📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
สํยุตฺตนิกาเย
สฬายตนวคฺค-อฏฺกถา
๑. สฬายตนสํยุตฺตํ
๑. อนิจฺจวคฺโค
๑. อชฺฌตฺตานิจฺจสุตฺตวณฺณนา
๑. สฬายตนวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม จกฺขุนฺติ ทฺเว จกฺขูนิ – าณจกฺขุ เจว มํสจกฺขุ จ. ตตฺถ าณจกฺขุ ปฺจวิธํ – พุทฺธจกฺขุ, ธมฺมจกฺขุ, สมนฺตจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ปฺาจกฺขูติ. เตสุ พุทฺธจกฺขุ นาม อาสยานุสยาณฺเจว อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณฺจ, ยํ – ‘‘พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต’’ติ (มหาว. ๙; ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๓๘) อาคตํ ¶ . ธมฺมจกฺขุ นาม เหฏฺิมา ตโย มคฺคา ตีณิ จ ผลานิ, ยํ – ‘‘วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ (มหาว. ๑๖; ม. นิ. ๒.๓๙๕) อาคตํ. สมนฺตจกฺขุ นาม สพฺพฺุตฺาณํ, ยํ – ‘‘ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขู’’ติ (มหาว. ๘; ม. นิ. ๑.๒๘๒; ๒.๓๓๘) อาคตํ. ทิพฺพจกฺขุ นาม อาโลกผรเณน อุปฺปนฺนํ าณํ, ยํ – ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธนา’’ติ (ปารา. ๑๓; ม. นิ. ๒.๓๔๑) อาคตํ. ปฺาจกฺขุ นาม จตุสจฺจปริจฺเฉทกาณํ, ยํ – ‘‘จกฺขุํ อุทปาที’’ติ (ส. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕) อาคตํ.
มํสจกฺขุปิ ¶ ทุวิธํ – สสมฺภารจกฺขุ, ปสาทจกฺขูติ. เตสุ ยฺวายํ อกฺขิกูปเก อกฺขิปฏเลหิ ปริวาริโต มํสปิณฺโฑ, ยตฺถ จตสฺโส ธาตุโย วณฺณคนฺธรโสชา สมฺภโว ชีวิตํ ภาโว จกฺขุปสาโท กายปสาโทติ สงฺเขปโต เตรส สมฺภารา โหนฺติ. วิตฺถารโต ปน จตสฺโส ธาตุโย วณฺณคนฺธรโสชา สมฺภโวติ อิเม นว จตุสมุฏฺานวเสน ฉตฺตึส, ชีวิตํ ภาโว จกฺขุปสาโท กายปสาโทติ อิเม กมฺมสมุฏฺานา ตาว จตฺตาโรติ จตฺตารีส สมฺภารา โหนฺติ. อิทํ สสมฺภารจกฺขุ ¶ นาม. ยํ ปเนตฺถ เสตมณฺฑลปริจฺฉินฺเนน กณฺหมณฺฑเลน ปริวาริเต ทิฏฺิมณฺฑเล สนฺนิวิฏฺํ รูปทสฺสนสมตฺถํ ปสาทมตฺตํ, อิทํ ปสาทจกฺขุ นาม. ตสฺส ตโต ปเรสฺจ โสตาทีนํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตาว.
ตตฺถ ยทิทํ ปสาทจกฺขุ, ตํ คเหตฺวา ภควา – จกฺขุํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจนฺติอาทิมาห. ตตฺถ – ‘‘จตูหิ การเณหิ อนิจฺจํ อุทยพฺพยวนฺตตายา’’ติอาทินา นเยน วิตฺถารกถา เหฏฺา ปกาสิตาเยว. โสตมฺปิ ปสาทโสตเมว อธิปฺเปตํ, ตถา ฆานชิวฺหากายา. มโนติ เตภูมกสมฺมสนจารจิตฺตํ. อิติ อิทํ สุตฺตํ ฉสุ อชฺฌตฺติกายตเนสุ ตีณิ ลกฺขณานิ ทสฺเสตฺวา กถิเต พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน วุตฺตํ.
๒-๓. อชฺฌตฺตทุกฺขสุตฺตาทิวณฺณนา
๒-๓. ทุติยํ ทฺเว ลกฺขณานิ, ตติยํ เอกลกฺขณํ ทสฺเสตฺวา กถิเต พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน วุตฺตํ. เสสานิ ปน เตหิ สลฺลกฺขิตานิ วา เอตฺตเกเนว วา สลฺลกฺเขสฺสนฺตีติ.
๔-๖. พาหิรานิจฺจสุตฺตาทิวณฺณนา
๔-๖. จตุตฺเถ ¶ รูปคนฺธรสโผฏฺพฺพา จตุสมุฏฺานา, สทฺโท ทฺวิสมุฏฺาโน, ธมฺมาติ เตภูมกธมฺมารมฺมณํ. อิทมฺปิ พาหิเรสุ ฉสุ อายตเนสุ ติลกฺขณํ ทสฺเสตฺวา กถิเต พุชฺฌนกานํ วเสน วุตฺตํ. ปฺจเม ฉฏฺเ จ ทุติยตติเยสุ วุตฺตสทิโสว นโย.
๗-๑๒. อชฺฌตฺตานิจฺจาตีตานาคตสุตฺตาทิวณฺณนา
๗-๑๒. สตฺตมาทีนิ ¶ อตีตานาคเตสุ จกฺขาทีสุ อนิจฺจลกฺขณาทีนิ สลฺลกฺเขตฺวา ปจฺจุปฺปนฺเนสุ พลวคาเหน กิลมนฺตานํ วเสน วุตฺตานิ. เสสํ สพฺพตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยเมวาติ.
อนิจฺจวคฺโค ปโม.
๒. ยมกวคฺโค
๑-๔. ปมปุพฺเพสมฺโพธสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๓-๑๖. ยมกวคฺคสฺส ¶ ปมทุติเยสุ อชฺฌตฺติกานนฺติ อชฺฌตฺตชฺฌตฺตวเสน อชฺฌตฺติกานํ. โส ปน เนสํ อชฺฌตฺติกภาโว ฉนฺทราคสฺส อธิมตฺตพลวตาย เวทิตพฺโพ. มนุสฺสานฺหิ อนฺโตฆรํ วิย ฉ อชฺฌตฺติกายตนานิ, ฆรูปจารํ วิย ฉ พาหิรายตนานิ. ยถา เนสํ ปุตฺตทารธนธฺปุณฺเณ อนฺโตฆเร ฉนฺทราโค อธิมตฺตพลวา โหติ, ตตฺถ กสฺสจิ ปวิสิตุํ น เทนฺติ, อปฺปมตฺเตน ภาชนสทฺทมตฺเตนาปิ ‘‘กึ เอต’’นฺติ? วตฺตาโร ภวนฺติ. เอวเมวํ ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ อายตเนสุ อธิมตฺตพลวฉนฺทราโคติ. อิติ อิมาย ฉนฺทราคพลวตาย ตานิ ‘‘อชฺฌตฺติกานี’’ติ วุตฺตานิ. ฆรูปจาเร ปน โน ตถา พลวา โหติ, ตตฺถ จรนฺเต มนุสฺเสปิ จตุปฺปทานิปิ น สหสา นิวาเรนฺติ. กิฺจาปิ น นิวาเรนฺติ, อนิจฺฉนฺตา ปน ปสุปจฺฉิมตฺตมฺปิ คหิตุํ น เทนฺติ. อิติ เนสํ ตตฺถ น อธิมตฺตพลวฉนฺทราโค โหติ. รูปาทีสุปิ ตเถว น อธิมตฺตพลวฉนฺทราโค, ตสฺมา ตานิ ‘‘พาหิรานี’’ติ วุตฺตานิ. วิตฺถารโต ¶ ปน อชฺฌตฺติกพาหิรกถา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตาว. เสสํ ทฺวีสุปิ สุตฺเตสุ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. ตถา ตติยจตุตฺเถสุ.
๕-๖. ปมโนเจอสฺสาทสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๗-๑๘. ปฺจเม นิสฺสฏาติ นิกฺขนฺตา. วิสฺุตฺตาติ โนสํยุตฺตา. วิปฺปมุตฺตาติ โน อธิมุตฺตา วิมริยาทีกเตน เจตสาติ นิมฺมริยาทีกเตน เจตสา. ยฺหิ กิเลสชาตํ วา วฏฺฏํ วา อปฺปหีนํ โหติ, เตน ¶ เสขานํ จิตฺตํ สมริยาทีกตํ นาม. ยํ ปหีนํ, เตน วิมริยาทีกตํ. อิธ ปน สพฺพโส กิเลสานฺเจว วฏฺฏสฺส จ ปหีนตฺตา วิมริยาทีกเตน ¶ กิเลสวฏฺฏมริยาทํ อติกฺกนฺเตน จิตฺเตน วิหรึสูติ อตฺโถ. ฉฏฺเปิ เอเสว นโย. ฉสุปิ ปเนเตสุ สุตฺเตสุ จตุสจฺจเมว กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๗-๑๐. ปมาภินนฺทสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๙-๒๒. สตฺตมาทีสุ จตูสุ วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตํ. อนุปุพฺพกถา ปน เนสํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ.
ยมกวคฺโค ทุติโย.
๓. สพฺพวคฺโค
๑. สพฺพสุตฺตวณฺณนา
๒๓. สพฺพวคฺคสฺส ปเม สพฺพํ โว, ภิกฺขเวติ สพฺพํ นาม จตุพฺพิธํ – สพฺพสพฺพํ, อายตนสพฺพํ, สกฺกายสพฺพํ, ปเทสสพฺพนฺติ. ตตฺถ –
‘‘น ตสฺส อทฺทิฏฺมิธอตฺถิ กิฺจิ,
อโถ อวิฺาตมชานิตพฺพํ;
สพฺพํ ¶ อภิฺาสิ ยทตฺถิ เนยฺยํ,
ตถาคโต เตน สมนฺตจกฺขู’’ติ. (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๓๒; ปฏิ. ม. ๑.๑๒๑) –
อิทํ สพฺพสพฺพํ นาม. ‘‘สพฺพํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๔) อิทํ อายตนสพฺพํ นาม. ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑) อิทํ สกฺกายสพฺพํ นาม. ‘‘สพฺพธมฺเมสุ วา ปน ปมสมนฺนาหาโร อุปฺปชฺชติ จิตฺตํ มโน มานสํ…เป… ตชฺชามโนธาตู’’ติ อิทํ ปเทสสพฺพํ นาม. อิติ ปฺจารมฺมณมตฺตํ ปเทสสพฺพํ. เตภูมกธมฺมา สกฺกายสพฺพํ. จตุภูมกธมฺมา อายตนสพฺพํ. ยํกิฺจิ เนยฺยํ สพฺพสพฺพํ. ปเทสสพฺพํ สกฺกายสพฺพํ ¶ น ปาปุณาติ, สกฺกายสพฺพํ อายตนสพฺพํ น ปาปุณาติ, อายตนสพฺพํ สพฺพสพฺพํ น ปาปุณาติ. กสฺมา? สพฺพฺุตฺาณสฺส อยํ นาม ธมฺโม อารมฺมณํ น โหตีติ นตฺถิตาย. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต อายตนสพฺพํ อธิปฺเปตํ.
ปจฺจกฺขายาติ ¶ ปฏิกฺขิปิตฺวา. วาจาวตฺถุกเมวสฺสาติ, วาจาย วตฺตพฺพวตฺถุมตฺตกเมว ภเวยฺย. อิมานิ ปน ทฺวาทสายตนานิ อติกฺกมิตฺวา อยํ นาม อฺโ สภาวธมฺโม อตฺถีติ ทสฺเสตุํ น สกฺกุเณยฺย. ปุฏฺโ จ น สมฺปาเยยฺยาติ, ‘‘กตมํ อฺํ สพฺพํ นามา’’ติ? ปุจฺฉิโต, ‘‘อิทํ นามา’’ติ วจเนน สมฺปาเทตุํ น สกฺกุเณยฺย. วิฆาตํ อาปชฺเชยฺยาติ ทุกฺขํ อาปชฺเชยฺย. ยถา ตํ, ภิกฺขเว, อวิสยสฺมินฺติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ. ยถาติ การณวจนํ, ยสฺมา อวิสเย ปุฏฺโติ อตฺโถ. อวิสยสฺมิฺหิ สตฺตานํ วิฆาโตว โหติ, กูฏาคารมตฺตํ สิลํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวา คมฺภีเร อุทเก ตรณํ อวิสโย, ตถา จนฺทิมสูริยานํ อากฑฺฒิตฺวา ปาตนํ, ตสฺมึ อวิสเย วายมนฺโต วิฆาตเมว อาปชฺชติ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ อวิสเย วิฆาตเมว อาปชฺเชยฺยาติ อธิปฺปาโย.
๒. ปหานสุตฺตวณฺณนา
๒๔. ทุติเย สพฺพปฺปหานายาติ สพฺพสฺส ปหานาย. จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตนฺติ จกฺขุสมฺผสฺสํ มูลปจฺจยํ กตฺวา อุปฺปนฺนา สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณโวฏฺพฺพนชวนเวทนา. จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตาย ¶ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. โสตทฺวาราทิเวทนาปจฺจยาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน มโนติ ภวงฺคจิตฺตํ. ธมฺมาติ อารมฺมณํ. มโนวิฺาณนฺติ สหาวชฺชนกชวนํ. มโนสมฺผสฺโสติ ภวงฺคสหชาโต สมฺผสฺโส. เวทยิตนฺติ สหาวชฺชนเวทนาย ชวนเวทนา. ภวงฺคสมฺปยุตฺตาย ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อาวชฺชนํ ภวงฺคโต อโมเจตฺวา มโนติ สหาวชฺชเนน ภวงฺคํ ทฏฺพฺพํ. ธมฺมาติ อารมฺมณํ. มโนวิฺาณนฺติ ชวนวิฺาณํ. มโนสมฺผสฺโสติ ภวงฺคสหชาโต สมฺผสฺโส. เวทยิตนฺติ ชวนสหชาตา เวทนา. สหาวชฺชเนน ภวงฺคสหชาตาปิ วฏฺฏติเยว. ยา ปเนตฺถ เทสนา อนุสิฏฺิอาณา, อยํ ปณฺณตฺติ นามาติ.
๓. อภิฺาปริฺาปหานสุตฺตวณฺณนา
๒๕. ตติเย ¶ ¶ สพฺพํ อภิฺา ปริฺา ปหานายาติ สพฺพํ อภิชานิตฺวา ปริชานิตฺวา ปชหนตฺถาย. อภิฺา ปริฺา ปหาตพฺพนฺติ อภิชานิตฺวา ปริชานิตฺวา ปหาตพฺพํ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๔. ปมอปริชานนสุตฺตวณฺณนา
๒๖. จตุตฺเถ อนภิชานํ อปริชานํ อวิราชยํ อปฺปชหนฺติ อนภิชานนฺโต อปริชานนฺโต อวิราเชนฺโต อปฺปชหนฺโต. เอตฺถ จ อวิราเชนฺโตติ อวิคจฺฉาเปนฺโต. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต ติสฺโสปิ ปริฺา กถิตา โหนฺติ. ‘‘อภิชาน’’นฺติ หิ วจเนน าตปริฺา กถิตา, ‘‘ปริชาน’’นฺติ วจเนน ตีรณปริฺา, ‘‘วิราชยํ ปชห’’นฺติ ทฺวีหิ ปหานปริฺาติ.
๕. ทุติยอปริชานนสุตฺตวณฺณนา
๒๗. ปฺจเม จกฺขุวิฺาณวิฺาตพฺพา ธมฺมาติ เหฏฺา คหิตรูปเมว คเหตฺวา ทสฺเสติ. เหฏฺา วา อาปาถคตํ คหิตํ, อิธ อนาปาถคตํ. อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – เหฏฺา อาปาถคตมฺปิ อนาปาถคตมฺปิ คหิตเมว, อิธ ปน จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตา ตโย ขนฺธา. เต หิ จกฺขุวิฺาเณน ¶ สห วิฺาตพฺพตฺตา ‘‘จกฺขุวิฺาณวิฺาตพฺพา’’ติ วุตฺตา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
๖. อาทิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๘. ฉฏฺเ คยาสีเสติ คยาคามสฺส หิ อวิทูเร คยาติ เอกา โปกฺขรณีปิ อตฺถิ นทีปิ, คยาสีสนามโก หตฺถิกุมฺภสทิโส ปิฏฺิปาสาโณปิ, ยตฺถ ภิกฺขุสหสฺสสฺสปิ โอกาโส ปโหติ, ภควา ตตฺถ วิหรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘คยาสีเส’’ติ. ภิกฺขู อามนฺเตสีติ เตสํ สปฺปายธมฺมเทสนํ วิจินิตฺวา ตํ เทเสสฺสามีติ อามนฺเตสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อิโต กิร ทฺวานวุติกปฺเป มหินฺโท นาม ราชา อโหสิ. ตสฺส เชฏฺปุตฺโต ผุสฺโส นาม. โส ปูริตปารมี ปจฺฉิมภวิกสตฺโต, ปริปากคเต าเณ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห ¶ สพฺพฺุตํ ปฏิวิชฺฌิ ¶ . รฺโ กนิฏฺปุตฺโต ตสฺส อคฺคสาวโก อโหสิ, ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยสาวโก. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เชฏฺปุตฺโต นิกฺขมิตฺวา พุทฺโธ ชาโต, กนิฏฺปุตฺโต อคฺคสาวโก, ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยสาวโก’’ติ. โส ‘‘อมฺหากํเยว พุทฺโธ, อมฺหากํ ธมฺโม, อมฺหากํ สงฺโฆ’’ติ วิหารํ กาเรตฺวา วิหารทฺวารโกฏฺกโต ยาว อตฺตโน ฆรทฺวารา อุภโต เวฬุภิตฺติกุฏิกาหิ ปริกฺขิปิตฺวา มตฺถเก สุวณฺณตารกขจิตสโมสริตคนฺธทามมาลาทามวิตานํ พนฺธาเปตฺวา เหฏฺา รชตวณฺณํ วาลุกํ สนฺถริตฺวา ปุปฺผานิ วิกิราเปตฺวา เตน มคฺเคน ภควโต อาคมนํ กาเรสิ.
สตฺถา วิหารสฺมึเยว ิโต จีวรํ ปารุปิตฺวา อนฺโตสาณิยาว สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน ราชเคหํ อาคจฺฉติ, กตภตฺตกิจฺโจ อนฺโตสาณิยาว คจฺฉติ. โกจิ กฏจฺฉุภิกฺขามตฺตมฺปิ ทาตุํ น ลภติ. ตโต นาครา อุชฺฌายึสุ, ‘‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, น จ มยํ ปฺุานิ กาตุํ ลภาม. ยถา หิ จนฺทิมสูริยา สพฺเพสํ อาโลกํ กโรนฺติ, เอวํ พุทฺธา นาม สพฺเพสํ หิตตฺถาย อุปฺปชฺชนฺติ, อยํ ปน ราชา สพฺเพสํ ปฺุเจตนํ อตฺตโนเยว อนฺโต ปเวเสตี’’ติ.
ตสฺส จ รฺโ อฺเ ตโย ปุตฺตา อตฺถิ. นาครา เตหิ สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สมฺมนฺตยึสุ, ‘‘ราชกุเลหิ สทฺธึ อฏฺโฏ นาม นตฺถิ, เอกํ อุปายํ กโรมา’’ติ. เต ปจฺจนฺเต โจเร ¶ อุฏฺาเปตฺวา, ‘‘กติปยา คามา ปหฏา’’ติ สาสนํ อาหราเปตฺวา รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา‘‘ตาตา, อหํ มหลฺลโก, คจฺฉถ โจเร วูปสเมถา’’ติ เปเสสิ. ปยุตฺตโจรา อิโต จิโต จ อวิปฺปกิริตฺวา เตสํ สนฺติกเมว อาคจฺฉึสุ. เต อนาวาเส คาเม วาเสตฺวา ‘‘วูปสมิตา โจรา’’ติ อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ.
ราชา ตุฏฺโ ‘‘ตาตา, วรํ โว เทมี’’ติ อาห. เต อธิวาเสตฺวา คนฺตฺวา นาคเรหิ สทฺธึ มนฺตยึสุ, ‘‘รฺา อมฺหากํ วโร ทินฺโน. กึ คณฺหามา’’ติ? อยฺยปุตฺตา, ตุมฺหากํ หตฺถิอสฺสาทโย น ทุลฺลภา ¶ , พุทฺธรตนํ ปน ทุลฺลภํ, น สพฺพกาลํ อุปฺปชฺชติ, ตุมฺหากํ เชฏฺภาติกสฺส ผุสฺสพุทฺธสฺส ปฏิชคฺคนวรํ คณฺหถาติ. เต ‘‘เอวํ กริสฺสามา’’ติ นาครานํ ปฏิสฺสุณิตฺวา ¶ กตมสฺสุกมฺมา สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, โน วรํ เทถา’’ติ ยาจึสุ. กึ คณฺหิสฺสถ ตาตาติ? เทว, อมฺหากํ หตฺถิอสฺสาทีหิ อตฺโถ นตฺถิ, เชฏฺภาติกสฺส โน ผุสฺสพุทฺธสฺส ปฏิชคฺคนวรํ เทถาติ. ‘‘อยํ วโร น สกฺกา มยา ชีวมาเนน ทาตุ’’นฺติ ทฺเว กณฺเณ ปิทหิ. ‘‘เทว, น ตุมฺเห อมฺเหหิ พลกฺกาเรน วรํ ทาปิตา, ตุมฺเหหิ อตฺตโน รุจิยา ตุฏฺเหิ ทินฺโน. กึ, เทว, ราชกุลสฺส ทฺเว กถา วฏฺฏนฺตี’’ติ? สจฺจวาทิตาย ภณึสุ.
ราชา วินิวตฺติตุํ อลภนฺโต – ‘‘ตาตา, สตฺต สํวจฺฉเร สตฺต มาเส สตฺต จ ทิวเส อุปฏฺหิตฺวา ตุมฺหากํ ทสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘สุนฺทรํ, เทว, ปาฏิโภคํ เทถา’’ติ. ‘‘กิสฺส ปาฏิโภคํ ตาตา’’ติ? ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อมรณปาฏิโภคํ เทวา’’ติ. ‘‘ตาตา, อยุตฺตํ ปาฏิโภคํ ทาเปถ, น สกฺกา เอวํ ปาฏิโภคํ ทาตุํ, ติณคฺเค อุสฺสาวพินฺทุสทิสํ สตฺตานํ ชีวิต’’นฺติ. ‘‘โน เจ, เทว, ปาฏิโภคํ เทถ, มยํ อนฺตรา มตา กึ กุสลํ กริสฺสามา’’ติ? ‘‘เตน หิ, ตาตา, ฉ สํวจฺฉรานิ เทถา’’ติ. ‘‘น สกฺกา, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ ปฺจ, จตฺตาริ, ตีณิ, ทฺเว, เอกํ สํวจฺฉรํ เทถ’’. ‘‘สตฺต, ฉ มาเส เทถ…เป… มาสฑฺฒมตฺตํ เทถา’’ติ. ‘‘น สกฺกา, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ สตฺตทิวสมตฺตํ เทถา’’ติ. ‘‘สาธุ, เทวาติ สตฺต ทิวเส สมฺปฏิจฺฉึสุ’’. ราชา สตฺต สํวจฺฉเร สตฺต มาเส สตฺต ทิวเส กตฺตพฺพสกฺการํ สตฺตสุเยว ทิวเสสุ อกาสิ.
ตโต ปุตฺตานํ วสนฏฺานํ สตฺถารํ เปเสตุํ อฏฺอุสภวิตฺถตํ มคฺคํ อลงฺการาเปสิ, มชฺฌฏฺาเน จตุอุสภปฺปมาณํ ¶ ปเทสํ หตฺถีหิ มทฺทาเปตฺวา กสิณมณฺฑลสทิสํ กตฺวา วาลุกาย สนฺถราเปตฺวา ปุปฺผาภิกิณฺณมกาสิ, ตตฺถ ตตฺถ กทลิโย จ ปุณฺณฆเฏ จ ปาเปตฺวา ธชปฏากา ¶ อุกฺขิปาเปสิ. อุสเภ อุสเภ โปกฺขรณึ ขณาเปสิ, อปรภาเค ทฺวีสุ ปสฺเสสุ คนฺธมาลาปุปฺผาปเณ ปสาราเปสิ. มชฺฌฏฺาเน จตุอุสภวิตฺถารสฺส อลงฺกตมคฺคสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ ทฺเว ทฺเว อุสภวิตฺถาเร มคฺเค ขาณุกณฺฏเก หราเปตฺวา ทณฺฑทีปิกาโย การาเปสิ. ราชปุตฺตาปิ อตฺตโน อาณาปวตฺติฏฺาเน โสฬสอุสภมคฺคํ ตเถว อลงฺการาเปสุํ.
ราชา ¶ อตฺตโน อาณาปวตฺติฏฺานสฺส เกทารสีมํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริเทวมาโน, ‘‘ตาตา, มยฺหํ ทกฺขิณกฺขึ อุปฺปาเฏตฺวา คณฺหนฺตา วิย คจฺฉถ, เอวํ คณฺหิตฺวา คตา ปน พุทฺธานํ อนุจฺฉวิกํ กเรยฺยาถ. มา สุราโสณฺฑา วิย ปมตฺตา วิจริตฺถา’’ติ อาห. เต ‘‘ชานิสฺสาม มยํ, เทวา’’ติ สตฺถารํ คเหตฺวา คตา, วิหารํ กาเรตฺวา สตฺถุ นิยฺยาเตตฺวา ตตฺถ สตฺถารํ ปฏิชคฺคนฺตา กาเลน เถราสเน, กาเลน มชฺฌิมาสเน, กาเลน สงฺฆนวกาสเน ติฏฺนฺติ. ทานํ อุปปริกฺขมานานํ ติณฺณมฺปิ ชนานํ เอกสทิสเมว อโหสิ. เต อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย จินฺตยึสุ – ‘‘กถํ นุ โข สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺเหยฺยามา’’ติ? อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘พุทฺธา นาม ธมฺมครุโน, น อามิสครุโน, สีเล ปติฏฺมานา มยํ สตฺถุ อชฺฌาสยํ คเหตุํ สกฺขิสฺสามา’’ติ ทานสํวิธายเก มนุสฺเส ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาตา, อิมินาว นีหาเรน ยาคุภตฺตขาทนียาทีนิ สมฺปาเทนฺตา ทานํ ปวตฺเตถา’’ติ วตฺวา ทานสํวิทหนปลิโพธํ ฉินฺทึสุ.
อถ เนสํ เชฏฺภาตา ปฺจสเต ปุริเส อาทาย ทสสุ สีเลสุ ปติฏฺาย ทฺเว กาสายานิ อจฺฉาเทตฺวา กปฺปิยํ อุทกํ ปริภฺุชมาโน วาสํ กปฺเปสิ. มชฺฌิโม ตีหิ, กนิฏฺโ ทฺวีหิ ปุริสสเตหิ สทฺธึ ตเถว ปฏิปชฺชิ. เต ยาวชีวํ สตฺถารํ อุปฏฺหึสุ. สตฺถา เตสํเยว สนฺติเก ปรินิพฺพายิ.
เตปิ กาลํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย ทฺวานวุติกปฺเป มนุสฺสโลกโต เทวโลกํ, เทวโลกโต จ มนุสฺสโลกํ สํสรนฺตา อมฺหากํ สตฺถุกาเล เทวโลกา จวิตฺวา มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เตสํ ทานคฺเค พฺยาวโฏ มหาอมจฺโจ องฺคมคธานํ ราชา พิมฺพิสาโร หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เต ตสฺเสว รฺโ รฏฺเ ¶ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺตึสุ. เชฏฺภาตา เชฏฺโว ชาโต, มชฺฌิมกนิฏฺา มชฺฌิมกนิฏฺาเยว. เยปิ เตสํ ปริวารมนุสฺสา, เต ปริวารมนุสฺสาว ชาตา. เต วุทฺธิมนฺวาย ตโยปิ ¶ ชนา ตํ ปุริสสหสฺสํ อาทาย นิกฺขมิตฺวา ตาปสา หุตฺวา อุรุเวลายํ นทีตีเรเยว วสึสุ. องฺคมคธวาสิโน มาเส มาเส เตสํ มหาสกฺการํ อภิหรนฺติ.
อถ ¶ อมฺหากํ โพธิสตฺโต กตาภินิกฺขมโน อนุปุพฺเพน สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ยสาทโย กุลปุตฺเต วิเนตฺวา สฏฺิ อรหนฺเต ธมฺมเทสนตฺถาย ทิสาสุ อุยฺโยเชตฺวา สยํ ปตฺตจีวรมาทาย – ‘‘เต ตโย ชฏิลภาติเก ทเมสฺสามี’’ติ อุรุเวลํ คนฺตฺวา อเนเกหิ ปาฏิหาริยสเตหิ เตสํ ทิฏฺึ ภินฺทิตฺวา เต ปพฺพาเชสิ. โส ตํ อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรํ สมณสหสฺสํ อาทาย คยาสีสํ คนฺตฺวา เตหิ ปริวาริโต นิสีทิตฺวา, – ‘‘กตรา นุ โข เอเตสํ ธมฺมกถา สปฺปายา’’ติ จินฺเตนฺโต, ‘‘อิเม สายํปาตํ อคฺคึ ปริจรนฺติ. อิเมสํ ทฺวาทสายตนานิ อาทิตฺตานิ สมฺปชฺชลิตานิ วิย กตฺวา เทเสสฺสามิ, เอวํ อิเม อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ สนฺนิฏฺานมกาสิ. อถ เนสํ ตถา ธมฺมํ เทเสตุํ อิมํ อาทิตฺตปริยายํ อภาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ภิกฺขู อามนฺเตสีติ เตสํ สปฺปายธมฺมเทสนํ วิจินิตฺวา ตํ เทเสสฺสามีติ อามนฺเตสี’’ติ. ตตฺถ อาทิตฺตนฺติ ปทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต ทุกฺขลกฺขณํ กถิตํ.
๗. อทฺธภูตสุตฺตวณฺณนา
๒๙. สตฺตเม อทฺธภูตนฺติ อธิภูตํ อชฺโฌตฺถฏํ, อุปทฺทุตนฺติ อตฺโถ. อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต ทุกฺขลกฺขณเมว กถิตํ.
๘. สมุคฺฆาตสารุปฺปสุตฺตวณฺณนา
๓๐. อฏฺเม สพฺพมฺิตสมุคฺฆาตสารุปฺปนฺติ สพฺเพสํ ตณฺหามานทิฏฺิมฺิตานํ สมุคฺฆาตาย อนุจฺฉวิกํ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. จกฺขุํ น มฺตีติ จกฺขุํ ¶ อหนฺติ วา มมนฺติ วา ปโรติ วา ปรสฺสาติ วา น มฺติ. จกฺขุสฺมึ น มฺตีติ อหํ จกฺขุสฺมึ, มม กิฺจนปลิโพโธ จกฺขุสฺมึ ปโร จกฺขุสฺมึ, ปรสฺส กิฺจนปลิโพโธ จกฺขุสฺมินฺติ น มฺติ. จกฺขุโต น มฺตีติ อหํ จกฺขุโต นิคฺคโต, มม กิฺจนปลิโพโธ จกฺขุโต นิคฺคโต, ปโร จกฺขุโต นิคฺคโต, ปรสฺส กิฺจนปลิโพโธ จกฺขุโต ¶ นิคฺคโตติ เอวมฺปิ น มฺติ, ตณฺหามานทิฏฺิมฺนานํ เอกมฺปิ น อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. จกฺขุํ เมติ น มฺตีติ มม จกฺขูติ น มฺติ, มมตฺตภูตํ ตณฺหามฺนํ น อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานเมวาติ. อิมสฺมึ สุตฺเต จตุจตฺตาลีสาย าเนสุ อรหตฺตํ ปาเปตฺวา วิปสฺสนา กถิตา.
๙. ปมสมุคฺฆาตสปฺปายสุตฺตวณฺณนา
๓๑. นวเม ¶ สมุคฺฆาตสปฺปายาติ สมุคฺฆาตสฺส อุปการภูตา. ตโต ตํ โหติ อฺถาติ ตโต ตํ อฺเนากาเรน โหติ. อฺถาภาวี ภวสตฺโต โลโก ภวเมวาภินนฺทตีติ อฺถาภาวํ วิปริณามํ อุปคมเนน อฺถาภาวี หุตฺวาปิ ภเวสุ สตฺโต ลคฺโค ลคิโต ปลิพุทฺโธ อยํ โลโก ภวํเยว อภินนฺทติ. ยาวตา, ภิกฺขเว, ขนฺธธาตุอายตนนฺติ, ภิกฺขเว, ยตฺตกํ อิทํ ขนฺธา จ ธาตุโย จ อายตนานิ จาติ ขนฺธธาตุอายตนํ. ตมฺปิ น มฺตีติ สพฺพมฺปิ น มฺตีติ เหฏฺา คหิตเมว สํกฑฺฒิตฺวา ปุน ทสฺเสติ. อิมสฺมึ สุตฺเต อฏฺจตฺตาลีสาย าเนสุ อรหตฺตํ ปาเปตฺวา วิปสฺสนา กถิตา.
๑๐. ทุติยสมุคฺฆาตสปฺปายสุตฺตวณฺณนา
๓๒. ทสเม เอตํ มมาติอาทีหิ ตีหิ ตีหิ ปเทหิ ตณฺหามานทิฏฺิคาเห ทสฺเสตฺวา ติปริวฏฺฏนเยน เทสนา กตา. ปฏิปาฏิยา ปน ตีสุปิ อิเมสุ สุตฺเตสุ สห วิปสฺสนาย จตฺตาโรปิ มคฺคา กถิตาติ.
สพฺพวคฺโค ตติโย.
๔. ชาติธมฺมวคฺควณฺณนา
๓๓-๔๒. ชาติธมฺมวคฺเค ¶ ชาติธมฺมนฺติ ชายนธมฺมํ นิพฺพตฺตนสภาวํ. ชราธมฺมนฺติ ชีรณสภาวํ. พฺยาธิธมฺมนฺติ พฺยาธิโน อุปฺปตฺติปจฺจยภาเวน พฺยาธิสภาวํ. มรณธมฺมนฺติ มรณสภาวํ ¶ . โสกธมฺมนฺติ โสกสฺส อุปฺปตฺติปจฺจยภาเวน โสกสภาวํ. สํกิเลสิกธมฺมนฺติ สํกิเลสิกสภาวํ. ขยธมฺมนฺติ ขยคมนสภาวํ. วยธมฺมาทีสุปิ เอเสว นโยติ.
ชาติธมฺมวคฺโค จตุตฺโถ.
๕. สพฺพอนิจฺจวคฺควณฺณนา
๔๓-๕๒. อนิจฺจวคฺเค ¶ อภิฺเยฺยนฺติ ปเท าตปริฺา อาคตา, อิตรา ปน ทฺเว คหิตาเยวาติ เวทิตพฺพา. ปริฺเยฺยปหาตพฺพปเทสุปิ ตีรณปหานปริฺาว อาคตา, อิตราปิ ปน ทฺเว คหิตาเยวาติ เวทิตพฺพา. สจฺฉิกาตพฺพนฺติ ปจฺจกฺขํ กาตพฺพํ. อภิฺาปริฺเยฺยนฺติ อิธาปิ ปหานปริฺา อวุตฺตาปิ คหิตาเยวาติ เวทิตพฺพา. อุปทฺทุตนฺติ อเนกคฺคฏฺเน. อุปสฺสฏฺนฺติ อุปหตฏฺเน. เสสํ อุตฺตานเมวาติ.
สพฺพอนิจฺจวคฺโค ปฺจโม.
ปโม ปณฺณาสโก.
๖. อวิชฺชาวคฺควณฺณนา
๕๓-๖๒. อวิชฺชาวคฺเค อวิชฺชาติ จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณํ. วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺควิชฺชา. อนิจฺจโต ชานโต ปสฺสโตติ ทุกฺขานตฺตวเสนาปิ ชานโต ปสฺสโต ¶ ปหียติเยว, อิทํ ปน อนิจฺจวเสน กถิเต พุชฺฌนกปุคฺคลสฺส อชฺฌาสเยน วุตฺตํ. เอเสว นโย สพฺพตฺถ. อปิ เจตฺถ สํโยชนาติ ทส สํโยชนานิ. อาสวาติ จตฺตาโร อาสวา. อนุสยาติ สตฺต อนุสยา. สพฺพุปาทานปริฺายาติ สพฺเพสํ จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานนตฺถาย. ปริยาทานายาติ เขปนตฺถาย. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อวิชฺชาวคฺโค ฉฏฺโ.
๗. มิคชาลวคฺโค
๑. ปมมิคชาลสุตฺตวณฺณนา
๖๓. มิคชาลวคฺคสฺส ปเม ¶ จกฺขุวิฺเยฺยาติ จกฺขุวิฺาเณน ปสฺสิตพฺพา. โสตวิฺเยฺยาทีสุปิ เอเสว นโย. อิฏฺาติ ปริยิฏฺา วา โหนฺตุ ¶ มา วา, อิฏฺารมฺมณภูตาติ อตฺโถ. กนฺตาติ กมนียา. มนาปาติ มนวฑฺฒนกา. ปิยรูปาติ ปิยชาติกา. กามูปสํหิตาติ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชมาเนน กาเมน อุปสํหิตา รชนียาติ รฺชนียา, ราคุปฺปตฺติการณภูตาติ อตฺโถ. นนฺทีติ ตณฺหานนฺที. สํโยโคติ สํโยชนํ. นนฺทิสํโยชนสํยุตฺโตติ นนฺทีพนฺธเนน พทฺโธ. อรฺวนปตฺถานีติ อรฺานิ จ วนปตฺถานิ จ. ตตฺถ กิฺจาปิ อภิธมฺเม นิปฺปริยาเยน ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) วุตฺตํ, ตถาปิ ยํ ตํ ‘‘ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อรฺกงฺคนิปฺผาทกํ เสนาสนํ วุตฺตํ, ตเทว อธิปฺเปตนฺติ เวทิตพฺพํ. วนปตฺถนฺติ คามนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อนุปจารฏฺานํ, ยตฺถ น กสียติ น วปียติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํ. วนปตฺถนฺติ วนสณฺฑานเมตํ, วนปตฺถนฺติ ภึสนกานเมตํ, วนปตฺถนฺติ สโลมหํสานเมตํ, วนปตฺถนฺติ ปริยนฺตานเมตํ, วนปตฺถนฺติ อมนุสฺสูปจารานํ เสนาสนานเมตํ ¶ อธิวจน’’นฺติ (วิภ. ๕๓๑).
เอตฺถ จ ปริยนฺตานนฺติ อิมํ เอกํ ปริยายํ เปตฺวา เสสปริยาเยหิ วนปตฺถานิ เวทิตพฺพานิ. ปนฺตานีติ ปริยนฺตานิ อติทูรานิ. อปฺปสทฺทานีติ อุทุกฺขลมุสลทารกสทฺทาทีนํ อภาเวน อปฺปสทฺทานิ. อปฺปนิคฺโฆสานีติ เตสํ เตสํ นินฺนาทมหานิคฺโฆสสฺส อภาเวน อปฺปนิคฺโฆสานิ. วิชนวาตานีติ สฺจรณชนสฺส สรีรวาตวิรหิตานิ. มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานีติ มนุสฺสานํ รโหกมฺมสฺส อนุจฺฉวิกานิ. ปฏิสลฺลานสารุปฺปานีติ นิลียนสารุปฺปานิ.
๒. ทุติยมิคชาลสุตฺตวณฺณนา
๖๔. ทุติเย ¶ นนฺทินิโรธา ทุกฺขนิโรโธติ ตณฺหานนฺทิยา นิโรเธน วฏฺฏทุกฺขสฺส นิโรโธ.
๓-๕. ปมสมิทฺธิมารปฺหาสุตฺตาทิวณฺณนา
๖๕-๖๗. ตติเย ¶ สมิทฺธีติ อตฺตภาวสฺส สมิทฺธตาย เอวํ ลทฺธนาโม. ตสฺส กิร เถรสฺส อตฺตภาโว อภิรูโป อโหสิ ปาสาทิโก, อุกฺขิตฺตมาลาปุโฏ วิย อลงฺกตมาลาคพฺโภ วิย จ สพฺพาการปาริปูริยา สมิทฺโธ. ตสฺมา สมิทฺธิตฺเวว สงฺขํ คโต. มาโรติ มรณํ ปุจฺฉติ. มารปฺตฺตีติ มาโรติ ปฺตฺติ นามํ นามเธยฺยํ. อตฺถิ ตตฺถ มาโร วา มารปฺตฺติ วาติ ตตฺถ มรณํ วา มรณนฺติ อิทํ นามํ วา อตฺถีติ ทสฺเสติ. จตุตฺถํ อุตฺตานเมว, ตถา ปฺจมํ.
๖. สมิทฺธิโลกปฺหาสุตฺตวณฺณนา
๖๘. ฉฏฺเ ¶ โลโกติ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก. อิติ มิคชาลตฺเถรสฺส อายาจนสุตฺตโต ปฏฺาย ปฺจสุปิ สุตฺเตสุ วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตํ.
๗. อุปเสนอาสีวิสสุตฺตวณฺณนา
๖๙. สตฺตเม สีตวเนติ เอวํนามเก สุสานวเน. สปฺปโสณฺฑิกปพฺภาเรติ สปฺปผณสทิสตาย เอวํลทฺธนาเม ปพฺภาเร. อุปเสนสฺสาติ ธมฺมเสนาปติโน กนิฏฺภาติกอุปเสนตฺเถรสฺส. อาสีวิโส ปติโต โหตีติ เถโร กิร กตภตฺตกิจฺโจ มหาจีวรํ คเหตฺวา เลณจฺฉายาย มนฺทมนฺเทน วาตปานวาเตน พีชิยมาโน นิสีทิตฺวา ทุปฏฺฏนิวาสเน สูจิกมฺมํ กโรติ. ตสฺมึ ขเณ เลณจฺฉทเน ทฺเว อาสีวิสโปตกา กีฬนฺติ. เตสุ เอโก ปติตฺวา เถรสฺส อํสกูเฏ อวตฺถาสิ. โส จ ผุฏฺวิโส โหติ. ตสฺมา ปติตฏฺานโต ปฏฺาย เถรสฺส กาเย ทีปสิขา วิย วฏฺฏึ ปริยาทิยมานเมวสฺส วิสํ โอติณฺณํ. เถโร วิสสฺส ตถาคมนํ ทิสฺวา กิฺจาปิ ตํ ปติตมตฺตเมว ยถาปริจฺเฉเทน คตํ, อตฺตโน ปน อิทฺธิพเลน ‘‘อยํ อตฺตภาโว เลเณ มา วินสฺสตู’’ติ ¶ อธิฏฺหิตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ. ปุรายํ กาโย อิเธว วิกิรตีติ ยาว น วิกิรติ, ตาว นํ พหิทฺธา นีหรถาติ อตฺโถ. อฺถตฺตนฺติ อฺถาภาวํ. อินฺทฺริยานํ วา วิปริณามนฺติ จกฺขุโสตาทีนํ อินฺทฺริยานํ ¶ ปกติวิชหนภาวํ. ตตฺเถว วิกิรีติ พหิ นีหริตฺวา ปิตฏฺาเน มฺจกสฺมึเยว วิกิริ.
๘. อุปวาณสนฺทิฏฺิกสุตฺตวณฺณนา
๗๐. อฏฺเม รูปปฺปฏิสํเวทีติ นีลปีตาทิเภทํ อารมฺมณํ ววตฺถาเปนฺโต รูปํ ปฏิสํวิทิตํ กโรติ, ตสฺมา รูปปฺปฏิสํเวที นาม โหติ. รูปราคปฺปฏิสํเวทีติ กิเลสสฺส อตฺถิภาเวเนว ปน รูปราคํ ปฏิสํวิทิตํ กโรติ นาม, ตสฺมา รูปราคปฺปฏิสํเวทีติ วุจฺจติ. สนฺทิฏฺิโกติอาทีนิ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตตฺถาเนว. โน ¶ จ รูปราคปฺปฏิสํเวทีติ กิเลสสฺส นตฺถิภาเวเนว น รูปราคํ ปฏิสํวิทิตํ กโรติ นาม, ตสฺมา ‘‘โน จ รูปราคปฺปฏิสํเวที’’ติ วุจฺจติ. อิมสฺมึ สุตฺเต เสขาเสขานํ ปจฺจเวกฺขณา กถิตา.
๙. ปมฉผสฺสายตนสุตฺตวณฺณนา
๗๑. นวเม ผสฺสายตนานนฺติ ผสฺสากรานํ. อวุสิตนฺติ อวุฏฺํ. อารกาติ ทูเร. เอตฺถาหํ, ภนฺเต, อนสฺสสนฺติ, ภนฺเต, อหํ เอตฺถ อนสฺสสึ, นฏฺโ นาม อหนฺติ วทติ. ภควา – ‘‘อยํ ภิกฺขุ ‘อหํ นาม อิมสฺมึ สาสเน นฏฺโ’ติ วทติ, กินฺนุ ขฺวสฺส อฺเสุ ธาตุกมฺมฏฺาน-กสิณกมฺมฏฺานาทีสุ อภิโยโค อตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา, ตมฺปิ อปสฺสนฺโต – ‘‘กตรํ นุ โข กมฺมฏฺานํ อิมสฺส สปฺปายํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ตโต ‘‘อายตนกมฺมฏฺานเมว สปฺปาย’’นฺติ ทิสฺวา ตํ กเถนฺโต ตํ กึ มฺสิ ภิกฺขูติอาทิมาห. สาธูติ ตสฺส พฺยากรเณ สมฺปหํสนํ. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ อยเมว วฏฺฏทุกฺขสฺสนฺโต ปริจฺเฉโท, นิพฺพานนฺติ อตฺโถ.
๑๐. ทุติยฉผสฺสายตนสุตฺตวณฺณนา
๗๒. ทสเม อนสฺสสนฺติ นสฺสสึ, นฏฺโ นามมฺหิ อิจฺเจว อตฺโถ. อายตึ อปุนพฺภวายาติ ¶ เอตฺถ อายตึ อปุนพฺภโว นาม นิพฺพานํ, นิพฺพานตฺถาย ปหีนํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ.
๑๑. ตติยฉผสฺสายตนสุตฺตวณฺณนา
๗๓. เอกาทสเม ¶ อนสฺสสนฺติ นฏฺโ, ปนสฺสสนฺติ อตินฏฺโ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
มิคชาลวคฺโค สตฺตโม.
๘. คิลานวคฺโค
๑-๕. ปมคิลานสุตฺตาทิวณฺณนา
๗๔-๗๘. คิลานวคฺคสฺส ¶ ปเม อมุกสฺมินฺติ อสุกสฺมึ. อยเมว วา ปาโ. อปฺปฺาโตติ อฺาโต อปากโฏ. นโวปิ หิ โกจิ ปฺาโต โหติ ราหุลตฺเถโร วิย สุมนสามเณโร วิย จ, อยํ ปน นโว เจว อปฺาโต จ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมวาติ. ตถา อิโต ปเรสุ จตูสุ.
๖. ปมอวิชฺชาปหานสุตฺตวณฺณนา
๗๙. ฉฏฺเ อนิจฺจโต ชานโตติ ทุกฺขานตฺตวเสน ชานโตปิ ปหียติเยว, อิทํ ปน อนิจฺจลกฺขณํ ทสฺเสตฺวา วุตฺเต พุชฺฌนกสฺส อชฺฌาสเยน วุตฺตํ.
๗. ทุติยอวิชฺชาปหานสุตฺตวณฺณนา
๘๐. สตฺตเม สพฺเพ ธมฺมาติ สพฺเพ เตภูมกธมฺมา. นาลํ อภินิเวสายาติ อภินิเวสปรามาสคฺคาเหน ¶ คณฺหิตุํ น ยุตฺตา. สพฺพนิมิตฺตานีติ สพฺพานิ สงฺขารนิมิตฺตานิ. อฺโต ปสฺสตีติ ยถา อปริฺาตาภินิเวโส ชโน ปสฺสติ, ตโต อฺโต ปสฺสติ. อปริฺาตาภินิเวโส หิ ชโน สพฺพนิมิตฺตานิปิ อตฺตโต ปสฺสติ. ปริฺาตาภินิเวโส ปน อนตฺตโต ปสฺสติ, โน อตฺตโตติ เอวํ อิมสฺมึ สุตฺเต อนตฺตลกฺขณเมว กถิตํ.
๘. สมฺพหุลภิกฺขุสุตฺตวณฺณนา
๘๑. อฏฺเม ¶ อิธ โนติ เอตฺถ โน-กาโร นิปาตมตฺตเมว. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. เกวลํ อิธ ทุกฺขลกฺขณํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๙. โลกปฺหาสุตฺตวณฺณนา
๘๒. นวเม ลุชฺชตีติ ปลุชฺชติ ภิชฺชติ. อิธ อนิจฺจลกฺขณํ กถิตํ.
๑๐. ผคฺคุนปฺหาสุตฺตวณฺณนา
๘๓. ทสเม ฉินฺนปปฺเจติ ตณฺหาปปฺจสฺส ฉินฺนตฺตา ฉินฺนปปฺเจ. ฉินฺนวฏุเมติ ตณฺหาวฏุมสฺเสว ฉินฺนตฺตา ฉินฺนวฏุเม. กึ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติ? อติกฺกนฺตพุทฺเธหิ ปริหริตานิ จกฺขุโสตาทีนิ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติ. อถ วา สเจ มคฺเค ภาวิเตปิ อนาคเต จกฺขุโสตาทิวฏฺฏํ วฑฺเฒยฺย, ตํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉตีติ.
คิลานวคฺโค อฏฺโม.
๙. ฉนฺนวคฺโค
๑. ปโลกธมฺมสุตฺตวณฺณนา
๘๔. ฉนฺนวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม ปโลกธมฺมนฺติ ภิชฺชนกสภาวํ. เอวเมตฺถ อนิจฺจลกฺขณเมว กถิตํ.
๒. สฺุตโลกสุตฺตวณฺณนา
๘๕. ทุติเย อตฺตนิเยนาติ อตฺตโน สนฺตเกน ปริกฺขาเรน. เอวเมตฺถ อนตฺตลกฺขณเมว กถิตํ.
๓. สํขิตฺตธมฺมสุตฺตวณฺณนา
๘๖. ตติยํ ขนฺธิยวคฺเค อานนฺโทวาเท (สํ. นิ. ๓.๘๓) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๔. ฉนฺนสุตฺตวณฺณนา
๘๗. จตุตฺเถ ¶ ฉนฺโนติ เอวํนามโก เถโร, น อภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺตเถโร. ปฏิสลฺลานาติ ผลสมาปตฺติโต. คิลานปุจฺฉกาติ คิลานุปฏฺากา. คิลานุปฏฺานํ นาม พุทฺธปสตฺถํ พุทฺธวณฺณิตํ, ตสฺมา เอวมาห. สีสเวํ ทเทยฺยาติ สีเส เวนํ สีสเวํ, ตฺจ ทเทยฺย. สตฺถนฺติ ชีวิตหารกสตฺถํ. นาวกงฺขามีติ น อิจฺฉามิ. ปริจิณฺโณติ ปริจริโต. มนาเปนาติ มนวฑฺฒนเกน กายกมฺมาทินา. เอตฺถ จ สตฺต เสขา ปริจรนฺติ นาม, อรหา ปริจารี นาม, ภควา ปริจิณฺโณ นาม.
เอตฺหิ, อาวุโส, สาวกสฺส ปติรูปนฺติ, อาวุโส, สาวกสฺส นาม เอตํ อนุจฺฉวิกํ. อนุปวชฺชนฺติ อปฺปวตฺติกํ อปฺปฏิสนฺธิกํ. ปุจฺฉาวุโส สาริปุตฺต, สุตฺวา เวทิสฺสามาติ อยํ สาวกปวารณา ¶ นาม. เอตํ ¶ มมาติอาทีนิ ตณฺหามานทิฏฺิคฺคาหวเสน วุตฺตานิ. นิโรธํ ทิสฺวาติ ขยวยํ ตฺวา. เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตาติ สมนุปสฺสามีติ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ สมนุปสฺสามิ. เอตฺตเกสุ าเนสุ ฉนฺนตฺเถโร สาริปุตฺตตฺเถเรน ปุจฺฉิตํ ปฺหํ อรหตฺเต ปกฺขิปิตฺวา กเถสิ. สาริปุตฺตตฺเถโร ปน ตสฺส ปุถุชฺชนภาวํ ตฺวาปิ ตํ ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ วา ‘‘ขีณาสโว’’ติ วา อวตฺวา ตุณฺหีเยว อโหสิ. จุนฺทตฺเถโร ปนสฺส ปุถุชฺชนภาวํ สฺาเปสฺสามีติ จินฺเตตฺวา โอวาทํ อทาสิ.
ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา มารณนฺติกํ เวทนํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต สตฺถํ อาหรามีติ วทติ, ตสฺมา ปุถุชฺชโน อายสฺมา, เตน อิทมฺปิ มนสิกโรหีติ ทีเปติ. ยสฺมา วา ฉนฺนํ อายตนานํ นิโรธํ ทิสฺวา จกฺขาทีนิ ติณฺณํ คาหานํ วเสน น สมนุปสฺสามีติ วทสิ. ตสฺมา อิทมฺปิ ตสฺส ภควโต สาสนํ อายสฺมตา มนสิกาตพฺพนฺติปิ ปุถุชฺชนภาวเมว ทีเปนฺโต วทติ. นิจฺจกปฺปนฺติ นิจฺจกาลํ. นิสฺสิตสฺสาติ ตณฺหามานทิฏฺีหิ นิสฺสิตสฺส. จลิตนฺติ วิปฺผนฺทิตํ โหติ. ยถยิทํ อายสฺมโต อุปฺปนฺนํ เวทนํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ‘‘อหํ เวทยามิ, มม เวทนา’’ติ อปฺปหีนคฺคาหสฺส อิทานิ วิปฺผนฺทิตํ โหติ, อิมินาปิ นํ ‘‘ปุถุชฺชโนว ตฺว’’นฺติ วทติ.
ปสฺสทฺธีติ ¶ กายจิตฺตปสฺสทฺธิ, กิเลสปสฺสทฺธิ นาม โหตีติ อตฺโถ. นติยาติ ตณฺหานติยา. อสตีติ ภวตฺถาย อาลยนิกนฺติปริยุฏฺาเน อสติ. อาคติคติ น โหตีติ ปฏิสนฺธิวเสน อาคติ นาม, จุติวเสน คมนํ นาม น โหติ. จุตูปปาโตติ จวนวเสน จุติ, อุปปชฺชนวเสน อุปปาโต. เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรนาติ น อิธโลเก น ปรโลเก น อุภยตฺถ โหติ. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขกิเลสทุกฺขสฺส ¶ อยเมว อนฺโต อยํ ปริจฺเฉโท ปริวฏุมภาโว โหติ. อยเมว หิ เอตฺถ อตฺโถ. เย ปน ‘‘อุภยมนฺตเรนา’’ติ วจนํ คเหตฺวา อนฺตราภวํ อิจฺฉนฺติ, เตสํ วจนํ นิรตฺถกํ. อนฺตราภวสฺส หิ ภาโว อภิธมฺเม ปฏิกฺขิตฺโตเยว. ‘‘อนฺตเรนา’’ติ วจนํ ปน วิกปฺปนฺตรทีปนํ. ตสฺมา อยเมตฺถ อตฺโถ – เนว อิธ น หุรํ, อปโร วิกปฺโป น อุภยนฺติ.
สตฺถํ อาหเรสีติ ชีวิตหารกสตฺถํ อาหริ, อาหริตฺวา กณฺนาฬํ ฉินฺทิ. อถสฺส ตสฺมึ ขเณ มรณภยํ โอกฺกมิ, คตินิมิตฺตํ อุปฏฺาสิ. โส อตฺตโน ปุถุชฺชนภาวํ ตฺวา, สํวิคฺคจิตฺโต ¶ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา, สงฺขาเร ปริคฺคณฺหนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา, สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพุโต. สมฺมุขาเยว อนุปวชฺชตา พฺยากตาติ กิฺจาปิ อิทํ เถรสฺส ปุถุชฺชนกาเล พฺยากรณํ โหติ; เอเตน ปน พฺยากรเณน อนนฺตรายมสฺส ปรินิพฺพานํ อโหสิ. ตสฺมา ภควา ตเทว พฺยากรณํ คเหตฺวา กเถสิ.
อุปวชฺชกุลานีติ อุปสงฺกมิตพฺพกุลานิ. อิมินา เถโร, ‘‘ภนฺเต, เอวํ อุปฏฺาเกสุ จ อุปฏฺายิกาสุ จ วิชฺชมานาสุ โส ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สาสเน ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยํ กุลสํสคฺคโทสํ ทสฺเสนฺโต ปุจฺฉติ. อถสฺส ภควา กุเลสุ สํสคฺคาภาวํ ทีเปนฺโต โหนฺติ เหเต สาริปุตฺตาติอาทิมาห. อิมสฺมึ กิร าเน เถรสฺส กุเลสุ อสํสฏฺภาโว ปากโฏ อโหสิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.
๕-๖. ปุณฺณสุตฺตาทิวณฺณนา
๘๘-๘๙. ปฺจเม ตฺเจติ ตํ จกฺขฺุเจว รูปฺจ. นนฺทิสมุทยา ทุกฺขสมุทโยติ ตณฺหาย สโมธาเนน ปฺจกฺขนฺธทุกฺขสฺส สโมธานํ โหติ. อิติ ¶ ฉสุ ทฺวาเรสุ ‘‘นนฺทิสมุทยา ทุกฺขสมุทโย’’ติ อิมินา ทฺวินฺนํ สจฺจานํ วเสน ¶ วฏฺฏํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสสิ. ทุติยนเย นิโรโธ มคฺโคติ ทฺวินฺนํ สจฺจานํ วเสน วิวฏฺฏํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสสิ. อิมินา ตฺวํ ปุณฺณาติ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. เอวํ ตาว วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน เทสนํ อรหตฺเต ปกฺขิปิตฺวา อิทานิ ปุณฺณตฺเถรํ สตฺตสุ าเนสุ สีหนาทํ นทาเปตุํ อิมินา ตฺวนฺติอาทิมาห.
จณฺฑาติ ทุฏฺา กิพฺพิสา. ผรุสาติ กกฺขฬา อกฺโกสิสฺสนฺตีติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสิสฺสนฺติ. ปริภาสิสฺสนฺตีติ ‘‘กึ สมโณ นาม ตฺวํ, อิทฺจิทฺจ เต กริสฺสามา’’ติ ตชฺเชสฺสนฺติ. เอวเมตฺถาติ เอวํ มยฺหํ เอตฺถ ภวิสฺสติ. ทณฺเฑนาติ จตุหตฺถทณฺเฑน วา ขทิรทณฺเฑน วา ฆฏิกมุคฺคเรน วา. สตฺเถนาติ เอกโตธาราทินา สตฺเถน. สตฺถหารกํ ปริเยสนฺตีติ ชีวิตหารกสตฺถํ ปริเยสนฺติ. อิทํ เถโร ตติยปาราชิกวตฺถุสฺมึ อสุภกถํ สุตฺวา อตฺตภาเวน ชิคุจฺฉนฺตานํ ภิกฺขูนํ สตฺถหารกปริเยสนํ สนฺธายาห. ทมูปสเมนาติ เอตฺถ ทโมติ อินฺทฺริยสํวราทีนํ เอตํ นามํ.
‘‘สจฺเจน ¶ ทนฺโต ทมสา อุเปโต,
เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๙๕; สุ. นิ. ๔๖๗) –
เอตฺถ หิ อินฺทฺริยสํวโร ทโมติ วุตฺโต. ‘‘ยทิ สจฺจา ทมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิยฺโยธ วิชฺชตี’’ติ (สุ. นิ. ๑๙๑; สํ. นิ. ๑.๒๔๖) เอตฺถ ปฺา ทโมติ วุตฺตา. ‘‘ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๕; ม. นิ. ๒.๒๒๖) เอตฺถ อุโปสถกมฺมํ ทโมติ วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต ขนฺติ ทโมติ เวทิตพฺโพ. อุปสโมติ ตสฺเสว เววจนํ.
อถ โข อายสฺมา ปุณฺโณติ โก ปเนส ปุณฺโณ, กสฺมา จ ปเนตฺถ คนฺตุกาโม อโหสีติ? สุนาปรนฺตวาสิโก เอว เอส, สาวตฺถิยํ ปน อสปฺปายวิหารํ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺถ คนฺตุกาโม อโหสิ.
ตตฺรายํ ¶ อนุปฺปุพฺพิกถา – สุนาปรนฺตรฏฺเ กิร เอกสฺมึ วาณิชคาเม เอเต ทฺเว ภาตโร. เตสุ กทาจิ เชฏฺโ ปฺจ สกฏสตานิ คเหตฺวา ชนปทํ ¶ คนฺตฺวา ภณฺฑํ อาหรติ, กทาจิ กนิฏฺโ. อิมสฺมึ ปน สมเย กนิฏฺํ ฆเร เปตฺวา, เชฏฺภาติโก ปฺจ สกฏสตานิ คเหตฺวา, ชนปทจาริกํ จรนฺโต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา, เชตวนสฺส นาติทูเร สกฏสตฺถํ นิเวเสตฺวา ภุตฺตปาตราโส ปริชนปริวุโต ผาสุกฏฺาเน นิสีทิ.
เตน จ สมเยน สาวตฺถิวาสิโน ภุตฺตปาตราสา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธปุปฺผาทิหตฺถา เยน พุทฺโธ, เยน ธมฺโม, เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺนา ตปฺโปณา ตปฺปพฺภารา หุตฺวา, ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา เชตวนํ คจฺฉนฺติ. โส เต ทิสฺวา ‘‘กหํ อิเม คจฺฉนฺตี’’ติ เอกํ มนุสฺสํ ปุจฺฉิ. กึ ตฺวํ, อยฺโย, น ชานาสิ? โลเก พุทฺธธมฺมสงฺฆรตนานิ นาม อุปฺปนฺนานิ, อิจฺเจโส มหาชโน สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมกถํ โสตุํ คจฺฉตีติ. ตสฺส ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจนํ ฉวิจมฺมาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ อฏฺาสิ. โส อตฺตโน ปริชนปริวุโต ตาย ปริสาย สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา, สตฺถุ มธุรสฺสเรน ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ปริสปริยนฺเต ิโต, ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. อถ ตถาคเตน กาลํ วิทิตฺวา ปริสาย อุยฺโยชิตาย สตฺถารํ ¶ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา, สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา, ทุติยทิวเส มณฺฑปํ กาเรตฺวา, อาสนานิ ปฺาเปตฺวา, พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ภุตฺตปาตราโส อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย ภณฺฑาคาริกํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘เอตฺตกํ ธนํ วิสฺสชฺชิตํ, เอตฺตกํ ธนํ น วิสฺสชฺชิต’’นฺติ สพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘อิมํ สาปเตยฺยํ มยฺหํ กนิฏฺสฺส เทหี’’ติ สพฺพํ นิยฺยาเตตฺวา, สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา, กมฺมฏฺานปรายโณ อโหสิ.
