📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
องฺคุตฺตรนิกาเย
เอกกนิปาต-ฏีกา
คนฺถารมฺภกถา
นมามิ นาถํ ชิตปฺจมารํ;
ธมฺมํ วิสุทฺธํ ภวนาสเหตุํ,
สงฺฆฺจ เสฏฺํ หตสพฺพปาปํ.
กสฺสปํ ตํ มหาเถรํ, สงฺฆสฺส ปริณายกํ;
ทีปสฺมึ ตมฺพปณฺณิมฺหิ, สาสโนทยการกํ.
ปฏิปตฺติปราธีนํ, สทารฺนิวาสินํ;
ปากฏํ คคเน จนฺท-มณฺฑลํ วิย สาสเน.
สงฺฆสฺส ¶ ปิตรํ วนฺเท, วินเย สุวิสารทํ;
ยํ นิสฺสาย วสนฺโตหํ, วุฑฺฒิปฺปตฺโตสฺมิ สาสเน.
อนุเถรํ มหาปฺํ, สุเมธํ สุติวิสฺสุตํ;
อวิขณฺฑิตสีลาทิ-ปริสุทฺธคุโณทยํ.
พหุสฺสุตํ สติมนฺตํ, ทนฺตํ สนฺตํ สมาหิตํ;
นมามิ สิรสา ธีรํ, ครุํ เม คณวาจกํ.
อาคตาคมตกฺเกสุ ¶ , สทฺทสตฺถนยฺุสุ;
ยสฺสนฺเตวาสิภิกฺขูสุ, สาสนํ สุปฺปติฏฺิตํ.
โย สีหฬินฺโท ธิติมา ยสสฺสี,
อุฬารปฺโ นิปุโณ กลาสุ;
ชาโต วิสุทฺเธ รวิโสมวํเส,
มหพฺพโล อพฺภุตวุตฺติเตโช.
ชิตฺวาริวคฺคํ อติทุปฺปสยฺหํ,
อนฺสาธารณวิกฺกเมน;
ปตฺตาภิเสโก ชินธมฺมเสวี,
อภิปฺปสนฺโน รตนตฺตยมฺหิ.
จิรํ วิภินฺเน ชินสาสนสฺมึ,
ปจฺจตฺถิเก สุฏฺุ วินิคฺคเหตฺวา;
สุธํว สามคฺคิรสํ ปสตฺถํ,
ปาเยสิ ภิกฺขู ปริสุทฺธสีเล.
กตฺวา วิหาเร วิปุเล จ รมฺเม,
ตตฺรปฺปิเตเนกสหสฺสสงฺเข;
ภิกฺขู ¶ อเสเส จตุปจฺจเยหิ,
สนฺตปฺปยนฺโต สุจิรํ อขณฺฑํ.
สทฺธมฺมวุทฺธึ อภิกงฺขมาโน,
สยมฺปิ ภิกฺขู อนุสาสยิตฺวา;
นิโยชยํ คนฺถวิปสฺสนาสุ,
อกาสิ วุทฺธึ ชินสาสนสฺส.
เตนาหมจฺจนฺตมนุคฺคหีโต,
อนฺสาธารณสงฺคเหน;
ยสฺมา ปรกฺกนฺตภุชวฺหเยน,
อชฺเฌสิโต ภิกฺขุคณสฺส มชฺเฌ.
ตสฺมา ¶ อนุตฺตานปทานมตฺถํ,
เสฏฺาย องฺคุตฺตรวณฺณนาย;
สนฺทสฺสยิสฺสํ สกลํ สุโพทฺธุํ,
นิสฺสาย ปุพฺพาจริยปฺปภาวํ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
๑. สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยํ นมสฺสิตุกาโม ตสฺส วิสิฏฺคุณโยคสนฺทสฺสนตฺถํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทิมาห. วิสิฏฺคุณโยเคน หิ วนฺทนารหภาโว, วนฺทนารเห จ กตา วนฺทนา ยถาธิปฺเปตมตฺถํ สาเธติ. เอตฺถ จ สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปฺปณามกรณปฺปโยชนํ ตตฺถ ตตฺถ พหุธา ปปฺเจนฺติ อาจริยา, มยํ ปน อิธาธิปฺเปตเมว ปโยชนํ ทสฺสยิสฺสาม, ตสฺมา สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปฺปณามกรณํ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทเมว หิ ปโยชนํ อาจริเยน อิธาธิปฺเปตํ. ตถา หิ วกฺขติ –
‘‘อิติ เม ปสนฺนมติโน, รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปฺุํ;
ยํ สุวิหตนฺตราโย, หุตฺวา ตสฺสานุภาเวนา’’ติ.
รตนตฺตยปฺปณามกรเณน ¶ เจตฺถ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ รตนตฺตยปูชาย ปฺาปาฏวโต, ตาย ปฺาปาฏวฺจ ราคาทิมลวิธมนโต. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).
ตสฺมา รตนตฺตยปูชเนน วิกฺขาลิตมลาย ปฺาย ปาฏวสิทฺธิ.
อถ วา รตนตฺตยปูชนสฺส ปฺาปทฏฺานสมาธิเหตุตฺตา ปฺาปาฏวํ. วุตฺตฺหิ ตสฺส สมาธิเหตุตฺตํ –
‘‘อุชุคตจิตฺโต ¶ โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).
สมาธิสฺส จ ปฺาย ปทฏฺานภาโว วุตฺโตเยว – ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑). ตโต เอวํ ปฏุภูตาย ปฺาย ปฏิฺามหตฺตกตํ เขทมภิภุยฺย อนนฺตราเยน สํวณฺณนํ สมาปยิสฺสติ.
อถ วา รตนตฺตยปูชาย อายุวณฺณสุขพลวฑฺฒนโต อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ เวทิตพฺพํ. รตนตฺตยปฺปณาเมน หิ อายุวณฺณสุขพลานิ วฑฺฒนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อภิวาทนสีลิสฺส, นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน;
จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ, อายุ วณฺโณ สุขํ พล’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๐๙) –
ตโต อายุวณฺณสุขพลวุทฺธิยา โหเตว การิยนิฏฺานํ.
อถ ¶ วา รตนตฺตยคารวสฺส ปฏิภานาปริหานาวหตฺตา. อปริหานาวหฺหิ ตีสุปิ รตเนสุ คารวํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, อปริหานียา ธมฺมา. กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา, ธมฺมคารวตา, สงฺฆคารวตา, สิกฺขาคารวตา, สมาธิคารวตา, โสวจสฺสตา, กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ (อ. นิ. ๗.๓๔).
โหเตว จ ตโต ปฏิภานาปริหาเนน ยถาปฏิฺาตปริสมาปนํ.
อถ วา ปสาทวตฺถูสุ ปูชาย ปฺุาติสยภาวโต. วุตฺตฺหิ ตสฺสา ปฺุาติสยตฺตํ –
‘‘ปูชารเห ปูชยโต, พุทฺเธ ยทิ ว สาวเก;
ปปฺจสมติกฺกนฺเต, ติณฺณโสกปริทฺทเว.
เต ¶ ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;
น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๕-๑๙๖; อป. เถร ๑.๑๐.๑-๒);
ปฺุาติสโย จ ยถาธิปฺเปตปริสมาปนูปาโย. ยถาห –
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;
ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ. (ขุ. ปา. ๘.๑๐);
อุปาเยสุ จ ปฏิปนฺนสฺส โหเตว การิยนิฏฺานํ. รตนตฺตยปูชา หิ นิรติสยปฺุกฺเขตฺตสมฺพุทฺธิยา อปริเมยฺยปฺปภาโว ปฺุาติสโยติ พหุวิธนฺตราเยปิ โลกสนฺนิวาเส อนฺตรายนิพนฺธนสกลสํกิเลสวิทฺธํสนาย ปโหติ, ภยาทิอุปทฺทวฺจ นิวาเรติ. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปฺปณามกรณํ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถ’’นฺติ.
เอวฺจ สปฺปโยชนํ รตนตฺตยวนฺทนํ กตฺตุกาโม ปมํ ตาว ภควโต วนฺทนํ กาตุํ ตมฺมูลกตฺตา ¶ เสสรตนานํ ‘‘กรุณาสีตลหทยํ…เป… คติวิมุตฺต’’นฺติ อาห. ตตฺถ ยสฺสา เทสนาย สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม, สา น วินยเทสนา วิย กรุณาปธานา, นาปิ อภิธมฺมเทสนา วิย ปฺาปธานา, อถ โข กรุณาปฺาปธานาติ ตทุภยปฺปธานเมว ตาว สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โถมนํ กาตุํ ‘‘กรุณาสีตลหทยํ, ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ กิรตีติ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ อปเนตีติ อตฺโถ. อถ วา กิณาตีติ กรุณา, ปรทุกฺเข สติ การุณิกํ หึสติ วิพาธตีติ อตฺโถ. ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ กโรตีติ วา กรุณา. อถ วา กมิติ สุขํ, ตํ รุนฺธตีติ กรุณา. เอสา หิ ปรทุกฺขาปนยนกามตาลกฺขณา อตฺตสุขนิรเปกฺขตาย การุณิกานํ สุขํ รุนฺธติ วิพนฺธตีติ อตฺโถ. กรุณาย สีตลํ กรุณาสีตลํ, กรุณาสีตลํ หทยํ อสฺสาติ กรุณาสีตลหทโย, ตํ กรุณาสีตลหทยํ.
ตตฺถ กิฺจาปิ ปเรสํ หิโตปสํหารสุขาทิอปริหานิจฺฉนสภาวตาย, พฺยาปาทารตีนํ อุชุวิปจฺจนีกตาย จ สตฺตสนฺตานคตสนฺตาปวิจฺเฉทนาการปฺปวตฺติยา เมตฺตามุทิตานมฺปิ จิตฺตสีตลภาวการณตา อุปลพฺภติ, ตถาปิ ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติยา ปรูปตาปาสหนรสา อวิหึสภูตา ¶ กรุณา วิเสเสน ภควโต จิตฺตสฺส จิตฺตปฺปสฺสทฺธิ วิย สีติภาวนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ – ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ. กรุณามุเขน วา เมตฺตามุทิตานมฺปิ หทยสีตลภาวการณตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา อสาธารณาณวิเสสนิพนฺธนภูตา สาติสยํ นิรวเสสฺจ สพฺพฺุตฺาณํ วิย สวิสยพฺยาปิตาย มหากรุณาภาวํ อุปคตา กรุณาว ภควโต อติสเยน หทยสีตลภาวเหตูติ อาห – ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ. อถ วา สติปิ เมตฺตามุทิตานํ สาติสเย หทยสีติภาวนิพนฺธนตฺเต สกลพุทฺธคุณวิเสสการณตาย ตาสมฺปิ การณนฺติ กรุณาว ภควโต ‘‘หทยสีตลภาวการณ’’นฺติ วุตฺตา. กรุณานิทานา หิ สพฺเพปิ พุทฺธคุณา. กรุณานุภาวนิพฺพาปิยมานสํสารทุกฺขสนฺตาปสฺส หิ ภควโต ปรทุกฺขาปนยนกามตาย อเนกานิปิ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ อกิลนฺตรูปสฺเสว นิรวเสสพุทฺธกรธมฺมสมฺภรณนิรตสฺส สมธิคตธมฺมาธิปเตยฺยสฺส จ สนฺนิหิเตสุปิ สตฺตสงฺขารสมุปนีตหทยูปตาปนิมิตฺเตสุ น อีสกมฺปิ จิตฺตสีติภาวสฺส อฺถตฺตมโหสีติ. เอตสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ตีสุปิ อวตฺถาสุ ภควโต กรุณา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.
ปชานาตีติ ปฺา, ยถาสภาวํ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ปฺาว เยฺยาวรณปฺปหานโต ปกาเรหิ ธมฺมสภาวาวโชตนฏฺเน ปชฺโชโตติ ปฺาปชฺโชโต. สวาสนปฺปหานโต วิเสเสน หตํ สมุคฺฆาติตํ วิหตํ. ปฺาปชฺโชเตน วิหตํ ปฺาปชฺโชตวิหตํ ¶ , มุยฺหนฺติ เตน, สยํ วา มุยฺหติ, โมหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโห, อวิชฺชา. สฺเวว วิสยสภาวปฺปฏิจฺฉาทนโต อนฺธการสริกฺขตาย ตโม วิยาติ โมหตโม, ปฺาปชฺโชตวิหโต โมหตโม เอตสฺสาติ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตโม, ตํ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ. สพฺเพสมฺปิ หิ ขีณาสวานํ สติปิ ปฺาปชฺโชเตน อวิชฺชนฺธการสฺส วิหตภาเว สทฺธาธิมุตฺเตหิ วิย ทิฏฺิปฺปตฺตานํ สาวเกหิ ปจฺเจกสมฺพุทฺเธหิ จ สวาสนปฺปหาเนน สมฺมาสมฺพุทฺธานํ กิเลสปฺปหานสฺส วิเสโส วิชฺชตีติ สาติสเยน อวิชฺชาปหาเนน ภควนฺตํ โถเมนฺโต อาห – ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ.
อถ ¶ วา อนฺตเรน ปโรปเทสํ อตฺตโน สนฺตาเน อจฺจนฺตํ อวิชฺชนฺธการวิคมสฺส นิพฺพตฺติตตฺตา, ตตฺถ จ สพฺพฺุตาย พเลสุ จ วสีภาวสฺส สมธิคตตฺตา, ปรสนฺตติยฺจ ธมฺมเทสนาติสยานุภาเวน สมฺมเทว ตสฺส ปวตฺติตตฺตา ภควาว วิเสสโต โมหตมวิคเมน โถเมตพฺโพติ อาห – ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ‘‘ปฺาปชฺโชโต’’ติ ปเทน ภควโต ปฏิเวธปฺา วิย เทสนาปฺาปิ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.
อถ วา ภควโต าณสฺส เยฺยปริยนฺติกตฺตา สกลเยฺยธมฺมสภาวาวโพธนสมตฺเถน อนาวรณาณสงฺขาเตน ปฺาปชฺโชเตน สพฺพเยฺยธมฺมสภาวจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิธมิตตฺตา อนฺสาธารโณ ภควโต โมหตมวินาโสติ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ. เอตฺถ จ โมหตมวิธมนนฺเต อธิคตตฺตา อนาวรณาณํ การโณปจาเรน สสนฺตานโมหตมวิธมนํ ทฏฺพฺพํ. อภินีหารสมฺปตฺติยา สวาสนปฺปหานเมว หิ กิเลสานํ เยฺยาวรณปฺปหานนฺติ, ปรสนฺตาเน ปน โมหตมวิธมนสฺส การณภาวโต อนาวรณาณํ ‘‘โมหตมวิธมน’’นฺติ วุจฺจตีติ.
กึ ปน การณํ อวิชฺชาสมุคฺฆาโตเยเวโก ปหานสมฺปตฺติวเสน ภควโต โถมนานิมิตฺตํ คยฺหติ, น ปน สาติสยนิรวเสสกิเลสปฺปหานนฺติ? ตปฺปหานวจเนเนว ตเทกฏฺตาย สกลสํกิเลสคณสมุคฺฆาตสฺส วุตฺตตฺตา. น หิ โส ตาทิโส กิเลโส อตฺถิ, โย นิรวเสสอวิชฺชาปหาเนน น ปหียตีติ.
อถ วา วิชฺชา วิย สกลกุสลธมฺมสมุปฺปตฺติยา, นิรวเสสากุสลธมฺมนิพฺพตฺติยา สํสารปฺปวตฺติยา ¶ จ อวิชฺชา ปธานการณนฺติ ตพฺพิฆาตวจเนน สกลสํกิเลสคณสมุคฺฆาโต วุตฺโต เอว โหตีติ วุตฺตํ – ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ.
นรา จ อมรา จ นรามรา, สห นรามเรหีติ สนรามโร, สนรามโร จ โส โลโก จาติ สนรามรโลโก, ตสฺส ครูติ สนรามรโลกครุ, ตํ สนรามรโลกครุํ. เอเตน เทวมนุสฺสานํ วิย ตทวสิฏฺสตฺตานมฺปิ ยถารหํ คุณวิเสสาวหตาย ภควโต อุปการตํ ¶ ทสฺเสติ. น เจตฺถ ปธานปฺปธานภาโว โจเทตพฺโพ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโม. อีทิเสสุ หิ สมาสปเทสุ ปธานมฺปิ อปฺปธานํ วิย นิทฺทิสียติ ยถา ‘‘สราชิกาย ปริสายา’’ติ (จูฬว. ๓๓๖). กามฺเจตฺถ สตฺตสงฺขารภาชนวเสน ติวิโธ โลโก, ครุภาวสฺส ปน อธิปฺเปตตฺตา ครุกรณสมตฺถสฺเสว ยุชฺชนโต สตฺตโลกสฺส วเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ. โส หิ โลกียนฺติ เอตฺถ ปฺุปาปานิ ตพฺพิปาโก จาติ ‘‘โลโก’’ติ วุจฺจติ. อมรคฺคหเณน เจตฺถ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา.
อถ วา สมูหตฺโถ โลกสทฺโท สมุทายวเสน โลกียติ ปฺาปียตีติ. สห นเรหีติ สนรา, สนรา จ เต อมรา จาติ สนรามรา, เตสํ โลโกติ สนรามรโลโกติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ. อมรสทฺเทน เจตฺถ วิสุทฺธิเทวาปิ สงฺคยฺหนฺติ. เตปิ หิ มรณาภาวโต ปรมตฺถโต อมรา. นรามรานํเยว จ คหณํ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๕๗). ตถา หิ สพฺพานตฺถปริหรณปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตูปการิตาย อปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณวิเสสสมงฺคิตาย จ สพฺพสตฺตุตฺตโม ภควา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมคารวฏฺานํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติ.
โสภนํ คตํ คมนํ เอตสฺสาติ สุคโต. ภควโต หิ เวเนยฺยชนูปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต โสภนํ, ตถา ลกฺขณานุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทุตวิลมฺพิตขลิตานุกฑฺฒนนิปฺปีฬนุกฺกุฏิกกุฏิลากุฏิลตาทิ- โทสรหิตมวหสิตราชหํสวสภวารณมิคราชคมนํ กายคมนํ าณคมนฺจ วิปุลนิมฺมลกรุณาสติวีริยาทิคุณวิเสสสหิตมภินีหารโต ยาว มหาโพธิ อนวชฺชตาย โสภนเมวาติ. อถ วา สยมฺภุาเณน สกลมฺปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน ปริชานนฺโต าเณน สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต, ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต, โลกนิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา ¶ คโต อธิคโตติ ¶ สุคโต, โลกนิโรธคามินิปฏิปทํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปฏิปนฺโนติ สุคโต. ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต’’ติอาทินา (จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๒๗) นเยน อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. อถ วา สุนฺทรํ านํ สมฺมาสมฺโพธึ, นิพฺพานเมว วา คโต อธิคโตติ สุคโต, ยสฺมา วา ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ เวเนยฺยานํ ยถารหํ กาลยุตฺตเมว จ ธมฺมํ ภาสติ, ตสฺมา สมฺมา คทตีติ สุคโต, ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. อิติ โสภนคมนตาทีหิ สุคโต, ตํ สุคตํ.
ปฺุปาปกมฺเมหิ อุปปชฺชนวเสน คนฺตพฺพโต คติโย, อุปปตฺติภววิเสสา. ตา ปน นิรยาทิวเสน ปฺจวิธา. ตาหิ สกลสฺสปิ ภวคามิกมฺมสฺส อริยมคฺคาธิคเมน อวิปาการหภาวกรเณน นิวตฺติตตฺตา ภควา ปฺจหิปิ คตีหิ สุฏฺุ มุตฺโต วิสํยุตฺโตติ อาห – ‘‘คติวิมุตฺต’’นฺติ. เอเตน ภควโต กตฺถจิปิ คติยา อปริยาปนฺนตํ ทสฺเสติ, ยโต ภควา ‘‘เทวาติเทโว’’ติ วุจฺจติ. เตเนวาห –
‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖);
ตํตํคติสํวตฺตนิกานฺหิ กมฺมกิเลสานํ อคฺคมคฺเคน โพธิมูเลเยว สุปฺปหีนตฺตา นตฺถิ ภควโต คติปริยาปนฺนตาติ อจฺจนฺตเมว ภควา สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสสตฺตนิกาเยหิ สุปริมุตฺโต, ตํ คติวิมุตฺตํ. วนฺเทติ นมามิ, โถเมมีติ วา อตฺโถ.
อถ วา คติวิมุตฺตนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุปฺปตฺติยา ภควนฺตํ โถเมติ. เอตฺถ หิ ทฺวีหิ อากาเรหิ ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา อตฺตหิตสมฺปตฺติโต ปรหิตปฺปฏิปตฺติโต จ. เตสุ อตฺตหิตสมฺปตฺติ อนาวรณาณาธิคมโต สวาสนานํ สพฺเพสํ กิเลสานํ อจฺจนฺตปฺปหานโต อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติโต จ เวทิตพฺพา, ปรหิตปฺปฏิปตฺติ ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมเทสนโต วิรุทฺเธสุปิ นิจฺจํ หิตชฺฌาสยโต าณปริปากกาลาคมนโต จ. สา ปเนตฺถ อาสยโต ปโยคโต จ ทุวิธา, ปรหิตปฺปฏิปตฺติ ติวิธา จ, อตฺตหิตสมฺปตฺติ ¶ ปกาสิตา โหติ. กถํ? ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ เอเตน อาสยโต ปรหิตปฺปฏิปตฺติ ¶ , สมฺมาคทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปโยคโต ปรหิตปฺปฏิปตฺติ, ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ คติวิมุตฺต’’นฺติ เอเตหิ จตุสจฺจสมฺปฏิเวธนตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ติวิธาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, อวสิฏฺเน ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน จาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปรหิตปฺปฏิปตฺติ ปกาสิตา โหตีติ.
อถ วา ตีหิ อากาเรหิ ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา เหตุโต, ผลโต, อุปการโต จ. ตตฺถ เหตุ มหากรุณา, สา ปมปเทน ทสฺสิตา. ผลํ จตุพฺพิธํ าณสมฺปทา, ปหานสมฺปทา, อานุภาวสมฺปทา, รูปกายสมฺปทา จาติ. ตาสุ าณปฺปหานสมฺปทา ทุติยปเทน สจฺจปฺปฏิเวธนตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ปกาสิตา โหนฺติ, อานุภาวสมฺปทา ตติยปเทน, รูปกายสมฺปทา ยถาวุตฺตกายคมนโสภนตฺเถน สุคตสทฺเทน ลกฺขณานุพฺยฺชนปาริปูริยา วินา ตทภาวโต. อุปกาโร อนนฺตรํ อพาหิรํ กริตฺวา ติวิธยานมุเขน วิมุตฺติธมฺมเทสนา. โส สมฺมาคทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปกาสิโต โหตีติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ ทสฺเสติ. มหากรุณาสฺโจทิตมานโส หิ ภควา สํสารปงฺกโต สตฺตานํ สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาโร อนุปุพฺเพน ปารมิโย ปูเรตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคโตติ กรุณา สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ. ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธึ ทสฺเสติ. อนาวรณาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ อนาวรณาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจตีติ. สมฺมาคมนตฺเถน สุคตสทฺเทน สมฺมาสมฺโพธิยา ปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขลฺลิกตฺตกิลมถานุโยคสสฺสตุจฺเฉทาภินิเวสาทิอนฺตทฺวยรหิตาย กรุณาปฺาปริคฺคหิตาย มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา ปกาสนโต สุคตสทฺทสฺส. อิตเรหิ สมฺมาสมฺโพธิยา ปธานปฺปธานเภทํ ปโยชนํ ทสฺเสติ. สํสารมโหฆโต สตฺตสนฺตารณฺเหตฺถ ปธานํ ปโยชนํ, ตทฺมปฺปธานํ. เตสุ ปธาเนน ปรหิตปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ, อิตเรน อตฺตหิตสมฺปตฺตึ. ตทุภเยน อตฺตหิตาย ¶ ปฏิปนฺนาทีสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ ภควโต จตุตฺถปุคฺคลภาวํ ทสฺเสติ. เตน จ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวํ อุตฺตมวนฺทเนยฺยภาวํ อตฺตโน จ วนฺทนกิริยาย เขตฺตงฺคตภาวํ ทสฺเสติ.
เอตฺถ จ กรุณาคหเณน โลกิเยสุ มหคฺคตภาวปฺปตฺตาสาธารณคุณทีปนโต ภควโต สพฺพโลกิยคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ, ปฺาคหเณน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานมคฺคาณทีปนโต สพฺพโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ. ตทุภยคฺคหณสิทฺโธ หิ อตฺโถ ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติอาทินา ปปฺจียตีติ ¶ . กรุณาคหเณน จ อุปคมนํ นิรุปกฺกิเลสํ ทสฺเสติ, ปฺาคหเณน อปคมนํ. ตถา กรุณาคหเณน โลกสมฺานุรูปํ ภควโต ปวตฺตึ ทสฺเสติ โลกโวหารวิสยตฺตา กรุณาย, ปฺาคหเณน สมฺาย อนติธาวนํ. สภาวานวโพเธน หิ ธมฺมานํ สมฺํ อติธาวิตฺวา สตฺตาทิปรามสนํ โหตีติ. ตถา กรุณาคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติวิหารํ ทสฺเสติ, ปฺาคหเณน ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ จตุสจฺจาณํ, จตุปฏิสมฺภิทาาณํ, จตุเวสารชฺชาณํ. กรุณาคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส คหิตตฺตา เสสาสาธารณาณานิ, ฉ อภิฺา, อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณานิ, ทส พลานิ, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, โสฬส าณจริยา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ, สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนีติ เอวมาทีนํ อเนเกสํ ปฺาปเภทานํ วเสน าณจารํ ทสฺเสติ. ตถา กรุณาคหเณน จรณสมฺปตฺตึ, ปฺาคหเณน วิชฺชาสมฺปตฺตึ. กรุณาคหเณน อตฺตาธิปติตา, ปฺาคหเณน ธมฺมาธิปติตา. กรุณาคหเณน โลกนาถภาโว, ปฺาคหเณน อตฺตนาถภาโว. ตถา กรุณาคหเณน ปุพฺพการิภาโว, ปฺาคหเณน กตฺุตา. ตถา กรุณาคหเณน อปรนฺตปตา, ปฺาคหเณน อนตฺตนฺตปตา. กรุณาคหเณน วา พุทฺธกรธมฺมสิทฺธิ, ปฺาคหเณน พุทฺธภาวสิทฺธิ. ตถา กรุณาคหเณน ปเรสํ ตารณํ, ปฺาคหเณน สยํตรณํ. ตถา กรุณาคหเณน สพฺพสตฺเตสุ อนุคฺคหจิตฺตตา, ปฺาคหเณน สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺตตา ทสฺสิตา โหติ.
สพฺเพสฺจ พุทฺธคุณานํ กรุณา อาทิ ตนฺนิทานภาวโต, ปฺา ปริโยสานํ ตโต อุตฺตริกรณียาภาวโต. อิติ อาทิปริโยสานทสฺสเนน ¶ สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ. ตถา กรุณาคหเณน สีลกฺขนฺธปุพฺพงฺคโม สมาธิกฺขนฺโธ ทสฺสิโต โหติ. กรุณานิทานฺหิ สีลํ ตโต ปาณาติปาตาทิวิรติปฺปวตฺติโต, สา จ ฌานตฺตยสมฺปโยคินีติ. ปฺาวจเนน ปฺากฺขนฺโธ. สีลฺจ สพฺเพสํ พุทฺธคุณานํ อาทิ, สมาธิ มชฺเฌ, ปฺา ปริโยสานนฺติ เอวมฺปิ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ นยโต ทสฺสิตตฺตา. เอโส เอว หิ นิรวเสสโต พุทฺธคุณานํ ทสฺสนุปาโย, ยทิทํ นยคฺคหณํ, อฺถา โก นาม สมตฺโถ ภควโต คุเณ อนุปทํ นิรวเสสโต ทสฺเสตุํ? เตเนวาห –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ ¶ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; พุ. วํ. อฏฺ. ๔.๔; อป. อฏฺ. ๒.๗.ปรปฺปสาทกตฺเถรอปทานวณฺณนา);
เตเนว จ อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรนปิ พุทฺธคุณปริจฺเฉทนํ ปติ อนุยุตฺเตน ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อปิจ เม, ภนฺเต, ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ วุตฺตํ.
๒. เอวํ สงฺเขเปน สกลสพฺพฺุคุเณหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา อิทานิ สทฺธมฺมํ โถเมตุํ ‘‘พุทฺโธปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ พุทฺโธติ กตฺตุนิทฺเทโส. พุทฺธภาวนฺติ กมฺมนิทฺเทโส. ภาเวตฺวา สจฺฉิกตฺวาติ จ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโส. ยนฺติ อนิยมโต กมฺมนิทฺเทโส. อุปคโตติ อปรกาลกิริยานิทฺเทโส. วนฺเทติ กิริยานิทฺเทโส. ตนฺติ นิยมนํ. ธมฺมนฺติ วนฺทนกิริยาย กมฺมนิทฺเทโส. คตมลํ อนุตฺตรนฺติ จ ตพฺพิเสสนํ.
ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทโส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นิทฺเทสนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา สวาสนาย อฺาณนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมโต, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาวโต พุทฺธวาติ พุทฺโธ ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน เยฺยวิเสสสฺส กมฺมภาเวน อคฺคหณโต กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเวน อวคมนตฺถวเสเนว ¶ กตฺตุนิทฺเทโส ลพฺภตีติ พุทฺธวาติ พุทฺโธ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิโต สยมฺภุาเณน สห วาสนาย วิหตวิทฺธํสิตนิรวเสสกิเลโส มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโร ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ. ยถาห –
‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทโส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑).
อปิ-สทฺโท สมฺภาวเน. เตน ‘‘เอวํ คุณวิเสสยุตฺโต โสปิ นาม ภควา’’ติ วกฺขมานคุณธมฺเม ¶ สมฺภาวนํ ทีเปติ. พุทฺธภาวนฺติ สมฺมาสมฺโพธึ. ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา วฑฺเฒตฺวา จ. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. อุปคโตติ ปตฺโต, อธิคโตติ อตฺโถ. เอตสฺส พุทฺธภาวนฺติ เอเตน สมฺพนฺโธ. คตมลนฺติ วิคตมลํ, นิทฺโทสนฺติ อตฺโถ. วนฺเทติ ปณมามิ, โถเมมิ วา. อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรรหิตํ, โลกุตฺตรนฺติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายโต จ สํสารโต จ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เอวํ วิวิธคุณคณสมนฺนาคโต พุทฺโธปิ ภควา ยํ อริยมคฺคสงฺขาตํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา, ผลนิพฺพานํ ปน สจฺฉิกตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคโต, ตเมวํ พุทฺธานมฺปิ พุทฺธภาวเหตุภูตํ สพฺพโทสมลรหิตํ อตฺตโน อุตฺตริตราภาเวน อนุตฺตรํ ปฏิเวธสทฺธมฺมํ นมามีติ. ปริยตฺติสทฺธมฺมสฺสปิ ตปฺปกาสนตฺตา อิธ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อถ วา ‘‘อภิธมฺมนยสมุทฺทํ อธิคฺฉิ, ตีณิ ปิฏกานิ สมฺมสี’’ติ จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ปริยตฺติธมฺมสฺสปิ สจฺฉิกิริยาสมฺมสนปริยาโย ลพฺภตีติ โสปิ อิธ วุตฺโต เอวาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา สจฺฉิกตฺวา’’ติ จ วุตฺตตฺตา พุทฺธกรธมฺมภูตาหิ ปารมิตาหิ สห ปุพฺพภาเค อธิสีลสิกฺขาทโยปิ อิธ ธมฺมสทฺเทน สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพา. ตาปิ หิ วิคตปฺปฏิปกฺขตาย คตมลา, อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรา จาติ. ตถา หิ สตฺตานํ สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาย กตมหาภินีหาโร มหากรุณาธิวาสนเปสลชฺฌาสโย ¶ ปฺาวิเสสปริโยทาตนิมฺมลานํ ทานทมสฺมาทีนํ อุตฺตมธมฺมานํ สตสหสฺสาธิกานิ กปฺปานํ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ นิรวเสสานํ ภาวนาปจฺจกฺขกรเณหิ กมฺมาทีสุ อธิคตวสีภาโว อจฺฉริยาจินฺเตยฺยมหานุภาโว อธิสีลอธิจิตฺตานํ ปรมุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต ภควา ปจฺจยากาเร จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน มหาวชิราณํ เปเสตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ.
เอตฺถ จ ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน วิชฺชาสมฺปทาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน วิมุตฺติสมฺปทาย. ตถา ปเมน ฌานสมฺปทาย, ทุติเยน วิโมกฺขสมฺปทาย. ปเมน วา สมาธิสมฺปทาย, ทุติเยน สมาปตฺติสมฺปทาย. อถ วา ปเมน ขยาณภาเวน, ทุติเยน อนุปฺปาทาณภาเวน. ปเมน วา วิชฺชูปมตาย, ทุติเยน วชิรูปมตาย. ปุริเมน วา วิราคสมฺปตฺติยา, ทุติเยน นิโรธสมฺปตฺติยา. ตถา ปเมน นิยฺยานภาเวน, ทุติเยน นิสฺสรณภาเวน. ปเมน วา เหตุภาเวน, ทุติเยน อสงฺขตภาเวน. ปเมน วา ทสฺสนภาเวน, ทุติเยน วิเวกภาเวน. ปเมน วา อธิปติภาเวน, ทุติเยน อมตภาเวน ธมฺมํ โถเมติ. อถ วา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา พุทฺธภาวํ อุปคโต’’ติ เอเตน สฺวากฺขาตตาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ ¶ เอเตน สนฺทิฏฺิกตาย. ตถา ปุริเมน อกาลิกตาย, ปจฺฉิเมน เอหิปสฺสิกตาย. ปุริเมน วา โอปเนยฺยิกตาย, ปจฺฉิเมน ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพตาย ธมฺมํ โถเมติ. ‘‘คตมล’’นฺติ อิมินา สํกิเลสาภาวทีปเนน ธมฺมสฺส ปริสุทฺธตํ ทสฺเสติ, ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ เอเตน อฺสฺส วิสิฏฺสฺส อภาวทีปเนน วิปุลปริปุณฺณตํ. ปเมน วา ปหานสมฺปทํ ธมฺมสฺส ทสฺเสติ, ทุติเยน ปภวสมฺปทํ. ภาเวตพฺพตาย วา ธมฺมสฺส คตมลภาโว โยเชตพฺโพ. ภาวนาคุเณน หิ โส โทสานํ สมุคฺฆาตโก โหตีติ. สจฺฉิกาตพฺพภาเวน อนุตฺตรภาโว โยเชตพฺโพ. สจฺฉิกิริยานิพฺพตฺติโต หิ ตทุตฺตริกรณียาภาวโต อนฺสาธารณตาย อนุตฺตโรติ. ตถา ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน สห ปุพฺพภาคสีลาทีหิ เสกฺขา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺติ. ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สห อสงฺขตาย ธาตุยา อเสกฺขา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺตีติ.
๓. เอวํ ¶ สงฺเขเปเนว สพฺพธมฺมคุเณหิ สทฺธมฺมํ อภิตฺถวิตฺวา อิทานิ อริยสงฺฆํ โถเมตุํ ‘‘สุคตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุคตสฺสาติ สมฺพนฺธนิทฺเทโส. ‘‘ตสฺส ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน สมฺพนฺโธ. โอรสานนฺติ ปุตฺตวิเสสนํ. มารเสนมถนานนฺติ โอรสปุตฺตภาเว การณนิทฺเทโส เตน กิเลสปฺปหานเมว ภควโต โอรสปุตฺตภาเว การณํ อนุชานาตีติ ทสฺเสติ. อฏฺนฺนนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. เตน จ สติปิ เตสํ สตฺตวิเสสภาเวน อเนกสตสหสฺสภาเว อิมํ คณนปริจฺเฉทํ นาติวตฺตนฺตีติ ทสฺเสติ มคฺคฏฺผลฏฺภาวานติวตฺตนโต. สมูหนฺติ สมุทายนิทฺเทโส. อริยสงฺฆนฺติ คุณวิสิฏฺสํหตภาวนิทฺเทโส. เตน อสติปิ อริยปุคฺคลานํ กายสามคฺคิยํ อริยสงฺฆภาวํ ทสฺเสติ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาวโต.
ตตฺถ อุรสิ ภวา ชาตา สํพทฺธา จ โอรสา. ยถา หิ สตฺตานํ โอรสปุตฺตา อตฺตชตาย ปิตุ สนฺตกสฺส ทายชฺชสฺส วิเสเสน ภาคิโน โหนฺติ, เอวเมเตปิ อริยปุคฺคลา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตตาย ภควโต สนฺตกสฺส วิมุตฺติสุขสฺส อริยธมฺมรตนสฺส เอกนฺเตน ภาคิโนติ โอรสา วิย โอรสา. อถ วา ภควโต ธมฺมเทสนานุภาเวน อริยภูมึ โอกฺกมมานา โอกฺกนฺตา จ อริยสาวกา ภควโต อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย นิปฺปริยาเยน โอรสปุตฺตาติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ. สาวเกหิ ปวตฺติยมานาปิ หิ ธมฺมเทสนา ‘‘ภควโต ธมฺมเทสนา’’อิจฺเจว วุจฺจติ ตํมูลกตฺตา ลกฺขณาทิวิเสสาภาวโต จ.
ยทิปิ อริยสาวกานํ อริยมคฺคาธิคมสมเย ภควโต วิย ตทนฺตรายกรณตฺถํ เทวปุตฺตมาโร ¶ , มารวาหินี วา น เอกนฺเตน อปสาเทติ, เตหิ ปน อปสาเทตพฺพตาย การเณ วิมถิเต เตปิ วิมถิตา เอว นาม โหนฺตีติ อาห – ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ‘‘มารมารเสนมถนาน’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส กโตติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ขนฺธาภิสงฺขารมารานํ วิย เทวปุตฺตมารสฺสปิ คุณมารเณ สหายภาวูปคมนโต กิเลสพลกาโย ‘‘เสนา’’ติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทิ ¶ (สุ. นิ. ๔๓๘; มหานิ. ๒๘, ๖๘, ๑๔๙). สา จ เตหิ ทิยฑฺฒสหสฺสเภทา, อนนฺตเภทา วา กิเลสวาหินี สติธมฺมวิจยวีริยสมถาทิคุณปฺปหรเณหิ โอธิโส วิมถิตา วิหตา วิทฺธสฺตา จาติ มารเสนมถนา, อริยสาวกา. เอเตน เตสํ ภควโต อนุชาตปุตฺตตํ ทสฺเสติ.
อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต อริยา นิรุตฺตินเยน. อถ วา สเทวเกน โลเกน สรณนฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต, อุปคตานฺจ ตทตฺถสิทฺธิโต อริยา, อริยานํ สงฺโฆติ อริยสงฺโฆ, อริโย จ โส สงฺโฆ จาติ วา อริยสงฺโฆ, ตํ อริยสงฺฆํ. ภควโต อปรภาเค พุทฺธธมฺมรตนานมฺปิ สมธิคโม สงฺฆรตนาธีโนติ อสฺส อริยสงฺฆสฺส พหูปการตํ ทสฺเสตุํ อิเธว ‘‘สิรสา วนฺเท’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
เอตฺถ จ ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส ปภวสมฺปทํ ทสฺเสติ, ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน ปหานสมฺปทํ สกลสํกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน าณสมฺปทํ มคฺคฏฺผลฏฺภาวทีปนโต. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอเตน ปภวสมฺปทํ ทสฺเสติ สพฺพสงฺฆานํ อคฺคภาวทีปนโต. อถ วา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ อริยสงฺฆสฺส วิสุทฺธนิสฺสยภาวทีปนํ, ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ สมฺมาอุชุายสามีจิปฺปฏิปนฺนภาวทีปนํ, ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ อาหุเนยฺยาทิภาวทีปนํ, ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อนุตฺตรปฺุกฺเขตฺตภาวทีปนํ. ตถา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส โลกุตฺตรสรณคมนสพฺภาวํ ทีเปติ. โลกุตฺตรสรณคมเนน หิ เต ภควโต โอรสปุตฺตา ชาตา. ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน อภินีหารสมฺปทาสิทฺธํ ปุพฺพภาเค สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. กตาภินีหารา หิ สมฺมาปฏิปนฺนา มารํ มารปริสํ วา อภิวิชินนฺติ. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน วิทฺธสฺตวิปกฺเข เสกฺขาเสกฺขธมฺเม ทสฺเสติ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน มคฺคผลธมฺมานํ ปกาสิตตฺตา. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ ทสฺเสติ. สรณคมนฺจ สาวกานํ สพฺพคุณานํ อาทิ, สปุพฺพภาคปฺปฏิปทา เสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย มชฺเฌ, อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย ¶ ปริโยสานนฺติ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สงฺเขปโต สพฺเพ อริยสงฺฆคุณา ปกาสิตา โหนฺติ.
๔. เอวํ ¶ คาถาตฺตเยน สงฺเขปโต สกลคุณสํกิตฺตนมุเขน รตนตฺตยสฺส ปณามํ กตฺวา อิทานิ ตํนิปจฺจการํ ยถาธิปฺเปเต ปโยชเน ปริณาเมนฺโต ‘‘อิติ เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รติชนนฏฺเน รตนํ, พุทฺธธมฺมสงฺฆา. เตสฺหิ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา ยถาภูตคุเณ อาวชฺเชนฺตสฺส อมตาธิคมเหตุภูตํ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ. ยถาห –
‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ ตถาคตํ อารพฺภ. อุชุคตจิตฺโต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).
จิตฺตีกตาทิภาโว วา รตนฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖);
จิตฺตีกตภาวาทโย จ อนฺสาธารณา พุทฺธาทีสุ เอว ลพฺภนฺตีติ.
วนฺทนาว วนฺทนามยํ ยถา ‘‘ทานมยํ, สีลมย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐). วนฺทนา เจตฺถ กายวาจาจิตฺเตหิ ติณฺณํ รตนานํ คุณนินฺนตา, โถมนา วา. ปุชฺชภาวผลนิพฺพตฺตนโต ปฺุํ, อตฺตโน สนฺตานํ ปุนาตีติ วา. สุวิหตนฺตราโยติ สุฏฺุ วิหตนฺตราโย. เอเตน อตฺตโน ปสาทสมฺปตฺติยา, รตนตฺตยสฺส จ เขตฺตภาวสมฺปตฺติยา ตํ ปฺุํ อตฺถปฺปกาสนสฺส อุปฆาตกอุปทฺทวานํ วิหนเน สมตฺถนฺติ ทสฺเสติ. หุตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยา. ตสฺส ‘‘อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ตสฺสาติ ยํ รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปฺุํ, ตสฺส. อานุภาเวนาติ พเลน.
๕. เอวํ ¶ ¶ รตนตฺตยสฺส นิปจฺจการกรเณ ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺสา ธมฺมเทสนาย อตฺถํ สํวณฺเณตุกาโม, ตสฺสา ตาว คุณาภิตฺถวนวเสน อุปฺาปนตฺถํ ‘‘เอกกทุกาทิปฏิมณฺฑิตสฺสา’’ติอาทิมาห, เอกกาทีนิ องฺคานิ อุปรูปริ วฑฺเฒตฺวา เทสิเตหิ สุตฺตนฺเตหิ ปฏิมณฺฑิตสฺส วิสิฏฺสฺสาติ อตฺโถ. เอเตน ‘‘องฺคุตฺตโร’’ติ อยํ อิมสฺส อาคมสฺส อตฺถานุคตา สมฺาติ ทสฺเสติ. นนุ จ เอกกาทิวเสน เทสิตานิ สุตฺตานิเยว อาคโม. กสฺส ปน เอกกทุกาทีหิ ปฏิมณฺฑิตภาโวติ? สจฺจเมตํ ปรมตฺถโต, สุตฺตานิ ปน อุปาทาย ปฺตฺโต อาคโม. ยเถว หิ อตฺถพฺยฺชนสมุทาเย สุตฺตนฺติ โวหาโร, เอวํ สุตฺตสมุทาเย อาคโมติ โวหาโร. เอกกาทีหิ องฺเคหิ อุปรูปริ อุตฺตโร อธิโกติ องฺคุตฺตโร, อาคมิสฺสนฺติ เอตฺถ, เอเตน, เอตสฺมา วา อตฺตตฺถปรตฺถาทโยติ อาคโม, อาทิกลฺยาณาทิคุณสมฺปตฺติยา อุตฺตมฏฺเน ตํตํอภิปตฺถิตสมิทฺธิเหตุตาย ปณฺฑิเตหิ วริตพฺพโต วโร, อาคโม จ โส วโร จ เสฏฺฏฺเนาติ อาคมวโร, อาคมสมฺมเตหิ วา วโรติ อาคมวโร. องฺคุตฺตโร จ โส อาคมวโร จาติ องฺคุตฺตราคมวโร, ตสฺส.
ปุงฺควา วุจฺจนฺติ อุสภา, อสนฺตสนปริสฺสยสหนสฺส ปริปาลนาทิคุเณหิ ตํสทิสตาย ธมฺมกถิกา เอว ปุงฺควาติ ธมฺมกถิกปุงฺควา, เตสํ. เหตูปมาทิปฺปฏิมณฺฑิตนานาวิธเทสนานยวิจิตฺตตาย วิจิตฺตปฏิภานชนนสฺส. สุมงฺคลวิลาสินีอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา; ม. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.คนฺถารมฺภกถา) ปน ‘‘พุทฺธานุพุทฺธสํวณฺณิตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. พุทฺธานฺหิ สจฺจปฺปฏิเวธํ อนุคมฺม ปฏิวิทฺธสจฺจา อคฺคสาวกาทโย อริยา พุทฺธานุพุทฺธา. อยมฺปิ อาคโม เตหิ อตฺถสํวณฺณนาวเสน คุณสํวณฺณนาวเสน จ สํวณฺณิโต เอว. อถ วา พุทฺธา จ อนุพุทฺธา จ พุทฺธานุพุทฺธาติ โยเชตพฺพํ. สมฺมาสมฺพุทฺเธเนว หิ ติณฺณํ ปิฏกานํ อตฺถวณฺณนากฺกโม ภาสิโต, ยา ‘‘ปกิณฺณกเทสนา’’ติ วุจฺจติ. ตโต สงฺคายนาทิวเสเนว สาวเกหีติ อาจริยา วทนฺติ. อิธ ปน ‘‘ธมฺมกถิกปุงฺควานํ วิจิตฺตปฏิภานชนนสฺส’’อิจฺเจว โถมนา กตา. สํวณฺณนาสุ จายํ อาจริยสฺส ปกติ, ยา ตํตํสํวณฺณนาสุ อาทิโต ตสฺส ตสฺส สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส วิเสสคุณกิตฺตเนน โถมนา. ตถา หิ สุมงฺคลวิลาสินีปปฺจสูทนีสารตฺถปฺปกาสนีสุ อฏฺสาลินีอาทีสุ ¶ จ ยถากฺกมํ ‘‘สทฺธาวหคุณสฺส, ปรวาทมถนสฺส, าณปฺปเภทชนนสฺส, ตสฺส คมฺภีราเณหิ โอคาฬฺหสฺส อภิณฺหโส นานานยวิจิตฺตสฺสา’’ติอาทินา โถมนา กตา.
๖. อตฺโถ กถียติ เอตายาติ อตฺถกถา, สา เอว อฏฺกถา, ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ยถา ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗; ๒.๘). อาทิโตติอาทิมฺหิ ปมสงฺคีติยํ ¶ . ฉฬภิฺตาย ปรเมน จิตฺตวสีภาเวน สมนฺนาคตตฺตา ฌานาทีสุ ปฺจวิธวสิตาสพฺภาวโต จ วสิโน, เถรา มหากสฺสปาทโย, เตสํ สเตหิ ปฺจหิ. ยาติ ยา อฏฺกถา. สงฺคีตาติ อตฺถํ ปกาเสตุํ ยุตฺตฏฺาเน ‘‘อยํ เอตสฺส อตฺโถ, อยํ เอตสฺส อตฺโถ’’ติ สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. อนุสงฺคีตา จ ยสตฺเถราทีหิ ปจฺฉาปิ ทุติยตติยสงฺคีตีสุ. อิมินา อตฺตโน สํวณฺณนาย อาคมนวิสุทฺธึ ทสฺเสติ.
๗. สีหสฺส ลานโต คหณโต สีหโฬ, สีหกุมาโร. ตํวํสชาตตาย ตมฺพปณฺณิทีเป ขตฺติยานํ, เตสํ นิวาสตาย ตมฺพปณฺณิทีปสฺส จ สีหฬภาโว เวทิตพฺโพ. อาภตาติ ชมฺพุทีปโต อานีตา. อถาติ ปจฺฉา. อปรภาเค หิ อสงฺกรตฺถํ สีหฬภาสาย อฏฺกถา ปิตาติ. เตน สา มูลฏฺกถา สพฺพสาธารณา น โหตีติ อิทํ อตฺถปฺปกาสนํ เอกนฺเตน กรณียนฺติ ทสฺเสติ. เตเนวาห – ‘‘ทีปวาสีนมตฺถายา’’ติ. ตตฺถ ทีปวาสีนนฺติ ชมฺพุทีปวาสีนํ, ทีปวาสีนนฺติ วา สีหฬทีปวาสีนํ อตฺถาย สีหฬภาสาย ปิตาติ โยชนา.
๘. อปเนตฺวานาติ กฺจุกสทิสํ สีหฬภาสํอปเนตฺวาน. ตโตติ อฏฺกถาโต. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. มโนรมํ ภาสนฺติ มาคธภาสํ. สา หิ สภาวนิรุตฺติภูตา ปณฺฑิตานํ มนํ รมยตีติ. เตเนวาห – ‘‘ตนฺตินยานุจฺฉวิก’’นฺติ, ปาฬิคติยา อนุโลมิกํ ปาฬิจฺฉายานุวิธายินินฺติ อตฺโถ. วิคตโทสนฺติ อสภาวนิรุตฺติภาสนฺตรรหิตํ.
๙. สมยํ อวิโลเมนฺโตติ สิทฺธนฺตํ อวิโรเธนฺโต. เอเตน อตฺถโทสาภาวมาห. อวิรุทฺธตฺตา เอว หิ เถรวาทาปิ อิธ ปกาสียิสฺสนฺติ. เถรวํสทีปานนฺติ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถรา ¶ , มหากสฺสปาทโย, เตหิ อาคตา อาจริยปรมฺปรา เถรวํโส. ตปฺปริยาปนฺนา หุตฺวา อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปฺาปชฺโชเตน ตสฺส สมุชฺชลนโต เถรวํสทีปา, มหาวิหารวาสิโน เถรา, เตสํ. วิวิเธหิ อากาเรหิ นิจฺฉียตีติ วินิจฺฉโย, คณฺิฏฺาเนสุ ขีลมทฺทนากาเรน ปวตฺตา วิมติจฺเฉทกถา. สุฏฺุ นิปุโณ สณฺโห วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. อถ วา วินิจฺฉิโนตีติ วินิจฺฉโย, ยถาวุตฺตตฺถวิสยํ าณํ. สุฏฺุ นิปุโณ เฉโก วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. เอเตน มหากสฺสปาทิตฺเถรปรมฺปราภโต, ตโตเยว จ อวิปรีโต สณฺหสุขุโม มหาวิหารวาสีนํ วินิจฺฉโยติ ตสฺส ปมาณภูตตํ ทสฺเสติ.
๑๐. สุชนสฺส ¶ จาติ จ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน ‘‘น เกวลํ ชมฺพุทีปวาสีนํเยว อตฺถาย, อถ โข สาธุชนานํ โตสนตฺถฺจา’’ติ ทสฺเสติ. เตน จ ‘‘ตมฺพปณฺณิทีปวาสีนมฺปิ อตฺถายา’’ติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ อุคฺคหณาทิสุกรตาย เตสมฺปิ พหูปการตฺตา. จิรฏฺิตตฺถนฺติ จิรฏฺิติอตฺถํ, จิรกาลาวฏฺานายาติ อตฺโถ. อิทฺหิ อตฺถปฺปกาสนํ อวิปรีตพฺยฺชนสุนิกฺเขปสฺส อตฺถสุนีตสฺส จ อุปายภาวโต สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิติยา สํวตฺตติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ทฺเว? สุนิกฺขิตฺตฺจ ปทพฺยฺชนํ, อตฺโถ จ สุนีโต’’ติ (อ. นิ. ๒.๒๑).
๑๑-๑๒. ยํ อตฺถวณฺณนํ กตฺถุกาโม, ตสฺสา มหนฺตตฺตํ ปริหริตุํ ‘‘สาวตฺถิปภูตีน’’นฺติอาทิมาห. เตนาห – ‘‘น อิธ วิตฺถารกถํ กริสฺสามิ, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามี’’ติ จ. ตตฺถ ทีฆสฺสาติ ทีฆนิกายสฺส. มชฺฌิมสฺสาติ มชฺฌิมนิกายสฺส. ‘‘สงฺคีตีนํ ทฺวินฺนํ ยา เม อตฺถํ วทนฺเตนา’’ติปิ ปาโ. ตตฺถปิ สงฺคีตีนํ ทฺวินฺนนฺติ ทีฆมชฺฌิมนิกายานนฺติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เมติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, มยาติ อตฺโถ. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. เหฏฺา ทีฆสฺส มชฺฌิมสฺส จ อตฺถํ วทนฺเตน สาวตฺถิปภุตีนํ นครานํ ยา วณฺณนา กตา, ตสฺสา วิตฺถารกถํ น อิธ ภิยฺโย กริสฺสามีติ ¶ โยเชตพฺพํ. ยานิ จ ตตฺถ วตฺถูนิ วิตฺถารวเสน วุตฺตานิ, เตสมฺปิ วิตฺถารกถํ น อิธ ภิยฺโย กริสฺสามีติ สมฺพนฺโธ.
๑๓. อิทานิ ‘‘น อิธ วิตฺถารกถํ กริสฺสามี’’ติ สามฺโต วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปวรํ ทสฺเสตุํ – ‘‘สุตฺตานํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุตฺตานํ เย อตฺถา วตฺถูหิ วินา น ปกาสนฺตีติ โยเชตพฺพํ.
๑๔. ยํ อฏฺกถํ กตฺตุกาโม, ตเทกเทสภาเวน วิสุทฺธิมคฺโค จ คเหตพฺโพติ กถิกานํ อุปเทสํ กโรนฺโต ตตฺถ วิจาริตธมฺเม อุทฺเทสวเสน ทสฺเสติ – ‘‘สีลกถา’’ติอาทินา. ตตฺถ สีลกถาติ จาริตฺตวาริตฺตาทิวเสน สีลสฺส วิตฺถารกถา. ธุตธมฺมาติ ปิณฺฑปาติกงฺคาทโย เตรส กิเลสธุนนกธมฺมา. กมฺมฏฺานานิ สพฺพานีติ ปาฬิยํ อาคตานิ อฏฺตึส, อฏฺกถายํ ทฺเวติ นิรวเสสานิ โยคกมฺมสฺส ภาวนาย ปวตฺติฏฺานานิ. จริยาวิธานสหิโตติ ราคจริตาทีนํ สภาวาทิวิธาเนน สหิโต. ฌานานิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ, สมาปตฺติโย จตสฺโส อารุปฺปสมาปตฺติโย ¶ . อฏฺปิ วา ปฏิลทฺธมตฺตานิ ฌานานิ สมาปชฺชนวสีภาวปฺปตฺติยา สมาปตฺติโย. ฌานานิ วา รูปารูปาวจรชฺฌานานิ, สมาปตฺติโย ผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติโย.
๑๕. โลกิยโลกุตฺตรเภทา ฉ อภิฺาโย สพฺพา อภิฺาโย. าณวิภงฺคาทีสุ อาคตนเยน เอกวิธาทินา ปฺาย สํกเลตฺวา สมฺปิณฺเฑตฺวา นิจฺฉโย ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย.
๑๖. ปจฺจยธมฺมานํ เหตุอาทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ เหตุปจฺจยาทิภาโว ปจฺจยากาโร, ตสฺส เทสนา ปจฺจยาการเทสนา, ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาติ อตฺโถ. สา ปน ฆนวินิพฺโภคสฺส สุทุกฺกรตาย สณฺหสุขุมา, นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรรหิตา, เอกตฺตนยาทิสหิตา จ ตตฺถ วิจาริตาติ อาห – ‘‘สุปริสุทฺธนิปุณนยา’’ติ. ปฏิสมฺภิทาทีสุ อาคตนยํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว วิจาริตตฺตา อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา.
๑๗. อิติ ปน สพฺพนฺติ อิติ-สทฺโท ปริสมาปเน, ปน-สทฺโท วจนาลงฺกาเร, เอตํ สพฺพนฺติ อตฺโถ. อิธาติ อิมิสฺสา อฏฺกถาย น วิจารยิสฺสามิ ปุนรุตฺติภาวโตติ อธิปฺปาโย.
๑๘. อิทานิ ¶ ตสฺเสว อวิจารณสฺส เอกนฺตการณํ นิทฺธาเรนฺโต ‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘มชฺเฌ ตฺวา’’ติ เอเตน มชฺฌภาวทีปเนน วิเสสโต จตุนฺนํ อาคมานํ สาธารณฏฺกถา วิสุทฺธิมคฺโค, น สุมงฺคลวิลาสินีอาทโย วิย อสาธารณฏฺกถาติ ทสฺเสติ. ‘‘วิเสสโต’’ติ จ อิทํ วินยาภิธมฺมานมฺปิ วิสุทฺธิมคฺโค ยถารหํ อตฺถวณฺณนา โหติ เอวาติ กตฺวา วุตฺตํ.
๑๙. อิจฺเจวาติ อิติ เอว. ตมฺปีติ วิสุทฺธิมคฺคมฺปิ. เอตายาติ มโนรถปูรณิยา. เอตฺถ จ ‘‘สีหฬทีปํ อาภตา’’ติอาทินา อตฺถปฺปกาสนสฺส นิมิตฺตํ ทสฺเสติ, ‘‘ทีปวาสีนมตฺถาย สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺสา’’ติ เอเตน ปโยชนํ, อปเนตฺวาน ตโตหํ, สีหฬภาส’’นฺติอาทินา. ‘‘สาวตฺถิปภุตีน’’นฺติอาทินา จ กรณปฺปการํ. เหฏฺิมนิกาเยสุ วิสุทฺธิมคฺเค จ วิจาริตานํ อตฺถานํ อวิจารณมฺปิ หิ อิธ กรณปฺปกาโร เอวาติ.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. รูปาทิวคฺควณฺณนา
นิทานวณฺณนา
วิภาควนฺตานํ ¶ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนวเสเนว โหตีติ ปมํ ตาว นิปาตสุตฺตวเสน วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ องฺคุตฺตราคโม นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘องฺคุตฺตราคมสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ ยทิทํ วุตฺตํ, ตสฺมึ วจเน, ‘‘ยสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ ปฏิฺาตํ, โส องฺคุตฺตราคโม นาม นิปาตสุตฺตวเสน เอวํ วิภาโคติ อตฺโถ. อถ วา ตตฺถาติ ‘‘องฺคุตฺตรนิสฺสิตํ อตฺถ’’นฺติ เอตสฺมึ วจเน โย องฺคุตฺตราคโม วุตฺโต, โส นิปาตสุตฺตาทิวเสน เอทิโสติ อตฺโถ.
อิทานิ ตํ อาทิโต ปฏฺาย สํวณฺณิตุกาโม อตฺตโน สํวณฺณนาย ปมมหาสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมน ปวตฺตภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ตสฺส นิปาเตสุ…เป… วุตฺตํ นิทานมาที’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยถาปจฺจยํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตตฺตา ปฺตฺตตฺตา จ วิปฺปกิณฺณานํ ธมฺมวินยานํ สงฺคเหตฺวา คายนํ กถนํ สงฺคีติ. เอเตน ตํตํสิกฺขาปทานํ สุตฺตานฺจ อาทิปริโยสาเนสุ ¶ อนฺตรนฺตรา จ สมฺพนฺธวเสน ปิตํ สงฺคีติการวจนํ สงฺคหิตํ โหติ. สงฺคียมานสฺส อตฺถสฺส มหนฺตตาย ปูชนียตาย จ มหตี สงฺคีติ มหาสงฺคีติ, ปมา มหาสงฺคีติ ปมมหาสงฺคีติ, ตสฺสา ปวตฺติกาโล ปมมหาสงฺคีติกาโล, ตสฺมึ ปมมหาสงฺคีติกาเล. นิททาติ เทสนํ เทสกาลาทิวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ. โย โลกิเยหิ อุโปคฺฆาโตติ วุจฺจติ, สฺวายเมตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิโก คนฺโถ เวทิตพฺโพ. น ‘‘สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๒๖) วิย อชฺฌาสยาทิเทสนุปฺปตฺติเหตุ. เตเนวาห – ‘‘เอวํ เม สุตนฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาที’’ติ.
๑. ‘‘สา ปเนสา’’ติอาทินา พาหิรนิทาเน วตฺตพฺพํ อติทิสิตฺวา อิทานิ อพฺภนฺตรนิทานํ อาทิโต ปฏฺาย สํวณฺณิตุํ ‘‘ยํ ปเนต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยสฺมา สํวณฺณนํ กโรนฺเตน สํวณฺเณตพฺเพ ธมฺเม ปทานิ ปทวิภาคํ ตทตฺถฺจ ทสฺเสตฺวา ตโต ปรํ ปิณฺฑตฺถาทินิทสฺสนวเสน จ สํวณฺณนา กาตพฺพา, ตสฺมา ปทานิ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวนฺติ นิปาตปท’’นฺติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ปทวิภาโคติ ปทานํ วิเสโส, น ปทวิคฺคโห. อถ วา ปทานิ จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโค, ปทวิคฺคโห จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโคติ วา เอกเสสวเสน ปทปทวิคฺคหา ปทวิภาคสทฺเทน วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปทวิคฺคโห ‘‘เชตสฺส วนํ เชตวน’’นฺติอาทินา สมาสปเทสุ ทฏฺพฺโพ.
อตฺถโตติ ปทตฺถโต. ตํ ปน ปทตฺถํ อตฺถุทฺธารกฺกเมน ปมํ เอวํ-สทฺทสฺส ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ-สทฺโท ตาวา’’ติอาทิมาห. อวธารณาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อิทมตฺถปุจฺฉาปริมาณาทิอตฺถานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ‘‘เอวํคตานิ ปุถุสิปฺปายตนานิ, เอวมาทีนี’’ติอาทีสุ อิทํ-สทฺทสฺส อตฺเถ เอวํ-สทฺโท. คต-สทฺโท หิ ปการปริยาโย, ตถา วิธาการ-สทฺทา จ. ตถา หิ วิธยุตฺตคตสทฺเท โลกิยา ปการตฺเถ วทนฺติ. ‘‘เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุกฺกมณิกุณฺฑลาภรณา โอทาตวตฺถวสนา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรนฺติ เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ ¶ สาจริยโกติ. โน หิทํ, โภ โคตมา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๖) ปุจฺฉายํ. ‘‘เอวํ ลหุปริวตฺตํ (อ. นิ. ๑.๔๘), เอวมายุปริยนฺโต’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔๔; ปารา. ๑๒) จ อาทีสุ ปริมาเณ.
นนุ จ ‘‘เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา เอวมายุปริยนฺโต’’ติ เอตฺถ เอวํ-สทฺเทน ปุจฺฉนาการปริมาณาการานํ วุตฺตตฺตา อาการตฺโถ เอว เอวํ-สทฺโทติ? น, วิเสสสพฺภาวโต. อาการมตฺตวาจโก หิ เอวํ-สทฺโท อาการตฺโถติ อธิปฺเปโต ยถา ‘‘เอวํ พฺยาโข’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗; จูฬว. ๖๕), น ปน อาการวิเสสวาจโก. เอวฺจ กตฺวา ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจนา’’ติอาทีนิ (ธ. ป. ๕๓) อุปมาทิอุทาหรณานิ อุปปนฺนานิ โหนฺติ. ตถา หิ ‘‘ยถา หิ…เป… พหุ’’นฺติ (ธ. ป. ๕๓) เอตฺถ ปุปฺผราสิฏฺานิยโต มนุสฺสูปปตฺติสปฺปุริสูปนิสฺสยสทฺธมฺมสฺสวนโยนิโสมนสิการโภคสมฺปตฺติ- อาทิทานาทิปฺุกิริยาเหตุสมุทายโต โสภาสุคนฺธตาทิคุณโยคโต มาลาคุณสทิสิโย ปหูตา ปฺุกิริยา มริตพฺพสภาวตาย มจฺเจน สตฺเตน กตฺตพฺพาติ โชติตตฺตา ปุปฺผราสิมาลาคุณาว อุปมา. เตสํ อุปมากาโร ยถา-สทฺเทน อนิยมโต วุตฺโตติ ‘‘เอวํ-สทฺโท อุปมาการนิคมนตฺโถ’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตํ, โส ปน อุปมากาโร นิยมิยมาโน อตฺถโต อุปมาว โหตีติ อาห – ‘‘อุปมายํ อาคโต’’ติ. ตถา ‘‘เอวํ อิมินา อากาเรน อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อุปทิสิยมานาย สมณสารุปฺปาย อากปฺปสมฺปตฺติยา โย ตตฺถ อุปทิสนากาโร, โส อตฺถโต อุปเทโส เอวาติ วุตฺตํ – ‘‘เอวํ เต…เป… อุปเทเส’’ติ. ตถา เอวเมตํ ¶ ภควา, เอวเมตํ สุคตาติ เอตฺถ ภควตา ยถาวุตฺตมตฺถํ อวิปรีตโต ชานนฺเตหิ กตํ ตตฺถ สํวิชฺชมานคุณานํ ปกาเรหิ หํสนํ อุทคฺคตากรณํ สมฺปหํสนํ, โย ตตฺถ สมฺปหํสนากาโรติ โยเชตพฺพํ.
เอวเมวํ ปนายนฺติ เอตฺถ ครหณากาโรติ โยเชตพฺพํ, โส จ ครหณากาโร ‘‘วสลี’’ติอาทิขุํสนสทฺทสนฺนิธานโต อิธ เอวํ-สทฺเทน ปกาสิโตติ วิฺายติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปมาการาทโยปิ อุปมาทิวเสน วุตฺตานํ ปุปฺผราสิอาทิสทฺทานํ สนฺนิธานโตติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ, ภนฺเตติ โขติอาทีสุ ปน ธมฺมสฺส สาธุกํ สวนมนสิกาเรน นิโยชิเตหิ ภิกฺขูหิ อตฺตโน ตตฺถ ิตภาวสฺส ปฏิชานนวเสน วุตฺตตฺตา ¶ เอตฺถ เอวํ-สทฺโท วจนสมฺปฏิจฺฉนตฺโถ วุตฺโต, เตน ‘‘เอวํ, ภนฺเต, สาธุ ภนฺเต, สุฏฺุ ภนฺเต’’ติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺจ วเทหีติ ‘‘ยถาหํ วทามิ, เอวํ สมณํ อานนฺทํ วเทหี’’ติ วทนากาโร อิทานิ วตฺตพฺโพ เอวํ-สทฺเทน นิทสฺสียตีติ นิทสฺสนตฺโถ วุตฺโต. เอวํ โนติ เอตฺถาปิ เตสํ ยถาวุตฺตธมฺมานํ อหิตทุกฺขาวหภาเว สนฺนิฏฺานชนนตฺถํ อนุมติคฺคหณวเสน ‘‘โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตี’’ติ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทาการสนฺนิฏฺานํ เอวํ-สทฺเทน วิภาวิตนฺติ วิฺายติ. โส ปน เตสํ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนากาโร นิยมิยมาโน อวธารณตฺโถ โหตีติ อาห – ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตีติอาทีสุ อวธารเณ’’ติ.
นานานยนิปุณนฺติ เอกตฺตนานตฺตอพฺยาปารเอวํธมฺมตาสงฺขาตา, นนฺทิยาวฏฺฏติปุกฺขลสีหวิกฺกีฬิตองฺกุสทิสาโลจนสงฺขาตา วา อาธาราทิเภทวเสน นานาวิธา นยา นานานยา. นยา วา ปาฬิคติโย, ตา จ ปฺตฺติอาทิวเสน สํกิเลสภาคิยาทิโลกิยาทิตทุภยโวมิสฺสกตาทิวเสน กุสลาทิวเสน ขนฺธาทิวเสน สงฺคหาทิวเสน สมยวิมุตฺตาทิวเสน ปธานาทิวเสน กุสลมูลาทิวเสน ติกปฏฺานาทิวเสน จ นานปฺปการาติ นานานยา, เตหิ นิปุณํ สณฺหํ สุขุมนฺติ นานานยนิปุณํ. อาสโยว อชฺฌาสโย, เต จ สสฺสตาทิเภเทน ตตฺถ จ อปฺปรชกฺขตาทิเภเทน จ อเนเก, อตฺตชฺฌาสยาทโย เอว วา สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติเหตุ เอตสฺสาติ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนนฺติ อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณํ อุปเนตพฺพาภาวโต. สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตนฺติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
วิวิธปาฏิหาริยนฺติ เอตฺถ ปาฏิหาริยปทสฺส วจนตฺถํ ‘‘ปฏิปกฺขหรณโต ราคาทิกิเลสาปนยนโต จ ปาฏิหาริย’’นฺติ วทนฺติ. ภควโต ปน ปฏิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ ¶ , เย หริตพฺพา. ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วตฺถุํ. สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ¶ ปฏิปกฺขา, เตสํ หรณโต ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ภควโต จ สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน จ ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติ. ‘‘ปฏี’’ติ วา อยํ สทฺโท ‘‘ปจฺฉา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘๕; จูฬนิ. ปารายนวคฺโค, วตฺถุคาถา ๔) วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต วิคตูปกฺกิเลเส กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปฏิหาริยํ, อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน จ สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฏิหาริยานิ ภวนฺติ. ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ, ปฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิสมุทาเย ภวํ เอกเมกํ ปาฏิหาริยนฺติ วุจฺจติ. ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ, ตสฺมึ วา นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยํ. ตสฺส ปน อิทฺธิอาทิเภเทน วิสยเภเทน จ พหุวิธสฺส ภควโต เทสนายํ ลพฺภมานตฺตา อาห – ‘‘วิวิธปาฏิหาริย’’นฺติ.
น อฺถาติ ภควโต สมฺมุขา สุตาการโต น อฺถาติ อตฺโถ, น ปน ภควโต เทสิตาการโต. อจินฺเตยฺยานุภาวา หิ ภควโต เทสนา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุ’’นฺติ อิทํ วจนํ สมตฺถิตํ ภวติ, ธารณพลทสฺสนฺจ น วิรุชฺฌติ สุตาการาวิรุชฺฌนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. น เหตฺถ อตฺถนฺตรตาปริหาโร ทฺวินฺนํ อตฺถานํ เอกวิสยตฺตา, อิตรถา เถโร ภควโต เทสนาย สพฺพถา ปฏิคฺคหเณ สมตฺโถ อสมตฺโถ จาติ อาปชฺเชยฺยาติ.
‘‘โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา’’ติ เอวํ วุตฺตาย นิยกชฺฌตฺตสงฺขาตาย สสนฺตติยํ วตฺตนโต ติวิโธปิ เม-สทฺโท กิฺจาปิ เอกสฺมึเยว อตฺเถ ทิสฺสติ, กรณสมฺปทานสามินิทฺเทสวเสน ปน วิชฺชมานเภทํ สนฺธายาห – ‘‘เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสตี’’ติ.
กิฺจาปิ ¶ อุปสคฺโค กิริยํ วิเสเสติ, โชตกภาวโต ปน สติปิ ตสฺมึ สุต-สทฺโท เอว ตํ ตมตฺถํ วทตีติ อนุปสคฺคสฺส สุต-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร สอุปสคฺคสฺส คหณํ น วิรุชฺฌตีติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จา’’ติ อาห. อสฺสาติ สุตสทฺทสฺส. กมฺมภาวสาธนานิ อิธ สุตสทฺเท สมฺภวนฺตีติ วุตฺตํ – ‘‘อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วา อตฺโถ’’ติ. มยาติ อตฺเถ สตีติ ยทา เม-สทฺทสฺส กตฺตุวเสน กรณนิทฺเทโส, ตทาติ อตฺโถ. มมาติ อตฺเถ สตีติ ยทา สมฺพนฺธวเสน สามินิทฺเทโส, ตทา.
สุตสทฺทสนฺนิฏฺาเน ปยุตฺเตน เอวํ-สทฺเทน สวนกิริยาโชตเกน ภวิตพฺพนฺติ วุตฺตํ – ‘‘เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสน’’นฺติ. อาทิ-สทฺเทน สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ โสตทฺวาริกวิฺาณานํ ตทภินีหฏานฺจ มโนทฺวาริกวิฺาณานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. สพฺเพสมฺปิ วากฺยานํ เอวการตฺถสหิตตฺตา ‘‘สุต’’นฺติ เอตสฺส สุตเมวาติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห – ‘‘อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต’’ติ. เอเตน อวธารเณน นิยามตํ ทสฺเสติ. ยถา จ สุตํ สุตเมวาติ นิยาเมตพฺพํ, ตํ สมฺมา สุตํ โหตีติ อาห – ‘‘อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ สุตนฺติ อสฺสุตํ น โหตีติ อยเมตสฺส อตฺโถติ วุตฺตํ – ‘‘อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต’’ติ. อิมินา ทิฏฺาทิวินิวตฺตนํ กโรติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – น อิทํ มยา ทิฏฺํ, น สยมฺภุาเณน สจฺฉิกตํ, อถ โข สุตํ, ตฺจ สมฺมเทวาติ. เตเนวาห – ‘‘อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อวธารณตฺเถ วา เอวํ-สทฺเท อยมตฺถโยชนา – ‘‘กรียตี’’ติ ตทเปกฺขสฺส สุต-สทฺทสฺส อยมตฺโถ วุตฺโต ‘‘อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต’’ติ. เตเนวาห – ‘‘อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. สวน-สทฺโท เจตฺถ กมฺมตฺโถ เวทิตพฺโพ ‘‘สุยฺยตี’’ติ.
เอวํ สวนเหตุสวนวิเสสวเสน ปทตฺตยสฺส เอเกน ปกาเรน อตฺถโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปการนฺตเรหิ ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ตถา เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺสาติ ยา สา ภควโต สมฺมุขา ธมฺมสฺสวนากาเรน ปวตฺตา มโนทฺวารวิฺาณวีถิ, ตสฺสา. สา หิ นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติตุํ สมตฺถา. ตถา จ วุตฺตํ – ‘‘โสตทฺวารานุสาเรนา’’ติ. นานปฺปกาเรนาติ วกฺขมานานํ อเนกวิหิตานํ ¶ พฺยฺชนตฺถคฺคหณานํ นานากาเรน. เอเตน อิมิสฺสา โยชนาย อาการตฺโถ เอวํ-สทฺโท คหิโตติ ทีเปติ. ปวตฺติภาวปฺปกาสนนฺติ ปวตฺติยา อตฺถิภาวปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนนฺติ ยสฺมึ อารมฺมเณ วุตฺตปฺปการา วิฺาณวีถิ นานปฺปกาเรน ปวตฺตา, ตสฺส ธมฺมตฺตา วุตฺตํ, น สุตสทฺทสฺส ธมฺมตฺถตฺตา. วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏีกรณํ ‘‘อยฺเหตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิฺาณวีถิยาติ กรณตฺเถ กรณวจนํ, มยาติ กตฺตุอตฺเถ.
เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสนนฺติ นิทสฺสนตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วุตฺตํ นิทสฺเสตพฺพสฺส นิทสฺสิตพฺพตฺตาภาวาภาวโต ¶ . เตน เอวํ-สทฺเทน สกลมฺปิ สุตฺตํ ปจฺจามฏฺนฺติ ทสฺเสติ. สุตสทฺทสฺส กิริยาสทฺทตฺตา สวนกิริยาย จ สาธารณวิฺาณปฺปพนฺธปฺปฏิพทฺธตฺตา ตตฺถ จ ปุคฺคลโวหาโรติ วุตฺตํ – ‘‘สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสน’’นฺติ. น หิ ปุคฺคลโวหารรหิเต ธมฺมปฺปพนฺเธ สวนกิริยา ลพฺภตีติ.
ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺสาติอาทิปิ อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ปุริมโยชนาย อฺถา อตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ อาการปฺตฺตีติ อุปาทาปฺตฺติ เอว ธมฺมานํ ปวตฺติอาการุปาทานวเสน ตถา วุตฺตา. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโสติ โสตพฺพภูโต ธมฺโม สวนกิริยากตฺตุปุคฺคลสฺส สวนกิริยาวเสน ปวตฺติฏฺานนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. จิตฺตสนฺตานวินิมุตฺตสฺส ปรมตฺถโต กสฺสจิ กตฺตุอภาเวปิ สทฺทโวหาเรน พุทฺธิปริกปฺปิตเภทวจนิจฺฉาย จิตฺตสนฺตานโต อฺํ วิย ตํสมงฺคึ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคีโน’’ติ. สวนกิริยาวิสโยปิ โสตพฺพธมฺโม สวนกิริยาวเสน ปวตฺตจิตฺตสนฺตานสฺส อิธ ปรมตฺถโต กตฺตุภาวโต, สวนวเสน จิตฺตปวตฺติยา เอว วา สวนกิริยาภาวโต ตํกิริยากตฺตุ จ วิสโย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘ตํสมงฺคีโน กตฺตุวิสเย’’ติ. สุตาการสฺส จ เถรสฺส สมฺมานิจฺฉิตภาวโต อาห – ‘‘คหณสนฺนิฏฺาน’’นฺติ. เอเตน วา อวธารณตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา อยมตฺถโยชนา กตาติ ทฏฺพฺพํ.
ปุพฺเพ สุตานํ นานาวิหิตานํ สุตฺตสงฺขาตานํ อตฺถพฺยฺชนานํ อุปธาริตรูปสฺส อาการสฺส นิทสฺสนสฺส, อวธารณสฺส วา ปกาสนสภาโว ¶ เอวํ-สทฺโทติ ตทาการาทิอุปธารณสฺส ปุคฺคลปฺตฺติยา อุปาทานภูตธมฺมปฺปพนฺธพฺยาปารตาย วุตฺตํ – ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. สวนกิริยา ปน ปุคฺคลวาทิโนปิ วิฺาณนิรเปกฺขา นตฺถีติ วิเสสโต วิฺาณพฺยาปาโรติ อาห – ‘‘สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. เมติ สทฺทปฺปวตฺติยา เอกนฺเตเนว สตฺตวิสยตฺตา วิฺาณกิจฺจสฺส จ ตตฺเถว สโมทหิตพฺพโต ‘‘เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. อวิชฺชมานปฺตฺติวิชฺชมานปฺตฺติสภาวา ยถากฺกมํ เอวํสทฺทสุตสทฺทานํ อตฺถาติ เต ตถารูปปฺตฺติอุปาทานพฺยาปารภาเวน ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส, สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. เอตฺถ จ กรณกิริยากตฺตุกมฺมวิเสสปฺปกาสนวเสน ปุคฺคลพฺยาปารวิสยปุคฺคลพฺยาปารนิทสฺสนวเสน คหณาการคฺคาหกตพฺพิสยวิเสสนิทฺเทสวเสน กตฺตุกรณพฺยาปารกตฺตุนิทฺเทสวเสน จ ทุติยาทโย จตสฺโส อตฺถโยชนา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ.
สพฺพสฺสปิ สทฺทาธิคมนียสฺส อตฺถสฺส ปฺตฺติมุเขเนว ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา สพฺพปฺตฺตีนฺจ ¶ วิชฺชมานาทิวเสน ฉสุ ปฺตฺติเภเทสุ อนฺโตคธตฺตา เตสุ ‘‘เอว’’นฺติอาทีนํ ปฺตฺตีนํ สรูปํ นิทฺธาเรนฺโต อาห – ‘‘เอวนฺติ จ เมติ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ วุจฺจมานสฺสตฺถสฺส อาการาทิโน ธมฺมานํ อสลฺลกฺขณภาวโต อวิชฺชมานปฺตฺติภาโวติ อาห – ‘‘สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. ตตฺถ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสนาติ ภูตตฺถอุตฺตมตฺถวเสน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย มายามรีจิอาทโย วิย อภูตตฺโถ, อนุสฺสวาทีหิ คเหตพฺโพ วิย อนุตฺตมตฺโถ จ น โหติ, โส รูปสทฺทาทิสภาโว, รุปฺปนานุภวนาทิสภาโว วา อตฺโถ สจฺจิกฏฺโ ปรมตฺโถ จาติ วุจฺจติ, น ตถา ‘‘เอวํ เม’’ติปทานํ อตฺโถติ. เอตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘กิฺเหตฺถ ต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สุตนฺติ ปน สทฺทายตนํ สนฺธายาห – ‘‘วิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. เตเนว หิ ‘‘ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘โสตทฺวารานุสาเรน อุปลทฺธ’’นฺติ ปน วุตฺเต อตฺถพฺยฺชนาทิ สพฺพํ ลพฺภติ. ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโตติ โสตปถมาคเต ธมฺเม อุปาทาย เตสํ อุปธาริตาการาทิโน ปจฺจามสนวเสน เอวนฺติ, สสนฺตติปริยาปนฺเน ขนฺเธ อุปาทาย เมติ วตฺตพฺพตฺตาติ อตฺโถ. ทิฏฺาทิสภาวรหิเต สทฺทายตเน ปวตฺตมาโนปิ ¶ สุตโวหาโร ‘‘ทุติยํ ตติย’’นฺติอาทิโก วิย ปมาทีนิ ทิฏฺมุตวิฺาเต อเปกฺขิตฺวา ปวตฺโตติ อาห – ‘‘ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต’’ติ. อสฺสุตํ น โหตีติ หิ สุตนฺติ ปกาสิโต อยมตฺโถติ.
อตฺตนา ปฏิวิทฺธา สุตฺตสฺส ปการวิเสสา เอวนฺติ เถเรน ปจฺจามฏฺาติ อาห – ‘‘อสมฺโมหํ ทีเปตี’’ติ. นานปฺปการปฺปฏิเวธสมตฺโถ โหตีติ เอเตน วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส นานปฺปการตํ ทุปฺปฏิวิชฺฌตฺจ ทสฺเสติ. สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปตีติ สุตาการสฺส ยาถาวโต ทสฺสิยมานตฺตา วุตฺตํ. อสมฺโมเหนาติ สมฺโมหาภาเวน, ปฺาย เอว วา สวนกาลสมฺภูตาย ตทุตฺตริกาลปฺาสิทฺธิ. เอวํ อสมฺโมเสนาติ เอตฺถาปิ วตฺตพฺพํ. พฺยฺชนานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตธารณเมว ตตฺถ กรณียนฺติ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปฺา ตตฺถ คุณีภูตาติ วุตฺตํ – ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมายา’’ติอาทิ ‘‘ปฺาย ปุพฺพงฺคมา’’ติ กตฺวา. ปุพฺพงฺคมตา เจตฺถ ปธานภาโว ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑, ๒) วิย, ปุพฺพงฺคมตาย วา จกฺขุวิฺาณาทีสุ อาวชฺชนาทีนํ วิย อปฺปธานตฺเต ปฺา ปุพฺพงฺคมา เอติสฺสาติ อยมฺปิ อตฺโถ ยุชฺชติ, เอวํ สติปุพฺพงฺคมายาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน ยถาสมฺภวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺสาติ อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณสฺส, สงฺกาสนปฺปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตสฺสาติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โยนิโสมนสิการํ ¶ ทีเปติ เอวํ-สทฺเทน วุจฺจมานานํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺถานํ อวิปรีตสทฺธมฺมวิสยตฺตาติ อธิปฺปาโย. อวิกฺเขปํ ทีเปตีติ ‘‘จิตฺตปริยาทานํ กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทิปุจฺฉาวเส ปกรณปฺปตฺตสฺส วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส สวนํ สมาธานมนฺตเรน น สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ. วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺสาติอาทิ ตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนวเสน วุตฺตํ. สพฺพสมฺปตฺติยาติ อตฺถพฺยฺชนเทสกปฺปโยชนาทิสมฺปตฺติยา. อวิปรีตสทฺธมฺมวิสเยหิ วิย อาการนิทสฺสนาวธารณตฺเถหิ โยนิโสมนสิการสฺส, สทฺธมฺมสฺสวเนน วิย จ อวิกฺเขปสฺส ยถา โยนิโสมนสิกาเรน ผลภูเตน อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปฺุตานํ สิทฺธิ วุตฺตา ¶ ตทวินาภาวโต. เอวํ อวิกฺเขเปน ผลภูเตน การณภูตานํ สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยานํ สิทฺธิ ทสฺเสตพฺพา สิยา อสฺสุตวโต สปฺปุริสูปนิสฺสยรหิตสฺส จ ตทภาวโต. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโตติอาทินา สมตฺถนวจเนน ปน อวิกฺเขเปน การณภูเตน สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จ ผลภูตสฺส สทฺธมฺมสฺสวนสฺส สิทฺธิ ทสฺสิตา. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยา, สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยา น เอกนฺเตน อวิกฺเขปสฺส การณํ พาหิรงฺคตฺตา, อวิกฺเขโป ปน สปฺปุริสูปนิสฺสโย วิย สทฺธมฺมสฺสวนสฺส เอกนฺตการณนฺติ. เอวมฺปิ อวิกฺเขเปน สปฺปุริสูปนิสฺสยสิทฺธิโชตนา น สมตฺถิตาว. โน น สมตฺถิตา วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ สปฺปุริสปยิรุปาสนาภาวสฺส อตฺถสิทฺธตฺตา. เอตฺถ จ ปุริมํ ผเลน การณสฺส สิทฺธิทสฺสนํ นทีปูเรน วิย อุปริ วุฏฺิสพฺภาวสฺส, ทุติยํ การเณน ผลสฺส สิทฺธิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ เอกนฺตวสฺสินา วิย เมฆวุฏฺาเนน วุฏฺิปฺปวตฺติยา.
ภควโต วจนสฺส อตฺถพฺยฺชนปฺปเภทปริจฺเฉทวเสน สกลสาสนสมฺปตฺติโอคาหนากาโร นิรวเสสปรหิตปาริปูริตาการณนฺติ วุตฺตํ – ‘‘เอวํ ภทฺทโก อากาโร’’ติ. ยสฺมา น โหตีติ สมฺพนฺโธ. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตินฺติ อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปฺุตาสงฺขาตคุณทฺวยํ. อปราปรํ วุตฺติยา เจตฺถ จกฺกภาโว, จรนฺติ เอเตหิ สตฺตา สมฺปตฺติภเวสูติ วา. เย สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๑). ปุริมปจฺฉิมภาโว เจตฺถ เทสนากฺกมวเสน ทฏฺพฺโพ. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยาติ ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสฺส อตฺถิตาย. สมฺมาปณิหิตตฺโต ปุพฺเพ จ กตปฺุโ สุทฺธาสโย โหติ ตทสิทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ทูรีภาวโตติ อาห – ‘‘อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหตี’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ (ธ. ป. ๔๓), ‘‘กตปฺุโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยฺุช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗) จ. เตเนวาห – ‘‘อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ. ปโยคสุทฺธิยาติ โยนิโสมนสิการปุพฺพงฺคมสฺส ธมฺมสฺสวนปฺปโยคสฺส วิสทภาเวน. ตถา จาห – ‘‘อาคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ ¶ , สพฺพสฺส วา กายวจีปโยคสฺส นิทฺโทสภาเวน. ปริสุทฺธกายวจีปโยโค หิ วิปฺปฏิสาราภาวโต อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ปริยตฺติยํ วิสารโท โหตีติ.
นานปฺปการปฏิเวธทีปเกนาติอาทินา ¶ อตฺถพฺยฺชเนสุ เถรสฺส เอวํ-สทฺทสุต-สทฺทานํ อสมฺโมหทีปนโต จตุปฺปฏิสมฺภิทาวเสน อตฺถโยชนํ ทสฺเสติ. ตตฺถ โสตปฺปเภทปฏิเวธทีปเกนาติ เอเตน อยํ สุต-สทฺโท เอวํ-สทฺทสนฺนิธานโต, วกฺขมานาเปกฺขาย วา สามฺเเนว โสตพฺพธมฺมวิเสสํ อามสตีติ ทสฺเสติ. มโนทิฏฺิกรณานํ ปริยตฺติธมฺมานํ อนุเปกฺขนสุปฺปฏิเวธา วิเสสโต มนสิการปฺปฏิพทฺธาติ เต วุตฺตนเยน โยนิโสมนสิการทีปเกน เอวํ-สทฺเทน โยเชตฺวา, สวนธารณวจีปริจยา ปริยตฺติธมฺมา วิเสเสน โสตาวธานปฺปฏิพทฺธาติ เต อวิกฺเขปทีปเกน สุต-สทฺเทน โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต สาสนสมฺปตฺติยา ธมฺมสฺสวเน อุสฺสาหํ ชเนติ. ตตฺถ ธมฺมาติ ปริยตฺติธมฺมา. มนสา อนุเปกฺขิตาติ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา, เอตฺตกา เอตฺถ อนุสนฺธโย’’ติอาทินา นเยน มนสา อนุ อนุ เปกฺขิตา. ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธาติ นิชฺฌานกฺขนฺติ ภูตาย, าตปริฺาสงฺขาตาย วา ทิฏฺิยา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม ‘‘อิติ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวา ปฏิวิทฺธา.
สกเลน วจเนนาติ ปุพฺเพ ตีหิ ปเทหิ วิสุํ วิสุํ โยชิตตฺตา วุตฺตํ. อสปฺปุริสภูมินฺติ อกตฺุตํ, ‘‘อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’’ติ (ปารา. ๑๙๕) เอวํ วุตฺตํ อนริยโวหาราวตฺถํ. สา เอว อนริยโวหาราวตฺถา อสทฺธมฺโม. นนุ จ อานนฺทตฺเถรสฺส ‘‘มเมทํ วจน’’นฺติ อธิมานสฺส, มหากสฺสปตฺเถราทีนฺจ ตทาสงฺกาย อภาวโต อสปฺปุริสภูมิสมติกฺกมาทิวจนํ นิรตฺถกนฺติ? นยิทเมวํ, ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ วทนฺเตน อยมฺปิ อตฺโถ วิภาวิโตติ ทสฺสนโต. เกจิ ปน ‘‘เทวตานํ ปริวิตกฺกาเปกฺขํ ตถาวจนนฺติ เอทิสี โจทนา อนวกาสา’’ติ วทนฺติ. ตสฺมึ กิร ขเณ เอกจฺจานํ เทวตานํ เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ภควา ปรินิพฺพุโต, อยฺจ อายสฺมา เทสนากุสโล อิทานิ ธมฺมํ เทเสติ, สกฺยกุลปฺปสุโต ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต, กึ นุ โข สยํ สจฺฉิกตํ ธมฺมํ เทเสติ, อุทาหุ ภควโต เอว วจนํ ยถาสุต’’นฺติ, เอวํ ตทาสงฺกิตปฺปการโต อสปฺปุริสภูมิสโมกฺกมาทิโต อติกฺกมาทิ วิภาวิตนฺติ. อตฺตโน อทหนฺโตติ ‘‘มเมท’’นฺติ อตฺตนิ อฏฺเปนฺโต. อปฺเปตีติ ¶ นิทสฺเสติ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถสุ ยถารหํ สตฺเต เนตีติ เนตฺติ, ธมฺโมเยว เนตฺติ ธมฺมเนตฺติ.
ทฬฺหตรนิวิฏฺา ¶ วิจิกิจฺฉา กงฺขา. นาติสํสปฺปนํ มติเภทมตฺตํ วิมติ. อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ ภควตา ภาสิตตฺตา สมฺมุขา จสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา ขลิตทุรุตฺตาทิคฺคหณโทสาภาวโต จ. เอตฺถ จ ปฺจมาทโย ติสฺโส อตฺถโยชนา อาการาทิอตฺเถสุ อคฺคหิตวิเสสเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ทสฺสิตา, ตโต ปรา จตสฺโส อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วิภาวิตา, ปจฺฉิมา ปน ติสฺโส ยถากฺกมํ อาการตฺถํ นิทสฺสนตฺถํ อวธารณตฺถฺจ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา โยชิตาติ ทฏฺพฺพํ.
เอก-สทฺโท อฺเสฏฺอสหายสงฺขาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗) อฺตฺเถ ทิสฺสติ, ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๘; ปารา. ๑๑) เสฏฺเ, ‘‘เอโก วูปกฏฺโ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๐๕; ๒.๒๑๕; ม. นิ. ๑.๘๐; สํ. นิ. ๓.๖๓; จูฬว. ๔๔๕) อสหาเย ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) สงฺขายํ. อิธาปิ สงฺขายนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส’’ติ. กาลฺจ สมยฺจาติ ยุตฺตกาลฺจ ปจฺจยสามคฺคิฺจ. ขโณติ โอกาโส. ตถาคตุปฺปาทาทิโก หิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอกาโส ตปฺปจฺจยปฺปฏิลาภเหตุตฺตา. ขโณ เอว จ สมโย. โย ขโณติ จ สมโยติ จ วุจฺจติ, โส เอโก เอวาติ หิ อตฺโถ. มหาสมโยติ มหาสมูโห. สมโยปิ โขติ สิกฺขาปทปูรณสฺส เหตุปิ. สมยปฺปวาทเกติ ทิฏฺิปฺปวาทเก. ตตฺถ หิ นิสินฺนา ติตฺถิยา อตฺตโน อตฺตโน สมยํ ปวทนฺตีติ. อตฺถาภิสมยาติ หิตปฺปฏิลาภา. อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, อภิสมโย อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ปีฬนาทีนิ อภิสเมตพฺพภาเวน เอกีภาวํ อุปเนตฺวา วุตฺตานิ. อภิสมยสฺส วา ปฏิเวธสฺส วิสยภูโต อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ตาเนว ตถา เอกตฺเตน วุตฺตานิ. ตตฺถ ¶ ปีฬนํ ทุกฺขสจฺจสฺส ตํสมงฺคิโน หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ. สนฺตาโป ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตปนํ ปริทหนํ.
ตตฺถ สหการิการเณ สนิชฺฌํ สเมติ สมเวตีติ สมโย, สมวาโย. สเมติ สมาคจฺฉติ เอตฺถ มคฺคพฺรหฺมจริยํ ตทาธารปุคฺคเลหีติ สมโย, ขโณ. สเมติ เอตฺถ, เอเตน วา สํคจฺฉติ สตฺโต, สภาวธมฺโม วา สหชาตาทีหิ, อุปฺปาทาทีหิ วาติ สมโย, กาโล. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย อตฺถโต อภูโตปิ หิ กาโล ธมฺมปฺปวตฺติยา อธิกรณํ กรณํ วิย จ กปฺปนามตฺตสิทฺเธน รูเปน โวหรียตีติ. สมํ, สห วา อวยวานํ อยนํ ปวตฺติ อวฏฺานนฺติ สมโย, สมูโห ยถา ‘‘สมุทาโย’’ติ. อวยวสหาวฏฺานเมว หิ สมูโหติ. อวเสสปจฺจยานํ ¶ สมาคเม เอติ ผลํ เอตสฺมา อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติ จาติ สมโย, เหตุ ยถา ‘‘สมุทโย’’ติ. สเมติ สํโยชนภาวโต สมฺพทฺโธ เอติ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา สํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโย, ทิฏฺิ. ทิฏฺิสํโยชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺตีติ. สมิติ สงฺคติ สโมธานนฺติ สมโย, ปฏิลาโภ. สมสฺส ยานํ, สมฺมา วา ยานํ อปคโมติ สมโย, ปหานํ. อภิมุขํ าเณน สมฺมา เอตพฺโพ อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีโต สภาโว. อภิมุขภาเวน สมฺมา เอติ คจฺฉติ พุชฺฌตีติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาวาวโพโธ. เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ สมยสทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา. สมยสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร อภิสมยสทฺทสฺส อุทาหรณํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. อสฺสาติ สมยสทฺทสฺส. กาโล อตฺโถ สมวายาทีนํ อตฺถานํ อิธ อสมฺภวโต, เทสเทสกปริสานํ วิย สุตฺตสฺส นิทานภาเวน กาลสฺส อปทิสิตพฺพโต จ.
กสฺมา ปเนตฺถ อนิยมิตวเสเนว กาโล นิทฺทิฏฺโ, น อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยเมตฺวาติ อาห – ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยมํ อกตฺวา สมยสทฺทสฺส วจเน อยมฺปิ คุโณ ลทฺโธ โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย วา อิเม’’ติอาทิมาห. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺตีติ. ตตฺถ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทวสิกํ ฌานสมาปตฺตีหิ วีตินามนกาโล, วิเสสโต สตฺตสตฺตาหานิ. สุปฺปกาสาติ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา ปกมฺปนโอภาสปาตุภาวาทีหิ ¶ ปากฏา. ยถาวุตฺตเภเทสุ เอว สมเยสุ เอกเทสํ ปการนฺตเรหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โย จาย’’นฺติอาทิมาห. ตถา หิ าณกิจฺจสมโย อตฺตหิตปฺปฏิปตฺติสมโย จ อภิสมฺโพธิสมโย, อริยตุณฺหีภาวสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย, กรุณากิจฺจปรหิตปฺปฏิปตฺติธมฺมิกถาสมโย เทสนาสมโยเยว.
กรณวจเนน นิทฺเทโส กโตติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถาติ อภิธมฺมวินเยสุ. ตถาติ ภุมฺมกรเณหิ. อธิกรณตฺโถ อาธารตฺโถ. ภาโว นาม กิริยา, กิริยาย กิริยนฺตรลกฺขณํ ภาเวนภาวลกฺขณํ. ตตฺถ ยถา กาโล สภาวธมฺมปริจฺฉินฺโน สยํ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ อาธารภาเวน ปฺาโต ตงฺขณปฺปวตฺตานํ ตโต ปุพฺเพ ปรโต จ อภาวโต ‘‘ปุพฺพณฺเห ชาโต, สายนฺเห คจฺฉตี’’ติ จ อาทีสุ, สมูโห จ อวยววินิมุตฺโต อวิชฺชมาโนปิ กปฺปนามตฺตสิทฺโธ อวยวานํ อาธารภาเวน ปฺาปียติ ‘‘รุกฺเข สาขา, ยวราสิยํ สมฺภูโต’’ติอาทีสุ, เอวํ อิธาปีติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อธิกรณํ…เป… ธมฺมาน’’นฺติ. ยสฺมึ กาเล, ธมฺมปฺุเช วา กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึ เอว กาเล, ธมฺมปฺุเช ¶ จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ. ยถา ‘‘คาวีสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, ทุทฺธาสุ อาคโต’’ติ โทหนกิริยาย คมนกิริยา ลกฺขียติ, เอวํ อิธาปิ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ตสฺมึ สมเย’’ติ จ วุตฺเต ‘‘สตี’’ติ อยมตฺโถ วิฺายมาโน เอว โหติ ปทตฺถสฺส สตฺตาวิรหาภาวโตติ สมยสฺส สตฺตากิริยาย จิตฺตสฺส อุปฺปาทกิริยา, ผสฺสาทีนํ ภวนกิริยา จ ลกฺขียตีติ. ยสฺมึ สมเยติ ยสฺมึ นวเม ขเณ, ยสฺมึ โยนิโสมนสิการาทิเหตุมฺหิ, ปจฺจยสมวาเย วา สติ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว ขเณ เหตุมฺหิ ปจฺจยสมวาเย จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อุภยตฺถ สมยสทฺเท ภุมฺมนิทฺเทโส กโต ลกฺขณภูตภาวยุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ขณ…เป… ลกฺขียตี’’ติ.
เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ ‘‘อนฺเนน วสติ, อชฺเฌเนน วสติ, ผรสุนา ฉินฺทติ, กุทาเลน ขณตี’’ติอาทีสุ วิย. วีติกฺกมฺหิ สุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ ตํ ปุคฺคลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ¶ วิครหิตฺวา จ ตํ ตํ วตฺถุํ โอติณฺณกาลํ อนติกฺกมิตฺวา เตเนว กาเลน สิกฺขาปทานิ ปฺาเปนฺโต ภควา วิหรติ สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ตติยปาราชิกาทีสุ วิย.
อจฺจนฺตเมว อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว เทสนานิฏฺานํ ปรหิตปฺปฏิปตฺติสงฺขาเตน กรุณาวิหาเรน. ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺถโชตนตฺถํ. อุปโยควจนนิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘มาสํ อชฺเฌตี’’ติ. โปราณาติ อฏฺกถาจริยา. อภิลาปมตฺตเภโทติ วจนมตฺเตน วิเสโส. เตน สุตฺตวินเยสุ วิภตฺติพฺยตฺตโย กโตติ ทสฺเสติ.
อิทานิ ‘‘ภควา’’ติ อิมสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ภควาติ ครู’’ติอาทิ. ภควาติ วจนํ เสฏฺนฺติ เสฏฺวาจกํ วจนํ, เสฏฺคุณสหจรณํ เสฏฺนฺติ วุตฺตํ. อถ วา วุจฺจตีติ วจนํ, อตฺโถ. ยสฺมา โย ‘‘ภควา’’ติ วจเนน วจนีโย อตฺโถ, โส เสฏฺโติ อตฺโถ. ภควาติ วจนมุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต. ครุกรณํ วา สาติสยํ อรหตีติ คารวยุตฺโต, คารวารโหติ อตฺโถ. สิปฺปาทิสิกฺขาปกา ครู โหนฺติ, น จ คารวยุตฺตา, อยํ ปน ตาทิโส น โหติ, ตสฺมา ครูติ วตฺวา คารวยุตฺโตติ วุตฺตนฺติ เกจิ. วุตฺโตเยว, น อิธ วตฺตพฺโพ วิสุทฺธิมคฺคสฺส อิมิสฺสา อฏฺกถาย เอกเทสภาวโตติ อธิปฺปาโย.
ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรตีติ ‘‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต ¶ , โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) วจนโต ธมฺมสฺส สตฺถุภาวปริยาโย วิชฺชตีติ กตฺวา วุตฺตํ. วชิรสงฺฆาตสมานกาโย ปเรหิ อเภชฺชสรีรตฺตา. น หิ ภควโต รูปกาเย เกนจิ สกฺกา อนฺตราโย กาตุนฺติ. เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ วกฺขมานสฺส สกลสุตฺตสฺส เอวนฺติ นิทฺทิสนโต. สาวกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ปฏิสมฺภิทาปตฺเตน ปฺจสุ าเนสุ ภควตา เอตทคฺเค ปิเตน มยา มหาสาวเกน สุตํ, ตฺจ โข มยา สุตํ, น อนุสฺสุติกํ, น ปรมฺปราภตนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนโต. กาลสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ‘‘ภควา’’ติ ปทสฺส สนฺนิธาเน ปยุตฺตสฺส สมยสทฺทสฺส กาลสฺส พุทฺธุปฺปาทปฺปฏิมณฺฑิตภาวทีปนโต ¶ . พุทฺธุปฺปาทปรมา หิ กาลสมฺปทา. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘กปฺปกสาเย กลิยุเค, พุทฺธุปฺปาโท อโห มหจฺฉริยํ;
หุตาวหมชฺเฌ ชาตํ, สมุทิตมกรนฺทมรวินฺท’’นฺติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๑; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑ เทวตาสํยุตฺต);
ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนภาวโต.
เอวํนามเก นคเรติ กถํ ปเนตํ นครํ เอวํนามกํ ชาตนฺติ? วุจฺจเต, ยถา กากนฺทสฺส อิสิโน นิวาสฏฺาเน มาปิตา นครี กากนฺที, มากนฺทสฺส นิวาสฏฺาเน มาปิตา มากนฺที, กุสมฺพสฺส นิวาสฏฺาเน มาปิตา โกสมฺพีติ วุจฺจติ, เอวํ สวตฺถสฺส อิสิโน นิวาสฏฺาเน มาปิตา นครี สาวตฺถีติ วุจฺจติ. เอวํ ตาว อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ. อฏฺกถาจริยา ปน ภณนฺติ – ‘‘ยํ กิฺจิ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ, สพฺพเมตฺถ อตฺถี’’ติ สาวตฺถิ. สตฺถสมาโยเค จ ‘กึ ภณฺฑมตฺถี’ติ ปุจฺฉิเต ‘สพฺพมตฺถี’ติ วจนมุปาทาย สาวตฺถิ.
‘‘สพฺพทา สพฺพูปกรณํ, สาวตฺถิยํ สโมหิตํ;
ตสฺมา สพฺพมุปาทาย, สาวตฺถีติ ปวุจฺจติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔; ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.มงฺคลสุตฺตวณฺณนา; อุทา. อฏฺ. ๕; ปฏิ. ม. ๒.๑.๑๘๔);
‘‘โกสลานํ ปุรํ รมฺมํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;
ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุตํ.
‘‘วุทฺธึ ¶ เวปุลฺลตํ ปตฺตํ, อิทฺธํ ผีตํ มโนรมํ;
อาฬกมนฺทาว เทวานํ, สาวตฺถิปุรมุตฺตม’’นฺติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔; ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.มงฺคลสุตฺตวณฺณนา);
อวิเสเสนาติ น วิเสเสน, วิหารภาวสามฺเนาติ อตฺโถ. อิริยาปถวิหาโร…เป… วิหาเรสูติ อิริยาปถวิหาโร ทิพฺพวิหาโร พฺรหฺมวิหาโร อริยวิหาโรติ เอเตสุ จตูสุ วิหาเรสุ. สมงฺคิปริทีปนนฺติ สมงฺคิภาวปริทีปนํ. เอตนฺติ วิหรตีติ เอตํ ปทํ. ตถา หิ ตํ ‘‘อิเธกจฺโจ คิหิสํสฏฺโ วิหรติ สหนนฺที สหโสกี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) อิริยาปถวิหาเร อาคตํ, ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ ¶ … ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๔๙๙; วิภ. ๖๒๔) ทิพฺพวิหาเร, ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗, ๔๕๙, ๕๐๙; ๒.๓๐๙, ๓๑๕, ๔๕๑, ๔๗๑; ๓.๒๓๐, วิภ. ๖๔๒, ๖๔๓) พฺรหฺมวิหาเร, ‘‘โส โขหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตสฺสาเยว กถาย ปริโยสาเน ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทึ กโรมิ, สมาทหามิ, เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อริยวิหาเร.
ตตฺถ อิริยนํ ปวตฺตนํ อิริยา, กายปฺปโยโค. ตสฺสา ปวตฺตนูปายภาวโต านาทิ อิริยาปโถ. านสมงฺคี วา หิ กาเยน กิฺจิ กเรยฺย คมนาทีสุ อฺตรสมงฺคี วา. อถ วา อิริยติ ปวตฺตติ เอเตน อตฺตภาโว, กายกิจฺจํ วาติ อิริยา, ตสฺสา ปวตฺติยา อุปายภาวโต ปโถติ อิริยาปโถ, านาทิ เอว. โส จ อตฺถโต คตินิวตฺติอาทิอากาเรน ปวตฺโต จตุสนฺตติรูปปฺปพนฺโธ เอว. วิหรณํ, วิหรติ เอเตนาติ วา วิหาโร. ทิวิ ภโว ทิพฺโพ, ตตฺถ พหุลปฺปวตฺติยา พฺรหฺมปาริสชฺชาทิเทวโลเก ภโวติ อตฺโถ. ตตฺถ โย ทิพฺพานุภาโว, ตทตฺถาย สํวตฺตตีติ วา ทิพฺโพ, อภิฺาภินีหารวเสน มหาคติกตฺตา วา ทิพฺโพ, ทิพฺโพ จ โส วิหาโร จาติ ทิพฺพวิหาโร, จตสฺโส รูปาวจรสมาปตฺติโย. อรูปสมาปตฺติโยปิ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. พฺรหฺมานํ, พฺรหฺมาโน วา วิหารา พฺรหฺมวิหารา, จตสฺโส อปฺปมฺาโย. อริโย, อริยานํ วา วิหาโร อริยวิหาโร, จตฺตาริ สามฺผลานิ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนนฺติอาทิ ยทิปิ ภควา เอเกนปิ อิริยาปเถน จิรตรํ กาลํ อตฺตภาวํ ปวตฺเตตุํ สกฺโกติ, ตถาปิ อุปาทินฺนกสรีรสฺส อยํ สภาโวติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ยสฺมา วา ภควา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโต เวเนยฺยานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต นานาสมาปตฺตีหิ ¶ จ กาลํ วีตินาเมนฺโต วสตีติ สตฺตานํ อตฺตโน จ วิวิธหิตสุขํ หรติ อุปเนติ อุปฺปาเทติ, ตสฺมา วิวิธํ หรตีติ วิหรตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เชตสฺส ¶ ราชกุมารสฺสาติ เอตฺถ อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชนํ ชินาตีติ เชโต. โสตสทฺโท วิย หิ กตฺตุสาธโน เชตสทฺโท. อถ วา รฺา ปเสนทิโกสเลน อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชเน ชิเต ชาโตติ เชโต. รฺโ หิ ชยํ อาโรเปตฺวา กุมาโร ชิตวาติ เชโตติ วุตฺโต. มงฺคลกามตาย วา ตสฺส เอวํนามเมว กตนฺติ เชโต. มงฺคลกามตาย หิ เชยฺโยติ เอตสฺมึ อตฺเถ เชโตติ วุตฺตํ. วิตฺถาโร ปนาติอาทินา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ เอตฺถ สุทตฺโต นาม โส, คหปติ, มาตาปิตูหิ กตนามวเสน, สพฺพกามสมิทฺธตาย ปน วิคตมจฺเฉรตาย กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จ นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปิณฺฑมทาสิ. เตน อนาถปิณฺฑิโกติ สงฺขํ คโต. อารมนฺติ เอตฺถ ปาณิโน, วิเสเสน วา ปพฺพชิตาติ อาราโม, ตสฺส ปุปฺผผลาทิโสภาย นาติทูรนจฺจาสนฺนตาทิปฺจวิธเสนาสนงฺคสมฺปตฺติยา จ ตโต ตโต อาคมฺม รมนฺติ อภิรมนฺติ, อนุกฺกณฺิตา หุตฺวา นิวสนฺตีติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการาย วา สมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ คเตปิ อตฺตโน อพฺภนฺตรํเยว อาเนตฺวา รเมตีติ อาราโม. โส หิ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา เชตสฺส ราชกุมารสฺส หตฺถโต อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ สนฺถาเรน กิณิตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ เสนาสนานิ การาเปตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ วิหารมหํ นิฏฺาเปตฺวา เอวํ จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาติโต, ตสฺมา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม’’ติ วุจฺจตีติ อิมมตฺถํ นิทสฺเสติ.
ตตฺถาติ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ ยํ วุตฺตํ วากฺยํ, ตตฺถ. สิยาติ กสฺสจิ เอวํ ปริวิตกฺโก สิยา, วกฺขมานากาเรน กทาจิ โจเทยฺย วาติ อตฺโถ. อถ ตตฺถ วิหรตีติ ยทิ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม วิหรติ. น วตฺตพฺพนฺติ นานาานภูตตฺตา สาวตฺถิเชตวนานํ, ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ จ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. อิทานิ โจทโก ตเมว อตฺตโน อธิปฺปายํ ‘‘น หิ สกฺกา’’ติอาทินา วิวรติ. อิตโร สพฺพเมตํ อวิปรีตํ อตฺถํ อชานนฺเตน ตยา วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอตนฺติ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ เอตํ วจนํ. เอวนฺติ ‘‘ยทิ ตาว ภควา’’ติอาทินา ¶ ยํ ตํ ภวตา โจทิตํ, ตํ อตฺถโต เอวํ น โข ปน ทฏฺพฺพํ, น อุภยตฺถ อปุพฺพํ อจริมํ วิหารทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. อิทานิ อตฺตนา ยถาธิปฺเปตํ อวิปรีตมตฺถํ, ตสฺส จ ปฏิกจฺเจว วุตฺตภาวํ, เตน จ อปฺปฏิวิทฺธตํ ปกาเสนฺโต ‘‘นนุ อโวจุมฺห…เป… เชตวเน’’ติ อาห. เอวมฺปิ ¶ ‘‘เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม วิหรติ’’จฺเจว วตฺตพฺพํ, น ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ โจทนํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘โคจรคามนิทสฺสนตฺถ’’นฺติอาทิ.
อวสฺสฺเจตฺถ โคจรคามกิตฺตนํ กตฺตพฺพํ. ตถา หิ ตํ ยถา เชตวนาทิกิตฺตนํ ปพฺพชิตานุคฺคหกรณาทิอเนกปฺปโยชนํ, เอวํ โคจรคามกิตฺตนมฺปิ คหฏฺานุคฺคหกรณาทิวิวิธปโยชนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สาวตฺถิวจเนนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปจฺจยคฺคหเณน อุปสงฺกมปยิรุปาสนานํ โอกาสทาเนน ธมฺมเทสนาย สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฏฺาปเนน ยถูปนิสฺสยํ อุปริวิเสสาธิคมาวหเนน จ คหฏฺานุคฺคหกรณํ, อุคฺคหปริปุจฺฉานํ กมฺมฏฺานานุโยคสฺส จ อนุรูปวสนฏฺานปริคฺคเหเนตฺถ ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ เวทิตพฺพํ. กรุณาย อุปคมนํ, น ลาภาทินิมิตฺตํ. ปฺาย อปคมนํ, น วิโรธาทินิมิตฺตนฺติ อุปคมนาปคมนานํ นิรุปกฺกิเลสตํ วิภาเวติ. ธมฺมิกสุขํ นาม อนวชฺชสุขํ. เทวตานํ อุปการพหุลตา ชนวิวิตฺตตาย. ปจุรชนวิวิตฺตฺหิ านํ เทวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺนฺติ. ตทตฺถปรินิปฺผาทนนฺติ โลกตฺถนิปฺผาทนํ, พุทฺธกิจฺจสมฺปาทนนฺติ อตฺโถ. เอวมาทินาติ อาทิ-สทฺเทน สาวตฺถิกิตฺตเนน รูปกายสฺส อนุคฺคณฺหนํ ทสฺเสติ, เชตวนาทิกิตฺตเนน ธมฺมกายสฺส. ตถา ปุริเมน ปราธีนกิริยากรณํ, ทุติเยน อตฺตาธีนกิริยากรณํ. ปุริเมน วา กรุณากิจฺจํ, อิตเรน ปฺากิจฺจํ. ปุริเมน จสฺส ปรมาย อนุกมฺปาย สมนฺนาคมํ, ปจฺฉิเมน ปรมาย อุเปกฺขาย สมนฺนาคมํ ทีเปติ. ภควา หิ สพฺพสตฺเต ปรมาย อนุกมฺปาย อนุกมฺปติ, น จ ตตฺถ สิเนหโทสานุปติโต ปรมุเปกฺขกภาวโต. อุเปกฺขโก จ น ปรหิตสุขกรเณ อปฺโปสฺสุกฺโก มหาการุณิกภาวโต. ตสฺส มหาการุณิกตาย โลกนาถตา, อุเปกฺขกตาย อตฺตนาถตา.
ตถา เหส โพธิสตฺตภูโต มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส สกลโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺโน มหาภินีหารโต ปฏฺาย ¶ ตทตฺถนิปฺผาทนตฺถํ ปฺุาณสมฺภาเร สมฺปาเทนฺโต อปริมิตํ กาลํ อนปฺปกํ ทุกฺขมนุโภสิ, อุเปกฺขกตาย สมฺมา ปติเตหิ ทุกฺเขหิ น วิกมฺปิตตา. มหาการุณิกตาย สํสาราภิมุขตา, อุเปกฺขกตาย ตโต นิพฺพินฺทนา. ตถา อุเปกฺขกตาย นิพฺพานาภิมุขตา, มหาการุณิกตาย ตทธิคโม. ตถา มหาการุณิกตาย ปเรสํ อหึสาปนํ, อุเปกฺขกตาย สยํ ปเรหิ อภายนํ. มหาการุณิกตาย ปรํ รกฺขโต อตฺตโน รกฺขณํ, อุเปกฺขกตาย อตฺตานํ รกฺขโต ปเรสํ รกฺขณํ. เตนสฺส อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตุตฺถปุคฺคลภาโว สิทฺโธ โหติ. ตถา มหาการุณิกตาย สจฺจาธิฏฺานสฺส จ จาคาธิฏฺานสฺส จ ปาริปูรี, อุเปกฺขกตาย อุปสมาธิฏฺานสฺส จ ปฺาธิฏฺานสฺส จ ปาริปูรี ¶ . เอวํ ปุริสุทฺธาสยปฺปโยคสฺส มหาการุณิกตาย โลกหิตตฺถเมว รชฺชสมฺปทาทิภวสมฺปตฺติยา อุปคมนํ, อุเปกฺขกตาย ติณายปิ อมฺมานสฺส ตโต อปคมนํ. อิติ สุวิสุทฺธอุปคมาปคมสฺส มหาการุณิกตาย โลกหิตตฺถเมว ทานวเสน สมฺปตฺตีนํ ปริจฺจชนา, อุเปกฺขกตาย จสฺส ผลสฺส อตฺตโน อปจฺจาสีสนา. เอวํ สมุทาคมนโต ปฏฺาย อจฺฉริยพฺภุตคุณสมนฺนาคตสฺส มหาการุณิกตาย ปเรสํ หิตสุขตฺถํ อติทุกฺกรการิตา, อุเปกฺขกตาย กายมฺปิ อนลงฺการิตา.
ตถา มหาการุณิกตาย จริมตฺตภาเว ชิณฺณาตุรมตทสฺสเนน สฺชาตสํเวโค, อุเปกฺขกตาย อุฬาเรสุ เทวโภคสทิเสสุ โภเคสุ นิรเปกฺโข มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ. ตถา มหาการุณิกตาย ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) กรุณามุเขเนว วิปสฺสนารมฺโภ, อุเปกฺขกตาย พุทฺธภูตสฺส สตฺต สตฺตาหานิ วิเวกสุเขเนว วีตินามนํ. มหาการุณิกตาย ธมฺมคมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกนํ อาปชฺชิตฺวาปิ มหาพฺรหฺมุโน อชฺเฌสนาปเทเสน โอกาสกรณํ, อุเปกฺขกตาย ปฺจวคฺคิยาทิเวเนยฺยานํ อนนุรูปสมุทาจาเรปิ อนฺถาภาโว. มหาการุณิกตาย กตฺถจิ ปฏิฆาตาภาเวนสฺส สพฺพตฺถ อมิตฺตสฺาภาโว, อุเปกฺขกตาย กตฺถจิปิ อนุโรธาภาเวน สพฺพตฺถ สิเนหสนฺถวาภาโว. มหาการุณิกตาย ปเรสํ ปสาทนา, อุเปกฺขกตาย ¶ ปสนฺนากาเรหิ น วิกมฺปนา. มหาการุณิกตาย ธมฺมานุราคาภาเวน ตตฺถ อาจริยมุฏฺิอภาโว, อุเปกฺขกตาย สาวกานุราคาภาเวน ปริวารปริกมฺมตาภาโว. มหาการุณิกตาย ธมฺมํ เทเสตุํ ปเรหิ สํสคฺคมุปคจฺฉโตปิ อุเปกฺขกตาย น ตตฺถ อภิรติ. มหาการุณิกตาย คามาทีนํ อาสนฺนฏฺาเน วสโตปิ อุเปกฺขกตาย อรฺฏฺาเน เอว วิหรณํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปุริเมนสฺส ปรมาย อนุกมฺปาย สมนฺนาคมํ ทีเปตี’’ติ.
ตนฺติ ตตฺราติ ปทํ. ‘‘เทสกาลปริทีปน’’นฺติ เย เทสกาลา อิธ วิหรณกิริยาวิเสสนภาเวน วุตฺตา, เตสํ ปริทีปนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ สมยํ…เป… ทีเปตี’’ติ อาห. ตํ-สทฺโท หิ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปฏินิทฺเทโส, ตสฺมา อิธ กาลสฺส เทสสฺส วา ปฏินิทฺเทโส ภวิตุมรหติ, น อฺสฺส. อยํ ตาว ตตฺร-สทฺทสฺส ปฏินิทฺเทสภาเว อตฺถวิภาวนา. ยสฺมา ปน อีทิเสสุ าเนสุ ตตฺร-สทฺโท ธมฺมเทสนาวิสิฏฺํ เทสกาลฺจ วิภาเวติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปตี’’ติ. เตน ตตฺราติ ยตฺร ภควา ธมฺมเทสนตฺถํ ภิกฺขู อาลปติ ภาสติ, ตาทิเส เทเส, กาเล วาติ อตฺโถ. น หีติอาทินา ตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. นนุ จ ยตฺถ ิโต ภควา ‘‘อกาโล โข ตาวา’’ติอาทินา ¶ พาหิยสฺส ธมฺมเทสนํ ปฏิกฺขิปิ, ตตฺเถว อนฺตรวีถิยํ ิโต ตสฺส ธมฺมํ เทเสสีติ? สจฺจเมตํ, อเทเสตพฺพกาเล อเทสนาย อิทํ อุทาหรณํ. เตเนวาห – ‘‘อกาโล โข ตาวา’’ติ.
ยํ ปน ตตฺถ วุตฺตํ – ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิฏฺมฺหา’’ติ, ตมฺปิ ตสฺส อกาลภาวสฺเสว ปริยาเยน ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตสฺส หิ ตทา อทฺธานปริสฺสเมน รูปกาเย อกมฺมฺตา อโหสิ, พลวปีติเวเคน นามกาเย. ตทุภยสฺส วูปสมํ อาคเมนฺโต ปปฺจปริหารตฺถํ ภควา ‘‘อกาโล โข’’ติ ปริยาเยน ปฏิกฺขิปิ. อเทเสตพฺพเทเส อเทสนาย ปน อุทาหรณํ ‘‘อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔), วิหารปจฺฉายายํ ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๖๓) จ เอวมาทิกํ อิธ อาทิสทฺเทน สงฺคหิตํ. ‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุพฺเพ เนสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๑) ปทปูรณมตฺเต โข-สทฺโท, ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ ¶ อปฺปติสฺโส’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๑) อวธารเณ, ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๑) อาทิกาลตฺเถ, วากฺยารมฺเภติ อตฺโถ. ตตฺถ ปทปูรเณน วจนาลงฺการมตฺตํ กตํ โหติ, อาทิกาลตฺเถน วากฺยสฺส อุปฺาสมตฺตํ. อวธารณตฺเถน ปน นิยมทสฺสนํ, ตสฺมา อามนฺเตสิ เอวาติ อามนฺตเน นิยโม ทสฺสิโต โหติ.
ภควาติ โลกครุทีปนนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ปุพฺเพปิ ภควาสทฺทสฺส อตฺโถ วุตฺโตติ? ยทิปิ วุตฺโต, ตํ ปนสฺส ยถาวุตฺเต าเน วิหรณกิริยาย กตฺตุ วิเสสทสฺสนตฺถํ กตํ, น อามนฺตนกิริยาย, อิธ ปน อามนฺตนกิริยาย, ตสฺมา ตทตฺถํ ปุน ‘‘ภควา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ ตสฺสตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควาติ โลกครุทีปน’’นฺติ อาห. เตน โลกครุภาวโต ตทนุรูปํ ปฏิปตฺตึ ปตฺเถนฺโต อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ ภิกฺขูนํ อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสตุํ เต อามนฺเตสีติ ทสฺเสติ. กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนนฺติ วกฺขมานาย จิตฺตปริยาทานเทสนาย สวนโยคฺคปุคฺคลวจนํ. จตูสุปิ ปริสาสุ ภิกฺขู เอว เอทิสานํ เทสนานํ วิเสเสน ภาชนภูตาติ สาติสยํ สาสนสมฺปฏิคฺคาหกภาวทสฺสนตฺถํ อิธ ภิกฺขุคฺคหณนฺติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สทฺทตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภิกฺขโกติ ภิกฺขูติ ภิกฺขนธมฺมตาย ภิกฺขูติ อตฺโถ. ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ พุทฺธาทีหิ อชฺฌุปคตํ ภิกฺขาจริยํ, อฺุฉาจริยํ, อชฺฌุปคตตฺตา อนุฏฺิตตฺตา ภิกฺขุ. โย หิ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, โส กสิโครกฺขาทิชีวิกากปฺปนํ หิตฺวา ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉเนเนว ¶ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคตตฺตา ภิกฺขุ, ปรปฺปฏิพทฺธชีวิกตฺตา วา วิหารมชฺเฌ กาชภตฺตํ ภฺุชมาโนปิ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ, ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหชาตตฺตา วา ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขูติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาทินา นเยนาติ ‘‘ฉินฺนภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขุ, ภินฺทติ ปาปเก อกุสเล ธมฺเมติ ภิกฺขุ, ภินฺนตฺตา ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ภิกฺขู’’ติอาทินา (วิภ. ๕๑๐) วิภงฺเค อาคตนเยน. าปเนติ อวโพธเน, ปฏิเวทเนติ อตฺโถ.
ภิกฺขนสีลตาติ ¶ ภิกฺขเนน ชีวนสีลตา, น กสิวาณิชฺชาทินา ชีวนสีลตา. ภิกฺขนธมฺมตาติ ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺตี’’ติ (ชา. ๑.๗.๕๙) เอวํ วุตฺตา ภิกฺขนสภาวตา, น ยาจนโกหฺสภาวตา. ภิกฺขเน สาธุการิตาติ ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) วจนํ อนุสฺสริตฺวา ตตฺถ อปฺปมชฺชนา. อถ วา สีลํ นาม ปกติสภาโว, อิธ ปน ตทธิฏฺานํ. ธมฺโมติ วตํ. สาธุการิตาติ สกฺกจฺจการิตา อาทรกิริยา. หีนาธิกชนเสวิตนฺติ เย ภิกฺขุภาเว ิตาปิ ชาติมทาทิวเสน อุทฺธตา อุนฺนฬา, เย จ คิหิภาเว ปเรสํ อธิกภาวมฺปิ อนุปคตตฺตา ภิกฺขาจริยํ ปรมการฺุตํ มฺนฺติ, เตสํ อุภเยสมฺปิ ยถากฺกมํ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วจเนน หีนชเนหิ ทลิทฺเทหิ ปรมการฺุตํ ปตฺเตหิ ปรกุเลสุ ภิกฺขาจริยาย ชีวิกํ กปฺเปนฺเตหิ เสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตภาวนิคฺคหํ กโรติ. อธิกชเนหิ อุฬารโภคขตฺติยกุลาทิโต ปพฺพชิเตหิ พุทฺธาทีหิ อาชีววิโสธนตฺถํ เสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต ทีนภาวนิคฺคหํ กโรตีติ โยเชตพฺพํ. ยสฺมา ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วจนํ อามนฺตนภาวโต อภิมุขีกรณํ, ปกรณโต สามตฺถิยโต จ สุสฺสุสาชนนํ สกฺกจฺจสวนมนสิการนิโยชนฺจ โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขโวติ อิมินา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สาธุกํ สวนมนสิกาเรติ สาธุกสวเน สาธุกมนสิกาเร จ. กถํ ปน ปวตฺติตา สวนาทโย สาธุกํ ปวตฺติตา โหนฺตีติ? ‘‘อทฺธา อิมาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สกลสาสนสมฺปตฺติ หตฺถคตา ภวิสฺสตี’’ติ อาทรคารวโยเคน กถาทีสุ อปริภวาทินา จ. วุตฺตฺหิ ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? กถํ น ปริโภติ, กถิตํ น ปริโภติ, น อตฺตานํ ปริโภติ, อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ เอกคฺคจิตฺโต, โยนิโส จ มนสิกโรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๕.๑๕๑). เตเนวาห – ‘‘สาธุกํ สวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺตี’’ติ.
ปุพฺเพ ¶ สพฺพปริสาสาธารณตฺเตปิ ภควโต ธมฺมเทสนาย ‘‘เชฏฺเสฏฺา’’ติอาทินา ภิกฺขูนํ เอว อามนฺตเน การณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ภิกฺขู ¶ อามนฺเตตฺวาว ธมฺมเทสนาย ปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘กิมตฺถํ ปน ภควา’’ติ โจทนํ สมุฏฺาเปติ. ตตฺถ อฺํ จินฺเตนฺตาติ อฺวิหิตา. วิกฺขิตฺตจิตฺตาติ อสมาหิตจิตฺตา. ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาติ หิยฺโย ตโต ปรํ ทิวเสสุ วา สุตธมฺมํ ปติ ปติ มนสา อเวกฺขนฺตา. ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน อาทิโต ปฏฺาย เทสนํ สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกนฺตีติ อิมมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘เต อนามนฺเตตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ภิกฺขโวติ เจตฺถ สนฺธิวเสน อิ-การโลโป ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขโว อิตีติ อยํ อิติ-สทฺโท เหตุปริสมาปนาทิอตฺถปทตฺถวิปริยายปการาวธารณนิทสฺสนาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส ‘‘รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๗๙) เหตฺวตฺเถ ทิสฺสติ. ‘‘ตสฺมาติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทา. อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา. กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙) ปริสมาปเน. ‘‘อิติ วา อิติ เอวรูปา นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๓) อาทิอตฺเถ. ‘‘มาคณฺฑิโยติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺติ พฺยฺชนมภิลาโป’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๗๓, ๗๕) ปทตฺถวิปริยาเย. ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต, สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต, สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔) ปกาเร. ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติ ปุฏฺเน สตา, ‘อานนฺท, อตฺถี’ติสฺส วจนียํ. ‘กึ ปจฺจยา ชรามรณ’นฺติ อิติ เจ วเทยฺย. ชาติปจฺจยา ชรามรณํ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๙๖) อวธารเณ. ‘‘อตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; สํ. นิ. ๓.๙๐) นิทสฺสเน. อิธาปิ นิทสฺสเน เอว ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขโวติ หิ อามนฺตนากาโร. ตเมส อิติ-สทฺโท นิทสฺเสติ ‘‘ภิกฺขโวติ อามนฺเตสี’’ติ. อิมินา นเยน ‘‘ภทฺทนฺเต’’ติอาทีสุปิ ยถารหํ อิติ-สทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุพฺเพ ‘‘ภควา อามนฺเตสี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติ ¶ อิธ ‘‘ภควโต’’ติ สามิวจนํ อามนฺตนเมว สมฺพนฺธิอนฺตรํ อเปกฺขตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘ภควโต อามนฺตนํ ปฏิอสฺโสสุ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ภควโต’’ติ ปน อิทํ ปฏิสฺสวสมฺพนฺเธน สมฺปทานวจนํ ยถา ‘‘เทวทตฺตาย ปฏิสฺสุโณตี’’ติ. ยํ นิทานํ ภาสิตนฺติ สมฺพนฺโธ. อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหณตฺถนฺติ กมลกุวลยุชฺชลวิมลสาทุรสสลิลาย โปกฺขรณิยา ¶ สุขาวตรณตฺถํ นิมฺมลสิลาตลรจนาวิลาสโสภิตรตนโสปานํ วิปฺปกิณฺณมุตฺตาตลสทิสวาลุกาจุณฺณปณฺฑรภูมิภาคํ ติตฺถํ วิย สุวิภตฺตภิตฺติวิจิตฺรเวทิกาปริกฺขิตฺตสฺส นกฺขตฺตปถํ ผุสิตุกามตาย วิย ปฏิวิชมฺภิตสมุสฺสยสฺส ปาสาทวรสฺส สุขาโรหนตฺถํ ทนฺตมยสณฺหมุทุผลกฺจนลตาวินทฺธมณิคณปฺปภาสมุทยุชฺชลโสภํ โสปานํ วิย สุวณฺณวลยนูปุราทิสงฺฆฏฺฏนสทฺทสมฺมิสฺสิตสฺส กถิตหสิตมธุรสฺสรเคหชนวิชมฺภิตวิจริตสฺส อุฬารอิสฺสริยวิภวโสภิตสฺส มหาฆรสฺส สุขปฺปเวสนตฺถํ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาปวาฬาทิชุติวิสฺสรวิชฺโชติตสุปฺปติฏฺิตวิสาลทฺวารพาหํ มหาทฺวารํ วิย จ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส พุทฺธานํ เทสนาาณคมฺภีรภาวสํสูจกสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหตฺถํ.
เอตฺถาห – ‘‘กิมตฺถํ ปน ธมฺมวินยสงฺคเห กยิรมาเน นิทานวจนํ, นนุ ภควตา ภาสิตวจนสฺเสว สงฺคโห กาตพฺโพ’’ติ? วุจฺจเต, เทสนาย ิติอสมฺโมสสทฺเธยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํ. กาลเทสเทสกนิมิตฺตปริสาปเทเสหิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปิตา หิ เทสนา จิรฏฺิติกา โหติ อสมฺโมสธมฺมา สทฺเธยฺยา จ. เทสกาลกตฺตุเหตุนิมิตฺเตหิ อุปนิพทฺโธ วิย โวหารวินิจฺฉโย. เตเนว จ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘จิตฺตปริยาทานสุตฺตํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา เทสาทิปุจฺฉาสุ กตาสุ ตาสํ วิสฺสชฺชนํ กโรนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา อิมสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ ภาสิตํ. อปิจ สตฺถุสมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. ตถาคตสฺส หิ ภควโต ปุพฺพจรณานุมานาคมตกฺกาภาวโต สมฺมาสมฺพุทฺธภาวสิทฺธิ. น หิ สมฺมาสมฺพุสฺส ปุพฺพจรณาทีหิ อตฺโถ อตฺถิ สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย เอกปฺปมาณตฺตา จ เยฺยธมฺเมสุ. ตถา อาจริยมุฏฺิธมฺมมจฺฉริยสาสนสาวกานานุราคาภาวโต ขีณาสวภาวสิทฺธิ. น หิ สพฺพโส ขีณาสวสฺส เต สมฺภวนฺตีติ สุวิสุทฺธสฺส ปรานุคฺคหปฺปวตฺติ. เอวํ ¶ เทสกสํกิเลสภูตานํ ทิฏฺิสีลสมฺปทาทูสกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อจฺจนฺตาภาวสํสูจเกหิ าณปฺปหานสมฺปทาภิพฺยฺชนเกหิ จ สมฺพุทฺธวิสุทฺธภาเวหิ ปุริมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธิ, ตโต จ อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺเมสุ สมฺโมหาภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธีติ ภควโต จตุเวสารชฺชสมนฺนาคโม อตฺตหิตปรหิตปฺปฏิปตฺติ จ นิทานวจเนน ปกาสิตา โหติ. ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺตปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฺปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโต, อิธ ปน รูปครุกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฺปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโตติ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สตฺถุสมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ.
ตถา สาสนสมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. าณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต ¶ นตฺถิ นิรตฺถกา ปฏิปตฺติ, อตฺตหิตตฺถา วา. ตสฺมา ปเรสํ เอว อตฺถาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ ยถาปวตฺตํ วุจฺจมานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺตานํ อนุสาสนฏฺเน สาสนํ, น กปฺปรจนา. ตยิทํ สตฺถุจริตํ กาลเทสเทสกปริสาปเทเสหิ สทฺธึ ตตฺถ ตตฺถ นิทานวจเนหิ ยถารหํ ปกาสียติ. ‘‘อิธ ปน รูปครุกานํ ปุคฺคลาน’’นฺติอาทิ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. เตน วุตฺตํ – ‘‘สาสนสมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ. อปิจ สตฺถุโน ปมาณภาวปฺปกาสเนน วจเนน สาสนสฺส ปมาณภาวทสฺสนตฺถํ นิทานวจนํ, ตฺจ เทสกปฺปมาณภาวทสฺสนํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน ‘‘ภควา’’ติ จ อิมินา ปเทน วิภาวิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ภควาติ หิ ตถาคตสฺส ราคโทสโมหาทิสพฺพกิเลสมลทุจฺจริตโทสปฺปหานทีปเนน วจเนน อนฺสาธารณสุปริสุทฺธาณกรุณาทิคุณวิเสสโยคปริทีปเนน ตโต เอว สพฺพสตฺตุตฺตมภาวทีปเนน อยมตฺโถ สพฺพถา ปกาสิโต โหตีติ. อิทเมตฺถ นิทานวจนปฺปโยชนสฺส มุขมตฺตนิทสฺสนํ.
นิกฺขิตฺตสฺสาติ เทสิตสฺส. เทสนา หิ เทเสตพฺพสฺส สีลาทิอตฺถสฺส เวเนยฺยสนฺตาเนสุ นิกฺขิปนโต ‘‘นิกฺเขโป’’ติ วุจฺจติ. สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวาว วุจฺจมานา ปากฏา โหตีติ สามฺโต ภควโต เทสนาย สมุฏฺานสฺส วิภาคํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอตฺถายํ เทสนา เอวํสมุฏฺานา’’ติ เทสนาย สมุฏฺาเน ทสฺสิเต สุตฺตสฺส สมฺมเทว นิทานปริชานเนน วณฺณนาย สุวิฺเยฺยตฺตา วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา ¶ อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตนฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิปฏฺานนยวเสน โสฬสวิธตํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตนิกฺเขปวเสน จตุพฺพิธภาวนฺติ อาห – ‘‘จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ. เอตฺถ จ ยถา อตฺตชฺฌาสยสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาหิ สทฺธึ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ ‘‘อตฺตชฺฌาสโย จ ปรชฺฌาสโย จ, อตฺตชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปรชฺฌาสโย จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปุจฺฉาวสิโก จา’’ติ อชฺฌาสยปุจฺฉานุสนฺธิสพฺภาวโต, เอวํ ยทิปิ อฏฺุปฺปตฺติยา อตฺตชฺฌาสเยนปิ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ, อตฺตชฺฌาสยาทีหิ ปน ปุรโต ิเตหิ อฏฺุปฺปตฺติยา สํสคฺโค นตฺถีติ น อิธ นิรวเสโส วิตฺถารนโย สมฺภวตีติ ‘‘จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ วุตฺตํ. ตทนฺโตคธตฺตา วา เสสนิกฺเขปานํ มูลนิกฺเขปวเสน จตฺตาโรว ทสฺสิตา. ยถาทสฺสนฺเหตฺถ อยํ สํสคฺคเภโท คเหตพฺโพติ.
ตตฺรายํ วจนตฺโถ – นิกฺขิปียตีติ นิกฺเขโป, สุตฺตํ เอว นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป. อถ วา นิกฺขิปนํ นิกฺเขโป, สุตฺตสฺส นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป, สุตฺตเทสนาติ อตฺโถ. อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ การณภูโตติ อตฺตชฺฌาสโย. อตฺตโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ ¶ วา อตฺตชฺฌาสโย. ปรชฺฌาสเยปิ เอเสว นโย. ปุจฺฉาย วโส ปุจฺฉาวโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ ปุจฺฉาวสิโก. สุตฺตเทสนาวตฺถุภูตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติเยว อฏฺุปฺปตฺติ ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา. สา เอตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโก. อถ วา นิกฺขิปียติ สุตฺตํ เอเตนาติ สุตฺตนิกฺเขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิ เอว. เอตสฺมึ อตฺถวิกปฺเป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย. ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย. ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตพฺโพ อตฺโถ. ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตํ ธมฺมปฺปฏิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสิกํ, ตเทว นิกฺเขปสทฺทาเปกฺขาย ปุลฺลิงฺควเสน วุตฺตํ – ‘‘ปุจฺฉาวสิโก’’ติ. ตถา อฏฺุปฺปตฺติ เอว อฏฺุปฺปตฺติโกติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อปิเจตฺถ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณนิรเปกฺขตฺตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ สุตฺตนิกฺเขปภาโว ยุตฺโต เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ธมฺมตนฺติฏฺปนตฺถํ ปวตฺติตเทสนตฺตา. ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนาปวตฺติเหตุภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺติตานํ ¶ กถมฏฺุปฺปตฺติยา อนวโรโธ, ปุจฺฉาวสิกอฏฺุปฺปตฺติกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติตานํ กถํ ปรชฺฌาสเย อนวโรโธติ? น โจเทตพฺพเมตํ. ปเรสฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิมุตฺตสฺเสว สุตฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฏฺุปฺปตฺติภาเวน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํ. ตถา หิ พฺรหฺมชาลธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ วณฺณาวณฺณอามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ ‘‘อฏฺุปฺปตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ปเรสํ ปุจฺฉํ วินา อชฺฌาสยํ เอว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวเสน เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ปากโฏยมตฺโถติ. อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถสีติ ธมฺมตนฺติฏฺปนตฺถํ กเถสิ. วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา สทฺธินฺทฺริยาทโย. อชฺฌาสยนฺติ อธิมุตฺตึ. ขนฺตินฺติ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตึ. มนนฺติ ปฺตฺติจิตฺตํ. อภินีหารนฺติ ปณิธานํ. พุชฺฌนภาวนฺติ พุชฺฌนสภาวํ, ปฏิวิชฺฌนาการํ วา. รูปครุกานนฺติ ปฺจสุ อารมฺมเณสุ รูปารมฺมณครุกา รูปครุกา. จิตฺเตน รูปนินฺนา รูปโปณา รูปปพฺภารา รูปทสฺสนปฺปสุตา รูเปน อากฑฺฒิตหทยา, เตสํ รูปครุกานํ.
ปฏิเสธตฺโถติ ปฏิกฺเขปตฺโถ. กสฺส ปน ปฏิกฺเขปตฺโถติ? กิริยาปธานฺหิ วากฺยํ, ตสฺมา ‘‘น สมนุปสฺสามี’’ติ สมนุปสฺสนากิริยาปฏิเสธตฺโถ. เตนาห – ‘‘อิมสฺส ปน ปทสฺสา’’ติอาทิ. โย ปโร น โหติ, โส อตฺตาติ โลกสมฺามตฺตสิทฺธํ สตฺตสนฺตานํ สนฺธาย – ‘‘อห’’นฺติ สตฺถา วทติ, น พาหิรกปริกปฺปิตํ อหํการวิสยํ อหํการสฺส โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตา. โลกสมฺานติกฺกมนฺตา เอว หิ พุทฺธานํ โลกิเย วิสเย เทสนาปวตฺติ. ภิกฺขเวติ อาลปเน การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อฺนฺติ อเปกฺขาสิทฺธตฺตา อฺตฺถสฺส ¶ ‘‘อิทานิ วตฺตพฺพอิตฺถิรูปโต อฺ’’นฺติ อาห. เอกมฺปิ รูปนฺติ เอกํ วณฺณายตนํ. สมํ วิสมํ สมฺมา ยาถาวโต อนุ อนุ ปสฺสตีติ สมนุปสฺสนา, าณํ. สํกิลิสฺสนวเสน อนุ อนุ ปสฺสตีติ สมนุปสฺสนา, ทิฏฺิ. โน นิจฺจโตติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เอวมาทิโกติ อตฺโถ. เตน ‘‘ทุกฺขโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอวมาทีนิ สงฺคณฺหาติ. โอโลเกนฺโตปีติ เทวมนุสฺสวิมานกปฺปรุกฺขมณิกนกาทิคตานิ รูปานิ อนวเสสํ สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโตปิ. สามฺวจโนปิ ยํ-สทฺโท ‘‘เอกรูปมฺปี’’ติ รูปสฺส ¶ อธิคตตฺตา รูปวิสโย อิจฺฉิโตติ ‘‘ยํ รูป’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา ปุริสสทฺโท ปริยาทิยิตพฺพจิตฺตปุคฺคลวิสโยติ รูปครุกสฺสาติ วิเสสิตํ. คหณํ ‘‘เขปน’’นฺติ จ อธิปฺเปตํ, ปริยาทานฺจ อุปฺปตฺตินิวารณนฺติ อาห – ‘‘จตุภูมกกุสลจิตฺต’’นฺติ. ตฺหิ รูปํ ตาทิสสฺส ปริตฺตกุสลสฺสปิ อุปฺปตฺตึ นิวาเรติ, กิมงฺคํ ปน มหคฺคตานุตฺตรจิตฺตสฺสาติ โลกุตฺตรกุสลจิตฺตสฺสปิ อุปฺปตฺติยา นิวารณํ โหตุํ สมตฺถํ, โลกิยกุสลุปฺปตฺติยา นิวารกตฺเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ‘‘จตุภูมกกุสลจิตฺตํ ปริยาทิยิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. น หิ กามคุณสฺสาทปฺปสุตสฺส ปุริสสฺส ทานาทิวเสน สวิปฺผาริกา กุสลุปฺปตฺติ สมฺภวติ. คณฺหิตฺวา เขเปตฺวาติ อตฺตานํ อสฺสาเทตฺวา ปวตฺตมานสฺส อกุสลจิตฺตสฺส ปจฺจโย โหนฺตํ ปวตฺตินิวารเณน มุฏฺิคตํ วิย คเหตฺวา อนุปฺปาทนิโรเธน เขเปตฺวา วิย ติฏฺติ. ตาว มหติ โลกสนฺนิวาเส ตสฺส ปริยาทิยฏฺานํ อวิจฺเฉทโต ลพฺภตีติ อาห – ‘‘ติฏฺตี’’ติ ยถา ‘‘ปพฺพตา ติฏฺนฺติ, นชฺโช สนฺทนฺตี’’ติ. เตนาห – ‘‘อิธ อุภยมฺปิ วฏฺฏตี’’ติอาทิ.
ยถยิทนฺติ สนฺธิวเสน อาการสฺส รสฺสตฺตํ ยการาคโม จาติ อาห – ‘‘ยถา อิท’’นฺติ. อิตฺถิยา รูปนฺติ อิตฺถิสรีรคตํ ตปฺปฏิพทฺธฺจ รูปายตนํ. ปรมตฺถสฺส นิรุฬฺโห, ปมํ สาธารณโต สทฺทสตฺถลกฺขณานิ วิภาเวตพฺพานิ, ปจฺฉา อสาธารณโตติ ตานิ ปาฬิวเสน วิภาเวตุํ – ‘‘รุปฺปตีติ โข…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ อาห. ตตฺถ รุปฺปตีติ สีตาทิวิโรธิปจฺจเยหิ วิการํ อาปาทียติ, อาปชฺชตีติ วา อตฺโถ. วิการุปฺปตฺติ จ วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ วิภูตตรา, กุโต ปนายํ วิเสโสติ เจ? ‘‘สีเตนา’’ติอาทิวจนโต. เอวฺจ กตฺวา เวทนาทีสุ อนวเสสรูปสมฺา สามฺลกฺขณนฺติ สพฺพรูปธมฺมสาธารณํ รูปฺปนํ. อิทานิ อตฺถุทฺธารนเยน รูปสทฺทํ สํวณฺเณนฺโต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห. รูปกฺขนฺเธ วตฺตตีติ ‘‘โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๓๖๑; ๒.๑๑๓; ๓.๘๖, ๘๙; วิภ. ๒). รูปูปปตฺติยาติ เอตฺถ รูปภโว รูปํ อุตฺตรปทโลเปน. รูปภวูปปตฺติยาติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. กสิณนิมิตฺเตติ ปถวีกสิณาทิสฺิเต ปฏิภาคนิมิตฺเต. รูปฺปติ อตฺตโน ผลสฺส สภาวํ กโรตีติ รูปํ, สภาวเหตูติ ¶ ¶ อาห – ‘‘สรูปา…เป… เอตฺถ ปจฺจเย’’ติ. กรจรณาทิอวยวสงฺฆาตภาเวน รูปียติ นิรูปียตีติ รูปํ, รูปกาโยติ อาห – ‘‘อากาโส…เป… เอตฺถ สรีเร’’ติ.
รูปยติ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ รูปํ, วณฺณายตนํ. อาโรหปริณาหาทิเภทรูปคตํ สณฺานสมฺปตฺตึ นิสฺสาย ปสาทํ อาปชฺชมาโน รูปปฺปมาโณติ วุตฺโตติ อาห – ‘‘เอตฺถ สณฺาเน’’ติ. ปิยรูปนฺติอาทีสุ สภาวตฺโถ รูปสทฺโท. อาทิสทฺเทน รูปชฺฌานาทีนํ สงฺคโห. ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติ เอตฺถ อชฺฌตฺตํ เกสาทีสุ ปริกมฺมสฺาวเสน ปฏิลทฺธรูปชฺฌานํ รูปํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ รูปีติ วุตฺโต. อิตฺถิยา จตุสมุฏฺาเน วณฺเณติ อิตฺถิสรีรปริยาปนฺนเมว รูปํ คหิตํ, ตปฺปฏิพทฺธวตฺถาลงฺการาทิรูปมฺปิ ปน ปุริสจิตฺตสฺส ปริยาทายกํ โหตีติ ทสฺเสตุํ – ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คนฺธวณฺณคฺคหเณน วิเลปนํ วุตฺตํ. กามํ ‘‘อสุกาย อิตฺถิยา ปสาธน’’นฺติ สลฺลกฺขิตสฺส อกายปฺปฏิพทฺธสฺสปิ วณฺโณ ปฏิพทฺธจิตฺตสฺส ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺย, ตํ ปน น เอกนฺติกนฺติ เอกนฺติกํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กายปฺปฏิพทฺโธ’’ติอาห. อุปกปฺปตีติ จิตฺตสฺส ปริยาทานาย อุปกปฺปติ. ปุริมสฺเสวาติ ปุพฺเพ วุตฺตอตฺถสฺเสว ทฬฺหีกรณตฺถํ วุตฺตํ ยถา ‘‘ทฺวิกฺขตฺตุํ พนฺธํ สุพนฺธ’’นฺติ. นิคมนวเสน วา เอตํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. โอปมฺมวเสน วุตฺตนฺติ ‘‘ยํ เอวํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ สกลเมวิทํ ปุริมวจนํ อุปมาวเสน วุตฺตํ, ตตฺถ ปน อุปมาภูตํ อตฺถํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ยถยิทํ…เป… อิตฺถิรูป’’นฺติ วุตฺตํ. ปริยาทาเน อานุภาโว สมฺภโว ปริยาทานานุภาโว, ตสฺส ทสฺสนวเสน วุตฺตํ.
อิทํ ปน ‘‘อิตฺถิรูป’’นฺติอาทิวจนํ ปริยาทานานุภาเว สาเธตพฺเพ ทีเปตพฺเพ วตฺถุ การณํ. นาโค นาม โส ราชา, ทีฆทาิกตฺตา ปน ‘‘มหาทาิกนาคราชา’’ติ วุตฺโต. อสํวรนิยาเมนาติ จกฺขุทฺวาริเกน อสํวรนีหาเรน. นิมิตฺตํ คเหตฺวาติ ราคุปฺปตฺติเหตุภูตํ รูปํ สุภนิมิตฺตํ คเหตฺวา. วิสิกาทสฺสนํ คนฺตฺวาติ สิวถิกทสฺสนํ คนฺตฺวา. ตตฺถ หิ อาทีนวานุปสฺสนา อิชฺฌติ. วตฺถุโลเภน กุโต ตาทิสาย มรณนฺติ อสทฺทหนฺโต ‘‘มุขํ ตุมฺหากํ ธูมวณฺณ’’นฺติ เต ทหรสามเณเร อุปฺปณฺเฑนฺโต วทติ.
รตนตฺตเย สุปฺปสนฺนตฺตา กากวณฺณติสฺสาทีหิ วิเสสนตฺถฺจ โส ติสฺสมหาราชา สทฺธาสทฺเทน วิเสเสตฺวา วุจฺจติ. ทหรสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ¶ ติฏฺตีติ อธิการวเสน วุตฺตํ. นิฏฺิตุทฺเทสกิจฺโจติ คาเม อสปฺปายรูปทสฺสนํ อิมสฺส อนตฺถาย สิยาติ อาจริเยน นิวาริตคามปฺปเวโส ปจฺฉา นิฏฺิตุทฺเทสกิจฺโจ หุตฺวา ิโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘อตฺถกามานํ วจนํ อคฺคเหตฺวา’’ติ ¶ . นิวตฺถวตฺถํ สฺชานิตฺวาติ อตฺตนา ทิฏฺทิวเส นิวตฺถวตฺถํ ตสฺสา มตทิวเส สิวถิกทสฺสนตฺถํ คเตน ลทฺธํ สฺชานิตฺวา. เอวมฺปีติ เอวํ มรณสมฺปาปนวเสนปิ. อยํ ตาเวตฺถ อฏฺกถาย อนุตฺตานตฺถทีปนา.
เนตฺตินยวณฺณนา
อิทานิ ปกรณนเยน ปาฬิยา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม. สา ปน อตฺถสํวณฺณนา ยสฺมา เทสนาย สมุฏฺานปฺปโยชนภาชเนสุ ปิณฺฑตฺเถสุ จ นิทฺธาริเตสุ สุกรา โหติ สุวิฺเยฺยา จ, ตสฺมา สุตฺตเทสนาย สมุฏฺานาทีนิ ปมํ นิทฺธารยิสฺสาม. ตตฺถ สมุฏฺานํ นาม เทสนานิทานํ, ตํ สาธารณมสาธารณนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณมฺปิ อชฺฌตฺติกพาหิรเภทโต ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณํ อชฺฌตฺติกสมุฏฺานํ นาม โลกนาถสฺส มหากรุณา. ตาย หิ สมุสฺสาหิตสฺส ภควโต เวเนยฺยานํ ธมฺมเทสนาย จิตฺตํ อุทปาทิ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สตฺเตสุ จ การฺุตํ ปฏิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; มหาว. ๙; สํ. นิ. ๑.๑๗๓). เอตฺถ จ เหตาวตฺถายปิ มหากรุณาย สงฺคโห ทฏฺพฺโพ ยาวเทว สํสารมโหฆโต สทฺธมฺมเทสนาหตฺถทาเนหิ สตฺตสนฺตารณตฺถํ ตทุปฺปตฺติโต. ยถา จ มหากรุณา, เอวํ สพฺพฺุตฺาณํ ทสพลาณาทโย จ เทสนาย อพฺภนฺตรสมุฏฺานภาเวน วตฺตพฺพา. สพฺพฺหิ เยฺยธมฺมํ เตสํ เทเสตพฺพาการํ สตฺตานฺจ อาสยานุสยาทึ ยาถาวโต ชานนฺโต ภควา านาฏฺานาทีสุ โกสลฺเลน เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิจิตฺตนยเทสนํ ปวตฺเตสีติ. พาหิรํ ปน สาธารณํ สมุฏฺานํ ทสสหสฺสมหาพฺรหฺมปริวารสฺส สหมฺปติพฺรหฺมุโน อชฺเฌสนํ. ตทชฺเฌสนุตฺตรกาลฺหิ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณาชนิตํ อปฺโปสฺสุกฺกตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ธมฺมสฺสามี ธมฺมเทสนาย อุสฺสาหชาโต อโหสิ. อสาธารณมฺปิ อพฺภนฺตรพาหิรเภทโต ทุวิธเมว. ตตฺถ อพฺภนฺตรํ ยาย มหากรุณาย เยน จ เทสนาาเณน ¶ อิทํ สุตฺตํ ปวตฺติตํ, ตทุภยํ เวทิตพฺพํ. พาหิรํ ปน รูปครุกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสโย. สฺวายมตฺโถ อฏฺกถายํ วุตฺโต เอว.
ปโยชนมฺปิ สาธารณาสาธารณโต ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณํ ยาว อนุปาทาปรินิพฺพานํ วิมุตฺติรสตฺตา ภควโต เทสนาย. เตเนวาห – ‘‘เอตทตฺถา กถา, เอตทตฺถา มนฺตนา’’ติอาทิ. อสาธารณํ ปน เตสํ รูปครุกานํ ปุคฺคลานํ รูเป ฉนฺทราคสฺส ชหาปนํ, อุภยมฺเปตํ พาหิรเมว. สเจ ปน เวเนยฺยสนฺตานคตมฺปิ เทสนาพลสิทฺธิสงฺขาตํ ปโยชนํ อธิปฺปายสมิชฺฌนภาวโต ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธิยา มหาการุณิกสฺส ภควโตปิ ปโยชนเมวาติ คณฺเหยฺย, อิมินา ปริยาเยนสฺส อพฺภนฺตรตาปิ สิยา.
อปิจ ¶ เตสํ รูปครุกานํ ปุคฺคลานํ รูปสฺมึ วิชฺชมานสฺส อาทีนวสฺส ยาถาวโต อนวโพโธ อิมิสฺสา เทสนาย สมุฏฺานํ, ตทวโพโธ ปโยชนํ. โส หิ อิมาย เทสนาย ภควนฺตํ ปโยเชติ ตนฺนิปฺผาทนปรายํ เทสนาติ กตฺวา. ยฺหิ เทสนาย สาเธตพฺพํ ผลํ, ตํ อากงฺขิตพฺพตฺตา เทสกํ เทสนาย ปโยเชตีติ ปโยชนนฺติ วุจฺจติ. ตถา เตสํ ปุคฺคลานํ ตทฺเสฺจ เวเนยฺยานํ รูปมุเขน ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ อาทีนวทสฺสนฺเจตฺถ ปโยชนํ. ตถา สํสารจกฺกนิวตฺติสทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺติสสฺสตาทิมิจฺฉาวาทนิรากรณํ สมฺมาวาทปุเรกฺขาโร อกุสลมูลสมูหนนํ กุสลมูลสมาโรปนํ อปายทฺวารปิทหนํ สคฺคมคฺคทฺวารวิวรณํ ปริยุฏฺานวูปสมนํ อนุสยสมุคฺฆาตนํ ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ ปุริมปฏิฺาวิสํวาทนํ ตปฺปฏิปกฺขมารมโนรถวิสํวาทนํ ติตฺถิยธมฺมนิมฺมถนํ พุทฺธธมฺมปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทีนิปิ ปโยชนานิ อิธ เวทิตพฺพานิ.
ยถา เต ปุคฺคลา รูปครุกา, เอวํ ตทฺเ จ สกฺกายครุกา สกฺกายสฺมึ อลฺลีนา สงฺขตธมฺมานํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จ ปฏิปตฺตึ อชานนฺตา อสทฺธมฺมสฺสวนสาธารณปริจริยมนสิการปรา สทฺธมฺมสฺสวนธารณปริจยปฺปฏิเวธวิมุขา จ ภววิปฺปโมกฺเขสิโน เวเนยฺยา อิมิสฺสา เทสนาย ภาชนํ.
ปิณฺฑตฺตา ¶ เจตฺถ รูปคฺคหเณน รูปธาตุรูปายตนรูปกฺขนฺธปริคฺคณฺหนํ รูปมุเขน จตุธมฺมานํ วฏฺฏตฺตยวิจฺเฉทนูปาโย อาสโวฆาทิวิเวจนํ อภินนฺทนนิวารณสงฺคติกฺกโม วิวาทมูลปริจฺจาโค สิกฺขตฺตยานุโยโค ปหานตฺตยทีปนา สมถวิปสฺสนานุฏฺานํ ภาวนาสจฺฉิกิริยาสิทฺธีติ เอวมาทโย เวทิตพฺพา.
อิโต ปรํ ปน โสฬส หารา ทสฺเสตพฺพา. ตตฺถ ‘‘รูป’’นฺติ สหชาตา ตสฺส นิสฺสยภูตา ตปฺปฏิพทฺธา จ สพฺเพ รูปารูปธมฺมา ตณฺหาวชฺชา ทุกฺขสจฺจํ. ตํสมุฏฺาปิกา ตทารมฺมณา จ ตณฺหา สมุทยสจฺจํ. ตทุภเยสํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ. นิโรธปฺปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจํ. ตตฺถ สมุทเยน อสฺสาโท, ทุกฺเขน อาทีนโว, มคฺคนิโรเธหิ นิสฺสรณํ, รูปารมฺมณสฺส อกุสลจิตฺตสฺส กุสลจิตฺตสฺส จ ปริยาทานํ ผลํ. ยฺหิ เทสนาย สาเธตพฺพํ ปโยชนํ, ตํ ผลนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ตทตฺถํ หิทํ สุตฺตํ ภควตา เทสิตนฺติ. ยถา ตํ กุสลจิตฺตํ น ปริยาทิยติ, เอวํ ปฏิสงฺขานภาวนาพลปริคฺคหิตา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา อุปาโย. ปุริสสฺส กุสลจิตฺตปริยาทาเนนสฺส รูปสฺส อฺรูปาสาธารณตาทสฺสนาปเทเสน อตฺถกาเมหิ ¶ ตโต จิตฺตํ สาธุกํ รกฺขิตพฺพํ. อยเมตฺถ ภควโต อาณตฺตีติ อยํ เทสนาหาโร. อสฺสาทาทิสนฺทสฺสนวิภาวนลกฺขโณ หิ เทสนาหาโร. วุตฺตฺเหตํ เนตฺติปฺปกรเณ –
‘‘อสฺสาทาทีนวตา, นิสฺสรณมฺปิ จ ผลํ อุปาโย จ;
อาณตฺตี จ ภควโต, โยคีนํ เทสนาหาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
เทสียติ สํวณฺณียติ เอตาย สุตฺตตฺโถติ เทสนา, เทสนาย สหจรณโต วา เทสนา. นนุ จ อฺเปิ หารา เทสนาสงฺขาตสฺส สุตฺตสฺส อตฺถสํวณฺณนาโต เทสนาย สหจาริโน วาติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน หาโร เยภุยฺเยน ยถารุตวเสเนว วิฺายมาโน เทสนาย สห จรตีติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, น ตถาปเร. น หิ อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณาทิสนฺทสฺสนรหิตา สุตฺตเทสนา อตฺถิ. กึ ปน เตสํ อสฺสาทาทีนํ อนวเสสานํ วจนํ เทสนาหาโร, อุทาหุ ¶ เอกจฺจานนฺติ? นิรวเสสานํเยว. ยสฺมิฺหิ สุตฺเต อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณานิ สรูปโต อาคตานิ, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ยตฺถ ปน เอกเทเสน อาคตานิ, น จ สรูเปน, ตตฺถ อนาคตํ อตฺถวเสน นิทฺธาเรตฺวา หาโร โยเชตพฺโพ.
สยํ สมนฺตจกฺขุภาวโต ตํทสฺสเนน สภาวโต จ ‘‘อห’’นฺติ วุตฺตํ. ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคโต อภิมุขีกรณตฺถฺจ, ‘‘ภิกฺขเว’’ติ วุตฺตํ. อตฺตาภาวโต อปรตาทสฺสนตฺถฺจ ‘‘อฺ’’นฺติ วุตฺตํ. เอกสฺส อนุปลพฺภทสฺสนตฺถํ อเนกภาวปฺปฏิเสธนตฺถฺจ ‘‘เอกรูปมฺปี’’ติ วุตฺตํ. ตาทิสสฺส รูปสฺส อภาวโต อทสฺสนโต จ ‘‘น สมนุปสฺสามี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส ปจฺจามสนโต อนิยมโต จ ‘‘ย’’นฺติ วุตฺตํ. อิทานิ วุจฺจมานาการปรามสนโต ตทฺาการนิเสธนโต จ ‘‘เอว’’นฺติ วุตฺตํ. วิสภาคินฺทฺริยวตฺถุโต สภาควตฺถุสฺมึ ตทภาวโต จ ‘‘ปุริสสฺสา’’ติ วุตฺตํ. นิมิตฺตคฺคาหสฺส วตฺถุภาวโต ตถา ปริกปฺปิตตฺตา จ ‘‘จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ วุตฺตํ. เอวนฺติ วุตฺตาการปรามสนตฺถฺเจว นิทสฺสนตฺถฺจ ‘‘ยถา’’ติ วุตฺตํ. อตฺตโน ปจฺจกฺขภาวโต ภิกฺขูนํ ปจฺจกฺขกรณตฺถฺจ ‘‘อิท’’นฺติ วุตฺตํ. อิตฺถิสนฺตานปริยาปนฺนโต ตปฺปฏิพทฺธภาวโต จ ‘‘อิตฺถิรูป’’นฺติ วุตฺตนฺติ เอวํ อนุปทวิจยโต วิจโย หาโร. วิจียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา ปทปฺหาทโยติ วิจโย, วิจิติ เอว วา เตสนฺติ วิจโย. ปทปุจฺฉาวิสฺสชฺชนปุพฺพาปรานุคฺคหนํ อสฺสาทาทีนฺจ วิเสสนิทฺธารณวเสน ปวิจยลกฺขโณ หิ วิจโย หาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ยํ ¶ ปุจฺฉิตฺจ วิสฺสชฺชิตฺจ, สุตฺตสฺส ยา จ อนุคีติ;
สุตฺตสฺส โย ปวิจโย, หาโร วิจโยติ นิทฺทิฏฺโ’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
อนาทิมติ สํสาเร อิตฺถิปุริสานํ อฺมฺรูปาภิรามตาย ‘‘อิตฺถิรูปํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ ยุชฺชตีติ อยํ ยุตฺติหาโร. พฺยฺชนตฺถานํ ยุตฺตายุตฺตวิภาควิภาวนลกฺขโณ หิ ยุตฺติหาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สพฺเพสํ หารานํ, ยา ภูมี โย จ โคจโร เตสํ;
ยุตฺตายุตฺติปริกฺขา, หาโร ยุตฺตีติ นิทฺทิฏฺโ’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ยุตฺตีติ ¶ จ อุปปตฺติ สาธนยุตฺติ, อิธ ปน ยุตฺติวิจารณา ยุตฺติ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติ ยถา. ยุตฺติสหจรณโต วา ยุตฺติ.
อิตฺถิรูปํ อโยนิโส โอโลกิยมานํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตาย ปทฏฺานํ, สา กุสลานํ ธมฺมานํ อภาวนาย ปทฏฺานํ, สา สพฺพสฺสปิ สํกิเลสปกฺขสฺส ปริวุทฺธิยา ปทฏฺานํ. พฺยติเรกโต ปน อิตฺถิรูปํ โยนิโส โอโลกิยมานํ สติปฏฺานภาวนาย ปทฏฺานํ, สา โพชฺฌงฺคานํ ภาวนาปาริปูริยา ปทฏฺานํ, สา วิชฺชาวิมุตฺตีนํ ปาริปูริยา ปทฏฺานํ, กุสลสฺส จิตฺตสฺส ปริยาทานํ สมฺโมหาภินิเวสสฺส ปทฏฺานํ, โส สงฺขารานํ ปทฏฺานํ, สงฺขารา วิฺาณสฺสาติ สพฺพํ อาวตฺตติ ภวจกฺกํ. พฺยติเรกโต ปน กุสลสฺส จิตฺตสฺส อปริยาทานํ เตสํ เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย ปาริปูริยา ปทฏฺานนฺติ อยํ ตาว อวิเสสโต นโย. วิเสสโต ปน สีลสฺส อปริยาทานํ อวิปฺปฏิสารสฺส ปทฏฺานํ, อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชสฺสาติอาทินา ยาว อนุปาทาปรินิพฺพานํ เนตพฺพํ. อยํ ปทฏฺาโน หาโร. สุตฺเต อาคตธมฺมานํ ปทฏฺานภูเต ธมฺเม เตสฺจ ปทฏฺานภูเตติ สมฺภวโต ปทฏฺานภูตธมฺมนิทฺธารณลกฺขโณ หิ ปทฏฺาโน หาโร. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘ธมฺมํ เทเสติ ชิโน, ตสฺส จ ธมฺมสฺส ยํ ปทฏฺานํ;
อิติ ยาว สพฺพธมฺมา, เอโส หาโร ปทฏฺาโน’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ปทฏฺานนฺติ ¶ อาสนฺนการณํ. อิธ ปน ปทฏฺานวิจารณา ปทฏฺาโนติอาทิ ยุตฺติหาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
เอกรูปนฺติ จ รูปายตนคฺคหเณน ฉนฺนมฺปิ พาหิรานํ อายตนานํ คหณํ พาหิรายตนภาเวน เอกลกฺขณตฺตา. จิตฺตนฺติ มนายตนคฺคหเณน ฉนฺนมฺปิ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ คหณํ อชฺฌตฺติกายตนภาเวน เอกลกฺขณตฺตา. เอวํ ขนฺธธาตาทิวเสนปิ เอกลกฺขณตา วตฺตพฺพา. อยํ ลกฺขโณ หาโร. ลกฺขียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา เอกลกฺขณธมฺมา อวุตฺตาปิ เอกจฺจวจเนนาติ ลกฺขโณ. สุตฺเต อนาคเตปิ ธมฺเม วุตฺตปฺปกาเร อาคเต วิย นิทฺธาเรตฺวา ยา สํวณฺณนา, โส ลกฺขโณ หาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘วุตฺตมฺหิ ¶ เอกธมฺเม, เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เกจิ;
วุตฺตา ภวนฺติ สพฺเพ, โส หาโร ลกฺขโณ นามา’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
นิทาเน อิมิสฺสา เทสนาย รูปครุกานํ ปุคฺคลานํ รูปสฺมึ อนาทีนวทสฺสิตา วุตฺตา, ‘‘กถํ นุ โข อิเม อิมํ เทสนํ สุตฺวา รูเป อาทีนวทสฺสนมุเขน สพฺพสฺมิมฺปิ ขนฺธปฺจเก สพฺพโส ฉนฺทราคํ ปหาย สกลวฏฺฏทุกฺขโต มุจฺเจยฺยุํ, ปเร จ ตตฺถ ปติฏฺาเปยฺยุ’’นฺติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโย. ปทนิพฺพจนํ นิรุตฺตํ, ตํ ‘‘เอว’’นฺติอาทินิทานปทานํ ‘‘นาห’’นฺติอาทิปาฬิปทานฺจ อฏฺกถายํ ตสฺสา ลีนตฺถวณฺณนาย จ วุตฺตนยานุสาเรน สุกรตฺตา น วิตฺถารยิมฺห.
ปทปทตฺถเทสนาเทสนานิกฺเขปสุตฺตสนฺธิวเสน ปฺจวิธา สนฺธิ. ตตฺถ ปทสฺส ปทนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทสนฺธิ. ปทตฺถสฺส ปทตฺถนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทตฺถสนฺธิ, โย ‘‘กิริยาการกสมฺพนฺโธ’’ติ วุจฺจติ. นานานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส ตํตํอนุสนฺธีหิ สมฺพนฺโธ, เอกานุสนฺธิกสฺส จ ปุพฺพาปรสมฺพนฺโธ เทสนาสนฺธิ, ยา อฏฺกถายํ ‘‘ปุจฺฉานุสนฺธิ, อชฺฌาสยานุสนฺธิ, ยถานุสนฺธี’’ติ ติธา วิภตฺตา. อชฺฌาสโย เจตฺถ อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโยติ ทฺวิธา เวทิตพฺโพ. เทสนานิกฺเขปสนฺธิ จตุนฺนํ สุตฺตนิกฺเขปานํ วเสน เวทิตพฺพา. สุตฺตสนฺธิ อิธ ปมนิกฺเขปวเสเนว เวทิตพฺพา. ‘‘กสฺมา ปเนตฺถ อิทเมว จิตฺตปริยาทานสุตฺตํ ปมํ นิกฺขิตฺต’’นฺติ นายมนุโยโค กตฺถจิ น ปวตฺตติ. อปิจ อิเม สตฺตา อนาทิมติ สํสาเร ปริพฺภมนฺตา อิตฺถิปุริสา อฺมฺเสํ ปฺจกามคุณสงฺขาตรูปาภิรามา, ตตฺถ อิตฺถี ปุริสสฺส รูเป สตฺตา คิทฺธา คธิตา ลคฺคา ลคฺคิตา อาสตฺตา, สา จสฺสา ตตฺถ อาสตฺติ ทุพฺพิเวจนียา ¶ . ตถา ปุริโส อิตฺถิยา รูเป, ตตฺถ จ ทสฺสนสํสคฺโค ครุตโร อิตเรสฺจ มูลภูโต. เตเนว หิ ภควา ‘‘กถํ นุ โข มาตุคาเม ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๐๓) ปุฏฺโ ‘‘อทสฺสนเมวา’’ติ อโวจ. ตสฺมา ภควา ปฺจสุ กามคุเณสุ รูเป ฉนฺทราคหาปนตฺถํ อิทเมว สุตฺตํ ปมํ เทเสสิ. นิพฺพานาธิคมาย ปฏิปตฺติยา อาทิ เรสา ปฏิปตฺตีติ. ยํ ปน เอกิสฺสา เทสนาย เทสนนฺตเรน สํสนฺทนํ, อยมฺปิ เทสนาสนฺธิ. สา อิธ เอวํ เวทิตพฺพา. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว…เป… ติฏฺตี’’ติ อยํ เทสนา. ‘‘เย โข, ภิกฺขเว, จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา ¶ , ตฺเจ ภิกฺขุ อภินนฺทติ อภิวทติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ, ตสฺส ตํ อภินนฺทโต อภิวทโต อชฺโฌสาย ติฏฺโต อุปฺปชฺชนฺติ อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๑๑๘) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ตถา ‘‘รูเป มฺติ, รูเปสุ มฺติ, รูปโต มฺติ, รูปํ ‘เม’ติ มฺติ. รูปํ, ภิกฺขเว, อนภิชานํ อปริชานํ อวิราชยํ อปฺปชหํ อภพฺโพ ทุกฺขกฺขยายา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๑๑๒) เอวมาทีหิ เทสนาหิ สํสนฺทตีติ อยํ จตุพฺยูโห หาโร. วิยูหียนฺติ วิภาเคน ปิณฺฑียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วาติ พฺยูโห, นิพฺพจนาทีนํ จตุนฺนํ พฺยูโหติ จตุพฺยูโห, จตุนฺนํ วา พฺยูโห เอตฺถาติ จตุพฺยูโห. นิพฺพจนาธิปฺปายาทีนํ จตุนฺนํ วิภาคลกฺขโณ หิ จตุพฺยูโห หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เนรุตฺตมธิปฺปาโย, พฺยฺชนมถ เทสนานิทานฺจ;
ปุพฺพาปรานุสนฺธี, เอโส หาโร จตุพฺยูโห’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ…เป… อิตฺถิรูป’’นฺติ เอเตน อโยนิโสมนสิกาโร ทีปิโต. ยํ ตตฺถ จิตฺตํ ปริยาทิยติ, เตน โยนิโสมนสิกาโร. ตตฺถ อโยนิโสมนสิกโรโต ตณฺหาวิชฺชา ปริวฑฺฒนฺติ, ตาสุ ตณฺหาคหเณน นว ตณฺหามูลกา ธมฺมา อาวฏฺฏนฺติ, อวิชฺชาคหเณน อวิชฺชามูลกํ สพฺพํ ภวจกฺกํ อาวฏฺฏติ, โยนิโสมนสิการคฺคหเณน จ โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา อาวฏฺฏนฺติ, จตุพฺพิธฺจ สมฺปตฺติจกฺกนฺติ. อยํ อาวฏฺโฏ หาโร. อาวฏฺฏยนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา สภาควิสภาคา จ ธมฺมา, เตสํ วา อาวฏฺฏนนฺติ อาวฏฺโฏ. เทสนาย คหิตธมฺมานํ สภาคาสภาคธมฺมวเสน อาวฏฺฏนลกฺขโณ หิ อาวฏฺโฏ หาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘เอกมฺหิ ปทฏฺาเน, ปริเยสติ เสสกํ ปทฏฺานํ;
อาวฏฺฏติ ปฏิปกฺเข, อาวฏฺโฏ นาม โส หาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
รูปํ ¶ จตุพฺพิธํ กมฺมสมุฏฺานํ, จิตฺตสมุฏฺานํ, อุตุสมุฏฺานํ, อาหารสมุฏฺานํ, ตถา อิฏฺํ อิฏฺมชฺฌตฺตํ อนิฏฺํ อนิฏฺมชฺฌตฺตนฺติ. อิธ ปน อิฏฺํ อธิปฺเปตํ. จิตฺตํ กุสลจิตฺตเมตฺถ เวทิตพฺพํ. ตํ กามาวจรํ, รูปาวจรํ, อรูปาวจรํ, โลกุตฺตรนฺติ จตุพฺพิธํ. เวทนาทิสมฺปยุตฺตธมฺมเภทโต อเนกวิธนฺติ ¶ อยํ วิภตฺติหาโร. วิภชียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา สาธารณาสาธารณานํ สํกิเลสโวทานธมฺมานํ ภูมิโยติ วิภตฺติ. วิภชนํ วา เอเตสํ ภูมิโยติ วิภตฺติ. สํกิเลสธมฺเม โวทานธมฺเม จ สาธารณาสาธารณโต ปทฏฺานโต ภูมิโต วิภชนลกฺขโณ หิ วิภตฺติหาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ธมฺมฺจ ปทฏฺานํ, ภูมิฺจ วิภชฺชเต อยํ หาโร;
สาธารเณ อสาธารเณ จ เนยฺโย วิภตฺตี’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
อิตฺถิรูปํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ อโยนิโส มนสิกโรโต, โยนิโส มนสิกโรโต น ปริยาทิยติ สุสํวุตินฺทฺริยตฺตา สีเลสุ สมาหิตสฺสาติ อยํ ปริวตฺโต หาโร. ปฏิปกฺขวเสน ปริวตฺตียนฺติ อิมินา, เอตฺถ วา สุตฺเต วุตฺตธมฺมา, ปริวตฺตนํ วา เตสนฺติ ปริวตฺโต. นิทฺทิฏฺานํ ธมฺมานํ ปฏิปกฺขโต ปริวตฺตนลกฺขโณ หิ ปริวตฺโต หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กุสลากุสเล ธมฺเม, นิทฺทิฏฺเ ภาวิเต ปหีเน จ;
ปริวตฺตติ ปฏิปกฺเข, หาโร ปริวตฺตโน นามา’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ภิกฺขเว, สมณา ปพฺพชิตาติ ปริยายวจนํ. อฺํ ปรํ กิฺจีติ ปริยายวจนํ. รูปํ วณฺณํ จกฺขุวิฺเยฺยนฺติ ปริยายวจนํ. สมนุปสฺสามิ โอโลเกสฺสามิ ชานามีติ ปริยายวจนํ. เอวํ อิตฺถํ อิมํ ปการนฺติ ปริยายวจนํ. ปุริสสฺส ปุคฺคลสฺสาติ ปริยายวจนํ. จิตฺตํ วิฺาณํ มโนติ ปริยายวจนํ. ปริยาทาย คเหตฺวา เขเปตฺวาติ ปริยายวจนํ. ติฏฺติ ธรติ าตีติ ปริยายวจนํ. ยถา เยน ปกาเรน เยนากาเรนาติ ปริยายวจนํ. อิตฺถี นารี มาตุคาโมติ ปริยายวจนนฺติ อยํ เววจโน หาโร. วิวิธํ วจนํ เอกสฺเสวตฺถสฺส วาจกเมตฺถาติ วิวจนํ, วิวจนเมว เววจนํ. วิวิธํ วุจฺจติ เอเตน อตฺโถติ วา วิวจนํ, วิวจนเมว เววจนํ. เอกสฺมึ อตฺเถ อเนกปริยายสทฺทปฺปโยชนลกฺขโณ หิ เววจโน หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เววจนานิ ¶ พหูนิ ตุ, สุตฺเต วุตฺตานิ เอกธมฺมสฺส;
โย ชานาติ สุตฺตวิทู, เววจโน นาม โส หาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
รูปํ ¶ กาฬสามาทิวเสน อเนกธา ปฺตฺตํ. ปุริโส ขตฺติยาทิวเสน อเนกธา ปฺตฺโต. จิตฺตํ ปริตฺตมหคฺคตาทิวเสน อเนกธา ปฺตฺตํ. ‘‘ปริยาทายา’’ติ เอตฺถ ปริยาทานํ ปริยาทายกานํ ปาปธมฺมานํ วเสน วีติกฺกมปริยุฏฺานาทินา จ อเนกธา ปฺตฺตํ. อยํ ปฺตฺติหาโร. ปกาเรหิ, ปเภทโต วา าปียนฺติ อิมินา, เอตฺถ วา อตฺถาติ ปฺตฺติ. เอเกกสฺส ธมฺมสฺส อเนกาหิ ปฺตฺตีหิ ปฺาเปตพฺพาการวิภาวนลกฺขโณ หิ ปฺตฺติหาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เอกํ ภควา ธมฺมํ, ปฺตฺตีหิ วิวิธาหิ เทเสติ;
โส อากาโร เยฺโย, ปฺตฺตี นาม โส หาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
วิโรธิปจฺจยสมวาเย วิสทิสุปฺปตฺติรุปฺปนวณฺณวิการาปตฺติยา ตํสมงฺคิโน หทยงฺคตภาวปฺปกาสนํ รูปฏฺโติ อนิจฺจตามุเขน โอตรณํ, อนิจฺจสฺส ปน ทุกฺขตฺตา ทุกฺขตามุเขน, ทุกฺขสฺส จ อนตฺตกตฺตา สฺุตามุเขน โอตรณํ. จิตฺตํ มโนวิฺาณธาตุ, ตสฺสา ปริยาทายิกา ตณฺหา ตเทกฏฺา จ ปาปธมฺมา ธมฺมธาตูติ ธาตุมุเขน โอตรณํ. เอวํ ขนฺธายตนาทิมุเขหิปิ โอตรณํ วตฺตพฺพนฺติ อยํ โอตรโณ หาโร. โอตารียนฺติ อนุปฺปเวสียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา สุตฺตาคตา ธมฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีสูติ โอตรโณ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิมุเขน สุตฺตตฺถสฺส โอตรณลกฺขโณ หิ โอตรโณ หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย จ ปฏิจฺจุปฺปาโท, อินฺทฺริยขนฺธา จ ธาตุอายตนา;
เอเตหิ โอตรติ โย, โอตรโณ นาม โส หาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
นาหํ, ภิกฺขเว…เป… สมนุปสฺสามีติ อารมฺโภ. เอวํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตีติ ปทสุทฺธิ, น ปน อารมฺภสุทฺธิ. ยถยิทนฺติอาทิ ปทสุทฺธิ เจว อารมฺภสุทฺธิ จาติ อยํ โสธโน หาโร. โสธียนฺติ สมาธียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา สุตฺเต ปทปทตฺถปฺหารมฺภาติ โสธโน. สุตฺเต ปทปทตฺถปฺหารมฺภานํ โสธนลกฺขโณ หิ โสธโน หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘วิสฺสชฺชิตมฺหิ ¶ ปฺเห, คาถายํ ปุจฺฉิตายมารพฺภ;
สุทฺธาสุทฺธปริกฺขา, หาโร โส โสธโน นามา’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
อฺนฺติ ¶ สามฺโต อธิฏฺานํ กสฺสจิ วิเสสสฺส อนามฏฺตฺตา. เอกรูปมฺปีติ ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ. ยถยิทนฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ อนิยมวจนภาวโต. อิตฺถิรูปนฺติ ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนนฺติ อยํ อธิฏฺาโน หาโร. อธิฏฺียนฺติ อนุปฺปวตฺตียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา สามฺวิเสสภูตา ธมฺมา วินา วิกปฺเปนาติ อธิฏฺาโน. สุตฺตาคตานํ ธมฺมานํ อวิกปฺปนวเสเนว สามฺวิเสสนิทฺธารณลกฺขโณ หิ อธิฏฺาโน หาโร. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘เอกตฺตตาย ธมฺมา, เยปิ จ เวมตฺตตาย นิทฺทิฏฺา;
เตน วิกปฺปยิตพฺพา, เอโส หาโร อธิฏฺาโน’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
รูปสฺส กมฺมาวิชฺชาทโย กมฺมจิตฺตาทโย จ เหตุ. สมนุปสฺสนาย อาวชฺชนาทโย. กุสลสฺส จิตฺตสฺส โยนิโส มนสิการาทโย. ปริยาทายาติ เอตฺถ ปริยาทานสฺส อโยนิโสมนสิการาทโยติ อยํ ปริกฺขาโร หาโร. ปริกโรติ อภิสงฺขโรติ ผลนฺติ ปริกฺขาโร, เหตุ ปจฺจโย จ. ปริกฺขารํ อาจิกฺขตีติ ปริกฺขาโร, หาโร. ปริกฺขารวิสยตฺตา, ปริกฺขารสหจรณโต วา ปริกฺขาโร. สุตฺเต อาคตธมฺมานํ ปริกฺขารสงฺขาตเหตุปจฺจเย นิทฺธาเรตฺวา สํวณฺณนาลกฺขโณ หิ ปริกฺขาโร หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เย ธมฺมา ยํ ธมฺมํ, ชนยนฺติปฺปจฺจยา ปรมฺปรโต;
เหตุมวกฑฺฒยิตฺวา, เอโส หาโร ปริกฺขาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตีติ เอตฺถ ปริยาทายิกา วิเสสโต ตณฺหาวิชฺชา เวทิตพฺพา ตาสํ วเสน ปริยาทานสมฺภวโต. ตาสุ ตณฺหาย รูปมธิฏฺานํ, อวิชฺชาย อรูปํ. วิเสสโต ตณฺหาย สมโถ ปฏิปกฺโข, อวิชฺชาย วิปสฺสนา. สมถสฺส เจโตวิมุตฺติ, ผลวิปสฺสนาย ปฺาวิมุตฺติ. ตถา หิ ตา ราควิราคา อวิชฺชาวิราคาติ วิเสเสตฺวา วุจฺจนฺตีติ อยํ สมาโรปโน หาโร. สมาโรปียนฺติ เอเตน, เอตฺถ วา ปทฏฺานาทิมุเขน ธมฺมาติ สมาโรปโน. สุตฺเต อาคตธมฺมานํ ปทฏฺานเววจนภาวนาปหานสมาโรปนวิจารณลกฺขโณ หิ สมาโรปโน หาโร. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เย ¶ ¶ ธมฺมา ยํ มูลา, เย เจกตฺถา ปกาสิตา มุนินา;
เต สมาโรปยิตพฺพา, เอส สมาโรปโน หาโร’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
เอตฺตาวตา จ –
‘‘เทสนา วิจโย ยุตฺติ, ปทฏฺาโน จ ลกฺขโณ;
จตุพฺยูโห จ อาวฏฺโฏ, วิภตฺติ ปริวตฺตโน.
เววจโน จ ปฺตฺติ, โอตรโณ จ โสธโน;
อธิฏฺาโน ปริกฺขาโร, สมาโรปโน โสฬโส’’ติ. (เนตฺติ. ๑ อุทฺเทสวาร) –
เอวํ วุตฺตา โสฬส หารา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. หรียนฺติ เอเตหิ, เอตฺถ วา สุตฺตเคยฺยาทิวิสยา อฺาณสํสยวิปลฺลาสาติ หารา. หรนฺติ วา สยํ ตานิ, หรณมตฺตเมว วาติ หารา ผลูปจาเรน. อถ วา หรียนฺติ โวหรียนฺติ ธมฺมสํวณฺณกธมฺมปฺปฏิคฺคาหเกหิ ธมฺมสฺส ทานคฺคหณวเสนาติ หารา. อถ วา หารา วิยาติ หารา. ยถา หิ อเนกรตนาวลิสมูโห หารสงฺขาโต อตฺตโน อวยวภูตรตนสมฺผสฺเสหิ สมุปชนิยมานหิลาทสุโข หุตฺวา ตทุปโภคิชนสรีรสนฺตาปํ นิทาฆปริฬาหูปชนิตํ วูปสเมติ, เอวเมว เตปิ นานาวิธปรมตฺถรตนปฺปพนฺธา สํวณฺณนาวิเสสา อตฺตโน อวยวภูตปรมตฺถรตนาธิคเมน สมุปฺปาทิยมานนิพฺพุติสุขา ธมฺมปฺปฏิคฺคาหกชนหทยปริตาปํ กามราคาทิกิเลสเหตุกํ วูปสเมนฺตีติ. อถ วา หารยนฺติ อฺาณาทินีหารํ อปคมํ กโรนฺติ อาจิกฺขนฺตีติ วา หารา. อถ วา โสตุชนจิตฺตสฺส หรณโต รมณโต จ หารา นิรุตฺตินเยน ยถา ‘‘ภเวสุ วนฺตคมโน ภควา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๔; ปารา. อฏฺ. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา).
อิโต ปรํ ปน นนฺทิยาวฏฺฏาทิปฺจวิธนยา เวทิตพฺพา – ตตฺถ ตณฺหาวิชฺชา สมุทยสจฺจํ, ตาสํ อธิฏฺานาทิภูตา รูปธมฺมา ทุกฺขสจฺจํ, เตสํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปฺปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจํ. ตณฺหาคหเณน เจตฺถ มายาสาเยฺยมานาติมานมทปฺปมาทปาปิจฺฉตาปาปมิตฺตตาอหิริกอโนตฺตปฺปาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ. อวิชฺชาคหเณน วิปรีตมนสิการโกธูปนาหมกฺขปฬาสอิสฺสามจฺฉริย- สารมฺภโทวจสฺสตาภวทิฏฺิวิภวทิฏฺิอาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ. วุตฺตวิปริยายโต ¶ กุสลปกฺโข เนตพฺโพ. กถํ? อมายาอสาเยฺยาทิวเสน อวิปรีตมนสิการาทิวเสน จ. ตถา สมถปกฺขิยานํ สทฺธินฺทฺริยาทีนํ ¶ , วิปสฺสนาปกฺขิยานํ อนิจฺจสฺาทีนฺจ วเสน โวทานปกฺโข เนตพฺโพติ อยํ นนฺทิยาวฏฺฏสฺส นยสฺส ภูมิ. โย หิ ตณฺหาอวิชฺชาหิ สํกิเลสปกฺขสฺส สุตฺตตฺถสฺส สมถวิปสฺสนาหิ โวทานปกฺขสฺส จ จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส, อยํ นนฺทิยาวฏฺฏนโย นาม. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ตณฺหฺจ อวิชฺชมฺปิ จ, สมเถน วิปสฺสนาย โย เนติ;
สจฺเจหิ โยชยิตฺวา, อยํ นโย นนฺทิยาวฏฺโฏ’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
นนฺทิยาวฏฺฏสฺส วิย อาวฏฺโฏ เอตสฺสาติ นนฺทิยาวฏฺโฏ. ยถา หิ นนฺทิยาวฏฺโฏ อนฺโต ิเตน ปธานาวยเวน พหิทฺธา อาวฏฺฏติ, เอวมยมฺปิ นโยติ อตฺโถ. อถ วา นนฺทิยา ตณฺหาย ปโมทสฺส วา อาวฏฺโฏ เอตฺถาติ นนฺทิยาวฏฺโฏ.
เหฏฺา วุตฺตนเยน คหิเตสุ ตณฺหาวิชฺชาตปฺปกฺขิยธมฺเมสุ ตณฺหา โลโภ, อวิชฺชา โมโห, อวิชฺชาย สมฺปยุตฺโต โลหิเต สติ ปุพฺโพ วิย ตณฺหาย สติ สิชฺฌมาโน อาฆาโต โทโส อิติ ตีหิ อกุสลมูเลหิ คหิเตหิ, ตปฺปฏิปกฺขโต กุสลจิตฺตคฺคหเณน จ ตีณิ กุสลมูลานิ คหิตานิ เอว โหนฺติ. อิธาปิ โลโภ สพฺพานิ วา สาสวกุสลมูลานิ สมุทยสจฺจํ, ตนฺนิพฺพตฺตา เตสํ อธิฏฺานโคจรภูตา อุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจนฺติอาทินา สจฺจโยชนา เวทิตพฺพา. ผลํ ปเนตฺถ วิโมกฺขตฺตยวเสน นิทฺธาเรตพฺพํ, ตีหิ อกุสลมูเลหิ ติวิธทุจฺจริตสํกิเลสมลวิสมอกุสลสฺาวิตกฺกาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ, ตถา ตีหิ กุสลมูเลหิ ติวิธสุจริตสมกุสลสฺาวิตกฺกสทฺธมฺมสมาธิวิโมกฺขมุขาทิวเสน โวทานปกฺโข เนตพฺโพติ อยํ ติปุกฺขลสฺส นยสฺส ภูมิ. โย หิ อกุสลมูเลหิ สํกิเลสปกฺขสฺส กุสลมูเลหิ โวทานปกฺขสฺส สุตฺตตฺถสฺส จ จตุสจฺจโยชนามุเขน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส, อยํ ติปุกฺขลนโย นาม. ตีหิ อวยเวหิ ¶ โลภาทีหิ สํกิเลสปกฺเข, อโลภาทีหิ จ โวทานปกฺเข ปุกฺขโล โสภโนติ ติปุกฺขโล. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย อกุสเล สมูเลหิ,
เนติ กุสเล จ กุสลมูเลหิ;
ภูตํ ตถํ อวิตถํ,
ติปุกฺขลํ ตํ นยํ อาหู’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
วุตฺตนเยน ¶ คหิเตสุ ตณฺหาวิชฺชาตปฺปกฺขิยธมฺเมสุ วิเสสโต ตณฺหาทิฏฺีนํ วเสน อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ, ทุกฺเข ‘‘สุข’’นฺติ จ วิปลฺลาสา, อวิชฺชาทิฏฺีนํ วเสน อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ, อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ วิปลฺลาสา เวทิตพฺพา. เตสํ ปฏิปกฺขโต กุสลจิตฺตคฺคหเณน สิทฺเธหิ สติวีริยสมาธิปฺินฺทฺริเยหิ จตฺตาริ สติปฏฺานานิ สิทฺธานิเยว โหนฺติ.
ตตฺถ จตูหิ อินฺทฺริเยหิ จตฺตาโร ปุคฺคลา นิทฺทิสิตพฺพา. กถํ? ทุวิโธ หิ ตณฺหาจริโต มุทินฺทฺริโย ติกฺขินฺทฺริโยติ, ตถา ทิฏฺิจริโต. เตสุ ปโม อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ วิปริเยสคฺคาหี สติพเลน ยถาภูตํ กายสภาวํ สลฺลกฺเขนฺโต ภาวนาพเลน ตํ วิปลฺลาสํ สมุคฺฆาเตตฺวา สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. ทุติโย อสุเข ‘‘สุข’’นฺติ วิปริเยสคฺคาหี ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๔; ๖.๕๘) วุตฺเตน วีริยสํวรภูเตน วีริยพเลน ปฏิปกฺขํ วิโนเทนฺโต ภาวนาพเลน ตํ วิปลฺลาสํ วิธเมตฺวา สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. ตติโย อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วิปลฺลาสคฺคาหี สมถพเลน สมาหิตจิตฺโต สงฺขารานํ ขณิกภาวํ สลฺลกฺเขนฺโต ภาวนาพเลน ตํ วิปลฺลาสํ สมุคฺฆาเตตฺวา สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. จตุตฺโถ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณฆนวฺจิตตาย ผสฺสาทิธมฺมปฺุชมตฺเต อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ มิจฺฉาภินิเวสี จตุโกฏิกสฺุตามนสิกาเรน ตํ มิจฺฉาภินิเวสํ วิทฺธํเสนฺโต สามฺผลํ สจฺฉิกโรติ. สุภสฺาทีหิ จตูหิปิ วา วิปลฺลาเสหิ สมุทยสจฺจํ, เตสมธิฏฺานารมฺมณภูตา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจนฺติอาทินา สจฺจโยชนา เวทิตพฺพา. ผลํ ปเนตฺถ จตฺตาริ สามฺผลานิ, จตูหิ เจตฺถ วิปลฺลาเสหิ จตุราสโวฆโยคคนฺถอคติตณฺหุปาทานสลฺลวิฺาณฏฺิติอปริฺาทิวเสน อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ, ตถา จตูหิ สติปฏฺาเนหิ ¶ จตุพฺพิธชฺฌานวิหาราธิฏฺานสุขภาคิยธมฺมอปฺปมฺาสมฺมปฺปธานอิทฺธิปาทาทิวเสน โวทานปกฺโข เนตพฺโพติ อยํ สีหวิกฺกีฬิตสฺส นยสฺส ภูมิ. โย หิ สุภสฺาทีหิ วิปลฺลาเสหิ สกลสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สทฺธินฺทฺริยาทีหิ จ โวทานปกฺขสฺส จตุสจฺจโยชนาวเสน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส, อยํ สีหวิกฺกีฬิโต นาม. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย เนติ วิปลฺลาเสหิ,
กิเลเส อินฺทฺริเยหิ สทฺธมฺเม;
เอตํ นยํ นยวิทู,
สีหวิกฺกีฬิตํ อาหู’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
อสนฺตาสนชวปรกฺกมาทิวิเสสโยเคน ¶ สีโห ภควา, ตสฺส วิกฺกีฬิตํ เทสนา วจีกมฺมภูโต วิหาโรติ กตฺวา วิปลฺลาสตปฺปฏิปกฺขปริทีปนโต สีหสฺส วิกฺกีฬิตํ เอตฺถาติ สีหวิกฺกีฬิโต, นโย. พลวิเสสโยคทีปนโต วา สีหวิกฺกีฬิตสทิสตฺตา นโย สีหวิกฺกีฬิโต. พลวิเสโส เจตฺถ สทฺธาทิพลํ, ทสพลานิ เอว วา.
อิเมสํ ปน ติณฺณํ อตฺถนยานํ สิทฺธิยา โวหารนยทฺวยํ สิทฺธเมว โหติ. ตถา หิ อตฺถนยตฺตยทิสาภาเวน กุสลาทิธมฺมานํ อาโลจนํ ทิสาโลจนํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เวยฺยากรเณสุ หิ เย,
กุสลากุสลา ตหึ ตหึ วุตฺตา;
มนสา โอโลกยเต,
ตํ ขุ ทิสาโลจนํ อาหู’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ตถา อาโลจิตานํ เตสํ ธมฺมานํ อตฺถนยตฺตยโยชเน สมานยนโต องฺกุโส วิย องฺกุโส. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โอโลเกตฺวา ทิสโลจเนน, อุกฺขิปิย ยํ สมาเนติ;
สพฺเพ กุสลากุสเล, อยํ นโย องฺกุโส นามา’’ติ. (เนตฺติ. ๔ นิทฺเทสวาร);
ตสฺมา มนสาว อตฺถนยานํ ทิสาภูตธมฺมานํ โลจนํ ทิสาโลจนํ, เตสํ สมานยนํ องฺกุโสติ ปฺจปิ นยานิ ยุตฺตานิ โหนฺติ.
เอตฺตาวตา ¶ จ –
‘‘ปโม นนฺทิยาวฏฺโฏ, ทุติโย จ ติปุกฺขโล;
สีหวิกฺกีฬิโต นาม, ตติโย นยลฺชโก.
ทิสาโลจนมาหํสุ, จตุตฺถํ นยมุตฺตมํ;
ปฺจโม องฺกุโส นาม, สพฺเพ ปฺจ นยา คตา’’ติ. (เนตฺติ. ๑ อุทฺเทสวาร) –
เอวํ ¶ วุตฺตปฺจนยาปิ เอตฺถ ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. นยติ สํกิเลสํ โวทานฺจ วิภาคโต าเปตีติ นโย, ลฺเชติ ปกาเสติ สุตฺตตฺถนฺติ ลฺชโก, นโย จ โส ลฺชโก จาติ นยลฺชโก. อิทฺจ สุตฺตํ โสฬสวิเธ สุตฺตนฺตปฏฺาเน สํกิเลสภาคิยํ พฺยติเรกมุเขน นิพฺเพธาเสกฺขภาคิยนฺติ ทฏฺพฺพํ. อฏฺวีสติวิเธ ปน สุตฺตนฺตปฏฺาเน โลกิยโลกุตฺตรํ สตฺตธมฺมาธิฏฺานํ าณฺเยฺยํ ทสฺสนภาวนํ สกวจนํ วิสฺสชฺชนียํ กุสลากุสลํ อนฺุาตํ ปฏิกฺขิตฺตฺจาติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ โสฬสวิธสุตฺตนฺตํ ปฏฺานํ นาม ‘‘สํกิเลสภาคิยํ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยํ สุตฺตํ, นิพฺเพธภาคิยํ สุตฺตํ, อเสกฺขภาคิยํ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, สํกิเลสภาคิยฺจ วาสนาภาคิยฺจ นิพฺเพธภาคิยฺจ อเสกฺขภาคิยฺจ สุตฺตํ, เนว สํกิเลสภาคิยํ น วาสนาภาคิยํ น นิพฺเพธภาคิยํ น อเสกฺขภาคิยํ สุตฺต’’นฺติ (เนตฺติ. ๘๙) เอวํ วุตฺตโสฬสสาสนปฏฺานานิ.
ตตฺถ สํกิลิสฺสนฺติ เอเตนาติ สํกิเลโส, สํกิเลสภาเค สํกิเลสโกฏฺาเส ปวตฺตํ สํกิเลสภาคิยํ. วาสนา ปฺุภาวนา, วาสนาภาเค ปวตฺตํ วาสนาภาคิยํ, วาสนํ ภชาเปตีติ วา วาสนาภาคิยํ. นิพฺพิชฺฌนํ โลภกฺขนฺธาทีนํ ปทาลนํ นิพฺเพโธ, นิพฺเพธภาเค ¶ ปวตฺตํ, นิพฺเพธํ ภชาเปตีติ วา นิพฺเพธภาคิยํ. ปรินิฏฺิตสิกฺขา ธมฺมา อเสกฺขา, อเสกฺขภาเค ปวตฺตํ, อเสกฺเข ภชาเปตีติ วา อเสกฺขภาคิยํ. เตสุ ยตฺถ ตณฺหาทิสํกิเลโส วิภตฺโต, อิทํ สํกิเลสภาคิยํ. ยตฺถ ทานาทิปฺุกิริยวตฺถุ วิภตฺตํ, อิทํ วาสนาภาคิยํ. ยตฺถ เสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย วิภตฺตา, อิทํ นิพฺเพธภาคิยํ. ยตฺถ ปน อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย วิภตฺตา, อิทํ อเสกฺขภาคิยํ. อิตรานิ เตสํ โวมิสฺสกนยวเสน วุตฺตานิ. สพฺพาสวสํวรปริยายาทีนํ วเสน สพฺพภาคิยํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ หิ สํกิเลสธมฺมา โลกิยสุจริตธมฺมา เสกฺขา ธมฺมา อเสกฺขา ธมฺมา จ วิภตฺตา. สพฺพภาคิยํ ปน ‘‘ปสฺสํ น ปสฺสตี’’ติอาทิกํ อุทกาทิอนุวาทวจนํ เวทิตพฺพํ.
อฏฺวีสติวิธํ ¶ สุตฺตนฺตปฏฺานํ ปน ‘‘โลกิยํ, โลกุตฺตรํ, โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ, สตฺตาธิฏฺานํ, ธมฺมาธิฏฺานํ, สตฺตาธิฏฺานฺจ ธมฺมาธิฏฺานฺจ, าณํ, เยฺยํ, าณฺจ เยฺยฺจ, ทสฺสนํ, ภาวนา, ทสฺสนฺจ ภาวนา จ, สกวจนํ, ปรวจนํ, สกวจนฺจ ปรวจนฺจ, วิสฺสชฺชนียํ, อวิสฺสชฺชนียํ, วิสฺสชฺชนียฺจ อวิสฺสชฺชนียฺจ, กมฺมํ, วิปาโก, กมฺมฺจ วิปาโก จ กุสลํ, อกุสลํ, กุสลฺจ อกุสลฺจ อนฺุาตํ, ปฏิกฺขิตฺตํ, อนฺุาตฺจ ปฏิกฺขิตฺตฺจ, ถโว’’ติ (เนตฺติ. ๑๑๒) เอวมาคตานิ อฏฺวีสติ สาสนปฏฺานานิ. ตตฺถ โลกิยนฺติ โลเก นิยุตฺโต, โลเก วา วิทิโต โลกิโย. อิธ ปน โลกิโย อตฺโถ ยสฺมึ สุตฺเต วุตฺโต, ตํ สุตฺตํ โลกิยํ. ตถา โลกุตฺตรํ. ยสฺมึ ปน สุตฺเต ปเทเสน โลกิยํ, ปเทเสน โลกุตฺตรํ วุตฺตํ, ตํ โลกิยฺจ โลกุตฺตรฺจ. สตฺตอธิปฺปายสตฺตปฺตฺติมุเขน เทสิตํ สตฺตาธิฏฺานํ. ธมฺมวเสน เทสิตํ ธมฺมาธิฏฺานํ. อุภยวเสน เทสิตํ สตฺตาธิฏฺานฺจ ธมฺมาธิฏฺานฺจ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พุทฺธาทีนํ ปน คุณาภิตฺถวนวเสน ปวตฺตํ สุตฺตํ ถโว นาม –
‘‘มคฺคานฏฺงฺคิโก เสฏฺโ, สจฺจานํ จตุโร ปทา;
วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานํ, ทฺวิปทานฺจ จกฺขุมา’’ติ. (ธ. ป. ๒๗๓; เนตฺติ. ๑๗๐; เปฏโก. ๓๐) อาทิกํ วิย –
เนตฺตินยวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สทฺทครุกาทีนนฺติ ¶ อาทิสทฺเทน คนฺธรสโผฏฺพฺพครุเก สงฺคณฺหาติ. อาสยวเสนาติ อชฺฌาสยวเสน. อุตุสมุฏฺาโนปิ อิตฺถิสนฺตานคโต สทฺโท ลพฺภติ, โส อิธ นาธิปฺเปโตติ ‘‘จิตฺตสมุฏฺาโน’’ติ วุตฺตํ. กถิตสทฺโท อาลาปาทิสทฺโท. คีตสทฺโท สเรน คายนสทฺโท. อิตฺถิยา หสนสทฺโทเปตฺถ สงฺคเหตพฺโพ ตสฺสปิ ปุริเสน อสฺสาเทตพฺพโต. เตนาห – ‘‘อปิจ โข มาตุคามสฺส สทฺทํ สุณาติ ติโรกุฏฺฏา วา ติโรปาการา วา หสนฺติยา วา ภณนฺติยา วา คายนฺติยา วา, โส ตทสฺสาเทตี’’ติอาทิ. นิวตฺถนิวาสนสฺสาติ ขลิตฺถทฺธสฺส นิวาสนสฺส. อลงฺการสฺสาติ นูปุราทิกสฺส อลงฺการสฺส. อิตฺถิสทฺโทตฺเวว เวทิตพฺโพติ อิตฺถิปฏิพทฺธภาวโต วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘สพฺโพปี’’ติอาทิ. อวิทูรฏฺาเนติ ตสฺส หตฺถิกุลสฺส วสนฏฺานโต อวิทูรฏฺาเน. กายูปปนฺโนติ สมฺปนฺนกาโย ถิรกถินมหากาโย. มหาหตฺถีติ มหานุภาโว หตฺถี. เชฏฺกํ กตฺวาติ ยูถปตึ กตฺวา.
กถินติกฺขภาเวน ¶ สิงฺคสทิสตฺตา อฬสงฺขาตานิ สิงฺคานิ เอตสฺส อตฺถีติ สิงฺคี, สุวณฺณวณฺณตาย มหาพลตาย จ สีหหตฺถิอาทิมิคสทิสตฺตา มิโค วิยาติ มิโค. ตตฺถ ตตฺถ กิจฺจํ เนตุภาเวน จกฺขุเยว เนตฺตํ, ตํ อุคฺคตฏฺเน อายตํ เอตสฺสาติ อายตจกฺขุเนตฺโต. อฏฺิ เอว ตโจ เอตสฺสาติ อฏฺิตฺตโจ. เตนาภิภูโตติ เตน มิเคน อภิภูโต อชฺโฌตฺถโฏ นิจฺจลคฺคหิโต หุตฺวา. กรุณํ รุทามีติ การฺุปตฺโต หุตฺวา โรทามิ วิรวามิ. ปจฺจตฺถิกภยโต มุตฺติ นาม ยถา ตถา สหายวโต โหติ, น เอกากิโนติ อาห – ‘‘มา เหว มํ ปาณสมํ ชเหยฺยา’’ติ. ตตฺถ มา เหว มนฺติ มํ เอวรูปํ พฺยสนํ ปตฺตํ อตฺตโน ปาณสมํ ปิยสามิกํ ตฺวํ มาเหว ชหิ.
กฺุเจ คิริกูเฏ รมติ อภิรมติ, ตตฺถ วา วิจรติ, โกฺชนาทํ นทนฺโต วา วิจรติ, กุ วา ปถวี, ตทภิฆาเตน ชีรตีติ กฺุชโร. สฏฺิหายนนฺติ ชาติยา สฏฺิวสฺสกาลสฺมึ กฺุชรา ถาเมน ปริหายนฺติ, ตํ สนฺธาย เอวมาห. ปถพฺยา จาตุรนฺตายาติ จตูสุ ทิสาสุ สมุทฺทํ ปตฺวา ิตาย จาตุรนฺตาย ปถวิยา. สุปฺปิโยติ สุฏฺุ ปิโย. เตสํ ตฺวํ วาริโช เสฏฺโติ เย สมุทฺเท วา คงฺคาย วา ยมุนาย วา นมฺมทานทิยา วา กุฬีรา, เตสํ สพฺเพสํ วณฺณสมฺปตฺติยา มหนฺตตฺเตน จ วาริมฺหิ ¶ ชาตตฺตา วาริโช ตฺวเมว เสฏฺโ ปสตฺถตโร. มฺุจ โรทนฺติยา ปตินฺติ สพฺเพสํ เสฏฺตฺตา ตเมว ยาจามิ, โรทมานาย มยฺหํ สามิกํ มฺุจ. อถาติ คหณสฺส สิถิลกรณสมนนฺตรเมว. เอตสฺสาติ ปฏิสตฺตุมทฺทนสฺส.
ปพฺพตคหนํ นิสฺสายาติ ติสฺโส ปพฺพตราชิโย อติกฺกมิตฺวา จตุตฺถาย ปพฺพตราชิยํ ปพฺพตคหนํ อุปนิสฺสาย. เอวํ วทตีติ ‘‘อุเทตยํ จกฺขุมา’’ติอาทินา (ชา. ๑.๒.๑๗) อิมํ พุทฺธมนฺตํ มนฺเตนฺโต วทติ.
ตตฺถ อุเทตีติ ปาจีนโลกธาตุโต อุคฺคจฺฉติ. จกฺขุมาติ สกลจกฺกวาฬวาสีนํ อนฺธการํ วิธมิตฺวา จกฺขุปฺปฏิลาภกรเณน ยนฺเตน เตสํ ทินฺนํ จกฺขุ, เตน จกฺขุนา จกฺขุมา. เอกราชาติ สกลจกฺกวาเฬ อาโลกกรานํ อนฺตเร เสฏฺฏฺเน รฺชนฏฺเน จ เอกราชา. หริสฺสวณฺโณติ หริสมานวณฺโณ, สุวณฺณวณฺโณติ อตฺโถ. ปถวึ ปภาเสตีติ ปถวิปฺปภาโส. ตํ ตํ นมสฺสามีติ ตสฺมา ตํ เอวรูปํ ภวนฺตํ นมสฺสามิ วนฺทามิ. ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมฺห ทิวสนฺติ ตยา อชฺช รกฺขิตา หุตฺวา อิมํ ทิวสํ จตุอิริยาปถวิหาเรน สุขํ วิหเรยฺยาม.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย สูริยํ นมสฺสิตฺวา ทุติยคาถาย อตีเต ปรินิพฺพุเต พุทฺเธ เจว พุทฺธคุเณ จ นมสฺสติ ‘‘เย พฺราหฺมณา’’ติอาทินา. ตตฺถ เย พฺราหฺมณาติ เย พาหิตปาปา ปริสุทฺธา พฺราหฺมณา. เวทคูติ เวทานํ ปารํ คตา, เวเทหิ ปารํ คตาติ วา เวทคู. อิธ ปน สพฺเพ สงฺขตธมฺเม วิทิเต ปากเฏ กตฺวา กตาติ เวทคู. เตเนวาห – ‘‘สพฺพธมฺเม’’ติ. สพฺเพ ขนฺธายตนธาตุธมฺเม สลกฺขณสามฺลกฺขณวเสน อตฺตโน าณสฺส วิทิเต ปากเฏ กตฺวา ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺตา, สํสารํ วา อติกฺกนฺตาติ อตฺโถ. เต เม นโมติ เต มม อิมํ นมกฺการํ ปฏิจฺฉนฺตุ. เต จ มํ ปาลยนฺตูติ เอวํ มยา นมสฺสิตา จ เต ภควนฺโต มํ ปาลยนฺตุ รกฺขนฺตุ. นมตฺตุ พุทฺธานํ…เป… วิมุตฺติยาติ อยํ มม นมกฺกาโร อตีตานํ ปรินิพฺพุตานํ พุทฺธานํ อตฺถุ, เตสํเยว จตูสุ ผเลสุ าณสงฺขาตาย โพธิยา อตฺถุ, ตถา เตสฺเว อรหตฺตผลวิมุตฺติยา ¶ วิมุตฺตานํ อตฺถุ, ยา จ เนสํ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณสงฺขาตา ปฺจวิธา วิมุตฺติ, ตาย วิมุตฺติยาปิ อยํ มยฺหํ นมกฺกาโร อตฺถูติ อตฺโถ. อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา, โมโร จรติ เอสนาติ อิทํ ปน ปททฺวยํ สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อาห. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, โส โมโร อิมํ ปริตฺตํ อิมํ รกฺขํ กตฺวา อตฺตโน โคจรภูมิยํ ปุปฺผผลาทีนํ อตฺถาย นานปฺปการาย เอสนาย จรตีติ.
เอวํ ทิวสํ จริตฺวา สายํ ปพฺพตมตฺถเก นิสีทิตฺวา อตฺถํ คจฺฉนฺตํ สูริยํ โอโลเกนฺโต พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา นิวาสฏฺาเน รกฺขาวรณตฺถาย ปุน พฺรหฺมมนฺตํ วทนฺโต ‘‘อเปตย’’นฺติอาทิมาห. เตเนวาห – ‘‘ทิวสํ โคจรํ คเหตฺวา’’ติอาทิ. ตตฺถ อเปตีติ อปยาติ อตฺถํ คจฺฉติ. อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา โมโร วาสมกปฺปยีติ อิทมฺปิ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อาห. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, โส โมโร อิมํ ปริตฺตํ อิมํ รกฺขํ กตฺวา อตฺตโน นิวาสฏฺาเน วาสํ สํกปฺปยิตฺถาติ. ปริตฺตกมฺมโต ปุเรตรเมวาติ ปริตฺตกมฺมกรณโต ปุเรตรเมว. โมรกุกฺกุฏิกายาติ กุกฺกุฏิกาสทิสาย โมรจฺฉาปิกาย.
๓. ตติเย รูปายตนสฺส วิย คนฺธายตนสฺสปิ สมุฏฺาปกปจฺจยวเสน วิเสโส นตฺถีติ อาห – ‘‘จตุสมุฏฺานิก’’นฺติ. อิตฺถิยา สรีรคนฺธสฺส กายารุฬฺหอนุเลปนาทิคนฺธสฺส จ ตปฺปฏิพทฺธภาวโต อวิเสเสน คหณปฺปสงฺเค อิธาธิปฺเปตคนฺธํ นิทฺธาเรนฺโต ‘‘สฺวาย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อิตฺถิยาติ ปากติกาย อิตฺถิยา. ทุคฺคนฺโธติ ปากติกาย อิตฺถิยา สรีรคนฺธภาวโต ทุคฺคนฺโธ โหติ. อิธาธิปฺเปโตติ อิฏฺภาวโต อสฺสาเทตพฺพตฺตา วุตฺตํ. กถํ ปน อิตฺถิยา สรีรคนฺธสฺส ทุคฺคนฺธภาโวติ อาห – ‘‘เอกจฺจา หี’’ติอาทิ. ตตฺถ อสฺสสฺส วิย คนฺโธ ¶ อสฺสา อตฺถีติ อสฺสคนฺธินี. เมณฺฑกสฺส วิย คนฺโธ อสฺสา อตฺถีติ เมณฺฑกคนฺธินี. เสทสฺส วิย คนฺโธ อสฺสา อตฺถีติ เสทคนฺธินี. โสณิตสฺส วิย คนฺโธ อสฺสา อตฺถีติ โสณิตคนฺธินี. รชฺชเตวาติ อนาทิมติ สํสาเร อวิชฺชาทิกิเลสวาสนาย ปริกฑฺฒิตหทยตฺตา โผฏฺพฺพสฺสาทคธิตจิตฺตตาย จ อนฺธพาโล เอวรูปายปิ ทุคฺคนฺธสรีราย อิตฺถิยา รชฺชติเยว. ปากติกาย อิตฺถิยา สรีรคนฺธสฺส ทุคฺคนฺธภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิสิฏฺาย เอกจฺจาย อิตฺถิยา ตทภาวํ ทสฺเสตุํ – ‘‘จกฺกวตฺติโน ¶ ปนา’’ติอาทิมาห. ยทิ เอวํ อีทิสาย อิตฺถิยา สรีรคนฺโธปิ อิธ กสฺมา นาธิปฺเปโตติ อาห – ‘‘อยํ น สพฺพาสํ โหตี’’ติอาทิ. ติรจฺฉานคตาย อิตฺถิยา เอกจฺจาย จ มนุสฺสิตฺถิยา สรีรคนฺธสฺส อติวิย อสฺสาเทตพฺพภาวทสฺสนโต ปุน ตมฺปิ อวิเสเสน อนุชานนฺโต ‘‘อิตฺถิกาเย คนฺโธ วา โหตู’’ติอาทิมาห. อิตฺถิคนฺโธตฺเวว เวทิตพฺโพติ ตปฺปฏิพทฺธภาวโต วุตฺตํ.
๔. จตุตฺถาทีสุ กึ เตนาติ ชิวฺหาวิฺเยฺยรเส อิธาธิปฺเปเต กึ เตน อวยวรสาทินา วุตฺเตน ปโยชนํ. โอฏฺมํสํ สมฺมกฺเขตีติ โอฏฺมํสสมฺมกฺขโน, เขฬาทีนิ. อาทิสทฺเทน โอฏฺมํสมกฺขโน ตมฺพุลมุขวาสาทิรโส คยฺหติ. สพฺโพ โส อิตฺถิรโสติ อิตฺถิยาวสฺส คเหตพฺพตฺตา.
๕. อิตฺถิโผฏฺพฺโพติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ยทิ ปเนตฺถ อิตฺถิคตานิ รูปารมฺมณาทีนิ อวิเสสโต ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, อถ กสฺมา ภควตา ตานิ วิสุํ วิสุํ คเหตฺวา เทสิตานีติ อาห – ‘‘อิติ สตฺถา’’ติอาทิ. ยถา หีติอาทินา ตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. คเมตีติ วิกฺเขปํ คเมติ, อยเมว วา ปาโ. คเมตีติ จ สงฺคเมติ. น ตถา เสสา สทฺทาทโย, น ตถา รูปาทีนิ อารมฺมณานีติ เอเตน สตฺเตสุ รูปาทิครุกตา อสํกิณฺณา วิย ทสฺสิตา, น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ อเนกวิธตฺตา สตฺตานํ อชฺฌาสยสฺสาติ ทสฺเสตุํ – ‘‘เอกจฺจสฺส จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฺจครุกวเสนาติ ปฺจารมฺมณครุกวเสน. เอกจฺจสฺส หิ ปุริสสฺส ยถาวุตฺเตสุ ปฺจสุปิ อารมฺมเณสุ ครุกตา โหติ, เอกจฺจสฺส ตตฺถ กติปเยสุ, เอกสฺมึ เอว วา, เต สพฺเพปิ ปฺจครุกาตฺเวว เวทิตพฺพา ยถา ‘‘สตฺติสโย อฏฺวิโมกฺขา’’ติ. น ปฺจครุกชาตกวเสน เอเกการมฺมเณ ครุกสฺเสว นาธิปฺเปตตฺตา. เอเกการมฺมณครุกานฺหิ ปฺจนฺนํ ปุคฺคลานํ ตตฺถ อาคตตฺตา ตํ ชาตกํ ‘‘ปฺจครุกชาตก’’นฺติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ เตน อิธ ปโยชนํ นตฺถีติ อาห – ‘‘สกฺขิภาวตฺถายา’’ติ. อาหริตฺวา กเถตพฺพนฺติ รูปาทิครุกตาย เอเต อนยพฺยสนํ ปตฺตาติ ทสฺเสตุํ กเถตพฺพํ.
๖-๘. เตสนฺติ ¶ ¶ สุตฺตานํ. อุปฺปณฺเฑตฺวา คณฺหิตุํ น อิจฺฉีติ ตสฺส โถกํ วิรูปธาตุกตฺตา น อิจฺฉิ. อนติกฺกมนฺโตติ สํสนฺเทนฺโต. ทฺเว หตฺถํ ปตฺตานีติ ทฺเว อุปฺปลานิ หตฺถํ คตานิ. ปหฏฺาการํ ทสฺเสตฺวาติ อปราหิ อิตฺถีหิ เอเกกํ ลทฺธํ, มยา ทฺเว ลทฺธานีติ สนฺตุฏฺาการํ ทสฺเสตฺวา. ปโรทีติ ตสฺสา ปุพฺพสามิกสฺส มุขคนฺธํ สริตฺวา. ตสฺส หิ มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ. หาเรตฺวาติ ตสฺมา านา อปเนตฺวา, ‘‘หราเปตฺวา’’ติ วา ปาโ, อยเมวตฺโถ.
สาธุ สาธูติ ภาสโตติ ธมฺมกถาย อนุโมทนวเสน ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ภาสโต. อุปฺปลํว ยโถทเกติ ยถา อุปฺปลํ อุปฺปลคนฺโธ มุขโต นิพฺพตฺโตติ. วฏฺฏเมว กถิตนฺติ ยถารุตวเสน วุตฺตํ. ยทิปิ เอวํ วุตฺตํ, ตถาปิ ยถารุตมตฺเถ อวตฺวา วิวฏฺฏํ นีหริตฺวา กเถตพฺพํ วิมุตฺติรสตฺตา ภควโต เทสนาย.
รูปาทิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย
ปมวคฺควณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา นิฏฺิตา.
๒. นีวรณปฺปหานวคฺควณฺณนา
๑๑. ทุติยสฺสาติ ¶ ทุติยวคฺคสฺส. เอกธมฺมมฺปีติ เอตฺถ ‘‘เอกสภาวมฺปี’’ติ อิมินา สภาวตฺโถยํ ธมฺมสทฺโท ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิยาติ ทสฺสิตํ โหติ. ยทคฺเคน จ สภาวตฺโถ, ตทคฺเคน นิสฺสตฺตตฺโถ สิทฺโธ เอวาติ ‘‘นิสฺสตฺตฏฺเน ธมฺโม เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. สุภนิมิตฺตนฺติ ธมฺมปริยาเยน วุตฺตํ. ตฺหิ อตฺถโต กามจฺฉนฺโท วา สิยา. โส หิ อตฺตโน คหณากาเรน สุภนฺติ, เตนากาเรน ปวตฺตนกสฺส อฺสฺส กามจฺฉนฺทสฺส นิมิตฺตตฺตา ‘‘สุภนิมิตฺต’’นฺติ จ วุจฺจติ. ตสฺส อารมฺมณํ วา สุภนิมิตฺตํ. อิฏฺฺหิ อิฏฺากาเรน วา คยฺหมานํ รูปาทิอารมฺมณํ ‘‘สุภนิมิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. อารมฺมณเมว เจตฺถ นิมิตฺตํ. ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘สุภนิมิตฺตนฺติ ราคฏฺานิยํ อารมฺมณ’’นฺติ. สมุจฺจยตฺโถ วา-สทฺโท อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ. ภิยฺโยภาวายาติ ปุนปฺปุนํ ภาวาย. เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวาย, วฑฺฒิยาติ อตฺโถ. อชาโต นิชฺชาโต. เสสปทานิ ตสฺเสว ¶ เววจนานิ. กาเมสูติ ปฺจสุ กามคุเณสุ. กามจฺฉนฺโทติ กามสงฺขาโต ฉนฺโท, น กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท น ธมฺมจฺฉนฺโท. กามนวเสน รชฺชนวเสน จ กาโม เอว ราโค กามราโค. กามนวเสน นนฺทนวเสน จ กาโม เอว นนฺทีติ กามนนฺที. กามนวเสน ตณฺหายนวเสน จ กามตณฺหา. อาทิสทฺเทน ‘‘กามสฺเนโห กามปริฬาโห กามมุจฺฉา กามชฺโฌสาน’’นฺติ เอเตสํ ปทานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ วุตฺตนเยเนว กามตฺถํ วิทิตฺวา สิเนหนฏฺเน กามสฺเนโห, ปริฬาหนฏฺเน กามปริฬาโห, มุจฺฉนฏฺเน กามมุจฺฉา, คิลิตฺวา ปรินิฏฺาปนฏฺเน กามชฺโฌสานํ เวทิตพฺพํ. กามจฺฉนฺโท เอว กุสลปฺปวตฺติโต จิตฺตสฺส นีวรณฏฺเน กามจฺฉนฺทนีวรณํ, โสติ กามจฺฉนฺโท. อสมุทาจารวเสนาติ อสมุทาจารภาเวน. อนนุภูตารมฺมณวเสนาติ ‘‘อิทํ นาเมต’’นฺติ วตฺถุวเสน อุตฺวา ตสฺมึ อตฺตภาเว อนนุภูตสฺส อารมฺมณสฺส วเสน. รูปสทฺทาทิเภทํ ปน อารมฺมณํ เอกสฺมิมฺปิ อตฺตภาเว อนนุภูตํ นาม นตฺเถว, กิมงฺคํ ปน อนาทิมติ สํสาเร.
ยํ วุตฺตํ – ‘‘อสมุทาจารวเสน จา’’ติอาทิ, ตํ อติสํขิตฺตนฺติ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ – ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภวคฺคหเณน มหคฺคตภโว คหิโต. โส หิ โอฬาริกกิเลสสมุทาจารรหิโต. ตชฺชนียกมฺมกตาทิกาเล ปาริวาสิกกาเล จ จริตพฺพานิ ทฺเวอสีติ ขุทฺทกวตฺตานิ นาม. น หิ ตานิ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ จริตพฺพานิ, ตสฺมา ตานิ น มหาวตฺเตสุ อนฺโตคธานีติ ‘‘จุทฺทส มหาวตฺตานี’’ติ วุตฺตํ. ตถา อาคนฺตุกวตฺตอาวาสิกคมิก-อนุโมทนภตฺตคฺค- ปิณฺฑจาริกอารฺกเสนาสนชนฺตาฆรวจฺจกุฏิอุปชฺฌาย- สทฺธิวิหาริกอาจริย-อนฺเตวาสิกวตฺตานีติ ¶ เอตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ นามาติ วุตฺตํ. อิตรานิ ปน ‘‘ปาริวาสิกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตํ ปฺาเปสฺสามี’’ติ (จูฬว. ๗๕) อารภิตฺวา ‘‘น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น ฉมายํ จงฺกมนฺเต จงฺกเม จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๘๑) วุตฺตานิ ปกตตฺเต จริตพฺพวตฺตานิ ฉสฏฺิ, ตโต ปรํ ‘‘น, ภิกฺขเว, ปาริวาสิเกน ภิกฺขุนา ปาริวาสิกวุฑฺฒตเรน ภิกฺขุนา สทฺธึ, มูลายปฏิกสฺสนารเหน, มานตฺตารเหน, มานตฺตจาริเกน, อพฺภานารเหน ภิกฺขุนา สทฺทึ เอกจฺฉนฺเน อาวาเส วตฺถพฺพ’’นฺติอาทีนิ ปกตตฺเต จริตพฺเพหิ อนฺตฺตา วิสุํ วิสุํ อคเณตฺวา ปาริวาสิกวุฑฺฒตราทีสุ ปุคฺคลนฺตเรสุ จริตพฺพตฺตา ¶ เตสํ วเสน สมฺปิณฺเฑตฺวา เอเกกํ กตฺวา คณิตานิ ปฺจาติ เอกสตฺตติวตฺตานิ. อุกฺเขปนียกมฺมกตวตฺเตสุ วตฺตปฺาปนวเสน วุตฺตํ – ‘‘น ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ…เป… ปิฏฺิปริกมฺมํ สาทิตพฺพ’’นฺติ อิทํ อภิวาทนาทีนํ อสฺสาทิยนํ เอกํ, ‘‘น ปกตตฺโต ภิกฺขุ สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสตพฺโพ’’ติอาทีนิ (จูฬว. ๕๑) จ ทสาติ เอวํ ทฺวาสีติ โหนฺติ. เอเตสฺเวว ปน กานิจิ ตชฺชนียกมฺมกตาทิวตฺตานิ กานิจิ ปาริวาสิกาทิวตฺตานีติ อคฺคหิตคฺคหเณน ทฺวาวีสติวตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘จุทฺทส มหาวตฺตานี’’ติ วตฺวาปิ ‘‘อาคนฺตุกคมิกวตฺตานิ จา’’ติ อิเมสํ วิสุํ คหณํ อิมานิ อภิณฺหํ สมฺภวนฺตีติ กตฺวา. กิเลโส โอกาสํ น ลภติ สพฺพทา วตฺตปฺปฏิปตฺติยํเยว พฺยาวฏจิตฺตตาย. อโยนิโสมนสิการนฺติ อนิจฺจาทีสุ ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา ปวตฺตํ อนุปายมนสิการํ. สติโวสฺสคฺคนฺติ สติยา วิสฺสชฺชนํ, สติวิรหนฺติ อตฺโถ. เอวมฺปีติ วกฺขมานาเปกฺขาย อวุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ ปิ-สทฺโท.
อนุสนฺธิวเสนาติ ปุจฺฉานุสนฺธิอาทิอนุสนฺธิวเสน. ปุพฺพาปรวเสนาติ ปุพฺพาปรคนฺถสลฺลกฺขณวเสน. คณฺหนฺตสฺสาติ อาจริยมุขโต คณฺหนฺตสฺส. สชฺฌายนฺตสฺสาติ อาจริยมุขโต อุคฺคหิตคนฺถํ สชฺฌายนฺตสฺส. วาเจนฺตสฺสาติ ปาฬึ ตทตฺถฺจ อุคฺคณฺหาปนวเสน ปเรสํ วาเจนฺตสฺส. เทเสนฺตสฺสาติ เทสนาวเสน ปเรสํ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส. ปกาเสนฺตสฺสาติ อตฺตโน อตฺตโน สํสยฏฺาเน ปุจฺฉนฺตานํ ยาถาวโต อตฺถํ ปกาเสนฺตสฺส. กิเลโส โอกาสํ น ลภติ รตฺตินฺทิวํ คนฺถกมฺเมสุเยว พฺยาวฏจิตฺตตาย. เอวมฺปีติ วุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ ปิ-สทฺโท. เอวํ เสเสสุปิ.
ธุตงฺคธโร โหตีติ วุตฺตเมวตฺถํ ปกาเสติ ‘‘เตรส ธุตงฺคคุเณ สมาทาย วตฺตตี’’ติ. พาหุลฺลายาติ จีวราทิปจฺจยพาหุลฺลาย. ยถา จีวราทโย ปจฺจยา พหุลํ อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา อาวตฺตสฺส ¶ ปวตฺตสฺสาติ อตฺโถ. ปริหีนชฺฌานสฺสาติ ฌานนฺตรายกเรน วิสภาครูปทสฺสนาทินา เกนจิ นิมิตฺเตน ปริหีนชฺฌานสฺส. วิสฺสฏฺชฺฌานสฺสาติ อสมาปชฺชนวเสน ปริจฺจตฺตชฺฌานสฺส. ภสฺสาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน คณสงฺคณิกนิทฺทานวกมฺมาทึ สงฺคณฺหาติ. สตฺตสุ วา อนุปสฺสนาสูติ เอตฺถ สตฺต อนุปสฺสนา นาม อนิจฺจานุปสฺสนา ทุกฺขานุปสฺสนา อนตฺตานุปสฺสนา นิพฺพิทานุปสฺสนา วิราคานุปสฺสนา ¶ นิโรธานุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา ขยานุปสฺสนา วยานุปสฺสนา วิปริณามานุปสฺสนา อนิมิตฺตานุปสฺสนา อปฺปณิหิตานุปสฺสนา สฺุตานุปสฺสนา อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา ยถาภูตาณทสฺสนํ อาทีนวานุปสฺสนา ปฏิสงฺขานุปสฺสนา วิวฏฺฏานุปสฺสนาติ อิมาสุ อฏฺารสสุ มหาวิปสฺสนาสุ อาทิโต วุตฺตา อนิจฺจานุปสฺสนาทิ-ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาปริยนฺตา สตฺต. เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาโต (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๗๔๑) คเหตพฺพํ.
อนาเสวนตายาติ ปุริมตฺตภาเว ฌาเนน วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส กามจฺฉนฺทาทิอาเสวนาย อภาวโต. อนนุภูตปุพฺพนฺติ ตสฺมึ อตฺตภาเว อนนุภูตปุพฺพํ. ชาโตติ เอตสฺเสว เววจนํ สฺชาโตติอาทิ. นนุ จ ขณิกตฺตา สพฺพธมฺมานํ อุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส ตงฺขณํเยว อวสฺสํ นิโรธสมฺภวโต นิรุทฺเธ จ ตสฺมึ ปุน อฺสฺเสว อุปฺปชฺชนโต จ กถํ ตสฺส ปุนปฺปุนภาโว ราสิภาโว จาติ อาห – ‘‘ตตฺถ สกึ อุปฺปนฺโน กามจฺฉนฺโท’’ติอาทิ. อฏฺานเมตนฺติ อการณเมตํ. เยน การเณน อุปฺปนฺโน กามจฺฉนฺโท น นิรุชฺฌติ, นิรุทฺโธ จ สฺเวว ปุน อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตาทิสํ การณํ นตฺถีติ อตฺโถ.
ราคฏฺานิยนฺติ ราคชนกํ. อนิจฺจาทีสุ นิจฺจาทิวเสน วิปรีตมนสิกาโร, อิธ อโยนิโสมนสิกาโรติ อาห – ‘‘อนิจฺเจ นิจฺจ’’นฺติอาทิ. อโยนิโสมนสิกาโรติ อนุปายมนสิกาโร, กุสลธมฺมปฺปวตฺติยา อการณภูโต มนสิกาโรติ อตฺโถ. อุปฺปถมนสิกาโรติ กุสลธมฺมปฺปวตฺติยา อมคฺคภูโต มนสิกาโร. สจฺจวิปฺปฏิกูเลนาติ สจฺจาภิสมยสฺส อนุนุโลมวเสน. อาวชฺชนาติอาทินา อาวชฺชนาย ปจฺจยภูตา ตโต ปุริมุปฺปนฺนา มโนทฺวาริกา อกุสลชวนปฺปวตฺติ ผลโวหาเรน ตถา วุตฺตา. ตสฺส หิ วเสน สา อกุสลปฺปวตฺติยา อุปนิสฺสโย โหติ. อาวชฺชนาติ ภวงฺคจิตฺตํ อาวชฺชยตีติ อาวชฺชนา. อนุ อนุ อาวชฺเชตีติ อนฺวาวชฺชนา. ภวงฺคารมฺมณโต อฺํ อาภุชตีติ อาโภโค. สมนฺนาหรตีติ สมนฺนาหาโร. ตเทวารมฺมณํ อตฺตานํ อนุพนฺธิตฺวา อุปฺปชฺชมาโน มนสิ กโรติ เปตีติ มนสิกาโร. อยํ วุจฺจติ อโยนิโสมนสิกาโรติ อยํ อนุปายอุปฺปถมนสิการลกฺขโณ อโยนิโสมนสิกาโร นาม วุจฺจติ.
๑๒. ทุติเย ¶ ¶ ภตฺตพฺยาปตฺติ วิยาติ ภตฺตสฺส ปูติภาเวน วิปฺปการปฺปตฺติ วิย, จิตฺตสฺส พฺยาปชฺชนนฺติ จิตฺตสฺส วิการภาวาปาทนํ. เตเนวาห – ‘‘ปกติวิชหนภาโว’’ติ. พฺยาปชฺชติ เตน จิตฺตํ ปูติกุมฺมาสาทโย วิย ปุริมปกตึ ชหตีติ พฺยาปาโท. ปฏิโฆเยว อุปรูปริ อุปฺปชฺชมานสฺส ปฏิฆสฺส นิมิตฺตภาวโต ปฏิฆนิมิตฺตํ, ปฏิฆสฺส จ การณภูตํ อารมฺมณํ ปฏิฆนิมิตฺตนฺติ อาห – ‘‘ปฏิฆสฺสปิ ปฏิฆารมฺมณสฺสปิ เอตํ อธิวจน’’นฺติ. อฏฺกถายนฺติ มหาอฏฺกถายํ.
๑๓. ตติเย ถินตา ถินํ, สปฺปิปิณฺโฑ วิย อวิปฺผาริกตาย จิตฺตสฺส ฆนภาโว พทฺธตาติ อตฺโถ. เมธตีติ มิทฺธํ, อกมฺมฺภาเวน หึสตีติ อตฺโถ. ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย จิตฺตสฺส อกลฺยตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒) ถินสฺส, ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย กายสฺส อกลฺยตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๓) จ มิทฺธสฺส อภิธมฺเม นิทฺทิฏฺตฺตา วุตฺตํ – ‘‘จิตฺตสฺส อกมฺมฺตา ถินํ, ติณฺณํ ขนฺธานํ อกมฺมฺตา มิทฺธ’’นฺติ. สติปิ อฺมฺาวิปฺปโยเค จิตฺตกายลหุตาทีนํ วิย จิตฺตเจตสิกานํ ยถากฺกมํ ตํตํวิเสโส สิยา, ยา เตสํ อกลฺยตาทีนํ วิเสสปจฺจยตา, อยเมเตสํ สภาโวติ ทฏฺพฺพํ. กปิมิทฺธสฺสาติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘ปจลายิกภาวสฺสา’’ติ. อกฺขิทลานํ ปจลภาวํ กโรตีติ ปจลายิโก, ปจลายิกสฺส ภาโว ปจลายิกภาโว, ปจลายิกตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุภินฺนนฺติ ถินมิทฺธานํ. ‘‘วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. จิตฺตสฺส อกลฺยตาติ จิตฺตสฺส คิลานภาโว. คิลาโน หิ อกลฺยโกติ วุจฺจติ. วินเยปิ วุตฺตํ – ‘‘นาหํ, ภนฺเต, อกลฺยโก’’ติ (ปารา. ๑๕๑). กาลํ ขมตีติ หิ กลฺยํ, อโรคตา, ตสฺสํ นิยุตฺโต กลฺยโก, น กลฺยโก อกลฺยโก. อกมฺมฺตาติ จิตฺตเคลฺสงฺขาโตว อกมฺมฺตากาโร. โอลียนาติ โอลียนากาโร. อิริยาปถูปตฺถมฺภิตฺหิ จิตฺตํ อิริยาปถํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตํ รุกฺเข วคฺคุลิ วิย ขีเล ลคฺคิตผาณิตวารโก วิย จ โอลียติ ลมฺพติ, ตสฺส ตํ อาการํ สนฺธาย – ‘‘โอลียนา’’ติ วุตฺตํ. ทุติยปทํ อุปสคฺเคน วฑฺฒิตํ. กายสฺสาติ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺขาตสฺส นามกายสฺส. อกลฺยตา อกมฺมฺตาติ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. เมโฆ วิย อากาสํ โอนยฺหตีติ โอนาโห. โอนยฺหตีติ จ ฉาเทติ อวตฺถรติ วาติ อตฺโถ ¶ . สพฺพโตภาเคน โอนาโหติ ปริโยนาโห. อรติอาทีนํ อตฺโถ วิภงฺเค (วิภ. ๘๕๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ ตตฺถ วุตฺตปาฬิยา ทสฺเสตุํ – ‘‘วุตฺตํ เหต’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺถ ปนฺเตสูติ ทูเรสุ, วิวิตฺเตสุ วา. อธิกุสเลสูติ สมถวิปสฺสนาธมฺเมสุ. อรตีติ รติปฺปฏิกฺเขโป. อรติตาติ อรมนากาโร. อนภิรตีติ อนภิรตภาโว. อนภิรมนาติ อนภิรมนากาโร ¶ . อุกฺกณฺิตาติ อุกฺกณฺนากาโร. ปริตสฺสิตาติ อุกฺกณฺนวเสเนว ปริตสฺสนา, อุกฺกณฺิตสฺเสว ตตฺถ ตตฺถ ตณฺหายนาติ วุตฺตํ โหติ. ปริตสฺสิตาติ วา กมฺปนา. ตนฺทีติ ชาติอาลสิยํ, ปกติอาลสิยนฺติ อตฺโถ. ตถา หิ กุสลกรเณ กายสฺส อวิปฺผาริกตา ลีนตา ชาติอาลสิยํ ตนฺที นาม, น โรคอุตุชาทีหิ กายเคลฺํ. ตนฺทิยนาติ ตนฺทิยนากาโร. ตนฺทิมนตาติ ตนฺทิยา อภิภูตจิตฺตตา. อลสสฺส ภาโว อาลสฺยํ, อาลสฺยายนากาโร อาลสฺยายนา. อาลสฺยายิตสฺส ภาโว อาลสฺยายิตตฺตํ. อิติ สพฺเพหิปิ อิเมหิ ปเทหิ กิเลสวเสน กายาลสิยํ กถิตํ. ถินมิทฺธการณานฺหิ ราคาทิกิเลสานํ วเสน นามกายสฺส อาลสิยํ, ตเทว รูปกายสฺสาปีติ ทฏฺพฺพํ. ชมฺภนาติ ผนฺทนา. ปุนปฺปุนํ ชมฺภนา วิชมฺภนา. อานมนาติ ปุรโต นมนา. วินมนาติ ปจฺฉโต นมนา. สนฺนมนาติ สมนฺตโต นมนา. ปณมนาติ ยถา ตนฺตโต อุฏฺิตเปสกาโร กิสฺมิฺจิเทว คเหตฺวา อุชุํ กายํ อุสฺสาเปติ, เอวํ กายสฺส อุทฺธํ ปนา. พฺยาธิยกนฺติ อุปฺปนฺนพฺยาธิตา. อิติ สพฺเพหิปิ อิเมหิ ปเทหิ ถินมิทฺธการณานํ ราคาทิกิเลสานํ วเสน กายพทฺธนเมว กถิตํ. ภุตฺตาวิสฺสาติ ภุตฺตวโต. ภตฺตมุจฺฉาติ ภตฺตเคลฺํ. พลวภตฺเตน หิ มุจฺฉาปตฺโต วิย โหติ. ภตฺตกิลมโถติ ภตฺเตน กิลนฺตภาโว. ภตฺตปริฬาโหติ ภตฺตทรโถ. ตสฺมิฺหิ สมเย ปริฬาหุปฺปตฺติยา อุปหตินฺทฺริโย โหติ, กาโย ชีรตีติ. กายทุฏฺุลฺลนฺติ ภตฺตํ นิสฺสาย กายสฺส อกมฺมฺตํ. อกลฺยตาติอาทิ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. ลีนนฺติ อวิปฺผาริกตาย ปฏิกุฏิตํ. อิตเร ทฺเว อาการภาวนิทฺเทสา. ถินนฺติ สปฺปิปิณฺโฑ วิย อวิปฺผาริกตาย ฆนภาเวน ิตํ. ถิยนาติ อาการนิทฺเทโส. ถิยิภาโว ถิยิตตฺตํ ¶ , อวิปฺผารวเสเนว พทฺธตาติ อตฺโถ. อิเมหิ ปน สพฺเพหิปิ ปเทหิ ถินมิทฺธการณานํ ราคาทิกิเลสานํ วเสน จิตฺตสฺส คิลานากาโร กถิโตติ เวทิตพฺโพ. ปุริมา จตฺตาโร ธมฺมาติ อรติ, ตนฺที, วิชมฺภิตา, ภตฺตสมฺมโทติ เอเต จตฺตาโร ธมฺมา. ยทา ถินมิทฺธํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตทา อรติอาทีนมฺปิ สมฺภวโต ‘‘อุปนิสฺสยโกฏิยา ปน โหตี’’ติ วุตฺตํ, อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหตีติ อตฺโถ.
๑๔. จตุตฺเถ อุทฺทตสฺส ภาโว อุทฺธจฺจํ. ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน อุทฺธตํ โหติ จิตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตา วา ธมฺมา, โส ธมฺโม อุทฺทจฺจํ. กุจฺฉิตํ กตํ กุกตํ, ทุจฺจริตํ สุจริตฺจ. อกตมฺปิ หิ กุกตเมว. เอวฺหิ วตฺตาโร โหนฺติ ‘‘ยํ มยา น กตํ, ตํ กุกต’’นฺติ. เอวํ กตากตํ ทุจฺจริตํ สุจริตฺจ กุกตํ, ตํ อารพฺภ วิปฺปฏิสารวเสน ปวตฺตํ ปน จิตฺตํ อิธ กุกตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจํ. จิตฺตสฺส อุทฺธตากาโรติ จิตฺตสฺส อวูปสมากาโรว วุตฺโต. อวูปสมลกฺขณฺหิ อุทฺธจฺจํ. ยถาปวตฺตสฺส กตากตาการวิสิฏฺสฺส ทุจฺจริตสุจริตสฺส ¶ อนุโสจนวเสน วิรูปํ ปฏิสรณํ วิปฺปฏิสาโร. กุกฺกุจฺจสฺสปิ กตากตานุโสจนวเสน จิตฺตวิกฺเขปภาวโต อวูปสมากาโร สมฺภวตีติ อาห – ‘‘เจตโส อวูปสโมติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺเสวตํ นาม’’นฺติ. สฺเวว จ เจตโส อวูปสโมติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมว นิทฺทิฏฺํ. ตฺจ อตฺตโนว อตฺตนา สหชาตํ น โหตีติ อาห – ‘‘อยํ ปน อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหตี’’ติ. อุปนิสฺสยปจฺจยตา จ ปุริมุปฺปนฺนวเสน เวทิตพฺพา.
๑๕. ปฺจเม วิคตา จิกิจฺฉา อสฺสาติ วิจิกิจฺฉา. สภาวํ วิจินนฺโต ตาย กิจฺฉตีติ วา วิจิกิจฺฉา.
๑๖. ฉฏฺเ เหตุํ วา ปจฺจยํ วา น ลภตีติ เอตฺถ เหตุคฺคหเณน ชนกํ การณมาห, ปจฺจยคฺคหเณน อนุปาลนกํ การณํ. เหตุนฺติ วา อุปาทานการณํ. ปจฺจยนฺติ สหการณํ วุตฺตํ. ตนฺติ กิเลสํ. วิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาตีติ วิวฏฺฏาภิมุขํ จิตฺตํ เปเสตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อรหตฺตผลํ คณฺหาติ. ภิกฺขาย จรนฺติ เอตฺถาติ ภิกฺขาจาโร, โคจรคามสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมึ ภิกฺขาจาเร. วยํ อาคมฺมาติ ทารภรณานุรูปํ วยํ อาคมฺม. อายูหนฺโตติ อุปจินนฺโต. องฺคารปกฺกนฺติ วีตจฺจิกงฺคาเรสุ ปกฺกํ. กึ นาเมตนฺติ ภิกฺขู ครหนฺโต อาห. ชีวมานเปตกสตฺโตติ ¶ ชีวมาโน หุตฺวา ‘‘เตเนว อตฺตภาเวน เปตภาวํ ปตฺตสตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ ปริกปฺปวเสน วุตฺตํ. กุฏนฺติ ปานียฆฏํ. ยาว ทารุณนฺติ อติวิย ทารุณํ. วิปาโก กีทิโส ภวิสฺสตีติ ตยา กตกมฺมสฺส อายตึ อนุภวิตพฺพวิปาโก กีทิโส ภวิสฺสติ.
วิสงฺขริตฺวาติ เฉทนเภทนาทีหิ วินาเสตฺวา. ทีปกมิคปกฺขิโนติ อตฺตโน นิสินฺนภาวสฺส ทีปนโต เอวํลทฺธนามา มิคปกฺขิโน, เยน อรฺํ เนตฺวา เนสาโท เตสํ สทฺเทน อาคตาคเต มิคปกฺขิโน วธิตฺวา คณฺหาติ. เถรนฺติ จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถรํ. อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวาติ อธิฏฺานาทิวเสน อิทฺธึ อภิสงฺขริตฺวา. อุปโยคตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. อคฺคิปปฏิกนฺติ อจฺจิกรณํ, วิปฺผุลิงฺคนฺติ อตฺโถ. ปสฺสนฺตสฺเสวาติ อนาทเร สามิวจนํ. ตสฺส เถรสฺสาติ ตสฺส มิลกฺขติสฺสตฺเถรสฺส. ตสฺสาติ ตสฺสา อคฺคิปปฏิกาย. ปฏิพลสฺสาติ อุคฺคหณสชฺฌายาทีสุ ปฏิพลสฺส. ทุกฺขํ อุปนิสา การณเมติสฺสาติ ทุกฺขูปนิสา, ทุกฺขนิพนฺธนา ทุกฺขเหตุกา สทฺธาติ วุตฺตํ โหติ. วตฺตมุเขน กมฺมฏฺานสฺส กถิตตฺตา ‘‘วตฺตสีเส ตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ปลาลวรณกนฺติ ปลาลปฺุชํ.
อารมฺภถาติ สมถวิปสฺสนาทีสุ วีริยํ กโรถ. นิกฺกมถาติ โกสชฺชโต นิกฺขมถ, กามานํ ¶ วา ปนูทนาย นิกฺขมถ, อุภเยนปิ วีริยเมว วุตฺตํ. วีริยฺหิ อารมฺภนกวเสน อารมฺโภ, โกสชฺชโต นิกฺขมนวเสน ‘‘นิกฺกโม’’ติ วุจฺจติ. ยฺุชถ พุทฺธสาสเนติ พุทฺธสฺส ภควโต ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธสงฺขาเต ติวิธสาสเน ยฺุชถ โยคํ กโรถ. เอวมนุยฺุชนฺตา มจฺจุโน เสนํ ธุนาถ วิทฺธํเสถ. ตตฺถ มจฺจุโน เสนนฺติ –
‘‘กามา เต ปมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;
ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติ.
‘‘ปฺจมํ ถินมิทฺธํ เต, ฉฏฺา ภีรู ปวุจฺจติ;
สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มกฺโข ถมฺโภ เต อฏฺโม.
‘‘ลาโภ ¶ สิโลโก สกฺกาโร,
มิจฺฉาลทฺโธ จ โย ยโส;
โย จตฺตานํ สมุกฺกํเส,
ปเร จ อวชานาติ.
‘‘เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี;
น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๓๘-๔๔๑) –
เอวมาคตํ กามาทิเภทํ มจฺจุโน เสนํ. เอตฺถ จ ยสฺมา อาทิโตว อคาริยภูเต สตฺเต วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามา โมสยนฺติ, เต อภิภุยฺย อนคาริยภาวํ อุปคตานํ ปนฺเตสุ เสนาสเนสุ อฺตรฺตเรสุ วา อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อรติ อุปฺปชฺชติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ปพฺพชิเตน โข, อาวุโส, อภิรติ ทุกฺกรา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๓๑). ตโต เต ปรปฺปฏิพทฺธชีวิกตฺตา ขุปฺปิปาสา พาธติ, ตาย พาธิตานํ ปริเยสนตณฺหา จิตฺตํ กิลมยติ. อถ เนสํ กิลนฺตจิตฺตานํ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต วิเสสมนธิคจฺฉนฺตานํ ทุรภิสมฺภเวสุ อรฺวนปตฺเถสุ ปนฺเตสุ เสนาสเนสุ วิหรตํ อุตฺราสสฺิตา ภีรุ ชายติ. เตสํ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตานํ ทีฆรตฺตํ วิเวกรสมนสฺสาทยมานานํ วิหรตํ ‘‘น สิยา นุ โข เอส มคฺโค’’ติ ปฏิปตฺติยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ. ตํ วิโนเทตฺวา วิหรตํ อปฺปมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน มานมกฺขถมฺภา ชายนฺติ. เตปิ วิโนเทตฺวา วิหรตํ ตโต อธิกตรํ วิเสสาธิคมนํ ¶ นิสฺสาย ลาภสกฺการสิโลกา อุปฺปชฺชนฺติ. ลาภาทีหิ มุจฺฉิตฺวา ธมฺมปฺปติรูปกานิ ปกาเสนฺโต มิจฺฉายสํ อธิคนฺตฺวา ตตฺถ ิตา ชาติอาทีหิ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ, ปรํ วมฺเภนฺติ, ตสฺมา กามาทีนํ ปมเสนาทิภาโว เวทิตพฺโพ. นฬาคารนฺติ นเฬหิ วินทฺธติณจฺฉนฺนเคหํ.
วิหสฺสตีติ อุคฺคหณสชฺฌายนมนสิการาทีหิ วิหริสฺสติ. ชาติสํสารนฺติ ปุนปฺปุนํ ชาติสงฺขาตสํสารวฏฺฏํ. ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตีติ ทุกฺขสฺส อนฺตสงฺขาตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสติ. ปลาลปฺุชาหนฺติ ปลาลปฺุชํ อหนฺติ ปทจฺเฉโท. ตติยํ านนฺติ อนาคามิผลํ สนฺธาย วทติ.
ติวสฺสภิกฺขุกาเลติ อุปสมฺปทโต ตีณิ วสฺสานิ อสฺสาติ ติวสฺโส, ติวสฺโส จ โส ภิกฺขุ จาติ ติวสฺสภิกฺขุ, ตสฺส, เตน วา ¶ อุปลกฺขิโต กาโล ติวสฺสภิกฺขุกาโล, ตสฺมึ. ยทา โส ติวสฺโส ภิกฺขุ นาม โหติ, ตทาติ วุตฺตํ โหติ. กมฺมํ กโรตีติ ภาวนากมฺมํ กโรติ. คนฺถกมฺมนฺติ คนฺถวิสยํ อุคฺคหณาทิกมฺมํ. ปิณฺฑาปจิตึ กตฺวาติ อนฺโตวสฺเส เตมาสํ ทินฺนปิณฺฑสฺส กิเลสกฺขยกรเณน อปจิตึ ปูชํ กตฺวา. ปิณฺฑาปจิตึ กโรนฺโต หิ ภิกฺขุ เยหิ อตฺตโน โย ปิณฺฑปาโต ทินฺโน, เตสํ ตสฺส มหปฺผลภาวํ อิจฺฉนฺโต อตฺตโน สนฺตานเมว กิเลสกฺขยกรเณน วิโสเธตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ.
มหาภูตีติ เอตฺถ ปูชาวจโน มหนฺตสทฺโท, ภูตีติ จ นาเมกเทเสน ติสฺสภูติตฺเถรํ อาลปติ. ภวติ หิ นาเมกเทเสนปิ โวหาโร ยถา ‘‘เทวทตฺโต ทตฺโต’’ติ. มหาภูตีติ วา ปิยสมุทาหาโร, โส มหติ ภูติ วิภูติ ปฺุาณาทิสมฺปทา อสฺสาติ มหาภูติ. ฉนฺนํ เสปณฺณิคจฺฉมูลนฺติ สาขาปลาสาทีหิ ฉนฺนํ ฆนจฺฉายํ เสปณฺณิคจฺฉมูลํ. อสุภกมฺมฏฺานํ ปาทกํ กตฺวาติ เกสาทิอสุภโกฏฺาสภาวนาย ปฏิลทฺธํ อุปจารสมาธึ อปฺปนาสมาธึ วา ปาทกํ กตฺวา. อสุภวิสยํ อุปจารชฺฌานาทิกมฺมเมเวตฺถ อุปริ ปวตฺเตตพฺพภาวนากมฺมสฺส การณภาวโต านนฺติ กมฺมฏฺานํ.
สหสฺสทฺวิสหสฺสสงฺขามตฺตตฺตา ‘‘มหาคเณ’’ติ วุตฺตํ. อตฺตโน วสนฏฺานโต เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวาติ อตฺตโน วสนฏฺานโต อากาเสน คนฺตฺวา วิหารสมีเป โอตริตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺนตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา. กึ อาคโตสีติ กึการณา อาคโตสิ. สพฺเพสุ รตฺติทิวสภาเคสุ โอกาสํ อลภนฺโตติ โส กิร เถโร ‘‘ตุยฺหํ โอกาโส น ภวิสฺสติ, อาวุโส’’ติ ¶ วุตฺเตปิ ‘‘วิตกฺกมาฬเก ิตกาเล ปุจฺฉิสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘ตสฺมึ าเน อฺเ ปุจฺฉิสฺสนฺตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขาจารมคฺเค, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘ตตฺราปิ อฺเ ปุจฺฉนฺตี’’ติ วุตฺเต ทุปฏฺฏนิวาสนฏฺาเน, สงฺฆาฏิปารุปนฏฺาเน, ปตฺตนีหรณฏฺาเน, คาเม จริตฺวา อาสนสาลาย ยาคุปีตกาเล, ภนฺเตติ. ตตฺถาปิ เถรา อตฺตโน กงฺขํ วิโนเทนฺติ, อาวุโสติ. อนฺโตคามโต นิกฺขมนกาเล ปุจฺฉิสฺสามิ, ภนฺเตติ. ตตฺราปิ อฺเ ปุจฺฉนฺติ, อาวุโสติ. อนฺตรามคฺเค, ภนฺเตติ. โภชนสาลาย ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน, ภนฺเต. ทิวาฏฺาเน ปาทโธวนกาเล, ภนฺเตติ. ตโต ปฏฺาย ¶ ยาว อรุณา อปเร ปุจฺฉนฺติ, อาวุโสติ. ทนฺตกฏฺํ คเหตฺวา มุขโธวนตฺถํ คมนกาเล, ภนฺเตติ. ตทาปิ อฺเ ปุจฺฉนฺตีติ. มุขํ โธวิตฺวา อาคมนกาเล, ภนฺเตติ. ตตฺราปิ อฺเ ปุจฺฉิสฺสนฺตีติ. เสนาสนํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนกาเล, ภนฺเตติ. ตตฺราปิ อฺเ ปุจฺฉนฺติ, อาวุโสติ. เอวํ สพฺเพสุ รตฺติทิวสภาเคสุ ยาจมาโน โอกาสํ น ลภิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘เอวํ โอกาเส อสติ มรณสฺส กถํ โอกาสํ ลภิสฺสถา’’ติ. ภนฺเต, นนุ มุขํ โธวิตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ตโย จตฺตาโร ปลฺลงฺเก อุณฺหาเปตฺวา โยนิโสมนสิการกมฺมํ กโรนฺตานํ โอกาสลาเภน ภวิตพฺพํ สิยาติ อธิปฺปาเยน วทติ. มณิวณฺเณติ อินฺทนีลมณิวณฺเณ.
ฆเฏนฺตสฺเสวาติ วายามนฺตสฺเสว. วิสุทฺธิปวารณนฺติ ‘‘ปริสุทฺโธ อห’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ วิสุทฺธิปวารณํ. อรหนฺตานเมว เหสา ปวารณา. กาฬกํ วาติ มหนฺตํ กาฬกํ สนฺธาย วทติ, ติลโก วาติ ขุทฺทกํ สนฺธาย. อุภเยนปิ สีลสฺส ปริสุทฺธภาวเมว วิภาเวติ.
ปธานกมฺมิกาติ ปธานกมฺเม นิยุตฺตา. ลทฺธมคฺคนฺติ ลทฺธูปายํ, ปมเมว ลทฺธูปเทสนฺติ วุตฺตํ โหติ. อปตฺตานีติ ฉฑฺฑิตานิ. อลาพูเนว สารเทติ สรทกาเล วาตาตปหตานิ ตตฺถ ตตฺถ วิปฺปกิณฺณอลาพูนิ วิย. กาโปตกานีติ กโปตกวณฺณานิ. ตานิ ทิสฺวาน กา รตีติ ตานิ เอวรูปานิ อฏฺีนิ ทิสฺวา ตุมฺหากํ กา นาม รติ, นนุ อปฺปมตฺตกาปิ รติ กาตุํ น วฏฺฏติเยวาติ อตฺโถ. ทุติยกถํ อกถิตปุพฺโพติ อตฺตโน วุฑฺฒตเรน สทฺธึ วุตฺตวจนสฺส ปจฺจนีกํ ทุติยกถํ อกถิตปุพฺโพ.
ตทงฺเคน, ตทงฺคสฺส ปหานํ ตทงฺคปฺปหานํ. ยฺหิ รตฺติภาเค สมุชฺชลิเตน ทีเปน อนฺธการสฺส วิย เตน เตน วิปสฺสนาย อวยวภูเตน าณงฺเคน ปฏิปกฺขวเสเนว ตสฺส ตสฺส ปหาตพฺพธมฺมสฺส ปหานมิทํ ตทงฺคปฺปหานํ นาม. ยถา กามจฺฉนฺทาทโย น จิตฺตํ ปริยุฏฺาย ติฏฺนฺติ, เอวํ ปริยุฏฺานสฺส นิเสธนํ อปฺปวตฺติกรณํ วิกฺขมฺภนํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ. ยฺหิ ¶ สเสวาเล อุทเก ปกฺขิตฺเตน ฆเฏน เสวาลสฺส วิย เตน เตน โลกิยสมาธินา นีวรณาทีนํ ปจฺจนีกธมฺมานํ วิกฺขมฺภนมิทํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ นาม. สมฺมา อุปจฺฉิชฺชนฺติ เอเตน กิเลสาติ สมุจฺเฉโท, ปหียนฺติ เอเตน กิเลสาติ ปหานํ, สมุจฺเฉทสงฺขาตํ ¶ ปหานํ นิรวเสสปฺปหานนฺติ สมุจฺเฉทปฺปหานํ. ยฺหิ อสนิวิจกฺกาภิหตสฺส รุกฺขสฺส วิย อริยมคฺคาเณน สํโยชนาทีนํ ธมฺมานํ ยถา น ปุน วตฺตนฺติ, เอวํ ปหานมิทํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ นาม. ปฏิปฺปสฺสมฺภติ วูปสมฺมติ กิเลสทรโถ เอตายาติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ, ผลํ, สาเยว ปหานนฺติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ. สพฺเพ กิเลสา สพฺพสงฺขตา วา นิสฺสรนฺติ อปคจฺฉนฺติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ, นิพฺพานํ, ตเทว ปหานนฺติ นิสฺสรณปฺปหานํ. ปฏิปฺปสฺสมฺภยมานนฺติ ปฏิปฺปสฺสมฺภํ กิเลสวูปสมํ กุรุมานํ. โลกิยโลกุตฺตเรหีติ ตทงฺควิกฺขมฺภนปฺปหานานํ โลกิยตฺตา, อิตเรสํ โลกุตฺตรตฺตา วุตฺตํ.
นิมียติ ผลํ เอเตน อุปฺปชฺชนฏฺาเน ปกฺขิปมานํ วิย โหตีติ นิมิตฺตํ, การณสฺเสตํ อธิวจนํ. อสุภสฺส นิมิตฺตํ, อสุภเมว วา นิมิตฺตนฺติ อสุภนิมิตฺตํ. อสุภนิสฺสิตมฺปิ หิ ฌานํ นิสฺสิเต นิสฺสยโวหาเรน อสุภนฺติ โวหรียติ ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ. เตเนวาห – ‘‘ทสสุ อสุเภสุ อุปฺปนฺนํ สารมฺมณํ ปมชฺฌาน’’นฺติ. อนิจฺเจ อนิจฺจนฺติอาทินา นเยน วุตฺตสฺสาติ อิมินา จตุพฺพิธํ โยนิโสมนสิการํ ทสฺเสติ. เหฏฺา เจตฺถ อิธ จ จตุพฺพิธสฺส อโยนิโสมนสิการสฺส โยนิโสมนสิการสฺส จ คหณํ นิรวเสสทสฺสนตฺถํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตสุ ปน อสุเภ ‘‘อสุภ’’นฺติ มนสิกาโร อิธาธิปฺเปโต, ตทนุกูลตฺตา วา อิตเรสมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ.
เอกาทสสุ อสุเภสุ ปฏิกูลาการสฺส อุคฺคณฺหนํ, ยถา วา ตตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตถา ปฏิปตฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห. อุปจารปฺปนาวหาย อสุภภาวนาย อนุยฺุชนํ อสุภภาวนานุโยโค. โภชเน มตฺตฺุโน ถินมิทฺธาภิภวาภาวา โอตารํ อลภมาโน กามจฺฉนฺโท ปหียตีติ วทนฺติ. โภชนนิสฺสิตํ ปน อาหาเร ปฏิกูลสฺํ, ตพฺพิปริณามสฺส ตทาธารสฺส ตสฺส จ อุทริยภูตสฺส อสุภตาทสฺสนํ, กายสฺส จ อาหารฏฺิติกตาทสฺสนํ โย อุปฺปาเทติ, โส วิเสสโต โภชเน ปมาณฺู นาม, ตสฺส จ กามจฺฉนฺโท ปหียเตว. ทสวิธฺหิ อสุภนิมิตฺตนฺติ ปากฏวเสน วุตฺตํ. กายคตาสตึ ปน คเหตฺวา เอกาทสวิธมฺปิ อสุภนิมิตฺตํ เวทิตพฺพํ.
อภุตฺวา อุทกํ ปิเวติ ปานียสฺส โอกาสทานตฺถํ จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป อภุตฺวา ปานียํ ¶ ปิเวยฺยาติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ – ‘‘จตุนฺนํ ¶ ปฺจนฺนํ อาโลปานํ โอกาเส สตี’’ติ. อภิธมฺมฏีกากาเรน ปเนตฺถ ‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, ภุตฺวาน อุทกํ ปิเว’’ติ ปาํ ปริกปฺเปตฺวา อฺถา อตฺโถ วณฺณิโต, โส อฏฺกถาย น สเมติ. อสุภกมฺมิกติสฺสตฺเถโร ทนฺตฏฺิทสฺสาวี.
๑๗. สตฺตเม มิชฺชติ หิตผรณวเสน สินิยฺหตีติ มิตฺโต, หิเตสี ปุคฺคโล, ตสฺมึ มิตฺเต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสาติ เมตฺตา, หิเตสิตา. ตตฺถ ‘‘เมตฺตา’’ติ วุตฺเต อปฺปนาปิ อุปจาโรปิ วฏฺฏติ สาธารณวจนภาวโตติ อาห – ‘‘เมตฺตาติ เอตฺตาวตา ปุพฺพภาโคปิ วฏฺฏตี’’ติ. อปิ-สทฺโท อปฺปนํ สมฺปิณฺเฑติ. อปฺปนํ อปฺปตฺตาย เมตฺตาย สุฏฺุ มุจฺจนสฺส อภาวโต เจโตวิมุตฺตีติ ‘‘อปฺปนาว อธิปฺเปตา’’ติ วุตฺตํ.
สตฺเตสุ เมตฺตายนสฺส หิตูปสํหารสฺส อุปฺปาทนํ ปวตฺตนํ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห. ปมุปฺปนฺโน เมตฺตามนสิกาโร ปรโต อุปฺปชฺชนกสฺส การณภาวโต เมตฺตามนสิกาโรว เมตฺตานิมิตฺตํ. กมฺมํเยว สกํ เอเตสนฺติ กมฺมสฺสกา, สตฺตา, ตพฺภาโว กมฺมสฺสกตา, กมฺมทายาทตา. โทสเมตฺตาสุ ยาถาวโต อาทีนวานิสํสานํ ปฏิสงฺขานวีมํสา อิธ ปฏิสงฺขานํ. เมตฺตาวิหารีกลฺยาณมิตฺตวนฺตตา อิธ กลฺยาณมิตฺตตา. โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณานนฺติ อตฺตอติปิยมชฺฌตฺตเวริวเสน โอทิสฺสกตา, สีมาสมฺเภเท กเต อโนทิสฺสกตา, เอกาทิทิสาผรณวเสน ทิสาผรณตา เมตฺตาย อุคฺคหเณ เวทิตพฺพา. วิหารรจฺฉคามาทิวเสน วา โอทิสฺสกทิสาผรณํ. วิหาราทิอุทฺเทสรหิตํ ปุรตฺถิมาทิทิสาวเสน อโนทิสฺสกทิสาผรณํ. เอวํ วา ทฺวิธา อุคฺคหณํ สนฺธาย – ‘‘โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณ’’นฺติ วุตฺตํ. อุคฺคโห จ ยาว อุปจารา ทฏฺพฺโพ. อุคฺคหิตาย อาเสวนา ภาวนา. ตตฺถ สพฺเพ สตฺตา, ปาณา, ภูตา, ปุคฺคลา, อตฺตภาวปริยาปนฺนาติ เอเตสํ วเสน ปฺจวิธา. เอเกกสฺมึ อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺฌา, อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ จตุธา ปวตฺติโต วีสติวิธา อโนธิโสผรณา เมตฺตา. สพฺพา อิตฺถิโย, ปุริสา, อริยา, อนริยา, เทวา, มนุสฺสา, วินิปาติกาติ สตฺตาธิกรณวเสน ปวตฺตา สตฺตวิธา อฏฺวีสติวิธา วา, ทสหิ ทิสาหิ ทิสาธิกรณวเสน ปวตฺตา ทสวิธา จ, เอเกกาย ¶ วา ทิสาย สตฺตาทิอิตฺถาทิอเวราทิเภเทน อสีตาธิกจตุสตปฺปเภทา จ โอธิโสผรณา เวทิตพฺพา. เมตฺตํ ภาเวนฺตสฺสาติ เมตฺตาฌานํ ภาเวนฺตสฺส. ตฺวํ เอตสฺส กุทฺโธติอาทิ ปจฺจเวกฺขณาวิธิทสฺสนํ. อปฺปฏิจฺฉิตปเหณกํ วิยาติ อสมฺปฏิจฺฉิตปณฺณาการํ วิย. ปฏิสงฺขาเนติ วีมํสายํ. วตฺตนิอฏวิยํ อตฺตคุตฺตตฺเถรสทิเส.
๑๘. อฏฺเม ¶ กุสลธมฺมสมฺปฏิปตฺติยา ปฏฺปนสภาวตาย ตปฺปฏิปกฺขานํ วิโสสนสภาวตาย จ อารมฺภธาตุอาทิโต ปวตฺตวีริยนฺติ อาห – ‘‘ปมารมฺภวีริย’’นฺติ. ยสฺมา ปมารมฺภมตฺตสฺส โกสชฺชวิธมนํ ถามคมนฺจ นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตฺตา ตโต พลวตร’’นฺติ. ยสฺมา ปน อปราปรุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนํ อุปรูปริ วิเสสํ อาวหนฺตํ อติวิย ถามคตเมว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตร’’นฺติ. ปนูทนายาติ นีหรณาย. ยถา มหโต ปลิฆสฺส อุคฺฆาฏกชนสฺส มหนฺโต อุสฺสาโห อิจฺฉิตพฺโพ, เอวมิธาปีติ ‘‘นิกฺกโม เจตโส ปลิฆุคฺฆาฏนายา’’ติ วุตฺตํ. มหาปรกฺกโม เอว ปเรน กตํ พนฺธนํ ฉินฺเทยฺย, เอวมิธาปีติ วุตฺตํ – ‘‘ปรกฺกโม เจตโส พนฺธนจฺเฉทนายา’’ติ.
อารทฺธํ สํสาธิตํ ปริปูริตํ วีริยํ เอตสฺสาติ อารทฺธวีริโย, นิปฺผนฺนวีริโย, อารทฺธํ ปฏฺปิตํ วีริยํ เอตสฺสาติ อารทฺธวีริโย. วีริยารมฺภปฺปสุโตติ อาห – ‘‘อารทฺธวีริยสฺสาติ ปริปุณฺณวีริยสฺสเจว ปคฺคหิตวีริยสฺส จา’’ติ. จตุโทสาปคตนฺติ อติลีนตาทีหิ จตูหิ โทเสหิ อปคตํ. จตุโทสาปคตตฺตเมว วิภาเวติ ‘‘น จ อติลีน’’นฺติอาทินา. อติลีนฺหิ ภาวนาจิตฺตํ โกสชฺชปกฺขิกํ สิยา, อติปคฺคหิตฺจ อุทฺธจฺจปกฺขิกํ. ภาวนาวีถึ อนชฺโฌคาเหตฺวา สงฺโกจาปตฺติ อติลีนตา. อชฺโฌคาเหตฺวา อนฺโตสงฺโกโจ อชฺฌตฺตํ สํขิตฺตตา. อติปคฺคหิตตา อจฺจารทฺธวีริยตา. พหิทฺธา วิกฺขิตฺตตา พหิวิสฏวิตกฺกานุธาวนา. ตเทตํ วีริยํ จงฺกมาทิกายิกปฺปโยคาวหํ กายิกํ, ตทฺํ เจตสิกํ. รตฺติทิวสฺส ปฺจ โกฏฺาเสติ ปุพฺพณฺหสายนฺหปมมชฺฌิมปจฺฉิมยามสงฺขาเต ปฺจ โกฏฺาเส. ตทุภยมฺปีติ กายิกํ เจตสิกฺจ วีริยํ. มิลกฺขติสฺสตฺเถรสฺส มหาสีวตฺเถรสฺส จ วตฺถุ เหฏฺา ทสฺสิตเมว.
ปีติมลฺลกตฺเถรสฺส ¶ วตฺถุ ปน เอวํ เวทิตพฺพํ. โส กิร คิหิกาเล มลฺลยุทฺธาย อาหิณฺฑนฺโต ตีสุ รชฺเชสุ ปฏากํ คเหตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ อาคมฺม ราชานํ ทิสฺวา รฺา กตานุคฺคโห เอกทิวสํ กิลฺจกาสนสาลาทฺวาเรน คจฺฉนฺโต ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ, ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓๓-๓๔; ๔.๑๐๒; ม. นิ. ๑.๒๔๗) นตุมฺหากวคฺคํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘เนว กิร รูปํ อตฺตโน, น เวทนา’’ติ. โส ตํเยว องฺกุสํ กตฺวา นิกฺขมิตฺวา มหาวิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชิโต อุปสมฺปนฺโน ทฺเวมาติกา ปคุณํ กตฺวา ตึส ภิกฺขู คเหตฺวา อวรวาลิยองฺคณํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. ปาเทสุ อวหนฺเตสุ ชณฺณุเกหิ จงฺกมติ. ตเมนํ ¶ รตฺตึ เอโก มิคลุทฺทโก ‘‘มิโค’’ติ มฺมาโน ปหริ, สตฺติ วินิวิชฺฌิตฺวา คตา. โส ตํ สตฺตึ หราเปตฺวา ปหารมุขานิ ติณวฏฺฏิยา ปูราเปตฺวา ปาสาณปิฏฺิยํ อตฺตานํ นิสีทาเปตฺวา โอกาสํ กาเรตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อุกฺกาสิตสทฺเทน อาคตานํ ภิกฺขูนํ พฺยากริตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ภาสิตํ พุทฺธเสฏฺสฺส, สพฺพโลกคฺควาทิโน;
น ตุมฺหากํ อิทํ รูปํ, ตํ ชเหยฺยาถ ภิกฺขโว. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๖);
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๖; เถรคา. ๑๑๖๘);
กุฏุมฺพิยปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺสปิ วตฺถุ เอวํ เวทิตพฺพํ. สาวตฺถิยํ กิร ติสฺโส นาม กุฏุมฺพิยปุตฺโต จตฺตาลีส หิรฺโกฏิโย ปหาย ปพฺพชิตฺวา อคามเก อรฺเ วิหรติ, ตสฺส กนิฏฺภาตุภริยา ‘‘คจฺฉถ, นํ ชีวิตา โวโรเปถา’’ติ ปฺจสเต โจเร เปเสสิ, เต คนฺตฺวา เถรํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. เถโร อาห – ‘‘กสฺมา อาคตตฺถ อุปาสกา’’ติ? ตํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามาติ. ปาฏิโภคํ เม อุปาสกา คเหตฺวา อชฺเชกรตฺตึ ชีวิตํ เทถาติ. โก เต, สมณ, อิมสฺมึ าเน ปาฏิโภโค ภวิสฺสตีติ? เถโร มหนฺตํ ปาสาณํ คเหตฺวา อูรุฏฺีนิ ภินฺทิตฺวา ‘‘วฏฺฏติ อุปาสกา ปาฏิโภโค’’ติ อาห. เต อปกฺกมิตฺวา จงฺกมนสีเส อคฺคึ กตฺวา นิปชฺชึสุ. เถรสฺส เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา ¶ สีลํ ปจฺจเวกฺขโต ปริสุทฺธสีลํ นิสฺสาย ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชิ. ตโต อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต ติยามรตฺตึ สมณธมฺมํ กตฺวา อรุณุคฺคมเน อรหตฺตํ ปตฺโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อุโภ ปาทานิ ภินฺทิตฺวา, สฺเปสฺสามิ โว อหํ;
อฏฺฏิยามิ หรายามิ, สราคมรณํ อหํ.
‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, ยถาภูตํ วิปสฺสิสํ;
สมฺปตฺเต อรุณุคฺคมฺหิ, อรหตฺตํ อปาปุณิ’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๖);
อติโภชเน ¶ นิมิตฺตคฺคาโหติ อติโภชเน ถินมิทฺธสฺส นิมิตฺตคฺคาโห, ‘‘เอตฺตเก ภุตฺเต ตํ โภชนํ ถินมิทฺธสฺส การณํ โหติ, เอตฺตเก น โหตี’’ติ ถินมิทฺธสฺส การณาการณคฺคาโห โหตีติ อตฺโถ. พฺยติเรกวเสน เจตํ วุตฺตํ, ตสฺมา เอตฺตเก ภุตฺเต ตํ โภชนํ ถินมิทฺธสฺส การณํ น โหตีติ โภชเน มตฺตฺุตาว อตฺถโต ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห – ‘‘จตุปฺจ…เป… ตํ น โหตี’’ติ. ทิวา สูริยาโลกนฺติ ทิวา คหิตนิมิตฺตํ สูริยาโลกํ รตฺติยํ มนสิกโรนฺตสฺสปีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ธุตงฺคานํ วีริยนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ – ‘‘ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปี’’ติ.
๑๙. นวเม ฌาเนน วา วิปสฺสนาย วา วูปสมิตจิตฺตสฺสาติ ฌาเนน วา วิปสฺสนาย วา อวูปสมกรกิเลสวิคมเนน วูปสมิตจิตฺตสฺส. กุกฺกุจฺจมฺปิ กตากตานุโสจนวเสน ปวตฺตมานํ เจตโส อวูปสมาวหตาย อุทฺธจฺเจน สมานลกฺขณนฺติ อุภยสฺส ปหานการณํ อภินฺนํ กตฺวา วุตฺตํ. พหุสฺสุตสฺส คนฺถโต อตฺถโต จ สุตฺตาทีนิ วิจาเรนฺตสฺส ตพฺพหุลวิหาริโน อตฺถเวทาทิปฺปฏิลาภสมฺภวโต วิกฺเขโป น โหติ. ยถา วิธิปฺปฏิปตฺติยา ยถานุรูปปตฺติการปฺปวตฺติยา จ วิกฺเขโป จ กตากตานุโสจนฺจ น โหตีติ ‘‘พาหุสจฺเจนปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียตี’’ติ อาห. ยทคฺเคน พาหุสจฺเจน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, ตทคฺเคน ปริปุจฺฉกตาวินยปฺปกตฺุตาหิปิ ตํ ปหียตีติ ทฏฺพฺพํ. วุทฺธเสวิตา จ วุทฺธสีลิตํ อาวหตีติ เจตโส วูปสมกรตฺตา ‘‘อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปฺปหานการี’’ติ วุตฺตํ, วุทฺธตํ ปน อนเปกฺขิตฺวา กุกฺกุจฺจวิโนทกา วินยธรา กลฺยาณมิตฺตาติ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. วิกฺเขโป จ ปพฺพชิตานํ เยภุยฺเยน ¶ กุกฺกุจฺจเหตุโก โหตีติ ‘‘กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสา’’ติอาทินา วินยนเยเนว ปริปุจฺฉกตาทโย นิทฺทิฏฺา.
๒๐. ทสเม พหุสฺสุตานํ ธมฺมสภาวาวโพธสมฺภวโต วิจิกิจฺฉา อนวกาสา เอวาติ อาห – ‘‘พาหุสจฺเจนปิ…เป… วิจิกิจฺฉา ปหียตี’’ติ. กามํ พาหุสจฺจปริปุจฺฉกตาหิ สพฺพาปิ อฏฺวตฺถุกา วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตถาปิ รตนตฺตยวิจิกิจฺฉามูลิกา เสสวิจิกิจฺฉาติ อาห – ‘‘ตีณิ รตนานิ อารพฺภ ปริปุจฺฉาพหุลสฺสปี’’ติ. รตนตฺตยคุณาวโพเธหิ ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทิวิจิกิจฺฉาย อสมฺภโวติ. วินเย ปกตฺุตา ‘‘สิกฺขาย กงฺขตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘; วิภ. ๙๑๕) วุตฺตาย วิจิกิจฺฉาย ปหานํ กโรตีติ อาห – ‘‘วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสปี’’ติ. โอกปฺปนิยสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาติ สทฺเธยฺยวตฺถุโน อนุปฺปวิสนสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺเขน อธิมุจฺจนพหุลสฺส. อธิมุจฺจนฺจ อธิโมกฺขุปฺปาทนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. สทฺธาย วา ตํนินฺนโปณตา อธิมุตฺติ อธิโมกฺโข ¶ . นีวรณานํ ปจฺจยสฺส เจว ปจฺจยฆาตสฺส จ วิภาวิตตฺตา วุตฺตํ – ‘‘วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิต’’นฺติ.
นีวรณปฺปหานวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อกมฺมนิยวคฺควณฺณนา
๒๑. ตติยสฺส ¶ ปเม อภาวิตนฺติ สมถวิปสฺสนาภาวนาวเสน น ภาวิตํ ตถา อภาวิตตฺตา. ตฺหิ ‘‘อวฑฺฒิต’’นฺติ วุจฺจติ ปฏิปกฺขาภิภเวน ปริพฺรูหนาภาวโต. เตนาห ภควา – ‘‘อกมฺมนิยํ โหตี’’ติ.
๒๒. ทุติเย วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปเมติ ตติยวคฺคสฺส ปมสุตฺเต. วฏฺฏวเสนาติ วิปากวฏฺฏวเสน. เตภูมกวฏฺฏนฺติ เตภูมกวิปากวฏฺฏํ. วฏฺฏปฏิลาภาย กมฺมนฺติ วิปากวฏฺฏสฺส ปฏิลาภาย อุปนิสฺสยภูตํ กมฺมํ, ตสฺส สหายภูตํ กิเลสวฏฺฏมฺปิ กมฺมคฺคหเณเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิวฏฺฏปฏิลาภาย กมฺมนฺติ วิวฏฺฏาธิคมสฺส อุปนิสฺสยภูตํ กมฺมํ. ยํ ปน จริมภวนิพฺพตฺตกํ กมฺมํ, ตํ วิวฏฺฏปฺปฏิลาภาย กมฺมํ โหติ, น โหตีติ? น โหติ วฏฺฏปาทกภาวโต. จริมภวปฏิสนฺธิ ¶ วิย ปน วิวฏฺฏูปนิสฺสโยติ สกฺกา วิฺาตุํ. น หิ กทาจิ ติเหตุกปฏิสนฺธิยา วินา วิเสสาธิคโม สมฺภวติ. อิเมสุ สุตฺเตสูติ อิเมสุ ปน ปมทุติยสุตฺเตสุ ยถากฺกมํ วฏฺฏวิวฏฺฏเมว กถิตํ.
๒๓. ตติเย อภาวิตนฺติ เอตฺถ ภาวนา นาม สมาธิภาวนา. สา ยตฺถ อาสงฺกิตพฺพา, ตํ กามาวจรปมมหากุสลจิตฺตาทิอภาวิตนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห – ‘‘เทวมนุสฺสสมฺปตฺติโย’’ติอาทิ.
๒๔. จตุตฺเถ ยสฺมา จิตฺตนฺติ วิวฏฺฏวเสเนว อุปฺปนฺนจิตฺตํ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา ชาติชราพฺยาธิมรณโสกาทิทุกฺขสฺส อนิพฺพตฺตนโต มหโต อตฺถาย สํวตฺตตีติ โยชนา เวทิตพฺพา.
๒๕-๒๖. ปฺจมฉฏฺเสุ อุปฺปนฺนนฺติ อวิคตุปฺปาทาทิขณตฺตยมฺปิ อภาวิตํ ภาวนารหิตํ อปาตุภูตเมว ปณฺฑิตสมฺมตสฺส อุปฺปนฺนกิจฺจสฺส อสาธนโต ยถา ‘‘อปุตฺโต’’ติ. โส หิ สมตฺโถ หุตฺวา ปิตุ ปุตฺตกิจฺจํ อสาเธนฺโต อปุตฺโตติ โลเก วุจฺจติ, เอวํ สมฺปทมิทํ. เตนาห – ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ. เตสุ ธมฺเมสูติ โลกุตฺตรปาทกชฺฌานาทีสุ. เถโร ปน มตฺถกปฺปตฺตเมว ภาวิตํ จิตฺตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มคฺคจิตฺตเมวา’’ติ อาห.
๒๗-๒๘. สตฺตมฏฺเมสุ ¶ ปุนปฺปุนํ อกตนฺติ ภาวนาพหุลีการวเสน ปุนปฺปุนํ น กตํ. อิมานิปิ ทฺเวติ อิเมสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ อาคตานิ อิมานิปิ ทฺเว จิตฺตานิ.
๒๙-๓๐. นวเม อธิวหตีติ อาเนติ. ทุกฺเขนาติ กิจฺเฉน. ทุปฺเปสนโตติ ทุกฺเขน เปเสตพฺพโต. มตฺถกปฺปตฺตํ วิปสฺสนาสุขํ ปากติกชฺฌานสุขโต สนฺตตรปณีตตรเมวาติ อาห – ‘‘ฌานสุขโต วิปสฺสนาสุข’’นฺติ. เตนาห ภควา –
‘‘สฺุาคารํ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
อมานุสี รติ โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต.
‘‘ยโต ¶ ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔);
ตฺหิ จิตฺตํ วิสฺสฏฺอินฺทวชิรสทิสํ อโมฆภาวโต.
อกมฺมนิยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อทนฺตวคฺควณฺณนา
๓๑-๓๖. จตุตฺถสฺส ¶ ปเม อทนฺตนฺติ จิตฺตภาวนาย วินา น ทนฺตํ. เตนาห – ‘‘สติสํวรรหิต’’นฺติ. จตุตฺเถ ตติเย วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปฺจมฉฏฺเสุ ปุริมสทิโสเยวาติ ตติยจตุตฺถสทิโส เอว.
๓๗-๓๘. สตฺตมฏฺเมสุ อุปมา ปเนตฺถาติ ยถา ปมาทีสุ อทนฺตหตฺถิอสฺสาทโย อุปมาภาเวน คหิตา, เอวเมตฺถ สตฺถมฏฺเมสุ ‘‘อสํวุตฆรทฺวาราทิวเสน เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ.
๓๙-๔๐. นวมทสเมสุ จตูหิปิ ปเทหีติ อทนฺตาทีหิ จตูหิ ปเทหิ โยเชตฺวา นวมทสมานิ สุตฺตานิ วุตฺตานีติ โยชนา.
อทนฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปณิหิตอจฺฉวคฺควณฺณนา
๔๑. ปฺจมสฺส ¶ ปเม อุปมาว โอปมฺมํ, โส เอว อตฺโถ, ตสฺมึ โอปมฺมตฺเถ โพเธตพฺเพ นิปาโต. เสยฺยถาปีติ ยถาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ตตฺร ภควา กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ วตฺถสุตฺเต วิย, ปาริจฺฉตฺตโกปม (อ. นิ. ๗.๖๙) อคฺคิกฺขนฺโธปมาทิ (อ. นิ. ๗.๗๒) สุตฺเตสุ วิย จ. กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ โลณมฺพิลสุตฺเต (อ. นิ. ๓.๑๐๑) วิย, สุวณฺณการสตฺตสูริโยปมาทิสุตฺเตสุ ¶ (อ. นิ. ๗.๖๖) วิย จ. อิมสฺมึ ปน สาลิสูโกปเม อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหาติ โปตฺถเกสุ ลิขนฺติ, ตํ มชฺฌิมฏฺกถาย วตฺถสุตฺตวณฺณนาย (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๗๐) น สเมติ. ตตฺถ หิ อิทํ วุตฺตํ –
เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถนฺติ อุปมาวจนเมเวตํ. อุปมํ กโรนฺโต จ ภควา กตฺถจิ ปมํเยว อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสติ, กตฺถจิ ปมํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปมํ, กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ, กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ. ตถา เหส ‘‘เสยฺยถาปิสฺสุ, ภิกฺขเว, ทฺเว อคารา สทฺวารา, ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส มชฺเฌ ิโต ปสฺเสยฺยา’’ติ สกลมฺปิ เทวทูตสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๒๖๑ อาทโย) อุปมํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ, อากาเส’’ติอาทินา ปน นเยน สกลมฺปิ อิทฺธิวิธํ อตฺถํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปมํ ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๑๔) นเยน สกลมฺปิ จูฬสาโรปมสุตฺตํ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ…เป… เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก’’ติอาทินา นเยน สกลมฺปิ อลคทฺทสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๒๓๘) มหาสาโรปมสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ สุตฺตานิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห. สฺวายํ อิธ ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสตีติ.
เอตฺถ หิ จูฬสาโรปมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๑๒) ปมํ อุปมํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อุปเมยฺยตฺถํ วตฺวา ปุน อุปมํ วทนฺโต อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสตีติ วุตฺโต. อลคทฺทูปมสุตฺตาทีสุ ¶ ปน อตฺถํ ปมํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อุปมํ วตฺวา ปุน อตฺถํ วทนฺโต อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสตีติ วุตฺโต. เตเนเวตฺถ ลีนตฺถปฺปกาสินิยํ วุตฺตํ – ‘‘อุปเมยฺยตฺถํ ปมํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อตฺถํ วตฺวา ปุน อุปมํ วทนฺโต อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ¶ ทสฺเสตี’’ติ วุตฺโต. อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยติ. อิธ ปน กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ. ‘‘วตฺถสุตฺเต วิย ปาริจฺฉตฺตโกปมอคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเตสุ วิย จา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ วตฺถสุตฺเต ตาว ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถํ สํกิลิฏฺํ มลคฺคหิตํ, ตเมนํ รชโก ยสฺมึ ยสฺมึ รงฺคชาเต อุปสํหเรยฺย. ยทิ นีลกาย, ยทิ ปีตกาย, ยทิ โลหิตกาย, ยทิ มฺชิฏฺกาย, ทุรตฺตวณฺณเมวสฺส อปริสุทฺธวณฺณเมวสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? อปริสุทฺธตฺตา, ภิกฺขเว, วตฺถสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จิตฺเต สํกิลิฏฺเ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๗๐) ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปเมยฺยตฺโถ วุตฺโต, น ปน ปมํ อตฺถํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปุน อตฺโถ วุตฺโต. เยน กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ. วตฺถสุตฺเต วิยาติ วเทยฺย.
ตถา ปาริจฺฉตฺตโกปเมปิ ‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย เทวานํ ตาวตึสานํ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร ปณฺฑุปลาโส โหติ, อตฺตมนา, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา, ตสฺมึ สมเย โหนฺติ ปณฺฑุปลาโส ทานิ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร, น จิรสฺเสว ทานิ ปนฺนปลาโส ภวิสฺสติ…เป… เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยสฺมึ สมเย อริยสาวโก อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย เจเตติ. ปณฺฑุปลาโส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ตสฺมึ สมเย โหตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๖๙) ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต. อคฺคิกฺขนฺโธปเม ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตนฺติ. เอวํ, ภนฺเตติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาลิงฺเคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปชฺเชยฺย วา, ยํ ขตฺติยกฺํ วา พฺราหฺมณกฺํ วา คหปติกฺํ วา มุทุตลุนหตฺถปาทํ อาลิงฺเคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปชฺเชยฺย วา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๗๒) ปมํ อุปมํเยว ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต, น ปน ปมํ อตฺถํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปุน อตฺโถ วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ วตฺถสุตฺเต วิย ปาริจฺฉตฺตโกปมอคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเตสุ วิย จา’’ติ น วตฺตพฺพํ.
เกจิ ¶ ปเนตฺถ เอวํ วณฺณยนฺติ ‘‘อตฺถํ ปมํ วตฺวา ปจฺฉา จ อุปมํ ทสฺเสนฺโต อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ นาม, อุปมํ ปน ปมํ วตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อุปมาย อตฺถํ ¶ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ นาม, ตทุภยสฺสปิ อาคตฏฺานํ นิทสฺเสนฺโต ‘วตฺถสุตฺเต วิยา’ติอาทิมาหา’’ติ. ตมฺปิ ‘‘กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ วตฺถสุตฺเต วิย ปาริจฺฉตฺตโกปมอคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเตสุ วิย จา’’ติ วตฺตพฺพํ, เอวฺจ วุจฺจมาเน ‘‘กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ โลณมฺพิลสุตฺเต วิยา’’ติ วิสุํ น วตฺตพฺพํ ‘‘อคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเต วิยา’’ติ เอตฺถ อาทิสทฺเทเนว สงฺคหิตตฺตา. โลณมฺพิลสุตฺเตปิ หิ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท ราชานํ วา ราชมหามตฺตํ วา นานจฺจเยหิ สูเปหิ ปจฺจุปฏฺิโต อสฺส อมฺพิลคฺเคหิปิ ติตฺตกคฺเคหิปิ กฏุกคฺเคหิปิ มธุรคฺเคหิปิ ขาริเกหิปิ อขาริเกหิปิ โลณิเกหิปิ อโลณิเกหิปิ.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท สกสฺส ภตฺตสฺส นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติ ‘อิทํ วา เม อชฺช ภตฺตสูเปยฺยํ รุจฺจติ, อิมสฺส วา อภิหรติ, อิมสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อิมสฺส วา วณฺณํ ภาสติ. อมฺพิลคฺคํ วา เม อชฺช ภตฺตสูเปยฺยํ รุจฺจติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา อภิหรติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา วณฺณํ ภาสติ…เป… อโลณิกสฺส วา วณฺณํ ภาสตี’ติ. ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท ลาภี เจว โหติ อจฺฉาทนสฺส, ลาภี เวตนสฺส, ลาภี อภิหารานํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท สกสฺส ภตฺตนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป… เวทนาสุ…เป… จิตฺเต…เป… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. ตสฺส ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสิโน วิหรโต จิตฺตํ สมาธิยติ, อุปกฺกิเลสา ปหียนฺติ, โส ตํ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติ.
‘‘ส ¶ โข, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล ภิกฺขุ ลาภี เจว โหติ ทิฏฺเว ธมฺเม สุขวิหารานํ, ลาภี โหติ สติสมฺปชฺสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล ภิกฺขุ สกสฺส จิตฺตสฺส นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๔) –
เอวํ ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต. ‘‘สุวณฺณการสูริโยปมาทิสุตฺเตสุ วิย จา’’ติ ¶ อิทฺจ อุทาหรณมตฺเตน สงฺคหํ คจฺฉติ สุวณฺณการสุตฺตาทีสุ ปมํ อุปมาย อทสฺสิตตฺตา. เอเตสุ หิ สุวณฺณกาโรปมสุตฺเต (อ. นิ. ๓.๑๐๓) ตาว –
‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ตีณิ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานิ, กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ สมาธินิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ ปคฺคหนิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ อุเปกฺขานิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิเยยฺย อาสวานํ ขยาย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ…เป… ปคฺคหนิมิตฺตํ…เป… อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, ตํ โหติ จิตฺตํ มุทฺุจ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา อุกฺกํ พนฺเธยฺย, อุกฺกํ พนฺธิตฺวา อุกฺกามุขํ อาลิมฺเปยฺย, อุกฺกามุขํ อาลิมฺปิตฺวา สณฺฑาเสน ชาตรูปํ คเหตฺวา อุกฺกามุเข ปกฺขิเปยฺย, อุกฺกามุเข ปกฺขิปิตฺวา กาเลน กาลํ อภิธมติ, กาเลน กาลํ อุทเกน ปริปฺโผเสติ, กาเลน กาลํ อชฺฌุเปกฺขติ. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อภิธเมยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ ¶ ทเหยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อุทเกน ปริปฺโผเสยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ นิพฺพาเปยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อชฺฌุเปกฺเขยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ น สมฺมา ปริปากํ คจฺเฉยฺย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ กาเลน กาลํ อภิธมติ, กาเลน กาลํ อุทเกน ปริปฺโผเสติ, กาเลน กาลํ อชฺฌุเปกฺขติ, ตํ โหติ ชาตรูปํ มุทฺุจ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. ยสฺสา ยสฺสา จ ปิฬนฺธนวิกติยา อากงฺขติ, ยทิ ปฏฺฏิกาย ยทิ กุณฺฑลาย ยทิ คีเวยฺยเกน ยทิ สุวณฺณมาลาย, ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภติ.
‘‘เอวเมว ¶ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน ภิกฺขุ…เป… สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย. ยสฺส ยสฺส จ อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๓) –
เอวํ ปมํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ตทตนฺตรํ อุปมํ วตฺวา ปุนปิ อตฺโถ เอวํ ปมํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ตทนนฺตรํ อุปมํ วตฺวา ปุนปิ อตฺโถ วุตฺโต.
สตฺตสูริโยปเม จ –
‘‘อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา, อธุวา, ภิกฺขเว, สงฺขารา, อนสฺสาสิกา, ภิกฺขเว, สงฺขารา, ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุํ อลํ วิมุจฺจิตุํ. สิเนรุ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชา จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ อายาเมน, จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ วิตฺถาเรน, จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ มหาสมุทฺเท อชฺโฌคาฬฺโห, จตุราสีติโยชนสหสฺสานิ มหาสมุทฺทา อจฺจุคฺคโต. โหติ โส โข, ภิกฺขเว, สมโย, ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน พหูนิ วสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ เทโว น วสฺสติ, เทเว ¶ โข ปน, ภิกฺขเว, อวสฺสนฺเต เย เกจิเม พีชคามภูตคามา โอสธิติณวนปฺปตโย, เต อุสฺสุสฺสนฺติ วิสุสฺสนฺติ น ภวนฺติ. เอวํ อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา, เอวํ อธุวา, ภิกฺขเว, สงฺขารา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๖๖) –
ปมํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ตทนนฺตรํ อุปมํ วตฺวา ปุนปิ อตฺโถ วุตฺโต. อถ วา ‘‘สูริยสฺส, ภิกฺขเว, อุทยโต เอตํ ปุพฺพงฺคมํ เอตํ ปุพฺพนิมิตฺตํ, ยทิทํ อรุณุคฺคํ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อริยสฺส อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาทาย เอตํ ปุพฺพงฺคมํ เอตํ ปุพฺพนิมิตฺตํ, ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ ยเทตํ สํยุตฺตนิกาเย (สํ. นิ. ๕.๔๙) อาคตํ, ตํ อิธ สูริโยปมสุตฺตนฺติ อธิปฺเปตํ สิยา. ตมฺปิ ‘‘กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสตี’’ติ อิมินา น สเมติ ปมํ อุปมํ วตฺวา ตทนนฺตรํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ปุน อุปมาย อวุตฺตตฺตา. ปมเมว หิ ตตฺถ อุปมา ทสฺสิตา, ‘‘อิมสฺมึ ปน สาลิสูโกปเม อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเวติ อาทิมาหา’’ติ. อิทมฺปิ วจนมสงฺคหิตํ วตฺถสุตฺตสฺส อิมสฺส จ วิเสสาภาวโต. อุภยตฺถาปิ หิ ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺโถ วุตฺโต ¶ , ตสฺมา เอวเมตฺถ ปาเน ภวิตพฺพํ ‘‘ตตฺร ภควา กตฺถจิ ปมํเยว อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสติ วตฺถสุตฺเต วิย ปาริจฺฉตฺตโกปม- (อ. นิ. ๗.๖๙) อคฺคิกฺขนฺโธปมาทิสุตฺเตสุ (อ. นิ. ๗.๗๒) วิย จ, กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ สุวณฺณการสตฺตสูริโยปมาทิสุตฺเตสุ (อ. นิ. ๗.๖๖) วิย, อิมสฺมึ ปน สาลิสูโกปเม ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเวติ อาทิมาหา’’ติ. อฺถา มชฺฌิมฏฺกถาย วิรุชฺฌติ. อิธาปิ จ ปุพฺเพนาปรํ น สเมติ. มชฺฌิมฏฺกถาย วุตฺตนเยเนว วา อิธาปิ ปาโ คเหตพฺโพ.
กณสทิโส สาลิผลสฺส ตุณฺเฑ อุปฺปชฺชนกวาโล สาลิสูกํ, ตถา ยวสูกํ. สูกสฺส ตนุกภาวโต เภทวโต เภโท นาติมหา โหตีติ อาห – ‘‘ภินฺทิสฺสติ, ฉวึ ฉินฺทิสฺสตีติ อตฺโถ’’ติ. ยถา มิจฺฉาปิตสาลิสูกาทิ อกฺกนฺตมฺปิ หตฺถาทึ น ภินฺทติ ภินฺทิตุํ อโยคฺคภาเวน ิตตฺตา, เอวํ อาจยคามิจิตฺตํ อวิชฺชํ น ภินฺทติ ภินฺทิตุํ ¶ อโยคฺคภาเวน อุปฺปนฺนตฺตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘มิจฺฉาปิเตนา’’ติอาทินา. อฏฺสุ าเนสูติ ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา วุตฺเตสุ ทุกฺขาทีสุ จตูสุ สจฺเจสุ ปุพฺพนฺตาทีสุ จตูสุ จาติ อฏฺสุ าเนสุ. ฆนพหลนฺติ จิรกาลปริภาวนาย อติวิย พหลํ. มหาวิสยตาย มหาปฏิปกฺขตาย พหุปริวารตาย พหุทุกฺขตาย จ มหตี อวิชฺชาติ มหาอวิชฺชา. ตํ มหาอวิชฺชํ. มหาสทฺโท หิ พหุภาวตฺโถปิ โหติ ‘‘มหาชโน’’ติอาทีสุ วิย. ตณฺหาวานโต นิกฺขนฺตภาเวนาติ ตตฺถ ตณฺหาย อภาวเมว วทติ.
๔๒. ทุติเย ปาเทเนว อวมทฺทิเต อกฺกนฺตนฺติ วุจฺจมาเน หตฺเถน อวมทฺทิตํ อกฺกนฺตํ วิย อกฺกนฺตนฺติ รุฬฺหี เหสาติ อาห – ‘‘อกฺกนฺตนฺเตว วุตฺต’’นฺติ. อริยโวหาโรติ อริยเทสวาสีนํ โวหาโร. มหนฺตํ อคฺคเหตฺวา อปฺปมตฺตกสฺเสว คหเณ ปโยชนํ ทสฺเสตุํ – ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เตน ‘‘วิวฏฺฏูปนิสฺสยกุสลํ นาม โยนิโส อุปฺปาทิตํ อปฺปก’’นฺติ น จินฺเตตพฺพํ, อนุกฺกเมน ลทฺธปจฺจยํ หุตฺวา วฑฺฒมานํ ขุทฺทกนที วิย ปกฺขนฺทมโหฆา สมุทฺทํ, อนุกฺกเมน นิพฺพานมหาสมุทฺทเมว ปุริสํ ปาเปตีติ ทีเปติ. ปจฺเจกโพธึ พุทฺธภูมินฺติ จ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ. วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ ยถากฺกเมน วุตฺตํ.
๔๓. ตติเย โทเสน ปทุฏฺจิตฺตนฺติ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ, ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จ ทูสเนน วิสสํสฏฺปูติมุตฺตสทิเสน โทเสน ปทูสิตจิตฺตํ. อตฺตโน จิตฺเตนาติ อตฺตโน เจโตปริยาเณน สพฺพฺุตฺาเณน วา สหิเตน จิตฺเตน. ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ¶ . อิฏฺากาเรน เอตีติ อโย, สุขํ. สพฺพโส อเปโต อโย เอตสฺส, เอตสฺมาติ วา อปาโย, กายิกสฺส เจตสิกสฺส จ ทุกฺขสฺส คติ ปวตฺติฏฺานนฺติ ทุคฺคติ, การณาวเสน วิวิธํ วิกาเรน จ นิปาติยนฺติ เอตฺถาติ วินิปาโต, อปฺปโกปิ นตฺถิ อโย สุขํ เอตฺถาติ นิรโยติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๔๔. จตุตฺเถ สทฺธาปสาเทน ปสนฺนนฺติ สทฺธาสงฺขาเตน ปสาเทน ปสนฺนํ, น อินฺทฺริยานํ อวิปฺปสนฺนตาย. สุขสฺส คตินฺติ สุขสฺส ปวตฺติฏฺานํ. สุขเมเวตฺถ คจฺฉนฺติ, น ทุกฺขนฺติ วา สุคติ. มนาปิยรูปาทิตาย สห อคฺเคหีติ สคฺคํ, โลกํ.
๔๕. ปฺจเม ¶ ปริฬาหวูปสมกโร รหโท เอตฺถาติ รหโท, อุทกปุณฺโณ รหโท อุทกรหโท. อุทกํ ทหติ ธาเรตีติ อุทกทโห. อาวิโลติ กลลพหุลตาย อากุโล. เตนาห – ‘‘อวิปฺปสนฺโน’’ติ. ลุฬิโตติ วาเตน อาโลฬิโต. เตนาห – ‘‘อปริสณฺิโต’’ติ. วาตาภิฆาเตน วีจิตรงฺคมลสมากุลตาย หิ ปริโต น สณฺิโต วา อปริสณฺิโต. วาตาภิฆาเตน อุทกสฺส จ อปฺปภาเวน กลลีภูโต กทฺทมภาวปฺปตฺโตติ อาห – ‘‘กทฺทมีภูโต’’ติ. สิปฺปิโย มุตฺตสิปฺปิอาทโย. สมฺพุกา สงฺขสลากวิเสสา. จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปีติ ยถาลาภวจนเมตํ ทฏฺพฺพํ. ตเมว หิ ยถาลาภวจนตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ.
ปริโยนทฺเธนาติ ปฏิจฺฉาทิเตน. ตยิทํ การเณน อาวิลภาวสฺส ทสฺสนํ. ทิฏฺธมฺเม อิมสฺมึ อตฺตภาเว ภโว ทิฏฺธมฺมิโก, โส ปน โลกิโยปิ โหติ โลกุตฺตโรปีติ อาห – ‘‘โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโก’’ติ. เปจฺจ สมฺปเรตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโก. เตนาห – ‘‘โส หิ ปรตฺถ อตฺโถติ ปรตฺโถ’’ติ. อิติ ทฺวิธาปิ สกสนฺตติปริยาปนฺโน เอว คหิโตติ อิตรมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ – ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. อยนฺติ กุสลกมฺมปถสงฺขาโต ทสวิโธ ธมฺโม. สตฺถนฺตรกปฺปาวสาเนติ อิทํ ตสฺส อาสนฺนภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยสฺส กสฺสจิ อนฺตรกปฺปสฺสาวสาเนติ เวทิตพฺพํ. อริยานํ ยุตฺตนฺติ อริยานํ อริยภาวาย ยุตฺตํ, ตโต เอว อริยภาวํ กาตุํ สมตฺถํ. าณเมว เยฺยสฺส ปจฺจกฺขกรณฏฺเน ทสฺสนนฺติ อาห – ‘‘าณเมว หี’’ติอาทิ. กึ ปน ตนฺติ อาห – ‘‘ทิพฺพจกฺขู’’ติอาทิ.
๔๖. ฉฏฺเ อจฺโฉติ ตนุโก. ตนุภาวเมว หิ สนฺธาย ‘‘อพหโล’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปสนฺโน นาม อจฺโฉ น พหโล, ตสฺมา ‘‘ปสนฺโนติปิ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. วิปฺปสนฺโนติ วิเสเสน ปสนฺโน ¶ . โส ปน สมฺมา ปสนฺโน นาม โหตีติ อาห – ‘‘สุฏฺุ ปสนฺโน’’ติ. อนาวิโลติ อกลุโส. เตนาห – ‘‘ปริสุทฺโธ’’ติอาทิ. สงฺขนฺติ ขุทฺทกเสวาลํ, ยํ ‘‘ติลพีชก’’นฺติ วุจฺจติ. เสวาลนฺติ กณฺณิกเสวาลํ. ปณกนฺติ อุทกมลํ. จิตฺตสฺส อาวิลภาโว นีวรณเหตุโกติ อาห – ‘‘อนาวิเลนาติ ปฺจนีวรณวิมุตฺเตนา’’ติ.
๔๗. สตฺตเม ¶ รุกฺขชาตานีติ เอตฺถ ชาตสทฺเทน ปทวฑฺฒนเมว กตํ ยถา ‘‘โกสชาต’’นฺติ อาห – ‘‘รุกฺขานเมเวตํ อธิวจน’’นฺติ. โกจิ หิ รุกฺโข วณฺเณน อคฺโค โหติ ยถา ตํ รตฺตจนฺทนาทิ. โกจิ คนฺเธน ยถา ตํ โคสีตจนฺทนํ. โกจิ รเสน ขทิราทิ. โกจิ ถทฺธตาย จมฺปกาทิ. มคฺคผลาวหตาย วิปสฺสนาวเสน ภาวิตมฺปิ คหิตํ. ‘‘ตตฺถ ตตฺเถว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๓) วจนโต ‘‘อภิฺาปาทกจตุตฺถชฺฌานจิตฺตเมว, อาวุโส’’ติ ผุสฺสมิตฺตตฺเถโร วทติ.
๔๘. อฏฺเม จิตฺตสฺส ปริวตฺตนํ อุปฺปาทนิโรธา เอวาติ อาห – ‘‘เอวํ ลหุํ อุปฺปชฺชิตฺวา ลหุํ นิรุชฺฌนก’’นฺติ. อธิมตฺตปมาณตฺเถติ อติกฺกนฺตปมาณตฺเถ, ปมาณาตีตตายนฺติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘อติวิย น สุกรา’’ติ. จกฺขุวิฺาณมฺปิ อธิปฺเปตเมวาติ สพฺพสฺสปิ จิตฺตสฺส สมานขณตฺตา วุตฺตํ. จิตฺตสฺส อติวิย ลหุปริวตฺติภาวํ เถรวาเทน ทีเปตุํ – ‘‘อิมสฺมึ ปนตฺเถ’’ติอาทิ วุตฺตํ. จิตฺตสงฺขาราติ สสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ วทติ. วาหสตานํ โข, มหาราช, วีหีนนฺติ โปตฺถเกสุ ลิขนฺติ, ‘‘วาหสตํ โข, มหาราช, วีหีน’’นฺติ ปน ปาเน ภวิตพฺพํ. มิลินฺทปฺเหปิ (มิ. ป. ๔.๑.๒) หิ กตฺถจิ อยเมว ปาโ ทิสฺสติ. ‘‘วาหสตาน’’นฺติ วา ปจฺจตฺเต สามิวจนํ พฺยตฺตเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อฑฺฒจูฬนฺติ โถเกน อูนํ อุปฑฺฒํ. กสฺส ปน อุปฑฺฒนฺติ? อธิการโต วาหสฺสาติ วิฺายติ. ‘‘อฑฺฒจุทฺทส’’นฺติ เกจิ. ‘‘อฑฺฒจตุตฺถ’’นฺติ อปเร. สาธิกํ ทิยฑฺฒสตํ วาหาติ ทฬฺหํ กตฺวา วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. จตุนาฬิโก ตุมฺโพ. ปุจฺฉาย อภาเวนาติ ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, อุปมํ กาตุ’’นฺติ เอวํ ปวตฺตาย ปุจฺฉาย อภาเวน น กตา อุปมา. ธมฺมเทสนาปริโยสาเนติ สนฺนิปติตปริสาย ยถารทฺธธมฺมเทสนาย ปริโยสาเน.
๔๙. นวเม ปภสฺสรนฺติ ปริโยทาตํ สภาวปริสุทฺธฏฺเน. เตนาห – ‘‘ปณฺฑรํ ปริสุทฺธ’’นฺติ. ปภสฺสรตาทโย นาม วณฺณธาตุยํ ลพฺภนกวิเสสาติ อาห – ‘‘กึ ปน จิตฺตสฺส วณฺโณ นาม อตฺถี’’ติ? อิตโร อรูปตาย ‘‘นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปริยายกถา อยํ ตาทิสสฺส จิตฺตสฺส ปริสุทฺธภาวนาทีปนายาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นีลาทีน’’นฺติอาทิมาห. ตถา ¶ หิ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔๓-๒๔๔; ม. นิ. ๑.๓๘๔-๓๘๖, ๔๓๑-๔๓๓; ปารา. ๑๒-๑๓) วุตฺตํ ¶ . เตเนวาห – ‘‘อิทมฺปิ นิรุปกฺกิเลสตาย ปริสุทฺธนฺติ ปภสฺสร’’นฺติ. กึ ปน ภวงฺคจิตฺตํ นิรุปกฺกิเลสนฺติ? อาม สภาวโต นิรุปกฺกิเลสํ, อาคนฺตุกอุปกฺกิเลสวเสน ปน สิยา อุปกฺกิลิฏฺํ. เตนาห – ‘‘ตฺจ โข’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺตโน เตสฺจ ภิกฺขูนํ ปจฺจกฺขภาวโต ปุพฺเพ ‘‘อิท’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ปจฺจามสนวเสน ‘‘ต’’นฺติ อาห. จ-สทฺโท อตฺถูปนยเน. โข-สทฺโท วจนาลงฺกาเร, อวธารเณ วา. วกฺขมานสฺส อตฺถสฺส นิจฺฉิตภาวโต ภวงฺคจิตฺเตน สหาวฏฺานาภาวโต อุปกฺกิเลสานํ อาคนฺตุกตาติ อาห – ‘‘อสหชาเตหี’’ติอาทิ. ราคาทโย อุเปจฺจ จิตฺตสนฺตานํ กิลิสฺสนฺติ วิพาเธนฺติ อุปตาเปนฺติ จาติ อาห – ‘‘อุปกฺกิเลเสหีติ ราคาทีหี’’ติ. ภวงฺคจิตฺตสฺส นิปฺปริยายโต อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺตา นาม นตฺถิ อสํสฏฺภาวโต, เอกสนฺตติปริยาปนฺนตาย ปน สิยา อุปกฺกิลิฏฺตาปริยาโยติ อาห – ‘‘อุปกฺกิลิฏฺํ นามาติ วุจฺจตี’’ติ. อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. เตน ภินฺนสนฺตานคตายปิ นาม อิริยาย โลเก คารยฺหตา ทิสฺสติ, ปเคว เอกสนฺตานคตาย อิริยายาติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสติ. เตนาห – ‘‘ชวนกฺขเณ…เป… อุปกฺกิลิฏฺํ นาม โหตี’’ติ.
๕๐. ทสเม ภวงฺคจิตฺตเมว จิตฺตนฺติ ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ ภวงฺคจิตฺตเมว. ยทคฺเคน ภวงฺคจิตฺตํ ตาทิสปจฺจยสมวาเย อุปกฺกิลิฏฺํ นาม วุจฺจติ, ตทคฺเคน ตพฺพิธุรปจฺจยสมวาเย อุปกฺกิเลสโต วิมุตฺตนฺติ วุจฺจติ. เตนาห – ‘‘อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺตํ นาม โหตี’’ติ. เสสเมตฺถ นวมสุตฺเต วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
ปณิหิตอจฺฉวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา
๕๑. ฉฏฺสฺส ¶ ปเม อสฺสุตวาติ เอตฺถ ‘‘สาธุ ปฺาณวา นโร’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) อตฺถิตามตฺตสฺส โพธโก วา-สทฺโท. ‘‘สีลวา โหติ กลฺยาณธมฺโม’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๘๑) ปสํสาวิสิฏฺาย อตฺถิตาย. ‘‘ปฺวา โหติ ¶ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๑๗; ม. นิ. ๒.๒๕) อติสยตฺถวิสิฏฺาย อตฺถิตาย, ตสฺมา ยสฺส ปสตฺถํ อติสเยน วา สุตํ อตฺถิ, โส สุตวา, สํกิเลสวิทฺธํสนสมตฺถํ ปริยตฺติธมฺมสฺสวนํ, ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฏิปตฺติ จ ‘‘สุตวา’’ติ อิมินา ปเทน ปกาสิตา. โสตพฺพยุตฺตํ สุตฺวา กตฺตพฺพนิปฺผตฺติวเสน สุณีติ วา สุตวา, ตปฺปฏิกฺเขเปน น สุตวาติ อสฺสุตวา.
อยฺหิ อกาโร ‘‘อเหตุกา ธมฺมา (ธ. ส. ๒ ทุกมาติกา), อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๔๗) ตํสมาโยคนิวตฺติยํ ทิฏฺโ. ‘‘อปฺปจฺจยา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๗ ทุกมาติกา) ตํสมฺพนฺธิภาวนิวตฺติยํ. ปจฺจยุปฺปนฺนฺหิ ปจฺจยสมฺพนฺธีติ อปจฺจยุปฺปนฺนตฺตา อตํสมฺพนฺธิตา เอตฺถ โชติตา. ‘‘อนิทสฺสนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๙ ทุกมาติกา) ตํสภาวนิวตฺติยํ. นิทสฺสนฺหิ เอตฺถ ทฏฺพฺพตา. อถ วา ปสฺสตีติ นิทสฺสนํ, จกฺขุวิฺาณํ. ตคฺคเหตพฺพตานิวตฺติยํ, ตถา ‘‘อนาสวา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๕ ทุกมาติกา). ‘‘อปฺปฏิฆา ธมฺมา (ธ. ส. ๑๐ ทุกมาติกา) อนารมฺมณา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๕๕ ทุกมาติกา) ตํกิจฺจนิวตฺติยํ. ‘‘อรูปิโน ธมฺมา อเจตสิกาธมฺมา’’ติ ตํสภาวนิวตฺติยํ. ตทฺตา หิ อิธ ปกาสิตา. ‘‘อมนุสฺโส’’ติ ตพฺภาวมตฺตนิวตฺติยํ. มนุสฺสตฺตมตฺตํ นตฺถิ, อฺํ ตํสทิสนฺติ. สทิสตา หิ เอตฺถ สูจิตา. ‘‘อสฺสมโณ สมณปฏิฺโ อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฏิฺโ’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓) จ ตํสมฺภาวนียคุณนิวตฺติยํ. ครหา หิ อิธ ายติ. ‘‘กจฺจิ โภโต อนามยํ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๐.๑๒๙) อนุทรา กฺา’’ติ จ ตทนปฺปภาวนิวตฺติยํ. ‘‘อนุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๗ ติกมาติกา) ตํสทิสภาวนิวตฺติยํ. อตีตานฺหิ อุปฺปนฺนปุพฺพตฺตา อุปฺปาทิธมฺมานฺจ ปจฺจเยกเทสสิทฺธิยา อารทฺธุปฺปาทภาวโต กาลวินิมุตฺตสฺส จ วิชฺชมานตฺตา อุปฺปนฺนานุกูลตา, ปเคว ปจฺจุปฺปนฺนานนฺติ ตพฺพิธุรตา เหตฺถ วิฺายติ. ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๑ ติกมาติกา) ตทปริโยสานนิวตฺติยํ. ตนฺนิฏฺานฺเหตฺถ ปกาสิตนฺติ เอวํ อเนเกสํ ¶ อตฺถานํ โชตโก. อิธ ปน ‘‘อรูปิโน ธมฺมา (ธ. ส. ๑๑ ทุกมาติกา), อเจตสิกา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๕๗ ทุกมาติกา) วิย ตํสภาวนิวตฺติยํ ทฏฺพฺโพ, อฺตฺเถติ อตฺโถ. เอเตนสฺส สุตาทิาณวิรหํ ทสฺเสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อาคมาธิคมาภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิตี’’ติ.
อิทานิ ¶ ตสฺสตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘โย หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา ขนฺธธาตาทิโกสลฺเลนปิ อุปกฺกิเลสอุปกฺกิลิฏฺานํ ชานนเหตุภูตํ พาหุสจฺจํ โหติ. ยถาห – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, พหุสฺสุโต โหติ? ยโต โข, ภิกฺขุ, ขนฺธกุสโล โหติ. ธาตุ…เป… อายตน…เป… ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสโล โหติ. เอตฺตาวตา โข, ภิกฺขุ, พหุสฺสุโต โหตี’’ติ. ตสฺมา ‘‘ยสฺส จ ขนฺธธาตุอายตนปจฺจยาการสติปฏฺานาทีสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโห. อตฺถปริปุจฺฉนํ ปุริปุจฺฉา. กุสเลหิ สห โจทนาปริหรณวเสน วินิจฺฉยกรณํ วินิจฺฉโย. อาจริเย ปน ปยิรุปาสิตฺวา อตฺถธมฺมานํ อาคมนํ สุตมยาณวเสน อวพุชฺฌนํ อาคโม. มคฺคผลนิพฺพานานํ สจฺฉิกิริยา อธิคโม.
พหูนํ นานปฺปการานํ สกฺกายทิฏฺาทีนํ อวิหตตฺตา ตา ชเนนฺติ, ตาหิ วา ชนิตาติ ปุถุชฺชนา. อวิฆาตเมว วา ชน-สทฺโท วทติ. ปุถุ สตฺถารานํ มุขุลฺโลกิกาติ เอตฺถ ปุถู ชนา สตฺถุปฏิฺา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา. สพฺพคตีหิ อวุฏฺิตาติ เอตฺถ ชเนตพฺพา, ชายนฺติ วา เอตฺถ สตฺตาติ ชนา, คติโย, ตา ปุถู เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา. อิโต ปเร ชายนฺติ เอเตหีติ ชนา, อภิสงฺขาราทโย, เต เอเตสํ ปุถู วิชฺชนฺตีติ ปุถุชฺชนา. อภิสงฺขาราทิอตฺโถ เอว วา ชน-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. โอฆา กาโมฆาทโย. ราคคฺคิอาทโย สนฺตาปา. เต เอว สพฺเพปิ วา กิเลสา ปริฬาหา. ปุถุ ปฺจสุ กามคุเณสุ รตฺตาติ เอตฺถ ชายตีติ ชโน, ราโค เคโธติ เอวมาทิโก, ปุถุ ชโน เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา. ปุถูสุ ชนา ชาตา รตฺตาติ เอวํ ราคาทิอตฺโถ เอว วา ชน-สทฺโท ทฏฺพฺโพ.
รตฺตาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามกเรน ฉนฺทราเคน รตฺตา สารตฺตา. คิทฺธาติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิคิชฺฌเนน คิทฺธา เคธํ อาปนฺนา. คธิตาติ คนฺถิตา วิย ทุมฺโมจนียภาเวน ตตฺถ ปฏิพทฺธา. มุจฺฉิตาติ กิเลสวเสน วิสฺิภูตา วิย อนฺกิจฺจา โมหมาปนฺนา. อชฺโฌปนฺนาติ อนฺสาธารเณ วิย กตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฏฺาเปตฺวา ิตา. ลคฺคาติ วงฺกกณฺฏเก วิย อาสตฺตา, มหาปลิเป ยาว นาสิกคฺคา ปลิปนฺนปุริโส วิย อุทฺธริตุํ อสกฺกุเณยฺยภาเวน นิมุคฺคา ¶ . ลคฺคิตาติ มกฺกฏาเลเป อาลคฺคภาเวน ¶ สมฺมสิโต วิย มกฺกโฏ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ วเสน อาลคฺคิตา. ปลิพุทฺธาติ สมฺพทฺธา, อุปทฺทุตา วา. อาวุตาติ อาวริตา. นิวุตาติ นิวาริตา. โอวุตาติ ปลิคุณฺิตา, ปริโยนทฺธา วา. ปิหิตาติ ปิทหิตา. ปฏิจฺฉนฺนาติ ฉาทิตา. ปฏิกุชฺชิตาติ เหฏฺามุขชาตา.
‘‘อสฺสุตวา’’ติ เอเตน อวิชฺชนฺธตา วุตฺตาติ อาห – ‘‘อนฺธปุถุชฺชโน วุตฺโต’’ติ. จิตฺตฏฺิติ จิตฺตปริคฺคโห นตฺถีติ ยาย ปฏิปตฺติยา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ตโต วิปฺปมุตฺติฺจ ยถาสภาวโต ชาเนยฺย, สา จิตฺตภาวนา จิตฺตฏฺิติ. เอการมฺมเณ สุฏฺุ สมาธานวเสน อวฏฺิตึ ปาทกํ กตฺวา ปวตฺติตา สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ นิสฺสยารมฺมเณหิ จ สทฺธึ จิตฺตสฺส ปริคฺคหสฺิตา วิปสฺสนาภาวนาปิ นตฺถิ, ยาย วุตฺตมตฺถํ ยถาสภาวโต ชาเนยฺย.
๕๒. ทุติเย สุตวาติ ปทสฺส อตฺโถ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺโตเยว. อริยสาวโกติ เอตฺถ จตุกฺกํ สมฺภวตีติ ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘อตฺถิ อริโย’’ติอาทิ อารทฺธํ. ปจฺเจกํ สจฺจานิ พุทฺธวนฺโตติ ปจฺเจกพุทฺธา. นนุ สพฺเพปิ อริยา ปจฺเจกเมว สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ ธมฺมสฺส ปจฺจตฺตเวทนียภาวโต? นยิทมีทิสํ ปฏิเวธํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถา ปน สาวกา อฺเสํ นิสฺสเยน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ ปรโตโฆเสน วินา เตสํ ทสฺสนมคฺคสฺส อนุปฺปชฺชนโต. ยถา จ สมฺมาสมฺพุทฺธา อฺเสํ นิสฺสยภาเวน สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌนฺติ, น เอวเมเต, เอเต ปน อปรเนยฺยา หุตฺวา อปรนายกภาเวน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปจฺเจกํ สจฺจานิ พุทฺธวนฺโตติ ปจฺเจกพุทฺธา’’ติ.
อตฺถิ สาวโก น อริโยติ เอตฺถ โปถุชฺชนิกาย สทฺธาย รตนตฺตเย อภิปฺปสนฺโน สทฺโธปิ คหิโต เอว. คิหี อนาคตผโลติ อิทํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. ยถาวุตฺตปุคฺคโล หิ สรณคมนโต ปฏฺาย โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโนอิจฺเจว วตฺตพฺพตํ ลภติ. สฺวายมตฺโถ ทกฺขิณาวิสุทฺธิสุตฺเตน (ม. นิ. ๓.๓๗๖ อาทโย) ทีเปตพฺโพ. สุตวาติ เอตฺถ วุตฺตอตฺโถ นาม อตฺตหิตปรหิตปฺปฏิปตฺติ, ตสฺส วเสน สุตสมฺปนฺโน. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โส จ โหติ สุเตน อุปปนฺโน, อปฺปมฺปิ ¶ เจ สหิตํ ภาสมาโน’’ติ จ อาทิ. อริยสาวโกติ เวทิตพฺโพติ อริยสฺส ภควโต ธมฺมสฺสวนกิจฺเจ ยุตฺตปฺปยุตฺตภาวโต วุตฺตํ. อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺติ อนุปกฺกิลิฏฺตา, ตสฺสา ยถาสภาวชานนํ ทฬฺหตราย เอว จิตฺตภาวนาย สติ โหติ, น อฺถาติ ‘‘พลววิปสฺสนา กถิตา’’ติ วุตฺตํ.
๕๓. ตติเย อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตนฺตอฏฺุปฺปตฺติยนฺติ อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺเต (อ. นิ. ๗.๗๒) เทสนาอฏฺุปฺปตฺติยํ ¶ . ตํเทสนาเหตุกฺหิ เอกจฺจานํ ภิกฺขูนํ มิจฺฉาปฏิปตฺตึ นิมิตฺตํ กตฺวา ภควา อิมํ สุตฺตํ เทเสสิ. อวิชหิตเมว โหติ สพฺพกาลํ สุปฺปติฏฺิตสติสมฺปชฺตฺตา. ยสฺมา พุทฺธานํ รูปกาโย พาหิรพฺภนฺตเรหิ มเลหิ อนุปกฺกิลิฏฺโ สุโธตชาติมณิสทิโส, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อุปฏฺากานุคฺคหตฺถํ สรีรผาสุกตฺถฺจา’’ติ. วีตินาเมตฺวาติ ผลสมาปตฺตีหิ วีตินาเมตฺวา. กาลปริจฺเฉทวเสน วิวิตฺตาสเน วีตินามนํ วิเวกนินฺนตาย เจว ปเรสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนตฺถฺจ. นิวาเสตฺวาติ วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสน นิวาเสตฺวา. กทาจิ เอกกสฺส, กทาจิ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตสฺส, กทาจิ ปกติยา, กทาจิ ปาฏิหาริเยหิ วตฺตมาเนหิ จ คามปฺปเวโส ตถา ตถา วิเนตพฺพปุคฺคลวเสน. อุปสํหริตฺวาติ หิมวนฺตาทีสุ ปุปฺผิตรุกฺขาทิโต อาเนตฺวา. โอณตุณฺณตาย ภูมิยา สตฺถุ ปทนิกฺเขปสมเย สมภาวาปตฺติ, สุขสมฺผสฺสวิกสิตปทุมสมฺปฏิจฺฉนฺจ สุปฺปติฏฺิตปาทตาย นิสฺสนฺทผลํ, น อิทฺธินิมฺมานํ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ สกฺขรากลกณฺฏกสงฺกุกลลาทิอปคโม สุจิภาวาปตฺตีติ เอวมาทีนมฺปิ ตทา ลพฺภนโต.
อินฺทขีลสฺส อนฺโต ปิตมตฺเตติ อิทํ ยาวเทว เวเนยฺยชนวินยตฺถาย สตฺถุ ปาฏิหาริยํ ปวตฺตนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. ทกฺขิณปาเทติ อิทํ พุทฺธานํ สพฺพปทกฺขิณตาย. ‘‘ฉพฺพณฺณรสฺมิโย’’ติ วตฺวาปิ ‘‘สุวณฺณรสปิฺชรานิ วิยา’’ติ อิทํ พุทฺธานํ สรีเร ปีตาภาย เยภุยฺยตาย วุตฺตํ. มธุเรนากาเรน สทฺทํ กโรนฺติ ทฏฺพฺพสารสฺส ทิฏฺตาย. เภริอาทีนํ ปน สทฺทายนํ ธมฺมตาว. ปฏิมาเนนฺตีติ ‘‘สุทุลฺลภํ อิทํ อชฺช อมฺเหหิ ลพฺภติ, เย มยํ อีทิเสน ปณีเตน อาหาเรน ภควนฺตํ อุปฏฺหามา’’ติ ปตีตมานสา มาเนนฺติ ปูเชนฺติ. เตสํ สนฺตานานิ โอโลเกตฺวาติ ¶ เตสํ ตถา อุปฏฺากานํ ปุคฺคลานํ อตีเต เอตรหิ จ ปวตฺตจิตฺตสนฺตานานิ โอโลเกตฺวา. อรหตฺเต ปติฏฺหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถาติ วิหาเร. คนฺธมณฺฑลมาเฬติ จตุชฺชาติยคนฺเธน กตปริภณฺเฑ มณฺฑลมาเฬ.
ทุลฺลภา ขณสมฺปตฺตีติ สติปิ มนุสฺสตฺตปฺปฏิลาเภ ปติรูปเทสวาสอินฺทฺริยาเวกลฺลสทฺธาปฏิลาภาทโย คุณา ทุลฺลภาติ อตฺโถ. จาตุมหาราชิก…เป… วสวตฺติภวนํ คจฺฉนฺตีติ อิทํ ตตฺถ สฺุวิมานานิ สนฺธาย วุตฺตํ. ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ตโย ภาเค กตฺวา ปมภาเค สเจ อากงฺขติ, ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ. สเจ อากงฺขติ, พุทฺธาจิณฺณผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ. อถ ยถากาลปริจฺเฉทํ ตโต วุฏฺหิตฺวา ทุติยภาเค ปจฺฉิมยาเม ตติยโกฏฺาเส วิย โลกํ โวโลเกติ เวเนยฺยานํ าณปริปากํ ปสฺสิตุํ. เตนาห – ‘‘สเจ อากงฺขตี’’ติอาทิ.
กาลยุตฺตนฺติ ¶ ปตฺตกลฺลํ, ‘‘อิมิสฺสา เวลาย อิมสฺส เอวํ วตฺตพฺพ’’นฺติ ตํกาลานุรูปํ. สมยยุตฺตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ, อฏฺุปฺปตฺติอนุรูปํ วา. สมยยุตฺตนฺติ วา อริยสมยสํยุตฺตํ. เทสกาลานุรูปเมว หิ พุทฺธา ภควนฺโต ธมฺมํ เทเสนฺติ, เทเสนฺตา จ อริยสมฺมตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทนยํ ทีเปนฺตาว เทเสนฺติ. อถ วา สมยยุตฺตนฺติ เหตูทาหรณสหิตํ. กาเลน สาปเทสฺหิ ภควา ธมฺมํ เทเสติ, กาลํ วิทิตฺวา ปริสํ อุยฺโยเชติ, น ยาว สมนฺธการา ธมฺมํ เทเสติ.
อุตุํ คณฺหาเปติ, น ปน มลํ ปกฺขาเลตีติ อธิปฺปาโย. น หิ ภควโต กาเย รโชชลฺลํ อุปลิมฺปตีติ. ตโต ตโตติ อตฺตโน อตฺตโน ทิวาฏฺานาทิโต. โอกาสํ ลภมานาติ ปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปุริมยาเมสุ โอกาสํ อลภิตฺวา อิทานิ มชฺฌิมยาเม โอกาสํ ลภมานา, ภควตา วา กโตกาสตาย โอกาสํ ลภมานา. ปจฺฉาภตฺตสฺส ตีสุ ภาเคสุ ปมภาเค สีหเสยฺยกปฺปนํ เอกนฺติกํ น โหตีติ อาห – ‘‘ปุเรภตฺตโต ปฏฺาย นิสชฺชาปีฬิตสฺส สรีรสฺสา’’ติ. เตเนว หิ ตตฺถ ‘‘สเจ อากงฺขตี’’ติ ตทา สีหเสยฺยกปฺปนสฺส อนิพทฺธตา วิภาวิตา. กิลาสุภาโว ปริสฺสโม ¶ . สีหเสยฺยํ กปฺเปติ สรีรสฺส กิลาสุภาวโมจนตฺถนฺติ โยเชตพฺพํ. พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตีติ อิทํ ปจฺฉิมยาเม ภควโต พหุลํ อาจิณฺณวเสน วุตฺตํ. อปฺเปกทา อวสิฏฺพลาเณหิ สพฺพฺุตฺาเณเนว จ ภควา ตมตฺถํ สาเธตีติ.
อิมสฺมึเยว กิจฺเจติ ปจฺฉิมยามกิจฺเจ. พลวตา ปจฺจนุตาเปน สํวฑฺฒมาเนน กรชกาเย มหาปริฬาโห อุปฺปชฺชตีติ อาห – ‘‘นามกาเย สนฺตตฺเต กรชกาโย สนฺตตฺโต’’ติ. นิธานคตนฺติ สนฺนิจิตโลหิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคฺฉีติ โลหิตํ อุณฺหํ หุตฺวา มุขโต อุคฺคฺฉิ. านนฺติ ภิกฺขุปฏิฺํ. ตํ ปาปํ วฑฺฒมานนฺติ ภิกฺขุปฏิฺาย อวิชหิตตฺตา ตถา ปวฑฺฒมานปาปํ. อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนานมฺปิ อุปาเยน ปวตฺติยมาโน โยนิโสมนสิกาโร สาตฺถโก โหติเยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ชาตสํเวคา’’ติอาทิมาห. อโห สลฺเลขิตนฺติ อโห อติวิย สลฺเลเขน อิตํ ปวตฺตํ. กาสาวปชฺโชโตติ ภิกฺขูนํ พหุภาวโต อิโต จิโต จ วิจรนฺตานํ เตสํ กาสาวชุติยา ปชฺโชติโต. อิสิวาตปริวาโตติ สีลกฺขนฺธาทีนํ นิพฺพานสฺส จ เอสนโต อิสีนํ ภิกฺขูนํ คุณคนฺเธน เจว คุณคนฺธวาสิเตน สรีรคนฺเธน จ ปริโต สมนฺตโต วายิโต.
ธมฺมสํเวโค อุปฺปชฺชิ อนาวชฺชเนน ปุพฺเพ ตสฺส อตฺถสฺส อสํวิทิตตฺตา. ธมฺมสํเวโคติ จ ¶ ตาทิเส อตฺเถ ธมฺมตาวเสน อุปฺปชฺชนกํ สโหตฺตปฺปาณํ. อสฺสาสฏฺานนฺติ จิตฺตสฺสาสการณํ กมฺมฏฺานํ. สพฺเพสํ กิจฺจานํ ปุพฺพภาโค สพฺพปุพฺพภาโค. ‘‘สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตู’’ติอาทินา หิ จิตฺตสฺส ปฏฺานํ อุปฏฺานํ หิตผรณํ. อิตรํ อิโต โถกํ มหนฺตนฺติ กตฺวา อิทํ ‘‘จูฬจฺฉราสงฺฆาตสุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อจฺฉราสงฺฆาโต วุจฺจติ องฺคุลิโผฏนกฺขโณ อกฺขินิมิสกาโล, โย เอกสฺส อกฺขรสฺส อุจฺจารณกฺขโณ. เตนาห – ‘‘ทฺเว องฺคุลิโย ปหริตฺวา สทฺทกรณมตฺต’’นฺติ. สพฺพสตฺตานํ หิตผรณจิตฺตนฺติ สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ สมฺมเทว หิเตสิตวเสน ปวตฺตจิตฺตํ. อาวชฺเชนฺโต อาเสวตีติ หิเตสิตวเสน อาวชฺเชนฺโต. อาวชฺชเนน อาภุชนฺโตปิ อาเสวติ นาม าณวิปฺปยุตฺเตน. ชานนฺโตติ ตถา าณมตฺตํ อุปฺปาเทนฺโตปิ. ปสฺสนฺโตติ ตถา าณจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต วิย วิปสฺสนฺโตปิ. ปจฺจเวกฺขนฺโตติ ตมตฺถํ ปติ ¶ ปติ อเวกฺขนฺโตปิ. สทฺธาย อธิมุจฺจนฺโตติอาทิ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ วเสน วุตฺตํ. อภิฺเยฺยนฺติอาทิ จตุสจฺจวเสน วุตฺตํ. สพฺพเมว เจตํ วิตฺถารโต, สามฺเน อาเสวนทสฺสนเมวาติ อิธาธิปฺเปตเมว อาเสวนตฺถํ ทสฺเสตุํ – ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อริตฺตชฺฌาโนติ อวิรหิตชฺฌาโน. อตุจฺฉชฺฌาโนติ ฌาเนน อตุจฺโฉ. จาโค วา เววจนนฺติ อาห – ‘‘อปริจฺจตฺตชฺฌาโน’’ติ. วิหรตีติ ปทสฺส วิภงฺเค (วิภ. ๕๔๐) อาคตนเยน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิหรตีติ อิริยตี’’ติอาทิมาห. อยํ ปเนตฺถ สทฺทตฺโถ – วิหรตีติ เอตฺถ วิ-สทฺโท วิจฺเฉทตฺถโชตโน. หรตีติ เนติ, ปวตฺเตตีติ อตฺโถ, วิจฺฉินฺทิตฺวา หรติ วิหรตีติ วุตฺตํ โหติ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา ‘‘วิหรตี’’ติ วุจฺจติ. อิริยตีติ านนิสชฺชาทิกิริยํ กโรนฺโต ปวตฺตติ. ปวตฺตตีติ านาทิสมงฺคี หุตฺวา ปวตฺตติ. ปาเลตีติ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อิริยาปถนฺตเรหิ รกฺขนฺโต ปาเลติ. ยเปติ ยาเปตีติ ตสฺเสว เววจนํ. เอกฺหิ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ ปาเลนฺโต ยเปติ ยาเปตีติ วุจฺจติ. จรตีติ านนิสชฺชาทีสุ อฺตรสมงฺคี หุตฺวา ปวตฺตติ. อิมินา ปเทนาติ ‘‘วิหรตี’’ติ อิมินา ปเทน.
อิริยาปถวิหาโรติ เอตฺถ อิริยนํ ปวตฺตนํ อิริยา, กายปฺปโยโค กายิกกิริยา. ตสฺสา ปวตฺตนูปายภาวโต อิริยาย ปโถ อิริยาปโถ, านนิสชฺชาทิ. น หิ านนิสชฺชาทีหิ อวตฺถาหิ วินา กิฺจิ กายิกกิริยํ ปวตฺเตตุํ สกฺกา. านสมงฺคี วา หิ กาเยน กิฺจิ กเรยฺย, คมนาทีสุ อฺตรสมงฺคี วา. วิหรณํ, วิหรติ เอเตนาติ วา วิหาโร, อิริยาปโถว วิหาโร อิริยาปถวิหาโร, โส จ อตฺถโต านนิสชฺชาทิอาการปฺปวตฺโต จตุสนฺตติรูปปฺปพนฺโธ ¶ เอว. โอวาทานุสาสนีนํ เอกาเนกวาราทิวิสิฏฺโเยว เภโท, น ปน ปรมตฺถโต เตสํ นานากรณนฺติ ทสฺเสตุํ – ‘‘ปรมตฺถโต ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอเส เอเก เอกฏฺเติอาทีสุ เอโส เอโก เอกตฺโถติอาทินา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
รฏฺสฺส ¶ , รฏฺโต วา ลทฺโธ ปิณฺโฑ รฏฺปิณฺโฑ. เตนาห – ‘‘าติปริวฏฺฏํ ปหายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘อมฺหากเมเต’’ติ วิฺายนฺตีติ าตี, ปิตามหปิตุปุตฺตาทิวเสน ปริวฏฺฏนฏฺเน ปริวฏฺโฏ, าติเยว ปริวฏฺโฏ าติปริวฏฺโฏ. เถยฺยปริโภโค นาม อนรหสฺส ปริโภโค. ภควตา หิ อตฺตโน สาสเน สีลวโต ปจฺจยา อนฺุาตา, น ทุสฺสีลสฺส. ทายกานมฺปิ สีลวโต เอว ปริจฺจาโค, น ทุสฺสีลสฺส อตฺตโน การานํ มหปฺผลภาวสฺส ปจฺจาสีสนโต. อิติ สตฺถารา อนนฺุาตตฺตา ทายเกหิ จ อปริจฺจตฺตตฺตา สงฺฆมชฺเฌปิ นิสีทิตฺวา ปริภฺุชนฺตสฺส ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยาย ปริโภโค เถยฺยปริโภโค. อิณวเสน ปริโภโค อิณปริโภโค ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิยา อภาวโต อิณํ คเหตฺวา ปริโภโค วิยาติ อตฺโถ.
ทาตพฺพฏฺเน ทายํ, ตํ อาทิยนฺตีติ ทายาทา, ปุตฺตานเมตํ อธิวจนํ, เตสํ ภาโว ทายชฺชํ, ทายชฺชวเสน ปริโภโค ทายชฺชปริโภโค, ปุตฺตภาเวน ปริโภโคติ วุตฺตํ โหติ. เสกฺขา หิ ภิกฺขู ภควโต โอรสปุตฺตา, เต ปิตุ สนฺตกานํ ทายาทา หุตฺวา เต ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ. กึ ปน เต ภควโต ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ, อุทาหุ คิหีนนฺติ? คิหีหิ ทินฺนาปิ ภควตา อนฺุาตตฺตา ภควโต สนฺตกา อนนฺุาเตสุ สพฺเพน สพฺพํ ปริโภคาภาวโต, อนฺุาเตสุเยว จ ปริโภคสมฺภวโต. ธมฺมทายาทสุตฺตฺเจตฺถ สาธกํ.
วีตราคา เอว ตณฺหาย ทาสพฺยํ อตีตตฺตา สามิโน หุตฺวา ปริภฺุชนฺตีติ อาห – ‘‘ขีณาสวสฺส ปริโภโค สามิปริโภโค นามา’’ติ. อวีตราคานฺหิ ตณฺหาปรวสตาย ปจฺจยปริโภเค สามิภาโว นตฺถิ, ตทภาเวน วีตราคานํ ตตฺถ สามิภาโว ยถารุจิปริโภคสมฺภวโต. ตถา หิ เต ปฏิกูลมฺปิ อปฺปฏิกูลากาเรน, อปฺปฏิกูลมฺปิ ปฏิกูลากาเรน, ตทุภยมฺปิ วชฺเชตฺวา อชฺฌุเปกฺขนากาเรน ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ, ทายกานฺจ มโนรถํ ปูเรนฺติ. โย ปนายํ สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค, โส อิณปริโภคสฺส ปจฺจนีกตฺตา อาณณฺยปริโภโค นาม โหติ. ยถา หิ อิณายิโก อตฺตโน รุจิยา อิจฺฉิตํ เทสํ คนฺตุํ น ลภติ, เอวํ อิณปริโภคยุตฺโต โลกโต ¶ นิสฺสริตุํ น ลภตีติ ตปฺปฏิปกฺขตฺตา สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค ‘‘อาณณฺยปริโภโค’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา นิปฺปริยายโต จตุปริโภควินิมุตฺโต ¶ วิสุํเยวายํ ปริโภโคติ เวทิตพฺโพ. โส อิธ วิสุํ น วุตฺโต, ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉติ. สีลวาปิ หิ อิมาย สิกฺขาย สมนฺนาคตตฺตา ‘‘เสโข’’ตฺเวว วุจฺจติ. อิเมสุ ปริโภเคสุ สามิปริโภโค ทายชฺชปริโภโค จ อริยานํ ปุถุชฺชนานฺจ วฏฺฏติ, อิณปริโภโค น วฏฺฏติ. เถยฺยปริโภเค กถาเยว นตฺถิ. กถํ ปเนตฺถ สามิปริโภโค ทายชฺชปริโภโค จ ปุถุชฺชนานํ สมฺภวติ? อุปจารวเสน. โย หิ ปุถุชฺชนสฺสปิ สลฺเลขปฺปฏิปตฺติยํ ิตสฺส ปจฺจยเคธํ ปหาย ตตฺถ อนุปลิตฺเตน จิตฺเตน ปริโภโค, โส สามิปริโภโค วิย โหติ. สีลวโต ปน ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค ทายชฺชปริโภโค วิย โหติ ทายกานํ มโนรถสฺส อวิราธนโต. กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส ปริโภเค วตฺตพฺพเมว นตฺถิ ตสฺส เสกฺขสงฺคหโต. เสกฺขสุตฺตํ (สํ. นิ. ๕.๑๓) เหตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ.
อิมสฺส ภิกฺขุโนติ อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ กาลํ เมตฺตจิตฺตํ อาเสวนฺตสฺส ภิกฺขุโน. อโมโฆ รฏฺปิณฺฑปริโภโคติ ‘‘อยํ ปพฺพชิโต สมโณ ภิกฺขูติ อามิสํ เทนฺตานํ ตาย เมตฺตาเสวนาย อตฺตโน สนฺตาเน โทสมลสฺส วา ตเทกฏฺานฺจ ปาปธมฺมานํ ปพฺพาชนโต วูปสมนโต สํสาเร จ ภยสฺส สมฺมาว อิกฺขณโต อชฺฌาสยสฺส อวิสํวาทเนนสฺส อโมโฆ รฏฺปิณฺฑปริโภโค. มหฏฺิยนฺติ มหตฺถิกํ มหาปโยชนํ. มหปฺผลนฺติ วิปุลปฺผลํ. มหานิสํสนฺติ มหานิสฺสนฺทปฺผลํ. มหาชุติกนฺติ มหานุภาวํ. มหาวิปฺผารนฺติ มหาวิตฺถารํ. เอตฺถ จ ปมํ การณํ เมตฺตาเสวนาย ตสฺส ภิกฺขุโน สามิอาทิภาเวน รฏฺปิณฺฑปริโภคารหตา, ทุติยํ ปเรหิ ทินฺนสฺส ทานสฺส มหฏฺิยภาวกรณํ. โก ปน วาโทติ เมตฺตาย อาเสวนมตฺตมฺปิ เอวํมหานุภาวํ, โก ปน วาโท พหุลีกาเร, เอตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถี’’ติ อตฺโถ.
๕๔. จตุตฺเถ อุปฺปาเทติ วฑฺเฒตีติ เอตฺถ ภาวนาสทฺทสฺส อุปฺปาทนวฑฺฒนตฺถตา ปุพฺเพ วุตฺตา เอว.
๕๕. ปฺจเม ¶ อิเมสุ ทฺวีสูติ จตุตฺถปฺจเมสุ. ‘‘ตติเย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ตถา เวทิตพฺพตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘โย หิ อาเสวตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน อาเสวนาภาวนามนสิการานํ อตฺถวิเสสาภาวมาห. ยทิ เอวํ สุตฺตนฺตสฺส เทสนา กถนฺติ อาห – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปนา’’ติอาทิ. ยาย ธมฺมธาตุยาติ สพฺพฺุตฺาณมาห. เตน หิ ธมฺมานํ อาการเภทํ ตฺวา ตทนุรูปํ เอกมฺปิ ธมฺมํ ตถา วิภชิตฺวา ภควา ทสฺเสติ. ตีหิ โกฏฺาเสหีติ ¶ อาเสวนาภาวนามนสิการภาเคหิ. เมตฺตา หิ สพฺพวตฺถุโน เมตฺตายนวเสน อานีตา เสวนา อาเสวนา, ตสฺสา วฑฺฒนา ภาวนา, อวิสฺสชฺเชตฺวา มนสิ ปนํ มนสิกาโร.
๕๖. ฉฏฺเ อนิยมิตวจนํ ‘‘อิเม นามา’’ติ นิยเมตฺวา อวุตฺตตฺตา. นิยมิตวจนํ ‘‘อกุสลา’’ติ สรูเปเนว วุตฺตตฺตา. อเสสโต ปริยาทินฺนา โหนฺติ อปฺปกสฺสปิ อกุสลภาคสฺส อคฺคหิตสฺส อภาวโต. อกุสลํ ภชนฺตีติ อกุสลภาคิยา. อกุสลปกฺเข ภวาติ อกุสลปกฺขิกา. เตนาห – ‘‘อกุสลาเยวา’’ติอาทิ. ปมตรํ คจฺฉตีติ ปมตรํ ปวตฺตติ, ปโม ปธาโน หุตฺวา วตฺตตีติ อตฺโถ. เอกุปฺปาทาทิวเสน หิ เอกชฺฌํ ปวตฺตมาเนสุ จตูสุ อรูปกฺขนฺเธสุ อยเมว ปมํ อุปฺปชฺชตีติ อิทํ นตฺถิ, โลกุตฺตรมคฺเคสุ วิย ปน ปฺินฺทฺริยสฺส, โลกิยธมฺเมสุ มนินฺทฺริยสฺส ปุเรตรสฺส ภาโว สาติสโยติ ‘‘สพฺเพเต มโนปุพฺพงฺคมา’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ อภิธมฺเมปิ (ธ. ส. ๑) ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ จิตฺตํ ปุพฺพงฺคมํ เชฏฺํ กตฺวา เทสนา ปวตฺตา. สุตฺเตสุปิ วุตฺตํ – ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา (ธ. ป. ๑, ๒), ฉทฺวาราธิปติ ราชา’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.พุทฺธวคฺโค, เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ). เตนาห – ‘‘เอเต หี’’ติอาทิ. เตสํ มโน อุปฺปาทโกติ จ ยทคฺเคน มโน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ เชฏฺโก หุตฺวา ปวตฺตติ, ตทคฺเคน เต อตฺตานํ อนุวตฺตาเปนฺโต เต ตถา อุปฺปาเทนฺโต นาม โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน จิตฺตสฺส เชฏฺกภาวเมว สนฺธาย ราชคมนฺาเยน สหุปฺปตฺติปิ ปมุปฺปตฺติ วิย กตฺวา วุตฺตาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต. อนฺวเทวาติ เอเตเนว จิตฺตสฺส ขณวเสน ปมุปฺปตฺติยา อภาโว ทีปิโตติ ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห – ‘‘เอกโตเยวาติ อตฺโถ’’ติ.
๕๗. สตฺตเม ¶ จตุภูมกาปิ กุสลา ธมฺมา กถิตาติ ‘‘เย เกจิ กุสลา ธมฺมา’’ติ อนวเสสปริยาทานโต วุตฺตํ.
๕๘. อฏฺเม อิทนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน นิทฺเทโส, นิปาตปทํ วา เอตํ ‘‘ยทิท’’นฺติอาทีสุ วิยาติ อาห – ‘‘อยํ ปมาโทติ อตฺโถ’’ติ. ปมชฺชนากาโรติ ปมาทาปตฺติ. จิตฺตสฺส โวสฺสคฺโคติ อิเมสุ เอตฺตเกสุ าเนสุ สติยา อนิคฺคณฺหิตฺวา จิตฺตสฺส โวสฺสชฺชนํ สติวิรโห. โวสฺสคฺคานุปฺปทานนฺติ โวสฺสคฺคสฺส อนุ อนุ ปทานํ ปุนปฺปุนํ วิสฺสชฺชนํ. อสกฺกจฺจกิริยตาติ เอเตสํ ทานาทีนํ กุสลธมฺมานํ ปวตฺตเน ปุคฺคลสฺส วา เทยฺยธมฺมสฺส วา อสกฺกจฺจกิริยา. สตตภาโว สาตจฺจํ, สาตจฺเจน กิริยา สาตจฺจกิริยา, สาเยว สาตจฺจกิริยตา, น สาตจฺจกิริยตา อสาตจฺจกิริยตา. อนฏฺิตกิริยตาติ ¶ อนิฏฺิตกิริยตา นิรนฺตรํ น อนุฏฺิตกิริยตา จ. โอลีนวุตฺติตาติ นิรนฺตรกรณสงฺขาตสฺส วิปฺผารสฺส อภาเวน โอลีนวุตฺติตา. นิกฺขิตฺตฉนฺทตาติ กุสลกิริยาย วีริยฉนฺทสฺส นิกฺขิตฺตภาโว. นิกฺขิตฺตธุรตาติ วีริยธุรสฺส โอโรปนํ, โอสกฺกิตมานสตาติ อตฺโถ. อนธิฏฺานนฺติ กุสลกรเณ อปฺปติฏฺิตภาโว. อนนุโยโคติ อนนุยฺุชนํ. กุสลธมฺเมสุ อาเสวนาทีนํ อภาโว อนาเสวนาทโย. ปมาโทติ สรูปนิทฺเทโส. ปมชฺชนาติ อาการนิทฺเทโส. ปมชฺชิตตฺตนฺติ ภาวนิทฺเทโส. ปริหายนฺตีติ อิมินา ปมาทสฺส สาวชฺชตํ ทสฺเสติ. ตยิทํ โลกิยานํ วเสน, น โลกุตฺตรานนฺติ อาห – ‘‘อุปฺปนฺนา…เป… อิท’’นฺติอาทิ.
๕๙. นวเม น ปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, ปมาทสฺส ปฏิปกฺโข สติยา อวิปฺปวาโส. อตฺถโต นิจฺจํ อุปฏฺิตาย สติยา เอตํ นามํ. ปมาโท ปน สติยา สติสมฺปชฺสฺส วา ปฏิปกฺขภูโต อกุสลจิตฺตุปฺปาโท ทฏฺพฺโพ. เตนาห – ‘‘ปมาทสฺส ปฏิปกฺขวเสน วิตฺถารโต เวทิตพฺโพ’’ติ.
๖๐. ทสเม กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีโต ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา, ตสฺส ภาโว โกสชฺชํ, อาลสิยนฺติ อตฺโถ.
อจฺฉราสงฺฆาตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วีริยารมฺภาทิวคฺควณฺณนา
๖๑. สตฺตมสฺส ¶ ¶ ปเม วีรานํ กมฺมนฺติ วีริยํ, วิธินา วา อีรยิตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วีริยํ, ตเทว กุสลกิริยาย ปธานฏฺเน อารมฺโภ วีริยารมฺโภ. อารทฺธวีริยตา ปคฺคหิตวีริยตา ปริปุณฺณวีริยตาติ ปจฺเจกํ วีริยตาสทฺโท โยเชตพฺโพ.
๖๒. ทุติเย มหตี อิจฺฉา เอตสฺสาติ มหิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว มหิจฺฉตา. มหาวิสโย โลโภ มหาโลโภ มหนฺตานํ วตฺถูนํ พหูนฺจ อภิคิชฺฌนโต. อิตรีตราติอาทินา ปพฺพชิตานํ อุปฺปชฺชนมหิจฺฉตา วุตฺตา. ปฺจหิ กามคุเณหีติอาทิ คหฏฺานํ วเสน วุตฺตํ. อิจฺฉาติ สภาวนิทฺเทโส. อิจฺฉาคตาติ อิจฺฉาปวตฺตา. มหิจฺฉตาติ มหาอิจฺฉตา. อตฺถโต ปนายํ ราโค เอวาติ วุตฺตํ – ‘‘ราโค สาราโค’’ติอาทิ.
๖๓. ตติเย อปฺปิจฺฉสฺสาติ เอตฺถ อปฺป-สทฺโท อภาวตฺโถ ‘‘อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๐๔) วิยาติ อาห – ‘‘อนิจฺฉสฺสา’’ติ. โลเก ปากฏสฺส หิ อกฺขิโรคกุจฺฉิโรคาทิเภทสฺส อาพาธสฺส อภาวํ สนฺธาย ‘‘อปฺปาพาโธ’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. พฺยฺชนํ สาวเสสํ วิย ปริตฺตเกปิ อปฺปสทฺทสฺส ทิสฺสมานตฺตา. อตฺโถ ปน นิรวเสโส สพฺพโส ปจฺจยิจฺฉาย อภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เตนาห – ‘‘น หี’’ติอาทิ.
อิจฺฉาย อภาเวเนว อปฺปิจฺโฉ นาม โหตีติ อิมมตฺถํ ปการนฺตเรน ทีเปตุํ – ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺริจฺฉตา นาม อตฺร อตฺร อิจฺฉา. อสนฺตคุณสมฺภาวนตาย ปาปา ลามิกา นิหีนา อิจฺฉา ปาปิจฺฉตา. ยาย ปจฺจยุปฺปาทนตฺถํ อตฺตนิ วิชฺชมานคุเณ สมฺภาเวติ, ปจฺจยานํ ปฏิคฺคหเณ จ น มตฺตํ ชานาติ, อยํ มหิจฺฉตา. อสนฺตคุณสมฺภาวนตาติ อตฺตนิ อวิชฺชมานานํ คุณานํ วิชฺชมานานํ วิย ปเรสํ ปกาสนา. สนฺตคุณสมฺภาวนตาติ อิจฺฉาจาเร ตฺวา อตฺตนิ วิชฺชมานสีลธุตธมฺมาทิคุณวิภาวนา. ตาทิสสฺสปิ ปฏิคฺคหเณ อมตฺตฺุตาปิ โหติ, สาปิ อภิธมฺเม อาคตาเยวาติ สมฺพนฺโธ. ทุสฺสนฺตปฺปโยติ ทุตฺตปฺปโย.
อติลูขภาวนฺติ ¶ ปตฺตจีวรวเสน อติวิย ลูขภาวํ. ตทสฺส ทิสฺวา มนุสฺสา ‘‘อยํ อมงฺคลทิวโส ¶ , สุมฺภกสินิทฺธปตฺตจีวโร อยฺโย ปุพฺพงฺคโม กาตพฺโพ’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โถกํ พหิ โหถา’’ติ อาหํสุ. อุมฺมุชฺชีติ มนุสฺสานํ อชานนฺตานํเยว ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา คณฺหนฺโตเยว อุมฺมุชฺชิ. ยทิ เถโร ‘‘ขีณาสวภาวํ ชานนฺตู’’ติ อิจฺเฉยฺย, น นํ มนุสฺสา ‘‘พหิ โหถา’’ติ วเทยฺยุํ, ขีณาสวานํ ปน ตถาจิตฺตเมว น อุปฺปชฺเชยฺย.
อปฺปิจฺฉตาปธานํ ปุคฺคลาธิฏฺานํ จตุพฺพิธอิจฺฉาปเภทํ ทสฺเสตฺวา ปุนปิ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน จตุพฺพิธํ อิจฺฉาเภทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปโรปิ จตุพฺพิโธ อปฺปิจฺโฉ’’ติอาทิมาห. ปจฺจยอปฺปิจฺโฉติ ปจฺจเยสุ อิจฺฉารหิโต. ธุตงฺคอปฺปิจฺโฉติ ธุตคุณสมฺภาวนาย อิจฺฉารหิโต. ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉติ พหุสฺสุตสมฺภาวนาย อิจฺฉารหิโต. อธิคมอปฺปิจฺโฉติ ‘‘อริโย’’ติ สมฺภาวนาย อิจฺฉารหิโต. ทายกสฺส วสนฺติ อปฺปํ วา ยํ ทาตุกาโม พหุํ วาติ ทายกสฺส จิตฺตสฺส วสํ, อชฺฌาสยนฺติ อตฺโถ. เทยฺยธมฺมสฺส วสนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส อพหุภาวํ. อตฺตโน ถามนฺติ อตฺตโน ปมาณํ. ยตฺตเกน อตฺตา ยาเปติ, ตตฺตกสฺเสว คหณํ. ยทิ หีติอาทิ สงฺเขปโต วุตฺตสฺส อตฺถสฺส วิวรณํ. ปมาเณเนวาติ ยาปนปฺปมาเณเนว.
เอกภิกฺขุปิ นาฺาสีติ โสสานิกวตฺเต สมฺมเทว วตฺติตตฺตา เอโกปิ ภิกฺขุ น อฺาสิ. อพฺโพกิณฺณนฺติ อวิจฺเฉทํ. ทุติโย มํ ชาเนยฺยาติ ทุติโย สหายภูโตปิ ยถา มํ ชานิตุํ น สกฺกุเณยฺย, ตถา สฏฺิ วสฺสานิ นิรนฺตรํ สุสาเน วสามิ, ตสฺมา อหํ อโห โสสานิกุตฺตโม. อุปกาโร หุตฺวาติ อุคฺคหปริปุจฺฉาทีหิ ปริยตฺติธมฺมวเสน อุปกาโร หุตฺวา. ธมฺมกถาย ชนปทํ โขเภตฺวาติ โลมหํสนสาธุการทานเจลุกฺเขปาทิวเสน สนฺนิปติตํ อิตรฺจ ‘‘กถํ นุ โข อปฺปํ อยฺยสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ โกลาหลวเสน มหาชนํ โขเภตฺวา? ยทิ เถโร พหุสฺสุตภาวํ ชานาเปตุํ อิจฺเฉยฺย, ปุพฺเพว ชนปทํ โขเภนฺโต ธมฺมํ กเถยฺย. คโตติ ‘‘อยํ โส, เยน รตฺติยํ ธมฺมกถา กตา’’ติ ชานนภาเวน ปริยตฺติอปฺปิจฺฉตาย ปุรารุณาว คโต.
ตโย ¶ กุลปุตฺตา วิยาติ ปาจีนวํสทาเย สามคฺคิวาสํวุฏฺา อนุรุทฺโธ, นนฺทิโย, กิมิโลติ อิเม ตโย กุลปุตฺตา วิย. เอเตสุปิ หิ อนุรุทฺธตฺเถเรน ภควตา ‘‘อตฺถิ ปน โว อนุรุทฺธา เอวํ อปฺปมตฺตานํ อาตาปีนํ ปหิตตฺตานํ วิหรนฺตานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) ปุฏฺเน ‘‘อิธ ปน มยํ, ภนฺเต, ยาวเทว อากงฺขาม, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๒๘) อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีสุ ¶ อาโรจิตาสุ อิตเร เถรา น อิจฺฉึสุ. ตถา หิ เต ปกฺกนฺเต ภควติ อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘‘กินฺนุ มยํ อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เอวมาโรจิมฺห ‘อิมาสฺจ อิมาสฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ มยํ ลาภิโน’ติ? ยํ โน อายสฺมา อนุรุทฺโธ ภควโต สมฺมุขาปิ อาสวานํ ขยํ ปกาเสตี’’ติ? ฆฏีกาโรปิ อตฺตโน อริยภาเว กิกิสฺส รฺโ ภควตา อาโรจิเต น อตฺตมโน อโหสิ? เตนาห – ‘‘ฆฏีการกุมฺภกาโร วิยา’’ติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถติ ‘‘ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อปฺปิจฺฉตา’’ติ วุตฺเต อปฺปิจฺฉตาสงฺขาเต อตฺเถ. พลวอโลเภนาติ ทฬฺหตรปฺปวตฺติเกน อโลเภน.
๖๔. จตุตฺเถ นตฺถิ เอตสฺส สนฺตุฏฺีติ อสนฺตุฏฺิ, ตสฺส ภาโว อสนฺตุฏฺิตา. ตํ ปน สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อสนฺตุฏฺเ ปุคฺคเล…เป… โลโภ’’ติ อาห. เสวนฺตสฺสาติอาทีนิ อฺมฺเววจนานิ.
๖๕-๖๗. ปฺจเม ตุสฺสนํ ตุฏฺิ, สมํ, สเกน, สนฺเตน วา ตุฏฺิ เอตสฺสาติ สนฺตุฏฺิ, ตสฺส ภาโว สนฺตุฏฺิตา. ยสฺส สนฺโตสสฺส อตฺถิตาย ภิกฺขุ ‘‘สนฺตุฏฺโ’’ติ วุจฺจติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคตสฺสา’’ติ อาห – จีวราทิเก ยตฺถ กตฺถจิ กปฺปิเย ปจฺจเย สนฺตุสฺสเนน สมงฺคีภูตสฺสาติ อตฺโถ. อถ วา อิตรํ วุจฺจติ หีนํ ปณีตโต อฺตฺตา, ตถา ปณีตมฺปิ อิตรํ หีนโต อฺตฺตา. อเปกฺขาสิทฺธา หิ อิตรตา. อิติ เยน ธมฺเมน หีเนน วา ปณีเตน วา จีวราทิปจฺจเยน สนฺตุสฺสติ, โส ตถา ปวตฺโต อโลโภ อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส, เตน สมนฺนาคตสฺส ¶ . ยถาลาภํ อตฺตโน ลาภานุรูปํ สนฺโตโส ยถาลาภสนฺโตโส. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ลพฺภตีติ วา ลาโภ, โย โย ลาโภ ยถาลาโภ, เตน สนฺโตโส ยถาลาภสนฺโตโส. พลนฺติ กายพลํ. สารุปฺปนฺติ ภิกฺขุโน อนุจฺฉวิกตา.
ยถาลทฺธโต อฺสฺส อปตฺถนา นาม สิยา อปฺปิจฺฉตาปิ ปวตฺติอากาโรติ ตโต วินิเวจิตเมว สนฺโตสสฺส สรูปํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ลภนฺโตปิ น คณฺหาตี’’ติ อาห. ตํ ปริวตฺเตตฺวา ปกติทุพฺพลาทีนํ ครุจีวรํ อผาสุภาวาวหํ สรีรเขทาวหฺจ โหตีติ ปโยชนวเสน น อตฺริจฺฉตาทิวเสน ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุกจีวรปริโภโค สนฺโตสวิโรธิ น โหตีติ อาห – ‘‘ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหตี’’ติ. มหคฺฆจีวรํ พหูนิ วา จีวรานิ ลภิตฺวา ตานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ตทฺสฺส คหณํ ยถาสารุปฺปนเย ิตตฺตา น สนฺโตสวิโรธีติ อาห – ‘‘เตสํ…เป… ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหตี’’ติ. เอวํ เสสปจฺจเยสุปิ ยถาสารุปฺปนิทฺเทเส ¶ อปิ-สทฺทคฺคหเณ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. มุตฺตหรีตกนฺติ โคมุตฺตปริภาวิตํ, ปูติภาเวน วา ฉฑฺฑิตํ หรีตกํ. พุทฺธาทีหิ วณฺณิตนฺติ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺีสุ ภิกฺขู นิโยเชตุํ ‘‘ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติอาทินา (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) พุทฺธาทีหิ ปสตฺถํ. ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ ปรเมน อุกฺกํสคเตน สนฺโตเสน สมนฺนาคตตฺตา. ยถาสารุปฺปสนฺโตโสว อคฺโคติ ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขุ สารุปฺปํเยว นิสฺสาย สนฺตุสฺสนวเสน ปวตฺตนโต อคฺโค. ฉฏฺสตฺตเมสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.
๖๘-๖๙. อฏฺมนวเมสุ น สมฺปชานาตีติ อสมฺปชาโน, ตสฺส ภาโว อสมฺปชฺํ. วุตฺตปฺปฏิปกฺเขน สมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
๗๐. ทสเม ปาปมิตฺตา เทวทตฺตสทิสา. เต หิ หีนาจารตาย, ทุกฺขสฺส วา สมฺปาปกตาย ‘‘ปาปา’’ติ วุจฺจนฺติ. เตนากาเรน ปวตฺตานนฺติ โย ปาปมิตฺตสฺส ขนฺติ รุจิ อธิมุตฺติ ตนฺนินฺนตาตํสมฺปวงฺกตาทิอากาโร, เตนากาเรน ปวตฺตานํ. จตุนฺนํ ขนฺธานเมเวตํ นามนฺติ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ ¶ ‘‘ปาปมิตฺตตา’’ติ เอตํ นามํ. ยสฺมา อสฺสทฺธิยาทิปาปธมฺมสมนฺนาคตา ปุคฺคลา วิเสสโต ปาปา ปฺุธมฺมวิโมกฺขตาย, เต ยสฺส มิตฺตา สหายา, โส ปาปมิตฺโต, ตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตา. เตนาห – ‘‘เย เต ปุคฺคลา อสฺสทฺธา’’ติอาทิ.
วีริยารมฺภาทิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. กลฺยาณมิตฺตาทิวคฺควณฺณนา
๗๑. อฏฺมสฺส ¶ ปเม พุทฺธา, สาริปุตฺตาทโย วา กลฺยาณมิตฺตา. วุตฺตปฏิปกฺขนเยนาติ ‘‘ปาปมิตฺตตา’’ติ ปเท วุตฺตสฺส ปฏิปกฺขนเยน.
๗๒-๗๓. ทุติเย โยโคติ สมงฺคีภาโว. ปโยโคติ ปยฺุชนํ ปฏิปตฺติ. อโยโคติ อสมงฺคีภาโว. อปฺปโยโคติ อปฺปยฺุชนํ อปฺปฏิปตฺติ. อนุโยเคนาติ อนุโยคเหตุ.
๗๔. จตุตฺเถ พุชฺฌนกสตฺตสฺสาติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปฏิวิชฺฌนกปุคฺคลสฺส. องฺคภูตาติ ตสฺเสว ปฏิเวธสฺส การณภูตา. เอตฺถ จ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ พุชฺฌติ, อฺาณนิทฺทาย วาปิ พุชฺฌตีติ โพธีติ ลทฺธนาโม อริยสาวโก พุชฺฌนกสตฺโต, ตสฺส พุชฺฌนกสตฺตสฺส. โพธิยาติ ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา. พุชฺฌนฏฺเน โพธิโย, โพธิโย เอว สจฺจสมฺปฏิโพธสฺส องฺคาติ วุตฺตํ. ‘‘พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติ. วิปสฺสนาทีนํ การณานํ พุชฺฌิตพฺพานฺจ สจฺจานํ อนุรูปํ พุชฺฌนโต อนุพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, ปฏิมุขํ ปจฺจกฺขภาเวน อภิมุขํ พุชฺฌนโต ปฏิพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, สมฺมา อวิปรีตโต พุชฺฌนโต สมฺพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคาติ เอวํ อตฺถวิเสสทีปเกหิ อุปสคฺเคหิ อนุพุชฺฌนฺตีติอาทิ วุตฺตํ. โพธิสทฺโท สพฺพวิเสสยุตฺตํ พุชฺฌนสามฺเน สงฺคณฺหาติ. โพธาย สํวตฺตนฺตีติ อิมินา ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌนสฺส เอกนฺตการณตํ ทสฺเสติ. เอวํ ปเนตํ ปทํ วิภตฺตเมวาติ วุตฺตปฺปกาเรน เอตํ ‘‘โพชฺฌงฺคา’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๑๗) ปทํ นิทฺเทเส ปฏิสมฺภิทามคฺเค วิภตฺตเมว.
๗๕. ปฺจเม ¶ ยาถาวสรสภูมีติ ยาถาวโต สกิจฺจกรณภูมิ. สาติ ยาถาวสรสภูมิ. วิปสฺสนาติ พลววิปสฺสนา. เกจิ ‘‘ภงฺคาณโต ปฏฺายา’’ติ วทนฺติ. วิปสฺสนาย ปาทกชฺฌาเน จ สติอาทโย โพชฺฌงฺคปกฺขิกา เอว ปริยายโพธิปกฺขิยภาวโต. ตตฺถาติอาทิ จตุพฺพิธานํ โพชฺฌงฺคานํ ภูมิวิภาคทสฺสนํ.
๗๖. ฉฏฺเ เตสํ อนฺตเรติ เตสํ ภิกฺขูนํ อนฺตเร. กามํ สงฺคีติอารุฬฺหวเสน อปฺปกมิทํ สุตฺตปทํ, ภควา ปเนตฺถ สนฺนิปติตปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ วิตฺถาริกํ กโรตีติ กตฺวา อิทํ วุตฺตํ – ‘‘มหตี เทสนา ภวิสฺสตี’’ติ. คามนิคมาทิกถา นตฺถีติ ตสฺสา กถาย อติรจฺฉานกถาภาวมาหุ ¶ . ตถา หิ สา ปุพฺเพ พหุาติกํ อโหสิ พหุปกฺขํ, อิทานิ อปฺปาติกํ อปฺปปกฺขนฺติ อนิจฺจตามุเขน นิยฺยานิกปกฺขิกา ชาตา. เอตายาติ ยถาวุตฺตาย ปริหานิยา. ปติกิฏฺนฺติ นิหีนํ. มม สาสเนติ อิทํ กมฺมสฺสกตชฺฌานปฺานมฺปิ วิเสสนเมว. ตทุภยมฺปิ หิ พาหิรกานํ ตปฺปฺาทฺวยโต สาติสยเมว สพฺพฺุพุทฺธานํ เทสนาย ลทฺธวิเสสโต วิวฏฺฏูปนิสฺสยโต จ.
๗๗. สตฺตเม เตสํ จิตฺตาจารํ ตฺวาติ ตถา กเถนฺตานํ เตสํ ภิกฺขูนํ ตตฺถ อุปคมเนน อตฺตโน เทสนาย ภาชนภูตํ จิตฺตปฺปวตฺตึ ตฺวา. กมฺมสฺสกตาทีติ อาทิสทฺเทน ฌานปฺาทีนํ จตุนฺนมฺปิ ปฺานํ คหณํ.
๗๘-๘๐. อฏฺมาทีสุ เหฏฺา วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ยา เอส มม สาสเน’’ติอาทินา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
กลฺยาณมิตฺตาทิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๘๑-๘๒. นวเม วคฺเค นตฺถิ วตฺตพฺพํ.
๑๐. ทุติยปมาทาทิวคฺควณฺณนา
๙๘-๑๑๕. ทสเม ¶ วคฺเค อชฺฌตฺตสนฺตาเน ภวํ อชฺฌตฺติกํ. อชฺฌตฺตสนฺตานโต พหิทฺธา ภวํ พาหิรํ. วุตฺตปฏิปกฺขนเยนาติ ‘‘อวินาสายา’’ติ เอวมาทินา อตฺโถ คเหตพฺโพ. จตุกฺโกฏิเกติ ‘‘อนุโยโค อกุสลานํ ¶ , อนนุโยโค กุสลานํ, อนุโยโค กุสลานํ, อนนุโยโค อกุสลาน’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๙๖) เอวํ ปริโยสานสุตฺเต อาคตนยํ คเหตฺวา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๑.๑๑) อาคตสุตฺตานํ สมฺา ชาตา.
๑๓๐. สุตฺตนฺตนเย ยถาโจทนา สํกิเลสธมฺมานํ วิปริเยสนํ, ตํตํธมฺมโกฏฺาสานฺจ อูนโต อธิกโต จ ปเวทนํ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีปนํ. เตสํเยว ปน อวิปรีตโต อนูนาธิกโต จ ปเวทนํ ธมฺมํ ธมฺโมติ ทีปนํ. เอวํ วินยปฺปฏิปตฺติยา อยถาวิธิปฺปเวทนํ อธมฺมํ ธมฺโมติ ทีปนํ. ยถาวิธิปฺปเวทนํ ธมฺมํ ธมฺโมติ ทีปนํ. สุตฺตนฺตนเยน ปฺจวิโธ สํวรวินโย ปหานวินโย จ วินโย, ตปฺปฏิปกฺเขน อวินโย. วินยนเยน วตฺถุสมฺปทาทินา ยถาวิธิปฺปฏิปตฺติ เอว วินโย, ตพฺพิปริยาเยน อวินโย เวทิตพฺโพ. ตึส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทฺยตฺโถ. เตน ทฺเวนวุติ ปาจิตฺติยา, จตฺตาโร ปาฏิเทสนิยา, สตฺต อธิกรณสมถาติ อิเมสํ สงฺคโห. เอกตึส นิสฺสคฺคิยาติ เอตฺถ ‘‘เตนวุติ ปาจิตฺติยา’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
อธิคนฺตพฺพโต อธิคโม, มคฺคผลานิ. นิพฺพานํ ปน อนฺตรธานาภาวโต อิธ น คยฺหติ. ปฏิปชฺชนํ ปฏิปตฺติ, สิกฺขตฺตยสมาโยโค. ปฏิปชฺชิตพฺพโต วา ปฏิปตฺติ. ปริยาปุณิตพฺพโต ปริยตฺติ, ปิฏกตฺตยํ. มคฺคคฺคหเณน คหิตาปิ ตติยวิชฺชาฉฏฺาภิฺา วิชฺชาภิฺาสามฺโต ‘‘ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา’’ติ ปุนปิ คหิตา. ตโต ปรํ ฉ อภิฺาติ วสฺสสหสฺสโต ปรํ ฉ อภิฺา นิพฺพตฺเตตุํ สกฺโกนฺติ, น ปฏิสมฺภิทาติ อธิปฺปาโย. ตโตติ อภิฺากาลโต ปจฺฉา. ตาติ อภิฺาโย. ปุพฺพภาเค ฌานสิเนหาภาเวน เกวลาย วิปสฺสนาย ตฺวา อคฺคผลปฺปตฺตา สุกฺขวิปสฺสกา นาม, มคฺคกฺขเณ ปน ‘‘ฌานสิเนโห นตฺถี’’ติ น วตฺตพฺโพ ‘‘สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๗๐) วจนโต. ปจฺฉิมกสฺสาติ สพฺพปจฺฉิมสฺส. กิฺจาปิ อริโย อปริหานธมฺโม ¶ ¶ , โสตาปนฺนสฺส ปน อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา อธิคตธมฺโม อุปฺปนฺโน นาม นตฺถิ, ปจฺจยสามคฺคิยา อสติ ยาว อุปริวิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกนฺติ, ตาว อธิคมสฺส อสมฺภโว เอวาติ อาห – ‘‘โสตาปนฺนสฺส…เป… นาม โหตี’’ติ. ตสฺสิทํ มนุสฺสโลกวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
น โจเทนฺตีติ อฺมฺสฺมึ วิชฺชมานํ โทสํ ชานนฺตาปิ น โจเทนฺติ น สาเรนฺติ. อกุกฺกุจฺจกา โหนฺตีติ กุกฺกุจฺจํ น อุปฺปาเทนฺติ. ‘‘อสกฺกจฺจการิโน โหนฺตี’’ติ จ ปนฺติ, สาถลิกตาย สิกฺขาสุ อสกฺกจฺจการิโน โหนฺตีติ อตฺโถ. ภิกฺขูนํ สเตปิ สหสฺเสปิ ธรมาเนติ อิทํ พาหุลฺลวเสน วุตฺตํ. อนฺติมวตฺถุอนชฺฌาปนฺเนสุ กติปยมตฺเตสุปิ ภิกฺขูสุ ธรนฺเตสุ, เอกสฺมึ วา ธรนฺเต ปฏิปตฺติ อนนฺตรหิตา เอว นาม โหติ. เตเนวาห – ‘‘ปจฺฉิมกสฺส…เป… อนฺตรหิตา โหตี’’ติ.
อนฺเตวาสิเก คเหตุนฺติ อนฺเตวาสิเก สงฺคเหตุํ. อตฺถวเสนาติ อฏฺกถาวเสน. มตฺถกโต ปฏฺายาติ อุปริโต ปฏฺาย. อุโปสถกฺขนฺธกมตฺตนฺติ วินยมาติกาปาฬิมาห. อาฬวกปฺหาทีนํ วิย เทเวสุ ปริยตฺติยา ปวตฺติ อปฺปมาณนฺติ อาห – ‘‘มนุสฺเสสู’’ติ.
โอฏฺฏฺิวณฺณนฺติ โอฏฺานํ อฏฺิวณฺณํ, ทนฺตกสาวํ เอกํ วา ทฺเว วา วาเร รชิตฺวา ทนฺตวณฺณํ กตฺวา ธาเรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เกเสสุ วา อลฺลียาเปนฺตีติ เตน กาสาวขณฺเฑน เกเส พนฺธนฺตา อลฺลียาเปนฺติ. ภิกฺขุโคตฺตสฺส อภิภวนโต วินาสนโต โคตฺรภุโน. อถ วา โคตฺตํ วุจฺจติ สาธารณํ นามํ, มตฺตสทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, ตสฺมา ‘‘สมณา’’ติ โคตฺตมตฺตํ อนุภวนฺติ ธาเรนฺตีติ โคตฺรภุโน, นามมตฺตสมณาติ อตฺโถ. กาสาวคตกณฺตาย, กาสาวคฺคหณเหตุอุปฺปชฺชนกโสกตาย วา กาสาวกณฺา. สงฺฆคตนฺติ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตา สงฺฆคตํ. ตํ สรีรนฺติ ตํ ธาตุสรีรํ.
เตเนวาติ ปริยตฺติอนฺตรธานมูลกตฺตา เอว อิตรอนฺตรธานสฺส. สกฺโก เทวราชา ฉาตกภเย ปรตีรคมนาย ภิกฺขู อุสฺสุกฺกมกาสีติ อธิปฺปาโย. เนติ อุภเยปิ ปํสุกูลิกตฺเถเร ธมฺมกถิกตฺเถเร จ. เถราติ ตตฺถ ิตา สกฺขิภูตา เถรา. ธมฺมกถิกตฺเถรา ‘‘ยาว ติฏฺนฺติ ¶ สุตฺตนฺตา…เป… โยคกฺเขมา น ธํสตี’’ติ อิทํ สุตฺตํ อาหริตฺวา ‘‘สุตฺตนฺเต รกฺขิเต สนฺเต, ปฏิปตฺติ โหติ รกฺขิตา’’ติ อิมินา วจเนน ปํสุกูลิกตฺเถเร อปฺปฏิภาเน อกํสุ ¶ . อิทานิ ปริยตฺติยา อนนฺตรธานเมว อิตเรสํ อนนฺตรธานเหตูติ อิมมตฺถํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ อุปมาหิ วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
ทุติยปมาทาทิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔๐-๑๕๐. เอกาทสมทฺวาทสมวคฺคา สุวิฺเยฺยา เอว.
๑๓. เอกปุคฺคลวคฺควณฺณนา
๑๗๐. เอกปุคฺคลสฺสาติ ¶ เอกปุคฺคลวคฺคสฺส. เตนาห – ‘‘ปเม’’ติ. เอโกติ คณนปริจฺเฉโท, ตโต เอว ทุติยาทิปฏิกฺเขปตฺโถ. ปธานาสหายตฺโถปิ เอกสทฺโท โหตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘คณนปริจฺเฉโท’’ติ อาห. สมฺมุติยา เทสนา สมฺมุติเทสนา. ปรมตฺถสฺส เทสนา ปรมตฺถเทสนา. ตตฺถาติ สมฺมุติปรมตฺถเทสนาสุ, น สมฺมุติปรมตฺเถสุ. เตนาห – ‘‘เอวรูปา สมฺมุติเทสนา, เอวรูปา ปรมตฺถเทสนา’’ติ. ตตฺริทํ สมฺมุติปรมตฺถานํ ลกฺขณํ – ยสฺมึ ภินฺเน, พุทฺธิยา วา อวยววินิพฺโภเค กเต น ตํสมฺา, สา ฆฏปฏาทิปฺปเภทา สมฺมุติ, ตพฺพิปริยาเยน ปรมตฺถา. น หิ กกฺขฬผุสนาทิสภาเว โส นโย ลพฺภติ. ตตฺถ รูปาทิธมฺมสมูหํ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ อุปาทาย ปุคฺคลโวหาโรติ ปุคฺคโลติ สมฺมุติเทสนา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อุปฺปาทวยวนฺโต สภาวธมฺมา น นิจฺจาติ อนิจฺจาติ อาห – ‘‘อนิจฺจนฺติ ปรมตฺถเทสนา’’ติ. เอส นโย เสสปเทสุปิ. นนุ ขนฺธเทสนาปิ สมฺมุติเทสนาว. ราสฏฺโ วา หิ ขนฺธฏฺโ โกฏฺาสฏฺโ วาติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน ขนฺธสมฺา ผสฺสาทีสุ ปวตฺตตชฺชาปฺตฺติ วิย ปรมตฺถสนฺนิสฺสยา ตสฺส อาสนฺนตรา, ปุคฺคลสมฺาทโย วิย น ทูเรติ ปรมตฺถสงฺคหา วุตฺตา. ขนฺธสีเสน วา ตทุปาทานสภาวธมฺมา เอว คหิตา. นนุ จ สภาวธมฺมา สพฺเพปิ สมฺมุติมุเขเนว เทสนํ อาโรหนฺติ, น สมุเขนาติ สพฺพาปิ เทสนา สมฺมุติเทสนาว สิยาติ? นยิทเมวํ, เทเสตพฺพธมฺมวิภาเคน เทสนาวิภาคสฺส อธิปฺเปตตฺตา. น หิ สทฺโท เกนจิ ปวตฺตินิมิตฺเตน วินา อตฺถํ ปกาเสตีติ.
สมฺมุติวเสน ¶ เทสนํ สุตฺวาติ ‘‘อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตนฺตโป โหติ อตฺตปริตาปานุโยคมนุยุตฺโต’’ติอาทินา (ปุ. ป. ๑๗๔) สมฺมุติมุเขน ปวตฺติตเทสนํ สุตมยาณุปฺปาทวเสน สุตฺวา. อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ ตทนุสาเรน จตุสจฺจสงฺขาตํ อตฺถํ สห วิปสฺสนาย มคฺคปฺาย ปฏิวิชฺฌิตฺวา. โมหํ ปหายาติ ตเทกฏฺกิเลเสหิ สทฺธึ อนวเสสํ โมหํ ปชหิตฺวา. วิเสสนฺติ อคฺคผลนิพฺพานสงฺขาตํ วิเสสํ. เตสนฺติ ตาทิสานํ เวเนยฺยานํ. ปรมตฺถวเสนาติ ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๔๗๑-๔๗๖ อาทโย) ปรมตฺถธมฺมวเสน. เสสํ อนนฺตรนเย วุตฺตสทิสเมว.
ตตฺราติ ตสฺสํ สมฺมุติวเสน ปรมตฺถวเสน จ เทสนายํ. เทสภาสากุสโลติ นานาเทสภาสาสุ ¶ กุสโล. ติณฺณํ เวทานนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ, ติณฺณํ เวทานํ สิปฺปุคฺคหณฏฺานานมฺปีติ อธิปฺปาโย. เตเนว สิปฺปุคฺคหณํ ปรโต วกฺขติ. สิปฺปานิ วา วิชฺชาฏฺานภาเวน เวทนฺโตคธานิ กตฺวา ‘‘ติณฺณํ เวทาน’’นฺติ วุตฺตํ. กเถตพฺพภาเวน ิตานิ, น กตฺถจิ สนฺนิจิตภาเวนาติ เวทานมฺปิ กเถตพฺพภาเวเนว านํ ทีเปนฺโต ‘‘คุหา ตีณิ นิหิตา น คยฺหนฺตี’’ติอาทิมิจฺฉาวาทํ ปฏิกฺขิปติ. นานาวิธา เทสภาสา เอเตสนฺติ นานาเทสภาสา.
ปรโม อุตฺตโม อตฺโถ ปรมตฺโถ, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาโว. โลกสงฺเกตมตฺตสิทฺธา สมฺมุติ. ยทิ เอวํ กถํ สมฺมุติกถาย สจฺจตาติ อาห – ‘‘โลกสมฺมุติการณา’’ติ, โลกสมฺํ นิสฺสาย ปวตฺตนโตติ อตฺโถ. โลกสมฺา หิ อภินิเวเสน วิฺเยฺยา, นาฺาปนา เอกจฺจสฺส สุตสฺส สาวนา วิย น มุสา อนติธาวิตพฺพโต ตสฺสา. เตนาห ภควา – ‘‘ชนปทนิรุตฺตึ นาภินิเวเสยฺย, สมฺํ นาติธาวเย’’ติ. ธมฺมานนฺติ สภาวธมฺมานํ. ภูตการณาติ ยถาภูตการณา ยถาภูตํ นิสฺสาย ปวตฺตนโต. สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺสาติ ‘‘ปุคฺคโล, สตฺโต’’ติอาทินา โลกสมฺํ กเถนฺตสฺส.
หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถนฺติ โลกปาลนกิจฺเจ หิโรตฺตปฺปธมฺเม กิจฺจโต ปกาเสตุํ. เตสฺหิ กิจฺจํ สตฺตสนฺตาเน เอว ปากฏํ โหตีติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย ตํ วตฺตพฺพํ. เอส นโย เสเสสุปิ. ยสฺมิฺหิ ¶ จิตฺตุปฺปาเท กมฺมํ อุปฺปนฺนํ, ตํสนฺตาเน เอว ตสฺส ผลสฺส อุปฺปตฺติ กมฺมสฺสกตา. เอวฺหิ กตวิฺาณนาโส อกตาคโม จ นตฺถีติ สา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว เทสนาย ทีเปตพฺพา. เตหิ สตฺเตหิ กาตพฺพปฺุกิริยา ปจฺจตฺตปุริสกาโร. โสปิ สนฺตานวเสน นิฏฺเปตพฺพโต ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว กถาย ทีเปตพฺโพ. อานนฺตริยทีปนตฺถนฺติ จุติอนนฺตรํ ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตานิ ตํนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลานิ, อนนฺตรกรณปโยชนานิ วาติ อานนฺตริยานิ, มาตุฆาตาทีนิ, เตสํ ทีปนตฺถํ. ตานิปิ หิ สนฺตานวเสน นิฏฺเปตพฺพโต ‘‘มาตรํ ชีวิตา โวโรเปตี’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว กถาย ทีเปตพฺพานิ, ตถา ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗; ๒.๓๐๙; ๓.๒๓๐; วิภ. ๖๔๒-๖๔๓) ‘‘โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ เอกมฺปิ ชาติ’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๑๔๘, ๓๘๔, ๔๓๑; ปารา. ๑๒), ‘‘อตฺถิ ทกฺขิณา ทายกโต วิสุชฺฌติ, โน ปฏิคฺคาหกโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๘๑) จ ปวตฺตา พฺรหฺมวิหารปุพฺเพนิวาสทกฺขิณาวิสุทฺธิกถา ปุคฺคลาธิฏฺานา ¶ เอว กตฺวา ทีเปตพฺพา สตฺตสนฺตานวิสยตฺตา. ‘‘อฏฺ ปุริสปุคฺคลา (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) น สมยวิมุตฺโต ปุคฺคโล’’ติอาทินา (ปุ. ป. ๒) จ ปรมตฺถกถํ กเถนฺโตปิ โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. เอเตน วุตฺตาวเสสาย กถาย ปุคฺคลาธิฏฺานภาเว ปโยชนํ สามฺวเสน สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กามฺเจตํ สพฺพํ อปริฺาตวตฺถุกานํ วเสน วุตฺตํ, ปริฺาตวตฺถุกานมฺปิ ปน เอวํ เทสนา สุขาวหา โหติ.
เอกปุคฺคโลติ วิสิฏฺสมาจาราปสฺสยวิรหิโต เอกปุคฺคโล. พุทฺธานฺหิ สีลาทิคุเณน สเทวเก โลเก วิสิฏฺโ นาม โกจิ นตฺถิ, ตถา สทิโสปิ สมานกาเล. เตนาห – ‘‘น อิมสฺมึ โลเก ปรสฺมึ วา ปน พุทฺเธน เสฏฺโ สทิโส จ วิชฺชตี’’ติ (วิ. ว. ๑๐๔๗; กถา. ๗๙๙), ตสฺมา สทิโสปิ โกจิ นตฺถิ. หีโนปิ อปสฺสยภูโต นตฺเถว. เตน วุตฺตํ – ‘‘วิสิฏฺสมาจาราปสฺสยวิรหิโต เอกปุคฺคโล’’ติ. เย ¶ จ สีลาทิคุเณหิ นตฺถิ เอเตสํ สมาติ อสมา, ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา. เตหิ สโม มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณเนกฺขํ วิย นิพฺพิสิฏฺโติ อสมสมฏฺเนปิ เอกปุคฺคโล อฺสฺส ตาทิสสฺส อภาวา. เตน วุตฺตํ – ‘‘อสทิสฏฺเนา’’ติอาทิ.
สตฺตโลโก อธิปฺเปโต สตฺตนิกาเย อุปฺปชฺชนโต. มนุสฺสโลเก เอว อุปฺปชฺชติ เทวพฺรหฺมโลกานํ พุทฺธานํ อุปฺปตฺติยา อโนกาสภาวโต. กามเทวโลเก ตาว นุปฺปชฺชติ พฺรหฺมจริยวาสสฺส อฏฺานภาวโต ตถา อนจฺฉริยภาวโต. อจฺฉริยธมฺมา หิ พุทฺธา ภควนฺโต. เตสํ สา อจฺฉริยธมฺมตา เทวตฺตภาเว ิตานํ โลเก น ปากฏา โหติ ยถา มนุสฺสภูตานํ. เทวภูเต หิ สมฺมาสมฺพุทฺเธ ทิสฺสมานํ พุทฺธานุภาวํ เทวานุภาวโตว โลเก ทหติ, น พุทฺธานุภาวโต. ตถา สติ ‘‘อยํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, อิสฺสรกุตฺตคฺคาหํ น วิสฺสชฺเชติ, เทวตฺตภาวสฺส จ จิรกาลาวฏฺานโต เอกจฺจสสฺสตวาทโต น ปริมุจฺจติ. พฺรหฺมโลเก นุปฺปชฺชตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สตฺตานํ ตาทิสคฺคาหวินิโมจนตฺถฺหิ พุทฺธา ภควนฺโต มนุสฺสสุคติยํเยว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวสุคติยํ. ยสฺมา อิมํ จกฺกวาฬํ มชฺเฌ กตฺวา อิมินา สทฺธึ จกฺกวาฬานํ ทสสหสฺสสฺเสว ชาติกฺเขตฺตภาโว ทีปิโต อิโต อฺสฺส พุทฺธานํ อุปฺปตฺติฏฺานสฺส เตปิฏเก พุทฺธวจเน อาคตฏฺานสฺส อภาวโต. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ อุปฺปชฺชตี’’ติ.
อิธ อุปฺปชฺชนฺโตปิ กสฺมา ชมฺพุทีเป เอว อุปฺปชฺชติ, น เสสทีเปสูติ? เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘ยสฺมา ปถวิยา นาภิภูตา พุทฺธภาวสหา อจลฏฺานภูตา โพธิมณฺฑภูมิ ชมฺพุทีเป เอว ¶ , ตสฺมา ชมฺพุทีเป เอว อุปฺปชฺชตี’’ติ. เอเตเนว ‘‘ตตฺถ มชฺฌิมเทเส เอว อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตมฺปิ สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ ตถา อิตเรสมฺปิ อวิชหิตฏฺานานํ ตตฺเถว ลพฺภนโต. ยสฺมา ปุริมพุทฺธานํ มหาโพธิสตฺตานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ นิพฺพตฺติยา สาวกโพธิสตฺตานํ สาวกโพธิยา อภินีหาโร สาวกปารมิยา สมฺภรณปริปาจนฺจ พุทฺธกฺเขตฺตภูเต อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีเป เอว อิชฺฌติ, น อฺตฺถ. เวเนยฺยชนวินยนตฺโถ จ พุทฺธุปฺปาโท, ตสฺมา อคฺคสาวกมหาสาวกาทิเวเนยฺยวิเสสาเปกฺขาย อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป เอว พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, น เสสทีเปสุ. อยฺจ นโย สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณติ เตสํ อุตฺตมปุริสานํ ¶ ตตฺเถว อุปฺปตฺติ สมฺปตฺติจกฺกานํ วิย อฺมฺูปนิสฺสยตาย ทฏฺพฺพา. เตน วุตฺตํ – อฏฺกถายํ ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเป เอว นิพฺพตฺตนฺตีติ ทีปํ ปสฺสี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗; พุ. วํ. อฏฺ. ๒๗ อวิทูเรนิทานกถา).
อุภยมฺปิทํ วิปฺปกตวจนเมว อุปฺปาทกิริยาย วตฺตมานกาลิกตฺตา. อุปฺปชฺชมาโนติ วา อุปฺปชฺชิตุํ สมตฺโถ. สตฺติอตฺโถ จายํ มาน-สทฺโท. ยาวตา หิ สามตฺถิเยน มหาโพธิสตฺตานํ จริมภเว อุปฺปตฺติ อิจฺฉิตพฺพา, ตตฺถเกน โพธิสมฺภารสมฺภูเตน ปริปุณฺเณน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. เภโทติ วิเสโส. ตเมว หิ ติวิธํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ – ‘‘เอส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฏฺงฺคสมนฺนาคตสฺส มหาภินีหารสฺส สิทฺธกาลโต ปฏฺาย มหาโพธิสตฺโต พุทฺธภาวาย นิยตภาวปฺปตฺตตาย โพธิสมฺภารปฏิปทํ ปฏิปชฺชมาโน ยถาวุตฺตสามตฺถิยโยเคน อุปฺปชฺชมาโน นามาติ อตฺโถ อุปฺปาทสฺส เอกนฺติกตฺตา. ปริเยสนฺโตติ วิจินนฺโต. ปริปกฺกคเต าเณติ อิมินา ตโต ปุพฺเพ าณสฺส อปริปกฺกตาย เอว ลทฺธาวสราย กมฺมปิโลติยา วเสน โพธิสตฺโต ตถา มหาปธานํ ปทหีติ ทสฺเสติ. อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นาม ‘‘อุปฺปนฺโน โหตี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา. อาคโตว นาม เหตุสมฺปทาย สมฺมเทว นิปฺผนฺนตฺตา.
หิตตฺถายาติ โลกิยโลกุตฺตรสฺส หิตสฺส สิทฺธิยา. สุขตฺถายาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตสฺสาติ ตสฺส สตฺตโลกสฺส. โส ปนายํ สตฺตโลโก เยน อนุกฺกเมน ธมฺมาภิสมยํ ปาปุณิ, ตํ เตเนว อนุกฺกเมน ทสฺเสนฺโต ‘‘มหาโพธิมณฺเฑ’’ติอาทิมาห. ยาวชฺชทิวสาติ เอตฺถ อชฺช-สทฺเทน สาสนสฺส อวฏฺานกาลํ วทติ. เทวมนุสฺสานนฺติ อุกฺกฏฺนิทฺเทโสติ ทสฺเสตุํ – ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอเตสมฺปีติ นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ.
อยํ ปุจฺฉาติ อิมินา ‘‘กตโม’’ติ ปทสฺส สามฺโต ปุจฺฉาภาโว ทสฺสิโต, น วิเสสโตติ ตสฺส ปุจฺฉาวิเสสภาวาปนตฺถํ มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๑๕๐) อาคตา สพฺพาปิ ปุจฺฉา ¶ อตฺถุทฺธารนเยน ทสฺเสติ ‘‘ปุจฺฉา จ นาเมสา’’ติอาทินา. อทิฏฺํ โชตียติ เอตายาติ อทิฏฺโชตนา. ทิฏฺํ สํสนฺทียติ เอตายาติ ทิฏฺสํสนฺทนา. สํสนฺทนฺจ สากจฺฉาวเสน ¶ วินิจฺฉยกรณํ. วิมตึ ฉินฺทติ เอตายาติ วิมติจฺเฉทนา. อนุมติยา ปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา. ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว’’ติอาทิ ปุจฺฉาย ‘‘กา ตุมฺหากํ อนุมตี’’ติ อนุมติ ปุจฺฉิตา โหติ. กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉา. ลกฺขณนฺติ าตุํ อิจฺฉิโต โย โกจิ สภาโว. อฺาตนฺติ เยน เกนจิ าเณน อฺาตภาวมาห. อทิฏฺนฺติ ทสฺสนภูเตน าเณน ปจฺจกฺขํ วิย อทิฏฺตํ. อตุลิตนฺติ ‘‘เอตฺตกํ เอต’’นฺติ ตุลาภูเตน อตุลิตตํ. อตีริตนฺติ ตีรณภูเตน อกตาณกิริยาสมาปนตํ. อวิภูตนฺติ าณสฺส อปากฏภาวํ. อวิภาวิตนฺติ าเณน อปากฏกตภาวํ.
เยหิ คุณวิเสเสหิ นิมิตฺตภูเตหิ ภควติ ‘‘ตถาคโต’’ติ อยํ สมฺา ปวตฺตา, ตํทสฺสนตฺถํ ‘‘อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. คุณวิเสสเนมิตฺติกาเนว หิ ภควโต สพฺพานิ นามานิ. ยถาห –
‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;
คุเณน นามมุทฺเธยฺยํ, อปิ นามสหสฺสโต’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๑๓; อุทา. อฏฺ. ๕๓; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๗๖);
ตถา อาคโตติ เอตฺถ อาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท. สามฺโชตนาปิ หิ วิเสเส อวติฏฺตีติ. ปฏิปทาคมนตฺโถ อาคต-สทฺโท, น าณคมนตฺโถ ‘‘ตถลกฺขณํ อาคโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๗๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐; อุทา. อฏฺ. ๑๘) วิย, นาปิ กายคมนตฺโถ ‘‘อาคโต โข มหาสมโณ, มคธานํ คิริพฺพช’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๖๓) วิย. ตตฺถ ยทาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท, ตํกรุณาปธานตฺตา มหากรุณามุเขน ปุริมพุทฺธานํ อาคมนปฺปฏิปทํ อุทาหรณวเสน สามฺโต ทสฺเสนฺโต ยํ-ตํ-สทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธภาวโต ‘‘ยถา สพฺพโลก…เป… อาคตา’’ติ สาธารณโต วตฺวา ปุน ตํ ปฏิปทํ มหาปธานสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑ อาทโย) สมฺพหุลนิทฺเทเสน สุปากฏานํ อาสนฺนานฺจ วิปสฺสิอาทีนํ ฉนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ วเสน นิทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา วิปสฺสี ภควา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยน อภินีหาเรนาติ มนุสฺสตฺตลิงฺคสมฺปตฺติเหตุสตฺถุทสฺสนปพฺพชฺชาอภิฺาทิคุณสมฺปตฺติอธิการจฺฉนฺทานํ วเสน อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน ¶ มหาปณิธาเนน. สพฺเพสฺหิ ¶ พุทฺธานํ กายปฺปณิธานํ อิมินาว อภินีหาเรน สมิชฺฌตีติ. เอวํ มหาภินีหารวิเสเสน ‘‘ตถาคโต’’ติ ปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปารมิปูรณวเสน ทสฺเสตุํ – ‘‘ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… กสฺสโป ภควา ทานปารมึ ปูเรตฺวา’’ติอาทิมาห.
เอตฺถ จ สุตฺตนฺติกานํ มหาโพธิปฺปฏิปทาย โกสลฺลชนนตฺถํ กา ปเนตา ปารมิโย, เกนฏฺเน ปารมิโย, กติวิธา เจตา, โก ตาสํ กโม, กานิ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ, โก ปจฺจโย, โก สํกิเลโส, กึ โวทานํ, โก ปฏิปกฺโข, กา ปฏิปตฺติ, โก วิภาโค, โก สงฺคโห, โก สมฺปาทนูปาโย, กิตฺตเกน กาเลน สมฺปาทนํ, โก อานิสํโส, กิฺเจตาสํ ผลนฺติ ปารมีสุ อยํ วิตฺถารกถา เวทิตพฺพา. สา ปเนสา อิจฺฉนฺเตน ทีฆาคมฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา, น อิธ ทสฺสิตา. ยถาวุตฺตาย ปฏิปทาย ยถาวุตฺตวิภาคานํ ปารมีนํ ปูริตภาวํ สนฺธายาห – ‘‘สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา’’ติ.
สติปิ มหาปริจฺจาคานํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ มหาปริจฺจาเคหิ วิสุํ คหณํ. ตโตเยว จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ, ปริจฺจาคภาวสามฺเปิ ธนรชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ กตํ. คตปจฺจาคติกวตฺตสงฺขาตาย ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย สทฺธึ อภิฺาสมาปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพโยโค. ทานาทีสุเยว สาติสยปฺปฏิปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพจริยา, ยา วา จริยาปิฏกสงฺคหิตา. ‘‘อภินีหาโร ปุพฺพโยโค, ทานาทิปฺปฏิปตฺติ วา กายวิเวกวเสน เอกจริยา วา ปุพฺพจริยา’’ติ เกจิ. ทานาทีนฺเจว อปฺปิจฺฉตาทีนฺจ สํสารนิพฺพาเนสุ อาทีนวานิสํสานฺจ วิภาวนวเสน สตฺตานํ โพธิตฺตเย ปติฏฺาปนปริปาจนวเสน จ ปวตฺตา กถา ธมฺมกฺขานํ. าตีนํ อตฺถจริยา าตตฺถจริยา. สาปิ กรุณายนวเสเนว. อาทิ-สทฺเทน โลกตฺถจริยาทโย สงฺคณฺหาติ. กมฺมสฺสกตาณวเสน อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานปริจยวเสน ขนฺธายตนาทิปริจยวเสน ลกฺขณตฺตยตีรณวเสน จ าณจาโร พุทฺธิจริยา. สา ปน อตฺถโต ปฺาปารมีเยว, าณสมฺภารทสฺสนตฺถํ วิสุํ ¶ คหณํ. โกฏีติ ปริยนฺโต, อุกฺกํโสติ อตฺโถ. จตฺตาโร สติปฏฺาเน ภาเวตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา. พฺรูเหตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา. สติปฏฺานาทิคฺคหเณน อาคมนปฺปฏิปทํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสติ. วิปสฺสนาสหคตา เอว วา สติปฏฺานาทโย ทฏฺพฺพา. เอตฺถ จ ‘‘เยน อภินีหาเรนา’’ติอาทินา อาคมนปฺปฏิปทาย อาทึ ทสฺเสติ, ‘‘ทานปารมิ’’นฺติอาทินา มชฺฌํ, ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน’’ติอาทินา ปริโยสานนฺติ เวทิตพฺพํ.
สมฺปติชาโตติ ¶ มุหุตฺตชาโต นิกฺขนฺตมตฺโต. นิกฺขนฺตมตฺตฺหิ มหาสตฺตํ ปมํ พฺรหฺมาโน สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน อชินปฺปเวณิยา, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน ปฏิคฺคณฺหึสุ, มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺิโต. ยถาหาติอาทินา มหาปทานเทสนาย วุตฺตวจนํ นิทสฺเสติ. เสตมฺหิ ฉตฺเตติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺเต. อนุธาริยมาเนติ ธาริยมาเน. เอตฺถ จ ฉตฺตคฺคหเณเนว ขคฺคาทีนิ ปฺจ กกุธภณฺฑานิ วุตฺตาเนวาติ ทฏฺพฺพํ. ขคฺคตาลวณฺฏโมรหตฺถกวาลพีชนิอุณฺหีสปฏฺฏาปิ หิ ฉตฺเตน สห ตทา อุปฏฺิตา อเหสุํ. ฉตฺตาทีนิเยว จ ตทา ปฺายึสุ, น ฉตฺตาทิคฺคาหกา. สพฺพา จ ทิสาติ ทส ทิสา, นยิทํ สพฺพทิสาวิโลกนํ สตฺตปทวีติหารุตฺตรกาลํ. มหาสตฺโต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมํ ทิสํ โอโลเกสิ, ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา, ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสา เหฏฺา อุปรีติ สพฺพา ทิสา อนุวิโลเกตฺวา สพฺพตฺถ อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรา ทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิ. อาสภินฺติ อุตฺตมํ. อคฺโคติ สพฺพปโม. เชฏฺโติ เสฏฺโติ จ ตสฺเสว เววจนํ. อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ พฺยากาสิ. ‘‘อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนา’’ติ สํขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ ‘‘ยฺหี’’ติอาทินา วิตฺถารโต ทสฺเสติ. ตตฺถ เอตฺถาติ –
‘‘อเนกสาขฺจ ¶ สหสฺสมณฺฑลํ,
ฉตฺตํ มรู ธารยุมนฺตลิกฺเข;
สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา,
น ทิสฺสเร จามรฉตฺตคาหกา’’ติ. (สุ. นิ. ๖๙๓) –
อิมิสฺสา คาถาย. สพฺพฺุตฺาณเมว สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตจารตาย อนาวรณาณนฺติ อาห – ‘‘สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺสา’’ติ. ตถา อยํ ภควาปิ คโต…เป… ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนาติ เอเตน อภิชาติยํ ธมฺมตาวเสน อุปฺปชฺชนกวิเสสา สพฺพโพธิสตฺตานํ สาธารณาติ ทสฺเสติ. ปารมิตานิสฺสนฺทา หิ เตติ.
วิกฺกมีติ อคมาสิ. มรูติ เทวา. สมาติ วิโลกนสมตาย สมา สทิสิโย. มหาปุริโส หิ ยถา เอกํ ทิสํ วิโลเกสิ, เอวํ เสสทิสาปิ, น กตฺถจิ วิโลกเน วิพนฺโธ ตสฺส ¶ อโหสีติ. สมาติ วา วิโลเกตุํ ยุตฺตาติ อตฺโถ. น หิ ตทา โพธิสตฺตสฺส วิรูปพีภจฺฉวิสมรูปานิ วิโลเกตุํ อยุตฺตานิ ทิสาสุ อุปฏฺหนฺตีติ.
‘‘เอวํ ตถา คโต’’ติ กายคมนฏฺเน คตสทฺเทน ตถาคตสทฺทํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ าณคมนฏฺเน ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เนกฺขมฺเมนาติ อโลภปฺปธาเนน กุสลจิตฺตุปฺปาเทน. กุสลา หิ ธมฺมา อิธ เนกฺขมฺมํ, น ปพฺพชฺชาทโย. ‘‘ปมชฺฌาเนนา’’ติ จ วทนฺติ. ปหายาติ ปชหิตฺวา. คโต อธิคโต, ปฏิปนฺโน อุตฺตริวิเสสนฺติ อตฺโถ. ปหายาติ วา ปหานเหตุ, ปหานลกฺขณํ วา. เหตุลกฺขณตฺโถ หิ อยํ ปหายสทฺโท. กามจฺฉนฺทาทิปฺปหานเหตุกฺหิ ‘‘คโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ คมนํ อวโพโธ, ปฏิปตฺติ เอว วา กามจฺฉนฺทาทิปฺปหาเนน จ ลกฺขียติ. เอส นโย ปทาเลตฺวาติอาทีสุปิ. อพฺยาปาเทนาติ เมตฺตาย. อาโลกสฺายาติ วิภูตํ กตฺวา มนสิกรเณน อุปฏฺิตอาโลกสฺชานเนน. อวิกฺเขเปนาติ สมาธินา. ธมฺมววตฺถาเนนาติ กุสลาทิธมฺมานํ ยาถาวนิจฺฉเยน. ‘‘สปฺปจฺจยนามรูปววตฺถาเนนา’’ติปิ วทนฺติ. เอวํ กามจฺฉนฺทาทินีวรณปฺปหาเนน ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘) วุตฺตาย ปมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย ภควโต ตถาคตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สห อุปาเยน อฏฺหิ ¶ สมาปตฺตีหิ อฏฺารสหิ จ มหาวิปสฺสนาหิ ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘าเณนา’’ติอาทิมาห. นามรูปปริคฺคหกงฺขาวิตรณานฺหิ วิพนฺธภูตสฺส โมหสฺส ทูรีกรเณน าตปริฺายํ ิตสฺส อนิจฺจสฺาทโย สิชฺฌนฺติ, ตถา ฌานสมาปตฺตีสุ อภิรตินิมิตฺเตน ปาโมชฺเชน ตตฺถ อนภิรติยา วิโนทิตาย ฌานาทีนํ สมธิคโมติ สมาปตฺติวิปสฺสนานํ อรติวิโนทนอวิชฺชาปทาลนาทิอุปาโย, อุปฺปฏิปาฏินิทฺเทโส ปน นีวรณสภาวาย อวิชฺชาย เหฏฺา นีวรเณสุปิ สงฺคหทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺโพ. สมาปตฺติวิหารปฺปเวสวิพนฺธเนน นีวรณานิ กวาฏสทิสานีติ อาห – ‘‘นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา’’ติ.
‘‘รตฺตึ วิตกฺเกตฺวา วิจาเรตฺวา ทิวา กมฺมนฺเต ปโยเชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๑) วุตฺตฏฺาเน วิตกฺกวิจารา ธูมายนา อธิปฺเปตาติ อาห – ‘‘วิตกฺกวิจารธูม’’นฺติ. กิฺจาปิ ปมชฺฌานูปจาเรเยว ทุกฺขํ, จตุตฺถชฺฌาโนปจาเรเยว จ สุขํ ปหียติ, อติสยปฺปหานํ ปน สนฺธายาห – ‘‘จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหายา’’ติ. รูปสฺาติ สฺาสีเสน รูปาวจรชฺฌานานิ เจว ตทารมฺมณานิ จ วุตฺตานิ. รูปาวจรชฺฌานมฺปิ หิ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๔๘; ๓.๓๑๒; ธ. ส. ๒๔๘; ปฏิ. ม. ๑.๒๐๙). ตสฺส อารมฺมณมฺปิ กสิณรูปํ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจติ ¶ ปุริมปทโลเปน ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๗๓-๑๗๔; ม. นิ. ๒.๒๔๙; ธ. ส. ๒๔๔-๒๔๕). ตสฺมา อิธ รูเป รูปชฺฌาเน ตํสหคตสฺา รูปสฺาติ เอวํ สฺาสีเสน รูปาวจรชฺฌานานิ วุตฺตานิ. รูปํ สฺา อสฺสาติ รูปสฺํ, รูปสฺส นามนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ ปถวีกสิณาทิเภทสฺส ตทารมฺมณสฺส เจตํ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํ. ปฏิฆสฺาติ จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ รูปาทีนํ อารมฺมณานฺจ ปฏิฆาเตน ปฏิหนเนน วิสยิวิสยสโมธาเน สมุปฺปนฺนา ทฺวิปฺจวิฺาณสหคตา สฺา ปฏิฆสฺา. นานตฺตสฺาโยติ นานตฺเต โคจเร ปวตฺตา สฺา, นานตฺตา วา สฺา นานตฺตสฺา, อฏฺ กามาวจรกุสลสฺา, ทฺวาทส อกุสลสฺา, เอกาทส กามาวจรกุสลวิปากสฺา, ทฺเว อกุสลวิปากสฺา, เอกาทส กามาวจรกิริยสฺาติ เอตาสํ จตุจตฺตาลีสสฺานเมตํ อธิวจนํ. เอตา หิ ยสฺมา รูปสฺาทิเภเท นานตฺเต ¶ นานาสภาเว โคจเร ปวตฺตนฺติ, ยสฺมา จ นานตฺตา นานาสภาวา อฺมฺํ อสทิสา, ตสฺมา ‘‘นานตฺตสฺา’’ติ วุจฺจนฺติ.
อนิจฺจสฺส, อนิจฺจนฺติ วา อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา, เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจตํ คเหตฺวา ปวตฺตาย อนุปสฺสนาเยตํ นามํ. นิจฺจสฺนฺติ สงฺขตธมฺเม ‘‘นิจฺจา สสฺสตา’’ติ ปวตฺตํ มิจฺฉาสฺํ. สฺาสีเสน ทิฏฺิจิตฺตานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. นิพฺพิทานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ นิพฺพิชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํ. วิราคานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นิโรธานุปสฺสนายาติ สงฺขารานํ นิโรธสฺส อนุปสฺสนาย. ‘‘เต สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, อายตึ สมุทยวเสน น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวํ วา อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา. เตเนวาห – ‘‘นิโรธานุปสฺสนาย นิโรเธติ, โน สมุเทตี’’ติ. มุจฺจิตุกมฺยตา หิ อยํ พลปฺปตฺตาติ. ปฏินิสฺสชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา. ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา หิ อยํ. อาทานนฺติ นิจฺจาทิวเสน คหณํ. สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณานํ วเสน เอกตฺตคฺคหณํ ฆนสฺา. อายูหนํ อภิสงฺขรณํ. อวตฺถาวิเสสาปตฺติ วิปริณาโม. ธุวสฺนฺติ ถิรภาวคฺคหณํ. นิมิตฺตนฺติ สมูหาทิฆนวเสน สกิจฺจปริจฺเฉทตาย จ สงฺขารานํ สวิคฺคหคฺคหณํ. ปณิธินฺติ ราคาทิปณิธึ. สา ปนตฺถโต ตณฺหาวเสน สงฺขาเรสุ นนฺทิตา. อภินิเวสนฺติ อตฺตานุทิฏฺึ.
อนิจฺจทุกฺขาทิวเสน สพฺพธมฺมตีรณํ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา. สาราทานาภินิเวสนฺติ อสาเร สารคฺคหณวิปลฺลาสํ. อิสฺสรกุตฺตาทิวเสน โลโก สมุปฺปนฺโนติ อภินิเวโส สมฺโมหาภินิเวโส ¶ . เกจิ ปน ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานนฺติอาทินา ปวตฺตสํสยาปตฺติ สมฺโมหาภินิเวโส’’ติ วทนฺติ. สงฺขาเรสุ เลณตาณภาวคฺคหณํ อาลยาภินิเวโส. ‘‘อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๔; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗) วจนโต อาลโย ตณฺหา, สาเยว จกฺขาทีสุ รูปาทีสุ จ อภินิเวสวเสน ปวตฺติยา อาลยาภินิเวโสติ เกจิ. ‘‘เอวํวิธา สงฺขารา ปฏินิสฺสชฺชียนฺตี’’ติ ปวตฺตํ าณํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา. วฏฺฏโต วิคตตฺตา วิวฏฺฏํ, นิพฺพานํ. ตตฺถ อารมฺมณกรณสงฺขาเตน อนุปสฺสเนน ปวตฺติยา วิวฏฺฏานุปสฺสนา, โคตฺรภู. สํโยคาภินิเวสนฺติ สํยุชฺชนวเสน สงฺขาเรสุ ¶ อภินิวิสนํ. ทิฏฺเกฏฺเติ ทิฏฺิยา สหชาเตกฏฺเ ปหาเนกฏฺเ จ. โอฬาริเกติ อุปริมคฺควชฺเฌ กิเลเส อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ, อฺถา ทสฺสนปหาตพฺพาปิ ทุติยมคฺควชฺเฌหิ โอฬาริกาติ. อณุสหคเตติ อณุภูเต. อิทํ เหฏฺิมมคฺควชฺเฌ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ. สพฺพกิเลเสติ อวสิฏฺสพฺพกิเลเส. น หิ ปมาทิมคฺเคหิปิ ปหีนา กิเลสา ปุน ปหียนฺตีติ.
กกฺขฬตฺตํ กถินภาโว. ปคฺฆรณํ ทฺรวภาโว. โลกิยวายุนา ภสฺตาย วิย เยน ตํตํกลาปสฺส อุทฺธุมายนํ, ถทฺธภาโว วา, ตํ วิตฺถมฺภนํ. วิชฺชมาเนปิ กลาปนฺตรภูตานํ กลาปนฺตรภูเตหิ ผุฏฺภาเว ตํตํภูตวิวิตฺตตา รูปปริยนฺโต อากาโสติ เยสํ โย ปริจฺเฉโท, เตหิ โส อสมฺผุฏฺโว, อฺถา ภูตานํ ปริจฺเฉทภาโว น สิยา พฺยาปิตภาวาปตฺติโต. ยสฺมึ กลาเป ภูตานํ ปริจฺเฉโท, เตหิ อสมฺผุฏฺภาโว อสมฺผุฏฺลกฺขณํ. เตนาห – ภควา อากาสธาตุนิทฺเทเส (ธ. ส. ๖๓๗) ‘‘อสมฺผุฏฺโ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ.
วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนํ. เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมานํ เจตนาวเสเนตํ วุตฺตํ – ‘‘สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณ’’นฺติ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภงฺเค (วิภ. ๙๒) ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา เจตนาว วิภตฺตา. อภิสงฺขรลกฺขณา จ เจตนา. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตโม ปฺุาภิสงฺขาโร, กุสลา เจตนา กามาวจรา’’ติอาทิ. ผรณํ สวิปฺผาริกตา. อสฺสทฺธิเยติ อสฺสทฺธิยเหตุ. นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ. เอส นโย โกสชฺเชติอาทีสุ. วูปสมลกฺขณนฺติ กายจิตฺตปริฬาหูปสมลกฺขณํ. ลีนุทฺธจฺจรหิเต อธิจิตฺเต ปวตฺตมาเน ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาวฏตาย อชฺฌุเปกฺขนํ ปฏิสงฺขานํ ปกฺขปาตุปจฺเฉทโต.
มุสาวาทาทีนํ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ ปฏิปกฺขภาวโต ปริคฺคาหกสภาวา ¶ สมฺมาวาจา, สินิทฺธภาวโต สมฺปยุตฺตธมฺเม สมฺมาวาจาปจฺจยสุภาสิตานํ โสตารฺจ ปุคฺคลํ ปริคฺคณฺหาตีติ สา ปริคฺคหลกฺขณา. กายิกกิริยา กิฺจิ กตฺตพฺพํ สมุฏฺาเปติ, สยฺจ สมุฏฺหนํ ฆฏนํ โหตีติ สมฺมากมฺมนฺตสงฺขาตา วิรตีปิ ¶ สมุฏฺานลกฺขณา ทฏฺพฺพา, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฏฺาปนํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิย. ชีวมานสฺส สตฺตสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา ชีวิตินฺทฺริยปวตฺติยา, อาชีวสฺเสว วา สุทฺธิ โวทานํ. ‘‘สงฺขารา’’ติ อิธ เจตนา อธิปฺเปตาติ วุตฺตํ – ‘‘สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณ’’นฺติ. นมนํ อารมฺมณาภิมุขภาโว. อายตนํ ปวตฺตนํ. อายตนวเสน หิ อายสงฺขาตานํ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติ. ตณฺหาย เหตุลกฺขณนฺติ วฏฺฏสฺส ชนกเหตุภาโว, มคฺคสฺส ปน นิพฺพานสมฺปาปกตฺตนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส.
ตถลกฺขณํ อวิปรีตสภาโว. เอกรโส อฺมฺนาติวตฺตนํ อนูนาธิกภาโว. ยุคนทฺธา สมถวิปสฺสนาว. ‘‘สทฺธาปฺา ปคฺคหาวิกฺเขปา’’ติปิ วทนฺติ. ขโยติ กิเลสกฺขโย มคฺโค. อนุปฺปาทปริโยสานตาย อนุปฺปาโท ผลํ. ปสฺสทฺธิ กิเลสวูปสโม. ฉนฺทสฺสาติ กตฺตุกามตาฉนฺทสฺส. มูลลกฺขณํ ปติฏฺาภาโว. สมุฏฺานลกฺขณํ อารมฺมณปฺปฏิปาทกตาย สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุปฺปตฺติเหตุตา. สโมธานํ วิสยาทิสนฺนิปาเตน คเหตพฺพากาโร, ยา สงฺคตีติ วุจฺจติ. สมํ, สห โอทหนฺติ อเนน สมฺปยุตฺตธมฺมาติ วา สโมธานํ, ผสฺโส. สโมสรนฺติ สนฺนิปตนฺติ เอตฺถาติ สโมสรณํ. เวทนาย วินา อปฺปวตฺตมานา สมฺปยุตฺตธมฺมา เวทนานุภวนนิมิตฺตํ สโมสฏา วิย โหนฺตีติ เอวํ วุตฺตํ. โคปานสีนํ กูฏํ วิย สมฺปยุตฺตานํ ปาโมกฺขภาโว ปมุขลกฺขณํ. ตโต, เตสํ วา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุตฺตริ ปธานนฺติ ตตุตฺตริ. ปฺุตฺตรา หิ กุสลา ธมฺมา. วิมุตฺติยาติ ผลสฺส. ตฺหิ สีลาทิคุณสารสฺส ปรมุกฺกํสภาเวน สารํ. อยฺจ ลกฺขณวิภาโค ฉธาตุปฺจฌานงฺคาทิวเสน ตํตํสุตฺตปทานุสาเรน โปราณฏฺกถายํ อาคตนเยน จ กโตติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ปุพฺเพ วุตฺโตปิ โกจิ ธมฺโม ปริยายนฺตรปฺปกาสนตฺถํ ปุน ทสฺสิโต, ตโต เอว จ ‘‘ฉนฺทมูลกา กุสลา ธมฺมา มนสิการสมุฏฺานา ผสฺสสโมธานา เวทนาสโมสรณา’’ติ, ‘‘ปฺุตฺตรา กุสลา ธมฺมา’’ติ, ‘‘วิมุตฺติสารมิทํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ, ‘‘นิพฺพาโนคธฺหิ, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ นิพฺพานปริโยสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๒) จ สุตฺตปทานํ วเสน ‘‘ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
ตถธมฺมา ¶ นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อวิปรีตสภาวตฺตา. ตถานิ ตํสภาวตฺตา, อวิตถานิ อมุสาสภาวตฺตา, อนฺถานิ อฺาการรหิตตฺตา. ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ¶ ชาติปจฺจยา สมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อุทฺธํ อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปวตฺตตฺโถติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ, น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา อฺโต โหตีติ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ, อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺโ. ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปํ ปาตุภาโวติ อตฺโถ. อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโติ เอตฺถาปิ น อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย น โหติ, น จ อวิชฺชํ วินา สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ. ยา ยา อวิชฺชา เยสํ เยสํ สงฺขารานํ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, อยํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ, ปจฺจยภาโวติ อตฺโถ.
ภควา ตํ ชานาติ ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. เตนาติ ภควตา. ตํ วิภชฺชมานนฺติ โยเชตพฺพํ. ตนฺติ รูปายตนํ. อิฏฺานิฏฺาทีติ อาทิ-สทฺเทน มชฺฌตฺตํ สงฺคณฺหาติ, ตถา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนปริตฺตอชฺฌตฺตพหิทฺธาตทุภยาทิเภทํ. ลพฺภมานกปทวเสนาติ ‘‘รูปายตนํ ทิฏฺํ, สทฺทายตนํ สุตํ, คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฏฺพฺพายตนํ มุตํ, สพฺพํ รูปํ มนสา วิฺาต’’นฺติ (ธ. ส. ๙๖๖) วจนโต ทิฏฺปทฺจ วิฺาตปทฺจ รูปารมฺมเณ ลพฺภติ. อเนเกหิ นาเมหีติ ‘‘รูปารมฺมณํ อิฏฺํ อนิฏฺํ มชฺฌตฺตํ ปริตฺตํ อตีตํ อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา ทิฏฺํ วิฺาตํ รูปํ รูปายตนํ รูปธาตุ วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติ เอวมาทีหิ อเนเกหิ นาเมหิ. เตรสหิ วาเรหีติ รูปกณฺเฑ อาคเต เตรส นิทฺเทสวาเร สนฺธายาห. ทฺเวปฺาสาย นเยหีติ เอเกกสฺมึ วาเร จตุนฺนํ จตุนฺนํ ววตฺถาปนนยานํ วเสน ทฺวิปฺาสาย นเยหิ. ตถเมวาติ อวิปรีตทสฺสิตาย อปฺปฏิวตฺติยเทสนตาย จ ตถเมว โหติ. ชานามิ อพฺภฺาสินฺติ วตฺตมานาตีตกาเลสุ าณปฺปวตฺติทสฺสเนน อนาคเตปิ าณปฺปวตฺติ วุตฺตาเยวาติ ทฏฺพฺพา. วิทิต-สทฺโท อนามฏฺกาลวิเสโส เวทิตพฺโพ ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๘๘; ม. นิ. ๑.๗-๘; สํ. นิ. ๓.๒๐๘; อ. นิ. ๔.๒๓) วิย. น อุปฏฺาสีติ อตฺตตฺตนิยวเสน น อุปคฺฉิ ¶ . ยถา รูปารมฺมณาทโย ธมฺมา ยํสภาวา ยํปการา จ, ตถา เน ปสฺสติ ชานาติ คจฺฉตีติ ตถาคโตติ เอวํ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘นิรุตฺตินเยน ปิโสทราทิปกฺเขเปน วา ทสฺสีสทฺทสฺส โลปํ, อาคต-สทฺทสฺส จาคมํ กตฺวา ตถาคโต’’ติ วณฺเณนฺติ.
ยํ รตฺตินฺติ ยสฺสํ รตฺติยํ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ติณฺณํ มารานนฺติ กิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตสงฺขาตานํ ติณฺณํ มารานํ. อนุปวชฺชนฺติ นิทฺโทสตาย น อุปวชฺชํ. อนูนนฺติ ปกฺขิปิตพฺพาภาเวน น อูนํ. อนธิกนฺติ อปเนตพฺพาภาเวน น อธิกํ. สพฺพาการปริปุณฺณนฺติ ¶ อตฺถพฺยฺชนาทิสมฺปตฺติยา สพฺพากาเรน ปริปุณฺณํ. โน อฺถาติ ‘‘ตเถวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรเกน สมฺปาเทติ. เตน ยทตฺถํ ภาสิตํ, ตทตฺถนิปฺผาทนโต ยถา ภาสิตํ ภควตา, ตเถวาติ อวิปรีตเทสนตํ ทสฺเสติ. คทตฺโถติ เอเตน ตถํ คทตีติ ตถาคโตติ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา นิรุตฺตินเยน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. ตถา คตมสฺสาติ ตถาคโต. คตนฺติ จ กายสฺส วาจาย วา ปวตฺตีติ อตฺโถ. ตถาติ จ วุตฺเต ยํ-ตํ-สทฺทานํ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธตาย ยถาติ อยมตฺโถ อุปฏฺิโตเยว โหติ. กายวาจากิริยานฺจ อฺมฺานุโลเมน วจนิจฺฉายํ กายสฺส วาจา, วาจาย จ กาโย สมฺพนฺธภาเวน อุปติฏฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. อิมสฺมึ ปน อตฺเถ ตถาวาทิตาย ตถาคโตติ อยมฺปิ อตฺโถ สิทฺโธ โหติ. โส ปน ปุพฺเพ ปการนฺตเรน ทสฺสิโตติ อาห – ‘‘เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต’’ติ.
ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสูติ เอเตน ยเทเก ‘‘ติริยํ วิย อุปริ อโธ จ สนฺติ โลกธาตุโย’’ติ วทนฺติ, ตํ ปฏิเสเธติ. เทสนาวิลาโสเยว เทสนาวิลาสมโย ยถา ‘‘ปฺุมยํ ทานมย’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐; เนตฺติ. ๓๓). นิปาตานํ วาจกสทฺทสนฺนิธาเน ตทตฺถโชตนภาเวน ปวตฺตนโต คต-สทฺโทเยว อวคตตฺถํ อตีตตฺถฺจ วทตีติ อาห – ‘‘คโตติ อวคโต อตีโต’’ติ. อถ วา อภินีหารโต ปฏฺาย ยาว ¶ สมฺโพธิ, เอตฺถนฺตเร มหาโพธิยานปฏิปตฺติยา หานฏฺานสํกิเลสนิวตฺตีนํ อภาวโต ยถา ปณิธานํ, ตถา คโต อภินีหารานุรูปํ ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. อถ วา มหิทฺธิกตาย ปฏิสมฺภิทานํ อุกฺกํสาธิคเมน อนาวรณาณตาย จ กตฺถจิปิ ปฏิฆาตาภาวโต ยถา รุจิ, ตถา กายวาจาจิตฺตานํ คตานิ คมนานิ ปวตฺติโย เอตสฺสาติ ตถาคโต. ยสฺมา จ โลเก วิธยุตฺตคตปการสทฺทา สมานตฺถา ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา ยถาวิธา วิปสฺสิอาทโย ภควนฺโต, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธติ ตถาคโต. ยถา ยุตฺตา จ เต ภควนฺโต, อยมฺปิ ภควา ตถา ยุตฺโตติ ตถาคโต. อถ วา ยสฺมา สจฺจํ ตตฺวํ ตจฺฉํ ตถนฺติ าณสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา ตเถน าเณน อาคโตติ ตถาคโตติ เอวมฺปิ ตถาคตสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
‘‘ปหาย กามาทิมเล ยถา คตา,
สมาธิาเณหิ วิปสฺสิอาทโย;
มเหสิโน สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,
ตถาคโต เตน ตถาคโต มโต.
‘‘ตถฺจ ¶ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,
สภาวสามฺวิภาคเภทโต;
สยมฺภุาเณน ชิโนยมาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.
‘‘ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,
ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;
อนฺเนยฺเยน ยโต วิภาวิตา,
ยาถาวโต เตน ชิโน ตถาคโต.
‘‘อเนกเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,
ชินสฺส รุปายตนาทิโคจเร;
วิจิตฺตเภเท ตถเมว ทสฺสนํ,
ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.
‘‘ยโต ¶ จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,
กโรติ วาจายนุโลมมตฺตโน;
คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,
ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก.
‘‘ยถาภินีหารมโต ยถารุจิ,
ปวตฺตวาจา ตนุจิตฺตภาวโต;
ยถาวิธา เยน ปุรา มเหสิโน,
ตถาวิโธ เตน ชิโน ตถาคโต’’ติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) –
สงฺคหคาถา มุขมตฺตเมว, กสฺมา? อปฺปมาทปทํ วิย สกลกุสลธมฺมสมฺปฏิปตฺติยา สพฺพพุทฺธคุณานํ สงฺคาหกตฺตา. เตเนวาห – ‘‘สพฺพากาเรนา’’ติอาทิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
๑๗๑. ทุติเย อุปฺปตฺตีติ ปมาย ชาติยา นิพฺพตฺตึ วตฺวา อริยาย ชาติยา นิพฺพตฺตึ ทสฺเสตุํ – ‘‘นิปฺผตฺตี’’ติ อาห. ตทา หิสฺส พุทฺธภาวนิปฺผตฺตีติ. ‘‘ทุลฺลโภ’’ติอาทึ ¶ วตฺวา การณสฺส ทูรสมฺภารภาวโต ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกวาร’’นฺติอาทิมาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตตฺถ วารคณนา นาม มาสสํวจฺฉรกปฺปคณนาทิกา, กปฺปานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ตีณิ อสงฺขฺเยยฺยานิปิ ปารมิโย ปูเรตฺวาปิ พุทฺเธน ภวิตุํ น สกฺกา, เหฏฺิมโกฏิยา ปน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ นิรนฺตรํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา พุทฺธภาวํ ปตฺตุํ สกฺกา, น อิโต อฺถาติ อิมินา การเณน ทุลฺลโภ ปาตุภาโว พุทฺธานนฺติ.
๑๗๒. ตติเย นิจฺจํ น โหตีติ อภิณฺหปฺปวตฺติกํ น โหติ กทาจิเทว สมฺภวโต. เยภุยฺเยน มนุสฺสา อจฺฉริยํ ทิสฺวา อจฺฉรํ ปหรนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อจฺฉรํ ปหริตฺวา ปสฺสิตพฺโพ’’ติ. สมนฺนาคตตฺตาติ เอเตน อจฺฉริยา คุณธมฺมา เอตสฺมึ สนฺตีติ อจฺฉริโยติ ทสฺเสติ. อปิจ อาทิโต ปภุติ อภินีหาราวโห, ตโต ปรมฺปิ อนฺสาธารเณ คุณธมฺเม อาจิณฺณวาติ อจฺฉริโยติ อาห – ‘‘อาจิณฺณมนุสฺโสติปิ อจฺฉริยมนุสฺโส’’ติอาทิ. มหาโพธิาณเมว มณฺฑภูตํ มหาโพธิมณฺโฑ. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ ¶ ‘‘มหาโพธี’’ติ วุจฺจติ. อนิวตฺตเกนาติ โพธิยา นิยตภาวาปตฺติยา มหาโพธิสตฺตภาวโต อนิวตฺตนสภาเวน. พุทฺธการกธมฺมานํ ปูรณมฺปิ น อฺสฺส กสฺสจิ อาจิณฺณนฺติอาทินา เหตุอวตฺถาย ผลาวตฺถาย สตฺตานํ อุปการาวตฺถาย จาติ ตีสุปิ อวตฺถาสุ โลกนาโถ อนฺสาธารณานํ คุณธมฺมานํ อาจิณฺณตาย อจฺฉริยมนุสฺโส วุตฺโตติ ทสฺเสติ.
๑๗๓. จตุตฺเถ กาเล กิริยาติ กาลกิริยา. กตรสฺมึ กาเล กีทิสี กิริยา. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺติ, วิเสสตฺถินา จ วิเสโส อนุปฺปโยชิตพฺโพติ อาห – ‘‘เอกสฺมึ กาเล ปากฏา กิริยา’’ติ. กตรสฺมึ ปน เอกสฺมึ กาเล, กถฺจ ปากฏาติ? กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ อเนกานิ อสงฺขฺเยยฺยานิ อภิกฺกมิตฺวา ยถาธิปฺเปตมโนรถปาริปูริวเสน สมุปลทฺเธ เอกสฺมึ กาเล, สเทวโลเก อติวิย อจฺฉริยมนุสฺสสฺส ปรินิพฺพานนฺติ อจฺจนฺตปากฏา. อนุตาปกราติ เจโตทุกฺขาวหา. ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสูติ วุตฺตํ ตสฺส พุทฺธกฺเขตฺตภาเวน ปริจฺฉินฺนตฺตา, ตทฺเสฺจ อวิสยตฺตา.
๑๗๔. ปฺจเม ทุติยสฺส พุทฺธสฺสาติ ทุติยสฺส สพฺพฺุพุทฺธสฺส อภาวา. สุตพุทฺโธ นาม สุตมเยน าเณน พุชฺฌิตพฺพสฺส พุทฺธตฺตา. จตุสจฺจพุทฺโธ นาม จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อนวเสสโต พุทฺธตฺตา. ปจฺเจกพุทฺโธ นาม ปจฺเจกํ อตฺตโนเยว ยถา จตุสจฺจสมฺโพโธ โหติ, เอวํ ¶ พุทฺธตฺตา. สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอว หิ ยถา สเทวกสฺส โลกสฺส จตุสจฺจสมฺโพโธ โหติ, เอวํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌติ. จตฺตาริ วา อฏฺ วา โสฬส วาติ อิทํ กตมหาภินีหารานํ มหาโพธิสตฺตานํ ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวิภาควเสน วุตฺตํ. ‘‘ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ, ปฺา ติกฺขา. สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหติ. วีริยาธิกานํ ปฺา มนฺทา, ปฺานุภาเวน จ สมฺมาสมฺโพธิ อธิคนฺตพฺพา’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. อวิเสเสน ปน วิมุตฺติปริปาจนียธมฺมานํ ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน ตโยเปเต เภทา ยุตฺตาติ วทนฺติ. ติวิธา หิ โพธิสตฺตา อภินีหารกฺขเณ ภวนฺติ อุคฺฆฏิตฺุวิปฺจิตฺุเนยฺยเภเทน. เตสุ ¶ อุคฺฆฏิตฺู สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขา จาตุปฺปทิกํ คาถํ สุณนฺโต ตติยปเท อปริโยสิเตเยว ฉหิ อภิฺาหิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ. ทุติโย สตฺถุ สมฺมุขา เอกํ คาถํ สุณนฺโต อปริโยสิเตเยว จตุตฺถปเท ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ. อิตโร ภควโต สมฺมุขา จาตุปฺปทิกคาถํ สุตฺวา ปริโยสิตาย คาถาย ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ. ตโยเปเต วินา กาลเภเทน กตาภินีหารา ลทฺธพฺยากรณา ปารมิโย ปูเรนฺโต ยถากฺกมํ ยถาวุตฺตเภเทน กาเลน สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณนฺติ, เตสุ เตสุ ปน กาลเภเทสุ อปริปุณฺเณสุ เต เต มหาสตฺตา ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ ทานํ เทนฺตาปิ ตทนุรูปํ สีลาทิเสสปารมิธมฺเม อาจินนฺตาปิ อนฺตรา พุทฺธา ภวิสฺสนฺตีติ อการณเมตํ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต. ปริจฺฉินฺนกาลนิปฺผาทิตํ วิย หิ สสฺสํ ปริจฺฉินฺนกาเล นิปฺผาทิตา สมฺมาสมฺโพธิ ตทนฺตรา สพฺพุสฺสาเหน วายมนฺเตนปิ น สกฺกา ปาปุณิตุนฺติ ปารมิปูรี ยถาวุตฺตกาลวิเสเสน สมฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. สทฺธินฺติ สมานกาเล.
อสหาโยติ นิปฺปริยายโต วุตฺตํ. สหอยนฏฺโ หิ สหายฏฺโ. ปฏิปตฺติวเสน ภควตา สห สมํ อยนํ นาม กสฺสจิปิ นตฺเถว. หตฺถาทิอวยวโต ปฏิ ปฏิ มินิตพฺพโต ปฏิมา วุจฺจติ อตฺตภาโว. สมตฺโถ นาม นตฺถีติ เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ นตฺถิ. ปฏิสโมติ ปฏินิธิภาเวน สโม. ปฏิภาคํ ทาตุนฺติ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา วุตฺตสฺส ธมฺมภาคสฺส ธมฺมโกฏฺาสสฺส ปฏิปกฺขภูตํ กตฺวา ภาคํ โกฏฺาสํ ปฏิวจนํ ทาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. นตฺถิ เอตสฺส สีลาทิคุเณหิ ปฏิพิมฺพภูโต ปุคฺคโลติ อปฺปฏิปุคฺคโล. เตนาห – ‘‘อฺโ โกจี’’ติอาทิ. ติสหสฺสิมหาสหสฺสีนํ วิภาโค ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
๑๗๕. ฉฏฺาทีสุ ตสฺมึ ปุคฺคเลติ สมฺมาสมฺพุทฺเธ. ตนฺติ ปฺาจกฺขุ. ปาตุภูตเมว โหติ ตสฺส ¶ สหสฺส อุปฺปชฺชนโต. อุปฺปตฺตีติ อุปฺปชฺชนํ. นิปฺผตฺตีติ ปริวุทฺธิ. กีวรูปสฺสาติ กีทิสสฺส. สาวกวิสเยว หตฺถคตํ ปฺาจกฺขุ นาม ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํเยวาติ อาห – ‘‘สาริปุตฺตตฺเถรสฺสา’’ติอาทิ. สมาธิปฺาติ สมาธิสหคตา ปฺา. ‘‘สมาธิสํวตฺตนิกา ¶ ขิปฺปนิสนฺติอาทิวิเสสาวหา ปฺา’’ติ เกจิ. อาโลโกติ ปฺาอาโลโก เอว. ตถา โอภาโส. ตีณิปีติ ตีณิปิ สุตฺตานิ. โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานีติ ปุพฺพภาคปฺาย อธิปฺเปตตฺตา วุตฺตํ.
อุตฺตมธมฺมานนฺติ อตฺตโน อุตฺตริตรสฺส อภาเวน เสฏฺธมฺมานํ. ทฏฺพฺพโต ทสฺสนํ, ภควโต รูปกาโย. ตตฺถปิ วิเสสโต รูปายตนํ. เตนาห – ‘‘จกฺขุวิฺาเณน ทฏฺุํ ลภตี’’ติ. นตฺถิ อิโต อุตฺตรนฺติ อนุตฺตรํ, ตเทว อนุตฺตริยํ, ทสฺสนฺจ ตํ อนุตฺตริยฺจาติ ทสฺสนานุตฺตริยํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปน ปทวิเสโส – สุยฺยตีติ สวนํ, ภควโต วจนํ. ลพฺภตีติ ลาโภ, ภควติ สทฺธา. สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขา. สีลสมาธิปฺาปริจรณํ ปาริจริยา, อุปฏฺานํ. อนุสฺสรณํ อนุสฺสติ, สตฺถุ คุณานุสฺสรณํ. อิเมสนฺติ ยถาวุตฺตานํ ฉนฺนํ อนุตฺตริยานํ. ปาตุภาโว โหตีติ ตถาคตสฺส ปาตุภาวา ตปฺปฏิพทฺธตฺตา ตพฺพิสยตฺตา จ ปาตุภาโว โหติ. ‘‘ทสฺสนานุตฺตริย’’นฺติ จ สเทวเก โลเก อุตฺตริตรสฺส ภควโต รูปสฺส น ทสฺสนมตฺตํ อธิปฺเปตํ, อถ โข ตสฺส รูปทสฺสนมุเขน อเวจฺจปฺปสาเทน พุทฺธคุเณ โอกปฺเปตฺวา โอคาเหตฺวา ทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ. เตนาห – ‘‘อายสฺมา หี’’ติอาทิ. อิทมฺปิ ทสฺสนานุตฺตริยนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตโต นิพฺพิเสสตฺตา วุตฺตํ. ทสพลํ ทสฺสนาย ลภิตฺวาติ อานนฺทตฺเถโร วิย ปสาทภตฺติเมตฺตาปุพฺพกํ ทสพลํ ทสฺสนาย ลภิตฺวา. ทสฺสนํ วฑฺเฒตฺวาติ ทสฺสนมุเขน ปวตฺตํ วิปสฺสนาจารํ วฑฺเฒตฺวา. ทสฺสนมุเขน ยาว อนุโลมาณํ วิปสฺสนาจารํ วฑฺเฒตฺวา ตทนนฺตรํ อฏฺมกมหาภูมึ โอกฺกมนฺโต ทสฺสนํ โสตาปตฺติมคฺคํ ปาเปติ นาม. อิธ ปรโต ปวตฺตํ ทสฺสนํ ทสฺสนเมว นาม, มูลทสฺสนํ ปน สจฺจทสฺสนสฺสปิ การณภาวโต ทสฺสนานุตฺตริยํ นาม. เอส นโย เสสานุตฺตริเยสุปิ.
ทสพเล สทฺธํ ปฏิลภตีติ สมฺมาสมฺพุทฺเธ ภควติ สทฺธํ ปฏิลภติ. ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขิตฺวาติ ติสฺโส ปุพฺพภาคสิกฺขา สิกฺขิตฺวา. ปริจรตีติ อุปฏฺานํ กโรติ. ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา พุทฺธานุสฺสติวเสน อนุสฺสติชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ปทฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต ‘‘อนุสฺสตึ วฑฺเฒตฺวา’’ติ วุตฺโต.
สจฺฉิกิริยา ¶ โหตีติ ปจฺจกฺขกรณํ โหติ. มคฺคกฺขเณ หิ ลพฺภมานา ปฏิสมฺภิทา ผลกฺขเณ ¶ สจฺฉิกตา นาม โหติ ตโต ปรํ อตฺถาทีสุ ยถิจฺฉิตํ วินิโยคกฺขมภาวโต. จตสฺโสติ คณนปริจฺเฉโท. ปฏิสมฺภิทาติ ปเภทา. กสฺส ปน ปเภทาติ? ‘‘อตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติอาทิวจนโต (วิภ. ๗๑๘-๗๒๑) าณสฺเสตา ปเภทา. ตสฺมา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทาติ จตฺตาโร าณปฺปเภทาติ อตฺโถ. อตฺถปฏิสมฺภิทาติ อตฺเถ ปฏิสมฺภิทา, อตฺถปเภทสฺส สลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺเถ ปเภทคตํ าณนฺติ อตฺโถ. ตถา ธมฺมปเภทสฺส สลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปเภทสฺส สลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. ปฏิภานปเภทสฺส สลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ปฏิภาเน ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา.
อตฺเถสุ าณนฺติอาทีสุ อตฺโถติ สงฺเขปโต เหตุผลํ. ตฺหิ เหตุวเสน อรณียํ คนฺตพฺพํ ปตฺตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘อตฺโถ’’ติ วุจฺจติ. ปเภทโต ปน ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ, นิพฺพานํ, ภาสิตตฺโถ, วิปาโก, กิริยาติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ‘‘อตฺโถ’’ติ เวทิตพฺพา. ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ธมฺโมติ สงฺเขปโต ปจฺจโย. โส หิ ยสฺมา ตนฺติ ทหติ วิทหติ ปวตฺเตติ เจว ปาเปติ จ เปติ จ, ตสฺมา ‘‘ธมฺโม’’ติ วุจฺจติ. ปเภทโต ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ อริยมคฺโค ภาสิตํ กุสลํ อกุสลนฺติ ปฺจวิโธติ เวทิตพฺโพ, ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา.
อตฺถธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณนฺติ ตสฺมึ อตฺเถ จ ธมฺเม จ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ สภาวนิรุตฺติอภิลาเป ปเภทคตํ าณํ. เอวมยํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา สทฺทารมฺมณา นาม ชาตา, น ปฺตฺติอารมฺมณา. กสฺมา? ยสฺมา สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ ปชานาติ. ปฏิสมฺภิทาปตฺโต หิ ‘‘ผสฺโส’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานาติ, ‘‘ผสฺสา’’ติ วา ‘‘ผสฺส’’นฺติ วา วุตฺเต ‘‘อยํ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ ชานาติ. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปเนส ¶ นามาขฺยาโตปสคฺคาพฺยยปทมฺปิ ชานาติเยว สภาวนิรุตฺติยา ยาถาวโต ชานนโต. าเณสุ าณนฺติ สพฺพตฺถกาณํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปเภทคตํ าณํ.
อิมา ปน จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา เสกฺขภูมิยํ อเสกฺขภูมิยนฺติ ทฺวีสุ าเนสุ ปเภทํ คจฺฉนฺติ. อธิคโม ปริยตฺติ สวนํ ปริปุจฺฉา ปุพฺพโยโคติ อิเมหิ ปฺจหิ การเณหิ วิสทา ¶ โหนฺติ. อธิคโม นาม สจฺจปฺปฏิเวโธ. ปริยตฺติ นาม พุทฺธวจนํ. ตฺหิ คณฺหนฺตสฺส ปฏิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติ. สวนํ นาม ธมฺมสฺสวนํ. สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺตสฺสปิ หิ ปฏิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติ. ปริปุจฺฉา นาม อฏฺกถา. อุคฺคหิตปาฬิยา อตฺถํ กเถนฺตสฺสปิ หิ ปฏิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติ. ปุพฺพโยโค นาม ปุพฺพโยคาวจรตา. หรณปจฺจาหรณนเยน ปฏิปากฏกมฺมฏฺานสฺสปิ ปฏิสมฺภิทา วิสทา โหนฺตีติ. โลกิยโลกุตฺตรา วาติ เอตฺถ ติสฺโส ปฏิสมฺภิทา โลกิยา, อตฺถปฏิสมฺภิทา สิยา โลกิยา, สิยา โลกุตฺตราติ เอวํ วิภชิตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
พุทฺธุปฺปาเทเยวาติ อวธารเณน พุทฺธุปฺปาเท เอว ลพฺภนโต, อพุทฺธุปฺปาเท อลพฺภนโต อนฺสาธารโณ ปฏิเวโธ อธิปฺเปโต. เอวฺจ กตฺวา ‘‘มหโต จกฺขุสฺสา’’ติอาทีสุ ปฺามหตฺตาทิกมฺปิ อนฺสาธารณเมว อธิปฺเปตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยาทโยปิ ปเรสํ ตพฺภาวาวหา ทฏฺพฺพา. ยา กาจิ ธาตุโย โลกิยา โลกุตฺตรา วา, สพฺพา ตา อิมาเหว สงฺคหิตา, เอตฺเถว อนฺโตคธาติ วุตฺตํ – ‘‘อิมาว อฏฺารส ธาตุโย นานาสภาวโต นานาธาตุโย’’ติ. สฺวายมตฺโถ อเนกธาตุนานาธาตุาณวิภงฺเคน (วิภ. ๗๕๑) ทีเปตพฺโพ. ‘‘สจฺฉิกิริยา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘วิชฺชาติ ผเล าณ’’นฺติ วุตฺตํ.
๑๘๗. ยสฺมา จกฺกติ อปราปรํ ปริวตฺตตีติ จกฺกํ, ตสฺมา อิริยาปถาปิ อปราปรํ ปริวตฺตนฏฺเน จกฺกสทิสตฺตา จกฺกนฺติ วุตฺตา, ตถา ปติรูปเทสวาสาทิสมฺปตฺติโย. ตโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกํ อภินีหรติ นามาติ เอตฺถ ตทา มหาสตฺโต อตฺตานํ อภินีหารโยคํ กโรนฺโต ‘‘ธมฺมจกฺกํ อภินีหรติ นามา’’ติ วุตฺโต ตโต ปฏฺาย ธมฺมจกฺกาภินีหารวิพนฺธกรธมฺมานุปฺปชฺชนโต. อภินีหฏํ นามาติ เอตฺถปิ อยเมว ¶ นโย. อรหตฺตมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโตปิ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาเทติเยว นาม ตทตฺถํ าณํ ปริปาเจตีติ กตฺวา. อรหตฺตผลกฺขเณ ธมฺมจกฺกํ อุปฺปาทิตํ นาม ตสฺมึ ขเณ ธมฺมจกฺกสฺส อุปฺปาทนาย กาตพฺพกิจฺจสฺส กสฺสจิ อภาวา. ปฏิเวธาณฺหิ อิธ ‘‘ธมฺมจกฺก’’นฺติ อธิปฺเปตํ. อิทานิ เทสนาาณวเสน ธมฺมจกฺกํ ทสฺเสตุํ – ‘‘กทา ปวตฺเตติ นามา’’ติอาทิมาห. น เกวลํ เถรสฺเสว, อถ โข สพฺเพสมฺปิ สาสนิกานํ ธมฺมกถา ภควโต ธมฺมเทสนา จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ จตุนฺนฺจ เอกตฺตาทินยานํ อวิราธนโตติ ทสฺเสตุํ – ‘‘โย หิ โกจิ ภิกฺขุ วา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอกปุคฺคลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๑. ปมเอตทคฺควคฺโค
เอตทคฺคปทวณฺณนา
๑๘๘. เอตทคฺเคสุ ¶ ปมวคฺคสฺส ปเม อาทิมฺหิ ทิสฺสตีติ เอตฺถ อคฺคสทฺโทติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อชฺชตคฺเคติ อชฺชทิวสํ อาทึ กตฺวาติ อตฺโถ. องฺคุลคฺเคนาติ องฺคุลิโกฏิยา. อมฺพิลคฺคนฺติ อมฺพิลโกฏฺาโส. โกฏิภูตาติ ปรมโกฏิภูตา ตสฺมึ าเน ตาทิสานํ อฺเสํ อภาวโต. ตโต เอว เสฏฺภูตาติปิ อคฺคา. เอตทคฺคสนฺนิกฺเขโปติ เอตทคฺเค ปนํ อฏฺุปฺปตฺติอาทีหิ จตูหิปิ การเณหิ. มหาปฺตาย เถเรน เอตทคฺคฏฺานสฺส ลทฺธภาวํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ – ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. ทฺเว ปทนฺตรานีติ กณฺฑมฺพมูเล ยุคนฺธรปพฺพเตติ ทฺวีสุ าเนสุ ทฺเว ปทานิ ทสฺเสตฺวา. มุณฺฑปีกนฺติ ยํ สตฺตงฺคํ ปฺจงฺคํ วา น โหติ, เกวลํ มุณฺฑกปีํ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อวตฺถริตฺวา นิสีทีติ พุทฺธานุภาเวน อชฺโฌตฺถริตฺวา นิสีทิ. เตนาห – ‘‘เอวํ นิสีทนฺโต’’ติอาทิ. กายสกฺขึ กตฺวาติ นามกาเยน เทสนาย สมฺปฏิจฺฉนวเสน สกฺขิภูตํ กตฺวา. กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมาติ อิติ-สทฺโท อาทฺยตฺโถ, เตน สพฺพํ อภิธมฺมเทสนํ สงฺคณฺหาติ.
ปาฏิหาริยฏฺาเนติ ยมกปาฏิหาริยสฺส กตฏฺาเน. ปสฺสถาติ เตสํ พหุภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อสฺสาติ มนุสฺสสมูหสฺส เอกภาวํ. อากปฺปนฺติ ¶ อาการํ. มหาชโนติ สเทวเก โลเก สพฺโพ มหาชโน. ยถา นิรยทสฺสนํ สํเวคชนนตฺถํ, เอวํ เทวโลกทสฺสนมฺปิ สํเวคชนนตฺถเมว ‘‘อนุปุพฺพิกถายํ สคฺคกถา วิย เอวํ สพฺพสมฺปตฺติสมุเปโตปิ สคฺโค อนิจฺโจ อทฺธุโว จวนธมฺโม’’ติ. สชฺเชตฺวาติ สมปณฺณาสาย มุจฺฉนาหิ ยถา กาเมน นิวาเทตุํ สกฺกา, เอวํ สชฺเชตฺวา.
ปุถุชฺชนปฺจกํ ปฺหนฺติ ปุถุชฺชนปฺหํ อาทึ กตฺวา ปวตฺติตํ ขีณาสวปฺหปริยนฺตํ ปฺหปฺจกํ. ปมํ…เป… ปุจฺฉีติ ปุถุชฺชนวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิ. ปฏิสมฺภิทา ยถาภินีหารํ ¶ ยถาสกํ วิปสฺสนาภินีหาเรน ปมภูมิยาทโย วิย ปวตฺติตวิสยาติ วุตฺตํ – ‘‘เต อตฺตโน อตฺตโน ปฏิสมฺภิทาวิสเย ตฺวา กถยึสู’’ติ. พุทฺธวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉีติ –
‘‘เย จ สงฺขาตธมฺมาเส, เย จ เสขา ปุถู อิธ;
เตสํ เม นิปโก อิริยํ, ปุฏฺโ ปพฺรูหิ มาริสา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๔) –
อิทํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ตตฺถ สงฺขาตธมฺมาติ สงฺขาตา าตา จตุสจฺจธมฺมา, เย จ สงฺขาตธมฺมา จตูหิ มคฺเคหิ ปฏิวิทฺธจตุสจฺจธมฺมาติ อตฺโถ. อิมินา อเสกฺขา กถิตา. ปุถุ-สทฺโท อุภยตฺถปิ โยเชตพฺโพ ‘‘เย ปุถู สงฺขาตธมฺมา, เย จ ปุถู เสขา’’ติ. เตสนฺติ เตสํ ทฺวินฺนํ เสกฺขาเสกฺขปุคฺคลานํ เม ปุฏฺโติ โยเชตพฺพํ, มยา ปุฏฺโติ อตฺโถ. อิริยนฺติ เสกฺขาเสกฺขภูมิยา อาคมนปฺปฏิปทํ. อิริยติ คจฺฉติ เสกฺขภูมึ อเสกฺขภูมิฺจ เอตายาติ อิริยา, ตํ เตสํ อิริยํ อาคมนปฺปฏิปทํ มยา ปุฏฺโ ปพฺรูหิ กเถหีติ อตฺโถ. เอวํ ภควา พุทฺธวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมสฺส นุ โข, สาริปุตฺต, สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส กถํ วิตฺถาเรน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ อาห. เถโร ปฺหํ โอโลเกตฺวา ‘‘สตฺถา มํ เสกฺขาเสกฺขานํ ภิกฺขูนํ อาคมนปฺปฏิปทํ ปุจฺฉตี’’ติ ปฺเห นิกฺกงฺโข หุตฺวา ‘‘อาคมนปฺปฏิปทา นาม ขนฺธาทิวเสน พหูหิปิ มุเขหิ สกฺกา กเถตุํ, กตรากาเรน นุ โข กเถนฺโต สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหิตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ อชฺฌาสเย กงฺขิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘ธมฺมเสนาปติ…เป… น สกฺโกตี’’ติ. ปุจฺฉิตปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ ปฏิภาเน อสติ ทิสาวิโลกนํ สตฺตานํ สภาโวติ ทสฺเสนฺโต, ‘‘ปุรตฺถิม…เป... นาสกฺขี’’ติ อาห. ตตฺถ ปฺหุปฺปตฺติฏฺานนฺติ ปฺหุปฺปตฺติการณํ.
เถรสฺส ¶ กิลมนภาวํ ชานิตฺวาติ ‘‘สาริปุตฺโต ปฺเห นิกฺกงฺโข, อชฺฌาสเย เม กงฺขมาโน กิลมตี’’ติ เถรสฺส กิลมนภาวํ ตฺวา. จตุมหาภูติกกายปริคฺคหนฺติ เอเตน ขนฺธมุเขน นามรูปปริคฺคโห วุตฺโต. ‘‘ภูตมิทนฺติ, สาริปุตฺต, สมนุปสฺสสี’’ติ หิ วทนฺเตน ภควตา ขนฺธวเสน นามรูปปริคฺคโห ทสฺสิโต. เอวํ กิรสฺส ภควโต อโหสิ ‘‘สาริปุตฺโต มยา นเย อทินฺเน กเถตุํ น สกฺขิสฺสติ, ทินฺเน ปน นเย มมชฺฌาสยํ คเหตฺวา ขนฺธวเสน กเถสฺสตี’’ติ. เถรสฺส สห นยทาเนน โส ปฺโห นยสเตน นยสหสฺเสน อุปฏฺาสิ. เตนาห – ‘‘อฺาตํ ภควา, อฺาตํ สุคตา’’ติ.
อรูปาวจเร ปฏิสนฺธิ นาม น โหตีติ โพธิสมฺภารสมฺภรณสฺส อโนกาสภาวโต วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘อภพฺพฏฺานตฺตา’’ติ, ลทฺธพฺยากรณานํ โพธิสตฺตานํ อุปฺปตฺติยา อภพฺพเทสตฺตาติ อตฺโถ ¶ . รูปาวจเร นิพฺพตฺตีติ กมฺมวสิตาสมฺภวโต อรูปาวจเร อนิพฺพตฺติตฺวา รูปาวจเร นิพฺพตฺติ.
ปโรสหสฺสนฺติอาทินา ปโรสหสฺสชาตกํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ปโรสหสฺสมฺปีติ อติเรกสหสฺสมฺปิ. สมาคตานนฺติ สนฺนิปติตานํ ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานิตุํ อสกฺโกนฺตานํ พาลานํ. กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺาติ เต เอวํ สมาคตา อปฺา อิเม พาลตฺตา สสา วิย วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ โรเทยฺยุํ ปริเทเวยฺยุํ. โรทมานาปิ ปน อตฺถํ วา การณํ วา เนว ชาเนยฺยุนฺติ ทีเปติ. เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโติ เอวรูปานํ พาลานํ ปโรสหสฺสโตปิ เอโก ปณฺฑิตปุริโสว เสยฺโย วรตโรติ อตฺโถ. กีทิโส สปฺโติ อาห – ‘‘โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ, อยํ เชฏฺนฺเตวาสิโก วิย โย ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ, โส ตาทิโส สปฺโ วรตโรติ อตฺโถ. ทุติเย ปโรสตชาตเก ฌาเยยฺยุนฺติ ยาถาวโต อตฺถํ ชานิตุํ สมาหิตา หุตฺวา จินฺเตยฺยุํ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
ตติยชาตเก เย สฺิโนติ เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนลาภิโน อวเสสจิตฺตกสตฺเต ทสฺเสติ. เตปิ ทุคฺคตาติ ตสฺสา เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อลาภโต เตปิ ทุคฺคตา ทุกฺขํ อุปคตา สฺีภเว. ‘‘สฺา โรโค สฺา คณฺโฑ สฺา สลฺล’’นฺติ ¶ (ม. นิ. ๓.๒๔) หิ เต สฺาย อาทีนวทสฺสิโน. เยปิ อสฺิโนติ อสฺีภเว นิพฺพตฺเต อจิตฺตกสตฺเต ทสฺเสติ. เตปิ อิมิสฺสาเยว สมาปตฺติยา อลาภโต ทุคฺคตาเยว. ฌานสุขํ อนงฺคณํ นิทฺโทสํ ยถาวุตฺตโทสาภาวโต. พลวจิตฺเตกคฺคตาสภาเวนปิ ตํ อนงฺคณํ นาม ชาตํ. เนวสฺี นาสฺีติ อาหาติ อตีเต กิร พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺายตเน กาลํ กโรนฺโต อนฺเตวาสิเกหิ ปุฏฺโ ‘‘เนวสฺี นาสฺี’’ติ อาห. ปุริมชาตเก วุตฺตนเยเนว ตาปสา เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส กถํ น คณฺหึสุ. โพธิสตฺโต อาภสฺสรโต อาคนฺตฺวา อากาเส ตฺวา อิมํ คาถมาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ.
จตุตฺถชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๓๕) จนฺทสฺส วิย อาภา เอตสฺสาติ จนฺทาภํ, โอทาตกสิณํ. สูริยาภนฺติ สูริยสฺส วิย อาภา เอตสฺสาติ สูริยาภํ, ปีตกสิณํ. โยธ ปฺาย คาธตีติ โย ปุคฺคโล อิธ สตฺตโลเก อิทํ กสิณทฺวยํ ปฺาย คาธติ, อารมฺมณํ กตฺวา อนุปฺปวิสติ, ตตฺถ วา ปติฏฺหติ. อวิตกฺเกน ทุติยชฺฌาเนน อาภสฺสรูปโค โหตีติ โส ปุคฺคโล ตถา กตฺวา ปฏิลทฺเธน ทุติเยน ฌาเนน อาภสฺสรพฺรหฺมโลกูปโค โหติ. เสสํ ปุริมนเยเนว ¶ เวทิตพฺพนฺติ อิมินา อิมํ ทสฺเสติ (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๕ จนฺทาภชาตกวณฺณนา) – อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺายตเน กาลํ กโรนฺโต อนฺเตวาสิเกหิ ปุจฺฉิโต ‘‘จนฺทาภํ สูริยาภ’’นฺติ วตฺวา อาภสฺสเร นิพฺพตฺโต. ตาปสา เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส น สทฺทหึสุ. โพธิสตฺโต อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต อิมํ คาถํ อภาสิ.
ปฺจมชาตเก อาสีเสเถวาติ อาสาจฺเฉทํ อกตฺวา อตฺตโน กมฺเมสุ อาสํ กเรยฺเยว. น นิพฺพินฺเทยฺยาติ น นิพฺเพทํ อุปฺปาเทยฺย, น อุกฺกณฺเยฺยาติ อตฺโถ. โวติ นิปาตมตฺตํ. ยถา อิจฺฉินฺติ อหฺหิ สฏฺิหตฺถา นรกา อุฏฺานํ อิจฺฉึ, โสมฺหิ ตเถว ชาโต, ตโต อุฏฺิโตเยวาติ ทีเปติ.
อตีเต (ชา. อฏฺ. ๔.๑๓.สรภมิคชาตกวณฺณนา) กิร พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สรภมิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อรฺเ ปฏิวสติ. ราชา มิควิตฺตโก อโหสิ ¶ ถามสมฺปนฺโน. เอกทิวสํ คนฺตฺวา อมจฺเจ อาห – ‘‘ยสฺส ปสฺเสน มิโค ปลายติ, เตเนว โส ทาตพฺโพ’’ติ. อเถกทิวสํ สรภมิโค อุฏฺาย รฺโ ิตฏฺาเนน ปลายิ. อถ นํ อมจฺจา อุปฺปณฺเฑสุํ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มํ ปริหาสนฺติ, มม ปมาณํ น ชานนฺตี’’ติ คาฬฺหํ นิวาเสตฺวา ปตฺติโกว ขคฺคํ อาทาย ‘‘สรภํ คณฺหิสฺสามี’’ติ เวเคน ปกฺขนฺทิ. อถ นํ ทิสฺวา ตีณิ โยชนานิ อนุพนฺธิ. สรโภ อรฺํ ปาวิสิ. ราชาปิ ปาวิสิเยว. ตตฺถ สรภมิคสฺส คมนมคฺเค สฏฺิหตฺถมตฺโต มหาปูติปาตนรกอาวาโฏ อตฺถิ, โส ตึสหตฺถมตฺตํ อุทเกน ปุณฺโณ ติเณหิ จ ปฏิจฺฉนฺโน. สรโภ อุทกคนฺธํ ฆายิตฺวาว อาวาฏภาวํ ตฺวา โถกํ โอสกฺกิตฺวา คโต. ราชา ปน อุชุกเมว อาคจฺฉนฺโต ตสฺมึ ปติ.
สรโภ ตสฺส ปทสทฺทํ อสุณนฺโต นิวตฺติตฺวา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘นรกอาวาเฏ ปติโต ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา อาคนฺตฺวา โอโลเกนฺโต ตํ คมฺภีเร อุทเก อปฺปติฏฺเ กิลมนฺตํ ทิสฺวา เตน กตาปราธํ หทเย อกตฺวา สฺชาตการฺุโ ‘‘มา มยิ ปสฺสนฺเต วราโก นสฺสตุ, อิมมฺหา ตํ ทุกฺขา โมเจสฺสามี’’ติ อาวาฏตีเร ิโต ‘‘มา ภายิ, มหาราช, อหํ ตํ ทุกฺขา โมเจสฺสามี’’ติ วตฺวา อตฺตโน ปิยปุตฺตํ อุทฺธริตุํ อุสฺสาหํ กโรนฺโต วิย ตสฺสุทฺธรณตฺถาย สิลาย โยคฺคํ กตฺวา ‘‘วิชฺฌิสฺสามี’’ติ อาคตํ ราชานํ สฏฺิหตฺถา นรกา อุทฺธริตฺวา อสฺสาเสตฺวา ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา อรฺา นีหริตฺวา เสนาย อวิทูเร โอตาเรตฺวา โอวาทมสฺส ทตฺวา ¶ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. ราชา เสนงฺคปริวุโต นครํ คนฺตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย สกลรฏฺวาสิโน ปฺจ สีลานิ รกฺขนฺตู’’ติ ธมฺมเภรึ จราเปสิ. มหาสตฺเตน ปน อตฺตโน กตคุณํ กสฺสจิ อกเถตฺวา สายํ นานคฺครสโภชนํ ภฺุชิตฺวา อลงฺกตสยเน สยิตฺวา ปจฺจูสกาเล มหาสตฺตสฺส คุณํ สริตฺวา อุฏฺาย สยนปิฏฺเ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ปีติปุณฺเณน หทเยน อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘อาสีเสเถว ปุริโส’’ติอาทินา อิมา ฉ คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อหิตา หิตา จาติ ทุกฺขผสฺสา สุขผสฺสา จ, มรณผสฺสา, ชีวิตผสฺสาติปิ อตฺโถ. สตฺตานฺหิ มรณผสฺโส อหิโต, ชีวิตผสฺโส หิโต. เตสํ อจินฺติโต มรณผสฺโส อาคจฺฉตีติ ทสฺเสติ ¶ . อจินฺติตมฺปีติ มยา ‘‘อาวาเฏ ปติสฺสามี’’ติ น จินฺติตํ, ‘‘สรภํ มาเรสฺสามี’’ติ จินฺติตํ. อิทานิ ปน เม จินฺติตํ นฏฺํ, อจินฺติตเมว ชาตนฺติ อุทานวเสน วทติ. โภคาติ ยสปริวารา, เอเต จินฺตามยา น โหนฺติ. ตสฺมา าณวตา วีริยเมว กาตพฺพนฺติ วทติ. วีริยวโต หิ อจินฺติตมฺปิ โหติเยว.
ตสฺเสตํ อุทานํ อุทาเนนฺตสฺเสว อรุณํ อุฏฺหิ. ปุโรหิโต ปาโตว สุขเสยฺยปุจฺฉนตฺถํ อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ิโต ตสฺส อุทานคีตสทฺทํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ราชา หิยฺโย มิควํ อคมาสิ, ตตฺถ สรภมิคํ วิทฺโธ ภวิสฺสติ, เตน มฺเ อุทานํ อุทาเนตี’’ติ. เอวํ พฺราหฺมณสฺส รฺโ ปริปุณฺณพฺยฺชนํ อุทานํ สุตฺวา สุมชฺชิเต อาทาเส มุขํ โอโลเกนฺตสฺส ฉายา วิย รฺา จ สรเภน จ กตการณํ ปากฏํ อโหสิ, โส นขคฺเคน ทฺวารํ อาโกเฏสิ. ราชา ‘‘โก เอโส’’ติ ปุจฺฉิ. อหํ, เทว, ปุโรหิโตติ. อถสฺส ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘อิโต เอหาจริยา’’ติ อาห. โส ปวิสิตฺวา ราชานํ ชยาเปตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘อหํ, มหาราช, ตยา อรฺเ กตการณํ ชานามิ, ตฺวํ เอกํ สรภมิคํ อนุพนฺธนฺโต นรเก ปติโต, อถ นํ โส สรโภ สิลาย โยคฺคํ กตฺวา นรกโต อุทฺธริ, โส ตฺวํ ตสฺส คุณํ สริตฺวา อุทานํ อุทาเนสี’’ติ วตฺวา ‘‘สรภํ คิริทุคฺคสฺมิ’’นฺติอาทินา ทฺเว คาถา อภาสิ.
ตตฺถ อนุสรีติ อนุพนฺธิ. วิกฺกนฺตนฺติ อุทฺธรณตฺถาย กตปรกฺกมํ. อนุชีวสีติ อุปชีวสิ, ตสฺสานุภาเวน ตยา ชีวิตํ ลทฺธนฺติ อตฺโถ. สมุทฺธรีติ อุทฺธรณํ อกาสิ. สิลาย โยคฺคํ สรโภ กริตฺวาติ สิลาย โสปานสทิสาย นรกโต อุทฺธรณโยคฺคตํ กริตฺวา. อลีนจิตฺตนฺติ สงฺโกจํ อปฺปตฺตจิตฺตํ. ต มิคํ วเทสีติ สุวณฺณสรภมิคํ อิธ สิริสยเน นิปนฺโน วณฺเณสิ. ตํ สุตฺวา ราชา, ‘‘อยํ มยา สทฺธึ น มิควํ อาคโต, สพฺพฺจ ปวตฺตึ ชานาติ, กถํ นุ โข ชานาติ, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา – ‘‘กึ ตฺวํ นุ ตตฺเถวา’’ติ นวมคาถมาห ¶ . ตตฺถ ภึสรูปนฺติ กึ นุ เต าณํ พลวชาติกํ, เตเนตํ ชานาสีติ วทติ. พฺราหฺมโณ ‘‘นาหํ สพฺพฺุพุทฺโธ, พฺยฺชนํ อมกฺเขตฺวา ตยา กถิตคาถาย ปน มยฺหํ อตฺโถ อุปฏฺาตี’’ติ ทีเปนฺโต ‘‘น เจวห’’นฺติ ทสมคาถมาห ¶ . ตตฺถ สุภาสิตานนฺติ พฺยฺชนํ อมกฺเขตฺวา สุฏฺุ ภาสิตานํ. อตฺถํ ตทาเนนฺตีติ โย เตสํ อตฺโถ, ตํ อาเนนฺติ อุปธาเรนฺตีติ อตฺโถ. ตทา ปุโรหิโต ธมฺมเสนาปติ อโหสิ. เตเนวาห – ‘‘อตีเตปี’’ติอาทิ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรวตฺถุ
อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถราทโยติอาทีสุ ปน ยาถาวสรสคุณวเสนาติ ยถาสภาวคุณวเสน. ปพฺพชฺชาวเสน ปฏิเวธวเสน สุจิรํ สุนิปุณํ รตฺตินฺทิวปริจฺเฉทชานนวเสน จ รตฺตฺุตา เวทิตพฺพาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เปตฺวา หิ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติอาทิมาห. ปากโฏว โหตีติ สติปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติโก ปากโฏ วิภูโต โหติ. อฺาสิโกณฺฑฺโติ สาวเกสุ สพฺพปมํ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ าตโกณฺฑฺโ. สพฺเพสุปิ เอตทคฺเคสูติ สพฺเพสุปิ เอตทคฺคสุตฺเตสุ, สพฺเพสุ วา เอตทคฺคฏฺปเนสุ.
ธุรปตฺตานีติ ปตฺตานํ ปมุขภูตานิ พาหิรปตฺตานิ. นวุติหตฺถานีติ มชฺฌิมปุริสสฺส หตฺเถน นวุติรตนานิ. ปทุเมเนว ตํ ตํ ปเทสํ อุตฺตรติ อติกฺกมตีติ ปทุมุตฺตโร, ภควา. คนฺธทามมาลาทามาทีหีติ อาทิสทฺเทน ปตฺตทามาทึ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ คนฺธทาเมหิ กตมาลา คนฺธทามํ. ลวงฺคตกฺโกลชาติปุปฺผาทีหิ กตมาลา มาลาทามํ. ตมาลปตฺตาทีหิ กตมาลา ปตฺตทามํ. วงฺคปฏฺเฏติ วงฺคเทเส อุปฺปนฺนฆนสุขุมวตฺเถ. อุตฺตมสุขุมวตฺถนฺติ กาสิกวตฺถมาห.
เตปริวฏฺฏธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตปริโยสาเนติ เอตฺถ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา สจฺจวเสน, ‘‘ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา กิจฺจวเสน, ‘‘ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริฺาต’’นฺติอาทินา กตวเสน จ ตีหิ อากาเรหิ ปริวฏฺเฏตฺวา จตุนฺนํ สจฺจานํ เทสิตตฺตา ตโย ปริวฏฺฏา เอตสฺส อตฺถีติ ติปริวฏฺฏํ, ติปริวฏฺฏเมว เตปริวฏฺฏํ, เตปริวฏฺฏฺจ ตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺจาติ เตปริวฏฺฏธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ, ตเทว สุตฺตนฺตํ, ตสฺส ปริโยสาเนติ อตฺโถ.
สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา อาทายาติ สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา ตตฺถ ลพฺภมานํ สาลิขีรรสํ อาทาย. อนุจฺฉวิกนฺติ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิกํ ขีรปายสํ ปจาเปม. เวณิโย ปุริสภาววเสน พนฺธิตฺวา ¶ กลาปกรเณ ¶ กลาปคฺคํ. ขเล กลาปานํ ปนทิวเส ขลคฺคํ. มทฺทิตฺวา วีหีนํ ราสิกรณทิวเส ขลภณฺฑคฺคํ. โกฏฺเสุ หิ ธฺสฺส ปกฺขิปนทิวเส โกฏฺคฺคํ.
ทฺเว คติโยติ ทฺเว เอว นิปฺผตฺติโย, ทฺเว นิฏฺาติ อตฺโถ. ตสฺมึ กุมาเร สพฺพฺุตํ ปตฺเตติ โกณฺฑฺมาณวสฺเสว ลทฺธิยํ ตฺวา อิตเรปิ ฉ ชนา ปุตฺเต อนุสาสึสุ. โพธิรุกฺขมูเล ปาจีนปสฺสํ อจลฏฺานํ นาม, ยํ ‘‘วชิราสน’’นฺติปิ วุจฺจติ. มหตํ มหติโย วหตีติ ‘‘ปาจีนมุโข’’ติ อวตฺวา ‘‘ปาจีนโลกธาตุอภิมุโข’’ติ วุตฺตํ. มํสจกฺขุปิ โลกนาถสฺส อปฺปฏิฆาตํ มหาวิสยฺจาติ. จตุรงฺคสมนฺนาคตนฺติ ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตู’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒, ๒๓๗; อ. นิ. ๒.๕; มหานิ. ๑๙๖) วุตฺตจตุรงฺคสมนฺนาคตํ.
อิทํ ปน สพฺพเมวาติ ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๐) สพฺพเมว. ปริวิตกฺกมตฺตเมว ตถา อตฺถสิทฺธิยา อภาวโต. ปุปฺผิตผลิตํ กตฺวาติ อภิฺาปฏิสมฺภิทาหิ สพฺพปาลิผุลฺลํ, มคฺคผเลหิ สพฺพโส ผลภารภริตฺจ กโรนฺโต ปุปฺผิตํ ผลิตํ กตฺวา. อปกฺกมิตุกาโม หุตฺวาติ ทฺเวปิ อคฺคสาวเก อตฺตโน นิปจฺจการํ กโรนฺเต ทิสฺวา เตสํ คุณาติเรกตํ พหุ มฺนฺโต พุทฺธานํ สนฺติกา อปกฺกมิตุกาโม หุตฺวา. ตตฺเถวาติ ฉทฺทนฺตทหตีเรเยว.
สาริปุตฺต-โมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ
๑๘๙-๑๙๐. ทุติยตติเยสุ อิทฺธิมนฺตานนฺติ เอตฺถ มนฺต-สทฺโท อติสยตฺถวิสโยติ เถรสฺส อติสยิกอิทฺธิตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘อิทฺธิยา สมฺปนฺนาน’’นฺติ วุตฺตํ. สห ปํสูหิ กีฬึสูติ สหปํสุกีฬิตา. อิธโลกตฺตภาวเมวาติ ทิฏฺธมฺมิกอตฺตภาวเมว. โสฬส ปฺา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโตติ มชฺฌิมนิกาเย อนุปทสุตฺตนฺตเทสนาย ‘‘มหาปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต, ปุถุปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต, หาสปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต, ชวนปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต, ติกฺขปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต, นิพฺเพธิกปฺโ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต’’ติ (ม. นิ. ๓.๙๓) เอวมาคตา ¶ มหาปฺาทิกา ฉ, ตสฺมึเยว สุตฺเต อาคตา นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติปฺา, อรหตฺตมคฺคปฺาติ อิมา โสฬสวิธา ปฺา ปฏิวิชฺฌิตฺวา สจฺฉิกตฺวา ิโต.
ปฺหสากจฺฉนฺติ ¶ ปฺหสฺส ปุจฺฉนวเสน วิสฺสชฺชนวเสน จ สากจฺฉํ กโรติ. อตฺถิเกหิ อุปฺาตํ มคฺคนฺติ เอตํ อนุพนฺธนสฺส การณวจนํ. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺเธยฺยํ. กสฺมา? ยสฺมา อิทํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธนํ นาม อตฺถิเกหิ อุปฺาตํ มคฺคํ, าโต เจว อุปคโต จ มคฺโคติ อตฺโถ. อถ วา อตฺถิเกหิ อมฺเหหิ มรเณ สติ อมเตนปิ ภวิตพฺพนฺติ เอวํ เกวลํ อตฺถีติ อุปฺาตํ, อนุมานาเณน อุปคนฺตฺวา าตํ นิพฺพานํ นาม อตฺถิ, ตํ มคฺคนฺโต ปริเยสนฺโตติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เนสํ ปริสายาติ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ปริวารภูตปริสาย. ทฺเว อคฺคสาวเกติ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน ทฺเว มหานุภาเว สาวเก. านนฺตเรติ อคฺคสาวกตฺตสฺิเต านนฺตเร เปสิ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘อคฺคสาวเก’’ติ อวตฺวา ‘‘มหาสาวเก’’ติ วุตฺตํ. ยทิ อฺเปิ มหาเถรา อภิฺาตาทิคุณวิเสสโยเคน ‘‘มหาสาวกา’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติ, อิเมเยว ปน สาวเกสุ อนฺสาธารณภูตา วิเสสโต ‘‘มหาสาวกา’’ติ วตฺตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ทฺเวปิ มหาสาวเก’’ติ วุตฺตํ.
มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ
๑๙๑. จตุตฺเถ ยสฺมา ธุตวาทธุตธมฺมธุตงฺคานิ ธุตมูลกานิ, ตสฺมา ‘‘ธุโต เวทิตพฺโพ’’ติ อารทฺธํ, ตตฺถ กิเลเส ธุนิ ธุตวาติ ธุโต, ธุตกิเลโส ปุคฺคโล, กิเลสธุนโน วา ธมฺโม, กิเลสธุนโน ธมฺโมติ จ สปุพฺพภาโค อริยมคฺโค ทฏฺพฺโพ. ตํ ธุตสฺิตํ กิเลสธุนนธมฺมํ วทติ, ปเร ตตฺถ ปติฏฺาเปตีติ ธุตวาโท. จตุกฺกฺเจตฺถ สมฺภวตีติ ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตยิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส โส อยนฺติ อตฺโถ. ธุตภูตสฺส ธุตภูตา ธมฺมา ธุตธมฺมา. อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺิตา เหฏฺา วุตฺตา เอว ¶ . กิเลเส สมฺมา ลิขติ ตจฺฉตีติ สลฺเลโข, กิเลสเชคุจฺฉี, ตสฺส ภาโว สลฺเลขตา. ทฺวีหิปิ กาเมหิ วิวิจฺจตีติ ปวิเวโก, โยนิโสมนสิการพหุโล ปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว ปวิเวกตา. อิมินา สรีรฏฺปนมตฺเตน อตฺถีติ อิทมฏฺิ ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา, ตสฺส ภาโว อิทมฏฺิตา, อิเมหิ วา กุสลธมฺเมหิ อตฺถิ อิทมฏฺิ, เยน าเณน ‘‘ปพฺพชิเตน นาม ปํสุกูลิกงฺคาทีสุ ปติฏฺิเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ ยถานุสิฏฺํ ธุตคุเณ สมาทิยติ เจว ปริหรติ จ, ตํ าณํ อิทมฏฺิตา. เตนาห – ‘‘อิทมฏฺิตา าณเมวา’’ติ. ธุตธมฺมา นามาติ ธุตงฺคเสวนาย ปฏิปกฺขภูตานํ ปาปธมฺมานํ ธุนนวเสน ปวตฺติยา ธุโตติ ลทฺธนามาย ธุตงฺคเจตนาย อุปการกา ธมฺมาติ กตฺวา ธุตธมฺมา นาม ¶ . อนุปตนฺตีติ ตทนฺโตคธา ตปฺปริยาปนฺนา โหนฺติ ตทุภยสฺเสว ปวตฺติวิเสสภาวโต. ปฏิกฺเขปวตฺถูสูติ ธุตงฺคเสวนาย ปฏิกฺขิปิตพฺพวตฺถูสุ ปหาตพฺพวตฺถูสุ.
ปํสุกูลิกงฺคํ…เป… เนสชฺชิกงฺคนฺติ อุทฺเทโสปิ เปยฺยาลนเยน ทสฺสิโต. ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒ อาทโย) วิตฺถารโต วุตฺตํ. ธุตวาทคฺคหเณเนว เถรสฺส ธุตภาโวปิ คหิโต โหตีติ ‘‘ธุตวาทาน’’นฺเตว วุตฺตํ. อยํ มหาติ อภินีหาราทิมหนฺตตายปิ สาสนสฺส อุปการิตายปิ อยํ เถโร มหา, คุณมหนฺตตาย ปสํสาวจนเมว วา เอตํ เถรสฺส ยทิทํ มหากสฺสโปติ ยถา ‘‘มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ.
สตฺถุ ธมฺมเทสนาย วตฺถุตฺตเย สฺชาตปฺปสาทตาย อุปาสกภาเว ิตตฺตา วุตฺตํ – ‘‘อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺายา’’ติอาทิ. เอตสฺส อคฺคภาวสฺสาติ โยเชตพฺพํ. สจฺจกาโรติ สจฺจภาวาวโห กาโร, อวิสํวาทนวเสน วา ตทตฺถสาธโนติ อตฺโถ. โกลาหลนฺติ กุตูหลวิปฺผาโร. สตฺถา สตฺตเม สตฺตเม สํวจฺฉเร ธมฺมํ กเถนฺโต สตฺตานํ สวนโยคฺคํ กาลํ สลฺลกฺเขนฺโต ทิวา สายนฺหสมยํ กเถติ, รตฺติยํ สกลยามํ. เตนาห – ‘‘พฺราหฺมโณ พฺราหฺมเณ อาห – ‘โภติ กึ รตฺตึ ธมฺมํ สุณิสฺสสิ ทิวา’’’ติ. วิสฺสาสิโกติ วิสฺสาสิกภาโว. ‘‘ตโต ปฏฺาย โส’’ติ วา ปาโ.
ทฺเว ¶ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิสฺสาติ อิทํ สา ปรมฺปราย โสตปติตํ อตฺถํ คเหตฺวา อาห. อทินฺนวิปากสฺสาติ อวิปกฺกวิปากสฺส. ภทฺทเก กาเลติ ยุตฺเต กาเล. นกฺขตฺตนฺติ นกฺขตฺเตน ลกฺขิตํ ฉณํ. ตสฺมึ ตสฺมิฺหิ นกฺขตฺเต อนุภวิตพฺพฉณานิ นกฺขตฺตานิ นาม, อิตรานิ ปน ฉณานิ นาม. สมฺมาปติตทุกฺขโต วิโมจเนน ตโต นิยฺยานาวหตาย อิจฺฉิตตฺถสฺส ลภาปนโต จ นิยฺยานิกํ. เตสนฺติ สุวณฺณปทุมานํ. โอลมฺพกาติ สุวณฺณรตนวิจิตฺตา รตนทามา. ปฺุนิยาเมนาติ ปฺุานุภาวสิทฺเธน นิยาเมน. สฺวสฺส พาราณสิรชฺชํ ทาตุํ กโตกาโส. ผุสฺสรถนฺติ มงฺคลรถํ. เสตจฺฉตฺตอุณฺหีสวาลพีชนิขคฺคมณิปาทุกานิ ปฺจวิธํ ราชกกุธภณฺฑนฺติ วทนฺติ. อิธ ปน เสตจฺฉตฺตํ วิสุํ คหิตนฺติ สีหาสนํ ปฺจมํ กตฺวา วทนฺติ. ปารุปนกณฺณนฺติ ปารุปนวตฺถสฺส ทสนฺตํ. ทิพฺพวตฺถทายิปฺุานุภาวโจทิโต ‘‘นนุ ตาตา ถูล’’นฺติ อาห. อโห ตปสฺสีติ อโห กปโณ อหํ ราชาติ อตฺโถ. พุทฺธานํ สทฺทหิตฺวาติ พุทฺธานํ สาสนํ สทฺทหิตฺวา. จงฺกมนสตานีติ อิติ-สทฺโท อาทฺยตฺโถ. เตน หิ อคฺคิสาลาทีนิ ปพฺพชิตสารุปฺปานิ านานิ สงฺคณฺหาติ.
สาธุกีฬิตนฺติ ¶ อริยานํ ปรินิพฺพุตฏฺาเน กาตพฺพสกฺการํ วทติ. นปฺปมชฺชิ, นิโรคา อยฺยาติ ปุจฺฉิตาการทสฺสนํ. ปรินิพฺพุตา เทวาติ เทวี ปฏิวจนํ อทาสิ. ปฏิยาเทตฺวาติ นิยฺยาเตตฺวา. สมณกปพฺพชฺชนฺติ สมิตปาเปหิ อริเยหิ อนุฏฺาตพฺพปพฺพชฺชํ. โส หิ ราชา ปจฺเจกพุทฺธานํ เวสสฺส ทิฏฺตฺตา ‘‘อิทเมว ภทฺทก’’นฺติ ตาทิสํเยว ลิงฺคํ คณฺหิ. ตตฺเถวาติ พฺรหฺมโลเก เอว. วีสติเม วสฺเส สมฺปตฺเตติ อาหริตฺวา สมฺพนฺโธ. พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา นิพฺพตฺตตฺตา, พฺรหฺมจริยาธิการสฺส จ จิรกาลสมฺภูตตฺตา ‘‘เอวรูปํ กถํ มา กเถถา’’ติ อาห. วีสติ ธรณานิ นิกฺขนฺติ วทนฺติ, ปฺจปลํ นิกฺขนฺติ อปเร. อิตฺถากโรติ อิตฺถิรตนสฺส อุปฺปตฺติฏฺานํ. อยฺยธีตาติ อมฺหากํ อยฺยสฺส ธีตา, ภทฺทกาปิลานีติ อตฺโถ. สมานปณฺณนฺติ สทิสปณฺณํ สทิสเลขํ กุมารสฺส กุมาริกาย จ ยุตฺตํ ปณฺณเลขํ. เต ปุริสา สมาคตฏฺานโต มคธรฏฺเ มหาติตฺถคามํ มทฺทรฏฺเ สาคลนครฺจ อุทฺทิสฺส อปกฺกมนฺตา อฺมฺํ วิสฺสชฺชนฺตา นาม โหนฺตีติ ‘‘อิโต จ เอตฺโต จ เปเสสุ’’นฺติ วุตฺตา.
ปุปฺผทามนฺติ หตฺถิหตฺถปฺปมาณํ ปุปฺผทามํ. ตานีติ ตานิ อุโภหิ คนฺถาปิตานิ ทฺเว ปุปฺผทามานิ. เตติ อุโภ ภทฺทา เจว ปิปฺปลิกุมาโร จ ¶ . โลกามิเสนาติ กามสฺสาเทน. อสํสฏฺาติ น สํยุตฺตา ฆเฏ ชลนฺเตน วิย ปทีเปน อชฺฌาสเย สมุชฺชลนฺเตน วิโมกฺขพีเชน สมุสฺสาหิตจิตฺตตฺตา. ยนฺตพทฺธานีติ สสฺสสมฺปาทนตฺถํ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวารกวาฏโยชนวเสน พทฺธานิ นิกฺขมนตุมฺพานิ. กมฺมนฺโตติ กสิกมฺมกรณฏฺานํ. ทาสิกคามาติ ทาสานํ วสนคามา. โอสาเรตฺวาติ ปกฺขิปิตฺวา. อากปฺปกุตฺตวเสนาติ อาการวเสน กิริยาวเสน. อนนุจฺฉวิกนฺติ ปพฺพชิตภาวสฺส อนนุรูปํ. ตสฺส มตฺถเกติ ทฺเวธาปถสฺส ทฺวิธาภูตฏฺาเน. เอเตสํ สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตีติ นิสีทตีติ สมฺพนฺโธ. สา ปน ตตฺถ สตฺถุ นิสชฺชา เอทิสีติ ทสฺเสตุํ – ‘‘นิสีทนฺโต ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยา พุทฺธานํ อปริมิตกาลสมฺภูตาจินฺเตยฺยาปริฺเยฺยปฺุสมฺภารูปจยนิพฺพตฺตา รูปปฺปภาวพุทฺธคุณวิชฺโชติตา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนสมุชฺชลิตา พฺยามปฺปภาเกตุมาลาลงฺกตา สภาวสิทฺธิตาย อกิตฺติมา รูปกายสิรี, ตํเยว มหากสฺสปสฺส อทิฏฺปุพฺพปฺปสาทสํวทฺธนตฺถํ อนิคฺคูหิตฺวา นิสินฺโน ภควา ‘‘พุทฺธเวสํ คเหตฺวา…เป… นิสีที’’ติ วุตฺโต. อสีติหตฺถปฺปเทสํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺติยา อสีติหตฺถาติ วุตฺตา. สตสาโขติ พหุสาโข อเนกสาโข. สุวณฺณวณฺโณว อโหสิ นิรนฺตรํ พุทฺธรสฺมีหิ สมนฺตโต สโมกิณฺณภาวโต.
ตีสุ าเนสูติ ทูรโต นาติทูเร อาสนฺเนติ ตีสุ าเนสุ. ตีหิ โอวาเทหีติ ‘‘ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ ¶ มชฺฌิเมสู’ติ. เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ยํ กิฺจิ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ, สพฺพํ ตํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กริตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณิสฺสามี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘สาตสหคตา จ เม กายคตาสติ น วิชหิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) อิเมหิ ตีหิ โอวาเทหิ. เอตฺถ หิ ภควา ปมํ โอวาทํ เถรสฺส พฺราหฺมณชาติกตฺตา ชาติมานปฺปหานตฺถมภาสิ, ทุติยํ พาหุสจฺจํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกอหํการปฺปหานตฺถํ, ตติยํ อุปธิสมฺปตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกอตฺตสิเนหปฺปหานตฺถํ ¶ . มุทุกา โข ตฺยายนฺติ มุทุกา โข เต อยํ. กสฺมา ปน ภควา เอวมาห? เถเรน สห จีวรํ ปริวตฺเตตุกามตาย. กสฺมา ปริวตฺเตตุกาโม ชาโตติ? เถรํ อตฺตโน าเน เปตุกามตาย. กึ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา นตฺถีติ? อตฺถิ, เอวํ ปนสฺส อโหสิ ‘‘อิเมน จิรํ สฺสนฺติ, กสฺสโป ปน วีสติวสฺสสตายุโก, โส มยิ ปรินิพฺพุเต สตฺตปณฺณิคุหายํ วสิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคหํ กตฺวา มม สาสนํ ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลปฺปวตฺตนกํ กริสฺสตีติ อตฺตโน าเน เปสิ. เอวํ ภิกฺขู กสฺสปสฺส สุสฺสูสิตพฺพํ มฺิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา เอวมาห.
จนฺทูปโมติ จนฺทสทิโส หุตฺวา. กึ ปริมณฺฑลตาย? โน, อปิจ โข ยถา จนฺโท คคนตลํ ปกฺขนฺทมาโน น เกนจิ สทฺธึ สนฺถวํ วา สิเนหํ วา อาลยํ วา กโรติ, น จ น โหติ มหาชนสฺส ปิโย มนาโป, อยมฺปิ เอวํ เกนจิ สทฺธึ สนฺถวาทีนํ อกรเณน พหุชนสฺส ปิโย มนาโป จนฺทูปโม หุตฺวา ขตฺติยกุลาทีนิ จตฺตาริ กุลานิ อุปสงฺกมตีติ อตฺโถ. อปกสฺเสว กายํ อปกสฺส จิตฺตนฺติ เตเนว สนฺถวาทีนํ อกรเณน กายฺจ จิตฺตฺจ อปกฑฺฒิตฺวา, อปเนตฺวาติ อตฺโถ. นิจฺจํ นโวติ นิจฺจนวโกว, อาคนฺตุกสทิโส หุตฺวาติ อตฺโถ. อาคนฺตุโก หิ ปฏิปาฏิยา สมฺปตฺตเคหํ ปวิสิตฺวา สเจ นํ ฆรสามิกา ทิสฺวา ‘‘อมฺหากมฺปิ ปุตฺตภาตโร วิปฺปวาสํ คนฺตฺวา เอวํ วิจรึสู’’ติ อนุกมฺปมานา นิสีทาเปตฺวา โภเชนฺติ, ภุตฺตมตฺโตเยว ‘‘ตุมฺหากํ ภาชนํ คณฺหถา’’ติ อุฏฺาย ปกฺกมติ, น เตหิ สทฺธึ สนฺถวํ วา กโรติ, กิจฺจกรณียานิ วา สํวิทหติ, เอวมยมฺปิ ปฏิปาฏิยา สมฺปตฺตํ ฆรํ ปวิสิตฺวา ยํ อิริยาปเถ ปสนฺนา มนุสฺสา เทนฺติ, ตํ คเหตฺวา ฉินฺนสนฺถโว เตสํ กิจฺจกรณีเย อพฺยาวโฏ หุตฺวา นิกฺขมตีติ ทีเปติ.
อปฺปคพฺโภติ นปฺปคพฺโภ, อฏฺฏฺาเนน กายปาคพฺภิเยน, จตุฏฺาเนน วจีปาคพฺภิเยน, อเนกฏฺาเนน มโนปาคพฺภิเยน จ วิรหิโตติ อตฺโถ. อฏฺฏฺานํ กายปาคพฺภิยํ นาม สงฺฆคณปุคฺคลโภชนสาลชนฺตาฆรนหานติตฺถภิกฺขาจารมคฺเคสุ ¶ อนฺตรฆรปเวสเน จ กาเยน อปฺปติรูปกรณํ. จตุฏฺานํ วจีปาคพฺภิยํ นาม สงฺฆคณปุคฺคลอนฺตรฆเรสุ อปฺปติรูปวาจานิจฺฉารณํ. อเนกฏฺานํ มโนปาคพฺภิยํ นาม เตสุ เตสุ ¶ าเนสุ กายวาจาหิ อชฺฌาจารํ อนาปชฺชิตฺวาปิ มนสา กามวิตกฺกาทีนํ วิตกฺกนํ. สพฺเพสมฺปิ อิเมสํ ปาคพฺภิยานํ อภาเวน อปฺปคพฺโภ หุตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมตีติ อตฺโถ. กสฺสปสํยุตฺเตน จ จนฺทูปมปฺปฏิปทาทิเถรสฺส ธุตวาเทสุ อคฺคภาวสฺส โพธิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘เอตเทว กสฺสปสํยุตฺตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา’’ติ.
อนุรุทฺธตฺเถรวตฺถุ
๑๙๒. ปฺจเม โภชนปปฺจมตฺตนฺติ โคจรคาเม ปิณฺฑาย จรณาหารปริโภคสฺิตํ โภชนปปฺจมตฺตํ. ทีปรุกฺขานนฺติ โลหทนฺตกฏฺมยานํ มหนฺตานํ ทีปรุกฺขานํ. โลหมเยสุปิ หิ เตสุ ทีปาธาเรสุ ทีปรุกฺขกาติ รุฬฺหิเรสา ทฏฺพฺพา. โอลมฺพกทีปมณฺฑลทีปสฺจรณทีปาทิกา เสสทีปา.
อนุปริยายิ ปทกฺขิณกรณวเสน. อหํ เตนาติ เยน ตุยฺหํ อตฺโถ, อหํ เตน ปวาเรมิ, ตสฺมา ตํ อาหราเปตฺวา คณฺหาติ อตฺโถ. สุวณฺณปาติยํเยวสฺส ภตฺตํ อุปฺปชฺชีติ เทวตานุภาเวน อุปฺปชฺชิ, น กิฺจิ ปจนกิจฺจํ อตฺถิ. สตฺต มหาปุริสวิตกฺเก วิตกฺเกสีติ ‘‘อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม มหิจฺฉสฺสา’’ติอาทิเก สตฺต มหาปุริสวิตกฺเก วิตกฺเกสิ. อฏฺเมติ ‘‘นิปฺปปฺจารามสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม ปปฺจารามสฺสา’’ติ เอตสฺมึ ปุริสวิตกฺเก.
มม สงฺกปฺปมฺายาติ ‘‘อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม มหิจฺฉสฺสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๕๘; อ. นิ. ๘.๓๐) มหาปุริสวิตกฺกวเสน อารทฺธมตฺตํ มตฺถกํ ปาเปตุํ อสมตฺถภาเวน ิตํ มม สงฺกปฺปํ ชานิตฺวา. มโนมเยนาติ มโนมเยน วิย มนสา นิมฺมิตสทิเสน, ปริณามิเตนาติ อตฺโถ. อิทฺธิยาติ ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ เอวํ ปวตฺตาย อธิฏฺานิทฺธิยา.
ยทา เม อหุ สงฺกปฺโปติ ยสฺมึ กาเล มยฺหํ ‘‘กีทิโส นุ โข อฏฺโม มหาปุริสวิตกฺโก’’ติ ปริวิตกฺโก อโหสิ, ยทา เม อหุ สงฺกปฺโป, ตโต มม สงฺกปฺปมฺาย ¶ อิทฺธิยา อุปสงฺกมิ, อุตฺตริ เทสยีติ โยชนา. อุตฺตริ เทสยีติ ‘‘นิปฺปปฺจารามสฺสายํ ธมฺโม นิปฺปปฺจรติโน ¶ , นายํ ธมฺโม ปปฺจารามสฺส ปปฺจรติโน’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๘; อ. นิ. ๘.๓๐) อิมํ อฏฺมํ มหาปุริสวิตกฺกํ ปูเรนฺโต อุปริ เทสยิ. ตํ ปน เทสิตํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘นิปฺปปฺจรโต พุทฺโธ, นิปฺปปฺจมเทสยี’’ติ, ปปฺจา นาม ราคาทโย กิเลสา, เตสํ วูปสมนตาย ตทภาวโต จ โลกุตฺตรธมฺมา นิปฺปปฺจา นาม. ยถา ตํ ปาปุณาติ, ตถา ธมฺมํ เทเสสิ, สามุกฺกํสิกํ จตุสจฺจเทสนํ อเทสยีติ อตฺโถ.
ตสฺสาหํ ธมฺมมฺายาติ ตสฺส สตฺถุ เทสนาธมฺมํ ชานิตฺวา. วิหาสินฺติ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺโต วิหรึ. สาสเน รโตติ สิกฺขตฺตยสงฺคเห สาสเน อภิรโต. ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตาติ ปุพฺเพนิวาสาณํ, ทิพฺพจกฺขุาณํ, อาสวกฺขยาณนฺติ อิมา ติสฺโส วิชฺชา มยา อนุปฺปตฺตา สจฺฉิกตา. ตโต เอว กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ, อนุสิฏฺิ โอวาโท อนุฏฺิโตติ อตฺโถ.
ภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
๑๙๓. ฉฏฺเ อุจฺจ-สทฺเทน สมานตฺโถ อุจฺจา-สทฺโทติ อาห – ‘‘อุจฺจากุลิกานนฺติ อุจฺเจ กุเล ชาตาน’’นฺติ. กาฬี สา เทวีติ กาฬวณฺณตาย กาฬี สา เทวี. กุลานุกฺกเมน รชฺชานุปฺปตฺติ มหากุลินสฺเสวาติ วุตฺตํ – ‘‘โสเยว จา’’ติอาทิ.
ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
๑๙๔. สตฺตเม ริตฺตโกติ เทยฺยวตฺถุรหิโต. คุเณ อาวชฺเชตฺวาติ ภควโต รูปคุเณ เจว อากปฺปสมฺปทาทิคุเณ จ อตฺตโน อธิปฺปายํ ตฺวา อมฺพปกฺกสฺส ปฏิคฺคหณํ ปริภฺุชนนฺติ เอวมาทิเก ยถาอุปฏฺิเต คุเณ อาวชฺเชตฺวา.
ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรวตฺถุ
๑๙๕. อฏฺเม อภีตนาทภาเวน สีหสฺส วิย นาโท สีหนาโท, โส เอเตสํ อตฺถีติ สีหนาทิกา, เตสํ สีหนาทิกานํ. ครหิตพฺพปสํสิตพฺพธมฺเม ยาถาวโต ชานนฺตสฺเสว ครหา ปสํสา ¶ ¶ จ ยุตฺตรูปาติ อาห – ‘‘พุทฺธา จ นามา’’ติอาทิ. ขีณา ชาตีติอาทีหิ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส ภูมึ ทสฺเสติ. เตน หิ าเณน อริยสาวโก ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทึ ปชานาติ. กตมา ปนสฺส ชาติ ขีณา, กถฺจ ปชานาตีติ? น ตาวสฺส อตีตา ขีณา ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา อนาคเต วายามาภาวโต, น ปจฺจุปฺปนฺนา วิชฺชมานตฺตา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา. ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตี’’ติ ชานนฺโต ปชานาติ.
วุสิตนฺติ วุฏฺํ ปริวุฏฺํ, กตํ จริตํ นิฏฺิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺต เสกฺขา มคฺคพฺรหฺมจริยํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุฏฺวาโส. ตสฺมา อริยสาวโก อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ ปชานาติ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน โสฬสวิธํ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ, ขีณาสโว กตกรณีโย. ตสฺมา อริยสาวโก อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ ปชานาติ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํ โสฬสวิธกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนาย กิจฺจํ เม นตฺถีติ ปชานาติ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ, อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิย, เต จริมกวิฺาณนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺตีติ ปชานาติ.
มนฺตาณิปุตฺตปุณฺณตฺเถรวตฺถุ
๑๙๖. นวเม อฏฺารสสุปิ วิชฺชาฏฺาเนสุ นิปฺผตฺตึ คตตฺตา ‘‘สพฺพสิปฺเปสุ โกวิโท หุตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อภิทยาอพฺภฺาวหสฺเสว ธมฺมสฺส ตตฺถ อุปลพฺภนโต ‘‘โมกฺขธมฺมํ อทิสฺวา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘อิทํ เวทตฺตยํ นามา’’ติอาทิ ¶ . ตถา หิ อเนน ทุคฺคติปริมุจฺจนมฺปิ ทุลฺลภํ, อภิฺาปริวารานํ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ลาภิตาย สยํ เอกเทเสน อุปสนฺโต ปรมุกฺกํสคตํ อุตฺตมทมถสมถํ อนฺสาธารณํ ภควนฺตํ สมฺภาเวนฺโต ‘‘อยํ ปุริโส’’ติอาทิมาห. ปิฏกานิ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺตีติ ผลภาชนานิ คเหตฺวา อสฺสามิกาย ¶ อาคจฺฉนฺติ. พุทฺธานนฺติ คารววเสน พหุวจนนิทฺเทโส กโต. ปริภฺุชีติ เทวตาหิ ปกฺขิตฺตทิพฺโพชํ วนมูลผลาผลํ ปริภฺุชิ. ปตฺเต ปติฏฺาปิตสมนนฺตรเมว หิ เทวตา ตตฺถ ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. สมฺมสิตฺวาติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, ปริวตฺเตตฺวาติ จ วทนฺติ. อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ มหาเทวตฺเถรสฺส อนุโมทนกถาย อนุปุพฺพิกถาสกฺขิกาย สุวิโสธิตจิตฺตสนฺตานา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.
ทสหิ กถาวตฺถูหีติ อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฏฺิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลสมฺปทากถา สมาธิสมฺปทากถา ปฺาสมฺปทากถา วิมุตฺติสมฺปทากถา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทากถาติ อิเมหิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ. ชาติภูมิรฏฺวาสิโนติ ชาติภูมิวนฺตเทสวาสิโน, สตฺถุ ชาตเทสวาสิโนติ อตฺโถ. สีสานุโลกิโกติ ปุรโต คจฺฉนฺตสฺส สีสํ อนุ อนุ ปสฺสนฺโต. โอกาสํ สลฺลกฺเขตฺวาติ สากจฺฉาย อวสรํ สลฺลกฺเขตฺวา. สตฺตวิสุทฺธิกฺกมํ ปุจฺฉีติ ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๕๗) สตฺต วิสุทฺธิโย ปุจฺฉิ. ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ สวิเสเสน ทสกถาวตฺถุลาภิตาย.
มหากจฺจานตฺเถรวตฺถุ
๑๙๗. ทสเม สํขิตฺเตน กถิตธมฺมสฺสาติ มธุปิณฺฑิกสุตฺตนฺตเทสนาสุ วิย สงฺเขเปน เทสิตธมฺมสฺส. ตํ เทสนํ วิตฺถาเรตฺวาติ ตํ สงฺเขปเทสนํ อายตนาทิวเสน วิตฺถาเรตฺวา. อตฺถํ วิภชมานานนฺติ ตสฺสา สงฺเขปเทสนาย อตฺถํ วิภชิตฺวา กเถนฺตานํ. อตฺถวเสน วาติ ‘‘เอตฺตกา เอตสฺส อตฺถา’’ติ อตฺถวเสน วา เทสนํ ปูเรตุํ สกฺโกนฺติ. พฺยฺชนวเสน วาติ ‘‘เอตฺตกานิ เอตฺถ พฺยฺชนานิ เทสนาวเสน วตฺตพฺพานี’’ติ พฺยฺชนวเสน วา ปูเรตุํ สกฺโกนฺติ. อยํ ปน มหากจฺจานตฺเถโร อุภยวเสนปิ สกฺโกติ ตสฺส สงฺเขเปน อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน สตฺถุ อชฺฌาสยานุรูปํ ¶ เทสนโต, ตสฺมา ตตฺถ อคฺโคติ วุตฺโต. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ปาโตว สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺายา’’ติอาทินา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว. อฺเหีติ อฺาสํ อิตฺถีนํ เกเสหิ อติวิย ทีฆา. น เกวลฺจ ทีฆา เอว, อถ โข สินิทฺธนีลมุทุกฺจิกา จ. นิกฺเกสีติ อปฺปเกสี ยถา ‘‘อนุทรา กฺา’’ติ.
ปณิยนฺติ วิกฺเกตพฺพภณฺฑํ. อาวชฺเชตฺวาติ อุปนิสฺสยํ เกสานํ ปกติภาวาปตฺติฺจ อาวชฺเชตฺวา. คารเวนาติ มุณฺฑสีสาปิ เถเร คารเวน เอกวจเนเนว อาคนฺตฺวา. นิมนฺเตตฺวาติ สฺวาตนาย ¶ นิมนฺเตตฺวา. อิมิสฺสา อิตฺถิยาติ ยถาวุตฺตเสฏฺิธีตรมาห. ทิฏฺธมฺมิโกวาติ อวธารณํ อฏฺานปยุตฺตํ, ทิฏฺธมฺมิโก ยสปฏิลาโภว อโหสีติ อตฺโถ. ยสปฏิลาโภติ จ ภวสมฺปตฺติปฏิลาโภ. สตฺตสุ หิ ชวนเจตนาสุ ปมา ทิฏฺธมฺมเวทนียผลา, ปจฺฉิมา อุปปชฺชเวทนียผลา, มชฺเฌ ปฺจ อปราปริยเวทนียผลา, ตสฺมา ปมํ เอกํ เจตนํ เปตฺวา เสสา ยถาสกํ ปริปุณฺณผลทายิโน โหนฺติ, ปมเจตนาย ปน ทิฏฺธมฺมิโก ยสปฏิลาโภว อโหสิ.
ปมเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๒. ทุติยเอตทคฺควคฺควณฺณนา
จูฬปนฺถกตฺเถรวตฺถุ
๑๙๘-๒๐๐. ทุติยสฺส ¶ ปเม มเนน นิพฺพตฺติตนฺติ อภิฺามเนน อุปฺปาทิตํ. มเนน กตกาโยติ อภิฺาจิตฺเตน เทสนฺตรํ ปตฺตกาโย. มเนน นิพฺพตฺติตกาโยติ อภิฺามนสา นิมฺมิตกาโย ‘‘อฺํ กายํ อภินิมฺมินาตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๓๖-๒๓๗; ปฏิ. ม. ๓.๑๔) วิย. เอกสทิเสเยวาติ อตฺตสทิเสเยว. เอกวิธเมวาติ อตฺตนา กตปฺปการเมว. เอตปฺปรโม หิ เยภุยฺเยน สาวกานํ อิทฺธินิมฺมานวิธิ. อคฺโค นาม ชาโต เอกเทเสน สตฺถุ อิทฺธินิมฺมานานุวิธานโต.
ลาภิตายาติ ¶ เอตฺถ ลาภีติ อีกาโร อติสยตฺโถ. เตน เถรสฺส จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ อติสเยน สวิเสสลาภิตํ ทสฺเสติ. อรูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตายาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. น เกวลฺเจตา เจโตสฺาวิวฏฺฏกุสลตา รูปารูปชฺฌานลาภิตาย เอว, อถ โข อิเมหิปิ การเณหีติ ทสฺเสตุํ – ‘‘จูฬปนฺถโก จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เจโตติ เจตฺถ จิตฺตสีเสน สมาธิ วุตฺโต, ตสฺมา เจตโส สมาธิสฺส วิวฏฺฏนํ เจโตวิวฏฺโฏ, เอกสฺมึเยวารมฺมเณ สมาธิจิตฺตํ วิวฏฺเฏตฺวา เหฏฺิมสฺส เหฏฺิมสฺส อุปรูปริ หาปนโต รูปาวจรชฺฌานลาภี เจโตวิวฏฺฏกุสโล นาม. ‘‘สพฺพโส รูปสฺาน’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๒๖๕) วุตฺตสฺา อติกฺกมิตฺวา ‘‘อากาสานฺจายตนสฺาสหคตํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสฺาสหคต’’นฺติ (ธ. ส. ๒๖๕-๒๖๘) สฺาสีเสน วุตฺตชฺฌานานํ วิวฏฺฏกุสโล, ตถา อิตฺถิปุริสาทิสฺา นิจฺจสฺาทิโต จิตฺตํ วิวฏฺเฏตฺวา เกวเล รูปารูปธมฺมมตฺเต อสงฺขเต นิพฺพาเน จ วิเสสโต วฏฺฏนโต จ สฺุตานุปสฺสนาพหุโล สฺาวิวฏฺฏกุสโล. สมาธิกุสลตาย เจโตวิวฏฺฏกุสลตา ตพฺพหุลวิหาริตาย. ตถา วิปสฺสนากุสลตาย สฺาวิวฏฺฏกุสลตา. เอโกติ จูฬปนฺถกตฺเถรํ วทติ. สมาธิลกฺขเณติ สวิตกฺกสวิจาราทิสมาธิสภาเว. ปุน เอโกติ มหาปนฺถกตฺเถรมาห. วิปสฺสนาลกฺขเณติ สตฺตอนุปสฺสนา อฏฺารสมหาวิปสฺสนาทิวิปสฺสนาสภาเว. สมาธิคาฬฺโหติ สมาธิสฺมึ โอคาฬฺหจิตฺโต สุภาวิตภาวนตา. องฺคสํขิตฺเตติ ¶ จตุรงฺคิกติวงฺคิกาทิวเสน ฌานงฺคานํ สงฺขิปเน. อารมฺมณสํขิตฺเตติ กสิณุคฺฆาฏิมากาสาทินิพฺพตฺตเนน กสิณาทิอารมฺมณานํ สํขิปเน. องฺคววตฺถาปเนติ วิตกฺกาทีนํ ฌานงฺคานํ ววตฺถาปเน. อารมฺมณววตฺถาปเนติ ปถวีกสิณาทิชฺฌานารมฺมณานํ ววตฺถาปเน.
ฌานงฺเคหีติ รูปาวจรชฺฌานงฺเคหิ, ฌานงฺคาเนว ฌานํ. ปุน ฌานงฺเคหีติ อรูปาวจรชฺฌานงฺเคหิ. ภาตาติ เชฏฺภาตา. อสฺสาติ กุฏุมฺพิยสฺส. สุวณฺณปูชนฺติ โสวณฺณมยํ ปุปฺผปูชํ กตฺวา. เทวปุเรติ ตาวตึสภวเน สุทสฺสนมหานคเร. อคฺคทฺวาเรนาติ ตสฺมึ ทิวเส อคฺคํ สพฺพปมํ วิวเฏน นครทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา.
โกกนทนฺติ ¶ ปทุมวิเสสนํ ยถา ‘‘โกกาสก’’นฺติ. ตํ กิร พหุปตฺตํ วณฺณสมฺปนฺนํ อติสุคนฺธฺจ โหติ. ‘‘โกกนทํ นาม เสตปทุม’’นฺติปิ วทนฺติ. ปาโตติ ปเคว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยถา โกกนทสงฺขาตํ ปทุมํ ปาโต สูริยุคฺคมนเวลายํ ผุลฺลํ วิกสิตํ อวีตคนฺธํ สิยา วิโรจมานํ, เอวํ สรีรคนฺเธน คุณคนฺเธน จ สุคนฺธํ สรทกาเล อนฺตลิกฺเข อาทิจฺจมิว อตฺตโน เตชสา ตปนฺตํ องฺเคหิ นิจฺฉรณกชุติยา องฺคีรสํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสาติ.
จูฬปนฺถโก กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปพฺพชิตฺวา ปฺวา หุตฺวา อฺตรสฺส ทนฺธภิกฺขุโน อุทฺเทสคหณกาเล ปริหาสเกฬึ อกาสิ. โส ภิกฺขุ เตน ปริหาเสน ลชฺชิโต เนว อุทฺเทสํ คณฺหิ, น สชฺฌายมกาสิ. เตน กมฺเมนายํ ปพฺพชิตฺวาว ทนฺโธ ชาโต, ตสฺมา คหิตคหิตปทํ อุปริอุปริปทํ คณฺหนฺตสฺส นสฺสติ. อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา สุทฺธํ โจฬขณฺฑํ อทาสีติ ตสฺส ปุพฺพเหตุํ ทิสฺวา ตทนุรูเป กมฺมฏฺาเน นิโยเชนฺโต สุทฺธํ โจฬขณฺฑํ อทาสิ. โส กิร ปุพฺเพ ราชา หุตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต นลาฏโต เสเท มุจฺจนฺเต ปริสุทฺเธน สาฏเกน นลาฏํ ปฺุฉิ, สาฏโก กิลิฏฺโ อโหสิ. โส ‘‘อิมํ สรีรํ นิสฺสาย เอวรูโป ปริสุทฺธสาฏโก ปกตึ ชหิตฺวา กิลิฏฺโ ชาโต, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. เตน การเณนสฺส รโชหรณเมว ปจฺจโย ชาโต.
โลมานีติ โจฬขณฺฑตนฺตคตอํสุเก วทติ. ‘‘กิลิฏฺธาตุกานี’’ติ กิลิฏฺสภาวานิ. เอวํคติกเมวาติ อิทํ จิตฺตมฺปิ ภวงฺควเสน ปกติยา ปณฺฑรํ ปริสุทฺธํ ราคาทิสมฺปยุตฺตธมฺมวเสน สํกิลิฏฺํ ชาตนฺติ ทสฺเสติ. นกฺขตฺตํ สมาเนตฺวาติ นกฺขตฺตํ สมนฺนาหริตฺวา, อาวชฺเชตฺวาติ อตฺโถ ¶ . พิฬารสฺสตฺถายาติ พิฬารสฺส โคจรตฺถาย. ชลปถกมฺมิเกนาติ สมุทฺทกมฺมิเกน. จารินฺติ ขาทิตพฺพติณํ. สจฺจการนฺติ สจฺจภาวาวหํ การํ, ‘‘อตฺตนา คหิเต ภณฺเฑ อฺเสํ น ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ทาตพฺพลฺชนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตติเยน ปฏิหาเรนาติ ตติเยน สาสเนน. ปตฺติกา หุตฺวาติ สามิโน หุตฺวา.
อปฺปเกนปีติ โถเกนปิ ปริตฺเตนปิ. เมธาวีติ ปฺวา. ปาภเตนาติ ภณฺฑมูเลน. วิจกฺขโณติ โวหารกุสโล. สมุฏฺาเปติ อตฺตานนฺติ มหนฺตํ ธนํ ยสฺจ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ อตฺตานํ สณฺเปติ ปติฏฺาเปติ ¶ . ยถา กึ? อณุํ อคฺคึว สนฺธมํ, ยถา ปณฺฑิโต ปุริโส ปริตฺตกํ อคฺคึ อนุกฺกเมน โคมยจุณฺณาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา มุขวาเตน ธเมนฺโต สมุฏฺาเปติ วฑฺเฒติ, มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ กโรติ, เอวเมว ปณฺฑิโต โถกมฺปิ ปาภตํ ลภิตฺวา นานาอุปาเยหิ ปโยเชตฺวา ธนฺจ ยสฺจ วฑฺเฒติ, วฑฺเฒตฺวา ปุน ตตฺถ อตฺตานํ ปติฏฺาเปติ. ตาย เอว วา ปน ธนสฺส มหนฺตตาย อตฺตานํ สมุฏฺาเปติ, อภิฺาตํ ปากฏํ กโรตีติ อตฺโถ.
สุภูติตฺเถรวตฺถุ
๒๐๑-๒๐๒. ตติเย รณาติ หิ ราคาทโย กิเลสา วุจฺจนฺตีติ ‘‘สรณา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๐ ทุกมาติกา) ราคาทโย กิเลสา ‘‘รณา’’ติ วุจฺจนฺติ. รณนฺติ เอเตหีติ รณา. เยหิ อภิภูตา สตฺตา นานปฺปกาเรน กนฺทนฺติ ปริเทวนฺติ, ตสฺมา เต ราคาทโย ‘‘รณา’’ติ วุตฺตา. เทสิตนิยามโต อโนกฺกมิตฺวาติ เทสิตาโนกฺกมนโต อนุปคนฺตฺวา เทเสติ, สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว อโนทิสฺสกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวนฺติ เอวํ เมตฺตาฌานโต วุฏฺาย ภิกฺขาคหเณ สติ. ภิกฺขาทายกานํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตีติ อิทํ จูฬจฺฉราสงฺฆาตสุตฺเตน (อ. นิ. ๑.๕๑ อาทโย) ทีเปตพฺพํ. อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ หิ กาลํ เมตฺตจิตฺตํ อาเสวนฺตสฺส ภิกฺขุโน ทินฺนทานํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ, เตน จ โส อโมฆํ รฏฺปิณฺฑํ ภฺุชตีติ อยมตฺโถ ตตฺถ อาคโตเยว. นิมิตฺตํ คณฺหิตฺวาติ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา.
ขทิรวนิยเรวตตฺเถรวตฺถุ
๒๐๓. ปฺจเม วนสภาคนฺติ สภาคํ วนํ, สภาคนฺติ จ สปฺปายนฺติ อตฺโถ. ยฺหิ ปกติวิรุทฺธํ ¶ พฺยาธิวิรุทฺธฺจ น โหติ, ตํ ‘‘สภาค’’นฺติ วุจฺจติ. อุทกสภาคนฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กลฺยาณกมฺมายูหนกฺขโณติ กลฺยาณกมฺมูปจยสฺส โอกาโส. ติณฺณํ ภาติกานนฺติ อุปติสฺโส, จุนฺโท, อุปเสโนติ อิเมสํ ติณฺณํ เชฏฺภาติกานํ. ติสฺสนฺนฺจ ภคินีนนฺติ จาลา, อุปจาลา, สีสุปจาลาติ อิเมสํ ติสฺสนฺนํ เชฏฺภคินีนํ. เอตฺถ จ สาริปุตฺตตฺเถโร สยํ ปพฺพชิตฺวา ¶ จาลา, อุปจาลา, สีสุปจาลาติ ติสฺโส ภคินิโย, จุนฺโท อุปเสโนติ อิเม ภาตโร ปพฺพาเชสิ, เรวตกุมาโร เอโกว เคเห อวสิสฺสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อมฺหากํ…เป… ปพฺพาเชนฺตี’’ติ. มหลฺลกตราติ วุทฺธตรา. อิทฺจ กุมาริกาย จิรชีวิตํ อภิกงฺขมานา อาหํสุ. สา กิร ตสฺส อยฺยิกา วีสติวสฺสสติกา ขณฺฑทนฺตา ปลิตเกสา วลิตฺตจา ติลกาหตคตฺตา โคปานสิวงฺกา อโหสิ. วิธาวนิกนฺติ วิธาวนกีฬิกํ. ติสฺสนฺนํ สมฺปตฺตีนนฺติ อนุสฺสววเสน มนุสฺสเทวโมกฺขสมฺปตฺติโย สนฺธาย วทติ, มนุสฺสเทวพฺรหฺมสมฺปตฺติโย วา. สีวลิสฺส ปฺุํ วีมํสิสฺสามาติ ‘‘สีวลินา กตปฺุสฺส วิปากทานฏฺานมิท’’นฺติ ตฺวา เอวมาห. สภาคฏฺานนฺติ สมํ เทสํ.
ตํ ภูมิรามเณยฺยกนฺติ กิฺจาปิ อรหนฺโต คามนฺเต กายวิเวกํ น ลภนฺติ, จิตฺตวิเวกํ ปน ลภนฺเตว. เตสฺหิ ทิพฺพปฺปฏิภาคานิปิ อารมฺมณานิ จิตฺตํ จาเลตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา คาโม วา โหตุ อรฺาทีนํ วา อฺตรํ, ‘ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยกํ’, โส ภูมิปฺปเทโส รมณีโย เอวาติ อตฺโถ.
กงฺขาเรวตตฺเถรวตฺถุ
๒๐๔. ฉฏฺเ อกปฺปิโย, อาวุโส, คุโฬติ เอกทิวสํ เถโร อนฺตรามคฺเค คุฬกรณํ โอกฺกมิตฺวา คุเฬ ปิฏฺมฺปิ ฉาริกมฺปิ ปกฺขิตฺเต ทิสฺวาน ‘‘อกปฺปิโย คุโฬ, สามิโส น กปฺปติ คุโฬ วิกาเล ปริภฺุชิตุ’’นฺติ กุกฺกุจฺจายนฺโต เอวมาห. อกปฺปิยา มุคฺคาติ เอกทิวสํ อนฺตรามคฺเค วจฺเจ มุคฺคํ ชาตํ ทิสฺวา ‘‘อกปฺปิยา มุคฺคา, ปกฺกาปิ มุคฺคา ชายนฺตี’’ติ กุกฺกุจฺจายนฺโต เอวมาห. เสสเมตฺถ สพฺพํ อุตฺตานเมว.
โสณโกฬิวิสตฺเถรวตฺถุ
๒๐๕. สตฺตเม หาเปตพฺพเมว อโหสิ อจฺจารทฺธวีริยตฺตา. อุทเกน สมุปพฺยูฬฺเหติ อุทเกน ถลํ อุสฺสาเรตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ราสิกเต. หริตูปลิตฺตายาติ โคมยปริภณฺฑกตาย. ติวิเธน อุทเกน ¶ โปเสนฺตีติ ขีโรทกํ คนฺโธทกํ เกวโลทกนฺติ เอวํ ติวิเธน อุทเกน โปเสนฺติ ปริปาเลนฺติ. ปริสฺสาเวตฺวาติ ปริโสเธตฺวา คหิเต ตณฺฑุเลติ โยเชตพฺพํ. เทโว มฺเติ เทโว วิย ¶ . วีโณวาเทนาติ ‘‘ตํ กึ มฺสิ, โสณ, ยทา เต วีณาย ตนฺติโย อจฺจายตา โหนฺติ, อปิ นุ เต วีณา ตสฺมึ สมเย สรวตี วา โหติ กมฺมฺา วาติ? โน เหตํ, ภนฺเตติ. เอวเมว โข, โสณ, อจฺจารทฺธวีริยํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ, อติสิถิลวีริยํ โกสชฺชาย สํวตฺตติ. ตสฺมาติห ตฺวํ, โสณ, วีริยสมตํ อธิฏฺห, อินฺทฺริยานฺจ สมตํ ปฏิวิชฺฌา’’ติ (มหาว. ๒๔๓) เอวํ วีณํ อุปมํ กตฺวา ปวตฺติเตน วีโณปโมวาเทน. วีริยสมถโยชนตฺถายาติ วีริยสฺส สมเถน โยชนตฺถาย.
โสณกุฏิกณฺณตฺเถรวตฺถุ
๒๐๖. อฏฺเม กุฏิกณฺโณติ วุจฺจตีติ ‘‘โกฏิกณฺโณ’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘กุฏิกณฺโณ’’ติ โวหรียติ. กุลฆเร ภวา กุลฆริกา. สา กิร อวนฺติรฏฺเ กุลฆเร มหาวิภวสฺส เสฏฺิสฺส ภริยา. ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย จินฺเตสีติ อิทํ องฺคุตฺตรภาณกานํ มเตน วุตฺตํ. สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ ปน ‘‘สปริโส ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม ธมฺมเทสนํ อสฺโสสิ, น จ กฺจิ วิเสสํ อธิคฺฉิ. กสฺมา? โส หิ ธมฺมํ สุณนฺโต เหมวตํ อนุสฺสริตฺวา ‘อาคโต นุ โข เม สหายโก, โน’ติ ทิสาทิสํ โอโลเกตฺวา ตํ อปสฺสนฺโต ‘วฺจิโต เม สหาโย, โย เอวํ วิจิตฺตปฺปฏิภานํ ภควโต เทสนํ น สุณาตี’ติ วิกฺขิตฺตจิตฺโต อโหสี’’ติ วุตฺตํ.
ยสฺมา ปฏิสนฺธิชาติอภินิกฺขมนโพธิปรินิพฺพาเนสฺเวว ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ หุตฺวาว ปฏิวิคจฺฉนฺติ, น จิรฏฺิติกานิ โหนฺติ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) ปน ตานิ สวิเสสานิ หุตฺวา จิรตรํ ตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ติโยชนสหสฺสํ หิมวนฺตํ อกาลปุปฺผิตํ ทิสฺวา’’ติอาทิ. อคฺคพลกายาติ สพฺพปุรโต คจฺฉนฺตา พลกายา. เกน ปุปฺผิตภาวํ ชานาสีติ เกน การเณน หิมวนฺตสฺส ปุปฺผิตภาวํ ชานาสีติ, เยน การเณน อิมํ อกาลปุปฺผปาฏิหาริยํ ชาตํ, ตํ ชานาสีติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส ปวตฺติตภาวนฺติ ตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส ภควตา ปวตฺติตภาวํ. สทฺเท นิมิตฺตํ คณฺหีติ สทฺเท อาการํ สลฺลกฺเขสิ. ตโตติ ‘‘อหํ ‘เอตํ อมตธมฺมํ ตมฺปิ ¶ ชานาเปสฺสามี’ติ ตว สนฺติกํ อาคโตสฺมี’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตทนนฺตรนฺติ อตฺโถ.
สาตาคิโร ¶ เหมวตสฺส พุทฺธุปฺปาทํ กเถตฺวา ตํ ภควโต สนฺติกํ อาเนตุกาโม ‘‘อชฺช ปนฺนรโส’’ติอาทิคาถมาห. ตตฺถ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๓) อชฺชาติ อยํ รตฺตินฺทิโว ปกฺขคณนโต ปนฺนรโส, อุปวสิตพฺพโต อุโปสโถ. ตีสุ วา อุโปสเถสุ อชฺช ปนฺนรโส อุโปสโถ, น จาตุทฺทสิอุโปสโถ, น สามคฺคีอุโปสโถ. ทิวิ ภวานิ ทิพฺพานิ, ทิพฺพานิ เอตฺถ อตฺถีติ ทิพฺพานิ. กานิ ตานิ? รูปานิ. ตฺหิ รตฺตึ เทวานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุโต สนฺนิปติตานํ สรีรวตฺถาภรณวิมานปฺปภาหิ อพฺภาทิอุปกฺกิเลสวิรหิตาย จนฺทปฺปภาย จ สกลชมฺพุทีโป อลงฺกโต อโหสีติ อติวิย อลงฺกโต จ ปริวิสุทฺธิเทวสฺส ภควโต สรีรปฺปภาย. เตนาห – ‘‘ทิพฺพา รตฺติ อุปฏฺิตา’’ติ.
เอวํ รตฺติคุณวณฺณนาปเทเสนปิ สหายสฺส จิตฺตํ ปสาทํ ชเนนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ กเถตฺวา อาห – ‘‘อโนมนามํ สตฺถารํ, หนฺท ปสฺสาม โคตม’’นฺติ. ตตฺถ อโนเมหิ อลามเกหิ สพฺพาการปริปูเรหิ คุเณหิ นามํ อสฺสาติ อโนมนาโม. ตถา หิสฺส ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทโส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นเยน พุทฺโธติ อโนเมหิ คุเณหิ นามํ. ‘‘ภคฺคราโคติ ภควา, ภคฺคโทโสติ ภควา’’ติอาทินา (มหานิ. ๘๔) นเยน ภควาติ อโนเมหิ คุเณหิ นามํ. เอส นโย ‘‘อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน’’ติอาทีสุ. ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺเถหิ เทวมนุสฺเส อนุสาสติ ‘‘อิมํ ปชหถ, อิมํ สมาทาย วตฺตถา’’ติ สตฺถา. ตํ อโนมนามํ สตฺถารํ. หนฺทาติ วจสายตฺเถ นิปาโต. ปสฺสามาติ เตน อตฺตานํ สห สงฺคเหตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนพหุวจนํ. โคตมนฺติ โคตมโคตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สตฺถา, น สตฺถา’’ติ มา วิมตึ อกาสิ, เอกนฺตพฺยวสิโต หุตฺวาว เอหิ ปสฺสาม โคตมนฺติ.
เอวํ วุตฺเต เหมวโต ‘‘อยํ สาตาคิโร ‘อโนมนามํ สตฺถาร’นฺติ ภณนฺโต ตสฺส สพฺพฺุตํ ปกาเสติ, สพฺพฺุโน จ ทุลฺลภา โลเก, สพฺพฺุปฏิฺเหิ ปูรณาทิสทิเสเหว โลโก อุปทฺทุโต. โส ปน ยทิ สพฺพฺู, อทฺธา ตาทิลกฺขณํ ปตฺโต ภวิสฺสติ, เตน เอวํ คเหสฺสามี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ตาทิลกฺขณํ ปุจฺฉนฺโต อาห – ‘‘กจฺจิ มโน’’ติอาทิ. ตตฺถ กจฺจีติ ปุจฺฉา. มโนติ จิตฺตํ. สุปณิหิโตติ สุฏฺุ ปิโต อจโล อสมฺปเวธี. สพฺเพสุ ภูเตสุ สพฺพภูเตสุ. ตาทิโนติ ตาทิลกฺขณํ ปตฺตสฺเสว สโต. ปุจฺฉา เอว วา อยํ ‘‘โส ตว สตฺถา สพฺพภูเตสุ ตาที, อุทาหุ โน’’ติ. อิฏฺเ อนิฏฺเจาติ เอวรูเป อารมฺมเณ. สงฺกปฺปาติ วิตกฺกา. วสีกตาติ วสํ คมิตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ตํ สตฺถารํ วทสิ, ตสฺส เต สตฺถุโน ¶ กจฺจิ ตาทิลกฺขณํ สมฺปตฺตสฺส สโต สพฺพภูเตสุ มโน สุปณิหิโต, อุทาหุ ยาว ปจฺจยํ น ลภติ, ตาว สุปณิหิโต วิย ขายติ. โส วา เต สตฺถา กจฺจิ สพฺพภูเตสุ สตฺเตสุ ตาที, อุทาหุ โน, เย จ อิฏฺานิฏฺเสุ อารมฺมเณสุ ราคโทสวเสน สงฺกปฺปา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตฺยาสฺส กจฺจิ วสีกตา, อุทาหุ กทาจิ เตสมฺปิ วเสน วตฺตตีติ.
ตีณิ วสฺสานีติ โสณสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ตีณิ วสฺสานิ. ตทา กิร ภิกฺขู เยภุยฺเยน มชฺฌิมเทเสเยว วสึสุ, ตสฺมา ตตฺถ กติปยา เอว อเหสุํ. เต จ เอกสฺมึ นิคเม เอโก ทฺเวติ เอวํ วิสุํ วิสุํ วสึสุ, เถรานฺจ กติปเย ภิกฺขู อาเนตฺวา อฺเสุ อานียมาเนสุ ปุพฺพํ อานีตา เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกมึสุ, กฺจิ กาลํ อาคเมตฺวา ปุน เตสุ อานียมาเนสุ อิตเร ปกฺกมึสุ, เอวํ ปุนปฺปุนํ อานยเนน สนฺนิปาโต จิเรเนว อโหสิ, เถโร จ ตทา เอกวิหารี อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตีณิ วสฺสานิ คณํ ปริเยสิตฺวา’’ติ. ตีณิ วสฺสานีติ จ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. สตฺถุ อธิปฺปายํ ตฺวาติ อตฺตโน อาณาปเนเนว ‘‘อิมินา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตุกาโม ภควา’’ติ สตฺถุ อธิปฺปายํ ชานิตฺวา. ภควา กิร เยน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตุกาโม, ตสฺส เสนาสนปฺตฺติยํ อานนฺทตฺเถรํ อาณาเปติ.
อชฺโฌกาเส วีตินาเมตฺวาติ อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา. ยสฺมา ภควา อายสฺมโต โสณสฺส สมาปตฺติสมาปชฺชเนน ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต สาวกสาธารณา สพฺพา สมาปตฺติโย อนุโลมปฺปฏิโลมํ สมาปชฺชนฺโต พหุเทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา วิหารํ ปาวิสิ, ตสฺมา อายสฺมาปิ โสโณ ภควโต อธิปฺปายํ ตฺวา ตทนุรูปํ สพฺพา ตา สมาปตฺติโย ¶ สมาปชฺชนฺโต พหุเทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา วิหารํ ปาวิสีติ วทนฺติ. ปวิสิตฺวา จ ภควตา อนฺุาโต จีวรติโรกรณิยํ กตฺวา ภควโต ปาทปสฺเส นิสชฺชาย วีตินาเมสิ. อชฺเฌสีติ อาณาเปสิ. ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธมฺโม ภาสิตุนฺติ ภิกฺขุ ตุยฺหํ ธมฺโม ภาสิตุํ อุปฏฺาตุ, าณมุขํ อาคจฺฉตุ, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ ภณาหีติ อตฺโถ. อฏฺกวคฺคิยานีติ อฏฺกวคฺคภูตานิ กามสุตฺตาทิโสฬสสุตฺตานิ (มหานิ. ๑). สุคฺคหิโตติ สมฺมา อุคฺคหิโต. สพฺเพ วเร ยาจีติ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทา ธุวนฺหานํ จมฺมตฺถรณํ คณงฺคณูปาหนํ จีวรวิปฺปวาโสติ อิเม ปฺจ วเร ยาจิ. สุตฺเต อาคตเมวาติ อุทานปาฬิยํ อาคตสุตฺตํ สนฺธาย วทติ.
สีวลิตฺเถรวตฺถุ
๒๐๗. นวเม ¶ สากจฺฉิตฺวา สากจฺฉิตฺวาติ รฺา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌนวเสน ปุนปฺปุนํ สากจฺฉํ กตฺวา. คุฬทธินฺติ ปตฺถินฺนํ คุฬสทิสํ กินทธึ. อติอฺฉิตุนฺติ อติวิย อากฑฺฒิตุํ. กฺชิยํ วาเหตฺวาติ ทธิมตฺถุํ ปวาเหตฺวา, ปริสฺสาเวตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ทธิโต กฺชิยํ คเหตฺวา’’ติปิ ปาโ. นนฺติ สุปฺปวาสํ. พีชปจฺฉึ ผุสาเปนฺตีติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ยาว น อุกฺกฑฺฒนฺตีติ ยาว ทาเน น อุกฺกฑฺฒนฺติ, ทาตุกามาว โหนฺตีติ อธิปฺปาโย มหาทุกฺขํ อนุโภสีติ ปสวนิพนฺธนํ มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุโภสิ. สามิกํ อามนฺเตตฺวาติ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา ติพฺพาหิ ขราหิ ทุกฺขเวทนาหิ ผุฏฺา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา, โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ. สุปฺปฏิปนฺโน วต ตสฺส ภควโต สาวกสงฺโฆ, โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน. สุสุขํ วต นิพฺพานํ, ยตฺถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’ติ (อุทา. ๑๘) อิเมหิ ตีหิ วิตกฺเกหิ ตํ ทุกฺขํ อธิวาเสนฺตี สตฺถุ สนฺติกํ เปเสตุกามตาย สามิกํ อามนฺเตตฺวา. ปุเร มรณาติ มรณโต ปุเรตรเมว. อิงฺคิตนฺติ อาการํ. ชีวิตภตฺตนฺติ ชีวิตสํสเย ทาตพฺพภตฺตํ. สพฺพกมฺมกฺขโม อโหสีติ สตฺตวสฺสิเกหิ ทารเกหิ กาตพฺพํ ยํ กิฺจิ กมฺมํ กาตุํ สมตฺถตาย สพฺพสฺส กมฺมสฺส ขโม อโหสิ. เตเนว โส สตฺตาหํ มหาทาเน ¶ ทียมาเน ชาตทิวสโต ปฏฺาย ธมฺมกรณํ อาทาย สงฺฆสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ.
โยมนฺติอาทิคาถาย ‘‘โย ภิกฺขุ อิมํ ราคปลิปถฺเจว กิเลสทุคฺคฺจ สํสารวฏฺฏฺจ จตุนฺนํ สจฺจานํ อปฺปฏิวิชฺฌนกโมหฺจ อตีโต จตฺตาโร โอเฆ ติณฺโณ หุตฺวา ปารํ อนุปฺปตฺโต, ทุวิเธน ฌาเนน ฌายี, ตณฺหาย อภาเวน อเนโช, กถํกถาย อภาเวน อกถํกถี, อุปาทานานํ อภาเวน อนุปาทิยิตฺวา กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุโต, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามี’’ติ อตฺโถ.
สพฺเพสํเยว ปน เกสานํ โอโรปนฺจ อรหตฺตสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉาอปุริมา อโหสีติ อิมินา เถรสฺส ขุรคฺเคเยว อรหตฺตุปฺปตฺติ ทีปิตา. เอกจฺเจ ปน อาจริยา เอวํ วทนฺติ ‘‘เหฏฺา วุตฺตนเยน ธมฺมเสนาปตินา โอวาเท ทินฺเน ‘ยํ มยา กาตุํ สกฺกา, ตมหํ ชานิสฺสามี’ติ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตํ ทิวสํเยว อฺตรํ วิจิตฺตํ กุฏิกํ ทิสฺวา ปวิสิตฺวา มาตุกุจฺฉิยํ สตฺต วสฺสานิ อตฺตนา อนุภูตทุกฺขํ อนุสฺสริตฺวา ตทนุสาเรน อตีตานาคเต าณํ เนนฺตสฺส อาทิตฺตา วิย ตโย ภวา อุปฏฺหึสุ. าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา ¶ วิปสฺสนาวีถึ โอตริตฺวา ตาวเทว มคฺคปฺปฏิปาฏิยา สพฺเพปิ อาสเว เขเปนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ. อุภยถาปิ เถรสฺส อรหตฺตุปฺปตฺติเยว ปกาสิตา, เถโร ปน ปภินฺนปฺปฏิสมฺภิโท ฉฬภิฺโ อโหสิ.
วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ
๒๐๘. ทสเม อาหารกรณเวลนฺติ โภชนกิจฺจเวลํ. อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตนฺติ สงฺขารูปสมํ สุขนฺติ ลทฺธนามํ สนฺตํ ปทํ นิพฺพานํ อธิคจฺเฉยฺย. ปมปาเทน ปพฺพเต ิโตเยวาติ ปเมน ปาเทน คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต ิโตเยว. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
ทุติยเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๓. ตติยเอตทคฺควคฺควณฺณนา
ราหุล-รฏฺปาลตฺเถรวตฺถุ
๒๐๙-๒๑๐. ตติยสฺส ¶ ¶ ปมทุติเยสุ ติสฺโส สิกฺขาติ อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสงฺขาตา ติสฺโส สิกฺขา. จุทฺทส ภตฺตจฺเฉเท กตฺวาติ สตฺตาหํ นิราหารตาย เอเกกสฺมึ ทิวเส ทฺวินฺนํ ภตฺตจฺเฉทานํ วเสน จุทฺทส ภตฺตจฺเฉเท กตฺวา.
เตสนฺติ เตสํ ตาปสานํ. ลาพุภาชนาทิปริกฺขารํ สํวิธายาติ ลาพุภาชนาทิตาปสปริกฺขารํ สํวิทหิตฺวา. สปริฬาหกายธาตุโกติ อุสฺสนฺนปิตฺตตาย สปริฬาหกายสภาโว. สตสหสฺสาติ สตสหสฺสปริมาณา. สตสหสฺสํ ปริมาณํ เอเตสนฺติ สตสหสฺสา อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติ, อตฺถิอตฺเถ วา อการปจฺจโย ทฏฺพฺโพ. ปาณาติปาตาทิอกุสลธมฺมสมุทาจารสงฺขาโต อามคนฺโธ กุณปคนฺโธ นตฺถิ เอเตสนฺติ นิรามคนฺธา, ยถาวุตฺตกิเลสสมุทาจารรหิตาติ อตฺโถ. กิเลสสมุทาจาโร เหตฺถ ‘‘อามคนฺโธ’’ติ วุตฺโต. กึการณา? อมนฺุตฺตา, กิเลสอสุจิมิสฺสตฺตา, สพฺภิ ชิคุจฺฉิตตฺตา, ปรมทุคฺคนฺธภาววหตฺตา จ. ตถา หิ เย เย อุสฺสนฺนกิเลสา สตฺตา, เต เต อติทุคฺคนฺธา โหนฺติ. เตเนว นิกฺกิเลสานํ มตสรีรมฺปิ ทุคฺคนฺธํ น โหติ. ทานคฺคปริวหนเกติ ทานคฺคธุรวหนเก. มาปโกติ ทิวเส ทิวเส ปริมิตปริพฺพยทานวเสน ธฺมาปโก.
ปาฬิยนฺติ วินยปาฬิยํ. มิคชาตกํ อาหริตฺวา กเถสีติ อตีเต กิร โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มิคคณปริวุโต อรฺเ วสติ. อถสฺส ภคินี อตฺตโน ปุตฺตกํ อุปเนตฺวา ‘‘ภาติก อิมํ ภาคิเนยฺยํ มิคมายํ สิกฺขาเปหี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ‘‘คจฺฉ ตาต, อสุกเวลายํ นาม อาคนฺตฺวา สิกฺเขยฺยาสี’’ติ อาห. โส มาตุเลน วุตฺตเวลํ อนติกฺกมิตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา มิคมายํ สิกฺขิ. โส เอกทิวสํ วเน วิจรนฺโต ปาเสน พทฺโธ พทฺธรวํ วิรวิ. มิคคโณ ปลายิตฺวา ‘‘ปุตฺโต เต ปาเสน พทฺโธ’’ติ ตสฺส มาตุยา อาโรเจสิ. สา ภาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภาติก ภาคิเนยฺโย ¶ เต มิคมายํ สิกฺขาปิโต’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘มา ตฺวํ ปุตฺตสฺส กิฺจิ ปาปกํ อาสงฺกิ, สุคฺคหิตา เตน มิคมายา, อิทานิ ตํ หาสยมาโน อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘มิคํ ติปลฺลตฺถ’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺถ มิคนฺติ ภาคิเนยฺยมิคํ. ติปลฺลตฺถํ วุจฺจติ สยนํ, อุโภหิ ปสฺเสหิ อุชุกเมว จ นิปนฺนกวเสน ตีหากาเรหิ ปลฺลตฺถํ อสฺส, ตีณิ วา ปลฺลตฺถานิ อสฺสาติ ติปลฺลตฺโถ, ตํ ติปลฺลตฺถํ. อเนกมายนฺติ พหุมายํ พหุวฺจนํ. อฏฺกฺขุรนฺติ เอเกกสฺมึ ปาเท ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ วเสน อฏฺหิ ขุเรหิ สมนฺนาคตํ. อฑฺฒรตฺตาปปายินฺติ ปุริมยามํ อติกฺกมิตฺวา มชฺฌิมยาเม อรฺโต อาคมฺม ปานียสฺส ปิวนโต อฑฺฒรตฺเต อาปํ ปิวตีติ อฑฺฒรตฺตาปปายี. ‘‘อฑฺฒรตฺเต อาปปายิ’’นฺติปิ ปาโ. มม ภาคิเนยฺยํ มิคํ อหํ สาธุกํ มิคมายํ อุคฺคณฺหาเปสึ. กถํ? ยถา เอเกน โสเตน ฉมายํ อสฺสสนฺโต ฉหิ กลาหิ อติโภติ ภาคิเนยฺโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยฺหิ ตว ปุตฺตํ ตถา อุคฺคณฺหาเปสึ, ยถา เอกสฺมึ อุปริมนาสิกาโสเต วาตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ปถวิยํ อลฺลีเนน เอเกน เหฏฺิมนาสิกาโสเตน ตเถว ฉมายํ อสฺสสนฺโต ฉหิ กลาหิ ลุทฺทกํ อติโภติ, ฉหิ โกฏฺาเสหิ อชฺโฌตฺถรติ วฺเจตีติ อตฺโถ. กตเมหิ ฉหิ? จตฺตาโร ปาเท ปสาเรตฺวา เอเกน ปสฺเสน เสยฺยาย, ขุเรหิ ติณปํสุขณเนน, ชิวฺหานินฺนามเนน, อุทรสฺส อุทฺธุมาตภาวกรเณน, อุจฺจารปสฺสาววิสฺสชฺชเนน, วาตสฺส นิรุมฺภเนนาติ. อถ วา ตถา นํ อุคฺคณฺหาเปสึ, ยถา เอเกน โสเตน ฉมายํ อสฺสสนฺโต. ฉหีติ เหฏฺา วุตฺเตหิ ฉหิ การเณหิ. กลาหีติ กลายิสฺสติ, ลุทฺทกํ วฺเจสฺสตีติ อตฺโถ. โภตีติ ภคินึ อาลปติ. ภาคิเนยฺโยติ เอวํ ฉหิ การเณหิ วฺจกํ ภาคิเนยฺยํ นิทฺทิสติ.
เอวํ โพธิสตฺโต ภาคิเนยฺยสฺส มิคมายํ สาธุกํ อุคฺคหิตภาวํ วทนฺโต ภคินึ สมสฺสาเสสิ. โสปิ มิคโปตโก ปาเส พทฺโธ อนิพนฺธิตฺวาเยว ภูมิยํ มหาผาสุกปสฺเสน ปาเท ปสาเรตฺวา นิปนฺโน ปาทานํ อาสนฺนฏฺาเน ขุเรหิ เอว ปหริตฺวา ปํสฺุจ ติณานิ จ อุปฺปาเฏตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ วิสฺสชฺเชตฺวา สีสํ ปาเตตฺวา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา สรีรํ เขฬกิลินฺนํ กตฺวา วาตคฺคหเณน อุทรํ อุทฺธุมาตกํ กตฺวา อกฺขีนิ ปริวตฺเตตฺวา เหฏฺานาสิกาโสเตน วาตํ สฺจราเปนฺโต อุปริมนาสิกาโสเตน ¶ วาตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา สกลสรีรํ ถทฺธภาวํ คาหาเปตฺวา มตกาการํ ทสฺเสสิ, นีลมกฺขิกาปิ นํ สมฺปริวาเรสุํ, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน กากา นิลียึสุ. ลุทฺโท อาคนฺตฺวา อุทเร หตฺเถน ปหริตฺวา ‘‘ปาโตว พทฺโธ ภวิสฺสติ, ปูติโก ชาโต’’ติ ตสฺส พนฺธนรชฺชุํ โมเจตฺวา ‘‘เอตฺเถว ทานิ นํ อุกฺกนฺติตฺวา มํสํ อาทาย คมิสฺสามี’’ติ ¶ นิราสงฺโก หุตฺวา สาขาปลาสํ คเหตุํ อารทฺโธ. มิคโปตโกปิ อุฏฺาย จตูหิ ปาเทหิ ตฺวา กายํ วิธุนิตฺวา คีวํ ปสาเรตฺวา มหาวาเตน ฉินฺนวลาหโก วิย เวเคน มาตุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ราหุโล อิทาเนว สิกฺขากาโม, ปุพฺเพปิ สิกฺขากาโมเยวา’’ติ เอวํ มิคชาตกํ อาหริตฺวา กเถสิ.
อมฺพลฏฺิยราหุโลวาทํ เทเสสีติ ‘‘ปสฺสสิ โน ตฺวํ, ราหุล, อิมํ ปริตฺตํ อุทกาวเสสํ อุทกาทาเน ปิตนฺติ? เอวํ, ภนฺเต. เอวํ ปริตฺตกํ โข, ราหุล, เตสํ สามฺํ, เยสํ นตฺถิ สมฺปชานมุสาวาเท ลชฺชา’’ติ เอวมาทินา อมฺพลฏฺิยราหุโลวาทํ (ม. นิ. ๒.๑๐๗ อาทโย) กเถสิ. เคหสิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกนฺตสฺสาติ อายสฺมา กิร ราหุโล ภควโต ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คจฺฉนฺโตว ปาทตลโต ยาว อุปริ เกสนฺตา ตถาคตํ โอโลเกสิ, โส ภควโต พุทฺธเวสวิลาสํ ทิสฺวา ‘‘โสภติ ภควา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวิจิตฺตสรีโร พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺตตาย วิปฺปกิณฺณสุวณฺณจุณฺณมชฺฌคโต วิย วิชฺชุลตาปริกฺขิตฺโต กนกปพฺพโต วิย ยนฺตสมากฑฺฒิตรตนวิจิตฺตสุวณฺณอคฺฆิกํ วิย ปํสุกูลจีวรปฺปฏิจฺฉนฺโนปิ รตฺตกมฺพลปริกฺขิตฺตกนกปพฺพโต วิย ปวาฬลตาปฏิมณฺฑิตสุวณฺณฆฏิกํ วิย จีนปิฏฺจุณฺณปูชิตสุวณฺณเจติยํ วิย ลาขารสานุลิตฺโต กนกถูโป วิย รตฺตวลาหกนฺตรคโต ตงฺขณมุคฺคตปุณฺณจนฺโท วิย อโห สมตึสปารมิตานุภาเวน สชฺชิตสฺส อตฺตภาวสฺส สิริสมฺปตฺตี’’ติ จินฺเตสิ. ตโต อตฺตานมฺปิ โอโลเกตฺวา ‘‘อหมฺปิ โสภามิ, สเจ ภควา จตูสุ มหาทีเปสุ จกฺกวตฺติรชฺชํ อกริสฺส, มยฺหํ ปริณายกฏฺานนฺตรมทสฺส, เอวํ สนฺเต อติวิย ชมฺพุทีปตลํ อติโสภิสฺสา’’ติ อตฺตภาวํ นิสฺสาย เคหสิตํ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘สตฺถุ เจว อตฺตโน จ รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา เคหสิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกนฺตสฺสา’’ติ.
ภควาปิ ¶ ปุรโต คจฺฉนฺโตว จินฺเตสิ – ‘‘ปริปุณฺณจฺฉวิมํสโลหิโต ทานิ ราหุลสฺส อตฺตภาโว, รชนีเยสุ รูปารมฺมณาทีสุ จิตฺตสฺส ปกฺขนฺทนกาโล ชาโต, นิปฺผลตาย นุ โข ราหุโล วีตินาเมตี’’ติ. อถ สหาวชฺชเนเนว ปสนฺเน อุทเก มจฺฉํ วิย ปริสุทฺเธ อาทาสมณฺฑเล มุขนิมิตฺตํ วิย จ ตสฺส ตํ จิตฺตุปฺปาทํ อทฺทส, ทิสฺวา จ ‘‘อยํ ราหุโล มยฺหํ อตฺรโช หุตฺวา มม ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโต ‘อหํ โสภามิ, มยฺหํ วณฺณายตนํ ปสนฺน’นฺติ อตฺตภาวํ นิสฺสาย เคหสิตํ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทติ, อติตฺเถ ปกฺขนฺโท, อุปฺปถํ ปฏิปนฺโน, อโคจเร จรติ, ทิสามูฬฺหอทฺธิโก วิย อคนฺตพฺพํ ทิสํ คจฺฉติ, อยํ โข ปนสฺส กิเลโส อพฺภนฺตเร วฑฺฒนฺโต อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปสฺสิตุํ น ทสฺสิสฺสติ ปรตฺถมฺปิ อุภยตฺถมฺปิ, ตโต ¶ นิรเยปิ ปฏิสนฺธึ คณฺหาเปสฺสติ, ติรจฺฉานโยนิยมฺปิ เปตฺติวิสเยปิ อสุรกาเยปิ สมฺพาเธปิ มาตุกุจฺฉิสฺมินฺติ อนมตคฺเค สํสารวฏฺเฏ ปริปาเตสฺสติ. ยถา โข ปน อเนกรตนปูรา มหานาวา ภินฺนผลกนฺตเรน อุทกํ อาทิยมานา มุหุตฺตมฺปิ น อชฺฌุเปกฺขิตพฺพา โหติ, เวเคน เวเคนสฺสา วิวรํ ปิทหิตุํ วฏฺฏติ, เอวเมว อยมฺปิ น อชฺฌุเปกฺขิตพฺโพ. ยาวสฺส อยํ กิเลโส อพฺภนฺตเร สีลรตนาทีนิ น วินาเสติ, ตาวเทว นํ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อชฺฌาสยํ อกาสิ. ตโต ราหุลํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ยํ กิฺจิ, ราหุล, รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพนฺติ. รูปเมว นุ โข ภควา รูปเมว นุ โข สุคตาติ. รูปมฺปิ ราหุล, เวทนาปิ ราหุล, สฺาปิ ราหุล, สงฺขาราปิ ราหุล, วิฺาณมฺปิ ราหุลา’’ติ มหาราหุโลวาทสุตฺตํ (ม. นิ. ๒.๑๑๓ อาทโย) อภาสิ. ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ยํ กิฺจิ ราหุล…เป… กเถสี’’ติ วุตฺตํ.
สํยุตฺตเก ปน ราหุโลวาโทติ ราหุลสํยุตฺเต วุตฺตราหุโลวาทํ สนฺธาย วทนฺติ. ตตฺถ ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตุ, ยมหํ, ภนฺเต, ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหเรยฺย’’นฺติ เถเรน ยาจิโต ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราหุล, จกฺขุ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ? อนิจฺจํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ¶ , ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วาติ? ทุกฺขํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติอาทินา ราหุโลวาทํ (สํ. นิ. ๒.๑๘๘ อาทโย) อารภิ. เถรสฺส วิปสฺสนาจาโรเยว, น ปน มหาราหุโลวาโท วิย วิตกฺกูปจฺเฉทาย วุตฺโตติ อธิปฺปาโย.
อถสฺส สตฺถา าณปริปากํ ตฺวาติอาทีสุ ภควโต กิร รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, ยนฺนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตริ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ? อถสฺส ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ – ‘‘คณฺหาหิ, ราหุล, นิสีทนํ, เยน อนฺธวนํ เตนุปสงฺกมิสฺสาม ทิวาวิหารายา’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา ราหุโล ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา นิสีทนํ อาทาย ภควโต ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. เตน โข ปน สมเยน อเนกานิ เทวตาสหสฺสานิ ภควนฺตํ อภิวนฺทิตฺวา อนุพนฺธิตา โหนฺติ ‘‘อชฺช ภควา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ ¶ อุตฺตริ อาสวานํ ขเย วิเนสฺสตี’’ติ. อถ โข ภควา อนฺธวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อายสฺมาปิ ราหุโล ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราหุล, จกฺขุ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ? อนิจฺจํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วาติ? ทุกฺขํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติอาทินา ราหุโลวาทํ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑) อทาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘อนฺธวเน นิสินฺโน จูฬราหุโลวาทํ กเถสี’’ติ.
โกฏิสตสหสฺสเทวตาหีติ อายสฺมตา ราหุเลน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล ปถวินฺธรราชกาเล ปตฺถนํ เปนฺเตน สทฺธึ ปตฺถนํ ปิตเทวตาเยเวตา. ตาสุ ปน กาจิ ภูมฏฺเทวตา, กาจิ อนฺตลิกฺขฏฺกา, กาจิ จาตุมหาราชิกาทิเทวโลเก, กาจิ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตา, อิมสฺมึ ปน ทิวเส สพฺพา เอกฏฺาเน อนฺธวนสฺมึเยว สนฺนิปติตา.
อาภิโทสิกนฺติ ¶ ปาริวาสิกํ เอกรตฺตาติกฺกนฺตํ ปูติภูตํ. เอกรตฺตาติกฺกนฺตสฺเสว หิ นามสฺา เอสา, ยทิทํ อาภิโทสิโกติ. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – ปูติภาวโทเสน อภิภูโตติ อภิโทโส, อภิโทโสเยว อาภิโทสิโก. กุมฺมาสนฺติ ยวกุมฺมาสํ. อธิวาเสตฺวาติ ‘‘เตน หิ, ตาต รฏฺปาล, อธิวาเสหิ สฺวาตนาย ภตฺต’’นฺติ ปิตรา นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภิกฺขํ อธิวาเสตฺวา. เอตฺถ จ เถโร ปกติยา อุกฺกฏฺสปทานจาริโก สฺวาตนาย ภิกฺขํ นาม นาธิวาเสติ, มาตุ อนุคฺคเหน ปน อธิวาเสติ. มาตุ กิรสฺส เถรํ อนุสฺสริตฺวา อนุสฺสริตฺวา มหาโสโก อุปฺปชฺชติ, โรทเนเนว ทุกฺขี วิย ชาตา, ตสฺมา เถโร ‘‘สจาหํ ตํ อปสฺสิตฺวา คมิสฺสามิ, หทยมฺปิสฺสา ผเลยฺยา’’ติ อนุคฺคเหน อธิวาเสสิ. ปณฺฑิตา หิ ภิกฺขู มาตาปิตูนํ อาจริยุปชฺฌายานํ วา กาตพฺพํ อนุคฺคหํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ธุตงฺคสุทฺธิกา น ภวนฺติ.
อลงฺกตปฏิยตฺเต อิตฺถิชเนติ ปิตรา อุยฺโยชิเต อิตฺถิชเน. ปิตา กิรสฺส ทุติยทิวเส สกนิเวสเน มหนฺตํ หิรฺสุวณฺณสฺส ปฺุชํ การาเปตฺวา กิลฺเชหิ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา อายสฺมโต รฏฺปาลสฺส ปุราณทุติยิกาโย ‘‘เอถ ตุมฺเห วธู, เยน อลงฺกาเรน อลงฺกตา ปุพฺเพ รฏฺปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส ปิยา โหถ มนาปา, เตน อลงฺกาเรน อลงฺกโรถา’’ติ อาณาเปตฺวา ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา กาเล อาโรจิเต อาคนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสินฺนํ ‘‘อิทํ เต, รฏฺปาล, มตฺติกํ ธนํ, อฺํ เปตฺติกํ, อฺํ ปิตามหํ; สกฺกา, ตาต รฏฺปาล, โภเค ¶ จ ภฺุชิตุํ, ปฺุานิ จ กาตุํ? เอหิ ตฺวํ, ตาต รฏฺปาล, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภฺุชสฺสุ, ปฺุานิ จ กโรหี’’ติ ยาจิตฺวา เตน ปฏิกฺขิปิตฺวา ธมฺเม เทสิเต ‘‘อหํ อิมํ อุปฺปพฺพาเชสฺสามี’’ติ อานยึ, โส ‘‘ทานิ เม ธมฺมกถํ กาตุํ อารทฺโธ, อลํ เม วจนํ น กริสฺสตี’’ติ อุฏฺาย คนฺตฺวา ตสฺส โอโรธานํ ทฺวารํ วิวราเปตฺวา ‘‘อยํ โว สามิโก, คจฺฉถ, ยํ กิฺจิ กตฺวาน คณฺหิตุํ วายมถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. ตีสุ วเยสุ ิตา นาฏกิตฺถิโย เถรํ ปริวารยึสุ. ตาสุ อยํ อสุภสฺํ อุปฺปาเทสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อลงฺกตปฏิยตฺเต อิตฺถิชเน อสุภสฺํ อุปฺปาเทตฺวา’’ติ.
ิตโกว ¶ ธมฺมํ เทเสตฺวาติ –
‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิติ.
‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จ;
อฏฺึ ตเจน โอนทฺธํ, สห วตฺเถหิ โสภติ.
‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, มุขํ จุณฺณกมกฺขิตํ;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘อฏฺาปทกตา เกสา, เนตฺตา อฺชนมกฺขิตา;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘อฺชนีวณฺณวา จิตฺตา, ปูติกาโย อลงฺกโต;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโน.
‘‘โอทหิ มิคโว ปาสํ, นาสทา วาคุรํ มิโค;
ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉามิ, กนฺทนฺเต มิคพนฺธเก’’ติ. (ม. นิ. ๒.๓๐๒; เถรคา. ๗๖๙-๗๗๔) –
อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสตฺวา.
อากาสํ ¶ อุปฺปติตฺวาติ อากาสํ ปกฺขนฺทิตฺวา. กสฺมา ปน เถโร อากาเสน คโต? ปิตา กิรสฺส เสฏฺิ สตฺตสุ ทฺวารโกฏฺเกสุ อคฺคฬานิ ทาเปตฺวา มลฺเล อาณาเปสิ ‘‘สเจ นิกฺขมิตฺวา คจฺฉติ, หตฺถปาเทสุ นํ คเหตฺวา กาสายานิ หริตฺวา คิหิเวสํ คณฺหาเปถา’’ติ. ตสฺมา เถโร ‘‘เอเต มาทิสํ มหาขีณาสวํ หตฺเถ วา ปาเท วา คเหตฺวา อปฺุํ ปสเวยฺยุํ, ตํ เนสํ มา อโหสี’’ติ จินฺเตตฺวา อากาเสน อคมาสิ. มิคจีรนฺติ เอวํนามกํ อุยฺยานํ. จตุปาริชฺุปฏิมณฺฑิตนฺติ ชราปาริชฺุํ, พฺยาธิปาริชฺุํ, โภคปาริชฺุํ, าติปาริชฺุนฺติ อิเมหิ จตูหิ ปาริชฺุเหิ ปฏิมณฺฑิตํ. ปาริชฺุนฺติ จ ปริหานีติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
กุณฺฑธานตฺเถรวตฺถุ
๒๑๑. ตติเย สลากํ คณฺหนฺตีติ สลากคาหกา. สุนาปรนฺตชนปทํ คจฺฉนฺเตปิ ปมเมว สลากํ คณฺหีติ สมฺพนฺโธ. ฉพฺพสฺสนฺตเรติ ฉนฺนํ ¶ วสฺสานํ อพฺภนฺตเร. เมตฺตีติ มิตฺตภาโว. เภทเก สตีติ เภทกรเณ สติ. คุมฺพสภาคโตติ คุมฺพสมีปโต, อยเมว วา ปาโ. อิตฺถี หุตฺวาติ อิตฺถี วิย หุตฺวา, มนุสฺสิตฺถิวณฺณํ มาเปตฺวาติ อตฺโถ. ทีฆรตฺตานุคโตติ ทีฆกาลํ อนุพนฺโธ. เอตฺตกํ อทฺธานนฺติ เอตฺตกํ กาลํ. หนฺทาวุโสติ คณฺหาวุโส. อตฺถํ คเหตฺวาติ ภูตตฺถํ คเหตฺวา, อยเมว วา ปาโ. โกณฺโฑ ชาโตติ ธุตฺโต ชาโต.
มาโวจ ผรุสํ กฺจีติ กฺจิ เอกปุคฺคลํ ผรุสํ มา อโวจ. วุตฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตนฺติ ตยา ปเร ทุสฺสีลาติ วุตฺตา ตมฺปิ ตเถว ปฏิวเทยฺยุํ. ทุกฺขา หิ สารมฺภกถาติ เอสา การณุตฺตรา ยุคคฺคาหกถา นาม ทุกฺขา. ปฏิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตนฺติ กายทณฺฑาทีหิ ปรํ ปหรนฺตสฺส ตาทิสาว ปฏิทณฺฑา ตว มตฺถเก ปเตยฺยุํ.
สเจ เนเรสิ อตฺตานนฺติ สเจ อตฺตานํ นิจฺจลํ กาตุํ สกฺขิสฺสสิ. กํโส อุปหโต ยถาติ มุขวฏฺฏิยํ ฉินฺทิตฺวา ตลมตฺตํ กตฺวา ปิตํ กํสตาลํ วิย. ตาทิสฺหิ หตฺเถหิ ปาเทหิ ทณฺเฑน วา ปหตมฺปิ สทฺทํ น กโรติ. เอส ปตฺโตสิ นิพฺพานนฺติ สเจ เอวรูโป ภวิตุํ สกฺขิสฺสสิ, อิมํ ปฏิปทํ ปูรยมาโน เอโส ตฺวํ อิทานิ อปฺปตฺโตปิ นิพฺพานํ ปตฺโตสิ นาม. สารมฺโภ เต น วิชฺชตีติ ‘‘เอวฺจ สติ ตฺวํ ทุสฺสีโล, อหํ สุสีโล’’ติ เอวมาทิโก อุตฺตริกรณวาจาลกฺขโณ สารมฺโภ เต น วิชฺชติ, น ภวิสฺสติเยวาติ อตฺโถ. ปริกฺกิเลเสนาติ สํกิเลสเหตุนา.
วงฺคีสตฺเถรวตฺถุ
๒๑๒. จตุตฺเถ ¶ สมฺปนฺนปฏิภานานนฺติ ปริปุณฺณปฏิภานานํ. จุตึ โย เวทิ…เป… สพฺพโสติ โย สตฺตานํ จุติฺจ ปฏิสนฺธิฺจ สพฺพากาเรน ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ตํ อหํ อลคฺคนตาย อสตฺตํ, ปฏิปตฺติยา สุฏฺุ คตตฺตา สุคตํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ สมฺพุทฺธตฺตา พุทฺธํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. ยสฺส คตินฺติ ยสฺเสเต เทวาทโย คตึ น ชานนฺติ, ตมหํ อาสวานํ ขีณตาย ขีณาสวํ, กิเลเสหิ อารกตฺตา อรหนฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
อุปเสนวงฺคนฺตปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
๒๑๓. ปฺจเม ¶ สพฺพปาสาทิกานนฺติ สพฺพโส ปสาทํ ชเนนฺตานํ. กินฺตายนฺติ กึ เต อยํ. อติลหุนฺติ อติสีฆํ. ยสฺส ตสฺมึ อตฺตภาเว อุปฺปชฺชนารหานํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถิ, ตํ พุทฺธา ‘‘โมฆปุริโส’’ติ วทนฺติ อริฏฺลาฬุทายิอาทิเก วิย. อุปนิสฺสเย สติปิ ตสฺมึ ขเณ มคฺเค วา ผเล วา อสติ ‘‘โมฆปุริสา’’ติ วทนฺติเยว ธนิยตฺเถราทิเก วิย. อิมสฺสปิ ตสฺมึ ขเณ มคฺคผลานํ อภาวโต ‘‘โมฆปุริสา’’ติ อาห, ตุจฺฉมนุสฺสาติ อตฺโถ. พาหุลฺลายาติ ปริสพาหุลฺลาย. อเนกปริยาเยนาติ อเนกการเณน.
อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเวติ ภควา กิร ตํ อทฺธมาสํ น กฺจิ โพธเนยฺยสตฺตํ อทฺทส, ตสฺมา เอวมาห, เอวํ สนฺเตปิ ตนฺติวเสน ธมฺมเทสนา กตฺตพฺพา สิยา. ยสฺมา ปนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มยิ โอกาสํ กาเรตฺวา ปฏิสลฺลีเน ภิกฺขู อธมฺมิกํ กติกวตฺตํ กริสฺสนฺติ, ตํ อุปเสโน ภินฺทิสฺสติ, อหํ ตสฺส ปสีทิตฺวา ภิกฺขูนํ ทสฺสนํ อนุชานิสฺสามิ. ตโต มํ ปสฺสิตุกามา พหู ภิกฺขู ธุตงฺคานิ สมาทิยิสฺสนฺติ, อหฺจ เตหิ อุชฺฌิตสนฺถตปจฺจยา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามี’’ติ, ตสฺมา เอวมาห. เถรสฺสาติ อุปเสนตฺเถรสฺส. มนาปานิ เต ภิกฺขุ ปํสุกูลานีติ ‘‘ภิกฺขุ ตว อิมานิ ปํสุกูลานิ มนาปานิ อตฺตโน รุจิยา ขนฺติยา คหิตานี’’ติ ปุจฺฉติ. น โข เม, ภนฺเต, มนาปานิ ปํสุกูลานีติ, ภนฺเต, น มยา อตฺตโน รุจิยา ขนฺติยา คหิตานิ, คลคฺคาเหน วิย มตฺถกตาฬเนน วิย จ คาหิโต มยาติ ทสฺเสติ. ปาฬิยํ อาคตเมวาติ วินยปาฬึ สนฺธาย วทติ.
ทพฺพตฺเถรวตฺถุ
๒๑๔. ฉฏฺเ ¶ อฏฺารสสุ มหาวิหาเรสูติ ราชคหสฺส สมนฺตโต ิเตสุ อฏฺารสสุ มหาวิหาเรสุ. อุปวิชฺาติ อาสนฺนปสูติกาลา. รโหคโตติ รหสิ คโต. สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจกรเณ กายํ โยเชตุกาโม จินฺเตสีติ เถโร กิร อตฺตโน กตกิจฺจภาวํ ทิสฺวา ‘‘อหํ อิมํ สรีรํ ธาเรมิ, ตฺจ โข วาตมุเข ิตปทีโป วิย อนิจฺจตามุเข ิตํ นจิรสฺเสว นิพฺพายนธมฺมํ ยาว ¶ น นิพฺพายติ, ตาว กึ นุ โข อหํ สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กเรยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘ติโรรฏฺเสุ พหู กุลปุตฺตา ภควนฺตํ อทิสฺวาว ปพฺพชนฺติ, เต ‘ภควนฺตํ ปสฺสิสฺสาม เจว วนฺทิสฺสามา’ติ จ ทูรโตปิ อาคจฺฉนฺติ, ตตฺร เยสํ เสนาสนํ นปฺปโหติ, เต สิลาปตฺตเกปิ เสยฺยํ กปฺเปนฺติ. ปโหมิ โข ปนาหํ อตฺตโน อานุภาเวน เตสํ เตสํ กุลปุตฺตานํ อิจฺฉาวเสน ปาสาทวิหารอฑฺฒโยคาทีนิ มฺจปีตฺถรณานิ นิมฺมินิตฺวา ทาตุํ? ปุนทิวเส เจตฺถ เอกจฺเจ อติวิย กิลนฺตรูปา โหนฺติ, เต คารเวน ภิกฺขูนํ ปุรโต ตฺวา ภตฺตานิปิ น อุทฺทิสาเปนฺติ, อหํ โข ปน เตสํ ภตฺตานิปิ อุทฺทิสิตุํ ปโหมี’’ติ. อิติ ปฏิสฺจิกฺขนฺโต ‘‘ยํนูนาหํ สงฺฆสฺส เสนาสนฺจ ปฺเปยฺยํ, ภตฺตานิ จ อุทฺทิเสยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. สภาคสภาคานนฺติ สุตฺตนฺติกาทิคุณวเสน สภาคานํ, น มิตฺตสนฺถววเสน. เถโร หิ ยาวติกา สุตฺตนฺติกา โหนฺติ, เต อุจฺจินิตฺวา อุจฺจินิตฺวา เอกโต เตสํ อนุรูปเมว เสนาสนํ ปฺเปติ. เวนยิกาภิธมฺมิกกมฺมฏฺานิกกายทฬฺหิพหุเลสุปิ เอเสว นโย. เตเนว ปาฬิยํ (ปารา. ๓๘๐) วุตฺตํ – ‘‘เยเต ภิกฺขู สุตฺตนฺติกา, เตสํ เอกชฺฌํ เสนาสนํ ปฺเปตี’’ติอาทิ.
องฺคุลิยา ชลมานายาติ เตโชกสิณจตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อภิฺาาเณน องฺคุลิชลนํ อธิฏฺหิตฺวา เตเนว เตโชธาตุสมาปตฺติชนิเตน อคฺคิชาเลน องฺคุลิยา ชลมานาย. อยํ มฺโจติอาทีสุ ปน เถเร ‘‘อยํ มฺโจ’’ติอาทึ วทนฺเต นิมฺมิตาปิ อตฺตโน อตฺตโน คตฏฺาเน ‘‘อยํ มฺโจ’’ติอาทึ วทนฺติ. อยฺหิ นิมฺมิตานํ ธมฺมตา.
‘‘เอกสฺมึ ภาสมานสฺมึ, สพฺเพ ภาสนฺติ นิมฺมิตา;
เอกสฺมึ ตุณฺหิมาสิเน, สพฺเพ ตุณฺหี ภวนฺติ เต’’ติ. (ที. นิ. ๒.๒๘๖);
ยสฺมึ ปน วิหาเร มฺจปีาทีนิ น ปริปูเรนฺติ, ตตฺถ อตฺตโน อานุภาเวน ปูเรนฺติ, เตน นิมฺมิตานํ อวตฺถุกํ วจนํ น โหติ สพฺพตฺถ มฺจปีาทีนํ สพฺภาวโต. สพฺพวิหาเรสุ จ ¶ คมนมคฺเค สมปฺปมาเณ กตฺวา อธิฏฺาติ. กติกสณฺานาทีนํ ปน นานปฺปการตฺตา ตสฺมึ ตสฺมึ วิหาเร กติกวตฺตานิ วิสุํ วิสุํ กถาเปตีติ เวทิตพฺพํ. อนิยเมตฺวา ¶ นิมฺมิตานฺหิ ‘‘เอกสฺมึ ภาสมานสฺมิ’’นฺติอาทิธมฺมตา วุตฺตา. ตถา หิ เย วณฺณวยสรีราวยวปริกฺขารกิริยาวิเสสาทีหิ นิยมํ อกตฺวา นิมฺมิตา โหนฺติ, เต อนิยเมตฺวา นิมฺมิตตฺตา อิทฺธิมตา สทิสาว โหนฺติ. านนิสชฺชาทีสุ ภาสิตตุณฺหีภาวาทีสุ วา ยํ ยํ อิทฺธิมา กโรติ, ตํ ตเทว กโรนฺติ. สเจ ปน นานปฺปกาเร กาตุกาโม โหติ, เกจิ ปมวเย, เกจิ มชฺฌิมวเย, เกจิ ปจฺฉิมวเย, ตถา ทีฆเกเส อุปฑฺฒมุณฺเฑ มิสฺสกเกเส อุปฑฺฒรตฺตจีวเร ปณฺฑุกจีวเร, ปทภาณธมฺมกถาสรภฺปฺหปุจฺฉนปฺหวิสฺสชฺชนรชนปจนจีวรสิพฺพนโธวนาทีนิ กโรนฺเต, อปเรปิ วา นานปฺปกาเร กาตุกาโม โหติ, เตน ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘เอตฺตกา ภิกฺขู ปมวยา โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺิเต อธิฏฺานจิตฺเตน สทฺธึ อิจฺฉิติจฺฉิตปฺปการาเยว โหนฺติ. ปุน อตฺตโน วสนฏฺานเมว อาคจฺฉตีติ เตหิ สทฺธึ ชนปทกถํ กเถนฺโต อนิสีทิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ เวฬุวนเมว ปจฺจาคจฺฉติ. ปาฬิยนฺติ วินยปาฬิยํ.
ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรวตฺถุ
๒๑๕. สตฺตเม ปิยานนฺติ ปิยายิตพฺพานํ. มนาปานนฺติ มนวฑฺฒนกานํ. ปิลินฺโทติ ปนสฺส โคตฺตํ, วจฺโฉติ นามนฺติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยนปิ วทนฺติ ‘‘ปิลินฺโทติ นามํ, วจฺโฉติ โคตฺต’’นฺติ. เตเนว อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน เถรคาถาสํวณฺณนาย (เถรคา. อฏฺ. ๑.๘ ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา) วุตฺตํ – ‘‘ปิลินฺโทติสฺส นามํ อกํสุ, วจฺโฉติ ปน โคตฺตํ. เตน โส อปรภาเค ปิลินฺทวจฺโฉติ ปฺายิตฺถา’’ติ. สํสนฺเทตฺวาติ เอกโต กตฺวา.
สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวาติ อิทํ องฺคุตฺตรภาณกานํ กถามคฺเคน วุตฺตํ. อปเร ปน ภณนฺติ – อนุปฺปนฺเนเยว อมฺหากํ ภควติ สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณเคเห นิพฺพตฺติตฺวา ปิลินฺทวจฺโฉติ ปฺาโต สํสาเร สํเวคพหุลตาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จูฬคนฺธารํ นาม วิชฺชํ สาเธตฺวา อากาสจารี ปรจิตฺตวิทู จ หุตฺวา ราชคเห ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ปฏิวสติ. อถ ยทา อมฺหากํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อนุกฺกเมน ราชคหํ อุปคโต, ตโต ปฏฺาย พุทฺธานุภาเวน ¶ ตสฺส สา วิชฺชา น สมฺปชฺชติ, อตฺถกิจฺจํ น สาเธติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สุตํ โข ปน เมตํ ‘อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ ยตฺถ มหาคนฺธารวิชฺชา ธรติ, ตตฺถ จูฬคนฺธารวิชฺชา น สมฺปชฺชตี’ติ. สมณสฺส ปน โคตมสฺส อาคตกาลโต ¶ ปฏฺาย นายํ มม วิชฺชา สมฺปชฺชติ, นิสฺสํสยํ สมโณ โคตโม มหาคนฺธารวิชฺชํ ชานาติ, ยนฺนูนาหํ ตํ ปยิรุปาสิตฺวา ตสฺส สนฺติเก วิชฺชํ ปริยาปุเณยฺย’’นฺติ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘อหํ, มหาสมณ, ตว สนฺติเก เอกํ วิชฺชํ ปริยาปุณิตุกาโม, โอกาสํ เม กโรหี’’ติ. ภควา ‘‘เตน หิ ปพฺพชา’’ติ อาห. โส ‘‘วิชฺชาย ปริกมฺมํ ปพฺพชฺชา’’ติ มฺมาโน ปพฺพชีติ. ปรวมฺภนวเสนาติ ปเรสํ ครหนวเสน.
อกกฺกสนฺติ อผรุสํ. วิฺาปนินฺติ อตฺถวิฺาปนึ. สจฺจนฺติ ภูตตฺถํ. นาภิสเชติ ยาย คิราย อฺํ กุชฺฌาปนวเสน น ลคาเปยฺย, ขีณาสโว นาม เอวรูปเมว คิรํ น ภาเสยฺย, ตสฺมา ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
อนุวิจินิตฺวาติ อนุวิจาเรตฺวา. จณฺฑิกตํ คจฺฉนฺตนฺติ สีฆคติยา คจฺฉนฺตํ.
พาหิยทารุจีริยตฺเถรวตฺถุ
๒๑๖. อฏฺเม เอกรตฺติวาเสน คนฺตฺวาติ เทวตานุภาเวน คนฺตฺวา. ‘‘พุทฺธานุภาเวนา’’ติปิ วทนฺติ. เอวํ คโต จ วิหารํ ปวิสิตฺวา สมฺพหุเล ภิกฺขู ภุตฺตปาตราเส กายาลสิยวิโมจนตฺถาย อพฺโภกาเส จงฺกมนฺเต ทิสฺวา ‘‘กหํ เอตรหิ สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ภิกฺขู ‘‘สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา ตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ตฺวํ ปน กุโต อาคโต’’ติ? สุปฺปารกา อาคโตมฺหีติ. กทา นิกฺขนฺโตสีติ? หิยฺโย สายํ นิกฺขนฺโตมฺหีติ. ทูรโต อาคโต, ตว ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา โถกํ วิสฺสมาหิ, อาคตกาเล สตฺถารํ ทกฺขิสฺสตีติ. อหํ, ภนฺเต, สตฺถุ วา อตฺตโน วา ชีวิตนฺตรายํ น ชานามิ, เอกรตฺเตเนวมฺหิ กตฺถจิ อฏฺตฺวา อนิสีทิตฺวา วีสโยชนสติกํ มคฺคํ อาคโต, สตฺถารํ ปสฺสิตฺวาว วิสฺสมิสฺสามีติ. โส เอวํ วตฺวา ตรมานรูโป สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา ภควนฺตํ อโนปมาย พุทฺธสิริยา ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ¶ ‘‘จิรสฺสํ วต เม ทิฏฺโ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอณตสรีโร คนฺตฺวา อนฺตรวีถิยเมว ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา โคปฺผเกสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา เอวมาห – ‘‘เทเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ เม สุคโต ธมฺมํ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘อกาโล โข ตาว, พาหิย, อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโมฺหิ ปิณฺฑายา’’ติ ปฏิกฺขิปิ ¶ . ตํ สุตฺวา พาหิโย, ‘‘ภนฺเต, สํสาเร สํสรนฺเตน กพฬีการาหาโร น โน ลทฺธปุพฺโพ, ตุมฺหากํ วา มยฺหํ วา ชีวิตนฺตรายํ น ชานามิ, เทเสถ เม ธมฺม’’นฺติ. สตฺถา ทุติยมฺปิ ปฏิกฺขิปิเยว. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อิมสฺส มํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย สกลสรีรํ ปีติยา นิรนฺตรํ อชฺโฌตฺถฏํ โหติ, พลวปีติเวเคน ธมฺมํ สุตฺวาปิ น สกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิตุํ, มชฺฌตฺตุเปกฺขา ตาว ติฏฺตุ, เอกรตฺเตเนว วีสโยชนสตํ มคฺคํ อาคตตฺตา ทรโถปิสฺส พลวา, โสปิ ตาว ปฏิปฺปสฺสมฺภตู’’ติ. ตสฺมา ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตติยํ ยาจิโต อนฺตรวีถิยํ ิโตว ‘‘ตสฺมาติห เต, พาหิย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติอาทินา (อุทา. ๑๐) นเยน ธมฺมํ เทเสติ. อิมมตฺถํ สํขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สตฺถารํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนฺตรฆเรติ อนฺตรวีถิยํ.
อปริปุณฺณปตฺตจีวรตาย ปตฺตจีวรํ ปริเยสนฺโตติ โส กิร วีสติวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กโรนฺโต ‘‘ภิกฺขุนา นาม อตฺตโน ปจฺจเย ลภิตฺวา อฺํ อโนโลเกตฺวา สยเมว ภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอกภิกฺขุสฺสปิ ปตฺเตน วา จีวเรน วา สงฺคหํ นากาสิ. เตนสฺส ‘‘อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ น อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชฺชํ น อทาสิ. ตาวเทว จ ปพฺพชฺชํ ยาจิโต ‘‘ปริปุณฺณํ เต ปตฺตจีวร’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อปริปุณฺณ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ปตฺตจีวรํ ปริเยสาหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺมา โส ปตฺตจีวรํ ปริเยสนฺโต สงฺการฏฺานโต โจฬขณฺฑานิ สํกฑฺฒติ.
สหสฺสมปีติ ปริจฺเฉทวจนํ. เอกสหสฺสํ ทฺเวสหสฺสานีติ เอวํ สหสฺเสน เจ ปริจฺฉินฺนา คาถา โหนฺติ, ตา จ อนตฺถปทสํหิตา อากาสวณฺณปพฺพตวณฺณาทีนิ ปกาสเกหิ อนิพฺพานทีปเกหิ อนตฺถเกหิ ปเทหิ สํหิตา ยาว พหุกา โหนฺติ, ตาว ปาปิกา เอวาติ อตฺโถ ¶ . เอกํ คาถาปทํ เสยฺโยติ ‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ…เป… ยถา มตา’’ติ (ธ. ป. ๒๑) เอวรูปา เอกคาถาปิ เสยฺโยติ อตฺโถ.
กุมารกสฺสปตฺเถรวตฺถุ
๒๑๗. นวเม เอกํ พุทฺธนฺตรํ สมฺปตฺตึ อนุภวมาโนติ สาวกโพธิยา นิยตตาย ปฺุสมฺภารสฺส จ สาติสยตฺตา วินิปาตํ อคนฺตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สมฺปตฺตึ อนุภวมาโน. ‘‘เอกิสฺสา กุลทาริกาย กุจฺฉิมฺหิ อุปฺปนฺโน’’ติ วตฺวา ตเมวสฺส อุปฺปนฺนภาวํ ¶ มูลโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ – ‘‘สา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สาติ กุลทาริกา. จ-สทฺโท พฺยติเรกตฺโถ. เตน วุจฺจมานํ วิเสสํ โชตยติ. กุลฆรนฺติ ปติกุลเคหํ. คพฺภนิมิตฺตนฺติ คพฺภสฺส สณฺิตภาววิคฺคหํ. สติปิ วิสาขาย สาวตฺถิวาสิกุลปริยาปนฺนตฺเต ตสฺสา ตตฺถ ปธานภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘วิสาขฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ ยถา ‘‘พฺราหฺมณา อาคตา, วาสิฏฺโปิ อาคโต’’ติ. ภควตา เอวํ คหิตนามตฺตาติ โยชนา. ยสฺมา ราชปุตฺตา โลเก ‘‘กุมารา’’ติ โวหรียนฺติ, อยฺจ รฺโ กิตฺติมปุตฺโต, ตสฺมา อาห – ‘‘รฺโ…เป… สฺชานึสู’’ติ.
ปฺจทส ปฺเห อภิสงฺขริตฺวาติ ‘‘ภิกฺขุ, ภิกฺขุ, อยํ วมฺมิโก รตฺตึ ธูปายติ, ทิวา ปชฺชลตี’’ติอาทินา วมฺมิกสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๔๙) อาคตนเยน ปฺจทส ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา. ปายาสิรฺโติ ‘‘นตฺถิ ปรโลโก, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๑๐, ๔๑๒) เอวํลทฺธิกสฺส ปายาสิราชสฺส. ราชา หิ ตทา อนภิสิตฺโต หุตฺวา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนเสตพฺยนครํ อชฺฌาวสนฺโต อิมํ ทิฏฺึ คณฺหิ. ปฺจทสหิ ปฺเหหิ ปฏิมณฺเฑตฺวาติ ‘‘ตํ กึ มฺสิ, ราชฺ, อิเม จนฺทิมสูริยา อิมสฺมึ วา โลเก ปรสฺมึ วา เทวา วา เต มนุสฺสา’’ติ เอวมาทีหิ (ที. นิ. ๒.๔๑๑) ปฺจทสหิ ปฺเหหิ ปฏิมณฺฑิตํ กตฺวา. สุตฺตนฺเตติ ปายาสิสุตฺตนฺเต (ที. นิ. ๒.๔๐๖ อาทโย).
มหาโกฏฺิกตฺเถรวตฺถุ
ตติยเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๔. จตุตฺถเอตทคฺควคฺควณฺณนา
อานนฺทตฺเถรวตฺถุ
๒๑๙-๒๒๓. จตุตฺถวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม เหฏฺา วุตฺตปฺปมาณนฺติ เหฏฺา โกณฺฑฺตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ ‘‘ตสฺส ธุรปตฺตานิ นวุติหตฺถานิ โหนฺติ, เกสรํ ตึสหตฺถํ, กณฺณิกา ทฺวาทสหตฺถา, ปาเทน ปติฏฺิตฏฺานํ เอกาทสหตฺถ’’นฺติ เอวํ วุตฺตปฺปมาณํ. รฺโ เปเสสีติ ปจฺจนฺตสฺส กุปิตภาวํ อาโรเจตฺวา เปเสสิ. เถรคาถาสํวณฺณนายํ (เถรคา. อฏฺ. ๒.๑๐๑๖ อานนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา) ปน ‘‘ปจฺจนฺตสฺส กุปิตภาวํ รฺโ อนาโรเจตฺวา สยเมว ตํ วูปสเมสิ, ตํ สุตฺวา ราชา ตุฏฺมานโส ปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘วรํ เต, สุมน, ทมฺมิ, คณฺหาหี’ติ อาหา’’ติ วุตฺตํ. น เมตํ จิตฺตํ อตฺถีติ มม เอวรูปํ จิตฺตํ นตฺถิ. อวฺฌนฺติ อตุจฺฉํ. อฺํ วเรหีติ อฺํ ปตฺเถหิ, อฺํ คณฺหาหีติ วุตฺตํ โหติ. อุทกํ อธิฏฺายาติ ‘‘อุทกํ โหตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา. คเตนาติ คมเนน. น อามิสจกฺขุกาติ จีวราทิปจฺจยสงฺขาตํ อามิสํ น โอโลเกนฺติ.
วสนฏฺานสภาเคเยวาติ วสนฏฺานสมีเปเยว. เอกนฺตวลฺลโภติ อุปฏฺากฏฺาเน เอกนฺเตน วลฺลโภ. เอตสฺเสวาติ เอตสฺเสว ภิกฺขุสฺส. ทฺเวชฺฌกถา น โหนฺตีติ ทฺวิธาภูตกถา น โหนฺติ, อเนกนฺติกกถา น โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อนิพทฺธาติ อนิยตา. โลหิเตน คลนฺเตนาติ อิตฺถมฺภูตกฺขาเน กรณวจนํ, คลนฺเตน โลหิเตน ยุตฺโตติ อตฺโถ. อนฺวาสตฺโตติ อนุคโต. อุฏฺเหิ, อาวุโส อานนฺท, อุฏฺเหิ, อาวุโส อานนฺทาติ ตุริเต อิทมาเมฑิตวจนํ. ทุวิเธน อุทเกนาติ สีตุทเกน อุณฺหุทเกน จ. ติวิเธน ทนฺตกฏฺเนาติ ขุทฺทกํ มหนฺตํ มชฺฌิมนฺติ เอวํ ติปฺปกาเรน ทนฺตกฏฺเน. นว วาเร อนุปริยายตีติ สตฺถริ ปกฺโกสนฺเต ปฏิวจนทานาย ถินมิทฺธวิโนทนตฺถํ นวกฺขตฺตุํ อนุปริยายติ. เตเนวาห – ‘‘เอวฺหิสฺส อโหสี’’ติอาทิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
อุรุเวลกสฺสปตฺเถรวตฺถุ
๒๒๔. ทุติเย ¶ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิตฺถารโต วินยปาฬิยํ อาคตเมว.
กาฬุทายิตฺเถรวตฺถุ
๒๒๕. ตติเย ¶ คมนากปฺปนฺติ คมนาการํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
พากุลตฺเถรวตฺถุ
๒๒๖. จตุตฺเถ นิราพาธานนฺติ อาพาธรหิตานํ. ยถา ‘‘ทฺวาวีสติ ทฺวตฺตึสา’’ติอาทิมฺหิ วตฺตพฺเพ ‘‘พาวีสติ พาตฺตึสา’’ติอาทีนิ วุจฺจนฺติ, เอวเมวํ ทฺเว กุลานิ อสฺสาติ ทฺวิกุโล, ทฺเวกุโลติ วา วตฺตพฺเพ พากุโลติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘พากุโลติ ทฺวีสุ กุเลสุ วฑฺฒิตตฺตา เอวํลทฺธนาโม’’ติ. อุปโยเคนาติ อานุภาเวน. ผาสุกกาเลติ อโรคกาเล. คทฺทุหนมตฺตมฺปีติ โคทุหนมตฺตมฺปิ กาลํ. อิธ ปน น สกโล โคทุหนกฺขโณ อธิปฺเปโต, อถ โข คาวึ ถเน คเหตฺวา เอกขีรพินฺทุทุหนกาลมตฺตํ อธิปฺเปตํ. อาโรคฺยสาลนฺติ อาตุรานํ อโรคภาวกรณตฺถาย กตสาลํ.
นิมุชฺชนุมฺมุชฺชนวเสนาติ ชาณุปฺปมาเณ อุทเก โถกํเยว นิมุชฺชนุมฺมุชฺชนวเสน. ฉฑฺเฑตฺวา ปลายีติ มจฺฉสฺส มุขสมีเปเยว ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. ทารกสฺส เตเชนาติ ทารกสฺส ปฺุเตเชน. มาริยมานาว มรนฺตีติ ทณฺฑาทีหิ โปเถตฺวา มาริยมานาว มรนฺติ, น ชาเลน พทฺธตามตฺเตน อมาริยมานา. นีหฏมตฺโตว มโตติ นีหฏกฺขเณเยว มโต. เตนสฺส มารณตฺถํ อุปกฺกโม น กโต, เยน อุปกฺกเมน ทารกสฺส อาพาโธ สิยา. ตนฺติ มจฺฉํ. สกลเมวาติ อวิกลเมว ปริปุณฺณาวยวเมว. น เกฬายตีติ น นนฺทติ, กิสฺมิฺจิ น มฺติ. ปิฏฺิโต ผาเลนฺตีติ ทารกสฺส ปฺุเตเชน ปิฏฺิโต ผาเลนฺตี. เภรึ จราเปตฺวาติ ‘‘ปุตฺตํ ลภิ’’นฺติ อุคฺโฆสนวเสน เภรึ จราเปตฺวา. ปกตึ อาจิกฺขีติ อตฺตโน ปุตฺตภาวํ กเถสิ. กุจฺฉิยา ธาริตตฺตา อมาตา กาตุํ น สกฺกาติ ชนนีภาวโต อมาตา กาตุํ น สกฺกา. มจฺฉํ คณฺหนฺตาปีติ มจฺฉํ วิกฺกิณิตฺวา คณฺหนฺตาปิ. ตถา คณฺหนฺตา จ ตปฺปริยาปนฺนํ สพฺพํ คณฺหนฺติ นามาติ อาห – ‘‘วกฺกยกนาทีนิ พหิ กตฺวา คณฺหนฺตา นาม นตฺถี’’ติ. อยมฺปิ อมาตา กาตุํ น สกฺกาติ ทินฺนปุตฺตภาวโต น สกฺกา.
โสภิตตฺเถรวตฺถุ
๒๒๗. ปฺจมํ ¶ ¶ อุตฺตานตฺถเมว.
อุปาลิตฺเถรวตฺถุ
๒๒๘. ฉฏฺเ ภารุกจฺฉกวตฺถุนฺติ อฺตโร กิร ภารุกจฺฉเทสวาสี ภิกฺขุ สุปินนฺเต ปุราณทุติยิกาย เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตฺวา ‘‘อสฺสมโณ อหํ วิพฺภมิสฺสามี’’ติ ภารุกจฺฉํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อายสฺมนฺตํ อุปาลึ ปสฺสิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. อายสฺมา อุปาลิ, เอวมาห – ‘‘อนาปตฺติ, อาวุโส, สุปินนฺเตนา’’ติ. ยสฺมา สุปินนฺเต อวิสยตฺตา เอวํ โหติ. ตสฺมา อุปาลิตฺเถโร ภควตา อวินิจฺฉิตปุพฺพมฺปิ อิมํ วตฺถุํ นยคฺคาเหน เอวํ วินิจฺฉินิ. คหปติโน ทฺเว ทารกา โหนฺติ ปุตฺโต จ ภาคิเนยฺโย จ. อถ โส คหปติ คิลาโน หุตฺวา อายสฺมนฺตํ อชฺชุกํ เอตทโวจ – ‘‘อิมํ, ภนฺเต, โอกาสํ โย อิเมสํ ทารกานํ สทฺโธ โหติ ปสนฺโน, ตสฺส อาจิกฺเขยฺยาสี’’ติ. เตน จ สมเยน ตสฺส จ คหปติโน ภาคิเนยฺโย สทฺโธ โหติ ปสนฺโน. อถายสฺมา อชฺชุโก ตํ โอกาสํ ตสฺส ทารกสฺส อาจิกฺขิ. โส เตน สาปเตยฺเยน กุฏุมฺพฺจ สณฺเปสิ, ทานฺจ ปฏฺเปสิ. อถ ตสฺส คหปติโน ปุตฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, ปิตุโน ทายชฺโช ปุตฺโต วา ภาคิเนยฺโย วา’’ติ. ปุตฺโต โข, อาวุโส, ปิตุโน ทายชฺโชติ. อายสฺมา, ภนฺเต, อยฺโย อชฺชุโก อมฺหากํ สาปเตยฺยํ อมฺหากํ เมถุนกสฺส อาจิกฺขีติ. อสฺสมโณ, อาวุโส, โส อชฺชุโกติ. อถายสฺมา อชฺชุโก อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เทหิ เม, อาวุโส อานนฺท, วินิจฺฉย’’นฺติ. เต อุโภปิ อุปาลิตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมํสุ. อถายสฺมา อุปาลิ, อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘โย นุ โข, อาวุโส อานนฺท, สามิเกน ‘อิมํ โอกาสํ อิตฺถนฺนามสฺส อาจิกฺขา’ติ วุตฺโต, ตสฺส อาจิกฺขติ, กึ โส อาปชฺชตี’’ติ? น, ภนฺเต, กิฺจิ อาปชฺชติ อนฺตมโส ทุกฺกฏมตฺถมฺปีติ. อยํ, อาวุโส, อายสฺมา อชฺชุโก สามิเกน ‘‘อิมํ โอกาสํ อิตฺถนฺนามสฺส อาจิกฺขา’’ติ วุตฺโต ตสฺส อาจิกฺขติ, อนาปตฺติ, อาวุโส, อายสฺมโต อชฺชุกสฺสาติ. ภควา ตํ สุตฺวา ‘‘สุกถิตํ, ภิกฺขเว, อุปาลินา’’ติ วตฺวา ¶ สาธุการมทาสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. กุมารกสฺสปวตฺถุ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๗) ปน เหฏฺา อาคตเมว.
ฉนฺนํ ขตฺติยานนฺติ ภทฺทิโย สกฺยราชา อนุรุทฺโธ อานนฺโท ภคุ กิมิโล เทวทตฺโตติ อิเมสํ ¶ ฉนฺนํ ขตฺติยานํ. ปสาธโกติ มณฺฑยิตา. ปาฬิยนฺติ สงฺฆเภทกฺขนฺธกปาฬิยนฺติ (จูฬว. ๓๓๐ อาทโย).
นนฺทกตฺเถรวตฺถุ
๒๒๙. สตฺตเม เอกสโมธาเนติ เอกสฺมึ สโมธาเน, เอกสฺมึ สนฺนิปาเตติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
นนฺทตฺเถรวตฺถุ
๒๓๐. อฏฺเม น ตํ จตุสมฺปชฺวเสน อปริจฺฉินฺทิตฺวา โอโลเกตีติ สาตฺถกสปฺปายโคจรอสมฺโมหสมฺปชฺสงฺขาตานํ จตุนฺนํ สมฺปชฺานํ วเสน อปริจฺฉินฺทิตฺวา ตํ ทิสํ น โอโลเกติ. โส หิ อายสฺมา ‘‘ยเมวาหํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตํ นิสฺสาย สาสเน อนภิรติอาทิวิปฺปการปฺปตฺโต, ตเมว สุฏฺุ นิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตปฺโป, ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวโร อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต จตุสมฺปชฺํ อมฺุจิตฺวาว สพฺพทิสํ อาโลเกติ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา –
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปุรตฺถิมา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลเกติ ‘เอวํ เม ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลกยโต นาภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ. สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปจฺฉิมา ทิสา, อุตฺตรา ทิสา, ทกฺขิณา ทิสา, อุทฺธํ, อโธ, อนุทิสา อนุวิโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท อนุทิสํ อนุวิโลเกติ ‘เอวํ เม อนุทิสํ อนุวิโลกยโต…เป… สมฺปชาโน โหตี’’’ติ (อ. นิ. ๘.๙).
อภิเสกเคหปเวสนอาวาหมงฺคเลสุ ¶ วตฺตมาเนสูติ อิธ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, วินยฏฺกถายํ ปน ‘‘ตํ ทิวสเมว นนฺทกุมารสฺส เกสวิสฺสชฺชนํ, ปฏฺฏพนฺโธ, ฆรมงฺคลํ, ฉตฺตมงฺคลํ, อาวาหมงฺคลนฺติ ปฺจ มงฺคลานิ โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ กุลมริยาทวเสน เกโสโรปนํ เกสวิสฺสชฺชนํ. ยุวราชปฏฺฏพนฺธนํ ปฏฺฏพนฺโธ. อภินวฆรปฺปเวสนมโห ฆรมงฺคลํ. วิวาหกรณมโห อาวาหมงฺคลํ. ยุวราชฉตฺตมโห ฉตฺตมงฺคลํ.
นนฺทกุมารํ ¶ อภิเสกมงฺคลํ น ตถา ปีเฬสิ, ยถา ชนปทกลฺยาณิยา วุตฺตวจนนฺติ อชฺฌาหริตพฺพํ. ตเทว ปน วจนํ สรูปโต ทสฺเสตุํ – ‘‘ปตฺตํ อาทาย คมนกาเล’’ติอาทิ วุตฺตํ. ชนปทกลฺยาณีติ ชนปทมฺหิ กลฺยาณี อุตฺตมา ฉ สรีรโทสรหิตา ปฺจ กลฺยาณสมนฺนาคตา. สา หิ ยสฺมา นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬี นาจฺโจทาตาติ อติกฺกนฺตา มานุสวณฺณํ, อสมฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณํ, ตสฺมา ฉ สรีรโทสรหิตา. ฉวิกลฺยาณํ มํสกลฺยาณํ นฺหารุกลฺยาณํ อฏฺิกลฺยาณํ วยกลฺยาณนฺติ อิเมหิ ปน กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ปฺจ กลฺยาณสมนฺนาคตา นาม. ตสฺสา หิ อาคนฺตุโกภาสกิจฺจํ นตฺถิ, อตฺตโน สรีโรภาเสเนว ทฺวาทสหตฺเถ าเน อาโลกํ กโรติ, ปิยงฺคุสามา วา โหติ สุวณฺณสามา วา, อยมสฺสา ฉวิกลฺยาณตา. จตฺตาโร ปนสฺสา หตฺถปาทา มุขปริโยสานฺจ ลาขารสปริกมฺมกตํ วิย รตฺตปวาฬรตฺตกมฺพลสทิสํ โหติ, อยมสฺสา มํสกลฺยาณตา. วีสติ ปน นขปตฺตานิ มํสโต อมุตฺตฏฺาเน ลาขารสปูริตานิ วิย, มุตฺตฏฺาเน ขีรธาราสทิสานิ โหนฺติ, อยมสฺสา นฺหารุกลฺยาณตา. ทฺวตฺตึส ทนฺตา สุผุสิตา สุโธตวชิรปนฺติ วิย ขายนฺติ, อยมสฺสา อฏฺิกลฺยาณตา. วีสํวสฺสสติกาปิ สมานา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหติ นิปฺปลิเตน, อยมสฺสา วยกลฺยาณตา. อิติ อิเมหิ ปฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ‘‘ชนปทกลฺยาณี’’ติ วุจฺจติ. ตุวฏนฺติ สีฆํ.
อิมสฺมึ าเน นิวตฺเตสฺสติ, อิมสฺมึ าเน นิวตฺเตสฺสตีติ จินฺเตนฺตเมวาติ โส กิร ตถาคเต คารววเสน ‘‘ปตฺตํ โว, ภนฺเต, คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ อวิสหนฺโต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘โสปานสีเส ปตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ¶ . สตฺถา ตสฺมิมฺปิ าเน น คณฺหิ. อิตโร ‘‘โสปานปาทมูเล คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. อิตโร ‘‘ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. เอวํ ‘‘อิธ คณฺหิสฺสติ, เอตฺถ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺตเมว สตฺถา วิหารํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ.
มหากปฺปินตฺเถรวตฺถุ
๒๓๑. นวเม สุตวิตฺตโกติ ธมฺมสฺสวนปิโย. ปฏิหารกสฺสาติ โทวาริกสฺส. สจฺจกาเรนาติ สจฺจกิริยาย. สตฺถา ‘‘อุปฺปลวณฺณา อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. เถรี อาคนฺตฺวา สพฺพา ปพฺพาเชตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ คตาติ อิทํ องฺคุตฺตรภาณกานํ กถามคฺคํ ทสฺเสนฺเตน วุตฺตํ. เตเนว ธมฺมปทฏฺกถายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.มหากปฺปินตฺเถรวตฺถุ) วุตฺตํ –
‘‘ตา ¶ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. เอวํ กิร วุตฺเต สตฺถา อุปฺปลวณฺณาย อาคมนํ จินฺเตสีติ เอกจฺเจ วทนฺติ. สตฺถา ปน ตา อุปาสิกาโย อาห – ‘สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสเย ปพฺพาเชถา’ติ. ตา อนุปุพฺเพน ชนปทจาริกํ จรมานา อนฺตรามคฺเค มหาชเนน อภิหฏสกฺการสมฺมานา ปทสาว วีสโยชนสติกํ มคฺคํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสเย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสู’’ติ.
ธมฺมปีตีติ ธมฺมปายโก, ธมฺมํ ปิวนฺโตติ อตฺโถ. ธมฺโม จ นาเมส น สกฺกา ภาชเนน ยาคุอาทีนิ วิย ปาตุํ, นววิธํ ปน โลกุตฺตรธมฺมํ นามกาเยน ผุสนฺโต อารมฺมณโต สจฺฉิกโรนฺโต ปริฺาภิสมยาทีหิ ทุกฺขาทีนิ อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺโต ธมฺมํ ปิวติ นาม. สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมตํ, จตูหิปิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ. วิปฺปสนฺเนนาติ อนาวิเลน นิรุปกฺกิเลเสน. อริยปฺปเวทิเตติ พุทฺธาทีหิ อริเยหิ ปเวทิเต สติปฏฺานาทิเภเท โพธิปกฺขิยธมฺเม. สทา รมตีติ เอวรูโป ธมฺมปีติ วิปฺปสนฺเนน เจตสา วิหรนฺโต ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต สทา รมติ อภิรมติ. พาหิตปาปตฺตา ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ เถรํ อาลปติ.
สาคตตฺเถรวตฺถุ
๒๓๒. ทสเม ¶ ฉพฺพคฺคิยานํ วจเนนาติ โกสมฺพิกา กิร อุปาสกา อายสฺมนฺตํ สาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิตา เอวมาหํสุ – ‘‘กึ, ภนฺเต, อยฺยานํ ทุลฺลภฺจ มนาปฺจ, กึ ปฏิยาเทมา’’ติ? เอวํ วุตฺเต ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู โกสมฺพิเก อุปาสเก เอตทโวจุํ – ‘‘อตฺถาวุโส กาโปติกา, นาม ปสนฺนา ภิกฺขูนํ ทุลฺลภา จ มนาปา จ, ตํ ปฏิยาเทถา’’ติ. อถ โกสมฺพิกา อุปาสกา ฆเร ฆเร กาโปติกํ ปสนฺนํ ปฏิยาเทตฺวา อายสฺมนฺตํ สาคตํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘ปิวตุ, ภนฺเต, อยฺโย สาคโต กาโปติกํ ปสนฺนํ, ปิวตุ, ภนฺเต, อยฺโย สาคโต กาโปติกํ ปสนฺน’’นฺติ. อถายสฺมา สาคโต ฆเร ฆเร กาโปติกํ ปสนฺนํ ปิวิตฺวา นครมฺหา นิกฺขมนฺโต นครทฺวาเร ปติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉพฺพคฺคิยานํ วจเนน สพฺพเคเหสุ กาโปติกํ ปสนฺนํ ปฏิยาเทตฺวา’’ติอาทิ. ตตฺถ กาโปติกา นาม กโปตปาทสมานวณฺณา รตฺโตภาสา. ปสนฺนาติ สุรามณฺฑสฺเสตํ อธิวจนํ. วินเย สมุฏฺิตนฺติ สุราปานสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๓๒๖ อาทโย) อาคตํ.
ราธตฺเถรวตฺถุ
๒๓๓. เอกาทสเม ¶ สตฺถา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สฺํ อทาสีติ พฺราหฺมณํ ปพฺพาเชตุํ สฺํ อทาสิ, อาณาเปสีติ วุตฺตํ โหติ. ภควา กิร ตํ พฺราหฺมณํ ปพฺพชฺชํ อลภิตฺวา กิสํ ลูขํ ทุพฺพณฺณํ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘โก, ภิกฺขเว, ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ โข, ภนฺเต, ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรามี’’ติ. กึ ปน ตฺวํ, สาริปุตฺต, พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรสีติ. อิธ เม, ภนฺเต, โส พฺราหฺมโณ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส กฏจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิ, อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรามี’’ติ. สาธุ สาธุ, สาริปุตฺต. กตฺุโน หิ, สาริปุตฺต, สปฺปุริสา กตเวทิโน, เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ตํ พฺราหฺมณํ ปพฺพาเชหิ อุปสมฺปาเทหีติ. อฏฺุปฺปตฺติยํ อาคโตติ อลีนจิตฺตชาตกสฺส (ชา. ๑.๒.๑๑-๑๒) อฏฺุปฺปตฺติยํ (ชา. อฏฺ. ๒.๒.อลีนจิตฺตชาตกวณฺณนา) อาคโต.
นิธีนนฺติ ¶ ตตฺถ ตตฺถ นิทหิตฺวา ปิตานํ หิรฺสุวณฺณาทิปูรานํ นิธิกุมฺภีนํ. ปวตฺตารนฺติ กิจฺฉชีวิเก ทุคฺคตมนุสฺเส อนุกมฺปํ กตฺวา ‘‘เอหิ, เต สุเขน ชีวนุปายํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ นิธิฏฺานํ เนตฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘อิมํ คเหตฺวา สุขํ ชีวา’’ติ อาจิกฺขิตารํ วิย. วชฺชทสฺสินนฺติ ทฺเว วชฺชทสฺสิโน ‘‘อิมินา นํ อสารุปฺเปน วา ขลิเตน วา สงฺฆมชฺเฌ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ รนฺธคเวสโก จ, อนฺาตํ าปนตฺถาย าตํ อนุคฺคณฺหนตฺถาย สีลาทีนมสฺส วุทฺธิกามตาย ตํ ตํ วชฺชํ โอโลกเนน อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิโต จ. อยํ อิธ อธิปฺเปโต. ยถา หิ ทุคฺคตมนุสฺโส ‘‘อิมํ คณฺหาหี’’ติ ตชฺเชตฺวาปิ โปเถตฺวาปิ นิธึ ทสฺเสนฺเต โกปํ น กโรติ, ปมุทิโตว โหติ, เอวเมวํ เอวรูเป ปุคฺคเล อสารุปฺปํ วา ขลิตํ วา ทิสฺวา อาจิกฺขนฺเต โกโป น กาตพฺโพ, ตุฏฺเเนว ภวิตพฺพํ. ‘‘ภนฺเต, มหนฺตํ โว กมฺมํ กตํ มยฺหํ อาจริยุปชฺฌายฏฺาเน ตฺวา โอวทนฺเตหิ, ปุนปิ มํ วเทยฺยาถา’’ติ ปวาเรตพฺพเมว.
นิคฺคยฺหวาทินฺติ เอกจฺโจ หิ สทฺธิวิหาริกาทีนํ อสารุปฺปํ วา ขลิตํ วา ทิสฺวา ‘‘อยํ เม มุโขทกทานาทีหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหติ, สเจ นํ วกฺขามิ, น มํ อุปฏฺหิสฺสติ, เอวํ เม ปริหานิ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ วตฺตุํ อวิสหนฺโต น นิคฺคยฺหวาที นาม โหติ, โส อิมสฺมึ สาสเน กจวรํ อากิรติ. โย ปน ตถารูปํ วชฺชํ ทิสฺวา วชฺชานุรูปํ ตชฺเชนฺโต ปณาเมนฺโต ทณฺฑกมฺมํ กโรนฺโต วิหารา นีหรนฺโต สิกฺขาเปติ, อยํ นิคฺคยฺหวาที นาม เสยฺยถาปิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘นิคฺคยฺห นิคฺคยฺหาหํ, อานนฺท, วกฺขามิ, ปวยฺห ปวยฺห ¶ , อานนฺท, วกฺขามิ, โย สาโร, โส สฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๙๖). เมธาวินฺติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตํ. ตาทิสนฺติ เอวรูปํ ปณฺฑิตํ ภเชยฺย ปยิรุปาเสยฺย. ตาทิสฺหิ อาจริยํ ภชมานสฺส อนฺเตวาสิกสฺส เสยฺโย โหติ น ปาปิโย, วฑฺฒิเยว โหติ, โน ปริหานีติ.
โมฆราชตฺเถรวตฺถุ
๒๓๔. ทฺวาทสเม กฏฺวาหนนคเรติ กฏฺวาหเนน คหิตตฺตา เอวํลทฺธนามเก นคเร. อตีเต กิร พาราณสิวาสี เอโก รุกฺขวฑฺฒกี สเก อาจริยเก อทุติโย. ตสฺส โสฬส สิสฺสา เอกเมกสฺส สหสฺสํ อนฺเตวาสิกา. เอวํ เต สตฺตรสาธิกา โสฬส สหสฺสา อาจริยนฺเตวาสิกา ¶ สพฺเพปิ พาราณสึ อุปนิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตา ปพฺพตสมีปํ คนฺตฺวา รุกฺเข คเหตฺวา ตตฺเถว นานาปาสาทวิกติโย นิฏฺาเปตฺวา กุลฺลํ พนฺธิตฺวา คงฺคาย พาราณสึ อาเนตฺวา สเจ ราชา อตฺถิโก โหติ, รฺโ เอกภูมกํ วา สตฺตภูมกํ วา ปาสาทํ โยเชตฺวา เทนฺติ. โน เจ, อฺเสมฺปิ วิกฺกิณิตฺวา ปุตฺตทารํ โปเสนฺติ. อถ เนสํ เอกทิวสํ อาจริโย ‘‘น สกฺกา วฑฺฒกิกมฺเมน นิจฺจํ ชีวิตุํ, ทุกฺกรฺหิ ชรากาเล เอตํ กมฺม’’นฺติ จินฺเตตฺวา อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, อุทุมฺพราทโย อปฺปสารรุกฺเข อาเนถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อานยึสุ. โส เตหิ กฏฺสกุณํ กตฺวา ตสฺสพฺภนฺตรํ ปวิสิตฺวา วาเตน ยนฺตํ ปูเรสิ. กฏฺสกุโณ สุวณฺณหํสราชา วิย อากาเส ลงฺฆิตฺวา วนสฺส อุปริ จริตฺวา อนฺเตวาสีนํ ปุรโต โอรุหิ.
อถาจริโย สิสฺเส อาห – ‘‘ตาตา อีทิสานิ กฏฺวาหนานิ กตฺวา สกฺกา สกลชมฺพุทีเป รชฺเช คเหตุํ, ตุมฺเหปิ ตาตา เอตานิ กโรถ, รชฺชํ คเหตฺวา ชีวิสฺสาม, ทุกฺกรํ วฑฺฒกิสิปฺเปน ชีวิตุ’’นฺติ. เต ตถา กตฺวา อาจริยสฺส ปฏิเวเทสุํ. ตโต เน อาจริโย อาห – ‘‘กตมํ ตาตา รชฺชํ คณฺหามา’’ติ? พาราณสิรชฺชํ อาจริยาติ. อลํ ตาตา, มา เอตํ รุจิตฺถ, มยฺหิ ตํ คเหตฺวาปิ ‘‘วฑฺฒกิราชา, วฑฺฒกิยุวราชา’’ติ วฑฺฒกิวาทา น มุจฺจิสฺสาม, มหนฺโต ชมฺพุทีโป, อฺตฺถ คจฺฉามาติ. ตโต สปุตฺตทารกา กฏฺวาหนานิ อภิรุหิตฺวา สชฺชาวุธา หุตฺวา หิมวนฺตาภิมุขา คนฺตฺวา หิมวติ อฺตรํ นครํ ปวิสิตฺวา รฺโ นิเวสเนเยว ปจฺจุฏฺํสุ. เต ตตฺถ รชฺชํ คเหตฺวา อาจริยํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. โส ‘‘กฏฺวาหโน ราชา’’ติ ปากโฏ อโหสิ, ตํ นครํ เตน คหิตตฺตา ‘‘กฏฺวาหนนคร’’นฺเตว นามํ ลภิ.
ตปจารนฺติ ¶ ตปจรณํ. ปาสาณเจติเย ปิฏฺิปาสาเณ นิสีทีติ ปาสาณกเจติยนฺติ ลทฺธโวหาเร ปิฏฺิปาสาเณ สกฺเกน มาปิเต มหามณฺฑเป นิสีทิ. ตตฺถ กิร มหโต ปาสาณสฺส อุปริ ปุพฺเพ เทวฏฺานํ อโหสิ, อุปฺปนฺเน ปน ภควติ วิหาโร ชาโต, โส เตเนว ปุริมโวหาเรน ‘‘ปาสาณเจติย’’นฺติ วุจฺจติ.
เตน ¶ ปุจฺฉิเต ทุติโย หุตฺวา สตฺถารํ ปฺหํ ปุจฺฉีติ –
‘‘มุทฺธํ มุทฺธาธิปาตฺจ, พาวรี ปริปุจฺฉติ;
ตํ พฺยากโรหิ ภควา, กงฺขํ วินย โน อิเส’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๓๑) –
เอวํ เตน ปฺเห ปุจฺฉิเต ภควตา จ –
‘‘อวิชฺชา มุทฺธาติ ชานาหิ, วิชฺชา มุทฺธาธิปาตินี;
สทฺธาสติสมาธีหิ, ฉนฺทวีริเยน สํยุตา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๓๒) –
ปฺเห วิสฺสชฺชิเต ทุติโย หุตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ.
อถสฺส…เป… ปฺหํ กเถสีติ –
‘‘กถํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๑๒๔) –
เตน ปฺเห ปุจฺฉิเต –
‘‘สฺุโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ, โมฆราช สทา สโต;
อตฺตานุทิฏฺึ อูหจฺจ, เอวํ มจฺจุตโร สิยา;
เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๑๒๕) –
ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ.
เสสชนาติ ตสฺมึ สมาคเม สนฺนิปติตา เสสชนา. น กถียนฺตีติ ‘‘เอตฺตกา โสตาปนฺนา’’ติอาทินา ¶ น วุจฺจนฺติ. เอวํ ปารายเน วตฺถุ สมุฏฺิตนฺติ ปารายนวคฺเค อิทํ วตฺถุ สมุฏฺิตํ.
จตุตฺถเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เถรปาฬิสํวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๕. ปฺจมเอตทคฺควคฺควณฺณนา
มหาปชาปติโคตมีเถรีวตฺถุ
๒๓๕. เถริปาฬิสํวณฺณนาย ¶ ปเม ยทิทํ มหาโคตมีติ เอตฺถ ‘‘ยทิทํ มหาปชาปติ โคตมี’’ติ จ ปนฺติ. ตตฺถ โคตมีติ โคตฺตํ. นามกรณทิวเส ¶ ปนสฺสา ลทฺธสกฺการา พฺราหฺมณา ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘สเจ อยํ ธีตรํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติรฺโ มเหสี ภวิสฺสติ. สเจ ปุตฺตํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติราชา ภวิสฺสตี’’ติ อุภยถาปิ ‘‘มหตีเยวสฺสา ปชา ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ, ตสฺมา ปุตฺตปชาย เจว ธีตุปชาย จ มหนฺตตาย ‘‘มหาปชาปตี’’ติ โวหรึสุ. ตทุภยํ ปน สํสนฺเทตฺวา ‘‘มหาปชาปติโคตมี’’ติ วุตฺตํ. วารภิกฺขนฺติ วาเรน ทาตพฺพํ ภิกฺขํ. นามํ อกํสูติ โคตฺตํเยว นามํ อกํสุ. มาตุจฺฉนฺติ จูฬมาตรํ. มาตุภคินี หิ มาตุจฺฉาติ วุจฺจติ. กลหวิวาทสุตฺตปริโยสาเนติ ‘‘กุโตปหูตา กลหา วิวาทา’’ติอาทินา สุตฺตนิปาเต อาคตสฺส กลหวิวาทสุตฺตสฺส (สุ. นิ. ๘๖๘ อาทโย) ปริโยสาเน. อิทฺจ องฺคุตฺตรภาณกานํ กถามคฺคานุสาเรน วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘ตสฺมึเยว สุตฺตนิปาเต ‘อตฺตทณฺฑาภยํ ชาต’นฺติอาทินา อาคตสฺส อตฺตทณฺฑสุตฺตสฺส (สุ. นิ. ๙๔๑ อาทโย) ปริโยสาเน’’ติ วทนฺติ. นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตานนฺติ เอตฺถ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย เอเต ปพฺพชิตาติ วทนฺติ. เตเนว สุตฺตนิปาเต อตฺตทณฺฑสุตฺตสํวณฺณนาย (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๙๔๒ อาทโย) วุตฺตํ – ‘‘เทสนาปริโยสาเน ปฺจสตา สากิยกุมารา โกฬิยกุมารา จ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตา. เต คเหตฺวา ภควา มหาวนํ ปาวิสี’’ติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
เขมาเถรีวตฺถุ
๒๓๖. ทุติเย ปรปริยาปนฺนา หุตฺวาติ ปเรสํ ทาสี หุตฺวา. สุวณฺณรสปิฺชโร อโหสีติ สุวณฺณรสปิฺชโร วิย อโหสิ.
มกฺกฏโกว ¶ ชาลนฺติ ยถา นาม มกฺกฏโก สุตฺตชาลํ กตฺวา มชฺฌฏฺาเน นาภิมณฺฑเล นิปนฺโน ปริยนฺเต ปติตํ ปฏงฺคํ วา มกฺขิกํ วา เวเคน คนฺตฺวา วิชฺฌิตฺวา ตสฺส รสํ ปิวิตฺวา ปุนาคนฺตฺวา ตสฺมึเยว าเน นิปชฺชติ, เอวเมว เย สตฺตา ราครตฺตา โทสปทุฏฺา โมหมูฬฺหา สยํกตํ ตณฺหาโสตํ อนุปตนฺติ, เต ตํ สมติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, เอวํ ทุรติกฺกมํ. เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีราติ ปณฺฑิตา เอตํ พนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา อนเปกฺขิโน นิราลยา หุตฺวา อรหตฺตมคฺเคน สพฺพํ ทุกฺขํ ปหาย วชนฺติ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
อุปฺปลวณฺณาเถรีวตฺถุ
๒๓๗. ตติยํ ¶ อุตฺตานตฺถเมว.
ปฏาจาราเถรีวตฺถุ
๒๓๘. จตุตฺเถ ปฏิหารสเตนปีติ ทฺวารสเตนปิ. ปฏิหารสทฺโท หิ ทฺวาเร โทวาริเก จ ทิสฺสติ. กุลสภาคนฺติ อตฺตโน เคหสมีปํ.
ตาณายาติ ตาณภาวาย ปติฏฺานตฺถาย. พนฺธวาติ ปุตฺเต จ ปิตโร จ เปตฺวา อวเสสา าติสุหชฺชา. อนฺตเกนาธิปนฺนสฺสาติ มรเณน อภิภูตสฺส. ปวตฺติยฺหิ ปุตฺตาทโย อนฺนปานาทิทาเนน เจว อุปฺปนฺนกิจฺจนิตฺถรเณน จ ตาณา หุตฺวาปิ มรณกาเล เกนจิ อุปาเยน มรณํ ปฏิพาหิตุํ อสมตฺถตาย ตาณตฺถาย เลณตฺถาย น สนฺติ นาม. เตเนว วุตฺตํ – ‘‘นตฺถิ าตีสุ ตาณตา’’ติ.
เอตมตฺถวสนฺติ เอตํ เตสํ อฺมฺสฺส ตาณํ ภวิตุํ อสมตฺถภาวสงฺขาตํ การณํ ชานิตฺวา ปณฺฑิโต จตุปาริสุทฺธิสีเลน สํวุโต รกฺขิตโคปิโต หุตฺวา นิพฺพานคมนํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ สีฆํ โสเธยฺยาติ อตฺโถ.
ธมฺมทินฺนาเถรีวตฺถุ
๒๓๙. ปฺจเม ปรายตฺตฏฺาเนติ ปเรสํ ทาสิฏฺาเน. สุชาตตฺเถรสฺส อธิการกมฺมํ กตฺวาติ สา กิร อตฺตโน เกเส วิกฺกิณิตฺวา สุชาตตฺเถรสฺส นาม อคฺคสาวกสฺส ทานํ ทตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ ¶ . ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. หตฺเถ ปสาริเตติ ตสฺส หตฺถาวลมฺพนตฺถํ ปุพฺพาจิณฺณวเสน หตฺเถ ปสาริเต. โส กิร อนาคามี หุตฺวา เคหํ อาคจฺฉนฺโต ยถา อฺเสุ ทิวเสสุ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต สิตํ กุรุมาโน หสมาโน อาคจฺฉติ, เอวํ อนาคนฺตฺวา สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส หุตฺวา อคมาสิ. ธมฺมทินฺนา สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา วีถึ โอโลกยมานา ตสฺส อาคมนาการํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กุรุมานา โสปานสีเส ตฺวา โอลมฺพนตฺถํ หตฺถํ ปสาเรสิ. อุปาสโก อตฺตโน หตฺถํ สมิฺเชสิ. สา ¶ ‘‘ปาตราสโภชนกาเล ชานิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสโก ปุพฺเพ ตาย สทฺธึ เอกโต ภฺุชติ. ตํ ทิวสํ ปน ตํ อนปโลเกตฺวา โยคาวจรภิกฺขุ วิย เอกโกว ภฺุชิ. เตนาห – ‘‘ภฺุชมาโนปิ อิมํ เทถ, อิมํ หรถาติ น พฺยาหรี’’ติ. ตตฺถ อิมํ เทถาติ อิมํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา เทถ. อิมํ หรถาติ อิมํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา อปหรถ. สนฺถววเสนาติ กิเลสสนฺถววเสน. จิรกาลปริภาวิตาย ฆฏทีปชาลาย วิย อพฺภนฺตเร ทิพฺพมานาย เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมานา อาห – ‘‘เอวํ สนฺเต…เป… มยฺหํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาถา’’ติ.
อยํ ตาว เสฏฺิ ฆรมชฺเฌ ิโตว ทุกฺขสฺสนฺตํ อกาสีติ สา กิร ‘‘ธมฺมทินฺเน ตุยฺหํ โทโส นตฺถิ, อหํ ปน อชฺช ปฏฺาย สนฺถววเสน…เป… กุลฆรํ คจฺฉา’’ติ วุตฺเต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ปกติปุริโส เอวํ วตฺตา นาม นตฺถิ, อทฺธา เอเตน โลกุตฺตรธมฺโม นาม ปฏิวิทฺโธ’’ติ. เตนสฺสา อยํ สงฺกปฺโป อโหสิ ‘‘อยํ ตาว เสฏฺิ ฆรมชฺเฌ ิโตว ทุกฺขสฺสนฺตํ อกาสี’’ติ. มชฺฌิมนิกายฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๖๐) ปน ‘‘อถ กสฺมา มยา สทฺธึ ยถาปกติยา อาลาปสลฺลาปมตฺตมฺปิ น กโรถาติ โส จินฺเตสิ – ‘อยํ โลกุตฺตรธมฺโม นาม ครุ ภาริโย น ปกาเสตพฺโพ; สเจ โข ปนาหํ น กเถสฺสามิ, อยํ หทยํ ผาเลตฺวา เอตฺเถว กาลํ กเรยฺยา’ติ ตสฺสา อนุคฺคหตฺถาย กเถสิ – ‘ธมฺมทินฺเน อหํ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ นาม อธิคโต, ตํ อธิคตสฺส เอวรูปา โลกิยกิริยา น วฏฺฏตี’’’ติ วุตฺตํ.
ปฺจกฺขนฺธาทิวเสน ปฺเห ปุจฺฉีติ ‘‘สกฺกาโย สกฺกาโยติ อยฺเย วุจฺจติ, กตโม นุ โข อยฺเย สกฺกาโย วุตฺโต ภควตา’’ติอาทินา จูฬเวทลฺลสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๖๐ อาทโย) อาคตนเยน ปุจฺฉิ. ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ วิสฺสชฺเชสีติ ‘‘ปฺจ โข อิเม, อาวุโส วิสาข, อุปาทานกฺขนฺธา สกฺกาโย วุตฺโต ภควตา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๐ อาทโย) ตตฺเถว อาคตนเยน วิสฺสชฺเชสิ. สูรภาวนฺติ ติกฺขภาวํ. อนธิคตอรหตฺตมคฺคสฺส อุคฺคเหน ¶ วินา ตตฺถ ปฺโห น อุปฏฺาตีติ อาห – ‘‘อุคฺคหวเสน อรหตฺตมคฺเคปิ ปุจฺฉี’’ติ. ตํ นิวตฺเตนฺตีติ ‘‘วิมุตฺติยา ปนายฺเย กึ ปฏิภาโค’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘วิมุตฺติยา โข, อาวุโส วิสาข, นิพฺพานํ ปฏิภาโค’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๖) วุตฺเต ‘‘นิพฺพานสฺส, ปนายฺเย, กึ ปฏิภาโค’’ติ ปุน ปุจฺฉิเต ตํ นิวตฺเตนฺตี ‘‘อจฺจสราวุโส ¶ วิสาขา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อจฺจสราติ อปุจฺฉิตพฺพํ ปุจฺฉนฺโต ปฺหํ อติกฺกามิตา อโหสีติ อตฺโถ. นาสกฺขิ ปฺหานํ ปริยนฺตํ คเหตุนฺติ ปฺหานํ ปริจฺเฉทปฺปมาณํ คเหตุํ นาสกฺขิ. ปฺหานฺหิ ปริจฺเฉทํ คเหตุํ ยุตฺตฏฺาเน อฏฺตฺวา ตโต ปรํ ปุจฺฉนฺโต นาสกฺขิ ปฺหานํ ปริยนฺตํ คเหตุํ. อปฺปฏิภาคธมฺมสฺส จ ปฏิภาคํ ปุจฺฉิ. นิพฺพานํ นาเมตํ อปฺปฏิภาคํ, น สกฺกา นีลํ วา ปีตกํ วาติ เกนจิ ธมฺเมน สทฺธึ ปฏิภาคํ กตฺวา ทสฺเสตุํ, ตฺจ ตฺวํ อิมินา อธิปฺปาเยน ปุจฺฉสีติ อตฺโถ. นิพฺพาโนคธนฺติ นิพฺพานํ โอคาเหตฺวา ิตํ, นิพฺพานนฺโตคธํ นิพฺพานํ อนุปฺปวิฏฺนฺติ อตฺโถ. นิพฺพานปรายณนฺติ นิพฺพานํ ปรํ อยนมสฺส ปราคติ, น ตโต ปรํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปริโยสานํ อวสานํ อสฺสาติ นิพฺพานปริโยสานํ.
ปุเรติ อตีเตสุ ขนฺเธสุ. ปจฺฉาติ อนาคเตสุ ขนฺเธสุ. มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ขนฺเธสุ. อกิฺจนนฺติ ยสฺส เอเตสุ ตีสุ ตณฺหาคาหสงฺขาตํ กิฺจนํ นตฺถิ, ตมหํ ราคกิฺจนาทีหิ อกิฺจนํ กสฺสจิ คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
ปณฺฑิตาติ ธาตุอายตนาทิกุสลตาสงฺขาเตน ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคตา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ปณฺฑิโต โหติ? ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหติ อายตนกุสโล จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสโล จ านาฏฺานกุสโล จ, เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ปณฺฑิโต โหตี’’ติ.
มหาปฺาติ มหนฺเต อตฺเถ มหนฺเต ธมฺเม มหนฺตา นิรุตฺติโย มหนฺตานิ ปฏิภานานิ ปริคฺคหเณ สมตฺถาย ปฺาย สมนฺนาคตา. อิมิสฺสา หิ เถริยา อเสกฺขปฺปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตตาย ปฏิสมฺภิทาโย ปูเรตฺวา ิตตาย ปฺามหตฺตํ. ยถา ตํ ธมฺมทินฺนายาติ ยถา ธมฺมทินฺนาย ภิกฺขุนิยา พฺยากตํ, อหํ เอวเมว พฺยากเรยฺยนฺติ อตฺโถ. ตนฺติ นิปาตมตฺถํ.
นนฺทาเถรีวตฺถุ
๒๔๐. ฉฏฺเ ¶ ¶ อฺํ มคฺคํ อปสฺสนฺตีติ อฺํ อุปายํ อปสฺสนฺตี. วิสฺสตฺถาติ นิราสงฺกา. อิตฺถินิมิตฺตนฺติ อิตฺถิยา สุภนิมิตฺตํ, สุภาการนฺติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมปเท คาถํ วตฺวาติ –
‘‘อฏฺีนํ นครํ กตํ, มํสโลหิตเลปนํ;
ยตฺถ ชรา จ มจฺจุ จ, มาโน มกฺโข จ โอหิโต’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๐) –
อิมํ คาถํ วตฺวา. ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยเถว หิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณาทีนํ โอทหนตฺถาย กฏฺานิ อุสฺสาเปตฺวา วลฺลีหิ พนฺธิตฺวา มตฺติกาย วิลิมฺปิตฺวา นครสงฺขาตํ พหิทฺธา เคหํ กโรนฺติ, เอวมิทํ อชฺฌตฺติกมฺปิ ตีณิ อฏฺิสตานิ อุสฺสาเปตฺวา นฺหารุวินทฺธํ มํสโลหิตเลปนํ ตจปฏิจฺฉนฺนํ ชีรณลกฺขณาย ชราย มรณลกฺขณสฺส มจฺจุโน อาโรคฺยสมฺปทาทีนิ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนลกฺขณสฺส มานสฺส สุกตการณวินาสนลกฺขณสฺส มกฺขสฺส จ โอทหนตฺถาย นครํ กตํ. เอวรูโป เอว หิ เอตฺถ กายิกเจตสิโก อาพาโธ โอหิโต, อิโต อุทฺธํ กิฺจิ คยฺหูปคํ นตฺถีติ.
สุตฺตํ อภาสีติ –
‘‘จรํ วา ยทิ วา ติฏฺํ, นิสินฺโน อุท วา สยํ;
สมิฺเชติ ปสาเรติ, เอสา กายสฺส อิฺชนา.
‘‘อฏฺินหารุสํยุตฺโต, ตจมํสาวเลปโน;
ฉวิยา กาโย ปฏิจฺฉนฺโน, ยถาภูตํ น ทิสฺสตี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๙๕-๑๙๖) –
อาทินา สุตฺตมภาสิ.
โสณาเถรีวตฺถุ
๒๔๑. สตฺตเม ¶ สพฺเพปิ วิสุํ วิสุํ ฆราวาเส ปติฏฺาเปสีติ เอตฺถ สพฺเพปิ วิสุํ วิสุํ ฆราวาเส ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ปุตฺตาว มํ ปฏิชคฺคิสฺสนฺติ, กึ เม วิสุํ กุฏุมฺเพนา’’ติ สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ วิภชิตฺวา อทาสีติ เวทิตพฺพํ. เตเนว หิ ตโต ปฏฺาย ‘‘อยํ อมฺหากํ กึ กริสฺสตี’’ติ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ ‘‘มาตา’’ติ สฺมฺปิ น กรึสุ. ตถา หิ นํ กติปาหจฺจเยน เชฏฺปุตฺตสฺส ภริยา ‘‘อโห อมฺหากํ อยํ เชฏฺเปุตฺโต ¶ เมติ ทฺเว โกฏฺาเส ทตฺวา วิย อิมเมว เคหํ อาคจฺฉตี’’ติ อาห. เสสปุตฺตานํ ภริยาโยปิ เอวเมวํ วทึสุ. เชฏฺธีตรํ อาทึ กตฺวา ตาสํ เคหํ คตกาเล ตาปิ นํ เอวเมว วทึสุ. สา อวมานปฺปตฺตา หุตฺวา ‘‘กึ เม อิเมสํ สนฺติเก วุตฺเถน, ภิกฺขุนี หุตฺวา ชีวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ, ตา นํ ปพฺพาเชสุํ. อิมเมว วตฺถุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘พหุปุตฺติกโสณา เตสํ อตฺตนิ อคารวภาวํ ตฺวา ‘ฆราวาเสน กึ กริสฺสามี’ติ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชี’’ติ อาห.
วิหารํ คจฺฉนฺติโยติ ภิกฺขุวิหารํ คจฺฉนฺติโย. ธมฺมมุตฺตมนฺติ นววิธโลกุตฺตรธมฺมํ. โส หิ อุตฺตมธมฺโม นาม โย หิ ตํ น ปสฺสติ, ตสฺส วสฺสสตมฺปิ ชีวนโต ตํ ธมฺมํ ปสฺสนฺตสฺส ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส เอกาหมฺปิ เอกกฺขณมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโย. อาคนฺตุกชโนติ วิหารคตํ ภิกฺขุนีชนํ สนฺธาย วทติ. อนุปธาเรตฺวาติ อสลฺลกฺเขตฺวา.
พกุลาเถรีวตฺถุ
กุณฺฑลเกสาเถรีวตฺถุ
๒๔๓. นวเม จตุกฺเกติ วีถิจตุกฺเก. จตุนฺนํ สมาหาโร จตุกฺกํ. จารกโตติ พนฺธนาคารโต. อุพฺพฏฺเฏตฺวาติ อุทฺธริตฺวา.
มุหุตฺตมปิ จินฺตเยติ มุหุตฺตํ ตงฺขณมฺปิ านุปฺปตฺติกปฺาย ตงฺขณานุรูปํ อตฺถํ จินฺติตุํ สกฺกุเณยฺย. สหสฺสมปิ เจ คาถา, อนตฺถปทสํหิตาติ อยํ คาถา ทารุจีริยตฺเถรสฺส ภควตา ภาสิตา, อิธาปิ จ สาเยว คาถา ทสฺสิตา. เถริคาถาสํวณฺณนายํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนปิ กุณฺฑลเกสิตฺเถริยา ¶ วตฺถุมฺหิ อยเมว คาถา วุตฺตา. ธมฺมปทฏฺกถายํ ปน กุณฺฑลเกสิตฺเถริยา วตฺถุมฺหิ –
‘‘โย จ คาถาสตํ ภาเส, อนตฺถปทสํหิตา;
เอกํ ธมฺมปทํ เสยฺโย, ยํ สุตฺวา อุปสมฺมตี’’ติ. (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๐๒) –
อยํ คาถา อาคตา. ตํตํภาณกานํ กถามคฺคานุสาเรน ตตฺถ ตตฺถ ตถา วุตฺตนฺติ น อิธ อาจริยสฺส ปุพฺพาปรวิโรโธ สงฺกิตพฺโพ.
ภทฺทากาปิลานีเถรี-ภทฺทากจฺจานาเถรีวตฺถุ
๒๔๔-๒๔๕. ทสมํ ¶ เอกาทสมฺจ อุตฺตานตฺถเมว.
กิสาโคตมีเถรีวตฺถุ
๒๔๖. ทฺวาทสเม ตีหิ ลูเขหีติ วตฺถลูขสุตฺตลูขรชนลูขสงฺขาเตหิ ตีหิ ลูเขหิ. สิทฺธตฺถกนฺติ สาสปพีชํ.
ตํ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตนฺติ ตํ รูปพลาทิสมฺปนฺเน ปุตฺเต จ ปสู จ ลภิตฺวา ‘‘มม ปุตฺตา อภิรูปา พลสมฺปนฺนา ปณฺฑิตา สพฺพกิจฺจสมตฺถา, มม โคโณ อโรโค อภิรูโป มหาภารวโห, มม คาวี พหุขีรา’’ติ เอวํ ปุตฺเตหิ จ ปสูหิ จ สมฺมตฺตํ นรํ. พฺยาสตฺตมนสนฺติ จกฺขุวิฺเยฺยาทีสุ อารมฺมเณสุ หิรฺสุวณฺณาทีสุ ปตฺตจีวราทีสุ วา ยํ ยํ ลทฺธํ โหติ, ตตฺถ ตตฺเถว ลคฺคนาย สตฺตมานสํ. สุตฺตํ คามนฺติ นิทฺทํ อุปคตํ สตฺตกายํ. มโหโฆวาติ ยถา เอวรูปํ คามํ คมฺภีรโต วิตฺถารโต จ มหนฺโต มหานทิโอโฆ อนฺตมโส สุนขมฺปิ อเสเสตฺวา สพฺพํ อาทาย คจฺฉติ, เอวํ วุตฺตปฺปการํ นรํ มจฺจุ อาทาย คจฺฉตีติ อตฺโถ. อมตํ ปทนฺติ มรณรหิตํ โกฏฺาสํ, อมตํ มหานิพฺพานนฺติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
สิงฺคาลกมาตาเถรีวตฺถุ
๒๔๗. เตรสมํ ¶ อุตฺตานตฺถเมว.
(ปฺจมเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.)
เถริปาฬิสํวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๖. ฉฏฺเอตทคฺควคฺควณฺณนา
ตปุสฺส-ภลฺลิกวตฺถุ
๒๔๘. อุปาสกปาฬิสํวณฺณนาย ¶ ¶ ปเม สพฺพปมํ สรณํ คจฺฉนฺตานนฺติ สพฺเพสํ ปมํ หุตฺวา สรณํ คจฺฉนฺตานํ. อิโต ปรนฺติ สตฺตสตฺตาหโต ปรํ. คมนูปจฺเฉทํ อกาสีติ คมนวิจฺเฉทํ อกาสิ. ยถา เต โคณา ธุรํ ฉฑฺเฑตฺวา โปถิยมานาปิ น คจฺฉนฺติ, ตถา อกาสีติ อตฺโถ. เตสนฺติ ตปุสฺสภลฺลิกานํ. อธิมุจฺจิตฺวาติ อาวิสิตฺวา. ยกฺขสฺส อาวฏฺโฏ ยกฺขาวฏฺโฏ. เอวํ เสเสสุปิ. อตีตพุทฺธานํ อาจิณฺณํ โอโลเกสีติ อตีตพุทฺธา เกน ภาชเนน ปฏิคฺคณฺหึสูติ พุทฺธาจิณฺณํ โอโลเกสิ. ทฺเววาจิเก สรเณ ปติฏฺายาติ สงฺฆสฺส อนุปฺปนฺนตฺตา พุทฺธธมฺมวเสน ทฺเววาจิเก สรเณ ปติฏฺหิตฺวา. เจติยนฺติ ปูชนียวตฺถุํ. ชีวเกสธาตุยาติ ชีวมานสฺส ภควโต เกสธาตุยา.
อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ
๒๔๙. ทุติเย เตเนว คุเณนาติ เตเนว ทายกภาวสงฺขาเตน คุเณน. โส หิ สพฺพกามสมิทฺธตาย วิคตมจฺเฉรตาย กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จ นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปิณฺฑมทาสิ. เตน สพฺพกาลํ อุปฏฺิโต อนาถานํ ปิณฺโฑ เอตสฺส อตฺถีติ อนาถปิณฺฑิโกติ สงฺขํ คโต. โยชนิกวิหาเร กาเรตฺวาติ โยชเน โยชเน เอกเมกํ วิหารํ กาเรตฺวา. ‘‘เอวรูปํ ทานํ ปวตฺเตสี’’ติ วตฺวา ตเมว ทานํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เทวสิกํ ปฺจ สลากภตฺตานิ โหนฺตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สลากาย คาเหตพฺพํ ภตฺตํ สลากภตฺตํ. เอกสฺมึ ปกฺเข เอกทิวสํ ทาตพฺพํ ภตฺตํ ปกฺขิกภตฺตํ. ธุรเคเห เปตฺวา ทาตพฺพํ ภตฺตํ ธุรภตฺตํ. อาคนฺตุกานํ ทาตพฺพํ ภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ. ปฺจ อาสนสตานิ เคเห นิจฺจปฺตฺตาเนว โหนฺตีติ เคเห นิสีทาเปตฺวา ภฺุชนฺตานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจ อาสนสตานิ นิจฺจปฺตฺตานิ โหนฺติ.
จิตฺตคหปติวตฺถุ
๒๕๐. ตติเย ¶ มิคา เอว มิครูปานิ. ภิกฺขํ สมาทาเปตฺวาติ, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อนุคฺคหํ กโรถ, อิธ นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ ภิกฺขาคหณตฺถํ สมาทาเปตฺวา ¶ . วิวฏฺฏํ อุทฺทิสฺส อุปจิตํ นิพฺเพธภาคิยกุสลํ อุปนิสฺสโย. สฬายตนวิภตฺติเมว เทเสสีติ สฬายตนวิภาคปฺปฏิสํยุตฺตเมว ธมฺมกถํ กเถสิ. เถเรนาติ ตตฺถ สนฺนิหิตานํ สพฺเพสํ เชฏฺเน มหาเถเรน. ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ อสกฺโกนฺเตนาติ จิตฺเตน คหปตินา ‘‘ยา อิมา, ภนฺเต เถร, อเนกวิหิตา ทิฏฺิโย โลเก อุปฺปชฺชนฺติ, ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘อนนฺตวา โลโก’ติ วา, ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ วา, ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ วา, ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘โหติ จ น โหติ จ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา, ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ วา ยานิ จิมานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ พฺรหฺมชาเล คณิตานิ, อิมา นุ โข, ภนฺเต, ทิฏฺิโย กิสฺมึ สติ โหนฺติ, กิสฺมึ อสติ น โหนฺตี’’ติ เอวมาทินา (สํ. นิ. ๔.๓๔๕) ปฺเห ปุฏฺเ ตํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ อสกฺโกนฺเตน. อิมํ กิร ปฺหํ ยาวตติยํ ปุฏฺโ มหาเถโร ตุณฺหี อโหสิ. อถ อิสิทตฺตตฺเถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เถโร เนว อตฺตนา พฺยากโรติ, น อฺํ อชฺเฌสติ, อุปาสโก จ ภิกฺขุสงฺฆํ วิเหสติ, อหเมตํ พฺยากริตฺวา ผาสุวิหารํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ. เอวํ จินฺเตตฺวา จ อาสนโต วุฏฺาย เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘พฺยากโรมหํ, ภนฺเต, จิตฺตสฺส คหปติโน เอตํ ปฺห’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๕) อาห. เอวํ วุตฺเต เถโร ‘‘พฺยากโรหิ ตฺวํ, อาวุโส อิสิทตฺต, จิตฺตสฺส คหปติโน เอตํ ปฺห’’นฺติ อิสิทตฺตํ อชฺเฌสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ อสกฺโกนฺเตน อชฺฌิฏฺโ’’ติ.
ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ ‘‘ยา อิมา, คหปติ, อเนกวิหิตา ทิฏฺิโย โลเก อุปฺปชฺชนฺติ ‘สสฺสโต โลโก’ติ วา, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ วา…เป… ยานิ จิมานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ พฺรหฺมชาเล คณิตานิ, อิมา โข, คหปติ, ทิฏฺิโย สกฺกายทิฏฺิยา สติ โหนฺติ, สกฺกายทิฏฺิยา อสติ น โหนฺตี’’ติอาทินา นเยน ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา. คิหิสหายกภาเว าเตติ เถรสฺส คิหิสหายกภาเว จิตฺเตน คหปตินา าเต. จิตฺโต กิร, คหปติ, ตสฺส ปฺหเวยฺยากรเณ ตุฏฺโ ‘‘กุโต, ภนฺเต, อยฺโย อิสิทตฺโต อาคจฺฉตี’’ติ วตฺวา ‘‘อวนฺติยา โข อหํ, คหปติ, อาคจฺฉามี’’ติ วุตฺโต ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, อวนฺติยา ¶ อิสิทตฺโต นาม กุลปุตฺโต อมฺหากํ อทิฏฺสหาโย ปพฺพชิโต, ทิฏฺโ โส อายสฺมตา’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร จ ‘‘เอวํ, คหปตี’’ติ วตฺวา ‘‘กหํ นุ โข, ภนฺเต, โส อายสฺมา เอตรหิ วิหรตี’’ติ ปุน ปุฏฺโ ¶ ตุณฺหี อโหสิ. อถ จิตฺโต คหปติ ‘‘อยฺโย โน, ภนฺเต, อิสิทตฺโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ, คหปตี’’ติ วุตฺเต อตฺตโน คิหิสหายภาวํ อฺาสิ.
เตโชสมาปตฺติปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวาติ เอกสฺมึ กิร ทิวเส จิตฺโต คหปติ ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, อยฺโย อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตู’’ติ มหาเถรํ ยาจิ. เถโร ‘‘เตน หิ ตฺวํ, คหปติ, อาฬินฺเท อุตฺตราสงฺคํ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ ติณกลาปํ โอกิรา’’ติ วตฺวา เตน จ ตถา กเต สยํ วิหารํ ปวิสิตฺวา จ ฆฏิกํ ทตฺวา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาเรสิ, ยถา ตาฬจฺฉิคฺคเฬน จ อคฺคฬนฺตริกาย จ อจฺจิ นิกฺขมิตฺวา ติณานิ ฌาเปติ, อุตฺตราสงฺคํ น ฌาเปติ. อถ จิตฺโต คหปติ อุตฺตราสงฺคํ ปปฺโผเฏตฺวา สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต เอกมนฺตํ ิโต เถรํ พหิ นิกฺขมนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อภิรมตุ, ภนฺเต, อยฺโย มจฺฉิกาสณฺเฑ, รมณียํ อมฺพาฏกวนํ, อหํ อยฺยสฺส อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามิ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ อาห. ตโต เถโร ‘‘น ทานิ อิธ วสิตุํ สกฺกา’’ติ ตมฺหา วิหารา ปกฺกามิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘เตโชสมาปตฺติ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา ‘อิทานิ อิธ วสิตุํ น ยุตฺต’นฺติ ยถาสุขํ ปกฺกามี’’ติ. ทฺเว อคฺคสาวกาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วิตฺถารโต วินยปาฬิยํ อาคตเมว.
สทฺโธติ โลกิยโลกุตฺตราย สทฺธาย สมนฺนาคโต. สีเลนาติ อคาริยสีลํ อนคาริยสีลนฺติ ทุวิธํ สีลํ, เตสุ อิธ อคาริยํ สีลํ อธิปฺเปตํ, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ยโสโภคสมปฺปิโตติ ยาทิโส อนาถปิณฺฑิกาทีนํ ปฺจอุปาสกสตปริวารสงฺขาโต อคาริโย ยโส, ตาทิเสเนว ยเสน, โย จ ธนธฺาทิโก เจว สตฺตวิธอริยธนสงฺขาโต จาติ ทุวิโธ โภโค, เตน จ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ยํ ยํ ปเทสนฺติ ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุ เอวรูโป กุลปุตฺโต ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺถ เอวรูเปน ลาภสกฺกาเรน ปูชิโตว โหตีติ อตฺโถ.
หตฺถกอาฬวกวตฺถุ
๒๕๑. จตุตฺเถ ¶ จตุพฺพิเธน สงฺคหวตฺถุนาติ ทานปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาสงฺขาเตน จตุพฺพิเธน สงฺคหวตฺถุนา. ‘‘สฺเว ภตฺตจาฏิยา สทฺธึ อาฬวกสฺส เปเสตพฺโพ อโหสี’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ – ‘‘ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา’’ติอาทิมาห. มิควตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวาติ อาฬวโก ราชา วิวิธนาฏกูปโภคํ ฉฑฺเฑตฺวา โจรปฺปฏิพาหนตฺถฺจ ปฏิราชนิเสธนตฺถฺจ พฺยายามกรณตฺถฺจ สตฺตเม สตฺตเม ทิวเส มิควํ คจฺฉนฺโต เอกทิวสํ พลกาเยน สทฺธึ ‘‘ยสฺส ปสฺเสน ¶ มิโค ปลายติ, ตสฺเสว โส ภาโร’’ติ กตกติกวตฺโต มิควตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา. เอกํ มิคนฺติ อตฺตโน ิตฏฺาเนน ปลาตํ เอณิมิคํ. อนุพนฺธิตฺวาติ ติโยชนมคฺคํ เอกโกว อนุพนฺธิตฺวา. ชวสมฺปนฺโน หิ ราชา ธนุํ คเหตฺวา ปตฺติโกว ติโยชนํ ตํ มิคมนุพนฺธิ. ฆาเตตฺวาติ ยสฺมา เอณิมิคา ติโยชนเวคา เอว โหนฺติ, ตสฺมา ปริกฺขิณชวํ ตํ มิคํ อุทกํ ปวิสิตฺวา ิตํ ฆาเตตฺวา. ทฺวิธา เฉตฺวา ธนุโกฏิยํ ลเคตฺวา นิวตฺเตตฺวา อาคจฺฉนฺโตติ อนตฺถิโกปิ มํเสน ‘‘นาสกฺขิ มิคํ คเหตุ’’นฺติ อปวาทโมจนตฺถํ ทฺวิธา ฉินฺนํ ธนุโกฏิยํ ลเคตฺวา อาคจฺฉนฺโต. สนฺทจฺฉายนฺติ ฆนจฺฉายํ พหลปตฺตปลาสํ.
รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตาติ อาฬวกํ ยกฺขํ สนฺธาย วทติ. โส หิ มหาราชูนํ สนฺติกา วรํ ลภิตฺวา มชฺฌนฺหิกสมเย ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย ผุฏฺโกาสํ ปวิฏฺเ ปาณิโน ขาทนฺโต ตตฺถ ปฏิวสติ. อาฬวกสฺส นิสีทนปลฺลงฺเก นิสีทีติ ยตฺถ อภิลกฺขิเตสุ มงฺคลทิวสาทีสุ อาฬวโก นิสีทิตฺวา สิรึ อนุโภติ, ตสฺมึเยว ทิพฺพรตนปลฺลงฺเก นิสีทิ. อตฺตโน คมเน อสมฺปชฺชมาเน ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชนฺตาติ ตทา กิร สาตาคิรเหมวตา ภควนฺตํ เชตวเนเยว วนฺทิตฺวา ‘‘ยกฺขสมาคมํ คมิสฺสามา’’ติ สปริวารา นานายาเนหิ อากาเสน คจฺฉนฺติ, อากาเส จ ยกฺขานํ น สพฺพตฺถ มคฺโค อตฺถิ, อากาสฏฺานิ วิมานานิ ปริหริตฺวา มคฺคฏฺาเนเนว มคฺโค โหติ, อาฬวกสฺส ปน วิมานํ ภูมฏฺํ สุคุตฺตํ ปาการปริกฺขิตฺตํ สุสํวิหิตทฺวารฏฺฏาลกโคปุรํ อุปริ กํสชาลสฺฉนฺนมฺชูสาสทิสํ ติโยชนํ อุพฺเพเธน, ตสฺส อุปริ มคฺโค โหติ, เต ตํ ปเทสมาคมฺม คนฺตุมสมตฺถา ¶ อเหสุํ. พุทฺธานฺหิ นิสินฺโนกาสสฺส อุปริภาเคน ยาว ภวคฺคา โกจิ คนฺตุมสมตฺโถ, ตสฺมา อตฺตโน คมเน อสมฺปชฺชมาเน ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชสุํ. เตสํ กถํ สุตฺวา จินฺเตสีติ ยสฺมา อสฺสทฺธสฺส สทฺธากถา ทุกฺกถา โหติ ทุสฺสีลาทีนํ สีลกถาทโย วิย, ตสฺมา เตสํ ยกฺขานํ สนฺติกา ภควโต ปสํสํ สุตฺวา เอว อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนโกเปน ปฏปฏายมานหทโย หุตฺวา จินฺเตสิ. ปพฺพตกูฏนฺติ เกลาสปพฺพตกูฏํ.
อิโต ปฏฺาย อาฬวกยุทฺธํ วิตฺถาเรตพฺพนฺติ โส กิร มโนสิลาตเล วามปาเทน ตฺวา ‘‘ปสฺสถ ทานิ ตุมฺหากํ วา สตฺถา มหานุภาโว, อหํ วา’’ติ ทกฺขิณปาเทน สฏฺิโยชนมตฺตํ เกลาสกูฏปพฺพตํ อกฺกมิ, ตํ อโยกูฏปฺปหโต วิย นิทฺธนฺตอยปิณฺโฑ ปปฏิกาโย มฺุจิ. โส ตตฺร ตฺวา ‘‘อหํ อาฬวโก’’ติ อุคฺโฆเสสิ, สกลชมฺพุทีปํ สทฺโท ผริ. ติโยชนสหสฺสวิตฺถตหิมวาปิ สมฺปกมฺปิ ยกฺขสฺสานุภาเวน. โส วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘เอเตเนว สมณํ ¶ ปลาเปสฺสามี’’ติ. เต ปุรตฺถิมาทิเภทา วาตา สมุฏฺหิตฺวา อฑฺฒโยชนโยชนทฺวิโยชนติโยชนปฺปมาณานิ ปพฺพตกูฏานิ ปทาเลตฺวา วนคจฺฉรุกฺขาทีนิ อุมฺมูเลตฺวา อาฬวินครํ ปกฺขนฺทา ชิณฺณหตฺถิสาลาทีนิ จุณฺเณนฺตา ฉทนิฏฺกา อากาเส ภเมนฺตา. ภควา ‘‘มา กสฺสจิ อุปโรโธ โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. เต วาตา ทสพลํ ปตฺวา จีวรกณฺณมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต มหาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘อุทเกน อชฺโฌตฺถริตฺวา สมณํ มาเรสฺสามี’’ติ. ตสฺสานุภาเวน อุปรูปริ สตปฏลสหสฺสปฏลาทิเภทา วลาหกา อุฏฺหิตฺวา ปวสฺสึสุ. วุฏฺิธาราเวเคน ปถวี ฉิทฺทา อโหสิ. วนรุกฺขาทีนํ อุปริ มโหโฆ อาคนฺตฺวา ทสพลสฺส จีวเร อุสฺสาวพินฺทุมตฺตมฺปิ เตเมตุํ นาสกฺขิ. ตโต ปาสาณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. มหนฺตานิ มหนฺตานิ ปพฺพตกูฏานิ ธูมายนฺตานิ ปชฺชลนฺตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลํ ปตฺวา ทิพฺพมาลาคุฬานิ สมฺปชฺชึสุ. ตโต ปหรณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. เอกโตธารา อุภโตธารา อสิสตฺติขุรปฺปาทโย ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ อเหสุํ.
ตโต ¶ องฺคารวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. กึสุกวณฺณา องฺคารา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา วิกิรึสุ. ตโต กุกฺกุฬวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อจฺจุณฺโห กุกฺกุโฬ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล จนฺทนจุณฺณํ หุตฺวา นิปติ. ตโต วาลิกวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อติสุขุมา วาลิกา ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต กลลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพคนฺธํ หุตฺวา นิปติ. ตโต อนฺธการํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘ภึเสตฺวา สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ. จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อนฺธการสทิสํ หุตฺวา ทสพลํ ปตฺวา สูริยปฺปภาวิหตมิวนฺธการํ อนฺตรธายิ. เอวํ ยกฺโข อิมาหิ นวหิ วาตวสฺสปาสาณปหรณงฺคารกุกฺกุฬวาลิกกลลนฺธการวุฏฺีหิ ภควนฺตํ ปลาเปตุมสกฺโกนฺโต นานาวิธปฺปหรณหตฺถอเนกปฺปการรูปภูตคณสมากุลาย จตุรงฺคินิยา เสนาย สยเมว ภควนฺตํ อภิคโต. เต ภูตคณา อเนกปฺปการวิกาเร กตฺวา ‘‘คณฺหถ หนถา’’ติ ภควโต อุปริ อาคจฺฉนฺตา วิย จ โหนฺติ. อปิจ โข นิทฺธนฺตโลหปิณฺฑํ วิย มกฺขิกา ภควนฺตํ อลฺลียิตุมสมตฺถา เอว อเหสุํ.
เอวํ สพฺพรตฺตึ อเนกปฺปการวิภึสาการทสฺสเนนปิ ภควนฺตํ จาเลตุมสกฺโกนฺโต อาฬวโก จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ เกนจิ อเชยฺยํ ทุสฺสาวุธํ มฺุเจยฺย’’นฺติ. สเจ หิ โส ทุฏฺโ อากาเส ตํ ทุสฺสาวุธํ มฺุเจยฺย, ทฺวาทส วสฺสานิ เทโว น วสฺเสยฺย. สเจ ปถวิยํ มฺุเจยฺย ¶ , สพฺพรุกฺขติณาทีนิ สุสฺสิตฺวา ทฺวาทสวสฺสนฺตรํ น ปุน รุเหยฺยุํ. สเจ สมุทฺเท มฺุเจยฺย, ตตฺตกปาเล อุทกพินฺทุ วิย สพฺพํ สุสฺเสยฺย. สเจ สิเนรุปพฺพเต มฺุเจยฺย, ขณฺฑาขณฺฑํ หุตฺวา วิกิเรยฺย. โส เอวํมหานุภาวํ ทุสฺสาวุธํ อุตฺตริสาฏกํ มฺุจิตฺวา อคฺคเหสิ. เยภุยฺเยน ทสสหสฺสิโลกธาตุเทวตา เวเคน สนฺนิปตึสุ ‘‘อชฺช ภควา อาฬวกํ ทเมสฺสติ, ตตฺถ ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ. ยุทฺธทสฺสนกามาปิ เทวตา สนฺนิปตึสุ. เอวํ สกลมฺปิ อากาสํ เทวตาหิ ปริปุณฺณํ อโหสิ. อถาฬวโก ภควโต สมีเป อุปรูปริ วิจริตฺวา วตฺถาวุธํ มฺุจิ ¶ . ตํ อสนิจกฺกํ วิย อากาเส เภรวสทฺทํ กโรนฺตํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ ภควนฺตํ ปตฺวา ยกฺขสฺส มานมทฺทนตฺถํ ปาทปฺุฉนโจฬํ หุตฺวา ปาทมูเล นิปติ. อาฬวโก ตํ ทิสฺวา ฉินฺนวิสาโณ วิย อุสโภ, อุทฺธฏทาโ วิย สปฺโป นิตฺเตโช นิมฺมโท นิปาติตมานทฺธโช อโหสิ. เอวมิทํ อาฬวกยุทฺธํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
อฏฺ ปฺเห ปุจฺฉีติ –
‘‘กึ สูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ,
กึ สุ สุจิณฺณํ สุขมาวหาติ;
กึ สุ หเว สาทุตรํ รสานํ,
กถํ ชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๓) –
อาทินา อฏฺ ปฺเห ปุจฺฉิ. สตฺถา วิสฺสชฺเชสีติ –
‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ,
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสานํ,
ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔) –
อาทินา วิสฺสชฺเชสิ. วิกฺกนฺทมานายาติ อจฺจนฺตํ ปริเทวมานาย.
มหานามสกฺกวตฺถุ
๒๕๒. ปฺจเม ¶ สตฺถา ตโต ปรํ ปฏิฺํ นาทาสีติ สํวจฺฉรโต ปรํ สิกฺขาปทปฺตฺติยา ปจฺจยปฺปวารณาสาทิยนสฺส วาริตตฺตา ‘‘ปฏิฺํ นาทาสี’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ ภควา ตติยวาเรปิ มหานาเมน สกฺเกน ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ ยาวชีวํ เภสชฺเชน ปวาเรตุ’’นฺติ (ปาจิ. ๓๐๔-๓๐๕) วุตฺเต ‘‘สาธุ สาธุ, มหานาม, เตน หิ ตฺวํ, มหานาม, สงฺฆํ ยาวชีวํ เภสชฺเชน ปวาเรหี’’ติ ปฏิฺํ อทาสิเยว. เอวํ ปฏิฺํ ทตฺวา ปจฺฉา ฉพฺพคฺคิเยหิ ภิกฺขูหิ มหานามสฺส สกฺกสฺส วิเหิตภาวํ สุตฺวา ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู วิครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ ‘‘อคิลาเนน ภิกฺขุนา จาตุมาสปฺปจฺจยปวารณา สาทิตพฺพา อฺตฺร ปุนปฺปวารณาย อฺตฺร นิจฺจปฺปวารณาย. ตโต เจ อุตฺตริ สาทิเยยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ. ตสฺมา ปมํ อนุชานิตฺวาปิ ปจฺฉา สิกฺขาปทพนฺธเนน วาริตตฺตา ‘‘ปฏิฺํ นาทาสี’’ติ วุตฺตํ.
อุคฺคคหปตฺยาทิวตฺถุ
๒๕๓-๒๕๖. ฉฏฺสตฺตมอฏฺมนวมานิ ¶ สุวิฺเยฺยาเนว.
นกุลปิตุคหปติวตฺถุ
๒๕๗. ทสเม สุสุมารคิรินคเรติ เอวํนามเก นคเร. ตสฺส กิร นครสฺส วตฺถุปริคฺคหทิวเส อวิทูเร อุทกรหเท สุสุมาโร สทฺทมกาสิ, คิรํ นิจฺฉาเรสิ. อถ นคเร อนนฺตราเยน มาปิเต ตเมว สุสุมารคิรกรณํ สุภนิมิตฺตํ กตฺวา ‘‘สุสุมารคิรี’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. เกจิ ปน ‘‘สุสุมารสณฺานตฺตา สุสุมาโร นาม เอโก คิริ, โส ตสฺส นครสฺส สมีเป, ตสฺมา ตํ สุสุมารคิริ เอตสฺส อตฺถีติ สุสุมารคิรีติ วุจฺจตี’’ติ วทนฺติ. เภสกฬาวเนติ เภสกฬานามเก วเน. ‘‘เภสกลาวเน’’ติปิ ปาโ. กถํ ปน ภควติ เนสํ ปุตฺตสฺา ปติฏฺาสีติ อาห – ‘‘อยํ กิรา’’ติอาทิ. ทหรสฺเสว ทหรา อานีตาติ เม ทหรสฺเสว สโต ทหรา อานีตาติ อตฺโถ. อติจริตาติ อติกฺกมิตฺวา จรนฺโต.
(ฉฏฺเอตทคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.)
อุปาสกปาฬิสํวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอตทคฺควคฺโค
(๑๔) ๗. สตฺตมเอตทคฺควคฺควณฺณนา
สุชาตาวตฺถุ
๒๕๘. อุปาสิกาปาฬิสํวณฺณนาย ¶ ปมํ สุวิฺเยฺยเมว.
วิสาขาวตฺถุ
๒๕๙. ทุติเย มหาลตาปสาธนสฺสาติ มหาลตาปิฬนฺธนสฺส. ตสฺมิฺจ ปิฬนฺธเน จตสฺโส วชิรนาฬิโย อุปโยคํ อคมํสุ. มุตฺตานํ เอกาทส นาฬิโย, ปวาฬสฺส ทฺวาวีสติ นาฬิโย, ปทุมราคมณีนํ เตตฺตึส นาฬิโย. อิติ เอเตหิ จ อฺเหิ จ อินฺทนีลาทีหิ นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺสามกพรวณฺณวเสน สตฺตวณฺเณหิ วรรตเนหิ นิฏฺานํ อคมาสิ, ตํ สีเส ปฏิมุกฺกํ ยาว ปาทปิฏฺิยา ภสฺสติ, ปฺจนฺนํ ¶ หตฺถีนํ พลํ ธารยมานาว นํ อิตฺถี ธาเรตุํ สกฺโกติ. อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพติอาทีนํ อตฺโถ อุปริ อาวิ ภว