📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
องฺคุตฺตรนิกาเย
เอกกนิปาต-อฏฺกถา
คนฺถารมฺภกถา
‘‘กรุณาสีตลหทยํ ¶ ¶ ¶ , ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ;
สนรามรโลกครุํ, วนฺเท สุคตํ คติวิมุตฺตํ.
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธภาวํ, ภาเวตฺวา เจว สจฺฉิกตฺวา จ;
ยํ อุปคโต คตมลํ, วนฺเท ตมนุตฺตรํ ธมฺมํ.
‘‘สุคตสฺส โอรสานํ, ปุตฺตานํ มารเสนมถนานํ;
อฏฺนฺนมฺปิ สมูหํ, สิรสา วนฺเท อริยสงฺฆํ.
‘‘อิติ ¶ เม ปสนฺนมติโน, รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปฺุํ;
ยํ สุวิหตนฺตราโย, หุตฺวา ตสฺสานุภาเวน.
‘‘เอกกทุกาทิปฏิมณฺฑิตสฺส องฺคุตฺตราคมวรสฺส;
ธมฺมกถิกปุงฺควานํ, วิจิตฺตปฏิภานชนนสฺส.
‘‘อตฺถปฺปกาสนตฺถํ, อฏฺกถา อาทิโต วสิสเตหิ;
ปฺจหิ ยา สงฺคีตา, อนุสงฺคีตา จ ปจฺฉาปิ.
‘‘สีหฬทีปํ ปน อาภตาถ วสินา มหามหินฺเทน;
ปิตา สีหฬภาสาย, ทีปวาสีนมตฺถาย.
‘‘อปเนตฺวาน ¶ ¶ ตโตหํ, สีหฬภาสํ มโนรมํ ภาสํ;
ตนฺตินยานุจฺฉวิกํ, อาโรเปนฺโต วิคตโทสํ.
‘‘สมยํ อวิโลเมนฺโต, เถรานํ เถรวํสทีปานํ;
สุนิปุณวินิจฺฉยานํ, มหาวิหาเร นิวาสีนํ.
‘‘หิตฺวา ปุนปฺปุนาคตมตฺถํ, อตฺถํ ปกาสยิสฺสามิ;
สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ, จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺส.
‘‘สาวตฺถิปภูตีนํ, นครานํ วณฺณนา กตา เหฏฺา;
ทีฆสฺส มชฺฌิมสฺส จ, ยา เม อตฺถํ วทนฺเตน.
‘‘วิตฺถารวเสน สุทํ, วตฺถูนิ จ ตตฺถ ยานิ วุตฺตานิ;
เตสมฺปิ น อิธ ภิยฺโย, วิตฺถารกถํ กริสฺสามิ.
‘‘สุตฺตานํ ¶ ปน อตฺถา, น วินา วตฺถูหิ เย ปกาสนฺติ;
เตสํ ปกาสนตฺถํ, วตฺถูนิปิ ทสฺสยิสฺสามิ.
‘‘สีลกถา ธุตธมฺมา, กมฺมฏฺานานิ เจว สพฺพานิ;
จริยาวิธานสหิโต, ฌานสมาปตฺติวิตฺถาโร.
‘‘สพฺพา จ อภิฺาโย, ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย เจว;
ขนฺธาธาตายตนินฺทฺริยานิ, อริยานิ เจว จตฺตาริ.
‘‘สจฺจานิ ปจฺจยาการเทสนา สุปริสุทฺธนิปุณนยา;
อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา, วิปสฺสนาภาวนา เจว.
‘‘อิติ ปน สพฺพํ ยสฺมา, วิสุทฺธิมคฺเค มยา สุปริสุทฺธํ;
วุตฺตํ ตสฺมา ภิยฺโย, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามิ.
‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค, เอส จตุนฺนมฺปิ อาคมานฺหิ;
ตฺวา ปกาสยิสฺสติ, ตตฺถ ยถาภาสิตมตฺถํ.
‘‘อิจฺเจว ¶ กโต ตสฺมา, ตมฺปิ คเหตฺวาน สทฺธิเมตาย;
อฏฺกถาย วิชานถ, องฺคุตฺตรนิสฺสิตํ อตฺถ’’นฺติ.
สํเขปกถา
๑. รูปาทิวคฺควณฺณนา
ตตฺถ ¶ ¶ องฺคุตฺตราคโม นาม เอกกนิปาโต ทุกนิปาโต ติกนิปาโต จตุกฺกนิปาโต ปฺจกนิปาโต ฉกฺกนิปาโต สตฺตกนิปาโต อฏฺกนิปาโต นวกนิปาโต ทสกนิปาโต เอกาทสกนิปาโตติ เอกาทส นิปาตา โหนฺติ. สุตฺตโต –
‘‘นว สุตฺตสหสฺสานิ, ปฺจ สุตฺตสตานิ จ;
สตฺตปฺาส สุตฺตานิ, โหนฺติ องฺคุตฺตราคเม’’.
ตสฺส นิปาเตสุ เอกกนิปาโต อาทิ, สุตฺเตสุ จิตฺตปริยาทานสุตฺตํ. ตสฺสาปิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาทิ. สา ปเนสา ปมมหาสงฺคีติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย อาทิมฺหิ วิตฺถาริตา, ตสฺมา สา ตตฺถ วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา.
นิทานวณฺณนา
๑. ยํ ¶ ปเนตํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ นิทานํ, ตตฺถ เอวนฺติ นิปาตปทํ, เมติอาทีนิ นามปทานิ. สาวตฺถิยํ วิหรตีติ เอตฺถ วีติ อุปสคฺคปทํ, หรตีติ อาขฺยาตปทนฺติ อิมินา ตาว นเยน ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ.
อตฺถโต ปน เอวํสทฺโท ตาว อุปมูปเทส-สมฺปหํสน-ครหณวจน-สมฺปฏิคฺคหาการนิทสฺสนาวธารณาทิ-อเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๕๓) อุปมายํ อาคโต. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติอาทีสุ ¶ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยาโข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร. ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม ¶ วจเนน สมณํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภวนฺตํ อานนฺทํ ¶ อปฺปาพาธํ…เป… ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ, เอวฺจ วเทหิ ‘‘สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วาติ? อกุสลา, ภนฺเต. สาวชฺชา วา อนวชฺชา วาติ? สาวชฺชา, ภนฺเต. วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วาติ? วิฺุครหิตา, ภนฺเต. สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. สฺวายมิธ อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ อาการตฺเถน เอวํสทฺเทน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณํ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.
นิทสฺสนตฺเถน ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ นิทสฺเสติ.
อวธารณตฺเถน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, สติมนฺตานํ, คติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๓) เอวํ ภควตา ¶ , ‘‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล ธมฺมกุสโล พฺยฺชนกุสโล นิรุตฺติกุสโล ปุพฺพาปรกุสโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๙) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกามตํ ชเนติ ‘‘เอวํ ¶ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว, น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ.
เมสทฺโท ¶ ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๙๔) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุต’’นฺติ จ, ‘‘มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.
สุตนฺติ อยํ สุตสทฺโท สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จ คมน-วิสฺสุต-กิลินฺนอุปจิตานุโยค-โสตวิฺเยฺย-โสตทฺวารานุสารวิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา หิสฺส – ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติอาทีสุ คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๑๑) วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) กิลินฺนากิลินฺนสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗-๑๒) อุปจิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘เย ¶ ฌานปฺปสุตา ธีรา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วาติ อตฺโถ. เม-สทฺทสฺส หิ มยาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มยา สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ ยุชฺชติ. มมาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มม สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธารณ’’นฺติ ยุชฺชติ.
เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคิปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ตถา เอวนฺติ ตสฺสา โสตทฺวารานุสาเรน ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตภาวปฺปกาสนํ. เมติ อตฺตปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป – ‘‘นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน กตํ, อยํ ธมฺโม สุโต’’ติ.
ตถา ¶ เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสนํ. เมติ ปุคฺคลปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิสฺสามิ, ตํ มยา เอวํ สุตนฺติ.
ตถา ¶ เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส. เอวนฺติ หิ อยํ อาการปฺตฺติ. เมติ กตฺตุนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส. เอตฺตาวตา นานาการปฺปวตฺเตน จิตฺตสนฺตาเนน ¶ ตํสมงฺคิโน กตฺตุ วิสเย คหณสนฺนิฏฺานํ กตํ โหติ.
อถ วา เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – มยา สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน วิฺาณวเสน ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน สุตนฺติ.
ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. กิฺเหตฺถ ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ, ยํ เอวนฺติ วา เมติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ. สุตนฺติ วิชฺชมานปฺตฺติ. ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธํ, ตํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานนฺติ. ตถา เอวนฺติ จ เมติ จ ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโต อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ.
เอตฺถ จ เอวนฺติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ. น หิ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหติ. สุตนฺติ วจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปติ. ยสฺส หิ สุตํ สมฺมุฏฺํ โหติ, น โส กาลนฺตเรน มยา สุตนฺติ ปฏิชานาติ. อิจฺจสฺส อสมฺโมเหน ปฺาสิทฺธิ, อสมฺโมเสน ปน สติสิทฺธิ. ตตฺถ ปฺาปุพฺพงฺคมาย สติยา พฺยฺชนาวธารณสมตฺถตา, สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อตฺถปฏิเวธสมตฺถตา. ตทุภยสมตฺถตาโยเคน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส ธมฺมโกสสฺส อนุปาลนสมตฺถโต ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺตสิทฺธิ.
อปโร นโย – เอวนฺติ วจเนน โยนิโส มนสิการํ ทีเปติ, อโยนิโส มนสิกโรโต หิ นานปฺปการปฏิเวธาภาวโต. สุตนฺติ วจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ, วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ ¶ , ปุน ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโส มนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ จ กตปฺุตํ ¶ สาเธติ สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา ตทภาวโต. ตถา อวิกฺเขเปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ ¶ สาเธติ. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต โสตุํ สกฺโกติ, น จ สปฺปุริเส อนุปสฺสยมานสฺส สวนํ อตฺถีติ.
อปโร นโย – ยสฺมา ‘‘เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. โส จ เอวํ ภทฺทโก อากาโร น สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา โหติ, ตสฺมา เอวนฺติ อิมินา ภทฺทเกนากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ. สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. น หิ อปฺปติรูปเทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส วา สวนํ อตฺถิ. อิจฺจสฺส ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหติ, ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา ปโยคสุทฺธิ. ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิ, ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺติสิทฺธิ. อิติ ปโยคาสยสุทฺธสฺส อาคมาธิคมสมฺปนฺนสฺส วจนํ อรุณุคฺคํ วิย สูริยสฺส อุทยโต, โยนิโส มนสิกาโร วิย จ กุสลกมฺมสฺส, อรหติ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุนฺติ าเน นิทานํ เปนฺโต เอวํ เม สุตนฺติอาทิมาห.
อปโร นโย – เอวนฺติ อิมินา นานปฺปการปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา โสตพฺพเภทปฏิเวธทีปเกน วจเนน ¶ ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ. เอวนฺติ จ อิทํ โยนิโส มนสิการทีปกวจนํ ภาสมาโน ‘‘เอเต มยา ธมฺมา มนสา อนุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ ทีเปติ. สุตนฺติ อิทํ สวนโยคทีปกวจนํ ภาสมาโน ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ ทีเปติ. ตทุภเยนปิ อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ. อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณํ หิ ธมฺมํ อาทเรน อสฺสุณนฺโต มหตา หิตา ปริพาหิโร โหตีติ อาทรํ ชเนตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺโม โสตพฺโพติ.
เอวํ เม สุตนฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา ¶ , ตสฺเสว ปน ภควโต วจน’’นฺติ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ ¶ , สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.
อปิจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมวจนํ วิวรนฺโต ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ, น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กตฺตพฺพา’’ติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘วินาสยติ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;
เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.
เอกนฺติ ¶ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –
‘‘สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ’’.
ตถา หิสฺส ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๓๒) สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต ภทฺทาลิ อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ ‘ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุ สาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ, อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก ¶ สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ.
‘‘ทิฏฺเ ¶ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘) ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ¶ ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๒.๘) ปฏิเวโธ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. เตน สํวจฺฉร-อุตุ-มาส-อฑฺฒมาส-รตฺติ-ทิว-ปุพฺพณฺห-มชฺฌนฺหิก-สายนฺห-ปม-มชฺฌิม- ปจฺฉิมยาม-มุหุตฺตาทีสุ กาลปฺปเภทภูเตสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.
ตตฺถ กิฺจาปิ เอเตสุ สํวจฺฉราทีสุ ยํ ยํ สุตฺตํ ยมฺหิ ยมฺหิ สํวจฺฉเร อุตุมฺหิ มาเส ปกฺเข รตฺติภาเค ทิวสภาเค วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เถรสฺส สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตํ ปฺาย. ยสฺมา ปน ‘‘เอวํ เม สุตํ อสุกสํวจฺฉเร อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกปกฺเข อสุกรตฺติภาเค อสุกทิวสภาเค วา’’ติ เอวํ วุตฺเต น สกฺกา สุเขน ธาเรตุํ วา อุทฺทิสิตุํ วา อุทฺทิสาเปตุํ วา, พหุ จ วตฺตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอเกเนว ปเทน ตมตฺถํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย ชาติสมโย สํเวคสมโย อภินิกฺขมนสมโย ทุกฺกรการิกสมโย มารวิชยสมโย อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทสนาสมโย ปรินิพฺพานสมโยติ เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย สุปฺปกาสา อเนกกาลปฺปเภทา เอว สมยา, เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ. โย จายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ กรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิต-ปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิต-ปฏิปตฺติสมโย, สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมิกถาสมโย, เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ เทสนาสมโย, เตสุปิ สมเยสุ อฺตรํ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
กสฺมา ¶ ปเนตฺถ ยถา อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’’นฺติ จ, อิโต อฺเสุ จ สุตฺตปเทสุ ¶ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ จ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต, วินเย จ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ¶ ภควา’’ติ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต, ตถา อกตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อุปโยควจเนน นิทฺเทโส กโตติ. ตตฺถ ตถา, อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ จ อธิกรณตฺโถ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณํ หิ กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขียติ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต.
วินเย จ เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต.
อิธ ปน อฺสฺมิฺจ เอวํชาติเก อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา อิมํ อฺํ วา สุตฺตนฺตํ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.
โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติ วา ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วา อภิลาปมตฺตเภโท เอส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมวตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘เอกํ ¶ สมย’’นฺติ วุตฺเตปิ ‘‘เอกสฺมึ สมเย’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ภควาติ ครุ. ครฺุหิ โลเก ‘‘ภควา’’ติ วทนฺติ. อยฺจ สพฺพคุณวิสิฏฺตาย สพฺพสตฺตานํ ครุ, ตสฺมา ‘‘ภควา’’ติ เวทิตพฺโพ. โปราเณหิปิ วุตฺตํ –
‘‘ภควาติ ¶ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
อปิจ ¶ –
‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ. –
อิมิสฺสาปิ คาถาย วเสนสฺส ปทสฺส วิตฺถารโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โส จ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒, ๑๔๔) พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺโตเยว.
เอตฺตาวตา เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต ภควโต ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรติ. เตน ‘‘น อิทํ อติกฺกนฺตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ สตฺถุ อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตํ ชนํ สมสฺสาเสติ. เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ สาเธติ. เตน ‘‘เอวํวิธสฺส นาม อริยธมฺมสฺส เทสโก ทสพลธโร วชิรสงฺฆาตสมานกาโย โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, เกน อฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ. เอวนฺติ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ. เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ. เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ. ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ.
สาวตฺถิยนฺติ ¶ เอวํนามเก นคเร. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคิปริทีปนเมตํ. อิธ ปน านคมนนิสชฺชาสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ, เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติจฺเจว เวทิตพฺโพ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา ‘‘วิหรตี’’ติ วุจฺจติ.
เชตวเนติ เชตสฺส ราชกุมารสฺส วเน. ตฺหิ เตน โรปิตํ สํวฑฺฒิตํ ปริปาลิตํ, โส จสฺส ¶ สามี อโหสิ, ตสฺมา เชตวนนฺติ สงฺขํ คตํ, ตสฺมึ เชตวเน. อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาติตตฺตา อนาถปิณฺฑิกสฺสาติ สงฺขํ คเต อาราเม ¶ . อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมฏฺกถาย สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔ อาทโย) วุตฺโต.
ตตฺถ สิยา – ยทิ ตาว ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, ‘‘เชตวเน’’ติ น วตฺตพฺพํ. อถ ตตฺถ วิหรติ, ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ น วตฺตพฺพํ. น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เอกํ สมยํ วิหริตุนฺติ. น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. นนุ อโวจุมฺห ‘‘สมีปตฺเถ ภุมฺมวจน’’นฺติ. ตสฺมา ยถา คงฺคายมุนาทีนํ สมีเป โคยูถานิ จรนฺตานิ ‘‘คงฺคาย จรนฺติ, ยมุนาย จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวมิธาปิ ยทิทํ สาวตฺถิยา สมีเป เชตวนํ, ตตฺถ วิหรนฺโต วุจฺจติ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน’’ติ. โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ หิสฺส สาวตฺถิวจนํ, ปพฺพชิตานุรูปนิวาสนฏฺานนิทสฺสนตฺถํ เสสวจนํ.
ตตฺถ ¶ สาวตฺถิวจเนน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต คหฏฺานุคฺคหกรณํ ทสฺเสติ, เชตวนาทิกิตฺตเนน ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ. ตถา ปุริเมน ปจฺจยคฺคหณโต อตฺตกิลมถานุโยควิวชฺชนํ, ปจฺฉิเมน วตฺถุกามปฺปหานโต กามสุขลฺลิกานุโยควิวชฺชนูปายทสฺสนํ. ปุริเมน จ ธมฺมเทสนาภิโยคํ, ปจฺฉิเมน วิเวกาธิมุตฺตึ. ปุริเมน กรุณาย อุปคมนํ, ปจฺฉิเมน ปฺาย อปคมนํ. ปุริเมน สตฺตานํ หิตสุขนิปฺผาทนาธิมุตฺติตํ, ปจฺฉิเมน ปรหิตสุขกรเณ นิรุปเลปตํ. ปุริเมน ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคนิมิตฺตผาสุวิหารํ, ปจฺฉิเมน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานุโยคนิมิตฺตํ. ปุริเมน มนุสฺสานํ อุปการพหุลตํ, ปจฺฉิเมน เทวตานํ. ปุริเมน โลเก ชาตสฺส โลเก สํวฑฺฒภาวํ, ปจฺฉิเมน โลเกน อนุปลิตฺตตํ. ปุริเมน ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ. กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐) วจนโต ยทตฺถํ ภควา อุปฺปนฺโน, ตทตฺถปรินิปฺผาทนํ, ปจฺฉิเมน ยตฺถ อุปฺปนฺโน, ตทนุรูปวิหารํ. ภควา หิ ปมํ ลุมฺพินิวเน, ทุติยํ โพธิมณฺเฑติ โลกิยโลกุตฺตราย อุปฺปตฺติยา วเนเยว อุปฺปนฺโน. เตนสฺส วเนเยว วิหารํ ทสฺเสตีติ เอวมาทินา นเยเนตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
ตตฺราติ ¶ เทสกาลปริทีปนํ. ตฺหิ ยํ สมยํ วิหรติ, ตตฺร สมเย. ยสฺมิฺจ อาราเม วิหรติ, ตตฺร อาราเมติ ทีเปติ. ภาสิตพฺพยุตฺเต ¶ วา เทสกาเล ทีเปติ. น หิ ภควา อยุตฺเต เทเส วา กาเล วา ธมฺมํ ภาสติ. ‘‘อกาโล โข ตาว, พาหิยา’’ติอาทิ (อุทา. ๑๐) เจตฺถ สาธกํ. โขติ ¶ ปทปูรณมตฺเต อวธารเณ อาทิกาลตฺเถ วา นิปาโต. ภควาติ โลกครุทีปนํ. ภิกฺขูติ กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนํ. อปิ เจตฺถ ‘‘ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ, ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๕; วิภ. ๕๑๑) นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ. อามนฺเตสีติ อาลปิ อภาสิ สมฺโพเธสีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อฺตฺร ปน าปเนปิ โหติ. ยถาห – ‘‘อามนฺตยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว’’ติ. ปกฺโกสเนปิ. ยถาห – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามนฺเตหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑; สํ. นิ. ๒.๓๒).
ภิกฺขโวติ อามนฺตนาการปริทีปนํ. ตฺจ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺธตฺตา วุตฺตํ. ภิกฺขนสีลตาคุณยุตฺโตปิ หิ ภิกฺขุ, ภิกฺขนธมฺมตาคุณยุตฺโตปิ ภิกฺขุ, ภิกฺขเน สาธุการิตาคุณยุตฺโตปีติ สทฺทวิทู มฺนฺติ. เตน จ เนสํ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺเธน วจเนน หีนาธิกชนเสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ กโรติ. ภิกฺขโวติ อิมินา กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน มุขาภิมุเข กโรติ. เตเนว จ กเถตุกมฺยตาทีปเกน วจเนน เตสํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ. เตเนว จ สมฺโพธนตฺเถน สาธุกํ สวนมนสิกาเรปิ เต นิโยเชติ. สาธุกํ สวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติ.
อปเรสุปิ เทวมนุสฺเสสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขูเยว ¶ อามนฺเตสีติ เจ? เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต. สพฺพปริสสาธารณา หิ ภควโต ธมฺมเทสนา. ปริสาย จ เชฏฺา ภิกฺขู ปมุปฺปนฺนตฺตา, เสฏฺา อนคาริยภาวํ อาทึ กตฺวา สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา จ. อาสนฺนา เต ตตฺถ นิสินฺเนสุ สตฺถุสนฺติกตฺตา. สทาสนฺนิหิตา สตฺถุสนฺติกาวจรตฺตาติ. อปิจ เต ธมฺมเทสนาย ภาชนํ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติสพฺภาวโตติปิ เต เอว อามนฺเตสิ.
กิมตฺถํ ¶ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต ปมํ ภิกฺขู อามนฺเตสิ, น ธมฺมเมว เทเสสีติ? สติชนนตฺถํ. ภิกฺขู หิ อฺํ จินฺเตนฺตาปิ วิกฺขิตฺตจิตฺตาปิ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาปิ กมฺมฏฺานํ ¶ มนสิกโรนฺตาปิ นิสินฺนา โหนฺติ, เต อนามนฺเตตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน ‘‘อยํ เทสนา กึนิทานา กึปจฺจยา กตมาย อฏฺุปฺปตฺติยา เทสิตา’’ติ สลฺลกฺเขตุํ อสกฺโกนฺตา ทุคฺคหิตํ วา คณฺเหยฺยุํ, น วา คณฺเหยฺยุํ. เตน เนสํ สติชนนตฺถํ ภควา ปมํ อามนฺเตตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ เทเสติ.
ภทนฺเตติ คารววจนเมตํ, สตฺถุ ปฏิวจนทานํ วา. อปิ เจตฺถ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วทมาโน ภควา เต ภิกฺขู อาลปติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ วทมานา เต ภควนฺตํ ปจฺจาลปนฺติ. ตถา ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ภควา อาทิมฺหิ ภาสติ, ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ปจฺจาภาสนฺติ. ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ปฏิวจนํ ทาเปติ, ‘‘ภทนฺเต’’ติ ปฏิวจนํ เทนฺติ. เต ภิกฺขูติ เย ภควา อามนฺเตสิ, เต. ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ ภควโต อามนฺตนํ ปฏิอสฺโสสุํ, อภิมุขา หุตฺวา สุณึสุ สมฺปฏิจฺฉึสุ ปฏิคฺคเหสุนฺติ อตฺโถ. ภควา ¶ เอตทโวจาติ ภควา เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ อโวจ. เอตฺตาวตา จ ยํ อายสฺมตา อานนฺเทน อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหณตฺถํ กาลเทสเทสกปริสาปเทสปฏิมณฺฑิตํ นิทานํ ภาสิตํ, ตสฺส อตฺถวณฺณนา สมตฺตาติ.
รูปาทิวณฺณนา
อิทานิ นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกรูปมฺปิ สมนุปสฺสามีติอาทินา นเยน ภควตา นิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส วณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต, สา ปเนสา สุตฺตวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวาว วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิกฺเขปวิจารณา ตาว เวทิตพฺพา. จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย ปุจฺฉาวสิโก อฏฺุปฺปตฺติโกติ. ตตฺถ ยานิ สุตฺตานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถสิ, เสยฺยถิทํ – อากงฺเขยฺยสุตฺตํ วตฺถสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ, เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป. ยานิ ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตริ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑; ม. นิ. ๓.๔๑๖) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺตึ มนํ อภินีหารํ พุชฺฌนภาวฺจ โอโลเกตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – ราหุโลวาทสุตฺตํ ¶ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนนฺติ เอวมาทีนิ, เตสํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป. ภควนฺตํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา เต เต เทวมนุสฺสา ตถา ตถา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุฏฺเน ภควตา ยานิ กถิตานิ เทวตาสํยุตฺตโพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ, เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป. ยานิ ¶ ปน อุปฺปนฺนํ การณํ ปฏิจฺจ กถิตานิ ธมฺมทายาทสุตฺตปุตฺตมํสูปมาทีนิ, เตสํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป. เอวมิเมสุ จตูสุ นิกฺเขเปสุ อิมสฺส สุตฺตสฺส ปรชฺฌาสโย ¶ นิกฺเขโป. ปรชฺฌาสยวเสน เหตํ นิกฺขิตฺตํ. เกสํ อชฺฌาสเยนาติ? รูปครุกานํ ปุริสานํ.
ตตฺถ นาหํ, ภิกฺขเวติอาทีสุ นกาโร ปฏิเสธตฺโถ. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ภิกฺขเวติ ภิกฺขู อาลปติ. อฺนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพา อิตฺถิรูปโต อฺํ. เอกรูปมฺปีติ เอกมฺปิ รูปํ. สมนุปสฺสามีติ ทฺเว สมนุปสฺสนา าณสมนุปสฺสนา จ ทิฏฺิสมนุปสฺสนา จ. ตตฺถ ‘‘อนิจฺจโต สมนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๕) อยํ าณสมนุปสฺสนา นาม. ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิกา (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐) ปน ทิฏฺิสมนุปสฺสนา นาม. ตาสุ อิธ าณสมนุปสฺสนา อธิปฺเปตา. อิมสฺส ปน ปทสฺส นกาเรน สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อิทํ หิ วุตฺตํ โหติ – อหํ, ภิกฺขเว, สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโตปิ อฺํ เอกรูปมฺปิ น สมนุปสฺสามีติ. ยํ เอวํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตีติ ยํ รูปํ รูปครุกสฺส ปุริสสฺส จตุภูมกกุสลจิตฺตํ ปริยาทิยิตฺวา คณฺหิตฺวา เขเปตฺวา ติฏฺติ. ‘‘สพฺพํ หตฺถิกายํ ปริยาทิยิตฺวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๖) หิ คหณํ ปริยาทานํ นาม. ‘‘อนิจฺจสฺา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา สพฺพํ กามราคํ ปริยาทิยตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๐๒) เขปนํ. อิธ อุภยมฺปิ วฏฺฏติ. ตตฺถ อิทํ รูปํ จตุภูมกกุสลจิตฺตํ คณฺหนฺตํ น นีลุปฺปลกลาปํ ปุริโส วิย หตฺเถน คณฺหาติ, นาปิ เขปยมานํ อคฺคิ วิย อุทฺธเน อุทกํ สนฺตาเปตฺวา เขเปติ. อุปฺปตฺติฺจสฺส นิวารยมานเมว จตุภูมกมฺปิ กุสลจิตฺตํ คณฺหาติ ¶ เจว เขเปติ จาติ เวทิตพฺพํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ.
ยถยิทนฺติ ยถา อิทํ. อิตฺถิรูปนฺติ อิตฺถิยา รูปํ. ตตฺถ ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, รูปํ วเทถ? รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจติ. เกน รุปฺปติ? สีเตนปิ รุปฺปติ อุณฺเหนปิ รุปฺปตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙) สุตฺตานุสาเรน รูปสฺส ¶ วจนตฺโถ เจว สามฺลกฺขณฺจ เวทิตพฺพํ. อยํ ปน รูปสทฺโท ขนฺธภวนิมิตฺตปจฺจยสรีรวณฺณสณฺานาทีสุ อเนเกสุ อตฺเถสุ วตฺตติ. อยฺหิ ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ (วิภ. ๒; มหาว. ๒๒) เอตฺถ รูปกฺขนฺเธ วตฺตติ. ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติ (ธ. ส. ๑๖๑; วิภ. ๖๒๔) เอตฺถ รูปภเว. ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา ¶ รูปานิ ปสฺสตี’’ติ (ธ. ส. ๒๐๔-๒๓๒ อาทโย) เอตฺถ กสิณนิมิตฺเต. ‘‘สรูปา, ภิกฺขเว, อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา โน อรูปา’’ติ (อ. นิ. ๒.๘๓) เอตฺถ ปจฺจเย. ‘‘อากาโส ปริวาริโต รูปนฺเตว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๖) เอตฺถ สรีเร. ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๐๐; ๓.๔๒๑) เอตฺถ วณฺเณ. ‘‘รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน’’ติ (อ. นิ. ๔.๖๕) เอตฺถ สณฺาเน. อาทิสทฺเทน ‘‘ปิยรูปํ สาตรูปํ, อรสรูโป’’ติอาทีนิปิ สงฺคณฺหิตพฺพานิ. อิธ ปเนส อิตฺถิยา จตุสมุฏฺาเน รูปายตนสงฺขาเต วณฺเณ วตฺตติ. อปิจ โย โกจิ อิตฺถิยา นิวตฺถนิวาสนสฺส วา ¶ อลงฺการสฺส วา คนฺธวณฺณกาทีนํ วา ปิฬนฺธนมาลาทีนํ วาติ กายปฺปฏิพทฺโธ จ วณฺโณ ปุริสสฺส จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณํ หุตฺวา อุปกปฺปติ, สพฺพเมตํ อิตฺถิรูปนฺเตว เวทิตพฺพํ. อิตฺถิรูปํ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตีติ อิทํ ปุริมสฺเสว ทฬฺหีกรณตฺถํ วุตฺตํ. ปุริมํ วา ‘‘ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อิตฺถิรูป’’นฺติ เอวํ โอปมฺมวเสน วุตฺตํ, อิทํ ปริยาทานานุภาวทสฺสนวเสน.
ตตฺริทํ อิตฺถิรูปสฺส ปริยาทานานุภาเว วตฺถุ – มหาทาิกนาคราชา กิร เจติยคิริมฺหิ อมฺพตฺถเล มหาถูปํ การาเปตฺวา คิริภณฺฑปูชํ นาม กตฺวา กาเลน กาลํ โอโรธคณปริวุโต เจติยคิรึ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ เทติ. พหูนํ สนฺนิปาตฏฺาเน นาม น สพฺเพสํ สติ สูปฏฺิตา โหติ, รฺโ จ ทมิฬเทวี นาม มเหสี ปมวเย ิตา ทสฺสนียา ปาสาทิกา. อเถโก จิตฺตตฺเถโร นาม วุฑฺฒปพฺพชิโต อสํวรนิยาเมน โอโลเกนฺโต ตสฺสา รูปารมฺมเณ นิมิตฺตํ คเหตฺวา อุมฺมาทปฺปตฺโต วิย ิตนิสินฺนฏฺาเนสุ ‘‘หนฺท ทมิฬเทวี, หนฺท ทมิฬเทวี’’ติ วทนฺโต ¶ วิจรติ. ตโต ปฏฺาย จสฺส ทหรสามเณรา อุมฺมตฺตกจิตฺตตฺเถโรตฺเวว นามํ กตฺวา โวหรึสุ. อถ สา เทวี นจิรสฺเสว กาลมกาสิ. ภิกฺขุสงฺเฆ สิวถิกทสฺสนํ คนฺตฺวา อาคเต ทหรสามเณรา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต จิตฺตตฺเถร, ยสฺสตฺถาย ตฺวํ วิลปสิ, มยํ ตสฺสา เทวิยา สิวถิกทสฺสนํ คนฺตฺวา อาคตา’’ติ. เอวํ วุตฺเตปิ อสฺสทฺทหนฺโต ‘‘ยสฺสา วา ตสฺสา วา ตุมฺเห สิวถิกทสฺสนตฺถาย คตา, มุขํ ตุมฺหากํ ธูมณฺณ’’นฺติ ¶ . อุมฺมตฺตกวจนเมว อโวจ. เอวํ อุมฺมตฺตกจิตฺตตฺเถรสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย อฏฺาสิ อิทํ อิตฺถิรูปํ.
อปรมฺปิ วตฺถุ – สทฺธาติสฺสมหาราชา กิร เอกทิวสํ โอโรธคณปริวุโต วิหารํ อาคโต ¶ . เอโก ทหโร โลหปาสาททฺวารโกฏฺเก ตฺวา อสํวเร ิโต เอกํ อิตฺถึ โอโลเกสิ. สาปิ คมนํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ตํ โอโลเกสิ. อุโภปิ อพฺภนฺตเร อุฏฺิเตน ราคคฺคินา ฑยฺหิตฺวา กาลมกํสุ. เอวํ อิตฺถิรูปํ ทหรสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ.
อปรมฺปิ วตฺถุ – กลฺยาณิยมหาวิหารโต กิเรโก ทหโร อุทฺเทสตฺถาย กาฬทีฆวาปิคามทฺวารวิหารํ คนฺตฺวา นิฏฺิตุทฺเทสกิจฺโจ อตฺถกามานํ วจนํ อคฺคเหตฺวา ‘‘คตฏฺาเน ทหรสามเณเรหิ ปุฏฺเน คามสฺส นิวิฏฺากาโร กเถตพฺโพ ภวิสฺสตี’’ติ คาเม ปิณฺฑาย จรนฺโต วิสภาคารมฺมเณ นิมิตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ คโต ตาย นิวตฺถวตฺถํ สฺชานิตฺวา ‘‘กหํ, ภนฺเต, อิทํ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ตสฺสา มตภาวํ ตฺวา ‘‘เอวรูปา นาม อิตฺถี มํ นิสฺสาย มตา’’ติ จินฺเตนฺโต อนฺโตอุฏฺิเตน ราคคฺคินา ฑยฺหิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. เอวมฺปิ อิทํ อิตฺถิรูปํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตีติ เวทิตพฺพํ.
๒. ทุติยาทีนิ สทฺทครุกาทีนํ อาสยวเสน วุตฺตานิ. เตสุ อิตฺถิสทฺโทติ อิตฺถิยา จิตฺตสมุฏฺาโน กถิตคีตวาทิตสทฺโท. อปิจ อิตฺถิยา นิวตฺถนิวาสนสฺสาปิ อลงฺกตาลงฺการสฺสาปิ อิตฺถิปโยคนิปฺผาทิโต วีณาสงฺขปณวาทิสทฺโทปิ อิตฺถิสทฺโทตฺเวว เวทิตพฺโพ. สพฺโพปิ เหโส ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ.
ตตฺถ ¶ ¶ สุวณฺณกกฺกฏกสุวณฺณโมรทหรภิกฺขุอาทีนํ วตฺถูนิ เวทิตพฺพานิ. ปพฺพตนฺตรํ กิร นิสฺสาย มหนฺตํ หตฺถินาคกุลํ วสติ. อวิทูรฏฺาเน จสฺส มหาปริโภคสโร อตฺถิ, ตสฺมึ กายูปปนฺโน สุวณฺณกกฺกฏโก อตฺถิ. โส ตํ สรํ โอติณฺโณติณฺเณ สณฺฑาเสน วิย อเฬหิ ปาเท คเหตฺวา อตฺตโน วสํ เนตฺวา มาเรติ. ตสฺส โอตาราเปกฺขา หตฺถินาคา เอกํ มหาหตฺถึ เชฏฺกํ กตฺวา วิจรนฺติ. โส เอกทิวสํ ตํ หตฺถินาคํ คณฺหิ. ถามสติสมฺปนฺโน หตฺถินาโค จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ ภีตรวํ รวิสฺสามิ, สพฺเพ ยถารุจิยา อกีฬิตฺวา ปลายิสฺสนฺตี’’ติ นิจฺจโลว อฏฺาสิ. อถ สพฺเพสํ อุตฺติณฺณภาวํ ตฺวา เตน คหิตภาวํ อตฺตโน ภริยํ ชานาเปตุํ วิรวิตฺวา เอวมาห –
‘‘สิงฺคีมิโค อายตจกฺขุเนตฺโต,
อฏฺิตฺตโจ วาริสโย อโลโม;
เตนาภิภูโต ¶ กปณํ รุทามิ,
มา เหว มํ ปาณสมํ ชเหยฺยา’’ติ. (ชา. ๑.๓.๔๙);
สา ตํ สุตฺวา สามิกสฺส คหิตภาวํ ตฺวา ตํ ตมฺหา ภยา โมเจตุํ หตฺถินา จ กุฬีเรน จ สทฺธึ สลฺลปนฺตี เอวมาห –
‘‘อยฺย น ตํ ชหิสฺสามิ, กฺุชรํ สฏฺิหายนํ;
ปถพฺยา จาตุรนฺตาย, สุปฺปิโย โหสิ เม ตุวํ.
‘‘เย กุฬีรา สมุทฺทสฺมึ, คงฺคาย ยมุนาย จ;
เตสํ ตฺวํ วาริโช เสฏฺโ, มฺุจ โรทนฺติยา ปติ’’นฺติ. (ชา. ๑.๓.๕๐-๕๑);
กุฬีโร สห อิตฺถิสทฺทสฺสวเนน คหณํ สิถิลมกาสิ. อถ หตฺถินาโค ‘‘อยเมเวตสฺส โอกาโส’’ติ เอกํ ปาทํ คหิตากาเรเนว เปตฺวา ทุติยํ อุกฺขิปิตฺวา ตํ ¶ ปิฏฺิกปาเล อกฺกมิตฺวา วิจุณฺณิกํ กตฺวา โถกํ อากฑฺฒิตฺวา ตีเร ขิปิ. อถ นํ สพฺพหตฺถิโน สนฺนิปติตฺวา ‘‘อมฺหากํ เวรี’’ติ วิจุณฺณยึสุ. เอวํ ตาว อิตฺถิสทฺโท สุวณฺณกกฺกฏกสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยิตฺวา ติฏฺติ.
สุวณฺณโมโรปิ ¶ หิมวนฺตํ อนุปวิสิตฺวา มหนฺตํ ปพฺพตคหนํ นิสฺสาย วสนฺโต นิจฺจกาลํ สูริยสฺส อุทยกาเล สูริยมณฺฑลํ อุลฺโลเกตฺวา อตฺตโน รกฺขํ กโรนฺโต เอวํ วทติ –
‘‘อุเทตยํ จกฺขุมา เอกราชา,
หริสฺสวณฺโณ ปถวิปฺปภาโส;
ตํ ตํ นมสฺสามิ หริสฺสวณฺณํ ปถวิปฺปภาสํ,
ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมุ ทิวสํ.
‘‘เย พฺราหฺมณา เวทคู สพฺพธมฺเม,
เต เม นโม เต จ มํ ปาลยนฺตุ;
นมตฺถุ ¶ พุทฺธานํ นมตฺถุ โพธิยา,
นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา;
อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา,
โมโร จรติ เอสนา’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗);
โส ทิวสํ โคจรํ คเหตฺวา สายนฺหสมเย วสนฏฺานํ ปวิสนฺโต อตฺถงฺคตํ สูริยมณฺฑลํ โอโลเกตฺวาปิ อิมํ คาถํ วทติ –
‘‘อเปตยํ จกฺขุมา เอกราชา,
หริสฺสวณฺโณ ปถวิปฺปภาโส;
ตํ ตํ นมสฺสามิ หริสฺสวณฺณํ ปถวิปฺปภาสํ,
ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมุ รตฺตึ.
‘‘เย พฺราหฺมณา เวทคู สพฺพธมฺเม,
เต เม นโม เต จ มํ ปาลยนฺตุ;
นมตฺถุ พุทฺธานํ นมตฺถุ โพธิยา,
นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา;
อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา,
โมโร วาสมกปฺปยี’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๘);
อิมินา ¶ นิยาเมน สตฺต วสฺสสตานิ วีตินาเมตฺวา เอกทิวสํ ปริตฺตกมฺมโต ปุเรตรเมว โมรกุกฺกุฏิกาย สทฺทํ สุตฺวา ปริตฺตกมฺมํ อสริตฺวา รฺา เปสิตสฺส ลุทฺทกสฺส วสํ อุปคโต. เอวํ อิตฺถิสทฺโท สุวณฺณโมรสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยิตฺวา ติฏฺตีติ. ฉาตปพฺพตวาสี ทหโร ปน สุธามุณฺฑกวาสี ทหโร จ อิตฺถิสทฺทํ สุตฺวา อนยพฺยสนํ ปตฺตาติ.
๓. ตติเย ¶ อิตฺถิคนฺโธติ อิตฺถิยา จตุสมุฏฺานิกํ คนฺธายตนํ. สฺวายํ อิตฺถิยา สรีรคนฺโธ ทุคฺคนฺโธ โหติ, กายารุฬฺโห ปน อาคนฺตุกอนุเลปนาทิคนฺโธ อิธ อธิปฺเปโต. เอกจฺจา หิ อิตฺถี อสฺสคนฺธินี โหติ, เอกจฺจา เมณฺฑกคนฺธินี, เอกจฺจา เสทคนฺธินี, เอกจฺจา โสณิตคนฺธินี ¶ . เอกจฺโจ อนฺธพาโล เอวรูปายปิ อิตฺถิยา รชฺชเตว. จกฺกวตฺติโน ปน อิตฺถิรตนสฺส กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต จ อุปฺปลคนฺโธ. อยํ น สพฺพาสํ โหติ, อาคนฺตุกอนุเลปนาทิคนฺโธว อิธ อธิปฺเปโต. ติรจฺฉานคตา ปน หตฺถิอสฺสโคณาทโย ติรจฺฉานคตานํ สชาติอิตฺถีนํ อุตุคนฺเธน โยชนทฺวิโยชนติโยชนจตุโยชนมฺปิ คจฺฉนฺติ. อิตฺถิกาเย คนฺโธ วา โหตุ อิตฺถิยา นิวตฺถนิวาสนอนุลิตฺตาเลปนปิฬนฺธมาลาทิคนฺโธ วา, สพฺโพปิ อิตฺถิคนฺโธตฺเวว เวทิตพฺโพ.
๔. จตุตฺเถ อิตฺถิรโสติ อิตฺถิยา จตุสมุฏฺานิกํ รสายตนํ. ติปิฏกจูฬนาคจูฬาภยตฺเถรา ปน ‘‘สฺวายํ อิตฺถิยา กึการปฏิสฺสาวิตาทิวเสน สวนรโส เจว ปริโภครโส จ, อยํ อิตฺถิรโส’’ติ วทนฺติ. กึ เตน? โย ปนายํ อิตฺถิยา โอฏฺมํสสมฺมกฺขนเขฬาทิรโสปิ ¶ , สามิกสฺส ทินฺนยาคุภตฺตาทีนํ รโสปิ, สพฺโพ โส อิตฺถิรโสตฺเวว เวทิตพฺโพ. อเนเก หิ สตฺตา อตฺตโน มาตุคาเมน ยํกิฺจิ สหตฺถา ทินฺนเมว มธุรนฺติ คเหตฺวา อนยพฺยสนํ ปตฺตาติ.
๕. ปฺจเม อิตฺถิโผฏฺพฺโพติ อิตฺถิยา กายสมฺผสฺโส, อิตฺถิสรีรารุฬฺหานํ วตฺถาลงฺการมาลาทีนมฺปิ ผสฺโส อิตฺถิโผฏฺพฺโพตฺเวว เวทิตพฺโพ. สพฺโพเปส ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทิยติ มหาเจติยงฺคเณ คณสชฺฌายํ คณฺหนฺตสฺส ทหรภิกฺขุโน วิสภาคารมฺมณผสฺโส วิยาติ.
อิติ สตฺถา สตฺตานํ อาสยานุสยวเสน รูปาทีสุ เอเกกํ คเหตฺวา อฺํ อีทิสํ น ปสฺสามีติ อาห. ยถา หิ รูปครุกสฺส ปุริสสฺส อิตฺถิรูปํ จิตฺตุปฺปาทํ คเมติ ปลิพุนฺธติ พชฺฌาเปติ พทฺธาเปติ โมเหติ สํโมเหติ, น ตถา เสสา สทฺทาทโย. ยถา จ สทฺทาทิครุกานํ สทฺทาทโย, น ตถา รูปาทีนิ อารมฺมณานิ. เอกจฺจสฺส จ รูปาทีสุ เอกเมวารมฺมณํ จิตฺตํ ปริยาทิยติ, เอกจฺจสฺส ทฺเวปิ ตีณิปิ จตฺตาริปิ ปฺจปิ. อิติ อิเม ¶ ปฺจ สุตฺตนฺตา ปฺจครุกวเสน กถิตา, น ปฺจครุกชาตกวเสน. ปฺจครุกชาตกํ ปน สกฺขิภาวตฺถาย อาหริตฺวา กเถตพฺพํ. ตตฺร หิ อมนุสฺเสหิ กนฺตารมชฺเฌ กตาย อาปณาทิวิจารณาย มหาปุริสสฺส ปฺจสุ สหาเยสุ รูปครุโก รูปารมฺมเณ พชฺฌิตฺวา อนยพฺยสนํ ปตฺโต, สทฺทาทิครุกา ¶ สทฺทารมฺมณาทีสุ. อิติ ตํ สกฺขิภาวตฺถาย อาหริตฺวา กเถตพฺพํ. อิเม ปน ปฺจ สุตฺตนฺตา ปฺจครุกวเสเนว กถิตา.
๖. ยสฺมา จ น เกวลํ ปุริสาเยว ปฺจครุกา โหนฺติ, อิตฺถิโยปิ โหนฺติเยว, ตสฺมา ตาสมฺปิ วเสน ปุน ปฺจ สุตฺตนฺเต กเถสิ. เตสมฺปิ อตฺโถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. วตฺถูสุปิ ปมสุตฺเต โลหปาสาททฺวาเร ิตํ ทหรํ โอโลเกตฺวา มตาย ราโชโรธาย วตฺถุ เวทิตพฺพํ. ตํ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว.
๗. ทุติยสุตฺเต พาราณสิยํ รูปูปชีวิโน มาตุคามสฺส วตฺถุ เวทิตพฺพํ. คุตฺติลวีณาวาทโก ¶ กิเรกิสฺสา อิตฺถิยา สหสฺสํ ปหิณิ, สา ตํ อุปฺปณฺเฑตฺวา คณฺหิตุํ น อิจฺฉิ. โส ‘‘กริสฺสาเมตฺถ กตฺตพฺพ’’นฺติ สายนฺหกาลสมนนฺตเร อลงฺกตปฏิยตฺโต ตสฺสา เคหสฺส อภิมุขฏฺาเน อฺสฺมึ เคหทฺวาเร นิสินฺโน วีณาย ตนฺติโย สเม คุเณ ปติฏฺาเปตฺวา ตนฺติสฺสเรน คีตสฺสรํ อนติกฺกมนฺโต คายิ. สา อิตฺถี ตสฺส คีตสทฺทํ สุตฺวา ทฺวารนฺติ สฺาย ‘‘วิวฏวาตปาเนน ตสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ อากาเสเยว ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา.
๘. ตติยสุตฺเต จกฺกวตฺติรฺโ กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต จ อุปฺปลคนฺโธติ อิทํ อาหริตพฺพํ. อิทํ เจตฺถ วตฺถุ เวทิตพฺพํ. สาวตฺถิยํ กิเรกิสฺสา กุฏุมฺพิกธีตาย สามิโก สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา, ‘‘น สกฺกา มยา อยํ ธมฺโม คิหิภูเตน ปูเรตุ’’นฺติ อฺตรสฺส ปิณฺฑปาติกตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. อถสฺส ภริยํ ‘‘อสฺสามิกา อย’’นฺติ ตฺวา ราชา ปเสนทิโกสโล อนฺเตปุรํ อาหราเปตฺวา เอกทิวสํ เอกํ นีลุปฺปลกลาปํ อาทาย อนฺเตปุรํ ปวิฏฺโ เอเกกิสฺสา เอเกกํ นีลุปฺปลํ ทาเปสิ. ปุปฺเผสุ ภาชิยมาเนสุ ตสฺสา อิตฺถิยา ทฺเว หตฺถํ ¶ ปตฺตานิ. สา ปหฏฺาการํ ทสฺเสตฺวา อุปสิงฺฆิตฺวา ปโรทิ. ราชา ตสฺสา อุภยาการํ ทิสฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ. สา อตฺตโน ปหฏฺการณฺจ โรทนการณฺจ กเถสิ. ยาวตติยํ กถิเตปิ ราชา อสฺสทฺทหนฺโต ปุนทิวเส สกลราชนิเวสเน สพฺพมาลาวิเลปนาทิสุคนฺธคนฺธํ หราเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาสนานิ ปฺาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตํ อิตฺถึ ‘‘กตโร เต เถโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อย’’นฺติ วุตฺเต ตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺโฆ คจฺฉตุ, อมฺหากํ อสุกตฺเถโร อนุโมทนํ กริสฺสตี’’ติ อาห. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ เปตฺวา วิหารํ คโต. เถเร อนุโมทนํ ¶ วตฺตุํ อารทฺธมตฺเต สกลํ ราชนิเวสนํ คนฺธปูรํ วิย ชาตํ. ราชา ¶ ‘‘สจฺจเมเวสา อาหา’’ติ ปสีทิตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ ตํ การณํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘อยํ อตีเต ธมฺมกถํ สุณนฺโต ‘สาธุ สาธู’ติ สาธุการํ ปวตฺเตนฺโต สกฺกจฺจํ อสฺโสสิ, ตมฺมูลโก เตน มหาราช อยมานิสํโส ลทฺโธ’’ติ อาจิกฺขิ.
‘‘สทฺธมฺมเทสนากาเล, สาธุ สาธูติ ภาสโต;
มุขโต ชายเต คนฺโธ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ.
เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ. อิมสฺมึ วคฺเค วฏฺฏเมว กถิตํ.
รูปาทิวคฺควณฺณนา.
๒. นีวรณปฺปหานวคฺควณฺณนา
๑๑. ทุติยสฺส ¶ ปเม เอกธมฺมมฺปีติ เอตฺถ ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๑) วิย นิสฺสตฺตฏฺเน ธมฺโม เวทิตพฺโพ. ตสฺมา เอกธมฺมมฺปีติ นิสฺสตฺตํ เอกสภาวมฺปีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อนุปฺปนฺโนวาติ เอตฺถ ปน ‘‘ภูตานํ วา สตฺตานํ ิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหาย (ม. นิ. ๑.๔๐๒; สํ. นิ. ๒.๑๑) ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) เอวมาทีสุ วิย ¶ สมุจฺจยตฺโถ วาสทฺโท ทฏฺพฺโพ, น วิกปฺปตฺโถ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – เยน ธมฺเมน อนุปฺปนฺโน จ กามจฺฉนฺโท อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ กามจฺฉนฺโท ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตติ, ตมหํ ยถา สุภนิมิตฺตํ, เอวํ อฺํ น ปสฺสามีติ. ตตฺถ อนุปฺปนฺโนติ อชาโต อสฺชาโต อปาตุภูโต อสมุทาคโต. กามจฺฉนฺโทติ ‘‘โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามราโค กามนนฺที ¶ กามตณฺหา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๕๖) นเยน วิตฺถาริตํ กามจฺฉนฺทนีวรณํ. อุปฺปชฺชตีติ นิพฺพตฺตติ ปาตุภวติ. โส ปเนส อสมุทาจารวเสน วา อนนุภูตารมฺมณวเสน วา อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺโพ. อฺถา หิ อนมตคฺเค สํสาเร อนุปฺปนฺโน นาม นตฺถิ.
ตตฺถ เอกจฺจสฺส วตฺตวเสน กิเลโส น สมุทาจรติ, เอกจฺจสฺส คนฺถธุตงฺคสมาธิ- วิปสฺสนานวกมฺมาทีนํ อฺตรวเสน. กถํ? เอกจฺโจ หิ วตฺตสมฺปนฺโน โหติ, ตสฺส ทฺเวอสีติ ขุทฺทกวตฺตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ เจติยงฺคณโพธิยงฺคณปานียมาฬกอุโปสถาคารอาคนฺตุกคมิกวตฺตานิ จ กโรนฺตสฺเสว กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส วตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา ภินฺนวตฺตสฺส จรโต อโยนิโสมนสิการฺเจว สติโวสฺสคฺคฺจ อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ คนฺถยุตฺโต โหติ, เอกมฺปิ นิกายํ คณฺหาติ ทฺเวปิ ตโยปิ จตฺตาโรปิ ปฺจปิ. ตสฺส เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อตฺถวเสน ปาฬิวเสน อนุสนฺธิวเสน ปุพฺพาปรวเสน คณฺหนฺตสฺส สชฺฌายนฺตสฺส วาเจนฺตสฺส เทเสนฺตสฺส ปกาเสนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส ¶ คนฺถกมฺมํ ปหาย กุสีตสฺส จรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ ปน ธุตงฺคธโร โหติ, เตรส ธุตงฺคคุเณ สมาทาย วตฺตติ. ตสฺส ปน ธุตงฺคคุเณ ปริหรนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส ธุตงฺคานิ วิสฺสชฺเชตฺวา พาหุลฺลาย อาวตฺตสฺส จรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค ¶ อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ ¶ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสี โหติ, ตสฺส ปมชฺฌานาทีสุ อาวชฺชนวสิอาทีนํ วเสน วิหรนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส ปริหีนชฺฌานสฺส วา วิสฺสฏฺชฺฌานสฺส วา ภสฺสาทีสุ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ ปน วิปสฺสโก โหติ, สตฺตสุ วา อนุปสฺสนาสุ อฏฺารสสุ วา มหาวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺโต วิหรติ. ตสฺเสวํ วิหรโต กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส วิปสฺสนากมฺมํ ปหาย กายทฬฺหีพหุลสฺส วิหรโต อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ นวกมฺมิโก โหติ, อุโปสถาคารโภชนสาลาทีนิ กาเรติ. ตสฺส เตสํ อุปกรณานิ จินฺเตนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส นวกมฺเม นิฏฺิเต วา วิสฺสฏฺเ วา อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
เอกจฺโจ ปน พฺรหฺมโลกา อาคโต สุทฺธสตฺโต โหติ, ตสฺส อนาเสวนตาย กิเลโส โอกาสํ น ลภติ. อปรภาเค ปนสฺส ลทฺธาเสวนสฺส อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม. เอวํ ตาว อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนสฺส อุปฺปนฺนตา เวทิตพฺพา.
กถํ ¶ อนนุภูตารมฺมณวเสน? อิเธกจฺโจ อนนุภูตปุพฺพํ มนาปิยํ รูปาทิอารมฺมณํ ลภติ, ตสฺส ตตฺถ อโยนิโสมนสิการสติโวสฺสคฺเค อาคมฺม ราโค อุปฺปชฺชติ. เอวํ อนนุภูตารมฺมณวเสน อนุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชติ นาม.
อุปฺปนฺโนติ ชาโต สฺชาโต นิพฺพตฺโต อภินิพฺพตฺโต ปาตุภูโต. ภิยฺโยภาวายาติ ¶ ปุนปฺปุนภาวาย. เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวาย ราสิภาวาย. ตตฺถ สกึ อุปฺปนฺโน กามจฺฉนฺโท น นิรุชฺฌิสฺสติ, สกึ นิรุทฺโธ ¶ วา สฺเวว ปุน อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อฏฺานเมตํ. เอกสฺมึ ปน นิรุทฺเธ ตสฺมึ วา อารมฺมเณ อฺสฺมึ วา อารมฺมเณ อปราปรํ อุปฺปชฺชมาโน ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตติ นาม.
สุภนิมิตฺตนฺติ ราคฏฺานิยํ อารมฺมณํ. ‘‘สนิมิตฺตา, ภิกฺขเว, อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, โน อนิมิตฺตา’’ติ เอตฺถ นิมิตฺตนฺติ ปจฺจยสฺส นามํ. ‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ปฺจ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิกาตพฺพานี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๑๖) เอตฺถ การณสฺส. ‘‘โส ตํ นิมิตฺตํ อาเสวติ ภาเวตี’’ติ (อ. นิ. ๙.๓๕) เอตฺถ สมาธิสฺส. ‘‘ยํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๒๗) เอตฺถ วิปสฺสนาย. อิธ ปน ราคฏฺานิโย อิฏฺารมฺมณธมฺโม ‘‘สุภนิมิตฺต’’นฺติ อธิปฺเปโต. อโยนิโสมนสิกโรโตติ. ‘‘ตตฺถ กตโม อโยนิโสมนสิกาโร? อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ, ทุกฺเข สุขนฺติ, อนตฺตนิ อตฺตาติ, อสุเภ สุภนฺติ, อโยนิโสมนสิกาโร อุปฺปถมนสิกาโร, สจฺจวิปฺปฏิกูเลน วา จิตฺตสฺส อาวชฺชนา อนฺวาวชฺชนา อาโภโค สมนฺนาหาโร มนสิกาโร. อยํ วุจฺจติ อโยนิโสมนสิกาโร’’ติ (วิภ. ๙๓๖) อิมสฺส มนสิการสฺส วเสน อนุปาเยน มนสิกโรนฺตสฺสาติ.
๑๒. ทุติเย ¶ พฺยาปาโทติ ภตฺตพฺยาปตฺติ วิย จิตฺตสฺส พฺยาปชฺชนํ ปกติวิชหนภาโว. ‘‘ตตฺถ กตมํ พฺยาปาทนีวรณํ? อนตฺถํ เม อจรีติ อาฆาโต ชายตี’’ติ (ธ. ส. ๑๑๖๐) เอวํ วิตฺถาริตสฺส พฺยาปาทนีวรณสฺเสตํ อธิวจนํ. ปฏิฆนิมิตฺตนฺติ อนิฏฺํ นิมิตฺตํ. ปฏิฆสฺสปิ ปฏิฆารมฺมณสฺสปิ เอตํ อธิวจนํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ – ‘‘ปฏิฆมฺปิ ปฏิฆนิมิตฺตํ, ปฏิฆารมฺมโณปิ ธมฺโม ปฏิฆนิมิตฺต’’นฺติ. เสสเมตฺถ ¶ กามจฺฉนฺเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุปิ. ตตฺถ ตตฺถ หิ วิเสสมตฺตเมว วกฺขามาติ.
๑๓. ตติเย ถินมิทฺธนฺติ ถินฺเจว มิทฺธฺจ. เตสุ จิตฺตสฺส อกมฺมฺตา ถินํ, อาลสิยภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. ติณฺณํ ขนฺธานํ อกมฺมฺตา มิทฺธํ, กปิมิทฺธสฺส ¶ ปจลายิกภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ ถินํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺยตา อกมฺมฺตา โอลียนา สลฺลียนา. ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺยตา อกมฺมฺตา โอนาโห ปริโยนาโห’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒-๑๑๖๓) นเยน วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ. อรตีติอาทีนิ วิภงฺเค วิภตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ตตฺถ กตมา อรติ? ปนฺเตสุ วา เสนาสเนสุ อฺตรฺตเรสุ ¶ วา อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อรติ อรติตา อนภิรติ อนภิรมนา อุกฺกณฺิตา ปริตสฺสิตา, อยํ วุจฺจติ อรติ. ตตฺถ กตมา ตนฺที? ยา ตนฺที ตนฺทิยนา ตนฺทิมนตา อาลสฺสํ อาลสฺสายนา อาลสฺสายิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ตนฺที. ตตฺถ กตมา วิชมฺภิตา? ยา กายสฺส ชมฺภนา วิชมฺภนา อานมนา วินมนา สนฺนมนา ปณมนา พฺยาธิยกํ, อยํ วุจฺจติ วิชมฺภิตา. ตตฺถ กตโม ภตฺตสมฺมโท? ยา ภุตฺตาวิสฺส ภตฺตมุจฺฉา ภตฺตกิลมโถ ภตฺตปริฬาโห กายทุฏฺุลฺลํ, อยํ วุจฺจติ ภตฺตสมฺมโท. ตตฺถ กตมํ เจตโส จ ลีนตฺตํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺยตา อกมฺมฺตา โอลียนา สลฺลียนา ลีนํ ลียนา ลียิตตฺตํ ถินํ ถิยนา ถิยิตตฺตํ จิตฺตสฺส, อิทํ วุจฺจติ เจตโส จ ลีนตฺต’’นฺติ (วิภ. ๘๕๖, ๘๕๗, ๘๕๙, ๘๖๐).
เอตฺถ จ ปุริมา จตฺตาโร ธมฺมา ถินมิทฺธนีวรณสฺส สหชาตวเสนาปิ อุปนิสฺสยวเสนาปิ ปจฺจยา โหนฺติ, เจตโส จ ลีนตฺตํ อตฺตโนว อตฺตนา สหชาตํ น โหติ, อุปนิสฺสยโกฏิยา ปน โหตีติ.
๑๔. จตุตฺเถ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ อุทฺธจฺจฺเจว กุกฺกุจฺจฺจ. ตตฺถ อุทฺธจฺจํ นาม จิตฺตสฺส อุทฺธตากาโร. กุกฺกุจฺจํ นาม อกตกลฺยาณสฺส กตปาปสฺส ตปฺปจฺจยา วิปฺปฏิสาโร. เจตโส อวูปสโมติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺเสเวตํ นามํ. อวูปสนฺตจิตฺตสฺสาติ ฌาเนน วา วิปสฺสนาย วา ¶ อวูปสมิตจิตฺตสฺส. อยํ ¶ ปน อวูปสโม อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหตีติ.
๑๕. ปฺจเม ¶ วิจิกิจฺฉาติ ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๗) นเยน วิตฺถาริตํ วิจิกิจฺฉานีวรณํ. อโยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณเยวาติ.
๑๖. ฉฏฺเ อนุปฺปนฺโน วา กามจฺฉนฺโท นุปฺปชฺชตีติ อสมุทาจารวเสน วา อนนุภูตารมฺมณวเสน วาติ ทฺวีเหว การเณหิ อนุปฺปนฺโน น อุปฺปชฺชติ, ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ, ปุน เหตุํ วา ปจฺจยํ วา น ลภติ. อิธาปิ วตฺตาทีนํเยว วเสน อสมุทาจาโร เวทิตพฺโพ. เอกจฺจสฺส หิ วุตฺตนเยเนว วตฺเต ยุตฺตสฺส วตฺตํ กโรนฺตสฺเสว กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, วตฺตวเสน วิกฺขมฺภิโต โหติ. โส ตํ ตถาวิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ มิลกฺขติสฺสตฺเถโร วิย.
โส กิรายสฺมา โรหณชนปเท คาเมณฺฑวาลมหาวิหารสฺส ภิกฺขาจาเร เนสาทกุเล นิพฺพตฺโต. วยํ อาคมฺม กตฆราวาโส ‘‘ปุตฺตทารํ โปเสสฺสามี’’ติ อทูหลสตํ สณฺเปตฺวา ปาสสตํ โยเชตฺวา สูลสตํ โรเปตฺวา พหุํ ปาปํ อายูหนฺโต เอกทิวสํ เคหโต อคฺคิฺจ โลณฺจ คเหตฺวา อรฺํ คโต. ปาเส พทฺธมิคํ วธิตฺวา องฺคารปกฺกมํสํ ขาทิตฺวา ปิปาสิโต หุตฺวา คาเมณฺฑวาลมหาวิหารํ ปวิฏฺโ ปานียมาฬเก ทสมตฺเตสุ ปานียฆเฏสุ ปิปาสาวิโนทนมตฺตมฺปิ ปานียํ อลภนฺโต, ‘‘กึ นาเมตํ ¶ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺาเน ปิปาสาย อาคตานํ ปิปาสาวิโนทนมตฺตํ ปานียํ นตฺถี’’ติ อุชฺฌายิตุํ อารทฺโธ. จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถโร ตสฺส กถํ สุตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺโต ปานียมาฬเก ทสมตฺเต ปานียฆเฏ ปูเร ทิสฺวา ‘‘ชีวมานเปตกสตฺโต อยํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อุปาสก, สเจ ปิปาสิโตสิ, ปิว ปานีย’’นฺติ วตฺวา กุฏํ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส หตฺเถสุ อาสิฺจิ. ตสฺส กมฺมํ ปฏิจฺจ ปีตปีตํ ปานียํ ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตมิว นสฺสติ, สกเลปิ ฆเฏ ปิวโต ปิปาสา น ปจฺฉิชฺชิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘ยาว ทารุณฺจ เต, อุปาสก, กมฺมํ กตํ, อิทาเนว เปโต ชาโต, วิปาโก กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ?
โส ตสฺส กถํ สุตฺวา ลทฺธสํเวโค เถรํ วนฺทิตฺวา ตานิ อทูหลาทีนิ วิสงฺขริตฺวา เวเคน ฆรํ ¶ คนฺตฺวา ปุตฺตทารํ โอโลเกตฺวา สตฺถานิ ¶ ภินฺทิตฺวา ทีปกมิคปกฺขิโน อรฺเ วิสฺสชฺเชตฺวา เถรํ ปจฺจุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ทุกฺกรา, อาวุโส, ปพฺพชฺชา, กถํ ตฺวํ ปพฺพชิสฺสสีติ? ภนฺเต, เอวรูปํ ปจฺจกฺขการณํ ทิสฺวา กถํ น ปพฺพชิสฺสามีติ? เถโร ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส วตฺตารภิโต หุตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหนฺโต เอกทิวสํ เทวทูตสุตฺเต ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ปุน มหานิรเย ปกฺขิปนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๗๐; อ. นิ. ๓.๓๖) อิมํ านํ สุตฺวา ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขราสึ อนุภวิตสตฺตํ ปุน มหานิรเย ปกฺขิปนฺติ, อโห ภาริโย, ภนฺเต, มหานิรโย’’ติ อาห. อามาวุโส, ภาริโยติ. สกฺกา, ภนฺเต, ปสฺสิตุนฺติ? ‘‘น สกฺกา ปสฺสิตุํ, ทิฏฺสทิสํ กาตุํ ¶ เอกํ การณํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ สามเณเร สมาทเปตฺวา ปาสาณปิฏฺเ อลฺลทารุราสึ กาเรหีติ. โส ตถา กาเรสิ. เถโร ยถานิสินฺโนว อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา มหานิรยโต ขชฺโชปนกมตฺตํ อคฺคิปปฏิกํ นีหริตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว ตสฺส เถรสฺส ทารุราสิมฺหิ ปกฺขิปิ. ตสฺส ตตฺถ นิปาโต จ ทารุราสิโน ฌายิตฺวา ฉาริกภาวูปคมนฺจ อปจฺฉา อปุริมํ อโหสิ.
โส ตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ สาสเน กติ ธุรานิ นามา’’ติ ปุจฺฉิ. อาวุโส, วิปสฺสนาธุรํ, คนฺถธุรนฺติ. ‘‘ภนฺเต, คนฺโถ นาม ปฏิพลสฺส ภาโร, มยฺหํ ปน ทุกฺขูปนิสา สทฺธา, วิปสฺสนาธุรํ ปูเรสฺสามิ กมฺมฏฺานํ เม เทถา’’ติ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. เถโร ‘‘วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขู’’ติ วตฺตสีเส ตฺวา ตสฺส กมฺมฏฺานํ กเถสิ. โส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย จ กมฺมํ กโรติ, วตฺตฺจ ปูเรติ. เอกทิวสํ จิตฺตลปพฺพตมหาวิหาเร วตฺตํ กโรติ, เอกทิวสํ คาเมณฺฑวาลมหาวิหาเร, เอกทิวสํ โคจรคามมหาวิหาเร. ถินมิทฺเธ โอกฺกนฺตมตฺเต วตฺตปริหานิภเยน ปลาลวรณกํ เตเมตฺวา สีเส เปตฺวา ปาเท อุทเก โอตาเรตฺวา นิสีทติ. โส เอกทิวสํ จิตฺตลปพฺพตมหาวิหาเร ทฺเว ยาเม วตฺตํ กตฺวา พลวปจฺจูสกาเล นิทฺทาย โอกฺกมิตุํ อารทฺธาย อลฺลปลาลํ สีเส เปตฺวา นิสินฺโน ปาจีนปพฺพตปสฺเส สามเณรสฺส อรุณวติยสุตฺตนฺตํ สชฺฌายนฺตสฺส –
‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยฺุชถ พุทฺธสาสเน;
ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กฺุชโร.
‘‘โย ¶ ¶ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;
ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๕) –
อิทํ านํ สุตฺวา ‘‘มาทิสสฺส อารทฺธวีริยสฺส ภิกฺขุโน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อิทํ กถิตํ ภวิสฺสตี’’ติ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ¶ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเทว ปาทกํ กตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺาย อปราปรํ วายมนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. ปรินิพฺพานกาเล จ ตเทว การณํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห –
‘‘อลฺลํ ปลาลปฺุชาหํ, สีเสนาทาย จงฺกมึ;
ปตฺโตสฺมิ ตติยํ านํ, เอตฺถ เม นตฺถิ สํสโย’’ติ.
เอวรูปสฺส วตฺตวเสน วิกฺขมฺภิตกิเลโส ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ.
เอกจฺจสฺส วุตฺตนเยเนว คนฺเถ ยุตฺตสฺส คนฺถํ อุคฺคณฺหนฺตสฺส สชฺฌายนฺตสฺส วาเจนฺตสฺส เทเสนฺตสฺส ปกาเสนฺตสฺส จ กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, คนฺถวเสน วิกฺขมฺภิโตว โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ มลิยเทวตฺเถโร วิย. โส กิรายสฺมา ติวสฺสภิกฺขุกาเล กลฺลคามเก มณฺฑลารามมหาวิหาเร อุทฺเทสฺจ คณฺหาติ, วิปสฺสนาย จ กมฺมํ กโรติ. ตสฺเสกทิวสํ กลฺลคาเม ภิกฺขาย จรโต เอกา อุปาสิกา ยาคุอุฬุงฺกํ ทตฺวา ปุตฺตสิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา เถรํ อนฺโตนิเวสเน นิสีทาเปตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา ‘‘กตรคามวาสิโกสิ ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. มณฺฑลารามมหาวิหาเร คนฺถกมฺมํ กโรมิ, อุปาสิเกติ. เตน หิ ตาต ยาว คนฺถกมฺมํ กโรสิ, อิเธว นิพทฺธํ ภิกฺขํ คณฺหาสีติ. โส ตํ อธิวาเสตฺวา ตตฺถ นิพทฺธํ ภิกฺขํ คณฺหาติ, ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘สุขํ โหตุ, ทุกฺขา มุจฺจตู’’ติ ปททฺวยเมว กเถตฺวา คจฺฉติ. อนฺโตวสฺเส เตมาสํ ตสฺสาเยว สงฺคหํ กโรนฺโต ปิณฺฑาปจิตึ กตฺวา มหาปวารณาย สห ปฏิสมฺภิทาหิ ¶ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เนวาสิกมหาเถโร อาห – ‘‘อาวุโส มหาเทว, อชฺช วิหาเร มหาชโน สนฺนิปติสฺสติ, ตสฺส ธมฺมทานํ ทเทยฺยาสี’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ.
ทหรสามเณรา ¶ อุปาสิกาย สฺํ อทํสุ – ‘‘อชฺช เต ปุตฺโต ธมฺมํ กเถสฺสติ, วิหารํ คนฺตฺวา ¶ สุเณยฺยาสี’’ติ. ตาตา, น สพฺเพว ธมฺมกถํ ชานนฺติ, มม ปุตฺโต เอตฺตกํ กาลํ มยฺหํ กเถนฺโต ‘‘สุขํ โหตุ, ทุกฺขา มุจฺจตู’’ติ ปททฺวยเมว กเถสิ, มา เกฬึ กโรถาติ. มา, ตฺวํ อุปาสิเก, ชานนํ วา อชานนํ วา อุปฏฺหสฺสุ, วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมเมว สุณาหีติ. อุปาสิกา คนฺธมาลาทีนิ คเหตฺวา คนฺตฺวา ปูเชตฺวา ปริสนฺเต ธมฺมํ สุณมานา นิสีทิ. ทิวาธมฺมกถิโก จ สรภาณโก จ อตฺตโน ปมาณํ ตฺวา อุฏฺหึสุ. ตโต มลิยเทวตฺเถโร ธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา อนุปุพฺพึ กถํ วตฺวา – ‘‘มยา มหาอุปาสิกาย ตโย มาเส ทฺวีเหว ปเทหิ อนุโมทนา กตา, อชฺช สพฺพรตฺตึ ตีหิ ปิฏเกหิ สมฺมสิตฺวา ตสฺเสว ปททฺวยสฺส อตฺถํ กเถสฺสามี’’ติ ธมฺมเทสนํ อารภิตฺวา สพฺพรตฺตึ กเถสิ. อรุณุคฺคมเน เทสนาปริโยสาเน มหาอุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
อปโรปิ ตสฺมึเยว มหาวิหาเร ติสฺสภูติตฺเถโร นาม วินยํ คณฺหนฺโต ภิกฺขาจารเวลายํ อนฺโตคามํ ปวิฏฺโ วิสภาคารมฺมณํ โอโลเกสิ. ตสฺส โลโภ อุปฺปชฺชิ, โส ปติฏฺิตปาทํ อจาเลตฺวา อตฺตโน ปตฺเต ยาคุํ อุปฏฺากทหรสฺส ปตฺเต อากิริตฺวา ‘‘อยํ วิตกฺโก วฑฺฒมาโน มํ จตูสุ อปาเยสุ สํสีทาเปสฺสตี’’ติ ตโตว นิวตฺติตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต อาห – ‘‘เอโก เม พฺยาธิ อุปฺปนฺโน, อหํ เอตํ ติกิจฺฉิตุํ สกฺโกนฺโต อาคมิสฺสามิ, อิตรถา นาคมิสฺสามิ. ตุมฺเห ทิวา อุทฺเทสฺจ สายํ อุทฺเทสฺจ มํ โอโลเกตฺวา เปถ, ปจฺจูสกาเล อุทฺเทสํ ¶ ปน มา ปยิตฺถา’’ติ เอวํ วตฺวา มลยวาสิมหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. เถโร อตฺตโน ปณฺณสาลาย ปริภณฺฑํ กโรนฺโต ตํ อโนโลเกตฺวาว ‘‘ปฏิสาเมหิ, อาวุโส, ตว ปตฺตจีวร’’นฺติ อาห. ภนฺเต, เอโก เม พฺยาธิ อตฺถิ, สเจ ตุมฺเห ตํ ติกิจฺฉิตุํ สกฺโกถ, ปฏิสาเมสฺสามีติ. อาวุโส, อุปฺปนฺนํ โรคํ ติกิจฺฉิตุํ สมตฺถสฺส สนฺติกํ อาคโตสิ, ปฏิสาเมหีติ. สุพฺพโจ ภิกฺขุ ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อชานิตฺวา เอวํ น วกฺขตี’’ติ ปตฺตจีวรํ เปตฺวา เถรสฺส วตฺตํ ทสฺเสตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
เถโร ¶ ‘‘ราคจริโต อย’’นฺติ ตฺวา อสุภกมฺมฏฺานํ กเถสิ. โส อุฏฺาย ปตฺตจีวรํ อํเส ลคฺเคตฺวา เถรํ ปุนปฺปุนํ วนฺทิ. กึ, อาวุโส, มหาภูติ อติเรกนิปจฺจการํ ทสฺเสสีติ? ภนฺเต, สเจ อตฺตโน กิจฺจํ กาตุํ สกฺขิสฺสามิ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ, อิทํ เม ปจฺฉิมทสฺสนนฺติ! คจฺฉาวุโส, มหาภูติ ตาทิสสฺส ยุตฺตโยคสฺส กุลปุตฺตสฺส น ฌานํ วา วิปสฺสนา ¶ วา มคฺโค วา ผลํ วา ทุลฺลภนฺติ. โส เถรสฺส กถํ สุตฺวา นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา อาคมนกาเล ววตฺถาปิตํ ฉนฺนํ เสปณฺณิคจฺฉมูลํ คนฺตฺวา ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน อสุภกมฺมฏฺานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาย ปจฺจูสกาเล อุทฺเทสํ สมฺปาปุณิ. เอวรูปานํ คนฺถวเสน วิกฺขมฺภิตา กิเลสา ตถา วิกฺขมฺภิตาว โหนฺติ.
เอกจฺจสฺส ปน วุตฺตนเยเนว ธุตงฺคานิ ปริหรโต กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, ธุตงฺควเสน วิกฺขมฺภิโตว โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ คามนฺตปพฺภารวาสี มหาสีวตฺเถโร วิย. เถโร กิร มหาคาเม ติสฺสมหาวิหาเร วสนฺโต เตปิฏกํ อตฺถวเสน จ ปาฬิวเสน จ อฏฺารส มหาคเณ วาเจติ. เถรสฺส โอวาเท ตฺวา สฏฺิสหสฺส ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ ¶ . เตสุ เอโก ภิกฺขุ อตฺตนา ปฏิวิทฺธธมฺมํ อารพฺภ อุปฺปนฺนโสมนสฺโส จินฺเตสิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข อิทํ สุขํ อมฺหากํ อาจริยสฺสา’’ติ. โส อาวชฺเชนฺโต เถรสฺส ปุถุชฺชนภาวํ ตฺวา ‘‘เอเกนุปาเยน เถรสฺส สํเวคํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ อตฺตโน วสนฏฺานโต เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา นิสีทิ. อถ นํ เถโร ‘‘กึ อาคโตสิ, อาวุโส, ปิณฺฑปาติกา’’ติ อาห. ‘‘สเจ เม โอกาสํ กริสฺสถ, เอกํ ธมฺมปทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาคโตสฺมิ, ภนฺเตติ. พหู, อาวุโส, คณฺหนฺติ, ตุยฺหํ โอกาโส น ภวิสฺสตีติ. โส สพฺเพสุ รตฺติทิวสภาเคสุ โอกาสํ อลภนฺโต, ‘‘ภนฺเต, เอวํ โอกาเส อสติ มรณสฺส กถํ โอกาสํ ลภิสฺสถา’’ติ อาห. ตทา เถโร จินฺเตสิ – ‘‘นายํ อุทฺเทสตฺถาย อาคโต, มยฺหํ ปเนส สํเวคชนนตฺถาย อาคโต’’ติ. โสปิ เถโร ‘‘ภิกฺขุนา นาม, ภนฺเต, มาทิเสน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา มณิวณฺเณ อากาเส อุปฺปติตฺวา อคมาสิ.