อถสฺส กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ น อุปฏฺาติ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ชนปโท มยฺหํ อสปฺปาโย, ยํนูนาหํ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สกรฏฺเมว คจฺเฉยฺย’’นฺติ. อถ ปุพฺพณฺหสมเย ปิณฺฑาย จริตฺวา, สายนฺเห ปฏิสลฺลานา วุฏฺหิตฺวา, ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา, สตฺต ¶ สีหนาเท นทิตฺวา, ปกฺกามิ. เตน วุตฺตํ, ‘‘อถ โข อายสฺมา ปุณฺโณ…เป… วิหรตี’’ติ.
กตฺถ ¶ ปนายํ วิหาสีติ? จตูสุ าเนสุ วิหาสิ. สุนาปรนฺตรฏฺํ ตาว ปวิสิตฺวา จ อพฺพุหตฺถปพฺพตํ นาม ปตฺวา วาณิชคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ นํ กนิฏฺภาตา สฺชานิตฺวา ภิกฺขํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อฺตฺถ อคนฺตฺวา อิเธว วสถา’’ติ ปฏิฺํ กาเรตฺวา ตตฺเถว วสาเปสิ.
ตโต สมุทฺทคิริวิหารํ นาม อคมาสิ. ตตฺถ อยกนฺตปาสาเณหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา กตจงฺกโม อตฺถิ, โกจิ ตํ จงฺกมิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ตตฺถ สมุทฺทวีจิโย อาคนฺตฺวา อยกนฺตปาสาเณสุ ปหริตฺวา มหาสทฺทํ กโรนฺติ. เถโร ‘‘กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตานํ ผาสุวิหาโร โหตู’’ติ สมุทฺทํ นิสฺสทฺทํ กตฺวา อธิฏฺาสิ.
ตโต มาตุลคิรึ นาม อคมาสิ. ตตฺถปิ สกุณสงฺโฆ อุสฺสนฺโน รตฺติฺจ ทิวา จ สทฺโท เอกาพทฺโธว อโหสิ. เถโร ‘‘อิทํ านํ น ผาสุก’’นฺติ ตโต มกุลการามวิหารํ นาม คโต. โส วาณิชคามสฺส นาติทูโร นจฺจาสนฺโน คมนาคมนสมฺปนฺโน วิวิตฺโต อปฺปสทฺโท. เถโร ‘‘อิมํ านํ ผาสุก’’นฺติ ตตฺถ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานจงฺกมนาทีนิ กาเรตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉิ. เอวํ จตูสุ าเนสุ วิหาสิ.
อเถกทิวสํ ¶ ตสฺมึเยว อนฺโตวสฺเส ปฺจ วาณิชสตานิ ‘‘ปรสมุทฺทํ คจฺฉามา’’ติ นาวาย ภณฺฑํ ปกฺขิปึสุ. นาวาโรหนทิวเส เถรสฺส กนิฏฺภาตา เถรํ โภเชตฺวา, เถรสฺส สนฺติเก สิกฺขาปทานิ คเหตฺวา, วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สมุทฺโท นาม อสทฺเธยฺโย อเนกนฺตราโย, อมฺเห อาวชฺเชยฺยาถา’’ติ วตฺวา นาวํ อารุหิ. นาวา อุตฺตมชเวน คจฺฉมานา อฺตรํ ทีปกํ ปาปุณิ. มนุสฺสา ‘‘ปาตราสํ กริสฺสามา’’ติ ทีปเก อุตฺติณฺณา. ตสฺมึ ปน ทีปเก อฺํ กิฺจิ นตฺถิ, จนฺทนวนเมว อโหสิ.
อเถโก วาสิยา รุกฺขํ อาโกเฏตฺวา โลหิตจนฺทนภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘โภ, มยํ ลาภตฺถาย ปรสมุทฺทํ ¶ คจฺฉาม, อิโต จ อุตฺตริ ลาโภ นาม นตฺถิ, จตุรงฺคุลมตฺตา ฆฏิกา สตสหสฺสํ อคฺฆติ. หาเรตพฺพยุตฺตกํ ภณฺฑํ หาเรตฺวา จนฺทนสฺส ปูเรสฺสามา’’ติ เต ตถา กรึสุ ¶ . จนฺทนวเน อธิวตฺถา อมนุสฺสา กุชฺฌิตฺวา, ‘‘อิเมหิ อมฺหากํ จนฺทนวนํ นาสิตํ ฆาเตสฺสาม เน’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘อิเธว ฆาติเตสุ สพฺพํ เอกกุณปํ ภวิสฺสติ, สมุทฺทมชฺเฌ เนสํ นาวํ โอสีเทสฺสามา’’ติ อาหํสุ. อถ เนสํ นาวํ อารุยฺห มุหุตฺตํ คตกาเลเยว อุปฺปาติกํ อุฏฺเปตฺวา สยมฺปิ เต อมนุสฺสา ภยานกานิ รูปานิ ทสฺสยึสุ. ภีตา มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน เทวตานํ นมสฺสนฺติ. เถรสฺส กนิฏฺโ จูฬปุณฺณกุฏุมฺพิโก ‘‘มยฺหํ ภาตา อวสฺสโย โหตู’’ติ เถรสฺส นมสฺสมาโน อฏฺาสิ.
เถโรปิ กิร ตสฺมึเยว ขเณ อาวชฺเชตฺวา, เตสํ พฺยสนุปฺปตฺตึ ตฺวา, เวหาสํ อุปฺปติตฺวา, อภิมุโข อฏฺาสิ. อมนุสฺสา เถรํ ทิสฺวาว ‘‘อยฺโย ปุณฺณตฺเถโร เอตี’’ติ อปกฺกมึสุ, อุปฺปาติกํ สนฺนิสีทิ. เถโร ‘‘มา ภายถา’’ติ เต อสฺสาเสตฺวา ‘‘กหํ คนฺตุกามตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, อมฺหากํ สกฏฺานเมว คจฺฉามาติ. เถโร นาวงฺคเณ อกฺกมิตฺวา ‘‘เอเตสํ อิจฺฉิตฏฺานํ คจฺฉตู’’ติ อธิฏฺาสิ. วาณิชา สกฏฺานํ คนฺตฺวา, ตํ ปวตฺตึ ปุตฺตทารสฺส อาโรเจตฺวา, ‘‘เอถ เถรํ สรณํ คจฺฉามา’’ติ ปฺจสตาปิ อตฺตโน ปฺจหิ มาตุคามสเตหิ สทฺธึ ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺาย อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสุํ. ตโต นาวาย ภณฺฑํ โอตาเรตฺวา เถรสฺส เอกํ โกฏฺาสํ กตฺวา, ‘‘อยํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ โกฏฺาโส’’ติ อาหํสุ. เถโร มยฺหํ วิสุํ โกฏฺาสกิจฺจํ นตฺถิ. สตฺถา ปน ตุมฺเหหิ ทิฏฺปุพฺโพติ. น ทิฏฺปุพฺโพ, ภนฺเตติ. เตน หิ อิมินา สตฺถุ มณฺฑลมาฬํ กโรถ. เอวํ สตฺถารํ ปสฺสิสฺสถาติ. เต สาธุ, ภนฺเตติ. เตน จ โกฏฺาเสน อตฺตโน จ โกฏฺาเสหิ มณฺฑลมาฬํ กาตุํ อารภึสุ.
สตฺถาปิ ¶ กิร ตํ อารทฺธกาลโต ปฏฺาย ปริโภคํ อกาสิ. อารกฺขมนุสฺสา รตฺตึ โอภาสํ ทิสฺวา, ‘‘มเหสกฺขา เทวตา อตฺถี’’ติ สฺํ กรึสุ. อุปาสกา มณฺฑลมาฬฺจ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ¶ จ เสนาสนานิ นิฏฺาเปตฺวา ทานสมฺภารํ สชฺเชตฺวา, ‘‘กตํ, ภนฺเต, อมฺเหหิ อตฺตโน กิจฺจํ, สตฺถารํ ปกฺโกสถา’’ติ เถรสฺส อาโรเจสุํ. เถโร สายนฺหสมเย อิทฺธิยา สาวตฺถึ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, วาณิชคามวาสิโน ตุมฺเห ทฏฺุกามา ¶ , เตสํ อนุกมฺปํ กโรถา’’ติ ภควนฺตํ ยาจิ. ภควา อธิวาเสสิ. เถโร สกฏฺานเมว ปจฺจาคโต.
ภควาปิ อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ, ‘‘อานนฺท, สฺเว สุนาปรนฺเต วาณิชคาเม ปิณฺฑาย จริสฺสาม, ตฺวํ เอกูนปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ สลากํ เทหี’’ติ. เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘อากาสจารี ภิกฺขู สลากํ คณฺหนฺตู’’ติ อาห. ตํทิวสํ กุณฺฑธานตฺเถโร ปมํ สลากํ อคฺคเหสิ. วาณิชคามวาสิโนปิ ‘‘สฺเว กิร สตฺถา อาคมิสฺสตี’’ติ คามมชฺเฌ มณฺฑปํ กตฺวา ทานคฺคํ สชฺชยึสุ. ภควา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา, คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา, ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา, นิสีทิ. สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหํ อโหสิ. โส ‘‘กึ อิท’’นฺติ อาวชฺเชตฺวา สตฺถุ สุนาปรนฺตคมนํ ทิสฺวา, วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ, ‘‘ตาต, อชฺช ภควา ตึสมตฺตานิ โยชนสตานิ ปิณฺฑจารํ คมิสฺสติ. ปฺจ กูฏาคารสตานิ มาเปตฺวา เชตวนทฺวารโกฏฺกมตฺถเก คมนสชฺชานิ กตฺวา เปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ภควโต กูฏาคารํ จตุมุขํ อโหสิ, ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ทฺวิมุขานิ, เสสานิ เอกมุขานิ, สตฺถา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิตกูฏาคาเรสุ ธุรกูฏาคารํ ปาวิสิ. ทฺเว อคฺคสาวเก อาทึ กตฺวา เอกูนปฺจภิกฺขุสตานิปิ กูฏาคารคตานิ อเหสุํ. เอกํ ตุจฺฉํ กูฏาคารํ อโหสิ, ปฺจปิ กูฏาคารสตานิ อากาเส อุปฺปตฺตึสุ.
สตฺถา สจฺจพนฺธปพฺพตํ นาม ปตฺวา กูฏาคารํ อากาเส เปสิ. ตสฺมึ ปพฺพเต สจฺจพนฺโธ นาม มิจฺฉาทิฏฺิกตาปโส มหาชนํ มิจฺฉาทิฏฺึ อุคฺคณฺหาเปนฺโต ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ¶ หุตฺวา วสติ, อพฺภนฺตเร จสฺส อนฺโตจาฏิยํ ปทีโป วิย อรหตฺตผลสฺส อุปนิสฺสโย ชลติ. ตํ ทิสฺวา ‘‘ธมฺมมสฺส กเถสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. ตาปโส เทสนาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิ. มคฺเคเนวสฺส อภิฺา อาคตา. โส เอหิภิกฺขุ หุตฺวา อิทฺธิมยปตฺตจีวรธโร ตุจฺฉกูฏาคารํ ปาวิสิ.
ภควา ¶ ¶ กูฏาคารคเตหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วาณิชคามํ คนฺตฺวา, กูฏาคารานิ อทิสฺสมานกานิ กตฺวา, วาณิชคามํ ปาวิสิ. วาณิชา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สตฺถารํ มกุลการามํ นยึสุ. สตฺถา มณฺฑลมาฬํ ปาวิสิ. มหาชโน ยาว สตฺถา ภตฺตทรถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภติ, ตาว ปาตราสํ กตฺวา อุโปสถงฺคานิ สมาทาย พหุํ คนฺธฺจ ปุปฺผฺจ อาทาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย อารามํ ปจฺจาคมาสิ. สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชนสฺส พนฺธนโมกฺโข ชาโต, มหนฺตํ พุทฺธโกลาหลํ อโหสิ.
สตฺถา มหาชนสฺส สงฺคหตฺถาย สตฺตาหํ ตตฺเถว วสิ, อรุณํ ปน มหาคนฺธกุฏิยํเยว อุฏฺเปสิ. สตฺตาหมฺปิ ธมฺมเทสนาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ตตฺถ สตฺตาหํ วสิตฺวา, วาณิชคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา, ‘‘ตฺวํ อิเธว วสาหี’’ติ ปุณฺณตฺเถรํ นิวตฺเตตฺวา อนฺตเร นมฺมทานที นาม อตฺถิ, ตสฺสา ตีรํ อคมาสิ. นมฺมทา นาคราชา สตฺถุ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา, นาคภวนํ ปเวเสตฺวา, ติณฺณํ รตนานํ สกฺการํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ กเถตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิ. โส ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, ปริจริตพฺพํ เทถา’’ติ ยาจิ. ภควา นมฺมทานทีตีเร ปทเจติยํ ทสฺเสสิ. ตํ วีจีสุ อาคตาสุ ปิธียติ, คตาสุ วิวรียติ. มหาสกฺการปตฺตํ อโหสิ. สตฺถา ตโต นิกฺขมิตฺวา สจฺจพนฺธปพฺพตํ คนฺตฺวา สจฺจพนฺธํ อาห – ‘‘ตยา มหาชโน อปายมคฺเค โอตาริโต. ตฺวํ อิเธว วสิตฺวา, เอเตสํ ลทฺธึ วิสฺสชฺชาเปตฺวา, นิพฺพานมคฺเค ปติฏฺาเปหี’’ติ. โสปิ ปริจริตพฺพํ ยาจิ. สตฺถา ฆนปิฏฺิปาสาเณ อลฺลมตฺติกปิณฺฑมฺหิ ลฺฉนํ วิย ปทเจติยํ ทสฺเสสิ. ตโต เชตวนเมว คโต. เอตมตฺถํ สนฺธาย เตเนว อนฺตรวสฺเสนาติอาทิ วุตฺตํ.
ปรินิพฺพายีติ ¶ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. มหาชโน เถรสฺส สตฺต ทิวสานิ สรีรปูชํ กตฺวา, พหูนิ คนฺธกฏฺานิ สโมธาเนตฺวา, สรีรํ ฌาเปตฺวา ธาตุโย อาทาย เจติยํ อกาสิ. สมฺพหุลา ภิกฺขูติ เถรสฺส อาฬาหนฏฺาเน ิตภิกฺขู. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว. ฉฏฺํ อุตฺตานเมว.
๗-๘. ปมเอชาสุตฺตาทิวณฺณนา
๙๐-๙๑. สตฺตเม ¶ เอชาติ ตณฺหา. สา หิ จลนฏฺเน เอชาติ วุจฺจติ. สาว อาพาธนฏฺเน ¶ โรโค, อนฺโต ทุสฺสนฏฺเน คณฺโฑ, นิกนฺตนฏฺเน สลฺลํ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอชา โรโค เจว คณฺโฑ จ สลฺลฺจ, ตสฺมา. จกฺขุํ น มฺเยฺยาติอาทิ วุตฺตนยเมว, อิธาปิ สพฺพํ เหฏฺา คหิตเมว สํกฑฺฒิตฺวา ทสฺสิตํ. อฏฺมํ วุตฺตนยเมว.
๙-๑๐. ปมทฺวยสุตฺตาทิวณฺณนา
๙๒-๙๓. นวเม ทฺวยนฺติ ทฺเว ทฺเว โกฏฺาเส. ทสเม อิตฺเถตํ ทฺวยนฺติ เอวเมตํ ทฺวยํ. จลฺเจว พฺยถฺจาติ อตฺตโน สภาเวน อสณฺหนโต จลติ เจว พฺยถติ จ. โยปิ เหตุ โยปิ ปจฺจโยติ จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถารมฺมณํ เหตุ เจว ปจฺจโย จ. กุโต นิจฺจํ ภวิสฺสตีติ เกน การเณน นิจฺจํ ภวิสฺสติ. ยถา ปน ทาสสฺส ทาสิยา กุจฺฉิสฺมึ ชาโต ปุตฺโต ปโรว ทาโส โหติ, เอวํ อนิจฺจเมว โหตีติ อตฺโถ. สงฺคตีติ สหคติ. สนฺนิปาโตติ เอกโต สนฺนิปตนํ. สมวาโยติ เอกโต สมาคโม. อยํ วุจฺจติ จกฺขุสมฺผสฺโสติ อิมินา สงฺคติสนฺนิปาตสมวายสงฺขาเตน ปจฺจเยน อุปฺปนฺนตฺตา ปจฺจยนาเมเนว สงฺคติ สนฺนิปาโต สมวาโยติ อยํ วุจฺจติ จกฺขุสมฺผสฺโส.
โสปิ เหตูติ ผสฺสสฺส วตฺถุ อารมฺมณํ สหชาตา ตโย ขนฺธาติ อยํ เหตุ. ผุฏฺโติ อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตํ, ผสฺเสน ผุฏฺเมว โคจรํ เวทนา เวเทติ, เจตนา เจเตติ, สฺา สฺชานาตีติ อตฺโถ. ผุฏฺโติ วา ผสฺสสมงฺคีปุคฺคโล ¶ , ผสฺเสน ผุฏฺารมฺมณเมว เวทนาทีหิ เวเทติ เจเตติ สฺชานาตีติปิ วุตฺตํ โหติ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต สมตึสกฺขนฺธา กถิตา โหนฺติ. กถํ? จกฺขุทฺวาเร ตาว วตฺถุ เจว อารมฺมณฺจ รูปกฺขนฺโธ, ผุฏฺโ เวเทตีติ เวทนากฺขนฺโธ, เจเตตีติ สงฺขารกฺขนฺโธ, สฺชานาตีติ สฺากฺขนฺโธ, วิชานาตีติ วิฺาณกฺขนฺโธติ. เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโย. มโนทฺวาเรปิ หิ วตฺถุรูปํ เอกนฺตโต รูปกฺขนฺโธ, รูเป ปน อารมฺมเณ สติ อารมฺมณมฺปิ รูปกฺขนฺโธติ ฉ ปฺจกาตึส โหนฺติ. สงฺเขเปน ปเนเต ฉสุปิ ทฺวาเรสุ ปฺเจว ¶ ขนฺธาติ สปจฺจเย ปฺจกฺขนฺเธ อนิจฺจาติ วิตฺถาเรตฺวา วุจฺจมาเน พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน อิทํ สุตฺตํ เทสิตนฺติ.
ฉนฺนวคฺโค นวโม.
๑๐. สฬวคฺโค
๑. อทนฺตอคุตฺตวณฺณนา
๙๔. สฬวคฺคสฺส ¶ ปเม อทนฺตาติ อทมิตา. อคุตฺตาติ อโคปิตา. อรกฺขิตาติ น รกฺขิตา. อสํวุตาติ อปิหิตา. ทุกฺขาธิวาหา โหนฺตีติ เนรยิกาทิเภทํ อธิกทุกฺขํ อาวหนกา โหนฺติ. สุขาธิวาหา โหนฺตีติ ฌานมคฺคผลปเภทํ อธิกสุขํ อาวหนกา โหนฺติ. อธิวหาติปิ ปาโ, เอเสวตฺโถ.
สเฬวาติ ฉ เอว. อสํวุโต ยตฺถ ทุกฺขํ นิคจฺฉตีติ เยสุ อายตเนสุ สํวรวิรหิโต ทุกฺขํ ปาปุณาติ. เตสฺจ เย สํวรณํ อเวทิสุนฺติ เย เตสํ อายตนานํ สํวรํ วินฺทึสุ ปฏิลภึสุ. วิหรนฺตานวสฺสุตาติ วิหรนฺติ อนวสฺสุตา อตินฺตา.
อสาทิตฺจ สาทุนฺติ อสฺสาทวนฺตฺจ มธุรฺจ. ผสฺสทฺวยํ สุขทุกฺเข อุเปกฺเขติ สุขผสฺสฺจ ทุกฺขผสฺสฺจาติ อิทํ ผสฺสทฺวยํ อุเปกฺเข, อุเปกฺขาเมเวตฺถ อุปฺปาเทยฺยาติ อตฺโถ. ผสฺสทฺวยํ สุขทุกฺขํ อุเปกฺโขติ วา ปาโ, ผสฺสเหตุกํ สุขทุกฺขํ อุเปกฺโข, สุเข อนุโรธํ ทุกฺเข จ วิโรธํ อนุปฺปาเทนฺโต อุเปกฺขโก ภเวยฺยาติปิ อตฺโถ. อนานุรุทฺโธ ¶ อวิรุทฺโธ เกนจีติ เกนจิ สทฺธึ เนว อนุรุทฺโธ น วิรุทฺโธ ภเวยฺย.
ปปฺจสฺาติ กิเลสสฺาย ปปฺจสฺา นาม หุตฺวา. อิตรีตรา นราติ ลามกสตฺตา ปปฺจยนฺตา อุปยนฺตีติ ปปฺจยมานา วฏฺฏํ อุปคจฺฉนฺติ. สฺิโนติ สสฺา สตฺตา. มโนมยํ เคหสิตฺจ สพฺพนฺติ สพฺพเมว ปฺจกามคุณเคหนิสฺสิตํ มโนมยํ วิตกฺกํ. ปนุชฺชาติ ปนุทิตฺวา นีหริตฺวา. เนกฺขมฺมสิตํ อิรียตีติ ทพฺพชาติโก ภิกฺขุ เนกฺขมฺมสิตํ อิริเยน อิรียติ.
ฉสฺสุ ยทา ¶ สุภาวิโตติ ฉสุ อารมฺมเณสุ ยทา สุฏฺุ ภาวิโต. ผุฏฺสฺส จิตฺตํ น วิกมฺปเต ¶ กฺวจีติ สุขผสฺเสน วา ทุกฺขผสฺเสน วา ผุฏฺสฺส กิสฺมิฺจิ จิตฺตํ น กมฺปติ น เวธติ. ภวตฺถ ชาติมรณสฺส ปารคาติ ชาติมรณานํ ปารํ นิพฺพานํ คมกา โหถ.
๒. มาลุกฺยปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๙๕. ทุติเย มาลุกฺยปุตฺโตติ มาลุกฺยพฺราหฺมณิยา ปุตฺโต. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ตว โอวาทายาจเน. อิมินา เถรํ อปสาเทติปิ อุสฺสาเทติปิ. กถํ? อยํ กิร ทหรกาเล รูปาทีสุ ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา มหลฺลกกาเล อรฺวาสํ ปตฺเถนฺโต กมฺมฏฺานํ ยาจติ. อถ ภควา ‘‘เอตฺถ ทหเร กึ วกฺขาม? มาลุกฺยปุตฺโต วิย ตุมฺเหปิ ตรุณกาเล ปมชฺชิตฺวา มหลฺลกกาเล อรฺํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กเรยฺยาถา’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภณนฺโต เถรํ อปสาเทติ นาม.
ยสฺมา ปน เถโร มหลฺลกกาเลปิ อรฺํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กาตุกาโม, ตสฺมา ภควา ‘‘เอตฺถ ทหเร กึ วกฺขาม? อยํ อมฺหากํ มาลุกฺยปุตฺโต ¶ มหลฺลกกาเลปิ อรฺํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กตฺตุกาโม กมฺมฏฺานํ ยาจติ, ตุมฺเห นาม ตรุณกาเลปิ วีริยํ น กโรถา’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภณนฺโต เถรํ อุสฺสาเทติ นาม.
ยตฺร หิ นามาติ โย นาม. กิฺจาปาหนฺติ กิฺจาปิ ‘‘อหํ มหลฺลโก’’ติ าตํ. ยทิ อหํ มหลฺลโก, มหลฺลโก สมาโนปิ สกฺขิสฺสามิ สมณธมฺมํ กาตุํ, เทเสตุ เม, ภนฺเต, ภควาติ อธิปฺปาเยน มหลฺลกภาวํ อนุคฺคณฺหนฺโต โอวาทฺจ ปสํสนฺโต เอวมาห.
อทิฏฺา อทิฏฺปุพฺพาติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว อทิฏฺา อตีเตปิ อทิฏฺปุพฺพา. น จ ปสฺสสีติ เอตรหิปิ น ปสฺสสิ. น จ เต โหติ ปสฺเสยฺยนฺติ เอวํ สมนฺนาหาโรปิ เต ยตฺถ นตฺถิ, อปิ นุ เต ตตฺถ ฉนฺทาทโย อุปฺปชฺเชยฺยุนฺติ ปุจฺฉติ.
ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตนฺติ รูปายตเน จกฺขุวิฺาเณน ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ. จกฺขุวิฺาณฺหิ รูเป รูปมตฺตเมว ปสฺสติ, น นิจฺจาทิสภาวํ, อิติ เสสวิฺาเณหิปิ เม เอตฺถ ทิฏฺมตฺตเมว จิตฺตํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. อถ วา ¶ ทิฏฺเ ทิฏฺํ นาม จกฺขุวิฺาณํ, รูเป รูปวิชานนนฺติ ¶ อตฺโถ. มตฺตาติ ปมาณํ, ทิฏฺํ มตฺตา อสฺสาติ ทิฏฺมตฺตํ, จิตฺตํ, จกฺขุวิฺาณมตฺตเมว เม จิตฺตํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อาปาถคตรูเป จกฺขุวิฺาณํ น รชฺชติ น ทุสฺสติ น มุยฺหติ, เอวํ ราคาทิวิรเหน จกฺขุวิฺาณมตฺตเมว ชวนํ ภวิสฺสติ, จกฺขุวิฺาณปมาเณเนว ชวนํ เปสฺสามีติ. อถ วา ทิฏฺํ นาม จกฺขุวิฺาเณน ทิฏฺรูปํ, ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ นาม ตตฺเถว อุปฺปนฺนํ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณโวฏฺพฺพนสงฺขาตํ จิตฺตตฺตยํ. ยถา ตํ น รชฺชติ, น ทุสฺสติ, น มุยฺหติ, เอวํ อาปาถคเต รูเป เตเนว สมฺปฏิจฺฉนาทิปฺปมาเณน ชวนํ อุปฺปาเทสฺสามิ, นาหํ ตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา ¶ รชฺชนาทิวเสน อุปฺปชฺชิตุํ ทสฺสามีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เอเสว นโย สุตมุเตสุ.
วิฺาเต วิฺาตมตฺตนฺติ เอตฺถ ปน วิฺาตํ นาม มโนทฺวาราวชฺชเนน วิฺาตารมฺมณํ, ตสฺมึ วิฺาเต วิฺาตมตฺตนฺติ อาวชฺชนปมาณํ. ยถา อาวชฺชเนน น รชฺชติ น ทุสฺสติ น มุยฺหติ, เอวํ รชฺชนาทิวเสน อุปฺปชฺชิตุํ อทตฺวา อาวชฺชนปมาเณเนว จิตฺตํ เปสฺสามีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
ยโตติ ยทา. ตโตติ ตทา. น เตนาติ เตน ราเคน วา รตฺโต, โทเสน วา ทุฏฺโ, โมเหน วา มูฬฺโห น ภวิสฺสติ. ตโต ตฺวํ มาลุกฺยปุตฺต น ตตฺถาติ ยทา ตฺวํ เตน ราเคน วา โทสโมเหหิ วา รตฺโต วา ทุฏฺโ วา มูฬฺโห วา น ภวิสฺสสิ, ตทา ตฺวํ น ตตฺถ ตสฺมึ ทิฏฺเ วา สุตมุตวิฺาเต วา ปฏิพทฺโธ อลฺลีโน ปติฏฺิโต นาม ภวิสฺสสิ. เนวิธาติอาทิ วุตฺตตฺถเมว.
สติ มุฏฺาติ สติ นฏฺา. ตฺจ อชฺโฌสาติ ตํ อารมฺมณํ คิลิตฺวา. อภิชฺฌา จ วิเหสา จาติ อภิชฺฌาย จ วิหึสาย จ. อถ วา ‘‘ตสฺส วฑฺฒนฺตี’’ติ ปเทนาปิ สทฺธึ โยเชตพฺพํ, อภิชฺฌา จ วิเหสา จาติ อิเมปิ ทฺเว ธมฺมา ตสฺส วฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ.
จิตฺตมสฺสูปหฺตีติ อภิชฺฌาวิเหสาหิ อสฺส จิตฺตํ อุปหฺติ. อาจินโตติ อาจินนฺตสฺส. อารา นิพฺพาน วุจฺจตีติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส นิพฺพานํ นาม ทูเร ปวุจฺจติ. ฆตฺวาติ ฆายิตฺวา. โภตฺวาติ ภุตฺวา สายิตฺวา ¶ เลหิตฺวา. ผุสฺสาติ ผุสิตฺวา. ปฏิสฺสโตติ ปฏิสฺสติสงฺขาตาย ¶ สติยา ยุตฺโต. เสวโต จาปิ เวทนนฺติ จตุมคฺคสมฺปยุตฺตํ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรเวทนํ เสวนฺตสฺส. ขียตีติ ขยํ คจฺฉติ. กึ ตํ? ทุกฺขมฺปิ กิเลสชาตมฺปิ. อฺตโรติ อสีติยา มหาสาวกานํ อพฺภนฺตโร เอโก. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต คาถาหิปิ วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตํ.
๓. ปริหานธมฺมสุตฺตวณฺณนา
๙๖. ตติเย ปริหานธมฺมนฺติ ปริหานสภาวํ. อภิภายตนานีติ อภิภวิตานิ อายตนานิ. สรสงฺกปฺปาติ เอตฺถ สรนฺตีติ สรา, ธาวนฺตีติ อตฺโถ. สรา จ ¶ เต สงฺกปฺปา จ สรสงฺกปฺปา. สํโยชนิยาติ พนฺธนิยา พนฺธนสฺส ปจฺจยภูตา. ตฺเจ ภิกฺขูติ ตํ เอวํ อุปฺปนฺนํ กิเลสชาตํ, ตํ วา อารมฺมณํ. อธิวาเสตีติ จิตฺเต อาโรเปตฺวา วาเสติ. นปฺปชหตีติ ฉนฺทราคปฺปหาเนน น ปชหติ. เอวํ สพฺพปเทหิ โยเชตพฺพํ. อภิภายตนฺเหตํ วุตฺตํ ภควตาติ เอตํ พุทฺเธน ภควตา อภิภวิตํ อายตนนฺติ กถิตํ. อิธ ธมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา วิภชนฺเตน ปุคฺคเลน ธมฺโม ทสฺสิโต.
๔. ปมาทวิหารีสุตฺตวณฺณนา
๙๗. จตุตฺเถ อสํวุตสฺสาติ อปิหิตสฺส น ปิทหิตฺวา สฺฉาทิตฺวา ปิตสฺส. พฺยาสิฺจตีติ วิอาสิฺจติ, กิเลสตินฺตํ หุตฺวา วตฺตติ. ปาโมชฺชนฺติ ทุพฺพลปีติ. ปีตีติ พลวปีติ. ปสฺสทฺธีติ ทรถปสฺสทฺธิ. ธมฺมา น ปาตุภวนฺตีติ สมถวิปสฺสนาธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ. อิมสฺมึ สุตฺเต ปุคฺคลํ ปุจฺฉิตฺวา วิภชนฺเตน ธมฺเมน ปุคฺคโล ทสฺสิโต.
๕. สํวรสุตฺตวณฺณนา
๙๘. ปฺจเม กถฺจ, ภิกฺขเว, อสํวโรติ อิทํ มคฺคกุสลสฺส วามํ มฺุจิตฺวา ทกฺขิณํ คณฺเหยฺยาสีติ ปมํ ปหาตพฺพมคฺคกฺขานํ วิย อุทฺเทสกฺกเมน อวตฺวา เทสนากุสลตาย ปมํ ปหาตพฺพธมฺมกฺขานวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิธ ธมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺโมว วิภตฺโต.
๖. สมาธิสุตฺตวณฺณนา
๙๙. ฉฏฺเ ¶ ¶ สมาธินฺติ จิตฺเตกคฺคตํ. อิทฺหิ สุตฺตํ จิตฺเตกคฺคตาย ปริหายมาเน ทิสฺวา, ‘‘อิเมสํ จิตฺเตกคฺคตํ ลภนฺตานํ กมฺมฏฺานํ ผาตึ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวา กถิตํ.
๗. ปฏิสลฺลานสุตฺตวณฺณนา
๑๐๐. สตฺตเม ¶ ปฏิสลฺลานนฺติ กายวิเวกํ. อิทฺหิ สุตฺตํ กายวิเวเกน ปริหายมาเน ทิสฺวา, ‘‘อิเมสํ กายวิเวกํ ลภนฺตานํ กมฺมฏฺานํ ผาตึ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวา กถิตํ.
๘-๙. ปมนตุมฺหากํสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๐๑-๑๐๒. อฏฺมํ อุปมาย ปริวาเรตฺวา กถิเต พุชฺฌนกานํ, นวมํ สุทฺธิกวเสเนว พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสยวเสน วุตฺตํ. อตฺโถ ปน อุภยตฺถาปิ ขนฺธิยวคฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
๑๐. อุทกสุตฺตวณฺณนา
๑๐๓. ทสเม อุทโก สุทนฺติ เอตฺถ สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. อุทโกติ ตสฺส นามํ. อิทํ ชาตุ เวทคูติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ. อถ วา อิทํ มม วจนํ สุณาถาติ ทีเปนฺโต เอวมาห. ชาตุ เวทคูติ อหํ เอกํเสเนว เวทคู, เวทสงฺขาเตน าเณน เนยฺเยสุ คโต, เวทํ วา คโต อธิคโต, ปณฺฑิโตหมสฺมีติ อตฺโถ. สพฺพชีติ เอกํเสน สพฺพวฏฺฏํ ชินิตฺวา อภิภวิตฺวา ิโตสฺมีติ วทติ. อปลิขตํ คณฺฑมูลนฺติ อปลิขตํ ทุกฺขมูลํ. ปลิขณินฺติ ปลิขตํ มยา, ขนิตฺวา ิโตสฺมีติ ทีเปติ.
มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺสาติ มาติโต จ ปิติโต จ นิพฺพตฺเตน มาตาเปตฺติเกน สุกฺกโสณิเตน สมฺภูตสฺส. โอทนกุมฺมาสูปจยสฺสาติ โอทเนน เจว กุมฺมาเสน จ อุปจิตสฺส วฑฺฒิตสฺส. อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺมสฺสาติ เอตฺถ อยํ กาโย หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจธมฺโม ¶ , ทุคฺคนฺธวิฆาตตฺถาย ตนุวิเลปเนน อุจฺฉาทนธมฺโม, องฺคปจฺจงฺคาพาธวิโนทนตฺถาย ขุทฺทกสมฺพาหเนน ¶ ปริมทฺทนธมฺโม, ทหรกาเล ¶ วา อูรูสุ สยาเปตฺวา คพฺภวาเสน ทุสฺสณฺิตานํ เตสํ เตสํ องฺคานํ สณฺานสมฺปาทนตฺถํ อฺฉนปีฬนาทีนํ วเสน ปริมทฺทนธมฺโม, เอวํ ปริหริโตปิ จ เภทนวิทฺธํสนธมฺโม ภิชฺชติ เจว วิกิรติ จ, เอวํ สภาโวติ อตฺโถ.
ตตฺถ มาตาเปตฺติกสมฺภวโอทนกุมฺมาสูปจยปริมทฺทนปเทหิ วฑฺฒิ กถิตา, อนิจฺจเภทนวิทฺธํสนปเทหิ ปริหานิ. ปุริเมหิ วา ตีหิ สมุทโย, ปจฺฉิเมหิ อตฺถงฺคโมติ. เอวํ จาตุมหาภูติกสฺส กายสฺส วฑฺฒิปริหานินิพฺพตฺติเภทา ทสฺสิตา. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
สฬวคฺโค ทสโม.
ทุติโย ปณฺณาสโก.
๑๑. โยคกฺเขมิวคฺโค
๑. โยคกฺเขมิสุตฺตวณฺณนา
๑๐๔. โยคกฺเขมิวคฺคสฺส ปเม โยคกฺเขมิปริยายนฺติ จตูหิ โยเคหิ เขมิโน การณภูตํ. ธมฺมปริยายนฺติ ธมฺมการณํ. อกฺขาสิ โยคนฺติ ยุตฺตึ กเถสิ. ตสฺมาติ กสฺมา? กึ อกฺขาตตฺตา, อุทาหุ ปหีนตฺตาติ? ปหีนตฺตา. น หิ อกฺขาเนน โยคกฺเขมิ นาม โหติ.
๒-๑๐. อุปาทายสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๐๕-๑๑๓. ทุติเย เวทนาสุขทุกฺขํ กถิตํ, ตํ ปน วิปากสุขทุกฺขํ วฏฺฏติ. ตติเย ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส. จตุตฺเถ โลกสฺสาติ สงฺขารโลกสฺส. ปฺจมาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ ขนฺธิยวคฺเค วุตฺตนยเมว.
โยคกฺเขมิวคฺโค เอกาทสโม.
๑๒. โลกกามคุณวคฺโค
๑-๒. ปมมารปาสสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๑๔-๑๑๕. โลกกามคุณวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม อาวาสคโตติ วสนฏฺานํ คโต. มารสฺส วสํ คโตติ ติวิธสฺสาปิ มารสฺส วสํ คโต. ปฏิมุกฺก’สฺส มารปาโสติ อสฺส คีวาย มารปาโส ปฏิมุกฺโก ปเวสิโต. ทุติยํ อุตฺตานเมว.
๓. โลกนฺตคมนสุตฺตวณฺณนา
๑๑๖. ตติเย โลกสฺสาติ จกฺกวาฬโลกสฺส. โลกสฺส อนฺตนฺติ สงฺขารโลกสฺส อนฺตํ. วิหารํ ปาวิสีติ ‘‘มยิ วิหารํ ปวิฏฺเ อิเม ภิกฺขู, อิมํ อุทฺเทสํ อานนฺทํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, โส จ เตสํ มม สพฺพฺุตฺาเณน สํสนฺทิตฺวา กเถสฺสติ. ตโต นํ โถเมสฺสามิ, มม โถมนํ สุตฺวา ภิกฺขู อานนฺทํ อุปสงฺกมิตพฺพํ, วจนฺจสฺส โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, ตํ เนสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ จินฺเตตฺวา สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวาว นิสินฺนาสเน อนฺตรหิโต คนฺธกุฏิยํ ปาตุรโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสี’’ติ.
สตฺถุ เจว สํวณฺณิโตติ สตฺถารา จ ปสตฺโถ. วิฺูนนฺติ อิทมฺปิ กรณตฺเถ สามิวจนํ, ปณฺฑิเตหิ สพฺรหฺมจารีหิ จ สมฺภาวิโตติ อตฺโถ. ปโหตีติ สกฺโกติ. อติกฺกมฺเมว มูลํ อติกฺกมฺเมว ขนฺธนฺติ สาโร นาม มูเล วา ขนฺเธ วา ภเวยฺย, ตมฺปิ อติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. เอวํสมฺปทมิทนฺติ เอวํสมฺปตฺติกํ, อีทิสนฺติ อตฺโถ. อติสิตฺวาติ อติกฺกมิตฺวา. ชานํ ชานาตีติ ชานิตพฺพเมว ชานาติ. ปสฺสํ ปสฺสตีติ ปสฺสิตพฺพเมว ปสฺสติ. ยถา วา เอกจฺโจ วิปรีตํ คณฺหนฺโต ชานนฺโตปิ น ชานาติ, ปสฺสนฺโตปิ น ปสฺสติ, น เอวํ ภควา. ภควา ปน ชานนฺโต ชานาติ, ปสฺสนฺโต ปสฺสติเยว. สฺวายํ ทสฺสนปริณายกฏฺเน จกฺขุภูโต. วิทิตกรณฏฺเน าณภูโต ¶ . อวิปรีตสภาวฏฺเน ปริยตฺติธมฺมปวตฺตนโต วา หทเยน จินฺเตตฺวา วาจาย นิจฺฉาริตธมฺมมโยติ ธมฺมภูโต. เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูโต. อถ วา จกฺขุ ¶ วิย ภูโตติ จกฺขุภูโต. เอวเมเตสุ ปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สฺวายํ ธมฺมสฺส ¶ วตฺตนโต วตฺตา. ปวตฺตนโต ปวตฺตา. อตฺถํ นีหริตฺวา นีหริตฺวา ทสฺสนสมตฺถตาย อตฺถสฺส นินฺเนตา. อมตาธิคมาย ปฏิปตฺตึ เทเสตีติ อมตสฺส ทาตา.
อครุํ กริตฺวาติ ปุนปฺปุนํ ยาจาเปนฺโตปิ หิ ครุํ กโรติ นาม. อตฺตโน เสกฺขปฏิสมฺภิทาาเณ ตฺวา สิเนรุปาทโต วาลิกํ อุทฺธรมาโน วิย ทุพฺพิฺเยฺยํ กตฺวา กเถนฺโตปิ ครุํ กโรติเยว นาม. เอวํ อกตฺวา อมฺเห ปุนปฺปุนํ อยาจาเปตฺวา สุวิฺเยฺยมฺปิ โน กตฺวา กเถหีติ วุตฺตํ โหติ.
ยํ โข โวติ ยํ โข ตุมฺหากํ. จกฺขุนา โข, อาวุโส, โลกสฺมึ โลกสฺี โหติ โลกมานีติ จกฺขฺุหิ โลเก อปฺปหีนทิฏฺิ ปุถุชฺชโน สตฺตโลกวเสน โลโกติ สฺชานาติ เจว มฺติ จ, ตถา จกฺกวาฬโลกวเสน. น หิ อฺตฺร จกฺขาทีหิ ทฺวาทสายตเนหิ ตสฺส สา สฺา วา มาโน วา อุปฺปชฺชติ. เตน วุตฺตํ, ‘‘จกฺขุนา โข, อาวุโส, โลกสฺมึ โลกสฺี โหติ โลกมานี’’ติ. อิมสฺส จ โลกสฺส คมเนน อนฺโต นาม าตุํ วา ทฏฺุํ วา ปตฺตุํ วา น สกฺกา. ลุชฺชนฏฺเน ปน ตสฺเสว จกฺขาทิเภทสฺส โลกสฺส นิพฺพานสงฺขาตํ อนฺตํ อปฺปตฺวา วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกิริยา นาม นตฺถีติ เวทิตพฺพา.
เอวํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ ‘‘สาวเกน ปฺโห กถิโตติ มา นิกฺกงฺขา อหุวตฺถ, อยํ ภควา สพฺพฺุตฺาณตุลํ คเหตฺวา นิสินฺโน. อิจฺฉมานา ตเมว อุปสงฺกมิตฺวา นิกฺกงฺขา โหถา’’ติ อุยฺโยเชนฺโต อากงฺขมานา ปนาติอาทิมาห.
อิเมหิ อากาเรหีติ อิเมหิ การเณหิ จกฺกวาฬโลกสฺส อนฺตาภาวการเณหิ เจว สงฺขารโลกสฺส อนฺตาปตฺติการเณหิ จ. อิเมหิ ปเทหีติ อิเมหิ อกฺขรสมฺปิณฺฑเนหิ. พฺยฺชเนหีติ ปาฏิเยกฺกอกฺขเรหิ.
ปณฺฑิโตติ ¶ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต. จตูหิ การเณหิ ปณฺฑิโต ธาตุกุสโล อายตนกุสโล ปจฺจยาการกุสโล การณาการณกุสโลติ. มหาปฺโติ มหนฺเต อตฺเถ มหนฺเต ธมฺเม มหนฺตา ¶ นิรุตฺติโย มหนฺตานิ ปฏิภานานิ ปฏิคฺคณฺหนสมตฺถตาย มหาปฺาย สมนฺนาคโต. ยถา ¶ ตํ อานนฺเทนาติ ยถา อานนฺเทน พฺยากตํ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถา อานนฺเทน ตํ พฺยากตํ, อหมฺปิ ตํ เอวเมว พฺยากเรยฺยนฺติ อตฺโถ.
๔. กามคุณสุตฺตวณฺณนา
๑๑๗. จตุตฺเถ เย เมติ เย มม. เจตโส สมฺผุฏฺปุพฺพาติ จิตฺเตน อนุภูตปุพฺพา. ตตฺร เม จิตฺตํ พหุลํ คจฺฉมานํ คจฺเฉยฺยาติ เตสุ ปาสาทตฺตยติวิธนาฏกาทิเภทสมฺปตฺติวเสน อนุภูตปุพฺเพสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ พหูสุ วาเรสุ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปชฺเชยฺยาติ ทีเปติ. ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วาติ อิธ ปธานจริยกาเล ฉพฺพสฺสานิ สุปุปฺผิตวนสณฺฑชาตานํ ทิชคณาทีนํ วเสน ทิฏฺสุตาทิเภทํ มโนรมารมฺมณํ กามคุณํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวรูเปสุ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วา พหุลํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ ทสฺเสติ. อปฺปํ วา อนาคเตสูติ อนาคเต ‘‘เมตฺเตยฺโย นาม พุทฺโธ ภวิสฺสติ, สงฺโข นาม ราชา, เกตุมตี นาม ราชธานี’’ติอาทิวเสน (ที. นิ. ๓.๑๐๖) ปริตฺตกเมว อนาคเตสุ กามคุเณสุ อุปฺปชฺเชยฺยาติ ทสฺเสติ. ตตฺร เม อตฺตรูเปนาติ ตตฺร มยา อตฺตโน หิตกามชาติเกน. อปฺปมาโทติ สาตจฺจกิริยา ปฺจสุ กามคุเณสุ จิตฺตสฺส อโวสฺสคฺโค. สตีติ อารมฺมณปริคฺคหิตสติ. อารกฺโขติ อยํ อปฺปมาโท จ สติ จ เจตโส อารกฺโข กรณีโย, เอวํ เม อโหสีติ ทสฺเสติ, อารกฺขตฺถาย อิเม ทฺเว ธมฺมา กาตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ.
ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เส อายตเน เวทิตพฺเพติ ยสฺมา เจตโส อารกฺขตฺถาย อปฺปมาโท จ สติ จ กาตพฺพา, ยสฺมา ตสฺมึ อายตเน วิทิเต อปฺปมาเทน วา สติยา วา กาตพฺพํ นตฺถิ, ตสฺมา ¶ เส อายตเน เวทิตพฺเพ, ตํ การณํ ชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ. สฬายตนนิโรธนฺติ สฬายตนนิโรโธ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตํ สนฺธาย ภาสิตนฺติ อตฺโถ. นิพฺพานสฺมิฺหิ จกฺขุอาทีนิ เจว นิรุชฺฌนฺติ รูปสฺาทโย จ นิรุชฺฌนฺตีติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๕-๖. สกฺกปฺหสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๑๘-๑๑๙. ปฺจเม ¶ ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. ปรินิพฺพายนฺตีติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนฺติ. ตนฺนิสฺสิตํ วิฺาณํ โหตีติ ตณฺหานิสฺสิตํ กมฺมวิฺาณํ โหติ ¶ . ตทุปาทานนฺติ ตํคหณํ, ตณฺหาคหเณน สหคตํ วิฺาณํ โหตีติ อตฺโถ. ฉฏฺํ อุตฺตานเมว.
๗. สาริปุตฺตสทฺธิวิหาริกสุตฺตวณฺณนา
๑๒๐. สตฺตเม สนฺตาเนสฺสตีติ ฆเฏสฺสติ, โยควิจฺเฉทมสฺส ปาปุณิตุํ น ทสฺสติ.
๘. ราหุโลวาทสุตฺตวณฺณนา
๑๒๑. อฏฺเม วิมุตฺติปริปาจนิยาติ วิมุตฺตึ ปริปาเจนฺตีติ วิมุตฺติปริปาจนิยา. ธมฺมาติ ปนฺนรส ธมฺมา, เต สทฺธินฺทฺริยาทีนํ วิสุทฺธิกรณวเสน เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อสฺสทฺเธ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สทฺเธ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ปสาทนีเย สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต, อิเมหิ ตีหากาเรหิ สทฺธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ. กุสีเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อารทฺธวีริเย ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สมฺมปฺปธาเน ปจฺจเวกฺขโต, อิเมหิ ตีหากาเรหิ วีริยินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ. มุฏฺสฺสตี ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อุปฏฺิตสฺสตี ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต ¶ , สติปฏฺาเน ปจฺจเวกฺขโต, อิเมหิ ตีหากาเรหิ สตินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ. อสมาหิเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สมาหิเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ฌานวิโมกฺเข ปจฺจเวกฺขโต, อิเมหิ ตีหากาเรหิ สมาธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ. ทุปฺปฺเ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺวนฺเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, คมฺภีราณจริยํ ปจฺจเวกฺขโต, อิเมหิ ตีหากาเรหิ ปฺินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ. อิติ อิเม ปฺจ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺจ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต ¶ , ปฺจ สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต, อิเมหิ ปนฺนรสหิ อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๘๔).
อปเรปิ ปนฺนรส ธมฺมา วิมุตฺติปริปาจนิยา – สทฺธาปฺจมานิ อินฺทฺริยานิ, อนิจฺจสฺา, อนิจฺเจ ทุกฺขสฺา, ทุกฺเข อนตฺตสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺาติ อิมา ¶ ปฺจ นิพฺเพธภาคิยา สฺา, เมฆิยตฺเถรสฺส กถิตา กลฺยาณมิตฺตตาทโย ปฺจ ธมฺมาติ (อุทา. ๓๑). กาย ปน เวลาย ภควโต เอตทโหสีติ? ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺตสฺส.
อเนกานิ เทวตาสหสฺสานีติ อายสฺมตา ราหุเลน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล ปาลิตนาคราชกาเล ปตฺถนํ ปฏฺเปนฺเตน สทฺธึ ปตฺถนํ ปฏฺปิตเทวตาสุ ปน กาจิ ภูมฏฺกา เทวตา, กาจิ อนฺตลิกฺขฏฺกา, กาจิ จาตุมหาราชิกา, กาจิ เทวโลเก, กาจิ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตา. อิมสฺมึ ปน ทิวเส สพฺพาปิ ตา เอกฏฺาเน อนฺธวนสฺมึเยว สนฺนิปติตา, ตา สนฺธายาห – ‘‘อเนกานิ เทวตาสหสฺสานี’’ติ. ธมฺมจกฺขุนฺติ อิมสฺมึ สุตฺเต จตฺตาโร จ มคฺคา จตฺตาริ จ ผลานิ ธมฺมจกฺขุนฺติ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ หิ กาจิ เทวตา โสตาปนฺนา อเหสุํ, กาจิ สกทาคามี, อนาคามี, ขีณาสวา. ตาสฺจ ปน เทวตานํ เอตฺตกาติ คณนวเสน ปริจฺเฉโท นตฺถิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.
๙-๑๐. สํโยชนิยธมฺมสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๒๒-๑๒๓. นวมทสมานิ อิฏฺารมฺมณวเสน กถิยมาเน พุชฺฌนกานํ วเสน วุตฺตานีติ.
โลกกามคุณวคฺโค ทฺวาทสโม.
๑๓. คหปติวคฺโค
๑-๓. เวสาลีสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๒๔-๑๒๖. คหปติวคฺคสฺส ¶ ปเม อุคฺโคติ ปณีตทายกานํ อคฺคอุคฺโค, โส ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ปณีตทายกานํ ยทิทํ ¶ อุคฺโค คหปตี’’ติ เอวํ เอตทคฺเค ปิโต. เสสเมเตสุ เจว ทฺวีสุ, ตติเย จ วุตฺตตฺถเมว.
๔-๕. ภารทฺวาชสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๒๗-๑๒๘. จตุตฺเถ ¶ ปิณฺฑํ อุลมาโน ปริเยสมาโน ปพฺพชิโตติ ปิณฺโฑโล. โส กิร ปริชิณฺณโภโค พฺราหฺมโณ อโหสิ. อถ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ลาภสกฺการํ ทิสฺวา ปิณฺฑตฺถาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต. โส มหนฺตํ กปลฺลปตฺตํ คเหตฺวา จรติ, เตน กปลฺลปูรํ ยาคุํ ปิวติ, กปลฺลปูเร ปูเว ขาทติ, กปลฺลปูรํ ภตฺตํ ภฺุชติ. อถสฺส มหคฺฆสภาวํ สตฺถุ อาโรจยึสุ. สตฺถา ตสฺส ปตฺตตฺถวิกํ นานุชานิ. เหฏฺามฺเจ ปตฺตํ นิกฺกุชฺชิตฺวา เปติ. โส เปนฺโตปิ ฆํสนฺโตว ปณาเมตฺวา เปติ, คณฺหนฺโตปิ ฆํสนฺโตว อากฑฺฒิตฺวา คณฺหาติ. ตํ คจฺฉนฺเต กาเล ธํสเนน ปริกฺขีณํ นาฬิโกทนมตฺตเมว คณฺหนกํ ชาตํ. ตโต สตฺถุ อาโรเจสุํ, อถสฺส สตฺถา ปตฺตตฺถวิกํ อนุชานิ. เถโร อปเรน สมเยน อินฺทฺริยภาวนํ ภาเวตฺวา อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. อิติ โส ปิณฺฑตฺถาย ปพฺพชิตตฺตา ปิณฺโฑโล, โคตฺเตน ปน ภารทฺวาโชติ อุภยํ เอกโต กตฺวา ปิณฺโฑลภารทฺวาโชติ วุจฺจติ.
อุปสงฺกมีติ อุคฺคตุคฺคเตหิ มหาอมจฺเจหิ ปริวุโต อุปสงฺกมิ. เถโร กิร เอกทิวสํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ นิทาฆสมเย สีตาเน ทิวาวิหารํ นิสีทิสฺสามีติ อากาเสน คนฺตฺวา คงฺคาตีเร อุเทนสฺส รฺโ อุทปานํ นาม อุยฺยานํ อตฺถิ, ตตฺถ ปวิสิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ สีเตน อุทกวาเตน ¶ พีชิยมาโน.
อุเทโนปิ โข นาม ราชา สตฺตาหํ มหาปานํ ปิวิตฺวา สตฺตเม ทิวเส อุยฺยานํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา มหาชนปริวาโร อุยฺยานํ คนฺตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ อตฺถตาย เสยฺยาย นิปชฺชิ. ตสฺส เอกา ปริจาริกา ปาเท สมฺพาหมานา นิสินฺนา. ราชา กเมน นิทฺทํ โอกฺกมิ. ตสฺมึ นิทฺทํ โอกฺกนฺเต นาฏกิตฺถิโย ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ คีตาทีนิ ปโยเชยฺยาม, โส นิทฺทํ อุปคโต, น จ นิทฺทากาเล ¶ มหาสทฺทํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน อตฺตโน ตูริยานิ เปตฺวา อุยฺยานํ ปกฺกนฺตา. ตา ตตฺถ ตตฺถ ผลาผลานิ ขาทมานา ปุปฺผานิ ปิฬนฺธมานา วิจรนฺติโย เถรํ ทิสฺวา ‘‘มา สทฺทํ กริตฺถา’’ติ อฺมฺํ นิวารยมานา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. เถโร ‘‘อิสฺสา ปหาตพฺพา, มจฺเฉรํ วิโนเทตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน ตาสํ อนุรูปํ ธมฺมกถํ กเถสิ.
สาปิ ¶ โข รฺโ ปาเท สมฺพาหมานา นิสินฺนา อิตฺถี ปาเท จาเลตฺวา ราชานํ ปโพเธสิ. โส ‘‘กหํ ตา คตา’’ติ ปุจฺฉิ. กึ ตาสํ ตุมฺเหหิ? ตา เอกํ สมณํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนาติ. ราชา กุทฺโธ อุทฺธเน ปกฺขิตฺตโลณํ วิย ตฏตฏายมาโน อุฏฺหิตฺวา ‘‘ตมฺพกิปิลฺลิกาหิ นํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺโต เอกสฺมึ อโสกรุกฺเข ตมฺพกิปิลฺลิกานํ ปุฏํ ทิสฺวา หตฺเถนากฑฺฒิตฺวา สาขํ คณฺหิตุํ นาสกฺขิ. กิปิลฺลิกปุโฏ ฉิชฺชิตฺวา รฺโ สีเส ปติ, สกลสรีรํ สาลิถุเสหิ ปริกิณฺณํ วิย ทณฺฑทีปิกาหิ ฑยฺหมานํ วิย จ อโหสิ. เถโร รฺโ ปทุฏฺภาวํ ตฺวา อิทฺธิยา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. ตาปิ อิตฺถิโย อุฏฺาย รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา สรีรํ ปฺุฉนฺติโย วิย ภูมิยํ ปติตปติตา กิปิลฺลิกาโย คเหตฺวา สรีเร ขิปมานา สพฺพา มุขสตฺตีหิ วิชฺฌึสุ – ‘‘กึ นาเมตํ, อฺเ ราชาโน ปพฺพชิเต ทิสฺวา วนฺทนฺติ, ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อยํ ปน ราชา กิปิลฺลิกปุฏํ สีเส ภินฺทิตุกาโม ชาโต’’ติ.
ราชา อตฺตโน อปราธํ ทิสฺวา อุยฺยานปาลํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ เอส ปพฺพชิโต? อฺเสุปิ ทิวเสสุ อิธ อาคจฺฉตี’’ติ? อาม, เทวาติ. อิธ ตฺวํ อาคตทิวเส มยฺหํ อาโรเจยฺยาสีติ. เถโรปิ ¶ กติปาเหเนว ปุน อาคนฺตฺวา รุกฺขมูเล นิสีทิ. อุยฺยานปาโล ทิสฺวา – ‘‘มหนฺโต เม อยํ ปณฺณากาโร’’ติ เวเคน คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา อุฏฺหิตฺวา สงฺขปณวาทิสทฺทํ นิวาเรตฺวา อุคฺคตุคฺคเตหิ อมจฺเจหิ สทฺธึ อุยฺยานํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุปสงฺกมี’’ติ.
อนิกีฬิตาวิโน กาเมสูติ ยา กาเมสุ กามกีฬา, ตํ อกีฬิตปุพฺพา, อปริภุตฺตกามาติ อตฺโถ. อทฺธานฺจ อาปาเทนฺตีติ ปเวณึ ปฏิปาเทนฺติ, ทีฆรตฺตํ อนุพนฺธาเปนฺติ. มาตุมตฺตีสูติ มาตุปมาณาสุ. โลกสฺมิฺหิ มาตา ภคินี ธีตาติ อิทํ ติวิธํ ครุการมฺมณํ นาม ¶ , อิติ ครุการมฺมเณ อุปนิพนฺธํ จิตฺตํ วิโมเจตุํ น ลภตีติ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. อถสฺส เตน ปฺเหน จิตฺตํ อโนตรนฺตํ ทิสฺวา ภควตา ปฏิกูลมนสิการวเสน จิตฺตูปนิพนฺธนตฺถํ วุตฺตํ ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ กเถสิ.
อภาวิตกายาติ อภาวิตปฺจทฺวาริกกายา. เตสํ ตํ ทุกฺกรํ โหตีติ เตสํ ตํ อสุภกมฺมฏฺานํ ภาเวตุํ ทุกฺกรํ โหติ. อิติสฺส อิมินาปิ จิตฺตํ อโนตรนฺตํ ทิสฺวา อินฺทฺริยสํวรสีลํ กเถสิ ¶ . อินฺทฺริยสํวรสฺมิฺหิ อุปนิพนฺธจิตฺตํ วิเหเตุํ น ลภติ. ราชา ตํ สุตฺวา ตตฺถ โอติณฺณจิตฺโต อจฺฉริยํ, โภ ภารทฺวาชาติอาทิมาห.
อรกฺขิเตเนว กาเยนาติอาทีสุ หตฺถปาเท กีฬาเปนฺโต คีวํ ปริวตฺเตนฺโต กายํ น รกฺขติ นาม, นานปฺปการํ ทุฏฺุลฺลํ กเถนฺโต วจนํ น รกฺขติ นาม, กามวิตกฺกาทโย วิตกฺเกนฺโต จิตฺตํ น รกฺขติ นาม. รกฺขิเตเนว กาเยนาติอาทีสุ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อติวิย มํ ตสฺมึ สมเย โลภธมฺมา ปริสหนฺตีติ มํ ตสฺมึ สมเย อติกฺกมิตฺวา โลโภ อธิภวตีติ อตฺโถ. อุปฏฺิตาย สติยาติ กายคตาย สติยา สุปฏฺิตาย. น มํ ตถา ตสฺมึ สมเยติ ตสฺมึ สมเย มํ ยถา ปุพฺเพ, น ตถา โลโภ อติกฺกมิตฺวา อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. ปริสหนฺตีติ ปทสฺส อุปฺปชฺชนฺตีติปิ อตฺโถเยว. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต ตโย กายา กถิตา. กถํ ¶ ? ‘‘อิมเมว กาย’’นฺติ เอตฺถ หิ กรชกาโย กถิโต, ‘‘ภาวิตกาโย’’ติ เอตฺถ ปฺจทฺวาริกกาโย, ‘‘รกฺขิเตเนว กาเยนา’’ติ เอตฺถ โจปนกาโย, กายวิฺตฺตีติ อตฺโถ. ปฺจมํ อุตฺตานเมว.
๖. โฆสิตสุตฺตวณฺณนา
๑๒๙. ฉฏฺเ รูปา จ มนาปาติ รูปา จ มนาปา สํวิชฺชนฺติ. จกฺขุวิฺาณฺจาติ จกฺขุวิฺาณฺจ สํวิชฺชติ. สุขเวทนิยํ ผสฺสนฺติ จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตํ อุปนิสฺสยวเสน ชวนกาเล สุขเวทนาย ปจฺจยภูตํ ผสฺสํ. สุขา เวทนาติ เอกํ ผสฺสํ ปฏิจฺจ ชวนวเสน สุขเวทนา อุปฺปชฺชติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
อิติ ¶ อิมสฺมึ สุตฺเต เตวีสติ ธาตุโย กถิตา. กถํ? เอตฺถ หิ จกฺขุปสาโท จกฺขุธาตุ, ตสฺส อารมฺมณํ รูปธาตุ, จกฺขุวิฺาณํ วิฺาณธาตุ, จกฺขุวิฺาณธาตุยา สหชาตา ตโย ขนฺธา ธมฺมธาตุ, เอวํ ปฺจสุ ทฺวาเรสุ จตุนฺนํ จตุนฺนํ วเสน วีสติ. มโนทฺวาเร ‘‘มโนธาตู’’ติ อาวชฺชนจิตฺตํ คหิตํ, อารมฺมณฺเจว หทยวตฺถุ จ ธมฺมธาตุ, วตฺถุนิสฺสิตํ มโนวิฺาณธาตูติ ¶ เอวํ เตวีสติ โหนฺติ. เอวํ เตวีสติยา ธาตูนํ วเสน ธาตุนานตฺตํ วุตฺตํ ภควตาติ ทสฺเสติ.
๗-๘. หาลิทฺทิกานิสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๓๐-๑๓๑. สตฺตเม มนาปํ อิตฺเถตนฺติ ปชานาตีติ ยํ อเนน มนาปํ รูปํ ทิฏฺํ, ตํ อิตฺเถตนฺติ เอวเมตํ มนาปเมว ตนฺติ ปชานาติ. จกฺขุวิฺาณํ สุขเวทนิยฺจ ผสฺสํ ปฏิจฺจาติ จกฺขุวิฺาณฺเจว, โย จ อุปนิสฺสยโกฏิยา วา อนนฺตรโกฏิยา วา สมนนฺตรโกฏิยา วา สมฺปยุตฺตโกฏิยา วา สุขเวทนาย ปจฺจโย ผสฺโส, ตํ สุขเวทนิยํ ผสฺสฺจ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขเวทนาติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ กิริยามโนวิฺาณธาตุ อาวชฺชนกิจฺจา, มโนธาตุเยว วา สมานา มโนธาตุนาเมน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อฏฺมํ ¶ อุตฺตานเมว.
๙. โลหิจฺจสุตฺตวณฺณนา
๑๓๒. นวเม มกฺกรกเตติ เอวํนามเก นคเร อรฺกุฏิกายนฺติ อรฺเ กตาย ปาฏิเยกฺกาย กุฏิยํ, น วิหารปจฺจนฺตกุฏิยํ. มาณวกาติ เยปิ ตตฺถ มหลฺลกา, เต มหลฺลกกาเลปิ อนฺเตวาสิกตาย มาณวกาตฺเวว วุตฺตา. เตนุปสงฺกมึสูติ ปาโต สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา สายํ ‘‘อาจริยสฺส กฏฺานิ อาหริสฺสามา’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา วิจรนฺตา เยน สา กุฏิกา, เตนุปสงฺกมึสุ. ปริโต ปริโต กุฏิกายาติ ตสฺสา กุฏิกาย สมนฺตโต สมนฺตโต. เสเลยฺยกานีติ อฺมฺสฺส ปิฏฺึ คเหตฺวา ลงฺฆิตฺวา อิโต จิโต จงฺกมนกีฬนานิ.
มุณฺฑกาติอาทีสุ ¶ มุณฺเฑ มุณฺฑาติ, สมเณ จ สมณาติ วตฺตุํ วฏฺเฏยฺย, อิเม ปน หีเฬนฺตา ‘‘มุณฺฑกา สมณกา’’ติ อาหํสุ. อิพฺภาติ คหปติกา. กณฺหาติ กณฺหา, กาฬกาติ อตฺโถ. พนฺธุปาทาปจฺจาติ เอตฺถ พนฺธูติ พฺรหฺมา อธิปฺเปโต. ตฺหิ พฺราหฺมณา ปิตามโหติ โวหรนฺติ. ปาทานํ อปจฺจา ปาทาปจฺจา, พฺรหฺมุโน ปิฏฺิปาทโต ชาตาติ อธิปฺปาโย. เตสํ กิร อยํ ลทฺธิ ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน มุขโต นิกฺขนฺตา, ขตฺติยา อุรโต, เวสฺสา ¶ นาภิโต, สุทฺทา ชาณุโต, สมณา ปิฏฺิปาทโต’’ติ. ภรตกานนฺติ กุฏิมฺพิกานํ. กุฏิมฺพิกา หิ ยสฺมา รฏฺํ ภรนฺติ, ตสฺมา ภรตาติ วุจฺจนฺติ. อิเม ปน ปริภวํ กตฺวา วทมานา ‘‘ภรตกาน’’นฺติ อาหํสุ.
วิหารา นิกฺขมิตฺวาติ ‘‘รตฺติฏฺกาปริจฺฉนฺเน รชตปฏฺฏสนฺนิภสมวิปฺปกิณฺณวาลิเก รมณีเย ปริเวเณ กฏฺกลาเป พนฺธิตฺวา ขิปมานา วาลิกํ อาลุเฬตฺวา, หตฺเถน หตฺถํ อาทาย ปณฺณกุฏึ ปริยายนฺตา ‘อิเม อิเมสํ ภรตกานํ ¶ สกฺกตา, อิเม อิเมสํ ภรตกานํ สกฺกตา’ติ ปุนปฺปุนํ วิรวนฺตา อติวิย อิเม มาณวกา กีฬํ กโรนฺติ, วิหาเร ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวมฺปิ น ชานนฺติ, ทสฺเสสฺสามิ เนสํ ภิกฺขูนํ อตฺถิภาว’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปณฺณกุฏิโต นิกฺขมิ.
สีลุตฺตมา ปุพฺพตรา อเหสุนฺติ คุณวนฺตานํ คุเณ กถิเต นิคฺคุณานํ คุณาภาโว ปากโฏว ภวิสฺสตีติ โปราณกพฺราหฺมณานํ คุเณ กเถนฺโต เอวมาห. ตตฺถ สีลุตฺตมาติ สีลเชฏฺกา. สีลฺหิ เตสํ อุตฺตมํ, น ชาติโคตฺตํ. เย ปุราณํ สรนฺตีติ เย โปราณกํ พฺราหฺมณธมฺมํ สรนฺติ. อภิภุยฺย โกธนฺติ โกธํ อภิภวิตฺวา เตสํ ทฺวารานิ สุคุตฺตานิ สุรกฺขิตานิ อเหสุํ. ธมฺเม จ ฌาเน จ รตาติ ทสวิเธ กุสลกมฺมปถธมฺเม อฏฺสมาปตฺติฌาเนสุ จ รตา.
เอวํ โปราณานํ คุณํ กเถตฺวา อเถตรหิ พฺราหฺมณานํ มานํ นิมฺมทฺเทนฺโต อิเม จ โวกฺกมฺม ชปามเสติอาทิมาห. ตตฺถ โวกฺกมฺมาติ เอเตหิ คุเณหิ อปกฺกมิตฺวา. ชปามเสติ มยํ ชปาม สชฺฌายามาติ เอตฺตเกเนว พฺราหฺมณมฺหาติ มฺมานา พฺราหฺมณา มยนฺติ อิมินา โคตฺเตน มตฺตา หุตฺวา วิสมํ จรนฺติ, วิสมานิ กายกมฺมาทีนิ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ปุถุอตฺตทณฺฑาติ ¶ ปุถุ อตฺตา ทณฺฑา เอเตหีติ ปุถุอตฺตทณฺฑา, คหิตนานาวิธทณฺฑาติ อตฺโถ. สตณฺหาตณฺเหสูติ สตณฺหนิตฺตณฺเหสุ. อคุตฺตทฺวารสฺส ภวนฺติ โมฆาติ อสํวุตทฺวารสฺส สพฺเพปิ วตสมาทานา โมฆา ภวนฺตีติ ทีเปติ. ยถา กินฺติ? สุปิเนว ลทฺธํ ปุริสสฺส วิตฺตนฺติ ยถา สุปิเน ปุริสสฺส ลทฺธํ มณิมุตฺตาทินานาวิธํ วิตฺตํ โมฆํ โหติ, ปพุชฺฌิตฺวา กิฺจิ น ปสฺสติ, เอวํ โมฆา ภวนฺตีติ อตฺโถ.
อนาสกาติ เอกาหทฺวีหาทิวเสน อนาหารกา. ถณฺฑิลสายิกา จาติ หริตกุสสนฺถเต ภูมิภาเค สยนํ, ปาโต สินานฺจ ¶ ตโย จ เวทาติ ปาโตว อุทกํ ปวิสิตฺวา นฺหานฺเจว ตโย ¶ จ เวทา. ขราชินํ ชฏา ปงฺโกติ ขรสมฺผสฺสํ อชินจมฺมฺเจว ชฏากลาโป จ ปงฺโก จ, ปงฺโก นาม ทนฺตมลํ. มนฺตา สีลพฺพตํ ตโปติ มนฺตา จ อชสีลโคสีลสงฺขาตํ สีลํ อชวตโควตสงฺขาตํ วตฺจ. อยํ อิทานิ พฺราหฺมณานํ ตโปติ วทติ. กุหนา วงฺกทณฺฑา จาติ ปฏิจฺฉนฺนกูโป วิย ปฏิจฺฉนฺนโทสํ โกหฺฺเจว วงฺกทณฺโฑ, จ อุทุมฺพรปลาสเพฬุวรุกฺขานํ อฺตรโต คหิตํ วงฺกทณฺฑฺจาติ อตฺโถ. อุทกาจมนานิ จาติ อุทเกน มุขปริมชฺชนานิ. วณฺณา เอเต พฺราหฺมณานนฺติ เอเต พฺราหฺมณานํ ปริกฺขารภณฺฑกวณฺณาติ ทสฺเสติ. กต กิฺจิกฺขภาวนาติ กตา กิฺจิกฺขภาวนา. อยเมว วา ปาโ, อามิสกิฺจิกฺขสฺส วฑฺฒนตฺถาย กตนฺติ อตฺโถ.
เอวํ เอตรหิ พฺราหฺมณานํ มานํ นิมฺมทฺทิตฺวา ปุน โปราณกพฺราหฺมณานํ วณฺณํ กเถนฺโต จิตฺตฺจ สุสมาหิตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุสมาหิตนฺติ เตสํ พฺราหฺมณานํ จิตฺตํ อุปจารปฺปนาสมาธีหิ สุสมาหิตํ อโหสีติ ทสฺเสติ. อขิลนฺติ มุทุ อถทฺธํ. โส มคฺโค พฺรหฺมปตฺติยาติ โส เสฏฺปตฺติยา มคฺโค, ตุมฺเห ปน กึ พฺราหฺมณา นามาติ ทีเปนฺโต เอวมาห.
อาคมํสุ นุ ขฺวิธาติ อาคมํสุ นุ โข อิธ. อธิมุจฺจตีติ กิเลสวเสน อธิมุตฺโต คิทฺโธ โหติ. พฺยาปชฺชตีติ พฺยาปาทวเสน ปูติจิตฺตํ โหติ. ปริตฺตเจตโสติ อนุปฏฺิตสติตาย สํกิเลสจิตฺเตน ปริตฺตจิตฺโต. เจโตวิมุตฺตินฺติ ผลสมาธึ. ปฺาวิมุตฺตินฺติ ผลปฺํ. อปฺปมาณเจตโสติ อุปฏฺิตสติตาย นิกฺกิเลสจิตฺเตน อปฺปมาณจิตฺโต.
๑๐. เวรหจฺจานิสุตฺตวณฺณนา
๑๓๓. ทสเม ¶ กามณฺฑายนฺติ เอวํนามเก นคเร. ยคฺเฆติ โจทนตฺเถ นิปาโต. เสสํ อุตฺตานเมวาติ.
คหปติวคฺโค เตรสโม.
๑๔. เทวทหวคฺโค
๑. เทวทหสุตฺตวณฺณนา
๑๓๔. เทวทหวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม เทวทหนฺติ นปุํสกลิงฺเคน ลทฺธนาโม นิคโม. มโนรมาติ มนํ รมยนฺตา, มนาปาติ อตฺโถ. อมโนรมาติ อมนาปา.
๒. ขณสุตฺตวณฺณนา
๑๓๕. ทุติเย ฉผสฺสายตนิกา นามาติ วิสุํ ฉผสฺสายตนิกา นาม นิรยา นตฺถิ. สพฺเพสุปิ หิ เอกตึสมหานิรเยสุ ฉทฺวารผสฺสายตนปฺตฺติ โหติเยว. อิทํ ปน อวีจิมหานิรยํ สนฺธาย วุตฺตํ. สคฺคาติ อิธาปิ ตาวตึสปุรเมว อธิปฺเปตํ. กามาวจรเทวโลเก ปน เอกสฺมิมฺปิ ฉผสฺสายตนปฺตฺติยา อภาโว นาม นตฺถิ. อิมินา กึ ทีเปติ? นิรเย เอกนฺตทุกฺขสมปฺปิตภาเวน, เทวโลเก จ เอกนฺตสุขสมปฺปิตตฺตา เอกนฺตขิฑฺฑารติวเสน อุปฺปนฺนปมาเทน มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ วสิตุํ น สกฺกา. มนุสฺสโลโก ปน โวกิณฺณสุขทุกฺโข, อิเธว อปาโยปิ สคฺโคปิ ปฺายติ. อยํ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส กมฺมภูมิ นาม, สา ตุมฺเหหิ ลทฺธา. ตสฺมา เย โว อิเม มานุสฺสกา ขนฺธา ลทฺธา, เต โว ลาภา. ยฺจ โว อิทํ มนุสฺสตฺตํ ลทฺธํ, ปฏิลทฺโธ โว พฺรหฺมจริยวาสสฺส ขโณ สมโยติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ โปราเณหิ –
‘‘อยํ กมฺมภูมิ อิธ มคฺคภาวนา,
านานิ สํเวชนิยา พหู อิธ;
สํเวคสํเวชนิเยสุ วตฺถุสุ,
สํเวคชาโตว ปยฺุจ โยนิโส’’ติ.
๓. ปมรูปารามสุตฺตวณฺณนา
๑๓๖. ตติเย ¶ รูปสมฺมุทิตาติ รูเป สมฺมุทิตา ปโมทิตา. ทุกฺขาติ ทุกฺขิตา. สุโขติ ¶ นิพฺพานสุเขน สุขิโต. เกวลาติ ¶ สกลา. ยาวตตฺถีติ วุจฺจตีติ ยตฺตกา อตฺถีติ วุจฺจติ. เอเต โวติ เอตฺถ โว-กาโร นิปาตมตฺตํ. ปจฺจนีกมิทํ โหติ, สพฺพโลเกน ปสฺสตนฺติ ยํ อิทํ ปสฺสนฺตานํ ปณฺฑิตานํ ทสฺสนํ, ตํ สพฺพโลเกน ปจฺจนีกํ โหติ วิรุทฺธํ. โลโก หิ ปฺจกฺขนฺเธ นิจฺจา สุขา อตฺตา สุภาติ มฺติ, ปณฺฑิตา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา อสุภาติ. สุขโต อาหูติ สุขนฺติ กเถนฺติ. สุขโต วิทูติ สุขนฺติ ชานนฺติ. สพฺพเมตํ นิพฺพานเมว สนฺธาย วุตฺตํ.
สมฺมูฬฺเหตฺถาติ เอตฺถ นิพฺพาเน สมฺมูฬฺหา. อวิทฺทสูติ พาลา. สพฺเพปิ หิ ฉนฺนวุติปาสณฺฑิโน ‘‘นิพฺพานํ ปาปุณิสฺสามา’’ติ สฺิโน โหนฺติ, เต ปน ‘‘นิพฺพานํ นาม อิท’’นฺติปิ น ชานนฺติ. นิวุตานนฺติ กิเลสนีวรเณน นิวุตานํ ปริโยนทฺธานํ. อนฺธกาโร อปสฺสตนฺติ อปสฺสนฺตานํ อนฺธกาโร โหติ. กึ ตํ เอวํ โหติ? นิพฺพานํ วา นิพฺพานทสฺสนํ วา อปสฺสนฺตานฺหิ พาลานํ นิพฺพานมฺปิ นิพฺพานทสฺสนมฺปิ กาฬเมฆอวจฺฉาทิตํ วิย จนฺทมณฺฑลํ กฏาเหน ปฏิกุชฺชิตปตฺโต วิย จ นิจฺจกาลํ ตโม เจว อนฺธกาโร จ สมฺปชฺชติ.
สตฺจ วิวฏํ โหติ, อาโลโก ปสฺสตามิวาติ สตฺจ สปฺปุริสานํ ปฺาทสฺสเนน ปสฺสนฺตานํ นิพฺพานํ อาโลโก วิย วิวฏํ โหติ. สนฺติเก น วิชานนฺติ, มคา ธมฺมสฺส อโกวิทาติ ยํ อตฺตโน สรีเร เกเส วา โลมาทีสุ วา อฺตรโกฏฺาสํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อนนฺตรเมว อธิคนฺตพฺพโต อตฺตโน วา ขนฺธานํ นิโรธมคฺคโต สนฺติเก นิพฺพานํ. ตํ เอวํ สนฺติเก สมานมฺปิ มคฺคภูตา ชนา มคฺคามคฺคธมฺมสฺส จตุสจฺจธมฺมสฺส วา อโกวิทา น ชานนฺติ.
มารเธยฺยานุปนฺเนหีติ เตภูมกวฏฺฏํ มารสฺส นิวาสฏฺานํ อนุปนฺเนหิ. โก ¶ นุ อฺตฺร อริเยภีติ เปตฺวา อริเย โก นุ อฺโ นิพฺพานปทํ ชานิตุํ อรหติ. สมฺมทฺาย ปรินิพฺพนฺตีติ อรหตฺตปฺาย สมฺมา ชานิตฺวา อนนฺตรเมว อนาสวา หุตฺวา กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพนฺติ. อถ วา สมฺมทฺาย อนาสวา หุตฺวา อนฺเต ขนฺธปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนฺติ.
๔-๑๒. ทุติยรูปารามสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๓๗-๑๔๕. จตุตฺถํ ¶ ¶ สุทฺธิกํ กตฺวา เทสิยมาเน พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน วุตฺตํ. ปฺจมาทีนิ ตถา ตถา พุชฺฌนฺตานํ อชฺฌาสเยน วุตฺตานิ. อตฺโถ ปน เตสํ ปากโฏเยวาติ.
เทวทหวคฺโค จุทฺทสโม.
๑๕. นวปุราณวคฺโค
๑. กมฺมนิโรธสุตฺตวณฺณนา
๑๔๖. นวปุราณวคฺคสฺส ปเม นวปุราณานีติ นวานิ จ ปุราณานิ จ. จกฺขุ, ภิกฺขเว, ปุราณกมฺมนฺติ น จกฺขุ ปุราณํ, กมฺมเมว ปุราณํ, กมฺมโต ปน นิพฺพตฺตตฺตา ปจฺจยนาเมน เอวํ วุตฺตํ. อภิสงฺขตนฺติ ปจฺจเยหิ อภิสมาคนฺตฺวา กตํ. อภิสฺเจตยิตนฺติ เจตนาย ปกปฺปิตํ. เวทนิยํ ทฏฺพฺพนฺติ เวทนาย วตฺถูติ ปสฺสิตพฺพํ. นิโรธา วิมุตฺตึ ผุสตีติ อิมสฺส ติวิธสฺส กมฺมสฺส นิโรเธน วิมุตฺตึ ผุสติ. อยํ วุจฺจตีติ อยํ ตสฺสา วิมุตฺติยา อารมฺมณภูโต นิโรโธ กมฺมนิโรโธติ วุจฺจติ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต ปุพฺพภาควิปสฺสนา กถิตา.
๒-๕. อนิจฺจนิพฺพานสปฺปายสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๔๗-๑๕๐. ทุติเย นิพฺพานสปฺปายนฺติ นิพฺพานสฺส สปฺปายํ อุปการปฏิปทํ. ตติยาทีสุปิ เอเสว นโย. ปฏิปาฏิยา ปน จตูสุปิ เอเตสุ สุตฺเตสุ สห วิปสฺสนาย จตฺตาโร มคฺคา กถิตา.
๖-๗. อนฺเตวาสิกสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๕๑-๑๕๒. ฉฏฺเ ¶ อนนฺเตวาสิกนฺติ อนฺโต วสนกกิเลสวิรหิตํ. อนาจริยกนฺติ อาจรณกกิเลสวิรหิตํ ¶ . อนฺตสฺส วสนฺตีติ อนฺโต อสฺส วสนฺติ. เต นํ สมุทาจรนฺตีติ เต เอตํ อธิภวนฺติ อชฺโฌตฺถรนฺติ สิกฺขาเปนฺติ วา. ‘‘เอวํ เวชฺชกมฺมํ กโรหิ, เอวํ ทูตกมฺม’’นฺติ อิติ สิกฺขาปนสงฺขาเตน สมุทาจรณตฺเถนสฺส เต อาจริยา นาม โหนฺติ, เตหิ ¶ อาจริเยหิ สาจริยโกติ วุจฺจติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. สตฺตมํ เหฏฺา กถิตนยเมว.
๘. อตฺถินุโขปริยายสุตฺตวณฺณนา
๑๕๓. อฏฺเม ยํ ปริยายํ อาคมฺมาติ ยํ การณํ อาคมฺม. อฺตฺเรว สทฺธายาติ วินา สทฺธาย สทฺธํ อปเนตฺวา. เอตฺถ จ สทฺธาติ น ปจฺจกฺขา สทฺธา. โย ปน ปรสฺส เอวํ กิร เอวํ กิราติ กเถนฺตสฺส สุตฺวา อุปฺปนฺโน สทฺทหนากาโร, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. รุจิอาทีสุปิ รุจาเปตฺวา ขมาเปตฺวา อตฺเถตนฺติ คหณากาโร รุจิ นาม, เอวํ กิร ภวิสฺสตีติ อนุสฺสวนํ อนุสฺสโว, นิสีทิตฺวา เอกํ การณํ จินฺเตนฺตสฺส การณํ อุปฏฺาติ, เอวํ อุปฏฺิตสฺส อตฺเถตนฺติ คหณํ อาการปริวิตกฺโก นาม, การณวิตกฺโกติ อตฺโถ. การณํ จินฺเตนฺตสฺส ปาปิกา ลทฺธิ อุปฺปชฺชติ, ตํ อตฺเถสาติ คหณากาโร ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติ นาม. อฺํ พฺยากเรยฺยาติ อิมานิ ปฺจ านานิ มฺุจิตฺวา อรหตฺตํ พฺยากเรยฺย. อิมสฺมึ สุตฺเต เสขาเสขานํ ปจฺจเวกฺขณา กถิตา.
๙-๑๐. อินฺทฺริยสมฺปนฺนสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๕๔-๑๕๕. นวเม อินฺทฺริยสมฺปนฺโนติ ปริปุณฺณินฺทฺริโย. ตตฺถ เยน ฉ อินฺทฺริยานิ สมฺมสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตํ, โส เตหิ นิพฺพิเสวเนหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคตตฺตา, จกฺขาทีนิ วา ฉ อินฺทฺริยานิ ¶ สมฺมสนฺตสฺส อุปฺปนฺเนหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคตตฺตา ปริปุณฺณินฺทฺริโย นาม โหติ, ตํ สนฺธาย ภควา จกฺขุนฺทฺริเย เจติอาทินา นเยน เทสนํ วิตฺถาเรตฺวา เอตฺตาวตา โข ภิกฺขุ อินฺทฺริยสมฺปนฺโน โหตีติ อาห. ทสมํ เหฏฺา วุตฺตนยเมวาติ.
นวปุราณวคฺโค ปฺจทสโม.
ตติโย ปณฺณาสโก.
๑๖. นนฺทิกฺขยวคฺโค
๑-๔. อชฺฌตฺตนนฺทิกฺขยสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๕๖-๑๕๙. นนฺทิกฺขยวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม นนฺทิกฺขยา ราคกฺขโย, ราคกฺขยา นนฺทิกฺขโยติ นนฺทิยา จ ราคสฺส จ อตฺถโต เอกตฺตา วุตฺตํ. สุวิมุตฺตนฺติ อรหตฺตผลวิมุตฺติวเสน สุฏฺุ วิมุตฺตํ. เสสเมตฺถ ทุติยาทีสุ จ อุตฺตานเมว.
๕-๖. ชีวกมฺพวนสมาธิสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๖๐-๑๖๑. ปฺจมํ สมาธิวิกลานํ, ฉฏฺํ ปฏิสลฺลานวิกลานํ จิตฺเตกคฺคตฺจ กายวิเวกฺจ ลภนฺตานํ เอเตสํ กมฺมฏฺานํ ผาตึ คมิสฺสตีติ ตฺวา กถิตํ. ตตฺถ โอกฺขายตีติ (ปจฺจกฺขายติ) ปฺายติ ปากฏํ โหติ. อิติ ทฺวีสุปิ เอเตสุ สห วิปสฺสนาย จตฺตาโร มคฺคา กถิตา.
๗-๙. โกฏฺิกอนิจฺจสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๖๒-๑๖๔. สตฺตมาทีสุ ¶ ตีสุ เถรสฺส วิมุตฺติปริปาจนิยา ธมฺมาว กถิตา.
๑๐-๑๒. มิจฺฉาทิฏฺิปหานสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๖๕-๑๖๗. ทสมาทีนิ ตีณิ ปาฏิเยกฺเกน ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน วุตฺตานิ. เตสํ อตฺโถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ.
นนฺทิกฺขยวคฺโค โสลสโม.
๑๗. สฏฺิเปยฺยาลวคฺโค
๑-๖๐. อชฺฌตฺตอนิจฺจฉนฺทสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๖๘-๒๒๗. ตทนนฺตโร ¶ สฏฺิเปยฺยาโล นาม โหติ, โส อุตฺตานตฺโถว. ยานิ ปเนตฺถ สฏฺิ สุตฺตานิ วุตฺตานิ, ตานิ ‘‘ฉนฺโท ปหาตพฺโพ’’ติ ¶ เอวํ ตสฺส ตสฺเสว ปทสฺส วเสน พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสยวเสน วุตฺตานิ. อิติ สพฺพานิ ตานิ ปาฏิเยกฺเกน ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน กถิตานิ. เอเกกสุตฺตปริโยสาเน เจตฺถ สฏฺิ สฏฺิ ภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตาติ.
สฏฺิเปยฺยาลวคฺโค.
๑๘. สมุทฺทวคฺโค
๑. ปมสมุทฺทสุตฺตวณฺณนา
๒๒๘. สมุทฺทวคฺคสฺส ปเม จกฺขุ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส สมุทฺโทติ ยทิ ทุปฺปูรณฏฺเน ยทิ วา สมุทฺทนฏฺเน สมุทฺโท, จกฺขุเมว สมุทฺโท. ตสฺส หิ ปถวิโต ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา นีลาทิอารมฺมณํ สโมสรนฺตํ ปริปุณฺณภาวํ กาตุํ น สกฺโกติ, เอวํ ทุปฺปูรณฏฺเนปิ สมุทฺโท. จกฺขุ จ เตสุ เตสุ นีลาทีสุ อารมฺมเณสุ สมุทฺทติ, อสํวุตํ หุตฺวา โอสรมานํ กิเลสุปฺปตฺติยา การณภาเวน สโทสคมเนน คจฺฉตีติ สมุทฺทนฏฺเนปิ สมุทฺโท. ตสฺส รูปมโย เวโคติ สมุทฺทสฺส อปฺปมาโณ อูมิมโย เวโค วิย ตสฺสาปิ จกฺขุสมุทฺทสฺส สโมสรนฺตสฺส นีลาทิเภทสฺส อารมฺมณสฺส วเสน อปฺปเมยฺโย รูปมโย เวโค เวทิตพฺโพ. โย ตํ รูปมยํ เวคํ สหตีติ โย ตํ จกฺขุสมุทฺเท สโมสฏํ รูปมยํ เวคํ, มนาเป รูเป ราคํ, อมนาเป โทสํ, อสมเปกฺขิเต โมหนฺติ เอวํ ราคาทิกิเลเส ¶ อนุปฺปาเทนฺโต อุเปกฺขกภาเวน สหติ.
สอูมินฺติอาทีสุ กิเลสอูมีหิ สอูมึ. กิเลสาวฏฺเฏหิ สาวฏฺฏํ. กิเลสคาเหหิ สคาหํ ¶ . กิเลสรกฺขเสหิ สรกฺขสํ. โกธูปายาสสฺส จ วเสน สอูมึ. วุตฺเหตํ ‘‘อูมิภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, โกธูปายาสสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๙; ม. นิ. ๒.๑๖๒; อ. นิ. ๔.๑๒๒). กามคุณวเสน สาวฏฺฏํ. วุตฺเหตํ ‘‘อาวฏฺฏคฺคาโหติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑). มาตุคามวเสน สคาหํ สรกฺขสํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘คาหรกฺขโสติ โข, ภิกฺขเว, มาตุคามสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๙). เสสวาเรสุปิ เอเสว ¶ นโย. สภยํ ทุตฺตรํ อจฺจตรีติ อูมิภเยน สภยํ ทุรติกฺกมํ อติกฺกมิ. โลกนฺตคูติ สงฺขารโลกสฺส อนฺตํ คโต. ปารคโตติ วุจฺจตีติ นิพฺพานํ คโตติ กถียติ.
๒-๓. ทุติยสมุทฺทสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๒๙-๒๓๐. ทุติเย สมุทฺโทติ สมุทฺทนฏฺเน สมุทฺโท, กิเลทนฏฺเน เตมนฏฺเนาติ วุตฺตํ โหติ. เยภุยฺเยนาติ เปตฺวา อริยสาวเก. สมุนฺนาติ กิลินฺนา ตินฺตา นิมุคฺคา. ตนฺตากุลกชาตาติอาทิ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว. มจฺจุชโหติ ตโย มจฺจู ชหิตฺวา ิโต. นิรุปธีติ ตีหิ อุปธีหิ อนุปธิ. อปุนพฺภวายาติ นิพฺพานตฺถาย. อโมหยี มจฺจุราชนฺติ ยถา ตสฺส คตึ น ชานาติ, เอวํ มจฺจุราชานํ โมเหตฺวา คโต. ตติยํ วุตฺตนยเมว.
๔-๖. ขีรรุกฺโขปมสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๓๑-๒๓๓. จตุตฺเถ อปฺปหีนฏฺเน อตฺถิ, เตเนวาห โส อปฺปหีโนติ. ปริตฺตาติ, ปพฺพตมตฺตมฺปิ รูปํ อนิฏฺํ อรชนียํ ปริตฺตํ นาม โหติ, เอวรูปาปิสฺส รูปา จิตฺตํ ปริยาทิยนฺตีติ ทสฺเสติ. โก ปน วาโท อธิมตฺตานนฺติ ¶ อิฏฺารมฺมณํ ปนสฺส รชนียํ วตฺถุ จิตฺตํ ปริยาทิยตีติ เอตฺถ กา กถา? เอตฺถ จ นขปิฏฺิปมาณมฺปิ มณิมุตฺตาทิ รชนียํ วตฺถุ อธิมตฺตารมฺมณเมวาติ เวทิตพฺพํ. ทหโรติอาทีนิ ตีณิปิ อฺมฺเววจนาเนว. อาภินฺเทยฺยาติ ปหเรยฺย ปทาเลยฺย วา. ปฺจเม ตทุภยนฺติ ตํ อุภยํ. ฉฏฺํ อุตฺตานเมว.
๗. อุทายีสุตฺตวณฺณนา
๒๓๔. สตฺตเม ¶ อเนกปริยาเยนาติ อเนเกหิ การเณหิ. อิติปายนฺติ อิติปิ อยํ. อิมสฺมึ สุตฺเต อนิจฺเจน อนตฺตลกฺขณํ กถิตํ.
๘. อาทิตฺตปริยายสุตฺตวณฺณนา
๒๓๕. อฏฺเม อนุพฺยฺชนโส นิมิตฺตคฺคาโหติ ‘‘หตฺถา โสภนา ปาทา โสภนา’’ติ เอวํ อนุพฺยฺชนวเสน นิมิตฺตคฺคาโห. นิมิตฺตคฺคาโหติ หิ ¶ สํสนฺเทตฺวา คหณํ, อนุพฺยฺชนคฺคาโหติ วิภตฺติคหณํ. นิมิตฺตคฺคาโห กุมฺภีลสทิโส สพฺพเมว คณฺหาติ, อนุพฺยฺชนคฺคาโห รตฺตปาสทิโส วิภชิตฺวา หตฺถปาทาทีสุ ตํ ตํ โกฏฺาสํ. อิเม ปน ทฺเว คาหา เอกชวนวาเรปิ ลพฺภนฺติ, นานาชวนวาเร วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
นิมิตฺตสฺสาทคถิตนฺติ นิมิตฺตสฺสาเทน คนฺถิตํ พทฺธํ. วิฺาณนฺติ กมฺมวิฺาณํ. ตสฺมึ เจ สมเย กาลํ กเรยฺยาติ น โกจิ สํกิลิฏฺเน จิตฺเตน กาลํ กโรนฺโต นาม อตฺถิ. สพฺพสตฺตานฺหิ ภวงฺเคเนว กาลกิริยา โหติ. กิเลสภยํ ปน ทสฺเสนฺโต เอวมาห. สมยวเสน วา เอวํ วุตฺตํ. จกฺขุทฺวารสฺมิฺหิ อาปาถคเต อารมฺมเณ รตฺตจิตฺตํ วา ทุฏฺจิตฺตํ วา มูฬฺหจิตฺตํ วา อารมฺมณรสํ อนุภวิตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ, ภวงฺเค ตฺวา กาลกิริยํ กโรติ. ตสฺมึ สมเย กาลํ ¶ กโรนฺตสฺส ทฺเวว คติโย ปาฏิกงฺขา, อิมสฺส สมยสฺส วเสเนตํ วุตฺตํ.
อิมํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, อาทีนวนฺติ อิมํ อเนกานิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย อนุภวิตพฺพํ ทุกฺขํ สมฺปสฺสมาโน เอวํ วทามิ ตตฺตาย อโยสลากาย อกฺขีนิ อฺชาเปตุกาโมติ. อิมินา นเยน สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อโยสงฺกุนาติ อยสูเลน. สมฺปลิมฏฺนฺติ ทฺเวปิ กณฺณจฺฉิทฺทานิ วินิวิชฺฌิตฺวา ปถวิยํ อาโกฏนวเสน สมฺปลิมฏฺํ.
ตติยวาเร สมฺปลิมฏฺนฺติ นขจฺเฉทนํ ปเวเสตฺวา อุกฺขิปิตฺวา สหธุนฏฺเน ฉินฺทิตฺวา ปาตนวเสน สมฺปลิมฏฺํ. จตุตฺถวาเร สมฺปลิมฏฺนฺติ พนฺธนมูลํ เฉตฺวา ปาตนวเสน สมฺปลิมฏฺํ. ปฺจมวาเร ¶ สมฺปลิมฏฺนฺติ ติขิณาย สตฺติยา กายปสาทํ อุปฺปาเฏตฺวา ปตนวเสน สมฺปลิมฏฺํ. สตฺติยาติ เอตฺถ มหตี ทณฺฑกวาสิ เวทิตพฺพา. โสตฺตนฺติ นิปชฺชิตฺวา นิทฺโทกฺกมนํ. ยถารูปานํ วิตกฺกานํ วสํ คโต สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ อิมินา วิตกฺกานํ ยาว สงฺฆเภทา ปาปกมฺมาวหนตา ทสฺสิตา. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๙-๑๐. ปมหตฺถปาโทปมสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๓๖-๒๓๗. นวเม ¶ หตฺเถสุ, ภิกฺขเว, สตีติ หตฺเถสุ วิชฺชมาเนสุ. ทสเม น โหตีติ วุจฺจมาเน พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสยวเสน วุตฺตํ. ทฺวีสุปิ เจเตสุ วิปากสุขทุกฺขเมว ทสฺเสตฺวา วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ.
สมุทฺทวคฺโค นิฏฺิโต.
๑๙. อาสีวิสวคฺโค
๑. อาสีวิโสปมสุตฺตวณฺณนา
๒๓๘. อาสีวิสวคฺคสฺส ปเม ภิกฺขู อามนฺเตสีติ เอกจาริกทฺวิจาริกติจาริกจตุจาริกปฺจจาริเก สภาควุตฺติโน การเก ยุตฺตปยุตฺเต สพฺเพปิ ทุกฺขลกฺขณกมฺมฏฺานิเก ปริวาเรตฺวา นิสินฺเน โยคาวจเร ภิกฺขู อามนฺเตสิ. อิทฺหิ ¶ สุตฺตํ ปุคฺคลชฺฌาสเยน วุตฺตํ. ปุคฺคเลสุปิ วิปฺจิตฺูนํ ทิสาวาสิกานํ ทุกฺขลกฺขณกมฺมฏฺานิกานํ อุปฏฺานเวลาย อาคนฺตฺวา สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนานํ วเสน วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ อุคฺฆฏิตฺูอาทีนํ จตุนฺนมฺปิ ปุคฺคลานํ ปจฺจยภูตเมเวตํ. อุคฺฆฏิตฺู ปุคฺคโล หิ อิมสฺส สุตฺตสฺส มาติกานิกฺเขเปเนว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสติ, วิปฺจิตฺู มาติกาย วิตฺถารภาชเนน, เนยฺยปุคฺคโล อิมเมว สุตฺตํ สชฺฌายนฺโต ปริปุจฺฉนฺโต โยนิโส มนสิกโรนฺโต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺโต ภชนฺโต ปยิรุปาสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสติ. ปทปรมสฺเสตํ สุตฺตํ อนาคเต วาสนา ภวิสฺสตีติ เอวํ สพฺเพสมฺปิ อุปการภาวํ ตฺวา ภควา สิเนรุํ อุกฺขิปนฺโต วิย อากาสํ วิตฺถาเรนฺโต วิย จกฺกวาฬปพฺพตํ ¶ กมฺเปนฺโต วิย จ มหนฺเตน อุสฺสาเหน เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเวติ อิมํ อาสีวิโสปมสุตฺตํ อารภิ.
ตตฺถ จตฺตาโร อาสีวิสาติ กฏฺมุโข, ปูติมุโข, อคฺคิมุโข, สตฺถมุโขติ อิเม จตฺตาโร. เตสุ กฏฺมุเขน ทฏฺสฺส สกลสรีรํ สุกฺขกฏฺํ วิย ถทฺธํ โหติ, สนฺธิปพฺเพสุ อธิมตฺตํ อยสูลสมปฺปิตํ วิย ติฏฺติ. ปูติมุเขน ทฏฺสฺส ปกฺกปูติปนสํ วิย วิปุพฺพกภาวํ อาปชฺชิตฺวา ปคฺฆรติ ¶ , จงฺควาเร ปกฺขิตฺตอุทกํ วิย โหติ. อคฺคิมุเขน ทฏฺสฺส สกลสรีรํ ฌายิตฺวา ภสฺมมุฏฺิ วิย ถุสมุฏฺิ วิย จ วิปฺปกิรียติ. สตฺตมุเขน ทฏฺสฺส สกลสรีรํ ภิชฺชติ, อสนิปาตฏฺานํ วิย มหานิขาทเนน ขตสนฺธิมุขํ วิย จ โหติ. เอวํ วิสวเสน วิภตฺตา จตฺตาโร อาสีวิสา.
วิสเวควิกาเรน ปเนเต โสฬส โหนฺติ. กฏฺมุโข หิ ¶ ทฏฺวิโส, ทิฏฺวิโส, ผุฏฺวิโส, วาตวิโสติ จตุพฺพิโธ โหติ. เตน หิ ทฏฺมฺปิ ทิฏฺมฺปิ ผุฏฺมฺปิ ตสฺส วาเตน ปหฏมฺปิ สรีรํ วุตฺตปฺปกาเรน ถทฺธํ โหติ. เสเสสุปิ เอเสว นโยติ. เอวํ วิสเวควิการวเสน โสฬส โหนฺติ.
ปุน ปุคฺคลปณฺณตฺติวเสน จตุสฏฺิ โหนฺติ. กถํ? กฏฺมุเขสุ ตาว ทฏฺวิโส จ อาคตวิโส โน โฆรวิโส, โฆรวิโส โน อาคตวิโส, อาคตวิโส เจว โฆรวิโส จ, เนวาคตวิโส น โฆรวิโสติ จตุพฺพิโธ โหติ. ตตฺถ ยสฺส วิสํ สมฺปชฺชลิตติณุกฺกาย อคฺคิ วิย สีฆํ อภิรุหิตฺวา อกฺขีนิ คเหตฺวา ขนฺธํ คเหตฺวา สีสํ คเหตฺวา ิตนฺติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ มณิสปฺปาทีนํ วิสํ วิย, มนฺตํ ปน ปริวตฺเตตฺวา กณฺณวาตํ ทตฺวา ทณฺฑเกน ปหฏมตฺเต โอตริตฺวา ทฏฺฏฺาเนเยว ติฏฺติ, อยํ อาคตวิโส โน โฆรวิโส นาม. ยสฺส ปน วิสํ สณิกํ อภิรุหติ, อารุฬฺหารุฬฺหฏฺาเน ปน อยํ สีตอุทกํ วิย โหติ อุทกสปฺปาทีนํ วิสํ วิย, ทฺวาทสวสฺสจฺจเยนาปิ กณฺณปิฏฺิขนฺธปิฏฺิกาทีสุ คณฺฑปิฬกาทิวเสน ปฺายติ, มนฺตปริวตฺตนาทีสุ จ กยิรมานาสุ สีฆํ น โอตรติ, อยํ โฆรวิโส โน อาคตวิโส นาม. ยสฺส ปน วิสํ สีฆํ อภิรุหติ, น สีฆํ โอตรติ อเนฬกสปฺปาทีนํ วิสํ วิย, อยํ อาคตวิโส เจว โฆรวิโส จ. ยสฺส ปน วิสํ มนฺทํ โหติ, โอตาริยมานมฺปิ สุเขเนว โอตรติ นีลสปฺปธมฺมนิสปฺปาทีนํ วิสํ วิย, อยํ เนวาคตวิโส น ¶ โฆรวิโส นาม. อิมินา อุปาเยน กฏฺมุเข ทฏฺวิสาทโย ปูติมุขาทีสุ จ ทฏฺวิสาทโย เวทิตพฺพาติ. เอวํ ปุคฺคลปณฺณตฺติวเสน จตุสฏฺิ.
เตสุ ¶ ‘‘อณฺฑชา นาคา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๓๔๒-๓๔๔) โยนิวเสน เอเกกํ จตุธา วิภชิตฺวา ฉปณฺณาสาธิกานิ ทฺเว สตานิ โหนฺติ. เต ชลชาถลชาติ ทฺวิคุณิตา ¶ ทฺวาทสาธิกานิ ปฺจสตานิ โหนฺติ, เต กามรูปอกามรูปานํ วเสน ทฺวิคุณิตา จตุวีสาธิกสหสฺสสงฺขา โหนฺติ. ปุน คตมคฺคสฺส ปฏิโลมโต สํขิปฺปมานา กฏฺมุขาทิวเสน จตฺตาโรว โหนฺตีติ. เต สนฺธาย ภควา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อาสีวิสา’’ติ อาห. กุลวเสน หิ เอเต คหิตา.
ตตฺถ อาสีวิสาติ อาสิตฺตวิสาติปิ อาสีวิสา, อสิตวิสาติปิ อาสีวิสา, อสิสทิสวิสาติปิ อาสีวิสา. อาสิตฺตวิสาติ สกลกาเย อาสิฺจิตฺวา วิย ปิตวิสา, ปรสฺส จ อตฺตโน สรีเร จ อาสิฺจนวิสาติ อตฺโถ. อสิตวิสาติ ยํ ยํ เอเตหิ อสิตํ โหติ ปริภุตฺตํ, ตํ ตํ วิสเมว สมฺปชฺชติ, ตสฺมา อสิตํ วิสํ โหติ เอเตสนฺติ อาสีวิสา. อสิสทิสวิสาติ อสิวิย ติขิณํ ปรมมฺมจฺเฉทนสมตฺถํ วิสํ เอเตสนฺติ อาสีวิสาติ เอวเมตฺถ วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุคฺคเตชาติ อุคฺคตเตชา พลวเตชา. โฆรวิสาติ ทุนฺนิมฺมทฺทนวิสา.
เอวํ วเทยฺยุนฺติ ปฏิชคฺคาปนตฺถํ เอวํ วเทยฺยุํ. ราชาโน หิ อาสีวิเส คาหาเปตฺวา – ‘‘ตถารูเป โจเร วา เอเตหิ ฑํสาเปตฺวา มาเรสฺสาม, นครูปโรธกาเล ปรเสนาย วา ตํ ขิปิสฺสาม, ปรพลํ นิมฺมทฺเทตุํ อสกฺโกนฺตา สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา วรสยนํ อารุยฺห เอเตหิ อตฺตานํ ฑํสาเปตฺวา สตฺตูนํ วสํ อนาคจฺฉนฺตา อตฺตโน รุจิยา มริสฺสามา’’ติ อาสีวิเส ชคฺคาเปนฺติ. เต ยํ โจรํ สหสาว มาเรตุํ น อิจฺฉนฺติ, ‘‘เอวเมเต ทีฆรตฺตํ ทุกฺขปฺปตฺโต หุตฺวา มริสฺสนฺตี’’ติ อิจฺฉนฺตา ตํ ปุริสํ เอวํ วทนฺติ อิเม เต อมฺโภ ปุริส จตฺตาโร อาสีวิสาติ.
ตตฺถ กาเลน กาลนฺติ กาเล กาเล. สํเวเสตพฺพาติ นิปชฺชาเปตพฺพา. อฺตโร วา อฺตโร วาติ กฏฺมุขาทีสุ โย โกจิ. ยํ เต อมฺโภ ปุริส กรณียํ, ตํ กโรหีติ อิทํ อตฺถจรกสฺส วจนํ เวทิตพฺพํ. ตสฺส กิร ปุริสสฺส เอวํ อาสีวิเส ปฏิปาเทตฺวา ‘อยํ โว อุปฏฺาโก’ติ ¶ จตูสุ เปฬาสุ ปิตานํ อาสีวิสานํ อาโรเจนฺติ. อเถโก นิกฺขมิตฺวา อาคมฺม ตสฺส ปุริสสฺส ทกฺขิณปาทานุสาเรน อภิรุหิตฺวา ¶ ทกฺขิณหตฺถํ มณิพนฺธโต ปฏฺาย ¶ เวเตฺวา ทกฺขิณกณฺณโสตมูเล ผณํ กตฺวา สุสูติ กโรนฺโต นิปชฺชิ. อปโร วามปาทานุสาเรน อภิรุหิตฺวา ตเถว วามหตฺถํ เวเตฺวา วามกณฺณโสตมูเล ผณํ กตฺวา สุสูติ กโรนฺโต นิปชฺชิ, ตติโย นิกฺขมิตฺวา อภิมุขํ อภิรุหิตฺวา กุจฺฉึ เวเตฺวา คลวาฏกมูเล ผณํ กตฺวา สุสูติ กโรนฺโต นิปชฺชิ, จตุตฺโถ ปิฏฺิภาเคน อภิรุหิตฺวา คีวํ เวเตฺวา อุปริมุทฺธนิ ผณํ เปตฺวา สุสูติ กโรนฺโต นิปชฺชิ.
เอวํ จตูสุ อาสีวิเสสุ สรีรฏฺเกสุเยว ชาเตสุ เอโก ตสฺส ปุริสสฺส อตฺถจรกปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ เต, โภ ปุริส, ลทฺธ’’นฺติ, ปุจฺฉิ. ตโต เตน ‘‘อิเม เม, โภ, หตฺเถสุ หตฺถกฏกํ วิย พาหาสุ เกยูรํ วิย กุจฺฉิมฺหิ กุจฺฉิเวนสาฏโก วิย กณฺเณสุ กณฺณจูฬิกา วิย คเล มุตฺตาวลิโย วิย สีเส สีสปสาธนํ วิย เกจิ อลงฺการวิเสสา รฺา ทินฺนา’’ติ วุตฺเต โส อาห – ‘‘โภ อนฺธพาล, มา เอวํ มฺิตฺถ ‘รฺา เม ตุฏฺเเนตํ ปสาธนํ ทินฺน’นฺติ. ตฺวํ รฺโ อาคุจารี โจโร, อิเม จ จตฺตาโร อาสีวิสา ทุรุปฏฺาหา ทุปฺปฏิชคฺคิยา, เอกสฺมึ อุฏฺาตุกาเม เอโก นฺหายิตุกาโม โหติ, เอกสฺมึ นฺหายิตุกาเม เอโก ภฺุชิตุกาโม, เอกสฺมึ ภฺุชิตุกาเม เอโก นิปชฺชิตุกาโม. เตสุ ยสฺเสว อิจฺฉา น ปูรติ, โส ตตฺเถว ฑํสิตฺวา มาเรตี’’ติ. อตฺถิ ปน, โภ, เอวํ สนฺเต โกจิ โสตฺถิมคฺโคติ? อาม, ราชปุริสานํ วิกฺขิตฺตภาวํ ตฺวา ปลายนํ โสตฺถิภาโวติ วตฺวา ‘‘ยํ เต กรณียํ, ตํ กโรหี’’ติ วเทยฺย.
ตํ สุตฺวา อิตโร จตุนฺนํ อาสีวิสานํ ปมาทกฺขณํ ราชปุริเสหิ จ ปวิวิตฺตํ ทิสฺวา, วามหตฺเถน ทกฺขิณหตฺถํ เวเตฺวา, ทกฺขิณกณฺณจูฬิกาย ผณํ เปตฺวา, สยิตาสีวิสสฺส สรีรํ ปริมชฺชนฺโต วิย สณิกํ ตํ อปเนตฺวา, เอเตเนว อุปาเยน เสเสปิ อปเนตฺวา เตสํ ภีโต ปลาเยยฺย. อถ นํ เต อาสีวิสา ‘‘อยํ อมฺหากํ รฺา อุปฏฺาโก ทินฺโน’’ติ อนุพนฺธมานา อาคจฺเฉยฺยุํ. อิทํ สนฺธาย อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ภีโต จตุนฺนํ อาสีวิสานํ…เป… ปลาเยถาติ วุตฺตํ.
ตสฺมึ ปน ปุริเส เอวํ อาคตมคฺคํ โอโลเกตฺวา โอโลเกตฺวา ปลายนฺเต ¶ ราชา ‘‘ปลาโต ¶ โส ปุริโส’’ติ สุตฺวา ‘‘โก นุ โข ตํ อนุพนฺธิตฺวา ฆาเตตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ วิจินนฺโต ตสฺเสว ปจฺจตฺถิเก ปฺจ ¶ ชเน ลภิตฺวา ‘‘คจฺฉถ นํ อนุพนฺธิตฺวา ฆาเตถา’’ติ เปเสยฺย. อถสฺส อตฺถจรา ปุริสา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา อาโรเจยฺยุํ. โส ภิยฺโยโสมตฺตาย ภีโต ปลาเยถ. อิมมตฺถํ สนฺธาย ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุนฺติอาทิ วุตฺตํ.
ฉฏฺโ อนฺตรจโร วธโกติ ‘‘ปมํ อาสีวิเสหิ อนุพทฺโธ อิโต จิโต จ เต วฺเจนฺโต ปลายิ, อิทานิ ปฺจหิ ปจฺจตฺถิเกหิ อนุพทฺโธ สุฏฺุตรํ ปลายติ, น สกฺกา โส เอวํ คเหตุํ, อุปลาฬนาย ปน สกฺกา, ตสฺมา ทหรกาลโต ปฏฺาย เอกโต ขาทิตฺวา จ ปิวิตฺวา จ สนฺถวํ อนฺตรจรํ วธกมสฺส เปเสถา’’ติ อมจฺเจหิ วุตฺเตน รฺา ปริเยสิตฺวา เปสิโต อนฺตรจโร วธโก.
โส ปสฺเสยฺย สฺุํ คามนฺติ นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ปทํ ฆายิตฺวา ฆายิตฺวา เวเคนาคจฺฉนฺเต จตฺตาโร อาสีวิเส ปฺจ วธเก ปจฺจตฺถิเก ฉฏฺฺจ อนฺตรจรํ วธกํ ‘‘นิวตฺต โภ, มา ปลายิ, ปุตฺตทาเรน สทฺธึ กาเม ปริภฺุชนฺโต สุขํ วสิสฺสสี’’ติ วตฺวา อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ภิยฺโยโสมตฺตาย เยน วา เตน วา ปลายนฺโต ปจฺจนฺตรฏฺเ อภิมุขคตํ เอกํ ฉกุฏิกํ สฺุํ คามํ ปสฺเสยฺย. ริตฺตกฺเว ปวิเสยฺยาติ ธนธฺมฺจปีาทีหิ วิรหิตตฺตา ริตฺตกฺเว ปวิเสยฺย. ตุจฺฉกํ สฺุกนฺติ เอตสฺเสว เววจนํ. ปริมเสยฺยาติ ‘‘สเจ ปานียํ ภวิสฺสติ, ปิวิสฺสามิ, สเจ ภตฺตํ ภวิสฺสติ, ภฺุชิสฺสามี’’ติ ภาชนํ วิวริตฺวา หตฺถํ อนฺโต ปเวเสตฺวา ปริมเสยฺย.
ตเมนํ ¶ เอวํ วเทยฺยุนฺติ ฉนฺนํ ฆรานํ เอกฆเรปิ กิฺจิ อลภิตฺวา คามมชฺเฌ เอโก สนฺทจฺฉาโย รุกฺโข อตฺถิ, ตตฺถ วงฺกผลกํ อตฺถตํ ทิสฺวา, ‘‘อิธ ตาว นิสีทิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา, ตตฺถ นิสินฺนํ มนฺทมนฺเทน วาเตน พีชิยมานํ ตตฺตกมตฺตมฺปิ สุขํ สนฺตโต อสฺสาทยมานํ, ตเมนํ ปุริสํ เกจิเทว อตฺถจรกา พหิ ปวตฺตึ ตฺวา อาคตา เอวํ วเทยฺยุํ. อิทานิ อมฺโภ ปุริสาติ อมฺโภ, ปุริส, อิทานิ. โจรา คามฆาตกาติ ‘‘ยเทเวตฺถ ลภิสฺสาม, ตํ คณฺหิสฺสาม วา ฆาเตสฺสาม วา’’ติ อาคตา ฉ คามฆาตกโจรา.
อุทกณฺณวนฺติ ¶ คมฺภีรํ ปุถุลํ อุทกํ. คมฺภีรมฺปิ หิ อปุถุลํ, ปุถุลํ วา อคมฺภีรํ, น อณฺณโวติ ¶ วุจฺจติ, ยมฺปน คมฺภีรฺจ ปุถุลฺจ, ตสฺเสเวตํ นามํ. สาสงฺกํ สปฺปฏิภยนฺติ จตุนฺนํ อาสีวิสานํ ปฺจนฺนํ วธกานํ ฉฏฺสฺส อนฺตรจรสฺส ฉนฺนฺจ คามฆาตกโจรานํ วเสน สาสงฺกํ สปฺปฏิภยํ. เขมํ อปฺปฏิภยนฺติ เตสํเยว อาสีวิสาทีนํ อภาเวน เขมฺจ นิพฺภยฺจ วิจิตฺรอุยฺยานวรํ พหฺวนฺนปานํ เทวนครสทิสํ. น จสฺส นาวา สนฺตารณีติ ‘‘อิมาย นาวาย โอริมตีรโต ปรตีรํ คมิสฺสนฺตี’’ติ เอวํ ปิตา จ สนฺตารณี นาวา น ภเวยฺย. อุตฺตรเสตุ วาติ รุกฺขเสตุ-ชงฺฆเสตุ-สกฏเสตูนํ อฺตโร อุตฺตรเสตุ วา น ภเวยฺย. ติฏฺติ พฺราหฺมโณติ น โข เอส พฺราหฺมโณ. กสฺมา นํ พฺราหฺมโณติ อาห? เอตฺตกานํ ปจฺจตฺถิกานํ พาหิตตฺตา, เทสนํ วา วินิวตฺเตนฺโต เอกํ ขีณาสวพฺราหฺมณํ ทสฺเสตุมฺปิ เอวมาห.
ตสฺมึ ปน เอวํ อุตฺติณฺเณ จตฺตาโร อาสีวิสา ‘‘น ลทฺโธ วตาสิ อมฺเหหิ, อชฺช เต มุรุมุราย ชีวิตํ ขาทิตฺวา ฉฑฺเฑยฺยาม’’. ปฺจ ปจฺจตฺถิกา ‘‘น ลทฺโธ วตาสิ อมฺเหหิ, อชฺช เต ปริวาเรตฺวา องฺคมงฺคานิ ฉินฺทิตฺวา รฺโ สนฺติกํ ¶ คตา สตํ วา สหสฺสํ วา ลเภยฺยาม’’. ฉฏฺโ อนฺตรจโร ‘‘น ลทฺโธ วตาสิ มยา, อชฺช เต ผลิกวณฺเณน อสินา สีสํ ฉินฺทิตฺวา, เสนาปติฏฺานํ ลภิตฺวา สมฺปตฺตึ อนุภเวยฺยํ’’. ฉ โจรา ‘‘น ลทฺโธ วตาสิ อมฺเหหิ, อชฺช เต วิวิธานิ กมฺมการณานิ กาเรตฺวา พหุธนํ อาหราเปสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา, อุทกณฺณวํ โอตริตุํ อสกฺโกนฺตา รฺโ อาณาย โกปิตตฺตา ปรโต คนฺตุมฺปิ อวิสหนฺตา ตตฺเถว สุสฺสิตฺวา มเรยฺยุํ.
อุปมา โข มฺยายนฺติ เอตฺถ เอวํ อาทิโต ปฏฺาย โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ – ราชา วิย หิ กมฺมํ ทฏฺพฺพํ, ราชาปราธิกปุริโส วิย วฏฺฏนิสฺสิโต ปุถุชฺชโน. จตฺตาโร อาสีวิสา วิย จตฺตาริ มหาภูตานิ, รฺโ ตสฺส จตฺตาโร อาสีวิเส ปฏิจฺฉาปิตกาโล วิย กมฺมุนา ปุถุชฺชนสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณเยว จตุนฺนํ มหาภูตานํ ทินฺนกาโล. ‘‘อิเมสํ อาสีวิสานํ ปมาทกฺขเณ ราชปุริสานฺจ วิวิตฺตกฺขเณ นิกฺขมิตฺวา ยํ เต อมฺโภ, ปุริส, กรณียํ, ตํ กโรหี’’ติ วจเนน ‘‘ปลายสฺสู’’ติ วุตฺตกาโล วิย สตฺถารา อิมสฺส ภิกฺขุโน มหาภูตกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา ¶ ‘‘อิเมสุ จตูสุ มหาภูเตสุ นิพฺพินฺท วิรชฺช, เอวํ วฏฺฏโต ปริมุจฺจิสฺสสี’’ติ กถิตกาโล, ตสฺส ปุริสสฺส อตฺถจรกวจนํ สุตฺวา จตุนฺนํ อาสีวิสานํ ปมาทกฺขเณ ราชปุริสานฺจ วิวิตฺตกฺขเณ นิกฺขมิตฺวา เยน วา เตน วา ปลายนํ วิย อิมสฺส ¶ ภิกฺขุโน สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ ลภิตฺวา มหาภูตาสีวิเสหิ ปริมุจฺจนตฺถาย าณปลายเนน ปลายนํ.
อิทานิ จตุนฺเนตํ มหาภูตานํ อธิวจนํ ปถวีธาตุยา อาโปธาตุยาติอาทีสุ จตุมหาภูตกถา จ ปฺจุปาทานกฺขนฺธกถา จ อายตนกถา จ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา. เอตฺถ จ กฏฺมุขอาสีวิโส วิย ปถวีธาตุ ทฏฺพฺพา, ปูติมุขอคฺคิมุขสตฺถมุขา วิย เสสธาตุโย. ยเถว หิ กฏฺมุเขน ทฏฺสฺส สกลกาโย ถทฺโธ ¶ โหติ, เอวํ ปถวีธาตุปโกเปนาปิ. ยถา จ ปูติมุขาทีหิ ทฏฺสฺส ปคฺฆรติ เจว ฌายติ จ ฉิชฺชติ จ, เอวํ อาโปธาตุเตโชธาตุวาโยธาตุปโกเปนาปีติ. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา –
‘‘ปตฺถทฺโธ ภวตี กาโย, ทฏฺโ กฏฺมุเขน วา;
ปถวีธาตุปโกเปน, โหติ กฏฺมุเขว โส.
‘‘ปูติโก ภวตี กาโย, ทฏฺโ ปูติมุเขน วา;
อาโปธาตุปโกเปน, โหติ ปูติมุเขว โส.
‘‘สนฺตตฺโต ภวตี กาโย, ทฏฺโ อคฺคิมุเขน วา;
เตโชธาตุปโกเปน, โหติ อคฺคิมุเขว โส.
‘‘สฺฉินฺโน ภวตี กาโย, ทฏฺโ สตฺถมุเขน วา;
วาโยธาตุปโกเปน, โหติ สตฺถมุเขว โส’’ติ. –
เอวํ ตาเวตฺถ วิเสสโต สทิสภาโว เวทิตพฺโพ.
อวิเสสโต ปน อาสยโต วิสเวควิการโต อนตฺถคฺคหณโต ทุรุปฏฺานโต ทุราสทโต อกตฺุตโต อวิเสสการิโต อนนฺตโทสูปทฺทวโตติ อิเมหิ การเณหิ เอเตสํ อาสีวิสสทิสตา เวทิตพฺพา. ตตฺถ อาสยโตติ อาสีวิสานฺหิ วมฺมิโก อาสโย, ตตฺเถว เต วสนฺติ. มหาภูตานมฺปิ กายวมฺมิโก อาสโย ¶ . อาสีวิสานฺจ รุกฺขสุสิรติณปณฺณคหนสงฺการฏฺานานิปิ ¶ อาสโย. เอเตสุปิ หิ เต วสนฺติ. มหาภูตานมฺปิ กายสุสิรํ กายคหนํ กายสงฺการฏฺานํ อาสโยติ. เอวํ ตาว อาสยโต สทิสตา เวทิตพฺพา.
วิสเวควิการโตติ อาสีวิสา หิ กุลวเสน กฏฺมุขาทิเภทโต จตฺตาโร. ตตฺถ เอเกโก วิสวิการโต วิภชฺชมาโน ทฏฺวิสาทิวเสน จตุพฺพิโธ โหติ. มหาภูตานิปิ ปจฺจตฺตลกฺขณวเสน ปถวีอาทิเภทโต จตฺตาริ. เอตฺถ เอเกกํ กมฺมสมุฏฺานาทิวเสน จตุพฺพิธํ โหติ. เอวํ วิสเวควิการโต สทิสตา เวทิตพฺพา.
