฺมายา’’ติ.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ปตฺตา อพฺโภกาเส นิกฺขิตฺตา โหนฺติ. อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา พลีพทฺทวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน เต ปตฺตา เตนุปสงฺกมิ. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ อฺตรํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘ภิกฺขุ, ภิกฺขุ, เอโส พลีพทฺโท ปตฺเต ภินฺเทยฺยา’’ติ. เอวํ วุตฺเต ภควา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘น โส, ภิกฺขุ, พลีพทฺโท. มาโร เอโส ปาปิมา ตุมฺหากํ วิจกฺขุกมฺมาย อาคโต’’ติ. อถ โข ภควา ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘รูปํ เวทยิตํ สฺา, วิฺาณํ ยฺจ สงฺขตํ;
เนโสหมสฺมิ เนตํ เม, เอวํ ตตฺถ วิรชฺชติ.
‘‘เอวํ วิรตฺตํ เขมตฺตํ, สพฺพสํโยชนาติคํ;
อนฺเวสํ สพฺพฏฺาเนสุ, มารเสนาปิ นาชฺฌคา’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา…เป… ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๗. ฉผสฺสายตนสุตฺตํ
๑๕๓. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. เตน ¶ โข ปน สมเยน ภควา ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ อุปาทาย ภิกฺขูนํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ.
อถ ¶ โข มารสฺส ปาปิมโต เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข สมโณ โคตโม ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ อุปาทาย ภิกฺขูนํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สปฺปหํเสติ ¶ . เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ¶ ธมฺมํ สุณนฺติ. ยํนูนาหํ เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกเมยฺยํ วิจกฺขุกมฺมายา’’ติ. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต อวิทูเร มหนฺตํ ภยเภรวํ สทฺทมกาสิ, อปิสฺสุทํ ปถวี มฺเ อุนฺทฺรียติ [อุทฺรียติ (สี. สฺยา. กํ. ปี) อุ + ทร + ย + ติ = อุทฺรียติ]. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ อฺตรํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘ภิกฺขุ, ภิกฺขุ, เอสา ปถวี มฺเ อุนฺทฺรียตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภควา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘เนสา ภิกฺขุ ปถวี อุนฺทฺรียติ. มาโร เอโส ปาปิมา ตุมฺหากํ วิจกฺขุกมฺมาย อาคโต’’ติ. อถ โข ภควา ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, ผสฺสา ธมฺมา จ เกวลา;
เอตํ โลกามิสํ โฆรํ, เอตฺถ โลโก วิมุจฺฉิโต.
‘‘เอตฺจ สมติกฺกมฺม, สโต พุทฺธสฺส สาวโก;
มารเธยฺยํ อติกฺกมฺม, อาทิจฺโจว วิโรจตี’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา…เป… ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๘. ปิณฺฑสุตฺตํ
๑๕๔. เอกํ สมยํ ภควา มคเธสุ วิหรติ ปฺจสาลายํ พฺราหฺมณคาเม. เตน ¶ โข ปน สมเยน ปฺจสาลายํ พฺราหฺมณคาเม กุมาริกานํ ¶ ปาหุนกานิ ภวนฺติ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ปฺจสาลํ พฺราหฺมณคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เตน โข ปน สมเยน ปฺจสาเลยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา มาเรน ปาปิมตา อนฺวาวิฏฺา ภวนฺติ – มา สมโณ โคตโม ปิณฺฑมลตฺถาติ.
อถ โข ภควา ยถาโธเตน ปตฺเตน ปฺจสาลํ พฺราหฺมณคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ ตถาโธเตน [ยถาโธเตน (?)] ปตฺเตน ปฏิกฺกมิ. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อปิ ¶ ตฺวํ, สมณ, ปิณฺฑมลตฺถา’’ติ? ‘‘ตถา นุ ตฺวํ, ปาปิม, อกาสิ ยถาหํ ปิณฺฑํ ¶ น ลเภยฺย’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ภควา ทุติยมฺปิ ปฺจสาลํ พฺราหฺมณคามํ ปิณฺฑาย ปวิสตุ. ตถาหํ กริสฺสามิ ยถา ภควา ปิณฺฑํ ลจฺฉตี’’ติ.
‘‘อปฺุํ ปสวิ มาโร, อาสชฺช นํ ตถาคตํ;
กึ นุ มฺสิ ปาปิม, น เม ปาปํ วิปจฺจติ.
‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, เยสํ โน นตฺถิ กิฺจนํ;
ปีติภกฺขา ภวิสฺสาม, เทวา อาภสฺสรา ยถา’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๙. กสฺสกสุตฺตํ
๑๕๕. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขูนํ นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ ¶ . เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ.
อถ ¶ โข มารสฺส ปาปิมโต เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข สมโณ โคตโม ภิกฺขูนํ นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย…เป… ยํนูนาหํ เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกเมยฺยํ วิจกฺขุกมฺมายา’’ติ. อถ โข มาโร ปาปิมา กสฺสกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา มหนฺตํ นงฺคลํ ขนฺเธ กริตฺวา ทีฆปาจนยฏฺึ คเหตฺวา หฏหฏเกโส สาณสาฏินิวตฺโถ กทฺทมมกฺขิเตหิ ปาเทหิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อปิ, สมณ, พลีพทฺเท อทฺทสา’’ติ? ‘‘กึ ปน, ปาปิม, เต พลีพทฺเทหี’’ติ? ‘‘มเมว, สมณ, จกฺขุ, มม รูปา, มม จกฺขุสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ. กุหึ เม, สมณ, คนฺตฺวา โมกฺขสิ? มเมว, สมณ, โสตํ, มม สทฺทา…เป… มเมว, สมณ, ฆานํ, มม คนฺธา; มเมว, สมณ, ชิวฺหา, มม รสา; มเมว, สมณ, กาโย, มม โผฏฺพฺพา; มเมว, สมณ, มโน, มม ธมฺมา, มม มโนสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ. กุหึ เม, สมณ, คนฺตฺวา โมกฺขสี’’ติ?
‘‘ตเวว ¶ ¶ , ปาปิม, จกฺขุ, ตว รูปา, ตว จกฺขุสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ. ยตฺถ จ โข, ปาปิม, นตฺถิ จกฺขุ, นตฺถิ รูปา, นตฺถิ จกฺขุสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ, อคติ ตว ตตฺถ, ปาปิม. ตเวว, ปาปิม ¶ , โสตํ, ตว สทฺทา, ตว โสตสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ. ยตฺถ จ โข, ปาปิม, นตฺถิ โสตํ, นตฺถิ สทฺทา, นตฺถิ โสตสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ, อคติ ตว ตตฺถ, ปาปิม. ตเวว ¶ , ปาปิม, ฆานํ, ตว คนฺธา, ตว ฆานสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ. ยตฺถ จ โข, ปาปิม, นตฺถิ ฆานํ, นตฺถิ คนฺธา, นตฺถิ ฆานสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ, อคติ ตว ตตฺถ, ปาปิม. ตเวว, ปาปิม, ชิวฺหา, ตว รสา, ตว ชิวฺหาสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ…เป… ตเวว, ปาปิม, กาโย, ตว โผฏฺพฺพา, ตว กายสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ…เป… ตเวว, ปาปิม, มโน, ตว ธมฺมา, ตว มโนสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ. ยตฺถ จ โข, ปาปิม, นตฺถิ มโน, นตฺถิ ธมฺมา, นตฺถิ มโนสมฺผสฺสวิฺาณายตนํ, อคติ ตว ตตฺถ, ปาปิมา’’ติ.
‘‘ยํ วทนฺติ มม ยิทนฺติ, เย วทนฺติ มมนฺติ จ;
เอตฺถ เจ เต มโน อตฺถิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ.
‘‘ยํ วทนฺติ น ตํ มยฺหํ, เย วทนฺติ น เต อหํ;
เอวํ ปาปิม ชานาหิ, น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสี’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา…เป… ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๑๐. รชฺชสุตฺตํ
๑๕๖. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ หิมวนฺตปเทเส [หิมวนฺตปสฺเส (สี.)] อรฺกุฏิกายํ. อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ¶ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘สกฺกา นุ โข รชฺชํ กาเรตุํ อหนํ อฆาตยํ อชินํ อชาปยํ อโสจํ อโสจาปยํ ธมฺเมนา’’ติ?
อถ โข มาโร ปาปิมา ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กาเรตุ, ภนฺเต, ภควา รชฺชํ, กาเรตุ, สุคโต, รชฺชํ อหนํ อฆาตยํ อชินํ อชาปยํ อโสจํ อโสจาปยํ ธมฺเมนา’’ติ. ‘‘กึ ปน เม ตฺวํ, ปาปิม, ปสฺสสิ ยํ มํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘กาเรตุ, ภนฺเต, ภควา รชฺชํ, กาเรตุ สุคโต ¶ , รชฺชํ อหนํ อฆาตยํ อชินํ อชาปยํ อโสจํ อโสจาปยํ ¶ ธมฺเมนา’’’ติ? ‘‘ภควตา โข, ภนฺเต, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา. อากงฺขมาโน จ, ภนฺเต, ภควา หิมวนฺตํ ปพฺพตราชํ สุวณฺณํ ตฺเวว อธิมุจฺเจยฺย สุวณฺณฺจ ปนสฺสา’’ติ [สุวณฺณปพฺพตสฺสาติ (สี. สฺยา. กํ.), สุวณฺณฺจ ปพฺพตสฺสาติ (ปี.)].
‘‘ปพฺพตสฺส ¶ สุวณฺณสฺส, ชาตรูปสฺส เกวโล;
ทฺวิตฺตาว นาลเมกสฺส, อิติ วิทฺวา สมฺจเร.
‘‘โย ทุกฺขมทฺทกฺขิ ยโตนิทานํ,
กาเมสุ โส ชนฺตุ กถํ นเมยฺย;
อุปธึ วิทิตฺวา สงฺโคติ โลเก,
ตสฺเสว ชนฺตุ วินยาย สิกฺเข’’ติ.
อถ โข ¶ มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
ทุติโย วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
ปาสาโณ สีโห สกลิกํ [สกฺขลิกํ (ก.)], ปติรูปฺจ มานสํ;
ปตฺตํ อายตนํ ปิณฺฑํ, กสฺสกํ รชฺเชน เต ทสาติ.
๓. ตติยวคฺโค
๑. สมฺพหุลสุตฺตํ
๑๕๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ สิลาวติยํ. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควโต อวิทูเร อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺติ. อถ โข มาโร ปาปิมา พฺราหฺมณวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา มหนฺเตน ชฏณฺฑุเวน อชินกฺขิปนิวตฺโถ ชิณฺโณ โคปานสิวงฺโก ฆุรุฆุรุปสฺสาสี อุทุมฺพรทณฺฑํ คเหตฺวา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘ทหรา ภวนฺโต ¶ ปพฺพชิตา สุสู กาฬเกสา ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคตา ปเมน วยสา อนิกฺกีฬิตาวิโน กาเมสุ. ภฺุชนฺตุ ภวนฺโต มานุสเก กาเม. มา สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวิตฺถา’’ติ. ‘‘น โข มยํ, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวาม. กาลิกฺจ โข มยํ, พฺราหฺมณ, หิตฺวา สนฺทิฏฺิกํ อนุธาวาม. กาลิกา หิ, พฺราหฺมณ, กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ. เอวํ ¶ วุตฺเต, มาโร ปาปิมา สีสํ โอกมฺเปตฺวา ชิวฺหํ นิลฺลาเลตฺวา ติวิสาขํ นลาเฏ นลาฏิกํ วุฏฺาเปตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ปกฺกามิ.
อถ ¶ โข เต ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ มยํ, ภนฺเต, ภควโต อวิทูเร อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหราม. อถ โข, ภนฺเต, อฺตโร พฺราหฺมโณ มหนฺเตน ชฏณฺฑุเวน อชินกฺขิปนิวตฺโถ ชิณฺโณ โคปานสิวงฺโก ฆุรุฆุรุปสฺสาสี อุทุมฺพรทณฺฑํ คเหตฺวา เยน มยํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อมฺเห เอตทโวจ – ‘ทหรา ภวนฺโต ปพฺพชิตา สุสู กาฬเกสา ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคตา ปเมน วยสา อนิกฺกีฬิตาวิโน กาเมสุ. ภฺุชนฺตุ ภวนฺโต มานุสเก กาเม. มา สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวิตฺถา’ติ. เอวํ วุตฺเต, มยํ, ภนฺเต, ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุมฺห – ‘น โข มยํ, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิกํ หิตฺวา กาลิกํ อนุธาวาม. กาลิกฺจ โข มยํ, พฺราหฺมณ, หิตฺวา สนฺทิฏฺิกํ อนุธาวาม. กาลิกา หิ, พฺราหฺมณ, กามา ¶ วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. สนฺทิฏฺิโก อยํ ธมฺโม อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, โส พฺราหฺมโณ สีสํ โอกมฺเปตฺวา ชิวฺหํ นิลฺลาเลตฺวา ติวิสาขํ นลาเฏ นลาฏิกํ วุฏฺาเปตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ปกฺกนฺโต’’ติ.
‘‘เนโส, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ. มาโร เอโส ปาปิมา ตุมฺหากํ วิจกฺขุกมฺมาย อาคโต’’ติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ¶ ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘โย ¶ ทุกฺขมทฺทกฺขิ ยโตนิทานํ,
กาเมสุ โส ชนฺตุ กถํ นเมยฺย;
อุปธึ วิทิตฺวา สงฺโคติ โลเก,
ตสฺเสว ชนฺตุ วินยาย สิกฺเข’’ติ.
๒. สมิทฺธิสุตฺตํ
๑๕๘. เอกํ ¶ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ สิลาวติยํ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สมิทฺธิ ภควโต อวิทูเร อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรติ. อถ โข อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม สตฺถา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยฺวาหํ เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิโต. ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม สพฺรหฺมจาริโน สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา’’ติ. อถ โข มาโร ปาปิมา อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เยนายสฺมา สมิทฺธิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส อวิทูเร มหนฺตํ ภยเภรวํ สทฺทมกาสิ, อปิสฺสุทํ ปถวี มฺเ อุนฺทฺรียติ.
อถ โข อายสฺมา สมิทฺธิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน ¶ อายสฺมา สมิทฺธิ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ภควโต อวิทูเร อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรามิ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, รโหคตสฺส ¶ ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม สตฺถา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยฺวาหํ เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิโต. ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม สพฺรหฺมจาริโน สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อวิทูเร มหาภยเภรวสทฺโท อโหสิ, อปิสฺสุทํ ปถวี มฺเ อุนฺทฺรียตี’’ติ.
‘‘เนสา, สมิทฺธิ, ปถวี อุนฺทฺรียติ. มาโร เอโส ปาปิมา ตุยฺหํ วิจกฺขุกมฺมาย อาคโต. คจฺฉ ตฺวํ, สมิทฺธิ, ตตฺเถว อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหราหี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา สมิทฺธิ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา ¶ ¶ อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา สมิทฺธิ ตตฺเถว อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหาสิ. ทุติยมฺปิ โข อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส…เป… ทุติยมฺปิ โข มาโร ปาปิมา อายสฺมโต สมิทฺธิสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย…เป… อปิสฺสุทํ ปถวี มฺเ อุนฺทฺรียติ. อถ โข อายสฺมา สมิทฺธิ มารํ ¶ ปาปิมนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘สทฺธายาหํ ปพฺพชิโต, อคารสฺมา อนคาริยํ;
สติ ปฺา จ เม พุทฺธา, จิตฺตฺจ สุสมาหิตํ;
กามํ กรสฺสุ รูปานิ, เนว มํ พฺยาธยิสฺสสี’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ สมิทฺธิ ภิกฺขู’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๓. โคธิกสุตฺตํ
๑๕๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา โคธิโก อิสิคิลิปสฺเส วิหรติ กาฬสิลายํ. อถ โข อายสฺมา โคธิโก อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต สามยิกํ เจโตวิมุตฺตึ ผุสิ. อถ โข อายสฺมา โคธิโก ตมฺหา สามยิกาย เจโตวิมุตฺติยา ปริหายิ ¶ . ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา โคธิโก อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต สามยิกํ เจโตวิมุตฺตึ ผุสิ. ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา โคธิโก ตมฺหา สามยิกาย เจโตวิมุตฺติยา ปริหายิ. ตติยมฺปิ โข อายสฺมา โคธิโก อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต สามยิกํ เจโตวิมุตฺตึ ผุสิ. ตติยมฺปิ โข อายสฺมา โคธิโก ตมฺหา…เป… ปริหายิ. จตุตฺถมฺปิ โข อายสฺมา โคธิโก อปฺปมตฺโต…เป… วิมุตฺตึ ผุสิ ¶ . จตุตฺถมฺปิ โข อายสฺมา โคธิโก ตมฺหา…เป… ปริหายิ. ปฺจมมฺปิ ¶ โข อายสฺมา โคธิโก…เป… เจโตวิมุตฺตึ ผุสิ. ปฺจมมฺปิ โข อายสฺมา…เป… วิมุตฺติยา ปริหายิ. ฉฏฺมฺปิ โข อายสฺมา โคธิโก อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต สามยิกํ เจโตวิมุตฺตึ ผุสิ. ฉฏฺมฺปิ โข อายสฺมา โคธิโก ตมฺหา สามยิกาย เจโตวิมุตฺติยา ปริหายิ. สตฺตมมฺปิ ¶ โข อายสฺมา โคธิโก อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต สามยิกํ เจโตวิมุตฺตึ ผุสิ.
อถ โข อายสฺมโต โคธิกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยาว ฉฏฺํ ขฺวาหํ สามยิกาย เจโตวิมุตฺติยา ปริหีโน. ยํนูนาหํ สตฺถํ อาหเรยฺย’’นฺติ. อถ โข มาโร ปาปิมา อายสฺมโต โคธิกสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘มหาวีร มหาปฺ, อิทฺธิยา ยสสา ชล;
สพฺพเวรภยาตีต, ปาเท วนฺทามิ จกฺขุม.
‘‘สาวโก เต มหาวีร, มรณํ มรณาภิภู;
อากงฺขติ เจตยติ, ตํ นิเสธ ชุตินฺธร.
‘‘กถฺหิ ภควา ตุยฺหํ, สาวโก สาสเน รโต;
อปฺปตฺตมานโส เสกฺโข, กาลํ กยิรา ชเนสุตา’’ติ.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต โคธิเกน สตฺถํ อาหริตํ โหติ. อถ โข ภควา ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ¶ ปาปิมนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เอวฺหิ ¶ ธีรา กุพฺพนฺติ, นาวกงฺขนฺติ ชีวิตํ;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, โคธิโก ปรินิพฺพุโต’’ติ.
อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อายาม, ภิกฺขเว, เยน อิสิคิลิปสฺสํ กาฬสิลา เตนุปสงฺกมิสฺสาม ยตฺถ โคธิเกน กุลปุตฺเตน สตฺถํ อาหริต’’นฺติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ.
อถ โข ภควา สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เยน อิสิคิลิปสฺสํ กาฬสิลา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข ภควา อายสฺมนฺตํ โคธิกํ ทูรโตว มฺจเก วิวตฺตกฺขนฺธํ เสมานํ [เสยฺยมานํ (สฺยา. กํ.), โสปฺปมานํ (ก.)]. เตน ¶ โข ปน สมเยน ธูมายิตตฺตํ ติมิรายิตตฺตํ คจฺฉเตว ปุริมํ ทิสํ, คจฺฉติ ปจฺฉิมํ ทิสํ, คจฺฉติ อุตฺตรํ ทิสํ, คจฺฉติ ทกฺขิณํ ทิสํ, คจฺฉติ อุทฺธํ, คจฺฉติ อโธ, คจฺฉติ อนุทิสํ.
อถ ¶ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอตํ ธูมายิตตฺตํ ติมิรายิตตฺตํ คจฺฉเตว ปุริมํ ทิสํ, คจฺฉติ ปจฺฉิมํ ทิสํ, คจฺฉติ อุตฺตรํ ทิสํ, คจฺฉติ ทกฺขิณํ ทิสํ, คจฺฉติ อุทฺธํ, คจฺฉติ อโธ, คจฺฉติ อนุทิส’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอโส โข, ภิกฺขเว, มาโร ปาปิมา โคธิกสฺส กุลปุตฺตสฺส วิฺาณํ สมนฺเวสติ – ‘กตฺถ โคธิกสฺส กุลปุตฺตสฺส วิฺาณํ ปติฏฺิต’นฺติ? อปฺปติฏฺิเตน จ, ภิกฺขเว, วิฺาเณน โคธิโก กุลปุตฺโต ปรินิพฺพุโต’’ติ. อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อุทฺธํ อโธ จ ติริยํ, ทิสา อนุทิสา สฺวหํ;
อนฺเวสํ นาธิคจฺฉามิ, โคธิโก โส กุหึ คโต’’ติ.
‘‘โย [โส (สี. ปี.)] ธีโร ธิติสมฺปนฺโน, ฌายี ฌานรโต สทา;
อโหรตฺตํ อนุยฺุชํ, ชีวิตํ อนิกามยํ.
‘‘เชตฺวาน ¶ มจฺจุโน [เภตฺวา นมุจิโน (สี.)] เสนํ, อนาคนฺตฺวา ปุนพฺภวํ;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, โคธิโก ปรินิพฺพุโต’’ติ.
‘‘ตสฺส โสกปเรตสฺส, วีณา กจฺฉา อภสฺสถ;
ตโต โส ทุมฺมโน ยกฺโข, ตตฺเถวนฺตรธายถา’’ติ [ตตฺเถวนฺตรธายิถาติ (สฺยา. กํ.), ตตฺเถว อนฺตรธายีติ (ก.)].
๔. สตฺตวสฺสานุพนฺธสุตฺตํ
๑๖๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อชปาลนิคฺโรเธ. เตน โข ปน สมเยน มาโร ปาปิมา สตฺตวสฺสานิ ภควนฺตํ อนุพนฺโธ โหติ โอตาราเปกฺโข โอตารํ อลภมาโน. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘โสกาวติณฺโณ ¶ นุ วนมฺหิ ฌายสิ,
วิตฺตํ นุ ชีโน อุท ปตฺถยาโน;
อาคุํ นุ คามสฺมิมกาสิ กิฺจิ,
กสฺมา ¶ ชเนน น กโรสิ สกฺขึ;
สกฺขี น สมฺปชฺชติ เกนจิ เต’’ติ.
‘‘โสกสฺส ¶ มูลํ ปลิขาย สพฺพํ,
อนาคุ ฌายามิ อโสจมาโน;
เฉตฺวาน สพฺพํ ภวโลภชปฺปํ,
อนาสโว ฌายามิ ปมตฺตพนฺธู’’ติ.
‘‘ยํ วทนฺติ มม ยิทนฺติ, เย วทนฺติ มมนฺติ จ;
เอตฺถ เจ เต มโน อตฺถิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ.
‘‘ยํ ¶ วทนฺติ น ตํ มยฺหํ, เย วทนฺติ น เต อหํ;
เอวํ ปาปิม ชานาหิ, น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสี’’ติ.
‘‘สเจ มคฺคํ อนุพุทฺธํ, เขมํ อมตคามินํ;
อเปหิ คจฺฉ ตฺวเมเวโก, กิมฺมนุสาสสี’’ติ.
‘‘อมจฺจุเธยฺยํ ปุจฺฉนฺติ, เย ชนา ปารคามิโน;
เตสาหํ ปุฏฺโ อกฺขามิ, ยํ สจฺจํ ตํ นิรูปธิ’’นฺติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร โปกฺขรณี. ตตฺรสฺส กกฺกฏโก. อถ โข, ภนฺเต, สมฺพหุลา กุมารกา วา กุมาริกาโย วา ตมฺหา คามา วา นิคมา วา นิกฺขมิตฺวา เยน สา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกเมยฺยุํ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ กกฺกฏกํ อุทกา อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺเปยฺยุํ. ยํ ยเทว หิ โส, ภนฺเต, กกฺกฏโก อฬํ อภินินฺนาเมยฺย ตํ ตเทว เต กุมารกา วา ¶ กุมาริกาโย วา กฏฺเน วา กถลาย วา สฺฉินฺเทยฺยุํ สมฺภฺเชยฺยุํ สมฺปลิภฺเชยฺยุํ. เอวฺหิ โส, ภนฺเต, กกฺกฏโก สพฺเพหิ อเฬหิ สฺฉินฺเนหิ สมฺภคฺเคหิ สมฺปลิภคฺเคหิ อภพฺโพ ตํ โปกฺขรณึ โอตริตุํ. เอวเมว โข, ภนฺเต, ยานิ กานิจิ วิสูกายิกานิ [ยานิ วิสุกายิกานิ (สี. ปี. ก.)] วิเสวิตานิ วิปฺผนฺทิตานิ, สพฺพานิ ตานิ [กานิจิ กานิจิ สพฺพานิ (สี. ปี. ก.)] ภควตา สฺฉินฺนานิ สมฺภคฺคานิ ¶ สมฺปลิภคฺคานิ. อภพฺโพ ทานาหํ, ภนฺเต, ปุน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ยทิทํ โอตาราเปกฺโข’’ติ. อถ โข มาโร ปาปิมา ภควโต สนฺติเก อิมา นิพฺเพชนียา คาถาโย อภาสิ –
‘‘เมทวณฺณฺจ ปาสาณํ, วายโส อนุปริยคา;
อเปตฺถ มุทุํ วินฺเทม, อปิ อสฺสาทนา สิยา.
‘‘อลทฺธา ¶ ตตฺถ อสฺสาทํ, วายเสตฺโต อปกฺกเม;
กาโกว เสลมาสชฺช, นิพฺพิชฺชาเปม โคตมา’’ติ.
๕. มารธีตุสุตฺตํ
๑๖๑. อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา ภควโต สนฺติเก อิมา นิพฺเพชนียา คาถาโย อภาสิตฺวา ตมฺหา านา อปกฺกมฺม ภควโต อวิทูเร ปถวิยํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน กฏฺเน ภูมึ วิลิขนฺโต. อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เยน มาโร ปาปิมา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาย ¶ อชฺฌภาสึสุ –
‘‘เกนาสิ ทุมฺมโน ตาต, ปุริสํ กํ นุ โสจสิ;
มยํ ตํ ราคปาเสน, อารฺมิว กฺุชรํ;
พนฺธิตฺวา อานยิสฺสาม, วสโค เต ภวิสฺสตี’’ติ.
‘‘อรหํ สุคโต โลเก, น ราเคน สุวานโย;
มารเธยฺยํ อติกฺกนฺโต, ตสฺมา โสจามหํ ภุส’’นฺติ.
อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ. อถ โข ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโต.
อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา. ยํนูน มยํ เอกสตํ เอกสตํ กุมาริวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามา’’ติ. อถ ¶ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เอกสตํ เอกสตํ กุมาริวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโต.
อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา ¶ . ยํนูน มยํ เอกสตํ เอกสตํ อวิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามา’’ติ. อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เอกสตํ เอกสตํ ¶ อวิชาตวณฺณสตํ ¶ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโต.
อถ โข ตณฺหา จ…เป… ยํนูน มยํ เอกสตํ เอกสตํ สกึ วิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามาติ. อถ โข ตณฺหา จ…เป… สกึ วิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโต.
อถ โข ตณฺหา จ…เป… ยํนูน มยํ เอกสตํ เอกสตํ ทุวิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามาติ. อถ โข ตณฺหา จ…เป… ทุวิชาตวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา…เป… ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโต. อถ โข ตณฺหา จ…เป… มชฺฌิมิตฺถิวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามาติ. อถ โข ตณฺหา จ…เป… มชฺฌิมิตฺถิวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา…เป… อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโต.
อถ โข ตณฺหา จ…เป… มหิตฺถิวณฺณสตํ อภินิมฺมิเนยฺยามาติ ¶ . อถ โข ตณฺหา จ…เป… มหิตฺถิวณฺณสตํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน ภควา…เป… อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโต. อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม เอตทโวจุํ – สจฺจํ กิร โน ปิตา อโวจ –
‘‘อรหํ สุคโต โลเก, น ราเคน สุวานโย;
มารเธยฺยํ อติกฺกนฺโต, ตสฺมา โสจามหํ ภุส’’นฺติ.
‘‘ยฺหิ มยํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อวีตราคํ อิมินา อุปกฺกเมน อุปกฺกเมยฺยาม หทยํ วาสฺส ผเลยฺย, อุณฺหํ โลหิตํ วา มุขโต อุคฺคจฺเฉยฺย, อุมฺมาทํ ¶ วา ปาปุเณยฺย จิตฺตกฺเขปํ ¶ วา. เสยฺยถา วา ปน นโฬ หริโต ลุโต อุสฺสุสฺสติ วิสุสฺสติ มิลายติ; เอวเมว อุสฺสุสฺเสยฺย วิสุสฺเสยฺย มิลาเยยฺยา’’ติ.
อถ ¶ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข ตณฺหา มารธีตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘โสกาวติณฺโณ นุ วนมฺหิ ฌายสิ,
วิตฺตํ นุ ชีโน อุท ปตฺถยาโน;
อาคุํ นุ คามสฺมิมกาสิ กิฺจิ,
กสฺมา ชเนน น กโรสิ สกฺขึ;
สกฺขี น สมฺปชฺชติ เกนจิ เต’’ติ.
‘‘อตฺถสฺส ¶ ปตฺตึ หทยสฺส สนฺตึ,
เชตฺวาน เสนํ ปิยสาตรูปํ;
เอโกหํ [เอกาหํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] ฌายํ สุขมนุโพธึ,
ตสฺมา ชเนน น กโรมิ สกฺขึ;
สกฺขี น สมฺปชฺชติ เกนจิ เม’’ติ.
อถ โข อรติ [อรติ จ (ก.)] มารธีตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กถํ วิหารีพหุโลธ ภิกฺขุ,
ปฺโจฆติณฺโณ อตรีธ ฉฏฺํ;
กถํ ฌายึ [กถํ ฌายํ (สฺยา. กํ. ปี.), กถชฺฌายํ (ก.)] พหุลํ กามสฺา,
ปริพาหิรา โหนฺติ อลทฺธ โย ต’’นฺติ.
‘‘ปสฺสทฺธกาโย สุวิมุตฺตจิตฺโต,
อสงฺขราโน สติมา อโนโก;
อฺาย ¶ ธมฺมํ อวิตกฺกฌายี,
น กุปฺปติ น สรติ น ถิโน [น กุปฺปตี นสฺสรตี น ถีโน (สี.)].
‘‘เอวํวิหารีพหุโลธ ภิกฺขุ,
ปฺโจฆติณฺโณ อตรีธ ฉฏฺํ;
เอวํ ฌายึ พหุลํ กามสฺา,
ปริพาหิรา โหนฺติ อลทฺธ โย ต’’นฺติ.
