📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
สํยุตฺตนิกาเย
นิทานวคฺค-อฏฺกถา
๑. นิทานสํยุตฺตํ
๑. พุทฺธวคฺโค
๑. ปฏิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา
๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ – นิทานวคฺเค ปมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตํ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพปทวณฺณนา – ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสีติ, เอตฺถ ตตฺราติ เทสกาลปริทีปนํ. ตฺหิ ‘‘ยํ สมยํ วิหรติ, ตตฺร สมเย, ยสฺมิฺจ เชตวเน วิหรติ, ตตฺร เชตวเน’’ติ ทีเปติ. ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปติ. น หิ ภควา อยุตฺเต เทเส กาเล จ ธมฺมํ ภาสติ. ‘‘อกาโล ¶ โข ตาว พาหิยา’’ติอาทิ (อุทา. ๑๐) เจตฺถ สาธกํ. โขติ ปทปูรณมตฺเต, อวธารเณ อาทิกาลตฺเถ วา นิปาโต. ภควาติ โลกครุทีปนํ. ภิกฺขูติ กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนํ. อปิเจตฺถ ‘‘ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ, ภิกฺขาจริยํ อชฺฌูปคโตติ ภิกฺขู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๕; วิภ. ๕๑๐) นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ. อามนฺเตสีติ อาลปิ, อภาสิ, สมฺโพเธสิ, อยเมตฺถ อตฺโถ. อฺตฺร ปน าปเนปิ โหติ. ยถาห – ‘‘อามนฺตยามิ ¶ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว’’ติ. ปกฺโกสเนปิ. ยถาห – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามนฺเตหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑). ภิกฺขโวติ อามนฺตนาการทีปนํ. ตฺจ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺธตฺตา วุตฺตํ. ภิกฺขนสีลตาคุณยุตฺโตปิ ¶ หิ ภิกฺขุ, ภิกฺขนธมฺมตาคุณยุตฺโตปิ ภิกฺขเน สาธุการิตาคุณยุตฺโตปีติ สทฺทวิทู มฺนฺติ. เตน จ เตสํ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺเธน วจเนน หีนาธิกชนเสวิตวุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ กโรติ. ‘‘ภิกฺขโว’’ติ อิมินา จ กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน อภิมุเข กโรนฺโต เตเนว กเถตุกมฺยตาทีปเกน เนสํ วจเนน โสตุกมฺยตํ ชเนติ, เตเนว จ สมฺโพธนตฺเถน สาธุกํ มนสิกาเรปิ นิโยเชติ. สาธุกํ มนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติ.
อปเรสุปิ เทวมนุสฺเสสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขูเยว อามนฺเตสีติ เจ? เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต. สพฺพปริสสาธารณา หิ ภควโต ธมฺมเทสนา, ปริสาย เชฏฺา ภิกฺขู ปมํ อุปฺปนฺนตฺตา, เสฏฺา อนคาริยภาวํ อาทึ กตฺวา สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา จ, อาสนฺนา ตตฺถ นิสินฺเนสุ สตฺถุสนฺติกตฺตา, สทาสนฺนิหิตา สตฺถุสนฺติกาวจรตฺตาติ. อปิจ เต ธมฺมเทสนาย ภาชนํ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติสพฺภาวโต. วิเสสโต จ เอกจฺเจ ภิกฺขูเยว สนฺธาย อยํ เทสนาปีติ เอวํ อามนฺเตสิ.
กิมตฺถํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต ปมํ ภิกฺขู อามนฺเตสิ, น ธมฺมเมว เทเสสีติ? สติชนนตฺถํ. ภิกฺขู อฺํ จินฺเตนฺตาปิ วิกฺขิตฺตจิตฺตาปิ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาปิ กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาปิ นิสินฺนา โหนฺติ. เต อนามนฺเตตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน ‘‘อยํ เทสนา กึนิทานา กึปจฺจยา กตมาย อฏฺุปฺปตฺติยา เทสิตา’’ติ สลฺลกฺเขตุํ อสกฺโกนฺตา ทุคฺคหิตํ วา คณฺเหยฺยุํ, น วา คณฺเหยฺยุํ, เตน เนสํ สติชนนตฺถํ ภควา ปมํ อามนฺเตตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ เทเสติ.
ภทนฺเตติ ¶ ¶ คารววจนเมตํ, สตฺถุโน ปฏิวจนทานํ วา. อปิเจตฺถ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วทมาโน ภควา ภิกฺขู อาลปติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ วทมานา เต ภควนฺตํ ปจฺจาลปนฺติ. ตถา หิ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ภควา อาภาสติ, ‘‘ภทนฺเต’’ติ ¶ ปจฺจาภาสนฺติ. ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ปฏิวจนํ ทาเปติ, ‘‘ภทนฺเต’’ติ ปฏิวจนํ เทนฺติ. เต ภิกฺขูติ เย ภควา อามนฺเตสิ, เต. ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ ภควโต อามนฺตนํ ปติอสฺโสสุํ, อภิมุขา หุตฺวา สุณึสุ สมฺปฏิจฺฉึสุ ปฏิคฺคเหสุนฺติ อตฺโถ. ภควา เอตทโวจาติ, ภควา เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลสุตฺตํ อโวจ. เอตฺตาวตา ยํ อายสฺมตา อานนฺเทน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส พุทฺธานํ เทสนาาณคมฺภีรภาวสํสูจกสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหณตฺถํ กาลเทสเทสกปริสาปเทสปฺปฏิมณฺฑิตํ นิทานํ ภาสิตํ, ตสฺส อตฺถวณฺณนา สมตฺตา.
อิทานิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ โวติอาทินา นเยน ภควตา นิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส สํวณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต. สา ปเนสา สุตฺตวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ ตาว วิจาเรสฺสาม. จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา – อตฺตชฺฌาสโย, ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวสิโก, อฏฺุปฺปตฺติโกติ. ตตฺถ ยานิ สุตฺตานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถติ, เสยฺยถิทํ – ทสพลสุตฺตนฺตหารโก จนฺโทปม-วีโณปม-สมฺมปฺปธาน-อิทฺธิปาท-อินฺทฺริยพล-โพชฺฌงฺคมคฺคงฺค-สุตฺตนฺตหารโกติ เอวมาทีนิ, เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ยานิ ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา. ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตรึ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑; ม. นิ. ๓.๔๑๖) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺตึ นิชฺฌานกฺขมํ มนํ อภินีหารํ พุชฺฌนภาวฺจ อเปกฺขิตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ, เสยฺยถิทํ ¶ – จูฬราหุโลวาทสุตฺตํ, มหาราหุโลวาทสุตฺตํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ, อนตฺตลกฺขณสุตฺตํ, อาสีวิโสปมสุตฺตํ, ธาตุวิภงฺคสุตฺตนฺติ, เอวมาทีนิ, เตสํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ภควนฺตํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา จตสฺโส ปริสา จตฺตาโร วณฺณา นาคา สุปณฺณา คนฺธพฺพา อสุรา ยกฺขา มหาราชาโน ตาวตึสาทโย เทวา มหาพฺรหฺมาติ เอวมาทโย ‘‘โพชฺฌงฺคา โพชฺฌงฺคาติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ – (สํ. นิ. ๕.๒๐๒) นีวรณา นีวรณาติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ ¶ – อิเม นุ โข, ภนฺเต, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, กึสูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๓) นเยน ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุฏฺเน ภควตา ยานิ ¶ กถิตานิ โพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ, ยานิ วา ปนฺานิปิ เทวตาสํยุตฺต, มารสํยุตฺต, พฺรหฺมสํยุตฺต, สกฺกปฺห, จูฬเวทลฺล, มหาเวทลฺล, สามฺผลอาฬวก, สูจิโลม, ขรโลมสุตฺตาทีนิ, เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป.
ยานิ ปน ตานิ อุปฺปนฺนํ การณํ ปฏิจฺจ กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – ธมฺมทายาทํ. จูฬสีหนาทสุตฺตํ ปุตฺตมํสูปมํ ทารุกฺขนฺธูปมํ อคฺคิกฺขนฺธูปมํ เผณปิณฺฑูปมํ ปาริจฺฉตฺตกูปมนฺติ เอวมาทีนิ, เตสํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป.
เอวเมเตสุ จตูสุ นิกฺเขเปสุ อิมสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตสฺส ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป. ปรปุคฺคลชฺฌาสยวเสน หิทํ ภควตา นิกฺขิตฺตํ. กตเมสํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสนาติ? อุคฺฆฏิตฺูนํ. จตฺตาโร หิ ปุคฺคลา อุคฺฆฏิตฺู วิปฺจิตฺู เนยฺโย ปทปรโมติ. ตตฺถ ยสฺส ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฏเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล อุคฺฆฏิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺเถ ¶ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปฺจิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโส มนสิกโรโต, กลฺยาณมิตฺเต เสวโต, ภชโต, ปยิรุปาสโต, อนุปุพฺเพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนยฺโย. ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต, พหุมฺปิ ธารยโต, พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโม. อิติ อิเมสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ อุคฺฆฏิตฺูปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน อิทํ สุตฺตํ นิกฺขิตฺตํ.
ตทา กิร ปฺจสตา ชนปทวาสิกา ภิกฺขู สพฺเพว เอกจรา ทฺวิจรา ติจรา จตุจรา ปฺจจรา สภาควุตฺติโน ธุตงฺคธรา อารทฺธวีริยา ยุตฺตโยคา วิปสฺสกา สณฺหํ สุขุมํ สฺุตํ ปจฺจยาการเทสนํ ปตฺถยมานา สายนฺหสมเย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา, รตฺตกมฺพลสาณิยา ปริกฺขิปมานา วิย เทสนํ ปจฺจาสีสมานา ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. เตสํ อชฺฌาสยวเสน ภควา อิทํ สุตฺตํ อารภิ. ยถา หิ เฉโก จิตฺตกาโร อปริกมฺมกตภิตฺตึ ลภิตฺวา, น อาทิโตว รูปํ สมุฏฺาเปสิ, มหามตฺติกเลปาทีหิ ปน ภิตฺติปริกมฺมํ ตาว กตฺวา ¶ , กตปริกมฺมาย ¶ ภิตฺติยา รูปํ สมุฏฺาเปติ, กตปริกมฺมํ ปน ภิตฺตึ ลภิตฺวา, ภิตฺติปริกมฺมพฺยาปารํ อกตฺวา, รงฺคชาตานิ โยเชตฺวา, วฏฺฏิกํ วา ตูลิกํ วา อาทาย รูปเมว สมุฏฺาเปติ, เอวเมว ภควา อกตาภินิเวสํ อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตํ ลภิตฺวา นาสฺส อาทิโตว อรหตฺตปทฏฺานํ สณฺหํ สุขุมํ สฺุตํ วิปสฺสนาลกฺขณํ อาจิกฺขติ, สีลสมาธิกมฺมสฺสกตาทิฏฺิสมฺปทาย ปน โยเชนฺโต ปุพฺพภาคปฏิปทํ ตาว อาจิกฺขติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ ทิฏฺิ จ อุชุกา. ยโต โข เต, ภิกฺขุ, สีลฺจ สุวิสุทฺธํ ภวิสฺสติ ทิฏฺิ จ อุชุกา. ตโต ตฺวํ, ภิกฺขุ, สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย จตฺตาโร สติปฏฺาเน ติวิเธน ภาเวยฺยาสิ. กตเม จตฺตาโร? อิธ ¶ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหราหิ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. พหิทฺธา วา กาเย…เป… อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา กาเย…เป… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหราหิ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. ยโต โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย อิเม จตฺตาโร สติปฏฺาเน เอวํ ติวิเธน ภาเวสฺสสิ, ตโต ตุยฺหํ, ภิกฺขุ, ยา รตฺติ วา ทิวโส วา อาคมิสฺสติ, วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โน ปริหานี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙).
เอวํ อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตสฺส สีลกถาย ปริกมฺมํ กเถตฺวา, อรหตฺตปทฏฺานํ สณฺหํ สุขุมํ สฺุตํ วิปสฺสนาลกฺขณํ อาจิกฺขติ.
ปริสุทฺธสีลํ ปน อารทฺธวีริยํ ยุตฺตโยคํ วิปสฺสกํ ลภิตฺวา, นาสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทํ อาจิกฺขติ, อุชุกเมว ปน อรหตฺตปทฏฺานํ สณฺหํ สุขุมํ สฺุตํ วิปสฺสนาลกฺขณํ อาจิกฺขติ. อิเม ปฺจสตา ภิกฺขู ปุพฺพภาคปฏิปทํ ปริโสเธตฺวา ิตา สุธนฺตสุวณฺณสทิสา สุปริมชฺชิตมณิกฺขนฺธสนฺนิภา, เอโก โลกุตฺตรมคฺโคว เนสํ อนาคโต. อิติ ตสฺสาคมนตฺถาย สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ อเปกฺขมาโน อิทํ สุตฺตํ อารภิ.
ตตฺถ ¶ ¶ ปฏิจฺจสมุปฺปาทนฺติ ปจฺจยาการํ. ปจฺจยากาโร หิ อฺมฺํ ปฏิจฺจ สหิเต ธมฺเม อุปฺปาเทติ. ตสฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ วุจฺจติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคโต คเหตพฺโพ.
โวติ อยํ โว-สทฺโท ปจฺจตฺต-อุปโยคกรณ-สมฺปทาน-สามิวจน-ปทปูรเณสุ ทิสฺสติ. ‘‘กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา สมคฺคา สมฺโมทมานา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๖; มหาว. ๔๖๖) หิ ปจฺจตฺเต ทิสฺสติ. ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ปณาเมมิ โว’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) อุปโยเค. ‘‘น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) กรเณ. ‘‘วนปตฺถปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๐) สมฺปทาเน. ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) สามิวจเน. ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา’’ติอาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๓๕) ปทปูรณมตฺเต. อิธ ปนายํ สมฺปทาเน ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขเวติ ปติสฺสเวน อภิมุขีภูตานํ ปุน อาลปนํ. เทเสสฺสามีติ เทสนาปฏิชานนํ. ตํ สุณาถาติ ตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ตํ เทสนํ มยา วุจฺจมานํ สุณาถ.
สาธุกํ มนสิ กโรถาติ เอตฺถ ปน สาธุกํ สาธูติ เอกตฺถเมตํ. อยฺจ สาธุสทฺโท อายาจน-สมฺปฏิจฺฉน-สมฺปหํสน-สุนฺทร-ทฬฺหีกมฺมาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๕๗; สํ. นิ. ๔.๖๕; ๕.๓๘๑) หิ อายาจเน ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเตติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฏิจฺฉเน. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙) สมฺปหํสเน.
‘‘สาธุ ธมฺมรุจี ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;
สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ, ปาปสฺส อกรณํ สุข’’นฺติ. –
อาทีสุ (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) สุนฺทเร. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สาธุกํ สุณาหี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๑๙๒) สาธุกสทฺโทเยว ทฬฺหีกมฺเม อาณตฺติยนฺติปิ วุจฺจติ. อิธ ปนายํ เอตฺเถว ทฬฺหีกมฺเม อาณตฺติยา จ อตฺโถ เวทิตพฺโพ, สุนฺทรตฺเถปิ วฏฺฏติ. ทฬฺหีกรณตฺเถน หิ ‘‘ทฬฺหํ ¶ อิมํ ธมฺมํ สุณาถ, สุคฺคหิตํ คณฺหนฺตา’’, อาณตฺติอตฺเถน ‘‘มม อาณตฺติยา สุณาถ’’ สุนฺทรตฺเถน ‘‘สุนฺทรมิมํ ภทฺทกํ ธมฺมํ สุณาถา’’ติ ¶ เอตํ ทีปิตํ โหติ. มนสิ กโรถาติ อาวชฺเชถ. สมนฺนาหรถาติ อตฺโถ. อวิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา นิสาเมถ, จิตฺเต กโรถาติ อธิปฺปาโย.
อิทาเนตฺถ ตํ สุณาถาติ โสตินฺทฺริยวิกฺเขปนิวารณเมตํ. สาธุกํ มนสิ กโรถาติ มนสิกาเร ทฬฺหีกมฺมนิโยชเนน มนินฺทฺริยวิกฺเขปนิวารณํ. ปุริมฺเจตฺถ พฺยฺชนวิปลฺลาสคาหนิวารณํ, ปจฺฉิมํ อตฺถวิปลฺลาสคาหนิวารณํ. ปุริเมน จ ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ, ปจฺฉิเมน สุตานํ ธมฺมานํ ธารณูปปริกฺขาสุ. ปุริเมน จ ‘‘สพฺยฺชโน อยํ ธมฺโม, ตสฺมา สวนีโย’’ติ ¶ ทีเปติ, ปจฺฉิเมน ‘‘สาตฺโถ, ตสฺมา มนสิ กาตพฺโพ’’ติ. สาธุกปทํ วา อุภยปเทหิ โยเชตฺวา, ‘‘ยสฺมา อยํ ธมฺโม ธมฺมคมฺภีโร จ เทสนาคมฺภีโร จ, ตสฺมา สุณาถ สาธุกํ. ยสฺมา อตฺถคมฺภีโร จ ปฏิเวธคมฺภีโร จ, ตสฺมา สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. ภาสิสฺสามีติ เทเสสฺสามิ. ‘‘ตํ สุณาถา’’ติ เอตฺถ ปฏิฺาตํ เทสนํ สํขิตฺตโตว น เทเสสฺสามิ, อปิจ โข วิตฺถารโตปิ นํ ภาสิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ. สงฺเขปวิตฺถารวาจกานิ หิ เอตานิ ปทานิ. ยถาห วงฺคีสตฺเถโร –
‘‘สํขิตฺเตนปิ เทเสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสติ;
สาฬิกายิว นิคฺโฆโส, ปฏิภานํ อุทีรยี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๔; เถรคา. ๑๒๔๑);
เอวํ วุตฺเต อุสฺสาหชาตา หุตฺวา เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉึสุ, ปฏิคฺคเหสุนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อถ เนสํ ภควา เอตทโวจ – เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติอาทึ สกลํ สุตฺตํ อโวจ. ตตฺถ กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. ปฺจวิธา หิ ปุจฺฉา อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ, ตาสํ อิทํ นานตฺตํ –
กตมา ¶ อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา (มหานิ. ๑๕๐; จูฬนิ. ปุณฺณกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๑๒)? ปกติยา ลกฺขณํ อฺาตํ โหติ อทิฏฺํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ. ตสฺส าณาย ทสฺสนาย ¶ ตุลนาย ตีรณาย วิภูตาย วิภาวนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ. อยํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา.
กตมา ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ าตํ โหติ ทิฏฺํ ตุลิตํ ตีริตํ วิภูตํ วิภาวิตํ. โส อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ สํสนฺทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ. อยํ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา.
กตมา วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา? ปกติยา สํสยปกฺขนฺโท โหติ วิมติปกฺขนฺโท ทฺเวฬฺหกชาโต – ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข, กถํ นุ โข’’ติ, โส วิมติจฺเฉทนตฺถาย ¶ ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา.
กตมา อนุมติปุจฺฉา? ภควา ภิกฺขูนํ อนุมติยา ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ, อนิจฺจํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วาติ, ทุกฺขํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘‘เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตา’’ติ, โน เหตํ ภนฺเตติ (สํ. นิ. ๓.๗๙). อยํ อนุมติปุจฺฉา.
กตมา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา? ภควา ภิกฺขูนํ กเถตุกมฺยตาย ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สติปฏฺานา. กตเม จตฺตาโร’’ติ? อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ.
ตตฺถ พุทฺธานํ ปุริมา ติสฺโส ปุจฺฉา นตฺถิ. กสฺมา? พุทฺธานฺหิ ตีสุ อทฺธาสุ กิฺจิ สงฺขตํ อทฺธาวิมุตฺตํ วา อสงฺขตํ อทิฏฺํ อโชติตํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ นาม นตฺถิ. เตน เนสํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา นตฺถิ. ยํ ปน ภควตา อตฺตโน าเณน ปฏิวิทฺธํ, ตสฺส อฺเน สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา สทฺธึ สํสนฺทนกิจฺจํ นตฺถิ. เตนสฺส ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา นตฺถิ. ยสฺมา ปเนส อกถํกถี ติณฺณวิจิกิจฺโฉ ¶ สพฺพธมฺเมสุ วิหตสํสโย. เตนสฺส วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา นตฺถิ. อิตรา ปน ทฺเว ปุจฺฉา ภควโต อตฺถิ. ตาสุ อยํ กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉาติ เวทิตพฺพา.
อิทานิ ตาว ปุจฺฉาย ปุฏฺํ ปจฺจยาการํ วิภชนฺโต อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขาราติอาทิมาห. เอตฺถ จ ยถา นาม ‘‘ปิตรํ กเถสฺสามี’’ติ อารทฺโธ ¶ ‘‘ติสฺสสฺส ปิตา โสณสฺส ปิตา’’ติ ปมตรํ ปุตฺตมฺปิ กเถติ, เอวเมว ภควา ปจฺจยํ กเถตุํ อารทฺโธ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน สงฺขาราทีนํ ปจฺจเย อวิชฺชาทิธมฺเม กเถนฺโต ปจฺจยุปฺปนฺนมฺปิ กเถสิ. อาหารวคฺคสฺส ปน ปริโยสาเน ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ ¶ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเน จ ธมฺเม’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) อุภยํ อารภิตฺวา อุภยมฺปิ กเถสิ. อิทานิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติอาทีสุ ปน อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย. ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาเรน ปน สพฺพาการสมฺปนฺนา อนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา วิสุทฺธิมคฺเค กถิตา, ตสฺมา สา ตตฺถ กถิตวเสเนว คเหตพฺพา.
ปฏิโลมกถายํ ปน อวิชฺชาย ตฺเววาติ อวิชฺชาย ตุ เอว. อเสสวิราคนิโรธาติ วิราคสงฺขาเตน มคฺเคน อเสสนิโรธา. สงฺขารนิโรโธติ สงฺขารานํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ. เอวํนิโรธานํ ปน สงฺขารานํ นิโรธา วิฺาณาทีนฺจ นิโรธา นามรูปาทีนิ นิรุทฺธานิเยว โหนฺตีติ ทสฺเสตุํ สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธติอาทีนิ วตฺวา, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตีติ อาห. ตตฺถ เกวลสฺสาติ สกลสฺส, สุทฺธสฺส วา, สตฺตวิรหิตสฺสาติ อตฺโถ. ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ทุกฺขราสิสฺส. นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหติ. อิติ ภควา อนุโลมโต ทฺวาทสหิ ปเทหิ วฏฺฏกถํ กเถตฺวา ตเมว วฏฺฏํ วินิวฏฺเฏตฺวา ปฏิโลมโต ทฺวาทสหิ ปเทหิ วิวฏฺฏํ กเถนฺโต อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหิ. เทสนาปริโยสาเน เต ปฺจสตา อารทฺธวิปสฺสกา อุคฺฆฏิตฺูปุคฺคลา สูริยรสฺมิสมฺผุฏฺานิ ปริปากคตานิ ปทุมานิ วิย สจฺจานิ พุชฺฌิตฺวา อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ.
อิทมโวจ ภควาติ อิทํ วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน สกลสุตฺตํ ภควา อโวจ. อตฺตมนา เต ภิกฺขูติ ตุฏฺจิตฺตา เต ปฺจสตา ขีณาสวา ภิกฺขู. ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ กรวีกรุตมฺชุนา ¶ กณฺณสุเขน ปณฺฑิตชนหทยานํ อมตาภิเสกสทิเสน พฺรหฺมสฺสเรน ภาสโต ภควโต ¶ วจนํ อภินนฺทึสุ, อนุโมทึสุ เจว สมฺปฏิจฺฉึสุ จาติ อตฺโถ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘สุภาสิตํ สุลปิตํ, สาธุ สาธูติ ตาทิโน;
อนุโมทมานา สิรสา, สมฺปฏิจฺฉึสุ ภิกฺขโว’’ติ.
ปมปฏิจฺจสมุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. วิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
๒. ทุติเยปิ ¶ วุตฺตนเยเนว สุตฺตนิกฺเขโป เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – ปมํ อุคฺฆฏิตฺูปุคฺคลานํ วเสน สงฺเขปโต ทสฺสิตํ, อิทํ วิปฺจิตฺูนํ วเสน วิตฺถารโตติ. อิมสฺมิฺจ ปน สุตฺเต จตสฺโส วลฺลิหารกปุริสูปมา วตฺตพฺพา, ตา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา เอว. ยถา หิ วลฺลิหารโก ปุริโส วลฺลิยา อคฺคํ ทิสฺวา ตทนุสาเรน มูลํ ปริเยสนฺโต ตํ ทิสฺวา วลฺลึ มูเล เฉตฺวา อาทาย กมฺเม อุปเนยฺย, เอวํ ภควา วิตฺถารเทสนํ เทเสนฺโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส อคฺคภูตา ชรามรณา ปฏฺาย ยาว มูลภูตํ อวิชฺชาปทํ, ตาว เทสนํ อาหริตฺวา ปุน วฏฺฏวิวฏฺฏํ เทเสนฺโต นิฏฺเปสิ.
ตตฺรายํ ชรามรณาทีนํ วิตฺถารเทสนาย อตฺถนิจฺฉโย – ชรามรณนิทฺเทเส ตาว เตสํ เตสนฺติ อยํ สงฺเขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิทฺเทโสติ วิฺาตพฺโพ. ยา เทวทตฺตสฺส ชรา, ยา โสมทตฺตสฺสาติ เอวฺหิ ทิวสมฺปิ กเถนฺตสฺส เนว สตฺตา ปริยาทานํ คจฺฉนฺติ. อิเมหิ ปน ทฺวีหิ ปเทหิ น โกจิ สตฺโต อปริยาทินฺโน โหติ. ตสฺมา วุตฺตํ, ‘‘อยํ สงฺเขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิทฺเทโส’’ติ. ตมฺหิ ตมฺหีติ อยํ คติชาติวเสน อเนเกสํ สตฺตนิกายานํ สาธารณนิทฺเทโส. สตฺตนิกาเยติ สาธารณนิทฺเทเสน นิทฺทิฏฺสฺส สรูปนิทสฺสนํ. ชรา ชีรณตาติอาทีสุ ปน ชราติ สภาวนิทฺเทโส. ชีรณตาติ อาการนิทฺเทโส. ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิทฺเทสา, ปจฺฉิมา ทฺเว ปกตินิทฺเทสา. อยฺหิ ชราติ อิมินา ปเทน สภาวโต ทีปิตา, เตนสฺสายํ สภาวนิทฺเทโส ¶ . ชีรณตาติ อิมินา อาการโต, เตนสฺสายํ อาการนิทฺเทโส. ขณฺฑิจฺจนฺติ อิมินา กาลาติกฺกเม ทนฺตนขานํ ขณฺฑิตภาวกรณกิจฺจโต. ปาลิจฺจนฺติ อิมินา เกสโลมานํ ปลิตภาวกรณกิจฺจโต. วลิตฺตจตาติ อิมินา มํสํ ¶ มิลาเปตฺวา ตจวลิภาวกรณกิจฺจโต ทีปิตา. เตนสฺสา อิเม ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิทฺเทสา. เตหิ อิเมสํ วิการานํ ทสฺสนวเสน ¶ ปากฏีภูตา ปากฏชรา ทสฺสิตา. ยเถว หิ อุทกสฺส วา วาตสฺส วา อคฺคิโน วา ติณรุกฺขาทีนํ สํภคฺคปลิภคฺคตาย วา ฌามตาย วา คตมคฺโค ปากโฏ โหติ, น จ โส คตมคฺโค ตาเนว อุทกาทีนิ, เอวเมว ชราย ทนฺตาทีสุ ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คตมคฺโค ปากโฏ, จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวาปิ คยฺหติ น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชรา. น หิ ชรา จกฺขุวิฺเยฺยา โหติ.
อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโกติ อิเมหิ ปน ปเทหิ กาลาติกฺกเมเยว อภิพฺยตฺตาย อายุกฺขย-จกฺขาทิอินฺทฺริย-ปริปากสฺิตาย ปกติยา ทีปิตา. เตนสฺสิเม ปจฺฉิมา ทฺเว ปกตินิทฺเทสาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ยสฺมา ชรํ ปตฺตสฺส อายุ หายติ, ตสฺมา ชรา ‘‘อายุโน สํหานี’’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตา. ยสฺมา จ ทหรกาเล สุปฺปสนฺนานิ สุขุมมฺปิ อตฺตโน วิสยํ สุเขเนว คณฺหนสมตฺถานิ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ชรํ ปตฺตสฺส ปริปกฺกานิ อาลุฬิตานิ อวิสทานิ, โอฬาริกมฺปิ อตฺตโน วิสยํ คเหตุํ อสมตฺถานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อินฺทฺริยานํ ปริปาโก’’ติ ผลูปจาเรเนว วุตฺตา.
สา ปนายํ เอวํ นิทฺทิฏฺา สพฺพาปิ ชรา ปากฏา ปฏิจฺฉนฺนาติ ทุวิธา โหติ. ตตฺถ ทนฺตาทีสุ ขณฺฑาทิภาวทสฺสนโต รูปธมฺเมสุ ชรา ปากฏชรา นาม, อรูปธมฺเมสุ ปน ชรา ตาทิสสฺส วิการสฺส อทสฺสนโต ปฏิจฺฉนฺนชรา นาม. ตตฺถ ยฺวายํ ขณฺฑาทิภาโว ทิสฺสติ, โส ตาทิสานํ ทนฺตาทีนํ สุวิฺเยฺยตฺตา วณฺโณเยว, ตํ จกฺขุนา ทิสฺวา มโนทฺวาเรน จินฺเตตฺวา ‘‘อิเม ทนฺตา ชราย ปหฏา’’ติ ชรํ ชานาติ อุทกฏฺาเน พทฺธานิ โคสีสาทีนิ โอโลเกตฺวา เหฏฺา อุทกสฺส อตฺถิภาวํ ชานนํ วิย. ปุน ¶ อวีจิ สวีจีติ เอวมฺปิ ทุวิธา โหติ. ตตฺถ มณิ-กนก-รชต-ปวาฬจนฺทสูริยาทีนํ วิย มนฺททสกาทีสุ ปาณีนํ วิย จ ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ จ อปาณีนํ วิย อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ ทุวิฺเยฺยตฺตา ชรา อวีจิชรา นาม, นิรนฺตรชราติ อตฺโถ. ตโต อฺเสุ ปน ยถาวุตฺเตสุ อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ สุวิฺเยฺยตฺตา ชรา สวีจิชรา นามาติ เวทิตพฺพา.
อิโต ปรํ เตสํ เตสนฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. จุติ จวนตาติอาทีสุ ปน จุตีติ จวนกวเสน วุจฺจติ, เอกจตุปฺจกฺขนฺธสามฺวจนเมตํ. จวนตาติ ภาววจเนน ลกฺขณนิทสฺสนํ ¶ . เภโทติ จุติกฺขนฺธานํ ¶ ภงฺคุปฺปตฺติปริทีปนํ. อนฺตรธานนฺติ ฆฏสฺเสว ภินฺนสฺส ภินฺนานํ จุติกฺขนฺธานํ เยน เกนจิ ปริยาเยน านาภาวปริทีปนํ. มจฺจุ มรณนฺติ มจฺจุสงฺขาตํ มรณํ, เตน สมุจฺเฉทมรณาทีนิ นิเสเธติ. กาโล นาม อนฺตโก, ตสฺส กิริยา กาลกิริยา. เอวํ เตน โลกสมฺมุติยา มรณํ ทีเปติ.
อิทานิ ปรมตฺเถน ทีเปตุํ ขนฺธานํ เภโทติอาทิมาห. ปรมตฺเถน หิ ขนฺธาเยว ภิชฺชนฺติ, น สตฺโต นาม โกจิ มรติ. ขนฺเธสุ ปน ภิชฺชมาเนสุ สตฺโต มรติ, ภินฺเนสุ มโตติ โวหาโร โหติ. เอตฺถ จ จตุปฺจโวการวเสน ขนฺธานํ เภโท, เอกโวการวเสน กเฬวรสฺส นิกฺเขโป. จตุโวการวเสน จ ขนฺธานํ เภโท, เสสทฺวยวเสน กเฬวรสฺส นิกฺเขโป เวทิตพฺโพ. กสฺมา? ภวทฺวเยปิ รูปกายสงฺขาตสฺส กเฬวรสฺส สพฺภาวโต. อถ วา ยสฺมา จาตุมหาราชิกาทีสุ ขนฺธา ภิชฺชนฺเตว, น กิฺจิ นิกฺขิปติ, ตสฺมา เตสํ วเสน ขนฺธานํ เภโท, มนุสฺสาทีสุ กเฬวรสฺส นิกฺเขโป. เอตฺถ จ กเฬวรสฺส นิกฺเขปการณโต มรณํ ‘‘กเฬวรสฺส นิกฺเขโป’’ติ วุตฺตนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิติ อยฺจ ชรา อิทฺจ มรณํ, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเวติ อิทํ อุภยมฺปิ เอกโต กตฺวา ชรามรณนฺติ กถียติ.
ชาตินิทฺเทเส ¶ ชาติ สฺชาตีติอาทีสุ ชายนฏฺเน ชาติ, สา อปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตา. สฺชายนฏฺเน สฺชาติ, สา ปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตา. โอกฺกมนฏฺเน โอกฺกนฺติ, สา อณฺฑชชลาพุชวเสน ยุตฺตา. เต หิ อณฺฑโกสฺจ วตฺถิโกสฺจ โอกฺกมนฺตา ปวิสนฺตา วิย ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ. อภินิพฺพตฺตนฏฺเน อภินิพฺพตฺติ, สา สํเสทชโอปปาติกวเสน ยุตฺตา. เต หิ ปากฏาเยว หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ. อยํ ตาว โวหารเทสนา.
อิทานิ ปรมตฺถเทสนา โหติ. ขนฺธาเยว หิ ปรมตฺถโต ปาตุภวนฺติ, น สตฺโต. ตตฺถ จ ขนฺธานนฺติ เอกโวการภเว เอกสฺส, จตุโวการภเว จตุนฺนํ, ปฺจโวการภเว ปฺจนฺนมฺปิ คหณํ เวทิตพฺพํ. ปาตุภาโวติ อุปฺปตฺติ. อายตนานนฺติ เอตฺถ ตตฺร ตตฺร อุปฺปชฺชมานายตนวเสน สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ปฏิลาโภติ สนฺตติยํ ปาตุภาโวเยว. ปาตุภวนฺตาเนว ¶ หิ ตานิ ปฏิลทฺธานิ นาม โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ชาตีติ อิมินา ปเทน โวหารโต ปรมตฺถโต จ เทสิตาย ชาติยา นิคมนํ กโรตีติ.
ภวนิทฺเทเส ¶ กามภโวติ กมฺมภโว จ อุปปตฺติภโว จ. ตตฺถ กมฺมภโว นาม กามภวูปคกมฺมเมว. ตฺหิ ตตฺถ อุปปตฺติภวสฺส การณตฺตา ‘‘สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท (ธ. ป. ๑๙๔) ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีนิ (ธ. ป. ๑๑๗) วิย ผลโวหาเรน ภโวติ วุตฺตํ. อุปปตฺติภโว นาม เตน กมฺเมน นิพฺพตฺตํ อุปาทิณฺณกฺขนฺธปฺจกํ. ตฺหิ ตตฺถ ภวตีติ กตฺวา ภโวติ วุตฺตํ. สพฺพถาปิ อิทํ กมฺมฺจ อุปปตฺติฺจ อุภยมฺเปตมิธ ‘‘กามภโว’’ติ วุตฺตํ. เอส นโย รูปารูปภเวสูติ.
อุปาทานนิทฺเทเส กามุปาทานนฺติอาทีสุ วตฺถุกามํ อุปาทิยนฺติ เอเตน, สยํ วา ตํ อุปาทิยตีติ กามุปาทานํ, กาโม จ โส อุปาทานฺจาติ กามุปาทานํ. อุปาทานนฺติ ทฬฺหคฺคหณํ วุจฺจติ. ทฬฺหตฺโถ หิ เอตฺถ อุปสทฺโท อุปายาสอุปกฏฺาทีสุ วิย. ปฺจกามคุณิกราคสฺเสตํ อธิวจนํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ กามุปาทานํ? โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๐; วิภ. ๙๓๘) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ตถา ¶ ทิฏฺิ จ สา อุปาทานฺจาติ ทิฏฺุปาทานํ. อถ วา ทิฏฺึ อุปาทิยติ, อุปาทิยนฺติ วา เอเตน ทิฏฺินฺติ ทิฏฺุปาทานํ. อุปาทิยติ หิ ปุริมทิฏฺึ อุตฺตรทิฏฺิ, อุปาทิยนฺติ จ ตาย ทิฏฺึ. ยถาห – ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๗). สีลพฺพตุปาทานอตฺตวาทุปาทานวชฺชสฺส สพฺพทิฏฺิคตสฺเสตํ อธิวจนํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ ทิฏฺุปาทานํ? นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ตถา สีลพฺพตมุปาทิยนฺติ เอเตน, สยํ วา ตํ อุปาทิยติ, สีลพฺพตฺจ ¶ ตํ อุปาทานฺจาติ วา สีลพฺพตุปาทานํ. โคสีลโควตาทีนิ หิ ‘‘เอวํ สุทฺธี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๒; วิภ. ๙๓๘) อภินิเวสโต สยเมว อุปาทานานีติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ สีลพฺพตุปาทานํ? อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธี’’ติ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อิทานิ วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อุปาทานํ, กึ วทนฺติ อุปาทิยนฺติ วา? อตฺตานํ. อตฺตโน วาทุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานํ. อตฺตวาทมตฺตเมว วา อตฺตาติ ¶ อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อตฺตวาทุปาทานํ. วีสติวตฺถุกาย สกฺกายทิฏฺิยา เอตํ อธิวจนํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ อตฺตวาทุปาทานํ? อิธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ตณฺหานิทฺเทเส รูปตณฺหา…เป… ธมฺมตณฺหาติ เอตํ จกฺขุทฺวาราทีสุ ชวนวีถิยา ปวตฺตาย ตณฺหาย ‘‘เสฏฺิปุตฺโต พฺราหฺมณปุตฺโต’’ติ เอวมาทีสุ ปิติโต นามํ วิย ปิติสทิสารมฺมณโต นามํ. เอตฺถ จ รูปารมฺมณา ตณฺหา, รูเป ตณฺหาติ รูปตณฺหา. สา กามราคภาเวน รูปํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา กามตณฺหา, สสฺสตทิฏฺิสหคตราคภาเวน ‘‘รูปํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสต’’นฺติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา ภวตณฺหา, อุจฺเฉททิฏฺิสหคตราคภาเวน ‘‘รูปํ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ เปจฺจ น ภวตี’’ติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา วิภวตณฺหาติ รูปตณฺหา เอวํ ติวิธา โหติ. ยถา จ รูปตณฺหา, ตถา สทฺทตณฺหาทโยปีติ เอวํ ตานิ อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติ. ตานิ อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฏฺารส, พหิทฺธารูปาทีสุ อฏฺารสาติ ฉตฺตึส. อิติ อตีตานิ ฉตฺตึส, อนาคตานิ ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ¶ ฉตฺตึสาติ เอวํ อฏฺสตํ ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติ. ‘‘อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทาย อสฺมีติ โหติ, อิตฺถสฺมีติ โหตี’’ติ (วิภ. ๙๗๓) วา เอวมาทีนิ อชฺฌตฺติกรูปาทินิสฺสิตานิ อฏฺารส, ‘‘พาหิรสฺส อุปาทาย อิมินา อสฺมีติ โหติ, อิมินา อิตฺถสฺมีติ โหตี’’ติ (วิภ. ๙๗๕) วา เอวมาทีนิ พาหิรรูปาทินิสฺสิตานิ อฏฺารสาติ ¶ ฉตฺตึส, อิติ อตีตานิ ฉตฺตึส, อนาคตานิ ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ฉตฺตึสาติ เอวมฺปิ อฏฺสตํ ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติ. ปุน สงฺคเห กริยมาเน รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ฉเฬว ตณฺหากายา ติสฺโสเยว กามตณฺหาทโย โหนฺตีติ. เอวํ –
‘‘นิทฺเทสตฺเถน นิทฺเทส, วิตฺถารา วิตฺถารสฺส จ;
ปุน สงฺคหโต ตณฺหา, วิฺาตพฺพา วิภาวินา’’ติ.
เวทนานิทฺเทเส เวทนากายาติ เวทนาสมูหา. จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา…เป… มโนสมฺผสฺสชาเวทนาติ เอตํ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชาเวทนา อตฺถิ กุสลา, อตฺถิ อกุสลา, อตฺถิ อพฺยากตา’’ติ เอวํ วิภงฺเค (วิภ. ๓๔) อาคตตฺตา จกฺขุทฺวาราทีสุ ปวตฺตานํ กุสลากุสลาพฺยากตเวทนานํ ‘‘สาริปุตฺโต มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ เอวมาทีสุ มาติโต นามํ วิย มาติสทิสโต ¶ วตฺถุโต นามํ. วจนตฺโถ ปเนตฺถ – จกฺขุสมฺผสฺสเหตุ ชาตา เวทนา จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนาติ. เอเสว นโย สพฺพตฺถ. อยํ ตาเวตฺถ สพฺพสงฺคาหิกา กถา. วิปากวเสน ปน จกฺขุทฺวาเร ทฺเว จกฺขุวิฺาณานิ, ทฺเว มโนธาตุโย, ติสฺโส มโนวิฺาณธาตุโยติ เอตาหิ สมฺปยุตฺตวเสน เวทนา เวทิตพฺพา. เอเสว นโย โสตทฺวาราทีสุ. มโนทฺวาเร มโนวิฺาณธาตุสมฺปยุตฺตาว.
ผสฺสนิทฺเทเส จกฺขุสมฺผสฺโสติ จกฺขุมฺหิ สมฺผสฺโส. เอส นโย สพฺพตฺถ. จกฺขุสมฺผสฺโส…เป… กายสมฺผสฺโสติ เอตฺตาวตา จ กุสลากุสลวิปากา ปฺจวตฺถุกา ทส ผสฺสา วุตฺตา โหนฺติ. มโนสมฺผสฺโสติ อิมินา เสสพาวีสติโลกิยวิปากมนสมฺปยุตฺตา ผสฺสา.
สฬายตนนิทฺเทเส จกฺขายตนนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค ขนฺธนิทฺเทเส เจว อายตนนิทฺเทเส จ วุตฺตเมว.
นามรูปนิทฺเทเส ¶ นมนลกฺขณํ นามํ. รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ. วิภชเน ปนสฺส เวทนาติ เวทนากฺขนฺโธ, สฺาติ สฺากฺขนฺโธ, เจตนา ผสฺโส มนสิกาโรติ สงฺขารกฺขนฺโธ เวทิตพฺโพ. กามฺจ อฺเปิ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิตา ธมฺมา สนฺติ, อิเม ปน ตโย สพฺพทุพฺพเลสุปิ จิตฺเตสุ สนฺติ, ตสฺมา เอเตสํเยว ¶ วเสเนตฺถ สงฺขารกฺขนฺโธ ทสฺสิโต. จตฺตาโร จ มหาภูตาติ เอตฺถ จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท. มหาภูตาติ ปถวีอาปเตชวายานเมตํ อธิวจนํ. เยน ปน การเณน ตานิ มหาภูตานีติ วุจฺจนฺติ, โย เจตฺถ อฺโ วินิจฺฉยนโย, โส สพฺโพ วิสุทฺธิมคฺเค รูปกฺขนฺธนิทฺเทเส วุตฺโต. จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายาติ เอตฺถ ปน จตุนฺนนฺติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, จตฺตาริ มหาภูตานีติ วุตฺตํ โหติ. อุปาทายาติ อุปาทิยิตฺวา, คเหตฺวาติ อตฺโถ. นิสฺสายาติปิ เอเก. ‘‘วตฺตมาน’’นฺติ อยฺเจตฺถ ปาเสโส. สมูหตฺเถ วา เอตํ สามิวจนํ, จตุนฺนํ มหาภูตานํ สมูหํ อุปาทาย วตฺตมานํ รูปนฺติ เอตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวํ สพฺพถาปิ ยานิ จ จตฺตาริ ปถวีอาทีนิ มหาภูตานิ, ยฺจ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วตฺตมานํ จกฺขายตนาทิเภเทน อภิธมฺมปาฬิยเมว วุตฺตํ เตวีสติวิธํ รูปํ, ตํ สพฺพมฺปิ รูปนฺติ เวทิตพฺพํ.
วิฺาณนิทฺเทเส ¶ จกฺขุวิฺาณนฺติ จกฺขุมฺหิ วิฺาณํ, จกฺขุโต วา ชาตํ วิฺาณนฺติ จกฺขุวิฺาณํ. เอวํ โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณานิ. อิตรํ ปน มโนเยว วิฺาณนฺติ มโนวิฺาณํ. ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺชิตเตภูมกวิปากจิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ.
สงฺขารนิทฺเทเส อภิสงฺขรณลกฺขโณ สงฺขาโร. วิภชเน ปนสฺส กายสงฺขาโรติ กายโต ปวตฺตสงฺขาโร. กายทฺวาเร โจปนวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรกุสลโต อฏฺนฺนํ, อกุสลโต ทฺวาทสนฺนนฺติ วีสติยา กายสฺเจตนานเมตํ อธิวจนํ. วจีสงฺขาโรติ วจนโต ปวตฺตสงฺขาโร, วจีทฺวาเร วจนเภทวเสน ปวตฺตานํ วีสติยา เอว วจีสฺเจตนานเมตํ อธิวจนํ. จิตฺตสงฺขาโรติ จิตฺตโต ปวตฺตสงฺขาโร, กายวจีทฺวาเร โจปนํ อกตฺวา รโห นิสีทิตฺวา จินฺเตนฺตสฺส ปวตฺตานํ โลกิยกุสลากุสลวเสน เอกูนตึสมโนสฺเจตนานเมตํ อธิวจนํ.
อวิชฺชานิทฺเทเส ¶ ทุกฺเข อฺาณนฺติ ทุกฺขสจฺเจ อฺาณํ, โมหสฺเสตํ อธิวจนํ. เอส นโย ทุกฺขสมุทเย อฺาณนฺติอาทีสุ. ตตฺถ จตูหิ การเณหิ ทุกฺเข อฺาณํ เวทิตพฺพํ อนฺโตคธโต วตฺถุโต อารมฺมณโต ปฏิจฺฉาทนโต จ. ตถา ¶ หิ ตํ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนตฺตา ทุกฺเข อนฺโตคธํ, ทุกฺขสจฺจฺจสฺส นิสฺสยปจฺจยภาเวน วตฺถุ, อารมฺมณปจฺจยภาเวน อารมฺมณํ, ทุกฺขสจฺจํ เอตํ ปฏิจฺฉาเทติ ตสฺส ยาถาวลกฺขณปฏิเวธนิวารเณน าณปฺปวตฺติยา เจตฺถ อปฺปทาเนน.
ทุกฺขสมุทเย อฺาณํ ตีหิ การเณหิ เวทิตพฺพํ วตฺถุโต อารมฺมณโต ปฏิจฺฉาทนโต จ. นิโรเธ ปฏิปทาย จ อฺาณํ เอเกเนว การเณน เวทิตพฺพํ ปฏิจฺฉาทนโต. นิโรธปฏิปทานฺหิ ปฏิจฺฉาทกเมว อฺาณํ เตสํ ยาถาวลกฺขณปฏิเวธนิวารเณน เตสุ จ าณปฺปวตฺติยา อปฺปทาเนน. น ปน ตํ ตตฺถ อนฺโตคธํ ตสฺมึ สจฺจทฺวเย อปริยาปนฺนตฺตา, น ตสฺส ตํ สจฺจทฺวยํ วตฺถุ อสหชาตตฺตา, นารมฺมณํ, ตทารพฺภ อปฺปวตฺตนโต. ปจฺฉิมฺหิ สจฺจทฺวยํ คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสํ, น ตตฺถ อนฺธภูตํ อฺาณํ ปวตฺตติ. ปุริมํ ปน วจนียตฺเตน สภาวลกฺขณสฺส ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรํ, ตตฺถ วิปลฺลาสคาหวเสน ปวตฺตติ.
อปิจ ‘‘ทุกฺเข’’ติ เอตฺตาวตา สงฺคหโต วตฺถุโต อารมฺมณโต กิจฺจโต จ อวิชฺชา ทีปิตา. ‘‘ทุกฺขสมุทเย’’ติ เอตฺตาวตา วตฺถุโต อารมฺมณโต กิจฺจโต จ. ‘‘ทุกฺขนิโรเธ ทุกฺขนิโรธคามินิยา ¶ ปฏิปทายา’’ติ เอตฺตาวตา กิจฺจโต. อวิเสสโต ปน ‘‘อฺาณ’’นฺติ เอเตน สภาวโต นิทฺทิฏฺาติ าตพฺพา.
อิติ โข, ภิกฺขเวติ เอวํ โข, ภิกฺขเว. นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหติ. อปิเจตฺถ สพฺเพเหว เตหิ นิโรธปเทหิ นิพฺพานํ เทสิตํ. นิพฺพานฺหิ อาคมฺม เต เต ธมฺมา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา ตํ เตสํ เตสํ นิโรโธติ วุจฺจติ. อิติ ภควา อิมสฺมึ สุตฺเต ทฺวาทสหิ ปเทหิ วฏฺฏวิวฏฺฏํ เทเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺเปสิ. เทสนาปริโยสาเน วุตฺตนเยเนว ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
วิภงฺคสุตฺตํ ทุติยํ.
๓. ปฏิปทาสุตฺตวณฺณนา
๓. ตติเย ¶ ¶ มิจฺฉาปฏิปทนฺติ อยํ ตาว อนิยฺยานิกปฏิปทา. นนุ จ อวิชฺชาปจฺจยา ปฺุาภิสงฺขาโรปิ อตฺถิ อาเนฺชาภิสงฺขาโรปิ, โส กถํ มิจฺฉาปฏิปทา โหตีติ. วฏฺฏสีสตฺตา. ยฺหิ กิฺจิ ภวตฺตยสงฺขาตํ วฏฺฏํ ปตฺเถตฺวา ปวตฺติตํ, อนฺตมโส ปฺจาภิฺา อฏฺ วา ปน สมาปตฺติโย, สพฺพํ ตํ วฏฺฏปกฺขิยํ วฏฺฏสีสนฺติ วฏฺฏสีสตฺตา มิจฺฉาปฏิปทาว โหติ. ยํ ปน กิฺจิ วิวฏฺฏํ นิพฺพานํ ปตฺเถตฺวา ปวตฺติตํ, อนฺตมโส อุฬุงฺกยาคุมตฺตทานมฺปิ ปณฺณมุฏฺิทานมตฺตมฺปิ, สพฺพํ ตํ วิวฏฺฏปกฺขิยํ วิวฏฺฏนิสฺสิตํ, วิวฏฺฏปกฺขิกตฺตา สมฺมาปฏิปทาว โหติ. อปฺปมตฺตกมฺปิ หิ ปณฺณมุฏฺิมตฺตทานกุสลํ วา โหตุ มหนฺตํ เวลามทานาทิกุสลํ วา, สเจ วฏฺฏสมฺปตฺตึ ปตฺเถตฺวา วฏฺฏนิสฺสิตวเสน มิจฺฉา ปิตํ โหติ, วฏฺฏเมว อาหริตุํ สกฺโกติ, โน วิวฏฺฏํ. ‘‘อิทํ เม ทานํ อาสวกฺขยาวหํ โหตู’’ติ เอวํ ปน วิวฏฺฏํ ปตฺเถนฺเตน วิวฏฺฏวเสน สมฺมา ปิตํ อรหตฺตมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณมฺปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ ทาตุํ สกฺโกติเยว, น อรหตฺตํ อปฺปตฺวา ปริโยสานํ คจฺฉติ. อิติ อนุโลมวเสน มิจฺฉาปฏิปทา, ปฏิโลมวเสน สมฺมาปฏิปทา เทสิตาติ เวทิตพฺพา. นนุ เจตฺถ ปฏิปทา ปุจฺฉิตา, นิพฺพานํ ภาชิตํ, นิยฺยาตเนปิ ปฏิปทาว นิยฺยาติตา. น จ นิพฺพานสฺส ปฏิปทาติ นามํ, สวิปสฺสนานํ ปน จตุนฺนํ มคฺคานเมตํ นามํ, ตสฺมา ปุจฺฉานิยฺยาตเนหิ ปทภาชนํ น สเมตีติ. โน น สเมติ, กสฺมา? ผเลน ปฏิปทาย ทสฺสิตตฺตา. ผเลน เหตฺถ ปฏิปทา ทสฺสิตา. ‘‘อวิชฺชาย ตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติ ¶ เอตํ นิโรธสงฺขาตํ นิพฺพานํ ยสฺสา ปฏิปทาย ผลํ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาปฏิปทาติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ อเสสวิราคนิโรธาติ เอตฺถ วิราโค นิโรธสฺเสว เววจนํ, อเสสวิราคา อเสสนิโรธาติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. เยน วา วิราคสงฺขาเตน มคฺเคน อเสสนิโรโธ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ เอตํ ปทภาชนํ วุตฺตํ. เอวฺหิ สติ สานุภาวา ปฏิปทา วิภตฺตา โหติ. อิติ อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตนฺติ. ตติยํ.
๔. วิปสฺสีสุตฺตวณฺณนา
๔. จตุตฺเถ ¶ วิปสฺสิสฺสาติ ตสฺส กิร โพธิสตฺตสฺส ยถา โลกิยมนุสฺสานํ กิฺจิเทว ปสฺสนฺตานํ ปริตฺตกมฺมาภินิพฺพตฺตสฺส กมฺมชปสาทสฺส ทุพฺพลตฺตา อกฺขีนิ วิปฺผนฺทนฺติ ¶ , น เอวํ วิปฺผนฺทึสุ. พลวกมฺมนิพฺพตฺตสฺส ปน กมฺมชปสาทสฺส พลวตฺตา อวิปฺผนฺทนฺเตหิ อนิมิเสหิ เอว อกฺขีหิ ปสฺสิ เสยฺยถาปิ เทวา ตาวตึสา. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนิมิสนฺโต กุมาโร เปกฺขตีติ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ‘วิปสฺสี วิปสฺสี’ตฺเวว สมฺา อุทปาที’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐). อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อนฺตรนฺตรา นิมิสชนิตนฺธการวิรเหน วิสุทฺธํ ปสฺสติ, วิวเฏหิ วา อกฺขีหิ ปสฺสตีติ วิปสฺสี. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ปจฺฉิมภวิกานํ สพฺพโพธิสตฺตานํ พลวกมฺมนิพฺพตฺตสฺส กมฺมชปสาทสฺส พลวตฺตา อกฺขีนิ น วิปฺผนฺทนฺติ, โส ปน โพธิสตฺโต เอเตเนว นามํ ลภิ.
อปิจ วิเจยฺย วิเจยฺย ปสฺสตีติ วิปสฺสี, วิจินิตฺวา วิจินิตฺวา ปสฺสตีติ อตฺโถ. เอกทิวสํ กิร วินิจฺฉยฏฺาเน นิสีทิตฺวา อตฺเถ อนุสาสนฺตสฺส รฺโ อลงฺกตปฏิยตฺตํ มหาปุริสํ อาหริตฺวา องฺเก ปยึสุ. ตสฺส ตํ องฺเก กตฺวา ปลาฬยมานสฺเสว อมจฺจา สามิกํ อสฺสามิกํ อกํสุ. โพธิสตฺโต อนตฺตมนสทฺทํ นิจฺฉาเรสิ. ราชา ‘‘กิเมตํ อุปธาเรถา’’ติ อาห. อุปธารยมานา อฺํ อทิสฺวา ‘‘อฏฺฏสฺส ทุพฺพินิจฺฉิตตฺตา เอวํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ ปุน สามิกเมว สามิกํ กตฺวา ‘‘ตฺวา นุ โข กุมาโร เอวํ กโรตี’’ติ? วีมํสนฺตา ปุน สามิกํ อสฺสามิกมกํสุ. ปุน โพธิสตฺโต ตเถว สทฺทํ นิจฺฉาเรสิ. อถ ราชา ‘‘ชานาติ มหาปุริโส’’ติ ตโต ปฏฺาย อปฺปมตฺโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิเจยฺย วิเจยฺย กุมาโร อตฺเถ ปนายติ าเยนาติ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย ‘วิปสฺสี วิปสฺสี’ตฺเวว สมฺา อุทปาที’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๑).
ภควโตติ ¶ ภาคฺยสมฺปนฺนสฺส. อรหโตติ ราคาทิอรีนํ หตตฺตา, สํสารจกฺกสฺส วา อรานํ หตตฺตา, ปจฺจยานํ วา อรหตฺตา อรหาติ เอวํ คุณโต อุปฺปนฺนนามเธยฺยสฺส. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสาติ สมฺมา นเยน เหตุนา สามํ ¶ ปจฺจตฺตปุริสกาเรน จตฺตาริ สจฺจานิ พุทฺธสฺส. ปุพฺเพว สมฺโพธาติ ¶ สมฺโพโธ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณํ, ตโต ปุพฺเพว. โพธิสตฺตสฺเสว สโตติ เอตฺถ โพธีติ าณํ, โพธิมา สตฺโต โพธิสตฺโต, าณวา ปฺวา ปณฺฑิโตติ อตฺโถ. ปุริมพุทฺธานฺหิ ปาทมูเล อภินีหารโต ปฏฺาย ปณฺฑิโตว โส สตฺโต, น อนฺธพาโลติ โพธิสตฺโต. ยถา วา อุทกโต อุคฺคนฺตฺวา ิตํ ปริปากคตํ ปทุมํ สูริยรสฺมิสมฺผสฺเสน อวสฺสํ พุชฺฌิสฺสตีติ พุชฺฌนกปทุมนฺติ วุจฺจติ, เอวํ พุทฺธานํ สนฺติเก พฺยากรณสฺส ลทฺธตฺตา อวสฺสํ อนนฺตราเยน ปารมิโย ปูเรตฺวา พุชฺฌิสฺสตีติ พุชฺฌนกสตฺโตติปิ โพธิสตฺโต. ยา จ เอสา จตุมคฺคาณสงฺขาตา โพธิ, ตํ ปตฺถยมาโน ปวตฺตตีติ โพธิยํ สตฺโต อาสตฺโตติปิ โพธิสตฺโต. เอวํ คุณโต อุปฺปนฺนนามวเสน โพธิสตฺตสฺเสว สโต. กิจฺฉนฺติ ทุกฺขํ. อาปนฺโนติ อนุปฺปตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อโห อยํ สตฺตโลโก ทุกฺขํ อนุปฺปตฺโตติ. จวติ จ อุปปชฺชติ จาติ อิทํ อปราปรํ จุติปฏิสนฺธิวเสน วุตฺตํ. นิสฺสรณนฺติ นิพฺพานํ. ตฺหิ ชรามรณทุกฺขโต นิสฺสฏตฺตา ตสฺส นิสฺสรณนฺติ วุจฺจติ. กุทาสฺสุ นามาติ กตรสฺมึ นุ โข กาเล.
โยนิโส มนสิการาติ อุปายมนสิกาเรน ปถมนสิกาเรน. อหุ ปฺาย อภิสมโยติ ปฺาย สทฺธึ ชรามรณการณสฺส อภิสมโย สมวาโย สมาโยโค อโหสิ, ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ อิทํ เตน ทิฏฺนฺติ อตฺโถ. อถ วา โยนิโส มนสิการา อหุ ปฺายาติ โยนิโส มนสิกาเรน จ ปฺาย จ อภิสมโย อหุ. ‘‘ชาติยา โข สติ ชรามรณ’’นฺติ, เอวํ ชรามรณการณสฺส ปฏิเวโธ อโหสีติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
อิติ หิทนฺติ เอวมิทํ. สมุทโย สมุทโยติ เอกาทสสุ าเนสุ ¶ สงฺขาราทีนํ สมุทยํ สมฺปิณฺเฑตฺวา นิทฺทิสติ. ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสูติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารานํ สมุทโย โหตี’’ติ. เอวํ อิโต ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ, จตูสุ วา อริยสจฺจธมฺเมสุ. จกฺขุนฺติอาทีนิ าณเววจนาเนว. าณเมว เหตฺถ ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ, าตฏฺเน าณํ, ปชานนฏฺเน ปฺา, ปฏิเวธนฏฺเน วิชฺชา, โอภาสนฏฺเน อาโลโกติ วุตฺตํ ¶ . ตํ ปเนตํ จตูสุ สจฺเจสุ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ¶ นิทฺทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. นิโรธวาเรปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. จตุตฺถํ.
๕-๑๐. สิขีสุตฺตาทิวณฺณนา
๕-๑๐. ปฺจมาทีสุ สิขิสฺส, ภิกฺขเวติอาทีนํ ปทานํ ‘‘สิขิสฺสปิ, ภิกฺขเว’’ติ น เอวํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กสฺมา? เอกาสเน อเทสิตตฺตา. นานาาเนสุ หิ เอตานิ เทสิตานิ, อตฺโถ ปน สพฺพตฺถ สทิโสเยว. สพฺพโพธิสตฺตานฺหิ โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺนานํ น อฺโ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา อาจิกฺขติ – ‘‘อตีเต โพธิสตฺตา ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา พุทฺธา ชาตา’’ติ. ยถา ปน ปมกปฺปิกกาเล เทเว วุฏฺเ อุทกสฺส คตมคฺเคเนว อปราปรํ วุฏฺิอุทกํ คจฺฉติ, เอวํ เตหิ เตหิ ปุริมพุทฺเธหิ คตมคฺเคเนว ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา คจฺฉนฺติ. สพฺพโพธิสตฺตา หิ อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺาย ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา ตํ อนุโลมปฏิโลมํ สมฺมสิตฺวา พุทฺธา โหนฺตีติ ปฏิปาฏิยา สตฺตสุ สุตฺเตสุ พุทฺธวิปสฺสนา นาม กถิตาติ.
พุทฺธวคฺโค ปโม.
๒. อาหารวคฺโค
๑. อาหารสุตฺตวณฺณนา
๑๑. อาหารวคฺคสฺส ปเม อาหาราติ ปจฺจยา. ปจฺจยา หิ อาหรนฺติ อตฺตโน ผลํ, ตสฺมา อาหาราติ วุจฺจนฺติ. ภูตานํ วา สตฺตานนฺติอาทีสุ ภูตาติ ชาตา นิพฺพตฺตา. สมฺภเวสิโนติ เย สมฺภวํ ชาตึ นิพฺพตฺตึ เอสนฺติ คเวสนฺติ. ตตฺถ จตูสุ โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ ¶ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นาม, อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ ภินฺทิตฺวา พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นาม. สํเสทชา โอปปาติกา จ ปมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสิโน นาม, ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปภุติ ภูตา นาม. เยน วา อิริยาปเถน ¶ ชายนฺติ, ยาว ตโต อฺํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นาม, ตโต ปรํ ภูตา นาม. อถ วา ภูตาติ ชาตา อภินิพฺพตฺตา, เย ภูตา อภินิพฺพตฺตาเยว, น ปุน ¶ ภวิสฺสนฺตีติ สงฺขํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ขีณาสวานํ เอตํ อธิวจนํ. สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสิโน. อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา อายติมฺปิ สมฺภวํ เอสนฺตานํ เสกฺขปุถุชฺชนานเมตํ อธิวจนํ. เอวํ สพฺพถาปิ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสตฺเต ปริยาทิยติ. วาสทฺโท เจตฺถ สมฺปิณฺฑนตฺโถ, ตสฺมา ภูตานฺจ สมฺภเวสีนฺจาติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ิติยาติ ิตตฺถํ. อนุคฺคหายาติ อนุคฺคหตฺถํ. วจนเภโทเยว เจส, อตฺโถ ปน ทฺวินฺนมฺปิ ปทานํ เอโกเยว. อถ วา ิติยาติ ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส อุปฺปนฺนธมฺมานํ อนุปฺปพนฺธวเสน อวิจฺเฉทาย. อนุคฺคหายาติ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทาย. อุโภปิ เจตานิ ‘‘ภูตานํ วา ิติยา เจว อนุคฺคหาย จ, สมฺภเวสีนํ วา ิติยา เจว อนุคฺคหาย จา’’ติ เอวํ อุภยตฺถ ทฏฺพฺพานีติ.
กพฬีกาโร อาหาโรติ กพฬํ กตฺวา อชฺโฌหริตพฺพโก อาหาโร, โอทนกุมฺมาสาทิวตฺถุกาย โอชาเยตํ อธิวจนํ. โอฬาริโก วา สุขุโม วาติ วตฺถุโอฬาริกตาย โอฬาริโก, สุขุมตาย สุขุโม. สภาเวน ปน สุขุมรูปปริยาปนฺนตฺตา กพฬีกาโร อาหาโร สุขุโมว โหติ. สาปิ จสฺส วตฺถุโต โอฬาริกตา สุขุมตา จ อุปาทายุปาทาย เวทิตพฺพา. กุมฺภีลานฺหิ อาหารํ อุปาทาย โมรานํ อาหาโร สุขุโม. กุมฺภีลา กิร ปาสาเณ คิลนฺติ, เต จ เนสํ กุจฺฉิปฺปตฺตา วิลียนฺติ. โมรา สปฺปวิจฺฉิกาทิปาเณ ขาทนฺติ. โมรานํ ปน อาหารํ อุปาทาย ตรจฺฉานํ อาหาโร สุขุโม. เต กิร ติวสฺสฉฑฺฑิตานิ วิสาณานิ เจว อฏฺีนิ จ ขาทนฺติ, ตานิ จ เนสํ เขเฬน เตมิตมตฺตาเนว กนฺทมูลํ วิย มุทุกานิ โหนฺติ. ตรจฺฉานํ อาหารํ อุปาทาย ¶ หตฺถีนํ อาหาโร สุขุโม. เต หิ นานารุกฺขสาขาทโย ขาทนฺติ. หตฺถีนํ อาหารโต ควยโคกณฺณมิคาทีนํ อาหาโร สุขุโม. เต กิร นิสฺสารานิ นานารุกฺขปณฺณาทีนิ ขาทนฺติ. เตสมฺปิ อาหารโต คุนฺนํ อาหาโร สุขุโม. เต อลฺลสุกฺขติณานิ ขาทนฺติ. เตสํ อาหารโต สสานํ อาหาโร สุขุโม. สสานํ อาหารโต สกุณานํ อาหาโร สุขุโม. สกุณานํ อาหารโต ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหาโร สุขุโม. ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหารโต คามโภชกานํ อาหาโร ¶ สุขุโม. คามโภชกานํ อาหารโต ราชราชมหามตฺตานํ อาหาโร สุขุโม. เตสมฺปิ อาหารโต จกฺกวตฺติโน อาหาโร สุขุโม. จกฺกวตฺติโน ¶ อาหารโต ภุมฺมานํ เทวานํ อาหาโร สุขุโม. ภุมฺมานํ เทวานํ อาหารโต จาตุมหาราชิกานํ. เอวํ ยาว ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ อาหารา วิตฺถาเรตพฺพา. เตสํ ปนาหาโร สุขุโมตฺเวว นิฏฺํ ปตฺโต.
เอตฺถ จ โอฬาริเก วตฺถุสฺมึ โอชา ปริตฺตา โหติ ทุพฺพลา, สุขุเม พลวตี. ตถา หิ เอกปตฺตปูรมฺปิ ยาคุํ ปีโต มุหุตฺเตเนว ชิฆจฺฉิโต โหติ ยํกิฺจิเทว ขาทิตุกาโม, สปฺปึ ปน ปสตมตฺตํ ปิวิตฺวา ทิวสํ อโภตฺตุกาโม โหติ. ตตฺถ วตฺถุ กมฺมชเตชสงฺขาตํ ปริสฺสยํ วิโนเทติ, น ปน สกฺโกติ ปาเลตุํ. โอชา ปน ปาเลติ, น สกฺโกติ ปริสฺสยํ วิโนเทตุํ. ทฺเว ปน เอกโต หุตฺวา ปริสฺสยฺเจว วิโนเทนฺติ ปาเลนฺติ จาติ.
ผสฺโส ทุติโยติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิ ฉพฺพิโธปิ ผสฺโส เอเตสุ จตูสุ อาหาเรสุ ทุติโย อาหาโรติ เวทิตพฺโพ. เทสนานโย เอว เจส, ตสฺมา อิมินา นาม การเณน ทุติโย ตติโย จาติ อิทเมตฺถ น คเวสิตพฺพํ. มโนสฺเจตนาติ เจตนาว วุจฺจติ. วิฺาณนฺติ จิตฺตํ. อิติ ภควา อิมสฺมึ าเน อุปาทิณฺณกอนุปาทิณฺณกวเสน เอกราสึ กตฺวา จตฺตาโร อาหาเร ทสฺเสสิ. กพฬีการาหาโร หิ อุปาทิณฺณโกปิ อตฺถิ อนุปาทิณฺณโกปิ, ตถา ผสฺสาทโย. ตตฺถ สปฺปาทีหิ คิลิตานํ มณฺฑูกาทีนํ วเสน อุปาทิณฺณกกพฬีการาหาโร ทฏฺพฺโพ. มณฺฑูกาทโย หิ สปฺปาทีหิ คิลิตา อนฺโตกุจฺฉิคตาปิ กิฺจิ กาลํ ชีวนฺติเยว. เต ยาว อุปาทิณฺณกปกฺเข ติฏฺนฺติ, ตาว อาหารตฺถํ น สาเธนฺติ ¶ . ภิชฺชิตฺวา ปน อนุปาทิณฺณกปกฺเข ิตา สาเธนฺติ. ตทาปิ อุปาทิณฺณกาหาโรติ วุจฺจนฺตีติ. อิทํ ปน อาจริยานํ น รุจฺจตีติ อฏฺกถายเมว ปฏิกฺขิปิตฺวา อิทํ วุตฺตํ – อิเมสํ สตฺตานํ ขาทนฺตานมฺปิ อขาทนฺตานมฺปิ ภฺุชนฺตานมฺปิ อภฺุชนฺตานมฺปิ ปฏิสนฺธิจิตฺเตเนว สหชาตา กมฺมชา โอชา นาม อตฺถิ, สา ยาวปิ สตฺตมา ทิวสา ปาเลติ, อยเมว ¶ อุปาทิณฺณกกพฬีการาหาโรติ เวทิตพฺโพ. เตภูมกวิปากวเสน ปน อุปาทิณฺณกผสฺสาทโย เวทิตพฺพา, เตภูมกกุสลากุสลกิริยวเสน อนุปาทิณฺณกา. โลกุตฺตรา ปน รุฬฺหีวเสน กถิตาติ.
เอตฺถาห – ‘‘ยทิ ปจฺจยฏฺโ อาหารฏฺโ, อถ กสฺมา อฺเสุปิ สตฺตานํ ปจฺจเยสุ วิชฺชมาเนสุ อิเมเยว จตฺตาโร วุตฺตา’’ติ? วุจฺจเต – อชฺฌตฺติกสนฺตติยา วิเสสปจฺจยตฺตา. วิเสสปจฺจโย หิ กพฬีการาหารภกฺขานํ สตฺตานํ รูปกายสฺส กพฬีกาโร อาหาโร, นามกาเย ¶ เวทนาย ผสฺโส, วิฺาณสฺส มโนสฺเจตนา, นามรูปสฺส วิฺาณํ. ยถาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อยํ กาโย อาหารฏฺิติโก อาหารํ ปฏิจฺจ ติฏฺติ, อนาหาโร โน ติฏฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓), ตถา ผสฺสปจฺจยา เวทนา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑; วิภ. ๒๒๕).
โก ปเนตฺถ อาหาโร กึ อาหรตีติ? กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกรูปานิ อาหรติ ผสฺสาหาโร ติสฺโส เวทนา, มโนสฺเจตนาหาโร ตโย ภเว, วิฺาณาหาโร ปฏิสนฺธินามรูปนฺติ.
กถํ? กพฬีการาหาโร ตาว มุเข ปิตมตฺเตเยว อฏฺ รูปานิ สมุฏฺาเปติ, ทนฺตวิจุณฺณิตํ ปน อชฺโฌหริยมานํ เอเกกํ สิตฺถํ อฏฺฏฺรูปานิ สมุฏฺาเปติเยว. เอวํ กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกรูปานิ อาหรติ. ผสฺสาหาโร ปน สุขเวทนีโย ผสฺโส อุปฺปชฺชมาโนเยว สุขํ เวทนํ อาหรติ, ทุกฺขเวทนีโย ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขเวทนีโย อทุกฺขมสุขนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ ผสฺสาหาโร ติสฺโส เวทนา อาหรติ.
มโนสฺเจตนาหาโร กามภวูปคํ กมฺมํ กามภวํ อาหรติ, รูปารูปภวูปคานิ ตํ ตํ ภวํ. เอวํ สพฺพถาปิ มโนสฺเจตนาหาโร ตโย ภเว อาหรติ. วิฺาณาหาโร ปน เย ¶ จ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตํสมฺปยุตฺตกา ตโย ขนฺธา, ยานิ จ ติสนฺตติวเสน ตึส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สหชาตาทิปจฺจยนเยน ตานิ อาหรตีติ วุจฺจติ. เอวํ วิฺาณาหาโร ปฏิสนฺธินามรูปํ อาหรตีติ. เอตฺถ จ ‘‘มโนสฺเจตนา ตโย ภเว อาหรตี’’ติ สาสวกุสลากุสลเจตนาว วุตฺตา. ‘‘วิฺาณํ ¶ ปฏิสนฺธินามรูปํ อาหรตี’’ติ ปฏิสนฺธิวิฺาณเมว วุตฺตํ. อวิเสเสน ปน ตํสมฺปยุตฺตตํสมุฏฺานธมฺมานํ อาหรณโตเปเต ‘‘อาหารา’’ติ เวทิตพฺพา.
เอเตสุ จตูสุ อาหาเรสุ กพฬีการาหาโร อุปตฺถมฺเภนฺโต อาหารกิจฺจํ สาเธติ, ผสฺโส ผุสนฺโตเยว มโนสฺเจตนา อายูหมานาว, วิฺาณํ วิชานนฺตเมว. กถํ? กพฬีการาหาโร หิ อุปตฺถมฺเภนฺโตเยว กายฏฺปเนน สตฺตานํ ิติยา โหติ. กมฺมชนิโตปิ หิ อยํ กาโย กพฬีการาหาเรน อุปตฺถทฺโธ ทสปิ วสฺสานิ วสฺสสตมฺปิ ยาว อายุปริมาณา ติฏฺติ. ยถา กึ ¶ ? ยถา มาตุยา ชนิโตปิ ทารโก ธาติยา ถฺาทีนิ ปาเยตฺวา โปสิยมาโน จิรํ ติฏฺติ, ยถา จ อุปตฺถมฺเภน อุปตฺถมฺภิตํ เคหํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ยถา, มหาราช, เคเห ปปตนฺเต อฺเน ทารุนา อุปตฺถมฺภิตํ สนฺตํ เอว ตํ เคหํ น ปตติ. เอวเมว โข, มหาราช, อยํ กาโย อาหารฏฺิติโก อาหารํ ปฏิจฺจ ติฏฺตี’’ติ.
เอวํ กพฬีกาโร อาหาโร อุปตฺถมฺเภนฺโต อาหารกิจฺจํ สาเธติ.
เอวํ สาเธนฺโตปิ จ กพฬีกาโร อาหาโร ทฺวินฺนํ รูปสนฺตตีนํ ปจฺจโย โหติ อาหารสมุฏฺานสฺส จ อุปาทิณฺณกสฺส จ. กมฺมชานํ อนุปาลโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, อาหารสมุฏฺานานํ ชนโก หุตฺวาติ. ผสฺโส ปน สุขาทิวตฺถุภูตํ อารมฺมณํ ผุสนฺโตเยว สุขาทิเวทนาปวตฺตเนน สตฺตานํ ิติยา ¶ โหติ. มโนสฺเจตนา กุสลากุสลกมฺมวเสน อายูหมานาเยว ภวมูลนิปฺผาทนโต สตฺตานํ ิติยา โหติ. วิฺาณํ วิชานนฺตเมว นามรูปปฺปวตฺตเนน สตฺตานํ ิติยา โหตีติ.
เอวํ อุปตฺถมฺภนาทิวเสน อาหารกิจฺจํ สาธยมาเนสุ ปเนเตสุ จตฺตาริ ภยานิ ทฏฺพฺพานิ. เสยฺยถิทํ – กพฬีการาหาเร นิกนฺติเยว ภยํ, ผสฺเส อุปคมนเมว, มโนสฺเจตนาย อายูหนเมว, วิฺาเณ อภินิปาโตเยว ภยนฺติ. กึ การณา? กพฬีการาหาเร หิ นิกนฺตึ ¶ กตฺวา สีตาทีนํ ปุรกฺขตา สตฺตา อาหารตฺถาย มุทฺทาคณนาทิกมฺมานิ กโรนฺตา อนปฺปกํ ทุกฺขํ นิคจฺฉนฺติ. เอกจฺเจ จ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ เวชฺชกมฺมาทิกาย อเนสนาย อาหารํ ปริเยสนฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม คารยฺหา โหนฺติ, สมฺปราเยปิ, ‘‘ตสฺส สงฺฆาฏิปิ อาทิตฺตา สมฺปชฺชลิตา’’ติอาทินา ลกฺขณสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๒.๒๑๘) วุตฺตนเยน สมณเปตา โหนฺติ. อิมินา ตาว การเณน กพฬีกาเร อาหาเร นิกนฺติ เอว ภยนฺติ เวทิตพฺพา.
ผสฺสํ อุปคจฺฉนฺตาปิ ผสฺสสฺสาทิโน ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสุ ทาราทีสุ ภณฺเฑสุ อปรชฺฌนฺติ, เต สห ภณฺเฑน ภณฺฑสามิกา คเหตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ วา ฉินฺทิตฺวา สงฺการกูเฏ ฉฑฺเฑนฺติ ¶ , รฺโ วา นิยฺยาเทนฺติ. ตโต เต ราชา วิวิธา กมฺมการณา การาเปติ. กายสฺส จ เภทา ทุคฺคติ เตสํ ปาฏิกงฺขา โหติ. อิติ ผสฺสสฺสาทมูลกํ ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ สพฺพมาคตเมว โหติ. อิมินา การเณน ผสฺสาหาเร อุปคมนเมว ภยนฺติ เวทิตพฺพํ.
กุสลากุสลกมฺมายูหเน ปน ตมฺมูลกํ ตีสุ ภเวสุ ภยํ สพฺพํ อาคตเมว โหติ. อิมินา การเณน มโนสฺเจตนาหาเร อายูหนเมว ภยนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปฏิสนฺธิวิฺาณฺจ ยสฺมึ ยสฺมึ าเน อภินิปตติ, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ปฏิสนฺธินามรูปํ คเหตฺวาว นิพฺพตฺตติ. ตสฺมิฺจ นิพฺพตฺเต สพฺพภยานิ นิพฺพตฺตานิเยว โหนฺติ ตมฺมูลกตฺตาติ อิมินา การเณน วิฺาณาหาเร อภินิปาโตเยว ภยนฺติ เวทิตพฺโพติ.
กึนิทานาติอาทีสุ นิทานาทีนิ สพฺพาเนว การณเววจนานิ. การณฺหิ ยสฺมา ผลํ นิเทติ, ‘‘หนฺท นํ คณฺหถา’’ติ ¶ อปฺเปติ วิย, ตสฺมา นิทานนฺติ วุจฺจติ. ยสฺมา ตํ ตโต สมุเทติ ชายติ ปภวติ, ตสฺมา สมุทโย ชาติ ปภโวติ วุจฺจติ. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺโถ – กึนิทานํ เอเตสนฺติ กึนิทานา. โก สมุทโย เอเตสนฺติ กึสมุทยา. กา ชาติ เอเตสนฺติ กึชาติกา. โก ปภโว เอเตสนฺติ กึปภวา. ยสฺมา ปน เตสํ ตณฺหา ยถาวุตฺเตน อตฺเถน นิทานฺเจว สมุทโย ¶ จ ชาติ จ ปภโว จ, ตสฺมา ‘‘ตณฺหานิทานา’’ติอาทิมาห. เอวํ สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ อิเม จตฺตาโร อาหารา ตณฺหานิทานาติ ปฏิสนฺธึ อาทึ กตฺวา อตฺตภาวสงฺขาตานํ อาหารานํ ปุริมตณฺหานํ วเสน นิทานํ เวทิตพฺพํ. กถํ? ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตาว ปริปุณฺณายตนานํ สตฺตานํ สตฺตสนฺตติวเสน, เสสานํ ตโต อูนอูนสนฺตติวเสน อุปฺปนฺนรูปพฺภนฺตรํ ชาตา โอชา อตฺถิ, อยํ ตณฺหานิทาโน อุปาทิณฺณกกพฬีการาหาโร. ปฏิสนฺธิจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปน ผสฺสเจตนา สยฺจ จิตฺตํ วิฺาณนฺติ อิเม ตณฺหานิทานา อุปาทิณฺณก-ผสฺสมโนสฺเจตนา-วิฺาณาหาราติ เอวํ ตาว ปุริมตณฺหานิทานา ปฏิสนฺธิกา อาหารา. ยถา จ ปฏิสนฺธิกา, เอวํ ตโต ปรํ ปมภวงฺคจิตฺตกฺขณาทินิพฺพตฺตาปิ เวทิตพฺพา.
ยสฺมา ¶ ปน ภควา น เกวลํ อาหารานเมว นิทานํ ชานาติ, อาหารนิทานภูตาย ตณฺหายปิ, ตณฺหาย นิทานานํ เวทนาทีนมฺปิ นิทานํ ชานาติเยว, ตสฺมา ตณฺหา จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทานาติอาทินา นเยน วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา วิวฏฺฏํ ทสฺเสสิ. อิมสฺมิฺจ ปน าเน ภควา อตีตาภิมุขํ เทสนํ กตฺวา อตีเตน วฏฺฏํ ทสฺเสติ. กถํ? อาหารวเสน หิ อยํ อตฺตภาโว คหิโต.
ตณฺหาติ อิมสฺสตฺตภาวสฺส ชนกํ กมฺมํ, เวทนาผสฺสสฬายตนนามรูปวิฺาณานิ ยสฺมึ อตฺตภาเว ตฺวา กมฺมํ อายูหิตํ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตานิ, อวิชฺชาสงฺขารา ตสฺสตฺตภาวสฺส ชนกํ กมฺมํ. อิติ ทฺวีสุ าเนสุ อตฺตภาโว, ทฺวีสุ ตสฺส ชนกํ กมฺมนฺติ สงฺเขเปน กมฺมฺเจว กมฺมวิปากฺจาติ, ทฺเวปิ ธมฺเม ทสฺเสนฺเตน อตีตาภิมุขํ เทสนํ กตฺวา อตีเตน วฏฺฏํ ทสฺสิตํ.
ตตฺรายํ ¶ เทสนา อนาคตสฺส อทสฺสิตตฺตา อปริปุณฺณาติ น ทฏฺพฺพา. นยโต ปน ปริปุณฺณาตฺเวว ทฏฺพฺพา. ยถา หิ จกฺขุมา ปุริโส อุทกปิฏฺเ นิปนฺนํ สุํสุมารํ ทิสฺวา ตสฺส ปรภาคํ โอโลเกนฺโต คีวํ ปสฺเสยฺย, โอรโต ปิฏฺึ, ปริโยสาเน นงฺคุฏฺมูลํ, เหฏฺา กุจฺฉึ โอโลเกนฺโต ปน อุทกคตํ อคฺคนงฺคุฏฺฺเจว จตฺตาโร จ หตฺถปาเท น ปสฺเสยฺย, โส น เอตฺตาวตา ‘‘อปริปุณฺโณ สุํสุมาโร’’ติ คณฺหาติ, นยโต ปน ปริปุณฺโณตฺเวว คณฺหาติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
อุทกปิฏฺเ ¶ นิปนฺนสุํสุมาโร วิย หิ เตภูมกวฏฺฏํ. ตีเร ิโต จกฺขุมา ปุริโส วิย โยคาวจโร. เตน ปุริเสน อุทกปิฏฺเ สุํสุมารสฺส ทิฏฺกาโล วิย โยคินา อาหารวเสน อิมสฺสตฺตภาวสฺส ทิฏฺกาโล. ปรโต คีวาย ทิฏฺกาโล วิย อิมสฺสตฺตภาวสฺส ชนิกาย ตณฺหาย ทิฏฺกาโล. ปิฏฺิยา ทิฏฺกาโล วิย ยสฺมึ อตฺตภาเว ตณฺหาสงฺขาตํ กมฺมํ กตํ, เวทนาทิวเสน ตสฺส ทิฏฺกาโล. นงฺคุฏฺมูลสฺส ทิฏฺกาโล วิย ตสฺสตฺตภาวสฺส ชนกานํ อวิชฺชาสงฺขารานํ ทิฏฺกาโล. เหฏฺา กุจฺฉึ โอโลเกนฺตสฺส ปน อคฺคนงฺคุฏฺฺเจว จตฺตาโร จ หตฺถปาเท อทิสฺวาปิ ‘‘อปริปุณฺโณ สุํสุมาโร’’ติ อคเหตฺวา นยโต ปริปุณฺโณตฺเวว คหณํ วิย ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจยวฏฺฏํ ปาฬิยํ น อาคตํ, ตตฺถ ตตฺถ ‘‘เทสนา อปริปุณฺณา’’ติ อคเหตฺวา นยโต ปริปุณฺณาตฺเวว คหณํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ จ อาหารตณฺหานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, ตณฺหาเวทนานํ ¶ อนฺตเร เอโก, วิฺาณสงฺขารานํ อนฺตเร เอโกติ เอวํ ติสนฺธิจตุสงฺเขปเมว วฏฺฏํ ทสฺสิตนฺติ. ปมํ.
๒. โมฬิยผคฺคุนสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหายาติ อิมสฺมึเยว าเน ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. กสฺมา? ทิฏฺิคติกสฺส นิสินฺนตฺตา. ตสฺสฺหิ ปริสติ โมฬิยผคฺคุโน นาม ภิกฺขุ ทิฏฺิคติโก นิสินฺโน. อถ สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อุฏฺหิตฺวา มํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺสาหํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ ปุจฺฉาย โอกาสทานตฺถํ เทสนํ นิฏฺาเปสิ. โมฬิยผคฺคุโนติ ¶ โมฬีติ จูฬา วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘เฉตฺวาน โมฬึ วรคนฺธวาสิตํ
เวหายสํ อุกฺขิปิ สกฺยปุงฺคโว;
รตนจงฺโกฏวเรน วาสโว,
สหสฺสเนตฺโต สิรสา ปฏิคฺคหี’’ติ.
สา ตสฺส คิหิกาเล มหนฺตา อโหสิ. เตนสฺส ‘‘โมฬิยผคฺคุโน’’ติ สงฺขา อุทปาทิ. ปพฺพชิตมฺปิ นํ เตเนว นาเมน สฺชานนฺติ. เอตทโวจาติ เทสนานุสนฺธึ ฆเฏนฺโต เอตํ ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, วิฺาณาหารํ ¶ อาหาเรตี’’ติ วจนํ อโวจ. ตสฺสตฺโถ – ภนฺเต, โก นาม โส, โย เอตํ วิฺาณาหารํ ขาทติ วา ภฺุชติ วาติ?
กสฺมา ปนายํ อิตเร ตโย อาหาเร อปุจฺฉิตฺวา อิมเมว ปุจฺฉตีติ? ชานามีติ ลทฺธิยา. โส หิ มหนฺเต ปิณฺเฑ กตฺวาว กพฬีการาหารํ ภฺุชนฺเต ปสฺสติ, เตนสฺส ตํ ชานามีติ ลทฺธิ. ติตฺติรวฏฺฏกโมรกุกฺกุฏาทโย ปน มาตุสมฺผสฺเสน ยาเปนฺเต ทิสฺวา ‘‘เอเต ผสฺสาหาเรน ยาเปนฺตี’’ติ ตสฺส ลทฺธิ. กจฺฉปา ปน อตฺตโน อุตุสมเย มหาสมุทฺทโต นิกฺขมิตฺวา สมุทฺทตีเร วาลิกนฺตเร อณฺฑานิ เปตฺวา วาลิกาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา มหาสมุทฺทเมว โอตรนฺติ. ตานิ มาตุอนุสฺสรณวเสน น ปูตีนิ โหนฺติ. ตานิ มโนสฺเจตนาหาเรน ยาเปนฺตีติ ตสฺส ลทฺธิ. กิฺจาปิ เถรสฺส อยํ ลทฺธิ, น ปน เอตาย ลทฺธิยา อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉติ ¶ . ทิฏฺิคติโก หิ อุมฺมตฺตกสทิโส. ยถา อุมฺมตฺตโก ปจฺฉึ คเหตฺวา อนฺตรวีถึ โอติณฺโณ โคมยมฺปิ ปาสาณมฺปิ คูถมฺปิ ขชฺชขณฺฑมฺปิ ตํ ตํ มนาปมฺปิ อมนาปมฺปิ คเหตฺวา ปจฺฉิยํ ปกฺขิปติ. เอวเมว ทิฏฺิคติโก ยุตฺตมฺปิ อยุตฺตมฺปิ ปุจฺฉติ. โส ‘‘กสฺมา อิมํ ปุจฺฉสี’’ติ น นิคฺคเหตพฺโพ, ปุจฺฉิตปุจฺฉิตฏฺาเน ปน คหณเมว ¶ นิเสเธตพฺพํ. เตเนว นํ ภควา ‘‘กสฺมา เอวํ ปุจฺฉสี’’ติ อวตฺวา คหิตคาหเมว ตสฺส โมเจตุํ โน กลฺโล ปฺโหติอาทิมาห.
ตตฺถ โน กลฺโลติ อยุตฺโต. อาหาเรตีติ อหํ น วทามีติ อหํ โกจิ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา อาหาเรตีติ น วทามิ. อาหาเรตีติ จาหํ วเทยฺยนฺติ ยทิ อหํ อาหาเรตีติ วเทยฺยํ. ตตฺรสฺส กลฺโล ปฺโหติ ตสฺมึ มยา เอวํ วุตฺเต อยํ ปฺโห ยุตฺโต ภเวยฺย. กิสฺส นุ โข, ภนฺเต, วิฺาณาหาโรติ, ภนฺเต, อยํ วิฺาณาหาโร กตมสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโยติ อตฺโถ. ตตฺร กลฺลํ เวยฺยากรณนฺติ ตสฺมึ เอวํ ปุจฺฉิเต ปฺเห อิมํ เวยฺยากรณํ ยุตฺตํ ‘‘วิฺาณาหาโร อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา ปจฺจโย’’ติ. เอตฺถ จ วิฺาณาหาโรติ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ. อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ เตเนว วิฺาเณน สหุปฺปนฺนนามรูปํ. ตสฺมึ ภูเต สติ สฬายตนนฺติ ตสฺมึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติสงฺขาเต นามรูเป ชาเต สติ สฬายตนํ โหตีติ อตฺโถ.
สฬายตนปจฺจยา ¶ ผสฺโสติ อิธาปิ ภควา อุตฺตริ ปฺหสฺส โอกาสํ เทนฺโต เทสนํ นิฏฺาเปสิ. ทิฏฺิคติโก หิ นวปุจฺฉํ อุปฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, นิทฺทิฏฺํ นิทฺทิฏฺํเยว ปน คณฺหิตฺวา ปุจฺฉติ, เตนสฺส ภควา โอกาสํ อทาสิ. อตฺโถ ปนสฺส สพฺพปเทสุ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺโพ. ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, ภวตี’’ติ กสฺมา น ปุจฺฉติ? ทิฏฺิคติกสฺส หิ สตฺโต นาม ภูโต นิพฺพตฺโตเยวาติ ลทฺธิ, ตสฺมา อตฺตโน ลทฺธิวิรุทฺธํ อิทนฺติ น ปุจฺฉติ. อปิจ อิทปฺปจฺจยา อิทํ อิทปฺปจฺจยา อิทนฺติ พหูสุ าเนสุ กถิตตฺตา สฺตฺตึ อุปคโต, เตนาปิ น ปุจฺฉติ. สตฺถาปิ ‘‘อิมสฺส พหุํ ปุจฺฉนฺตสฺสาปิ ติตฺติ นตฺถิ, ตุจฺฉปุจฺฉเมว ปุจฺฉตี’’ติ อิโต ปฏฺาย เทสนํ เอกาพทฺธํ กตฺวา เทเสสิ. ฉนฺนํ ตฺเววาติ ยโต ปฏฺาย เทสนารุฬฺหํ, ตเมว คเหตฺวา เทสนํ วิวฏฺเฏนฺโต เอวมาห. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต วิฺาณนามรูปานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, เวทนาตณฺหานํ อนฺตเร เอโก, ภวชาตีนํ อนฺตเร เอโกติ. ทุติยํ.