อนตฺถคฺคหณโตติ อาสีวิเส คณฺหนฺตา ปฺจ อนตฺเถ คณฺหนฺติ – ทุคฺคนฺธํ คณฺหนฺติ, อสุจึ คณฺหนฺติ, พฺยาธึ คณฺหนฺติ, วิสํ คณฺหนฺติ, มรณํ คณฺหนฺติ. มหาภูตานิปิ คณฺหนฺตา ปฺจ อนตฺเถ คณฺหนฺติ – ทุคฺคนฺธํ คณฺหนฺติ, อสุจึ คณฺหนฺติ, พฺยาธึ คณฺหนฺติ, ชรํ คณฺหนฺติ, มรณํ คณฺหนฺติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘เยเกจิ ¶ สปฺปํ คณฺหนฺติ, มีฬฺหลิตฺตํ มหาวิสํ;
ปฺจ คณฺหนฺตุนตฺถานิ, โลเก สปฺปาภินนฺทิโน.
‘‘ทุคฺคนฺธํ อสุจึ พฺยาธึ, วิสํ มรณปฺจมํ;
อนตฺถา โหนฺติ ปฺเจเต, มีฬฺหลิตฺเต ภุชงฺคเม.
‘‘เอวเมวํ อกุสลา, อนฺธพาลปุถุชฺชนา;
ปฺจ คณฺหนฺตุนตฺถานิ, ภเว ชาตาภินนฺทิโน.
‘‘ทุคฺคนฺธํ อสุจึ พฺยาธึ, ชรํ มรณปฺจมํ;
อนตฺถา โหนฺติ ปฺเจเต, มีฬฺหลิตฺเตว ปนฺนเค’’ติ. –
เอวํ อนตฺถคฺคหณโต สทิสตา เวทิตพฺพา.
ทุรุปฏฺานโตติ เต อาสีวิสา ทุรุปฏฺานา, เอกสฺมึ อุฏฺาตุกาเม เอโก นฺหายิตุกาโม โหติ ¶ , ตสฺมึ นฺหายิตุกาเม อปโร ภฺุชิตุกาโม, ตสฺมึ ภฺุชิตุกาเม อฺโ นิปชฺชิตุกาโม โหติ. เตสุ ยสฺส ยสฺเสว อชฺฌาสโย น ปูรติ, โส ตตฺเถว ฑํสิตฺวา มาเรติ. อิเมหิ ปน อาสีวิเสหิ ภูตาเนว ทุรุปฏฺานตรานิ. ปถวีธาตุยา หิ เภสชฺเช กยิรมาเน อาโปธาตุ กุปฺปติ, ตสฺเสว เภสชฺชํ กโรนฺตสฺส เตโชธาตูติ ¶ เอวํ เอกิสฺสา เภสชฺเช กยิรมาเน อปรา กุปฺปนฺตีติ. เอวํ ทุรุปฏฺานโต สทิสตา เวทิตพฺพา.
ทุราสทโตติ ทุราสทา หิ อาสีวิสา, เคหสฺส ปุริมภาเค อาสีวิสํ ทิสฺวา ปจฺฉิมภาเคน ปลายนฺติ, ปจฺฉิมภาเค ทิสฺวา ปุริมภาเคน, เคหมชฺเฌ ทิสฺวา คพฺภํ ปวิสนฺติ, คพฺเภ ทิสฺวา มฺจปีํ อภิรุหนฺติ. มหาภูตานิ ตโตปิ ทุราสทตรานิ. ตถารูเปน หิ กุฏฺโรเคน ผุฏฺสฺส กณฺณนาสาทีนิ ฉินฺทิตฺวา ปตนฺติ, สรีรํ สมฺผุฏติ นีลมกฺขิกา ปริวาเรนฺติ, สรีรคนฺโธ ทูรโตว อุพฺพาหติ. ตํ ปุริสํ อกฺโกสมานมฺปิ ปริเทวมานมฺปิ เนว โรสวเสน, น การฺุเน, อุปสงฺกมิตุํ สกฺโกนฺติ, นาสิกํ ปิทหิตฺวา เขฬํ ปาเตนฺตา ทูรโตว นํ วิวชฺเชนฺติ. เอวํ อฺเสมฺปิ ภคนฺทรกุจฺฉิโรควาตโรคาทีนํ พีภจฺฉเชคุจฺฉภาวกรานฺจ โรคานํ วเสน อยเมวตฺโถ วิภาเวตพฺโพติ. เอวํ ทุราสทโต สทิสตา เวทิตพฺพา.
อกตฺุตโตติ ¶ อาสีวิสา หิ อกตฺุโน โหนฺติ, นฺหาปิยมานาปิ โภชิยมานาปิ คนฺธมาลาทีหิ ปูชิยมานาปิ เปฬายํ ปกฺขิปิตฺวา ปริหริยมานาปิ โอตารเมว คเวสนฺติ. ยตฺถ โอตารํ ลภนฺติ, ตตฺเถว นํ ฑํสิตฺวา มาเรนฺติ. อาสีวิเสหิปิ มหาภูตาเนว อกตฺุตรานิ. เอเตสฺหิ กตํ นาม นตฺถิ, สีเตน วา อุณฺเหน วา นิมฺมเลน ชเลน นฺหาปิยมานานิปิ คนฺธมาลาทีหิ สกฺกริยมานานิปิ มุทุวตฺถมุทุสยนมุทุยานาทีหิ ปริหริยมานานิปิ, วรโภชนํ โภชิยมานานิปิ, วรปานํ ปายาปิยมานานิปิ โอตารเมว คเวสนฺติ. ยตฺถ โอตารํ ลภนฺติ, ตตฺเถว กุปฺปิตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปนฺตีติ. เอวํ อกตฺุตโต สทิสตา เวทิตพฺพา.
อวิเสสการิโตติ อาสีวิสา หิ ‘‘อยํ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา’’ติ วิเสสํ น กโรนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตเมว ฑํสิตฺวา มาเรนฺติ. มหาภูตานิปิ ‘‘อยํ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา เทโว วา มนุสฺโส วา มาโร วา พฺรหฺมา วา นิคฺคุโณ วา สคุโณ วา’’ติ วิเสสํ น กโรนฺติ ¶ . ยทิ หิ เนสํ ‘‘อยํ คุณวา’’ติ ลชฺชา ¶ อุปฺปชฺเชยฺย, สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคเล ตถาคเต ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺยุํ. อถาปิ เนสํ ‘‘อยํ มหาปฺโ อยํ มหิทฺธิโก อยํ ธุตวาโท’’ติอาทินา นเยน ลชฺชา อุปฺปชฺเชยฺย, ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถราทีสุ ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺยุํ. อถาปิ เนสํ ‘‘อยํ นิคฺคุโณ ทารุโณ ถทฺโธ’’ติ ภยํ อุปฺปชฺเชยฺย, สเทวเก โลเก นิคฺคุณถทฺธทารุณานํ อคฺคสฺส เทวทตฺตสฺส ฉนฺนํ วา สตฺถารานํ ภาเยยฺยุํ, น จ ลชฺชนฺติ น จ ภายนฺติ, กุปฺปิตฺวา ยํกิฺจิ อนยพฺยสนํ อาปาเทนฺติเยว. เอวํ อวิเสสการิโต สทิสตา เวทิตพฺพา.
อนนฺตโทสูปทฺทวโตติ อาสีวิเส นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกานฺหิ โทสูปทฺทวานํ ปมาณํ นตฺถิ. ตถา เหเต ฑํสิตฺวา กาณมฺปิ กโรนฺติ ขุชฺชมฺปิ ปีสปฺปิมฺปิ เอกปกฺขลมฺปีติ เอวํ อปริมาณํ วิปฺปการํ ทสฺเสนฺติ. ภูตานิปิ กุปฺปิตานิ น กาณาทิภาเวสุ น กิฺจิ วิปฺปการํ น กโรนฺติ, อปฺปมาโณ เอเตสํ โทสูปทฺทโวติ. เอวํ อนนฺตโทสูปทฺทวโต สทิสตา เวทิตพฺพา.
อิทาเนตฺถ ¶ จตุมหาภูตวเสน ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กเถตพฺพํ สิยา, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค จตุธาตุววตฺถานนิทฺเทเส กถิตเมว.
ปฺจ วธกา ปจฺจตฺถิกาติ โข ภิกฺขเว ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ ทฺวีหิ อากาเรหิ ขนฺธานํ วธกปจฺจตฺถิกสทิสตา เวทิตพฺพา. ขนฺธา หิ อฺมฺฺจ วเธนฺติ, เตสุ จ สนฺเตสุ วโธ นาม ปฺายติ. กถํ? รูปํ ตาว รูปมฺปิ วเธติ อรูปมฺปิ, ตถา อรูปํ อรูปมฺปิ วเธติ รูปมฺปิ. กถํ? อยฺหิ ปถวีธาตุ ภิชฺชมานา อิตรา ติสฺโส ธาตุโย คเหตฺวาว ภิชฺชติ, อาโปธาตุอาทีสุปิ เอเสว นโย, เอวํ ตาว รูปํ รูปเมว วเธติ. รูปกฺขนฺโธ ปน ภิชฺชมาโน จตฺตาโร อรูปกฺขนฺเธ คเหตฺวาว ภิชฺชติ, เอวํ รูปํ อรูปมฺปิ วเธติ. เวทนากฺขนฺโธปิ ภิชฺชมาโน สฺาสงฺขารวิฺาณกฺขนฺเธ คเหตฺวาว ภิชฺชติ. สฺากฺขนฺธาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ อรูปํ อรูปเมว วเธติ. จุติกฺขเณ ปน จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา ภิชฺชมานา วตฺถุรูปมฺปิ คเหตฺวาว ภิชฺชนฺติ, เอวํ อรูปํ รูปมฺปิ วเธติ. เอวํ ตาว อฺมฺํ วเธนฺตีติ วธกา. ยตฺถ ปน ขนฺธา อตฺถิ, ตตฺถ เฉทนเภทนวธพนฺธนาทโย โหนฺติ, น อฺตฺถาติ. เอวํ ขนฺเธสุ สนฺเตสุ วโธ ปฺายตีติปิ วธกา.
อิทานิ ¶ ¶ ปฺจกฺขนฺเธ รูปารูปวเสน ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา, รูปวเสน วา นามวเสน วา รูปปริคฺคหํ อาทึ กตฺวา, ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กเถตพฺพํ สิยา ตมฺปิ วิสุทฺธิมคฺเค กถิตเมว.
ฉฏฺโ อนฺตรจโร วธโก อุกฺขิตฺตาสิโกติ โข, ภิกฺขเว, นนฺทีราคสฺเสตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ ทฺวีหากาเรหิ นนฺทีราคสฺส อุกฺขิตฺตาสิกวธกสทิสตา เวทิตพฺพา ปฺาสิรปาตนโต ¶ จ โยนิสมฺปฏิปาทนโต จ. กถํ? จกฺขุทฺวารสฺมิฺหิ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต ตํ อารมฺมณํ นิสฺสาย โลโภ อุปฺปชฺชติ, เอตฺตาวตา ปฺาสีสํ ปติตํ นาม โหติ, โสตทฺวาราทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ตาว ปฺาสิรปาตนโต สทิสตา เวทิตพฺพา. นนฺทีราโค ปเนส อณฺฑชาทิเภทา จตสฺโส โยนิโย อุปเนติ. ตสฺส โยนิอุปคมนมูลกานิ ปฺจวีสติ มหาภยานิ ทฺวตฺตึส กมฺมการณานิ จ อาคตาเนว โหนฺตีติ เอวํ โยนิสมฺปฏิปาทนโตปิสฺส อุกฺขิตฺตาสิกวธกสทิสตา เวทิตพฺพา.
อิติ นนฺทีราควเสนาปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฏฺานํ กถิตเมว โหติ. กถํ? อยฺหิ นนฺทีราโค สงฺขารกฺขนฺโธ, ตํ สงฺขารกฺขนฺโธติ ววตฺถเปตฺวา ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธ, เตสํ วตฺถารมฺมณํ รูปกฺขนฺโธติ, เอวํ ปฺจกฺขนฺเธ ววตฺถเปติ. อิทานิ เต ปฺจกฺขนฺเธ นามรูปวเสน ววตฺถเปตฺวา, เตสํ ปจฺจยปริเยสนโต ปฏฺาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา, อนุปุพฺเพน เอโก อรหตฺตํ ปาปุณาตีติ เอวํ นนฺทีราควเสน กมฺมฏฺานํ กถิตํ โหติ.
ฉนฺนํ อชฺฌตฺติกายตนานํ สฺุคาเมน สทิสตา ปาฬิยํเยว อาคตา. อยํ ปเนตฺถ กมฺมฏฺานนโย – ยถา จ เต ฉ โจรา ฉกุฏิกํ สฺุํ คามํ ปวิสิตฺวา อปราปรํ วิจรนฺตา กิฺจิ อลภิตฺวา คาเมน อนตฺถิกา โหนฺติ, เอวเมวํ ภิกฺขุ ฉสุ อชฺฌตฺติกายตเนสุ อภินิวิสิตฺวา วิจินนฺโต ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา คเหตพฺพํ กิฺจิ อทิสฺวา เตหิ อนตฺถิโก โหติ. โส ‘‘วิปสฺสนํ ปฏฺเปสฺสามี’’ติ อุปาทารูปกมฺมฏฺานวเสน จกฺขุปสาทาทโย ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ’’ติ ววตฺถเปติ, มนายตนํ ‘‘อรูปกฺขนฺโธ’’ติ. อิติ สพฺพานิเปตานิ นามฺเจว รูปฺจาติ นามรูปวเสน ววตฺถเปตฺวา, เตสํ ปจฺจยํ ปริเยสิตฺวา วิปสฺสนํ ¶ วฑฺเฒตฺวา ¶ , สงฺขาเร สมฺมสนฺโต อนุปุพฺเพน อรหตฺเต ปติฏฺาติ. อิทํ เอกสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถิตํ โหติ.
อิทานิ พาหิรานํ คามฆาตกโจเรหิ สทิสตํ ทสฺเสนฺโต โจรา คามฆาตกาติ โขติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ มนาปามนาเปสูติ กรณตฺเถ ภุมฺมํ, มนาปามนาเปหีติ อตฺโถ. ตตฺถ โจเรสุ คามํ หนนฺเตสุ ปฺจ กิจฺจานิ วตฺตนฺติ – โจรา ตาว คามํ ปริวาเรตฺวา ิตา อคฺคึ ทตฺวา กฏกฏสทฺทํ อุฏฺาเปนฺติ, ตโต มนุสฺสา หตฺถสารํ คเหตฺวา พหิ นิกฺขมนฺติ. ตโต เตหิ สทฺธึ ภณฺฑกสฺส การณา หตฺถปรามาสํ กโรนฺติ. เกจิ ปเนตฺถ ปหารํ ปาปุณนฺติ, เกจิ ปหารฏฺาเน ปตนฺติ, อวเสเส ปน อโรคชเน พนฺธิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา รชฺชุพนฺธนาทีหิ พนฺธิตฺวา ทาสปริโภเคน ปริภฺุชนฺติ.
ตตฺถ คามฆาตกโจรานํ คามํ ปริวาเรตฺวา อคฺคิทานํ วิย ฉสุ ทฺวาเรสุ อารมฺมเณ อาปาถคเต กิเลสปริฬาหุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา, หตฺถสารํ อาทาย พหิ นิกฺขมนํ วิย. ตงฺขเณ กุสลธมฺมํ ปหาย อกุสลสมงฺคิตา, ภณฺฑกสฺส การณา หตฺถปรามสนาปชฺชนํ วิย ทุกฺกฏทุพฺภาสิตปาจิตฺติยถุลฺลจฺจยานํ อาปชฺชนกาโล, ปหารลทฺธกาโล วิย สงฺฆาทิเสสํ อาปชฺชนกาโล, ปหารํ ลทฺธา ปน ปหารฏฺาเน ปติตกาโล วิย ปาราชิกํ อาปชฺชิตฺวา อสฺสมณกาโล, อวเสสชนสฺส พนฺธิตฺวา วสนฏฺานํ เนตฺวา ทาสปริโภเคน ปริภฺุชนกาโล วิย ตเมว อารมฺมณํ นิสฺสาย สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว จูฬสีลมชฺฌิมสีลมหาสีลานิ ภินฺทิตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย คิหิภาวํ อาปชฺชนกาโล. ตตฺรสฺส ปุตฺตทารํ โปเสนฺตสฺส สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ เวทิตพฺโพ, กาลํ กตฺวา อปาเย นิพฺพตฺตสฺส สมฺปรายิโก.
อิมานิปิ พาหิรายตนานิ เอกสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฏฺานวเสเนว กถิตานิ. เอตฺถ หิ รูปาทีนิ จตฺตาริ อุปาทารูปานิ, โผฏฺพฺพายตนํ ติสฺโส ธาตุโย, ธมฺมายตเน อาโปธาตุยา สทฺธึ ตา จตสฺโสติ อิมานิ จตฺตาริ ภูตานิ, เตสํ ปริจฺเฉทวเสน อากาสธาตุ, ลหุตาทิวเสน ลหุตาทโยติ เอวมิทํ สพฺพมฺปิ ภูตุปาทายรูปํ รูปกฺขนฺโธ, ตทารมฺมณา เวทนาทโย จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา. ตตฺถ ¶ ‘‘รูปกฺขนฺโธ รูปํ, จตฺตาโร อรูปิโน ¶ ขนฺธา นาม’’นฺติ. นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ปุริมนเยเนว ปฏิปชฺชนฺตสฺส ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถิตํ โหติ.
โอฆานนฺติ ¶ เอตฺถ ทุรุตฺตรณฏฺโ โอฆฏฺโ. เอเต หิ ‘‘สีลสํวรํ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อชฺฌาสยํ สมุฏฺาเปตฺวา กลฺยาณมิตฺเต นิสฺสาย สมฺมา วายมนฺเตน ตริตพฺพา, เยน วา เตน วา ทุรุตฺตรา. อิมินา ทุรุตฺตรณฏฺเน โอฆาติ วุจฺจนฺติ. เตปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฏฺานวเสน กถิตา. จตฺตาโรปิ หิ เอเต เอโก สงฺขารกฺขนฺโธ วาติ. เสสํ นนฺทีราเค วุตฺตนเยเนว โยเชตฺวา วิตฺถาเรตพฺพํ.
สกฺกายสฺเสตํ อธิวจนนฺติ, สกฺกาโยปิ หิ อาสีวิสาทีหิ อุทกณฺณวสฺส โอริมตีรํ วิย จตุมหาภูตาทีหิ สาสงฺโก สปฺปฏิภโย, โสปิ เอกสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฏฺานวเสเนว กถิโต. สกฺกาโย หิ เตภูมกปฺจกฺขนฺธา, เต จ สมาสโต นามรูปเมวาติ. เอวเมตฺถ นามรูปววตฺถานํ อาทึ กตฺวา ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ วิตฺถาเรตพฺพนฺติ.
นิพฺพานสฺเสตํ อธิวจนนฺติ นิพฺพานฺหิ อุทกณฺณวสฺส ปาริมตีรํ วิย จตุมหาภูตาทีหิ เขมํ อปฺปฏิภยํ. วีริยารมฺภสฺเสตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ จิตฺตกิริยทสฺสนตฺถํ เหฏฺา วุตฺตวายามเมว วีริยนฺติ คณฺหิตฺวา ทสฺเสติ. ติณฺโณ ปารงฺคโตติ ตริตฺวา ปารํ คโต.
ตตฺถ ยถา สาสงฺกโอริมตีเร ิเตน อุทกณฺณวํ ตริตุกาเมน กติปาหํ วสิตฺวา สณิกํ นาวํ สชฺเชตฺวา อุทกกีฬํ กีฬนฺเตน วิย น นาวา อภิรุหิตพฺพา. เอวํ กโรนฺโต หิ อนารุฬฺโหว พฺยสนํ ปาปุณาติ. เอวเมว กิเลสณฺณวํ ตริตุกาเมน ‘‘ตรุโณ ตาวมฺหิ, มหลฺลกกาเล อฏฺงฺคิกมคฺคกุลฺลํ พนฺธิสฺสามี’’ติ ปปฺโจ น กาตพฺโพ ¶ . เอวํ กโรนฺโต หิ มหลฺลกกาลํ อปตฺวาปิ วินาสํ ปาปุณาติ, ปตฺวาปิ กาตุํ น สกฺโกติ. ภทฺเทกรตฺตาทีนิ ปน อนุสฺสริตฺวา เวเคเนว อยํ อริยมคฺคกุลฺโล พนฺธิตพฺโพ.
ยถา จ กุลฺลํ พนฺธนฺตสฺส หตฺถปาทปาริปูริ อิจฺฉิตพฺพา. กุณฺปาโท หิ ขฺชปาโท วา ปติฏฺาตุํ น สกฺโกติ, ผณหตฺถกาทโย ติณปณฺณาทีนิ คเหตุํ น สกฺโกนฺติ. เอวมิมมฺปิ อริยมคฺคกุลฺลํ พนฺธนฺตสฺส สีลปาทานฺเจว สทฺธาหตฺถสฺส ¶ จ ปาริปูริ อิจฺฉิตพฺพา. น หิ ทุสฺสีโล อสฺสทฺโธ สาสเน อปฺปติฏฺิโต ปฏิปตฺตึ อสฺสทฺทหนฺโต อริยมคฺคกุลฺลํ พนฺธิตุํ สกฺโกติ. ยถา จ ปริปุณฺณหตฺถปาโทปิ ทุพฺพโล พฺยาธิปีฬิโต กุลฺลํ พนฺธิตุํ น สกฺโกติ, ถามสมฺปนฺโนว สกฺโกติ, เอวํ สีลวา สทฺโธปิ อลโส กุสีโต อิมํ มคฺคกุลฺลํ พนฺธิตุํ น สกฺโกติ ¶ , อารทฺธวีริโยว สกฺโกตีติ อิมํ พนฺธิตุกาเมน อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพํ. ยถา โส ปุริโส กุลฺลํ พนฺธิตฺวา ตีเร ตฺวา โยชนวิตฺถารํ อุทกณฺณวํ ‘‘อยํ มยา ปจฺจตฺตปุริสการํ นิสฺสาย นิตฺถริตพฺโพ’’ติ มานสํ พนฺธติ, เอวํ โยคินาปิ จงฺกมา โอรุยฺห ‘‘อชฺช มยา จตุมคฺควชฺฌํ กิเลสณฺณวํ ตริตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาตพฺพ’’นฺติ มานสํ พนฺธิตพฺพํ.
ยถา จ โส ปุริโส กุลฺลํ นิสฺสาย อุทกณฺณวํ ตรนฺโต คาวุตมตฺตํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ‘‘เอกโกฏฺาสํ อติกฺกนฺโตมฺหิ, อฺเ ตโย เสสา’’ติ ชานาติ, อปรมฺปิ คาวุตมตฺตํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ‘‘ทฺเว อติกฺกนฺโตมฺหิ, ทฺเว เสสา’’ติ ชานาติ, อปรมฺปิ คาวุตมตฺตํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ‘‘ตโย อติกฺกนฺโตมฺหิ, เอโก เสโส’’ติ ชานาติ, ตมฺปิ อติกฺกมฺม นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ‘‘จตฺตาโรปิ เม โกฏฺสา อติกฺกนฺตา’’ติ ชานาติ, ตฺจ กุลฺลํ ปาเทน อกฺกมิตฺวา โสตาภิมุขํ ขิปิตฺวา อุตฺตริตฺวา ตีเร ติฏฺติ. เอวํ อยมฺปิ ภิกฺขุ อริยมคฺคกุลฺลํ นิสฺสาย กิเลสณฺณวํ ตรนฺโต โสตาปตฺติมคฺเคน ปมมคฺควชฺเฌ กิเลเส ตริตฺวา มคฺคานนฺตเร ผเล ิโต ปจฺจเวกฺขณาเณน นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ‘‘จตุมคฺควชฺฌานํ เม กิเลสานํ เอโก โกฏฺาโส ปหีโน ¶ , อิตเร ตโย เสสา’’ติ ชานาติ. ปุน ตเถว อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต สกทาคามิมคฺเคน ทุติยมคฺควชฺเฌ กิเลเส ตริตฺวา มคฺคานนฺตเร ผเล ิโต ปจฺจเวกฺขณาเณน นิวตฺติตฺวา, โอโลเกนฺโต ‘‘จตุมคฺควชฺฌานํ เม กิเลสานํ ทฺเว โกฏฺาสา ปหีนา ¶ , อิตเร ทฺเว เสสา’’ติ ชานาติ. ปุน ตเถว อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต อนาคามิมคฺเคน ตติยมคฺควชฺเฌ กิเลเส ตริตฺวา มคฺคานนฺตเร ผเล ิโต ปจฺจเวกฺขณาเณน นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ‘‘จตุมคฺควชฺฌานํ เม กิเลสานํ ตโย โกฏฺาสา ปหีนา, เอโก เสโส’’ติ ชานาติ. ปุน ตเถว อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต อรหตฺตมคฺเคน จตุตฺถมคฺควชฺเฌ กิเลเส ตริตฺวา มคฺคานนฺตเร ผเล ิโต ปจฺจเวกฺขณาเณน นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ‘‘สพฺพกิเลสา เม ปหีนา’’ติ ชานาติ.
ยถา โส ปุริโส ตํ กุลฺลํ โสเต ปวาเหตฺวา อุตฺตริตฺวา ถเล ิโต นครํ ปวิสิตฺวา อุปริปาสาทวรคโต ‘‘เอตฺตเกน วตมฺหิ อนตฺเถน มุตฺโต’’ติ เอกคฺคจิตฺโต ตุฏฺมานโส นิสีทติ, เอวํ ตสฺมึเยว วา อาสเน อฺเสุ วา รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิสินฺโน ¶ ‘‘เอตฺตเกน วตมฺหิ อนตฺเถน มุตฺโต’’ติ นิพฺพานารมฺมณํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา เอกคฺคจิตฺโต ตุฏฺมานโส นิสีทติ. อิทํ วา สนฺธาย วุตฺตํ ติณฺโณ ปารงฺคโต ถเล ติฏฺติ พฺราหฺมโณติ โข, ภิกฺขเว, อรหโต เอตํ อธิวจนนฺติ. เอวํ ตาเวตฺถ นานากมฺมฏฺานานิ กถิตานิ, สโมธาเนตฺวา ปน สพฺพานิปิ เอกเมว กตฺวา ทสฺเสตพฺพานิ. เอกํ กตฺวา ทสฺเสนฺเตนาปิ ปฺจกฺขนฺธวเสเนว วินิวตฺเตตพฺพานิ.
กถํ? เอตฺถ หิ จตฺตาริ มหาภูตานิ อชฺฌตฺติกานิ ปฺจายตนานิ พาหิรานิ ปฺจายตนานิ ธมฺมายตเน ปนฺนรส สุขุมรูปานิ สกฺกายสฺส เอกเทโสติ อยํ รูปกฺขนฺโธ, มนายตนํ วิฺาณกฺขนฺโธ ธมฺมายตเนกเทโส จตฺตาโร โอฆา สกฺกาเยกเทโสติ อิเม จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา. ตตฺถ รูปกฺขนฺโธ รูปํ, จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา นามนฺติ อิทํ นามรูปํ. ตสฺส นนฺทีราโค กาโมโฆ ภโวโฆ ธมฺมายตเนกเทโส สกฺกาเยกเทโสติ ¶ อิเม ปจฺจยา. อิติ สปฺปจฺจยํ นามรูปํ ววตฺถเปติ นาม. สปฺปจฺจยํ นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาตีติ อิทํ เอกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ.
ตตฺถ จตฺตาโร มหาภูตา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา อชฺฌตฺติกพาหิรานิ เอกาทสายตนานิ ธมฺมายตเนกเทโส ทิฏฺโโฆ อวิชฺโชโฆ สกฺกาเยกเทโสติ อิทํ ทุกฺขสจฺจํ, นนฺทีราโค ธมฺมายตเนกเทโส กาโมโฆ ภโวโฆ สกฺกาเยกเทโสติ อิทํ สมุทยสจฺจํ, ปาริมตีรสงฺขาตํ ¶ นิพฺพานํ นิโรธสจฺจํ, อริยมคฺโค มคฺคสจฺจํ. ตตฺถ ทฺเว สจฺจานิ วฏฺฏํ, ทฺเว วิวฏฺฏํ, ทฺเว โลกิยานิ, ทฺเว โลกุตฺตรานีติ จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหากาเรหิ สฏฺินยสหสฺเสหิ วิภชิตฺวา ทสฺเสตพฺพานีติ. เทสนาปริโยสาเน วิปฺจิตฺู ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. สุตฺตํ ปน ทุกฺขลกฺขณวเสน กถิตํ.
๒. รโถปมสุตฺตวณฺณนา
๒๓๙. ทุติเย สุขโสมนสฺสพหุโลติ กายิกสุขฺเจว เจตสิกโสมนสฺสฺจ พหุลํ อสฺสาติ สุขโสมนสฺสพหุโล. โยนิ จสฺส อารทฺธา โหตีติ การณฺจสฺส ปริปุณฺณํ โหติ. อาสวานํ ขยายาติ อิธ อาสวกฺขโยติ อรหตฺตมคฺโค อธิปฺเปโต, ตทตฺถายาติ อตฺโถ. โอธสฺตปโตโทติ ¶ รถมชฺเฌ ติริยํ ปิตปโตโท. เยนิจฺฉกนฺติ เยน ทิสาภาเคน อิจฺฉติ. ยทิจฺฉกนฺติ ยํ ยํ คมนํ อิจฺฉติ. สาเรยฺยาติ เปเสยฺย. ปจฺจาสาเรยฺยาติ ปฏิวินิวตฺเตยฺย. อารกฺขายาติ รกฺขณตฺถาย. สํยมายาติ เวคนิคฺคหณตฺถาย. ทมายาติ นิพฺพิเสวนตฺถาย. อุปสมายาติ กิเลสูปสมตฺถาย.
เอวเมว โขติ เอตฺถ ยถา อกุสลสฺส สารถิโน อทนฺเต สินฺธเว โยเชตฺวา วิสมมคฺเคน รถํ เปเสนฺตสฺส จกฺกานิปิ ภิชฺชนฺติ, อกฺโขปิ สินฺธวานฺจ ขุรา, อตฺตนาปิ อนยพฺยสนํ ปาปุณาติ, น จ อิจฺฉิติจฺฉิเตน คมเนน สาเรตุํ สกฺโกติ ¶ ; เอวํ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาโร ภิกฺขุ น อิจฺฉิติจฺฉิตํ สมณรตึ อนุภวิตุํ สกฺโกติ. ยถา ปน เฉโก สารถิ ทนฺเต สินฺธเว โยเชตฺวา, สเม ภูมิภาเค รถํ โอตาเรตฺวา รสฺมิโย คเหตฺวา, สินฺธวานํ ขุเรสุ สตึ เปตฺวา, ปโตทํ อาทาย นิพฺพิเสวเน กตฺวา, เปเสนฺโต อิจฺฉิติจฺฉิเตน คมเนน สาเรติ. เอวเมว ฉสุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร ภิกฺขุ อิมสฺมึ สาสเน อิจฺฉิติจฺฉิตํ สมณรตึ อนุโภติ, สเจ อนิจฺจานุปสฺสนาภิมุขํ าณํ เปเสตุกาโม โหติ, ตทภิมุขํ าณํ คจฺฉติ. ทุกฺขานุปสฺสนาทีสุปิ เอเสว นโย.
โภชเน มตฺตฺูติ โภชนมฺหิ ปมาณฺู. ตตฺถ ทฺเว ปมาณานิ – ปฏิคฺคหณปมาณฺจ ปริโภคปมาณฺจ. ตตฺถ ปฏิคฺคหณปมาเณ ทายกสฺส วโส ¶ เวทิตพฺโพ, เทยฺยธมฺมสฺส วโส เวทิตพฺโพ, อตฺตโน ถาโม ชานิตพฺโพ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ สเจ เทยฺยธมฺโม พหุโก โหติ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม อปฺโป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโมปิ พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ตฺวา ปมาเณน คณฺหาติ. โส ตาย ปฏิคฺคหเณ มตฺตฺุตาย อนุปฺปนฺนฺจ ลาภํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนฺจ ถาวรํ กโรติ ธมฺมิกติสฺสมหาราชกาเล สตฺตวสฺสิโก สามเณโร วิย.
รฺโ กิร ปฺจหิ สกฏสเตหิ คุฬํ อาหรึสุ. ราชา ‘‘มนาโป ปณฺณากาโร, อยฺเยหิ วินา น ขาทิสฺสามา’’ติ อฑฺฒเตยฺยานิ สกฏสตานิ มหาวิหารํ เปเสตฺวา สยมฺปิ ภุตฺตปาตราโส อคมาสิ. เภริยา ปหฏาย ทฺวาทส ภิกฺขุสหสฺสานิ สนฺนิปตึสุ. ราชา เอกมนฺเต ิโต อารามิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘รฺโ นาม ทาเน ปตฺตปูโรว ปมาณํ, คหิตภาชนํ ¶ ปูเรตฺวาว เทหิ, สเจ โกจิ มตฺตปฏิคฺคหเณ ิโต น คณฺหาติ, มยฺหํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ.
อเถโก มหาเถโร ‘‘มหาโพธิมหาเจติยานิ วนฺทิสฺสามี’’ติ เจติยปพฺพตา อาคนฺตฺวา, วิหารํ ปวิสนฺโต มหามณฺฑปฏฺาเน ¶ ภิกฺขู คุฬํ คณฺหนฺเต ทิสฺวา ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ สามเณรํ อาห, ‘‘นตฺถิ เต คุเฬน อตฺโถ’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต, นตฺถี’’ติ. สามเณร มยํ มคฺคกิลนฺตา, เอเกน กปิฏฺผลมตฺเตน ปิณฺฑเกน อมฺหากํ อตฺโถติ. สามเณโร ถาลกํ นีหริตฺวา เถรสฺส วสฺสคฺคปฏิปาฏิยํ อฏฺาสิ. อารามิโก คหณมานํ ปูเรตฺวา อุกฺขิปิ, สามเณโร องฺคุลึ จาเลสิ. ตาต สามเณร, ราชกุลานํ ทาเน ภาชนปูรเมว ปมาณํ, ถาลกปูรํ คณฺหาหีติ. อาม, อุปาสก, ราชาโน นาม มหชฺฌาสยา โหนฺติ, อมฺหากํ ปน อุปชฺฌายสฺส เอตฺตเกเนว อตฺโถติ.
ราชา ตสฺส กถํ สุตฺวา, ‘‘กึ โภ สามเณโร ภณตี’’ติ? ตสฺส สนฺติกํ คโต. อารามิโก อาห – ‘‘สามิ, สามเณรสฺส ภาชนํ ขุทฺทกํ, พหุํ น คณฺหาตี’’ติ. ราชา อาห, ‘‘อานีตภาชนํ ปูเรตฺวา คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ. มหาราช, ราชาโน นาม มหชฺฌาสยา โหนฺติ ¶ , อุกฺขิตฺตภาชนํ ปูเรตฺวาว ทาตุกามา, อมฺหากํ ปน อุปชฺฌายสฺส เอตฺตเกเนว อตฺโถติ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ สตฺตวสฺสิกทารโก, อชฺชาปิสฺส มุขโต ขีรคนฺโธ น มุจฺจติ, คเหตฺวา กุเฏ วา กุฏุมฺเพ วา ปูเรตฺวา สฺเวปิ ปุนทิวเสปิ ขาทิสฺสามาติ น วทติ, สกฺกา พุทฺธสาสนํ ปริคฺคเหตุ’’นฺติ ปุริเส อาณาเปสิ, ‘‘โภ, ปสนฺโนมฺหิ สามเณรสฺส, อิตรานิปิ อฑฺฒเตยฺยานิ สกฏสตานิ อาเนตฺวา สฆํสฺส เทถา’’ติ.
โสเยว ปน ราชา เอกทิวสํ ติตฺติรมํสํ ขาทิตุกาโม จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อหํ องฺคารปกฺกํ ติตฺติรมํสํ ขาทิตุกาโมสฺมีติ อฺสฺส กเถสฺสามิ, สมนฺตา โยชนฏฺาเน ติตฺติรสมุคฺฆาตํ กริสฺสนฺตี’’ติ อุปฺปนฺนํ ปิปาสํ อธิวาเสนฺโต ตีณิ สํวจฺฉรานิ วีตินาเมสิ. อถสฺส กณฺเณสุ ปุพฺโพ สณฺาสิ, โส อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อตฺถิ นุ โข, โภ, อมฺหากํ โกจิ อุปฏฺากุปาสโก สีลรกฺขโก’’ติ ปุจฺฉิ ¶ . อาม, เทว, อตฺถิ, ติสฺโส นาม โส อขณฺฑสีลํ รกฺขตีติ. อถ นํ วีมํสิตุกาโม ปกฺโกสาเปสิ. โส อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ตโต นํ อาห – ‘‘ตฺวํ, ตาต, ติสฺโส นามา’’ติ? ‘‘อาม ¶ เทวา’’ติ. เตน หิ คจฺฉาติ. ตสฺมึ คเต เอกํ กุกฺกุฏํ อาหราเปตฺวา เอกํ ปุริสํ อาณาเปสิ, ‘‘คจฺฉ ติสฺสํ วทาหิ, อิมํ ตีหิ ปาเกหิ ปจิตฺวา อมฺหากํ อุปฏฺาเปหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตถา อโวจ. โส อาห – ‘‘สเจ, โภ, อยํ มตโก อสฺส, ยถา ชานามิ, ตถา ปจิตฺวา อุปฏฺเหยฺยํ. ปาณาติปาตํ ปนาหํ น กโรมี’’ติ. โส อาคนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ.
ราชา ปุน ‘‘เอกวารํ คจฺฉา’’ติ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา, ‘‘โภ, ราชุปฏฺานํ นาม ภาริยํ, มา เอวํ กริ, ปุนปิ สีลํ สกฺกา สมาทาตุํ, ปเจต’’นฺติ อาห. อถ นํ ติสฺโส อโวจ, ‘‘โภ, เอกสฺมึ นาม อตฺตภาเว ธุวํ เอกํ มรณํ, นาหํ ปาณาติปาตํ กริสฺสามี’’ติ. โส ปุนปิ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตติยมฺปิ เปเสตฺวา อสมฺปฏิจฺฉนฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อตฺตนา ปุจฺฉิ. รฺโปิ ตเถว ปฏิวจนํ อทาสิ. อถ ราชา ปุริเส อาณาเปสิ, ‘‘อยํ รฺโ อาณํ โกเปติ, คจฺฉเถตสฺส อาฆาตนภณฺฑิกายํ เปตฺวา, สีสํ ฉินฺทถา’’ติ. รโห ¶ จ ปน เนสํ สฺมทาสิ – ‘‘อิมํ สนฺตชฺชยมานา เนตฺวา สีสมสฺส อาฆาตนภณฺฑิกายํ เปตฺวา อาคนฺตฺวา มยฺหํ อาโรเจถา’’ติ.
เต ตํ อาฆาตนภณฺฑิกายํ นิปชฺชาเปตฺวา ตมสฺส กุกฺกุฏํ หตฺเถสุ ปยึสุ. โส ตํ หทเย เปตฺวา ‘‘อหํ, ตาต, มม ชีวิตํ ตุยฺหํ เทมิ, ตว ชีวิตํ อหํ คณฺหามิ, ตฺวํ นิพฺภโย คจฺฉา’’ติ วิสฺสชฺเชสิ. กุกฺกุโฏ ปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา อากาเสน คนฺตฺวา วฏรุกฺเข นิลียิ. ตสฺส กุกฺกุฏสฺส อภยทินฺนฏฺานํ กุกฺกุฏคิริ นาม ชาตํ.
ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา อมจฺจปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สพฺพาภรเณหิ อลงฺกริตฺวา อาห – ‘‘ตาต, มยา ตฺวํ เอตทตฺถเมว วีมํสิโต, มยฺหํ ติตฺติรมํสํ ขาทิตุกามสฺส ตีณิ สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ, สกฺขิสฺสสิ เม ติโกฏิปริสุทฺธํ กตฺวา อุปฏฺาเปตุ’’นฺติ. ‘‘เอตํ นาม, เทว, มยฺหํ กมฺม’’นฺติ นิกฺขมิตฺวา ทฺวารนฺตเร ิโต เอกํ ปุริสํ ปาโตว ตโย ติตฺติเร คเหตฺวา ปวิสนฺตํ ¶ ทิสฺวา, ทฺเว กหาปเณ ทตฺวา ติตฺติเร อาทาย ปริโสเธตฺวา, ชีรกาทีหิ วาเสตฺวา, องฺคาเรสุ สุปกฺเก ปจิตฺวา รฺโ อุปฏฺาเปสิ. ราชา มหาตเล สิรีปลฺลงฺเก นิสินฺโนว เอกํ คเหตฺวา โถกํ ฉินฺทิตฺวา มุเข ปกฺขิปิ, ตาวเทวสฺส สตฺตรสหรณีสหสฺสานิ ผริตฺวา อฏฺาสิ.
ตสฺมึ ¶ สมเย ภิกฺขุสงฺฆํ สริตฺวา, ‘‘มาทิโส นาม ปถวิสฺสโร ราชา ติตฺติรมํสํ ขาทิตุกาโม ตีณิ สํวจฺฉรานิ น ลภิ, อปจฺจมาโน ภิกฺขุสงฺโฆ กุโต ลภิสฺสตี’’ติ? มุเข ปกฺขิตฺตกฺขณฺฑํ ภูมิยํ ฉฑฺเฑสิ. อมจฺจปุตฺโต ชณฺณุเกหิ ปติตฺวา มุเขน คณฺหิ. ราชา ‘‘อเปหิ, ตาต, ชานามหํ ตว นิทฺโทสภาวํ, อิมินา นาม การเณน มยา เอตํ ฉฑฺฑิต’’นฺติ กเถตฺวา, ‘‘เสสกํ ตเถว สงฺโคเปตฺวา เปหี’’ติ อาห.
ปุนทิวเส ราชกุลูปโก เถโร ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อมจฺจปุตฺโต ตํ ทิสฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ราชเคหํ ปเวเสสิ. อฺตโร วุฑฺฒปพฺพชิโตปิ เถรสฺส ปจฺฉาสมโณ วิย หุตฺวา อนุพนฺธนฺโต ปาวิสิ. เถโร ‘‘รฺา ปกฺโกสาปิตภิกฺขุ ภวิสฺสตี’’ติ ปมชฺชิ. อมจฺจปุตฺโตปิ ‘‘เถรสฺส อุปฏฺาโก ภวิสฺสตี’’ติ ปมาทํ อาปชฺชิ. เตสํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ อทํสุ. ยาคุยา ปีตาย ราชา ติตฺติเร อุปเนสิ. เถโร เอกํ คณฺหิ, อิตโรปิ ¶ เอกํ คณฺหิ. ราชา ‘‘อนุภาโค อตฺถิ, อนาปุจฺฉิตฺวา ขาทิตุํ น ยุตฺต’’นฺติ มหาเถรํ อาปุจฺฉิ. เถโร หตฺถํ ปิทหิ, มหลฺลกตฺเถโร สมฺปฏิจฺฉิ. ราชา อนตฺตมโน หุตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ เถรํ ปตฺตํ อาทาย อนุคจฺฉนฺโต อาห – ‘‘ภนฺเต, กุลเคหํ อาคจฺฉนฺเตหิ อุคฺคหิตวตฺตํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา อาคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เถโร ตสฺมึ ขเณ อฺาสิ ‘‘น เอส รฺา ปกฺโกสาปิโต’’ติ.
ปุนทิวเส อุปฏฺากสามเณรํ คเหตฺวา ปาวิสิ. ราชา ตทาปิ ยาคุยา ปีตาย ติตฺติเร อุปนาเมสิ. เถโร เอกํ อคฺคเหสิ, สามเณโร องฺคุลึ จาเลตฺวา มชฺเฌ ฉินฺทาเปตฺวา เอกโกฏฺาสเมว อคฺคเหสิ. ราชา ตํ โกฏฺาสํ มหาเถรสฺส อุปนาเมสิ. มหาเถโร หตฺถํ ปิทหิ, สามเณโรปิ ปิทหิ. ราชา อวิทูเร นิสีทิตฺวา ขณฺฑาขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา ขาทนฺโต ‘‘อุคฺคหิตวตฺเต ¶ นิสฺสาย ทิยฑฺฒติตฺติเร ขาทิตุํ ลภิมฺหา’’ติ อาห. ตสฺส มํเส ขาทิตมตฺเตว กณฺเณหิ ปุพฺโพ นิกฺขมิ. ตโต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา สามเณรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ปสนฺโนสฺมิ, ตาต, อฏฺ เต ธุวภตฺตานิ เทมี’’ติ อาห. อหํ, มหาราช, อุปชฺฌายสฺส ทมฺมีติ. อปรานิ อฏฺ เทมีติ. ตานิ อมฺหากํ อาจริยสฺส ทมฺมีติ. อปรานิปิ อฏฺ เทมีติ. ตานิ สมานุปชฺฌายานํ ทมฺมีติ. อปรานิปิ อฏฺ เทมีติ. ตานิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมีติ. อปรานิปิ อฏฺ เทมีติ. สามเณโร อธิวาเสสิ. เอวํ ปฏิคฺคหณมตฺตํ ชานนฺโต อนุปฺปนฺนฺเจว ลาภํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนฺจ ถาวรํ กโรติ. อิทํ ปฏิคฺคหณปมาณํ นาม. ตตฺถ ปริโภคปมาณํ ปจฺจเวกฺขณปโยชนํ, ‘‘อิทมตฺถิยํ โภชนํ ภฺุชามี’’ติ ปน ปจฺจเวกฺขิตปริโภคสฺเสว ¶ ปโยชนตฺตา ปริโภคปมาณํเยว นาม, ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. เตเนว ปฏิสงฺขา โยนิโสติอาทิมาห, อิตรมฺปิ ปน วฏฺฏติเยว.
สีหเสยฺยนฺติ เอตฺถ กามโภคิเสยฺยา, เปตเสยฺยา, สีหเสยฺยา, ตถาคตเสยฺยาติ จตสฺโส เสยฺยา. ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, กามโภคี วาเมน ปสฺเสน เสนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ กามโภคิเสยฺยา. เตสฺหิ เยภุยฺเยน ทกฺขิณปสฺเสน สยาโน นาม นตฺถิ.
‘‘เยภุยฺเยน ¶ , ภิกฺขเว, เปตา อุตฺตานา เสนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ เปตเสยฺยา. เปตา หิ อปฺปมํสโลหิตตฺตา อฏฺิสงฺฆาฏชฏิตา เอเกน ปสฺเสน สยิตุํ น สกฺโกนฺติ, อุตฺตานาว สยนฺติ.
‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, สีโห มิคราชา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ อนุปกฺขิปิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สยตี’’ติ อยํ สีหเสยฺยา. เตชุสฺสทตฺตา หิ สีโห มิคราชา ทฺเว ปุริมปาเท เอกสฺมึ, ปจฺฉิมปาเท เอกสฺมึ าเน เปตฺวา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทปจฺฉิมปาทนงฺคุฏฺานํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ทฺวินฺนํ ปุริมปาทานํ มตฺถเก สีสํ เปตฺวา สยติ ¶ , ทิวสมฺปิ สยิตฺวา ปพุชฺฌมาโน น อุตฺรสนฺโต ปพุชฺฌติ, สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทาทีนํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขติ. สเจ กิฺจิ านํ วิชหิตฺวา ิตํ โหติ, ‘‘นยิทํ ตุยฺหํ ชาติยา สูรภาวสฺส จ อนุรูป’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ตตฺเถว สยติ, น โคจราย ปกฺกมติ. อวิชหิตฺวา ิเต ปน ‘‘ตุยฺหํ ชาติยา จ สูรภาวสฺส จ อนุรูปมิท’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ อุฏฺาย สีหวิชมฺภิตํ วิชมฺภิตฺวา เกสรภารํ วิธุนิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ.
จตุตฺถชฺฌานเสยฺยา ปน ตถาคตเสยฺยาติ วุจฺจติ. ตาสุ อิธ สีหเสยฺยา อาคตา. อยฺหิ เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา นาม.
ปาเท ปาทนฺติ ทกฺขิณปาเท วามปาทํ. อจฺจาธายาติ อติอาธาย, อีสกํ อติกฺกมฺม เปตฺวา. โคปฺผเกน หิ โคปฺผเก, ชาณุนา วา ชาณุมฺหิ สงฺฆฏฺฏิยมาเน อภิณฺหํ เวทนา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ, เสยฺยา อผาสุกา โหติ. ยถา ปน น สงฺฆํฏฺเฏติ, เอวํ อติกฺกมฺม ¶ ปิเต เวทนา นุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, เสยฺยา ผาสุกา โหติ. ตสฺมา เอวํ เสยฺยํ กปฺเปติ.
สโต สมฺปชาโนติ สติยา เจว สมฺปชฺเน จ สมนฺนาคโต. กถํ นิทฺทายนฺโต สโต สมฺปชาโน โหตีติ? สติสมฺปชฺสฺส อปฺปหาเนน. อยฺหิ ทิวสฺเจว สกลยามฺจ อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตฺวา ปมยามาวสาเน จงฺกมา โอรุยฺห ปาเท โธวนฺโตปิ มูลกมฺมฏฺานํ อวิชหนฺโตว โธวติ, ตํ อวิชหนฺโตว ทฺวารํ ¶ วิวรติ, มฺเจ นิสีทติ, อวิชหนฺโตว นิทฺทํ โอกฺกมติ. ปพุชฺฌนฺโต ปน มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว ปพุชฺฌติ. เอวํ นิทฺทํ โอกฺกมนฺโตปิ สโต สมฺปชาโน โหติ. เอวํ ปน าณธาตุกนฺติ น โรจยึสุ.
วุตฺตนเยน ¶ ปเนส จิตฺตํ ปริโสเธตฺวา ปมยามาวสาเน ‘‘อุปาทินฺนกํ สรีรํ นิทฺทาย สมสฺสาเสสฺสามี’’ติ จงฺกมา โอรุยฺห มูลกมฺมฏฺานํ อวิชหนฺโตว ปาเท โธวติ, ทฺวารํ วิวรติ, มฺเจ ปน นิสีทิตฺวา มูลกมฺมฏฺานํ ปหาย, ‘‘ขนฺธาว ขนฺเธสุ, ธาตุโยว ธาตูสุ ปฏิหฺนฺตี’’ติ เสนาสนํ ปจฺจเวกฺขนฺโต กเมน นิทฺทํ โอกฺกมติ, ปพุชฺฌนฺโต ปน มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว ปพุชฺฌติ. เอวํ นิทฺทํ โอกฺกมนฺโตปิ สโต สมฺปชาโน นาม โหตีติ เวทิตพฺโพ.
อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต ติวงฺคิกา ปุพฺพภาควิปสฺสนาว กถิตา. เอตฺตเกเนว ปน โวสานํ อนาปชฺชิตฺวา ตาเนว อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปาปุณาตีติ. เอวํ ยาว อรหตฺตา เทสนา กเถตพฺพา.
๓. กุมฺโมปมสุตฺตวณฺณนา
๒๔๐. ตติเย กุมฺโมติ อฏฺิกุมฺโม. กจฺฉโปติ ตสฺเสว เววจนํ. อนุนทีตีเรติ นทิยา อนุตีเร. โคจรปสุโตติ ‘‘สเจ กิฺจิ ผลาผลํ ลภิสฺสามิ, ขาทิสฺสามี’’ติ โคจรตฺถาย ปสุโต อุสฺสุกฺโก ตนฺนิพนฺโธ. สโมทหิตฺวาติ สมุคฺเค วิย ปกฺขิปิตฺวา. สงฺกสายตีติ อจฺฉติ. สโมทหนฺติ สโมทหนฺโต เปนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา กุมฺโม องฺคานิ สเก กปาเล สโมทหนฺโต สิงฺคาลสฺส โอตารํ น เทติ, น จ นํ สิงฺคาโล ปสหติ, เอวํ ¶ ภิกฺขุ อตฺตโน มโนวิตกฺเก สเก อารมฺมณกปาเล สโมทหนฺโต กิเลสมารสฺส โอตารํ น เทติ, น จ นํ มาโร ปสหติ.
อนิสฺสิโตติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสเยหิ อนิสฺสิโต. อฺมเหยาโนติ อฺํ กฺจิ ปุคฺคลํ อวิเหเนฺโต. ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต. นูปวเทยฺย กฺจีติ อฺํ กฺจิ ปุคฺคลํ สีลวิปตฺติยา วา อาจารวิปตฺติยา วา อตฺตานํ อุกฺกํเสตุกามตาย วา ¶ ปรํ วมฺเภตุกามตาย วา น อุปวเทยฺย, อฺทตฺถุ ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺเปตฺวา, ‘‘กาเลน วกฺขามิ, โน อกาเลน, ภูเตน วกฺขามิ ¶ , โน อภูเตน, สณฺเหน วกฺขามิ, โน ผรุเสน, อตฺถสํหิเตน วกฺขามิ, โน อนตฺถสํหิเตน, เมตฺตจิตฺโต วกฺขามิ, โน โทสนฺตโร’’ติ เอวํ อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตเนว จิตฺเตน วิหรติ.
๔. ปมทารุกฺขนฺโธปมสุตฺตวณฺณนา
๒๔๑. จตุตฺเถ อทฺทสาติ คงฺคาตีเร ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อทฺทส. วุยฺหมานนฺติ จตุรสฺสํ ตจฺเฉตฺวา ปพฺพตนฺตเร ปิตํ วาตาตเปน สุปริสุกฺขํ ปาวุสฺสเก เมเฆ วสฺสนฺเต อุทเกน อุปฺลวิตฺวา อนุปุพฺเพน คงฺคาย นทิยา โสเต ปติตํ เตน โสเตน วุยฺหมานํ. ภิกฺขู อามนฺเตสีติ ‘‘อิมินา ทารุกฺขนฺเธน สทิสํ กตฺวา มม สาสเน สทฺธาปพฺพชิตํ กุลปุตฺตํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ ธมฺมํ เทเสตุกามตาย อามนฺเตสิ. อมุํ มหนฺตํ ทารุกฺขนฺธํ คงฺคาย นทิยา โสเตน วุยฺหมานนฺติ อิทํ ปน อฏฺโทสวิมุตฺตตฺตา โสตปฏิปนฺนสฺส ทารุกฺขนฺธสฺส อปเร สมุทฺทปตฺติยา อนฺตรายกเร อฏฺ โทเส ทสฺเสตุํ อารภิ.
ตตฺรสฺส เอวํ อฏฺโทสวิมุตฺตตา เวทิตพฺพา – เอโก หิ คงฺคาย นทิยา อวิทูเร ปพฺพตตเล ชาโต นานาวลฺลีหิ ปลิเวิโต ปณฺฑุปลาสตํ อาปชฺชิตฺวา อุปจิกาทีหิ ขชฺชมาโน ตสฺมึเยว าเน อปณฺณตฺติกภาวํ คจฺฉติ, อยํ ทารุกฺขนฺโธ คงฺคํ โอตริตฺวา วงฺกฏฺาเนสุ วิลาสมาโน สาครํ ปตฺวา มณิวณฺเณ อูมิปิฏฺเ โสภิตุํ น ลภติ.
อปโร คงฺคาตีเร พหิมูโล อนฺโตสาโข หุตฺวา ชาโต, อยํ กิฺจาปิ กาเลน กาลํ โอลมฺพินีหิ ¶ สาขาหิ อุทกํ ผุสติ, พหิมูลตฺตา ปน คงฺคํ โอตริตฺวา วงฺกฏฺาเนสุ วิลาสมาโน สาครํ ปตฺวา มณิวณฺเณ อูมิปิฏฺเ โสภิตุํ น ลภติ.
อปโร มชฺเฌ คงฺคาย ชาโต, ทฬฺหมูเลน ปน สุปฺปติฏฺิโต, พหิ จสฺส คตา วงฺกสาขา นานาวลฺลีหิ อาพทฺธา, อยมฺปิ ทฬฺหมูลตฺตา พหิทฺธา วลฺลีหิ อาพทฺธตฺตา จ คงฺคํ โอตริตฺวา…เป… โสภิตุํ น ลภติ.
อปโร ¶ ปติตฏฺาเนเยว วาลิกาย โอตฺถโฏ ปูติภาวํ อาปชฺชติ, อยมฺปิ คงฺคํ โอตริตฺวา…เป… น ลภติ.
อปโร ทฺวินฺนํ ปาสาณานํ ¶ อนฺตเร ชาตตฺตา, สุนิขาโต วิย นิจฺจโล ิโต, อาคตาคตํ อุทกํ ทฺวิธา ผาเลติ, อยํ ปาสาณนฺตเร สุฏฺุ ปติฏฺิตตฺตา คงฺคํ โอตริตฺวา…เป… น ลภติ.
อปโร อพฺโภกาสฏฺาเน นภํ ปูเรตฺวา วลฺลีหิ อาพทฺโธ ิโต. เอกํ ทฺเว สํวจฺฉเร อติกฺกมิตฺวา อาคเต มโหเฆ สกึ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา เตเมติ, อยมฺปิ นภํ ปูเรตฺวา ิตตาย เจว เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา สํวจฺฉรานํ อจฺจเยน สกึ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา เตมนตาย จ คงฺคํ โอตริตฺวา…เป… น ลภติ.
อปโรปิ มชฺเฌ คงฺคาย ทีปเก ชาโต มุทุกฺขนฺธสาโข โอเฆ อาคเต อนุโสตํ นิปชฺชิตฺวา, อุทเก คเต สีสํ อุกฺขิปิตฺวา, นจฺจนฺโต วิย ติฏฺติ. ยสฺสตฺถาย สาคโร คงฺคํ เอวํ วิย วทติ, ‘‘โภติ คงฺเค ตฺวํ มยฺหํ จนฺทนสารสลฬสาราทีนิ นานาทารูนิ อาหรสิ, ทารุกฺขนฺธํ ปน นาหรสี’’ติ. สุลโภ เอส, เทว, ปุนวาเร ชานิสฺสามีติ. ปุนวาเร ตมฺพวณฺเณน อุทเกน อาลิงฺคมานา วิย อาคจฺฉติ. โสปิ ตเถว อนุโสตํ นิปชฺชิตฺวา, อุทเก คเต สีสํ อุกฺขิปิตฺวา, นจฺจนฺโต วิย ติฏฺติ. อยํ อตฺตโน มุทุตาย คงฺคํ โอตริตฺวา…เป… น ลภติ.
อปโร คงฺคาย นทิยา ติริยํ ปติโต วาลิกาย โอตฺถริโต อนฺตรเสตุ วิย พหูนํ ปจฺจโย ¶ ชาโต, อุโภสุ ตีเรสุ เวฬุนฬกรฺชกกุธาทโย อุปฺลวิตฺวา ตตฺเถว ลคฺคนฺติ. ตถา นานาวิธา คจฺฉา วุยฺหมานา ภินฺนมุสลภินฺนสุปฺปอหิกุกฺกุรหตฺถิอสฺสาทิกุณปานิปิ ตตฺเถว ลคฺคนฺติ. มหาคงฺคาปิ นํ อาสชฺช ภิชฺชิตฺวา ทฺวิธา คจฺฉติ, มจฺฉกจฺฉปกุมฺภีลมกราทโยปิ ตตฺเถว วาสํ กปฺเปนฺติ. อยมฺปิ ติริยํ ปติตฺวา มหาชนสฺส ปจฺจยตฺตกตภาเวน ¶ คงฺคํ โอตริตฺวา วงฺกฏฺาเนสุ วิลาสมาโน สาครํ ปตฺวา มณิวณฺเณ อูมิปิฏฺเ โสภิตุํ น ลภติ.
อิติ ภควา อิเมหิ อฏฺหิ โทเสหิ วิมุตฺตตฺตา โสตปฏิปนฺนสฺส ทารุกฺขนฺธสฺส อปเร สมุทฺทปตฺติยา อนฺตรายกเร อฏฺ โทเส ทสฺเสตุํ อมุํ ¶ มหนฺตํ ทารุกฺขนฺธํ คงฺคาย นทิยา โสเตน วุยฺหมานนฺติอาทิมาห. ตตฺถ น ถเล อุสฺสีทิสฺสตีติ ถลํ นาภิรุหิสฺสติ. น มนุสฺสคฺคาโห คเหสฺสตีติ ‘‘มหา วตายํ ทารุกฺขนฺโธ’’ติ ทิสฺวา, อุฬุมฺเปน ตรมานา คนฺตฺวา, โคปานสีอาทีนํ อตฺถาย มนุสฺสา น คณฺหิสฺสนฺติ. น อมนุสฺสคฺคาโห คเหสฺสตีติ ‘‘มหคฺโฆ อยํ จนฺทนสาโร, วิมานทฺวาเร นํ เปสฺสามา’’ติ มฺมานา น อมนุสฺสา คณฺหิสฺสนฺติ.
เอวเมว โขติ เอตฺถ สทฺธึ พาหิเรหิ อฏฺหิ โทเสหิ เอวํ โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ – คงฺคาย อวิทูเร ปพฺพตตเล ชาโต ตตฺเถว อุปจิกาทีหิ ขชฺชมาโน อปณฺณตฺติกภาวํ คตทารุกฺขนฺโธ วิย หิ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต ปุคฺคโล เวทิตพฺโพ. อยฺหิ สาสนสฺส ทูรีภูตตฺตา อริยมคฺคํ โอรุยฺห สมาธิกุลฺเล นิสินฺโน นิพฺพานสาครํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ.