เถโร ¶ ตสฺส คตกาลโต ปฏฺาย ชาตสํเวโค ทิวา อุทฺเทสฺจ สายํ อุทฺเทสฺจ วาเจตฺวา ปตฺตจีวรํ หตฺถปาเส เปตฺวา ปจฺจูสกาเล อุทฺเทสํ คเหตฺวา โอตรนฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ ปตฺตจีวรมาทาย โอติณฺโณ เตรส ธุตคุเณ ปริปุณฺเณ อธิฏฺาย คามนฺตปพฺภารเสนาสนํ คนฺตฺวา ปพฺภารํ ปฏิชคฺคิตฺวา มฺจปีํ อุสฺสาเปตฺวา ‘‘อรหตฺตํ อปตฺวา มฺเจ ปิฏฺึ น ปสาเรสฺสามี’’ติ มานสํ พนฺธิตฺวา จงฺกมํ โอตริ. ตสฺส ‘‘อชฺช อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามิ อชฺช อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ฆเฏนฺตสฺเสว ปวารณา สมฺปตฺตา. โส ปวารณาย อุปกฏฺาย ‘‘ปุถุชฺชนภาวํ ปหาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต อติวิย กิลมติ. โส ตาย ¶ ปวารณาย มคฺคํ วา ผลํ วา อุปฺปาเทตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘มาทิโสปิ นาม อารทฺธวิปสฺสโก น ลภติ, ยาว ทุลฺลภฺจ วติทํ อรหตฺต’’นฺติ วตฺวา เตเนว นิยาเมน านจงฺกมพหุโล หุตฺวา ตึส วสฺสานิ สมณธมฺมํ กตฺวา มหาปวารณาย มชฺเฌ ิตํ ปุณฺณจนฺทํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข จนฺทมณฺฑลํ ¶ วิสุทฺธํ, อุทาหุ มยฺหํ สีล’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘จนฺทมณฺฑเล สสลกฺขณํ ปฺายติ, มยฺหํ ปน อุปสมฺปทโต ปฏฺาย ยาวชฺชทิวสา สีลสฺมึ กาฬกํ วา ติลโก วา นตฺถี’’ติ อาวชฺเชตฺวา สฺชาตปีติโสมนสฺโส ปริปกฺกาณตฺตา ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอวรูปสฺส ธุตงฺควเสน วิกฺขมฺภิโต กิเลโส ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ.
เอกจฺจสฺส วุตฺตนเยเนว ปมชฺฌานาทิสมาปชฺชนพหุลตาย กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, สมาปตฺติวเสน วิกฺขมฺภิโตว โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ มหาติสฺสตฺเถโร วิย. เถโร กิร อวสฺสิกกาลโต ปฏฺาย อฏฺสมาปตฺติลาภี. โส สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตานํ กิเลสานํ อสมุทาจาเรน อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสเนว อริยมคฺคสามนฺตํ กเถติ, สฏฺิวสฺสกาเลปิ อตฺตโน ปุถุชฺชนภาวํ น ชานาติ. อเถกทิวสํ มหาคาเม ติสฺสมหาวิหารโต ภิกฺขุสงฺโฆ ตลงฺครวาสิธมฺมทินฺนตฺเถรสฺส สาสนํ เปเสสิ ‘‘เถโร อาคนฺตฺวา อมฺหากํ ธมฺมกถํ กเถตู’’ติ. เถโร อธิวาเสตฺวา ‘‘มม สนฺติเก มหลฺลกตโร ภิกฺขุ นตฺถิ, มหาติสฺสตฺเถโร โข ปน เม กมฺมฏฺานาจริโย, ตํ สงฺฆตฺเถรํ กตฺวา คมิสฺสามี’’ติ ¶ จินฺเตนฺโต ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เถรสฺส วิหารํ คนฺตฺวา ทิวาฏฺาเน เถรสฺส วตฺตํ ทสฺเสตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
เถโร อาห – ‘‘กึ, ธมฺมทินฺน, จิรสฺสํ อาคโตสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ติสฺสมหาวิหารโต เม ภิกฺขุสงฺโฆ สาสนํ เปเสสิ, อหํ เอกโก น คมิสฺสามิ, ตุมฺเหหิ ปน สทฺธึ คนฺตุกาโม หุตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ สารณียกถํ กเถนฺโตว ปปฺเจตฺวา ‘‘กทา, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ อยํ ธมฺโม อธิคโต’’ติ ปุจฺฉิ. สฏฺิมตฺตานิ, อาวุโส ธมฺมทินฺน, วสฺสานิ โหนฺตีติ ¶ . สมาปตฺตึ ปน, ภนฺเต, วฬฺเชถาติ. อาม, อาวุโสติ. เอกํ โปกฺขรณึ มาเปตุํ สกฺกุเณยฺยาถ, ภนฺเตติ? ‘‘น, อาวุโส, เอตํ ภาริย’’นฺติ วตฺวา สมฺมุขฏฺาเน โปกฺขรณึ มาเปสิ. ‘‘เอตฺถ, ภนฺเต, เอกํ ปทุมคจฺฉํ มาเปถา’’ติ จ วุตฺโต ตมฺปิ มาเปสิ. อิทาเนตฺถ มหนฺตํ ปุปฺผํ ทสฺเสถาติ. เถโร ตมฺปิ ทสฺเสสิ. เอตฺถ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ อิตฺถิรูปํ ทสฺเสถาติ ¶ . เถโร โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ อิตฺถิรูปํ ทสฺเสสิ. ตโต นํ อาห – ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ปุนปฺปุนํ สุภโต มนสิ กโรถา’’ติ. เถโร อตฺตนาว มาปิตํ อิตฺถิรูปํ โอโลเกนฺโต โลภํ อุปฺปาเทสิ. ตทา อตฺตโน ปุถุชฺชนภาวํ ตฺวา ‘‘อวสฺสโย เม สปฺปุริส โหหี’’ติ อนฺเตวาสิกสฺส สนฺติเก อุกฺกุฏิกํ นิสีทิ. ‘‘เอตทตฺถเมวาหํ, ภนฺเต, อาคโต’’ติ เถรสฺส อสุภวเสน สลฺลหุกํ กตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา เถรสฺส โอกาสํ กาตุํ พหิ นิกฺขนฺโต. สุปริมทฺทิตสงฺขาโร เถโร ตสฺมึ ทิวาฏฺานโต นิกฺขนฺตมตฺเตเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ สงฺฆตฺเถรํ กตฺวา ธมฺมทินฺนตฺเถโร ติสฺสมหาวิหารํ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ. เอวรูปสฺส สมาปตฺติวเสน วิกฺขมฺภิโต กิเลโส ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ.
เอกจฺจสฺส ปน วุตฺตนเยเนว วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, วิปสฺสนาวเสน วิกฺขมฺภิโตว โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ, พุทฺธกาเล สฏฺิมตฺตา อารทฺธวิปสฺสกา ภิกฺขู วิย. เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิวิตฺตํ อรฺํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตา กิเลสานํ อสมุทาจารวเสน ‘‘ปฏิวิทฺธมคฺคผลา มย’’นฺติ สฺาย มคฺคผลตฺถาย ¶ วายามํ อกตฺวา ‘‘อมฺเหหิ ปฏิวิทฺธธมฺมํ ทสพลสฺส อาโรเจสฺสามา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ ¶ อาคจฺฉนฺติ.
สตฺถา เตสํ ปุเร อาคมนโตว อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, ปธานกมฺมิกา ภิกฺขู อชฺช มํ ปสฺสิตุํ อาคมิสฺสนฺติ, เตสํ มม ทสฺสนาย โอกาสํ อกตฺวา ‘อามกสุสานํ คนฺตฺวา อลฺลอสุภภาวนํ กโรถา’ติ ปหิเณยฺยาสี’’ติ. เถโร เตสํ อาคตานํ สตฺถารา กถิตสาสนํ อาโรเจสิ. เต ‘‘ตถาคโต อชานิตฺวา น กเถสฺสติ, อทฺธา เอตฺถ การณํ ภวิสฺสตี’’ติ อามกสุสานํ คนฺตฺวา อลฺลอสุภํ โอโลเกนฺตา โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อิทํ นูน สมฺมาสมฺพุทฺเธน ทิฏฺํ ภวิสฺสตี’’ติ ชาตสํเวคา ลทฺธมคฺคํ กมฺมฏฺานํ อาทิโต ปฏฺาย อารภึสุ. สตฺถา เตสํ วิปสฺสนาย อารทฺธภาวํ ตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว อิมํ โอภาสคาถมาห –
‘‘ยานิมานิ อปตฺตานิ, อลาพูเนว สารเท;
กาโปตกานิ อฏฺีนิ, ตานิ ทิสฺวาน กา รตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๔๙);
คาถาปริโยสาเน ¶ อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ. เอวรูปานํ วิปสฺสนาวเสน วิกฺขมฺภิตา กิเลสา ตถา วิกฺขมฺภิตาว โหนฺติ.
เอกจฺจสฺส วุตฺตนเยเนว นวกมฺมํ กโรนฺตสฺส กิเลโส โอกาสํ น ลภติ, นวกมฺมวเสน วิกฺขมฺภิโตว โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ จิตฺตลปพฺพเต ติสฺสตฺเถโร วิย. ตสฺส กิร อฏฺวสฺสิกกาเล อนภิรติ อุปฺปชฺชิ, โส ตํ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต อตฺตโน จีวรํ โธวิตฺวา รชิตฺวา ปตฺตํ ปจิตฺวา เกเส โอหาเรตฺวา อุปชฺฌายํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘กึ, อาวุโส มหาติสฺส, อตุฏฺสฺส วิย เต อากาโร’’ติ? อาม, ภนฺเต, อนภิรติ เม อุปฺปนฺนา, ตํ วิโนเทตุํ น สกฺโกมีติ. เถโร ตสฺสาสยํ โอโลเกนฺโต อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา อนุกมฺปาวเสน อาห – ‘‘อาวุโส ติสฺส, มยํ มหลฺลกา, เอกํ โน วสนฏฺานํ กโรหี’’ติ ¶ . ทุติยกถํ อกถิตปุพฺโพ ภิกฺขุ ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
อถ ¶ นํ เถโร อาห – ‘‘อาวุโส, นวกมฺมํ กโรนฺโต อุทฺเทสมคฺคฺจ มา วิสฺสชฺชิ, กมฺมฏฺานฺจ มนสิ กโรหิ, กาเลน จ กาลํ กสิณปริกมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘เอวํ กริสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ เถรํ วนฺทิตฺวา ตถารูปํ สปฺปายฏฺานํ โอโลเกตฺวา ‘‘เอตฺถ กาตุํ สกฺกา’’ติ ทารูหิ ปูเรตฺวา ฌาเปตฺวา โสเธตฺวา อิฏฺกาหิ ปริกฺขิปิตฺวา ทฺวารวาตปานาทีนิ โยเชตฺวา สทฺธึ จงฺกมนภูมิภิตฺติปริกมฺมาทีหิ เลณํ นิฏฺาเปตฺวา มฺจปีํ สนฺถริตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิฏฺิตํ เลเณ ปริกมฺมํ, วสถา’’ติ อาห. อาวุโส, ทุกฺเขน ตยา เอตํ กมฺมํ กตํ, อชฺช เอกทิวสํ ตฺวฺเเวตฺถ วสาหีติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วนฺทิตฺวา ปาเท โธวิตฺวา เลณํ ปวิสิตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน อตฺตนา กตกมฺมํ อาวชฺชิ. ตสฺส ‘‘มนาปํ มยา อุปชฺฌายสฺส กายเวยฺยาวจฺจํ กต’’นฺติ จินฺเตนฺตสฺส อพฺภนฺตเร ปีติ อุปฺปนฺนา. โส ตํ วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอวรูปสฺส นวกมฺมวเสน วิกฺขมฺภิโต กิเลโส ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ.
เอกจฺโจ ปน พฺรหฺมโลกโต อาคโต สุทฺธสตฺโต โหติ. ตสฺส อนาเสวนตาย กิเลโส น สมุทาจรติ, ภววเสน วิกฺขมฺภิโต โหติ. โส ตํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา ¶ อรหตฺตํ คณฺหาติ อายสฺมา มหากสฺสโป วิย. โส หิ อายสฺมา อคารมชฺเฌปิ กาเม อปริภฺุชิตฺวา มหาสมฺปตฺตึ ปหาย ปพฺพชิตฺวา นิกฺขนฺโต อนฺตรามคฺเค ปจฺจุคฺคมนตฺถาย อาคตํ สตฺถารํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา อฏฺเม อรุเณ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอวรูปสฺส ภววเสน วิกฺขมฺภิโต กิเลโส ตถา วิกฺขมฺภิโตว โหติ.
โย ปน อนนุภูตปุพฺพํ รูปาทิอารมฺมณํ ¶ ลภิตฺวา ตตฺเถว วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ, เอวรูปสฺส อนนุภูตารมฺมณวเสน กามจฺฉนฺโท อนุปฺปนฺโนว นุปฺปชฺชติ นาม.
อุปฺปนฺโน วา กามจฺฉนฺโท ปหียตีติ เอตฺถ อุปฺปนฺโนติ ชาโต ภูโต สมุทาคโต. ปหียตีติ ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ ปหาเนหิ ปหียติ, น ¶ ปุน อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. ตตฺถ วิปสฺสนาย กิเลสา ตทงฺควเสน ปหียนฺตีติ วิปสฺสนา ตทงฺคปฺปหานนฺติ เวทิตพฺพา. สมาปตฺติ ปน กิเลเส วิกฺขมฺเภตีติ สา วิกฺขมฺภนปฺปหานนฺติ เวทิตพฺพา. มคฺโค สมุจฺฉินฺทนฺโต อุปฺปชฺชติ, ผลํ ปฏิปฺปสฺสมฺภยมานํ, นิพฺพานํ สพฺพกิเลเสหิ นิสฺสฏนฺติ อิมานิ ตีณิ สมุจฺเฉทปฏิปสฺสทฺธินิสฺสรณปฺปหานานีติ วุจฺจนฺติ. อิเมหิ โลกิยโลกุตฺตเรหิ ปฺจหิ ปหาเนหิ ปหียตีติ อตฺโถ.
อสุภนิมิตฺตนฺติ ทสสุ อสุเภสุ อุปฺปนฺนํ สารมฺมณํ ปมชฺฌานํ. เตนาหุ โปราณา – ‘‘อสุภมฺปิ อสุภนิมิตฺตํ, อสุภารมฺมณา ธมฺมาปิ อสุภนิมิตฺต’’นฺติ. โยนิโสมนสิกโรโตติ. ‘‘ตตฺถ กตโม โยนิโสมนสิกาโร? อนิจฺเจ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตสฺส อุปายมนสิการสฺส วเสน มนสิกโรโต. อนุปฺปนฺโน เจว กามจฺฉนฺโท นุปฺปชฺชตีติ อสมุทาคโต น สมุทาคจฺฉติ. อุปฺปนฺโน จ กามจฺฉนฺโท ปหียตีติ สมุทาคโต จ กามจฺฉนฺโท ปฺจวิเธน ปหาเนน ปหียติ.
อปิจ ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, กลฺยาณมิตฺตตา สปฺปายกถาติ. ทสวิธฺหิ ¶ ¶ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, ภาเวนฺตสฺสาปิ, อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวารสฺสาปิ, จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ อาโลปานํ โอกาเส สติ อุทกํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลตาย โภชเน มตฺตฺุโนปิ. เตเนตํ วุตฺตํ –
‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);
อสุภกมฺมิกติสฺสตฺเถรสทิเส อสุภภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ทสอสุภนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.
๑๗. สตฺตเม เมตฺตา เจโตวิมุตฺตีติ สพฺพสตฺเตสุ หิตผรณกา เมตฺตา. ยสฺมา ปน ตํสมฺปยุตฺตจิตฺตํ นีวรณาทีหิ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุจฺจติ, ตสฺมา สา ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ วุจฺจติ. วิเสสโต วา สพฺพพฺยาปาทปริยุฏฺาเนน วิมุตฺตตฺตา สา เจโตวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ ‘‘เมตฺตา’’ติ เอตฺตาวตา ¶ ปุพฺพภาโคปิ วฏฺฏติ, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปน อิธ ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน อปฺปนาว อธิปฺเปตา. โยนิโสมนสิกโรโตติ ตํ เมตฺตํ เจโตวิมุตฺตึ วุตฺตลกฺขเณน อุปายมนสิกาเรน มนสิกโรนฺตสฺส.
อปิจ ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, เมตฺตาภาวนานุโยโค, กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณา, ปฏิสงฺขานพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณานฺหิ ¶ อฺตรวเสน เมตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ, โอธิโส อโนธิโส ทิสาผรณวเสน เมตฺตํ ภาเวนฺตสฺสาปิ. ‘‘ตฺวํ เอตสฺส กุทฺโธ กึ กริสฺสสิ, กิมสฺส สีลาทีนิ นาเสตุํ สกฺขิสฺสสิ, นนุ ตฺวํ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสสิ? ปรสฺส กุชฺฌนํ นาม วีตจฺจิตงฺคารตตฺตอยสลากคูถาทีนิ คเหตฺวา ปรํ ปหริตุกามตาสทิสํ โหติ. เอโสปิ ตว กุทฺโธ กึ กริสฺสติ, กึ เต สีลาทีนิ นาเสตุํ สกฺขิสฺสติ? เอส อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสติ, อปฺปฏิจฺฉิตปเหณกํ วิย ปฏิวาตํ ขิตฺตรโชมุฏฺิ วิย จ เอตสฺเสเวส โกโธ มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ เอวํ อตฺตโน จ ปรสฺส จ กมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ, อุภยกมฺมสฺสกตํ ¶ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิสงฺขาเน ิตสฺสาปิ, อสฺสคุตฺตตฺเถรสทิเส เมตฺตาภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ เมตฺตานิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. เสสมิธ อิโต ปเรสุ จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, วิเสสมตฺตเมว ปน วกฺขามาติ.
๑๘. อฏฺเม อารมฺภธาตูอาทีสุ อารมฺภธาตุ นาม ปมารมฺภวีริยํ. นิกฺกมธาตุ นาม โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตฺตา ตโต พลวตรํ. ปรกฺกมธาตุ นาม ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตรํ. อฏฺกถายํ ¶ ปน ‘‘อารมฺโภ เจตโส กามานํ ปนูทนาย, นิกฺกโม เจตโส ปลิฆุคฺฆาฏนาย, ปรกฺกโม เจตโส พนฺธนจฺเฉทนายา’’ติ วตฺวา ‘‘ตีหิ เปเตหิ อธิมตฺตวีริยเมว กถิต’’นฺติ วุตฺตํ.
อารทฺธวีริยสฺสาติ ¶ ปริปุณฺณวีริยสฺส เจว ปคฺคหิตวีริยสฺส จ. ตตฺถ จตุโทสาปคตํ วีริยํ อารทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ. น จ อติลีนํ โหติ, น จ อติปคฺคหิตํ, น จ อชฺฌตฺตํ สํขิตฺตํ, น จ พหิทฺธา วิกฺขิตฺตํ. ตเทตํ ทุวิธํ โหติ – กายิกํ, เจตสิกฺจ. ตตฺถ ‘‘อิธ ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ (วิภ. ๕๑๙) เอวํ รตฺติทิวสสฺส ปฺจ โกฏฺาเส กาเยน ฆเฏนฺตสฺส วายมนฺตสฺส กายิกวีริยํ เวทิตพฺพํ. ‘‘น ตาวาหํ อิโต เลณา นิกฺขมิสฺสามิ, ยาว เม น อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ เอวํ โอกาสปริจฺเฉเทน วา, ‘‘น ตาวาหํ อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ เอวํ นิสชฺชาทิปริจฺเฉเทน วา มานสํ พนฺธิตฺวา ฆเฏนฺตสฺส วายมนฺตสฺส เจตสิกวีริยํ เวทิตพฺพํ. ตทุภยมฺปิ อิธ วฏฺฏติ. ทุวิเธนาปิ หิ อิมินา วีริเยน อารทฺธวีริยสฺส อนุปฺปนฺนฺเจว ถินมิทฺธํ นุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนฺจ ถินมิทฺธํ ปหียติ มิลกฺขติสฺสตฺเถรสฺส วิย, คามนฺตปพฺภารวาสิมหาสีวตฺเถรสฺส วิย, ปีติมลฺลกตฺเถรสฺส วิย, กุฏุมฺพิยปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส วิย จ. เอเตสุ หิ ปุริมา ตโย อฺเ จ เอวรูปา กายิกวีริเยน อารทฺธวีริยา, กุฏุมฺพิยปุตฺตติสฺสตฺเถโร อฺเ จ เอวรูปา ¶ เจตสิกวีริเยน อารทฺธวีริยา, อุจฺจาวาลุกวาสี มหานาคตฺเถโร ปน ทฺวีหิปิ วีริเยหิ อารทฺธวีริโยว. เถโร กิร เอกํ สตฺตาหํ จงฺกมติ, เอกํ ติฏฺติ, เอกํ นิสีทติ, เอกํ นิปชฺชติ. มหาเถรสฺส เอกอิริยาปโถปิ อสปฺปาโย นาม นตฺถิ, จตุตฺเถ สตฺตาเห วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.
อปิจ ¶ ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห, อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสฺามนสิกาโร, อพฺโภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. อาหรหตฺถก-ภุตฺตวมิตก-ตตฺรวฏฺฏก-อลํสาฏก-กากมาสก-พฺราหฺมณาทโย วิย โภชนํ ภฺุชิตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส หิ สมณธมฺมํ กโรโต ถินมิทฺธํ มหาหตฺถี วิย โอตฺถรนฺตํ อาคจฺฉติ, จตุปฺจอาโลปโอกาสํ ปน เปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลสฺส ภิกฺขุโน ตํ น โหตีติ เอวํ อติโภชเน นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสาปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ. ยสฺมึ อิริยาปเถ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต อฺํ ปริวตฺเตนฺตสฺสาปิ, รตฺตึ จนฺทาโลกทีปาโลกอุกฺกาโลเก ทิวา สูริยาโลกํ มนสิกโรนฺตสฺสาปิ ¶ , อพฺโภกาเส วสนฺตสฺสาปิ, มหากสฺสปตฺเถรสทิเส ปหีนถินมิทฺเธ กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.
๑๙. นวเม วูปสนฺตจิตฺตสฺสาติ ฌาเนน วา วิปสฺสนาย วา วูปสมิตจิตฺตสฺส.
อปิจ ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ¶ ปกตฺุตา, วุทฺธเสวิตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. พาหุสจฺเจนาปิ หิ เอกํ วา ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสาปิ, วินยปฺตฺติยํ จิณฺณวสีภาวตาย ปกตฺุโนปิ, วุฑฺเฒ มหลฺลกตฺเถเร อุปสงฺกมนฺตสฺสาปิ, อุปาลิตฺเถรสทิเส วินยธเร กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ กปฺปิยากปฺปิยนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.
๒๐. ทสเม โยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโตติ วุตฺตนเยเนว อุปายโต มนสิกโรนฺตสฺส.
อปิจ ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺติ – พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, อธิโมกฺขพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. พหุสจฺเจนาปิ หิ เอกํ ¶ วา…เป… ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตีณิ รตนานิ อารพฺภ ปริปุจฺฉาพหุลสฺสาปิ, วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสาปิ, ตีสุ รตเนสุ โอกปฺปนิยสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาปิ, สทฺธาธิมุตฺเต วกฺกลิตฺเถรสทิเส กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ติณฺณํ รตนานํ คุณนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิมสฺมึ นีวรณปฺปหานวคฺเค วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ.
นีวรณปฺปหานวคฺควณฺณนา.
๓. อกมฺมนิยวคฺควณฺณนา
๒๑-๒๒. ตติยสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม อภาวิตนฺติ อวฑฺฒิตํ ภาวนาวเสน อปฺปวตฺติตํ. อกมฺมนิยํ โหตีติ กมฺมกฺขมํ กมฺมโยคฺคํ น โหติ. ทุติเย วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ ปเม จิตฺตนฺติ วฏฺฏวเสน อุปฺปนฺนจิตฺตํ, ทุติเย วิวฏฺฏวเสน อุปฺปนฺนจิตฺตํ. ตตฺถ จ วฏฺฏํ วฏฺฏปาทํ, วิวฏฺฏํ วิวฏฺฏปาทนฺติ อยํ ปเภโท เวทิตพฺโพ. วฏฺฏํ นาม เตภูมกวฏฺฏํ, วฏฺฏปาทํ นาม วฏฺฏปฏิลาภาย กมฺมํ, วิวฏฺฏํ นาม นว โลกุตฺตรธมฺมา, วิวฏฺฏปาทํ นาม วิวฏฺฏปฏิลาภาย กมฺมํ. อิติ อิเมสุ สุตฺเตสุ วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตนฺติ.
๒๓-๒๔. ตติเย วฏฺฏวเสเนว อุปฺปนฺนจิตฺตํ เวทิตพฺพํ. มหโต อนตฺถาย สํวตฺตตีติ เทวมนุสฺสสมฺปตฺติโย มารพฺรหฺมอิสฺสริยานิ จ ททมานมฺปิ ปุนปฺปุนํ ชาติชราพฺยาธิมรณโสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาเส ขนฺธธาตุอายตนปฏิจฺจสมุปฺปาทวฏฺฏานิ จ ททมานํ เกวลํ ทุกฺขกฺขนฺธเมว เทตีติ มหโต อนตฺถาย สํวตฺตติ นามาติ. จตุตฺเถ จิตฺตนฺติ วิวฏฺฏวเสเนว อุปฺปนฺนจิตฺตํ.
๒๕-๒๖. ปฺจมฉฏฺเสุ อภาวิตํ อปาตุภูตนฺติ อยํ วิเสโส. ตตฺรามยธิปฺปาโย – วฏฺฏวเสน อุปฺปนฺนจิตฺตํ นาม อุปฺปนฺนมฺปิ อภาวิตํ อปาตุภูตเมว โหติ. กสฺมา ¶ ? โลกุตฺตรปาทกชฺฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพาเนสุ ปกฺขนฺทิตุํ อสมตฺถตฺตา. วิวฏฺฏวเสน อุปฺปนฺนํ ปน ภาวิตํ ปาตุภูตํ นาม โหติ. กสฺมา? เตสุ ธมฺเมสุ ปกฺขนฺทิตุํ สมตฺถตฺตา. กุรุนฺทกวาสี ผุสฺสมิตฺตตฺเถโร ปนาห – ‘‘มคฺคจิตฺตเมว, อาวุโส, ภาวิตํ ปาตุภูตํ นาม โหตี’’ติ.
๒๗-๒๘. สตฺตมฏฺเมสุ อพหุลีกตนฺติ ปุนปฺปุนํ อกตํ. อิมานิปิ ทฺเว วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน อุปฺปนฺนจิตฺตาเนว เวทิตพฺพานีติ.
๒๙. นวเม ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตํ ทุกฺขํ อธิวหติ อาหรตีติ ทุกฺขาธิวหํ. ทุกฺขาธิวาหนฺติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – โลกุตฺตรปาทกชฺฌานาทิ ¶ อริยธมฺมาภิมุขํ ทุกฺเขน ¶ อธิวาหียติ เปสียตีติ ทุกฺขาธิวาหํ. อิทมฺปิ วฏฺฏวเสน อุปฺปนฺนจิตฺตเมว. ตฺหิ วุตฺตปฺปการา เทวมนุสฺสาทิสมฺปตฺติโย ททมานมฺปิ ชาติอาทีนํ อธิวหนโต ทุกฺขาธิวหํ, อริยธมฺมาธิคมาย ทุปฺเปสนโต ทุกฺขาธิวาหฺจ นาม โหตีติ.
๓๐. ทสเม วิวฏฺฏวเสน อุปฺปนฺนจิตฺตเมว จิตฺตํ. ตฺหิ มานุสกสุขโต ทิพฺพสุขํ, ทิพฺพสุขโต ฌานสุขํ, ฌานสุขโต วิปสฺสนาสุขํ, วิปสฺสนาสุขโต มคฺคสุขํ, มคฺคสุขโต ผลสุขํ, ผลสุขโต นิพฺพานสุขํ อธิวหติ อาหรตีติ สุขาธิวหํ นาม โหติ, สุขาธิวาหํ วา. ตฺหิ โลกุตฺตรปาทกชฺฌานาทิอริยธมฺมาภิมุขํ ¶ สุเปสยํ วิสฺสฏฺอินฺทวชิรสทิสํ โหตีติ สุขาธิวาหนฺติปิ วุจฺจติ. อิมสฺมิมฺปิ วคฺเค วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตนฺติ.
อกมฺมนิยวคฺควณฺณนา.
๔. อทนฺตวคฺควณฺณนา
๓๑. จตุตฺถสฺส ¶ ปเม อทนฺตนฺติ สวิเสวนํ อทนฺตหตฺถิอสฺสาทิสทิสํ. จิตฺตนฺติ วฏฺฏวเสน อุปฺปนฺนจิตฺตเมว.
๓๒. ทุติเย ทนฺตนฺติ นิพฺพิเสวนํ ทนฺตหตฺถิอสฺสาทิสทิสํ. อิมสฺมิมฺปิ สุตฺตทฺวเย วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน อุปฺปนฺนจิตฺตเมว กถิตํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุปีติ.
๓๓. ตติเย อคุตฺตนฺติ อโคปิตํ สติสํวรรหิตํ อคุตฺตหตฺถิอสฺสาทิสทิสํ.
๓๔. จตุตฺเถ คุตฺตนฺติ โคปิตํ อวิสฺสฏฺสติสํวรํ คุตฺตหตฺถิอสฺสาทิสทิสํ.
๓๕-๓๖. ปฺจมฉฏฺานิ อรกฺขิตํ รกฺขิตนฺติ ปทวเสน พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน วุตฺตานิ. อตฺโถ ปเนตฺถ ปุริมสทิโสเยว.
๓๗-๓๘. สตฺตมฏฺเมสุปิ ¶ เอเสว นโย. อุปมา ปเนตฺถ อสํวุตฆรทฺวาราทิวเสน เวทิตพฺพา.
๓๙-๔๐. นวมทสมานิ จตูหิปิ ปเทหิ โยเชตฺวา วุตฺตานิ. อิมสฺมิมฺปิ วคฺเค วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตนฺติ.
อทนฺตวคฺควณฺณนา.
๕. ปณิหิตอจฺฉวคฺควณฺณนา
๔๑. ปฺจมสฺส ¶ ¶ ปเม เสยฺยถาปีติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. ตตฺร ภควา กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ วตฺถสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๗๐ อาทโย) วิย, ปาริจฺฉตฺตโกปม- (อ. นิ. ๗.๖๙) อคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเตสุ (อ. นิ. ๗.๗๒) วิย จ, กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ โลณมฺพิลสุตฺเต (อ. นิ. ๓.๑๐๑) วิย, สุวณฺณการสุตฺตสูริโยปมาทิสุตฺเตสุ (อ. นิ. ๗.๖๖) วิย จ. อิมสฺมึ ปน สาลิสูโกปเม อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ สาลิสูกนฺติ สาลิผลสฺส สูกํ. ยวสูเกปิ เอเสว นโย. วา-สทฺโท วิกปฺปตฺโถ. มิจฺฉาปณิหิตนฺติ มิจฺฉาปิตํ. ยถา วิชฺฌิตุํ สกฺโกติ, น เอวํ อุทฺธคฺคํ กตฺวา ปิตนฺติ อตฺโถ. เภจฺฉตีติ ภินฺทิสฺสติ, ฉวึ ฉินฺทิสฺสตีติ อตฺโถ. มิจฺฉาปณิหิเตน จิตฺเตนาติ มิจฺฉาปิเตน จิตฺเตน. วฏฺฏวเสน อุปฺปนฺนจิตฺตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อวิชฺชนฺติ อฏฺสุ าเนสุ อฺาณภูตํ ฆนพหลํ มหาอวิชฺชํ. วิชฺชํ อุปฺปาเทสฺสตีติ เอตฺถ วิชฺชนฺติ อรหตฺตมคฺคาณํ. นิพฺพานนฺติ ตณฺหาวานโต นิกฺขนฺตภาเวน เอวํ วุตฺตํ อมตํ. สจฺฉิกริสฺสตีติ ปจฺจกฺขํ กริสฺสติ.
๔๒. ทุติเย สมฺมาปณิหิตนฺติ ยถา ภินฺทิตุํ สกฺโกติ, เอวํ อุทฺธคฺคํ กตฺวา สุฏฺุ ปิตํ. อกฺกนฺตนฺติ เอตฺถ ปาเทเนว อกฺกนฺตํ นาม โหติ, หตฺเถน อุปฺปีฬิตํ. รุฬฺหิสทฺทวเสน ปน อกฺกนฺตนฺเตว ¶ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อริยโวหาโร. กสฺมา ปน อฺเ เสปณฺณิกณฺฏกมทนกณฺฏกาทโย มหนฺเต อคฺคเหตฺวา สุขุมํ ทุพฺพลํ สาลิสูกยวสูกเมว คหิตนฺติ? อปฺปมตฺตกสฺสาปิ ¶ กุสลกมฺมสฺส วิวฏฺฏาย สมตฺถภาวทสฺสนตฺถํ. ยถา หิ สุขุมํ ทุพฺพลํ สาลิสูกํ วา ยวสูกํ วา โหตุ, มหนฺตมหนฺตา เสปณฺณิกณฺฏกมทนกณฺฏกาทโย วา, เอเตสุ ยํกิฺจิ มิจฺฉา ปิตํ หตฺถํ วา ปาทํ วา ภินฺทิตุํ โลหิตํ วา อุปฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, สมฺมา ปิตํ ปน สกฺโกติ, เอวเมว อปฺปมตฺตกํ ติณมุฏฺิ มตฺตทานกุสลํ วา โหตุ, มหนฺตํ เวลามทานาทิกุสลํ วา, สเจ วฏฺฏสมฺปตฺตึ ปตฺเถตฺวา วฏฺฏสนฺนิสฺสิตวเสน มิจฺฉา ปิตํ โหติ, วฏฺฏเมว อาหริตุํ สกฺโกติ, โน วิวฏฺฏํ. ‘‘อิทํ เม ทานํ อาสวกฺขยาวหํ โหตู’’ติ เอวํ ปน ¶ วิวฏฺฏํ ปตฺเถนฺเตน วิวฏฺฏวเสน สมฺมา ปิตํ อรหตฺตมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณมฺปิ สพฺพฺุตาณมฺปิ ทาตุํ สกฺโกติเยว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปฏิสมฺภิทา วิโมกฺขา จ, ยา จ สาวกปารมี;
ปจฺเจกโพธิ พุทฺธภูมิ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ. (ขุ. ปา. ๘.๑๕);
อิมสฺมึ สุตฺตทฺวเย จ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.
๔๓. ตติเย ปทุฏฺจิตฺตนฺติ โทเสน ปทุฏฺจิตฺตํ. เจตสา เจโตปริจฺจาติ อตฺตโน จิตฺเตน ตสฺส จิตฺตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา. ยถาภตํ นิกฺขิตฺโตติ ยถา อาหริตฺวา ปิโต. เอวํ นิรเยติ เอวํ นิรเย ิโตเยวาติ วตฺตพฺโพ. อปายนฺติอาทิ ¶ สพฺพํ นิรยเววจนเมว. นิรโย หิ อยสงฺขาตา สุขา อเปโตติ อปาโย, ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ, ทุกฺกฏการิโน เอตฺถ วิวสา นิปตนฺตีติ วินิปาโต, นิรสฺสาทตฺเถน นิรโย.
๔๔. จตุตฺเถ ปสนฺนนฺติ สทฺธาปสาเทน ปสนฺนํ. สุคตินฺติ สุขสฺส คตึ. สคฺคํ โลกนฺติ รูปาทิสมฺปตฺตีหิ สุฏฺุ อคฺคํ โลกํ.
๔๕. ปฺจเม อุทกรหโทติ อุทกทโห. อาวิโลติ อวิปฺปสนฺโน. ลุฬิโตติ อปริสณฺิโต. กลลีภูโตติ กทฺทมีภูโต. สิปฺปิสมฺพุกนฺติอาทีสุ สิปฺปิโย จ สมฺพุกา จ สิปฺปิสมฺพุกํ. สกฺขรา จ กลานิ จ สกฺขรกลํ. มจฺฉานํ คุมฺพํ ฆฏาติ มจฺฉคุมฺพํ. จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปีติ เอตฺถ สกฺขรกลํ ติฏฺติเยว, อิตรานิ จรนฺติปิ ติฏฺนฺติปิ. ยถา ปน อนฺตรนฺตรา ิตาสุปิ นิสินฺนาสุปิ นิปชฺชมานาสุปิ ‘‘เอตา คาวิโย ¶ จรนฺตี’’ติ จรนฺติโย อุปาทาย อิตราปิ ‘‘จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ ติฏฺนฺตเมว สกฺขรกลํ อุปาทาย อิตรมฺปิ ทฺวยํ ‘‘ติฏฺนฺต’’นฺติ วุตฺตํ, อิตรํ ทฺวยํ จรนฺตํ อุปาทาย สกฺขรกลมฺปิ ‘‘จรนฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
อาวิเลนาติ ปฺจหิ นีวรเณหิ ปริโยนทฺเธน. อตฺตตฺถํ วาติอาทีสุ อตฺตโน ทิฏฺธมฺมิโก โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโก อตฺโถ อตฺตตฺโถ นาม. อตฺตโนว สมฺปราเย โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโก ¶ อตฺโถ ปรตฺโถ นาม โหติ. โส หิ ¶ ปรตฺถ อตฺโถติ ปรตฺโถ. ตทุภยํ อุภยตฺโถ นาม. อปิจ อตฺตโน ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิโกปิ โลกิยโลกุตฺตโร อตฺโถ อตฺตตฺโถ นาม, ปรสฺส ตาทิโสว อตฺโถ ปรตฺโถ นาม, ตทุภยมฺปิ อุภยตฺโถ นาม. อุตฺตรึ วา มนุสฺสธมฺมาติ ทสกุสลกมฺมปถสงฺขาตา มนุสฺสธมฺมา อุตฺตรึ. อยฺหิ ทสวิโธ ธมฺโม วินาปิ อฺํ สมาทาปกํ สตฺถนฺตรกปฺปาวสาเน ชาตสํเวเคหิ มนุสฺเสหิ สยเมว สมาทินฺนตฺตา มนุสฺสธมฺโมติ วุจฺจติ, ตโต อุตฺตรึ ปน ฌานวิปสฺสนามคฺคผลานิ เวทิตพฺพานิ. อลมริยาณทสฺสนวิเสสนฺติ อริยานํ ยุตฺตํ, อริยภาวํ วา กาตุํ สมตฺถํ าณทสฺสนสงฺขาตํ วิเสสํ. าณเมว หิ ชานนฏฺเน าณํ, ทสฺสนฏฺเน ทสฺสนนฺติ เวทิตพฺพํ, ทิพฺพจกฺขุาณวิปสฺสนาาณมคฺคาณผลาณปจฺจเวกฺขณาณานเมตํ อธิวจนํ.
๔๖. ฉฏฺเ อจฺโฉติ อพหโล, ปสนฺโนติปิ วฏฺฏติ. วิปฺปสนฺโนติ สุฏฺุ ปสนฺโน. อนาวิโลติ น อาวิโล, ปริสุทฺโธติ อตฺโถ, เผณปุพฺพุฬสงฺขเสวาลปณกวิรหิโตติ วุตฺตํ โหติ. อนาวิเลนาติ ปฺจนีวรณวิมุตฺเตน. เสสํ จตุตฺเถ วุตฺตนยเมว. อิมสฺมิมฺปิ สุตฺตทฺวเย วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตํ.
๔๗. สตฺตเม รุกฺขชาตานนฺติ ปจฺจตฺเต สามิวจนํ, รุกฺขชาตานีติ อตฺโถ. รุกฺขานเมตํ อธิวจนํ. ยทิทนฺติ นิปาตมตฺตํ. มุทุตายาติ ¶ มุทุภาเวน. โกจิ หิ รุกฺโข วณฺเณน อคฺโค โหติ, โกจิ คนฺเธน, โกจิ รเสน, โกจิ ถทฺธตาย. ผนฺทโน ปน มุทุตาย เจว กมฺมฺตาย จ อคฺโค เสฏฺโติ ทสฺเสติ. จิตฺตํ, ภิกฺขเว, ภาวิตํ พหุลีกตนฺติ เอตฺถ สมถวิปสฺสนาวเสน ภาวิตฺเจว ปุนปฺปุนกตฺจ จิตฺตํ ¶ อธิปฺเปตํ. กุรุนฺทกวาสิ ผุสฺสมิตฺตตฺเถโร ปนาห – ‘‘เอกนฺตํ มุทุ เจว กมฺมนิยฺจ จิตฺตํ นาม อภิฺาปาทกจตุตฺถชฺฌานจิตฺตเมว, อาวุโส’’ติ.
๔๘. อฏฺเม เอวํ ลหุปริวตฺตนฺติ เอวํ ลหุํ อุปฺปชฺชิตฺวา ลหุํ นิรุชฺฌนกํ. ยาวฺจาติ อธิมตฺตปมาณตฺเถ นิปาโต, อติวิย น สุกราติ อตฺโถ. อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ. จิตฺตนฺติ เอกจฺเจ ตาว อาจริยา ‘‘ภวงฺคจิตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ปน ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อิธ จิตฺตนฺติ ยํกิฺจิ อนฺตมโส จกฺขุวิฺาณมฺปิ อธิปฺเปตเมวา’’ติ วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ มิลินฺทราชา ธมฺมกถิกํ นาคเสนตฺเถรํ ปุจฺฉิ, ‘‘ภนฺเต นาคเสน, เอกสฺมึ อจฺฉรากฺขเณ ปวตฺติตจิตฺตสงฺขารา ¶ สเจ รูปิโน อสฺสุ, กีว มหาราสิ ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘วาหสตานํ โข, มหาราช, วีหีนํ อฑฺฒจูฬฺจ วาหา วีหิสตฺตมฺพณานิ ทฺเว จ ตุมฺพา เอกจฺฉรากฺขเณ ปวตฺติตสฺส จิตฺตสฺส สงฺขมฺปิ น อุเปนฺติ, กลมฺปิ น อุเปนฺติ, กลภาคมฺปิ น อุเปนฺตี’’ติ (มิ. ป. ๔.๑.๒). อถ กสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ‘‘อุปมาปิ น สุกรา’’ติ วุตฺตํ? ยเถว หิ อุปมํ ปฏิกฺขิปิตฺวาปิ กปฺปทีฆภาวสฺส ¶ โยชนิกปพฺพเตน โยชนิกสาสปปุณฺณนคเรน, นิรยทุกฺขสฺส สตฺติสตาหโตปเมน, สคฺคสุขสฺส จ จกฺกวตฺติสมฺปตฺติยา อุปมา กตา, เอวมิธาปิ กาตพฺพาติ? ตตฺถ ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, อุปมา กาตุ’’นฺติ เอวํ ปุจฺฉาวเสน อุปมา กตา, อิมสฺมึ สุตฺเต ปุจฺฉาย อภาเวน น กตา. อิทฺหิ สุตฺตํ ธมฺมเทสนาปริโยสาเน วุตฺตํ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต จิตฺตราสิ นาม กถิโตติ.
๔๙. นวเม ปภสฺสรนฺติ ปณฺฑรํ ปริสุทฺธํ. จิตฺตนฺติ ภวงฺคจิตฺตํ. กึ ปน จิตฺตสฺส วณฺโณ นาม อตฺถีติ? นตฺถิ. นีลาทีนฺหิ อฺตรวณฺณํ วา โหตุ อวณฺณํ วา ยํกิฺจิ ปริสุทฺธตาย ‘‘ปภสฺสร’’นฺติ วุจฺจติ. อิทมฺปิ นิรุปกฺกิเลสตาย ปริสุทฺธนฺติ ปภสฺสรํ. ตฺจ โขติ ตํ ภวงฺคจิตฺตํ. อาคนฺตุเกหีติ อสหชาเตหิ ปจฺฉา ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชนเกหิ. อุปกฺกิเลเสหีติ ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺตฺตา อุปกฺกิลิฏฺํ นามาติ วุจฺจติ. กถํ? ยถา หิ สีลวนฺตา อาจารสมฺปนฺนา มาตาปิตโร วา อาจริยุปชฺฌายา วา ทุสฺสีลานํ ทุราจารานํ อวตฺตสมฺปนฺนานํ ปุตฺตานฺเจว อนฺเตวาสิกสทฺธิวิหาริกานฺจ วเสน ‘‘อตฺตโน ปุตฺเต วา อนฺเตวาสิกสทฺธิวิหาริเก วา น ตชฺเชนฺติ น สิกฺขาเปนฺติ น โอวทนฺติ นานุสาสนฺตี’’ติ ¶ อวณฺณํ อกิตฺตึ ลภนฺติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. อาจารสมฺปนฺนา มาตาปิตโร วิย จ อาจริยุปชฺฌายา วิย จ ภวงฺคจิตฺตํ ทฏฺพฺพํ, ปุตฺตาทีนํ วเสน เตสํ อกิตฺติลาโภ วิย ชวนกฺขเณ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนสภาวานํ โลภสหคตาทีนํ จิตฺตานํ วเสน อุปฺปนฺเนหิ อาคนฺตุเกหิ ¶ อุปกฺกิเลเสหิ ปกติปริสุทฺธมฺปิ ภวงฺคจิตฺตํ อุปกฺกิลิฏฺํ นาม โหตีติ.
๕๐. ทสเมปิ ภวงฺคจิตฺตเมว จิตฺตํ. วิปฺปมุตฺตนฺติ ชวนกฺขเณ อรชฺชมานํ อทุสฺสมานํ อมุยฺหมานํ ติเหตุกาณสมฺปยุตฺตาทิกุสลวเสน อุปฺปชฺชมานํ อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตํ นาม โหติ. อิธาปิ ยถา สีลวนฺตานํ อาจารสมฺปนฺนานํ ปุตฺตาทีนํ วเสน มาตาทโย ‘‘โสภนา เอเตเยว อตฺตโน ปุตฺตกาทโย สิกฺขาเปนฺติ โอวทนฺติ อนุสาสนฺตี’’ติ วณฺณกิตฺติลาภิโน ¶ โหนฺติ, เอวํ ชวนกฺขเณ อุปฺปนฺนกุสลจิตฺตวเสน อิทํ ภวงฺคจิตฺตํ อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตนฺติ วุจฺจตีติ.
ปณิหิตอจฺฉวคฺควณฺณนา.
๖. อจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา
๕๑. ฉฏฺสฺส ¶ ปเม ตํ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโนติ ตํ ภวงฺคจิตฺตํ สุตวิรหิโต ปุถุชฺชโน. ตตฺถ อาคมาธิคมาภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิติ. โย หิ อิทํ สุตฺตํ อาทิโต ปฏฺาย อตฺถวเสน อุปปริกฺขนฺโต ‘‘อิทํ ภวงฺคจิตฺตํ นาม ปกติปริสุทฺธมฺปิ ชวนกฺขเณ อุปฺปนฺเนหิ โลภาทีหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺ’’นฺติ เนว อาคมวเสน น อธิคมวเสน ชานาติ, ยสฺส จ ขนฺธธาตุอายตนปจฺจยาการสติปฏฺานาทีสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวินิจฺฉยวิรหิตตฺตา ยถาภูตาณปฏิเวธสาธโก เนว อาคโม, ปฏิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพสฺส อนธิคตตฺตา น อธิคโม อตฺถิ. โส อาคมาธิคมาภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิติ. สฺวายํ –
‘‘ปุถูนํ ¶ ชนนาทีหิ, การเณหิ ปุถุชฺชโน;
ปุถุชฺชนนฺโตคธตฺตา, ปุถุวายํ ชโน อิติ’’.
โส ¶ หิ ปุถูนํ นานปฺปการานํ กิเลสาทีนํ ชนนาทีหิ การเณหิ ปุถุชฺชโน. ยถาห –
‘‘ปุถุ กิเลเส ชเนนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ อวิหตสกฺกายทิฏฺิกาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ สตฺถารานํ มุขุลฺโลกิกาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ สพฺพคตีหิ อวุฏฺิตาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาภิสงฺขาเร อภิสงฺขโรนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาโอเฆหิ วุยฺหนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาสนฺตาเปหิ สนฺตปฺปนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาปริฬาเหหิ ปริฑยฺหนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ ปฺจสุ กามคุเณสุ รตฺตา คิทฺธา คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌปนฺนา ลคฺคา ลคฺคิตา ปลิพุทฺธาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ ปฺจหิ นีวรเณหิ อาวุตา นิวุตา โอวุตา ปิหิตา ปฏิจฺฉนฺนา ปฏิกุชฺชิตาติ ปุถุชฺชนา’’ติ (มหานิ. ๕๑, ๙๔).
ปุถูนํ วา คณนปถมตีตานํ อริยธมฺมปรมฺมุขานํ นีจธมฺมสมาจารานํ ชนานํ อนฺโตคธตฺตาปิ ปุถุชฺชโน, ปุถุ วา อยํ วิสุํเยว สงฺขํ คโต, วิสํสฏฺโ สีลสุตาทิคุณยุตฺเตหิ อริเยหิ ชโนติ ปุถุชฺชโน. เอวเมเตหิ ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ ทฺวีหิ ปเทหิ เย เต –
‘‘ทุเว ¶ ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
อนฺโธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโน’’ติ. –
ทฺเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, เตสุ อนฺธปุถุชฺชโน วุตฺโต โหตีติ เวทิตพฺโพ.
ยถาภูตํ นปฺปชานาตีติ ‘‘อิทฺจ ภวงฺคจิตฺตํ เอวํ อาคนฺตุเกหิ ¶ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺํ นาม โหติ, เอวํ วิปฺปมุตฺตํ นามา’’ติ ยถาสภาวโต น ชานาติ. ตสฺมาติ ยสฺมา น ชานาติ, ตสฺมา. จิตฺตภาวนา นตฺถีติ จิตฺตฏฺิติ จิตฺตปริคฺคโห นตฺถิ, นตฺถิภาเวเนว ‘‘นตฺถี’’ติ วทามีติ ทสฺเสติ.
๕๒. ทุติเย ¶ สุตวาติ สุตสมฺปนฺโน. วิตฺถารโต ปเนตฺถ อสฺสุตวาติ ปทสฺส ปฏิปกฺขวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อริยสาวโกติ อตฺถิ อริโย น สาวโก, เสยฺยถาปิ พุทฺธา เจว ปจฺเจกพุทฺธา จ; อตฺถิ สาวโก น อริโย, เสยฺยถาปิ คิหี อนาคตผโล; อตฺถิ เนว อริโย น สาวโก เสยฺยถาปิ ปุถุติตฺถิยา. อตฺถิ อริโยเจว สาวโก จ, เสยฺยถาปิ สมณา สกฺยปุตฺติยา อาคตผลา วิฺาตสาสนา. อิธ ปน คิหี วา โหตุ ปพฺพชิโต วา, โย โกจิ สุตวาติ เอตฺถ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส วเสน สุตสมฺปนฺโน, อยํ อริยสาวโกติ เวทิตพฺโพ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ ‘‘เอวมิทํ ภวงฺคจิตฺตํ อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตํ โหติ, เอวํ อุปกฺกิลิฏฺ’’นฺติ ยถาสภาวโต ชานาติ. จิตฺตภาวนา อตฺถีติ จิตฺตฏฺิติ จิตฺตปริคฺคโห อตฺถิ, อตฺถิภาเวเนว ‘‘อตฺถี’’ติ วทามีติ ทสฺเสติ. อิมสฺมึ สุตฺเต พลววิปสฺสนา กถิตา. เกจิ ตรุณวิปสฺสนาติ วทนฺติ.
๕๓. ตติยํ อฏฺุปฺปตฺติยํ กถิตํ. กตรายํ ปน อฏฺุปฺปตฺติยํ? อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตนฺตอฏฺุปฺปตฺติยํ. ภควา กิร เอกสฺมึ สมเย สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย เชตวนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. พุทฺธานฺจ ยตฺถ กตฺถจิ ¶ ปฏิวสนฺตานํ ปฺจวิธํ กิจฺจํ อวิชหิตเมว โหติ. ปฺจ หิ พุทฺธกิจฺจานิ – ปุเรภตฺตกิจฺจํ, ปจฺฉาภตฺตกิจฺจํ, ปุริมยามกิจฺจํ, มชฺฌิมยามกิจฺจํ, ปจฺฉิมยามกิจฺจนฺติ.
ตตฺริทํ ปุเรภตฺตกิจฺจํ – ภควา หิ ปาโตว วุฏฺาย อุปฏฺากานุคฺคหตฺถํ สรีรผาสุกตฺถฺจ มุขโธวนาทิสรีรปริกมฺมํ ¶ กตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา ตาว วิวิตฺตาสเน วีตินาเมตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย กทาจิ เอกโกว, กทาจิ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ กทาจิ ปกติยา, กทาจิ อเนเกหิ ปาฏิหาริเยหิ วตฺตมาเนหิ. เสยฺยถิทํ – ปิณฺฑาย ปวิสโต โลกนาถสฺส ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา มุทุคตวาตา ปถวึ โสเธนฺติ, วลาหกา อุทกผุสิตานิ มฺุจนฺตา มคฺเค เรณุํ วูปสเมตฺวา อุปริ วิตานํ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, อปเร วาตา ปุปฺผานิ อุปสํหริตฺวา มคฺเค โอกิรนฺติ, อุนฺนตา ¶ ภูมิปฺปเทสา โอนมนฺติ, โอนตา อุนฺนมนฺติ, ปาทนิกฺเขปสมเย สมาว ภูมิ โหติ, สุขสมฺผสฺสานิ ปทุมปุปฺผานิ วา ปาเท สมฺปฏิจฺฉนฺติ. อินฺทขีลสฺส อนฺโต ปิตมตฺเต ทกฺขิณปาเท สรีรโต ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณรสปิฺชรานิ วิย จิตฺรปฏปริกฺขิตฺตานิ วิย จ ปาสาทกูฏาคาราทีนิ อลงฺกโรนฺติโย อิโต จิโต จ ธาวนฺติ, หตฺถิอสฺสวิหงฺคาทโย สกสกฏฺาเนสุ ิตาเยว มธุเรนากาเรน สทฺทํ กโรนฺติ, ตถา เภริวีณาทีนิ ตูริยานิ มนุสฺสานฺจ กายูปคานิ อาภรณานิ. เตน สฺาเณน มนุสฺสา ชานนฺติ ‘‘อชฺช ภควา อิธ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ’’ติ. เต สุนิวตฺถา สุปารุตา คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย ฆรา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรวีถึ ปฏิปชฺชิตฺวา ภควนฺตํ คนฺธปุปฺผาทีหิ สกฺกจฺจํ ปูเชตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, ทส ภิกฺขู, อมฺหากํ วีสติ, ปฺาสํ…เป… สตํ เทถา’’ติ ยาจิตฺวา ภควโตปิ ปตฺตํ คเหตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิมาเนนฺติ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ เตสํ อุปนิสฺสยจิตฺตสนฺตานานิ โอโลเกตฺวา ตถา ธมฺมํ เทเสติ, ยถา เกจิ สรณคมเนสุ ปติฏฺหนฺติ, เกจิ ปฺจสุ สีเลสุ, เกจิ โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลานํ อฺตรสฺมึ, เกจิ ปพฺพชิตฺวา อคฺคผเล อรหตฺเตติ. เอวํ มหาชนํ อนุคฺคเหตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คจฺฉติ. ตตฺถ คนฺตฺวา คนฺธมณฺฑลมาเฬ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทติ ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสานํ อาคมยมาโน. ตโต ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน อุปฏฺาโก ภควโต นิเวเทติ. อถ ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสติ. อิทํ ตาว ปุเรภตฺตกิจฺจํ.
อถ ภควา เอวํ กตปุเรภตฺตกิจฺโจ คนฺธกุฏิยา อุปฏฺาเน นิสีทิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปาทปีเ ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทติ – ‘‘ภิกฺขเว, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ, ทุลฺลโภ พุทฺธุปฺปาโท โลกสฺมึ, ทุลฺลโภ มนุสฺสตฺตปฏิลาโภ, ทุลฺลภา ขณสมฺปตฺติ, ทุลฺลภา ปพฺพชฺชา, ทุลฺลภํ สทฺธมฺมสฺสวน’’นฺติ. ตตฺถ เกจิ ภควนฺตํ กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉนฺติ. ภควา เตสํ จริยานุรูปํ กมฺมฏฺานํ ¶ เทติ. ตโต สพฺเพปิ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ คจฺฉนฺติ. เกจิ อรฺํ, เกจิ รุกฺขมูลํ, เกจิ ปพฺพตาทีนํ อฺตรํ, เกจิ จาตุมหาราชิกภวนํ…เป… เกจิ วสวตฺติภวนนฺติ ¶ . ตโต ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา สเจ อากงฺขติ, ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน มุหุตฺตํ สีหเสยฺยํ กปฺเปติ. อถ สมสฺสาสิตกาโย อุฏฺหิตฺวา ทุติยภาเค โลกํ โวโลเกติ. ตติยภาเค ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ, ตตฺถ มหาชโน ปุเรภตฺตํ ¶ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุนิวตฺโถ สุปารุโต คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย วิหาเร สนฺนิปตติ. ตโต ภควา สมฺปตฺตปริสาย อนุรูเปน ปาฏิหาริเยน คนฺตฺวา ธมฺมสภายํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสชฺช ธมฺมํ เทเสติ กาลยุตฺตํ สมยยุตฺตํ, อถ กาลํ วิทิตฺวา ปริสํ อุยฺโยเชติ, มนุสฺสา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺติ. อิทํ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจํ.
โส เอวํ นิฏฺิตปจฺฉาภตฺตกิจฺโจ สเจ คตฺตานิ โอสิฺจิตุกาโม โหติ, พุทฺธาสนา อุฏฺาย นฺหานโกฏฺกํ ปวิสิตฺวา อุปฏฺาเกน ปฏิยาทิตอุทเกน คตฺตานิ อุตุํ คณฺหาเปติ. อุปฏฺาโกปิ พุทฺธาสนํ อาเนตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺเปติ. ภควา สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา อุตฺตราสงฺคํ เอกํสํ กตฺวา ตตฺถ อาคนฺตฺวา นิสีทติ เอกโกว มุหุตฺตํ ปฏิสลฺลีโน, อถ ภิกฺขู ตโต ตโต อาคมฺม ภควโต อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺติ. ตตฺถ เอกจฺเจ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ กมฺมฏฺานํ, เอกจฺเจ ธมฺมสฺสวนํ ยาจนฺติ. ภควา เตสํ อธิปฺปายํ สมฺปาเทนฺโต ปุริมยามํ วิตินาเมติ. อิทํ ปุริมยามกิจฺจํ.
ปุริมยามกิจฺจปริโยสาเน ปน ภิกฺขูสุ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺเตสุ สกลทสสหสฺสิโลกธาตุเทวตาโย โอกาสํ ลภมานา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ ยถาภิสงฺขตํ อนฺตมโส จตุรกฺขรมฺปิ. ภควา ตาสํ เทวตานํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต มชฺฌิมยามํ วีตินาเมติ. อิทํ มชฺฌิมยามกิจฺจํ.
ปจฺฉิมยามํ ปน ตโย โกฏฺาเส กตฺวา ปุเรภตฺตโต ปฏฺาย นิสชฺชาปีฬิตสฺส สรีรสฺส กิลาสุภาวโมจนตฺถํ เอกํ โกฏฺาสํ จงฺกเมน วีตินาเมติ, ทุติยโกฏฺาเส คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ. ตติยโกฏฺาเส ปจฺจุฏฺาย นิสีทิตฺวา ปุริมพุทฺธานํ ¶ สนฺติเก ทานสีลาทิวเสน กตาธิการปุคฺคลทสฺสนตฺถํ ¶ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกติ. อิทํ ปจฺฉิมยามกิจฺจํ.
ตมฺปิ ¶ ทิวสํ ภควา อิมสฺมึเยว กิจฺเจ ิโต โลกํ โอโลเกนฺโต อิทํ อทฺทส – มยา โกสลรฏฺเ จาริกํ จรนฺเตน อคฺคิกฺขนฺเธน อุปเมตฺวา เอกสฺมึ สุตฺเต เทสิเต สฏฺิ ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, สฏฺิมตฺตานํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคจฺฉิสฺสติ, สฏฺิมตฺตา คิหิภาวํ คมิสฺสนฺติ. ตตฺถ เย อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, เต ยํกิฺจิ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปาปุณิสฺสนฺเตว. อิตเรสํ ปน ภิกฺขูนํ สงฺคหตฺถาย จาริกํ จริตุกาโม หุตฺวา, ‘‘อานนฺท, ภิกฺขูนํ อาโรเจหี’’ติ อาห.
เถโร อนุปริเวณํ คนฺตฺวา, ‘‘อาวุโส, สตฺถา มหาชนสฺส สงฺคหตฺถาย จาริกํ จริตุกาโม, คนฺตุกามา อาคจฺฉถา’’ติ อาห. ภิกฺขู มหาลาภํ ลภิตฺวา วิย ตุฏฺมานสา ‘‘ลภิสฺสาม วต มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ภควโต สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ โอโลเกตุํ มธุรฺจ ธมฺมกถํ โสตุ’’นฺติ ปรุฬฺหเกสา เกเส โอหาเรตฺวา มลคฺคหิตปตฺตา ปตฺเต ปจิตฺวา กิลิฏฺจีวรา จีวรานิ โธวิตฺวา คมนสชฺชา อเหสุํ. สตฺถา อปริจฺฉินฺเนน ภิกฺขุสงฺเฆน ปริวุโต โกสลรฏฺํ จาริกาย นิกฺขนฺโต คามนิคมปฏิปาฏิยา เอกทิวสํ คาวุตอฑฺฒโยชนติคาวุตโยชนปรมํ จาริกํ จรนฺโต เอกสฺมึ ปเทเส มหนฺตํ สุสิรรุกฺขํ อคฺคินา สมฺปชฺชลิตํ ทิสฺวา ‘‘อิมเมว วตฺถุํ กตฺวา สตฺตหิ องฺเคหิ ปฏิมณฺเฑตฺวา ธมฺมเทสนํ กเถสฺสามี’’ติ คมนํ ปจฺฉินฺทิตฺวา อฺตรํ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมิตฺวา นิสชฺชาการํ ทสฺเสสิ. อานนฺทตฺเถโร สตฺถุ อธิปฺปายํ ¶ ตฺวา ‘‘อทฺธา การณํ ภวิสฺสติ, น อการเณน ตถาคตา คมนํ ปจฺฉินฺทิตฺวา นิสีทนฺตี’’ติ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปสิ. สตฺถา นิสีทิตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธ’’นฺติ อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตนฺตํ (อ. นิ. ๗.๗๒) เทเสติ.
อิมสฺมิฺจ ปน เวยฺยากรเณ ภฺมาเน สฏฺิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคฺฉิ, สฏฺิมตฺตา ภิกฺขู สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตึสุ, สฏฺิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสุ. ตฺหิ เวยฺยากรณํ สุตฺวา สฏฺิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ นามกาโย สนฺตตฺโต, นามกาเย สนฺตตฺเต กรชกาโย สนฺตตฺโต, กรชกาเย สนฺตตฺเต นิธานคตํ อุณฺหํ ¶ โลหิตํ มุขโต อุคฺคฺฉิ. สฏฺิมตฺตา ภิกฺขู ‘‘ทุกฺกรํ วต พุทฺธสาสเน ยาวชีวํ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จริตุ’’นฺติ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตา, สฏฺิมตฺตา ¶ ภิกฺขู สตฺถุ เทสนาภิมุขํ าณํ เปเสตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺตา.
ตตฺถ เยสํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคฺฉิ, เต ปาราชิกํ อาปชฺชึสุ. เย คิหิภาวํ ปตฺตา, เต ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ มทฺทนฺตา วิจรึสุ. เย อรหตฺตํ ปตฺตา, เต ปริสุทฺธสีลาว อเหสุํ. สตฺถุ ธมฺมเทสนา อิเมสํ ติณฺณมฺปิ สผลาว ชาตาติ. อรหตฺตํ ปตฺตานํ ตาว สผลา โหตุ, อิตเรสํ กถํ สผลา ชาตาติ? เตปิ หิ สเจ อิมํ ธมฺมเทสนํ น สุเณยฺยุํ, ปมตฺตาว หุตฺวา านํ ชหิตุํ น สกฺกุเณยฺยุํ. ตโต เนสํ ตํ ปาปํ วฑฺฒมานํ อปาเยสุเยว สํสีทาเปยฺย ¶ . อิมํ ปน เทสนํ สุตฺวา ชาตสํเวคา านํ ชหิตฺวา สามเณรภูมิยํ ิตา ทส สีลานิ ปูเรตฺวา โยนิโส มนสิกาเร ยุตฺตปฺปยุตฺตา เกจิ โสตาปนฺนา เกจิ สกทาคามิโน เกจิ อนาคามิโน อเหสุํ, เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ, เอวํ ปาราชิกาปนฺนานมฺปิ สผลา อโหสิ. อิตเร ปน สเจ อิมํ ธมฺมเทสนํ น สุเณยฺยุํ, คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล อนุปุพฺเพน สงฺฆาทิเสสมฺปิ ปาราชิกมฺปิ ปาปุณิตฺวา อปาเยสุเยว อุปฺปชฺชิตฺวา มหาทุกฺขํ อนุภเวยฺยุํ. อิมํ ปน เทสนํ สุตฺวา ‘‘อโห สลฺเลขิตํ พุทฺธสาสนํ, น สกฺกา อมฺเหหิ ยาวชีวํ อิมํ ปฏิปตฺตึ ปูเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย อุปาสกธมฺมํ ปูเรตฺวา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามา’’ติ คิหิภาวํ อุปคมึสุ. เต ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺาย ปฺจ สีลานิ รกฺขิตฺวา อุปาสกธมฺมํ ปูเรตฺวา เกจิ โสตาปนฺนา เกจิ สกทาคามิโน เกจิ อนาคามิโน ชาตา, เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตาติ. เอวํ เตสมฺปิ สผลาว อโหสิ.
อิมํ ปน สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เทวสงฺฆา เยหิปิ สุตา, เยหิปิ น สุตา, สพฺเพสํเยว อาโรเจนฺตา วิจรึสุ. ภิกฺขู สุตฺวา สุตฺวา ‘‘ทุกฺกรํ, โภ, พุทฺธานํ สาสเน ยาวชีวํ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จริตุ’’นฺติ เอกกฺขเณเนว ทสปิ ภิกฺขู วีสติปิ สฏฺิปิ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ภิกฺขู คิหี โหนฺติ. สตฺถา ยถารุจิยา จาริกํ จริตฺวา ปุน เชตวนเมว อาคนฺตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขเว, ตถาคโต จาริกํ จรมาโน จิรํ อากิณฺโณ วิหาสิ, อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, อฑฺฒมาสํ ปฏิสลฺลียิตุํ, นามฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตพฺโพ อฺตฺร เอเกน ปิณฺฑปาตนีหารเกนา’’ติ. อฑฺฒมาสํ ¶ เอกีภาเวน วีตินาเมตฺวา ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต อานนฺทตฺเถเรน สทฺธึ วิหารจาริกํ จรมาโน โอโลกิโตโลกิตฏฺาเน ตนุภูตํ ¶ ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา ชานนฺโตเยว เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘อานนฺท, อฺสฺมึ กาเล ตถาคเต จาริกํ จริตฺวา เชตวนํ อาคเต สกลวิหาโร กาสาวปชฺโชโต อิสิวาตปฺปฏิวาโต โหติ, อิทานิ ปน ตนุภูโต ภิกฺขุสงฺโฆ ทิสฺสติ, เยภุยฺเยน จ อุปฺปณฺฑุปณฺฑุกชาตา ¶ ภิกฺขู, กึ นุ โข เอต’’นฺติ? เอตรหิ ภควา ตุมฺหากํ อคฺคิกฺขนฺโธปมธมฺมเทสนํ กถิตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขู สํเวคปฺปตฺตา หุตฺวา ‘‘มยํ เอตํ ธมฺมํ สพฺพปฺปกาเรน ปริปูเรตุํ น สกฺขิสฺสาม, อสมฺมาวตฺตนฺตานฺจ ชนสฺส สทฺธาเทยฺยํ ปริภฺุชิตุํ อยุตฺต’’นฺติ คิหิภาวํ สงฺกมนฺตีติ.
ตสฺมึ ขเณ ภควโต ธมฺมสํเวโค อุปฺปชฺชิ. ตโต เถรํ อาห – ‘‘มยิ ปฏิสลฺลาเน วีตินาเมนฺเต น โกจิ มม ปุตฺตานํ เอกํ อสฺสาสฏฺานํ กเถสิ. สาครสฺส หิ โอตรณติตฺถานิ วิย พหูนิ อิมสฺมึ สาสเน อสฺสาสการณานิ. คจฺฉานนฺท, คนฺธกุฏิปริเวเณ พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตหี’’ติ. เถโร ตถา อกาสิ. สตฺถา พุทฺธาสนวรคโต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, เมตฺตาย สพฺพปุพฺพภาโค นาม เนว อปฺปนา, น อุปจาโร, สตฺตานํ หิตผรณมตฺตเมวา’’ติ วตฺวา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา อิมํ จูฬจฺฉราสงฺฆาตสุตฺตํ เทเสสิ.
ตตฺถ อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตนฺติ อจฺฉราปหรณมตฺตํ, ทฺเว องฺคุลิโย ปหริตฺวา สทฺทกรณมตฺตนฺติ อตฺโถ. เมตฺตาจิตฺตนฺติ สพฺพสตฺตานํ หิตผรณจิตฺตํ. อาเสวตีติ กถํ อาเสวติ? อาวชฺเชนฺโต อาเสวติ, ชานนฺโต อาเสวติ, ปสฺสนฺโต อาเสวติ, ปจฺจเวกฺขนฺโต อาเสวติ, จิตฺตํ อธิฏฺหนฺโต อาเสวติ, สทฺธาย อธิมุจฺจนฺโต อาเสวติ, วีริยํ ปคฺคณฺหนฺโต อาเสวติ, สตึ อุปฏฺาเปนฺโต อาเสวติ, จิตฺตํ สมาทหนฺโต อาเสวติ, ปฺาย ปชานนฺโต อาเสวติ, อภิฺเยฺยํ อภิชานนฺโต อาเสวติ, ปริฺเยฺยํ ปริชานนฺโต อาเสวติ, ปหาตพฺพํ ปชหนฺโต อาเสวติ, ภาเวตพฺพํ ภาเวนฺโต อาเสวติ, สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกโรนฺโต อาเสวตีติ (ปฏิ. ม. ๒.๒). อิธ ปน เมตฺตาปุพฺพภาเคน หิตผรณปฺปวตฺตนมตฺเตเนว อาเสวตีติ เวทิตพฺโพ.
อริตฺตชฺฌาโนติ ¶ ¶ อตุจฺฉชฺฌาโน อปริจฺจตฺตชฺฌาโน วา. วิหรตีติ อิริยติ ปวตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติ. เตน วุจฺจติ วิหรตีติ. อิมินา ปเทน เมตฺตํ อาเสวนฺตสฺส ภิกฺขุโน อิริยาปถวิหาโร กถิโต. สตฺถุสาสนกโรติ สตฺถุ อนุสาสนิกโร. โอวาทปติกโรติ โอวาทการโก. เอตฺถ จ สกึวจนํ โอวาโท, ปุนปฺปุนวจนํ อนุสาสนี. สมฺมุขาวจนมฺปิ ¶ โอวาโท, เปเสตฺวา ปรมฺมุขาวจนํ, อนุสาสนี. โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ วจนํ โอวาโท, โอติณฺเณ วา อโนติณฺเณ วา วตฺถุสฺมึ ตนฺติปนวเสน วจนํ อนุสาสนี. เอวํ วิเสโส เวทิตพฺโพ. ปรมตฺถโต ปน โอวาโทติ วา อนุสาสนีติ วา เอเส เอเก เอกฏฺเ สเม สมภาเค ตชฺชาเต ตฺเวาติ. เอตฺถ จ ‘‘อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เมตฺตาจิตฺตํ อาเสวตี’’ติ อิทเมว สตฺถุสาสนฺเจว โอวาโท จ, ตสฺส กรณโต เอส สาสนกโร โอวาทปติกโรติ เวทิตพฺโพ.
อโมฆนฺติ อตุจฺฉํ. รฏฺปิณฺฑนฺติ าติปริวฏฺฏํ ปหาย รฏฺํ นิสฺสาย ปพฺพชิเตน ปเรสํ เคหโต ปฏิลทฺธตฺตา ปิณฺฑปาโต รฏฺปิณฺโฑ นาม วุจฺจติ. ปริภฺุชตีติ จตฺตาโร ปริโภคา เถยฺยปริโภโค อิณปริโภโค ทายชฺชปริโภโค สามิปริโภโคติ. ตตฺถ ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยปริโภโค นาม. สีลวโต อปจฺจเวกฺขิตปริโภโค อิณปริโภโค นาม. สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ ปริโภโค ทายชฺชปริโภคา นาม. ขีณาสวสฺส ปริโภโค สามิปริโภโค นาม. ตตฺถ ¶ อิมสฺส ภิกฺขุโน อยํ รฏฺปิณฺฑปริโภโค ทฺวีหิ การเณหิ อโมโฆ โหติ. อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ เมตฺตาจิตฺตํ อาเสวนฺโต ภิกฺขุ รฏฺปิณฺฑสฺส สามิโก หุตฺวา, อณโณ หุตฺวา, ทายาโท หุตฺวา ปริภฺุชตีติปิสฺส อโมโฆ รฏฺปิณฺฑปริโภโค. อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ เมตฺตํ อาเสวนฺตสฺส ภิกฺขุโน ทินฺนทานํ มหฏฺิยํ โหติ มหปฺผลํ มหานิสํสํ มหาชุติกํ มหาวิปฺผารนฺติปิสฺส อโมโฆ รฏฺปิณฺฑปริโภโค. โก ปน วาโท เย นํ พหุลีกโรนฺตีติ เย ปน อิมํ เมตฺตาจิตฺตํ พหุลํ อาเสวนฺติ ภาเวนฺติ ปุนปฺปุนํ กโรนฺติ, เต อโมฆํ รฏฺปิณฺฑํ ปริภฺุชนฺตีติ เอตฺถ วตฺตพฺพเมว กึ? เอวรูปา หิ ภิกฺขู รฏฺปิณฺฑสฺส สามิโน อณณา ทายาทา หุตฺวา ปริภฺุชนฺตีติ.
๕๔-๕๕. จตุตฺเถ ¶ ภาเวตีติ อุปฺปาเทติ วฑฺเฒติ. ปฺจเม มนสิ กโรตีติ มนสฺมึ กโรติ. เสสํ อิเมสุ ทฺวีสุปิ ตติเย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. โย หิ อาเสวติ, อยเมว ภาเวติ, อยํ มนสิ กโรติ. เยน จิตฺเตน อาเสวติ, เตเนว ภาเวติ, เตน มนสิ กโรติ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน ยาย ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา เทสนาวิลาสปฺปตฺโต นาม โหติ, ตสฺสา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา อตฺตโน เทสนาวิลาสํ ธมฺมิสฺสริยตํ ปฏิสมฺภิทาปเภทกุสลตํ อปฺปฏิหตสพฺพฺุตฺาณฺจ นิสฺสาย เอกกฺขเณ อุปฺปนฺนํ เอกจิตฺตเมว ตีหิ โกฏฺาเสหิ วิภชิตฺวา ทสฺเสสีติ.
๕๖. ฉฏฺเ ¶ เย เกจีติ อนิยามิตวจนํ. อกุสลาติ เตสํ นิยามิตวจนํ. เอตฺตาวตา สพฺพากุสลา อเสสโต ปริยาทินฺนา โหนฺติ. อกุสลภาคิยา ¶ อกุสลปกฺขิกาติ อกุสลานเมเวตํ นามํ. อกุสลาเยว หิ เอกจฺเจ อกุสลํ สหชาตวเสน, เอกจฺเจ อุปนิสฺสยวเสน ภชนฺติ เจว, เตสฺจ ปกฺขา ภวนฺตีติ ‘‘อกุสลภาคิยา อกุสลปกฺขิกา’’ติ วุจฺจนฺติ. สพฺเพเต มโนปุพฺพงฺคมาติ มโน ปุพฺพํ ปมตรํ คจฺฉติ เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา. เอเต หิ กิฺจาปิ มเนน สทฺธึ เอกุปฺปาทา เอกวตฺถุกา เอกนิโรธา เอการมฺมณา จ โหนฺติ. ยสฺมา ปน เตสํ มโน อุปฺปาทโก การโก ชนโก สมุฏฺาปโก นิพฺพตฺตโก, ตสฺมา มโนปุพฺพงฺคมา นาม โหนฺติ.
ปมํ อุปฺปชฺชตีติ ยถา นาม ‘‘ราชา นิกฺขนฺโต’’ติ วุตฺเต ‘‘ราชาเยว นิกฺขนฺโต, เสสา ราชเสนา นิกฺขนฺตา อนิกฺขนฺตา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพการณํ นตฺถิ, สพฺพา นิกฺขนฺตาเตว ปฺายนฺติ, เอวเมว มโน อุปฺปนฺโนติ วุตฺตกาลโต ปฏฺาย อวเสสา สหชาตสํสฏฺสมฺปยุตฺตา อุปฺปนฺนา น อุปฺปนฺนาติ ปุจฺฉิตพฺพการณํ นตฺถิ, สพฺเพ เต อุปฺปนฺนา ตฺเวว ปฺายนฺติ. เอตมตฺถวสํ ปฏิจฺจ เตหิ สํสฏฺสมฺปยุตฺโต เอกุปฺปาเทกนิโรโธปิ สมาโน มโน เตสํ ธมฺมานํ ปมํ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺโต. อนฺวเทวาติ อนุเทว, สเหว เอกโตเยวาติ อตฺโถ. พฺยฺชนจฺฉายํ ปน คเหตฺวา ปมํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา เจตสิกาติ น คเหตพฺพํ. อตฺโถ หิ ปฏิสรณํ ¶ , น พฺยฺชนํ. ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา’’ติ คาถายปิ เอเสว นโย.
๕๗. สตฺตเม กุสลาติ จตุภูมกาปิ กุสลา ธมฺมา กถิตา. เสสํ ฉฏฺเ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๕๘. อฏฺเม ¶ ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ปมาโทติ เอตฺถ, ภิกฺขเวติ อาลปนํ, ยถา อยํ ปมาโทติ อตฺโถ. ปมาโทติ ปมชฺชนากาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ตตฺถ กตโม ปมาโท? กายทุจฺจริเต วา วจีทุจฺจริเต วา มโนทุจฺจริเต วา ปฺจสุ วา กามคุเณสุ จิตฺตสฺส โวสฺสคฺโค โวสฺสคฺคานุปฺปทานํ กุสลานํ วา ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา อสาตจฺจกิริยตา อนฏฺิตกิริยตา โอลีนวุตฺติตา นิกฺขิตฺตฉนฺทตา นิกฺขิตฺตธุรตา อนธิฏฺานํ อนนุโยโค อนาเสวนา อภาวนา อพหุลีกมฺมํ ¶ . โย เอวรูโป ปมาโท ปมชฺชนา ปมชฺชิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ปมาโท’’ติ (วิภ. ๘๔๖).
อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺตีติ อิทํ ฌานวิปสฺสนานํ วเสน วุตฺตํ. มคฺคผลานํ ปน สกึ อุปฺปนฺนานํ ปุน ปริหานํ นาม นตฺถิ.