๓. สมณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ตติเย ¶ สมณา วา พฺราหฺมณา วาติ สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌิตุํ อสมตฺถา พาหิรกสมณพฺราหฺมณา. ชรามรณํ นปฺปชานนฺตีติอาทีสุ ชรามรณํ น ชานนฺติ ทุกฺขสจฺจวเสน ¶ , ชรามรณสมุทยํ น ชานนฺติ สห ตณฺหาย ชาติ ชรามรณสฺส สมุทโยติ สมุทยสจฺจวเสน, ชรามรณนิโรธํ น ชานนฺติ นิโรธสจฺจวเสน, ปฏิปทํ น ชานนฺติ มคฺคสจฺจวเสน. ชาตึ น ชานนฺติ ทุกฺขสจฺจวเสน, ชาติสมุทยํ น ชานนฺติ สห ตณฺหาย ภโว ชาติสมุทโยติ สมุทยสจฺจวเสน. เอวํ สห ตณฺหาย สมุทยํ โยเชตฺวา สพฺพปเทสุ จตุสจฺจวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สามฺตฺถํ วา พฺรหฺมฺตฺถํ วาติ เอตฺถ อริยมคฺโค สามฺฺเจว พฺรหฺมฺฺจ. อุภยตฺถาปิ ปน อตฺโถ นาม อริยผลํ เวทิตพฺพํ. อิติ ภควา อิมสฺมึ สุตฺเต เอกาทสสุ าเนสุ จตฺตาริ สจฺจานิ กเถสีติ. ตติยํ.
๔. ทุติยสมณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ ¶ อิเม ธมฺเม กตเม ธมฺเมติ เอตฺตกํ ปปฺจํ กตฺวา กถิตํ, เทสนํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน อิเม ธมฺเม นปฺปชานนฺตีติอาทิ วุตฺตํ. เสสํ ปุริมสทิสเมว. จตุตฺถํ.
๕. กจฺจานโคตฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาทิฏฺีติ ยํ ปณฺฑิตา เทวมนุสฺสา เตสุ เตสุ าเนสุ สมฺมาทสฺสนํ วทนฺติ, สพฺพมฺปิ ตํ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺขิปิตฺวา ปุจฺฉติ. ทฺวยนิสฺสิโตติ ทฺเว โกฏฺาเส นิสฺสิโต. เยภุยฺเยนาติ อิมินา เปตฺวา อริยปุคฺคเล เสสมหาชนํ ทสฺเสติ. อตฺถิตนฺติ สสฺสตํ. นตฺถิตนฺติ อุจฺเฉทํ. โลกสมุทยนฺติ โลโก นาม สงฺขารโลโก, ตสฺส นิพฺพตฺติ. สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโตติ สมฺมาปฺา นาม สวิปสฺสนา มคฺคปฺา, ตาย ปสฺสนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ยา โลเก นตฺถิตาติ สงฺขารโลเก นิพฺพตฺเตสุ ธมฺเมสุ ปฺายนฺเตสฺเวว ยา นตฺถีติ อุจฺเฉททิฏฺิ อุปฺปชฺเชยฺย, สา น โหตีติ อตฺโถ. โลกนิโรธนฺติ สงฺขารานํ ภงฺคํ. ยา ¶ โลเก อตฺถิตาติ สงฺขารโลเก ภิชฺชมาเนสุ ธมฺเมสุ ปฺายนฺเตสฺเวว ยา อตฺถีติ สสฺสตทิฏฺิ อุปฺปชฺเชยฺย ¶ , สา น โหตีติ อตฺโถ.
อปิจ โลกสมุทยนฺติ อนุโลมปจฺจยาการํ. โลกนิโรธนฺติ ปฏิโลมปจฺจยาการํ. โลกนิสฺสเย ปสฺสนฺตสฺสาปิ หิ ปจฺจยานํ อนุจฺเฉเทน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อนุจฺเฉทํ ปสฺสโต ยา นตฺถีติ อุจฺเฉททิฏฺิ อุปฺปชฺเชยฺย, สา น โหติ. ปจฺจยนิโรธํ ปสฺสนฺตสฺสาปิ ปจฺจยนิโรเธน ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธํ ปสฺสโต ยา อตฺถีติ สสฺสตทิฏฺิ อุปฺปชฺเชยฺย, สา น โหตีติ อยมฺเปตฺถ อตฺโถ.
อุปยุปาทานาภินิเวสวินิพนฺโธติ อุปเยหิ จ อุปาทาเนหิ จ อภินิเวเสหิ จ วินิพนฺโธ. ตตฺถ อุปยาติ ทฺเว อุปยา ตณฺหุปโย จ ทิฏฺุปโย จ. อุปาทานาทีสุปิ เอเสว นโย. ตณฺหาทิฏฺิโย หิ ยสฺมา อหํ มมนฺติอาทีหิ อากาเรหิ เตภูมกธมฺเม อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺติ, ตสฺมา อุปยาติ ¶ วุจฺจนฺติ. ยสฺมา ปน เต ธมฺเม อุปาทิยนฺติ เจว อภินิวิสนฺติ จ, ตสฺมา อุปาทานาติ จ อภินิเวสาติ จ วุจฺจนฺติ. ตาหิ จายํ โลโก วินิพนฺโธ. เตนาห ‘‘อุปยุปาทานาภินิเวสวินิพนฺโธ’’ติ.
ตฺจายนฺติ ตฺจ อุปยุปาทานํ อยํ อริยสาวโก. เจตโส อธิฏฺานนฺติ จิตฺตสฺส ปติฏฺานภูตํ. อภินิเวสานุสยนฺติ อภินิเวสภูตฺจ อนุสยภูตฺจ. ตณฺหาทิฏฺีสุ หิ อกุสลจิตฺตํ ปติฏฺาติ, ตา จ ตสฺมึ อภินิวิสนฺติ เจว อนุเสนฺติ จ, ตสฺมา ตทุภยํ เจตโส อธิฏฺานํ อภินิเวสานุสยนฺติ จ อาห. น อุเปตีติ น อุปคจฺฉติ. น อุปาทิยตีติ น คณฺหาติ. นาธิฏฺาตีติ น อธิฏฺาติ, กินฺติ? อตฺตา เมติ. ทุกฺขเมวาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธมตฺตเมว. น กงฺขตีติ ‘‘ทุกฺขเมว อุปฺปชฺชติ, ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, น อฺโ เอตฺถ สตฺโต นาม อตฺถี’’ติ กงฺขํ น กโรติ. น วิจิกิจฺฉตีติ น วิจิกิจฺฉํ อุปฺปาเทติ.
อปรปฺปจฺจยาติ น ปรปฺปจฺจเยน, อฺสฺส อปตฺติยาเยตฺวา อตฺตปจฺจกฺขาณเมวสฺส เอตฺถ โหตีติ. เอตฺตาวตา ¶ โข, กจฺจาน, สมฺมาทิฏฺิ โหตีติ เอวํ สตฺตสฺาย ปหีนตฺตา เอตฺตเกน สมฺมาทสฺสนํ นาม โหตีติ มิสฺสกสมฺมาทิฏฺึ อาห. อยเมโก อนฺโตติ เอส เอโก นิกูฏนฺโต ¶ ลามกนฺโต ปมกํ สสฺสตํ. อยํ ทุติโยติ เอส ทุติโย สพฺพํ นตฺถีติ อุปฺปชฺชนกทิฏฺิสงฺขาโต นิกูฏนฺโต ลามกนฺโต ทุติยโก อุจฺเฉโทติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ. ปฺจมํ.
๖. ธมฺมกถิกสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ นิพฺพิทายาติ นิพฺพินฺทนตฺถาย. วิราคายาติ วิรชฺชนตฺถาย. นิโรธายาติ นิรุชฺฌนตฺถาย. ปฏิปนฺโน โหตีติ เอตฺถ สีลโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา ปฏิปนฺโนติ เวทิตพฺโพ. ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโนติ โลกุตฺตรสฺส นิพฺพานธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตํ ปฏิปทํ ปฏิปนฺโน. อนุธมฺมภูตนฺติ อนุรูปสภาวภูตํ. นิพฺพิทา วิราคา นิโรธาติ นิพฺพิทาย เจว วิราเคน จ นิโรเธน จ. อนุปาทา วิมุตฺโตติ จตูหิ อุปาทาเนหิ กิฺจิ ธมฺมํ อนุปาทิยิตฺวา วิมุตฺโต. ทิฏฺธมฺมนิพฺพานปฺปตฺโตติ ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺโต. อลํ วจนายาติ, เอวํ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ยุตฺโต อนุจฺฉวิโกติ อตฺโถ ¶ . เอวเมตฺถ เอเกน นเยน ธมฺมกถิกสฺส ปุจฺฉา กถิตา, ทฺวีหิ ตํ วิเสเสตฺวา เสกฺขาเสกฺขภูมิโย นิทฺทิฏฺาติ. ฉฏฺํ.
๗. อเจลกสฺสปสุตฺตวณฺณนา
๑๗. สตฺตเม อเจโล กสฺสโปติ ลิงฺเคน อเจโล นิจฺเจโล, นาเมน กสฺสโป. ทูรโตวาติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน ปริวุตํ อาคจฺฉนฺตํ ทูรโต เอว อทฺทส. กิฺจิเทว เทสนฺติ กิฺจิเทว การณํ. โอกาสนฺติ ปฺหพฺยากรณสฺส ขณํ กาลํ. อนฺตรฆรนฺติ ‘‘น ปลฺลตฺถิกาย อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามี’’ติ เอตฺถ อนฺโตนิเวสนํ อนฺตรฆรํ. ‘‘โอกฺขิตฺตจกฺขุ อนฺตรฆเร คมิสฺสามี’’ติ เอตฺถ อินฺทขีลโต ปฏฺาย อนฺโตคาโม. อิธาปิ อยเมว อธิปฺเปโต. ยทากงฺขสีติ ¶ ยํ อิจฺฉสิ.
กสฺมา ปน ภควา กเถตุกาโม ยาวตติยํ ปฏิกฺขิปีติ? คารวชนนตฺถํ. ทิฏฺิคติกา หิ ขิปฺปํ กถิยมาเน คารวํ น กโรนฺติ, ‘‘สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตุมฺปิ ปุจฺฉิตุมฺปิ สุกรํ, ปุจฺฉิตมตฺเตเยว กเถตี’’ติ วจนมฺปิ น สทฺทหนฺติ. ทฺเว ตโย วาเร ปฏิกฺขิตฺเต ปน คารวํ กโรนฺติ, ‘‘สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตุมฺปิ ปฺหํ ปุจฺฉิตุมฺปิ ทุกฺกร’’นฺติ ¶ ยาวตติยํ ยาจิเต กถิยมานํ สุสฺสูสนฺติ สทฺทหนฺติ. อิติ ภควา ‘‘อยํ สุสฺสูสิสฺสติ สทฺทหิสฺสตี’’ติ ยาวตติยํ ยาจาเปตฺวา กเถสิ. อปิจ ยถา ภิสกฺโก เตลํ วา ผาณิตํ วา ปจนฺโต มุทุปากขรปากานํ ปากกาลํ อาคมยมาโน ปากกาลํ อนติกฺกมิตฺวาว โอตาเรติ. เอวํ ภควา สตฺตานํ าณปริปากํ อาคมยมาโน ‘‘เอตฺตเกน กาเลน อิมสฺส าณํ ปริปากํ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวาว ยาวตติยํ ยาจาเปสิ.
มา เหวํ, กสฺสปาติ, กสฺสป, มา เอวํ ภณิ. สยํกตํ ทุกฺขนฺติ หิ วตฺตุํ น วฏฺฏติ, อตฺตา นาม โกจิ ทุกฺขสฺส การโก นตฺถีติ ทีเปติ. ปรโตปิ เอเสว นโย. อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ อการเณน ยทิจฺฉาย อุปฺปนฺนํ. อิติ ปุฏฺโ สมาโนติ กสฺมา เอวมาห? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อยํ ‘สยํกตํ ทุกฺข’นฺติอาทินา ปุฏฺโ ‘มา เหว’นฺติ วทติ, ‘นตฺถี’ติ ปุฏฺโ ‘อตฺถี’ติ วทติ. ‘ภวํ โคตโม ทุกฺขํ น ชานาติ น ปสฺสตี’ติ ปุฏฺโ ‘ชานามิ ขฺวาห’นฺติ วทติ. กิฺจิ นุ โข มยา วิรชฺฌิตฺวา ปุจฺฉิโต’’ติ มูลโต ¶ ปฏฺาย อตฺตโน ปุจฺฉเมว โสเธนฺโต เอวมาห. อาจิกฺขตุ จ เม, ภนฺเต, ภควาติ อิธ สตฺถริ สฺชาตคารโว ‘‘ภว’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ภควา’’ติ วทติ.
โส กโรตีติอาทิ, ‘‘สยํกตํ ทุกฺข’’นฺติ ลทฺธิยา ปฏิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. เอตฺถ จ สโตติ อิทํ ภุมฺมตฺเถ สามิวจนํ, ตสฺมา เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – โส กโรติ โส ปฏิสํเวทยตีติ โข, กสฺสป, อาทิมฺหิเยว เอวํ สติ ปจฺฉา สยํกตํ ทุกฺขนฺติ อยํ ลทฺธิ โหติ. เอตฺถ จ ทุกฺขนฺติ วฏฺฏทุกฺขํ อธิปฺเปตํ. อิติ วทนฺติ เอตสฺส ปุริเมน อาทิสทฺเทน อนนฺตเรน จ สสฺสตสทฺเทน ¶ สมฺพนฺโธ โหติ. ‘‘ทีเปติ คณฺหาตี’’ติ อยํ ปเนตฺถ ปาเสโส. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – อิติ เอวํ วทนฺโต อาทิโตว สสฺสตํ ทีเปติ, สสฺสตํ คณฺหาติ. กสฺมา? ตสฺส หิ ตํ ทสฺสนํ เอตํ ปเรติ, การกฺจ เวทกฺจ เอกเมว คณฺหนฺตํ เอตํ สสฺสตํ อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ.
อฺโ กโรตีติอาทิ ปน ‘‘ปรํกตํ ทุกฺข’’นฺติ ลทฺธิยา ปฏิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘อาทิโต สโต’’ติ อิทํ ปน อิธาปิ อาหริตพฺพํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – อฺโ กโรติ อฺโ ปฏิสํเวทิยตีติ โข ปน, กสฺสป, อาทิมฺหิเยว เอวํ สติ, ปจฺฉา ‘‘การโก อิเธว อุจฺฉิชฺชติ, เตน กตํ อฺโ ปฏิสํเวทิยตี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนาย อุจฺเฉททิฏฺิยา สทฺธึ สมฺปยุตฺตาย ¶ เวทนาย อภิตุนฺนสฺส วิทฺธสฺส สโต ‘‘ปรํกตํ ทุกฺข’’นฺติ อยํ ลทฺธิ โหตีติ. อิติ วทนฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ. ตตฺรายํ โยชนา – เอวฺจ วทนฺโต อาทิโตว อุจฺเฉทํ ทีเปติ, อุจฺเฉทํ คณฺหาติ. กสฺมา? ตสฺส หิ ตํ ทสฺสนํ เอตํ ปเรติ, เอตํ อุจฺเฉทํ อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ.
เอเต เตติ เย สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาเต อุโภ อนฺเต (อนุปคมฺม ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, เอเต เต, กสฺสป, อุโภ อนฺเต) อนุปคมฺม ปหาย อนลฺลียิตฺวา มชฺเฌน ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, มชฺฌิมาย ปฏิปทาย ิโต เทเสตีติ อตฺโถ. กตรํ ธมฺมนฺติ เจ? ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ. เอตฺถ หิ การณโต ผลํ, การณนิโรเธน จสฺส นิโรโธ ทีปิโต, น โกจิ การโก วา เวทโก วา ¶ นิทฺทิฏฺโ. เอตฺตาวตา เสสปฺหา ปฏิเสธิตา โหนฺติ. อุโภ อนฺเต อนุปคมฺมาติ อิมินา หิ ตติยปฺโห ปฏิกฺขิตฺโต. อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อิมินา อธิจฺจสมุปฺปนฺนตา เจว อชานนฺจ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ลเภยฺยนฺติ อิทํ โส ภควโต สนฺติเก ภิกฺขุภาวํ ปตฺถยมาโน อาห. อถ ภควา โยเนน ขนฺธเก ติตฺถิยปริวาโส (มหาว. ๘๖) ปฺตฺโต, ยํ อฺติตฺถิยปุพฺโพ สามเณรภูมิยํ ิโต ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิตฺถนฺนาโม อฺติตฺถิยปุพฺโพ ¶ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขามิ อุปสมฺปทํ. สฺวาหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ จตฺตาโร มาเส ปริวาสํ ยาจามี’’ติอาทินา นเยน สมาทิยิตฺวา ปริวสติ, ตํ สนฺธาย โย โข, กสฺสป, อฺติตฺถิยปุพฺโพติอาทิมาห. ตตฺถ ปพฺพชฺชนฺติ วจนสิลิฏฺตาวเสน วุตฺตํ. อปริวสิตฺวาเยว หิ ปพฺพชฺชํ ลภติ. อุปสมฺปทตฺถิเกน ปน นาติกาเลน คามปฺปเวสนาทีนิ อฏฺ วตฺตานิ ปูเรนฺเตน ปริวสิตพฺพํ. อารทฺธจิตฺตาติ อฏฺวตฺตปูรเณน ตุฏฺจิตฺตา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนส ติตฺถิยปริวาโส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย ปพฺพชฺชกฺขนฺธกวณฺณนายํ (มหาว. อฏฺ. ๘๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
อปิจ มยาติ อยเมตฺถ ปาโ, อฺตฺถ ปน ‘‘อปิจ เมตฺถา’’ติ. ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตาติ ปุคฺคลนานตฺตํ วิทิตํ. ‘‘อยํ ปุคฺคโล ปริวาสารโห, อยํ น ปริวาสารโห’’ติ อิทํ มยฺหํ ปากฏนฺติ ทสฺเสติ. ตโต กสฺสโป จินฺเตสิ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ พุทฺธสาสนํ, ยตฺถ เอวํ ฆํสิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ยุตฺตเมว คณฺหนฺติ, อยุตฺตํ ฉฑฺเฑนฺตี’’ติ. ตโต สุฏฺุตรํ ปพฺพชฺชาย สฺชาตุสฺสาโห ¶ สเจ, ภนฺเตติอาทิมาห. อถ ภควา ตสฺส ติพฺพจฺฉนฺทตํ วิทิตฺวา ‘‘น กสฺสโป ปริวาสํ อรหตี’’ติ อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘คจฺฉ, ภิกฺขุ, กสฺสปํ นหาเปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อาเนหี’’ติ. โส ตถา กตฺวา ตํ ปพฺพาเชตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. ภควา คเณ นิสีทิตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. เตน วุตฺตํ อลตฺถ โข อเจโล กสฺสโป ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทนฺติ. อจิรูปสมฺปนฺโนติอาทิ เสสํ พฺราหฺมณสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) วุตฺตเมวาติ. สตฺตมํ.
๘. ติมฺพรุกสุตฺตวณฺณนา
๑๘. อฏฺเม ¶ สา เวทนาติอาทิ ‘‘สยํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ ลทฺธิยา นิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. เอตฺถาปิ สโตติ ภุมฺมตฺเถเยว สามิวจนํ. ตตฺรายํ อตฺถทีปนา – ‘‘สา เวทนา, โส เวทิยตี’’ติ โข, ติมฺพรุก, อาทิมฺหิเยว เอวํ สติ ‘‘สยํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ อยํ ลทฺธิ โหติ. เอวฺหิ สติ เวทนาย เอว ¶ เวทนา กตา โหติ. เอวฺจ วทนฺโต อิมิสฺสา เวทนาย ปุพฺเพปิ อตฺถิตํ อนุชานาติ, สสฺสตํ ทีเปติ สสฺสตํ คณฺหาติ. กสฺมา? ตสฺส หิ ตํ ทสฺสนํ เอตํ ปเรติ, เอตํ สสฺสตํ อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ. ปุริมฺหิ อตฺถํ สนฺธาเยเวตํ ภควตา วุตฺตํ ภวิสฺสติ, ตสฺมา อฏฺกถายํ ตํ โยเชตฺวาวสฺส อตฺโถ ทีปิโต. เอวมฺปาหํ น วทามีติ อหํ ‘‘สา เวทนา, โส เวทิยตี’’ติ เอวมฺปิ น วทามิ. ‘‘สยํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ เอวมฺปิ น วทามีติ อตฺโถ.
อฺา เวทนาติอาทิ ‘‘ปรํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ ลทฺธิยา ปฏิเสธนตฺถํ วุตฺตํ. อิธาปิ อยํ อตฺถโยชนา –‘‘อฺา เวทนา อฺโ เวทิยตี’’ติ โข, ติมฺพรุก, อาทิมฺหิเยว เอวํ สติ ปจฺฉา ยา ปุริมปกฺเข การกเวทนา, สา อุจฺฉินฺนา. ตาย ปน กตํ อฺโ เวทิยตีติ เอวํ อุปฺปนฺนาย อุจฺเฉททิฏฺิยา สทฺธึ สมฺปยุตฺตาย เวทนาย อภิตุนฺนสฺส สโต ‘‘ปรํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ อยํ ลทฺธิ โหติ. เอวฺจ วทนฺโต การโก อุจฺฉินฺโน, อฺเน ปฏิสนฺธิ คหิตาติ อุจฺเฉทํ ทีเปติ, อุจฺเฉทํ คณฺหาติ. กสฺมา? ตสฺส หิ ตํ ทสฺสนํ เอตํ ปเรติ, เอตํ อุจฺเฉทํ อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ. อิธาปิ หิ อิมานิ ปทานิ อฏฺกถายํ อาหริตฺวา โยชิตาเนว. อิมสฺมึ สุตฺเต เวทนาสุขทุกฺขํ กถิตํ. ตฺจ โข วิปากสุขทุกฺขเมว วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. อฏฺมํ.
๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม ¶ อวิชฺชานีวรณสฺสาติ อวิชฺชาย นิวาริตสฺส. เอวมยํ กาโย สมุทาคโตติ เอวํ อวิชฺชาย นิวาริตตฺตา ตณฺหาย จ สมฺปยุตฺตตฺตาเยว อยํ กาโย นิพฺพตฺโต. อยฺเจว กาโยติ อยฺจสฺส อตฺตโน สวิฺาณโก กาโย. พหิทฺธา จ นามรูปนฺติ พหิทฺธา จ ปเรสํ สวิฺาณโก กาโย. อตฺตโน จ ปรสฺส จ ปฺจหิ ¶ ขนฺเธหิ ฉหิ อายตเนหิ จาปิ อยํ อตฺโถ ทีเปตพฺโพว. อิตฺเถตํ ทฺวยนฺติ เอวเมตํ ทฺวยํ. ทฺวยํ ปฏิจฺจ ผสฺโสติ อฺตฺถ จกฺขุรูปาทีนิ ทฺวยานิ ปฏิจฺจ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย วุตฺตา, อิธ ปน อชฺฌตฺติกพาหิรานิ ¶ อายตนานิ. มหาทฺวยํ นาม กิเรตํ. สเฬวายตนานีติ สเฬว ผสฺสายตนานิ ผสฺสการณานิ. เยหิ ผุฏฺโติ เยหิ การณภูเตหิ อายตเนหิ อุปฺปนฺเนน ผสฺเสน ผุฏฺโ. อฺตเรนาติ เอตฺถ ปริปุณฺณวเสน อฺตรตา เวทิตพฺพา. ตตฺราติ ตสฺมึ พาลปณฺฑิตานํ กายนิพฺพตฺตนาทิมฺหิ. โก อธิปฺปยาโสติ โก อธิกปโยโค.
ภควํมูลกาติ ภควา มูลํ เอเตสนฺติ ภควํมูลกา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม, ภนฺเต, อมฺหากํ ธมฺมา ปุพฺเพ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺเธน อุปฺปาทิตา, ตสฺมึ ปรินิพฺพุเต เอกํ พุทฺธนฺตรํ อฺโ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิเม ธมฺเม อุปฺปาเทตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ, ภควตา ปน โน อิเม ธมฺมา อุปฺปาทิตา. ภควนฺตฺหิ นิสฺสาย มยํ อิเม ธมฺเม อาชานาม ปฏิวิชฺฌามาติ เอวํ ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมาติ. ภควํเนตฺติกาติ ภควา หิ ธมฺมานํ เนตา วิเนตา อนุเนตา, ยถาสภาวโต ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ นามํ คเหตฺวา ทสฺเสตาติ ธมฺมา ภควํเนตฺติกา นาม โหนฺติ. ภควํปฏิสรณาติ จตุภูมกธมฺมา สพฺพฺุตฺาณสฺส อาปาถํ อาคจฺฉมานา ภควติ ปฏิสรนฺติ นามาติ ภควํปฏิสรณา. ปฏิสรนฺตีติ สโมสรนฺติ. อปิจ มหาโพธิมณฺเฑ นิสินฺนสฺส ภควโต ปฏิเวธวเสน ผสฺโส อาคจฺฉติ ‘‘อหํ ภควา กินฺนาโม’’ติ? ตฺวํ ผุสนฏฺเน ผสฺโส นาม. เวทนา, สฺา, สงฺขารา, วิฺาณํ อาคจฺฉติ ‘‘อหํ ภควา กินฺนาม’’นฺติ, ตฺวํ วิชานนฏฺเน วิฺาณํ นามาติ เอวํ จตุภูมกธมฺมานํ ยถาสภาวโต ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ นามํ คณฺหนฺโต ภควา ธมฺเม ปฏิสรตีติ ภควํปฏิสรณา. ภควนฺตํเยว ปฏิภาตูติ ภควโตว เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ อุปฏฺาตุ, ตุมฺเหเยว โน กเถตฺวา เทถาติ อตฺโถ.
สา ¶ เจว อวิชฺชาติ เอตฺถ กิฺจาปิ สา อวิชฺชา จ ตณฺหา จ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิตฺวา นิรุทฺธา, ยถา ปน อชฺชาปิ ยํ หิยฺโย เภสชฺชํ ปีตํ, ตเทว โภชนํ ภฺุชาติ สริกฺขกตฺเตน ตเทวาติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ¶ สา เจว อวิชฺชา สา จ ตณฺหาติ อิทมฺปิ สริกฺขกตฺเตน วุตฺตํ. พฺรหฺมจริยนฺติ ¶ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ทุกฺขกฺขยายาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ขยตฺถาย. กายูปโค โหตีติ อฺํ ปฏิสนฺธิกายํ อุปคนฺตา โหติ. ยทิทํ พฺรหฺมจริยวาโสติ โย อยํ มคฺคพฺรหฺมจริยวาโส, อยํ พาลโต ปณฺฑิตสฺส วิเสโสติ ทสฺเสติ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต สพฺโพปิ สปฏิสนฺธิโก ปุถุชฺชโน ‘‘พาโล’’ติ, อปฺปฏิสนฺธิโก ขีณาสโว ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุตฺโต. โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโน ปน ‘‘ปณฺฑิตา’’ติ วา ‘‘พาลา’’ติ วา น วตฺตพฺพา, ภชมานา ปน ปณฺฑิตปกฺขํ ภชนฺติ. นวมํ.
๑๐. ปจฺจยสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสเม ปฏิจฺจสมุปฺปาทฺจ โว ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเน จ ธมฺเมติ สตฺถา อิมสฺมึ สุตฺเต ปจฺจเย จ ปจฺจยนิพฺพตฺเต จ สภาวธมฺเม เทเสสฺสามีติ อุภยํ อารภิ. อุปฺปาทา วา ตถาคตานนฺติ ตถาคตานํ อุปฺปาเทปิ, พุทฺเธสุ อุปฺปนฺเนสุ อนุปฺปนฺเนสุปิ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, ชาติเยว ชรามรณสฺส ปจฺจโย. ิตาว สา ธาตูติ ิโตว โส ปจฺจยสภาโว, น กทาจิ ชาติ ชรามรณสฺส ปจฺจโย น โหติ. ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตาติ อิเมหิปิ ทฺวีหิ ปจฺจยเมว กเถติ. ปจฺจเยน หิ ปจฺจยุปฺปนฺนา ธมฺมา ติฏฺนฺติ, ตสฺมา ปจฺจโยว ‘‘ธมฺมฏฺิตตา’’ติ วุจฺจติ. ปจฺจโย ธมฺเม นิยเมติ, ตสฺมา ‘‘ธมฺมนิยามตา’’ติ วุจฺจติ. อิทปฺปจฺจยตาติ อิเมสํ ชรามรณาทีนํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อิทปฺปจฺจยาว อิทปฺปจฺจยตา. ตนฺติ ตํ ปจฺจยํ. อภิสมฺพุชฺฌตีติ าเณน อภิสมฺพุชฺฌติ. อภิสเมตีติ าเณน อภิสมาคจฺฉติ. อาจิกฺขตีติ กเถติ. เทเสตีติ ทสฺเสติ. ปฺาเปตีติ ชานาเปติ. ปฏฺเปตีติ าณมุเข เปติ. วิวรตีติ วิวริตฺวา ทสฺเสติ. วิภชตีติ วิภาคโต ทสฺเสติ. อุตฺตานีกโรตีติ ปากฏํ กโรติ. ปสฺสถาติ จาหาติ ปสฺสถ อิติ จ วทติ. กินฺติ? ชาติปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชรามรณนฺติอาทิ.
อิติ ¶ โข, ภิกฺขเวติ เอวํ โข, ภิกฺขเว. ยา ตตฺราติ ยา เตสุ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติอาทีสุ. ตถตาติอาทีนิ ปจฺจยาการสฺเสว เววจนานิ. โส เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ ¶ อนูนาธิเกเหว ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส สมฺภวโต ตถตาติ, สามคฺคึ อุปคเตสุ ปจฺจเยสุ มุหุตฺตมฺปิ ตโต นิพฺพตฺตานํ ธมฺมานํ อสมฺภวาภาวโต อวิตถตาติ, อฺธมฺมปจฺจเยหิ ¶ อฺธมฺมานุปฺปตฺติโต อนฺถตาติ, ชรามรณาทีนํ ปจฺจยโต วา ปจฺจยสมูหโต วา อิทปฺปจฺจยตาติ วุตฺโต. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อิเมสํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา, อิทปฺปจฺจยานํ วา สมูโห อิทปฺปจฺจยตา. ลกฺขณํ ปเนตฺถ สทฺทสตฺถโต เวทิตพฺพํ.
อนิจฺจนฺติ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจํ. เอตฺถ จ อนิจฺจนฺติ น ชรามรณํ อนิจฺจํ, อนิจฺจสภาวานํ ปน ขนฺธานํ ชรามรณตฺตา อนิจฺจํ นาม ชาตํ. สงฺขตาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ สงฺขตนฺติ ปจฺจเยหิ สมาคนฺตฺวา กตํ. ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ ปจฺจเย นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ. ขยธมฺมนฺติ ขยสภาวํ. วยธมฺมนฺติ วิคจฺฉนกสภาวํ. วิราคธมฺมนฺติ วิรชฺชนกสภาวํ. นิโรธธมฺมนฺติ นิรุชฺฌนกสภาวํ. ชาติยาปิ วุตฺตนเยเนว อนิจฺจตา เวทิตพฺพา. ชนกปจฺจยานํ วา กิจฺจานุภาวกฺขเณ ทิฏฺตฺตา เอเกน ปริยาเยเนตฺถ อนิจฺจาติอาทีนิ ยุชฺชนฺติเยว. ภวาทโย อนิจฺจาทิสภาวาเยว.
สมฺมปฺปฺายาติ สวิปสฺสนาย มคฺคปฺาย. ปุพฺพนฺตนฺติ ปุริมํ อตีตนฺติ อตฺโถ. อโหสึ นุ โขติอาทีสุ ‘‘อโหสึ นุ โข นนุ โข’’ติ สสฺสตาการฺจ อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการฺจ นิสฺสาย อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตฺจ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. กึ การณนฺติ น วตฺตพฺพํ, อุมฺมตฺตโก วิย พาลปุถุชฺชโน ยถา วา ตถา วา ปวตฺตติ. กึ นุ โข อโหสินฺติ ชาติลิงฺคุปปตฺติโย นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย นุ โข อโหสึ, พฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทคหฏฺปพฺพชิตเทวมนุสฺสานํ อฺตโร’’ติ กงฺขติ. กถํ นุ โขติ ¶ สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โข อโหสึ รสฺสโอทาตกณฺหปมาณิกอปฺปมาณิกาทีนํ อฺตโร’’ติ กงฺขติ. เกจิ ปน ‘‘อิสฺสรนิมฺมานาทีนิ นิสฺสาย ‘เกน นุ โข การเณน อโหสิ’นฺติ เหตุโต กงฺขตี’’ติ วทนฺติ. กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย หุตฺวา นุ โข พฺราหฺมโณ อโหสึ…เป… เทโว หุตฺวา มนุสฺโส’’ติ อตฺตโน ปรมฺปรํ กงฺขติ. สพฺพตฺเถว ปน อทฺธานนฺติ กาลาธิวจนเมตํ. อปรนฺตนฺติ อนาคตํ อนฺตํ. ภวิสฺสามิ นุ โข นนุ โขติ สสฺสตาการฺจ อุจฺเฉทาการฺจ นิสฺสาย อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานตฺจ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
เอตรหิ ¶ ¶ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานนฺติ อิทานิ วา ปฏิสนฺธิมาทึ กตฺวา จุติปริยนฺตํ สพฺพมฺปิ วตฺตมานกาลํ คเหตฺวา. อชฺฌตฺตํ กถํกถี ภวิสฺสตีติ อตฺตโน ขนฺเธสุ วิจิกิจฺฉี ภวิสฺสติ. อหํ นุ โขสฺมีติ อตฺตโน อตฺถิภาวํ กงฺขติ. ยุตฺตํ ปเนตนฺติ? ยุตฺตํ อยุตฺตนฺติ กา เอตฺถ จินฺตา. อปิเจตฺถ อิทํ วตฺถุมฺปิ อุทาหรนฺติ – จูฬมาตาย กิร ปุตฺโต มุณฺโฑ, มหามาตาย ปุตฺโต อมุณฺโฑ, ตํ ปุตฺตํ มุณฺเฑสุํ, โส อุฏฺาย ‘‘อหํ นุ โข จูฬมาตาย ปุตฺโต’’ติ จินฺเตสิ. เอวํ อหํ นุ โขสฺมีติ กงฺขา โหติ. โน นุ โขสฺมีติ อตฺตโน นตฺถิภาวํ กงฺขติ. ตตฺราปิ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร มจฺเฉ คณฺหนฺโต อุทเก จิรฏฺาเนน สีติภูตํ อตฺตโน อูรุํ มจฺโฉติ จินฺเตตฺวา ปหริ. อปโร สุสานปสฺเส เขตฺตํ รกฺขนฺโต ภีโต สงฺกุฏิโต สยิ, โส ปฏิพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน ชณฺณุกานิ ทฺเว ยกฺขาติ จินฺเตตฺวา ปหริ. เอวํ โน นุ โขสฺมีติ กงฺขติ.
กึ นุ โขสฺมีติ ขตฺติโยว สมาโน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ กงฺขติ. เอเสว นโย เสเสสุปิ. เทโว ปน สมาโน เทวภาวํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ, โสปิ ปน ‘‘อหํ รูปี นุ โข อรูปี นุ โข’’ติอาทินา นเยน กงฺขติ. ขตฺติยาทโย กสฺมา น ชานนฺตีติ เจ? อปจฺจกฺขา ¶ เตสํ ตตฺถ ตตฺถ กุเล อุปฺปตฺติ. คหฏฺาปิ จ โปตฺถลิกาทโย ปพฺพชิตสฺิโน, ปพฺพชิตาปิ ‘‘กุปฺปํ นุ โข เม กมฺม’’นฺติอาทินา นเยน คหฏฺสฺิโน. มนุสฺสาปิ จ ราชาโน วิย อตฺตนิ เทวสฺิโน โหนฺติ. กถํ นุ โขสฺมีติ วุตฺตนยเมว. เกวลฺเหตฺถ อพฺภนฺตเร ชีโว นาม อตฺถีติ คเหตฺวา ตสฺส สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โขสฺมิ รสฺสจตุรสฺสฉฬํสอฏฺํสโสฬสํสาทีนํ อฺตรปฺปกาโร’’ติ กงฺขนฺโต กถํ นุ โขสฺมีติ? กงฺขตีติ เวทิตพฺโพ. สรีรสณฺานํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ. กุโต อาคโต โส กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ อตฺตภาวสฺส อาคติคติฏฺานํ กงฺขนฺโต เอวํ กงฺขติ. อริยสาวกสฺสาติ อิธ โสตาปนฺโน อธิปฺเปโต, อิตเรปิ ปน ตโย อวาริตาเยวาติ. ทสมํ.
อาหารวคฺโค ทุติโย.
๓. ทสพลวคฺโค
๑. ทสพลสุตฺตวณฺณนา
๒๑. ทสพลวคฺคสฺส ¶ ¶ ปมํ ทุติยสฺเสว สงฺเขโป.
๒. ทุติยทสพลสุตฺตวณฺณนา
๒๒. ทุติยํ ภควตา อตฺตโน อชฺฌาสยสฺส วเสน วุตฺตํ. ตตฺถ ทสพลสมนฺนาคโตติ ทสหิ พเลหิ สมนฺนาคโต. พลฺจ นาเมตํ ทุวิธํ กายพลฺจ าณพลฺจ. เตสุ ตถาคตสฺส กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรน เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –
‘‘กาฬาวกฺจ คงฺเคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;
คนฺธมงฺคลเหมฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติ.(ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘; วิภ. อฏฺ. ๗๖๐); –
อิมานิ ทส หตฺถิกุลานิ. ตตฺถ กาฬาวกนฺติ ปกติหตฺถิกุลํ ทฏฺพฺพํ. ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ, ตํ เอกสฺส กาฬาวกสฺส หตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ กาฬาวกานํ พลํ, ตํ เอกสฺส คงฺเคยฺยสฺส. ยํ ทสนฺนํ ¶ คงฺเคยฺยานํ, ตํ เอกสฺส ปณฺฑรสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปณฺฑรานํ, ตํ เอกสฺส ตมฺพสฺส. ยํ ทสนฺนํ ตมฺพานํ, ตํ เอกสฺส ปิงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปิงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส คนฺธหตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ คนฺธหตฺถีนํ, ตํ เอกสฺส มงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ มงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส เหมวตสฺส. ยํ ทสนฺนํ เหมวตานํ, ตํ เอกสฺส อุโปสถสฺส. ยํ ทสนฺนํ อุโปสถานํ, ตํ เอกสฺส ฉทฺทนฺตสฺส. ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ, ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺส. นารายนสงฺฆาตพลนฺติปิ อิทเมว วุจฺจติ. ตเทตํ ปกติหตฺถิคณนาย หตฺถีนํ โกฏิสหสฺสานํ, ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ปุริสโกฏิสหสฺสานํ พลํ โหติ. อิทํ ตาว ตถาคตสฺส กายพลํ. ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต’’ติ เอตฺถ ปน เอตํ สงฺคหํ น คจฺฉติ. เอตฺหิ พาหิรกํ ลามกํ ติรจฺฉานคตานํ สีหาทีนมฺปิ โหติ. เอตฺหิ นิสฺสาย ทุกฺขปริฺา วา สมุทยปฺปหานํ วา มคฺคภาวนา วา ผลสจฺฉิกิริยา วา ¶ นตฺถิ. อฺํ ปน ทสสุ าเนสุ อกมฺปนตฺเถน อุปตฺถมฺภนตฺเถน จ ทสวิธํ าณพลํ นาม อตฺถิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต’’ติ.
กตมํ ¶ ปน ตนฺติ? านาฏฺานาทีนํ ยถาภูตํ ชานนํ. เสยฺยถิทํ – านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ชานนํ เอกํ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส ยถาภูตํ วิปากชานนํ เอกํ, สพฺพตฺถคามินิปฏิปทาชานนํ เอกํ, อเนกธาตุนานาธาตุโลกชานนํ เอกํ, ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ นานาธิมุตฺติกตาชานนํ เอกํ, เตสํเยว อินฺทฺริยปโรปริยตฺตชานนํ เอกํ, ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสโวทานวุฏฺานชานนํ เอกํ, ปุพฺเพนิวาสชานนํ เอกํ, สตฺตานํ จุตูปปาตชานนํ เอกํ, อาสวกฺขยชานนํ เอกนฺติ. อภิธมฺเม ปน –
‘‘อิธ ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมฺปิ ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ, ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ ¶ , ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตี’’ติ.
อาทินา (วิภ. ๗๖๐) นเยน วิตฺถารโต อาคตาเนว. อตฺถวณฺณนาปิ เนสํ วิภงฺคฏฺกถายฺเจว (วิภ. อฏฺ. ๗๖๐) ปปฺจสูทนิยา จ มชฺฌิมฏฺกถาย (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘) สพฺพาการโต วุตฺตา. สา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพา.
จตูหิ จ เวสารชฺเชหีติ เอตฺถ สารชฺชปฏิปกฺขํ เวสารชฺชํ, จตูสุ าเนสุ เวสารชฺชภาวํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนโสมนสฺสมยาณสฺเสตํ นามํ. กตเมสุ จตูสุ? ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติอาทีสุ โจทนาวตฺถูสุ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิ…เป…. กตมานิ จตฺตาริ? ‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’ติ ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สห ธมฺเมน ¶ ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, ภิกฺขเว, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, ภิกฺขเว, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ. ‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต ¶ อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ติ ตตฺร วต มํ…เป… ‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ ตตฺร วต มํ…เป… ‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา…เป… เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามี’’ติ (อ. นิ. ๔.๘).
อาสภํ านนฺติ เสฏฺฏฺานํ อุตฺตมฏฺานํ. อาสภา วา ปุพฺพพุทฺธา, เตสํ านนฺติ อตฺโถ. อปิจ ควสตเชฏฺโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฏฺโก วสโภ, วชสตเชฏฺโก วา อุสโภ, วชสหสฺสเชฏฺโก วสโภ, สพฺพควเสฏฺโ สพฺพปริสฺสยสโห เสโต ปาสาทิโก มหาภารวโห อสนิสตสทฺเทหิปิ อสมฺปกมฺปิโย นิสโภ, โส อิธ อุสโภติ อธิปฺเปโต. อิทมฺปิ หิ ตสฺส ปริยายวจนํ. อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ. านนฺติ จตูหิ ปาเทหิ ปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา อวฏฺานํ (ม. นิ. ๑.๑๕๐). อิทํ ปน อาสภํ วิยาติ อาสภํ. ยเถว หิ นิสภสงฺขาโต อุสโภ อุสภพเลน ¶ สมนฺนาคโต จตูหิ ปาเทหิ ปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา อจลฏฺาเนน ติฏฺติ, เอวํ ตถาคโตปิ ทสหิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต จตูหิ เวสารชฺชปาเทหิ อฏฺปริสปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา สเทวเก โลเก เกนจิ ปจฺจตฺถิเกน ปจฺจามิตฺเตน อกมฺปิโย อจลฏฺาเนน ติฏฺติ. เอวํ ติฏฺมาโน จ ตํ อาสภํ านํ ปฏิชานาติ อุปคจฺฉติ น ปจฺจกฺขาติ, อตฺตนิ อาโรเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาสภํ านํ ปฏิชานาตี’’ติ.
ปริสาสูติ ‘‘อฏฺ โข อิมา, สาริปุตฺต, ปริสา. กตมา อฏฺ? ขตฺติยปริสา พฺราหฺมณปริสา คหปติปริสา สมณปริสา จาตุมหาราชิกปริสา ตาวตึสปริสา มารปริสา พฺรหฺมปริสา’’ติ, อิมาสุ อฏฺสุ ปริสาสุ. สีหนาทํ นทตีติ เสฏฺนาทํ อภีตนาทํ นทติ, สีหนาทสทิสํ วา นาทํ นทติ. อยมตฺโถ สีหนาทสุตฺเตน ทีเปตพฺโพ. ยถา วา สีโห สหนโต เจว หนนโต จ สีโหติ วุจฺจติ, เอวํ ตถาคโต โลกธมฺมานํ สหนโต ปรปฺปวาทานฺจ หนนโต สีโหติ วุจฺจติ. เอวํ วุตฺตสฺส สีหสฺส นาทํ สีหนาทํ. ตตฺถ ยถา สีโห สีหพเลน สมนฺนาคโต สพฺพตฺถ วิสารโท วิคตโลมหํโส สีหนาทํ ¶ นทติ, เอวํ ตถาคตสีโหปิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต อฏฺสุ ปริสาสุ วิสารโท วิคตโลมหํโส, ‘‘อิติ รูป’’นฺติอาทินา ¶ นเยน นานาวิธเทสนาวิลาสสมฺปนฺนํ สีหนาทํ นทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปริสาสุ สีหนาทํ นทตี’’ติ.
พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตีติ เอตฺถ พฺรหฺมนฺติ เสฏฺํ อุตฺตมํ, วิสุทฺธสฺส ธมฺมจกฺกสฺเสตํ อธิวจนํ. ตํ ปน ธมฺมจกฺกํ ทุวิธํ โหติ ปฏิเวธาณฺจ เทสนาาณฺจ. ตตฺถ ปฺาปภาวิตํ อตฺตโน อริยผลาวหํ ปฏิเวธาณํ, กรุณาปภาวิตํ สาวกานํ อริยผลาวหํ เทสนาาณํ. ตตฺถ ปฏิเวธาณํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปนฺนนฺติ ทุวิธํ. ตฺหิ อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. ตุสิตภวนโต วา ยาว มหาโพธิปลฺลงฺเก อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. ทีปงฺกรโต วา ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ ¶ , ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. เทสนาาณมฺปิ ปวตฺตมานํ ปวตฺตนฺติ ทุวิธํ. ตฺหิ ยาว อฺาสิโกณฺฑฺสฺส โสตาปตฺติมคฺคา ปวตฺตมานํ, ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นาม. เตสุ ปฏิเวธาณํ โลกุตฺตรํ, เทสนาาณํ โลกิยํ. อุภยมฺปิ ปเนตํ อฺเหิ อสาธารณํ พุทฺธานํเยว โอรสาณํ.
อิทานิ ยํ อิมินา าเณน สมนฺนาคโต สีหนาทํ นทติ, ตํ ทสฺเสตุํ อิติ รูปนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อิติ รูปนฺติ อิทํ รูปํ เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ รูปํ นตฺถีติ รุปฺปนสภาวฺเจว ภูตุปาทายเภทฺจ อาทึ กตฺวา ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานวเสน อนวเสสรูปปริคฺคโห วุตฺโต. อิติ รูปสฺส สมุทโยติ อิมินา เอวํ ปริคฺคหิตสฺส รูปสฺส สมุทโย วุตฺโต. ตตฺถ อิตีติ เอวํ สมุทโย โหตีติ อตฺโถ. ตสฺส วิตฺถาโร ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย ตณฺหาสมุทยา, กมฺมสมุทยา อาหารสมุทยา รูปสมุทโยติ นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) เอวํ เวทิตพฺโพ. อตฺถงฺคเมปิ ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ…เป… วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส นิโรธํ ปสฺสตี’’ติ อยํ วิตฺถาโร.
อิติ เวทนาติอาทีสุปิ อยํ เวทนา เอตฺตกา เวทนา, อิโต อุทฺธํ เวทนา นตฺถิ, อยํ สฺา, อิเม สงฺขารา, อิทํ วิฺาณํ เอตฺตกํ วิฺาณํ ¶ , อิโต อุทฺธํ วิฺาณํ นตฺถีติ เวทยิตสฺชานนอภิสงฺขรณวิชานนสภาวฺเจว สุขาทิรูปสฺาทิผสฺสาทิจกฺขุวิฺาณาทิเภทฺจ อาทึ กตฺวา ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานวเสน อนวเสสเวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณปริคฺคโห ¶ วุตฺโต. อิติ เวทนาย สมุทโยติอาทีหิ ปน เอวํ ปริคฺคหิตานํ เวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณานํ สมุทโย วุตฺโต. ตตฺราปิ อิตีติ เอวํ สมุทโย โหตีติ อตฺโถ. เตสมฺปิ วิตฺถาโร ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) รูเป วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – ตีสุ ขนฺเธสุ ‘‘อาหารสมุทยา’’ติ อวตฺวา ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํ, วิฺาณกฺขนฺเธ ‘‘นามรูปสมุทยา’’ติ. อตฺถงฺคมปทมฺปิ เตสํเยว วเสน โยเชตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปน อุทยพฺพยวินิจฺฉโย สพฺพาการปริปูโร วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต.
อิมสฺมึ ¶ สติ อิทํ โหตีติ อยมฺปิ อปโร สีหนาโท. ตสฺสตฺโถ – อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ โหติ. อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ อุปฺปชฺชติ. อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหตีติ อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย อสติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ น โหติ. อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ นิรุชฺฌติ. อิทานิ ยถา ตํ โหติ เจว นิรุชฺฌติ จ, ตํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติอาทิมาห.
เอวํ สฺวากฺขาโตติ เอวํ ปฺจกฺขนฺธวิภชนาทิวเสน สุฏฺุ อกฺขาโต กถิโต. ธมฺโมติ ปฺจกฺขนฺธปจฺจยาการธมฺโม. อุตฺตาโนติ อนิกุชฺชิโต. วิวโฏติ วิวริตฺวา ปิโต. ปกาสิโตติ ทีปิโต โชติโต. ฉินฺนปิโลติโกติ ปิโลติกา วุจฺจติ ฉินฺนํ ภินฺนํ ตตฺถ ตตฺถ สิพฺพิตคณฺิตํ ชิณฺณวตฺถํ, ตํ ยสฺส นตฺถีติ อฏฺหตฺถํ นวหตฺถํ วา อหตสาฏกํ นิวตฺโถ, โส ฉินฺนปิโลติโก นาม. อยมฺปิ ธมฺโม ตาทิโส. น เหตฺถ โกหฺาทิวเสน ฉินฺนภินฺนสิพฺพิตคณฺิตภาโว อตฺถิ. อปิจ ขุทฺทกสาฏโกปิ ปิโลติกาติ วุจฺจติ, สา ยสฺส นตฺถิ, อฏฺนวหตฺโถ มหาปโฏ อตฺถิ, โสปิ ฉินฺนปิโลติโก, อปคตปิโลติโกติ อตฺโถ. ตาทิโส อยํ ธมฺโม. ยถา หิ จตุหตฺถํ สาฏกํ ¶ คเหตฺวา ปริคฺคหณํ กโรนฺโต ปุริโส อิโต จิโต จ อฺฉนฺโต กิลมติ, เอวํ พาหิรกสมเย ปพฺพชิตา อตฺตโน ปริตฺตกํ ธมฺมํ ‘‘เอวํ สติ เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ กปฺเปตฺวา กปฺเปตฺวา วฑฺเฒนฺตา กิลมนฺติ. ยถา ปน อฏฺหตฺถนวหตฺเถน ปริคฺคหณํ กโรนฺโต ยถารุจิ ปารุปติ น กิลมติ, นตฺถิ ตตฺถ อฺฉิตฺวา วฑฺฒนกิจฺจํ; เอวํ อิมสฺมิมฺปิ ธมฺเม กปฺเปตฺวา กปฺเปตฺวา วิภชนกิจฺจํ นตฺถิ, เตหิ เตหิ การเณหิ มยาว อยํ ธมฺโม สุวิภตฺโต สุวิตฺถาริโตติ อิทมฺปิ สนฺธาย ‘‘ฉินฺนปิโลติโก’’ติ อาห. อปิจ ¶ กจวโรปิ ¶ ปิโลติกาติ วุจฺจติ, อิมสฺมิฺจ สาสเน สมณกจวรํ นาม ปติฏฺาตุํ น ลภติ. เตเนวาห –
‘‘การณฺฑวํ นิทฺธมถ, กสมฺพุํ อปกสฺสถ;
ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน.
‘‘นิทฺธมิตฺวาน ปาปิจฺเฉ, ปาปอาจารโคจเร;
สุทฺธา สุทฺเธหิ สํวาสํ, กปฺปยวฺโห ปติสฺสตา;
ตโต สมคฺคา นิปกา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถา’’ติ. (อ. นิ. ๘.๑๐);
อิติ สมณกจวรสฺส ฉินฺนตฺตาปิ อยํ ธมฺโม ฉินฺนปิโลติโก นาม โหติ.
อลเมวาติ ยุตฺตเมว. สทฺธาปพฺพชิเตนาติ สทฺธาย ปพฺพชิเตน. กุลปุตฺเตนาติ ทฺเว กุลปุตฺตา อาจารกุลปุตฺโต ชาติกุลปุตฺโต จ. ตตฺถ โย ยโต กุโตจิ กุลา ปพฺพชิตฺวา สีลาทโย ปฺจ ธมฺมกฺขนฺเธ ปูเรติ, อยํ อาจารกุลปุตฺโต นาม. โย ปน ยสกุลปุตฺตาทโย วิย ชาติสมฺปนฺนกุลา ปพฺพชิโต, อยํ ชาติกุลปุตฺโต นาม. เตสุ อิธ อาจารกุลปุตฺโต อธิปฺเปโต. สเจ ปน ชาติกุลปุตฺโต อาจารวา โหติ, อยํ อุตฺตโมเยว. เอวรูเปน กุลปุตฺเตน. วีริยํ อารภิตุนฺติ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ กาตุํ. อิทานิสฺส จตุรงฺคํ ทสฺเสนฺโต กามํ ตโจ จาติอาทิมาห. เอตฺถ หิ ตโจ เอกํ องฺคํ, นฺหารุ เอกํ, อฏฺิ เอกํ, มํสโลหิตํ เอกนฺติ. อิทฺจ ปน จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ อธิฏฺหนฺเตน นวสุ าเนสุ สมาธาตพฺพํ ปุเรภตฺเต ปจฺฉาภตฺเต ปุริมยาเม มชฺฌิมยาเม ปจฺฉิมยาเม คมเน าเน นิสชฺชาย สยเนติ.
ทุกฺขํ ¶ , ภิกฺขเว, กุสีโต วิหรตีติ อิมสฺมึ สาสเน โย กุสีโต ปุคฺคโล, โส ทุกฺขํ วิหรติ. พาหิรสมเย ปน โย กุสีโต, โส สุขํ วิหรติ. โวกิณฺโณติ มิสฺสีภูโต. สทตฺถนฺติ โสภนํ วา อตฺถํ สกํ วา อตฺถํ, อุภเยนาปิ อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. ปริหาเปตีติ หาเปติ น ปาปุณาติ. กุสีตปุคฺคลสฺส หิ ฉ ทฺวารานิ อคุตฺตานิ โหนฺติ, ตีณิ กมฺมานิ อปริสุทฺธานิ, อาชีวฏฺมกํ สีลํ อปริโยทาตํ, ภินฺนาชีโว กุลูปโก โหติ. โส สพฺรหฺมจารีนํ อกฺขิมฺหิ ปติตรชํ วิย อุปฆาตกโร ¶ หุตฺวา ทุกฺขํ วิหรติ, ปีมทฺทโน เจว ¶ โหติ ลณฺฑปูรโก จ, สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ น สกฺโกติ, ทุลฺลภํ ขณํ วิราเธติ, เตน ภุตฺโต รฏฺปิณฺโฑปิ น มหปฺผโล โหติ.
อารทฺธวีริโย จ โข, ภิกฺขเวติ อารทฺธวีริโย ปุคฺคโล อิมสฺมึเยว สาสเน สุขํ วิหรติ. พาหิรสมเย ปน โย อารทฺธวีริโย, โส ทุกฺขํ วิหรติ. ปวิวิตฺโตติ วิวิตฺโต วิยุตฺโต หุตฺวา. สทตฺถํ ปริปูเรตีติ อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อารทฺธวีริยสฺส หิ ฉ ทฺวารานิ สุคุตฺตานิ โหนฺติ, ตีณิ กมฺมานิ ปริสุทฺธานิ, อาชีวฏฺมกํ สีลํ ปริโยทาตํ สพฺรหฺมจารีนํ อกฺขิมฺหิ สุสีตลฺชนํ วิย ธาตุคตจนฺทนํ วิย จ มนาโป หุตฺวา สุขํ วิหรติ, สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ สกฺโกติ. สตฺถา หิ –
‘‘จิรํ ชีว มหาวีร, กปฺปํ ติฏฺ มหามุนี’’ติ –
เอวํ โคตมิยา วนฺทิโต, ‘‘น โข, โคตมิ, ตถาคตา เอวํ วนฺทิตพฺพา’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตาย ยาจิโต วนฺทิตพฺพาการํ อาจิกฺขนฺโต เอวมาห –
‘‘อารทฺธวีริเย ปหิตตฺเต, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกเม;
สมคฺเค สาวเก ปสฺส, เอสา พุทฺธาน วนฺทนา’’ติ. (อป. เถรี ๒.๒.๑๗๑);
เอวํ อารทฺธวีริโย สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ สกฺโกติ, ทุลฺลภํ ขณํ น วิราเธติ. ตสฺส หิ พุทฺธุปฺปาโท ธมฺมเทสนา สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติ สผลา โหติ สอุทฺรยา, รฏฺปิณฺโฑปิ เตน ภุตฺโต มหปฺผโล โหติ.
หีเนน ¶ อคฺคสฺสาติ หีนาย สทฺธาย หีเนน วีริเยน หีนาย สติยา หีเนน สมาธินา หีนาย ปฺาย อคฺคสงฺขาตสฺส อรหตฺตสฺส ปตฺติ นาม น โหติ. อคฺเคน จ โขติ อคฺเคหิ สทฺธาทีหิ อคฺคสฺส อรหตฺตสฺส ปตฺติ โหติ. มณฺฑเปยฺยนฺติ ปสนฺนฏฺเน มณฺฑํ, ปาตพฺพฏฺเน เปยฺยํ. ยฺหิ ปิวิตฺวา อนฺตรวีถิยํ ปติโต วิสฺี อตฺตโน สาฏกาทีนมฺปิ อสฺสามิโก โหติ, ตํ ¶ ปสนฺนมฺปิ น ปาตพฺพํ, มยฺหํ ปน สาสนํ ¶ เอวํ ปสนฺนฺจ ปาตพฺพฺจาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มณฺฑเปยฺย’’นฺติ อาห.
ตตฺถ ติวิโธ มณฺโฑ – เทสนามณฺโฑ, ปฏิคฺคหมณฺโฑ, พฺรหฺมจริยมณฺโฑติ. กตโม เทสนามณฺโฑ? จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อาจิกฺขนา เทสนา ปฺาปนา ปฏฺปนา วิวรณา วิภชนา อุตฺตานีกมฺมํ, จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ…เป… อริยสฺส อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อาจิกฺขนา…เป… อุตฺตานีกมฺมํ, อยํ เทสนามณฺโฑ. กตโม ปฏิคฺคหมณฺโฑ? ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย เทวา มนุสฺสา เย วา ปนฺเปิ เกจิ วิฺาตาโร, อยํ ปฏิคฺคหมณฺโฑ. กตโม พฺรหฺมจริยมณฺโฑ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ, อยํ พฺรหฺมจริยมณฺโฑ. อปิจ อธิโมกฺขมณฺโฑ สทฺธินฺทฺริยํ, อสฺสทฺธิยํ กสโฏ, อสฺสทฺธิยํ กสฏํ ฉฑฺเฑตฺวา สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิโมกฺขมณฺฑํ ปิวตีติ มณฺฑเปยฺยนฺติอาทินาปิ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๘) นเยเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สตฺถา สมฺมุขีภูโตติ อิทเมตฺถ การณวจนํ. ยสฺมา สตฺถา สมฺมุขีภูโต, ตสฺมา วีริยสมฺปโยคํ กตฺวา ปิวถ เอตํ มณฺฑํ. พาหิรกฺหิ เภสชฺชมณฺฑมฺปิ เวชฺชสฺส อสมฺมุขา ปิวนฺตานํ ปมาณํ วา อุคฺคมนํ วา นิคฺคมนํ วา น ชานามาติ อาสงฺกา โหติ. เวชฺชสมฺมุขา ปน ‘‘เวชฺโช ชานิสฺสตี’’ติ นิราสงฺกา ปิวนฺติ. เอวเมว อมฺหากํ ธมฺมสฺสามิ สตฺถา สมฺมุขีภูโตติ วีริยํ กตฺวา ปิวถาติ มณฺฑปาเน เนสํ นิโยเชนฺโต ตสฺมาติห, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ สผลาติ สานิสํสา. สอุทฺรยาติ สวฑฺฒิ. อิทานิ นิโยชนานุรูปํ สิกฺขิตพฺพตํ นิทฺทิสนฺโต อตฺตตฺถํ วา หิ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺตตฺถนฺติ อตฺตโน อตฺถภูตํ อรหตฺตํ. อปฺปมาเทน สมฺปาเทตุนฺติ อปฺปมาเทน สพฺพกิจฺจานิ กาตุํ. ปรตฺถนฺติ ปจฺจยทายกานํ มหปฺผลานิสํสํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ. ทุติยํ.
๓. อุปนิสสุตฺตวณฺณนา
๒๓. ตติเย ¶ ¶ ‘‘ชานโต อห’’นฺติอาทีสุ ชานโตติ ชานนฺตสฺส. ปสฺสโตติ ปสฺสนฺตสฺส. ทฺเวปิ ปทานิ เอกตฺถานิ, พฺยฺชนเมว นานํ. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ชานโต’’ติ าณลกฺขณํ อุปาทาย ปุคฺคลํ นิทฺทิสติ. ชานนลกฺขณฺหิ าณํ. ‘‘ปสฺสโต’’ติ าณปฺปภาวํ อุปาทาย. ปสฺสนปฺปภาวฺหิ าณํ, าณสมงฺคีปุคฺคโล จกฺขุมา วิย จกฺขุนา รูปานิ ¶ , าเณน วิวเฏ ธมฺเม ปสฺสติ. อาสวานํ ขยนฺติ เอตฺถ อาสวานํ ปหานํ อสมุปฺปาโท ขีณากาโร นตฺถิภาโวติ อยมฺปิ อาสวกฺขโยติ วุจฺจติ, ภงฺโคปิ มคฺคผลนิพฺพานานิปิ. ‘‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘; วิภ. ๘๓๑) หิ ขีณากาโร อาสวกฺขโยติ วุจฺจติ. ‘‘โย อาสวานํ ขโย วโย เภโท ปริเภโท อนิจฺจตา อนฺตรธาน’’นฺติ (วิภ. ๓๕๔) เอตฺถ ภงฺโค.
‘‘เสกฺขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;
ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา’’ติ. (อิติวุ. ๖๒); –
เอตฺถ มคฺโค. โส หิ อาสเว เขเปนฺโต วูปสเมนฺโต อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อาสวานํ ขโยติ วุตฺโต. ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติ เอตฺถ ผลํ. ตฺหิ อาสวานํ ขีณนฺเต อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อาสวานํ ขโยติ วุตฺตํ.
‘‘อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ; (ธ. ป. ๒๕๓) –
เอตฺถ นิพฺพานํ. ตฺหิ อาคมฺม อาสวา ขียนฺติ, ตสฺมา อาสวานํ ขโยติ วุตฺตํ. อิธ ปน มคฺคผลานิ อธิปฺเปตานิ. โน อชานโต โน อปสฺสโตติ โย ปน น ชานาติ น ปสฺสติ, ตสฺส โน วทามีติ อตฺโถ. เอเตน เย อชานโต อปสฺสโตปิ สํสาราทีหิเยว สุทฺธึ วทนฺติ, เต ปฏิกฺขิตฺตา โหนฺติ. ปุริเมน ปททฺวเยน อุปาโย วุตฺโต, อิมินา อนุปายํ ปฏิเสเธติ.
อิทานิ ¶ ยํ ชานโต อาสวานํ ขโย โหติ, ตํ ทสฺเสตุกาโม กิฺจ, ภิกฺขเว, ชานโตติ ปุจฺฉํ อารภิ. ตตฺถ ชานนา พหุวิธา. ทพฺพชาติโก เอว หิ โกจิ ภิกฺขุ ฉตฺตํ กาตุํ ชานาติ, โกจิ จีวราทีนํ อฺตรํ, ตสฺส อีทิสานิ กมฺมานิ วตฺตสีเส ตฺวา กโรนฺตสฺส สา ¶ ชานนา สคฺคมคฺคผลานํ ปทฏฺานํ น โหตีติ น วตฺตพฺพํ. โย ปน สาสเน ปพฺพชิตฺวา เวชฺชกมฺมาทีนิ กาตุํ ชานาติ, ตสฺเสวํ ชานโต อาสวา วฑฺฒนฺติเยว. ตสฺมา ยํ ชานโต ปสฺสโต จ อาสวานํ ขโย โหติ, ตเทว ทสฺเสนฺโต อิติ รูปนฺติอาทิมาห. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ชานโตติ เอวํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ ชานนฺตสฺส. อาสวานํ ขโย โหตีติ อาสวานํ ขยนฺเต ชาตตฺตา ‘‘อาสวานํ ขโย’’ติ ลทฺธนามํ อรหตฺตํ โหติ.
เอวํ อรหตฺตนิกูเฏน ¶ เทสนํ นิฏฺเปตฺวา อิทานิ ขีณาสวสฺส อาคมนียํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ ทสฺเสตุํ ยมฺปิสฺส ตํ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ ขยสฺมึ ขเยาณนฺติ อาสวกฺขยสงฺขาเต อรหตฺตผเล ปฏิลทฺเธ สติ ปจฺจเวกฺขณาณํ. ตฺหิ อรหตฺตผลสงฺขาเต ขยสฺมึ ปมวารํ อุปฺปนฺเน ปจฺฉา อุปฺปนฺนตฺตา ขเยาณนฺติ วุจฺจติ. สอุปนิสนฺติ สการณํ สปฺปจฺจยํ. วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติ. สา หิสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ. เอวํ อิโต ปเรสุปิ ลพฺภมานวเสน ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพ.
วิราโคติ มคฺโค. โส หิ กิเลเส วิราเชนฺโต เขเปนฺโต อุปฺปนฺโน, ตสฺมา วิราโคติ วุจฺจติ. นิพฺพิทาติ นิพฺพิทาาณํ. เอเตน พลววิปสฺสนํ ทสฺเสติ. พลววิปสฺสนาติ ภยตูปฏฺาเน าณํ อาทีนวานุปสฺสเน าณํ มฺุจิตุกมฺยตาาณํ สงฺขารุเปกฺขาาณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ อธิวจนํ. ยถาภูตาณทสฺสนนฺติ ยถาสภาวชานนสงฺขาตํ ทสฺสนํ. เอเตน ตรุณวิปสฺสนํ ทสฺเสติ. ตรุณวิปสฺสนา หิ พลววิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติ. ตรุณวิปสฺสนาติ สงฺขารปริจฺเฉเท าณํ กงฺขาวิตรเณ าณํ สมฺมสเน าณํ มคฺคามคฺเค าณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ อธิวจนํ. สมาธีติ ¶ ปาทกชฺฌานสมาธิ. โส หิ ตรุณวิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติ. สุขนฺติ อปฺปนาย ปุพฺพภาคสุขํ. ตฺหิ ปาทกชฺฌานสฺส ปจฺจโย โหติ. ปสฺสทฺธีติ ทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิ. สา หิ อปฺปนาปุพฺพภาคสฺส สุขสฺส ปจฺจโย โหติ. ปีตีติ พลวปีติ. สา หิ ทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิยา ปจฺจโย โหติ. ปาโมชฺชนฺติ ทุพฺพลปีติ. สา หิ พลวปีติยา ปจฺจโย โหติ. สทฺธาติ อปราปรํ อุปฺปชฺชนสทฺธา. สา หิ ทุพฺพลปีติยา ปจฺจโย โหติ. ทุกฺขนฺติ วฏฺฏทุกฺขํ. ตฺหิ อปราปรสทฺธาย ปจฺจโย โหติ. ชาตีติ สวิการา ขนฺธชาติ ¶ . สา หิ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปจฺจโย โหติ. ภโวติ กมฺมภโว. (โส หิ สวิการาย ชาติยา ปจฺจโย โหติ.) เอเตนุปาเยน เสสปทานิปิ เวทิตพฺพานิ.
ถุลฺลผุสิตเกติ มหาผุสิตเก. ปพฺพตกนฺทรปทรสาขาติ เอตฺถ กนฺทรํ นาม ‘ก’นฺติลทฺธนาเมน อุทเกน ทาริโต อุทกภินฺโน ปพฺพตปเทโส, โย ‘‘นิตมฺโพ’’ติปิ ‘‘นทีกฺุโฉ’’ติปิ วุจฺจติ. ปทรํ นาม อฏฺมาเส เทเว อวสฺสนฺเต ผลิโต ภูมิปฺปเทโส. สาขาติ กุสุมฺภคามินิโย ขุทฺทกมาติกาโย. กุโสพฺภาติ ขุทฺทกอาวาฏา. มหาโสพฺภาติ มหาอาวาฏา. กุนฺนทิโยติ ขุทฺทกนทิโย. มหานทิโยติ คงฺคายมุนาทิกา มหาสริตา. เอวเมว โข ¶ , ภิกฺขเว, อวิชฺชูปนิสา สงฺขาราติอาทีสุ อวิชฺชา ปพฺพโตติ ทฏฺพฺพา. อภิสงฺขารา เมโฆติ, วิฺาณาทิวฏฺฏํ กนฺทราทโยติ, วิมุตฺติ สาคโรติ.
ยถา ปพฺพตมตฺถเก ¶ เทโว วสฺสิตฺวา ปพฺพตกนฺทราทีนิ ปูเรนฺโต อนุปุพฺเพน มหาสมุทฺทํ สาครํ ปูเรติ, เอวํ อวิชฺชาปพฺพตมตฺถเก ตาว อภิสงฺขารเมฆสฺส วสฺสนํ เวทิตพฺพํ. อสฺสุตวา หิ พาลปุถุชฺชโน อวิชฺชาย อฺาณี หุตฺวา ตณฺหาย อภิลาสํ กตฺวา กุสลากุสลกมฺมํ อายูหติ, ตํ กุสลากุสลกมฺมํ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, ปฏิสนฺธิวิฺาณาทีนิ นามรูปาทีนํ. อิติ ปพฺพตมตฺถเก วุฏฺเทวสฺส กนฺทราทโย ปูเรตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ิตกาโล วิย อวิชฺชาปพฺพตมตฺถเก วุฏฺสฺส อภิสงฺขารเมฆสฺส ปรมฺปรปจฺจยตาย อนุปุพฺเพน วิฺาณาทิวฏฺฏํ ปูเรตฺวา ิตกาโล. พุทฺธวจนํ ปน ปาฬิยํ อคหิตมฺปิ ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ, อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชตี’’ติ อิมาย ปาฬิยา วเสน คหิตเมวาติ เวทิตพฺพํ. ยา หิ ตสฺส กุลเคเห นิพฺพตฺติ, สา กมฺมภวปจฺจยา สวิการา ชาติ นาม. โส พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา สมฺมุขีภาวํ อาคมฺม วฏฺฏโทสทีปกํ ลกฺขณาหฏํ ธมฺมกถํ สุตฺวา วฏฺฏวเสน ปีฬิโต โหติ, เอวมสฺส สวิการา ขนฺธชาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปจฺจโย โหติ. โส วฏฺฏทุกฺเขน ปีฬิโต อปราปรํ สทฺธํ ชเนตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, เอวมสฺส วฏฺฏทุกฺขํ อปราปรสทฺธาย ปจฺจโย โหติ. โส ปพฺพชฺชามตฺเตเนว อสนฺตุฏฺโ อูนปฺจวสฺสกาเล นิสฺสยํ ¶ คเหตฺวา วตฺตปฏิปตฺตึ ปูเรนฺโต ทฺเวมาติกา ปคุณํ กตฺวา กมฺมากมฺมํ อุคฺคเหตฺวา ยาว อรหตฺตา นิชฺชฏํ กตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วสนฺโต ปถวีกสิณาทีสุ กมฺมํ อารภติ, ตสฺส กมฺมฏฺานํ นิสฺสาย ทุพฺพลปีติ อุปฺปชฺชติ. ตทสฺส สทฺธูปนิสํ ปาโมชฺชํ, ตํ พลวปีติยา ปจฺจโย โหติ. พลวปีติ ทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิยา, สา อปฺปนาปุพฺพภาคสุขสฺส, ตํ สุขํ ปาทกชฺฌานสมาธิสฺส. โส สมาธินา จิตฺตกลฺลตํ ชเนตฺวา ตรุณวิปสฺสนาย กมฺมํ กโรติ. อิจฺจสฺส ปาทกชฺฌานสมาธิ ตรุณวิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติ, ตรุณวิปสฺสนา พลววิปสฺสนาย, พลววิปสฺสนา มคฺคสฺส, มคฺโค ผลวิมุตฺติยา, ผลวิมุตฺติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺสาติ ¶ . เอวํ เทวสฺส อนุปุพฺเพน สาครํ ปูเรตฺวา ิตกาโล วิย ขีณาสวสฺส วิมุตฺติสาครํ ปูเรตฺวา ิตกาโล เวทิตพฺโพติ. ตติยํ.
๔. อฺติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
๒๔. จตุตฺเถ ¶ ปาวิสีติ ปวิฏฺโ. โส จ น ตาว ปวิฏฺโ, ‘‘ปวิสิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตตฺตา ปน เอวํ วุตฺโต. ยถา กึ? ยถา ‘‘คามํ คมิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตปุริโส ตํ คามํ อปฺปตฺโตปิ ‘‘กหํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ วุตฺเต ‘‘คามํ คโต’’ติ วุจฺจติ, เอวํ. อติปฺปโคติ ตทา กิร เถรสฺส อติปฺปโคเยว นิกฺขนฺตทิวโส อโหสิ, อติปฺปโคเยว นิกฺขนฺตภิกฺขู โพธิยงฺคเณ เจติยงฺคเณ นิวาสนปารุปนฏฺาเนติ อิเมสุ าเนสุ ยาว ภิกฺขาจารเวลา โหติ, ตาว ปปฺจํ กโรนฺติ. เถรสฺส ปน ‘‘ยาว ภิกฺขาจารเวลา โหติ, ตาว ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ เอกทฺเวกถาวาเร กริสฺสามี’’ติ จินฺตยโต ยํนูนาหนฺติ เอตทโหสิ. ปริพฺพาชกานํ อาราโมติ โส กิร อาราโม ทกฺขิณทฺวารสฺส จ เวฬุวนสฺส จ อนฺตรา อโหสิ. อิธาติ อิเมสุ จตูสุ วาเทสุ. กึวาที กิมกฺขายีติ กึ วทติ กึ อาจิกฺขติ, กึ เอตฺถ สมณสฺส โคตมสฺส ทสฺสนนฺติ ปุจฺฉนฺติ. ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺยามาติ, โภตา โคตเมน ยํ วุตฺตํ การณํ, ตสฺส อนุการณํ กเถยฺยาม. สหธมฺมิโก วาทานุปาโตติ ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทานุปาโต วาทปฺปวตฺติ วิฺูหิ ครหิตพฺพํ การณํ โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ กถํ นาคจฺเฉยฺย? อิทํ วุตฺตํ โหติ – กถํ สพฺพากาเรนปิ สมณสฺส โคตมสฺส วาเท คารยฺหํ การณํ น ภเวยฺยาติ?
อิติ ¶ วทนฺติ ผสฺสปจฺจยา ทุกฺขนฺติ เอวํ วทนฺโตติ อตฺโถ. ตตฺราติ เตสุ จตูสุ วาเทสุ. เต วต อฺตฺร ผสฺสาติ อิทํ ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ ปฏิฺาย สาธกวจนํ. ยสฺมา หิ น วินา ผสฺเสน ทุกฺขปฏิสํเวทนา อตฺถิ, ตสฺมา ชานิตพฺพเมตํ ยถา ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
สาธุ ¶ , สาธุ, อานนฺทาติ อยํ สาธุกาโร สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ทินฺโน, อานนฺทตฺเถเรน ปน สทฺธึ ภควา อามนฺเตสิ. เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิธาติ นิปาตมตฺตํ, เอกํ สมยนฺติ อตฺโถ. อิทํ วจนํ ‘‘น เกวลํ สาริปุตฺโตว ราชคหํ ปวิฏฺโ, อหมฺปิ ปาวิสึ. น เกวลฺจ ตสฺเสวายํ วิตกฺโก อุปฺปนฺโน, มยฺหมฺปิ อุปฺปชฺชิ. น เกวลฺจ ตสฺเสว สา ติตฺถิเยหิ สทฺธึ กถา ชาตา, มยฺหมฺปิ ชาตปุพฺพา’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
อจฺฉริยํ ¶ อพฺภุตนฺติ อุภยมฺเปตํ วิมฺหยทีปนเมว. วจนตฺโถ ปเนตฺถ อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อจฺฉริยํ. อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํ. เอเกน ปเทนาติ ‘‘ผสฺสปจฺจยา ทุกฺข’’นฺติ อิมินา เอเกน ปเทน. เอเตน หิ สพฺพวาทานํ ปฏิกฺเขปตฺโถ วุตฺโต. เอเสวตฺโถติ เอโสเยว ผสฺสปจฺจยา ทุกฺขนฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทตฺโถ. ตฺเเวตฺถ ปฏิภาตูติ ตฺเเวตฺถ อุปฏฺาตุ. อิทานิ เถโร ชรามรณาทิกาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาย ตํ อตฺถคมฺภีรฺเจว คมฺภีราวภาสฺจ กโรนฺโต สเจ มํ, ภนฺเตติอาทึ วตฺวา ยํมูลกา กถา อุปฺปนฺนา, ตเทว ปทํ คเหตฺวา วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต ฉนฺนํตฺเววาติอาทิมาห. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. จตุตฺถํ.
๕. ภูมิชสุตฺตวณฺณนา
๒๕-๒๖. ปฺจเม ภูมิโชติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. เสสมิธาปิ ปุริมสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ยสฺมา อิทํ สุขทุกฺขํ น เกวลํ ผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ, กาเยนปิ กริยมานํ กรียติ, วาจายปิ มนสาปิ, อตฺตนาปิ กริยมานํ กรียติ, ปเรนปิ กริยมานํ กรียติ, สมฺปชาเนนปิ กริยมานํ กรียติ, อสมฺปชาเนนปิ, ตสฺมา ตสฺส อปรมฺปิ ปจฺจยวิเสสํ ทสฺเสตุํ กาเย วา หานนฺท, สตีติอาทิมาห. กายสฺเจตนาเหตูติ กายทฺวาเร อุปฺปนฺนเจตนาเหตุ. วจีสฺเจตนามโนสฺเจตนาสุปิ ¶ เอเสว นโย. เอตฺถ จ กายทฺวาเร กามาวจรกุสลากุสลวเสน ¶ วีสติ เจตนา ลพฺภนฺติ, ตถา วจีทฺวาเร. มโนทฺวาเร นวหิ รูปารูปเจตนาหิ สทฺธึ เอกูนตึสาติ ตีสุ ทฺวาเรสุ เอกูนสตฺตติ เจตนา โหนฺติ, ตปฺปจฺจยํ วิปากสุขทุกฺขํ ทสฺสิตํ. อวิชฺชาปจฺจยา จาติ อิทํ ตาปิ เจตนา อวิชฺชาปจฺจยา โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ตํ ยถาวุตฺตเจตนาเภทํ กายสงฺขารฺเจว วจีสงฺขารฺจ มโนสงฺขารฺจ ปเรหิ อนุสฺสาหิโต สามํ อสงฺขาริกจิตฺเตน กโรติ, ปเรหิ การิยมาโน สสงฺขาริกจิตฺเตนาปิ กโรติ, ‘‘อิทํ นาม กมฺมํ กโรติ, ตสฺส เอวรูโป นาม วิปาโก ภวิสฺสตี’’ติ, เอวํ กมฺมฺจ วิปากฺจ ชานนฺโตปิ กโรติ, มาตาปิตูสุ เจติยวนฺทนาทีนิ กโรนฺเตสุ อนุกโรนฺตา ทารกา วิย เกวลํ กมฺมเมว ชานนฺโต ‘‘อิมสฺส ปน กมฺมสฺส อยํ วิปาโก’’ติ วิปากํ อชานนฺโตปิ กโรติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุํ สามํ วา ตํ, อานนฺท, กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรตีติอาทิ วุตฺตํ.
อิเมสุ, อานนฺท, ธมฺเมสูติ เย อิเม ‘‘สามํ วา ตํ, อานนฺท, กายสงฺขาร’’นฺติอาทีสุ จตูสุ ¶ าเนสุ วุตฺตา ฉสตฺตติ ทฺเวสตา เจตนาธมฺมา, อิเมสุ ธมฺเมสุ อวิชฺชา อุปนิสฺสยโกฏิยา อนุปติตา. สพฺเพปิ หิ เต ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต อวิชฺชาย ตฺเววาติอาทิมาห. โส กาโย น โหตีติ ยสฺมึ กาเย สติ กายสฺเจตนาปจฺจยํ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, โส กาโย น โหติ. วาจามเนสุปิ เอเสว นโย. อปิจ กาโยติ เจตนากาโย, วาจาปิ เจตนาวาจา, มโนปิ กมฺมมโนเยว. ทฺวารกาโย วา กาโย. วาจามเนสุปิ เอเสว นโย. ขีณาสโว เจติยํ วนฺทติ, ธมฺมํ ภณติ, กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ, กถมสฺส กายาทโย น โหนฺตีติ? อวิปากตฺตา. ขีณาสเวน หิ กตํ กมฺมํ เนว กุสลํ โหติ นากุสลํ. อวิปากํ หุตฺวา กิริยามตฺเต ติฏฺติ, เตนสฺส เต กายาทโย น โหนฺตีติ วุตฺตํ.
เขตฺตํ ตํ น โหตีติอาทีสุปิ วิรุหนฏฺเน ตํ เขตฺตํ น โหติ, ปติฏฺานฏฺเน วตฺถุ น โหติ, ปจฺจยฏฺเน อายตนํ ¶ น โหติ, การณฏฺเน อธิกรณํ น โหติ. สฺเจตนามูลกฺหิ อชฺฌตฺตํ สุขทุกฺขํ ¶ อุปฺปชฺเชยฺย, สา สฺเจตนา เอเตสํ วิรุหนาทีนํ อตฺถานํ อภาเวน ตสฺส สุขทุกฺขสฺส เนว เขตฺตํ, น วตฺถุ น อายตนํ, น อธิกรณํ โหตีติ. อิมสฺมึ สุตฺเต เวทนาทีสุ สุขทุกฺขเมว กถิตํ, ตฺจ โข วิปากเมวาติ. ปฺจมํ.
ฉฏฺํ อุปวาณสุตฺตํ อุตฺตานเมว. เอตฺถ ปน วฏฺฏทุกฺขเมว กถิตนฺติ. ฉฏฺํ.
๗. ปจฺจยสุตฺตวณฺณนา
๒๗-๒๘. สตฺตเม ปฏิปาฏิยา วุตฺเตสุ ปริโยสานปทํ คเหตฺวา กตมฺจ, ภิกฺขเว, ชรามรณนฺติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ ปจฺจยํ ปชานาตีติ เอวํ ทุกฺขสจฺจวเสน ปจฺจยํ ชานาติ. ปจฺจยสมุทยาทโยปิ สมุทยสจฺจาทีนํเยว วเสน เวทิตพฺพา. ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ มคฺคทิฏฺิยา สมฺปนฺโน. ทสฺสนสมฺปนฺโนติ ตสฺเสว เววจนํ. อาคโต อิมํ สทฺธมฺมนฺติ มคฺคสทฺธมฺมํ อาคโต. ปสฺสตีติ มคฺคสทฺธมฺมเมว ปสฺสติ. เสกฺเขน าเณนาติ มคฺคาเณเนว. เสกฺขาย วิชฺชายาติ มคฺควิชฺชาย เอว. ธมฺมโสตํ สมาปนฺโนติ มคฺคสงฺขาตเมว ธมฺมโสตํ สมาปนฺโน. อริโยติ ปุถุชฺชนภูมึ อติกฺกนฺโต. นิพฺเพธิกปฺโติ นิพฺเพธิกปฺาย สมนฺนาคโต. อมตทฺวารํ อาหจฺจ ¶ ติฏฺตีติ อมตํ นาม นิพฺพานํ, ตสฺส ทฺวารํ อริยมคฺคํ อาหจฺจ ติฏฺตีติ. อฏฺมํ อุตฺตานเมว. สตฺตมอฏฺมานิ.
๙. สมณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๒๙-๓๐. นวมํ อกฺขรภาณกานํ ภิกฺขูนํ อชฺฌาสเยน วุตฺตํ. เต หิ ปรีติ อุปสคฺคํ ปกฺขิปิตฺวา วุจฺจมาเน ปฏิวิชฺฌิตุํ สกฺโกนฺติ. นวมํ.
ทสเม ¶ สพฺพํ อุตฺตานเมว. อิเมสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ จตุสจฺจปฏิเวโธว กถิโต. ทสมํ.
ทสพลวคฺโค ตติโย.
๔. กฬารขตฺติยวคฺโค
๑. ภูตสุตฺตวณฺณนา
๓๑. กฬารขตฺติยวคฺคสฺส ¶ ปเม อชิตปฺเหติ อชิตมาณเวน ปุจฺฉิตปฺเห. สงฺขาตธมฺมาเสติ สงฺขาตธมฺมา วุจฺจนฺติ าตธมฺมา ตุลิตธมฺมา ตีริตธมฺมา. เสกฺขาติ สตฺต เสกฺขา. ปุถูติ เตเยว สตฺต ชเน สนฺธาย ปุถูติ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. นิปโกติ เนปกฺกํ วุจฺจติ ปฺา, ตาย สมนฺนาคตตฺตา นิปโก, ตฺวํ ปณฺฑิโต ปพฺรูหีติ ยาจติ. อิริยนฺติ วุตฺตึ อาจารํ โคจรํ วิหารํ ปฏิปตฺตึ. มาริสาติ ภควนฺตํ อาลปติ. เสกฺขานฺจ สงฺขาตธมฺมานฺจ ขีณาสวานฺจ ปฏิปตฺตึ มยา ปุจฺฉิโต ปณฺฑิต, มาริส, มยฺหํ กเถหีติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ.
ตุณฺหี อโหสีติ กสฺมา ยาว ตติยํ ปุฏฺโ ตุณฺหี อโหสิ? กึ ปฺเห กงฺขติ, อุทาหุ อชฺฌาสเยติ? อชฺฌาสเย กงฺขติ, โน ปฺเห. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สตฺถา มํ เสกฺขาเสกฺขานํ อาคมนียปฏิปทํ กถาเปตุกาโม; สา จ ขนฺธวเสน ธาตุวเสน อายตนวเสน ปจฺจยาการวเสนาติ ¶ พหูหิ การเณหิ สกฺกา กเถตุํ. กถํ กเถนฺโต นุ โข สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตฺวา กเถตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ? อถ สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘เปตฺวา มํ อฺโ ปตฺตํ อาทาย จรนฺโต สาวโก นาม ปฺาย สาริปุตฺตสโม นตฺถิ. อยมฺปิ มยา ปฺหํ ปุฏฺโ ยาว ตติยํ ตุณฺหี เอว. ปฺเห นุ โข กงฺขติ, อุทาหุ อชฺฌาสเย’’ติ. อถ ‘‘อชฺฌาสเย’’ติ ตฺวา ปฺหกถนตฺถาย ¶ นยํ ททมาโน ภูตมิทนฺติ, สาริปุตฺต, ปสฺสสีติ อาห.
ตตฺถ ภูตนฺติ ชาตํ นิพฺพตฺตํ, ขนฺธปฺจกสฺเสตํ นามํ. อิติ สตฺถา ‘‘ปฺจกฺขนฺธวเสน, สาริปุตฺต, อิมํ ปฺหํ กเถหี’’ติ เถรสฺส นยํ เทติ. สหนยทาเนน ปน เถรสฺส ตีเร ิตปุริสสฺส วิวโฏ เอกงฺคโณ มหาสมุทฺโท วิย นยสเตน นยสหสฺเสน ปฺหพฺยากรณํ อุปฏฺาสิ. อถ นํ พฺยากโรนฺโต ภูตมิทนฺติ, ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ ภูตมิทนฺติ อิทํ นิพฺพตฺตํ ขนฺธปฺจกํ. สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ สห วิปสฺสนาย มคฺคปฺาย สมฺมา ปสฺสติ. ปฏิปนฺโน โหตีติ สีลโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา นิพฺพิทาทีนํ ¶ อตฺถาย ปฏิปนฺโน โหติ. ตทาหารสมฺภวนฺติ อิทํ กสฺมา อารภิ? เอตํ ขนฺธปฺจกํ อาหารํ ปฏิจฺจ ิตํ, ตสฺมา ตํ อาหารสมฺภวํ นาม กตฺวา ทสฺเสตุํ อิทํ อารภิ. อิติ อิมินาปิ ปริยาเยน เสกฺขปฏิปทา กถิตา โหติ. ตทาหารนิโรธาติ เตสํ อาหารานํ นิโรเธน. อิทํ กสฺมา อารภิ? ตฺหิ ขนฺธปฺจกํ อาหารนิโรธา นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อาหารนิโรธสมฺภวํ นาม กตฺวา ทสฺเสตุํ อิทํ อารภิ. อิติ อิมินาปิ ปริยาเยน เสกฺขสฺเสว ปฏิปทา กถิตา. นิพฺพิทาติ อาทีนิ สพฺพานิ การณวจนานีติ เวทิตพฺพานิ. อนุปาทา วิมุตฺโตติ จตูหิ อุปาทาเนหิ กฺจิ ธมฺมํ อคเหตฺวา วิมุตฺโต. สาธุ สาธูติ อิมินา เถรสฺส พฺยากรณํ สมฺปหํเสตฺวา สยมฺปิ ตเถว พฺยากโรนฺโต ปุน ‘‘ภูตมิท’’นฺติอาทิมาหาติ. ปมํ.
๒. กฬารสุตฺตวณฺณนา
๓๒. ทุติเย กฬารขตฺติโยติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. ทนฺตา ปนสฺส กฬารา วิสมสณฺานา, ตสฺมา ‘‘กฬาโร’’ติ วุจฺจติ. หีนายาวตฺโตติ หีนสฺส คิหิภาวสฺส อตฺถาย นิวตฺโต. อสฺสาสมลตฺถาติ อสฺสาสํ อวสฺสยํ ปติฏฺํ น หิ นูน อลตฺถ, ตโย มคฺเค ตีณิ จ ผลานิ นูน นาลตฺถาติ ทีเปติ. ยทิ หิ ตานิ ลเภยฺย, น สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺเตยฺยาติ ¶ อยํ เถรสฺส อธิปฺปาโย. น ขฺวาหํ, อาวุโสติ อหํ โข, อาวุโส, ‘‘อสฺสาสํ ¶ ปตฺโต, น ปตฺโต’’ติ น กงฺขามิ. เถรสฺส หิ สาวกปารมีาณํ อวสฺสโย, ตสฺมา โส น กงฺขติ. อายตึ ปนาวุโสติ อิมินา ‘‘อายตึ ปฏิสนฺธิ ตุมฺหากํ อุคฺฆาฏิตา, น อุคฺฆาฏิตา’’ติ อรหตฺตปฺปตฺตึ ปุจฺฉติ. น ขฺวาหํ, อาวุโส, วิจิกิจฺฉามีติ อิมินา เถโร ตตฺถ วิจิกิจฺฉาภาวํ ทีเปติ.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ‘‘อิมํ สุตการณํ ภควโต อาโรเจสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิ. อฺา พฺยากตาติ อรหตฺตํ พฺยากตํ. ขีณา ชาตีติ น เถเรน เอวํ พฺยากตา, อยํ ปน เถโร ตุฏฺโ ปสนฺโน เอวํ ปทพฺยฺชนานิ อาโรเปตฺวา อาห. อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสีติ ตํ สุตฺวา สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘สาริปุตฺโต ธีโร คมฺภีโร. น โส เกนจิ การเณน เอวํ พฺยากริสฺสติ. สํขิตฺเตน ปน ปฺโห พฺยากโต ¶ ภวิสฺสติ. ปกฺโกสาเปตฺวา นํ ปฺหํ พฺยากราเปสฺสามี’’ติ อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ.