คงฺคาตีเร พหิมูโล อนฺโตสาโข หุตฺวา ชาโต วิย อจฺฉินฺนคิหิพนฺธโน สมณกุฏิมฺพิกปุคฺคโล ทฏฺพฺโพ. อยฺหิ ‘‘จิตฺตํ นาเมตํ อนิพทฺธํ, ‘สมโณมฺหี’ติ วทนฺโตว คิหี โหติ, ‘คิหีมฺหี’ติ วทนฺโตว สมโณ โหติ. โก ชานิสฺสติ, กึ ภวิสฺสตี’’ติ? มหลฺลกกาเล ปพฺพชนฺโตปิ คิหิพนฺธนํ น วิสฺสชฺเชติ. มหลฺลกปพฺพชิตานฺจ สมฺปตฺติ นาม นตฺถิ. ตสฺส สเจ จีวรํ ปาปุณาติ, อนฺตจฺฉินฺนกํ วา ชิณฺณทุพฺพณฺณํ วา ปาปุณาติ. เสนาสนมฺปิ วิหารปจฺจนฺเต ปณฺณสาลา วา มณฺฑโป วา ปาปุณาติ. ปิณฺฑาย จรนฺเตนาปิ ปุตฺตนตฺตกานํ ทารกานํ ปจฺฉโต จริตพฺพํ ¶ โหติ, ปริยนฺเต นิสีทิตพฺพํ โหติ. เตน โส ทุกฺขี ทุมฺมโน อสฺสูนิ มฺุจนฺโต, ‘‘อตฺถิ เม กุลสนฺตกํ ธนํ, กปฺปติ นุ โข ตํ ขาทนฺเตน ¶ ชีวิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา เอกํ วินยธรํ ปุจฺฉติ – ‘‘กึ, ภนฺเต อาจริย, อตฺตโน สนฺตกํ วิจาเรตฺวา ขาทิตุํ กปฺปติ, โน กปฺปตี’’ติ? ‘‘นตฺเถตฺถ โทโส, กปฺปเตต’’นฺติ. โส อตฺตโน ภชมานเก กติปเย ทุพฺพเจ ทุราจาเร ภิกฺขู คเหตฺวา, สายนฺหสมเย อนฺโตคามํ คนฺตฺวา, คามมชฺเฌ ิโต คามิเก ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อมฺหากํ ปโยคโต อุฏฺิตํ อายํ กสฺส เทถา’’ติ อาห. ภนฺเต, ตุมฺเห ปพฺพชิตา, มยํ กสฺส ทสฺสามาติ? กึ ปพฺพชิตานํ อตฺตโน สนฺตกํ น วฏฺฏตีติ? กุทฺทาล-ปิฏกํ คเหตฺวา, เขตฺตมริยาทพนฺธนาทีนิ กโรนฺโต นานาปฺปการํ ปุพฺพณฺณาปรณฺณฺเจว ¶ ผลาผเล จ สงฺคณฺหิตฺวา, เหมนฺตคิมฺหวสฺสาเนสุ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ ปจาเปตฺวา ขาทนฺโต สมณกุฏุมฺพิโก หุตฺวา ชีวติ. เกวลมสฺส ปฺจจูฬเกน ทารเกน สทฺธึ ปาทปริจาริกาว เอกา นตฺถิ. อยํ ปุคฺคโล กิฺจาปิ โอลมฺพินีหิ สาขาหิ อุทกํ ผุสมาโน อนฺโตสาโข รุกฺโข วิย เจติยงฺคณโพธิยงฺคณาทีสุ ภิกฺขูนํ กายสามคฺคึ เทติ, คิหิพนฺธนสฺส ปน อจฺฉินฺนตาย พหิมูลตฺตา อริยมคฺคํ โอตริตฺวา สมาธิกุลฺเล นิสินฺโน นิพฺพานสาครํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ.
คงฺคาย มชฺเฌ ชาโต พหิทฺธา วลฺลีหิ อาพทฺธวงฺกสาขา วิย สงฺฆสนฺตกํ นิสฺสาย ชีวมาโน ภินฺนาชีวปุคฺคโล ทฏฺพฺโพ. เอกจฺโจ คิหิพนฺธนํ ปหาย ปพฺพชนฺโตปิ สารุปฺปฏฺาเน ปพฺพชฺชํ น ลภติ. ปพฺพชฺชา หิ นาเมสา ปฏิสนฺธิคฺคหณสทิสา. ยถา มนุสฺสา ยตฺถ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ, เตสํเยว กุลานํ อาจารํ สิกฺขนฺติ, เอวํ ภิกฺขูปิ เยสํ สนฺติเก ปพฺพชนฺติ, เตสํเยว อาจารํ คณฺหนฺติ. ตสฺมา เอกจฺโจ อสารุปฺปฏฺาเน ปพฺพชิตฺวา โอวาทานุสาสนีอุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ ปริพาหิโร หุตฺวา ปาโตว มุณฺฑฆฏํ คเหตฺวา อุทกติตฺถํ คจฺฉติ, อาจริยุปชฺฌายานํ ¶ ภตฺตตฺถาย ขนฺเธ ปตฺตํ กตฺวา ภตฺตสาลํ คจฺฉติ, ทุพฺพจสามเณเรหิ สทฺธึ นานากีฬํ กีฬติ, อารามิกทารเกหิ สํสฏฺโ วิหรติ.
โส ทหรภิกฺขุกาเล อตฺตโน อนุรูเปหิ ทหรภิกฺขูหิ เจว อารามิเกหิ จ สทฺธึ สงฺฆโภคํ คนฺตฺวา, ‘‘อยํ ขีณาสเวหิ อสุกรฺโ สนฺติกา ปฏิคฺคหิตสงฺฆโภโค, ตุมฺเห สงฺฆสฺส อิทฺจิทฺจ น เทถ, น หิ ตุมฺหากํ ปวตฺตึ สุตฺวา ราชา วา ราชมหามตฺตา วา อตฺตมนา ภวิสฺสนฺติ, เอถ ทานิ อิทฺจิทฺจ กโรถา’’ติ กุทฺทาล-ปิฏกานิ คาหาเปตฺวา เหฏฺา ตฬากมาติกาสุ กตฺตพฺพกิจฺจานิ การาเปตฺวา พหุํ ปุพฺพณฺณาปรณฺณํ วิหารํ ปเวเสตฺวา อารามิเกหิ อตฺตโน อุปการภาวํ สงฺฆสฺส อาโรจาเปติ. สงฺโฆ ‘‘อยํ ทหโร พหูปกาโร, อิมสฺส ¶ สตํ วา ทฺวิสตํ วา เทถา’’ติ ทาเปติ. อิติ โส อิโต จิโต จ สงฺฆสนฺตเกเนว วฑฺฒนฺโต พหิทฺธา เอกวีสติวิธาหิ อเนสนาหิ พทฺโธ อริยมคฺคํ โอตริตฺวา สมาธิกุลฺเล นิสินฺโน นิพฺพานสาครํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ.
ปติตฏฺาเนเยว ¶ วาลิกาย โอตฺถริตฺวา ปูติภาวํ อาปาทิตรุกฺโข วิย อาลสิยมหคฺฆโส เวทิตพฺโพ. เอวรูปฺหิ ปุคฺคลํ อามิสจกฺขุํ ปจฺจยโลลํ วิสฺสฏฺอาจริยุปชฺฌายวตฺตํ อุทฺเทสปริปุจฺฉาโยนิโสมนสิการวชฺชิตํ สนฺธาย ปฺจ นีวรณานิ อตฺถโต เอวํ วทนฺติ – ‘‘โภ, กสฺส สนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ? อถ ถินมิทฺธํ อุฏฺาย เอวมาห – ‘‘กึ น ปสฺสถ? เอโส อสุกวิหารวาสี กุสีตปุคฺคโล อสุกํ นาม คามํ คนฺตฺวา ยาคุมตฺถเก ยาคุํ, ปูวมตฺถเก ปูวํ, ภตฺตมตฺถเก ภตฺตํ อชฺโฌหริตฺวา วิหารํ อาคมฺม วิสฺสฏฺสพฺพวตฺโต อุทฺเทสาทิวิรหิโต มฺจํ อุปคจฺฉนฺโต มยฺหํ โอกาสํ กโรตี’’ติ.
ตโต กามจฺฉนฺทนีวรณํ อุฏฺายาห – ‘‘โภ, ตว โอกาเส กเต มยฺหํ กโตว โหติ, อิทาเนว โส นิทฺทายิตฺวา กิเลสานุรฺชิโตว ปพุชฺฌิตฺวา กามวิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสตี’’ติ. ตโต พฺยาปาทนีวรณํ อุฏฺายาห – ‘‘ตุมฺหากํ โอกาเส กเต มยฺหํ ¶ กโตว โหติ. อิทาเนว นิทฺทายิตฺวา วุฏฺิโต ‘วตฺตปฏิวตฺตํ กโรหี’ติ วุจฺจมาโน, ‘โภ, อิเม อตฺตโน กมฺมํ อกตฺวา อมฺเหสุ พฺยาวฏา’ติ นานปฺปการํ ผรุสวจนํ วทนฺโต อกฺขีนิ นีหริตฺวา วิจริสฺสตี’’ติ. ตโต อุทฺธจฺจนีวรณํ อุฏฺายาห – ‘‘ตุมฺหากํ โอกาเส กเต มยฺหํ กโตว โหติ, กุสีโต นาม วาตาหโต อคฺคิกฺขนฺโธ วิย อุทฺธโต โหตี’’ติ. อถ กุกุจฺจนีวรณํ อุฏฺายาห – ‘‘ตุมฺหากํ โอกาเส กเต มยฺหํ กโตว โหติ, กุสีโต นาม กุกฺกุจฺจปกโตว โหติ, อกปฺปิเย กปฺปิยสฺํ กปฺปิเย จ อกปฺปิยสฺํ อุปฺปาเทตี’’ติ. อถ วิจิกิจฺฉานีวรณํ อุฏฺายาห – ‘‘ตุมฺหากํ โอกาเส กเต มยฺหํ กโตว โหติ. เอวรูโป หิ อฏฺสุ าเนสุ มหาวิจิกิจฺฉํ อุปฺปาเทสี’’ติ. เอวํ อาลสิยมหคฺฆสํ ปฺจ นีวรณานิ จณฺฑสุนขาทโย วิย สิงฺคจฺฉินฺนํ ชรคฺควํ อชฺโฌตฺถริตฺวา คณฺหนฺติ. โสปิ อริยมคฺคโสตํ โอตริตฺวา สมาธิกุลฺเล นิสินฺโน นิพฺพานสาครํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ.
ทฺวินฺนํ ปาสาณานํ อนฺตเร นิขาตมูลากาเรน ิตรุกฺโข วิย ทิฏฺึ อุปฺปาเทตฺวา ิโต ทิฏฺิคติโก เวทิตพฺโพ. โส หิ ‘‘อรูปภเว รูปํ อตฺถิ, อสฺีภเว จิตฺตํ ปวตฺตติ, พหุจิตฺตกฺขณิโก ¶ โลกุตฺตรมคฺโค, อนุสโย ¶ จิตฺตวิปฺปยุตฺโต, เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺตี’’ติ วทนฺโต อริฏฺโ วิย กณฺฏกสามเณโร วิย จ วิจรติ. ปิสุณวาโจ ปน โหติ, อุปชฺฌายาทโย สทฺธิวิหาริกาทีหิ ภินฺทนฺโต วิจรติ. โสปิ อริยมคฺคโสตํ โอตริตฺวา สมาธิกุลฺเล นิสินฺโน นิพฺพานสาครํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ.
อพฺโภกาเส นภํ ปูเรตฺวา วลฺลีหิ อาพทฺโธ ิโต เอกํ ทฺเว สํวจฺฉเร อติกฺกมิตฺวา อาคเต มโหเฆ สกึ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา เตมนรุกฺโข วิย มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตฺวา ปจฺจนฺเต วสมาโน ทุลฺลภสงฺฆทสฺสโน เจว ทุลฺลภธมฺมสฺสวโน จ ปุคฺคโล เวทิตพฺโพ. เอกจฺโจ หิ วุฑฺฒกาเล ปพฺพชิโต กติปาเหน อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา ปฺจวสฺสกาเล ปาติโมกฺขํ ปคุณํ กตฺวา ทสวสฺสกาเล วินยธรตฺเถรสฺส สนฺติเก วินยกถากาเล มริจํ วา หรีตกขณฺฑํ วา มุเข เปตฺวา พีชเนน มุขํ ปิธาย นิทฺทายนฺโต นิสีทิตฺวา เลสกปฺเปน กตวินโย นาม ¶ หุตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย ปจฺจนฺตํ คจฺฉติ. ตตฺร นํ มนุสฺสา สกฺกริตฺวา ภิกฺขุทสฺสนสฺส ทุลฺลภตาย ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถา’’ติ วิหารํ กาเรตฺวา ปุปฺผูปคผลูปครุกฺเข โรเปตฺวา ตตฺถ วาเสนฺติ.
อถ มหาวิหารสทิสวิหารา พหุสฺสุตา ภิกฺขู, ‘‘ชนปเท จีวรรชนาทีนิ กตฺวา อาคมิสฺสามา’’ติ ตตฺถ คจฺฉนฺติ. โส เต ทิสฺวา, หฏฺตุฏฺโ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา, ปุนทิวเส อาทาย ภิกฺขาจารคามํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อสุโก เถโร สุตฺตนฺติโก, อสุโก อภิธมฺมิโก, อสุโก วินยธโร, อสุโก เตปิฏโก, เอวรูเป เถเร กทา ลภิสฺสถ, ธมฺมสวนํ กาเรถา’’ติ วทติ. อุปาสกา ‘‘ธมฺมสฺสวนํ กาเรสฺสามา’’ติ วิหารมคฺคํ โสเธตฺวา, สปฺปิเตลาทีนิ อาทาย, มหาเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ธมฺมสฺสวนํ กาเรสฺสาม, ธมฺมกถิกานํ วิจาเรถา’’ติ วตฺวา ปุนทิวเส อาคนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติ.
เนวาสิกตฺเถโร อาคนฺตุกานํ ปตฺตจีวรานิ ปฏิสาเมนฺโต อนฺโตคพฺเภเยว ทิวสภาคํ วีตินาเมติ. ทิวากถิโก อุฏฺิโต สรภาณโก ฆเฏน อุทกํ วเมนฺโต วิย สรภาณํ ภณิตฺวา อุฏฺิโต, ตมฺปิ ¶ โส น ชานาติ. รตฺติกถิโก สาครํ โขเภนฺโต วิย รตฺตึ กเถตฺวา อุฏฺิโต, ตมฺปิ โส น ชานาติ. ปจฺจูสกถิโก กเถตฺวา อุฏฺาสิ, ตมฺปิ โส น ชานาติ. ปาโตว ปน อุฏฺาย มุขํ โธวิตฺวา, เถรานํ ปตฺตจีวรานิ อุปนาเมตฺวา, ภิกฺขาจารํ อุปคจฺฉนฺโต มหาเถรํ อาห ¶ – ‘‘ภนฺเต, ทิวากถิโก กตรํ ชาตกํ นาม กเถสิ, สรภาณโก กตรํ สุตฺตํ นาม ภณิ, รตฺติกถิโก กตรํ ธมฺมกถํ นาม กเถสิ, ปจฺจูสกถิโก กตรํ ชาตกํ นาม กเถสิ, ขนฺธา นาม กติ, ธาตุโย นาม กติ, อายตนา นาม กตี’’ติ. เอวรูโป เอกํ ทฺเว สํวจฺฉรานิ อติกฺกมิตฺวา ภิกฺขุทสฺสนฺเจว ธมฺมสฺสวนฺจ ลภนฺโตปิ โอเฆ อาคเต อุทเกน สกึ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ ¶ วา เตมิตรุกฺขสทิโส โหติ. โส เอวํ สงฺฆทสฺสนโต จ ธมฺมสฺสวนโต จ ปฏิกฺกมฺม ทูเร วสนฺโต อริยมคฺคํ โอตริตฺวา สมาธิกุลฺเล นิสินฺโน นิพฺพานสาครํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ.
มชฺเฌ คงฺคาย ทีปเก ชาโต มุทุรุกฺโข วิย มธุรสฺสรภาณกปุคฺคโล เวทิตพฺโพ. โส หิ อภิฺาตานิ อภิฺาตานิ เวสฺสนฺตราทีนิ ชาตกานิ อุคฺคณฺหิตฺวา, ทุลฺลภภิกฺขุทสฺสนํ ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา, ตตฺถ ธมฺมกถาย ปสาทิตหทเยน ชเนน อุปฏฺิยมาโน อตฺตานํ อุทฺทิสฺส กเต สมฺปนฺนปุปฺผผลรุกฺเข นนฺทนวนาภิราเม วิหาเร วสติ. อถสฺส ภารหารภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา, ‘‘อสุโก กิร เอวํ อุปฏฺาเกสุ ปฏิพทฺธจิตฺโต วิหรติ. ปณฺฑิโต ภิกฺขุ ปฏิพโล พุทฺธวจนํ วา อุคฺคณฺหิตุํ, กมฺมฏฺานํ วา มนสิกาตุํ, อาเนตฺวา เตน สทฺธึ อสุกตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ อุคฺคณฺหิสฺสาม, อสุกตฺเถรสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺาน’’นฺติ ตตฺถ คจฺฉนฺติ.
โส เตสํ วตฺตํ กตฺวา สายนฺหสมยํ วิหารจาริกํ นิกฺขนฺเตหิ เตหิ ‘‘อิมํ, อาวุโส, เจติยํ ตยา การิต’’นฺติ ปุฏฺโ, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วทติ. ‘‘อยํ โพธิ, อยํ มณฺฑโป, อิทํ อุโปสถาคารํ, เอสา อคฺคิสาลา, อยํ จงฺกโม ตยา การิโต. อิเม รุกฺเข โรปาเปตฺวา ตยา นนฺทนวนาภิราโม วิหาโร การิโต’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ, วทติ.
โส สายํ เถรุปฏฺานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปุจฺฉติ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, อาคตตฺถา’’ติ? ‘‘อาวุโส, ตํ อาทาย คนฺตฺวา, อสุกตฺเถรสฺส สนฺติเก ¶ ธมฺมํ อุคฺคณฺหิตฺวา, อสุกตฺเถรสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ, อสุกสฺมึ นาม อรฺเ สมคฺคา สมณธมฺมํ กริสฺสามาติ อิมินา การเณน อาคตมฺหา’’ติ. สาธุ, ภนฺเต, ตุมฺเห นาม มยฺหํ อตฺถาย อาคตา, อหมฺปิ จิรนิวาเสน อิธ อุกฺกณฺิโต คจฺฉามิ, ปตฺตจีวรํ คณฺหามิ, ภนฺเตติ. อาวุโส, สามเณรทหรา มคฺคกิลนฺตา, อชฺช วสิตฺวา สฺเว ปจฺฉาภตฺตํ คมิสฺสามาติ. สาธุ, ภนฺเตติ ปุนทิวเส เตหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย ปวิสติ. คามวาสิโน ‘‘อมฺหากํ อยฺโย พหู อาคนฺตุเก ภิกฺขู ¶ คเหตฺวา อาคโต’’ติ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา สุขนิสินฺนกถํ ¶ สุตฺวา ภตฺตํ อทํสุ. เถรา ‘‘ตฺวํ, อาวุโส, อนุโมทนํ กตฺวา นิกฺขม, มยํ อุทกผาสุกฏฺาเน ภตฺตกิจฺจํ กริสฺสามา’’ติ นิกฺขนฺตา.
คามวาสิโน อนุโมทนํ สุตฺวา ปุจฺฉึสุ, ‘‘กุโต, ภนฺเต, เถรา อาคตา’’ติ? เอเต อมฺหากํ อาจริยุปชฺฌายา สมานุปชฺฌายา สนฺทิฏฺา สมฺภตฺตาติ. กสฺมา อาคตาติ? มํ คเหตฺวา คนฺตุกามตายาติ. ตุมฺเห ปน คนฺตุกามาติ? อามาวุโสติ. กึ วเทถ, ภนฺเต, อมฺเหหิ กสฺส อุโปสถาคารํ การิตํ, กสฺส โภชนสาลา, กสฺส อคฺคิสาลาทโย การิตา, มยํ มงฺคลามงฺคเลสุ กสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามาติ? มหาอุปาสิกาโยปิ ตตฺเถว นิสีทิตฺวา อสฺสูนิ ปวตฺตยึสุ. ทหโร ‘‘ตุมฺเหสุ เอวํ ทุกฺขิเตสุ อหํ คนฺตฺวา กึ กริสฺสามิ? เถเร อุยฺโยเชสฺสามี’’ติ วิหารํ คโต.
เถราปิ กตภตฺตกิจฺจา ปตฺตจีวรานิ คเหตฺวา นิสินฺนา ตํ ทิสฺวาว, ‘‘กึ, อาวุโส, จิรายสิ, ทิวา โหติ, คจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. อาม, ภนฺเต, ตุมฺเห สุขิตา, อสุกเคหสฺส อิฏฺกามูลํ ิตสณฺาเนเนว ิตํ, อสุกเคหาทีนํ จิตฺตกมฺมมูลาทีนิ อตฺถิ, คตสฺสาปิ เม จิตฺตวิกฺเขโป ภวิสฺสติ, ตุมฺเห ปุรโต คนฺตฺวา อสุกวิหาเร จีวรโธวนรชนาทีนิ กโรถ, อหํ ตตฺถ สมฺปาปุณิสฺสามีติ. เต ตสฺส โอสกฺกิตุกามตํ ตฺวา ตฺวํ ปจฺฉา อาคจฺเฉยฺยาสีติ ปกฺกมึสุ.
โส เถเร อนุคนฺตฺวา นิวตฺโต วิหารเมว อาคนฺตฺวา โภชนสาลาทีนิ โอโลเกนฺโต วิหารํ รามเณยฺยกํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สาธุ วตมฺหิ น คโต. สเจ อคมิสฺสํ, โกจิ, เทว, ธมฺมกถิโก อาคนฺตฺวา ¶ , สพฺเพสํ มนํ ภินฺทิตฺวา, วิหารํ อตฺตโน นิกายสนฺตกํ กเรยฺย, อถ มยา ปจฺฉา อาคนฺตฺวา เอตสฺส ปจฺฉโต ลทฺธปิณฺฑํ ภฺุชนฺเตน จริตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ.
โส อปเรน สมเยน สุณาติ, ‘‘เต กิร ภิกฺขู คตฏฺาเน เอกนิกายทฺเวนิกายเอกปิฏกทฺเวปิฏกาทิวเสน พุทฺธวจนํ ¶ อุคฺคณฺหิตฺวา อฏฺกถาจริยา ชาตา วินยธรา ชาตา สตปริวาราปิ สหสฺสปริวาราปิ จรนฺติ. เย ปเนตฺถ สมณธมฺมํ กาตุํ คตา, เต ฆเฏนฺตา วายมนฺตา โสตาปนฺนา ชาตา, สกทาคามิโน อนาคามิโน อรหนฺโต ชาตา, มหาสกฺกาเรน ปรินิพฺพุตา’’ติ ¶ . โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อหมฺปิ อคมิสฺสํ, มยฺหมฺเปสา สมฺปตฺติ อภวิสฺส, อิมํ ปน านํ มฺุจิตุํ อสกฺโกนฺโต อติวิย ปริหีนมฺหี’’ติ. อยํ ปุคฺคโล อตฺตโน มุทุตาย ตํ านํ อมฺุจนฺโต อริยมคฺคํ โอตริตฺวา สมาธิกุลฺเล นิสินฺโน นิพฺพานสาครํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ.
คงฺคาย นทิยา ติริยํ ปติตฺวา, วาลิกาย โอตฺถฏภาเวน อนฺตรเสตุ วิย หุตฺวา, พหูนํ ปจฺจโย ชาตรุกฺโข วิย รถวินีตมหาอริยวํสจนฺโทปมาทิปฏิปทาสุ อฺตรํ ปฏิปทํ อุคฺคเหตฺวา ิโต โอลีนวุตฺติโก ปุคฺคโล เวทิตพฺโพ. โส หิ ตํ ปฏิปตฺตินิสฺสิตํ ธมฺมํ อุคฺคเหตฺวา ปกติยา มฺชุสฺสโร จิตฺตลปพฺพตาทิสทิสํ มหนฺตํ านํ คนฺตฺวา เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ กโรติ. อถ นํ ธมฺมสฺสวนคฺคํ ปตฺตํ อาคนฺตุกา ทหรา ‘‘ธมฺมํ กเถหี’’ติ วทนฺติ. โส สมฺมา อุคฺคหิตํ ธมฺมํ ปฏิปทํ ทีเปตฺวา กเถติ. อถสฺส ปํสุกูลิกปิณฺฑปาติกาทโย สพฺเพ เถรนวมชฺฌิมา ภิกฺขู ‘‘อโห สปฺปุริโส’’ติ อตฺตมนา ภวนฺติ.
โส กสฺสจิ นิทานมตฺตํ, กสฺสจิ อุปฑฺฒคาถํ, กสฺสจิ คาถํ อุปฏฺาเปนฺโต อยปฏฺฏเกน อาพนฺธนฺโต วิย ทหรสามเณเร สงฺคณฺหิตฺวา มหาเถเร อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อยํ โปราณกวิหาโร อตฺถิ, เอตฺถ โกจิ ตตฺรุปฺปาโท’’ติ?, ปุจฺฉติ. เถรา – ‘‘กึ วเทสิ, อาวุโส, จตุวีสติ กรีสสหสฺสานิ ตตฺรุปฺปาโท’’ติ. ภนฺเต, ตุมฺเห เอวํ วเทถ, อุทฺธเน ปน อคฺคิปิ น ชลตีติ. อาวุโส, มหาวิหารวาสีหิ ลทฺธา ¶ นาม เอวเมว นสฺสนฺติ, น โกจิ สณฺเปตีติ. ภนฺเต, โปราณกราชูหิ ทินฺนํ ขีณาสเวหิ ปฏิคฺคหิตํ กสฺมา เอเต นาเสนฺตีติ? อาวุโส, ตาทิเสน ธมฺมกถิเกน สกฺกา ภเวยฺย ลทฺธุนฺติ. ภนฺเต, มา เอวํ วเทถ, อมฺเห ปฏิปตฺติทีปกธมฺมกถิกา นาม, ตุมฺเห มํ ‘‘สงฺฆกุฏุมฺพิโก วิหารุปฏฺาโก’’ติ ¶ มฺมานา กาตุกามาติ. กึ นุ โข, อาวุโส, อกปฺปิยเมตํ, ตุมฺหาทิเสหิ ปน กถิเต อมฺหากํ อุปฺปชฺเชยฺยาติ? เตน หิ, ภนฺเต, อารามิเกสุ อาคเตสุ อมฺหากํ ภารํ กโรถ, เอกํ กปฺปิยทฺวารํ กเถสฺสามาติ.
โส ปาโตว คนฺตฺวา, สนฺนิปาตสาลายํ ตฺวา, อารามิเกสุ อาคเตสุ ‘‘อุปาสกา อสุกเขตฺเต ภาโค กุหึ, อสุกเขตฺเต กหาปณํ กุหิ’’นฺติอาทีนิ วตฺวา, อฺสฺส เขตฺตํ คเหตฺวา, อฺสฺส เทติ. เอวํ อนุกฺกเมน ตํ ตํ ปฏิเสเธนฺโต ตสฺส ตสฺส เทนฺโต ตถา อกาสิ ¶ , ยถา ยาคุหตฺถา ปูวหตฺถา ภตฺตหตฺถา เตลมธุผาณิตฆตาทิหตฺถา จ อตฺตโนว สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติ. สกลวิหาโร เอกโกลาหโล โหติ, เปสลา ภิกฺขู นิพฺพิชฺช อปกฺกมึสุ.
โสปิ อาจริยุปชฺฌาเยหิ วิสฺสฏฺกานํ พหูนํ ทุพฺพจปุคฺคลานํ อุปชฺฌํ เทนฺโต วิหารํ ปูเรติ. อาคนฺตุกา ภิกฺขู วิหารทฺวาเร ตฺวาว ‘‘วิหาเร เก วสนฺตี’’ติ, ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เอวรูปา นาม ภิกฺขู’’ติ สุตฺวา พาหิเรเนว ปกฺกมนฺติ. อยํ ปุคฺคโล สาสเน ติริยํ นิปนฺนตาย มหาชนสฺส ปจฺจยภาวํ อุปคโต อริยมคฺคํ โอตริตฺวา สมาธิกุลฺเล นิสินฺโน นิพฺพานสาครํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกติ.
ภควนฺตํ เอตทโวจาติ ‘‘นิพฺพานปพฺภารา’’ติ ปเทน โอสาปิตํ ธมฺมเทสนํ ตฺวา อนุสนฺธิกุสลตาย เอตํ ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ อโวจ. ตถาคโตปิ หิ อิมิสฺสํ ปริสติ นิสินฺโน ‘‘อนุสนฺธิกุสโล ภิกฺขุ อตฺถิ, โส มํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสตี’’ติ ตสฺเสว โอกาสกรณตฺถาย อิมสฺมึ าเน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
อิทานิ โอริมํ ตีรนฺติอาทินา นเยน วุตฺเตสุ อชฺฌตฺติกายตนาทีสุ เอวํ อุปคมนานุปคมนาทีนิ เวทิตพฺพานิ. ‘‘มยฺหํ จกฺขุ-ปสนฺนํ, อหํ อปฺปมตฺตกมฺปิ รูปารมฺมณํ ¶ ปฏิวิชฺฌิตุํ สกฺโกมี’’ติ เอตํ นิสฺสาย จกฺขุํ อสฺสาเทนฺโตปิ ¶ ติมิรกวาตาทีหิ อุปหตปสาโท ‘‘อมนาปํ มยฺหํ จกฺขุ, มหนฺตมฺปิ รูปารมฺมณํ วิภาเวตุํ น สกฺโกมี’’ติ โทมนสฺสํ อาปชฺชนฺโตปิ จกฺขายตนํ อุปคจฺฉติ นาม. อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ติณฺณํ ลกฺขณานํ วเสน วิปสฺสนฺโต ปน น อุปคจฺฉติ นาม. โสตาทีสุปิ เอเสว นโย.
มนายตเน ปน ‘‘มนาปํ วต เม มโน, กิฺจิ วามโต อคฺคเหตฺวา สพฺพํ ทกฺขิณโตว คณฺหาตี’’ติ วา ‘‘มเนน เม จินฺติตจินฺติตสฺส อลาโภ นาม นตฺถี’’ติ วา เอวํ อสฺสาเทนฺโตปิ, ‘‘ทุจินฺติตจินฺติตสฺส เม มโน อปฺปทกฺขิณคฺคาหี’’ติ เอวํ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทนฺโตปิ มนายตนํ อุปคจฺฉติ นาม. อิฏฺเ ปน รูเป ราคํ, อนิฏฺเ ปฏิฆํ อุปฺปาเทนฺโต รูปายตนํ อุปคจฺฉติ นาม. สทฺทายตนาทีสุปิ เอเสว นโย.
นนฺทีราคสฺเสตํ อธิวจนนฺติ ยถา หิ มชฺเฌ สํสีทิตฺวา ถลํ ปตฺตํ ทารุกฺขนฺธํ สณฺหถูลวาลิกา ¶ ปิทหติ, โส ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกติ, เอวํ นนฺทีราเคน อาพทฺโธ ปุคฺคโล จตูสุ มหาอปาเยสุ ปติโต มหาทุกฺเขน ปิธียติ, โส อเนเกหิปิ วสฺสสหสฺเสหิ ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกติ. เตน วุตฺตํ ‘‘นนฺทีราคสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ.
อสฺมิมานสฺเสตํ อธิวจนนฺติ ยถา หิ ถเล อารุฬฺโห ทารุกฺขนฺโธ เหฏฺา คงฺโคทเกน เจว อุปริ วสฺเสน จ เตเมนฺโต อนุกฺกเมน เสวาลปริโยนทฺโธ ‘‘ปาสาโณ นุ โข เอส ขาณุโก’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, เอวเมว อสฺมิมาเนน อุนฺนโต ปุคฺคโล ปํสุกูลิกฏฺาเน ปํสุกูลิโก โหติ, ธมฺมกถิกฏฺาเน ธมฺมกถิโก, ภณฺฑนการกฏฺาเน ภณฺฑนการโก, เวชฺชฏฺาเน เวชฺโช, ปิสุณฏฺาเน ปิสุโณ. โส นานปฺปการํ อเนสนํ อาปชฺชนฺโต ตาหิ ตาหิ อาปตฺตีหิ ปลิเวิโต ‘‘อตฺถิ นุ โข อสฺส อพฺภนฺตเร กิฺจิ สีลํ, อุทาหุ นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อสฺมิมานสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ.
ปฺจนฺเนตํ ¶ กามคุณานํ อธิวจนนฺติ ยถา หิ อาวฏฺเฏ ปติตทารุขนฺโธ อนฺโตเยว ปาสาณาทีสุ อาหตสมพฺภาหโต ภิชฺชิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ โหติ, เอวํ ปฺจกามคุณาวฏฺเฏ ปติตปุคฺคโล จตูสุ ¶ อปาเยสุ กมฺมการณขุปฺปิปาสาทิทุกฺเขหิ อาหตสมพฺภาหโต ทีฆรตฺตํ จุณฺณวิจุณฺณตํ อาปชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจน’’นฺติ.
ทุสฺสีโลติ นิสฺสีโล. ปาปธมฺโมติ ลามกธมฺโม. อสุจีติ น สุจิ. สงฺกสฺสรสมาจาโรติ ‘‘อิมสฺส มฺเ อิมสฺส มฺเ อิทํ กมฺม’’นฺติ เอวํ ปเรหิ สงฺกาย สริตพฺพสมาจาโร. สงฺกาย วา ปเรสํ สมาจารํ สรตีติปิ สงฺกสฺสรสมาจาโร. ตสฺส หิ ทฺเว ตโย ชเน กเถนฺเต ทิสฺวา, ‘‘มม โทสํ มฺเ กเถนฺตี’’ติ เตสํ สมาจารํ สงฺกสฺสรติ ธาวตีติ สงฺกสฺสรสมาจาโร.
สมณปฏิฺโติ สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘กิตฺตกา วิหาเร สมณา’’ติ คณนาย อารทฺธาย ‘‘อหมฺปิ สมโณ, อหมฺปิ สมโณ’’ติ ปฏิฺํ เทติ, สลากคฺคหณาทีนิ กโรติ. พฺรหฺมจาริปฏิฺโติ อุโปสถปวารณาทีสุ ‘‘อหมฺปิ พฺรหฺมจารี’’ติ ปฏิฺาย ตานิ กมฺมานิ ปวิสติ ¶ . อนฺโตปูตีติ วกฺกหทยาทีสุ อปูติกสฺสปิ คุณานํ ปูติภาเวน, อนฺโตปูติ. อวสฺสุโตติ ราเคน ตินฺโต. กสมฺพุชาโตติ ราคาทีหิ กิเลเสหิ กจวรชาโต.
เอตทโวจาติ โคคณํ คงฺคาตีราภิมุขํ กตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา, ‘‘สตฺถา โอริมตีราทีนํ อนุปคจฺฉนฺตาทิวเสน สกฺกา ปฏิปตฺตึ ปูเรตุนฺติ วทติ. ยทิ เอวํ ปูเรตุํ สกฺกา, อหํ ปพฺพชิตฺวา ปูเรสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอตํ ‘‘อหํ โข, ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
วจฺฉคิทฺธินิโยติ วจฺเฉสุ สสฺเนหา ถเนหิ ขีรํ ปคฺฆรนฺเตหิ วจฺฉกสฺเนเหน สยเมว คมิสฺสนฺตีติ. นิยฺยาเตเหวาติ นิยฺยาเตหิเยว. คาวีสุ หิ อนิยฺยาติตาสุ โคสามิกา อาคนฺตฺวา, ‘‘เอกา คาวี น ทิสฺสติ, เอโก โคโณ, เอโก วจฺฉโก น ทิสฺสตี’’ติ ตุยฺหํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต วิจริสฺสนฺติ, อิติ เต อผาสุกํ ¶ ภวิสฺสติ. ปพฺพชฺชา จ นาเมสา สอิณสฺส น รุหติ, อณณา ปพฺพชฺชา จ พุทฺธาทีหิ สํวณฺณิตาติ ทสฺสนตฺถํ เอวมาห. นิยฺยาตาติ นิยฺยาติตา. อิมสฺมึ สุตฺเต วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.
๕. ทุติยทารุกฺขนฺโธปมสุตฺตวณฺณนา
๒๔๒. ปฺจเม ¶ กิมิลายนฺติ กิมิลานามเก นคเร. สํกิลิฏฺนฺติ ปฏิจฺฉนฺนกาลโต ปฏฺาย อสํกิลิฏฺา นาม อาปตฺติ นตฺถิ, เอวรูปํ สํกิลิฏฺํ อาปตฺตึ. น วุฏฺานํ ปฺายตีติ ปริวาสมานตฺตอพฺภาเนหิ วุฏฺานํ น ทิสฺสติ.
๖. อวสฺสุตปริยายสุตฺตวณฺณนา
๒๔๓. ฉฏฺเ นวํ สนฺถาคารนฺติ อธุนา การิตํ สนฺถาคารํ, เอกา มหาสาลาติ อตฺโถ. อุยฺโยคกาลาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ตฺวา, ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉา, เอตฺตกา อุโภหิ ปสฺเสหิ, เอตฺตกา หตฺถี อภิรุหนฺตุ, เอตฺตกา อสฺเส, เอตฺตกา รเถสุ ติฏฺนฺตู’’ติ เอวํ สนฺถํ กโรนฺติ, มริยาทํ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ านํ สนฺถาคารนฺติ วุจฺจติ. อุยฺโยคฏฺานโต จ อาคนฺตฺวา ยาว เคเหสุ อลฺลโคมยปริภณฺฑาทีนิ กาเรนฺติ, ตาว ทฺเว ตีณิ ทิวสานิ เต ราชาโน ¶ ตตฺถ สนฺถรนฺตีติปิ สนฺถาคารํ. เตสํ ราชูนํ สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺถาคารํ. คณราชาโน หิ เต, ตสฺมา อุปฺปนฺนํ กิจฺจํ เอกสฺส วเสน น ฉิชฺชติ, สพฺเพสํ ฉนฺโทปิ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา สพฺเพ ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา อนุสาสนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺถาคาร’’นฺติ. ยสฺมา ปน เต ตตฺถ ¶ สนฺนิปติตฺวา, ‘‘อิมสฺมึ กาเล กสิตุํ วฏฺฏติ, อิมสฺมึ กาเล วปิตุ’’นฺติ เอวมาทินา นเยน ฆราวาสกิจฺจานิ สมฺมนฺตยนฺติ, ตสฺมา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ฆราวาสํ ตตฺถ สนฺถรนฺตีติปิ, สนฺถาคารํ. อจิรการิตํ โหตีติ อิฏฺกกมฺมสุธากมฺมจิตฺตกมฺมาทิวเสน สุสชฺชิตํ เทววิมานํ วิย อธุนา นิฏฺาปิตํ. สมเณน วาติ เอตฺถ ยสฺมา ฆรวตฺถุปริคฺคหณกาเลเยว เทวตา อตฺตโน วสนฏฺานํ คณฺหนฺติ, ตสฺมา ‘‘เทเวน วา’’ติ อวตฺวา, ‘‘สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เกนจิ วา มนุสฺสภูเตนา’’ติ วุตฺตํ.
เยน ¶ ภควา เตนุปสงฺกมึสูติ สนฺถาคารํ นิฏฺิตนฺติ สุตฺวา ‘‘คจฺฉาม นํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺกโต ปฏฺาย สพฺพํ โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ สนฺถาคารํ อติวิย มโนรมํ สสฺสิริกํ. เกน ปมํ ปริภุตฺตํ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อสฺสา’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘อมฺหากํ าติเสฏฺสฺส ปมํ ทิยฺยมาเนปิ สตฺถุโนว อนุจฺฉวิกํ, ทกฺขิเณยฺยวเสน ทิยฺยมาเนปิ สตฺถุโนว อนุจฺฉวิกํ, ตสฺมา สตฺถารํ ปมํ ปริภฺุชาเปสฺสาม, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อาคมนํ กริสฺสาม, ภิกฺขุสงฺเฆ อาคเต เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาคตเมว ภวิสฺสติ, สตฺถารํ ติยามรตฺตึ อมฺหากํ ธมฺมกถํ กถาเปสฺสาม, อิติ ตีหิ รตเนหิ ปริภุตฺตํ ปจฺฉา มยํ ปริภฺุชิสฺสาม, เอวํ โน ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา อุปสงฺกมึสุ.
เยน นวํ สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมึสูติ ตํทิวสํ กิร สนฺถาคารํ กิฺจาปิ ราชกุลานํ ทสฺสนตฺถาย เทววิมานํ วิย สุสชฺชิตํ โหติ สุปฏิชคฺคิตํ, พุทฺธารหํ ปน กตฺวา อปฺตฺตํ. พุทฺธา หิ นาม อรฺชฺฌาสยา อรฺารามา อนฺโตคาเม วเสยฺยุํ วา โน วา, ตสฺมา ‘‘ภควโต มนํ ชานิตฺวาว, ปฺาเปสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา, เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ, อิทานิ ปน มนํ ลภิตฺวา ปฺาเปตุกามา เยน สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมึสุ.
สพฺพสนฺถรึ สนฺถาคารํ สนฺถริตฺวาติ ยถา สพฺพเมว สนฺถตํ โหติ, เอวํ ตํ สนฺถราเปตฺวา. สพฺพปมํ ¶ ตาว ‘‘โคมยํ นาม สพฺพมงฺคเลสุ วฏฺฏตี’’ติ สุธาปริกมฺมกตมฺปิ ภูมึ อลฺลโคมเยน โอปฺุชาเปตฺวา, ปริสุกฺขภาวํ ตฺวา, ยถา อกฺกนฺตฏฺาเน ¶ ปทํ ปฺายติ, เอวํ จตุชฺชาติยคนฺเธหิ ลิมฺปาเปตฺวา อุปริ นานาวณฺณกฏสารเก สนฺถริตฺวา เตสํ อุปริ มหาปิฏฺิกโกชเว อาทึ กตฺวา หตฺถตฺถรอสฺสตฺถรสีหตฺถรพฺยคฺฆตฺถรจนฺทตฺถรกสูริยตฺถรกจิตฺตตฺถรกาทีหิ นานาวณฺเณหิ อตฺถรเกหิ สนฺถริตพฺพยุตฺตกํ สพฺโพกาสํ สนฺถราเปสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพสนฺถรึ สนฺถาคารํ สนฺถริตฺวา’’ติ.
อาสนานิ ปฺาเปตฺวาติ มชฺฌฏฺาเน ตาว มงฺคลถมฺภํ นิสฺสาย มหารหํ พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา, ตตฺถ ตตฺถ ยํ ยํ มุทุกฺจ มโนรมฺจ ปจฺจตฺถรณํ ¶ , ตํ ตํ ปจฺจตฺถริตฺวา อุภโตโลหิตกํ มนฺุทสฺสนํ อุปธานํ อุปทหิตฺวา อุปริ สุวณฺณรชตตารกวิจิตฺตวิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธทามปุปฺผทามปตฺตทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา สมนฺตา ทฺวาทสหตฺเถ าเน ปุปฺผชาลํ กาเรตฺวา, ตึสหตฺถมตฺตํ านํ ปฏสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา ปจฺฉิมภิตฺตึ นิสฺสาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปลฺลงฺกปีอปสฺสยปีมุณฺฑปีานิ ปฺาเปตฺวา อุปริ เสตปจฺจตฺถรเณหิ ปจฺจตฺถราเปตฺวา ปาจีนภิตฺตึ นิสฺสาย อตฺตโน อตฺตโน มหาปิฏฺิกโกชเว ปฺาเปตฺวา มโนรมานิ หํสโลมาทิปูริตานิ อุปธานานิ ปาเปสุํ ‘‘เอวํ อกิลมมานา สพฺพรตฺตึ ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อาสนานิ ปฺาเปตฺวา’’ติ.
อุทกมณิกํ ปติฏฺาเปตฺวาติ มหากุจฺฉิกํ อุทกจาฏึ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘เอวํ ภควา จ ภิกฺขุสงฺโฆ จ ยถารุจิยา หตฺเถ วา โธวิสฺสนฺติ ปาเท วา, มุขํ วา วิกฺขาเลสฺสนฺตี’’ติ เตสุ เตสุ าเนสุ มณิวณฺณสฺส อุทกสฺส ปูราเปตฺวา วาสตฺถาย นานาปุปฺผานิ เจว อุทกวาสจุณฺณานิ จ ปกฺขิปิตฺวา กทลิปณฺเณหิ ปิทหิตฺวา ปติฏฺาเปสุํ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อุทกมณิกํ ปติฏฺาเปตฺวา’’ติ.
เตลปฺปทีปํ อาโรเปตฺวาติ รชตสุวณฺณาทิมยทณฺฑทีปิกาสุ โยนกรูปกิราตรูปกาทีนํ หตฺเถ ปิตสุวณฺณรชตาทิมยกปลฺลิกาสุ จ เตลปฺปทีปํ ชาลาเปตฺวาติ อตฺโถ. เยน ¶ ภควา เตนุปสงฺกมึสูติ เอตฺถ ปน เต สกฺยราชาโน น เกวลํ สนฺถาคารเมว, อถ โข โยชนาวฏฺเฏ กปิลวตฺถุสฺมึ นครวีถิโยปิ สมฺมชฺชาเปตฺวา ธเช อุสฺสาเปตฺวา เคหทฺวาเรสุ ปุณฺณฆเฏ จ กทลิโย จ ปาเปเตวา สกลนครํ ทีปมาลาทีหิ วิปฺปกิณฺณตารกํ วิย กตฺวา ‘‘ขีรูปเค ทารเก ¶ ขีรํ ปาเยถ, ทหเร กุมาเร ลหุํ ลหุํ โภเชตฺวา สยาเปถ, อุจฺจาสทฺทํ มา กริตฺถ, อชฺช เอกรตฺตึ สตฺถา อนฺโตคาเม วสิสฺสติ, พุทฺธา นาม อปฺปสทฺทกามา โหนฺตี’’ติ เภรึ จราเปตฺวา สยํ ทณฺฑทีปิกา อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ.
อถ ¶ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน นวํ สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมีติ ‘‘ยสฺส ทานิ, ภนฺเต, ภควา กาลํ มฺตี’’ติ เอวํ กิร กาเล อาโรจิเต ภควา ลาขารสตินฺตรตฺตโกวิฬารปุปฺผวณฺณํ รตฺตทุปฏฺฏํ กตฺตริยา ปทุมํ กนฺเตนฺโต วิย, สํวิธาย ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺโต นิวาเสตฺวา สุวณฺณปามงฺเคน ปทุมกลาปํ ปริกฺขิปนฺโต วิย, วิชฺชุลตาสสฺสิริกํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา รตฺตกมฺพเลน คชกุมฺภํ ปริโยนนฺธนฺโต วิย, รตนสตุพฺเพเธ สุวณฺณคฺฆิเก ปวาฬชาลํ ขิปมาโน วิย สุวณฺณเจติเย รตฺตกมฺพลกฺจุกํ ปฏิมฺุจนฺโต วิย, คจฺฉนฺตํ ปุณฺณจนฺทํ รตฺตวณฺณวลาหเกน ปฏิจฺฉาทยมาโน วิย, กฺจนปพฺพตมตฺถเก สุปกฺกลาขารสํ ปริสิฺจนฺโต วิย, จิตฺตกูฏปพฺพตมตฺถกํ วิชฺชุลตาย ปริกฺขิปนฺโต วิย จ สจกฺกวาฬสิเนรุยุคนฺธรํ มหาปถวึ สฺจาเลตฺวา คหิตํ นิคฺโรธปลฺลวสมานวณฺณํ รตฺตวรปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา, คนฺธกุฏิทฺวารโต นิกฺขมิ กฺจนคุหโต สีโห วิย อุทยปพฺพตกูฏโต ปุณฺณจนฺโท วิย จ. นิกฺขมิตฺวา ปน คนฺธกุฏิปมุเข อฏฺาสิ.
อถสฺส กายโต เมฆมุเขหิ วิชฺชุกลาปา วิย รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณรสธาราปริเสกปิฺชรปตฺตปุปฺผผลวิฏเป วิย อารามรุกฺเข กรึสุ. ตาวเทว จ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย มหาภิกฺขุสงฺโฆ ภควนฺตํ ปริวาเรสิ. เต ปน ปริวาเรตฺวา ิตา ภิกฺขู เอวรูปา ¶ อเหสุํ – อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา ปวิวิตฺตา อสํสฏฺา อารทฺธวีริยา วตฺตาโร วจนกฺขมา โจทกา ปาปครหิโน สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา. เตหิ ปริวาริโต ภควา รตฺตกมฺพลปริกฺขิตฺโต วิย สุวณฺณกฺขนฺโธ, รตฺตปทุมสณฺฑมชฺฌคตา วิย สุวณฺณนาวา, ปวาฬเวทิกาปริกฺขิตฺโต วิย สุวณฺณปาสาโท วิโรจิตฺถ. สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทโย มหาเถราปิ นํ เมฆวณฺณํ ปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา มณิวมฺมวมฺมิกา วิย มหานาคา ปริวารยึสุ วนฺตราคา ภินฺนกิเลสา วิชฏิตชฏา ฉินฺนพนฺธนา กุเล วา คเณ วา อลคฺคา.
อิติ ภควา สยํ วีตราโค วีตราเคหิ, วีตโทโส วีตโทเสหิ, วีตโมโห วีตโมเหหิ ¶ , นิตฺตณฺโห นิตฺตณฺเหหิ, นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลเสหิ, สยํ พุทฺโธ พหุสฺสุตพุทฺเธหิ ปริวาริโต ปตฺตปริวาริตํ วิย ¶ เกสรํ, เกสรปริวาริตา วิย กณฺณิกา, อฏฺนาคสหสฺสปริวาริโต วิย ฉทฺทนฺโต นาคราชา, นวุติหํสสหสฺสปริวาริโต วิย ธตรฏฺโ หํสราชา, เสนงฺคปริวาริโต วิย จกฺกวตฺติราชา, มรุคณปริวาริโต วิย สกฺโก เทวราชา, พฺรหฺมคณปริวาริโต วิย หาริตมหาพฺรหฺมา, ตาราคณปริวาริโต วิย ปุณฺณจนฺโท อสเมน พุทฺธเวเสน อปริมาเณน พุทฺธวิลาเสน กปิลวตฺถุคามิมคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
อถสฺส ปุรตฺถิมกายโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมิ อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสิ ปจฺฉิม-กายโต, ทกฺขิณหตฺถโต, วามหตฺถโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมิ อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสิ. อุปริ เกสนฺตโต ปฏฺาย สพฺพเกสาวฏฺเฏหิ โมรคีววณฺณา รสฺมิ อุฏฺหิตฺวา คคนตเล อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสิ. เหฏฺา ปาทตเลหิ ปวาฬวณฺณา รสฺมิ อุฏฺหิตฺวา ฆนปถวึ อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสิ. เอวํ สมนฺตา อสีติหตฺถฏฺานํ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิชฺโชตมานา วิปฺผนฺทมานา กฺจนทณฺฑทีปิกาหิ นิจฺฉริตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทชาลา วิย จาตุทฺทีปิกมหาเมฆโต นิกฺขนฺตวิชฺชุลตา วิย วิธาวึสุ. สพฺพทิสาภาคา สุวณฺณจมฺปกปุปฺเผหิ วิกิริยมานา วิย, สุวณฺณฆฏโต นิกฺขนฺตสุวณฺณรสธาราหิ สิฺจมานา วิย, ปสาริตสุวณฺณปฏปริกฺขิตฺตา วิย, เวรมฺภวาตสมุฏฺิตกึสุกกณิการปุปฺผจุณฺณสโมกิณฺณา ¶ วิย วิปฺปภาสึสุ.
ภควโตปิ อสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาทฺวตฺตึสวรลกฺขณสมุชฺชลสรีรํ สมุคฺคตตารกํ วิย คคนตลํ, วิกสิตมิว ปทุมวนํ, สพฺพปาลิผุลฺโล วิย โยชนสติโก ปาริจฺฉตฺตโก, ปฏิปาฏิยา ปิตานํ ทฺวตฺตึสจนฺทานํ ทฺวตฺตึสสูริยานํ ทฺวตฺตึสจกฺกวตฺตีนํ ทฺวตฺตึสเทวราชานํ ทฺวตฺตึสมหาพฺรหฺมานํ สิริยา สิรึ อภิภวมานํ วิย วิโรจิตฺถ, ยถา ตํ ทสหิ ปารมีหิ ทสหิ อุปปารมีหิ ทสหิ ปรมตฺถปารมีหิ สมฺมเทว ปูริตาหิ สมตึสปารมิตาหิ อลงฺกตํ. กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ทินฺนทานํ รกฺขิตสีลํ กตกลฺยาณกมฺมํ เอกสฺมึ อตฺตภาเว โอตริตฺวา วิปากํ ทาตุํ านํ อลภมานํ สมฺพาธปตฺตํ วิย อโหสิ. นาวาสหสฺสภณฺฑํ เอกนาวํ อาโรปนกาโล วิย, สกฏสหสฺสภณฺฑํ เอกสกฏํ อาโรปนกาโล วิย, ปฺจวีสติยา คงฺคานํ ¶ โอฆสฺส สมฺภิชฺช มุขทฺวาเร เอกโต ราสิภูตกาโล วิย อโหสิ.
อิมาย ¶ พุทฺธสิริยา โอภาสมานสฺสาปิ จ ภควโต ปุรโต อเนกานิ ทณฺฑทีปิกาสหสฺสานิ อุกฺขิปึสุ, ตถา ปจฺฉโต, วามปสฺเส, ทกฺขิณปสฺเส. ชาติสุมนจมฺปกวนมลฺลิการตฺตุปฺปล-นีลุปฺปล-พกุลสินฺทุวารปุปฺผานิ เจว นีลปีตาทิวณฺณสุคนฺธคนฺธจุณฺณานิ จ จาตุทฺทีปิกเมฆวิสฺสฏฺา อุทกวุฏฺิโย วิย วิปฺปกิริยึสุ. ปฺจงฺคิกตูริยนิคฺโฆสา เจว พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณปฏิสํยุตฺตา ถุติโฆสา จ สพฺพา ทิสา ปูรยึสุ. เทวมนุสฺสนาคสุปณฺณคนฺธพฺพยกฺขาทีนํ อกฺขีนิ อมตปานํ วิย ลภึสุ. อิมสฺมึ ปน าเน ตฺวา ปทสหสฺเสน คมนวณฺณํ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ตตฺริทํ มุขมตฺตํ –
‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺโน, กมฺปยนฺโต วสุนฺธรํ;
อเหยนฺโต ปาณานิ, ยาติ โลกวินายโก.
‘‘ทกฺขิณํ ¶ ปมํ ปาทํ, อุทฺธรนฺโต นราสโภ
คจฺฉนฺโต สิริสมฺปนฺโน, โสภเต ทฺวิปทุตฺตโม.
‘‘คจฺฉโต พุทฺธเสฏฺสฺส, เหฏฺาปาทตลํ มุทุ;
สมํ สมฺผุสเต ภูมึ, รชสา นุปลิปฺปติ.
‘‘นินฺนฏฺานํ อุนฺนมติ, คจฺฉนฺเต โลกนายเก;
อุนฺนตฺจ สมํ โหติ, ปถวี จ อเจตนา.
‘‘ปาสาณา สกฺขรา เจว, กถลา ขาณุกณฺฏกา;
สพฺเพ มคฺคา วิวชฺชนฺติ, คจฺฉนฺเต โลกนายเก.
‘‘นาติทูเร อุทฺธรติ, นจฺจาสนฺเน จ นิกฺขิปํ;
อฆฏฺฏยนฺโต นิยฺยาติ, อุโภ ชาณู จ โคปฺผเก.
‘‘นาติสีฆํ ปกฺกมติ, สมฺปนฺนจรโณ มุนิ;
น จาปิ สณิกํ ยาติ, คจฺฉมาโน สมาหิโต.
‘‘อุทฺธํ ¶ อโธ จ ติริยฺจ, ทิสฺจ วิทิสํ ตถา;
น เปกฺขมาโน โส ยาติ, ยุคมตฺตฺหิ เปกฺขติ.
‘‘นาควิกฺกนฺตจาโร ¶ โส, คมเน โสภเต ชิโน;
จารุํ คจฺฉติ โลกคฺโค, หาสยนฺโต สเทวเก.
‘‘อุฬุราชาว โสภนฺโต, จตุจารีว เกสรี;
โตสยนฺโต พหู สตฺเต, ปุรํ เสฏฺํ อุปาคมี’’ติ.
วณฺณกาโล นาม กิเรส, เอวํวิเธสุ กาเลสุ พุทฺธสฺส สรีรวณฺเณ วา คุณวณฺเณ วา ธมฺมกถิกสฺส ถาโมเยว ปมาณํ. จุณฺณิยปเทหิ วา คาถาพนฺเธน วา ยตฺตกํ สกฺโกติ, ตตฺตกํ วตฺตพฺพํ. ทุกฺกถิตนฺติ น วตฺตพฺพํ. อปฺปมาณวณฺณา หิ พุทฺธา. เตสํ พุทฺธาปิ อนวเสสโต วณฺณํ วตฺตุํ อสมตฺถา, ปเคว อิตรา ปชาติ. อิมินา สิริวิลาเสน อลงฺกตปฏิยตฺตํ สกฺยราชกุลํ ปวิสิตฺวา ภควา ปสนฺนจิตฺเตน ชเนน คนฺธธูมวาสจุณฺณาทีหิ ปูชิยมาโน สนฺถาคารํ ปาวิสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ¶ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน นวํ สนฺถาคารํ เตนุปสงฺกมี’’ติ.
ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาติ ภควนฺตํ ปุรโต กตฺวา. ตตฺถ ภควา ภิกฺขูนฺเจว อุปาสกานฺจ มชฺเฌ นิสินฺโน คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา ทุกูลจุมฺพฏเกน โวทกํ กตฺวา ชาติหิงฺคุลเกน มชฺชิตฺวา รตฺตกมฺพลปลิเวิเต ปีเ ปิตรตฺตสุวณฺณฆนปฏิมา วิย อติวิโรจิตฺถ. อยํ ปเนตฺถ โปราณานํ วณฺณภณนมคฺโค –
‘‘คนฺตฺวาน มณฺฑลมาฬํ, นาควิกฺกนฺตจารโณ;
โอภาสยนฺโต โลกคฺโค, นิสีทิ วรมาสเน.
‘‘ตหึ นิสินฺโน นรทมฺมสารถิ,
เทวาติเทโว สตปฺุลกฺขโณ;
พุทฺธาสเน ¶ มชฺฌคโต วิโรจติ,
สุวณฺณเนกฺขํ วิย ปณฺฑุกมฺพเล.
‘‘เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, นิกฺขิตฺตํ ปณฺฑุกมฺพเล;
วิโรจติ วีตมโล, มณิเวโรจโน ยถา.
‘‘มหาสาโลว ¶ สมฺผุลฺโล, เนรุราชาว’ลงฺกโต;
สุวณฺณยูปสงฺกาโส, ปทุโม โกกนโท ยถา.
‘‘ชลนฺโต ทีปรุกฺโขว, ปพฺพตคฺเค ยถา สิขี;
เทวานํ ปาริจฺฉตฺโตว, สพฺพผุลฺโล วิโรจตี’’ติ.
กาปิลวตฺถเว สกฺเย พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถายาติ เอตฺถ ธมฺมกถา นาม สนฺถาคารานุโมทนาปฏิสํยุตฺตา ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพา. ตทา หิ ภควา อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย ปถโวชํ อากฑฺฒนฺโต วิย มหาชมฺพุํ มตฺถเก คเหตฺวา จาเลนฺโต วิย โยชนิกํ มธุภณฺฑํ จกฺกยนฺเตน ปีเฬตฺวา มธุปานํ ปายมาโน วิย กปิลวตฺถุวาสีนํ สกฺยานํ หิตสุขาวหํ ปกิณฺณกกถํ กเถสิ. ‘‘อาวาสทานํ นาเมตํ, มหาราช, มหนฺตํ, ตุมฺหากํ อาวาโส มยา ปริภุตฺโต, ภิกฺขุสงฺเฆน จ ปริภุตฺโต ¶ , มยา จ ภิกฺขุสงฺเฆน จ ปริภุตฺโต ปน ธมฺมรตเนน ปริภุตฺโตเยวาติ ตีหิ รตเนหิ ปริภุตฺโต นาม โหติ. อาวาสทานสฺมิฺหิ ทินฺเน สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหติ. ภุมฺมฏฺกปณฺณสาลาย วา สาขามณฺฑปสฺส วาปิ อานิสํโส นาม ปริจฺฉินฺทิตุํ น สกฺกา. อาวาสทานานุภาเวน หิ ภเว ภเว นิพฺพตฺตสฺสาปิ สมฺพาธิตคพฺภวาโส น โหติ, ทฺวาทสหตฺโถ โอวรโก วิย มาตุกุจฺฉิ อสมฺพาโธว โหตี’’ติ. เอวํ นานานยวิจิตฺตํ พหุํ ธมฺมึ กถํ กเถตฺวา –
‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;
สิรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.
‘‘ตโต ¶ วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;
เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตุํ.
‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;
ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน.
‘‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;
เตสํ อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ.
‘‘ทเทยฺย ¶ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. (จูฬว. ๒๙๕) –
เอวํ ‘‘อยมฺปิ อาวาเส อานิสํโส, อยมฺปิ อาวาเส อานิสํโส’’ติ พหุเทว รตฺตึ อติเรกตรํ ทิยฑฺฒยามํ อาวาสานิสํสกถํ กเถสิ. ตตฺถ อิมา ตาว คาถาว สงฺคหํ อารุฬฺหา, ปกิณฺณกธมฺมเทสนา ปน สงฺคหํ นาโรหติ. สนฺทสฺเสตฺวาติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว.
อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา ทฺเว ยามา คตา. ยสฺส ทานิ กาลํ มฺถาติ ยสฺส ตุมฺเห คมนสฺส กาลํ มฺถ, คมนกาโล ตุมฺหากํ, คจฺฉถาติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา ปน ภควา เต อุยฺโยเชสีติ? อนุกมฺปาย. สุขุมาลา หิ เต, ติยามรตฺตึ นิสีทิตฺวา วีตินาเมนฺตานํ สรีเร อาพาโธ อุปฺปชฺเชยฺย. ภิกฺขุสงฺโฆปิ มหา, ตสฺส านนิสชฺชานํ โอกาโส ลทฺธุํ วฏฺฏตีติ อุภยานุกมฺปาย อุยฺโยเชสิ.
วิคตถินมิทฺโธติ ตตฺร กิร ภิกฺขู ยามทฺวยํ ิตาปิ ¶ นิสินฺนาปิ อจาลยึสุ, ปจฺฉิมยาเม ปน อาหาโร ปริณมติ, ตสฺส ปริณตตฺตา ภิกฺขุสงฺโฆ วิคตถินมิทฺโธ ชาโตติ อการณเมตํ. พุทฺธานฺหิ กถํ สุณนฺตสฺส กายิกเจตสิกทรถา น โหนฺติ, กายจิตฺตลหุตาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, เตน เตสํ ทฺเว ยาเม ิตานมฺปิ นิสินฺนานมฺปิ ธมฺมํ สุณนฺตานํ ถินมิทฺธํ วิคตํ, ปจฺฉิมยาเมปิ สมฺปตฺเต ตถา วิคตเมว ชาตํ. เตนาห ‘‘วิคตถินมิทฺโธ’’ติ.