๕๙. นวเม อปฺปมาโท ปมาทสฺส ปฏิปกฺขวเสน วิตฺถารโต เวทิตพฺโพ.
๖๐. ทสเม โกสชฺชนฺติ กุสีตภาโว. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
อจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา.
๗. วีริยารมฺภาทิวคฺควณฺณนา
๖๑. สตฺตมสฺส ¶ ปเม วีริยารมฺโภติ จตุกิจฺจสฺส สมฺมปฺปธานวีริยสฺส อารมฺโภ, อารทฺธปคฺคหิตปริปุณฺณวีริยตาติ อตฺโถ.
๖๒. ทุติเย ¶ มหิจฺฉตาติ มหาโลโภ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ตตฺถ กตมา มหิจฺฉตา? อิตรีตรจีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ ปฺจหิ วา กามคุเณหิ อสนฺตุฏฺสฺส ภิยฺโยกมฺยตา, ยา เอวรูปา อิจฺฉา อิจฺฉาคตา มหิจฺฉตา ราโค สาราโค จิตฺตสฺส สาราโค. อยํ วุจฺจติ มหิจฺฉตา’’ติ (วิภ. ๘๕๐).
๖๓. ตติเย ¶ อปฺปิจฺฉตาติ อโลโภ. อปฺปิจฺฉสฺสาติ อนิจฺฉสฺส. เอตฺถ หิ พฺยฺชนํ สาวเสสํ วิย, อตฺโถ ปน นิรวเสโส. น หิ อปฺปมตฺติกาย อิจฺฉาย อตฺถิภาเวน โส อปฺปิจฺโฉติ วุตฺโต, อิจฺฉาย ปน อภาเวน ปุนปฺปุนํ อาเสวิตสฺส อโลภสฺเสว ภาเวน อปฺปิจฺโฉติ วุตฺโต.
อปิเจตฺถ อตฺริจฺฉตา, ปาปิจฺฉตา, มหิจฺฉตา อปฺปิจฺฉตาติ อยํ เภโท เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สกลาเภ อติตฺตสฺส ปรลาเภ ปตฺถนา อตฺริจฺฉตา นาม, ยาย สมนฺนาคตสฺส เอกภาชเน ปกฺกปูเวปิ อตฺตโน ปตฺเต ปติเต น สุปกฺโก วิย ขุทฺทโก จ วิย ขายติ, สฺเวว ปน ปรสฺส ปตฺเต ปกฺขิตฺโต สุปกฺโก วิย มหนฺโต วิย จ ขายติ. อสนฺตคุณสมฺภาวนตา ปน ปฏิคฺคหเณ จ อมตฺตฺุตา ปาปิจฺฉตา นาม, สา ‘‘อิเธกจฺโจ อสฺสทฺโธ สมาโน สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’’ติอาทินา นเยน อภิธมฺเม อาคตาเยว, ตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล โกหฺเ ปติฏฺาติ. สนฺตคุณสมฺภาวนตา ปน ปฏิคฺคหเณ จ อมตฺตฺุตา มหิจฺฉตา นาม, สาปิ ‘‘อิเธกจฺโจ สทฺโธ สมาโน สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตูติ อิจฺฉติ, สีลวา สมาโน สีลวาติ มํ ¶ ชโน ชานาตู’’ติ อิมินา นเยน อาคตาเยว. ตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ทุสฺสนฺตปฺปโย โหติ, วิชาตมาตาปิสฺส จิตฺตํ คเหตุํ น สกฺโกติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘อคฺคิกฺขนฺโธ สมุทฺโท จ, มหิจฺโฉ จาปิ ปุคฺคโล;
สกเฏน ปจฺจเย เทนฺตุ, ตโยเปเต อตปฺปยา’’ติ.
สนฺตคุณนิคูหนตา ¶ ปน ปฏิคฺคหเณ จ มตฺตฺุตา อปฺปิจฺฉตา นาม, ตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อตฺตนิ วิชฺชมานมฺปิ คุณํ ปฏิจฺฉาเทตุกามตาย สทฺโธ สมาโน ‘‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ. สีลวา, ปวิวิตฺโต, พหุสฺสุโต, อารทฺธวีริโย, สมาธิสมฺปนฺโน, ปฺวา, ขีณาสโว ¶ สมาโน ‘‘ขีณาสโวติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ เสยฺยถาปิ มชฺฌนฺติกตฺเถโร.
เถโร กิร มหาขีณาสโว อโหสิ, ปตฺตจีวรํ ปนสฺส ปาทมตฺตเมว อคฺฆติ. โส อโสกสฺส ธมฺมรฺโ วิหารมหทิวเส สงฺฆตฺเถโร อโหสิ. อถสฺส อติลูขภาวํ ทิสฺวา มนุสฺสา, ‘‘ภนฺเต, โถกํ พหิ โหถา’’ติ อาหํสุ. เถโร ‘‘มาทิเส ขีณาสเว รฺโ สงฺคหํ อกโรนฺเต อฺโ โก กริสฺสตี’’ติ ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา สงฺฆตฺเถรสฺส อุกฺขิตฺตปิณฺฑํ คณฺหนฺโตเยว อุมฺมุชฺชิ. เอวํ ขีณาสโว สมาโน ‘‘ขีณาสโวติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ. เอวํ อปฺปิจฺโฉ จ ปน ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนํ ลาภํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ ถาวรํ กโรติ, ทายกานํ จิตฺตํ อาราเธติ. ยถา ยถา หิ โส อตฺตโน อปฺปิจฺฉตาย อปฺปํ คณฺหาติ, ตถา ตถา ตสฺส วตฺเต ปสนฺนา มนุสฺสา พหู เทนฺติ.
อปโรปิ จตุพฺพิโธ อปฺปิจฺโฉ – ปจฺจยอปฺปิจฺโฉ, ธุตงฺคอปฺปิจฺโฉ, ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ, อธิคมอปฺปิจฺโฉติ. ตตฺถ จตูสุ ปจฺจเยสุ อปฺปิจฺโฉ ปจฺจยอปฺปิจฺโฉ นาม. โส ทายกสฺส วสํ ชานาติ, เทยฺยธมฺมสฺส วสํ ชานาติ, อตฺตโน ถามํ ชานาติ. ยทิ หิ เทยฺยธมฺโม พหุ โหติ, ทายโก อปฺปมตฺตกํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม อปฺโป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโมปิ พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ตฺวา ปมาเณเนว คณฺหาติ.
ธุตงฺคสมาทานสฺส ¶ อตฺตนิ อตฺถิภาวํ นชานาเปตุกาโม ธุตงฺคอปฺปิจฺโฉ นาม. ตสฺส วิภาวนตฺถํ อิมานิ วตฺถูนิ – โสสานิกมหากุมารตฺเถโร ¶ กิร สฏฺิ วสฺสานิ สุสาเน วสิ, อฺโ เอกภิกฺขุปิ น อฺาสิ. เตเนวาห –
‘‘สุสาเน ¶ สฏฺิ วสฺสานิ, อพฺโพกิณฺณํ วสามหํ;
ทุติโย มํ น ชาเนยฺย, อโห โสสานิกุตฺตโม’’ติ.
เจติยปพฺพเต ทฺเว ภาติกตฺเถรา วสึสุ. กนิฏฺโ อุปฏฺาเกน เปสิตํ อุจฺฉุขณฺฑิกํ คเหตฺวา เชฏฺสฺส สนฺติกํ อคมาสิ ‘‘ปริโภคํ, ภนฺเต, กโรถา’’ติ. เถรสฺส จ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา มุขวิกฺขาลนกาโล อโหสิ. โส ‘‘อลํ, อาวุโส’’ติ อาห. กจฺจิ, ภนฺเต, เอกาสนิกตฺถาติ? อาหราวุโส, อุจฺฉุขณฺฑิกนฺติ ปฺาส วสฺสานิ เอกาสนิโก สมาโนปิ ธุตงฺคํ นิคูหมาโน ปริโภคํ กตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ปุน ธุตงฺคํ อธิฏฺาย คโต.
โย ปน สาเกตติสฺสตฺเถโร วิย พหุสฺสุตภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ นาม. เถโร กิร ‘‘ขโณ นตฺถีติ อุทฺเทสปริปุจฺฉาสุ โอกาสํ อกโรนฺโต กทา มรณกฺขณํ, ภนฺเต, ลภิสฺสถา’’ติ โจทิโต คณํ วิสฺสชฺเชตฺวา กณิการวาลิกสมุทฺทวิหารํ คโต. ตตฺถ อนฺโตวสฺสํ เถรนวมชฺฌิมานํ อุปกาโร หุตฺวา มหาปวารณาย อุโปสถทิวเส ธมฺมกถาย ชนปทํ โขเภตฺวา คโต.
โย ปน โสตาปนฺนาทีสุ อฺตโร หุตฺวา โสตาปนฺนาทิภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ อธิคมปฺปิจฺโฉ นาม ตโย กุลปุตฺตา (ม. นิ. ๑.๓๒๕) วิย ฆฏีการกุมฺภกาโร (ม. นิ. ๒.๒๘๒ อาทโย) วิย จ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ลทฺธาเสวเนน พลวอโลเภน สมนฺนาคโต เสกฺโขปิ ปุถุชฺชโนปิ อปฺปิจฺโฉติ เวทิตพฺโพ.
๖๔. จตุตฺเถ อสนฺตุฏฺิตาติ อสนฺตุฏฺเ ปุคฺคเล เสวนฺตสฺส ภชนฺตสฺส ปยิรุปาสนฺตสฺส อุปฺปนฺโน อสนฺโตสสงฺขาโต โลโภ.
๖๕. ปฺจเม ¶ สนฺตุฏฺิตาติ สนฺตุฏฺเ ปุคฺคเล เสวนฺตสฺส ภชนฺตสฺส ปยิรุปาสนฺตสฺส อุปฺปนฺโน ¶ อโลภสงฺขาโต สนฺโตโส. สนฺตุฏฺสฺสาติ อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคตสฺส. โส ปเนส สนฺโตโส ¶ ทฺวาทสวิโธ โหติ. เสยฺยถิทํ – จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ. เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ.
ตสฺสายํ ปเภทสํวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา. โส เตเนว ยาเปติ อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ. อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ปกติทุพฺพโล วา โหติ อาพาธชราภิภูโต วา, ครุํ จีวรํ ปารุปนฺโต กิลมติ. โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ปณีตปจฺจยลาภี โหติ. โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆจีวรํ พหูนิ วา ปน จีวรานิ ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ, อิทํ พหุสฺสุตานํ อนุรูปํ, อิทํ คิลานานํ, อิทํ อปฺปลาภานํ โหตู’’ติ ทตฺวา เตสํ ปุราณจีวรํ วา สงฺการกูฏาทิโต วา นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา เตหิ สงฺฆาฏึ กตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. โย ปน อตฺตโน ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปิณฺฑปาตํ ลภติ, เยนสฺส ปริภุตฺเตน อผาสุ โหติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ตํ ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปายโภชนํ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส. อปโร พหุํ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ. โส ตํ จีวรํ วิย เถรจิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภคิลานานํ ¶ ทตฺวา เตสํ วา เสสกํ ปิณฺฑาย วา จริตฺวา มิสฺสกาหารํ ภฺุชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เสนาสนํ ลภติ มนาปํ วา อมนาปํ วา, โส เตน เนว โสมนสฺสํ น โทมนสฺสํ อุปฺปาเทติ, อนฺตมโส ติณสนฺถารเกนาปิ ยถาลทฺเธเนว ¶ ตุสฺสติ. อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. โย ปน อตฺตโน ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา เสนาสนํ ลภติ, ยตฺถสฺส วสโต อผาสุ โหติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส สนฺตเก สปฺปายเสนาสเน วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส.
อปโร ¶ มหาปฺุโ เลณมณฺฑปกูฏาคาราทีนิ พหูนิ ปณีตเสนาสนานิ ลภติ. โส ตานิ จีวราทีนิ วิย เถรจิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภคิลานานํ ทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส. โยปิ ‘‘อุตฺตมเสนาสนํ นาม ปมาทฏฺานํ, ตตฺถ นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส ปุน ปฏิพุชฺฌโต ปาปวิตกฺกา ปาตุภวนฺตี’’ติ ปฏิสฺจิกฺขิตฺวา ตาทิสํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ, โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อพฺโภกาสรุกฺขมูลาทีสุ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมฺปิสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส ยํ ลภติ, เตเนว ตุสฺสติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. โย ปน เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตลํ คเหตฺวา อฺเทว วา ปริเยสิตฺวา เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส.
อปโร มหาปฺุโ พหุํ เตลมธุผาณิตาทิปณีตเภสชฺชํ ลภติ. โส ตํ จีวรํ วิย เถรจิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภคิลานานํ ทตฺวา เตสํ อาภเตน เยน เกนจิ ¶ ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. โย ปน เอกสฺมึ ภาชเน มุตฺตหรีตกํ เปตฺวา เอกสฺมึ จตุมธุรํ – ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉก’’นฺติ วุจฺจมาโน ‘‘สจสฺส เตสุ อฺตเรนปิ โรโค วูปสมฺมติ, อถ มุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิต’’นฺติ จตุมธุรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส. อิเมสํ ปน ปจฺเจกปจฺจเยสุ ติณฺณํ ติณฺณํ สนฺโตสานํ ยถาสารุปฺปสนฺโตโสว อคฺโค.
๖๖-๖๗. ฉฏฺสตฺตเมสุ ¶ อโยนิโสมนสิการโยนิโสมนสิการา เหฏฺา วุตฺตลกฺขณาว. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
๖๘. อฏฺเม อสมฺปชฺนฺติ อสมฺปชานภาโว, โมหสฺเสตํ อธิวจนํ. อสมฺปชานสฺสาติ อชานนฺตสฺส สมฺมุฬฺหสฺส.
๖๙. นวเม ¶ สมฺปชฺนฺติ สมฺปชานภาโว, ปฺาเยตํ นามํ. สมฺปชานสฺสาติ สมฺปชานนฺตสฺส.
๗๐. ทสเม ปาปมิตฺตตาติ ยสฺส ปาปา ลามกา มิตฺตา, โส ปาปมิตฺโต. ปาปมิตฺตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตา, เตนากาเรน ปวตฺตานํ จตุนฺนํ ขนฺธานเมเวตํ นามํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตตฺถ กตมา ปาปมิตฺตตา? เย เต ปุคฺคลา อสฺสทฺธา ทุสฺสีลา อปฺปสฺสุตา มจฺฉริโน ทุปฺปฺา. ยา เตสํ เสวนา ¶ นิเสวนา สํเสวนา ภชนา สมฺภชนา ภตฺติ สมฺภตฺติ สมฺปวงฺกตา. อยํ วุจฺจติ ปาปมิตฺตตา’’ติ (วิภ. ๙๐๑).
วีริยารมฺภาทิวคฺควณฺณนา.
๘. กลฺยาณมิตฺตตาทิวคฺควณฺณนา
๗๑. อฏฺมสฺส ¶ ปเม กลฺยาณมิตฺตตาติ กลฺยาณา มิตฺตา อสฺสาติ กลฺยาณมิตฺโต, ตสฺส ภาโว กลฺยาณมิตฺตตา. เสสํ วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺพํ.
๗๒-๗๓. ทุติเย อนุโยโคติ โยโค ปโยโค. อนนุโยโคติ อโยโค อปฺปโยโค. อนุโยคาติ อนุโยเคน. อนนุโยคาติ อนนุโยเคน. กุสลานํ ธมฺมานนฺติ จตุภูมกกุสลธมฺมานํ. ตติยํ อุตฺตานตฺถเมว.
๗๔. จตุตฺเถ โพชฺฌงฺคาติ พุชฺฌนกสตฺตสฺส องฺคภูตา สตฺต ธมฺมา. ยาย วา ธมฺมสามคฺคิยา โส พุชฺฌติ, สมฺโมหนิทฺทาโต วา วุฏฺาติ, จตุสจฺจธมฺมํ ¶ วา สจฺฉิกโรติ. ตสฺสา โพธิยา องฺคภูตาติปิ โพชฺฌงฺคา. ‘‘โพชฺฌงฺคาติ เกนฏฺเน โพชฺฌงฺคา? พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, อนุพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, ปฏิพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, สมฺพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๑๗). เอวํ ปเนตํ ปทํ วิภตฺตเมว.
๗๕. ปฺจเม ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺตีติ อิมินา ปเทน โพชฺฌงฺคานํ ยาถาวสรสภูมิ นาม กถิตา ¶ . สา ปเนสา จตุพฺพิธา โหติ – วิปสฺสนา, วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ, มคฺโค, ผลนฺติ. ตตฺถ วิปสฺสนาย อุปฺปชฺชนกาเล โพชฺฌงฺคา กามาวจรา โหนฺติ, วิปสฺสนาปาทกชฺฌานมฺหิ อุปฺปชฺชนกาเล รูปาวจรอรูปาวจรา, มคฺคผเลสุ อุปฺปชฺชนกาเล โลกุตฺตรา. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต โพชฺฌงฺคา จตุภูมกา กถิตา.
๗๖. ฉฏฺสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป. อฏฺุปฺปตฺติยํ เหตํ นิกฺขิตฺตํ, สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา. เตสํ อนฺตเร พนฺธุลมลฺลเสนาปตึ อารพฺภ อยํ กถา อุทปาทิ, ‘‘อาวุโส, อสุกํ นาม กุลํ ปุพฺเพ พหุาติกํ อโหสิ พหุปกฺขํ, อิทานิ อปฺปาติกํ อปฺปปกฺขํ ชาต’’นฺติ. อถ ภควา เตสํ จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘มยิ คเต มหตี เทสนา ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม ธมฺมสภายํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ¶ ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ อาห. ภควา อฺา คามนิคมาทิกถา นตฺถิ, อสุกํ นาม กุลํ ปุพฺเพ พหุาติกํ อโหสิ พหุปกฺขํ, อิทานิ อปฺปาติกํ อปฺปปกฺขํ ชาตนฺติ วทนฺตา นิสินฺนมฺหาติ. สตฺถา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา อปฺปมตฺติกา เอสา, ภิกฺขเว, ปริหานีติ อิทํ สุตฺตํ อารภิ.
ตตฺถ อปฺปมตฺติกาติ ปริตฺตา ปริตฺตปฺปมาณา. เอตาย หิ ปริหานิยา สคฺคโต วา มคฺคโต วา ปริหานิ นาม นตฺถิ, ทิฏฺธมฺมิกปริหานิมตฺตเมว เอตนฺติ อาห. เอตํ ปติกิฏฺนฺติ เอตํ ปจฺฉิมํ เอตํ ลามกํ. ยทิทํ ปฺาปริหานีติ ยา เอสา มม สาสเน กมฺมสฺสกตปฺาย ฌานปฺาย วิปสฺสนาปฺาย มคฺคปฺาย ผลปฺาย จ ปริหานิ, เอสา ปจฺฉิมา, เอสา ลามกา, เอสา ฉฑฺฑนียาติ อตฺโถ.
๗๗. สตฺตมมฺปิ ¶ ¶ อฏฺุปฺปตฺติยเมว กถิตํ. ธมฺมสภายํ กิร นิสินฺเนสุ ภิกฺขูสุ เอกจฺเจ เอวํ อาหํสุ – ‘‘อสุกํ นาม กุลํ ปุพฺเพ อปฺปาติกํ อปฺปปกฺขํ อโหสิ, อิทานิ ตํ พหุาติกํ พหุปกฺขํ ชาต’’นฺติ. กํ สนฺธาย เอวมาหํสูติ? วิสาขํ อุปาสิกํ เวสาลิเก จ ลิจฺฉวี. สตฺถา เตสํ จิตฺตาจารํ ตฺวา ปุริมนเยเนว อาคนฺตฺวา ธมฺมาสเน นิสินฺโน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. เต ยถาภูตํ กถยึสุ. สตฺถา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา อิมํ สุตฺตํ อารภิ. ตตฺถ อปฺปมตฺติกาติ ตํ สมฺปตฺตึ นิสฺสาย สคฺคํ วา มคฺคํ วา สมฺปตฺตานํ อภาวโต ปริตฺตา. ยทิทํ ปฺาวุทฺธีติ กมฺมสฺสกตปฺาทีนํ วุทฺธิ. ตสฺมาติ ยสฺมา าตีนํ วุทฺธิ นาม ทิฏฺธมฺมิกมตฺตา อปฺปา ปริตฺตา, สา สคฺคํ วา มคฺคํ วา ปาเปตุํ อสมตฺถา, ตสฺมา. ปฺาวุทฺธิยาติ กมฺมสฺสกตาทิปฺาย วุทฺธิยา.
๗๘. อฏฺมมฺปิ อฏฺุปฺปตฺติยเมว กถิตํ. สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา มหาธนเสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ ‘‘อสุกํ นาม กุลํ ปุพฺเพ มหาโภคํ มหาหิรฺสุวณฺณํ อโหสิ, ตํ อิทานิ อปฺปโภคํ ชาต’’นฺติ กถยึสุ. สตฺถา ปุริมนเยเนว อาคนฺตฺวา เตสํ วจนํ สุตฺวา อิมํ สุตฺตํ อารภิ.
๗๙. นวมมฺปิ อฏฺุปฺปตฺติยเมว วุตฺตํ. ธมฺมสภายํ กิร สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู กากวลิยเสฏฺิฺจ ¶ ปุณฺณเสฏฺิฺจ อารพฺภ ‘‘อสุกํ นาม กุลํ ปุพฺเพ อปฺปโภคํ อโหสิ, ตํ อิทานิ มหาโภคํ ชาต’’นฺติ กถยึสุ. สตฺถา ปุริมนเยเนว อาคนฺตฺวา เตสํ วจนํ สุตฺวา อิมํ สุตฺตํ อารภิ. เสสํ อิเมสุ ทฺวีสุปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๘๐. ทสมมฺปิ ¶ อฏฺุปฺปตฺติยํ วุตฺตํ. ธมฺมสภายํ กิร ภิกฺขู โกสลมหาราชานํ อารพฺภ ‘‘อสุกํ นาม กุลํ ปุพฺเพ มหายสํ มหาปริวารํ อโหสิ, อิทานิ อปฺปยสํ อปฺปปริวารํ ชาต’’นฺติ กถยึสุ. ภควา ปุริมนเยเนว อาคนฺตฺวา เตสํ วจนํ สุตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อารภิ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
กลฺยาณมิตฺตตาทิวคฺควณฺณนา.
๙. ปมาทาทิวคฺควณฺณนา
๘๑. นวมสฺสาปิ ¶ ¶ ปมํ อฏฺุปฺปตฺติยเมว กถิตํ. สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู ธมฺมสภายํ นิสินฺนา กุมฺภโฆสกํ อารพฺภ ‘‘อสุกํ นาม กุลํ ปุพฺเพ อปฺปยสํ อปฺปปริวารํ อโหสิ, อิทานิ มหายสํ มหาปริวารํ ชาต’’นฺติ กถยึสุ. สตฺถา ปุริมนเยเนว อาคนฺตฺวา เตสํ วจนํ สุตฺวา อิมํ สุตฺตํ อารภิ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
๘๒. ทุติยาทีสุ มหโต อนตฺถายาติ มหนฺตสฺส อนตฺถสฺส อตฺถาย. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปมาทาทิวคฺควณฺณนา.
๑๐. ทุติยปมาทาทิวคฺควณฺณนา
๙๘. ทสเม ¶ อชฺฌตฺติกนฺติ นิยกชฺฌตฺตวเสน อชฺฌตฺติกํ. องฺคนฺติ การณํ. อิติ กริตฺวาติ เอวํ กตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อตฺตโน สนฺตาเน สมุฏฺิตํ การณนฺติ กตฺวา น อฺํ เอกํ การณมฺปิ สมนุปสฺสามีติ.
๑๑๐-๑๑๔. พาหิรนฺติ ¶ อชฺฌตฺตสนฺตานโต พหิ ภวํ. สทฺธมฺมสฺสาติ สุทฺธมฺมสฺส, สาสนสฺสาติ อตฺโถ. สมฺโมสายาติ วินาสาย. อนฺตรธานายาติ อปฺาณตฺถาย.
๑๑๕. ิติยาติ จิรฏฺิตตฺถํ. อสมฺโมสาย อนนฺตรธานายาติ วุตฺตปฏิปกฺขนเยเนว เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ จตุกฺโกฏิเก วุตฺตนยเมว.
๑๓๐. อิโต ปเรสุ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปนฺตีติอาทีสุ สุตฺตนฺตปริยาเยน ตาว ทส กุสลกมฺมปถา ธมฺโม, ทส อกุสลกมฺมปถา อธมฺโม. ตถา จตฺตาโร สติปฏฺานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปฺจินฺทฺริยานิ ปฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา ธมฺโม นาม; ตโย สติปฏฺานา ตโย ¶ สมฺมปฺปธานา ตโย อิทฺธิปาทา ฉ อินฺทฺริยานิ ฉ พลานิ อฏฺ โพชฺฌงฺคา นวงฺคิโก มคฺโคติ จ จตฺตาโร อุปาทานา ปฺจ นีวรณานิ สตฺต อนุสยา อฏฺ มิจฺฉตฺตานิ จ อยํ อธมฺโม.
ตตฺถ ยํกิฺจิ เอกํ อธมฺมโกฏฺาสํ คเหตฺวา ‘‘อิมํ อธมฺมํ ธมฺโมติ กริสฺสาม, เอวํ อมฺหากํ อาจริยกุลํ นิยฺยานิกํ ภวิสฺสติ, มยํ จ โลเก ปากฏา ภวิสฺสามา’’ติ ตํ อธมฺมํ ‘‘ธมฺโม อย’’นฺติ กถยนฺตา อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีเปนฺติ นาม. ตเถว ธมฺมโกฏฺาเสสุ เอกํ คเหตฺวา ‘‘อยํ อธมฺโม’’ติ กเถนฺตา ธมฺมํ อธมฺโมติ ทีเปนฺติ นาม. วินยปริยาเยน ปน ภูเตน วตฺถุนา โจเทตฺวา สาเรตฺวา ยถาปฏิฺาย กตฺตพฺพํ กมฺมํ ธมฺโม นาม, อภูเตน วตฺถุนา อโจเทตฺวา อสาเรตฺวา อปฏิฺาย กตฺตพฺพํ กมฺมํ อธมฺโม นาม.
สุตฺตนฺตปริยาเยน ¶ ราควินโย โทสวินโย โมหวินโย สํวโร ปหานํ ปฏิสงฺขาติ อยํ วินโย นาม, ราคาทีนํ อวินโย อสํวโร อปฺปหานํ อปฏิสงฺขาติ อยํ ¶ อวินโย นาม. วินยปริยาเยน วตฺถุสมฺปตฺติ, ตฺติสมฺปตฺติ, อนุสฺสาวนสมฺปตฺติ, สีมาสมฺปตฺติ, ปริสสมฺปตฺตีติ อยํ วินโย นาม. วตฺถุวิปตฺติ, ตฺติวิปตฺติ, อนุสฺสาวนวิปตฺติ, สีมาวิปตฺติ ปริสวิปตฺตีติ อยํ อวินโย นาม.
สุตฺตนฺตปริยาเยน จตฺตาโร สติปฏฺานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา…เป… อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ อิทํ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน; ตโย สติปฏฺานา ตโย สมฺมปฺปธานา ตโย อิทฺธิปาทา ฉ อินฺทฺริยานิ ฉ พลานิ อฏฺ โพชฺฌงฺคา นวงฺคิโก มคฺโคติ อิทํ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน. วินยปริยาเยน จตฺตาโร ปาราชิกา เตรส สงฺฆาทิเสสา ทฺเว อนิยตา ตึส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน; ตโย ปาราชิกา จุทฺทส สงฺฆาทิเสสา ตโย อนิยตา เอกตึส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ อภาสิตํ อลปิตํ ตถาคเตน.
สุตฺตนฺตปริยาเยน เทวสิกํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ มหากรุณาสมาปตฺติสมาปชฺชนํ พุทฺธจกฺขุนา โลกโวโลกนํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน สุตฺตนฺตเทสนา ชาตกกถาติ อิทํ อาจิณฺณํ, น เทวสิกํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ…เป… น ชาตกกถาติ อิทํ อนาจิณฺณํ. วินยปริยาเยน ¶ นิมนฺติตสฺส วสฺสาวาสํ วสิตฺวา อปโลเกตฺวา จาริกาปกฺกมนํ ปวาเรตฺวา จาริกาปกฺกมนํ, อาคนฺตุเกหิ สทฺธึ ปมํ ปฏิสนฺถารกรณนฺติ อิทํ อาจิณฺณํ, ตสฺเสว อาจิณฺณสฺส อกรณํ อนาจิณฺณํ นาม.
สุตฺตนฺตปริยาเยน จตฺตาโร สติปฏฺานา…เป… อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ อิทํ ปฺตฺตํ นาม; ตโย สติปฏฺานา…เป… นวงฺคิโก มคฺโคติ อิทํ อปฺตฺตํ นาม. วินยปริยาเยน จตฺตาโร ปาราชิกา…เป… ตึสนิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ ปฺตฺตํ นาม; ตโย ปาราชิกา…เป… เอกตึส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ อิทํ อปฺตฺตํ นาม.
ยํ ¶ ปเนตํ สพฺพสุตฺตานํ ปริโยสาเน เตจิมํ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปนฺตีติ วุตฺตํ, ตตฺถ ปฺจ อนฺตรธานานิ นาม อธิคมอนฺตรธานํ, ปฏิปตฺติอนฺตรธานํ, ปริยตฺติอนฺตรธานํ, ลิงฺคอนฺตรธานํ, ธาตุอนฺตรธานนฺติ ¶ . ตตฺถ อธิคโมติ จตฺตาโร มคฺคา, จตฺตาริ ผลานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺาติ. โส ปริหายมาโน ปฏิสมฺภิทาโต ปฏฺาย ปริหายติ. พุทฺธานํ หิ ปรินิพฺพานโต วสฺสสหสฺสเมว ปฏิสมฺภิทา นิพฺพตฺเตตุํ สกฺโกนฺติ, ตโต ปรํ ฉ อภิฺา, ตโต ตาปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา ติสฺโส วิชฺชา นิพฺพตฺเตนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ตาปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา สุกฺขวิปสฺสกา โหนฺติ. เอเตเนว อุปาเยน อนาคามิโน สกทาคามิโน โสตาปนฺนาติ. เตสุ ธรนฺเตสุ อธิคโม อนนฺตรหิโต นาม น โหติ. ปจฺฉิมกสฺส ปน โสตาปนฺนสฺส ชีวิตกฺขเยน อธิคโม อนฺตรหิโต นาม โหติ. อิทํ อธิคมอนฺตรธานํ นาม.
ปฏิปตฺติอนฺตรธานํ นาม ฌานวิปสฺสนามคฺคผลานิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา จตุปาริสุทฺธิสีลมตฺตํ รกฺขนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ‘‘สีลํ ปริปุณฺณํ กตฺวา รกฺขาม, ปธานฺจ อนุยฺุชาม, น จ มคฺคํ วา ผลํ วา สจฺฉิกาตุํ สกฺโกม, นตฺถิ อิทานิ อริยธมฺมปฏิเวโธ’’ติ โวสานํ อาปชฺชิตฺวา โกสชฺชพหุลา อฺมฺํ น โจเทนฺติ น สาเรนฺติ อกุกฺกุจฺจกา โหนฺติ, ตโต ปฏฺาย ขุทฺทานุขุทฺทกานิ มทฺทนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ปาจิตฺติยถุลฺลจฺจยานิ อาปชฺชนฺติ, ตโต ครุกาปตฺตึ. ปาราชิกมตฺตเมว ติฏฺติ. จตฺตาริ ปาราชิกานิ รกฺขนฺตานํ ภิกฺขูนํ สเตปิ สหสฺเสปิ ธรมาเน ปฏิปตฺติ อนนฺตรหิตา นาม น โหติ. ปจฺฉิมกสฺส ปน ภิกฺขุโน ¶ สีลเภเทน ¶ วา ชีวิตกฺขเยน วา อนฺตรหิตา โหตีติ อิทํ ปฏิปตฺติอนฺตรธานํ นาม.
ปริยตฺตีติ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สาฏฺกถา ปาฬิ. ยาว สา ติฏฺติ, ตาว ปริยตฺติ ปริปุณฺณา นาม โหติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ราชยุวราชาโน อธมฺมิกา โหนฺติ, เตสุ อธมฺมิเกสุ ราชามจฺจาทโย อธมฺมิกา โหนฺติ, ตโต รฏฺชนปทวาสิโนติ. เอเตสํ อธมฺมิกตาย เทโว น สมฺมา วสฺสติ, ตโต สสฺสานิ น สมฺปชฺชนฺติ. เตสุ อสมฺปชฺชนฺเตสุ ปจฺจยทายกา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปจฺจเย ทาตุํ น สกฺโกนฺติ, ภิกฺขู ปจฺจเยหิ กิลมนฺตา อนฺเตวาสิเก สงฺคเหตุํ น สกฺโกนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ปริยตฺติ ปริหายติ, อตฺถวเสน ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ปาฬิวเสเนว ธาเรนฺติ. ตโต คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ปาฬิมฺปิ สกลํ ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ปมํ อภิธมฺมปิฏกํ ปริหายติ. ปริหายมานํ มตฺถกโต ปฏฺาย ปริหายติ ¶ . ปมเมว หิ ปฏฺานมหาปกรณํ ปริหายติ, ตสฺมึ ปริหีเน ยมกํ, กถาวตฺถุ, ปุคฺคลปฺตฺติ, ธาตุกถา, วิภงฺโค, ธมฺมสงฺคโหติ.
เอวํ อภิธมฺมปิฏเก ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย สุตฺตนฺตปิฏกํ ปริหายติ. ปมฺหิ องฺคุตฺตรนิกาโย ปริหายติ, ตสฺมิมฺปิ ปมํ เอกาทสกนิปาโต, ตโต ทสกนิปาโต…เป… ตโต เอกกนิปาโตติ. เอวํ องฺคุตฺตเร ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย สํยุตฺตนิกาโย ปริหายติ. ปมํ หิ มหาวคฺโค ปริหายติ, ตโต สฬายตนวคฺโค, ขนฺธวคฺโค, นิทานวคฺโค, สคาถาวคฺโคติ. เอวํ สํยุตฺตนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย มชฺฌิมนิกาโย ปริหายติ. ปมํ หิ อุปริปณฺณาสโก ปริหายติ, ตโต มชฺฌิมปณฺณาสโก, ตโต มูลปณฺณาสโกติ. เอวํ มชฺฌิมนิกาเย ปริหีเน มตฺถกโต ปฏฺาย ทีฆนิกาโย ปริหายติ. ปมฺหิ ¶ ปาถิกวคฺโค ปริหายติ, ตโต มหาวคฺโค, ตโต สีลกฺขนฺธวคฺโคติ. เอวํ ทีฆนิกาเย ปริหีเน สุตฺตนฺตปิฏกํ ปริหีนํ นาม โหติ. วินยปิฏเกน สทฺธึ ชาตกเมว ธาเรนฺติ. วินยปิฏกํ ลชฺชิโนว ธาเรนฺติ, ลาภกามา ปน ‘‘สุตฺตนฺเต กถิเตปิ สลฺลกฺเขนฺตา นตฺถี’’ติ ชาตกเมว ธาเรนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ¶ ชาตกมฺปิ ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ. อถ เตสํ ปมํ เวสฺสนฺตรชาตกํ ปริหายติ, ตโต ปฏิโลมกฺกเมน ปุณฺณกชาตกํ, มหานารทชาตกนฺติ ปริโยสาเน อปณฺณกชาตกํ ปริหายติ. เอวํ ชาตเก ปริหีเน วินยปิฏกเมว ธาเรนฺติ.
คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล วินยปิฏกมฺปิ มตฺถกโต ปฏฺาย ปริหายติ. ปมฺหิ ปริวาโร ปริหายติ, ตโต ขนฺธโก, ภิกฺขุนีวิภงฺโค, มหาวิภงฺโคติ อนุกฺกเมน อุโปสถกฺขนฺธกมตฺตเมว ธาเรนฺติ. ตทาปิ ปริยตฺติ อนฺตรหิตา น โหติ. ยาว ปน มนุสฺเสสุ จาตุปฺปทิกคาถาปิ ปวตฺตติ, ตาว ปริยตฺติ อนนฺตรหิตาว โหติ. ยทา สทฺโธ ปสนฺโน ราชา หตฺถิกฺขนฺเธ สุวณฺณจงฺโกฏกมฺหิ สหสฺสตฺถวิกํ ปาเปตฺวา ‘‘พุทฺเธหิ กถิตํ จาตุปฺปทิกคาถํ ชานนฺโต อิมํ สหสฺสํ คณฺหตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา คณฺหนกํ อลภิตฺวา ‘‘เอกวารํ จราปิเต นาม สุณนฺตาปิ โหนฺติ อสฺสุณนฺตาปี’’ติ ยาวตติยํ จราเปตฺวา คณฺหนกํ อลภิตฺวา ราชปุริสา ตํ สหสฺสตฺถวิกํ ปุน ราชกุลํ ปเวเสนฺติ, ตทา ปริยตฺติ อนฺตรหิตา นาม โหติ. อิทํ ปริยตฺติอนฺตรธานํ นาม.
คจฺฉนฺเต ¶ คจฺฉนฺเต กาเล จีวรคฺคหณํ ปตฺตคฺคหณํ สมฺมิฺชนปสารณํ อาโลกิตวิโลกิตํ ¶ น ปาสาทิกํ โหติ. นิคณฺสมณา วิย อลาพุปตฺตํ ภิกฺขู ปตฺตํ อคฺคพาหาย ปกฺขิปิตฺวา อาทาย วิจรนฺติ, เอตฺตาวตาปิ ลิงฺคํ อนนฺตรหิตเมว โหติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต ปน กาเล อคฺคพาหโต โอตาเรตฺวา หตฺเถน วา สิกฺกาย วา โอลมฺพิตฺวา วิจรนฺติ, จีวรมฺปิ รชนสารุปฺปํ อกตฺวา โอฏฺฏฺิวณฺณํ กตฺวา วิจรนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล รชนมฺปิ น โหติ ทสจฺฉินฺทนมฺปิ โอวฏฺฏิกวิชฺฌนมฺปิ, กปฺปมตฺตํ กตฺวา วฬฺเชนฺติ. ปุน โอวฏฺฏิกํ วิชฺฌิตฺวา กปฺปํ น กโรนฺติ. ตโต อุภยมฺปิ อกตฺวา ทสา เฉตฺวา ปริพฺพาชกา วิย จรนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ‘‘โก อิมินา อมฺหากํ อตฺโถ’’ติ ขุทฺทกํ กาสาวขณฺฑํ หตฺเถ วา คีวาย วา พนฺธนฺติ, เกเสสุ วา อลฺลียาเปนฺติ, ทารภรณํ วา กโรนฺตา กสิตฺวา วปิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปตฺวา วิจรนฺติ. ตทา ทกฺขิณํ เทนฺตา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส เอเตสํ เทนฺติ. อิทํ สนฺธาย ภควตา วุตฺตํ – ‘‘ภวิสฺสนฺติ โข, ปนานนฺท, อนาคตมทฺธานํ โคตฺรภุโน กาสาวกณฺา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา, เตสุ ทุสฺสีเลสุ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทานํ ทสฺสนฺติ, ตทาปาหํ, อานนฺท, สงฺฆคตํ ทกฺขิณํ อสงฺเขยฺยํ ¶ อปฺปเมยฺยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๘๐). ตโต คจฺฉนฺเต กาเล นานาวิธานิ กมฺมานิ กโรนฺตา ‘‘ปปฺโจ เอส, กึ อิมินา อมฺหาก’’นฺติ กาสาวขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา อรฺเ ขิปนฺติ. เอตสฺมึ กาเล ลิงฺคํ อนฺตรหิตํ นาม โหติ. กสฺสปทสพลสฺส กิร กาลโต ปฏฺาย โยนกานํ ¶ เสตวตฺถํ ปารุปิตฺวา จรณํ จาริตฺตํ ชาตนฺติ. อิทํ ลิงฺคอนฺตรธานํ นาม.
ธาตุอนฺตรธานํ ปน เอวํ เวทิตพฺพํ – ตีณิ ปรินิพฺพานานิ, กิเลสปรินิพฺพานํ – ขนฺธปรินิพฺพานํ, ธาตุปรินิพฺพานนฺติ. ตตฺถ กิเลสปรินิพฺพานํ โพธิปลฺลงฺเก อโหสิ, ขนฺธปรินิพฺพานํ กุสินารายํ, ธาตุปรินิพฺพานํ อนาคเต ภวิสฺสติ. กถํ? ตโต ตตฺถ ตตฺถ สกฺการสมฺมานํ อลภมานา ธาตุโย พุทฺธานํ อธิฏฺานพเลน สกฺการสมฺมานลภนกฏฺานํ คจฺฉนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล สพฺพฏฺาเนสุ สกฺการสมฺมาโน น โหติ. สาสนสฺส หิ โอสกฺกนกาเล อิมสฺมึ ตมฺพปณฺณิทีเป สพฺพา ธาตุโย สนฺนิปติตฺวา มหาเจติยํ, ตโต นาคทีเป ราชายตนเจติยํ, ตโต โพธิปลฺลงฺกํ คมิสฺสนฺติ. นาคภวนโตปิ เทวโลกโตปิ พฺรหฺมโลกโตปิ ธาตุโย มหาโพธิปลฺลงฺกเมว คมิสฺสนฺติ. สาสปมตฺตาปิ ธาตุ อนฺตรา น นสฺสิสฺสติ. สพฺพา ธาตุโย มหาโพธิมณฺเฑ สนฺนิปติตฺวา พุทฺธรูปํ คเหตฺวา โพธิมณฺเฑ ปลฺลงฺเกน นิสินฺนพุทฺธสรีรสิรึ ทสฺเสนฺติ. ทฺวตฺตึส มหาปุริสลกฺขณานิ อสีติ อนุพฺยฺชนานิ พฺยามปฺปภาติ สพฺพํ ปริปุณฺณเมว โหติ. ตโต ยมกปาฏิหาริยทิวเส วิย ปาฏิหาริยํ กตฺวา ¶ ทสฺเสนฺติ. ตทา มนุสฺสภูตสตฺโต นาม ตตฺถ คโต นตฺถิ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ ปน เทวตา สพฺพาว สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช ทสพโล ปรินิพฺพายติ, อิโตทานิ ปฏฺาย อนฺธการํ ภวิสฺสตี’’ติ ปริเทวนฺติ. อถ ธาตุสรีรโต เตโช สมุฏฺาย ตํ สรีรํ อปณฺณตฺติกภาวํ คเมติ. ธาตุสรีรโต สมุฏฺิตา ชาลา ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคจฺฉิสฺสติ, สาสปมตฺตาย เสสายปิ ธาตุยา สติ เอกชาลาว ภวิสฺสติ. ธาตูสุ ปริยาทานํ คตาสุ ปจฺฉิชฺชิสฺสติ. เอวํ มหนฺตํ อานุภาวํ ทสฺเสตฺวา ธาตุโย ¶ อนฺตรธายนฺติ. ตทา สนฺนิปติตา เทวสงฺฆา พุทฺธานํ ปรินิพฺพุตทิวเส วิย ทิพฺพคนฺธมาลาตูริยาทีหิ สกฺการํ กตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อนาคเต อุปฺปชฺชนกํ พุทฺธํ ปสฺสิตุํ ลภิสฺสาม ภควา’’ติ วตฺวา สกสกฏฺานเมว คจฺฉนฺติ. อิทํ ธาตุอนฺตรธานํ นาม.
อิมสฺส ปฺจวิธสฺส อนฺตรธานสฺส ปริยตฺติอนฺตรธานเมว ¶ มูลํ. ปริยตฺติยา หิ อนฺตรหิตาย ปฏิปตฺติ อนฺตรธายติ, ปริยตฺติยา ิตาย ปฏิปตฺติ ปติฏฺาติ. เตเนว อิมสฺมึ ทีเป จณฺฑาลติสฺสมหาภเย สกฺโก เทวราชา มหาอุฬุมฺปํ มาเปตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ ‘‘มหนฺตํ ภยํ ภวิสฺสติ, น สมฺมา เทโว วสฺสิสฺสติ, ภิกฺขู ปจฺจเยหิ กิลมนฺตา ปริยตฺตึ สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, ปรตีรํ คนฺตฺวา อยฺเยหิ ชีวิตํ รกฺขิตุํ วฏฺฏติ. อิมํ มหาอุฬุมฺปํ อารุยฺห คจฺฉถ, ภนฺเต. เยสํ เอตฺถ นิสชฺชฏฺานํ นปฺปโหติ, เต กฏฺขณฺเฑปิ อุรํ เปตฺวา คจฺฉนฺตุ, สพฺเพสมฺปิ ภยํ น ภวิสฺสตี’’ติ. ตทา สมุทฺทตีรํ ปตฺวา สฏฺิ ภิกฺขู กติกํ กตฺวา ‘‘อมฺหากํ เอตฺถ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, มยํ อิเธว หุตฺวา เตปิฏกํ รกฺขิสฺสามา’’ติ ตโต นิวตฺติตฺวา ทกฺขิณมลยชนปทํ คนฺตฺวา กนฺทมูลปณฺเณหิ ชีวิกํ กปฺเปนฺตา วสึสุ. กาเย วหนฺเต นิสีทิตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺติ, อวหนฺเต วาลิกํ อุสฺสาเรตฺวา ปริวาเรตฺวา สีสานิ เอกฏฺาเน กตฺวา ปริยตฺตึ สมฺมสนฺติ. อิมินา นิยาเมน ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ สาฏฺกถํ เตปิฏกํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ธารยึสุ.
ภเย วูปสนฺเต สตฺตสตา ภิกฺขู อตฺตโน คตฏฺาเน สาฏฺกเถ เตปิฏเก เอกกฺขรมฺปิ เอกพฺยฺชนมฺปิ อนาเสตฺวา อิมเมว ทีปมาคมฺม กลฺลคามชนปเท มณฺฑลารามวิหารํ ปวิสึสุ. เถรานํ อาคมนปฺปวตฺตึ สุตฺวา อิมสฺมึ ทีเป โอหีนา สฏฺิ ภิกฺขู ‘‘เถเร ปสฺสิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา เถเรหิ สทฺธึ เตปิฏกํ โสเธนฺตา เอกกฺขรมฺปิ เอกพฺยฺชนมฺปิ อสเมนฺตํ นาม น ปสฺสึสุ. ตสฺมึ าเน เถรานํ อยํ กถา อุทปาทิ ‘‘ปริยตฺติ นุ โข สาสนสฺส มูลํ ¶ , อุทาหุ ปฏิปตฺตี’’ติ. ปํสุกูลิกตฺเถรา ‘‘ปฏิปตฺติมูล’’นฺติ อาหํสุ, ธมฺมกถิกา ‘‘ปริยตฺตี’’ติ ¶ . อถ เน เถรา ‘‘ตุมฺหากํ ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ วจนมตฺเตเนว น กโรม, ชินภาสิตํ สุตฺตํ อาหรถา’’ติ อาหํสุ. สุตฺตํ อาหริตุํ น ภาโรติ ‘‘อิเม จ, สุภทฺท ¶ , ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสฺุโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสาติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔). ปฏิปตฺติมูลกํ, มหาราช, สตฺถุสาสนํ ปฏิปตฺติสารกํ. ปฏิปตฺติยา ธรนฺตาย ติฏฺตี’’ติ (มิ. ป. ๔.๑.๗) สุตฺตํ อาหรึสุ. อิมํ สุตฺตํ สุตฺวา ธมฺมกถิกา อตฺตโน วาทปนตฺถาย อิมํ สุตฺตํ อาหรึสุ –
‘‘ยาว ติฏฺนฺติ สุตฺตนฺตา, วินโย ยาว ทิปฺปติ;
ตาว ทกฺขนฺติ อาโลกํ, สูริเย อพฺภุฏฺิเต ยถา.
‘‘สุตฺตนฺเตสุ อสนฺเตสุ, ปมุฏฺเ วินยมฺหิ จ;
ตโม ภวิสฺสติ โลเก, สูริเย อตฺถงฺคเต ยถา.
‘‘สุตฺตนฺเต รกฺขิเต สนฺเต, ปฏิปตฺติ โหติ รกฺขิตา;
ปฏิปตฺติยํ ิโต ธีโร, โยคกฺเขมา น ธํสตี’’ติ.
อิมสฺมึ สุตฺเต อาหเฏ ปํสุกูลิกตฺเถรา ตุณฺหี อเหสุํ, ธมฺมกถิกตฺเถรานํเยว วจนํ ปุรโต อโหสิ. ยถา หิ ควสตสฺส วา ควสหสฺสสฺส วา อนฺตเร ปเวณิปาลิกาย เธนุยา อสติ โส วํโส สา ปเวณิ น ฆฏียติ, เอวเมวํ อารทฺธวิปสฺสกานํ ภิกฺขูนํ สเตปิ สหสฺเสปิ สํวิชฺชมาเน ปริยตฺติยา อสติ อริยมคฺคปฏิเวโธ นาม น โหติ. ยถา จ นิธิกุมฺภิยา ชานนตฺถาย ปาสาณปิฏฺเ อกฺขเรสุ ปิเตสุ ยาว อกฺขรานิ ธรนฺติ, ตาว นิธิกุมฺภิ นฏฺา นาม น โหติ. เอวเมวํ ปริยตฺติยา ธรมานาย สาสนํ อนฺตรหิตํ นาม น โหตีติ.
ทุติยปมาทาทิวคฺควณฺณนา.
๑๑. อธมฺมวคฺควณฺณนา
๑๔๐. เอกาทสเม ¶ ¶ วคฺเค อธมฺมํ อธมฺโมติอาทีนิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อธมฺมวคฺควณฺณนา.
๑๒. อนาปตฺติวคฺควณฺณนา
๑๕๐. ทฺวาทสเม ¶ ¶ ปน อนาปตฺตึ อาปตฺตีติอาทีสุ ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺส อเถยฺยจิตฺตสฺส นมรณาธิปฺปายสฺส อนุลฺลปนาธิปฺปายสฺส นโมจนาธิปฺปายสฺสา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตา อนาปตฺติ อนาปตฺติ นาม, ‘‘ชานนฺตสฺส เถยฺยจิตฺตสฺสา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา อาปตฺติ อาปตฺติ นาม, ปฺจาปตฺติกฺขนฺธา ลหุกาปตฺติ นาม, ทฺเว อาปตฺติกฺขนฺธา ครุกาปตฺติ นาม. ทฺเว อาปตฺติกฺขนฺธา ทุฏฺุลฺลาปตฺติ นาม, ปฺจาปตฺติกฺขนฺธา อทุฏฺุลฺลาปตฺติ นาม. ฉ อาปตฺติกฺขนฺธา สาวเสสาปตฺติ นาม, เอโก ปาราชิกาปตฺติกฺขนฺโธ อนวเสสาปตฺติ นาม. สปฺปฏิกมฺมาปตฺติ นาม สาวเสสาปตฺติเยว, อปฺปฏิกมฺมาปตฺติ นาม อนวเสสาปตฺติเยว. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อนาปตฺติวคฺควณฺณนา.
๑๓. เอกปุคฺคลวคฺควณฺณนา
๑๗๐. เอกปุคฺคลวคฺคสฺส ¶ ปเม เอกปุคฺคโลติ เอโก ปุคฺคโล. เอตฺถ เอโกติ ทุติยาทิปฏิกฺเขปตฺโถ คณนปริจฺเฉโท. ปุคฺคโลติ สมฺมุติกถา, น ปรมตฺถกถา. พุทฺธสฺส หิ ภควโต ทุวิธา เทสนา – สมฺมุติเทสนา, ปรมตฺถเทสนา จาติ. ตตฺถ ‘‘ปุคฺคโล สตฺโต อิตฺถี ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว มาโร’’ติ ¶ เอวรูปา สมฺมุติเทสนา, ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ขนฺธา ธาตู อายตนานิ สติปฏฺานา’’ติ เอวรูปา ปรมตฺถเทสนา. ตตฺถ ภควา เย สมฺมุติวเสน เทสนํ สุตฺวา อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา โมหํ ปหาย วิเสสํ อธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ สมฺมุติเทสนํ เทเสติ. เย ปน ปรมตฺถวเสน เทสนํ สุตฺวา อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา โมหํ ปหาย วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ ปรมตฺถเทสนํ เทเสติ.
ตตฺรายํ อุปมา – ยถา หิ เทสภาสากุสโล ติณฺณํ เวทานํ อตฺถสํวณฺณนโก อาจริโย เย ทมิฬภาสาย วุตฺเต อตฺถํ ชานนฺติ, เตสํ ทมิฬภาสาย อาจิกฺขติ. เย อนฺธภาสาทีสุ อฺตราย ภาสาย ¶ , เตสํ ตาย ตาย ภาสาย. เอวํ เต มาณวกา เฉกํ พฺยตฺตํ อาจริยมาคมฺม ขิปฺปเมว สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ. ตตฺถ อาจริโย วิย พุทฺโธ ภควา, ตโย เวทา วิย กเถตพฺพภาเว ิตานิ ตีณิ ปิฏกานิ, เทสภาสาโกสลฺลมิว สมฺมุติปรมตฺถโกสลฺลํ, นานาเทสภาสา มาณวกา วิย สมฺมุติปรมตฺถวเสน ปฏิวิชฺฌนสมตฺถา เวเนยฺยสตฺตา, อาจริยสฺส ทมิฬภาสาทิอาจิกฺขนํ วิย ภควโต สมฺมุติปรมตฺถวเสน เทสนา เวทิตพฺพา. อาห เจตฺถ –
‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นุปลพฺภติ.
‘‘สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณา;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณา.
‘‘ตสฺมา ¶ โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ.
อปิจ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถติ – หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ, ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ, อานนฺตริยทีปนตฺถํ, พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ, ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ, ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ, โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถฺจาติ. ‘‘ขนฺธธาตุอายตนานิ ¶ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺตี’’ติ หิ วุตฺเต มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหมาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺติ นามา’’ติ? ‘‘อิตฺถี หิริยติ โอตฺตปฺปติ, ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว มาโร’’ติ วุตฺเต ปน ชานาติ, น สมฺโมหมาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ. ตสฺมา ภควา หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา กมฺมสฺสกา, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘เวฬุวนาทโย มหาวิหารา ขนฺเธหิ การาปิตา, ธาตูหิ อายตเนหี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ¶ มาตรํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, ปิตรํ, อรหนฺตํ, รุหิรุปฺปาทกมฺมํ, สงฺฆเภทกมฺมํ กโรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา อานนฺตริยทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา เมตฺตายนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสมนุสฺสรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ¶ ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ ปฏิคฺคณฺหนฺติ นามา’’ติ? ‘‘ปุคฺคลา ปฏิคฺคณฺหนฺติ สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺโม’’ติ วุตฺเต ปน ชานาติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ. ตสฺมา ภควา ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
โลกสมฺมุติฺจ ¶ พุทฺธา ภควนฺโต นปฺปชหนฺติ, โลกสมฺาย โลกนิรุตฺติยา โลกาภิลาเป ิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ. ตสฺมา ภควา โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
อิติ เอโก จ โส ปุคฺคโล จาติ เอกปุคฺคโล. เกนฏฺเน เอกปุคฺคโล? อสทิสฏฺเน คุณวิสิฏฺฏฺเน อสมสมฏฺเนาติ. โส หิ ทสนฺนํ ปารมีนํ ปฏิปาฏิยา อาวชฺชนํ อาทึ กตฺวา โพธิสมฺภารคุเณหิ เจว พุทฺธคุเณหิ จ เสสมหาชเนน อสทิโสติ อสทิสฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล. เย จสฺส เต คุณา, เต เสสสตฺตานํ คุเณหิ วิสิฏฺาติ คุณวิสิฏฺฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล. ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพสตฺเตหิ อสมา, เตหิ สทฺธึ อยเมว เอโก รูปกายคุเณหิ เจว นามกายคุเณหิ จ สโมติ อสมสมฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล.
โลเกติ ตโย โลกา – สตฺตโลโก, โอกาสโลโก, สงฺขารโลโกติ. เตสํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๕-๑๓๖) วุตฺตา. เตสุ อิธ สตฺตโลโก อธิปฺเปโต. สตฺตโลเก อุปฺปชฺชมาโนปิ เจส น เทวโลเก, น พฺรหฺมโลเก, มนุสฺสโลเกเยว อุปฺปชฺชติ. มนุสฺสโลเกปิ ¶ น อฺสฺมึ จกฺกวาเฬ, อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ อุปฺปชฺชติ. ตตฺราปิ น สพฺพฏฺาเนสุ.
‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส ปเรน มหาสาลา, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ¶ ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสีรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ (มหาว. ๒๕๙) เอวํ ปริจฺฉินฺเน อายามโต ติโยชนสเต วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยโยชนสเต ปริกฺเขปโต นวโยชนสเต มชฺฌิมเทเส ¶ อุปฺปชฺชติ. น เกวลฺจ ตถาคโตว, ปจฺเจกพุทฺธา อคฺคสาวกา อสีติ มหาเถรา พุทฺธมาตา พุทฺธปิตา จกฺกวตฺตี ราชา อฺเ จ สารปฺปตฺตา พฺราหฺมณคหปติกา เอตฺเถว อุปฺปชฺชนฺติ.
อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตีติ อิทํ ปน อุภยมฺปิ วิปฺปกตวจนเมว. อุปฺปชฺชมาโน พหุชนหิตาย อุปฺปชฺชติ, น อฺเน การเณนาติ เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวรูปฺเจตฺถ ลกฺขณํ น สกฺกา เอตํ อฺเน สทฺทลกฺขเณน ปฏิพาหิตุํ.
อปิจ อุปฺปชฺชมาโน นาม, อุปฺปชฺชติ นาม, อุปฺปนฺโน นามาติ อยเมตฺถ เภโท เวทิตพฺโพ. เอส หิ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฏฺาย ลทฺธพฺยากรโณ พุทฺธการเก ธมฺเม ปริเยสนฺโต ทส ปารมิโย ทิสฺวา ‘‘อิเม ธมฺมา มยา ปูเรตพฺพา’’ติ กตสนฺนิฏฺาโน ทานปารมึ ปูเรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. สีลปารมี…เป… อุเปกฺขาปารมีติ อิมา ทส ปารมิโย ปูเรนฺโตปิ, ทส อุปปารมิโย ปูเรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ทส ปรมตฺถปารมิโย ปูเรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโนว นาม. ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. อตฺตตฺถจริยํ าตตฺถจริยํ โลกตฺถจริยํ ปูรยมาโนปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ พุทฺธการเก ธมฺเม มตฺถกํ ปาเปนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. เวสฺสนฺตรตฺตภาวํ ปหาย ¶ ตุสิตปุเร ปฏิสนฺธึ ¶ คเหตฺวา สฏฺิวสฺสสตสหสฺสาธิกา สตฺตปณฺณาสวสฺสโกฏิโย ติฏฺนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. เทวตาหิ ยาจิโต ปฺจมหาวิโลกิตํ วิโลเกตฺวา มหามายาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺโตปิ, อนูนาธิเก ทส มาเส คพฺภวาสํ วสนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. เอกูนตึส วสฺสานิ อคารมชฺเฌ ติฏฺนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา ราหุลภทฺทสฺส ชาตทิวเส ฉนฺนสหาโย กณฺฑกํ วาหนวรํ อารุยฺห นิกฺขมนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโนว นาม. ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมนฺโตปิ อโนมานทีตีเร ปพฺพชนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ กโรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน นาม. ปริปกฺกคเต าเณ โอฬาริกาหารํ อาหรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโนว นาม. สายนฺหสมเย วิสาขปุณฺณมาย มหาโพธิมณฺฑํ อารุยฺห มารพลํ วิธเมตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ ปริโสเธตฺวา ปจฺฉิมยามสมนนฺตเร ทฺวาทสงฺคํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมโต สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโนว นาม. โสตาปตฺติผลกฺขเณปิ สกทาคามิมคฺคกฺขเณปิ สกทาคามิผลกฺขเณปิ อนาคามิมคฺคกฺขเณปิ ¶ อนาคามิผลกฺขเณปิ อุปฺปชฺชมาโนว นาม. อรหตฺตมคฺคกฺขเณ ปน อุปฺปชฺชติ นาม. อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นาม. พุทฺธานํ หิ สาวกานํ วิย น ปฏิปาฏิยา อิทฺธิวิธาณาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติ, สเหว ปน อรหตฺตมคฺเคน สกโลปิ สพฺพฺุตฺาณาทิ คุณราสิ อาคโตว นาม โหติ. ตสฺมา เต นิปฺผตฺตสพฺพกิจฺจตฺตา อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺนา นาม โหนฺติ. อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต อรหตฺตผลกฺขณํเยว สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ เวทิตพฺโพ, อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ.
พหุชนหิตายาติ ¶ มหาชนสฺส หิตตฺถาย อุปฺปชฺชติ. พหุชนสุขายาติ มหาชนสฺส สุขตฺถาย อุปฺปชฺชติ. โลกานุกมฺปายาติ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ. กตรสตฺตโลกสฺสาติ? โย ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อมตปานํ ปิวิตฺวา ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิ, ตสฺส. ภควตา หิ มหาโพธิมณฺเฑ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา โพธิมณฺฑา อิสิปตนํ อาคมฺม ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อนฺตา ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา’’ติ ¶ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺเต (มหาว. ๑๓; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) เทสิเต อายสฺมตา อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถเรน สทฺธึ อฏฺารสโกฏิสงฺขา พฺรหฺมาโน อมตปานํ ปิวึสุ, เอตสฺส สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโน. ปฺจมทิวเส อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตปริโยสาเน (มหาว. ๒๐; สํ. นิ. ๓.๕๙) ปฺจวคฺคิยา เถรา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, เอตสฺสปิ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโน. ตโต ยสทารกปฺปมุเข ปฺจปณฺณาส ปุริเส อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ, ตโต กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ภทฺทวคฺคิเย ตโย มคฺเค จ ตีณิ ผลานิ จ สมฺปาเปสิ, เอตสฺสปิ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโน. คยาสีเส อาทิตฺตปริยายสุตฺตปริโยสาเน (มหาว. ๕๔) ชฏิลสหสฺสํ อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ, ตาลฏฺิวเน พิมฺพิสารปฺปมุขา เอกาทส นหุตา พฺราหฺมณคหปติกา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, เอกํ นหุตํ สรเณสุ ปติฏฺิตํ. ติโรกุฏฺฏอนุโมทนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺเสหิ อมตปานํ ปีตํ. สุมนมาลาการสมาคเม จตุราสีติยา จ. ธนปาลกสมาคเม ทสหิ ปาณสหสฺเสหิ, ขทิรงฺคารชาตกสมาคเม จตุราสีติยา ปาณสหสฺเสหิ, ชมฺพุกอาชีวกสมาคเม จตุราสีติยา จ. อานนฺทเสฏฺิสมาคเม ¶ จตุราสีติยา จ ปาณสหสฺเสหิ อมตปานํ ปีตํ. ปาสาณกเจติเย ปารายนสุตฺตนฺตกถาทิวเส จุทฺทส โกฏิโย อมตปานํ ปิวึสุ. ยมกปาฏิหาริยทิวเส วีสติ ปาณโกฏิโย, ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลาย นิสีทิตฺวา มาตรํ กายสกฺขึ กตฺวา สตฺตปฺปกรณํ อภิธมฺมํ เทเสนฺตสฺส อสีติ ปาณโกฏิโย, เทโวโรหเน ตึส ปาณโกฏิโย, สกฺกปฺหสุตฺตนฺเต อสีติ ¶ เทวตาสหสฺสานิ อมตปานํ ปิวึสุ. มหาสมยสุตฺตนฺเต มงฺคลสุตฺตนฺเต จูฬราหุโลวาเท สมจิตฺตปฏิปทายาติ อิเมสุ จตูสุ าเนสุ อภิสมยํ ปตฺตสตฺตานํ ปริจฺเฉโท นตฺถิ. เอตสฺสปิ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย อุปฺปนฺโนติ. ยาวชฺชทิวสา อิโต ปรํ อนาคเต จ สาสนํ นิสฺสาย สคฺคโมกฺขมคฺเค ปติฏฺหนฺตานํ วเสนาปิ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เทวมนุสฺสานนฺติ น เกวลํ เทวมนุสฺสานํเยว, อวเสสานํ นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ อตฺถาย หิตาย สุขาเยว อุปฺปนฺโน. สเหตุกปฏิสนฺธิเก ปน ¶ มคฺคผลสจฺฉิกิริยาย ภพฺเพ ปุคฺคเล ทสฺเสตุํ เอตํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอเตสมฺปิ อตฺถาย หิตาย สุขาเยว อุปฺปนฺโนติ เวทิตพฺโพ.
กตโม เอกปุคฺคโลติ อยํ ปุจฺฉา. ปุจฺฉา จ นาเมสา ปฺจวิธา โหติ – อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา, ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉา, วิมติจฺเฉทนา ปุจฺฉา, อนุมติปุจฺฉา, กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ.
ตาสํ อิทํ นานตฺตํ – กตมา อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ อฺาตํ โหติ อทิฏฺํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อภาวิตํ. ตสฺส าณาย ทสฺสนาย ตุลนาย ¶ ตีรณาย วิภูตตฺถาย วิภาวนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา.
กตมา ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ าตํ โหติ ทิฏฺํ ตุลิตํ ตีริตํ วิภูตํ วิภาวิตํ. โส อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ สํสนฺทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉา.
กตมา วิมติจฺเฉทนา ปุจฺฉา? ปกติยา สํสยปกฺขนฺโต โหติ วิมติปกฺขนฺโต ทฺเวฬฺหกชาโต ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข, กึ นุ โข, กถํ นุ โข’’ติ. โส วิมติจฺเฉทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ วิมติจฺเฉทนา ปุจฺฉา.
กตมา อนุมติปุจฺฉา? ภควา หิ ภิกฺขูนํ อนุมติยา ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภนฺเต’’. ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภนฺเต’’. ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ ¶ นุ โข ตํ สมนุปสฺสิตุํ เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ, อยํ อนุมติปุจฺฉา.
กตมา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา? ภควา ภิกฺขูนํ กเถตุกมฺยตาย ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สติปฏฺานา. กตเม จตฺตาโร’’ติ? อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ.
ตตฺถ พุทฺธานํ ปุริมา ติสฺโส ปุจฺฉา นตฺถิ. กสฺมา? พุทฺธานํ หิ ตีสุ อทฺธาสุ กิฺจิ สงฺขตํ อทฺธาวิมุตฺตํ วา อสงฺขตํ อทิฏฺํ อชานิตํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา เตสํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา นตฺถิ. ยํ ปน ภควตา อตฺตโน าเณน ปฏิวิทฺธํ, ตสฺส อฺเน สมเณน วา พฺราหฺมเณน ¶ วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา สทฺธึ สํสนฺทนกิจฺจํ ¶ นตฺถิ. เตนสฺส ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา นตฺถิ. ยสฺมา ปเนส อกถํกถี ติณฺณวิจิกิจฺโฉ สพฺพธมฺเมสุ วิหตสํสโย, เตนสฺส วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา นตฺถิ. อิตรา ปน ทฺเว ปุจฺฉา ภควโต อตฺถิ, ตาสุ อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ เวทิตพฺพา.
อิทานิ ตาย ปุจฺฉาย ปุฏฺํ เอกปุคฺคลํ วิภาเวนฺโต ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ อาห. ตตฺถ ตถาคโตติ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ.
กถํ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตา, ยถา วิปสฺสี ภควา อาคโต, ยถา สิขี ภควา, ยถา เวสฺสภู ภควา, ยถา กกุสนฺโธ ภควา, ยถา โกณาคมโน ภควา, ยถา กสฺสโป ภควา อาคโตติ. กึ วุตฺตํ โหติ? เยน อภินีหาเรน เอเต ภควนฺโต อาคตา, เตเนว อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต. อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา ทานปารมึ ปูเรตฺวา, สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจาธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมึ ปูเรตฺวา อิมา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา, องฺคปริจฺจาคํ นยนธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาคนฺติ อิเม ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา, ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย ¶ ปูเรตฺวา พุทฺธิจริยาย โกฏึ ปตฺวา อาคโต, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต. ยถา จ วิปสฺสี ภควา ¶ …เป… กสฺสโป ภควา จตฺตาโร สติปฏฺาเน จตฺตาโร สมฺมปฺปธาเน จตฺตาโร อิทฺธิปาเท ปฺจินฺทฺริยานิ ปฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺเค อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคโต, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโตติ ตถาคโต.
‘‘ยเถว ¶ โลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย,
สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา’’ติ.
เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาโต วิปสฺสี ภควา คโต…เป… กสฺสโป ภควา คโต. กถฺจ โส คโตติ? โส หิ สมฺปติชาโตว สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คโต. ยถาห – ‘‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสตฺโต สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ เสตมฺหิ ฉตฺเต อนุธาริยมาเน, สพฺพา จ ทิสา อนุวิโลเกติ, อาสภิฺจ วาจํ ภาสติ ‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๐๗). ตฺจสฺส คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. ยฺหิ โส สมฺปติชาโตว สเมหิ ปาเทหิ ปติฏฺหิ, อิทมสฺส จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อุตฺตราภิมุขภาโว ปน สพฺพโลกุตฺตรภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สตฺตปทวีติหาโร สตฺตโพชฺฌงฺครตนปฏิลาภสฺส, ‘‘สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา’’ติ (สุ. นิ. ๖๙๓) เอตฺถ วุตฺตจามรุกฺเขโป ปน สพฺพติตฺถิยนิมฺมถนสฺส ¶ ปุพฺพนิมิตฺตํ, เสตจฺฉตฺตธารณํ อรหตฺตผลวิมุตฺติวรวิมลเสตจฺฉตฺตปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สพฺพทิสานุวิโลกนํ สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อาสภิวาจาภาสนํ อปฺปฏิวตฺติยวรธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ตถา อยํ ¶ ภควาปิ คโต. ตฺจสฺส คมนํ กถํ อโหสิ อวิตถํ เตสํเยว วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. เตนาหุ โปราณา –
‘‘มุหุตฺตชาโตว ควมฺปตี ยถา,
สเมหิ ปาเทหิ ผุสี วสุนฺธรํ;
โส วิกฺกมี สตฺต ปทานิ โคตโม,
เสตฺจ ฉตฺตํ อนุธารยุํ มรู.
‘‘คนฺตฺวาน ¶ โส สตฺต ปทานิ โคตโม,
ทิสา วิโลเกสิ สมา สมนฺตโต;
อฏฺงฺคุเปตํ คิรมพฺภุทีรยิ,
สีโห ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต’’ติ.
เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโต.
อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา, อยมฺปิ ภควา ตเถว เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทํ ปหาย คโต, อพฺยาปาเทน พฺยาปาทํ, อาโลกสฺาย ถินมิทฺธํ, อวิกฺเขเปน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, ธมฺมววตฺถาเนน วิจิกิจฺฉํ ปหาย คโต, าเณน อวิชฺชํ ปทาเลตฺวา คโต, ปาโมชฺเชน อรตึ วิโนเทตฺวา, ปมชฺฌาเนน นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา, ทุติยชฺฌาเนน วิตกฺกวิจารํ วูปสเมตฺวา, ตติยชฺฌาเนน ปีตึ วิราเชตฺวา, จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหาย, อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา รูปสฺาปฏิฆสฺานานตฺตสฺาโย สมติกฺกมิตฺวา, วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติยา อากาสานฺจายตนสฺํ, อากิฺจฺายตนสมาปตฺติยา ¶ วิฺาณฺจายตนสฺํ, เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อากิฺจฺายตนสฺํ สมติกฺกมิตฺวา คโต.
อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺํ ปหาย, ทุกฺขานุปสฺสนาย สุขสฺํ, อนตฺตานุปสฺสนาย อตฺตสฺํ, นิพฺพิทานุปสฺสนาย นนฺทึ, วิราคานุปสฺสนาย ราคํ, นิโรธานุปสฺสนาย สมุทยํ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย อาทานํ, ขยานุปสฺสนาย ฆนสฺํ, วยานุปสฺสนาย ¶ อายูหนํ, วิปริณามานุปสฺสนาย ธุวสฺํ, อนิมิตฺตานุปสฺสนาย นิมิตฺตสฺํ, อปฺปณิหิตานุปสฺสนาย ปณิธึ, สฺุตานุปสฺสนาย อภินิเวสํ, อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย สาราทานาภินิเวสํ, ยถาภูตาณทสฺสเนน สมฺโมหาภินิเวสํ, อาทีนวานุปสฺสนาย อาลยาภินิเวสํ, ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย อปฺปฏิสงฺขํ, วิวฏฺฏานุปสฺสนาย สํโยคาภินิเวสํ, โสตาปตฺติมคฺเคน ทิฏฺเกฏฺเ กิเลเส ภฺชิตฺวา, สกทาคามิมคฺเคน โอฬาริเก กิเลเส ปหาย, อนาคามิมคฺเคน อณุสหคเต กิเลเส สมุคฺฆาเตตฺวา, อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลเส สมุจฺฉินฺทิตฺวา คโต. เอวมฺปิ ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ¶ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? ปถวีธาตุยา กกฺขฬตฺตลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ, อาโปธาตุยา ปคฺฆรณลกฺขณํ, เตโชธาตุยา อุณฺหตฺตลกฺขณํ, วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภนลกฺขณํ, อากาสธาตุยา อสมฺผุฏฺลกฺขณํ, วิฺาณธาตุยา วิชานนลกฺขณํ.
รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ, เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ, สฺาย สฺชานนลกฺขณํ, สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณํ, วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณํ.
วิตกฺกสฺส อภินิโรปนลกฺขณํ, วิจารสฺส อนุมชฺชนลกฺขณํ, ปีติยา ผรณลกฺขณํ, สุขสฺส สาตลกฺขณํ, จิตฺเตกคฺคตาย อวิกฺเขปลกฺขณํ, ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ.
สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิโมกฺขลกฺขณํ, วีริยินฺทฺริยสฺส ปคฺคหลกฺขณํ, สตินฺทฺริยสฺส ¶ อุปฏฺานลกฺขณํ, สมาธินฺทฺริยสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ, ปฺินฺทฺริยสฺส ปชานนลกฺขณํ.
สทฺธาพลสฺส อสฺสทฺธิเย อกมฺปิยลกฺขณํ, วีริยพลสฺส โกสชฺเช, สติพลสฺส มุฏฺสฺสจฺเจ, สมาธิพลสฺส อุทฺธจฺเจ, ปฺาพลสฺส อวิชฺชาย อกมฺปิยลกฺขณํ.
สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฏฺานลกฺขณํ, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปวิจยลกฺขณํ, วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปคฺคหลกฺขณํ, ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ผรณลกฺขณํ, ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส วูปสมลกฺขณํ ¶ , สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปฏิสงฺขานลกฺขณํ.
สมฺมาทิฏฺิยา ทสฺสนลกฺขณํ, สมฺมาสงฺกปฺปสฺส อภินิโรปนลกฺขณํ, สมฺมาวาจาย ปริคฺคหลกฺขณํ, สมฺมากมฺมนฺตสฺส สมุฏฺานลกฺขณํ, สมฺมาอาชีวสฺส โวทานลกฺขณํ, สมฺมาวายามสฺส ปคฺคหลกฺขณํ, สมฺมาสติยา อุปฏฺานลกฺขณํ, สมฺมาสมาธิสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ.
อวิชฺชาย อฺาณลกฺขณํ, สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณํ, วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณํ, นามสฺส นมนลกฺขณํ, รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ, สฬายตนสฺส อายตนลกฺขณํ, ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ, เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ, ตณฺหาย เหตุลกฺขณํ, อุปาทานสฺส คหณลกฺขณํ, ภวสฺส อายูหนลกฺขณํ, ชาติยา นิพฺพตฺติลกฺขณํ, ชราย ชีรณลกฺขณํ, มรณสฺส จุติลกฺขณํ.
ธาตูนํ ¶ สฺุตาลกฺขณํ, อายตนานํ อายตนลกฺขณํ, สติปฏฺานานํ อุปฏฺานลกฺขณํ, สมฺมปฺปธานานํ ปทหนลกฺขณํ, อิทฺธิปาทานํ อิชฺฌนลกฺขณํ, อินฺทฺริยานํ อธิปติลกฺขณํ, พลานํ อกมฺปิยลกฺขณํ, โพชฺฌงฺคานํ นิยฺยานลกฺขณํ, มคฺคสฺส เหตุลกฺขณํ.
สจฺจานํ ตถลกฺขณํ, สมถสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ, วิปสฺสนาย อนุปสฺสนาลกฺขณํ, สมถวิปสฺสนานํ เอกรสลกฺขณํ, ยุคนทฺธานํ อนติวตฺตนลกฺขณํ.
สีลวิสุทฺธิยา ¶ สํวรณลกฺขณํ, จิตฺตวิสุทฺธิยา อวิกฺเขปลกฺขณํ, ทิฏฺิวิสุทฺธิยา ทสฺสนลกฺขณํ.
ขเย าณสฺส สมุจฺเฉทลกฺขณํ, อนุปฺปาเท าณสฺส ปสฺสทฺธิลกฺขณํ.
ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณํ, มนสิการสฺส สมุฏฺานลกฺขณํ, ผสฺสสฺส สโมธานลกฺขณํ, เวทนาย สโมสรณลกฺขณํ, สมาธิสฺส ปมุขลกฺขณํ, สติยา อาธิปเตยฺยลกฺขณํ, ปฺาย ตตุตฺตริยลกฺขณํ ¶ , วิมุตฺติยา สารลกฺขณํ, อมโตคธสฺส นิพฺพานสฺส ปริโยสานลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ. เอวํ ตถลกฺขณํ าณคติยา อาคโต อวิรชฺฌิตฺวา ปตฺโต อนุปฺปตฺโตติ ตถาคโต. เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ. อภิสมฺโพธตฺโถ หิ เอตฺถ คตสทฺโท.
อปิจ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ…เป… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ. ตถา อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ, สงฺขารานํ วิฺาณสฺส ปจฺจยฏฺโ…เป… ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ. ตํ สพฺพํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ. ตสฺมาปิ ¶ ตถานํ ธมฺมานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ. เอวํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต.
กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ภควา ¶ ยํ สเทวเก โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จ เตน ตํ อิฏฺานิฏฺาทิวเสน วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานกปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ? ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺเวปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุปิ อาปาถมาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, ตมหํ อพฺภฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔). เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. ตตฺถ ตถทสฺสีอตฺเถ ตถาคโตติ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ.