สเจ ตํ สาริปุตฺตาติ อิทํ ภควา ‘‘น เอส อตฺตโน ธมฺมตาย อฺํ พฺยากริสฺสติ, ปฺหเมตํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ตํ กเถนฺโตว อฺํ พฺยากริสฺสตี’’ติ อฺํ พฺยากราเปตุํ เอวํ ปุจฺฉิ. ยํนิทานาวุโส, ชาตีติ, อาวุโส, อยํ ชาติ นาม ยํปจฺจยา, ตสฺส ปจฺจยสฺส ขยา ขีณสฺมึ ชาติยา ปจฺจเย ชาติสงฺขาตํ ผลํ ขีณนฺติ วิทิตํ. อิธาปิ จ เถโร ปฺเห อกงฺขิตฺวา อชฺฌาสเย กงฺขติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อฺา นาม ตณฺหา ขีณา, อุปาทานํ ขีณํ, ภโว ขีโณ, ปจฺจโย ขีโณ, กิเลสา ขีณาติอาทีหิ พหูหิ การเณหิ สกฺกา พฺยากาตุํ, กถํ กเถนฺโต ปน สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ.
กิฺจาปิ เอวํ อชฺฌาสเย กงฺขติ, ปฺหํ ปน อฏฺเปตฺวาว ปจฺจยาการวเสน พฺยากาสิ. สตฺถาปิ ปจฺจยาการวเสเนว พฺยากราเปตุกาโม, ตสฺมา เอส พฺยากโรนฺโตว อชฺฌาสยํ คณฺหิ. ตาวเทว ‘‘คหิโต เม สตฺถุ อชฺฌาสโย’’ติ อฺาสิ. อถสฺส นยสเตน นยสหสฺเสน ปฺหพฺยากรณํ อุปฏฺาสิ. ยสฺมา ปน ภควา อุตฺตริ ปฺหํ ปุจฺฉติ, ตสฺมา เตน ตํ พฺยากรณํ อนุโมทิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
กถํ ¶ ชานโต ปน เตติ อิทํ กสฺมา อารภิ? สวิสเย สีหนาทํ นทาเปตุํ. เถโร กิร สูกรนิขาตเลณทฺวาเร ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺเต กถิยมาเน ตาลวณฺฏํ คเหตฺวา ¶ สตฺถารํ พีชยมาโน ิโต ติสฺโส เวทนา ปริคฺคเหตฺวา สาวกปารมีาณํ อธิคโต, อยมสฺส สวิสโย. อิมสฺมึ สวิสเย ิโต สีหนาทํ นทิสฺสตีติ นํ สนฺธาย สตฺถา อิทํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. อนิจฺจาติ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา. ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ สุขา เวทนา ิติสุขา วิปริณามทุกฺขา, ทุกฺขา เวทนา ิติทุกฺขา วิปริณามสุขา, อทุกฺขมสุขา าณสุขา อฺาณทุกฺขา, วิปริณามโกฏิยา ปน สพฺพาว ทุกฺขา นาม ชาตา. วิทิตนฺติ ยสฺมา เอวํ เวทนาตฺตยํ ทุกฺขนฺติ วิทิตํ, ตสฺมา ยา ตตฺถ ตณฺหา, สา น อุปฏฺาสีติ ทสฺเสติ.
สาธุ ¶ สาธูติ เถรสฺส เวทนาปริจฺเฉทชานเน สมฺปหํสนํ. เถโร หิ เวทนา เอกาติ วา ทฺเว ติสฺโส จตสฺโสติ วา อวุตฺเตปิ วุตฺตนเยน ตาสํ ติสฺโสติ ปริจฺเฉทํ อฺาสิ, เตน ตํ ภควา สมฺปหํสนฺโต เอวมาห. ทุกฺขสฺมินฺติ อิทํ ภควา อิมินา อธิปฺปาเยน อาห – ‘‘สาริปุตฺต, ยํ ตยา ‘อิมินา การเณน เวทนาสุ ตณฺหา น อุปฏฺาสี’ติ พฺยากตํ, ตํ สุพฺยากตํ. ‘ติสฺโส เวทนา’ติ วิภชนฺเตน ปน เต อติปฺปปฺโจ กโต, ตํ ‘ทุกฺขสฺมิ’นฺติ พฺยากโรนฺเตนปิ หิ เต สุพฺยากตเมว ภเวยฺย. ยํกิฺจิ เวทยิตํ, ตํ ทุกฺขนฺติ าตมตฺเตปิ หิ เวทนาสุ ตณฺหา น ติฏฺติ’’.
กถํ วิโมกฺขาติ กตรา วิโมกฺขา, กตเรน วิโมกฺเขน ตยา อฺา พฺยากตาติ อตฺโถ? อชฺฌตฺตํ วิโมกฺขาติ อชฺฌตฺตวิโมกฺเขน, อชฺฌตฺตสงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา ปตฺตอรหตฺเตนาติ อตฺโถ. ตตฺถ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ – อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ วุฏฺานํ, อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส พหิทฺธา วุฏฺานํ, พหิทฺธา อภินิเวโส พหิทฺธา วุฏฺานํ, พหิทฺธา อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ ¶ วุฏฺานนฺติ. อชฺฌตฺตฺหิ อภินิเวสิตฺวา พหิทฺธาธมฺมาปิ ทฏฺพฺพาเยว, พหิทฺธา อภินิเวสิตฺวา อชฺฌตฺตธมฺมาปิ. ตสฺมา โกจิ ภิกฺขุ อชฺฌตฺตํ สงฺขาเรสุ าณํ โอตาเรตฺวา เต ววตฺถเปตฺวา พหิทฺธา โอตาเรติ, พหิทฺธาปิ ปริคฺคเหตฺวา ปุน อชฺฌตฺตํ โอตาเรติ, ตสฺส อชฺฌตฺต สงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฏฺานํ โหติ. อิติ อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ วุฏฺานํ นาม. โกจิ อชฺฌตฺตํ สงฺขาเรสุ าณํ โอตาเรตฺวา เต ววตฺถเปตฺวา พหิทฺธา โอตาเรติ, ตสฺส พหิทฺธา สงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฏฺานํ ¶ โหติ. อิติ อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส พหิทฺธา วุฏฺานํ นาม. โกจิ พหิทฺธา สงฺขาเรสุ าณํ โอตาเรตฺวา, เต ววตฺถเปตฺวา อชฺฌตฺตํ โอตาเรติ, อชฺฌตฺตมฺปิ ปริคฺคเหตฺวา ปุน พหิทฺธา โอตาเรติ, ตสฺส พหิทฺธา สงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฏฺานํ โหติ. อิติ พหิทฺธา อภินิเวโส พหิทฺธา วุฏฺานํ นาม. โกจิ พหิทฺธา สงฺขาเรสุ าณํ โอตาเรตฺวา เต ววตฺถเปตฺวา อชฺฌตฺตํ โอตาเรติ, ตสฺส อชฺฌตฺตสงฺขาเร สมฺมสนกาเล มคฺควุฏฺานํ โหติ. อิติ พหิทฺธา อภินิเวโส อชฺฌตฺตํ วุฏฺานํ นาม. ตตฺร เถโร ‘‘อชฺฌตฺตสงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา เตสํ ววตฺถานกาเล มคฺควุฏฺาเนน อรหตฺตํ ปตฺโตสฺมี’’ติ ทสฺเสนฺโต อชฺฌตฺตํ วิโมกฺขา ขฺวาหํ, อาวุโสติ อาห.
สพฺพุปาทานกฺขยาติ ¶ สพฺเพสํ จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ ขเยน. ตถา สโต วิหรามีติ เตนากาเรน สติยา สมนฺนาคโต วิหรามิ. ยถา สตํ วิหรนฺตนฺติ เยนากาเรน มํ สติยา สมนฺนาคตํ วิหรนฺตํ. อาสวา นานุสฺสวนฺตีติ จกฺขุโต รูเป สวนฺติ อาสวนฺติ สนฺทนฺติ ปวตฺตนฺตีติ เอวํ ฉหิ ทฺวาเรหิ ฉสุ อารมฺมเณสุ สวนธมฺมา กามาสวาทโย อาสวา นานุสฺสวนฺติ นานุปฺปวฑฺฒนฺติ, ยถา เม น อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. อตฺตานฺจ นาวชานามีติ อตฺตานฺจ น อวชานามิ. อิมินา โอมานปหานํ กถิตํ. เอวฺหิ สติ ปชานนา ปสนฺนา โหติ.
สมเณนาติ พุทฺธสมเณน. เตสฺวาหํ น กงฺขามีติ เตสุ อหํ ‘‘กตโร กามาสโว, กตโร ภวาสโว, กตโร ทิฏฺาสโว, กตโร อวิชฺชาสโว’’ติ เอวํ สรูปเภทโตปิ, ‘‘จตฺตาโร ¶ อาสวา’’ติ เอวํ คณนปริจฺเฉทโตปิ น กงฺขามิ. เต เม ปหีนาติ น วิจิกิจฺฉามีติ เต มยฺหํ ปหีนาติ วิจิกิจฺฉํ น อุปฺปาเทมิ. อิทํ ภควา ‘‘เอวํ พฺยากโรนฺเตนปิ ตยา สุพฺยากตํ ภเวยฺย ‘อชฺฌตฺตํ วิโมกฺขา ขฺวาหํ, อาวุโส’ติอาทีนิ ปน เต วทนฺเตน อติปฺปปฺโจ กโต’’ติ ทสฺเสนฺโต อาห.
อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสีติ ปฺตฺตวรพุทฺธาสนโต อุฏฺหิตฺวา วิหารํ อนฺโตมหาคนฺธกุฏึ ปาวิสิ อสมฺภินฺนาย เอว ปริสาย. กสฺมา? พุทฺธา หิ อนิฏฺิตาย เทสนาย อสมฺภินฺนาย ปริสาย อุฏฺายาสนา คนฺธกุฏึ ปวิสนฺตา ปุคฺคลโถมนตฺถํ วา ปวิสนฺติ ธมฺมโถมนตฺถํ วา. ตตฺถ ปุคฺคลโถมนตฺถํ ปวิสนฺโต สตฺถา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ มยา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิฏฺํ วิตฺถาเรน จ อวิภตฺตํ ธมฺมปฏิคฺคาหกา ภิกฺขู อุคฺคเหตฺวา อานนฺทํ วา กจฺจายนํ วา อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสนฺติ, เต มยฺหํ าเณน สํสนฺเทตฺวา กเถสฺสนฺติ, ตโตปิ ธมฺมปฏิคฺคาหกา ปุน มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ. เตสมหํ ‘สุกถิตํ, ภิกฺขเว, อานนฺเทน, สุกถิตํ กจฺจายเนน, มํ เจปิ ตุมฺเห เอตมตฺถํ ¶ ปุจฺเฉยฺยาถ, อหมฺปิ นํ เอวเมว พฺยากเรยฺย’นฺติ เอวํ เต ปุคฺคเล โถเมสฺสามิ. ตโต เตสุ คารวํ ชเนตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิสฺสนฺติ, เตปิ ภิกฺขู อตฺเถ จ ธมฺเม จ นิโยเชสฺสนฺติ, เต เตหิ นิโยชิตา ติสฺโส สิกฺขา ปริปูเรตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ.
อถ ¶ วา ปนสฺส เอวํ โหติ – ‘‘เอส มยิ ปกฺกนฺเต อตฺตโน อานุภาวํ กริสฺสติ, อถ นํ อหมฺปิ ตเถว โถเมสฺสามิ, ตํ มม โถมนํ สุตฺวา คารวชาตา ภิกฺขู อิมํ อุปสงฺกมิตพฺพํ, วจนฺจสฺส โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, ตํ เตสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ ธมฺมโถมนตฺถํ ปวิสนฺโต เอวํ จินฺเตสิ ยถา ธมฺมทายาทสุตฺเต จินฺเตสิ. ตตฺร หิสฺส เอวํ อโหสิ – ‘‘มยิ วิหารํ ปวิฏฺเ อามิสทายาทํ ครหนฺโต ธมฺมทายาทฺจ โถเมนฺโต อิมิสฺสํเยว ปริสติ นิสินฺโน สาริปุตฺโต ธมฺมํ เทเสสฺสติ, เอวํ ทฺวินฺนมฺปิ อมฺหากํ เอกชฺฌาสยาย มติยา เทสิตา อยํ เทสนา อคฺคา จ ครุกา จ ภวิสฺสติ ปาสาณจฺฉตฺตสทิสา’’ติ.
อิธ ¶ ปน อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุกฺกํเสตฺวา ปกาเสตฺวา เปตุกาโม ปุคฺคลโถมนตฺถํ อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสิ. อีทิเสสุ าเนสุ ภควา นิสินฺนาสเนเยว อนฺตรหิโต จิตฺตคติยา วิหารํ ปวิสตีติ เวทิตพฺโพ. ยทิ หิ กายคติยา คจฺเฉยฺย, สพฺพา ปริสา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา คจฺเฉยฺย, สา เอกวารํ ภินฺนา ปุน ทุสฺสนฺนิปาตา ภเวยฺยาติ ภควา อทิสฺสมาเนน กาเยน จิตฺตคติยา เอว ปาวิสิ.
เอวํ ปวิฏฺเ ปน ภควติ ภควโต อธิปฺปายานุรูปเมว สีหนาทํ นทิตุกาโม ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ. ปุพฺเพ อปฺปฏิสํวิทิตนฺติ อิทํ นาม ปุจฺฉิสฺสตีติ ปุพฺเพ มยา อวิทิตํ อฺาตํ. ปมํ ปฺหนฺติ, ‘‘สเจ ตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ กถํ ชานตา ปน ตยา, อาวุโส สาริปุตฺต, กถํ ปสฺสตา อฺา พฺยากตา ขีณา ชาตี’’ติ อิมํ ปมํ ปฺหํ. ทนฺธายิตตฺตนฺติ สตฺถุ อาสยชานนตฺถํ ทนฺธภาโว อสีฆตา. ปมํ ปฺหํ อนุโมทีติ, ‘‘ชาติ ปนาวุโส สาริปุตฺต, กึนิทานา’’ติ อิมํ ทุติยํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต, ‘‘ยํนิทานาวุโส, ชาตี’’ติ เอวํ วิสฺสชฺชิตํ ปมํ ปฺหํ อนุโมทิ.
เอตทโหสีติ ภควตา อนุโมทิเต นยสเตน นยสหสฺเสน ปฺหสฺส เอกงฺคณิกภาเวน ปากฏีภูตตฺตา ¶ เอตํ อโหสิ. ทิวสมฺปาหํ ภควโต เอตมตฺถํ พฺยากเรยฺยนฺติ สกลทิวสมฺปิ อหํ ภควโต เอตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทตฺถํ ¶ ปุฏฺโ สกลทิวสมฺปิ อฺมฺเหิ ปทพฺยฺชเนหิ พฺยากเรยฺยํ. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘เถโร อุฬารสีหนาทํ นทติ, สุการณํ เอตํ, ทสพลสฺส นํ อาโรเจสฺสามี’’ติ. ตสฺมา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ.
สา หิ ภิกฺขุ สาริปุตฺตสฺส ธมฺมธาตูติ เอตฺถ ธมฺมธาตูติ ปจฺจยาการสฺส วิวฏภาวทสฺสนสมตฺถํ สาวกปารมีาณํ. สาวกานฺหิ สาวกปารมีาณํ สพฺพฺุตฺาณคติกเมว ¶ โหติ. ยถา พุทฺธานํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา ธมฺมา สพฺพฺุตฺาณสฺส ปากฏา โหนฺติ, เอวํ เถรสฺส สาวกปารมีาณํ สพฺเพปิ สาวกาณสฺส โคจรธมฺเม ชานาตีติ. ทุติยํ.
๓. าณวตฺถุสุตฺตวณฺณนา
๓๓. ตติเย ตํ สุณาถาติ ตํ าณวตฺถุเทสนํ สุณาถ. าณวตฺถูนีติ เจตฺถ าณเมว าณวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. ชรามรเณ าณนฺติอาทีสุ จตูสุ ปมํ สวนมยาณํ สมฺมสนาณํ ปฏิเวธาณํ ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ จตุพฺพิธํ วฏฺฏติ, ตถา ทุติยํ. ตติยํ ปน เปตฺวา สมฺมสนาณํ ติวิธเมว โหติ, ตถา จตุตฺถํ. โลกุตฺตรธมฺเมสุ หิ สมฺมสนํ นาม นตฺถิ. ชาติยา าณนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อิมินา ธมฺเมนาติ อิมินา จตุสจฺจธมฺเมน วา มคฺคาณธมฺเมน วา.
ทิฏฺเนาติอาทีสุ ทิฏฺเนาติ าณจกฺขุนา ทิฏฺเน. วิทิเตนาติ ปฺาย วิทิเตน. อกาลิเกนาติ กิฺจิ กาลํ อนติกฺกมิตฺวา ปฏิเวธานนฺตรํเยว ผลทายเกน. ปตฺเตนาติ อธิคเตน. ปริโยคาฬฺเหนาติ ปริโยคาหิเตน ปฺาย อนุปวิฏฺเน. อตีตานาคเต นยํ เนตีติ ‘‘เย โข เกจี’’ติอาทินา นเยน อตีเต จ อนาคเต จ นยํ เนติ. เอตฺถ จ น จตุสจฺจธมฺเมน วา มคฺคาณธมฺเมน วา สกฺกา อตีตานาคเต นยํ เนตุํ, จตุสจฺเจ ปน มคฺคาเณน ปฏิวิทฺเธ ปรโต ปจฺจเวกฺขณาณํ นาม โหติ. เตน นยํ เนตีติ เวทิตพฺพา. อพฺภฺํสูติ อภิอฺํสุ ชานึสุ. เสยฺยถาปาหํ, เอตรหีติ ยถา อหํ เอตรหิ จตุสจฺจวเสน ชานามิ. อนฺวเย าณนฺติ อนุอเย าณํ, ธมฺมาณสฺส อนุคมเน าณํ, ปจฺจเวกฺขณาณสฺเสตํ ¶ นามํ. ธมฺเม าณนฺติ มคฺคาณํ. อิมสฺมึ สุตฺเต ขีณาสวสฺส เสกฺขภูมิ กถิตา โหติ. ตติยํ.
๔. ทุติยาณวตฺถุสุตฺตวณฺณนา
๓๔. จตุตฺเถ ¶ ¶ สตฺตสตฺตรีติ สตฺต จ สตฺตริ จ. พฺยฺชนภาณกา กิร เต ภิกฺขู, พหุพฺยฺชนํ กตฺวา วุจฺจมาเน ปฏิวิชฺฌิตุํ สกฺโกนฺติ, ตสฺมา เตสํ อชฺฌาสเยน อิทํ สุตฺตํ วุตฺตํ. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ ปจฺจยากาเร าณํ. ปจฺจยากาโร หิ ธมฺมานํ ปวตฺติฏฺิติการณตฺตา ธมฺมฏฺิตีติ วุจฺจติ, เอตฺถ าณํ ธมฺมฏฺิติาณํ, เอตสฺเสว ฉพฺพิธสฺส าณสฺเสตํ อธิวจนํ. ขยธมฺมนฺติ ขยคมนสภาวํ. วยธมฺมนฺติ วยคมนสภาวํ. วิราคธมฺมนฺติ วิรชฺชนสภาวํ. นิโรธธมฺมนฺติ นิรุชฺฌนสภาวํ. สตฺตสตฺตรีติ เอเกกสฺมึ สตฺต สตฺต กตฺวา เอกาทสสุ ปเทสุ สตฺตสตฺตริ. อิมสฺมึ สุตฺเต วิปสฺสนาปฏิวิปสฺสนา กถิตา. จตุตฺถํ.
๕. อวิชฺชาปจฺจยสุตฺตวณฺณนา
๓๕. ปฺจเม สมุทโย โหตีติ สตฺถา อิเธว เทสนํ โอสาเปสิ. กึการณาติ? ทิฏฺิคติกสฺส โอกาสทานตฺถํ. ตสฺสฺหิ ปริสติ อุปารมฺภจิตฺโต ทิฏฺิคติโก อตฺถิ, โส ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺสาหํ วิสฺสชฺเชสฺสามีติ ตสฺส โอกาสทานตฺถํ เทสนํ โอสาเปสิ. โน กลฺโล ปฺโหติ อยุตฺโต ปฺโห. ทุปฺปฺโห เอโสติ อตฺโถ. นนุ จ ‘‘กตมํ นุ โข, ภนฺเต, ชรามรณ’’นฺติ? อิทํ สุปุจฺฉิตนฺติ. กิฺจาปิ สุปุจฺฉิตํ, ยถา ปน สตสหสฺสคฺฆนิเก สุวณฺณถาเล วฑฺฒิตสฺส สุโภชนสฺส มตฺถเก อามลกมตฺเตปิ คูถปิณฺเฑ ปิเต สพฺพํ โภชนํ ทุพฺโภชนํ โหติ ฉฑฺเฑตพฺพํ, เอวเมว ‘‘กสฺส จ ปนิทํ ชรามรณ’’นฺติ? อิมินา สตฺตูปลทฺธิวาทปเทน คูถปิณฺเฑน ตํ โภชนํ ทุพฺโภชนํ วิย อยมฺปิ สพฺโพ ทุปฺปฺโหว ชาโตติ.
พฺรหฺมจริยวาโสติ อริยมคฺควาโส. ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ยสฺส หิ อยํ ทิฏฺิ, โส ‘‘ชีเว อุจฺฉิชฺชมาเน สรีรํ อุจฺฉิชฺชติ, สรีเร อุจฺฉิชฺชนฺเต ชีวิตํ อุจฺฉิชฺชตี’’ติ คณฺหาติ. เอวํ ¶ คณฺหโต สา ทิฏฺิ ‘‘สตฺโต อุจฺฉิชฺชตี’’ติ คหิตตฺตา อุจฺเฉททิฏฺิ นาม โหติ ¶ . สเจ ปน สงฺขาราว อุปฺปชฺชนฺติ เจว นิรุชฺฌนฺติ จาติ คณฺเหยฺย, สาสนาวจรา สมฺมาทิฏฺิ นาม ภเวยฺย. อริยมคฺโค จ นาเมโส วฏฺฏํ นิโรเธนฺโต วฏฺฏํ สมุจฺฉินฺทนฺโต อุปฺปชฺชติ ¶ , ตเทว ตํ วฏฺฏํ อุจฺเฉททิฏฺิยา คหิตาการสฺส สมฺภเว สติ วินาว มคฺคภาวนาย นิรุชฺฌตีติ มคฺคภาวนา นิรตฺถกา โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘พฺรหฺมจริยวาโส น โหตี’’ติ.
ทุติยนเย อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ ยสฺส อยํ ทิฏฺิ, โส ‘‘สรีรํ อิเธว อุจฺฉิชฺชติ, น ชีวิตํ, ชีวิตํ ปน ปฺชรโต สกุโณ วิย ยถาสุขํ คจฺฉตี’’ติ คณฺหาติ. เอวํ คณฺหโต สา ทิฏฺิ ‘‘อิมสฺมา โลกา ชีวิตํ ปรโลกํ คต’’นฺติ คหิตตฺตา สสฺสตทิฏฺิ นาม โหติ. อยฺจ อริยมคฺโค เตภูมกวฏฺฏํ วิวฏฺเฏนฺโต อุปฺปชฺชติ, โส เอกสงฺขาเรปิ นิจฺเจ ธุเว สสฺสเต สติ อุปฺปนฺโนปิ วฏฺฏํ วิวฏฺเฏตุํ น สกฺโกตีติ มคฺคภาวนา นิรตฺถกา โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ วา ภิกฺขุ ทิฏฺิยา สติ พฺรหฺมจริยวาโส น โหตี’’ติ.
วิสูกายิกานีติอาทิ สพฺพํ มิจฺฉาทิฏฺิเววจนเมว. สา หิ สมฺมาทิฏฺิยา วินิวิชฺฌนฏฺเน วิสูกมิว อตฺตานํ อาวรณโต วิสูกายิกํ, สมฺมาทิฏฺึ อนนุวตฺติตฺวา ตสฺสา วิโรเธน ปวตฺตนโต วิเสวิตํ, กทาจิ อุจฺเฉทสฺส กทาจิ สสฺสตสฺส คหณโต วิรูปํ ผนฺทิตํ วิปฺผนฺทิตนฺติ วุจฺจติ. ตาลาวตฺถุกตานีติ ตาลวตฺถุ วิย กตานิ, ปุน อวิรุหณฏฺเน มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย สมูลํ ตาลํ อุทฺธริตฺวา ตสฺส ปติฏฺิตฏฺานํ วิย จ กตานีติ อตฺโถ. อนภาวํกตานีติ อนุอภาวํ กตานีติ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยอวิชฺชาปจฺจยสุตฺตวณฺณนา
๓๖. ฉฏฺเ ¶ อิติ วา, ภิกฺขเว, โย วเทยฺยาติ ตสฺสํ ปริสติ ทิฏฺิคติโก ปฺหํ ปุจฺฉิตุกาโม อตฺถิ, โส ปน อวิสารทธาตุโก อุฏฺาย ทสพลํ ปุจฺฉิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา ตสฺส อชฺฌาสเยน สยเมว ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชนฺโต สตฺถา เอวมาห. ฉฏฺํ.
๗. นตุมฺหสุตฺตวณฺณนา
๓๗. สตฺตเม ¶ ¶ น ตุมฺหากนฺติ อตฺตนิ หิ สติ อตฺตนิยํ นาม โหติ. อตฺตาเยว จ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘น ตุมฺหาก’’นฺติ อาห. นปิ อฺเสนฺติ อฺโ นาม ปเรสํ อตฺตา, ตสฺมึ สติ อฺเสํ นาม สิยา, โสปิ นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘นปิ อฺเส’’นฺติ อาห. ปุราณมิทํ, ภิกฺขเว, กมฺมนฺติ นยิทํ ปุราณกมฺมเมว, ปุราณกมฺมนิพฺพตฺโต ปเนส กาโย, ตสฺมา ปจฺจยโวหาเรน เอวํ วุตฺโต. อภิสงฺขตนฺติอาทิ กมฺมโวหารสฺเสว วเสน ปุริมลิงฺคสภาคตาย วุตฺตํ, อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – อภิสงฺขตนฺติ ปจฺจเยหิ กโตติ ทฏฺพฺโพ. อภิสฺเจตยิตนฺติ เจตนาวตฺถุโก เจตนามูลโกติ ทฏฺพฺโพ. เวทนิยนฺติ เวทนิยวตฺถูติ ทฏฺพฺโพ. สตฺตมํ.
๘. เจตนาสุตฺตวณฺณนา
๓๘. อฏฺเม ยฺจ, ภิกฺขเว, เจเตตีติ ยํ เจตนํ เจเตติ, ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. ยฺจ ปกปฺเปตีติ ยํ ปกปฺปนํ ปกปฺเปติ, ปวตฺเตติจฺเจว อตฺโถ. ยฺจ อนุเสตีติ ยฺจ อนุสยํ อนุเสติ, ปวตฺเตติจฺเจว อตฺโถ. เอตฺถ จ เจเตตีติ เตภูมกกุสลากุสลเจตนา คหิตา, ปกปฺเปตีติ อฏฺสุ โลภสหคตจิตฺเตสุ ตณฺหาทิฏฺิกปฺปา คหิตา, อนุเสตีติ ทฺวาทสนฺนํ เจตนานํ สหชาตโกฏิยา เจว อุปนิสฺสยโกฏิยา จ อนุสโย คหิโต. อารมฺมณเมตํ โหตีติ (เจตนาทิธมฺมชาเต สติ กมฺมวิฺาณสฺส อุปฺปตฺติยา อวาริตตฺตา) เอตํ เจตนาทิธมฺมชาตํ ปจฺจโย โหติ. ปจฺจโย หิ อิธ อารมฺมณนฺติ ¶ อธิปฺเปตา. วิฺาณสฺส ิติยาติ กมฺมวิฺาณสฺส ิตตฺถํ. อารมฺมเณ สตีติ ตสฺมึ ปจฺจเย สติ. ปติฏฺา วิฺาณสฺส โหตีติ ตสฺส กมฺมวิฺาณสฺส ปติฏฺา โหติ. ตสฺมึ ปติฏฺิเต วิฺาเณติ ตสฺมึ กมฺมวิฺาเณ ปติฏฺิเต. วิรูฬฺเหติ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตาย นิพฺพตฺตมูเล ชาเต. ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ ปุนพฺภวสงฺขาตา อภินิพฺพตฺติ.
โน ¶ เจ, ภิกฺขเว, เจเตตีติ อิมินา เตภูมกเจตนาย อปฺปวตฺตนกฺขโณ วุตฺโต. โน เจ ปกปฺเปตีติ อิมินา ตณฺหาทิฏฺิกปฺปานํ อปฺปวตฺตนกฺขโณ. อถ เจ อนุเสตีติ อิมินา เตภูมกวิปาเกสุ ปริตฺตกิริยาสุ รูเปติ เอตฺถ อปฺปหีนโกฏิยา อนุสโย คหิโต. อารมฺมณเมตํ ¶ โหตีติ อนุสเย สติ กมฺมวิฺาณสฺส อุปฺปตฺติยา อวาริตตฺตา เอตํ อนุสยชาตํ ปจฺจโยว โหติ.
โน เจว เจเตตีติอาทีสุ ปมปเท เตภูมกกุสลากุสลเจตนา นิวตฺตา, ทุติยปเท อฏฺสุ จิตฺเตสุ ตณฺหาทิฏฺิโย, ตติยปเท วุตฺตปฺปกาเรสุ ธมฺเมสุ โย อปฺปหีนโกฏิยา อนุสยิโต อนุสโย, โส นิวตฺโต.
อปิเจตฺถ อสมฺโมหตฺถํ เจเตติ ปกปฺเปติ อนุเสติ, เจเตติ น ปกปฺเปติ อนุเสติ, น เจเตติ น ปกปฺเปติ อนุเสติ, น เจเตติ น ปกปฺเปติ น อนุเสตีติ อิทมฺปิ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปมนเย ธมฺมปริจฺเฉโท ทสฺสิโต. ทุติยนเย เจเตตีติ เตภูมกกุสลเจตนา เจว จตสฺโส จ อกุสลเจตนา คหิตา. น ปกปฺเปตีติ อฏฺสุ จิตฺเตสุ ตณฺหาทิฏฺิโย นิวตฺตา. อนุเสตีติ เตภูมกกุสเล อุปนิสฺสยโกฏิยา, จตูสุ อกุสลเจตนาสุ สหชาตโกฏิยา เจว อุปนิสฺสยโกฏิยา จ อนุสโย คหิโต. ตติยนเย น เจเตตีติ เตภูมกกุสลากุสลํ นิวตฺตํ, น ปกปฺเปตีติ อฏฺสุ จิตฺเตสุ ตณฺหาทิฏฺิโย นิวตฺตา, อนุเสตีติ สุตฺเต อาคตํ วาเรตฺวา เตภูมกกุสลากุสลวิปากกิริยารูเปสุ อปฺปหีนโกฏิยา อุปนิสฺสโย คหิโต. จตุตฺถนโย ปุริมสทิโสว.
ตทปฺปติฏฺิเตติ ตสฺมึ อปฺปติฏฺิเต. อวิรูฬฺเหติ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ¶ ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตาย อนิพฺพตฺตมูเล. เอตฺถ ปน กึ กถิตนฺติ? อรหตฺตมคฺคสฺส กิจฺจํ, ขีณาสวสฺส กิจฺจกรณนฺติปิ นวโลกุตฺตรธมฺมาติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอตฺถ จ วิฺาณสฺส เจว อายตึ ปุนพฺภวสฺส จ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, เวทนาตณฺหานมนฺตเร เอโก, ภวชาตีนมนฺตเร เอโกติ. อฏฺมํ.
๙. ทุติยเจตนาสุตฺตวณฺณนา
๓๙. นวเม ¶ วิฺาณนามรูปานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, เวทนาตณฺหานมนฺตเร เอโก, ภวชาตีนมนฺตเร เอโกติ. นวมํ.
๑๐. ตติยเจตนาสุตฺตวณฺณนา
๔๐. ทสเม ¶ นตีติ ตณฺหา. สา หิ ปิยรูเปสุ รูปาทีสุ นมนฏฺเน ‘‘นตี’’ติ วุจฺจติ. อาคติ คติ โหตีติ อาคติมฺหิ คติ โหติ, อาคเต ปจฺจุปฏฺิเต กมฺเม วา กมฺมนิมิตฺเต วา คหินิมิตฺเต วา ปฏิสนฺธิวเสน วิฺาณสฺส คติ โหติ. จุตูปปาโตติ เอวํ วิฺาณสฺส อาคเต ปฏิสนฺธิวิสเย คติยา สติ อิโต จวนสงฺขาตา จุติ, ตตฺถูปปตฺติสงฺขาโต อุปปาโตติ อยํ จุตูปปาโต นาม โหติ. เอวํ อิมสฺมึ สุตฺเต นติยา จ อาคติคติยา จ อนฺตเร เอโกว สนฺธิ กถิโตติ. ทสมํ.
กฬารขตฺติยวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. คหปติวคฺโค
๑. ปฺจเวรภยสุตฺตวณฺณนา
๔๑. คหปติวคฺคสฺส ปเม ยโตติ ยทา. ภยานิ เวรานีติ ภยเวรเจตนาโย. โสตาปตฺติยงฺเคหีติ ทุวิธํ โสตาปตฺติยา องฺคํ, (โสตาปตฺติยา จ องฺคํ,) ยํ ปุพฺพภาเค โสตาปตฺติปฏิลาภาย สํวตฺตติ, ‘‘สปฺปุริสสํเสโว สทฺธมฺมสฺสวนํ โยนิโสมนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๑) เอวํ อาคตํ, ปฏิลทฺธคุณสฺส จ โสตาปตฺตึ ปตฺวา ิตสฺส องฺคํ, ยํ โสตาปนฺนสฺส ¶ องฺคนฺติปิ วุจฺจติ, พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาทาทีนํ เอตํ อธิวจนํ. อิทมิธ อธิปฺเปตํ. อริโยติ นิทฺโทโส นิรุปารมฺโภ. าโยติ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ตฺวา ิตาณมฺปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทปิ. ยถาห – ‘‘าโย วุจฺจติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, อริโยปิ อฏฺงฺคิโก มคฺโค าโย’’ติ. ปฺายาติ อปราปรํ อุปฺปนฺนาย วิปสฺสนาปฺาย. สุทิฏฺโ โหตีติ อปราปรํ อุปฺปชฺชิตฺวา ทสฺสนวเสน สุฏฺุ ทิฏฺโ.
ขีณนิรโยติอาทีสุ ¶ อายตึ ตตฺถ อนุปฺปชฺชนตาย ขีโณ นิรโย มยฺหนฺติ โส อหํ ขีณนิรโย. เอส นโย สพฺพตฺถ. โสตาปนฺโนติ มคฺคโสตํ อาปนฺโน. อวินิปาตธมฺโมติ น วินิปาตสภาโว ¶ . นิยโตติ ปมมคฺคสงฺขาเตน สมฺมตฺตนิยาเมน นิยโต. สมฺโพธิปรายโนติ อุตฺตริมคฺคตฺตยสงฺขาโต สมฺโพธิ ปรํ อยนํ มยฺหนฺติ โสหํ สมฺโพธิปรายโน, ตํ สมฺโพธึ อวสฺสํ อภิสมฺพุชฺฌนโกติ อตฺโถ.
ปาณาติปาตปจฺจยาติ ปาณาติปาตกมฺมการณา. ภยํ เวรนฺติ อตฺถโต เอกํ. เวรฺจ นาเมตํ ทุวิธํ โหติ พาหิรํ อชฺฌตฺติกนฺติ. เอเกน หิ เอกสฺส ปิตา มาริโต โหติ, โส จินฺเตสิ ‘‘เอเตน กิร เม ปิตา มาริโต, อหมฺปิ ตํเยว มาเรสฺสามี’’ติ นิสิตํ สตฺถํ อาทาย จรติ. ยา ตสฺส อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนเวรเจตนา, อิทํ พาหิรํ เวรํ นาม. ยา ปน อิตรสฺส ‘‘อยํ กิร มํ มาเรสฺสามีติ จรติ, อหเมว นํ ปมตรํ มาเรสฺสามี’’ติ เจตนา อุปฺปชฺชติ, อิทํ อชฺฌตฺติกํ เวรํ นาม. อิทํ ตาว อุภยมฺปิ ทิฏฺธมฺมิกเมว. ยา ปน ตํ นิรเย อุปฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ ปหริสฺสามี’’ติ ชลิตํ อยมุคฺครํ คณฺหโต นิรยปาลสฺส เจตนา อุปฺปชฺชติ, อิทมสฺส สมฺปรายิกํ พาหิรเวรํ. ยา จสฺส ‘‘อยํ นิทฺโทสํ มํ ปหริสฺสามีติ อาคจฺฉติ, อหเมว นํ ปมตรํ ปหริสฺสามี’’ติ เจตนา อุปฺปชฺชติ, อิทมสฺส สมฺปรายิกํ อชฺฌตฺตเวรํ. ยํ ปเนตํ พาหิรเวรํ, ตํ อฏฺกถายํ ‘‘ปุคฺคลเวร’’นฺติ วุตฺตํ. ทุกฺขํ โทมนสฺสนฺติ อตฺถโต เอกเมว. ยถา เจตฺถ, เอวํ เสสปเทสุปิ ‘‘อิมินา มม ภณฺฑํ หฏํ ¶ , มยฺหํ ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปนฺนํ, มุสา วตฺวา อตฺโถ ภคฺโค, สุรามทมตฺเตน อิทํ นาม กต’’นฺติอาทินา นเยน เวรุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. อเวจฺจปฺปสาเทนาติ อธิคเตน อจลปฺปสาเทน. อริยกนฺเตหีติ ปฺจหิ สีเลหิ. ตานิ หิ อริยานํ กนฺตานิ ปิยานิ. ภวนฺตรคตาปิ อริยา ตานิ น วิชหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อริยกนฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติ. เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค อนุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺตเมว. ปมํ.
๒. ทุติยปฺจเวรภยสุตฺตวณฺณนา
๔๒. ทุติเย ภิกฺขูนํ กถิตภาวมตฺตเมว วิเสโส. ทุติยํ.
๓. ทุกฺขสุตฺตวณฺณนา
๔๓. ตติเย ¶ ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส. สมุทยนฺติ ทฺเว สมุทยา ขณิกสมุทโย จ ปจฺจยสมุทโย ¶ จ. ปจฺจยสมุทยํ ปสฺสนฺโตปิ ภิกฺขุ ขณิกสมุทยํ ปสฺสติ, ขณิกสมุทยํ ปสฺสนฺโตปิ ปจฺจยสมุทยํ ปสฺสติ. อตฺถงฺคโมปิ อจฺจนฺตตฺถงฺคโม เภทตฺถงฺคโมติ ทุวิโธ. อจฺจนฺตตฺถงฺคมํ ปสฺสนฺโตปิ เภทตฺถงฺคมํ ปสฺสติ, เภทตฺถงฺคมํ ปสฺสนฺโตปิ อจฺจนฺตตฺถงฺคมํ ปสฺสติ. เทเสสฺสามีติ อิทํ วฏฺฏทุกฺขสฺส สมุทยอตฺถงฺคมํ นิพฺพตฺติเภทํ นาม เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถาติ อตฺโถ. ปฏิจฺจาติ นิสฺสยวเสน เจว อารมฺมณวเสน จ ปจฺจยํ กตฺวา. ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโสติ ติณฺณํ สงฺคติยา ผสฺโส. อยํ โข, ภิกฺขเว, ทุกฺขสฺส สมุทโยติ อยํ วฏฺฏทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติ นาม. อตฺถงฺคโมติ เภโท. เอวฺหิ วฏฺฏทุกฺขํ ภินฺนํ โหติ อปฺปฏิสนฺธิยํ. ตติยํ.
๔. โลกสุตฺตวณฺณนา
๔๔. จตุตฺเถ โลกสฺสาติ สงฺขารโลกสฺส. อยเมตฺถ วิเสโส. จตุตฺถํ.
๕. าติกสุตฺตวณฺณนา
๔๕. ปฺจเม ¶ าติเกติ ทฺวินฺนํ าตกานํ คาเม. คิฺชกาวสเถติ อิฏฺกาหิ กเต มหาปาสาเท. ธมฺมปริยายนฺติ ธมฺมการณํ. อุปสฺสุตีติ อุปสฺสุติฏฺานํ, ยํ านํ อุปคเตน สกฺกา โหติ ภควโต สทฺทํ โสตุํ, ตตฺถ ิโตติ อตฺโถ. โส กิร คนฺธกุฏิปริเวณสมฺมชฺชนตฺถํ อาคโต อตฺตโน กมฺมํ ปหาย ภควโต ธมฺมโฆสํ สุณนฺโต อฏฺาสิ. อทฺทสาติ ตทา กิร ภควโต อาทิโตว ปจฺจยาการํ มนสิกโรนฺตสฺส ‘‘อิทํ อิมินา ปจฺจเยน โหติ, อิทํ อิมินา’’ติ อาวชฺชโต ยาว ภวคฺคา เอกงฺคณํ อโหสิ, สตฺถา มนสิการํ ปหาย วจสา สชฺฌายํ กโรนฺโต ยถานุสนฺธินา เทสนํ นิฏฺเปตฺวา, ‘‘อปิ นุ โข อิมํ ธมฺมปริยายํ โกจิ อสฺโสสี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ ภิกฺขุมทฺทส. เตน วุตฺตํ ‘‘อทฺทสา โข ภควา’’ติ.
อสฺโสสิ ¶ โนติ อสฺโสสิ นุ. อถ วา อสฺโสสิ โนติ อมฺหากํ ภาสนฺตานํ อสฺโสสีติ. อุคฺคณฺหาหีติอาทีสุ สุตฺวา ตุณฺหีภูโตว ปคุณํ กโรนฺโต อุคฺคณฺหาติ นาม. ปทานุปทํ ฆเฏตฺวา วาจาย ปริจิตํ กโรนฺโต ปริยาปุณาติ นาม. อุภยถาปิ ปคุณํ อาธารปฺปตฺตํ กโรนฺโต ธาเรติ นาม. อตฺถสํหิโตติ การณนิสฺสิโต. อาทิพฺรหฺมจริยโกติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ¶ อาทิ ปติฏฺานภูโต. อิติ ตีสุปิ อิเมสุ สุตฺเตสุ วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตํ. ปฺจมํ.
๖. อฺตรพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๔๖. ฉฏฺเ อฺตโรติ นามวเสน อปากโฏ อฺตโร พฺราหฺมโณ. ฉฏฺํ.
๗. ชาณุสฺโสณิสุตฺตวณฺณนา
๔๗. สตฺตเม ชาณุสฺโสณีติ านนฺตรวเสน เอวํลทฺธนาโม อสีติโกฏิวิภโว มหาปุโรหิโต. สตฺตมํ.
๘. โลกายติกสุตฺตวณฺณนา
๔๘. อฏฺเม ¶ โลกายติโกติ วิตณฺฑสตฺเถ โลกายเต กตปริจโย. เชฏฺเมตํ โลกายตนฺติ ปมํ โลกายตํ. โลกายตนฺติ จ โลกสฺเสว อายตํ, พาลปุถุชฺชนโลกสฺส อายตํ, มหนฺตํ คมฺภีรนฺติ อุปธาริตพฺพํ ปริตฺตํ ภาวํ ทิฏฺิคตํ. เอกตฺตนฺติ เอกสภาวํ, นิจฺจสภาวเมวาติ ปุจฺฉติ. ปุถุตฺตนฺติ ปุริมสภาเวน นานาสภาวํ, เทวมนุสฺสาทิภาเวน ปมํ หุตฺวา ปจฺฉา น โหตีติ อุจฺเฉทํ สนฺธาย ปุจฺฉติ. เอวเมตฺถ ‘‘สพฺพมตฺถิ, สพฺพเมกตฺต’’นฺติ อิมา ทฺเวปิ สสฺสตทิฏฺิโย, ‘‘สพฺพํ นตฺถิ, สพฺพํ ปุถุตฺต’’นฺติ อิมา ทฺเว อุจฺเฉททิฏฺิโยติ เวทิตพฺพา. อฏฺมํ.
๙. อริยสาวกสุตฺตวณฺณนา
๔๙. นวเม กึ นุ โขติ สํสยุปฺปตฺติอาการทสฺสนํ. สมุทยตีติ อุปฺปชฺชติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยอริยสาวกสุตฺตวณฺณนา
๕๐. ทสเม ¶ ¶ ทฺเวปิ นยา เอกโต วุตฺตา. อิทเมว ปุริเมน นานตฺตํ, เสสํ ตาทิสเมวาติ. ทสมํ.
คหปติวคฺโค ปฺจโม.
๖. ทุกฺขวคฺโค
๑. ปริวีมํสนสุตฺตวณฺณนา
๕๑. ทุกฺขวคฺคสฺส ปเม ปริวีมํสมาโนติ อุปปริกฺขมาโน. ชรามรณนฺติ กสฺมา ชรามรณํ เอกเมว ‘‘อเนกวิธํ นานปฺปการก’’นฺติ วตฺวา คหิตนฺติ เจ? ตสฺมึ คหิเต สพฺพทุกฺขสฺส คหิตตฺตา. ยถา หิ จูฬาย คหิเต ปุริเส โส ปุริโส ¶ คหิโตว โหติ, เอวํ ชรามรเณ คหิเต สพฺพทุกฺขํ คหิตเมว โหติ. ตสฺมา ‘‘ยํ โข อิทํ อเนกวิธํ นานปฺปการกํ ทุกฺขํ โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติ นฺหตฺวา ิตํ ปุริสํ วิย สพฺพทุกฺขํ ทสฺเสตฺวา ตํ จูฬาย คณฺหนฺโต วิย ชรามรณํ คณฺหิ.
ชรามรณนิโรธสารุปฺปคามินีติ ชรามรณนิโรธสฺส สารุปฺปภาเวน นิกฺกิเลสตาย ปริสุทฺธตาย สทิสาว หุตฺวา คามินีติ อตฺโถ. ตถา ปฏิปนฺโน จ โหตีติ ยถา ตํ ปฏิปนฺโนติ วุจฺจติ, เอวํ ปฏิปนฺโน โหติ. อนุธมฺมจารีติ นิพฺพานธมฺมํ อนุคตํ ปฏิปตฺติธมฺมํ จรติ, ปูเรตีติ อตฺโถ. ทุกฺขกฺขยาย ปฏิปนฺโนติ สีลํ อาทึ กตฺวา ชรามรณทุกฺขสฺส นิโรธตฺถาย ปฏิปนฺโน. สงฺขารนิโรธายาติ สงฺขารทุกฺขสฺส นิโรธตฺถาย. เอตฺตาวตา ยาว อรหตฺตา เทสนา กถิตา.
อิทานิ อรหตฺตผลปจฺจเวกฺขณํ สตตวิหารฺจ ทสฺเสตฺวา เทสนา นิวตฺเตตพฺพา สิยา, ตถา อกตฺวา อวิชฺชาคโตติ อิทํ กสฺมา คณฺหาตีติ? ขีณาสวสฺส สมติกฺกนฺตวฏฺฏทุกฺขทสฺสนตฺถํ ¶ . อปิจ ปุน วฏฺฏํ อารภิตฺวา วิวฏฺเฏ กถิยมาเน พุชฺฌนกสตฺโต เจตฺถ อตฺถิ, ตสฺส อชฺฌาสยวเสนาปิ อิทํ คณฺหาตีติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อวิชฺชาคโตติ อวิชฺชาย ¶ คโต อุปคโต สมนฺนาคโต. ปุริสปุคฺคโลติ ปุริโสเยว ปุคฺคโล. อุภเยนาปิ สมฺมุติกถํ กเถติ. พุทฺธานฺหิ สมฺมุติกถา ปรมตฺถกถาติ ทฺเว กถา โหนฺติ. ตตฺถ ‘‘สตฺโต นโร ปุริโส ปุคฺคโล ติสฺโส นาโค’’ติ เอวํ ปวตฺตา สมฺมุติกถา นาม. ‘‘ขนฺธา ธาตุโย อายตนานี’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปรมตฺถกถา นาม. ปรมตฺถํ กเถนฺตาปิ สมฺมุตึ อมฺุจิตฺวา กเถนฺติ. เต สมฺมุตึ กเถนฺตาปิ ปรมตฺถํ กเถนฺตาปิ สจฺจเมว กเถนฺติ. เตเนว วุตฺตํ –
‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติ;
สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณํ;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตลกฺขณ’’นฺติ.
ปฺุํ ¶ เจ สงฺขารนฺติ เตรสเจตนาเภทํ ปฺุาภิสงฺขารํ. อภิสงฺขโรตีติ กโรติ. ปฺุูปคํ โหติ วิฺาณนฺติ กมฺมวิฺาณํ กมฺมปฺุเน อุปคตํ สมฺปยุตฺตํ โหติ, วิปากวิฺาณํ วิปากปฺุเน. อปฺุํ เจ สงฺขารนฺติ ทฺวาทสเจตนาเภทํ อปฺุาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. อาเนฺชํ เจ สงฺขารนฺติ จตุเจตนาเภทํ อาเนฺชาภิสงฺขารํ. อาเนฺชูปคํ โหติ วิฺาณนฺติ กมฺมาเนฺเชน กมฺมวิฺาณํ, วิปากาเนฺเชน วิปากวิฺาณํ อุปคตํ โหติ. เอตฺถ จ ติวิธสฺส กมฺมาภิสงฺขารสฺส คหิตตฺตา ทฺวาทสปทิโก ปจฺจยากาโร คหิโตว โหติ. เอตฺตาวตา วฏฺฏํ ทสฺสิตํ.
อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต ยโต โข, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อวิชฺชาติ จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณํ. วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺคาณํ. เอตฺถ จ ปมเมว อวิชฺชาย ปหีนาย วิชฺชา อุปฺปชฺชติ. ยถา ปน จตุรงฺเคปิ ตเม รตฺตึ ปทีปุชฺชเลน อนฺธกาโร ปหียติ, เอวํ วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชาย ปหานํ เวทิตพฺพํ. น กิฺจิ โลเก อุปาทิยตีติ โลเก กิฺจิ ธมฺมํ น คณฺหาติ น ปรามสติ. อนุปาทิยํ น ปริตสฺสตีติ อนุปาทิยนฺโต อคณฺหนฺโต เนว ตณฺหาปริตสฺสนาย, น ภยปริตสฺสนาย ปริตสฺสติ, น ตณฺหายติ น ภายตีติ อตฺโถ. ปจฺจตฺตฺเวาติ สยเมว อตฺตนาว ปรินิพฺพายติ, น อฺสฺส อานุภาเวน.
โส ¶ ¶ สุขํ เจ เวทนนฺติ อิทํ กสฺมา อารภิ? ขีณาสวสฺส ปจฺจเวกฺขณาณํ ทสฺเสตฺวา สตตวิหารํ ทสฺเสตุํ อารภิ. อนชฺโฌสิตาติ ตณฺหาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา อคหิตา. อถ ทุกฺขเวทนา กสฺมา วุตฺตา, กึ ตมฺปิ อภินนฺทนฺโต อตฺถีติ? อาม อตฺถิ. สุขํ อภินนฺทนฺโตเยว หิ ทุกฺขํ อภินนฺทติ นาม ทุกฺขํ ปตฺวา สุขํ ปตฺถนโต สุขสฺส จ วิปริณามทุกฺขโตติ. กายปริยนฺติกนฺติ กายปริจฺฉินฺนํ, ยาว ปฺจทฺวารกาโย ปวตฺตติ, ตาว ปวตฺตํ ปฺจทฺวาริกเวทนนฺติ อตฺโถ. ชีวิตปริยนฺติกนฺติ ชีวิตปริจฺฉินฺนํ ¶ . ยาว ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว ปวตฺตํ มโนทฺวาริกเวทนนฺติ อตฺโถ.
ตตฺถ ปฺจทฺวาริกเวทนา ปจฺฉา อุปฺปชฺชิตฺวา ปมํ นิรุชฺฌติ, มโนทฺวาริกเวทนา ปมํ อุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉา นิรุชฺฌติ. สา หิ ปฏิสนฺธิกฺขเณ วตฺถุรูปสฺมึเยว ปติฏฺาติ. ปฺจทฺวาริกา ปวตฺเต ปฺจทฺวารวเสน ปวตฺตมานา ปมวเย วีสติวสฺสกาเล รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน อธิมตฺตา พลวตี โหติ, ปณฺณาสวสฺสกาเล ิตา โหติ, สฏฺิวสฺสกาลโต ปฏฺาย ปริหายมานา อสีตินวุติวสฺสกาเล มนฺทา โหติ. ตทา หิ สตฺตา ‘‘จิรรตฺตํ เอกโต นิสีทิมฺหา นิปชฺชิมฺหา’’ติ วทนฺเตปิ ‘‘น สฺชานามา’’ติ วทนฺติ. อธิมตฺตานิปิ รูปาทิอารมฺมณานิ ‘‘น ปสฺสาม น สุณาม’’, ‘‘สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ วา สาทุํ อสาทุํ วา ถทฺธํ มุทุกนฺติ วา น ชานามา’’ติ วทนฺติ. อิติ เนสํ ปฺจทฺวาริกเวทนา ภคฺคา โหติ, มโนทฺวาริกาว ปวตฺตติ. สาปิ อนุปุพฺเพน ปริหายมานา มรณสมเย หทยโกฏึเยว นิสฺสาย ปวตฺตติ. ยาว ปเนสา ปวตฺตติ, ตาว สตฺโต ชีวตีติ วุจฺจติ. ยทา นปฺปวตฺตติ, ตทา มโต นิรุทฺโธติ วุจฺจติ.
สฺวายมตฺโถ วาปิยา ทีเปตพฺโพ –
ยถา หิ ปุริโส ปฺจอุทกมคฺคสมฺปนฺนํ วาปึ กเรยฺย, ปมํ เทเว วุฏฺเ ปฺจหิ อุทกมคฺเคหิ อุทกํ ปวิสิตฺวา อนฺโตวาปิยํ อาวาเฏ ปูเรยฺย, ปุนปฺปุนํ เทเว วสฺสนฺเต อุทกมคฺเค ปูเรตฺวา คาวุตฑฺฒโยชนมตฺตํ โอตฺถริตฺวา อุทกํ ติฏฺเยฺย ตโต ตโต วิสฺสนฺทมานํ, อถ นิทฺธมนตุมฺเพ วิวริตฺวา เขตฺเตสุ กมฺเม กริยมาเน อุทกํ นิกฺขมนฺตํ, สสฺสปากกาเล (อุทกํ นิกฺขมนฺตํ,) อุทกํ ปริหีนํ ‘‘มจฺเฉ คณฺหามา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺเชยฺย, ตโต ¶ กติปาเหน อาวาเฏสุเยว อุทกํ สณฺเหยฺย. ยาว ปน ตํ อาวาเฏสุ โหติ, ตาว ‘‘มหาวาปิยํ ¶ อุทกํ อตฺถี’’ติ สงฺขํ คจฺฉติ. ยทา ปน ตตฺถ ฉิชฺชติ, ตทา ‘‘วาปิยํ อุทกํ นตฺถี’’ติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
ปมํ ¶ เทเว วสฺสนฺเต ปฺจหิ มคฺเคหิ อุทเก ปวิสนฺเต อาวาฏานํ ปูรณกาโล วิย หิ ปมเมว ปฏิสนฺธิกฺขเณ มโนทฺวาริกเวทนาย วตฺถุรูเป ปติฏฺิตกาโล, ปุนปฺปุนํ เทเว วสฺสนฺเต ปฺจนฺนํ มคฺคานํ ปูริตกาโล วิย ปวตฺเต ปฺจทฺวาริกเวทนาย ปวตฺติกาโล, คาวุตฑฺฒโยชนมตฺตํ อชฺโฌตฺถรณํ วิย ปมวเย วีสติวสฺสกาเล รชฺชนาทิวเสน ตสฺสา อธิมตฺตพลวภาโว, ยาว วาปิโต อุทกํ น นิคฺคจฺฉติ, ตาว ปูราย วาปิยา ิตกาโล วิย ปฺาสวสฺสกาเล ตสฺสา ิตกาโล, นิทฺธมนตุมฺเพสุ วิวเฏสุ กมฺมนฺเต กริยมาเน อุทกสฺส นิกฺขมนกาโล วิย สฏฺิวสฺสกาลโต ปฏฺาย ตสฺสา ปริหานิ, อุทเก ภฏฺเ อุทกมคฺเคสุ ปริตฺโตทกสฺส ิตกาโล วิย อสีตินวุติวสฺสกาเล ปฺจทฺวาริกเวทนาย มนฺทกาโล, อาวาเฏสุเยว อุทกสฺส ปติฏฺานกาโล วิย หทยวตฺถุโกฏึ นิสฺสาย มโนทฺวาริกเวทนาย ปวตฺติกาโล, อาวาเฏสุ ปริตฺเตปิ อุทเก สติ ‘‘วาปิยํ อุทกํ อตฺถี’’ติ วตฺตพฺพกาโล วิย ยาว สา ปวตฺตติ, ตาว ‘‘สตฺโต ชีวตี’’ติ วุจฺจติ. ยถา ปน อาวาเฏสุ อุทเก ฉินฺเน ‘‘นตฺถิ วาปิยํ อุทก’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ มโนทฺวาริกเวทนาย อปฺปวตฺตมานาย ‘‘สตฺโต มโต’’ติ วุจฺจติ. อิมํ เวทนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ชีวิตปริยนฺติกํ เวทนํ เวทิยมาโน’’ติ.
กายสฺส เภทาติ กายสฺส เภเทน. ชีวิตปริยาทานา อุทฺธนฺติ ชีวิตกฺขยโต อุทฺธํ. อิเธวาติ ปฏิสนฺธิวเสน ปรโต อคนฺตฺวา อิเธว. สีตีภวิสฺสนฺตีติ ปวตฺติวิปฺผนฺททรถรหิตานิ สีตานิ อปฺปวตฺตนธมฺมานิ ภวิสฺสนฺติ. สรีรานีติ ธาตุสรีรานิ. อวสิสฺสนฺตีติ อวสิฏฺานิ ภวิสฺสนฺติ.
กุมฺภการปากาติ กุมฺภการสฺส ภาชนปจนฏฺานโต. ปฏิสิสฺเสยฺยาติ เปยฺย. กปลฺลานีติ สห มุขวฏฺฏิยา เอกาพทฺธานิ กุมฺภกปลฺลานิ. อวสิสฺเสยฺยุนฺติ ¶ ¶ ติฏฺเยฺยุํ. เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อาทิตฺตกุมฺภการปาโก วิย หิ ตโย ภวา ทฏฺพฺพา, กุมฺภกาโร วิย โยคาวจโร, ปากโต กุมฺภการภาชนานํ นีหรณทณฺฑโก วิย อรหตฺตมคฺคาณํ, สโม ภูมิภาโค วิย อสงฺขตํ นิพฺพานตลํ, ทณฺฑเกน อุณฺหกุมฺภํ อากฑฺฒิตฺวา ¶ สเม ภูมิภาเค กุมฺภสฺส ปิตกาโล วิย อารทฺธวิปสฺสกสฺส รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกํ วิปสฺสนฺตสฺส กมฺมฏฺาเน จ ปคุเณ วิภูเต อุปฏฺหมาเน ตถารูปํ อุตุสปฺปายาทึ ลภิตฺวา เอกาสเน นิสินฺนสฺส วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปตฺวา จตูหิ อปาเยหิ อตฺตภาวํ อุทฺธริตฺวา ผลสมาปตฺติวเสน อสงฺขเต นิพฺพานตเล ิตกาโล ทฏฺพฺโพ. ขีณาสโว ปน อุณฺหกุมฺโภ วิย อรหตฺตปฺปตฺตทิวเสเยว น ปรินิพฺพาติ, สาสนปฺปเวณึ ปน ฆฏยมาโน ปณฺณาสสฏฺิวสฺสานิ ตฺวา จริมกจิตฺตปฺปตฺติยา อุปาทิณฺณกกฺขนฺธเภทา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพาติ. อถสฺส กุมฺภสฺส วิย กปลฺลานิ อนุปาทิณฺณกสรีราเนว อวสิสฺสนฺตีติ. สรีรานิ อวสิสฺสนฺตีติ ปชานาตีติ อิทํ ปน ขีณาสวสฺส อนุโยคาโรปนตฺถํ วุตฺตํ.
วิฺาณํ ปฺาเยถาติ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ ปฺาเยถ. สาธุ สาธูติ เถรานํ พฺยากรณํ สมฺปหํสติ. เอวเมตนฺติ ยเทตํ ติวิเธ อภิสงฺขาเร อสติ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อปฺปฺาณนฺติอาทิ, เอวเมว เอตํ. อธิมุจฺจถาติ สนฺนิฏฺานสงฺขาตํ อธิโมกฺขํ ปฏิลภถ. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ อยเมว วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺโต อยํ ปริจฺเฉโท, ยทิทํ นิพฺพานนฺติ. ปมํ.
๒. อุปาทานสุตฺตวณฺณนา
๕๒. ทุติเย อุปาทานิเยสูติ จตุนฺนํ อุปาทานานํ ปจฺจเยสุ เตภูมกธมฺเมสุ. อสฺสาทานุปสฺสิโนติ อสฺสาทํ อนุปสฺสนฺตสฺส. ตตฺราติ ตสฺมึ อคฺคิกฺขนฺเธ. ตทาหาโรติ ตํปจฺจโย. ตทุปาทาโนติ ตสฺเสว เววจนํ. เอวเมว ¶ โขติ เอตฺถ อคฺคิกฺขนฺโธ วิย หิ ตโย ภวา, เตภูมกวฏฺฏนฺติปิ เอตเทว, อคฺคิชคฺคกปุริโส วิย วฏฺฏนิสฺสิโต พาลปุถุชฺชโน, สุกฺขติณโคมยาทิปกฺขิปนํ วิย อสฺสาทานุปสฺสิโน ปุถุชฺชนสฺส ¶ ตณฺหาทิวเสน ฉหิ ทฺวาเรหิ กุสลากุสลกมฺมกรณํ. ติณโคมยาทีสุ ขีเณสุ ปุนปฺปุนํ เตสํ ปกฺขิปเนน อคฺคิกฺขนฺธสฺส วฑฺฒนํ วิย พาลปุถุชฺชนสฺส อุฏฺาย สมุฏฺาย ยถาวุตฺตกมฺมายูหเนน อปราปรํ วฏฺฏทุกฺขนิพฺพตฺตนํ.
น กาเลน กาลํ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺยาติ ตฺหิ โกจิ อตฺถกาโม เอวํ วเทยฺย ¶ – ‘‘โภ กสฺมา อุฏฺาย สมุฏฺาย กลาเป พนฺธิตฺวา สุกฺขติณกฏฺานํ ปจฺฉิยฺจ ปูเรตฺวา สุกฺขโคมยานิ ปกฺขิปนฺโต เอตํ อคฺคึ ชาเลสิ? อปิ นุ เต อตฺถิ อิโตนิทานํ กาจิ วฑฺฒีติ? วํสาคตเมตํ โภ อมฺหากํ, อิโตนิทานํ ปน เม อวฑฺฒิเยว, กุโต วฑฺฒิ? อหฺหิ อิมํ อคฺคึ ชคฺคนฺโต เนว นฺหายิตุํ น ภฺุชิตุํ น นิปชฺชิตุํ ลภามีติ. เตน หิ โภ กึ เต อิมินา นิรตฺถเกน อคฺคิชาลเนน? เอหิ ตฺวํ เอตานิ อาภตานิ ติณาทีนิ เอตฺถ นิกฺขิป, ตานิ สยเมว ฌายิสฺสนฺติ, ตฺวํ ปน อสุกสฺมึ าเน สีโตทกา โปกฺขรณี อตฺถิ, ตตฺถ นฺหตฺวา, มาลาคนฺธวิเลปเนหิ อตฺตานํ มณฺเฑตฺวา สุนิวตฺโถ สุปารุโตว ปาทุกาหิ นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทวรมารุยฺห วาตปานํ วิวริตฺวา มหาวีถิยํ วิโรจมาโน นิสีท เอกคฺโค สุขสมปฺปิโต หุตฺวา, ตตฺถ เต นิสินฺนสฺส ติณาทีนํ ขเยน สยเมว อยํ อคฺคิ อปฺปณฺณตฺติภาวํ คมิสฺสตี’’ติ. โส ตถา กเรยฺย. ตเถว จ ตตฺถ นิสินฺนสฺส โส อคฺคิ อุปาทานกฺขเยน อปฺปณฺณตฺติภาวํ คจฺเฉยฺย. อิทํ สนฺธาเยตํ ‘‘น กาเลน กาล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
เอวเมว โขติ เอตฺถ ปน อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – จตฺตาลีสาย กฏฺวาหานํ ชลมาโน มหาอคฺคิกฺขนฺโธ วิย หิ เตภูมกวฏฺฏํ ทฏฺพฺพํ, อคฺคิชคฺคนกปุริโส วิย วฏฺฏสนฺนิสฺสิตโก โยคาวจโร, อตฺถกาโม ปุริโส วิย สมฺมาสมฺพุทฺโธ, เตน ปุริเสน ตสฺส ทินฺนโอวาโท วิย ตถาคเตน ¶ ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, เตภูมกธมฺเมสุ นิพฺพินฺท, เอวํ วฏฺฏทุกฺขา มุจฺจิสฺสสี’’ติ ตสฺส เตภูมกธมฺเมสุ กมฺมฏฺานสฺส กถิตกาโล, ตสฺส ปุริสสฺส ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชิตฺวา ปาสาเท นิสินฺนกาโล วิย โยคิโน ¶ สุคโตวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สฺุาคารํ ปวิฏฺสฺส เตภูมกธมฺเมสุ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อนุกฺกเมน ยถานุรูปํ อาหารสปฺปายาทึ ลภิตฺวา, เอกาสเน นิสินฺนสฺส อคฺคผเล ปติฏฺิตกาโล, ตสฺส นฺหานวิเลปนาทีหิ สุโธตมณฺฑิตกายตฺตา ตสฺมึ นิสินฺนสฺส เอกคฺคสุขสมปฺปิตกาโล วิย โยคิโน อริยมคฺคโปกฺขรณิยํ มคฺคาโณทเกน สุนฺหาตสุโธตกิเลสมลสฺส หิโรตฺตปฺปสาฏเก นิวาเสตฺวา สีลวิเลปนานุลิตฺตสฺส อรหตฺตมณฺฑเนน อตฺตภาวํ มณฺเฑตฺวา วิมุตฺติปุปฺผทามํ ปิฬนฺธิตฺวา อิทฺธิปาทปาทุกา อารุยฺห นิพฺพานนครํ ปวิสิตฺวา ธมฺมปาสาทํ อารุยฺห สติปฏฺานมหาวีถิยํ วิโรจมานสฺส นิพฺพานารมฺมณํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสินฺนกาโล. ตสฺส ปน ปุริสสฺส ตสฺมึ นิสินฺนสฺส ติณาทีนํ ขเยน อคฺคิกฺขนฺธสฺส อปฺปณฺณตฺติคมนกาโล วิย ขีณาสวสฺส ยาวตายุกํ ตฺวา อุปาทิณฺณกกฺขนฺธเภเทน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตสฺส มหาวฏฺฏวูปสโม ทฏฺพฺโพ. ทุติยํ.
๓. สํโยชนสุตฺตวณฺณนา
๕๓. ตติเย ¶ สํโยชนิเยสูติ ทสนฺนํ สํโยชนานํ ปจฺจเยสุ. ฌาเยยฺยาติ ชเลยฺย. เตลํ อาสิฺเจยฺย วฏฺฏึ อุปสํหเรยฺยาติ ทีปปฏิชคฺคนตฺถํ เตลภาชนฺจ มหนฺตฺจ วฏฺฏิกปาลํ คเหตฺวา สมีเป นิจฺจํ ิโตว เตเล ขีเณ เตลํ อาสิฺเจยฺย, วฏฺฏิยา ขีณาย วฏฺฏึ อุปสํหเรยฺย. เสสเมตฺถ สทฺธึ โอปมฺมสํสนฺทเนน ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตติยํ.
๔. ทุติยสํโยชนสุตฺตวณฺณนา
๕๔. จตุตฺเถ อุปมํ ปมํ กตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต. เสสํ ตาทิสเมว. จตุตฺถํ.
๕. มหารุกฺขสุตฺตวณฺณนา
๕๕. ปฺจเม ¶ อุทฺธํ โอชํ อภิหรนฺตีติ ปถวีรสฺจ อาโปรสฺจ อุปริ อาโรเปนฺติ. โอชาย อาโรปิตตฺตา หตฺถสตุพฺเพธสฺส รุกฺขสฺส องฺกุรคฺเคสุ พินฺทุพินฺทูนิ วิย หุตฺวา สิเนโห ติฏฺติ. อิทํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ ¶ – มหารุกฺโข วิย หิ เตภูมกวฏฺฏํ, มูลานิ วิย อายตนานิ, มูเลหิ โอชาย อาโรหนํ วิย ฉหิ ทฺวาเรหิ กมฺมาโรหนํ, โอชาย อภิรุฬฺหตฺตา มหารุกฺขสฺส ยาวกปฺปฏฺานํ วิย วฏฺฏนิสฺสิตพาลปุถุชฺชนสฺส ฉหิ ทฺวาเรหิ กมฺมํ อายูหนฺตสฺส อปราปรํ วฏฺฏสฺส วฑฺฒนวเสน ทีฆรตฺตํ านํ.
กุทฺทาลปิฏกนฺติ กุทฺทาลฺเจว ปจฺฉิภาชนฺจ. ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺเทยฺยาติ ขุทฺทกมหนฺตานิ ขณฺฑาขณฺฑานิ กโรนฺโต ฉินฺเทยฺย. อิทํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อิธาปิ หิ มหารุกฺโข วิย เตภูมกวฏฺฏํ, รุกฺขํ นาเสตุกาโม ปุริโส วิย โยคาวจโร, กุทฺทาโล วิย าณํ, ปจฺฉิ วิย สมาธิ, รุกฺขจฺเฉทนผรสุ วิย าณํ, รุกฺขสฺส มูเล ฉินฺนกาโล วิย โยคิโน อาจริยสนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา มนสิกโรนฺตสฺส ปฺา, ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทนกาโล วิย สงฺเขปโต จตุนฺนํ มหาภูตานํ มนสิกาโร, ผาลนํ วิย ทฺเวจตฺตาลีสาย โกฏฺาเสสุ วิตฺถารมนสิกาโร, สกลิกํ สกลิกํ กรณกาโล วิย อุปาทารูปสฺส เจว รูปกฺขนฺธารมฺมณสฺส วิฺาณสฺส จาติ อิเมสํ วเสน นามรูปปริคฺคโห, มูลานํ อุปจฺเฉทนํ วิย ตสฺเสว นามรูปสฺส ปจฺจยปริเยสนํ, วาตาตเป ¶ วิโสเสตฺวา อคฺคินา ฑหนกาโล วิย อนุปุพฺเพน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อฺตรํ สปฺปายํ ลภิตฺวา กมฺมฏฺาเน วิภูเต อุปฏฺหมาเน เอกปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส สมณธมฺมํ กโรนฺตสฺส อคฺคผลปฺปตฺติ, มสิกรณํ วิย อรหตฺตปฺปตฺตทิวเสเยว อปรินิพฺพายนฺตสฺส ยาวตายุกํ ิต กาโล, มหาวาเต โอปุนนํ นทิยา ปวาหนํ วิย จ อุปาทิณฺณกกฺขนฺธเภเทน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตสฺส วฏฺฏวูปสโม เวทิตพฺโพ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยมหารุกฺขสุตฺตวณฺณนา
๕๖. ฉฏฺเปิ ¶ อุปมํ ปมํ วตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต, อิทเมว นานตฺตํ. ฉฏฺํ.
๗. ตรุณรุกฺขสุตฺตวณฺณนา
๕๗-๕๙. สตฺตเม ¶ ตรุโณติ อชาตผโล. ปลิมชฺเชยฺยาติ โสเธยฺย. ปํสุํ ทเทยฺยาติ ถทฺธผรุสปํสุํ หริตฺวา มุทุโคมยจุณฺณมิสฺสํ มธุรปํสุํ ปกฺขิเปยฺย. วุทฺธินฺติ วุทฺธึ อาปชฺชิตฺวา ปุปฺผูปโค ปุปฺผํ, ผลูปโค ผลํ คณฺเหยฺย. อิทํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ตรุณรุกฺโข วิย หิ เตภูมกวฏฺฏํ, รุกฺขชคฺคโก ปุริโส วิย วฏฺฏนิสฺสิโต ปุถุชฺชโน, มูลผลสนฺตานาทีนิ วิย ตีหิ ทฺวาเรหิ กุสลากุสลกมฺมายูหนํ, รุกฺขสฺส วุฑฺฒิอาปชฺชนํ วิย ปุถุชฺชนสฺส ตีหิ ทฺวาเรหิ กมฺมํ อายูหโต อปราปรํ วฏฺฏปฺปวตฺติ. วิวฏฺฏํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อฏฺมนวมานิ อุตฺตานตฺถาเนว. สตฺตมาทีนิ.
๑๐. นิทานสุตฺตวณฺณนา
๖๐. ทสเม กุรูสุ วิหรตีติ กุรูติ เอวํ พหุวจนวเสน ลทฺธโวหาเร ชนปเท วิหรติ. กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโมติ เอวํนามโก กุรูนํ นิคโม, ตํ โคจรคามํ กตฺวาติ อตฺโถ. อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ ครุวจนเมตํ. อานนฺโทติ ¶ ตสฺส เถรสฺส นามํ. เอกมนฺตํ นิสีทีติ ฉ นิสชฺชโทเส วิวชฺเชนฺโต ทกฺขิณชาณุมณฺฑลสฺส อภิมุขฏฺาเน ฉพฺพณฺณานํ พุทฺธรสฺมีนํ อนฺโต ปวิสิตฺวา ปสนฺนลาขารสํ วิคาหนฺโต วิย สุวณฺณปฏํ ปารุปนฺโต ¶ วิย รตฺตกมฺพลวิตานมชฺฌํ ปวิสนฺโต วิย ธมฺมภณฺฑาคาริโก อายสฺมา อานนฺโท นิสีทิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติ.
กาย ปน เวลาย เกน การเณน อยมายสฺมา ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโตติ? สายนฺหเวลาย ปจฺจยาการปฺหํ ปุจฺฉนการเณน. ตํ ทิวสํ กิร อยมายสฺมา กุลสงฺคหตฺถาย ฆรทฺวาเร ฆรทฺวาเร สหสฺสภณฺฑิกํ นิกฺขิปนฺโต วิย กมฺมาสธมฺมํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สตฺถุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สตฺถริ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน ทิวาฏฺานํ คนฺตฺวา อนฺเตวาสิเกสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺกนฺเตสุ ทิวาฏฺานํ ปฏิสมฺมชฺชิตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ ปฺเปตฺวา อุทกตุมฺพโต อุทเกน หตฺถปาเท ¶ สีตลํ กตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน โสตาปตฺติผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา. อถ ปริจฺฉินฺนกาลวเสน สมาปตฺติโต วุฏฺาย ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรสิ. โส ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิโต ปฏฺาย อนฺตํ, อนฺตโต ปฏฺาย อาทึ, อุภยนฺตโต ปฏฺาย มชฺฌํ, มชฺฌโต ปฏฺาย อุโภ อนฺเต ปาเปนฺโต ติกฺขตฺตุํ ทฺวาทสปทํ ปจฺจยาการํ สมฺมสิ. ตสฺเสวํ สมฺมสนฺตสฺส ปจฺจยากาโร วิภูโต หุตฺวา อุตฺตานกุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปจฺจยากาโร สพฺพพุทฺเธหิ คมฺภีโร เจว คมฺภีราวภาโส จาติ กถิโต, มยฺหํ โข ปน ปเทสาเณ ิตสฺส สาวกสฺส สโต อุตฺตาโน วิย วิภูโต ปากโฏ หุตฺวา อุปฏฺาติ, มยฺหํเยว นุ โข เอส อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาติ, อุทาหุ อฺเสมฺปีติ อตฺตโน อุปฏฺานการณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามี’’ติ นิสินฺนฏฺานโต อุฏฺาย จมฺมกฺขณฺฑํ ปปฺโผเฏตฺวา อาทาย สายนฺหสมเย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สายนฺหเวลายํ ปจฺจยาการปฺหํ ปุจฺฉนการเณน อุปสงฺกมนฺโต’’ติ.
ยาว คมฺภีโรติ เอตฺถ ยาวสทฺโท ปมาณาติกฺกเม. อติกฺกมฺม ปมาณํ คมฺภีโร, อติคมฺภีโรติ อตฺโถ. คมฺภีราวภาโสติ ¶ คมฺภีโรว หุตฺวา อวภาสติ, ทิสฺสตีติ อตฺโถ. เอกฺหิ อุตฺตานเมว คมฺภีราวภาสํ โหติ ปูติปณฺณรสวเสน กาฬวณฺณํ ปุราณอุทกํ วิย. ตฺหิ ชาณุปฺปมาณมฺปิ สตโปริสํ วิย ทิสฺสติ. เอกํ คมฺภีรํ อุตฺตานาวภาสํ โหติ มณิภาสํ วิปฺปสนฺนอุทกํ วิย. ตฺหิ สตโปริสมฺปิ ชาณุปฺปมาณํ วิย ขายติ. เอกํ อุตฺตานํ อุตฺตานาวภาสํ โหติ ปาติอาทีสุ อุทกํ วิย. เอกํ คมฺภีรํ คมฺภีราวภาสํ โหติ สิเนรุปาทกมหาสมุทฺเท อุทกํ วิย. เอวํ อุทกเมว จตฺตาริ นามานิ ลภติ. ปฏิจฺจสมุปฺปาเท ปเนตํ นตฺถิ. อยฺหิ คมฺภีโร จ คมฺภีราวภาโส จาติ เอกเมว นามํ ลภติ ¶ . เอวรูโป สมาโนปิ อถ จ ปน เม อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายติ, ตทิทํ อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเตติ เอวํ อตฺตโน วิมฺหยํ ปกาเสนฺโต ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ตุณฺหีภูโต นิสีทิ.
ภควา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อานนฺโท ภวคฺคคหณาย หตฺถํ ปสาเรนฺโต วิย สิเนรุํ ภินฺทิตฺวา มิฺชํ นีหริตุํ วายมมาโน วิย วินา นาวาย มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโม วิย ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ปถโวชํ คเหตุํ วายมมาโน วิย พุทฺธวิสยํ ปฺหํ อตฺตโน อุตฺตานุตฺตานนฺติ วทติ, หนฺทสฺส คมฺภีรภาวํ อาจิกฺขามี’’ติ จินฺเตตฺวา มา เหวนฺติอาทิมาห.
ตตฺถ มา เหวนฺติ ห-กาโร นิปาตมตฺตํ, เอวํ มา ภณีติ อตฺโถ. ‘‘มา เหว’’นฺติ จ อิทํ วจนํ ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อุสฺสาเทนฺโตปิ ภณติ อปสาเทนฺโตปิ. ตตฺถ อุสฺสาเทนฺโตปีติ, อานนฺท, ตฺวํ มหาปฺโ วิสทาโณ, เตน เต คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย ขายติ, อฺเสํ ปเนส อุตฺตานโกติ น สลฺลกฺเขตพฺโพ, คมฺภีโรเยว จ โส คมฺภีราวภาโส จ.
ตตฺถ จตสฺโส อุปมา วทนฺติ – ฉ มาเส สุโภชนรสปุฏฺสฺส กิร กตโยคสฺส มหามลฺลสฺส สมชฺชสมเย กตมลฺลปาสาณปริจยสฺส ยุทฺธภูมึ คจฺฉนฺตสฺส อนฺตรา มลฺลปาสาณํ ทสฺเสสุํ. โส ‘‘กึ เอต’’นฺติ อาห. มลฺลปาสาโณติ. อาหรถ นนฺติ. ‘‘อุกฺขิปิตุํ น ¶ สกฺโกมา’’ติ วุตฺเต สยํ คนฺตฺวา ‘‘กุหึ อิมสฺส ภาริยฏฺาน’’นฺติ วตฺวา ทฺวีหิ หตฺเถหิ ทฺเว ปาสาเณ อุกฺขิปิตฺวา กีฬาคุเฬ วิย ขิปิตฺวา อคมาสิ. ตตฺถ มลฺลสฺส มลฺลปาสาโณ ลหุโกติ น อฺเสมฺปิ ลหุโกติ วตฺตพฺโพ. ฉ มาเส สุโภชนรสปุฏฺโ มลฺโล วิย หิ กปฺปสตสหสฺสํ อภินีหารสมฺปนฺโน อายสฺมา อานนฺโท. ยถา มลฺลสฺส มหาพลตาย มลฺลปาสาโณ ลหุโก, เอวํ เถรสฺส มหาปฺตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ วตฺตพฺโพ, โส อฺเสํ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ.
มหาสมุทฺเท จ ติมิ นาม มหามจฺโฉ ทฺวิโยชนสติโก, ติมิงฺคโล ติโยชนสติโก, ติมิรปิงฺคโล ปฺจโยชนสติโก, อานนฺโท ติมินนฺโท อชฺฌาโรโห มหาติมีติ อิเม จตฺตาโร โยชนสหสฺสิกา. ตตฺถ ติมิรปิงฺคเลเนว ทีเปนฺติ. ตสฺส กิร ทกฺขิณกณฺณํ จาเลนฺตสฺส ปฺจโยชนสเต ¶ ปเทเส อุทกํ จลติ, ตถา วามกณฺณํ, ตถา นงฺคุฏฺํ, ตถา สีสํ. ทฺเว ปน กณฺเณ จาเลตฺวา นงฺคุฏฺเน ¶ ปหริตฺวา สีสํ อปราปรํ กตฺวา กีฬิตุํ อารทฺธสฺส สตฺตฏฺโยชนสเต าเน ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธเน อาโรปิตํ วิย อุทกํ ปกฺกุถติ. โยชนสตมตฺเต ปเทเส อุทกํ ปิฏฺึ ฉาเทตุํ น สกฺโกติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ มหาสมุทฺโท คมฺภีโรติ วทนฺติ, กุตสฺส คมฺภีรตา, มยํ ปิฏฺิมตฺตจฺฉาทนมฺปิ อุทกํ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายูปปนฺนสฺส ติมิรปิงฺคลสฺส มหาสมุทฺโท อุตฺตาโนติ อฺเสฺจ ขุทฺทกมจฺฉานํ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ, เอวเมว าณูปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ. สุปณฺณราชา จ ทิยฑฺฒโยชนสติโก โหติ. ตสฺส ทกฺขิณปกฺโข ปฺาสโยชนิโก โหติ, ตถา วามปกฺโข, ปิฺฉวฏฺฏิ จ สฏฺิโยชนิกา, คีวา ตึสโยชนิกา, มุขํ นวโยชนํ, ปาทา ทฺวาทสโยชนิกา, ตสฺมึ สุปณฺณวาตํ ¶ ทสฺเสตุํ อารทฺเธ สตฺตฏฺโยชนสตํ านํ นปฺปโหติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ อากาโส อนนฺโตติ วทนฺติ, กุตสฺส อนนฺตตา, มยํ ปกฺขวาตปฺปตฺถรโณกาสมฺปิ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายูปปนฺนสฺส สุปณฺณรฺโ อากาโส ปริตฺโตติ อฺเสฺจ ขุทฺทกปกฺขีนํ ปริตฺโตติ น วตฺตพฺโพ, เอวเมว าณูปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ.
ราหุ อสุรินฺโท ปน ปาทนฺตโต ยาว เกสนฺตา โยชนานํ จตฺตาริ สหสฺสานิ อฏฺ จ สตานิ โหนฺติ. ตสฺส ทฺวินฺนํ พาหานํ อนฺตเร ทฺวาทสโยชนสติกํ, พหลตฺเตน ฉโยชนสติกํ, หตฺถปาทตลานิ ติโยชนสติกานิ, ตถา มุขํ, เอกงฺคุลิปพฺพํ ปฺาสโยชนํ, ตถา ภมุกนฺตรํ, นลาฏํ ติโยชนสติกํ, สีสํ นวโยชนสติกํ. ตสฺส มหาสมุทฺทํ โอติณฺณสฺส คมฺภีรํ อุทกํ ชาณุปฺปมาณํ โหติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ มหาสมุทฺโท คมฺภีโรติ วทนฺติ. กุตสฺส คมฺภีรตา? มยํ ชาณุปฺปฏิจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อุทกํ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายูปปนฺนสฺส ราหุโน มหาสมุทฺโท อุตฺตาโนติ อฺเสฺจ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ. เอวเมว าณูปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ ¶ อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ. เอตมตฺถํ สนฺธาย ภควา มา เหวํ, อานนฺท, มา เหวํ, อานนฺทาติ อาห.
เถรสฺส หิ จตูหิ การเณหิ คมฺภีโร ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ อุปฏฺาสิ. กตเมหิ จตูหิ? ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ติตฺถวาเสน โสตาปนฺนตาย พหุสฺสุตภาเวนาติ.
อิโต ¶ กิร สตสหสฺสิเม กปฺเป ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิ. ตสฺส หํสวตี นาม นครํ อโหสิ, อานนฺโท นาม ราชา ปิตา, สุเมธา นาม เทวี มาตา, โพธิสตฺโต อุตฺตรกุมาโร นาม อโหสิ. โส ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ปธานมนุยุตฺโต อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา, ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตาหํ โพธิปลฺลงฺเก วีตินาเมตฺวา ‘‘ปถวิยํ ปาทํ เปสฺสามี’’ติ ปาทํ อภินีหริ. อถ ปถวึ ภินฺทิตฺวา ¶ มหนฺตํ ปทุมํ อุฏฺาสิ. ตสฺส ธุรปตฺตานิ นวุติหตฺถานิ, เกสรํ ตึสหตฺถํ, กณฺณิกา ทฺวาทสหตฺถา, นวฆฏปฺปมาณา เรณุ อโหสิ.
สตฺถา ปน อุพฺเพธโต อฏฺปฺาสหตฺโถ อโหสิ, ตสฺส อุภินฺนํ พาหานมนฺตรํ อฏฺารสหตฺถํ, นลาฏํ ปฺจหตฺถํ, หตฺถปาทา เอกาทสหตฺถา. ตสฺส เอกาทสหตฺเถน ปาเทน ทฺวาทสหตฺถาย กณฺณิกาย อกฺกนฺตมตฺตาย นวฆฏปฺปมาณา เรณุ อุฏฺาย อฏฺปฺาสหตฺถํ ปเทสํ อุคฺคนฺตฺวา โอกิณฺณมโนสิลาจุณฺณํ วิย ปจฺโจกิณฺณํ. ตทุปาทาย ภควา ‘‘ปทุมุตฺตโร’’ตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตสฺส เทวิโล จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา อเหสุํ, อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สุมโน นาม อุปฏฺาโก. ปทุมุตฺตโร ภควา ปิตุสงฺคหํ กุรุมาโน ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร หํสวติยา ราชธานิยา วสติ.
กนิฏฺภาตา ปนสฺส สุมนกุมาโร นาม. ตสฺส ราชา หํสวติโต วีสโยชนสเต โภคํ อทาสิ. โส กทาจิ อาคนฺตฺวา ปิตรฺจ สตฺถารฺจ ปสฺสติ. อเถกทิวสํ ปจฺจนฺโต กุปิโต. สุมโน รฺโ สาสนํ เปเสสิ. ราชา ‘‘ตฺวํ มยา, ตาต, กสฺมา ปิโต’’ติ ปฏิเปเสสิ. โส โจเร วูปสเมตฺวา ‘‘อุปสนฺโต, เทว, ชนปโท’’ติ รฺโ เปเสสิ. ราชา ตุฏฺโ ‘‘สีฆํ มม ปุตฺโต อาคจฺฉตู’’ติ อาห. ตสฺส ¶ สหสฺสมตฺตา อมจฺจา โหนฺติ. โส เตหิ สทฺธึ อนฺตรามคฺเค มนฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปิตา ตุฏฺโ สเจ เม วรํ เทติ, กึ คณฺหามี’’ติ? อถ นํ เอกจฺเจ ‘‘หตฺถึ คณฺหถ, อสฺสํ คณฺหถ, ชนปทํ คณฺหถ, สตฺตรตนานิ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. อปเร ‘‘ตุมฺเห ปถวิสฺสรสฺส ปุตฺตา, น ตุมฺหากํ ธนํ ทุลฺลภํ, ลทฺธมฺปิ เจตํ สพฺพํ ปหาย คมนียํ, ปฺุเมว เอกํ อาทาย คมนียํ, ตสฺมา เทเว วรํ ททมาเน เตมาสํ ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ วรํ คณฺหถา’’ติ. โส ‘‘ตุมฺเห มยฺหํ กลฺยาณมิตฺตา นาม, มเมตํ จิตฺตํ ¶ นตฺถิ, ตุมฺเหหิ ปน อุปฺปาทิตํ, เอวํ กริสฺสามี’’ติ, คนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปิตรา อาลิงฺเคตฺวา, มตฺถเก จุมฺพิตฺวา ‘‘วรํ เต, ปุตฺต, เทมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อิจฺฉามหํ, มหาราช, ภควนฺตํ เตมาสํ ¶ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺโต ชีวิตํ อวฺฌํ กาตุํ, อิทํ เม วรํ เทหี’’ติ อาห. น สกฺกา, ตาต, อฺํ วเรหีติ. เทว, ขตฺติยานํ นาม ทฺเวกถา นตฺถิ, เอตเมว เม เทหิ, น มมฺเน อตฺโถติ. ตาต, พุทฺธานํ นาม จิตฺตํ ทุชฺชานํ, สเจ ภควา น อิจฺฉิสฺสติ, มยา ทินฺนมฺปิ กึ ภวิสฺสตีติ? ‘‘สาธุ, เทว, อหํ ภควโต จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ วิหารํ คโต.