ปิฏฺิ ¶ เม อาคิลายตีติ กสฺมา อาคิลายติ? ภควโต หิ ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหนฺตสฺส มหนฺตํ กายทุกฺขํ อโหสิ, อถสฺส อปรภาเค มหลฺลกกาเล ปิฏฺิวาโต อุปฺปชฺชีติ. อการณํ วา เอตํ. ปโหติ หิ ภควา อุปฺปนฺนํ เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา เอกมฺปิ ทฺเวปิ สตฺตาหานิ เอกปลฺลงฺเกน นิสีทิตุํ. สนฺถาคารสาลํ ปน จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภฺุชิตุกาโม อโหสิ. ตตฺถ ปาทโธวนฏฺานโต ยาว ธมฺมาสนา อคมาสิ, เอตฺตเก าเน คมนํ นิปฺผนฺนํ. ธมฺมาสนํ ปตฺตํ โถกํ ตฺวา นิสีทิ, เอตฺตเก าเน านํ นิปฺผนฺนํ. ทฺเวยามํ ธมฺมาสเน นิสีทิ, เอตฺตเก าเน ¶ นิสชฺชา นิปฺผนฺนา. อิทานิ ทกฺขิเณน ปสฺเสน โถกํ นิปนฺเน สยนํ นิปฺผชฺชิสฺสตีติ เอวํ จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภฺุชิตุกาโม อโหสิ. อุปาทินฺนกสรีรฺจ นาม ‘‘โน อาคิลายตี’’ติ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา จิรนิสชฺชาย สฺชาตํ อปฺปกมฺปิ อาคิลายนํ คเหตฺวา เอวมาห.
สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวาติ สนฺถาคารสฺส กิร เอกปสฺเส เต ราชาโน ปฏสาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา กปฺปิยมฺจกํ ปฺาเปตฺวา กปฺปิยปจฺจตฺถรเณน อตฺถริตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกคนฺธมาลาทิทามปฏิมณฺฑิตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธเตลปฺปทีปํ อาโรปยึสุ, ‘‘อปฺเปว นาม สตฺถา ธมฺมาสนโต วุฏฺาย โถกํ วิสฺสมนฺโต อิธ นิปชฺเชยฺย, เอวํ โน อิมํ สนฺถาคารํ ภควตา จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถาปิ ¶ ตเทว สนฺธาย ตตฺถ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา นิปชฺชิ. อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวาติ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อติกฺกมิตฺวา วุฏฺหิสฺสามี’’ติ วุฏฺานสฺํ จิตฺเต เปตฺวา, ตฺจ โข อนิทฺทายนฺโตว เถรสฺส ธมฺมกถํ สุณมาโน.
อวสฺสุตปริยายนฺติ อวสฺสุตสฺส ปริยายํ, อวสฺสุตสฺส การณนฺติ อตฺโถ. อธิมุจฺจตีติ กิเลสาธิมุจฺจเนน อธิมุจฺจติ, คิทฺโธ โหติ. พฺยาปชฺชตีติ พฺยาปาทวเสน ปูติจิตฺโต โหติ. จกฺขุโตติ จกฺขุภาเวน. มาโรติ กิเลสมาโรปิ เทวปุตฺตมาโรปิ. โอตารนฺติ วิวรํ. อารมฺมณนฺติ ปจฺจยํ. นฬาคารติณาคารํ วิย หิ สวิเสวนานิ อายตนานิ, ติณุกฺกา วิย กิเลสุปฺปตฺติรหํ อารมฺมณํ, ติณุกฺกาย ปิตปิตฏฺาเน องฺคารสฺสุชฺชลนํ วิย อารมฺมเณ อาปาถมาคเต กิเลสานํ อุปฺปตฺติ. เตน วุตฺตํ ลเภถ มาโร โอตารนฺติ.
สุกฺกปกฺเข ¶ พหลมตฺติกปิณฺฑาวเลปนํ กูฏาคารํ วิย นิพฺพิเสวนานิ อายตนานิ, ติณุกฺกา วิย วุตฺตปการารมฺมณํ, ติณุกฺกาย ปิตปิตฏฺาเน นิพฺพาปนํ วิย นิพฺพิเสวนานํ อายตนานํ อารมฺมเณ อาปาถมาคเต กิเลสปริฬาหสฺส อนุปฺปตฺติ. เตน วุตฺตํ เนว ลเภถ มาโร โอตารนฺติ.
๗. ทุกฺขธมฺมสุตฺตวณฺณนา
๒๔๔. สตฺตเม ¶ ทุกฺขธมฺมานนฺติ ทุกฺขสมฺภวธมฺมานํ. ปฺจสุ หิ ขนฺเธสุ สติ เฉทนวธพนฺธนาทิเภทํ ทุกฺขํ สมฺภวติ, ตสฺมา เต ทุกฺขสมฺภวธมฺมตฺตา ทุกฺขธมฺมาติ วุจฺจนฺติ. ตถา โข ปนสฺสาติ เตนากาเรนสฺส. ยถาสฺส กาเม ปสฺสโตติ เยนากาเรนสฺส กาเม ปสฺสนฺตสฺส. ยถา จรนฺตนฺติ เยนากาเรน จารฺจ วิหารฺจ อนุพนฺธิตฺวา จรนฺตํ. องฺคารกาสูปมา ¶ กามา ทิฏฺา โหนฺตีติ ปริเยฏฺิมูลกสฺส เจว ปฏิสนฺธิมูลกสฺส จ ทุกฺขสฺส วเสน องฺคารกาสุ วิย มหาปริฬาหาติ ทิฏฺา โหนฺติ. กาเม ปริเยสนฺตานฺหิ นาวาย มหาสมุทฺโทคาหนอชปถสงฺกุปถปฏิปชฺชนอุภโตพฺยูฬฺหสงฺคามปกฺขนฺทนาทิวเสน ปริเยฏฺิมูลกมฺปิ, กาเม ปริภฺุชนฺตานํ กามปริโภคเจตนาย จตูสุ อปาเยสุ ทินฺนปฏิสนฺธิมูลกมฺปิ มหาปริฬาหทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ. เอวเมตสฺส ทุวิธสฺสาปิ ทุกฺขสฺส วเสน องฺคารกาสุ วิย มหาปริฬาหาติ ทิฏฺา โหนฺติ.
ทายนฺติ อฏวึ. ปุรโตปิ กณฺฏโกติ ปุริมปสฺเส วิชฺฌิตุกาโม วิย อาสนฺนฏฺาเนเยว ิตกณฺฏโก. ปจฺฉโตติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เหฏฺา ปน ปาเทหิ อกฺกนฺตฏฺานสฺส สนฺติเก, น อกฺกนฺตฏฺาเนเยว. เอวํ โส กณฺฏกคพฺภํ ปวิฏฺโ วิย ภเวยฺย. มา มํ กณฺฏโกติ มา มํ กณฺฏโก วิชฺฌีติ กณฺฏกเวธํ รกฺขมาโน.
ทนฺโธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโทติ สติยา อุปฺปาโทเยว ทนฺโธ, อุปฺปนฺนมตฺตาย ปน ตาย กาจิ กิเลสา นิคฺคหิตาว โหนฺติ, น สณฺาตุํ สกฺโกนฺติ. จกฺขุทฺวารสฺมิฺหิ ราคาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทุติยชวนวาเรน ‘‘กิเลสา เม อุปฺปนฺนา’’ติ ตฺวา ตติเย ชวนวาเร สํวรชวนํเยว ชวติ. อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ วิปสฺสโก ตติยชวนวาเร กิเลเส นิคฺคณฺเหยฺย. จกฺขุทฺวาเร ปน อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต ภวงฺคํ อาวฏฺเฏตฺวา อาวชฺชนาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ โวฏฺพฺพนานนฺตรํ สมฺปตฺตกิเลสชวนวารํ ¶ นิวตฺเตตฺวา กุสลเมว อุปฺปาเทติ. อารทฺธวิปสฺสกานฺหิ อยมานิสํโส ภาวนาปฏิสงฺขาเน ปติฏฺิตภาวสฺส.
อภิหฏฺุํ ¶ ปวาเรยฺยุนฺติ สุทินฺนตฺเถรสฺส วิย รฏฺปาลกุลปุตฺตสฺส วิย จ กาเยน วา สตฺต รตนานิ อภิหริตฺวา วาจาย วา ‘‘อมฺหากํ ธนโต ยตฺตกํ อิจฺฉสิ, ตตฺตกํ ¶ คณฺหา’’ติ วทนฺตา ปวาเรยฺยุํ. อนุทหนฺตีติ สรีเร ปลิเวิตตฺตา อุณฺหปริฬาหํ ชเนตฺวา อนุทหนฺติ. สฺชาตเสเท วา สรีเร ลคฺคนฺตา อนุเสนฺตีติปิ อตฺโถ. ยฺหิ ตํ, ภิกฺขเว, จิตฺตนฺติ อิทํ ยสฺมา จิตฺเต อนาวฏฺฏนฺเต ปุคฺคลสฺส อาวฏฺฏนํ นาม นตฺถิ. เอวรูปฺหิ จิตฺตํ อนาวฏฺฏนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต วิปสฺสนาพลเมว ทีปิตํ.
๘. กึสุโกปมสุตฺตวณฺณนา
๒๔๕. อฏฺเม ทสฺสนนฺติ ปมมคฺคสฺเสตํ อธิวจนํ. ปมมคฺโค หิ กิเลสปหานกิจฺจํ สาเธนฺโต ปมํ นิพฺพานํ ปสฺสติ, ตสฺมา ทสฺสนนฺติ วุจฺจติ. โคตฺรภุาณํ ปน กิฺจาปิ มคฺคโต ปมตรํ ปสฺสติ, ปสฺสิตฺวา ปน กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กิเลสปหานสฺส อภาเวน น ทสฺสนนฺติ วุจฺจติ. อปิจ จตฺตาโรปิ มคฺคา ทสฺสนเมว. กสฺมา? โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ทสฺสนํ วิสุชฺฌติ, ผลกฺขเณ วิสุทฺธํ. สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตมคฺคกฺขเณ วิสุชฺฌติ, ผลกฺขเณ วิสุทฺธนฺติ เอวํ กเถนฺตานํ ภิกฺขูนํ สุตฺวา โส ภิกฺขุ ‘‘อหมฺปิ ทสฺสนํ วิโสเธตฺวา อรหตฺตผเล ปติฏฺิโต ทสฺสนวิสุทฺธิกํ นิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา วิหริสฺสามี’’ติ ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ ปุจฺฉิ. โส ผสฺสายตนกมฺมฏฺานิโก ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ วเสน รูปารูปธมฺเม ปริคฺคเหตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต. เอตฺถ หิ ปุริมานิ ปฺจ อายตนานิ รูปํ, มนายตนํ อรูปํ. อิติ โส อตฺตนา อธิคตมคฺคเมว กเถสิ.
อสนฺตุฏฺโติ ปเทสสงฺขาเรสุ ตฺวา กถิตตฺตา อสนฺตุฏฺโ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อยํ ปเทสสงฺขาเรสุ ตฺวา กเถสิ. สกฺกา นุ โข ปเทสสงฺขาเรสุ ตฺวา ทสฺสนวิสุทฺธิกํ นิพฺพานํ ปาปุณิตุ’’นฺติ? ตโต นํ ปุจฺฉิ – ‘‘อาวุโส, ตฺวํเยว นุ โข อิทํ ทสฺสนวิสุทฺธิกํ นิพฺพานํ ชานาสิ, อุทาหุ อฺเปิ ชานนฺตา อตฺถี’’ติ. อตฺถาวุโส, อสุกวิหาเร อสุกตฺเถโร นามาติ. โส ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ. เอเตนุปาเยน อฺมฺปิ อฺมฺปีติ.
เอตฺถ ¶ ¶ จ ทุติโย ปฺจกฺขนฺธกมฺมฏฺานิโก รูปกฺขนฺธวเสน ¶ รูปํ, เสสกฺขนฺธวเสน นามนฺติ นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา อนุกฺกเมน อรหตฺตํ ปตฺโต. ตสฺมา โสปิ อตฺตนา อธิคตมคฺคเมว กเถสิ. อยํ ปน ‘‘อิเมสํ อฺมฺํ น สเมติ, ปเมน สปฺปเทสสงฺขาเรสุ ตฺวาว กถิตํ, อิมินา นิปฺปเทเสสู’’ติ อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา ตเถว ตํ ปุจฺฉิตฺวา ปกฺกามิ.
ตติโย มหาภูตกมฺมฏฺานิโก จตฺตาริ มหาภูตานิ สงฺเขปโต จ วิตฺถารโต จ ปริคฺคเหตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต, ตสฺมา อยมฺปิ อตฺตนา อธิคตมคฺคเมว กเถสิ. อยํ ปน ‘‘อิเมสํ อฺมฺํ น สเมติ, ปเมน สปฺปเทสสงฺขาเรสุ ตฺวา กถิตํ, ทุติเยน นิปฺปเทเสสุ, ตติเยน อติสปฺปเทเสสู’’ติ อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา ตเถว ตํ ปุจฺฉิตฺวา ปกฺกามิ.
จตุตฺโถ เตภูมกกมฺมฏฺานิโก. ตสฺส กิร สมปฺปวตฺตา ธาตุโย อเหสุํ, กลฺลสรีรํ พลปตฺตํ, กมฺมฏฺานานิปิสฺส สพฺพาเนว สปฺปายานิ, อตีตา วา สงฺขารา โหนฺตุ อนาคตา วา ปจฺจุปฺปนฺนา วา กามาวจรา วา รูปาวจรา วา อรูปาวจรา วา, สพฺเพปิ สปฺปายาว. อสปฺปายกมฺมฏฺานํ นาม นตฺถิ. กาเลสุปิ ปุเรภตฺตํ วา โหตุ ปจฺฉาภตฺตํ วา ปมยามาทโย วา, อสปฺปาโย กาโล นาม นตฺถิ. ยถา นาม จาริภูมึ โอติณฺโณ มหาหตฺถี หตฺเถน คเหตพฺพํ หตฺเถเนว ลฺุจิตฺวา คณฺหาติ, ปาเทหิ ปหริตฺวา คเหตพฺพํ ปาเทหิ ปหริตฺวา คณฺหาติ, เอวเมว สกเล เตภูมกธมฺเม กลาปคฺคาเหน คเหตฺวา สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺโต, ตสฺมา เอโสปิ อตฺตนา อธิคตมคฺคเมว กเถสิ. อยํ ปน ‘‘อิเมสํ อฺมฺํ น สเมติ. ปเมน สปฺปเทสสงฺขาเรสุ ตฺวา กถิตํ, ทุติเยน นิปฺปเทเสสุ, ปุน ตติเยน สปฺปเทเสสุ, จตุตฺเถน นิปฺปเทเสสุเยวา’’ติ อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, อิทํ ทสฺสนวิสุทฺธิกํ ¶ นิพฺพานํ ตุมฺเหหิ อตฺตโนว ธมฺมตาย าตํ, อุทาหุ เกนจิ โว อกฺขาต’’นฺติ? อาวุโส, มยํ กึ ชานาม? อตฺถิ ปน สเทวเก โลเก สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ตํ นิสฺสาเยตํ อมฺเหหิ าตนฺติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ภิกฺขู มยฺหํ อชฺฌาสยํ คเหตฺวา กเถตุํ น สกฺโกนฺติ, อหํ สพฺพฺุพุทฺธเมว ปุจฺฉิตฺวา นิกฺกงฺโข ภวิสฺสามี’’ติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ.
ภควา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘เยหิ เต ปฺโห กถิโต, เต จตฺตาโรปิ ขีณาสวา, สุกถิตํ เตหิ, ตฺวํ ปน อตฺตโน อนฺธพาลตาย ตํ น สลฺลกฺเขสี’’ติ น เอวํ วิเหเสสิ. การกภาวํ ¶ ปนสฺส ตฺวา ‘‘อตฺถคเวสโก เอส, ธมฺมเทสนาย เอว นํ พุชฺฌาเปสฺสามี’’ติ กึสุโกปมํ อาหริ. ตตฺถ ภูตํ วตฺถุํ กตฺวา เอวมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ – เอกสฺมึ กิร มหานคเร เอโก สพฺพคนฺถธโร พฺราหฺมณเวชฺโช ปณฺฑิโต ปฏิวสติ. อเถโก นครสฺส ปาจีนทฺวารคามวาสี ปณฺฑุโรคปุริโส ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. เวชฺชปณฺฑิโต เตน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา ‘‘เกนตฺเถน อาคโตสิ ภทฺรมุขา’’ติ, ปุจฺฉิ. โรเคนมฺหิ, อยฺย, อุปทฺทุโต, เภสชฺชํ เม กเถหีติ. เตน หิ, โภ, คจฺฉ, กึสุกรุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา, โสเสตฺวา ฌาเปตฺวา, ตสฺส ขาโรทกํ คเหตฺวา อิมินา จิมินา จ เภสชฺเชน โยเชตฺวา, อริฏฺํ กตฺวา ปิว, เตน เต ผาสุกํ ภวิสฺสตีติ. โส ตถา กตฺวา นิโรโค พลวา ปาสาทิโก ชาโต.
อถฺโ ทกฺขิณทฺวารคามวาสี ปุริโส เตเนว โรเคน อาตุโร ‘‘อสุโก กิร เภสชฺชํ กตฺวา อโรโค ชาโต’’ติ สุตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘เกน เต, สมฺม, ผาสุกํ ชาต’’นฺติ. กึสุการิฏฺเน นาม, คจฺฉ ตฺวมฺปิ กโรหีติ. โสปิ ตถา กตฺวา ตาทิโสว ชาโต.
อถฺโ ปจฺฉิมทฺวารคามวาสี…เป… อุตฺตรทฺวารคามวาสี ปุริโส เตเนว โรเคน อาตุโร ‘‘อสุโก กิร เภสชฺชํ กตฺวา อโรโค ชาโต’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘เกน เต, สมฺม, ผาสุกํ ชาต’’นฺติ? กึสุการิฏฺเน นาม, คจฺฉ ตฺวมฺปิ กโรหีติ. โสปิ ตถา กตฺวา ตาทิโสว ชาโต.
อถฺโ ปจฺจนฺตวาสี อทิฏฺปุพฺพกึสุโก เอโก ปุริโส เตเนว โรเคน อาตุโร จิรํ ตานิ ตานิ เภสชฺชานิ กตฺวา โรเค อวูปสมมาเน ‘‘อสุโก กิร นครสฺส ปาจีนทฺวารคามวาสี ¶ ปุริโส เภสชฺชํ กตฺวา อโรโค ชาโต’’ติ สุตฺวา ‘‘คจฺฉามหมฺปิ, เตน กตเภสชฺชํ กริสฺสามี’’ติ ทณฺฑโมลุพฺภ อนุปุพฺเพน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘เกน เต, สมฺม, ผาสุกํ ชาต’’นฺติ ปุจฺฉิ. กึสุการิฏฺเน สมฺมาติ. กีทิโส ¶ ปน โส กึสุโกติ. ฌาปิตคาเม ิตฌามถูโณ วิยาติ. อิติ โส ปุริโส อตฺตนา ทิฏฺากาเรนว กึสุกํ อาจิกฺขิ. เตน หิ ทิฏฺกาเล กึสุโก ปติตปตฺโต ขาณุกกาเล ทิฏฺตฺตา ตาทิโสว โหติ.
โส ปน ปุริโส สุตมงฺคลิกตฺตา ‘‘อยํ ‘ฌาปิตคาเม ฌามถูโณ วิยา’ติ อาห, อมงฺคลเมตํ ¶ . เอตสฺมิฺหิ เม เภสชฺเช กเตปิ โรโค น วูปสมิสฺสตี’’ติ ตสฺส เวยฺยากรเณน อสนฺตุฏฺโ ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นุ โข, โภ, ตฺวฺเว กึสุกํ ชานาสิ, อุทาหุ อฺโปิ อตฺถี’’ติ. อตฺถิ, โภ, ทกฺขิณทฺวารคาเม อสุโก นามาติ. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ, สฺวาสฺส ปุปฺผิตกาเล ทิฏฺตฺตา อตฺตโน ทสฺสนานุรูเปน ‘‘โลหิตโก กึสุโก’’ติ อาห. โส ‘‘อยํ ปุริเมน วิรุทฺธํ อาห, กาฬโก โลหิตกโต สุวิทูรทูเร’’ติ ตสฺสปิ เวยฺยากรเณน อสนฺตุฏฺโ ‘‘อตฺถิ ปน, โภ, อฺโปิ โกจิ กึสุกทสฺสาวี, เยน กึสุโก ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ? ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อตฺถิ ปจฺฉิมทฺวารคาเม อสุโก นามา’’ติ วุตฺเต ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ. สฺวาสฺส ผลิตกาเล ทิฏฺตฺตา อตฺตโน ทสฺสนานุรูเปน ‘‘โอจิรกชาโต อาทินฺนสิปาฏิโก’’ติ อาห. ผลิตกาลสฺมิฺหิ กึสุโก โอลมฺพมานจีรโก วิย อโธมุขํ กตฺวา คหิตอสิโกโส วิย จ สิรีสรุกฺโข วิย จ ลมฺพมานผโล โหติ. โส ‘‘อยํ ปุริเมหิ วิรุทฺธํ อาห, น สกฺกา อิมสฺส วจนํ คเหตุ’’นฺติ ตสฺสปิ เวยฺยากรเณน อสนฺตุฏฺโ ‘‘อตฺถิ ปน, โภ, อฺโปิ โกจิ กึสุกทสฺสาวี, เยน กึสุโก ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ? ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อตฺถิ อุตฺตรทฺวารคาเม อสุโก นามา’’ติ วุตฺเต ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ. โส อสฺส สฺฉนฺนปตฺตกาเล ทิฏฺตฺตา อตฺตโน ทสฺสนานุรูเปน ‘‘พหลปตฺตปลาโส สนฺทจฺฉาโย’’ติ อาห. สนฺทจฺฉาโย นาม สํสนฺทิตฺวา ิตจฺฉาโย.
โส ‘‘อยมฺปิ ปุริเมหิ วิรุทฺธํ อาห, น สกฺกา อิมสฺส วจนํ คเหตุ’’นฺติ ตสฺสปิ เวยฺยากรเณน อสนฺตุฏฺโ ¶ ตํ อาห, ‘‘กึ นุ โข, โภ, ตุมฺเห อตฺตโนว ธมฺมตาย กึสุกํ ชานาถ, อุทาหุ เกนจิ โว อกฺขาโต’’ติ? กึ, โภ, มยํ ชานาม? อตฺถิ ปน มหานครสฺส มชฺเฌ ¶ อมฺหากํ อาจริโย เวชฺชปณฺฑิโต, ตํ นิสฺสาย อมฺเหหิ าตนฺติ. ‘‘เตน หิ อหมฺปิ อาจริยเมว อุปสงฺกมิตฺวา นิกฺกงฺโข ภวิสฺสามี’’ติ ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. เวชฺชปณฺฑิโต เตน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา, ‘‘เกนตฺเถน อาคโตสิ ภทฺรมุขา’’ติ ปุจฺฉิ. โรเคนมฺหิ, อยฺย, อุปทฺทุโต, เภสชฺชํ เม กเถถาติ. เตน หิ, โภ, คจฺฉ, กึสุกรุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา โสเสตฺวา ฌาเปตฺวา ตสฺส ขาโรทกํ คเหตฺวา อิมินา จิมินา จ เภสชฺเชน โยเชตฺวา อริฏฺํ กตฺวา ปิว, เอเตน เต ผาสุกํ ภวิสฺสตีติ. โส ตถา กตฺวา นิโรโค พลวา ปาสาทิโก ชาโต.
ตตฺถ มหานครํ วิย นิพฺพานนครํ ทฏฺพฺพํ. เวชฺชปณฺฑิโต วิย สมฺมาสมฺพุทฺโธ. วุตฺตมฺปิ เจ ¶ ตํ ‘‘ภิสกฺโก สลฺลกตฺโตติ โข, สุนกฺขตฺต, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๓.๖๕) จตูสุ ทฺวารคาเมสุ จตฺตาโร เวชฺชนฺเตวาสิกา วิย จตฺตาโร ทสฺสนวิสุทฺธิปตฺตา ขีณาสวา. ปจฺจนฺตวาสี ปมปุริโส วิย ปฺหปุจฺฉโก ภิกฺขุ. ปจฺจนฺตวาสิโน จตุนฺนํ เวชฺชนฺเตวาสิกานํ กถาย อสนฺตุฏฺสฺส อาจริยเมว อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉนกาโล วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน จตุนฺนํ ทสฺสนวิสุทฺธิปตฺตานํ ขีณาสวานํ กถาย อสนฺตุฏฺสฺส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉนกาโล.
ยถา ยถา อธิมุตฺตานนฺติ เยน เยนากาเรน อธิมุตฺตานํ. ทสฺสนํ สุวิสุทฺธนฺติ นิพฺพานทสฺสนํ สุฏฺุ วิสุทฺธํ. ตถา ตถา โข เตหิ สปฺปุริเสหิ พฺยากตนฺติ เตน เตเนวากาเรน ตุยฺหํ เตหิ สปฺปุริเสหิ กถิตํ. ยถา หิ ‘‘กาฬโก กึสุโก’’ติ กเถนฺโต น อฺํ กเถสิ, อตฺตนา ทิฏฺนเยน กึสุกเมว กเถสิ, เอวเมว ฉผสฺสายตนานํ วเสน ทสฺสนวิสุทฺธิปตฺตขีณาสโวปิ อิมํ ปฺหํ กเถนฺโต น อฺํ กเถสิ, อตฺตนา อธิคตมคฺเคน ทสฺสนวิสุทฺธิกํ นิพฺพานเมว กเถสิ.
ยถา จ ‘‘โลหิตโก โอจิรกชาโต พหลปตฺตปลาโส กึสุโก’’ติ กเถนฺโตปิ น อฺํ กเถสิ, อตฺตนา ทิฏฺนเยน กึสุกเมว กเถสิ, เอวเมว ปฺจุปาทานกฺขนฺธวเสน จตุมหาภูตวเสน เตภูมกธมฺมวเสน ทสฺสนวิสุทฺธิปตฺตขีณาสโวปิ อิมํ ปฺหํ กเถนฺโต ¶ น อฺํ กเถสิ, อตฺตนา อธิคตมคฺเคน ทสฺสนวิสุทฺธิกํ นิพฺพานเมว กเถสิ.
ตตฺถ ยถา กาฬกกาเล กึสุกทสฺสาวิโนปิ ตํ ทสฺสนํ ภูตํ ¶ ตจฺฉํ น เตน อฺํ ทิฏฺํ, กึสุโกว ทิฏฺโ, เอวเมว ฉผสฺสายตนวเสน ทสฺสนวิสุทฺธิปตฺตสฺสาปิ ขีณาสวสฺส ทสฺสนํ ภูตํ ตจฺฉํ, น เตน อฺํ กถิตํ, อตฺตนา อธิคตมคฺเคน ทสฺสนวิสุทฺธิกํ นิพฺพานเมว กถิตํ. ยถา จ โลหิตกาเล โอจิรกชาตกาเล พหลปตฺตปลาสกาเล กึสุกทสฺสาวิโนปิ ตํ ทสฺสนํ ภูตํ ตจฺฉํ, น เตน อฺํ ทิฏฺํ, กึสุโกว ทิฏฺโ, เอวเมว ปฺจุปาทานกฺขนฺธวเสน จตุมหาภูตวเสน เตภูมกธมฺมวเสน ทสฺสนวิสุทฺธิปตฺตสฺสาปิ ขีณาสวสฺส ทสฺสนํ ภูตํ ตจฺฉํ, น เตน อฺํ กถิตํ, อตฺตนา อธิคตมคฺเคน ทสฺสนวิสุทฺธิกํ นิพฺพานเมว กถิตํ.
เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขุ รฺโ ปจฺจนฺติมํ นครนฺติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? สเจ เตน ภิกฺขุนา ตํ สลฺลกฺขิตํ, อถสฺส ธมฺมเทสนตฺถํ อารทฺธํ. สเจ น สลฺลกฺขิตํ, อถสฺส อิมินา นคโรปเมน ตสฺเสวตฺถสฺส ทีปนตฺถาย อาวิภาวนตฺถาย อารทฺธํ. ตตฺถ ยสฺมา มชฺฌิมปเทเส นครสฺส ปาการาทีนิ ถิรานิ วา โหนฺตุ ทุพฺพลานิ วา, สพฺพโส วา มา โหนฺตุ, โจราสงฺกา น โหนฺติ, ตสฺมา ตํ อคฺคเหตฺวา ‘‘ปจฺจนฺติมํ นคร’’นฺติ อาห. ทฬฺหุทฺธาปนฺติ ถิรปาการํ. ทฬฺหปาการโตรณนฺติ ถิรปาการฺเจว ถิรโตรณฺจ. โตรณานิ นาม หิ ปุริสุพฺเพธานิ นครสฺส อลงฺการตฺถํ กรียนฺติ, โจรนิวารณตฺถานิปิ โหนฺติเยว. อถ วา โตรณนฺติ ปิฏฺสงฺฆาฏสฺเสตํ นามํ, ถิรปิฏฺสงฺฆาฏนฺติปิ อตฺโถ. ฉทฺวารนฺติ นครทฺวารํ นาม เอกมฺปิ โหติ ทฺเวปิ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ, อิธ ปน สตฺถา ฉทฺวาริกนครํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. ปณฺฑิโตติ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต. พฺยตฺโตติ เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต วิสทาโณ. เมธาวีติ านุปฺปตฺติกปฺาสงฺขาตาย เมธาย สมนฺนาคโต.
ปุรตฺถิมาย ทิสายาติอาทิมฺหิ ภูตมตฺถํ กตฺวา เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ – สมิทฺเธ กิร มหานคเร สตฺตรตนสมฺปนฺโน ราชา จกฺกวตฺติ รชฺชํ อนุสาสติ, ตสฺเสตํ ปจฺจนฺตนครํ ราชายุตฺตวิรหิตํ ¶ , อถ ปุริสา อาคนฺตฺวา ¶ ‘‘อมฺหากํ, เทว, นคเร อายุตฺตโก นตฺถิ, เทหิ โน กิฺจิ อายุตฺตก’’นฺติ อาหํสุ. ราชา เอกํ ปุตฺตํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, เอตํ อาทาย ตตฺถ อภิสิฺจิตฺวา วินิจฺฉยฏฺานาทีนิ กตฺวา วสถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. ราชปุตฺโต ปาปมิตฺตสํสคฺเคน กติปาเหเยว สุราโสณฺโฑ หุตฺวา, สพฺพานิ วินิจฺฉยฏฺานาทีนิ หาเรตฺวา, นครมชฺเฌ ธุตฺเตหิ ปริวาริโต สุรํ ปิวนฺโต นจฺจคีตาทิรติยา วีตินาเมติ. อถ รฺโ อาคนฺตฺวา อาโรจยึสุ.
ราชา เอกํ ปณฺฑิตํ อมจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ กุมารํ โอวทิตฺวา, วินิจฺฉยฏฺานาทีนิ กาเรตฺวา, ปุน อภิเสกํ กตฺวา, เอหี’’ติ. น สกฺกา, เทว, กุมารํ โอวทิตุํ, จณฺโฑ กุมาโร ฆาเตยฺยาปิ มนฺติ. อเถกํ พลสมฺปนฺนํ โยธํ อาณาเปสิ – ‘‘ตฺวํ อิมินา สทฺธึ คนฺตฺวา สเจ โส โอวาเท น ติฏฺติ, สีสมสฺส ฉินฺทาหี’’ติ. อิติ โส อมจฺโจ โยโธ จาติ อิทํ สีฆํ ทูตยุคํ ตตฺถ คนฺตฺวา โทวาริกํ ปุจฺฉิ – ‘‘กหํ, โภ, นครสฺส สามิ กุมาโร’’ติ. เอส มชฺเฌสิงฺฆาฏเก สุรํ ปิวนฺโต ธุตฺตปริวาริโต คีตาทิรตึ อนุโภนฺโต นิสินฺโนติ. อถ ตํ ทูตยุคํ คนฺตฺวา อมจฺโจ ตาเวตฺถ, ‘‘สามิ, วินิจฺฉยฏฺานาทีนิ ¶ กิร กาเรตฺวา สาธุกํ รชฺชํ อนุสาสา’’ติ อาห. กุมาโร อสุณนฺโต วิย นิสีทิ. อถ นํ โยโธ สีเส คเหตฺวา, ‘‘สเจ รฺโ อาณํ กโรสิ, กร, โน เจ, เอตฺเถว เต สีสํ ปาเตสฺสามี’’ติ ขคฺคํ อพฺพาหิ. ปริจารกา ธุตฺตา ตาวเทว ทิสาสุ ปลายึสุ. กุมาโร ภีโต สาสนํ สมฺปฏิจฺฉิ. อถสฺส เต ตตฺเถว อภิเสกํ กตฺวา เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ‘‘สมฺมา รชฺชํ อนุสาสาหี’’ติ รฺา วุตฺตํ ยถาภูตวจนํ นิยฺยาเตตฺวา ยถาคตมคฺคเมว ปฏิปชฺชึสุ. อิมมตฺถํ อาวิกโรนฺโต ภควา ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสายา’’ติ อาห.
ตตฺริทํ ¶ โอปมฺมสํสนฺทนํ – สมิทฺธมหานครํ วิย หิ นิพฺพานนครํ ทฏฺพฺพํ, สตฺตรตนสมนฺนาคโต ราชา จกฺกวตฺติ วิย สตฺตโพชฺฌงฺครตนสมนฺนาคโต ธมฺมราชา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ปจฺจนฺติมนครํ วิย สกฺกายนครํ, ตสฺมึ นคเร กูฏราชปุตฺโต วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน กูฏจิตฺตุปฺปาโท, กูฏราชปุตฺตสฺส ธุตฺเตหิ ปริวาริตกาโล วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน ปฺจหิ นีวรเณหิ สมงฺคิกาโล, ทฺเว สีฆทูตา วิย สมถกมฺมฏฺานฺจ วิปสฺสนากมฺมฏฺานฺจ, มหาโยเธน สีเส คหิตกาโล วิย อุปฺปนฺนปมชฺฌานสมาธินา ¶ นิจฺจลํ กตฺวา จิตฺตคฺคหิตกาโล, โยเธน สีเส คหิตมตฺเต ธุตฺตานํ ทิสาสุ ปลายิตฺวา ทูรีภาโว วิย ปมชฺฌานมฺหิ อุปฺปนฺนมตฺเต นีวรณานํ ทูรีภาโว, ‘‘กริสฺสามิ รฺโ สาสน’’นฺติ สมฺปฏิจฺฉิตมตฺเต วิสฺสฏฺกาโล วิย ฌานโต วุฏฺิตกาโล, อมจฺเจน รฺโ สาสนํ อาโรจิตกาโล วิย สมาธินา จิตฺตํ กมฺมนิยํ กตฺวา วิปสฺสนากมฺมฏฺานสฺส วฑฺฒิตกาโล, ตตฺเถวสฺส เตหิ ทฺวีหิ ทูเตหิ กตาภิเสกสฺส เสตจฺฉตฺตอุสฺสาปนํ วิย สมถวิปสฺสนากมฺมฏฺานํ นิสฺสาย อรหตฺตปฺปตฺตสฺส วิมุตฺติเสตจฺฉตฺตุสฺสาปนํ เวทิตพฺพํ.
นครนฺติ โข ภิกฺขุ อิมสฺเสตํ จาตุมหาภูติกสฺส กายสฺส อธิวจนนฺติอาทีสุ ปน จาตุมหาภูติกสฺสาติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วิตฺถาริโตว. เกวลํ ปน วิฺาณราชปุตฺตสฺส นิวาสฏฺานตฺตา เอตฺถ กาโย ‘‘นคร’’นฺติ วุตฺโต, ตสฺเสว ทฺวารภูตตฺตา ฉ อายตนานิ ‘‘ทฺวารานี’’ติ, เตสุ ทฺวาเรสุ นิจฺจํ สุปฺปติฏฺิตตฺตา สติ ‘‘โทวาริโก’’ติ, กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขนฺเตน ธมฺมราเชน เปสิตตฺตา สมถวิปสฺสนา ‘‘สีฆํ ทูตยุค’’นฺติ. เอตฺถ มหาโยโธ วิย สมโถ, ปณฺฑิตามจฺโจ วิย วิปสฺสนา เวทิตพฺพา.
มชฺเฌ สิงฺฆาฏโกติ นครมชฺเฌ สิงฺฆาฏโก. มหาภูตานนฺติ หทยวตฺถุสฺส นิสฺสยภูตานํ มหาภูตานํ ¶ . วตฺถุรูปสฺส หิ ปจฺจยทสฺสนตฺถเมเวตํ จตุมหาภูตคฺคหณํ กตํ. นครมชฺเฌ ปน โส ราชกุมาโร วิย สรีรมชฺเฌ หทยรูปสิงฺฆาฏเก นิสินฺโน สมถวิปสฺสนาทูเตหิ อรหตฺตาภิเสเกน อภิสิฺจิตพฺโพ วิปสฺสนาวิฺาณราชปุตฺโต ทฏฺพฺโพ. นิพฺพานํ ปน ยถาภูตสภาวํ อกุปฺปํ ¶ อธิการีติ กตฺวา ยถาภูตํ วจนนฺติ วุตฺตํ. อริยมคฺโค ปน ยาทิโสว ปุพฺพภาควิปสฺสนามคฺโค, อยมฺปิ อฏฺงฺคสมนฺนาคตตฺตา ตาทิโสเยวาติ กตฺวา ยถาคตมคฺโคติ วุตฺโต. อิทํ ตาเวตฺถ ธมฺมเทสนตฺถํ อาภตาย อุปมาย สํสนฺทนํ.
ตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏีกรณตฺถํ อาภตปกฺเข ปน อิทํ สํสนฺทนํ – เอตฺถ หิ ฉทฺวารูปมา ฉผสฺสายตนวเสน ทสฺสนวิสุทฺธิปตฺตํ ขีณาสวํ ทสฺเสตุํ ¶ อาภตา, นครสามิอุปมา ปฺจกฺขนฺธวเสน, สิงฺฆาฏกูปมา จตุมหาภูตวเสน, นครูปมา เตภูมกธมฺมวเสน ทสฺสนวิสุทฺธิปตฺตํ ขีณาสวํ ทสฺเสตุํ อาภตา. สงฺเขปโต ปนิมสฺมึ สุตฺเต จตุสจฺจเมว กถิตํ. สกเลนปิ หิ นครสมฺภาเรน ทุกฺขสจฺจเมว กถิตํ, ยถาภูตวจเนน นิโรธสจฺจํ, ยถาคตมคฺเคน มคฺคสจฺจํ, ทุกฺขสฺส ปน ปภาวิกา ตณฺหา สมุทยสจฺจํ. เทสนาปริโยสาเน ปฺหปุจฺฉโก ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโตติ.
๙. วีโณปมสุตฺตวณฺณนา
๒๔๖. นวเม ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วาติ อิทํ สตฺถา ยถา นาม มหากุฏุมฺพิโก มหนฺตํ กสิกมฺมํ กตฺวา, นิปฺผนฺนสสฺโส ฆรทฺวาเร มณฺฑปํ กตฺวา, อุภโตสงฺฆสฺส ทานํ ปวตฺเตยฺย. กิฺจาปิ เตน อุภโตสงฺฆสฺส ทานํ ปฏฺปิตํ, ทฺวีสุ ปน ปริสาสุ สนฺตปฺปิตาสุ เสสชนมฺปิ สนฺตปฺเปติเยว, เอวเมว ภควา สมธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตฺาณํ อธิคนฺตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก เชตวนมหาวิหาเร นิสินฺโน ภิกฺขุปริสาย เจว ภิกฺขุนิปริสาย จ มหาธมฺมยาคํ ยชนฺโต วีโณปมสุตฺตํ อารภิ. ตํ เปเนตํ กิฺจาปิ ทฺเว ปริสา สนฺธาย อารทฺธํ, จตุนฺนมฺปิ ปน ปริสานํ อวาริตํ. ตสฺมา สพฺเพหิปิ โสตพฺพฺเจว สทฺธาตพฺพฺจ, ปริโยคาหิตฺวา จสฺส อตฺถรโส วินฺทิตพฺโพติ.
ตตฺถ ¶ ฉนฺโทติอาทีสุ ฉนฺโท นาม ปุพฺพุปฺปตฺติกา ทุพฺพลตณฺหา, โส รฺเชตุํ น สกฺโกติ ¶ . อปราปรํ อุปฺปชฺชมานา ปน พลวตณฺหา ราโค นาม, โส รฺเชตุํ สกฺโกติ. ทณฺฑาทานาทีนิ กาตุํ อสมตฺโถ ปุพฺพุปฺปตฺติโก ทุพฺพลโกโธ โทโส นาม. ตานิ กาตุํ สมตฺโถ อปราปรุปฺปตฺติโก พลวโกโธ ปฏิฆํ นาม. โมโห ปน โมหนสมฺโมหนวเสน อุปฺปนฺนํ อฺาณํ. เอวเมตฺถ ปฺจหิปิ ปเทหิ ตีณิ อกุสลมูลานิ คหิตานิ. เตสุ คหิเตสุ สพฺเพปิ ตมฺมูลกา กิเลสา คหิตาว โหนฺติ. ‘‘ฉนฺโท ราโค’’ติ วา ปททฺวเยน อฏฺโลภสหคตจิตฺตุปฺปาทา, ‘‘โทโส ¶ ปฏิฆ’’นฺติ ปททฺวเยน ทฺเว โทมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทา, โมหปเทน โลภโทสรหิตา ทฺเว อุทฺธจฺจวิจิกิจฺฉาสหคตจิตฺตุปฺปาทา คหิตาติ. เอวํ สพฺเพปิ ทฺวาทส จิตฺตุปฺปาทา ทสฺสิตาว โหนฺติ.
สภโยติ กิเลสโจรานํ นิวาสฏฺานตฺตา สภโย. สปฺปฏิภโยติ วธพนฺธนาทีนํ การณตฺตา สปฺปฏิภโย. สกณฺฏโกติ ราคาทีหิ กณฺฏเกหิ สกณฺฏโก. สคหโนติ ราคคหนาทีหิ สคหโน. อุมฺมคฺโคติ เทวโลกํ วา มนุสฺสโลกํ วา นิพฺพานํ วา คจฺฉนฺตสฺส อมคฺโค. กุมฺมคฺโคติ กุจฺฉิตเชคุจฺฉิภูตฏฺานคมนเอกปทิกมคฺโค วิย อปายสมฺปาปกตฺตา กุมฺมคฺโค. ทุหิติโกติ เอตฺถ อิหิตีติ อิริยนา, ทุกฺขา อิหิติ เอตฺถาติ, ทุหิติโก. ยสฺมิฺหิ มคฺเค มูลผลาทิขาทนียํ วา สายนียํ วา นตฺถิ, ตสฺมึ อิริยนา ทุกฺขา โหติ, น สกฺกา ตํ ปฏิปชฺชิตฺวา อิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตุํ. กิเลสมคฺคมฺปิ ปฏิปชฺชิตฺวา น สกฺกา สมฺปตฺติภวํ คนฺตุนฺติ กิเลสมคฺโค ทุหิติโกติ วุตฺโต. ทฺวีหิติโกติปิ ปาโ, เอเสวตฺโถ. อสปฺปุริสเสวิโตติ โกกาลิกาทีหิ อสปฺปุริเสหิ เสวิโต.
ตโต จิตฺตํ นิวารเยติ เตหิ จกฺขุวิฺเยฺเยหิ รูเปหิ ตํ ฉนฺทาทิวเสน ปวตฺตจิตฺตํ อสุภาวชฺชนาทีหิ อุปาเยหิ นิวารเย. จกฺขุทฺวารสฺมิฺหิ อิฏฺารมฺมเณ ราเค อุปฺปนฺเน อสุภโต อาวชฺชนฺตสฺส จิตฺตํ นิวตฺตติ, อนิฏฺารมฺมเณ โทเส อุปฺปนฺเน เมตฺตโต อาวชฺชนฺตสฺส จิตฺตํ นิวตฺตติ, มชฺฌตฺตารมฺมเณ ¶ โมเห อุปฺปนฺเน อุทฺเทสปริปุจฺฉํ ครุวาสํ อาวชฺชนฺตสฺส จิตฺตํ นิวตฺตติ. เอวํ อสกฺโกนฺเตน ปน สตฺถุมหตฺตตํ ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตา สงฺฆสฺส สุปฺปฏิปตฺติ จ อาวชฺชิตพฺพา. สตฺถุมหตฺตตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ หิ ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตํ สงฺฆสฺส สุปฺปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขโตปิ จิตฺตํ นิวตฺตติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อสุภาวชฺชนาทีหิ อุปาเยหิ นิวารเย’’ติ.
กิฏฺนฺติ กิฏฺฏฺาเน อุปฺปนฺนสสฺสํ. สมฺปนฺนนฺติ ปริปุณฺณํ สุนิปฺผนฺนํ. กิฏฺาโทติ สสฺสขาทโก ¶ . เอวเมว โขติ เอตฺถ สมฺปนฺนกิฏฺํ วิย ปฺจ กามคุณา ทฏฺพฺพา, กิฏฺาโท โคโณ วิย กูฏจิตฺตํ, กิฏฺารกฺขสฺส ปมาทกาโล วิย ภิกฺขุโน ฉสุ ทฺวาเรสุ สตึ ปหาย วิจรณกาโล, กิฏฺารกฺขสฺส ปมาทมาคมฺม โคเณน คหิตคพฺภสฺส กิฏฺสฺส ขาทิตตฺตา สสฺสสามิโน ¶ สสฺสผลานธิคโม วิย ฉทฺวารรกฺขิกาย สติยา วิปฺปวาสมาคมฺม ปฺจกามคุณํ อสฺสาเทนฺเตน จิตฺเตน กุสลปกฺขสฺส นาสิตตฺตา ภิกฺขุโน สามฺผลาธิคมาภาโว เวทิตพฺโพ.
อุปริฆฏายนฺติ ทฺวินฺนํ สิงฺคานํ อนฺตเร. สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺเหยฺยาติ ฆฏายํ ปติฏฺิเต นาสารชฺชุเก สุฏฺุ นิคฺคหิตํ กตฺวา นิคฺคณฺเหยฺย. ทณฺเฑนาติ มุคฺครสทิเสน ถูลทณฺฑเกน. เอวฺหิ โส ภิกฺขเว โคโณติ เอวํ โส กิฏฺารกฺขสฺส ปมาทมนฺวาย ยสฺมึ ยสฺมึ ขเณ กิฏฺํ โอตริตุกาโม โหติ, ตสฺมึ ตสฺมึ ขเณ เอวํ นิคฺคณฺหิตฺวา ตาเฬตฺวา โอสชฺชเนน นิพฺพิเสวนภาวํ อุปนีโต โคโณ.
เอวเมว โขติ อิธาปิ สมฺปนฺนกิฏฺมิว ปฺจ กามคุณา ทฏฺพฺพา, กิฏฺาโท วิย กูฏจิตฺตํ, กิฏฺารกฺขสฺส อปฺปมาโท วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน ฉสุ ทฺวาเรสุ สติยา อวิสฺสชฺชนํ, ทณฺโฑ วิย สุตฺตนฺโต, โคณสฺส กิฏฺาภิมุขกาเล ทณฺเฑน ตาฬนํ วิย จิตฺตสฺส พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณาภิมุขกาเล อนมตคฺคิยเทวทูตอาทิตฺตอาสีวิสูปมอนาคตภยาทีสุ ¶ ตํ ตํ สุตฺตํ อาวชฺเชตฺวา จิตฺตุปฺปาทสฺส ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวาเรตฺวา มูลกมฺมฏฺาเน โอตารณํ เวทิตพฺพํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘สุภาสิตํ สุตฺวา มโน ปสีทติ,
ทเมติ นํ ปีติสุขฺจ วินฺทติ;
ตทสฺส อารมฺมเณ ติฏฺเต มโน,
โคโณว กิฏฺาทโก ทณฺฑตชฺชิโต’’ติ.
อุทุชิตนฺติ ตชฺชิตํ. สุทุชิตนฺติ สุตชฺชิตํ, สุชิตนฺติปิ อตฺโถ. อุทุ, สุทูติ อิทํ ปน นิปาตมตฺตเมว. อชฺฌตฺตนฺติ โคจรชฺฌตฺตํ. สนฺติฏฺตีติอาทีสุ ปมชฺฌานวเสน สนฺติฏฺติ, ทุติยชฺฌานวเสน สนฺนิสีทติ, ตติยชฺฌานวเสน เอโกทิ โหติ, จตุตฺถชฺฌานวเสน ¶ สมาธิยติ. สพฺพมฺปิ วา เอตํ ปมชฺฌานวเสน เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา หิ สมฺมาสมฺพุทฺเธน สมถานุรกฺขณอินฺทฺริยสํวรสีลํ นาม กถิตํ.
รฺโ วาติ กสฺสจิเทว ปจฺจนฺตรฺโ วา. สทฺทํ สุเณยฺยาติ ปจฺจูสกาเล ปพุทฺโธ กุสเลน วีณาวาทเกน วาทิยมานาย มธุรสทฺทํ สุเณยฺย. รชนีโยติอาทีสุ จิตฺตํ รฺเชตีติ รชนีโย. กาเมตพฺพตาย ¶ กมนีโย. จิตฺตํ มทยตีติ มทนีโย. จิตฺตํ มุจฺฉิตํ วิย กรณโต มุจฺฉิยตีติ มุจฺฉนีโย. อาพนฺธิตฺวา วิย คหณโต พนฺธตีติ พนฺธนีโย. อลํ เม, โภติ วีณาย สณฺานํ ทิสฺวา ตํ อนิจฺฉนฺโต เอวมาห. อุปธารเณติ เวฏฺเก. โกณนฺติ จตุรสฺสํ สารทณฺฑกํ.
โส ตํ วีณนฺติ โส ราชา ‘‘อาหรถ นํ วีณํ, อหมสฺสา สทฺทํ ปสิสฺสามี’’ติ ตํ วีณํ คเหตฺวา. ทสธา วาติอาทีสุ ปมํ ตาว ทสธา ผาเลยฺย, อถสฺสา สทฺทํ อปสฺสนฺโต สตธา ผาเลยฺย, ตถาปิ อปสฺสนฺโต สกลิกํ สกลิกํ กเรยฺย, ตถาปิ อปสฺสนฺโต ‘‘สกลิกา ฌายิสฺสนฺติ, สทฺโท ปน นิกฺขมิตฺวา ปลายิสฺสติ, ตทา นํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อคฺคินา ฑเหยฺย. ตถาปิ อปสฺสนฺโต ‘‘สลฺลหุกานิ ¶ มสิจุณฺณานิ วาเตน ภสฺสิสฺสนฺติ, สทฺโท สารธฺํ วิย ปาทมูเล ปติสฺสติ, ตทา นํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ มหาวาเต วา โอผุเนยฺย. ตถาปิ อปสฺสนฺโต ‘‘มสิจุณฺณานิ ยโถทกํ คมิสฺสนฺติ, สทฺโท ปน ปารํ คจฺฉนฺโต ปุริโส วิย นิกฺขมิตฺวา ตริสฺสติ, ตทา นํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ นทิยา วา สีฆโสตาย ปวาเหยฺย.
เอวํ วเทยฺยาติ สพฺเพหิปิเมหิ อุปาเยหิ อปสฺสนฺโต เต มนุสฺเส เอวํ วเทยฺย. อสตี กิรายนฺติ อสตี กิร อยํ วีณา, ลามิกาติ อตฺโถ. อสตีติ ลามกาธิวจนเมตํ. ยถาห –
‘‘อสา โลกิตฺถิโย นาม, เวลา ตาสํ น วิชฺชติ;
สารตฺตา จ ปคพฺภา จ, สิขี สพฺพฆโส ยถา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๖๑);
ยเถวํ ยํกิฺจิ วีณา นามาติ น เกวลฺจ วีณาเยว ลามิกา, ยเถว ปน อยํ วีณา ¶ นาม, เอวํ ยํกิฺจิ อฺมฺปิ ตนฺติพทฺธํ, สพฺพํ ตํ ลามกเมวาติ อตฺโถ. เอวเมว โขติ เอตฺถ วีณา วิย ปฺจกฺขนฺธา ทฏฺพฺพา, ราชา วิย โยคาวจโร. ยถา โส ราชา ตํ วีณํ ทสธา ผาลนโต ปฏฺาย วิจินนฺโต สทฺทํ อทิสฺวา วีณาย อนตฺถิโก โหติ, เอวํ โยคาวจโร ปฺจกฺขนฺเธ สมฺมสนฺโต อหนฺติ วา มมนฺติ วา คเหตพฺพํ อปสฺสนฺโต ขนฺเธหิ อนตฺถิโก โหติ. เตนสฺส ตํ ขนฺธสมฺมสนํ ¶ ทสฺเสนฺโต รูปํ สมนฺเวสติ ยาวตา รูปสฺส คตีติอาทิมาห.
ตตฺถ สมนฺเวสตีติ ปริเยสติ. ยาวตา รูปสฺส คตีติ ยตฺตกา รูปสฺส คติ. ตตฺถ คตีติ คติคติ, สฺชาติคติ, สลกฺขณคติ, วิภวคติ, เภทคตีติ ปฺจวิธา โหนฺติ. ตตฺถ อิทํ รูปํ นาม เหฏฺา อวีจิปริยนฺตํ กตฺวา อุปริ อกนิฏฺพฺรหฺมโลกํ อนฺโต กตฺวา เอตฺถนฺตเร สํสรติ วตฺตติ, อยมสฺส คติคติ นาม.
อยํ ปน กาโย เนว ปทุมคพฺเภ, น ปุณฺฑรีกนีลุปฺปลาทีสุ สฺชายติ, อามาสยปกฺกาสยานํ ปน อนฺตเร พหลนฺธกาเร ทุคฺคนฺธปวนวิจริเต ปรมเชคุจฺเฉ โอกาเส ปูติมจฺฉาทีสุ กิมิ วิย สฺชายติ ¶ , อยํ รูปสฺส สฺชาติคติ นาม.
ทุวิธํ ปน รูปสฺส ลกฺขณํ, ‘‘รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูป’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๗๙) เอวํ วุตฺต รุปฺปนสงฺขาตํ ปจฺจตฺตลกฺขณฺจ อนิจฺจาทิเภทํ สามฺลกฺขณฺจ, อยมสฺส สลกฺขณคติ นาม.
‘‘คติ มิคานํ ปวนํ, อากาโส ปกฺขินํ คติ;
วิภโว คติ ธมฺมานํ, นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติ. (ปริ. ๓๓๙) –
เอวํ วุตฺโต รูปสฺส อภาโว วิภวคติ นาม. โย ปนสฺส เภโท, อยํ เภทคติ นาม. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. เกวลฺเหตฺถ อุปริ ยาว ภวคฺคา เตสํ สฺชาติคติ, สลกฺขณคติยฺจ เวทยิตสฺชานนอภิสงฺขรณวิชานนวเสน ปจฺจตฺตลกฺขณํ เวทิตพฺพํ.
ตมฺปิ ตสฺส น โหตีติ ยเทตํ รูปาทีสุ อหนฺติ วา มมนฺติ วา อสฺมีติ วา เอวํ นิทฺทิฏฺํ ¶ ทิฏฺิตณฺหามานคฺคาหตฺตยํ, ตมฺปิ ตสฺส ขีณาสวสฺส น โหตีติ ยถานุสนฺธินาว สุตฺตาคตํ. เตน วุตฺตํ มหาอฏฺกถายํ –
‘‘อาทิมฺหิ สีลํ กถิตํ, มชฺเฌ สมาธิภาวนา;
ปริโยสาเน จ นิพฺพานํ, เอสา วีโณปมา กถา’’ติ.
๑๐. ฉปฺปาณโกปมสุตฺตวณฺณนา
๒๔๗. ทสเม ¶ อรุคตฺโตติ วณสรีโร. เตสํเยว อรูนํ ปกฺกตฺตา ปกฺกคตฺโต. สรวนนฺติ กณฺฑวนํ. เอวเมว โขติ อรุคตฺโต ปุริโส วิย ทุสฺสีลปุคฺคโล เวทิตพฺโพ. ตสฺส กุสกณฺฏเกหิ วิทฺธสฺส สรปตฺเตหิ จ อสิธารูปเมหิ วิลิขิตคตฺตสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย ทุกฺขโทมนสฺสํ วิย ตตฺถ ตตฺถ สพฺรหฺมจารีหิ ‘‘อยํ โส อิเมสฺจ อิเมสฺจ กมฺมานํ การโก’’ติ วุจฺจมานสฺส อุปฺปชฺชนทุกฺขํ เวทิตพฺพํ.
ลภติ วตฺตารนฺติ ลภติ โจทกํ. เอวํการีติ เอวรูปานํ เวชฺชกมฺมทูตกมฺมาทีนํ การโก. เอวํสมาจาโรติ วิธวา โคจราทิวเสน เอวรูปโคจโร. อสุจิคามกณฺฏโกติ ¶ อสุทฺธฏฺเน อสุจิ, คามวาสีนํ วิชฺฌนฏฺเน กณฺฏโกติ คามกณฺฏโก.
ปกฺขินฺติ หตฺถิโสณฺฑสกุณํ. โอสฺสชฺเชยฺยาติ วิสฺสชฺเชยฺย. อาวิฺเฉยฺยุนฺติ อากฑฺเฒยฺยุํ. ปเวกฺขามีติ ปวิสิสฺสามิ. อากาสํ เฑสฺสามีติ อากาสํ อุปฺปติสฺสามิ.
เอเตสุ ปน อหิ ‘‘โภเคหิ มณฺฑลํ พนฺธิตฺวา สุปิสฺสามี’’ติ วมฺมิกํ ปวิสิตุกาโม โหติ. สุสุมาโร ‘‘ทูเร พิลํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิสฺสามี’’ติ อุทกํ ปวิสิตุกาโม โหติ. ปกฺขี ‘‘อชฏากาเส สุขํ วิจริสฺสามี’’ติ อากาสํ เฑตุกาโม โหติ. กุกฺกุโร ‘‘อุทฺธนฏฺาเน ฉาริกํ พฺยูหิตฺวา อุสุมํ คณฺหนฺโต นิปชฺชิสฺสามี’’ติ คามํ ปวิสิตุกาโม โหติ. สิงฺคาโล ‘‘มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา ปิฏฺึ ปสาเรตฺวา สยิสฺสามี’’ติ อามกสุสานํ ปวิสิตุกาโม โหติ. มกฺกโฏ ‘‘อุจฺเจ รุกฺเข อภิรุหิตฺวา ทิสาทิสํ ปกฺขนฺทิสฺสามี’’ติ วนํ ปวิสิตุกาโม โหติ.
อนุวิธาเยยฺยุนฺติ ¶ อนุคจฺเฉยฺยุํ, อนุวิธิเยยฺยุนฺติปิ ปาโ, อนุวิธานํ อาปชฺเชยฺยุนฺติ อตฺโถ. ยตฺถ โส ยาติ, ตตฺเถว คจฺเฉยฺยุนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวเมวาติ เอตฺถ ฉ ปาณกา วิย ฉายตนานิ ทฏฺพฺพานิ, ทฬฺหรชฺชุ วิย ตณฺหา, มชฺเฌ คณฺิ วิย อวิชฺชา. ยสฺมึ ยสฺมึ ทฺวาเร อารมฺมณํ พลวํ โหติ, ตํ ตํ อายตนํ ตสฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ อาวิฺฉติ.
อิมํ ¶ ปน อุปมํ ภควา สริกฺขเกน วา อาหเรยฺย อายตนานํ วา นานตฺตทสฺสนวเสน. ตตฺถ สริกฺขเกน ตาว วิสุํ อปฺปนากิจฺจํ นตฺถิ, ปาฬิยํเยว อปฺปิตา. อายตนานํ นานตฺตทสฺสเนน ปน อยํ อปฺปนา – อหิ นาเมส พหิ สิตฺตสมฺมฏฺเ าเน นาภิรมติ, สงฺการฏฺานติณปณฺณคหนวมฺมิกานิเยว ปน ปวิสิตฺวา นิปนฺนกาเล อภิรมติ, เอกคฺคตํ อาปชฺชติ. เอวเมว จกฺขุเปตํ วิสมชฺฌาสยํ, มฏฺาสุ สุวณฺณภิตฺติอาทีสุ นาภิรมติ, โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉติ, รูปจิตฺตปุปฺผลตาทิวิจิตฺเตสุเยว ¶ ปน อภิรมติ. ตาทิเสสุ หิ าเนสุ จกฺขุมฺหิ อปฺปโหนฺเต มุขมฺปิ วิวริตฺวา โอโลเกตุกาโม โหติ.
สุสุมาโรปิ พหิ นิกฺขนฺโต คเหตพฺพํ น ปสฺสติ, อกฺขึ นิมีเลตฺวา จรติ. ยทา ปน พฺยามสตมตฺตํ อุทกํ โอคาหิตฺวา พิลํ ปวิสิตฺวา นิปนฺโน โหติ, ตทา ตสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, สุขํ สุปติ. เอวเมว โสตมฺเปตํ พิลชฺฌาสยํ อากาสสนฺนิสฺสิตํ, กณฺณจฺฉิทฺทกูปเกเยว อชฺฌาสยํ กโรติ, กณฺณจฺฉิทฺทากาโสเยว ตสฺส สทฺทสวเน ปจฺจโย โหติ. อชฏากาโสปิ วฏฺฏติเยว. อนฺโตเลณสฺมิฺหิ สชฺฌาเย กยิรมาเน น เลณจฺฉทนํ ภินฺทิตฺวา สทฺโท พหิ นิกฺขมติ, ทฺวารวาตปานฉิทฺเทหิ ปน นิกฺขมิตฺวา ธาตุปรมฺปรา ฆฏฺเฏนฺโต อาคนฺตฺวา โสตปสาทํ ฆฏฺเฏติ. อถ ตสฺมึ กาเล ‘‘อสุกํ นาม สชฺฌายตี’’ติ เลณปิฏฺเ นิสินฺนา ชานนฺติ.
เอวํ สนฺเต สมฺปตฺตโคจรตา โหติ, กึ ปเนตํ สมฺปตฺตโคจรนฺติ? อาม สมฺปตฺตโคจรํ. ยทิ เอวํ ทูเร เภริอาทีสุ วชฺชมาเนสุ ‘‘ทูเร สทฺโท’’ติ ชานนํ น ภเวยฺยาติ. โน น ภวติ. โสตปสาทสฺมิฺหิ ฆฏฺฏิเต ‘‘ทูเร สทฺโท, อาสนฺเน สทฺโท, ปรตีเร โอริมตีเร’’ติ ตถา ตถา ชานนากาโร โหติ, ธมฺมตา เอสาติ. กึ เอตาย ธมฺมตาย? ยโต ยโต ฉิทฺทํ, ตโต ตโต สวนํ โหติ จนฺทิมสูริยาทีนํ ทสฺสนํ วิยาติ อสมฺปตฺตโคจรเมเวตํ.
ปกฺขีปิ ¶ รุกฺเข วา ภูมิยํ วา น รมติ. ยทา ปน เอกํ วา ทฺเว วา เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อชฏากาสํ ปกฺขนฺโท โหติ, ตทา เอกคฺคจิตฺตตํ อาปชฺชติ. เอวเมว ฆานมฺปิ อากาสชฺฌาสยํ วาตูปนิสฺสยคนฺธโคจรํ. ตถา ¶ หิ คาโว นววุฏฺเ เทเว ภูมึ ฆายิตฺวา ฆายิตฺวา อากาสาภิมุโข หุตฺวา วาตํ อากฑฺฒนฺติ. องฺคุลีหิ คนฺธปิณฺฑํ คเหตฺวาปิ จ อุปสิงฺฆนกาเล วาตํ อนากฑฺฒนฺโต เนว ตสฺส คนฺธํ ชานาติ.
กุกฺกุโรปิ พหิ จรนฺโต เขมฏฺานํ น ปสฺสติ, เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ อุปทฺทุโต โหติ. อนฺโตคามํ ปวิสิตฺวา อุทฺธนฏฺาเน ¶ ฉาริกํ พฺยูหิตฺวา นิปนฺนสฺส ปนสฺส ผาสุ โหติ. เอวเมว ชิวฺหาปิ คามชฺฌาสยา อาโปสนฺนิสฺสิตรสารมฺมณา. ตถา หิ ติยามรตฺตึ สมณธมฺมํ กตฺวาปิ ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย คามํ ปวิสิตพฺพํ โหติ. สุกฺขขาทนียสฺส จ น สกฺกา เขเฬน อเตมิตสฺส รสํ ชานิตุํ.
สิงฺคาโลปิ พหิ จรนฺโต รตึ น วินฺทติ, อามกสุสาเน มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา นิปนฺนสฺเสว ปนสฺส ผาสุ โหติ. เอวเมว กาโยปิ อุปาทิณฺณกชฺฌาสโย ปถวีสนฺนิสฺสิตโผฏฺพฺพารมฺมโณ. ตถา หิ อฺํ อุปาทิณฺณกํ อลภมานา สตฺตา อตฺตโนว หตฺถตเล สีสํ กตฺวา นิปชฺชนฺติ. อชฺฌตฺติกพาหิรา จสฺส ปถวี อารมฺมณคฺคหเณ ปจฺจโย โหติ. สุสนฺถตสฺสาปิ หิ สยนสฺส เหฏฺาิตานมฺปิ วา ผลกานํ น สกฺกา อนิสีทนฺเตน วา อนุปฺปีฬนฺเตน วา ถทฺธมุทุภาโว ชานิตุนฺติ อชฺฌตฺติกพาหิรา ปถวี เอตสฺส โผฏฺพฺพชานเน ปจฺจโย โหติ.
มกฺกโฏปิ ภูมิยํ วิจรนฺโต นาภิรมติ, หตฺถสตุพฺเพธํ ปนสฺส รุกฺขํ อารุยฺห วิฏปปิฏฺเ นิสีทิตฺวา ทิสาวิทิสา โอโลเกนฺตสฺเสว ผาสุโก โหติ. เอวํ มโนปิ นานชฺฌาสโย ภวงฺคปจฺจโย, ทิฏฺปุพฺเพปิ นานารมฺมณชฺฌาสยํ กโรติเยว มูลภวงฺคํ ปนสฺส ปจฺจโย โหตีติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาเรน ปน อายตนานํ นานตฺตํ วิสุทฺธิมคฺเค อายตนนิทฺเทเส วุตฺตเมว.
ตํ จกฺขุ นาวิฺฉตีติ ตณฺหารชฺชุกานํ อายตนปาณกานํ กายคตาสติถมฺเภ พทฺธานํ นิพฺพิเสวนภาวํ อาปนฺนตฺตา นากฑฺฒตีติ อิมสฺมึ สุตฺเต ปุพฺพภาควิปสฺสนาว กถิตา.
๑๑. ยวกลาปิสุตฺตวณฺณนา
๒๔๘. เอกาทสเม ¶ ¶ ¶ ยวกลาปีติ ลายิตฺวา ปิตยวปฺุโช. พฺยาภงฺคิหตฺถาติ กาชหตฺถา. ฉหิ พฺยาภงฺคีหิ หเนยฺยุนฺติ ฉหิ ปุถุลกาชทณฺฑเกหิ โปเถยฺยุํ. สตฺตโมติ เตสุ ฉสุ ชเนสุ ยเว โปเถตฺวา ปสิพฺพเก ปูเรตฺวา อาทาย คเตสุ อฺโ สตฺตโม อาคจฺเฉยฺย. สุหตตรา อสฺสาติ ยํ ตตฺถ อวสิฏฺํ อตฺถิ ภุสปลาปมตฺตมฺปิ, ตสฺส คหณตฺถํ สุฏฺุตรํ หตา.
เอวเมว โขติ เอตฺถ จตุมหาปโถ วิย ฉ อายตนานิ ทฏฺพฺพานิ, จตุมหาปเถ นิกฺขิตฺตยวกลาปี วิย สตฺโต, ฉ พฺยาภงฺคิโย วิย อิฏฺานิฏฺมชฺฌตฺตวเสน อฏฺารส อารมฺมณานิ, สตฺตมา พฺยาภงฺคี วิย ภวปตฺถนา กิเลสา. ยถา จตุมหาปเถ ปิตา ยวกลาปี ฉหิ พฺยาภงฺคีหิ หฺติ, เอวมิเม สตฺตา อฏฺารสหิ อารมฺมณทณฺฑเกหิ ฉสุ อายตเนสุ หฺนฺติ. ยถา สตฺตเมน สุหตตรา โหนฺติ, เอวํ สตฺตา ภวปตฺถนกิเลเสหิ สุหตตรา โหนฺติ ภเวมูลกํ ทุกฺขํ อนุภวมานา.
อิทานิ เนสํ ตํ ภวปตฺถนกิเลสํ ทสฺเสตุํ ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺราติ สุธมฺมายํ ภุมฺมํ, สุธมฺมาย เทวสภาย ทฺวาเรติ อตฺโถ. ธมฺมิกา โข เทวาติ ธมฺมิกา เอเต เทวา นาม, เยหิ มาทิสํ อสุราธิปตึ คเหตฺวา มยฺหํ เภทนมตฺตมฺปิ น กตนฺติ สนฺธาย วทติ. อธมฺมิกา เทวาติ อธมฺมิกา เอเต เทวา นาม, เย มาทิสํ อสุราธิปตึ นวคูถสูกรํ วิย กณฺปฺจเมหิ พนฺธเนหิ พนฺธิตฺวา นิสีทาเปนฺติ. เอวํ สุขุมํ โข, ภิกฺขเว, เวปจิตฺติพนฺธนนฺติ ตํ กิร ปทุมนาฬสุตฺตํ วิย มกฺกฏชาลสุตฺตํ วิย จ สุขุมํ โหติ, เฉตฺตุํ ปน เนว วาสิยา น ผรสุนา สกฺกา. ยสฺมา ปน จิตฺเตเนว พชฺฌติ, จิตฺเตน มุจฺจติ, ตสฺมา ¶ ‘‘เวปจิตฺติพนฺธน’’นฺติ วุตฺตํ.
ตโต สุขุมตรํ มารพนฺธนนฺติ กิเลสพนฺธนํ ปเนสํ ตโตปิ สุขุมตรํ, เนว จกฺขุสฺส อาปาถํ คจฺฉติ, น อิริยาปถํ นิวาเรติ. เตน หิ พทฺธา สตฺตา ปถวิตเลปิ อากาเสปิ โยชนสตมฺปิ โยชนสหสฺสมฺปิ ¶ คจฺฉนฺติปิ อาคจฺฉนฺติปิ. ฉิชฺชมานํ ปเนตํ าเณเนว ฉิชฺชติ, น อฺเนาติ ‘‘าณโมกฺขํ พนฺธน’’นฺติปิ วุจฺจติ.
มฺมาโนติ ¶ ตณฺหาทิฏฺิมานานํ วเสน ขนฺเธ มฺนฺโต. พทฺโธ มารสฺสาติ มารพนฺธเนน พทฺโธ. กรณตฺเถ วา เอตํ สามิวจนํ, กิเลสมาเรน พทฺโธติ อตฺโถ. มุตฺโต ปาปิมโตติ มารสฺส พนฺธเนน มุตฺโต. กรณตฺเถเยว วา อิทํ สามิวจนํ, ปาปิมตา กิเลสพนฺธเนน มุตฺโตติ อตฺโถ.
อสฺมีติ ปเทน ตณฺหามฺิตํ วุตฺตํ. อยมหสฺมีติ ทิฏฺิมฺิตํ. ภวิสฺสนฺติ สสฺสตวเสน ทิฏฺิมฺิตเมว. น ภวิสฺสนฺติ อุจฺเฉทวเสน. รูปีติอาทีนิ สสฺสตสฺเสว ปเภททีปนานิ. ตสฺมาติ ยสฺมา มฺิตํ อาพาธํ อนฺโตโทสนิกนฺตนวเสน โรโค เจว คณฺโฑ จ สลฺลฺจ, ตสฺมา. อิฺชิตนฺติอาทีนิ ยสฺมา อิเมหิ กิเลเสหิ สตฺตา อิฺชนฺติ เจว ผนฺทนฺติ จ ปปฺจิตา จ โหนฺติ ปมตฺตาการปตฺตา, ตสฺมา เตสํ อาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตานิ.
มานคตวาเร ปน มานสฺส คตํ มานคตํ, มานปวตฺตีติ อตฺโถ. มาโนเยว มานคตํ คูถคตํ มุตฺตคตํ วิย. ตตฺถ อสฺมีติ อิทํ ตณฺหาย สมฺปยุตฺตมานวเสน วุตฺตํ. อยมหมสฺมีติ ทิฏฺิวเสน. นนุ จ ทิฏฺิสมฺปยุตฺโต นาม มาโน นตฺถีติ? อาม นตฺถิ, มานสฺส ปน อปฺปหีนตฺตา ทิฏฺิ นาม โหติ. มานมูลกํ ทิฏฺึ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อาสีวิสวคฺโค.
จตุตฺโถ ปณฺณาสโก.
สฬายตนสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. เวทนาสํยุตฺตํ
๑. สคาถาวคฺโค
๑. สมาธิสุตฺตวณฺณนา
๒๔๙. เวทนาสํยุตฺเต ¶ ¶ ¶ สคาถาวคฺคสฺส ปเม สมาหิโตติ อุปจาเรน วา อปฺปนาย วา สมาหิโต. เวทนา จ ปชานาตีติ เวทนา ทุกฺขสจฺจวเสน ปชานาติ. เวทนานฺจ สมฺภวนฺติ ตาสํเยว สมฺภวํ สมุทยสจฺจวเสน ปชานาติ. ยตฺถ เจตาติ ยตฺเถตา เวทนา นิรุชฺฌนฺติ, ตํ นิพฺพานํ นิโรธสจฺจวเสน ปชานาติ. ขยคามินนฺติ ตาสํเยว เวทนานํ ขยคามินํ มคฺคํ มคฺคสจฺจวเสน ปชานาติ. นิจฺฉาโต ปรินิพฺพุโตติ นิตฺตณฺโห หุตฺวา กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต. เอวเมตฺถ สุตฺเต สมฺมสนจารเวทนา กถิตา. คาถาสุ ทฺวีหิ ปเทหิ สมถวิปสฺสนา กถิตา, เสเสหิ จตุสจฺจํ กถิตํ. เอวเมตฺถ สพฺพสงฺคาหิโก จตุภูมกธมฺมปริจฺเฉโท วุตฺโต.
๒. สุขสุตฺตวณฺณนา
๒๕๐. ทุติเย อทุกฺขมสุขํ สหาติ อทุกฺขมสุขฺจ สุขทุกฺเขหิ สห. อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จาติ อตฺตโน จ ปรสฺส จ. โมสธมฺมนฺติ นสฺสนสภาวํ. ปโลกินนฺติ ปลุชฺชนกํ ภิชฺชนสภาวํ. ผุสฺส ผุสฺส วยํ ปสฺสนฺติ าเณน ผุสิตฺวา ผุสิตฺวา วยํ ปสฺสนฺโต. เอวํ ตตฺถ วิรชฺชตีติ เอวํ ตาสุ เวทนาสุ วิรชฺชติ. อิธาปิ สุตฺเต สมฺมสนจารเวทนา กถิตา, คาถาสุ าณผุสนํ.
๓. ปหานสุตฺตวณฺณนา
๒๕๑. ตติเย ¶ ¶ อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหนฺติ สพฺพมฺปิ ตณฺหํ ฉินฺทิ สมุจฺฉินฺทิ. วิวตฺตยิ สํโยชนนฺติ ทสวิธมฺปิ สํโยชนํ ปริวตฺตยิ นิมฺมูลกมกาสิ. สมฺมาติ เหตุนา การเณน. มานาภิสมยาติ มานสฺส ทสฺสนาภิสมยา, ปหานาภิสมยา จ. อรหตฺตมคฺโค หิ กิจฺจวเสน มานํ สมฺปสฺสติ, อยมสฺส ¶ ทสฺสนาภิสมโย. เตน ทิฏฺโ ปน โส ตาวเทว ปหียติ, ทิฏฺวิเสน ทิฏฺสตฺตานํ ชีวิตํ วิย. อยมสฺส ปหานาภิสมโย.
อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสาติ เอวํ อรหตฺตมคฺเคน มานสฺส ทิฏฺตฺตา จ ปหีนตฺตา จ เย อิเม ‘‘กายพนฺธนสฺส อนฺโต ชีรติ (จูฬว. ๒๗๘) หริตนฺตํ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) เอวํ วุตฺตอนฺติมมริยาทนฺโต จ, ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกาน’’นฺติ (อิติวุ. ๙๑; สํ. นิ. ๓.๘๐) เอวํ วุตฺตลามกนฺโต จ, ‘‘สกฺกาโย เอโก อนฺโต’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๑; จูฬนิ. ติสฺสเมตฺเตยฺยมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๑๑) เอวํ วุตฺตโกฏฺาสนฺโต จ, ‘‘เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺส สพฺพปจฺจยสงฺขยา’’ติ (สํ นิ. ๒.๕๑; ๒.๔.๗๑; อุทา. ๗๑) เอวํ วุตฺตโกฏนฺโต จาติ จตฺตาโร อนฺตา, เตสุ สพฺพสฺเสว วฏฺฏทุกฺขสฺส อทุํ จตุตฺถโกฏิสงฺขาตํ อนฺตมกาสิ, ปริจฺเฉทํ ปริวฏุมํ อกาสิ, อนฺติมสมุสฺสยมตฺตาวเสสํ ทุกฺขมกาสีติ วุตฺตํ โหติ.
สมฺปชฺํ น ริฺจตีติ สมฺปชฺํ น ชหติ. สงฺขฺยํ โนเปตีติ รตฺโต ทุฏฺโ มูฬฺโหติ ปฺตฺตึ น อุเปติ, ตํ ปฺตฺตึ ปหาย ขีณาสโว นาม โหตีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ สุตฺเต อารมฺมณานุสโย กถิโต.
๔. ปาตาลสุตฺตวณฺณนา
๒๕๒. จตุตฺเถ ปาตาโลติ ปาตสฺส อลํ ปริยตฺโต, นตฺถิ เอตฺถ ปติฏฺาติ ปาตาโล. อสนฺตํ อวิชฺชมานนฺติ อสมฺภูตตฺตํ อปฺายมานตฺตํ. เอวํ วาจํ ภาสตีติ อตฺถิ มหาสมุทฺเท ปาตาโลติ เอวํ วาจํ. โส หิ ยํ ตํ พลวามุขํ มหาสมุทฺทสฺส อุทกํ เวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ¶ จกฺกวาฬํ วา สิเนรุํ วา อาหจฺจ โยชนทฺวิโยชนทสโยชนปฺปมาณมฺปิ อุคฺคนฺตฺวา ปุน มหาสมุทฺเท ¶ ปตติ, ยสฺส ปติตฏฺาเน มหานรกปปาโต วิย โหติ, ยํ โลเก พลวามุขนฺติ วุจฺจติ. ตํ สนฺธาย เอวํ วทติ.
ยสฺมา ปน ตตฺถ ตถารูปานํ มจฺฉกจฺฉปเทวทานวานํ ปติฏฺาปิ โหติ สุขนิวาโสปิ, ตสฺมา อสนฺตํ อสํวิชฺชมานํ ตํ ตํ วาจํ ภาสติ นาม. ยสฺมา ปน สพฺพปุถุชฺชนา สารีริกาย ทุกฺขเวทนาย ปติฏฺาตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา ปาตสฺส อลนฺติ อตฺเถน อยเมว ปาตาโลติ ทสฺเสนฺโต สารีริกานํ โข เอตํ ภิกฺขเวติอาทิมาห.
ปาตาเล ¶ น ปจฺจุฏฺาสีติ ปาตาลสฺมึ น ปติฏฺาสิ. คาธนฺติ ปติฏฺํ. อกฺกนฺทตีติ อนิพทฺธํ วิปฺปลาปํ วิลปนฺโต กนฺทติ. ทุพฺพโลติ ทุพฺพลาโณ. อปฺปถามโกติ าณถามสฺส ปริตฺตตาย ปริตฺตถามโก. อิมสฺมึ สุตฺเต อริยสาวโกติ โสตาปนฺโน. โสตาปนฺโน หิ เอตฺถ ธุรํ, พลววิปสฺสโก น ติกฺขพุทฺธิ อุปฺปนฺนํ เวทนํ อนนุวตฺติตฺวา ปติฏฺาตุํ สมตฺโถ โยคาวจโรปิ วฏฺฏติ.
๕. ทฏฺพฺพสุตฺตวณฺณนา
๒๕๓. ปฺจเม ทุกฺขโต ทฏฺพฺพาติ วิปริณามนวเสน ทุกฺขโต ทฏฺพฺพา. สลฺลโตติ ทุกฺขาปนวินิวิชฺฌนฏฺเน สลฺลาติ ทฏฺพฺพา. อนิจฺจโตติ อทุกฺขมสุขา หุตฺวา อภาวากาเรน อนิจฺจโต ทฏฺพฺพา. อทฺทาติ อทฺทส. สนฺตนฺติ สนฺตสภาวํ.
๖. สลฺลสุตฺตวณฺณนา
๒๕๔. ฉฏฺเ ตตฺราติ เตสุ ทฺวีสุ ชเนสุ. อนุเวธํ วิชฺเฌยฺยาติ ตสฺเสว วณมุขสฺส องฺคุลนฺตเร วา ทฺวงฺคุลนฺตเร วา อาสนฺนปเทเส อนุคตเวธํ. เอวํ วิทฺธสฺส หิ สา อนุเวธา เวทนา ¶ ปมเวทนาย พลวตรา โหติ, ปจฺฉา อุปฺปชฺชมานา โทมนสฺสเวทนาปิ เอวเมว ปุริมเวทนาย พลวตรา โหติ. ทุกฺขาย เวทนาย นิสฺสรณนฺติ ทุกฺขาย เวทนาย หิ สมาธิมคฺคผลานิ นิสฺสรณํ, ตํ โส น ชานาติ, กามสุขเมว นิสฺสรณนฺติ ชานาติ. ตาสํ เวทนานนฺติ ตาสํ สุขทุกฺขเวทนานํ. สฺุตฺโต นํ เวทยตีติ กิเลเสหิ สมฺปยุตฺโตว หุตฺวา ตํ เวทนํ ¶ เวทยติ, น วิปฺปยุตฺโต. สฺุตฺโต ทุกฺขสฺมาติ กรณตฺเถ นิสฺสกฺกํ, ทุกฺเขน สมฺปยุตฺโตติ อตฺโถ. สงฺขาตธมฺมสฺสาติ วิทิตธมฺมสฺส ตุลิตธมฺมสฺส. พหุสฺสุตสฺสาติ ปริยตฺติพหุสฺสุตสฺส ปฏิเวธพหุสฺสุตสฺส จ. สมฺมา ปชานาติ ภวสฺส ปารคูติ ภวสฺส ปารํ นิพฺพานํ คโต, ตเทว นิพฺพานํ สมฺมา ปชานาติ. อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต อารมฺมณานุสโยว กถิโต. อริยสาวเกสุ จ ขีณาสโว เอตฺถ ธุรํ, อนาคามีปิ วฏฺฏตีติ วทนฺติ.
๗. ปมเคลฺสุตฺตวณฺณนา
๒๕๕. สตฺตเม ¶ เยน คิลานสาลา เตนุปสงฺกมีติ ‘‘สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคโล ตถาคโตปิ คิลานุปฏฺานํ คจฺฉติ, อุปฏฺาตพฺพยุตฺตกา นาม คิลานาติ ภิกฺขู สทฺทหิตฺวา โอกปฺเปตฺวา คิลาเน อุปฏฺาตพฺเพ มฺิสฺสนฺตี’’ติ จ ‘‘เย ตตฺถ กมฺมฏฺานสปฺปายา, เตสํ กมฺมฏฺานํ กเถสฺสามี’’ติ จ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ. กาเย กายานุปสฺสีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต วกฺขาม. อนิจฺจานุปสฺสีติ อนิจฺจตํ อนุปสฺสนฺโต. วยานุปสฺสีติ วยํ อนุปสฺสนฺโต. วิราคานุปสฺสีติ วิราคํ อนุปสฺสนฺโต. นิโรธานุปสฺสีติ นิโรธํ อนุปสฺสนฺโต. ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสีติ ปฏินิสฺสคฺคํ อนุปสฺสนฺโต.
เอตฺตาวตา กึ ทสฺสิตํ โหติ? อิมสฺส ภิกฺขุโน อาคมนียปฏิปทา, สติปฏฺานาปิ หิ ปุพฺพภาคาเยว, สมฺปชฺเปิ อนิจฺจานุปสฺสนา วยานุปสฺสนา วิราคานุปสฺสนาติ จ อิมาปิ ติสฺโส อนุปสฺสนา ปุพฺพภาคาเยว, นิโรธานุปสฺสนาปิ ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาปิ อิมา ทฺเว มิสฺสกา. เอตฺตาวตา ¶ อิมสฺส ภิกฺขุโน ภาวนากาโล ทสฺสิโตติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๘-๙. ทุติยเคลฺสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๕๖-๒๕๗. อฏฺเม อิมเมว ผสฺสํ ปฏิจฺจาติ วุตฺเต พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน วุตฺตํ, อตฺถโต ปเนตํ นินฺนานากรณํ. กาโยว หิ เอตฺถ ผสฺโสติ วุตฺโต. นวมํ อุตฺตานเมว.
๑๐. ผสฺสมูลกสุตฺตวณฺณนา
๒๕๘. ทสเม ¶ สุขเวทนิยนฺติ สุขเวทนาย ปจฺจยภูตํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อนุปทวณฺณนา ปเนตฺถ เหฏฺา วิตฺถาริตาว. อิมสฺมึ สุตฺตทฺวเย สมฺมสนจารเวทนา กถิตา.
สคาถาวคฺโค ปโม.
๒. รโหคตวคฺโค
๑. รโหคตสุตฺตวณฺณนา
๒๕๙. รโหคตวคฺคสฺส ¶ ปเม ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, ตํ สพฺพํ ทุกฺขนฺติ อตฺโถ. สงฺขารานํเยว อนิจฺจตนฺติอาทีสุ ยา เอสา สงฺขารานํ อนิจฺจตา ขยธมฺมตา วยธมฺมตา วิปริณามธมฺมตา, เอตํ สนฺธาย ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, ตํ ทุกฺขนฺติ มยา ภาสิตนฺติ ทีเปติ. ยา หิ สงฺขารานํ อนิจฺจตา, เวทนานมฺปิ สา อนิจฺจตา เอว. อนิจฺจตา จ นาเมสา มรณํ, มรณโต อุตฺตริ ทุกฺขํ นาม นตฺถีติ อิมินา อธิปฺปาเยน สพฺพา เวทนา ทุกฺขาติ วุตฺตา. อถ โข ปน ภิกฺขุ มยาติ อิทํ น เกวลํ อหํ เวทนานํเยว นิโรธํ ปฺาเปมิ, อิเมสมฺปิ ธมฺมานํ นิโรธํ ปฺาเปมีติ ทสฺสนตฺถํ อารทฺธํ. วูปสโม จ ปสฺสทฺธิโย จ เอวรูปาย เทสนาย พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน ¶ วุตฺตา. สฺาเวทยิตนิโรธคฺคหเณน เจตฺถ จตฺตาโร อารุปฺปา คหิตาว โหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
๒-๓. ปมอากาสสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๖๐-๒๖๑. ทุติเย ปุถู วายนฺติ มาลุตาติ พหู วาตา วายนฺติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ. ตติยํ วินา คาถาหิ พุชฺฌนฺตานํ อชฺฌาสเยน วุตฺตํ.
๔. อคารสุตฺตวณฺณนา
๒๖๒. จตุตฺเถ ¶ ปุรตฺถิมาติ ปุรตฺถิมาย. เอวํ สพฺพตฺถ. สามิสาปิ สุขา เวทนาติอาทีสุ สามิสา สุขา นาม กามามิสปฏิสํยุตฺตา เวทนา. นิรามิสา สุขา นาม ปมชฺฌานาทิวเสน วิปสฺสนาวเสน อนุสฺสติวเสน จ อุปฺปนฺนา เวทนา. สามิสา ทุกฺขา นาม กามามิเสเนว สามิสา เวทนา, นิรามิสา ทุกฺขา นาม อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺาปยโต ปิหปจฺจยา อุปฺปนฺนโทมนสฺสเวทนา. สามิสา อทุกฺขมสุขา นาม กามามิเสเนว สามิสา เวทนา. นิรามิสา อทุกฺขมสุขา นาม จตุตฺถชฺฌานวเสน อุปฺปนฺนา อทุกฺขมสุขา เวทนา.
๕-๘. ปมอานนฺทสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๖๓-๒๖๖. ปฺจมาทีนิ ¶ จตฺตาริ เหฏฺา กถิตนยาเนว. ปุริมานิ ปเนตฺถ ทฺเว ปริปุณฺณปสฺสทฺธิกานิ, ปจฺฉิมานิ อุปฑฺฒปสฺสทฺธิกานิ. เทสนาย พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน วุตฺตานิ.
๙-๑๐. ปฺจกงฺคสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๖๗-๒๖๘. นวเม ปฺจกงฺโค ถปตีติ ปฺจกงฺโคติ ตสฺส นามํ, วาสิผรสุนิขาทนทณฺฑมุคฺครกาฬสุตฺตนาฬิสงฺขาเตหิ วา ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตตฺตา โส ปฺจกงฺโคติ ปฺาโต. ถปตีติ วฑฺฒกีเชฏฺโก. อุทายีติ ปณฺฑิตอุทายิตฺเถโร. ปริยายนฺติ การณํ. ทฺเวปานนฺทาติ ทฺเวปิ, อานนฺท, ปริยาเยนาติ ¶ การเณน. เอตฺถ จ กายิกเจตสิกวเสน ทฺเว เวทิตพฺพา, สุขาทิวเสน ติสฺโสปิ, อินฺทฺริยวเสน สุขินฺทฺริยาทิกา ปฺจ, ทฺวารวเสน จกฺขุสมฺผสฺสชาทิกา ฉ, อุปวิจารวเสน ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โสมนสฺสานิยํ รูปํ อุปวิจรตี’’ติอาทิกา อฏฺารส, ฉ เคหสิตานิ โสมนสฺสานิ, ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ, ฉ เคหสิตานิ โทมนสฺสานิ, ฉ เนกฺขมฺมสิตานิ, ฉ เคหสิตา อุเปกฺขา, ฉ เนกฺขมฺมสิตาติ เอวํ ฉตฺตึส. ตา อตีเต ฉตฺตึส, อนาคเต ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺเน ฉตฺตึสาติ เอวํ อฏฺสตํ เวทนา เวทิตพฺพา.
ปฺจิเม ¶ อานนฺท กามคุณาติ อยํ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. น เกวลฺหิ ทฺเว อาทึ กตฺวา เวทนา ภควตา ปฺตฺตา, ปริยาเยน เอกาปิ เวทนา กถิตา, ตํ ทสฺเสนฺโต ปฺจกงฺคสฺส ถปติโน วาทํ อุปตฺถมฺเภตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ. อภิกฺกนฺตตรนฺติ สุนฺทรตรํ. ปณีตตรนฺติ อตปฺปกตรํ. เอตฺถ จ จตุตฺถชฺฌานโต ปฏฺาย อทุกฺขมสุขา เวทนา, สาปิ สนฺตฏฺเน ปณีตฏฺเน จ สุขนฺติ วุตฺตา. นิโรโธ อเวทยิตสุขวเสน สุขํ นาม ชาโต. ปฺจกามคุณวเสน หิ อฏฺสมาปตฺติวเสน จ อุปฺปนฺนํ เวทยิตํ สุขํ นาม, นิโรโธ อเวทยิตสุขํ นาม. อิติ เวทยิตสุขํ วา โหตุ อเวทยิตสุขํ วา, นิทฺทุกฺขภาวสงฺขาเตน สุขฏฺเน เอกนฺตสุขเมว ชาตํ.
ยตฺถ ยตฺถาติ ยสฺมึ ยสฺมึ าเน. สุขํ อุปลพฺภตีติ เวทยิตํ สุขํ วา อเวทยิตํ สุขํ วา อุปลพฺภติ. ตํ ตํ ตถาคโต สุขสฺมึ ปฺเปติ, ตํ สพฺพํ ตถาคโต นิทฺทุกฺขภาวํ สุขสฺมึเยว ปฺเปตีติ อิธ ¶ ภควา นิโรธสมาปตฺตึ สีสํ กตฺวา เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสน อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. ทสมํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
รโหคตวคฺโค ทุติโย.
๓. อฏฺสตปริยายวคฺโค
๑. สีวกสุตฺตวณฺณนา
๒๖๙. ตติยวคฺคสฺส ¶ ปเม โมฬิยสีวโกติ สีวโกติ ตสฺส นามํ. จูฬา ปนสฺส อตฺถิ, ตสฺมา โมฬิยสีวโกติ วุจฺจติ. ปริพฺพาชโกติ ฉนฺนปริพฺพาชโก. ปิตฺตสมุฏฺานานีติ ปิตฺตปจฺจยานิ. เวทยิตานีติ เวทนา. ตตฺถ ปิตฺตปจฺจยา ติสฺโส เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ. กถํ? เอกจฺโจ หิ ‘‘ปิตฺตํ เม กุปิตํ ทุชฺชานํ โข ปน ชีวิต’’นฺติ ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ อุโปสถกมฺมํ กโรติ, เอวมสฺส กุสลเวทนา อุปฺปชฺชติ. เอกจฺโจ ‘‘ปิตฺตเภสชฺชํ กริสฺสามี’’ติ ปาณํ หนติ, อทินฺนํ อาทิยติ, มุสา ภณติ, ทส ทุสฺสีลฺยกมฺมานิ กโรติ, เอวมสฺส อกุสลเวทนา อุปฺปชฺชติ. เอกจฺโจ ‘‘เอตฺตเกนปิ เม เภสชฺชกรเณน ปิตฺตํ น ¶ วูปสมฺมติ, อลํ ยํ โหติ. ตํ โหตู’’ติ มชฺฌตฺโต กายิกเวทนํ อธิวาเสนฺโต นิปชฺชติ, เอวํ อสฺส อพฺยากตเวทนา อุปฺปชฺชติ.
สามมฺปิ โข เอตนฺติ ตํ ตํ ปิตฺตวิการํ ทิสฺวา อตฺตนาปิ เอตํ เวทิตพฺพํ. สจฺจสมฺมตนฺติ ภูตสมฺมตํ. โลโกปิ หิสฺส สรีเร สพลวณฺณตาทิปิตฺตวิการํ ทิสฺวา ‘‘ปิตฺตมสฺส กุปิต’’นฺติ ชานาติ. ตสฺมาติ ยสฺมา สามฺจ วิทิตํ โลกสฺส จ สจฺจสมฺมตํ อติธาวนฺติ, ตสฺมา. เสมฺหสมุฏฺานาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน สนฺนิปาติกานีติ ติณฺณมฺปิ ปิตฺตาทีนํ โกเปน สมุฏฺิตานิ. อุตุปริณามชานีติ วิสภาคอุตุโต ชาตานิ. ชงฺคลเทสวาสีนฺหิ อนุปเทเส วสนฺตานํ วิสภาโค อุตุ อุปฺปชฺชติ, อนุปเทสวาสีนฺจ ชงฺคลเทเสติ เอวํ มลยสมุทฺทตีราทิวเสนาปิ อุตุวิสภาคตา อุปฺปชฺชติเยว. ตโต ชาตาติ อุตุปริณามชาตานิ นาม.
วิสมปริหารชานีติ ¶ มหาภารวหนสุธาโกฏฺฏนาทิโต วา ¶ อเวลาย จรนฺตสฺส สปฺปฑํสกูปปาตาทิโต วา วิสมปริหารโต ชาตานิ. โอปกฺกมิกานีติ ‘‘อยํ โจโร วา ปารทาริโก วา’’ติ คเหตฺวา ชณฺณุกกปฺปรมุคฺคราทีหิ นิปฺโปถนอุปกฺกมํ ปจฺจยํ กตฺวา อุปฺปนฺนานิ. เอตํ พหิ อุปกฺกมํ ลภิตฺวา โกจิ วุตฺตนเยเนว กุสลํ กโรติ, โกจิ อกุสลํ, โกจิ อธิวาเสนฺโต นิปชฺชติ. กมฺมวิปากชานีติ เกวลํ กมฺมวิปากโต, ชาตานิ. เตสุปิ หิ อุปฺปนฺเนสุ วุตฺตนเยเนว โกจิ กุสลํ กโรติ, โกจิ อกุสลํ, โกจิ อธิวาเสนฺโต นิปชฺชติ. เอวํ สพฺพวาเรสุ ติวิธาว เวทนา โหนฺติ.
ตตฺถ ปุริเมหิ สตฺตหิ การเณหิ อุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา สกฺกา ปฏิพาหิตุํ, กมฺมวิปากชานํ ปน สพฺพเภสชฺชานิปิ สพฺพปริตฺตานิปิ นาลํ ปฏิฆาตาย. อิมสฺมึ สุตฺเต โลกโวหาโร นาม กถิโตติ.
๒-๑๐. อฏฺสตสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๗๐-๒๗๘. ทุติเย อฏฺสตปริยายนฺติ อฏฺสตสฺส การณภูตํ. ธมฺมปริยายนฺติ ธมฺมการณํ. กายิกา จ เจตสิกา จาติ เอตฺถ กายิกา กามาวจเรเยว ลพฺภนฺติ, เจตสิกา จตุภูมิกาปิ ¶ . สุขาติอาทีสุ สุขา เวทนา อรูปาวจเร นตฺถิ, เสสาสุ ตีสุ ภูมีสุ ลพฺภนฺติ, ทุกฺขา กามาวจราว, อิตรา จตุภูมิกา. ปฺจเก สุขินฺทฺริยทุกฺขินฺทฺริยโทมนสฺสินฺทฺริยานิ กามาวจราเนว, โสมนสฺสินฺทฺริยํ เตภูมกํ, อุเปกฺขินฺทฺริยํ จตุภูมกํ. ฉกฺเก ปฺจสุ ทฺวาเรสุ เวทนา กามาวจราว, มโนทฺวาเร จตุภูมิกา, อฏฺารสเก ฉสุ อิฏฺารมฺมเณสุ โสมนสฺเสน สห อุปวิจรนฺตีติ โสมนสฺสูปวิจารา. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. อิติ อยํ เทสนา วิจารวเสน อาคตา, ตํสมฺปยุตฺตานํ ปน โสมนสฺสาทีนํ วเสน อิธ อฏฺารส เวทนา เวทิตพฺพา.
ฉ เคหสิตานิ โสมนสฺสานีติอาทีสุ ‘‘จกฺขุวิฺเยฺยานํ รูปานํ อิฏฺานํ กนฺตานํ มนาปานํ มโนรมานํ โลกามิสปฏิสํยุตฺตานํ ปฏิลาภํ วา ปฏิลาภโต สมนุปสฺสโต ปุพฺเพ วา ปฏิลทฺธปุพฺพํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ สมนุสฺสรโต อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสํ. ยํ เอวรูปํ ¶ โสมนสฺสํ, อิทํ ¶ วุจฺจติ เคหสิตํ โสมนสฺส’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๐๖). เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ วุตฺตกามคุณนิสฺสิตานิ โสมนสฺสานิ ฉ เคหสิตโสมนสฺสานิ นาม.
‘‘รูปานํ ตฺเวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ ‘ปุพฺเพ เจว รูปา เอตรหิ จ, สพฺเพ เต รูปา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต อุปฺปชฺชติ โสมนสฺสํ. ยํ เอวรูปํ โสมนสฺสํ, อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสิตํ โสมนสฺส’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๐๖) เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต อนิจฺจตาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตุํ สกฺโกนฺตสฺส ‘‘อุสฺสุกฺกิตา เม วิปสฺสนา’’ติ โสมนสฺสชาตสฺส อุปฺปนฺนโสมนสฺสานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตโสมนสฺสานิ นาม.
‘‘จกฺขุวิฺเยฺยานํ รูปานํ อิฏฺานํ กนฺตานํ มนาปานํ มโนรมานํ โลกามิสปฏิสํยุตฺตานํ อปฺปฏิลาภํ วา อปฺปฏิลาภโต สมนุปสฺสโต ปุพฺเพ วา ปฏิลทฺธปุพฺพํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ สมนุสฺสรโต อุปฺปชฺชติ โทมนสฺสํ. ยํ เอวรูปํ โทมนสฺสํ, อิทํ วุจฺจติ เคหสิตํ โทมนสฺส’’นฺติ. เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ ‘‘อิฏฺารมฺมณํ นานุภวิสฺสามิ นานุภวามี’’ติ วิตกฺกยโต อุปฺปนฺนานิ กามคุณนิสฺสิตโทมนสฺสานิ ฉ เคหสิตโทมนสฺสานิ นาม.
‘‘รูปานํ ตฺเวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ ‘ปุพฺเพ เจว รูปา เอตรหิ จ ¶ , สพฺเพ เต รูปา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺาเปติ ‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ, ยทริยา เอตรหิ อายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ. อิติ อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺาปยโต อุปฺปชฺชติ ปิหปจฺจยา โทมนสฺสํ. ยํ เอวรูปํ โทมนสฺสํ, อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสิตํ โทมนสฺสนฺติ; เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต อนุตฺตรวิโมกฺขสงฺขาตอริยผลธมฺเมสุ ปิหํ อุปฏฺาเปตฺวา ตทธิคมาย อนิจฺจตาทิวเสน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อุสฺสุกฺกาเปตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ‘‘อิมมฺปิ ปกฺขํ อิมมฺปิ มาสํ อิมมฺปิ สํวจฺฉรํ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยภูมึ ¶ ปาปุณิตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ อนุโสจโต อุปฺปนฺนานิ โทมนสฺสานิ ฉ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสานิ นาม.
‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺส อโนธิชินสฺส อวิปากชินสฺส อนาทีนวทสฺสาวิโน อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส ¶ . ยา เอวรูปา อุเปกฺขา, รูปํ สา นาติวตฺตติ, ตสฺมา สา อุเปกฺขา เคหสิตาติ วุจฺจตี’’ติ; เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺารมฺมเณ อาปาถคเต คุฬปิณฺฑเก นิลีนมกฺขิกา วิย รูปาทีนิ อนติวตฺตมานา ตตฺเถว ลคฺคา ลคฺคิตา หุตฺวา อุปฺปนฺนกามคุณนิสฺสิตา อุเปกฺขา ฉ เคหสิตอุเปกฺขา นาม.
‘‘รูปานํ ตฺเวว อนิจฺจตํ วิทิตฺวา วิปริณามวิราคนิโรธํ ปุพฺเพ เจว รูปา เอตรหิ จ, ‘สพฺเพ เต รูปา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา. ยา เอวรูปา อุเปกฺขา, รูปํ สา อติวตฺตติ, ตสฺมา สา อุเปกฺขา เนกฺขมฺมสิตาติ วุจฺจตี’’ติ; เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺาทิอารมฺมเณ อาปาถคเต อิฏฺเ อรชฺชนฺตสฺส อนิฏฺเ อทุสฺสนฺตสฺส อสมเปกฺขเน อมุยฺหนฺตสฺส อุปฺปนฺนา วิปสฺสนาาณสมฺปยุตฺตา อุเปกฺขา เนกฺขมฺมสิตอุเปกฺขา นาม. อิมสฺมึ สุตฺเต สพฺพสงฺคาหโก จตุภูมกธมฺมปริจฺเฉโท กถิโต. ตติยาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.
๑๑. นิรามิสสุตฺตวณฺณนา
๒๗๙. เอกาทสเม สามิสาติ กิเลสามิเสน สามิสา. นิรามิสตราติ นิรามิสายปิ ฌานปีติยา นิรามิสตราว. นนุ จ ทฺวีสุ ฌาเนสุ ปีติ มหคฺคตาปิ โหติ โลกุตฺตราปิ, ปจฺจเวกฺขณปีติ ¶ โลกิยาว, สา กสฺมา นิรามิสตรา ชาตาติ? สนฺตปณีตธมฺมปจฺจเวกฺขณวเสน อุปฺปนฺนตฺตา. ยถา หิ ราชวลฺลโภ จูฬุปฏฺาโก อปฺปฏิหาริกํ ยถาสุขํ ราชกุลํ ปวิสนฺโต เสฏฺิเสนาปติอาทโย ปาเทน ปหรนฺโตปิ น คเณติ. กสฺมา? รฺโ อาสนฺนปริจารกตฺตา. อิติ โส เตหิ อุตฺตริตโร โหติ, เอวมยมฺปิ สนฺตปณีตธมฺมปจฺจเวกฺขณวเสน ¶ อุปฺปนฺนตฺตา โลกุตฺตรปีติโตปิ อุตฺตริตราติ เวทิตพฺพา. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย.
วิโมกฺขวาเร ปน รูปปฏิสํยุตฺโต วิโมกฺโข อตฺตโน อารมฺมณภูเตน รูปามิสวเสเนว สามิโส นาม, อรูปปฏิสํยุตฺโต รูปามิสาภาเวน นิรามิโส นามาติ.
เวทนาสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. มาตุคามสํยุตฺตํ
๑. ปมเปยฺยาลวคฺโค
๑-๒. มาตุคามสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๘๐-๒๘๑. มาตุคามสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม องฺเคหีติ อคุณงฺเคหิ. น จ รูปวาติ น รูปสมฺปนฺโน วิรูโป ทุทฺทสิโก. น จ โภควาติ น โภคสมฺปนฺโน นิทฺธโน. น จ สีลวาติ น สีลสมฺปนฺโน ทุสฺสีโล. อลโส จาติ กนฺตนปจนาทีนิ กมฺมานิ กาตุํ น สกฺโกติ, กุสีโต อาลสิโย นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺโนว, ิตาเน ิโตว นิทฺทายติ เอว. ปชฺจสฺส น ลภตีติ อสฺส ปุริสสฺส กุลวํสปติฏฺาปกํ ปุตฺตํ น ลภติ, วฺฌิตฺถี นาม โหติ. สุกฺกปกฺโข วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ. ทุติยํ ปเม วุตฺตนเยเนว ปริวตฺเตตพฺพํ.
๓. อาเวณิกทุกฺขสุตฺตวณฺณนา
๒๘๒. ตติเย อาเวณิกานีติ ปาฏิปุคฺคลิกานิ ปุริเสหิ อสาธารณานิ. ปาริจริยนฺติ ปริจาริกภาวํ.
๔. ตีหิธมฺเมหิสุตฺตาทิวณฺณนา
๒๘๓-๓๐๓. จตุตฺเถ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิเตนาติ ปุพฺพณฺหสมยสฺมิฺหิ มาตุคาโม ขีรทธิสงฺโคปนรนฺธนปจนาทีนิ กาตุํ อารทฺโธ, ปุตฺตเกหิปิ ยาจิยมาโน กิฺจิ ทาตุํ น อิจฺฉติ. เตเนตํ วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพณฺหสมยํ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิเตน เจตสา’’ติ. มชฺฌนฺหิกสมเย ปน มาตุคาโม โกธาภิภูโตว โหติ, อนฺโตฆเร กลหํ อลภนฺโต ¶ ปฏิวิสฺสกฆรมฺปิ คนฺตฺวา กลหํ ¶ กโรติ, สามิกสฺส จ ิตนิสินฺนฏฺานานิ วิโลเกนฺโต วิจรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มชฺฌนฺหิกสมยํ อิสฺสาปริยุฏฺิเตน เจตสา’’ติ. สายนฺเห ปนสฺสา อสทฺธมฺมปฏิเสวนาย จิตฺตํ นมติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สายนฺหสมยํ กามราคปริยุฏฺิเตน เจตสา’’ติ. ปฺจมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.
๓. พลวคฺโค
๑. วิสารทสุตฺตวณฺณนา
๓๐๔. ทสเม ¶ รูปพลนฺติอาทีสุ รูปสมฺปตฺติ รูปพลํ, โภคสมฺปตฺติ โภคพลํ, าติสมฺปตฺติ าติพลํ, ปุตฺตสมฺปตฺติ ปุตฺตพลํ, สีลสมฺปตฺติ สีลพลํ. ปฺจสีลทสสีลานิ อขณฺฑานิ กตฺวา รกฺขนฺตสฺส หิ สีลสมฺปตฺติเยว สีลพลํ นาม โหติ. อิมานิ โข ภิกฺขเว ปฺจ พลานีติ อิมานิ ปฺจ อุปตฺถมฺภนฏฺเน พลานิ นาม วุจฺจนฺติ.
๒-๑๐. ปสยฺหสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๐๕-๓๑๓. ปสยฺหาติ อภิภวิตฺวา. อภิภุยฺย วตฺตตีติ อภิภวติ อชฺโฌตฺถรติ. เนว รูปพลํ ตายตีติ เนว รูปพลํ ตายิตุํ รกฺขิตุํ สกฺโกติ. นาเสนฺเตว นํ, กุเล น วาเสนฺตีติ ‘‘ทุสฺสีลา สํภินฺนาจารา อติกฺกนฺตมริยาทา’’ติ คีวายํ คเหตฺวา นีหรนฺติ, น ตสฺมึ กุเล วาเสนฺติ. วาเสนฺเตว นํ กุเล, น นาเสนฺตีติ ‘‘กึ รูเปน โภคาทีหิ วา, ปริสุทฺธสีลา เอสา อาจารสมฺปนฺนา’’ติ ตฺวา าตกา ตสฺมึ กุเล วาเสนฺติเยว, น นาเสนฺติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
มาตุคามสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ชมฺพุขาทกสํยุตฺตํ
๑. นิพฺพานปฺหาสุตฺตวณฺณนา
๓๑๔. ชมฺพุขาทกสํยุตฺเต ¶ ¶ ¶ ชมฺพุขาทโก ปริพฺพาชโกติ เอวํนาโม เถรสฺส ภาคิเนยฺโย ฉนฺนปริพฺพาชโก. โย โข อาวุโส ราคกฺขโยติ นิพฺพานํ อาคมฺม ราโค ขียติ, ตสฺมา นิพฺพานํ ราคกฺขโยติ วุจฺจติ. โทสโมหกฺขเยสุปิ เอเสว นโย.
โย ปน อิมินาว สุตฺเตน กิเลสกฺขยมตฺตํ นิพฺพานนฺติ วเทยฺย, โส วตฺตพฺโพ ‘‘กสฺส กิเลสานํ ขโย, กึ อตฺตโน, อุทาหุ ปเรส’’นฺติ? อทฺธา ‘‘อตฺตโน’’ติ วกฺขติ. ตโต ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘โคตฺรภุาณสฺส กึ อารมฺมณ’’นฺติ? ชานมาโน ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ วกฺขติ. กึ ปน โคตฺรภุาณกฺขเณ กิเลสา ขีณา ขียนฺติ ขียิสฺสนฺตีติ? ‘‘ขีณา’’ติ วา ‘‘ขียนฺตี’’ติ วา น วตฺตพฺพา, ‘‘ขียิสฺสนฺตี’’ติ ปน วตฺตพฺพาติ. กึ ปน เตสุ อขีเณสุเยว กิเลเสสุ โคตฺรภุาณํ กิเลสกฺขยํ อารมฺมณํ กโรตีติ? อทฺธา เอวํ วุตฺเต นิรุตฺตโร ภวิสฺสติ.
มคฺคาเณนาปิ เจตํ โยเชตพฺพํ. มคฺคกฺขเณปิ หิ กิเลสา ‘‘ขีณา’’ติ วา ‘‘ขียิสฺสนฺตี’’ติ วา น วตฺตพฺพา, ‘‘ขียนฺตี’’ติ ปน วตฺตพฺพา, น จ อขีเณสุเยว กิเลเสสุ กิเลสกฺขโย อารมฺมณํ โหติ, ตสฺมา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมตํ. ยํ อาคมฺม ราคาทโย ขียนฺติ, ตํ นิพฺพานํ. ตํ ปเนตํ ‘‘รูปิโน ธมฺมา อรูปิโน ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๑) ทุเกสุ อรูปิโน ธมฺมาติ สงฺคหิตตฺตา น กิเลสกฺขยมตฺตเมวาติ.
๒. อรหตฺตปฺหาสุตฺตวณฺณนา
๓๑๕. อรหตฺตปฺหพฺยากรเณ ¶ ยสฺมา อรหตฺตํ ราคโทสโมหานํ ขีณนฺเต อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย’’ติ วุตฺตํ.
๓-๑๕. ธมฺมวาทีปฺหาสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๑๖-๓๒๘. เต ¶ ¶ โลเก สุคตาติ เต ราคาทโย ปหาย คตตฺตา สุฏฺุ คตาติ สุคตา. ทุกฺขสฺส โข อาวุโส ปริฺตฺถนฺติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริชานนตฺถํ. ทุกฺขตาติ ทุกฺขสภาโว. ทุกฺขทุกฺขตาติอาทีสุ ทุกฺขสงฺขาโต ทุกฺขสภาโว ทุกฺขทุกฺขตา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.
๑๖. ทุกฺกรปฺหาสุตฺตวณฺณนา
๓๒๙. อภิรตีติ ปพฺพชฺชาย อนุกฺกณฺนตา. นจิรํ อาวุโสติ อาวุโส ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน ภิกฺขุ ‘‘ปาโต อนุสิฏฺโ สายํ วิเสสมธิคมิสฺสติ, สายํ อนุสิฏฺโ ปาโต วิเสสมธิคมิสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๔๕) วุตฺตตฺตา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺสํ ลหุเยว อรหํ อสฺส, อรหตฺเต ปติฏฺเหยฺยาติ ทสฺเสติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ชมฺพุขาทกสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สามณฺฑกสํยุตฺตวณฺณนา
๓๓๐-๓๓๑. สามณฺฑกสํยุตฺเตปิ ¶ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สามณฺฑกสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โมคฺคลฺลานสํยุตฺตํ
๑-๘. ปมฌานปฺหาสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๓๒-๓๓๙. โมคฺคลฺลานสํยุตฺเต ¶ ¶ กามสหคตาติ ปฺจนีวรณสหคตา. ตสฺส หิ ปมชฺฌานวุฏฺิตสฺส ปฺจ นีวรณานิ สนฺตโต อุปฏฺหึสุ. เตนสฺส ตํ ปมชฺฌานํ หานภาคิยํ นาม อโหสิ. ตํ ปมาทํ ตฺวา ¶ สตฺถา ‘‘มา ปมาโท’’ติ โอวาทํ อทาสิ. ทุติยชฺฌานาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อารมฺมณสหคตเมว เหตฺถ ‘‘สหคต’’นฺติ วุตฺตํ.
๙. อนิมิตฺตปฺหาสุตฺตวณฺณนา
๓๔๐. อนิมิตฺตํ เจโตสมาธินฺติ นิจฺจนิมิตฺตาทีนิ ปหาย ปวตฺตํ วิปสฺสนาสมาธึเยว สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ. นิมิตฺตานุสาริ วิฺาณํ โหตีติ เอวํ อิมินา วิปสฺสนาสมาธิวิหาเรน วิหรโต วิปสฺสนาาเณ ติกฺเข สูเร วหมาเน. ยถา นาม ปุริสสฺส ติขิเณน ผรสุนา รุกฺขํ ฉินฺทนฺตสฺส ‘‘สุฏฺุ วต เม ผรสุ วหตี’’ติ ขเณ ขเณ ผรสุธารํ โอโลเกนฺตสฺส เฉชฺชกิจฺจํ น นิปฺผชฺชติ, เอวํ เถรสฺสาปิ ‘‘สูรํ วต เม หุตฺวา าณํ วหตี’’ติ วิปสฺสนํ อารพฺภ นิกนฺติ อุปฺปชฺชติ. อถ วิปสฺสนากิจฺจํ สาเธตุํ นาสกฺขิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิมิตฺตานุสาริ วิฺาณํ โหตี’’ติ. สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหาสินฺติ สพฺเพสํ นิจฺจสุขอตฺตนิมิตฺตานํ อมนสิกาเรน อนิมิตฺตํ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาสมฺปยุตฺตํ เจโตสมาธึ นิพฺพานารมฺมณํ อุปริมคฺคผลสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.
๑๐-๑๑. สกฺกสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๔๑-๓๔๒. อเวจฺจปฺปสาเทนาติ ¶ อจลปฺปสาเทน. ทสหิ าเนหีติ ทสหิ การเณหิ. อธิคณฺหนฺตีติ อภิภวนฺติ, อติกฺกมิตฺวา ติฏฺนฺติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
โมคฺคลฺลานสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. จิตฺตสํยุตฺตํ
๑. สํโยชนสุตฺตวณฺณนา
๓๔๓. จิตฺตสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม มจฺฉิกาสณฺเฑติ เอวํนามเก วนสณฺเฑ. อยมนฺตรากถา อุทปาทีติ โปราณกตฺเถรา อติรจฺฉานกถา โหนฺติ, นิสินฺนนิสินฺนฏฺาเน ปฺหํ สมุฏฺาเปตฺวา อชานนฺตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตา วิสฺสชฺเชนฺติ, เตน เนสํ อยํ กถา อุทปาทิ. มิคปถกนฺติ เอวํนามกํ อตฺตโน โภคคามํ. โส กิร อมฺพาฏการามสฺส ปิฏฺิภาเค โหติ. เตนุปสงฺกมีติ ‘‘เถรานํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา ผาสุวิหารํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิ. คมฺภีเร พุทฺธวจเนติ อตฺถคมฺภีเร เจว ธมฺมคมฺภีเร จ พุทฺธวจเน. ปฺาจกฺขุ กมตีติ าณจกฺขุ วหติ ปวตฺตติ.
๒. ปมอิสิทตฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๔๔. ทุติเย อายสฺมนฺตํ เถรนฺติ เตสุ เถเรสุ เชฏฺกํ มหาเถรํ. ตุณฺหี อโหสีติ ชานนฺโตปิ อวิสารทตฺตา น กิฺจิ พฺยาหริ. พฺยากโรมหํ ภนฺเตติ ‘‘อยํ เถโร เนว อตฺตนา พฺยากโรติ, น อฺเ อชฺเฌสติ, อุปาสโกปิ ภิกฺขุสงฺฆํ วิเหเสติ, อหเมตํ พฺยากริตฺวา ผาสุวิหารํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อาสนโต วุฏฺาย เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวํ โอกาสมกาสิ, กตาวกาโส ปน อตฺตโน อาสเน นิสีทิตฺวา พฺยากาสิ.
สหตฺถาติ สหตฺเถน. สนฺตปฺเปสีติ ยาวทิจฺฉกํ เทนฺโต สุฏฺุ ตปฺเปสิ. สมฺปวาเรสีติ ‘‘อลํ อล’’นฺติ หตฺถสฺาย เจว วาจาย จ ปฏิกฺขิปาเปสิ. โอนีตปตฺตปาณิโนติ ¶ ปาณิโต อปนีตปตฺตา โธวิตฺวา ถวิกาย โอสาเปตฺวา อํเส ลคฺคิตปตฺตาติ อตฺโถ.
๓. ทุติยอิสิทตฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๔๕. ตติเย ¶ อวนฺติยาติ ทกฺขิณาปเถ อวนฺติรฏฺเ. กลฺยาณํ วุจฺจตีติ ‘‘จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ วจนํ นิทฺโทสํ อนวชฺชํ วุจฺจติ ตยา อุปาสกาติ อธิปฺปาเยน วทติ.
๔. มหกปาฏิหาริยสุตฺตวณฺณนา
๓๔๖. จตุตฺเถ ¶ เสสกํ วิสฺสชฺเชถาติ ตสฺส กิร เถเรหิ สทฺธึเยว กํสถาลํ ปมชฺชิตฺวา ปายาสํ วฑฺเฒตฺวา อทํสุ. โส ภุตฺตปายาโส เถเรหิเยว สทฺธึ คนฺตุกาโม จินฺเตสิ ‘‘ฆเร ตาว อุปาสิกา เสสกํ วิจาเรติ, อิธ ปนิเม ทาสกมฺมการา มยา อวุตฺตา น วิจาเรสฺสนฺติ, เอวายํ ปณีตปายาโส นสฺสิสฺสตี’’ติ เตสํ อนุชานนฺโต เอวมาห. กุถิตนฺติ กุธิตํ, เหฏฺา สนฺตตฺตาย วาลิกาย อุปริ อาตเปน จ อติติขิณนฺติ อตฺโถ. อิทํ ปน เตปิฏเก พุทฺธวจเน อสมฺภินฺนปทํ. ปเวลิยมาเนนาติ ปฏิลิยมาเนน สาธุ ขฺวสฺส ภนฺเตติ ‘‘ผาสุวิหารํ กริสฺสามิ เนส’’นฺติ จินฺเตตฺวา เอวมาห.
อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขรีติ อธิฏฺานิทฺธึ อกาสิ. เอตฺถ จ ‘‘มนฺทมนฺโท สีตกวาโต วายตุ, อพฺภมณฺฑปํ กตฺวา เทโว เอกเมกํ ผุสายตู’’ติ เอวํ นานาปริกมฺมํ – ‘‘สวาโต เทโว วสฺสตู’’ติ เอวํ อธิฏฺานํ เอกโตปิ โหติ. ‘‘สวาโต เทโว วสฺสตูติ เอกโตปริกมฺมํ, มนฺทมนฺโท สีตกวาโต วายตุ, อพฺภมณฺฑปํ กตฺวา เทโว ¶ เอกเมกํ ผุสายตู’’ติ เอวํ นานาอธิฏฺานํ โหติ. วุตฺตนเยเนว นานาปริกมฺมํ นานาธิฏฺานํ, เอกโต ปริกมฺมํ เอกโต อธิฏฺานมฺปิ โหติเยว. ยถา ตถา กโรนฺตสฺส ปน ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย กตปริกมฺมสฺส ปริกมฺมานนฺตเรน มหคฺคตอธิฏฺานจิตฺเตเนว ตํ อิชฺฌติ. โอกาเสสีติ วิปฺปกิริ.
๕. ปมกามภูสุตฺตวณฺณนา
๓๔๗. ปฺจเม เนลงฺโคติ นิทฺโทโส. เสตปจฺฉาโทติ เสตปฏิจฺฉาทโน. อนีฆนฺติ นิทฺทุกฺขํ. มุหุตฺตํ ตุณฺหี หุตฺวาติ ตสฺส อตฺถเปกฺขนตฺถํ ตีณิ ปิฏกานิ กณฺเณ กุณฺฑลํ วิย สฺจาเลนฺโต ¶ ‘‘อยํ อิมสฺส อตฺโถ, อยํ อิมสฺส อตฺโถ’’ติ อุปปริกฺขณตฺถํ มุหุตฺตํ ตุณฺหี หุตฺวา. วิมุตฺติยาติ อรหตฺตผลวิมุตฺติยา. อิมํ ปน ปฺหํ กเถนฺโต อุปาสโก ทุกฺกรํ อกาสิ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอตํ ภิกฺขุํ ¶ อาคจฺฉนฺตํ โอทาตกํ ตนุกํ ตุงฺคนาสิก’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๔๕) อตฺตโน ทิฏฺเน กเถสิ. อยํ ปน นยคฺคาเหน ‘‘อรหโต เอตํ อธิวจน’’นฺติ อาห.
๖. ทุติยกามภูสุตฺตวณฺณนา
๓๔๘. ฉฏฺเ กติ นุ โข ภนฺเต สงฺขาราติ อยํ กิร, คหปติ, นิโรธํ วลฺเชติ, ตสฺมา ‘‘นิโรธปาทเก สงฺขาเร ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาห. เถโรปิสฺส อธิปฺปายํ ตฺวา ปฺุาภิสงฺขาราทีสุ อเนเกสุ สงฺขาเรสุ วิชฺชมาเนสุปิ กายสงฺขาราทโยว อาจิกฺขนฺโต ตโย โข คหปตีติอาทิมาห. ตตฺถ กายปฺปฏิพทฺธตฺตา กาเยน สงฺขรียติ นิพฺพตฺตียตีติ กายสงฺขาโร. วาจาย สงฺขโรติ นิพฺพตฺเตตีติ วจีสงฺขาโร. จิตฺตปฺปฏิพทฺธตฺตา จิตฺเตน สงฺขรียติ นิพฺพตฺตียตีติ จิตฺตสงฺขาโร.
กตโม ¶ ปน ภนฺเตติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? ‘‘อิเม สงฺขารา อฺมฺํ มิสฺสา อาลุฬิตา อวิภูตา ทุทฺทีปนา. ตถา หิ กายทฺวาเร อาทานคฺคหณมฺุจนโจปนานิ ปาเปตฺวา อุปฺปนฺนา อฏฺ กามาวจรกุสลเจตนา ทฺวาทส อกุสลเจตนาติ เอวํ กุสลากุสลา วีสติ เจตนาปิ, อสฺสาสปสฺสาสาปิ กายสงฺขาโรตฺเวว วุจฺจนฺติ. วจีทฺวาเร หนุสฺโจปนํ วจีเภทํ ปาเปตฺวา อุปฺปนฺนา วุตฺตปฺปการาว วีสติ เจตนาปิ วิตกฺกวิจาราปิ วจีสงฺขาโรตฺเวว วุจฺจนฺติ. กายวจีทฺวาเรสุ โจปนํ อปตฺวา รโห นิสินฺนสฺส จินฺตยโต อุปฺปนฺนา กุสลากุสลา เอกูนตึสเจตนาปิ, สฺา จ เวทนา จาติ อิเม ทฺเว ธมฺมาปิ จิตฺตสงฺขาโรตฺเวว วุจฺจนฺติ. เอวํ อิเม สงฺขารา อฺมฺํ มิสฺสา อาลุฬิตา อวิภูตา ทุทฺทีปนา, เต ปากเฏ วิภูเต กตฺวา กถาเปสฺสามี’’ติ ปุจฺฉิ.
กสฺมา ปน ภนฺเตติ อิธ กายสงฺขาราทินามสฺส ปทตฺถํ ปุจฺฉติ. ตสฺส วิสฺสชฺชเน กายปฺปฏิพทฺธาติ กายนิสฺสิตา. กาเย สติ โหนฺติ, อสติ น โหนฺติ. จิตฺตปฺปฏิพทฺธาติ จิตฺตนิสฺสิตา. จิตฺเต สติ โหนฺติ, อสติ น โหนฺติ.
อิทานิ ¶ ¶ ‘‘กึ นุ โข เอส สฺาเวทยิตนิโรธํ วลฺเชติ, โน วลฺเชติ, จิณฺณวสี วา ตตฺถ โน จิณฺณวสี’’ติ ชานนตฺถํ ปุจฺฉนฺโต กถํ ปน ภนฺเต สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติ โหตีติ อาห. ตสฺส วิสฺสชฺชเน สมาปชฺชิสฺสนฺติ วา สมาปชฺชามีติ วา ปททฺวเยน เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติกาโล กถิโต. สมาปนฺโนติ ปเทน อนฺโตนิโรโธ. ตถา ปุริเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สจิตฺตกกาโล กถิโต, ปจฺฉิเมน อจิตฺตกกาโล.
ปุพฺเพว ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ โหตีติ นิโรธสมาปตฺติโต ปุพฺเพ อทฺธานปริจฺเฉทกาเลเยว ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อจิตฺตโก ภวิสฺสามี’’ติ อทฺธานปริจฺเฉทํ จิตฺตํ ภาวิตํ โหติ. ยํ ตํ ตถตฺตาย อุปเนตีติ ยํ ปน เอวํ ภาวิตํ จิตฺตํ, ตํ ปุคฺคลํ ตถตฺตาย อจิตฺตกภาวาย อุปเนติ. วจีสงฺขาโร ปมํ นิรุชฺฌตีติ เสสสงฺขาเรหิ ปมํ ทุติยชฺฌาเนเยว นิรุชฺฌติ. ตโต กายสงฺขาโรติ ¶ ตโต ปรํ กายสงฺขาโร จตุตฺถชฺฌาเน นิรุชฺฌติ. ตโต จิตฺตสงฺขาโรติ ตโต ปรํ จิตฺตสงฺขาโร อนฺโตนิโรเธ นิรุชฺฌติ. อายูติ รูปชีวิตินฺทฺริยํ. วิปริภินฺนานีติ อุปหตานิ วินฏฺานิ.
ตตฺถ เกจิ ‘‘นิโรธสมาปนฺนสฺส ‘จิตฺตสงฺขาโร จ นิรุทฺโธ’ติ วจนโต จิตฺตํ อนิรุทฺธํ โหติ, ตสฺมา สจิตฺตกาปิ อยํ สมาปตฺตี’’ติ วทนฺติ. เต วตฺตพฺพา – ‘‘วจีสงฺขาโรปิสฺส นิรุทฺโธ’’ติ วจนโต วาจา อนิรุทฺธา โหติ, ตสฺมา นิโรธสมาปนฺเนน ธมฺมมฺปิ กเถนฺเตน สชฺฌายมฺปิ กโรนฺเตน นิสีทิตพฺพํ สิยา. โย จายํ มโต กาลงฺกโต, ตสฺสาปิ จิตฺตสงฺขาโร นิรุทฺโธติ วจนโต จิตฺตํ อนิรุทฺธํ ภเวยฺย, ตสฺมา กาลงฺกเต มาตาปิตโร วา อรหนฺเต วา ฌาเปนฺเตน อานนฺตริยกมฺมํ กตํ ภเวยฺย. อิติ พฺยฺชเน อภินิเวสํ อกตฺวา อาจริยานํ นเย ตฺวา อตฺโถ อุปปริกฺขิตพฺโพ. อตฺโถ หิ ปฏิสรณํ, น พฺยฺชนํ.
อินฺทฺริยานิ วิปฺปสนฺนานีติ กิริยมยปวตฺตสฺมิฺหิ วตฺตมาเน พหิทฺธารมฺมเณสุ ปสาเท ฆฏฺเฏนฺเตสุ อินฺทฺริยานิ กิลมนฺติ, อุปหตานิ มกฺขิตฺตานิ วิย โหนฺติ วาตาทีหิ อุฏฺิตรเชน จตุมหาปเถ ปิตอาทาโส วิย. ยถา ปน ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา มฺชูสาทีสุ ปิโต อาทาโส อนฺโตเยว ¶ วิโรจติ, เอวํ นิโรธสมาปนฺนสฺส ภิกฺขุโน อนฺโตนิโรเธ ปฺจ ปสาทา อติวิย วิโรจนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อินฺทฺริยานิ วิปฺปสนฺนานี’’ติ.
วุฏฺหิสฺสนฺติ ¶ วา วุฏฺหามีติ วา ปททฺวเยน อนฺโตนิโรธกาโล กถิโต, วุฏฺิโตติ ปเทน ผลสมาปตฺติกาโล. ตถา ปุริเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ อจิตฺตกกาโล กถิโต, ปจฺฉิเมน สจิตฺตกกาโล. ปุพฺเพว ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ โหตีติ นิโรธสมาปตฺติโต ปุพฺเพ อทฺธานปริจฺเฉทกาเลเยว ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อจิตฺตโก หุตฺวา ตโต ปรํ สจิตฺตโก ภวิสฺสามี’’ติ อทฺธานปริจฺเฉทํ จิตฺตํ ภาวิตํ โหติ. ยํ ตํ ตถตฺตาย อุปเนตีติ ยํ เอวํ ภาวิตํ จิตฺตํ, ตํ ปุคฺคลํ ตถตฺตาย สจิตฺตกภาวาย อุปเนติ. อิติ เหฏฺา นิโรธสมาปชฺชนฺนกาโล ¶ คหิโต, อิธ นิโรธโต วุฏฺานกาโล.
อิทานิ นิโรธกถํ กเถตุํ กาโลติ นิโรธกถา กเถตพฺพา สิยา. สา ปเนสา ‘‘ทฺวีหิ พเลหิ สมนฺนาคตตฺตา ตโย จ สงฺขารานํ ปฏิปสฺสทฺธิยา โสฬสหิ าณจริยาหิ นวหิ สมาธิจริยาหิ วสีภาวตาปฺา นิโรธสมาปตฺติยํ าณ’’นฺติ มาติกํ เปตฺวา สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค กถิตา, ตสฺมา ตตฺถ กถิตนเยเนว คเหตพฺพา. โก ปนายํ นิโรโธ นาม? จตุนฺนํ ขนฺธานํ ปฏิสงฺขา อปฺปวตฺติ. อถ กิมตฺถเมตํ สมาปชฺชนฺตีติ? สงฺขารานํ ปวตฺเต อุกฺกณฺิตา สตฺตาหํ อจิตฺตกา หุตฺวา สุขํ วิหริสฺสาม, ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ นาเมตํ ยทิทํ นิโรโธติ เอตทตฺถํ สมาปชฺชนฺติ.
จิตฺตสงฺขาโร ปมํ อุปฺปชฺชตีติ นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส หิ ผลสมาปตฺติจิตฺตํ ปมํ อุปฺปชฺชติ. ตํสมฺปยุตฺตํ สฺฺจ เวทนฺจ สนฺธาย ‘‘จิตฺตสงฺขาโร ปมํ อุปฺปชฺชตี’’ติ อาห. ตโต กายสงฺขาโรติ ตโต ปรํ ภวงฺคสมเย กายสงฺขาโร อุปฺปชฺชติ.
กึ ปน ผลสมาปตฺติ อสฺสาสปสฺสาเส น สมุฏฺาเปตีติ? สมุฏฺาเปติ. อิมสฺส ปน จตุตฺถชฺฌานิกา ผลสมาปตฺติ, สา น สมุฏฺาเปติ. กึ วา เอเตน? ผลสมาปตฺติ ปมชฺฌานิกา วา โหตุ ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานิกา วา, สนฺตสมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส ภิกฺขุโน อสฺสาสปสฺสาสา ¶ อพฺโพหาริกา โหนฺติ, เตสํ อพฺโพหาริกภาโว สฺชีวตฺเถรวตฺถุนา เวทิตพฺโพ. สฺชีวตฺเถรสฺส หิ สมาปตฺติโต วุฏฺาย กึสุกปุปฺผสทิเส วีตจฺจิตงฺคาเร มทฺทมานสฺส คจฺฉโต จีวเร อํสุมตฺตมฺปิ น ฌายิ, อุสฺมาการมตฺตมฺปิ นาโหสิ. สมาปตฺติพลํ ¶ นาเมตนฺติ วทนฺติ. เอวเมว สนฺตาย ผลสมาปตฺติยา วุฏฺิตสฺส ภิกฺขุโน อสฺสาสปสฺสาสา อพฺโพหาริกา โหนฺตีติ ภวงฺคสมเยเนเวตํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ตโต ¶ วจีสงฺขาโรติ ตโต ปรํ กิริยมยปวตฺตวลฺชนกาเล วจีสงฺขาโร อุปฺปชฺชติ. กึ ภวงฺคํ วิตกฺกวิจาเร น สมุฏฺาเปตีติ? สมุฏฺาเปติ. ตํสมุฏฺานา ปน วิตกฺกวิจารา วาจํ อภิสงฺขาตุํ น สกฺโกนฺตีติ กิริยมยปวตฺตวลฺชนกาเลเนเวตํ กถิตํ.
สฺุโต ผสฺโสติอาทโย สคุเณนาปิ อารมฺมเณนาปิ กเถตพฺพา. สคุเณน ตาว สฺุตา นาม ผลสมาปตฺติ, ตาย สหชาตผสฺสํ สนฺธาย ‘‘สฺุโต ผสฺโส’’ติ วุตฺตํ. อนิมิตฺตปฺปณิหิเตสุปิ เอเสว นโย. อารมฺมเณน ปน นิพฺพานํ ราคาทีหิ สฺุตฺตา สฺุตา นาม, ราคนิมิตฺตาทีนํ อภาวา อนิมิตฺตํ, ราคโทสโมหปฺปณิธีนํ อภาวา อปฺปณิหิตํ, สฺุตํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนผลสมาปตฺติสมฺผสฺโส สฺุโต นาม. อนิมิตฺตปฺปณิหิเตสุปิ เอเสว นโย.
อปรา อาคมนิยกถา นาม โหติ. สฺุตอนิมิตฺตอปฺปณิหิตาติ หิ วิปสฺสนาปิ วุจฺจติ. ตตฺถ โย ภิกฺขุ สงฺขาเร อนิจฺจโต ปริคฺคเหตฺวา อนิจฺจโต ทิสฺวา อนิจฺจโต วุฏฺาติ, ตสฺส วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา อนิมิตฺตา นาม โหติ. โย ทุกฺขโต ปริคฺคเหตฺวา ทุกฺขโต ทิสฺวา ทุกฺขโต วุฏฺาติ, ตสฺส อปฺปณิหิตา นาม. โย อนตฺตโต ปริคฺคเหตฺวา อนตฺตโต ทิสฺวา อนตฺตโต วุฏฺาติ, ตสฺส สฺุตา นาม. ตตฺถ อนิมิตฺตวิปสฺสนาย มคฺโค อนิมิตฺโต นาม, อนิมิตฺตมคฺคสฺส ผลํ อนิมิตฺตํ นาม, อนิมิตฺตผลสมาปตฺติสหชาเต ผสฺเส ผุสนฺเต ‘‘อนิมิตฺโต ผสฺโส ผุสตี’’ติ วุจฺจติ. อปฺปณิหิตสฺุเตสุปิ เอเสว นโย. อาคมนิเยน กถิเต ปน สฺุโต วา ผสฺโส อนิมิตฺโต วา ผสฺโส อปฺปณิหิโต วา ผสฺโสติ วิกปฺโป อาปชฺเชยฺย, ตสฺมา สคุเณน ¶ เจว อารมฺมเณน จ กเถตพฺพํ. เอวฺหิ ตโย ผสฺสา ผุสนฺตีติ สเมติ.
วิเวกนินฺนนฺติอาทีสุ นิพฺพานํ วิเวโก นาม. ตสฺมึ วิเวเก นินฺนํ โอนตนฺติ วิเวกนินฺนํ. วิเวกโปณนฺติ อฺโต ¶ อคนฺตฺวา เยน วิเวโก, เตน วงฺกํ วิย หุตฺวา ิตนฺติ วิเวกโปณํ. เยน วิเวโก, เตน ปตมานํ วิย ิตนฺติ วิเวกปพฺภารํ.
๗. โคทตฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๔๙. สตฺตเม ¶ นานตฺถา เจว นานาพฺยฺชนา จาติ พฺยฺชนมฺปิ เนสํ นานํ, อตฺโถปิ. ตตฺถ พฺยฺชนสฺส นานตา ปากฏา. อตฺโถ ปน อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ ภูมนฺตรโต มหคฺคตา โหติ รูปาวจรา, อารมฺมณโต สตฺตปณฺณตฺติอารมฺมณา. อากิฺจฺา ภูมนฺตรโต มหคฺคตา อรูปาวจรา, อารมฺมณโต นวตฺตพฺพารมฺมณา. สฺุตา ภูมนฺตรโต กามาวจรา, อารมฺมณโต สงฺขารารมฺมณา. วิปสฺสนา หิ เอตฺถ สฺุตาติ อธิปฺเปตา. อนิมิตฺตา ภูมนฺตรโต โลกุตฺตรา, อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณา.
ราโค โข ภนฺเต ปมาณกรโณติอาทีสุ ยถา ปพฺพตปาเท ปูติปณฺณกสฏอุทกํ นาม โหติ กาฬวณฺณํ, โอโลเกนฺตานํ พฺยามสตคมฺภีรํ วิย ขายติ, ยฏฺึ วา รชฺชุํ วา คเหตฺวา มินนฺตสฺส ปิฏฺิปาโทตฺถรณมตฺตมฺปิ น โหติ; เอวเมว ยาว ราคาทโย นุปฺปชฺชนฺติ, ตาว ปุคฺคลํ สฺชานิตุํ น สกฺกา โหติ, โสตาปนฺโน วิย สกทาคามี วิย อนาคามี วิย จ ขายติ. ยทา ปนสฺส ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, ตทา รตฺโต ทุฏฺโ มูฬฺโหติ ปฺายติ. อิติ เต ‘‘เอตฺตโก อย’’นฺติ ปุคฺคลสฺส ปมาณํ ทสฺเสนฺตาว อุปฺปชฺชนฺตีติ ปมาณกรณา นาม วุตฺตา.
ยาวตา โข ภนฺเต อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติโยติ ยตฺตกา อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติโย. กิตฺตกา ปน ตา? จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา, จตฺตาโร มคฺคา, จตฺตาริ ผลานีติ ทฺวาทส. ตตฺร พฺรหฺมวิหารา ผรณอปฺปมาณตาย อปฺปมาณา, เสสา ปมาณการกานํ กิเลสานํ อภาเวน นิพฺพานมฺปิ อปฺปมาณเมว, เจโตวิมุตฺติ ปน น โหติ, ตสฺมา น คหิตํ. อกุปฺปาติ อรหตฺตผลเจโตวิมุตฺติ. สา หิ ตาสํ สพฺพเชฏฺิกา, ตสฺมา ¶ ‘‘อคฺคมกฺขายตี’’ติ วุตฺตา. ราโค ¶ โข ภนฺเต กิฺจนนฺติ ราโค อุปฺปชฺชิตฺวา ปุคฺคลํ กิฺจติ มทฺทติ ปลิพุนฺธติ, ตสฺมา กิฺจนนฺติ วุตฺโต. มนุสฺสา กิร โคเณหิ ขลํ มทฺทาเปนฺตา ‘‘กิฺเจหิ กปิล กิฺเจหิ กาฬกา’’ติ วทนฺติ. เอวํ มทฺทนฏฺโ กิฺจนฏฺโติ เวทิตพฺโพ. โทสโมเหสุปิเอเสว นโย.
อากิฺจฺา เจโตวิมุตฺติโย นาม นว ธมฺมา อากิฺจฺายตนํ มคฺคผลานิ จ. ตตฺถ อากิฺจฺายตนํ กิฺจนํ อารมฺมณํ อสฺส นตฺถีติ อากิฺจฺํ. มคฺคผลานิ กิฺจนานํ มทฺทนปลิพุนฺธนกิเลสานํ ¶ นตฺถิตาย อากิฺจฺานิ, นิพฺพานมฺปิ อากิฺจฺํ, เจโตวิมุตฺติ ปน น โหติ, ตสฺมา น คหิตํ.
ราโค โข ภนฺเต นิมิตฺตกรโณติอาทีสุ ยถา นาม ทฺวินฺนํ กุลานํ สทิสา ทฺเว วจฺฉกา โหนฺติ. ยาว เตสํ ลกฺขณํ น กตํ โหติ, ตาว ‘‘อยํ อสุกกุลสฺส วจฺฉโก, อยํ อสุกกุลสฺสา’’ติ น สกฺกา โหติ ชานิตุํ. ยทา ปน เตสํ ติสูลาทีสุ อฺตรํ ลกฺขณํ กตํ โหติ, ตทา สกฺกา โหติ ชานิตุํ. เอวเมว ยาว ปุคฺคลสฺส ราโค นุปฺปชฺชติ, ตาว น สกฺกา โหติ ชานิตุํ ‘‘อริโย วา ปุถุชฺชโน วา’’ติ. ราโค ปนสฺส อุปฺปชฺชมาโนว ‘‘สราโค นาม อยํ ปุคฺคโล’’ติ สฺชานนนิมิตฺตํ กโรนฺโต วิย อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา นิมิตฺตกรโณติ วุตฺโต. โทสโมเหสุปิ เอเสว นโย.
อนิมิตฺตา เจโตวิมุตฺติโย นาม เตรส ธมฺมา วิปสฺสนา, จตฺตาโร อารุปฺปา, จตฺตาโร มคฺคา, จตฺตาริ ผลานิ. ตตฺถ วิปสฺสนา นิจฺจนิมิตฺตํ สุขนิมิตฺตํ อตฺตนิมิตฺตํ อุคฺฆาเฏตีติ อนิมิตฺตา นาม. จตฺตาโร อารุปฺปา รูปนิมิตฺตสฺส อภาวา อนิมิตฺตา นาม. มคฺคผลานิ นิมิตฺตกรานํ กิเลสานํ อภาเวน อนิมิตฺตานิ, นิพฺพานมฺปิ อนิมิตฺตเมว, ตํ ปน เจโตวิมุตฺติ น โหติ, ตสฺมา น คหิตํ. อถ กสฺมา สฺุตา เจโตวิมุตฺติ น คหิตาติ? สา ‘‘สฺุา ราเคนา’’ติอาทิวจนโต สพฺพตฺถ อนุปวิฏฺาว, ตสฺมา วิสุํ น คหิตาติ.
เอกตฺถาติ ¶ อารมฺมณวเสน เอกตฺถา ‘‘อปฺปมาณํ อากิฺจฺํ สฺุตํ อนิมิตฺต’’นฺติ หิ สพฺพาเนตานิ นิพฺพานสฺเสว นามานิ. อิติ อิมินา ปริยาเยน เอกตฺถา. อฺสฺมึ ปน ¶ าเน อปฺปมาณาปิ โหติ, อฺสฺมึ อากิฺจฺา, อฺสฺมึ สฺุตา, อฺสฺมึ อนิมิตฺตาติ อิมินา ปริยาเยน นานาพฺยฺชนาติ.
๘. นิคณฺนาฏปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๕๐. อฏฺเม เตนุปสงฺกมีติ สยํ อาคตาคโม วิฺาตสาสโน อนาคามี อริยสาวโก สมาโน กสฺมา นคฺคโภคฺคํ นิสฺสิริกํ นิคณฺํ อุปสงฺกมีติ? อุปวาทโมจนตฺถฺเจว วาทาโรปนตฺถฺจ. นิคณฺา กิร ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ถทฺธขทิรขาณุกสทิสา, เกนจิ ¶ สทฺธึ ปฏิสนฺถารมฺปิ น กโรนฺตี’’ติ อุปวทนฺติ, ตสฺส อุปวาทสฺส โมจนตฺถฺจ, ‘‘วาทฺจสฺส อาโรเปสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิ. น ขฺวาหํ เอตฺถ ภนฺเต ภควโต สทฺธาย คจฺฉามีติ ยสฺส าเณน อสจฺฉิกตํ โหติ. โส ‘‘เอวํ กิเรต’’นฺติ อฺสฺส สทฺธาย คจฺเฉยฺย, มยา ปน าเณเนตํ สจฺฉิกตํ, ตสฺมา นาหํ เอตฺถ ภควโต สทฺธาย คจฺฉามีติ ทีเปนฺโต เอวมาห.
อุลฺโลเกตฺวาติ กายํ อุนฺนาเมตฺวา กุจฺฉึ นีหริตฺวา คีวํ ปคฺคยฺห สพฺพํ ทิสํ เปกฺขมาโน อุลฺโลเกตฺวา. พาเธตพฺพํ มฺเยฺยาติ ยถา วินิวิชฺฌิตฺวา น นิกฺขมติ, เอวํ ปฏิพาหิตพฺพํ มฺเยฺย พนฺธิตพฺพํ วา. สหธมฺมิกาติ สการณา. อถ มํ ปฏิหเรยฺยาสิ สทฺธึ นิคณฺปริสายาติ เอเตสํ อตฺเถ าเต อถ เม นิคณฺปริสาย สทฺธึ อภิคจฺเฉยฺยาสิ, ปตีหารสฺส เม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปยฺยาสีติ อตฺโถ. เอโก ปฺโหติ เอโก ปฺหมคฺโค, เอกํ ปฺหคเวสนนฺติ อตฺโถ. เอโก อุทฺเทโสติ เอกํ นาม กินฺติ? อยํ เอโก อุทฺเทโส. เอกํ เวยฺยากรณนฺติ ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (ขุ. ปา. ๔.๑; อ. นิ. ๑๐.๒๗) อิทํ เอกํ เวยฺยากรณํ. เอวํ สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๙. อเจลกสฺสปสุตฺตวณฺณนา
๓๕๑. นวเม ¶ ¶ กีวจิรํ ปพฺพชิตสฺสาติ กีวจิโร กาโล ปพฺพชิตสฺสาติ อตฺโถ. อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมาติ มนุสฺสธมฺโม นาม ทสกุสลกมฺมปถา, ตโต มนุสฺสธมฺมโต อุตฺตริ. อลมริยาณทสฺสนวิเสโสติ อริยภาวํ กาตุํ สมตฺถตาย อลมริโยติ สงฺขาโต าณทสฺสนวิเสโส. นคฺเคยฺยาติ นคฺคภาวโต. มุณฺเฑยฺยาติ มุณฺฑภาวโต. ปวาฬนิปฺโผฏนายาติ ปาวฬนิปฺโผฏนโต, ภูมิยํ นิสีทนฺตสฺส อานิสทฏฺาเน ลคฺคานํ ปํสุรชวาลิกานํ โผฏนตฺถํ คหิตโมรปิฺฉมตฺตโตติ อตฺโถ.
๑๐. คิลานทสฺสนสุตฺตวณฺณนา
๓๕๒. ทสเม อารามเทวตาติ ปุปฺผารามผลาราเมสุ อธิวตฺถา เทวตา. วนเทวตาติ วนสณฺเฑสุ อธิวตฺถา เทวตา. รุกฺขเทวตาติ มตฺตราชกาเล เวสฺสวโณ จ เทวตาติ เอวํ เตสุ เตสุ รุกฺเขสุ อธิวตฺถา เทวตา. โอสธิติณวนปฺปตีสูติ หรีตกามลกีอาทีสุ มฺุชปพฺพชาทีสุ ¶ วนเชฏฺรุกฺเขสุ จ อธิวตฺถา เทวตา. สํคมฺมาติ สนฺนิปติตฺวา. สมาคมฺมาติ ตโต ตโต สมาคนฺตฺวา. ปณิเธหีติ ปตฺถนาวเสน เปหิ. อิชฺฌิสฺสติ สีลวโต เจโตปณิธีติ สมิชฺฌิสฺสติ สีลวนฺตสฺส จิตฺตปตฺถนา. ธมฺมิโกติ ทสกุสลธมฺมสมนฺนาคโต อคติคมนรหิโต. ธมฺมราชาติ ตสฺเสว เววจนํ, ธมฺเมน วา ลทฺธรชฺชตฺตา ธมฺมราชา. ตสฺมาติ ‘‘ยสฺมา เตน หิ, อยฺยปุตฺต, อมฺเหปิ โอวทาหี’’ติ วทถ, ตสฺมา. อปฺปฏิวิภตฺตนฺติ ‘‘อิทํ ภิกฺขูนํ ทสฺสาม, อิทํ อตฺตนา ภฺุชิสฺสามา’’ติ เอวํ อวิภตฺตํ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สาธารณเมว ภวิสฺสตีติ.
จิตฺตสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. คามณิสํยุตฺตํ
๑. จณฺฑสุตฺตวณฺณนา
๓๕๓. คามณิสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม จณฺโฑ คามณีติ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ จณฺโฑติ คหิตนาโม เอโก คามณิ. ปาตุกโรตีติ ภณฺฑนฺตํ ปฏิภณฺฑนฺโต อกฺโกสนฺตํ ปจฺจกฺโกสนฺโต ปหรนฺตํ ปฏิปหรนฺโต ปากฏํ กโรตีติ ทสฺเสติ. น ปาตุกโรตีติ อกฺกุฏฺโปิ ปหโฏปิ กิฺจิ ปจฺจนีกํ อกโรนฺโตติ ทสฺเสติ.
๒. ตาลปุฏสุตฺตวณฺณนา
๓๕๔. ทุติเย ตาลปุโฏติ เอวํนามโก. ตสฺส กิร พนฺธนา ปมุตฺตตาลปกฺกวณฺโณ วิย มุขวณฺโณ วิปฺปสนฺโน อโหสิ, เตนสฺส ตาลปุโฏติ นามํ อกํสุ. สฺวายํ อภินีหารสมฺปนฺโน ปจฺฉิมภวิกปุคฺคโล. ยสฺมา ปน ปฏิสนฺธิ นาม อนิยตา อากาเส ขิตฺตทณฺฑสทิสา, ตสฺมา เอส นฏกุเล นิพฺพตฺติ. วุฑฺฒิปฺปตฺโต ปน นฏสิปฺเป อคฺโค หุตฺวา สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ ชาโต. ตสฺส ปฺจ สกฏสตานิ ปฺจ มาตุคามสตานิ ปริวาโร, ภริยายปิสฺส ตาวตกาวาติ มาตุคามสหสฺเสน เจว สกฏสหสฺเสน จ สทฺธึ ยํ ยํ นครํ วา นิคมํ วา ปวิสติ, ตตฺถสฺส ปุเรตรเมว สตสหสฺสํ เทนฺติ. สมชฺชเวสํ คณฺหิตฺวา ปน มาตุคามสหสฺเสน สทฺธึ กีฬํ กโรนฺตสฺส ยํ หตฺถูปคปาทูปคาทิอาภรณชาตํ ขิปนฺติ, ตสฺส ปริยนฺโต นตฺถิ. โส ตํทิวสํ มาตุคามสหสฺสปริวาริโต ราชคเห กีฬํ กตฺวา ปริปกฺกาณตฺตา สปริวาโรว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ.
สจฺจาลิเกนาติ ¶ สจฺเจน จ อลิเกน จ. ติฏฺเตตนฺติ ติฏฺตุ เอตํ. รชนียาติ ราคปฺปจฺจยา มุขโต ปฺจวณฺณสุตฺตนีหรณวาตวุฏฺิทสฺสนาทโย อฺเ จ กามสฺสาทสํยุตฺตาการทสฺสนกา ¶ อภินยา. ภิยฺโยโสมตฺตายาติ อธิกปฺปมาณตฺตาย. โทสนียาติ โทสปฺปจฺจยา หตฺถปาทจฺเฉทาทิทสฺสนาการา. โมหนียาติ โมหปฺปจฺจยา อุทกํ คเหตฺวา เตลกรณํ, เตลํ คเหตฺวา อุทกกรณนฺติ เอวมาทโย มายาปเภทา.
ปหาโส ¶ นาม นิรโยติ วิสุํ ปหาสนามโก นิรโย นาม นตฺถิ, อวีจิสฺเสว ปน เอกสฺมึ โกฏฺาเส นจฺจนฺตา วิย คายนฺตา วิย จ นฏเวสํ คเหตฺวาว ปจฺจนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. นาหํ, ภนฺเต, เอตํ โรทามีติ อหํ, ภนฺเต, เอตํ ภควโต พฺยากรณํ น โรทามีติ เอวํ สกมฺมกวเสเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ, น อสฺสุวิโมจนมตฺเตน. ‘‘มตํ วา อมฺมโรทนฺตี’’ติอาทโย เจตฺถ อฺเปิ โวหารา เวทิตพฺพา.
๓-๕. โยธาชีวสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๕๕-๓๕๗. ตติเย โยธาชีโวติ ยุทฺเธน ชีวิกํ กปฺปนโก ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ เอวํ คหิตนาโม. อุสฺสหติ วายมตีติ อุสฺสาหํ วายามํ กโรติ. ปริยาปาเทนฺตีติ มรณํ ปฏิปชฺชาเปนฺติ. ทุกฺกฏนฺติ ทุฏฺุ กตํ. ทุปฺปณิหิตนฺติ ทุฏฺุ ปิตํ. ปรชิโต นาม นิรโยติ อยมฺปิ น วิสุํ เอโก นิรโย, อวีจิสฺเสว ปน เอกสฺมึ โกฏฺาเส ปฺจาวุธสนฺนทฺธา ¶ ผลกหตฺถา หตฺถิอสฺสรเถ อารุยฺห สงฺคาเม ยุชฺฌนฺตา วิย ปจฺจนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. จตุตฺถปฺจเมสุปิ เอเสว นโย.
๖. อสิพนฺธกปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๕๘. ฉฏฺเ ปจฺฉาภูมกาติ ปจฺฉาภูมิวาสิโน. กามณฺฑลุกาติ สกมณฺฑลุโน. เสวาลมาลิกาติ ปาโตว อุทกโต เสวาลฺเจว อุปฺปลาทีนิ จ คเหตฺวา อุทกสุทฺธิกภาวชานนตฺถาย มาลํ กตฺวา ปิฬนฺธนกา. อุทโกโรหกาติ สายํปาตํ อุทกํ โอโรหนกา. อุยฺยาเปนฺตีติ อุปริ ยาเปนฺติ. สฺาเปนฺตีติ สมฺมา าเปนฺติ. สคฺคํ นาม โอกฺกาเมนฺตีติ ปริวาเรตฺวา ิตา ‘‘คจฺฉ, โภ, พฺรหฺมโลกํ, คจฺฉ, โภ, พฺรหฺมโลก’’นฺติ วทนฺตา สคฺคํ ปเวเสนฺติ. อนุปริสกฺเกยฺยาติ อนุปริคจฺเฉยฺย. อุมฺมุชฺชาติ อุมฺมุชฺช อุฏฺห. ถลมุปฺลวาติ ถลมภิรุห. ตตฺร ยาสฺสาติ ตตฺร ยา ภเวยฺย. สกฺขรา วา กลา วาติ สกฺขรา จ กลา จ ¶ . สา อโธคามี อสฺสาติ สา อโธ คจฺเฉยฺย, เหฏฺาคามี ภเวยฺย. อโธคจฺฉาติ เหฏฺา คจฺฉ.
๗. เขตฺตูปมสุตฺตวณฺณนา
๓๕๙. สตฺตเม ¶ ชงฺคลนฺติ ถทฺธํ น มุทุ. อูสรนฺติ สฺชาตโลณํ. ปาปภูมีติ ลามกภูมิภาคํ. มํทีปาติอาทีสุ อหํ ทีโป ปติฏฺา เอเตสนฺติ มํทีปา. อหํ เลโณ อลฺลียนฏฺานํ เอเตสนฺติ มํเลณา. อหํ ตาณํ รกฺขา เอเตสนฺติ มํตาณา. อหํ สรณํ ภยนาสนํ เอเตสนฺติ มํสรณา. วิหรนฺตีติ มํ เอวํ กตฺวา วิหรนฺติ.
โคภตฺตมฺปีติ ธฺผลสฺส อภาเวน ลายิตฺวา กลาปกลาปํ พนฺธิตฺวา ปิตํ คิมฺหกาเล คุนฺนมฺปิ ขาทนํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. อุทกมณิโกติ กุจฺฉิยํ มณิกเมขลาย เอวํ ลทฺธนาโม ภาชนวิเสโส. อหารี อปริหารีติ อุทกํ น หรติ น ปริหรติ, น ปริยาทิยตีติ อตฺโถ. อิติ ¶ อิมสฺมึ สุตฺเต สกฺกจฺจธมฺมเทสนาว กถิตา. พุทฺธานฺหิ อสกฺกจฺจธมฺมเทสนา นาม นตฺถิ. สีหสมานวุตฺติโน หิ พุทฺธา, ยถา สีโห ปภินฺนวรวารณสฺสปิ สสพิฬาราทีนมฺปิ คหณตฺถาย เอกสทิสเมว เวคํ กโรติ, เอวํ พุทฺธาปิ เอกสฺส เทเสนฺตาปิ ทฺวินฺนํ พหูนํ ภิกฺขุปริสาย ภิกฺขุนิอุปาสกอุปาสิกาปริสายปิ ติตฺถิยานมฺปิ เทเสนฺตา สกฺกจฺจเมว เทเสนฺติ. จตสฺโส ปน ปริสา สทฺทหิตฺวา โอกปฺเปตฺวา สุณนฺตีติ ตาสํ เทสนา สกฺกจฺจเทสนา นาม ชาตา.
๘. สงฺขธมสุตฺตวณฺณนา
๓๖๐. อฏฺเม ยํพหุลํ ยํพหุลนฺติ อิมินา นิคณฺโ อตฺตนาว อตฺตโน วาทํ ภินฺทติ. ตสฺมา ภควา เอวํ สนฺเต น โกจิ อาปายิโกติอาทิมาห. ปุริมานิ ปน จตฺตาริ ปทานิ ทิฏฺิยา ปจฺจยา โหนฺติ. ตสฺมา เตสุปิ อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต อิธ, คามณิ, เอกจฺโจ สตฺถา เอวํวาที โหตีติอาทิมาห. ตตฺถ อหมฺปมฺหีติ อหมฺปิ อมฺหิ.
เมตฺตาสหคเตนาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ สทฺธึ ภาวนานเยน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตเมว. ¶ เสยฺยถาปิ, คามณิ, พลวา สงฺขธโมติอาทิ ปน อิธ อปุพฺพํ. ตตฺถ พลวาติ พลสมฺปนฺโน. สงฺขธโมติ สงฺขธมโก. อปฺปกสิเรนาติ อกิจฺเฉน อทุกฺเขน. ทุพฺพโล หิ สงฺขธโม สงฺขํ ธมนฺโตปิ ¶ น สกฺโกติ จตสฺโส ทิสา สเรน วิฺาเปตุํ, นาสฺส สงฺขสทฺโท สพฺพโต ผรติ, พลวโต ปน วิปฺผาริโก โหติ, ตสฺมา ‘‘พลวา’’ติ อาห.
เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยาติ เอตฺถ ‘‘เมตฺตา’’ติ วุตฺเต อุปจาโรปิ อปฺปนาปิ วฏฺฏติ, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ วุตฺเต ปน อปฺปนาว วฏฺฏติ. ยํ ปมาณกตํ กมฺมนฺติ ปมาณกตํ กมฺมํ นาม กามาวจรํ วุจฺจติ, อปฺปมาณกตํ กมฺมํ นาม รูปาวจรํ. ตฺหิ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา โอธิสกอโนธิสกทิสาผรณวเสน วฑฺเฒตฺวา กตตฺตา อปฺปมาณกตนฺติ วุจฺจติ.
น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺตีติ ตํ กามาวจรกมฺมํ ¶ ตสฺมึ รูปารูปาวจรกมฺเม น โอหียติ น ติฏฺติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ตํ กามาวจรกมฺมํ ตสฺส รูปารูปาวจรกมฺมสฺส อนฺตรา ลคฺคิตุํ วา าตุํ วา รูปารูปาวจรกมฺมํ ผริตฺวา ปริยาทิยิตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ปติฏฺาตุํ วา น สกฺโกติ. อถ โข รูปารูปาวจรกมฺมเมว กามาวจรํ มโหโฆ วิย ปริตฺตํ อุทกํ ผริตฺวา ปริยาทิยิตฺวา อตฺตโน โอกาสํ กตฺวา ติฏฺติ, ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา สยเมว พฺรหฺมสหพฺยตํ อุปเนตีติ. อิติ อิทํ สุตฺตํ อาทิมฺหิ กิเลสวเสน วุฏฺาย อวสาเน พฺรหฺมวิหารวเสน คหิตตฺตา ยถานุสนฺธินาว คตํ.
๙. กุลสุตฺตวณฺณนา
๓๖๑. นวเม ทุพฺภิกฺขาติ ทุลฺลภภิกฺขา. ทฺวีหิติกาติ ‘‘ชีวิสฺสาม นุ โข น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺตอีหิติกา. ‘‘ทุหิติกา’’ติปิ ปาโ. อยเมว อตฺโถ. ทุกฺขา อีหิติ เอตฺถ น สกฺกา โกจิ ปโยโค สุเขน กาตุนฺติ ทุหิติกา. ตตฺถ ตตฺถ มตมนุสฺสานํ วิปฺปกิณฺณานิ เสตานิ อฏฺิกานิ เอตฺถาติ เสตฏฺิกา. สลากาวุตฺตาติ สลากมตฺตวุตฺตา, ยํ ตตฺถ วุตฺตํ วาปิตํ, ตํ สลากมตฺตเมว อโหสิ, ผเล น ชนยตีติ อตฺโถ.
อุคฺคิลิตุนฺติ ¶ ทฺเว อนฺเต โมเจตฺวา กเถตุํ อสกฺโกนฺโต อุคฺคิลิตุํ พหิ นีหริตุํ น สกฺขีติ ¶ . โอคิลิตุนฺติ ปุจฺฉาย โทสํ ทิสฺวา หาเรตุํ อสกฺโกนฺโต โอคิลิตุํ อนฺโต ปเวเสตุํ น สกฺขีติ.
อิโต โส คามณิ เอกนวุติกปฺเปติ ภควา กถยมาโนว ยาว นิกฺขนฺโต นาสิกวาโต น ปุน ปวิสติ, ตาวตเกน กาเลน เอกนวุติกปฺเป อนุสฺสริ ‘‘อตฺถิ นุ โข กิฺจิ กุเล ปกฺกภิกฺขาทาเนน อุปหตปุพฺพ’’นฺติ ปริชานนตฺถํ. อเถกมฺปิ ¶ อปสฺสนฺโต ‘‘อิโต โส, คามณี’’ติอาทิมาห. อิทานิ ทานาทีนํ อานิสํสํ กเถนฺโต อถ โข ยานิ ตานิ กุลานิ อฑฺฒานีติ ธมฺมเทสนํ อารภิ. ตตฺถ ทานสมฺภูตานีติ ทาเนน สมฺภูตานิ นิพฺพตฺตานิ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. เอตฺถ ปน สจฺจํ นาม สจฺจวาทิตา. สามฺํ นาม เสสสีลํ. วิกิรตีติ อโยเคน วฬฺเชนฺโต วิปฺปกิรติ. วิธมตีติ ธเมนฺโต วิย นาเสติ. วิทฺธํเสตีติ นาเสติ. อนิจฺจตาติ หุตฺวา อภาโว พหุนาปิ กาเลน สงฺคตานํ ขเณเนว อนฺตรธานํ.
๑๐. มณิจูฬกสุตฺตวณฺณนา
๓๖๒. ทสเม ตํ ปริสํ เอตทโวจาติ ตสฺส กิร เอวํ อโหสิ ‘‘กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺตา ปุตฺตทารฺเจว ชาตรูปรชตฺจ ปหาเยว ปพฺพชนฺติ, น จ สกฺกา ยํ ปหาย ปพฺพชิตา, ตํ เตหิ คเหตุ’’นฺติ นยคฺคาเห ตฺวา ‘‘มา อยฺโย’’ติอาทิวจนํ อโวจ. เอกํเสเนตนฺติ เอตํ ปฺจกามคุณกปฺปนํ อสฺสมณธมฺโม อสกฺยปุตฺติยธมฺโมติ เอกํเสน ธาเรยฺยาสิ.
ติณนฺติ เสนาสนจฺฉทนติณํ. ปริเยสิตพฺพนฺติ ติณจฺฉทเน วา อิฏฺกจฺฉทเน วา เคเห ปลุชฺชนฺเต เยหิ ตํ การิตํ, เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ การิตเสนาสนํ โอวสฺสติ, น สกฺกา ตตฺถ วสิตุ’’นฺติ อาจิกฺขิตพฺพํ. มนุสฺสา สกฺโกนฺตา กริสฺสนฺติ, อสกฺโกนฺตา ‘‘ตุมฺเห วฑฺฒกึ คเหตฺวา การาเปถ, มยํ เต สฺาเปสฺสามา’’ติ วกฺขนฺติ. เอวํ วุตฺเต กาเรตฺวา เตสํ อาจิกฺขิตพฺพํ. มนุสฺสา วฑฺฒกีนํ ทาตพฺพํ ทสฺสนฺติ. สเจ อาวาสสามิกา นตฺถิ, อฺเสมฺปิ ภิกฺขาจารวตฺเตน อาโรเจตฺวา กาเรตุํ วฏฺฏติ. อิทํ สนฺธาย ‘‘ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
ทารุนฺติ ¶ ¶ เสนาสเน โคปานสิอาทีสุ ปลุชฺชมาเนสุ ตทตฺถาย ทารุํ. สกฏนฺติ คิหิวิกตํ กตฺวา ตาวกาลิกสกฏํ. น เกวลฺจ สกฏเมว, อฺมฺปิ วาสิผรสุกุทฺทาลาทิอุปกรณํ เอวํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ. ปุริโสติ หตฺถกมฺมวเสน ปุริโส ปริเยสิตพฺโพ. ยํกิฺจิ หิ ปุริสํ ‘‘หตฺถกมฺมํ ¶ , อาวุโส, กตฺวา ทสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘ทสฺสามิ, ภนฺเต,’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทฺจิทฺจ กโรหี’’ติ ยํ อิจฺฉติ, ตํ กาเรตุํ วฏฺฏติ. น ตฺเววาหํ, คามณิ, เกนจิ ปริยาเยนาติ ชาตรูปรชตํ ปนาหํ เกนจิปิ การเณน ปริเยสิตพฺพนฺติ น วทามิ.
๑๑. ภทฺรกสุตฺตวณฺณนา
๓๖๓. เอกาทสเม มลฺเลสูติ เอวํนามเก ชนปเท. วเธนาติ มารเณน. ชานิยาติ ธนชานิยา. อกาลิเกน ปตฺเตนาติ น กาลนฺตเรน ปตฺเตน, กาลํ อนติกฺกมิตฺวาว ปตฺเตนาติ อตฺโถ. จิรวาสี นาม กุมาโรติ เอวํนามโก ตสฺส ปุตฺโต. พหิ อาวสเถ ปฏิวสตีติ พหินคเร กิฺจิเทว สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺโต วสติ. อิมสฺมึ สุตฺเต วฏฺฏทุกฺขํ กถิตํ.
๑๒. ราสิยสุตฺตวณฺณนา
๓๖๔. ทฺวาทสเม ราสิโยติ ราสึ กตฺวา ปฺหสฺส ปุจฺฉิตตฺตา ราสิโยติ เอวํ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ คหิตนาโม. ตปสฺสินฺติ ตปนิสฺสิตกํ. ลูขชีวินฺติ ลูขชีวิกํ. อนฺตาติ โกฏฺาสา. คาโมติ คามฺโม. คมฺโมติปิ ปาโ, คามวาสีนํ ธมฺโมติ อตฺโถ. อตฺตกิลมถานุโยโคติ อตฺตโน กิลมถานุโยโค, สรีรทุกฺขกรณนฺติ อตฺโถ.
กสฺมา ปเนตฺถ กามสุขลฺลิกานุโยโค คหิโต, กสฺมา อตฺตกิลมถานุโยโค, กสฺมา มชฺฌิมา ปฏิปทาติ? กามสุขลฺลิกานุโยโค ตาว กามโภคีนํ ทสฺสนตฺถํ คหิโต, อตฺตกิลมถานุโยโค ตปนิสฺสิตกานํ, มชฺฌิมา ปฏิปทา ติณฺณํ นิชฺชรวตฺถูนํ ทสฺสนตฺถํ คหิตา. กึ เอเตสํ ทสฺสเน ปโยชนนฺติ? อิเม ทฺเว อนฺเต ปหาย ตถาคโต มชฺฌิมาย ปฏิปทาย สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺโต. โส กามโภคิโนปิ น สพฺเพ ครหติ น ปสํสติ, ตปนิสฺสิตเกปิ น สพฺเพ ครหติ น ¶ ปสํสติ, ครหิตพฺพยุตฺตเกเยว ครหติ, ปสํสิตพฺพยุตฺตเก ¶ ปสํสตีติ อิมสฺสตฺถสฺส ปกาสนํ เอเตสํ ทสฺสเน ปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ ¶ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต ตโย โขเม, คามณิ, กามโภคิโนติอาทิมาห. ตตฺถ สาหเสนาติ สาหสิกกมฺเมน. น สํวิภชตีติ มิตฺตสหายสนฺทิฏฺสมฺภตฺตานํ สํวิภาคํ น กโรติ. น ปฺุานิ กโรตีติ อนาคตภวสฺส ปจฺจยภูตานิ ปฺุานิ น กโรติ. ธมฺมาธมฺเมนาติ ธมฺเมน จ อธมฺเมน จ. าเนหีติ การเณหิ. สจฺฉิกโรตีติ กถํ อตฺตานํ อาตาเปนฺโต ปริตาเปนฺโต สจฺฉิกโรติ? จตุรงฺควีริยวเสน จ ธุตงฺควเสน จ. ติสฺโส สนฺทิฏฺิกา นิชฺชราติ เอตฺถ เอโกปิ มคฺโค ติณฺณํ กิเลสานํ นิชฺชรณตาย ติสฺโส นิชฺชราติ วุตฺโตติ.
๑๓. ปาฏลิยสุตฺตวณฺณนา
๓๖๕. เตรสเม ทูเตยฺยานีติ ทูตกมฺมานิ ปณฺณานิ เจว มุขสาสนานิ จ. ปาณาติปาตฺจาหนฺติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? น เกวลํ อหํ มายํ ชานามิ, อฺมฺปิ อิทฺจิทฺจ ชานามีติ สพฺพฺุภาวทสฺสนตฺถํ อารทฺธํ. สนฺติ หิ, คามณิ, เอเก สมณพฺราหฺมณาติ อิทํ เสสสมณพฺราหฺมณานํ ลทฺธึ ทสฺเสตฺวา ตสฺสา ปชหาปนตฺถํ อารทฺธํ.
มาลี กุณฺฑลีติ มาลาย มาลี, กุณฺฑเลหิ กุณฺฑลี. อิตฺถิกาเมหีติ อิตฺถีหิ สทฺธึ กามา อิตฺถิกามา, เตหิ อิตฺถิกาเมหิ. อาวสถาคารนฺติ กุลฆรสฺส เอกสฺมึ าเน เอเกกสฺเสว สุขนิวาสตฺถาย กตํ วาสาคารํ. เตนาหํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ สํวิภชามีติ ตสฺสาหํ อตฺตโน สตฺติอนุรูเปน เจว พลานุรูเปน จ สํวิภาคํ กโรมิ. อลนฺติ ยุตฺตํ. กงฺขนิเย าเนติ กงฺขิตพฺเพ การเณ. จิตฺตสมาธินฺติ ตสฺมึ ธมฺมสมาธิสฺมึ ิโต ตฺวํ สห วิปสฺสนาย จตุนฺนํ มคฺคานํ วเสน จิตฺตสมาธึ สเจ ปฏิลเภยฺยาสีติ ทสฺเสติ. อปณฺณกตาย ¶ มยฺหนฺติ อยํ ปฏิปทา มยฺหํ อปณฺณกตาย อนปราธกตาย เอว สํวตฺตตีติ อตฺโถ. กฏคฺคาโหติ ชยคฺคาโห.
อยํ โข, คามณิ, ธมฺมสมาธิ, ตตฺร เจ ตฺวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสีติ เอตฺถ ธมฺมสมาธีติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมา, จิตฺตสมาธีติ สห วิปสฺสนาย ¶ จตฺตาโร มคฺคา. อถ วา ‘‘ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๖) เอวํ วุตฺตา ปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิสุขสมาธิสงฺขาตา ปฺจ ธมฺมา ธมฺมสมาธิ นาม, จิตฺตสมาธิ ปน สห วิปสฺสนาย ¶ จตฺตาโร มคฺคาว. อถ วา ทสกุสลกมฺมปถา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา จาติ อยํ ธมฺมสมาธิ นาม, ตํ ธมฺมสมาธึ ปูเรนฺตสฺส อุปฺปนฺนา จิตฺเตกคฺคตา จิตฺตสมาธิ นาม. เอวํ ตฺวํ อิมํ กงฺขาธมฺมํ ปชเหยฺยาสีติ เอวํ ตฺวํ อิมสฺมึ วุตฺตปฺปเภเท ธมฺมสมาธิสฺมึ ิโต สเจ เอวํ จิตฺตสมาธึ ปฏิลเภยฺยาสิ, เอกํเสเนตํ กงฺขํ ปชเหยฺยาสีติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตนยเมวาติ.
คามณิสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อสงฺขตสํยุตฺตํ
๑. ปมวคฺโค
๑-๑๑. กายคตาสติสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๖๖-๓๗๖. อสงฺขตสํยุตฺเต ¶ ¶ ¶ อสงฺขตนฺติ อกตํ. หิเตสินาติ หิตํ เอสนฺเตน. อนุกมฺปเกนาติ อนุกมฺปมาเนน. อนุกมฺปํ อุปาทายาติ อนุกมฺปํ จิตฺเตน ปริคฺคเหตฺวา, ปฏิจฺจาติปิ วุตฺตํ โหติ. กตํ โว ตํ มยาติ ตํ มยา อิมํ อสงฺขตฺจ อสงฺขตมคฺคฺจ เทเสนฺเตน ตุมฺหากํ กตํ. เอตฺตกเมว หิ อนุกมฺปกสฺส สตฺถุ กิจฺจํ, ยทิทํ อวิปรีตธมฺมเทสนา. อิโต ปรํ ปน ปฏิปตฺติ นาม สาวกานํ กิจฺจํ. เตนาห เอตานิ, ภิกฺขเว, รุกฺขมูลานิ…เป… อมฺหากํ อนุสาสนีติ อิมินา รุกฺขมูลเสนาสนํ ทสฺเสติ. สฺุาคารานีติ อิมินา ชนวิวิตฺตํ านํ. อุภเยน จ โยคานุรูปํ เสนาสนํ อาจิกฺขติ, ทายชฺชํ นิยฺยาเตติ.
ฌายถาติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน อฏฺตึสารมฺมณานิ, ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ อนิจฺจาทิโต ขนฺธายตนาทีนิ อุปนิชฺฌายถ, สมถฺจ วิปสฺสนฺจ วฑฺเฒถาติ วุตฺตํ โหติ. มา ปมาทตฺถาติ มา ปมชฺชิตฺถ. มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถาติ เย หิ ปุพฺเพ ทหรกาเล อโรคกาเล สตฺตสปฺปายาทิสมฺปตฺติกาเล สตฺถุ สมฺมุขีภาวกาเล จ โยนิโสมนสิการรหิตา รตฺตินฺทิวํ มงฺกุลภตฺตํ หุตฺวา เสยฺยสุขํ มิทฺธสุขํ อนุโภนฺตา ปมชฺชนฺติ, เต ปจฺฉา ชรากาเล โรคกาเล มรณกาเล วิปตฺติกาเล สตฺถุ ปรินิพฺพุตกาเล จ ตํ ปุพฺเพ ปมาทวิหารํ อนุสฺสรนฺตา สปฺปฏิสนฺธิกาลกิริยฺจ ภาริยํ สมฺปสฺสมานา วิปฺปฏิสาริโน โหนฺติ. ตุมฺเห ปน ตาทิสา มา อหุวตฺถาติ ทสฺเสนฺโต อาห ¶ ‘‘มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถา’’ติ.
อยํ ¶ โว อมฺหากํ อนุสาสนีติ อยํ อมฺหากํ สนฺติกา ‘‘ฌายถ มา ปมาทตฺถา’’ติ ตุมฺหากํ อนุสาสนี, โอวาโทติ วุตฺตํ โหติ.
๒. ทุติยวคฺโค
๑-๓๓. อสงฺขตสุตฺตาทิวณฺณนา
๓๗๗-๔๐๙. กาเย ¶ กายานุปสฺสีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต วกฺขาม.
อนตนฺติอาทีสุ ตณฺหานติยา อภาเวน อนตํ. จตุนฺนํ อาสวานํ อภาเวน อนาสวํ. ปรมตฺถสจฺจตาย สจฺจํ. วฏฺฏสฺส ปรภาคฏฺเน ปารํ. สณฺหฏฺเน นิปุณํ. สุฏฺุ ทุทฺทสตาย สุทุทฺทสํ. ชราย อชริตตฺตา อชชฺชรํ. ถิรฏฺเน ธุวํ. อปลุชฺชนตาย อปโลกิตํ. จกฺขุวิฺาเณน อปสฺสิตพฺพตฺตา อนิทสฺสนํ. ตณฺหามานทิฏฺิปปฺจานํ อภาเวน นิปฺปปฺจํ.
สนฺตภาวฏฺเน สนฺตํ. มรณาภาเวน อมตํ. อุตฺตมฏฺเน ปณีตํ. สสฺสิริกฏฺเน สิวํ. นิรุปทฺทวตาย เขมํ. ตณฺหากฺขยสฺส ปจฺจยตฺตา ตณฺหกฺขยํ.
วิมฺหาปนียฏฺเน อจฺฉรํ ปหริตพฺพยุตฺตกนฺติ อจฺฉริยํ. อภูตเมว ภูตํ อชาตํ หุตฺวา อตฺถีติ วา อพฺภุตํ. นิทฺทุกฺขตฺตา อนีติกํ. นิทฺทุกฺขสภาวตฺตา อนีติกธมฺมํ. วานาภาเวน นิพฺพานํ. พฺยาพชฺฌาภาเวเนว อพฺยาพชฺฌํ. วิราคาธิคมสฺส ปจฺจยโต วิราคํ. ปรมตฺถสุทฺธิตาย สุทฺธิ. ตีหิ ภเวหิ มุตฺตตาย มุตฺติ. กามาลยานํ อภาเวน อนาลยํ. ปติฏฺฏฺเน ทีปํ. อลฺลียิตพฺพยุตฺตฏฺเน เลณํ. ตายนฏฺเน ตาณํ. ภยสรณฏฺเน สรณํ, ภยนาสนนฺติ อตฺโถ. ปรํ อยนํ คติ ปติฏฺาติ ปรายณํ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมวาติ.
อสงฺขตสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อพฺยากตสํยุตฺตํ
๑. เขมาสุตฺตวณฺณนา
๔๑๐. อพฺยากตสํยุตฺตสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม เขมาติ คิหิกาเล พิมฺพิสารสฺส อุปาสิกา สทฺธาปพฺพชิตา มหาเถรี ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวิกานํ ภิกฺขุนีนํ มหาปฺานํ ยทิทํ เขมา’’ติ เอวํ ภควตา มหาปฺตาย เอตทคฺเค ปิตา. ปณฺฑิตาติ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคตา. วิยตฺตาติ เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคตา. เมธาวินีติ เมธาย ปฺาย สมนฺนาคตา. พหุสฺสุตาติ ปริยตฺติพาหุสจฺเจนปิ ปฏิเวธพาหุสจฺเจนปิ สมนฺนาคตา.
คณโกติ อจฺฉิทฺทกคณนาย กุสโล. มุทฺทิโกติ องฺคุลิมุทฺทาย คณนาย กุสโล. สงฺขายโกติ ปิณฺฑคณนาย กุสโล. คมฺภีโรติ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร. อปฺปเมยฺโยติ อาฬฺหกคณนาย อปฺปเมยฺโย. ทุปฺปริโยคาโหติ อาฬฺหกคณนาย ปมาณคหณตฺถํ ทุโรคาโห. เยน รูเปน ตถาคตนฺติ เยน รูเปน ทีโฆ รสฺโส สาโม โอทาโตติ สตฺตสงฺขาตํ ตถาคตํ ปฺเปยฺย. ตํ รูปํ ตถาคตสฺส ปหีนนฺติ ตํ วุตฺตปฺปการรูปํ สมุทยปฺปหาเนน สพฺพฺุตถาคตสฺส ปหีนํ. รูปสงฺขาย วิมุตฺโตติ อายตึ รูปสฺส อนุปฺปตฺติยา รูปารูปโกฏฺาเสนปิ เอวรูโป นาม ภวิสฺสตีติ โวหารสฺสปิ ปฏิปสฺสทฺธตฺตา รูปปณฺณตฺติยาปิ วิมุตฺโต. คมฺภีโรติ อชฺฌาสย คมฺภีรตาย จ คุณคมฺภีรตาย จ คมฺภีโร. ตสฺส เอวํ คุณคมฺภีรสฺส สโต สพฺพฺุตถาคตสฺส ยํ อุปาทาย สตฺตสงฺขาโต ตถาคโตติ ปฺตฺติ โหติ, ตทภาเวน ตสฺสา ปฺตฺติยา อภาวํ ปสฺสนฺตสฺส อยํ สตฺตสงฺขาโต โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ อิทํ วจนํ น อุเปติ น ยุชฺชติ, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติอาทิวจนมฺปิ น อุเปติ น ยุชฺชตีติ อตฺโถ.
สํสนฺทิสฺสตีติ ¶ เอกํ ภวิสฺสติ. สเมสฺสตีติ นิรนฺตรํ ภวิสฺสติ. น วิโรธยิสฺสตีติ ¶ น วิรุทฺธํ ปทํ ภวิสฺสติ. อคฺคปทสฺมินฺติ เทสนาย. เทสนา หิ อิธ อคฺคปทนฺติ อธิปฺเปตา.
๒. อนุราธสุตฺตวณฺณนา
๔๑๑. ทุติยํ ¶ ขนฺธิยวคฺเค วิตฺถาริตเมว, อพฺยากตาธิการโต ปน อิธ วุตฺตํ.
๓-๘. ปมสาริปุตฺตโกฏฺิกสุตฺตาทิวณฺณนา
๔๑๒-๔๑๗. ตติเย รูปคตเมตนฺติ รูปมตฺตเมตํ. เอตฺถ รูปโต อฺโ โกจิ สตฺโต นาม น อุปลพฺภติ, รูเป ปน สติ นามมตฺตํ เอตํ โหตีติ ทสฺเสติ. เวทนาคตเมตนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อยํ โข อาวุโส เหตูติ อยํ รูปาทีนิ มฺุจิตฺวา อนุปลพฺภิยสภาโว เหตุ, เยเนตํ อพฺยากตํ ภควตาติ. จตุตฺถาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.
๙. กุตูหลสาลาสุตฺตวณฺณนา
๔๑๘. นวเม กุตูหลสาลายนฺติ กุตูหลสาลา นาม ปจฺเจกสาลา นตฺถิ, ยตฺถ ปน นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณา นานาวิธํ กถํ ปวตฺเตนฺติ, สา พหูนํ ‘‘อยํ กึ วทติ, อยํ กึ วทตี’’ติ กุตูหลุปฺปวตฺติฏฺานโต กุตูหลสาลาติ วุจฺจติ. ทูรมฺปิ คจฺฉตีติ ยาว อาภสฺสรพฺรหฺมโลกา คจฺฉติ. อิมฺจ กายํ นิกฺขิปตีติ จุติจิตฺเตน นิกฺขิปติ. อนุปปนฺโน โหตีติ จุติกฺขเณเยว ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อนุปฺปนฺนตฺตา อนุปปนฺโน โหติ.
๑๐. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา
๔๑๙. ทสเม ¶ เตสเมตํ สทฺธึ อภวิสฺสาติ เตสํ ลทฺธิยา สทฺธึ เอตํ อภวิสฺส. อนุโลมํ อภวิสฺส าณสฺส อุปฺปาทาย สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ ยํ เอตํ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนาาณํ อุปฺปชฺชติ, อปิ นุ เม ตสฺส อนุโลมํ อภวิสฺสาติ อตฺโถ.
๑๑. สภิยกจฺจานสุตฺตวณฺณนา
๔๒๐. เอกาทสเม ¶ ¶ เอตเมตฺตเกน เอตฺตกเมวาติ อาวุโส ยสฺสาปิ เอตํ เอตฺตเกน กาเลน ‘‘เหตุมฺหิ สติ รูปีติอาทิ ปฺาปนา โหติ, อสติ น โหตี’’ติ พฺยากรณํ ภเวยฺย, ตสฺส เอตฺตกเมว พหุ. โก ปน วาโท อติกฺกนฺเตติ อติกฺกนฺเต ปน อติมนาเป ธมฺมเทสนานเย วาโทเยว โก, นตฺถิ วาโท, ฉินฺนา กถาติ.
อพฺยากตสํยุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตนิกาย-อฏฺกถาย
สฬายตนวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.