กถํ ¶ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺตึ ภควา โพธิมณฺเฑ อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ยฺจ รตฺตึ ยมกสาลานํ อนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาเณ กาเล ปมโพธิยาปิ มชฺฌิมโพธิยาปิ ปจฺฉิมโพธิยาปิ ยํ ภควตา ภาสิตํ สุตฺตํ เคยฺยํ…เป… เวทลฺลํ, สพฺพํ ¶ ตํ อตฺถโต จ พฺยฺชนโต จ อนุปวชฺชํ อนูนํ อนธิกํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ราคมทนิมฺมทนํ โทสโมหมทนิมฺมทนํ, นตฺถิ ตตฺถ วาลคฺคมตฺตมฺปิ อวกฺขลิตํ, สพฺพํ ตํ เอกมุทฺทิกาย ลฺฉิตํ วิย เอกนาฬิกาย มิตํ วิย เอกตุลาย ตุลิตํ วิย จ ตถเมว โหติ อวิตถํ. เตนาห – ‘‘ยฺจ, จุนฺท, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ¶ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ โน อฺถา. ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๘). คทตฺโถ หิ เอตฺถ คตสทฺโท. เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโต.
อปิจ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวมฺเปตสฺมึ อตฺเถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ กายสฺสปิ วาจา, ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํ ภูตสฺส จสฺส ยถา วาจา, กาโยปิ ตถา คโต, ปวตฺโตติ อตฺโถ. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตาติ ตถาคโต. เตเนวาห – ‘‘ยถาวาที, ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓). เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต.
กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวีจึ ปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ ¶ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร ราชราโช เทวเทโว สกฺกานมติสกฺโก พฺรหฺมานมติพฺรหฺมา. เตนาห – ‘‘สเทวเก โลเก, ภิกฺขเว…เป… สเทวมนุสฺสาย ¶ ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุ ทโส วสวตฺตี. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
ตตฺเรวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา – อคโท วิย อคโท. โก ปเนส? เทสนาวิลาโส เจว ปฺุุสฺสโย จ. เตน เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก ทิพฺพาคเทน สปฺเป วิย สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต เทสนาวิลาโส เจว ปฺุุสฺสโย จ อคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.
อปิจ ¶ ตถาย คโตติปิ ตถาคโต, ตถํ คโตติปิ ตถาคโต, คโตติ อวคโต อตีโต ปตฺโต ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ. ตตฺถ สกลโลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโต. โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต, โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต ปตฺโตติ ตถาคโต, โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถาย คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. เตน ยํ วุตฺตํ ภควตา –
‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสฺมา ตถาคโต ¶ วิสํยุตฺโต. โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ปหีโน. โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตา. ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
ตสฺสปิ เอวํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิทมฺปิ จ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตเมว. สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ตถาคตภาวํ วณฺเณยฺย.
อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ ปททฺวเย ปน อารกตฺตา, อรีนํ อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ อรหนฺติ เวทิตพฺโพ. สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ ¶ พุทฺธตฺตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตํ ปททฺวยํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๓ อาทโย) พุทฺธานุสฺสติวณฺณนายํ ปกาสิตนฺติ.
๑๗๑. ทุติเย ปาตุภาโวติ อุปฺปตฺติ นิปฺผตฺติ. ทุลฺลโภ โลกสฺมินฺติ อิมสฺมึ สตฺตโลเก ทุลฺลโภ สุทุลฺลโภ ปรมทุลฺลโภ. กสฺมา ทุลฺลโภติ? เอกวารํ ทานปารมึ ปูเรตฺวา พุทฺเธน ภวิตุํ น สกฺกา, ทฺเว วาเร ทส วาเร วีสติ วาเร ปฺาส วาเร วารสตํ วารสหสฺสํ วารสตสหสฺสํ วารโกฏิสตสหสฺสมฺปิ ทานปารมึ ปูเรตฺวา พุทฺเธน ภวิตุํ ¶ น สกฺกา, ตถา เอกทิวสํ ทฺเว ทิวเส ทส ทิวเส วีสติ ทิวเส ปฺาส ทิวเส ทิวสสตํ ทิวสสหสฺสํ ทิวสสตสหสฺสํ ทิวสโกฏิสตสหสฺสํ ¶ . เอกมาสํ ทฺเว มาเส…เป… มาสโกฏิสตสหสฺสํ. เอกสํวจฺฉรํ ทฺเว สํวจฺฉเร…เป… สํวจฺฉรโกฏิสตสหสฺสํ. เอกกปฺปํ ทฺเว กปฺเป…เป… กปฺปโกฏิสตสหสฺสํ. กปฺปานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ตีณิ อสงฺขฺเยยฺยานิ ทานปารมึ ปูเรตฺวา พุทฺเธน ภวิตุํ น สกฺกา. สีลปารมีเนกฺขมฺมปารมี…เป… อุเปกฺขาปารมีสุปิ เอเสว นโย. ปจฺฉิมโกฏิยา ปน กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา พุทฺเธน ภวิตุํ สกฺกาติ อิมินา การเณน ทุลฺลโภ.
๑๗๒. ตติเย อจฺฉริยมนุสฺโสติ อจฺฉริโย มนุสฺโส. อจฺฉริโยติ อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหณํ วิย นิจฺจํ น โหตีติ อตฺโถ. อยํ ตาว สทฺทนโย. อยํ ปน อฏฺกถานโย – อจฺฉราโยคฺโคติ อจฺฉริโย, อจฺฉรํ ปหริตฺวา ปสฺสิตพฺโพติ อตฺโถ. อปิจ ‘‘ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาวา จตฺตาโร อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา ปาตุภวนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๒๗) เอวมาทีหิ อเนเกหิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตาปิ อจฺฉริยมนุสฺโส. อาจิณฺณมนุสฺโสติปิ อจฺฉริยมนุสฺโส.
อภินีหารสฺส หิ สมฺปาทเก อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา เอกพุทฺธสฺส สมฺมุเข มหาโพธิมณฺเฑ มานสํ พนฺธิตฺวา นิสชฺชนํ นาม น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณํ, สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺเสว อาจิณฺณํ. ตถา พุทฺธานํ สนฺติเก พฺยากรณํ ลภิตฺวา อนิวตฺตเกน หุตฺวา วีริยาธิฏฺานํ อธิฏฺาย พุทฺธการกธมฺมานํ ปูรณมฺปิ น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณํ, สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺเสว อาจิณฺณํ. ตถา ปารมิโย คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา ¶ เวสฺสนฺตรตฺตภาวสทิเส อตฺตภาเว ตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตานํ หตฺถีนํ สตฺตสตานิ อสฺสานํ สตฺตสตานีติ เอวํ สตฺตสตกมหาทานํ ทตฺวา ¶ ชาลิกุมารสทิสํ ปุตฺตํ, กณฺหาชินาสทิสํ ธีตรํ, มทฺทีเทวิสทิสํ ภริยฺจ ทานมุเข นิยฺยาเตตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ทุติเย อตฺตภาเว ตุสิตภวเน ปฏิสนฺธิคฺคหณมฺปิ น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณํ, สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺเสว อาจิณฺณํ. ตุสิตปุเร ยาวตายุกํ ตฺวา เทวตานํ อายาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา สตสฺส ¶ สมฺปชานสฺส ตุสิตปุรา จวิตฺวา มหาโภคกุเล ปฏิสนฺธิคฺคหณมฺปิ น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณํ, สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺเสว อาจิณฺณํ. ตถา ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนมฺปิ, สตสฺส สมฺปชานสฺส มาตุกุจฺฉิยํ นิวาโสปิ, สตสฺส สมฺปชานสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนทิวเส ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนมฺปิ, สมฺปติชาตสฺส สตฺตปทวีติหารคมนมฺปิ, ทิพฺพเสตจฺฉตฺต. ธารณมฺปิ, ทิพฺพวาฬพีชนุกฺเขโปปิ, สพฺพทิสาสุ สีหวิโลกนํ วิโลเกตฺวา อตฺตนา ปฏิสมํ กฺจิ สตฺตํ อทิสฺวา ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ เอวํ สีหนาทนทนมฺปิ, ปริปากคเต าเณ มหาสมฺปตฺตึ ปหาย มหาภินิกฺขมนมฺปิ, มหาโพธิมณฺเฑ ปลฺลงฺเกน นิสินฺนสฺส มารวิชยํ อาทึ กตฺวา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติทิพฺพจกฺขุวิโสธนานิ กตฺวา ปจฺจูสสมเย สพฺพฺุตฺาณคุณราสิปฏิวิทฺธกฺขเณ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนมฺปิ, ปมธมฺมเทสนาย อนุตฺตรํ ติปริวฏฺฏํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนมฺปีติ เอวมาทิ สพฺพํ น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณํ, สพฺพฺุพุทฺธสฺเสว อาจิณฺณํ. เอวํ อาจิณฺณมนุสฺโสติปิ อจฺฉริยมนุสฺโส.
๑๗๓. จตุตฺเถ ¶ กาลกิริยาติ เอกสฺมึ กาเล ปากฏา กิริยาติ กาลกิริยา. ตถาคโต หิ ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ ปฺจ นิกาเย นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ปกาเสตฺวา มหาชนํ นิพฺพานนินฺนํ นิพฺพานโปณํ กตฺวา ยมกสาลานมนฺตเร นิปนฺโน ภิกฺขุสงฺฆํ อามนฺเตตฺวา อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา สโต สมฺปชาโน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. อยมสฺส กิริยา ยาวชฺชตนา ปากฏาติ เอกสฺมึ กาเล ปากฏา กิริยาติ กาลกิริยา. อนุตปฺปา โหตีติ อนุตาปกรา โหติ. ตตฺถ จกฺกวตฺติรฺโ กาลกิริยา เอกจกฺกวาเฬ เทวมนุสฺสานํ อนุตาปกรา โหติ. พุทฺธานํ กาลกิริยา ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวมนุสฺสานํ อนุตาปกรา โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘พหุโน ชนสฺส อนุตปฺปา โหตี’’ติ.
๑๗๔. ปฺจเม อทุติโยติ ทุติยสฺส พุทฺธสฺส อภาวา อทุติโย. จตฺตาโร หิ พุทฺธา สุตพุทฺโธ, จตุสจฺจพุทฺโธ, ปจฺเจกพุทฺโธ, สพฺพฺุพุทฺโธติ. ตตฺถ พหุสฺสุโต ภิกฺขุ สุตพุทฺโธ นาม ¶ . ขีณาสโว จตุสจฺจพุทฺโธ นาม ¶ . กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา สามํ ปฏิวิทฺธปจฺเจกโพธิาโณ ปจฺเจกพุทฺโธ นาม. กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ วา อฏฺ วา โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ สพฺพฺุพุทฺโธ นาม. อิเมสุ จตูสุ พุทฺเธสุ สพฺพฺุพุทฺโธว อทุติโย นาม. น หิ เตน สทฺธึ อฺโ สพฺพฺุพุทฺโธ นาม อุปฺปชฺชติ.
อสหาโยติ อตฺตภาเวน วา ปฏิวิทฺธธมฺเมหิ วา สทิโส สหาโย นาม อสฺส นตฺถีติ อสหาโย. ‘‘ลทฺธสหาโย โข ปน โส ภควา เสขานฺเจว ปฏิปทาน’’นฺติ อิมินา ปน ปริยาเยน เสขาเสขา พุทฺธานํ สหายา นาม โหนฺติ. อปฺปฏิโมติ ปฏิมา ¶ วุจฺจติ อตฺตภาโว, ตสฺส อตฺตภาวสทิสา อฺา ปฏิมา นตฺถีติ อปฺปฏิโม. ยาปิ จ มนุสฺสา สุวณฺณรชตาทิมยา ปฏิมา กโรนฺติ, ตาสุ วาลคฺคมตฺตมฺปิ โอกาสํ ตถาคตสฺส อตฺตภาวสทิสํ กาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถีติ สพฺพถาปิ อปฺปฏิโม.
อปฺปฏิสโมติ อตฺตภาเวเนวสฺส ปฏิสโม นาม โกจิ นตฺถีติ อปฺปฏิสโม. อปฺปฏิภาโคติ เย ตถาคเตน ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา นเยน ธมฺมา เทสิตา, เตสุ ‘‘น จตฺตาโร สติปฏฺานา, ตโย วา ปฺจ วา’’ติอาทินา นเยน ปฏิภาคํ กาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถีติ อปฺปฏิภาโค. อปฺปฏิปุคฺคโลติ อฺโ โกจิ ‘‘อหํ พุทฺโธ’’ติ เอวํ ปฏิฺํ กาตุํ สมตฺโถ ปุคฺคโล นตฺถีติ อปฺปฏิปุคฺคโล. อสโมติ อปฺปฏิปุคฺคลตฺตาว สพฺพสตฺเตหิ อสโม. อสมสโมติ อสมา วุจฺจนฺติ อตีตานาคตา สพฺพฺุพุทฺธา, เตหิ อสเมหิ สโมติ อสมสโม.
ทฺวิปทานํ อคฺโคติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อปทานํ ทฺวิปทานํ จตุปฺปทานํ พหุปฺปทานํ รูปีนํ อรูปีนํ สฺีนํ อสฺีนํ เนวสฺีนาสฺีนํ สตฺตานํ อคฺโคว. กสฺมา อิธ ทฺวิปทานํ อคฺโคติ วุตฺโต? เสฏฺตรวเสน. อิมสฺมิฺหิ โลเก เสฏฺโ นาม อุปฺปชฺชมาโน อปทจตุปฺปทพหุปฺปเทสุ น อุปฺปชฺชติ, ทฺวิปเทสุเยว อุปฺปชฺชติ. กตรทฺวิปทฺเวสูติ? มนุสฺเสสุ เจว เทเวสุ จ. มนุสฺเสสุ อุปฺปชฺชมาโน ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุํ วเส วตฺเตตุํ สมตฺโถ ¶ พุทฺโธ หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. เทเวสุ อุปฺปชฺชมาโน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วสวตฺตี มหาพฺรหฺมา หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. โส ¶ ตสฺส กปฺปิยการโก วา อารามิโก ¶ วา สมฺปชฺชติ. อิติ ตโตปิ เสฏฺตรวเสเนส ทฺวิปทานํ อคฺโคติ วุตฺโต.
๑๗๕-๑๘๖. ฉฏฺาทีสุ เอกปุคฺคลสฺส, ภิกฺขเว, ปาตุภาวา มหโต จกฺขุสฺส ปาตุภาโว โหตีติ, ภิกฺขเว, เอกปุคฺคลสฺส ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาเวน มหนฺตสฺส จกฺขุสฺส ปาตุภาโว โหติ. ตสฺมึ ปุคฺคเล ปาตุภูเต ตํ ปาตุภูตเมว โหติ, น วินา ตสฺส ปาตุภาเวน ปาตุภวติ. ปาตุภาโวติ อุปฺปตฺติ นิปฺผตฺติ. กตมสฺส จกฺขุสฺสาติ? ปฺาจกฺขุสฺส. กีวรูปสฺสาติ? สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วิปสฺสนาปฺาสทิสสฺส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส สมาธิปฺาสทิสสฺสาติ. อาโลกาทีสุปิ เอเสว นโย. อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ ปฺาอาโลกสทิโสเยว หิ เอตฺถ อาโลโก, ปฺาโอภาสสทิโสเยว โอภาโส อธิปฺเปโต. ‘‘มหโต จกฺขุสฺส, มหโต อาโลกสฺส, มหโต โอภาสสฺสา’’ติ อิมานิ จ ปน ตีณิปิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานิ กถิตานีติ เวทิตพฺพานิ.
ฉนฺนํ อนุตฺตริยานนฺติ อุตฺตริตรวิรหิตานํ ฉนฺนํ อุตฺตมธมฺมานํ. ตตฺถ ทสฺสนานุตฺตริยํ, สวนานุตฺตริยํ, ลาภานุตฺตริยํ, สิกฺขานุตฺตริยํ, ปาริจริยานุตฺตริยํ, อนุสฺสตานุตฺตริยนฺติ อิมานิ ฉ อนุตฺตริยานิ. อิเมสํ ปาตุภาโว โหตีติ อตฺโถ. อายสฺมา หิ อานนฺทตฺเถโร สายํปาตํ ตถาคตํ จกฺขุวิฺาเณน ทฏฺุํ ลภติ, อิทํ ทสฺสนานุตฺตริยํ. อฺโปิ โสตาปนฺโน วา สกทาคามี วา อนาคามี วา อานนฺทตฺเถโร วิย ตถาคตํ ทสฺสนาย ลภติ, อิทมฺปิ ทสฺสนานุตฺตริยํ ¶ . อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพลํ ทสฺสนาย ลภิตฺวา ตํ ทสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ. อิทํ ทสฺสนเมว นาม, มูลทสฺสนํ ปน ทสฺสนานุตฺตริยํ นาม.
อานนฺทตฺเถโรเยว จ อภิกฺขณํ ทสพลสฺส วจนํ โสตวิฺาเณน โสตุํ ลภติ, อิทํ สวนานุตฺตริยํ. อฺเปิ โสตาปนฺนาทโย อานนฺทตฺเถโร วิย ตถาคตสฺส วจนํ สวนาย ลภนฺติ, อิทมฺปิ สวนานุตฺตริยํ. อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร วิย ตถาคตสฺส ¶ วจนํ โสตุํ ลภิตฺวา ตํ สวนํ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ. อิทํ สวนเมว นาม, มูลสวนํ ปน สวนานุตฺตริยํ นาม.
อานนฺทตฺเถโรเยว ¶ จ ทสพเล สทฺธํ ปฏิลภติ, อิทํ ลาภานุตฺตริยํ. อฺเปิ โสตาปนฺนาทโย อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพเล สทฺธาปฏิลาภํ ลภนฺติ, อิทมฺปิ ลาภานุตฺตริยํ. อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพเล สทฺธาปฏิลาภํ ลภิตฺวา ตํ ลาภํ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ, อยํ ลาโภเยว นาม, มูลลาโภ ปน ลาภานุตฺตริยํ นาม.
อานนฺทตฺเถโรเยว จ ทสพลสฺส สาสเน ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขติ, อิทํ สิกฺขานุตฺตริยํ. อฺเปิ โสตาปนฺนาทโย อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพลสฺส สาสเน ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขนฺติ, อิทมฺปิ สิกฺขานุตฺตริยํ. อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพลสฺส สาสเน ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขิตฺวา ตา สิกฺขา วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ. อยํ สิกฺขาเยว นาม, มูลสิกฺขา ปน สิกฺขานุตฺตริยํ นาม.
อานนฺทตฺเถโรเยว จ อภิณฺหํ ทสพลํ ปริจรติ, อิทํ ปาริจริยานุตฺตริยํ. อฺเปิ โสตาปนฺนาทโย อานนฺทตฺเถโร วิย อภิณฺหํ ทสพลํ ปริจรนฺติ, อิทมฺปิ ปาริจริยานุตฺตริยํ. อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร ¶ วิย ทสพลํ ปริจริตฺวา ตํ ปาริจริยํ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ, อยํ ปาริจริยาเยว นาม, มูลปาริจริยา ปน ปาริจริยานุตฺตริยํ นาม.
อานนฺทตฺเถโรเยว จ ทสพลสฺส โลกิยโลกุตฺตเร คุเณ อนุสฺสรติ, อิทํ อนุสฺสตานุตฺตริยํ. อฺเปิ โสตาปนฺนาทโย อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพลสฺส โลกิยโลกุตฺตเร คุเณ อนุสฺสรนฺติ, อิทมฺปิ อนุสฺสตานุตฺตริยํ. อปโร ปน ปุถุชฺชนกลฺยาณโก อานนฺทตฺเถโร วิย ทสพลสฺส โลกิยโลกุตฺตเร คุเณ อนุสฺสริตฺวา ตํ อนุสฺสตึ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ, อยํ อนุสฺสติเยว นาม, มูลานุสฺสติ ปน อนุสฺสตานุตฺตริยํ นาม. อิมานิ ฉ อนุตฺตริยานิ, อิเมสํ ปาตุภาโว โหติ. อิมานิ จ ปน ฉ อนุตฺตริยานิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานิ กถิตานีติ เวทิตพฺพานิ.
จตุนฺนํ ¶ ปฏิสมฺภิทานํ สจฺฉิกิริยา โหตีติ จตสฺโส หิ ปฏิสมฺภิทาโย อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺมปฏิสมฺภิทา, นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ. ตตฺถ อตฺเถสุ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, อตฺถธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ¶ , าเณสุ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปเนตาสํ อภิธมฺเม (วิภ. ๗๑๘ อาทโย) อาคโตเยว. อิมาสํ จตสฺสนฺนํ ปฏิสมฺภิทานํ พุทฺธุปฺปาเท ปจฺจกฺขกิริยา โหติ, น วินา พุทฺธุปฺปาทา. เอตาสํ สจฺฉิกิริยาติ อตฺโถ. อิมาปิ โลกิยโลกุตฺตราว กถิตาติ เวทิตพฺพา.
อเนกธาตุปฏิเวโธติ ‘‘จกฺขุธาตุ รูปธาตู’’ติอาทีนํ อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ พุทฺธุปฺปาเทเยว ปฏิเวโธ โหติ, น วินา พุทฺธุปฺปาเทนาติ อตฺโถ. นานาธาตุปฏิเวโธติ เอตฺถ ¶ อิมาว อฏฺารส ธาตุโย นานาสภาวโต นานาธาตุโยติ เวทิตพฺพา. โย ปเนตาสํ ‘‘นานาสภาวา เอตา’’ติ เอวํ นานากรณโต ปฏิเวโธ, อยํ นานาธาตุปฏิเวโธ นาม. วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยาติ เอตฺถ วิชฺชาติ ผเล าณํ, วิมุตฺตีติ ตทวเสสา ผลสมฺปยุตฺตา ธมฺมา. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาติ โสโตติ ปมมคฺโค, เตน โสเตน ปตฺตพฺพํ ผลนฺติ โสตาปตฺติผลํ. สกทาคามิผลาทีนิ ปากฏาเนว.
๑๘๗. อนุตฺตรนฺติ นิรุตฺตรํ. ธมฺมจกฺกนฺติ เสฏฺจกฺกํ. จกฺกสทฺโท เหส –
‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิปิ จ โสฬส;
โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;
อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓) –
เอตฺถ อุรจกฺเก อาคโต. ‘‘จกฺกสมารุฬฺหา ชานปทา ปริยายนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๖๓; ๕.๕๔) เอตฺถ อิริยาปถจกฺเก. ‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, รถกาโร ยํ ตํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ, ตํ ปวตฺเตสี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๕) เอตฺถ ทารุจกฺเก. ‘‘อทฺทสา โข โทโณ พฺราหฺมโณ ภควโต ปาเทสุ จกฺกานิ สหสฺสารานี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๖) เอตฺถ ลกฺขณจกฺเก. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ ¶ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) เอตฺถ สมฺปตฺติจกฺเก. ‘‘ทิพฺพํ ¶ จกฺกรตนํ ปาตุภวตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๔๓; ม. นิ. ๓.๒๕๖) เอตฺถ รตนจกฺเก. อิธ ปน ธมฺมจกฺเก อาคโต.
ปวตฺติตนฺติ ¶ เอตฺถ ธมฺมจกฺกํ อภินีหรติ นาม, อภินีหฏํ นาม, อุปฺปาเทติ นาม, อุปฺปาทิตํ นาม, ปวตฺเตติ นาม, ปวตฺติตํ นามาติ อยํ ปเภโท เวทิตพฺโพ. กุโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกํ อภินีหรติ นามาติ? ยทา สุเมธพฺราหฺมโณ หุตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา สตฺตสตกมหาทานํ ทตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, ตโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกํ อภินีหรติ นาม.
กุโต ปฏฺาย อภินีหฏํ นามาติ? ยทา อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา ทีปงฺกรปาทมูเล มหาโพธิมณฺฑตฺถาย มานสํ พนฺธิตฺวา ‘‘พฺยากรณํ อลทฺธา น วุฏฺหิสฺสามี’’ติ วีริยาธิฏฺานํ อธิฏฺาย นิปนฺโน ทสพลสฺส สนฺติกา พฺยากรณํ ลภิ, ตโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกํ อภินีหฏํ นาม.
กุโต ปฏฺาย อุปฺปาเทติ นามาติ? ตโต ปฏฺาย ทานปารมึ ปูเรนฺโตปิ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติ นาม. สีลปารมึ ปูเรนฺโตปิ…เป… อุเปกฺขาปารมึ ปูเรนฺโตปิ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติ นาม. ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโย ปูเรนฺโตปิ, ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺโตปิ, าตตฺถจริยํ ปูเรนฺโตปิ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติ นาม. เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ตฺวา สตฺตสตกมหาทานํ ทตฺวา ปุตฺตทารํ ทานมุเข นิยฺยาเตตฺวา ปารมิกูฏํ คเหตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา เทวตาหิ อายาจิโต ปฏิฺํ ทตฺวา ปฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกนฺโตปิ ¶ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติเยว นาม. มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺโตปิ, ปฏิสนฺธิกฺขเณ ทสสหสฺสจกฺกวาฬํ กมฺเปนฺโตปิ, มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตทิวเส ตเถว โลกํ กมฺเปนฺโตปิ, สมฺปติชาโต สตฺต ปทานิ คนฺตฺวา ‘‘อคฺโคมหสฺมี’’ติ สีหนาทํ นทนฺโตปิ, เอกูนตึส สํวจฺฉรานิ อคารมชฺเฌ วสนฺโตปิ, มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมนฺโตปิ, อโนมานทีตีเร ปพฺพชนฺโตปิ, มหาปธาเน ฉพฺพสฺสานิ วีริยํ กโรนฺโตปิ, สุชาตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ภฺุชิตฺวา สุวณฺณปาตึ นทิยา ปวาเหตฺวา สายนฺหสมเย โพธิมณฺฑวรคโต ปุรตฺถิมํ โลกธาตุํ โอโลเกนฺโต นิสีทิตฺวา สูริเย ธรมาเนเยว มารพลํ วิธเมตฺวา ปมยาเม ¶ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโตปิ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺโตปิ, ปจฺจูสกาลสมนนฺตเร ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโตปิ, โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกโรนฺโตปิ, สกทาคามิมคฺคํ สกทาคามิผลํ อนาคามิมคฺคํ อนาคามิผลํ สจฺฉิกโรนฺโตปิ, อรหตฺตมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโตปิ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติเยว นาม.
อรหตฺตผลกฺขเณ ¶ ปน เตน ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาทิตํ นาม. พุทฺธานฺหิ สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณราสิ อรหตฺตผเลเนว สทฺธึ อิชฺฌติ. ตสฺมา เตน ตสฺมึ ขเณ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาทิตํ นาม โหติ.
กทา ปวตฺเตติ นาม? โพธิมณฺเฑ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อิสิปตเน มิคทาเย อฺาโกณฺฑฺตฺเถรํ กายสกฺขึ กตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ เทเสนฺโต ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ นาม.
ยทา ปน อฺาโกณฺฑฺตฺเถเรน ทสพลสฺส เทสนาาณานุภาวนิพฺพตฺตํ สวนํ ลภิตฺวา สพฺพปมํ ธมฺโม อธิคโต, ตโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ นาม โหตีติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมจกฺกนฺติ ¶ เจตํ เทสนาาณสฺสปิ นามํ ปฏิเวธาณสฺสปิ. เตสุ เทสนาาณํ โลกิยํ, ปฏิเวธาณํ โลกุตฺตรํ. กสฺส เทสนาปฏิเวธาณนฺติ? น อฺสฺส กสฺสจิ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺเสว เทสนาาณฺจ ปฏิเวธาณฺจาติ เวทิตพฺพํ.
สมฺมเทวาติ เหตุนา นเยน การเณเนว. อนุปฺปวตฺเตตีติ ยถา ปุรโต คจฺฉนฺตสฺส ปจฺฉโต คจฺฉนฺโต ตํ อนุคจฺฉติ นาม, เอวํ ปมตรํ สตฺถารา ปวตฺติตํ เถโร อนุปฺปวตฺเตติ นาม. กถํ? สตฺถา หิ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สติปฏฺานา. กตเม จตฺตาโร’’ติ กเถนฺโต ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ นาม, ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ‘‘จตฺตาโรเม, อาวุโส, สติปฏฺานา’’ติ กเถนฺโต ธมฺมจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตติ นาม. สมฺมปฺปธานาทีสุปิ เอเสว นโย. น เกวลฺจ โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ, ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อริยสจฺจานิ. จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อริยวํสา’’ติอาทีสุปิ อยํ นโย เนตพฺโพว. เอวํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ นาม, เถโร ทสพเลน ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตติ นาม.
เอวํ ธมฺมจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตนฺเตน ปน เถเรน ธมฺโม เทสิโตปิ ปกาสิโตปิ สตฺถาราว เทสิโต ปกาสิโต โหติ. โย หิ โกจิ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา เทโว วา สกฺโก วา มาโร ¶ วา พฺรหฺมา วา ธมฺมํ เทเสตุ ปกาเสตุ, สพฺโพ โส สตฺถารา เทสิโต ปกาสิโตว นาม โหติ, เสสชโน ปน เลขหารกปกฺเข ิโตว นาม โหติ. กถํ? ยถา หิ รฺา ทินฺนํ ปณฺณํ วาเจตฺวา ยํ ยํ กมฺมํ กโรนฺติ, ตํ ตํ กมฺมํ เยน ¶ เกนจิ กตมฺปิ การิตมฺปิ ¶ รฺา การิตนฺเตว วุจฺจติ. มหาราชา วิย หิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ราชปณฺณํ วิย เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ. ปณฺณทานํ วิย เตปิฏเก นยมุขทานํ ปณฺณํ วาเจตฺวา ตํตํกมฺมานํ กรณํ วิย จตุนฺนํ ปริสานํ อตฺตโน พเลน พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปเรสํ เทสนา ปกาสนา. ตตฺถ ยถา ปณฺณํ วาเจตฺวา เยน เกนจิ กตมฺปิ การิตมฺปิ ตํ กมฺมํ รฺา การิตเมว โหติ, เอวเมว เยน เกนจิ เทสิโตปิ ปกาสิโตปิ ธมฺโม สตฺถารา เทสิโต ปกาสิโตว นาม โหตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
เอกปุคฺคลวคฺควณฺณนา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๑. ปมเอตทคฺควคฺโค
เอตทคฺคปทวณฺณนา
๑๘๘. เอตทคฺเคสุ ¶ ปมวคฺคสฺส ปเม เอตทคฺคนฺติ เอตํ อคฺคํ. เอตฺถ จ อยํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺเสุ ทิสฺสติ. ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๐) หิ อาทิมฺหิ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย (กถา. ๔๔๑), อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติอาทีสุ โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา (สํ. นิ. ๕.๓๗๔), อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๓๑๘) โกฏฺาเส. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) เสฏฺเ. สฺวายมิธ ¶ โกฏิยมฺปิ วฏฺฏติ เสฏฺเปิ. เต หิ เถรา อตฺตโน อตฺตโน าเน โกฏิภูตาติปิ อคฺคา, เสฏฺภูตาติปิ. ตสฺมา เอตทคฺคนฺติ เอสา โกฏิ เอโส เสฏฺโติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เอเสว นโย สพฺพสุตฺเตสุ.
อยฺจ ¶ เอตทคฺคสนฺนิกฺเขโป นาม จตูหิ การเณหิ ลพฺภติ อฏฺุปฺปตฺติโต อาคมนโต จิณฺณวสิโต คุณาติเรกโตติ. ตตฺถ โกจิ เถโร เอเกน การเณน เอตทคฺคฏฺานํ ลภติ, โกจิ ทฺวีหิ, โกจิ ตีหิ, โกจิ สพฺเพเหว จตูหิปิ อายสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโร วิย. โส หิ อฏฺุปฺปตฺติโตปิ มหาปฺตาย เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ อาคมนาทีหิปิ. กถํ? เอกสฺมึ หิ สมเย สตฺถา เชตวนมหาวิหาเร วิหรนฺโต กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ติตฺถิยมทฺทนํ ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กหํ นุ โข ปุริมพุทฺธา ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉนฺตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘ตาวตึสภวเน’’ติ ตฺวา ทฺเว ปทนฺตรานิ ทสฺเสตฺวา ตติเยน ปเทน ตาวตึสภวเน ปจฺจุฏฺาสิ. สกฺโก เทวราชา ภควนฺตํ ทิสฺวา ปณฺฑุกมฺพลสิลาโต อุฏฺาย สทฺธึ เทวคเณน ปจฺจุคฺคมนํ อคมาสิ. เทวา จินฺตยึสุ – ‘‘สกฺโก เทวราชา เทวคณปริวุโต ¶ สฏฺิโยชนายามาย ปณฺฑุกมฺพลสิลาย นิสีทิตฺวา สมฺปตฺตึ อนุภวติ, พุทฺธานํ นาม นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย น สกฺกา อฺเน เอตฺถ หตฺถมฺปิ เปตุ’’นฺติ. สตฺถาปิ ตตฺถ นิสินฺโน เตสํ จิตฺตาจารํ ตฺวา มหาปํสุกูลิโก วิย มุณฺฑปีกํ สพฺพเมว ปณฺฑุกมฺพลสิลํ อวตฺถริตฺวา นิสีทิ. เอวํ นิสีทนฺโต ปน อตฺตโน วา สรีรํ มหนฺตํ กตฺวา มาเปสิ, ปณฺฑุกมฺพลสิลํ ¶ วา ขุทฺทกํ อกาสีติ น สลฺลกฺเขตพฺพํ. อจินฺเตยฺโย หิ พุทฺธวิสโย. เอวํ นิสินฺโน ปน มาตรํ กายสกฺขึ กตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ ‘‘กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมา’’ติ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสสิ.
ปาฏิหาริยฏฺาเนปิ สพฺพาปิ ทฺวาทสโยชนิกา ปริสา อนุรุทฺธตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กหํ, ภนฺเต, ทสพโล คโต’’ติ ปุจฺฉิ. ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา อภิธมฺมกถํ เทเสตุํ คโตติ. ภนฺเต, น มยํ สตฺถารํ อทิสฺวา คมิสฺสาม. กทา สตฺถา อาคมิสฺสตีติ สตฺถุ อาคมนกาลํ ชานาถาติ? มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ภารํ กโรถ, โส พุทฺธานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สาสนํ อาหริสฺสตีติ. กึ ปน เถรสฺส ตตฺถ คนฺตุํ พลํ นตฺถีติ? อตฺถิ, วิเสสวนฺตานํ ปน วิเสสํ ปสฺสนฺตูติ เอวมาห. มหาชโน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถุ ¶ สาสนํ คเหตฺวา อาคมนตฺถาย ยาจิ. เถโร ปสฺสนฺเตเยว มหาชเน ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อนฺโตสิเนรุนา คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มหาชโน ตุมฺหากํ ทสฺสนกาโม, อาคมนทิวสํ โว ชานิตุํ อิจฺฉตี’’ติ. เตน หิ ‘‘อิโต เตมาสจฺจเยน สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปสฺสถา’’ติสฺส วเทหีติ. เถโร ภควโต สาสนํ อาหริตฺวา มหาชนสฺส กเถสิ. มหาชโน ตตฺเถว เตมาสํ ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา วสิ. จูฬอนาถปิณฺฑิโก ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย เตมาสํ ยาคุภตฺตํ อาทาสิ.
สตฺถาปิ สตฺตปฺปกรณานิ เทเสตฺวา มนุสฺสโลกํ อาคมนตฺถาย อากปฺปํ ทสฺเสสิ. สกฺโก เทวราชา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตตฺวา ตถาคตสฺส โอตรณตฺถาย โสปานํ มาเปตุํ อาณาเปสิ. โส เอกโต โสวณฺณมยํ เอกโต รชตมยํ ¶ โสปานํ มาเปตฺวา มชฺเฌ มณิมยํ มาเปสิ. สตฺถา มณิมเย โสปาเน ตฺวา ‘‘มหาชโน มํ ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺาสิ. อตฺตโน อานุภาเวเนว ‘‘มหาชโน อวีจิมหานิรยํ ปสฺสตู’’ติปิ อธิฏฺาสิ. นิรยทสฺสเนน จสฺส อุปฺปนฺนสํเวคตํ ตฺวา เทวโลกํ ทสฺเสสิ. อถสฺส โอตรนฺตสฺส มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สกฺโก เทวราชา ปตฺตํ คณฺหิ, สุยาโม เทวราชา ทิพฺพํ วาฬพีชนึ พีชิ, ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต เพลุวปณฺฑุวีณํ ¶ สมปฺาสาย มุจฺฉนาหิ มุจฺฉิตฺวา วาเทนฺโต ปุรโต โอตริ. พุทฺธานํ ปถวิยํ ปติฏฺิตกาเล ‘‘อหํ ปมํ วนฺทิสฺสามิ, อหํ ปมํ วนฺทิสฺสามี’’ติ มหาชโน อฏฺาสิ. สห มหาปถวีอกฺกมเนน ปน ภควโต เนว มหาชโน น อสีติมหาสาวกา ปมกวนฺทนํ สมฺปาปุณึสุ, ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตตฺเถโรเยว ปน สมฺปาปุณิ.
อถ สตฺถา ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย อนฺตเร ‘‘เถรสฺส ปฺานุภาวํ ชานนฺตู’’ติ ปุถุชฺชนปฺจกํ ปฺหํ อารภิ. ปมํ โลกิยมหาชโน สลฺลกฺเขสฺสตีติ ปุถุชฺชนปฺหํ ปุจฺฉิ. เย เย สลฺลกฺขึสุ, เต เต กถยึสุ. ทุติยํ ปุถุชฺชนวิสยํ อติกฺกมิตฺวา โสตาปตฺติมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. ปุถุชฺชนา ตุณฺหี อเหสุํ, โสตาปนฺนาว กถยึสุ. ตโต โสตาปนฺนานํ ¶ วิสยํ อติกฺกมิตฺวา สกทาคามิมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. โสตาปนฺนา ตุณฺหี อเหสุํ, สกทาคามิโนว กถยึสุ. เตสมฺปิ วิสยํ อติกฺกมิตฺวา อนาคามิมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. สกทาคามิโน ตุณฺหี อเหสุํ, อนาคามิโนว กถยึสุ. เตสมฺปิ วิสยํ อติกฺกมิตฺวา อรหตฺตมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. อนาคามิโน ตุณฺหี อเหสุํ, อรหนฺตาว กถยึสุ. ตโต เหฏฺิมโกฏิโต ปฏฺาย อภิฺาเต อภิฺาเต สาวเก ปุจฺฉิ, เต อตฺตโน อตฺตโน ปฏิสมฺภิทาวิสเย ตฺวา กถยึสุ. อถ มหาโมคฺคลฺลานํ ปุจฺฉิ ¶ , เสสสาวกา ตุณฺหี อเหสุํ, เถโรว กเถสิ. ตสฺสาปิ วิสยํ อติกฺกมิตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิ. มหาโมคฺคลฺลาโน ตุณฺหี อโหสิ, สาริปุตฺตตฺเถโรว กเถสิ. เถรสฺสาปิ วิสยํ อติกฺกมิตฺวา พุทฺธวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิ. ธมฺมเสนาปติ อาวชฺเชนฺโตปิ ปสฺสิตุํ น สกฺโกติ, ปุรตฺถิมปจฺฉิมุตฺตรทกฺขิณา จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสาติ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ปฺหุปฺปตฺติฏฺานํ สลฺลกฺเขตุํ นาสกฺขิ.
สตฺถา เถรสฺส กิลมนภาวํ ชานิตฺวา ‘‘สาริปุตฺโต กิลมติ, นยมุขมสฺส ทสฺเสสฺสามี’’ติ ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ, สาริปุตฺตา’’ติ วตฺวา ‘‘นายํ ตุยฺหํ วิสโย ปฺโห, พุทฺธานํ เอส วิสโย สพฺพฺูนํ ยสสฺสีน’’นฺติ พุทฺธวิสยภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ภูตมิทนฺติ, สาริปุตฺต, สมนุปสฺสสี’’ติ อาห. เถโร ‘‘จตุมหาภูติกกายปริคฺคหํ เม ภควา อาจิกฺขตี’’ติ ตฺวา ‘‘อฺาตํ ภควา, อฺาตํ สุคตา’’ติ อาห. เอตสฺมึ าเน อยํ กถา อุทปาทิ – มหาปฺโ วต, โภ, สาริปุตฺตตฺเถโร, ยตฺร หิ นาม สพฺเพหิ อนฺาตํ ปฺหํ กเถสิ, พุทฺเธหิ จ ทินฺนนเย ตฺวา พุทฺธวิสเย ปฺหํ กเถสิ, อิติ เถรสฺส ปฺานุภาโว ยตฺตกํ ¶ านํ พุทฺธานํ กิตฺติสทฺเทน โอตฺถฏํ, สพฺพํ อชฺโฌตฺถริตฺวา คโตติ เอวํ ตาว เถโร อฏฺุปฺปตฺติโต มหาปฺตาย เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ.
กถํ อาคมนโต? อิมิสฺสาเยว หิ อฏฺุปฺปตฺติยา สตฺถา อาห – สาริปุตฺโต น อิทาเนว ปฺวา, อตีเต ปฺจ ชาติสตานิ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวาปิ มหาปฺโว อโหสิ –
‘‘โย ¶ ปพฺพชี ชาติสตานิ ปฺจ,
ปหาย กามานิ มโนรมานิ;
ตํ วีตราคํ สุสมาหิตินฺทฺริยํ,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ สาริปุตฺต’’นฺติ.
เอวํ ¶ ปพฺพชฺชํ อุปพฺรูหยมาโน เอกสฺมึ สมเย พาราณสิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต. ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต ‘‘ปพฺพชิตฺวา เอกํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตสฺมึ กาเล โพธิสตฺโตปิ กาสิรฏฺเ อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺโต วุทฺธิมนฺวาย อุคฺคหิตสิปฺโป กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปฺจ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา วนมูลผลาหาโร หิมวนฺตปฺปเทเส วสติ. โสปิ มาณโว นิกฺขมิตฺวา ตสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิ. ปริวาโร มหา อโหสิ ปฺจสตมตฺตา อิสโย.
อถสฺส โส เชฏฺนฺเตวาสิโก เอกเทสํ ปริสํ คเหตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถํ มนุสฺสปถํ อคมาสิ. ตสฺมึ สมเย โพธิสตฺโต ตสฺมึเยว หิมวนฺตปฺปเทเส กาลํ อกาสิ. กาลกิริยสมเยว นํ อนฺเตวาสิกา สนฺนิปติตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘อตฺถิ ตุมฺเหหิ โกจิ วิเสโส อธิคโต’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘นตฺถิ กิฺจี’’ติ วตฺวา อปริหีนชฺฌาโน อาภสฺสรพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. โส กิฺจาปิ อากิฺจฺายตนสฺส ลาภี, โพธิสตฺตานํ ปน อรูปาวจเร ปฏิสนฺธิ นาม น โหติ. กสฺมา? อภพฺพฏฺานตฺตา. อิติ โส อรูปสมาปตฺติลาภี สมาโนปิ รูปาวจเร นิพฺพตฺติ. อนฺเตวาสิกาปิสฺส ‘‘อาจริโย ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อาห, โมฆา ตสฺส กาลกิริยา’’ติ น กิฺจิ สกฺการสมฺมานํ อกํสุ. อถ โส เชฏฺนฺเตวาสิโก อติกฺกนฺเต วสฺสาวาเส อาคนฺตฺวา ‘‘กหํ อาจริโย’’ติ ปุจฺฉิ. กาลํ กโตติ. อปิ นุ อาจริเยน ¶ ลทฺธคุณํ ปุจฺฉิตฺถาติ? อาม ปุจฺฉิมฺหาติ. กึ วเทตีติ? นตฺถิ กิฺจีติ. มยมฺปิ ‘‘อาจริเยน ลทฺธคุโณ นาม นตฺถี’’ติ นาสฺส สกฺการสมฺมานํ กริมฺหาติ. ตุมฺเห ภาสิตสฺส อตฺถํ น ชานิตฺถ, อาจริโย อากิฺจฺายตนสฺส ลาภีติ.
อถ ¶ เต เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส กถํ น สทฺทหึสุ. โส ปุนปฺปุนํ กเถนฺโตปิ สทฺทหาเปตุํ นาสกฺขิ ¶ . อถ โพธิสตฺโต อาวชฺชมาโน ‘‘อนฺธพาโล มหาชโน มยฺหํ เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส กถํ น คณฺหาติ, อิมํ การณํ ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ พฺรหฺมโลกโต โอตริตฺวา อสฺสมปทมตฺถเก ิโต อากาสคโตว เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส ปฺานุภาวํ วณฺเณตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ,
กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;
เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโ,
โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๐๑);
เอวํ อิสิคณํ สฺาเปตฺวา โพธิสตฺโต พฺรหฺมโลกเมว คโต. เสสอิสิคโณปิ อปริหีนชฺฌาโน หุตฺวา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ ชาโต. ตตฺถ โพธิสตฺโต สพฺพฺุตํ ปตฺโต, เชฏฺนฺเตวาสิโก สาริปุตฺตตฺเถโร ชาโต, เสสา อิสโย พุทฺธปริสา ชาตาติ เอวํ อตีเตปิ สาริปุตฺโต มหาปฺโว สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ ชานิตุํ สมตฺโถติ เวทิตพฺโพ.
อิทเมว จ ปุถุชฺชนปฺจกํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา –
‘‘ปโรสตฺเจปิ สมาคตานํ,
ฌาเยยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;
เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโ,
โส ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๐๑) –
อิมมฺปิ ชาตกํ กเถสิ. ตสฺส ปุริมชาตเก วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อปรมฺปิ ¶ อิทเมว ปุถุชฺชนปฺจกํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา –
‘‘เย สฺิโน เตปิ ทุคฺคตา, เยปิ อสฺิโน เตปิ ทุคฺคตา;
เอตํ อุภยํ วิวชฺชย, ตํ สมาปตฺติสุขํ อนงฺคณ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๔) –
อิมํ ¶ อนงฺคณชาตกํ กเถสิ. เอตฺถ จ อาจริโย กาลํ กโรนฺโต อนฺเตวาสิเกหิ ปุจฺฉิโต ‘‘เนวสฺี นาสฺี’’ติ อาห. เสสํ ¶ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อปรมฺปิ อิทเมว ปุถุชฺชนปฺจกํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา –
‘‘จนฺทาภํ สูริยาภฺจ, โยธ ปฺาย คาธติ;
อวิตกฺเกน ฌาเนน, โหติ อาภสฺสรูปโค’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๕) –
อิทํ จนฺทาภชาตกํ กเถสิ. เอตฺถาปิ อาจริโย กาลํ กโรนฺโต อนฺเตวาสิเกหิ ปุจฺฉิโต ‘‘โอทาตกสิณํ จนฺทาภํ นาม, ปีตกสิณํ สูริยาภํ นามาติ ตํ อุภยํ โย ปฺาย คาธติ ปวิสติ ปกฺขนฺทติ, โส อวิตกฺเกน ทุติยชฺฌาเนน อาภสฺสรูปโค โหติ, ตาทิโส อห’’นฺติ สนฺธาย – ‘‘จนฺทาภํ สูริยาภ’’นฺติ อาห. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อิทเมว จ ปุถุชฺชนปฺจกํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา –
‘‘อาสีเสเถว ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;
ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ, ยถา อิจฺฉึ ตถา อหุ.
‘‘อาสีเสเถว ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;
ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ, อุทกา ถลมุพฺภตํ.
‘‘วายเมเถว ¶ ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;
ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ, ยถา อิจฺฉึ ตถา อหุ.
‘‘วายเมเถว ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;
ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ, อุทกา ถลมุพฺภตํ.
‘‘ทุกฺขูปนีโตปิ นโร สปฺโ,
อาสํ น ฉินฺเทยฺย สุขาคมาย;
พหู หิ ผสฺสา อหิตา หิตา จ,
อวิตกฺกิตา มจฺจมุปพฺพชนฺติ.
‘‘อจินฺติตมฺปิ ภวติ, จินฺติตมฺปิ วินสฺสติ;
น หิ จินฺตามยา โภคา, อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา.
‘‘สรภํ ¶ คิริทุคฺคสฺมึ, ยํ ตฺวํ อนุสรี ปุเร;
อลีนจิตฺตสฺส ตุวํ, วิกฺกนฺตมนุชีวสิ.
‘‘โย ¶ ตํ วิทุคฺคา นรกา สมุทฺธริ,
สิลาย โยคฺคํ สรโภ กริตฺวา;
ทุกฺขูปนีตํ มจฺจุมุขา ปโมจยิ,
อลีนจิตฺตํ ต มิคํ วเทสิ.
‘‘กึ ตฺวํ นุ ตตฺเถว ตทา อโหสิ,
อุทาหุ เต โกจิ นํ เอตทกฺขา;
วิวฏฺฏจฺฉทฺโท นุสิ สพฺพทสฺสี,
าณํ นุ เต พฺราหฺมณ ภึสรูปํ.
‘‘น ¶ เจวหํ ตตฺถ ตทา อโหสึ,
น จาปิ เม โกจิ นํ เอตทกฺขา;
คาถาปทานฺจ สุภาสิตานํ,
อตฺถํ ตทาเนนฺติ ชนินฺท ธีรา’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๓๔-๑๔๓) –
อิมํ เตรสนิปาเต สรภชาตกฺจ กเถสิ. อิมานิ ปน ปฺจปิ ชาตกานิ อตีเตปิ สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ มยฺหํ ปุตฺโต ชานาตีติ สตฺถารา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปฺานุภาวปฺปกาสนตฺถเมว กถิตานีติ เอวํ อาคมนโตปิ เถโร มหาปฺตาย เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ.
กถํ จิณฺณวสิโตติ? จิณฺณํ กิเรตํ เถรสฺส จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ กเถนฺโต จตฺตาริ สจฺจานิ อมฺุจิตฺวา กเถตีติ เอวํ จิณฺณวสิโตปิ เถโร มหาปฺตาย เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ.
กถํ คุณาติเรกโตติ? เปตฺวา หิ ทสพลํ อฺโ โกจิ เอกสาวโกปิ มหาปฺตาย ¶ ธมฺมเสนาปตินา สทิโส นาม นตฺถีติ เอวํ คุณาติเรกโตปิ เถโร มหาปฺตาย เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ.
ยถา จ สาริปุตฺตตฺเถโร, เอวํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโรปิ สพฺเพเหว จตูหิปิ อิเมหิ การเณหิ เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ. กถํ? เถโร หิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว นนฺโทปนนฺทสทิสมฺปิ นาคราชานํ ทเมสีติ เอวํ ตาว ¶ อฏฺุปฺปตฺติโต ลภิ. น ปเนส อิทาเนว มหิทฺธิโก มหานุภาโว, อตีเต ปฺจ ชาติสตานิ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโตปิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว อโหสีติ.
‘‘โย ปพฺพชี ชาติสตานิ ปฺจ,
ปหาย กามานิ มโนรมานิ;
ตํ วีตราคํ สุสมาหิตินฺทฺริยํ,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ โมคฺคลฺลาน’’นฺติ. –
เอวํ ¶ อาคมนโตปิ ลภิ. จิณฺณํ เจตํ เถรสฺส นิรยํ คนฺตฺวา อตฺตโน อิทฺธิพเลน นิรยสตฺตานํ อสฺสาสชนนตฺถํ สีตํ อธิฏฺาย จกฺกมตฺตํ ปทุมํ มาเปตฺวา ปทุมกณฺณิกายํ นิสีทิตฺวา ธมฺมกถํ กเถติ, เทวโลกํ คนฺตฺวา เทวสงฺฆํ กมฺมคตึ ชานาเปตฺวา สจฺจกถํ กเถตีติ เอวํ จิณฺณวสิโต ลภิ. เปตฺวา จ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ สาวโก มหาโมคฺคลฺลาโน วิย มหิทฺธิโก มหานุภาโว นตฺถีติ เอวํ คุณาติเรกโต ลภิ.
ยถา เจส, เอวํ มหากสฺสปตฺเถโรปิ สพฺเพเหวิเมหิ การเณหิ เอตทคฺคฏฺานํ ลภิ. กถํ? สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ เถรสฺส ติคาวุตํ มคฺคํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปาเทตฺวา จีวรํ ปริวตฺเตตฺวา อทาสิ. ตสฺมึ สมเย มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา กมฺปิ, มหาชนสฺส อพฺภนฺตเร เถรสฺส กิตฺติสทฺโท อชฺโฌตฺถริตฺวา คโต. เอวํ อฏฺุปฺปตฺติโต ลภิ. น เจส อิทาเนว ธุตธโร, อตีเต ปฺจ ชาติสตานิ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโตปิ ธุตธโรว อโหสิ.
‘‘โย ¶ ปพฺพชี ชาติสตานิ ปฺจ,
ปหาย กามานิ มโนรมานิ;
ตํ วีตราคํ สุสมาหิตินฺทฺริยํ,
ปรินิพฺพุตํ วนฺทถ มหากสฺสป’’นฺติ. –
เอวํ อาคมนโตปิ ลภิ. จิณฺณํ เจตํ เถรสฺส จตุปริสมชฺฌคโต ธมฺมํ กเถนฺโต ทส กถาวตฺถูนิ อวิชหิตฺวาว กเถตีติ เอวํ จิณฺณวสิโต ลภิ. เปตฺวา จ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ สาวโก เตรสหิ ธุตคุเณหิ มหากสฺสปสทิโส นตฺถีติ เอวํ คุณาติเรกโต ลภิ ¶ . อิมินาว นิยาเมน เตสํ เตสํ เถรานํ ยถาลาภโต คุเณ กิตฺเตตุํ วฏฺฏติ.
คุณวเสเนว หิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ยถา นาม ราชา จกฺกวตฺตี จกฺกรตนานุภาเวน จกฺกวาฬคพฺเภ รชฺชสิรึ ปตฺวา ‘‘ปตฺตพฺพํ เม ปตฺตํ, กึ เม อิทานิ มหาชเนน โอโลกิเตนา’’ติ น อปฺโปสฺสุกฺโก หุตฺวา รชฺชสิรึเยว อนุโภติ, กาเลน ปน กาลํ วินิจฺฉยฏฺาเน นิสีทิตฺวา นิคฺคเหตพฺเพ นิคฺคณฺหาติ, ปคฺคเหตพฺเพ ปคฺคณฺหาติ, านนฺตเรสุ จ เปตพฺพยุตฺตเก านนฺตเรสุ เปติ, เอวเมวํ มหาโพธิมณฺเฑ อธิคตสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส อานุภาเวน ¶ อนุปฺปตฺตธมฺมรชฺโช ธมฺมราชาปิ ‘‘กึ เม อิทานิ โลเกน โอโลกิเตน, อนุตฺตรํ ผลสมาปตฺติสุขํ อนุภวิสฺสามี’’ติ อปฺโปสฺสุกฺกตํ อนาปชฺชิตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา ธมฺมํ เทสยมาโน นิคฺคเหตพฺพยุตฺเต กณฺหธมฺเม ปุคฺคเล สิเนรุปาเท ปกฺขิปนฺโต วิย อปายภยสนฺตชฺชเนน นิคฺคเหตฺวา ปคฺคเหตพฺพยุตฺเต กลฺยาณธมฺเม ปุคฺคเล อุกฺขิปิตฺวา ภวคฺเค นิสีทาเปนฺโต วิย ปคฺคณฺหิตฺวา านนฺตเรสุ เปตพฺพยุตฺตเก อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถราทโย สาวเก ยาถาวสรสคุณวเสเนว านนฺตเรสุ ¶ เปนฺโต เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ รตฺตฺูนํ, ยทิทํ อฺาสิโกณฺฑฺโติอาทิมาห.
อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรวตฺถุ
ตตฺถ เอตทคฺคนฺติ ปทํ วุตฺตตฺถเมว. รตฺตฺูนนฺติ รตฺติโย ชานนฺตานํ. เปตฺวา หิ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ สาวโก อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรโต ปมตรํ ปพฺพชิโต นาม นตฺถีติ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย เถโร จิรกาลํ รตฺติโย ชานาตีติ รตฺตฺู. สพฺพปมํ ธมฺมสฺส ปฏิวิทฺธตฺตา ยทา เตน ธมฺโม ปฏิวิทฺโธ, จิรกาลโต ปฏฺาย ตํ รตฺตึ ชานาตีติปิ รตฺตฺู. อปิจ ขีณาสวานํ รตฺติทิวสปริจฺเฉโท ปากโฏว โหติ, อยฺจ ปมขีณาสโวติ เอวมฺปิ รตฺตฺูนํ สาวกานํ อยเมว อคฺโค ปุริมโกฏิภูโต เสฏฺโ. เตน วุตฺตํ – ‘‘รตฺตฺูนํ ยทิทํ อฺาสิโกณฺฑฺโ’’ติ.
เอตฺถ ¶ จ ยทิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส เถรํ อเวกฺขิตฺวา โย เอโสติ, อคฺคสทฺทํ อเวกฺขิตฺวา ยํ เอตนฺติ อตฺโถ. อฺาสิโกณฺฑฺโติ าตโกณฺฑฺโ ปฏิวิทฺธโกณฺฑฺโ. เตเนวาห – ‘‘อฺาสิ วต, โภ, โกณฺฑฺโ, อฺาสิ วต, โภ, โกณฺฑฺโติ. อิติ หิทํ อายสฺมโต โกณฺฑฺสฺส อฺาสิโกณฺฑฺโ ตฺเวว นามํ อโหสี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๗).
อยํ ปน เถโร กตรพุทฺธกาเล ปุพฺพปตฺถนํ อภินีหารํ อกาสิ, กทา ปพฺพชิโต, กทาเนน ปมํ ธมฺโม อธิคโต, กทา านนฺตเร ปิโตติ อิมินา นเยน สพฺเพสุปิ เอตทคฺเคสุ ปฺหกมฺมํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ¶ ¶ อิมสฺส ตาว เถรสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม พุทฺโธ โลเก อุทปาทิ, ตสฺส ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาณสฺส มหาโพธิปลฺลงฺกโต อุฏฺหนฺตสฺส มหาปถวิยํ เปตุํ ปาเท อุกฺขิตฺตมตฺเต ปาทสมฺปฏิจฺฉนตฺถํ มหนฺตํ ปทุมปุปฺผํ อุคฺคฺฉิ, ตสฺส ธุรปตฺตานิ นวุติหตฺถานิ โหนฺติ, เกสรํ ตึสหตฺถํ, กณฺณิกา ทฺวาทสหตฺถา, ปาเทน ปติฏฺิตฏฺานํ เอกาทสหตฺถํ. ตสฺส ปน ภควโต สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ. ตสฺส ปทุมกณฺณิกาย ทกฺขิณปาเท ปติฏฺหนฺเต มหาตุมฺพมตฺตา เรณุ อุคฺคนฺตฺวา สรีรํ โอกิรมานา โอตริ, วามปาทสฺส ปนกาเลปิ ตถารูปํเยว ปทุมํ อุคฺคนฺตฺวา ปาทํ สมฺปฏิจฺฉิ. ตโตปิ อุคฺคนฺตฺวา วุตฺตปฺปมาณาว เรณุ สรีรํ โอกิริ. ตํ ปน เรณุํ อภิภวมานา ตสฺส ภควโต สรีรปฺปภา นิกฺขมิตฺวา ยนฺตนาฬิกาย วิสฺสฏฺสุวณฺณรสธารา วิย สมนฺตา ทฺวาทสโยชนฏฺานํ เอโกภาสํ อกาสิ. ตติยปาทุทฺธรณกาเล ปถมุคฺคตํ ปทุมํ อนฺตรธายิ, ปาทสมฺปฏิจฺฉนตฺถํ อฺํ นวํ ปทุมํ อุคฺคฺฉิ. อิมินาว นิยาเมน ยตฺถ ยตฺถ คนฺตุกาโม โหติ, ตตฺถ ตตฺถาปิ มหาปทุมํ อุคฺคจฺฉติ. เตเนวสฺส ‘‘ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ นามํ อโหสิ.
เอวํ โส ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร มหาชนสฺส สงฺคหตฺถาย คามนิคมราชธานีสุ ภิกฺขาย จรนฺโต หํสวตีนครํ สมฺปาปุณิ ¶ . ตสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา ปิตา มหาราชา ปจฺจุคฺคมนํ ¶ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา เกจิ สกทาคามี เกจิ อนาคามี เกจิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ราชา สฺวาตนาย ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส กาลํ อาโรจาเปตฺวา ภิกฺขุสตสหสฺสปริวารสฺส ภควโต สกนิเวสเน มหาทานํ อทาสิ. สตฺถา ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา วิหารเมว คโต. เตเนว นิยาเมน ปุนทิวเส นาครา, ปุนทิวเส ราชาติ ทีฆมทฺธานํ ทานํ อทํสุ.
ตสฺมึ กาเล อยํ เถโร หํสวตีนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺโต. เอกทิวสํ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนากาเล หํสวตีนครวาสิโน คนฺธมาลาทิหตฺเถ เยน พุทฺโธ, เยน ธมฺโม, เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺเน ตปฺโปเณ ตปฺปพฺภาเร คจฺฉนฺเต ทิสฺวา เตน มหาชเนน สทฺธึ ธมฺมเทสนฏฺานํ อคมาสิ. ตสฺมิฺจ สมเย ปทุมุตฺตโร ภควา อตฺตโน สาสเน ปมํ ปฏิวิทฺธธมฺมํ เอกํ ภิกฺขุํ เอตทคฺคฏฺาเน เปสิ. โส กุลปุตฺโต ตํ การณํ สุตฺวา ‘‘มหา วตายํ ภิกฺขุ, เปตฺวา กิร พุทฺธํ อฺโ อิมินา ปมตรํ ปฏิวิทฺธธมฺโม นาม นตฺถิ. อโห วตาหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส ¶ พุทฺธสฺส สาสเน ปมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌนสมตฺโถ ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา เทสนาปริโยสาเน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตสิ. สตฺถา อธิวาเสสิ.
โส ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา สกนิเวสนํ คนฺตฺวา สพฺพรตฺตึ พุทฺธานํ นิสชฺชนฏฺานํ คนฺธทามมาลาทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สกนิเวสเน ภิกฺขุสตสหสฺสปริวารสฺส ภควโต วิจิตฺรยาคุขชฺชกปริวารํ นานารสสูปพฺยฺชนํ ¶ คนฺธสาลิโภชนํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ติจีวรปโหนเก วงฺคปฏฺเฏ ตถาคตสฺส ปาทมูเล เปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นาหํ ปริตฺตกสฺส านสฺสตฺถาย จรามิ, มหนฺตํ านํ ปตฺเถนฺโต จรามิ, น โข ปน สกฺกา เอกเมว ทิวสํ ทานํ ทตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตุ’’นฺติ ‘‘อนุปฏิปาฏิยา สตฺต ทิวสานิ มหาทานํ ทตฺวา ปตฺเถสฺสามี’’ติ. โส เตเนว นิยาเมน สตฺต ทิวสานิ มหาทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ทุสฺสโกฏฺาคารํ วิวราเปตฺวา อุตฺตมสุขุมวตฺถํ พุทฺธานํ ปาทมูเล เปตฺวา ภิกฺขุสตสหสฺสํ ติจีวเรน อจฺฉาเทตฺวา ตถาคตํ ¶ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โย ตุมฺเหหิ อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก ภิกฺขุ เอตทคฺเค ปิโต, อหมฺปิ โส ภิกฺขุ วิย อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย’’นฺติ วตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล สีสํ กตฺวา นิปชฺชิ.
สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมินา กุลปุตฺเตน มหาอธิกาโร กโต, สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข เอตสฺส อยํ ปตฺถนา โน’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา อาวชฺเชนฺโต ‘‘สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ ปสฺสิ. พุทฺธานฺหิ อตีตํ วา อนาคตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา อารพฺภ อาวชฺเชนฺตานํ อาวรณํ นาม นตฺถิ, อเนกกปฺปโกฏิสตสหสฺสนฺตรมฺปิ จ อตีตํ วา อนาคตํ วา จกฺกวาฬสหสฺสนฺตรมฺปิ จ ปจฺจุปฺปนฺนํ วา อาวชฺชนปฏิพทฺธเมว มนสิการปฏิพทฺธเมว โหติ. เอวํ อปฺปฏิวตฺติเยน าเณน โส ภควา อิทํ อทฺทส – ‘‘อนาคเต สตสหสฺสกปฺปปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตทา อิมสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ. อถ นํ เอวมาห – ‘‘อมฺโภ, กุลปุตฺต, อนาคเต สตสหสฺสกปฺปปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสติ ¶ , ตฺวํ ตสฺส ปมกธมฺมเทสนาย เตปริวฏฺฏธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตปริโยสาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ สหสฺสนยสมฺปนฺเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสสี’’ติ.
อิติ ¶ สตฺถา ตํ กุลปุตฺตํ พฺยากริตฺวา จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ เทเสตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. ตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส สรีรํ สุวณฺณกฺขนฺโธ วิย เอกคฺฆนํ อโหสิ, สรีรเจติยํ ปนสฺสุพฺเพเธน สตฺตโยชนิกํ อกํสุ. อิฏฺกา สุวณฺณมยา อเหสุํ, หริตาลมโนสิลาย มตฺติกากิจฺจํ, เตเลน อุทกกิจฺจํ สาธยึสุ. พุทฺธานํ ธรมานกาเล สรีรปฺปภา ทฺวาทสโยชนิกํ ผริ, ปรินิพฺพุตานํ ปน เตสํ รสฺมิ นิกฺขมิตฺวา สมนฺตา โยชนสตํ อวตฺถริ.
อยํ เสฏฺิ พุทฺธานํ สรีรเจติยํ ปริวาเรตฺวา สหสฺสรตนคฺฆิยานิ กาเรสิ. เจติยปติฏฺาปนทิวเส อนฺโตเจติเย รตนฆรํ กาเรสิ. โส วสฺสสตสหสฺสํ มหนฺตํ ทานาทิมยํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เทวปุเร นิพฺพตฺติ. ตสฺส เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺตสฺเสว นวนวุติ ¶ กปฺปสหสฺสานิ นว กปฺปสตานิ นว จ กปฺปา สมติกฺกนฺตา. เอตฺตกสฺส กาลสฺส อจฺจเยน อิโต เอกนวุติกปฺปมตฺถเก อยํ กุลปุตฺโต พนฺธุมตีนครสฺส ทฺวารสมีเป คาเม กุฏุมฺพิยเคเห นิพฺพตฺโต. ตสฺส มหากาโลติ นามํ อโหสิ, กนิฏฺภาตา ปนสฺส จูฬกาโล นาม.
ตสฺมึ สมเย วิปสฺสี โพธิสตฺโต ตุสิตปุรา จวิตฺวา พนฺธุมตีนคเร พนฺธุมสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺโต. อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา ธมฺมเทสนตฺถาย มหาพฺรหฺมุนา อายาจิโต ‘‘กสฺส ¶ นุ โข ปมํ ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน กนิฏฺํ ขณฺฑํ นาม ราชกุมารํ ติสฺสฺจ ปุโรหิตปุตฺตํ ‘‘ปมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถา’’ติ ทิสฺวา ‘‘เตสฺจ ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, ปิตุ จ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ โพธิมณฺฑโต อากาเสเนว อาคนฺตฺวา เขเม มิคทาเย โอติณฺโณ เต ปกฺโกสาเปตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน เต ทฺเวปิ ชนา จตุราสีติยา ปาณสหสฺเสหิ สทฺธึ อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ.
อถาปเรปิ โพธิสตฺตกาเล อนุปพฺพชิตา จตุราสีติสหสฺสา กุลปุตฺตา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ. สตฺถา ตํ ตตฺเถว ขณฺฑตฺเถรํ อคฺคสาวกฏฺาเน, ติสฺสตฺเถรํ ทุติยสาวกฏฺาเน เปสิ. ราชาปิ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘ปุตฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺาย สตฺถารํ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
โส ¶ ปาสาทวรคโต นิสีทิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เชฏฺปุตฺโต นิกฺขมิตฺวา พุทฺโธ ชาโต, ทุติยปุตฺโต เม อคฺคสาวโก, ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยสาวโก. อิเม จ อวเสสภิกฺขู คิหิกาเลปิ มยฺหํ ปุตฺตเมว ปริวาเรตฺวา วิจรึสุ, อิเม ปุพฺเพปิ ทานิปิ มยฺหเมว ภารา, อหเมว เต จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามิ, อฺเสํ โอกาสํ น ทสฺสามี’’ติ. วิหารทฺวารโกฏฺกโต ปฏฺาย ยาว ราชเคหทฺวารา อุโภสุ ปสฺเสสุ ขทิรปาการํ กาเรตฺวา วตฺเถหิ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกวิจิตฺตํ สโมลมฺพิตตาลกฺขนฺธมตฺตวิวิธปุปฺผทามวิตานํ กาเรตฺวา เหฏฺาภูมึ ¶ วิจิตฺตตฺถรเณหิ สนฺถราเปตฺวา อนฺโต อุโภสุ ปสฺเสสุ มาลาคจฺฉเกสุ ปุณฺณฆเฏ สกลมคฺควาสตฺถาย จ คนฺธนฺตเรสุ ปุปฺผานิ ปุปฺผนฺตเรสุ คนฺเธ จ ปาเปตฺวา ¶ ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ. ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อนฺโตสาณิยาว ราชเคหํ คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ ปจฺจาคจฺฉติ. อฺโ โกจิ ทฏฺุมฺปิ น ลภติ, กุโต ปน ภิกฺขํ วา ทาตุํ ปูชํ วา กาตุํ.
นาครา จินฺเตสุํ – ‘‘อชฺช สตฺถุ โลเก อุปฺปนฺนสฺส สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ, มยฺจ ทฏฺุมฺปิ น ลภาม, ปเคว ภิกฺขํ วา ทาตุํ ปูชํ วา กาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ. ราชา ‘มยฺหํ เอว พุทฺโธ, มยฺหํ ธมฺโม, มยฺหํ สงฺโฆ’ติ มมายิตฺวา สยเมว อุปฏฺหติ. สตฺถา จ อุปฺปชฺชมาโน สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺถาย อุปฺปนฺโน, น รฺโเยว อตฺถาย. น หิ รฺโเยว นิรโย อุณฺโห, อฺเสํ นีลุปฺปลวนสทิโส. ตสฺมา ราชานํ เอวํ วทาม ‘สเจ โน สตฺถารํ เทติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ เทติ, รฺา สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา สงฺฆํ คเหตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรม. น สกฺกา โข ปน สุทฺธนาคเรเหว เอวํ กาตุํ, เอกํ เชฏฺกปุริสมฺปิ คณฺหามา’’’ติ เสนาปตึ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘สามิ กึ อมฺหากํ ปกฺโข โหหิสิ, อุทาหุ รฺโ’’ติ อาหํสุ. โส อาห – ‘‘ตุมฺหากํ ปกฺโข โหมิ, อปิจ โข ปน ปมทิวโส มยฺหํ ทาตพฺโพ’’ติ. เต สมฺปฏิจฺฉึสุ.
โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘นาครา, เทว, ตุมฺหากํ กุปิตา’’ติ อาห. กิมตฺถํ ตาตาติ? สตฺถารํ กิร ตุมฺเหว อุปฏฺหถ, อมฺเห น ลภามาติ. สเจ อิทานิปิ ลภนฺติ, น กุปฺปนฺติ. อลภนฺตา ตุมฺเหหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตุกามา, เทวาติ. ยุชฺฌามิ, ตาต, น ภิกฺขุสงฺฆํ เทมีติ. เทว, ตุมฺหากํ ทาสา ตุมฺเหหิ สทฺธึ ยุชฺฌามาติ วทนฺติ, ตุมฺเห กํ คณฺหิตฺวา ยุชฺฌิสฺสถาติ? นนุ ตฺวํ เสนาปตีติ? นาคเรหิ วินา อสมตฺโถ อหํ, เทวาติ. ตโต ราชา ¶ ‘‘พลวนฺโต นาครา, เสนาปติปิ เตสํเยว ปกฺโข’’ติ ตฺวา ‘‘อฺานิ สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ มยฺหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ¶ เทนฺตู’’ติ อาห. นาครา น สมฺปฏิจฺฉึสุ. ราชา ‘‘ฉพฺพสฺสานิ ปฺจวสฺสานี’’ติ เอวํ หาเปตฺวา อฺเ สตฺต ทิวเส ยาจิ ¶ . นาครา ‘‘อติกกฺขฬํ ทานิ รฺา สทฺธึ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อนุชานึสุ. ราชา สตฺตมาสาธิกานํ สตฺตนฺนํ สํวจฺฉรานํ สชฺชิตํ ทานมุขํ สตฺตนฺนเมว ทิวสานํ สชฺเชตฺวา ฉ ทิวเส เกสฺจิ อปสฺสนฺตานํเยว ทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส นาคเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสถ, ตาตา, เอวรูปํ ทานํ ทาตุ’’นฺติ อาห. เตปิ ‘‘นนุ อมฺเหเยว นิสฺสาเยตํ เทวสฺส อุปฺปนฺน’’นฺติ วตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ปิฏฺิหตฺเถน อสฺสูนิ ปฺุฉมาโน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺสํ อฺสฺสุ ภารํ อกตฺวา ยาวชีวํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามีติ จินฺเตสึ, นาครานํ ทานิ เม อนฺุาตํ, นาครา หิ ‘มยํ ทานํ ทาตุํ น ลภามา’ติ ภควา กุปฺปนฺติ. สฺเวว ปฏฺาย เตสํ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ อาห.
อถ ทุติยทิวเส เสนาปติ มหาทานํ อทาสิ. ตโต นาครา รฺา กตสกฺการโต อุตฺตริตรํ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ทานํ อทํสุ. เอเตเนว นิยาเมน สกลนครสฺส ปฏิปาฏิยา คตาย ทฺวารคามวาสิโน สกฺการสมฺมานํ สชฺชยึสุ. มหากาลกุฏุมฺพิโก จูฬกาลํ อาห – ‘‘ทสพลสฺส สกฺการสมฺมานํ สฺเวว อมฺหากํ ปาปุณาติ, กึ สกฺการํ กริสฺสามา’’ติ? ตฺวเมว ภาติก ชานาหีติ. สเจ มยฺหํ รุจิยา กโรสิ, อมฺหากํ โสฬสกรีสมตฺเตสุ เขตฺเตสุ คหิตคพฺภา สาลิโย อตฺถิ. สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา อาทาย พุทฺธานํ ¶ อนุจฺฉวิกํ ปจาเปมาติ. เอวํ กยิรมาเน กสฺสจิ อุปกาโร น โหติ, ตสฺมา เนตํ มยฺหํ รุจฺจตีติ. สเจ ตฺวํ เอวํ น กโรสิ, อหํ มยฺหํ สนฺตกํ มมายิตุํ ลภามีติ โสฬสกรีสมตฺตํ เขตฺตํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อฏฺกรีสฏฺาเน สีมํ เปตฺวา สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา อาทาย อสมฺภินฺเน ขีเร ปจาเปตฺวา จตุมธุรํ ปกฺขิปิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส อทาสิ. กุฏุมฺพิกสฺส โข คพฺภํ ผาเลตฺวา คหิตคหิตฏฺานํ ปุน ปูรติ. ปุถุกกาเล ปุถุกคฺคํ นาม อทาสิ, คามวาสีหิ สทฺธึ อคฺคสสฺสํ นาม อทาสิ, ลายเน ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, กลาปาทีสุ กลาปคฺคํ ขลคฺคํ ขลภณฺฑคฺคํ โกฏฺคฺคนฺติ. เอวํ โส เอกสสฺเสว นว วาเร อคฺคทานํ อทาสิ. ตมฺปิ สสฺสํ อติเรกํ อุฏฺานสมฺปนฺนํ อโหสิ.
ยาว พุทฺธา ธรติ, ยาว จ สงฺโฆ ธรติ, เอเตเนว นิยาเมน กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต ¶ เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทเวสุ เจว ¶ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต เอกนวุติกปฺเป สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อมฺหากํ สตฺถุ โลเก อุปฺปนฺนกาเล กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุพฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส โกณฺฑฺมาณโวติ นามํ อกํสุ. โส วุฑฺฒิมนฺวาย ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ลกฺขณมนฺตานํ ปารํ อคมาสิ. เตน สมเยน อมฺหากํ โพธิสตฺโต ตุสิตปุรา จวิตฺวา กปิลวตฺถุปุเร นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส อฏฺุตฺตรํ พฺราหฺมณสตํ อหตวตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา อปฺโปทกํ ¶ มธุปายาสํ ปาเยตฺวา เตสํ อนฺตเร อฏฺ ชเน อุจฺจินิตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺตํ โพธิสตฺตํ ทุกูลจุมฺพฏเก นิปชฺชาเปตฺวา ลกฺขณปริคฺคหณตฺถํ เตสํ สนฺติกํ อานยึสุ. ธุราสเน นิสินฺนพฺราหฺมโณ มหาปุริสสฺส สรีรสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ทฺเว องฺคุลิโย อุกฺขิปิ. เอวํ ปฏิปาฏิยา สตฺต ชนา อุกฺขิปึสุ. เตสํ ปน สพฺพนวโก โกณฺฑฺมาณโว, โส โพธิสตฺตสฺส ลกฺขณวรนิปฺผตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘อคารมชฺเฌ านการณํ นตฺถิ, เอกนฺเตเนส วิวฏฺฏจฺฉโท พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว องฺคุลึ อุกฺขิปิ. อิตเร ปน สตฺต ชนา ‘‘สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี. สเจ ปพฺพชิสฺสติ, พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ทฺเว คติโย ทิสฺวา ทฺเว องฺคุลิโย อุกฺขิปึสุ. อยํ ปน โกณฺฑฺโ กตาธิกาโร ปจฺฉิมภวิกสตฺโต ปฺาย อิตเร สตฺต ชเน อภิภวิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตสฺส อคารมชฺเฌ านกรณํ นาม นตฺถิ, นิสฺสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว คตึ อทฺทส, ตสฺมา เอกํ องฺคุลึ อุกฺขิปิ. ตโต พฺราหฺมณา อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปุตฺเต อามนฺตยึสุ – ‘‘ตาตา, อมฺเห มหลฺลกา, สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺตํ สพฺพฺุตปฺปตฺตํ มยํ สมฺภาเวยฺยาม วา โน วา. ตุมฺเห ตสฺมึ กุมาเร สพฺพฺุตํ ปตฺเต ตสฺส สาสเน ปพฺพเชยฺยาถา’’ติ.
สุทฺโธทนมหาราชาปิ โพธิสตฺตสฺส ธาติโย อาทึ กตฺวา ปริหารํ อุปฏฺเปนฺโต โพธิสตฺตํ วุทฺธึ อาปาเทสิ. มหาสตฺโตปิ วุทฺธิปฺปตฺโต เทโว วิย สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ปริปกฺเก าเณ กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา ราหุลกุมารสฺส ชาตทิวเส ฉนฺนสหาโย กณฺฑกํ อารุยฺห เทวตาหิ วิวเฏน ทฺวาเรน มหาภินิกฺขมนํ ¶ นิกฺขมิตฺวา เตเนว รตฺติภาเคน ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมิตฺวา อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา ฆฏิการมหาพฺรหฺมุนา อาภเต อรหทฺธเช คหิตมตฺเตเยว ¶ วสฺสสฏฺิกตฺเถโร วิย ปาสาทิเกน อิริยาปเถน ราชคหํ ปตฺวา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปณฺฑวปพฺพตจฺฉายาย ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา รฺา มาคเธน รชฺชสิริยา นิมนฺติยมาโนปิ ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อนุกฺกเมน อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย วต อยํ ภูมิภาโค ¶ , อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’’ติ ปธานาภิมุขํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ วาสํ อุปคโต.