เตน จ สมเยน ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ภควา คนฺธกุฏึ ปวิฏฺโ โหติ. โส มณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ อคมาสิ. เต นํ อาหํสุ – ‘‘ราชปุตฺต กสฺมา อาคโตสี’’ติ? ภควนฺตํ ทสฺสนาย, ทสฺเสถ เม ภควนฺตนฺติ. ‘‘น มยํ, ราชปุตฺต, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สตฺถารํ ทฏฺุํ ลภามา’’ติ. โก ปน, ภนฺเต, ลภตีติ? สุมนตฺเถโร นาม ราชปุตฺตาติ. โส ‘‘กุหึ ภนฺเต เถโร’’ติ? เถรสฺส นิสินฺนฏฺานํ ปุจฺฉิตฺวา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปสฺสิตุํ, ทสฺเสถ เม ภควนฺต’’นฺติ อาห. เถโร ‘‘เอหิ, ราชปุตฺตา’’ติ ตํ คเหตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ เปตฺวา คนฺธกุฏึ อารุหิ. อถ นํ ภควา ‘‘สุมน, กสฺมา อาคโตสี’’ติ อาห. ราชปุตฺโต, ภนฺเต, ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคโตติ. เตน หิ ภิกฺขุ อาสนํ ปฺเปหีติ. เถโร อาสนํ ปฺเปสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. ราชปุตฺโต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ อกาสิ, ‘‘กทา อาคโตสิ ราชปุตฺตา’’ติ? ภนฺเต, ตุมฺเหสุ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเสุ, ภิกฺขู ปน ‘‘น มยํ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ภควนฺตํ ทฏฺุํ ลภามา’’ติ มํ เถรสฺส สนฺติกํ ปาเหสุํ, เถโร ปน เอกวจเนเนว ทสฺเสสิ, เถโร, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ¶ สาสเน ¶ วลฺลโภ มฺเติ. อาม, ราชกุมาร, วลฺลโภ เอส ภิกฺขุ มยฺหํ สาสเนติ. ภนฺเต, พุทฺธานํ สาสเน กึ กตฺวา วลฺลโภ โหตีติ? ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา, กุมาราติ. ภควา อหมฺปิ เถโร วิย พุทฺธสาสเน วลฺลโภ โหตุกาโม, เตมาสํ เม วสฺสาวาสํ อธิวาเสถาติ. ภควา, ‘‘อตฺถิ นุ โข คเตน อตฺโถ’’ติ โอโลเกตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ ทิสฺวา ‘‘สฺุาคาเร โข, ราชกุมาร, ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติ อาห. กุมาโร ‘‘อฺาตํ ภควา, อฺาตํ สุคตา’’ติ วตฺวา – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปุริมตรํ คนฺตฺวา วิหารํ กาเรมิ, มยา เปสิเต ภิกฺขุสตสหสฺเสน สทฺธึ อาคจฺฉถา’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ทินฺนา เม, เทว, ภควตา ปฏิฺา, มยา ปหิเต ตุมฺเห ภควนฺตํ เปเสยฺยาถา’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ กาเรตฺวา วีสโยชนสตํ อทฺธานํ คโต. คนฺตฺวา อตฺตโน นคเร วิหารฏฺานํ วิจินนฺโต โสภนสฺส นาม กุฏุมฺพิกสฺส ¶ อุยฺยานํ ทิสฺวา สตสหสฺเสน กิณิตฺวา สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหารํ กาเรสิ. ตตฺถ ภควโต คนฺธกุฏึ, เสสภิกฺขูนฺจ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานตฺถาย กุฏิเลณมณฺฑเป การาเปตฺวา ปาการปริกฺเขปํ ทฺวารโกฏฺกฺจ นิฏฺาเปตฺวา ปิตุ สนฺติกํ เปเสสิ ‘‘นิฏฺิตํ มยฺหํ กิจฺจํ, สตฺถารํ ปหิณถา’’ติ.
ราชา ภควนฺตํ โภเชตฺวา ‘‘ภควา สุมนสฺส กิจฺจํ นิฏฺิตํ, ตุมฺหากํ อาคมนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ. ภควา สตสหสฺสภิกฺขุปริวาโร โยชเน โยชเน วิหาเรสุ วสมาโน อคมาสิ. กุมาโร ‘‘สตฺถา อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา โยชนํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมาโน วิหารํ ปเวเสตฺวา –
‘‘สตสหสฺเสน เม กีตํ, สตสหสฺเสน มาปิตํ;
โสภนํ นาม อุยฺยานํ ปฏิคฺคณฺห, มหามุนี’’ติ. –
วิหารํ นิยฺยาเตสิ. โส วสฺสูปนายิกทิวเส ทานํ ทตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทาเร จ อมจฺเจ จ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห –‘‘สตฺถา อมฺหากํ สนฺติกํ ทูรโต อาคโต, พุทฺธา จ นาม ธมฺมครุโนว, นามิสครุกา. ตสฺมา อหํ อิมํ เตมาสํ ทฺเว สาฏเก ¶ นิวาเสตฺวา ทส สีลานิ สมาทิยิตฺวา อิเธว ¶ วสิสฺสามิ, ตุมฺเห ขีณาสวสตสหสฺสสฺส อิมินาว นีหาเรน เตมาสํ ทานํ ทเทยฺยาถา’’ติ.
โส สุมนตฺเถรสฺส วสนฏฺานสภาเคเยว าเน วสนฺโต ยํ เถโร ภควโต วตฺตํ กโรติ, ตํ สพฺพํ ทิสฺวา, ‘‘อิมสฺมึ าเน เอกนฺตวลฺลโภ เอส เถโร, เอตสฺเสว านนฺตรํ ปตฺเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา, อุปกฏฺาย ปวารณาย คามํ ปวิสิตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส ภิกฺขูสตสหสฺสสฺส ปาทมูเล ติจีวรํ เปตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยเทตํ มยา มคฺเค โยชนนฺตริกวิหารการาปนโต ปฏฺาย ปฺุํ กตํ, ตํ เนว สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารพฺรหฺมสมฺปตฺตึ ปตฺถยนฺเตน, พุทฺธสฺส ปน อุปฏฺากภาวํ ปตฺเถนฺเตน กตํ. ตสฺมา อหมฺปิ ภควา อนาคเต สุมนตฺเถโร วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส อุปฏฺาโก โหมี’’ติ ปฺจปติฏฺิเตน ปติตฺวา วนฺทิตฺวา นิปนฺโน. ภควา ‘‘มหนฺตํ กุลปุตฺตสฺส จิตฺตํ, อิชฺฌิสฺสติ นุ โข, โน’’ติ โอโลเกนฺโต ¶ , ‘‘อนาคเต อิโต สตสหสฺสิเม กปฺเป โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺเสว อุปฏฺาโก ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา –
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา’’ติ. –
อาห. กุมาโร สุตฺวา ‘‘พุทฺธา นาม อทฺเวชฺฌกถา โหนฺตี’’ติ ทุติยทิวเสเยว ตสฺส ภควโต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คจฺฉนฺโต วิย อโหสิ. โส ตสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท วสฺสสตสหสฺสํ ทานํ ทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเลปิ ปิณฺฑาย จรโต เถรสฺส ปตฺตคฺคหณตฺถํ อุตฺตริสาฏกํ ทตฺวา ปูชํ อกาสิ. ปุน สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิราชา หุตฺวา อฏฺนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ปณฺณสาลาโย กาเรตฺวา มณิอาธารเก อุปฏฺเปตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ ทสวสฺสสหสฺสานิ อุปฏฺานํ อกาสิ. เอตานิ ปากฏฏฺานานิ.
กปฺปสตสหสฺสํ ปน ทานํ ททมาโนว อมฺหากํ โพธิสตฺเตน สทฺธึ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ¶ ตโต จุโต อมิโตทนสกฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน กตาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปมคมเนน กปิลวตฺถุํ อาคนฺตฺวา ตโต นิกฺขมนฺเต ภควติ ภควโต ปริวารตฺถํ ¶ ราชกุมาเรสุ ปพฺพชนฺเตสุ ภทฺทิยาทีหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เอวเมส อายสฺมา ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปนฺโน, ตสฺสิมาย ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ.
ติตฺถวาโสติ ปน ครูนํ สนฺติเก อุคฺคหณสวนปริปุจฺฉนธารณานิ วุจฺจนฺติ. โส เถรสฺส อติวิย ปริสุทฺโธ. เตนาปิสฺสายํ คมฺภีโรปิ อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ. โสตาปนฺนานฺจ นาม ปจฺจยากาโร อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาติ, อยฺจ อายสฺมา โสตาปนฺโน. พหุสฺสุตานํ จตุหตฺเถ โอวรเก ปทีเป ชลมาเน มฺจปีํ วิย นามรูปปริจฺเฉโท ปากโฏ โหติ, อยฺจ อายสฺมา พหุสฺสุตานํ อคฺโค. อิติ พาหุสจฺจภาเวนปิสฺส คมฺภีโรปิ ปจฺจยากาโร อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ. ปฏิจฺจสมุปฺปาโท จตูหิ คมฺภีรตาหิ คมฺภีโร. สา ปนสฺส คมฺภีรตา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตาว. สา สพฺพาปิ เถรสฺส อุตฺตานกา วิย อุปฏฺาสิ. เตน ¶ ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อุสฺสาเทนฺโต มา เหวนฺติอาทิมาห. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อานนฺท, ตฺวํ มหาปฺโ วิสทาโณ, เตน เต คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย ขายติ. ตสฺมา ‘‘มยฺหเมว นุ โข เอส อุตฺตานโก วิย หุตฺวา อุปฏฺาติ, อุทาหุ อฺเสมฺปี’’ติ มา เอวํ อวจ.
ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อปสาเทนฺโต’’ติ, ตตฺถายมธิปฺปาโย – อานนฺท, ‘‘อถ จ ปน เม อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายตี’’ติ มา เหวํ อวจ. ยทิ หิ เต เอส อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายติ, กสฺมา ตฺวํ อตฺตโน ธมฺมตาย โสตาปนฺโน นาโหสิ, มยา ทินฺนนเย ตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌิ? อานนฺท ¶ , อิทํ นิพฺพานเมว คมฺภีรํ, ปจฺจยากาโร ปน อุตฺตานโก ชาโต, อถ กสฺมา โอฬาริกํ กามราคสํโยชนํ ปฏิฆสํโยชนํ โอฬาริกํ กามราคานุสยํ ปฏิฆานุสยนฺติ อิเม จตฺตาโร กิเลเส สมุคฺฆาเตตฺวา สกทาคามิผลํ น สจฺฉิกโรสิ, เตเยว อณุสหคเต จตฺตาโร กิเลเส สมุคฺฆาเตตฺวา อนาคามิผลํ น สจฺฉิกโรสิ, รูปราคาทีนิ ¶ ปฺจ สํโยชนานิ, มานานุสยํ ภวราคานุสยํ อวิชฺชานุสยนฺติ อิเม อฏฺ กิเลเส สมุคฺฆาเตตฺวา อรหตฺตํ น สจฺฉิกโรสิ? กสฺมา วา สตสหสฺสกปฺปาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปูริตปารมิโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา วิย สาวกปารมีาณํ น ปฏิวิชฺฌสิ, สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิโน ปจฺเจกพุทฺธา วิย จ ปจฺเจกโพธิาณํ น ปฏิวิชฺฌสิ? ยทิ วา เต สพฺพถาว เอส อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาสิ. อถ กสฺมา สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อฏฺ โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิโน พุทฺธา วิย สพฺพฺุตฺาณํ น สจฺฉิกโรสิ? กึ อนตฺถิโกสิ เอเตหิ วิเสสาธิคเมหิ? ปสฺส ยาว จ เต อปรทฺธํ, ตฺวํ นาม สาวกปเทสาเณ ิโต อติคมฺภีรํ ปจฺจยาการํ ‘‘อุตฺตานโก วิย เม อุปฏฺาตี’’ติ วทสิ. ตสฺส เต อิทํ วจนํ พุทฺธานํ กถาย ปจฺจนีกํ โหติ. ตาทิเสน นาม ภิกฺขุนา พุทฺธานํ กถาย ปจฺจนีกํ กเถตพฺพนฺติ น ยุตฺตเมตํ. นนุ มยฺหํ, อานนฺท, อิมํ ปจฺจยาการํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วายมนฺตสฺเสว กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกนฺตานิ. ปจฺจยาการปฏิวิชฺฌนตฺถาย จ ปน เม อทินฺนทานํ นาม นตฺถิ, อปูริตปารมี นาม นตฺถิ. ‘‘อชฺช ปจฺจยาการํ ปฏิวิชฺฌิสฺสามี’’ติ ปน เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺส อยํ มหาปถวี ทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ นากมฺปิ, ตถา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ สมฺปาเทนฺตสฺส. ปจฺฉิมยาเม ปน เม พลวปจฺจูสสมเย, ‘‘อวิชฺชา สงฺขารานํ นวหิ อากาเรหิ ปจฺจโย โหตี’’ติ ทิฏฺมตฺเตเยว ทสสหสฺสิโลกธาตุ อยทณฺเฑน ¶ อาโกฏิตกํสถาโล วิย วิรวสตํ วิรวสหสฺสํ มฺุจมานา วาตาหเต ปทุมินิปณฺเณ อุทกพินฺทุ วิย ปกมฺปิตฺถ. เอวํ ¶ คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จ, เอตสฺส, อานนฺท, ธมฺมสฺส อนนุโพธา…เป… นาติวตฺตตีติ.
เอตสฺส ธมฺมสฺสาติ เอตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส. อนนุโพธาติ าตปริฺาวเสน อนนุพุชฺฌนา. อปฺปฏิเวธาติ ตีรณปฺปหานปริฺาวเสน อปฺปฏิวิชฺฌนา. ตนฺตากุลกชาตาติ ตนฺตํ วิย อากุลชาตา. ยถา นาม ทุนฺนิกฺขิตฺตํ มูสิกจฺฉินฺนํ เปสการานํ ตนฺตํ ตหึ ตหึ อากุลํ โหติ, ‘‘อิทํ อคฺคํ, อิทํ มูล’’นฺติ อคฺเคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรํ โหติ. เอวเมว สตฺตา อิมสฺมึ ปจฺจยากาเร ขลิตา อากุลา พฺยากุลา โหนฺติ ¶ , น สกฺโกนฺติ ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ. ตตฺถ ตนฺตํ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ตฺวา สกฺกาปิ ภเวยฺย อุชุํ กาตุํ, เปตฺวา ปน ทฺเว โพธิสตฺเต อฺโ สตฺโต อตฺตโน ธมฺมตาย ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ยถา ปน อากุลํ ตนฺตํ กฺชิยํ ทตฺวา โกจฺเฉน ปหฏํ ตตฺถ ตตฺถ คุฬกชาตํ โหติ คณฺิพทฺธํ, เอวมิเม สตฺตา ปจฺจเยสุ ปกฺขลิตฺวา ปจฺจเย อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตา ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตวเสน คุฬกชาตา โหนฺติ คณฺิพทฺธา. เย หิ เกจิ ทิฏฺิโย สนฺนิสฺสิตา, สพฺเพ เต ปจฺจยํ อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตาเยว.
กุลาคณฺิกชาตาติ กุลาคณฺิกํ วุจฺจติ เปสการกฺชิยสุตฺตํ. กุลา นาม สกุณิกา, ตสฺสา กุลาวโกติปิ เอเก. ยถา หิ ตทุภยมฺปิ อากุลํ อคฺเคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรนฺติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ.
มฺุชปพฺพชภูตาติ มฺุชติณํ วิย ปพฺพชติณํ วิย จ ภูตา ตาทิสา ชาตา. ยถา หิ ตานิ ติณานิ โกฏฺเฏตฺวา กตรชฺชุ ชิณฺณกาเล กตฺถจิ ปติตํ คเหตฺวา เตสํ ติณานํ ‘‘อิทํ อคฺคํ, อิทํ มูล’’นฺติ อคฺเคน วา อคฺคํ, มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรํ, ตมฺปิ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ตฺวา สกฺกา ภเวยฺย อุชุํ กาตุํ, เปตฺวา ปน ทฺเว โพธิสตฺเต ¶ อฺโ สตฺโต อตฺตโน ธมฺมตาย ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, เอวมยํ ปชา ปจฺจยํ อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตี ทิฏฺิคตวเสน คณฺิกชาตา หุตฺวา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตติ.
ตตฺถ ¶ อปาโยติ นิรยติรจฺฉานโยนิเปตฺติวิสยอสุรกายา. สพฺเพปิ หิ เต วฑฺฒิสงฺขาตสฺส อยสฺส อภาวโต ‘‘อปาโย’’ติ วุจฺจติ, ตถา ทุกฺขสฺส คติภาวโต ทุคฺคติ, สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาโต. อิตโร ปน –
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโภจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจติ’’.
ตํ สพฺพมฺปิ นาติวตฺตติ นาติกฺกมติ, อถ โข จุติโต ปฏิสนฺธึ, ปฏิสนฺธิโต จุตินฺติ เอวํ ปุนปฺปุนํ จุติปฏิสนฺธิโย คณฺหมานา ตีสุ ภเวสุ จตูสุ ¶ โยนีสุ ปฺจสุ คตีสุ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ นวสุ สตฺตาวาเสสุ มหาสมุทฺเท วาตกฺขิตฺตา นาวา วิย ยนฺเต ยุตฺตโคโณ วิย จ ปริพฺภมติเยว. อิติ สพฺพเมตํ ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อปสาเทนฺโต อาห. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมวาติ. ทสมํ.
ทุกฺขวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. มหาวคฺโค
๑. อสฺสุตวาสุตฺตวณฺณนา
๖๑. มหาวคฺคสฺส ปเม อสฺสุตวาติ ขนฺธธาตุอายตนปจฺจยาการสติปฏฺานาทีสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวินิจฺฉยรหิโต. ปุถุชฺชโนติ ปุถูนํ นานปฺปการานํ กิเลสาทีนํ ชนนาทิการเณหิ ปุถุชฺชโน. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ปุถุ กิเลเส ชเนนฺตีติ ปุถุชฺชนา’’ติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. อปิจ ปุถูนํ คณนปถมตีตานํ อริยธมฺมปรมฺมุขานํ นีจธมฺมสมาจารานํ ชนานํ อนฺโตคธตฺตาปิ ปุถุชฺชโน, ปุถุ วา อยํ วิสุํเยว สงฺขํ คโต, วิสํสฏฺโ สีลสุตาทิคุณยุตฺเตหิ อริเยหิ ชโนติ ปุถุชฺชโน. เอวเมเตหิ ¶ ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ ทฺวีหิปิ ปเทหิ เย เต –
‘‘ทุเว ¶ ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
อนฺโธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโน’’ติ. (มหานิ. ๙๔); –
ทฺเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, เตสุ อนฺธปุถุชฺชโน คหิโต. อิมสฺมินฺติ ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจกฺขกายํ ทสฺเสติ. จาตุมหาภูติกสฺมินฺติ จตุมหาภูตกาเย จตุมหาภูเตหิ นิพฺพตฺเต จตุมหาภูตมเยติ อตฺโถ. นิพฺพินฺเทยฺยาติ อุกฺกณฺเยฺย. วิรชฺเชยฺยาติ น รชฺเชยฺย. วิมุจฺเจยฺยาติ มุจฺจิตุกาโม ภเวยฺย. อาจโยติ วุฑฺฒิ. อปจโยติ ปริหานิ. อาทานนฺติ นิพฺพตฺติ. นิกฺเขปนนฺติ เภโท.
ตสฺมาติ ยสฺมา อิเม จตฺตาโร วุฑฺฒิหานินิพฺพตฺติเภทา ปฺายนฺติ, ตสฺมา ตํการณาติ อตฺโถ. อิติ ภควา จาตุมหาภูติเก กาเย รูปํ ¶ ปริคฺคเหตุํ อยุตฺตรูปํ กตฺวา อรูปํ ปริคฺคเหตุํ ยุตฺตรูปํ กโรติ. กสฺมา? เตสฺหิ ภิกฺขูนํ รูปสฺมึ คาโห พลวา อธิมตฺโต, เตน เตสํ รูเป คาหสฺส ปริคฺคเหตพฺพรูปตํ ทสฺเสตฺวา นิกฺกฑฺฒนฺโต อรูเป ปติฏฺาปนตฺถํ เอวมาห.
จิตฺตนฺติอาทิ สพฺพํ มนายตนสฺเสว นามํ. ตฺหิ จิตฺตวตฺถุตาย จิตฺตโคจรตาย สมฺปยุตฺตธมฺมจิตฺตตาย จ จิตฺตํ, มนนฏฺเน มโน, วิชานนฏฺเน วิฺาณนฺติ วุจฺจติ. นาลนฺติ น สมตฺโถ. อชฺโฌสิตนฺติ ตณฺหาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา คหิตํ. มมายิตนฺติ ตณฺหามมตฺเตน มม อิทนฺติ คหิตํ. ปรามฏฺนฺติ ทิฏฺิยา ปรามสิตฺวา คหิตํ. เอตํ มมาติ ตณฺหาคาโห, เตน อฏฺสตตณฺหาวิจริตํ คหิตํ โหติ. เอโสหมสฺมีติ มานคาโห, เตน นว มานา คหิตา โหนฺติ. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิคาโห, เตน ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย คหิตา โหนฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ ทีฆรตฺตํ คหิตํ, ตสฺมา นิพฺพินฺทิตุํ น สมตฺโถ.
วรํ, ภิกฺขเวติ อิทํ กสฺมา อาห? ปมฺหิ เตน รูปํ ปริคฺคเหตุํ อยุตฺตรูปํ กตํ, อรูปํ ยุตฺตรูปํ, อถ ‘‘เตสํ ภิกฺขูนํ รูปโต คาโห นิกฺขมิตฺวา อรูปํ คโต’’ติ ตฺวา ตํ นิกฺกฑฺฒิตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ ¶ อตฺตโต อุปคจฺเฉยฺยาติ อตฺตาติ คณฺเหยฺย. ภิยฺโยปีติ วสฺสสตโต อุทฺธมฺปิ. กสฺมา ปน ภควา เอวมาห? กึ อติเรกวสฺสสตํ ติฏฺมานํ รูปํ นาม อตฺถิ? นนุ ปมวเย ปวตฺตํ รูปํ มชฺฌิมวยํ น ปาปุณาติ, มชฺฌิมวเย ปวตฺตํ ปจฺฉิมวยํ, ปุเรภตฺเต ปวตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ, ปจฺฉาภตฺเต ปวตฺตํ ปมยามํ, ปมยาเม ¶ ปวตฺตํ มชฺฌิมยามํ, มชฺฌิมยาเม ปวตฺตํ ปจฺฉิมยามํ น ปาปุณาติ? ตถา คมเน ปวตฺตํ านํ, าเน ปวตฺตํ นิสชฺชํ, นิสชฺชาย ปวตฺตํ สยนํ น ปาปุณาติ. เอกอิริยาปเถปิ ปาทสฺส อุทฺธรเณ ปวตฺตํ อติหรณํ, อติหรเณ ปวตฺตํ วีติหรณํ, วีติหรเณ ปวตฺตํ โวสฺสชฺชนํ, โวสฺสชฺชเน ปวตฺตํ สนฺนิกฺเขปนํ, สนฺนิกฺเขปเน ปวตฺตํ สนฺนิรุชฺฌนํ น ปาปุณาติ, ตตฺถ ตตฺเถว โอธิ โอธิ ปพฺพํ ปพฺพํ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลา วิย ปฏปฏายนฺตา สงฺขารา ภิชฺชนฺตีติ? สจฺจเมตํ. ยถา ปน ปทีปสฺส ชลโต ชาตา ตํ ตํ วฏฺฏิปฺปเทสํ อนติกฺกมิตฺวา ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชติ, อถ จ ปน ปเวณิสมฺพนฺธวเสน สพฺพรตฺตึ ชลิโต ปทีโปติ ¶ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ปเวณิวเสน อยมฺปิ กาโย เอวํ จิรฏฺิติโก วิย กตฺวา ทสฺสิโต.
รตฺติยา จ ทิวสสฺส จาติ รตฺติมฺหิ จ ทิวเส จ. ภุมฺมตฺเถ เหตํ สามิวจนํ. อฺเทว อุปฺปชฺชติ, อฺํ นิรุชฺฌตีติ ยํ รตฺตึ อุปฺปชฺชติ จ นิรุชฺฌติ จ, ตโต อฺเทว ทิวา อุปฺปชฺชติ จ นิรุชฺฌติ จาติ อตฺโถ. อฺํ อุปฺปชฺชติ, อนุปฺปนฺนเมว อฺํ นิรุชฺฌตีติ เอวํ ปน อตฺโถ น คเหตพฺโพ. ‘‘รตฺติยา จ ทิวสสฺส จา’’ติ อิทํ ปุริมปเวณิโต ปริตฺตกํ ปเวณึ คเหตฺวา ปเวณิวเสเนว วุตฺตํ, เอกรตฺตึ ปน เอกทิวสํ วา เอกเมว จิตฺตํ าตุํ สมตฺถํ นาม นตฺถิ. เอกสฺมิฺหิ อจฺฉรากฺขเณ อเนกานิ จิตฺตโกฏิสตสหสฺสานิ อุปฺปชฺชนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ มิลินฺทปฺเห –
‘‘วาหสตํ โข, มหาราช ¶ , วีหีนํ, อฑฺฒจูฬฺจ วาหา, วีหิสตฺตมฺพณานิ, ทฺเว จ ตุมฺพา, เอกจฺฉรากฺขเณ ปวตฺตสฺส จิตฺตสฺส เอตฺตกา วีหี ลกฺขํ ปียมานา ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺยุ’’นฺติ.
ปวเนติ มหาวเน. ตํ มฺุจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ตํ มฺุจิตฺวา อฺํ คณฺหาตีติ อิมินา น โส คณฺหิตพฺพสาขํ อลภิตฺวา ภูมึ โอตรติ. อถ โข ตสฺมึ มหาวเน วิจรนฺโต ตํ ตํ สาขํ คณฺหนฺโตเยว จรตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อรฺมหาวนํ วิย หิ อารมฺมณวนํ เวทิตพฺพํ. ตสฺมึ วเน วิจรณมกฺกโฏ วิย อารมฺมณวเน อุปฺปชฺชนกจิตฺตํ. สาขาคหณํ วิย ¶ อารมฺมเณ ลุพฺภนํ. ยถา โส อรฺเ วิจรนฺโต มกฺกโฏ ตํ ตํ สาขํ ปหาย ตํ ตํ สาขํ คณฺหาติ, เอวมิทํ อารมฺมณวเน วิจรนฺตํ จิตฺตมฺปิ กทาจิ รูปารมฺมณํ คเหตฺวา อุปฺปชฺชติ, กทาจิ สทฺทาทีสุ อฺตรํ, กทาจิ อตีตํ, กทาจิ อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา, ตถา กทาจิ อชฺฌตฺตํ, กทาจิ พาหิรํ. ยถา จ โส อรฺเ วิจรนฺโต มกฺกโฏ สาขํ อลภิตฺวา โอรุยฺห ภูมิยํ นิสินฺโนติ น วตฺตพฺโพ, เอกํ ปน ปณฺณสาขํ ¶ คเหตฺวาว นิสีทติ, เอวเมว อารมฺมณวเน วิจรนฺตํ จิตฺตมฺปิ เอกํ โอลุพฺภารมฺมณํ อลภิตฺวา อุปฺปนฺนนฺติ น วตฺตพฺพํ, เอกชาติยํ ปน อารมฺมณํ คเหตฺวาว อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา จ ปน ภควตา รูปโต นีหริตฺวา อรูเป คาโห ปติฏฺาปิโต, อรูปโต นีหริตฺวา รูเป.
อิทานิ ตํ อุภยโต นิกฺกฑฺฒิตุกาโม ตตฺร, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโกติ เทสนํ อารภิ. อยํ ปนตฺโถ อาสีวิสทฏฺูปมาย ทีเปตพฺโพ – เอโก กิร ปุริโส อาสีวิเสน ทฏฺโ, อถสฺส วิสํ หริสฺสามีติ เฉโก ภิสกฺโก อาคนฺตฺวา วมนํ กาเรตฺวา เหฏฺา ครุโฬ, อุปริ นาโคติ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา วิสํ อุปริ อาโรเปสิ. โส ยาว อกฺขิปฺปเทสา อารุฬฺหภาวํ ตฺวา ‘‘อิโต ปรํ อภิรุหิตุํ น ทสฺสามิ, ทฏฺฏฺาเนเยว เปสฺสามี’’ติ ¶ อุปริ ครุโฬ, เหฏฺา นาโคติ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา กณฺเณ ธุเมตฺวา ทณฺฑเกน ปหริตฺวา วิสํ โอตาเรตฺวา ทฏฺฏฺาเนเยว เปสิ. ตตฺรสฺส ิตภาวํ ตฺวา อคทเลเปน วิสํ นิมฺมเถตฺวา นฺหาเปตฺวา ‘‘สุขี โหหี’’ติ วตฺวา เยนกามํ ปกฺกามิ.
ตตฺถ อาสีวิเสน ทฏฺสฺส กาเย วิสปติฏฺานํ วิย อิเมสํ ภิกฺขูนํ รูเป อธิมตฺตคาหกาโล, เฉโก ภิสกฺโก วิย ตถาคโต, มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา อุปริ วิสสฺส อาโรปิตกาโล วิย ตถาคเตน เตสํ ภิกฺขูนํ รูปโต คาหํ นีหริตฺวา อรูเป ปติฏฺาปิตกาโล, ยาว อกฺขิปฺปเทสา อารุฬฺหวิสสฺส อุปริ อภิรุหิตุํ อทตฺวา ปุน มนฺตพเลน โอตาเรตฺวา ทฏฺฏฺาเนเยว ปนํ วิย สตฺถารา เตสํ ภิกฺขูนํ อรูปโต คาหํ นีหริตฺวา รูเป ปติฏฺาปิตกาโล. ทฏฺฏฺาเน ิตสฺส วิสสฺส อคทเลเปน นิมฺมถนํ วิย อุภยโต คาหํ นีหรณตฺถาย อิมิสฺสา เทสนาย อารทฺธกาโล เวทิตพฺโพ. ตตฺถ นิพฺพินฺทํ วิรชฺชตีติ อิมินา มคฺโค กถิโต, วิราคา วิมุจฺจตีติ ผลํ, วิมุตฺตสฺมินฺติอาทินา ปจฺจเวกฺขณา. ปมํ.
๒. ทุติยอสฺสุตวาสุตฺตวณฺณนา
๖๒. ทุติเย ¶ สุขเวทนิยนฺติ สุขเวทนาย ปจฺจยํ. ผสฺสนฺติ จกฺขุสมฺผสฺสาทึ. นนุ จ จกฺขุสมฺผสฺโส สุขเวทนาย ปจฺจโย น โหตีติ? สหชาตปจฺจเยน น โหติ, อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปน ชวนเวทนาย โหติ ¶ , ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. โสตสมฺผสฺสาทีสุปิ เอเสว นโย. ตชฺชนฺติ ตชฺชาติกํ ตสฺสารุปฺปํ, ตสฺส ผสฺสสฺส อนุรูปนฺติ อตฺโถ. ทุกฺขเวทนิยนฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. สงฺฆฏฺฏนสโมธานาติ สงฺฆฏฺฏเนน เจว สโมธาเนน จ, สงฺฆฏฺฏนสมฺปิณฺฑเนนาติ อตฺโถ. อุสฺมาติ อุณฺหากาโร. เตโช อภินิพฺพตฺตตีติ อคฺคิจุณฺโณ นิกฺขมตีติ น คเหตพฺพํ, อุสฺมาการสฺเสว ปน เอตํ เววจนํ. ตตฺถ ทฺวินฺนํ กฏฺานนฺติ ทฺวินฺนํ อรณีนํ. ตตฺถ อโธอรณี วิย วตฺถุ, อุตฺตรารณี วิย อารมฺมณํ, สงฺฆฏฺฏนํ วิย ผสฺโส, อุสฺมาธาตุ วิย เวทนา. ทุติยํ.
๓. ปุตฺตมํสูปมสุตฺตวณฺณนา
๖๓. ตติเย ¶ จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อาหาราติอาทิ วุตฺตนยเมว. ยสฺมา ปนสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตฺวาเวตฺถ อนุปุพฺพปทวณฺณนํ กริสฺสามิ. กตราย ปน อิทํ อฏฺุปฺปตฺติยา นิกฺขิตฺตนฺติ? ลาภสกฺกาเรน. ภควโต กิร มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ, ยถา ตํ จตฺตาโร อสงฺขฺเยยฺเย ปูริตทานปารมีสฺจยสฺส. สพฺพทิสาสุ หิสฺส ยมกมหาเมโฆ วุฏฺหิตฺวา มโหฆํ วิย สพฺพปารมิโย ‘‘เอกสฺมึ อตฺตภาเว วิปากํ ทสฺสามา’’ติ สมฺปิณฺฑิตา วิย ลาภสกฺการมโหฆํ นิพฺพตฺตยึสุ. ตโต ตโต อนฺนปานยานวตฺถมาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย อาคนฺตฺวา, ‘‘กหํ พุทฺโธ, กหํ ภควา, กหํ เทวเทโว นราสโภ ปุริสสีโห’’ติ? ภควนฺตํ ปริเยสนฺติ. สกฏสเตหิปิ ปจฺจเย อาหริตฺวา โอกาสํ อลภมานา สมนฺตา คาวุตปฺปมาณมฺปิ สกฏธุเรน สกฏธุรํ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ เจว อนุปฺปวตฺตนฺติ จ อนฺธกวินฺทพฺราหฺมณาทโย วิย. สพฺพํ ขนฺธเก เตสุ เตสุ สุตฺเตสุ จ อาคตนเยน เวทิตพฺพํ.
ยถา ภควโต, เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสาปิ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘เตน ¶ โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวร-ปิณฺฑปาต-เสนาสน-คิลาน-ปจฺจย-เภสชฺช-ปริกฺขารานํ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข สกฺกโต โหติ…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ (อุทา. ๑๔; สํ. นิ. ๒.๗๐).
ตถา ¶ ‘‘ยาวตา โข, จุนฺท, เอตรหิ สงฺโฆ วา คโณ วา โลเก อุปฺปนฺโน, นาหํ, จุนฺท, อฺํ เอกสงฺฆมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ ลาภคฺคยสคฺคปตฺตํ ยถริวายํ, จุนฺท, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๗๖).
สฺวายํ ภควโต จ สงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺโน ลาภสกฺกาโร เอกโต หุตฺวา ทฺวินฺนํ มหานทีนํ อุทกํ วิย อปฺปเมยฺโย อโหสิ. อถ สตฺถา รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘มหาลาภสกฺกาโร อตีตพุทฺธานมฺปิ เอวรูโป อโหสิ, อนาคตานมฺปิ เอวรูโป ภวิสฺสติ ¶ . กึ นุ โข ภิกฺขู อาหารปริคฺคาหเกน สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคตา มชฺฌตฺตา นิจฺฉนฺทราคา หุตฺวา อาหารํ ปริภฺุชิตุํ สกฺโกนฺติ, น สกฺโกนฺตี’’ติ?
โส อทฺทส เอกจฺเจ อธุนา ปพฺพชิเต กุลปุตฺเต อปจฺจเวกฺขิตฺวา อาหารํ ปริภฺุชมาเน. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มยา กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรนฺเตน น จีวราทิเหตุ ปูริตา, อุตฺตมผลสฺส ปน อรหตฺตสฺสตฺถาย ปูริตา. อิเมปิ ภิกฺขู มม สนฺติเก ปพฺพชนฺตา น จีวราทิเหตุ ปพฺพชิตา, อรหตฺตสฺเสว ปน อตฺถาย ปพฺพชิตา. เต อิทานิ อสารเมว สารํ อนตฺถเมว จ อตฺถํ กโรนฺตี’’ติ เอวมสฺส ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ปฺจมํ ปาราชิกํ ปฺเปตุํ สกฺกา อภวิสฺส, อปจฺจเวกฺขิตาหารปริโภโค ปฺจมํ ปาราชิกํ กตฺวา ปฺเปตพฺโพ ภเวยฺย. น ปน สกฺกา เอวํ กาตุํ, ธุวปฏิเสวนฏฺานฺเหตํ สตฺตานํ. ยถา ปน กถิเต ปฺจมํ ปาราชิกํ วิย นํ ปสฺสิสฺสนฺติ. เอวํ ธมฺมาทาสํ สํวรํ มริยาทํ เปสฺสามิ, ยํ อาวชฺชิตฺวา อาวชฺชิตฺวา อนาคเต ภิกฺขู จตฺตาโร ปจฺจเย ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชิสฺสนฺตี’’ติ. อิมาย อฏฺุปฺปตฺติยา อิมํ ปุตฺตมํสูปมสุตฺตนฺตํ นิกฺขิปิ. ตตฺถ จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อาหาราติอาทิ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.
จตฺตาโร ¶ ปน อาหาเร วิตฺถาเรตฺวา อิทานิ เตสุ อาทีนวํ ทสฺเสตุํ กถฺจ, ภิกฺขเว, กพฬีกาโร อาหาโร ทฏฺพฺโพติอาทิมาห? ตตฺถ ชายมฺปติกาติ ชายา เจว ปติ จ. ปริตฺตํ สมฺพลนฺติ ปุฏภตฺตสตฺตุโมทกาทีนํ อฺตรํ อปฺปมตฺตกํ ปาเถยฺยํ. กนฺตารมคฺคนฺติ กนฺตารภูตํ มคฺคํ, กนฺตาเร วา มคฺคํ. กนฺตารนฺติ โจรกนฺตารํ วาฬกนฺตารํ อมนุสฺสกนฺตารํ นิรุทกกนฺตารํ อปฺปภกฺขกนฺตารนฺติ ปฺจวิธํ. เตสุ ยตฺถ โจรภยํ อตฺถิ ¶ , ตํ โจรกนฺตารํ. ยตฺถ สีหพฺยคฺฆาทโย วาฬา อตฺถิ, ตํ วาฬกนฺตารํ. ยตฺถ พลวามุขยกฺขินิอาทีนํ อมนุสฺสานํ วเสน ภยํ อตฺถิ, ตํ อมนุสฺสกนฺตารํ. ยตฺถ ปาตุํ วา นฺหายิตุํ วา อุทกํ นตฺถิ, ตํ นิรุทกกนฺตารํ. ยตฺถ ขาทิตพฺพํ วา ภฺุชิตพฺพํ วา อนฺตมโส กนฺทมูลาทิมตฺตมฺปิ ¶ นตฺถิ, ตํ อปฺปภกฺขกนฺตารํ นาม. ยตฺถ ปเนตํ ปฺจวิธมฺปิ ภยํ อตฺถิ, ตํ กนฺตารเมว. ตํ ปเนตํ เอกาหทฺวีหตีหาทิวเสน นิตฺถริตพฺพมฺปิ อตฺถิ, น ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. อิธ ปน นิรุทกํ อปฺปภกฺขํ โยชนสติกกนฺตารํ อธิปฺเปตํ. เอวรูเป กนฺตาเร มคฺคํ. ปฏิปชฺเชยฺยุนฺติ ฉาตกภเยน เจว โรคภเยน จ ราชภเยน จ อุปทฺทุตา ปฏิปชฺเชยฺยุํ ‘‘เอตํ กนฺตารํ นิตฺถริตฺวา ธมฺมิกสฺส รฺโ นิรุปทฺทเว รฏฺเ สุขํ วสิสฺสามา’’ติ มฺมานา.
เอกปุตฺตโกติ อุกฺขิปิตฺวา คหิโต อนุกมฺปิตพฺพยุตฺโต อถิรสรีโร เอกปุตฺตโก. วลฺลูรฺจ โสณฺฑิกฺจาติ ฆนฆนฏฺานโต คเหตฺวา วลฺลูรํ, อฏฺินิสฺสิตสิรานิสฺสิตฏฺานานิ คเหตฺวา สูลมํสฺจาติ อตฺโถ. ปฏิปิเสยฺยุนฺติ ปหเรยฺยุํ. กหํ เอกปุตฺตกาติ อยํ เตสํ ปริเทวนากาโร.
อยํ ปเนตฺถ ภูตมตฺถํ กตฺวา อาทิโต ปฏฺาย สงฺเขปโต อตฺถวณฺณนา – ทฺเว กิร ชายมฺปติกา ปุตฺตํ คเหตฺวา ปริตฺเตน ปาเถยฺเยน โยชนสติกํ กนฺตารมคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. เตสํ ปฺาสโยชนานิ คนฺตฺวา ปาเถยฺยํ นิฏฺาสิ, เต ขุปฺปิปาสาตุรา วิรฬจฺฉายายํ นิสีทึสุ. ตโต ปุริโส ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท อิโต สมนฺตา ปฺาสโยชนานิ คาโม วา นิคโม วา นตฺถิ. ตสฺมา ยํ ตํ ปุริเสน กาตพฺพํ พหุมฺปิ กสิโครกฺขาทิกมฺมํ, น ทานิ สกฺกา ตํ มยา กาตุํ, เอหิ มํ มาเรตฺวา อุปฑฺฒมํสํ ขาทิตฺวา อุปฑฺฒํ ปาเถยฺยํ กตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ กนฺตารํ นิตฺถราหี’’ติ. ปุน สาปิ ตํ อาห – ‘‘สามิ มยา ทานิ ยํ ตํ อิตฺถิยา กาตพฺพํ พหุมฺปิ สุตฺตกนฺตนาทิกมฺมํ, ตํ กาตุํ น สกฺกา, เอหิ มํ มาเรตฺวา อุปฑฺฒมํสํ ขาทิตฺวา อุปฑฺฒํ ปาเถยฺยํ กตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ กนฺตารํ นิตฺถราหี’’ติ. ปุน โสปิ ตํ อาห – ‘‘ภทฺเท มาตุคามมรเณน ทฺวินฺนํ ¶ มรณํ ปฺายติ ¶ . น หิ มนฺโท กุมาโร มาตรา วินา ¶ ชีวิตุํ สกฺโกติ. ยทิ ปน มยํ ชีวาม. ปุน ทารกํ ลเภยฺยาม. หนฺท ทานิ ปุตฺตกํ มาเรตฺวา, มํสํ คเหตฺวา กนฺตารํ นิตฺถรามา’’ติ. ตโต มาตา ปุตฺตมาห – ‘‘ตาต, ปิตุสนฺติกํ คจฺฉา’’ติ, โส อคมาสิ. อถสฺส ปิตา, ‘‘มยา ‘ปุตฺตกํ โปเสสฺสามี’ติ กสิโครกฺขาทีหิ อนปฺปกํ ทุกฺขมนุภูตํ, น สกฺโกมิ อหํ ปุตฺตํ มาเรตุํ, ตฺวํเยว ตว ปุตฺตํ มาเรหี’’ติ วตฺวา, ‘‘ตาต มาตุสนฺติกํ คจฺฉา’’ติ อาห. โส อคมาสิ. อถสฺส มาตาปิ, ‘‘มยา ปุตฺตํ ปตฺเถนฺติยา โควตกุกฺกุรวตเทวตายาจนาทีหิปิ ตาว อนปฺปกํ ทุกฺขมนุภูตํ, โก ปน วาโท กุจฺฉินา ปริหรนฺติยา? น สกฺโกมิ อหํ ปุตฺตํ มาเรตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตาต, ปิตุสนฺติกเมว คจฺฉา’’ติ อาห. เอวํ โส ทฺวินฺนมนฺตรา คจฺฉนฺโตเยว มโต. เต ตํ ทิสฺวา ปริเทวิตฺวา วุตฺตนเยน มํสานิ คเหตฺวา ขาทนฺตา ปกฺกมึสุ.
เตสํ โส ปุตฺตมํสาหาโร นวหิ การเณหิ ปฏิกูลตฺตา เนว ทวาย โหติ, น มทาย, น มณฺฑนาย, น วิภูสนาย, เกวลํ กนฺตารนิตฺถรณตฺถาเยว โหติ. กตเมหิ นวหิ การเณหิ ปฏิกูโลติ เจ? สชาติมํสตาย าติมํสตาย ปุตฺตมํสตาย ปิยปุตฺตมํสตาย ตรุณมํสตาย อามกมํสตาย อโภคมํสตาย อโลณตาย อธูปิตตายาติ. เอวฺหิ เต นวหิ การเณหิ ปฏิกูลํ ตํ ปุตฺตมํสํ ขาทนฺตา น สารตฺตา คิทฺธมานสา หุตฺวา ขาทึสุ, มชฺฌตฺตภาเวเยว ปน นิจฺฉนฺทราคปริโภเค ิตา ขาทึสุ. น อฏฺินฺหารุจมฺมนิสฺสิตฏฺานานิ อปเนตฺวา ถูลถูลํ วรมํสเมว ขาทึสุ, หตฺถสมฺปตฺตํ มํสเมว ปน ขาทึสุ. น ยาวทตฺถํ กณฺปฺปมาณํ กตฺวา ขาทึสุ, โถกํ โถกํ ปน เอกทิวสํ ยาปนมตฺตเมว ขาทึสุ. น อฺมฺํ มจฺฉรายนฺตา ขาทึสุ, วิคตมจฺเฉรมเลน ปน ปริสุทฺเธเนว เจตสา ขาทึสุ. น อฺํ กิฺจิ มิคมํสํ วา โมรมํสาทีนํ วา อฺตรํ ขาทามาติ สมฺมูฬฺหา ขาทึสุ, ปิยปุตฺตมํสภาวํ ปน ชานนฺตาว ¶ ขาทึสุ. น ‘‘อโห วต มยํ ปุนปิ เอวรูปํ ปุตฺตมํสํ ขาเทยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา ขาทึสุ, ปตฺถนํ ปน วีติวตฺตาว หุตฺวา ขาทึสุ. น ‘‘เอตฺตกํ กนฺตาเร ขาทิตฺวา อวสิฏฺํ กนฺตารํ อติกฺกมฺม โลณมฺพิลาทีหิ โยเชตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ สนฺนิธึ อกํสุ, กนฺตารปริโยสาเน ปน ‘‘ปุเร มหาชโน ปสฺสตี’’ติ ภูมิยํ วา นิขณึสุ, อคฺคินา ¶ วา ฌาปยึสุ. น ‘‘โกจิ อฺโ อมฺเห วิย เอวรูปํ ปุตฺตมํสํ ขาทิตุํ น ลภตี’’ติ มานํ วา ทปฺปํ วา อกํสุ, นิหตมานา ปน นิหตทปฺปา หุตฺวา ขาทึสุ. ‘‘กึ อิมินา อโลเณน อนมฺพิเลน อธูปิเตน ทุคฺคนฺเธนา’’ติ น หีเฬตฺวา ขาทึสุ, หีฬนํ ปน วีติวตฺตา หุตฺวา ขาทึสุ ¶ . น ‘‘ตุยฺหํ ภาโค มยฺหํ ภาโค ตว ปุตฺโต มม ปุตฺโต’’ติ อฺมฺํ อติมฺึสุ. สมคฺคา ปน สมฺโมทมานา หุตฺวา ขาทึสุ. อิมํ เนสํ เอวรูปํ นิจฺฉนฺทราคาทิปริโภคํ สมฺปสฺสมาโน สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆมฺปิ ตํ การณํ อนุชานาเปนฺโต ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ เต ทวาย วา อาหารํ อาหาเรยฺยุนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ทวาย วาติอาทีนิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘) วิตฺถาริตาเนว. กนฺตารสฺสาติ นิตฺติณฺณาวเสสสฺส กนฺตารสฺส.
เอวเมว โขติ นวนฺนํ ปาฏิกุลฺยานํ วเสน ปิยปุตฺตมํสสทิโส กตฺวา ทฏฺพฺโพติ อตฺโถ. กตเมสํ นวนฺนํ? คมนปาฏิกุลฺยตาทีนํ. คมนปาฏิกุลฺยตํ ปจฺจเวกฺขนฺโตปิ กพฬีการาหารํ ปริคฺคณฺหาติ, ปริเยสนปาฏิกุลฺยตํ ปจฺจเวกฺขนฺโตปิ, ปริโภคนิธานอาสยปริปกฺกาปริปกฺกสมฺมกฺขณนิสฺสนฺทปาฏิกุลฺยตํ ปจฺจเวกฺขนฺโตปิ, ตานิ ปเนตานิ คมนปาฏิกุลฺยตาทีนิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๙๔) อาหารปาฏิกุลฺยตานิทฺเทเส วิตฺถาริตาเนว. อิติ อิเมสํ นวนฺนํ ปาฏิกุลฺยานํ วเสน ปุตฺตมํสูปมํ กตฺวา อาหาโร ปริภฺุชิตพฺโพ.
ยถา เต ชายมฺปติกา ปาฏิกุลฺยํ ปิยปุตฺตมํสํ ขาทนฺตา น สารตฺตา คิทฺธมานสา หุตฺวา ขาทึสุ, มชฺฌตฺตภาเวเยว นิจฺฉนฺทราคปริโภเค ิตา ขาทึสุ, เอวํ นิจฺฉนฺทราคปริโภคํ กตฺวา ปริภฺุชิตพฺโพ. ยถา จ เต น อฏฺินฺหารุจมฺมนิสฺสิตํ อปเนตฺวา ถูลถูลํ วรมํสเมว ขาทึสุ, หตฺถสมฺปตฺตเมว ¶ ปน ขาทึสุ, เอวํ สุกฺขภตฺตมนฺทพฺยฺชนาทีนิ ปิฏฺิหตฺเถน อปฏิกฺขิปิตฺวา วฏฺฏเกน วิย กุกฺกุเฏน วิย จ โอธึ อทสฺเสตฺวา ตโต ตโต สปฺปิมํสาทิสํสฏฺวรโภชนํเยว วิจินิตฺวา อภฺุชนฺเตน สีเหน วิย สปทานํ ปริภฺุชิตพฺโพ.
ยถา จ เต น ยาวทตฺถํ กณฺปฺปมาณํ ขาทึสุ, โถกํ โถกํ ปน เอเกกทิวสํ ยาปนมตฺตเมว ขาทึสุ, เอวเมว อาหรหตฺถกาทิพฺราหฺมณานํ อฺตเรน วิย ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ อภฺุชนฺเตน จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ วา ¶ อาโลปานํ โอกาสํ เปตฺวาว ธมฺมเสนาปตินา วิย ปริภฺุชิตพฺโพ. โส กิร ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ติฏฺมาโน ‘‘ปจฺฉาภตฺเต อมฺพิลุคฺคารสมุฏฺาปกํ กตฺวา เอกทิวสมฺปิ อาหารํ น อาหาเรสิ’’นฺติ วตฺวา สีหนาทํ นทนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘จตฺตาโร ¶ ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);
ยถา จ เต น อฺมฺํ มจฺฉรายนฺตา ขาทึสุ, วิคตมลมจฺเฉเรน ปน ปริสุทฺเธเนว เจตสา ขาทึสุ, เอวเมว ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา อมจฺฉรายิตฺวา ‘‘อิมํ สพฺพํ คณฺหนฺตสฺส สพฺพํ ทสฺสามิ, อุปฑฺฒํ คณฺหนฺตสฺส อุปฑฺฒํ, สเจ คหิตาวเสโส ภวิสฺสติ, อตฺตนา ปริภฺุชิสฺสามี’’ติ สารณียธมฺเม ิเตเนว ปริภฺุชิตพฺโพ. ยถา จ เต น ‘‘อฺํ กิฺจิ มยํ มิคมํสํ วา โมรมํสาทีนํ วา อฺตรํ ขาทามา’’ติ สมฺมูฬฺหา ขาทึสุ, ปิยปุตฺตมํสภาวํ ปน ชานนฺตาว ขาทึสุ, เอวเมว ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา ‘‘อหํ ขาทามิ ภฺุชามี’’ติ อตฺตูปลทฺธิสมฺโมหํ อนุปฺปาเทตฺวา ‘‘กพฬีการาหาโร น ชานาติ ‘จาตุมหาภูติกกายํ วฑฺเฒมี’ติ, กาโยปิ น ชานาติ ‘กพฬีการาหาโร มํ วฑฺเฒตี’’’ติ, เอวํ สมฺโมหํ ปหาย ปริภฺุชิตพฺโพ. สติสมฺปชฺวเสนาปิ เจส อสมฺมูฬฺเหเนว หุตฺวา ปริภฺุชิตพฺโพ.
ยถา จ เต น ‘‘อโห วต มยํ ปุนปิ เอวรูปํ ปุตฺตมํสํ ขาเทยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา ขาทึสุ, ปตฺถนํ ปน วีติวตฺตาว หุตฺวา ขาทึสุ, เอวเมว ปณีตโภชนํ ¶ ลทฺธา ‘อโห วตาหํ สฺเวปิ ปุนทิวเสปิ เอวรูปํ ลเภยฺยํ’, ลูขํ วา ปน ลทฺธา ‘‘หิยฺโย วิย เม อชฺช ปณีตโภชนํ น ลทฺธ’’นฺติ ปตฺถนํ วา อนุโสจนํ วา อกตฺวา นิตฺตณฺเหน –
‘‘อตีตํ นานุโสจามิ, นปฺปชปฺปามินาคตํ;
ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปมิ, เตน วณฺโณ ปสีทตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๙๐) –
อิมํ โอวาทํ อนุสฺสรนฺเตน ‘‘ปจฺจุปฺปนฺเนเนว ยาเปสฺสามี’’ติ ปริภฺุชิตพฺโพ.
ยถา จ เต น ‘‘เอตฺตกํ กนฺตาเร ขาทิตฺวา อวสิฏฺํ กนฺตารํ อติกฺกมฺม โลณมฺพิลาทีหิ โยเชตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ สนฺนิธึ อกํสุ, กนฺตารปริโยสาเน ¶ ปน ‘‘ปุเร มหาชโน ปสฺสตี’’ติ ภูมิยํ วา นิขณึสุ, อคฺคินา วา ฌาปยึสุ, เอวเมว –
‘‘อนฺนานมโถ ¶ ปานานํ,
ขาทนียานํ อโถปิ วตฺถานํ;
ลทฺธา น สนฺนิธึ กยิรา,
น จ ปริตฺตเส ตานิ อลภมาโน’’ติ. (สุ. นิ. ๙๓๐); –
อิมํ โอวาทํ อนุสฺสรนฺเตน จตูสุ ปจฺจเยสุ ยํ ยํ ลภติ, ตโต ตโต อตฺตโน ยาปนมตฺตํ คเหตฺวา, เสสํ สพฺรหฺมจารีนํ วิสฺสชฺเชตฺวา สนฺนิธึ ปริวชฺชนฺเตน ปริภฺุชิตพฺโพ. ยถา จ เต น ‘‘โกจิ อฺโ อมฺเห วิย เอวรูปํ ปุตฺตมํสํ ขาทิตุํ น ลภตี’’ติ มานํ วา ทปฺปํ วา อกํสุ, นิหตมานา ปน นิหตทปฺปา หุตฺวา ขาทึสุ, เอวเมว ปณีตโภชนํ ลภิตฺวา ‘‘อหมสฺมิ ลาภี จีวรปิณฺฑปาตาทีน’’นฺติ น มาโน วา ทปฺโป วา กาตพฺโพ. ‘‘นายํ ปพฺพชฺชา จีวราทิเหตุ, อรหตฺตเหตุ ปนายํ ปพฺพชฺชา’’ติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิหตมานทปฺเปเนว ปริภฺุชิตพฺโพ.
ยถา จ เต ‘‘กึ อิมินา อโลเณน อนมฺพิเลน อธูปิเตน ทุคฺคนฺเธนา’’ติ ¶ หีเฬตฺวา น ขาทึสุ, หีฬนํ ปน วีติวตฺตา หุตฺวา ขาทึสุ, เอวเมว ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา ‘‘กึ อิมินา อสฺสโคณภตฺตสทิเสน ลูเขน นิรเสน, สุวานโทณิยํ ตํ ปกฺขิปถา’’ติ เอวํ ปิณฺฑปาตํ วา ‘‘โก อิมํ ภฺุชิสฺสติ, กากสุนขาทีนํ เทหี’’ติ เอวํ ทายกํ วา อหีเฬนฺเตน –
‘‘ส ปตฺตปาณิ วิจรนฺโต, อมูโค มูคสมฺมโต;
อปฺปํ ทานํ น หีเฬยฺย, ทาตารํ นาวชานิยา’’ติ. (สุ. นิ. ๗๑๘); –
อิมํ โอวาทํ อนุสฺสรนฺเตน ปริภฺุชิตพฺโพ. ยถา จ เต น ‘‘ตุยฺหํ ภาโค, มยฺหํ ภาโค, ตว ปุตฺโต มม ปุตฺโต’’ติ อฺมฺํ อติมฺึสุ, สมคฺคา ปน, สมฺโมทมานา หุตฺวา ขาทึสุ, เอวเมวํ ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา ยถา เอกจฺโจ ‘‘โก ตุมฺหาทิสานํ ทสฺสติ นิกฺการณา อุมฺมาเรสุ ปกฺขลนฺตานํ อาหิณฺฑนฺตานํ วิชาตมาตาปิ โว ทาตพฺพํ น มฺติ, มยํ ปน ¶ คตคตฏฺาเน ปณีตานิ จีวราทีนิ ลภามา’’ติ สีลวนฺเต สพฺรหฺมจารี อติมฺติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘โส ¶ เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อภิภูโต ปริยาทิณฺณจิตฺโต อฺเ เปสเล ภิกฺขู อติมฺติ. ตฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, โมฆปุริสสฺส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๖๑).
เอวํ กฺจิ อนติมฺิตฺวา สพฺเพหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ สมคฺเคน สมฺโมทมาเนน หุตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ.
ปริฺาเตติ าตปริฺา ตีรณปริฺา ปหานปริฺาติ อิมาหิ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาเต. กถํ? อิธ ภิกฺขุ ‘‘กพฬีการาหาโร นาม อยํ สวตฺถุกวเสน โอชฏฺมกรูปํ โหติ, โอชฏฺมกรูปํ กตฺถ ปฏิหฺติ? ชิวฺหาปสาเท, ชิวฺหาปสาโท กินฺนิสฺสิโต? จตุมหาภูตนิสฺสิโต. อิติ โอชฏฺมกํ ชิวฺหาปสาโท ตสฺส ปจฺจยานิ มหาภูตานีติ อิเม ธมฺมา รูปกฺขนฺโธ นาม, ตํ ปริคฺคณฺหโต อุปฺปนฺนา ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา. อิติ สพฺเพปิเม ปฺจกฺขนฺธา สงฺเขปโต นามรูปมตฺตํ โหตี’’ติ ปชานาติ. โส เต ธมฺเม สรสลกฺขณโต ววตฺถเปตฺวา ¶ เตสํ ปจฺจยํ ปริเยสนฺโต อนุโลมปฏิโลมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปสฺสติ. เอตฺตาวตาเนน กพฬีการาหารมุเขน สปฺปจฺจยสฺส นามรูปสฺส ยาถาวโต ทิฏฺตฺตา กพฬีการาหาโร าตปริฺาย ปริฺาโต โหติ. โส ตเทว สปฺปจฺจยํ นามรูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ตีณิ ลกฺขณานิ อาโรเปตฺวา สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน สมฺมสติ. เอตฺตาวตาเนน โส ติลกฺขณปฏิเวธสมฺมสนาณสงฺขาตาย ตีรณปริฺาย ปริฺาโต โหติ. ตสฺมึเยว นามรูเป ฉนฺทราคาวกฑฺฒเนน อนาคามิมคฺเคน ปริชานตา ปหานปริฺาย ปริฺาโต โหตีติ.
ปฺจกามคุณิโกติ ปฺจกามคุณสมฺภโว ราโค ปริฺาโต โหติ. เอตฺถ ปน ติสฺโส ปริฺา เอกปริฺา สพฺพปริฺา มูลปริฺาติ. กตมา เอกปริฺา? โย ภิกฺขุ ชิวฺหาทฺวาเร เอกรสตณฺหํ ปริชานาติ, เตน ปฺจกามคุณิโก ราโค ปริฺาโตว โหตีติ. กสฺมา? ตสฺสาเยว ตตฺถ อุปฺปชฺชนโต. สาเยว หิ ตณฺหา จกฺขุทฺวาเร อุปฺปนฺนา รูปราโค ¶ นาม โหติ, โสตทฺวาราทีสุ อุปฺปนฺนา สทฺทราคาทโย. อิติ ยถา เอกสฺเสว โจรสฺส ปฺจมคฺเค หนโต เอกสฺมึ มคฺเค คเหตฺวา สีเส ฉินฺเน ปฺจปิ มคฺคา เขมา โหนฺติ, เอวํ ชิวฺหาทฺวาเร รสตณฺหาย ปริฺาตาย ปฺจกามคุณิโก ราโค ปริฺาโต โหตีติ อยํ เอกปริฺา นาม.
กตมา ¶ สพฺพปริฺา? ปตฺเต ปกฺขิตฺตปิณฺฑปาตสฺมิฺหิ เอกสฺมึเยว ปฺจกามคุณิกราโค ลพฺภติ. กถํ? ปริสุทฺธํ ตาวสฺส วณฺณํ โอโลกยโต รูปราโค โหติ, อุณฺเห สปฺปิมฺหิ ตตฺถ อาสิฺจนฺเต ปฏปฏาติ สทฺโท อุฏฺหติ, ตถารูปํ ขาทนียํ วา ขาทนฺตสฺส มุรุมุรูติ สทฺโท อุปฺปชฺชติ, ตํ อสฺสาทยโต สทฺทราโค. ชีรกาทิวสคนฺธํ อสฺสาเทนฺตสฺส คนฺธราโค, สาทุรสวเสน รสราโค. มุทุโภชนํ ผสฺสวนฺตนฺติ อสฺสาทยโต โผฏฺพฺพราโค. อิติ อิมสฺมึ อาหาเร สติสมฺปชฺเน ปริคฺคเหตฺวา นิจฺฉนฺทราคปริโภเคน ปริภุตฺเต สพฺโพปิ โส ปริฺาโต โหตีติ อยํ สพฺพปริฺา นาม.
กตมา มูลปริฺา? ปฺจกามคุณิกราคสฺส หิ กพฬีการาหาโร มูลํ. กสฺมา? ตสฺมึ สติ ตสฺสุปฺปตฺติโต ¶ . พฺราหฺมณติสฺสภเย กิร ทฺวาทส วสฺสานิ ชายมฺปติกานํ อุปนิชฺฌานจิตฺตํ นาม นาโหสิ. กสฺมา? อาหารมนฺทตาย. ภเย ปน วูปสนฺเต โยชนสติโก ตมฺพปณฺณิทีโป ทารกานํ ชาตมงฺคเลหิ เอกมงฺคโล อโหสิ. อิติ มูลภูเต อาหาเร ปริฺาเต ปฺจกามคุณิโก ราโค ปริฺาโตว โหตีติ อยํ มูลปริฺา นาม.
นตฺถิ ตํ สํโยชนนฺติ เตน ราเคน สทฺธึ ปหาเนกฏฺตาย ปหีนตฺตา นตฺถิ. เอวมยํ เทสนา ยาว อนาคามิมคฺคา กถิตา. ‘‘เอตฺตเกน ปน มา โวสานํ อาปชฺชึสู’’ติ เอเตสํเยว รูปาทีนํ วเสน ปฺจสุ ขนฺเธสุ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ยาว อรหตฺตา กเถตุํ วฏฺฏตีติ. ปมาหาโร (นิฏฺิโต).
ทุติเย ¶ นิจฺจมฺมาติ ขุรโต ปฏฺาย ยาว สิงฺคมูลา สกลสรีรโต อุทฺทาลิตจมฺมา กึสุกราสิวณฺณา. กสฺมา ปน อฺํ หตฺถิอสฺสโคณาทิอุปมํ อคเหตฺวา นิจฺจมฺมคาวูปมา คหิตาติ? ติติกฺขิตุํ อสมตฺถภาวทีปนตฺถํ. มาตุคาโม หิ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขเวทนํ ติติกฺขิตุํ อธิวาเสตุํ น สกฺโกติ, เอวเมว ผสฺสาหาโร อพโล ทุพฺพโลติ ทสฺสนตฺถํ สทิสเมว อุปมํ อาหริ. กุฏฺฏนฺติ สิลากุฏฺฏาทีนํ อฺตรํ. กุฏฺฏนิสฺสิตา ปาณา นาม อุณฺณนาภิสรพูมูสิกาทโย. รุกฺขนิสฺสิตาติ อุจฺจาลิงฺคปาณกาทโย. อุทกนิสฺสิตาติ มจฺฉสุํสุมาราทโย. อากาสนิสฺสิตาติ ฑํสมกสกากกุลลาทโย. ขาเทยฺยุนฺติ ลฺุจิตฺวา ขาเทยฺยุํ. สา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ตํ ตํานสนฺนิสฺสยมูลิกํ ปาณขาทนภยํ สมฺปสฺสมานา เนว อตฺตโน ¶ สกฺการสมฺมานํ, น ปิฏฺิปริกมฺมสรีรสมฺพาหนอุณฺโหทกานิ อิจฺฉติ, เอวเมว ภิกฺขุ ผสฺสาหารมูลกํ กิเลสปาณกขาทนภยํ สมฺปสฺสมาโน เตภูมกผสฺเสน อนตฺถิโก โหติ.
ผสฺเส, ภิกฺขเว, อาหาเร ปริฺาเตติ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาเต. อิธาปิ ติสฺโส ปริฺา. ตตฺถ ‘‘ผสฺโส สงฺขารกฺขนฺโธ ¶ , ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธ, เตสํ วตฺถารมฺมณานิ รูปกฺขนฺโธ’’ติ เอวํ สปฺปจฺจยสฺส นามรูปสฺส ยาถาวโต ทสฺสนํ าตปริฺา. ตตฺเถว ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน อนิจฺจาทิโต ตุลนํ ตีรณปริฺา. ตสฺมึเยว ปน นามรูเป ฉนฺทราคนิกฺกฑฺฒโน อรหตฺตมคฺโค ปหานปริฺา. ติสฺโส เวทนาติ เอวํ ผสฺสาหาเร ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาเต ติสฺโส เวทนา ปริฺาตาว โหนฺติ ตมฺมูลกตฺตา ตํสมฺปยุตฺตตฺตา จ. อิติ ผสฺสาหารวเสน เทสนา ยาว อรหตฺตา กถิตา. ทุติยาหาโร.
ตติเย องฺคารกาสูติ องฺคารานํ กาสุ. กาสูติ ราสิปิ วุจฺจติ อาวาโฏปิ.
‘‘องฺคารกาสุํ ¶ อปเร ผุณนฺติ,
นรา รุทนฺตา ปริทฑฺฒคตฺตา;
ภยฺหิ มํ วินฺทติ สูต ทิสฺวา,
ปุจฺฉามิ ตํ มาตลิ เทวสารถี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๖๒); –
เอตฺถ ราสิ ‘‘กาสู’’ติ วุตฺโต.
‘‘กินฺนุ สนฺตรมาโนว, กาสุํ ขนสิ สารถี’’ติ? (ชา. ๒.๒๒.๓). –
เอตฺถ อาวาโฏ. อิธาปิ อยเมว อธิปฺเปโต. สาธิกโปริสาติ อติเรกโปริสา ปฺจรตนปฺปมาณา. วีตจฺจิกานํ วีตธูมานนฺติ เอเตนสฺส มหาปริฬาหตํ ทสฺเสติ. ชาลาย วา หิ ธูเม วา สติ วาโต สมุฏฺาติ, ปริฬาโห มหา น โหติ, ตทภาเว วาตาภาวโต ปริฬาโห มหา โหติ. อารกาวสฺสาติ ทูเรเยว ภเวยฺย.
เอวเมว ¶ โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – องฺคารกาสุ วิย หิ เตภูมกวฏฺฏํ ทฏฺพฺพํ. ชีวิตุกาโม ปุริโส วิย วฏฺฏนิสฺสิโต พาลปุถุชฺชโน. ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา วิย กุสลากุสลกมฺมํ. เตสํ ตํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุํ อุปกฑฺฒนกาโล วิย ¶ ปุถุชฺชนสฺส กมฺมายูหนกาโล. กมฺมฺหิ อายูหิยมานเมว ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ นาม. องฺคารกาสุนิทานํ ทุกฺขํ วิย กมฺมนิทานํ วฏฺฏทุกฺขํ เวทิตพฺพํ.
ปริฺาเตติ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาเต. ปริฺาโยชนา ปเนตฺถ ผสฺเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. ติสฺโส ตณฺหาติ กามตณฺหา ภวตณฺหา วิภวตณฺหาติ อิมา ปริฺาตา โหนฺติ. กสฺมา? ตณฺหามูลกตฺตา มโนสฺเจตนาย. น หิ เหตุมฺหิ อปฺปหีเน ผลํ ปหียติ. อิติ มโนสฺเจตนาหารวเสนปิ ยาว อรหตฺตา เทสนา กถิตา. ตติยาหาโร.
จตุตฺเถ อาคุจารินฺติ ปาปจารึ โทสการกํ. กถํ โส ปุริโสติ โส ปุริโส กถํภูโต, กึ ยาเปติ, น ยาเปตีติ ปุจฺฉติ? ตเถว เทว ชีวตีติ ยถา ปุพฺเพ, อิทานิปิ ตเถว ชีวติ.
เอวเมว ¶ โขติ อิธาปิ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ราชา วิย หิ กมฺมํ ทฏฺพฺพํ, อาคุจารี ปุริโส วิย วฏฺฏสนฺนิสฺสิโต พาลปุถุชฺชโน, ตีณิ สตฺติสตานิ วิย ปฏิสนฺธิวิฺาณํ, อาคุจารึ ปุริสํ ‘‘ตีหิ สตฺติสเตหิ หนถา’’ติ รฺา อาณตฺตกาโล วิย กมฺมรฺา วฏฺฏสนฺนิสฺสิตปุถุชฺชนํ คเหตฺวา ปฏิสนฺธิยํ ปกฺขิปนกาโล. ตตฺถ กิฺจาปิ ตีณิ สตฺติสตานิ วิย ปฏิสนฺธิวิฺาณํ, สตฺตีสุ ปน ทุกฺขํ นตฺถิ, สตฺตีหิ ปหฏวณมูลกํ ทุกฺขํ, เอวเมว ปฏิสนฺธิยมฺปิ ทุกฺขํ นตฺถิ, ทินฺนาย ปน ปฏิสนฺธิยา ปวตฺเต วิปากทุกฺขํ สตฺติปหฏวณมูลกํ ทุกฺขํ วิย โหติ.
ปริฺาเตติ ตีเหว ปริฺาหิ ปริฺาเต. อิธาปิ ปริฺาโยชนา ผสฺสาหาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. นามรูปนฺติ วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ. วิฺาณสฺมิฺหิ ปริฺาเต ตํ ปริฺาตเมว โหติ ตมฺมูลกตฺตา สหุปฺปนฺนตฺตา จ. อิติ วิฺาณาหารวเสนปิ ยาว อรหตฺตา เทสนา กถิตาติ. จตุตฺถาหาโร. ตติยํ.
๔. อตฺถิราคสุตฺตวณฺณนา
๖๔. จตุตฺเถ ¶ ¶ ราโคติอาทีนิ โลภสฺเสว นามานิ. โส หิ รฺชนวเสน ราโค, นนฺทนวเสน นนฺที, ตณฺหายนวเสน ตณฺหาติ วุจฺจติ. ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรูฬฺหนฺติ กมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนสมตฺถตาย ปติฏฺิตฺเจว วิรูฬฺหฺจ. ยตฺถาติ เตภูมกวฏฺเฏ ภุมฺมํ, สพฺพตฺถ วา ปุริมปุริมปเท เอตํ ภุมฺมํ. อตฺถิ ตตฺถ สงฺขารานํ วุทฺธีติ อิทํ อิมสฺมึ วิปากวฏฺเฏ ิตสฺส อายติวฏฺฏเหตุเก สงฺขาเร สนฺธาย วุตฺตํ. ยตฺถ อตฺถิ อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ ยสฺมึ าเน อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ อตฺถิ.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – รชกจิตฺตการา วิย หิ สหกมฺมสมฺภารํ กมฺมํ, ผลกภิตฺติทุสฺสปฏา วิย เตภูมกวฏฺฏํ. ยถา รชกจิตฺตการา ปริสุทฺเธสุ ผลกาทีสุ รูปํ สมุฏฺาเปนฺติ, เอวเมว สสมฺภารกกมฺมํ ภเวสุ รูปํ สมุฏฺาเปติ. ตตฺถ ยถา อกุสเลน จิตฺตกาเรน สมุฏฺาปิตํ รูปํ วิรูปํ โหติ ทุสฺสณฺิตํ อมนาปํ, เอวเมว เอกจฺโจ ¶ กมฺมํ กโรนฺโต าณวิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน กโรติ, ตํ กมฺมํ รูปํ สมุฏฺาเปนฺตํ จกฺขาทีนํ สมฺปตฺตึ อทตฺวา ทุพฺพณฺณํ ทุสฺสณฺิตํ มาตาปิตูนมฺปิ อมนาปํ รูปํ สมุฏฺาเปติ. ยถา ปน กุสเลน จิตฺตกาเรน สมุฏฺาปิตํ รูปํ สุรูปํ โหติ สุสณฺิตํ มนาปํ, เอวเมว เอกจฺโจ กมฺมํ กโรนฺโต าณสมฺปยุตฺเตน จิตฺเตน กโรติ, ตํ กมฺมํ รูปํ สมุฏฺาเปนฺตํ จกฺขาทีนํ สมฺปตฺตึ ทตฺวา สุวณฺณํ สุสณฺิตํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ วิย รูปํ สมุฏฺาเปติ.
เอตฺถ จ อาหารํ วิฺาเณน สทฺธึ สงฺขิปิตฺวา อาหารนามรูปานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, วิปากวิธึ นามรูเปน สงฺขิปิตฺวา นามรูปสงฺขารานํ อนฺตเร เอโก สนฺธิ, สงฺขารานฺจ อายติภวสฺส จ อนฺตเร เอโก สนฺธีติ เวทิตพฺโพ.
กูฏาคารนฺติ เอกกณฺณิกํ คาหาเปตฺวา กตํ อคารํ. กูฏาคารสาลาติ ทฺเว กณฺณิเก คเหตฺวา กตสาลา. เอวเมว โขติ เอตฺถ ขีณาสวสฺส กมฺมํ สูริยรสฺมิสมํ ¶ เวทิตพฺพํ. สูริยรสฺมิ ปน อตฺถิ, สา เกวลํ ปติฏฺาย อภาเวน อปฺปติฏฺา นาม ชาตา, ขีณาสวสฺส กมฺมํ นตฺถิตาย เอว อปฺปติฏฺํ. ตสฺส หิ กายาทโย อตฺถิ, เตหิ ปน กตกมฺมํ กุสลากุสลํ ¶ นาม น โหติ, กิริยมตฺเต ตฺวา อวิปากํ โหติ. เอวมสฺส กมฺมํ นตฺถิตาย เอว อปฺปติฏฺํ นาม ชาตนฺติ. จตุตฺถํ.
๕. นครสุตฺตวณฺณนา
๖๕. ปฺจเม นามรูเป โข สติ วิฺาณนฺติ เอตฺถ ‘‘สงฺขาเรสุ สติ วิฺาณ’’นฺติ จ ‘‘อวิชฺชาย สติ สงฺขารา’’ติ จ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ตทุภยมฺปิ น วุตฺตํ. กสฺมา? อวิชฺชาสงฺขารา หิ ตติโย ภโว, เตหิ สทฺธึ อยํ วิปสฺสนา น ฆฏียติ. มหาปุริโส หิ ปจฺจุปฺปนฺนปฺจโวการวเสน อภินิวิฏฺโติ.
นนุ จ อวิชฺชาสงฺขาเรสุ อทิฏฺเสุ น สกฺกา พุทฺเธน ภวิตุนฺติ. สจฺจํ น สกฺกา, อิมินา ปน เต ภวอุปาทานตณฺหาวเสน ทิฏฺาว. ตสฺมา ยถา นาม โคธํ อนุพนฺธนฺโต ปุริโส ตํ กูปํ ปวิฏฺํ ทิสฺวา โอตริตฺวา ปวิฏฺฏฺานํ ขณิตฺวา โคธํ คเหตฺวา ปกฺกเมยฺย, น ปรภาคํ ขเนยฺย ¶ , กสฺมา? กสฺสจิ นตฺถิตาย. เอวํ มหาปุริโสปิ โคธํ อนุพนฺธนฺโต ปุริโส วิย โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺโน ชรามรณโต ปฏฺาย ‘‘อิมสฺส อยํ ปจฺจโย, อิมสฺส อยํ ปจฺจโย’’ติ ปริเยสนฺโต ยาว นามรูปธมฺมานํ ปจฺจยํ ทิสฺวา ตสฺสปิ ปจฺจยํ ปริเยสนฺโต วิฺาณเมว อทฺทส. ตโต ‘‘เอตฺตโก ปฺจโวการภววเสน สมฺมสนจาโร’’ติ วิปสฺสนํ ปฏินิวตฺเตสิ, ปรโต ตุจฺฉกูปสฺส อภินฺนฏฺานํ วิย อวิชฺชาสงฺขารทฺวยํ อตฺถิ, ตเทตํ เหฏฺา วิปสฺสนาย คหิตตฺตา ปาฏิเยกฺกํ สมฺมสนูปคํ น โหตีติ น อคฺคเหสิ.
ปจฺจุทาวตฺตตีติ ปฏินิวตฺตติ. กตมํ ปเนตฺถ วิฺาณํ ปจฺจุทาวตฺตตีติ? ปฏิสนฺธิวิฺาณมฺปิ วิปสฺสนาวิฺาณมฺปิ. ตตฺถ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ ปจฺจยโต ปฏินิวตฺตติ, วิปสฺสนาวิฺาณํ อารมฺมณโต. อุภยมฺปิ นามรูปํ นาติกฺกมติ, นามรูปโต ปรํ น คจฺฉติ. เอตฺตาวตา ชาเยถ วาติอาทีสุ วิฺาเณ นามรูปสฺส ปจฺจเย โหนฺเต, นามรูเป วิฺาณสฺส ปจฺจเย โหนฺเต, ทฺวีสุปิ อฺมฺปจฺจเยสุ ¶ โหนฺเตสุ เอตฺตเกน ชาเยถ วา อุปปชฺเชถ วา. อิโต หิ ปรํ กิมฺํ ชาเยถ วา อุปปชฺเชถ วา, นนุ เอตเทว ชายติ จ อุปปชฺชติ จาติ?
เอวํ ¶ สทฺธึ อปราปรจุติปฏิสนฺธีหิ ปฺจ ปทานิ ทสฺเสตฺวา ปุน ตํ เอตฺตาวตาติ วุตฺตมตฺถํ นิยฺยาเตนฺโต ยทิทํ นามรูปปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ วตฺวา ตโต ปรํ อนุโลมปจฺจยาการวเสน วิฺาณปจฺจยา นามรูปมูลกํ อายติชรามรณํ ทสฺเสตุํ นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติอาทิมาห.
อฺชสนฺติ มคฺคสฺเสว เววจนํ. อุทฺธาปวนฺตนฺติ อาปโต อุคฺคตตฺตา อุทฺธาปนฺติ ลทฺธโวหาเรน ปาการวตฺถุนา สมนฺนาคตํ. รมณียนฺติ สมนฺตา จตุนฺนํ ทฺวารานํ อพฺภนฺตเร จ นานาภณฺฑานํ สมฺปตฺติยา รมณียํ. มาเปหีติ มหาชนํ เปเสตฺวา วาสํ กาเรหิ. มาเปยฺยาติ วาสํ กาเรยฺย. กาเรนฺโต จ ปมํ อฏฺารส มนุสฺสโกฏิโย เปเสตฺวา ‘‘สมฺปุณฺณ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรานิ ปฺจกุลานิ เปเสยฺย. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรานิ ปฺจปฺาสกุลานิ เปเสยฺย. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรานิ ตึส ¶ กุลานิ เปเสยฺย. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรํ กุลสหสฺสํ เปเสยฺย. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรานิ เอกาทสนหุตานิ กุลานิ เปเสยฺย. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ตาว สมฺปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต อปรานิ จตุราสีติกุลสหสฺสานิ เปเสยฺย. ปุน ‘‘สมฺปุณฺณ’’นฺติ ปุจฺฉิเต, ‘‘มหาราช, กึ วเทสิ? มหนฺตํ นครํ อสมฺพาธํ, อิมินา นเยน กุลานิ เปเสตฺวา น สกฺกา ปูเรตุํ, เภรึ ปน จราเปตฺวา ‘อมฺหากํ นครํ อิมาย จ อิมาย จ สมฺปตฺติยา สมฺปนฺนํ, เย ตตฺถ วสิตุกามา, ยถาสุขํ คจฺฉนฺตุ, อิมฺจิมฺจ ปริหารํ ลภิสฺสนฺตี’ติ นครสฺส เจว วณฺณํ โลกสฺส จ ปริหารลาภํ โฆสาเปถา’’ติ วเทยฺย. โส เอวํ กเรยฺย. ตโต มนุสฺสา นครคุณฺเจว ปริหารลาภฺจ สุตฺวา สพฺพทิสาหิ สโมสริตฺวา นครํ ปูเรยฺยุํ. ตํ อปเรน สมเยน ¶ อิทฺธฺเจว อสฺส ผีตฺจ. ตํ สนฺธาย ตทสฺส นครํ อปเรน สมเยน อิทฺธฺเจว ผีตฺจาติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ อิทฺธนฺติ สมิทฺธํ สุภิกฺขํ. ผีตนฺติ สพฺพสมฺปตฺตีหิ ปุปฺผิตํ. พาหุชฺนฺติ พหูหิ าตพฺพํ, พหุชนานํ หิตํ วา. ‘‘พหุชน’’นฺติปิ ปาโ. อากิณฺณมนุสฺสนฺติ มนุสฺเสหิ อากิณฺณํ นิรนฺตรํ ผุฏฺํ. วุฑฺฒิเวปุลฺลปฺปตฺตนฺติ วุฑฺฒิปฺปตฺตฺเจว เวปุลฺลปฺปตฺตฺจ, เสฏฺภาวฺเจว วิปุลภาวฺจ ปตฺตํ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ อคฺคนครํ ชาตนฺติ อตฺโถ.
เอวเมว ¶ โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อรฺปวเน จรมานปุริโส วิย หิ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฏฺาย ปารมิโย ปูรยมาโน มหาปุริโส ทฏฺพฺโพ, ตสฺส ปุริสสฺส ปุพฺพเกหิ มนุสฺเสหิ อนุยาตมคฺคทสฺสนํ วิย มหาสตฺตสฺส อนุปุพฺเพน โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส ปุพฺพภาเค อฏฺงฺคิกสฺส วิปสฺสนามคฺคสฺส ทสฺสนํ, ปุริสสฺส ตํ เอกปทิกมคฺคํ อนุคจฺฉโต อปรภาเค มหามคฺคทสฺสนํ วิย มหาสตฺตสฺส อุปริวิปสฺสนาย จิณฺณนฺเต โลกุตฺตรมคฺคทสฺสนํ, ปุริสสฺส เตเนว มคฺเคน คจฺฉโต ปุรโต นครทสฺสนํ วิย ตถาคตสฺส นิพฺพานนครทสฺสนํ, พหินครํ ปเนตฺถ อฺเน ทิฏฺํ, อฺเน มนุสฺสวาสํ กตํ, นิพฺพานนครํ สตฺถา สยเมว ปสฺสิ, สยํ วาสมกาสิ. ตสฺส ปุริสสฺส จตุนฺนํ ทฺวารานํ ทิฏฺกาโล วิย ตถาคตสฺส จตุนฺนํ มคฺคานํ ทิฏฺกาโล, ตสฺส จตูหิ ทฺวาเรหิ นครํ ปวิฏฺกาโล วิย ตถาคตสฺส จตูหิ มคฺเคหิ ¶ นิพฺพานํ ปวิฏฺกาโล, ตสฺส นครพฺภนฺตเร ภณฺฑววตฺถานกาโล วิย ตถาคตสฺส ปจฺจเวกฺขณาเณน ปโรปณฺณาสกุสลธมฺมววตฺถานกาโล. นครสฺส อคารกรณตฺถํ กุลปริเยสนกาโล วิย สตฺถุ ผลสมาปตฺติโต วุฏฺาย เวเนยฺยสตฺเต โวโลกนกาโล, เตน ปุริเสน ยาจิตสฺส รฺโ เอกํ มหากุฏุมฺพิกํ ทิฏฺกาโล วิย มหาพฺรหฺมุนา ยาจิตสฺส ภควโต อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรํ ทิฏฺกาโล, รฺโ มหากุฏุมฺพิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘นครวาสํ กโรหี’’ติ ปหิตกาโล ¶ วิย ภควโต เอกสฺมึ ปจฺฉาภตฺเต อฏฺารสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมทิวเส พาราณสิยํ อิสิปตนํ ปวิสิตฺวา เถรํ กายสกฺขึ กตฺวา ธมฺมํ เทสิตกาโล, มหากุฏุมฺพิเกน อฏฺารส ปุริสโกฏิโย คเหตฺวา นครํ อชฺฌาวุฏฺกาโล วิย ตถาคเตน ธมฺมจกฺเก ปวตฺติเต เถรสฺส อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตกาโล, เอวํ นิพฺพานนครํ ปมํ อาวาสิตํ, ตโต สมฺปุณฺณํ นครนฺติ ปุจฺฉิตฺวา น ตาวาติ วุตฺเต ปฺจ กุลานิ อาทึ กตฺวา ยาว จตุราสีติกุลสหสฺสเปสนํ วิย ตถาคตสฺส ปฺจมทิวสโต ปฏฺาย อนตฺตลกฺขณสุตฺตาทีนิ เทเสตฺวา ปฺจวคฺคิเย อาทึ กตฺวา ยสปมุขา ปฺจปณฺณาส กุลปุตฺตา, ตึส ภทฺทวคฺคิยา, สหสฺสปุราณชฏิลา, พิมฺพิสารปมุขานิ เอกาทสปุริสนหุตานิ, ติโรกุฏฺฏานุโมทเน จตุราสีติสหสฺสานีติ เอตฺตกสฺส ชนสฺส อริยมคฺคํ โอตาเรตฺวา นิพฺพานนครํ เปสิตกาโล, อถ เตน นเยน นคเร อปูริยมาเน เภรึ จราเปตฺวา นครสฺส วณฺณโฆสนํ กุลานํ ปริหารลาภโฆสนํ วิย จ มาสสฺส อฏฺ ทิวเส ตตฺถ ตตฺถ นิสีทิตฺวา ธมฺมกถิกานํ นิพฺพานวณฺณสฺส เจว นิพฺพานปฺปตฺตานํ ชาติกนฺตาราทินิตฺถรณานิสํสสฺส จ โฆสนํ, ตโต สพฺพทิสาหิ อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ นครสโมสรณํ วิย ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมกถํ สุตฺวา ¶ ตโต ตโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชฺชํ อาทึ กตฺวา อนุโลมปฏิปทํ ปฏิปนฺนานํ อปริมาณานํ กุลปุตฺตานํ นิพฺพานสโมสรณํ ทฏฺพฺพํ.
ปุราณํ มคฺคนฺติ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ. อยฺหิ อริยมคฺโค ปวารณสุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๒๑๕) อวตฺตมานกฏฺเน ‘‘อนุปฺปนฺนมคฺโค’’ติ วุตฺโต, อิมสฺมึ สุตฺเต อวฬฺชนฏฺเน ‘‘ปุราณมคฺโค’’ติ. พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลสาสนํ. อิทฺธนฺติ ฌานสฺสาเทน ¶ สมิทฺธํ สุภิกฺขํ. ผีตนฺติ อภิฺาภรเณหิ ปุปฺผิตํ. วิตฺถาริกนฺติ วิตฺถิณฺณํ. พาหุชฺนฺติ พหุชนวิฺเยฺยํ. ยาว เทวมนุสฺเสหิ ¶ สุปฺปกาสิตนฺติ ยาว ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวมนุสฺเสหิ ปริจฺเฉโท อตฺถิ, เอตสฺมึ อนฺตเร สุปฺปกาสิตํ สุเทสิตํ ตถาคเตนาติ. ปฺจมํ.
๖. สมฺมสสุตฺตวณฺณนา
๖๖. ฉฏฺเ อามนฺเตสีติ กสฺมา อามนฺเตสิ? ยสฺมาสฺส สุขุมา ติลกฺขณาหตา ธมฺมเทสนา อุปฏฺาสิ. ตสฺมึ กิร ชนปเท มนุสฺสา สเหตุกา ปฺวนฺโต. สินิทฺธานิ กิเรตฺถ โภชนานิ, ตานิเสวโต ชนสฺส ปฺา วฑฺฒติ, เต คมฺภีรํ ติลกฺขณาหตํ ธมฺมกถํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถา โหนฺติ. เตเนว ภควา ทีฆมชฺฌิเมสุ มหาสติปฏฺานานิ (ที. นิ. ๒.๓๗๒ อาทโย) มหานิทานํ (ที. นิ. ๒.๙๕ อาทโย), อาเนฺชสปฺปายํ (ม. นิ. ๓.๖๖ อาทโย), สํยุตฺตเก จูฬนิทานาทิสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ อฺานิ คมฺภีรานิ สุตฺตานิ ตตฺเถว กเถสิ. สมฺมสถ โนติ สมฺมสถ นุ. อนฺตรํ สมฺมสนฺติ อพฺภนฺตรํ ปจฺจยสมฺมสนํ. น โส ภิกฺขุ ภควโต จิตฺตํ อาราเธสีติ ปจฺจยาการวเสน พฺยาการาเปตุกามสฺส ภควโต ตถา อพฺยากริตฺวา ทฺวตฺตึสาการวเสน พฺยากโรนฺโต อชฺฌาสยํ คเหตุํ นาสกฺขิ.
เอตทโวจาติ เทสนา ยถานุสนฺธึ น คตา, เทสนาย ยถานุสนฺธิคมนตฺถํ เอตทโวจ. เตนหานนฺท, สุณาถาติ อิทํ เตปิฏเก พุทฺธวจเน อสมฺภินฺนปทํ. อฺตฺถ หิ เอวํ วุตฺตํ นาม นตฺถิ. อุปธินิทานนฺติ ขนฺธุปธินิทานํ. ขนฺธปฺจกฺเหตฺถ อุปธีติ อธิปฺเปตํ. อุปฺปชฺชตีติ ชายติ. นิวิสตีติ ปุนปฺปุนํ ปวตฺติวเสน ปติฏฺหติ.
ยํ โข โลเก ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ ยํ โลกสฺมึ ปิยสภาวฺเจว มธุรสภาวฺจ. จกฺขุํ โลเกติอาทีสุ ¶ โลกสฺมิฺหิ จกฺขาทีสุ มมตฺเตน อภินิวิฏฺา สตฺตา สมฺปตฺติยํ ปติฏฺิตา อตฺตโน จกฺขุํ อาทาสาทีสุ นิมิตฺตคฺคหณานุสาเรน วิปฺปสนฺนปฺจปสาทํ สุวณฺณวิมาเน อุคฺฆาฏิตมณิสีหปฺชรํ วิย มฺนฺติ, โสตํ รชตปนาฬิกํ วิย ปามงฺคสุตฺตํ ¶ วิย ¶ จ มฺนฺติ, ตุงฺคนาสาติ ลทฺธโวหารํ ฆานํ วฏฺเฏตฺวา ปิตหริตาลวฏฺฏึ วิย มฺนฺติ, ชิวฺหํ รตฺตกมฺพลปฏลํ วิย มุทุสินิทฺธมธุรรสทํ มฺนฺติ, กายํ สาลลฏฺึ วิย สุวณฺณโตรณํ วิย จ มฺนฺติ, มนํ อฺเสํ มเนน อสทิสํ อุฬารํ มฺนฺติ.
นิจฺจโต อทฺทกฺขุนฺติ นิจฺจนฺติ อทฺทสํสุ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. น ปริมุจฺจึสุ ทุกฺขสฺมาติ สกลสฺมาปิ วฏฺฏทุกฺขา น ปริมุจฺจึสุ. ทกฺขิสฺสนฺตีติ ปสฺสิสฺสนฺติ. อาปานียกํโสติ สรกสฺส นามํ. ยสฺมา ปเนตฺถ อาปํ ปิวนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาปานีโย’’ติ วุจฺจติ. อาปานีโย จ โส กํโส จาติ อาปานียกํโส. สุรามณฺฑสรกสฺเสตํ นามํ. ‘‘วณฺณสมฺปนฺโน’’ติอาทิวจนโต ปน กํเส ิตปานเมว เอวํ วุตฺตํ. ฆมฺมาภิตตฺโตติ ฆมฺเมน อภิตตฺโต. ฆมฺมปเรโตติ ฆมฺเมน ผุฏฺโ, อนุคโตติ อตฺโถ. ปิวโต หิ โข ตํ ฉาเทสฺสตีติ ปิวนฺตสฺส ตํ ปานียํ วณฺณาทิสมฺปตฺติยา รุจฺจิสฺสติ, สกลสรีรํ วา ผริตฺวา ตุฏฺึ อุปฺปาทยมานํ สฺสติ. อปฺปฏิสงฺขาติ อปจฺจเวกฺขิตฺวา.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อาปานียกํโส วิย หิ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ อารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ, ฆมฺมาภิตตฺตปุริโส วิย วฏฺฏนิสฺสิโต ปุถุชฺชโน, อาปานียกํเสน นิมนฺตนปุริโส วิย โลเก ปิยรูเปน สาตรูเปน อารมฺมเณน นิมนฺตกชโน, อาปานียกํเส สมฺปตฺติฺจ อาทีนวฺจ อาโรเจนฺโต อาปานกมนุสฺโส วิย อาจริยุปชฺฌายาทิโก กลฺยาณมิตฺโต. ยเถว หิ ตสฺส ปุริสสฺส อปโลกิตมนุสฺโส อาปานียกํเส คุณฺจ อาทีนวฺจ อาโรเจติ, เอวเมว อาจริโย วา อุปชฺฌาโย วา ภิกฺขุโน ปฺจสุ กามคุเณสุ อสฺสาทฺจ นิสฺสรณฺจ กเถติ.
ตตฺถ ยถา อาปานียกํสมฺหิ คุเณ จ อาทีนเว จ อาโรจิเต โส ¶ ปุริโส ปิยวณฺณาทิสมฺปทายเมว สฺชาตเวโค ‘‘สเจ มรณํ ภวิสฺสติ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ สหสา อปฺปฏิสงฺขาย ตํ ปิวิตฺวา มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ นิคจฺฉติ, เอวเมว, ภิกฺขุ, ‘‘ปฺจสุ กามคุเณสุ ทสฺสนาทิวเสน อุปฺปนฺนโสมนสฺสมตฺตเมว อสฺสาโท, อาทีนโว ปน ¶ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิโก พหุ นานปฺปกาโร, อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา’’ติ ¶ เอวํ อาจริยุปชฺฌาเยหิ อานิสํสฺจ อาทีนวฺจ กเถตฺวา – ‘‘สมณปฏิปทํ ปฏิปชฺช, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร ภว โภชเน มตฺตฺู ชาคริยํ อนุยุตฺโต’’ติ เอวํ โอวทิโตปิ อสฺสาทพทฺธจิตฺตตาย ‘‘สเจ วุตฺตปฺปกาโร อาทีนโว ภวิสฺสติ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ อาจริยุปชฺฌาเย อปสาเทตฺวา อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนิ เจว วตฺตปฏิปตฺติฺจ ปหาย โลกามิสกถํ กเถนฺโต กาเม ปริภฺุชิตุกามตาย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. ตโต ทุจฺจริตานิ ปูเรนฺโต สนฺธิจฺเฉทนาทิกาเล ‘‘โจโร อย’’นฺติ คเหตฺวา รฺโ ทสฺสิโต อิเธว หตฺถปาทาทิเฉทนํ ปตฺวา สมฺปราเย จตูสุ อปาเยสุ มหาทุกฺขํ อนุโภติ.
ปานีเยน วา วิเนตุนฺติ สีเตน วารินา หริตุํ. ทธิมณฺฑเกนาติ ทธิมณฺฑนมตฺเตน. ภฏฺโลณิกายาติ สโลเณน สตฺตุปานีเยน. โลณโสวีรเกนาติ สพฺพธฺผลกฬีราทีนิ ปกฺขิปิตฺวา โลณโสวีรกํ นาม กโรนฺติ, เตน.
โอปมฺมสํสนฺทนํ ปเนตฺถ – ฆมฺมาภิตตฺตปุริโส วิย วฏฺฏสนฺนิสฺสิตกาเล โยคาวจโร ทฏฺพฺโพ, ตสฺส ปุริสสฺส ปฏิสงฺขา อาปานียกํสํ ปหาย ปานียาทีหิ ปิปาสสฺส วิโนทนํ วิย ภิกฺขุโน อาจริยุปชฺฌายานํ โอวาเท ตฺวา ฉทฺวาราทีนิ ปริคฺคเหตฺวา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺตสฺส อรหตฺตผลาธิคโม, ปานียาทีนิ จตฺตาริ ปานานิ วิย หิ จตฺตาโร มคฺคา, เตสุ อฺตรํ ปิวิตฺวา สุราปิปาสิตํ วิโนเทตฺวา สุขิโน เยน กามํ คมนํ วิย ขีณาสวสฺส จตุมคฺคปานํ ปิวิตฺวา ตณฺหํ วิโนเทตฺวา อคตปุพฺพํ นิพฺพานทิสํ คมนกาโล เวทิตพฺโพ. ฉฏฺํ.
๗. นฬกลาปีสุตฺตวณฺณนา
๖๗. สตฺตเม ¶ กินฺนุ โข, อาวุโสติ กสฺมา ปุจฺฉติ? ‘‘เอวํ ปุฏฺโ กถํ นุ โข พฺยากเรยฺยา’’ติ. เถรสฺส อชฺฌาสยชานนตฺถํ. อปิจ อตีเต ทฺเว อคฺคสาวกา อิมํ ปฺหํ วินิจฺฉยึสูติ อนาคเต ภิกฺขู ชานิสฺสนฺตีติปิ ปุจฺฉติ. อิทาเนว โข มยนฺติ อิทํ เถโร ยสฺส นามรูปสฺส วิฺาณํ ปจฺจโยติ วุตฺตํ, ตเทว นามรูปํ วิฺาณสฺส ปจฺจโยติ ¶ วุตฺตตฺตา อาห ¶ . นฬกลาปิโยติ อิธ ปน อยกลาปาทิวเสน อุปมํ อนาหริตฺวา วิฺาณนามรูปานํ อพลทุพฺพลภาวทสฺสนตฺถํ อยํ อุปมา อาภตา.
นิโรโธ โหตีติ เอตฺตเก าเน ปจฺจยุปฺปนฺนปฺจโวการภววเสน เทสนา กถิตา. ฉตฺตึสาย วตฺถูหีติ เหฏฺา วิสฺสชฺชิเตสุ ทฺวาทสสุ ปเทสุ เอเกกสฺมึ ติณฺณํ ติณฺณํ วเสน ฉตฺตึสาย การเณหิ. เอตฺถ จ ปโม ธมฺมกถิกคุโณ, ทุติยา ปฏิปตฺติ, ตติยํ ปฏิปตฺติผลํ. ตตฺถ ปมนเยน เทสนาสมฺปตฺติ กถิตา, ทุติเยน เสกฺขภูมิ, ตติเยน อเสกฺขภูมีติ. สตฺตมํ.
๘. โกสมฺพิสุตฺตวณฺณนา
๖๘. อฏฺเม อฺตฺเรวาติ เอกจฺโจ หิ ปรสฺส สทฺทหิตฺวา ยํ เอส ภณติ, ตํ ภูตนฺติ คณฺหาติ. อปรสฺส นิสีทิตฺวา จินฺเตนฺตสฺส ยํ การณํ รุจฺจติ, โส ‘‘อตฺถิ เอต’’นฺติ รุจิยา คณฺหาติ. เอโก ‘‘จิรกาลโต ปฏฺาย เอวํ อนุสฺสโว อตฺถิ, ภูตเมต’’นฺติ อนุสฺสเวน คณฺหาติ. อฺสฺส วิตกฺกยโต เอกํ การณํ อุปฏฺาติ, โส ‘‘อตฺเถต’’นฺติ อาการปริวิตกฺเกน คณฺหาติ. อปรสฺส จินฺตยโต เอกา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, ยายสฺส ตํ การณํ นิชฺฌายนฺตสฺส ขมติ, โส ‘‘อตฺเถต’’นฺติ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา คณฺหาติ. เถโร ปน ปฺจปิ เอตานิ การณานิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปจฺจกฺขาเณน ปฏิวิทฺธภาวํ ปุจฺฉนฺโต อฺตฺเรว, อาวุโส มุสิล, สทฺธายาติอาทิมาห. ตตฺถ อฺตฺเรวาติ สทฺธาทีนิ การณานิ เปตฺวา, วินา เอเตหิ ¶ การเณหีติ อตฺโถ. ภวนิโรโธ นิพฺพานนฺติ ปฺจกฺขนฺธนิโรโธ นิพฺพานํ.
ตุณฺหี อโหสีติ เถโร ขีณาสโว, อหํ ปน ขีณาสโวติ วา น วาติ วา อวตฺวา ตุณฺหีเยว อโหสิ. อายสฺมา นารโท อายสฺมนฺตํ ปวิฏฺํ เอตทโวจาติ กสฺมา อโวจ? โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘ภวนิโรโธ นิพฺพานํ นามาติ เสเขหิปิ ชานิตพฺโพ ปฺโห เอส, อยํ ปน เถโร อิมํ เถรํ อเสขภูมิยา กาเรติ, อิมํ านํ ชานาเปสฺสามี’’ติ เอตํ อโวจ.
สมฺมปฺปฺาย ¶ สุทิฏฺนฺติ สห วิปสฺสนาย มคฺคปฺาย สุฏฺุ ทิฏฺํ. น จมฺหิ อรหนฺติ อนาคามิมคฺเค ิตตฺตา อรหํ น โหมีติ ทีเปติ. ยํ ปนสฺส อิทานิ ‘‘ภวนิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ ¶ าณํ, ตํ เอกูนวีสติยา ปจฺจเวกฺขณาเณหิ วิมุตฺตํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. อุทปาโนติ วีสตึสหตฺถคมฺภีโร ปานียกูโป. อุทกวารโกติ อุทกอุสฺสิฺจนวารโก. อุทกนฺติ หิ โข าณํ อสฺสาติ ตีเร ิตสฺส โอโลกยโต เอวํ าณํ ภเวยฺย. น จ กาเยน ผุสิตฺวาติ อุทกํ ปน นีหริตฺวา กาเยน ผุสิตฺวา วิหริตุํ น สกฺกุเณยฺย. อุทปาเน อุทกทสฺสนํ วิย หิ อนาคามิโน นิพฺพานทสฺสนํ, ฆมฺมาภิตตฺตปุริโส วิย อนาคามี, อุทกวารโก วิย อรหตฺตมคฺโค, ยถา ฆมฺมาภิตตฺตปุริโส อุทปาเน อุทกํ ปสฺสติ. เอวํ อนาคามี ปจฺจเวกฺขณาเณน ‘‘อุปริ อรหตฺตผลสมโย นาม อตฺถี’’ติ ชานาติ. ยถา ปน โส ปุริโส อุทกวารกสฺส นตฺถิตาย อุทกํ นีหริตฺวา กาเยน ผุสิตุํ น ลภติ, เอวํ อนาคามี อรหตฺตมคฺคสฺส นตฺถิตาย นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อรหตฺตผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทิตุํ น ลภติ. อฏฺมํ.
๙. อุปยนฺติสุตฺตวณฺณนา
๖๙. นวเม ¶ อุปยนฺโตติ อุทกวฑฺฒนสมเย อุปริ คจฺฉนฺโต. มหานทิโยติ คงฺคายมุนาทิกา มหาสริตาโย. อุปยาเปตีติ อุปริ ยาเปติ, วฑฺเฒติ ปูเรตีติ อตฺโถ. อวิชฺชา อุปยนฺตีติ อวิชฺชา อุปริ คจฺฉนฺตี สงฺขารานํ ปจฺจโย ภวิตุํ สกฺกุณนฺตี. สงฺขาเร อุปยาเปตีติ สงฺขาเร อุปริ ยาเปติ วฑฺเฒติ. เอวํ สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปยนฺโตติ อปคจฺฉนฺโต โอสรนฺโต. อวิชฺชา อปยนฺตีติ อวิชฺชา อปคจฺฉมานา โอสรมานา อุปริ สงฺขารานํ ปจฺจโย ภวิตุํ น สกฺกุณนฺตีติ อตฺโถ. สงฺขาเร อปยาเปตีติ สงฺขาเร อปคจฺฉาเปติ. เอส นโย สพฺพปเทสุ. นวมํ.
๑๐. สุสิมสุตฺตวณฺณนา
๗๐. ทสเม ครุกโตติ สพฺเพหิ เทวมนุสฺเสหิ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย จิตฺเตน ครุกโต. มานิโตติ มเนน ปิยายิโต. ปูชิโตติ จตุปจฺจยปูชาย ¶ ปูชิโต. อปจิโตติ นีจวุตฺติกรเณน อปจิโต. สตฺถารฺหิ ทิสฺวา มนุสฺสา หตฺถิกฺขนฺธาทีหิ โอตรนฺติ มคฺคํ เทนฺติ, อํสกูฏโต สาฏกํ อปเนนฺติ, อาสนโต วุฏฺหนฺติ วนฺทนฺติ. เอวํ โส เตหิ อปจิโต นาม โหติ. สุสิโมติ เอวํนามโก เวทงฺเคสุ กุสโล ปณฺฑิตปริพฺพาชโก. เอหิ ตฺวนฺติ เตสํ กิร เอตทโหสิ ¶ – ‘‘สมโณ โคตโม น ชาติโคตฺตาทีนิ อาคมฺม ลาภคฺคปฺปตฺโต ชาโต, กวิเสฏฺโ ปเนส อุตฺตมกวิตาย สาวกานํ คนฺถํ พนฺธิตฺวา เทติ, ตํ เต อุคฺคณฺหิตฺวา อุปฏฺากานํ อุปนิสินฺนกถมฺปิ อนุโมทนมฺปิ สรภฺมฺปีติ เอวมาทีนิ กเถนฺติ, เต เตสํ ปสนฺนา ลาภํ อุปสํหรนฺติ. สเจ มยํ ยํ สมโณ โคตโม ชานาติ, ตโต โถกํ ชาเนยฺยาม, อตฺตโน สมยํ ตตฺถ ปกฺขิปิตฺวา ¶ มยมฺปิ อุปฏฺากานํ กเถยฺยาม, ตโต เอเตหิ ลาภิตรา ภเวยฺยาม. โก นุ โข สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ขิปฺปเมว อุคฺคณฺหิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ. เต เอวํ จินฺเตตฺวา ‘‘สุสิโม ปฏิพโล’’ติ ทิสฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ.
เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ, ‘‘กสฺส นุ โข สนฺติกํ คนฺตฺวา อหํ อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปํ ลทฺธุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ? ตโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม ครุ เตชุสฺสโท นิยมมนุยุตฺโต, น สกฺกา อกาเล อุปสงฺกมิตุํ, อฺเปิ พหู ขตฺติยาทโย สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมนฺติ, ตสฺมิมฺปิ สมเย น สกฺกา อุปสงฺกมิตุํ. สาวเกสุปิสฺส สาริปุตฺโต มหาปฺโ วิปสฺสนาลกฺขณมฺหิ เอตทคฺเค ปิโต, มหาโมคฺคลฺลาโน สมาธิลกฺขณสฺมึ เอตทคฺเค ปิโต, มหากสฺสโป ธุตงฺคธเรสุ อนุรุทฺโธ ทิพฺพจกฺขุเกสุ, ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต ธมฺมกถิเกสุ, อุปาลิตฺเถโร วินยธเรสุ เอตทคฺเค ปิโต, อยํ ปน อานนฺโท พหุสฺสุโต ติปิฏกธโร, สตฺถาปิสฺส ตตฺถ ตตฺถ กถิตํ ธมฺมํ อาหริตฺวา กเถติ, ปฺจสุ าเนสุ เอตทคฺเค ปิโต, อฏฺนฺนํ วรานํ ลาภี, จตูหิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, ตสฺส สมีปํ คโต ขิปฺปํ ธมฺมํ ลทฺธุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. ตสฺมา เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ.
เยน ¶ ภควา เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา สยํ อปพฺพาเชตฺวา อุปสงฺกมิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อยํ ติตฺถิยสมเย ปาฏิเยกฺโก ‘อหํ สตฺถา’ติ ปฏิชานนฺโต จรติ, ปพฺพชิตฺวา สาสนสฺส อลาภายปิ ปริสกฺเกยฺย. น โข ปนสฺสาหํ อชฺฌาสยํ อาชานามิ, สตฺถา ชานิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ตํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. เตนหานนฺท, สุสิมํ ปพฺพาเชถาติ สตฺถา กิร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปริพฺพาชโก ติตฺถิยสมเย ‘อหํ ปาฏิเยกฺโก สตฺถา’ติ ปฏิชานมาโน จรติ, ‘อิธ มคฺคพฺรหฺมจริยํ จริตุํ อิจฺฉามี’ติ กิร วทติ. กึ นุ โข มยิ ปสนฺโน, อุทาหุ มยฺหํ สาวเกสุ, อุทาหุ มยฺหํ วา มม สาวกานํ วา ธมฺมกถาย ปสนฺโน’’ติ? อถสฺส เอกฏฺาเนปิ ปสาทาภาวํ ¶ ตฺวา, ‘‘อยํ มม สาสเน ธมฺมํ เถเนสฺสามีติ ปพฺพชติ. อิติสฺส อาคมนํ อปริสุทฺธํ; นิปฺผตฺติ นุ โข กีทิสา’’ติ? โอโลเกนฺโต ‘‘กิฺจาปิ ¶ ‘ธมฺมํ เถเนสฺสามี’ติ ปพฺพชติ, กติปาเหเนว ปน ฆเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘เตนหานนฺท, สุสิมํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาห.
อฺา พฺยากตา โหตีติ เต กิร ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เตมาสํ วสฺสํ วสนฺตา ตสฺมึเยว อนฺโตเตมาเส ฆเฏนฺตา วายมนฺตา อรหตฺตํ ปฏิลภึสุ. เต ‘‘ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามา’’ติ ปวาริตปวารณา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อตฺตโน ปฏิลทฺธคุณํ อาโรเจสุํ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อฺาติ อรหตฺตสฺส นามํ. พฺยากตาติ อาโรจิตา. อสฺโสสีติ โส กิร โอหิตโสโต หุตฺวา เตสํ เตสํ ภิกฺขูนํ ิตฏฺานํ คจฺฉติ ตํ ตํ กถํ สุณิตุกาโม. เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? ตํ กิรสฺส ปวตฺตึ สุตฺวา เอตทโหสิ – ‘‘อฺา นาม อิมสฺมึ สาสเน ปรมปฺปมาณํ สารภูตา อาจริยมุฏฺิ มฺเ ภวิสฺสติ, ปุจฺฉิตฺวา นํ ชานิสฺสามี’’ติ. ตสฺมา อุปสงฺกมิ.
อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ. อิทฺธิวิธนฺติ อิทฺธิโกฏฺาสํ. อาวิภาวํ ติโรภาวนฺติ อาวิภาวํ คเหตฺวา ติโรภาวํ, ติโรภาวํ คเหตฺวา อาวิภาวํ กาตุํ สกฺโกถาติ ปุจฺฉติ. ติโรกุฏฺฏนฺติ ปรกุฏฺฏํ. อิตรปททฺวเยปิ ¶ เอเสว นโย. อุมฺมุชฺชนิมุชฺชนฺติ อุมฺมุชฺชนฺจ นิมุชฺชนฺจ. ปลฺลงฺเกนาติ ปลฺลงฺกพนฺธเนน. กมถาติ นิสีทิตุํ วา คนฺตุํ วา สกฺโกถาติ ปุจฺฉติ? ปกฺขี สกุโณติ ปกฺขยุตฺโต สกุโณ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อิมสฺส อิทฺธิวิธสฺส, อิโต ปเรสํ ทิพฺพโสตาทีนฺจ วณฺณนานโย วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพติ.
สนฺตา วิโมกฺขาติ องฺคสนฺตตาย เจว อารมฺมณสนฺตตาย จ สนฺตา อารุปฺปวิโมกฺขา. กาเยน ผุสิตฺวาติ นามกาเยน ผุสิตฺวา ปฏิลภิตฺวา. ปฺาวิมุตฺตา โข มยํ, อาวุโสติ, อาวุโส, มยํ นิชฺฌานกา ¶ สุกฺขวิปสฺสกา ปฺามตฺเตเนว วิมุตฺตาติ ทสฺเสติ. อาชาเนยฺยาสิ วา ตฺวํ, อาวุโส สุสิม, น วา ตฺวํ อาชาเนยฺยาสีติ กสฺมา เอวมาหํสุ? เอวํ กิร เนสํ อโหสิ – ‘‘มยํ อิมสฺส อชฺฌาสยํ คเหตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสาม, ทสพลํ ปน ปุจฺฉิตฺวา นิกฺกงฺโข ภวิสฺสตี’’ติ. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ วิปสฺสนาาณํ, ตํ ปมตรํ อุปฺปชฺชติ. นิพฺพาเน าณนฺติ วิปสฺสนาย จิณฺณนฺเต ปวตฺตมคฺคาณํ, ตํ ปจฺฉา อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา ภควา เอวมาห.
อาชาเนยฺยาสิ วาติอาทิ กสฺมา วุตฺตํ? วินาปิ สมาธึ เอวํ าณุปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. อิทฺหิ ¶ วุตฺตํ โหติ – สุสิม, มคฺโค วา ผลํ วา น สมาธินิสฺสนฺโท, น สมาธิอานิสํโส, น สมาธิสฺส นิปฺผตฺติ, วิปสฺสนาย ปเนโส นิสฺสนฺโท, วิปสฺสนาย อานิสํโส, วิปสฺสนาย นิปฺผตฺติ, ตสฺมา ชาเนยฺยาสิ วา ตฺวํ, น วา ตฺวํ ชาเนยฺยาสิ, อถ โข ธมฺมฏฺิติาณํ ปุพฺเพ, ปจฺฉา นิพฺพาเน าณนฺติ.
อิทานิสฺส ปฏิเวธภพฺพตํ ตฺวา เตปริวฏฺฏํ ธมฺมเทสนํ เทเสนฺโต ตํ กึ มฺสิ, สุสิม? รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติอาทิมาห? เต ปริวฏฺฏเทสนาวสาเน ปน เถโร อรหตฺตํ ปตฺโต. อิทานิสฺส อนุโยคํ อาโรเปนฺโต ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ, สุสิม, ปสฺสสีติอาทิมาห. อปิ ปน ตฺวํ, สุสิมาติ อิทํ กสฺมา อารภิ? นิชฺฌานกานํ สุกฺขวิปสฺสกภิกฺขูนํ ปากฏกรณตฺถํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – น เกวลํ ตฺวเมว นิชฺฌานโก สุกฺขวิปสฺสโก, เอเตปิ ภิกฺขู เอวรูปาเยวาติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมวาติ. ทสมํ.
มหาวคฺโค สตฺตโม.
๘. สมณพฺราหฺมณวคฺโค
๑. ชรามรณสุตฺตาทิวณฺณนา
๗๑-๗๒. สมณพฺราหฺมณวคฺเค ¶ ชรามรณาทีสุ เอเกกปทวเสน เอเกกํ กตฺวา เอกาทส สุตฺตานิ วุตฺตานิ, ตานิ อุตฺตานตฺถาเนวาติ.
สมณพฺราหฺมณวคฺโค อฏฺโม.
๙. อนฺตรเปยฺยาลํ
๑. สตฺถุสุตฺตาทิวณฺณนา
๗๓. อิโต ¶ ¶ ปรํ ‘‘สตฺถา ปริเยสิตพฺโพ’’ติอาทินยปฺปวตฺตา ทฺวาทส อนฺตรเปยฺยาลวคฺคา นาม โหนฺติ. เต สพฺเพปิ ตถา ตถา พุชฺฌนกานํ เวเนยฺยปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน วุตฺตา. ตตฺถ สตฺถาติ พุทฺโธ วา โหตุ สาวโก วา, ยํ นิสฺสาย มคฺคาณํ ลภติ, อยํ สตฺถา นาม, โส ปริเยสิตพฺโพ. สิกฺขา กรณียาติ ติวิธาปิ สิกฺขา กาตพฺพา. โยคาทีสุ โยโคติ ปโยโค. ฉนฺโทติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺโท. อุสฺโสฬฺหีติ สพฺพสหํ อธิมตฺตวีริยํ. อปฺปฏิวานีติ อนิวตฺตนา. อาตปฺปนฺติ กิเลสตาปนวีริยเมว. สาตจฺจนฺติ สตตกิริยํ. สตีติ ชรามรณาทิวเสน จตุสจฺจปริคฺคาหิกา สติ. สมฺปชฺนฺติ ตาทิสเมว าณํ. อปฺปมาโทติ สจฺจภาวนาย อปฺปมาโท. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อนฺตรเปยฺยาโล นวโม.
นิทานสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อภิสมยสํยุตฺตํ
๑. นขสิขาสุตฺตวณฺณนา
๗๔. อภิสมยสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม นขสิขายนฺติ มํสฏฺาเนน วิมุตฺเต นขคฺเค. นขสิขา จ นาม โลกิยานํ มหตีปิ โหติ, สตฺถุ ปน รตฺตุปฺปลปตฺตโกฏิ วิย สุขุมา. กถํ ปเนตฺถ ปํสุ ปติฏฺิโตติ? อธิฏฺานพเลน. ภควตา หิ อตฺถํ าเปตุกาเมน อธิฏฺานพเลน ตตฺถ ปติฏฺาปิโต. สติมํ กลนฺติ มหาปถวิยา ปํสุํ สตโกฏฺาเส กตฺวา ตโต เอกโกฏฺาสํ. ปรโตปิ เอเสว นโย. อภิสเมตาวิโนติ ปฺาย อริยสจฺจานิ อภิสเมตฺวา ิตสฺส. ปุริมํ ทุกฺขกฺขนฺธํ ปริกฺขีณํ ปริยาทิณฺณํ อุปนิธายาติ เอตเทว พหุตรํ ทุกฺขํ, ยทิทํ ปริกฺขีณนฺติ เอวํ ปมํ วุตฺตํ ทุกฺขกฺขนฺธํ อุปนิธาย, าเณน ตํ ตสฺส สนฺติเก เปตฺวา อุปปริกฺขิยมาเนติ อตฺโถ. กตมํ ปเนตฺถ ปุริมทุกฺขํ นาม? ยํ ปริกฺขีณํ. กตมํ ปน ปริกฺขีณํ? ยํ ปมมคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย. กตมํ ปน อุปนิธาย? ยํ สตฺตสุ อตฺตภาเวสุ อปาเย อฏฺมฺจ ปฏิสนฺธึ อาทึ กตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ อุปฺปชฺเชยฺย, สพฺพํ ตํ ปริกฺขีณนฺติ เวทิตพฺพํ. สตฺตกฺขตฺตุนฺติ สตฺต วาเร, สตฺตสุ อตฺตภาเวสูติ อตฺโถ. ปรมตาติ อิทมสฺส ปรํ ปมาณนฺติ ทสฺเสติ. มหตฺถิโยติ มหโต อตฺถสฺส นิปฺผาทโก. ปมํ.
๒. โปกฺขรณีสุตฺตวณฺณนา
๗๕. ทุติเย โปกฺขรณีติ วาปี. อุพฺเพเธนาติ คมฺภีรตาย. สมติตฺติกาติ มุขวฏฺฏิสมา. กากเปยฺยาติ สกฺกา โหติ ตีเร ิเตน กาเกน ปกติยาปิ มุขตุณฺฑิกํ โอตาเรตฺวา ปาตุํ. ทุติยํ.
๓. สํเภชฺชอุทกสุตฺตาทิวณฺณนา
๗๖-๗๗. ตติเย ¶ ¶ ยตฺถิมาติ ยสฺมึ สมฺภิชฺชฏฺาเน อิมา. สํสนฺทนฺตีติ สมาคนฺตฺวา สนฺทนฺติ. สเมนฺตีติ สมาคจฺฉนฺติ. ทฺเว วา ติ วาติ ทฺเว วา ตีณิ วา. อุทกผุสิตานีติ อุทกพินฺทูนิ. สํเภชฺชอุทกนฺติ อฺาหิ นทีหิ สทฺธึ สมฺภินฺนฏฺาเน อุทกํ. จตุตฺถํ อุตฺตานตฺถเมว. ตติยจตุตฺถานิ.
๕. ปถวีสุตฺตาทิวณฺณนา
๗๘-๘๔. ปฺจเม ¶ มหาปถวิยาติ จกฺกวาฬพฺภนฺตราย มหาปถวิยา อุทฺธริตฺวา. โกลฏฺิมตฺติโยติ ปทรฏฺิปมาณา. คุฬิกาติ มตฺติกคุฬิกา. อุปนิกฺขิเปยฺยาติ เอกสฺมึ าเน เปยฺย. ฉฏฺาทีสุ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปริโยสาเน ปน อฺติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกานํ อธิคโมติ พาหิรกานํ สพฺโพปิ คุณาธิคโม ปมมคฺเคน อธิคตคุณานํ สตภาคมฺปิ สหสฺสภาคมฺปิ สตสหสฺสภาคมฺปิ น อุปคจฺฉตีติ. ปฺจมาทีนิ.
อภิสมยสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ธาตุสํยุตฺตํ
๑. นานตฺตวคฺโค
๑.ธาตุนานตฺตสุตฺตวณฺณนา
๘๕. ธาตุสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ปเม ¶ นิสฺสตฺตฏฺสฺุตฏฺสงฺขาเตน สภาวฏฺเน ธาตูติ ลทฺธนามานํ ธมฺมานํ นานาสภาโว ธาตุนานตฺตํ. จกฺขุธาตูติอาทีสุ จกฺขุปสาโท จกฺขุธาตุ, รูปารมฺมณํ รูปธาตุ, จกฺขุปสาทวตฺถุกํ จิตฺตํ จกฺขุวิฺาณธาตุ. โสตปสาโท โสตธาตุ, สทฺทารมฺมณํ สทฺทธาตุ, โสตปสาทวตฺถุกํ จิตฺตํ โสตวิฺาณธาตุ. ฆานปสาโท ฆานธาตุ, คนฺธารมฺมณํ คนฺธธาตุ, ฆานปสาทวตฺถุกํ จิตฺตํ ฆานวิฺาณธาตุ. ชิวฺหาปสาโท ชิวฺหาธาตุ, รสารมฺมณํ รสธาตุ, ชิวฺหาปสาทวตฺถุกํ จิตฺตํ ชิวฺหาวิฺาณธาตุ. กายปสาโท กายธาตุ, โผฏฺพฺพารมฺมณํ โผฏฺพฺพธาตุ, กายปสาทวตฺถุกํ จิตฺตํ กายวิฺาณธาตุ. ติสฺโส มโนธาตุโย มโนธาตุ, เวทนาทโย ตโย ขนฺธา สุขุมรูปานิ นิพฺพานฺจ ธมฺมธาตุ, สพฺพมฺปิ มโนวิฺาณํ มโนวิฺาณธาตูติ. เอตฺถ จ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, อวสาเน ทฺเว จตุภูมิกาติ. ปมํ.
๒. ผสฺสนานตฺตสุตฺตวณฺณนา
๘๖. ทุติเย อุปฺปชฺชติ ผสฺสนานตฺตนฺติ นานาสภาโว ผสฺโส อุปฺปชฺชติ. ตตฺถ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย จกฺขุวิฺาณาทิสมฺปยุตฺตา, มโนสมฺผสฺโส มโนทฺวาเร ปมชวนสมฺปยุตฺโต, ตสฺมา. มโนธาตุํ ปฏิจฺจาติ มโนทฺวาราวชฺชนํ กิริยามโนวิฺาณธาตุํ ปฏิจฺจ ปมชวนสมฺผสฺโส อุปฺปชฺชตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ทุติยํ.
๓. โนผสฺสนานตฺตสุตฺตวณฺณนา
๘๗. ตติเย ¶ ¶ โน มโนสมฺผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ มโนธาตูติ มโนทฺวาเร ปมชวนสมฺปยุตฺตํ ผสฺสํ ปฏิจฺจ อาวชฺชนกิริยามโนวิฺาณธาตุ โน อุปฺปชฺชตีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตติยํ.
๔. เวทนานานตฺตสุตฺตวณฺณนา
๘๘. จตุตฺเถ ¶ จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนาติ สมฺปฏิจฺฉนมโนธาตุโต ปฏฺาย สพฺพาปิ ตสฺมึ ทฺวาเร เวทนา วตฺเตยฺยุํ, นิพฺพตฺติผาสุกตฺถํ ปน อนนฺตรํ สมฺปฏิจฺฉนเวทนเมว คเหตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. มโนสมฺผสฺสํ ปฏิจฺจาติ มโนทฺวาเร อาวชฺชนสมฺผสฺสํ ปฏิจฺจ ปมชวนเวทนา, ปมชวนสมฺผสฺสํ ปฏิจฺจ ทุติยชวนเวทนาติ อยมธิปฺปาโย. จตุตฺถํ.
๕. ทุติยเวทนานานตฺตสุตฺตวณฺณนา
๘๙. ปฺจเม ตติยจตุตฺเถสุ วุตฺตนยาว เอกโต กตฺวา เทสิตาติ. อิติ ทุติยาทีสุ จตูสุ สุตฺเตสุ มโนธาตุํ มโนธาตูติ อคเหตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ มโนธาตูติ คหิตํ. สพฺพานิ เจตานิ ตถา ตถา กถิเต พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน เทสิตานิ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. ปฺจมํ.
๖. พาหิรธาตุนานตฺตสุตฺตวณฺณนา
๙๐. ฉฏฺเ ปน ปฺจ ธาตุโย กามาวจรา, ธมฺมธาตุ จตุภูมิกาติ. ฉฏฺํ.
๗. สฺานานตฺตสุตฺตวณฺณนา
๙๑. สตฺตเม รูปธาตูติ อาปาเถ ปติตํ อตฺตโน วา ปรสฺส วา สาฏกเวนาทิวตฺถุกํ รูปารมฺมณํ. รูปสฺาติ จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตา สฺา. รูปสงฺกปฺโปติ สมฺปฏิจฺฉนาทีหิ ตีหิ ¶ จิตฺเตหิ สมฺปยุตฺโต สงฺกปฺโป. รูปจฺฉนฺโทติ รูเป ฉนฺทิกตฏฺเน ฉนฺโท. รูปปริฬาโหติ รูเป อนุฑหนฏฺเน ¶ ปริฬาโห. รูปปริเยสนาติ ปริฬาเห อุปฺปนฺเน สนฺทิฏฺสมฺภตฺเต คเหตฺวา ตสฺส รูปสฺส ปฏิลาภตฺถาย ปริเยสนา. เอตฺถ จ สฺาสงฺกปฺปฉนฺทา เอกชวนวาเรปิ นานาชวนวาเรปิ ลพฺภนฺติ, ปริฬาหปริเยสนา ปน นานาชวนวาเรเยว ลพฺภนฺตีติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ธาตุนานตฺตนฺติ เอตฺถ จ เอวํ รูปาทินานาสภาวํ ธาตุํ ปฏิจฺจ รูปสฺาทินานาสภาวสฺา อุปฺปชฺชตีติ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สตฺตมํ.
๘. โนปริเยสนานานตฺตสุตฺตวณฺณนา
๙๒. อฏฺเม ¶ โน ธมฺมปริเยสนํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ ธมฺมปริฬาโหติ เอวํ อาคตํ ปฏิเสธมตฺตเมว นานํ. อฏฺมํ.
๙. พาหิรผสฺสนานตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา
๙๓-๙๔. นวเม อุปฺปชฺชติ รูปสฺาติ วุตฺตปฺปกาเร อารมฺมเณ อุปฺปชฺชติ สฺา. รูปสงฺกปฺโปติ ตสฺมึเยว อารมฺมเณ ตีหิ จิตฺเตหิ สมฺปยุตฺตสงฺกปฺโป. รูปสมฺผสฺโสติ ตเทวารมฺมณํ ผุสมาโน ผสฺโส. เวทนาติ ตเทว อารมฺมณํ อนุภวมานา เวทนา. ฉนฺทาทโย วุตฺตนยาว. รูปลาโภติ ปริเยสิตฺวา ลทฺธํ สห ตณฺหาย อารมฺมณํ ‘‘รูปลาโภ’’ติ วุตฺตํ. อยํ ตาว สพฺพสงฺคาหิกนโย เอกสฺมึ เยวารมฺมเณ สพฺพธมฺมานํ อุปฺปตฺติวเสน วุตฺโต. อปโร อาคนฺตุการมฺมณมิสฺสโก โหติ – รูปสฺา รูปสงฺกปฺโป ผสฺโส เวทนาติ อิเม ตาว จตฺตาโร ธมฺมา ธุวปริโภเค นิพทฺธารมฺมเณ โหนฺติ. นิพทฺธารมฺมณฺหิ อิฏฺํ กนฺตํ มนาปํ ปิยํ ยํกิฺจิ วิย อุปฏฺาติ, อาคนฺตุการมฺมณํ ปน ยํกิฺจิ สมานมฺปิ โขเภตฺวา ติฏฺติ.
ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร อมจฺจปุตฺโต คามิเยหิ ปริวาริโต คามมชฺเฌ ตฺวา กมฺมํ กโรติ. ตสฺมิฺจสฺส สมเย อุปาสิกา นทึ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺตา ธาติคณปริวุตา เคหํ คจฺฉติ. โส ทูรโต ทิสฺวา ‘‘อาคนฺตุกมาตุคาโม ภวิสฺสตี’’ติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘คจฺฉ, ภเณ ชานาหิ, กา เอสา’’ติ ปุริสํ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ปจฺจาคโต, ‘‘กา เอสา’’ติ ปุฏฺโ ยถาสภาวํ อาโรเจสิ. เอวํ อาคนฺตุการมฺมณํ ¶ โขเภติ ¶ . ตสฺมึ อุปฺปนฺโน ฉนฺโท รูปฉนฺโท นาม, ตเทว อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺโน ปริฬาโห รูปปริฬาโห นาม, สหาเย คณฺหิตฺวา ตสฺส ปริเยสนํ รูปปริเยสนา นาม, ปริเยสิตฺวา ลทฺธํ สห ตณฺหาย อารมฺมณํ รูปลาโภ นาม.
อุรุวลฺลิยวาสี จูฬติสฺสตฺเถโร ปนาห – ‘‘กิฺจาปิ ภควตา ผสฺสเวทนา ปาฬิยา มชฺเฌ คหิตา, ปาฬึ ปน ปริวฏฺเฏตฺวา วุตฺตปฺปกาเร อารมฺมเณ อุปฺปนฺนา สฺา รูปสฺา, ตสฺมึเยว สงฺกปฺโป รูปสงฺกปฺโป ตสฺมึ ¶ ฉนฺโท รูปจฺฉนฺโท, ตสฺมึ ปริฬาโห รูปปริฬาโห, ตสฺมึ ปริเยสนา รูปปริเยสนา, ปริเยสิตฺวา ลทฺธํ สห ตณฺหาย อารมฺมณํ รูปลาโภ. เอวํ ลทฺธารมฺมเณ ปน ผุสนํ ผสฺโส, อนุภวนํ เวทนา. รูปสมฺผสฺโส รูปสมฺผสฺสชา เวทนาติ อิทํ ทฺวยํ ลพฺภตี’’ติ. อปรมฺปิ อวิภูตวารํ นาม คณฺหนฺติ. อารมฺมณฺหิ สาณิปากาเรหิ วา ปริกฺขิตฺตํ ติณปณฺณาทีหิ วา ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ, ตํ ‘‘อุปฑฺฒํ ทิฏฺํ เม อารมฺมณํ, สุฏฺุ นํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ โอโลกยโต ตสฺมึ อารมฺมเณ อุปฺปนฺนา สฺา รูปสฺา นาม. ตสฺมึเยว อุปฺปนฺนา สงฺกปฺปาทโย รูปสงฺกปฺปาทโย นามาติ เวทิตพฺพา. เอตฺถาปิ จ สฺาสงฺกปฺปผสฺสเวทนาฉนฺทา เอกชวนวาเรปิ นานาชวนวาเรปิ ลพฺภนฺติ, ปริฬาหปริเยสนาลาภา นานาชวนวาเรเยวาติ. ทสมํ อุตฺตานเมวาติ. นวมทสมานิ.
นานตฺตวคฺโค ปโม.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. สตฺตธาตุสุตฺตวณฺณนา
๙๕. ทุติยวคฺคสฺส ปเม อาภาธาตูติ อาโลกธาตุ. อาโลกสฺสปิ อาโลกกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวา อุปฺปนฺนชฺฌานสฺสาปีติ สหารมฺมณสฺส ฌานสฺส เอตํ นามํ. สุภธาตูติ สุภกสิเณ อุปฺปนฺนชฺฌานวเสน สหารมฺมณชฺฌานเมว ¶ . อากาสานฺจายตนเมว อากาสานฺจายตนธาตุ. สฺาเวทยิตนิโรโธว สฺาเวทยิตนิโรธธาตุ. อิติ ภควา อนุสนฺธิกุสลสฺส ภิกฺขุโน ตตฺถ นิสีทิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิตุกามสฺส โอกาสํ เทนฺโต เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
อนฺธการํ ¶ ปฏิจฺจาติ อนฺธกาโร หิ อาโลเกน ปริจฺฉินฺโน, อาโลโกปิ อนฺธกาเรน. อนฺธกาเรน หิ โส ปากโฏ โหติ. ตสฺมา ‘‘อนฺธการํ ปฏิจฺจ ปฺายตี’’ติ อาห. อสุภํ ปฏิจฺจาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อสุภฺหิ สุเภน, สุภฺจ อสุเภน ปริจฺฉินฺนํ, อสุเภ สติ สุภํ ปฺายติ, ตสฺมา เอวมาห. รูปํ ปฏิจฺจาติ รูปาวจรสมาปตฺตึ ปฏิจฺจ. รูปาวจรสมาปตฺติยา หิ สติ อากาสานฺจายตนสมาปตฺติ นาม ¶ โหติ รูปสมติกฺกโม วา, ตสฺมา เอวมาห. วิฺาณฺจายตนธาตุอาทีสุปิ เอเสว นโย. นิโรธํ ปฏิจฺจาติ จตุนฺนํ ขนฺธานํ ปฏิสงฺขาอปฺปวตฺตึ ปฏิจฺจ. ขนฺธนิโรธฺหิ ปฏิจฺจ นิโรธสมาปตฺติ นาม ปฺายติ, น ขนฺธปวตฺตึ, ตสฺมา เอวมาห. เอตฺถ จ จตุนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธว นิโรธสมาปตฺตีติ เวทิตพฺโพ.
กถํ สมาปตฺติ ปตฺตพฺพาติ กถํ สมาปตฺติโย กีทิสา สมาปตฺติโย นาม หุตฺวา ปตฺตพฺพาติ? สฺาสมาปตฺติ ปตฺตพฺพาติ สฺาย อตฺถิภาเวน สฺาสมาปตฺติโย สฺาสมาปตฺติโย นาม หุตฺวา ปตฺตพฺพา. สงฺขาราวเสสสมาปตฺติ ปตฺตพฺพาติ สุขุมสงฺขารานํ อวสิฏฺตาย สงฺขาราวเสสสมาปตฺติ นาม หุตฺวา ปตฺตพฺพา. นิโรธสมาปตฺติ ปตฺตพฺพาติ นิโรโธว นิโรธสมาปตฺติ นิโรธสมาปตฺติ นาม หุตฺวา ปตฺตพฺพาติ อตฺโถ. ปมํ.
๒. สนิทานสุตฺตวณฺณนา
๙๖. ทุติเย สนิทานนฺติ ภาวนปุํสกเมตํ, สนิทาโน สปจฺจโย หุตฺวา อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. กามธาตุํ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจาติ เอตฺถ กามวิตกฺโกปิ กามธาตุ ¶ กามาวจรธมฺมาปิ, วิเสสโต สพฺพากุสลมฺปิ. ยถาห –
‘‘ตตฺถ กตมา กามธาตุ? กามปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป อปฺปนา พฺยปฺปนา เจตโส อภินิโรปนา มิจฺฉาสงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ กามธาตุ. เหฏฺโต อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กริตฺวา อุปริโต ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทเว อนฺโตกริตฺวา ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา รูปา เวทนา สฺา สงฺขารา วิฺาณํ, อยํ วุจฺจติ กามธาตุ. สพฺเพปิ อกุสลา ธมฺมา กามธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๒).
เอตฺถ ¶ สพฺพสงฺคาหิกา อสมฺภินฺนาติ ทฺเว กถา โหนฺติ. กถํ? กามธาตุคฺคหเณน หิ พฺยาปาทธาตุวิหึสาธาตุโย คหิตา โหนฺตีติ อยํ สพฺพสงฺคาหิกา. ตาสํ ปน ทฺวินฺนํ ธาตูนํ วิสุํ อาคตตฺตา เสสธมฺมา กามธาตูติ อยํ อสมฺภินฺนกถา. อยมิธ คเหตพฺพา อิมํ กามธาตุํ อารมฺมณวเสน วา สมฺปโยควเสน วา ปฏิจฺจ กามสฺา นาม อุปฺปชฺชติ. กามสฺํ ¶ ปฏิจฺจาติ กามสฺํ ปน สมฺปโยควเสน วา อุปนิสฺสยวเสน วา ปฏิจฺจ กามสงฺกปฺโป นาม อุปฺปชฺชติ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตีหิ าเนหีติ ตีหิ การเณหิ. มิจฺฉา ปฏิปชฺชตีติ อยาถาวปฏิปทํ อนิยฺยานิกปฏิปทํ ปฏิปชฺชติ.
พฺยาปาทธาตุํ, ภิกฺขเวติ เอตฺถ พฺยาปาทวิตกฺโกปิ พฺยาปาทธาตุ พฺยาปาโทปิ. ยถาห –
‘‘ตตฺถ กตมา พฺยาปาทธาตุ? พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก…เป… อยํ วุจฺจติ พฺยาปาทธาตุ. ทสสุ อาฆาตวตฺถูสุ จิตฺตสฺส อาฆาโต ปฏิวิโรโธ โกโป ปโกโป…เป… อนตฺตมนตา จิตฺตสฺส, อยํ วุจฺจติ พฺยาปาทธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๒).
อิมํ พฺยาปาทธาตุํ สหชาตปจฺจยาทิวเสน ปฏิจฺจ พฺยาปาทสฺา นาม อุปฺปชฺชติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
วิหึสาธาตุํ, ภิกฺขเวติ เอตฺถ วิหึสาวิตกฺโกปิ วิหึสาธาตุ วิหึสาปิ. ยถาห –
‘‘ตตฺถ กตมา วิหึสาธาตุ? วิหึสาปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก…เป… อยํ วุจฺจติ วิหึสาธาตุ. อิเธกจฺโจ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา ¶ วา ทณฺเฑน วา สตฺเถน วา รชฺชุยา วา อฺตรฺตเรน วา สตฺเต วิเหเติ. ยา เอวรูปา เหนา วิเหนา หึสนา วิหึสนา โรสนา ปรูปฆาโต, อยํ วุจฺจติ วิหึสาธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๒).
อิมํ วิหึสาธาตุํ สหชาตปจฺจยาทิวเสน ปฏิจฺจ วิหึสาสฺา นาม อุปฺปชฺชติ. เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ติณทาเยติ ¶ ติณคหเน อรฺเ. อนยพฺยสนนฺติ อวุฑฺฒึ วินาสํ. เอวเมว โขติ เอตฺถ สุกฺขติณทาโย วิย อารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ, ติณุกฺกา วิย อกุสลสฺา, ติณกฏฺนิสฺสิตา ปาณา วิย อิเม สตฺตา. ยถา สุกฺขติณทาเย ปิตํ ติณุกฺกํ ขิปฺปํ วายมิตฺวา อนิพฺพาเปนฺตสฺส เต ปาณา อนยพฺยสนํ ปาปุณนฺติ. เอวเมว เย สมณา วา พฺราหฺมณา วา ¶ อุปฺปนฺนํ อกุสลสฺํ วิกฺขมฺภนตทงฺคสมุจฺเฉทปฺปหาเนหิ นปฺปชหนฺติ, เต ทุกฺขํ วิหรนฺติ.
วิสมคตนฺติ ราควิสมาทีนิ อนุคตํ อกุสลสฺํ. น ขิปฺปเมว ปชหตีติ วิกฺขมฺภนาทิวเสน สีฆํ นปฺปชหติ. น วิโนเทตีติ น นีหรติ. น พฺยนฺตีกโรตีติ ภงฺคมตฺตมฺปิ อนวเสเสนฺโต น วิคตนฺตํ กโรติ. น อนภาวํ คเมตีติ น อนุอภาวํ คเมติ. เอวํ สพฺพปเทสุ น – กาโร อาหริตพฺโพ. ปาฏิกงฺขาติ ปาฏิกงฺขิตพฺพา อิจฺฉิตพฺพา.
เนกฺขมฺมธาตุํ, ภิกฺขเวติ เอตฺถ เนกฺขมฺมวิตกฺโกปิ เนกฺขมฺมธาตุ สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา. ยถาห –
‘‘ตตฺถ กตมา เนกฺขมฺมธาตุ? เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก…เป… สมฺมาสงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๒).
อิธาปิ ทุวิธา กถา. เนกฺขมฺมธาตุคฺคหเณน หิ อิตราปิ ทฺเว ธาตุโย คหณํ คจฺฉนฺติ กุสลธมฺมปริยาปนฺนตฺตา, อยํ สพฺพสงฺคาหิกา. ตา ปน ธาตุโย วิสุํ ทีเปตพฺพาติ ตา เปตฺวา เสสา สพฺพกุสลา เนกฺขมฺมธาตูติ อยํ อสมฺภินฺนา. อิมํ เนกฺขมฺมธาตุํ สหชาตาทิปจฺจยวเสน ปฏิจฺจ เนกฺขมฺมสฺา นาม อุปฺปชฺชติ. สฺาทีนิ ปฏิจฺจ วิตกฺกาทโย ยถานุรูปํ.
อพฺยาปาทธาตุํ, ภิกฺขเวติ เอตฺถ อพฺยาปาทวิตกฺโกปิ อพฺยาปาทธาตุ อพฺยาปาโทปิ. ยถาห –
‘‘ตตฺถ กตมา อพฺยาปาทธาตุ ¶ ? อพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก…เป… อยํ วุจฺจติ ¶ อพฺยาปาทธาตุ. ยา สตฺเตสุ เมตฺติ เมตฺตายนา เมตฺตายิตตฺตํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, อยํ วุจฺจติ อพฺยาปาทธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๒).
อิมํ อพฺยาปาทธาตุํ ปฏิจฺจ วุตฺตนเยเนว อพฺยาปาทสฺา นาม อุปฺปชฺชติ.
อวิหึสาธาตุํ, ภิกฺขเวติ เอตฺถาปิ อวิหึสาวิตกฺโกปิ อวิหึสาธาตุ กรุณาปิ. ยถาห –
‘‘ตตฺถ ¶ กตมา อวิหึสาธาตุ? อวิหึสาปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก…เป… อยํ วุจฺจติ อวิหึสาธาตุ. ยา สตฺเตสุ กรุณา กรุณายนา กรุณายิตตฺตํ กรุณาเจโตวิมุตฺติ, อยํ วุจฺจติ อวิหึสาธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๒).
อิมํ อวิหึสาธาตุํ ปฏิจฺจ วุตฺตนเยเนว อวิหึสาสฺา นาม อุปฺปชฺชติ. เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพํ. ทุติยํ.
๓. คิฺชกาวสถสุตฺตวณฺณนา
๙๗. ตติเย ธาตุํ, ภิกฺขเวติ อิโต ปฏฺาย อชฺฌาสยํ ธาตูติ ทีเปติ. อุปฺปชฺชติ สฺาติ อชฺฌาสยํ ปฏิจฺจ สฺา อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, วิตกฺโก อุปฺปชฺชตีติ. อิธาปิ ‘‘กจฺจาโน ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสตี’’ติ ตสฺส โอกาสทานตฺถํ เอตฺตาวตาว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. อสมฺมาสมฺพุทฺเธสูติ ฉสุ สตฺถาเรสุ. สมฺมาสมฺพุทฺธาติ มยมสฺม สมฺมาสมฺพุทฺธาติ. กึ ปฏิจฺจ ปฺายตีติ กิสฺมึ สติ โหตีติ? สตฺถารานํ อุปฺปนฺนํ ทิฏฺึ ปุจฺฉติ. อสมฺมาสมฺพุทฺเธสุ เตสุ สมฺมาสมฺพุทฺธา เอเตติ เอวํ อุปฺปนฺนํ ติตฺถิยสาวกานมฺปิ ทิฏฺึ ปุจฺฉติเยว.
อิทานิ ยสฺมา เตสํ อวิชฺชาธาตุํ ปฏิจฺจ สา ทิฏฺิ โหติ, อวิชฺชาธาตุ จ นาม มหตี ธาตุ, ตสฺมา มหตึ ธาตุํ ปฏิจฺจ ตสฺสา อุปฺปตฺตึ ทีเปนฺโต มหตี โข เอสาติอาทิมาห. หีนํ, กจฺจาน, ธาตุํ ปฏิจฺจาติ หีนํ อชฺฌาสยํ ปฏิจฺจ. ปณิธีติ จิตฺตฏฺปนํ. สา ปเนสา อิตฺถิภาวํ วา มกฺกฏาทิติรจฺฉานภาวํ วา ปตฺเถนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ. หีโน ¶ ¶ ปุคฺคโลติ ยสฺเสเต หีนา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, สพฺโพ โส ปุคฺคโลปิ หีโน นาม. หีนา วาจาติ ยา ตสฺส วาจา, สาปิ หีนา. หีนํ อาจิกฺขตีติ โส อาจิกฺขนฺโตปิ หีนเมว อาจิกฺขติ, เทเสนฺโตปิ หีนเมว เทเสตีติ สพฺพปทานิ โยเชตพฺพานิ. อุปปตฺตีติ ทฺเว อุปปตฺติโย ปฏิลาโภ จ นิพฺพตฺติ จ. นิพฺพตฺติ หีนกุลาทิวเสน เวทิตพฺพา, ปฏิลาโภ จิตฺตุปฺปาทกฺขเณ หีนตฺติกวเสน. กถํ? ตสฺส หิ ปฺจสุ นีจกุเลสุ อุปฺปชฺชนโต หีนา นิพฺพตฺติ, เวสฺสสุทฺทกุเลสุ อุปฺปชฺชนโต มชฺฌิมา, ขตฺติยพฺราหฺมณกุเลสุ อุปฺปชฺชนโต ปณีตา. ทฺวาทสากุสลจิตฺตุปฺปาทานํ ปน ปฏิลาภโต ¶ หีโน ปฏิลาโภ, เตภูมกธมฺมานํ ปฏิลาภโต มชฺฌิโม, นวโลกุตฺตรธมฺมานํ ปฏิลาภโต ปณีโต. อิมสฺมึ ปน าเน นิพฺพตฺติเยว อธิปฺเปตาติ. ตติยํ.
๔. หีนาธิมุตฺติกสุตฺตวณฺณนา
๙๘. จตุตฺเถ สํสนฺทนฺตีติ เอกโต โหนฺติ. สเมนฺตีติ สมาคจฺฉนฺติ, นิรนฺตรา โหนฺติ. หีนาธิมุตฺติกาติ หีนชฺฌาสยา. กลฺยาณาธิมุตฺติกาติ กลฺยาณชฺฌาสยา. จตุตฺถํ.
๕. จงฺกมสุตฺตวณฺณนา
๙๙. ปฺจเม ปสฺสถ โนติ ปสฺสถ นุ. สพฺเพ โข เอเตติ สาริปุตฺตตฺเถโร ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ มหาปฺานํ ยทิทํ สาริปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๙) มหาปฺเสุ เอตทคฺเค ปิโต. อิติ นํ ‘‘ขนฺธนฺตรํ ธาตฺวนฺตรํ อายตนนฺตรํ สติปฏฺานโพธิปกฺขิยธมฺมนฺตรํ ติลกฺขณาหตํ คมฺภีรํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ มหาปฺาว ปริวาเรนฺติ. โสปิ เตสํ ปถวึ ปตฺถเรนฺโต วิย สิเนรุปาทโต วาลิกํ อุทฺธรนฺโต วิย จกฺกวาฬปพฺพตํ ภินฺทนฺโต วิย สิเนรุํ อุกฺขิปนฺโต วิย อากาสํ วิตฺถาเรนฺโต วิย จนฺทิมสูริเย อุฏฺาเปนฺโต วิย จ ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ กเถติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มหาปฺา’’ติ.
มหาโมคฺคลฺลาโนปิ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ ¶ อิทฺธิมนฺเตสุ เอตทคฺเค ปิโต. อิติ นํ ‘‘ปริกมฺมํ อานิสํสํ ¶ อธิฏฺานํ วิกุพฺพนํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ อิทฺธิมนฺโตว ปริวาเรนฺติ. โสปิ เตสํ วุตฺตนเยเนว ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ กเถติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มหิทฺธิกา’’ติ.
มหากสฺสโปปิ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธุตวาทานํ ยทิทํ มหากสฺสโป’’ติ ธุตวาเทสุ เอตทคฺเค ปิโต. อิติ นํ ‘‘ธุตงฺคปริหารํ อานิสํสํ สโมธานํ อธิฏฺานํ เภทํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ ธุตวาทาว ปริวาเรนฺติ. โสปิ เตสํ ตเถว ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ พฺยากโรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ธุตวาทา’’ติ.
อนุรุทฺธตฺเถโรปิ ¶ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ทิพฺพจกฺขุกานํ ยทิทํ อนุรุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๒) ทิพฺพจกฺขุเกสุ เอตทคฺเค ปิโต. อิติ นํ ‘‘ทิพฺพจกฺขุสฺส ปริกมฺมํ อานิสํสํ อุปกฺกิเลสํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ ทิพฺพจกฺขุกาว ปริวาเรนฺติ. โสปิ เตสํ ตเถว ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ กเถติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ทิพฺพจกฺขุกา’’ติ.
ปุณฺณตฺเถโรปิ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๖) ธมฺมกถิเกสุ เอตทคฺเค ปิโต. อิติ นํ ‘‘ธมฺมกถาย สงฺเขปวิตฺถารคมฺภีรุตฺตานวิจิตฺรกถาทีสุ ตํ ตํ อาการํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ ธมฺมกถิกาว ปริวาเรนฺติ. โสปิ เตสํ ‘‘อาวุโส, ธมฺมกถิเกน นาม อาทิโต ปริสํ วณฺเณตุํ วฏฺฏติ, มชฺเฌ สฺุตํ ปกาเสตุํ, อนฺเต จตุสจฺจวเสน กูฏํ คณฺหิตุ’’นฺติ เอวํ ตํ ตํ ธมฺมกถานยํ อาจิกฺขติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ธมฺมกถิกา’’ติ.
อุปาลิตฺเถโรปิ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๘) วินยธเรสุ เอตทคฺเค ปิโต. อิติ นํ ‘‘ครุกลหุกํ สเตกิจฺฉอเตกิจฺฉํ อาปตฺตานาปตฺตึ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ วินยธราว ปริวาเรนฺติ. โสปิ เตสํ ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ ตเถว ¶ กเถติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู วินยธรา’’ติ.
อานนฺทตฺเถโรปิ ¶ ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๓) พหุสฺสุเตสุ เอตทคฺเค ปิโต. อิติ นํ ‘‘ทสวิธํ พฺยฺชนพุทฺธึ อฏฺุปฺปตฺตึ อนุสนฺธึ ปุพฺพาปรํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ พหุสฺสุตาว ปริวาเรนฺติ. โสปิ เตสํ ‘‘อิทํ เอวํ วตฺตพฺพํ, อิทํ เอวํ คเหตพฺพ’’นฺติ สพฺพํ กเถติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู พหุสฺสุตา’’ติ.
เทวทตฺโต ปน ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต, เตน นํ ‘‘กุลสงฺคณฺหนปริหารํ นานปฺปการกํ โกหฺตํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ ปาปิจฺฉาว ปริวาเรนฺติ. โสปิ เตสํ ตํ ตํ นิยามํ อาจิกฺขติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ปาปิจฺฉา’’ติ.
กสฺมา ¶ ปเนเต อวิทูเร จงฺกมึสูติ. ‘‘เทวทตฺโต สตฺถริ ปทุฏฺจิตฺโต อนตฺถมฺปิ กาตุํ อุปกฺกเมยฺยา’’ติ อารกฺขคฺคหณตฺถํ. อถ เทวทตฺโต กสฺมา จงฺกมีติ? ‘‘อการโก อยํ, ยทิ การโก ภเวยฺย, น อิธ อาคจฺเฉยฺยา’’ติ อตฺตโน กตโทสปฏิจฺฉาทนตฺถํ. กึ ปน เทวทตฺโต ภควโต อนตฺถํ กาตุํ สมตฺโถ, ภควโต วา อารกฺขกิจฺจํ อตฺถีติ? นตฺถิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อฏฺานเมตํ, อานนฺท, อนวกาโส, ยํ ตถาคโต ปรูปกฺกเมน ปรินิพฺพาเยยฺยา’’ติ (จูฬว. ๓๔๑). ภิกฺขู ปน สตฺถริ คารเวน อาคตา. เตเนว ภควา เอวํ วตฺวา ‘‘วิสฺสชฺเชหิ, อานนฺท, ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติ วิสฺสชฺชาเปสิ. ปฺจมํ.
๖. สคาถาสุตฺตวณฺณนา
๑๐๐. ฉฏฺเ คูโถ คูเถน สํสนฺทติ สเมตีติ สมุทฺทนฺตเร ชนปทนฺตเร จกฺกวาฬนฺตเร ิโตปิ วณฺเณนปิ คนฺเธนปิ รเสนปิ นานตฺตํ อนุปคจฺฉนฺโต สํสนฺทติ สเมติ, เอกสทิโสว โหติ นิรนฺตโร. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปน อนิฏฺอุปมา หีนชฺฌาสยานํ หีนอชฺฌาสยสฺส สริกฺขภาวทสฺสนตฺถํ อาหฏา, ขีราทิวิสิฏฺโปมา กลฺยาณชฺฌาสยานํ อชฺฌาสยสฺส สริกฺขภาวทสฺสนตฺถํ.
สํสคฺคาติ ¶ ทสฺสนสวนสํสคฺคาทิวตฺถุเกน ตณฺหาสฺเนเหน. วนโถ ชาโตติ กิเลสวนํ ชาตํ ¶ . อสํสคฺเคน ฉิชฺชตีติ เอกโต านนิสชฺชาทีนิ อกโรนฺตสฺส อสํสคฺเคน อทสฺสเนน ฉิชฺชติ. สาธุชีวีติ ปริสุทฺธชีวิตํ ชีวมาโน. สหาวเสติ สหวาสํ วเสยฺย. ฉฏฺํ.
๗. อสฺสทฺธสํสนฺทนสุตฺตวณฺณนา
๑๐๑. สตฺตเม อสฺสทฺธา อสฺสทฺเธหีติอาทีสุ พุทฺเธ วา ธมฺเม วา สงฺเฆ วา สทฺธาวิรหิตา นิโรชา นิรสา ปุคฺคลา สมุทฺทสฺส โอริมตีเร ิตา ปาริมตีเรปิ ิเตหิ อสฺสทฺเธหิ สทฺธึ ตาย อสฺสทฺธตาย เอกสทิสา นิรนฺตรา โหนฺติ. ตถา อหิริกา ภินฺนมริยาทา อลชฺชิปุคฺคลา อหิริเกหิ, อโนตฺตปฺปิโน ปาปกิริยาย อภายมานา อโนตฺตปฺปีหิ, อปฺปสฺสุตา สุตวิรหิตา อปฺปสฺสุเตหิ, กุสีตา อาลสิยปุคฺคลา ¶ กุสีเตหิ, มุฏฺสฺสติโน ภตฺตนิกฺขิตฺตกากมํสนิกฺขิตฺตสิงฺคาลสทิสา มุฏฺสฺสตีหิ, ทุปฺปฺา ขนฺธาทิปริจฺเฉทิกาย ปฺาย อภาเวน นิปฺปฺา ตาทิเสเหว ทุปฺปฺเหิ, สทฺธาสมฺปนฺนา เจติยวนฺทนาทิกิจฺจปสุตา สทฺเธหิ, หิริมนา ลชฺชิปุคฺคลา หิริมเนหิ, โอตฺตปฺปิโน ปาปภีรุกา โอตฺตปฺปีหิ, พหุสฺสุตา สุตธรา อาคมธรา ตนฺติปาลกา วํสานุรกฺขกา พหุสฺสุเตหิ, อารทฺธวีริยา ปริปุณฺณปรกฺกมา อารทฺธวีริเยหิ, อุปฏฺิตสฺสตี สพฺพกิจฺจปริคฺคาหิกาย สติยา สมนฺนาคตา อุปฏฺิตสฺสตีหิ, ปฺวนฺโต มหาปฺเหิ วชิรูปมาเณหิ ปฺวนฺเตหิ สทฺธึ ทูเร ิตาปิ ตาย ปฺาสมฺปตฺติยา สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ. สตฺตมํ.
๘-๑๒. อสฺสทฺธมูลกสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๐๒-๑๐๖. อฏฺมาทีนิ เตเยว อสฺสทฺธาทิธมฺเม ติกวเสน กตฺวา เทสิตานิ. ตตฺถ อฏฺเม อสฺสทฺธาทิมูลกา กณฺหปกฺขสุกฺกปกฺขวเสน ปฺจ ติกา วุตฺตา, นวเม อหิริกมูลกา จตฺตาโร. ทสเม ¶ อโนตฺตปฺปมูลกา ตโย, เอกาทสเม อปฺปสฺสุตมูลกา ทฺเว, ทฺวาทสเม กุสีตมูลโก เอโก ติโก วุตฺโตติ สพฺเพปิ ปฺจสุ สุตฺตนฺเตสุ ปนฺนรส ติกา โหนฺติ. ปนฺนรส เจเต สุตฺตนฺตาติปิ วทนฺติ. อยํ ติกเปยฺยาโล นาม. อฏฺมาทีนิ.
ทุติโย วคฺโค.
๓. กมฺมปถวคฺโค
๑-๒. อสมาหิตสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๐๗-๑๐๘. อิโต ¶ ปเรสุ ปมํ อสฺสทฺธาทิปฺจกวเสน วุตฺตํ, ตถา ทุติยํ. ปเม ปน อสมาหิตปทํ จตุตฺถํ, ทุติเย ทุสฺสีลปทํ. เอวํ วุจฺจมาเน พุชฺฌนกปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน หิ เอตานิ วุตฺตานิ. เอตฺถ อสมาหิตาติ อุปจารปฺปนาสมาธิรหิตา. ทุสฺสีลาติ นิสฺสีลา. ปมทุติยานิ.
๓-๕. ปฺจสิกฺขาปทสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๐๙-๑๑๑. ตติยํ ¶ ปฺจกมฺมปถวเสน พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสยวเสน วุตฺตํ, จตุตฺถํ สตฺตกมฺมปถวเสน, ปฺจมํ ทสกมฺมปถวเสน. ตตฺถ ตติเย สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺายิโนติ สุราเมรยสงฺขาตํ มชฺชํ ยาย ปมาทเจตนาย ปิวนฺติ, สา ‘‘สุราเมรยมชฺชปฺปมาโท’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ติฏฺนฺตีติ สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺายิโน. อยํ ตาเวตฺถ อสาธารณปทสฺส อตฺโถ.
ปฺจเม ปาณํ อติปาเตนฺตีติ ปาณาติปาติโน, ปาณฆาติกาติ อตฺโถ. อทินฺนํ อาทิยนฺตีติ อทินฺนาทายิโน, ปรสฺสหาริโนติ อตฺโถ. วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน มิจฺฉา จรนฺตีติ กาเมสุมิจฺฉาจาริโน. มุสา วทนฺตีติ มุสาวาทิโน ¶ , ปเรสํ อตฺถภฺชกํ ตุจฺฉํ อลิกํ วาจํ ภาสิตาโรติ อตฺโถ. ปิสุณา วาจา เอเตสนฺติ ปิสุณวาจา. มมฺมจฺเฉทิกา ผรุสา วาจา เอเตสนฺติ ผรุสวาจา. สมฺผํ นิรตฺถกํ วจนํ ปลปนฺตีติ สมฺผปฺปลาปิโน. อภิชฺฌายนฺตีติ อภิชฺฌาลุโน, ปรภณฺเฑ ลุพฺภนสีลาติ อตฺโถ. พฺยาปนฺนํ ปูติภูตํ จิตฺตเมเตสนฺติ พฺยาปนฺนจิตฺตา. มิจฺฉา ปาปิกา วิฺุครหิตา เอเตสํ ทิฏฺีติ มิจฺฉาทิฏฺิกา, กมฺมปถปริยาปนฺนาย ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิวตฺถุกาย มิจฺฉตฺตปริยาปนฺนาย อนิยฺยานิกทิฏฺิยา สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. สมฺมา โสภนา วิฺุปสตฺถา เอเตสํ ทิฏฺีติ สมฺมาทิฏฺิกา, กมฺมปถปริยาปนฺนาย ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาย กมฺมสฺสกตทิฏฺิยา สมฺมตฺตปริยาปนฺนาย มคฺคทิฏฺิยา จ สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. อิทํ ตาเวตฺถ อนุตฺตานานํ ปทานํ ปทวณฺณนามตฺตํ.
โย ¶ ปน เตสํ ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ กาเมสุมิจฺฉาจาโร มุสาวาโท ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สมฺผปฺปลาโป อภิชฺฌา พฺยาปาโท มิจฺฉาทิฏฺีติ กณฺหปกฺเข ทสวิโธ อตฺโถ โหติ. ตตฺถ ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺมึ ปน ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโต. โส คุณวิรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ปาเณสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาสรีเร มหาสาวชฺโช. กสฺมา? ปโยคมหนฺตตาย ¶ , ปโยคสมตฺเตปิ วตฺถุมหนฺตตาย. คุณวนฺเตสุ มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาคุเณ มหาสาวชฺโช. สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺโช, ติพฺพตาย มหาสาวชฺโชติ เวทิตพฺโพ.
ตสฺส ปฺจ สมฺภารา โหนฺติ – ปาโณ, ปาณสฺิตา, วธกจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติ. ฉ ปโยคา สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ วิตฺถาริยมาเน อติปฺปปฺโจ โหติ, ตสฺมา ตํ ¶ น วิตฺถารยาม, อฺฺจ เอวรูปํ. อตฺถิเกหิ ปน สมนฺตปาสาทิกํ วินยฏฺกถํ (ปารา. อฏฺ. ๑๗๒) โอโลเกตฺวา คเหตพฺโพ.
อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสฺสหรณํ เถยฺยํ โจริกาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชนฺโต อทณฺฑารโห อนุปวชฺโช โหติ. ตสฺมึ ปน ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสฺิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ. ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, ปณีเต มหาสาวชฺชํ. กสฺมา? วตฺถุปณีตตาย. วตฺถุสมตฺเต สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมึ มหาสาวชฺชํ, ตํ ตํ คุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมึ อปฺปสาวชฺชํ.
ตสฺส ปฺจ สมฺภารา โหนฺติ – ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสฺิตา, เถยฺยจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน หรณนฺติ. ฉ ปโยคา สาหตฺถิกาทโยว. เต จ โข ยถานุรูปํ เถยฺยาวหาโร, ปสยฺหาวหาโร, ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร, ปริกปฺปาวหาโร, กุสาวหาโรติ อิเมสํ อวหารานํ วเสน ปวตฺตาติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๙๒) วุตฺโต.
กาเมสุมิจฺฉาจาโรติ ¶ เอตฺถ ปน กาเมสูติ เมถุนสมาจาเรสุ. มิจฺฉาจาโรติ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโร. ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฏฺานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุมิจฺฉาจาโร. ตตฺถ อคมนียฏฺานํ นาม ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตา ปิตุรกฺขิตา มาตาปิตุรกฺขิตา ภาตุรกฺขิตา ภคินิรกฺขิตา าติรกฺขิตา ¶ โคตฺตรกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา สารกฺขา สปริทณฺฑาติ มาตุรกฺขิตาทโย ทส, ธนกฺกีตา ฉนฺทวาสินี โภควาสินี ปฏวาสินี โอทปตฺตกินี โอภตจุมฺพฏา ทาสี จ ภริยา จ กมฺมการี จ ภริยา จ ธชาหฏา มุหุตฺติกาติ เอตา ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโย. อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขสปริทณฺฑานํ, ทสนฺนฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อิตฺถีนํ อฺเ ปุริสา. อิทํ อคมนียฏฺานํ นาม. โส ปเนส ¶ มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณรหิเต อคมนียฏฺาเน อปฺปสาวชฺโช, สีลาทิคุณสมฺปนฺเน มหาสาวชฺโช. ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา – อคมนียวตฺถุ, ตสฺมึ เสวนจิตฺตํ, เสวนปฺปโยโค, มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติอธิวาสนนฺติ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโก เอว.
มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภฺชนโก วจีปโยโค กายปฺปโยโค วา, วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทนกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา, มุสาวาโท. อปโร นโย – มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุ. วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิฺาปนํ. ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถาวิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. โส ยมตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวชฺโช, มหนฺตตาย มหาสาวชฺโช. อปิ จ คหฏฺานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย นตฺถีติอาทินยปฺปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, สกฺขินา หุตฺวา อตฺถภฺชนตฺถํ วุตฺโต มหาสาวชฺโช. ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปึ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน ‘‘อชฺช คาเม เตลํ นที มฺเ สนฺทตี’’ติ ปูรณกถานเยน ปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, อทิฏฺํเยว ปน ‘‘ทิฏฺ’’นฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวชฺโช. ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา โหนฺติ – อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตชฺโช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกว. โส กาเยน วา กายปฏิพทฺเธน วา วาจาย วา ปรวิสํวาทกกิริยากรเณ ทฏฺพฺโพ. ตาย เจ กิริยาย ปโร ตมตฺถํ ชานาติ, อยํ กิริยาสมุฏฺาปิกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌติ.
ปิสุณวาจาติอาทีสุ ยาย วาจาย, ยสฺส ตํ วาจํ ภาสติ, ตสฺส หทเย อตฺตโน ปิยภาวํ, ปรสฺส จ สฺุภาวํ กโรติ, สา ปิสุณวาจา ¶ . ยาย ปน อตฺตานมฺปิ ปรมฺปิ ผรุสํ ¶ กโรติ, ยา วาจา สยมฺปิ ¶ ผรุสา, เนว กณฺณสุขา น หทยงฺคมา, อยํ ผรุสวาจา. เยน ปน สมฺผํ ปลปติ นิรตฺถกํ, โส สมฺผปฺปลาโป. เตสํ มูลภูตา เจตนาปิ ปิสุณวาจาทินามเมว ลภติ. สา เอว จ อิธ อธิปฺเปตาติ.
ตตฺถ สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ปเรสํ วา เภทาย, อตฺตโน ปิยกมฺยตาย วา กายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปิสุณวาจา. สา ยสฺส เภทํ กโรติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชา. ตสฺสา จตฺตาโร สมฺภารา – ภินฺทิตพฺโพ ปโร, อิติ อิเม นานา ภวิสฺสนฺติ, วินา ภวิสฺสนฺตีติ เภทปุเรกฺขารตา, อิติ อหํ ปิโย ภวิสฺสามิ วิสฺสาสิโกติ ปิยกมฺยตา วา, ตชฺโช วายาโม, ตสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ.
ปรสฺส มมฺมจฺเฉทกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เอกนฺตผรุสเจตนา ผรุสวาจา. ตสฺสา อาวิภาวตฺถมิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทารโก มาตุ วจนํ อนาทิยิตฺวา อรฺํ คจฺฉติ. มาตา ตํ นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตี, ‘‘จณฺฑา ตํ มหึสี อนุพนฺธตู’’ติ อกฺโกสิ. อถสฺส ตเถว อรฺเ มหึสี อุฏฺาสิ. ทารโก, ‘‘ยํ มม มาตา มุเขน กเถสิ, ตํ มา โหตุ, ยํ จิตฺเตน จินฺเตสิ, ตํ โหตู’’ติ สจฺจกิริยํ อกาสิ. มหึสี ตตฺเถว พทฺธา วิย อฏฺาสิ. เอวํ มมฺมจฺเฉทโกปิ ปโยโค จิตฺตสณฺหตาย ผรุสวาจา น โหติ. มาตาปิตโร หิ กทาจิ ปุตฺตเก เอวํ วทนฺติ – ‘‘โจรา โว ขณฺฑาขณฺฑิกํ กโรนฺตู’’ติ, อุปฺปลปตฺตมฺปิ จ เนสํ อุปริ ปตนฺตํ น อิจฺฉนฺติ. อาจริยุปชฺฌายา จ กทาจิ นิสฺสิตเก เอวํ วทนฺติ – ‘‘กึ อิเม อหิริกา อโนตฺตปฺปิโน จรนฺติ, นิทฺธมถ เน’’ติ. อถ จ เนสํ อาคมาธิคมสมฺปตฺตึ อิจฺฉนฺติ. ยถา จ จิตฺตสณฺหตาย ผรุสวาจา น โหติ, เอวํ วจนสณฺหตาย อผรุสวาจาปิ น โหติ. น หิ มาราเปตุกามสฺส ‘‘อิมํ สุขํ สยาเปถา’’ติ วจนํ อผรุสวาจา โหติ. จิตฺตผรุสตาย ปเนสา ผรุสวาจาว. สา ยํ สนฺธาย ปวตฺติตา, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชา. ตสฺสา ตโย สมฺภารา – อกฺโกสิตพฺโพ ปโร, กุปิตจิตฺตํ, อกฺโกสนาติ.
อนตฺถวิฺาปิกา ¶ ¶ กายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา อกุสลเจตนา สมฺผปฺปลาโป. โส อาเสวนมนฺทตาย อปฺปสาวชฺโช, อาเสวนมหนฺตตาย มหาสาวชฺโช. ตสฺส ทฺเว สมฺภารา – ภารตยุทฺธ-สีตาหรณาทิ-นิรตฺถกกถา-ปุเรกฺขารตา, ตถารูปีกถากถนฺจาติ.
อภิชฺฌายตีติ ¶ อภิชฺฌา. ปรภณฺฑาภิมุขี หุตฺวา ตนฺนินฺนตาย ปวตฺตตีติ อตฺโถ. สา ‘‘อโห วติทํ มมสฺสา’’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณา อทินฺนาทานํ วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จ. ตสฺสา ทฺเว สมฺภารา ปรภณฺฑํ อตฺตโน ปริณามนฺจ. ปรภณฺฑวตฺถุเก หิ โลเภ อุปฺปนฺเนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว น ‘‘อโห วติทํ มมสฺสา’’ติ อตฺตโน ปริณาเมตีติ.
หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ, พฺยาปาโท. โส ปรวินาสาย มโนปโทสลกฺขโณ. ผรุสวาจา วิย อปฺปสาวชฺโช มหาสาวชฺโช จ. ตสฺส ทฺเว สมฺภารา ปรสตฺโต จ, ตสฺส จ วินาสจินฺตา. ปรสตฺตวตฺถุเก หิ โกเธ อุปฺปนฺเนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว น ‘‘อโห วตายํ อุจฺฉิชฺเชยฺย วินสฺเสยฺยา’’ติ ตสฺส วินาสํ จินฺเตติ.
ยถาภุจฺจคหณาภาเวน มิจฺฉา ปสฺสตีติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนลกฺขณา สมฺผปฺปลาโป วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จ. อปิ จ อนิยตา อปฺปสาวชฺชา, นิยตา มหาสาวชฺชา. ตสฺสา ทฺเว สมฺภารา – วตฺถุโน จ คหิตาการวิปรีตตา ยถา จ นํ คณฺหาติ, ตถาภาเวน ตสฺสา อุปฏฺานนฺติ.
อิเมสํ ปน ทสนฺนํ อกุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต โกฏฺาสโต อารมฺมณโต เวทนาโต มูลโตติ ปฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ธมฺมโตติ เอเตสุ หิ ปฏิปาฏิยา สตฺต เจตนาธมฺมาว โหนฺติ, อภิชฺฌาทโย ติสฺโส เจตนาสมฺปยุตฺตา. โกฏฺาสโตติ ปฏิปาฏิยา สตฺต, มิจฺฉาทิฏฺิ จาติ อิเม อฏฺ กมฺมปถา เอว โหนฺติ, โน มูลานิ, อภิชฺฌาพฺยาปาทา กมฺมปถา เจว มูลานิ จ. อภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา ¶ โลโภ อกุสลมูลํ โหติ, พฺยาปาโท โทโส อกุสลมูลํ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาโต ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณโต สงฺขารารมฺมโณ โหติ, อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณํ วา สงฺขารารมฺมณํ วา, มิจฺฉาจาโร โผฏฺพฺพวเสน ¶ สงฺขารารมฺมโณว, สตฺตารมฺมโณติปิ เอเก. มุสาวาโท สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วา, ตถา ปิสุณวาจา. ผรุสวาจา สตฺตารมฺมณาว. สมฺผปฺปลาโป ทิฏฺสุตมุตวิฺาตวเสน สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ ¶ วา, ตถา อภิชฺฌา. พฺยาปาโท สตฺตารมฺมโณว. มิจฺฉาทิฏฺิ เตภูมกธมฺมวเสน สงฺขารารมฺมณา.
เวทนาโตติ ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทโน โหติ. กิฺจาปิ หิ ราชาโน โจรํ ทิสฺวา หสมานาปิ ‘‘คจฺฉถ นํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺติ, สนฺนิฏฺาปกเจตนา ปน เนสํ ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว โหติ. อทินฺนาทานํ ติเวทนํ, มิจฺฉาจาโร สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทโน, สนฺนิฏฺาปกจิตฺเต ปน มชฺฌตฺตเวทโน น โหติ. มุสาวาโท ติเวทโน, ตถา ปิสุณวาจา ผรุสวาจา ทุกฺขเวทนา, สมฺผปฺปลาโป ติเวทโน, อภิชฺฌา สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทนา, ตถา มิจฺฉาทิฏฺิ. พฺยาปาโท ทุกฺขเวทโน.
มูลโตติ ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโก โหติ, อทินฺนาทานํ โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา, มิจฺฉาจาโร โลภโมหวเสน. มุสาวาโท โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา, ตถา ปิสุณวาจา สมฺผปฺปลาโป จ. ผรุสวาจา โทสโมหวเสน, อภิชฺฌา โมหวเสน เอกมูลา, ตถา พฺยาปาโท. มิจฺฉาทิฏฺิ โลภโมหวเสน ทฺวิมูลาติ.
ปาณาติปาตา ปฏิวิรตาติอาทีสุ ปาณาติปาตาทโย วุตฺตตฺถา เอว. ยาย ปน วิรติยา เอเต ปฏิวิรตา นาม โหนฺติ, สา เภทโต ติวิธา โหติ สมฺปตฺตวิรติ สมาทานวิรติ สมุจฺเฉทวิรตีติ. ตตฺถ อสมาทินฺนสิกฺขาปทานํ อตฺตโน ชาติวยพาหุสจฺจาทีนิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อยุตฺตํ อมฺหากํ เอวรูปํ กาตุ’’นฺติ สมฺปตฺตํ วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา ¶ วิรติ สมฺปตฺตวิรตีติ เวทิตพฺพา สีหฬทีเป จกฺกนอุปาสกสฺส วิย. ตสฺส กิร ทหรกาเลเยว มาตุ โรโค อุปฺปชฺชิ. เวชฺเชน จ ‘‘อลฺลสสกมํสํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตโต จกฺกนสฺส ภาตา ‘‘คจฺฉ ตาต เขตฺตํ อาหิณฺฑาหี’’ติ จกฺกนํ เปเสสิ. โส ตตฺถ คโต. ตสฺมิฺจ สมเย เอโก สโส ตรุณสสฺสํ ขาทิตุํ อาคโต โหติ. โส ตํ ทิสฺวา เวเคน ธาวนฺโต วลฺลิยา พทฺโธ ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ ¶ . จกฺกโน เตน สทฺเทน คนฺตฺวา ตํ คเหตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มาตุ เภสชฺชํ กโรมี’’ติ. ปุน จินฺเตสิ – ‘‘น เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ มาตุ ชีวิตการณา ปรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย’’นฺติ. อถ นํ ‘‘คจฺฉ อรฺเ สเสหิ สทฺธึ ติโณทกํ ปริภฺุชา’’ติ มฺุจิ. ภาตรา จ ‘‘กึ ตาต สโส ลทฺโธ’’ติ? ปุจฺฉิโต ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. ตโต นํ ภาตา ปริภาสิ. โส มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ยโตหํ ชาโต ¶ , นาภิชานามิ สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา’’ติ สจฺจํ วตฺวา อฏฺาสิ, ตาวเทว จสฺส มาตา อโรคา อโหสิ.
สมาทินฺนสิกฺขาปทานํ ปน สิกฺขาปทสมาทาเน จ ตตุตฺตริ จ อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมาทานวิรตีติ เวทิตพฺพา, อุตฺตรวฑฺฒมานปพฺพตวาสีอุปาสกสฺส วิย. โส กิร อมฺพริยวิหารวาสีปิงฺคลพุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก สิกฺขาปทานิ คเหตฺวา เขตฺตํ กสติ. อถสฺส โคโณ นฏฺโ, โส ตํ คเวสนฺโต อุตฺตรวฑฺฒมานปพฺพตํ อารุหิ, ตตฺร นํ มหาสปฺโป อคฺคเหสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมาย ติขิณาย วาสิยา สีสํ ฉินฺทามี’’ติ. ปุน จินฺเตสิ – ‘‘น เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ ภาวนียสฺส ครุโน สนฺติเก สิกฺขาปทํ คเหตฺวา ภินฺเทยฺย’’นฺติ. เอวํ ยาวตติยํ จินฺเตตฺวา – ‘‘ชีวิตํ ปริจฺจชามิ, น สิกฺขาปท’’นฺติ อํเส ปิตํ ติขิณทณฺฑวาสึ อรฺเ ฉฑฺเฑสิ. ตาวเทว มหาวาโฬ นํ มฺุจิตฺวา อคมาสีติ.
อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา ¶ ปน วิรติ สมุจฺเฉทวิรตีติ เวทิตพฺพา, ยสฺสา อุปฺปตฺติโต ปภุติ ปาณํ ฆาเตสฺสามีติ อริยปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชตีติ.
ยถา จ อกุสลานํ, เอวํ อิเมสมฺปิ กุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต โกฏฺาสโต อารมฺมณโต เวทนาโต มูลโตติ ปฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ธมฺมโตติ เอเตสุ หิ ปฏิปาฏิยา สตฺต เจตนาปิ วฏฺฏนฺติ วิรติโยปิ, อนฺเต ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาว.
โกฏฺาสโตติ ปฏิปาฏิยา สตฺต กมฺมปถา เอว, น มูลานิ, อนฺเต ตโย กมฺมปถา เจว มูลานิ จ. อนภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา อโลโภ ¶ กุสลมูลํ โหติ, อพฺยาปาโท อโทโส กุสลมูลํ, สมฺมาทิฏฺิ อโมโห กุสลมูลํ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาตาทีนํ. อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณานิ. วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโตเยว หิ วิรติ นาม โหติ. ยถา ปน นิพฺพานารมฺมโณ อริยมคฺโค กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณาเปเต กมฺมปถา ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
เวทนาโตติ ¶ สพฺเพ สุขเวทนา วา โหนฺติ มชฺฌตฺตเวทนา วา. กุสลํ ปตฺวา หิ ทุกฺขเวทนา นาม นตฺถิ.
มูลโตติ ปฏิปาฏิยา สตฺต าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสอโมหวเสน ติมูลา โหนฺติ, าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส ทฺวิมูลา. อนภิชฺฌา าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส ทฺวิมูลา โหติ, าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน เอกมูลา. อโลโภ ปน อตฺตนาว อตฺตโน มูลํ น โหติ. อพฺยาปาเทปิ เอเสว นโย. สมฺมาทิฏฺิ อโลภอโทสวเสน ทฺวิมูลาวาติ. ตติยาทีนิ.
๖. อฏฺงฺคิกสุตฺตวณฺณนา
๑๑๒. ฉฏฺํ อฏฺมคฺคงฺควเสน พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสยวเสน วุตฺตํ. ฉฏฺํ.
๗. ทสงฺคสุตฺตวณฺณนา
๑๑๓. สตฺตมํ ทสมิจฺฉตฺตสมฺมตฺตวเสน. ตตฺถ มิจฺฉาาณิโนติ มิจฺฉาปจฺจเวกฺขเณน สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. มิจฺฉาวิมุตฺติโนติ อนิยฺยานิกวิมุตฺติโน ¶ กุสลวิมุตฺตีติ คเหตฺวา ิตา. สมฺมาาณิโนติ สมฺมาปจฺจเวกฺขณา. สมฺมาวิมุตฺติโนติ นิยฺยานิกาย ผลวิมุตฺติยา สมนฺนาคตาติ. สตฺตมํ.
กมฺมปถวคฺโค ตติโย.
๔. จตุตฺถวคฺโค
๑. จตุธาตุสุตฺตวณฺณนา
๑๑๔. จตุตฺถวคฺคสฺส ¶ ปเม ปถวีธาตูติ ปติฏฺาธาตุ. อาโปธาตูติ อาพนฺธนธาตุ. เตโชธาตูติ ¶ ปริปาจนธาตุ. วาโยธาตูติ วิตฺถมฺภนธาตุ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน วีสติโกฏฺาสาทิวเสน เอตา กเถตพฺพา. ปมํ.
๒. ปุพฺเพสมฺโพธสุตฺตวณฺณนา
๑๑๕. ทุติเย อยํ ปถวีธาตุยา อสฺสาโทติ อยํ ปถวีธาตุนิสฺสโย อสฺสาโท. สฺวายํ กายํ อพฺภุนฺนาเมตฺวา อุทรํ ปสาเรตฺวา, ‘‘อิธ เม องฺคุลํ ปเวสิตุํ วายมถา’’ติ วา หตฺถํ ปสาเรตฺวา, ‘‘อิมํ นาเมตุํ วายมถา’’ติ วา วทติ, เอวํ ปวตฺตานํ วเสน เวทิตพฺโพ. อนิจฺจาติอาทีสุ หุตฺวา อภาวากาเรน อนิจฺจา, ปฏิปีฬนากาเรน ทุกฺขา, สภาววิคมากาเรน วิปริณามธมฺมา. อยํ ปถวีธาตุยา อาทีนโวติ เยน อากาเรน สา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา, อยมากาโร ปถวีธาตุยา อาทีนโวติ อตฺโถ. ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ นิพฺพานํ อาคมฺม ปถวีธาตุยา ฉนฺทราโค วินียติ เจว ปหียติ จ, ตสฺมา นิพฺพานมสฺสา นิสฺสรณํ.
อยํ อาโปธาตุยา อสฺสาโทติ อยํ อาโปธาตุนิสฺสโย อสฺสาโท. สฺวายํ อฺํ อาโปธาตุยา อุปทฺทุตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ อยํ นิปนฺนกาลโต ปฏฺาย ปสฺสาวฏฺานาภิมุโข นิกฺขมติ เจว ปวิสติ จ, อปฺปมตฺตกมฺปิสฺส กมฺมํ กโรนฺตสฺส เสทตินฺตํ วตฺถํ ปีเฬตพฺพตาการํ ปาปุณาติ, อนุโมทนมตฺตมฺปิ กเถนฺตสฺส ตาลวณฺฏํ คณฺหิตพฺพํ โหติ, มยํ ปน สายํ นิปนฺนา ปาโตว อุฏฺหาม, มาสปุณฺณฆโฏ ¶ วิย โน สรีรํ, มหากมฺมํ กโรนฺตานํ เสทมตฺตมฺปิ โน น อุปฺปชฺชติ, อสนิสทฺเทน วิย ธมฺมํ กเถนฺตานํ สรีเร อุสุมาการมตฺตมฺปิ โน นตฺถี’’ติ เอวํ ปวตฺตานํ วเสน เวทิตพฺโพ.
อยํ ¶ เตโชธาตุยา อสฺสาโทติ อยํ เตโชธาตุนิสฺสโย อสฺสาโท. สฺวายํ สีตคหณิเก ทิสฺวา, ‘‘กึ อิเม กิฺจิเทว ยาคุภตฺตขชฺชมตฺตํ อชฺโฌหริตฺวา ถทฺธกุจฺฉิโน นิสีทิตฺวา สพฺพรตฺตึ องฺคารกฏาหํ ปริเยสนฺติ, ผุสิตมตฺเตสุปิ สรีเร ปติเตสุ องฺคารกฏาหํ โอตฺถริตฺวา ปารุปิตฺวาว นิปชฺชนฺติ? มยํ ปน อติถทฺธมฺปิ มํสํ วา ปูวํ วา ขาทาม, กุจฺฉิปูรํ ภตฺตํ ภฺุชาม, ตาวเทว โน สพฺพํ เผณปิณฺโฑ วิย วิลียติ, สตฺตาหวทฺทลิกาย วตฺตมานาย สรีเร สีตานุทหนมตฺตมฺปิ โน นตฺถี’’ติ เอวํ ปวตฺตานํ วเสน เวทิตพฺโพ.