อถ ¶ ¶ โข รคา [รคาจ (ก.)] มารธีตา ภควโต สนฺติเก คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อจฺเฉชฺช ¶ ตณฺหํ คณสงฺฆจารี,
อทฺธา จริสฺสนฺติ [ตริสฺสนฺติ (สี.)] พหู จ สทฺธา;
พหุํ วตายํ ชนตํ อโนโก,
อจฺเฉชฺช เนสฺสติ มจฺจุราชสฺส ปาร’’นฺติ.
‘‘นยนฺติ เว มหาวีรา, สทฺธมฺเมน ตถาคตา;
ธมฺเมน นยมานานํ, กา อุสูยา วิชานต’’นฺติ.
อถ โข ตณฺหา จ อรติ จ รคา จ มารธีตโร เยน มาโร ปาปิมา เตนุปสงฺกมึสุ. อทฺทสา โข มาโร ปาปิมา ตณฺหฺจ อรติฺจ รคฺจ มารธีตโร ทูรโตว อาคจฺฉนฺติโย. ทิสฺวาน คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘พาลา กุมุทนาเฬหิ, ปพฺพตํ อภิมตฺถถ [อภิมนฺถถ (สี.)];
คิรึ นเขน ขนถ, อโย ทนฺเตหิ ขาทถ.
‘‘เสลํว สิรสูหจฺจ [สิรสิ อูหจฺจ (สี.), สิรสิ โอหจฺจ (สฺยา. กํ.)], ปาตาเล คาธเมสถ;
ขาณุํว อุรสาสชฺช, นิพฺพิชฺชาเปถ โคตมา’’ติ.
‘‘ททฺทลฺลมานา ¶ อาคฺฉุํ, ตณฺหา จ อรตี รคา;
ตา ตตฺถ ปนุที สตฺถา, ตูลํ ภฏฺํว มาลุโต’’ติ.
ตติโย วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
สมฺพหุลา ¶ สมิทฺธิ จ, โคธิกํ สตฺตวสฺสานิ;
ธีตรํ เทสิตํ พุทฺธ, เสฏฺเน อิมํ มารปฺจกนฺติ.
มารสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
๕. ภิกฺขุนีสํยุตฺตํ
๑. อาฬวิกาสุตฺตํ
๑๖๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อาฬวิกา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน อนฺธวนํ เตนุปสงฺกมิ วิเวกตฺถินี. อถ โข มาโร ปาปิมา อาฬวิกาย ภิกฺขุนิยา ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม วิเวกมฺหา จาเวตุกาโม เยน อาฬวิกา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬวิกํ ภิกฺขุนึ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘นตฺถิ นิสฺสรณํ โลเก, กึ วิเวเกน กาหสิ;
ภฺุชสฺสุ กามรติโย, มาหุ ปจฺฉานุตาปินี’’ติ.
อถ โข อาฬวิกาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ ขฺวายํ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา คาถํ ภาสตี’’ติ? อถ โข อาฬวิกาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘มาโร โข อยํ ปาปิมา มม ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม วิเวกมฺหา จาเวตุกาโม คาถํ ภาสตี’’ติ. อถ โข อาฬวิกา ภิกฺขุนี ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ ¶ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘อตฺถิ นิสฺสรณํ โลเก, ปฺาย เม สุผุสฺสิตํ [สุผสฺสิตํ (สี. ปี.)];
ปมตฺตพนฺธุ ปาปิม, น ตฺวํ ชานาสิ ตํ ปทํ.
‘‘สตฺติสูลูปมา ¶ กามา, ขนฺธาสํ อธิกุฏฺฏนา;
ยํ ตฺวํ กามรตึ พฺรูสิ, อรติ มยฺห สา อหู’’ติ.
อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ อาฬวิกา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๒. โสมาสุตฺตํ
๑๖๓. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข โสมา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน อนฺธวนํ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. อนฺธวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข มาโร ปาปิมา โสมาย ภิกฺขุนิยา ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม เยน โสมา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โสมํ ภิกฺขุนึ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ยํ ตํ อิสีหิ ปตฺตพฺพํ, านํ ทุรภิสมฺภวํ;
น ตํ ทฺวงฺคุลปฺาย, สกฺกา ปปฺโปตุมิตฺถิยา’’ติ.
อถ โข โสมาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ ขฺวายํ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา คาถํ ภาสตี’’ติ? อถ โข โสมาย ภิกฺขุนิยา ¶ เอตทโหสิ – ‘‘มาโร โข อยํ ปาปิมา มม ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม คาถํ ภาสตี’’ติ. อถ โข โสมา ภิกฺขุนี ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘อิตฺถิภาโว กึ กยิรา, จิตฺตมฺหิ สุสมาหิเต;
าณมฺหิ วตฺตมานมฺหิ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต.
‘‘ยสฺส ¶ นูน สิยา เอวํ, อิตฺถาหํ ปุริโสติ วา;
กิฺจิ วา ปน อฺสฺมิ [อสฺมีติ (สฺยา. กํ. ปี.)], ตํ มาโร วตฺตุมรหตี’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ โสมา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๓. กิสาโคตมีสุตฺตํ
๑๖๔. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข กิสาโคตมี ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา ¶ เยน อนฺธวนํ เตนุปสงฺกมิ ¶ , ทิวาวิหาราย. อนฺธวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข มาโร ปาปิมา กิสาโคตมิยา ภิกฺขุนิยา ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม เยน กิสาโคตมี ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา กิสาโคตมึ ภิกฺขุนึ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กึ ¶ นุ ตฺวํ มตปุตฺตาว, เอกมาสิ รุทมฺมุขี;
วนมชฺฌคตา เอกา, ปุริสํ นุ คเวสสี’’ติ.
อถ โข กิสาโคตมิยา ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ ขฺวายํ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา คาถํ ภาสตี’’ติ? อถ โข กิสาโคตมิยา ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘มาโร โข อยํ ปาปิมา มม ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม คาถํ ภาสตี’’ติ.
อถ โข กิสาโคตมี ภิกฺขุนี ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘อจฺจนฺตํ ¶ มตปุตฺตามฺหิ, ปุริสา เอตทนฺติกา;
น โสจามิ น โรทามิ, น ตํ ภายามิ อาวุโส.
‘‘สพฺพตฺถ วิหตา นนฺที, ตโมกฺขนฺโธ ปทาลิโต;
เชตฺวาน มจฺจุโน [เชตฺวา นมุจิโน (สี.)] เสนํ, วิหรามิ อนาสวา’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ กิสาโคตมี ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๔. วิชยาสุตฺตํ
๑๖๕. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข วิชยา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา…เป… อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข มาโร ปาปิมา วิชยาย ภิกฺขุนิยา ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม เยน วิชยา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา วิชยํ ภิกฺขุนึ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ทหรา ¶ ¶ ¶ ตฺวํ รูปวตี, อหฺจ ทหโร สุสุ;
ปฺจงฺคิเกน ตุริเยน, เอหยฺเยภิรมามเส’’ติ [เอหิ อยฺเย รมามเสติ (สี.)].
อถ โข วิชยาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ ขฺวายํ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา คาถํ ภาสตี’’ติ? อถ โข วิชยาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘มาโร โข อยํ ปาปิมา มม ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม คาถํ ภาสตี’’ติ. อถ โข วิชยา ภิกฺขุนี ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฏฺพฺพา จ มโนรมา;
นิยฺยาตยามิ ตุยฺเหว, มาร นาหํ เตนตฺถิกา.
‘‘อิมินา ¶ ปูติกาเยน, ภินฺทเนน ปภงฺคุนา;
อฏฺฏียามิ หรายามิ, กามตณฺหา สมูหตา.
‘‘เย จ รูปูปคา สตฺตา, เย จ อรูปฏฺายิโน [อารุปฺปฏฺายิโน (สี. ปี.)];
ยา จ สนฺตา สมาปตฺติ, สพฺพตฺถ วิหโต ตโม’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ วิชยา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๕. อุปฺปลวณฺณาสุตฺตํ
๑๖๖. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา…เป… อฺตรสฺมึ สุปุปฺผิตสาลรุกฺขมูเล อฏฺาสิ. อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา อุปฺปลวณฺณาย ภิกฺขุนิยา ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม เยน อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุปฺปลวณฺณํ ภิกฺขุนึ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘สุปุปฺผิตคฺคํ อุปคมฺม ภิกฺขุนิ,
เอกา ตุวํ ติฏฺสิ สาลมูเล;
น จตฺถิ เต ทุติยา วณฺณธาตุ,
พาเล น ตฺวํ ภายสิ ธุตฺตกาน’’นฺติ.
อถ ¶ โข อุปฺปลวณฺณาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘โก ¶ นุ ขฺวายํ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา คาถํ ภาสตี’’ติ? อถ โข อุปฺปลวณฺณาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘มาโร โข อยํ ปาปิมา มม ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม คาถํ ภาสตี’’ติ. อถ โข อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘สตํ ¶ สหสฺสานิปิ ธุตฺตกานํ,
อิธาคตา ตาทิสกา ภเวยฺยุํ;
โลมํ น อิฺชามิ น สนฺตสามิ,
น มาร ภายามิ ตเมกิกาปิ.
‘‘เอสา อนฺตรธายามิ, กุจฺฉึ วา ปวิสามิ เต;
ปขุมนฺตริกายมฺปิ, ติฏฺนฺตึ มํ น ทกฺขสิ.
‘‘จิตฺตสฺมึ ¶ วสีภูตามฺหิ, อิทฺธิปาทา สุภาวิตา;
สพฺพพนฺธนมุตฺตามฺหิ, น ตํ ภายามิ อาวุโส’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๖. จาลาสุตฺตํ
๑๖๗. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข จาลา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา…เป… อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน จาลา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา จาลํ ภิกฺขุนึ เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ ตฺวํ, ภิกฺขุนิ, น โรเจสี’’ติ? ‘‘ชาตึ ขฺวาหํ, อาวุโส, น โรเจมี’’ติ.
‘‘กึ นุ ชาตึ น โรเจสิ, ชาโต กามานิ ภฺุชติ;
โก นุ ตํ อิทมาทปยิ, ชาตึ มา โรจ [มา โรเจสิ (สี. ปี.)] ภิกฺขุนี’’ติ.
‘‘ชาตสฺส มรณํ โหติ, ชาโต ทุกฺขานิ ผุสฺสติ [ปสฺสติ (สี. ปี.)];
พนฺธํ วธํ ปริกฺเลสํ, ตสฺมา ชาตึ น โรจเย.
‘‘พุทฺโธ ¶ ธมฺมมเทเสสิ, ชาติยา สมติกฺกมํ;
สพฺพทุกฺขปฺปหานาย, โส มํ สจฺเจ นิเวสยิ.
‘‘เย ¶ ¶ จ รูปูปคา สตฺตา, เย จ อรูปฏฺายิโน;
นิโรธํ อปฺปชานนฺตา, อาคนฺตาโร ปุนพฺภว’’นฺติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ จาลา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๗. อุปจาลาสุตฺตํ
๑๖๘. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข อุปจาลา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา…เป… อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน อุปจาลา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุปจาลํ ภิกฺขุนึ เอตทโวจ – ‘‘กตฺถ นุ ตฺวํ, ภิกฺขุนิ, อุปฺปชฺชิตุกามา’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, กตฺถจิ อุปฺปชฺชิตุกามา’’ติ.
‘‘ตาวตึสา จ ยามา จ, ตุสิตา จาปิ เทวตา;
นิมฺมานรติโน เทวา, เย เทวา วสวตฺติโน;
ตตฺถ จิตฺตํ ปณิเธหิ, รตึ ปจฺจนุโภสฺสสี’’ติ.
‘‘ตาวตึสา จ ยามา จ, ตุสิตา จาปิ เทวตา;
นิมฺมานรติโน เทวา, เย เทวา วสวตฺติโน;
กามพนฺธนพทฺธา เต, เอนฺติ มารวสํ ปุน.
‘‘สพฺโพ อาทีปิโต [สพฺโพว อาทิตฺโต (สฺยา. กํ.)] โลโก, สพฺโพ โลโก ปธูปิโต;
สพฺโพ ปชฺชลิโต [ปชฺชลิโต (สพฺพตฺถ)] โลโก, สพฺโพ โลโก ปกมฺปิโต.
‘‘อกมฺปิตํ อปชฺชลิตํ [อจลิตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อปุถุชฺชนเสวิตํ;
อคติ ยตฺถ มารสฺส, ตตฺถ เม นิรโต มโน’’ติ.
อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ อุปจาลา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๘. สีสุปจาลาสุตฺตํ
๑๖๙. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข สีสุปจาลา [สีสูปจาลา (สี.)] ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ¶ …เป… อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข มาโร ปาปิมา เยน สีสุปจาลา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สีสุปจาลํ ภิกฺขุนึ เอตทโวจ – ‘‘กสฺส นุ ตฺวํ, ภิกฺขุนิ, ปาสณฺฑํ โรเจสี’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ, อาวุโส, กสฺสจิ ปาสณฺฑํ โรเจมี’’ติ.
‘‘กํ นุ อุทฺทิสฺส มุณฺฑาสิ, สมณี วิย ทิสฺสสิ;
น จ โรเจสิ ปาสณฺฑํ, กิมิว จรสิ โมมูหา’’ติ.
‘‘อิโต พหิทฺธา ปาสณฺฑา, ทิฏฺีสุ ปสีทนฺติ เต;
น เตสํ ธมฺมํ โรเจมิ, เต ธมฺมสฺส อโกวิทา.
‘‘อตฺถิ ¶ สกฺยกุเล ชาโต, พุทฺโธ อปฺปฏิปุคฺคโล;
สพฺพาภิภู มารนุโท, สพฺพตฺถมปราชิโต.
‘‘สพฺพตฺถ มุตฺโต อสิโต, สพฺพํ ปสฺสติ จกฺขุมา;
สพฺพกมฺมกฺขยํ ปตฺโต, วิมุตฺโต อุปธิสงฺขเย;
โส มยฺหํ ภควา สตฺถา, ตสฺส โรเจมิ สาสน’’นฺติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ สีสุปจาลา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๙. เสลาสุตฺตํ
๑๗๐. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข เสลา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา…เป… อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข มาโร ปาปิมา เสลาย ภิกฺขุนิยา ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม…เป… เสลํ ¶ ภิกฺขุนึ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เกนิทํ ปกตํ พิมฺพํ, กฺวนุ [กฺวนฺนุ (สี. ปี.), กฺวจิ (สฺยา. กํ. ก.)] พิมฺพสฺส การโก;
กฺวนุ พิมฺพํ สมุปฺปนฺนํ, กฺวนุ พิมฺพํ นิรุชฺฌตี’’ติ.
อถ โข เสลาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ ขฺวายํ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา คาถํ ภาสตี’’ติ? อถ โข เสลาย ภิกฺขุนิยา ¶ เอตทโหสิ – ‘‘มาโร โข อยํ ปาปิมา มม ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม คาถํ ภาสตี’’ติ. อถ โข เสลา ภิกฺขุนี ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘นยิทํ อตฺตกตํ [นยิทํ ปกตํ (สฺยา. กํ.)] พิมฺพํ, นยิทํ ปรกตํ [นยิทํ ปกตํ (สฺยา. กํ.)] อฆํ;
เหตุํ ปฏิจฺจ สมฺภูตํ, เหตุภงฺคา นิรุชฺฌติ.
‘‘ยถา อฺตรํ พีชํ, เขตฺเต วุตฺตํ วิรูหติ;
ปถวีรสฺจาคมฺม, สิเนหฺจ ตทูภยํ.
‘‘เอวํ ขนฺธา จ ธาตุโย, ฉ จ อายตนา อิเม;
เหตุํ ปฏิจฺจ สมฺภูตา, เหตุภงฺคา นิรุชฺฌเร’’ติ.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ เสลา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๑๐. วชิราสุตฺตํ
๑๗๑. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข วชิรา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ ¶ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา ¶ เยน อนฺธวนํ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. อนฺธวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข มาโร ปาปิมา วชิราย ภิกฺขุนิยา ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม เยน วชิรา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา วชิรํ ภิกฺขุนึ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เกนายํ ปกโต สตฺโต, กุวํ สตฺตสฺส การโก;
กุวํ สตฺโต สมุปฺปนฺโน, กุวํ สตฺโต นิรุชฺฌตี’’ติ.
อถ โข วชิราย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ ขฺวายํ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา คาถํ ภาสตี’’ติ? อถ โข วชิราย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘มาโร โข อยํ ปาปิมา มม ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม คาถํ ภาสตี’’ติ. อถ โข ¶ วชิรา ภิกฺขุนี ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา, มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘กึ นุ สตฺโตติ ปจฺเจสิ, มาร ทิฏฺิคตํ นุ เต;
สุทฺธสงฺขารปฺุโชยํ, นยิธ สตฺตุปลพฺภติ.
‘‘ยถา หิ องฺคสมฺภารา, โหติ สทฺโท รโถ อิติ;
เอวํ ขนฺเธสุ สนฺเตสุ, โหติ สตฺโตติ สมฺมุติ [สมฺมติ (สฺยา. กํ.)].
‘‘ทุกฺขเมว ¶ หิ สมฺโภติ, ทุกฺขํ ติฏฺติ เวติ จ;
นาฺตฺร ทุกฺขา สมฺโภติ, นาฺํ ทุกฺขา นิรุชฺฌตี’’ติ.
อถ ¶ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ วชิรา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
ภิกฺขุนีสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
ตสฺสุทฺทานํ –
อาฬวิกา จ โสมา จ, โคตมี วิชยา สห;
อุปฺปลวณฺณา จ จาลา, อุปจาลา สีสุปจาลา จ;
เสลา วชิราย เต ทสาติ.
๖. พฺรหฺมสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. พฺรหฺมายาจนสุตฺตํ
๑๗๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อชปาลนิคฺโรธมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ. อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย. อาลยรามา โข ปนายํ ปชา อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา. อาลยรามาย โข ปน ปชาย อาลยรตาย อาลยสมฺมุทิตาย ทุทฺทสํ อิทํ านํ ยทิทํ อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อิทมฺปิ โข านํ ทุทฺทสํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ. อหฺเจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ; ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุํ; โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา’’ติ. อปิสฺสุ ภควนฺตํ อิมา อนจฺฉริยา คาถาโย ปฏิภํสุ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา –
‘‘กิจฺเฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุํ;
ราคโทสปเรเตหิ, นายํ ธมฺโม สุสมฺพุโธ.
‘‘ปฏิโสตคามึ ¶ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;
ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขนฺเธน อาวุฏา’’ติ [ตโมกฺขนฺเธน อาวุตาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
อิติห ¶ ภควโต ปฏิสฺจิกฺขโต อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ, โน ธมฺมเทสนาย.
อถ ¶ โข พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺส ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เอตทโหสิ – ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก, ยตฺร หิ นาม ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมติ [นมิสฺสติ (?)], โน ธมฺมเทสนายา’’ติ. อถ ¶ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ [สมฺมิฺชิตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต ภควโต ปุรโต ปาตุรโหสิ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ. สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ. ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’’ติ. อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –
‘‘ปาตุรโหสิ มคเธสุ ปุพฺเพ,
ธมฺโม อสุทฺโธ สมเลหิ จินฺติโต;
อปาปุเรตํ [อวาปุเรตํ (สี.)] อมตสฺส ทฺวารํ,
สุณนฺตุ ¶ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธํ.
‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต,
ยถาปิ ปสฺเส ชนตํ สมนฺตโต;
ตถูปมํ ธมฺมมยํ สุเมธ,
ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุ;
โสกาวติณฺณํ [โสกาวกิณฺณํ (สี.)] ชนตมเปตโสโก,
อเวกฺขสฺสุ ชาติชราภิภูตํ.
‘‘อุฏฺเหิ วีร วิชิตสงฺคาม,
สตฺถวาห อนณ [อณณ (รูปสิทฺธิฏีกา)] วิจร โลเก;
เทสสฺสุ [เทเสตุ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] ภควา ธมฺมํ,
อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตี’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา พฺรหฺมุโน จ อชฺเฌสนํ วิทิตฺวา สตฺเตสุ จ การฺุตํ ปฏิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา ¶ โลกํ โวโลเกสิ. อทฺทสา โข ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย, อปฺเปกจฺเจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต, อปฺเปกจฺเจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน ¶ [ทสฺสาวิโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิหรนฺเต. เสยฺยถาปิ นาม อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ วา อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโต นิมุคฺคโปสีนิ, อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ¶ ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ สโมทกํ ิตานิ, อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกา อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ [ติฏฺนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อนุปลิตฺตานิ อุทเกน; เอวเมว ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต อทฺทส สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย, อปฺเปกจฺเจ ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต, อปฺเปกจฺเจ น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิเน วิหรนฺเต. ทิสฺวาน พฺรหฺมานํ สหมฺปตึ คาถาย ปจฺจภาสิ –
‘‘อปารุตา เตสํ อมตสฺส ทฺวารา,
เย โสตวนฺโต ปมฺุจนฺตุ สทฺธํ;
วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ,
ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’ติ.
อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภควตา ธมฺมเทสนายา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๒. คารวสุตฺตํ
๑๗๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อชปาลนิคฺโรธมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ. อถ ¶ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, กํ นุ ขฺวาหํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา [ครุกตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อุปนิสฺสาย วิหเรยฺย’’นฺติ?
อถ ¶ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อปริปุณฺณสฺส โข สีลกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ ¶ ¶ . น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อตฺตนา สีลสมฺปนฺนตรํ อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.
‘‘อปริปุณฺณสฺส โข สมาธิกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก โลเก…เป… อตฺตนา สมาธิสมฺปนฺนตรํ อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.
‘‘อปริปุณฺณสฺส ปฺากฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก…เป… อตฺตนา ปฺาสมฺปนฺนตรํ อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.
‘‘อปริปุณฺณสฺส โข วิมุตฺติกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก…เป… อตฺตนา วิมุตฺติสมฺปนฺนตรํ อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ.
‘‘อปริปุณฺณสฺส โข วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺธสฺส ปาริปูริยา อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ¶ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. น โข ปนาหํ ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อตฺตนา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนตรํ อฺํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, ยมหํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยํ. ยํนูนาหํ ยฺวายํ ธมฺโม มยา อภิสมฺพุทฺโธ ตเมว ธมฺมํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺย’’นฺติ.
อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – พฺรหฺมโลเก ¶ อนฺตรหิโต ภควโต ปุรโต ปาตุรโหสิ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอวเมตํ ¶ , ภควา, เอวเมตํ, สุคต! เยปิ เต, ภนฺเต, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตปิ ¶ ภควนฺโต ธมฺมฺเว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรึสุ; เยปิ เต, ภนฺเต, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา เตปิ ภควนฺโต ธมฺมฺเว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหริสฺสนฺติ. ภควาปิ, ภนฺเต, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมฺเว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา อุปนิสฺสาย วิหรตู’’ติ. อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –
‘‘เย ¶ จ อตีตา สมฺพุทฺธา, เย จ พุทฺธา อนาคตา;
โย เจตรหิ สมฺพุทฺโธ, พหูนํ [พหุนฺนํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โสกนาสโน.
‘‘สพฺเพ สทฺธมฺมครุโน, วิหํสุ [วิหรึสุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิหรนฺติ จ;
ตถาปิ วิหริสฺสนฺติ, เอสา พุทฺธาน ธมฺมตา.
‘‘ตสฺมา หิ อตฺตกาเมน [อตฺถกาเมน (สี. ปี. ก.)], มหตฺตมภิกงฺขตา;
สทฺธมฺโม ครุกาตพฺโพ, สรํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.
๓. พฺรหฺมเทวสุตฺตํ
๑๗๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตริสฺสา พฺราหฺมณิยา พฺรหฺมเทโว นาม ปุตฺโต ภควโต สนฺติเก อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ.
อถ โข อายสฺมา พฺรหฺมเทโว เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ ¶ , วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา พฺรหฺมเทโว อรหตํ อโหสิ.
อถ โข อายสฺมา พฺรหฺมเทโว ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน เยน สกมาตุ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. เตน ¶ โข ปน ¶ สมเยน อายสฺมโต พฺรหฺมเทวสฺส มาตา พฺราหฺมณี พฺรหฺมุโน อาหุตึ นิจฺจํ ปคฺคณฺหาติ ¶ . อถ โข พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมโต พฺรหฺมเทวสฺส มาตา พฺราหฺมณี พฺรหฺมุโน อาหุตึ นิจฺจํ ปคฺคณฺหาติ. ยํนูนาหํ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา สํเวเชยฺย’’นฺติ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต อายสฺมโต พฺรหฺมเทวสฺส มาตุ นิเวสเน ปาตุรโหสิ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เวหาสํ ิโต อายสฺมโต พฺรหฺมเทวสฺส มาตรํ พฺราหฺมณึ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ทูเร อิโต พฺราหฺมณิ พฺรหฺมโลโก,
ยสฺสาหุตึ ปคฺคณฺหาสิ นิจฺจํ;
เนตาทิโส พฺราหฺมณิ พฺรหฺมภกฺโข,
กึ ชปฺปสิ พฺรหฺมปถํ อชานํ [อชานนฺตี (สี. ปี. ก.)].
‘‘เอโส หิ เต พฺราหฺมณิ พฺรหฺมเทโว,
นิรูปธิโก อติเทวปตฺโต;
อกิฺจโน ภิกฺขุ อนฺโปสี,
โย เต โส [เต โส (สี. ปี.), โย เต ส (?)] ปิณฺฑาย ฆรํ ปวิฏฺโ.
‘‘อาหุเนยฺโย เวทคุ ภาวิตตฺโต,
นรานํ เทวานฺจ ทกฺขิเณยฺโย;
พาหิตฺวา ปาปานิ อนูปลิตฺโต,
ฆาเสสนํ ¶ อิริยติ สีติภูโต.
‘‘น ¶ ตสฺส ปจฺฉา น ปุรตฺถมตฺถิ,
สนฺโต วิธูโม อนิโฆ นิราโส;
นิกฺขิตฺตทณฺโฑ ตสถาวเรสุ,
โส ตฺยาหุตึ ภฺุชตุ อคฺคปิณฺฑํ.
‘‘วิเสนิภูโต อุปสนฺตจิตฺโต,
นาโคว ทนฺโต จรติ อเนโช;
ภิกฺขุ สุสีโล สุวิมุตฺตจิตฺโต,
โส ตฺยาหุตึ ภฺุชตุ อคฺคปิณฺฑํ.
‘‘ตสฺมึ ¶ ปสนฺนา อวิกมฺปมานา,
ปติฏฺเปหิ ¶ ทกฺขิณํ ทกฺขิเณยฺเย;
กโรหิ ปฺุํ สุขมายติกํ,
ทิสฺวา มุนึ พฺราหฺมณิ โอฆติณฺณ’’นฺติ.
‘‘ตสฺมึ ปสนฺนา อวิกมฺปมานา,
ปติฏฺเปสิ ทกฺขิณํ ทกฺขิเณยฺเย;
อกาสิ ปฺุํ สุขมายติกํ,
ทิสฺวา มุนึ พฺราหฺมณี โอฆติณฺณ’’นฺติ.
๔. พกพฺรหฺมสุตฺตํ
๑๗๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน พกสฺส พฺรหฺมุโน เอวรูปํ ปาปกํ ¶ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘อิทํ นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ เกวลํ, อิทํ อจวนธมฺมํ, อิทฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, อิโต จ ปนฺํ อุตฺตรึ [อุตฺตรึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นิสฺสรณํ นตฺถี’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา พกสฺส พฺรหฺมุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อทฺทสา โข พโก พฺรหฺมา ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอหิ โข มาริส, สฺวาคตํ เต, มาริส! จิรสฺสํ โข มาริส! อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนาย. อิทฺหิ, มาริส, นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ เกวลํ, อิทํ อจวนธมฺมํ, อิทฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ. อิโต จ ปนฺํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ นตฺถี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ภควา พกํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘อวิชฺชาคโต วต, โภ, พโก พฺรหฺมา; อวิชฺชาคโต วต, โภ, พโก พฺรหฺมา. ยตฺร ¶ หิ นาม อนิจฺจํเยว สมานํ นิจฺจนฺติ วกฺขติ, อธุวํเยว สมานํ ธุวนฺติ วกฺขติ, อสสฺสตํเยว สมานํ สสฺสตนฺติ วกฺขติ, อเกวลํเยว ¶ สมานํ เกวลนฺติ วกฺขติ, จวนธมฺมํเยว สมานํ อจวนธมฺมนฺติ วกฺขติ. ยตฺถ จ ปน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จ, ตฺจ ตถา วกฺขติ – ‘อิทฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น ¶ อุปปชฺชติ’. สนฺตฺจ ปนฺํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ, ‘นตฺถฺํ อุตฺตริ นิสฺสรณ’นฺติ วกฺขตี’’ติ.
‘‘ทฺวาสตฺตติ โคตม ปฺุกมฺมา,
วสวตฺติโน ชาติชรํ อตีตา;
อยมนฺติมา เวทคู พฺรหฺมุปปตฺติ,
อสฺมาภิชปฺปนฺติ ชนา อเนกา’’ติ.
‘‘อปฺปฺหิ เอตํ น หิ ทีฆมายุ,
ยํ ตฺวํ พก มฺสิ ทีฆมายุํ;
สตํ สหสฺสานํ [สหสฺสาน (สฺยา. กํ.)] นิรพฺพุทานํ,
อายุํ ปชานามิ ตวาหํ พฺรหฺเม’’ติ.
‘‘อนนฺตทสฺสี ภควาหมสฺมิ,
ชาติชรํ โสกมุปาติวตฺโต;
กึ ¶ เม ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
อาจิกฺข เม ตํ ยมหํ วิชฺา’’ติ.
‘‘ยํ ตฺวํ อปาเยสิ พหู มนุสฺเส,
ปิปาสิเต ฆมฺมนิ สมฺปเรเต;
ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามิ.
‘‘ยํ เอณิกูลสฺมึ ชนํ คหีตํ,
อโมจยี คยฺหกํ นียมานํ;
ตํ ¶ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามิ.
‘‘คงฺคาย ¶ โสตสฺมึ คหีตนาวํ,
ลุทฺเทน นาเคน มนุสฺสกมฺยา;
ปโมจยิตฺถ พลสา ปสยฺห,
ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามิ.
‘‘กปฺโป ¶ จ เต พทฺธจโร อโหสึ,
สมฺพุทฺธิมนฺตํ [สมฺพุทฺธิวนฺตํ (พหูสุ)] วตินํ อมฺิ;
ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามี’’ติ.
‘‘อทฺธา ปชานาสิ มเมตมายุํ,
อฺเปิ [อฺมฺปิ (สี. ปี.)] ชานาสิ ตถา หิ พุทฺโธ;
ตถา หิ ตฺยายํ ชลิตานุภาโว,
โอภาสยํ ติฏฺติ พฺรหฺมโลก’’นฺติ.
๕. อฺตรพฺรหฺมสุตฺตํ
๑๗๖. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส พฺรหฺมุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘นตฺถิ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย อิธ อาคจฺเฉยฺยา’’ติ. อถ ¶ โข ภควา ตสฺส พฺรหฺมุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข ภควา ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา.