เตน สมเยน อิตเร สตฺต พฺราหฺมณา ยถากมฺมํ คตา, สพฺพทหโร ปน ลกฺขณปริคฺคาหโก โกณฺฑฺมาณโว อโรโค. โส ‘‘มหาปุริโส ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา เตสํ พฺราหฺมณานํ ปุตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร กิร ปพฺพชิโต. โส หิ นิสฺสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ. สเจ ตุมฺหากํ ปิตโร อโรคา อสฺสุ, อชฺช นิกฺขมิตฺวา ปพฺพเชยฺยุํ. สเจ ตุมฺเหปิ อิจฺฉถ, เอถ มยํ ตํ มหาปุริสมนุปพฺพชิสฺสามา’’ติ. เต สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา ภวิตุํ นาสกฺขึสุ. ตโย ชนา น ปพฺพชึสุ, โกณฺฑฺพฺราหฺมณํ เชฏฺกํ กตฺวา อิตเร จตฺตาโร ปพฺพชึสุ. อิเม ปฺจ ปพฺพชิตฺวา คามนิคมราชธานีสุ ภิกฺขาย จรนฺตา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อคมึสุ. เต ฉพฺพสฺสานิ โพธิสตฺเต มหาปธานํ ปทหนฺเต ‘‘อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ มหาสตฺตํ อุปฏฺหมานา สนฺติกาวจราวสฺส อเหสุํ. ยทา ปน โพธิสตฺโต เอกติลตณฺฑุลาทีหิ วีตินาเมนฺโตปิ ทุกฺกรการิกาย อริยธมฺมปฏิเวธสฺส อภาวํ ตฺวา โอฬาริกํ อาหารํ อาหริ, ตทา เต ปกฺกมิตฺวา อิสิปตนํ อคมํสุ.
อถ โพธิสตฺโต โอฬาริกาหารปริโภเคน ฉวิมํสโลหิตปาริปูรึ กตฺวา ¶ วิสาขปุณฺณมทิวเส สุชาตาย ทินฺนํ วรโภชนํ ภฺุชิตฺวา สุวณฺณปาตึ นทิยา ปฏิโสตํ ขิปิตฺวา ‘‘อชฺช พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ กตสนฺนิฏฺาโน สายนฺหสมเย กาเลน นาคราเชน อเนเกหิ ถุติสเตหิ อภิตฺถวิยมาโน มหาโพธิมณฺฑํ อารุยฺห อจลฏฺาเน ปาจีนโลกธาตุอภิมุโข ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ อธิฏฺาย สูริเย ธรมาเนเยว มารพลํ วิธมิตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺจูสกาลสมนนฺตเร ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรตฺวา อนุโลมปฏิโลมํ ปจฺจยาการวฏฺฏํ ¶ สมฺมสนฺโต สพฺพพุทฺเธหิ ปฏิวิทฺธํ อสาธารณํ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา นิพฺพานารมฺมณาย ผลสมาปตฺติยา ตตฺเถว สตฺตาหํ วีตินาเมสิ.
เอเตเนว อุปาเยน สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วิหริตฺวา ราชายตนมูเล มธุปิณฺฑิกโภชนํ ปริภฺุชิตฺวา ปุน อชปาลนิคฺโรธมูลํ อาคนฺตฺวา ตตฺถ นิสินฺโน ธมฺมคมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺเต นมนฺเต มหาพฺรหฺมุนา ยาจิโต พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ติกฺขินฺทฺริยาทิเภเท ¶ สตฺเต ทิสฺวา มหาพฺรหฺมุโน ธมฺมเทสนาย ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ อาฬารุทกานํ กาลกตภาวํ ตฺวา ปุน จินฺเตนฺโต ‘‘พหูปการา โข ปน เม ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู, เย มํ ปธานปหิตตฺตํ อุปฏฺหึสุ. ยํนูนาหํ ปฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. อิทํ ปน สพฺพเมว พุทฺธานํ ปริวิตกฺกมตฺตเมว, เปตฺวา ปน โกณฺฑฺพฺราหฺมณํ อฺโ โกจิ ปมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. โสปิ เอตทตฺถเมว ¶ กปฺปสตสหสฺสํ อธิการกมฺมํ อกาสิ, พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นว วาเร อคฺคสสฺสทานํ อทาสิ.
อถ สตฺถา ปตฺตจีวรมาทาย อนุปุพฺเพน อิสิปตนํ คนฺตฺวา เยน ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู, เตนุปสงฺกมิ. เต ตถาคตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว อตฺตโน กติกาย สณฺาตุํ นาสกฺขึสุ. เอโก ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสิ, เอโก อาสนํ ปฺาเปสิ, เอโก ปาโททกํ ปจฺจุปฏฺาเปสิ, เอโก ปาเท โธวิ, เอโก ตาลวณฺฏํ คเหตฺวา พีชมาโน ิโต. เอวํ เตสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สนฺติเก นิสินฺเนสุ โกณฺฑฺตฺเถรํ กายสกฺขึ กตฺวา สตฺถา อนุตฺตรํ เตปริวฏฺฏํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ อารภิ. มนุสฺสปริสา ปฺจ ชนาว อเหสุํ, เทวปริสา อปริจฺฉินฺนา. เทสนาปริโยสาเน โกณฺฑฺตฺเถโร อฏฺารสหิ มหาพฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. อถ สตฺถา ‘‘มยา ทุกฺกรสตาภตํ ธมฺมํ ปมเมว อฺาสีติ อฺาสิโกณฺฑฺโ นาม อย’’นฺติ เถรํ อาลปนฺโต ‘‘อฺาสิ วต, โภ, โกณฺฑฺโ, อฺาสิ วต, โภ, โกณฺฑฺโ’’ติ อาห. ตสฺส ตเทว นามํ ชาตํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อิติ หิทํ ¶ อายสฺมโต โกณฺฑฺสฺส อฺาสิโกณฺฑฺโตฺเวว นามํ อโหสี’’ติ.
อิติ เถโร อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, ปาฏิปททิวเส ภทฺทิยตฺเถโร, ทุติยปกฺขทิวเส วปฺปตฺเถโร, ตติยปกฺขทิวเส มหานามตฺเถโร, ปกฺขสฺส จตุตฺถิยํ อสฺสชิตฺเถโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. ปฺจมิยา ปน ปกฺขสฺส อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตเทสนาปริโยสาเน สพฺเพปิ อรหตฺเต ปติฏฺิตา.
เตน โข ปน สมเยน ฉ โลเก อรหนฺโต โหนฺติ. ตโต ปฏฺาย สตฺถา ยสทารกปฺปมุเข ปฺจปฺาส ปุริเส, กปฺปาสิยวนสณฺเฑ ตึสมตฺเต ภทฺทวคฺคิเย, คยาสีเส ปิฏฺิปาสาเณ ¶ สหสฺสมตฺเต ปุราณชฏิเลติ เอวํ มหาชนํ อริยภูมึ โอตาเรตฺวา พิมฺพิสารปฺปมุขานิ เอกาทสนหุตานิ ¶ โสตาปตฺติผเล, เอกํ นหุตํ สรณตฺตเย ปติฏฺาเปตฺวา ชมฺพุทีปตเล สาสนํ ปุปฺผิตผลิตํ กตฺวา สกลชมฺพุทีปมณฺฑลํ กาสาวปชฺโชตํ อิสิวาตปฏิวาตํ กโรนฺโต เอกสฺมึ สมเย เชตวนมหาวิหารํ ปตฺวา ตตฺถ วสนฺโต ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ ปฺตฺตวรพุทฺธาสนคโต ธมฺมํ เทเสนฺโต ‘‘ปมํ ธมฺมํ ปฏิวิทฺธภิกฺขูนํ อนฺตเร มม ปุตฺโต โกณฺฑฺโ อคฺโค’’ติ ทสฺเสตุํ เอตทคฺคฏฺาเน เปสิ.
เถโรปิ ทฺเว อคฺคสาวเก อตฺตโน นิปจฺจการํ กโรนฺเต ทิสฺวา พุทฺธานํ สนฺติกา อปกฺกมิตุกาโม หุตฺวา ‘‘ปุณฺณมาณโว ปพฺพชิตฺวา สาสเน อคฺคธมฺมกถิโก ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา โทณวตฺถุพฺราหฺมณคามํ คนฺตฺวา อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ ปุณฺณมาณวํ ปพฺพาเชตฺวา ‘‘อยํ พุทฺธานํ สนฺติเก วสิสฺสตี’’ติ ตสฺส พุทฺธานํ อนฺเตวาสิกภาวํ กตฺวา สยํ ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภควา มยฺหํ คามนฺตเสนาสนํ อสปฺปายํ, อากิณฺโณ วิหริตุํ น สกฺโกมิ, ฉทฺทนฺตทหํ คนฺตฺวา วสิสฺสามี’’ติ ภควนฺตํ อนุชานาเปตฺวา อุฏฺายาสนา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ฉทฺทนฺตทหํ คนฺตฺวา ฉทฺทนฺตหตฺถิกุลํ นิสฺสาย ทฺวาทส วสฺสานิ วีตินาเมตฺวา ตตฺเถว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.
สาริปุตฺต-โมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ
๑๘๙-๑๙๐. ทุติยตติเยสุ ¶ มหาปฺานนฺติ มหติยา ปฺาย สมนฺนาคตานํ. อิทฺธิมนฺตานนฺติ อิทฺธิยา สมฺปนฺนานํ. สาริปุตฺโต โมคฺคลฺลาโนติ เตสํ เถรานํ นามํ.
อิเมสมฺปิ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อิโต สตสหสฺสกปฺปาธิเก อสงฺขฺเยยฺยกปฺปมตฺถเก สาริปุตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นาเมน สรทมาณโว นาม อโหสิ. โมคฺคลฺลาโน คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ ¶ , นาเมน สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโย นาม อโหสิ. เต อุโภปิ สหปํสุกีฬิตาว สหายกา อเหสุํ. สรทมาณโว ปิตุ อจฺจเยน กุลสนฺตกํ มหาธนํ ปฏิปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิธโลกตฺตภาวเมว ชานามิ, โน ปรโลกตฺตภาวํ, ชาตสตฺตานฺจ มรณํ นาม ธุวํ, มยา เอกํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมคเวสนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สหายกํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สมฺม สิริวฑฺฒน, อหํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมํ คเวสิสฺสามิ, ตฺวํ มยา สทฺธึ ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. น สกฺขิสฺสามิ ¶ , สมฺม, ตฺวํเยว ปพฺพชาหีติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ปรโลกํ คจฺฉนฺตา สหาเย วา าติมิตฺเต วา คเหตฺวา คตา นาม นตฺถิ, อตฺตนา กตํ อตฺตโนว โหตี’’ติ. ตโต รตนโกฏฺาคารํ วิวราเปตฺวา กปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ มหาทานํ ทตฺวา ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตสฺส เอโก ทฺเว ตโยติ เอวํ อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฏิลา อเหสุํ. โส ปฺจาภิฺา อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เตสมฺปิ ชฏิลานํ กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. เตปิ สพฺเพ ปฺจ อภิฺา อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสุํ.
เตน สมเยน อโนมทสฺสี นาม พุทฺโธ โลเก อุทปาทิ. นครํ จนฺทวตี นาม อโหสิ, ปิตา ยสวนฺโต นาม ขตฺติโย, มาตา ยโสธรา นาม เทวี, โพธิ อชฺชุนรุกฺโข, นิสภตฺเถโร จ อโนมตฺเถโร จาติ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุณตฺเถโร นาม อุปฏฺาโก, สุนฺทรา จ สุมนา จาติ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อายุ วสฺสสตสหสฺสํ อโหสิ, สรีรํ อฏฺปฺาสหตฺถุพฺเพธํ, สรีรปฺปภา ทฺวาทสโยชนํ ผริ, ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร อโหสิ.
อเถกทิวสํ ¶ ปจฺจูสกาเล ¶ มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต สรทตาปสํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ สรทตาปสสฺส สนฺติกํ คตปจฺจเยน ธมฺมเทสนา จ มหตี ภวิสฺสติ, โส จ อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถสฺสติ, ตสฺส สหายโก สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโย ทุติยสาวกฏฺานํ, เทสนาปริโยสาเน จสฺส ปริวารา จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย อฺํ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สีโห วิย เอกจโร หุตฺวา สรทตาปสสฺส อนฺเตวาสิเกสุ ผลาผลตฺถาย คเตสุ ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว สรทตาปสสฺส อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ. สรทตาปโส พุทฺธานุภาวํ เจว สรีรสมฺปตฺตึ จสฺส ทิสฺวา ลกฺขณมนฺเต สมฺมสิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต นาม อคารมชฺเฌ วสนฺโต ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชฺชนฺโต โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท สพฺพฺุ พุทฺโธ โหติ, อยํ ปุริโส นิสฺสํสยํ พุทฺโธ’’ติ ชานิตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺตาสเน. สรทตาปโสปิ อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา ¶ อาจริยสฺส สนฺติกํ สมฺปตฺตา พุทฺธานฺเจว อาจริยสฺส จ นิสินฺนาสนํ โอโลเกตฺวา อาหํสุ – ‘‘อาจริย, มยํ ‘อิมสฺมึ โลเก ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร นตฺถี’ติ วิจราม, อยํ ปน ปุริโส ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร มฺเ’’ติ. ตาตา, กึ วทถ? สาสเปน สทฺธึ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธํ สิเนรุํ สมํ กาตุํ อิจฺฉถ, สพฺพฺุพุทฺเธน สทฺธึ มยฺหํ อุปมํ มา กริตฺถ ปุตฺตกาติ. อถ เต ตาปสา ‘‘สเจ อยํ อิตฺตรสตฺโต อภวิสฺส, น อมฺหากํ อาจริโย เอวรูปํ อุปมํ อาหเรยฺย, ยาว มหา วตายํ ¶ ปุริโส’’ติ สพฺเพว ปาเทสุ นิปติตฺวา สิรสา วนฺทึสุ.
อถ เน อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เทยฺยธมฺโม นตฺถิ, สตฺถา จ ภิกฺขาจารเวลาย อิธาคโต, มยํ ยถาพลํ เทยฺยธมฺมํ ทสฺสาม. ตุมฺเห ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ. อาหราเปตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ ¶ . สตฺถารา จ ผลาผเล ปฏิคฺคหิตมตฺเต เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. ตโต ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา หตฺถํ โธวิตฺวา นิสินฺเน สตฺถริ สพฺเพ อนฺเตวาสิเก ปกฺโกสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียํ กถํ กเถนฺโต นิสีทิ. สตฺถา ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ จินฺเตสิ. เต สตฺถุ จิตฺตํ ตฺวา สตสหสฺสขีณาสวปริวารา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ.
ตโต สรทตาปโส อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, พุทฺธานํ นิสินฺนาสนมฺปิ นีจํ, สมณสตสหสฺสานมฺปิ อาสนํ นตฺถิ, ตุมฺเหหิ อชฺช อุฬารํ พุทฺธสกฺการํ กาตุํ วฏฺฏติ, ปพฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติ. กถนกาโล ปปฺโจ วิย โหติ, อิทฺธิมนฺตานํ ปน วิสโย อจินฺเตยฺโยติ มุหุตฺตมตฺเตเนว เต ตาปสา วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธานํ โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปฺาเปสุํ, อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ, เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ อโหสิ. เอวํ ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ สรทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิโต, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ทีฆรตฺตํ หิตสุขตฺถาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อภิรุหถา’’ติ อาห.
‘‘นานาปุปฺผฺจ คนฺธฺจ, สมฺปาเทตฺวาน เอกโต;
ปุปฺผาสนํ ปฺาเปตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวึ.
‘‘อิทํ ¶ ¶ เต อาสนํ วีร, ปฺตฺตํ ตวนุจฺฉวึ;
มม จิตฺตํ ปสาเทนฺโต, นิสีท ปุปฺผมาสเน.
‘‘สตฺตรตฺติทิวํ พุทฺโธ, นิสีทิ ปุปฺผมาสเน;
มม จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, หาสยิตฺวา สเทวเก’’ติ.
เอวํ นิสินฺเน สตฺถริ ทฺเว อคฺคสาวกา จ เสสภิกฺขู จ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเนสุ นิสีทึสุ. สรทตาปโส มหนฺตํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส มตฺถเก ธารยนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘ชฏิลานํ อยํ สกฺกาโร มหปฺผโล โหตู’’ติ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. สตฺถุ สมาปนฺนภาวํ ตฺวา ทฺเว อคฺคสาวกาปิ เสสภิกฺขูปิ สมาปตฺตึ ¶ สมาปชฺชึสุ. ตถาคเต สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺเน อนฺเตวาสิกา ภิกฺขาจารกาเล สมฺปตฺเต วนมูลผลาผลํ ปริภฺุชิตฺวา เสสกาเล พุทฺธานํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ. สรทตาปโส ปน ภิกฺขาจารมฺปิ อคนฺตฺวา ปุปฺผจฺฉตฺตํ คหิตนิยาเมเนว สตฺตาหํ ปีติสุเขน วีตินาเมสิ.
สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺนํ อคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘นิสภ สกฺการการกานํ ตาปสานํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ. เถโร จกฺกวตฺติรฺโ สนฺติกา ปฏิลทฺธมหาลาโภ มหาโยโธ วิย ตุฏฺมานโส สาวกปารมิาเณ ตฺวา ปุปฺผาสนานุโมทนํ อารภิ. ตสฺส เทสนาวสาเน ทุติยสาวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตฺวมฺปิ ธมฺมํ เทเสหี’’ติ. อโนมตฺเถโร เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา ธมฺมํ กเถสิ. ทฺวินฺนํ สาวกานํ เทสนาย เอกสฺสปิ อภิสมโย นาโหสิ. อถ สตฺถา อปริมาเณ พุทฺธวิสเย ตฺวา ธมฺมเทสนํ อารภิ. เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา สรทตาปสํ สพฺเพปิ จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เตสํ ตาวเทว เกสมสฺสุ อนฺตรธายิ, อฏฺ ปริกฺขารา กาเย ปฏิมุกฺกาว อเหสุํ.
สรทตาปโส กสฺมา อรหตฺตํ น ปตฺโตติ? วิกฺขิตฺตจิตฺตตฺตา. ตสฺส กิร พุทฺธานํ ทุติยาสเน นิสีทิตฺวา ¶ สาวกปารมิาเณ ตฺวา ธมฺมํ เทสยโต อคฺคสาวกสฺส เทสนํ โสตุํ อารทฺธกาลโต ปฏฺาย ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อิมินาว สาวเกน ลทฺธธุรํ ลเภยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุทปาทิ. โส เตน ปริวิตกฺเกน มคฺคผลปฏิเวธํ กาตุํ นาสกฺขิ ¶ . ตถาคตํ ปน วนฺทิตฺวา สมฺมุเข ตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ อนนฺตราสเน นิสินฺโน ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สาสเน โก นาม โหตี’’ติ? มยา ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตตา สาวกปารมิาณสฺส โกฏิปฺปตฺโต โสฬส ปฺา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโต มยฺหํ สาสเน อคฺคสาวโก นิสภตฺเถโร นาม เอโสติ. ‘‘ภนฺเต, ยฺวายํ มยา สตฺตาหํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรนฺเตน สกฺกาโร กโต, อหํ อิมสฺส ผเลน อฺํ สกฺกตฺตํ วา พฺรหฺมตฺตํ วา น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน อยํ นิสภตฺเถโร วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส อคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ.
สตฺถา ¶ ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข อิมสฺส ปุริสสฺส ปตฺถนา’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา โอโลเกนฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา สมิชฺฌนภาวํ อทฺทส. ทิสฺวา สรทตาปสํ อาห – ‘‘น เต อยํ ปตฺถนา โมฆา ภวิสฺสติ, อนาคเต ปน กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสติ. ตสฺส มาตา มหามายา นาม เทวี ภวิสฺสติ, ปิตา สุทฺโธทโน นาม ราชา, ปุตฺโต ราหุโล นาม, อุปฏฺาโก อานนฺโท นาม, ทุติยสาวโก โมคฺคลฺลาโน นาม, ตฺวํ ปน ตสฺส อคฺคสาวโก ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต นาม ภวิสฺสสี’’ติ. เอวํ ตาปสํ พฺยากริตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อากาสํ ปกฺขนฺทิ.
สรทตาปโสปิ อนฺเตวาสิกตฺเถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สหายกสฺส สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิกสฺส สาสนํ เปเสสิ – ‘‘ภนฺเต, มม สหายกสฺส วเทถ ‘สหายเกน เต สรทตาปเสน อโนมทสฺสิพุทฺธสฺส ปาทมูเล อนาคเต ¶ อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมพุทฺธสฺส สาสเน อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺถิตํ, ตฺวํ ทุติยสาวกฏฺานํ ปตฺเถหี’’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา เถเรหิ ปุเรตรเมว เอกปสฺเสน คนฺตฺวา สิริวฑฺฒสฺส นิเวสนทฺวาเร อฏฺาสิ.
สิริวฑฺฒโน ‘‘จิรสฺสํ วต เม อยฺโย อาคโต’’ติ อาสเน นิสีทาเปตฺวา อตฺตนา นีจาสเน นิสินฺโน ‘‘อนฺเตวาสิกปริสา ปน โว, ภนฺเต, น ปฺายตี’’ติ ปุจฺฉิ. อาม สมฺม, อมฺหากํ อสฺสมํ อโนมทสฺสี นาม พุทฺโธ อาคโต, มยํ ตสฺส อตฺตโน พเลน สกฺการํ อกริมฺห. สตฺถา สพฺเพสํ ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา มํ เสสา อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชึสูติ. ตุมฺเห กสฺมา น ปพฺพชิตาติ? อหํ สตฺถุ อคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ ทิสฺวา ¶ อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมสฺส นาม พุทฺธสฺส สาสเน อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถสึ, ตฺวมฺปิ ตสฺส สาสเน ทุติยสาวกฏฺานํ ปตฺเถหีติ. มยฺหํ พุทฺเธหิ สทฺธึ ปริจโย นตฺถิ, ภนฺเตติ. พุทฺเธหิ สทฺธึ กถนํ มยฺหํ ภาโร โหตุ, ตฺวํ มหนฺตํ อธิการํ สชฺเชหีติ.
สิริวฑฺฒโน ¶ สรทตาปสสฺส วจนํ สุตฺวา อตฺตโน นิเวสนทฺวาเร ราชมาเนน อฏฺกรีสมตฺตํ านํ สมตลํ กาเรตฺวา วาลุกํ โอกิราเปตฺวา ลาชปฺจมานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา นีลุปฺปลจฺฉทนํ มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา เสสภิกฺขูนมฺปิ อาสนานิ ปฏิยาทาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ สชฺเชตฺวา พุทฺธานํ นิมนฺตนตฺถาย สรทตาปสสฺส สฺํ อทาสิ. ตาปโส ตสฺส วจนํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา ตสฺส นิเวสนํ อคมาสิ. สิริวฑฺฒโน ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตถาคตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา มณฺฑปํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสินฺนสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ¶ ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปณีเตน โภชเนน ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ มหารเหหิ วตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นายํ อารมฺโภ อปฺปมตฺตกฏฺานตฺถาย, อิมินาว นิยาเมน สตฺตาหํ อนุกมฺปํ กโรถา’’ติ อาห. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส เตเนว นิยาเมน สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิโต อาห – ‘‘ภนฺเต, มม สหาโย สรทตาปโส ยสฺส สตฺถุ อคฺคสาวโก โหมีติ ปตฺเถสิ, อหมฺปิ ตสฺเสว ทุติยสาวโก ภวามี’’ติ.
สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา พฺยากาสิ – ‘‘ตฺวํ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตมพุทฺธสฺส ทุติยสาวโก ภวิสฺสสี’’ติ. พุทฺธานํ พฺยากรณํ สุตฺวา สิริวฑฺฒโน หฏฺปหฏฺโ อโหสิ. สตฺถาปิ ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา สปริวาโร วิหารเมว คโต. สิริวฑฺฒโน ตโต ปฏฺาย ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ทุติยตฺตวาเร กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺโต. สรทตาปโส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต.
ตโต ปฏฺาย อิเมสํ อุภินฺนมฺปิ อนฺตรากมฺมํ น กถิตํ. อมฺหากํ ปน พุทฺธสฺส นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว สรทตาปโส ราชคหนครสฺส อวิทูเร อุปติสฺสคาเม สาริพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตํทิวสเมว จสฺส สหาโยปิ ราชคหสฺเสว อวิทูเร โกลิตคาเม โมคฺคลฺลิพฺราหฺมณิยา ¶ กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตานิ กิร ทฺเวปิ กุลานิ ยาว ¶ สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อาพทฺธปฏิพทฺธสหายกาเนว. เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกทิวสเมว คพฺภปริหารํ อทํสุ. ทสมาสจฺจเยน ชาตานมฺปิ เตสํ ฉสฏฺิ ธาติโย อุปฏฺหึสุ. นามคฺคหณทิวเส สาริพฺราหฺมณิยา ปุตฺตสฺส อุปติสฺสคาเม เชฏฺกุลสฺส ¶ ปุตฺตตฺตา อุปติสฺโสติ นามํ อกํสุ, อิตรสฺส โกลิตคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา โกลิโตติ นามํ อกํสุ. เต อุโภปิ วุทฺธิมนฺวาย สพฺพสิปฺปานํ ปารํ อคมํสุ.
อุปติสฺสมาณวสฺส กีฬนตฺถาย นทึ วา อุยฺยานํ วา ปพฺพตํ วา คมนกาเล ปฺจ สุวณฺณสิวิกาสตานิ ปริวารา โหนฺติ, โกลิตมาณวสฺส ปฺจ อาชฺรถสตานิ. ทฺเวปิ ชนา ปฺจปฺจมาณวกสตปริวารา โหนฺติ. ราชคเห จ อนุสํวจฺฉรํ คิรคฺคสมชฺชํ นาม โหติ, เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกฏฺาเนเยว มฺจํ พนฺธนฺติ. ทฺเวปิ ชนา เอกโตว นิสีทิตฺวา สมชฺชํ ปสฺสนฺตา หสิตพฺพฏฺาเน หสนฺติ, สํเวคฏฺาเน สํวิชฺชนฺติ, ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายํ เทนฺติ. เตสํ อิมินาว นิยาเมน เอกทิวสํ สมชฺชํ ปสฺสนฺตานํ ปริปากคตตฺตา าณสฺส ปุริมทิวเสสุ วิย หสิตพฺพฏฺาเน หาโส วา สํเวคฏฺาเน สํเวชนํ วา ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายทานํ วา นาโหสิ. ทฺเวปิ ปน ชนา เอวํ จินฺตยึสุ – ‘‘กึ เอตฺถ โอโลเกตพฺพํ อตฺถิ, สพฺเพปิเม อปฺปตฺเต วสฺสสเต อปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺติ. อมฺเหหิ ปน เอกํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อารมฺมณํ คเหตฺวา นิสีทึสุ.
ตโต โกลิโต อุปติสฺสํ อาห – ‘‘สมฺม อุปติสฺส, น ตฺวํ อฺสุ ทิวเสสุ วิย หฏฺปหฏฺโ, อนตฺตมนธาตุโกสิ, กึ เต สลฺลกฺขิต’’นฺติ? สมฺม โกลิต, ‘‘เอเตสํ โอโลกเน สาโร นตฺถิ, นิรตฺถกเมตํ, อตฺตโน โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ จินฺตยนฺโต นิสินฺโนมฺหีติ, ตฺวํ ปน กสฺมา อนตฺตมโนสีติ? โสปิ ตเถว อาห. อถสฺส อตฺตนา สทฺธึ เอกชฺฌาสยตํ ตฺวา อุปติสฺโส ตํ เอวมาห – ‘‘อมฺหากํ อุภินฺนมฺปิ สุจินฺติตํ, โมกฺขธมฺมํ คเวสนฺเตหิ ¶ ปน เอกา ปพฺพชฺชา ลทฺธุํ วฏฺฏติ, กสฺส สนฺติเก ปพฺพชามา’’ติ.
เตน โข ปน สมเยน สฺจโย ปริพฺพาชโก ราชคเห ปฏิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ. เต ‘‘ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ ปฺจหิ ¶ มาณวกสเตหิ สทฺธึ สฺจยสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สฺจโย อติเรกลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ¶ อโหสิ. เต กติปาเหเนว สพฺพํ สฺจยสฺส สมยํ ปริคฺคณฺหิตฺวา, ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ ชานนสมโย เอตฺตโกว, อุทาหุ อุตฺตริปิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. สฺจโย ‘‘เอตฺตโกว, สพฺพํ ตุมฺเหหิ าต’’นฺติ อาห. เต ตสฺส กถํ สุตฺวา จินฺตยึสุ – ‘‘เอวํ สติ อิมสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยวาโส นิรตฺถโก, มยํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ นิกฺขนฺตา, โส อิมสฺส สนฺติเก อุปฺปาเทตุํ น สกฺกา. มหา โข ปน ชมฺพุทีโป, คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา มยํ อวสฺสํ โมกฺขธมฺมเทสกํ เอกํ อาจริยํ ลภิสฺสามา’’ติ. เต ตโต ปฏฺาย ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา สมณพฺราหฺมณา อตฺถีติ สุณนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺหสากจฺฉํ กโรนฺติ. เตหิ ปุฏฺํ ปฺหํ อฺเ กเถตุํ สมตฺถา นตฺถิ, เต ปน เตสํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เอวํ สกลชมฺพุทีปํ ปริคฺคณฺหิตฺวา นิวตฺติตฺวา สกฏฺานเมว อาคนฺตฺวา, ‘‘สมฺม โกลิต, โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อาโรเจตู’’ติ กติกํ อกํสุ.
เตน สมเยน อมฺหากํ สตฺถา ปมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ สมฺปตฺโต โหติ. อถ ‘‘เอกสฏฺิ อรหนฺโต โลเก อุปฺปนฺนา โหนฺตี’’ติ วุตฺตกาเล ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ พหุชนหิตายา’’ติ รตนตฺตยคุณปฺปกาสนตฺถํ อุยฺโยชิตานํ ภิกฺขูนํ อนฺตเร ปฺจวคฺคิยพฺภนฺตโร อสฺสชิตฺเถโร ปฏินิวตฺติตฺวา ¶ ราชคหเมว อาคโต. ปุนทิวเส ปาโตว ปตฺตจีวรํ อาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.
ตสฺมึ สมเย อุปติสฺสปริพฺพาชโก ปาโตว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปริพฺพาชการามํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา เอวรูโป ปพฺพชิโต นาม น ทิฏฺปุพฺโพ. เย วต โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อยํ เตสํ ภิกฺขูนํ อฺตโร, ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยํ – ‘กํสิ ตฺวํ, อาวุโส อุทฺทิสฺส, ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อิมํ ภิกฺขุํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ, อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ ปิณฺฑาย จรติ, ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺเธยฺยํ อตฺถิเกหิ อุปฺาตํ มคฺค’’นฺติ. โส เถรํ ลทฺธปิณฺฑปาตํ อฺตรํ ¶ โอกาสํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา นิสีทิตุกามตฺจสฺส ตฺวา อตฺตโน ปริพฺพาชกปีกํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเนปิสฺส อตฺตโน กุณฺฑิกาย อุทกํ อทาสิ.
เอวํ อาจริยวตฺตํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺเจน เถเรน สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘วิปฺปสนฺนานิ ¶ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต, กํสิ ตฺวํ, อาวุโส อุทฺทิสฺส, ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘อตฺถาวุโส, มหาสมโณ สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต, ตาหํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โส จ เม ภควา สตฺถา, ตสฺเสวาหํ ภควโต ธมฺมํ โรเจมี’’ติ อาห. อถ นํ ‘‘กึวาที ปนายสฺมโต สตฺถา, กิมกฺขายี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ปริพฺพาชกา นาม สาสนสฺส ปฏิปกฺขภูตา, อิมสฺส สาสนสฺส คมฺภีรตํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. อตฺตโน นวกภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต, อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, น ตาวาหํ สกฺโกมิ วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติ. ปริพฺพาชโก ‘‘อหํ อุปติสฺโส นาม, ตฺวํ ยถาสตฺติยา อปฺปํ วา พหุํ วา วท, เอตํ ¶ นยสเตน นยสหสฺเสน ปฏิวิชฺฌิตุํ มยฺหํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา อาห –
‘‘อปฺปํ วา พหุํ วา ภาสสฺสุ, อตฺถํเยว เม พฺรูหิ;
อตฺเถเนว เม อตฺโถ, กึ กาหสิ พฺยฺชนํ พหุ’’นฺติ. (มหาว. ๖๐);
เอวํ วุตฺเต เถโร ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ (มหาว. ๖๐; อป. เถร. ๑.๑.๒๘๖) คาถํ อาห. ปริพฺพาชโก ปมปททฺวยเมว สุตฺวา สหสฺสนยสมฺปนฺเน โสตาปตฺติมคฺเค ปติฏฺหิ. อิตรํ ปททฺวยํ โสตาปนฺนกาเล นิฏฺาสิ.
โส โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปริวิเสเส อปฺปวตฺตนฺเต ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มา อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว โหตุ, กหํ อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? เวฬุวเน ปริพฺพาชกาติ. ภนฺเต, ตุมฺเห ปุรโต ยาถ, มยฺหํ เอโก สหายโก อตฺถิ. อมฺเหหิ จ อฺมฺํ กติกา กตา ‘‘โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อาโรเจตู’’ติ. อหํ ตํ ปฏิฺํ โมเจตฺวา สหายกํ ¶ คเหตฺวา ตุมฺหากํ คตมคฺเคเนว สตฺถุ สนฺติกํ อาคมิสฺสามีติ ปฺจปติฏฺิเตน เถรสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา ปริพฺพาชการามาภิมุโข อคมาสิ.
โกลิตปริพฺพาชโก ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ สหายกสฺส มุขวณฺโณ น อฺเสุ ทิวเสสุ วิย, อทฺธา เตน อมตํ อธิคตํ ภวิสฺสตี’’ติ อมตาธิคมํ ¶ ปุจฺฉิ. โสปิสฺส ‘‘อาม อาวุโส, อมตํ อธิคต’’นฺติ ปฏิชานิตฺวา ตเมว คาถํ อภาสิ. คาถาปริโยสาเน โกลิโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิตฺวา อาห – ‘‘กหํ กิร, สมฺม, สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน กิร, สมฺม, วสตี’’ติ เอวํ โน อาจริเยน อสฺสชิตฺเถเรน กถิตนฺติ. เตน หิ สมฺม อายาม, สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามาติ. สาริปุตฺตตฺเถโร จ นาเมส สทาปิ อาจริยปูชโกว, ตสฺมา สหายํ โกลิตมาณวํ เอวมาห – ‘‘สมฺม, อมฺเหหิ อธิคตํ อมตํ อมฺหากํ อาจริยสฺส สฺจยปริพฺพาชกสฺสาปิ กเถสฺสาม. พุชฺฌมาโน ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต อมฺหากํ สทฺทหิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสติ, พุทฺธานํ เทสนํ สุตฺวา ¶ มคฺคผลปฏิเวธํ กริสฺสตี’’ติ.
ตโต ทฺเวปิ ชนา สฺจยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อาจริย, ตฺวํ กึ กโรสิ, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ. อายาม, ทสพลํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. โส ‘‘กึ วเทถ, ตาตา’’ติ เตปิ วาเรตฺวา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺติเมว เตสํ ทีเปสิ. เต ‘‘อมฺหากํ เอวรูโป อนฺเตวาสิกวาโส นิจฺจเมว โหตุ, ตุมฺหากํ ปน คมนํ วา อคมนํ วา ชานาถา’’ติ อาหํสุ. สฺจโย ‘‘อิเม เอตฺตกํ ชานนฺตา มม วจนํ น กริสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, ตาตา, อหํ มหลฺลกกาเล อนฺเตวาสิกวาสํ วสิตุํ น สกฺโกมี’’ติ อาห. เต อเนเกหิปิ การเณหิ ตํ โพเธตุํ อสกฺโกนฺตา อตฺตโน โอวาเท วตฺตมานํ ชนํ อาทาย เวฬุวนํ อคมํสุ. อถ เตสํ ปฺจสุ อนฺเตวาสิกสเตสุ อฑฺฒเตยฺยสตา นิวตฺตึสุ, อฑฺฒเตยฺยสตา เตหิ สทฺธึ อคมํสุ.
สตฺถา จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺโต เต ทูรโตว ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, ทฺเว สหายา อาคจฺฉนฺติ โกลิโต จ อุปติสฺโส จ, เอตํ เม สาวกยุคํ ภวิสฺสติ อคฺคํ ภทฺทยุค’’นฺติ. อถ เตสํ ปริสาย จริยวเสน ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ. เปตฺวา ทฺเว อคฺคสาวเก สพฺเพปิ เต อฑฺฒเตยฺยสตา ปริพฺพาชกา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ ¶ . สตฺถา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. สพฺเพสํ เกสมสฺสุ อนฺตรธายิ, อิทฺธิมยํ ปตฺตจีวรํ กายปฺปฏิพทฺธํ อโหสิ. ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานมฺปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ อาคตํ, อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ ปน น นิฏฺาสิ. กสฺมา? สาวกปารมิาณสฺส มหนฺตตาย.
อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส มคธรฏฺเ กลฺลวาลคามกํ อุปนิสฺสาย ¶ สมณธมฺมํ กโรนฺโต ถินมิทฺเธ โอกฺกนฺเต ¶ สตฺถารา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ตถาคเตน ทินฺนํ ธาตุกมฺมฏฺานํ สุณนฺโตว อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ปพฺพชิตทิวสโต อทฺธมาสํ อติกฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ตเมว ราชคหํ อุปนิสฺสาย สูกรขตเลเณ วิหรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺเต (ม. นิ. ๒.๒๐๕-๒๐๖) เทสิยมาเน สุตฺตานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตภตฺตํ ภฺุชนฺโต วิย สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. ภาคิเนยฺโย ปนสฺส เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. อิติ ทฺวินฺนมฺปิ มหาสาวกานํ ตถาคเต ราชคเห วิหรนฺเตเยว สาวกปารมิาณกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ. อปรภาเค ปน สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ‘‘มหาปฺานํ ยทิทํ สาริปุตฺโต, อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ ทฺเวปิ มหาสาวเก านนฺตเร เปสีติ.
มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ
๑๙๑. จตุตฺเถ ธุตวาทานนฺติ เอตฺถ ธุโต เวทิตพฺโพ, ธุตวาโท เวทิตพฺโพ, ธุตธมฺมา เวทิตพฺพา, ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ ธุโตติ ธุตกิเลโส วา ปุคฺคโล กิเลสธุนโน วา ธมฺโม.
ธุตวาโทติ เอตฺถ ปน อตฺถิ ธุโต น ธุตวาโท, อตฺถิ น ธุโต ธุตวาโท, อตฺถิ เนว ธุโต น ธุตวาโท, อตฺถิ ธุโต เจว ธุตวาโท จ. ตตฺถ โย ธุตงฺเคน อตฺตโน กิเลเส ธุนิ, ปรํ ปน ธุตงฺเคน ¶ น โอวทติ นานุสาสติ พากุลตฺเถโร วิย, อยํ ธุโต น ธุตวาโท. ยถาห – ‘‘ตยิทํ อายสฺมา พากุโล ธุโต น ธุตวาโท’’ติ. โย ปน ¶ ธุตงฺเคน อตฺตโน กิเลเส น ธุนิ, เกวลํ อฺเ ธุตงฺเคน โอวทติ อนุสาสติ อุปนนฺทตฺเถโร วิย, อยํ น ธุโต ธุตวาโท. ยถาห – ‘‘ตยิทํ อายสฺมา อุปนนฺโท น ธุโต ธุตวาโท’’ติ. โย ปน อุภยวิปนฺโน ลาฬุทายี วิย, อยํ เนว ธุโต น ธุตวาโท. ยถาห – ‘‘ตยิทํ อายสฺมา ลาฬุทายี เนว ธุโต น ธุตวาโท’’ติ. โย ปน อุภยสมฺปนฺโน อายสฺมา มหากสฺสปตฺเถโร วิย, อยํ ธุโต เจว ธุตวาโท จ. ยถาห – ‘‘ตยิทํ อายสฺมา มหากสฺสโป ธุโต เจว ธุตวาโท จา’’ติ.
ธุตธมฺมา เวทิตพฺพาติ อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺิตา สลฺเลขตา ปวิเวกตา อิทมฏฺิกตาติ อิเม ธุตงฺคเจตนาย ¶ ปริวารา ปฺจ ธมฺมา ‘‘อปฺปิจฺฉํเยว นิสฺสายา’’ติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๕.๑๘๑; ปริ. ๓๒๕) ธุตธมฺมา นาม. ตตฺถ อปฺปิจฺฉตา จ สนฺตุฏฺิตา จ อโลโภ, สลฺเลขตา จ ปวิเวกตา จ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ อนุปตนฺติ อโลเภ เจว อโมเห จ, อิทมฏฺิตา าณเมว. ตตฺถ อโลเภน ปฏิกฺเขปวตฺถูสุ โลภํ, อโมเหน เตสฺเวว อาทีนวปฺปฏิจฺฉาทกํ โมหํ ธุนาติ. อโลเภน จ อนฺุาตานํ ปฏิเสวนมุเขน ปวตฺตํ กามสุขลฺลิกานุโยคํ, อโมเหน ธุตงฺเคสุ อติสลฺเลขมุเขน ปวตฺตํ อตฺตกิลมถานุโยคํ ธุนาติ. ตสฺมา อิเม ธมฺมา ธุตธมฺมาติ เวทิตพฺพา.
ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานีติ เตรส ¶ ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานิ ปํสุกูลิกงฺคํ…เป… เนสชฺชิกงฺคนฺติ.
ธุตวาทานํ ยทิทํ มหากสฺสโปติ ยตฺตกา ธุตวาทํ วทนฺติ, เตสํ สพฺเพสมฺปิ อนฺตเร อยํ มหากสฺสปตฺเถโร อคฺโคติ อคฺคฏฺาเน เปสิ. มหากสฺสโปติ อุรุเวฬกสฺสโป นทีกสฺสโป คยากสฺสโป กุมารกสฺสโปติ อิเม ขุทฺทานุขุทฺทเก เถเร อุปาทาย อยํ มหา, ตสฺมา มหากสฺสโปติ วุตฺโต.
อิมสฺสาปิ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อตีเต กิร กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ, ตสฺมึ หํสวตีนครํ อุปนิสฺสาย เขเม มิคทาเย วิหรนฺเต เวเทโห นาม กุฏุมฺพิโก อสีติโกฏิธนวิภโว ปาโตว สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย ¶ คนฺธปุปฺผาทีนิ คเหตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตสฺมิฺจ ขเณ สตฺถา มหานิสภตฺเถรํ นาม ตติยสาวกํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธุตวาทานํ, ยทิทํ นิสโภ’’ติ เอตทคฺเค เปสิ. อุปาสโก ตํ สุตฺวา ปสนฺโน ธมฺมกถาวสาเน มหาชเน อุฏฺาย คเต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ อธิวาเสถา’’ติ อาห. มหา โข, อุปาสก, ภิกฺขุสงฺโฆติ. กิตฺตโก ภควาติ? อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺสนฺติ. ภนฺเต, เอกํ สามเณรมฺปิ วิหาเร อเสเสตฺวา ภิกฺขํ อธิวาเสถาติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อุปาสโก สตฺถุ อธิวาสนํ วิทิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา มหาทานํ สชฺเชตฺวา ปุนทิวเส สตฺถุ กาลํ อาโรจาเปสิ. สตฺถา ปตฺตจีวรมาทาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อุปาสกสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ปฺตฺเต ¶ อาสเน นิสินฺโน ทกฺขิโณทกาวสาเน ยาคุอาทีนิ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ภตฺตวิสฺสคฺคํ อกาสิ. อุปาสโกปิ สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิ.
ตสฺมึ อนฺตเร มหานิสภตฺเถโร ปิณฺฑาย จรนฺโต ตเมว วีถิ ปฏิปชฺชิ. อุปาสโก ทิสฺวา อุฏฺาย คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ¶ ‘‘ปตฺตํ, ภนฺเต, เทถา’’ติ อาห. เถโร ปตฺตํ อทาสิ. ‘‘ภนฺเต, อิเธว ปวิสถ, สตฺถาปิ เคเห นิสินฺโน’’ติ. น วฏฺฏิสฺสติ อุปาสกาติ. อุปาสโก เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา นีหริตฺวา อทาสิ. ตโต เถรํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺโต สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, มหานิสภตฺเถโร ‘สตฺถา เคเห นิสินฺโน’ติ วุตฺเตปิ ปวิสิตุํ น อิจฺฉิ, อตฺถิ นุ โข เอตสฺส ตุมฺหากํ คุเณหิ อติเรโก คุโณ’’ติ. พุทฺธานฺจ วณฺณมจฺเฉรํ นาม นตฺถิ. อถ สตฺถา เอวมาห – ‘‘อุปาสก, มยํ ภิกฺขํ อาคมยมานา เคเห นิสีทาม, โส ภิกฺขุ น เอวํ นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ อุทิกฺขติ. มยํ คามนฺตเสนาสเน วสาม, โส อรฺสฺมึเยว วสติ. มยํ ฉนฺเน วสาม, โส อพฺโภกาสมฺหิเยว วสติ. อิติ ตสฺส อยฺจ อยฺจ คุโณ’’ติ มหาสมุทฺทํ ปูรยมาโน วิย กเถสิ. อุปาสโก ปกติยาปิ ชลมานทีโป เตเลน อาสิตฺโต วิย สุฏฺุตรํ ปสนฺโน หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘กึ มยฺหํ อฺาย สมฺปตฺติยา, อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก ธุตวาทานํ อคฺคภาวตฺถาย ปตฺถนํ กริสฺสามี’’ติ?
โส ¶ ปุนปิ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา เตเนว นิยาเมน สตฺต ทิวสานิ มหาทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส ติจีวรานิ ทตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ เม, ภนฺเต, สตฺต ทิวสานิ ทานํ เทนฺตสฺส เมตฺตํ กายกมฺมํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ, อิมินาหํ น อฺํ เทวสมฺปตฺตึ วา สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺตึ วา ปตฺเถมิ, อิทํ ปน เม กมฺมํ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก เอตสฺส มหานิสภตฺเถเรน ปตฺตานนฺตรํ ปาปุณนตฺถาย เตรสธุตงฺคธรานํ อคฺคภาวสฺส สจฺจกาโร โหตู’’ติ. สตฺถา ‘‘มหนฺตํ านํ อิมินา ปตฺถิตํ, สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข, โน’’ติ โอโลเกนฺโต สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา อาห – ‘‘มนาปํ เต านํ ปตฺถิตํ ¶ , อนาคเต สตสหสฺสกปฺปาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส ตฺวํ ตติยสาวโก มหากสฺสปตฺเถโร นาม ภวิสฺสสี’’ติ. ตํ สุตฺวา อุปาสโก ‘‘พุทฺธานํ ทฺเว กถา นาม นตฺถี’’ติ ปุนทิวเส ปตฺตพฺพํ วิย ตํ สมฺปตฺตึ อมฺิตฺถ. โส ¶ ยาวตายุกํ นานปฺปการํ ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา นานปฺปการํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตตฺถ กาลํ กโต สคฺเค นิพฺพตฺติ.
ตโต ปฏฺาย เทวมนุสฺเสสุ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสิสมฺมาสมฺพุทฺเธ พนฺธุมตึ นิสฺสาย เขเม มิคทาเย วิหรนฺเต เทวโลกา จวิตฺวา อฺตรสฺมึ ปริชิณฺเณ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺมิฺจ กาเล วิปสฺสี ภควา สตฺตเม สตฺตเม สํวจฺฉเร ธมฺมํ กเถติ, มหนฺตํ โกลาหลํ อโหสิ. สกลชมฺพุทีเป เทวตา ‘‘สตฺถา ธมฺมํ กเถสฺสตี’’ติ อาโรเจนฺติ. พฺราหฺมโณ ตํ สาสนํ อสฺโสสิ. ตสฺส จ นิวาสนสาฏโก เอโกว โหติ, ตถา พฺราหฺมณิยา. ปารุปนํ ปน ทฺวินฺนมฺปิ เอกเมว. สกลนคเร เอกสาฏกพฺราหฺมโณติ ปฺายติ. พฺราหฺมณานํ เกนจิเทว กิจฺเจน สนฺนิปาเต สติ พฺราหฺมณึ เคเห เปตฺวา สยํ คจฺฉติ. พฺราหฺมณีนํ สนฺนิปาเต สติ สยํ เคเห ติฏฺติ, พฺราหฺมณี ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา คจฺฉติ. ตสฺมึ ปน ทิวเส พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘โภติ, กึ รตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ สุณิสฺสสิ, ทิวา’’ติ. ‘‘มยํ มาตุคามชาติกา นาม รตฺตึ โสตุํ น สกฺโกม, ทิวา โสสฺสามี’’ติ พฺราหฺมณํ เคเห เปตฺวา ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา อุปาสิกาหิ สทฺธึ ทิวา คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ¶ เอกมนฺเต นิสินฺนา ธมฺมํ สุตฺวา อุปาสิกาหิเยว สทฺธึ อาคมาสิ. อถ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณึ เคเห เปตฺวา ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา วิหารํ คโต.
ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา ปริสมชฺเฌ อลงฺกตธมฺมาสเน นิสินฺโน จิตฺตพีชนึ อาทาย อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย สิเนรุํ มตฺถํ กตฺวา สาครํ นิมฺมเถนฺโต วิย ธมฺมกถํ กเถสิ. พฺราหฺมณสฺส ¶ ปริสนฺเต นิสินฺนสฺส ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปมยามสฺมึเยว สกลสรีรํ ปูรยมานา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ปารุตวตฺถํ สงฺฆริตฺวา ‘‘ทสพลสฺส ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. อตฺถสฺส อาทีนวสหสฺสํ ทสฺสยมานํ มจฺเฉรํ อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘พฺราหฺมณิยา จ มยฺหฺจ เอกเมว วตฺถํ, อฺํ กิฺจิ ปารุปนํ นตฺถิ, อปารุปิตฺวา จ นาม พหิ จริตุํ น สกฺกา’’ติ สพฺพถาปิ อทาตุกาโม อโหสิ. อถสฺส นิกฺขนฺเต ปมยาเม มชฺฌิมยาเมปิ ตเถว ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ตเถว จินฺเตตฺวา ตเถว อทาตุกาโม อโหสิ. อถสฺส มชฺฌิมยาเม นิกฺขนฺเต ปจฺฉิมยาเมปิ ตเถว ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘ตรณํ วา โหตุ มรณํ วา, ปจฺฉาปิ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺถํ สงฺฆริตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล เปสิ. ตโต วามหตฺถํ อาภุชิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน ติกฺขตฺตุํ อปฺโผเฏตฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ตโย วาเร นทิ.
ตสฺมิฺจ ¶ สมเย พนฺธุมราชา ธมฺมาสนสฺส ปจฺฉโต อนฺโตสาณิยํ นิสินฺโน ธมฺมํ สุณาติ. รฺโ จ นาม ‘‘ชิตํ เม’’ติ สทฺโท อมนาโป โหติ. โส ปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ เอตํ ปุจฺฉ กึ วทสี’’ติ. โส เตน คนฺตฺวา ปุจฺฉิโต อาห – ‘‘อวเสสา หตฺถิยานาทีนิ อารุยฺห อสิจมฺมาทีนิ คเหตฺวา ปรเสนํ ชินนฺติ, น ตํ ชิตํ อจฺฉริยํ, อหํ ปน ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตสฺส ทุฏฺโคณสฺส มุคฺคเรน สีสํ ภินฺทิตฺวา ตํ ปลาเปนฺโต วิย มจฺเฉรจิตฺตํ มทฺทิตฺวา ปารุตวตฺถํ ทสพลสฺส อทาสึ, ตํ เม มจฺฉริยํ ชิต’’นฺติ อาห. โส ปุริโส อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา อาห – ‘‘อมฺเห ภเณ ทสพลสฺส อนุรูปํ น ชานิมฺห, พฺราหฺมโณ ชานี’’ติ วตฺถยุคํ เปเสสิ. ตํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มยฺหํ ตุณฺหี นิสินฺนสฺส ¶ ปมํ กิฺจิ อทตฺวา สตฺถุ คุเณ กเถนฺตสฺส ¶ อทาสิ, สตฺถุ คุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺเนน มยฺหํ โก อตฺโถ’’ติ? ตมฺปิ วตฺถยุคํ ทสพลสฺเสว อทาสิ. ราชาปิ ‘‘กึ พฺราหฺมเณน กต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตมฺปิ เตน วตฺถยุคํ ตถาคตสฺเสว ทินฺน’’นฺติ สุตฺวา อฺานิปิ ทฺเว วตฺถยุคานิ เปเสสิ. โส ตานิปิ อทาสิ. ราชา อฺานิปิ จตฺตารีติ เอวํ ยาว ทฺวตฺตึสวตฺถยุคานิ เปเสสิ. อถ พฺราหฺมโณ ‘‘อิทํ วฑฺเฒตฺวา คหณํ วิย โหตี’’ติ อตฺตโน อตฺถาย เอกํ, พฺราหฺมณิยา เอกนฺติ ทฺเว วตฺถยุคานิ คเหตฺวา ตึส ยุคานิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ตโต ปฏฺาย จสฺส สตฺถุ วิสฺสาสิโก ชาโต.
อถ นํ ราชา เอกทิวสํ สีตสมเย สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺตํ ทิสฺวา สตสหสฺสคฺฆนกํ อตฺตโน ปารุตรตฺตกมฺพลํ ทตฺวา อาห – ‘‘อิโต ปตฺถาย อิมํ ปารุปิตฺวา ธมฺมํ สุณาหี’’ติ. โส ‘‘กึ เม อิมินา กมฺพเลน อิมสฺมึ ปูติกาเย อุปนีเตนา’’ติ จินฺเตตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํ ตถาคตสฺส มฺจสฺส อุปริ วิตานํ กตฺวา อคมาสิ. อเถกทิวสํ ราชา ปาโตว วิหารํ คนฺตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํ สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิ. ตสฺมิฺจ สมเย ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย กมฺพเล ปฏิหฺนฺติ, กมฺพโล อติวิย วิโรจติ. ราชา โอโลเกนฺโต สฺชานิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ เอส กมฺพโล, อมฺเหหิ เอกสาฏกพฺราหฺมณสฺส ทินฺโน’’ติ. ตุมฺเหหิ, มหาราช, พฺราหฺมโณ ปูชิโต, พฺราหฺมเณน มยํ ปูชิตาติ. ราชา ‘‘พฺราหฺมโณ ยุตฺตํ อฺาสิ, น มย’’นฺติ ปสีทิตฺวา ยํ มนุสฺสานํ อุปการภูตํ, ตํ สพฺพํ อฏฺฏฺกํ กตฺวา สพฺพอฏฺกํ นาม ทานํ ทตฺวา ปุโรหิตฏฺาเน เปสิ. โสปิ ‘‘อฏฺฏฺกํ นาม จตุสฏฺิ โหตี’’ติ จตุสฏฺิ สลากาภตฺตานิ อุปนิพนฺธาเปตฺวา ยาวชีวํ ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา ตโต จุโต สคฺเค นิพฺพตฺติ.
ปุน ¶ ¶ ตโต จุโต อิมสฺมึ กปฺเป โกณาคมนสฺส จ ภควโต กสฺสปทสพลสฺส จาติ ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ อนฺตเร พาราณสิยํ กุฏุมฺพิยฆเร นิพฺพตฺโต. โส วุทฺธิมนฺวาย ฆราวาสํ วสนฺโต เอกทิวสํ อรฺเ ชงฺฆวิหารํ จรติ, ตสฺมึ จ สมเย ปจฺเจกพุทฺโธ นทีตีเร จีวรกมฺมํ กโรนฺโต อนุวาเต อปฺปโหนฺเต สงฺฆริตฺวา เปตุํ อารทฺโธ. โส ทิสฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, สงฺฆริตฺวา เปถา’’ติ อาห. อนุวาโต นปฺปโหตีติ ¶ . ‘‘อิมินา, ภนฺเต, กโรถา’’ติ สาฏกํ ทตฺวา ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เม เกนจิ ปริหานิ มา โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ.
อถ ฆเรปิสฺส ภคินิยา สทฺธึ ภริยาย กลหํ กโรนฺติยา ปจฺเจกพุทฺโธ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถสฺส ภคินี ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา ตสฺส ภริยํ สนฺธาย, ‘‘เอวรูปํ พาลํ โยชนสเตน ปริวชฺเชยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. สา เคหทฺวาเร ิตา สุตฺวา ‘‘อิมาย ทินฺนํ ภตฺตํ มา เอส ภฺุชตู’’ติ ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตํ ฉฑฺเฑตฺวา กลลสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. อิตรา ทิสฺวา ‘‘พาเล มํ ตาว อกฺโกส วา ปหร วา, เอวรูปสฺส ปน ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิสฺส ปตฺตโต ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา กลลํ ทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ อาห. อถสฺส ภริยาย ปฏิสงฺขานํ อุปฺปชฺชิ. สา ‘‘ติฏฺถ, ภนฺเต’’ติ กลลํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา จตุมธุรสฺส ปูเรตฺวา อุปริ อาสิตฺเตน ปทุมคพฺภวณฺเณน สปฺปินา วิชฺโชตมานํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ เปตฺวา ‘‘ยถา อยํ ปิณฺฑปาโต โอภาสชาโต, เอวํ ¶ โอภาสชาตํ เม สรีรํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ อนุโมทิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เตปิ ทฺเว ชายมฺปติกา ยาวตายุกํ กุสลํ กตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ปุน ตโต จวิตฺวา อุปาสโก กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ อสีติโกฏิวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อิตราปิ ตาทิสสฺเสว เสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ.
ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺตสฺส ตเมว เสฏฺิธีตรํ อานยึสุ. ตสฺสา ปุพฺเพ อทินฺนวิปากสฺส ตสฺส กมฺมสฺส อานุภาเวน ปติกูลํ ปวิฏฺมตฺตาย อุมฺมารพฺภนฺตเร สกลสรีรํ อุคฺฆาฏิตวจฺจกุฏิ วิย ทุคฺคนฺธํ ชาตํ. เสฏฺิกุมาโร ‘‘กสฺสายํ คนฺโธ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เสฏฺิกฺายา’’ติ สุตฺวา ‘‘นีหรถา’’ติ อาภตนิยาเมเนว กุลฆรํ เปเสสิ. สา เอเตเนว นีหาเรน สตฺตสุ าเนสุ ปฏินิวตฺติตา.
เตน จ สมเยน กสฺสปทสพโล ปรินิพฺพายิ, ตสฺส ฆนโกฏฺฏิมาหิ สตสหสฺสคฺฆนิกาหิ ¶ รตฺตสุวณฺณอิฏฺกาหิ โยชนุพฺเพธํ เจติยํ อารภึสุ. ตสฺมึ เจติเย กริยมาเน สา เสฏฺิธีตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สตฺตสุ าเนสุ ปฏินิวตฺติตา, กึ เม ชีวิเตนา’’ติ อตฺตโน ¶ สรีราภรณภณฺฑกํ ภฺชาเปตฺวา สุวณฺณอิฏฺกํ กาเรสิ รตนายตํ วิทตฺถิวิตฺถินฺนํ จตุรงฺคุลุพฺเพธํ. ตโต หริตาลมโนสิลาปิณฺฑํ คเหตฺวา อฏฺ อุปฺปลหตฺถเก อาทาย เจติยกรณฏฺานํ คตา. ตสฺมิฺจ ขเณ เอกา อิฏฺกาปนฺติ ปริกฺขิปิตฺวา อาคจฺฉมานา ฆฏนิฏฺกาย อูนา โหติ. เสฏฺิธีตา วฑฺฒกึ อาห – ‘‘อิมํ อิฏฺกํ เอตฺถ เปถา’’ติ. อมฺม, ภทฺทเก กาเล อาคตาสิ, สยเมว เปหีติ. สา อารุยฺห เตเลน หริตาลมโนสิลํ โยเชตฺวา ¶ เตน พนฺธเนน อิฏฺกํ ปติฏฺเปตฺวา อุปริ อฏฺหิ อุปฺปลหตฺถเกหิ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เม กายโต จนฺทนคนฺโธ วายตุ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา เจติยํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา อคมาสิ.
อถ ตสฺมึเยว ขเณ ยสฺส เสฏฺิปุตฺตสฺส ปมํ เคหํ นีตา, ตสฺส ตํ อารพฺภ สติ อุทปาทิ. นคเรปิ นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ โหติ. โส อุปฏฺาเก อาห – ‘‘ตทา อิธ อานีตา เสฏฺิธีตา อตฺถิ, กหํ สา’’ติ? กุลเคเห สามีติ. อาเนถ นํ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามาติ. เต คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา ิตา ‘‘กึ, ตาตา, อาคตตฺถา’’ติ ตาย ปุฏฺา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ตาตา, มยา อาภรณภณฺเฑน เจติยํ ปูชิตํ, อาภรณํ เม นตฺถีติ. เต คนฺตฺวา เสฏฺิปุตฺตสฺส อาโรเจสุํ. อาเนถ นํ, ปิฬนฺธนํ ลภิสฺสามาติ. เต อานยึสุ. ตสฺสา สห ฆรปฺปเวสเนน สกลเคหํ จนฺทนคนฺธฺเจว นีลุปฺปลคนฺธฺจ วายิ.
เสฏฺิปุตฺโต ตํ ปุจฺฉิ ‘‘ปมํ ตว สรีรโต ทุคฺคนฺโธ วายิ, อิทานิ ปน เต สรีรโต จนฺทนคนฺโธ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ, กึ เอต’’นฺติ? สา อาทิโต ปฏฺาย อตฺตนา กตกมฺมํ อาโรเจสิ. เสฏฺิปุตฺโต ‘‘นิยฺยานิกํ วต พุทฺธสาสน’’นฺติ ปสีทิตฺวา โยชนิกํ สุวณฺณเจติยํ กมฺพลกฺจุเกน ปริกฺขิปิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ รถจกฺกปฺปมาเณหิ สุวณฺณปทุเมหิ อลงฺกริ. เตสํ ทฺวาทสหตฺถา โอลมฺพกา โหนฺติ. โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิโต โยชนมตฺเต าเน อฺตรสฺมึ อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติ. เสฏฺิกฺาปิ เทวโลกโต จวิตฺวา ราชกุเล เชฏฺธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ.
เตสุ ¶ วยปตฺเตสุ กุมารสฺส วสนคาเม นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ. โส มาตรํ ¶ อาห – ‘‘สาฏกํ เม ¶ , อมฺม, เทหิ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ. สา โธตวตฺถํ นีหริตฺวา อทาสิ. อมฺม, ถูลํ อิทํ, อฺํ เทหีติ. อฺํ นีหริตฺวา อทาสิ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิ. อฺํ นีหริตฺวา อทาสิ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ มาตา อาห – ‘‘ตาต, ยาทิเส เคเห มยํ ชาตา, นตฺถิ โน อิโต สุขุมตรสฺส ปฏิลาภาย ปฺุ’’นฺติ. เตน หิ ลภนฏฺานํ คจฺฉามิ, อมฺมาติ. ปุตฺต อหํ อชฺเชว ตุยฺหํ พาราณสินคเร รชฺชปฏิลาภํ อิจฺฉามีติ. โส มาตรํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉามิ, อมฺมา’’ติ. คจฺฉ, ตาตาติ. เอวํ กิรสฺสา จิตฺตํ อโหสิ – ‘‘กหํ คมิสฺสติ, อิธ วา เอตฺถ วา เคเห นิสีทิสฺสตี’’ติ? โส ปน ปฺุนิยาเมน นิกฺขมิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา อุยฺยาเน มงฺคลสิลาปฏฺเฏ สสีสํ ปารุปิตฺวา นิปชฺชิ. โส จ พาราณสิรฺโ กาลกตสฺส สตฺตโม ทิวโส โหติ.
อมจฺจา รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ราชงฺคเณ นิสีทิตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘รฺโ เอกา ธีตาว อตฺถิ, ปุตฺโต นตฺถิ, อราชกํ รชฺชํ น วฏฺฏติ, โก ราชา โหตี’’ติ มนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ โหหิ, ตฺวํ โหหี’’ติ อาหํสุ. ปุโรหิโต อาห – ‘‘พหุํ โอโลเกตุํ น วฏฺฏติ, ผุสฺสรถํ วิสฺสชฺเชมา’’ติ. เต กุมุทวณฺเณ จตฺตาโร สินฺธเว โยเชตฺวา ปฺจวิธํ ราชกกุธภณฺฑํ เสตจฺฉตฺตฺจ รถสฺมึเยว เปตฺวา รถํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปจฺฉโต ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสุํ. รโถ ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุยฺยานาภิมุโข อโหสิ. ‘‘ปริจเยน อุยฺยานาภิมุโข คจฺฉติ, นิวตฺเตมา’’ติ เกจิ อาหํสุ. ปุโรหิโต ‘‘มา นิวตฺตยิตฺถา’’ติ อาห. รโถ กุมารํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาโรหนสชฺโช หุตฺวา อฏฺาสิ. ปุโรหิโต ปารุปนกณฺณํ อปเนตฺวา ปาทตลานิ โอโลเกนฺโต ‘‘ติฏฺตุ อยํ ทีโป, ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ ทีเปสุ เอโส รชฺชํ กาเรตุํ ยุตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘ปุนปิ ตูริยานิ ปคฺคณฺหถ ¶ , ปุนปิ ตูริยานิ ปคฺคณฺหถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสิ.
อถ กุมาโร มุขํ วิวริตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘เกน กมฺเมน อาคตตฺถา’’ติ อาห. เทว ตุมฺหากํ รชฺชํ ปาปุณาตีติ. ราชา กหนฺติ? เทวตฺตํ คโต สามีติ. กติ ทิวสา อติกฺกนฺตาติ? อชฺช สตฺตโม ¶ ทิวโสติ. ปุตฺโต วา ธีตา วา นตฺถีติ? ธีตา อตฺถิ เทว, ปุตฺโต นตฺถีติ. กริสฺสามิ รชฺชนฺติ. เต ตาวเทว อภิเสกมณฺฑปํ กาเรตฺวา ราชธีตรํ สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อุยฺยานํ อาเนตฺวา กุมารสฺส อภิเสกํ อกํสุ.
อถสฺส ¶ กตาภิเสกสฺส สหสฺสคฺฆนกํ วตฺถํ อุปหรึสุ. โส ‘‘กิมิทํ, ตาตา’’ติ อาห. นิวาสนวตฺถํ เทวาติ. นนุ, ตาตา, ถูลํ, อฺํ สุขุมตรํ นตฺถีติ? มนุสฺสานํ ปริโภควตฺเถสุ อิโต สุขุมตรํ นตฺถิ เทวาติ. ตุมฺหากํ ราชา เอวรูปํ นิวาเสสีติ? อาม, เทวาติ. น มฺเ ปฺุวา ตุมฺหากํ ราชา, สุวณฺณภิงฺคารํ อาหรถ, ลภิสฺสาม วตฺถนฺติ. เต สุวณฺณภิงฺคารํ อาหรึสุ. โส อุฏฺาย หตฺเถ โธวิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา หตฺเถน อุทกํ อาทาย ปุรตฺถิมาย ทิสาย อพฺภุกฺกิริ, ตาวเทว ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อฏฺ กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ปุน อุทกํ คเหตฺวา ทกฺขิณํ ปจฺฉิมํ อุตฺตรนฺติ เอวํ จตสฺโสปิ ทิสา อพฺภุกฺกิริ, สพฺพทิสาสุ อฏฺฏฺ กตฺวา ทฺวตฺตึส กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. โส เอกํ ทิพฺพทุสฺสํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา ‘‘นนฺทรฺโ วิชิเต สุตฺตกนฺติกา อิตฺถิโย มา สุตฺตํ กนฺตึสูติ เอวํ เภรึ จราเปถา’’ติ วตฺวา ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิ.
เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต เอกทิวสํ เทวี รฺโ มหาสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อโห ตปสฺสี’’ติ การฺุาการํ ทสฺเสสิ. ‘‘กิมิทํ เทวี’’ติ ¶ จ ปุฏฺา ‘‘อติมหตี เต เทว สมฺปตฺติ, อตีเต พุทฺธานํ สทฺทหิตฺวา กลฺยาณํ อกตฺถ, อิทานิ อนาคตสฺส ปจฺจยํ กุสลํ น กโรถา’’ติ อาห. กสฺส ทสฺสามิ, สีลวนฺโต นตฺถีติ. ‘‘อสฺุโ, เทว, ชมฺพุทีโป อรหนฺเตหิ, ตุมฺเห ทานเมว สชฺเชถ, อหํ อรหนฺเต ลจฺฉามี’’ติ อาห. ราชา ปุนทิวเส ปาจีนทฺวาเร ทานํ สชฺชาเปสิ. เทวี ปาโตว อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย อุปริปาสาเท ปุรตฺถาภิมุขา อุเรน นิปชฺชิตฺวา ‘‘สเจ เอติสฺสา ทิสาย อรหนฺโต อตฺถิ, สฺเว อาคนฺตฺวา อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ อาห. ตสฺสํ ทิสายํ อรหนฺโต นาเหสุํ, ตํ สกฺการํ กปณยาจกานํ อทํสุ.
ปุนทิวเส ¶ ทกฺขิณทฺวาเร ทานํ สชฺเชตฺวา ตเถว อกาสิ, ปุนทิวเส ปจฺฉิมทฺวาเร. อุตฺตรทฺวาเร สชฺชนทิวเส ปน เทวิยา ตเถว นิมนฺติเต หิมวนฺเต วสนฺตานํ ปทุมวติยา ปุตฺตานํ ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ เชฏฺโก มหาปทุมปจฺเจกพุทฺโธ ภาติเก อามนฺเตสิ – ‘‘มาริสา, นนฺทราชา ตุมฺเห นิมนฺเตติ, อธิวาเสถ ตสฺสา’’ติ. เต อธิวาเสตฺวา ปุนทิวเส อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อากาเสน อาคนฺตฺวา อุตฺตรทฺวาเร โอตรึสุ. มนุสฺสา คนฺตฺวา ‘‘ปฺจสตา, เทว, ปจฺเจกพุทฺธา อาคตา’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา สทฺธึ เทวิยา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ¶ ปตฺตํ คเหตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ตตฺร เตสํ ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา สงฺฆตฺเถรสฺส, เทวี สงฺฆนวกสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘อยฺยา, ปจฺจเยหิ น กิลมิสฺสนฺติ, มยํ ปฺุเน น หายิสฺสาม, อมฺหากํ ยาวชีวํ อิธ นิวาสาย ปฏิฺํ เทถา’’ติ. ปฏิฺํ กาเรตฺวา อุยฺยาเน ปฺจ ปณฺณสาลาสตานิ ปฺจ จงฺกมนสตานีติ สพฺพากาเรน นิวาสฏฺานํ สมฺปาเทตฺวา ตตฺถ วสาเปสุํ.
เอวํ ¶ กาเล คจฺฉนฺเต รฺโ ปจฺจนฺโต กุปิโต. โส ‘‘อหํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ คจฺฉามิ, ตฺวํ ปจฺเจกพุทฺเธสุ มา ปมชฺชี’’ติ เทวึ โอวทิตฺวา คโต. ตสฺมึ อนาคเตเยว ปจฺเจกพุทฺธานํ อายุสงฺขารา ขีณา. มหาปทุมปจฺเจกพุทฺโธ ติยามรตฺตึ ฌานกีฬํ กีฬิตฺวา อรุณุคฺคมเน อาลมฺพนผลกํ อาลมฺพิตฺวา ิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. เอเตนุปาเยน เสสาปีติ สพฺเพว ปรินิพฺพุตา. ปุนทิวเส เทวี ปจฺเจกพุทฺธานํ นิสีทนฏฺานํ หริตุปลิตฺตํ กาเรตฺวา ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา ธูมํ ทตฺวา เตสํ อาคมนํ โอโลเกนฺตี นิสินฺนา; อาคมนํ อปสฺสนฺตี ปุริสํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ, ตาต, ชานาหิ, กึ อยฺยานํ กิฺจิ อผาสุก’’นฺติ. โส คนฺตฺวา มหาปทุมสฺส ปณฺณสาลาทฺวารํ วิวริตฺวา ตตฺถ อปสฺสนฺโต จงฺกมนํ คนฺตฺวา อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ิตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กาโล, ภนฺเต’’ติ อาห. ปรินิพฺพุตสรีรํ กึ กเถสฺสติ? โส ‘‘นิทฺทายติ มฺเ’’ติ คนฺตฺวา ปิฏฺิปาเท หตฺเถน ปรามสิตฺวา ปาทานํ สีตลตาย เจว ถทฺธตาย จ ปรินิพฺพุตภาวํ ตฺวา ทุติยสฺส สนฺติกํ อคมาสิ, เอวํ ตติยสฺสาติ สพฺเพสํ ปรินิพฺพุตภาวํ ตฺวา ราชกุลํ คโต. ‘‘กหํ, ตาต, ปจฺเจกพุทฺธา’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ปรินิพฺพุตา เทวี’’ติ อาห ¶ . เทวี กนฺทนฺตี โรทนฺตี นิกฺขมิตฺวา นาคเรหิ สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา สาธุกีฬิตํ กาเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสิ.
ราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคโต ปจฺจุคฺคมนํ อาคตํ เทวึ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, ภทฺเท, ปจฺเจกพุทฺเธสุ นปฺปมชฺชิ, นิโรคา อยฺยา’’ติ? ปรินิพฺพุตา เทวาติ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘เอวรูปานมฺปิ ปณฺฑิตานํ มรณํ อุปฺปชฺชติ, อมฺหากํ กุโต โมกฺโข’’ติ? โส นครํ อคนฺตฺวา อุยฺยานเมว ปวิสิตฺวา เชฏฺปุตฺตํ ¶ ปกฺโกสาเปตฺวา ตสฺส รชฺชํ ปฏิยาเทตฺวา สยํ สมณกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เทวีปิ ‘‘อิมสฺมึ ปพฺพชิเต อหํ กึ กริสฺสามี’’ติ ตตฺเถว อุยฺยาเน ปพฺพชิตา. ทฺเวปิ ฌานํ ภาเวตฺวา ตโต จุตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตึสุ.
เตสุ ¶ ตตฺเถว วสนฺเตสุ อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ ปาวิสิ. สตฺถริ ตตฺถ วสนฺเต อยํ ปิปฺปลิมาณโว มคธรฏฺเ มหาติตฺถพฺราหฺมณคาเม กปิลพฺราหฺมณสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต, อยํ ภทฺทา กาปิลานี มทฺทรฏฺเ สาคลนคเร โกสิยโคตฺตพฺราหฺมณสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตา. เตสํ อนุกฺกเมน วฑฺฒมานานํ ปิปฺปลิมาณวสฺส วีสติเม วสฺเส ภทฺทาย โสฬสเม วสฺเส สมฺปตฺเต มาตาปิตโร ปุตฺตํ โอโลเกตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ วยปตฺโต, กุลวํโส นาม ปติฏฺาเปตพฺโพ’’ติ อติวิย นิปฺปีฬยึสุ. มาณโว อาห – ‘‘มยฺหํ โสตปเถ เอวรูปํ กถํ มา กเถถ, อหํ ยาว ตุมฺเห ธรถ, ตาว ปฏิชคฺคิสฺสามิ, ตุมฺหากํ อจฺจเยน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เต กติปาหํ อติกฺกมิตฺวา ปุน กถยึสุ, โสปิ ตเถว ปฏิกฺขิปิ. ปุนปิ กถยึสุ, ปุนปิ ปฏิกฺขิปิ. ตโต ปฏฺาย มาตา นิรนฺตรํ กเถสิเยว.
มาณโว ‘‘มม มาตรํ สฺาเปสฺสามี’’ติ รตฺตสุวณฺณสฺส นิกฺขสหสฺสํ ทตฺวา สุวณฺณกาเรหิ เอกํ อิตฺถิรูปํ การาเปตฺวา ตสฺส มชฺชนฆฏฺฏนาทิกมฺมปริโยสาเน ตํ รตฺตวตฺถํ นิวาสาเปตฺวา วณฺณสมฺปนฺเนหิ ปุปฺเผหิ เจว นานาอลงฺกาเรหิ จ อลงฺการาเปตฺวา มาตรํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘อมฺม, เอวรูปํ อารมฺมณํ ลภนฺโต เคเห วสิสฺสามิ, อลภนฺโต น ¶ วสิสฺสามี’’ติ ¶ . ปณฺฑิตา พฺราหฺมณี จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ปฺุวา ทินฺนทาโน กตาภินีหาโร, ปฺุํ กโรนฺโต น เอกโกว อกาสิ, อทฺธา เอเตน สห กตปฺุา สุวณฺณรูปกปฏิภาคาว ภวิสฺสตี’’ติ อฏฺ พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา สพฺพกาเมหิ สนฺตปฺเปตฺวา สุวณฺณรูปกํ รถํ อาโรเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ยตฺถ อมฺหากํ ชาติโคตฺตโภเคหิ สมานกุเล เอวรูปํ ทาริกํ ปสฺสถ, อิมเมว สุวณฺณรูปกํ ปณฺณาการํ กตฺวา เทถา’’ติ อุยฺโยเชสิ.
เต ‘‘อมฺหากํ นาม เอตํ กมฺม’’นฺติ นิกฺขมิตฺวา ‘‘กตฺถ คมิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มทฺทรฏฺํ นาม อิตฺถากโร, มทฺทรฏฺํ คมิสฺสามา’’ติ มทฺทรฏฺเ สาคลนครํ อคมํสุ. ตตฺถ ตํ สุวณฺณรูปกํ นฺหานติตฺเถ เปตฺวา เอกมนฺเต นิสีทึสุ. อถ ภทฺทาย ธาตี ภทฺทํ นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา สิริคพฺเภ นิสีทาเปตฺวา นฺหายิตุํ อาคจฺฉนฺตี ตํ รูปกํ ทิสฺวา ‘‘อยฺยธีตา เม อิธาคตา’’ติ สฺาย สนฺตชฺเชตฺวา ‘‘ทุพฺพินีเต กึ ตฺวํ อิธาคตา’’ติ ตลสตฺติกํ อุคฺคิริตฺวา ‘‘คจฺฉ สีฆ’’นฺติ คณฺฑปสฺเส ปหริ. หตฺโถ ปาสาเณ ปฏิหโต วิย กมฺปิตฺถ. สา ปฏิกฺกมิตฺวา ‘‘เอวํ ถทฺธํ นาม มหาคีวํ ทิสฺวา ‘อยฺยธีตา เม’ติ สฺํ อุปฺปาเทสึ, อยฺยธีตาย ¶ หิ เม นิวาสนปฏิคฺคาหิกายปิ อยุตฺตา’’ติ อาห. อถ นํ เต มนุสฺสา ปริวาเรตฺวา ‘‘เอวรูปา เต สามิธีตา’’ติ ปุจฺฉึสุ. กึ เอสา, อิมาย สตคุเณน สหสฺสคุเณน มยฺหํ อยฺยาธีตา อภิรูปตรา, ทฺวาทสหตฺเถ คพฺเภ นิสินฺนาย ปทีปกิจฺจํ นตฺถิ, สรีโรภาเสเนว ตมํ วิธมตีติ. ‘‘เตน ¶ หิ อาคจฺฉา’’ติ ขุชฺชํ คเหตฺวา สุวณฺณรูปกํ รถํ อาโรเปตฺวา โกสิยโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวาเร ตฺวา อาคมนํ นิเวทยึสุ.