อยํ ¶ วาโยธาตุยา อสฺสาโทติ อยํ วาโยธาตุนิสฺสโย อสฺสาโท. สฺวายํ อฺเ วาตภีรุเก ทิสฺวา, ‘‘อิเมสํ อปฺปมตฺตกมฺปิ กมฺมํ กโรนฺตานํ อนุโมทนมตฺตมฺปิ กเถนฺตานํ สรีรํ วาโต วิชฺฌติ, คาวุตมตฺตมฺปิ อทฺธานํ คตานํ หตฺถปาทา สีทนฺติ, ปิฏฺิ รุชฺชติ, กุจฺฉิวาตสีสวาตกณฺณวาตาทีหิ นิจฺจุปทฺทุตา เตลผาณิตาทีนิ วาตเภสชฺชาเนว กโรนฺตา อตินาเมนฺติ, อมฺหากํ ปน มหากมฺมํ กโรนฺตานมฺปิ ติยามรตฺตึ ธมฺมํ กเถนฺตานมฺปิ เอกทิวเสเนว ทส โยชนานิ คจฺฉนฺตานมฺปิ หตฺถปาทสํสีทนมตฺตํ วา ปิฏฺิรุชฺชนมตฺตํ วา น โหตี’’ติ, เอวํ ปวตฺตานํ วเสน เวทิตพฺโพ. เอวํ ปวตฺตา หิ เอตา ธาตุโย อสฺสาเทนฺติ นาม.
อพฺภฺาสินฺติ อภิวิสิฏฺเน าเณน อฺาสึ. อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธินฺติ อุตฺตรวิรหิตํ สพฺพเสฏฺํ สมฺมา สามฺจ โพธึ, อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธึ. โพธีติ รุกฺโขปิ มคฺโคปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ นิพฺพานมฺปิ. ‘‘โพธิรุกฺขมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) จ ‘‘อนฺตรา จ โพธึ อนฺตรา จ คย’’นฺติ (มหาว. ๑๑; ม.นิ. ๑.๒๘๕) จ อาคตฏฺาเนสุ หิ รุกฺโข โพธีติ วุจฺจติ. ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) อาคตฏฺาเน ¶ มคฺโค. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) อาคตฏฺาเน สพฺพฺุตฺาณํ. ‘‘ปตฺวาน โพธึ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ อาคตฏฺาเน นิพฺพานํ. อิธ ปน ภควโต อรหตฺตมคฺโค อธิปฺเปโต.
สาวกานํ ¶ อรหตฺตมคฺโค อนุตฺตรา โพธิ โหติ, น โหตีติ? น โหติ. กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตา. เตสฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมคฺโค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติสฺโส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิฺา, กสฺสจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมีาณํ. ปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณเมว เทติ. พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺตึ เทติ อภิเสโก วิย รฺโ สพฺพโลกิสฺสริยภาวํ. ตสฺมา อฺสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหติ.
อภิสมฺพุทฺโธติ ปจฺจฺาสินฺติ ‘‘อภิสมฺพุทฺโธ อหํ ปตฺโต ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโต’’ติ เอวํ ปฏิชานึ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทีติ อธิคตคุณทสฺสนสมตฺถํ ปจฺจเวกฺขณาณฺจ เม อุทปาทิ. อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ ‘‘อยํ มยฺหํ อรหตฺตผลวิมุตฺติ อกุปฺปา’’ติ เอวํ ¶ าณํ อุทปาทิ. ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ อกุปฺปตา เวทิตพฺพา การณโต จ อารมฺมณโต จ. สา หิ จตูหิ มคฺเคหิ สมุจฺฉินฺนกิเลสานํ ปุน อนิวตฺตนตาย การณโตปิ อกุปฺปา, อกุปฺปธมฺมํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตตาย อารมฺมณโตปิ อกุปฺปา. อนฺติมาติ ปจฺฉิมา. นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิทานิ ปุน อฺโ ภโว นาม นตฺถีติ.
อิมสฺมึ สุตฺเต จตฺตาริ สจฺจานิ กถิตานิ. กถํ? จตูสุ หิ ธาตูสุ อสฺสาโท สมุทยสจฺจํ, อาทีนโว ทุกฺขสจฺจํ, นิสฺสรณํ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปฺปชานโน มคฺโค มคฺคสจฺจํ. วิตฺถารวเสนปิ กเถตุํ วฏฺฏติเยว. เอตฺถ หิ ยํ ปถวีธาตุํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ ปถวีธาตุยา อสฺสาโทติ ปหานปฏิเวโธ สมุทยสจฺจํ. ยา ปถวีธาตุ อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา, อยํ ปถวีธาตุยา, อาทีนโวติ ปริฺาปฏิเวโธ ทุกฺขสจฺจํ. โย ปถวีธาตุยา ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ, อิทํ ปถวีธาตุยา นิสฺสรณนฺติ สจฺฉิกิริยาปฏิเวโธ นิโรธสจฺจํ. ยา อิเมสุ ตีสุ าเนสุ ทิฏฺิ สงฺกปฺโป วาจา กมฺมนฺโต อาชีโว วายาโม สติ สมาธิ, อยํ ภาวนาปฏิเวโธ มคฺคสจฺจนฺติ. ทุติยํ.
๓. อจรึสุตฺตวณฺณนา
๑๑๖. ตติเย ¶ อจรินฺติ าณจาเรน อจรึ, อนุภวนจาเรนาติ อตฺโถ. ยาวตาติ ยตฺตโก. ตติยํ.
๔. โนเจทํสุตฺตวณฺณนา
๑๑๗. จตุตฺเถ ¶ นิสฺสฏาติอาทีนิ อาทิโต วุตฺตปฏิเสเธน โยเชตฺวา ‘‘น นิสฺสฏา, น วิสํยุตฺตา, น วิปฺปมุตฺตา, น วิมริยาทิกเตน เจตสา วิหรึสู’’ติ เอวํ เวทิตพฺพานิ. ทุติยนเย วิมริยาทิกเตนาติ นิมฺมริยาทิกเตน. ตตฺถ ทุวิธา มริยาทา กิเลสมริยาทา วฏฺฏมริยาทาติ. ตตฺถ จ ยสฺส อุปฑฺฒา กิเลสา ปหีนา, อุปฑฺฒา อปฺปหีนา, วฏฺฏํ วา ปน อุปฑฺฒํ ปหีนํ, อุปฑฺฒํ อปฺปหีนํ, ตสฺส จิตฺตํ ปหีนกิเลเส วา วฏฺฏํ วา สนฺธาย วิมริยาทิกตํ, อปฺปหีนกิเลเส วา วฏฺฏํ วา สนฺธาย น วิมริยาทิกตํ. อิธ ปน อุภยสฺสาปิ ปหีนตฺตา ¶ ‘‘วิมริยาทิกเตน เจตสา’’ติ วุตฺตํ, มริยาทํ อกตฺวา ิเตน อติกฺกนฺตมริยาเทน เจตสาติ อตฺโถ. อิติ ตีสุปิ อิเมสุ สุตฺเตสุ จตุสจฺจเมว กถิตํ. จตุตฺถํ.
๕. เอกนฺตทุกฺขสุตฺตวณฺณนา
๑๑๘. ปฺจเม เอกนฺตทุกฺขาติ อติกฺกมิตฺวา ิตสฺส ตตฺตกาโร วิย เอกนฺเตเนว ทุกฺขา. ทุกฺขานุปติตาติ ทุกฺเขน อนุปติตา. ทุกฺขาวกฺกนฺตาติ ทุกฺเขน โอกฺกนฺตา โอติณฺณา. สุขาติ สุขเวทนาย ปจฺจยภูตา. เอวํ สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิมสฺมึ สุตฺเต ทุกฺขลกฺขณํ กถิตํ. ปฺจมํ.
๖-๑๐. อภินนฺทสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๑๙-๑๒๓. ฉฏฺสตฺตเมสุ วิวฏฺฏํ, อวสาเน ตีสุ จตุสจฺจเมวาติ. ฉฏฺาทีนิ.
จตุตฺโถ วคฺโค.
ธาตุสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อนมตคฺคสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. ติณกฏฺสุตฺตวณฺณนา
๑๒๔. อนมตคฺคสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม อนมตคฺโคติ อนุ อมตคฺโค, วสฺสสตํ วสฺสสหสฺสํ าเณน อนุคนฺตฺวาปิ อมตคฺโค อวิทิตคฺโค, นาสฺส สกฺกา อิโต วา เอตฺโต วา อคฺคํ ชานิตุํ, อปริจฺฉินฺนปุพฺพาปรโกฏิโกติ อตฺโถ. สํสาโรติ ขนฺธาทีนํ อวิจฺฉินฺนปฺปวตฺตา ปฏิปาฏิ. ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายตีติ ปุริมมริยาทา น ทิสฺสติ. ยทคฺเคน จสฺส ปุริมา โกฏิ น ปฺายติ, ปจฺฉิมาปิ ตทคฺเคเนว น ปฺายติ, เวมชฺเฌเยว ปน สตฺตา สํสรนฺติ. ปริยาทานํ คจฺเฉยฺยาติ อิทํ อุปมาย ขุทฺทกตฺตา วุตฺตํ. พาหิรสมยสฺมิฺหิ อตฺโถ ปริตฺโต โหติ, อุปมา มหตี. ‘‘หตฺถี วิย อยํ โคโณ, โคโณ วิย สูกโร, สมุทฺโท วิย ตฬาก’’นฺติ หิ วุตฺเต น เตสํ ตาทิสํ ปมาณํ โหติ. พุทฺธสมเย ปน อุปมา ปริตฺตา, อตฺโถ มหา. ปาฬิยฺหิ เอโก ชมฺพุทีโป คหิโต, เอวรูปานํ ปน ชมฺพุทีปานํ สเตปิ สหสฺเสปิ สตสหสฺเสปิ ติณาทีนิ เตน อุปกฺกเมน ปริยาทานํ คจฺเฉยฺยุํ, น ตฺเวว ปุริสสฺส มาตุ มาตโรติ. ทุกฺขํ ปจฺจนุภูตนฺติ ตุมฺเหหิ ทุกฺขํ อนุภูตํ. ติพฺพนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. พฺยสนนฺติ าติพฺยสนาทิอเนกวิธํ. กฏสีติ สุสานํ, ปถวีเยว วา. สา หิ ปุนปฺปุนํ มรนฺเตหิ สรีรนิกฺเขเปน วฑฺฒิตา. อลเมวาติ ยุตฺตเมว. ปมํ.
๒. ปถวีสุตฺตวณฺณนา
๑๒๕. ทุติเย มหาปถวินฺติ จกฺกวาฬปริยนฺตํ มหาปถวึ. นิกฺขิเปยฺยาติ ตํ ปถวึ ภินฺทิตฺวา วุตฺตปฺปมาณํ คุฬิกํ กริตฺวา เอกมนฺตํ เปยฺย. ทุติยํ.
๓. อสฺสุสุตฺตวณฺณนา
๑๒๖. ตติเย ¶ ¶ ¶ กนฺทนฺตานนฺติ สสทฺทํ รุทมานานํ. ปสฺสนฺนนฺติ สนฺทิตํ ปวตฺตํ. จตูสุ มหาสมุทฺเทสูติ สิเนรุรสฺมีหิ ปริจฺฉินฺเนสุ จตูสุ มหาสมุทฺเทสุ. สิเนรุสฺส หิ ปาจีนปสฺสํ รชตมยํ, ทกฺขิณปสฺสํ มณิมยํ, ปจฺฉิมปสฺสํ ผลิกมยํ, อุตฺตรปสฺสํ สุวณฺณมยํ. ปุพฺพทกฺขิณปสฺเสหิ นิกฺขนฺตา รชตมณิรสฺมิโย เอกโต หุตฺวา มหาสมุทฺทปิฏฺเน คนฺตฺวา จกฺกวาฬปพฺพตํ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ, ทกฺขิณปจฺฉิมปสฺเสหิ นิกฺขนฺตา มณิผลิกรสฺมิโย, ปจฺฉิมุตฺตรปสฺเสหิ นิกฺขนฺตา ผลิกสุวณฺณรสฺมิโย, อุตฺตรปาจีนปสฺเสหิ นิกฺขนฺตา สุวณฺณรชตรสฺมิโย เอกโต หุตฺวา มหาสมุทฺทปิฏฺเน คนฺตฺวา จกฺกวาฬปพฺพตํ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ. ตาสํ รสฺมีนํ อนฺตเรสุ จตฺตาโร มหาสมุทฺทา โหนฺติ. เต สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จตูสุ มหาสมุทฺเทสู’’ติ. าติพฺยสนนฺติอาทีสุ พฺยสนนฺติ วิอสนํ, วินาโสติ อตฺโถ. าตีนํ พฺยสนํ าติพฺยสนํ, โภคานํ พฺยสนํ โภคพฺยสนํ. โรโค ปน สยเมว อาโรคฺยํ วิยสติ วินาเสตีติ พฺยสนํ, โรโคว พฺยสนํ โรคพฺยสนํ. ตติยํ.
๔. ขีรสุตฺตวณฺณนา
๑๒๗. จตุตฺเถ มาตุถฺนฺติ เอกนามิกาย มนุสฺสมาตุ ขีรํ. อิเมสฺหิ สตฺตานํ คณฺฑุปฺปาทกิปิลฺลิกาทีสุ วา มจฺฉกจฺฉปาทีสุ วา ปกฺขิชาเตสุ วา นิพฺพตฺตกาเล มาตุขีรเมว นตฺถิ, อชปสุมหึสาทีสุ นิพฺพตฺตกาเล ขีรํ อตฺถิ, ตถา มนุสฺเสสุ. ตตฺถ อชาทิกาเล จ มนุสฺเสสุ จาปิ ‘‘เทวี สุมนา ติสฺสา’’ติ เอวํ นานานามิกานํ กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตกาเล อคฺคเหตฺวา ติสฺสาติ เอกนามิกาย เอว มาตุ กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตกาเล ปีตํ ถฺํ จตูสุ มหาสมุทฺเทสุ อุทกโต พหุตรนฺติ เวทิตพฺพํ. จตุตฺถํ.
๕. ปพฺพตสุตฺตวณฺณนา
๑๒๘. ปฺจเม สกฺกา ปน, ภนฺเตติ โส กิร ภิกฺขุ จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา อนมตคฺคสฺส สํสารสฺส ทีฆตมตฺตา ‘น สุกรํ น สุกร’นฺติ กเถติเยว ¶ , กถํ นจฺฉินฺทติ ¶ , สกฺกา นุ โข อุปมํ การาเปตุ’’นฺติ. ตสฺมา เอวมาห. กาสิเกนาติ ตโย กปฺปาสํสู เอกโต คเหตฺวา ¶ กนฺติตสุตฺตมเยน อติสุขุมวตฺเถน. เตน ปน ปริมฏฺเ กิตฺตกํ ขีเยยฺยาติ. สาสปมตฺตํ. ปฺจมํ.
๖. สาสปสุตฺตวณฺณนา
๑๒๙. ฉฏฺเ อายสํ นครนฺติ อายเสน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ นครํ, น ปน อนฺโต อายเสหิ เอกภูมิกาทิปาสาเทหิ อากิณฺณนฺติ ทฏฺพฺพํ. ฉฏฺํ.
๗. สาวกสุตฺตวณฺณนา
๑๓๐. สตฺตเม อนุสฺสเรยฺยุนฺติ เอเกน กปฺปสตสหสฺเส อนุสฺสริเต อปโร ตสฺส ิตฏฺานโต อฺํ สตสหสฺสํ, อฺโปิ อฺนฺติ เอวํ จตฺตาโรปิ จตฺตาริสตสหสฺสานิ อนุสฺสเรยฺยุํ. สตฺตมํ.
๘-๙. คงฺคาสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๓๑-๑๓๒. อฏฺเม ยา เอตสฺมึ อนฺตเร วาลิกาติ ยา เอตสฺมึ อายามโต ปฺจโยชนสติเก อนฺตเร วาลิกา. นวเม วตฺตพฺพํ นตฺถิ. อฏฺมนวมานิ.
๑๐. ปุคฺคลสุตฺตวณฺณนา
๑๓๓. ทสเม อฏฺิกงฺกโลติอาทีนิ ตีณิปิ ราสิเววจนาเนว. อิเมสํ ปน สตฺตานํ สอฏฺิกาลโต อนฏฺิกาโลว พหุตโร. คณฺฑุปฺปาทกาทิปาณภูตานฺหิ เอเตสํ อฏฺิเมว นตฺถิ, มจฺฉกจฺฉปาทิภูตานํ ปน อฏฺิเมว พหุตรํ, ตสฺมา อนฏฺิกาลฺจ พหุอฏฺิกาลฺจ อคฺคเหตฺวา สมฏฺิกาโลว คเหตพฺโพ. อุตฺตโร ¶ คิชฺฌกูฏสฺสาติ คิชฺฌกูฏสฺส อุตฺตรปสฺเส ิโต. มคธานํ คิริพฺพเชติ มคธรฏฺสฺส คิริพฺพเช, คิริปริกฺเขเป ิโตติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ. ทสมํ.
ปโม วคฺโค.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. ทุคฺคตสุตฺตวณฺณนา
๑๓๔. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม ทุคฺคตนฺติ ทลิทฺทํ กปณํ. ทุรูเปตนฺติ ทุสฺสณฺาเนหิ หตฺถปาเทหิ อุเปตํ. ปมํ.
๒. สุขิตสุตฺตวณฺณนา
๑๓๕. ทุติเย สุขิตนฺติ สุขสมปฺปิตํ มหทฺธนํ มหาโภคํ. สุสชฺชิตนฺติ อลงฺกตปฏิยตฺตํ หตฺถิกฺขนฺธคตํ มหาปริวารํ. ทุติยํ.
๓. ตึสมตฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๓๖. ตติเย ปาเวยฺยกาติ ปาเวยฺยเทสวาสิโน. สพฺเพ อารฺิกาติอาทีสุ ธุตงฺคสมาทานวเสน เตสํ อารฺิกาทิภาโว เวทิตพฺโพ. สพฺเพ สสํโยชนาติ สพฺเพ สพนฺธนา, เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน. เตสุ หิ ปุถุชฺชโน วา ขีณาสโว วา นตฺถิ. คุนฺนนฺติอาทีสุ เสตกาฬาทิวณฺเณสุ เอเกกวณฺณกาโลว คเหตพฺโพ. ปาริปนฺถกาติ ปริปนฺเถ ติฏฺนกา ปนฺถฆาตโจรา. ปารทาริกาติ ปรทารจาริตฺตํ อาปชฺชนกา. ตติยํ.
๔-๙. มาตุสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๓๗-๑๔๒. จตุตฺถาทีสุ ลิงฺคนิยเมน เจว จกฺกวาฬนิยเมน จ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุริสานฺหิ มาตุคามกาโล, มาตุคามานฺจ ปุริสกาโลติ เอวเมตฺถ ลิงฺคนิยโม. อิมมฺหา จกฺกวาฬา สตฺตา ปรจกฺกวาฬํ, ปรจกฺกวาฬา จ อิมํ จกฺกวาฬํ สํสรนฺติ. เตสุ อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ มาตุคามกาเล มาตุภูตฺเว ทสฺเสนฺโต โย นมาตาภูตปุพฺโพติ อาห. โย นปิตาภูตปุพฺโพติอาทีสุปิ เอเสว นโย. จตุตฺถาทีนิ.
๑๐. เวปุลฺลปพฺพตสุตฺตวณฺณนา
๑๔๓. ทสเม ¶ ¶ ¶ ภูตปุพฺพนฺติ อตีตกาเล เอกํ อปทานํ อาหริตฺวา ทสฺเสติ. สมฺา อุทปาทีติ ปฺตฺติ อโหสิ. จตูเหน อาโรหนฺตีติ อิทํ ถามมชฺฌิเม สนฺธาย วุตฺตํ. อคฺคนฺติ อุตฺตมํ. ภทฺทยุคนฺติ สุนฺทรยุคลํ. ตีเหน อาโรหนฺตีติ เอตฺตาวตา กิร ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ อนฺตเร โยชนํ ปถวี อุสฺสนฺนา, โส ปพฺพโต ติโยชนุพฺเพโธ ชาโต.
อปฺปํ วา ภิยฺโยติ วสฺสสตโต อุตฺตรึ อปฺปํ ทส วา วีสํ วา วสฺสานิ. ปุน วสฺสสตเมว ชีวนโก นาม นตฺถิ, อุตฺตมโกฏิยา ปน สฏฺิ วา อสีติ วา วสฺสานิ ชีวนฺติ. วสฺสสตํ ปน อปฺปตฺวา ปฺจวสฺสทสวสฺสาทิกาเล มียมานาว พหุกา. เอตฺถ จ กกุสนฺโธ ภควา จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสายุกกาเล, โกณาคมโน ตึสวสฺสสหสฺสายุกกาเล นิพฺพตฺโตติ อิทํ อนุปุพฺเพน ปริหีนสทิสํ กตํ, น ปน เอวํ ปริหีนํ, วฑฺฒิตฺวา วฑฺฒิตฺวา ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพํ. กถํ? กกุสนฺโธ ตาว ภควา อิมสฺมึเยว กปฺเป จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสายุกกาเล นิพฺพตฺโต อายุปฺปมาณํ ปฺจ โกฏฺาเส กตฺวา จตฺตาโร ตฺวา ปฺจเม วิชฺชมาเนเยว ปรินิพฺพุโต. ตํ อายุ ปริหายมานํ ทสวสฺสกาลํ ปตฺวา ปุน วฑฺฒมานํ อสงฺเขยฺยํ หุตฺวา ตโต ปริหายมานํ ตึสวสฺสสหสฺสายุกกาเล ิตํ, ตทา โกณาคมโน นิพฺพตฺโต. ตสฺมิมฺปิ ตเถว ปรินิพฺพุเต ตํ อายุ ทสวสฺสกาลํ ปตฺวา ปุน วฑฺฒมานํ อสงฺเขยฺยํ หุตฺวา ปริหายิตฺวา วีสวสฺสสหสฺสกาเล ิตํ, ตทา กสฺสโป ภควา นิพฺพตฺโต. ตสฺมิมฺปิ ตเถว ปรินิพฺพุเต ตํ อายุ ทสวสฺสกาลํ ปตฺวา ปุน วฑฺฒมานํ อสงฺเขยฺยํ หุตฺวา ปริหายิตฺวา วสฺสสตกาลํ ปตฺตํ, อถ อมฺหากํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ นิพฺพตฺโต. เอวํ อนุปุพฺเพน ปริหายิตฺวา วฑฺฒิตฺวา วฑฺฒิตฺวา ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ จ ยํ อายุปริมาเณสุ มนฺเทสุ พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, เตสมฺปิ ตเทว อายุปริมาณํ โหตีติ. ทสมํ.
ทุติโย วคฺโค.
อนมตคฺคสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. กสฺสปสํยุตฺตํ
๑. สนฺตุฏฺสุตฺตวณฺณนา
๑๔๔. กสฺสปสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม สนฺตุฏฺายนฺติ สนฺตุฏฺโ อยํ. อิตรีตเรนาติ น ถูลสุขุมลูขปณีตถิรชิณฺณานํ เยน เกนจิ, อถ โข ยถาลทฺธาทีนํ อิตรีตเรน เยน เกนจิ สนฺตุฏฺโติ อตฺโถ. จีวรสฺมิฺหิ ตโย สนฺโตสา ยถาลาภสนฺโตโส ยถาพลสนฺโตโส ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ. ปิณฺฑปาตาทีสุปิ เอเสว นโย.
เตสํ อยํ ปเภทสํวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ. อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ปกติทุพฺพโล วา โหติ อาพาธชราภิภูโต วา, ครุจีวรํ ปารุปนฺโต กิลมติ, โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ปณีตปจฺจยลาภี โหติ, โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆจีวรํ พหูนิ วา จีวรานิ ลภิตฺวา – ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ, อิทํ พหุสฺสุตานํ อนุรูปํ, อิทํ คิลานานํ, อิทํ อปฺปลาภีนํ โหตู’’ติ ทตฺวา เตสํ ปุราณจีวรํ วา สงฺการกูฏาทิโต วา ปน นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา เตหิ สงฺฆาฏึ กตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภ สนฺโตโส. โย ปน อตฺตโน ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปิณฺฑปาตํ ลภติ, เยนสฺส ปริภุตฺเตน อผาสุ โหติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ตํ ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปายโภชนํ ภุตฺวา ¶ สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส. อปโร พหุํ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ¶ ลภติ, โส ตํ จีวรํ วิย จิรปพฺพชิต-พหุสฺสุต-อปฺปลาภคิลานานํ ทตฺวา ¶ , เตสํ วา เสสกํ ปิณฺฑาย วา จริตฺวา มิสฺสกาหารํ ภฺุชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เสนาสนํ ลภติ มนาปํ วา อมนาปํ วา, โส เตน เนว โสมนสฺสํ น ปฏิฆํ อุปฺปาเทติ, อนฺตมโส ติณสนฺถารเกนาปิ ยถาลทฺเธเนว ตุสฺสติ. อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. โย ปน อตฺตโน ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา เสนาสนํ ลภติ, ยตฺถสฺส วสโต อผาสุ โหติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส สนฺตเก สปฺปายเสนาสเน วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร มหาปฺุโ เลณมณฺฑปกูฏาคาราทีนิ พหูนิ ปณีตเสนาสนานิ ลภติ, โส ตานิ จีวราทีนิ วิย จิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภคิลานานํ ทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส. โยปิ ‘‘อุตฺตมเสนาสนํ นาม ปมาทฏฺานํ, ตตฺถ นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส ปฏิพุชฺฌโต ปาปวิตกฺกา ปาตุภวนฺตี’’ติ ปฏิสฺจิกฺขิตฺวา ตาทิสํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ, โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อพฺโภกาสรุกฺขมูลาทีสุ วสนฺโต สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมฺปิ เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส ยํ ลภติ เตเนว ตุสฺสติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. โย ปน เตเลนตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตลํ คเหตฺวา วา อฺเทว วา ปริเยสิตฺวา เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร มหาปฺุโ พหุํ เตลมธุผาณิตาทิปณีตเภสชฺชํ ลภติ, โส ตํ จีวรํ วิย จิรปพฺพชิต-พหุสฺสุต-อปฺปลาภคิลานานํ ทตฺวา เตสํ อาภเตน เยน เกนจิ ยาเปนฺโตปิ ¶ สนฺตุฏฺโว โหติ. โย ปน เอกสฺมึ ภาชเน มุตฺตหรีตกํ เปตฺวา เอกสฺมึ จตุมธุรํ ‘‘คณฺห, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสุ อฺตเรนปิ โรโค วูปสมฺมติ, อถ ‘‘มุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิต’’นฺติ จตุมธุรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโต ปรมสนฺตุฏฺโว ¶ โหติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส. อิติ อิเม ตโย สนฺโตเส สนฺธาย ‘‘สนฺตุฏฺายํ, ภิกฺขเว, กสฺสโป อิตรีตเรน จีวเรนา’’ติ วุตฺตํ.
วณฺณวาทีติ ¶ เอโก สนฺตุฏฺโ โหติ, สนฺโตสสฺส วณฺณํ น กเถติ. เอโก น สนฺตุฏฺโ โหติ, สนฺโตสสฺส วณฺณํ กเถติ. เอโก เนว สนฺตุฏฺโ โหติ, น สนฺโตสสฺส วณฺณํ กเถติ. เอโก สนฺตุฏฺโ จ โหติ, สนฺโตสสฺส จ วณฺณํ กเถติ. อยํ ตาทิโสติ ทสฺเสตุํ อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาทีติ วุตฺตํ. อเนสนนฺติ ทูเตยฺยปหิณคมนานุโยคปฺปเภทํ นานปฺปการํ อเนสนํ. อลทฺธาติ อลภิตฺวา. ยถา จ เอกจฺโจ ‘‘กถํ นุ โข จีวรํ ลภิสฺสามี’’ติ ปฺุวนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกโต หุตฺวา โกหฺํ กโรนฺโต อุตฺตสติ ปริตสฺสติ, อยํ เอวํ อลทฺธา จ จีวรํ น ปริตสฺสติ. ลทฺธา จาติ ธมฺเมน สเมน ลภิตฺวา. อคธิโตติ วิคตโลภเคโธ. อมุจฺฉิโตติ อธิมตฺตตณฺหาย มุจฺฉํ อนาปนฺโน. อนชฺฌาปนฺโนติ ตณฺหาย อโนตฺถโฏ อปริโยนทฺโธ. อาทีนวทสฺสาวีติ อเนสนาปตฺติยฺจ คธิตปริโภเค จ อาทีนวํ ปสฺสมาโน. นิสฺสรณปฺโติ, ‘‘ยาวเทว สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติ วุตฺตนิสฺสรณเมว ชานนฺโต ปริภฺุชตีติ อตฺโถ. อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตนาติอาทีสุปิ ยถาลทฺธาทีนํ เยน เกนจิ ปิณฺฑปาเตน, เยน เกนจิ เสนาสเนน, เยน เกนจิ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรนาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
กสฺสเปน วา หิ โว, ภิกฺขเว, โอวทิสฺสามีติ เอตฺถ ยถา มหากสฺสปตฺเถโร จตูสุ ปจฺจเยสุ ตีหิ สนฺโตเสหิ สนฺตุฏฺโ, ตุมฺเหปิ ตถารูปา ภวถาติ โอวทนฺโต กสฺสเปน โอวทติ นาม. โย วา ปนสฺส กสฺสปสทิโสติ เอตฺถาปิ โย วา ปนฺโปิ ¶ กสฺสปสทิโส มหากสฺสปตฺเถโร วิย จตูสุ ปจฺจเยสุ ตีหิ สนฺโตเสหิ สนฺตุฏฺโ ภเวยฺย, ตุมฺเหปิ ตถารูปา ภวถาติ โอวทนฺโต กสฺสปสทิเสน โอวทติ นาม. ตถตฺตาย ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อิมาย อิมสฺมึ สนฺตุฏฺิสุตฺเต วุตฺตสลฺเลขาจารปฏิปตฺติยา กถนํ นาม ภาโร, อมฺหากมฺปิ ¶ อิมํ ปฏิปตฺตึ ปริปูรํ กตฺวา ปูรณํ ภาโรเยว, อาคโต โข ปน ภาโร คเหตพฺโพ’’ติ จินฺเตตฺวา ยถา มยา กถิตํ, ตถตฺตาย ตถาภาวาย ตุมฺเหหิปิ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ. ปมํ.
๒. อโนตฺตปฺปีสุตฺตวณฺณนา
๑๔๕. ทุติเย อนาตาปีติ ยํ วีริยํ กิเลเส อาตปติ, เตน รหิโต. อโนตฺตปฺปีติ นิพฺภโย กิเลสุปฺปตฺติโต กุสลานุปฺปตฺติโต จ ภยรหิโต. สมฺโพธายาติ สมฺพุชฺฌนตฺถาย. นิพฺพานายาติ ¶ นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย. อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺสาติ อรหตฺตสฺส ตฺหิ อนุตฺตรฺเจว จตูหิ จ โยเคหิ เขมํ.
อนุปฺปนฺนาติอาทีสุ เย ปุพฺเพ อปฺปฏิลทฺธปุพฺพํ จีวราทึ วา ปจฺจยํ อุปฏฺากสทฺธิวิหาริก-อนฺเตวาสีนํ วา อฺตรโต มนฺุวตฺถุํ ปฏิลภิตฺวา ตํ สุภํ สุขนฺติ อโยนิโส คณฺหนฺตสฺส อฺตรํ วา ปน อนนุภูตปุพฺพํ อารมฺมณํ ยถา ตถา วา อโยนิโส อาวชฺเชนฺตสฺส โลภาทโย ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, เต อนุปฺปนฺนาติ เวทิตพฺพา. อฺถา หิ อนมตคฺเค สํสาเร อนุปฺปนฺนา นาม ปาปกา ธมฺมา นตฺถิ. อนุภูตปุพฺเพปิ จ วตฺถุมฺหิ อารมฺมเณ วา ยสฺส ปกติพุทฺธิยา วา อุทฺเทสปริปุจฺฉาย วา ปริยตฺตินวกมฺมโยนิโสมนสิการานํ วา อฺตรวเสน ปุพฺเพ อนุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉา ตาทิเสน ปจฺจเยน สหสา อุปฺปชฺชนฺติ, อิเมปิ ‘‘อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’’นฺติ เวทิตพฺพา. เตสุเยว ปน วตฺถารมฺมเณสุ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานา นปฺปหียนฺติ นาม, เต ‘‘อุปฺปนฺนา อปฺปหียมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุ’’นฺติ เวทิตพฺพา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนเภโท จ ปหานปฺปหานวิธานฺจ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค าณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทเส กถิตํ.
อนุปฺปนฺนา ¶ เม กุสลา ธมฺมาติ อปฺปฏิลทฺธาปิ สีลสมาธิมคฺคผลสงฺขาตา อนวชฺชธมฺมา. อุปฺปนฺนาติ เตเยว ปฏิลทฺธา. นิรุชฺฌมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุนฺติ เต สีลาทิธมฺมา ปริหานิวเสน ปุน อนุปฺปตฺติยา นิรุชฺฌมานา อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยุนฺติ เวทิตพฺพา. เอตฺถ จ โลกิยา ปริหายนฺติ, โลกุตฺตรานํ ปริหานิ นตฺถีติ. ‘‘อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ิติยา’’ติ อิมสฺส ¶ ปน สมฺมปฺปธานสฺส วเสนายํ เทสนา กตา. ทุติยมคฺโค วา สีฆํ อนุปฺปชฺชมาโน, ปมมคฺโค นิรุชฺฌมาโน อนตฺถาย สํวตฺเตยฺยาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต อิเม จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา ปุพฺพภาควิปสฺสนาวเสน กถิตาติ. ทุติยํ.
๓. จนฺทูปมสุตฺตวณฺณนา
๑๔๖. ตติเย จนฺทูปมาติ จนฺทสทิสา หุตฺวา. กึ ปริมณฺฑลตาย? โน, อปิจ โข ยถา จนฺโท คคนตลํ ปกฺขนฺทมาโน น เกนจิ สทฺธึ สนฺถวํ วา สิเนหํ วา อาลยํ วา ¶ นิกนฺตึ วา ปตฺถนํ วา ปริยุฏฺานํ วา กโรติ, น จ น โหติ มหาชนสฺส ปิโย มนาโป, ตุมฺเหปิ เอวํ เกนจิ สทฺธึ สนฺถวาทีนํ อกรเณน พหุชนสฺส ปิยา มนาปา จนฺทูปมา หุตฺวา ขตฺติยกุลาทีนิ จตฺตาริ กุลานิ อุปสงฺกมถาติ อตฺโถ. อปิจ ยถา จนฺโท อนฺธการํ วิธมติ, อาโลกํ ผรติ, เอวํ กิเลสนฺธการวิธมเนน าณาโลกผรเณน จาปิ จนฺทูปมา หุตฺวาติ เอวมาทีหิปิ นเยหิ เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อปกสฺเสว กายํ อปกสฺส จิตฺตนฺติ เตเนว สนฺถวาทีนํ อกรเณน กายฺจ จิตฺตฺจ อปกสฺสิตฺวา, อปเนตฺวาติ อตฺโถ. โย หิ ภิกฺขุ อรฺเปิ น วสติ, กามวิตกฺกาทโยปิ วิตกฺเกติ, อยํ เนว กายํ อปกสฺสติ, น จิตฺตํ. โย หิ อรฺเปิ โข วิหรติ, กามวิตกฺกาทโย ปน วิตกฺเกติ, อยํ กายเมว อปกสฺสติ, น จิตฺตํ. โย คามนฺเต วสติ ¶ , กามวิตกฺกาทโยปิ โข น จ วิตกฺเกติ, อยํ จิตฺตเมว อปกสฺสติ, น กายํ. โย ปน อรฺเ เจว วสติ, กามวิตกฺกาทโย จ น วิตกฺเกติ, อยํ อุภยมฺปิ อปกสฺสติ. เอวรูปา หุตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมถาติ ทีเปนฺโต ‘‘อปกสฺเสว กายํ อปกสฺส จิตฺต’’นฺติ อาห.
นิจฺจนวกาติ นิจฺจํ นวกาว, อาคนฺตุกสทิสา เอว หุตฺวาติ อตฺโถ. อาคนฺตุโก หิ ปฏิปาฏิยา สมฺปตฺตเคหํ ปวิสิตฺวา สเจ นํ ฆรสามิกา ทิสฺวา, ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตภาตโร วิปฺปวาสํ คตา เอวํ วิจรึสู’’ติ อนุกมฺปมานา นิสีทาเปตฺวา โภเชนฺติ, ภุตฺตมตฺโตเยว ‘‘ตุมฺหากํ ภาชนํ ¶ คณฺหถา’’ติ อุฏฺาย ปกฺกมติ, น เตหิ สทฺธึ สนฺถวํ วา กโรติ, น กิจฺจกรณียานิ วา สํวิทหติ, เอวํ ตุมฺเหปิ ปฏิปาฏิยา สมฺปตฺตฆรํ ปวิสิตฺวา ยํ อิริยาปเถสุ ปสนฺนา มนุสฺสา เทนฺติ, ตํ คเหตฺวา ฉินฺนสนฺถวา, เตสํ กิจฺจกรณีเย อพฺยาวฏา หุตฺวา นิกฺขมถาติ ทีเปติ.
อิมสฺส ปน นิจฺจนวกภาวสฺส อาวิภาวตฺถํ ทฺเวภาติกวตฺถุ กเถตพฺพํ – วสาฬนครคามโต กิร ทฺเว ภาติกา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตา, เต จูฬนาคตฺเถโร จ มหานาคตฺเถโร จาติ ปฺายึสุ. เต จิตฺตลปพฺพเต ตึส วสฺสานิ วสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา ‘‘มาตรํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อาคนฺตฺวา วสาฬนครวิหาเร วสิตฺวา ปุนทิวเส มาตุคามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. มาตาปิ เตสํ อุฬุงฺเกน ยาคุํ นีหริตฺวา เอกสฺส ปตฺเต อากิริ. ตสฺสา ตํ โอโลกยมานาย ¶ ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ. อถ นํ อาห – ‘‘ตฺวํ, ตาต, มยฺหํ ปุตฺโต มหานาโค’’ติ. เถโร ‘‘ปจฺฉิมํ เถรํ ปุจฺฉ อุปาสิเก’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ปจฺฉิมเถรสฺสปิ ยาคุํ ทตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ มยฺหํ ปุตฺโต จูฬนาโค’’ติ ปุจฺฉิ? เถโร ‘‘กึ, อุปาสิเก, ปุริมํ เถรํ น ¶ ปุจฺฉสี’’ติ? วตฺวา ปกฺกามิ. เอวํ มาตราปิ สทฺธึ ฉินฺนสนฺถโว ภิกฺขุ นิจฺจนวโก นาม โหติ.
อปฺปคพฺภาติ น ปคพฺภา, อฏฺฏฺาเนน กายปาคพฺภิเยน, จตุฏฺาเนน วจีปาคพฺภิเยน, อเนกฏฺาเนน มโนปาคพฺภิเยน จ วิรหิตาติ อตฺโถ. อฏฺฏฺานํ กายปาคพฺภิยํ นาม สงฺฆคณปุคฺคล-โภชนสาลา-ชนฺตาฆรนหานติตฺถ-ภิกฺขาจารมคฺค-อนฺตรฆรปฺปเวสเนสุ กาเยน อปฺปติรูปกรณํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ สงฺฆมชฺเฌ ปลฺลตฺถิกาย วา นิสีทติ ปาเท ปาทํ อาธายิตฺวา วาติ เอวมาทิ (มหานิ. ๑๖๕). ตถา คณมชฺเฌ. คณมชฺเฌติ จตุปริสสนฺนิปาเต วา สุตฺตนฺติกคณาทิสนฺนิปาเต วา. ตถา วุฑฺฒตเร ปุคฺคเล. โภชนสาลาย ปน วุฑฺฒานํ อาสนํ น เทติ, นวานํ อาสนํ ปฏิพาหติ. ตถา ชนฺตาฆเร. วุฑฺเฒ เจตฺถ อนาปุจฺฉา อคฺคิชลนาทีนิ กโรติ. นฺหานติตฺเถ จ ยทิทํ ‘‘ทหโร วุฑฺโฒติ ปมาณํ อกตฺวา อาคตปฏิปาฏิยา นฺหายิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตมฺปิ อนาทิยนฺโต ปจฺฉา อาคนฺตฺวา อุทกํ โอตริตฺวา วุฑฺเฒ จ นเว จ พาธติ. ภิกฺขาจารมคฺเค ปน อคฺคาสนอคฺโคทกอคฺคปิณฺฑานํ ¶ อตฺถาย ปุรโต คจฺฉติ พาหาย พาหํ ปหรนฺโต. อนฺตรฆรปฺปเวสเน วุฑฺเฒหิ ปมตรํ ปวิสติ, ทหเรหิ สทฺธึ กายกีฬนกํ กโรตีติ เอวมาทิ.
จตุฏฺานํ วจีปาคพฺภิยํ นาม สงฺฆคณปุคฺคลอนฺตรฆเรสุ อปฺปติรูปวาจานิจฺฉารณํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ สงฺฆมชฺเฌ อนาปุจฺฉา ธมฺมํ ภาสติ. ตถา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการสฺส คณสฺส มชฺเฌ ปุคฺคลสฺส จ สนฺติเก, ตตฺเถว มนุสฺเสหิ ปฺหํ ปุฏฺโ วุฑฺฒตรํ อนาปุจฺฉา ¶ วิสฺสชฺเชติ. อนฺตรฆเร ปน ‘‘อิตฺถนฺนาเม กึ อตฺถิ? กึ ยาคุ, อุทาหุ ขาทนียํ โภชนียํ? กึ เม ทสฺสสิ? กึ อชฺช ขาทิสฺสาม? กึ ภฺุชิสฺสาม? กึ ปิวิสฺสามา’’ติอาทีนิ ภาสติ.
อเนกฏฺานํ มโนปาคพฺภิยํ นาม เตสุ เตสุ าเนสุ กายวาจาหิ อชฺฌาจารํ อนาปชฺชิตฺวาปิ มนสาว กามวิตกฺกาทีนํ วิตกฺกนํ. อปิจ ทุสฺสีลสฺเสว สโต ‘‘สีลวาติ ¶ มํ ชโน ชานาตู’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปาปิจฺฉตาปิ มโนปาคพฺภิยํ. อิติ สพฺเพสมฺปิ อิเมสํ ปาคพฺภิยานํ อภาเวน อปฺปคพฺภา หุตฺวา อุปสงฺกมถาติ วทติ.
ชรุทปานนฺติ ชิณฺณกูปํ. ปพฺพตวิสมนฺติ ปพฺพเต วิสมํ ปปาตฏฺานํ. นทีวิทุคฺคนฺติ นทิยา วิทุคฺคํ ฉินฺนตฏฏฺานํ. อปกสฺเสว กายนฺติ ตาทิสานิ านานิ โย ขิฑฺฑาทิปสุโต กายํ อนปกสฺส เอกโตภาริยํ อกตฺวาว วายุปตฺถมฺภกํ อคฺคาหาเปตฺวา จิตฺตมฺปิ อนปกสฺส ‘‘เอตฺถ ปติโต หตฺถปาทภฺชนาทีนิ ปาปุณาตี’’ติ อนาทีนวทสฺสาวิตาย อนุพฺเพเชตฺวา สมฺปิยายมาโน โอโลเกติ, โส ปติตฺวา หตฺถปาทภฺชนาทิอนตฺถํ ปาปุณาติ. โย ปน อุทกตฺถิโก วา อฺเน วา เกนจิ กิจฺเจน โอโลเกตุกาโม กายํ อปกสฺส เอกโต ภาริยํ กตฺวา วายุปตฺถมฺภกํ คาหาเปตฺวา, จิตฺตมฺปิ อปกสฺส อาทีนวทสฺสเนน สํเวเชตฺวา โอโลเกติ, โส น ปตติ, ยถารุจึ โอโลเกตฺวา สุขี เยนกามํ ปกฺกมติ.
เอวเมว ¶ โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ชรุทปานาทโย วิย หิ จตฺตาริ กุลานิ, โอโลกนปุริโส วิย ภิกฺขุ. ยถา อนปกฏฺกายจิตฺโต ตานิ โอโลเกนฺโต ปุริโส ตตฺถ ปตติ, เอวํ อรกฺขิเตหิ กายาทีหิ กุลานิ อุปสงฺกมนฺโต ภิกฺขุ กุเลสุ พชฺฌติ, ตโต นานปฺปการํ สีลปาทภฺชนาทิอนตฺถํ ปาปุณาติ. ยถา ปน อปกฏฺกายจิตฺโต ปุริโส ตตฺถ น ปตติ, เอวํ รกฺขิเตเนว กาเยน รกฺขิเตหิ จิตฺเตหิ รกฺขิตาย วาจาย สุปฺปฏฺิตาย สติยา อปกฏฺกายจิตฺโต หุตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมนฺโต ภิกฺขุ กุเลสุ น พชฺฌติ. อถสฺส ยถา ตตฺถ อปติตสฺส ปุริสสฺส, น ปาทา ภฺชนฺติ, เอวํ สีลปาโท น ภิชฺชติ. ยถา หตฺถา น ¶ ภฺชนฺติ, เอวํ สทฺธาหตฺโถ น ภิชฺชติ. ยถา กุจฺฉิ น ภิชฺชติ, เอวํ สมาธิกุจฺฉิ น ภิชฺชติ. ยถา สีสํ น ภิชฺชติ, เอวํ าณสีสํ น ภิชฺชติ, ยถา จ ตํ ขาณุกณฺฏกาทโย น วิชฺฌนฺติ, เอวมิมํ ราคกณฺฏกาทโย น วิชฺฌนฺติ. ยถา โส นิรุปทฺทโว ยถารุจิ โอโลเกตฺวา สุขี เยนกามํ ปกฺกมติ, เอวํ ภิกฺขุ กุลานิ นิสฺสาย จีวราทโย ปจฺจเย ปฏิเสวนฺโต กมฺมฏฺานํ วฑฺเฒตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา โลกุตฺตรสุเขน สุขิโต เยนกามํ อคตปุพฺพํ นิพฺพานทิสํ คจฺฉติ.
อิทานิ โย หีนาธิมุตฺติโก มิจฺฉาปฏิปนฺโน เอวํ วเทยฺย ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ‘ติวิธํ ปาคพฺภิยํ ปหาย นิจฺจนวกตฺเตน จนฺทูปมา กุลานิ อุปสงฺกมถา’ติ วทนฺโต อฏฺาเน เปติ, อสยฺหํ ¶ ภารํ อาโรเปติ, ยํ น สกฺกา กาตุํ ตํ กาเรตี’’ติ, ตสฺส วาทปถํ ปจฺฉินฺทิตฺวา, ‘‘สกฺกา เอวํ กาตุํ, อตฺถิ เอวรูโป ภิกฺขู’’ติ ทสฺเสนฺโต กสฺสโป, ภิกฺขเวติอาทิมาห.
อากาเส ปาณึ จาเลสีติ นีเล คคนนฺตเร ยมกวิชฺชุตํ จารยมาโน วิย เหฏฺาภาคํ อุปริภาคํ อุภโตปสฺเสสุ ปาณึ สฺจาเรสิ. อิทฺจ ปน เตปิฏเก พุทฺธวจเน อสมฺภินฺนปทํ นาม. อตฺตมโนติ ตุฏฺจิตฺโต สกมโน, น โทมนสฺเสน ปจฺฉินฺทิตฺวา คหิตมโน. กสฺสปสฺส, ภิกฺขเวติ อิทมฺปิ ปุริมนเยเนว ปรวาทํ ปจฺฉินฺทิตฺวา อตฺถิ เอวรูโป ภิกฺขูติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
ปสนฺนาการํ ¶ กเรยฺยุนฺติ จีวราทโย ปจฺจเย ทเทยฺยุํ. ตถตฺตาย ปฏิปชฺเชยฺยุนฺติ สีลสฺส อาคตฏฺาเน สีลํ ปูรยมานา, สมาธิวิปสฺสนา มคฺคผลานํ อาคตฏฺาเน ตานิ ตานิ สมฺปาทยมานา ตถาภาวาย ปฏิปชฺเชยฺยุํ. อนุทยนฺติ รกฺขณภาวํ. อนุกมฺปนฺติ มุทุจิตฺตตํ. อุภยฺเจตํ การฺุสฺเสว เววจนํ. กสฺสโป, ภิกฺขเวติ อิทมฺปิ ปุริมนเยเนว ปรวาทํ ปจฺฉินฺทิตฺวา อตฺถิ เอวรูโป ภิกฺขูติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. กสฺสเปน วาติ เอตฺถ จนฺโทปมาทิวเสน โยชนํ กตฺวา ปุริมนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตติยํ.
๔. กุลูปกสุตฺตวณฺณนา
๑๔๗. จตุตฺเถ ¶ กุลูปโกติ กุลฆรานํ อุปคนฺตา. เทนฺตุเยว เมติ ททนฺตุเยว มยฺหํ. สนฺทียตีติ อฏฺฏียติ ปีฬิยติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยานุสาเรเนว เวทิตพฺพํ. จตุตฺถํ.
๕. ชิณฺณสุตฺตวณฺณนา
๑๔๘. ปฺจเม ชิณฺโณติ เถโร มหลฺลโก. ครุกานีติ ตํ สตฺถุ สนฺติกา ลทฺธกาลโต ปฏฺาย ฉินฺนภินฺนฏฺาเน สุตฺตสํสิพฺพเนน เจว อคฺคฬทาเนน จ อเนกานิ ปฏลานิ หุตฺวา ครุกานิ ชาตานิ. นิพฺพสนานีติ ปุพฺเพ ภควตา นิวาเสตฺวา อปนีตตาย เอวํลทฺธนามานิ. ตสฺมาติ ยสฺมา ตฺวํ ชิณฺโณ เจว ครุปํสุกูโล จ. คหปตานีติ ปํสุกูลิกงฺคํ วิสฺสชฺเชตฺวา คหปตีหิ ทินฺนจีวรานิ ธาเรหีติ วทติ. นิมนฺตนานีติ ปิณฺฑปาติกงฺคํ วิสฺสชฺเชตฺวา สลากภตฺตาทีนิ ¶ นิมนฺตนานิ ภฺุชาหีติ วทติ. มม จ สนฺติเกติ อารฺิกงฺคํ วิสฺสชฺเชตฺวา คามนฺตเสนาสเนเยว วสาหีติ วทติ.
นนุ จ ยถา ราชา เสนาปตึ เสนาปติฏฺาเน เปตฺวา ตสฺส ราชูปฏฺานาทินา อตฺตโน กมฺเมน อาราเธนฺตสฺเสว ตํ านนฺตรํ คเหตฺวา อฺสฺส ททมาโน อยุตฺตํ นาม กโรติ, เอวํ สตฺถา มหากสฺสปตฺเถรสฺส ปจฺจุคฺคมนตฺถาย ติคาวุตํ มคฺคํ คนฺตฺวา ราชคหสฺส จ นาฬนฺทาย จ อนฺตเร พหุปุตฺตกรุกฺขมูเล นิสินฺโน ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปาเทตฺวา เตน สทฺธึ อตฺตโน จีวรํ ปริวตฺเตตฺวา เถรํ ชาติอารฺิกงฺคฺเจว ชาติปํสุกูลิกงฺคฺจ ¶ อกาสิ, โส ตสฺมึ กตฺตุกมฺยตาฉนฺเทน สตฺถุ จิตฺตํ อาราเธนฺตสฺเสว ปํสุกูลาทีนิ วิสฺสชฺชาเปตฺวา คหปติจีวรปฏิคฺคหณาทีสุ นิโยเชนฺโต อยุตฺตํ นาม กโรตีติ. น กโรติ. กสฺมา? อตฺตชฺฌาสยตฺตา. น หิ สตฺถา ธุตงฺคานิ วิสฺสชฺชาเปตุกาโม, ยถา ปน อฆฏฺฏิตา เภริอาทโย สทฺทํ น วิสฺสชฺเชนฺติ, เอวํ อฆฏฺฏิตา เอวรูปา ปุคฺคลา ¶ น สีหนาทํ นทนฺตีติ นทาเปตุกาโม สีหนาทชฺฌาสเยน เอวมาห. เถโรปิ สตฺถุ อชฺฌาสยานุรูเปเนว ‘‘อหํ โข, ภนฺเต, ทีฆรตฺตํ อารฺิโก เจวา’’ติอาทินา นเยน สีหนาทํ นทติ.
ทิฏฺธมฺมสุขวิหารนฺติ ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร นาม อารฺิกสฺเสว ลพฺภติ, โน คามนฺตวาสิโน. คามนฺตสฺมิฺหิ วสนฺโต ทารกสทฺทํ สุณาติ, อสปฺปายรูปานิ ปสฺสติ, อสปฺปาเย สทฺเท สุณาติ, เตนสฺส อนภิรติ อุปฺปชฺชติ. อารฺิโก ปน คาวุตํ วา อฑฺฒโยชนํ วา อติกฺกมิตฺวา อรฺํ อชฺโฌคาเหตฺวา วสนฺโต ทีปิพฺยคฺฆสีหาทีนํ สทฺเท สุณาติ, เยสํ สวนปจฺจยา อมานุสิกาสวนรติ อุปฺปชฺชติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘สฺุาคารํ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต.
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํ. (ธ. ป. ๓๗๓-๓๗๔);
‘‘ปุรโต ¶ ปจฺฉโต วาปิ, อปโร เจ น วิชฺชติ;
ตตฺเถว ผาสุ ภวติ, เอกสฺส รมโต วเน’’ติ.
ตถา ปิณฺฑปาติกสฺเสว ลพฺภติ, โน อปิณฺฑปาติกสฺส. อปิณฺฑปาติโก หิ อกาลจารี โหติ, ตุริตจารํ คจฺฉติ, ปริวตฺเตติ, ปลิพุทฺโธว คจฺฉติ, ตตฺถ จ พหุสํสโย โหติ. ปิณฺฑปาติโก ปน น อกาลจารี โหติ, น ตุริตจารํ คจฺฉติ, น ปริวตฺเตติ, อปลิพุทฺโธว คจฺฉติ, ตตฺถ จ น พหุสํสโย โหติ.
กถํ? อปิณฺฑปาติโก หิ คามโต ทูรวิหาเร วสมาโน กาลสฺเสว ‘‘ยาคุํ วา ปาริวาสิกภตฺตํ วา ลจฺฉามิ, อาสนสาลาย วา ปน ¶ อุทฺเทสภตฺตาทีสุ กิฺจิเทว มยฺหํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ มกฺกฏกสุตฺตานิ ฉินฺทนฺโต สยิตโครูปานิ อุฏฺาเปนฺโต ปาโตว คจฺฉนฺโต อกาลจารี โหติ. มนุสฺเส เขตฺตกมฺมาทีนํ อตฺถาย เคหา นิกฺขนฺเตเยว สมฺปาปุณิตุํ ¶ มิคํ อนุพนฺธนฺโต วิย เวเคน คจฺฉนฺโต ตุริตจารี โหติ. อนฺตรา กิฺจิเทว ทิสฺวา ‘‘อสุกอุปาสโก วา อสุกอุปาสิกา วา เคเห, โน เคเห’’ติ ปุจฺฉติ, ‘‘โน เคเห’’ติ สุตฺวา ‘‘อิทานิ กุโต ลภิสฺสามี’’ติ? อคฺคิทฑฺโฒ วิย ปเวธติ, สยํ ปจฺฉิมทิสํ คนฺตุกาโม ปาจีนทิสาย สลากํ ลภิตฺวา อฺํ ปจฺฉิมทิสาย ลทฺธสลากํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ ปจฺฉิมทิสํ คมิสฺสามิ, มม สลากํ ตุมฺเห คณฺหถ, ตุมฺหากํ สลากํ มยฺหํ เทถา’’ติ สลากํ ปริวตฺเตติ. เอกํ วา ปน สลากภตฺตํ อาหริตฺวา ปริภฺุชนฺโต ‘‘อปรสฺสาปิ สลากภตฺตสฺส ปตฺตํ เทถา’’ติ มนุสฺเสหิ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ เทถ, อหํ มยฺหํ ปตฺเต ภตฺตํ ปกฺขิปิตฺวา ตุมฺหากํ ปตฺตํ ทสฺสามี’’ติ อฺสฺส ปตฺตํ ทาเปตฺวา ภตฺเต อาหเฏ อตฺตโน ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา ปตฺตํ ปฏิเทนฺโต ปตฺตํ ปริวตฺเตติ นาม. วิหาเร ราชราชมหามตฺตาทโย มหาทานํ เทนฺติ, อิมินา จ ภิยฺโย ทูรคาเม สลากา ลทฺธา, ตตฺถ อคจฺฉนฺโต ปุน สตฺตาหํ สลากํ น ลภตีติ อลาภภเยน คจฺฉติ, เอวํ คจฺฉนฺโต ปลิพุทฺโธ หุตฺวา คจฺฉติ นาม. ยสฺส เจส สลากภตฺตาทิโน อตฺถาย คจฺฉติ, ‘‘ตํ ทสฺสนฺติ นุ โข เม, อุทาหุ น ทสฺสนฺติ, ปณีตํ นุ โข ทสฺสนฺติ, อุทาหุ ลูขํ, โถกํ นุ โข, อุทาหุ พหุกํ, สีตลํ นุ โข, อุทาหุ อุณฺห’’นฺติ เอวํ ตตฺถ จ พหุสํสโย โหติ.
ปิณฺฑปาติโก ปน กาลสฺเสว วุฏฺาย วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา สรีรํ ปฏิชคฺคิตฺวา วสนฏฺานํ ¶ ปวิสิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกตฺวา กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา มหาชนสฺส อุฬุงฺกภิกฺขาทีนิ ทาตุํ ปโหนกกาเล คจฺฉตีติ น อกาลจารี โหติ, เอเกกํ ปทวารํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา วิปสฺสนฺโต คจฺฉตีติ น ตุริตจารี โหติ, อตฺตโน ครุภาเวน ‘‘อสุโก เคเห, น เคเห’’ติ น ปุจฺฉติ, สลากภตฺตาทีนิเยว น คณฺหาติ. อคณฺหนฺโต กึ ปริวตฺเตสฺสติ? น อฺสฺส วเสน ปลิพุทฺโธว โหติ ¶ , กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโต ยถารุจิ คจฺฉติ, อิตโร วิย น พหุสํสโย โหติ. เอกสฺมึ คาเม วา วีถิยา วา อลภิตฺวา อฺตฺถ จรติ. ตสฺมิมฺปิ อลภิตฺวา อฺตฺถ จรนฺโต มิสฺสโกทนํ สงฺกฑฺฒิตฺวา อมตํ ¶ วิย ปริภฺุชิตฺวา คจฺฉติ.
ปํสุกูลิกสฺเสว ลพฺภติ, โน อปํสุกูลิกสฺส. อปํสุกูลิโก หิ วสฺสาวาสิกํ ปริเยสนฺโต จรติ, น เสนาสนสปฺปายํ ปริเยสติ. ปํสุกูลิโก ปน น วสฺสาวาสิกํ ปริเยสนฺโต จรติ, เสนาสนสปฺปายเมว ปริเยสติ. เตจีวริกสฺเสว ลพฺภติ, น อิตรสฺส. อเตจีวริโก หิ พหุภณฺโฑ พหุปริกฺขาโร โหติ, เตนสฺส ผาสุวิหาโร นตฺถิ. อปฺปิจฺฉาทีนฺเจว ลพฺภติ, น อิตเรสนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ สมฺปสฺสมาโน’’ติ. ปฺจมํ.
๖. โอวาทสุตฺตวณฺณนา
๑๔๙. ฉฏฺเ อหํ วาติ กสฺมา อาห? เถรํ อตฺตโน าเน ปนตฺถํ. กึ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา นตฺถีติ? อตฺถิ. เอวํ ปนสฺส อโหสิ ‘‘อิเม น จิรํ สฺสนฺติ, กสฺสโป ปน วีสวสฺสสตายุโก, โส มยิ ปรินิพฺพุเต สตฺตปณฺณิคุหายํ นิสีทิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคหํ กตฺวา มม สาสนํ ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลปวตฺตนกํ กริสฺสติ, อตฺตโน ตํ าเน เปมิ, เอวํ ภิกฺขู กสฺสปสฺส สุสฺสูสิตพฺพํ มฺิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา เอวมาห. ทุพฺพจาติ ทุกฺเขน วตฺตพฺพา. โทวจสฺสกรเณหีติ ทุพฺพจภาวกรเณหิ. อปฺปทกฺขิณคฺคาหิโนติ อนุสาสนึ สุตฺวา ปทกฺขิณํ น คณฺหนฺติ ยถานุสิฏฺํ น ปฏิปชฺชนฺติ, อปฺปฏิปชฺชนฺตา วามคาหิโน นาม ชาตาติ ทสฺเสติ. อจฺจาวทนฺเตติ อติกฺกมฺม วทนฺเต, สุตปริยตฺตึ นิสฺสาย อติวิย วาทํ กโรนฺเตติ อตฺโถ. โก พหุตรํ ภาสิสฺสตีติ ธมฺมํ กเถนฺโต โก พหุํ ภาสิสฺสติ, กึ ตฺวํ, อุทาหุ อหนฺติ? โก สุนฺทรตรนฺติ, เอโก พหุํ ภาสนฺโต อสหิตํ อมธุรํ ภาสติ, เอโก สหิตํ ¶ มธุรํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘โก สุนฺทรตร’’นฺติ? เอโก ปน พหฺุจ สุนฺทรฺจ กเถนฺโต จิรํ น ภาสติ, ลหฺุเว อุฏฺาติ, เอโก อทฺธานํ ปาเปติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘โก จิรตร’’นฺติ? ฉฏฺํ.
๗. ทุติยโอวาทสุตฺตวณฺณนา
๑๕๐. สตฺตเม ¶ ¶ สทฺธาติ โอกปฺปนสทฺธา. วีริยนฺติ กายิกเจตสิกํ วีริยํ. ปฺาติ กุสลธมฺมชานนปฺา. น สนฺติ ภิกฺขู โอวาทกาติ อิมสฺส ปุคฺคลสฺส โอวาทกา อนุสาสกา กลฺยาณมิตฺตา นตฺถีติ อิทํ, ภนฺเต, ปริหานนฺติ ทสฺเสติ. สตฺตมํ.
๘. ตติยโอวาทสุตฺตวณฺณนา
๑๕๑. อฏฺเม ตถา หิ ปนาติ ปุพฺเพ โสวจสฺสตาย, เอตรหิ จ โทวจสฺสตาย การณปฏฺปเน นิปาโต. ตตฺราติ เตสุ เถเรสุ. โก นามายํ ภิกฺขูติ โก นาโม อยํ ภิกฺขุ? กึ ติสฺสตฺเถโร กึ นาคตฺเถโรติ? ตตฺราติ ตสฺมึ เอวํ สกฺกาเร กยิรมาเน. ตถตฺตายาติ ตถาภาวาย, อารฺิกาทิภาวายาติ อตฺโถ. สพฺรหฺมจาริกาโมติ ‘‘อิเม มํ ปริวาเรตฺวา จรนฺตู’’ติ เอวํ กาเมติ อิจฺฉติ ปตฺเถตีติ สพฺรหฺมจาริกาโม. ตถตฺตายาติ ลาภสกฺการนิพฺพตฺตนตฺถาย. พฺรหฺมจารุปทฺทเวนาติ โย สพฺรหฺมจารีนํ จตูสุ ปจฺจเยสุ อธิมตฺตจฺฉนฺทราโค อุปทฺทโวติ วุจฺจติ, เตน อุปทฺทุตา. อภิปตฺถนาติ อธิมตฺตปตฺถนา. พฺรหฺมจาริอภิปตฺถเนนาติ พฺรหฺมจารีนํ อธิมตฺตปตฺถนาสงฺขาเตน จตุปจฺจยภาเวน. อฏฺมํ.
๙. ฌานาภิฺสุตฺตวณฺณนา
๑๕๒. นวเม ยาวเทว อากงฺขามีติ ยาวเทว อิจฺฉามิ. ยานิ ปน อิโต ปรํ วิวิจฺเจว กาเมหีติอาทินา นเยน จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ, สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมาติอาทินา นเยน จตสฺโส อรูปสมาปตฺติโย, สพฺพโส เนวสฺานาสฺายตนํ สมติกฺกมฺม สฺาเวทยิตนิโรธนฺติ เอวํ นิโรธสมาปตฺติ, อเนกวิหิตํ ¶ อิทฺธิวิธนฺติอาทินา นเยน ปฺจ โลกิกาภิฺา จ วุตฺตา. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ อนุปทวณฺณนาย เจว ¶ ภาวนาวิธาเนน จ สทฺธึ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖๙) วิตฺถาริตเมว. ฉฬภิฺาย ปน อาสวานํ ขยาติ อาสวานํ ขเยน. อนาสวนฺติ อาสวานํ อปจฺจยภูตํ. เจโตวิมุตฺตินฺติ อรหตฺตผลสมาธึ. ปฺาวิมุตฺตินฺติ อรหตฺตผลปฺํ. นวมํ.
๑๐. อุปสฺสยสุตฺตวณฺณนา
๑๕๓. ทสเม ¶ อายาม, ภนฺเตติ กสฺมา ภิกฺขุนีอุปสฺสยคมนํ ยาจติ? น ลาภสกฺการเหตุ, กมฺมฏฺานตฺถิกา ปเนตฺถ ภิกฺขุนิโย อตฺถิ, ตา อุสฺสุกฺกาเปตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปสฺสามีติ ยาจติ. นนุ จ โส สยมฺปิ เตปิฏโก พหุสฺสุโต, กึ สยํ กเถตุํ น สกฺโกตีติ? โน น สกฺโกติ. พุทฺธปฏิภาคสฺส ปน สาวกสฺส กถํ สทฺธาตพฺพํ มฺิสฺสนฺตีติ ยาจติ. พหุกิจฺโจ ตฺวํ พหุกรณีโยติ กึ เถโร นวกมฺมาทิปสุโต, เยน นํ เอวมาหาติ? โน, สตฺถริ ปน ปรินิพฺพุเต จตสฺโส ปริสา อานนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทานิ กสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา จรถ, กสฺส ปริเวณํ สมฺมชฺชถ, กสฺส มุโขทกํ เทถา’’ติ โรทนฺติ ปริเทวนฺติ. เถโร ‘‘อนิจฺจา สงฺขารา, วุทฺธสรีเรปิ นิลฺลชฺโชว มจฺจุราชา ปหริ. เอสา สงฺขารานํ ธมฺมตา, มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถา’’ติ ปริสํ สฺาเปติ. อิทมสฺส พหุกิจฺจํ. ตํ สนฺธาย เถโร เอวมาห. สนฺทสฺเสสีติ ปฏิปตฺติคุณํ ทสฺเสสิ. สมาทเปสีติ คณฺหาเปสิ. สมุตฺเตเชสีติ สมุสฺสาเหสิ. สมฺปหํเสสีติ ปฏิลทฺธคุเณน โมทาเปสิ.
ถุลฺลติสฺสาติ สรีเรน ถูลา, นาเมน ติสฺสา. เวเทหมุนิโนติ ปณฺฑิตมุนิโน. ปณฺฑิโต หิ าณสงฺขาเตน เวเทน อีหติ สพฺพกิจฺจานิ กโรติ, ตสฺมา ‘‘เวเทโห’’ติ วุจฺจติ. เวเทโห จ โส มุนิ จาติ, เวเทหมุนิ. ธมฺมํ ¶ ภาสิตพฺพํ มฺตีติ ติปิฏกธรสฺส ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส สมฺมุเข สยํ อรฺวาสี ปํสุกูลิโก สมาโน ‘‘ธมฺมกถิโก อห’’นฺติ ธมฺมํ ภาสิตพฺพํ มฺติ. อิทํ กึ ปน, กถํ ปนาติ? อวชานมานา ภณติ. อสฺโสสีติ อฺเน อาคนฺตฺวา อาโรจิตวเสน อสฺโสสิ. อาคเมหิ ตฺวํ, อาวุโสติ ติฏฺ ตฺวํ, อาวุโส. มา เต สงฺโฆ อุตฺตริ อุปปริกฺขีติ มา ภิกฺขุสงฺโฆ อติเรกโอกาเส ตํ อุปปริกฺขีติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อานนฺเทน พุทฺธปฏิภาโค สาวโก วาริโต, เอกา ภิกฺขุนี น วาริตา, ตาย สทฺธึ สนฺถโว วา สิเนโห วา ภวิสฺสตี’’ติ มา ตํ สงฺโฆ เอวํ อมฺีติ.
อิทานิ ¶ ¶ อตฺตโน พุทฺธปฏิภาคภาวํ ทีเปนฺโต ตํ กึ มฺสิ, อาวุโสติอาทิมาห? สตฺตรตนนฺติ สตฺตหตฺถปฺปมาณํ. นาคนฺติ หตฺถึ. อฑฺฒฏฺรตนํ วาติ อฑฺฒรตเนน อูนอฏฺรตนํ, ปุริมปาทโต ปฏฺาย ยาว กุมฺภา วิทตฺถาธิกสตฺตหตฺถุพฺเพธนฺติ อตฺโถ. ตาลปตฺติกายาติ ตรุณตาลปณฺเณน. จวิตฺถาติ จุตา, น มตา วา นฏฺา วา, พุทฺธปฏิภาคสฺส ปน สาวกสฺส อุปวาทํ วตฺวา มหากสฺสปตฺเถเร ฉหิ อภิฺาหิ สีหนาทํ นทนฺเต ตสฺสา กาสาวานิ กณฺฏกสาขา วิย กจฺฉุสาขา วิย จ สรีรํ ขาทิตุํ อารทฺธานิ, ตานิ หาเรตฺวา เสตกานิ นิวตฺถกฺขเณเยวสฺสา จิตฺตสฺสาโท อุทปาทีติ. ทสมํ.
๑๑. จีวรสุตฺตวณฺณนา
๑๕๔. เอกาทสเม ทกฺขิณาคิริสฺมินฺติ ราชคหํ ปริวาเรตฺวา ิตสฺส คิริโน ทกฺขิณภาเค ชนปโท ทกฺขิณาคิริ นาม, ตสฺมึ จาริกํ จรตีติ อตฺโถ. จาริกา จ นาม ทุวิธา โหติ ตุริตจาริกา จ อตุริตจาริกา จ. ตตฺถ ยํ เอกจฺโจ เอกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา ปตฺตจีวรํ อํเส ลคฺเคตฺวา ฉตฺตํ อาทาย สรีรโต เสเทหิ ปคฺฆรนฺเตหิ ทิวเสน สตฺตฏฺโยชนานิ คจฺฉติ, ยํ วา ปน พุทฺธา กิฺจิเทว ¶ โพธเนยฺยสตฺตํ ทิสฺวา โยชนสตมฺปิ โยชนสหสฺสมฺปิ ขเณน คจฺฉนฺติ, เอสา ตุริตจาริกา นาม. เทวสิกํ ปน คาวุตํ อฑฺฒโยชนํ ติคาวุตํ โยชนนฺติ เอตฺตกํ อทฺธานํ อชฺชตนาย นิมนฺตนํ อธิวาสยโต ชนสงฺคหํ กโรโต คมนํ, เอสา อตุริตจาริกา นาม. อยํ อิธ อธิปฺเปตา.
นนุ จ เถโร ปฺจวีสติ วสฺสานิ ฉายา วิย ทสพลสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต คจฺฉนฺโตว อโหสิ, ‘‘กหํ อานนฺโท’’ติ วจนสฺส โอกาสเมว น อทาสิ, โส กิสฺมึ กาเล ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ จาริกํ จริตุํ โอกาสํ ลภตีติ? สตฺถุ ปรินิพฺพานสํวจฺฉเร. ปรินิพฺพุเต กิร สตฺถริ มหากสฺสปตฺเถโร สตฺถุ ปรินิพฺพาเน สนฺนิปติตสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ปฺจสเต ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา, ‘‘อาวุโส, มยํ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมวินยํ สงฺคายิสฺสาม, ตุมฺเห ปุเร ¶ วสฺสูปนายิกาย อตฺตโน ปลิโพธํ อุจฺฉินฺทิตฺวา ราชคเห สนฺนิปตถา’’ติ วตฺวา อตฺตนา ราชคหํ คโต. อานนฺทตฺเถโรปิ ภควโต ปตฺตจีวรํ อาทาย มหาชนํ สฺาเปนฺโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา ตโต นิกฺขมฺม ราชคหํ คจฺฉนฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ จาริกํ จริ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
เยภุยฺเยน ¶ กุมารภูตาติ เย เต หีนายาวตฺตา นาม, เต เยภุยฺเยน กุมารกา ทหรา ตรุณา เอกวสฺสิกทฺเววสฺสิกา ภิกฺขู เจว อนุปสมฺปนฺนกุมารกา จ. กสฺมา ปเนเต ปพฺพชิตา, กสฺมา หีนายาวตฺตาติ? เตสํ กิร มาตาปิตโร จินฺเตสุํ – ‘‘อานนฺทตฺเถโร สตฺถุ วิสฺสาสิโก อฏฺ วเร ยาจิตฺวา อุปฏฺหติ, อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ สตฺถารํ คเหตฺวา คนฺตุํ สกฺโกติ, อมฺหากํ ทารเก เอตสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชม, โส สตฺถารํ คเหตฺวา อาคมิสฺสติ, ตสฺมึ อาคเต มยํ มหาสกฺการํ กาตุํ ลภิสฺสามา’’ติ. อิมินา ตาว การเณน เนสํ าตกา เต ปพฺพาเชสุํ. สตฺถริ ปน ปรินิพฺพุเต เตสํ สา ปตฺถนา อุปจฺฉินฺนา, อถ เต เอกทิวเสเนว อุปฺปพฺพาเชสุํ.
ยถาภิรนฺตนฺติ ¶ ยถารุจิยา ยถาอชฺฌาสเยน. ติกโภชนํ ปฺตฺตนฺติ, อิทํ ‘‘คณโภชเน อฺตฺร สมยา ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๑๑). อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ ติณฺณํ ชนานํ อกปฺปิยนิมนฺตนํ สาทิยิตฺวา เอกโต ปฏิคฺคณฺหนฺตานมฺปิ อนาปตฺติ, ตสฺมา ‘‘ติกโภชน’’นฺติ วุตฺตํ.
ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายาติ ทุสฺสีลปุคฺคลานํ นิคฺคณฺหนตฺถํ. เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารายาติ ทุมฺมงฺกูนํ นิคฺคเหเนว เปสลานํ อุโปสถปวารณา วตฺตนฺติ, สมคฺควาโส โหติ, อยํ เตสํ ผาสุวิหาโร โหติ, อิมสฺส ผาสุวิหารสฺส อตฺถาย. มา ปาปิจฺฉา ปกฺขํ นิสฺสาย สงฺฆํ ภินฺเทยฺยุนฺติ ยถา เทวทตฺโต สปริโส กุเลสุ วิฺาเปตฺวา ภฺุชนฺโต ปาปิจฺเฉ นิสฺสาย สงฺฆํ ภินฺทิ, เอวํ อฺเปิ ปาปิจฺฉา คณพนฺเธน กุเลสุ วิฺาเปตฺวา ภฺุชมานา คณํ วฑฺเฒตฺวา ตํ ปกฺขํ นิสฺสาย มา สงฺฆํ ภินฺเทยฺยุนฺติ, อิติ อิมินา การเณน ปฺตฺตนฺติ อตฺโถ. กุลานุทฺทยตาย จาติ ภิกฺขุสงฺเฆ อุโปสถปวารณํ กตฺวา สมคฺควาสํ วสนฺเต ¶ มนุสฺสา สลากภตฺตาทีนิ ทตฺวา สคฺคปรายณา ภวนฺติ, อิติ อิมาย กุลานุทฺทยตาย จ ปฺตฺตนฺติ อตฺโถ.
สสฺสฆาตํ มฺเ จรสีติ สสฺสํ ฆาเตนฺโต วิย อาหิณฺฑสิ. กุลูปฆาตํ มฺเ จรสีติ กุลานิ อุปฆาเตนฺโต วิย หนนฺโต วิย อาหิณฺฑสิ. โอลุชฺชตีติ วิเสเสน ปลุชฺชติ ภิชฺชติ. ปลุชฺชนฺติ โข เต, อาวุโส, นวปฺปายาติ, อาวุโส, เอเต ตุยฺหํ ปาเยน เยภุยฺเยน นวกา เอกวสฺสิกทุวสฺสิกา ทหรา เจว สามเณรา จ ปลุชฺชนฺติ ภิชฺชนฺติ. น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ อยํ กุมารโก อตฺตโน ปมาณํ น ชานาตีติ เถรํ ตชฺเชนฺโต อาห.
กุมารกวาทา ¶ น มุจฺจามาติ กุมารกวาทโต น มุจฺจาม ¶ . ตถา หิ ปน ตฺวนฺติ อิทมสฺส เอวํ วตฺตพฺพตาย การณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา ตฺวํ อิเมหิ นเวหิ ภิกฺขูหิ อินฺทฺริยสํวรรหิเตหิ สทฺธึ วิจรสิ, ตสฺมา กุมารเกหิ สทฺธึ วิจรนฺโต กุมารโกติ วตฺตพฺพตํ อรหสีติ.
อฺติตฺถิยปุพฺโพ สมาโนติ อิทํ ยสฺมา เถรสฺส อิมสฺมึ สาสเน เนว อาจริโย น อุปชฺฌาโย ปฺายติ, สยํ กาสายานิ คเหตฺวา นิกฺขนฺโต, ตสฺมา อนตฺตมนตาย อฺติตฺถิยปุพฺพตํ อาโรปยมานา อาห.
สหสาติ เอตฺถ ราคโมหจาโรปิ สหสาจาโร, อิทํ ปน โทสจารวเสน วุตฺตํ. อปฺปฏิสงฺขาติ อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา, อิทานิ อตฺตโน ปพฺพชฺชํ โสเธนฺโต ยตฺวาหํ, อาวุโสติอาทิมาห. ตตฺถ อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิสิตุนฺติ เปตฺวา ภควนฺตํ อฺํ มยฺหํ สตฺถาติ เอวํ อุทฺทิสิตุํ น ชานามิ. สมฺพาโธ ฆราวาโสติอาทีสุ สเจปิ สฏฺิหตฺเถ ฆเร โยชนสตนฺตเรปิ วา ทฺเว ชายมฺปติกา วสนฺติ, ตถาปิ เตสํ สกิฺจนสปลิโพธฏฺเน ฆราวาโส สมฺพาโธเยว. รชาปโถติ ราครชาทีนํ อุฏฺานฏฺานนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. ‘‘อาคมนปโถ’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อลคฺคนฏฺเน อพฺโภกาโส วิยาติ อพฺโภกาโส. ปพฺพชิโต หิ กูฏาคารรตนมยปาสาทเทววิมานาทีสุ ปิหิตทฺวารวาตปาเนสุ ปฏิจฺฉนฺเนสุ วสนฺโตปิ เนว ลคฺคติ น สชฺชติ น พชฺฌติ, เตน วุตฺตํ ¶ ‘‘อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา’’ติ. อปิจ สมฺพาโธ ฆราวาโส กุสลกิริยาย โอกาสาภาวโต รชาปโถ อสํวุตสงฺการฏฺานํ วิย รชานํ, กิเลสรชานํ สนฺนิปาตฏฺานโต, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา กุสลกิริยาย ยถา สุขํ โอกาสสพฺภาวโต.
นยิทํ สุกรํ…เป… ปพฺพเชยฺยนฺติ เอตฺถ อยํ สงฺเขปกถา – ยเทตํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกมฺปิ ทิวสํ อขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ ¶ จริตพฺพํ, เอกทิวสมฺปิ จ กิเลสมเลน อมลีนํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ, สงฺขลิขิตํ ลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฏิภาคํ จริตพฺพํ, อิทํ น สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺตปริปุณฺณํ…เป… จริตุํ, ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กสายรสปีตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ปริทหิตฺวา อคารสฺมา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพชฺเชยฺยนฺติ. เอตฺถ จ ยสฺมา อคารสฺส ¶ หิตํ กสิวณิชฺชาทิกมฺมํ อคาริยนฺติ วุจฺจติ, ตํ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา อนคาริยาติ าตพฺพา, ตํ อนคาริยํ. ปพฺพเชยฺยนฺติ ปฏิปชฺเชยฺยํ.
ปฏปิโลติกานนฺติ ชิณฺณปิโลติกานํ เตรสหตฺโถปิ หิ นวสาฏโก ทสานํ ฉินฺนกาลโต ปฏฺาย ปิโลติกาติ วุจฺจติ. อิติ มหารหานิ วตฺถานิ ฉินฺทิตฺวา กตํ สงฺฆาฏึ สนฺธาย ‘‘ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ วุตฺตํ. อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโนติ อฑฺฒโยชนโต ปฏฺาย มคฺโค อทฺธานนฺติ วุจฺจติ, ตํ อทฺธานมคฺคํ ปฏิปนฺโน, ทีฆมคฺคํ ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ.
อิทานิ ยถา เอส ปพฺพชิโต, ยถา จ อทฺธานมคฺคํ ปฏิปนฺโน, อิมสฺสตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ อภินีหารโต ปฏฺาย อนุปุพฺพิกถา กเถตพฺพา – อตีเต กิร กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา อุทปาทิ, ตสฺมึ หํสวตีนครํ อุปนิสฺสาย เขเม มิคทาเย วิหรนฺเต เวเทโห นาม กุฏุมฺพิโก อสีติโกฏิธนวิภโว ปาโตว สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย คนฺธปุปฺผาทีนิ คเหตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา มหานิสภตฺเถรํ นาม ตติยสาวกํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ¶ ภิกฺขูนํ ธุตวาทานํ ยทิทํ นิสโภ’’ติ เอตทคฺเค เปสิ. อุปาสโก ¶ ตํ สุตฺวา ปสนฺโน ธมฺมกถาวสาเน มหาชเน อุฏฺาย คเต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ อธิวาเสถา’’ติ อาห. มหา โข, อุปาสก, ภิกฺขุสงฺโฆติ. กิตฺตโก ภควาติ. อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺสนฺติ. ภนฺเต, เอกํ สามเณรมฺปิ วิหาเร อเสเสตฺวา ภิกฺขํ อธิวาเสถาติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. อุปาสโก สตฺถุ อธิวาสนํ วิทิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา มหาทานํ สชฺเชตฺวา ปุนทิวเส สตฺถุ กาลํ อาโรจาเปสิ. สตฺถา ปตฺตจีวรมาทาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อุปาสกสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ทกฺขิโณทกาวสาเน ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ภตฺตวิสฺสคฺคํ อกาสิ. อุปาสโกปิ สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิ.
ตสฺมึ อนฺตเร มหานิสภตฺเถโร ปิณฺฑาย จรนฺโต ตเมว วีถึ ปฏิปชฺชิ. อุปาสโก ทิสฺวา อุฏฺาย คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ปตฺตํ, ภนฺเต, โน เทถา’’ติ อาห. เถโร ปตฺตํ อทาสิ. ภนฺเต, อิเธว ปวิสถ, สตฺถาปิ เคเห นิสินฺโนติ. น วฏฺฏิสฺสติ อุปาสกาติ. อุปาสโก เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา นีหริตฺวา อทาสิ. ตโต เถรํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺโต สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, มหานิสภตฺเถโร ‘สตฺถา เคเห นิสินฺโน’ติ วุตฺเตปิ ปวิสิตุํ ¶ น อิจฺฉิ, อตฺถิ นุ โข เอตสฺส ตุมฺหากํ คุเณหิ อติเรโก คุโณ’’ติ. พุทฺธานฺจ วณฺณมจฺเฉรํ นาม นตฺถิ. อถ สตฺถา เอวมาห – ‘‘อุปาสก, มยํ ภิกฺขํ อาคมยมานา เคเห นิสีทาม, โส ภิกฺขุ น เอวํ นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ อุทิกฺขติ. มยํ คามนฺตเสนาสเน วสาม, โส อรฺสฺมึเยว วสติ. มยํ ฉนฺเน วสาม, โส อพฺโภกาสมฺหิเยว วสติ. อิติ ตสฺส อยฺจ อยฺจ คุโณ’’ติ มหาสมุทฺทํ ปูรยมาโนว กเถสิ. อุปาสโก ปกติยาปิ ชลมานทีโป เตเลน อาสิตฺโต วิย สุฏฺุตรํ ปสนฺโน หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘กึ มยฺหํ อฺาย สมฺปตฺติยา, อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก ธุตวาทานํ อคฺคภาวตฺถาย ปตฺถนํ กริสฺสามี’’ติ?
โส ¶ ปุนปิ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา เตเนว นิยาเมน สตฺต ทิวสานิ ทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ติจีวรานิ ทตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ เม, ภนฺเต, สตฺต ทิวสานิ ทานํ เทนฺตสฺส ¶ เมตฺตํ กายกมฺมํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ, อิมินาหํ น อฺํ เทวสมฺปตฺตึ วา สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺตึ วา ปตฺเถมิ, อิทํ ปน เม กมฺมํ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก มหานิสภตฺเถเรน ปตฺตฏฺานนฺตรํ ปาปุณนตฺถาย เตรสธุตงฺคธรานํ อคฺคภาวสฺส ปจฺจโย โหตู’’ติ. สตฺถา ‘‘มหนฺตํ านํ อิมินา ปตฺถิตํ, สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข’’ติ โอโลเกนฺโต สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา อาห – ‘‘มนาปํ เต านํ ปตฺถิตํ, อนาคเต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส ตฺวํ ตติยสาวโก มหากสฺสปตฺเถโร นาม ภวิสฺสสี’’ติ. ตํ สุตฺวา อุปาสโก ‘‘พุทฺธานํ ทฺเว กถา นาม นตฺถี’’ติ ปุนทิวเส ปตฺตพฺพํ วิย ตํ สมฺปตฺตึ อมฺิตฺถ. โส ยาวตายุกํ สีลํ รกฺขิตฺวา ตตฺถ กาลงฺกโต สคฺเค นิพฺพตฺติ.
ตโต ปฏฺาย เทวมนุสฺเสสุ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสิมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธ พนฺธุมตีนครํ นิสฺสาย เขเม มิคทาเย วิหรนฺเต เทวโลกา จวิตฺวา อฺตรสฺมึ ปริชิณฺเณ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺมิฺจ กาเล ‘‘วิปสฺสี ภควา สตฺตเม สตฺตเม สํวจฺฉเร ธมฺมํ กเถตี’’ติ มหนฺตํ โกลาหลํ โหติ. สกลชมฺพุทีเป เทวตา ‘‘สตฺถา ธมฺมํ กเถสฺสตี’’ติ อาโรเจนฺติ, พฺราหฺมโณ ตํ สาสนํ อสฺโสสิ. ตสฺส จ นิวาสนสาฏโก เอโก โหติ, ตถา พฺราหฺมณิยา, ปารุปนํ ปน ทฺวินฺนมฺปิ เอกเมว. สกลนคเร ‘‘เอกสาฏกพฺราหฺมโณ’’ติ ปฺายติ. พฺราหฺมณานํ เกนจิเทว กิจฺเจน สนฺนิปาเต สติ พฺราหฺมณึ เคเห เปตฺวา สยํ คจฺฉติ ¶ , พฺราหฺมณีนํ สนฺนิปาเต สติ สยํ เคเห ติฏฺติ, พฺราหฺมณี ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา คจฺฉติ. ตสฺมึ ปน ¶ ทิวเส พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘โภติ, กึ รตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ สุณิสฺสสิ ทิวา’’ติ? ‘‘มยํ มาตุคามชาติกา นาม รตฺตึ โสตุํ น สกฺโกม, ทิวา โสสฺสามี’’ติ พฺราหฺมณํ เคเห เปตฺวา วตฺถํ ปารุปิตฺวา อุปาสิกาหิ สทฺธึ ทิวา คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺเต นิสินฺนา ธมฺมํ สุตฺวา อุปาสิกาหิเยว สทฺธึ อาคมาสิ. อถ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณึ เคเห เปตฺวา วตฺถํ ปารุปิตฺวา วิหารํ คโต.
ตสฺมึ จ สมเย สตฺถา ปริสมชฺเฌ อลงฺกตธมฺมาสเน สนฺนิสินฺโน จิตฺตพีชนึ อาทาย อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย สิเนรุํ มตฺถํ กตฺวา ¶ สาครํ นิมฺมเถนฺโต วิย ธมฺมกถํ กเถติ. พฺราหฺมณสฺส ปริสนฺเต นิสินฺนสฺส ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปมยามสฺมึเยว สกลสรีรํ ปูรยมานา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ปารุตวตฺถํ สงฺฆริตฺวา ‘‘ทสพลสฺส ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. อถสฺส อาทีนวสหสฺสํ ทสฺสยมานํ มจฺเฉรํ อุปฺปชฺชิ, โส ‘‘พฺราหฺมณิยา จ มยฺหฺจ เอกเมว วตฺถํ, อฺํ กิฺจิ ปารุปนํ นตฺถิ, อปารุปิตฺวา จ นาม พหิ จริตุํ น สกฺกา’’ติ สพฺพถาปิ อทาตุกาโม อโหสิ. อถสฺส นิกฺขนฺเต ปมยาเม มชฺฌิมยาเมปิ ตเถว ปีติ อุปฺปชฺชิ, โส ตเถว จ จินฺเตตฺวา ตเถว อทาตุกาโม อโหสิ. อถสฺส มชฺฌิมยาเม นิกฺขนฺเต ปจฺฉิมยาเมปิ ตเถว ปีติ อุปฺปชฺชิ, โส ‘‘ตรณํ วา โหตุ มรณํ วา, ปจฺฉาปิ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺถํ สงฺฆริตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล เปสิ. ตโต วามหตฺถํ อาภุชิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน ติกฺขตฺตุํ อปฺโผเฏตฺวา ‘‘ชิตํ เม ชิตํ เม’’ติ ตโย วาเร นทิ.
ตสฺมิฺจ สมเย พนฺธุมราชา ธมฺมาสนสฺส ปจฺฉโต อนฺโตสาณิยํ นิสินฺโน ธมฺมํ สุณาติ. รฺโ จ นาม ‘‘ชิตํ เม’’ติ สทฺโท อมนาโป โหติ. โส ปุริสํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ เอตํ ปุจฺฉ กึ วเทสี’’ติ? โส เตน คนฺตฺวา ปุจฺฉิโต อาห – ‘‘อวเสสา หตฺถิยานาทีนิ อารุยฺห อสิจมฺมาทีนิ คเหตฺวา ปรเสนํ ชินนฺติ, น ตํ อจฺฉริยํ, อหํ ปน ¶ ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตสฺส กูฏโคณสฺส มุคฺคเรน สีสํ ภินฺทิตฺวา ตํ ปลาเปนฺโต วิย มจฺเฉรจิตฺตํ มทฺทิตฺวา ปารุตวตฺถํ ทสพลสฺส อทาสึ, ตํ เม มจฺฉริยํ ชิต’’นฺติ อาห. ปุริโส คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา อาห – ‘‘อมฺเห ภเณ ทสพลสฺส อนุรูปํ น ชานิมฺหา, พฺราหฺมโณ ปน ชานี’’ติ วตฺถยุคมฺปิ เปเสสิ. ตํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มยฺหํ ตุณฺหี นิสินฺนสฺส ปมํ กิฺจิ อทตฺวา สตฺถุ คุเณ กเถนฺตสฺส อทาสิ, สตฺถุ คุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺเนน มยฺหํ ¶ โก อตฺโถ’’ติ ตมฺปิ วตฺถยุคํ ทสพลสฺเสว อทาสิ. ราชา ‘‘กึ พฺราหฺมเณน กต’’นฺติ? ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ตมฺปิ เตน วตฺถยุคํ ตถาคตสฺเสว ทินฺน’’นฺติ สุตฺวา อฺานิ ทฺเว วตฺถยุคานิ เปเสสิ. โส ตานิปิ อทาสิ. ราชา อฺานิปิ จตฺตารีติ เอวํ ยาว ทฺวตฺตึส วตฺถยุคานิ เปเสสิ. อถ พฺราหฺมโณ ¶ ‘‘อิทํ วฑฺเฒตฺวา คหณํ วิย โหตี’’ติ อตฺตโน อตฺถาย เอกํ พฺราหฺมณิยา อตฺถาย เอกนฺติ ทฺเว วตฺถยุคานิ คเหตฺวา ตึส ยุคานิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ตโต ปฏฺาย จ สตฺถุ วิสฺสาสิโก ชาโต.
อถ นํ ราชา เอกทิวสํ สีตสมเย สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺตํ ทิสฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกํ อตฺตโน ปารุตํ รตฺตกมฺพลํ ทตฺวา อาห – ‘‘อิโต ปฏฺาย อิทํ ปารุปิตฺวา ธมฺมํ สุณาหี’’ติ. โส ‘‘กึ เม อิมินา กมฺพเลน อิมสฺมึ ปูติกาเย อุปนีเตนา’’ติ? จินฺเตตฺวา, อนฺโตคนฺธกุฏิยํ ตถาคตมฺจสฺส อุปริ วิตานํ กตฺวา อคมาสิ. อถ เอกทิวสํ ราชา ปาโตว วิหารํ คนฺตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํ สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิ. ตสฺมิฺจ สมเย ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย กมฺพลํ ปฏิหฺนฺติ, กมฺพโล อติวิย วิโรจติ. ราชา อุทฺธํ โอโลเกนฺโต สฺชานิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ เอส กมฺพโล, อมฺเหหิ เอกสาฏกพฺราหฺมณสฺส ทินฺโน’’ติ. ตุมฺเหหิ, มหาราช, พฺราหฺมโณ ปูชิโต, พฺราหฺมเณน อหํ ปูชิโตติ. ราชา ‘‘พฺราหฺมโณ ยุตฺตกํ อฺาสิ, น มย’’นฺติ ปสีทิตฺวา ยํ มนุสฺสานํ อุปการภูตํ, ตํ ¶ สพฺพํ อฏฺฏฺกํ กตฺวา สพฺพฏฺกํ นาม ทานํ ทตฺวา ปุโรหิตฏฺาเน เปสิ. โสปิ ‘‘อฏฺฏฺกํ นาม จตุสฏฺิ โหตี’’ติ จตุสฏฺิ สลากภตฺตานิ อุปนิพนฺธาเปตฺวา ยาวชีวํ ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา ตโต จุโต สคฺเค นิพฺพตฺติ.
ปุน ตโต จุโต อิมสฺมึ กปฺเป โกณาคมนสฺส จ ภควโต กสฺสปทสพลสฺส จาติ ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ อนฺตเร พาราณสิยํ กุฏุมฺพิยฆเร นิพฺพตฺโต, โส วุทฺธิมนฺวาย ฆราวาสํ วสนฺโต เอกทิวสํ อรฺเ ชงฺฆวิหารํ จรติ. ตสฺมิฺจ สมเย ปจฺเจกพุทฺโธ นทีตีเร จีวรกมฺมํ กโรนฺโต อนุวาเต อปฺปโหนฺเต สงฺฆริตฺวา เปตุํ อารทฺโธ. โส ทิสฺวา, ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, สงฺฆริตฺวา เปถา’’ติ? อาห. อนุวาโต นปฺปโหตีติ. ‘‘อิมินา, ภนฺเต, กโรถา’’ติ สาฏกํ ทตฺวา, ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เม เกนจิ ปริหานิ มา โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. ฆเรปิสฺส ภคินิยา สทฺธึ ภริยาย กลหํ กโรนฺติยา ปจฺเจกพุทฺโธ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.
อถสฺส ¶ ¶ ภคินี ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา ตสฺส ภริยํ สนฺธาย ‘‘เอวรูปํ พาลํ โยชนสเตน ปริวชฺเชยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. สา เคหทฺวาเร ิตา ตํ สุตฺวา, ‘‘อิมาย ทินฺนํ ภตฺตํ เอส มา ภฺุชตู’’ติ ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตํ ฉฑฺเฑตฺวา กลลสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. อิตรา ทิสฺวา, ‘‘พาเล มํ ตาว อกฺโกส วา ปหร วา. เอวรูปสฺส ปน ทฺเว อสงฺเขยฺยานิ ปูริตปารมิสฺส ปตฺตโต ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา กลลํ ทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ อาห. อถสฺส ภริยาย ปฏิสงฺขานํ อุปฺปชฺชิ. สา ‘‘ติฏฺถ, ภนฺเต’’ติ กลลํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา ปวรสฺส จตุมธุรสฺส ปูเรตฺวา อุปริ อาสิตฺเตน ปทุมคพฺภวณฺเณน สปฺปินา วิชฺโชตมานํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ เปตฺวา, ‘‘ยถา อยํ ปิณฺฑปาโต โอภาสชาโต, เอวํ โอภาสชาตํ เม สรีรํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ อนุโมทิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เตปิ ชายมฺปติกา ยาวตายุกํ กุสลํ กตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ¶ ปุน ตโต จวิตฺวา อุปาสโก พาราณสิยํ อสีติโกฏิวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อิตรา ตาทิสสฺเสว ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ.
ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺตสฺส ตเมว เสฏฺิธีตรํ อานยึสุ. ตสฺสา ปุพฺเพ อทินฺนวิปากสฺส ตสฺส กมฺมสฺส อานุภาเวน ปติกุลํ ปวิฏฺมตฺตาย อุมฺมารพฺภนฺตเร สกลสรีรํ อุคฺฆาฏิตวจฺจกุฏิ วิย ทุคฺคนฺธํ ชาตํ. เสฏฺิกุมาโร ‘‘กสฺสายํ คนฺโธ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เสฏฺิกฺายา’’ติ สุตฺวา ‘‘นีหรถ นีหรถา’’ติ อาภตนิยาเมเนว กุลฆรํ เปเสสิ. สา เอเตเนว นีหาเรน สตฺตสุ าเนสุ ปฏินิวตฺติตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สตฺตสุ าเนสุ ปฏินิวตฺตา. กึ เม ชีวิเตนา’’ติ? อตฺตโน อาภรณภณฺฑํ ภฺชาเปตฺวา สุวณฺณิฏฺกํ กาเรสิ รตนายตํ วิทตฺถิวิตฺถตํ จตุรงฺคุลุพฺเพธํ. ตโต หริตาลมโนสิลาปิณฺฑํ คเหตฺวา อฏฺ อุปฺปลหตฺถเก อาทาย กสฺสปทสพลสฺส เจติยกรณฏฺานํ คตา. ตสฺมิฺจ ขเณ เอกา อิฏฺกปนฺติ ปริกฺขิปิตฺวา อาคจฺฉมานา ฆฏนิฏฺกาย อูนา โหติ. เสฏฺิธีตา วฑฺฒกึ อาห – ‘‘อิมํ อิฏฺกํ เอตฺถ เปถา’’ติ. อมฺม, ภทฺทเก กาเล อาคตาสิ, สยเมว เปหีติ. สา อารุยฺห เตเลน หริตาลมโนสิลํ โยเชตฺวา เตน พนฺธเนน อิฏฺกํ ปติฏฺเปตฺวา อุปริ ¶ อฏฺหิ อุปฺปลหตฺถเกหิ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เม กายโต จนฺทนคนฺโธ วายตุ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา, เจติยํ วนฺทิตฺวา, ปทกฺขิณํ กตฺวา อคมาสิ.
อถ ตสฺมึเยว ขเณ ยสฺส เสฏฺิปุตฺตสฺส ปมํ เคหํ นีตา, ตสฺส ตํ อารพฺภ สติ อุทปาทิ ¶ . นคเรปิ นกฺขตฺตํ สํฆุฏฺํ โหติ. โส อุปฏฺาเก อาห – ‘‘ตทา อิธ อานีตา เสฏฺิธีตา อตฺถิ, กหํ สา’’ติ? ‘‘กุลเคเห สามี’’ติ. ‘‘อาเนถ นํ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ. เต คนฺตฺวา, ตํ วนฺทิตฺวา ิตา ‘‘กึ, ตาตา, อาคตตฺถา’’ติ? ตาย ปุฏฺา ¶ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ‘‘ตาตา, มยา อาภรณภณฺเฑน เจติยํ ปูชิตํ, อาภรณํ เม นตฺถี’’ติ. เต คนฺตฺวา เสฏฺิปุตฺตสฺส อาโรเจสุํ. ‘‘อาเนถ นํ, ปิฬนฺธนํ ลภิสฺสามา’’ติ. เต อานยึสุ. ตสฺสา สห ฆรปฺปเวเสน สกลเคหํ จนฺทนคนฺธฺเจว นีลุปฺปลคนฺธฺจ วายิ.
เสฏฺิปุตฺโต ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปมํ ตว สรีรโต ทุคฺคนฺโธ วายิ, อิทานิ ปน เต สรีรโต จนฺทนคนฺโธ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ. กึ เอต’’นฺติ? สา อาทิโต ปฏฺาย อตฺตโน กตกมฺมํ อาโรเจสิ. เสฏฺิปุตฺโต ‘‘นิยฺยานิกํ วต พุทฺธานํ สาสน’’นฺติ ปสีทิตฺวา โยชนิกํ สุวณฺณเจติยํ กมฺพลกฺจุเกน ปริกฺขิปิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ รถจกฺกปฺปมาเณหิ สุวณฺณปทุเมหิ อลงฺกริ. เตสํ ทฺวาทสหตฺถา โอลมฺพกา โหนฺติ. โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิโต โยชนมตฺเต าเน อฺตรสฺมึ อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติ. เสฏฺิกฺา เทวโลกโต จวิตฺวา ราชกุเล เชฏฺธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ.
เตสุ วยปฺปตฺเตสุ กุมารสฺส วสนคาเม นกฺขตฺตํ สํฆุฏฺํ, โส มาตรํ อาห – ‘‘สาฏกํ เม อมฺม เทหิ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ. สา โธตวตฺถํ นีหริตฺวา อทาสิ. ‘‘อมฺม ถูลํ อิท’’นฺติ. อฺํ นีหริตฺวา อทาสิ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิ. อฺํ นีหริตฺวา อทาสิ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ มาตา อาห – ‘‘ตาต, ยาทิเส เคเห มยํ ชาตา, นตฺถิ โน อิโต สุขุมตรสฺส ปฏิลาภาย ปฺุ’’นฺติ. ‘‘ลภนฏฺานํ คจฺฉามิ อมฺมา’’ติ. ‘‘ปุตฺต อหํ อชฺเชว ตุยฺหํ พาราณสินคเร รชฺชปฏิลาภมฺปิ อิจฺฉามี’’ติ. โส มาตรํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉามิ อมฺมา’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ตาตา’’ติ. เอวํ กิรสฺสา จิตฺตํ อโหสิ ¶ – ‘‘กหํ คมิสฺสติ, อิธ วา เอตฺถ วา เคเห นิสีทิสฺสตี’’ติ? โส ปน ปฺุนิยาเมน นิกฺขมิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา อุยฺยาเน มงฺคลสิลาปฏฺเฏ สสีสํ ปารุปิตฺวา นิปชฺชิ. โส จา พาราณสิรฺโ กาลงฺกตสฺส สตฺตโม ทิวโส โหติ.
อมจฺจา รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ราชงฺคเณ นิสีทิตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘รฺโ เอกา ธีตาว อตฺถิ, ปุตฺโต นตฺถิ. อราชกํ รชฺชํ น ติฏฺติ. โก ราชา โหตี’’ติ มนฺเตตฺวา, ‘‘ตฺวํ ¶ โหหิ, ตฺวํ โหหี’’ติ. ปุโรหิโต ¶ อาห – ‘‘พหุํ โอโลเกตุํ น วฏฺฏติ, ผุสฺสรถํ วิสฺสชฺเชมา’’ติ. เต กุมุทวณฺเณ จตฺตาโร สินฺธเว โยเชตฺวา, ปฺจวิธํ ราชกกุธภณฺฑํ เสตจฺฉตฺตฺจ รถสฺมึเยว เปตฺวา รถํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปจฺฉโต ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสุํ. รโถ ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุยฺยานาภิมุโข อโหสิ, ‘‘ปริจเยน อุยฺยานาภิมุโข คจฺฉติ, นิวตฺเตมา’’ติ เกจิ อาหํสุ. ปุโรหิโต ‘‘มา นิวตฺตยิตฺถา’’ติ อาห. รโถ กุมารํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาโรหนสชฺโช หุตฺวา อฏฺาสิ. ปุโรหิโต ปารุปนกณฺณํ อปเนตฺวา ปาทตลานิ โอโลเกนฺโต ‘‘ติฏฺตุ อยํ ทีโป, ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ ทีเปสุ เอส รชฺชํ กาตุํ ยุตฺโต’’ติ วตฺวา, ‘‘ปุนปิ ตูริยานิ ปคฺคณฺหาถ ปุนปิ ปคฺคณฺหาถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสิ.
อถ กุมาโร มุขํ วิวริตฺวา โอโลเกตฺวา, ‘‘เกน กมฺเมน อาคตตฺถา’’ติ? อาห. ‘‘เทว, ตุมฺหากํ รชฺชํ ปาปุณาตี’’ติ. ‘‘ราชา กห’’นฺติ. ‘‘เทวตฺตํ คโต สามี’’ติ. ‘‘กติ ทิวสา อติกฺกนฺตา’’ติ? ‘‘อชฺช สตฺตโม ทิวโส’’ติ. ‘‘ปุตฺโต วา ธีตา วา นตฺถี’’ติ. ‘‘ธีตา อตฺถิ เทว, ปุตฺโต นตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ กริสฺสามิ รชฺช’’นฺติ. เต ตาวเทว อภิเสกมณฺฑปํ กตฺวา ราชธีตรํ สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อุยฺยานํ อาเนตฺวา กุมารสฺส อภิเสกํ อกํสุ.
อถสฺส กตาภิเสกสฺส สตสหสฺสคฺฆนิกํ วตฺถํ อุปหรึสุ. โส ‘‘กิมิทํ, ตาตา’’ติ? อาห. ‘‘นิวาสนวตฺถํ เทวา’’ติ. ‘‘นนุ, ตาตา, ถูล’’นฺติ. ‘‘มนุสฺสานํ ปริโภควตฺเถสุ อิโต สุขุมตรํ นตฺถิ เทวา’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ ราชา เอวรูปํ นิวาเสสี’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘น มฺเ ปฺุวา ตุมฺหากํ ¶ ราชา, สุวณฺณภิงฺคารํ อาหรถ, ลภิสฺสาม วตฺถ’’นฺติ. สุวณฺณภิงฺคารํ อาหรึสุ. โส อุฏฺาย หตฺเถ โธวิตฺวา, มุขํ วิกฺขาเลตฺวา, หตฺเถน อุทกํ อาทาย, ปุรตฺถิมทิสาย อพฺภุกฺกิริ, ฆนปถวึ ¶ ภินฺทิตฺวา อฏฺ กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ปุน อุทกํ คเหตฺวา ทกฺขิณํ ปจฺฉิมํ อุตฺตรนฺติ เอวํ จตสฺโส ทิสา อพฺภุกฺกิริ, สพฺพทิสาสุ อฏฺ อฏฺ กตฺวา ทฺวตฺตึส กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. โส เอกํ ทิพฺพทุสฺสํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา ‘‘นนฺทรฺโ วิชิเต สุตฺตกนฺติกา อิตฺถิโย มา สุตฺตํ กนฺตึสูติ เอวํ เภรึ จาราเปถา’’ติ วตฺวา, ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา, อลงฺกตปฏิยตฺโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ ปวิสิตฺวา, ปาสาทํ อารุยฺห มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิ.
เอวํ ¶ กาเล คจฺฉนฺเต เอกทิวสํ เทวี รฺโ สมฺปตฺตึ ทิสฺวา, ‘‘อโห ตปสฺสี’’ติ การฺุาการํ ทสฺเสสิ. ‘‘กิมิทํ เทวี’’ติ? จ ปุฏฺา, ‘‘อติมหตี, เทว, สมฺปตฺติ, อตีเต พุทฺธานํ สทฺทหิตฺวา กลฺยาณํ อกตฺถ, อิทานิ อนาคตสฺส ปจฺจยํ กุสลํ น กโรถา’’ติ? อาห. ‘‘กสฺส ทสฺสามิ? สีลวนฺโต นตฺถี’’ติ. ‘‘อสฺุโ, เทว, ชมฺพุทีโป อรหนฺเตหิ, ตุมฺเห ทานเมว สชฺเชถ, อหํ อรหนฺเต ลจฺฉามี’’ติ อาห. ราชา ปุนทิวเส ปาจีนทฺวาเร ทานํ สชฺชาเปสิ. เทวี ปาโตว อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย อุปริปาสาเท ปุรตฺถาภิมุขา อุเรน นิปชฺชิตฺวา – ‘‘สเจ เอติสฺสา ทิสาย อรหนฺโต อตฺถิ, อาคจฺฉนฺตุ อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ อาห. ตสฺสํ ทิสายํ อรหนฺโต นาเหสุํ. ตํ สกฺการํ กปณทฺธิกยาจกานํ อทํสุ.
ปุนทิวเส ทกฺขิณทฺวาเร ทานํ สชฺเชตฺวา ตเถว อกาสิ, ปุนทิวเส ปจฺฉิมทฺวาเร. อุตฺตรทฺวาเร สชฺชิตทิวเส ปน เทวิยา ตเถว นิมนฺเตนฺติยา หิมวนฺเต วสนฺตานํ ปทุมวติยา ปุตฺตานํ ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ เชฏฺโก มหาปทุมปจฺเจกพุทฺโธ ภาติเก อามนฺเตสิ ‘‘มาริสา, นนฺทราชา ¶ ตุมฺเห นิมนฺเตติ, อธิวาเสถ ตสฺสา’’ติ. เต อธิวาเสตฺวา ปุนทิวเส อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อากาเสน อาคนฺตฺวา อุตฺตรทฺวาเร โอตรึสุ. มนุสฺสา คนฺตฺวา ‘‘ปฺจสตา, เทว, ปจฺเจกพุทฺธา อาคตา’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา สทฺธึ เทวิยา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา เตสํ ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา ¶ สงฺฆเถรสฺส, เทวี สงฺฆนวกสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘อยฺยา ปจฺจเยหิ น กิลมิสฺสนฺติ, มยํ ปฺุเน น หายิสฺสาม, อมฺหากํ ยาวชีวํ อิธ นิวาสาย ปฏิฺํ เทถา’’ติ ปฏิฺํ กาเรตฺวา อุยฺยาเน ปฺจ ปณฺณสาลาสตานิ ปฺจ จงฺกมนสตานีติ สพฺพากาเรน นิวาสฏฺานํ สมฺปาเทตฺวา ตตฺถ วสาเปสุํ.
เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต รฺโ ปจฺจนฺโต กุปิโต. ‘‘อหํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ คจฺฉามิ, ตฺวํ ปจฺเจกพุทฺเธสุ มา ปมชฺชี’’ติ เทวึ โอวทิตฺวา คโต. ตสฺมึ อนาคเตเยว ปจฺเจกพุทฺธานํ อายุสงฺขารา ขีณา. มหาปทุมปจฺเจกพุทฺโธ ติยามรตฺตึ ฌานกีฬํ กีฬิตฺวา อรุณุคฺคมเน อาลมฺพนผลกํ อาลมฺพิตฺวา ิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอเตนุปาเยน เสสาปีติ สพฺเพปิ ปรินิพฺพุตา. ปุนทิวเส เทวี ปจฺเจกพุทฺธานํ นิสีทนฏฺานํ หริตูปลิตฺตํ กาเรตฺวา ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา ธูปํ ทตฺวา เตสํ อาคมนํ โอโลกยนฺตี ¶ นิสินฺนา อาคมนํ อปสฺสนฺตี ปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, ตาต, ชานาหิ, กึ อยฺยานํ กิฺจิ อผาสุก’’นฺติ? โส คนฺตฺวา มหาปทุมสฺส ปณฺณสาลาย ทฺวารํ วิวริตฺวา ตตฺถ อปสฺสนฺโต จงฺกมนํ คนฺตฺวา อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ิตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘กาโล, ภนฺเต’’ติ อาห. ปรินิพฺพุตสรีรํ กึ กเถสฺสติ? โส ‘‘นิทฺทายติ มฺเ’’ติ คนฺตฺวา ปิฏฺิปาเท หตฺเถน ปรามสิ. ปาทานํ สีตลตาย เจว ถทฺธตาย จ ปรินิพฺพุตภาวํ ตฺวา ทุติยสฺส สนฺติกํ อคมาสิ, เอวํ ตติยสฺสาติ สพฺเพสํ ปรินิพฺพุตภาวํ ตฺวา ราชกุลํ คโต. ‘‘กหํ, ตาต, ปจฺเจกพุทฺธา’’ติ? ปุฏฺโ ‘‘ปรินิพฺพุตา, เทวี’’ติ อาห. เทวี กนฺทนฺตี โรทนฺตี นิกฺขมิตฺวา นาคเรหิ ¶ สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา สาธุกีฬิตํ กาเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสิ.
ราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคโต ปจฺจุคฺคมนํ อาคตํ เทวึ ปุจฺฉิ ‘‘กึ, ภทฺเท, ปจฺเจกพุทฺเธสุ นปฺปมชฺชิ, นิโรคา อยฺยา’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุตา เทวา’’ติ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘เอวรูปานมฺปิ ปณฺฑิตานํ มรณํ อุปฺปชฺชติ, อมฺหากํ กุโต โมกฺโข’’ติ? โส นครํ อคนฺตฺวา อุยฺยานเมว ปวิสิตฺวา เชฏฺปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตสฺส รชฺชํ ปฏิยาเทตฺวา สยํ สมณกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ, เทวีปิ ¶ ‘‘อิมสฺมึ ปพฺพชิเต อหํ กึ กริสฺสามี’’ติ? ตตฺเถว อุยฺยาเน ปพฺพชิตา. ทฺเวปิ ฌานํ ภาเวตฺวา ตโต จุตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตึสุ.
เตสุ ตตฺเถว วสนฺเตสุ อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ ปาวิสิ. อยํ ปิปฺปลิมาณโว มคธรฏฺเ มหาติตฺถพฺราหฺมณคาเม กปิลพฺราหฺมณสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต, อยํ ภทฺทา กาปิลานี มทฺทรฏฺเ สาคลนคเร โกสิยโคตฺตพฺราหฺมณสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺตา. เตสํ โข อนุกฺกเมน วฑฺฒมานานํ ปิปฺปลิมาณวสฺส วีสติเม วสฺเส ภทฺทาย โสฬสเม วสฺเส สมฺปตฺเต มาตาปิตโร ปุตฺตํ โอโลเกตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ วยปฺปตฺโต, กุลวํโส นาม ปติฏฺเปตพฺโพ’’ติ อติวิย นิปฺปีฬยึสุ. มาณโว อาห – ‘‘มยฺหํ โสตปเถ เอวรูปํ กถํ มา กเถถ. อหํ ยาว ตุมฺเห ธรถ, ตาว ปฏิชคฺคิสฺสามิ, ตุมฺหากํ ปจฺฉโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เต กติปาหํ อติกฺกมิตฺวา ปุน กถยึสุ, โสปิ ตเถว ปฏิกฺขิปิ. ปุน กถยึสุ, ปุนปิ ปฏิกฺขิปิ. ตโต ปฏฺาย มาตา นิรนฺตรํ กเถติเยว.
มาณโว ¶ ‘‘มม มาตรํ สฺาเปสฺสามี’’ติ รตฺตสุวณฺณสฺส นิกฺขสหสฺสํ ทตฺวา สุวณฺณกาเรหิ เอกํ อิตฺถิรูปํ การาเปตฺวา ตสฺส มชฺชนฆฏฺฏนาทิกมฺมปริโยสาเน ตํ รตฺตวตฺถํ นิวาสาเปตฺวา วณฺณสมฺปนฺเนหิ ปุปฺเผหิ เจว นานาอลงฺกาเรหิ จ อลงฺการาเปตฺวา มาตรํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘อมฺม เอวรูปํ อารมฺมณํ ลภนฺโต เคเห วสามิ, อลภนฺโต ¶ น วสามี’’ติ. ปณฺฑิตา พฺราหฺมณี จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ปฺุวา ทินฺนทาโน กตาภินีหาโร, ปฺุํ กโรนฺโต น เอกโกว อกาสิ, อทฺธา เอเตน สห กตปฺุา สุวณฺณรูปกปฏิภาคา ภวิสฺสตี’’ติ อฏฺ พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา สพฺพกาเมหิ สนฺตปฺเปตฺวา สุวณฺณรูปกํ รถํ อาโรเปตฺวา, ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ยตฺถ อมฺหากํ ชาติโคตฺตโภเคหิ สมานกุเล เอวรูปํ ทาริกํ ปสฺสถ, อิมเมว สุวณฺณรูปกํ, ปณฺณาการํ กตฺวา เทถา’’ติ อุยฺโยเชสิ.
เต ‘‘อมฺหากํ นาม เอตํ กมฺม’’นฺติ นิกฺขมิตฺวา, ‘‘กตฺถ คมิสฺสามา’’ติ? จินฺเตตฺวา, ‘‘มทฺทรฏฺํ นาม อิตฺถากโร, มทฺทรฏฺํ คมิสฺสามา’’ติ มทฺทรฏฺเ สาคลนครํ ¶ อคมึสุ. ตตฺถ ตํ สุวณฺณรูปกํ นฺหานติตฺเถ เปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ ภทฺทาย ธาตี ภทฺทํ นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา สิริคพฺเภ นิสีทาเปตฺวา นฺหายิตุํ อาคจฺฉนฺตี ตํ รูปกํ ทิสฺวา, ‘‘อยฺยธีตา เม อิธาคตา’’ติ สฺาย ตชฺเชตฺวา ‘‘ทุพฺพินิเต, กึ ตฺวํ อิธาคตา’’ติ? ตลสตฺติกํ อุคฺคิริตฺวา, ‘‘คจฺฉ สีฆ’’นฺติ คณฺฑปสฺเส ปหริ. หตฺโถ ปาสาเณ ปฏิหโต วิย กมฺปิตฺถ. สา ปฏิกฺกมิตฺวา ‘‘เอวํ ถทฺธํ นาม มหาคีวํ ทิสฺวา, ‘อยฺยธีตา เม’ติ สฺํ อุปฺปาเทสึ, อยฺยธีตาย หิ เม อยํ นิวาสนปฏิคฺคาหิกาปิ อยุตฺตา’’ติ อาห. อถ นํ เต มนุสฺสา ปริวาเรตฺวา ‘‘เอวรูปา เต สามิธีตา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘กึ เอสา, อิมาย สตคุเณน สหสฺสคุเณน มยฺหํ อยฺยา อภิรูปตรา, ทฺวาทสหตฺเถ คพฺเภ นิสินฺนาย ปทีปกิจฺจํ นตฺถิ, สรีโรภาเสเนว ตมํ วิธมตี’’ติ. ‘‘เตน หิ อาคจฺฉา’’ติ ตํ ขุชฺชํ คเหตฺวา สุวณฺณรูปกํ รถํ อาโรเปตฺวา โกสิยโคตฺตสฺส ฆรทฺวาเร ตฺวา อาคมนํ นิเวทยึสุ.
พฺราหฺมโณ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา, ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘มคธรฏฺเ มหาติตฺถคาเม กปิลพฺราหฺมณสฺส ฆรโต’’ติ. ‘‘กึ ¶ การณา อาคตา’’ติ. ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ. ‘‘กลฺยาณํ, ตาตา, สมชาติโคตฺตวิภโว อมฺหากํ พฺราหฺมโณ, ทสฺสามิ ทาริก’’นฺติ ปณฺณาการํ คณฺหิ. เต กปิลพฺราหฺมณสฺส สาสนํ ปหิณึสุ – ‘‘ลทฺธา ทาริกา, กตฺตพฺพํ กโรถา’’ติ. ตํ สาสนํ สุตฺวา ปิปฺปลิมาณวสฺส อาโรจยึสุ – ‘‘ลทฺธา กิร ทาริกา’’ติ. มาณโว ‘‘อหํ น ¶ ลภิสฺสามีติ จินฺเตสึ, อิเม ลทฺธาติ จ วทนฺติ, อนตฺถิโก หุตฺวา ปณฺณํ เปสิสฺสามี’’ติ รโหคโต ปณฺณํ ลิขิ, ‘‘ภทฺทา อตฺตโน ชาติโคตฺตโภคานุรูปํ ฆราวาสํ ลภตุ, อหํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามิ, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารินี อโหสี’’ติ. ภทฺทาปิ ‘‘อสุกสฺส กิร มํ ทาตุกามา’’ติ สุตฺวา รโหคตา ปณฺณํ ลิขิ, ‘‘อยฺยปุตฺโต อตฺตโน ชาติโคตฺตโภคานุรูปํ ฆราวาสํ ลภตุ. อหํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามิ, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสี’’ติ. ทฺเวปิ ปณฺณานิ อนฺตรามคฺเค สมาคจฺฉึสุ. ‘‘อิทํ กสฺส ปณฺณ’’นฺติ? ปิปฺปลิมาณเวน ภทฺทาย ปหิตนฺติ. ‘‘อิทํ กสฺส ปณฺณ’’นฺติ? ภทฺทาย ปิปฺปลิมาณวสฺส ปหิตนฺติ จ วุตฺเต ทฺเวปิ วาเจตฺวา, ‘‘ปสฺสถ ทารกานํ กมฺม’’นฺติ ผาเลตฺวา อรฺเ ฉฑฺเฑตฺวา ¶ สมานปณฺณํ ลิขิตฺวา อิโต จ เอตฺโต จ เปเสสุํ. อิติ เตสํ อนิจฺฉมานานํเยว สมาคโม อโหสิ.
ตํทิวสํเยว จ มาณโวปิ เอกํ ปุปฺผทามํ คนฺถาเปสิ, ภทฺทาปิ เอกํ คนฺถาเปสิ. ตานิ อาสนมชฺเฌ เปตฺวา ภุตฺตสายมาสา อุโภปิ ‘‘สยนํ อารุหิสฺสามา’’ติ สมาคนฺตฺวา มาณโว ทกฺขิณปสฺเสน สยนํ อารุหิ. ภทฺทา วามปสฺเสน อารุหิตฺวา อาห – ‘‘ยสฺส ปสฺเส ปุปฺผานิ มิลายนฺติ, ตสฺส ราคจิตฺตํ อุปฺปนฺนนฺติ วิชานิสฺสาม, อิมํ ปุปฺผทามํ น อลฺลียิตพฺพ’’นฺติ. เต ปน อฺมฺสฺส สรีรสมฺผสฺสภเยน ติยามรตฺตึ นิทฺทํ อโนกฺกมนฺตาว วีตินาเมนฺติ, ทิวา ปน หสิตมตฺตมฺปิ น โหติ. เต โลกามิเสน อสํสฏฺา ยาว มาตาปิตโร ธรนฺติ, ตาว กุฏุมฺพํ อวิจาเรตฺวา ¶ เตสุ กาลงฺกเตสุ วิจารยึสุ. มหตี มาณวสฺส สมฺปตฺติ, เอกทิวสํ สรีรํ อุพฺพฏฺเฏตฺวา ฉฑฺเฑตพฺพํ สุวณฺณจุณฺณเมว มคธนาฬิยา ทฺวาทสนาฬิมตฺตํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ. ยนฺตพทฺธานิ สฏฺิ มหาตฬากานิ, กมฺมนฺโต ทฺวาทสโยชนิโก, อนุราธปุรปฺปมาณา จุทฺทส ทาสคามา, จุทฺทส หตฺถานีกา, จุทฺทส อสฺสานีกา, จุทฺทส รถานีกา.
โส เอกทิวสํ อลงฺกตํ อสฺสํ อารุยฺห มหาชนปริวุโต กมฺมนฺตํ คนฺตฺวา เขตฺตโกฏิยํ ิโต นงฺคเลหิ ภินฺนฏฺานโต กากาทโย สกุเณ คณฺฑุปฺปาทกาทิปาเณ อุทฺธริตฺวา ขาทนฺเต ทิสฺวา, ‘‘ตาตา, อิเม กึ ขาทนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ? ‘‘คณฺฑุปฺปาทเก อยฺยา’’ติ. ‘‘เอเตหิ กตํ ปาปํ กสฺส โหตี’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ, อยฺยา’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เอเตหิ กตํ ปาปํ มยฺหํ โหติ, กึ เม กริสฺสติ สตฺตอสีติโกฏิธนํ? กึ ทฺวาทสโยชโน กมฺมนฺโต, กึ ยนฺตพทฺธานิ ¶ สฏฺิ มหาตฬากานิ, กึ จุทฺทส คามา? สพฺพเมตํ ภทฺทาย กาปิลานิยา นิยฺยาเตตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ.
ภทฺทาปิ กาปิลานี ตสฺมึ ขเณ อพฺภนฺตรวตฺถุมฺหิ ตโย ติลกุมฺเภ ปตฺถราเปตฺวา ธาตีหิ ปริวุตา นิสินฺนา กาเก ติลปาณเก ขาทมาเน ทิสฺวา, ‘‘อมฺมา กึ อิเม ขาทนฺตี’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘ปาณเก อยฺเย’’ติ. ‘‘อกุสลํ กสฺส โหตี’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ อยฺเย’’ติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ จตุหตฺถวตฺถํ นาฬิโกทนมตฺตฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ยทิ จ ปเนตํ เอตฺตเกน ชเนน กตํ อกุสลํ มยฺหํ โหติ, ภวสหสฺเสนปิ วฏฺฏโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺกา ¶ , อยฺยปุตฺเต อาคตมตฺเตเยว สพฺพํ ตสฺส นิยฺยาเตตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสามี’’ติ.
มาณโว อาคนฺตฺวา นฺหตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทิ, อถสฺส จกฺกวตฺติโน อนุจฺฉวิกํ โภชนํ สชฺชยึสุ. ทฺเวปิ ภฺุชิตฺวา ปริชเน นิกฺขนฺเต รโหคตา ผาสุกฏฺาเน นิสีทึสุ. ตโต มาณโว ภทฺทํ อาห – ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อิมํ ฆรํ อาคจฺฉนฺตี กิตฺตกํ ธนํ อาหรี’’ติ? ‘‘ปฺจปณฺณาส สกฏสหสฺสานิ อยฺยา’’ติ. ‘‘เอตํ สพฺพํ, ยา จ อิมสฺมึ ฆเร สตฺตอสีติโกฏิโย, ยนฺตพทฺธา สฏฺิตฬากาทิเภทา สมฺปตฺติ ¶ อตฺถิ, สพฺพํ ตุยฺหํเยว นิยฺยาเตมี’’ติ. ‘‘ตุมฺเห ปน อยฺยา’’ติ. ‘‘อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘อยฺยา อหมฺปิ ตุมฺหากํเยว อาคมนํ โอโลกยมานา นิสินฺนา, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เตสํ อาทิตฺตปณฺณกุฏิ วิย ตโย ภวา อุปฏฺหึสุ. เต ‘‘ปพฺพชิสฺสามา’’ติ วตฺวา อนฺตราปณโต กสายรสปีตานิ วตฺถานิ มตฺติกาปตฺเต จ อาหราเปตฺวา อฺมฺํ เกเส โอหาเรตฺวา, ‘‘เย โลเก อรหนฺโต, เต อุทฺทิสฺส อมฺหากํ ปพฺพชฺชา’’ติ ปพฺพชิตฺวา ถวิกาสุ ปตฺเต โอสาเปตฺวา อํเส ลคฺเคตฺวา ปาสาทโต โอตรึสุ. เคเห ทาเสสุ จ กมฺมกาเรสุ จ น โกจิ สฺชานิ.
อถ เน พฺราหฺมณคามโต นิกฺขมฺม ทาสคามทฺวาเรน คจฺฉนฺเต อากปฺปกุตฺตวเสน ทาสคามวาสิโน สฺชานึสุ. เต รุทนฺตา ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘กึ อมฺเห อนาเถ กโรถ อยฺยา’’ติ? อาหํสุ. ‘‘มยํ, ภเณ ‘อาทิตฺตปณฺณสาลา วิย ตโย ภวา’ติ ปพฺพชิมฺหา, สเจ ตุมฺเหสุ เอเกกํ ภุชิสฺสํ กโรม, วสฺสสตมฺปิ นปฺปโหติ, ตุมฺเหว ตุมฺหากํ สีสํ โธวิตฺวา ภุชิสฺสา หุตฺวา ชีวถา’’ติ วตฺวา เตสํ โรทนฺตานํเยว ปกฺกมึสุ. เถโร ปุรโต คจฺฉนฺโต นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ภทฺทา กาปิลานี สกลชมฺพุทีปคฺฆนิกา อิตฺถี มยฺหํ ¶ ปจฺฉโต อาคจฺฉติ. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ โกจิเทว เอวํ จินฺเตยฺย ‘อิเม ปพฺพชิตฺวาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, อนนุจฺฉวิกํ กโรนฺตี’’ติ. ‘‘โกจิ วา ปน มนํ ปทูเสตฺวา อปายปูรโก ภเวยฺย. อิมํ ปหาย มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ.
โส ¶ ปุรโต คจฺฉนฺโต ทฺเวธาปถํ ทิสฺวา ตสฺส มตฺถเก อฏฺาสิ. ภทฺทาปิ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ อาห – ‘‘ภทฺเท, ตาทิสึ อิตฺถึ มม ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา, ‘อิเม ปพฺพชิตฺวาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺตี’ติ จินฺเตตฺวา อมฺเหสุ ปทุฏฺจิตฺโต มหาชโน อปายปูรโก ภเวยฺย. อิมสฺมึ ทฺเวธาปเถ ตฺวํ เอกํ คณฺห, อหํ เอเกน ¶ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘อาม, อยฺย, ปพฺพชิตานํ มาตุคาโม นาม มลํ, ‘ปพฺพชิตฺวาปิ วินา น ภวนฺตี’ติ อมฺหากํ โทสํ ปสฺสนฺติ, ตุมฺเห เอกํ มคฺคํ คณฺหถ, วินา ภวิสฺสามา’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห, ‘‘สตสหสฺสกปฺปปฺปมาเณ อทฺธาเน กโต มิตฺตสนฺถโว อชฺช ภิชฺชตี’’ติ วตฺวา, ‘‘ตุมฺเห ทกฺขิณชาติกา นาม, ตุมฺหากํ ทกฺขิณมคฺโค วฏฺฏติ, มยํ มาตุคามา นาม วามชาติกา, อมฺหากํ วามมคฺโค วฏฺฏตี’’ติ วนฺทิตฺวา มคฺคํ ปฏิปนฺนา. เตสํ ทฺเวธาภูตกาเล อยํ มหาปถวี ‘‘อหํ จกฺกวาฬคิริสิเนรุปพฺพเต ธาเรตุํ สกฺโกนฺตีปิ ตุมฺหากํ คุเณ ธาเรตุํ น สกฺโกมี’’ติ วทนฺตี วิย วิรวมานา อกมฺปิ, อากาเส อสนิสทฺโท วิย ปวตฺติ, จกฺกวาฬปพฺพโต อุนฺนทิ.
สมฺมาสมฺพุทฺโธ เวฬุวนมหาวิหาเร คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโน ปถวีกมฺปนสทฺทํ สุตฺวา, ‘‘กสฺส นุ โข ปถวี กมฺปตี’’ติ? อาวชฺเชนฺโต ‘‘ปิปฺปลิมาณโว จ ภทฺทา จ กาปิลานี มํ อุทฺทิสฺส อปฺปเมยฺยํ สมฺปตฺตึ ปหาย ปพฺพชิตา, เตสํ วิโยคฏฺาเน อุภินฺนมฺปิ คุณพเลน อยํ ปถวีกมฺโป ชาโต, มยาปิ เอเตสํ สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม สยเมว ปตฺตจีวรํ อาทาย, อสีติมหาเถเรสุ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา ติคาวุตํ มคฺคํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ราชคหสฺส จ นาฬนฺทาย จ อนฺตเร พหุปุตฺตกนิคฺโรธรุกฺขมูเล ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. นิสีทนฺโต ปน อฺตโร ปํสุกูลิโก วิย อนิสีทิตฺวา พุทฺธเวสํ คเหตฺวา อสีติหตฺถา ฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต นิสีทิ. อิติ ตสฺมึ ขเณ ปณฺณฉตฺตสกฏจกฺกกูฏาคาราทิปฺปมาณา พุทฺธรสฺมิโย อิโต จิโต จ วิปฺผนฺทนฺติโย วิธาวนฺติโย จนฺทิมสหสฺสสูริยสหสฺสอุคฺคมนกาโล วิย กุรุมานา ตํ วนนฺตรํ เอโกภาสํ อกํสุ. ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานํ ¶ สิริยา สมุชฺชลิตตาราคณํ วิย คคนํ, สุปุปฺผิตกมลกุวลยํ วิย สลิลํ, วนนฺตรํ ¶ วิโรจิตฺถ. นิคฺโรธรุกฺขสฺส นาม ขนฺโธ เสโต ¶ โหติ, ปตฺตานิ นีลานิ ปกฺกานิ รตฺตานิ. ตสฺมึ ปน ทิวเส สตสาโข นิคฺโรธรุกฺโข สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ.
อิติ ยา สา อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโนติ ปทสฺส อตฺถํ วตฺวา, ‘‘อิทานิ ยถา เอส ปพฺพชิโต, ยถา จ อทฺธานมคฺคํ ปฏิปนฺโน. อิมสฺส อตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ อภินีหารโต ปฏฺาย อยํ อนุปุพฺพิกถา กเถตพฺพา’’ติ วุตฺตา, สา เอวํ เวทิตพฺพา.
อนฺตรา จ ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทนฺติ ราชคหสฺส จ นาฬนฺทาย จ อนฺตเร. สตฺถารฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยนฺติ สเจ อหํ สตฺถารํ ปสฺเสยฺยํ, อิมํเยว ภควนฺตํ ปสฺเสยฺยํ. น หิ เม อิโต อฺเน สตฺถารา ภวิตุํ สกฺกาติ. สุคตฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยนฺติ สเจ อหํ สมฺมาปฏิปตฺติยา สุฏฺุ คตตฺตา สุคตํ นาม ปสฺเสยฺยํ, อิมํเยว ภควนฺตํ ปสฺเสยฺยํ. น หิ เม อิโต อฺเน สุคเตน ภวิตุํ สกฺกาติ. สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยนฺติ สเจ อหํ สมฺมา สามฺจ สจฺจานิ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธํ นาม ปสฺเสยฺยํ, อิมํเยว ภควนฺตํ ปสฺเสยฺยํ. น หิ เม อิโต อฺเน สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภวิตุํ สกฺกาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. เอวํ ทสฺสเนเนว ‘‘ภควติ ‘อยํ สตฺถา, อยํ สุคโต, อยํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’ติ นิกฺกงฺโข อหํ, อาวุโส, อโหสิ’’นฺติ ทีเปติ. สตฺถา เม, ภนฺเตติ อิทํ กิฺจาปิ ทฺเว วาเร อาคตํ, ติกฺขตฺตุํ ปน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิมินา หิ โส ‘‘เอวํ ติกฺขตฺตุํ สาวกตฺตํ สาเวสึ, อาวุโส’’ติ ทีเปติ.
อชานฺเวาติ อชานมาโนว. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยาติ ยสฺส อฺสฺส ‘‘อชานํเยว ชานามี’’ติ ปฏิฺสฺส พาหิรกสฺส สตฺถุโน เอวํ สพฺพเจตสา สมนฺนาคโต ปสนฺนจิตฺโต สาวโก เอวรูปํ ปรมนิปจฺจการํ กเรยฺย, ตสฺส วณฺฏฉินฺนตาลปกฺกํ วิย คีวโต มุทฺธาปิ วิปเตยฺย, สตฺตธา ปน ผเลยฺยาติ อตฺโถ. กึ วา เอเตน, สเจ มหากสฺสปตฺเถโร ¶ อิมินา จิตฺตปฺปสาเทน อิมํ ปรมนิปจฺจการํ มหาสมุทฺทสฺส กเรยฺย, ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตอุทกพินฺทุ วิย วิลยํ คจฺเฉยฺย. สเจ จกฺกวาฬสฺส กเรยฺย, ถุสมุฏฺิ วิย วิกิเรยฺย. สเจ สิเนรุปพฺพตสฺส กเรยฺย, กากตุณฺเฑน ปหฏปิฏฺมุฏฺิ วิย วิทฺธํเสยฺย ¶ . สเจ มหาปถวิยา กเรยฺย, วาตาหตภสฺมปฺุโช วิย วิกิเรยฺย. เอวรูโปปิ ปน เถรสฺส นิปจฺจากาโร ¶ สตฺถุ สุวณฺณวณฺเณ ปาทปิฏฺเ โลมมตฺตมฺปิ วิโกเปตุํ นาสกฺขิ. ติฏฺตุ จ มหากสฺสโป, มหากสฺสปสทิสานํ ภิกฺขูนํ สหสฺสมฺปิ สตสหสฺสมฺปิ นิปจฺจาการทสฺสเนน เนว ทสพลสฺส ปาทปิฏฺเ โลมมตฺตมฺปิ วิโกเปตุํ ปํสุกูลจีวเร วา อํสุมตฺตมฺปิ จาเลตุํ สกฺโกติ. เอวํ มหานุภาโว หิ สตฺถา.
ตสฺมาติห เต กสฺสปาติ ยสฺมา อหํ ชานนฺโต เอว ‘‘ชานามี’’ติ, ปสฺสนฺโต เอว จ ‘‘ปสฺสามี’’ติ วทามิ, ตสฺมา, กสฺสป, ตยา เอวํ สิกฺขิตพฺพํ. ติพฺพนฺติ พหลํ มหนฺตํ. หิโรตฺตปฺปนฺติ หิรี จ โอตฺตปฺปฺจ. ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสตีติ ปมตรเมว อุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ. โย หิ เถราทีสุ หิโรตฺตปฺปํ อุปฏฺเปตฺวา อุปสงฺกมติ เถราทโยปิ ตํ สหิริกา สโอตฺตปฺปา จ หุตฺวา อุปสงฺกมนฺตีติ อยเมตฺถ อานิสํโส. กุสลูปสํหิตนฺติ กุสลสนฺนิสฺสิตํ. อฏฺึ กตฺวาติ อตฺตานํ เตน ธมฺเมน อฏฺิกํ กตฺวา, ตํ วา ธมฺมํ ‘‘เอส มยฺหํ อตฺโถ’’ติ อฏฺึ กตฺวา. มนสิ กตฺวาติ จิตฺเต เปตฺวา. สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวาติ จิตฺตสฺส โถกมฺปิ พหิ คนฺตุํ อเทนฺโต สพฺเพน สมนฺนาหารจิตฺเตน สมนฺนาหริตฺวา. โอหิตโสโตติ ปิตโสโต, าณโสตฺจ ปสาทโสตฺจ โอทหิตฺวา มยา เทสิตํ ธมฺมํ สกฺกจฺจเมว สุณิสฺสามีติ เอวฺหิ เต สิกฺขิตพฺพํ. สาตสหคตา จ เม กายคตาสตีติ อสุเภสุ เจว อานาปาเน จ ปมชฺฌานวเสน สุขสมฺปยุตฺตา กายคตาสติ. โย จ ปนายํ ติวิโธ โอวาโท, เถรสฺส อยเมว ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ อโหสิ.
สรโณติ ¶ สกิเลโส สอิโณ หุตฺวา. รฏฺปิณฺฑํ ภฺุชินฺติ สทฺธาเทยฺยํ ภฺุชึ. จตฺตาโร หิ ปริโภคา เถยฺยปริโภโค อิณปริโภโค ทายชฺชปริโภโค สามิปริโภโคติ. ตตฺถ ทุสฺสีลสฺส สงฺฆมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ภฺุชนฺตสฺสาปิ ปริโภโค เถยฺยปริโภโค นาม. กสฺมา? จตูสุ ปจฺจเยสุ อนิสฺสรตาย. สีลวโต อปจฺจเวกฺขิตปริโภโค อิณปริโภโค นาม. สตฺตนฺนํ เสขานํ ปริโภโค ทายชฺชปริโภโค นาม. ขีณาสวสฺส ปริโภโค สามิปริโภโค นาม. อิติ ขีณาสโวว สามี หุตฺวา อนโณ ปริภฺุชติ. เถโร อตฺตนา ¶ ปุถุชฺชเนน หุตฺวา ปริภุตฺตปริโภคํ อิณปริโภคํเยว กโรนฺโต เอวมาห. อฏฺมิยา อฺา อุทปาทีติ อฏฺเม ทิวเส อรหตฺตผลํ อุปฺปชฺชิ.
อถ โข, อาวุโส, ภควา มคฺคา โอกฺกมฺมาติ มคฺคโต โอกฺกมนํ ปมตรํ ตํทิวเสเยว ¶ อโหสิ, อรหตฺตาธิคโม ปจฺฉา. เทสนาวารสฺส ปน เอวํ อาคตตฺตา อรหตฺตาธิคโม ปมํ ทีปิโต. กสฺมา ปน ภควา มคฺคา โอกฺกนฺโตติ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อิมํ ภิกฺขุํ ชาติอารฺิกํ ชาติปํสุกูลิกํ ชาติเอกาสนิกํ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺมา โอกฺกมิ.
มุทุกา โข ตฺยายนฺติ มุทุกา โข เต อยํ. อิมฺจ ปน วาจํ ภควา ตํ จีวรํ ปทุมปุปฺผวณฺเณน ปาณินา อนฺตนฺเตน ปรามสนฺโต อาห. กสฺมา เอวมาหาติ? เถเรน สห จีวรํ ปริวตฺเตตุกามตาย. กสฺมา ปริวตฺเตตุกาโม ชาโตติ? เถรํ อตฺตโน าเน เปตุกามตาย. เถโร ปน ยสฺมา จีวรสฺส วา ปตฺตสฺส วา วณฺเณ กถิเต ‘‘อิมํ ตุมฺหากํ คณฺหถา’’ติวจนํ จาริตฺตเมว, ตสฺมา ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม, ภนฺเต, ภควา’’ติ อาห. ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ, กสฺสป, สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานีติ, กสฺสป, ตฺวํ อิมานิ ปริโภคชิณฺณานิ ปํสุกูลานิ ปารุปิตุํ สกฺขิสฺสสีติ วทติ. ตฺจ โข น กายพลํ สนฺธาย, ปฏิปตฺติปูรณํ ปน สนฺธาย เอวมาห. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อหํ อิมํ จีวรํ ปุณฺณํ นาม ทาสึ ปารุปิตฺวา อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตํ ตํ สุสานํ ปวิสิตฺวา ตุมฺพมตฺเตหิ ปาณเกหิ สมฺปริกิณฺณํ เต ปาณเก วิธุนิตฺวา มหาอริยวํเส ตฺวา อคฺคเหสึ, ตสฺส เม อิมํ จีวรํ คหิตทิวเส ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ มหาปถวี มหาวิรวํ ¶ วิรวมานา กมฺปิตฺถ, อากาโส ตฏตฏายิ, จกฺกวาฬเทวตา สาธุการมทํสุ, ‘‘อิมํ จีวรํ คณฺหนฺเตน ภิกฺขุนา ชาติปํสุกูลิเกน ชาติอารฺิเกน ชาติเอกาสนิเกน ชาติสปทานจาริเกน ภวิตุํ วฏฺฏติ, ตฺวํ อิมสฺส จีวรสฺส อนุจฺฉวิกํ กาตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. เถโรปิ อตฺตนา ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรติ, โส ตํ อตกฺกยิตฺวา ‘‘อหเมตํ ปฏิปตฺตึ ปูเรสฺสามี’’ติ อุสฺสาเหน สุคตจีวรสฺส อนุจฺฉวิกํ กาตุกาโม ‘‘ธาเรสฺสามหํ, ภนฺเต’’ติ อาห. ปฏิปชฺชินฺติ ปฏิปนฺโนสฺมิ. เอวํ ปน จีวรปริวตฺตนํ กตฺวา จ เถเรน ปารุตจีวรํ ภควา ¶ ปารุปิ, สตฺถุ จีวรํ เถโร. ตสฺมึ สมเย มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อุนฺนทนฺตี กมฺปิตฺถ.
ภควโต ปุตฺโตติอาทีสุ เถโร ภควนฺตํ นิสฺสาย อริยาย ชาติยา ชาโตติ ภควโต ปุตฺโต. อุเรน วสิตฺวา มุขโต นิกฺขนฺตโอวาทวเสน ปพฺพชฺชาย เจว อุปสมฺปทาย จ ปติฏฺิตตฺตา โอรโส มุขโต ชาโต. โอวาทธมฺมโต ชาตตฺตา โอวาทธมฺเมน จ นิมฺมิตตฺตา ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต. โอวาทธมฺมทายาทํ นวโลกุตฺตรธมฺมทายาทเมว วา อรหตีติ ธมฺมทายาโท ¶ . ปฏิคฺคหิตานิ สาณานิ ปํสุกูลานีติ สตฺถารา ปารุตํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปนตฺถาย ปฏิคฺคหิตํ.
สมฺมา วทมาโน วเทยฺยาติ ยํ ปุคฺคลํ ‘‘ภควโต ปุตฺโต’’ติอาทีหิ คุเณหิ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย, มมํ ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย, อหํ เอวรูโปติ. เอตฺตาวตา เถเรน ปพฺพชฺชา จ ปริโสธิตา โหติ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อาวุโส, ยสฺส น อุปชฺฌาโย ปฺายติ, น อาจริโย, กึ โส อนุปชฺฌาโย อนาจริโย นฺหาปิตมุณฺฑโก สยํคหิตกาสาโว ‘‘ติตฺถิยปกฺกนฺตโก’’ติ สงฺขํ คโต เอวํ ติคาวุตํ มคฺคํ ปจฺจุคฺคมนํ ลภติ, ตีหิ โอวาเทหิ ปพฺพชฺชํ วา อุปสมฺปทํ วา ลภติ, กาเยน กายํ จีวรปริวตฺตนํ ลภติ? ปสฺส ยาว ทุพฺภาสิตํ วจนํ ถุลฺลนนฺทาย ภิกฺขุนิยาติ. เอวํ ปพฺพชฺชํ ¶ โสเธตฺวา อิทานิ ฉหิ อภิฺาหิ สีหนาทํ นทิตุํ อหํ โข, อาวุโสติอาทิมาห. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ. เอกาทสมํ.
๑๒. ปรํมรณสุตฺตวณฺณนา
๑๕๕. ทฺวาทสเม ตถาคโตติ สตฺโต. น เหตํ, อาวุโส, อตฺถสํหิตนฺติ, อาวุโส, เอตํ ทิฏฺิคตํ อตฺถสนฺนิสฺสิตํ น โหติ. นาทิพฺรหฺมจริยกนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทาปิ น โหติ. เอตฺหิ, อาวุโส, อตฺถสํหิตนฺติ, อาวุโส, เอตํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ อตฺถสนฺนิสฺสิตํ. เอตํ อาทิพฺรหฺมจริยกนฺติ เอตํ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิ ปุพฺพภาคปฏิปทา. ทฺวาทสมํ.
๑๓. สทฺธมฺมปฺปติรูปกสุตฺตวณฺณนา
๑๕๖. เตรสเม ¶ อฺาย สณฺหึสูติ อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. สทฺธมฺมปฺปติรูปกนฺติ ทฺเว สทฺธมฺมปฺปติรูปกานิ อธิคมสทฺธมฺมปฺปติรูปกฺจ ปริยตฺติสทฺธมฺมปฺปติรูปกฺจ. ตตฺถ –
‘‘โอภาเส เจว าเณ จ, ปีติยา จ วิกมฺปติ;
ปสฺสทฺธิยา สุเข เจว, เยหิ จิตฺตํ ปเวธติ.
‘‘อธิโมกฺเข ¶ จ ปคฺคาเห, อุปฏฺาเน จ กมฺปติ;
อุเปกฺขาวชฺชนาย เจว, อุเปกฺขาย จ นิกนฺติยา.
‘‘อิมานิ ทส านานิ, ปฺา ยสฺส ปริจิตา;
ธมฺมุทฺธจฺจกุสโล โหติ, น จ สมฺโมห คจฺฉตี’’ติ. (ปฏิ. ม. ๒.๗); –
อิทํ วิปสฺสนาาณสฺส อุปกฺกิเลสชาตํ อธิคมสทฺธมฺมปฺปติรูปกํ นาม. ติสฺโส ปน สงฺคีติโย อนารุฬฺหํ ธาตุกถา อารมฺมณกถา อสุภกถา าณวตฺถุกถา วิชฺชากรณฺฑโกติ อิเมหิ ปฺจหิ กถาวตฺถูหิ ปริพาหิรํ คุฬฺหวินยํ คุฬฺหเวสฺสนฺตรํ คุฬฺหมโหสธํ วณฺณปิฏกํ องฺคุลิมาลปิฏกํ รฏฺปาลคชฺชิตํ อาฬวกคชฺชิตํ ¶ เวทลฺลปิฏกนฺติ อพุทฺธวจนํ ปริยตฺติสทฺธมฺมปฺปติรูปกํ นาม.
ชาตรูปปฺปติรูปกนฺติ สุวณฺณรสวิธานํ อารกูฏมยํ สุวณฺณวณฺณํ อาภรณชาตํ. ฉณกาเลสุ หิ มนุสฺสา ‘‘อาภรณภณฺฑกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ อาปณํ คจฺฉนฺติ. อถ เน อาปณิกา เอวํ วทนฺติ, ‘‘สเจ ตุมฺเห อาภรณตฺถิกา, อิมานิ คณฺหถ. อิมานิ หิ ฆนานิ เจว วณฺณวนฺตานิ จ อปฺปคฺฆานิ จา’’ติ. เต เตสํ สุตฺวา, ‘‘การณํ อิเม วทนฺติ, อิมานิ ปิฬนฺธิตฺวา สกฺกา นกฺขตฺตํ กีฬิตุํ, โสภนฺติ เจว อปฺปคฺฆานิ จา’’ติ ตานิ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. สุวณฺณภณฺฑํ อวิกฺกิยมานํ นิทหิตฺวา เปตพฺพํ โหติ. เอวํ ตํ ชาตรูปปฺปติรูปเก อุปฺปนฺเน อนฺตรธายติ นาม.
อถ สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหตีติ อธิคมสทฺธมฺมสฺส ปฏิปตฺติสทฺธมฺมสฺส ปริยตฺติสทฺธมฺมสฺสาติ ติวิธสฺสาปิ สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหติ. ปมโพธิยฺหิ ¶ ภิกฺขู ปฏิสมฺภิทปฺปตฺตา อเหสุํ. อถ กาเล คจฺฉนฺเต ปฏิสมฺภิทา ปาปุณิตุํ น สกฺขึสุ, ฉฬภิฺา อเหสุํ. ตโต ฉ อภิฺา ปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตา ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณึสุ. อิทานิ กาเล คจฺฉนฺเต ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตา อาสวกฺขยมตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ. ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา อนาคามิผลํ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา สกทาคามิผลํ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา โสตาปตฺติผลํ. คจฺฉนฺเต กาเล โสตาปตฺติผลมฺปิ ปตฺตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. อถ ¶ เนสํ ยทา วิปสฺสนา อิเมหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา อารทฺธมตฺตาว สฺสติ, ตทา อธิคมสทฺธมฺโม อนฺตรหิโต นาม ภวิสฺสติ.
ปมโพธิยฺหิ ภิกฺขู จตุนฺนํ ปฏิสมฺภิทานํ อนุจฺฉวิกํ ปฏิปตฺตึ ปูรยึสุ. คจฺฉนฺเต กาเล ตํ อสกฺโกนฺตา ฉนฺนํ อภิฺานํ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา อรหตฺตผลมตฺตสฺส. คจฺฉนฺเต ปน กาเล อรหตฺตสฺส อนุจฺฉวิกํ ปฏิปตฺตึ ปูเรตุํ อสกฺโกนฺตา อนาคามิผลสฺส อนุจฺฉวิกํ ปฏิปตฺตึ ปูเรสฺสนฺติ ¶ , ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา สกทาคามิผลสฺส, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา โสตาปตฺติผลสฺส. ยทา ปน โสตาปตฺติผลสฺสปิ อนุจฺฉวิกํ ปฏิปทํ ปูเรตุํ อสกฺโกนฺตา สีลปาริสุทฺธิมตฺเตว สฺสนฺติ, ตทา ปฏิปตฺติสทฺธมฺโม อนฺตรหิโต นาม ภวิสฺสติ.
ยาว ปน เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ วตฺตติ, น ตาว สาสนํ อนฺตรหิตนฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ติฏฺนฺตุ ตีณิ วา, อภิธมฺมปิฏเก อนฺตรหิเต อิตเรสุ ทฺวีสุ ติฏฺนฺเตสุปิ อนฺตรหิตนฺติ น วตฺตพฺพเมว. ทฺวีสุ อนฺตรหิเตสุ วินยปิฏกมตฺเต ิเตปิ, ตตฺราปิ ขนฺธกปริวาเรสุ อนฺตรหิเตสุ อุภโตวิภงฺคมตฺเต, มหาวินเย อนฺตรหิเต ทฺวีสุ ปาติโมกฺเขสุ วตฺตมาเนสุปิ สาสนํ อนนฺตรหิตเมว. ยทา ปน ทฺเว ปาติโมกฺขา อนฺตรธายิสฺสนฺติ, อถ ปริยตฺติสทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ ภวิสฺสติ. ตสฺมึ อนฺตรหิเต สาสนํ อนฺตรหิตํ นาม โหติ. ปริยตฺติยา หิ อนฺตรหิตาย ปฏิปตฺติ อนฺตรธายติ, ปฏิปตฺติยา อนฺตรหิตาย อธิคโม อนฺตรธายติ. กึ การณา? อยฺหิ ปริยตฺติ ปฏิปตฺติยา ปจฺจโย โหติ, ปฏิปตฺติ อธิคมสฺส. อิติ ปฏิปตฺติโตปิ ปริยตฺติเมว ปมาณํ.
นนุ ¶ จ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กปิโล นาม อนาราธกภิกฺขุ ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ พีชนึ คเหตฺวา อาสเน นิสินฺโน ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ วตฺตนฺตา’’ติ ปุจฺฉิ, อถ ตสฺส ภเยน เยสมฺปิ ปาติโมกฺโข วตฺตติ, เตปิ ‘‘มยํ วตฺตามา’’ติ อวตฺวา ‘‘น วตฺตามา’’ติ วทึสุ, โส พีชนึ เปตฺวา อุฏฺายาสนา คโต, ตทา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสนํ โอสกฺกิตนฺติ? กิฺจาปิ โอสกฺกิตํ, ปริยตฺติ ปน เอกนฺเตเนว ปมาณํ. ยถา หิ มหโต ตฬากสฺส ปาฬิยา ถิราย อุทกํ น สฺสตีติ น วตฺตพฺพํ, อุทเก สติ ปทุมาทีนิ ปุปฺผานิ น ปุปฺผิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพํ, เอวเมว มหาตฬากสฺส ถิรปาฬิสทิเส เตปิฏเก พุทฺธวจเน ¶ สติ มหาตฬาเก อุทกสทิสา ปฏิปตฺติปูรกา กุลปุตฺตา นตฺถีติ น วตฺตพฺพา, เตสุ สติ มหาตฬาเก ปทุมาทีนิ ปุปฺผานิ วิย โสตาปนฺนาทโย อริยปุคฺคลา นตฺถีติ ¶ น วตฺตพฺพาติ เอวํ เอกนฺตโต ปริยตฺติเยว ปมาณํ.
ปถวีธาตูติ ทฺเว สตสหสฺสานิ จตฺตาริ จ นหุตานิ พหลา มหาปถวี. อาโปธาตูติ ปถวิโต ปฏฺาย ยาว สุภกิณฺหพฺรหฺมโลกา อุคฺคตํ กปฺปวินาสกํ อุทกํ. เตโชธาตูติ ปถวิโต ปฏฺาย ยาว อาภสฺสรพฺรหฺมโลกา อุคฺคโต กปฺปวินาสโก อคฺคิ. วาโยธาตูติ ปถวิโต ปฏฺาย ยาว เวหปฺผลพฺรหฺมโลกา อุคฺคโต กปฺปวินาสโก วายุ. เอเตสุ หิ เอกธมฺโมปิ สตฺถุ สาสนํ อนฺตรธาเปตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา เอวมาห. อิเธว เต อุปฺปชฺชนฺตีติ โลหโต โลหขาทกํ มลํ วิย อิมสฺมึ มยฺหํเยว สาสเน เต อุปฺปชฺชนฺติ. โมฆปุริสาติ ตุจฺฉปุริสา.
อาทิเกเนว โอปิลวตีติ เอตฺถ อาทิเกนาติ อาทาเนน คหเณน. โอปิลวตีติ นิมุชฺชติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อุทกจรา นาวา ภณฺฑํ คณฺหนฺตี นิมุชฺชติ, เอวํ ปริยตฺติอาทีนํ ปูรเณน สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ น โหติ. ปริยตฺติยา หิ หายมานาย ปฏิปตฺติ หายติ, ปฏิปตฺติยา หายมานาย อธิคโม หายติ. ปริยตฺติยา ปูรยมานาย ปริยตฺติธรา ปุคฺคลา ปฏิปตฺตึ ปูเรนฺติ, ปฏิปตฺติปูรกา อธิคมํ ปูเรนฺติ. อิติ นวจนฺโท ¶ วิย ปริยตฺติยาทีสุ วฑฺฒมานาสุ มยฺหํ สาสนํ วฑฺฒติ เยวาติ ทสฺเสติ.
อิทานิ เยหิ ธมฺเมหิ สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานฺเจว ิติ จ โหติ, เต ทสฺเสนฺโต ปฺจ โขติอาทิมาห. ตตฺถ โอกฺกมนียาติ อวกฺกมนียา, เหฏฺาคมนียาติ อตฺโถ. สตฺถริ อคารวาติอาทีสุ อคารวาติ คารวรหิตา. อปฺปติสฺสาติ อปฺปติสฺสยา อนีจวุตฺติกา. ตตฺถ โย เจติยงฺคณํ อาโรหนฺโต ฉตฺตํ ธาเรติ, อุปาหนํ ธาเรติ, อฺโต โอโลเกตฺวา กถํ กเถนฺโต คจฺฉติ, อยํ สตฺถริ อคารโว นาม.
โย ธมฺมสฺสวนสฺส กาเล สงฺฆุฏฺเ ทหรสามเณเรหิ ปริวาริโต นิสีทติ, อฺานิ วา นวกมฺมาทีนิ กโรติ, ธมฺมสฺสวนคฺเค นิสินฺโน นิทฺทายติ, วิกฺขิตฺโต วา อฺํ กเถนฺโต นิสีทติ, อยํ ธมฺเม อคารโว นาม.
โย ¶ เถรุปฏฺานํ คนฺตฺวา, อวนฺทิตฺวา นิสีทติ, หตฺถปลฺลตฺถิกํ ทุสฺสปลฺลตฺถิกํ กโรติ, อฺํ วา ปน หตฺถปาทกุกฺกุจฺจํ ¶ กโรติ, วุฑฺฒานํ สนฺติเก อนชฺฌิฏฺโ กเถติ, อยํ สงฺเฆ อคารโว นาม.
ติสฺโส ปน สิกฺขา อปูเรนฺโตว สิกฺขาย อคารโว นาม โหติ. อฏฺ สมาปตฺติโย อนิพฺพตฺเตนฺโต ตาสํ วา ปน นิพฺพตฺตนตฺถาย ปโยคํ อกโรนฺโต สมาธิสฺมึ อคารโว นาม. สุกฺกปกฺโข วุตฺตวิปลฺลาเสเนว เวทิตพฺโพติ. เตรสมํ.
กสฺสปสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ลาภสกฺการสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. ทารุณสุตฺตวณฺณนา
๑๕๗. ลาภสกฺการสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม ทารุโณติ ถทฺโธ. ลาภสกฺการสิโลโกติ เอตฺถ ลาโภ นาม จตุปจฺจยลาโภ. สกฺกาโรติ เตสํเยว สุกตานํ สุสงฺขตานํ ลาโภ. สิโลโกติ วณฺณโฆโส. กฏุโกติ ติขิโณ. ผรุโสติ ขโร. อนฺตรายิโกติ อนฺตรายกโร. ปมํ.
๒. พฬิสสุตฺตวณฺณนา
๑๕๘. ทุติเย พาฬิสิโกติ พฬิสํ คเหตฺวา จรมาโน มจฺฉฆาตโก. อามิสคตนฺติ อามิสมกฺขิตํ. อามิสจกฺขูติ อามิเส จกฺขุ ทสฺสนํ อสฺสาติ อามิสจกฺขุ. คิลพฬิโสติ คิลิตพฬิโส. อนยํ อาปนฺโนติ ทุกฺขํ ปตฺโต. พฺยสนํ อาปนฺโนติ วินาสํ ปตฺโต. ยถากามกรณีโยติ ยถากาเมน ยถารุจิยา ยเถว นํ พาฬิสิโก อิจฺฉติ, ตเถวสฺส กตฺตพฺโพติ อตฺโถ. ยถากามกรณีโย ปาปิมโตติ ยถา กิเลสมารสฺส กาโม, เอวํ กตฺตพฺโพ, นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา เปตฺติวิสยํ วา ปาเปตพฺโพ. ทุติยํ.
๓-๔. กุมฺมสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๕๙-๑๖๐. ตติเย มหากุมฺมกุลนฺติ มหนฺตํ อฏฺิกจฺฉปกุลํ. อคมาสีติ ‘‘เอตฺถ อทฺธา กิฺจิ ขาทิตพฺพํ อตฺถิ, ตํ มจฺฉรายนฺโต มํ เอส นิวาเรตี’’ติ สฺาย อคมาสิ. ปปตายาติ ¶ ปปตา วุจฺจติ ทีฆรชฺชุกพทฺโธ อยกนฺตโกสเก ทณฺฑกํ ปเวเสตฺวา คหิโต ¶ กณฺณิกสลฺลสณฺาโน, อยกณฺฏโก, ยสฺมึ เวเคน ปติตฺวา กฏาเห ลคฺคมตฺเต ทณฺฑโก นิกฺขมติ, รชฺชุโก เอกาพทฺโธ คจฺฉเตว. โส กุมฺโมติ โส ¶ วิทฺธกุมฺโม. เยน โส กุมฺโมติ อุทกสทฺทํ สุตฺวา สาสงฺกฏฺานํ ภวิสฺสตีติ นิวตฺติตฺวา เยน โส อตฺถกาโม กุมฺโม. น ทานิ ตฺวํ อมฺหากนฺติ อิทานิ ตฺวํ อมิตฺตหตฺถํ คโต, น อมฺหากํ สนฺตโกติ อตฺโถ. เอวํ สลฺลปนฺตานํเยว จ เนสํ นาวาย ิโต ลุทฺโท รชฺชุกํ อากฑฺฒิตฺวา กุมฺมํ คเหตฺวา ยถากามํ อกาสิ. เสสเมตฺถ อิโต อนนฺตรสุตฺเต จ อุตฺตานเมว. ตติยจตุตฺถานิ.
๕. มีฬฺหกสุตฺตวณฺณนา
๑๖๑. ปฺจเม มีฬฺหกาติ คูถปาณกา. คูถาทีติ คูถภกฺขา. คูถปูราติ อนฺโต คูเถน ภริตา. ปุณฺณา คูถสฺสาติ อิทํ ปุริมสฺเสว อตฺถทีปนํ. อติมฺเยฺยาติ ปจฺฉิมปาเท ภูมิยํ เปตฺวา ปุริมปาเท คูถสฺส อุปริ อาโรเปตฺวา ิตา ‘‘อหมฺหิ คูถาที’’ติ ภณนฺตี อติมฺเยฺย. ปิณฺฑปาโต จสฺส ปูโรติ อปโรปิสฺส ปตฺตปูโร ปณีตปิณฺฑปาโต ภเวยฺย. ปฺจมํ.
๖. อสนิสุตฺตวณฺณนา
๑๖๒. ฉฏฺเ กํ, ภิกฺขเว, อสนิวิจกฺกนฺติ, ภิกฺขเว, กํ ปุคฺคลํ มตฺถเก ปติตฺวา มทฺทมานํ สุกฺกาสนิจกฺกํ อาคจฺฉตุ ¶ . อปฺปตฺตมานสนฺติ อนธิคตารหตฺตํ. อิติ ภควา น สตฺตานํ ทุกฺขกามตาย, อาทีนวํ ปน ทสฺเสตุํ เอวมาห. อสนิจกฺกฺหิ มตฺถเก ปติตํ เอกเมว อตฺตภาวํ นาเสติ, ลาภสกฺการสิโลเกน ปริยาทิณฺณจิตฺโต นิรยาทีสุ อนนฺตทุกฺขํ อนุโภติ. ฉฏฺํ.
๗. ทิทฺธสุตฺตวณฺณนา
๑๖๓. สตฺตเม ทิทฺธคเตนาติ คตทิทฺเธน. วิสลฺเลนาติ วิสมกฺขิเตน. สลฺเลนาติ สตฺติยา. สตฺตมํ.
๘. สิงฺคาลสุตฺตวณฺณนา
๑๖๔. อฏฺเม ¶ ¶ สิงฺคาโลติ ชรสิงฺคาโล. ยถา หิ สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย ปูติกาโย ตฺเวว, ตํขณํ คฬิตมฺปิ จ มุตฺตํ ปูติมุตฺตนฺตฺเวว วุจฺจติ, เอวํ ตทหุชาโตปิ สิงฺคาโล ชรสิงฺคาโลตฺเวว วุจฺจติ. อุกฺกณฺฏเกน นามาติ เอวํนามเกน โรเคน. โส กิร สีตกาเล อุปฺปชฺชติ. ตสฺมึ อุปฺปนฺเน สกลสรีรโต โลมานิ ปตนฺติ, สกลสรีรํ นิลฺโลมํ หุตฺวา, สมนฺตโต ผุฏติ, วาตพฺภาหตา วณา รุชฺชนฺติ. ยถา อุมฺมตฺตกสุนเขน ทฏฺโ ปุริโส อนวฏฺิโตว ภมติ, เอวํ ตสฺมึ อุปฺปนฺเน ภมิตพฺโพ โหติ, อสุกฏฺาเน โสตฺถิ ภวิสฺสตีติ น ปฺายติ. อฏฺมํ.
๙. เวรมฺภสุตฺตวณฺณนา
๑๖๕. นวเม เวรมฺภวาตาติ เอวํนามกา มหาวาตา. กีทิเส ปน าเน เต วาตา วายนฺตีติ? ยตฺถ ิตสฺส จตฺตาโร ¶ ทีปา อุปฺปลินิปตฺตมตฺตา หุตฺวา ปฺายนฺติ. โย ปกฺขี คจฺฉตีติ นววุฏฺเ เทเว วิรวนฺโต วาตสกุโณ ตตฺถ คจฺฉติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อรกฺขิเตเนว กาเยนาติอาทีสุ หตฺถปาเท กีฬาเปนฺโต ขนฺธฏฺึ วา นาเมนฺโต กายํ น รกฺขติ นาม, นานาวิธํ ทุฏฺุลฺลกถํ กเถนฺโต วาจํ น รกฺขติ นาม, กามวิตกฺกาทโย วิตกฺเกนฺโต จิตฺตํ น รกฺขติ นาม. อนุปฏฺิตาย สติยาติ กายคตาสตึ อนุปฏฺเปตฺวา. นวมํ.
๑๐. สคาถกสุตฺตวณฺณนา
๑๖๖. ทสเม อสกฺกาเรน จูภยนฺติ อสกฺกาเรน จ อุภเยน. สมาธีติ อรหตฺตผลสมาธิ. โส หิ เตน น วิกมฺปติ. อปฺปมาณวิหาริโนติ อปฺปมาเณน ผลสมาธินา วิหรนฺตสฺส. สาตติกนฺติ สตตการึ. สุขุมํทิฏฺิวิปสฺสกนฺติ อรหตฺตมคฺคทิฏฺิยา สุขุมทิฏฺิผลสมาปตฺติอตฺถาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อาคตตฺตา วิปสฺสกํ. อุปาทานกฺขยารามนฺติ อุปาทานกฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน รตํ. อาหุ สปฺปุริโส อิตีติ สปฺปุริโสติ กเถนฺตีติ. ทสมํ.
ปโม วคฺโค.
๒. ทุติยวคฺโค
๑-๒. สุวณฺณปาติสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๖๗-๑๖๘. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม สมฺปชานมุสา ภาสนฺตนฺติ อปฺปมตฺตเกนปิ การเณน สมฺปชานเมว มุสา ภาสนฺตํ. ‘‘สีลํ ปูเรสฺสามี’’ติ สํวิหิตภิกฺขุํ สิเนรุมตฺโตปิ ปจฺจยราสิ จาเลตุํ น สกฺโกติ. ยทา ปน สีลํ ปหาย สกฺการนิสฺสิโต โหติ, ตทา กุณฺฑกมุฏฺิเหตุปิ มุสา ภาสติ, อฺํ วา อกิจฺจํ กโรติ. ทุติยํ อุตฺตานเมวาติ. ปมทุติยานิ.
๓-๑๐. สุวณฺณนิกฺขสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๖๙. ตติยาทีสุ ¶ สุวณฺณนิกฺขสฺสาติ เอกสฺส กฺจนนิกฺขสฺส. สิงฺคีนิกฺขสฺสาติ สิงฺคีสุวณฺณนิกฺขสฺส. ปถวิยาติ จกฺกวาฬพฺภนฺตราย มหาปถวิยา. อามิสกิฺจิกฺขเหตูติ กสฺสจิเทว อามิสสฺส เหตุ อนฺตมโส กุณฺฑกมุฏฺิโนปิ. ชีวิตเหตูติ อฏวิยํ โจเรหิ คเหตฺวา ชีวิเต โวโรปิยมาเน ตสฺสปิ เหตุ. ชนปทกลฺยาณิยาติ ชนปเท อุตฺตมิตฺถิยา. ตติยาทีนิ.
ทุติโย วคฺโค.
๓. ตติยวคฺโค
๑-๒. มาตุคามสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๗๐-๑๗๑. ตติยวคฺคสฺส ปเม น ตสฺส, ภิกฺขเว, มาตุคาโมติ น ตสฺส รโห เอกกสฺส นิสินฺนสฺส เตน ธมฺเมน อตฺถิโกปิ มาตุคาโม จิตฺตํ ปริยาทาตุํ สกฺโกติ, ยสฺส ลาภสกฺการสิโลโก ¶ จิตฺตํ ปริยาทาตุํ สกฺโกตีติ, อตฺโถ. ทุติยํ อุตฺตานเมวาติ. ปมทุติยานิ.
๓-๖. เอกปุตฺตกสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๗๒-๑๗๕. ตติเย สทฺธาติ โสตาปนฺนา. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ตถา จตุตฺเถ ปฺจเม ฉฏฺเ จ. ตติยาทีนิ.
๗. ตติยสมณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๑๗๖. สตฺตเม ¶ สมุทยนฺติอาทีสุ สห ปุพฺพกมฺเมน อตฺตภาโว โกลปุตฺติยํ วณฺณโปกฺขรตา กลฺยาณวากฺกรณตา ธุตคุณาวีกรณํ จีวรธารณํ ปริวารสมฺปตฺตีติ เอวมาทิ ลาภสกฺการสฺส สมุทโย นาม, ตํ สมุทยสจฺจวเสน นปฺปชานาติ, นิโรโธ จ ปฏิปทา จ นิโรธสจฺจมคฺคสจฺจวเสเนว เวทิตพฺพา. สตฺตมํ.
๘. ฉวิสุตฺตวณฺณนา
๑๗๗. อฏฺเม ¶ ยสฺมา ลาภสกฺการสิโลโก นรกาทีสุ, นิพฺพตฺเตนฺโต สกลมฺปิ อิมํ อตฺตภาวํ นาเสติ, อิธาปิ มรณมฺปิ มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ อาวหติ, ตสฺมา ฉวึ ฉินฺทตีติอาทิ วุตฺตํ. อฏฺมํ.
๙. รชฺชุสุตฺตวณฺณนา
๑๗๘. นวเม วาฬรชฺชุยาติ สุตฺตาทิมยา รชฺชุ มุทุกา โหติ วาฬรชฺชุ ขรา ผรุสา, ตสฺมา อยเมว คหิตา. นวมํ.
๑๐. ภิกฺขุสุตฺตวณฺณนา
๑๗๙. ทสเม ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราติ ผลสมาปตฺติสุขวิหารา. เตสาหมสฺสาติ เตสํ อหํ อสฺส ¶ . ขีณาสโว หิ ลาภี ปฺุสมฺปนฺโน ยาคุขชฺชกาทีนิ คเหตฺวา อาคตาคตานํ อนุโมทนํ กโรนฺโต ธมฺมํ เทเสนฺโต ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทิตุํ โอกาสํ น ลภติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ. ทสมํ.
ตติโย วคฺโค.
๔. จตุตฺถวคฺโค
๑-๔. ภินฺทิสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๘๐-๑๘๓. จตุตฺถวคฺคสฺส ปมํ อุตฺตานเมว. ทุติยาทีสุ กุสลมูลนฺติ อโลภาทิติวิธกุสลธมฺโม. สุกฺโก ธมฺโมติ ตสฺเสว ปริยายเทสนา ¶ . อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺส กุสลมูลาทิสงฺขาตสฺส อนวชฺชธมฺมสฺส อสมุจฺฉินฺนตฺตา เทวทตฺโต สคฺเค วา นิพฺพตฺเตยฺย, มคฺคผลานิ วา อธิคจฺเฉยฺย, สฺวาสฺส สมุจฺเฉทมคมา สพฺพโส สมุจฺฉินฺโน วินฏฺโ. ปมาทีนิ.
๕. อจิรปกฺกนฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๘๔. ปฺจเม ปราภวายาติ อวฑฺฒิยา วินาสาย. อสฺสตรีติ วฬวาย กุจฺฉิสฺมึ คทฺรภสฺส ชาตา. อตฺตวธาย คพฺภํ คณฺหาตีติ ตํ อสฺเสน สทฺธึ สมฺปโยเชนฺติ, สา ¶ คพฺภํ คณฺหิตฺวา กาเล สมฺปตฺเต วิชายิตุํ น สกฺโกติ, ปาเทหิ ภูมิยํ ปหรนฺตี ติฏฺติ, อถสฺสา จตฺตาโร ปาเท จตูสุ ขาณุเกสุ พนฺธิตฺวา กุจฺฉึ ผาเลตฺวา โปตํ นีหรนฺติ, สา ตตฺเถว มรติ. เตเนตํ วุตฺตํ. ปฺจมํ.
๖. ปฺจรถสตสุตฺตวณฺณนา
๑๘๕. ฉฏฺเ ภตฺตาภิหาโรติ อภิหริตพฺพํ ภตฺตํ. ตสฺส ปน ปมาณํ ทสฺเสตุํ ปฺจ จ ถาลิปากสตานีติ ¶ วุตฺตํ. ตตฺถ เอโก ถาลิปาโก ทสนฺนํ ปุริสานํ ภตฺตํ คณฺหาติ. นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺยุนฺติ อจฺฉปิตฺตํ วา มจฺฉปิตฺตํ วาสฺส นาสปุเฏ ปกฺขิเปยฺยํ. ฉฏฺํ.
๗-๑๓. มาตุสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๘๖-๑๘๗. สตฺตเม มาตุปิ เหตูติ ‘‘สเจ มุสา ภณสิ, มาตรํ เต วิสฺสชฺเชสฺสาม. โน เจ ภณสิ, น วิสฺสชฺเชสฺสามา’’ติ เอวํ โจเรหิ อฏวิยํ ปุจฺฉมาโน ตสฺสา โจรหตฺถคตาย มาตุยาปิ เหตุ สมฺปชานมุสา น ภาเสยฺยาติ อตฺโถ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโยติ. สตฺตมาทีนิ.
ลาภสกฺการสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ราหุลสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑-๘. จกฺขุสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๘๘-๑๙๕. ราหุลสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม เอโกติ จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกวิหารี. วูปกฏฺโติ วิเวกฏฺโ นิสฺสทฺโท. อปฺปมตฺโตติ สติยา อวิปฺปวสนฺโต. อาตาปีติ วีริยสมฺปนฺโน. ปหิตตฺโต วิหเรยฺยนฺติ วิเสสาธิคมตฺถาย เปสิตตฺโต หุตฺวา วิหเรยฺยํ. อนิจฺจนฺติ หุตฺวา อภาวากาเรน อนิจฺจํ. อถ วา อุปฺปาทวยวนฺตตาย ตาวกาลิกตาย วิปริณามโกฏิยา นิจฺจปฏิกฺเขปโตติ อิเมหิปิ การเณหิ อนิจฺจํ. ทุกฺขนฺติ จตูหิ การเณหิ ทุกฺขํ ทุกฺขมนฏฺเน ทุกฺขวตฺถุกฏฺเน สตตสมฺปีฬนฏฺเน สุขปฏิกฺเขเปนาติ. กลฺลนฺติ ยุตฺตํ. เอตํ มมาติ ตณฺหาคาโห. เอโสหมสฺมีติ มานคาโห. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิคาโห. ตณฺหาคาโห เจตฺถ อฏฺสตตณฺหาวิจริตวเสน, มานคาโห นววิธมานวเสน, ทิฏฺิคาโห ทฺวาสฏฺิทิฏฺิวเสน เวทิตพฺโพ. นิพฺพินฺทํ วิรชฺชตีติ เอตฺถ วิราควเสน จตฺตาโร มคฺคา กถิตา, วิราคา วิมุจฺจตีติ เอตฺถ วิมุตฺติวเสน จตฺตาริ สามฺผลานิ.
เอตฺถ จ ปฺจสุ ทฺวาเรสุ ปสาทาว คหิตา, มโนติ อิมินา เตภูมกํ สมฺมสนจารจิตฺตํ. ทุติเย ¶ ปฺจสุ ทฺวาเรสุ อารมฺมณเมว. ตติเย ปฺจสุ ทฺวาเรสุ ปสาทวตฺถุกจิตฺตเมว, มโนวิฺาเณน เตภูมกํ สมฺมสนจารจิตฺตํ คหิตํ. เอวํ สพฺพตฺถ นโย เนตพฺโพ. ฉฏฺเ เตภูมกธมฺมา. อฏฺเม ปน ตณฺหาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ทฺวาเร ชวนปฺปตฺตาว ลพฺภติ. ปมาทีนิ.
๙. ธาตุสุตฺตวณฺณนา
๑๙๖. นวเม ¶ วิฺาณธาตุวเสน นามํ, เสสาหิ รูปนฺติ นามรูปํ กถิตํ. นวมํ.
๑๐. ขนฺธสุตฺตวณฺณนา
๑๙๗. ทสเม ¶ รูปกฺขนฺโธ กามาวจโร, เสสา จตฺตาโร สพฺพสงฺคาหิกปริจฺเฉเทน จตุภูมกา. อิธ ปน เตภูมกาติ คเหตพฺพา. ทสมํ.
ปโม วคฺโค.
๒. ทุติยวคฺโค
๑-๑๐. จกฺขุสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๙๘-๑๙๙. ทุติเย ทส อุตฺตานตฺถาเนว. ปมาทีนิ.
๑๑. อนุสยสุตฺตวณฺณนา
๒๐๐. เอกาทสเม อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเยติ อตฺตโน สวิฺาณกกายํ ทสฺเสติ, พหิทฺธา จาติ ปรสฺส สวิฺาณกํ วา อวิฺาณกํ วา. ปุริเมน วา อตฺตโน จ ปรสฺส จ วิฺาณเมว ¶ ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน พหิทฺธา อนินฺทฺริยพทฺธรูปํ. อหงฺการมมงฺการมานานุสยาติ อหํการทิฏฺิ จ มมํการตณฺหา จ มานานุสยา จ. น โหนฺตีติ เอเต กิเลสา กถํ ชานนฺตสฺส เอเตสุ วตฺถูสุ น โหนฺตีติ ปุจฺฉติ. สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ สห วิปสฺสนาย มคฺคปฺาย สุฏฺุ ปสฺสติ. เอกาทสมํ.
๑๒. อปคตสุตฺตวณฺณนา
๒๐๑. ทฺวาทสเม ¶ อหงฺการมมงฺการมานาปคตนฺติ อหํการโต จ มมํการโต จ มานโต จ อปคตํ. วิธา สมติกฺกนฺตนฺติ มานโกฏฺาเส สุฏฺุ อติกฺกนฺตํ. สนฺตํ สุวิมุตฺตนฺติ กิเลสวูปสเมน สนฺตํ, กิเลเสเหว สุฏฺุ วิมุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. ทฺวาทสมํ.
ทุติโย วคฺโค.
ทฺวีสุปิ ¶ อเสกฺขภูมิ กถิตา. ปโม ปเนตฺถ อายาจนฺตสฺส เทสิโต, ทุติโย อนายาจนฺตสฺส. สกเลปิ ปน ราหุลสํยุตฺเต เถรสฺส วิมุตฺติปริปาจนียธมฺมาว กถิตาติ.
ราหุลสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ลกฺขณสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑. อฏฺิสุตฺตวณฺณนา
๒๐๒. ลกฺขณสํยุตฺเต ¶ ¶ ¶ ยฺวายํ อายสฺมา จ ลกฺขโณติ ลกฺขณตฺเถโร วุตฺโต, เอส ชฏิลสหสฺสพฺภนฺตเร เอหิภิกฺขูปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺโน อาทิตฺตปริยายาวสาเน อรหตฺตํ ปตฺโต เอโก มหาสาวโกติ เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปเนส ลกฺขณสมฺปนฺเนน สพฺพาการปริปูเรน พฺรหฺมสเมน อตฺตภาเวน สมนฺนาคโต, ตสฺมา ‘‘ลกฺขโณ’’ติ สงฺขํ คโต. มหาโมคฺคลฺลาโน ปน ปพฺพชิตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส อรหตฺตํ ปตฺโต ทุติโย อคฺคสาวโก.
สิตํ ปาตฺวากาสีติ มนฺทหสิตํ ปาตุอกาสิ, ปกาสยิ ทสฺเสสีติ วุตฺตํ โหติ. กึ ปน ทิสฺวา เถโร สิตํ ปาตฺวากาสีติ? อุปริ ปาฬิยํ อาคตํ อฏฺิกสงฺขลิกํ เอกํ เปตโลเก นิพฺพตฺตํ สตฺตํ ทิสฺวา. ตฺจ โข ทิพฺเพน จกฺขุนา, น ปสาทจกฺขุนา. ปสาทจกฺขุสฺส หิ เอเต อตฺตภาวา น อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ. เอวรูปํ ปน อตฺตภาวํ ทิสฺวา การฺุเ กตฺตพฺเพ กสฺมา สิตํ ปาตฺวากาสีติ? อตฺตโน จ พุทฺธาณสฺส จ สมฺปตฺตึ สมนุสฺสรณโต. ตฺหิ ทิสฺวา เถโร ‘‘อทิฏฺสจฺเจน นาม ปุคฺคเลน ปฏิลภิตพฺพา เอวรูปา อตฺตภาวา มุตฺโต อหํ, ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม’’ติ อตฺตโน จ สมฺปตฺตึ อนุสฺสริตฺวา – ‘‘อโห พุทฺธสฺส ภควโต าณสมฺปตฺติ, ‘โย กมฺมวิปาโก, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ’ติ เทเสสิ, ปจฺจกฺขํ วต กตฺวา พุทฺธา เทเสนฺติ, สุปฺปฏิวิทฺธา พุทฺธานํ ธมฺมธาตู’’ติ เอวํ พุทฺธาณสมฺปตฺติฺจ อนุสฺสริตฺวา สิตํ ปาตฺวากาสีติ.
อถ ¶ ลกฺขณตฺเถโร กสฺมา น อทฺทส, กิมสฺส ทิพฺพจกฺขุ นตฺถีติ? โน นตฺถิ, มหาโมคฺคลฺลาโน ¶ ปน อาวชฺเชนฺโต อทฺทส, อิตโร ปน อนาวชฺชเนน น อทฺทส. ยสฺมา ปน ขีณาสวา นาม น อการณา สิตํ กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ ลกฺขณตฺเถโร ปุจฺฉิ โก นุ โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, เหตุ, โก ปจฺจโย สิตสฺส ปาตุกมฺมายาติ? เถโร ปน ¶ ยสฺมา เยหิ อยํ อุปปตฺติ สามํ อทิฏฺา, เต ทุสฺสทฺธาปยา โหนฺติ, ตสฺมา ภควนฺตํ สกฺขึ กตฺวา พฺยากาตุกามตาย อกาโล โข, อาวุโสติอาทิมาห. ตโต ภควโต สนฺติเก ปุฏฺโ อิธาหํ, อาวุโสติอาทินา นเยน พฺยากาสิ.
ตตฺถ อฏฺิกสงฺขลิกนฺติ เสตํ นิมฺมํสโลหิตํ อฏฺิสงฺฆาตํ. คิชฺฌาปิ กากาปิ กุลลาปีติ เอเตปิ ยกฺขคิชฺฌา เจว ยกฺขกากา จ ยกฺขกุลลา จ ปจฺเจตพฺพา. ปากติกานํ ปน คิชฺฌาทีนํ อาปาถมฺปิ เอตํ รูปํ นาคจฺฉติ. อนุปติตฺวา อนุปติตฺวาติ อนุพนฺธิตฺวา อนุพนฺธิตฺวา. วิตุเทนฺตีติ อสิธารูปเมหิ ติขิเณหิ โลหตุณฺฑเกหิ วิชฺฌิตฺวา วิชฺฌิตฺวา อิโต จิโต จ จรนฺติ คจฺฉนฺติ. สา สุทํ อฏฺฏสฺสรํ กโรตีติ เอตฺถ สุทนฺติ นิปาโต, สา อฏฺิกสงฺขลิกา อฏฺฏสฺสรํ อาตุรสฺสรํ กโรตีติ อตฺโถ. อกุสลวิปากานุภวนตฺถํ กิร โยชนปฺปมาณาปิ ตาทิสา อตฺตภาวา นิพฺพตฺตนฺติ, ปสาทุสฺสทา จ โหนฺติ ปกฺกคณฺฑสทิสา. ตสฺมา สา อฏฺิกสงฺขลิกา พลวเวทนาตุรา ตาทิสํ สทฺทมกาสีติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ‘‘วฏฺฏคามิสตฺตา นาม เอวรูปา อตฺตภาวา น มุจฺจนฺตี’’ติ สตฺเตสุ การฺุํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ธมฺมสํเวคํ ทสฺเสนฺโต ตสฺส มยฺหํ, อาวุโส, เอตทโหสิ อจฺฉริยํ วต โภติอาทิมาห. ตโต ภควา เถรสฺส อานุภาวํ ปกาเสนฺโต จกฺขุภูตา วต, ภิกฺขเว ¶ , สาวกา วิหรนฺตีติอาทิมาห. ตตฺถ จกฺขุ ภูตํ ชาตํ อุปฺปนฺนํ เอเตสนฺติ จกฺขุภูตา, ภูตจกฺขุกา อุปฺปนฺนจกฺขุกา จกฺขุํ อุปฺปาเทตฺวา วิหรนฺตีติ อตฺโถ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. ยตฺร หิ นามาติ เอตฺถ ยตฺราติ การณวจนํ. ตตฺรายํ อตฺถโยชนา – ยสฺมา นาม สาวโกปิ เอวรูปํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สกฺขึ วา กริสฺสติ, ตสฺมา อโวจุมฺห – ‘‘จกฺขุภูตา วต, ภิกฺขเว, สาวกา วิหรนฺติ, าณภูตา วต, ภิกฺขเว, สาวกา วิหรนฺตี’’ติ. ปุพฺเพว เม โส, ภิกฺขเว, สตฺโต ทิฏฺโติ โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตฺาณปฏิเวเธน อปฺปมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ อปฺปมาเณ สตฺตนิกาเย ภวคติโยนิิตินิวาเส จ ปจฺจกฺขํ กโรนฺเตน มยา ปุพฺเพว โส สตฺโต ทิฏฺโติ วทติ.
โคฆาตโกติ ¶ ¶ คาโว วธิตฺวา อฏฺิโต มํสํ โมเจตฺวา วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กปฺปนกสตฺโต. ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสนาติ ตสฺส นานาเจตนาหิ อายูหิตสฺส อปราปริยกมฺมสฺส. ตตฺร หิ ยาย เจตนาย นรเก ปฏิสนฺธิ ชนิตา, ตสฺสา วิปาเก ปริกฺขีเณ อวเสสกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา อารมฺมณํ กตฺวา ปุน เปตาทีสุ ปฏิสนฺธิ นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา สา ปฏิสนฺธิ กมฺมสภาคตาย อารมฺมณสภาคตาย วา ‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสโส’’ติ วุจฺจติ. อยฺจ สตฺโต เอวํ อุปฺปนฺโน. เตนาห – ‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสนา’’ติ. ตสฺส กิร นรกา จวนกาเล นิมฺมํสกตานํ คุนฺนํ อฏฺิราสิเยว นิมิตฺตํ อโหสิ. โส ปฏิจฺฉนฺนมฺปิ ตํ กมฺมํ วิฺูนํ ปากฏํ วิย กโรนฺโต อฏฺิสงฺขลิกเปโต ชาโต. ปมํ.
๒. เปสิสุตฺตวณฺณนา
๒๐๓. มํสเปสิวตฺถุสฺมึ โคฆาตโกติ โคมํสเปสิโย กตฺวา สุกฺขาเปตฺวา วลฺลูรวิกฺกเยน อเนกานิ วสฺสานิ ชีวิกํ กปฺเปสิ, เตนสฺส นรกา จวนกาเล มํสเปสิเยว นิมิตฺตํ อโหสิ. โส มํสเปสิเปโต ชาโต. ทุติยํ.
๓. ปิณฺฑสุตฺตวณฺณนา
๒๐๔. มํสปิณฺฑวตฺถุสฺมึ ¶ สากุณิโกติ สกุเณ คเหตฺวา วิกฺกิณนกาเล นิปฺปกฺขจมฺเม มํสปิณฺฑมตฺเต กตฺวา วิกฺกิณนฺโต ชีวิกํ กปฺเปสิ, เตนสฺส นรกา จวนกาเล มํสปิณฺโฑว นิมิตฺตํ อโหสิ. โส มํสปิณฺฑเปโต ชาโต. ตติยํ.
๔. นิจฺฉวิสุตฺตวณฺณนา
๒๐๕. นิจฺฉวิวตฺถุสฺมึ ตสฺส โอรพฺภิกสฺส เอฬเก วธิตฺวา วธิตฺวา นิจฺจมฺเม กตฺวา กปฺปิตชีวิกสฺส ปุริมนเยเนว นิจฺจมฺมํ เอฬกสรีรํ นิมิตฺตํ อโหสิ. โส นิจฺฉวิเปโต ชาโต. จตุตฺถํ.
๕. อสิโลมสุตฺตวณฺณนา
๒๐๖. อสิโลมวตฺถุสฺมึ ¶ ¶ โส สูกริโก ทีฆรตฺตํ นิวาปปุฏฺเ สูกเร อสินา วธิตฺวา วธิตฺวา ทีฆรตฺตํ ชีวิกํ กปฺเปสิ, ตสฺส อุกฺขิตฺตาสิกภาโวว นิมิตฺตํ อโหสิ. ตสฺมา อสิโลมเปโต ชาโต. ปฺจมํ.
๖. สตฺติสุตฺตวณฺณนา
๒๐๗. สตฺติโลมวตฺถุสฺมึ โส มาควิโก เอกํ มิคฺจ สตฺติฺจ คเหตฺวา วนํ คนฺตฺวา ตสฺส มิคสฺส สมีปํ อาคตาคเต มิเค สตฺติยา วิชฺฌิตฺวา มาเรสิ, ตสฺส สตฺติยา วิชฺฌนกภาโวเยว นิมิตฺตํ อโหสิ. ตสฺมา สตฺติโลมเปโต ชาโต. ฉฏฺํ.
๗. อุสุโลมสุตฺตวณฺณนา
๒๐๘. อุสุโลมวตฺถุสฺมึ การณิโกติ ราชาปราธิเก อเนกาหิ การณาหิ ปีเฬตฺวา อวสาเน กณฺเฑน วิชฺฌิตฺวา มารณกปุริโส. โส กิร ‘‘อมุกสฺมึ ปเทเส วิทฺโธ มรตี’’ติ ตฺวาว วิชฺฌติ. ตสฺเสวํ ชีวิกํ กปฺเปตฺวา นรเก อุปฺปนฺนสฺส ตโต ปกฺกาวเสเสน อิธูปปตฺติกาเล อุสุนา วิชฺฌนภาโวเยว นิมิตฺตํ อโหสิ. ตสฺมา อุสุโลมเปโต ชาโต. สตฺตมํ.
๘. สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา
๒๐๙. สูจิโลมวตฺถุสฺมึ ¶ สูโตติ อสฺสทมโก. โคทมโกติปิ วทนฺติเยว. ตสฺส ปโตทสูจิยา วิชฺฌนภาโวเยว นิมิตฺตํ อโหสิ. ตสฺมา สูจิโลมเปโต ชาโต. อฏฺมํ.
๙. ทุติยสูจิโลมสุตฺตวณฺณนา
๒๑๐. ทุติเย สูจิโลมวตฺถุสฺมึ สูจโกติ เปสฺุการโก. โส กิร มนุสฺเส อฺมฺฺจ ภินฺทิ, ราชกุเล จ ‘‘อิมสฺส อิมํ นาม อตฺถิ, อิมินา อิทํ นาม กต’’นฺติ สูเจตฺวา ¶ สูเจตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปสิ. ตสฺมา ยถา เตน สูเจตฺวา มนุสฺสา ภินฺนา, ตถา สูจีหิ เภทนทุกฺขํ ¶ ปจฺจนุโภตุํ กมฺมเมว นิมิตฺตํ กตฺวา สูจิโลมเปโต ชาโต. นวมํ.
๑๐. กุมฺภณฺฑสุตฺตวณฺณนา
๒๑๑. อณฺฑภาริวตฺถุสฺมึ คามกูฏโกติ วินิจฺฉยามจฺโจ. ตสฺส กมฺมสภาคตาย กุมฺภมตฺตา มหาฆฏปฺปมาณา อณฺฑา อเหสุํ. โส หิ ยสฺมา รโห ปฏิจฺฉนฺเน าเน ลฺชํ คเหตฺวา กูฏวินิจฺฉเยน ปากฏํ โทสํ กโรนฺโต สามิเก อสฺสามิเก อกาสิ, ตสฺมาสฺส รหสฺสํ องฺคํ ปากฏํ นิพฺพตฺตํ. ยสฺมา ทณฺฑํ ปฏฺเปนฺโต ปเรสํ อสยฺหํ ภารํ อาโรเปสิ, ตสฺมาสฺส รหสฺสํ องฺคํ อสยฺหภาโร หุตฺวา นิพฺพตฺตํ. ยสฺมา ยสฺมึ าเน ิเตน สเมน ภวิตพฺพํ, ตสฺมึ ตฺวา วิสโม อโหสิ, ตสฺมาสฺส รหสฺสงฺเค วิสมา นิสชฺชาว อโหสีติ. ทสมํ.
ปโม วคฺโค.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. สสีสกสุตฺตวณฺณนา
๒๑๒. ปารทาริกวตฺถุสฺมึ โส สตฺโต ปรสฺส รกฺขิตโคปิตํ สสฺสามิกํ ผสฺสํ ผุสนฺโต มีฬฺหสุเขน กามสุเขน จิตฺตํ รมยิตฺวา กมฺมสภาคตาย คูถผสฺสํ ผุสนฺโต ทุกฺขมนุภวิตุํ ตตฺถ นิพฺพตฺโต. ปมํ.
๒. คูถขาทสุตฺตวณฺณนา
๒๑๓. ทุฏฺพฺราหฺมณวตฺถุ ¶ ปากฏเมว. ทุติยํ.
๓. นิจฺฉวิตฺถิสุตฺตวณฺณนา
๒๑๔. นิจฺฉวิตฺถิวตฺถุสฺมึ ¶ ยสฺมา มาตุคาโม นาม อตฺตโน ผสฺเส อนิสฺสโร, สา จ ตํ สามิกสฺส สนฺตกํ ผสฺสํ เถเนตฺวา ปเรสํ อภิรตึ อุปฺปาเทสิ, ตสฺมา กมฺมสภาคตาย สุขสมฺผสฺสา วฏฺฏิตฺวา ทุกฺขสมฺผสฺสํ อนุภวิตุํ นิจฺฉวิตฺถี หุตฺวา อุปฺปนฺนา. ตติยํ.
๔. มงฺคุลิตฺถิสุตฺตวณฺณนา
๒๑๕. มงฺคุลิตฺถิวตฺถุสฺมึ ¶ มงฺคุลินฺติ วิรูปํ ทุทฺทสิกํ พีภจฺฉํ. สา กิร ยกฺขทาสิกมฺมํ กโรนฺตี ‘‘อิมินา จ อิมินา จ เอวํ พลิกมฺเม กเต อยํ นาม ตุมฺหากํ วฑฺฒิ ภวิสฺสตี’’ติ มหาชนสฺส คนฺธปุปฺผาทีนิ วฺจนาย คเหตฺวา มหาชนํ ทุทฺทิฏฺึ มิจฺฉาทิฏฺึ คณฺหาเปสิ, ตสฺมา ตาย กมฺมสภาคตาย คนฺธปุปฺผาทีนํ เถนิตตฺตา ทุคฺคนฺธา, ทุทฺทสฺสนสฺส คาหิตตฺตา ทุทฺทสิกา วิรูปา พีภจฺฉา หุตฺวา นิพฺพตฺตา. จตุตฺถํ.
๕. โอกิลินีสุตฺตวณฺณนา
๒๑๖. โอกิลินีวตฺถุสฺมึ อุปฺปกฺกํ โอกิลินึ โอกิรินินฺติ สา กิร องฺคารจิตเก นิปนฺนา วิปฺผนฺทมานา วิปริวตฺตมานา ปจฺจติ, ตสฺมา อุปฺปกฺกา เจว โหติ อุณฺเหน อคฺคินา ปกฺกสรีรา, โอกิลินี จ กิลินฺนสรีรา, พินฺทูนิสฺสา สรีรโต ปคฺฆรนฺติ, โอกิรินี จ องฺคารสมฺปริกิณฺณา. ตสฺสา หิ เหฏฺโตปิ กึสุกปุปฺผวณฺณา องฺคารา, อุภยปสฺเสสุปิ, อากาสโตปิสฺสา อุปริ ปตนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปฺปกฺกํ โอกิลินึ ¶ โอกิรินิ’’นฺติ. สา อิสฺสาปกตา สปตฺตึ องฺคารกฏาเหน โอกิรีติ ตสฺส กิร รฺโ เอกา นาฏกินี องฺคารกฏาหํ สมีเป เปตฺวา คตฺตโต อุทกํ ปฺุฉติ, ปาณินา จ เสทํ กโรติ. ราชาปิ ตาย สทฺธึ กถฺจ กโรติ, ปริตุฏฺาการฺจ ทสฺเสติ. อคฺคมเหสี ตํ อสหมานา อิสฺสาปกตา หุตฺวา อจิรปกฺกนฺตสฺส รฺโ ตํ องฺคารกฏาหํ คเหตฺวา ตสฺสา อุปริ องฺคาเร โอกิริ. สา ตํ กมฺมํ กตฺวา ตาทิสํเยว วิปากํ ปจฺจนุภวิตุํ เปตโลเก นิพฺพตฺตา. ปฺจมํ.
๖. อสีสกสุตฺตวณฺณนา
๒๑๗. โจรฆาตวตฺถุสฺมึ ¶ โส รฺโ อาณาย ทีฆรตฺตํ โจรานํ สีสานิ ฉินฺทิตฺวา เปตโลเก นิพฺพตฺตนฺโต อสีสกํ กพนฺธํ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ฉฏฺํ.
๗-๑๑. ปาปภิกฺขุสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๑๘-๒๒๒. ภิกฺขุวตฺถุสฺมึ ¶ ปาปภิกฺขูติ ลามกภิกฺขุ. โส กิร โลกสฺส สทฺธาเทยฺเย จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชิตฺวา กายวจีทฺวาเรหิ อสํยโต ภินฺนาชีโว จิตฺตเกฬึ กีฬนฺโต วิจริ. ตโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา เปตโลเก นิพฺพตฺตนฺโต ภิกฺขุสทิเสเนว อตฺตภาเวน นิพฺพตฺติ. ภิกฺขุนีสิกฺขมานาสามเณรสามเณรีวตฺถูสุปิ อยเมว วินิจฺฉโย. สตฺตมาทีนิ.
ลกฺขณสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. โอปมฺมสํยุตฺตํ
๑. กูฏสุตฺตวณฺณนา
๒๒๓. โอปมฺมสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม กูฏํ คจฺฉนฺตีติ กูฏงฺคมา. กูฏํ สโมสรนฺตีติ กูฏสโมสรณา. กูฏสมุคฺฆาตาติ กูฏสฺส สมุคฺฆาเตน. อวิชฺชาสมุคฺฆาตาติ อรหตฺตมคฺเคน อวิชฺชาย สมุคฺฆาเตน. อปฺปมตฺตาติ สติยา อวิปฺปวาเส ิตา หุตฺวา. ปมํ.
๒. นขสิขสุตฺตวณฺณนา
๒๒๔. ทุติเย มนุสฺเสสุ ปจฺจาชายนฺตีติ เย มนุสฺสโลกโต จุตา มนุสฺเสสุ ชายนฺติ, เต เอวํ อปฺปกาติ อธิปฺปาโย. อฺตฺร มนุสฺเสหีติ เย ปน มนุสฺสโลกโต จุตา เปตฺวา มนุสฺสโลกํ จตูสุ อปาเยสุ ปจฺจาชายนฺติ, เต มหาปถวิยํ ปํสุ วิย พหุตรา. อิมสฺมิฺจ สุตฺเต เทวาปิ มนุสฺเสเหว สงฺคหิตา. ตสฺมา ยถา มนุสฺเสสุ ชายนฺตา อปฺปกา, เอวํ เทเวสุปีติ เวทิตพฺพา. ทุติยํ.
๓. กุลสุตฺตวณฺณนา
๒๒๕. ตติเย สุปฺปธํสิยานีติ สุวิเหิยานิ. กุมฺภตฺเถนเกหีติ เย ปรฆรํ ปวิสิตฺวา ทีปาโลเกน โอโลเกตฺวา ปรภณฺฑํ หริตุกามา ฆเฏ ทีปํ กตฺวา ปวิสนฺติ, เต กุมฺภตฺเถนกา นาม, เตหิ กุมฺภตฺเถนเกหิ. สุปฺปธํสิโย โหติ อมนุสฺเสหีติ เมตฺตาภาวนารหิตํ ปํสุปิสาจกา วิธํสยนฺติ, ปเคว อุฬารา อมนุสฺสา. ภาวิตาติ วฑฺฒิตา. พหุลีกตาติ ปุนปฺปุนํ กตา. ยานีกตาติ ยุตฺตยานํ วิย กตา. วตฺถุกตาติ ปติฏฺานฏฺเน ¶ วตฺถุ วิย กตา. อนุฏฺิตาติ อธิฏฺิตา ¶ . ปริจิตาติ สมนฺตโต จิตา สุวฑฺฒิตา. สุสมารทฺธาติ จิตฺเตน สุฏฺุ สมารทฺธา. ตติยํ.
๔. โอกฺขาสุตฺตวณฺณนา
๒๒๖. จตุตฺเถ โอกฺขาสตนฺติ มหามุขอุกฺขลีนํ สตํ. ทานํ ทเทยฺยาติ ปณีตโภชนภริตานํ มหาอุกฺขลีนํ สตํ ทานํ ทเทยฺย. ‘‘อุกฺกาสต’’นฺติปิ ปาโ ¶ , ตสฺส ทณฺฑทีปิกาสตนฺติ อตฺโถ. เอกาย ปน ทีปิกาย ยตฺตเก าเน อาโลโก โหติ, ตโต สตคุณํ านํ สตฺตหิ รตเนหิ ปูเรตฺวา ทานํ ทเทยฺยาติ อตฺโถ. คทฺทุหนมตฺตนฺติ โคทุหนมตฺตํ, คาวิยา เอกวารํ อคฺคถนากฑฺฒนมตฺตนฺติ อตฺโถ. คนฺธอูหนมตฺตํ วา, ทฺวีหิ องฺคุลีหิ คนฺธปิณฺฑํ คเหตฺวา เอกวารํ ฆายนมตฺตนฺติ อตฺโถ. เอตฺตกมฺปิ หิ กาลํ โย ปน คพฺภปริเวณวิหารูปจาร ปริจฺเฉเทน วา จกฺกวาฬปริจฺเฉเทน วา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ วา สพฺพสตฺเตสุ หิตผรณํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ สกฺโกติ, อิทํ ตโต เอกทิวสํ ติกฺขตฺตุํ ทินฺนทานโต มหปฺผลตรํ. จตุตฺถํ.
๕. สตฺติสุตฺตวณฺณนา
๒๒๗. ปฺจเม ปฏิเลณิสฺสามีติอาทีสุ อคฺเค ปหริตฺวา กปฺปาสวฏฺฏึ วิย นาเมนฺโต นิยฺยาสวฏฺฏึ วิย จ เอกโต กตฺวา อลฺลิยาเปนฺโต ปฏิเลเณติ นาม. มชฺเฌ ปหริตฺวา นาเมตฺวา ธาราย ¶ วา ปหริตฺวา ทฺเวปิ ธารา เอกโต อลฺลิยาเปนฺโต ปฏิโกฏฺเฏติ นาม. กปฺปาสวฏฺฏนกรณียํ วิย ปวตฺเตนฺโต จิรกาลํ สํเวลฺลิตกิลฺชํ ปสาเรตฺวา ปุน สํเวลฺเลนฺโต วิย จ ปฏิวฏฺเฏติ นาม. ปฺจมํ.
๖. ธนุคฺคหสุตฺตวณฺณนา
๒๒๘. ฉฏฺเ ทฬฺหธมฺมา ธนุคฺคหาติ ทฬฺหธนุโน อิสฺสาสา. ทฬฺหธนุ นาม ทฺวิสหสฺสถามํ วุจฺจติ, ทฺวิสหสฺสถามํ นาม ยสฺส อาโรปิตสฺส ชิยาพทฺโธ โลหสีสาทีนํ ภาโร ทณฺเฑ คเหตฺวา ยาว กณฺฑปฺปมาณา อุกฺขิตฺตสฺส ปถวิโต มุจฺจติ. สุสิกฺขิตาติ ทสทฺวาทสวสฺสานิ อาจริยกุเล ¶ อุคฺคหิตสิปฺปา. กตหตฺถาติ โย สิปฺปเมว อุคฺคณฺหาติ, โส กตหตฺโถ น โหติ, อิเม ปน กตหตฺถา จิณฺณวสีภาวา. กตูปาสนาติ ราชกุลาทีสุ ทสฺสิตสิปฺปา.
ตสฺส ปุริสสฺส ชโวติ เอวรูโป อฺโ ปุริโส นาม น ภูตปุพฺโพ, โพธิสตฺตสฺเสว ปน ชวนหํสกาโล นาม อาสิ. ตทา โพธิสตฺโต จตฺตาริ ¶ กณฺฑานิ อาหริ. ตทา กิรสฺส กนิฏฺภาตโร ‘‘มยํ, ภาติก, สูริเยน สทฺธึ ชวิสฺสามา’’ติ อาโรเจสุํ. โพธิสตฺโต อาห – ‘‘สูริโย สีฆชโว, น สกฺขิสฺสถ ตุมฺเห เตน สทฺธึ ชวิตุ’’นฺติ. เต ทุติยํ ตติยมฺปิ ตเถว วตฺวา เอกทิวสํ ‘‘คจฺฉามา’’ติ ยุคนฺธรปพฺพตํ อารุหิตฺวา นิสีทึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘กหํ เม ภาตโร’’ติ? ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘สูริเยน สทฺธึ ชวิตุํ คตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘วินสฺสิสฺสนฺติ ตปสฺสิโน’’ติ เต อนุกมฺปมาโน สยมฺปิ คนฺตฺวา เตสํ สนฺติเก นิสีทิ. อถ สูริเย อุคฺคจฺฉนฺเต ทฺเวปิ ภาตโร สูริเยน สทฺธึเยว อากาสํ ปกฺขนฺตา, โพธิสตฺโตปิ เตหิ สทฺธึเยว ปกฺขนฺโต. เตสุ เอกสฺส อปตฺเตเยว อนฺตรภตฺตสมเย ปกฺขนฺตเรสุ ¶ อคฺคิ อุฏฺหิ, โส ภาตรํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘น สกฺโกมี’’ติ อาห. ตเมนํ โพธิสตฺโต ‘‘มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ปกฺขปฺชเรน ปลิเวเตฺวา ทรถํ วิโนเทตฺวา ‘‘คจฺฉา’’ติ เปเสสิ.
ทุติโย ยาว อนฺตรภตฺตา ชวิตฺวา ปกฺขนฺตเรสุ อคฺคิมฺหิ อุฏฺหิเต ตเถวาห. ตมฺปิ โส ตเถว กตฺวา ‘‘คจฺฉา’’ติ เปเสสิ. สยํ ปน ยาว มชฺฌนฺหิกา ชวิตฺวา, ‘‘เอเต พาลาติ มยาปิ พาเลน น ภวิตพฺพ’’นฺติ นิวตฺติตฺวา – ‘‘อทิฏฺสหายกํ พาราณสิราชํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ พาราณสึ อคมาสิ. ตสฺมึ นครมตฺถเก ปริพฺภมนฺเต ทฺวาทสโยชนํ นครํ ปตฺตกฏาเหน โอตฺถฏปตฺโต วิย อโหสิ. อถ ปริพฺภมนฺตสฺส ปริพฺภมนฺตสฺส ตตฺถ ตตฺถ ฉิทฺทานิ ปฺายึสุ. สยมฺปิ อเนกหํสสหสฺสสทิโส ปฺายิ. โส เวคํ ปฏิสํหริตฺวา ราชเคหาภิมุโข อโหสิ. ราชา โอโลเกตฺวา – ‘‘อาคโต กิร เม ปิยสหาโย ชวนหํโส’’ติ วาตปานํ วิวริตฺวา รตนปีํ ปฺาเปตฺวา โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต รตนปีเ นิสีทิ.
อถสฺส ราชา สหสฺสปาเกน เตเลน ปกฺขนฺตรานิ มกฺเขตฺวา, มธุลาเช เจว มธุรปานกฺจ อทาสิ. ตโต นํ กตปริโภคํ ‘‘สมฺม, กหํ อคมาสี’’ติ? ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘อถาหํ, มหาราช, ยาว มชฺฌนฺหิกา ชวิตฺวา – ‘นตฺถิ ชวิเตน อตฺโถ’ติ นิวตฺโต’’ติ อาจิกฺขิ. อถ ราชา อาห – ‘‘อหํ, สามิ, ตุมฺหากํ สูริเยน สทฺธึ ชวนเวคํ ¶ ปสฺสิตุกาโม’’ติ ¶ . ทุกฺกรํ, มหาราช, น สกฺกา ตยา ปสฺสิตุนฺติ. เตน หิ, สามิ, สริกฺขกมตฺตมฺปิ ทสฺเสหีติ. อาม, มหาราช, ธนุคฺคเห สนฺนิปาเตหีติ. ราชา สนฺนิปาเตสิ. หํโส ตโต จตฺตาโร คเหตฺวา นครมชฺเฌ โตรณํ กาเรตฺวา อตฺตโน คีวาย ฆณฺฑํ ปิฬนฺธาเปตฺวา โตรณสฺส อุปริ นิสีทิตฺวา – ‘‘จตฺตาโร ชนา โตรณํ นิสฺสาย จตุทิสาภิมุขา เอเกกํ กณฺฑํ ขิปนฺตู’’ติ วตฺวา, สยํ ปมกณฺเฑเนว สทฺธึ อุปฺปติตฺวา, ตํ กณฺฑํ อคฺคเหตฺวาว, ทกฺขิณาภิมุขํ คตกณฺฑํ ธนุโต รตนมตฺตาปคตํ ¶ คณฺหิ. ทุติยํ ทฺวิรตนมตฺตาปคตํ, ตติยํ ติรตนมตฺตาปคตํ, จตุตฺถํ ภูมึ อปฺปตฺตเมว คณฺหิ. อถ นํ จตฺตาริ กณฺฑานิ คเหตฺวา โตรเณ นิสินฺนกาเลเยว อทฺทสํสุ. โส ราชานํ อาห – ‘‘ปสฺส, มหาราช, เอวํสีโฆ อมฺหากํ ชโว’’ติ. เอวํ โพธิสตฺเตเนว ชวนหํสกาเล ตานิ กณฺฑานิ อาหริตานีติ เวทิตพฺพานิ.
ปุรโต ธาวนฺตีติ อคฺคโต ชวนฺติ. น ปเนตา สพฺพกาลํ ปุรโตว โหนฺติ, กทาจิ ปุรโต, กทาจิ ปจฺฉโต โหนฺติ. อากาสฏฺกวิมาเนสุ หิ อุยฺยานานิปิ โหนฺติ โปกฺขรณิโยปิ, ตา ตตฺถ นหายนฺติ, อุทกกีฬํ กีฬมานา ปจฺฉโตปิ โหนฺติ, เวเคน ปน คนฺตฺวา ปุน ปุรโตว ธาวนฺติ. อายุสงฺขาราติ รูปชีวิตินฺทฺริยํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ ตโต สีฆตรํ ขียติ. อรูปธมฺมานํ ปน เภโท น สกฺกา ปฺาเปตุํ. ฉฏฺํ.
๗. อาณิสุตฺตวณฺณนา
๒๒๙. สตฺตเม ทสารหานนฺติ เอวํนามกานํ ขตฺติยานํ. เต กิร สตโต ทสภาคํ คณฺหึสุ, ตสฺมา ‘‘ทสารหา’’ติ ปฺายึสุ. อานโกติ เอวํลทฺธนาโม มุทิงฺโค. หิมวนฺเต กิร มหากุฬีรทโห อโหสิ. ตตฺถ มหนฺโต กุฬีโร โอติณฺโณติณฺณํ หตฺถึ ขาทติ. อถ หตฺถี อุปทฺทุตา เอกํ กเรณุํ สกฺกรึสุ ‘‘อิมิสฺสา ปุตฺตํ นิสฺสาย อมฺหากํ โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ. สาปิ มเหสกฺขํ ปุตฺตํ วิชายิ. เต ตมฺปิ สกฺกรึสุ. โส วุทฺธิปฺปตฺโต มาตรํ ปุจฺฉิ, ‘‘กสฺมา มํ เอเต สกฺกโรนฺตี’’ติ? สา ตํ ปวตฺติมาจิกฺขิ. โส ‘‘กึ มยฺหํ กุฬีโร ปโหติ? เอถ คจฺฉามา’’ติ มหาหตฺถิปริวาโร ¶ ตตฺถ คนฺตฺวา ปมเมว โอตริ. กุฬีโร อุทกสทฺเทเนว อาคนฺตฺวา ตํ อคฺคเหสิ. มหนฺโต กุฬีรสฺส อโฬ, โส ตํ อิโต วา เอตฺโต วา จาเลตุํ อสกฺโกนฺโต มุเข โสณฺฑํ ปกฺขิปิตฺวา วิรวิ. หตฺถิโน ‘‘ยํนิสฺสาย มยํ ‘โสตฺถิ ภวิสฺสตี’ติ ¶ อมฺิมฺหา, โส ปมตรํ คหิโต’’ติ ตโต ตโต ปลายึสุ.
อถสฺส ¶ มาตา อวิทูเร ตฺวา ‘‘มยํ ถลนาคา, ตุมฺเห อุทกนาคา นาม, นาเคหิ นาโค น วิเหเตพฺโพ’’ติ กุฬีรํ ปิยวจเนน วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เย กุฬีรา สมุทฺทสฺมึ, คงฺคาย ยมุนาย จ;
เตสํ ตฺวํ วาริโช เสฏฺโ, มฺุจ โรทนฺติยา ปช’’นฺติ.
มาตุคามสทฺโท นาม ปุริเส โขเภตฺวา ติฏฺติ, ตสฺมา โส คหณํ สิถิลมกาสิ. หตฺถิโปโต เวเคน อุโภ ปาเท อุกฺขิปิตฺวา ตํ ปิฏฺิยํ อกฺกมิ. สห อกฺกมนา ปิฏฺิ มตฺติกภาชนํ วิย ภิชฺชิ. อถ นํ ทนฺเตหิ วิชฺฌิตฺวา อุกฺขิปิตฺวา ถเล ฉฑฺเฑตฺวา ตุฏฺรวํ รวิ. อถ นํ หตฺถี อิโต จิโต จ อาคนฺตฺวา มทฺทึสุ. ตสฺส เอโก อโฬ ปฏิกฺกมิตฺวา ปติ, ตํ สกฺโก เทวราชา คเหตฺวา คโต.
อิตโร ปน อโฬ วาตาตเปน สุกฺขิตฺวา ปกฺกลาขารสวณฺโณ อโหสิ, โส เทเว วุฏฺเ อุทโกเฆน วุยฺหนฺโต ทสภาติกานํ ราชูนํ อุปริโสเต ชาลํ ปสาราเปตฺวา คงฺคาย กีฬนฺตานํ อาคนฺตฺวา ชาเล ลคฺคิ. เต กีฬาปริโยสาเน ชาลมฺหิ อุกฺขิปิยมาเน ตํ ทิสฺวา ปุจฺฉึสุ ‘‘กึ เอต’’นฺติ? ‘‘กุฬีรอโฬ สามี’’ติ. ‘‘น สกฺกา เอส อาภรณตฺถาย อุปเนตุํ, ปริโยนนฺธาเปตฺวา เภรึ กริสฺสามา’’ติ? ปริโยนนฺธาเปตฺวา ปหรึสุ. สทฺโท ทฺวาทสโยชนํ นครํ อวตฺถริ. ตโต อาหํสุ – ‘‘น สกฺกา อิทํ ทิวเส ทิวเส วาเทตุํ, ฉณทิวสตฺถาย มงฺคลเภรี โหตู’’ติ มงฺคลเภรึ อกํสุ. ตสฺมึ วาทิเต มหาชโน อนฺหายิตฺวา อปิฬนฺธิตฺวา หตฺถิยานาทีนิ อารุยฺห สีฆํ สนฺนิปตนฺติ. อิติ มหาชนํ ปกฺโกสิตฺวา วิย อาเนตีติ อานโก ตฺเววสฺส นามํ อโหสิ.
อฺํ ¶ อาณึ โอทหึสูติ อฺํ สุวณฺณรชตาทิมยํ อาณึ ฆฏยึสุ. อาณิสงฺฆาโฏว อวสิสฺสีติ สุวณฺณาทิมยานํ อาณีนํ สงฺฆาฏมตฺตเมว อวเสสํ อโหสิ. อถสฺส ¶ ทฺวาทสโยชนปฺปมาโณ สทฺโท อนฺโตสาลายมฺปิ ทุกฺเขน สุยฺยิตฺถ.
คมฺภีราติ ปาฬิวเสน คมฺภีรา สลฺลสุตฺตสทิสา. คมฺภีรตฺถาติ อตฺถวเสน คมฺภีรา มหาเวทลฺลสุตฺตสทิสา (ม. นิ. ๑.๔๔๙ อาทโย). โลกุตฺตราติ โลกุตฺตรอตฺถทีปกา. สฺุตปฺปฏิสํยุตฺตาติ ¶ สตฺตสฺุตธมฺมมตฺตเมว ปกาสกา สํขิตฺตสํยุตฺตสทิสา. อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพนฺติ อุคฺคเหตพฺเพ จ ปริยาปุณิตพฺเพ จ. กวิกตาติ กวีหิ กตา. อิตรํ ตสฺเสว เววจนํ. จิตฺตกฺขราติ วิจิตฺรอกฺขรา. อิตรํ ตสฺเสว เววจนํ. พาหิรกาติ สาสนโต พหิภูตา. สาวกภาสิตาติ เตสํ เตสํ สาวเกหิ ภาสิตา. สุสฺสูสิสฺสนฺตีติ อกฺขรจิตฺตตาย เจว สวนสมฺปตฺติยา จ อตฺตมนา หุตฺวา สามเณรทหรภิกฺขุมาตุคามมหาคหปติกาทโย ‘‘เอส ธมฺมกถิโก’’ติ สนฺนิปติตฺวา โสตุกามา ภวิสฺสนฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ตถาคตภาสิตา สุตฺตนฺตา อนุคฺคยฺหมานา อนฺตรธายนฺติ, ตสฺมา. สตฺตมํ.
๘. กลิงฺครสุตฺตวณฺณนา
๒๓๐. อฏฺเม กลิงฺครูปธานาติ กลิงฺครฆฏิกํ สีสูปธานฺเจว ปาทูปธานฺจ กตฺวา. อปฺปมตฺตาติ สิปฺปุคฺคหเณ อปฺปมตฺตา. อาตาปิโนติ อุฏฺานวีริยาตาเปน ยุตฺตา. อุปาสนสฺมินฺติ สิปฺปานํ อภิโยเค อาจริยานฺจ ปยิรุปาสเน. เต กิร ตทา ปาโตว อุฏฺาย สิปฺปสาลํ คจฺฉนฺติ, ตตฺถ สิปฺปํ อุคฺคเหตฺวา สชฺฌายาทีหิ อภิโยคํ กตฺวา มุขํ โธวิตฺวา ยาคุปานาย คจฺฉนฺติ. ยาคุํ ปิวิตฺวา ปุน สิปฺปสาลํ คนฺตฺวา สิปฺปํ คณฺหิตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺตา ปาตราสาย คจฺฉนฺติ. กตปาตราสา สมานา ‘‘มา ปมาเทน จิรํ นิทฺโทกฺกมนํ อโหสี’’ติ ขทิรฆฏิกาสุ สีเส จ ปาเท จ อุปทหิตฺวา ¶ โถกํ นิปชฺชิตฺวา ปุน สิปฺปสาลํ คนฺตฺวา สิปฺปํ คเหตฺวา สชฺฌายนฺติ. สายํ สชฺฌายํ กโรนฺตา จ เคหํ คนฺตฺวา ภุตฺตสายมาสา ปมยามํ สชฺฌายํ กตฺวา สยนกาเล ตเถว กลิงฺครํ ¶ อุปธานํ กตฺวา สยนฺติ. เอวํ เต อกฺขณเวธิโน วาลเวธิโน จ อเหสุํ. อิทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
โอตารนฺติ วิวรํ. อารมฺมณนฺติ ปจฺจยํ. ปธานสฺมินฺติ ปธานภูมิยํ วีริยํ กุรุมานา. ปมโพธิยํ กิร ภิกฺขู ภตฺตกิจฺจํ กตฺวาว กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺติ. เตสํ มนสิกโรนฺตานํเยว สูริโย อตฺถํ คจฺฉติ. เต นฺหายิตฺวา ปุน จงฺกมํ โอตริตฺวา ปมยามํ จงฺกมนฺติ. ตโต ‘‘มา จิรํ นิทฺทายิมฺหา’’ติ สรีรทรถวิโนทนตฺถํ นิปชฺชนฺตา กฏฺขณฺฑํ อุปทหิตฺวา นิปชฺชนฺติ, เต ปุน ปจฺฉิมยาเม วุฏฺาย จงฺกมํ โอตรนฺติ. เต สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ. อยมฺปิ ทีโป ติณฺณํ ราชูนํ กาเล เอกฆณฺฑินิคฺโฆโส เอกปธานภูมิ อโหสิ. นานามุเข ปหฏฆณฺฑิ ปิลิจฺฉิโกฬิยํ โอสรติ, กลฺยาณิยํ ปหฏฆณฺฑิ นาคทีเป โอสรติ ¶ . ‘‘อยํ ภิกฺขุ ปุถุชฺชโน, อยํ ปุถุชฺชโน’’ติ องฺคุลึ ปสาเรตฺวา ทสฺเสตพฺโพ อโหสิ. เอกทิวสํ สพฺเพ อรหนฺโตว อเหสุํ. ตสฺมาติ ยสฺมา กลิงฺครูปธานานํ มาโร อารมฺมณํ น ลภติ, ตสฺมา. อฏฺมํ.
๙. นาคสุตฺตวณฺณนา
๒๓๑. นวเม อติเวลนฺติ อติกฺกนฺตเวลํ กาลํ อติกฺกนฺตปฺปมาณํ กาลํ. กิมงฺคํ ปนาหนฺติ อหํ ปน กึการณา น อุปสงฺกมิสฺสามิ? ภิสมุฬาลนฺติ ¶ ภิสฺเจว มุฬาลฺจ. อพฺพุเหตฺวาติ อุทฺธริตฺวา. ภิงฺกจฺฉาปาติ หตฺถิโปตกา. เต กิร อภิณฺหํ ภิงฺการสทฺทํ กโรนฺติ, ตสฺมา ภิงฺกจฺฉาปาติ วุจฺจนฺติ. ปสนฺนาการํ กโรนฺตีติ ปสนฺเนหิ กตฺตพฺพาการํ กโรนฺติ, จตฺตาโร ปจฺจเย เทนฺติ. ธมฺมํ ภาสนฺตีติ เอกํ ทฺเว ชาตกานิ วา สุตฺตนฺเต วา อุคฺคณฺหิตฺวา อสมฺภินฺเนน สเรน ธมฺมํ เทเสนฺติ. ปสนฺนาการํ กโรนฺตีติ เตสํ ตาย เทสนาย ปสนฺนา คิหี ปจฺจเย เทนฺติ. เนว วณฺณาย โหติ น พลายาติ เนว คุณวณฺณาย, น าณพลาย โหติ, คุณวณฺเณ ปน ปริหายนฺเต สรีรวณฺโณปิ สรีรพลมฺปิ ปริหายติ, ตสฺมา สรีรสฺส เนว วณฺณาย น พลาย โหติ. นวมํ.
๑๐. พิฬารสุตฺตวณฺณนา
๒๓๒. ทสเม ¶ สนฺธิสมลสํกฏีเรติ เอตฺถ สนฺธีติ ภินฺนฆรานํ สนฺธิ, สมโลติ คามโต คูถนิกฺขมนมคฺโค, สํกฏีรนฺติ สงฺการฏฺานํ. มุทุมูสินฺติ มุทุกํ มูสิกํ. วุฏฺานํ ปฺายตีติ เทสนา ปฺายติ. ทสมํ.
๑๑. สิงฺคาลสุตฺตวณฺณนา
๒๓๓. เอกาทสเม เยน เยน อิจฺฉตีติ โส ชรสิงฺคาโล อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺาเน อิริยาปถกปฺปเนน สีตวาตูปวายเนน จ อนฺตรนฺตรา จิตฺตสฺสาทมฺปิ ลภตีติ ทสฺเสติ. สกฺยปุตฺติยปฏิฺโติ อิทํ เทวทตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ เอตฺตกมฺปิ จิตฺตสฺสาทํ อนาคเต อตฺตภาเว น ลภิสฺสตีติ. เอกาทสมํ.
๑๒. ทุติยสิงฺคาลสุตฺตวณฺณนา
๒๓๔. ทฺวาทสเม ¶ ¶ กตฺุตาติ กตชานนํ. กตเวทิตาติ กตวิเสสชานนํ. ตตฺริทํ ชรสิงฺคาลสฺส กตฺุตาย วตฺถุ – สตฺต กิร ภาตโร เขตฺตํ กสนฺติ. เตสํ สพฺพกนิฏฺโ เขตฺตปริยนฺเต ตฺวา คาโว รกฺขติ. อเถกํ ชรสิงฺคาลํ อชคโร คณฺหิ, โส ตํ ทิสฺวา ยฏฺิยา โปเถตฺวา วิสฺสชฺชาเปสิ. อชคโร สิงฺคาลํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตเมว คณฺหิ. สิงฺคาโล จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ อิมินา ชีวิตํ ทินฺนํ, อหมฺปิ อิมสฺส ทสฺสามี’’ติ ยาคุฆฏสฺส อุปริ ปิตํ วาสึ มุเขน ฑํสิตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. อิตเร ภาตโร ทิสฺวา, ‘‘สิงฺคาโล วาสึ หรตี’’ติ อนุพนฺธึสุ. โส เตหิ ทิฏฺภาวํ ตฺวา วาสึ ตสฺส สนฺติเก ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. อิตเร อาคนฺตฺวา กนิฏฺํ อชคเรน คหิตํ ทิสฺวา วาสิยา อชครํ ฉินฺทิตฺวา ตํ คเหตฺวา อคมํสุ. เอวํ ชรสิงฺคาเล สิยา ยา กาจิ กตฺุตา กตเวทิตา. สกฺยปุตฺติยปฏิฺเติ อิทมฺปิ เทวทตฺตสฺส อาจารเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ. ทฺวาทสมํ.
โอปมฺมสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ภิกฺขุสํยุตฺตํ
๑. โกลิตสุตฺตวณฺณนา
๒๓๕. ภิกฺขุสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม, อาวุโสติ สาวกานํ อาลาโป. พุทฺธา หิ ภควนฺโต สาวเก อาลปนฺตา, ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อาลปนฺติ, สาวกา ปน ‘‘พุทฺเธหิ สทิสา มา โหมา’’ติ, ‘‘อาวุโส’’ติ ปมํ วตฺวา ปจฺฉา, ‘‘ภิกฺขเว’’ติ ภณนฺติ. พุทฺเธหิ จ อาลปิเต ภิกฺขุสงฺโฆ, ‘‘ภนฺเต’’ติ ปฏิวจนํ เทติ สาวเกหิ, ‘‘อาวุโส’’ติ. อยํ วุจฺจตีติ ยสฺมา ทุติยชฺฌาเน วิตกฺกวิจารา นิรุชฺฌนฺติ, เยสํ นิโรธา สทฺทายตนํ อปฺปวตฺตึ คจฺฉติ, ตสฺมา ยเทตํ ทุติยํ ฌานํ นาม, อยํ วุจฺจติ ‘‘อริยานํ ตุณฺหีภาโว’’ติ. อยเมตฺถ โยชนา. ‘‘ธมฺมี วา กถา อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ เอตฺถ ปน กมฺมฏฺานมนสิกาโรปิ ปมชฺฌานาทีนิปิ อริโย ตุณฺหีภาโวตฺเวว สงฺขํ คตานิ.
วิตกฺกสหคตาติ วิตกฺการมฺมณา. สฺามนสิการาติ สฺา จ มนสิกาโร จ. สมุทาจรนฺตีติ ปวตฺตนฺติ. เถรสฺส กิร ทุติยชฺฌานํ น ปคุณํ. อถสฺส ตโต วุฏฺิตสฺส วิตกฺกวิจารา น สนฺตโต อุปฏฺหึสุ. อิจฺจสฺส ทุติยชฺฌานมฺปิ สฺามนสิการาปิ หานภาคิยาว อเหสุํ, ตํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. สณฺเปหีติ สมฺมา เปหิ. เอโกทิภาวํ กโรหีติ เอกคฺคํ กโรหิ. สมาทหาติ สมฺมา อาทห อาโรเปหิ. มหาภิฺตนฺติ ฉฬภิฺตํ. สตฺถา กิร อิมินา อุปาเยน สตฺต ทิวเส เถรสฺส หานภาคิยํ สมาธึ วฑฺเฒตฺวา เถรํ ฉฬภิฺตํ ปาเปสิ. ปมํ.
๒. อุปติสฺสสุตฺตวณฺณนา
๒๓๖. ทุติเย ¶ อตฺถิ นุ โข ตํ กิฺจิ โลกสฺมินฺติ อิทํ อติอุฬารมฺปิ สตฺตํ วา สงฺขารํ ¶ วา สนฺธาย วุตฺตํ. สตฺถุปิ โขติ อิทํ ยสฺมา อานนฺทตฺเถรสฺส สตฺถริ อธิมตฺโต ฉนฺโท จ เปมฺจ, ตสฺมา ‘‘กึ นุ โข อิมสฺส เถรสฺส สตฺถุ วิปริณาเมนปิ โสกาทโย นุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ ชานนตฺถํ ปุจฺฉติ? ทีฆรตฺตนฺติ สูกรขตเลณทฺวาเร ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺตํ เทสิตทิวสโต ปฏฺาย อติกฺกนฺตกาลํ สนฺธายาห. ตสฺมิฺหิ ¶ ทิวเส เถรสฺส อิเม วฏฺฏานุคตกิเลสา สมูหตาติ. ทุติยํ.
๓. ฆฏสุตฺตวณฺณนา
๒๓๗. ตติเย เอกวิหาเรติ เอกสฺมึ คพฺเภ. ตทา กิร พหู อาคนฺตุกา ภิกฺขู สนฺนิปตึสุ. ตสฺมึ ปริเวณคฺเคน วา วิหารคฺเคน วา เสนาสเนสุ อปาปุณนฺเตสุ ทฺวินฺนํ เถรานํ เอโก คพฺโภ สมฺปตฺโต. เต ทิวา ปาฏิเยกฺเกสุ าเนสุ นิสีทนฺติ, รตฺตึ ปน เนสํ อนฺตเร จีวรสาณึ ปสาเรนฺติ. เต อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตปตฺตฏฺาเนเยว นิสีทนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกวิหาเร’’ติ. โอฬาริเกนาติ อิทํ โอฬาริการมฺมณตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทิพฺพจกฺขุทิพฺพโสตธาตุวิหาเรน หิ โส วิหาสิ, เตสฺจ รูปายตนสทฺทายตนสงฺขาตํ โอฬาริกํ อารมฺมณํ. อิติ ทิพฺพจกฺขุนา รูปสฺส ทิฏฺตฺตา ทิพฺพาย จ โสตธาตุยา สทฺทสฺส สุตตฺตา โส วิหาโร โอฬาริโก นาม ชาโต. ทิพฺพจกฺขุ วิสุชฺฌีติ ภควโต รูปทสฺสนตฺถาย วิสุทฺธํ อโหสิ. ทิพฺพา จ โสตธาตูติ สาปิ ภควโต สทฺทสุณนตฺถํ วิสุชฺฌิ ¶ . ภควโตปิ เถรสฺส รูปทสฺสนตฺถฺเจว สทฺทสุณนตฺถฺจ ตทุภยํ วิสุชฺฌิ. ตทา กิร เถโร ‘‘กถํ นุ โข เอตรหิ สตฺถา วิหรตี’’ติ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา สตฺถารํ เชตวเน วิหาเร คนฺธกุฏิยํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ตสฺส ทิพฺพาย โสตธาตุยา สทฺทํ สุณิ. สตฺถาปิ ตเถว อกาสิ. เอวํ เต อฺมฺํ ปสฺสึสุ เจว, สทฺทฺจ อสฺโสสุํ.
อารทฺธวีริโยติ ปริปุณฺณวีริโย ปคฺคหิตวีริโย. ยาวเทว อุปนิกฺเขปนมตฺตายาติ ติโยชนสหสฺสวิตฺถารสฺส หิมวโต สนฺติเก ปิตา สาสปมตฺตา ปาสาณสกฺขรา ‘‘หิมวา นุ โข มหา, อยํ นุ โข ปาสาณสกฺขรา’’ติ เอวํ ยาว อุปนิกฺเขปนมตฺตสฺเสว อตฺถาย ภเวยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ปรโตปิ เอเสว นโย. กปฺปนฺติ อายุกปฺปํ. โลณฆฏายาติ จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยา อาธารกํ กตฺวา มุขวฏฺฏิยา พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ ิตาย โลณจาฏิยาติ ทสฺเสติ.
อิเม ¶ ¶ ปน เถรา อุปมํ อาหรนฺตา สริกฺขเกเนว จ วิชฺชมานคุเณน จ อาหรึสุ. กถํ? อยฺหิ อิทฺธิ นาม อจฺจุคฺคตฏฺเน เจว วิปุลฏฺเน จ หิมวนฺตสทิสา, ปฺา จตุภูมกธมฺเม อนุปวิสิตฺวา ิตฏฺเน สพฺพพฺยฺชเนสุ อนุปวิฏฺโลณรสสทิสา. เอวํ ตาว สริกฺขกฏฺเน อาหรึสุ. สมาธิลกฺขณํ ปน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส วิภูตํ ปากฏํ. กิฺจาปิ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อวิชฺชมานอิทฺธิ นาม นตฺถิ, ภควตา ปน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ อยเมว เอตทคฺเค ปิโต. วิปสฺสนาลกฺขณํ ปน สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วิภูตํ ปากฏํ. กิฺจาปิ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺสาปิ ปฺา อตฺถิ, ภควตา ปน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ มหาปฺานํ ยทิทํ สาริปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๙) อยเมว เอตทคฺเค ปิโต. ตสฺมา ยถา เอเต อฺมฺสฺส ธุรํ น ปาปุณนฺติ, เอวํ วิชฺชมานคุเณน อาหรึสุ. สมาธิลกฺขณสฺมิฺหิ มหาโมคฺคลฺลาโน นิปฺผตฺตึ คโต, วิปสฺสนาลกฺขเณ สาริปุตฺตตฺเถโร, ทฺวีสุปิ เอเตสุ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. ตติยํ.
๔. นวสุตฺตวณฺณนา
๒๓๘. จตุตฺเถ ¶ อปฺโปสฺสุกฺโกติ นิรุสฺสุกฺโก. สงฺกสายตีติ วิหรติ. เวยฺยาวจฺจนฺติ จีวเร กตฺตพฺพกิจฺจํ. อาภิเจตสิกานนฺติ อภิจิตฺตํ อุตฺตมจิตฺตํ นิสฺสิตานํ. นิกามลาภีติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชนสมตฺถตาย นิกามลาภี. อกิจฺฉลาภีติ ฌานปาริปนฺถิเก สุเขน วิกฺขมฺเภตฺวา สมาปชฺชนสมตฺถตาย อทุกฺขลาภี. อกสิรลาภีติ ยถาปริจฺเฉเทน วุฏฺานสมตฺถตาย วิปุลลาภี, ปคุณชฺฌาโนติ อตฺโถ. สิถิลมารพฺภาติ สิถิลวีริยํ ปวตฺเตตฺวา. จตุตฺถํ.
๕. สุชาตสุตฺตวณฺณนา
๒๓๙. ปฺจเม อภิรูโปติ อฺานิ รูปานิ อติกฺกนฺตรูโป. ทสฺสนีโยติ ทฏฺพฺพยุตฺโต. ปาสาทิโกติ ทสฺสเนน จิตฺตํ ปสาเทตุํ สมตฺโถ. วณฺณโปกฺขรตายาติ ฉวิวณฺณสุนฺทรตาย. ปฺจมํ.
๖. ลกุณฺฑกภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
๒๔๐. ฉฏฺเ ¶ ¶ ทุพฺพณฺณนฺติ วิรูปสรีรวณฺณํ. โอโกฏิมกนฺติ รสฺสํ. ปริภูตรูปนฺติ ปมาณวเสน ปริภูตชาติกํ. ตํ กิร ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส ภทฺทิย, อาวุโส, ภทฺทิยา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ปรามสิตฺวา นานปฺปการํ กีฬนฺติ อากฑฺฒนฺติ ปริกฑฺฒนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปริภูตรูป’’นฺติ. กสฺมา ปเนส เอวรูโป ชาโต? อยํ กิร อตีเต เอโก มหาราชา อโหสิ, ตสฺส มหลฺลกา จ มหลฺลกิตฺถิโย จ ปฏิกูลา โหนฺติ. โส สเจ มหลฺลเก ปสฺสติ, เตสํ ¶ จูฬํ ปาเปตฺวา กจฺฉํ พนฺธาเปตฺวา ยถารุจิ กีฬาเปติ. มหลฺลกิตฺถิโยปิ ทิสฺวา ตาสมฺปิ อิจฺฉิติจฺฉิตํ วิปฺปการํ กตฺวา ยถารุจิ กีฬาเปติ. เตสํ ปุตฺตธีตาทีนํ สนฺติเก มหาสารชฺชํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺส ปาปกิริยา ปถวิโต ปฏฺาย ฉเทวโลเก เอกโกลาหลํ อกาสิ.
อถ สกฺโก จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อนฺธพาโล มหาชนํ วิเหเติ, กริสฺสามิสฺส นิคฺคห’’นฺติ. โส มหลฺลกคามิยวณฺณํ กตฺวา ยานเก เอกํ ตกฺกจาฏึ อาโรเปตฺวา ยานํ เปเสนฺโต นครํ ปวิสติ. ราชาปิ หตฺถึ อารุยฺห นครโต นิกฺขนฺโต ตํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ มหลฺลโก ตกฺกยานเกน อมฺหากํ อภิมุโข อาคจฺฉติ, วาเรถ วาเรถา’’ติ อาห. มนุสฺสา อิโต จิโต จ ปกฺขนฺทนฺตาปิ น ปสฺสนฺติ. สกฺโก หิ ‘‘ราชาว มํ ปสฺสตุ, มา อฺเ’’ติ เอวํ อธิฏฺหิ. อถ เตสุ มนุสฺเสสุ ‘‘กหํ, เทว, กหํ เทวา’’ติ วทนฺเตสุ เอว ราชา สห หตฺถินา วจฺโฉ วิย เธนุยา ยานสฺส เหฏฺา ปาวิสิ. สกฺโก ตกฺกจาฏึ ภินฺทิ.
ราชา สีสโต ปฏฺาย ตกฺเกน กิลินฺนสรีโร อโหสิ. โส สรีรํ อุพฺพฏฺฏาเปตฺวา อุยฺยานโปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา อลงฺกตสรีโร นครํ ปวิสนฺโต ปุน ตํ อทฺทส. ทิสฺวา ‘‘อยํ โส อมฺเหหิ ทิฏฺมหลฺลโก ปุน ทิสฺสติ. วาเรถ วาเรถ น’’นฺติ อาห. มนุสฺสา ‘‘กหํ, เทว, กหํ, เทวา’’ติ อิโต จิโต จ วิธาวึสุ. โส ปมวิปฺปการเมว ปุน ปาปุณิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก โคเณ จ ยานฺจ อนฺตรธาเปตฺวา อากาเส ¶ ตฺวา อาห, ‘‘อนฺธพาล, ตฺวํ มยิ ตกฺกวาณิชโก เอโส’’ติ สฺํ กโรสิ, สกฺโกหํ เทวราชา, ‘‘ตเวตํ ปาปกิริยํ นิวาเรสฺสามี’’ติ อาคโต, ‘‘มา ปุน เอวรูปํ อกาสี’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา อคมาสิ. อิมินา กมฺเมน โส ทุพฺพณฺโณ อโหสิ.
วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ¶ ปเนส จิตฺตปตฺตโกกิโล นาม หุตฺวา เขเม มิคทาเย วสนฺโต เอกทิวสํ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา มธุรํ อมฺพผลํ ตุณฺเฑน คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต ภิกฺขุสงฺฆปริวารํ สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อฺเสุ ทิวเสสุ ริตฺตโก ตถาคตํ ปสฺสามิ. อชฺช ปน เม อิมํ อมฺพปกฺกํ อตฺถิ, ทสพลสฺส ตํ ทสฺสามี’’ติ โอตริตฺวา อากาเส จรติ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา อุปฏฺากํ ¶ โอโลเกสิ. โส ปตฺตํ นีหริตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. โกกิโล ทสพลสฺส ปตฺเต อมฺพปกฺกํ ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา ตตฺเถว นิสีทิตฺวา ตํ ปริภฺุชิ. โกกิโล ปสนฺนจิตฺโต ปุนปฺปุนํ ทสพลสฺส คุเณ อาวชฺเชตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน กุลาวกํ คนฺตฺวา สตฺตาหํ ปีติสุเขเนว วีตินาเมสิ. อิมินา กมฺเมน สโร มธุโร อโหสิ.
กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปน เจติเย อารทฺเธ ‘‘กึปมาณํ กโรม? สตฺตโยชนปฺปมาณํ. อติมหนฺตํ เอตํ, ฉโยชนปฺปมาณํ กโรม. อิทมฺปิ อติมหนฺตํ, ปฺจโยชนํ กโรม, จตุโยชนํ, ติโยชนํ, ทฺวิโยชน’’นฺติ. อยํ ตทา เชฏฺกวฑฺฒกี หุตฺวา, ‘‘เอวํ, โภ, อนาคเต สุขปฏิชคฺคิตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา รชฺชุํ อาทาย ปริกฺขิปนฺโต คาวุตมตฺตเก ตฺวา, ‘‘เอเกกํ มุขํ คาวุตํ โหตุ, เจติยํ โยชนาวฏฺฏํ โยชนุพฺเพธํ ภวิสฺสตี’’ติ อาห. เต ตสฺส วจเน อฏฺํสุ. เจติยํ สตฺตทิวสสตฺตมาสาธิเกหิ สตฺตหิ สํวจฺฉเรหิ นิฏฺิตํ. อิติ อปฺปมาณสฺส พุทฺธสฺส ปมาณํ อกาสีติ. เตน กมฺเมน โอโกฏิมโก ชาโต.
หตฺถโย ปสทา มิคาติ หตฺถิโน จ ปสทมิคา จ. นตฺถิ กายสฺมึ ตุลฺยตาติ กายสฺมึ ปมาณํ นาม นตฺถิ, อการณํ กายปมาณนฺติ อตฺโถ. ฉฏฺํ.
๗. วิสาขสุตฺตวณฺณนา
๒๔๑. สตฺตเม ¶ โปริยา วาจายาติ ปุรวาสีนํ นครมนุสฺสานํ วาจาสทิสาย อปริหีนกฺขรปทาย มธุรวาจาย. วิสฺสฏฺายาติ อสนฺทิทฺธาย อปลิพุทฺธาย, ปิตฺตเสมฺเหหิ ¶ อนุปหตายาติ อตฺโถ. อเนลคลายาติ ยถา ทนฺธมนุสฺสา มุเขน เขฬํ คฬนฺเตน วาจํ ภาสนฺติ, น เอวรูปาย, อถ โข นิทฺโทสาย วิสทวาจาย. ปริยาปนฺนายาติ จตุสจฺจปริยาปนฺนาย ¶ จตฺตาริ สจฺจานิ อมฺุจิตฺวา ปวตฺตาย. อนิสฺสิตายาติ วฏฺฏนิสฺสิตํ กตฺวา อกถิตาย. ธมฺโม หิ อิสินํ ธโชติ นววิธโลกุตฺตรธมฺโม อิสีนํ ธโช นามาติ. สตฺตมํ.
๘. นนฺทสุตฺตวณฺณนา
๒๔๒. อฏฺเม อาโกฏิตปจฺจาโกฏิตานีติ เอกสฺมึ ปสฺเส ปาณินา วา มุคฺคเรน วา อาโกฏเนน อาโกฏิตานิ, ปริวตฺเตตฺวา อาโกฏเนน ปจฺจาโกฏิตานิ. อฺเชตฺวาติ อฺชเนน ปูเรตฺวา. อจฺฉํ ปตฺตนฺติ วิปฺปสนฺนวณฺณํ มตฺติกาปตฺตํ. กสฺมา ปน เถโร เอวมกาสีติ? สตฺถุ อชฺฌาสยชานนตฺถํ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘สเจ สตฺถา ‘โสภติ วต เม อยํ กนิฏฺภาติโก’ติ วกฺขติ, ยาวชีวํ อิมินา วากาเรน จริสฺสามิ. สเจ เอตฺถ โทสํ ทสฺสติ, อิมํ อาการํ ปหาย สงฺการโจฬํ คเหตฺวา จีวรํ กตฺวา ธาเรนฺโต ปริยนฺตเสนาสเน วสนฺโต จริสฺสามี’’ติ. อสฺสสีติ ภวิสฺสสิ.
อฺาตฺุเฉนาติ อภิลกฺขิเตสุ อิสฺสรชนเคเหสุ กฏุกภณฺฑสมฺภารํ สุคนฺธํ โภชนํ ปริเยสนฺตสฺส อฺุโฉ าตฺุโฉ นาม. ฆรปฏิปาฏิยา ปน ทฺวาเร ิเตน ลทฺธํ มิสฺสกโภชนํ อฺาตฺุโฉ นาม. อยมิธ อธิปฺเปโต. กาเมสุ อนเปกฺขินนฺติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ นิรเปกฺขํ. อารฺิโก จาติอาทิ สพฺพํ สมาทานวเสเนว วุตฺตํ. กาเมสุ จ อนเปกฺโขติ อิทํ สุตฺตํ เทวโลเก อจฺฉราโย ทสฺเสตฺวา อาคเตน อปรภาเค กถิตํ. อิมสฺส กถิตทิวสโต ปฏฺาย เถโร ฆเฏนฺโต วายมนฺโต กติปาเหเนว อรหตฺเต ปติฏฺาย สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโย ชาโต. อฏฺมํ.
๙. ติสฺสสุตฺตวณฺณนา
๒๔๓. นวเม ¶ ¶ ทุมฺมโนติ อุปฺปนฺนโทมนสฺโส. กสฺมา ปนายํ เอวํ ทุกฺขี ทุมฺมโน ชาโตติ? ขตฺติยปพฺพชิโต เหส, เตน นํ ปพฺพาเชตฺวา ทุปฏฺฏสาฏกํ นิวาสาเปตฺวา วรจีวรํ ปารุเปตฺวา อกฺขีนิ อฺเชตฺวา มโนสิลาเตเลน สีสํ มกฺเขสุํ. โส ภิกฺขูสุ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานํ คเตสุ ‘‘ภิกฺขุนา นาม วิวิตฺโตกาเส นิสีทิตพฺพ’’นฺติ อชานนฺโต โภชนสาลํ คนฺตฺวา มหาปีํ อารุหิตฺวา นิสีทิ. ทิสาวจรา อาคนฺตุกา ปํสุกูลิกา ภิกฺขู อาคนฺตฺวา, ‘‘อิมินาว ¶ นีหาเรน รโชกิณฺเณหิ คตฺเตหิ น สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตุํ. ภณฺฑกํ ตาว เปสฺสามา’’ติ โภชนสาลํ อคมํสุ. โส เตสุ มหาเถเรสุ อาคจฺฉนฺเตสุ นิจฺจโล นิสีทิเยว. อฺเ ภิกฺขู ‘‘ปาทวตฺตํ กโรม, ตาลวณฺเฏน พีชามา’’ติ อาปุจฺฉนฺติ. อยํ ปน นิสินฺนโกว ‘‘กติวสฺสตฺถา’’ติ? ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘มยํ อวสฺสิกา. ตุมฺเห ปน กติวสฺสตฺถา’’ติ? วุตฺเต, ‘‘มยํ อชฺช ปพฺพชิตา’’ติ อาห. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส, อธุนา ฉินฺนจูโฬสิ, อชฺชาปิ เต สีสมูเล อูกาคนฺโธ วายติเยว, ตฺวํ นาม เอตฺตเกสุ วุฑฺฒตเรสุ วตฺตํ อาปุจฺฉนฺเตสุ นิสฺสทฺโท นิจฺจโล นิสินฺโน, อปจิติมตฺตมฺปิ เต นตฺถิ, กสฺส สาสเน ปพฺพชิโตสี’’ติ? ปริวาเรตฺวา ตํ วาจาสตฺตีหิ ปหรนฺตา ‘‘กึ ตฺวํ อิณฏฺโฏ วา ภยฏฺโฏ วา ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต ปพฺพชิโต’’ติ? อาหํสุ. โส เอกมฺปิ เถรํ โอโลเกสิ, เตน ‘‘กึ มํ โอโลเกสิ มหลฺลกา’’ติ? วุตฺเต อฺํ โอโลเกสิ, เตนปิ ตเถว วุตฺเต อถสฺส ‘‘อิเม มํ ปริวาเรตฺวา วาจาสตฺตีหิ วิชฺฌนฺตี’’ติ ขตฺติยมาโน อุปฺปชฺชิ. อกฺขีสุ มณิวณฺณานิ อสฺสูนิ สฺจรึสุ. ตโต เน อาห – ‘‘กสฺส สนฺติกํ อาคตตฺถา’’ติ. เต ‘‘กึ ปน ตฺวํ ‘มยฺหํ สนฺติกํ อาคตา’ติ? อมฺเห มฺสิ คิหิพฺยฺชนภฏฺกา’’ติ วตฺวา, ‘‘สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส สตฺถุ สนฺติกํ อาคตมฺหา’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘มยฺหํ ภาตุ สนฺติเก อาคตา ตุมฺเห, ยทิ เอวํ อิทานิ โว อาคตมคฺเคเนว คมนํ ¶ กริสฺสามี’’ติ กุชฺฌิตฺวา นิกฺขนฺโต อนฺตรามคฺเค จินฺเตสิ – ‘‘มยิ อิมินาว นีหาเรน คเต สตฺถา เอเต น นีหราเปสฺสตี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน อสฺสูนิ ปวตฺตยมาโน อคมาสิ. อิมินา การเณน เอส เอวํ ชาโตติ.
วาจาสนฺนิโตทเกนาติ ¶ วจนปโตเทน. สฺชมฺภริมกํสูติ สฺชมฺภริตํ นิรนฺตรํ ผุฏํ อกํสุ, อุปริ วิชฺฌึสูติ วุตฺตํ โหติ. วตฺตาติ ปเร ยทิจฺฉกํ วทติเยว. โน จ วจนกฺขโมติ ปเรสํ วจนํ ขมิตุํ น สกฺโกติ. อิทานิ ตาว ตฺวํ อิมินา โกเปน อิมินา วุตฺตวาจาสนฺนิโตทเกน วิทฺโธ. อตีเต ปน รฏฺโต จ ปพฺพาชิโตติ. เอวํ วุตฺเต, ‘‘กตรสฺมึ กาเล ภควา’’ติ? ภิกฺขู ภควนฺตํ ยาจึสุ.
สตฺถา อาห – อตีเต พาราณสิยํ พาราณสิราชา รชฺชํ กาเรสิ. อเถโก ชาติมา, เอโก มาตงฺโคติ ทฺเว อิสโย พาราณสึ อคมํสุ. เตสุ ชาติมา ปุเรตรํ คนฺตฺวา กุมฺภการสาลายํ นิสีทิ. มาตงฺโค ตาปโส ปจฺฉา คนฺตฺวา ตตฺถ โอกาสํ ยาจิ กุมฺภกาโร ‘‘อตฺเถตฺถ ปมตรํ ¶ ปวิฏฺโ ปพฺพชิโต, ตํ ปุจฺฉา’’ติ อาห. โส อตฺตโน ปริกฺขารํ คเหตฺวา สาลาย ทฺวารมูเล ตฺวา, ‘‘อมฺหากมฺปิ อาจริย เอกรตฺติวาสาย โอกาสํ เทถา’’ติ อาห. ‘‘ปวิส, โภ’’ติ. ปวิสิตฺวา นิสินฺนํ, ‘‘โภ, กึ โคตฺโตสี’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘จณฺฑาลโคตฺโตมฺหี’’ติ. ‘‘น สกฺกา ตยา สทฺธึ เอกฏฺาเน นิสีทิตุํ, เอกมนฺตํ คจฺฉา’’ติ. โส จ ตตฺเถว ติณสนฺถารกํ ปตฺถริตฺวา นิปชฺชิ, ชาติมา ทฺวารํ นิสฺสาย นิปชฺชิ. อิตโร ปสฺสาวตฺถาย นิกฺขมนฺโต ตํ อุรสฺมึ อกฺกมิ. ‘‘โก เอโส’’ติ จ วุตฺเต? ‘‘อหํ อาจริยา’’ติ อาห. ‘‘เร จณฺฑาล, กึ อฺโต มคฺคํ น ปสฺสสิ? อถ เม อาคนฺตฺวา อกฺกมสี’’ติ. ‘‘อาจริย, อทิสฺวา เม อกฺกนฺโตสิ, ขม มยฺห’’นฺติ. โส มหาปุริเส พหิ นิกฺขนฺเต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปจฺจาคจฺฉนฺโตปิ อิโตว อาคมิสฺสตี’’ติ ปริวตฺเตตฺวา นิปชฺชิ. มหาปุริโสปิ ‘‘อาจริโย อิโต สีสํ กตฺวา นิปนฺโน, ปาทสมีเปน คมิสฺสามี’’ติ ปวิสนฺโต ปุน อุรสฺมึเยว อกฺกมิ. ‘‘โก ¶ เอโส’’ติ จ วุตฺเต? ‘‘อหํ อาจริยา’’ติ อาห. ‘‘ปมํ ตาว เต อชานนฺเตน กตํ, อิทานิ มํ ฆเฏนฺโตว อกาสิ, สูริเย เต อุคฺคจฺฉนฺเต สตฺตธา มุทฺธา ผลตู’’ติ สปิ. มหาปุริโส กิฺจิ อวตฺวา ปุเรอรุเณเยว สูริยํ คณฺหิ, นาสฺส อุคฺคนฺตุํ อทาสิ. มนุสฺสา จ หตฺถิอสฺสาทโย จ ปพุชฺฌึสุ.
มนุสฺสา ¶ ราชกุลํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, สกลนคเร อปฺปพุทฺโธ นาม นตฺถิ, น จ อรุณุคฺคํ ปฺายติ, กินฺนุ โข เอต’’นฺติ? เตน หิ นครํ ปริวีมํสถาติ. เต ปริวีมํสนฺตา กุมฺภการสาลายํ ทฺเว ตาปเส ทิสฺวา, ‘‘อิเมสํ เอตํ กมฺมํ ภวิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. รฺา จ ‘‘ปุจฺฉถ เน’’ติ วุตฺตา อาคนฺตฺวา ชาติมนฺตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ตุมฺเหหิ อนฺธการํ กต’’นฺติ. ‘‘น มยา กตํ, เอส ปน กูฏชฏิโล ฉโว อนนฺตมาโย, ตํ ปุจฺฉถา’’ติ. เต อาคนฺตฺวา มหาปุริสํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ตุมฺเหหิ, ภนฺเต, อนฺธการํ กต’’นฺติ. ‘‘อาม อยํ อาจริโย มํ อภิสปิ, ตสฺมา มยา กต’’นฺติ. เต คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชาปิ อาคนฺตฺวา มหาปุริสํ ‘‘ตุมฺเหหิ กตํ, ภนฺเต’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺมา ภนฺเต’’ติ? ‘‘อิมินา อภิสปิโตมฺหิ, สเจ มํ เอโส ขมาเปสฺสติ, สูริยํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ. ราชา ‘‘ขมาเปถ, ภนฺเต, เอต’’นฺติ อาห. อิตโร ‘‘มาทิโส ชาติมา กึ เอวรูปํ จณฺฑาลํ ขมาเปสฺสติ? น ขมาเปมี’’ติ.
อถ นํ มนุสฺสา ‘‘น กึ ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา ขมาเปสฺสสี’’ติ? วตฺวา หตฺเถสุ จ ปาเทสุ ¶ จ คเหตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘ขมาเปหี’’ติ อาหํสุ. โส นิสฺสทฺโท นิปชฺชิ. ปุนปิ นํ ‘‘ขมาเปหี’’ติ อาหํสุ. ตโต ‘‘ขม มยฺหํ, อาจริยา’’ติ อาห. มหาปุริโส ‘‘อหํ ตาว ตุยฺหํ ขมิตฺวา สูริยํ วิสฺสชฺเชสฺสามิ, สูริเย ปน อุคฺคเต ตว สีสํ สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ วตฺวา, ‘‘อิมสฺส สีสปฺปมาณํ มตฺติกาปิณฺฑํ มตฺถเก เปตฺวา เอตํ นทิยา คลปฺปมาเณ อุทเก เปถา’’ติ อาห. มนุสฺสา ตถา อกํสุ. เอตฺตาวตา สรฏฺกํ ราชพลํ สนฺนิปติ. มหาปุริโส สูริยํ มฺุจิ. สูริยรสฺมิ อาคนฺตฺวา มตฺติกาปิณฺฑํ ปหริ. โส สตฺตธา ภิชฺชิ. ตาวเทว โส นิมุชฺชิตฺวา เอเกน ติตฺเถน อุตฺตริตฺวา ปลายิ. สตฺถา ¶ อิมํ วตฺถุํ อาหริตฺวา, ‘‘อิทานิ ตาว ตฺวํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปริภาสํ ลภสิ, ปุพฺเพปิ อิมํ โกธํ นิสฺสาย รฏฺโต ปพฺพาชิโต’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อถ นํ โอวทนฺโต น โข เต ตํ ติสฺส ปติรูปนฺติอาทิมาห. นวมํ.
๑๐. เถรนามกสุตฺตวณฺณนา
๒๔๔. ทสเม วณฺณวาทีติ อานิสํสวาที. ยํ อตีตํ ตํ ปหีนนฺติ อตีเต ขนฺธปฺจเก ฉนฺทราคปฺปหาเนน ตํ ปหีนํ นาม โหติ. อนาคตนฺติ อนาคตมฺปิ ขนฺธปฺจกํ ตตฺถ ฉนฺทราคปฏินิสฺสคฺเคน ปฏินิสฺสฏฺํ นาม โหติ ¶ . สพฺพาภิภุนฺติ สพฺพา ขนฺธายตนธาตุโย จ ตโย ภเว จ อภิภวิตฺวา ิตํ. สพฺพวิทุนฺติ ตํ วุตฺตปฺปการํ สพฺพํ วิทิตํ ปากฏํ กตฺวา ิตํ. สพฺเพสุ ธมฺเมสูติ เตสฺเวว ธมฺเมสุ ตณฺหาทิฏฺิเลเปหิ อนุปลิตฺตํ. สพฺพฺชหนฺติ ตเทว สพฺพํ ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ชหิตฺวา ิตํ. ตณฺหกฺขเย วิมุตฺตนฺติ ตณฺหกฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน ตทารมฺมณาย วิมุตฺติยา วิมุตฺตํ. ทสมํ.
๑๑. มหากปฺปินสุตฺตวณฺณนา
๒๔๕. เอกาทสเม มหากปฺปิโนติ เอวํนามโก อภิฺาพลปฺปตฺโต อสีติมหาสาวกานํ อพฺภนฺตโร มหาเถโร. โส กิร คิหิกาเล กุกฺกุฏวตีนคเร ติโยชนสติกํ รชฺชํ อกาสิ. ปจฺฉิมภวิกตฺตา ปน ตถารูปํ สาสนํ โสตุํ โอหิตโสโต วิจรติ. อเถกทิวสํ อมจฺจสหสฺสปริวุโต อุยฺยานกีฬิกํ อคมาสิ. ตทา จ มชฺฌิมเทสโต ชงฺฆวาณิชา ตํ นครํ คนฺตฺวา, ภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา, ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปณฺณาการหตฺถา ราชกุลทฺวารํ คนฺตฺวา, ‘‘ราชา ¶ อุยฺยานํ คโต’’ติ สุตฺวา, อุยฺยานํ คนฺตฺวา, ทฺวาเร ิตา, ปฏิหารสฺส อาโรจยึสุ. อถ รฺโ นิเวทิเต ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา นิยฺยาติตปณฺณากาเร วนฺทิตฺวา ิเต, ‘‘ตาตา, กุโต ¶ อาคตตฺถา’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘สาวตฺถิโต เทวา’’ติ. ‘‘กจฺจิ โว รฏฺํ สุภิกฺขํ, ธมฺมิโก ราชา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน ตุมฺหากํ เทเส กิฺจิ สาสน’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ, เทว, น ปน สกฺกา อุจฺฉิฏฺมุเขหิ กเถตุ’’นฺติ. ราชา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิ. เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ทสพลาภิมุขา อฺชลึ ปคฺคณฺหิตฺวา, ‘‘เทว, อมฺหากํ เทเส พุทฺธรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ อาหํสุ. รฺโ ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจเน สุตมตฺเต สกลสรีรํ ผรมานา ปีติ อุปฺปชฺชิ. ตโต ‘‘พุทฺโธติ, ตาตา, วทถา’’ติ? อาห. ‘‘พุทฺโธติ เทว วทามา’’ติ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ วทาเปตฺวา, ‘‘พุทฺโธติ ปทํ อปริมาณํ, นาสฺส สกฺกา ปริมาณํ กาตุ’’นฺติ ตสฺมึเยว ปสนฺโน สตสหสฺสํ ทตฺวา ปุน ‘‘อฺํ กึ สาสน’’นฺติ? ปุจฺฉิ. ‘‘เทว ธมฺมรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ คเหตฺวา อปรมฺปิ สตสหสฺสํ ทตฺวา ปุน ‘‘อฺํ กึ สาสน’’นฺติ? ปุจฺฉิ. ‘‘สงฺฆรตนํ เทว อุปฺปนฺน’’นฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ คเหตฺวา อปรมฺปิ สตสหสฺสํ ¶ ทตฺวา ทินฺนภาวํ ปณฺเณ ลิขิตฺวา, ‘‘ตาตา, เทวิยา สนฺติกํ คจฺฉถา’’ติ เปเสสิ. เตสุ คเตสุ อมจฺเจ ปุจฺฉิ, ‘‘ตาตา, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘เทว ตุมฺเห กึ กตฺตุกามา’’ติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. เต สพฺเพปิ ฆรํ วา กุฏุมฺพํ วา อนปโลเกตฺวา เย อสฺเส อารุยฺห คตา, เตเหว นิกฺขมึสุ.
วาณิชา อโนชาเทวิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ปณฺณํ ทสฺเสสุํ. สา วาเจตฺวา ‘‘รฺา ตุมฺหากํ พหู กหาปณา ทินฺนา, กึ ตุมฺเหหิ กตํ, ตาตา’’ติ? ปุจฺฉิ. ‘‘ปิยสาสนํ เทวิ อานีต’’นฺติ. ‘‘อมฺเหปิ สกฺกา, ตาตา, สุณาเปตุ’’นฺติ. ‘‘สกฺกา เทวิ, อุจฺฉิฏฺมุเขหิ ปน วตฺตุํ น สกฺกา’’ติ. สา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิ. เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา รฺโ อาโรจิตนเยเนว อาโรเจสุํ. สาปิ สุตฺวา อุปฺปนฺนปาโมชฺชา เตเนว นเยน เอเกกสฺมึ ปเท ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปฏิฺาคณนาย ตีณิ ตีณิ กตฺวา นวสตสหสฺสานิ อทาสิ. วาณิชา สพฺพานิปิ ทฺวาทสสตสหสฺสานิ ลภึสุ. อถ เน ‘‘ราชา กหํ, ตาตา’’ติ, ปุจฺฉิ. ‘‘ปพฺพชิสฺสามีติ ¶ นิกฺขนฺโต เทวี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ตาตา, ตุมฺเห คจฺฉถา’’ติ เต อุยฺโยเชตฺวา รฺา สทฺธึ คตานํ อมจฺจานํ มาตุคาเม ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตุมฺเห อตฺตโน สามิกานํ คตฏฺานํ ชานาถ อมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ชานาม อยฺเย, รฺา สทฺธึ อุยฺยานกีฬิกํ ¶ คตา’’ติ. อาม คตา, ตตฺถ ปน คนฺตฺวา, ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน, ธมฺโม อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา, ‘‘ทสพลสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ คตา. ‘‘ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตุมฺเห ปน อยฺเย กึ กตฺตุกามา’’ติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, น เตหิ วนฺตวมนํ ชิวฺหคฺเค เปยฺย’’นฺติ. ‘‘ยทิ เอวํ, มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ สพฺพา รเถ โยชาเปตฺวา นิกฺขมึสุ.
ราชาปิ อมจฺจสหสฺเสน สทฺธึ คงฺคาย ตีรํ ปาปุณิ. ตสฺมิฺจ สมเย คงฺคา ปูรา โหติ. อถ นํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ คงฺคา ปูรา จณฺฑมจฺฉากิณฺณา, อมฺเหหิ สทฺธึ อาคตา ทาสา วา มนุสฺสา วา นตฺถิ, เย โน นาวํ วา อุฬุมฺปํ วา กตฺวา ทเทยฺยุํ, เอตสฺส ปน สตฺถุ คุณา นาม เหฏฺา อวีจิโต อุปริ ยาว ภวคฺคา ปตฺถฏา, สเจ เอส สตฺถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเมสํ อสฺสานํ ขุรปิฏฺานิ มา เตเมนฺตู’’ติ อุทกปิฏฺเน อสฺเส ปกฺขนฺทาเปสุํ ¶ . เอกอสฺสสฺสาปิ ขุรปิฏฺมตฺตํ น เตมิ, ราชมคฺเคน คจฺฉนฺตา วิย ปรตีรํ ปตฺวา ปุรโต อฺํ มหานทึ ปาปุณึสุ. ตตฺถ อฺา สจฺจกิริยา นตฺถิ, ตาย เอว สจฺจกิริยาย ตมฺปิ อฑฺฒโยชนวิตฺถารํ นทึ อติกฺกมึสุ. อถ ตติยํ จนฺทภาคํ นาม มหานทึ ปตฺวา ตมฺปิ ตาย เอว สจฺจกิริยาย อติกฺกมึสุ.
สตฺถาปิ ตํทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โอโลเกนฺโต ‘‘อชฺช มหากปฺปิโน ติโยชนสติกํ รชฺชํ ปหาย อมจฺจสหสฺสปริวาโร มม สนฺติเก ปพฺพชิตุํ อาคจฺฉตี’’ติ ทิสฺวา, ‘‘มยา เตสํ ปจฺจุคฺคมนํ กาตุํ ยุตฺต’’นฺติ ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา, ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา, ปจฺฉาภตฺตํ ¶ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สยเมว ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา, อากาเส อุปฺปติตฺวา จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร เตสํ อุตฺตรณติตฺถสฺส อภิมุเข าเน มหานิคฺโรธรุกฺโข อตฺถิ, ตตฺถ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชสิ. เต เตน ติตฺเถน อุตฺตรนฺตา จ ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย อิโต จิโต จ วิธาวนฺติโย โอโลเกนฺตา ทสพลสฺส ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ ทิสฺวา, ‘‘ยํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส มยํ ปพฺพชิตา, อทฺธา โส เอโส’’ติ ทสฺสเนเนว นิฏฺํ คนฺตฺวา ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนตา วนฺทมานา อาคมฺม สตฺถารํ วนฺทึสุ. ราชา โคปฺผเกสุ คเหตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ อมจฺจสหสฺเสน. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพ อรหตฺเต ปติฏฺาย สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพ อิเม จีวรทานสฺส ¶ ทินฺนตฺตา อตฺตโน จีวรานิ คเหตฺวาว อาคตา’’ติ สุวณฺณวณฺณํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา, ‘‘เอถ ภิกฺขโว สฺวากฺขาโต ธมฺโม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ อาห. สาว เตสํ อายสฺมนฺตานํ ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ อโหสิ, วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย สตฺถารํ ปริวารยึสุ.
อโนชาปิ เทวี รถสหสฺสปริวารา คงฺคาตีรํ ปตฺวา รฺโ อตฺถาย อาภตํ นาวํ วา อุฬุมฺปํ วา อทิสฺวา อตฺตโน พฺยตฺตตาย จินฺเตสิ – ‘‘ราชา สจฺจกิริยํ กตฺวา คโต ภวิสฺสติ, โส ปน สตฺถา น เกวลํ เตสํเยว ¶ อตฺถาย นิพฺพตฺโต, สเจ โส สตฺถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อมฺหากํ รถา มา อุทเก นิมุชฺชึสู’’ติ อุทกปิฏฺเ รเถ ปกฺขนฺทาเปสิ. รถานํ เนมิวฏฺฏิมตฺตมฺปิ น เตมิ. ทุติยตติยนทีปิ เตเนว สจฺจกาเรน อุตฺตรมานาเยว นิคฺโรธรุกฺขมูเล สตฺถารํ อทฺทส. สตฺถา ‘‘อิมาสํ อตฺตโน สามิเก ปสฺสนฺตีนํ ฉนฺทราโค อุปฺปชฺชิตฺวา มคฺคผลานํ อนฺตรายํ กเรยฺย, โส เอวํ กาตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ยถา อฺมฺเ น ปสฺสนฺติ, ตถา อกาสิ. ตา สพฺพาปิ ติตฺถโต อุตฺตริตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ตาสํ ธมฺมํ กเถสิ, เทสนาปริโยสาเน ¶ สพฺพาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อฺมฺเ ปสฺสึสุ. สตฺถา ‘‘อุปฺปลวณฺณา อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. เถรี อาคนฺตฺวา สพฺพา ปพฺพาเชตฺวา อาทาย ภิกฺขุนีนํ อุปสฺสยํ คตา. สตฺถา ภิกฺขุสหสฺสํ คเหตฺวา อากาเสน เชตวนํ อคมาสิ. อิมํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘มหากปฺปิโนติ เอวํ นามโก อภิฺาพลปฺปตฺโต อสีติมหาสาวกานํ อพฺภนฺตโร มหาเถโร’’ติ.
ชเนตสฺมินฺติ ชนิเต ปชายาติ อตฺโถ. เย โคตฺตปฏิสาริโนติ เย ‘‘มยํ วาเสฏฺา โคตมา’’ติ โคตฺตํ ปฏิสรนฺติ ปฏิชานนฺติ, เตสํ ขตฺติโย เสฏฺโติ อตฺโถ. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ อฏฺหิ วิชฺชาหิ เจว ปนฺนรสธมฺมเภเทน จรเณน จ สมนฺนาคโต. ตปตีติ วิโรจติ. ฌายี ตปติ พฺราหฺมโณติ ขีณาสวพฺราหฺมโณ ทุวิเธน ฌาเนน ฌายมาโน ตปติ วิโรจติ. ตสฺมึ ปน ขเณ กาลุทายิตฺเถโร ทุวิเธน ฌาเนน ฌายมาโน อวิทูเร นิสินฺโน โหติ. พุทฺโธ ตปตีติ สพฺพฺุพุทฺโธ วิโรจติ. สพฺพมงฺคลคาถา กิเรสา. ภาติกราชา กิร เอกํ ปูชํ กาเรตฺวา อาจริยกํ อาห – ‘‘ตีหิ รตเนหิ อมุตฺตํ เอกํ ชยมงฺคลํ วทถา’’ติ. โส เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา อิมํ คาถํ วทนฺโต ‘‘ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ’’ติ วตฺวา อตฺถงฺคเมนฺตสฺส สูริยสฺส อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. ‘‘รตฺติมาภาติ จนฺทิมา’’ติ, อุฏฺหนฺตสฺส จนฺทสฺส อฺชลึ ¶ ปคฺคณฺหิ. ‘‘สนฺนทฺโธ ขตฺติโย ตปตี’’ติ รฺโ อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. ‘‘ฌายี ตปติ พฺราหฺมโณ’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. ‘‘พุทฺโธ ตปติ เตชสา’’ติ วตฺวา ปน มหาเจติยสฺส อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. อถ นํ ราชา ‘‘มา หตฺถํ โอตาเรหี’’ติ อุกฺขิตฺตสฺมึเยว หตฺเถ สหสฺสํ เปสิ. เอกาทสมํ.
๑๒. สหายกสุตฺตวณฺณนา
๒๔๖. ทฺวาทสเม ¶ จิรรตฺตํสเมติกาติ ทีฆรตฺตํ สํสนฺทิตฺวา สเมตฺวา ิตลทฺธิโน. เต กิร ปฺจชาติสตานิ เอกโตว วิจรึสุ. สเมติ เนสํ สทฺธมฺโมติ อิทานิ อิเมสํ อยํ สาสนธมฺโม ¶ สํสนฺทติ สเมติ. ธมฺเม พุทฺธปฺปเวทิเตติ พุทฺเธน ปเวทิเต ธมฺเม เอเตสํ สาสนธมฺโม โสภตีติ อตฺโถ. สุวินีตา กปฺปิเนนาติ อตฺตโน อุปชฺฌาเยน อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม สุฏฺุ วินีตา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ. ทฺวาทสมํ.
ภิกฺขุสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
นิทานวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.