อถ โข อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน [มหาโมคฺคลาโน (ก.)] ภควนฺตํ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ เตโชธาตุํ สมาปนฺนํ. ทิสฺวาน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ¶ ปุรตฺถิมํ ทิสํ นิสฺสาย [อุปนิสฺสาย (สี.)] ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.
อถ โข อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภควนฺตํ ทิพฺเพน จกฺขุนา…เป… ทิสฺวาน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… เอวเมว – เชตวเน ¶ อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ทกฺขิณํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.
อถ ¶ โข อายสฺมโต มหากปฺปินสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา มหากปฺปิโน ภควนฺตํ ทิพฺเพน จกฺขุนา…เป… เตโชธาตุํ สมาปนฺนํ. ทิสฺวาน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… เอวเมว – เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา มหากปฺปิโน ปจฺฉิมํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.
อถ ¶ โข อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ? อทฺทสา โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ…เป… เตโชธาตุํ สมาปนฺนํ. ทิสฺวาน – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ อุตฺตรํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริ เวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.
อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ พฺรหฺมานํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อชฺชาปิ เต อาวุโส สา ทิฏฺิ, ยา เต ทิฏฺิ ปุเร อหุ;
ปสฺสสิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสร’’นฺติ.
‘‘น เม มาริส สา ทิฏฺิ, ยา เม ทิฏฺิ ปุเร อหุ;
ปสฺสามิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสรํ;
สฺวาหํ อชฺช กถํ วชฺชํ, อหํ นิจฺโจมฺหิ สสฺสโต’’ติ.
อถ ¶ ¶ โข ภควา ตํ พฺรหฺมานํ สํเวเชตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต เชตวเน ปาตุรโหสิ. อถ โข โส พฺรหฺมา อฺตรํ พฺรหฺมปาริสชฺชํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาริส, เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอวํ วเทหิ – ‘อตฺถิ นุ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, อฺเปิ ตสฺส ภควโต สาวกา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา ¶ ; เสยฺยถาปิ ภวํ โมคฺคลฺลาโน กสฺสโป กปฺปิโน อนุรุทฺโธ’’’ติ? ‘‘เอวํ, มาริสา’’ติ โข โส พฺรหฺมปาริสชฺโช ตสฺส พฺรหฺมุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, อฺเปิ ตสฺส ภควโต สาวกา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา; เสยฺยถาปิ ภวํ โมคฺคลฺลาโน กสฺสโป กปฺปิโน อนุรุทฺโธ’’ติ? อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ พฺรหฺมปาริสชฺชํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เตวิชฺชา ¶ อิทฺธิปตฺตา จ, เจโตปริยายโกวิทา;
ขีณาสวา อรหนฺโต, พหู พุทฺธสฺส สาวกา’’ติ.
อถ ¶ โข โส พฺรหฺมปาริสชฺโช อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา เยน โส พฺรหฺมา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา มาริส, มหาโมคฺคลฺลาโน เอวมาห –
‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปตฺตา จ, เจโตปริยายโกวิทา;
ขีณาสวา อรหนฺโต, พหู พุทฺธสฺส สาวกา’’ติ.
อิทมโวจ โส พฺรหฺมปาริสชฺโช. อตฺตมโน จ โส พฺรหฺมา ตสฺส พฺรหฺมปาริสชฺชสฺส ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
๖. พฺรหฺมโลกสุตฺตํ
๑๗๗. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ทิวาวิหารคโต โหติ ปฏิสลฺลีโน. อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปจฺเจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส ¶ จ ปจฺเจกพฺรหฺมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปจฺเจกํ ทฺวารพาหํ [ปจฺเจกทฺวารพาหํ (ปี. ก.)] อุปนิสฺสาย อฏฺํสุ. อถ โข สุพฺรหฺมา ปจฺเจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาสํ ปจฺเจกพฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘อกาโล โข ตาว, มาริส, ภควนฺตํ ปยิรุปาสิตุํ; ทิวาวิหารคโต ภควา ปฏิสลฺลีโน จ. อสุโก จ พฺรหฺมโลโก อิทฺโธ เจว ผีโต จ, พฺรหฺมา จ ตตฺร ปมาทวิหารํ วิหรติ. อายาม, มาริส, เยน โส พฺรหฺมโลโก เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ พฺรหฺมานํ สํเวเชยฺยามา’’ติ. ‘‘เอวํ ¶ , มาริสา’’ติ โข สุทฺธาวาโส ปจฺเจกพฺรหฺมา สุพฺรหฺมุโน ปจฺเจกพฺรหฺมุโน ปจฺจสฺโสสิ.
อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปจฺเจกพฺรหฺมา ¶ สุทฺธาวาโส จ ปจฺเจกพฺรหฺมา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… เอวเมว – ภควโต ปุรโต อนฺตรหิตา ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรเหสุํ. อทฺทสา โข โส พฺรหฺมา เต พฺรหฺมาโน ทูรโตว อาคจฺฉนฺเต. ทิสฺวาน เต พฺรหฺมาโน เอตทโวจ – ‘‘หนฺท กุโต นุ ตุมฺเห, มาริสา, อาคจฺฉถา’’ติ? ‘‘อาคตา โข มยํ, มาริส, อมฺห ตสฺส ภควโต ¶ สนฺติกา อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. คจฺเฉยฺยาสิ ปน ตฺวํ, มาริส, ตสฺส ภควโต อุปฏฺานํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ?
เอวํ วุตฺโต [เอวํ วุตฺเต (สี. สฺยา. กํ.)] โข โส พฺรหฺมา ตํ วจนํ อนธิวาเสนฺโต สหสฺสกฺขตฺตุํ อตฺตานํ อภินิมฺมินิตฺวา สุพฺรหฺมานํ ปจฺเจกพฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘ปสฺสสิ เม โน ตฺวํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ? ‘‘ปสฺสามิ โข ตฺยาหํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ. ‘‘โส ขฺวาหํ, มาริส, เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว กสฺส อฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา อุปฏฺานํ คมิสฺสามี’’ติ?
อถ โข สุพฺรหฺมา ปจฺเจกพฺรหฺมา ทฺวิสหสฺสกฺขตฺตุํ อตฺตานํ อภินิมฺมินิตฺวา ตํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘ปสฺสสิ เม โน ตฺวํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ? ‘‘ปสฺสามิ โข ตฺยาหํ, มาริส, เอวรูปํ อิทฺธานุภาว’’นฺติ. ‘‘ตยา จ โข, มาริส, มยา จ สฺเวว ภควา มหิทฺธิกตโร เจว มหานุภาวตโร จ. คจฺเฉยฺยาสิ ตฺวํ, มาริส, ตสฺส ภควโต อุปฏฺานํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ? อถ ¶ โข โส พฺรหฺมา สุพฺรหฺมานํ ปจฺเจกพฺรหฺมานํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตโย ¶ ¶ สุปณฺณา จตุโร จ หํสา,
พฺยคฺฆีนิสา ปฺจสตา จ ฌายิโน;
ตยิทํ วิมานํ ชลเต จ [ชลเตว (ปี. ก.)] พฺรหฺเม,
โอภาสยํ อุตฺตรสฺสํ ทิสาย’’นฺติ.
‘‘กิฺจาปิ เต ตํ ชลเต วิมานํ,
โอภาสยํ อุตฺตรสฺสํ ทิสายํ;
รูเป รณํ ทิสฺวา สทา ปเวธิตํ,
ตสฺมา น รูเป รมตี สุเมโธ’’ติ.
อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปจฺเจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส จ ปจฺเจกพฺรหฺมา ตํ พฺรหฺมานํ สํเวเชตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายึสุ ¶ . อคมาสิ จ โข โส พฺรหฺมา อปเรน สมเยน ภควโต อุปฏฺานํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสาติ.
๗. โกกาลิกสุตฺตํ
๑๗๘. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ทิวาวิหารคโต โหติ ปฏิสลฺลีโน. อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปจฺเจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส จ ปจฺเจกพฺรหฺมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปจฺเจกํ ทฺวารพาหํ นิสฺสาย อฏฺํสุ. อถ โข สุพฺรหฺมา ปจฺเจกพฺรหฺมา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ¶ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อปฺปเมยฺยํ ปมินนฺโต, โกธ วิทฺวา วิกปฺปเย;
อปฺปเมยฺยํ ปมายินํ, นิวุตํ ตํ มฺเ ปุถุชฺชน’’นฺติ.
๘. กตโมทกติสฺสสุตฺตํ
๑๗๙. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ทิวาวิหารคโต โหติ ปฏิสลฺลีโน. อถ โข สุพฺรหฺมา จ ปจฺเจกพฺรหฺมา สุทฺธาวาโส จ ปจฺเจกพฺรหฺมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปจฺเจกํ ทฺวารพาหํ นิสฺสาย อฏฺํสุ. อถ โข สุทฺธาวาโส ปจฺเจกพฺรหฺมา กตโมทกติสฺสกํ [กตโมรกติสฺสกํ (สี. สฺยา. กํ.)] ภิกฺขุํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อปฺปเมยฺยํ ¶ ¶ ปมินนฺโต, โกธ วิทฺวา วิกปฺปเย;
อปฺปเมยฺยํ ปมายินํ, นิวุตํ ตํ มฺเ อกิสฺสว’’นฺติ.
๙. ตุรูพฺรหฺมสุตฺตํ
๑๘๐. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน โกกาลิโก ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. อถ โข ตุรู [ตุทุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปจฺเจกพฺรหฺมา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน โกกาลิโก ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาสํ ¶ ิโต โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ. เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺวํ, อาวุโส’’ติ? ‘‘อหํ ตุรู ปจฺเจกพฺรหฺมา’’ติ. ‘‘นนุ ตฺวํ, อาวุโส, ภควตา ¶ อนาคามี พฺยากโต, อถ กิฺจรหิ อิธาคโต? ปสฺส, ยาวฺจ เต อิทํ อปรทฺธ’’นฺติ.
‘‘ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส, กุารี [ทุธารี (สฺยา. กํ. ก.)] ชายเต มุเข;
ยาย ฉินฺทติ อตฺตานํ, พาโล ทุพฺภาสิตํ ภณํ.
‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ,
ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;
วิจินาติ มุเขน โส กลึ,
กลินา เตน สุขํ น วินฺทติ.
‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ กลิ,
โย อกฺเขสุ ธนปราชโย;
สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนา,
อยเมว มหนฺตตโร กลิ;
โย สุคเตสุ มนํ ปโทสเย.
‘‘สตํ สหสฺสานํ นิรพฺพุทานํ,
ฉตฺตึสติ ปฺจ จ อพฺพุทานิ;
ยมริยครหี [ยมริเย ครหี (สฺยา. กํ.), ยมริยํ ครหํ (ก.)] นิรยํ อุเปติ,
วาจํ มนฺจ ปณิธาย ปาปก’’นฺติ.
๑๐. โกกาลิกสุตฺตํ
๑๘๑. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ¶ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปาปิจฺฉา, ภนฺเต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติ. เอวํ ¶ วุตฺเต, ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘มา เหวํ, โกกาลิก, อวจ; มา เหวํ, โกกาลิก, อวจ. ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ. เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิฺจาปิ เม, ภนฺเต, ภควา สทฺธายิโก ปจฺจยิโก; อถ โข ปาปิจฺฉาว ภนฺเต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘มา เหวํ, โกกาลิก, อวจ; มา เหวํ, โกกาลิก, อวจ. ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ. เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติ. ตติยมฺปิ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิฺจาปิ…เป… อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติ. ตติยมฺปิ โข ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘มา เหวํ…เป… เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติ.
อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อจิรปกฺกนฺตสฺส จ โกกาลิกสฺส ภิกฺขุโน สาสปมตฺตีหิ ปีฬกาหิ [ปิฬกาหิ (สี. ปี.)] สพฺโพ กาโย ผุโฏ อโหสิ. สาสปมตฺติโย หุตฺวา มุคฺคมตฺติโย อเหสุํ, มุคฺคมตฺติโย หุตฺวา กลายมตฺติโย อเหสุํ, กลายมตฺติโย หุตฺวา โกลฏฺิมตฺติโย อเหสุํ, โกลฏฺิมตฺติโย หุตฺวา โกลมตฺติโย อเหสุํ, โกลมตฺติโย หุตฺวา อามลกมตฺติโย อเหสุํ, อามลกมตฺติโย หุตฺวา เพลุวสลาฏุกมตฺติโย อเหสุํ, เพลุวสลาฏุกมตฺติโย หุตฺวา พิลฺลมตฺติโย อเหสุํ, พิลฺลมตฺติโย ¶ หุตฺวา ปภิชฺชึสุ. ปุพฺพฺจ โลหิตฺจ ปคฺฆรึสุ. อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เตเนว อาพาเธน กาลมกาสิ ¶ . กาลงฺกโต จ โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปชฺชิ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา.
อถ ¶ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โกกาลิโก, ภนฺเต, ภิกฺขุ กาลงฺกโต. กาลงฺกโต จ, ภนฺเต, โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปนฺโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’’ติ. อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
อถ ¶ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺตึ พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ มํ เอตทโวจ – ‘โกกาลิโก, ภนฺเต, ภิกฺขุ กาลงฺกโต. กาลงฺกโต จ, ภนฺเต, โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปนฺโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’ติ. อิทมโวจ, ภิกฺขเว ¶ , พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กีวทีฆํ นุ โข, ภนฺเต, ปทุเม นิรเย อายุปฺปมาณ’’นฺติ? ‘‘ทีฆํ โข, ภิกฺขุ, ปทุเม นิรเย อายุปฺปมาณํ. ตํ น สุกรํ สงฺขาตุํ – เอตฺตกานิ วสฺสานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วสฺสสตานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วสฺสสหสฺสานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วสฺสสตสหสฺสานิ อิติ วา’’ติ. ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, อุปมํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา ¶ , ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห. ตโต ปุริโส วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน เอกเมกํ ติลํ อุทฺธเรยฺย; ขิปฺปตรํ โข โส, ภิกฺขุ, วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห อิมินา อุปกฺกเมน ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺย, น ตฺเวว เอโก อพฺพุโท นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก นิรพฺพุทนิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ นิรพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก อพโพ นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพพา นิรยา, เอวเมโก ¶ อฏโฏ นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อฏฏา นิรยา, เอวเมโก อหโห นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อหหา นิรยา, เอวเมโก กุมุโท นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ กุมุทา นิรยา, เอวเมโก โสคนฺธิโก นิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ โสคนฺธิกา นิรยา, เอวเมโก อุปฺปลนิรโย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อุปฺปลา นิรยา, เอวเมโก ปุณฺฑริโก นิรโย. เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขุ, วีสติ ปุณฺฑริกา นิรยา, เอวเมโก ปทุโม นิรโย. ปทุเม ปน, ภิกฺขุ, นิรเย โกกาลิโก ภิกฺขุ อุปปนฺโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’’ติ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘ปุริสสฺส ¶ หิ ชาตสฺส,
กุารี ชายเต มุเข;
ยาย ฉินฺทติ อตฺตานํ,
พาโล ทุพฺภาสิตํ ภณํ.
‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ,
ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;
วิจินาติ มุเขน โส กลึ,
กลินา เตน สุขํ น วินฺทติ.
‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ กลิ,
โย อกฺเขสุ ธนปราชโย;
สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนา,
อยเมว มหนฺตโร กลิ;
โย สุคเตสุ มนํ ปโทสเย.
‘‘สตํ สหสฺสานํ นิรพฺพุทานํ,
ฉตฺตึสติ ปฺจ จ อพฺพุทานิ;
ยมริยครหี ¶ นิรยํ อุเปติ,
วาจํ มนฺจ ปณิธาย ปาปก’’นฺติ.
ปโม วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
พโก จ พฺรหฺมา อปรา จ ทิฏฺิ;
ปมาทโกกาลิกติสฺสโก จ,
ตุรู จ พฺรหฺมา อปโร จ โกกาลิโกติ.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. สนงฺกุมารสุตฺตํ
๑๘๒. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ สปฺปินีตีเร. อถ โข พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ สปฺปินีตีรํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ขตฺติโย เสฏฺโ ชเนตสฺมึ, เย โคตฺตปฏิสาริโน;
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, โส เสฏฺโ เทวมานุเส’’ติ.
อิทมโวจ พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร. สมนฺุโ สตฺถา อโหสิ. อถ โข พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ‘‘สมนฺุโ เม สตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
๒. เทวทตฺตสุตฺตํ
๑๘๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต อจิรปกฺกนฺเต เทวทตฺเต. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ คิชฺฌกูฏํ ¶ ปพฺพตํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ¶ ิโต โข พฺรหฺมา สหมฺปติ เทวทตฺตํ อารพฺภ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ผลํ ¶ เว กทลึ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ.
๓. อนฺธกวินฺทสุตฺตํ
๑๘๔. เอกํ ¶ สมยํ ภควา มาคเธสุ วิหรติ อนฺธกวินฺเท. เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺตนฺธการติมิสายํ อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติ, เทโว จ เอกเมกํ ผุสายติ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ อนฺธกวินฺทํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานิ,
จเรยฺย สํโยชนวิปฺปโมกฺขา;
สเจ รตึ นาธิคจฺเฉยฺย ตตฺถ,
สงฺเฆ วเส รกฺขิตตฺโต สตีมา.
‘‘กุลากุลํ ปิณฺฑิกาย จรนฺโต,
อินฺทฺริยคุตฺโต ¶ นิปโก สตีมา;
เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานิ,
ภยา ปมุตฺโต อภเย วิมุตฺโต.
‘‘ยตฺถ เภรวา สรีสปา [สิรึ สปา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)],
วิชฺชุ สฺจรติ ถนยติ เทโว;
อนฺธการติมิสาย รตฺติยา,
นิสีทิ ตตฺถ ภิกฺขุ วิคตโลมหํโส.
‘‘อิทฺหิ ชาตุ เม ทิฏฺํ, นยิทํ อิติหีติหํ;
เอกสฺมึ พฺรหฺมจริยสฺมึ, สหสฺสํ มจฺจุหายินํ.
‘‘ภิยฺโย [ภีโย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปฺจสตา เสกฺขา, ทสา จ ทสธา ทส;
สพฺเพ โสตสมาปนฺนา, อติรจฺฉานคามิโน.
‘‘อถายํ ¶ ¶ [อตฺถายํ-อิติปิ ที. นิ. ๒.๒๙๐] อิตรา ปชา, ปฺุภาคาติ เม มโน;
สงฺขาตุํ โนปิ สกฺโกมิ, มุสาวาทสฺส โอตฺตป’’นฺติ [โอตฺตเปติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), โอตฺตปฺเปติ (ก.)].
๔. อรุณวตีสุตฺตํ
๑๘๕. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ…เป… ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา อโหสิ อรุณวา นาม. รฺโ โข ปน, ภิกฺขเว, อรุณวโต อรุณวตี นาม ราชธานี อโหสิ. อรุณวตึ โข ปน, ภิกฺขเว, ราชธานึ [อรุณวติยํ โข ปน ภิกฺขเว ราชธานิยํ (ปี. ก.)] สิขี ภควา ¶ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. สิขิสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อภิภูสมฺภวํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํ. อถ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภุํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘อายาม, พฺราหฺมณ, เยน อฺตโร พฺรหฺมโลโก เตนุปสงฺกมิสฺสาม, ยาว ภตฺตสฺส กาโล ภวิสฺสตี’ติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข ภิกฺขเว, อภิภู ภิกฺขุ สิขิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภู จ ภิกฺขุ – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – อรุณวติยา ราชธานิยา อนฺตรหิตา ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรเหสุํ.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภุํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘ปฏิภาตุ, พฺราหฺมณ, ตํ พฺรหฺมุโน จ พฺรหฺมปริสาย จ พฺรหฺมปาริสชฺชานฺจ ธมฺมี กถา’ติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข, ภิกฺขเว, อภิภู ภิกฺขุ สิขิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฏิสฺสุตฺวา, พฺรหฺมานฺจ พฺรหฺมปริสฺจ พฺรหฺมปาริสชฺเช จ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา จ พฺรหฺมปริสา จ พฺรหฺมปาริสชฺชา ¶ จ อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ [ขียนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิปาเจนฺติ – ‘อจฺฉริยํ วต ¶ , โภ, อพฺภุตํ วต โภ, กถฺหิ นาม สตฺถริ สมฺมุขีภูเต สาวโก ธมฺมํ เทเสสฺสตี’’’ติ ¶ !
‘‘อถ ¶ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภุํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘อุชฺฌายนฺติ โข เต, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมา จ พฺรหฺมปริสา จ พฺรหฺมปาริสชฺชา จ – อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ, กถฺหิ นาม สตฺถริ สมฺมุขีภูเต สาวโก ธมฺมํ เทเสสฺสตีติ! เตน หิ ตฺวํ พฺราหฺมณ, ภิยฺโยโสมตฺตาย พฺรหฺมานฺจ พฺรหฺมปริสฺจ พฺรหฺมปาริสชฺเช จ สํเวเชหี’ติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข, ภิกฺขเว, อภิภู ภิกฺขุ สิขิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ทิสฺสมาเนนปิ กาเยน ธมฺมํ เทเสสิ, อทิสฺสมาเนนปิ กาเยน ธมฺมํ เทเสสิ, ทิสฺสมาเนนปิ เหฏฺิเมน อุปฑฺฒกาเยน อทิสฺสมาเนน อุปริเมน อุปฑฺฒกาเยน ธมฺมํ เทเสสิ, ทิสฺสมาเนนปิ อุปริเมน อุปฑฺฒกาเยน อทิสฺสมาเนน เหฏฺิเมน อุปฑฺฒกาเยน ธมฺมํ เทเสสิ. ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา จ พฺรหฺมปริสา จ พฺรหฺมปาริสชฺชา จ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา อเหสุํ – ‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ, สมณสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตา’’’ติ!
‘‘อถ โข อภิภู ภิกฺขุ สิขึ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘อภิชานามิ ขฺวาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ เอวรูปึ วาจํ ภาสิตา – ปโหมิ ขฺวาหํ อาวุโส, พฺรหฺมโลเก ิโต สหสฺสิโลกธาตุํ ¶ [สหสฺสีโลกธาตุํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สเรน วิฺาเปตุ’นฺติ. ‘เอตสฺส, พฺราหฺมณ, กาโล, เอตสฺส, พฺราหฺมณ, กาโล; ยํ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมโลเก ิโต สหสฺสิโลกธาตุํ สเรน วิฺาเปยฺยาสี’ติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข, ภิกฺขเว, อภิภู ภิกฺขุ สิขิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฏิสฺสุตฺวา พฺรหฺมโลเก ิโต อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘อารมฺภถ [อารพฺภถ (สพฺพตฺถ)] นิกฺกมถ [นิกฺขมถ (สี. ปี.)], ยฺุชถ พุทฺธสาสเน;
ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กฺุชโร.
‘‘โย ¶ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;
ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ.
‘‘อถ ¶ โข, ภิกฺขเว, สิขี จ ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภู จ ภิกฺขุ พฺรหฺมานฺจ พฺรหฺมปริสฺจ พฺรหฺมปาริสชฺเช จ สํเวเชตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม…เป… ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิตา อรุณวติยา ราชธานิยา ปาตุรเหสุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา ¶ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘อสฺสุตฺถ โน, ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺสา’ติ? ‘อสฺสุมฺห โข มยํ, ภนฺเต, อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺสา’ติ. ‘ยถา กถํ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อสฺสุตฺถ อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺสา’’’ติ? เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, อสฺสุมฺห อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺส –
‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยฺุชถ พุทฺธสาสเน;
ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กฺุชโร.
‘‘โย ¶ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;
ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ.
‘‘‘เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, อสฺสุมฺห อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺสา’ติ. ‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขเว; สาธุ โข ตุมฺเห, ภิกฺขเว! อสฺสุตฺถ อภิภุสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมโลเก ิตสฺส คาถาโย ภาสมานสฺสา’’’ติ.
อิทมโวจ ภควา, อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
๕. ปรินิพฺพานสุตฺตํ
๑๘๖. เอกํ สมยํ ภควา กุสินารายํ วิหรติ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน อนฺตเรน ยมกสาลานํ ปรินิพฺพานสมเย. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว ¶ , อามนฺตยามิ โว – ‘วยธมฺมา สงฺขารา, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’ติ. อยํ ตถาคตสฺส ปจฺฉิมา วาจา’’.
อถ ¶ โข ภควา ปมํ ฌานํ [ปมชฺฌานํ (สฺยา. กํ.) เอวํ ทุติยํ ฌานํ อิจฺจาทีสุปิ] สมาปชฺชิ. ปมา ฌานา [ปมชฺฌานา (สฺยา. กํ.) เอวํ ทุติยา ฌานา อิจฺจาทีสุปิ] วุฏฺหิตฺวา ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ทุติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ตติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา จตุตฺถํ ¶ ฌานํ สมาปชฺชิ. จตุตฺถา ฌานา วุฏฺหิตฺวา อากาสานฺจายตนํ สมาปชฺชิ. อากาสานฺจายตนา วุฏฺหิตฺวา วิฺาณฺจายตนํ สมาปชฺชิ. วิฺาณฺจายตนา วุฏฺหิตฺวา อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิ. อากิฺจฺายตนา วุฏฺหิตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิ. เนวสฺานาสฺายตนา ¶ วุฏฺหิตฺวา สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชิ.
สฺาเวทยิตนิโรธา วุฏฺหิตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิ. เนวสฺานาสฺายตนา วุฏฺหิตฺวา อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิ. อากิฺจฺายตนา วุฏฺหิตฺวา วิฺาณฺจายตนํ สมาปชฺชิ. วิฺาณฺจายตนา วุฏฺหิตฺวา อากาสานฺจายตนํ สมาปชฺชิ. อากาสานฺจายตนา วุฏฺหิตฺวา จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิ. จตุตฺถา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ตติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ทุติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ปมา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ทุติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา ตติยํ ฌานํ สมาปชฺชิ. ตติยา ฌานา วุฏฺหิตฺวา จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิ. จตุตฺถา ฌานา วุฏฺหิตฺวา สมนนฺตรํ ภควา ปรินิพฺพายิ. ปรินิพฺพุเต ภควติ สห ปรินิพฺพานา พฺรหฺมา สหมฺปติ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สพฺเพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ, ภูตา โลเก สมุสฺสยํ;
ยตฺถ เอตาทิโส สตฺถา, โลเก อปฺปฏิปุคฺคโล;
ตถาคโต พลปฺปตฺโต, สมฺพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต’’ติ.
ปรินิพฺพุเต ภควติ สห ปรินิพฺพานา สกฺโก เทวานมินฺโท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ.
ปรินิพฺพุเต ¶ ¶ ภควติ สห ปรินิพฺพานา อายสฺมา อานนฺโท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตทาสิ ยํ ภึสนกํ, ตทาสิ โลมหํสนํ;
สพฺพาการวรูเปเต, สมฺพุทฺเธ ปรินิพฺพุเต’’ติ.
ปรินิพฺพุเต ¶ ¶ ภควติ สห ปรินิพฺพานา อายสฺมา อนุรุทฺโธ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘นาหุ อสฺสาสปสฺสาโส, ิตจิตฺตสฺส ตาทิโน;
อเนโช สนฺติมารพฺภ, จกฺขุมา ปรินิพฺพุโต [ยํ กาลมกรี มุนิ (มหาปรินิพฺพานสุตฺเต)].
‘‘อสลฺลีเนน จิตฺเตน, เวทนํ อชฺฌวาสยิ;
ปชฺโชตสฺเสว นิพฺพานํ, วิโมกฺโข เจตโส อหู’’ติ.
ทุติโย วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
พฺรหฺมาสนํ เทวทตฺโต, อนฺธกวินฺโท อรุณวตี;
ปรินิพฺพาเนน จ เทสิตํ, อิทํ พฺรหฺมปฺจกนฺติ.
พฺรหฺมสํยุตฺตํ สมตฺตํ. [อิโต ปรํ มรมฺมโปตฺถเกสุ เอวมฺปิ ทิสฺสติ –§พฺรหฺมายาจนํ อคารวฺจ, พฺรหฺมเทโว พโก จ พฺรหฺมา.§อฺตโร จ พฺรหฺมาโกกาลิกฺจ, ติสฺสกฺจ ตุรู จ.§พฺรหฺมา โกกาลิกภิกฺขุ, สนงฺกุมาเรน เทวทตฺตํ.§อนฺธกวินฺทํ อรุณวติ, ปรินิพฺพาเนน ปนฺนรสาติ.]
๗. พฺราหฺมณสํยุตฺตํ
๑. อรหนฺตวคฺโค
๑. ธนฺชานีสุตฺตํ
๑๘๗. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธนฺชานี [ธานฺชานี (ปี. สี. อฏฺ.)] นาม พฺราหฺมณี อภิปฺปสนฺนา โหติ พุทฺเธ จ ธมฺเม จ สงฺเฆ จ. อถ โข ธนฺชานี พฺราหฺมณี ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ภตฺตํ อุปสํหรนฺตี อุปกฺขลิตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส;
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส;
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ธนฺชานึ พฺราหฺมณึ เอตทโวจ – ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณสฺส วณฺณํ ภาสติ. อิทานิ ตฺยาหํ, วสลิ, ตสฺส สตฺถุโน วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ. ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, พฺราหฺมณ, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, โย ตสฺส ภควโต วาทํ อาโรเปยฺย อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. อปิ จ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, คจฺฉ, คนฺตฺวา วิชานิสฺสสี’’ติ [คนฺตฺวาปิ ชานิสฺสสีติ (สฺยา. กํ.)].
อถ ¶ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ กุปิโต อนตฺตมโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กึสุ ¶ เฉตฺวา สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;
กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมา’’ติ.
‘‘โกธํ ¶ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;
โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ;
วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ.
อลตฺถ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา ภารทฺวาโช เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต ¶ อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติ.
๒. อกฺโกสสุตฺตํ
๑๘๘. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อสฺโสสิ โข อกฺโกสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ – ‘‘ภารทฺวาชโคตฺโต กิร พฺราหฺมโณ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสติ ปริภาสติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, ภควา อกฺโกสกภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, อปิ นุ โข เต อาคจฺฉนฺติ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา อติถิโย [อติถโย (?)]’’ติ? ‘‘อปฺเปกทา เม, โภ โคตม, อาคจฺฉนฺติ มิตฺตามจฺจา ¶ าติสาโลหิตา อติถิโย’’ติ. ‘‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, อปิ นุ เตสํ อนุปฺปเทสิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา สายนียํ วา’’’ติ? ‘‘‘อปฺเปกทา เนสาหํ, โภ โคตม, อนุปฺปเทมิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา สายนียํ วา’’’ติ. ‘‘‘สเจ โข ปน เต, พฺราหฺมณ, นปฺปฏิคฺคณฺหนฺติ ¶ , กสฺส ตํ โหตี’’’ติ? ‘‘‘สเจ เต, โภ โคตม, นปฺปฏิคฺคณฺหนฺติ, อมฺหากเมว ตํ โหตี’’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ยํ ตฺวํ อมฺเห อนกฺโกสนฺเต อกฺโกสสิ, อโรเสนฺเต โรเสสิ, อภณฺฑนฺเต ภณฺฑสิ, ตํ เต มยํ นปฺปฏิคฺคณฺหาม. ตเวเวตํ, พฺราหฺมณ, โหติ; ตเวเวตํ, พฺราหฺมณ, โหติ’’.
‘‘โย โข, พฺราหฺมณ, อกฺโกสนฺตํ ปจฺจกฺโกสติ, โรเสนฺตํ ปฏิโรเสติ, ภณฺฑนฺตํ ปฏิภณฺฑติ, อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, สมฺภฺุชติ วีติหรตีติ. เต มยํ ตยา เนว สมฺภฺุชาม น วีติหราม. ตเวเวตํ, พฺราหฺมณ, โหติ; ตเวเวตํ, พฺราหฺมณ, โหตี’’ติ. ‘‘ภวนฺตํ โข โคตมํ สราชิกา ปริสา เอวํ ชานาติ – ‘อรหํ สมโณ โคตโม’ติ. อถ จ ปน ภวํ โคตโม กุชฺฌตี’’ติ.
‘‘อกฺโกธสฺส กุโต โกโธ, ทนฺตสฺส สมชีวิโน;
สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน.
‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;
กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.
‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ.
‘‘อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตานํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ชนา มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา’’ติ.
เอวํ ¶ ¶ วุตฺเต, อกฺโกสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… เอสาหํ ¶ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ.
อลตฺถ โข อกฺโกสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา อกฺโกสกภารทฺวาโช เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ¶ นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติ.
๓. อสุรินฺทกสุตฺตํ
๑๘๙. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อสฺโสสิ โข อสุรินฺทกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ – ‘‘ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ กิร สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสติ ปริภาสติ. เอวํ วุตฺเต, ภควา ตุณฺหี อโหสิ. อถ โข อสุรินฺทกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ชิโตสิ, สมณ, ชิโตสิ, สมณา’’ติ.
‘‘ชยํ ¶ เว มฺติ พาโล, วาจาย ผรุสํ ภณํ;
ชยฺเจวสฺส ตํ โหติ, ยา ติติกฺขา วิชานโต.
‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;
กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.
‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ.
‘‘อุภินฺนํ ¶ ติกิจฺฉนฺตานํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ชนา มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, อสุรินฺทกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.
๔. พิลงฺคิกสุตฺตํ
๑๙๐. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อสฺโสสิ โข พิลงฺคิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ – ‘‘ภารทฺวาชโคตฺโต กิร พฺราหฺมโณ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ กุปิโต อนตฺตมโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตุณฺหีภูโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ โข ภควา พิลงฺคิกสฺส ภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย พิลงฺคิกํ ภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ คาถาย อชฺฌภาสิ ¶ –
‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ,
สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;
ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ,
สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, วิลงฺคิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.
๕. อหึสกสุตฺตํ
๑๙๑. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข อหึสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข อหึสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหึสกาหํ, โภ โคตม, อหึสกาหํ, โภ โคตมา’’ติ.
‘‘ยถา ¶ ¶ นามํ ตถา จสฺส, สิยา โข ตฺวํ อหึสโก;
โย จ กาเยน วาจาย, มนสา จ น หึสติ;
ส เว อหึสโก โหติ, โย ปรํ น วิหึสตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อหึสกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา อหึสกภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.
๖. ชฏาสุตฺตํ
๑๙๒. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข ชฏาภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชฏาภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อนฺโตชฏา พหิชฏา, ชฏาย ชฏิตา ปชา;
ตํ ตํ โคตม ปุจฺฉามิ, โก อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ.
‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏํ.
‘‘เยสํ ราโค จ โทโส จ, อวิชฺชา จ วิราชิตา;
ขีณาสวา อรหนฺโต, เตสํ วิชฏิตา ชฏา.
‘‘ยตฺถ นามฺจ รูปฺจ, อเสสํ อุปรุชฺฌติ;
ปฏิฆํ รูปสฺา จ, เอตฺเถสา ฉิชฺชเต ชฏา’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, ชฏาภารทฺวาโช ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.
๗. สุทฺธิกสุตฺตํ
๑๙๓. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข สุทฺธิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข สุทฺธิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อชฺฌภาสิ –
‘‘น พฺราหฺมโณ [นาพฺราหฺมโณ (?)] สุชฺฌติ โกจิ, โลเก สีลวาปิ ตโปกรํ;
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, โส สุชฺฌติ น อฺา อิตรา ปชา’’ติ.
‘‘พหุมฺปิ ปลปํ ชปฺปํ, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ;
อนฺโตกสมฺพุ สงฺกิลิฏฺโ, กุหนํ อุปนิสฺสิโต.
‘‘ขตฺติโย ¶ พฺราหฺมโณ เวสฺโส, สุทฺโท จณฺฑาลปุกฺกุโส;
อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกโม;
ปปฺโปติ ปรมํ สุทฺธึ, เอวํ ชานาหิ พฺราหฺมณา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, สุทฺธิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.
๘. อคฺคิกสุตฺตํ
๑๙๔. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อคฺคิกภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส สปฺปินา ปายโส สนฺนิหิโต โหติ – ‘‘อคฺคึ ชุหิสฺสามิ, อคฺคิหุตฺตํ ปริจริสฺสามี’’ติ.
อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ราชคเห สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน เยน อคฺคิกภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อทฺทสา โข อคฺคิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย ิตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตีหิ วิชฺชาหิ สมฺปนฺโน, ชาติมา สุตวา พหู;
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, โสมํ ภฺุเชยฺย ปายส’’นฺติ.
‘‘พหุมฺปิ ปลปํ ชปฺปํ, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ;
อนฺโตกสมฺพุ สํกิลิฏฺโ, กุหนาปริวาริโต.
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ¶ โย เวที, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;
อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ.
‘‘เอตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ, เตวิชฺโช โหติ พฺราหฺมโณ;
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, โสมํ ภฺุเชยฺย ปายส’’นฺติ.
‘‘ภฺุชตุ ภวํ โคตโม. พฺราหฺมโณ ภว’’นฺติ.
‘‘คาถาภิคีตํ ¶ ¶ เม อโภชเนยฺยํ,
สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธมฺโม;
คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา,
ธมฺเม สติ พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา.
‘‘อฺเน จ เกวลินํ มเหสึ,
ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ;
อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺหสฺสุ,
เขตฺตฺหิ ตํ ปฺุเปกฺขสฺส โหตี’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, อคฺคิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อฺตโร จ ปนายสฺมา อคฺคิกภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.
๙. สุนฺทริกสุตฺตํ
๑๙๕. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ สุนฺทริกาย นทิยา ตีเร. เตน โข ปน สมเยน สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ สุนฺทริกาย นทิยา ตีเร อคฺคึ ชุหติ, อคฺคิหุตฺตํ ปริจรติ. อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ อคฺคึ ชุหิตฺวา อคฺคิหุตฺตํ ปริจริตฺวา อุฏฺายาสนา สมนฺตา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกสิ – ‘‘โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภฺุเชยฺยา’’ติ? อทฺทสา โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล สสีสํ ปารุตํ นิสินฺนํ. ทิสฺวาน วาเมน หตฺเถน ¶ หพฺยเสสํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน กมณฺฑลุํ คเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อถ โข ภควา สุนฺทริกภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส ปทสทฺเทน สีสํ วิวริ. อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ‘มุณฺโฑ อยํ ¶ ภวํ, มุณฺฑโก อยํ ภว’นฺติ ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิ. อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘มุณฺฑาปิ หิ อิเธกจฺเจ พฺราหฺมณา ภวนฺติ; ยํนูนาหํ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ชาตึ ปุจฺเฉยฺย’นฺติ.
อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘กึชจฺโจ ภว’นฺติ?
‘‘มา ¶ ชาตึ ปุจฺฉ จรณฺจ ปุจฺฉ,
กฏฺา หเว ชายติ ชาตเวโท;
นีจากุลีโนปิ มุนิ ธิติมา,
อาชานีโย โหติ หิรีนิเสโธ.
‘‘สจฺเจน ทนฺโต ทมสา อุเปโต,
เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย;
ยฺโปนีโต ¶ ตมุปวฺหเยถ,
กาเลน โส ชุหติ ทกฺขิเณยฺเย’’ติ.
‘‘อทฺธา สุยิฏฺํ สุหุตํ มม ยิทํ,
ยํ ตาทิสํ เวทคุมทฺทสามิ;
ตุมฺหาทิสานฺหิ ¶ อทสฺสเนน,
อฺโ ชโน ภฺุชติ หพฺยเสส’’นฺติ.
‘‘ภฺุชตุ ภวํ โคตโม. พฺราหฺมโณ ภว’’นฺติ.
‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ,
สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธมฺโม;
คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา,
ธมฺเม สติ พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา.
‘‘อฺเน จ เกวลินํ มเหสึ,
ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ;
อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺหสฺสุ,
เขตฺตฺหิ ตํ ปฺุเปกฺขสฺส โหตี’’ติ.
‘‘อถ กสฺส จาหํ, โภ โคตม, อิมํ หพฺยเสสํ ทมฺมี’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ, พฺราหฺมณ, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ยสฺเสโส หพฺยเสโส ภุตฺโต สมฺมา ปริณามํ คจฺเฉยฺย ¶ อฺตฺร, พฺราหฺมณ, ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกสฺส วา. เตน หิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ตํ หพฺยเสสํ อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑหิ อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปหี’’ติ.
อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ตํ หพฺยเสสํ อปฺปาณเก อุทเก โอปิลาเปสิ. อถ โข โส หพฺยเสโส อุทเก ปกฺขิตฺโต จิจฺจิฏายติ ¶ จิฏิจิฏายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ ¶ . เสยฺยถาปิ นาม ¶ ผาโล [โลโห (ก.)] ทิวสํสนฺตตฺโต [ทิวสสนฺตตฺโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อุทเก ปกฺขิตฺโต จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ; เอวเมว โส หพฺยเสโส อุทเก ปกฺขิตฺโต จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ.
อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข สุนฺทริกภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ ภควา คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘มา พฺราหฺมณ ทารุ สมาทหาโน,
สุทฺธึ อมฺิ พหิทฺธา หิ เอตํ;
น หิ เตน สุทฺธึ กุสลา วทนฺติ,
โย พาหิเรน ปริสุทฺธิมิจฺเฉ.
‘‘หิตฺวา อหํ พฺราหฺมณ ทารุทาหํ
อชฺฌตฺตเมวุชฺชลยามิ [อชฺฌตฺตเมว ชลยามิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] โชตึ;
นิจฺจคฺคินี นิจฺจสมาหิตตฺโต,
อรหํ อหํ พฺรหฺมจริยํ จรามิ.
‘‘มาโน หิ เต พฺราหฺมณ ขาริภาโร,
โกโธ ธุโม ภสฺมนิ โมสวชฺชํ;
ชิวฺหา สุชา หทยํ โชติานํ,
อตฺตา สุทนฺโต ปุริสสฺส โชติ.
‘‘ธมฺโม ¶ รหโท พฺราหฺมณ สีลติตฺโถ,
อนาวิโล สพฺภิ สตํ ปสตฺโถ;
ยตฺถ หเว เวทคุโน สินาตา,
อนลฺลคตฺตาว [อนลฺลีนคตฺตาว (สี. ปี. ก.)] ตรนฺติ ปารํ.
‘‘สจฺจํ ธมฺโม สํยโม พฺรหฺมจริยํ,
มชฺเฌ สิตา พฺราหฺมณ พฺรหฺมปตฺติ;
ตมหํ นรํ ธมฺมสารีติ พฺรูมี’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสี’’ติ.
๑๐. พหุธีตรสุตฺตํ
๑๙๖. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส จตุทฺทส พลีพทฺทา นฏฺา โหนฺติ. อถ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ เต พลีพทฺเท คเวสนฺโต เยน โส วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อทฺทส ภควนฺตํ ตสฺมึ วนสณฺเฑ นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. ทิสฺวาน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘น ¶ หิ นูนิมสฺส [นหนูนิมสฺส (สี. สฺยา. กํ.)] สมณสฺส, พลีพทฺทา จตุทฺทส;
อชฺชสฏฺึ น ทิสฺสนฺติ, เตนายํ สมโณ สุขี.
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ติลาเขตฺตสฺมิ ปาปกา;
เอกปณฺณา ทุปณฺณา [ทฺวิปณฺณา (สี. ปี.)] จ, เตนายํ สมโณ สุขี.
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ตุจฺฉโกฏฺสฺมิ มูสิกา;
อุสฺโสฬฺหิกาย นจฺจนฺติ, เตนายํ สมโณ สุขี.
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, สนฺถาโร สตฺตมาสิโก;
อุปฺปาฏเกหิ สฺฉนฺโน, เตนายํ สมโณ สุขี.
‘‘น ¶ หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, วิธวา สตฺต ธีตโร;
เอกปุตฺตา ทุปุตฺตา [ทฺวิปุตฺตา (สี. ปี.)] จ, เตนายํ สมโณ สุขี.
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ปิงฺคลา ติลกาหตา;
โสตฺตํ ปาเทน โพเธติ, เตนายํ สมโณ สุขี.
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ปจฺจูสมฺหิ อิณายิกา;
เทถ เทถาติ โจเทนฺติ, เตนายํ สมโณ สุขี’’ติ.
‘‘น ¶ หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, พลีพทฺทา จตุทฺทส;
อชฺชสฏฺึ น ทิสฺสนฺติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.
‘‘น ¶ หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ติลาเขตฺตสฺมิ ปาปกา;
เอกปณฺณา ทุปณฺณา จ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.
‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ตุจฺฉโกฏฺสฺมิ มูสิกา;
อุสฺโสฬฺหิกาย นจฺจนฺติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.
‘‘น ¶ หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, สนฺถาโร สตฺตมาสิโก;
อุปฺปาฏเกหิ สฺฉนฺโน, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.
‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, วิธวา สตฺต ธีตโร;
เอกปุตฺตา ทุปุตฺตา จ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.
‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ปิงฺคลา ติลกาหตา;
โสตฺตํ ปาเทน โพเธติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี.
‘‘น ¶ หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ปจฺจูสมฺหิ อิณายิกา;
เทถ เทถาติ โจเทนฺติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมว โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ.
อลตฺถ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน ปนายสฺมา ภารทฺวาโช เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ ¶ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติ.
อรหนฺตวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
ธนฺชานี จ อกฺโกสํ, อสุรินฺทํ พิลงฺคิกํ;
อหึสกํ ชฏา เจว, สุทฺธิกฺเจว อคฺคิกา;
สุนฺทริกํ พหุธีตเรน จ เต ทสาติ.
๒. อุปาสกวคฺโค
๑. กสิภารทฺวาชสุตฺตํ
๑๙๗. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา มคเธสุ วิหรติ ทกฺขิณาคิริสฺมึ เอกนาฬายํ พฺราหฺมณคาเม. เตน โข ปน สมเยน กสิภารทฺวาชสฺส [กสิกภารทฺวาชสฺส (ก.)] พฺราหฺมณสฺส ปฺจมตฺตานิ นงฺคลสตานิ ปยุตฺตานิ โหนฺติ วปฺปกาเล. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส กมฺมนฺโต เตนุปสงฺกมิ.
เตน โข ปน สมเยน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส ปริเวสนา วตฺตติ. อถ โข ภควา เยน ปริเวสนา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อทฺทสา โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย ิตํ. ทิสฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, สมณ, กสามิ จ วปามิ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภฺุชามิ. ตฺวมฺปิ, สมณ, กสสฺสุ จ วปสฺสุ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภฺุชสฺสู’’ติ. ‘‘อหมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, กสามิ จ วปามิ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภฺุชามี’’ติ. น โข มยํ ปสฺสาม โภโต โคตมสฺส ยุคํ วา นงฺคลํ วา ผาลํ วา ปาจนํ วา พลีพทฺเท วา, อถ จ ปน ¶ ภวํ โคตโม เอวมาห – ‘‘อหมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, กสามิ จ วปามิ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภฺุชามี’’ติ ¶ . อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กสฺสโก ปฏิชานาสิ, น จ ปสฺสามิ เต กสึ;
กสฺสโก ปุจฺฉิโต พฺรูหิ, กถํ ชาเนมุ ตํ กสิ’’นฺติ.
‘‘สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺิ, ปฺา เม ยุคนงฺคลํ;
หิรี อีสา มโน โยตฺตํ, สติ เม ผาลปาจนํ.
‘‘กายคุตฺโต ¶ วจีคุตฺโต, อาหาเร อุทเร ยโต;
สจฺจํ กโรมิ นิทฺทานํ, โสรจฺจํ เม ปโมจนํ.
‘‘วีริยํ ¶ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคกฺเขมาธิวาหนํ;
คจฺฉติ อนิวตฺตนฺตํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจติ.
‘‘เอวเมสา กสี กฏฺา, สา โหติ อมตปฺผลา;
เอตํ กสึ กสิตฺวาน, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
‘‘ภฺุชตุ ภวํ โคตโม. กสฺสโก ภวํ. ยฺหิ ภวํ โคตโม อมตปฺผลมฺปิ กสึ กสตี’’ติ [ภาสตีติ (ก.)].
‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ,
สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธมฺโม;
คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา,
ธมฺเม สติ พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา.
‘‘อฺเน ¶ จ เกวลินํ มเหสึ,
ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ;
อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺหสฺสุ,
เขตฺตฺหิ ตํ ปฺุเปกฺขสฺส โหตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๒. อุทยสุตฺตํ
๑๙๘. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ¶ อุทยสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. อถ ¶ โข อุทโย พฺราหฺมโณ ภควโต ปตฺตํ โอทเนน ปูเรสิ. ทุติยมฺปิ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน อุทยสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ…เป… ตติยมฺปิ โข อุทโย พฺราหฺมโณ ภควโต ปตฺตํ โอทเนน ¶ ปูเรตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปกฏฺโกยํ สมโณ โคตโม ปุนปฺปุนํ อาคจฺฉตี’’ติ.
‘‘ปุนปฺปุนฺเจว ¶ วปนฺติ พีชํ, ปุนปฺปุนํ วสฺสติ เทวราชา;
ปุนปฺปุนํ เขตฺตํ กสนฺติ กสฺสกา, ปุนปฺปุนํ ธฺมุเปติ รฏฺํ.
‘‘ปุนปฺปุนํ ยาจกา ยาจยนฺติ, ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททนฺติ;
ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททิตฺวา, ปุนปฺปุนํ สคฺคมุเปนฺติ านํ.
‘‘ปุนปฺปุนํ ขีรนิกา ทุหนฺติ, ปุนปฺปุนํ วจฺโฉ อุเปติ มาตรํ;
ปุนปฺปุนํ กิลมติ ผนฺทติ จ, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท.
‘‘ปุนปฺปุนํ ชายติ มียติ จ, ปุนปฺปุนํ สิวถิกํ [สีวถิกํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] หรนฺติ;
มคฺคฺจ ลทฺธา อปุนพฺภวาย, น ปุนปฺปุนํ ชายติ ภูริปฺโ’’ติ [ปุนปฺปุนํ ชายติ ภูริปฺโติ (สฺยา. กํ. ก.)].
เอวํ วุตฺเต, อุทโย พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๓. เทวหิตสุตฺตํ
๑๙๙. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เตน โข ปน สมเยน ภควา วาเตหาพาธิโก โหติ; อายสฺมา จ อุปวาโณ ภควโต อุปฏฺาโก โหติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, อุปวาณ, อุณฺโหทกํ ชานาหี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อุปวาโณ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เทวหิตสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตุณฺหีภูโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อทฺทสา โข เทวหิโต พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ ¶ อุปวาณํ ตุณฺหีภูตํ เอกมนฺตํ ิตํ. ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตุณฺหีภูโต ¶ ¶ ภวํ ติฏฺํ, มุณฺโฑ สงฺฆาฏิปารุโต;
กึ ปตฺถยาโน กึ เอสํ, กึ นุ ยาจิตุมาคโต’’ติ.
‘‘อรหํ สุคโต โลเก, วาเตหาพาธิโก มุนิ;
สเจ อุณฺโหทกํ อตฺถิ, มุนิโน เทหิ พฺราหฺมณ.
‘‘ปูชิโต ปูชเนยฺยานํ, สกฺกเรยฺยาน สกฺกโต;
อปจิโต อปเจยฺยานํ [อปจิเนยฺยานํ (สี. สฺยา. กํ.) ฏีกา โอโลเกตพฺพา], ตสฺส อิจฺฉามิ หาตเว’’ติ.
อถ โข เทวหิโต พฺราหฺมโณ อุณฺโหทกสฺส กาชํ ปุริเสน คาหาเปตฺวา ผาณิตสฺส จ ปุฏํ อายสฺมโต อุปวาณสฺส ปาทาสิ. อถ โข อายสฺมา อุปวาโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ ¶ อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา [นหาเปตฺวา (สี. ปี.)] อุณฺโหทเกน ผาณิตํ อาโลเลตฺวา ภควโต ปาทาสิ. อถ โข ภควโต อาพาโธ ปฏิปฺปสฺสมฺภิ.
อถ โข เทวหิโต พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เทวหิโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กตฺถ ทชฺชา เทยฺยธมฺมํ, กตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;
กถฺหิ ยชมานสฺส, กถํ อิชฺฌติ ทกฺขิณา’’ติ.
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ โย เวที, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;
อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ.
‘‘เอตฺถ ¶ ทชฺชา เทยฺยธมฺมํ, เอตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;
เอวฺหิ ยชมานสฺส, เอวํ อิชฺฌติ ทกฺขิณา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, เทวหิโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๔. มหาสาลสุตฺตํ
๒๐๐. สาวตฺถินิทานํ ¶ . อถ โข อฺตโร พฺราหฺมณมหาสาโล ลูโข ลูขปาวุรโณ ¶ [ลูขปาปุรโณ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ พฺราหฺมณมหาสาลํ ภควา ¶ เอตทโวจ – ‘‘กินฺนุ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ลูโข ลูขปาวุรโณ’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ โคตม, จตฺตาโร ปุตฺตา. เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ ฆรา นิกฺขาเมนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อิมา คาถาโย ปริยาปุณิตฺวา สภายํ มหาชนกาเย สนฺนิปติเต ปุตฺเตสุ จ สนฺนิสินฺเนสุ ภาสสฺสุ –
‘‘เยหิ ชาเตหิ นนฺทิสฺสํ, เยสฺจ ภวมิจฺฉิสํ;
เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ, สาว วาเรนฺติ สูกรํ.
‘‘อสนฺตา กิร มํ ชมฺมา, ตาต ตาตาติ ภาสเร;
รกฺขสา ปุตฺตรูเปน, เต ชหนฺติ วโยคตํ.
‘‘อสฺโสว ชิณฺโณ นิพฺโภโค, ขาทนา อปนียติ;
พาลกานํ ปิตา เถโร, ปราคาเรสุ ภิกฺขติ.
‘‘ทณฺโฑว กิร เม เสยฺโย, ยฺเจ ปุตฺตา อนสฺสวา;
จณฺฑมฺปิ โคณํ วาเรติ, อโถ จณฺฑมฺปิ กุกฺกุรํ.
‘‘อนฺธกาเร ¶ ปุเร โหติ, คมฺภีเร คาธเมธติ;
ทณฺฑสฺส อานุภาเวน, ขลิตฺวา ปติติฏฺตี’’ติ.
อถ โข โส พฺราหฺมณมหาสาโล ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย ปริยาปุณิตฺวา สภายํ มหาชนกาเย สนฺนิปติเต ปุตฺเตสุ จ สนฺนิสินฺเนสุ อภาสิ –
‘‘เยหิ ชาเตหิ นนฺทิสฺสํ, เยสฺจ ภวมิจฺฉิสํ;
เต ¶ มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ, สาว วาเรนฺติ สูกรํ.
‘‘อสนฺตา กิร มํ ชมฺมา, ตาต ตาตาติ ภาสเร;
รกฺขสา ปุตฺตรูเปน, เต ชหนฺติ วโยคตํ.
‘‘อสฺโสว ¶ ชิณฺโณ นิพฺโภโค, ขาทนา อปนียติ;
พาลกานํ ปิตา เถโร, ปราคาเรสุ ภิกฺขติ.
‘‘ทณฺโฑว กิร เม เสยฺโย, ยฺเจ ปุตฺตา อนสฺสวา;
จณฺฑมฺปิ โคณํ วาเรติ, อโถ จณฺฑมฺปิ กุกฺกุรํ.
‘‘อนฺธกาเร ปุเร โหติ, คมฺภีเร คาธเมธติ;
ทณฺฑสฺส อานุภาเวน, ขลิตฺวา ปติติฏฺตี’’ติ.
อถ ¶ โข นํ พฺราหฺมณมหาสาลํ ปุตฺตา ฆรํ เนตฺวา นฺหาเปตฺวา ปจฺเจกํ ทุสฺสยุเคน อจฺฉาเทสุํ. อถ โข โส พฺราหฺมณมหาสาโล เอกํ ทุสฺสยุคํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข พฺราหฺมณมหาสาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นาม อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสาม. ปฏิคฺคณฺหตุ เม ภวํ โคตโม อาจริยธน’’นฺติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. อถ โข โส พฺราหฺมณมหาสาโล ภควนฺตํ ¶ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๕. มานตฺถทฺธสุตฺตํ
๒๐๑. สาวตฺถินิทานํ ¶ . เตน โข ปน สมเยน มานตฺถทฺโธ นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ. โส เนว มาตรํ อภิวาเทติ, น ปิตรํ อภิวาเทติ, น อาจริยํ อภิวาเทติ, น เชฏฺภาตรํ อภิวาเทติ. เตน โข ปน สมเยน ภควา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสติ. อถ โข มานตฺถทฺธสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข สมโณ โคตโม มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสติ. ยํนูนาหํ เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกเมยฺยํ. สเจ มํ สมโณ โคตโม อาลปิสฺสติ, อหมฺปิ ตํ อาลปิสฺสามิ. โน เจ มํ สมโณ โคตโม อาลปิสฺสติ, อหมฺปิ นาลปิสฺสามี’’ติ. อถ โข มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตุณฺหีภูโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ โข ภควา ตํ นาลปิ. อถ โข มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ – ‘นายํ สมโณ ¶ โคตโม กิฺจิ ชานาตี’ติ ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิ. อถ ¶ โข ภควา มานตฺถทฺธสฺส พฺราหฺมณสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย มานตฺถทฺธํ พฺราหฺมณํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘น มานํ พฺราหฺมณ สาธุ, อตฺถิกสฺสีธ พฺราหฺมณ;
เยน อตฺเถน อาคจฺฉิ, ตเมวมนุพฺรูหเย’’ติ.
อถ โข มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ – ‘‘จิตฺตํ เม สมโณ โคตโม ชานาตี’’ติ ตตฺเถว ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ ¶ มุเขน จ ปริจุมฺพติ ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘‘มานตฺถทฺธาหํ, โภ โคตม, มานตฺถทฺธาหํ, โภ โคตมา’’ติ. อถ โข สา ปริสา อพฺภุตจิตฺตชาตา [อพฺภุตจิตฺตชาตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา (ก.)] อโหสิ – ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ! อยฺหิ มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ เนว มาตรํ อภิวาเทติ, น ปิตรํ อภิวาเทติ, น อาจริยํ อภิวาเทติ, น เชฏฺภาตรํ อภิวาเทติ; อถ จ ปน สมเณ โคตเม เอวรูปํ ปรมนิปจฺจการํ กโรตี’ติ. อถ โข ภควา มานตฺถทฺธํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, พฺราหฺมณ ¶ , อุฏฺเหิ, สเก อาสเน นิสีท. ยโต เต มยิ จิตฺตํ ปสนฺน’’นฺติ. อถ โข มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ สเก อาสเน นิสีทิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เกสุ น มานํ กยิราถ, เกสุ จสฺส สคารโว;
กฺยสฺส อปจิตา อสฺสุ, กฺยสฺสุ สาธุ สุปูชิตา’’ติ.
‘‘มาตริ ปิตริ จาปิ, อโถ เชฏฺมฺหิ ภาตริ;
อาจริเย จตุตฺถมฺหิ,
เตสุ น มานํ กยิราถ;
เตสุ อสฺส สคารโว,
ตฺยสฺส อปจิตา อสฺสุ;
ตฺยสฺสุ สาธุ สุปูชิตา.
‘‘อรหนฺเต สีตีภูเต, กตกิจฺเจ อนาสเว;
นิหจฺจ มานํ อถทฺโธ, เต นมสฺเส อนุตฺตเร’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, มานตฺถทฺโธ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๖. ปจฺจนีกสุตฺตํ
๒๐๒. สาวตฺถินิทานํ ¶ ¶ . เตน โข ปน สมเยน ปจฺจนีกสาโต นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ. อถ โข ปจฺจนีกสาตสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหํ เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกเมยฺยํ. ยํ ยเทว สมโณ โคตโม ภาสิสฺสติ ตํ ตเทวสฺสาหํ [ตเทว สาหํ (ก.)] ปจฺจนีกาสฺส’’นฺติ [ปจฺจนีกสฺสนฺติ (ปี.), ปจฺจนีกสาตนฺติ (ก.)]. เตน โข ปน สมเยน ภควา อพฺโภกาเส จงฺกมติ. อถ โข ปจฺจนีกสาโต พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ จงฺกมนฺตํ เอตทโวจ – ‘ภณ สมณธมฺม’นฺติ.
‘‘น ¶ ปจฺจนีกสาเตน, สุวิชานํ สุภาสิตํ;
อุปกฺกิลิฏฺจิตฺเตน, สารมฺภพหุเลน จ.
‘‘โย จ วิเนยฺย สารมฺภํ, อปฺปสาทฺจ เจตโส;
อาฆาตํ ปฏินิสฺสชฺช, ส เว [สเจ (สฺยา. กํ. ก.)] ชฺา สุภาสิต’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต, ปจฺจนีกสาโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๗. นวกมฺมิกสุตฺตํ
๒๐๓. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ ¶ . เตน โข ปน สมเยน นวกมฺมิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ตสฺมึ วนสณฺเฑ กมฺมนฺตํ การาเปติ. อทฺทสา โข นวกมฺมิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ สาลรุกฺขมูเล นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข อิมสฺมึ วนสณฺเฑ กมฺมนฺตํ การาเปนฺโต รมามิ. อยํ สมโณ โคตโม กึ การาเปนฺโต รมตี’’ติ? อถ ¶ โข นวกมฺมิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา ¶ เตนุปสงฺกมิ. อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เก นุ กมฺมนฺตา กรียนฺติ, ภิกฺขุ สาลวเน ตว;
ยเทกโก อรฺสฺมึ, รตึ วินฺทติ โคตโม’’ติ.
‘‘น เม วนสฺมึ กรณียมตฺถิ,
อุจฺฉินฺนมูลํ เม วนํ วิสูกํ;
สฺวาหํ วเน นิพฺพนโถ วิสลฺโล,
เอโก รเม อรตึ วิปฺปหายา’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต, นวกมฺมิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๘. กฏฺหารสุตฺตํ
๒๐๔. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ¶ สมฺพหุลา อนฺเตวาสิกา กฏฺหารกา มาณวกา เยน วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อทฺทสํสุ ภควนฺตํ ตสฺมึ วนสณฺเฑ นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. ทิสฺวาน เยน ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภารทฺวาชโคตฺตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยคฺเฆ, ภวํ ชาเนยฺยาสิ! อสุกสฺมึ วนสณฺเฑ สมโณ นิสินฺโน ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’. อถ โข ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ เตหิ มาณวเกหิ สทฺธึ เยน โส วนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข ภควนฺตํ ตสฺมึ วนสณฺเฑ นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. ทิสฺวาน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘คมฺภีรรูเป พหุเภรเว วเน,
สฺุํ อรฺํ วิชนํ วิคาหิย;
อนิฺชมาเนน ¶ ิเตน วคฺคุนา,
สุจารุรูปํ วต ภิกฺขุ ฌายสิ.
‘‘น ¶ ยตฺถ คีตํ นปิ ยตฺถ วาทิตํ,
เอโก อรฺเ วนวสฺสิโต มุนิ;
อจฺเฉรรูปํ ปฏิภาติ มํ อิทํ,
ยเทกโก ปีติมโน วเน วเส.
‘‘มฺามหํ ¶ โลกาธิปติสหพฺยตํ,
อากงฺขมาโน ติทิวํ อนุตฺตรํ;
กสฺมา ¶ ภวํ วิชนมรฺมสฺสิโต,
ตโป อิธ กุพฺพสิ พฺรหฺมปตฺติยา’’ติ.
‘‘ยา กาจิ กงฺขา อภินนฺทนา วา,
อเนกธาตูสุ ปุถู สทาสิตา;
อฺาณมูลปฺปภวา ปชปฺปิตา,
สพฺพา มยา พฺยนฺติกตา สมูลิกา.
‘‘สฺวาหํ อกงฺโข อสิโต อนูปโย,
สพฺเพสุ ธมฺเมสุ วิสุทฺธทสฺสโน;
ปปฺปุยฺย สมฺโพธิมนุตฺตรํ สิวํ,
ฌายามหํ พฺรหฺม รโห วิสารโท’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาชโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๙. มาตุโปสกสุตฺตํ
๒๐๕. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข มาตุโปสโก พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มาตุโปสโก พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหฺหิ, โภ ¶ โคตม, ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสามิ, ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา มาตาปิตโร โปเสมิ. กจฺจาหํ, โภ โคตม, เอวํการี กิจฺจการี โหมี’’ติ? ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, เอวํการี กิจฺจการี โหสิ. โย โข, พฺราหฺมณ, ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสติ, ธมฺเมน ภิกฺขํ ¶ ปริเยสิตฺวา มาตาปิตโร โปเสติ, พหุํ โส ปฺุํ ปสวตี’’ติ.
‘‘โย ¶ ¶ มาตรํ ปิตรํ วา, มจฺโจ ธมฺเมน โปสติ;
ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, มาตุโปสโก พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๑๐. ภิกฺขกสุตฺตํ
๒๐๖. สาวตฺถินิทานํ. อถ โข ภิกฺขโก พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ภิกฺขโก พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหมฺปิ โข, โภ โคตม, ภิกฺขโก, ภวมฺปิ ภิกฺขโก, อิธ โน กึ นานากรณ’’นฺติ?
‘‘น เตน ภิกฺขโก โหติ, ยาวตา ภิกฺขเต ปเร;
วิสฺสํ ธมฺมํ สมาทาย, ภิกฺขุ โหติ น ตาวตา.
‘‘โยธ ¶ ปฺฺุจ ปาปฺจ, พาหิตฺวา พฺรหฺมจริยํ;
สงฺขาย โลเก จรติ, ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขโก พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๑๑. สงฺคารวสุตฺตํ
๒๐๗. สาวตฺถินิทานํ. เตน โข ปน สมเยน สงฺคารโว นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ อุทกสุทฺธิโก, อุทเกน ปริสุทฺธึ ปจฺเจติ, สายํ ปาตํ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ¶ ปาวิสิ. สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, สงฺคารโว นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ อุทกสุทฺธิโก ¶ , อุทเกน สุทฺธึ ปจฺเจติ, สายํ ปาตํ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. สาธุ, ภนฺเต, ภควา เยน สงฺคารวสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.
อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สงฺคารวสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข สงฺคารโว พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข สงฺคารวํ พฺราหฺมณํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อุทกสุทฺธิโก, อุทเกน สุทฺธึ ปจฺเจสิ, สายํ ปาตํ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรสี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม’’. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อุทกสุทฺธิโก, อุทกสุทฺธึ ปจฺเจสิ, สายํ ปาตํ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรสี’’ติ? ‘‘อิธ เม, โภ โคตม [อิธ เม โภ โคตม อหํ (ปี. ก.)], ยํ ทิวา ปาปกมฺมํ กตํ โหติ, ตํ สายํ นฺหาเนน [นหาเนน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปวาเหมิ, ยํ รตฺตึ ปาปกมฺมํ กตํ โหติ ตํ ปาตํ นฺหาเนน ปวาเหมิ. อิมํ ขฺวาหํ, โภ โคตม, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อุทกสุทฺธิโก, อุทเกน สุทฺธึ ปจฺเจมิ, สายํ ปาตํ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรามี’’ติ.
‘‘ธมฺโม รหโท พฺราหฺมณ สีลติตฺโถ,
อนาวิโล สพฺภิ สตํ ปสตฺโถ;
ยตฺถ หเว เวทคุโน สินาตา,
อนลฺลคตฺตาว [อนลฺลีนคตฺตาว (ก.)] ตรนฺติ ปาร’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต, สงฺคารโว พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.
๑๒. โขมทุสฺสสุตฺตํ
๒๐๘. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ โขมทุสฺสํ นามํ สกฺยานํ นิคโม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ¶ ปตฺตจีวรมาทาย โขมทุสฺสํ นิคมํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เตน โข ปน สมเยน โขมทุสฺสกา พฺราหฺมณคหปติกา สภายํ สนฺนิปติตา โหนฺติ เกนจิเทว กรณีเยน, เทโว จ เอกเมกํ ผุสายติ. อถ โข ภควา เยน สา สภา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสํสุ โขมทุสฺสกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน เอตทโวจุํ – ‘‘เก จ มุณฺฑกา สมณกา, เก จ สภาธมฺมํ ชานิสฺสนฺตี’’ติ? อถ โข ภควา โขมทุสฺสเก พฺราหฺมณคหปติเก คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เนสา สภา ยตฺถ น สนฺติ สนฺโต,
สนฺโต น เต เย น วทนฺติ ธมฺมํ;
ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ,
ธมฺมํ วทนฺตา จ ภวนฺติ สนฺโต’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, โขมทุสฺสกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม; เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ, เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ¶ ธมฺโม ปกาสิโต. เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปเต สรณํ คเต’’ติ.
อุปาสกวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
กสิ อุทโย เทวหิโต, อฺตรมหาสาลํ;
มานถทฺธํ ปจฺจนีกํ, นวกมฺมิกกฏฺหารํ;
มาตุโปสกํ ภิกฺขโก, สงฺคารโว จ โขมทุสฺเสน ทฺวาทสาติ.
พฺราหฺมณสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
๘. วงฺคีสสํยุตฺตํ
๑. นิกฺขนฺตสุตฺตํ
๒๐๙. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา วงฺคีโส อาฬวิยํ วิหรติ อคฺคาฬเว เจติเย อายสฺมตา นิคฺโรธกปฺเปน อุปชฺฌาเยน สทฺธึ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา วงฺคีโส นวโก โหติ อจิรปพฺพชิโต โอหิยฺยโก วิหารปาโล. อถ โข สมฺพหุลา อิตฺถิโย สมลงฺกริตฺวา เยน อคฺคาฬวโก อาราโม เตนุปสงฺกมึสุ วิหารเปกฺขิกาโย. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส ตา อิตฺถิโย ทิสฺวา อนภิรติ อุปฺปชฺชติ, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ; ยสฺส เม อนภิรติ อุปฺปนฺนา, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา, ยํ เม ปโร อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทยฺย. ยํนูนาหํ อตฺตนาว อตฺตโน อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทยฺย’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อตฺตนาว อตฺตโน อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘นิกฺขนฺตํ วต มํ สนฺตํ, อคารสฺมานคาริยํ;
วิตกฺกา อุปธาวนฺติ, ปคพฺภา กณฺหโต อิเม.
‘‘อุคฺคปุตฺตา ¶ มหิสฺสาสา, สิกฺขิตา ทฬฺหธมฺมิโน;
สมนฺตา ปริกิเรยฺยุํ, สหสฺสํ อปลายินํ.
‘‘สเจปิ เอตโต [เอตฺตโต (สี. ปี. ก.), เอตฺตกา (สฺยา. กํ.)] ภิยฺโย, อาคมิสฺสนฺติ อิตฺถิโย;
เนว มํ พฺยาธยิสฺสนฺติ [พฺยาถยิสฺสนฺติ (?)], ธมฺเม สมฺหิ ปติฏฺิตํ.
‘‘สกฺขี ¶ ¶ หิ เม สุตํ เอตํ, พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน;
นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, ตตฺถ เม นิรโต มโน.
‘‘เอวฺเจ มํ วิหรนฺตํ, ปาปิม อุปคจฺฉสิ;
ตถา มจฺจุ กริสฺสามิ, น เม มคฺคมฺปิ ทกฺขสี’’ติ.
๒. อรติสุตฺตํ
๒๑๐. เอกํ ¶ สมยํ…เป… อายสฺมา วงฺคีโส อาฬวิยํ วิหรติ อคฺคาฬเว เจติเย อายสฺมตา นิคฺโรธกปฺเปน อุปชฺฌาเยน สทฺธึ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นิคฺโรธกปฺโป ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต วิหารํ ปวิสติ, สายํ วา นิกฺขมติ อปรชฺชุ วา กาเล. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต วงฺคีสสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ; ยสฺส เม อนภิรติ อุปฺปนฺนา, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ; ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา, ยํ เม ปโร อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทยฺย. ยํนูนาหํ อตฺตนาว อตฺตโน อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทยฺย’’นฺติ. อถ ¶ โข อายสฺมา วงฺคีโส อตฺตนาว อตฺตโน อนภิรตึ วิโนเทตฺวา อภิรตึ อุปฺปาเทตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘อรติฺจ รติฺจ ปหาย, สพฺพโส เคหสิตฺจ วิตกฺกํ;
วนถํ น กเรยฺย กุหิฺจิ, นิพฺพนโถ อรโต ส หิ ภิกฺขุ [ส ภิกฺขุ (ก.)].
‘‘ยมิธ ปถวิฺจ เวหาสํ, รูปคตฺจ ชคโตคธํ;
กิฺจิ ปริชียติ สพฺพมนิจฺจํ, เอวํ สเมจฺจ จรนฺติ มุตตฺตา.
‘‘อุปธีสุ ชนา คธิตาเส [คถิตาเส (สี.)], ทิฏฺสุเต ปฏิเฆ จ มุเต จ;
เอตฺถ วิโนทย ฉนฺทมเนโช, โย เอตฺถ น ลิมฺปติ ตํ มุนิมาหุ.
‘‘อถ ¶ ¶ สฏฺินิสฺสิตา สวิตกฺกา, ปุถู ชนตาย อธมฺมา นิวิฏฺา;
น จ วคฺคคตสฺส กุหิฺจิ, โน ปน ทุฏฺุลฺลภาณี ส ภิกฺขุ.
‘‘ทพฺโพ จิรรตฺตสมาหิโต, อกุหโก นิปโก อปิหาลุ;
สนฺตํ ¶ ปทํ อชฺฌคมา มุนิ ปฏิจฺจ, ปรินิพฺพุโต กงฺขติ กาล’’นฺติ.
๓. เปสลสุตฺตํ
๒๑๑. เอกํ สมยํ อายสฺมา วงฺคีโส อาฬวิยํ วิหรติ อคฺคาฬเว เจติเย อายสฺมตา นิคฺโรธกปฺเปน อุปชฺฌาเยน สทฺธึ. เตน โข ปน สมเยน ¶ อายสฺมา วงฺคีโส อตฺตโน ปฏิภาเนน อฺเ เปสเล ภิกฺขู อติมฺติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ; ยฺวาหํ อตฺตโน ปฏิภาเนน อฺเ เปสเล ภิกฺขู อติมฺามี’’ติ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อตฺตนาว อตฺตโน วิปฺปฏิสารํ อุปฺปาเทตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘มานํ ปชหสฺสุ โคตม, มานปถฺจ ปชหสฺสุ;
อเสสํ มานปถสฺมึ, สมุจฺฉิโต วิปฺปฏิสารีหุวา จิรรตฺตํ.
‘‘มกฺเขน มกฺขิตา ปชา, มานหตา นิรยํ ปปตนฺติ;
โสจนฺติ ชนา จิรรตฺตํ, มานหตา นิรยํ อุปปนฺนา.
‘‘น ¶ หิ โสจติ ภิกฺขุ กทาจิ, มคฺคชิโน สมฺมาปฏิปนฺโน;
กิตฺติฺจ สุขฺจ อนุโภติ, ธมฺมทโสติ ตมาหุ ปหิตตฺตํ.
‘‘ตสฺมา ¶ อขิโลธ ปธานวา, นีวรณานิ ปหาย วิสุทฺโธ;
มานฺจ ปหาย อเสสํ, วิชฺชายนฺตกโร สมิตาวี’’ติ.
๔. อานนฺทสุตฺตํ
๒๑๒. เอกํ ¶ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ อายสฺมตา วงฺคีเสน ปจฺฉาสมเณน. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต วงฺคีสสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กามราเคน ฑยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริฑยฺหติ;
สาธุ นิพฺพาปนํ พฺรูหิ, อนุกมฺปาย โคตมา’’ติ.
‘‘สฺาย ¶ วิปริเยสา, จิตฺตํ เต ปริฑยฺหติ;
นิมิตฺตํ ปริวชฺเชหิ, สุภํ ราคูปสํหิตํ.
‘‘สงฺขาเร ปรโต ปสฺส, ทุกฺขโต มา จ อตฺตโต;
นิพฺพาเปหิ มหาราคํ, มา ฑยฺหิตฺโถ ปุนปฺปุนํ.
‘‘อสุภาย ¶ จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ;
สติ กายคตา ตฺยตฺถุ, นิพฺพิทาพหุโล ภว.
‘‘อนิมิตฺตฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;
ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ.
๕. สุภาสิตสุตฺตํ
๒๑๓. สาวตฺถินิทานํ. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สุภาสิตา โหติ, โน ทุพฺภาสิตา; อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิฺูนํ. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ สุภาสิตํเยว ภาสติ โน ทุพฺภาสิตํ, ธมฺมํเยว ภาสติ โน อธมฺมํ, ปิยํเยว ¶ ภาสติ โน อปฺปิยํ, สจฺจํเยว ภาสติ โน อลิกํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สุภาสิตา โหติ, โน ทุพฺภาสิตา, อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิฺูน’’นฺติ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘สุภาสิตํ ¶ อุตฺตมมาหุ สนฺโต,
ธมฺมํ ภเณ นาธมฺมํ ตํ ทุติยํ;
ปิยํ ภเณ นาปฺปิยํ ตํ ตติยํ,
สจฺจํ ภเณ นาลิกํ ตํ จตุตฺถ’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ ภควา, ปฏิภาติ มํ สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘ตเมว วาจํ ภาเสยฺย, ยายตฺตานํ น ตาปเย;
ปเร จ น วิหึเสยฺย, สา เว วาจา สุภาสิตา.
‘‘ปิยวาจํว ภาเสยฺย, ยา วาจา ปฏินนฺทิตา;
ยํ อนาทาย ปาปานิ, ปเรสํ ภาสเต ปิยํ.
‘‘สจฺจํ ¶ เว อมตา วาจา, เอส ธมฺโม สนนฺตโน;
สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ, อาหุ สนฺโต ปติฏฺิตา.
‘‘ยํ พุทฺโธ ภาสเต วาจํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา;
ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สา เว วาจานมุตฺตมา’’ติ.
๖. สาริปุตฺตสุตฺตํ
๒๑๔. เอกํ ¶ ¶ สมยํ อายสฺมา สาริปุตฺโต สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ โปริยา วาจาย วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย [อเนฬคลาย (สี. ก.), อเนลคฬาย (สฺยา. กํ. ปี.)] อตฺถสฺส วิฺาปนิยา. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา ¶ สาริปุตฺโต ภิกฺขู ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ โปริยา วาจาย วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. ยํนูนาหํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ปฏิภาติ มํ, อาวุโส สาริปุตฺตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, อาวุโส วงฺคีสา’’ติ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘คมฺภีรปฺโ เมธาวี, มคฺคามคฺคสฺส โกวิโท;
สาริปุตฺโต มหาปฺโ, ธมฺมํ เทเสติ ภิกฺขุนํ.
‘‘สํขิตฺเตนปิ เทเสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสติ;
สาฬิกายิว นิคฺโฆโส, ปฏิภานํ อุทีรยิ [อุทีริยิ (สฺยา. กํ.) อุทีริยติ (สามฺผลสุตฺตฏีกานุรูปํ)].
‘‘ตสฺส ¶ ตํ เทสยนฺตสฺส, สุณนฺติ มธุรํ คิรํ;
สเรน ¶ รชนีเยน, สวนีเยน วคฺคุนา;
อุทคฺคจิตฺตา มุทิตา, โสตํ โอเธนฺติ ภิกฺขโว’’ติ.
๗. ปวารณาสุตฺตํ
๒๑๕. เอกํ ¶ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปวารณาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหติ. อถ โข ภควา ตุณฺหีภูตํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, ปวาเรมิ โว. น จ เม กิฺจิ ครหถ กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข มยํ, ภนฺเต, ภควโต กิฺจิ ครหาม กายิกํ วา วาจสิกํ วา. ภควา หิ ¶ , ภนฺเต, อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา, มคฺคฺู มคฺควิทู มคฺคโกวิโท. มคฺคานุคา จ, ภนฺเต, เอตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา; อหฺจ โข, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปวาเรมิ. น จ เม ภควา กิฺจิ ครหติ กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ.
‘‘น ขฺวาหํ เต, สาริปุตฺต, กิฺจิ ครหามิ กายิกํ วา วาจสิกํ วา. ปณฺฑิโต ตฺวํ, สาริปุตฺต, มหาปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต ¶ , ปุถุปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต, หาสปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ชวนปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ติกฺขปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต, นิพฺเพธิกปฺโ ตฺวํ, สาริปุตฺต. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส เชฏฺปุตฺโต ปิตรา ปวตฺติตํ จกฺกํ สมฺมเทว อนุปฺปวตฺเตติ; เอวเมว โข ตฺวํ, สาริปุตฺต, มยา อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ สมฺมเทว อนุปฺปวตฺเตสี’’ติ.
‘‘โน เจ กิร เม, ภนฺเต, ภควา กิฺจิ ครหติ กายิกํ วา วาจสิกํ วา. อิเมสํ ปน, ภนฺเต, ภควา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ น กิฺจิ ครหติ กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ. ‘‘อิเมสมฺปิ ขฺวาหํ, สาริปุตฺต, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ น ¶ กิฺจิ ครหามิ กายิกํ วา วาจสิกํ วา. อิเมสฺหิ, สาริปุตฺต, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ สฏฺิ ภิกฺขู เตวิชฺชา, สฏฺิ ภิกฺขู ฉฬภิฺา, สฏฺิ ภิกฺขู อุภโตภาควิมุตฺตา, อถ อิตเร ปฺาวิมุตฺตา’’ติ.
อถ ¶ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ ภควา, ปฏิภาติ มํ สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘อชฺช ปนฺนรเส วิสุทฺธิยา, ภิกฺขู ปฺจสตา สมาคตา;
สํโยชนพนฺธนจฺฉิทา ¶ , อนีฆา ขีณปุนพฺภวา อิสี.
‘‘จกฺกวตฺตี ¶ ยถา ราชา, อมจฺจปริวาริโต;
สมนฺตา อนุปริเยติ, สาครนฺตํ มหึ อิมํ.
‘‘เอวํ วิชิตสงฺคามํ, สตฺถวาหํ อนุตฺตรํ;
สาวกา ปยิรุปาสนฺติ, เตวิชฺชา มจฺจุหายิโน.
‘‘สพฺเพ ภควโต ปุตฺตา, ปลาเปตฺถ น วิชฺชติ;
ตณฺหาสลฺลสฺส หนฺตารํ, วนฺเท อาทิจฺจพนฺธุน’’นฺติ.
๘. ปโรสหสฺสสุตฺตํ
๒๑๖. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตลเสหิ ภิกฺขุสเตหิ. เตน โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขู นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ภควา ภิกฺขู นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. ยํนูนาหํ ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
อถ ¶ ¶ ¶ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ ภควา, ปฏิภาติ มํ สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘ปโรสหสฺสํ ภิกฺขูนํ, สุคตํ ปยิรุปาสติ;
เทเสนฺตํ วิรชํ ธมฺมํ, นิพฺพานํ อกุโตภยํ.
‘‘สุณนฺติ ธมฺมํ วิมลํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;
โสภติ วต สมฺพุทฺโธ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต.
‘‘นาคนาโมสิ ภควา, อิสีนํ อิสิสตฺตโม;
มหาเมโฆว หุตฺวาน, สาวเก อภิวสฺสติ.
‘‘ทิวาวิหารา ¶ นิกฺขมฺม, สตฺถุทสฺสนกมฺยตา [สตฺถุทสฺสนกามตา (สี. สฺยา. กํ.)];
สาวโก เต มหาวีร, ปาเท วนฺทติ วงฺคีโส’’ติ.
‘‘กึ นุ เต, วงฺคีส, อิมา คาถาโย ปุพฺเพ ปริวิตกฺกิตา, อุทาหุ านโสว ตํ ปฏิภนฺตี’’ติ? ‘น โข เม, ภนฺเต, อิมา คาถาโย ปุพฺเพ ปริวิตกฺกิตา, อถ โข านโสว มํ ปฏิภนฺตี’ติ. ‘เตน หิ ตํ, วงฺคีส, ภิยฺโยโสมตฺตาย ปุพฺเพ อปริวิตกฺกิตา คาถาโย ปฏิภนฺตู’ติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข อายสฺมา วงฺคีโส ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ¶ ภควนฺตํ ปุพฺเพ อปริวิตกฺกิตาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘อุมฺมคฺคปถํ [อุมฺมคฺคสตํ (สฺยา. กํ. ก.)] มารสฺส อภิภุยฺย, จรติ ปภิชฺช ขิลานิ;
ตํ ปสฺสถ พนฺธปมฺุจกรํ, อสิตํ ภาคโส ปวิภชํ.
‘‘โอฆสฺส นิตฺถรณตฺถํ, อเนกวิหิตํ มคฺคํ อกฺขาสิ;
ตสฺมิฺเจ อมเต อกฺขาเต, ธมฺมทฺทสา ิตา อสํหีรา.
‘‘ปชฺโชตกโร ¶ อติวิชฺฌ [อติวิชฺฌ ธมฺมํ (สี. สฺยา. กํ.)], สพฺพฏฺิตีนํ อติกฺกมมทฺทส;
ตฺวา จ สจฺฉิกตฺวา จ, อคฺคํ โส เทสยิ ทสทฺธานํ.
‘‘เอวํ ¶ สุเทสิเต ธมฺเม,
โก ปมาโท วิชานตํ ธมฺมํ [โก ปมาโท วิชานตํ (สี. สฺยา. กํ.)];
ตสฺมา หิ ตสฺส ภควโต สาสเน;
อปฺปมตฺโต สทา นมสฺสมนุสิกฺเข’’ติ.
๙. โกณฺฑฺสุตฺตํ
๒๑๗. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข อายสฺมา อฺาสิโกณฺฑฺโ [อฺาโกณฺฑฺโ (สี. สฺยา. กํ.)] สุจิรสฺเสว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ¶ ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ ¶ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘‘โกณฺฑฺโหํ, ภควา, โกณฺฑฺโหํ, สุคตา’’ติ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา อฺาสิโกณฺฑฺโ สุจิรสฺเสว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘โกณฺฑฺโหํ, ภควา, โกณฺฑฺโหํ, สุคตา’ติ. ยํนูนาหํ อายสฺมนฺตํ อฺาสิโกณฺฑฺํ ภควโต สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, ภควา, ปฏิภาติ มํ, สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อายสฺมนฺตํ อฺาสิโกณฺฑฺํ ภควโต สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘พุทฺธานุพุทฺโธ โส เถโร, โกณฺฑฺโ ติพฺพนิกฺกโม;
ลาภี สุขวิหารานํ, วิเวกานํ อภิณฺหโส.
‘‘ยํ ¶ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, สตฺถุสาสนการินา;
สพฺพสฺส ตํ อนุปฺปตฺตํ, อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโต.
‘‘มหานุภาโว ¶ เตวิชฺโช, เจโตปริยายโกวิโท;
โกณฺฑฺโ พุทฺธทายาโท [พุทฺธสาวโก (ปี.)], ปาเท วนฺทติ สตฺถุโน’’ติ.
๑๐. โมคฺคลฺลานสุตฺตํ
๒๑๘. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ อิสิคิลิปสฺเส กาฬสิลายํ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ. เตสํ สุทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เจตสา จิตฺตํ สมนฺเนสติ [สมนฺเวสติ (สฺยา. อฏฺ.)] วิปฺปมุตฺตํ นิรุปธึ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ภควา ราชคเห วิหรติ อิสิคิลิปสฺเส กาฬสิลายํ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ. เตสํ สุทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เจตสา จิตฺตํ สมนฺเนสติ วิปฺปมุตฺตํ นิรุปธึ. ยํนูนาหํ อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ภควโต สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
อถ ¶ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, ภควา, ปฏิภาติ มํ, สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ภควโต สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ –
‘‘นคสฺส ปสฺเส อาสีนํ, มุนึ ทุกฺขสฺส ปารคุํ;
สาวกา ปยิรุปาสนฺติ, เตวิชฺชา มจฺจุหายิโน.
‘‘เต ¶ เจตสา อนุปริเยติ [อนุปริเยสติ (สี. สฺยา. กํ.)], โมคฺคลฺลาโน มหิทฺธิโก;
จิตฺตํ เนสํ สมนฺเนสํ [สมนฺเวสํ (สฺยา. อฏฺ.)], วิปฺปมุตฺตํ นิรูปธึ.
‘‘เอวํ ¶ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, มุนึ ทุกฺขสฺส ปารคุํ;
อเนกาการสมฺปนฺนํ, ปยิรุปาสนฺติ โคตม’’นฺติ.
๑๑. คคฺคราสุตฺตํ
๒๑๙. เอกํ สมยํ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สตฺตหิ จ อุปาสกสเตหิ สตฺตหิ จ อุปาสิกาสเตหิ อเนเกหิ จ เทวตาสหสฺเสหิ. ตฺยาสฺสุทํ ภควา อติโรจติ [อติวิโรจติ (ก.)] วณฺเณน เจว ยสสา จ. อถ โข อายสฺมโต วงฺคีสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ¶ ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สตฺตหิ จ อุปาสกสเตหิ สตฺตหิ จ อุปาสิกาสเตหิ อเนเกหิ จ เทวตาสหสฺเสหิ. ตฺยาสฺสุทํ ภควา อติโรจติ วณฺเณน เจว ยสสา จ. ยํนูนาหํ ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาย คาถาย อภิตฺถเวยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, ภควา, ปฏิภาติ มํ, สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข อายสฺมา วงฺคีโส ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาย คาถาย อภิตฺถวิ –
‘‘จนฺโท ¶ ¶ ยถา วิคตวลาหเก นเภ,
วิโรจติ วิคตมโลว ภาณุมา;
เอวมฺปิ องฺคีรส ตฺวํ มหามุนิ,
อติโรจสิ ยสสา สพฺพโลก’’นฺติ.
๑๒. วงฺคีสสุตฺตํ
๒๒๐. เอกํ สมยํ อายสฺมา วงฺคีโส สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม ¶ . เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา วงฺคีโส อจิรอรหตฺตปฺปตฺโต หุตฺวา [โหติ (สี. สฺยา. กํ.)] วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวที [วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที (สี. ปี.)] ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘กาเวยฺยมตฺตา วิจริมฺห ปุพฺเพ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
อถทฺทสาม สมฺพุทฺธํ, สทฺธา โน อุปปชฺชถ.
‘‘โส เม ธมฺมมเทเสสิ, ขนฺธายตนธาตุโย [ขนฺเธ อายตนานิ ธาตุโย (สฺยา. กํ. ปี. ก.)];
ตสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, ปพฺพชึ อนคาริยํ.
‘‘พหุนฺนํ วต อตฺถาย, โพธึ อชฺฌคมา มุนิ;
ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนฺจ, เย นิยามคตทฺทสา.
‘‘สฺวาคตํ ¶ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธิตํ;
เตวิชฺโช อิทฺธิปตฺโตมฺหิ, เจโตปริยายโกวิโท’’ติ.
วงฺคีสสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
ตสฺสุทฺทานํ –
นิกฺขนฺตํ ¶ อรติ เจว, เปสลา อติมฺนา;
อานนฺเทน สุภาสิตา, สาริปุตฺตปวารณา;
ปโรสหสฺสํ โกณฺฑฺโ, โมคฺคลฺลาเนน คคฺครา;
วงฺคีเสน ทฺวาทสาติ.
๙. วนสํยุตฺตํ
๑. วิเวกสุตฺตํ
๒๒๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อฺตโร ภิกฺขุ โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน โส ภิกฺขุ ทิวาวิหารคโต ปาปเก อกุสเล วิตกฺเก วิตกฺเกติ เคหนิสฺสิเต. อถ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตสฺส ภิกฺขุโน อนุกมฺปิกา อตฺถกามา ตํ ภิกฺขุํ สํเวเชตุกามา เยน โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘วิเวกกาโมสิ วนํ ปวิฏฺโ,
อถ เต มโน นิจฺฉรตี พหิทฺธา;
ชโน ชนสฺมึ วินยสฺสุ ฉนฺทํ,
ตโต สุขี โหหิสิ วีตราโค.
‘‘อรตึ ปชหาสิ สโต, ภวาสิ สตํ ตํ สารยามเส;
ปาตาลรโช หิ ทุตฺตโร, มา ตํ กามรโช อวาหริ.
‘‘สกุโณ ยถา ปํสุกุนฺถิโต [ปํสุกุณฺิโต (ก.), ปํสุกุณฺฑิโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], วิธุนํ ปาตยติ สิตํ รชํ;
เอวํ ¶ ภิกฺขุ ปธานวา สติมา, วิธุนํ ปาตยติ สิตํ รช’’นฺติ.
อถ โข โส ภิกฺขุ ตาย เทวตาย สํเวชิโต สํเวคมาปาทีติ.
๒. อุปฏฺานสุตฺตํ
๒๒๒. เอกํ ¶ สมยํ อฺตโร ภิกฺขุ โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน ¶ โข ปน สมเยน โส ภิกฺขุ ทิวาวิหารคโต สุปติ. อถ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตสฺส ภิกฺขุโน อนุกมฺปิกา อตฺถกามา ตํ ภิกฺขุํ สํเวเชตุกามา เยน โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘อุฏฺเหิ ภิกฺขุ กึ เสสิ, โก อตฺโถ สุปิเตน [สุปิเนน (สี.)] เต;
อาตุรสฺส หิ กา นิทฺทา, สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโต.
‘‘ยาย ¶ สทฺธาย ปพฺพชิโต [ยาย สทฺธาปพฺพชิโต (สี. สฺยา. กํ.)], อคารสฺมานคาริยํ;
ตเมว สทฺธํ พฺรูเหหิ, มา นิทฺทาย วสํ คมี’’ติ.
‘‘อนิจฺจา อทฺธุวา กามา, เยสุ มนฺโทว มุจฺฉิโต;
พทฺเธสุ [ขนฺเธสุ (สี.)] มุตฺตํ อสิตํ, กสฺมา ปพฺพชิตํ ตเป.
‘‘ฉนฺทราคสฺส วินยา, อวิชฺชาสมติกฺกมา;
ตํ าณํ ปรโมทานํ [ปริโยทาตํ (สี. ปี.), ปรโมทาตํ (สฺยา. กํ.), ปรมโวทานํ (สี. อฏฺ.)], กสฺมา ปพฺพชิตํ ตเป.
‘‘เฉตฺวา ¶ [เภตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อวิชฺชํ วิชฺชาย, อาสวานํ ปริกฺขยา;
อโสกํ อนุปายาสํ, กสฺมา ปพฺพชิตํ ตเป.
‘‘อารทฺธวีริยํ ปหิตตฺตํ, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมํ;
นิพฺพานํ อภิกงฺขนฺตํ, กสฺมา ปพฺพชิตํ ตเป’’ติ.
๓. กสฺสปโคตฺตสุตฺตํ
๒๒๓. เอกํ สมยํ อายสฺมา กสฺสปโคตฺโต โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน ¶ โข ปน สมเยน อายสฺมา กสฺสปโคตฺโต ทิวาวิหารคโต อฺตรํ เฉตํ โอวทติ. อถ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา อายสฺมนฺตํ กสฺสปโคตฺตํ สํเวเชตุกามา เยนายสฺมา กสฺสปโคตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ กสฺสปโคตฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘คิริทุคฺคจรํ เฉตํ, อปฺปปฺํ อเจตสํ;
อกาเล โอวทํ ภิกฺขุ, มนฺโทว ปฏิภาติ มํ.
‘‘สุณาติ น วิชานาติ, อาโลเกติ น ปสฺสติ;
ธมฺมสฺมึ ภฺมานสฺมึ, อตฺถํ พาโล น พุชฺฌติ.
‘‘สเจปิ ¶ ทส ปชฺโชเต, ธารยิสฺสสิ กสฺสป;
เนว ทกฺขติ รูปานิ, จกฺขุ หิสฺส น วิชฺชตี’’ติ.
อถ โข อายสฺมา กสฺสปโคตฺโต ตาย เทวตาย สํเวชิโต สํเวคมาปาทีติ.
๔. สมฺพหุลสุตฺตํ
๒๒๔. เอกํ ¶ ¶ สมยํ สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ วิหรนฺติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. อถ โข เต ภิกฺขู วสฺสํวุฏฺา [วสฺสํวุตฺถา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมึสุ. อถ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา เต ภิกฺขู อปสฺสนฺตี ปริเทวมานา ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อรติ วิย เมชฺช ขายติ,
พหุเก ทิสฺวาน วิวิตฺเต อาสเน;
เต จิตฺตกถา พหุสฺสุตา,
โกเม โคตมสาวกา คตา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต, อฺตรา เทวตา ตํ เทวตํ คาถาย ปจฺจภาสิ –
‘‘มาคธํ ¶ คตา โกสลํ คตา, เอกจฺจิยา ปน วชฺชิภูมิยา;
มคา วิย อสงฺคจาริโน, อนิเกตา วิหรนฺติ ภิกฺขโว’’ติ.
๕. อานนฺทสุตฺตํ
๒๒๕. เอกํ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อานนฺโท อติเวลํ คิหิสฺตฺติพหุโล วิหรติ. อถ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา อายสฺมโต อานนฺทสฺส ¶ อนุกมฺปิกา อตฺถกามา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สํเวเชตุกามา เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘รุกฺขมูลคหนํ ปสกฺกิย, นิพฺพานํ หทยสฺมึ โอปิย;
ฌา ¶ โคตม มา ปมาโท [มา จ ปมาโท (สี. ปี.)], กึ เต พิฬิพิฬิกา กริสฺสตี’’ติ.
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ตาย เทวตาย สํเวชิโต สํเวคมาปาทีติ.
๖. อนุรุทฺธสุตฺตํ
๒๒๖. เอกํ สมยํ อายสฺมา อนุรุทฺโธ โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. อถ โข อฺตรา ตาวตึสกายิกา เทวตา ชาลินี ¶ นาม อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ปุราณทุติยิกา เยนายสฺมา อนุรุทฺโธ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปณิเธหิ, ยตฺถ เต วุสิตํ ปุเร;
ตาวตึเสสุ เทเวสุ, สพฺพกามสมิทฺธิสุ;
ปุรกฺขโต ปริวุโต, เทวกฺาหิ โสภสี’’ติ.
‘‘ทุคฺคตา ¶ เทวกฺาโย, สกฺกายสฺมึ ปติฏฺิตา;
เต จาปิ ทุคฺคตา สตฺตา, เทวกฺาหิ ปตฺถิตา’’ติ.
‘‘น ¶ เต สุขํ ปชานนฺติ, เย น ปสฺสนฺติ นนฺทนํ;
อาวาสํ นรเทวานํ, ติทสานํ ยสสฺสิน’’นฺติ.
‘‘น ตฺวํ พาเล วิชานาสิ, ยถา อรหตํ วโจ;
อนิจฺจา สพฺพสงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข.
‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนาวาโส, เทวกายสฺมิ ชาลินิ;
วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ.
๗. นาคทตฺตสุตฺตํ
๒๒๗. เอกํ สมยํ อายสฺมา นาคทตฺโต โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคทตฺโต อติกาเลน คามํ ปวิสติ, อติทิวา ปฏิกฺกมติ. อถ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา อายสฺมโต นาคทตฺตสฺส อนุกมฺปิกา อตฺถกามา อายสฺมนฺตํ นาคทตฺตํ สํเวเชตุกามา เยนายสฺมา นาคทตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ อายสฺมนฺตํ นาคทตฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘กาเล ปวิส นาคทตฺต, ทิวา จ อาคนฺตฺวา อติเวลจารี;
สํสฏฺโ คหฏฺเหิ, สมานสุขทุกฺโข.
‘‘ภายามิ นาคทตฺตํ สุปฺปคพฺภํ, กุเลสุ วินิพทฺธํ;
มา เหว มจฺจุรฺโ พลวโต, อนฺตกสฺส วสํ อุเปสี’’ติ [วสเมยฺยาติ (สี. ปี.), วสเมสีติ (สฺยา. กํ.)].
อถ ¶ โข อายสฺมา นาคทตฺโต ตาย เทวตาย สํเวชิโต สํเวคมาปาทีติ.
๘. กุลฆรณีสุตฺตํ
๒๒๘. เอกํ ¶ ¶ สมยํ อฺตโร ภิกฺขุ โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน โส ภิกฺขุ อฺตรสฺมึ กุเล อติเวลํ อชฺโฌคาฬฺหปฺปตฺโต วิหรติ. อถ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตสฺส ภิกฺขุโน อนุกมฺปิกา อตฺถกามา ตํ ภิกฺขุํ สํเวเชตุกามา ยา ตสฺมึ กุเล กุลฆรณี, ตสฺสา วณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา เยน โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘นทีตีเรสุ สณฺาเน, สภาสุ รถิยาสุ จ;
ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ, มฺจ ตฺจ [ตฺวฺจ (ก.)] กิมนฺตร’’นฺติ.
‘‘พหูหิ สทฺทา ปจฺจูหา, ขมิตพฺพา ตปสฺสินา;
น เตน มงฺกุ โหตพฺพํ, น หิ เตน กิลิสฺสติ.
‘‘โย จ สทฺทปริตฺตาสี, วเน วาตมิโค ยถา;
ลหุจิตฺโตติ ตํ อาหุ, นาสฺส สมฺปชฺชเต วต’’นฺติ.
๙. วชฺชิปุตฺตสุตฺตํ
๒๒๙. เอกํ สมยํ อฺตโร วชฺชิปุตฺตโก ภิกฺขุ เวสาลิยํ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยํ วชฺชิปุตฺตโก สพฺพรตฺติจาโร โหติ. อถ ¶ โข โส ภิกฺขุ เวสาลิยา ตูริย-ตาฬิต-วาทิต-นิคฺโฆสสทฺทํ ¶ สุตฺวา ปริเทวมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เอกกา มยํ อรฺเ วิหราม,
อปวิทฺธํว [อปวิฏฺํว (สฺยา. กํ.)] วนสฺมึ ทารุกํ;
เอตาทิสิกาย รตฺติยา,
โก สุ นามมฺเหหิ [นาม อมฺเหหิ (สี. ปี.)] ปาปิโย’’ติ.
อถ ¶ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตสฺส ภิกฺขุโน อนุกมฺปิกา อตฺถกามา ตํ ภิกฺขุํ สํเวเชตุกามา เยน โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘เอกโกว ¶ ตฺวํ อรฺเ วิหรสิ, อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;
ตสฺส เต พหุกา ปิหยนฺติ, เนรยิกา วิย สคฺคคามิน’’นฺติ.
อถ โข โส ภิกฺขุ ตาย เทวตาย สํเวชิโต สํเวคมาปาทีติ.
๑๐. สชฺฌายสุตฺตํ
๒๓๐. เอกํ สมยํ อฺตโร ภิกฺขุ โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน โส ภิกฺขุ ยํ สุทํ ปุพฺเพ อติเวลํ สชฺฌายพหุโล วิหรติ โส อปเรน สมเยน อปฺโปสฺสุกฺโก ตุณฺหีภูโต สงฺกสายติ. อถ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตสฺส ภิกฺขุโน ธมฺมํ อสุณนฺตี เยน โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ¶ ภิกฺขุํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กสฺมา ตุวํ ธมฺมปทานิ ภิกฺขุ, นาธียสิ ภิกฺขูหิ สํวสนฺโต;
สุตฺวาน ธมฺมํ ลภติปฺปสาทํ, ทิฏฺเว ธมฺเม ลภติปฺปสํส’’นฺติ.
‘‘อหุ ปุเร ธมฺมปเทสุ ฉนฺโท, ยาว วิราเคน สมาคมิมฺห;
ยโต ¶ วิราเคน สมาคมิมฺห, ยํ กิฺจิ ทิฏฺํว สุตํ มุตํ วา;
อฺาย นิกฺเขปนมาหุ สนฺโต’’ติ.
๑๑. อกุสลวิตกฺกสุตฺตํ
๒๓๑. เอกํ สมยํ อฺตโร ภิกฺขุ โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน โส ภิกฺขุ ทิวาวิหารคโต ปาปเก อกุสเล วิตกฺเก วิตกฺเกติ, เสยฺยถิทํ ¶ – กามวิตกฺกํ, พฺยาปาทวิตกฺกํ, วิหึสาวิตกฺกํ. อถ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตสฺส ภิกฺขุโน อนุกมฺปิกา อตฺถกามา ตํ ภิกฺขุํ สํเวเชตุกามา เยน โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘อโยนิโส ¶ มนสิการา, โส วิตกฺเกหิ ขชฺชสิ;
อโยนิโส [อโยนึ (ปี. ก.)] ปฏินิสฺสชฺช, โยนิโส อนุจินฺตย.
‘‘สตฺถารํ ¶ ธมฺมมารพฺภ, สงฺฆํ สีลานิ อตฺตโน;
อธิคจฺฉสิ ปาโมชฺชํ, ปีติสุขมสํสยํ;
ตโต ปาโมชฺชพหุโล, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสสี’’ติ.
อถ โข โส ภิกฺขุ ตาย เทวตาย สํเวชิโต สํเวคมาปาทีติ.
๑๒. มชฺฌนฺหิกสุตฺตํ
๒๓๒. เอกํ สมยํ อฺตโร ภิกฺขุ โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. อถ โข ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา เยน โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ิเต มชฺฌนฺหิเก กาเล, สนฺนิสีเวสุ [สนฺนิสินฺเนสุ (สฺยา. กํ. ปี.)] ปกฺขิสุ;
สณเตว พฺรหารฺํ, ตํ ภยํ ปฏิภาติ มํ.
‘‘ิเต มชฺฌนฺหิเก กาเล, สนฺนิสีเวสุ ปกฺขิสุ;
สณเตว พฺรหารฺํ, สา รติ ปฏิภาติ ม’’นฺติ.
๑๓. ปากตินฺทฺริยสุตฺตํ
๒๓๓. เอกํ สมยํ สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ วิหรนฺติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิกิณฺณวาจา ¶ มุฏฺสฺสติโน อสมฺปชานา อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา ¶ ปากตินฺทฺริยา. อถ ¶ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา เตสํ ภิกฺขูนํ อนุกมฺปิกา อตฺถกามา เต ภิกฺขู สํเวเชตุกามา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘สุขชีวิโน ปุเร อาสุํ, ภิกฺขู โคตมสาวกา;
อนิจฺฉา ปิณฺฑเมสนา, อนิจฺฉา สยนาสนํ;
โลเก อนิจฺจตํ ตฺวา, ทุกฺขสฺสนฺตํ อกํสุ เต.
‘‘ทุปฺโปสํ กตฺวา อตฺตานํ, คาเม คามณิกา วิย;
ภุตฺวา ภุตฺวา นิปชฺชนฺติ, ปราคาเรสุ มุจฺฉิตา.
‘‘สงฺฆสฺส ¶ อฺชลึ กตฺวา, อิเธกจฺเจ วทามหํ;
อปวิทฺธา [อปวิฏฺา (สฺยา. กํ.)] อนาถา เต, ยถา เปตา ตเถว เต.
‘‘เย โข ปมตฺตา วิหรนฺติ, เต เม สนฺธาย ภาสิตํ;
เย อปฺปมตฺตา วิหรนฺติ, นโม เตสํ กโรมห’’นฺติ.
อถ โข เต ภิกฺขู ตาย เทวตาย สํเวชิตา สํเวคมาปาทุนฺติ.
๑๔. คนฺธตฺเถนสุตฺตํ
๒๓๔. เอกํ สมยํ อฺตโร ภิกฺขุ โกสเลสุ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน โส ภิกฺขุ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา ปทุมํ อุปสิงฺฆติ. อถ โข ยา ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตสฺส ภิกฺขุโน อนุกมฺปิกา อตฺถกามา ตํ ภิกฺขุํ สํเวเชตุกามา เยน ¶ โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ยเมตํ วาริชํ ปุปฺผํ, อทินฺนํ อุปสิงฺฆสิ;
เอกงฺคเมตํ เถยฺยานํ, คนฺธตฺเถโนสิ มาริสา’’ติ.
‘‘น ¶ หรามิ น ภฺชามิ, อารา สิงฺฆามิ วาริชํ;
อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธตฺเถโนติ วุจฺจติ.
‘‘ยฺวายํ ภิสานิ ขนติ, ปุณฺฑรีกานิ ภฺชติ;
เอวํ อากิณฺณกมฺมนฺโต, กสฺมา เอโส น วุจฺจตี’’ติ.
‘‘อากิณฺณลุทฺโท ¶ ปุริโส, ธาติเจลํว มกฺขิโต;
ตสฺมึ เม วจนํ นตฺถิ, ตฺวฺจารหามิ วตฺตเว.
‘‘อนงฺคณสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ สุจิคเวสิโน;
วาลคฺคมตฺตํ ปาปสฺส, อพฺภามตฺตํว ขายตี’’ติ.
‘‘อทฺธา มํ ยกฺข ชานาสิ, อโถ เม อนุกมฺปสิ;
ปุนปิ ยกฺข วชฺชาสิ, ยทา ปสฺสสิ เอทิส’’นฺติ.
‘‘เนว ¶ ตํ อุปชีวาม, นปิ เต ภตกามฺหเส;
ตฺวเมว ภิกฺขุ ชาเนยฺย, เยน คจฺเฉยฺย สุคฺคติ’’นฺติ.
อถ โข โส ภิกฺขุ ตาย เทวตาย สํเวชิโต สํเวคมาปาทีติ.
วนสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
ตสฺสุทฺทานํ –
วิเวกํ ¶ อุปฏฺานฺจ, กสฺสปโคตฺเตน สมฺพหุลา;
อานนฺโท อนุรุทฺโธ จ, นาคทตฺตฺจ กุลฆรณี.
วชฺชิปุตฺโต จ เวสาลี, สชฺฌาเยน อโยนิโส;
มชฺฌนฺหิกาลมฺหิ ปากตินฺทฺริย, ปทุมปุปฺเผน จุทฺทส ภเวติ.
๑๐. ยกฺขสํยุตฺตํ
๑. อินฺทกสุตฺตํ
๒๓๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ อินฺทกูเฏ ปพฺพเต, อินฺทกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. อถ โข อินฺทโก ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘รูปํ น ชีวนฺติ วทนฺติ พุทฺธา, กถํ นฺวยํ วินฺทติมํ สรีรํ;
กุตสฺส อฏฺียกปิณฺฑเมติ, กถํ นฺวยํ สชฺชติ คพฺภรสฺมิ’’นฺติ.
‘‘ปมํ กลลํ โหติ, กลลา โหติ อพฺพุทํ;
อพฺพุทา ชายเต เปสิ, เปสิ นิพฺพตฺตตี ฆโน;
ฆนา ปสาขา ชายนฺติ, เกสา โลมา นขาปิ จ.
‘‘ยฺจสฺส ภฺุชตี มาตา, อนฺนํ ปานฺจ โภชนํ;
เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, มาตุกุจฺฉิคโต นโร’’ติ.
๒. สกฺกนามสุตฺตํ
๒๓๖. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. อถ โข สกฺกนามโก ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘สพฺพคนฺถปฺปหีนสฺส ¶ , วิปฺปมุตฺตสฺส เต สโต;
สมณสฺส น ตํ สาธุ, ยทฺมนุสาสสี’’ติ [ยทฺมนุสาสตีติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
‘‘เยน เกนจิ วณฺเณน, สํวาโส สกฺก ชายติ;
น ตํ อรหติ สปฺปฺโ, มนสา อนุกมฺปิตุํ.
‘‘มนสา เจ ปสนฺเนน, ยทฺมนุสาสติ;
น เตน โหติ สํยุตฺโต, ยานุกมฺปา [สานุกมฺปา (สี. ปี.)] อนุทฺทยา’’ติ.
๓. สูจิโลมสุตฺตํ
๒๓๗. เอกํ ¶ สมยํ ภควา คยายํ วิหรติ ฏงฺกิตมฺเจ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. เตน โข ปน สมเยน ขโร จ ยกฺโข สูจิโลโม ¶ จ ยกฺโข ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺติ. อถ โข ขโร ยกฺโข สูจิโลมํ ยกฺขํ เอตทโวจ – ‘‘เอโส สมโณ’’ติ! ‘‘เนโส สมโณ, สมณโก เอโส’’. ‘‘ยาว ชานามิ ยทิ วา โส สมโณ ยทิ วา ปน โส สมณโก’’ติ.
อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต กายํ อุปนาเมสิ. อถ โข ภควา กายํ อปนาเมสิ. อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภายสิ มํ สมณา’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ภายามิ; อปิ จ เต สมฺผสฺโส ปาปโก’’ติ. ‘‘ปฺหํ ตํ, สมณ ปุจฺฉิสฺสามิ. สเจ เม น พฺยากริสฺสสิ, จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามิ, หทยํ วา เต ผาเลสฺสามิ, ปาเทสุ ¶ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย [ปารํ คงฺคาย (ก.)] ขิปิสฺสามี’’ติ. ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, โย เม จิตฺตํ วา ขิเปยฺย หทยํ วา ผาเลยฺย ปาเทสุ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิเปยฺย; อปิ จ ตฺวํ, อาวุโส, ปุจฺฉ ยทา กงฺขสี’’ติ. อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ – ( ) [(อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ.) (สี.)]
‘‘ราโค ¶ จ โทโส จ กุโตนิทานา,
อรตี รตี โลมหํโส กุโตชา;
กุโต สมุฏฺาย มโนวิตกฺกา,
กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺตี’’ติ.
‘‘ราโค จ โทโส จ อิโตนิทานา,
อรตี รตี โลมหํโส อิโตชา;
อิโต สมุฏฺาย มโนวิตกฺกา,
กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺติ.
‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา, นิคฺโรธสฺเสว ขนฺธชา;
ปุถู วิสตฺตา กาเมสุ, มาลุวาว วิตตา [วิตฺถตา (สฺยา. กํ.)] วเน.
‘‘เย ¶ ¶ นํ ปชานนฺติ ยโตนิทานํ,
เต นํ วิโนเทนฺติ สุโณหิ ยกฺข;
เต ทุตฺตรํ โอฆมิมํ ตรนฺติ,
อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายา’’ติ.
๔. มณิภทฺทสุตฺตํ
๒๓๘. เอกํ ¶ สมยํ ภควา มคเธสุ วิหรติ มณิมาลิเก เจติเย มณิภทฺทสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. อถ โข มณิภทฺโท ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สตีมโต ¶ สทา ภทฺทํ, สติมา สุขเมธติ;
สตีมโต สุเว เสยฺโย, เวรา จ ปริมุจฺจตี’’ติ.
‘‘สตีมโต สทา ภทฺทํ, สติมา สุขเมธติ;
สตีมโต สุเว เสยฺโย, เวรา น ปริมุจฺจติ.
‘‘ยสฺส สพฺพมโหรตฺตํ [รตฺตึ (สฺยา. กํ. ก.)], อหึสาย รโต มโน;
เมตฺตํ โส สพฺพภูเตสุ, เวรํ ตสฺส น เกนจี’’ติ.
๕. สานุสุตฺตํ
๒๓๙. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตริสฺสา อุปาสิกาย สานุ นาม ปุตฺโต ยกฺเขน คหิโต โหติ. อถ โข สา อุปาสิกา ปริเทวมานา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘จาตุทฺทสึ ¶ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;
ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.
‘‘อุโปสถํ อุปวสนฺติ, พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ เย;
น เตหิ ยกฺขา กีฬนฺติ, อิติ เม อรหตํ สุตํ;
สา ทานิ อชฺช ปสฺสามิ, ยกฺขา กีฬนฺติ สานุนา’’ติ.
‘‘จาตุทฺทสึ ¶ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;
ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ;
อุโปสถํ ¶ อุปวสนฺติ, พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ เย.
‘‘น เตหิ ยกฺขา กีฬนฺติ, สาหุ เต อรหตํ สุตํ;
สานุํ ปพุทฺธํ วชฺชาสิ, ยกฺขานํ วจนํ อิทํ;
มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห.
‘‘สเจ ¶ จ [สเจว (สฺยา. กํ. ปี. ก.), ยฺเจว (สี.)] ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสสิ กโรสิ วา;
น เต ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายโต’’ติ.
‘‘มตํ วา อมฺม โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;
ชีวนฺตํ อมฺม ปสฺสนฺตี, กสฺมา มํ อมฺม โรทสี’’ติ.
‘‘มตํ วา ปุตฺต โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;
โย จ กาเม จชิตฺวาน, ปุนราคจฺฉเต อิธ;
ตํ วาปิ ปุตฺต โรทนฺติ, ปุน ชีวํ มโต หิ โส.
‘‘กุกฺกุฬา อุพฺภโต ตาต, กุกฺกุฬํ [กุกฺกุเฬ (สี.)] ปติตุมิจฺฉสิ;
นรกา อุพฺภโต ตาต, นรกํ ปติตุมิจฺฉสิ.
‘‘อภิธาวถ ¶ ภทฺทนฺเต, กสฺส อุชฺฌาปยามเส;
อาทิตฺตา นีหตํ [นิพฺภตํ (สฺยา. กํ. ก.), นิภตํ (ปี. ก.)] ภณฺฑํ, ปุน ฑยฺหิตุมิจฺฉสี’’ติ.
๖. ปิยงฺกรสุตฺตํ
๒๔๐. เอกํ สมยํ อายสฺมา อนุรุทฺโธ สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อนุรุทฺโธ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย ธมฺมปทานิ ภาสติ. อถ โข ปิยงฺกรมาตา ยกฺขินี ปุตฺตกํ เอวํ โตเสสิ –
‘‘มา สทฺทํ กริ ปิยงฺกร, ภิกฺขุ ธมฺมปทานิ ภาสติ;
อปิ [อปิ (สี.)] จ ธมฺมปทํ วิชานิย, ปฏิปชฺเชม หิตาย โน สิยา.
‘‘ปาเณสุ จ สํยมามเส, สมฺปชานมุสา น ภณามเส;
สิกฺเขม สุสีลฺยมตฺตโน [สุสีลมตฺตโน (สี. ก.)], อปิ มุจฺเจม ปิสาจโยนิยา’’ติ.
๗. ปุนพฺพสุสุตฺตํ
๒๔๑. เอกํ ¶ ¶ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน ¶ โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขู นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. เต จ ภิกฺขู อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา ¶ สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. อถ โข ปุนพฺพสุมาตา ยกฺขินี ปุตฺตเก เอวํ โตเสสิ –
‘‘ตุณฺหี อุตฺตริเก โหหิ, ตุณฺหี โหหิ ปุนพฺพสุ;
ยาวาหํ พุทฺธเสฏฺสฺส, ธมฺมํ โสสฺสามิ สตฺถุโน.
‘‘นิพฺพานํ ภควา อาห, สพฺพคนฺถปฺปโมจนํ;
อติเวลา จ เม โหติ, อสฺมึ ธมฺเม ปิยายนา.
‘‘ปิโย โลเก สโก ปุตฺโต, ปิโย โลเก สโก ปติ;
ตโต ปิยตรา มยฺหํ, อสฺส ธมฺมสฺส มคฺคนา.
‘‘น หิ ปุตฺโต ปติ วาปิ, ปิโย ทุกฺขา ปโมจเย;
ยถา สทฺธมฺมสฺสวนํ, ทุกฺขา โมเจติ ปาณินํ.
‘‘โลเก ทุกฺขปเรตสฺมึ, ชรามรณสํยุเต;
ชรามรณโมกฺขาย, ยํ ธมฺมํ อภิสมฺพุธํ;
ตํ ธมฺมํ โสตุมิจฺฉามิ, ตุณฺหี โหหิ ปุนพฺพสู’’ติ.
‘‘อมฺมา น พฺยาหริสฺสามิ, ตุณฺหีภูตายมุตฺตรา;
ธมฺมเมว นิสาเมหิ, สทฺธมฺมสฺสวนํ สุขํ;
สทฺธมฺมสฺส อนฺาย, อมฺมา ทุกฺขํ จรามเส.
‘‘เอส ¶ เทวมนุสฺสานํ, สมฺมูฬฺหานํ ปภงฺกโร;
พุทฺโธ อนฺติมสารีโร, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา’’ติ.
‘‘สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม, ปุตฺโต ชาโต อุเรสโย;
ปุตฺโต เม พุทฺธเสฏฺสฺส, ธมฺมํ สุทฺธํ ปิยายติ.
‘‘ปุนพฺพสุ ¶ สุขี โหหิ, อชฺชาหมฺหิ สมุคฺคตา;
ทิฏฺานิ อริยสจฺจานิ, อุตฺตราปิ สุณาตุ เม’’ติ.
๘. สุทตฺตสุตฺตํ
๒๔๒. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ สีตวเน. เตน โข ปน สมเยน อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ราชคหํ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยน. อสฺโสสิ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ – ‘‘พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ. ตาวเทว จ ปน ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุกาโม โหติ. อถสฺส ¶ อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อชฺช ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํ. สฺเว ทานาหํ กาเลน ภควนฺตํ ทสฺสนาย คมิสฺสามี’’ติ พุทฺธคตาย สติยา นิปชฺชิ. รตฺติยา สุทํ ติกฺขตฺตุํ วุฏฺาสิ ปภาตนฺติ มฺมาโน. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน สิวถิกทฺวารํ [สีวถิกทฺวารํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เตนุปสงฺกมิ. อมนุสฺสา ทฺวารํ วิวรึสุ. อถ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส นครมฺหา นิกฺขมนฺตสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ, อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ, ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส อุทปาทิ, ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิ. อถ โข สิวโก [สีวโก (สี. ปี.)] ยกฺโข อนฺตรหิโต สทฺทมนุสฺสาเวสิ –
‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรีรถา;
สตํ กฺาสหสฺสานิ, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา;
เอกสฺส ปทวีติหารสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.
‘‘อภิกฺกม ¶ คหปติ, อภิกฺกม คหปติ;
อภิกฺกมนํ เต เสยฺโย, โน ปฏิกฺกมน’’นฺติ.
อถ ¶ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อนฺธกาโร อนฺตรธายิ, อาโลโก ปาตุรโหสิ, ยํ อโหสิ ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส, โส ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. ทุติยมฺปิ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ, อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ, ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส อุทปาทิ, ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิ. ทุติยมฺปิ โข สิวโก ยกฺโข อนฺตรหิโต สทฺทมนุสฺสาเวสิ –
‘‘สตํ ¶ หตฺถี สตํ อสฺสา…เป…
กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.
‘‘อภิกฺกม คหปติ, อภิกฺกม คหปติ;
อภิกฺกมนํ เต เสยฺโย, โน ปฏิกฺกมน’’นฺติ.
อถ ¶ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อนฺธกาโร อนฺตรธายิ ¶ , อาโลโก ปาตุรโหสิ, ยํ อโหสิ ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส, โส ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. ตติยมฺปิ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อาโลโก อนฺตรธายิ, อนฺธกาโร ปาตุรโหสิ, ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส อุทปาทิ, ตโตว ปุน นิวตฺติตุกาโม อโหสิ. ตติยมฺปิ โข สิวโก ยกฺโข อนฺตรหิโต สทฺทมนุสฺสาเวสิ –
‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา…เป…
กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.
‘‘อภิกฺกม คหปติ, อภิกฺกม คหปติ;
อภิกฺกมนํ เต เสยฺโย, โน ปฏิกฺกมน’’นฺติ.
อถ โข อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส อนฺธกาโร อนฺตรธายิ, อาโลโก ปาตุรโหสิ, ยํ ¶ อโหสิ ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส, โส ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน สีตวนํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ.
เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย อพฺโภกาเส จงฺกมติ. อทฺทสา โข ภควา อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน จงฺกมา โอโรหิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ เอตทโวจ – ‘‘เอหิ สุทตฺตา’’ติ. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ, นาเมน มํ ภควา อาลปตีติ, หฏฺโ อุทคฺโค ตตฺเถว ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ภควา สุขมสยิตฺถา’’ติ?
‘‘สพฺพทา เว สุขํ เสติ, พฺราหฺมโณ ปรินิพฺพุโต;
โย น ลิมฺปติ กาเมสุ, สีติภูโต นิรูปธิ.
‘‘สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา, วิเนยฺย หทเย ทรํ;
อุปสนฺโต สุขํ เสติ, สนฺตึ ปปฺปุยฺย เจตสา’’ติ [เจตโสติ (สี.)].
๙. ปมสุกฺกาสุตฺตํ
๒๔๓. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน สุกฺกา ภิกฺขุนี มหติยา ปริสาย ปริวุตา ธมฺมํ เทเสติ. อถ โข สุกฺกาย ภิกฺขุนิยา อภิปฺปสนฺโน ยกฺโข ราชคเห รถิกาย ¶ รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘กึ เม กตา ราชคเห มนุสฺสา, มธุปีตาว เสยเร;
เย สุกฺกํ น ปยิรุปาสนฺติ, เทเสนฺตึ อมตํ ปทํ.
‘‘ตฺจ ปน อปฺปฏิวานียํ, อเสจนกโมชวํ;
ปิวนฺติ มฺเ สปฺปฺา, วลาหกมิว ปนฺถคู’’ติ [วลาหกมิวทฺธคูติ (สี.)].
๑๐. ทุติยสุกฺกาสุตฺตํ
๒๔๔. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน ¶ โข ปน สมเยน อฺตโร อุปาสโก สุกฺกาย ภิกฺขุนิยา โภชนํ อทาสิ. อถ โข สุกฺกาย ภิกฺขุนิยา อภิปฺปสนฺโน ยกฺโข ราชคเห รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ปฺุํ วต ปสวิ พหุํ, สปฺปฺโ วตายํ อุปาสโก;
โย สุกฺกาย อทาสิ โภชนํ, สพฺพคนฺเถหิ วิปฺปมุตฺติยา’’ติ [วิปฺปมุตฺตายาติ (สฺยา. กํ.)].
๑๑. จีราสุตฺตํ
๒๔๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร อุปาสโก จีราย [จิราย (ก.)] ภิกฺขุนิยา จีวรํ อทาสิ. อถ ¶ โข จีราย ภิกฺขุนิยา อภิปฺปสนฺโน ยกฺโข ราชคเห รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ปฺุํ ¶ วต ปสวิ พหุํ, สปฺปฺโ วตายํ อุปาสโก;
โย จีราย อทาสิ จีวรํ, สพฺพโยเคหิ วิปฺปมุตฺติยา’’ติ [วิปฺปมุตฺตายาติ (สฺยา. กํ.)].
๑๒. อาฬวกสุตฺตํ
๒๔๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. อถ โข อาฬวโก ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา นิกฺขมิ. ‘‘ปวิส, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา ปาวิสิ. ทุติยมฺปิ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา นิกฺขมิ. ‘‘ปวิส, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา ปาวิสิ. ตติยมฺปิ ¶ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ ¶ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา นิกฺขมิ. ‘‘ปวิส, สมณา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ภควา ปาวิสิ. จตุตฺถมฺปิ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นิกฺขม, สมณา’’ติ. ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, นิกฺขมิสฺสามิ. ยํ เต กรณียํ ตํ กโรหี’’ติ. ‘‘ปฺหํ ตํ, สมณ, ปุจฺฉิสฺสามิ. สเจ เม น พฺยากริสฺสสิ, จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามิ, หทยํ วา เต ผาเลสฺสามิ, ปาเทสุ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิปิสฺสามี’’ติ. ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก ¶ สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, เย เม จิตฺตํ วา ขิเปยฺย หทยํ วา ผาเลยฺย, ปาเทสุ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิเปยฺย. อปิ จ ตฺวํ, อาวุโส, ปุจฺฉ ยทา กงฺขสี’’ติ [(อถ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ.) (สี.)].
‘‘กึสูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ, กึสุ สุจิณฺณํ สุขมาวหาติ;
กึสุ หเว สาทุตรํ รสานํ, กถํชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ.
‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสฺส เสฏฺํ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสานํ, ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ.
‘‘กถํสุ ตรติ โอฆํ, กถํสุ ตรติ อณฺณวํ;
กถํสุ ทุกฺขมจฺเจติ, กถํสุ ปริสุชฺฌตี’’ติ.
‘‘สทฺธาย ¶ ตรติ โอฆํ, อปฺปมาเทน อณฺณวํ;
วีริเยน ทุกฺขมจฺเจติ, ปฺาย ปริสุชฺฌตี’’ติ.
‘‘กถํสุ ลภเต ปฺํ, กถํสุ วินฺทเต ธนํ;
กถํสุ กิตฺตึ ปปฺโปติ, กถํ มิตฺตานิ คนฺถติ;
อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, กถํ เปจฺจ น โสจตี’’ติ.
‘‘สทฺทหาโน อรหตํ, ธมฺมํ นิพฺพานปตฺติยา;
สุสฺสูสํ ¶ [สุสฺสูสา (สี. ปี.)] ลภเต ปฺํ, อปฺปมตฺโต วิจกฺขโณ.
‘‘ปติรูปการี ¶ ธุรวา, อุฏฺาตา วินฺทเต ธนํ;
สจฺเจน ¶ กิตฺตึ ปปฺโปติ, ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ;
อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ, เอวํ เปจฺจ น โสจติ.
‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, สทฺธสฺส ฆรเมสิโน;
สจฺจํ ทมฺโม ธิติ จาโค, ส เว เปจฺจ น โสจติ.
‘‘อิงฺฆ อฺเปิ ปุจฺฉสฺสุ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณ;
ยทิ สจฺจา ทมฺมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิยฺโยธ วิชฺชตี’’ติ.
‘‘กถํ นุ ทานิ ปุจฺเฉยฺยํ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณ;
โยหํ [โสหํ (สี.), สฺวาหํ (ก.)] อชฺช ปชานามิ, โย อตฺโถ สมฺปรายิโก.
‘‘อตฺถาย วต เม พุทฺโธ, วาสายาฬวิมาคมา [มาคโต (ปี. ก.)];
โยหํ [โสหํ (สี.)] อชฺช ปชานามิ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ.
‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติ.
ยกฺขสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
ตสฺสุทฺทานํ –
อินฺทโก สกฺก สูจิ จ, มณิภทฺโท จ สานุ จ;
ปิยงฺกร ปุนพฺพสุ สุทตฺโต จ, ทฺเว สุกฺกา จีรอาฬวีติ ทฺวาทส.
๑๑. สกฺกสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. สุวีรสุตฺตํ
๒๔๗. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อสุรา เทเว อภิยํสุ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สุวีรํ เทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘เอเต, ตาต สุวีร, อสุรา เทเว อภิยนฺติ. คจฺฉ, ตาต สุวีร, อสุเร ปจฺจุยฺยาหี’ติ. ‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สุวีโร เทวปุตฺโต สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ปมาทํ อาปาเทสิ [อาหเรสิ (กตฺถจิ) นวงฺคุตฺตเร สีหนาทสุตฺเตปิ]. ทุติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สุวีรํ เทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘เอเต, ตาต สุวีร, อสุรา เทเว อภิยนฺติ. คจฺฉ, ตาต สุวีร, อสุเร ปจฺจุยฺยาหี’ติ. ‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สุวีโร เทวปุตฺโต สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ทุติยมฺปิ ปมาทํ อาปาเทสิ. ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สุวีรํ เทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘เอเต, ตาต สุวีร, อสุรา เทเว อภิยนฺติ. คจฺฉ, ตาต สุวีร, อสุเร ปจฺจุยฺยาหี’ติ ¶ . ‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สุวีโร เทวปุตฺโต สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ตติยมฺปิ ปมาทํ อาปาเทสิ. อถ ¶ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สุวีรํ เทวปุตฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อนุฏฺหํ อวายามํ, สุขํ ยตฺราธิคจฺฉติ;
สุวีร ตตฺถ คจฺฉาหิ, มฺจ ตตฺเถว ปาปยา’’ติ.
‘‘อลสฺวสฺส ¶ [อลส’สฺส (สี. ปี.), อลสฺวายํ (สฺยา. กํ.)] อนุฏฺาตา, น จ กิจฺจานิ การเย;
สพฺพกามสมิทฺธสฺส, ตํ เม สกฺก วรํ ทิสา’’ติ.
‘‘ยตฺถาลโส ¶ อนุฏฺาตา, อจฺจนฺตํ สุขเมธติ;
สุวีร ตตฺถ คจฺฉาหิ, มฺจ ตตฺเถว ปาปยา’’ติ.
‘‘อกมฺมุนา [อกมฺมนา (สี. ปี.)] เทวเสฏฺ, สกฺก วินฺเทมุ ยํ สุขํ;
อโสกํ อนุปายาสํ, ตํ เม สกฺก วรํ ทิสา’’ติ.
‘‘สเจ อตฺถิ อกมฺเมน, โกจิ กฺวจิ น ชีวติ;
นิพฺพานสฺส หิ โส มคฺโค, สุวีร ตตฺถ คจฺฉาหิ;
มฺจ ตตฺเถว ปาปยา’’ติ.
‘‘โส หิ นาม, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สกํ ปฺุผลํ อุปชีวมาโน เทวานํ ตาวตึสานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรนฺโต อุฏฺานวีริยสฺส วณฺณวาที ภวิสฺสติ. อิธ โข ตํ, ภิกฺขเว, โสเภถ, ยํ ตุมฺเห เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตา สมานา อุฏฺเหยฺยาถ ¶ ฆเฏยฺยาถ วายเมยฺยาถ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย, อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ.
๒. สุสีมสุตฺตํ
๒๔๘. สาวตฺถิยํ. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อสุรา เทเว อภิยํสุ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สุสีมํ [สุสิมํ (สฺยา. กํ. ก.)] เทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘เอเต, ตาต สุสีม, อสุรา เทเว อภิยนฺติ. คจฺฉ, ตาต สุสีม, อสุเร ปจฺจุยฺยาหี’ติ. ‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’ติ โข, ภิกฺขเว, สุสีโม เทวปุตฺโต สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ปมาทํ อาปาเทสิ. ทุติยมฺปิ ¶ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก ¶ เทวานมินฺโท สุสีมํ เทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ…เป… ทุติยมฺปิ ปมาทํ อาปาเทสิ. ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สุสีมํ เทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ…เป… ตติยมฺปิ ปมาทํ อาปาเทสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สุสีมํ เทวปุตฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘อนุฏฺหํ ¶ อวายามํ, สุขํ ยตฺราธิคจฺฉติ;
สุสีม ตตฺถ คจฺฉาหิ, มฺจ ตตฺเถว ปาปยา’’ติ.
‘‘อลสฺวสฺส ¶ อนุฏฺาตา, น จ กิจฺจานิ การเย;
สพฺพกามสมิทฺธสฺส, ตํ เม สกฺก วรํ ทิสา’’ติ.
‘‘ยตฺถาลโส อนุฏฺาตา, อจฺจนฺตํ สุขเมธติ;
สุสีม ตตฺถ คจฺฉาหิ, มฺจ ตตฺเถว ปาปยา’’ติ.
‘‘อกมฺมุนา เทวเสฏฺ, สกฺก วินฺเทมุ ยํ สุขํ;
อโสกํ อนุปายาสํ, ตํ เม สกฺก วรํ ทิสา’’ติ.
‘‘สเจ อตฺถิ อกมฺเมน, โกจิ กฺวจิ น ชีวติ;
นิพฺพานสฺส หิ โส มคฺโค, สุสีม ตตฺถ คจฺฉาหิ;
มฺจ ตตฺเถว ปาปยา’’ติ.
‘‘โส หิ นาม, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สกํ ปฺุผลํ อุปชีวมาโน เทวานํ ตาวตึสานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรนฺโต อุฏฺานวีริยสฺส วณฺณวาที ภวิสฺสติ. อิธ โข ตํ, ภิกฺขเว, โสเภถ, ยํ ตุมฺเห เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตา สมานา อุฏฺเหยฺยาถ ฆเฏยฺยาถ วายเมยฺยาถ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา, อนธิคตสฺส อธิคมาย, อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ.
๓. ธชคฺคสุตฺตํ
๒๔๙. สาวตฺถิยํ ¶ . ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ¶ . ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, เทวาสุรสงฺคาโม สมุปพฺยูฬฺโห อโหสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อามนฺเตสิ –
‘สเจ, มาริสา, เทวานํ สงฺคามคตานํ อุปฺปชฺเชยฺย ¶ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา, มเมว ตสฺมึ สมเย ธชคฺคํ อุลฺโลเกยฺยาถ. มมฺหิ โว ธชคฺคํ อุลฺโลกยตํ ยํ ภวิสฺสติ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา, โส ปหียิสฺสติ’.
‘โน เจ เม ธชคฺคํ อุลฺโลเกยฺยาถ, อถ ปชาปติสฺส เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลเกยฺยาถ. ปชาปติสฺส หิ โว เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลกยตํ ยํ ภวิสฺสติ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา, โส ปหียิสฺสติ’.
‘โน ¶ เจ ปชาปติสฺส เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลเกยฺยาถ, อถ วรุณสฺส เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลเกยฺยาถ. วรุณสฺส หิ โว เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลกยตํ ยํ ภวิสฺสติ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา, โส ปหียิสฺสติ’.
‘โน เจ วรุณสฺส เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลเกยฺยาถ, อถ อีสานสฺส เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลเกยฺยาถ. อีสานสฺส หิ โว เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลกยตํ ยํ ภวิสฺสติ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา, โส ปหียิสฺสตี’’’ติ.
‘‘ตํ โข ปน, ภิกฺขเว, สกฺกสฺส วา เทวานมินฺทสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลกยตํ, ปชาปติสฺส วา เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลกยตํ, วรุณสฺส วา เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลกยตํ, อีสานสฺส วา เทวราชสฺส ธชคฺคํ อุลฺโลกยตํ ยํ ¶ ภวิสฺสติ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา, โส ปหีเยถาปิ โนปิ ปหีเยถ [โน ปหีเยถ (ก.)].
‘‘ตํ ¶ กิสฺส เหตุ? สกฺโก หิ, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท อวีตราโค อวีตโทโส อวีตโมโห ภีรุ ฉมฺภี อุตฺราสี ปลายีติ.
‘‘อหฺจ โข, ภิกฺขเว, เอวํ วทามิ – ‘สเจ ตุมฺหากํ, ภิกฺขเว, อรฺคตานํ วา รุกฺขมูลคตานํ วา สฺุาคารคตานํ วา อุปฺปชฺเชยฺย ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา, มเมว ตสฺมึ สมเย อนุสฺสเรยฺยาถ – อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. มมฺหิ โว, ภิกฺขเว, อนุสฺสรตํ ยํ ภวิสฺสติ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา, โส ปหียิสฺสติ.
‘‘โน ¶ เจ มํ อนุสฺสเรยฺยาถ, อถ ธมฺมํ อนุสฺสเรยฺยาถ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ. ธมฺมฺหิ โว, ภิกฺขเว, อนุสฺสรตํ ยํ ภวิสฺสติ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา, โส ปหียิสฺสติ.
‘‘โน เจ ธมฺมํ อนุสฺสเรยฺยาถ, อถ สงฺฆํ อนุสฺสเรยฺยาถ – ‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ¶ ายปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ, อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’ติ. สงฺฆฺหิ โว, ภิกฺขเว, อนุสฺสรตํ ¶ ยํ ภวิสฺสติ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา, โส ปหียิสฺสติ.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ? ตถาคโต หิ, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วีตราโค วีตโทโส วีตโมโห อภีรุ อจฺฉมฺภี อนุตฺราสี อปลายี’’ติ. อิทมโวจ ภควา. อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘อรฺเ รุกฺขมูเล วา, สฺุาคาเรว ภิกฺขโว;
อนุสฺสเรถ [อนุสฺสเรยฺยาถ (ก.) ปทสิทฺธิ ปน จินฺเตตพฺพา] สมฺพุทฺธํ, ภยํ ตุมฺหาก โน สิยา.
‘‘โน ¶ เจ พุทฺธํ สเรยฺยาถ, โลกเชฏฺํ นราสภํ;
อถ ธมฺมํ สเรยฺยาถ, นิยฺยานิกํ สุเทสิตํ.
‘‘โน เจ ธมฺมํ สเรยฺยาถ, นิยฺยานิกํ สุเทสิตํ;
อถ สงฺฆํ สเรยฺยาถ, ปฺุกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.
‘‘เอวํ พุทฺธํ สรนฺตานํ, ธมฺมํ สงฺฆฺจ ภิกฺขโว;
ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา, โลมหํโส น เหสฺสตี’’ติ.
๔. เวปจิตฺติสุตฺตํ
๒๕๐. สาวตฺถินิทานํ. ‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ , ภิกฺขเว, เทวาสุรสงฺคาโม สมุปพฺยูฬฺโห อโหสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท อสุเร อามนฺเตสิ – ‘สเจ, มาริสา, เทวานํ อสุรสงฺคาเม สมุปพฺยูฬฺเห อสุรา ¶ ชิเนยฺยุํ เทวา ปราชิเนยฺยุํ [ปราเชยฺยุํ (สี. ปี.)], เยน นํ สกฺกํ เทวานมินฺทํ กณฺปฺจเมหิ พนฺธเนหิ พนฺธิตฺวา มม สนฺติเก อาเนยฺยาถ อสุรปุร’นฺติ. สกฺโกปิ โข, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อามนฺเตสิ – ‘สเจ, มาริสา, เทวานํ อสุรสงฺคาเม สมุปพฺยูฬฺเห เทวา ชิเนยฺยุํ อสุรา ปราชิเนยฺยุํ, เยน นํ เวปจิตฺตึ อสุรินฺทํ กณฺปฺจเมหิ พนฺธเนหิ พนฺธิตฺวา มม สนฺติเก อาเนยฺยาถ สุธมฺมสภ’’’นฺติ. ตสฺมึ โข ปน, ภิกฺขเว, สงฺคาเม เทวา ชินึสุ ¶ , อสุรา ปราชินึสุ [ปราชึสุ (สี. ปี.)]. อถ โข, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา เวปจิตฺตึ อสุรินฺทํ กณฺปฺจเมหิ พนฺธเนหิ พนฺธิตฺวา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส สนฺติเก อาเนสุํ สุธมฺมสภํ. ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท กณฺปฺจเมหิ พนฺธเนหิ พทฺโธ สกฺกํ เทวานมินฺทํ สุธมฺมสภํ ปวิสนฺตฺจ นิกฺขมนฺตฺจ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสติ ปริภาสติ. อถ โข, ภิกฺขเว, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกํ เทวานมินฺทํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘ภยา นุ มฆวา สกฺก, ทุพฺพลฺยา โน ติติกฺขสิ;
สุณนฺโต ผรุสํ วาจํ, สมฺมุขา เวปจิตฺติโน’’ติ.
‘‘นาหํ ¶ ภยา น ทุพฺพลฺยา, ขมามิ เวปจิตฺติโน;
กถฺหิ มาทิโส วิฺู, พาเลน ปฏิสํยุเช’’ติ.
‘‘ภิยฺโย พาลา ปภิชฺเชยฺยุํ, โน จสฺส ปฏิเสธโก;
ตสฺมา ภุเสน ทณฺเฑน, ธีโร พาลํ นิเสธเย’’ติ.
‘‘เอตเทว ¶ อหํ มฺเ, พาลสฺส ปฏิเสธนํ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมตี’’ติ.
‘‘เอตเทว ติติกฺขาย, วชฺชํ ปสฺสามิ วาสว;
ยทา นํ มฺติ พาโล, ภยา มฺยายํ ติติกฺขติ;
อชฺฌารุหติ ทุมฺเมโธ, โคว ภิยฺโย ปลายิน’’นฺติ.
‘‘กามํ ¶ มฺตุ วา มา วา, ภยา มฺยายํ ติติกฺขติ;
สทตฺถปรมา อตฺถา, ขนฺตฺยา ภิยฺโย น วิชฺชติ.
‘‘โย หเว พลวา สนฺโต, ทุพฺพลสฺส ติติกฺขติ;
ตมาหุ ปรมํ ขนฺตึ, นิจฺจํ ขมติ ทุพฺพโล.
‘‘อพลํ ตํ พลํ อาหุ, ยสฺส พาลพลํ พลํ;
พลสฺส ธมฺมคุตฺตสฺส, ปฏิวตฺตา น วิชฺชติ.
‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;
กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.
‘‘อุภินฺนมตฺถํ ¶ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ.
‘‘อุภินฺนํ ¶ ติกิจฺฉนฺตานํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ชนา มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา’’ติ.
‘‘โส หิ นาม, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สกํ ปฺุผลํ อุปชีวมาโน เทวานํ ตาวตึสานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรนฺโต ขนฺติโสรจฺจสฺส วณฺณวาที ภวิสฺสติ. อิธ โข ตํ, ภิกฺขเว, โสเภถ ยํ ¶ ตุมฺเห เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตา สมานา ขมา จ ภเวยฺยาถ โสรตา จา’’ติ.
๕. สุภาสิตชยสุตฺตํ
๒๕๑. สาวตฺถินิทานํ. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, เทวาสุรสงฺคาโม สมุปพฺยูฬฺโห อโหสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘โหตุ, เทวานมินฺท, สุภาสิเตน ชโย’ติ. ‘โหตุ, เวปจิตฺติ, สุภาสิเตน ชโย’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, เทวา จ อสุรา จ ปาริสชฺเช เปสุํ – ‘อิเม โน สุภาสิตทุพฺภาสิตํ อาชานิสฺสนฺตี’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺตึ อสุรินฺโท สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘ภณ, เทวานมินฺท, คาถ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เวปจิตฺติ อสุรินฺทํ เอตทโวจ – ‘ตุมฺเห ขฺเวตฺถ, เวปจิตฺติ, ปุพฺพเทวา. ภณ, เวปจิตฺติ, คาถ’นฺติ. เอวํ ¶ วุตฺเต, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ภิยฺโย พาลา ปภิชฺเชยฺยุํ, โน จสฺส ปฏิเสธโก;
ตสฺมา ภุเสน ทณฺเฑน, ธีโร พาลํ นิเสธเย’’ติ.
‘‘ภาสิตาย โข ปน, ภิกฺขเว, เวปจิตฺตินา อสุรินฺเทน คาถาย อสุรา อนุโมทึสุ, เทวา ตุณฺหี อเหสุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘ภณ, เทวานมินฺท, คาถ’นฺติ. เอวํ ¶ วุตฺเต, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เอตเทว ¶ อหํ มฺเ, พาลสฺส ปฏิเสธนํ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมตี’’ติ.
‘‘ภาสิตาย ¶ โข ปน, ภิกฺขเว, สกฺเกน เทวานมินฺเทน คาถาย, เทวา อนุโมทึสุ, อสุรา ตุณฺหี อเหสุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เวปจิตฺตึ อสุรินฺทํ เอตทโวจ – ‘ภณ, เวปจิตฺติ, คาถ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เอตเทว ติติกฺขาย, วชฺชํ ปสฺสามิ วาสว;
ยทา นํ มฺติ พาโล, ภยา มฺยายํ ติติกฺขติ;
อชฺฌารุหติ ทุมฺเมโธ, โคว ภิยฺโย ปลายิน’’นฺติ.
‘‘ภาสิตาย โข ปน, ภิกฺขเว, เวปจิตฺตินา อสุรินฺเทน คาถาย อสุรา อนุโมทึสุ, เทวา ตุณฺหี อเหสุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘ภณ, เทวานมินฺท, คาถ’นฺติ. เอวํ วุตฺเต, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘กามํ มฺตุ วา มา วา, ภยา มฺยายํ ติติกฺขติ;
สทตฺถปรมา อตฺถา, ขนฺตฺยา ภิยฺโย น วิชฺชติ.
‘‘โย หเว พลวา สนฺโต, ทุพฺพลสฺส ติติกฺขติ;
ตมาหุ ปรมํ ขนฺตึ, นิจฺจํ ขมติ ทุพฺพโล.
‘‘อพลํ ¶ ตํ พลํ อาหุ, ยสฺส พาลพลํ พลํ;
พลสฺส ธมฺมคุตฺตสฺส, ปฏิวตฺตา น วิชฺชติ.
‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;
กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.
‘‘อุภินฺนมตฺถํ ¶ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ.
‘‘อุภินฺนํ ¶ ติกิจฺฉนฺตานํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ชนา มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา’’ติ.
‘‘ภาสิตาสุ โข ปน, ภิกฺขเว, สกฺเกน เทวานมินฺเทน คาถาสุ, เทวา อนุโมทึสุ, อสุรา ตุณฺหี อเหสุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, เทวานฺจ อสุรานฺจ ปาริสชฺชา เอตทโวจุํ – ‘ภาสิตา โข เวปจิตฺตินา อสุรินฺเทน คาถาโย. ตา จ โข สทณฺฑาวจรา สสตฺถาวจรา, อิติ ภณฺฑนํ อิติ ¶ วิคฺคโห อิติ กลโห. ภาสิตา โข [ภาสิตา โข ปน (สี.)] สกฺเกน เทวานมินฺเทน คาถาโย. ตา จ โข อทณฺฑาวจรา อสตฺถาวจรา, อิติ อภณฺฑนํ อิติ อวิคฺคโห อิติ อกลโห. สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส สุภาสิเตน ชโย’ติ. อิติ โข, ภิกฺขเว สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส สุภาสิเตน ชโย อโหสี’’ติ.
๖. กุลาวกสุตฺตํ
๒๕๒. สาวตฺถิยํ. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, เทวาสุรสงฺคาโม สมุปพฺยูฬฺโห อโหสิ. ตสฺมึ โข ปน, ภิกฺขเว, สงฺคาเม อสุรา ชินึสุ ¶ , เทวา ปราชินึสุ. ปราชิตา จ โข, ภิกฺขเว, เทวา อปายํสฺเวว อุตฺตเรนมุขา, อภิยํสฺเวว เน อสุรา. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท มาตลิ สงฺคาหกํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กุลาวกา มาตลิ สิมฺพลิสฺมึ,
อีสามุเขน ปริวชฺชยสฺสุ;
กามํ จชาม อสุเรสุ ปาณํ,
มายิเม ทิชา วิกุลาวกา [วิกุลาวา (สฺยา. กํ. ก.)] อเหสุ’’นฺติ.
‘‘‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’ติ โข, ภิกฺขเว, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ ปจฺจุทาวตฺเตสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, อสุรานํ เอตทโหสิ ¶ – ‘ปจฺจุทาวตฺโต โข ทานิ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส สหสฺสยุตฺโต อาชฺรโถ ¶ . ทุติยมฺปิ โข เทวา อสุเรหิ สงฺคาเมสฺสนฺตีติ ภีตา อสุรปุรเมว ปาวิสึสุ. อิติ โข, ภิกฺขเว, สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ธมฺเมน ชโย อโหสี’’’ติ.
๗. นทุพฺภิยสุตฺตํ
๒๕๓. สาวตฺถิยํ. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘โยปิ เม อสฺส สุปจฺจตฺถิโก ตสฺสปาหํ น ทุพฺเภยฺย’นฺติ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย ¶ เยน สกฺโก เทวานมินฺโท เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา ¶ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เวปจิตฺตึ อสุรินฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน เวปจิตฺตึ อสุรินฺทํ เอตทโวจ – ‘ติฏฺ, เวปจิตฺติ, คหิโตสี’’’ติ.
‘‘ยเทว เต, มาริส, ปุพฺเพ จิตฺตํ, ตเทว ตฺวํ มา ปชหาสี’’ติ [ตเทว ตฺวํ มาริส ปหาสีติ (สี. สฺยา. กํ.)].
‘‘สปสฺสุ จ เม, เวปจิตฺติ, อทุพฺภายา’’ติ [อทฺรุพฺภาย (ก.)].
‘‘ยํ มุสา ภณโต ปาปํ, ยํ ปาปํ อริยูปวาทิโน;
มิตฺตทฺทุโน จ ยํ ปาปํ, ยํ ปาปํ อกตฺุโน;
ตเมว ปาปํ ผุสตุ [ผุสติ (สี. ปี.)], โย เต ทุพฺเภ สุชมฺปตี’’ติ.
๘. เวโรจนอสุรินฺทสุตฺตํ
๒๕๔. สาวตฺถิยํ เชตวเน. เตน โข ปน สมเยน ภควา ทิวาวิหารคโต โหติ ปฏิสลฺลีโน. อถ โข สกฺโก จ เทวานมินฺโท เวโรจโน จ อสุรินฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปจฺเจกํ ทฺวารพาหํ นิสฺสาย อฏฺํสุ. อถ โข เวโรจโน อสุรินฺโท ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘วายเมเถว ¶ ปุริโส, ยาว อตฺถสฺส นิปฺผทา;
นิปฺผนฺนโสภโน [โสภิโน (สี.), โสภโณ (ปี. ก.)] อตฺโถ [อตฺถา (สี.)], เวโรจนวโจ อิท’’นฺติ.
‘‘วายเมเถว ¶ ปุริโส, ยาว อตฺถสฺส นิปฺผทา;
นิปฺผนฺนโสภโน อตฺโถ [นิปฺผนฺนโสภิโน อตฺถา (สี. สฺยา. กํ.)], ขนฺตฺยา ภิยฺโย น วิชฺชตี’’ติ.
‘‘สพฺเพ ¶ สตฺตา อตฺถชาตา, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
สํโยคปรมา ตฺเวว, สมฺโภคา สพฺพปาณินํ;
นิปฺผนฺนโสภโน อตฺโถ, เวโรจนวโจ อิท’’นฺติ.
‘‘สพฺเพ สตฺตา อตฺถชาตา, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
สํโยคปรมา ตฺเวว, สมฺโภคา สพฺพปาณินํ;
นิปฺผนฺนโสภโน อตฺโถ, ขนฺตฺยา ภิยฺโย น วิชฺชตี’’ติ.
๙. อรฺายตนอิสิสุตฺตํ
๒๕๕. สาวตฺถิยํ ¶ . ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สมฺพหุลา อิสโย สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา อรฺายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺติ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก จ เทวานมินฺโท เวปจิตฺติ จ อสุรินฺโท เยน เต อิสโย สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา เตนุปสงฺกมึสุ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท ปฏลิโย [อฏลิโย (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อาฏลิโย (ก.) ม. นิ. ๒.๔๑๐] อุปาหนา อาโรหิตฺวา ขคฺคํ โอลคฺเคตฺวา ฉตฺเตน ธาริยมาเนน อคฺคทฺวาเรน อสฺสมํ ปวิสิตฺวา เต อิสโย สีลวนฺเต กลฺยาณธมฺเม อปพฺยามโต กริตฺวา อติกฺกมิ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท ปฏลิโย อุปาหนา โอโรหิตฺวา ขคฺคํ อฺเสํ ทตฺวา ฉตฺตํ อปนาเมตฺวา ทฺวาเรเนว อสฺสมํ ปวิสิตฺวา เต อิสโย สีลวนฺเต กลฺยาณธมฺเม อนุวาตํ ปฺชลิโก นมสฺสมาโน อฏฺาสิ’’. อถ โข, ภิกฺขเว, เต อิสโย สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา สกฺกํ เทวานมินฺทํ คาถาย อชฺฌภาสึสุ –
‘‘คนฺโธ ¶ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ,
กายา จุโต คจฺฉติ มาลุเตน;
อิโต ¶ ปฏิกฺกมฺม สหสฺสเนตฺต,
คนฺโธ อิสีนํ อสุจิ เทวราชา’’ติ.
‘‘คนฺโธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ,
กายา จุโต คจฺฉตุ [คจฺฉติ (สี. สฺยา. กํ.)] มาลุเตน,
สุจิตฺรปุปฺผํ สิรสฺมึว มาลํ;
คนฺธํ ¶ เอตํ ปฏิกงฺขาม ภนฺเต,
น เหตฺถ เทวา ปฏิกูลสฺิโน’’ติ.
๑๐. สมุทฺทกสุตฺตํ
๒๕๖. สาวตฺถิยํ. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สมฺพหุลา อิสโย สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา สมุทฺทตีเร ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺติ. เตน โข ปน สมเยน เทวาสุรสงฺคาโม สมุปพฺยูฬฺโห อโหสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, เตสํ อิสีนํ สีลวนฺตานํ กลฺยาณธมฺมานํ เอตทโหสิ – ‘ธมฺมิกา โข เทวา, อธมฺมิกา อสุรา. สิยาปิ โน อสุรโต ภยํ. ยํนูน มยํ สมฺพรํ อสุรินฺทํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ อภยทกฺขิณํ ยาเจยฺยามา’’’ติ. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, เต อิสโย สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา – เสยฺยถาปิ ¶ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – สมุทฺทตีเร ปณฺณกุฏีสุ อนฺตรหิตา สมฺพรสฺส อสุรินฺทสฺส สมฺมุเข ปาตุรเหสุํ. อถ โข, ภิกฺขเว, เต อิสโย สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา สมฺพรํ อสุรินฺทํ คาถาย อชฺฌภาสึสุ –
‘‘อิสโย สมฺพรํ ปตฺตา, ยาจนฺติ อภยทกฺขิณํ;
กามํกโร หิ เต ทาตุํ, ภยสฺส อภยสฺส วา’’ติ.
‘‘อิสีนํ อภยํ นตฺถิ, ทุฏฺานํ สกฺกเสวินํ;
อภยํ ยาจมานานํ, ภยเมว ททามิ โว’’ติ.
‘‘อภยํ ¶ ยาจมานานํ, ภยเมว ททาสิ โน;
ปฏิคฺคณฺหาม เต เอตํ, อกฺขยํ โหตุ เต ภยํ.
‘‘ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผลํ;
กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;
ปวุตฺตํ ตาต เต พีชํ, ผลํ ปจฺจนุโภสฺสสี’’ติ.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, เต อิสโย สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา สมฺพรํ อสุรินฺทํ อภิสปิตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย เอวเมว – สมฺพรสฺส อสุรินฺทสฺส สมฺมุเข อนฺตรหิตา สมุทฺทตีเร ปณฺณกุฏีสุ ปาตุรเหสุํ. อถ ¶ ¶ โข, ภิกฺขเว, สมฺพโร อสุรินฺโท เตหิ อิสีหิ สีลวนฺเตหิ กลฺยาณธมฺเมหิ อภิสปิโต รตฺติยา สุทํ ติกฺขตฺตุํ อุพฺพิชฺชี’’ติ.
ปโม วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
สุวีรํ สุสีมฺเจว, ธชคฺคํ เวปจิตฺติโน;
สุภาสิตํ ชยฺเจว, กุลาวกํ นทุพฺภิยํ;
เวโรจน อสุรินฺโท, อิสโย อรฺกฺเจว;
อิสโย จ สมุทฺทกาติ.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. วตปทสุตฺตํ
๒๕๗. สาวตฺถิยํ ¶ ¶ . ‘‘สกฺกสฺส, ภิกฺขเว, เทวานมินฺทสฺส ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส สตฺต วตปทานิ ¶ [วตฺตปทานิ (ก.)] สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ อเหสุํ, เยสํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคา. กตมานิ สตฺต วตปทานิ? ยาวชีวํ มาตาเปตฺติภโร อสฺสํ, ยาวชีวํ กุเล เชฏฺาปจายี อสฺสํ, ยาวชีวํ สณฺหวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ อปิสุณวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวเสยฺยํ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต, ยาวชีวํ สจฺจวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ อกฺโกธโน อสฺสํ – สเจปิ เม โกโธ อุปฺปชฺเชยฺย, ขิปฺปเมว นํ ปฏิวิเนยฺย’’นฺติ. ‘‘สกฺกสฺส, ภิกฺขเว, เทวานมินฺทสฺส ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส อิมานิ สตฺต วตปทานิ สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ อเหสุํ, เยสํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคา’’ติ.
‘‘มาตาเปตฺติภรํ ¶ ชนฺตุํ, กุเล เชฏฺาปจายินํ;
สณฺหํ สขิลสมฺภาสํ, เปสุเณยฺยปฺปหายินํ.
‘‘มจฺเฉรวินเย ยุตฺตํ, สจฺจํ โกธาภิภุํ นรํ;
ตํ เว เทวา ตาวตึสา, อาหุ สปฺปุริโส อิตี’’ติ.
๒. สกฺกนามสุตฺตํ
๒๕๘. สาวตฺถิยํ ¶ เชตวเน. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘สกฺโก, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน มโฆ นาม มาณโว อโหสิ, ตสฺมา มฆวาติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺโก, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน ปุเร [ปุเร ปุเร (สี. ปี.)] ทานํ อทาสิ, ตสฺมา ปุรินฺทโทติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺโก, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน สกฺกจฺจํ ทานํ อทาสิ, ตสฺมา สกฺโกติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺโก ¶ ¶ , ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน อาวสถํ อทาสิ, ตสฺมา วาสโวติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺโก, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท สหสฺสมฺปิ อตฺถานํ มุหุตฺเตน จินฺเตติ, ตสฺมา สหสฺสกฺโขติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺกสฺส, ภิกฺขเว, เทวานมินฺทสฺส สุชา นาม อสุรกฺา ปชาปติ, ตสฺมา สุชมฺปตีติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺโก, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท เทวานํ ตาวตึสานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ตสฺมา เทวานมินฺโทติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺกสฺส ¶ , ภิกฺขเว เทวานมินฺทสฺส ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส สตฺต วตปทานิ สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ อเหสุํ, เยสํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคา. กตมานิ สตฺต วตปทานิ? ยาวชีวํ มาตาเปตฺติภโร อสฺสํ, ยาวชีวํ กุเล เชฏฺาปจายี อสฺสํ, ยาวชีวํ สณฺหวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ อปิสุณวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวเสยฺยํ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต, ยาวชีวํ สจฺจวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ อกฺโกธโน อสฺสํ – สเจปิ เม โกโธ อุปฺปชฺเชยฺย, ขิปฺปเมว นํ ปฏิวิเนยฺย’’นฺติ. ‘‘สกฺกสฺส, ภิกฺขเว, เทวานมินฺทสฺส ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส อิมานิ สตฺต วตปทานิ สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ อเหสุํ, เยสํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคา’’ติ.
‘‘มาตาเปตฺติภรํ ¶ ชนฺตุํ, กุเล เชฏฺาปจายินํ;
สณฺหํ สขิลสมฺภาสํ, เปสุเณยฺยปฺปหายินํ.
‘‘มจฺเฉรวินเย ยุตฺตํ, สจฺจํ โกธาภิภุํ นรํ;
ตํ เว เทวา ตาวตึสา, อาหุ สปฺปุริโส อิตี’’ติ.
๓. มหาลิสุตฺตํ
๒๕๙. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข มหาลิ ลิจฺฉวี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺโน โข มหาลิ ลิจฺฉวี ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘ทิฏฺโ โข ¶ , ภนฺเต, ภควตา สกฺโก เทวานมินฺโท’’ติ?
‘‘ทิฏฺโ โข เม, มหาลิ, สกฺโก เทวานมินฺโท’’ติ.
‘‘โส หิ นูน, ภนฺเต, สกฺกปติรูปโก ภวิสฺสติ. ทุทฺทโส หิ, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท’’ติ.
‘‘สกฺกฺจ ขฺวาหํ, มหาลิ, ปชานามิ สกฺกกรเณ จ ธมฺเม, เยสํ ธมฺมานํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคา, ตฺจ ปชานามิ.
‘‘สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน มโฆ นาม มาณโว อโหสิ, ตสฺมา มฆวาติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน สกฺกจฺจํ ทานํ อทาสิ, ตสฺมา สกฺโกติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน ปุเร ทานํ อทาสิ, ตสฺมา ปุรินฺทโทติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน อาวสถํ อทาสิ, ตสฺมา วาสโวติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท สหสฺสมฺปิ อตฺถานํ มุหุตฺเตน จินฺเตติ, ตสฺมา สหสฺสกฺโขติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺกสฺส ¶ , มหาลิ, เทวานมินฺทสฺส สุชา นาม อสุรกฺา ปชาปติ, ตสฺมา สุชมฺปตีติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท เทวานํ ตาวตึสานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ ¶ รชฺชํ กาเรติ, ตสฺมา เทวานมินฺโทติ วุจฺจติ.
‘‘สกฺกสฺส, มหาลิ, เทวานมินฺทสฺส ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส สตฺต ¶ วตปทานิ สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ อเหสุํ, เยสํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคา. กตมานิ สตฺต วตปทานิ? ยาวชีวํ มาตาเปตฺติภโร อสฺสํ, ยาวชีวํ กุเล เชฏฺาปจายี อสฺสํ, ยาวชีวํ สณฺหวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ อปิสุณวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวเสยฺยํ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต, ยาวชีวํ สจฺจวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ อกฺโกธโน อสฺสํ – สเจปิ เม โกโธ อุปฺปเชยฺย, ขิปฺปเมว นํ ปฏิวิเนยฺย’’นฺติ. ‘‘สกฺกสฺส, มหาลิ, เทวานมินฺทสฺส ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส อิมานิ ¶ สตฺต วตปทานิ สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ อเหสุํ, เยสํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคา’’ติ.
‘‘มาตาเปตฺติภรํ ชนฺตุํ, กุเล เชฏฺาปจายินํ;
สณฺหํ สขิลสมฺภาสํ, เปสุเณยฺยปฺปหายินํ.
‘‘มจฺเฉรวินเย ยุตฺตํ, สจฺจํ โกธาภิภุํ นรํ;
ตํ เว เทวา ตาวตึสา, อาหุ สปฺปุริโส อิตี’’ติ.
๔. ทลิทฺทสุตฺตํ
๒๖๐. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อฺตโร ปุริโส อิมสฺมึเยว ¶ ราชคเห มนุสฺสทลิทฺโท [มนุสฺสทฬิทฺโท (สี. สฺยา. กํ.)] อโหสิ มนุสฺสกปโณ ¶ มนุสฺสวราโก. โส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย สทฺธํ สมาทิยิ, สีลํ สมาทิยิ, สุตํ สมาทิยิ, จาคํ สมาทิยิ, ปฺํ สมาทิยิ. โส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย สทฺธํ สมาทิยิตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา สุตํ สมาทิยิตฺวา จาคํ สมาทิยิตฺวา ปฺํ สมาทิยิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ ¶ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิ เทวานํ ตาวตึสานํ สหพฺยตํ. โส อฺเ เทเว อติโรจติ วณฺเณน เจว ยสสา จ. ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ! อยฺหิ เทวปุตฺโต ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน มนุสฺสทลิทฺโท อโหสิ มนุสฺสกปโณ มนุสฺสวราโก; โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺโน เทวานํ ตาวตึสานํ สหพฺยตํ. โส อฺเ เทเว อติโรจติ วณฺเณน เจว ยสสา จา’’’ติ.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อามนฺเตสิ – ‘มา โข ตุมฺเห, มาริสา, เอตสฺส เทวปุตฺตสฺส อุชฺฌายิตฺถ. เอโส โข, มาริสา, เทวปุตฺโต ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน ตถาคตปฺปเวทิเต ¶ ธมฺมวินเย สทฺธํ สมาทิยิ, สีลํ สมาทิยิ, สุตํ สมาทิยิ, จาคํ สมาทิยิ, ปฺํ สมาทิยิ. โส ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย สทฺธํ สมาทิยิตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา สุตํ สมาทิยิตฺวา จาคํ สมาทิยิตฺวา ปฺํ สมาทิยิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺโน เทวานํ ตาวตึสานํ สหพฺยตํ ¶ . โส อฺเ เทเว อติโรจติ วณฺเณน เจว ยสสา จา’’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อนุนยมาโน ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘ยสฺส สทฺธา ตถาคเต, อจลา สุปฺปติฏฺิตา;
สีลฺจ ยสฺส กลฺยาณํ, อริยกนฺตํ ปสํสิตํ.
‘‘สงฺเฆ ปสาโท ยสฺสตฺถิ, อุชุภูตฺจ ทสฺสนํ;
อทลิทฺโทติ ตํ อาหุ, อโมฆํ ตสฺส ชีวิตํ.
‘‘ตสฺมา สทฺธฺจ สีลฺจ, ปสาทํ ธมฺมทสฺสนํ;
อนุยฺุเชถ เมธาวี, สรํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.
๕. รามเณยฺยกสุตฺตํ
๒๖๑. สาวตฺถิยํ ¶ เชตวเน. อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข สกฺโก เทวานมินฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ?
‘‘อารามเจตฺยา ¶ วนเจตฺยา, โปกฺขรฺโ สุนิมฺมิตา;
มนุสฺสรามเณยฺยสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.
‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;
ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ.
๖. ยชมานสุตฺตํ
๒๖๒. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ ¶ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข สกฺโก เทวานมินฺโท ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ยชมานานํ มนุสฺสานํ, ปฺุเปกฺขาน ปาณินํ;
กโรตํ โอปธิกํ ปฺุํ, กตฺถ ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ.
‘‘จตฺตาโร จ ปฏิปนฺนา, จตฺตาโร จ ผเล ิตา;
เอส สงฺโฆ อุชุภูโต, ปฺาสีลสมาหิโต.
‘‘ยชมานานํ มนุสฺสานํ, ปฺุเปกฺขาน ปาณินํ;
กโรตํ โอปธิกํ ปฺุํ, สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ.
๗. พุทฺธวนฺทนาสุตฺตํ
๒๖๓. สาวตฺถิยํ ¶ เชตวเน. เตน โข ปน สมเยน ภควา ทิวาวิหารคโต โหติ ปฏิสลฺลีโน. อถ โข สกฺโก จ เทวานมินฺโท พฺรหฺมา จ สหมฺปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ปจฺเจกํ ทฺวารพาหํ นิสฺสาย อฏฺํสุ. อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท ภควโต สนฺติเก อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อุฏฺเหิ ¶ วีร วิชิตสงฺคาม,
ปนฺนภาร อนณ วิจร โลเก;
จิตฺตฺจ เต สุวิมุตฺตํ,
จนฺโท ยถา ปนฺนรสาย รตฺติ’’นฺติ.
‘‘น ¶ โข, เทวานมินฺท, ตถาคตา เอวํ วนฺทิตพฺพา. เอวฺจ โข, เทวานมินฺท, ตถาคตา วนฺทิตพฺพา –
‘‘อุฏฺเหิ วีร วิชิตสงฺคาม,
สตฺถวาห อนณ วิจร โลเก;
เทสสฺสุ ภควา ธมฺมํ,
อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตี’’ติ.
๘. คหฏฺวนฺทนาสุตฺตํ
๒๖๔. สาวตฺถิยํ. ตตฺร…เป… เอตทโวจ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท มาตลึ สงฺคาหกํ อามนฺเตสิ – ‘โยเชหิ, สมฺม มาตลิ, สหสฺสยุตฺตํ ¶ อาชฺรถํ. อุยฺยานภูมึ คจฺฉาม สุภูมึ ทสฺสนายา’ติ. ‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’ติ โข, ภิกฺขเว, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิเวเทสิ – ‘ยุตฺโต โข เต, มาริส, สหสฺสยุตฺโต อาชฺรโถ. ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เวชยนฺตปาสาทา โอโรหนฺโต ¶ อฺชลึ กตฺวา [ปฺชลิโก (ปี.), ปฺชลึ กตฺวา (ก.)] สุทํ ปุถุทฺทิสา นมสฺสติ. อถ ¶ โข, ภิกฺขเว, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกํ เทวานมินฺทํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตํ นมสฺสนฺติ เตวิชฺชา, สพฺเพ ภุมฺมา จ ขตฺติยา;
จตฺตาโร จ มหาราชา, ติทสา จ ยสสฺสิโน;
อถ โก นาม โส ยกฺโข, ยํ ตฺวํ สกฺก นมสฺสสี’’ติ.
‘‘มํ นมสฺสนฺติ เตวิชฺชา, สพฺเพ ภุมฺมา จ ขตฺติยา;
จตฺตาโร จ มหาราชา, ติทสา จ ยสสฺสิโน.
‘‘อหฺจ สีลสมฺปนฺเน, จิรรตฺตสมาหิเต;
สมฺมาปพฺพชิเต วนฺเท, พฺรหฺมจริยปรายเน.
‘‘เย คหฏฺา ปฺุกรา, สีลวนฺโต อุปาสกา;
ธมฺเมน ทารํ โปเสนฺติ, เต นมสฺสามิ มาตลี’’ติ.
‘‘เสฏฺา หิ กิร โลกสฺมึ, เย ตฺวํ สกฺก นมสฺสสิ;
อหมฺปิ เต นมสฺสามิ, เย นมสฺสสิ วาสวา’’ติ.
‘‘อิทํ วตฺวาน มฆวา, เทวราชา สุชมฺปติ;
ปุถุทฺทิสา นมสฺสิตฺวา, ปมุโข รถมารุหี’’ติ.
๙. สตฺถารวนฺทนาสุตฺตํ
๒๖๕. สาวตฺถิยํ ¶ เชตวเน. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท มาตลึ สงฺคาหกํ อามนฺเตสิ – ‘โยเชหิ, สมฺม มาตลิ, สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ, อุยฺยานภูมึ คจฺฉาม สุภูมึ ทสฺสนายา’ติ. ‘เอวํ ภทฺทนฺตวา’ติ โข, ภิกฺขเว, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ¶ สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ¶ ปฏิเวเทสิ ¶ – ‘ยุตฺโต โข เต, มาริส, สหสฺสยุตฺโต อาชฺรโถ. ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เวชยนฺตปาสาทา โอโรหนฺโต อฺชลึ กตฺวา สุทํ ภควนฺตํ นมสฺสติ. อถ โข, ภิกฺขเว, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกํ เทวานมินฺทํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ยฺหิ เทวา มนุสฺสา จ, ตํ นมสฺสนฺติ วาสว;
อถ โก นาม โส ยกฺโข, ยํ ตฺวํ สกฺก นมสฺสสี’’ติ.
‘‘โย อิธ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อสฺมึ โลเก สเทวเก;
อโนมนามํ สตฺถารํ, ตํ นมสฺสามิ มาตลิ.
‘‘เยสํ ราโค จ โทโส จ, อวิชฺชา จ วิราชิตา;
ขีณาสวา อรหนฺโต, เต นมสฺสามิ มาตลิ.
‘‘เย ราคโทสวินยา, อวิชฺชาสมติกฺกมา;
เสกฺขา อปจยารามา, อปฺปมตฺตานุสิกฺขเร;
เต นมสฺสามิ มาตลี’’ติ.
‘‘เสฏฺา หิ กิร โลกสฺมึ, เย ตฺวํ สกฺก นมสฺสสิ;
อหมฺปิ เต นมสฺสามิ, เย นมสฺสสิ วาสวา’’ติ.
‘‘อิทํ วตฺวาน มฆวา, เทวราชา สุชมฺปติ;
ภควนฺตํ นมสฺสิตฺวา, ปมุโข รถมารุหี’’ติ.
๑๐. สงฺฆวนฺทนาสุตฺตํ
๒๖๖. สาวตฺถิยํ ¶ เชตวเน. ตตฺร โข…เป… เอตทโวจ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท มาตลึ สงฺคาหกํ อามนฺเตสิ – ‘โยเชหิ, สมฺม มาตลิ, สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ ¶ , อุยฺยานภูมึ คจฺฉาม สุภูมึ ทสฺสนายา’ติ. ‘เอวํ ¶ ภทฺทนฺตวา’ติ โข, ภิกฺขเว, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิสฺสุตฺวา, สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ โยเชตฺวา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปฏิเวเทสิ – ‘ยุตฺโต โข เต, มาริส, สหสฺสยุตฺโต อาชฺรโถ, ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว ¶ , สกฺโก เทวานมินฺโท เวชยนฺตปาสาทา โอโรหนฺโต อฺชลึ กตฺวา สุทํ ภิกฺขุสงฺฆํ นมสฺสติ. อถ โข, ภิกฺขเว, มาตลิ สงฺคาหโก สกฺกํ เทวานมินฺทํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตฺหิ เอเต นมสฺเสยฺยุํ, ปูติเทหสยา นรา;
นิมุคฺคา กุณปมฺเหเต, ขุปฺปิปาสสมปฺปิตา.
‘‘กึ นุ เตสํ ปิหยสิ, อนาคาราน วาสว;
อาจารํ อิสินํ พฺรูหิ, ตํ สุโณม วโจ ตวา’’ติ.
‘‘เอตํ เตสํ ปิหยามิ, อนาคาราน มาตลิ;
ยมฺหา คามา ปกฺกมนฺติ, อนเปกฺขา วชนฺติ เต.
‘‘น เตสํ โกฏฺเ โอเปนฺติ, น กุมฺภิ [น กุมฺภา (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] น กโฬปิยํ [ขโฬปิยํ (สี.)];
ปรนิฏฺิตเมสานา [ปรนิฏฺิตเมสนา (สฺยา. กํ. ก.)], เตน ยาเปนฺติ สุพฺพตา.
‘‘สุมนฺตมนฺติโน ¶ ธีรา, ตุณฺหีภูตา สมฺจรา;
เทวา วิรุทฺธา อสุเรหิ, ปุถุ มจฺจา จ มาตลิ.
‘‘อวิรุทฺธา วิรุทฺเธสุ, อตฺตทณฺเฑสุ นิพฺพุตา;
สาทาเนสุ อนาทานา, เต นมสฺสามิ มาตลี’’ติ.
‘‘เสฏฺา หิ กิร โลกสฺมึ, เย ตฺวํ สกฺก นมสฺสสิ;
อหมฺปิ เต นมสฺสามิ, เย นมสฺสสิ วาสวา’’ติ.
‘‘อิทํ ¶ วตฺวาน มฆวา, เทวราชา สุชมฺปติ;
ภิกฺขุสงฺฆํ นมสฺสิตฺวา, ปมุโข รถมารุหี’’ติ.
ทุติโย วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ –
เทวา ปน [ว ตปเทน (สี. สฺยา. กํ.)] ตโย วุตฺตา, ทลิทฺทฺจ รามเณยฺยกํ;
ยชมานฺจ วนฺทนา, ตโย สกฺกนมสฺสนาติ.
๓. ตติยวคฺโค
๑. เฉตฺวาสุตฺตํ
๒๖๗. สาวตฺถิยํ ¶ ¶ ¶ เชตวเน. อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข สกฺโก เทวานมินฺโท ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กึสุ เฉตฺวา สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;
กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมา’’ติ.
‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;
โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส วาสว;
วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ.
๒. ทุพฺพณฺณิยสุตฺตํ
๒๖๘. สาวตฺถิยํ ¶ เชตวเน. ตตฺร โข…เป… เอตทโวจ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อฺตโร ยกฺโข ทุพฺพณฺโณ โอโกฏิมโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อาสเน นิสินฺโน อโหสิ. ตตฺร สุทํ, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อยํ ยกฺโข ทุพฺพณฺโณ โอโกฏิมโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อาสเน นิสินฺโน’’’ติ! ยถา ¶ ยถา โข, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ, ตถา ตถา โส ยกฺโข อภิรูปตโร เจว โหติ ทสฺสนียตโร จ ปาสาทิกตโร จ.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา เยน สกฺโก เทวานมินฺโท เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจุํ – ‘อิธ เต, มาริส, อฺตโร ยกฺโข ทุพฺพณฺโณ โอโกฏิมโก สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อาสเน นิสินฺโน. ตตฺร สุทํ, มาริส, เทวา ตาวตึสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อยํ ยกฺโข ทุพฺพณฺโณ โอโกฏิมโก ¶ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อาสเน นิสินฺโนติ. ยถา ยถา โข, มาริส, เทวา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ, ตถา ตถา โส ยกฺโข อภิรูปตโร เจว โหติ ทสฺสนียตโร ¶ จ ปาสาทิกตโร จาติ. โส หิ นูน, มาริส, โกธภกฺโข ยกฺโข ภวิสฺสตี’’’ติ.
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เยน โส โกธภกฺโข ยกฺโข เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา เยน โส โกธภกฺโข ยกฺโข เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ นามํ สาเวติ – ‘สกฺโกหํ มาริส, เทวานมินฺโท, สกฺโกหํ, มาริส, เทวานมินฺโท’ติ. ยถา ยถา โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท นามํ สาเวสิ, ตถา ตถา โส ยกฺโข ทุพฺพณฺณตโร เจว อโหสิ โอโกฏิมกตโร จ. ทุพฺพณฺณตโร เจว ¶ หุตฺวา โอโกฏิมกตโร จ ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สเก อาสเน นิสีทิตฺวา เทเว ตาวตึเส อนุนยมาโน ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘น ¶ สูปหตจิตฺโตมฺหิ, นาวตฺเตน สุวานโย;
น โว จิราหํ กุชฺฌามิ, โกโธ มยิ นาวติฏฺติ.
‘‘กุทฺธาหํ น ผรุสํ พฺรูมิ, น จ ธมฺมานิ กิตฺตเย;
สนฺนิคฺคณฺหามิ อตฺตานํ, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน’’ติ.
๓. สมฺพริมายาสุตฺตํ
๒๖๙. สาวตฺถิยํ…เป… ภควา เอตทโวจ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท อาพาธิโก อโหสิ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. อถ โข ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เยน เวปจิตฺติ อสุรินฺโท เตนุปสงฺกมิ คิลานปุจฺฉโก. อทฺทสา โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท สกฺกํ เทวานมินฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘ติกิจฺฉ มํ เทวานมินฺทา’ติ. ‘วาเจหิ ¶ มํ, เวปจิตฺติ, สมฺพริมาย’นฺติ. ‘น ตาวาหํ วาเจมิ, ยาวาหํ, มาริส, อสุเร ปฏิปุจฺฉามี’’’ติ. ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท อสุเร ปฏิปุจฺฉิ – ‘วาเจมหํ, มาริสา, สกฺกํ เทวานมินฺทํ สมฺพริมาย’นฺติ? ‘มา โข ตฺวํ, มาริส, วาเจสิ สกฺกํ เทวานมินฺทํ สมฺพริมาย’’’นฺติ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติ อสุรินฺโท สกฺกํ เทวานมินฺทํ คาถาย ¶ อชฺฌภาสิ –
‘‘มายาวี ¶ มฆวา สกฺก, เทวราช สุชมฺปติ;
อุเปติ นิรยํ โฆรํ, สมฺพโรว สตํ สม’’นฺติ.
๔. อจฺจยสุตฺตํ
๒๗๐. สาวตฺถิยํ…เป… อาราเม. เตน โข ปน สมเยน ทฺเว ภิกฺขู สมฺปโยเชสุํ. ตตฺเรโก ภิกฺขุ อจฺจสรา. อถ โข โส ภิกฺขุ ตสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก อจฺจยํ อจฺจยโต เทเสติ; โส ภิกฺขุ นปฺปฏิคฺคณฺหาติ. อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, ทฺเว ภิกฺขู สมฺปโยเชสุํ, ตตฺเรโก ภิกฺขุ อจฺจสรา ¶ . อถ โข โส, ภนฺเต, ภิกฺขุ ตสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก อจฺจยํ อจฺจยโต เทเสติ, โส ภิกฺขุ นปฺปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ.
‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, พาลา. โย จ อจฺจยํ อจฺจยโต น ปสฺสติ, โย จ อจฺจยํ เทเสนฺตสฺส ยถาธมฺมํ นปฺปฏิคฺคณฺหา’’ติ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว พาลา. ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตา. โย จ อจฺจยํ อจฺจยโต ปสฺสติ, โย จ อจฺจยํ เทเสนฺตสฺส ยถาธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหา’’ติ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว ปณฺฑิตา.
‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ , ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สุธมฺมายํ สภายํ เทเว ตาวตึเส อนุนยมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘โกโธ ¶ โว วสมายาตุ, มา จ มิตฺเตหิ โว ชรา;
อครหิยํ มา ครหิตฺถ, มา จ ภาสิตฺถ เปสุณํ;
อถ ปาปชนํ โกโธ, ปพฺพโตวาภิมทฺทตี’’ติ.
๕. อกฺโกธสุตฺตํ
๒๗๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู…เป… ภควา เอตทโวจ – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท สุธมฺมายํ สภายํ เทเว ตาวตึเส อนุนยมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘มา ¶ โว โกโธ อชฺฌภวิ, มา จ กุชฺฌิตฺถ กุชฺฌตํ;
อกฺโกโธ อวิหึสา จ, อริเยสุ จ ปฏิปทา [วสตี สทา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)];
อถ ปาปชนํ โกโธ, ปพฺพโตวาภิมทฺทตี’’ติ.
ตติโย วคฺโค.
ตสฺสุทฺทานํ ¶ –
เฉตฺวา ทุพฺพณฺณิยมายา, อจฺจเยน อโกธโน;
เทสิตํ พุทฺธเสฏฺเน, อิทฺหิ สกฺกปฺจกนฺติ.
สกฺกสํยุตฺตํ สมตฺตํ.
สคาถาวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
เทวตา ¶ เทวปุตฺโต จ, ราชา มาโร จ ภิกฺขุนี;
พฺรหฺมา พฺราหฺมณ วงฺคีโส, วนยกฺเขน วาสโวติ.
สคาถาวคฺคสํยุตฺตปาฬิ นิฏฺิตา.