พฺราหฺมโณ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. มคธรฏฺเ มหาติตฺถคาเม กปิลพฺราหฺมณสฺส ฆรโตติ. กึ การณา อาคตาติ? อิมินา นาม การเณนาติ. ‘‘กลฺยาณํ, ตาตา, สมชาติโคตฺตวิภโว อมฺหากํ พฺราหฺมโณ, ทสฺสามิ ทาริก’’นฺติ ปณฺณาการํ คณฺหิ. เต กปิลพฺราหฺมณสฺส สาสนํ ปหิณึสุ ‘‘ลทฺธา ทาริกา, กตฺตพฺพํ กโรถา’’ติ. ตํ สาสนํ สุตฺวา ปิปฺปลิมาณวสฺส อาโรจยึสุ ‘‘ลทฺธา กิร ทาริกา’’ติ. มาณโว ‘‘อหํ ‘น ลภิสฺสนฺตี’ติ จินฺเตสึ, ‘อิเม ลทฺธาติ วทนฺติ’, อนตฺถิโก หุตฺวา ปณฺณํ เปเสสฺสามี’’ติ รโหคโต ปณฺณํ ¶ ลิขิ ‘‘ภทฺทา อตฺตโน ชาติโคตฺตโภคานุรูปํ ฆราวาสํ ลภตุ, อหํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามิ, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารินี อโหสี’’ติ. ภทฺทาปิ ‘‘อสุกสฺส กิร มํ ทาตุกาโม’’ติ สุตฺวา รโหคตา ปณฺณํ ลิขิ ‘‘อยฺยปุตฺโต อตฺตโน ชาติโคตฺตโภคานุรูปํ ฆราวาสํ ลภตุ, อหํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามิ, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสี’’ติ. ทฺเว ปณฺณานิ อนฺตรามคฺเค สมาคจฺฉึสุ. อิทํ กสฺส ปณฺณนฺติ? ปิปฺปลิมาณเวน ภทฺทาย ปหิตนฺติ. อิทํ กสฺสาติ? ภทฺทาย ปิปฺปลิมาณวสฺส ปหิตนฺติ จ วุตฺเต ทฺเวปิ วาเจตฺวา ‘‘ปสฺสถ ทารกานํ กมฺม’’นฺติ ผาเลตฺวา อรฺเ ฉฑฺเฑตฺวา สมานปณฺณํ ลิขิตฺวา อิโต จ เอตฺโต จ เปเสสุํ. อิติ เตสํ อนิจฺฉมานานํเยว สมาคโม อโหสิ.
ตํทิวสเมว มาณโว เอกํ ปุปฺผทามํ คเหตฺวา เปสิ. ภทฺทาปิ, ตานิ สยนมชฺเฌ เปสิ. ภุตฺตสายมาสา อุโภปิ ‘‘สยนํ อภิรุหิสฺสามา’’ติ สมาคนฺตฺวา มาณโว ทกฺขิณปสฺเสน สยนํ อภิรุหิ. ภทฺทา วามปสฺเสน อภิรุหิตฺวา อาห – ‘‘ยสฺส ปสฺเส ปุปฺผานิ ¶ มิลายนฺติ, ตสฺส ราคจิตฺตํ อุปฺปนฺนนฺติ วิชานิสฺสาม, อิมํ ปุปฺผทามํ น อลฺลียิตพฺพ’’นฺติ. เต ปน อฺมฺํ สรีรสมฺผสฺสภเยน ติยามรตฺตึ นิทฺทํ อโนกฺกมนฺตาว วีตินาเมนฺติ, ทิวา ปน หาสมตฺตมฺปิ นาโหสิ. เต โลกามิเสน อสํสฏฺา ยาว มาตาปิตโร ธรนฺติ, ตาว กุฏุมฺพํ อวิจาเรตฺวา เตสุ กาลงฺกเตสุ วิจารยึสุ. มหตี มาณวสฺส ¶ สมฺปตฺติ สตฺตาสีติโกฏิธนํ, เอกทิวสํ สรีรํ อุพฺพฏฺเฏตฺวา ฉฑฺเฑตพฺพํ สุวณฺณจุณฺณเมว มคธนาฬิยา ทฺวาทสนาฬิมตฺตํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ. ยนฺตพทฺธานิ สฏฺิ มหาตฬากานิ, กมฺมนฺโต ทฺวาทสโยชนิโก, อนุราธปุรปฺปมาณา จุทฺทส คามา, จุทฺทส หตฺถานีกา, จุทฺทส อสฺสานีกา, จุทฺทส รถานีกา.
โส เอกทิวสํ อลงฺกตอสฺสํ อารุยฺห มหาชนปริวุโต กมฺมนฺตํ คนฺตฺวา เขตฺตโกฏิยํ ิโต นงฺคเลหิ ภินฺนฏฺานโต กากาทโย สกุเณ คณฺฑุปฺปาทาทิปาณเก อุทฺธริตฺวา ขาทนฺเต ทิสฺวา, ‘‘ตาตา, อิเม กึ ขาทนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. คณฺฑุปฺปาเท, อยฺยาติ. เอเตหิ กตํ ปาปํ กสฺส โหตีติ? ตุมฺหากํ, อยฺยาติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เอเตหิ กตํ ปาปํ ¶ มยฺหํ โหติ, กึ เม กริสฺสติ สตฺตาสีติโกฏิธนํ, กึ ทฺวาทสโยชนิโก กมฺมนฺโต, กึ สฏฺิยนฺตพทฺธานิ ตฬากานิ, กึ จุทฺทส คามา? สพฺพเมตํ ภทฺทาย กาปิลานิยา นิยฺยาเตตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสามี’’ติ.
ภทฺทาปิ กาปิลานี ตสฺมึ ขเณ อนฺตรวตฺถุมฺหิ ตโย ติลกุมฺเภ ปตฺถราเปตฺวา ธาตีหิ ปริวุตา นิสินฺนา กาเก ติลปาณเก ขาทนฺเต ทิสฺวา, ‘‘อมฺมา, กึ อิเม ขาทนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ปาณเก, อยฺเยติ. อกุสลํ กสฺส โหตีติ? ตุมฺหากํ, อยฺเยติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ จตุหตฺถวตฺถํ นาฬิโกทนมตฺตฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ยทิ ปเนตํ เอตฺตเกน ชเนน กตํ อกุสลํ มยฺหํ โหติ, อทฺธา ภวสหสฺเสนปิ ¶ วฏฺฏโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺกา, อยฺยปุตฺเต อาคตมตฺเตเยว สพฺพํ ตสฺส นิยฺยาเตตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสามี’’ติ.
มาณโว อาคนฺตฺวา นฺหายิตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทิ. อถสฺส จกฺกวตฺติโน อนุจฺฉวิกํ โภชนํ สชฺชยึสุ. ทฺเวปิ ภฺุชิตฺวา ปริชเน นิกฺขนฺเต รโหคตา ผาสุกฏฺาเน นิสีทึสุ. ตโต มาณโว ภทฺทํ อาห – ‘‘ภทฺเท อิมํ ฆรํ อาคจฺฉนฺตี กิตฺตกํ ธนํ อาหรี’’ติ? ปฺจปณฺณาส สกฏสหสฺสานิ, อยฺยาติ. เอตํ สพฺพํ, ยา จ อิมสฺมึ ฆเร สตฺตาสีติ โกฏิโย ยนฺตพทฺธา สฏฺิตฬากาทิเภทา สมฺปตฺติ อตฺถิ, สพฺพํ ตุยฺหํเยว นิยฺยาเตมีติ. ตุมฺเห ปน กหํ คจฺฉถ, อยฺยาติ? อหํ ปพฺพชิสฺสามีติ. อยฺย, อหมฺปิ ตุมฺหากํเยว อาคมนํ โอโลกยมานา นิสินฺนา, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามีติ. เตสํ อาทิตฺตปณฺณกุฏิ วิย ตโย ภวา อุปฏฺหึสุ. เต อนฺตราปณโต กสาวรสปีตานิ วตฺถานิ มตฺติกาปตฺเต ¶ จ อาหราเปตฺวา อฺมฺํ เกเส โอหาราเปตฺวา ‘‘เย โลเก อรหนฺโต, เต อุทฺทิสฺส อมฺหากํ ปพฺพชฺชา’’ติ วตฺวา ถวิกาย ปตฺเต โอสาเรตฺวา อํเส ลคฺเคตฺวา ปาสาทโต โอตรึสุ. เคเห ทาเสสุ วา กมฺมกาเรสุ วา น โกจิ สฺชานิ.
อถ เน พฺราหฺมณคามโต นิกฺขมฺม ทาสคามทฺวาเรน คจฺฉนฺเต อากปฺปกุตฺตวเสน ทาสคามวาสิโน สฺชานึสุ. เต โรทนฺตา ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘กึ อมฺเห อนาเถ กโรถ, อยฺยา’’ติ อาหํสุ. ‘‘มยํ ภเณ อาทิตฺตปณฺณสาลา วิย ตโย ภวาติ ปพฺพชิมฺหา, สเจ ตุมฺเหสุ ¶ เอเกกํ ภุชิสฺสํ กโรม, วสฺสสตมฺปิ ¶ นปฺปโหติ. ตุมฺเหว ตุมฺหากํ สีสํ โธวิตฺวา ภุชิสฺสา หุตฺวา ชีวถา’’ติ วตฺวา เตสํ โรทนฺตานํเยว ปกฺกมึสุ. เถโร ปุรโต คจฺฉนฺโต นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ภทฺทา กาปิลานี สกลชมฺพุทีปคฺฆนิกา อิตฺถี มยฺหํ ปจฺฉโต อาคจฺฉติ. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ โกจิเทว เอวํ จินฺเตยฺย ‘อิเม ปพฺพชิตฺวาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, อนนุจฺฉวิกํ กโรนฺตี’ติ. โกจิ วา ปน อมฺเหสุ มนํ ปทูเสตฺวา อปายปูรโก ภเวยฺย. อิมํ ปหาย มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ.
โส ปุรโต คจฺฉนฺโต ทฺเวธาปถํ ทิสฺวา ตสฺส มตฺถเก อฏฺาสิ. ภทฺทาปิ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ อาห – ‘‘ภทฺเท ตาทิสึ อิตฺถึ มม ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา ‘อิเม ปพฺพชิตฺวาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺตี’ติ จินฺเตตฺวา อมฺเหสุ ปทุฏฺจิตฺโต มหาชโน อปายปูรโก ภเวยฺย. อิมสฺมึ ทฺเวธาปเถ ตฺวํ เอกํ คณฺห, อหํ เอเกน คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘อาม, อยฺย, ปพฺพชิตานํ มาตุคาโม นาม มลํ, ‘ปพฺพชิตฺวาปิ วินา น ภวนฺตี’ติ อมฺหากํ โทสํ ทสฺสนฺติ, ตุมฺเห เอกํ มคฺคํ คณฺหถ, อหํ เอกํ คณฺหิตฺวา วินา ภวิสฺสามา’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘สตสหสฺสกปฺปปฺปมาเณ อทฺธาเน กโต มิตฺตสนฺถโว อชฺช ภิชฺชตี’’ติ วตฺวา ‘‘ตุมฺเห ทกฺขิณชาติกา นาม, ตุมฺหากํ ทกฺขิณมคฺโค วฏฺฏติ. มยํ มาตุคามา นาม วามชาติกา, อมฺหากํ วามมคฺโค วฏฺฏตี’’ติ วนฺทิตฺวา มคฺคํ ปฏิปนฺนา. เตสํ ทฺเวธาภูตกาเล อยํ มหาปถวี ‘‘อหํ จกฺกวาฬคิริสิเนรุปพฺพเต ธาเรตุํ สกฺโกนฺตีปิ ตุมฺหากํ คุเณ ธาเรตุํ น ¶ สกฺโกมี’’ติ วทนฺตี วิย วิรวมานา อกมฺปิ, อากาเส อสนิสทฺโท วิย ปวตฺติ, จกฺกวาฬปพฺพโต อุนฺนทิ.
สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ เวฬุวนมหาวิหาเร คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโน ปถวีกมฺปนสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กสฺส นุ โข ปถวี กมฺปตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘ปิปฺปลิมาณโว จ ภทฺทา จ กาปิลานี มํ อุทฺทิสฺส อปฺปเมยฺยํ สมฺปตฺตึ ปหาย ปพฺพชิตา, เตสํ วิโยคฏฺาเน อุภินฺนมฺปิ คุณพเลน อยํ ปถวีกมฺโป ชาโต, มยาปิ เอเตสํ สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม สยเมว ¶ ปตฺตจีวรมาทาย อสีติมหาเถเรสุ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา ติคาวุตํ มคฺคํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ราชคหสฺส จ นาลนฺทาย จ อนฺตเร พหุปุตฺตกนิคฺโรธรุกฺขมูเล ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. นิสีทนฺโต ปน อฺตรปํสุกูลิโก วิย อนิสีทิตฺวา พุทฺธเวสํ คเหตฺวา อสีติหตฺถา ฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต นิสีทิ. อิติ ตสฺมึ ขเณ ปณฺณจฺฉตฺตสกฏจกฺกกูฏาคาราทิปฺปมาณา พุทฺธรสฺมิโย อิโต จิโต จ วิปฺผนฺทนฺติโย วิธาวนฺติโย จนฺทสหสฺส-สูริยสหสฺส-อุคฺคมนกาโล วิย กุรุมานา ตํ วนนฺตํ เอโกภาสํ อกํสุ. ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสิริยา สมุชฺชลตาราคณํ วิย คคนํ, สุปุปฺผิตกมลกุวลยํ วิย สลิลํ วนนฺตํ วิโรจิตฺถ. นิคฺโรธรุกฺขสฺส ขนฺโธ นาม เสโต โหติ, ปตฺตานิ นาม นีลานิ, ปกฺกานิ รตฺตานิ. ตสฺมึ ปน ทิวเส สตสาโข นิคฺโรโธ สุวณฺณวณฺโณว อโหสิ.
มหากสฺสปตฺเถโร ‘‘อยํ มยฺหํ สตฺถา ภวิสฺสติ, อิมาหํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต’’ติ ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอณโตณโต คนฺตฺวา ตีสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต ภควา, สาวโกหมสฺมิ, สตฺถา ¶ เม, ภนฺเต ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ อาห. อถ นํ ภควา อโวจ – ‘‘กสฺสป, สเจ ตฺวํ อิมํ นิปจฺจการํ มหาปถวิยา กเรยฺยาสิ, สาปิ ธาเรตุํ น สกฺกุเณยฺย. ตถาคตสฺส เอวํ คุณมหนฺตตํ ชานตา ตยา กโต นิปจฺจกาโร มยฺหํ โลมมฺปิ จาเลตุํ น สกฺโกติ. นิสีท, กสฺสป, ทายชฺชํ เต ทสฺสามี’’ติ. อถสฺส ภควา ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปทํ อทาสิ. ทตฺวา พหุปุตฺตกนิคฺโรธมูลโต นิกฺขมิตฺวา เถรํ ปจฺฉาสมณํ กตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สตฺถุ สรีรํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวิจิตฺตํ, มหากสฺสปสฺส สตฺตมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ. โส กฺจนมหานาวาย ปจฺฉาพนฺโธ วิย สตฺถุ ปทานุปทิกํ อนุคฺฉิ. สตฺถา โถกํ มคฺคํ คนฺตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสชฺชาการํ ทสฺเสสิ, เถโร ‘‘นิสีทิตุกาโม สตฺถา’’ติ ตฺวา อตฺตโน ปารุปนปิโลติกสงฺฆาฏึ จตุคฺคุณํ กตฺวา ปฺาเปสิ.
สตฺถา ตสฺมึ นิสีทิตฺวา หตฺเถน จีวรํ ปรามสิตฺวา ‘‘มุทุกา โข ตฺยายํ, กสฺสป, ปิโลติกสงฺฆาฏี’’ติ ¶ อาห. เถโร ‘‘สตฺถา เม ¶ สงฺฆาฏิยา มุทุกภาวํ กเถติ, ปารุปิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ปารุปตุ, ภนฺเต, ภควา สงฺฆาฏิ’’นฺติ อาห. กึ ตฺวํ ปารุปิสฺสสิ กสฺสปาติ? ตุมฺหากํ นิวาสนํ ลภนฺโต ปารุปิสฺสามิ, ภนฺเตติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, กสฺสป, อิมํ ปริโภคชิณฺณํ ปํสุกูลํ ธาเรตุํ สกฺขิสฺสสิ? มยา หิ อิมสฺส ปํสุกูลสฺส คหิตทิวเส อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ, อิมํ พุทฺธานํ ปริโภคชิณฺณํ จีวรํ นาม น สกฺกา ปริตฺตคุเณน ธาเรตุํ, ปฏิพเลเนวิทํ ปฏิปตฺติปูรณสมตฺเถน ชาติปํสุกูลิเกน คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา เถเรน สทฺธึ จีวรํ ปริวตฺเตสิ.
เอวํ ปน จีวรปริวตฺตํ ¶ กตฺวา เถเรน ปารุตจีวรํ ภควา ปารุปิ, สตฺถุ จีวรํ เถโร ปารุปิ. ตสฺมึ สมเย อเจตนาปิ อยํ มหาปถวี ‘‘ทุกฺกรํ, ภนฺเต, อกตฺถ, อตฺตนา ปารุตจีวรํ สาวกสฺส ทินฺนปุพฺพํ นาม นตฺถิ, อหํ ตุมฺหากํ คุณํ ธาเรตุํ น สกฺโกมี’’ติ วทนฺตี วิย อุทกปริยนฺตํ กตฺวา กมฺปิ. เถโรปิ ‘‘ลทฺธํ ทานิ มยา พุทฺธานํ ปริโภคจีวรํ, กึ เม อิทานิ อุตฺตริ กตฺตพฺพํ อตฺถี’’ติ อุนฺนตึ อกตฺวา พุทฺธานํ สนฺติเกเยว เตรส ธุตคุเณ สมาทาย สตฺตทิวสมตฺตํ ปุถุชฺชโน หุตฺวา อฏฺเม อรุเณ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถาปิ ‘‘กสฺสโป, ภิกฺขเว, จนฺทูปโม กุลานิ อุปสงฺกมติ, อปกสฺเสว กายํ อปกสฺส จิตฺตํ นิจฺจนวโก กุเลสุ อปฺปคพฺโภ’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๖) เอวมาทีหิ สุตฺเตหิ เถรํ โถเมตฺวา อปรภาเค เอตเทว กสฺสปสํยุตฺตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ‘‘มม สาสเน ธุตวาทานํ ภิกฺขูนํ มหากสฺสโป อคฺโค’’ติ เถรํ านนฺตเร เปสีติ.
อนุรุทฺธตฺเถรวตฺถุ
๑๙๒. ปฺจเม ทิพฺพจกฺขุกานํ ยทิทํ อนุรุทฺโธติ ทิพฺพจกฺขุกภิกฺขูนํ อนุรุทฺธตฺเถโร อคฺโคติ วทติ. ตสฺส จิณฺณวสิตาย อคฺคภาโว เวทิตพฺโพ. เถโร กิร โภชนปปฺจมตฺตํ เปตฺวา เสสกาลํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา สตฺเต โอโลเกนฺโตว วิหรติ. อิติ อโหรตฺตํ จิณฺณวสิตาย เอส ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค นาม ชาโต. อปิจ กปฺปสตสหสฺสํ ปตฺถิตภาเวนเปส ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโคว ชาโต.
ตตฺรสฺส ¶ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ ¶ หิ กุลปุตฺโต ปทุมุตฺตรสฺเสว ภควโต กาเล ¶ ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ วิหารํ คจฺฉนฺเตน มหาชเนน สทฺธึ อคมาสิ. อยํ หิ ตทา อฺตโร อปากฏนาโม อิสฺสรกุฏุมฺพิโก อโหสิ. โส ทสพลํ วนฺทิตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมกถํ สุณาติ. สตฺถา เทสนํ ยถานุสนฺธิกํ ฆเฏตฺวา เอกํ ทิพฺพจกฺขุกํ ภิกฺขุํ เอตทคฺคฏฺาเน เปสิ.
ตโต กุฏุมฺพิกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มหา วตายํ ภิกฺขุ, ยํ เอวํ สตฺถา สยํ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปริสนฺตเรน คนฺตฺวา สฺวาตนาย ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ‘‘มหนฺตํ านนฺตรํ มยา ปตฺถิต’’นฺติ เตเนว นิยาเมน อชฺชตนาย สฺวาตนายาติ นิมนฺเตตฺวา สตฺต ทิวสานิ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สปริวารสฺส ภควโต อุตฺตมวตฺถานิ ทตฺวา ‘‘ภควา นาหํ อิมํ สกฺการํ ทิพฺพสมฺปตฺติยา น มนุสฺสสมฺปตฺติยา อตฺถาย กโรมิ. ยํ ปน ตุมฺเห อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก ภิกฺขุํ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฏฺาเน ปยิตฺถ, อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน โส ภิกฺขุ วิย ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ตฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺโภ ปุริส, อนาคเต กปฺปสตสหสฺสปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตฺวํ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค อนุรุทฺโธ นาม ภวิสฺสสี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา วิหารเมว อคมาสิ.
กุฏุมฺพิโกปิ ยาว พุทฺโธ ธรติ, ตาว ¶ อวิชหิตเมว กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ปรินิพฺพุเต สตฺถริ นิฏฺิเต สตฺตโยชนิเก สุวณฺณเจติเย ภิกฺขุสงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กึ ทิพฺพจกฺขุสฺส ปริกมฺม’’นฺติ ปุจฺฉิ. ปทีปทานํ นาม ทาตุํ วฏฺฏติ อุปาสกาติ. สาธุ, ภนฺเต, กริสฺสามีติ สหสฺสทีปานํเยว ตาว ทีปรุกฺขานํ สหสฺสํ กาเรสิ, ตทนนฺตรํ ตโต ปริตฺตตเร, ตทนนฺตรํ ตโต ปริยตฺตตเรติ อเนกสหสฺเส ทีปรุกฺเข กาเรสิ. เสสปทีปา ปน อปริมาณา อเหสุํ.
เอวํ ¶ ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาเล พาราณสิยํ กุฏุมฺพิยเคเห นิพฺพตฺติตฺวา ปรินิพฺพุเต สตฺถริ ¶ นิฏฺิเต โยชนิเก เจติเย พหุ กํสปาติโย การาเปตฺวา สปฺปิมณฺฑสฺส ปูเรตฺวา มชฺเฌ เอเกกํ คุฬปิณฺฑํ เปตฺวา อุชฺชาเลตฺวา มุขวฏฺฏิยา มุขวฏฺฏึ ผุสาเปนฺโต เจติยํ ปริกฺขิปาเปตฺวา อตฺตโน สพฺพมหนฺตํ กํสปาตึ กาเรตฺวา สปฺปิมณฺฑสฺส ปูเรตฺวา ตสฺสา มุขวฏฺฏิยํ สมนฺตโต วฏฺฏิสหสฺสํ ชาลาเปตฺวา มชฺฌฏฺาเน ถูปิกํ ปิโลติกาย เวเตฺวา ชาลาเปตฺวา กํสปาตึ สีเสนาทาย สพฺพรตฺตึ โยชนิกํ เจติยํ อนุปริยายิ. เอวํ เตนาปิ อตฺตภาเวน ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต.
ปุน อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตสฺมึเยว นคเร ทุคฺคตกุลสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา สุมนเสฏฺึ นาม นิสฺสาย วสิ, อนฺนภาโรติสฺส นามํ อโหสิ. โส ปน สุมนเสฏฺิ เทวสิกํ กปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ เคหทฺวาเร มหาทานํ เทติ. อเถกทิวสํ อุปริฏฺโ นาม ปจฺเจกพุทฺโธ คนฺธมาทนปพฺพเต นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺโน. ตโต วุฏฺาย ‘‘อชฺช กสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วีมํสิ. ปจฺเจกพุทฺธา จ นาม ทุคฺคตานุกมฺปกา ¶ โหนฺติ. โส ‘‘อชฺช มยา อนฺนภารสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อิทานิ อนฺนภาโร อฏวิโต อตฺตโน เคหํ อาคมิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คนฺธมาทนปพฺพตา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา คามทฺวาเร อนฺนภารสฺส สมฺมุเข ปจฺจุฏฺาสิ.
อนฺนภาโร ปจฺเจกพุทฺธํ ตุจฺฉปตฺตหตฺถํ ทิสฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา ‘‘อปิ, ภนฺเต, ภิกฺขํ ลภิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ลภิสฺสาม มหาปฺุาติ. ‘‘ภนฺเต, โถกํ อิเธว โหถา’’ติ เวเคน คนฺตฺวา อตฺตโน เคเห มาตุคามํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภทฺเท, มยฺหํ ปิตํ ภาคภตฺตํ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ? อตฺถิ สามีติ. โส ตโตว คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺถโต ปตฺตมาทาย อาคนฺตฺวา ‘‘ภทฺเท, มยํ ปุริมภเว กลฺยาณกมฺมสฺส อกตตฺตา ภตฺตํ ปจฺจาสีสมานา วิหราม ¶ , อมฺหากํ ทาตุกามตาย สติ เทยฺยธมฺโม น โหติ, เทยฺยธมฺเม สติ ปฏิคฺคาหกํ น ลภาม, อชฺช เม อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺโธ ทิฏฺโ, ภาคภตฺตฺจ อตฺถิ, มยฺหํ ภาคภตฺตํ อิมสฺมึ ปตฺเต ปกฺขิปาหี’’ติ.
พฺยตฺตา อิตฺถี ‘‘ยโต มยฺหํ สามิโก ภาคภตฺตํ เทติ, มยาปิ อิมสฺมึ ทาเน ภาคินิยา ภวิตพฺพ’’นฺติ อตฺตโน ภาคภตฺตมฺปิ อุปริฏฺสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺเต ปติฏฺเปตฺวา อทาสิ. อนฺนภาโร ปตฺตํ อาหริตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ เปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอวรูปา ทุชฺชีวิตา มุจฺจามา’’ติ อาห. เอวํ โหตุ, มหาปฺุาติ. โส อตฺตโน อุตฺตรสาฏกํ เอกสฺมึ ปเทเส อตฺถริตฺวา ¶ , ‘‘ภนฺเต, อิธ นิสีทิตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ อาห. ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺถ นิสีทิตฺวา นววิธํ ปาฏิกูลฺยํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ปริภฺุชิ. ปริภุตฺตกาเล ¶ อนฺนภาโร ปตฺตโธวนอุทกํ อทาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ นิฏฺิตภตฺตกิจฺโจ –
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา’’ติ. –
อนุโมทนํ กตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สุมนเสฏฺิสฺส ฉตฺเต อธิวตฺถา เทวตา ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ อุปริฏฺเ สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา สาธุการํ อทาสิ. สุมนเสฏฺิ ‘‘กึ ตฺวํ มํ เอตฺตกํ กาลํ ทานํ ททมานํ น ปสฺสสี’’ติ อาห. นาหํ ตว ทาเน สาธุการํ เทมิ, อนฺนภาเรน อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนปิณฺฑปาเต ปสีทิตฺวา สาธุการํ เทมีติ.
สุมนเสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วติทํ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ทานํ เทนฺโต เทวตํ สาธุการํ ทาเปตุํ นาสกฺขึ. อยํ อนฺนภาโร มํ นิสฺสาย วสนฺโต อนุรูปสฺส ปฏิคฺคาหกปุคฺคลสฺส ลทฺธตฺตา เอกปิณฺฑปาตทาเนเนว สาธุการํ ทาเปสิ, เอตสฺส อนุจฺฉวิกํ ทตฺวา เอตํ ปิณฺฑปาตํ มม สนฺตกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อนฺนภารํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อชฺช ตยา กสฺสจิ กิฺจิ ทานํ ทินฺน’’นฺติ ปุจฺฉิ. อาม, อยฺย, อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส เม อตฺตโน ภาคภตฺตํ ทินฺนนฺติ. หนฺท, โภ, กหาปณํ คณฺหิตฺวา เอตํ ปิณฺฑปาตํ มยฺหํ เทหีติ. น เทมิ อยฺยาติ. โส ยาว สหสฺสํ วฑฺเฒสิ, อนฺนภาโร ‘‘สหสฺเสนาปิ ¶ น เทมี’’ติ อาห. โหตุ, โภ, ยทิ ปิณฺฑปาตํ น เทสิ, สหสฺสํ คณฺหิตฺวา ปตฺตึ เม เทหีติ. ‘‘เอตมฺปิ ทาตุํ ยุตฺตํ วา อยุตฺตํ วา น ชานามิ, อยฺยํ ปน อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธํ ปุจฺฉิตฺวา สเจ ทาตุํ ยุตฺตํ ภวิสฺสติ, ทสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ สมฺปาปุณิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สุมนเสฏฺิ มยฺหํ สหสฺสํ ทตฺวา ตุมฺหากํ ทินฺนปิณฺฑปาเต ปตฺตึ ยาจติ, ทมฺมิ วา น ทมฺมิ วา’’ติ ¶ . อุปมํ เต ปณฺฑิต กริสฺสามิ. เสยฺยถาปิ กุลสติเก คาเม เอกสฺมึเยว ฆเร ทีปํ ชาเลยฺย, เสสา อตฺตโน อตฺตโน เตเลน วฏฺฏึ เตเมตฺวา ชาลาเปตฺวา คณฺเหยฺยุํ, ปุริมทีปสฺส ปภา อตฺถิ, นตฺถีติ. อติเรกตรา, ภนฺเต, ปภา โหตีติ. เอวเมว ปณฺฑิต อุฬุงฺกยาคุ วา โหตุ กฏจฺฉุภิกฺขา วา, อตฺตโน ปิณฺฑปาเต ปเรสํ ปตฺตึ เทนฺตสฺส สตสฺส วา เทตุ สหสฺสสฺส วา, ยตฺตกานํ ¶ เทติ, ตตฺตกานํ ปฺุํ วฑฺฒติ. ตฺวํ เทนฺโต เอกเมว ปิณฺฑปาตํ อทาสิ, สุมนเสฏฺิสฺส ปน ปตฺติยา ทินฺนาย ทฺเว ปิณฺฑปาตา โหนฺติ เอโก ตว, เอโก จ ตสฺสาติ.
โส ปจฺเจกพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา สุมนเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปิณฺฑปาเต ปตฺตึ คณฺห สามี’’ติ อาห. หนฺท, กหาปณสหสฺสํ คณฺหาติ. นาหํ ปิณฺฑปาตํ วิกฺกิณามิ, สทฺธาย ปน ตุมฺหากํ ปตฺตึ เทมีติ. ตาต, ตฺวํ มยฺหํ สทฺธาย ปตฺตึ เทสิ, อหํ ปน ตุยฺหํ คุณํ ปูเชนฺโต สหสฺสํ เทมิ, คณฺห, ตาตาติ. โส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ สหสฺสํ คณฺหิ. ตาต, ตุยฺหํ สหสฺสํ ลทฺธกาลโต ปฏฺาย สหตฺถา กมฺมกรณกิจฺจํ นตฺถิ, วีถิยํ ฆรํ มาเปตฺวา วส. เยน ตุยฺหํ อตฺโถ, ตํ มํ อาหราเปตฺวา คณฺหาหีติ. นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺิตปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนปิณฺฑปาโต นาม ตํทิวสเมว วิปากํ เทติ. ตสฺมา สุมนเสฏฺิ อฺํ ทิวสํ อนฺนภารํ คเหตฺวา ราชกุลํ อคจฺฉนฺโตปิ ตํทิวสํ คเหตฺวาว คโต.
อนฺนภารสฺส ปฺุํ อาคมฺม ราชา เสฏฺึ อโนโลเกตฺวา อนฺนภารเมว โอโลเกสิ ¶ . กึ, เทว, อิมํ ปุริสํ อติวิย โอโลเกสีติ? อฺํ ทิวสํ อทิฏฺปุพฺพตฺตา โอโลเกมีติ. โอโลเกตพฺพยุตฺตโก เอส เทวาติ. โก ปนสฺส โอโลเกตพฺพยุตฺตโก คุโณติ? อชฺช อตฺตโน ภาคภตฺตํ สยํ อภฺุชิตฺวา อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนตฺตา มม หตฺถโต สหสฺสํ ลภิ เทวาติ. โกนาโม เอโสติ? อนฺนภาโร นาม ¶ เทวาติ. ‘‘ตว หตฺถโต ลทฺธตฺตา มมปิ หตฺถโต ลทฺธุํ อรหติ, อหมฺปิสฺส ปูชํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา สหสฺสํ อทาสิ. เอตสฺส วสนเคหํ ชานาถ ภเณติ? สาธุ เทวาติ เอกํ เคหฏฺานํ โสเธนฺตา กุทฺทาเลน อาหตาหตฏฺาเน นิธิกุมฺภิโย คีวาย คีวํ อาหจฺจ ิตา ทิสฺวา รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา ขนถา’’ติ อาห. เตสํ ขนนฺตานํ ขนนฺตานํ เหฏฺา คจฺฉนฺติ. ปุน คนฺตฺวา รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘อนฺนภารสฺส วจเนน ขนถา’’ติ อาห. เต คนฺตฺวา ‘‘อนฺนภารสฺเสว วจน’’นฺติ ขนึสุ. กุทฺทาเลน อาหตาหตฏฺาเน อหิจฺฉตฺตกมกุฬานิ วิย กุมฺภิโย อุฏฺหึสุ. เต ธนํ อาหริตฺวา รฺโ สนฺติเก ราสึ อกํสุ. ราชา อมจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘อิมสฺมึ นคเร กสฺส อฺสฺส เอตฺตกํ ธนํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. นตฺถิ กสฺสจิ เทวาติ. เตน หิ อยํ อนฺนภาโร อิมสฺมึ นคเร ธนเสฏฺิ นาม โหตูติ. ตํทิวสเมว เสฏฺิจฺฉตฺตํ ลภิ.
โส ตโต ปฏฺาย ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺโต. ทีฆรตฺตํ ¶ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ สตฺถุ อุปฺปชฺชนกาเล กปิลวตฺถุนคเร อมิตฺโตทนสกฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส อนุรุทฺโธติ นามํ อกํสุ. มหานามสกฺกสฺส ¶ กนิฏฺภาตา สตฺถุ จูฬปิตุปุตฺโต ปรมสุขุมาโล มหาปฺุโ อโหสิ. สุวณฺณปาติยํเยวสฺส ภตฺตํ อุปฺปชฺชิ. อถสฺส มาตา เอกทิวสํ ‘‘มม ปุตฺตํ นตฺถีติ ปทํ ชานาเปสฺสามี’’ติ เอกํ สุวณฺณปาตึ อฺาย สุวณฺณปาติยา ปิทหิตฺวา ตุจฺฉกํเยว เปเสสิ. อนฺตรามคฺเค เทวตา ทิพฺพปูเวหิ ปูเรสุํ. เอวํ มหาปฺุโ อโหสิ. ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ อลงฺกตนาฏกิตฺถีหิ ปริวุโต เทโว วิย สมฺปตฺตึ อนุภวิ.
อมฺหากมฺปิ โพธิสตฺโต ตสฺมึ สมเย ตุสิตปุรา จวิตฺวา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺโต เอกูนตึส วสฺสานิ อคารมชฺเฌ วสิตฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ โพธิมณฺเฑ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อิสิปตเน มิคทาเย ธมฺมจกฺกปฺปตฺตนํ ปวตฺเตตฺวา โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต ราชคหํ อาคมฺม ‘‘ปุตฺโต เม ราชคหํ อาคโต’’ติ สุตฺวา ¶ ‘‘คจฺฉถ ภเณ มม ปุตฺตํ อาเนถา’’ติ ปิตรา ปหิเต สหสฺสสหสฺสปริวาเร ทส อมจฺเจ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา กาฬุทายิตฺเถเรน จาริกาคมนํ อายาจิโต ราชคหโต วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร นิกฺขมิตฺวา กปิลวตฺถุปุรํ คนฺตฺวา าติสมาคเม อเนเกหิ อิทฺธิปาฏิหาริเยหิ สปฺปาฏิหาริยํ วิจิตฺรธมฺมเทสนํ กตฺวา มหาชนํ อมตปานํ ปาเยตฺวา ทุติยทิวเส ปตฺตจีวรมาทาย นครทฺวาเร ตฺวา ‘‘กึ นุ โข กุลนครํ อาคตานํ สพฺพฺุพุทฺธานํ อาจิณฺณ’’นฺติ อาวชฺชมาโน ‘‘สปทานํ ปิณฺฑาย จรณํ อาจิณฺณ’’นฺติ ตฺวา สปทานํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ‘‘ปุตฺโต เม ปิณฺฑาย จรตี’’ติ สุตฺวา อาคตสฺส รฺโ ธมฺมํ กเถตฺวา เตน สกนิเวสนํ ปเวเสตฺวา กตสกฺการสมฺมาโน ¶ ตตฺถ กาตพฺพํ าติชนานุคฺคหํ กตฺวา ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชตฺวา นจิรสฺเสว กปิลวตฺถุปุรโต มลฺลรฏฺเ จาริกํ จรมาโน อนุปิยอมฺพวนํ อคมาสิ.
ตสฺมึ สมเย สุทฺโธทนมหาราชา สากิยชนํ สนฺนิปาเตตฺวา อาห – ‘‘สเจ มม ปุตฺโต อคารํ อชฺฌาวสิสฺส, ราชา อภวิสฺส จกฺกวตฺตี สตฺตรตนสมนฺนาคโต. นตฺตาปิ เม ราหุลกุมาโร ขตฺติยคเณน สทฺธึ ตํ ปริวาเรตฺวา อจริสฺส, ตุมฺเหปิ เอตมตฺถํ ชานาถ. อิทานิ ปน เม ปุตฺโต พุทฺโธ ชาโต, ขตฺติยาวสฺส ปริวารา โหนฺตุ. ตุมฺเห เอเกกกุลโต เอเกกํ ทารกํ เทถา’’ติ. เอวํ วุตฺเต เอกปฺปหาเรเนว สหสฺสขตฺติยกุมารา ปพฺพชึสุ. ตสฺมึ สมเย มหานาโม กุฏุมฺพสามิโก ¶ โหติ. โส อนุรุทฺธสกฺกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ, ตาต อนุรุทฺธ, อภิฺาตา อภิฺาตา สกฺยกุมารา ภควนฺตํ ปพฺพชิตํ อนุปพฺพชนฺติ, อมฺหากํ กุเล นตฺถิ โกจิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. เตน หิ ตฺวํ วา ปพฺพช, อหํ วา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ฆราวาเส รุจึ อกตฺวา อตฺตสตฺตโม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. ตสฺส ปพฺพชฺชานุกฺกโม สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๓๐ อาทโย) อาคโตว.
เอวํ อนุปิยอมฺพวนํ คนฺตฺวา ปพฺพชิเตสุ ปน เตสุ ตสฺมึเยว อนฺโตวสฺเส ภทฺทิยตฺเถโร อรหตฺตํ ปาปุณิ. อนุรุทฺธตฺเถโร ทิพฺพจกฺขุํ นิพฺพตฺเตสิ, เทวทตฺโต อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสิ, อานนฺทตฺเถโร โสตาปตฺติผเล ¶ ปติฏฺาสิ, ภคุตฺเถโร จ กิมิลตฺเถโร จ ปจฺฉา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เตสํ ปน สพฺเพสมฺปิ เถรานํ อตฺตโน อตฺตโน อาคตฏฺาเน ปุพฺพปตฺถนาภินีหาโร อาคมิสฺสติ. อยํ ปน อนุรุทฺธตฺเถโร ธมฺมเสนาปติสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เจติยรฏฺเ ปาจีนวํสมิคทายํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ ¶ กโรนฺโต สตฺต มหาปุริสวิตกฺเก วิตกฺเกสิ, อฏฺเม กิลมติ. สตฺถา ‘‘อนุรุทฺโธ อฏฺเม มหาปุริสวิตกฺเก กิลมตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตสฺส สงฺกปฺปํ ปูเรสฺสามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อฏฺมํ มหาปุริสวิตกฺกํ ปูเรตฺวา จตุปจฺจยสนฺโตสภาวนารามปฏิมณฺฑิตํ มหาอริยวํสปฏิปทํ (อ. นิ. ๘.๓๐) กเถตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา เภสกลาวนเมว คโต.
เถโร ตถาคเต คตมตฺเตเยว เตวิชฺโช มหาขีณาสโว หุตฺวา ‘‘สตฺถา มยฺหํ มนํ ชานิตฺวา อาคนฺตฺวา อฏฺมํ มหาปุริสวิตกฺกํ ปูเรตฺวา อทาสิ. โส จ เม มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต’’ติ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนํ อตฺตโน จ ปฏิวิทฺธธมฺมํ อารพฺภ อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;
มโนมเยน กาเยน, อิทฺธิยา อุปสงฺกมิ.
‘‘ยถา เม อหุ สงฺกปฺโป, ตโต อุตฺตริ เทสยิ;
นิปฺปปฺจรโต พุทฺโธ, นิปฺปปฺจมเทสยิ.
‘‘ตสฺสาหํ ¶ ธมฺมมฺาย, วิหาสึ สาสเน รโต;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺโต, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (เถรคา. ๙๐๑-๙๐๓);
อถ นํ อปรภาเค สตฺถา เชตวนมหาวิหาเร วิหรนฺโต ‘‘มม สาสเน ทิพฺพจกฺขุกานํ อนุรุทฺโธ อคฺโค’’ติ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
ภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
๑๙๓. ฉฏฺเ อุจฺจากุลิกานนฺติ อุจฺเจ กุเล ชาตานํ. ภทฺทิโยติ อนุรุทฺธตฺเถเรน สทฺธึ นิกฺขมนฺโต สกฺยราชา. กาฬิโคธาย ปุตฺโตติ กาฬวณฺณา สา เทวี, โคธาติ ปนสฺสา นามํ ¶ . ตสฺมา กาฬิโคธาติ วุจฺจติ ¶ , ตสฺสา ปุตฺโตติ อตฺโถ. กสฺมา ปนายํ อุจฺจากุลิกานํ อคฺโคติ วุตฺโต, กึ ตโต อุจฺจากุลิกตรา นตฺถีติ? อาม นตฺถิ. ตสฺส หิ มาตา สากิยานีนํ อนฺตเร วเยน สพฺพเชฏฺิกา, โสเยว จ สากิยกุเล สมฺปตฺตํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต. ตสฺมา อุจฺจากุลิกานํ อคฺโคติ วุตฺโต. อปิจ ปุพฺพปตฺถนานุภาเวน เจส อนุปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา รชฺชํ กาเรสิเยว. อิมินาปิ การเณน อุจฺจากุลิกานํ อคฺโคติ วุตฺโต.
ปฺหกมฺเม ปนสฺส อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต วุตฺตนเยเนว ธมฺมสฺสวนตฺถาย คโต. ตํทิวสํ สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อุจฺจากุลิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อุจฺจากุลิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺเคน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตถาคตํ นิมนฺเตตฺวา สตฺต ทิวสานิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมสฺส ทานสฺส ผเลน นาฺํ สมฺปตฺตึ อากงฺขามิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อุจฺจากุลิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถยิตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิ.
สตฺถา อนาคตํ โอโลเกนฺโต สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ เต อิทํ กมฺมํ, อิโต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺวํ ตสฺส สาสเน อุจฺจากุลิกานํ ¶ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา วิหารํ อคมาสิ. โสปิ ตํ พฺยากรณํ ลภิตฺวา อุจฺจากุลิกสํวตฺตนิกกมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมาสนานิ กาเรตฺวา เตสุ ปจฺจตฺถรณานิ สนฺถราเปตฺวา ธมฺมพีชนิโย ธมฺมกถิกวฏฺฏํ อุโปสถาคาเร ปทีปเตลทานนฺติ เอวํ ยาวชีวํ พหุวิธํ ¶ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตตฺถ กาลกโต เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต กสฺสปทสพลสฺส จ อมฺหากฺจ ภควโต อนฺตเร พาราณสิยํ กุฏุมฺพิยฆเร นิพฺพตฺโต.
เตน จ สมเยน สมฺพหุลา ปจฺเจกพุทฺธา คนฺธมาทนปพฺพตา อาคมฺม พาราณสิยํ คงฺคาย ตีเร ผาสุกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชนฺติ. โส กุฏุมฺพิโย เตสํ นิพทฺธเมว ตสฺมึ าเน ภตฺตวิสฺสคฺคกรณํ ตฺวา ¶ อฏฺ ปาสาณผลกานิ อตฺถริตฺวา ยาวชีวํ ปจฺเจกพุทฺเธ อุปฏฺหิ. อเถกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส ภทฺทิยกุมาโรติ นามํ อกํสุ. โส วยํ อาคมฺม เหฏฺา อนุรุทฺธสุตฺเต วุตฺตนเยเนว ฉนฺนํ ขตฺติยานํ อพฺภนฺตโร หุตฺวา สตฺถริ อนุปิยอมฺพวเน วิหรนฺเต สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ สตฺถา อปรภาเค เชตวนมหาวิหาเร วิหรนฺโต ‘‘มม สาสเน อุจฺจากุลิกานํ กาฬิโคธาย ปุตฺโต ภทฺทิยตฺเถโร อคฺโค’’ติ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
๑๙๔. สตฺตเม มฺชุสฺสรานนฺติ มธุรสฺสรานํ. ลกุณฺฑกภทฺทิโยติ อุพฺเพเธน รสฺโส, นาเมน ภทฺทิโย. ตสฺสาปิ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต วุตฺตนเยเนว ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ คโต. ตสฺมึ สมเย สตฺถารํ เอกํ มฺชุสฺสรํ ภิกฺขุํ เอตทคฺเค เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อยํ ภิกฺขุ วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน มฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ จิตฺตํ ¶ อุปฺปาเทตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺต ทิวสานิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมสฺส ทานสฺส ผเลน น อฺํ สมฺปตฺตึ อากงฺขามิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน มฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถยิตฺวา สตฺถุปาทมูเล นิปชฺชิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกนฺโต สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ เต อิทํ กมฺมํ, อิโต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน ¶ โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺวํ ตสฺส สาสเน มฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา วิหารํ อคมาสิ.
โสปิ ตํ พฺยากรณํ ลภิตฺวา ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตโต กาลกโต เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล จิตฺตปตฺตโกกิโล นาม หุตฺวา เขเม มิคทาเย วสนฺโต เอกทิวสํ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา มธุรํ อมฺพผลํ ตุณฺเฑน คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อฺเสุ ทิวเสสุ ริตฺตโก ตถาคตํ ปสฺสามิ, อชฺช ปน เม อิมํ อมฺพปกฺกํ ปุตฺตกานํ ¶ อตฺถาย อาคตํ. เตสํ อฺมฺปิ อาหริตฺวา ทสฺสามิ, อิมํ ปน ทสพลสฺส ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอตริตฺวา อากาเส จรติ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา อโสกตฺเถรํ นาม อุปฏฺากํ โอโลเกสิ. โส ปตฺตํ นีหริตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. โส โกกิโล ทสพลสฺส ปตฺเต อมฺพปกฺกํ ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา ตตฺเถว นิสีทิตฺวา ตํ ปริภฺุชิ. โกกิโล ปสนฺนจิตฺโต ปุนปฺปุนํ ทสพลสฺส คุเณ อาวชฺเชตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน กุลาวกํ คนฺตฺวา สตฺตาหํ ปีติสุเขน วีตินาเมสิ. เอตฺตกํ ตสฺมึ อตฺตภาเว กลฺยาณกมฺมํ, อิมินาสฺส กมฺเมน สโร มธุโร อโหสิ.
กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปน เจติเย อารทฺเธ ‘‘กึปมาณํ กโรม? สตฺตโยชนปฺปมาณํ. อติมหนฺตํ เอตํ, ฉโยชนํ ¶ กโรม. อิทมฺปิ อติมหนฺตํ, ปฺจโยชนํ กโรม, จตุโยชนํ, ติโยชนํ, ทฺวิโยชน’’นฺติ วุตฺเต อยํ ตทา เชฏฺวฑฺฒกี หุตฺวา ‘‘เอถ, โภ, อนาคเต สุขปฏิชคฺคิยํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา รชฺชุํ อาทาย ปริกฺขิปนฺโต คาวุตมตฺตเก ตฺวา ‘‘เอเกกํ มุขํ คาวุตํ คาวุตํ โหตุ, เจติยํ โยชนาวฏฺฏํ โยชนุพฺเพธํ ภวิสฺสตี’’ติ อาห. เต ตสฺส วจเน อฏฺํสุ. อิติ อปฺปมาณสฺส พุทฺธสฺส ปมาณํ อกาสีติ. เตน กมฺเมน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อฺเหิ หีนตรปฺปมาโณ อโหสิ. โส อมฺหากํ สตฺถุ กาเล สาวตฺถิยํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติ. ‘‘ภทฺทิโย’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถริ เชตวนมหาวิหาเร ปฏิวสนฺเต วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ สตฺถา อปรภาเค อริยวรคณมชฺเฌ นิสินฺโน มฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรวตฺถุ
๑๙๕. อฏฺเม ¶ สีหนาทิกานนฺติ สีหนาทํ นทนฺตานํ. ปิณฺโฑลภารทฺวาโชติ โส กิร อรหตฺตํ ปตฺตทิวเส อวาปุรณํ อาทาย วิหาเรน วิหารํ ปริเวเณน ปริเวณํ คนฺตฺวา ‘‘ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, โส มํ ปุจฺฉตู’’ติ สีหนาทํ นทนฺโต วิจริ. พุทฺธานมฺปิ ปุรโต ตฺวา ‘‘อิมสฺมึ ¶ , ภนฺเต, สาสเน กตพฺพกิจฺจํ มยฺหํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ สีหนาทํ นทิ. ตสฺมา สีหนาทิกานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ปฺหกมฺเม ปนสฺส อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ ¶ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล ปพฺพตปาเท สีหโยนิยํ นิพฺพตฺโต. สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต ตสฺส เหตุสมฺปตฺตึ ทิสฺวา หํสวติยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สีเห โคจราย ปกฺกนฺเต ตสฺส วสนคุหํ ปวิสิตฺวา อากาเส ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. สีโห โคจรํ ลภิตฺวา นิวตฺโต คุหาทฺวาเร ิโต อนฺโตคุหายํ ทสพลํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘มม วสนฏฺานํ อาคนฺตฺวา อฺโ สตฺโต นิสีทิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, มหนฺโต วตายํ ปุริโส, โย อนฺโตคุหายํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน. สรีรปฺปภาปิสฺส สมนฺตา ผริตฺวา คตา, มยา เอวรูปํ อจฺฉริยํ นทิฏฺปุพฺพํ. อยํ ปุริโส อิมสฺมึ โลเก ปูชเนยฺยานํ อคฺโค ภวิสฺสติ, มยาปิสฺส ยถาสตฺติ ยถาพลํ สกฺการํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ชลชถลชานิ นานากุสุมานิ อาหริตฺวา ภูมิโต ยาว นิสินฺนปลฺลงฺกฏฺานา ปุปฺผาสนํ สนฺถริตฺวา สพฺพรตฺตึ สมฺมุขฏฺาเน ตถาคตํ นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. ปุนทิวเส ปุราณปุปฺผานิ อปเนตฺวา นวปุปฺเผหิ อาสนํ สนฺถริ.
เอเตเนว นิยาเมน สตฺต ทิวสานิ ปุปฺผาสนํ ปฺาเปตฺวา พลวปีติโสมนสฺสํ นิพฺพตฺเตตฺวา คุหาทฺวาเร อารกฺขํ คณฺหิ. สตฺตเม ทิวเส สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย คุหาทฺวาเร อฏฺาสิ. สีโหปิ มิคราชา ตถาคตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา ปฏิกฺกมิตฺวา อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘วฏฺฏิสฺสติ เอตฺตโก อุปนิสฺสโย เอตสฺสา’’ติ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา วิหารเมว คโต.
โสปิ สีโห พุทฺธวิโยเคน ทุกฺขิโต กาลํ กตฺวา หํสวตีนคเร มหาสาลกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา วยปฺปตฺโต เอกทิวสํ นครวาสีหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ ¶ เอกํ ¶ ภิกฺขุํ สีหนาทิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา วุตฺตนเยเนว สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา สตฺถารา สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตตฺถ กาลกโต เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ ¶ จ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. นาเมน ภารทฺวาโช นาม อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ปฺจ มาณวสตานิ มนฺเต วาเจนฺโต วิจรติ. โส อตฺตโน เชฏฺกภาเวน นิมนฺตนฏฺาเนสุ สพฺเพสํ ภิกฺขํ สยเมว สมฺปฏิจฺฉิ. เอโส กิร อีสกํ โลลธาตุโก อโหสิ. โส เตหิ มาณเวหิ สทฺธึ ‘‘กุหึ ยาคุ กุหึ ภตฺต’’นฺติ ยาคุภตฺตขชฺชกาเนว ปริเยสมาโน จรติ. โส คตคตฏฺาเน ปิณฺฑเมว ปฏิมาเนนฺโต จรตีติ ปิณฺโฑลภารทฺวาโชเตว ปฺายิ.
โส เอกทิวสํ สตฺถริ ราชคหมนุปฺปตฺเต ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตํ ปตฺตเวลายเมว อวาปุรณํ อาทาย วิหาเรน วิหารํ ปริเวเณน ปริเวณํ คนฺตฺวา ‘‘ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, โส มํ ปุจฺฉตู’’ติ สีหนาทํ นทนฺโต วิจริ. โส เอกทิวสํ ราชคหเสฏฺินา เวฬุปรมฺปราย อุสฺสาเปตฺวา อากาเส ลคฺคิตํ ชยสุมนวณฺณํ จนฺทนสารปตฺตํ อิทฺธิยา อาทาย สาธุการํ ททนฺเตน มหาชเนน ปริวุโต วิหารํ อาคนฺตฺวา ตถาคตสฺส หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ชานนฺโตว ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘กุโต เต, ภารทฺวาช, อยํ ปตฺโต ลทฺโธ’’ติ? โส ลทฺธการณํ กเถสิ. สตฺถา ‘‘ตฺวํ เอวรูปํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ มหาชนสฺส ทสฺเสสิ, อกตฺตพฺพํ ตยา กต’’นฺติ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, คิหีนํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ ¶ อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตพฺพํ, โย ทสฺเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๕๒) สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ.
อถ ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ กถา อุทปาทิ – ‘‘สีหนาทิยตฺเถโร อรหตฺตํ ปตฺตทิวเส ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ ‘ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, โส มํ ปุจฺฉตู’ติ กเถสิ. พุทฺธานมฺปิ สมฺมุเข อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ กเถสิ, อฺเ สาวกา ตุณฺหี อเหสุํ. อตฺตโน สีหนาทิยภาเวเนว มหาชนสฺส ปสาทํ ชเนตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา จนฺทนสารปตฺตฺจ คณฺหี’’ติ. เต ภิกฺขู อิเม ตโยปิ คุเณ เอกโต กตฺวา สตฺถุ กถยึสุ. พุทฺธา จ นาม ครหิตพฺพยุตฺตกํ ครหนฺติ, ปสํสิตพฺพยุตฺตกํ ปสํสนฺตีติ อิมสฺมึ าเน เถรสฺส ปสํสิตพฺพยุตฺตเมว องฺคํ คเหตฺวา ‘‘ติณฺณํ โข ปน, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ¶ ภารทฺวาโช ภิกฺขุ อฺํ พฺยากาสิ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ ¶ , นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’ติ. กตเมสํ ติณฺณํ? สตินฺทฺริยสฺส, สมาธินฺทฺริยสฺส, ปฺินฺทฺริยสฺส. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ติณฺณํ อินฺทฺริยานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ภารทฺวาโช ภิกฺขุ อฺํ พฺยากาสิ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี’’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๙) เถรํ ปสํสิตฺวา สีหนาทิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
มนฺตาณิปุตฺตปุณฺณตฺเถรวตฺถุ
๑๙๖. นวเม ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโตติ นาเมน ปุณฺโณ, มนฺตาณิพฺราหฺมณิยา ปน โส ปุตฺโตติ มนฺตาณิปุตฺโต. ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตรทสพลสฺส อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส โคตโมติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา สพฺพสิปฺเปสุ โกวิโท หุตฺวา ปฺจมาณวกสตปริวาโร ¶ วิจรนฺโต ตโยปิ เวเท โอโลเกตฺวา โมกฺขธมฺมํ อทิสฺวา ‘‘อิทํ เวทตฺตยํ นาม กทลิกฺขนฺโธ วิย พหิ มฏฺํ อนฺโต นิสฺสารํ, อิมํ คเหตฺวา วิจรณํ ถุสโกฏฺฏนสทิสํ โหติ. กึ เม อิมินา’’ติ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา พฺรหฺมวิหาเร นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลโกกูปปนฺโน ภวิสฺสามี’’ติ ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตสฺส ปริวารานิ อฏฺารสฺส ชฏิลสหสฺสานิ อเหสุํ. โส ปฺจ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เตสมฺปิ กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. เต ตสฺส โอวาเท ตฺวา สพฺเพปิ ปฺจ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสุํ.
อทฺธาเน อติกฺกนฺเต ตสฺส โคตมตาปสสฺส มหลฺลกกาเล ปทุมุตฺตรทสพโล ปมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร หํสวตีนครํ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. โส เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต โคตมตาปสสฺส ปริสาย ¶ อรหตฺตูปนิสฺสยํ โคตมตาปสสฺส จ ‘‘อหํ อนาคเต อุปฺปชฺชมานกพุทฺธสฺส สาสเน ธมฺมกถิกภิกฺขูนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนภาวฺจ ทิสฺวา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรํ สยเมว คเหตฺวา อฺาตกเวเสน โคตมตาปสสฺส อนฺเตวาสิเกสุ วนมูลผลาผลตฺถาย คเตสุ คนฺตฺวา โคตมสฺส ปณฺณสาลาทฺวาเร อฏฺาสิ. โคตโม พุทฺธานํ อุปฺปนฺนภาวํ อชานนฺโตปิ ทูรโตว ทสพลํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปุริโส โลกโต มุตฺโต หุตฺวา ปฺายติ, ยถา อสฺส ¶ สรีรนิปฺผตฺติ เยหิ จ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารมชฺเฌ วา ติฏฺนฺโต จกฺกวตฺตี ราชา โหติ, ปพฺพชนฺโต วา วิวฏฺฏจฺฉโท สพฺพฺุพุทฺโธ โหตี’’ติ ตฺวา ปมทสฺสเนเนว ทสพลํ อภิวาเทตฺวา ‘‘อิโต เอถ ภควา’’ติ พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. ตถาคโต ตาปสสฺส ธมฺมํ เทสยมาโน นิสีทิ.
ตสฺมึ ¶ สมเย เต ชฏิลา ‘‘ปณีตปณีตํ วนมูลผลาผลํ อาจริยสฺส ทตฺวา เสสกํ ปริภฺุชิสฺสามา’’ติ อาคจฺฉนฺตา ทสพลํ อุจฺจาสเน, อาจริยํ ปน นีจาสเน นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘ปสฺสถ, มยํ ‘อิมสฺมึ โลเก อมฺหากํ อาจริเยน อุตฺตริตโร นตฺถี’ติ วิจราม. อิทานิ ปน โน อาจริยํ นีจาสเน นิสีทาเปตฺวา อุจฺจาสเน นิสินฺนโก เอโก ปฺายติ, มหนฺโต วตายํ ปุริโส ภวิสฺสตี’’ติ ปิฏกานิ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺติ. โคตมตาปโส ‘‘อิเม มํ ทสพลสฺส สนฺติเก วนฺเทยฺยุ’’นฺติ ภีโต ทูรโต อาห – ‘‘ตาตา, มา มํ วนฺทิตฺถ, สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคโล สพฺเพสํ วนฺทนารโห ปุริโส อิธ นิสินฺโน, เอตํ วนฺทถา’’ติ. ตาปสา ‘‘น อชานิตฺวา อาจริโย กเถสฺสตี’’ติ สพฺเพว ตถาคตสฺส ปาเท วนฺทึสุ. ‘‘ตาตา, อมฺหากํ อฺํ ทสพลสฺส ทาตพฺพยุตฺตกํ โภชนํ นตฺถิ, อิมํ วนมูลผลาผลํ ทสฺสามา’’ติ ปณีตปณีตํ พุทฺธานํ ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา วนมูลผลาผลํ ปริภฺุชิ. ตทนนฺตรํ ตาปโสปิ สทฺธึ อนฺเตวาสิเกหิ ปริภฺุชิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสตสหสฺสํ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺตู’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺมึ ขเณ อคฺคสาวโก มหาเทวลตฺเถโร ‘‘กหํ นุ โข สตฺถา ¶ คโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สตฺถา อมฺหากํ อาคมนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ ภิกฺขุสตสหสฺสํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นมสฺสมาโน อฏฺาสิ.
โคตโม อนฺเตวาสิเก อาห – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ อฺโ สกฺกาโร นตฺถิ, ภิกฺขุสงฺโฆ ทุกฺเขน ิโต. พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปุปฺผาสนํ ปฺาเปสฺสาม, ชลชถลชปุปฺผานิ อาหรถา’’ติ. เต ตาวเทว ปพฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อิทฺธิยา อาหริตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยเนว อาสนานิ ปฺาปยึสุ. นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนมฺปิ ฉตฺตธารณมฺปิ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
สตฺถา สตฺตเม ทิวเส นิโรธโต ¶ วุฏฺาย ปริวาเรตฺวา ิเต ตาปเส ทิสฺวา ธมฺมกถิกภาเว เอตทคฺคปฺปตฺตํ สาวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมินา ภิกฺขุ อิสิคเณน มหาสกฺกาโร กโต, เอเตสํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ ¶ กโรหี’’ติ. โส สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ สมฺมสิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. ตสฺส เทสนาปริโยสาเน สตฺถา สยํ พฺรหฺมโฆสํ นิจฺฉาเรตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา โคตมตาปสํ เสสา อฏฺารส สหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.
โคตโม ปน เตนตฺตภาเวน ปฏิเวธํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภควา เยน ภิกฺขุนา ปมํ ธมฺโม เทสิโต, โก นาม อยํ ตุมฺหากํ สาสเน’’ติ? อยํ โคตม มยฺหํ สาสเน ธมฺมกถิกานํ อคฺโคติ. ‘‘อหมฺปิ, ภนฺเต, อิมสฺส สตฺต ทิวสานิ กตสฺส อธิการสฺส ผเลน อยํ ภิกฺขุ วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ธมฺมกถิกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิ.
สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา อนนฺตราเยนสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ตฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺวํ ตสฺส สาสเน ธมฺมกถิกานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา เต อรหตฺตปฺปตฺเต ตาปเส ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ อาห. สพฺเพ อนฺตรหิตเกสมสฺสู อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรสทิสา ¶ อเหสุํ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆมาทาย วิหารํ คโต.
โคตโมปิ ยาวชีวํ ตถาคตํ ปริจริตฺวา ยถาพลํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุพฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ปุณฺณมาณโวติ นามํ อกํสุ. สตฺถริ อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุปุพฺเพน อาคนฺตฺวา ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ ปุณฺณมาณวํ ปพฺพาเชตฺวา ปุนทิวเส ทสพลสฺส ¶ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อาปุจฺฉิตฺวา นิวาสตฺถาย ฉทฺทนฺตทหํ คโต. ปุณฺโณปิ มนฺตาณิปุตฺโต มาตุเลน อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถเรน สทฺธึ ทสพลสฺส สนฺติกํ อคนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาว ทสพลสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ กปิลวตฺถุสฺมึเยว โอหีโน โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตกุลปุตฺตาปิ ปฺจสตา อเหสุํ. เถโร สยํ ทสกถาวตฺถุลาภิตาย เตปิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ โอวทติ. เต ตสฺส โอวาเท ตฺวา สพฺเพว อรหตฺตํ ปตฺตา.
เต ¶ อตฺตโน ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ ตฺวา อุปชฺฌายํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ กิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ, ทสนฺนฺจ มหากถาวตฺถูนํ ลาภิโน, สมโย โน ทสพลํ ปสฺสิตุ’’นฺติ. เถโร เตสํ กถํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มม ทสกถาวตฺถุลาภิตํ สตฺถา ชานาติ, อหํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ทส กถาวตฺถูนิ อมฺุจนฺโตว เทเสมิ. มยิ คจฺฉนฺเต สพฺเพปิเม ภิกฺขู ปริวาเรตฺวา คจฺฉิสฺสนฺติ, เอวํ คณสงฺคณิกาย คนฺตฺวา ปน อยุตฺตํ มยฺหํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ, อิเม ตาว คนฺตฺวา ปสฺสนฺตู’’ติ เต ภิกฺขู อาห – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุรโต คนฺตฺวา ตถาคตํ ปสฺสถ, มม วจเนน ทสพลสฺส ปาเท วนฺทถ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ คตมคฺเคน คมิสฺสามี’’ติ.
เต เถรา สพฺเพปิ ทสพลสฺส ชาติภูมิรฏฺวาสิโน สพฺเพ ขีณาสวา สพฺเพ ทสกถาวตฺถุลาภิโน อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส โอวาทํ อภินฺทิตฺวา อนุปุพฺเพน ¶ จาริกํ จรนฺตา สฏฺิโยชนมคฺคํ อติกฺกมฺม ราชคเห เวฬุวนมหาวิหารํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทิตุนฺติ ¶ ภควา เตหิ สทฺธึ ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต จ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. เตหิ ‘‘ชาติภูมิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีหิ เอวํ สมฺภาวิโต อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา’’ติ ทสกถาวตฺถุลาภึ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิ. เตปิ ‘‘ปุณฺโณ นาม, ภนฺเต, อายสฺมา มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ อาโรจยึสุ. ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา สาริปุตฺโต เถรสฺส ทสฺสนกาโม อโหสิ.
อถ สตฺถา ราชคหโต สาวตฺถึ อคมาสิ. ปุณฺณตฺเถโร ทสพลสฺส ตตฺถ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํเยว ตถาคตํ สมฺปาปุณิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. เถโร ธมฺมํ สุตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา ปฏิสลฺลานตฺถาย อนฺธวนํ คนฺตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ตสฺส คมนํ สุตฺวา สีสานุโลกิโก คนฺตฺวา โอกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ตํ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมิตฺวา เถเรน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา สตฺตวิสุทฺธิกฺกมํ ปุจฺฉิ. เถโรปิสฺส ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ พฺยากาสิ. เต อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสุ. อถ สตฺถา อปรภาเค ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
มหากจฺจานตฺเถรวตฺถุ
๑๙๗. ทสเม ¶ สํขิตฺเตน ภาสิตสฺสาติ สํขิตฺเตน กถิตธมฺมสฺส. วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานนฺติ ตํ เทสนํ วิตฺถาเรตฺวา อตฺถํ วิภชมานานํ. อฺเ กิร ตถาคตสฺส สงฺเขปวจนํ อตฺถวเสน วา ปูเรตุํ ¶ สกฺโกนฺติ พฺยฺชนวเสน วา, อยํ ปน เถโร อุภยวเสนปิ สกฺโกติ. ตสฺมา อคฺโคติ วุตฺโต. ปุพฺพปตฺถนาปิ จสฺส เอวรูปาว.
อยํ ¶ ปนสฺส ปฺหกมฺเม อนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิปฺปตฺโต เอกทิวสํ วุตฺตนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ อตฺตนา สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ เอกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘มหนฺโต วตายํ ภิกฺขุ, ยํ สตฺถา เอวํ วณฺเณติ, มยาปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา วุตฺตนเยเนว สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมสฺส สกฺการสฺส ผเลน น อฺํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก ตุมฺเหหิ านนฺตเร ปิตภิกฺขุ วิย อหมฺปิ ตํ านนฺตรํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกนฺโต ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ อิมสฺส กุลปุตฺตสฺส ปตฺถนา’’ติ ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ, กุลปุตฺต, อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺวํ ตสฺส สาสเน สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล พาราณสิยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา สตฺถริ ปรินิพฺพุเต สุวณฺณเจติยกรณฏฺานํ คนฺตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณิฏฺกาย ปูชํ กตฺวา ‘‘ภควา มยฺหํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรํ สุวณฺณวณฺณํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ตโต ยาวชีวํ กุสลกมฺมํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ ¶ สํสริตฺวา อมฺหากํ ทสพลสฺส อุปฺปตฺติกาเล อุชฺเชนินคเร ปุโรหิตสฺส เคเห นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต สุวณฺณวณฺณสรีโร อตฺตนาว อตฺตโน นามํ คเหตฺวา อาคโต’’ติ กฺจนมาณโวเตวสฺส นามํ อกํสุ ¶ . โส วุทฺธิมนฺวาย ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน ปุโรหิตฏฺานํ ลภิ. โส โคตฺตวเสน กจฺจาโน นาม ชาโต.
จณฺฑปชฺโชตราชา อมจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา อาห – ‘‘พุทฺโธ โลเก นิพฺพตฺโต, ตํ อาเนตุํ สมตฺถา คนฺตฺวา อาเนถ ตาตา’’ติ. เทว, อฺโ ทสพลํ อาเนตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อาจริโย กจฺจานพฺราหฺมโณว ¶ สมตฺโถ, ตํ ปหิณถาติ. ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, ทสพลสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ อาห. คนฺตฺวา ปพฺพชิตุํ ลภนฺโต คมิสฺสามิ, มหาราชาติ. ยํกิฺจิ กตฺวา ตถาคตํ อาเนหิ, ตาตาติ. โส ‘‘พุทฺธานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺตสฺส มหาปริสาย กมฺมํ นตฺถี’’ติ อตฺตฏฺโม อคมาสิ. อถสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สทฺธึ สตฺตหิ ชเนหิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. ตํขณํเยว สพฺเพว อนฺตรหิตเกสมสฺสู อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย ชาตา.
เถโร อตฺตโน กิจฺเจ มตฺถกํ ปตฺเต ตุณฺหีภาเวน อนิสีทิตฺวา กาฬุทายิตฺเถโร วิย สตฺถุ อุชฺเชนิคมนตฺถาย คมนวณฺณํ กเถสิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘กจฺจาโน อตฺตโน ชาติภูมิยํ มม คมนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ อฺาสิ. พุทฺธา จ นาม เอกํ การณํ ปฏิจฺจ คนฺตุํ อยุตฺตฏฺานํ น คจฺฉนฺติ. ตสฺมา เถรํ อาห – ‘‘ตฺวํเยว ภิกฺขุ คจฺฉ, ตยิ คเตปิ ราชา ปสีทิสฺสตี’’ติ. เถโร ‘‘พุทฺธานํ ทฺเว กถา นาม นตฺถี’’ติ ตถาคตํ วนฺทิตฺวา อตฺตนา สทฺธึ อาคเตหิ สตฺตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุชฺเชนึ ¶ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เตลปนาฬิ นาม นิคโม, ตตฺถ ปิณฺฑาย จริ. ตสฺมึ จ นิคเม ทฺเว เสฏฺิธีตโร. ตาสุ เอกา ปริชิณฺณกุเล นิพฺพตฺตา ทุคฺคตา มาตาปิตูนํ อจฺจเยน ธาตึ นิสฺสาย ชีวติ. อตฺตภาโว ปนสฺสา สมิทฺโธ, เกสา อฺาหิ อติวิย ทีฆา. ตสฺมึเยว นิคเม อฺา อิสฺสรเสฏฺิกุลสฺส ธีตา นิกฺเกสิกา. สา ตโต ปุพฺเพ ตสฺสา สมีปํ เปเสตฺวา ‘‘สตํ วา สหสฺสํ วา ทสฺสามี’’ติ วตฺวาปิ เกเส อาหราเปตุํ นาสกฺขิ.
ตสฺมึ ปน ทิวเส สา เสฏฺิธีตา มหากจฺจานตฺเถรํ สตฺตหิ ภิกฺขูหิ ปริวุตํ ตุจฺฉปตฺตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สุวณฺณวณฺโณ เอโก พฺรหฺมพนฺธุภิกฺขุ ยถาโธเตเนว ปตฺเตน อาคจฺฉติ, มยฺหฺจ อฺํ ธนํ นตฺถิ. อสุกเสฏฺิธีตา ปน อิเมสํ เกสานํ อตฺถาย เปเสสิ. อิทานิ อิโต ¶ ลทฺธอุปฺปาเทน สกฺกา เถรสฺส เทยฺยธมฺมํ ทาตุ’’นฺติ ธาตึ เปเสตฺวา เถเร นิมนฺเตตฺวา อนฺโตเคเห นิสีทาเปสิ. เถรานํ นิสินฺนกาเล คพฺภํ ปวิสิตฺวา ธาติยา อตฺตโน เกเส กปฺปาเปตฺวา, ‘‘อมฺม ¶ , อิเม เกเส อสุกาย นาม เสฏฺิธีตาย ทตฺวา ยํ สา เทติ, ตํ อาหร, อยฺยานํ ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามา’’ติ. ธาติ ปิฏฺิหตฺเถน อสฺสูนิ ปฺุฉิตฺวา เอเกน หตฺเถน หทยมํสํ สนฺธาเรตฺวา เถรานํ สนฺติเก ปฏิจฺฉาเทตฺวา เต เกเส อาทาย ตสฺสา เสฏฺิธีตาย สนฺติกํ คตา.
ปณิยํ นาม สารวนฺตมฺปิ สยํ อุปนีตํ คารวํ น ชเนติ, ตสฺมา สา เสฏฺิธีตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปุพฺเพ พหุนาปิ ธเนน อิเม เกเส อาหราเปตุํ นาสกฺขึ, อิทานิ ปน ฉินฺนกาลโต ปฏฺาย น ยถามูลเมว ลภิสฺสตี’’ติ ¶ . ธาตึ อาห – ‘‘อหํ ปุพฺเพ ตว สามินึ พหุนาปิ ธเนน เกเส อาหราเปตุํ นาสกฺขึ, ยตฺถ กตฺถจิ วินิปาตา ปน นิชฺชีวเกสา นาม อฏฺ กหาปเณ อคฺฆนฺตี’’ติ อฏฺเว กหาปเณ อทาสิ. ธาติ กหาปเณ อาหริตฺวา เสฏฺิธีตาย อทาสิ. เสฏฺิธีตา เอเกกํ ปิณฺฑปาตํ เอเกกกหาปณคฺฆนกํ กตฺวา เถรานํ ทาเปสิ. เถโร อาวชฺชิตฺวา เสฏฺิธีตาย อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘กหํ เสฏฺิธีตา’’ติ ปุจฺฉิ. คพฺเภ, อยฺยาติ. ปกฺโกสถ นนฺติ. สา จ เถเรสุ คารเวน เอกวจเนเนว อาคนฺตฺวา เถเร วนฺทิตฺวา พลวสทฺธํ อุปฺปาเทสิ. สุเขตฺเต ปติฏฺิตปิณฺฑปาโต ทิฏฺเว ธมฺเม วิปากํ เทตีติ สห เถรานํ วนฺทเนน เกสา ปกติภาเวเยว อฏฺํสุ. เถราปิ ตํ ปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา ปสฺสนฺติยาเยว เสฏฺิธีตาย เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา กฺจนวนุยฺยาเน โอตรึสุ.
อุยฺยานปาโล เถรํ ทิสฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, เม อยฺโย ปุโรหิโต กจฺจาโน ปพฺพชิตฺวา อุยฺยานมาคโต’’ติ อาห. ราชา จณฺฑปชฺโชโต อุยฺยานํ คนฺตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กหํ, ภนฺเต, ภควา’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา สยํ อนาคนฺตฺวา มํ เปเสสิ มหาราชาติ. กหํ, ภนฺเต, อชฺช ภิกฺขํ อลตฺถาติ? เถโร รฺโ ปุจฺฉาสภาเคน สพฺพํ เสฏฺิธีตาย กตํ ทุกฺกรํ อาโรเจสิ. ราชา เถรสฺส วสนฏฺานํ ปฏิยาเทตฺวา เถรํ นิมนฺเตตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา เสฏฺิธีตรํ อาณาเปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. อิมิสฺสา อิตฺถิยา ทิฏฺธมฺมิโกว ยสปฏิลาโภ อโหสิ.
ตโต ¶ ¶ ปฏฺาย ราชา เถรสฺส มหาสกฺการํ กโรติ. เถรสฺส ธมฺมกถาย ปสีทิตฺวา มหาชโน เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. ตโต ปฏฺาย สกลนครํ เอกกาสาวปชฺโชตํ อิสิวาตปฏิวาตํ ¶ อโหสิ. สาปิ เทวี คพฺภํ ลภิตฺวา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส โคปาลกุมาโรติ มาตามหเสฏฺิโน นามํ อกํสุ. สา ปุตฺตสฺส นามวเสน โคปาลมาตา นาม เทวี ชาตา. สา เทวี เถเร อติวิย ปสีทิตฺวา ราชานํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา กฺจนวนุยฺยาเน เถรสฺส วิหารํ กาเรสิ. เถโร อุชฺเชนินครํ ปสาเทตฺวา ปุน สตฺถุ สนฺติกํ คโต. อถ สตฺถา อปรภาเค เชตวเน วิหรนฺโต มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๙๙ อาทโย) กจฺจานเปยฺยาลํ (ม. นิ. ๓.๒๗๙ อาทโย) ปารายนสุตฺตนฺติ อิเม ตโย สุตฺตนฺเต อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ปมวคฺควณฺณนา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๒. ทุติยเอตทคฺควคฺโค
จูฬปนฺถกตฺเถรวตฺถุ
๑๙๘-๒๐๐. ทุติยสฺส ¶ ปเม มโนมยนฺติ มเนน นิพฺพตฺติตํ. ‘‘มโนมเยน กาเยน, อิทฺธิยา อุปสงฺกมี’’ติ (เถรคา. ๙๐๑) วุตฺตฏฺานสฺมิฺหิ มเนน กตกาโย มโนมยกาโย นาม ชาโต. ‘‘อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปชฺชตี’’ติ (จูฬว. ๓๓๓) วุตฺตฏฺาเน มเนน นิพฺพตฺติตกาโย มโนมยกาโย นาม ชาโต. อยมิธ อธิปฺเปโต. ตตฺถ อฺเ ภิกฺขู มโนมยํ กายํ นิพฺพตฺเตนฺตา ตโย ¶ วา จตฺตาโร วา นิพฺพตฺเตนฺติ, น พหุเก. เอกสทิเสเยว จ กตฺวา นิพฺพตฺเตนฺติ เอกวิธเมว กมฺมํ กุรุมาเน. จูฬปนฺถกตฺเถโร ปน เอกาวชฺชเนน สมณสหสฺสํ มาเปสิ. ทฺเวปิ จ ชเน น เอกสทิเส อกาสิ น เอกวิธํ กมฺมํ กุรุมาเน. ตสฺมา มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต.
เจโตวิวฏฺฏกุสลานมฺปิ ¶ จูฬปนฺถโกว อคฺโค, สฺาวิวฏฺฏกุสลานํ ปน มหาปนฺถกตฺเถโร อคฺโคติ วุตฺโต. ตตฺถ จูฬปนฺถกตฺเถโร จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตาย ‘‘เจโตวิวฏฺฏกุสโล’’ติ วุตฺโต, มหาปนฺถกตฺเถโร จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตาย ‘‘สฺาวิวฏฺฏกุสโล’’ติ วุตฺโต. จูฬปนฺถโก จ สมาธิกุสลตาย เจโตวิวฏฺฏกุสโล นาม, มหาปนฺถโก วิปสฺสนากุสลตาย สฺาวิวฏฺฏกุสโล นาม. เอโก เจตฺถ สมาธิลกฺขเณ เฉโก, เอโก วิปสฺสนาลกฺขเณ. ตถา เอโก สมาธิคาฬฺโห, เอโก วิปสฺสนาคาฬฺโห. เอโก เจตฺถ องฺคสํขิตฺเต เฉโก, เอโก อารมฺมณสํขิตฺเต. ตถา เอโก องฺคววตฺถาเน เฉโก, เอโก อารมฺมณววตฺถาเนติ เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพา.
อปิจ จูฬปนฺถกตฺเถโร รูปาวจรชฺฌานลาภี หุตฺวา ฌานงฺเคหิ วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโตติ เจโตวิวฏฺฏกุสโล, มหาปนฺถโก อรูปาวจรชฺฌานลาภี หุตฺวา ฌานงฺเคหิ วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโตติ ¶ สฺาวิวฏฺฏกุสโล. อุโภปิ ปนฺเถ ชาตตฺตา ปนฺถกา นาม ชาตา. เตสํ ปมชาโต มหาปนฺถโก นาม, ปจฺฉาชาโต จูฬปนฺถโก นาม.
อิเมสํ ปน อุภินฺนมฺปิ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อตีเต กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนครวาสิโน ¶ ทฺเว ภาติกา กุฏุมฺพิกา สทฺธา ปสนฺนา นิพทฺธํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติ. เตสุ เอกทิวสํ กนิฏฺโ สตฺถารํ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ เอกํ ภิกฺขุํ ‘‘มม สาสเน มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ เจโตวิวฏฺฏกุสลานฺจ อยํ ภิกฺขุ อคฺโค’’ติ เอตทคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มหา วตายํ ภิกฺขุ เอโก หุตฺวา ทฺเว องฺคานิ ปริปูเรตฺวา จรติ, มยาปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน องฺคทฺวยปูรเกน หุตฺวา วิจริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ปุริมนเยเนว สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุํ ตุมฺเห อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก มโนมยงฺเคน จ เจโตวิวฏฺฏกุสลงฺเคน จ ‘อยํ มม สาสเน อคฺโค’ติ เอตทคฺเค ปยิตฺถ, อหมฺปิ อิมสฺส อธิการกมฺมสฺส ผเลน โส ภิกฺขุ วิย องฺคทฺวยปูรโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ.
สตฺถา ¶ อนาคตํ โอโลเกตฺวา อนนฺตราเยนสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, โส ตํ อิมสฺมึ านทฺวเย เปสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. ภาตาปิสฺส เอกทิวสํ สตฺถารํ สฺาวิวฏฺฏกุสลํ ภิกฺขุํ เอตทคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตเถว อธิการํ กตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ, สตฺถาปิ ตํ พฺยากาสิ.
เต อุโภปิ ชนา สตฺถริ ธรมาเน กุสลกมฺมํ กริตฺวา สตฺถุ ปรินิพฺพุตกาเล สรีรเจติเย สุวณฺณปูชํ กตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. เตสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตานํเยว กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกนฺตํ. ตตฺถ มหาปนฺถกสฺส อนฺตรา กตกลฺยาณกมฺมํ น กถิยติ, จูฬปนฺถโก ปน กสฺสปภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ¶ โอทาตกสิณกมฺมํ กตฺวา เทวปุเร นิพฺพตฺติ. อถ อมฺหากํ สตฺถา อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวนมหาวิหาเร ปฏิวสติ.
อิมสฺมึ าเน ตฺวา อิเมสํ ทฺวินฺนํ นิพฺพตฺตึ กเถตุํ วฏฺฏติ. ราชคเห กิร ธนเสฏฺิกุลสฺส ธีตา ¶ อตฺตโน ทาเสเนว สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา ‘‘อฺเปิ เม อิมํ กมฺมํ ชาเนยฺยุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺเหหิ อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺกา, สเจ เม มาตาปิตโร อิมํ โทสํ ชานิสฺสนฺติ, ขณฺฑาขณฺฑํ กริสฺสนฺติ, วิเทสํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ หตฺถสารํ คเหตฺวา อคฺคทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา อฺเหิ อชานนฏฺานํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ อุโภปิ อคมํสุ.
เตสํ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ สํวาสมนฺวาย ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา คพฺภสฺส ปริปากํ อาคมฺม สามิเกน สทฺธึ มนฺเตสิ – ‘‘คพฺโภ เม ปริปากํ คโต, าติมิตฺตาทิวิรหิเต าเน คพฺภวุฏฺานํ นาม อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ ทุกฺขเมว, กุลเคหเมว คจฺฉามา’’ติ. โส ‘‘อชฺช คจฺฉาม, สฺเว คจฺฉามา’’ติ ทิวเส อติกฺกมาเปสิ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พาโล อตฺตโน โทสมหนฺตาย คนฺตุํ น อุสฺสหติ, มาตาปิตโร จ นาม เอกนฺตหิตา, อยํ คจฺฉตุ วา มา วา, มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตสฺมึ เคหา นิกฺขนฺเต สา เคเห ปริกฺขารํ ปฏิสาเมตฺวา อตฺตโน กุลฆรํ คตภาวํ อนนฺตรเคหวาสีนํ อาโรเจตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
อถ ¶ โส ปุริโส ฆรํ อาคโต ตํ อทิสฺวา ปฏิวิสฺสเก ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กุลฆรํ คตา’’ติ สุตฺวา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา อนฺตรามคฺเค ¶ สมฺปาปุณิ. ตสฺสาปิ ตตฺเถว คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. โส ‘‘กึ อิทํ ภทฺเท’’ติ ปุจฺฉิ. สามิ เอโก ปุตฺโต ชาโตติ. อิทานิ กึ กริสฺสามาติ? ยสฺส อตฺถาย มยํ กุลฆรํ คจฺฉาม, ตํ กมฺมํ อนฺตราว นิปฺผนฺนํ, ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสาม, นิวตฺตามาติ ทฺเวปิ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิวตฺตึสุ. ตสฺส ทารกสฺส จ ปนฺเถ ชาตตฺตา ปนฺถโกติ นามํ อกํสุ. ตสฺสา นจิรสฺเสว อปโรปิ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สพฺพํ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. ตสฺสปิ ทารกสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ปมชาตสฺส มหาปนฺถโกติ นามํ กตฺวา ปจฺฉาชาตสฺส จูฬปนฺถโกติ นามํ อกํสุ.
เต ทฺเวปิ ทารเก คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. เตสํ ตตฺถ วสนฺตานํ อยํ มหาปนฺถกทารโก อฺเ ทารกชเน ‘‘จูฬปิตา มหาปิตา อยฺยโก อยฺยิกา’’ติ วทนฺเต สุตฺวา มาตรํ ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, อฺเ ทารกา กเถนฺติ ‘อยฺยโก อยฺยิกา’ติ, กึ อมฺหากํ าตกา นตฺถี’’ติ? อาม, ตาต, ตุมฺหากํ เอตฺถ าตกา นตฺถิ, ราชคหนคเร ปน โว ¶ ธนเสฏฺิ นาม อยฺยโก, ตตฺถ ตุมฺหากํ พหู าตกาติ. กสฺมา ตตฺถ น คจฺฉถ อมฺมาติ? สา อตฺตโน อคมนการณํ ปุตฺตสฺส อกเถตฺวา ปุตฺเตสุ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตสุ สามิกมาห – ‘‘อิเม ทารกา อติวิย มํ กิลเมนฺติ, กึ โน มาตาปิตโร ทิสฺวา มํสํ ขาทิสฺสนฺติ, เอหิ ทารกานํ อยฺยกกุลํ ทสฺเสมา’’ติ. อหํ สมฺมุขา ภวิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ตํ ปน นยิสฺสามีติ. ‘‘สาธุ สามิ, เยน เกนจิ อุปาเยน ทารกานํ อยฺยกกุลเมว ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ ทฺเวปิ ชนา ทารเก อาทาย ¶ อนุปุพฺเพน ราชคหํ ปตฺวา นครทฺวาเร เอกิสฺสา สาลาย นิวาสํ กตฺวา ทารกมาตา ทฺเว ทารเก คเหตฺวา อาคตภาวํ มาตาปิตูนํ อาโรจาเปสิ.
เต ตํ สาสนํ สุตฺวา สํสาเร สํสรนฺตานํ น ปุตฺโต น ธีตา นาม นตฺถิ, เต อมฺหากํ มหาปราธิกา, น สกฺกา เตหิ อมฺหากํ จกฺขุปเถ าตุํ. เอตฺตกํ ปน ธนํ คเหตฺวา ทฺเวปิ ชนา ผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา ชีวนฺตุ, ทารเก ปน อิธ เปเสนฺตูติ. เสฏฺิธีตา มาตาปิตูหิ เปสิตํ ธนํ คเหตฺวา ทารเก อาคตทูตานํ หตฺเถเยว ทตฺวา เปเสสิ ¶ . ทารกา อยฺยกกุเล วฑฺฒนฺติ. เตสุ จูฬปนฺถโก อติทหโร, มหาปนฺถโก ปน อยฺยเกน สทฺธึ ทสพลสฺส ธมฺมกถํ โสตุํ คจฺฉติ. ตสฺส นิจฺจํ สตฺถุ สมฺมุเข ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. โส อยฺยกํ อาห – ‘‘สเจ ตุมฺเห อนุชาเนยฺยาถ, อหํ ปพฺพชฺเชยฺย’’นฺติ. ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, มยฺหํ สกลโลกสฺสปิ ปพฺพชฺชโต ตเวว ปพฺพชฺชา ภทฺทิกา. สเจ สกฺโกสิ, ปพฺพช, ตาตา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คโต. สตฺถา ‘‘กึ, มหาเสฏฺิ, ทารโก เต ลทฺโธ’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อยํ ทารโก มยฺหํ นตฺตา, ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชามีติ วทตี’’ติ อาห.
สตฺถา อฺตรํ ปิณฺฑจาริกํ ‘‘อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติ อาณาเปสิ. เถโร ตสฺส ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส พหุํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริปุณฺณวสฺโส อุปสมฺปทํ ลภิ. อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺโต จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ลาภี หุตฺวา ฌานงฺเคหิ วุฏฺาย อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิติ โส สฺาวิวฏฺฏกุสลานํ อคฺโค ชาโต. โส ฌานสุเขน ผลสุเขน ¶ วีตินาเมนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สกฺกา นุ โข อิมํ สุขํ จูฬปนฺถกสฺส ทาตุ’’นฺติ. ตโต อยฺยกเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มหาเสฏฺิ สเจ ตุมฺเห สมฺปฏิจฺฉถ, อหํ จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชยฺย’’นฺติ อาห. ปพฺพาเชถ, ภนฺเตติ ¶ . เถโร จูฬปนฺถกทารกํ ปพฺพาเชตฺวา ทสสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. จูฬปนฺถกสามเณโร ภาติกสฺส สนฺติเก.
‘‘ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ,
ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ,
ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๓; อ. นิ. ๕.๑๙๕) –
อิมํ คาถํ คณฺหาติ. คหิตคหิตปทํ อุปรูปริปทํ คณฺหนฺตสฺส นสฺสติ. ตสฺส อิมํ คาถํ คเหตุํ วายมนฺตสฺเสว จตฺตาโร มาสา อติกฺกนฺตา. อถ นํ มหาปนฺถโก อาห – ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ อิมสฺมึ สาสเน อภพฺโพ, จตูหิ มาเสหิ เอกคาถมฺปิ คเหตุํ น สกฺโกสิ, ปพฺพชิตกิจฺจํ ปน ตฺวํ กถํ ¶ มตฺถกํ ปาเปสฺสสิ, นิกฺขม อิโต’’ติ. โส เถเรน ปณามิโต วิหารปจฺจนฺเต โรทมาโน อฏฺาสิ.
เตน สมเยน สตฺถา ราชคหํ อุปนิสฺสาย ชีวกมฺพวเน วิหรติ. ตสฺมึ สมเย ชีวโก ปุริสํ เปเสสิ ‘‘ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ สตฺถารํ นิมนฺเตหี’’ติ. เตน โข ปน สมเยน มหาปนฺถโก ภตฺตุทฺเทสโก โหติ. โส ‘‘ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ภิกฺขํ สมฺปฏิจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ วุตฺโต ‘‘จูฬปนฺถกํ เปตฺวา เสสานํ สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ อาห. จูฬปนฺถโก ¶ ตํ กถํ สุตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย โทมนสฺสปฺปตฺโต อโหสิ. สตฺถา จูฬปนฺถกสฺส เขทํ ทิสฺวา ‘‘จูฬปนฺถโก มยิ คเต พุชฺฌิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา อวิทูเร าเน อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กึ ตฺวํ, ปนฺถก, โรทสี’’ติ อาห. ภาตา มํ, ภนฺเต, ปณาเมตีติ. ปนฺถก, ตุยฺหํ ภาติกสฺส ปรปุคฺคลานํ อาสยานุสยาณํ นตฺถิ, ตฺวํ พุทฺธเวเนยฺยปุคฺคโล นามาติ อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา สุทฺธํ โจฬขณฺฑํ อทาสิ ‘‘อิมํ คเหตฺวา ‘รโชหรณํ รโชหรณ’นฺติ วตฺวา ภาเวหิ ปนฺถกา’’ติ.
โส สตฺถารา ทินฺนํ โจฬขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ รโชหรณ’’นฺติ หตฺเถน ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ. ตสฺส ปริมชฺชนฺตสฺส โลมานิ กิลิฏฺธาตุกานิ ชาตานิ. ปุน ปริมชฺชนฺตสฺส อุกฺขลิปริปฺุฉนสทิสํ ¶ ชาตํ. โส าณปริปากํ อาคมฺม ตตฺถ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ โจฬขณฺฑํ ปกติยา ปณฺฑรํ ปริสุทฺธํ, อุปาทินฺนกสรีรํ นิสฺสาย กิลิฏฺํ ชาตํ, อิทํ จิตฺตมฺปิ เอวํคติกเมวา’’ติ. สมาธึ ภาเวตฺวา จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ ปาทกานิ กตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส มโนมยชฺฌานลาภี หุตฺวา เอโก หุตฺวา พหุธา, พหุธา หุตฺวา เอโก ภวิตุํ สมตฺโถ อโหสิ. อรหตฺตมคฺเคเนว จสฺส เตปิฏกฺจ ฉ อภิฺา จ อาคมึสุ.
ปุนทิวเส สตฺถา เอกูเนหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา ชีวกสฺส นิเวสเน นิสีทิ. จูฬปนฺถโก ปน อตฺตโน ภิกฺขาย อสมฺปฏิจฺฉิตตฺตาเยว น คโต. ชีวโก ยาคุํ ทาตุํ อารภิ, สตฺถา หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. กสฺมา, ภนฺเต, น คณฺหถาติ? วิหาเร เอโก ภิกฺขุ อตฺถิ ชีวกาติ ¶ . โส ปุริสํ ปหิณิ ‘‘คจฺฉ, ภเณ, วิหาเร นิสินฺนํ อยฺยํ คเหตฺวา เอหี’’ติ. จูฬปนฺถกตฺเถโรปิ ตสฺส ปุริสสฺส ปุเร อาคมนาเยว ภิกฺขุสหสฺสํ ¶ นิมฺมินิตฺวา เอกมฺปิ เอเกน อสทิสํ, เอกสฺสปิ จ จีวรวิจารณาทิสมณกมฺมํ อฺเน อสทิสํ อกาสิ. โส ปุริโส วิหาเร ภิกฺขูนํ พหุภาวํ ทิสฺวา คนฺตฺวา ชีวกสฺส กเถสิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ วิหาเร ภิกฺขุสงฺโฆ พหุตโร, ตโต ปกฺโกสิตพฺพํ ภทนฺตํ น ชานามี’’ติ. ชีวโก สตฺถารํ ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘โกนาโม, ภนฺเต, วิหาเร นิสินฺนภิกฺขู’’ติ? จูฬปนฺถโก นาม ชีวกาติ. คจฺฉ โภ ‘‘จูฬปนฺถโก นาม กตโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อาเนหีติ. โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘จูฬปนฺถโก นาม, ภนฺเต, กตโร’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ ภิกฺขุสหสฺสมฺปิ กเถสิ. โส ปุนาคนฺตฺวา ชีวกสฺส กเถสิ ‘‘สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู สพฺเพปิ ‘อหํ จูฬปนฺถโก อหํ จูฬปนฺถโก’ติ กเถนฺติ, อหํ ‘อสุโก นาม ปกฺโกสิตพฺโพ’ติ น ชานามี’’ติ. ชีวโกปิ ปฏิวิทฺธสจฺจตาย ‘‘อิทฺธิมา ภิกฺขู’’ติ นยโต ตฺวา ‘‘ปมํ กถนภิกฺขุเมว ‘ตุมฺเห สตฺถา ปกฺโกสตี’ติ วตฺวา จีวรกณฺเณ คณฺห ตาตา’’ติ อาห. โส วิหารํ คนฺตฺวา ตถา อกาสิ, ตาวเทว สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู อนฺตรธายึสุ. โส เถรํ คเหตฺวา อคมาสิ. สตฺถา ตสฺมึ ขเณ ยาคุํ คณฺหิ.
ทสพเล ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คเต ธมฺมสภายํ กถา อุทปาทิ ‘‘ยาว มหนฺตา วต พุทฺธา นาม จตฺตาโร มาเส เอกคาถํ คณฺหิตุํ อสกฺโกนฺตํ ภิกฺขุํ เอวํมหิทฺธิกํ อกํสู’’ติ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตาจารํ ตฺวา คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสชฺช ‘‘กึ วเทถ, ภิกฺขเว’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. น ภควา อฺํ กิฺจิ กเถม, จูฬปนฺถเกน ตุมฺหากํ สนฺติกา มหาลาโภ ลทฺโธติ ตุมฺหากํเยว คุณํ กเถมาติ. อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, อิทานิ มยฺหํ โอวาทํ ¶ กตฺวา โลกุตฺตรทายชฺชลาโภ, อยํ อตีเตปิ อปริปกฺกาเณ ิตสฺส มยฺหํ โอวาทํ กตฺวา โลกิยทายชฺชํ ลภีติ. ภิกฺขู ‘‘กทา, ภนฺเต’’ติ อายาจึสุ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ.
ภิกฺขเว, อตีเต พาราณสีนคเร พฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺมึ สมเย จูฬกเสฏฺิ นาม ปณฺฑิโต พฺยตฺโต สพฺพนิมิตฺตานิ ¶ ชานาติ. โส เอกทิวสํ ราชูปฏฺานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรวีถิยํ มตมูสิกํ ทิสฺวา ตสฺมึ ขเณ นกฺขตฺตํ สมาเนตฺวา อิทมาห – ‘‘สกฺกา จกฺขุมตา กุลปุตฺเตน อิมํ อุนฺทูรํ คเหตฺวา ทารภรณฺจ กาตุํ กมฺมนฺเต จ ปโยเชตุ’’นฺติ. อฺตโร ทุคฺคตกุลปุตฺโต ตํ เสฏฺิสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘นายํ อชานิตฺวา กเถสฺสตี’’ติ มูสิกํ คเหตฺวา เอกสฺมึ อาปเณ พิฬารสฺสตฺถาย ทตฺวา กากณิกํ ลภิ. ตาย กากณิกาย ผาณิตํ กิณิตฺวา เอเกน กุเฏน ปานียํ คณฺหิตฺวา อรฺโต อาคจฺฉนฺเต มาลากาเร ทิสฺวา โถกํ โถกํ ผาณิตขณฺฑํ ทตฺวา อุฬุงฺเกน ปานียํ อทาสิ. เต ตสฺส เอเกกํ ปุปฺผมุฏฺึ อทํสุ. โส เตน ปุปฺผมูเลน ปุนทิวเสปิ ผาณิตฺจ ปานียฆฏฺจ คเหตฺวา ปุปฺผารามเมว คโต. ตสฺส ตํทิวสํ มาลาการา อฑฺฒโอจิตเก ปุปฺผคจฺเฉ ทตฺวา อคมํสุ. โส นจิรสฺเสว อิมินา อุปาเยน อฏฺ กหาปเณ ลภิ.
ปุน เอกสฺมึ วาตวุฏฺิทิวเส ฉฑฺฑิตอุยฺยานํ คนฺตฺวา ปติตทารูนํ ราสึ กตฺวา นิสินฺโน ราชกุมฺภการสฺส สนฺติกา โสฬส กหาปเณ ลภิ. โส จตุวีสติยา กหาปเณสุ ชาเตสุ ‘‘อตฺถิ อยํ อุปาโย มยฺห’’นฺติ นครทฺวารโต อวิทูเร าเน เอกํ ปานียจาฏึ เปตฺวา ปฺจสเต ติณหารเก ปานีเยน อุปฏฺหิ. เต ¶ อาหํสุ – ‘‘ตฺวํ, สมฺม, อมฺหากํ พหุปกาโร, กึ เต กโรมา’’ติ? โสปิ ‘‘มยฺหํ กิจฺเจ อุปฺปนฺเน กริสฺสถา’’ติ วตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺโต ถลปถกมฺมิเกน จ ชลปถกมฺมิเกน จ สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ อกาสิ. ตสฺส ถลปถกมฺมิโก ‘‘สฺเว อิมํ นครํ อสฺสวาณิชโก ปฺจ อสฺสสตานิ คเหตฺวา อาคมิสฺสตี’’ติ อาจิกฺขิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ติณหารกานํ สฺํ ทตฺวา เอเกกํ ติณกลาปํ ทิคุณํ กตฺวา อาหราเปสิ. อถ โส อสฺสานํ นครํ ปวิฏฺเวลาย ติณกลาปสหสฺสํ ¶ อนฺตรทฺวาเร ราสึ กตฺวา นิสีทิ. อสฺสวาณิโช สกลนคเร อสฺสานํ จารึ อลภิตฺวา ตสฺส สหสฺสํ ทตฺวา ตํ ติณํ คณฺหิ.
ตโต กติปาหจฺจเยนสฺส สมุทฺทกมฺมิกสหายโก อาโรเจสิ ‘‘ปฏฺฏนํ มหานาวา อาคตา’’ติ. โส ‘‘อตฺถิ อยํ อุปาโย’’ติ อฏฺหิ ¶ กหาปเณหิ สพฺพปริวารสมฺปนฺนํ ตาวกาลิกํ รถํ คเหตฺวา นาวาปฏฺฏนํ คนฺตฺวา เอกํ องฺคุลิมุทฺทิกํ นาวิกสฺส สจฺจการํ ทตฺวา อวิทูเร าเน สาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺโน ปุริเส อาณาเปสิ ‘‘พาหิรเกสุ วาณิเชสุ อาคเตสุ ตติเยน ปฏิหาเรน อาโรเจถา’’ติ. ‘‘นาวา อาคตา’’ติ สุตฺวา พาราณสิโต สตมตฺตา วาณิชา ‘‘ภณฺฑํ คณฺหามา’’ติ อาคมํสุ. ภณฺฑํ ตุมฺเห น ลภิสฺสถ, อสุกฏฺาเน นาม มหาวาณิเชน สจฺจกาโร ทินฺโนติ. เต เตสํ สุตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคตา, ปาทมูลิกปุริสา ปุริมสฺาวเสน ตติเยน ปาฏิหาเรน เตสํ อาคตภาวํ อาโรเจสุํ. เต สตมตฺตาปิ วาณิชา เอเกกํ สหสฺสํ ทตฺวา เตน สทฺธึ นาวาย ปตฺติกา หุตฺวา ปุน เอเกกํ สหสฺสํ ทตฺวา ปตฺตึ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ภณฺฑํ อตฺตโน สนฺตกํ อกํสุ. โส ¶ ปุริโส ทฺเว สตสหสฺสานิ คเหตฺวา พาราณสึ อาคนฺตฺวา ‘‘กตฺุนา ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอกํ สตสหสฺสํ คเหตฺวา จูฬเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คโต.
อถ ตํ จูฬเสฏฺิ ‘‘กึ เต, ตาต, กตฺวา อิทํ ธนํ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘ตุมฺเหหิ กถิตอุปาเย ตฺวา จตุมาสพฺภนฺตเรเยว ลทฺธ’’นฺติ อาห. เสฏฺิ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ เอวรูปํ ทารกํ ปรสนฺตกํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วยปฺปตฺตํ ธีตรํ ทตฺวา สกลกุฏุมฺพสฺส สามิกํ อกาสิ. โสปิ กุลปุตฺโต เสฏฺิโน อจฺจเยน ตสฺมึ นคเร เสฏฺิฏฺานํ คเหตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต. สตฺถา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อภิสมฺพุทฺธกาเล อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปเกนปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;
สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคึว สนฺธม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๔);
อิติ สตฺถา ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนานํ อิมํ การณํ ทสฺเสสิ. อยํ ทฺวินฺนมฺปิ มหาสาวกานํ ปุพฺพปตฺถนโต ปฏฺาย อนุปุพฺพิกถา. อปรภาเค ปน สตฺถา อริยคณปริวุโต ธมฺมาสเน นิสินฺโน ¶ มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ เจโตวิวฏฺฏกุสลานฺจ จูฬปนฺถกตฺเถรํ อคฺคฏฺาเน เปสิ, สฺาวิวฏฺฏกุสลานํ มหาปนฺถกนฺติ.
สุภูติตฺเถรวตฺถุ
๒๐๑. ตติเย ¶ อรณวิหารีนนฺติ นิกฺกิเลสวิหารีนํ. รณนฺติ หิ ราคาทโย กิเลสา วุจฺจนฺติ, เตสํ อภาเวน นิกฺกิเลสวิหาโร อรณวิหาโร นาม. โส เยสํ อตฺถิ, เต อรณวิหาริโน. เตสํ ¶ อรณวิหารีนํ สุภูติตฺเถโร อคฺโคติ. กิฺจาปิ หิ อฺเปิ ขีณาสวา อรณวิหาริโนว, เถเรน ปน ธมฺมเทสนาย เอตํ นามํ ลทฺธํ. อฺเ หิ ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺโต อุทฺทิสฺสกํ กตฺวา วณฺณํ วา อวณฺณํ วา กเถนฺติ, เถโร ปน ธมฺมํ เทเสนฺโต สตฺถารา เทสิตนิยามโต อโนกฺกมิตฺวา เทเสติ, ตสฺมา อรณวิหารีนํ อคฺโค นาม ชาโต.
๒๐๒. จตุตฺเถ ทกฺขิเณยฺยานนฺติ ทกฺขิณารหานํ. ตตฺถ กิฺจาปิ อฺเปิ ขีณาสวา อคฺคทกฺขิเณยฺยา, เถโร ปน ปิณฺฑาย จรนฺโต ฆเร ฆเร เมตฺตาฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ภิกฺขํ คณฺหาติ ‘‘เอวํ ภิกฺขาทายกานํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺโคติ วุตฺโต. อตฺตภาโว ปนสฺส สุสมิทฺโธ, อลงฺกตโตรณํ วิย จิตฺตปโฏ วิย จ อติวิย วิโรจติ. ตสฺมา สุภูตีติ วุจฺจติ.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตเร ภควติ อนุปฺปนฺเนเยว หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นนฺทมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต อตฺตโน ปริวาเรหิ จตุจตฺตาลีสาย มาณวกสหสฺเสหิ สทฺธึ ปพฺพตปาเท อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสิ, อนฺเตวาสิเกปิ ฌานลาภิโน อกาสิ.
ตสฺมึ สมเย ปทุมุตฺตโร ภควา โลเก นิพฺพตฺติตฺวา หํสวตีนครํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต นนฺทตาปสสฺส อนฺเตวาสิกานํ ชฏิลานํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ นนฺทตาปสสฺส จ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส สาวกสฺส านนฺตรปตฺถนํ ทิสฺวา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ ¶ กตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ ปตฺตจีวรมาทาย สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยเนว ¶ นนฺทตาปสสฺส อสฺสมํ อคมาสิ. ตตฺถ ¶ ผลาผลทานฺจ ปุปฺผาสนปฺาปนฺจ นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
สตฺถา ปน นิโรธา วุฏฺิโต อรณวิหาริองฺเคน จ ทกฺขิเณยฺยงฺเคน จาติ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ เอกํ สาวกํ ‘‘อิสิคณสฺส ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ อาณาเปสิ. โส อตฺตโน วิสเย ตฺวา เตปิฏกํ สมฺมสิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. ตสฺส เทสนาวสาเน สตฺถา สยํ ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพ จตุจตฺตาลีสสหสฺสาปิ ตาปสา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. นนฺทตาปโส ปน อนุโมทกสฺส ภิกฺขุโน นิมิตฺตํ คณฺหิตฺวา สตฺถุ เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตุํ นาสกฺขิ. สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ เสสภิกฺขูนํ หตฺถํ ปสาเรสิ. สพฺเพปิ อนฺตรหิตเกสมสฺสู อิทฺธิมยปริกฺขารา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย อเหสุํ.
นนฺทตาปโส ตถาคตํ วนฺทิตฺวา สมฺมุเข ิโต อาห – ‘‘ภนฺเต, เยน ภิกฺขุนา อิสิคณสฺส ปุปฺผาสนานุโมทนา กตา, โก นาโมยํ ตุมฺหากํ สาสเน’’ติ? อรณวิหาริองฺเคน จ ทกฺขิเณยฺยงฺเคน จ เอตทคฺคํ ปตฺโต เอโสติ. ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ อิมินา สตฺตาหกเตน อธิการกมฺเมน อฺํ สมฺปตฺตึ น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปนาหํ เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อยํ เถโร วิย ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคโต ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. นนฺทตาปโสปิ กาเลน กาลํ ทสพลสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. อิทมสฺส กลฺยาณกมฺมํ. อนฺตรา ปน กมฺมํ น กถิยติ.
โส ¶ กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา สาวตฺถิยํ สุมนเสฏฺิสฺส เคเห นิพฺพตฺติ, สุภูตีติสฺส นามํ อกํสุ. อปรภาเค อมฺหากํ สตฺถา โลเก นิพฺพตฺโต ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตทา อนาถปิณฺฑิโก เสฏฺิ สาวตฺถิยํ อุฏฺานกภณฺฑํ คเหตฺวา อตฺตโน สหายกสฺส ราชคหเสฏฺิโน ฆรํ คโต สตฺถุ อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา สตฺถารํ สีตวเน วิหรนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ¶ สตฺถารํ สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย ยาจิตฺวา ปฺจจตฺตาลีสโยชเน มคฺเค โยชเน โยชเน สตสหสฺสปริจฺจาเคน วิหาเร ปติฏฺาเปตฺวา สาวตฺถิยํ ราชมาเนน อฏฺกรีสปฺปมาณํ เชตราชกุมารสฺส อุยฺยานภูมึ โกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตตฺถ ภควโต วิหารํ กาเรตฺวา อทาสิ. วิหารมหทิวเส อยํ สุภูติกุฏิมฺพิโก อนาถปิณฺฑิกเสฏฺินา ¶ สทฺธึ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สทฺธํ ปฏิลภิตฺวา ปพฺพชิ. โส อุปสมฺปนฺโน ทฺเว มาติกา ปคุณํ กตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา อรฺเ สมณธมฺมํ กโรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา เมตฺตาฌานํ ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ธมฺมํ เทเสนฺโต วุตฺตนเยเนว ธมฺมํ กเถติ, ปิณฺฑาย จรนฺโต วุตฺตนเยเนว เมตฺตาฌานโต วุฏฺาย ภิกฺขํ คณฺหาติ. อถ นํ สตฺถา อิมํ การณทฺวยํ ปฏิจฺจ อรณวิหารีนฺจ ทกฺขิเณยฺยานฺจ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ขทิรวนิยเรวตตฺเถรวตฺถุ
๒๐๓. ปฺจเม อารฺกานนฺติ อรฺวาสีนํ. เรวโต ขทิรวนิโยติ ธมฺมเสนาปติตฺเถรสฺส กนิฏฺภาติโก. โส ยถา อฺเ เถรา อรฺเ วสมานา วนสภาคํ ¶ อุทกสภาคํ ภิกฺขาจารสภาคฺจ สลฺลกฺเขตฺวา อรฺเ วสนฺติ, น เอวํ วสิ. เอตานิ ปน สภาคานิ อนาทิยิตฺวา อุชฺชงฺคลสกฺขรปาสาณวิสเม ขทิรวเน ปฏิวสติ. ตสฺมา อารฺกานํ อคฺโคติ วุตฺโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร นิพฺพตฺโต มหาคงฺคาย ปยาคปติฏฺานติตฺเถ นาวากมฺมํ กโรนฺโต ปฏิวสติ. ตสฺมึ สมเย สตฺถา สตสหสฺสภิกฺขุปริวาโร จาริกํ จรนฺโต ปยาคปติฏฺานติตฺถํ สมฺปาปุณิ. โส ทสพลํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ กาเลน กาลํ พุทฺธทสฺสนํ นาม นตฺถิ, อยํ เม กลฺยาณกมฺมายูหนกฺขโณ’’ติ นาวาสงฺฆาฏํ พนฺธาเปตฺวา อุปริ เจลวิตานํ กาเรตฺวา คนฺธมาลาทามานิ โอสาเรตฺวา เหฏฺา วรโปตฺถกํ จิตฺตตฺถรณํ อตฺถราเปตฺวา สปริวารํ สตฺถารํ ปรตีรํ ตาเรสิ.
ตสฺมึ ¶ สมเย สตฺถา เอกํ อารฺกํ ภิกฺขุํ เอตทคฺเค เปสิ. โส นาวิโก ตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ เอวเมวํ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อารฺกานํ อคฺเคน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ เอตทคฺเค ปิโต โส ภิกฺขุ วิย อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อารฺกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สาสเน ¶ ตฺวํ อารฺกานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. อนฺตรา ปน อฺํ กมฺมํ น กถิยติ.
โส ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธกฺเขตฺเต นาลกพฺราหฺมณคาเม สารีพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ติณฺณํ ภาติกานํ ติสฺสนฺนฺจ ภคินีนํ สพฺพกนิฏฺโ หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เรวโตติสฺส นามํ อกํสุ. อถสฺส มาตาปิตโร จินฺเตสุํ ¶ – ‘‘วฑฺฒิตวฑฺฒิเต ทารเก สมณา สกฺยปุตฺติยา เนตฺวา ปพฺพาเชนฺติ, อมฺหากํ ปุตฺตํ เรวตํ ทหรเมว ฆรพนฺธเนน พนฺธิสฺสามา’’ติ สมานกุลโต ทาริกํ อาเนตฺวา เรวตสฺส อยฺยิกํ วนฺทาเปตฺวา, ‘‘อมฺม, ตว อยฺยิกาย มหลฺลกตรา โหหี’’ติ อาหํสุ. เรวโต เตสํ กถํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ทาริกา ทหรา ปมวเย ิตา, อิมิสฺสา กิร เอวํวิธํ รูปํ มม อยฺยิกาย รูปสทิสํ ภวิสฺสติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว เนสํ อธิปฺปาย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห – ‘‘ตุมฺเห กึ กเถถา’’ติ? ตาต, ‘‘อยํ ทาริกา อยฺยิกา วิย เต ชรํ ปาปุณาตู’’ติ วทามาติ. โส ‘‘อิมิสฺสา รูปํ เอวํวิธํ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ตาต, กึ วเทสิ, มหาปฺุา เอวํวิธา โหนฺตีติ.
โส จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ กิร รูปํ อิมินา นิยาเมน วลิตฺตจํ ภวิสฺสติ ปลิตเกสํ ขณฺฑทนฺตํ, อหํ เอวรูเป รูเป รชฺชิตฺวา กึ กริสฺสามิ, มม ภาติกานํ คตมคฺคเมว คมิสฺสามี’’ติ กีฬนฺโต วิย หุตฺวา สมวเย ตรุณทารเก อาห – ‘‘เอถ, โภ, วิธาวนิกํ กริสฺสามา’’ติ นิกฺขมิ. ตาต, มงฺคลทิวเส มา พหิ คจฺฉาติ. โส ทารเกหิ สทฺธึ กีฬนฺโต วิย อตฺตโน ธาวนวาเร สมฺปตฺเต โถกํ คนฺตฺวา ปปฺเจตฺวา อาคจฺฉติ ¶ . ปุน ทุติยวาเร สมฺปตฺเต ตโต ตุริตํ วิย คนฺตฺวา อาคโต, ตติยวาเร สมฺปตฺเต ‘‘อยํ เม กาโล’’ติ ตฺวา สมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายิตฺวา ปํสุกูลิกภิกฺขูนํ นิวาสฏฺานํ อรฺํ คนฺตฺวา เถเร อภิวาเทตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สปฺปุริส มยํ ตํ น ชานาม ‘‘กสฺสาสิ ปุตฺโต’’ติ, ตฺวฺจ อลงฺกตนิยาเมเนว อาคโต, โก ตํ ปพฺพาเชตุํ อุสฺสหิสฺสตีติ. โส อุโภ พาหา ปคฺคยฺห ‘‘วิลุมฺปนฺติ มํ วิลุมฺปนฺติ ¶ ม’’นฺติ มหารวํ วิรวิ. อิโต จิโต จ ภิกฺขู สนฺนิปติตฺวา ‘‘สปฺปุริส, อิมสฺมึ าเน ตว วตฺถํ วา ปิฬนฺธนํ วา โกจิ คณฺหนฺโต นาม นตฺถิ, ตฺวฺจ ‘วิลุมฺปนฺตี’ติ วทสิ, กึ สนฺธาย วทสี’’ติ? ภนฺเต, นาหํ วตฺถาลงฺการํ สนฺธาย วทามิ, ติสฺสนฺนํ ปน เม สมฺปตฺตีนํ วิโลโป วตฺตติ, ตํ สนฺธาย วทามิ. มํ ตาว ตุมฺเห ¶ มา ปพฺพาชยิตฺถ, ภาตรํ ปน เม ชานาถาติ. โกนาโม ปน เต ภาตาติ? คิหิกาเล อุปติสฺโส นาม, อิทานิ ปน สาริปุตฺโต นาม ชาโตติ วทนฺตีติ. ‘‘อาวุโส, เอวํ สนฺเต อยํ กุลปุตฺโต อมฺหากํ กนิฏฺภาติโก นาม โหติ, เชฏฺภาติโก โน ธมฺมเสนาปติ ปุเรตรํเยว อาห – ‘อมฺหากํ าตกา สพฺเพว มิจฺฉาทิฏฺิกา, โย โกจิ อมฺหากํ าตีติ อาคจฺฉติ, ตํ เยน เตนุปาเยน ปพฺพาเชยฺยถา’ติ. อยํ ปน เถรสฺส อชฺฌตฺตภาติโก, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ วตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาชยึสุ. อถ นํ ปริปุณฺณวสฺสํ อุปสมฺปาเทตฺวา กมฺมฏฺาเน โยชยึสุ.
เถโร กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อาจริยุปชฺฌายานํ อวิทูเร าเน วุตฺตปฺปการํ ขทิรวนํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. ตสฺส ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา ทสพลํ วา ภาติกตฺเถรํ วา น ปสฺสิสฺสามี’’ติ วายมนฺตสฺเสว ตโย มาสา อติกฺกนฺตา, สุขุมาลกุลปุตฺตสฺส ลูขโภชนํ ภฺุชนฺตสฺส จิตฺตํ วลีตํ นาม โหติ, กมฺมฏฺานํ วิโมกฺขํ น คตํ. โส เตมาสจฺจเยน ปวาเรตฺวา วุตฺถวสฺโส หุตฺวา ตสฺมึเยว าเน สมณธมฺมํ กโรติ. ตสฺส สมณธมฺมํ กโรนฺตสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ, โส วิปสฺสนํ ¶ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อถายสฺมา ¶ สาริปุตฺโต สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ กิร กนิฏฺภาตา เรวโต ปพฺพชิโต, โส อภิรเมยฺย วา น วา, คนฺตฺวา นํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ. ภควา เรวตสฺส อารทฺธวิปสฺสกภาวํ ตฺวา ทฺเว วาเร ปฏิกฺขิปิตฺวา ตติยวาเร ยาจิโต อรหตฺตํ ปตฺตภาวํ ตฺวา, ‘‘สาริปุตฺต, อหมฺปิ คมิสฺสามิ, ภิกฺขูนํ อาโรเจหี’’ติ. เถโร ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา, ‘‘อาวุโส, สตฺถา จาริกํ จริตุกาโม, คนฺตุกามา อาคจฺฉนฺตู’’ติ สพฺเพสํเยว อาโรเจสิ. ทสพลสฺส จาริกตฺถาย คมนกาเล โอหีนกภิกฺขู นาม อปฺปกา โหนฺติ, ‘‘สตฺถุ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ปสฺสิสฺสาม, มธุรธมฺมกถํ วา สุณิสฺสามา’’ติ เยภุยฺเยน คนฺตุกามาว พหุกา โหนฺติ. อิติ สตฺถา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ‘‘เรวตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺโต.
อเถกสฺมึ ปเทเส อานนฺทตฺเถโร ทฺเวธาปถํ ปตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน ทฺเว มคฺคา, กตรมคฺเคน สงฺโฆ คจฺฉตู’’ติ. กตรมคฺโค, อานนฺท, อุชุโกติ? ภนฺเต, อุชุมคฺโค ตึสโยชโน อมนุสฺสปโถ, ปริหารมคฺโค ปน สฏฺิโยชนิโก เขโม สุภิกฺโขติ. อานนฺท ¶ , สีวลิ อมฺเหหิ สทฺธึ อาคโตติ? อาม, ภนฺเต, อาคโตติ. เตน หิ สงฺโฆ อุชุมคฺคเมว คณฺหตุ, สีวลิสฺส ปฺุํ วีมํสิสฺสามาติ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร สีวลิตฺเถรสฺส ปฺุวีมํสนตฺถํ อฏวิมคฺคํ อภิรุหิ. มคฺคํ อภิรุหนฏฺานโต ปฏฺาย เทวสงฺโฆ โยชเน โยชเน าเน นครํ มาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส วสนตฺถาย วิหาเร ปฏิยาเทสิ. เทวปุตฺตา รฺา เปสิตกมฺมการา วิย หุตฺวา ยาคุขชฺชกาทีนิ คเหตฺวา ‘‘กหํ อยฺโย ¶ สีวลิ, กหํ อยฺโย สีวลี’’ติ ปุจฺฉนฺตา คจฺฉนฺติ. เถโร ตํ สกฺการสมฺมานํ คณฺหาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉติ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปริภฺุชิ.
อิมินาว นิยาเมน สตฺถา สกฺการสมฺมานํ อนุภวนฺโต เทวสิกํ โยชนปรมํ คนฺตฺวา ตึสโยชนิกํ กนฺตารํ อติกฺกมฺม ขทิรวนิยตฺเถรสฺส สภาคฏฺานํ ปตฺโต. เถโร สตฺถุ อาคมนํ ตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปโหนกวิหาเร ทสพลสฺส คนฺธกุฏึ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทีนิ จ อิทฺธิยา มาเปตฺวา ตถาคตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ ¶ คโต. สตฺถา อลงฺกตปฏิยตฺเตน มคฺเคน วิหารํ ปาวิสิ. อถ ตถาคเต คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ ภิกฺขู วสฺสคฺเคน ปตฺตเสนาสนานิ ปวิสึสุ. เทวตา ‘‘อกาโล อาหารสฺสา’’ติ อฏฺวิธํ ปานกํ อาหรึสุ. สตฺถา สงฺเฆน สทฺธึ ปานกํ ปิวิ. อิมินาว นิยาเมน ตถาคตสฺส สกฺการสมฺมานํ อนุภวนฺตสฺเสว อทฺธมาโส อติกฺกนฺโต.
อเถกจฺเจ อุกฺกณฺิตภิกฺขู เอกสฺมึ าเน นิสีทิตฺวา กถํ อุปฺปาทยึสุ ‘‘สตฺถา ทสพโล ‘มยฺหํ อคฺคสาวกสฺส กนิฏฺภาตา’ติ วตฺวา เอวรูปํ นวกมฺมิกภิกฺขุํ ปสฺสิตุํ อาคโต, อิมสฺส วิหารสฺส สนฺติเก เชตวนมหาวิหาโร วา เวฬุวนวิหาราทโย วา กึ กริสฺสนฺติ. อยมฺปิ ภิกฺขุ เอวรูปสฺส นวกมฺมสฺส การโก, กึ นาม สมณธมฺมํ กริสฺสตี’’ติ? อถ สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘มยิ จิรํ วสนฺเต อิทํ านํ อากิณฺณํ ภวิสฺสติ, อารฺกา ภิกฺขู นาม ปวิเวกตฺถิกา โหนฺติ, เรวตสฺส อผาสุวิหาโร ภวิสฺสตี’’ติ ตโต เรวตสฺส ทิวาฏฺานํ คโต. เถโร เอกโกว จงฺกมนโกฏิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ปาสาณผลเก นิสินฺโน สตฺถารํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิ.
อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘เรวต, อิมํ วาฬมิคฏฺานํ ¶ , จณฺฑานํ หตฺถิอสฺสาทีนํ สทฺทํ สุตฺวา กินฺติ กโรสี’’ติ? เตสํ เม, ภนฺเต, สทฺทํ สุณโต อรฺรติ นาม อุปฺปชฺชตีติ. สตฺถา ¶ ตสฺมึ าเน เรวตตฺเถรสฺส ปฺจหิ คาถาสเตหิ อรฺเ นิวาสานิสํสํ นาม กเถตฺวา ปุนทิวเส อวิทูเร าเน ปิณฺฑาย จริตฺวา เรวตตฺเถรํ นิวตฺเตตฺวา เยหิ ภิกฺขูหิ เถรสฺส อวณฺโณ กถิโต, เตสํ กตฺตรยฏฺิอุปาหนาเตลนาฬิฉตฺตานํ ปมุสฺสนภาวํ อกาสิ. เต อตฺตโน ปริกฺขารตฺถาย นิวตฺตา อาคตมคฺเคเนว คจฺฉนฺตาปิ ตํ านํ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกนฺติ. ปมํ หิ เต อลงฺกตปฏิยตฺเตน มคฺเคน คนฺตฺวา ตํทิวสํ ปน วิสมมคฺเคน คจฺฉนฺตา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน อุกฺกุฏิกํ นิสีทนฺติ, ชาณุเกน คจฺฉนฺติ. เต คุมฺเพ จ คจฺเฉ จ กณฺฏเก จ มทฺทนฺตา อตฺตโน วสิตสภาคฏฺานํ คนฺตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ ขทิรขาณุเก อตฺตโน ฉตฺตํ สฺชานนฺติ, อุปาหนํ กตฺตรยฏฺึ เตลนาฬึ สฺชานนฺติ. เต ตสฺมึ สมเย ‘‘อิทฺธิมา ¶ อยํ ภิกฺขู’’ติ ตฺวา อตฺตโน ปริกฺขาเร อาทาย ‘‘ทสพลสฺส ปฏิยตฺตสกฺกาโร นาม เอวรูโป โหตี’’ติ วทนฺตา อาคมํสุ.
ปุรโต คตภิกฺขู, วิสาขา อุปาสิกา, อตฺตโน เคเห นิสินฺนกาเล ปุจฺฉติ – ‘‘มนาปํ นุ โข, ภนฺเต, เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ? มนาปํ อุปาสิเก นนฺทนวนจิตฺตลตาทิปฏิภาคํ ตํ เสนาสนนฺติ. อถ เนสํ สพฺพปจฺฉโต อาคตภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘มนาปํ, อยฺยา, เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ. มา ปุจฺฉ อุปาสิเก, กเถตุํ อยุตฺตฏฺานเมตํ, อุชฺชงฺคลํ สกฺขรปาสาณวิสมํ ขทิรวนํ เอตํ, ตตฺถ โส ภิกฺขุ วิหรตีติ. วิสาขา, ปุริมานฺจ ปจฺฉิมานฺจ ภิกฺขูนํ กถํ ¶ สุตฺวา ‘‘เกสํ นุ โข กถา สจฺจา’’ติ ปจฺฉาภตฺเต คนฺธมาลํ อาทาย ทสพลสฺส อุปฏฺานํ คนฺตฺวา, วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ เอกจฺเจ, อยฺยา, วณฺเณนฺติ, เอกจฺเจ นินฺทนฺติ, กึ นาเมตํ, ภนฺเต’’ติ? วิสาเข รมณียํ วา โหตุ มา วา, ยสฺมึ าเน อริยานํ จิตฺตํ รมติ, ตเทว านํ รมณียํ นามาติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;
ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ. (ธ. ป. ๙๘; สํ. นิ. ๑.๒๖๑);
อถ สตฺถา อปรภาเค เชตวนมหาวิหาเร อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ อารฺกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
กงฺขาเรวตตฺเถรวตฺถุ
๒๐๔. ฉฏฺเ ¶ ฌายีนนฺติ ฌานลาภีนํ ฌานาภิรตานํ. โส กิร เถโร ยา ฌานสมาปตฺติโย ทสพโล สมาปชฺชติ, ตโต อปฺปตรํ เปตฺวา พหุตรา สมาปชฺชติ. ตสฺมา ฌายีนํ อคฺโค นาม ชาโต. กงฺขายนภาเวน กงฺขาเรวโตติ วุจฺจติ. กงฺขา นาม กุกฺกุจฺจํ, กุกฺกุจฺจโกติ อตฺโถ. กึ ปน อฺเ กุกฺกุจฺจกา นตฺถีติ? อตฺถิ, อยํ ปน เถโร กปฺปิเยปิ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทสิ. เตนสฺส กุกฺกุจฺจกตา อติปากฏา ชาตาติ กงฺขาเรวโตตฺเวว สงฺขํ คโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล ปุริมนเยเนว มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ ¶ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ฌานาภิรตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เทสนาวสาเน สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปุริมนเยเนว สตฺตาหํ มหาสกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมินา อธิการกมฺเมน น ¶ อฺํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถมิ, ยถา ปน โส ตุมฺเหหิ อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก ภิกฺขุ ฌายีนํ อคฺคฏฺาเน ปิโต, เอวํ อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ฌายีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตฺวํ ฌายีนํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โส ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถินคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ คจฺฉนฺเตน มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา สทฺธํ ปฏิลภิตฺวา ปพฺพชิโต อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา ฌานปริกมฺมํ กโรนฺโต ฌานลาภี หุตฺวา ฌานเมว ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตผลํ ปาปุณิ. โส ทสพเลน สมาปชฺชิตพฺพสมาปตฺตีนํ อปฺปตรา เปตฺวา พหุตรา สมาปชฺชนฺโต อโหรตฺตํ ฌาเนสุ จิณฺณวสี อโหสิ. อถ นํ อปรภาเค สตฺถา อิมํ คุณํ คเหตฺวา ฌายีนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. ‘‘อกปฺปิโย, อาวุโส คุโฬ, อกปฺปิยา มุคฺคา’’ติ (มหาว. ๒๗๒) เอวํ ปน กปฺปิเยสฺเวว วตฺถูสุ ¶ กุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาทิตตาย กุกฺกุจฺจสงฺขาตาย กงฺขาย ภาเวน กงฺขาเรวโตติ สงฺขํ คโตติ.
โสณโกฬิวิสตฺเถรวตฺถุ
๒๐๕. สตฺตเม อารทฺธวีริยานนฺติ ปคฺคหิตวีริยานํ ปริปุณฺณวีริยานํ. โสโณ โกฬิวิโสติ โสโณติ ตสฺส นามํ, โกฬิวิโสติ โคตฺตํ. โกฏิเวสฺโสติ วา อตฺโถ, อิสฺสริเยน โกฏิปฺปตฺตสฺส เวสฺสกุลสฺส ทารโกติ อธิปฺปาโย. ยสฺมา ปน อฺเสํ ภิกฺขูนํ ¶ วีริยํ นาม วฑฺเฒตพฺพํ โหติ, เถรสฺส ปน หาเปตพฺพเมว อโหสิ. ตสฺมา เอส อารทฺธวีริยานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ¶ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ, สิริวฑฺฒกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ปุริมนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อารทฺธวีริยานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เทสนาปริโยสาเน ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา วุตฺตนเยเนว ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว พฺยากริตฺวา วิหารํ คโต.
โสปิ สิริวฑฺฒเสฏฺิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา อิมสฺมึ กปฺเป ปรินิพฺพุเต กสฺสปทสพเล อนุปฺปนฺเน อมฺหากํ ภควติ พาราณสิยํ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. โส อตฺตโน สหายเกหิ สทฺธึ คงฺคายํ กีฬติ. ตสฺมึ สมเย เอโก ชิณฺณจีวริโก ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘พาราณสึ อุปนิสฺสาย คงฺคาตีเร ปณฺณสาลํ กตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉิสฺสามี’’ติ อุทเกน สมุปพฺยูฬฺเห ทณฺฑเก จ วลฺลิโย จ สํกฑฺฒติ. อยํ กุมาโร สหายเกหิ สทฺธึ คนฺตฺวา อภิวาเทตฺวา ิโต, ‘‘ภนฺเต, กึ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิ. กุมาร อุปกฏฺเ อนฺโตวสฺเส ปพฺพชิตานํ วสนฏฺานํ นาม ลทฺธุํ วฏฺฏตีติ. ‘‘ภนฺเต, อชฺเชว เอกทิวสํ อยฺโย ยถา ตถา อาคเมตุ, อหํ สฺเว อยฺยสฺส วสนฏฺานํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘ตสฺเสว กุมารสฺส สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ อาคตตฺตา อธิวาเสสิ. โส ตสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา คโต ปุนทิวเส สกฺการสมฺมานํ ¶ สชฺเชตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ¶ อาคมนํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ‘‘กหํ นุ โข อชฺช ภิกฺขาจารํ ลภิสฺสามี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตฺวา ตสฺเสว เคหทฺวารํ อคมาสิ.
กุมาโร ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา สมฺปิยายมาโน ปตฺตํ อาทาย ภิกฺขํ ทตฺวา ‘‘อิมํ อนฺโตวสฺสํ มยฺหํ เคหทฺวารเมว อาคจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปกฺกนฺเต อตฺตโน สหายเกหิ สทฺธึ คนฺตฺวา เอกทิวเสเนว ปจฺเจกพุทฺธสฺส วสนปณฺณสาลฺจ จงฺกมนฺจ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ จ การาเปตฺวา อทาสิ. ตสฺเสว ปณฺณสาลํ ปวิสนเวลาย ¶ หริตูปลิตฺตาย ภูมิยา ‘‘ปาเทสุ กลลํ มา ลคฺคี’’ติ อตฺตโน ปารุปนํ สตสหสฺสคฺฆนกํ รตฺตกมฺพลํ ภูมตฺถรณํ สนฺถริตฺวา กมฺพลสฺส วณฺเณน สทฺธึ ปจฺเจกพุทฺธสฺส สรีรปฺปภํ เอกสทิสํ ทิสฺวา อติวิย ปสนฺโน หุตฺวา อาห – ‘‘ยถา ตุมฺเหหิ อกฺกนฺตกาลโต ปฏฺาย อิมสฺส กมฺพลสฺส อติวิย ปภา วิโรจติ, เอวเมว มยฺหมฺปิ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน หตฺถปาทานํ วณฺโณ พนฺธุชีวกปุปฺผวณฺโณ โหตุ, สตกฺขตฺตุํ วิหตกปฺปาสปฏลผสฺสสทิโสว ผสฺโส โหตู’’ติ. โส เตมาสํ ปจฺเจกพุทฺธํ อุปฏฺหิตฺวา ปวาริตกาเล ติจีวรํ อทาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ปริปุณฺณปตฺตจีวโร คนฺธมาทนเมว คโต.
โสปิ กุลปุตฺโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล กาฬจมฺปานคเร อุปเสฏฺิสฺส ฆเร ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณกาลโต ปฏฺาย เสฏฺิกุลํ อเนกานิ ¶ ปณฺณาการสหสฺสานิ อาคจฺฉนฺติ. ชาตทิวเส จ สกลนครํ เอกสกฺการสมฺมานํ อโหสิ. อถสฺส นามคฺคหณทิวเส มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต อตฺตโน นามํ คณฺหิตฺวาว อาคโต, รตฺตสุวณฺณรสปริสิตฺตา วิยสฺส สรีรจฺฉวี’’ติ โสณกุมาโรตฺเววสฺส นามํ อกํสุ.
อถสฺส สฏฺิ ธาติโย อุปเนตฺวา เทวกุมารํ วิย นํ สุเขน วฑฺเฒสุํ. ตสฺส เอวรูปํ อาหารวิธานํ อโหสิ – สฏฺิกรีสมตฺตํ านํ กสิตฺวา ติวิเธน อุทเกน โปเสนฺติ. เกทาเร ปวิสนฺตีสุ อุทกมาติกาสุ ขีโรทกสฺส จ คนฺโธทกสฺส จ อเนกานิ จาฏิสหสฺสานิ อาสิฺจนฺติ. สาลิสีสานํ ขีรคฺคหณกาเล สุกาทีนํ ปาณานํ อุจฺฉิฏฺกรณนิวารณตฺถํ วีหิคพฺภานํ สุขุมาลภาวตฺถฺจ ปริยนฺตปริกฺเขเป จ อนฺตรนฺตรา จ ถมฺเภ นิขนิตฺวา อุปริ ทณฺฑเก ทตฺวา กิลฺเชหิ ฉาเทตฺวา สมนฺตา สาณิยา ปริกฺขิปิตฺวา สพฺพปริยนฺเต อารกฺขํ คณฺหนฺติ. สสฺเส นิปฺผนฺเน โกฏฺเ จตุชาติคนฺเธหิ ปริภณฺฑํ กตฺวา อุปริ อุตฺตมคนฺเธหิ ปริภาเวนฺติ ¶ . อเนกสหสฺสปุริสา เขตฺตํ โอรุยฺห สาลิสีสานิ วณฺเฏสุ ฉินฺทิตฺวา มุฏฺิมุฏฺิโย กตฺวา รชฺชุเกหิ พนฺธิตฺวา สุกฺขาเปนฺติ. ตโต โกฏฺกสฺส เหฏฺิมตเล คนฺเธ สนฺถริตฺวา อุปริ สาลิสีสานิ สนฺถรนฺติ. เอวํ เอกนฺตริกํ กตฺวา สนฺถรนฺตา โกฏฺกํ ปูเรตฺวา ทฺวารํ ปิทหนฺติ ¶ , ติวสฺสสมฺปตฺตกาเล โกฏฺกํ วิวรนฺติ. วิวฏกาเล สกลนครํ สุคนฺธคนฺธิกํ โหติ. สาลิมฺหิ ปหเต ธุตฺตา ถุเส กิณิตฺวา คณฺหนฺติ, กุณฺฑกํ ปน จูฬุปฏฺากา ลภนฺติ. มุสลฆฏฺฏิตเก สาลิตณฺฑุเล วิจินิตฺวา คณฺหนฺติ ¶ . เต สุวณฺณหีรกปจฺฉิยํ ปกฺขิปิตฺวา สตกาลํ ปริสฺสาเวตฺวา คหิเต ปกฺกุถิตชาติรเส เอกวารํ ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธรนฺติ, ปมุขฏฺานํ สุมนปุปฺผสทิสํ โหติ. ตํ โภชนํ สุวณฺณสรเก ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกุถิตอปฺโปทกมธุปายาสปูริตสฺส รชตถาลสฺส อุปริ กตฺวา อาทาย คนฺตฺวา เสฏฺิปุตฺตสฺส ปุรโต เปนฺติ.
โส อตฺตโน ยาปนมตฺตํ ภฺุชิตฺวา คนฺธวาสิเตน อุทเกน มุขํ วิกฺขาเลตฺวา หตฺถปาเท โธวติ. อถสฺส โธตหตฺถปาทสฺส นานปฺปการํ มุขวาสํ อุปเนนฺติ. ตสฺส อกฺกมนฏฺาเน วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณํ อตฺถรนฺติ. หตฺถปาทตลานิสฺส พนฺธุชีวกปุปฺผวณฺณานิ โหนฺติ, สตกาลวิหตกปฺปาสสฺส วิย ผสฺโส, ปาทตเลสุ มณิกุณฺฑลาวตฺตวณฺณานิ โลมานิ ชายึสุ. โส กสฺสจิเทว กุชฺฌิตฺวา ‘‘อาชานาหิ ภูมึ อกฺกมิสฺสามี’’ติ วทติ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก ตโย ปาสาเท กาเรตฺวา นาฏกานิ จ อุปฏฺาเปสุํ. โส มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต เทโว มฺเ ปฏิวสติ.
อถ อมฺหากํ สตฺถริ สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต ปาทโลมทสฺสนตฺถํ รฺา มาคเธน ปกฺโกสาเปตฺวา อสีติยา คามิยสหสฺเสหิ สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ ปหิโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ ภควา ‘‘อนฺุาโตสิ มาตาปิตูหี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อนนฺุาตภาวํ สุตฺวา ‘‘น โข, โสณ, ตถาคตา มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. โส ‘‘สาธุ ภควา’’ติ ตถาคตสฺส วจนํ สิรสา ¶ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาตาปิตูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคมฺม อฺตรสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ปพฺพชิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปนสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ปาฬิยํ (มหาว. ๒๔๓) อาคตเมว.
ตสฺส ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา ราชคเห วิหรนฺตสฺส สมฺพหุลา าติสาโลหิตา ¶ จ สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา จ สกฺการสมฺมานํ อาหรนฺติ, รูปนิปฺผตฺติยา ¶ วณฺณํ กเถนฺติ, อฺเปิ ชนา ปสฺสิตุํ อาคจฺฉนฺติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘มม สนฺติกํ พหู ชนา อาคจฺฉนฺติ, กมฺมฏฺาเน วา วิปสฺสนาย วา กมฺมํ กาตุํ กถํ สกฺขิสฺสามิ, ยํนูนาหํ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา สีตวนสุสานํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ กเรยฺยํ. ตตฺร หิ สุสานนฺติ ชิคุจฺฉิตฺวา พหู ชนา นาคมิสฺสนฺติ, เอวํสนฺเต มม กิจฺจํ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา สีตวนํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ อารภิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ สรีรํ ปรมสุขุมาลํ, น โข ปน สกฺกา สุเขเนว สุขํ ปาปุณิตุํ, กายํ กิลเมตฺวาปิ สมณธมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตโต านจงฺกมเมว อธิฏฺาย ปธานมกาสิ. ตสฺส สุขุมาลานํ ปาทตลานํ อนฺตนฺเตหิ โผฏา อุฏฺาย ภิชฺชึสุ, จงฺกโม เอกโลหิโตว อโหสิ. ปาเทสุ อวหนฺเตสุ ชณฺณุเกหิปิ หตฺเถหิปิ วายมิตฺวา จงฺกมติ. เอวํ วีริยํ ทฬฺหํ กโรนฺโตปิ โอภาสมตฺตมฺปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อฺโปิ อารทฺธวีริโย ภเวยฺย, มาทิโสว ภเวยฺย. อหํ โข ปน เอวํ วายมนฺโตปิ มคฺคํ วา ผลํ วา อุปฺปาเทตุํ น สกฺโกมิ, อทฺธา เนวาหํ อุคฺฆฏิตฺู, น วิปฺจิตฺู, น เนยฺโย, ปทปรเมน มยา ภวิตพฺพํ. กึ เม ปพฺพชฺชาย, หีนายาวตฺติตฺวา ¶ โภเค จ ภฺุชิสฺสามิ ปฺุานิ จ กริสฺสามี’’ติ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา เถรสฺส วิตกฺกํ ตฺวา สายนฺหสมเย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตตฺถ คนฺตฺวา โลหิเตน ผุฏฺํ จงฺกมํ ทิสฺวา เถรํ วีโณวาเทน (มหาว. ๒๔๓) โอวทิตฺวา วีริยสมถโยชนตฺถาย ตสฺส กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา คิชฺฌกูฏเมว คโต. โสณตฺเถโรปิ ทสพลสฺส สมฺมุขา โอวาทํ ลภิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. อถ สตฺถา อปรภาเค เชตวเน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ธมฺมํ เทเสนฺโต เถรํ อารทฺธวีริยานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
โสณกุฏิกณฺณตฺเถรวตฺถุ
๒๐๖. อฏฺเม กลฺยาณวากฺกรณานนฺติ วากฺกรณํ วุจฺจติ วจนกิริยา, มธุรวจนานนฺติ อตฺโถ. อยฺหิ เถโร ทสพเลน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยา ตถาคตสฺส ¶ มธุเรน สเรน ธมฺมกถํ กเถสิ. อถสฺส สตฺถา สาธุการํ อทาสิ. ตสฺมา โส กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺโค ¶ นาม ชาโต. โสโณติ ตสฺส นามํ, โกฏิอคฺฆนกํ ปน กณฺณปิฬนฺธนํ ธาเรสิ. ตสฺมา กุฏิกณฺโณติ วุจฺจติ, โกฏิกณฺโณติ อตฺโถ.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล ปุริมนเยเนว มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ตฺวา สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺเคน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ ภิกฺขุํ ตุมฺเห อิโต ¶ สตฺตทิวสมตฺถเก กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺคฏฺาเน ปยิตฺถ, อหมฺปิ อิมสฺส อธิการกมฺมสฺส ผเลน อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ตถารูโป ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สาสเน กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต อมฺหากํ ทสพลสฺส อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว เทวโลกา จวิตฺวา กาฬิยา นาม กุรรฆริกาย อุปาสิกาย กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา ปริปกฺเก คพฺเภ ราชคหนคเร อตฺตโน กุลนิเวสนํ อาคตา.
ตสฺมึ สมเย อมฺหากํ สตฺถา สพฺพฺุตํ ปตฺโต อิสิปตเน ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปตึสุ. ตตฺถ เอโก อฏฺวีสติยา ยกฺขเสนาปตีนํ อพฺภนฺตเร สาตาคิโร นาม ยกฺโข ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย จินฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข อยํ เอวํ มธุรธมฺมกถา มม สหาเยน เหมวเตน สุตา น สุตา’’ติ? โส เทวสงฺฆสฺส อนฺตเร โอโลเกนฺโต ตํ อปสฺสิตฺวา ‘‘อทฺธา มม สหาโย ติณฺณํ รตนานํ อุปฺปนฺนภาวํ น ชานาติ, คจฺฉามิ ทสพลสฺส เจว วณฺณํ กเถสฺสามิ, ปฏิวิทฺธธมฺมฺจ อาโรเจสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ ราชคหมตฺถเกน ตสฺส สนฺติกํ ปายาสิ.
เหมวโตปิ ¶ ติโยชนสหสฺสํ หิมวนฺตํ อกาลปุปฺผิตํ ทิสฺวา ‘‘มม สหาเยน สาตาคิเรน สทฺธึ หิมวนฺตกีฬิตํ กีฬิสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ ราชคหมตฺถเกเนว ¶ ปายาสิ. เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ อคฺคพลกายา กุลฆริกาย กาฬิอุปาสิกาย นิเวสนมตฺถเก สมาคนฺตฺวา ‘‘ตุมฺเห กสฺส ปริสา, มยํ สาตาคิรสฺส. ตุมฺเห กสฺส ปริสา, มยํ เหมวตสฺสา’’ติ อาหํสุ. เต หฏฺตุฏฺาว คนฺตฺวา เตสํ ยกฺขเสนาปตีนํ อาโรจยึสุ. เตปิ ตํขณฺเว ¶ อุปาสิกาย นิเวสนมตฺถเก สมาคจฺฉึสุ. สาตาคิโร เหมวตํ อาห – ‘‘กหํ, สมฺม, คจฺฉสี’’ติ? ตว สนฺติกํ สมฺมาติ. กึการณาติ? หิมวนฺตํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา ตยา สทฺธึ ตตฺถ กีฬิสฺสามีติ. ตฺวํ ปน, สมฺม, กหํ คจฺฉสีติ? ตว สนฺติกํ, สมฺมาติ. กึการณาติ? ตฺวํ หิมวนฺตสฺส เกน ปุปฺผิตภาวํ ชานาสีติ? น ชานามิ, สมฺมาติ. สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต สิทฺธตฺถกุมาโร ทสสหสฺสิโลกธาตุํ กมฺเปตฺวา ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ มชฺเฌ อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส ปวตฺติตภาวํ น ชานาสีติ? น ชานามิ, สมฺมาติ. ตฺวํ เอตฺตกเมว านํ ปุปฺผิตนฺติ อฺาสิ, ตสฺส ปน ปุริสสฺส สกฺการตฺถาย สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬํ เอกมาลาคุฬสทิสํ อชฺช ชาตํ สมฺมาติ. มาลา ตาว ปุปฺผนฺตุ, ตยา โส สตฺถา อกฺขีนิ ปูเรตฺวา ทิฏฺโติ. อาม, สมฺม, สตฺถา จ เม ทิฏฺโ, ธมฺโม จ สุโต, อมตฺจ ปีตํ. อหํ ‘‘เอตํ อมตธมฺมํ ตมฺปิ ชานาเปสฺสามี’’ติ ตว สนฺติกํ อาคโตสฺมิ, สมฺมาติ. เตสํ อฺมฺํ กเถนฺตานํเยว อุปาสิกา สิริสยนโต อุฏฺาย นิสินฺนา ตํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา สทฺเท นิมิตฺตํ คณฺหิ. ‘‘อยํ สทฺโท อุทฺธํ, น เหฏฺา, อมนุสฺสภาสิโต, โน มนุสฺสภาสิโต’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา โอหิตโสตา ปคฺคหิตมานสา หุตฺวา นิสีทิ. ตโต –
‘‘อชฺช ปนฺนรโส อุโปสโถ (อิติ สาตาคิโร ยกฺโข),
ทิพฺพา รตฺติ อุปฏฺิตา;
อโนมนามํ สตฺถารํ,
หนฺท ปสฺสาม โคตม’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๕๓) –
เอวํ ¶ สาตาคิเรน วุตฺเต –
‘‘กจฺจิ มโน สุปณิหิโต (อิติ เหมวโต ยกฺโข),
สพฺพภูเตสุ ตาทิโน;
กจฺจิ ¶ อิฏฺเ อนิฏฺเ จ,
สงฺกปฺปสฺส วสีกตา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๕๔);
เอวํ ¶ เหมวโต สตฺถุ กายสมาจารฺจ อาชีวฺจ มโนสมาจารฺจ ปุจฺฉิ. ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ สาตาคิโร วิสฺสชฺเชสิ. เอวํ สตฺถุ สรีรวณฺณคุณวณฺณกถนวเสน เหมวตสุตฺตนฺเต นิฏฺิเต เหมวโต สหายกสฺส ธมฺมเทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
อถ, กาฬี อุปาสิกา, ปรสฺส ธมฺเม เทสียมาเน ตถาคตํ อทิฏฺปุพฺพาว หุตฺวา อนุสฺสวปฺปสาทํ อุปฺปาเทตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตํ โภชนํ ภฺุชมานา วิย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สา สพฺพมาตุคามานํ อนฺตเร ปมกโสตาปนฺนา สพฺพเชฏฺิกา อโหสิ. ตสฺสา สห โสตาปตฺติภาเวน ตเมว รตฺตึ คพฺภวุฏฺานํ ชาตํ, ปฏิลทฺธทารกสฺส นามคฺคหณทิวเส โสโณติ นามํ อกาสิ. สา ยถารุจิยา กุลเคเห วสิตฺวา กุลฆรเมว อคมาสิ.
ตสฺมึ สมเย มหากจฺจานตฺเถโร ตํ นครํ อุปนิสฺสาย อุปวตฺเต ปพฺพเต ปฏิวสติ. อุปาสิกา เถรํ อุปฏฺาติ. เถโร นิพทฺธํ ตสฺสา นิเวสนํ คจฺฉติ. โสณทารโกปิ นิพทฺธํ เถรสฺส สนฺติเก วิจรนฺโต วิสฺสาสิโก อโหสิ. โส อปเรน สมเยน เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. เถโร ตํ อุปสมฺปาเทตุกาโม ตีณิ วสฺสานิ คณํ ปริเยสิตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. โส อุปสมฺปนฺโน กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา เถรสฺเสว สนฺติเก สุตฺตนิปาตํ อุคฺคณฺหิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา สตฺถารํ ปสฺสิตุกาโม หุตฺวา อุปชฺฌายํ อาปุจฺฉิ. เถโร อาห – ‘‘โสณ, ตยิ คเต สตฺถา ตํ เอกคนฺธกุฏิยํ วสาเปตฺวา ธมฺมํ อชฺเฌสิสฺสติ, ตฺวํ ธมฺมํ กเถสฺสสิ. สตฺถา ตว ธมฺมกถาย ปสีทิตฺวา ตุยฺหํ วรํ ทสฺสติ. ตฺวํ วรํ คณฺหนฺโต อิมฺจ อิมฺจ คณฺหาหิ, มม วจเนน ทสพลสฺส ปาเท วนฺทาหี’’ติ. โส อุปชฺฌาเยน อนฺุาโต ¶ มาตุอุปาสิกาย เคหํ คนฺตฺวา อาโรเจสิ. สาปิ ‘‘สาธุ ¶ , ตาต, ตฺวํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ คจฺฉนฺโต อิมํ กมฺพลํ อาหริตฺวา สตฺถุ วสนคนฺธกุฏิยา ภูมตฺถรณํ กตฺวา อตฺถราหี’’ติ กมฺพลํ อทาสิ. โสณตฺเถโร ตํ อาทาย เสนาสนํ สํสาเมตฺวา อนุปุพฺเพน สตฺถุ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส พุทฺธาสเน นิสินฺนเวลายเมว อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, อิมสฺส ภิกฺขุสฺส ¶ เสนาสนํ ชานาหี’’ติ. เถโร สตฺถุ อธิปฺปายํ ตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํเยว ภูมตฺถรณํ อุสฺสาเรนฺโต วิย อตฺถริ.
อถ โข ภควา พหุเทวรตฺตึ อชฺโฌกาเส วีตินาเมตฺวา วิหารํ ปาวิสิ, อายสฺมาปิ โข โสโณ พหุเทวรตฺตึ อชฺโฌกาเส วีตินาเมตฺวา วิหารํ ปาวิสิ. สตฺถา ปจฺฉิมยาเม สีหเสยฺยํ กปฺเปตฺวา ปจฺจูสสมเย วุฏฺาย นิสีทิตฺวา ‘‘เอตฺตเกน กาเลน โสณสฺส กายทรโถ ปฏิปฺปสฺสทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา อายสฺมนฺตํ โสณํ อชฺเฌสิ – ‘‘ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธมฺโม ภาสิตุ’’นฺติ. โสณตฺเถโร มธุรสฺสเรน เอกพฺยฺชนมฺปิ อวินาเสนฺโต อฏฺกวคฺคิยานิ สุตฺตานิ (สุ. นิ. ๗๗๒ อาทโย) อภาสิ. กถาปริโยสาเน ภควา สาธุการํ ทตฺวา ‘‘สุคฺคหิโต เต ภิกฺขุ ธมฺโม, มยา เทสิตกาเล จ อชฺช จ เอกสทิสาว เทสนา, กิฺจิ อูนํ วา อธิกํ วา นตฺถี’’ติ ปสนฺนภาวํ ปกาเสสิ. โสณตฺเถโรปิ ‘‘อยํ โอกาโส’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา อุปชฺฌายสฺส วจเนน ทสพลํ วนฺทิตฺวา วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทํ อาทึ กตฺวา สพฺเพ วเร ยาจิ, สตฺถา อทาสิ. ปุน เถโร มาตุอุปาสิกาย วจเนน วนฺทิตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, อุปาสิกาย ตุมฺหากํ วสนคนฺธกุฏิยํ ภูมตฺถรณตฺถํ กมฺพโล ¶ ปหิโต’’ติ กมฺพลํ ทตฺวา อุฏฺายาสนา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน เถรสฺส ปพฺพชฺชํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ สุตฺเต อาคตเมว.
อิติ เถโร สตฺถุ สนฺติกา อฏฺ วเร ลภิตฺวา อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ปุนทิวเส มาตุอุปาสิกาย นิเวสนทฺวารํ คนฺตฺวา ภิกฺขาย อฏฺาสิ. อุปาสิกา ‘‘ปุตฺโต กิร เม ทฺวาเร ิโต’’ติ สุตฺวา เวเคน อาคนฺตฺวา อภิวาเทตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ¶ อนฺโตนิเวสเน นิสีทาเปตฺวา โภชนํ อทาสิ. อถ นํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน อาห – ‘‘ทิฏฺโ เต, ตาต, ทสพโล’’ติ? อาม อุปาสิเกติ. วนฺทิโต เต มม วจเนนาติ? อาม วนฺทิโต, โสปิ จ เม กมฺพโล ตถาคตสฺส วสนฏฺาเน ภูมตฺถรณํ กตฺวา อตฺถโตติ. กึ, ตาต, ตยา กิร สตฺถุ ธมฺมกถา กถิตา, สตฺถารา จ เต สาธุกาโร ทินฺโนติ? ตยา กถํ าตํ อุปาสิเกติ? ตาต, มยฺหํ เคเห อธิวตฺถา เทวตา ทสพเลน ตุยฺหํ สาธุการํ ทินฺนทิวเส ‘‘สกลทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวตา สาธุการํ อทํสู’’ติ อาห – ตาต, ตยา กถิตธมฺมกถํ พุทฺธานํ กถิตนิยาเมเนว มยฺหมฺปิ กเถตุํ ปจฺจาสีสามีติ. เถโร มาตุ กถํ สมฺปฏิจฺฉิ. สา ตสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา ทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา ทสพลสฺส กถิตนิยาเมเนว อตฺตโน ธมฺมกถํ ¶ กถาเปสีติ วตฺถุ เอตฺถ สมุฏฺิตํ. สตฺถา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
สีวลิตฺเถรวตฺถุ
๒๐๗. นวเม ¶ ลาภีนํ ยทิทํ สีวลีติ เปตฺวา ตถาคตํ ลาภีนํ ภิกฺขูนํ สีวลิตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล วุตฺตนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ลาภีนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา ปุริมนเยเนว สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ‘‘ภควา อหมฺปิ อิมินา อธิการกมฺเมน อฺํ สมฺปตฺตึ น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อหมฺปิ ตุมฺเหหิ โส เอตทคฺเค ปิตภิกฺขุ วิย ลาภีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เต ปตฺถนา อนาคเต โคตมสฺส พุทฺธสฺส สาสเน สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต วิปสฺสีพุทฺธกาเล พนฺธุมตีนครโต อวิทูเร เอกสฺมึ คาเม ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺมึ สมเย พนฺธุมตีนครวาสิโน รฺา สทฺธึ สากจฺฉิตฺวา สากจฺฉิตฺวา ทสพลสฺส ¶ ทานํ เทนฺติ. เต เอกทิวสํ สพฺเพว เอกโต หุตฺวา ทานํ เทนฺตา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ ทานมุเข นตฺถี’’ติ มธฺุจ คุฬทธิฺจ น อทฺทสํสุ. เต ‘‘ยโต กุโตจิ อาหริสฺสามา’’ติ ชนปทโต นครํ ปวิสนมคฺเค ปุริสํ เปสุํ. ตทา เอส กุลปุตฺโต อตฺตโน คามโต คุฬทธิวารกํ คเหตฺวา ‘‘กิฺจิเทว อาหริสฺสามี’’ติ นครํ คจฺฉนฺโต มุขํ โธวิตฺวา ‘‘โธตหตฺถปาโท ปวิสิสฺสามี’’ติ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต นงฺคลสีสมตฺตํ นิมฺมกฺขิกํ ทณฺฑกมธุํ ทิสฺวา ‘‘ปฺุเน เม อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ คเหตฺวา นครํ ปวิสติ. นาคเรหิ ปิตปุริโส ตํ ทิสฺวา, ‘‘โภ ปุริส, กสฺสิมํ อาหรสี’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. น กสฺสจิ สามิ, วิกฺกิณิตุํ ปน เม อิทํ อานีตนฺติ. เตน หิ, โภ ปุริส, อิมํ กหาปณํ คเหตฺวา เอตํ มธฺุจ คุฬทธิฺจ เทหีติ.
โส จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ น พหุมูลํ, อยฺจ เอกปฺปหาเรเนว พหุํ เทติ, วีมํสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ . ตโต นํ ‘‘นาหํ เอกกหาปเณน เทมี’’ติ อาห. ยทิ เอวํ, ทฺเว คเหตฺวา เทหีติ. ทฺวีหิปิ น เทมีติ. เอเตนุปาเยน วฑฺฒนฺตํ วฑฺฒนฺตํ สหสฺสํ ปาปุณิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อติอฺฉิตุํ น วฏฺฏติ, โหตุ ตาว, อิมสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘อิทํ น พหุอคฺฆนกํ, ตฺวฺจ พหุํ เทสิ, เกน กมฺเมน อิทํ คณฺหาสี’’ติ? อิธ, โภ, นครวาสิโน รฺา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌิตฺวา วิปสฺสีทสพลสฺส ทานํ เทนฺตา อิทํ ทฺวยํ ทานมุเข อปสฺสนฺตา ปริเยสนฺติ. สเจ อิทํ ทฺวยํ น ลภิสฺสนฺติ, นาครานํ ปราชโย ภวิสฺสติ. ตสฺมา สหสฺสํ ทตฺวา คณฺหามีติ. กึ ปเนตํ นาครานเมว วฏฺฏติ, น อฺเสํ ทาตุํ วฏฺฏตีติ? ยสฺส กสฺสจิ ทาตุํ อวาริตเมตนฺติ. อตฺถิ ปน เต โกจิ นาครานํ ทาเน เอกทิวสํ สหสฺสํ ทาตาติ? นตฺถิ สมฺมาติ. อิเมสํ ปน ทฺวินฺนํ สหสฺสคฺฆนกภาวํ ชานาสีติ? อาม ชานามีติ. เตน หิ คจฺฉ, นาครานํ อาจิกฺข – ‘‘เอโก ปุริโส อิมานิ ทฺเว มูเลน น เทติ, สหตฺเถเนว ทาตุกาโม, ตุมฺเห อิเมสํ ทฺวินฺนํ การณา นิรุสฺสุกฺกา โหถา’’ติ. ตฺวํ ปน เม อิมสฺมึ ทานมุเข เชฏฺกภาวสฺส กายสกฺขี โหหีติ.
โส คามวาสี ปริพฺพยตฺถํ คหิตมาสเกน ปฺจกฏุกํ คเหตฺวา จุณฺณํ กตฺวา ทธิโต กฺชิยํ วาเหตฺวา ตตฺถ มธุปฏลํ ¶ ปีเฬตฺวา ปฺจกฏุกจุณฺเณน โยเชตฺวา เอกสฺมึ ปทุมินิปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา ตํ สํวิทหิตฺวา อาทาย ¶ ทสพลสฺส อวิทูเร าเน นิสีทิ. มหาชเนน อาหริยมานสฺส สกฺการสฺส อนฺตเร อตฺตโน ปตฺตวารํ โอโลกยมาโน โอกาสํ ตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภควา อยํ มยฺหํ ทุคฺคตปณฺณากาโร, อิมํ เม อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ คณฺหถา’’ติ. สตฺถา ตสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ จตุมหาราชทตฺติเยน เสลมเยน ปตฺเตน ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ยถา อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ทิยฺยมานํ น ขียติ, เอวํ อธิฏฺาสิ. โสปิ กุลปุตฺโต นิฏฺิตภตฺตกิจฺจํ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิโต อาห – ‘‘ทิฏฺโ เม ภควา อชฺช พนฺธุมตีนครวาสิเกหิ ตุมฺหากํ สกฺกาโร อาหริยมาโน, อหมฺปิ อิมสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ภเวยฺย’’นฺติ. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตุ กุลปุตฺตา’’ติ วตฺวา ตสฺส จ นครวาสีนฺจ ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุปฺปวาสาย ราชธีตาย กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย สายํ ปาตฺจ ปณฺณาการสตานิ ปาปุณนฺติ, สุปฺปวาสา สมฺปตฺตึ คจฺฉติ. อถ นํ ปฺุวีมํสนตฺถํ หตฺเถน พีชปจฺฉึ ¶ ผุสาเปนฺติ, เอเกกพีชโต สลากสตมฺปิ สลากสหสฺสมฺปิ นิคจฺฉติ. เอกกรีสเขตฺตโต ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สกฏานิ อุปฺปชฺชนฺติ. โกฏฺปูรณกาเลปิ โกฏฺทฺวารํ หตฺเถน ผุสาเปนฺติ, ราชธีตาย ปฺุเน คณฺหนฺตานํ คหิตคหิตฏฺานํ ปุน ปูรติ. ปริปุณฺณภตฺตกุมฺภิโตปิ ‘‘ราชธีตาย ปฺุ’’นฺติ ¶ วตฺวา ยสฺส กสฺสจิ เทนฺตานํ ยาว น อุกฺกฑฺฒนฺติ, น ตาว ภตฺตํ ขียติ. ทารเก กุจฺฉิคเตเยว สตฺต วสฺสานิ อติกฺกมึสุ.
คพฺเภ ปน ปริปกฺเก สตฺตาหํ มหาทุกฺขํ อนุโภสิ. สา สามิกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ปุเร มรณา ชีวมานาว ทานํ ทสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ อิมํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตหิ, ยฺจ สตฺถา วเทติ, ตํ สาธุกํ อุปลกฺเขตฺวา อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สาสนํ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา, สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ อาห. ราชา ตํ สุตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา อนฺโตคามาภิมุโข ปายาสิ. ตสฺส ปุเร อาคมนาเยว สุปฺปวาสาย กุจฺฉิโต ¶ ธมกรณา อุทกํ วิย คพฺโภ นิกฺขมิ, ปริวาเรตฺวา นิสินฺนชโน อสฺสุมุโขว หสิตุํ อารทฺโธ. หฏฺตุฏฺโ มหาชโน รฺโ ปุตฺตสาสนํ อาโรเจตุํ อคมาสิ.
ราชา เตสํ อิงฺคิตํ ทิสฺวาว ‘‘ทสพเลน กถิตกถา นิปฺผนฺนา มฺเ’’ติ จินฺเตสิ. โส อาคนฺตฺวา สตฺถุ สาสนํ ราชธีตาย อาโรเจสิ. ราชธีตา ‘‘ตยา นิมนฺติตํ ชีวิตภตฺตเมว มงฺคลภตฺตํ ภวิสฺสติ, คจฺฉ สตฺตาหํ ทสพลํ นิมนฺเตหี’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺตยึสุ. ทารโก สพฺเพสํ าตีนํ สนฺตตฺตจิตฺตํ นิพฺพาเปนฺโต ชาโตติ สีวลิทารโกตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. โส สตฺต วสฺสานิ คพฺเภ วสิตตฺตา ชาตกาลโต ปฏฺาย สพฺพกมฺมกฺขโม อโหสิ. ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต สตฺตเม ทิวเส เตน สทฺธึ กถาสลฺลาปํ อกาสิ. สตฺถาปิ ธมฺมปเท คาถํ อภาสิ –
‘‘โยมํ ¶ ปลิปถํ ทุคฺคํ, สํสารํ โมหมจฺจคา;
ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, อเนโช อกถํกถี;
อนุปาทาย นิพฺพุโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๔);
อถ นํ เถโร เอวมาห – ‘‘กึ ปน ตยา เอวรูปํ ทุกฺขราสึ อนุภวิตฺวา ปพฺพชิตุํ น ¶ วฏฺฏตี’’ติ? ลภมาโน ปพฺพเชยฺยํ, ภนฺเตติ. สุปฺปวาสา ตํ ทารกํ เถเรน สทฺธึ กเถนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺโต ธมฺมเสนาปตินา สทฺธึ กเถตี’’ติ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ตุมฺเหหิ สทฺธึ กึ กเถติ, ภทนฺเต’’ติ? อตฺตนา อนุภูตํ คพฺภวาสทุกฺขํ กเถตฺวา ตุมฺเหหิ อนฺุาโต ปพฺพชิสฺสามีติ วทตีติ. สาธุ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ นนฺติ. เถโร ตํ วิหารํ เนตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชนฺโต, ‘‘สีวลิ, น ตุยฺหํ อฺเน โอวาเทน กมฺมํ อตฺถิ, ตยา สตฺต วสฺสานิ อนุภูตทุกฺขเมว ปจฺจเวกฺขาหี’’ติ. ภนฺเต, ปพฺพาชนเมว ตุมฺหากํ ภาโร, ยํ ปน มยา กาตุํ สกฺกา, ตมหํ ชานิสฺสามีติ. โส ปมเกสวฏฺฏิยา โอหาริตกฺขเณเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, ทุติยาย โอหาริตกฺขเณ สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล. สพฺเพสํเยว ปน เกสานํ โอโรปนฺจ อรหตฺตสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉา อปุริมา อโหสิ. ตสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจยา ยทิจฺฉกํ อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ เอตฺถ วตฺถุ สมุฏฺิตํ.
อปรภาเค ¶ สตฺถา สาวตฺถึ อคมาสิ. เถโร สตฺถารํ อภิวาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ปฺุํ วีมํสิสฺสามิ, ปฺจ เม ภิกฺขุสตานิ เทถา’’ติ อาห ¶ . คณฺห, สีวลีติ. โส ปฺจสเต ภิกฺขู คเหตฺวา หิมวนฺตาภิมุขํ คจฺฉนฺโต อฏวิมคฺคํ คจฺฉติ. ตสฺส ปมํ ทิฏฺา นิคฺโรเธ อธิวตฺถา เทวตา สตฺต ทิวสานิ ทานํ อทาสิ. อิติ โส –
‘‘นิคฺโรธํ ปมํ ปสฺสิ, ทุติยํ ปณฺฑวปพฺพตํ;
ตติยํ อจิรวติยํ, จตุตฺถํ วรสาครํ.
‘‘ปฺจมํ หิมวนฺตํ โส, ฉฏฺํ ฉทฺทนฺตุปาคมิ;
สตฺตมํ คนฺธมาทนํ, อฏฺมํ อถ เรวต’’นฺติ.
สพฺพฏฺาเนสุ สตฺต สตฺต ทิวสาเนว ทานํ อทํสุ. คนฺธมาทนปพฺพเต ปน นาคทตฺตเทวราชา นาม สตฺตทิวเสสุ เอกทิวสํ ขีรปิณฺฑปาตํ อทาสิ, เอกทิวสํ สปฺปิปิณฺฑปาตํ อทาสิ. ภิกฺขุสงฺโฆ อาห – ‘‘อาวุโส, อิมสฺส เทวรฺโ เนว เธนุโย ทุยฺหมานา ปฺายนฺติ, น ทธินิมฺมถนํ, กุโต เต, เทวราช, อิมํ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, กสฺสปทสพลสฺส กาเล ขีรสลากภตฺตทานสฺเสตํ ¶ ผล’’นฺติ เทวราชา อาห. อปรภาเค สตฺถา ขทิรวนิยเรวตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ อตฺตโน สาสเน ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ
๒๐๘. ทสเม สทฺธาธิมุตฺตานนฺติ สทฺธาย อธิมุตฺตานํ, พลวสทฺธานํ ภิกฺขูนํ วกฺกลิตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. อฺเสํ หิ สทฺธา วฑฺเฒตพฺพา โหติ, เถรสฺส ปน หาเปตพฺพา ชาตา. ตสฺมา โส สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺโคติ วุตฺโต. วกฺกลีติ ปนสฺส นามํ.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล วุตฺตนเยเนว ¶ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตนเยเนว สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ อิมินา อธิการกมฺเมน ตุมฺเหหิ สทฺธาธิมุตฺตานํ เอตทคฺเค ปิตภิกฺขุ วิย อนาคเต ¶ เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ สตฺถุกาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, วกฺกลีติสฺส นามํ อกํสุ. โส วุทฺธิปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ทสพลํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ สาวตฺถิยํ จรนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ สรีรสมฺปตฺตึ โอโลเกนฺโต สรีรสมฺปตฺติทสฺสเนน อติตฺโต ทสพเลน สทฺธึเยว วิจรติ. วิหารํ คจฺฉนฺเตน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา สรีรนิปฺผตฺตึ โอโลเกนฺโตว ติฏฺติ. ธมฺมสภายํ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส สมฺมุขฏฺาเน ิโต ธมฺมํ สุณาติ. โส สทฺธํ ปฏิลภิตฺวา ‘‘อคารมชฺเฌ วสนฺโต นิพทฺธํ ทสพลสฺส ทสฺสนํ น ลภิสฺสามี’’ติ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ.
ตโต ปฏฺาย เปตฺวา อาหารกรณเวลํ อวเสสกาเล ยตฺถ ิเตน สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตุํ, ตตฺถ ิโต โยนิโสมนสิการํ ปหาย ทสพลํ โอโลเกนฺโตว วิหรติ. สตฺถา ตสฺส าณปริปากํ อาคเมนฺโต ทีฆมฺปิ อทฺธานํ ตสฺมึ รูปทสฺสนวเสเนว วิจรนฺเต กิฺจิ อวตฺวา ‘‘อิทานิสฺส ¶ าณํ ปริปากคตํ, สกฺกา เอตํ โพเธตุ’’นฺติ ตฺวา เอวมาห – ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน, โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติ. โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสติ. ธมฺมฺหิ, วกฺกลิ ¶ , ปสฺสนฺโต มํ ปสฺสติ, มํ ปสฺสนฺโต ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ.
สตฺถริ เอวํ โอวทนฺเตปิ เถโร ทสพลสฺส ทสฺสนํ ปหาย เนว อฺตฺถ คนฺตุํ สกฺโกติ. ตโต สตฺถา ‘‘นายํ ภิกฺขุ สํเวคํ อลภิตฺวา พุชฺฌิสฺสตี’’ติ อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ราชคหํ คนฺตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส ‘‘อเปหิ, วกฺกลี’’ติ เถรํ ปณาเมติ. พุทฺธา จ นาม อาเทยฺยวจนา โหนฺติ, ตสฺมา เถโร สตฺถารํ ปฏิปฺผริตฺวา าตุํ อสกฺโกนฺโต เตมาสํ ทสพลสฺส สมฺมุเข อาคนฺตุํ อวิสหนฺโต ‘‘กึ ทานิ สกฺกา กาตุํ, ตถาคเตนมฺหิ ปณามิโต, สมฺมุขีภาวํ น ลภามิ, กึ มยฺหํ ชีวิเตนา’’ติ คิชฺฌกูฏปพฺพเต ปปาตฏฺานํ อภิรุหิ. สตฺถา ตสฺส กิลมนภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ มม สนฺติกา อสฺสาสํ อลภนฺโต ¶ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ นาเสยฺยา’’ติ อตฺตานํ ทสฺเสตุํ โอภาสํ วิสฺสชฺเชสิ. อถสฺส สตฺถุ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย เอว มหนฺตํ โสกสลฺลํ ปหีนํ. สตฺถา สุกฺขตฬาเก โอฆํ อาหรนฺโต วิย วกฺกลิตฺเถรสฺส พลวปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตุํ ธมฺมปเท อิมํ คาถมาห –
‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;
อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๘๑);
วกฺกลิตฺเถรสฺส จ ‘‘เอหิ, วกฺกลี’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เถโร ‘‘ทสพโล เม ทิฏฺโ, เอหีติ อวฺหายนมฺปิ ลทฺธ’’นฺติ พลวปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กุโต คจฺฉามี’’ติ อตฺตโน คมนภาวํ อชานิตฺวาว ทสพลสฺส สมฺมุเข อากาเส ปกฺขนฺทิตฺวา ปมปาเทน ปพฺพเต ิโตเยว สตฺถารา วุตฺตคาถํ ¶ อาวชฺเชนฺโต อากาเสเยว ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ตถาคตํ วนฺทมาโนว โอตริ. อปรภาเค สตฺถา อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ทุติยวคฺควณฺณนา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๓. ตติยเอตทคฺควคฺโค
๒๐๙. ตติยวคฺคสฺส ¶ ปเม สิกฺขากามานนฺติ ติสฺโส สิกฺขา กามยมานานํ สมฺปิยายิตฺวา สิกฺขนฺตานนฺติ อตฺโถ. ราหุโลติ อตฺตโน ปุตฺตํ ราหุลตฺเถรํ ทสฺเสติ. เถโร กิร ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ปาโตว อุฏฺหนฺโต หตฺถปูรํ วาลิกํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘อโห วตาหํ อชฺช ทสพลสฺส เจว อาจริยุปชฺฌายานฺจ สนฺติกา เอตฺตกํ โอวาทฺเจว อนุสาสนิฺจ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺเถติ. ตสฺมา สิกฺขากามานํ อคฺโค นาม ชาโตติ.
๒๑๐. ทุติเย สทฺธาปพฺพชิตานนฺติ สทฺธาย ปพฺพชิตานํ. รฏฺปาโลติ รฏฺํ ปาเลตุํ สมตฺโถ, ภินฺนํ วา รฏฺํ สนฺธาเรตุํ สมตฺเถ กุเล ชาโตติปิ ¶ รฏฺปาโลติ สงฺขํ คโต. โส หิ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ จุทฺทสภตฺตจฺเฉเท กตฺวา มาตาปิตโร ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิโต. ตสฺมา สทฺธาปพฺพชิตานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ราหุล-รฏฺปาลตฺเถรวตฺถุ
อิเมสํ ปน อุภินฺนมฺปิ เถรานํ ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – เอเต กิร ทฺเวปิ อตีเต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺตึสุ. เตสํ ทหรกาเล นามํ วา โคตฺตํ วา น กถิยติ. วยปฺปตฺตา ปน ฆราวาเส ปติฏฺาย อตฺตโน อตฺตโน ปิตุ อจฺจเยน อุโภปิ อตฺตโน อตฺตโน ¶ รตนโกฏฺาคารกมฺมิเก ปกฺโกสาเปตฺวา อปริมาณํ ธนํ ทิสฺวา – ‘‘อิมํ เอตฺตกํ ธนราสึ อยฺยกปยฺยกาทโย อตฺตนา สทฺธึ คเหตฺวา คนฺตุํ นาสกฺขึสุ, อมฺเหหิ ทานิ เยน เกนจิ อุปาเยน อิมํ ธนํ คเหตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ เต อุโภปิ ชนา จตูสุ าเนสุ กปณทฺธิกาทีนํ มหาทานํ ทาตุํ อารทฺธา. เอโก อตฺตโน ทานคฺเค อาคตาคตชนํ ปุจฺฉิตฺวา ยาคุขชฺชกาทีสุ ยสฺส ยํ ปฏิภาติ, ตสฺส ตํ อทาสิ, ตสฺส เตเนว การเณน อาคตปาโกติ ¶ นามํ ชาตํ. อิตโร อปุจฺฉิตฺวาว คหิตคหิตภาชนํ ปูเรตฺวา ปูเรตฺวา เทติ, ตสฺสปิ เตเนว การเณน อนคฺคปาโกติ นามํ ชาตํ, อปฺปมาณปาโกติ อตฺโถ.
เต อุโภปิ เอกทิวสํ ปาโตว มุขโธวนตฺถํ พหิคามํ อคมํสุ. ตสฺมึ สมเย หิมวนฺตโต ทฺเว มหิทฺธิกา ตาปสา ภิกฺขาจารตฺถาย อากาเสน อาคนฺตฺวา เตสํ สหายกานํ อวิทูเร โอตริตฺวา ‘‘มา โน เอเต ปสฺสึสู’’ติ เอกปสฺเส อฏฺํสุ. เต อุโภปิ ชนา เตสํ ลาพุภาชนาทิปริกฺขารํ สํวิธาย อนฺโตคามํ สนฺธาย ภิกฺขาย คตานํ สนฺติกํ อาคมฺม วนฺทึสุ. อถ เน ตาปสา ‘‘กาย เวลาย อาคตตฺถ มหาปฺุา’’ติ อาหํสุ. เต ‘‘อธุนาว, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ¶ เตสํ หตฺถโต ลาพุภาชนํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เคหํ เนตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน นิพทฺธํ ภิกฺขาคหณตฺถํ ปฏิฺํ คณฺหึสุ.
เตสุ เอโก ตาปโส สปริฬาหกายธาตุโก โหติ. โส อตฺตโน อานุภาเวน มหาสมุทฺทอุทกํ ทฺเวธา กตฺวา ปถวินฺธรนาคราชสฺส ภวนํ คนฺตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทติ. โส อุตุสปฺปายํ คเหตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา อตฺตโน อุปฏฺากสฺส เคเห ภตฺตานุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘ปถวินฺธรนาคภวนํ วิย ¶ โหตู’’ติ วทติ. อถ นํ เอกทิวสํ อุปฏฺาโก ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อนุโมทนํ กโรนฺตา ‘ปถวินฺธรนาคภวนํ วิย โหตู’ติ วทถ, มยมสฺส อตฺถํ น ชานาม, กึ วุตฺตํ โหติ อิทํ, ภนฺเต’’ติ? อาม, กุฏุมฺพิย อหํ ‘‘ตุมฺหากํ สมฺปตฺติ ปถวินฺธรนาคราชสมฺปตฺติสทิสา โหตู’’ติ วทามีติ. กุฏุมฺพิโก ตโต ปฏฺาย ปถวินฺธรนาคราชภวเน จิตฺตํ เปสิ.
อิตโร ตาปโส ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา สฺุเ เสริสกวิมาเน ทิวาวิหารํ กโรติ. โส อาคจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต จ สกฺกสฺส เทวราชสฺส สมฺปตฺตึ ทิสฺวา อตฺตโน อุปฏฺากสฺส อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘สกฺกวิมานํ วิย โหตู’’ติ วทติ. อถ นํ โสปิ กุฏุมฺพิโย อิตโร สหายโก ตํ ตาปสํ วิย ปุจฺฉิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา สกฺกภวเน จิตฺตํ เปสิ. เต อุโภปิ ปตฺถิตฏฺาเนสุเยว นิพฺพตฺตา.
ปถวินฺธรภวเน นิพฺพตฺโต ปถวินฺธรนาคราชา นาม ชาโต. โส นิพฺพตฺตกฺขเณ อตฺตโน อตฺตภาวํ ทิสฺวา ‘‘อมนาปสฺส วต เม านสฺส กุลุปกตาปโส วณฺณํ กเถสิ, อุเรน ปริสกฺกิตฺวา ¶ วิจรณฏฺานเมตํ, นูน โส อฺํ านํ น ชานาตี’’ติ วิปฺปฏิสารี อโหสิ. อถสฺส ตํขเณเยว อลงฺกตปฏิยตฺตานิ นาคนาฏกานิ สพฺพทิสาสุ ตูริยานิ ปคฺคณฺหึสุ. โส ตสฺมึเยว ขเณ ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มาณวกวณฺณี อโหสิ. อนฺวทฺธมาสฺจ จตฺตาโร มหาราชาโน สกฺกสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ. ตสฺมา โสปิ วิรูปกฺเขน นาครฺา สทฺธึ สกฺกสฺส อุปฏฺานํ คโต. สกฺโก ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สฺชานิ. อถ นํ สมีเป อาคนฺตฺวา ิตกาเล ‘‘กหํ นิพฺพตฺโตสิ ¶ สมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. มา กเถสิ, มหาราช, อุเรน ปริสกฺกนฏฺาเน นิพฺพตฺโตมฺหิ, ตุมฺเห ปน กลฺยาณมิตฺตํ ลภิตฺถาติ. สมฺม, ตฺวํ ‘‘อฏฺาเน นิพฺพตฺโตมฺหี’’ติ มา วิตกฺกยิ ¶ , ปทุมุตฺตรทสพโล โลเก นิพฺพตฺโต, ตสฺส อธิการกมฺมํ กตฺวา อิมํเยว านํ ปตฺเถหิ, อุโภ สุขํ วสิสฺสามาติ. โส ‘‘เอวํ, เทว, กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปทุมุตฺตรทสพลํ นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน นาคภวเน นาคปริสาย สทฺธึ สพฺพรตฺตึ สกฺการสมฺมานํ สชฺเชสิ.
สตฺถา ปุนทิวเส อุฏฺิเต อรุเณ อตฺตโน อุปฏฺากํ สุมนตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘สุมน, อชฺช ตถาคโต ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสติ, มา ปุถุชฺชนภิกฺขู อาคจฺฉนฺตุ, เตปิฏกา ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตา ฉฬภิฺาว อาคจฺฉนฺตู’’ติ. เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา สพฺเพสํ อาโรเจสิ. สตฺถารา สทฺธึ สตสหสฺสา ภิกฺขู อากาสํ ปกฺขนฺทึสุ. ปถวินฺธโร นาคปริสาย สทฺธึ ทสพลสฺส ปจฺจุคฺคมนํ อาคโต สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา สมุทฺทมตฺถเก มณิวณฺณา อูมิโย มทฺทมานํ ภิกฺขุสงฺฆํ โอโลเกตฺวา อาทิโต สตฺถารํ, ปริโยสาเน สงฺฆนวกํ ตถาคตสฺส ปุตฺตํ อุปเรวตสามเณรํ นาม โอโลเกนฺโต ‘‘อนจฺฉริโย เสสสาวกานํ เอวรูโป อิทฺธานุภาโว, อิมสฺส ปน ตรุณพาลทารกสฺส เอวรูโป อิทฺธานุภาโว อติวิย อจฺฉริโย’’ติ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปาเทสิ.
อถสฺส ภวเน ทสพเล นิสินฺเน เสสภิกฺขูสุ โกฏิโต ปฏฺาย นิสีทนฺเตสุ สตฺถุ สมฺมุขฏฺาเนเยว อุปเรวตสามเณรสฺส อาสนํ ปาปุณิ. นาคราชา ยาคุํ เทนฺโตปิ ขชฺชกํ เทนฺโตปิ สกึ ทสพลํ โอโลเกติ, สกึ อุปเรวตสามเณรํ. ตสฺส กิร สรีเร สตฺถุ สรีเร วิย ทฺวตฺตึส มหาปุริสลกฺขณานิ ปฺายนฺติ. ตโต นาคราชา ‘‘อยํ สามเณโร พุทฺธานํ สทิโส ปฺายติ, กึ นุ โข ¶ โหตี’’ติ อวิทูเร นิสินฺนํ อฺตรํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, สามเณโร ทสพลสฺส กึ โหตี’’ติ? ปุตฺโต, มหาราชาติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘มหา ¶ วตายํ ภิกฺขุ, เอวรูปสฺส โสภคฺคปฺปตฺตสฺส ตถาคตสฺส ปุตฺตภาวํ ลภิ. สรีรมฺปิสฺส เอกเทเสน พุทฺธานํ สรีรสทิสํ ปฺายติ, มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมสฺส อธิการกมฺมสฺสานุภาเวน อยํ อุปเรวโต วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส ปุตฺโต ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ¶ อนนฺตรายํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส ปุตฺโต ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
ปถวินฺธโรปิ ปุน อทฺธมาเส สมฺปตฺเต วิรูปกฺเขน สทฺธึ สกฺกสฺส อุปฏฺานํ คโต. อถ นํ สมีเป ิตํ สกฺโก ปุจฺฉิ – ‘‘ปตฺถิโต เต, สมฺม, อยํ เทวโลโก’’ติ? น ปตฺถิโต มหาราชาติ. กึ โทสํ อทฺทสาติ? โทโส นตฺถิ, มหาราช, อหํ ปน ทสพลสฺส ปุตฺตํ อุปเรวตสามเณรํ ปสฺสึ. ตสฺส เม ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย อฺตฺถ จิตฺตํ น นมิ, สฺวาหํ ‘‘อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส เอวรูโป ปุตฺโต ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสึ. ตฺวมฺปิ, มหาราช, เอกํ ปตฺถนํ กโรหิ, เต มยํ นิพฺพตฺตฏฺาเน น วินา ภวิสฺสามาติ. สกฺโก ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอกํ มหานุภาวํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘กตรกุลา นุ โข นิกฺขมิตฺวา อยํ กุลปุตฺโต ปพฺพชิโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อยํ ภินฺนํ รฏฺํ สนฺธาเรตุํ สมตฺถสฺส กุลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา จุทฺทส ภตฺตจฺเฉเท กตฺวา มาตาปิตโร ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิโต’’ติ อฺาสิ. ตฺวา จ ปน อชานนฺโต วิย ทสพลํ ปุจฺฉิตฺวา สตฺตาหํ มหาสกฺการํ กตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมสฺส กลฺยาณกมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตุมฺหากํ สาสเน อยํ กุลปุตฺโต วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน สทฺธาปพฺพชิตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ¶ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ, มหาราช, อนาคเต โคตมสฺส พุทฺธสฺส สาสเน สทฺธาปพฺพชิตานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. สกฺโกปิ อตฺตโน เทวปุรเมว คโต.
เต อุโภปิ นิพฺพตฺตฏฺานโต จวิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตา อเนกสหสฺสกปฺเป อติกฺกมึสุ. อิโต ปน ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ผุสฺโส นาม พุทฺโธ โลเก อุทปาทิ. ตสฺส ปิตา มหินฺโท นาม ราชา อโหสิ, เวมาติกา ตโย กนิฏฺภาตโร. ราชา ทิวเส ทิวเส ‘‘มยฺหํเยว พุทฺโธ มยฺหํ ธมฺโม มยฺหํ สงฺโฆ’’ติ มมายนฺโต สยเมว ทสพลํ นิพทฺธํ โภชนํ โภเชติ.
อถสฺส เอกทิวสํ ปจฺจนฺโต กุปิโต. โส ปุตฺเต อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, ปจฺจนฺโต กุปิโต ¶ , ตุมฺเหหิ วา มยา วา คนฺตพฺพํ. ยทิ อหํ คจฺฉามิ, ตุมฺเหหิ อิมินา นิยาเมน ทสพโล ปริจริตพฺโพ’’ติ. เต ตโยปิ เอกปฺปหาเรเนว อาหํสุ – ‘‘ตาต, ตุมฺหากํ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, มยํ ¶ โจเร วิธมิสฺสามา’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา โจเร วิธมิตฺวา วิชิตสงฺคามา หุตฺวา นิวตฺตึสุ. เต อนฺตรามคฺเค ปาทมูลิเกหิ สทฺธึ มนฺตยึสุ – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ คตกฺขเณเยว ปิตา วรํ ทสฺสติ, กตรํ วรํ คณฺหามา’’ติ? อยฺยา, ตุมฺหากํ ปิตุ อจฺจเยน ทุลฺลภํ นาม นตฺถิ, ตุมฺหากํ ปน เชฏฺภาติกํ ผุสฺสพุทฺธํ ปฏิชคฺคนวรํ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. เต ‘‘กลฺยาณํ ตุมฺเหหิ วุตฺต’’นฺติ สพฺเพปิ เอกจิตฺตา หุตฺวา คนฺตฺวา ปิตรํ อทฺทสํสุ. ตทา ปิตา เตสํ ปสีทิตฺวา วรํ อทาสิ. เต ‘‘เตมาสํ ตถาคตํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ วรํ ยาจึสุ. ราชา ‘‘อยํ ทาตุํ น สกฺกา, อฺํ วรํ คณฺหถา’’ติ อาห. ตาต, อมฺหากํ อฺเน วเรน กิจฺจํ นตฺถิ, สเจ ตุมฺเห ทาตุกามา, เอตํเยว ¶ โน วรํ เทถาติ. ราชา เตสุ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตสุ อตฺตนา ปฏิฺาตตฺตา ‘‘น สกฺกา น ทาตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห – ‘‘ตาตา, อหํ ตุมฺหากํ วรํ เทมิ, อปิจ โข ปน พุทฺธา นาม ทุราสทา โหนฺติ สีหา วิย เอกจรา, ทสพลํ ปฏิชคฺคนฺตา อปฺปมตฺตา ภเวยฺยาถา’’ติ.
เต จินฺตยึสุ – ‘‘อมฺเหหิ ตถาคตํ ปฏิชคฺคนฺเตหิ อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ปฏิชคฺคิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สพฺเพปิ เอกจิตฺตา หุตฺวา ทสสีลานิ สมาทาย นิรามคนฺธา หุตฺวา สตฺถุ ทานคฺคปริวหนเก ตโย ปุริเส ปยึสุ. เตสุ เอโก ธนธฺุปฺปาทโก อโหสิ, เอโก มาปโก, เอโก ทานสํวิธายโก. เตสุ ธนธฺุปฺปาทโก ปจฺจุปฺปนฺเน พิมฺพิสาโร มหาราชา ชาโต, มาปโก วิสาโข อุปาสโก, ทานสํวิธายโก รฏฺปาลตฺเถโรติ. โส ตตฺถ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวปุเร นิพฺพตฺโต. อยํ ปน ราหุลตฺเถโร นาม กสฺสปทสพลสฺส กาเล กิกิสฺส กาสิรฺโ เชฏฺปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ปถวินฺธรกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุ. ตสฺส สตฺต ภคินิโย อเหสุํ. ตา ทสพลสฺส สตฺต ปริเวณานิ การยึสุ. ปถวินฺธโร โอปรชฺชํ ลภิ. โส ตา ภคินิโย อาห – ‘‘ตุมฺเหหิ การิตปริเวเณสุ มยฺหมฺปิ เอกํ เทถา’’ติ. ภาติก, ตุมฺเห อุปราชฏฺาเน ิตา, ตุมฺเหหิ นาม อมฺหากํ ทาตพฺพํ, ตุมฺเห อฺํ ปริเวณํ กโรถาติ. โส ตาสํ วจนํ สุตฺวา ปฺจ วิหารสตานิ กาเรสิ. ปฺจ ปริเวณสตานีติปิ วทนฺติ. โส ตตฺถ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวปุเร นิพฺพตฺติ. อิมสฺมึ ปน พุทฺธุปฺปาเท ปถวินฺธรกุมาโร อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส ¶ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตสฺส สหายโก กุรุรฏฺเ ถุลฺลโกฏฺิตนิคเม รฏฺปาลเสฏฺิเคเห นิพฺพตฺติ.
อถ ¶ อมฺหากํ ทสพโล อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน กปิลวตฺถุํ อาคนฺตฺวา ¶ ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชสิ. ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ปาฬิยํ (มหาว. ๑๐๕) อาคตเมว. เอวํ ปพฺพชิตสฺส ปนสฺส สตฺถา อภิณฺหโอวาทวเสน ราหุโลวาทสุตฺตํ อภาสิ. ราหุโลปิ ปาโตว วุฏฺาย หตฺเถน วาลุกํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘ทสพลสฺส เจว อาจริยุปชฺฌายานฺจ สนฺติกา อชฺช เอตฺตกํ โอวาทํ ลเภยฺย’’นฺติ วทติ. ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ กถา อุทปาทิ ‘‘โอวาทกฺขโม วต ราหุลสามเณโร ปิตุ อนุจฺฉวิโก ปุตฺโต’’ติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘มยิ คเต เอกา ธมฺมเทสนา จ วฑฺฒิสฺสติ, ราหุลสฺส จ คุโณ ปากโฏ ภวิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา ธมฺมสภายํ พุทฺธาสาเน นิสินฺโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ. ราหุลสามเณรสฺส โอวาทกฺขมภาวํ กเถม ภควาติ. สตฺถา อิมสฺมึ าเน ตฺวา ราหุลสฺส คุณทีปนตฺถํ มิคชาตกํ อาหริตฺวา กเถสิ –
‘‘มิคํ ติปลฺลตฺถมเนกมายํ,
อฏฺกฺขุรํ อฑฺฒรตฺตา ปปายึ;
เอเกน โสเตน ฉมา’สฺสสนฺโต,
ฉหิ กลาหิติโภติ ภาคิเนยฺโย’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๖);
อถสฺส สตฺตวสฺสิกสามเณรกาเล ‘‘มา เหว โข ราหุโล ทหรภาเวน กีฬนตฺถายปิ สมฺปชานมุสา ภาเสยฺยา’’ติ อมฺพลฏฺิยราหุโลวาทํ (ม. นิ. ๒.๑๐๗ อาทโย) เทเสสิ. อฏฺารสวสฺสิกสามเณรกาเล ตถาคตสฺส ปจฺฉโต ปิณฺฑาย ปวิสนฺตสฺส สตฺถุ เจว อตฺตโน จ รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา เคหสิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกนฺตสฺส ‘‘ยํกิฺจิ, ราหุล, รูป’’นฺติอาทินา ¶ นเยน มหาราหุโลวาทสุตฺตนฺตํ (ม. นิ. ๒.๑๑๓) กเถสิ. สํยุตฺตเก (สํ. นิ. ๔.๑๒๑) ปน ราหุโลวาโทปิ องฺคุตฺตเร (อ. นิ. ๔.๑๗๗) ราหุโลวาโทปิ เถรสฺส วิปสฺสนาจาโรเยว. อถสฺส สตฺถา าณปริปากํ ตฺวา อวสฺสิกภิกฺขุกาเล อนฺธวเน นิสินฺโน จูฬราหุโลวาทํ (ม. นิ. ๓.๔๑๖ อาทโย) กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน ราหุลตฺเถโร โกฏิสตสหสฺสเทวตาหิ สทฺธึ อรหตฺตํ ปาปุณิ, โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิเทวตานํ ¶ คณนา นตฺถิ. อถ สตฺถา อปรภาเค อริยสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ อิมสฺมึ สาสเน สิกฺขากามานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
สตฺถริ ¶ ปน กุรุรฏฺเ จาริกาย นิกฺขมิตฺวา ถุลฺลโกฏฺิตํ อนุปฺปตฺเต รฏฺปาโล กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถุ อาณตฺติยา อฺตรสฺส เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. ตสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย เสฏฺิคหปติ ภิกฺขู อตฺตโน นิเวสนทฺวาเรน คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กึ ตุมฺหากํ อิมสฺมึ เคเห กมฺมํ, เอโกว ปุตฺตโก อโหสิ, ตํ คณฺหิตฺวา คตตฺถ, อิทานิ กึ กริสฺสถา’’ติ อกฺโกสติ ปริภาสติ. สตฺถา อทฺธมาสํ ถุลฺลโกฏฺิเต วสิตฺวา ปุน สาวตฺถิเมว อคมาสิ. ตตฺถายสฺมา รฏฺปาโล โยนิโส มนสิกโรนฺโต กมฺมํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส สตฺถารํ อนุชานาเปตฺวา มาตาปิตโร ทสฺสนตฺถํ ถุลฺลโกฏฺิตํ คนฺตฺวา ตตฺถ สปทานํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ปิตุ นิเวสเน อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ลภิตฺวา ตํ อมตํ วิย ปริภฺุชนฺโต ปิตรา นิมนฺติโต อธิวาเสตฺวา ทุติยทิวเส ¶ ปิตุ นิเวสเน ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺเต อิตฺถิชเน อสุภสฺํ อุปฺปาเทตฺวา ิตโกว ธมฺมํ เทเสตฺวา ชิยา มุตฺโต วิย นาราโจ อากาสํ อุปฺปติตฺวา โกรพฺยรฺโ มิคจีรํ คนฺตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิสินฺโน ทสฺสนตฺถาย อาคตสฺส รฺโ จตุปาริชฺุปฏิมณฺฑิตํ ธมฺมํ (ม. นิ. ๒.๓๐๔) เทเสตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน ปุน สตฺถุ สนฺติกํเยว อาคโต. เอวเมตํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ. อถ สตฺถา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ อิมสฺมึ สาสเน สทฺธาปพฺพชิตานํ กุลปุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
กุณฺฑธานตฺเถรวตฺถุ
๒๑๑. ตติเย ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานนฺติ สพฺพปมํ สลากคาหกานํ ภิกฺขูนํ กุณฺฑธานตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส กิร เถโร มหาสุภทฺทาย นิมนฺติตทิวเส ตถาคเต อุคฺคนครํ คจฺฉนฺเต ‘‘อชฺช สตฺถา ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสติ, ปุถุชฺชนา สลากํ มา คณฺหนฺตุ, ปฺจสตา ¶ ขีณาสวาว คณฺหนฺตู’’ติ วุตฺเต ปมเมว สีหนาทํ นทิตฺวา สลากํ คณฺหิ. จูฬสุภทฺทาย นิมนฺติตทิวเส ตถาคเต สาเกตํ คจฺฉนฺเตปิ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อนฺตเร ปมเมว สลากํ คณฺหิ, สุนาปรนฺตชนปทํ คจฺฉนฺเตปิ. อิเมหิ การเณหิ เถโร ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต. กุณฺฑธาโนติ ปนสฺส นามํ.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห ¶ นิพฺพตฺโต วุตฺตนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา พุทฺธานํ อธิการกมฺมํ ¶ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา สตฺถารา อนนฺตรายํ ทิสฺวา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต กสฺสปพุทฺธกาเล ภูมฏฺกเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ทีฆายุกพุทฺธานฺจ นาม น อนฺวทฺธมาสิโก อุโปสโถ โหติ. วิปสฺสีทสพลสฺส หิ ฉพฺพสฺสนฺตเร ฉพฺพสฺสนฺตเร อุโปสโถ อโหสิ, กสฺสปทสพโล ปน ฉฏฺเ ฉฏฺเ มาเส ปาติโมกฺขํ โอสาเรสิ. ตสฺส ปาติโมกฺขํ โอสารณกาเล ทิสาวาสิกา ทฺเว สหายกา ภิกฺขู ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺติ. อยํ ภุมฺมเทวตา จินฺเตสิ – ‘‘อิเมสํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ เมตฺติ อติวิย ทฬฺหา, กึ นุ โข เภทเก สติ ภิชฺเชยฺย, น ภิชฺเชยฺยา’’ติ? เตสํ โอกาสํ โอโลกยมานา เตสํ อวิทูเรเนว คจฺฉติ.
อเถโก เถโร เอกสฺส หตฺเถ ปตฺตจีวรํ ทตฺวา สรีรวฬฺชนตฺถํ อุทกผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา โธตหตฺถปาโท หุตฺวา คุมฺพสภาคโต นิกฺขมติ. ภุมฺมเทวตา ตสฺส เถรสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อุตฺตมรูปา อิตฺถี หุตฺวา เกเส วิธุนิตฺวา สํวิธาย พนฺธนฺตี วิย ปิฏฺิโต ปํสุํ ปฺุฉมานา วิย สาฏกํ สํวิธาย นิวาสยมานา วิย จ หุตฺวา เถรสฺส ปทานุปทิกา หุตฺวา คุมฺพโต นิกฺขนฺตา. เอกมนฺเต ิโต สหายกตฺเถโร อิมํ การณํ ทิสฺวา โทมนสฺสชาโต ‘‘นฏฺโ ทานิ เม อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ ทีฆรตฺตานุคโต สิเนโห. สจาหํ เอวํวิธภาวํ ชาเนยฺยํ, เอตฺตกํ อทฺธานํ อิมินา สทฺธึ วิสฺสาสํ น กเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺเสวสฺส ‘‘หนฺทาวุโส, ตุยฺหํ ปตฺตจีวรํ, ตาทิเสน ปาเปน สหาเยน สทฺธึ เอกมคฺคํ น คจฺฉามี’’ติ อาห ¶ . ตํ กถํ สุตฺวา ตสฺส ¶ ลชฺชิภิกฺขุโน หทยํ ติขิณสตฺตึ คเหตฺวา วิทฺธํ วิย อโหสิ. ตโต นํ อาห – ‘‘อาวุโส, กึ นาเมตํ วทสิ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ทุกฺกฏมตฺตมฺปิ อาปตฺตึ น ชานามิ. ตฺวํ ปน มํ อชฺช ‘ปาโป’ติ วทสิ, กึ เต ทิฏฺ’’นฺติ? กึ อฺเน ทิฏฺเน, กึ ตฺวํ เอวํวิเธน อลงฺกตปฏิยตฺเตน มาตุคาเมน สทฺธึ เอกฏฺาเน หุตฺวา นิกฺขนฺโตติ? นตฺเถตํ, อาวุโส, มยฺหํ, นาหํ เอวรูปํ มาตุคามํ ปสฺสามีติ. ตสฺส ยาวตติยํ กเถนฺตสฺสาปิ อิตโร เถโร กถํ อสทฺทหิตฺวา อตฺตนา ทิฏฺการณํเยว อตฺถํ คเหตฺวา เตน สทฺธึ เอกมคฺเคน อคนฺตฺวา อฺเน มคฺเคน สตฺถุ สนฺติกํ คโต. อิตโรปิ อฺเน มคฺเคน สตฺถุ สนฺติกํเยว คโต.
ตโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสถาคารํ ปวิสนเวลาย โส ภิกฺขุ ตํ ภิกฺขุํ อุโปสถคฺเค สฺชานิตฺวา ¶ ‘‘อิมสฺมึ อุโปสถคฺเค เอวรูโป นาม ปาปภิกฺขุ อตฺถิ, นาหํ เตน สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺาสิ. ภุมฺมเทวตา ‘‘ภาริยํ มยา กมฺมํ กต’’นฺติ มหลฺลกอุปาสกวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, อยฺโย อิมสฺมึ าเน ิโต’’ติ อาห. อุปาสก, อิมํ อุโปสถคฺคํ เอโก ปาปภิกฺขุ ปวิฏฺโ, อหํ เตน สทฺธึ อุโปสถํ น กโรมีติ วตฺวา นิกฺขมิตฺวา พหิ ิโตมฺหีติ. ภนฺเต, มา เอวํ คณฺหถ, ปริสุทฺธสีโล เอส ภิกฺขุ. ตุมฺเหหิ ทิฏฺมาตุคาโม นาม อหํ, มยา ตุมฺหากํ วีมํสนตฺถาย ‘‘ทฬฺหา นุ โข อิเมสํ เถรานํ เมตฺติ, โน ทฬฺหา’’ติ ลชฺชิอลชฺชิภาวํ โอโลเกนฺเตน ตํ กมฺมํ กตนฺติ. โก ปน ตฺวํ สปฺปุริสาติ? อหํ เอกา ภุมฺมเทวตา, ภนฺเตติ. เทวปุตฺโต กเถนฺโตว ทิพฺพานุภาเวน ¶ ตฺวา เถรสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, ขมถ, เอตํ โทสํ เถโร น ชานาติ, อุโปสถํ กโรถา’’ติ เถรํ ยาจิตฺวา อุโปสถคฺคํ ปเวเสสิ. โส เถโร อุโปสถํ ตาว เอกฏฺาเน อกาสิ, มิตฺตสนฺถววเสน น ปุน เตน สทฺธึ เอกฏฺาเน อโหสีติ. อิมสฺส เถรสฺส กมฺมํ น กถิยติ, จุทิตกตฺเถโร ปน อปราปรํ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ภุมฺมเทวตา ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน เอกํ พุทฺธนฺตรํ อปายโต น มุจฺจิตฺถ. สเจ ปน กาเลน กาลํ มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, อฺเน เยน เกนจิ กโต โทโส ตสฺเสว อุปริ ปตติ. โส อมฺหากํ ภควโต ¶ กาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, ธานมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา มหลฺลกกาเล สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ, ตสฺส อุปสมฺปนฺนทิวสโต ปฏฺาย เอกา อลงฺกตปฏิยตฺตา อิตฺถี ตสฺมึ คามํ ปวิสนฺเต สทฺธึเยว คามํ ปวิสติ, นิกฺขมนฺเต นิกฺขมติ. วิหารํ ปวิสนฺเตปิ ปวิสติ, ติฏฺนฺเตปิ ติฏฺตีติ เอวํ นิจฺจานุพนฺธา ปฺายติ. เถโร ตํ น ปสฺสติ, ตสฺส ปน ปุริมสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน สา อฺเสํ อุปฏฺาติ.
คาเม ยาคุภิกฺขํ ททมานา อิตฺถิโย, ‘‘ภนฺเต, อยํ เอโก ยาคุอุฬุงฺโก ตุมฺหากํ, เอโก อิมิสฺสา อมฺหากํ สหายิกายา’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติ. เถรสฺส มหตี วิเหสา โหติ. วิหารํ คตมฺปิ นํ สามเณรา เจว ทหรภิกฺขู จ ปริวาเรตฺวา ‘‘ธาโน โกณฺโฑ ชาโต’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติ. อถสฺส เตเนว การเณน กุณฺฑธานตฺเถโรติ นามํ ชาตํ ¶ . โส อุฏฺาย สมุฏฺาย เตหิ กยิรมานํ เกฬึ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต อุมฺมาทํ คเหตฺวา ‘‘ตุมฺเห โกณฺฑา, ตุมฺหากํ อุปชฺฌายา โกณฺฑา ¶ , อาจริยา โกณฺฑา’’ติ วทติ. อถ นํ สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘กุณฺฑธาโน ทหรสามเณเรหิ สทฺธึ เอวํ ผรุสวาจํ วทตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวํ วเทสี’’ติ อาห. ภนฺเต, นิพทฺธํ วิเหสํ อสหนฺโต เอวํ กเถมีติ. ‘‘ตฺวํ ปุพฺเพ กตกมฺมํ ยาวชฺชทิวสา ชีราเปตุํ น สกฺโกสิ, ปุน เอวรูปํ ผรุสํ มา วท ภิกฺขู’’ติ วตฺวา อาห –
‘‘มาโวจ ผรุสํ กฺจิ, วุตฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตํ;
ทุกฺขา หิ สารมฺภกถา, ปฏิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตํ.
‘‘สเจ เนเรสิ อตฺตานํ, กํโส อุปหโต ยถา;
เอส ปตฺโตสิ นิพฺพานํ, สารมฺโภ เต น วิชฺชตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๓๓-๑๓๔);
อิมฺจ ปน ตสฺส เถรสฺส มาตุคาเมน สทฺธึ วิจรณภาวํ โกสลรฺโปิ กถยึสุ. ราชา ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, วีมํสถา’’ติ เปเสตฺวา สยมฺปิ มนฺเทเนว ปริวาเรน สทฺธึ เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา เอกมนฺเต โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ เถโร สูจิกมฺมํ กโรนฺโต นิสินฺโน โหติ, สาปิสฺส อิตฺถี อวิทูเร าเน ิตา วิย ปฺายติ.
ราชา ¶ ตํ ทิสฺวา ‘‘อตฺถิทํ การณ’’นฺติ ตสฺสา ิตฏฺานํ อคมาสิ. สา ตสฺมึ อาคจฺฉนฺเต เถรสฺส วสนปณฺณสาลํ ปวิฏฺา วิย อโหสิ. ราชาปิ ¶ ตาย สทฺธึเยว ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา สพฺพตฺถ โอโลเกนฺโต อทิสฺวา ‘‘นายํ มาตุคาโม, เถรสฺส เอโก กมฺมวิปาโก’’ติ สฺํ กตฺวา ปมํ เถรสฺส สมีเปน คจฺฉนฺโตปิ เถรํ อวนฺทิตฺวา ตสฺส การณสฺส อภูตภาวํ ตฺวา อาคมฺม เถรํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน น กิลมถา’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘วฏฺฏติ มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘ชานามิ, ภนฺเต, อยฺยสฺส กถํ, เอวรูเปน จ ปริกฺกิเลเสน สทฺธึ จรนฺตานํ ตุมฺหากํ เก นาม ปสีทิสฺสนฺติ, อิโต ปฏฺาย โว กตฺถจิ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามิ, ตุมฺเห โยนิโสมนสิกาเร มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ นิพทฺธํ ภิกฺขํ ปฏฺเปสิ. เถโร ราชานํ อุปตฺถมฺภกํ ลภิตฺวา ¶ โภชนสปฺปาเยน เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตโต ปฏฺาย สา อิตฺถี อนฺตรธายิ.
มหาสุภทฺทา อุคฺคนคเร มิจฺฉาทิฏฺิกุเล วสมานา ‘‘สตฺถา มํ อนุกมฺปตู’’ติ อุโปสถํ อธิฏฺาย นิรามคนฺธา หุตฺวา อุปริปาสาทตเล ิตา ‘‘อิมานิ ปุปฺผานิ อนฺตเร อฏฺตฺวา ทสพลสฺส มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา ติฏฺนฺตุ, ทสพโล อิมาย สฺาย สฺเว ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหตู’’ติ สจฺจกิริยํ กตฺวา อฏฺ สุมนปุปฺผมุฏฺิโย วิสฺสชฺเชสิ. ปุปฺผานิ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนาเวลาย สตฺถุ มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. สตฺถา ตํ สุมนปุปฺผวิตานํ ทิสฺวา จิตฺเตเนว สุภทฺทาย ภิกฺขํ อธิวาเสตฺวา ปุนทิวเส อรุเณ อุฏฺิเต อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, มยํ อชฺช ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสาม, ปุถุชฺชนานํ อทตฺวา อริยานํเยว สลากํ เทหี’’ติ. เถโร ภิกฺขูนํ ¶ อาโรเจสิ – ‘‘อาวุโส, สตฺถา อชฺช ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสติ, ปุถุชฺชนา มา คณฺหนฺตุ, อริยาว สลากํ คณฺหนฺตู’’ติ. กุณฺฑธานตฺเถโร ‘‘อาหราวุโส, สลาก’’นฺติ ปมํเยว หตฺถํ ปสาเรสิ. อานนฺทา ‘‘สตฺถา ตาทิสานํ ภิกฺขูนํ สลากํ น ทาเปติ, อริยานํเยว ทาเปตี’’ติ วิตกฺกํ อุปฺปาเทตฺวา คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘อาหราเปนฺตสฺส สลากํ เทหี’’ติ อาห. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘สเจ กุณฺฑธานสฺส สลากา ทาตุํ น ¶ ยุตฺตา อสฺส, อถ สตฺถา ปฏิพาเหยฺย, ภวิสฺสติ เอกํ การณ’’นฺติ. ‘‘กุณฺฑธานสฺส สลากํ ทสฺสามี’’ติ คมนํ อภินีหริ. กุณฺฑธานตฺเถโร ตสฺส ปุเร อาคมนาว อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อิทฺธิยา อากาเส ตฺวา ‘‘อาหราวุโส อานนฺท, สตฺถา มํ ชานาติ, มาทิสํ ภิกฺขุํ ปมํ สลากํ คณฺหนฺตํ น สตฺถา วาเรตี’’ติ หตฺถํ ปสาเรตฺวา สลากํ คณฺหิ. สตฺถา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ อิมสฺมึ สาสเน ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
วงฺคีสตฺเถรวตฺถุ
๒๑๒. จตุตฺเถ ปฏิภานวนฺตานนฺติ สมฺปนฺนปฏิภานานํ วงฺคีสตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. อยํ กิร เถโร ทสพลสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมนฺโต จกฺขุปถโต ปฏฺาย จนฺเทน สทฺธึ อุปเมตฺวา, สูริเยน, อากาเสน, มหาสมุทฺเทน, หตฺถินาเคน, สีเหน มิครฺา สทฺธึ อุปเมตฺวาปิ อเนเกหิ ปทสเตหิ ¶ ปทสหสฺเสหิ สตฺถุ วณฺณํ วทนฺโตเยว อุปสงฺกมติ. ตสฺมา ปฏิภานวนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา ปุริมนเยเนว วิหารํ ¶ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปฏิภานวนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา ‘‘อหมฺปิ อนาคเต ปฏิภานวนฺตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา สตฺถารา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. วงฺคีสมาณโวติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหนฺโต อาจริยํ อาราเธตฺวา ฉวสีสมนฺตํ นาม สิกฺขิตฺวา ฉวสีสํ นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘อยํ สตฺโต อสุกโยนิยํ นาม นิพฺพตฺโต’’ติ ชานาติ.
พฺราหฺมณา ‘‘อยํ อมฺหากํ ชีวิกมคฺโค’’ติ ตฺวา วงฺคีสมาณวํ ปฏิจฺฉนฺนยาเน นิสีทาเปตฺวา คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา นครทฺวาเร วา นิคมทฺวาเร วา เปตฺวา มหาชนสฺส ราสิภูตภาวํ ตฺวา ‘‘โย วงฺคีสํ ปสฺสติ, โส ธนํ วา ลภติ, ยสํ วา ลภติ, สคฺคํ วา คจฺฉตี’’ติ วทนฺติ. เตสํ กถํ สุตฺวา พหู ชนา ลฺชํ ทตฺวา ปสฺสิตุกามา โหนฺติ. ราชราชมหามตฺตา ¶ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘โก อาจริยสฺส ชานวิเสโส’’ติ ปุจฺฉนฺติ. ตุมฺเห น ชานาถ, สกลชมฺพุทีเป อมฺหากํ อาจริยสทิโส อฺโ ปณฺฑิโต นาม นตฺถิ, ติวสฺสมตฺถเก มตกานํ สีสํ อาหราเปตฺวา นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘อยํ สตฺโต อสุกโยนิยํ นิพฺพตฺโต’’ติ ชานาติ. วงฺคีโสปิ มหาชนสฺส กงฺขเฉทนตฺถํ เต เต ชเน อาวาเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน คตึ กถาเปติ. ตํ นิสฺสาย มหาชนสฺส หตฺถโต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ลภติ.
พฺราหฺมณา วงฺคีสมาณวํ อาทาย ยถารุจึ วิจริตฺวา ปุน สาวตฺถึ อาคมํสุ. วงฺคีโส เชตวนมหาวิหารสฺส อวิทูรฏฺาเน ิโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม ปณฺฑิโตติ วทนฺติ, น โข ปน สพฺพกาลํ มยา อิเมสํเยว วจนํ กโรนฺเตน จริตุํ ¶ วฏฺฏติ, ปณฺฑิตานมฺปิ สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส พฺราหฺมเณ อาห – ‘‘ตุมฺเห คจฺฉถ, อหํ น พหุเกหิ สทฺธึ คนฺตฺวา สมณํ โคตมํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ. เต อาหํสุ – ‘‘วงฺคีส, มา เต รุจฺจิ สมณํ โคตมํ ปสฺสิตุํ ¶ . โย หิ นํ ปสฺสติ, ตํ โส มายาย อาวฏฺเฏตี’’ติ. วงฺคีโส เตสํ กถํ อนาทิยิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘วงฺคีส, กิฺจิ สิปฺปํ ชานาสี’’ติ. อาม, โภ โคตม, ฉวสีสมนฺตํ นาเมกํ ชานามีติ. กึ โส มนฺโต กโรตีติ? ติวสฺสมตฺถเก มตานมฺปิ ตํ มนฺตํ ชปฺปิตฺวา สีสํ นเขน อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานามีติ. สตฺถา ตสฺส เอกํ นิรเย อุปฺปนฺนสฺส สีสํ ทสฺเสสิ, เอกํ มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺนสฺส, เอกํ เทเวสุ, เอกํ ปรินิพฺพุตสฺส สีสํ ทสฺเสสิ. โส ปมํ สีสํ อาโกเฏตฺวา, ‘‘โภ โคตม, อยํ สตฺโต นิรยํ คโต’’ติ อาห. สาธุ สาธุ, วงฺคีส, สุทิฏฺํ ตยา, อยํ สตฺโต กหํ คโตติ ปุจฺฉิ. มนุสฺสโลกํ, โภ โคตมาติ. อยํ สตฺโต กหํ คโตติ? เทวโลกํ, โภ โคตมาติ ติณฺณมฺปิ คตฏฺานํ กเถสิ. ปรินิพฺพุตสฺส ปน สีสํ นเขน อาโกเฏนฺโต เนว อนฺตํ น โกฏึ ปสฺสติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘น สกฺโกสิ ตฺวํ, วงฺคีสา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปสฺสถ, โภ โคตม, อุปปริกฺขามิ ตาวา’’ติ ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตติ. พาหิรกมนฺเตน ขีณาสวสฺส คตึ กถํ ชานิสฺสติ, อถสฺส มตฺถกโต เสโท มุจฺจิ. โส ลชฺชิตฺวา ตุณฺหีภูโต อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ¶ ‘‘กิลมสิ, วงฺคีสา’’ติ อาห. อาม, โภ โคตม, อิมสฺส สตฺตสฺส คตฏฺานํ ชานิตุํ น สกฺโกมิ. สเจ ตุมฺเห ชานาถ, กเถถาติ. ‘‘วงฺคีส, อหํ เอตมฺปิ ชานามิ อิโต อุตฺตริตรมฺปี’’ติ วตฺวา ธมฺมปเท อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ, อุปปตฺตึ จ สพฺพโส;
อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส ¶ คตึ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา;
ขีณาสวํ อรหนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๙-๔๒๐);
ตโต วงฺคีโส อาห – ‘‘โภ โคตม, วิชฺชาย วิชฺชํ เทนฺตสฺส นาม ปริหานิ นตฺถิ, อหํ อตฺตนา ชานนกํ มนฺตํ ตุมฺหากํ ทสฺสามิ, ตุมฺเห เอตํ มนฺตํ มยฺหํ เทถา’’ติ. วงฺคีส, น มยํ มนฺเตน มนฺตํ เทม, เอวเมว เทมาติ. ‘‘สาธุ, โภ โคตม, เทถ เม มนฺต’’นฺติ อปจิตึ ทสฺเสตฺวา หตฺถกจฺฉปกํ กตฺวา นิสีทิ. กึ, วงฺคีส, ตุมฺหากํ สมเย มหคฺฆมนฺตํ วา ¶ กิฺจิ วา คณฺหนฺตานํ ปริวาโส นาม น โหตีติ? โหติ, โภ โคตมาติ. อมฺหากํ ปน มนฺโต นิปฺปริวาโสติ สฺํ กโรสีติ? พฺราหฺมณา นาม มนฺเตหิ อติตฺตา โหนฺติ, ตสฺมา โส ภควนฺตํ อาห – ‘‘โภ โคตม, ตุมฺเหหิ กถิตนิยามํ กริสฺสามี’’ติ. ภควา อาห – ‘‘วงฺคีส, มยํ อิมํ มนฺตํ เทนฺตา อมฺเหหิ สมานลิงฺคสฺส เทมา’’ติ. วงฺคีโส ‘‘ยํกิฺจิ กตฺวา มยา อิมํ มนฺตํ คณฺหิตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ พฺราหฺมเณ อาห. ตุมฺเห มยิ ปพฺพชนฺเต มา จินฺตยิตฺถ, อหํ อิมํ มนฺตํ คณฺหิตฺวา สกลชมฺพุทีเป เชฏฺโก ภวิสฺสามิ. เอวํ สนฺเต ตุมฺหากมฺปิ ภทฺทกํ ภวิสฺสตี’’ติ มนฺตตฺถาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. สตฺถา ‘‘มนฺตปริวาสํ ตาว วสาหี’’ติ ทฺวตฺตึสาการํ อาจิกฺขิ. ปฺวา สตฺโต ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายนฺโตว ตตฺถ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ ¶ .
ตสฺมึ อรหตฺตํ ปตฺเต พฺราหฺมณา ‘‘กา นุ โข วงฺคีสสฺส ปวตฺติ, ปสฺสิสฺสาม น’’นฺติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, โภ วงฺคีส, สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก สิปฺปํ สิกฺขิต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. อาม, สิกฺขิตนฺติ. เตน หิ ¶ เอหิ คมิสฺสามาติ. คจฺฉถ ตุมฺเห, ตุมฺเหหิ สทฺธึ คนฺตพฺพกิจฺจํ มยฺหํ นิฏฺิตนฺติ. ปมเมว อมฺเหหิ ตุยฺหํ กถิตํ ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตานํ ปสฺสิตุํ อาคเต มายาย อาวฏฺเฏตี’’ติ. ตฺวํ หิ อิทานิ สมณสฺส โคตมสฺส วสํ อาปนฺโน, กึ มยํ ตว สนฺติเก กริสฺสามาติ อาคตมคฺเคเนว ปกฺกมึสุ. วงฺคีสตฺเถโรปิ ยํ ยํ เวลํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ คจฺฉติ, เอกํ ถุตึ กโรนฺโตว คจฺฉติ. เตน ตํ สตฺถา สงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน ปฏิภานวนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
อุปเสนวงฺคนฺตปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
๒๑๓. ปฺจเม สมนฺตปาสาทิกานนฺติ สพฺพปาสาทิกานํ. อุปเสโนติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. วงฺคนฺตพฺราหฺมณสฺส ปน โส ปุตฺโต, ตสฺมา วงฺคนฺตปุตฺโตติ วุจฺจติ. อยํ ปน เถโร น เกวลํ อตฺตนาว ปาสาทิโก, ปริสาปิสฺส ปาสาทิกา, อิติ ปริสํ นิสฺสาย ลทฺธนามวเสน สมนฺตปาสาทิกานํ อคฺโค นาม ชาโต.
ปฺหกมฺเม ปนสฺส อยมนุปุพฺพิกถา – อยมฺปิ หิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต วยํ อาคมฺม ปุริมนเยเนว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณมาโน สตฺถารํ เอกํ ¶ ภิกฺขุํ สมนฺตปาสาทิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท นาลกพฺราหฺมณคาเม สาริพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมึ ¶ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อุปเสนทารโกติสฺส นามํ อกํสุ.
โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ทสพลสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. โส อุปสมฺปทาย เอกวสฺสิโก หุตฺวา ‘‘อริยคพฺภํ วฑฺเฒมี’’ติ เอกํ กุลปุตฺตํ อตฺตโน สนฺติเก ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. โส ปวาเรตฺวา สทฺธิวิหาริกสฺส เอกวสฺสิกกาเล อตฺตนา ทุวสฺโส ‘‘ทสพโล มํ ปสฺสิตฺวา ตุสิสฺสตี’’ติ สทฺธิวิหาริกํ อาทาย ทสพลํ ปสฺสิตุํ อาคโต. สตฺถา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺเต นิสินฺนํ ปุจฺฉิ – ‘‘กติวสฺโสสิ ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ? ทุวสฺโส อหํ ภควาติ. อยํ ปน ภิกฺขุ กติวสฺโสติ? เอกวสฺโส ภควาติ. กินฺตายํ ภิกฺขุ โหตีติ? สทฺธิวิหาริโก เม ภควาติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อติลหุํ โข ¶ ตฺวํ, โมฆปุริส, พาหุลฺลาย อาวตฺโต’’ติ วตฺวา อเนกปริยาเยน วิครหิ. เถโร สตฺถุ สนฺติกา ครหํ ลภิตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อิมินาว ปุณฺณจนฺทสสฺสิริเกน มุเขน สตฺถารํ ปริสเมว นิสฺสาย สาธุการํ ทาเปสฺสามี’’ติ ตํทิวเสเยว เอกํ านํ คนฺตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ตโต ยสฺมา เถโร มหากุลโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ปถวิฆุฏฺธมฺมกถิโกว, ตสฺมา ตสฺส ธมฺมกถาย เจว ปสีทิตฺวา มิตฺตามจฺจาติกุเลหิ จ นิกฺขมิตฺวา พหู กุลทารกา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชนฺติ. ‘‘อหํ อารฺโก, ตุมฺเหปิ อารฺกา ภวิตุํ สกฺโกนฺตา ปพฺพชถา’’ติ เตรส ธุตงฺคานิ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสาม, ภนฺเต’’ติ วทนฺเต ปพฺพาเชติ. เต อตฺตโน พเลน ตํ ตํ ธุตงฺคํ อธิฏฺหนฺติ. เถโร อตฺตโน ทสวสฺสกาเล วินยํ ปคุณํ กตฺวา ¶ สพฺเพว อุปสมฺปาเทสิ. เอวํ อุปสมฺปนฺนา จสฺส ปฺจสตมตฺตา ภิกฺขู ปริวารา อเหสุํ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา เชตวนมหาวิหาเร วสนฺโต ‘‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, อทฺธมาสํ ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจตฺวา เอกวิหารี โหติ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ ‘‘โย ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, โส ปาจิตฺติยํ เทสาเปตพฺโพ’’ติ กติกํ อกาสิ. ตทา อุปเสนตฺเถโร ‘‘ภควนฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา กถาสมุฏฺาปนตฺถํ อฺตรํ เถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ ¶ อามนฺเตสิ – ‘‘มนาปานิ เต ภิกฺขุ ปํสุกูลานี’’ติ. ‘‘น โข เม, ภนฺเต, มนาปานิ ปํสุกูลานี’’ติ วตฺวา อุปชฺฌาเย คารเวน ปํสุกูลิกภาวํ อาโรเจสิ. อิมสฺมึ าเน สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, อุปเสนา’’ติ เถรสฺส สาธุการํ ทตฺวา อเนกปริยาเยน คุณกถํ กเถสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อิทํ วตฺถุ ปาฬิยํ (ปารา. ๕๖๕) อาคตเมว. อถ สตฺถา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน อิมสฺมึ สาสเน เถรํ สมนฺตปาสาทิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ทพฺพตฺเถรวตฺถุ
๒๑๔. ฉฏฺเ ¶ เสนาสนปฺาปกานนฺติ เสนาสนํ ปฺาเปนฺตานํ. เถรสฺส กิร เสนาสนปฺาปนกาเล อฏฺารสสุ มหาวิหาเรสุ อสมฺมฏฺํ ปริเวณํ วา อปฏิชคฺคิตํ เสนาสนํ วา อโสธิตํ มฺจปีํ วา อนุปฏฺิตํ ปานียปริโภชนียํ วา นาโหสิ. ตสฺมา เสนาสนปฺาปกานํ อคฺโค นาม ชาโต. ทพฺโพติสฺส นามํ. มลฺลราชกุเล ปน อุปฺปนฺนตฺตา มลฺลปุตฺโต นาม ชาโต.
ตสฺส ปฺหกมฺเม อยมนุปุพฺพิกถา – อยฺหิ ¶ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต วุตฺตนเยเนว วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ เสนาสนปฺาปกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา สตฺถารา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปทสพลสฺส สาสนสฺส โอสกฺกนกาเล ปพฺพชิ, ตทา เตน สทฺธึ อปเร ฉ ชนาติ สตฺต ภิกฺขู เอกจิตฺตา หุตฺวา อฺเ สาสเน อคารวํ กโรนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิธ กึ กโรม, เอกมนฺเต สมณธมฺมํ กตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามา’’ติ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา อุจฺจปพฺพตสิขรํ อภิรุหิตฺวา ‘‘อตฺตโน จิตฺตพลํ ชานนฺตา นิสฺเสณึ ปาเตนฺตุ, ชีวิเต สาลยา โอตรนฺตุ, มา ปจฺฉานุตาปิโน อหุวตฺถา’’ติ วตฺวา สพฺเพ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิสฺเสณึ ปาเตตฺวา ‘‘อปฺปมตฺตา โหถ, อาวุโส’’ติ อฺมฺํ โอวทิตฺวา จิตฺตรุจิเยสุ าเนสุ นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ อารภึสุ.
ตตฺเรโก เถโร ปฺจเม ทิวเส อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘มม กิจฺจํ นิปฺผนฺนํ, อหํ อิมสฺมึ าเน กึ กริสฺสามี’’ติ อิทฺธิยา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา, ‘‘อาวุโส, อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถ ¶ , ภิกฺขาจารกิจฺจํ มมายตฺตํ โหตุ, ตุมฺเห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติ อาห. กึ นุ โข มยํ, อาวุโส, นิสฺเสณึ ปาเตนฺตา เอวํ อโวจุมฺหา ‘‘โย ปมํ ธมฺมํ สจฺฉิกโรติ, โส ภิกฺขํ อาหรตุ, เตน อาภตํ เสสา ปริภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสนฺตี’’ติ. นตฺถิ, อาวุโสติ. ตุมฺเห อตฺตโน ปุพฺพเหตุนา ลภิตฺถ, มยมฺปิ สกฺโกนฺตา วฏฺฏสฺสนฺตํ กริสฺสาม, คจฺฉถ ตุมฺเหติ ¶ . เถโร เต สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ผาสุกฏฺาเน ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา คโต. อปโร เถโร สตฺตเม ทิวเส อนาคามิผลํ ปตฺวา ตโต จุโต สุทฺธาวาสพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต.
อิตเรปิ เถรา ¶ ตโต จุตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เตสุ เตสุ กุเลสุ นิพฺพตฺตา. เอโก คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลนคเร ราชเคเห นิพฺพตฺโต, เอโก ปพฺพเตยฺยรฏฺเ ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต, เอโก พาหิยรฏฺเ กุฏุมฺพิกเคเห นิพฺพตฺโต, เอโก ราชคเห กุฏุมฺพิกเคเห นิพฺพตฺโต. อยํ ปน ทพฺพตฺเถโร มลฺลรฏฺเ อนุปิยนคเร เอกสฺส มลฺลรฺโ เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส มาตา อุปวิชฺกาเล กาลมกาสิ, มตสรีรํ สุสานํ เนตฺวา ทารุจิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ อทํสุ. ตสฺสา อคฺคิเวคสนฺตตฺตํ อุทรปฏลํ ทฺเวธา อโหสิ. ทารโก อตฺตโน ปฺุพเลน อุปฺปติตฺวา เอกสฺมึ ทพฺพตฺถมฺเภ นิปติ. ตํ ทารกํ คเหตฺวา อยฺยิกาย อทํสุ. สา ตสฺส นามํ คณฺหนฺตี ทพฺพตฺถมฺเภ นิปติตฺวา ลทฺธชีวิตตฺตา ทพฺโพติสฺส นามํ อกาสิ.
ตสฺส สตฺตวสฺสิกกาเล สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร มลฺลรฏฺเ จาริกํ จรมาโน อนุปิยนิคมํ ปตฺวา อนุปิยมฺพวเน วิหรติ. ทพฺพกุมาโร สตฺถารํ ทิสฺวา ทสฺสเนเนว ปสีทิตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘อหํ ทสพลสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อยฺยิกํ อาปุจฺฉิ. สา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ทพฺพกุมารํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ กุมารํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาห. สตฺถา อฺตรสฺส ภิกฺขุโน สฺํ อทาสิ ‘‘ภิกฺขุ อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ทพฺพกุมารํ ปพฺพาเชนฺโต ตจปฺจกํ กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. ปุพฺพเหตุสมฺปนฺโน กตาภินีหาโร สตฺโต ปมเกสวฏฺฏิยา โอโรปิยมานาย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, ทุติยเกสวฏฺฏิยา ¶ โอโรปิยมานาย สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล. สพฺพเกสานํ ปน โอโรปนฺจ อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉา อปุเร อโหสิ.
สตฺถา ¶ มลฺลรฏฺเ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วาสํ กปฺเปสิ. ตตฺรายสฺมา ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต รโหคโต อตฺตโน กิจฺจนิปฺผตฺตึ ¶ โอโลเกตฺวา สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจกรเณ กายํ โยเชตุกาโม จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ สงฺฆสฺส เสนาสนฺจ ปฺาเปยฺยํ, ภตฺตานิ จ อุทฺทิเสยฺย’’นฺติ. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกํ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา เสนาสนปฺาปกตฺตฺจ ภตฺตุทฺเทสกตฺตฺจ สมฺปฏิจฺฉิ. อถ นํ ‘‘อยํ ทพฺโพ ทหโรว สมาโน มหนฺตฏฺาเน ิโต’’ติ สตฺตวสฺสิกกาเลเยว อุปสมฺปาเทสิ. เถโร อุปสมฺปนฺนกาลโตเยว ปฏฺาย ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺตานํ สพฺพภิกฺขูนํ เสนาสนานิ จ ปฺาเปติ, ภิกฺขฺจ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อุทฺทิสติ. ตสฺส เสนาสนปฺาปกภาโว สพฺพทิสาสุ ปากโฏ อโหสิ – ‘‘ทพฺโพ กิร มลฺลปุตฺโต สภาคสภาคานํ ภิกฺขูนํ เอกฏฺาเน เสนาสนานิ ปฺาเปติ, ทูเรปิ เสนาสนํ ปฺาเปติเยว. คนฺตุํ อสกฺโกนฺเต อิทฺธิยา เนตีติ.
อถ นํ ภิกฺขู กาเลปิ วิกาเลปิ ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส, ชีวกมฺพวเน เสนาสนํ ปฺาเปหิ, อมฺหากํ มทฺทกุจฺฉิสฺมึ มิคทาเย’’ติ เอวํ เสนาสนํ อุทฺทิสาเปตฺวา ตสฺส อิทฺธึ ปสฺสนฺตา คจฺฉนฺติ. โสปิ อิทฺธิยา มโนมเย กาเย อภิสงฺขริตฺวา เอเกกสฺส เถรสฺส เอเกกํ อตฺตนา สทิสํ ภิกฺขุํ นิมฺมินิตฺวา องฺคุลิยา ชลมานาย ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา ‘‘อยํ มฺโจ, อิทํ ปี’’นฺติอาทีนิ วตฺวา เสนาสนํ ปฺาเปตฺวา ปุน อตฺตโน วสนฏฺานเมว ¶ อาคจฺฉติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปนิทํ วตฺถุ ปาฬิยํ อาคตเมว. สตฺถา อิทเมว การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ เสนาสนปฺาปกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรวตฺถุ
๒๑๕. สตฺตเม เทวตานํ ปิยมนาปานนฺติ เทวตานํ ปิยานฺเจว มนาปานฺจ ปิลินฺทวจฺฉตฺเถโร อคฺโคติ ทสฺเสติ. โส กิร อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา มหาชนํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา สคฺคปรายณํ อกาสิ. เยภุยฺเยน กิร ฉสุ กามสคฺเคสุ นิพฺพตฺตเทวตา ตสฺเสว โอวาทํ ลภิตฺวา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอ