📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

องฺคุตฺตรนิกาโย

ติกนิปาตปาฬิ

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. พาลวคฺโค

๑. ภยสุตฺตํ

. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต [ภทฺทนฺเต (ก.)]’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ยานิ กานิจิ, ภิกฺขเว, ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ สพฺพานิ ตานิ พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต. เย เกจิ อุปทฺทวา อุปฺปชฺชนฺติ สพฺเพ เต พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต. เย เกจิ อุปสคฺคา อุปฺปชฺชนฺติ สพฺเพ เต พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นฬาคารา วา ติณาคารา วา [นฬาคารํ วา ติณาคารํ วา (สี.)] อคฺคิ มุตฺโต [อคฺคิมุกฺโก (สี.), อคฺคิ มุกฺโก (สฺยา. กํ. ปี.)] กูฏาคารานิปิ ฑหติ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตานิ นิวาตานิ ผุสิตคฺคฬานิ ปิหิตวาตปานานิ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ สพฺพานิ ตานิ พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต. เย เกจิ อุปทฺทวา อุปฺปชฺชนฺติ สพฺเพ เต พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต. เย เกจิ อุปสคฺคา อุปฺปชฺชนฺติ สพฺเพ เต พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต.

‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต. สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต. สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต. นตฺถิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตโต ภยํ, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปทฺทโว, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปสคฺโค.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เยหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ เต ตโย ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา, เยหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ เต ตโย ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ปมํ.

๒. ลกฺขณสุตฺตํ

. ‘‘กมฺมลกฺขโณ, ภิกฺขเว, พาโล, กมฺมลกฺขโณ ปณฺฑิโต, อปทานโสภนี [อปทาเน โสภติ (สฺยา. กํ. ปี.)] ปฺาติ [ปฺตฺติ (?)]. ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? กายทุจฺจริเตน, วจีทุจฺจริเตน, มโนทุจฺจริเตน. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? กายสุจริเตน, วจีสุจริเตน, มโนสุจริเตน. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เยหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ เต ตโย ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา, เยหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ เต ตโย ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทุติยํ.

๓. จินฺตีสุตฺตํ

. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานิ พาลนิมิตฺตานิ พาลาปทานานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, พาโล ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ โหติ ทุพฺภาสิตภาสี จ ทุกฺกฏกมฺมการี จ. โน เจทํ [โน เจตํ (สฺยา. กํ. ก.)], ภิกฺขเว, พาโล ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ อภวิสฺส ทุพฺภาสิตภาสี จ ทุกฺกฏกมฺมการี จ, เกน นํ ปณฺฑิตา ชาเนยฺยุํ [เตน นํ ปณฺฑิตา น ชาเนยฺยุํ (ก.), น นํ ปณฺฑิตา ชาเนยฺยุํ (?)] – ‘พาโล อยํ ภวํ อสปฺปุริโส’ติ? ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, พาโล ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ โหติ ทุพฺภาสิตภาสี จ ทุกฺกฏกมฺมการี จ ตสฺมา นํ ปณฺฑิตา ชานนฺติ – ‘พาโล อยํ ภวํ อสปฺปุริโส’ติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ พาลสฺส พาลลกฺขณานิ พาลนิมิตฺตานิ พาลาปทานานิ.

‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ ปณฺฑิตนิมิตฺตานิ ปณฺฑิตาปทานานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สุจินฺติตจินฺตี จ โหติ สุภาสิตภาสี จ สุกตกมฺมการี จ. โน เจทํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สุจินฺติตจินฺตี จ อภวิสฺส สุภาสิตภาสี จ สุกตกมฺมการี จ, เกน นํ ปณฺฑิตา ชาเนยฺยุํ – ‘ปณฺฑิโต อยํ ภวํ สปฺปุริโส’ติ? ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สุจินฺติตจินฺตี จ โหติ สุภาสิตภาสี จ สุกตกมฺมการี จ ตสฺมา นํ ปณฺฑิตา ชานนฺติ – ‘ปณฺฑิโต อยํ ภวํ สปฺปุริโส’ติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ ปณฺฑิตนิมิตฺตานิ ปณฺฑิตาปทานานิ. ตสฺมาติห…. ตติยํ.

๔. อจฺจยสุตฺตํ

. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? อจฺจยํ อจฺจยโต น ปสฺสติ, อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ นปฺปฏิกโรติ, ปรสฺส โข ปน อจฺจยํ เทเสนฺตสฺส ยถาธมฺมํ นปฺปฏิคฺคณฺหาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? อจฺจยํ อจฺจยโต ปสฺสติ, อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, ปรสฺส โข ปน อจฺจยํ เทเสนฺตสฺส ยถาธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ. ตสฺมาติห…. จตุตฺถํ.

๕. อโยนิโสสุตฺตํ

. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? อโยนิโส ปฺหํ กตฺตา โหติ, อโยนิโส ปฺหํ วิสฺสชฺเชตา โหติ, ปรสฺส โข ปน โยนิโส ปฺหํ วิสฺสชฺชิตํ ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ สิลิฏฺเหิ อุปคเตหิ นาพฺภนุโมทิตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? โยนิโส ปฺหํ กตฺตา โหติ, โยนิโส ปฺหํ วิสฺสชฺเชตา โหติ, ปรสฺส โข ปน โยนิโส ปฺหํ วิสฺสชฺชิตํ ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ สิลิฏฺเหิ อุปคเตหิ อพฺภนุโมทิตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ. ตสฺมาติห…. ปฺจมํ.

๖. อกุสลสุตฺตํ

. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? อกุสเลน กายกมฺเมน, อกุสเลน วจีกมฺเมน, อกุสเลน มโนกมฺเมน. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? กุสเลน กายกมฺเมน, กุสเลน วจีกมฺเมน, กุสเลน มโนกมฺเมน. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ. ตสฺมาติห…. ฉฏฺํ.

๗. สาวชฺชสุตฺตํ

. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? สาวชฺเชน กายกมฺเมน, สาวชฺเชน วจีกมฺเมน, สาวชฺเชน มโนกมฺเมน…เป… อนวชฺเชน กายกมฺเมน, อนวชฺเชน วจีกมฺเมน, อนวชฺเชน มโนกมฺเมน…เป…. สตฺตมํ.

๘. สพฺยาพชฺฌสุตฺตํ

. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? สพฺยาพชฺเฌน กายกมฺเมน, สพฺยาพชฺเฌน วจีกมฺเมน, สพฺยาพชฺเฌน มโนกมฺเมน…เป… อพฺยาพชฺเฌน กายกมฺเมน, อพฺยาพชฺเฌน วจีกมฺเมน, อพฺยาพชฺเฌน มโนกมฺเมน. อิเมหิ, โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เยหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล เวทิตพฺโพ เต ตโย ธมฺเม อภินิวชฺเชตฺวา, เยหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ เต ตโย ธมฺเม สมาทาย วตฺติสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. อฏฺมํ.

๙. ขตสุตฺตํ

. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล อพฺยตฺโต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวติ. กตเมหิ ตีหิ? กายทุจฺจริเตน, วจีทุจฺจริเตน, มโนทุจฺจริเตน. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล อพฺยตฺโต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวติ.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต วิยตฺโต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวชฺโช จ โหติ อนนุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหุฺจ ปุฺํ ปสวติ. กตเมหิ ตีหิ? กายสุจริเตน, วจีสุจริเตน, มโนสุจริเตน. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต วิยตฺโต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวชฺโช จ โหติ อนนุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหุฺจ ปุฺํ ปสวตี’’ติ. นวมํ.

๑๐. มลสุตฺตํ

๑๐. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ตโย มเล อปฺปหาย ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ตีหิ? ทุสฺสีโล จ โหติ, ทุสฺสีลฺยมลฺจสฺส อปฺปหีนํ โหติ; อิสฺสุกี จ โหติ, อิสฺสามลฺจสฺส อปฺปหีนํ โหติ; มจฺฉรี จ โหติ, มจฺเฉรมลฺจสฺส อปฺปหีนํ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อิเม ตโย มเล อปฺปหาย ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ตโย มเล ปหาย ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ตีหิ? สีลวา จ โหติ, ทุสฺสีลฺยมลฺจสฺส ปหีนํ โหติ; อนิสฺสุกี จ โหติ, อิสฺสามลฺจสฺส ปหีนํ โหติ; อมจฺฉรี จ โหติ, มจฺเฉรมลฺจสฺส ปหีนํ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อิเม ตโย มเล ปหาย ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. ทสมํ.

พาลวคฺโค ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

ภยํ ลกฺขณจินฺตี จ, อจฺจยฺจ อโยนิโส;

อกุสลฺจ สาวชฺชํ, สพฺยาพชฺฌขตํ มลนฺติ.

๒. รถการวคฺโค

๑. าตสุตฺตํ

๑๑. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต าโต ภิกฺขุ พหุชนอหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนทุกฺขาย, พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํ. กตเมหิ ตีหิ? อนนุโลมิเก กายกมฺเม สมาทเปติ, อนนุโลมิเก วจีกมฺเม สมาทเปติ, อนนุโลมิเกสุ ธมฺเมสุ สมาทเปติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต าโต ภิกฺขุ พหุชนอหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนทุกฺขาย, พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํ.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต าโต ภิกฺขุ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนสุขาย, พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ. กตเมหิ ตีหิ? อนุโลมิเก กายกมฺเม สมาทเปติ, อนุโลมิเก วจีกมฺเม สมาทเปติ, อนุโลมิเกสุ ธมฺเมสุ สมาทเปติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต าโต ภิกฺขุ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนสุขาย, พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. ปมํ.

๒. สารณียสุตฺตํ

๑๒. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ยาวชีวํ สารณียานิ [สรณียานิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภวนฺติ. กตมานิ ตีณิ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปเทเส ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต ชาโต โหติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ ปเทเส ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต โหติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ ปเทเส ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ตเมว สงฺคามสีสํ อชฺฌาวสติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ยาวชีวํ สารณียานิ ภวนฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีณิมานิ ภิกฺขุสฺส ยาวชีวํ สารณียานิ ภวนฺติ. กตมานิ ตีณิ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปเทเส ภิกฺขุ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ ภิกฺขุสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ ปเทเส ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ ภิกฺขุสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ ปเทเส ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ ภิกฺขุสฺส ยาวชีวํ สารณียํ โหติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ภิกฺขุสฺส ยาวชีวํ สารณียานิ ภวนฺตี’’ติ. ทุติยํ.

๓. อาสํสสุตฺตํ

๑๓. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? นิราโส, อาสํโส, วิคตาโส. กตโม จ, ภิกฺขเว ปุคฺคโล นิราโส? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล นีเจ กุเล ปจฺจาชาโต โหติ, จณฺฑาลกุเล วา เวนกุเล [เวณกุเล (สฺยา. กํ. ปี.)] วา เนสาทกุเล วา รถการกุเล วา ปุกฺกุสกุเล วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปานโภชเน กสิรวุตฺติเก, ยตฺถ กสิเรน ฆาสจฺฉาโท ลพฺภติ. โส จ โหติ ทุพฺพณฺโณ ทุทฺทสิโก โอโกฏิมโก พวฺหาพาโธ [พหฺวาพาโธ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] กาโณ วา กุณี วา ขฺโช วา ปกฺขหโต วา, น ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺส. โส สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม กิร ขตฺติโย ขตฺติเยหิ ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิตฺโต’ติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม มมฺปิ ขตฺติยา ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิฺจิสฺสนฺตี’ติ! อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล นิราโส.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาสํโส? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต โหติ อาภิเสโก อนภิสิตฺโต อจลปฺปตฺโต [มจลปฺปตฺโต (สี. ปี.)]. โส สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม กิร ขตฺติโย ขตฺติเยหิ ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิตฺโต’ติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม มมฺปิ ขตฺติยา ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิฺจิสฺสนฺตี’ติ! อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาสํโส.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วิคตาโส? อิธ, ภิกฺขเว, ราชา โหติ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต. โส สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม กิร ขตฺติโย ขตฺติเยหิ ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิตฺโต’ติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม มมฺปิ ขตฺติยา ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิฺจิสฺสนฺตี’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปุพฺเพ อนภิสิตฺตสฺส อภิเสกาสา สา [สาสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปฏิปฺปสฺสทฺธา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วิคตาโส. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา ภิกฺขูสุ. กตเม ตโย? นิราโส, อาสํโส, วิคตาโส. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล นิราโส? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ทุสฺสีโล โหติ ปาปธมฺโม อสุจิ สงฺกสฺสรสมาจาโร ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโต อสฺสมโณ สมณปฏิฺโ อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฏิฺโ อนฺโตปูติ อวสฺสุโต กสมฺพุชาโต. โส สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม กิร ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม อหมฺปิ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’ติ! อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล นิราโส.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาสํโส? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ กลฺยาณธมฺโม. โส สุณาติ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม อหมฺปิ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’ติ! อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาสํโส.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วิคตาโส? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหติ ขีณาสโว. โส สุณาติ – ‘อิตฺถนฺนาโม กิร ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นาม อหมฺปิ อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปุพฺเพ อวิมุตฺตสฺส วิมุตฺตาสา สา ปฏิปฺปสฺสทฺธา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วิคตาโส. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา ภิกฺขูสู’’ติ. ตติยํ.

๔. จกฺกวตฺติสุตฺตํ

๑๔. ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา โสปิ น อราชกํ จกฺกํ วตฺเตตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก ปน, ภนฺเต, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ธมฺมิกสฺส ธมฺมรฺโ ราชา’’ติ [จกฺกนฺติ (ก.)]? ‘‘ธมฺโม, ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘อิธ, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย [ครุกโรนฺโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ อนฺโตชนสฺมึ’’.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ ขตฺติเยสุ, อนุยนฺเตสุ [อนุยุตฺเตสุ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], พลกายสฺมึ, พฺราหฺมณคหปติเกสุ, เนคมชานปเทสุ, สมณพฺราหฺมเณสุ, มิคปกฺขีสุ. ส โข โส ภิกฺขุ ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา อนฺโตชนสฺมึ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา ขตฺติเยสุ, อนุยนฺเตสุ, พลกายสฺมึ, พฺราหฺมณคหปติเกสุ, เนคมชานปเทสุ, สมณพฺราหฺมเณสุ, มิคปกฺขีสุ, ธมฺเมเนว จกฺกํ วตฺเตติ. ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขุ [ภิกฺขเว (ก.)], ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ กายกมฺมสฺมึ – ‘เอวรูปํ กายกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ กายกมฺมํ น เสวิตพฺพ’’’นฺติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ วจีกมฺมสฺมึ – ‘เอวรูปํ วจีกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ วจีกมฺมํ น เสวิตพฺพ’นฺติ…เป… มโนกมฺมสฺมึ – ‘เอวรูปํ มโนกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ มโนกมฺมํ น เสวิตพฺพ’’’นฺติ.

‘‘ส โข โส, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา กายกมฺมสฺมึ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา วจีกมฺมสฺมึ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา มโนกมฺมสฺมึ, ธมฺเมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติ. จตุตฺถํ.

๕. สเจตนสุตฺตํ

๑๕. เอกํ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา อโหสิ สเจตโน [ปเจตโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นาม. อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา สเจตโน รถการํ อามนฺเตสิ – ‘อิโต เม, สมฺม รถการ, ฉนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สงฺคาโม ภวิสฺสติ. สกฺขิสฺสสิ [สกฺขสิ (สฺยา. กํ. ปี.)] เม, สมฺม รถการ, นวํ จกฺกยุคํ กาตุ’นฺติ? ‘สกฺโกมิ เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร รฺโ สเจตนสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหิ เอกํ จกฺกํ นิฏฺาเปสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา สเจตโน รถการํ อามนฺเตสิ – ‘อิโต เม, สมฺม รถการ, ฉนฺนํ ทิวสานํ อจฺจเยน สงฺคาโม ภวิสฺสติ, นิฏฺิตํ นวํ จกฺกยุค’นฺติ? ‘อิเมหิ โข, เทว, ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหิ เอกํ จกฺกํ นิฏฺิต’นฺติ. ‘สกฺขิสฺสสิ ปน เม, สมฺม รถการ, อิเมหิ ฉหิ ทิวเสหิ ทุติยํ จกฺกํ นิฏฺาเปตุ’นฺติ? ‘สกฺโกมิ เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ฉหิ ทิวเสหิ ทุติยํ จกฺกํ นิฏฺาเปตฺวา นวํ จกฺกยุคํ อาทาย เยน ราชา สเจตโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ สเจตนํ เอตทโวจ – ‘อิทํ เต, เทว, นวํ จกฺกยุคํ นิฏฺิต’นฺติ. ‘ยฺจ เต อิทํ, สมฺม รถการ, จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ฉารตฺตูเนหิ ยฺจ เต อิทํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺิตํ, อิเมสํ กึ นานากรณํ? เนสาหํ กิฺจิ นานากรณํ ปสฺสามี’ติ. ‘อตฺเถสํ, เทว, นานากรณํ. ปสฺสตุ เทโว นานากรณ’’’นฺติ.

‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ยํ ตํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺิตํ ตํ ปวตฺเตสิ. ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ปปติ. ยํ ปน ตํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตํ ปวตฺเตสิ. ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มฺเ อฏฺาสิ.

‘‘‘โก นุ โข, สมฺม รถการ, เหตุ โก ปจฺจโย ยมิทํ [ยทิทํ (ก.)] จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺิตํ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ปปติ? โก ปน, สมฺม รถการ, เหตุ โก ปจฺจโย ยมิทํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มฺเ อฏฺาสี’ติ? ‘ยมิทํ, เทว, จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺิตํ ตสฺส เนมิปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวา, อราปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวา, นาภิปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวา. ตํ เนมิยาปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา, อรานมฺปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา, นาภิยาปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ปปติ. ยํ ปน ตํ, เทว, จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตสฺส เนมิปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวา, อราปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวา, นาภิปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวา. ตํ เนมิยาปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา, อรานมฺปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา, นาภิยาปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มฺเ อฏฺาสี’’’ติ.

‘‘สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อฺโ นูน เตน สมเยน โส รถกาโร อโหสี’ติ! น โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, เอวํ ทฏฺพฺพํ. อหํ เตน สมเยน โส รถกาโร อโหสึ. ตทาหํ, ภิกฺขเว, กุสโล ทารุวงฺกานํ ทารุโทสานํ ทารุกสาวานํ. เอตรหิ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กุสโล กายวงฺกานํ กายโทสานํ กายกสาวานํ, กุสโล วจีวงฺกานํ วจีโทสานํ วจีกสาวานํ, กุสโล มโนวงฺกานํ มโนโทสานํ มโนกสาวานํ. ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา กายวงฺโก อปฺปหีโน กายโทโส กายกสาโว, วจีวงฺโก อปฺปหีโน วจีโทโส วจีกสาโว, มโนวงฺโก อปฺปหีโน มโนโทโส มโนกสาโว, เอวํ ปปติตา เต, ภิกฺขเว, อิมสฺมา ธมฺมวินยา, เสยฺยถาปิ ตํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺิตํ.

‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา กายวงฺโก ปหีโน กายโทโส กายกสาโว, วจีวงฺโก ปหีโน วจีโทโส วจีกสาโว, มโนวงฺโก ปหีโน มโนโทโส มโนกสาโว, เอวํ ปติฏฺิตา เต, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, เสยฺยถาปิ ตํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ ฉารตฺตูเนหิ.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กายวงฺกํ ปชหิสฺสาม กายโทสํ กายกสาวํ, วจีวงฺกํ ปชหิสฺสาม วจีโทสํ วจีกสาวํ, มโนวงฺกํ ปชหิสฺสาม มโนโทสํ มโนกสาว’นฺติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ปฺจมํ.

๖. อปณฺณกสุตฺตํ

๑๖. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปทํ [อปณฺณกตํ ปฏิปทํ (สี. ปี.) ฏีกาย ปน สเมติ] ปฏิปนฺโน โหติ, โยนิ จสฺส อารทฺธา โหติ อาสวานํ ขยาย. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, โภชเน มตฺตฺู โหติ, ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ [ยตฺวาธิกรณเมตํ (สี.)] จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตฺู โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ – ‘เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนาย วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย, อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’ติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตฺู โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา, รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฏฺาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ, โยนิ จสฺส อารทฺธา โหติ อาสวานํ ขยายา’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. อตฺตพฺยาพาธสุตฺตํ

๑๗. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ. กตเม ตโย? กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ, มโนทุจฺจริตํ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ธมฺมา อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ.

‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ. กตเม ตโย? กายสุจริตํ, วจีสุจริตํ, มโนสุจริตํ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ธมฺมา เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตนฺตี’’ติ. สตฺตมํ.

๘. เทวโลกสุตฺตํ

๑๘. ‘‘สเจ โว, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘เทวโลกูปปตฺติยา, อาวุโส, สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยํ วุสฺสถา’ติ? นนุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ปุฏฺา อฏฺฏีเยยฺยาถ หราเยยฺยาถ ชิคุจฺเฉยฺยาถา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘อิติ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ทิพฺเพน อายุนา อฏฺฏียถ หรายถ ชิคุจฺฉถ, ทิพฺเพน วณฺเณน ทิพฺเพน สุเขน ทิพฺเพน ยเสน ทิพฺเพนาธิปเตยฺเยน อฏฺฏียถ หรายถ ชิคุจฺฉถ; ปเคว โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺเหหิ กายทุจฺจริเตน อฏฺฏียิตพฺพํ หรายิตพฺพํ ชิคุจฺฉิตพฺพํ, วจีทุจฺจริเตน… มโนทุจฺจริเตน อฏฺฏียิตพฺพํ หรายิตพฺพํ ชิคุจฺฉิตพฺพ’’นฺติ. อฏฺมํ.

๙. ปมปาปณิกสุตฺตํ

๑๙. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก อภพฺโพ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก ปุพฺพณฺหสมยํ [มชฺฌนฺติกสมยํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ, มชฺฌนฺหิกสมยํ น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ, สายนฺหสมยํ น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก อภพฺโพ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ [ผาติกตฺตุํ (สี.), ผาติกาตุํ (สฺยา. กํ. ปี.)].

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อภพฺโพ อนธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ ผาตึ กาตุํ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปุพฺพณฺหสมยํ น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ, มชฺฌนฺหิกสมยํ น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ, สายนฺหสมยํ น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อภพฺโพ อนธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ ผาตึ กาตุํ.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก ภพฺโพ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก ปุพฺพณฺหสมยํ สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ, มชฺฌนฺหิกสมยํ…เป… สายนฺหสมยํ สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก ภพฺโพ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อนธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ ผาตึ กาตุํ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปุพฺพณฺหสมยํ สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ, มชฺฌนฺหิกสมยํ…เป… สายนฺหสมยํ สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อนธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ อธิคนฺตุํ, อธิคตํ วา กุสลํ ธมฺมํ ผาตึ กาตุ’’นฺติ. นวมํ.

๑๐. ทุติยปาปณิกสุตฺตํ

๒๐. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก นจิรสฺเสว มหตฺตํ เวปุลฺลตฺตํ [มหนฺตตฺตํ วา เวปุลฺลตฺตํ วา (ปี. ก.)] ปาปุณาติ โภเคสุ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก จกฺขุมา จ โหติ วิธุโร จ นิสฺสยสมฺปนฺโน จ. กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก จกฺขุมา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก ปณิยํ ชานาติ – ‘อิทํ ปณิยํ เอวํ กีตํ, เอวํ วิกฺกยมานํ [วิกฺกียมานํ (?)], เอตฺตกํ มูลํ ภวิสฺสติ, เอตฺตโก อุทโย’ติ [อุทฺทโยติ (สี.)]. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปณิโก จกฺขุมา โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก วิธุโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก กุสโล โหติ ปณิยํ เกตุฺจ วิกฺเกตุฺจ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปณิโก วิธุโร โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปณิโก นิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ? อิธ ภิกฺขเว, ปาปณิกํ เย เต คหปตี วา คหปติปุตฺตา วา อฑฺฒา มหทฺธนา มหาโภคา เต เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ ปาปณิโก จกฺขุมา วิธุโร จ ปฏิพโล ปุตฺตทารฺจ โปเสตุํ, อมฺหากฺจ กาเลน กาลํ อนุปฺปทาตุ’นฺติ. เต นํ โภเคหิ นิปตนฺติ – ‘อิโต, สมฺม ปาปณิก, โภเค กริตฺวา [หริตฺวา (สี. สฺยา. กํ.)] ปุตฺตทารฺจ โปเสหิ, อมฺหากฺจ กาเลน กาลํ อนุปฺปเทหี’ติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปณิโก นิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปณิโก นจิรสฺเสว มหตฺตํ เวปุลฺลตฺตํ ปาปุณาติ โภเคสุ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว มหตฺตํ เวปุลฺลตฺตํ ปาปุณาติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุมา จ โหติ วิธุโร จ นิสฺสยสมฺปนฺโน จ. กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุมา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุมา โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิธุโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิธุโร โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ภิกฺขู พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปฺหติ – ‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ, อิมสฺส โก อตฺโถ’ติ? ตสฺส เต อายสฺมนฺโต อวิวฏฺเจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ อุตฺตานีกโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว มหตฺตํ เวปุลฺลตฺตํ ปาปุณาติ กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ. ทสมํ.

รถการวคฺโค ทุติโย.

ปมภาณวาโร นิฏฺิโต.

ตสฺสุทฺทานํ –

าโต [าตโก (สฺยา. กํ.)] สารณีโย ภิกฺขุ, จกฺกวตฺตี สเจตโน;

อปณฺณกตฺตา เทโว จ, ทุเว ปาปณิเกน จาติ.

๓. ปุคฺคลวคฺโค

๑. สมิทฺธสุตฺตํ

๒๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อายสฺมา จ สมิทฺโธ [สวิฏฺโ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อายสฺมา จ มหาโกฏฺิโก [มหาโกฏฺิโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทึสุ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สมิทฺธํ อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –

‘‘ตโยเม, อาวุโส สมิทฺธ, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? กายสกฺขี, ทิฏฺิปฺปตฺโต [ทิฏฺปฺปตฺโต (ก.)], สทฺธาวิมุตฺโต. อิเม โข, อาวุโส, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. อิเมสํ, อาวุโส, ติณฺณํ ปุคฺคลานํ กตโม เต ปุคฺคโล ขมติ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ?

‘‘ตโยเม, อาวุโส สาริปุตฺต, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? กายสกฺขี, ทิฏฺิปฺปตฺโต, สทฺธาวิมุตฺโต. อิเม โข, อาวุโส, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. อิเมสํ, อาวุโส, ติณฺณํ ปุคฺคลานํ ยฺวายํ [โยยํ (ก.)] ปุคฺคโล สทฺธาวิมุตฺโต, อยํ เม ปุคฺคโล ขมติ อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมสฺส, อาวุโส, ปุคฺคลสฺส สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺต’’นฺติ.

อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ มหาโกฏฺิกํ เอตทโวจ – ‘‘ตโยเม, อาวุโส โกฏฺิก, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? กายสกฺขี, ทิฏฺิปฺปตฺโต, สทฺธาวิมุตฺโต. อิเม โข, อาวุโส, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. อิเมสํ, อาวุโส, ติณฺณํ ปุคฺคลานํ กตโม เต ปุคฺคโล ขมติ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ?

‘‘ตโยเม, อาวุโส สาริปุตฺต, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? กายสกฺขี, ทิฏฺิปฺปตฺโต, สทฺธาวิมุตฺโต. อิเม โข, อาวุโส, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. อิเมสํ, อาวุโส, ติณฺณํ ปุคฺคลานํ ยฺวายํ ปุคฺคโล กายสกฺขี, อยํ เม ปุคฺคโล ขมติ อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมสฺส, อาวุโส, ปุคฺคลสฺส สมาธินฺทฺริยํ อธิมตฺต’’นฺติ.

อถ โข อายสฺมา มหาโกฏฺิโก อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ตโยเม, อาวุโส สาริปุตฺต, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? กายสกฺขี, ทิฏฺิปฺปตฺโต, สทฺธาวิมุตฺโต. อิเม โข, อาวุโส, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. อิเมสํ, อาวุโส, ติณฺณํ ปุคฺคลานํ กตโม เต ปุคฺคโล ขมติ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ?

‘‘ตโยเม, อาวุโส โกฏฺิก, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? กายสกฺขี, ทิฏฺิปฺปตฺโต, สทฺธาวิมุตฺโต. อิเม โข, อาวุโส, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. อิเมสํ, อาวุโส, ติณฺณํ ปุคฺคลานํ ยฺวายํ ปุคฺคโล ทิฏฺิปฺปตฺโต, อยํ เม ปุคฺคโล ขมติ อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมสฺส, อาวุโส, ปุคฺคลสฺส ปฺินฺทฺริยํ อธิมตฺต’’นฺติ.

อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตฺจ สมิทฺธํ อายสฺมนฺตฺจ มหาโกฏฺิกํ เอตทโวจ – ‘‘พฺยากตํ โข, อาวุโส, อมฺเหหิ สพฺเพเหว ยถาสกํ ปฏิภานํ. อายามาวุโส, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสฺสาม. ยถา โน ภควา พฺยากริสฺสติ ตถา นํ ธาเรสฺสามา’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา จ สมิทฺโธ อายสฺมา จ มหาโกฏฺิโก อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อถ โข อายสฺมา จ สาริปุตฺโต อายสฺมา จ สมิทฺโธ อายสฺมา จ มหาโกฏฺิโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ยาวตโก อโหสิ อายสฺมตา จ สมิทฺเธน อายสฺมตา จ มหาโกฏฺิเกน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ.

‘‘น ขฺเวตฺถ, สาริปุตฺต, สุกรํ เอกํเสน พฺยากาตุํ – ‘อยํ อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’ติ. านฺเหตํ, สาริปุตฺต, วิชฺชติ ยฺวายํ ปุคฺคโล สทฺธาวิมุตฺโต สฺวาสฺส [สฺวายํ (สฺยา. กํ. ปี.), โสยํ (ก.)] อรหตฺตาย ปฏิปนฺโน, ยฺวายํ ปุคฺคโล กายสกฺขี สฺวาสฺส สกทาคามี วา อนาคามี วา, โย จายํ ปุคฺคโล ทิฏฺิปฺปตฺโต โสปสฺส [โสยํ (ก.)] สกทาคามี วา อนาคามี วา.

‘‘น ขฺเวตฺถ, สาริปุตฺต, สุกรํ เอกํเสน พฺยากาตุํ – ‘อยํ อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’ติ. านฺเหตํ, สาริปุตฺต, วิชฺชติ ยฺวายํ ปุคฺคโล กายสกฺขี สฺวาสฺส อรหตฺตาย ปฏิปนฺโน, ยฺวายํ ปุคฺคโล สทฺธาวิมุตฺโต สฺวาสฺส สกทาคามี วา อนาคามี วา, โย จายํ ปุคฺคโล ทิฏฺิปฺปตฺโต โสปสฺส สกทาคามี วา อนาคามี วา.

‘‘น ขฺเวตฺถ, สาริปุตฺต, สุกรํ เอกํเสน พฺยากาตุํ – ‘อยํ อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’ติ. านฺเหตํ, สาริปุตฺต, วิชฺชติ ยฺวายํ ปุคฺคโล ทิฏฺิปฺปตฺโต สฺวาสฺส อรหตฺตาย ปฏิปนฺโน, ยฺวายํ ปุคฺคโล สทฺธาวิมุตฺโต สฺวาสฺส สกทาคามี วา อนาคามี วา, โย จายํ ปุคฺคโล กายสกฺขี โสปสฺส สกทาคามี วา อนาคามี วา.

‘‘น ขฺเวตฺถ, สาริปุตฺต, สุกรํ เอกํเสน พฺยากาตุํ – ‘อยํ อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’’ติ. ปมํ.

๒. คิลานสุตฺตํ

๒๒. [ปุ. ป. ๙๔] ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, คิลานา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ คิลาโน ลภนฺโต วา สปฺปายานิ โภชนานิ อลภนฺโต วา สปฺปายานิ โภชนานิ, ลภนฺโต วา สปฺปายานิ เภสชฺชานิ อลภนฺโต วา สปฺปายานิ เภสชฺชานิ, ลภนฺโต วา ปติรูปํ อุปฏฺากํ อลภนฺโต วา ปติรูปํ อุปฏฺากํ เนว วุฏฺาติ ตมฺหา อาพาธา.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ คิลาโน ลภนฺโต วา สปฺปายานิ โภชนานิ อลภนฺโต วา สปฺปายานิ โภชนานิ, ลภนฺโต วา สปฺปายานิ เภสชฺชานิ อลภนฺโต วา สปฺปายานิ เภสชฺชานิ, ลภนฺโต วา ปติรูปํ อุปฏฺากํ อลภนฺโต วา ปติรูปํ อุปฏฺากํ วุฏฺาติ ตมฺหา อาพาธา.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ คิลาโน ลภนฺโตว สปฺปายานิ โภชนานิ โน อลภนฺโต, ลภนฺโตว สปฺปายานิ เภสชฺชานิ โน อลภนฺโต, ลภนฺโตว ปติรูปํ อุปฏฺากํ โน อลภนฺโต วุฏฺาติ ตมฺหา อาพาธา.

‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ คิลาโน ลภนฺโตว สปฺปายานิ โภชนานิ โน อลภนฺโต, ลภนฺโตว สปฺปายานิ เภสชฺชานิ โน อลภนฺโต, ลภนฺโตว ปติรูปํ อุปฏฺากํ โน อลภนฺโต วุฏฺาติ ตมฺหา อาพาธา, อิมํ โข, ภิกฺขเว, คิลานํ ปฏิจฺจ คิลานภตฺตํ อนุฺาตํ คิลานเภสชฺชํ อนุฺาตํ คิลานุปฏฺาโก อนุฺาโต. อิมฺจ ปน, ภิกฺขเว, คิลานํ ปฏิจฺจ อฺเปิ คิลานา อุปฏฺาตพฺพา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย คิลานา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตโยเม คิลานูปมา ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ลภนฺโต วา ตถาคตํ ทสฺสนาย อลภนฺโต วา ตถาคตํ ทสฺสนาย, ลภนฺโต วา ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ สวนาย อลภนฺโต วา ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ สวนาย เนว โอกฺกมติ นิยามํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ.

‘‘อิธ, ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ลภนฺโต วา ตถาคตํ ทสฺสนาย อลภนฺโต วา ตถาคตํ ทสฺสนาย, ลภนฺโต วา ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ สวนาย อลภนฺโต วา ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ สวนาย โอกฺกมติ นิยามํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ลภนฺโตว ตถาคตํ ทสฺสนาย โน อลภนฺโต, ลภนฺโตว ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ สวนาย โน อลภนฺโต โอกฺกมติ นิยามํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ.

‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ ปุคฺคโล ลภนฺโตว ตถาคตํ ทสฺสนาย โน อลภนฺโต, ลภนฺโตว ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ สวนาย โน อลภนฺโต โอกฺกมติ นิยามํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ, อิมํ โข ภิกฺขเว, ปุคฺคลํ ปฏิจฺจ ธมฺมเทสนา อนุฺาตา. อิมฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปุคฺคลํ ปฏิจฺจ อฺเสมฺปิ ธมฺโม เทเสตพฺโพ. ‘‘อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย คิลานูปมา ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ. ทุติยํ.

๓. สงฺขารสุตฺตํ

๒๓. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สพฺยาพชฺฌํ [สพฺยาปชฺฌํ (สพฺพตฺถ) เอวมุปริปิ] กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. โส สพฺยาพชฺฌํ กายสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา สพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ สพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปนฺนํ สมานํ สพฺยาพชฺฌา ผสฺสา ผุสนฺติ. โส สพฺยาพชฺเฌหิ ผสฺเสหิ ผุฏฺโ สมาโน สพฺยาพชฺฌํ เวทนํ เวทยติ เอกนฺตทุกฺขํ, เสยฺยถาปิ สตฺตา เนรยิกา.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อพฺยาพชฺฌํ กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, อพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, อพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. โส อพฺยาพชฺฌํ กายสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, อพฺยาพชฺฌํ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, อพฺยาพชฺฌํ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา อพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ อพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปนฺนํ สมานํ อพฺยาพชฺฌา ผสฺสา ผุสนฺติ. โส อพฺยาพชฺเฌหิ ผสฺเสหิ ผุฏฺโ สมาโน อพฺยาพชฺฌํ เวทนํ เวทยติ เอกนฺตสุขํ, เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหา.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ กายสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. โส สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ กายสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ วจีสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา, สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ มโนสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ โลกํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ โลกํ อุปปนฺนํ สมานํ สพฺยาพชฺฌาปิ อพฺยาพชฺฌาปิ ผสฺสา ผุสนฺติ. โส สพฺยาพชฺเฌหิปิ อพฺยาพชฺเฌหิปิ ผสฺเสหิ ผุฏฺโ สมาโน สพฺยาพชฺฌมฺปิ อพฺยาพชฺฌมฺปิ เวทนํ เวทยติ โวกิณฺณสุขทุกฺขํ, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกจฺเจ จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ. ตติยํ.

๔. พหุการสุตฺตํ

๒๔. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา ปุคฺคลสฺส พหุการา. กตเม ตโย? ยํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคลํ อาคมฺม ปุคฺคโล พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ; อยํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อิมสฺส ปุคฺคลสฺส พหุกาโร.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยํ ปุคฺคลํ อาคมฺม ปุคฺคโล ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; อยํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อิมสฺส ปุคฺคลสฺส พหุกาโร.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยํ ปุคฺคลํ อาคมฺม ปุคฺคโล อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ; อยํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อิมสฺส ปุคฺคลสฺส พหุกาโร. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา ปุคฺคลสฺส พหุการา.

‘‘อิเมหิ จ ปน, ภิกฺขเว, ตีหิ ปุคฺคเลหิ อิมสฺส ปุคฺคลสฺส นตฺถฺโ ปุคฺคโล พหุกาโรติ วทามิ. อิเมสํ ปน, ภิกฺขเว, ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อิมินา ปุคฺคเลน น สุปฺปติการํ วทามิ, ยทิทํ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมจีวรปิณฺฑปาตเสนาสน-คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานุปฺปทาเนนา’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. วชิรูปมสุตฺตํ

๒๕. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อรุกูปมจิตฺโต ปุคฺคโล, วิชฺชูปมจิตฺโต ปุคฺคโล, วชิรูปมจิตฺโต ปุคฺคโล. กตโม จ, ภิกฺขเว, อรุกูปมจิตฺโต ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล โกธโน โหติ อุปายาสพหุโล อปฺปมฺปิ วุตฺโต สมาโน อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทุฏฺารุโก [ทุฏฺารุกา (สี.)] กฏฺเน วา กลาย [กถลาย (สฺยา. กํ. ก.), กเลน-กถเลน (อฏฺกถา)] วา ฆฏฺฏิโต [ฆฏฺฏิตา (สี.)] ภิยฺโยโสมตฺตาย อาสวํ เทติ [อสฺสวโนติ (สี.)]; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โกธโน โหติ อุปายาสพหุโล อปฺปมฺปิ วุตฺโต สมาโน อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อรุกูปมจิตฺโต ปุคฺคโล.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, วิชฺชูปมจิตฺโต ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว, จกฺขุมา ปุริโส รตฺตนฺธการติมิสายํ วิชฺชนฺตริกาย รูปานิ ปสฺเสยฺย; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วิชฺชูปมจิตฺโต ปุคฺคโล.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, วชิรูปมจิตฺโต ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วชิรสฺส นตฺถิ กิฺจิ อเภชฺชํ มณิ วา ปาสาโณ วา; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อาสวานํ ขยา…เป… อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วชิรูปมจิตฺโต ปุคฺคโล. ‘อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’’นฺติ [ปุ. ป. ๑๐๒]. ปฺจมํ.

๖. เสวิตพฺพสุตฺตํ

๒๖. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ. อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ. อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล หีโน โหติ สีเลน สมาธินา ปฺาย. เอวรูโป, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ อฺตฺร อนุทฺทยา อฺตฺร อนุกมฺปา.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สทิโส โหติ สีเลน สมาธินา ปฺาย. เอวรูโป, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ. ตํ กิสฺส เหตุ? สีลสามฺคตานํ สตํ สีลกถา จ โน ภวิสฺสติ, สา จ โน ปวตฺตินี [ปวตฺตนี (สี. สฺยา. กํ. ปี.) ปุ. ป. ๑๒๒ ปสฺสิตพฺพํ] ภวิสฺสติ, สา จ โน ผาสุ ภวิสฺสติ. สมาธิสามฺคตานํ สตํ สมาธิกถา จ โน ภวิสฺสติ, สา จ โน ปวตฺตินี ภวิสฺสติ, สา จ โน ผาสุ ภวิสฺสติ. ปฺาสามฺคตานํ สตํ ปฺากถา จ โน ภวิสฺสติ, สา จ โน ปวตฺตินี ภวิสฺสติ, สา จ โน ผาสุ ภวิสฺสตีติ. ตสฺมา เอวรูโป ปุคฺคโล เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อธิโก โหติ สีเลน สมาธินา ปฺาย. เอวรูโป, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิติ อปริปูรํ วา สีลกฺขนฺธํ ปริปูเรสฺสามิ, ปริปูรํ วา สีลกฺขนฺธํ ตตฺถ ตตฺถ ปฺาย อนุคฺคเหสฺสามิ; อปริปูรํ วา สมาธิกฺขนฺธํ ปริปูเรสฺสามิ, ปริปูรํ วา สมาธิกฺขนฺธํ ตตฺถ ตตฺถ ปฺาย อนุคฺคเหสฺสามิ; อปริปูรํ วา ปฺากฺขนฺธํ ปริปูเรสฺสามิ, ปริปูรํ วา ปฺากฺขนฺธํ ตตฺถ ตตฺถ ปฺาย อนุคฺคเหสฺสามีติ. ตสฺมา เอวรูโป ปุคฺคโล สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ.

‘‘นิหียติ ปุริโส นิหีนเสวี,

น จ หาเยถ กทาจิ ตุลฺยเสวี;

เสฏฺมุปนมํ อุเทติ ขิปฺปํ,

ตสฺมา อตฺตโน อุตฺตรึ ภเชถา’’ติ. ฉฏฺํ;

๗. ชิคุจฺฉิตพฺพสุตฺตํ

๒๗. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ชิคุจฺฉิตพฺโพ น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ. อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อชฺฌุเปกฺขิตพฺโพ น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ. อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ชิคุจฺฉิตพฺโพ น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ทุสฺสีโล โหติ ปาปธมฺโม อสุจิ สงฺกสฺสรสมาจาโร ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโต, อสฺสมโณ สมณปฏิฺโ, อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฏิฺโ, อนฺโตปูติ อวสฺสุโต กสมฺพุชาโต. เอวรูโป, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ชิคุจฺฉิตพฺโพ น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ. ตํ กิสฺส เหตุ? กิฺจาปิ, ภิกฺขเว, เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส น ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ, อถ โข นํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ – ‘ปาปมิตฺโต ปุริสปุคฺคโล ปาปสหาโย ปาปสมฺปวงฺโก’ติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อหิ คูถคโต กิฺจาปิ น ทํสติ [ฑํสติ (สี. สฺยา.), ฑสฺสติ (ปี.)], อถ โข นํ มกฺเขติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, กิฺจาปิ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส น ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ, อถ โข นํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ – ‘ปาปมิตฺโต ปุริสปุคฺคโล ปาปสหาโย ปาปสมฺปวงฺโก’ติ. ตสฺมา เอวรูโป ปุคฺคโล ชิคุจฺฉิตพฺโพ น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อชฺฌุเปกฺขิตพฺโพ น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล โกธโน โหติ อุปายาสพหุโล, อปฺปมฺปิ วุตฺโต สมาโน อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทุฏฺารุโก กฏฺเน วา กลาย วา ฆฏฺฏิโต ภิยฺโยโสมตฺตาย อาสวํ เทติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว…เป… เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ตินฺทุกาลาตํ กฏฺเน วา กลาย วา ฆฏฺฏิตํ ภิยฺโยโสมตฺตาย จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายติ; เอวเมวํ โข ภิกฺขเว…เป… เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คูถกูโป กฏฺเน วา กลาย วา ฆฏฺฏิโต ภิยฺโยโสมตฺตาย ทุคฺคนฺโธ โหติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โกธโน โหติ อุปายาสพหุโล, อปฺปมฺปิ วุตฺโต สมาโน อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. เอวรูโป, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อชฺฌุเปกฺขิตพฺโพ น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ. ตํ กิสฺส เหตุ? อกฺโกเสยฺยปิ มํ ปริภาเสยฺยปิ มํ อนตฺถมฺปิ มํ กเรยฺยาติ. ตสฺมา เอวรูโป ปุคฺคโล อชฺฌุเปกฺขิตพฺโพ น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สีลวา โหติ กลฺยาณธมฺโม. เอวรูโป, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ. ตํ กิสฺส เหตุ? กิฺจาปิ, ภิกฺขเว, เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส น ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ, อถ โข นํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ – ‘กลฺยาณมิตฺโต ปุริสปุคฺคโล กลฺยาณสหาโย กลฺยาณสมฺปวงฺโก’ติ. ตสฺมา เอวรูโป ปุคฺคโล เสวิตพฺโพ ภชิตพฺโพ ปยิรุปาสิตพฺโพ. ‘อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’’นฺติ.

‘‘นิหียติ ปุริโส นิหีนเสวี,

น จ หาเยถ กทาจิ ตุลฺยเสวี;

เสฏฺมุปนมํ อุเทติ ขิปฺปํ,

ตสฺมา อตฺตโน อุตฺตรึ ภเชถา’’ติ. สตฺตมํ;

๘. คูถภาณีสุตฺตํ

๒๘. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? คูถภาณี, ปุปฺผภาณี, มธุภาณี. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล คูถภาณี? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สภคฺคโต วา ปริสคฺคโต วา [สภาคโต วา ปริสาคโต วา (สฺยา. กํ.)] าติมชฺฌคโต วา ปูคมชฺฌคโต วา ราชกุลมชฺฌคโต วา อภินีโต สกฺขิปุฏฺโ – ‘เอหมฺโภ ปุริส, ยํ ชานาสิ ตํ วเทหี’ติ. โส อชานํ วา อาห ‘ชานามี’ติ, ชานํ วา อาห ‘น ชานามี’ติ, อปสฺสํ วา อาห ‘ปสฺสามี’ติ, ปสฺสํ วา อาห ‘น ปสฺสามี’ติ [ม. นิ. ๑.๔๔๐; ปุ. ป. ๙๑]; อิติ อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา อามิสกิฺจิกฺขเหตุ วา สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล คูถภาณี.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปุปฺผภาณี? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สภคฺคโต วา ปริสคฺคโต วา าติมชฺฌคโต วา ปูคมชฺฌคโต วา ราชกุลมชฺฌคโต วา อภินีโต สกฺขิปุฏฺโ – ‘เอหมฺโภ ปุริส, ยํ ปชานาสิ ตํ วเทหี’ติ, โส อชานํ วา อาห ‘น ชานามี’ติ, ชานํ วา อาห ‘ชานามี’ติ, อปสฺสํ วา อาห ‘น ปสฺสามี’ติ, ปสฺสํ วา อาห ‘ปสฺสามี’ติ; อิติ อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา อามิสกิฺจิกฺขเหตุ วา น สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปุปฺผภาณี.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล มธุภาณี? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ; ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล มธุภาณี. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ. อฏฺมํ.

๙. อนฺธสุตฺตํ

๒๙. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อนฺโธ, เอกจกฺขุ, ทฺวิจกฺขุ. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อนฺโธ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตถารูปํ จกฺขุ น โหติ ยถารูเปน จกฺขุนา อนธิคตํ วา โภคํ อธิคจฺเฉยฺย อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กเรยฺย [ผาติกเรยฺย (สี.)]; ตถารูปมฺปิสฺส จกฺขุ น โหติ ยถารูเปน จกฺขุนา กุสลากุสเล ธมฺเม ชาเนยฺย, สาวชฺชานวชฺเช ธมฺเม ชาเนยฺย, หีนปฺปณีเต ธมฺเม ชาเนยฺย, กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม ชาเนยฺย. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อนฺโธ.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เอกจกฺขุ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตถารูปํ จกฺขุ โหติ ยถารูเปน จกฺขุนา อนธิคตํ วา โภคํ อธิคจฺเฉยฺย อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กเรยฺย; ตถารูปํ ปนสฺส [ตถารูปมฺปิสฺส (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] จกฺขุ น โหติ ยถารูเปน จกฺขุนา กุสลากุสเล ธมฺเม ชาเนยฺย, สาวชฺชานวชฺเช ธมฺเม ชาเนยฺย, หีนปฺปณีเต ธมฺเม ชาเนยฺย, กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม ชาเนยฺย. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เอกจกฺขุ.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทฺวิจกฺขุ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตถารูปํ จกฺขุ โหติ ยถารูเปน จกฺขุนา อนธิคตํ วา โภคํ อธิคจฺเฉยฺย, อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กเรยฺย; ตถารูปมฺปิสฺส จกฺขุ โหติ ยถารูเปน จกฺขุนา กุสลากุสเล ธมฺเม ชาเนยฺย; สาวชฺชานวชฺเช ธมฺเม ชาเนยฺย, หีนปฺปณีเต ธมฺเม ชาเนยฺย, กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม ชาเนยฺย. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทฺวิจกฺขุ. ‘อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’’นฺติ.

‘‘น เจว โภคา ตถารูปา, น จ ปุฺานิ กุพฺพติ;

อุภยตฺถ กลิคฺคาโห, อนฺธสฺส หตจกฺขุโน.

‘‘อถาปรายํ อกฺขาโต, เอกจกฺขุ จ ปุคฺคโล;

ธมฺมาธมฺเมน สโโส [สํสฏฺโ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), สโติ (ก.)], โภคานิ ปริเยสติ.

‘‘เถยฺเยน กูฏกมฺเมน, มุสาวาเทน จูภยํ;

กุสโล โหติ สงฺฆาตุํ [สํหาตุํ (สฺยา.)], กามโภคี จ มานโว;

อิโต โส นิรยํ คนฺตฺวา, เอกจกฺขุ วิหฺติ.

‘‘ทฺวิจกฺขุ ปน อกฺขาโต, เสฏฺโ ปุริสปุคฺคโล;

ธมฺมลทฺเธหิ โภเคหิ, อุฏฺานาธิคตํ ธนํ.

‘‘ททาติ เสฏฺสงฺกปฺโป, อพฺยคฺคมานโส นโร;

อุเปติ ภทฺทกํ านํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจติ.

‘‘อนฺธฺจ เอกจกฺขุฺจ, อารกา ปริวชฺชเย;

ทฺวิจกฺขุํ ปน เสเวถ, เสฏฺํ ปุริสปุคฺคล’’นฺติ. นวมํ;

๑๐. อวกุชฺชสุตฺตํ

๓๐. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว [ปุ. ป. ๑๐๗-๑๐๘], ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อวกุชฺชปฺโ ปุคฺคโล, อุจฺฉงฺคปฺโ ปุคฺคโล, ปุถุปฺโ ปุคฺคโล. กตโม จ, ภิกฺขเว, อวกุชฺชปฺโ ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนาย. ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติ. โส ตสฺมึ อาสเน นิสินฺโน ตสฺสา กถาย เนว อาทึ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติ; วุฏฺิโตปิ ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย เนว อาทึ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุมฺโภ นิกฺกุชฺโช [นิกฺกุชฺโช (สี. ปี.)] ตตฺร อุทกํ อาสิตฺตํ วิวฏฺฏติ, โน สณฺาติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนาย. ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติ. โส ตสฺมึ อาสเน นิสินฺโน ตสฺสา กถาย เนว อาทึ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติ; วุฏฺิโตปิ ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย เนวาทึ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อวกุชฺชปฺโ ปุคฺคโล.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, อุจฺฉงฺคปฺโ ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนาย. ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติ. โส ตสฺมึ อาสเน นิสินฺโน ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติ; วุฏฺิโต จ โข ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย เนวาทึ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริสสฺส อุจฺฉงฺเค นานาขชฺชกานิ อากิณฺณานิ – ติลา ตณฺฑุลา โมทกา พทรา. โส ตมฺหา อาสนา วุฏฺหนฺโต สติสมฺโมสา ปกิเรยฺย. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนาย. ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติ. โส ตสฺมึ อาสเน นิสินฺโน ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติ; วุฏฺิโต จ โข ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย เนว อาทึ มนสิ กโรติ, น มชฺฌํ มนสิ กโรติ, น ปริโยสานํ มนสิ กโรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อุจฺฉงฺคปฺโ ปุคฺคโล.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุถุปฺโ ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนาย. ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติ. โส ตสฺมึ อาสเน นิสินฺโน ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติ; วุฏฺิโตปิ ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุมฺโภ อุกฺกุชฺโช ตตฺร อุทกํ อาสิตฺตํ สณฺาติ โน วิวฏฺฏติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อารามํ คนฺตา โหติ อภิกฺขณํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมสฺสวนาย. ตสฺส ภิกฺขู ธมฺมํ เทเสนฺติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติ. โส ตสฺมึ อาสเน นิสินฺโน ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติ; วุฏฺิโตปิ ตมฺหา อาสนา ตสฺสา กถาย อาทิมฺปิ มนสิ กโรติ, มชฺฌมฺปิ มนสิ กโรติ, ปริโยสานมฺปิ มนสิ กโรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุถุปฺโ ปุคฺคโล. ‘อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’’นฺติ.

‘‘อวกุชฺชปฺโ ปุริโส, ทุมฺเมโธ อวิจกฺขโณ;

อภิกฺขณมฺปิ เจ โหติ, คนฺตา ภิกฺขูน สนฺติเก.

‘‘อาทึ กถาย มชฺฌฺจ, ปริโยสานฺจ ตาทิโส;

อุคฺคเหตุํ น สกฺโกติ, ปฺา หิสฺส น วิชฺชติ.

‘‘อุจฺฉงฺคปฺโ ปุริโส, เสยฺโย เอเตน วุจฺจติ;

อภิกฺขณมฺปิ เจ โหติ, คนฺตา ภิกฺขูน สนฺติเก.

‘‘อาทึ กถาย มชฺฌฺจ, ปริโยสานฺจ ตาทิโส;

นิสินฺโน อาสเน ตสฺมึ, อุคฺคเหตฺวาน พฺยฺชนํ;

วุฏฺิโต นปฺปชานาติ, คหิตํ หิสฺส [คหิตมฺปิสฺส (ก.)] มุสฺสติ.

‘‘ปุถุปฺโ จ ปุริโส, เสยฺโย เอเตหิ [เอเตน (ก.)] วุจฺจติ;

อภิกฺขณมฺปิ เจ โหติ, คนฺตา ภิกฺขูน สนฺติเก.

‘‘อาทึ กถาย มชฺฌฺจ, ปริโยสานฺจ ตาทิโส;

นิสินฺโน อาสเน ตสฺมึ, อุคฺคเหตฺวาน พฺยฺชนํ.

‘‘ธาเรติ เสฏฺสงฺกปฺโป, อพฺยคฺคมานโส นโร;

ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน, ทุกฺขสฺสนฺตกโร สิยา’’ติ. ทสมํ;

ปุคฺคลวคฺโค ตติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

สมิทฺธ [กายสกฺขิ (สี.), สวิฏฺ (สฺยา. กํ.), เสฏฺ (ก.)] -คิลาน-สงฺขารา, พหุการา วชิเรน จ;

เสวิ-ชิคุจฺฉ-คูถภาณี, อนฺโธ จ อวกุชฺชตาติ.

๔. เทวทูตวคฺโค

๑.สพฺรหฺมกสุตฺตํ

๓๑. ‘‘สพฺรหฺมกานิ, ภิกฺขเว, ตานิ กุลานิ เยสํ ปุตฺตานํ มาตาปิตโร อชฺฌาคาเร ปูชิตา โหนฺติ. สปุพฺพาจริยกานิ, ภิกฺขเว, ตานิ กุลานิ เยสํ ปุตฺตานํ มาตาปิตโร อชฺฌาคาเร ปูชิตา โหนฺติ. สาหุเนยฺยานิ, ภิกฺขเว, ตานิ กุลานิ เยสํ ปุตฺตานํ มาตาปิตโร อชฺฌาคาเร ปูชิตา โหนฺติ. ‘พฺรหฺมา’ติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจนํ. ‘ปุพฺพาจริยา’ติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจนํ. ‘อาหุเนยฺยา’ติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจนํ. ตํ กิสฺส เหตุ? พหุการา, ภิกฺขเว, มาตาปิตโร ปุตฺตานํ, อาปาทกา โปสกา, อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโรติ.

‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;

อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกา.

‘‘ตสฺมา หิ เน นมสฺเสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;

อนฺเนน อถ ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ;

อุจฺฉาทเนน นฺหาปเนน [นหาปเนน (สี.)], ปาทานํ โธวเนน จ.

‘‘ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;

อิเธว [อิธ เจว (สี.)] นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ [สคฺเค จ โมทตีติ (สี.) อิติวุ. ๑๐๖ อิติวุตฺตเก]. ปมํ;

๒. อานนฺทสุตฺตํ

๓๒. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท, ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ.

‘‘ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, สิยา ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ?

‘‘อิธานนฺท, ภิกฺขุโน เอวํ โหติ – ‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’นฺติ. เอวํ โข, อานนฺท, สิยา ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา นาสฺสุ; ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ.

‘‘อิทฺจ ปน เมตํ, อานนฺท, สนฺธาย ภาสิตํ ปารายเน ปุณฺณกปฺเห –

‘‘สงฺขาย โลกสฺมึ ปโรปรานิ [ปโรวรานิ (สี. ปี.) สุ. นิ. ๑๐๕๔; จูฬนิ. ปุณฺณกมาณวปุจฺฉา ๗๓],

ยสฺสิฺชิตํ นตฺถิ กุหิฺจิ โลเก;

สนฺโต วิธูโม อนีโฆ [อนิโฆ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อนโฆ (?)] นิราโส,

อตาริ โส ชาติชรนฺติ พฺรูมี’’ติ. ทุติยํ;

๓. สาริปุตฺตสุตฺตํ

๓๓. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สํขิตฺเตนปิ โข อหํ, สาริปุตฺต, ธมฺมํ เทเสยฺยํ; วิตฺถาเรนปิ โข อหํ, สาริปุตฺต, ธมฺมํ เทเสยฺยํ; สํขิตฺตวิตฺถาเรนปิ โข อหํ, สาริปุตฺต, ธมฺมํ เทเสยฺยํ; อฺาตาโร จ ทุลฺลภา’’ติ. ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล, เอตสฺส, สุคต, กาโล ยํ ภควา สํขิตฺเตนปิ ธมฺมํ เทเสยฺย, วิตฺถาเรนปิ ธมฺมํ เทเสยฺย, สํขิตฺตวิตฺถาเรนปิ ธมฺมํ เทเสยฺย. ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’’ติ.

‘‘ตสฺมาติห, สาริปุตฺต, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น ภวิสฺสนฺติ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น ภวิสฺสนฺติ, ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โข, สาริปุตฺต, สิกฺขิตพฺพํ.

‘‘ยโต จ โข, สาริปุตฺต, ภิกฺขุโน อิมสฺมิฺจ สวิฺาณเก กาเย อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ, ยฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรโต อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺติ ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; อยํ วุจฺจติ, สาริปุตฺต – ‘ภิกฺขุ อจฺเฉจฺฉิ [อจฺเฉชฺชิ (สฺยา. กํ. ก.)] ตณฺหํ, วิวตฺตยิ [วาวตฺตยิ (สี. ปี.)] สํโยชนํ, สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺส’. อิทฺจ ปน เมตํ, สาริปุตฺต, สนฺธาย ภาสิตํ ปารายเน [ปารายเณ (สี.)] อุทยปฺเห –

‘‘ปหานํ กามสฺานํ, โทมนสฺสาน จูภยํ;

ถินสฺส จ ปนูทนํ, กุกฺกุจฺจานํ นิวารณํ.

‘‘อุเปกฺขาสติสํสุทฺธํ, ธมฺมตกฺกปุเรชวํ;

อฺาวิโมกฺขํ ปพฺรูมิ, อวิชฺชาย ปเภทน’’นฺติ [สุ. นิ. ๑๑๑๒; จูฬนิ. อุทยมาณวปุจฺฉา ๑๓๑]. ตติยํ;

๔. นิทานสุตฺตํ

๓๔. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย. กตมานิ ตีณิ? โลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, โทโส นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, โมโห นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, โลภปกตํ กมฺมํ โลภชํ โลภนิทานํ โลภสมุทยํ, ยตฺถสฺส อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ ตตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ. ยตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ ตตฺถ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺช วา [อุปปชฺเช วา (สี. สฺยา. กํ.) อุปปชฺชิตฺวาติ ม. นิ. ๓.๓๐๓ ปาฬิยา สํวณฺณนา] อปเร วา [อปราปเร วา (ก.)] ปริยาเย.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, โทสปกตํ กมฺมํ โทสชํ โทสนิทานํ โทสสมุทยํ, ยตฺถสฺส อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ ตตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ. ยตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ ตตฺถ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, โมหปกตํ กมฺมํ โมหชํ โมหนิทานํ โมหสมุทยํ, ยตฺถสฺส อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ ตตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ. ยตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ ตตฺถ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พีชานิ อขณฺฑานิ อปูตีนิ อวาตาตปหตานิ สาราทานิ สุขสยิตานิ สุเขตฺเต สุปริกมฺมกตาย ภูมิยา นิกฺขิตฺตานิ. เทโว จ สมฺมาธารํ อนุปฺปเวจฺเฉยฺย. เอวสฺสุ ตานิ, ภิกฺขเว, พีชานิ วุทฺธึ วิรุฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺเชยฺยุํ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยํ โลภปกตํ กมฺมํ โลภชํ โลภนิทานํ โลภสมุทยํ, ยตฺถสฺส อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ ตตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ. ยตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ ตตฺถ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘ยํ โทสปกตํ กมฺมํ…เป… ยํ โมหปกตํ กมฺมํ โมหชํ โมหนิทานํ โมหสมุทยํ, ยตฺถสฺส อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ ตตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ. ยตฺถ ตํ กมฺมํ วิปจฺจติ ตตฺถ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทติ, ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย.

‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย. กตมานิ ตีณิ? อโลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, อโทโส นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, อโมโห นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อโลภปกตํ กมฺมํ อโลภชํ อโลภนิทานํ อโลภสมุทยํ, โลเภ วิคเต เอวํ ตํ กมฺมํ ปหีนํ โหติ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวงฺกตํ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อโทสปกตํ กมฺมํ อโทสชํ อโทสนิทานํ อโทสสมุทยํ, โทเส วิคเต เอวํ ตํ กมฺมํ ปหีนํ โหติ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวงฺกตํ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ.

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อโมหปกตํ กมฺมํ อโมหชํ อโมหนิทานํ อโมหสมุทยํ, โมเห วิคเต เอวํ ตํ กมฺมํ ปหีนํ โหติ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวงฺกตํ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พีชานิ อขณฺฑานิ อปูตีนิ อวาตาตปหตานิ สาราทานิ สุขสยิตานิ. ตานิ ปุริโส อคฺคินา ฑเหยฺย. อคฺคินา ฑหิตฺวา มสึ กเรยฺย. มสึ กริตฺวา มหาวาเต วา โอผุเณยฺย [โอปุเนยฺย (สี. ปี.)] นทิยา วา สีฆโสตาย ปวาเหยฺย. เอวสฺสุ ตานิ, ภิกฺขเว, พีชานิ อุจฺฉินฺนมูลานิ ตาลาวตฺถุกตานิ อนภาวงฺกตานิ [อนภาวกตานิ (สี. ปี.)] อายตึ อนุปฺปาทธมฺมานิ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยํ อโลภปกตํ กมฺมํ อโลภชํ อโลภนิทานํ อโลภสมุทยํ, โลเภ วิคเต เอวํ ตํ กมฺมํ ปหีนํ โหติ อุจฺฉินฺนมูลํ ตาลาวตฺถุกตํ อนภาวงฺกตํ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ.

‘‘ยํ อโทสปกตํ กมฺมํ…เป… ยํ อโมหปกตํ กมฺมํ อโมหชํ อโมหนิทานํ อโมหสมุทยํ, โมเห วิคเต เอวํ ตํ กมฺมํ ปหีนํ โหติ…เป… อายตึ อนุปฺปาทธมฺมํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติ.

‘‘โลภชํ โทสชฺเจว [โทสชํ กมฺมํ (ก.)], โมหชฺจาปวิทฺทสุ;

ยํ เตน ปกตํ กมฺมํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;

อิเธว ตํ เวทนิยํ, วตฺถุ อฺํ น วิชฺชติ.

‘‘ตสฺมา โลภฺจ โทสฺจ, โมหชฺจาปิ วิทฺทสุ;

วิชฺชํ อุปฺปาทยํ ภิกฺขุ, สพฺพา ทุคฺคติโย ชเห’’ติ. จตุตฺถํ;

๕. หตฺถกสุตฺตํ

๓๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ โคมคฺเค สึสปาวเน ปณฺณสนฺถเร. อถ โข หตฺถโก อาฬวโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน อทฺทส ภควนฺตํ โคมคฺเค สึสปาวเน ปณฺณสนฺถเร นิสินฺนํ. ทิสฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข หตฺถโก อาฬวโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ภควา สุขมสยิตฺถา’’ติ? ‘‘เอวํ, กุมาร, สุขมสยิตฺถํ. เย จ ปน โลเก สุขํ เสนฺติ, อหํ เตสํ อฺตโร’’ติ.

‘‘สีตา, ภนฺเต, เหมนฺติกา รตฺติ, อนฺตรฏฺโก หิมปาตสมโย, ขรา โคกณฺฏกหตา ภูมิ, ตนุโก ปณฺณสนฺถโร, วิรฬานิ รุกฺขสฺส ปตฺตานิ, สีตานิ กาสายานิ วตฺถานิ, สีโต จ เวรมฺโภ วาโต วายติ. อถ จ ปน ภควา เอวมาห – ‘เอวํ, กุมาร, สุขมสยิตฺถํ. เย จ ปน โลเก สุขํ เสนฺติ, อหํ เตสํ อฺตโร’’’ติ.

‘‘เตน หิ, กุมาร, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, กุมาร, อิธสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา กูฏาคารํ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ นิวาตํ ผุสิตคฺคฬํ ปิหิตวาตปานํ. ตตฺรสฺส ปลฺลงฺโก โคนกตฺถโต ปฏิกตฺถโต ปฏลิกตฺถโต กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณ [กาทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณ (สี.)] สอุตฺตรจฺฉโท อุภโต โลหิตกูปธาโน; เตลปฺปทีโป เจตฺถ ฌาเยยฺย [ชาเลยฺย (ก.)]; จตสฺโส จ [ตสฺเสว (ก.)] ปชาปติโย มนาปามนาเปน ปจฺจุปฏฺิตา อสฺสุ. ตํ กึ มฺสิ, กุมาร, สุขํ วา โส สเยยฺย โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘สุขํ โส, ภนฺเต, สเยยฺย. เย จ ปน โลเก สุขํ เสนฺติ, โส เตสํ อฺตโร’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, กุมาร, อปิ นุ ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา อุปฺปชฺเชยฺยุํ ราคชา ปริฬาหา กายิกา วา เจตสิกา วา เยหิ โส ราคเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ.

‘‘เยหิ โข โส, กุมาร, คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ราคเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺย, โส ราโค ตถาคตสฺส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. ตสฺมาหํ สุขมสยิตฺถํ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, กุมาร, อปิ นุ ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา อุปฺปชฺเชยฺยุํ โทสชา ปริฬาหา…เป… โมหชา ปริฬาหา กายิกา วา เจตสิกา วา เยหิ โส โมหเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺยา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ.

‘‘เย หิ โข โส, กุมาร, คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา โมหเชหิ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหมาโน ทุกฺขํ สเยยฺย, โส โมโห ตถาคตสฺส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. ตสฺมาหํ สุขมสยิตฺถ’’นฺติ.

[จูฬว. ๓๐๕; สํ. นิ. ๑.๒๔๒] ‘‘สพฺพทา เว สุขํ เสติ, พฺราหฺมโณ ปรินิพฺพุโต;

โย น ลิมฺปติ [ลิปฺปติ (สี. สฺยา. กํ. ก.)] กาเมสุ, สีติภูโต นิรูปธิ.

‘‘สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา, วิเนยฺย หทเย ทรํ;

อุปสนฺโต สุขํ เสติ, สนฺตึ ปปฺปุยฺย เจตโส’’ติ. ปฺจมํ;

๖. เทวทูตสุตฺตํ

๓๖. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, เทวทูตานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา นานาพาหาสุ คเหตฺวา ยมสฺส รฺโ ทสฺเสนฺติ – ‘อยํ, เทว, ปุริโส อมตฺเตยฺโย อเปตฺเตยฺโย อสามฺโ อพฺรหฺมฺโ, น กุเล เชฏฺาปจายี. อิมสฺส เทโว ทณฺฑํ ปเณตู’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ปมํ เทวทูตํ สมนุยุฺชติ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ, ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ปมํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา อาสีติกํ วา นาวุติกํ วา วสฺสสติกํ วา [ปสฺส ม. นิ. ๓.๒๖๓] ชาติยา ชิณฺณํ โคปานสิวงฺกํ โภคฺคํ ทณฺฑปรายณํ [ทณฺฑปรายนํ (สฺยา. กํ. ปี.)] ปเวธมานํ คจฺฉนฺตํ อาตุรํ คตโยพฺพนํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ วิลูนํ ขลฺลิตสิรํ [ขลิตํ สิโร (สี. ปี.), ขลิตสิรํ (สฺยา. กํ.) ม. นิ. ๓.๒๖๓] วลิตํ ติลกาหตคตฺต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ, ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – อหมฺปิ โขมฺหิ ชราธมฺโม ชรํ อนตีโต, หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ, กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต. ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ, ปุริส, ปมาทตาย [ปมาทวตาย (สี. สฺยา. กํ. ปี.) ม. นิ. ๓.๒๖๒] น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ [ตํ (ก.)], อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ [เต (ก.)] ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ [ตํ โข ปเนตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปาปกมฺมํ [ปาปํ กมฺมํ (สี.)] เนว มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ; อถ โข ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ กตํ, ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ปมํ เทวทูตํ สมนุยุฺชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา, ทุติยํ เทวทูตํ สมนุยุฺชติ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ทุติยํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’ติ. ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา อาพาธิกํ ทุกฺขิตํ พาฬฺหคิลานํ, สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺนํ เสมานํ, อฺเหิ วุฏฺาปิยมานํ, อฺเหิ สํเวสิยมาน’นฺติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – อหมฺปิ โขมฺหิ พฺยาธิธมฺโม พฺยาธึ อนตีโต, หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต. ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ปมาทตาย น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ ปาปกมฺมํ เนว มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ; อถ โข ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ กตํ. ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ทุติยํ เทวทูตํ สมนุยุฺชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา, ตติยํ เทวทูตํ สมนุยุฺชติ สมนุคาหติ สมนุภาสติ – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ ตติยํ เทวทูตํ ปาตุภูต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘นาทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, น ตฺวํ อทฺทส มนุสฺเสสุ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา เอกาหมตํ วา ทฺวีหมตํ วา ตีหมตํ วา อุทฺธุมาตกํ วินีลกํ วิปุพฺพกชาต’นฺติ? โส เอวมาห – ‘อทฺทสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ตสฺส เต วิฺุสฺส สโต มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – อหมฺปิ โขมฺหิ มรณธมฺโม มรณํ อนตีโต, หนฺทาหํ กลฺยาณํ กโรมิ กาเยน วาจาย มนสา’ติ? โส เอวมาห – ‘นาสกฺขิสฺสํ, ภนฺเต. ปมาทสฺสํ, ภนฺเต’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา เอวมาห – ‘อมฺโภ ปุริส, ปมาทตาย น กลฺยาณมกาสิ กาเยน วาจาย มนสา. ตคฺฆ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, ตถา กริสฺสนฺติ ยถา ตํ ปมตฺตํ. ตํ โข ปน เต เอตํ ปาปกมฺมํ เนว มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ; อถ โข ตยาเวตํ ปาปกมฺมํ กตํ. ตฺวฺเเวตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิสฺสสี’’’ติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, ยโม ราชา ตติยํ เทวทูตํ สมนุยุฺชิตฺวา สมนุคาหิตฺวา สมนุภาสิตฺวา ตุณฺหี โหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ปฺจวิธพนฺธนํ นาม การณํ กโรนฺติ. ตตฺตํ อโยขิลํ หตฺเถ คเมนฺติ. ตตฺตํ อโยขิลํ ทุติยสฺมึ หตฺเถ คเมนฺติ. ตตฺตํ อโยขิลํ ปาเท คเมนฺติ. ตตฺตํ อโยขิลํ ทุติยสฺมึ ปาเท คเมนฺติ. ตตฺตํ อโยขิลํ มชฺเฌ อุรสฺมึ คเมนฺติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา [ติปฺปา (สี.)] ขรา กฏุกา เวทนา เวทิยติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา สํเวเสตฺวา [สํกฑฺฒิตฺวา (ก.)] กุธารีหิ ตจฺฉนฺติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทิยติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ.

‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา วาสีหิ ตจฺฉนฺติ…เป… ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา รเถ โยเชตฺวา อาทิตฺตาย ภูมิยา สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย [สฺโชติภูตาย (สฺยา. กํ.)] สาเรนฺติปิ ปจฺจาสาเรนฺติปิ…เป… ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา มหนฺตํ องฺคารปพฺพตํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาโรเปนฺติปิ โอโรเปนฺติปิ…เป… ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา ตตฺตาย โลหกุมฺภิยา ปกฺขิปนฺติ, อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย. โส ตตฺถ เผณุทฺเทหกํ ปจฺจมาโน สกิมฺปิ อุทฺธํ คจฺฉติ, สกิมฺปิ อโธ คจฺฉติ, สกิมฺปิ ติริยํ คจฺฉติ. โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทิยติ, น จ ตาว กาลํ กโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา มหานิรเย ปกฺขิปนฺติ. โส โข ปน, ภิกฺขเว, มหานิรโย –

‘‘จตุกฺกณฺโณ จตุทฺวาโร, วิภตฺโต ภาคโส มิโต;

อโยปาการปริยนฺโต, อยสา ปฏิกุชฺชิโต.

‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;

สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา’’ติ [เป. ว. ๗๐-๗๑, ๒๔๐-๒๔๑].

‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ยมสฺส รฺโ เอตทโหสิ – ‘เย กิร, โภ, โลเก ปาปกานิ กมฺมานิ กโรนฺติ เต เอวรูปา วิวิธา กมฺมการณา กรียนฺติ. อโห วตาหํ มนุสฺสตฺตํ ลเภยฺยํ, ตถาคโต จ โลเก อุปฺปชฺเชยฺย อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ตฺจาหํ ภควนฺตํ ปยิรุปาเสยฺยํ. โส จ เม ภควา ธมฺมํ เทเสยฺย, ตสฺส จาหํ ภควโต ธมฺมํ อาชาเนยฺย’นฺติ. ตํ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, น อฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา สุตฺวา เอวํ วทามิ, อปิ จ โข, ภิกฺขเว, ยเทว เม สามํ าตํ สามํ ทิฏฺํ สามํ วิทิตํ ตเทวาหํ วทามี’’ติ.

‘‘โจทิตา เทวทูเตหิ, เย ปมชฺชนฺติ มาณวา;

เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ, หีนกายูปคา นรา.

‘‘เย จ โข เทวทูเตหิ, สนฺโต สปฺปุริสา อิธ;

โจทิตา นปฺปมชฺชนฺติ, อริยธมฺเม กุทาจนํ.

‘‘อุปาทาเน ภยํ ทิสฺวา, ชาติมรณสมฺภเว;

อนุปาทา วิมุจฺจนฺติ, ชาติมรณสงฺขเย.

‘‘เต อปฺปมตฺตา [เต โขปฺปมตฺตา (สี.), เต เขมปฺปตฺตา (สฺยา. กํ. ปี.) ม. นิ. ๓.๒๗๑] สุขิโน [สุขิตา (สี. สฺยา.)], ทิฏฺธมฺมาภินิพฺพุตา;

สพฺพเวรภยาตีตา, สพฺพทุกฺขํ อุปจฺจคุ’’นฺติ. ฉฏฺํ;

๗. จตุมหาราชสุตฺตํ

๓๗. ‘‘อฏฺมิยํ, ภิกฺขเว, ปกฺขสฺส จตุนฺนํ มหาราชานํ อมจฺจา ปาริสชฺชา อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺติ – ‘กจฺจิ พหู มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺตี’ติ. จาตุทฺทสึ, ภิกฺขเว, ปกฺขสฺส จตุนฺนํ มหาราชานํ ปุตฺตา อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺติ – ‘กจฺจิ พหู มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺตี’ติ. ตทหุ, ภิกฺขเว, อุโปสเถ ปนฺนรเส จตฺตาโร มหาราชาโน สามฺเว อิมํ โลกํ อนุวิจรนฺติ – ‘กจฺจิ พหู มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺตี’’’ติ.

‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อปฺปกา โหนฺติ มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร มหาราชาโน เทวานํ ตาวตึสานํ สุธมฺมาย สภาย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อาโรเจนฺติ – ‘อปฺปกา โข, มาริสา, มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺตี’ติ. เตน โข, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา อนตฺตมนา โหนฺติ – ‘ทิพฺพา วต, โภ, กายา ปริหายิสฺสนฺติ, ปริปูริสฺสนฺติ อสุรกายา’’’ติ.

‘‘สเจ ปน, ภิกฺขเว, พหู โหนฺติ มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺติ. ตเมนํ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร มหาราชาโน เทวานํ ตาวตึสานํ สุธมฺมาย สภาย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อาโรเจนฺติ – ‘พหู โข, มาริสา, มนุสฺสา มนุสฺเสสุ มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน อุโปสถํ อุปวสนฺติ ปฏิชาคโรนฺติ ปุฺานิ กโรนฺตี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา อตฺตมนา โหนฺติ – ‘ทิพฺพา วต, โภ, กายา ปริปูริสฺสนฺติ, ปริหายิสฺสนฺติ อสุรกายา’’’ติ.

‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อนุนยมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ;

อุโปสถํ อุปวเสยฺย, โยปิสฺส [โยปสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มาทิโส นโร’’ติ.

‘‘สา โข ปเนสา, ภิกฺขเว, สกฺเกน เทวานมินฺเทน คาถา ทุคฺคีตา น สุคีตา ทุพฺภาสิตา น สุภาสิตา. ตํ กิสฺส เหตุ? สกฺโก หิ, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท อวีตราโค อวีตโทโส อวีตโมโห.

‘‘โย จ โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา พฺรหฺมจริโย กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต, ตสฺส โข เอตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน [ตสฺส โข เอตํ ภิกฺขุโน (สี. สฺยา.), ตสฺส โข เอวํ ภิกฺขเว ภิกฺขุโน (ก.)] กลฺลํ วจนาย –

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ;

อุโปสถํ อุปวเสยฺย, โยปิสฺส มาทิโส นโร’’ติ.

‘‘ตํ กิสฺส เหตุ? โส หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วีตราโค วีตโทโส วีตโมโห’’ติ. สตฺตมํ.

๘. ทุติยจตุมหาราชสุตฺตํ

๓๘. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท เทเว ตาวตึเส อนุนยมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ;

อุโปสถํ อุปวเสยฺย, โยปิสฺส มาทิโส นโร’’ติ.

‘‘สา โข ปเนสา, ภิกฺขเว, สกฺเกน เทวานมินฺเทน คาถา ทุคฺคีตา น สุคีตา ทุพฺภาสิตา น สุภาสิตา. ตํ กิสฺส เหตุ? สกฺโก หิ, ภิกฺขเว, เทวานมินฺโท อปริมุตฺโต ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, อปริมุตฺโต ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.

‘‘โย จ โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต, ตสฺส โข เอตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน กลฺลํ วจนาย –

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ;

อุโปสถํ อุปวเสยฺย, โยปิสฺส มาทิโส นโร’’ติ.

‘‘ตํ กิสฺส เหตุ? โส หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปริมุตฺโต ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ปริมุตฺโต ทุกฺขสฺมาติ วทามี’’ติ. อฏฺมํ.

๙. สุขุมาลสุตฺตํ

๓๙. ‘‘สุขุมาโล อหํ, ภิกฺขเว, ปรมสุขุมาโล อจฺจนฺตสุขุมาโล. มม สุทํ, ภิกฺขเว, ปิตุ นิเวสเน โปกฺขรณิโย การิตา โหนฺติ. เอกตฺถ สุทํ, ภิกฺขเว, อุปฺปลํ วปฺปติ [ปุปฺผติ (สี. ปี.)], เอกตฺถ ปทุมํ, เอกตฺถ ปุณฺฑรีกํ, ยาวเทว มมตฺถาย. น โข ปนสฺสาหํ, ภิกฺขเว, อกาสิกํ จนฺทนํ ธาเรมิ [กาสิกํ จนฺทนํ ธาเรมิ (สฺยา. กํ. ก.), อกาสิกํ ธาเรมิ (?)]. กาสิกํ, ภิกฺขเว, สุ เม ตํ เวนํ โหติ, กาสิกา กฺจุกา, กาสิกํ นิวาสนํ, กาสิโก อุตฺตราสงฺโค. รตฺตินฺทิวํ [รตฺติทิวํ (ก.)] โข ปน เม สุ ตํ, ภิกฺขเว, เสตจฺฉตฺตํ ธารียติ – ‘มา นํ ผุสิ สีตํ วา อุณฺหํ วา ติณํ วา รโช วา อุสฺสาโว วา’’’ติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, ตโย ปาสาทา อเหสุํ – เอโก เหมนฺติโก, เอโก คิมฺหิโก, เอโก วสฺสิโก. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, วสฺสิเก ปาสาเท วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ ปริจารยมาโน [ปริจาริยมาโน (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] น เหฏฺาปาสาทํ โอโรหามิ. ยถา โข ปน, ภิกฺขเว, อฺเสํ นิเวสเน ทาสกมฺมกรโปริสสฺส กณาชกํ โภชนํ ทียติ พิลงฺคทุติยํ, เอวเมวสฺสุ เม, ภิกฺขเว, ปิตุ นิเวสเน ทาสกมฺมกรโปริสสฺส สาลิมํโสทโน ทียติ.

‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวรูปาย อิทฺธิยา สมนฺนาคตสฺส เอวรูเปน จ สุขุมาเลน เอตทโหสิ – ‘อสฺสุตวา โข ปุถุชฺชโน อตฺตนา ชราธมฺโม สมาโน ชรํ อนตีโต ปรํ ชิณฺณํ ทิสฺวา อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ อตฺตานํเยว อติสิตฺวา, อหมฺปิ โขมฺหิ ชราธมฺโม ชรํ อนตีโต. อหฺเจว [อหฺเจ (?)] โข ปน ชราธมฺโม สมาโน ชรํ อนตีโต ปรํ ชิณฺณํ ทิสฺวา อฏฺฏีเยยฺยํ หราเยยฺยํ ชิคุจฺเฉยฺยํ น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิติ ปฏิสฺจิกฺขโต โย โยพฺพเน โยพฺพนมโท โส สพฺพโส ปหียิ.

‘‘อสฺสุตวา โข ปุถุชฺชโน อตฺตนา พฺยาธิธมฺโม สมาโน พฺยาธึ อนตีโต ปรํ พฺยาธิตํ ทิสฺวา อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ อตฺตานํเยว อติสิตฺวา – ‘อหมฺปิ โขมฺหิ พฺยาธิธมฺโม พฺยาธึ อนตีโต, อหฺเจว โข ปน พฺยาธิธมฺโม สมาโน พฺยาธึ อนตีโต ปรํ พฺยาธิกํ ทิสฺวา อฏฺฏีเยยฺยํ หราเยยฺยํ ชิคุจฺเฉยฺยํ, น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิติ ปฏิสฺจิกฺขโต โย อาโรคฺเย อาโรคฺยมโท โส สพฺพโส ปหียิ.

‘‘อสฺสุตวา โข ปุถุชฺชโน อตฺตนา มรณธมฺโม สมาโน มรณํ อนตีโต ปรํ มตํ ทิสฺวา อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ อตฺตานํเยว อติสิตฺวา – ‘อหมฺปิ โขมฺหิ มรณธมฺโม, มรณํ อนตีโต, อหํ เจว โข ปน มรณธมฺโม สมาโน มรณํ อนตีโต ปรํ มตํ ทิสฺวา อฏฺฏีเยยฺยํ หราเยยฺยํ ชิคุจฺเฉยฺยํ, น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อิติ ปฏิสฺจิกฺขโต โย ชีวิเต ชีวิตมโท โส สพฺพโส ปหียี’’ติ.

‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, มทา. กตเม ตโย? โยพฺพนมโท, อาโรคฺยมโท, ชีวิตมโท. โยพฺพนมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อาโรคฺยมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… ชีวิตมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ.

‘‘โยพฺพนมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. อาโรคฺยมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ…เป… ชีวิตมทมตฺโต วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติ.

‘‘พฺยาธิธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน;

ยถาธมฺมา [พฺยาธิธมฺโม ชราธมฺโม, อโถ มรณธมฺมิโก; ยถา ธมฺโม (ก.)] ตถาสนฺตา, ชิคุจฺฉนฺติ ปุถุชฺชนา.

‘‘อหฺเจ ตํ ชิคุจฺเฉยฺยํ, เอวํธมฺเมสุ ปาณิสุ;

น เมตํ ปติรูปสฺส, มม เอวํ วิหาริโน.

‘‘โสหํ เอวํ วิหรนฺโต, ตฺวา ธมฺมํ นิรูปธึ;

อาโรคฺเย โยพฺพนสฺมิฺจ, ชีวิตสฺมิฺจ เย มทา.

‘‘สพฺเพ มเท อภิโภสฺมิ [อตีโตสฺมิ (ก.)], เนกฺขมฺเม ทฏฺุ เขมตํ;

ตสฺส เม อหุ อุสฺสาโห, นิพฺพานํ อภิปสฺสโต.

‘‘นาหํ ภพฺโพ เอตรหิ, กามานิ ปฏิเสวิตุํ;

อนิวตฺติ ภวิสฺสามิ, พฺรหฺมจริยปรายโณ’’ติ. นวมํ;

๑๐. อาธิปเตยฺยสุตฺตํ

๔๐. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อาธิปเตยฺยานิ. กตมานิ ตีณิ? อตฺตาธิปเตยฺยํ, โลกาธิปเตยฺยํ, ธมฺมาธิปเตยฺยํ. กตมฺจ, ภิกฺขเว, อตฺตาธิปเตยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุฺาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. น ปิณฺฑปาตเหตุ, น เสนาสนเหตุ, น อิติภวาภวเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อปิ จ โขมฺหิ โอติณฺโณ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต. อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถาติ. อหฺเจว โข ปน ยาทิสเก [ยาทิสเก วา (สี. ปี. ก.)] กาเม โอหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต ตาทิสเก วา [จ (ก.)] กาเม ปริเยเสยฺยํ ตโต วา [จ (ก.)] ปาปิฏฺตเร, น เมตํ ปติรูป’นฺติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ ภวิสฺสติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺค’นฺติ. โส อตฺตานํเยว อธิปตึ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อตฺตาธิปเตยฺยํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, โลกาธิปเตยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุฺาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. น ปิณฺฑปาตเหตุ, น เสนาสนเหตุ, น อิติภวาภวเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อปิ จ โขมฺหิ โอติณฺโณ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต. อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถา’ติ. อหฺเจว โข ปน เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กามวิตกฺกํ วา วิตกฺเกยฺยํ, พฺยาปาทวิตกฺกํ วา วิตกฺเกยฺยํ, วิหึสาวิตกฺกํ วา วิตกฺเกยฺยํ, มหา โข ปนายํ โลกสนฺนิวาโส. มหนฺตสฺมึ โข ปน โลกสนฺนิวาเส สนฺติ สมณพฺราหฺมณา อิทฺธิมนฺโต ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุโน. เต ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ปชานนฺติ [ชานนฺติ (ก.)]. เตปิ มํ เอวํ ชาเนยฺยุํ – ‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ กุลปุตฺตํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. เทวตาปิ โข สนฺติ อิทฺธิมนฺตินิโย ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุนิโย. ตา ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ชานนฺติ. ตาปิ มํ เอวํ ชาเนยฺยุํ – ‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ กุลปุตฺตํ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ ภวิสฺสติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺค’นฺติ. โส โลกํเยว อธิปตึ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, โลกาธิปเตยฺยํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ธมฺมาธิปเตยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุฺาคารคโต วา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. น ปิณฺฑปาตเหตุ, น เสนาสนเหตุ, น อิติภวาภวเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อปิ จ โขมฺหิ โอติณฺโณ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, ทุกฺโขติณฺโณ ทุกฺขปเรโต. อปฺเปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปฺาเยถาติ. สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหีติ. สนฺติ โข ปน เม สพฺรหฺมจารี ชานํ ปสฺสํ วิหรนฺติ. อหฺเจว โข ปน เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิโต สมาโน กุสีโต วิหเรยฺยํ ปมตฺโต, น เมตํ อสฺส ปติรูป’นฺติ. โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ ภวิสฺสติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺค’นฺติ. โส ธมฺมํเยว อธิปตึ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ธมฺมาธิปเตยฺยํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อาธิปเตยฺยานี’’ติ.

‘‘นตฺถิ โลเก รโห นาม, ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต;

อตฺตา เต ปุริส ชานาติ, สจฺจํ วา ยทิ วา มุสา.

‘‘กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ, อตฺตานํ อติมฺสิ;

โย สนฺตํ อตฺตนิ ปาปํ, อตฺตานํ ปริคูหสิ.

‘‘ปสฺสนฺติ เทวา จ ตถาคตา จ,

โลกสฺมึ พาลํ วิสมํ จรนฺตํ;

ตสฺมา หิ อตฺตาธิปเตยฺยโก จ [อตฺตาธิปโก สโก จเร (สี. สฺยา. กํ. ปี.)],

โลกาธิโป จ นิปโก จ ฌายี.

‘‘ธมฺมาธิโป จ อนุธมฺมจารี,

หียติ สจฺจปรกฺกโม มุนิ;

ปสยฺห มารํ อภิภุยฺย อนฺตกํ,

โย จ ผุสี ชาติกฺขยํ ปธานวา;

โส ตาทิโส โลกวิทู สุเมโธ,

สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อตมฺมโย มุนี’’ติ. ทสมํ;

เทวทูตวคฺโค จตุตฺโถ.

ตสฺสุทฺทานํ –

พฺรหฺม อานนฺท สาริปุตฺโต, นิทานํ หตฺถเกน จ;

ทูตา ทุเว จ ราชาโน, สุขุมาลาธิปเตยฺเยน จาติ.

๕. จูฬวคฺโค

๑. สมฺมุขีภาวสุตฺตํ

๔๑. ‘‘ติณฺณํ, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปุฺํ ปสวติ. กตเมสํ ติณฺณํ? สทฺธาย, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปุฺํ ปสวติ. เทยฺยธมฺมสฺส, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปุฺํ ปสวติ. ทกฺขิเณยฺยานํ, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปุฺํ ปสวติ. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ติณฺณํ สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปุฺํ ปสวตี’’ติ. ปมํ.

๒. ติานสุตฺตํ

๔๒. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ สทฺโธ ปสนฺโน เวทิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? สีลวนฺตานํ ทสฺสนกาโม โหติ, สทฺธมฺมํ โสตุกาโม โหติ, วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ าเนหิ สทฺโธ ปสนฺโน เวทิตพฺโพ’’.

‘‘ทสฺสนกาโม สีลวตํ, สทฺธมฺมํ โสตุมิจฺฉติ;

วินเย มจฺเฉรมลํ, ส เว สทฺโธติ วุจฺจตี’’ติ. ทุติยํ;

๓. อตฺถวสสุตฺตํ

๔๓. ‘‘ตโย, ภิกฺขเว, อตฺถวเส สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ปเรสํ ธมฺมํ เทเสตุํ. กตเม ตโย? โย ธมฺมํ เทเสติ โส อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฏิสํเวที จ. โย ธมฺมํ สุณาติ โส อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฏิสํเวที จ. โย เจว ธมฺมํ เทเสติ โย จ ธมฺมํ สุณาติ อุโภ อตฺถปฺปฏิสํเวทิโน จ โหนฺติ ธมฺมปฺปฏิสํเวทิโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย อตฺถวเส สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ปเรสํ ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติ. ตติยํ.

๔. กถาปวตฺติสุตฺตํ

๔๔. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ กถา ปวตฺตินี โหติ. กตเมหิ ตีหิ? โย ธมฺมํ เทเสติ โส อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฏิสํเวที จ. โย ธมฺมํ สุณาติ โส อตฺถปฺปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฺปฏิสํเวที จ. โย เจว ธมฺมํ เทเสติ โย จ ธมฺมํ สุณาติ อุโภ อตฺถปฺปฏิสํเวทิโน จ โหนฺติ ธมฺมปฺปฏิสํเวทิโน จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ าเนหิ กถา ปวตฺตินี โหตี’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. ปณฺฑิตสุตฺตํ

๔๕. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตปฺตฺตานิ สปฺปุริสปฺตฺตานิ. กตมานิ ตีณิ? ทานํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตปฺตฺตํ สปฺปุริสปฺตฺตํ. ปพฺพชฺชา, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตปฺตฺตา สปฺปุริสปฺตฺตา. มาตาปิตูนํ, ภิกฺขเว, อุปฏฺานํ ปณฺฑิตปฺตฺตํ สปฺปุริสปฺตฺตํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ปณฺฑิตปฺตฺตานิ สปฺปุริสปฺตฺตานี’’ติ.

‘‘สพฺภิ ทานํ อุปฺตฺตํ, อหึสา สํยโม ทโม;

มาตาปิตุ อุปฏฺานํ, สนฺตานํ พฺรหฺมจารินํ.

‘‘สตํ เอตานิ านานิ, ยานิ เสเวถ ปณฺฑิโต;

อริโย ทสฺสนสมฺปนฺโน, ส โลกํ ภชเต สิว’’นฺติ. ปฺจมํ;

๖. สีลวนฺตสุตฺตํ

๔๖. ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สีลวนฺโต ปพฺพชิตา คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. ตตฺถ มนุสฺสา ตีหิ าเนหิ พหุํ ปุฺํ ปสวนฺติ. กตเมหิ ตีหิ? กาเยน, วาจาย, มนสา. ยํ, ภิกฺขเว, สีลวนฺโต ปพฺพชิตา คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ. ตตฺถ มนุสฺสา อิเมหิ ตีหิ าเนหิ พหุํ ปุฺํ ปสวนฺตี’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. สงฺขตลกฺขณสุตฺตํ

๔๗. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณานิ. กตมานิ ตีณิ? อุปฺปาโท ปฺายติ, วโย ปฺายติ, ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ สงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณานี’’ติ. สตฺตมํ.

๘. อสงฺขตลกฺขณสุตฺตํ

๔๘. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อสงฺขตสฺส อสงฺขตลกฺขณานิ. กตมานิ ตีณิ? น อุปฺปาโท ปฺายติ, น วโย ปฺายติ, น ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อสงฺขตสฺส อสงฺขตลกฺขณานี’’ติ. อฏฺมํ.

๙. ปพฺพตราชสุตฺตํ

๔๙. ‘‘หิมวนฺตํ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชํ นิสฺสาย มหาสาลา ตีหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒนฺติ. กตมาหิ ตีหิ? สาขาปตฺตปลาเสน วฑฺฒนฺติ, ตจปปฏิกาย วฑฺฒนฺติ, เผคฺคุสาเรน วฑฺฒนฺติ. หิมวนฺตํ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชํ นิสฺสาย มหาสาลา อิมาหิ ตีหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒนฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สทฺธํ กุลปตึ นิสฺสาย อนฺโต ชโน ตีหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒติ. กตมาหิ ตีหิ? สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน วฑฺฒติ, ปฺาย วฑฺฒติ. สทฺธํ, ภิกฺขเว, กุลปตึ นิสฺสาย อนฺโต ชโน อิมาหิ ตีหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒตี’’ติ.

‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อรฺสฺมึ พฺรหาวเน;

ตํ รุกฺขา อุปนิสฺสาย, วฑฺฒนฺเต เต วนปฺปตี.

‘‘ตเถว สีลสมฺปนฺนํ, สทฺธํ กุลปตึ อิธ;

อุปนิสฺสาย วฑฺฒนฺติ, ปุตฺตทารา จ พนฺธวา;

อมจฺจา าติสงฺฆา จ, เย จสฺส อนุชีวิโน.

‘‘ตฺยาสฺส สีลวโต สีลํ, จาคํ สุจริตานิ จ;

ปสฺสมานานุกุพฺพนฺติ, อตฺตมตฺถํ [เย ภวนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิจกฺขณา.

‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, มคฺคํ สุคติคามินํ;

นนฺทิโน เทวโลกสฺมึ, โมทนฺติ กามกามิโน’’ติ. นวมํ;

๑๐. อาตปฺปกรณียสุตฺตํ

๕๐. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ อาตปฺปํ กรณียํ. กตเมหิ ตีหิ? อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย อาตปฺปํ กรณียํ, อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย อาตปฺปํ กรณียํ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสนาย อาตปฺปํ กรณียํ. อิเมหิ ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ อาตปฺปํ กรณียํ.

‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย อาตปฺปํ กโรติ, อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย อาตปฺปํ กโรติ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสนาย อาตปฺปํ กโรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาตาปี นิปโก สโต สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ. ทสมํ.

๑๑. มหาโจรสุตฺตํ

๕๑. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิลฺโลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต จ โหติ, คหนนิสฺสิโต จ โหติ, พลวนิสฺสิโต จ โหติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร นทีวิทุคฺคํ วา นิสฺสิโต โหติ ปพฺพตวิสมํ วา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ติณคหนํ วา นิสฺสิโต โหติ, รุกฺขคหนํ วา โรธํ [เคธํ (สี. ปี.)] วา มหาวนสณฺฑํ วา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตฺยาสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิลฺโลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต จ โหติ คหนนิสฺสิโต จ พลวนิสฺสิโต จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสเมน กายกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน วจีกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน มโนกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตฺยาสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวตี’’ติ. เอกาทสมํ.

จูฬวคฺโค ปฺจโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

สมฺมุขี านตฺถวสํ, ปวตฺติ ปณฺฑิต สีลวํ;

สงฺขตํ ปพฺพตาตปฺปํ, มหาโจเรเนกาทสาติ [มหาโจเรน เต ทสาติ (ก.)].

ปโม ปณฺณาสโก สมตฺโต.

๒. ทุติยปณฺณาสกํ

(๖) ๑. พฺราหฺมณวคฺโค

๑. ปมทฺเวพฺราหฺมณสุตฺตํ

๕๒. อถ โข ทฺเว พฺราหฺมณา ชิณฺณา วุทฺธา มหลฺลกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา วีสวสฺสสติกา ชาติยา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต พฺราหฺมณา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มยมสฺสุ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ชิณฺณา วุทฺธา มหลฺลกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา วีสวสฺสสติกา ชาติยา; เต จมฺหา อกตกลฺยาณา อกตกุสลา อกตภีรุตฺตาณา. โอวทตุ โน ภวํ โคตโม, อนุสาสตุ โน ภวํ โคตโม ยํ อมฺหากํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.

‘‘ตคฺฆ ตุมฺเห, พฺราหฺมณา, ชิณฺณา วุทฺธา มหลฺลกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา วีสวสฺสสติกา ชาติยา; เต จตฺถ อกตกลฺยาณา อกตกุสลา อกตภีรุตฺตาณา. อุปนียติ โข อยํ, พฺราหฺมณา, โลโก ชราย พฺยาธินา มรเณน. เอวํ อุปนียมาเน โข, พฺราหฺมณา, โลเก ชราย พฺยาธินา มรเณน, โย อิธ กาเยน สํยโม วาจาย สํยโม มนสา สํยโม, ตํ ตสฺส เปตสฺส ตาณฺจ เลณฺจ ทีปฺจ สรณฺจ ปรายณฺจา’’ติ.

‘‘อุปนียติ ชีวิตมปฺปมายุ,

ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา;

เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน,

ปุฺานิ กยิราถ สุขาวหานิ.

‘‘โยธ กาเยน สํยโม, วาจาย อุท เจตสา;

ตํ ตสฺส เปตสฺส สุขาย โหติ,

ยํ ชีวมาโน ปกโรติ ปุฺ’’นฺติ. [สํ. นิ. ๑.๑๐๐] ปมํ;

๒. ทุติยทฺเวพฺราหฺมณสุตฺตํ

๕๓. อถ โข ทฺเว พฺราหฺมณา ชิณฺณา วุทฺธา มหลฺลกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา วีสวสฺสสติกา ชาติยา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต พฺราหฺมณา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มยมสฺสุ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา ชิณฺณา วุทฺธา มหลฺลกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา วีสวสฺสสติกา ชาติยา; เต จมฺหา อกตกลฺยาณา อกตกุสลา อกตภีรุตฺตาณา. โอวทตุ โน ภวํ โคตโม, อนุสาสตุ โน ภวํ โคตโม ยํ อมฺหากํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.

‘‘ตคฺฆ ตุมฺเห, พฺราหฺมณา, ชิณฺณา วุทฺธา มหลฺลกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา วีสวสฺสสติกา ชาติยา; เต จตฺถ อกตกลฺยาณา อกตกุสลา อกตภีรุตฺตาณา. อาทิตฺโต โข อยํ, พฺราหฺมณา, โลโก ชราย พฺยาธินา มรเณน. เอวํ อาทิตฺเต โข, พฺราหฺมณา, โลเก ชราย พฺยาธินา มรเณน, โย อิธ กาเยน สํยโม วาจาย สํยโม มนสา สํยโม, ตํ ตสฺส เปตสฺส ตาณฺจ เลณฺจ ทีปฺจ สรณฺจ ปรายณฺจา’’ติ.

‘‘อาทิตฺตสฺมึ อคารสฺมึ, ยํ นีหรติ ภาชนํ;

ตํ ตสฺส โหติ อตฺถาย, โน จ ยํ ตตฺถ ฑยฺหติ.

‘‘เอวํ อาทิตฺโต โข [เอวํ อาทีวิโต (สี. ปี.), เอวํ อาทิตฺตโก (สฺยา. กํ.) สํ. นิ. ๑.๔๑] โลโก, ชราย มรเณน จ;

นีหเรเถว ทาเนน, ทินฺนํ โหติ สุนีหตํ [สุนิพฺภตํ (ก.)].

‘‘โยธ กาเยน สํยโม, วาจาย อุท เจตสา;

ตํ ตสฺส เปตสฺส สุขาย โหติ,

ยํ ชีวมาโน ปกโรติ ปุฺ’’นฺติ. ทุติยํ;

๓. อฺตรพฺราหฺมณสุตฺตํ

๕๔. อถ โข อฺตโร พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ…เป… เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘‘สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม’ติ, โภ โคตม, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, โภ โคตม, สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม โหติ อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก [โอปนยิโก (สี. สฺยา. กํ. ปี.) ปฺจมสุตฺตสฺส ฏีกา โอโลเกตพฺพา] ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ?

‘‘รตฺโต โข, พฺราหฺมณ, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. ราเค ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. (รตฺโต โข…เป… กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. ราเค ปหีนา เนว กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, น วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, น มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. รตฺโต โข…เป… อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ราเค ปหีเน อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ.) [( ) เอตฺถนฺตเร ปาโ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ น ทิสฺสติ, อิธปิ ทุฏฺมูฬฺหวาเรสุ] เอวมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม โหติ…เป….

‘‘ทุฏฺโ โข, พฺราหฺมณ, โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. โทเส ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น เจตสิกมฺปิ [น เจตสิกํ (สี. สฺยา. ก.)] ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. เอวมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม โหติ…เป….

‘‘มูฬฺโห โข, พฺราหฺมณ, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. โมเห ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. เอวํ โข, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม โหติ อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ.

‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ตติยํ.

๔. ปริพฺพาชกสุตฺตํ

๕๕. อถ โข อฺตโร พฺราหฺมณปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา…เป… เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส พฺราหฺมณปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘‘สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม’ติ, โภ โคตม, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, โภ โคตม, สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม โหติ อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ?

‘‘รตฺโต โข, พฺราหฺมณ, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. ราเค ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ.

‘‘รตฺโต โข, พฺราหฺมณ, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. ราเค ปหีเน เนว กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, น วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, น มนสา ทุจฺจริตํ จรติ.

‘‘รตฺโต โข, พฺราหฺมณ, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ราเค ปหีเน อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม โหติ…เป….

‘‘ทุฏฺโ โข, พฺราหฺมณ, โทเสน…เป… มูฬฺโห โข, พฺราหฺมณ, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. โมเห ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ.

‘‘มูฬฺโห โข, พฺราหฺมณ, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต, กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โมเห ปหีเน เนว กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, น วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, น มนสา ทุจฺจริตํ จรติ.

‘‘มูฬฺโห โข, พฺราหฺมณ, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. โมเห ปหีเน อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวํ โข, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม โหติ อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ.

‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. จตุตฺถํ.

๕. นิพฺพุตสุตฺตํ

๕๖. อถ โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘‘สนฺทิฏฺิกํ นิพฺพานํ สนฺทิฏฺิกํ นิพฺพาน’นฺติ, โภ โคตม, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, โภ โคตม, สนฺทิฏฺิกํ นิพฺพานํ โหติ อกาลิกํ เอหิปสฺสิกํ โอปเนยฺยิกํ ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพํ วิฺูหี’’ติ?

‘‘รตฺโต โข, พฺราหฺมณ, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. ราเค ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. เอวมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิกํ นิพฺพานํ โหติ.

‘‘ทุฏฺโ โข, พฺราหฺมณ…เป… มูฬฺโห โข, พฺราหฺมณ, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. โมเห ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. เอวมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิกํ นิพฺพานํ โหติ.

‘‘ยโต โข อยํ, พฺราหฺมณ [ยโต จ โข อยํ พฺราหฺมณ (สี.), ยโต โข พฺราหฺมณ อกาลิกํ เอหิปสฺสิกํ โอปเนยฺยิกํ ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพํ (ก.)], อนวเสสํ ราคกฺขยํ ปฏิสํเวเทติ, อนวเสสํ โทสกฺขยํ ปฏิสํเวเทติ, อนวเสสํ โมหกฺขยํ ปฏิสํเวเทติ; เอวํ โข, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิกํ นิพฺพานํ โหติ อกาลิกํ เอหิปสฺสิกํ โอปเนยฺยิกํ ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพํ วิฺูหี’’ติ. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ปฺจมํ.

๖. ปโลกสุตฺตํ

๕๗. อถ โข อฺตโร พฺราหฺมณมหาสาโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ…เป… เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส พฺราหฺมณมหาสาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม, ปุพฺพกานํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘ปุพฺเพ สุทํ [ปุพฺพสฺสุทํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อยํ โลโก อวีจิ มฺเ ผุโฏ อโหสิ มนุสฺเสหิ, กุกฺกุฏสํปาติกา คามนิคมราชธานิโย’ติ. โก นุ โข, โภ โคตม, เหตุ โก ปจฺจโย เยเนตรหิ มนุสฺสานํ ขโย โหติ, ตนุตฺตํ ปฺายติ, คามาปิ อคามา โหนฺติ, นิคมาปิ อนิคมา โหนฺติ, นคราปิ อนครา โหนฺติ, ชนปทาปิ อชนปทา โหนฺตี’’ติ?

‘‘เอตรหิ, พฺราหฺมณ, มนุสฺสา อธมฺมราครตฺตา วิสมโลภาภิภูตา มิจฺฉาธมฺมปเรตา. เต อธมฺมราครตฺตา วิสมโลภาภิภูตา มิจฺฉาธมฺมปเรตา ติณฺหานิ สตฺถานิ คเหตฺวา อฺมฺํ [อฺมฺสฺส (สพฺพตฺถ)] ชีวิตา โวโรเปนฺติ, เตน พหู มนุสฺสา กาลํ กโรนฺติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยเนตรหิ มนุสฺสานํ ขโย โหติ, ตนุตฺตํ ปฺายติ, คามาปิ อคามา โหนฺติ, นิคมาปิ อนิคมา โหนฺติ, นคราปิ อนครา โหนฺติ, ชนปทาปิ อชนปทา โหนฺติ.

‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, เอตรหิ มนุสฺสา อธมฺมราครตฺตา วิสมโลภาภิภูตา มิจฺฉาธมฺมปเรตา. เตสํ อธมฺมราครตฺตานํ วิสมโลภาภิภูตานํ มิจฺฉาธมฺมปเรตานํ เทโว น สมฺมาธารํ อนุปฺปเวจฺฉติ. เตน ทุพฺภิกฺขํ โหติ ทุสฺสสฺสํ เสตฏฺิกํ สลากาวุตฺตํ. เตน พหู มนุสฺสา กาลํ กโรนฺติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยเนตรหิ มนุสฺสานํ ขโย โหติ, ตนุตฺตํ ปฺายติ, คามาปิ อคามา โหนฺติ, นิคมาปิ อนิคมา โหนฺติ, นคราปิ อนครา โหนฺติ, ชนปทาปิ อชนปทา โหนฺติ.

‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, เอตรหิ มนุสฺสา อธมฺมราครตฺตา วิสมโลภาภิภูตา มิจฺฉาธมฺมปเรตา. เตสํ อธมฺมราครตฺตานํ วิสมโลภาภิภูตานํ มิจฺฉาธมฺมปเรตานํ ยกฺขา วาเฬ อมนุสฺเส โอสฺสชฺชนฺติ [โอสฺสชนฺติ (สี.)], เตน พหู มนุสฺสา กาลํ กโรนฺติ. อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยเนตรหิ มนุสฺสานํ ขโย โหติ, ตนุตฺตํ ปฺายติ, คามาปิ อคามา โหนฺติ, นิคมาปิ อนิคมา โหนฺติ, นคราปิ อนครา โหนฺติ, ชนปทาปิ อชนปทา โหนฺตี’’ติ.

‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ฉฏฺํ.

๗. วจฺฉโคตฺตสุตฺตํ

๕๘. อถ โข วจฺฉโคตฺโต [วจฺฉปุตฺโต (ก.)] ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข วจฺฉโคตฺโต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, โภ โคตม, สมโณ โคตโม เอวมาห – ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ, นาฺเสํ ทานํ ทาตพฺพํ; มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, นาฺเสํ สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ; มยฺหเมว ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาฺเสํ ทินฺนํ มหปฺผลํ; มยฺหเมว สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาฺเสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ. เย เต, โภ โคตม, เอวมาหํสุ ‘สมโณ โคตโม เอวมาห มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ, นาฺเสํ ทานํ ทาตพฺพํ. มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, นาฺเสํ สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ. มยฺหเมว ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาฺเสํ ทินฺนํ มหปฺผลํ. มยฺหเมว สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาฺเสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ. กจฺจิ เต โภโต โคตมสฺส วุตฺตวาทิโน จ ภวนฺตํ โคตมํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากโรนฺติ, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต [วาทานุวาโท (ก.)] คารยฺหํ านํ อาคจฺฉติ? อนพฺภกฺขาตุกามา หิ มยํ ภวนฺตํ โคตม’’นฺติ.

‘‘เย เต, วจฺฉ, เอวมาหํสุ – ‘สมโณ โคตโม เอวมาห – มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ…เป… นาฺเสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติ น เม เต วุตฺตวาทิโน. อพฺภาจิกฺขนฺติ จ ปน มํ [จ ปน มํ เต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อสตา อภูเตน. โย โข, วจฺฉ, ปรํ ทานํ ททนฺตํ วาเรติ โส ติณฺณํ อนฺตรายกโร โหติ, ติณฺณํ ปาริปนฺถิโก. กตเมสํ ติณฺณํ? ทายกสฺส ปุฺนฺตรายกโร โหติ, ปฏิคฺคาหกานํ ลาภนฺตรายกโร โหติ, ปุพฺเพว โข ปนสฺส อตฺตา ขโต จ โหติ อุปหโต จ. โย โข, วจฺฉ, ปรํ ทานํ ททนฺตํ วาเรติ โส อิเมสํ ติณฺณํ อนฺตรายกโร โหติ, ติณฺณํ ปาริปนฺถิโก.

‘‘อหํ โข ปน, วจฺฉ, เอวํ วทามิ – เย หิ เต จนฺทนิกาย วา โอลิคลฺเล วา ปาณา, ตตฺรปิ โย ถาลิโธวนํ [ถาลกโธวนํ (ก.)] วา สราวโธวนํ วา ฉฑฺเฑติ – เย ตตฺถ ปาณา เต เตน ยาเปนฺตูติ, ตโต นิทานมฺปาหํ, วจฺฉ, ปุฺสฺส อาคมํ วทามิ. โก ปน วาโท มนุสฺสภูเต! อปิ จาหํ, วจฺฉ, สีลวโต ทินฺนํ มหปฺผลํ วทามิ, โน ตถา ทุสฺสีลสฺส, โส จ โหติ ปฺจงฺควิปฺปหีโน ปฺจงฺคสมนฺนาคโต.

‘‘กตมานิ ปฺจงฺคานิ ปหีนานิ โหนฺติ? กามจฺฉนฺโท ปหีโน โหติ, พฺยาปาโท ปหีโน โหติ, ถินมิทฺธํ ปหีนํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหีนํ โหติ, วิจิกิจฺฉา ปหีนา โหติ. อิมานิ ปฺจงฺคานิ วิปฺปหีนานิ โหนฺติ.

‘‘กตเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ? อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสกฺเขน สมาธิกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสกฺเขน ปฺากฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสกฺเขน วิมุตฺติกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสกฺเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ; อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต โหติ. อิติ ปฺจงฺควิปฺปหีเน ปฺจงฺคสมนฺนาคเต ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ วทามี’’ติ.

‘‘อิติ กณฺหาสุ เสตาสุ, โรหิณีสุ หรีสุ วา;

กมฺมาสาสุ สรูปาสุ, โคสุ ปาเรวตาสุ วา.

‘‘ยาสุ กาสุจิ เอตาสุ, ทนฺโต ชายติ ปุงฺคโว;

โธรยฺโห พลสมฺปนฺโน, กลฺยาณชวนิกฺกโม;

ตเมว ภาเร ยุฺชนฺติ, นาสฺส วณฺณํ ปริกฺขเร.

‘‘เอวเมวํ มนุสฺเสสุ, ยสฺมึ กสฺมิฺจิ ชาติเย;

ขตฺติเย พฺราหฺมเณ เวสฺเส, สุทฺเท จณฺฑาลปุกฺกุเส.

‘‘ยาสุ กาสุจิ เอตาสุ, ทนฺโต ชายติ สุพฺพโต;

ธมฺมฏฺโ สีลสมฺปนฺโน, สจฺจวาที หิรีมโน.

‘‘ปหีนชาติมรโณ, พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี;

ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต, กตกิจฺโจ อนาสโว.

‘‘ปารคู สพฺพธมฺมานํ, อนุปาทาย นิพฺพุโต;

ตสฺมึเยว [ตสฺมึ เว (สฺยา. กํ.)] วิรเช เขตฺเต, วิปุลา โหติ ทกฺขิณา.

‘‘พาลา จ อวิชานนฺตา, ทุมฺเมธา อสฺสุตาวิโน;

พหิทฺธา เทนฺติ ทานานิ, น หิ สนฺเต อุปาสเร.

‘‘เย จ สนฺเต อุปาสนฺติ, สปฺปฺเ ธีรสมฺมเต;

สทฺธา จ เนสํ สุคเต, มูลชาตา ปติฏฺิตา.

‘‘เทวโลกฺจ เต ยนฺติ, กุเล วา อิธ ชายเร;

อนุปุพฺเพน นิพฺพานํ, อธิคจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. สตฺตมํ;

๘. ติกณฺณสุตฺตํ

๕๙. อถ โข ติกณฺโณ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ…เป… เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ติกณฺโณ พฺราหฺมโณ ภควโต สมฺมุขา เตวิชฺชานํ สุทํ พฺราหฺมณานํ วณฺณํ ภาสติ – ‘‘เอวมฺปิ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา, อิติปิ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา’’ติ.

‘‘ยถา กถํ ปน, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ เตวิชฺชํ ปฺาเปนฺตี’’ติ? ‘‘อิธ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา, อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน, อชฺฌายโก, มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโยติ. เอวํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เตวิชฺชํ ปฺาเปนฺตี’’ติ.

‘‘อฺถา โข, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ เตวิชฺชํ ปฺเปนฺติ, อฺถา จ ปน อริยสฺส วินเย เตวิชฺโช โหตี’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน, โภ โคตม, อริยสฺส วินเย เตวิชฺโช โหติ? สาธุ เม ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส วินเย เตวิชฺโช โหตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ติกณฺโณ พฺราหฺมโณ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘อิธ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.

‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตารีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ, อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ. ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. อยมสฺส ปมา วิชฺชา อธิคตา โหติ; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.

‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา…เป… มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา, วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา, มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. อยมสฺส ทุติยา วิชฺชา อธิคตา โหติ; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.

‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ; วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อยมสฺส ตติยา วิชฺชา อธิคตา โหติ; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต’’ติ.

‘‘อนุจฺจาวจสีลสฺส, นิปกสฺส จ ฌายิโน;

จิตฺตํ ยสฺส วสีภูตํ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ.

‘‘ตํ เว ตโมนุทํ ธีรํ, เตวิชฺชํ มจฺจุหายินํ;

หิตํ เทวมนุสฺสานํ, อาหุ สพฺพปฺปหายินํ.

‘‘ตีหิ วิชฺชาหิ สมฺปนฺนํ, อสมฺมูฬฺหวิหารินํ;

พุทฺธํ อนฺติมเทหินํ [อนฺติมสารีรํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], ตํ นมสฺสนฺติ โคตมํ.

[ธ. ป. ๔๒๓; อิติวุ. ๙๙] ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ โย เวที, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;

อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ.

‘‘เอตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ, เตวิชฺโช โหติ พฺราหฺมโณ;

ตมหํ วทามิ เตวิชฺชํ, นาฺํ ลปิตลาปน’’นฺติ.

‘‘เอวํ โข, พฺราหฺมณ, อริยสฺส วินเย เตวิชฺโช โหตี’’ติ. ‘‘อฺถา, โภ โคตม, พฺราหฺมณานํ เตวิชฺโช, อฺถา จ ปน อริยสฺส วินเย เตวิชฺโช โหติ. อิมสฺส จ ปน, โภ โคตม, อริยสฺส วินเย เตวิชฺชสฺส พฺราหฺมณานํ เตวิชฺโช กลํ นาคฺฆติ โสฬสึ’’.

‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. อฏฺมํ.

๙. ชาณุสฺโสณิสุตฺตํ

๖๐. อถ โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ…เป… เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยสฺสสฺสุ, โภ โคตม, ยฺโ วา สทฺธํ วา ถาลิปาโก วา เทยฺยธมฺมํ วา, เตวิชฺเชสุ พฺราหฺมเณสุ ทานํ ทเทยฺยา’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา เตวิชฺชํ ปฺเปนฺตี’’ติ? ‘‘อิธ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน, อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโยติ. เอวํ โข, โภ โคตม, พฺราหฺมณา เตวิชฺชํ ปฺเปนฺตี’’ติ.

‘‘อฺถา โข, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณํ เตวิชฺชํ ปฺเปนฺติ, อฺถา จ ปน อริยสฺส วินเย เตวิชฺโช โหตี’’ติ. ‘‘ยถา กถํ ปน, โภ โคตม, อริยสฺส วินเย เตวิชฺโช โหติ? สาธุ เม ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส วินเย เตวิชฺโช โหตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, โภ’’ติ โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.

‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. อยมสฺส ปมา วิชฺชา อธิคตา โหติ; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.

‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. อยมสฺส ทุติยา วิชฺชา อธิคตา โหติ; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.

‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ; วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อยมสฺส ตติยา วิชฺชา อธิคตา โหติ; อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต’’ติ.

‘‘โย สีลพฺพตสมฺปนฺโน, ปหิตตฺโต สมาหิโต;

จิตฺตํ ยสฺส วสีภูตํ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ.

[ธ. ป. ๔๒๓; อิติวุ. ๙๙] ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ โย เวที, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;

อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ.

‘‘เอตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ, เตวิชฺโช โหติ พฺราหฺมโณ;

ตมหํ วทามิ เตวิชฺชํ, นาฺํ ลปิตลาปน’’นฺติ.

‘‘เอวํ โข, พฺราหฺมณ, อริยสฺส วินเย เตวิชฺโช โหตี’’ติ. ‘‘อฺถา, โภ โคตม, พฺราหฺมณานํ เตวิชฺโช, อฺถา จ ปน อริยสฺส วินเย เตวิชฺโช โหติ. อิมสฺส จ, โภ โคตม, อริยสฺส วินเย เตวิชฺชสฺส พฺราหฺมณานํ เตวิชฺโช กลํ นาคฺฆติ โสฬสึ’’.

‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. นวมํ.

๑๐. สงฺคารวสุตฺตํ

๖๑. อถ โข สงฺคารโว พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สงฺคารโว พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยมสฺสุ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นาม. ยฺํ ยชามปิ ยชาเปมปิ. ตตฺร, โภ โคตม, โย เจว ยชติ [โย เจว ยฺํ ยชติ (สฺยา. กํ.)] โย จ ยชาเปติ สพฺเพ เต อเนกสารีริกํ ปุฺปฺปฏิปทํ ปฏิปนฺนา โหนฺติ, ยทิทํ ยฺาธิกรณํ. โย ปนายํ, โภ โคตม, ยสฺส วา ตสฺส วา กุลา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต เอกมตฺตานํ ทเมติ, เอกมตฺตานํ สเมติ, เอกมตฺตานํ ปรินิพฺพาเปติ, เอวมสฺสายํ เอกสารีริกํ ปุฺปฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ, ยทิทํ ปพฺพชฺชาธิกรณ’’นฺติ.

‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส เอวมาห – ‘เอถายํ มคฺโค อยํ ปฏิปทา ยถาปฏิปนฺโน อหํ อนุตฺตรํ พฺรหฺมจริโยคธํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทมิ; เอถ [เอตํ (ก.)], ตุมฺเหปิ ตถา ปฏิปชฺชถ, ยถาปฏิปนฺนา ตุมฺเหปิ อนุตฺตรํ พฺรหฺมจริโยคธํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’ติ. อิติ อยฺเจว [สยํ เจว (ก.)] สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, ปเร จ ตถตฺถาย ปฏิปชฺชนฺติ, ตานิ โข ปน โหนฺติ อเนกานิปิ สตานิ อเนกานิปิ สหสฺสานิ อเนกานิปิ สตสหสฺสานิ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, พฺราหฺมณ, อิจฺจายํ เอวํ สนฺเต เอกสารีริกา วา ปุฺปฺปฏิปทา โหติ อเนกสารีริกา วา, ยทิทํ ปพฺพชฺชาธิกรณ’’นฺติ? ‘‘อิจฺจายมฺปิ [อิจฺจายนฺเต (ก.)], โภ โคตม, เอวํ สนฺเต อเนกสารีริกา ปุฺปฺปฏิปทา โหติ, ยทิทํ ปพฺพชฺชาธิกรณ’’นฺติ.

เอวํ วุตฺเต อายสฺมา อานนฺโท สงฺคารวํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘อิมาสํ เต, พฺราหฺมณ, ทฺวินฺนํ ปฏิปทานํ กตมา ปฏิปทา ขมติ อปฺปตฺถตรา จ อปฺปสมารมฺภตรา จ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จา’’ติ? เอวํ วุตฺเต สงฺคารโว พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ ภวํ โคตโม ภวํ จานนฺโท. เอเต เม ปุชฺชา, เอเต เม ปาสํสา’’ติ.

ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท สงฺคารวํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘น โข ตฺยาหํ, พฺราหฺมณ, เอวํ ปุจฺฉามิ – ‘เก วา เต ปุชฺชา เก วา เต ปาสํสา’ติ? เอวํ โข ตฺยาหํ, พฺราหฺมณ, ปุจฺฉามิ – ‘อิมาสํ เต, พฺราหฺมณ, ทฺวินฺนํ ปฏิปทานํ กตมา ปฏิปทา ขมติ อปฺปตฺถตรา จ อปฺปสมารมฺภตรา จ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จา’’’ติ? ทุติยมฺปิ โข สงฺคารโว พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ ภวํ โคตโม ภวํ จานนฺโท. เอเต เม ปุชฺชา, เอเต เม ปาสํสา’’ติ.

ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท สงฺคารวํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘น โข ตฺยาหํ, พฺราหฺมณ, เอวํ ปุจฺฉามิ – ‘เก วา เต ปุชฺชา เก วา เต ปาสํสา’ติ? เอวํ โข ตฺยาหํ, พฺราหฺมณ, ปุจฺฉามิ – ‘อิมาสํ เต, พฺราหฺมณ, ทฺวินฺนํ ปฏิปทานํ กตมา ปฏิปทา ขมติ อปฺปตฺถตรา จ อปฺปสมารมฺภตรา จ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จา’’’ติ? ตติยมฺปิ โข สงฺคารโว พฺราหฺมโณ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ ภวํ โคตโม ภวํ จานนฺโท. เอเต เม ปุชฺชา, เอเต เม ปาสํสา’’ติ.

อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘ยาว ตติยมฺปิ โข สงฺคารโว พฺราหฺมโณ อานนฺเทน สหธมฺมิกํ ปฺหํ ปุฏฺโ สํสาเทติ [ม. นิ. ๑.๓๓๗] โน วิสฺสชฺเชติ. ยํนูนาหํ ปริโมเจยฺย’’นฺติ. อถ โข ภควา สงฺคารวํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘‘กา นฺวชฺช, พฺราหฺมณ, ราชนฺเตปุเร ราชปุริสานํ [ราชปริสายํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อนฺตรากถา อุทปาที’’ติ? ‘‘อยํ ขฺวชฺช, โภ โคตม, ราชนฺเตปุเร ราชปุริสานํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘ปุพฺเพ สุทํ อปฺปตรา เจว ภิกฺขู อเหสุํ พหุตรา จ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสสุํ; เอตรหิ ปน พหุตรา เจว ภิกฺขู อปฺปตรา จ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสนฺตี’ติ. อยํ ขฺวชฺช, โภ โคตม, ราชนฺเตปุเร ราชปุริสานํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อนฺตรากถา อุทปาที’’ติ.

[ปฏิ. ม. ๓.๓๐; ที. นิ. ๑.๔๘๓] ‘‘ตีณิ โข อิมานิ, พฺราหฺมณ, ปาฏิหาริยานิ. กตมานิ ตีณิ? อิทฺธิปาฏิหาริยํ, อาเทสนาปาฏิหาริยํ, อนุสาสนีปาฏิหาริยํ. กตมฺจ, พฺราหฺมณ, อิทฺธิปาฏิหาริยํ? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ – ‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กมติ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมสติ [ปรามสติ (ที. นิ. ๑.๔๘๔; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๒] ปริมชฺชติ, ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตติ’. อิทํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, อิทฺธิปาฏิหาริยํ.

‘‘กตมฺจ, พฺราหฺมณ, อาเทสนาปาฏิหาริยํ? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ นิมิตฺเตน อาทิสติ – ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’นฺติ. โส พหุํ เจปิ อาทิสติ ตเถว ตํ โหติ, โน อฺถา.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ น เหว โข นิมิตฺเตน อาทิสติ, อปิ จ โข มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ – ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’นฺติ. โส พหุํ เจปิ อาทิสติ ตเถว ตํ โหติ, โน อฺถา.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ น เหว โข นิมิตฺเตน อาทิสติ นปิ มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ, อปิ จ โข วิตกฺกยโต วิจารยโต วิตกฺกวิปฺผารสทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ – ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’นฺติ. โส พหุํ เจปิ อาทิสติ ตเถว ตํ โหติ, โน อฺถา.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ น เหว โข นิมิตฺเตน อาทิสติ, นปิ มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ, นปิ วิตกฺกยโต วิจารยโต วิตกฺกวิปฺผารสทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ, อปิ จ โข อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธึ สมาปนฺนสฺส เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ – ‘ยถา อิมสฺส โภโต มโนสงฺขารา ปณิหิตา อิมสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อมุํ นาม วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสตี’ติ. โส พหุํ เจปิ อาทิสติ ตเถว ตํ โหติ, โน อฺถา. อิทํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, อาเทสนาปาฏิหาริยํ.

‘‘กตมฺจ, พฺราหฺมณ, อนุสาสนีปาฏิหาริยํ? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ เอวมนุสาสติ – ‘เอวํ วิตกฺเกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถ; เอวํ มนสิ กโรถ, มา เอวํ มนสากตฺถ; อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ. อิทํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, อนุสาสนีปาฏิหาริยํ. อิมานิ โข, พฺราหฺมณ, ตีณิ ปาฏิหาริยานิ. อิเมสํ เต, พฺราหฺมณ, ติณฺณํ ปาฏิหาริยานํ กตมํ ปาฏิหาริยํ ขมติ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจา’’ติ?

‘‘ตตฺร, โภ โคตม, ยทิทํ [ยมิทํ (สฺยา. กํ. ปี.)] ปาฏิหาริยํ อิเธกจฺโจ อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ…เป… ยาว พฺราหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตติ, อิทํ, โภ โคตม, ปาฏิหาริยํ โยว [โย จ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] นํ กโรติ โสว [โสจ จ (สฺยา. กํ ปี. ก.)] นํ ปฏิสํเวเทติ, โยว [โย จ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] นํ กโรติ ตสฺเสว [ตสฺสเมว (สี. ก.), ตสฺส เจว (สฺยา. กํ. ปี.)] ตํ โหติ. อิทํ เม, โภ โคตม, ปาฏิหาริยํ มายาสหธมฺมรูปํ วิย ขายติ.

‘‘ยมฺปิทํ, โภ โคตม, ปาฏิหาริยํ อิเธกจฺโจ นิมิตฺเตน อาทิสติ – ‘เอวมฺปิ เต มโน, อิตฺถมฺปิ เต มโน, อิติปิ เต จิตฺต’นฺติ, โส พหุํ เจปิ อาทิสติ ตเถว ตํ โหติ, โน อฺถา. อิธ ปน, โภ โคตม, เอกจฺโจ น เหว โข นิมิตฺเตน อาทิสติ, อปิ จ โข มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ…เป… นปิ มนุสฺสานํ วา อมนุสฺสานํ วา เทวตานํ วา สทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ, อปิ จ โข วิตกฺกยโต วิจารยโต วิตกฺกวิปฺผารสทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ…เป… นปิ วิตกฺกยโต วิจารยโต วิตกฺกวิปฺผารสทฺทํ สุตฺวา อาทิสติ, อปิ จ โข อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธึ สมาปนฺนสฺส เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ – ‘ยถา อิมสฺส โภโต มโนสงฺขารา ปณิหิตา อิมสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อมฺหํ นาม วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสตี’ติ, โส พหุํ เจปิ อาทิสติ ตเถว ตํ โหติ, โน อฺถา. อิทมฺปิ, โภ โคตม, ปาฏิหาริยํ โยว นํ กโรติ โสว นํ ปฏิสํเวเทติ, โยว นํ กโรติ ตสฺเสว ตํ โหติ. อิทมฺปิ เม, โภ โคตม, ปาฏิหาริยํ มายาสหธมฺมรูปํ วิย ขายติ.

‘‘ยฺจ โข อิทํ, โภ โคตม, ปาฏิหาริยํ อิเธกจฺโจ เอวํ อนุสาสติ – ‘เอวํ วิตกฺเกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถ; เอวํ มนสิ กโรถ, มา เอวํ มนสากตฺถ; อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’ติ. อิทเมว, โภ โคตม, ปาฏิหาริยํ ขมติ อิเมสํ ติณฺณํ ปาฏิหาริยานํ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ.

‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! ยาวสุภาสิตมิทํ โภตา โคตเมน อิเมหิ จ มยํ ตีหิ ปาฏิหาริเยหิ สมนฺนาคตํ ภวนฺตํ โคตมํ ธาเรม. ภวฺหิ โคตโม อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ…เป… ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตติ, ภวฺหิ โคตโม อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธึ สมาปนฺนสฺส เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ – ‘ยถา อิมสฺส โภโต มโนสงฺขารา ปณิหิตา อิมสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อมุํ นาม วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสตี’ติ. ภวฺหิ โคตโม เอวมนุสาสติ – ‘เอวํ วิตกฺเกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถ; เอวํ มนสิ กโรถ, มา เอวํ มนสากตฺถ; อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’’’ติ.

‘‘อทฺธา โข ตฺยาหํ, พฺราหฺมณ, อาสชฺช อุปนีย วาจา ภาสิตา; อปิ จ ตฺยาหํ พฺยากริสฺสามิ. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภมิ…เป… ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตมิ. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธึ สมาปนฺนสฺส เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘ยถา อิมสฺส โภโต มโนสงฺขารา ปณิหิตา, อิมสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อมุํ นาม วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสตี’ติ. อหฺหิ, พฺราหฺมณ, เอวมนุสาสามิ – ‘เอวํ วิตกฺเกถ, มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถ; เอวํ มนสิ กโรถ, มา เอวํ มนสากตฺถ; อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’’’ติ.

‘‘อตฺถิ ปน, โภ โคตม, อฺโ เอกภิกฺขุปิ โย อิเมหิ ตีหิ ปาฏิหาริเยหิ สมนฺนาคโต, อฺตฺร โภตา โคตเมนา’’ติ? ‘‘น โข, พฺราหฺมณ, เอกํเยว สตํ น ทฺเว สตานิ น ตีณิ สตานิ น จตฺตาริ สตานิ น ปฺจ สตานิ, อถ โข ภิยฺโยว, เย [เต (ก.) ปสฺส ม. นิ. ๒.๑๙๕] ภิกฺขู อิเมหิ ตีหิ ปาฏิหาริเยหิ สมนฺนาคตา’’ติ. ‘‘กหํ ปน, โภ โคตม, เอตรหิ เต ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ? ‘‘อิมสฺมึเยว โข, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุสงฺเฆ’’ติ.

‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ, เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ทสมํ.

พฺราหฺมณวคฺโค ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

ทฺเว พฺราหฺมณา จฺตโร, ปริพฺพาชเกน นิพฺพุตํ;

ปโลกวจฺโฉ ติกณฺโณ, โสณิ สงฺคารเวน จาติ.

(๗) ๒. มหาวคฺโค

๑. ติตฺถายตนาทิสุตฺตํ

๖๒. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ติตฺถายตนานิ ยานิ ปณฺฑิเตหิ สมนุยุฺชิยมานานิ [สมนุคฺคาหิยมานานิ (สฺยา. กํ. ก.)] สมนุคาหิยมานานิ สมนุภาสิยมานานิ ปรมฺปิ คนฺตฺวา อกิริยาย สณฺหนฺติ. กตมานิ ตีณิ? สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘ยํ กิฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ ปุพฺเพกตเหตู’ติ. สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘ยํ กิฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อิสฺสรนิมฺมานเหตู’ติ. สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘ยํ กิฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อเหตุอปฺปจฺจยา’’’ติ.

‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘ยํ กิฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ ปุพฺเพกตเหตู’ติ, ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ยํ กิฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ ปุพฺเพกตเหตู’ติ? เต จ เม [เต เจ เม (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เอวํ ปุฏฺา ‘อามา’ติ [อาโมติ (สี.)] ปฏิชานนฺติ. ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตนหายสฺมนฺโต ปาณาติปาติโน ภวิสฺสนฺติ ปุพฺเพกตเหตุ, อทินฺนาทายิโน ภวิสฺสนฺติ ปุพฺเพกตเหตุ, อพฺรหฺมจาริโน ภวิสฺสนฺติ ปุพฺเพกตเหตุ, มุสาวาทิโน ภวิสฺสนฺติ ปุพฺเพกตเหตุ, ปิสุณวาจา ภวิสฺสนฺติ ปุพฺเพกตเหตุ, ผรุสวาจา ภวิสฺสนฺติ ปุพฺเพกตเหตุ, สมฺผปฺปลาปิโน ภวิสฺสนฺติ ปุพฺเพกตเหตุ, อภิชฺฌาลุโน ภวิสฺสนฺติ ปุพฺเพกตเหตุ, พฺยาปนฺนจิตฺตา ภวิสฺสนฺติ ปุพฺเพกตเหตุ, มิจฺฉาทิฏฺิกา ภวิสฺสนฺติ ปุพฺเพกตเหตุ’’’.

‘‘ปุพฺเพกตํ โข ปน, ภิกฺขเว, สารโต ปจฺจาคจฺฉตํ น โหติ ฉนฺโท วา วายาโม วา อิทํ วา กรณียํ อิทํ วา อกรณียนฺติ. อิติ กรณียากรณีเย โข ปน สจฺจโต เถตโต อนุปลพฺภิยมาเน มุฏฺสฺสตีนํ อนารกฺขานํ วิหรตํ น โหติ ปจฺจตฺตํ สหธมฺมิโก สมณวาโท. อยํ โข เม, ภิกฺขเว, เตสุ สมณพฺราหฺมเณสุ เอวํวาทีสุ เอวํทิฏฺีสุ ปโม สหธมฺมิโก นิคฺคโห โหติ.

‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘ยํ กิฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อิสฺสรนิมฺมานเหตู’ติ, ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํวาทิโน เอวทิฏฺิโน – ยํ กิฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อิสฺสรนิมฺมานเหตู’ติ? เต จ เม เอวํ ปุฏฺา ‘อามา’ติ ปฏิชานนฺติ. ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตนหายสฺมนฺโต ปาณาติปาติโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, อทินฺนาทายิโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, อพฺรหฺมจาริโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, มุสาวาทิโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, ปิสุณวาจา ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, ผรุสวาจา ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, สมฺผปฺปลาปิโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, อภิชฺฌาลุโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, พฺยาปนฺนจิตฺตา ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, มิจฺฉาทิฏฺิกา ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ’’’.

‘‘อิสฺสรนิมฺมานํ โข ปน, ภิกฺขเว, สารโต ปจฺจาคจฺฉตํ น โหติ ฉนฺโท วา วายาโม วา อิทํ วา กรณียํ อิทํ วา อกรณียนฺติ. อิติ กรณียากรณีเย โข ปน สจฺจโต เถตโต อนุปลพฺภิยมาเน มุฏฺสฺสตีนํ อนารกฺขานํ วิหรตํ น โหติ ปจฺจตฺตํ สหธมฺมิโก สมณวาโท. อยํ โข เม, ภิกฺขเว, เตสุ สมณพฺราหฺมเณสุ เอวํวาทีสุ เอวํทิฏฺีสุ ทุติโย สหธมฺมิโก นิคฺคโห โหติ.

‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘ยํ กึ จายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อเหตุอปฺปจฺจยา’ติ, ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ยํ กึ จายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อเหตุอปฺปจฺจยา’ติ? เต จ เม เอวํ ปุฏฺา ‘อามา’ติ ปฏิชานนฺติ. ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตนหายสฺมนฺโต ปาณาติปาติโน ภวิสฺสนฺติ อเหตุอปฺปจฺจยา…เป… มิจฺฉาทิฏฺิกา ภวิสฺสนฺติ อเหตุอปฺปจฺจยา’’’.

‘‘อเหตุอปฺปจฺจยํ [อเหตุํ (สี.), อเหตุ (สฺยา. กํ.), อเหตุอปฺปจฺจยา (ปี.), อเหตุํ อปฺปจฺจยํ (ก.)] โข ปน, ภิกฺขเว, สารโต ปจฺจาคจฺฉตํ น โหติ ฉนฺโท วา วายาโม วา อิทํ วา กรณียํ อิทํ วา อกรณียนฺติ. อิติ กรณียากรณีเย โข ปน สจฺจโต เถตโต อนุปลพฺภิยมาเน มุฏฺสฺสตีนํ อนารกฺขานํ วิหรตํ น โหติ ปจฺจตฺตํ สหธมฺมิโก สมณวาโท. อยํ โข เม, ภิกฺขเว, เตสุ สมณพฺราหฺมเณสุ เอวํวาทีสุ เอวํทิฏฺีสุ ตติโย สหธมฺมิโก นิคฺคโห โหติ.

‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ติตฺถายตนานิ ยานิ ปณฺฑิเตหิ สมนุยุฺชิยมานานิ สมนุคาหิยมานานิ สมนุภาสิยมานานิ ปรมฺปิ คนฺตฺวา อกิริยาย สณฺหนฺติ.

‘‘อยํ โข ปน, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. กตโม จ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ? อิมา ฉ ธาตุโยติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. อิมานิ ฉ ผสฺสายตนานีติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. อิเม อฏฺารส มโนปวิจาราติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. อิมานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานีติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ.

‘‘อิมา ฉ ธาตุโยติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ. อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ. กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? ฉยิมา, ภิกฺขเว, ธาตุโย – ปถวีธาตุ, อาโปธาตุ, เตโชธาตุ, วาโยธาตุ, อากาสธาตุ, วิฺาณธาตุ. อิมา ฉ ธาตุโยติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ. อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

‘‘อิมานิ ฉ ผสฺสายตนานีติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ. อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ. กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? ฉยิมานิ, ภิกฺขเว, ผสฺสายตนานิ – จกฺขุ ผสฺสายตนํ, โสตํ ผสฺสายตนํ, ฆานํ ผสฺสายตนํ, ชิวฺหา ผสฺสายตนํ, กาโย ผสฺสายตนํ, มโน ผสฺสายตนํ. อิมานิ ฉ ผสฺสายตนานีติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ. อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

‘‘อิเม อฏฺารส มโนปวิจาราติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ. อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ. กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โสมนสฺสฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรติ โทมนสฺสฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรติ อุเปกฺขาฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรติ, โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺาย โสมนสฺสฏฺานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติ โทมนสฺสฏฺานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติ อุเปกฺขาฏฺานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติ. อิเม อฏฺารส มโนปวิจาราติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ. อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

‘‘อิมานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานีติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ. อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ. กิฺเจตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ? ฉนฺนํ, ภิกฺขเว, ธาตูนํ อุปาทาย คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหติ; โอกฺกนฺติยา สติ นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา. เวทิยมานสฺส โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, อิทํ ทุกฺขนฺติ ปฺเปมิ, อยํ ทุกฺขสมุทโยติ ปฺเปมิ, อยํ ทุกฺขนิโรโธติ ปฺเปมิ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ ปฺเปมิ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ? ชาติปิ ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา, ( ) [(พฺยาธิปิ ทุกฺโข) (สี. ปี. ก.) อฏฺกถาย สํสนฺเทตพฺพํ วิสุทฺธิ. ๒.๕๓๗] มรณมฺปิ ทุกฺขํ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา, (อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุกฺโข, ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุกฺโข,) [(นตฺถิ กตฺถจิ)] ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ. สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขสมุทยํ [ทุกฺขสมุทโย (สฺยา. กํ.)] อริยสจฺจํ? อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธํ [ทุกฺขนิโรโธ (สฺยา. กํ.)] อริยสจฺจํ? อวิชฺชาย ตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ, วิฺาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ, นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ, สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ, เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ. ‘อิมานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานี’ติ, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิฏฺโ อนุปวชฺโช อปฺปฏิกุฏฺโ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหีติ. อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ. ปมํ.

๖๓. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อมาตาปุตฺติกานิ ภยานีติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ. กตมานิ ตีณิ? โหติ โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ มหาอคฺคิฑาโห วุฏฺาติ. มหาอคฺคิฑาเห โข ปน, ภิกฺขเว, วุฏฺิเต เตน คามาปิ ฑยฺหนฺติ นิคมาปิ ฑยฺหนฺติ นคราปิ ฑยฺหนฺติ. คาเมสุปิ ฑยฺหมาเนสุ นิคเมสุปิ ฑยฺหมาเนสุ นคเรสุปิ ฑยฺหมาเนสุ ตตฺถ มาตาปิ ปุตฺตํ นปฺปฏิลภติ, ปุตฺโตปิ มาตรํ นปฺปฏิลภติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ อมาตาปุตฺติกํ ภยนฺติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, โหติ โส สมโย ยํ มหาเมโฆ วุฏฺาติ. มหาเมเฆ โข ปน, ภิกฺขเว, วุฏฺิเต มหาอุทกวาหโก สฺชายติ. มหาอุทกวาหเก โข ปน, ภิกฺขเว, สฺชายนฺเต เตน คามาปิ วุยฺหนฺติ นิคมาปิ วุยฺหนฺติ นคราปิ วุยฺหนฺติ. คาเมสุปิ วุยฺหมาเนสุ นิคเมสุปิ วุยฺหมาเนสุ นคเรสุปิ วุยฺหมาเนสุ ตตฺถ มาตาปิ ปุตฺตํ นปฺปฏิลภติ, ปุตฺโตปิ มาตรํ นปฺปฏิลภติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ อมาตาปุตฺติกํ ภยนฺติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, โหติ โส สมโย ยํ ภยํ โหติ อฏวิสงฺโกโป, จกฺกสมารุฬฺหา ชานปทา ปริยายนฺติ. ภเย โข ปน, ภิกฺขเว, สติ อฏวิสงฺโกเป จกฺกสมารุฬฺเหสุ ชานปเทสุ ปริยายนฺเตสุ ตตฺถ มาตาปิ ปุตฺตํ นปฺปฏิลภติ, ปุตฺโตปิ มาตรํ นปฺปฏิลภติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ อมาตาปุตฺติกํ ภยนฺติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อมาตาปุตฺติกานิ ภยานีติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ.

‘‘ตานิ โข ปนิมานิ [อิมานิ โข (สี.), อิมานิ โข ปน (ก.)], ภิกฺขเว, ตีณิ สมาตาปุตฺติกานิเยว ภยานิ อมาตาปุตฺติกานิ ภยานีติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ. กตมานิ ตีณิ? โหติ โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ มหาอคฺคิฑาโห วุฏฺาติ. มหาอคฺคิฑาเห โข ปน, ภิกฺขเว, วุฏฺิเต เตน คามาปิ ฑยฺหนฺติ นิคมาปิ ฑยฺหนฺติ นคราปิ ฑยฺหนฺติ. คาเมสุปิ ฑยฺหมาเนสุ นิคเมสุปิ ฑยฺหมาเนสุ นคเรสุปิ ฑยฺหมาเนสุ โหติ โส สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ มาตาปิ ปุตฺตํ ปฏิลภติ, ปุตฺโตปิ มาตรํ ปฏิลภติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ สมาตาปุตฺติกํเยว ภยํ อมาตาปุตฺติกํ ภยนฺติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, โหติ โส สมโย ยํ มหาเมโฆ วุฏฺาติ. มหาเมเฆ โข ปน, ภิกฺขเว, วุฏฺิเต มหาอุทกวาหโก สฺชายติ. มหาอุทกวาหเก โข ปน, ภิกฺขเว, สฺชาเต เตน คามาปิ วุยฺหนฺติ นิคมาปิ วุยฺหนฺติ นคราปิ วุยฺหนฺติ. คาเมสุปิ วุยฺหมาเนสุ นิคเมสุปิ วุยฺหมาเนสุ นคเรสุปิ วุยฺหมาเนสุ โหติ โส สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ มาตาปิ ปุตฺตํ ปฏิลภติ, ปุตฺโตปิ มาตรํ ปฏิลภติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ สมาตาปุตฺติกํเยว ภยํ อมาตาปุตฺติกํ ภยนฺติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, โหติ โส สมโย ยํ ภยํ โหติ อฏวิสงฺโกโป, จกฺกสมารุฬฺหา ชานปทา ปริยายนฺติ. ภเย โข ปน, ภิกฺขเว, สติ อฏวิสงฺโกเป จกฺกสมารุฬฺเหสุ ชานปเทสุ ปริยายนฺเตสุ โหติ โส สมโย ยํ กทาจิ กรหจิ มาตาปิ ปุตฺตํ ปฏิลภติ, ปุตฺโตปิ มาตรํ ปฏิลภติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ สมาตาปุตฺติกํเยว ภยํ อมาตาปุตฺติกํ ภยนฺติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ. ‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ สมาตาปุตฺติกานิเยว ภยานิ อมาตาปุตฺติกานิ ภยานีติ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ภาสติ’’.

‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อมาตาปุตฺติกานิ ภยานิ. กตมานิ ตีณิ? ชราภยํ, พฺยาธิภยํ, มรณภยนฺติ. น, ภิกฺขเว, มาตา ปุตฺตํ ชีรมานํ เอวํ ลภติ – ‘อหํ ชีรามิ, มา เม ปุตฺโต ชีรี’ติ; ปุตฺโต วา ปน มาตรํ ชีรมานํ น เอวํ ลภติ – ‘อหํ ชีรามิ, มา เม มาตา ชีรี’’’ติ.

‘‘น, ภิกฺขเว, มาตา ปุตฺตํ พฺยาธิยมานํ เอวํ ลภติ – ‘อหํ พฺยาธิยามิ, มา เม ปุตฺโต พฺยาธิยี’ติ; ปุตฺโต วา ปน มาตรํ พฺยาธิยมานํ น เอวํ ลภติ – ‘อหํ พฺยาธิยามิ, มา เม มาตา พฺยาธิยี’’’ติ.

‘‘น, ภิกฺขเว, มาตา ปุตฺตํ มียมานํ เอวํ ลภติ – ‘อหํ มียามิ, มา เม ปุตฺโต มียี’ติ; ปุตฺโต วา ปน มาตรํ มียมานํ น เอวํ ลภติ – ‘อหํ มียามิ, มา เม มาตา มียี’ติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อมาตาปุตฺติกานิ ภยานี’’ติ.

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, มคฺโค อตฺถิ ปฏิปทา อิเมสฺจ ติณฺณํ สมาตาปุตฺติกานํ ภยานํ อิเมสฺจ ติณฺณํ อมาตาปุตฺติกานํ ภยานํ ปหานาย สมติกฺกมาย สํวตฺตติ. กตโม จ, ภิกฺขเว, มคฺโค กตมา จ ปฏิปทา อิเมสฺจ ติณฺณํ สมาตาปุตฺติกานํ ภยานํ อิเมสฺจ ติณฺณํ อมาตาปุตฺติกานํ ภยานํ ปหานาย สมติกฺกมาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมาสงฺกโป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิ. อยํ โข, ภิกฺขเว, มคฺโค อยํ ปฏิปทา อิเมสฺจ ติณฺณํ สมาตาปุตฺติกานํ ภยานํ อิเมสฺจ ติณฺณํ อมาตาปุตฺติกานํ ภยานํ ปหานาย สมติกฺกมาย สํวตฺตตี’’ติ. ทุติยํ.

๓. เวนาคปุรสุตฺตํ

๖๔. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน เวนาคปุรํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริ. อสฺโสสุํ โข เวนาคปุริกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต เวนาคปุรํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ [ภควา (สี. สฺยา กํ. ปี.) อิทํ สุตฺตวณฺณนาย อฏฺกถาย สํสนฺเทตพฺพํ ปารา. ๑; ที. นิ. ๑.๒๕๕ ปสฺสิตพฺพํ]. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ.

อถ โข เวนาคปุริกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เวนาคปุริโก วจฺฉโคตฺโต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! ยาวฺจิทํ โภโต โคตมสฺส วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต. เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, สารทํ พทรปณฺฑุํ [มณฺฑํ (ก.)] ปริสุทฺธํ โหติ ปริโยทาตํ; เอวเมวํ โภโต โคตมสฺส วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต. เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, ตาลปกฺกํ สมฺปติ พนฺธนา ปมุตฺตํ [มุตฺตํ (สี. ปี. ก.)] ปริสุทฺธํ โหติ ปริโยทาตํ; เอวเมวํ โภโต โคตมสฺส วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต. เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, เนกฺขํ [นิกฺขํ-อิติปิ (ม. นิ. ๓.๑๖๘)] ชมฺโพนทํ ทกฺขกมฺมารปุตฺตสุปริกมฺมกตํ อุกฺกามุเข สุกุสลสมฺปหฏฺํ ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺตํ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมวํ โภโต โคตมสฺส วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต. ยานิ ตานิ, โภ โคตม, อุจฺจาสยนมหาสยนานิ, เสยฺยถิทํ – อาสนฺทิ ปลฺลงฺโก โคนโก จิตฺตโก ปฏิกา ปฏลิกา ตูลิกา วิกติกา อุทฺทโลมี เอกนฺตโลมี กฏฺฏิสฺสํ โกเสยฺยํ กุตฺตกํ หตฺถตฺถรํ อสฺสตฺถรํ รถตฺถรํ อชินปฺปเวณี กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณํ [กาทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณํ (สี.)] สอุตฺตรจฺฉทํ อุภโตโลหิตกูปธานํ, เอวรูปานํ นูน ภวํ โคตโม อุจฺจาสยนมหาสยนานํ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ.

‘‘ยานิ โข ปน ตานิ, พฺราหฺมณ, อุจฺจาสยนมหาสยนานิ, เสยฺยถิทํ – อาสนฺทิ ปลฺลงฺโก โคนโก จิตฺตโก ปฏิกา ปฏลิกา ตูลิกา วิกติกา อุทฺทโลมี เอกนฺตโลมี กฏฺฏิสฺสํ โกเสยฺยํ กุตฺตกํ หตฺถตฺถรํ อสฺสตฺถรํ รถตฺถรํ อชินปฺปเวณี กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณํ สอุตฺตรจฺฉทํ อุภโตโลหิตกูปธานํ. ทุลฺลภานิ ตานิ ปพฺพชิตานํ ลทฺธา จ ปน [ลทฺธานิ จ (สี. สฺยา. กํ.), ลทฺธา จ (ปี.)] น กปฺปนฺติ.

‘‘ตีณิ โข, อิมานิ, พฺราหฺมณ, อุจฺจาสยนมหาสยนานิ, เยสาหํ เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. กตมานิ ตีณิ? ทิพฺพํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, พฺรหฺมํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, อริยํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ. อิมานิ โข, พฺราหฺมณ, ตีณิ อุจฺจาสยนมหาสยนานิ, เยสาหํ เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ.

‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, ทิพฺพํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺส ภวํ โคตโม เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ? ‘‘อิธาหํ, พฺราหฺมณ, ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรามิ, โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสามิ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต วนนฺตฺเว ปวิสามิ [ปจารยามิ (สี. สฺยา. กํ.)]. โส ยเทว ตตฺถ โหนฺติ ติณานิ วา ปณฺณานิ วา ตานิ เอกชฺฌํ สงฺฆริตฺวา นิสีทามิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรามิ สโต จ สมฺปชาโน สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทมิ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต จงฺกมามิ, ทิพฺโพ เม เอโส ตสฺมึ สมเย จงฺกโม โหติ. โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต ติฏฺามิ, ทิพฺพํ เม เอตํ ตสฺมึ สมเย านํ โหติ. โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต นิสีทามิ, ทิพฺพํ เม เอตํ ตสฺมึ สมเย อาสนํ โหติ. โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต เสยฺยํ กปฺเปมิ, ทิพฺพํ เม เอตํ ตสฺมึ สมเย อุจฺจาสยนมหาสยนํ โหติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, ทิพฺพํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺสาหํ เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ.

‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! โก จฺโ เอวรูปสฺส ทิพฺพสฺส อุจฺจาสยนมหาสยนสฺส นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อฺตฺร โภตา โคตเมน!

‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, พฺรหฺมํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺส ภวํ โคตโม เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ? ‘‘อิธาหํ, พฺราหฺมณ, ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรามิ, โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสามิ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต วนนฺตฺเว ปวิสามิ. โส ยเทว ตตฺถ โหนฺติ ติณานิ วา ปณฺณานิ วา ตานิ เอกชฺฌํ สงฺฆริตฺวา นิสีทามิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรามิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเฌน [อพฺยาปชฺเฌน (สพฺพตฺถ)] ผริตฺวา วิหรามิ. กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรามิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ [จตุตฺถึ (สี.)], อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเฌน ผริตฺวา วิหรามิ. โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต จงฺกมามิ, พฺรหฺมา เม เอโส ตสฺมึ สมเย จงฺกโม โหติ. โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต ติฏฺามิ…เป… นิสีทามิ…เป… เสยฺยํ กปฺเปมิ, พฺรหฺมํ เม เอตํ ตสฺมึ สมเย อุจฺจาสยนมหาสยนํ โหติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺสาหํ เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ.

‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! โก จฺโ เอวรูปสฺส พฺรหฺมสฺส อุจฺจาสยนมหาสยนสฺส นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อฺตฺร โภตา โคตเมน!

‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, อริยํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺส ภวํ โคตโม เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ? ‘‘อิธาหํ, พฺราหฺมณ, ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรามิ, โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสามิ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต วนนฺตฺเว ปวิสามิ. โส ยเทว ตตฺถ โหนฺติ ติณานิ วา ปณฺณานิ วา ตานิ เอกชฺฌํ สงฺฆริตฺวา นิสีทามิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส เอวํ ชานามิ – ‘ราโค เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม; โทโส เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม; โมโห เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม’. โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต จงฺกมามิ, อริโย เม เอโส ตสฺมึ สมเย จงฺกโม โหติ. โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต ติฏฺามิ…เป… นิสีทามิ…เป… เสยฺยํ กปฺเปมิ, อริยํ เม เอตํ ตสฺมึ สมเย อุจฺจาสยนมหาสยนํ โหติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, อริยํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺสาหํ เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ.

‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! โก จฺโ เอวรูปสฺส อริยสฺส อุจฺจาสยนมหาสยนสฺส นิกามลามี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อฺตฺร โภตา โคตเมน!

‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โข โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปเต สรณํ คเต’’ติ. ตติยํ.

๔. สรภสุตฺตํ

๖๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. เตน โข ปน สมเยน สรโภ นาม ปริพฺพาชโก อจิรปกฺกนฺโต โหติ อิมสฺมา ธมฺมวินยา. โส ราชคเห ปริสติ [ปริสตึ (สี. ปี.)] เอวํ วาจํ ภาสติ – ‘‘อฺาโต มยา สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺโม. อฺาย จ ปนาหํ สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺมํ เอวาหํ ตสฺมา ธมฺมวินยา อปกฺกนฺโต’’ติ. อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. อสฺโสสุํ โข เต ภิกฺขู สรภสฺส ปริพฺพาชกสฺส ราชคเห ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสมานสฺส – ‘‘อฺาโต มยา สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺโม. อฺาย จ ปนาหํ สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺมํ เอวาหํ ตสฺมา ธมฺมวินยา อปกฺกนฺโต’’ติ.

อถ โข เต ภิกฺขู ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘สรโภ นาม, ภนฺเต, ปริพฺพาชโก อจิรปกฺกนฺโต อิมสฺมา ธมฺมวินยา. โส ราชคเห ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสติ – ‘อฺาโต มยา สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺโม. อฺาย จ ปนาหํ สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺมํ เอวาหํ ตสฺมา ธมฺมวินยา อปกฺกนฺโต’ติ. สาธุ ภนฺเต, ภควา เยน สิปฺปินิกาตีรํ [สปฺปินิกาตีรํ (สี. ปี.), สปฺปินิยา ตีรํ (สฺยา. กํ.)] ปริพฺพาชการาโม เยน สรโภ ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.

อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน สิปฺปินิกาตีรํ ปริพฺพาชการาโม เยน สรโภ ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา สรภํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, สรภ, เอวํ วเทสิ – ‘อฺาโต มยา สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺโม. อฺาย จ ปนาหํ สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺมํ เอวาหํ ตสฺมา ธมฺมวินยา อปกฺกนฺโต’’’ติ? เอวํ วุตฺเต สรโภ ปริพฺพาชโก ตุณฺหี อโหสิ.

ทุติยมฺปิ โข, ภควา สรภํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘วเทหิ, สรภ, กินฺติ เต อฺาโต สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺโม? สเจ เต อปริปูรํ ภวิสฺสติ, อหํ ปริปูเรสฺสามิ. สเจ ปน เต ปริปูรํ ภวิสฺสติ, อหํ อนุโมทิสฺสามี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข สรโภ ปริพฺพาชโก ตุณฺหี อโหสิ.

ตติยมฺปิ โข ภควา สรภํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – (‘‘โย [มยา (สฺยา. กํ. ปี.)] โข สรภ ปฺายติ สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺโม) [( ) สี. โปตฺถเก นตฺถิ] ‘‘วเทหิ, สรภ, กินฺติ เต อฺาโต สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺโม? สเจ เต อปริปูรํ ภวิสฺสติ, อหํ ปริปูเรสฺสามิ. สเจ ปน เต ปริปูรํ ภวิสฺสติ, อหํ อนุโมทิสฺสามี’’ติ. ตติยมฺปิ โข สรโภ ปริพฺพาชโก ตุณฺหี อโหสิ.

อถ โข เต ปริพฺพาชกา สรภํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยเทว โข ตฺวํ, อาวุโส สรภ, สมณํ โคตมํ ยาเจยฺยาสิ ตเทว เต สมโณ โคตโม ปวาเรติ. วเทหาวุโส สรภ, กินฺติ เต อฺาโต สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ ธมฺโม? สเจ เต อปริปูรํ ภวิสฺสติ, สมโณ โคตโม ปริปูเรสฺสติ. สเจ ปน เต ปริปูรํ ภวิสฺสติ, สมโณ โคตโม อนุโมทิสฺสตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต สรโภ ปริพฺพาชโก ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิ.

อถ โข ภควา สรภํ ปริพฺพาชกํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา เต ปริพฺพาชเก เอตทโวจ –

‘‘โย โข มํ, ปริพฺพาชกา [ปริพฺพาชโก (ปี. ก.)], เอวํ วเทยฺย – ‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’ติ, ตมหํ ตตฺถ สาธุกํ สมนุยุฺเชยฺยํ สมนุคาเหยฺยํ สมนุภาเสยฺยํ. โส วต มยา สาธุกํ สมนุยุฺชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน อฏฺานเมตํ อนวกาโส ยํ โส ติณฺณํ านานํ นาฺตรํ [อฺตรํ (ก.)] านํ นิคจฺเฉยฺย, อฺเน วา อฺํ ปฏิจริสฺสติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมสฺสติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกริสฺสติ, ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต [ตุณฺหีภูโต วา มงฺกุภูโต (สี. สฺยา. กํ.), ตุณฺหีภูโต วา มงฺกุภูโต วา (ปี.)] ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิสฺสติ, เสยฺยถาปิ สรโภ ปริพฺพาชโก.

‘‘โย โข มํ, ปริพฺพาชกา, เอวํ วเทยฺย – ‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ติ, ตมหํ ตตฺถ สาธุกํ สมนุยุฺเชยฺยํ สมนุคาเหยฺยํ สมนุภาเสยฺยํ. โส วต มยา สาธุกํ สมนุยุฺชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน อฏฺานเมตํ อนวกาโส ยํ โส ติณฺณํ านานํ นาฺตรํ านํ นิคจฺเฉยฺย, อฺเน วา อฺํ ปฏิจริสฺสติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมสฺสติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกริสฺสติ, ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิสฺสติ, เสยฺยถาปิ สรโภ ปริพฺพาชโก.

‘‘โย โข มํ, ปริพฺพาชกา, เอวํ วเทยฺย – ‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ, ตมหํ ตตฺถ สาธุกํ สมนุยุฺเชยฺยํ สมนุคาเหยฺยํ สมนุภาเสยฺยํ. โส วต มยา สาธุกํ สมนุยุฺชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน อฏฺานเมตํ อนวกาโส ยํ โส ติณฺณํ านานํ นาฺตรํ านํ นิคจฺเฉยฺย, อฺเน วา อฺํ ปฏิจริสฺสติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมสฺสติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกริสฺสติ, ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิสฺสติ, เสยฺยถาปิ สรโภ ปริพฺพาชโก’’ติ. อถ โข ภควา สิปฺปินิกาตีเร ปริพฺพาชการาเม ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา เวหาสํ ปกฺกามิ.

อถ โข เต ปริพฺพาชกา อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต สรภํ ปริพฺพาชกํ สมนฺตโต วาจายสนฺนิโตทเกน [วาจาสตฺติโตทเกน (สี.)] สฺชมฺภริมกํสุ [สฺจุมฺภริมกํสุ (ปี., ที. นิ. ๑.๔๒๑) สํ. นิ. ๒.๒๔๓ อุปริปาโ วิย] – ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส สรภ, พฺรหารฺเ ชรสิงฺคาโล ‘สีหนาทํ นทิสฺสามี’ติ สิงฺคาลกํเยว [เสคาลกํเยว (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นทติ, เภรณฺฑกํเยว นทติ [เภทณฺฑกํ (ก.)]; เอวเมวํ โข ตฺวํ, อาวุโส สรภ, อฺตฺเรว สมเณน โคตเมน ‘สีหนาทํ นทิสฺสามี’ติ สิงฺคาลกํเยว นทสิ เภรณฺฑกํเยว นทสิ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส สรภ, อมฺพุกสฺจรี [อมฺพกมทฺทรี (สี.)] ‘ปุริสกรวิตํ [ผุสฺสกรวิตํ (สี.), ปุสฺสกรวิตํ (สฺยา. กํ. ปี.)] รวิสฺสามี’ติ อมฺพุกสฺจริรวิตํเยว รวติ; เอวเมวํ โข ตฺวํ, อาวุโส สรภ, อฺตฺเรว สมเณน โคตเมน ‘ปุริสกรวิตํ รวิสฺสามี’ติ, อมฺพุกสฺจริรวิตํเยว รวสิ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส สรภ, อุสโภ สุฺาย โคสาลาย คมฺภีรํ นทิตพฺพํ มฺติ; เอวเมวํ โข ตฺวํ, อาวุโส สรภ, อฺตฺเรว สมเณน โคตเมน คมฺภีรํ นทิตพฺพํ มฺสี’’ติ. อถ โข เต ปริพฺพาชกา สรภํ ปริพฺพาชกํ สมนฺตโต วาจายสนฺนิโตทเกน สฺชมฺภริมกํสูติ. จตุตฺถํ.

๕. เกสมุตฺติสุตฺตํ

๖๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน เกสมุตฺตํ [เกสปุตฺตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นาม กาลามานํ นิคโม ตทวสริ. อสฺโสสุํ โข เกสมุตฺติยา กาลามา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต เกสมุตฺตํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา…เป… สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติ.

อถ โข เกสมุตฺติยา กาลามา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต เกสมุตฺติยา กาลามา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –

‘‘สนฺติ, ภนฺเต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เกสมุตฺตํ อาคจฺฉนฺติ. เต สกํเยว วาทํ ทีเปนฺติ โชเตนฺติ, ปรปฺปวาทํ ปน ขุํเสนฺติ วมฺเภนฺติ ปริภวนฺติ โอมกฺขึ [โอปปกฺขึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), โอมกฺขิกํ (ก.)] กโรนฺติ. อปเรปิ, ภนฺเต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เกสมุตฺตํ อาคจฺฉนฺติ. เตปิ สกํเยว วาทํ ทีเปนฺติ โชเตนฺติ, ปรปฺปวาทํ ปน ขุํเสนฺติ วมฺเภนฺติ ปริภวนฺติ โอมกฺขึ กโรนฺติ. เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ โหเตว กงฺขา โหติ วิจิกิจฺฉา – ‘โก สุ นาม อิเมสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ สจฺจํ อาห, โก มุสา’’’ติ? ‘‘อลฺหิ โว, กาลามา, กงฺขิตุํ อลํ วิจิกิจฺฉิตุํ. กงฺขนีเยว ปน [กงฺขนีเยว จ ปน (สํยุตฺตนิกาเย)] โว าเน วิจิกิจฺฉา อุปฺปนฺนา’’.

‘‘เอถ ตุมฺเห, กาลามา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฏกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตกฺเกน, มา ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติ. ยทา ตุมฺเห, กาลามา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – ‘อิเม ธมฺมา อกุสลา, อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิฺุครหิตา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา [สมาทิณฺณา (ก.)] อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’’’ติ, อถ ตุมฺเห, กาลามา, ปชเหยฺยาถ.

‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, โลโภ ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ หิตาย วา อหิตาย วา’’ติ?

‘‘อหิตาย, ภนฺเต’’.

‘‘ลุทฺโธ ปนายํ, กาลามา, ปุริสปุคฺคโล โลเภน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย [ตทตฺถาย (ก.)] สมาทเปติ, ยํ ส [ยํ ตสฺส (ก.) อนนฺตรสุตฺเต ปน ‘‘ยํ’ ส’’ อิตฺเวว สพฺพตฺถปิ ทิสฺสติ] โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, โทโส ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ หิตาย วา อหิตาย วา’’ติ?

‘‘อหิตาย, ภนฺเต’’.

‘‘ทุฏฺโ ปนายํ, กาลามา, ปุริสปุคฺคโล โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนติ [หนฺติ (สี. ปี.)], อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, โมโห ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ หิตาย วา อหิตาย วา’’ติ?

‘‘อหิตาย, ภนฺเต’’.

‘‘มูฬฺโห ปนายํ, กาลามา, ปุริสปุคฺคโล โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา’’ติ?

‘‘อกุสลา, ภนฺเต’’.

‘‘สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติ?

‘‘สาวชฺชา, ภนฺเต’’.

‘‘วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วา’’ติ?

‘‘วิฺุครหิตา, ภนฺเต’’.

‘‘สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, โน วา? กถํ วา [กถํ วา โว (?)] เอตฺถ โหตี’’ติ?

‘‘สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติ. เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ.

‘‘อิติ โข, กาลามา, ยํ ตํ อโวจุมฺหา [อโวจุมฺห (สี. สฺยา. กํ. ปี.) อ. นิ. ๔.๑๙๓] – ‘เอถ ตุมฺเห, กาลามา! มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฏกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตกฺเกน, มา ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติ. ยทา ตุมฺเห กาลามา อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – ‘อิเม ธมฺมา อกุสลา, อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิฺุครหิตา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติ, อถ ตุมฺเห, กาลามา, ปชเหยฺยาถา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

‘‘เอถ ตุมฺเห, กาลามา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฏกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตกฺเกน, มา ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติ. ยทา ตุมฺเห, กาลามา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – ‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิฺุปฺปสตฺถา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตี’ติ, อถ ตุมฺเห, กาลามา, อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาถ.

‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อโลโภ ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ หิตาย วา อหิตาย วา’’ติ?

‘‘หิตาย, ภนฺเต’’.

‘‘อลุทฺโธ ปนายํ, กาลามา, ปุริสปุคฺคโล โลเภน อนภิภูโต อปริยาทินฺนจิตฺโต เนว ปาณํ หนติ, น อทินฺนํ อาทิยติ, น ปรทารํ คจฺฉติ, น มุสา ภณติ, น ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อโทโส ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ…เป… อโมโห ปุริสสฺส อชฺฌตฺตํ อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ…เป… หิตาย สุขายา’’ติ.

‘‘เอวํ ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา’’ติ?

‘‘กุสลา, ภนฺเต’’.

‘‘สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติ?

‘‘อนวชฺชา, ภนฺเต’’.

‘‘วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วา’’ติ?

‘‘วิฺุปฺปสตฺถา, ภนฺเต’’.

‘‘สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ โน วา? กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ?

‘‘สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ.

‘‘อิติ โข, กาลามา, ยํ ตํ อโวจุมฺหา – ‘เอถ ตุมฺเห, กาลามา! มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฏกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตกฺเกน, มา ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติ. ยทา ตุมฺเห, กาลามา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิฺุปฺปสตฺถา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ, อถ ตุมฺเห, กาลามา, อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาถา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

‘‘ส โข โส [โย โข (ก.)], กาลามา, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปติสฺสโต [สโต (ก.)] เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ.

‘‘ส [สเจ (ก.)] โข โส, กาลามา, อริยสาวโก เอวํ อเวรจิตฺโต เอวํ อพฺยาปชฺฌจิตฺโต เอวํ อสํกิลิฏฺจิตฺโต เอวํ วิสุทฺธจิตฺโต. ตสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม จตฺตาโร อสฺสาสา อธิคตา โหนฺติ. ‘สเจ โข ปน อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ [สุกฏทุกฺกฏานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อถาหํ [านมหํ (สี. ปี.), านเมตํ เยนาหํ (สฺยา. กํ.)] กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ, อยมสฺส ปโม อสฺสาโส อธิคโต โหติ.

‘‘‘สเจ โข ปน นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อถาหํ [อิธาหํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ทิฏฺเว ธมฺเม อเวรํ อพฺยาปชฺฌํ อนีฆํ สุขึ [สุขํ (สี.), สุขี (สฺยา. กํ.)] อตฺตานํ ปริหรามี’ติ, อยมสฺส ทุติโย อสฺสาโส อธิคโต โหติ.

‘‘‘สเจ โข ปน กโรโต กรียติ ปาปํ, น โข ปนาหํ กสฺสจิ ปาปํ เจเตมิ. อกโรนฺตํ โข ปน มํ ปาปกมฺมํ กุโต ทุกฺขํ ผุสิสฺสตี’ติ, อยมสฺส ตติโย อสฺสาโส อธิคโต โหติ.

‘‘‘สเจ โข ปน กโรโต น กรียติ ปาปํ, อถาหํ อุภเยเนว วิสุทฺธํ อตฺตานํ สมนุปสฺสามี’ติ, อยมสฺส จตุตฺโถ อสฺสาโส อธิคโต โหติ.

‘‘ส โข โส, กาลามา, อริยสาวโก เอวํ อเวรจิตฺโต เอวํ อพฺยาปชฺฌจิตฺโต เอวํ อสํกิลิฏฺจิตฺโต เอวํ วิสุทฺธจิตฺโต. ตสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม อิเม จตฺตาโร อสฺสาสา อธิคตา โหนฺตี’’ติ.

‘‘เอวเมตํ, ภควา, เอวเมตํ, สุคต! ส โข โส, ภนฺเต, อริยสาวโก เอวํ อเวรจิตฺโต เอวํ อพฺยาปชฺฌจิตฺโต เอวํ อสํกิลิฏฺจิตฺโต เอวํ วิสุทฺธจิตฺโต. ตสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม จตฺตาโร อสฺสาสา อธิคตา โหนฺติ. ‘สเจ โข ปน อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อถาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามี’ติ, อยมสฺส ปโม อสฺสาโส อธิคโต โหติ.

‘‘‘สเจ โข ปน นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อถาหํ ทิฏฺเว ธมฺเม อเวรํ อพฺยาปชฺฌํ อนีฆํ สุขึ อตฺตานํ ปริหรามี’ติ, อยมสฺส ทุติโย อสฺสาโส อธิคโต โหติ.

‘‘สเจ โข ปน กโรโต กรียติ ปาปํ, น โข ปนาหํ – กสฺสจิ ปาปํ เจเตมิ, อกโรนฺตํ โข ปน มํ ปาปกมฺมํ กุโต ทุกฺขํ ผุสิสฺสตี’ติ, อยมสฺส ตติโย อสฺสาโส อธิคโต โหติ.

‘‘‘สเจ โข ปน กโรโต น กรียติ ปาปํ, อถาหํ อุภเยเนว วิสุทฺธํ อตฺตานํ สมนุปสฺสามี’ติ, อยมสฺส จตุตฺโถ อสฺสาโส อธิคโต โหติ.

‘‘ส โข โส, ภนฺเต, อริยสาวโก เอวํ อเวรจิตฺโต เอวํ อพฺยาปชฺฌจิตฺโต เอวํ อสํกิลิฏฺจิตฺโต เอวํ วิสุทฺธจิตฺโต. ตสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม อิเม จตฺตาโร อสฺสาสา อธิคตา โหนฺติ.

‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต…เป… เอเต มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสเก โน, ภนฺเต, ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปเต สรณํ คเต’’ติ. ปฺจมํ.

๖. สาฬฺหสุตฺตํ

๖๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา นนฺทโก สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท. อถ โข สาฬฺโห จ มิคารนตฺตา สาโณ จ เสขุนิยนตฺตา [โรหโณ จ เปขุณิยนตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เยนายสฺมา นนฺทโก เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นนฺทกํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข สาฬฺหํ มิคารนตฺตารํ อายสฺมา นนฺทโก เอตทโวจ –

‘‘เอถ ตุมฺเห, สาฬฺหา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฏกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตกฺเกน, มา ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติ. ยทา ตุมฺเห, สาฬฺหา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ ‘อิเม ธมฺมา อกุสลา, อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิฺุครหิตา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’ติ, อถ ตุมฺเห สาฬฺหา ปชเหยฺยาถ.

‘‘ตํ กึ มฺถ, สาฬฺหา, อตฺถิ โลโภ’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘อภิชฺฌาติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิ. ลุทฺโธ โข อยํ, สาฬฺหา, อภิชฺฌาลุ ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, สาฬฺหา, อตฺถิ โทโส’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘พฺยาปาโทติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิ. ทุฏฺโ โข อยํ, สาฬฺหา, พฺยาปนฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, สาฬฺหา, อตฺถิ โมโห’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘อวิชฺชาติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิ. มูฬฺโห โข อยํ, สาฬฺหา, อวิชฺชาคโต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, ปรมฺปิ ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, สาฬฺหา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา’’ติ?

‘‘อกุสลา, ภนฺเต’’.

‘‘สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติ?

‘‘สาวชฺชา, ภนฺเต’’.

‘‘วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วา’’ติ?

‘‘วิฺุครหิตา, ภนฺเต’’.

‘‘สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, โน วา? กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ?

‘‘สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติ. เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ.

‘‘อิติ โข, สาฬฺหา, ยํ ตํ อโวจุมฺหา – ‘เอถ ตุมฺเห, สาฬฺหา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฏกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตกฺเกน, มา ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติ. ยทา ตุมฺเห, สาฬฺหา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – อิเม ธมฺมา อกุสลา, อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิฺุครหิตา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติ, อถ ตุมฺเห, สาฬฺหา, ปชเหยฺยาถา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

‘‘เอถ ตุมฺเห, สาฬฺหา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฏกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตกฺเกน, มา ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติ. ยทา ตุมฺเห, สาฬฺหา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – ‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิฺุปฺปสตฺถา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตี’ติ, อถ ตุมฺเห, สาฬฺหา, อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาถ.

‘‘ตํ กึ มฺถ, สาฬฺหา, อตฺถิ อโลโภ’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘อนภิชฺฌาติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิ. อลุทฺโธ โข อยํ, สาฬฺหา, อนภิชฺฌาลุ เนว ปาณํ หนติ, น อทินฺนํ อาทิยติ, น ปรทารํ คจฺฉติ, น มุสา ภณติ, ปรมฺปิ น ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, สาฬฺหา, อตฺถิ อโทโส’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘อพฺยาปาโทติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิ. อทุฏฺโ โข อยํ, สาฬฺหา, อพฺยาปนฺนจิตฺโต เนว ปาณํ หนติ, น อทินฺนํ อาทิยติ, น ปรทารํ คจฺฉติ, น มุสา ภณติ, ปรมฺปิ น ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, สาฬฺหา, อตฺถิ อโมโห’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘วิชฺชาติ โข อหํ, สาฬฺหา, เอตมตฺถํ วทามิ. อมูฬฺโห โข อยํ, สาฬฺหา, วิชฺชาคโต เนว ปาณํ หนติ, น อทินฺนํ อาทิยติ, น ปรทารํ คจฺฉติ, น มุสา ภณติ, ปรมฺปิ น ตถตฺตาย สมาทเปติ, ยํ ส โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, สาฬฺหา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา’’ติ?

‘‘กุสลา, ภนฺเต’’.

‘‘สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติ?

‘‘อนวชฺชา, ภนฺเต’’.

‘‘วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วา’’ติ?

‘‘วิฺุปฺปสตฺถา, ภนฺเต’’.

‘‘สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ, โน วา? กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ?

‘‘สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ. เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ.

‘‘อิติ โข, สาฬฺหา, ยํ ตํ อโวจุมฺหา – ‘เอถ ตุมฺเห, สาฬฺหา, มา อนุสฺสเวน, มา ปรมฺปราย, มา อิติกิราย, มา ปิฏกสมฺปทาเนน, มา ตกฺกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตกฺเกน, มา ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา, มา ภพฺพรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติ. ยทา ตุมฺเห, สาฬฺหา, อตฺตนาว ชาเนยฺยาถ – อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา, อิเม ธมฺมา วิฺุปฺปสตฺถา, อิเม ธมฺมา สมตฺตา สมาทินฺนา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ, อถ ตุมฺเห, สาฬฺหา, อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาถา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.

‘‘ส โข โส, สาฬฺหา, อริยสาวโก เอวํ วิคตาภิชฺโฌ วิคตพฺยาปาโท อสมฺมูฬฺโห สมฺปชาโน ปติสฺสโต เมตฺตาสหคเตน เจตสา…เป… กรุณา…เป… มุทิตา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเฌน ผริตฺวา วิหรติ. โส เอวํ ปชานาติ – ‘อตฺถิ อิทํ, อตฺถิ หีนํ, อตฺถิ ปณีตํ, อตฺถิ อิมสฺส สฺาคตสฺส อุตฺตริ [อุตฺตรึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นิสฺสรณ’นฺติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ; วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ.

‘‘โส เอวํ ปชานาติ – ‘อหุ ปุพฺเพ โลโภ, ตทหุ อกุสลํ, โส เอตรหิ นตฺถิ, อิจฺเจตํ กุสลํ; อหุ ปุพฺเพ โทโส…เป… อหุ ปุพฺเพ โมโห, ตทหุ อกุสลํ, โส เอตรหิ นตฺถิ, อิจฺเจตํ กุสล’นฺติ. โส ทิฏฺเว ธมฺเม นิจฺฉาโต นิพฺพุโต สีติภูโต สุขปฺปฏิสํเวที พฺรหฺมภูเตน อตฺตนา วิหรตี’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. กถาวตฺถุสุตฺตํ

๖๘. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, กถาวตฺถูนิ. กตมานิ ตีณิ? อตีตํ วา, ภิกฺขเว, อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺย – ‘เอวํ อโหสิ อตีตมทฺธาน’นฺติ. อนาคตํ วา, ภิกฺขเว, อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺย – ‘เอวํ ภวิสฺสติ อนาคตมทฺธาน’นฺติ. เอตรหิ วา, ภิกฺขเว, ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺย – ‘เอวํ โหติ เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธาน’’’นฺติ [เอวํ เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ (สี. ปี. ก.), เอวํ โหติ เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ (สฺยา. กํ.)].

‘‘กถาสมฺปโยเคน, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เวทิตพฺโพ ยทิ วา กจฺโฉ ยทิ วา อกจฺโฉติ. สจายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน เอกํสพฺยากรณียํ ปฺหํ น เอกํเสน พฺยากโรติ, วิภชฺชพฺยากรณียํ ปฺหํ น วิภชฺช พฺยากโรติ, ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณียํ ปฺหํ น ปฏิปุจฺฉา พฺยากโรติ, ปนียํ ปฺหํ น เปติ [ถปนียํ ปฺหํ น ถเปติ (ก.)], เอวํ สนฺตายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อกจฺโฉ โหติ. สเจ ปนายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน เอกํสพฺยากรณียํ ปฺหํ เอกํเสน พฺยากโรติ, วิภชฺชพฺยากรณียํ ปฺหํ วิภชฺช พฺยากโรติ, ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณียํ ปฺหํ ปฏิปุจฺฉา พฺยากโรติ, ปนียํ ปฺหํ เปติ, เอวํ สนฺตายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล กจฺโฉ โหติ.

‘‘กถาสมฺปโยเคน, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เวทิตพฺโพ ยทิ วา กจฺโฉ ยทิ วา อกจฺโฉติ. สจายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน านาาเน น สณฺาติ ปริกปฺเป น สณฺาติ อฺาตวาเท [อฺวาเท (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อฺาตวาเร (ก.)] น สณฺาติ ปฏิปทาย น สณฺาติ, เอวํ สนฺตายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อกจฺโฉ โหติ. สเจ ปนายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน านาาเน สณฺาติ ปริกปฺเป สณฺาติ อฺาตวาเท สณฺาติ ปฏิปทาย สณฺาติ, เอวํ สนฺตายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล กจฺโฉ โหติ.

‘‘กถาสมฺปโยเคน, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เวทิตพฺโพ ยทิ วา กจฺโฉ ยทิ วา อกจฺโฉติ. สจายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, เอวํ สนฺตายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อกจฺโฉ โหติ. สเจ ปนายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน น อฺเนฺํ ปฏิจรติ น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, เอวํ สนฺตายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล กจฺโฉ โหติ.

‘‘กถาสมฺปโยเคน, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เวทิตพฺโพ ยทิ วา กจฺโฉ ยทิ วา อกจฺโฉติ. สจายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน อภิหรติ อภิมทฺทติ อนุปชคฺฆติ [อนุสํชคฺฆติ (ก.)] ขลิตํ คณฺหาติ, เอวํ สนฺตายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อกจฺโฉ โหติ. สเจ ปนายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปฺหํ ปุฏฺโ สมาโน นาภิหรติ นาภิมทฺทติ น อนุปชคฺฆติ น ขลิตํ คณฺหาติ, เอวํ สนฺตายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล กจฺโฉ โหติ.

‘‘กถาสมฺปโยเคน, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล เวทิตพฺโพ ยทิ วา สอุปนิโส ยทิ วา อนุปนิโสติ. อโนหิตโสโต, ภิกฺขเว, อนุปนิโส โหติ, โอหิตโสโต สอุปนิโส โหติ. โส สอุปนิโส สมาโน อภิชานาติ เอกํ ธมฺมํ, ปริชานาติ เอกํ ธมฺมํ, ปชหติ เอกํ ธมฺมํ, สจฺฉิกโรติ เอกํ ธมฺมํ. โส อภิชานนฺโต เอกํ ธมฺมํ, ปริชานนฺโต เอกํ ธมฺมํ, ปชหนฺโต เอกํ ธมฺมํ, สจฺฉิกโรนฺโต เอกํ ธมฺมํ สมฺมาวิมุตฺตึ ผุสติ. เอตทตฺถา, ภิกฺขเว, กถา; เอตทตฺถา มนฺตนา; เอตทตฺถา อุปนิสา; เอตทตฺถํ โสตาวธานํ, ยทิทํ อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมกฺโขติ.

‘‘เย วิรุทฺธา สลฺลปนฺติ, วินิวิฏฺา สมุสฺสิตา;

อนริยคุณมาสชฺช, อฺโฺวิวเรสิโน.

‘‘ทุพฺภาสิตํ วิกฺขลิตํ, สมฺปโมหํ [สสมฺโมหํ (ก.)] ปราชยํ;

อฺโฺสฺสาภินนฺทนฺติ, ตทริโย กถนาจเร [ตทริโย น กถํ วเท (ก.)].

‘‘สเจ จสฺส กถากาโม, กาลมฺาย ปณฺฑิโต;

ธมฺมฏฺปฏิสํยุตฺตา, ยา อริยจริตา [อริยฺจริตา (สี.), อริยาทิกา (ก.)] กถา.

‘‘ตํ กถํ กถเย ธีโร, อวิรุทฺโธ อนุสฺสิโต;

อนุนฺนเตน มนสา, อปฬาโส อสาหโส.

‘‘อนุสูยายมาโน โส, สมฺมทฺาย ภาสติ;

สุภาสิตํ อนุโมเทยฺย, ทุพฺภฏฺเ นาปสาทเย [นาวสาทเย (สี. ปี.)].

‘‘อุปารมฺภํ น สิกฺเขยฺย, ขลิตฺจ น คาหเย [น ภาสเย (ก.)];

นาภิหเร นาภิมทฺเท, น วาจํ ปยุตํ ภเณ.

‘‘อฺาตตฺถํ ปสาทตฺถํ, สตํ เว โหติ มนฺตนา;

เอวํ โข อริยา มนฺเตนฺติ, เอสา อริยาน มนฺตนา;

เอตทฺาย เมธาวี, น สมุสฺเสยฺย มนฺตเย’’ติ. สตฺตมํ;

๘. อฺติตฺถิยสุตฺตํ

๖๙. ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘ตโยเม, อาวุโส, ธมฺมา. กตเม ตโย? ราโค, โทโส, โมโห – อิเม โข, อาวุโส, ตโย ธมฺมา. อิเมสํ, อาวุโส, ติณฺณํ ธมฺมานํ โก วิเสโส โก อธิปฺปยาโส [อธิปฺปาโย (สี.) อธิปฺปายาโส (สฺยา. กํ. ปี.) อธิ + ป + ยสุ + ณ = อธิปฺปยาโส] กึ นานากรณ’นฺติ? เอวํ ปุฏฺา ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ กินฺติ พฺยากเรยฺยาถา’’ติ? ‘‘ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา ภควํเนตฺติกา ภควํปฏิสรณา. สาธุ วต, ภนฺเต, ภควนฺตํเยว ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘ตโยเม, อาวุโส, ธมฺมา. กตเม ตโย? ราโค, โทโส, โมโห – อิเม โข, อาวุโส, ตโย ธมฺมา; อิเมสํ, อาวุโส, ติณฺณํ ธมฺมานํ โก วิเสโส โก อธิปฺปยาโส กึ นานากรณ’นฺติ? เอวํ ปุฏฺา ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ เอวํ พฺยากเรยฺยาถ – ‘ราโค โข, อาวุโส, อปฺปสาวชฺโช ทนฺธวิราคี, โทโส มหาสาวชฺโช ขิปฺปวิราคี, โมโห มหาสาวชฺโช ทนฺธวิราคี’’’ ติ.

‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน วา ราโค อุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน วา ราโค ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’ติ? ‘สุภนิมิตฺตนฺติสฺส วจนียํ. ตสฺส สุภนิมิตฺตํ อโยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺโน วา ราโค อุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน วา ราโค ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตติ. อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน วา ราโค อุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน วา ราโค ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’’’ติ.

‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน วา โทโส อุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน วา โทโส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’ติ? ‘ปฏิฆนิมิตฺตํ ติสฺส วจนียํ. ตสฺส ปฏิฆนิมิตฺตํ อโยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺโน วา โทโส อุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน วา โทโส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตติ. อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน วา โทโส อุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน วา โทโส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’’’ติ.

‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน วา โมโห อุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน วา โมโห ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’ติ? ‘อโยนิโส มนสิกาโร ติสฺส วจนียํ. ตสฺส อโยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺโน วา โมโห อุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน วา โมโห ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตติ. อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน วา โมโห อุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน วา โมโห ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’’’ติ.

‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน เจว ราโค นุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน จ ราโค ปหียตี’ติ? ‘อสุภนิมิตฺตนฺติสฺส วจนียํ. ตสฺส อสุภนิมิตฺตํ โยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺโน เจว ราโค นุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน จ ราโค ปหียติ. อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน เจว ราโค นุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน จ ราโค ปหียตี’’’ติ.

‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน เจว โทโส นุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน จ โทโส ปหียตี’ติ? ‘เมตฺตา เจโตวิมุตฺตี ติสฺส วจนียํ. ตสฺส เมตฺตํ เจโตวิมุตฺตึ โยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺโน เจว โทโส นุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน จ โทโส ปหียติ. อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน เจว โทโส นุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน จ โทโส ปหียตี’’’ติ.

‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน เจว โมโห นุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน จ โมโห ปหียตี’ติ? ‘โยนิโสมนสิกาโร ติสฺส วจนียํ. ตสฺส โยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺโน เจว โมโห นุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน จ โมโห ปหียติ. อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปนฺโน วา โมโห นุปฺปชฺชติ อุปฺปนฺโน จ โมโห ปหียตี’’’ติ. อฏฺมํ.

๙. อกุสลมูลสุตฺตํ

๗๐. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อกุสลมูลานิ. กตมานิ ตีณิ? โลโภ อกุสลมูลํ, โทโส อกุสลมูลํ, โมโห อกุสลมูลํ.

‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, โลโภ ตทปิ อกุสลมูลํ [อกุสลํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; ยทปิ ลุทฺโธ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ อกุสลํ [อกุสลมูลํ (ก.)]; ยทปิ ลุทฺโธ โลเภน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ [อุปทหติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติปิ ตทปิ อกุสลํ [อิทํ ปน สพฺพตฺถปิ เอวเมว ทิสฺสติ]. อิติสฺสเม โลภชา โลภนิทานา โลภสมุทยา โลภปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ.

‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, โทโส ตทปิ อกุสลมูลํ; ยทปิ ทุฏฺโ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ อกุสลํ; ยทปิ ทุฏฺโ โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติปิ ตทปิ อกุสลํ. อิติสฺสเม โทสชา โทสนิทานา โทสสมุทยา โทสปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ.

‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, โมโห ตทปิ อกุสลมูลํ; ยทปิ มูฬฺโห อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ อกุสลํ; ยทปิ มูฬฺโห โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติปิ ตทปิ อกุสลํ. อิติสฺสเม โมหชา โมหนิทานา โมหสมุทยา โมหปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ. เอวรูโป จายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วุจฺจติ อกาลวาทีติปิ, อภูตวาทีติปิ, อนตฺถวาทีติปิ, อธมฺมวาทีติปิ, อวินยวาทีติปิ.

‘‘กสฺมา จายํ, ภิกฺขเว, เอวรูโป ปุคฺคโล วุจฺจติ อกาลวาทีติปิ, อภูตวาทีติปิ, อนตฺถวาทีติปิ, อธมฺมวาทีติปิ, อวินยวาทีติปิ? ตถาหายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติปิ. ภูเตน โข ปน วุจฺจมาโน อวชานาติ, โน ปฏิชานาติ; อภูเตน วุจฺจมาโน น อาตปฺปํ กโรติ, ตสฺส นิพฺเพนาย อิติเปตํ อตจฺฉํ อิติเปตํ อภูตนฺติ. ตสฺมา เอวรูโป ปุคฺคโล วุจฺจติ อกาลวาทีติปิ, อภูตวาทีติปิ, อนตฺถวาทีติปิ, อธมฺมวาทีติปิ, อวินยวาทีติปิ.

‘‘เอวรูโป, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล โลภเชหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ทิฏฺเ เจว ธมฺเม ทุกฺขํ วิหรติ, สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํ. กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา.

‘‘โทสเชหิ…เป… โมหเชหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ทิฏฺเ เจว ธมฺเม ทุกฺขํ วิหรติ, สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํ. กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สาโล วา ธโว วา ผนฺทโน วา ตีหิ มาลุวาลตาหิ อุทฺธสฺโต ปริโยนทฺโธ อนยํ อาปชฺชติ, พฺยสนํ อาปชฺชติ, อนยพฺยสนํ อาปชฺชติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เอวรูโป ปุคฺคโล โลภเชหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ทิฏฺเ เจว ธมฺเม ทุกฺขํ วิหรติ, สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํ. กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา.

‘‘โทสเชหิ…เป… โมหเชหิ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ทิฏฺเ เจว ธมฺเม ทุกฺขํ วิหรติ สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํ. กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อกุสลมูลานีติ.

‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, กุสลมูลานิ. กตมานิ ตีณิ? อโลโภ กุสลมูลํ, อโทโส กุสลมูลํ, อโมโห กุสลมูลํ.

‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, อโลโภ ตทปิ กุสลมูลํ [กุสลํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]; ยทปิ อลุทฺโธ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ กุสลํ [กุสลมูลํ (ก.)]; ยทปิ อลุทฺโธ โลเภน อนภิภูโต อปริยาทินฺนจิตฺโต น ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติปิ ตทปิ กุสลํ. อิติสฺสเม อโลภชา อโลภนิทานา อโลภสมุทยา อโลภปจฺจยา อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ.

‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, อโทโส ตทปิ กุสลมูลํ; ยทปิ อทุฏฺโ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ กุสลํ; ยทปิ อทุฏฺโ โทเสน อนภิภูโต อปริยาทินฺนจิตฺโต น ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติปิ ตทปิ กุสลํ. อิติสฺสเม อโทสชา อโทสนิทานา อโทสสมุทยา อโทสปจฺจยา อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ.

‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, อโมโห ตทปิ กุสลมูลํ; ยทปิ อมูฬฺโห อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ กุสลํ; ยทปิ อมูฬฺโห โมเหน อนภิภูโต อปริยาทินฺนจิตฺโต น ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติปิ ตทปิ กุสลํ. อิติสฺสเม อโมหชา อโมหนิทานา อโมหสมุทยา อโมหปจฺจยา อเนเก กุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺติ. เอวรูโป จายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล วุจฺจติ กาลวาทีติปิ, ภูตวาทีติปิ, อตฺถวาทีติปิ, ธมฺมวาทีติปิ, วินยวาทีติปิ.

‘‘กสฺมา จายํ, ภิกฺขเว, เอวรูโป ปุคฺคโล วุจฺจติ กาลวาทีติปิ, ภูตวาทีติปิ, อตฺถวาทีติปิ, ธมฺมวาทีติปิ, วินยวาทีติปิ? ตถาหายํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล น ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาทยติ วเธน วา พนฺธเนน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติปิ. ภูเตน โข ปน วุจฺจมาโน ปฏิชานาติ โน อวชานาติ; อภูเตน วุจฺจมาโน อาตปฺปํ กโรติ ตสฺส นิพฺเพนาย – ‘อิติเปตํ อตจฺฉํ, อิติเปตํ อภูต’นฺติ. ตสฺมา เอวรูโป ปุคฺคโล วุจฺจติ กาลวาทีติปิ, อตฺถวาทีติปิ, ธมฺมวาทีติปิ, วินยวาทีติปิ.

‘‘เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส โลภชา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. ทิฏฺเว ธมฺเม สุขํ วิหรติ อวิฆาตํ อนุปายาสํ อปริฬาหํ. ทิฏฺเว ธมฺเม ปรินิพฺพายติ.

‘‘โทสชา…เป… ปรินิพฺพายติ. โมหชา…เป… ปรินิพฺพายติ. เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว, สาโล วา ธโว วา ผนฺทโน วา ตีหิ มาลุวาลตาหิ อุทฺธสฺโต ปริโยนทฺโธ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทฺทาล-ปิฏกํ [กุทฺทาลปิฏกํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อาทาย. โส ตํ มาลุวาลตํ มูเล ฉินฺเทยฺย, มูเล เฉตฺวา ปลิขเณยฺย, ปลิขณิตฺวา มูลานิ อุทฺธเรยฺย, อนฺตมโส อุสีรนาฬิมตฺตานิปิ [อุสีรนาฬมตฺตานิปิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. โส ตํ มาลุวาลตํ ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺเทยฺย, ขณฺฑาขณฺฑิกํ เฉตฺวา ผาเลยฺย, ผาเลตฺวา สกลิกํ สกลิกํ กเรยฺย, สกลิกํ สกลิกํ กริตฺวา วาตาตเป วิโสเสยฺย, วาตาตเป วิโสเสตฺวา อคฺคินา ฑเหยฺย, อคฺคินา ฑหิตฺวา มสึ กเรยฺย, มสึ กริตฺวา มหาวาเต วา โอผุเณยฺย นทิยา วา สีฆโสตาย ปวาเหยฺย. เอวมสฺส [เอวมสฺสุ (สี.), เอวสฺสุ (ก.)] ตา, ภิกฺขเว, มาลุวาลตา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส โลภชา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. ทิฏฺเว ธมฺเม สุขํ วิหรติ อวิฆาตํ อนุปายาสํ อปริฬาหํ. ทิฏฺเว ธมฺเม ปรินิพฺพายติ.

‘‘โทสชา …เป… โมหชา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. ทิฏฺเว ธมฺเม สุขํ วิหรติ อวิฆาตํ อนุปายาสํ อปริฬาหํ. ทิฏฺเว ธมฺเม ปรินิพฺพายติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ กุสลมูลานี’’ติ. นวมํ.

๑๐. อุโปสถสุตฺตํ

๗๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท. อถ โข วิสาขา มิคารมาตา ตทหุโปสเถ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข วิสาขํ มิคารมาตรํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, วิสาเข, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘อุโปสถาหํ, ภนฺเต, อชฺช อุปวสามี’’ติ.

‘‘ตโย โขเม, วิสาเข, อุโปสถา. กตเม ตโย? โคปาลกุโปสโถ, นิคณฺุโปสโถ, อริยุโปสโถ. กถฺจ, วิสาเข, โคปาลกุโปสโถ โหติ? เสยฺยถาปิ, วิสาเข, โคปาลโก สายนฺหสมเย สามิกานํ คาโว นิยฺยาเตตฺวา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อชฺช โข คาโว อมุกสฺมิฺจ อมุกสฺมิฺจ ปเทเส จรึสุ, อมุกสฺมิฺจ อมุกสฺมิฺจ ปเทเส ปานียานิ ปิวึสุ; สฺเว ทานิ คาโว อมุกสฺมิฺจ อมุกสฺมิฺจ ปเทเส จริสฺสนฺติ, อมุกสฺมิฺจ อมุกสฺมิฺจ ปเทเส ปานียานิ ปิวิสฺสนฺตี’ติ; เอวเมวํ โข, วิสาเข, อิเธกจฺโจ อุโปสถิโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ ขฺวชฺช อิทฺจิทฺจ ขาทนียํ ขาทึ, อิทฺจิทฺจ โภชนียํ ภุฺชึ; สฺเว ทานาหํ อิทฺจิทฺจ ขาทนียํ ขาทิสฺสามิ, อิทํ จิทฺจ โภชนียํ ภุฺชิสฺสามี’ติ. โส เตน อภิชฺฌาสหคเตน เจตสา ทิวสํ อตินาเมติ. เอวํ โข วิสาเข, โคปาลกุโปสโถ โหติ. เอวํ อุปวุตฺโถ โข, วิสาเข, โคปาลกุโปสโถ น มหปฺผโล โหติ น มหานิสํโส น มหาชุติโก น มหาวิปฺผาโร.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, นิคณฺุโปสโถ โหติ? อตฺถิ, วิสาเข, นิคณฺา นาม สมณชาติกา. เต สาวกํ เอวํ สมาทเปนฺติ – ‘เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, เย ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปาณา ปรํ โยชนสตํ เตสุ ทณฺฑํ นิกฺขิปาหิ; เย ปจฺฉิมาย ทิสาย ปาณา ปรํ โยชนสตํ เตสุ ทณฺฑํ นิกฺขิปาหิ; เย อุตฺตราย ทิสาย ปาณา ปรํ โยชนสตํ เตสุ ทณฺฑํ นิกฺขิปาหิ; เย ทกฺขิณาย ทิสาย ปาณา ปรํ โยชนสตํ เตสุ ทณฺฑํ นิกฺขิปาหี’ติ. อิติ เอกจฺจานํ ปาณานํ อนุทฺทยาย อนุกมฺปาย สมาทเปนฺติ, เอกจฺจานํ ปาณานํ นานุทฺทยาย นานุกมฺปาย สมาทเปนฺติ. เต ตทหุโปสเถ สาวกํ เอวํ สมาทเปนฺติ – ‘เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, สพฺพเจลานิ [สพฺพเวรานิ (ก.)] นิกฺขิปิตฺวา เอวํ วเทหิ – นาหํ กฺวจนิ กสฺสจิ กิฺจนตสฺมึ [กิฺจนตสฺมิ (?) กิริยาปทเมตํ ยถา กิฺจนตตฺถีติ], น จ มม กฺวจนิ กตฺถจิ กิฺจนตตฺถี’ติ. ชานนฺติ โข ปนสฺส มาตาปิตโร – ‘อยํ อมฺหากํ ปุตฺโต’ติ; โสปิ ชานาติ – ‘อิเม มยฺหํ มาตาปิตโร’ติ. ชานาติ โข ปนสฺส ปุตฺตทาโร – ‘อยํ มยฺหํ ภตฺตา’ติ; โสปิ ชานาติ – ‘อยํ มยฺหํ ปุตฺตทาโร’ติ. ชานนฺติ โข ปนสฺส ทาสกมฺมกรโปริสา – ‘อยํ อมฺหากํ อยฺโย’ติ; โสปิ ชานาติ – ‘อิเม มยฺหํ ทาสกมฺมกรโปริสา’ติ. อิติ ยสฺมึ สมเย สจฺเจ สมาทเปตพฺพา มุสาวาเท ตสฺมึ สมเย สมาทเปนฺติ. อิทํ ตสฺส มุสาวาทสฺมึ วทามิ. โส ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน โภเค อทินฺนํเยว ปริภุฺชติ. อิทํ ตสฺส อทินฺนาทานสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, วิสาเข, นิคณฺุโปสโถ โหติ. เอวํ อุปวุตฺโถ โข, วิสาเข, นิคณฺุโปสโถ น มหปฺผโล โหติ น มหานิสํโส น มหาชุติโก น มหาวิปฺผาโร.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อริยุโปสโถ โหติ? อุปกฺกิลิฏฺสฺส, วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา [ปริโยทาปนา (?)] โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. ตสฺส ตถาคตํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ. เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ, เสยฺยถาปิ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส สีสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส สีสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? กกฺกฺจ ปฏิจฺจ มตฺติกฺจ ปฏิจฺจ อุทกฺจ ปฏิจฺจ ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฏิจฺจ, เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส สีสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. เอวเมวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. ตสฺส ตถาคตํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ. อยํ วุจฺจติ, วิสาเข – ‘อริยสาวโก พฺรหฺมุโปสถํ อุปวสติ, พฺรหฺมุนา สทฺธึ สํวสติ, พฺรหฺมฺจสฺส [พฺรหฺมฺจ (ก.)] อารพฺภ จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ’. เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘อุปกฺกิลิฏฺสฺส, วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก ธมฺมํ อนุสฺสรติ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ. ตสฺส ธมฺมํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ, เสยฺยถาปิ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส กายสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส กายสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? โสตฺติฺจ ปฏิจฺจ, จุณฺณฺจ ปฏิจฺจ, อุทกฺจ ปฏิจฺจ, ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฏิจฺจ. เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส กายสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. เอวเมวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก ธมฺมํ อนุสฺสรติ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ. ตสฺส ธมฺมํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ. อยํ วุจฺจติ, วิสาเข, ‘อริยสาวโก ธมฺมุโปสถํ อุปวสติ, ธมฺเมน สทฺธึ สํวสติ, ธมฺมฺจสฺส อารพฺภ จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ’. เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘อุปกฺกิลิฏฺสฺส, วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก สงฺฆํ อนุสฺสรติ – ‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, อุชุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ายปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’ติ. ตสฺส สงฺฆํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ, เสยฺยถาปิ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส วตฺถสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส วตฺถสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อุสฺมฺจ [อูสฺจ (สฺยา. กํ. อฏฺกถายมฺปิ ปานฺตรํ, สํ. นิ. ๓.๘๙ เขมกสุตฺตปาฬิยาปิ สเมติ.) อุสุมฺจ (สี.)] ปฏิจฺจ, ขารฺจ ปฏิจฺจ, โคมยฺจ ปฏิจฺจ, อุทกฺจ ปฏิจฺจ, ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฏิจฺจ. เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส วตฺถสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. เอวเมวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก สงฺฆํ อนุสฺสรติ – ‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’ติ. ตสฺส สงฺฆํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ. อยํ วุจฺจติ, วิสาเข, ‘อริยสาวโก สงฺฆุโปสถํ อุปวสติ, สงฺเฆน สทฺธึ สํวสติ, สงฺฆฺจสฺส อารพฺภ จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ’. เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘อุปกฺกิลิฏฺสฺส, วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก อตฺตโน สีลานิ อนุสฺสรติ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ. ตสฺส สีลํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ, เสยฺยถาปิ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส อาทาสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส อาทาสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? เตลฺจ ปฏิจฺจ, ฉาริกฺจ ปฏิจฺจ, วาลณฺฑุปกฺจ ปฏิจฺจ, ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฏิจฺจ. เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส อาทาสสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. เอวเมวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก อตฺตโน สีลานิ อนุสฺสรติ อขณฺฑานิ…เป… สมาธิสํวตฺตนิกานิ. ตสฺส สีลํ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ. อยํ วุจฺจติ, วิสาเข, ‘อริยสาวโก สีลุโปสถํ อุปวสติ, สีเลน สทฺธึ สํวสติ, สีลฺจสฺส อารพฺภ จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ’. เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘อุปกฺกิลิฏฺสฺส, วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ วิสาเข, อริยสาวโก เทวตา อนุสฺสรติ – ‘สนฺติ เทวา จาตุมหาราชิกา [จาตุมฺมหาราชิกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], สนฺติ เทวา ตาวตึสา, สนฺติ เทวา ยามา, สนฺติ เทวา ตุสิตา, สนฺติ เทวา นิมฺมานรติโน, สนฺติ เทวา ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน, สนฺติ เทวา พฺรหฺมกายิกา, สนฺติ เทวา ตตุตฺตริ [ตตุตฺตรึ (สี. ปี.)]. ยถารูปาย สทฺธาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา [ตตฺถุปฺปนฺนา (สี. ปี.)], มยฺหมฺปิ ตถารูปา สทฺธา สํวิชฺชติ. ยถารูเปน สีเลน สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปํ สีลํ สํวิชฺชติ. ยถารูเปน สุเตน สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปํ สุตํ สํวิชฺชติ. ยถารูเปน จาเคน สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูโป จาโค สํวิชฺชติ. ยถารูปาย ปฺาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา ปฺา สํวิชฺชตี’ติ. ตสฺส อตฺตโน จ ตาสฺจ เทวตานํ สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ, เสยฺยถาปิ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส ชาตรูปสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส ชาตรูปสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อุกฺกฺจ ปฏิจฺจ, โลณฺจ ปฏิจฺจ, เครุกฺจ ปฏิจฺจ, นาฬิกสณฺฑาสฺจ [นาฬิกฺจ ปฏิจฺจ สณฺฑาสฺจ (ปี. ก.)] ปฏิจฺจ, ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฏิจฺจ. เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส ชาตรูปสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. เอวเมวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก เทวตา อนุสฺสรติ – ‘สนฺติ เทวา จาตุมหาราชิกา, สนฺติ เทวา ตาวตึสา…เป… สนฺติ เทวา ตตุตฺตริ. ยถารูปาย สทฺธาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา สทฺธา สํวิชฺชติ. ยถารูเปน สีเลน…เป… สุเตน…เป… จาเคน…เป… ปฺาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา ปฺา สํวิชฺชตี’ติ. ตสฺส อตฺตโน จ ตาสฺจ เทวตานํ สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ. อยํ วุจฺจติ, วิสาเข, ‘อริยสาวโก เทวตุโปสถํ อุปวสติ, เทวตาหิ สทฺธึ สํวสติ, เทวตา อารพฺภ จิตฺตํ ปสีทติ, ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ, เย จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต ปหียนฺติ’. เอวํ โข, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ.

‘‘ส โข โส, วิสาเข, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘ยาวชีวํ อรหนฺโต ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรตา นิหิตทณฺฑา นิหิตสตฺถา ลชฺชี ทยาปนฺนา สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรนฺติ; อหมฺปชฺช อิมฺจ รตฺตึ อิมฺจ ทิวสํ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ ลชฺชี ทยาปนฺโน สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรามิ. อิมินาปิ [อิมินาปหํ (สี.) อ. นิ. ๘.๔๑] องฺเคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุตฺโถ ภวิสฺสติ.

‘‘ยาวชีวํ อรหนฺโต อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรตา ทินฺนาทายี ทินฺนปาฏิกงฺขี, อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรนฺติ; อหมฺปชฺช อิมฺจ รตฺตึ อิมฺจ ทิวสํ อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต ทินฺนาทายี ทินฺนปาฏิกงฺขี, อเถเนน สุจิภูเตน อตฺตนา วิหรามิ. อิมินาปิ องฺเคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุตฺโถ ภวิสฺสติ.

‘‘ยาวชีวํ อรหนฺโต อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี อาราจารี [อนาจารี (ปี.)] วิรตา เมถุนา คามธมฺมา; อหมฺปชฺช อิมฺจ รตฺตึ อิมฺจ ทิวสํ อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา. อิมินาปิ องฺเคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุตฺโถ ภวิสฺสติ.

‘‘ยาวชีวํ อรหนฺโต มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรตา สจฺจวาที สจฺจสนฺธา เถตา ปจฺจยิกา อวิสํวาทกา โลกสฺส; อหมฺปชฺช อิมฺจ รตฺตึ อิมฺจ ทิวสํ มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ เถโต ปจฺจยิโก อวิสํวาทโก โลกสฺส. อิมินาปิ องฺเคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุตฺโถ ภวิสฺสติ.

‘‘ยาวชีวํ อรหนฺโต สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ ปหาย สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรตา; อหมฺปชฺช อิมฺจ รตฺตึ อิมฺจ ทิวสํ สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ ปหาย สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต. อิมินาปิ องฺเคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุตฺโถ ภวิสฺสติ.

‘‘ยาวชีวํ อรหนฺโต เอกภตฺติกา รตฺตูปรตา วิรตา วิกาลโภชนา; อหมฺปชฺช อิมฺจ รตฺตึ อิมฺจ ทิวสํ เอกภตฺติโก รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา. อิมินาปิ องฺเคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุตฺโถ ภวิสฺสติ.

‘‘ยาวชีวํ อรหนฺโต นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนมาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา ปฏิวิรตา; อหมฺปชฺช อิมฺจ รตฺตึ อิมฺจ ทิวสํ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนมาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺานา ปฏิวิรโต. อิมินาปิ องฺเคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุตฺโถ ภวิสฺสติ.

‘‘ยาวชีวํ อรหนฺโต อุจฺจาสยนมหาสยนํ ปหาย อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฏิวิรตา นีจเสยฺยํ กปฺเปนฺติ มฺจเก วา ติณสนฺถารเก วา; อหมฺปชฺช อิมฺจ รตฺตึ อิมฺจ ทิวสํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ ปหาย อุจฺจาสยนมหาสยนา ปฏิวิรโต นีจเสยฺยํ กปฺเปมิ มฺจเก วา ติณสนฺถารเก วา. อิมินาปิ องฺเคน อรหตํ อนุกโรมิ, อุโปสโถ จ เม อุปวุตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ.

‘‘เอวํ โข, วิสาเข, อริยุโปสโถ โหติ. เอวํ อุปวุตฺโถ โข, วิสาเข, อริยุโปสโถ มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส มหาชุติโก มหาวิปฺผาโร’’.

‘‘กีวมหปฺผโล โหติ กีวมหานิสํโส กีวมหาชุติโก กีวมหาวิปฺผาโร’’? ‘‘เสยฺยถาปิ, วิสาเข, โย อิเมสํ โสฬสนฺนํ มหาชนปทานํ ปหูตรตฺตรตนานํ [ปหูตสตฺตรตนานํ (ก. สี. สฺยา. กํ. ปี.) ฏีกายํ ทสฺสิตปาฬิเยว. อ. นิ. ๘.๔๒] อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรยฺย, เสยฺยถิทํ – องฺคานํ, มคธานํ, กาสีนํ, โกสลานํ, วชฺชีนํ, มลฺลานํ, เจตีนํ, วงฺคานํ, กุรูนํ, ปฺจาลานํ, มจฺฉานํ [มจฺจานํ (ก.)], สูรเสนานํ, อสฺสกานํ, อวนฺตีนํ, คนฺธารานํ, กมฺโพชานํ, อฏฺงฺคสมนฺนาคตสฺส อุโปสถสฺส เอตํ [เอกํ (ก.)] กลํ นาคฺฆติ โสฬสึ. ตํ กิสฺส เหตุ? กปณํ, วิสาเข, มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’.

‘‘ยานิ, วิสาเข, มานุสกานิ ปฺาส วสฺสานิ, จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโว [รตฺติทิโว (ก.)]. ตาย รตฺติยา ตึสรตฺติโย มาโส. เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโร. เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพานิ ปฺจ วสฺสสตานิ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ. านํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย. อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’’.

‘‘ยํ, วิสาเข, มานุสกํ วสฺสสตํ, ตาวตึสานํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโว. ตาย รตฺติยา ตึสรตฺติโย มาโส. เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโร. เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพํ วสฺสสหสฺสํ ตาวตึสานํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ. านํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ตาวตึสานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย. อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’’.

‘‘ยานิ, วิสาเข, มานุสกานิ ทฺเว วสฺสสตานิ, ยามานํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโว. ตาย รตฺติยา ตึสรตฺติโย มาโส. เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโร. เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพานิ ทฺเว วสฺสสหสฺสานิ ยามานํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ. านํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ยามานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย. อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’’.

‘‘ยานิ, วิสาเข, มานุสกานิ จตฺตาริ วสฺสสตานิ, ตุสิตานํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโว. ตาย รตฺติยา ตึสรตฺติโย มาโส. เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโร. เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพานิ จตฺตาริ วสฺสสหสฺสานิ ตุสิตานํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ. านํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ตุสิตานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย. อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’’.

‘‘ยานิ, วิสาเข, มานุสกานิ อฏฺ วสฺสสตานิ, นิมฺมานรตีนํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโว. ตาย รตฺติยา ตึสรตฺติโย มาโส. เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโร. เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพานิ อฏฺ วสฺสสหสฺสานิ นิมฺมานรตีนํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ. านํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา นิมฺมานรตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย. อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธาย’’’.

‘‘ยานิ, วิสาเข, มานุสกานิ โสฬส วสฺสสตานิ, ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ เอโส เอโก รตฺตินฺทิโว. ตาย รตฺติยา ตึสรตฺติโย มาโส. เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโย สํวจฺฉโร. เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพานิ โสฬส วสฺสสหสฺสานิ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ. านํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย. อิทํ โข ปเนตํ, วิสาเข, สนฺธาย ภาสิตํ – ‘กปณํ มานุสกํ รชฺชํ ทิพฺพํ สุขํ อุปนิธายา’’’ติ.

‘‘ปาณํ น หฺเ [น หาเน (สี. ปี.), น หเน (ก.)] น จทินฺนมาทิเย,

มุสา น ภาเส น จ มชฺชโป สิยา;

อพฺรหฺมจริยา วิรเมยฺย เมถุนา,

รตฺตึ น ภุฺเชยฺย วิกาลโภชนํ.

‘‘มาลํ น ธาเร น จ คนฺธมาจเร,

มฺเจ ฉมายํ ว สเยถ สนฺถเต;

เอตฺหิ อฏฺงฺคิกมาหุโปสถํ,

พุทฺเธน ทุกฺขนฺตคุนา ปกาสิตํ.

‘‘จนฺโท จ สูริโย จ อุโภ สุทสฺสนา,

โอภาสยํ อนุปริยนฺติ ยาวตา;

ตโมนุทา เต ปน อนฺตลิกฺขคา,

นเภ ปภาสนฺติ ทิสาวิโรจนา.

‘‘เอตสฺมึ ยํ วิชฺชติ อนฺตเร ธนํ,

มุตฺตา มณิ เวฬุริยฺจ ภทฺทกํ;

สิงฺคี สุวณฺณํ อถ วาปิ กฺจนํ,

ยํ ชาตรูปํ หฏกนฺติ วุจฺจติ.

‘‘อฏฺงฺคุเปตสฺส อุโปสถสฺส,

กลมฺปิ เต นานุภวนฺติ โสฬสึ;

จนฺทปฺปภา ตารคณา จ สพฺเพ.

‘‘ตสฺมา หิ นารี จ นโร จ สีลวา,

อฏฺงฺคุเปตํ อุปวสฺสุโปสถํ;

ปุฺานิ กตฺวาน สุขุทฺรยานิ,

อนินฺทิตา สคฺคมุเปนฺติ าน’’นฺติ. ทสมํ;

มหาวคฺโค สตฺตโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

ติตฺถภยฺจ เวนาโค, สรโภ เกสมุตฺติยา;

สาฬฺโห จาปิ กถาวตฺถุ, ติตฺถิยมูลุโปสโถติ.

(๘) ๓. อานนฺทวคฺโค

๑. ฉนฺนสุตฺตํ

๗๒. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ฉนฺโน ปริพฺพาชโก เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อานนฺเทน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ฉนฺโน ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘ตุมฺเหปิ, อาวุโส อานนฺท, ราคสฺส ปหานํ ปฺาเปถ, โทสสฺส ปหานํ ปฺาเปถ, โมหสฺส ปหานํ ปฺาเปถาติ. มยํ โข, อาวุโส, ราคสฺส ปหานํ ปฺาเปม, โทสสฺส ปหานํ ปฺาเปม, โมหสฺส ปหานํ ปฺเปมา’’ติ.

‘‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส, ราเค อาทีนวํ ทิสฺวา ราคสฺส ปหานํ ปฺาเปถ, กึ โทเส อาทีนวํ ทิสฺวา โทสสฺส ปหานํ ปฺาเปถ, กึ โมเห อาทีนวํ ทิสฺวา โมหสฺส ปหานํ ปฺาเปถา’’ติ?

‘‘รตฺโต โข, อาวุโส, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ; ราเค ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. รตฺโต โข, อาวุโส, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ; ราเค ปหีเน เนว กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, น วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, น มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. รตฺโต โข, อาวุโส, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ; ราเค ปหีเน อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ. ราโค โข, อาวุโส, อนฺธกรโณ อจกฺขุกรโณ อฺาณกรโณ ปฺานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก.

‘‘ทุฏฺโ โข, อาวุโส, โทเสน…เป… มูฬฺโห โข, อาวุโส, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ; โมเห ปหีเน เนวตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. มูฬฺโห โข, อาวุโส, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ; โมเห ปหีเน เนว กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, น วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, น มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. มูฬฺโห โข, อาวุโส, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ; โมเห ปหีเน อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ ปชานาติ. โมโห โข, อาวุโส, อนฺธกรโณ อจกฺขุกรโณ อฺาณกรโณ ปฺานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก. อิทํ โข มยํ, อาวุโส, ราเค อาทีนวํ ทิสฺวา ราคสฺส ปหานํ ปฺาเปม. อิทํ โทเส อาทีนวํ ทิสฺวา โทสสฺส ปหานํ ปฺาเปม. อิทํ โมเห อาทีนวํ ทิสฺวา โมหสฺส ปหานํ ปฺาเปมา’’ติ.

‘‘อตฺถิ ปนาวุโส, มคฺโค อตฺถิ ปฏิปทา เอตสฺส ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส ปหานายา’’ติ? ‘‘อตฺถาวุโส, มคฺโค อตฺถิ ปฏิปทา เอตสฺส ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส ปหานายา’’ติ. ‘‘กตโม ปนาวุโส, มคฺโค กตมา ปฏิปทา เอตสฺส ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส ปหานายา’’ติ? ‘‘อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ. อยํ โข, อาวุโส, มคฺโค อยํ ปฏิปทา เอตสฺส ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส ปหานายา’’ติ. ‘‘ภทฺทโก โข, อาวุโส, มคฺโค ภทฺทิกา ปฏิปทา เอตสฺส ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส ปหานาย. อลฺจ ปนาวุโส อานนฺท, อปฺปมาทายา’’ติ. ปมํ.

๒. อาชีวกสุตฺตํ

๗๓. เอกํ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. อถ โข อฺตโร อาชีวกสาวโก คหปติ เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส อาชีวกสาวโก คหปติ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ –

‘‘เกสํ โน, ภนฺเต อานนฺท, ธมฺโม สฺวากฺขาโต? เก โลเก สุปฺปฏิปนฺนา? เก โลเก สุกตา’’ติ [สุคตาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]? ‘‘เตน หิ, คหปติ, ตฺเเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, เย ราคสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสนฺติ, โทสสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสนฺติ, โมหสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสนฺติ, เตสํ ธมฺโม สฺวากฺขาโต โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘เย, ภนฺเต, ราคสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสนฺติ, โทสสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสนฺติ, โมหสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสนฺติ, เตสํ ธมฺโม สฺวากฺขาโต. เอวํ เม เอตฺถ โหตี’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, เย ราคสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา, โทสสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา, โมหสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา, เต โลเก สุปฺปฏิปนฺนา โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘เย, ภนฺเต, ราคสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา, โทสสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา, โมหสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา, เต โลเก สุปฺปฏิปนฺนา. เอวํ เม เอตฺถ โหตี’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, คหปติ, เยสํ ราโค ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม, เยสํ โทโส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม, เยสํ โมโห ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม, เต โลเก สุกตา โน วา? กถํ วา เต เอตฺถ โหตี’’ติ? ‘‘เยสํ, ภนฺเต, ราโค ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม, เยสํ โทโส ปหีโน…เป… เยสํ โมโห ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม, เต โลเก สุกตา. เอวํ เม เอตฺถ โหตี’’ติ.

‘‘อิติ โข, คหปติ, ตยาเวตํ [ตยา เจตํ (สี. ปี. ก.)] พฺยากตํ – ‘เย, ภนฺเต, ราคสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสนฺติ, โทสสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสนฺติ, โมหสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสนฺติ, เตสํ ธมฺโม สฺวากฺขาโต’ติ. ตยาเวตํ พฺยากตํ – ‘เย, ภนฺเต, ราคสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา, โทสสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา, โมหสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา, เต โลเก สุปฺปฏิปนฺนา’ติ. ตยาเวตํ พฺยากตํ – ‘เยสํ, ภนฺเต, ราโค ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม, เยสํ โทโส ปหีโน…เป… เยสํ โมโห ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม, เต โลเก สุกตา’’’ติ.

‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! น เจว นาม สธมฺมุกฺกํสนา ภวิสฺสติ, น จ ปรธมฺมาปสาทนา [น ปรธมฺมาปสาทนา (สี. ปี.), น ปรธมฺมวมฺภนา (ม. นิ. ๒.๒๓๖)]. อายตเนว [อายตเน จ (ม. นิ. ๒.๒๓๖)] ธมฺมเทสนา, อตฺโถ จ วุตฺโต, อตฺตา จ อนุปนีโต. ตุมฺเห, ภนฺเต อานนฺท, ราคสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสถ, โทสสฺส…เป… โมหสฺส ปหนาย ธมฺมํ เทเสถ. ตุมฺหากํ, ภนฺเต อานนฺท, ธมฺโม สฺวากฺขาโต. ตุมฺเห, ภนฺเต อานนฺท, ราคสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา, โทสสฺส…เป… โมหสฺส ปหานาย ปฏิปนฺนา. ตุมฺเห, ภนฺเต, โลเก สุปฺปฏิปนฺนา. ตุมฺหากํ, ภนฺเต อานนฺท, ราโค ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม, ตุมฺหากํ โทโส ปหีโน…เป… ตุมฺหากํ โมโห ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. ตุมฺเห โลเก สุกตา.

‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต! เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ อยฺเยน อานนฺเทน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต อานนฺท, ตํ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ อยฺโย อานนฺโท ธาเรตุ, อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ทุติยํ.

๓. มหานามสกฺกสุตฺตํ

๗๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม. เตน โข ปน สมเยน ภควา คิลานาวุฏฺิโต [คิลานวุฏฺิโต (สทฺทนีติ)] โหติ อจิรวุฏฺิโต เคลฺา. อถ โข มหานาโม สกฺโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มหานาโม สกฺโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทีฆรตฺตาหํ, ภนฺเต, ภควตา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘สมาหิตสฺส าณํ, โน อสมาหิตสฺสา’ติ. สมาธิ นุ โข, ภนฺเต, ปุพฺเพ, ปจฺฉา าณํ; อุทาหุ าณํ ปุพฺเพ, ปจฺฉา สมาธี’’ติ? อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ภควา โข คิลานวุฏฺิโต อจิรวุฏฺิโต เคลฺา. อยฺจ มหานาโม สกฺโก ภควนฺตํ อติคมฺภีรํ ปฺหํ ปุจฺฉติ. ยํนูนาหํ มหานามํ สกฺกํ เอกมนฺตํ อปเนตฺวา ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ.

อถ โข อายสฺมา อานนฺโท มหานามํ สกฺกํ พาหายํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ อปเนตฺวา มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘เสขมฺปิ โข, มหานาม, สีลํ วุตฺตํ ภควตา, อเสขมฺปิ สีลํ วุตฺตํ ภควตา; เสโขปิ สมาธิ วุตฺโต ภควตา, อเสโขปิ สมาธิ วุตฺโต ภควตา; เสขาปิ ปฺา วุตฺตา ภควตา, อเสขาปิ ปฺา วุตฺตา ภควตา. กตมฺจ, มหานาม, เสขํ สีลํ? อิธ, มหานาม, ภิกฺขุ สีลวา โหติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. อิทํ วุจฺจติ, มหานาม, เสขํ สีลํ’’.

‘‘กตโม จ, มหานาม, เสโข สมาธิ? อิธ, มหานาม, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, มหานาม, เสโข สมาธิ.

‘‘กตมา จ, มหานาม, เสขา ปฺา? อิธ, มหานาม, ภิกฺขุ อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, มหานาม, เสขา ปฺา.

‘‘ส โข โส, มหานาม, อริยสาวโก เอวํ สีลสมฺปนฺโน เอวํ สมาธิสมฺปนฺโน เอวํ ปฺาสมฺปนฺโน อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวํ โข, มหานาม, เสขมฺปิ สีลํ วุตฺตํ ภควตา, อเสขมฺปิ สีลํ วุตฺตํ ภควตา; เสโขปิ สมาธิ วุตฺโต ภควตา, อเสโขปิ สมาธิ วุตฺโต ภควตา; เสขาปิ ปฺา วุตฺตา ภควตา, อเสขาปิ ปฺา วุตฺตา ภควตา’’ติ. ตติยํ.

๔. นิคณฺสุตฺตํ

๗๕. เอกํ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข อภโย จ ลิจฺฉวิ ปณฺฑิตกุมารโก จ ลิจฺฉวิ เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อภโย ลิจฺฉวิ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘นิคณฺโ, ภนฺเต, นาฏปุตฺโต [นาถปุตฺโต (สี. ปี.)] สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาติ – ‘จรโต จ เม ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิต’นฺติ. โส ปุราณานํ กมฺมานํ ตปสา พฺยนฺตีภาวํ ปฺเปติ นวานํ กมฺมานํ อกรณา เสตุฆาตํ. อิติ กมฺมกฺขยา ทุกฺขกฺขโย, ทุกฺขกฺขยา เวทนากฺขโย, เวทนากฺขยา สพฺพํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ ภวิสฺสติ – เอวเมติสฺสา สนฺทิฏฺิกาย นิชฺชราย วิสุทฺธิยา สมติกฺกโม โหติ. อิธ, ภนฺเต, ภควา กิมาหา’’ติ?

‘‘ติสฺโส โข อิมา, อภย, นิชฺชรา วิสุทฺธิโย เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สมฺมทกฺขาตา สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย. กตมา ติสฺโส? อิธ, อภย, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส นวฺจ กมฺมํ น กโรติ, ปุราณฺจ กมฺมํ ผุสฺส ผุสฺส พฺยนฺตีกโรติ. สนฺทิฏฺิกา นิชฺชรา อกาลิกา เอหิปสฺสิกา โอปเนยฺยิกา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพา วิฺูหีติ.

‘‘ส โข โส, อภย, ภิกฺขุ เอวํ สีลสมฺปนฺโน วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส นวฺจ กมฺมํ น กโรติ, ปุราณฺจ กมฺมํ ผุสฺส ผุสฺส พฺยนฺตีกโรติ. สนฺทิฏฺิกา นิชฺชรา อกาลิกา เอหิปสฺสิกา โอปเนยฺยิกา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพา วิฺูหีติ.

‘‘ส โข โส, อภย, ภิกฺขุ เอวํ สมาธิสมฺปนฺโน [เอวํ สีลสมฺปนฺโน เอวํ สมาธิสมฺปนฺโน (สี. สฺยา. กํ.)] อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส นวฺจ กมฺมํ น กโรติ, ปุราณฺจ กมฺมํ ผุสฺส ผุสฺส พฺยนฺตีกโรติ. สนฺทิฏฺิกา นิชฺชรา อกาลิกา เอหิปสฺสิกา โอปเนยฺยิกา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพา วิฺูหีติ. อิมา โข, อภย, ติสฺโส นิชฺชรา วิสุทฺธิโย เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สมฺมทกฺขาตา สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต ปณฺฑิตกุมารโก ลิจฺฉวิ อภยํ ลิจฺฉวึ เอตทโวจ – ‘‘กึ ปน ตฺวํ, สมฺม อภย, อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภาสิตํ สุภาสิตโต นาพฺภนุโมทสี’’ติ? ‘‘กฺยาหํ, สมฺม ปณฺฑิตกุมารก, อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภาสิตํ สุภาสิตโต นาพฺภนุโมทิสฺสามิ! มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺย โย อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภาสิตํ สุภาสิตโต นาพฺภนุโมเทยฺยา’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. นิเวสกสุตฺตํ

๗๖. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ภควา เอตทโวจ –

‘‘เย, อานนฺท, อนุกมฺเปยฺยาถ เย จ โสตพฺพํ มฺเยฺยุํ มิตฺตา วา อมจฺจา วา าตี วา สาโลหิตา วา เต โว, อานนฺท, ตีสุ าเนสุ สมาทเปตพฺพา [สมาทาเปตพฺพา (?)] นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา. กตเมสุ ตีสุ? พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเท สมาทเปตพฺพา นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ; สตฺถา เทวมนุสฺสานํ, พุทฺโธ ภควา’ติ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเท สมาทเปตพฺพา นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ, สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเท สมาทเปตพฺพา นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา – ‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ายปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’’ติ.

‘‘สิยา, อานนฺท, จตุนฺนํ มหาภูตานํ อฺถตฺตํ – ปถวีธาตุยา อาโปธาตุยา เตโชธาตุยา วาโยธาตุยา, น ตฺเวว พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตสฺส อริยสาวกสฺส สิยา อฺถตฺตํ ตตฺริทํ อฺถตฺตํ. โส วตานนฺท, พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต อริยสาวโก นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา เปตฺติวิสยํ วา อุปปชฺชิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ.

‘‘สิยา, อานนฺท, จตุนฺนํ มหาภูตานํ อฺถตฺตํ – ปถวีธาตุยา อาโปธาตุยา เตโชธาตุยา วาโยธาตุยา, น ตฺเวว ธมฺเม…เป… น ตฺเวว สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตสฺส อริยสาวกสฺส สิยา อฺถตฺตํ ตตฺริทํ อฺถตฺตํ. โส วตานนฺท, สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต อริยสาวโก นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา เปตฺติวิสยํ วา อุปปชฺชิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ.

‘‘เย, อานนฺท, อนุกมฺเปยฺยาถ เย จ โสตพฺพํ มฺเยฺยุํ มิตฺตา วา อมจฺจา วา าตี วา สาโลหิตา วา เต โว, อานนฺท, อิเมสุ ตีสุ าเนสุ สมาทเปตพฺพา นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา’’ติ. ปฺจมํ.

๖. ปมภวสุตฺตํ

๗๗. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภโว, ภโวติ, ภนฺเต, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ภโว โหตี’’ติ?

‘‘กามธาตุเวปกฺกฺจ, อานนฺท, กมฺมํ นาภวิสฺส, อปิ นุ โข กามภโว ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘อิติ โข, อานนฺท, กมฺมํ เขตฺตํ, วิฺาณํ พีชํ, ตณฺหา สฺเนโห [สิเนโห (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ หีนาย ธาตุยา วิฺาณํ ปติฏฺิตํ เอวํ อายตึ [อายติ (สี.)] ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหติ. ( ) [(เอวํ โข อานนฺท ภโว โหตีติ) (ก.) ทุติยสุตฺเต ปน อิทํ ปานานตฺตํ นตฺถิ]

‘‘รูปธาตุเวปกฺกฺจ, อานนฺท, กมฺมํ นาภวิสฺส, อปิ นุ โข รูปภโว ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘อิติ โข อานนฺท, กมฺมํ เขตฺตํ, วิฺาณํ พีชํ, ตณฺหา สฺเนโห. อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ มชฺฌิมาย ธาตุยา วิฺาณํ ปติฏฺิตํ เอวํ อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหติ. ( ) [(เอวํ โข อานนฺท ภโว โหตีติ) (ก.) ทุติยสุตฺเต ปน อิทํ ปานานตฺตํ นตฺถิ]

‘‘อรูปธาตุเวปกฺกฺจ, อานนฺท, กมฺมํ นาภวิสฺส, อปิ นุ โข อรูปภโว ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘อิติ โข, อานนฺท, กมฺมํ เขตฺตํ, วิฺาณํ พีชํ, ตณฺหา สฺเนโห. อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ ปณีตาย ธาตุยา วิฺาณํ ปติฏฺิตํ เอวํ อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหติ. เอวํ โข, อานนฺท, ภโว โหตี’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. ทุติยภวสุตฺตํ

๗๘. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ…เป… อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภโว, ภโวติ, ภนฺเต, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ภโว โหตี’’ติ?

‘‘กามธาตุเวปกฺกฺจ, อานนฺท, กมฺมํ นาภวิสฺส, อปิ นุ โข กามภโว ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’. ‘‘อิติ โข, อานนฺท, กมฺมํ เขตฺตํ, วิฺาณํ พีชํ, ตณฺหา สฺเนโห. อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ หีนาย ธาตุยา เจตนา ปติฏฺิตา ปตฺถนา ปติฏฺิตา เอวํ อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหติ’’.

‘‘รูปธาตุเวปกฺกฺจ, อานนฺท, กมฺมํ นาภวิสฺส, อปิ นุ โข รูปภโว ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘อิติ โข, อานนฺท, กมฺมํ เขตฺตํ, วิฺาณํ พีชํ, ตณฺหา สฺเนโห. อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ มชฺฌิมาย ธาตุยา เจตนา ปติฏฺิตา ปตฺถนา ปติฏฺิตา เอวํ อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหติ’’.

‘‘อรูปธาตุเวปกฺกฺจ, อานนฺท, กมฺมํ นาภวิสฺส, อปิ นุ โข อรูปภโว ปฺาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘อิติ โข, อานนฺท, กมฺมํ เขตฺตํ, วิฺาณํ พีชํ, ตณฺหา สฺเนโห. อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ ปณีตาย ธาตุยา เจตนา ปติฏฺิตา ปตฺถนา ปติฏฺิตา เอวํ อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหติ. เอวํ โข, อานนฺท, ภโว โหตี’’ติ. สตฺตมํ.

๘. สีลพฺพตสุตฺตํ

๗๙. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สพฺพํ นุ โข, อานนฺท, สีลพฺพตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ อุปฏฺานสารํ สผล’’นฺติ? ‘‘น ขฺเวตฺถ, ภนฺเต, เอกํเสนา’’ติ. ‘‘เตน หานนฺท, วิภชสฺสู’’ติ.

‘‘ยฺหิสฺส [ยถารูปํ หิสฺส (?) เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตานุรูปํ], ภนฺเต, สีลพฺพตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ อุปฏฺานสารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, เอวรูปํ สีลพฺพตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ อุปฏฺานสารํ อผลํ. ยฺจ ขฺวาสฺส [ยฺหิสฺส (ก.), ยถารูปฺจ ขฺวาสฺส (?)], ภนฺเต, สีลพฺพตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ อุปฏฺานสารํ เสวโต อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, เอวรูปํ สีลพฺพตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ อุปฏฺานสารํ สผล’’นฺติ. อิทมโวจ อายสฺมา อานนฺโท; สมนุฺโ สตฺถา อโหสิ.

อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ‘‘สมนุฺโ เม สตฺถา’’ติ, อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข ภควา อจิรปกฺกนฺเต อายสฺมนฺเต อานนฺเท ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เสโข, ภิกฺขเว, อานนฺโท; น จ ปนสฺส สุลภรูโป สมสโม ปฺายา’’ติ. อฏฺมํ.

๙. คนฺธชาตสุตฺตํ

๘๐. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘ตีณิมานิ, ภนฺเต, คนฺธชาตานิ, เยสํ อนุวาตํเยว คนฺโธ คจฺฉติ, โน ปฏิวาตํ. กตมานิ ตีณิ? มูลคนฺโธ, สารคนฺโธ, ปุปฺผคนฺโธ – อิมานิ โข, ภนฺเต, ตีณิ คนฺธชาตานิ, เยสํ อนุวาตํเยว คนฺโธ คจฺฉติ, โน ปฏิวาตํ. อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, กิฺจิ คนฺธชาตํ ยสฺส อนุวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ?

‘‘อตฺถานนฺท, กิฺจิ คนฺธชาตํ [อตฺถานนฺท คนฺธชาตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ยสฺส อนุวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ. ‘‘กตมฺจ ปน, ภนฺเต, คนฺธชาตํ ยสฺส อนุวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ?

‘‘อิธานนฺท, ยสฺมึ คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ, สีลวา โหติ กลฺยาณธมฺโม, วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต.

‘‘ตสฺส ทิสาสุ สมณพฺราหฺมณา วณฺณํ ภาสนฺติ – ‘อมุกสฺมึ [อสุกสฺมึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ, สีลวา โหติ กลฺยาณธมฺโม, วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต’’’ติ.

‘‘เทวตาปิสฺส [เทวตาปิสฺส อมนุสฺสา (สี. ปี.), เทวตาปิสฺส อมนุสฺสาปิ (ก.), เทวตาปิสฺส…เป… มนุสฺสาปิสฺส (?)] วณฺณํ ภาสนฺติ – ‘อมุกสฺมึ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ, สีลวา โหติ กลฺยาณธมฺโม, วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต’ติ. อิทํ โข ตํ, อานนฺท, คนฺธชาตํ ยสฺส อนุวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ.

‘‘น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ,

น จนฺทนํ ตครมลฺลิกา [ตคฺครมลฺลิกา (ปี.)] วา;

สตฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ,

สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายตี’’ติ. นวมํ;

๑๐. จูฬนิกาสุตฺตํ

๘๑. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สมฺมุขาเมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ภควโต, อานนฺท, สิขิสฺส อภิภู นาม สาวโก พฺรหฺมโลเก ิโต สหสฺสิโลกธาตุํ [สหสฺสีโลกธาตุํ (ปี.) สํ. นิ. ๑.๑๘๕ วิตฺถาโร] สเรน วิฺาเปสี’ติ. ภควา ปน, ภนฺเต, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กีวตกํ ปโหติ สเรน วิฺาเปตุ’’นฺติ? ‘‘สาวโก โส, อานนฺท, อปฺปเมยฺยา ตถาคตา’’ติ.

ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ภควโต, อานนฺท, สิขิสฺส อภิภู นาม สาวโก พฺรหฺมโลเก ิโต สหสฺสิโลกธาตุํ สเรน วิฺาเปสี’ติ. ภควา ปน, ภนฺเต, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กีวตกํ ปโหติ สเรน วิฺาเปตุ’’นฺติ? ‘‘สาวโก โส, อานนฺท, อปฺปเมยฺยา ตถาคตา’’ติ.

ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สมฺมุขาเมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘ภควโต, อานนฺท, สิขิสฺส อภิภู นาม สาวโก พฺรหฺมโลเก ิโต สหสฺสิโลกธาตุํ สเรน วิฺาเปสี’ติ. ภควา ปน, ภนฺเต, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กีวตกํ ปโหติ สเรน วิฺาเปตุ’’นฺติ? ‘‘สุตา เต, อานนฺท, สหสฺสี จูฬนิกา โลกธาตู’’ติ? ‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล; เอตสฺส, สุคต, กาโล! ยํ ภควา ภาเสยฺย. ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เตนหานนฺท, สุณาหิ สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ยาวตา, อานนฺท, จนฺทิมสูริยา [จนฺทิมสุริยา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปริหรนฺติ, ทิสา ภนฺติ วิโรจนา, ตาว สหสฺสธา โลโก. ตสฺมึ สหสฺสธา โลเก สหสฺสํ [ตสฺมึ สหสฺสํ (สฺยา. กํ. ปี.)] จนฺทานํ, สหสฺสํ สูริยานํ, สหสฺสํ สิเนรุปพฺพตราชานํ, สหสฺสํ ชมฺพุทีปานํ, สหสฺสํ อปรโคยานานํ, สหสฺสํ อุตฺตรกุรูนํ, สหสฺสํ ปุพฺพวิเทหานํ, จตฺตาริ มหาสมุทฺทสหสฺสานิ, จตฺตาริ มหาราชสหสฺสานิ, สหสฺสํ จาตุมหาราชิกานํ, สหสฺสํ ตาวตึสานํ, สหสฺสํ ยามานํ, สหสฺสํ ตุสิตานํ, สหสฺสํ นิมฺมานรตีนํ, สหสฺสํ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ, สหสฺสํ พฺรหฺมโลกานํ – อยํ วุจฺจตานนฺท, สหสฺสี จูฬนิกา โลกธาตุ.

‘‘ยาวตานนฺท, สหสฺสี จูฬนิกา โลกธาตุ ตาว สหสฺสธา โลโก. อยํ วุจฺจตานนฺท, ทฺวิสหสฺสี มชฺฌิมิกา โลกธาตุ.

‘‘ยาวตานนฺท, ทฺวิสหสฺสี มชฺฌิมิกา โลกธาตุ ตาว สหสฺสธา โลโก. อยํ วุจฺจตานนฺท, ติสหสฺสี มหาสหสฺสี โลกธาตุ.

‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุํ [ติสหสฺสิ มหาสหสฺสึ โลกธาตุํ (สฺยา. กํ.), ติสหสฺสีมหาสหสฺสีโลกธาตุํ (ปี.)] สเรน วิฺาเปยฺย, ยาวตา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ.

‘‘ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, ภควา ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุํ สเรน วิฺาเปยฺย, ยาวตา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ? ‘‘อิธานนฺท, ตถาคโต ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุํ โอภาเสน ผเรยฺย. ยทา เต สตฺตา ตํ อาโลกํ สฺชาเนยฺยุํ, อถ ตถาคโต โฆสํ กเรยฺย สทฺทมนุสฺสาเวยฺย. เอวํ โข, อานนฺท, ตถาคโต ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุํ สเรน วิฺาเปยฺย, ยาวตา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต อายสฺมา อานนฺโท (อายสฺมนฺตํ อุทายึ) [(ภควนฺตํ) (สี.), ( ) นตฺถิ สฺยา. กํ. โปตฺถเกสุ. อฏฺกถาย สเมติ] เอตทโวจ – ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม สตฺถา เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว’’ติ. เอวํ วุตฺเต อายสฺมา อุทายี อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘กึ ตุยฺเหตฺถ, อาวุโส อานนฺท, ยทิ เต สตฺถา เอวํมหิทฺธิโก เอวํมหานุภาโว’’ติ? เอวํ วุตฺเต ภควา อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ – ‘‘มา เหวํ, อุทายิ, มา เหวํ, อุทายิ. สเจ, อุทายิ, อานนฺโท อวีตราโค กาลํ กเรยฺย, เตน จิตฺตปฺปสาเทน สตฺตกฺขตฺตุํ เทเวสุ เทวรชฺชํ กาเรยฺย, สตฺตกฺขตฺตุํ อิมสฺมึเยว ชมฺพุทีเป มหารชฺชํ กาเรยฺย. อปิ จ, อุทายิ, อานนฺโท ทิฏฺเว ธมฺเม ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ. ทสมํ.

อานนฺทวคฺโค ตติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

ฉนฺโน อาชีวโก สกฺโก, นิคณฺโ จ นิเวสโก;

ทุเว ภวา สีลพฺพตํ, คนฺธชาตฺจ จูฬนีติ.

(๙) ๔. สมณวคฺโค

๑. สมณสุตฺตํ

๘๒. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สมณสฺส สมณิยานิ สมณกรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? อธิสีลสิกฺขาสมาทานํ, อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทานํ, อธิปฺาสิกฺขาสมาทานํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ สมณสฺส สมณิยานิ สมณกรณียานิ.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิสีลสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิปฺาสิกฺขาสมาทาเน’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ปมํ.

๒. คทฺรภสุตฺตํ

๘๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คทฺรโภ โคคณํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ โหติ – ‘อหมฺปิ ทมฺโม, อหมฺปิ ทมฺโม’ติ [อหมฺปิ โค อมฺหา อหมฺปิ โค อมฺหาติ (สี.), อหมฺปิ อมฺหา อหมฺปิ อมฺหาติ (สฺยา. กํ. ปี.), อหมฺปิ โค อหมฺปิ โคติ (?)]. ตสฺส น ตาทิโส วณฺโณ โหติ เสยฺยถาปิ คุนฺนํ, น ตาทิโส สโร โหติ เสยฺยถาปิ คุนฺนํ, น ตาทิสํ ปทํ โหติ เสยฺยถาปิ คุนฺนํ. โส โคคณํเยว ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ โหติ – ‘อหมฺปิ ทมฺโม, อหมฺปิ ทมฺโม’’’ติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ภิกฺขุสงฺฆํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ โหติ – ‘อหมฺปิ ภิกฺขุ, อหมฺปิ ภิกฺขู’ติ. ตสฺส น ตาทิโส ฉนฺโท โหติ อธิสีลสิกฺขาสมาทาเน เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภิกฺขูนํ, น ตาทิโส ฉนฺโท โหติ อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทาเน เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภิกฺขูนํ, น ตาทิโส ฉนฺโท โหติ อธิปฺาสิกฺขาสมาทาเน เสยฺยถาปิ อฺเสํ ภิกฺขูนํ. โส ภิกฺขุสงฺฆํเยว ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ โหติ – ‘อหมฺปิ ภิกฺขุ, อหมฺปิ ภิกฺขู’’’ติ.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิสีลสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิปฺาสิกฺขาสมาทาเน’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทุติยํ.

๓. เขตฺตสุตฺตํ

๘๔. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, กสฺสกสฺส คหปติสฺส ปุพฺเพ กรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, กสฺสโก คหปติ ปฏิกจฺเจว [ปฏิคจฺเจว (สี. ปี.)] เขตฺตํ สุกฏฺํ กโรติ สุมติกตํ [สุมตฺติกตํ (ก.), เอตฺถ มติสทฺโท กฏฺเขตฺตสฺส สมีกรณสาธเน ทารุภณฺเฑ วตฺตตีติ สกฺกตอภิธาเนสุ อาคตํ. ตํ ‘‘มติยา สุฏฺุ สมีกต’’นฺติ อฏฺกถาย สเมติ]. ปฏิกจฺเจว เขตฺตํ สุกฏฺํ กริตฺวา สุมติกตํ กาเลน พีชานิ ปติฏฺาเปติ. กาเลน พีชานิ ปติฏฺาเปตฺวา สมเยน อุทกํ อภิเนติปิ อปเนติปิ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ กสฺสกสฺส คหปติสฺส ปุพฺเพ กรณียานิ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีณิมานิ ภิกฺขุสฺส ปุพฺเพ กรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? อธิสีลสิกฺขาสมาทานํ, อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทานํ, อธิปฺาสิกฺขาสมาทานํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ภิกฺขุสฺส ปุพฺเพ กรณียานิ.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิสีลสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิปฺาสิกฺขาสมาทาเน’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ตติยํ.

๔. วชฺชิปุตฺตสุตฺตํ

๘๕. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข อฺตโร วชฺชิปุตฺตโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส วชฺชิปุตฺตโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธิกมิทํ, ภนฺเต, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ [ทิยฑฺฒํ สิกฺขาปทสตํ (สี.)] อนฺวทฺธมาสํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉติ. นาหํ, ภนฺเต, เอตฺถ สกฺโกมิ สิกฺขิตุ’’นฺติ. ‘‘สกฺขิสฺสสิ ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขิตุํ – อธิสีลสิกฺขาย, อธิจิตฺตสิกฺขาย อธิปฺาสิกฺขายา’’ติ? ‘‘สกฺโกมหํ, ภนฺเต, ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขิตุํ – อธิสีลสิกฺขาย, อธิจิตฺตสิกฺขาย, อธิปฺาสิกฺขายา’’ติ. ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, ภิกฺขุ, ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขสฺสุ – อธิสีลสิกฺขาย, อธิจิตฺตสิกฺขาย, อธิปฺาสิกฺขาย’’.

‘‘ยโต โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, อธิสีลมฺปิ สิกฺขิสฺสสิ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขิสฺสสิ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขิสฺสสิ, ตสฺส ตุยฺหํ ภิกฺขุ อธิสีลมฺปิ สิกฺขโต อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขโต อธิปฺมฺปิ สิกฺขโต ราโค ปหียิสฺสติ, โทโส ปหียิสฺสติ, โมโห ปหียิสฺสติ. โส ตฺวํ ราคสฺส ปหานา โทสสฺส ปหานา โมหสฺส ปหานา ยํ อกุสลํ น ตํ กริสฺสสิ, ยํ ปาปํ น ตํ เสวิสฺสสี’’ติ.

อถ โข โส ภิกฺขุ อปเรน สมเยน อธิสีลมฺปิ สิกฺขิ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขิ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขิ. ตสฺส อธิสีลมฺปิ สิกฺขโต อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขโต อธิปฺมฺปิ สิกฺขโต ราโค ปหียิ, โทโส ปหียิ, โมโห ปหียิ. โส ราคสฺส ปหานา โทสสฺส ปหานา โมหสฺส ปหานา ยํ อกุสลํ ตํ นากาสิ, ยํ ปาปํ ตํ น เสวีติ. จตุตฺถํ.

๕. เสกฺขสุตฺตํ

๘๖. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘‘เสโข, เสโข’ติ, ภนฺเต, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, เสโข โหตี’’ติ? ‘‘สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจติ. กิฺจ สิกฺขติ? อธิสีลมฺปิ สิกฺขติ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขติ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขติ. สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจตี’’ติ.

‘‘เสขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;

ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา.

‘‘ตโต อฺาวิมุตฺตสฺส [อฺาวิมุตฺติยา (ก.)], าณํ เว [าณฺจ (ก.)] โหติ ตาทิโน;

อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ, ภวสํโยชนกฺขเย’’ติ. ปฺจมํ; ( ) [(อฏฺมํ ภาณวารํ นิฏฺิตํ) (ก.)]

๖. ปมสิกฺขาสุตฺตํ

๘๗. ‘‘สาธิกมิทํ, ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉติ, ยตฺถ อตฺตกามา กุลปุตฺตา สิกฺขนฺติ. ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ. กตมา ติสฺโส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา อธิปฺาสิกฺขา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สิกฺขา, ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ.

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ มตฺตโส การี ปฺาย มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ, ตตฺถ ธุวสีโล [ธุวสีลี (สี.) ปุ. ป. ๑๒๗-๑๒๙ (โถกํ วิสทิสํ)] จ โหติ ิตสีโล [ิตสีลี (สี.)] จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ มตฺตโส การี ปฺาย มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการี ปฺาย มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการี ปฺาย ปริปูรการี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ.

‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, ปเทสํ ปเทสการี อาราเธติ ปริปูรํ ปริปูรการี. อวฺฌานิ ตฺเววาหํ [อวฺจุวเนวาหํ (ก.)], ภิกฺขเว, สิกฺขาปทานิ วทามี’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. ทุติยสิกฺขาสุตฺตํ

๘๘. ‘‘สาธิกมิทํ, ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉติ ยตฺถ อตฺตกามา กุลปุตฺตา สิกฺขนฺติ. ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ. กตมา ติสฺโส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สิกฺขา ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ.

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ มตฺตโส การี ปฺาย มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สตฺตกฺขตฺตุปรโม โหติ. สตฺตกฺขตฺตุปรมํ เทเว จ มนุสฺเส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โกลํโกโล โหติ, ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา เอกพีชี โหติ, เอกํเยว มานุสกํ ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการี ปฺาย มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุปหจฺจปรินิพฺพายี โหติ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการี ปฺาย ปริปูรการี. โส ยานิ ตานิ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ.

‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, ปเทสํ ปเทสการี อาราเธติ, ปริปูรํ ปริปูรการี, อวฺฌานิ ตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, สิกฺขาปทานิ วทามี’’ติ. สตฺตมํ.

๘. ตติยสิกฺขาสุตฺตํ

๘๙. ‘‘สาธิกมิทํ, ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉติ ยตฺถ อตฺตกามา กุลปุตฺตา สิกฺขนฺติ. ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ. กตมา ติสฺโส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สิกฺขา ยตฺเถตํ สพฺพํ สโมธานํ คจฺฉติ.

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการี ปฺาย ปริปูรการี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุปหจฺจปรินิพฺพายี โหติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สสงฺขารปรินิพฺพายี โหติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุทฺธํโสโต โหติ อกนิฏฺคามี ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา, ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา เอกพีชี โหติ, เอกํเยว มานุสกํ ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โกลํโกโล โหติ, ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. ตํ วา ปน อนภิสมฺภวํ อปฺปฏิวิชฺฌํ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สตฺตกฺขตฺตุปรโม โหติ, สตฺตกฺขตฺตุปรมํ เทเว จ มนุสฺเส จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ.

‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, ปริปูรํ ปริปูรการี อาราเธติ ปเทสํ ปเทสการี. อวฺฌานิตฺเววาหํ, ภิกฺขเว, สิกฺขาปทานิ วทามี’’ติ. อฏฺมํ.

๙. ปมสิกฺขตฺตยสุตฺตํ

๙๐. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา. กตมา ติสฺโส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิสีลสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิสีลสิกฺขา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตสิกฺขา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิปฺาสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิปฺาสิกฺขา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สิกฺขา’’ติ. นวมํ.

๑๐. ทุติยสิกฺขตฺตยสุตฺตํ

๙๑. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา. กตมา ติสฺโส? อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิสีลสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิสีลสิกฺขา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตสิกฺขา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อธิปฺาสิกฺขา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิปฺา สิกฺขา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สิกฺขา’’ติ.

‘‘อธิสีลํ อธิจิตฺตํ, อธิปฺฺจ วีริยวา;

ถามวา ธิติมา ฌายี, สโต คุตฺตินฺทฺริโย [อุปฺปตฺตินฺทฺริโย (ก.)] จเร.

‘‘ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉา, ยถา ปจฺฉา ตถา ปุเร;

ยถา อโธ ตถา อุทฺธํ, ยถา อุทฺธํ ตถา อโธ.

‘‘ยถา ทิวา ตถา รตฺตึ, ยถา รตฺตึ ตถา ทิวา;

อภิภุยฺย ทิสา สพฺพา, อปฺปมาณสมาธินา.

‘‘ตมาหุ เสขํ ปฏิปทํ [ปาฏิปทํ (?) ม. นิ. ๒.๒๗ ปสฺสิตพฺพํ], อโถ สํสุทฺธจาริยํ [สํสุทฺธจารณํ (สี. ปี.), สํสุทฺธจารินํ (สฺยา. กํ.)];

ตมาหุ โลเก สมฺพุทฺธํ, ธีรํ ปฏิปทนฺตคุํ.

‘‘วิฺาณสฺส นิโรเธน, ตณฺหากฺขยวิมุตฺติโน;

ปชฺโชตสฺเสว นิพฺพานํ, วิโมกฺโข โหติ เจตโส’’ติ. ทสมํ;

๑๑. สงฺกวาสุตฺตํ

๙๒. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน สงฺกวา [ปงฺกธา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นาม โกสลานํ นิคโม ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา สงฺกวายํ วิหรติ. เตน โข ปน สมเยน กสฺสปโคตฺโต นาม ภิกฺขุ สงฺกวายํ อาวาสิโก โหติ. ตตฺร สุทํ ภควา สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติ. อถ โข กสฺสปโคตฺตสฺส ภิกฺขุโน ภควติ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘‘อธิสลฺลิขเตวายํ [อธิสลฺเลขเตวายํ (สฺยา. กํ. ก.)] สมโณ’’ติ. อถ โข ภควา สงฺกวายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ราชคเห วิหรติ.

อถ โข กสฺสปโคตฺตสฺส ภิกฺขุโน อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต อหุเทว กุกฺกุจฺจํ อหุ วิปฺปฏิสาโร – ‘‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ; ยสฺส เม ภควติ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. ยํนูนาหํ เยน ภควา เตนุปสงฺกเมยฺยํ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก อจฺจยํ อจฺจยโต เทเสยฺย’’นฺติ. อถ โข กสฺสปโคตฺโต ภิกฺขุ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ราชคหํ เตน ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน เยน ราชคหํ เยน คิชฺฌกูโฏ ปพฺพโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข กสฺสปโคตฺโต ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ –

‘‘เอกมิทํ, ภนฺเต, สมยํ ภควา สงฺกวายํ วิหรติ, สงฺกวา นาม โกสลานํ นิคโม. ตตฺร, ภนฺเต, ภควา สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. ตสฺส มยฺหํ ภควติ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. อถ โข ภควา สงฺกวายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. ( ) [(อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ราชคเห วิหรติ. อถ โข (ก.)] ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต อหุเทว กุกฺกุจฺจํ อหุ วิปฺปฏิสาโร – อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ; ยสฺส เม ภควติ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. ยํนูนาหํ เยน ภควา เตนุปสงฺกเมยฺยํ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก อจฺจยํ อจฺจยโต เทเสยฺยนฺติ. อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ ยสฺส เม ภควติ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. ตสฺส เม, ภนฺเต, ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ, อายตึ สํวรายา’’ติ.

‘‘ตคฺฆ ตํ [ตคฺฆ ตฺวํ (สี. ปี.)], กสฺสป, อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, ยสฺส เต มยิ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ภิกฺขู สนฺทสฺเสนฺเต สมาทเปนฺเต สมุตฺเตเชนฺเต สมฺปหํเสนฺเต อหุเทว อกฺขนฺติ อหุ อปฺปจฺจโย – ‘อธิสลฺลิขเตวายํ สมโณ’ติ. ยโต จ โข ตฺวํ, กสฺสป, อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรสิ, ตํ เต มยํ ปฏิคฺคณฺหาม. วุทฺธิเหสา, กสฺสป, อริยสฺส วินเย โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, อายตึ สํวรํ อาปชฺชติ.

‘‘เถโร เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ น สิกฺขากาโม น สิกฺขาสมาทานสฺส วณฺณวาที, เย จฺเ ภิกฺขู น สิกฺขากามา เต จ น สิกฺขาย สมาทเปติ, เย จฺเ ภิกฺขู สิกฺขากามา เตสฺจ น วณฺณํ ภณติ ภูตํ ตจฺฉํ กาเลน, เอวรูปสฺสาหํ, กสฺสป, เถรสฺส ภิกฺขุโน น วณฺณํ ภณามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? สตฺถา หิสฺส วณฺณํ ภณตีติ อฺเ นํ [ตํ (สี. ปี.)] ภิกฺขู ภเชยฺยุํ, เย นํ ภเชยฺยุํ ตฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ, ยฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ เตสํ ตํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ. ตสฺมาหํ, กสฺสป, เอวรูปสฺส เถรสฺส ภิกฺขุโน น วณฺณํ ภณามิ.

‘‘มชฺฌิโม เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ…เป… นโว เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ น สิกฺขากาโม น สิกฺขาสมาทานสฺส วณฺณวาที, เย จฺเ ภิกฺขู น สิกฺขากามา เต จ น สิกฺขาย สมาทเปติ, เย จฺเ ภิกฺขู สิกฺขากามา เตสฺจ น วณฺณํ ภณติ ภูตํ ตจฺฉํ กาเลน, เอวรูปสฺสาหํ, กสฺสป, นวสฺส ภิกฺขุโน น วณฺณํ ภณามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? สตฺถา หิสฺส วณฺณํ ภณตีติ อฺเ นํ ภิกฺขู ภเชยฺยุํ, เย นํ ภเชยฺยุํ ตฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ, ยฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ เตสํ ตํ อสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ. ตสฺมาหํ, กสฺสป, เอวรูปสฺส นวสฺส ภิกฺขุโน น วณฺณํ ภณามิ.

‘‘เถโร เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ สิกฺขากาโม สิกฺขาสมาทานสฺส วณฺณวาที, เย จฺเ ภิกฺขู น สิกฺขากามา เต จ สิกฺขาย สมาทเปติ, เย จฺเ ภิกฺขู สิกฺขากามา เตสฺจ วณฺณํ ภณติ ภูตํ ตจฺฉํ กาเลน, เอวรูปสฺสาหํ, กสฺสป, เถรสฺส ภิกฺขุโน วณฺณํ ภณามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? สตฺถา หิสฺส วณฺณํ ภณตีติ อฺเ นํ ภิกฺขู ภเชยฺยุํ, เย นํ ภเชยฺยุํ ตฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ, ยฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ เตสํ ตํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ. ตสฺมาหํ, กสฺสป, เอวรูปสฺส เถรสฺส ภิกฺขุโน วณฺณํ ภณามิ.

‘‘มชฺฌิโม เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ สิกฺขากาโม…เป… นโว เจปิ, กสฺสป, ภิกฺขุ โหติ สิกฺขากาโม สิกฺขาสมาทานสฺส วณฺณวาที, เย จฺเ ภิกฺขู น สิกฺขากามา เต จ สิกฺขาย สมาทเปติ, เย จฺเ ภิกฺขู สิกฺขากามา เตสฺจ วณฺณํ ภณติ ภูตํ ตจฺฉํ กาเลน, เอวรูปสฺสาหํ, กสฺสป, นวสฺส ภิกฺขุโน วณฺณํ ภณามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? สตฺถา หิสฺส วณฺณํ ภณตีติ อฺเ นํ ภิกฺขู ภเชยฺยุํ, เย นํ ภเชยฺยุํ ตฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ, ยฺยาสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุํ เตสํ ตํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ. ตสฺมาหํ, กสฺสป, เอวรูปสฺส นวสฺส ภิกฺขุโน วณฺณํ ภณามี’’ติ. เอกาทสมํ.

สมณวคฺโค นวโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

สมโณ คทฺรโภ เขตฺตํ, วชฺชิปุตฺโต จ เสกฺขกํ;

ตโย จ สิกฺขนา วุตฺตา, ทฺเว สิกฺขา สงฺกวาย จาติ.

(๑๐) ๕. โลณกปลฺลวคฺโค

๑. อจฺจายิกสุตฺตํ

๙๓. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, กสฺสกสฺส คหปติสฺส อจฺจายิกานิ กรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, กสฺสโก คหปติ สีฆํ สีฆํ เขตฺตํ สุกฏฺํ กโรติ สุมติกตํ. สีฆํ สีฆํ เขตฺตํ สุกฏฺํ กริตฺวา สุมติกตํ สีฆํ สีฆํ พีชานิ ปติฏฺาเปติ. สีฆํ สีฆํ พีชานิ ปติฏฺาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ อุทกํ อภิเนติปิ อปเนติปิ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ กสฺสกสฺส คหปติสฺส อจฺจายิกานิ กรณียานิ. ตสฺส โข ตํ, ภิกฺขเว, กสฺสกสฺส คหปติสฺส นตฺถิ สา อิทฺธิ วา อานุภาโว วา – ‘อชฺเชว เม ธฺานิ ชายนฺตุ, สฺเวว คพฺภีนิ โหนฺตุ, อุตฺตรสฺเวว ปจฺจนฺตู’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, โหติ โส สมโย ยํ ตสฺส กสฺสกสฺส คหปติสฺส ตานิ ธฺานิ อุตุปริณามีนิ ชายนฺติปิ คพฺภีนิปิ โหนฺติ ปจฺจนฺติปิ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีณิมานิ ภิกฺขุสฺส อจฺจายิกานิ กรณียานิ. กตมานิ ตีณิ? อธิสีลสิกฺขาสมาทานํ, อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทานํ, อธิปฺาสิกฺขาสมาทานํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ภิกฺขุสฺส อจฺจายิกานิ กรณียานิ. ตสฺส โข ตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน นตฺถิ สา อิทฺธิ วา อนุภาโว วา – ‘อชฺเชว เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตุ สฺเว วา อุตฺตรสฺเว วา’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, โหติ โส สมโย ยํ ตสฺส ภิกฺขุโน อธิสีลมฺปิ สิกฺขโต อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขโต อธิปฺมฺปิ สิกฺขโต อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺโพ โน ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิสีลสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทาเน, ติพฺโพ ฉนฺโท ภวิสฺสติ อธิปฺาสิกฺขาสมาทาเน’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ปมํ.

๒. ปวิเวกสุตฺตํ

๙๔. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ปวิเวกานิ ปฺาเปนฺติ. กตมานิ ตีณิ? จีวรปวิเวกํ, ปิณฺฑปาตปวิเวกํ, เสนาสนปวิเวกํ.

‘‘ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา จีวรปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ, สาณานิปิ ธาเรนฺติ, มสาณานิปิ ธาเรนฺติ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรนฺติ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรนฺติ, ติรีฏานิปิ ธาเรนฺติ, อชินมฺปิ ธาเรนฺติ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรนฺติ, กุสจีรมฺปิ ธาเรนฺติ, วากจีรมฺปิ ธาเรนฺติ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรนฺติ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรนฺติ, วาลกมฺพลมฺปิ ธาเรนฺติ, อุลูกปกฺขิกมฺปิ ธาเรนฺติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา จีวรปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ.

‘‘ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ปิณฺฑปาตปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ. สากภกฺขาปิ โหนฺติ, สามากภกฺขาปิ โหนฺติ, นีวารภกฺขาปิ โหนฺติ, ททฺทุลภกฺขาปิ โหนฺติ, หฏภกฺขาปิ โหนฺติ, กณภกฺขาปิ โหนฺติ, อาจามภกฺขาปิ โหนฺติ, ปิฺากภกฺขาปิ โหนฺติ, ติณภกฺขาปิ โหนฺติ, โคมยภกฺขาปิ โหนฺติ, วนมูลผลาหารา ยาเปนฺติ ปวตฺตผลโภชี. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ปิณฺฑปาตปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ.

‘‘ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เสนาสนปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ อรฺํ รุกฺขมูลํ สุสานํ [รุกฺขมูลํ ภุสาคารํ สุสานํ (ก.)] วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปุฺชํ ภุสาคารํ [สุฺาคารํ (ก.)]. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เสนาสนปวิเวกสฺมึ ปฺาเปนฺติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ปวิเวกานิ ปฺาเปนฺติ.

‘‘ตีณิ โข ปนิมานิ, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย ภิกฺขุโน ปวิเวกานิ. กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา จ โหติ, ทุสฺสีลฺยฺจสฺส ปหีนํ โหติ, เตน จ วิวิตฺโต โหติ; สมฺมาทิฏฺิโก จ โหติ, มิจฺฉาทิฏฺิ จสฺส ปหีนา โหติ, ตาย จ วิวิตฺโต โหติ; ขีณาสโว จ โหติ, อาสวา จสฺส ปหีนา โหนฺติ, เตหิ จ วิวิตฺโต โหติ. ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ทุสฺสีลฺยฺจสฺส ปหีนํ โหติ, เตน จ วิวิตฺโต โหติ; สมฺมาทิฏฺิโก จ โหติ, มิจฺฉาทิฏฺิ จสฺส ปหีนา โหติ, ตาย จ วิวิตฺโต โหติ; ขีณาสโว จ โหติ, อาสวา จสฺส ปหีนา โหนฺติ, เตหิ จ วิวิตฺโต โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ‘ภิกฺขุ อคฺคปฺปตฺโต สารปฺปตฺโต สุทฺโธ สาเร ปติฏฺิโต’’’.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กสฺสกสฺส คหปติสฺส สมฺปนฺนํ สาลิกฺเขตฺตํ. ตเมนํ กสฺสโก คหปติ สีฆํ สีฆํ [สีฆสีฆํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ลวาเปยฺย. สีฆํ สีฆํ ลวาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ สงฺฆราเปยฺย. สีฆํ สีฆํ สงฺฆราเปตฺวา สีฆํ สีฆํ อุพฺพหาเปยฺย [อุพฺพาหาเปยฺย (สฺยา. กํ.)]. สีฆํ สีฆํ อุพฺพหาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ ปุฺชํ การาเปยฺย. สีฆํ สีฆํ ปุฺชํ การาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ มทฺทาเปยฺย. สีฆํ สีฆํ มทฺทาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ ปลาลานิ อุทฺธราเปยฺย. สีฆํ สีฆํ ปลาลานิ อุทฺธราเปตฺวา สีฆํ สีฆํ ภุสิกํ อุทฺธราเปยฺย. สีฆํ สีฆํ ภุสิกํ อุทฺธราเปตฺวา สีฆํ สีฆํ โอปุนาเปยฺย. สีฆํ สีฆํ โอปุนาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ อติหราเปยฺย. สีฆํ สีฆํ อติหราเปตฺวา สีฆํ สีฆํ โกฏฺฏาเปยฺย. สีฆํ สีฆํ โกฏฺฏาเปตฺวา สีฆํ สีฆํ ถุสานิ อุทฺธราเปยฺย. เอวมสฺสุ [เอวสฺสุ (ก.)] ตานิ, ภิกฺขเว, กสฺสกสฺส คหปติสฺส ธฺานิ อคฺคปฺปตฺตานิ สารปฺปตฺตานิ สุทฺธานิ สาเร ปติฏฺิตานิ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยโต ภิกฺขุ สีลวา จ โหติ, ทุสฺสีลฺยฺจสฺส ปหีนํ โหติ, เตน จ วิวิตฺโต โหติ; สมฺมาทิฏฺิโก จ โหติ, มิจฺฉาทิฏฺิ จสฺส ปหีนา โหติ, ตาย จ วิวิตฺโต โหติ; ขีณาสโว จ โหติ, อาสวา จสฺส ปหีนา โหนฺติ, เตหิ จ วิวิตฺโต โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ‘ภิกฺขุ อคฺคปฺปตฺโต สารปฺปตฺโต สุทฺโธ สาเร ปติฏฺิโต’’’ติ. ทุติยํ.

๓. สรทสุตฺตํ

๙๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สรทสมเย วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว อาทิจฺโจ นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโน [อพฺภุสฺสุกฺกมาโน (สี. ปี.)] สพฺพํ อากาสคตํ ตมคตํ อภิวิหจฺจ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยโต อริยสาวกสฺส วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุปฺปชฺชติ [อุทปาทิ (สพฺพตฺถ)], สห ทสฺสนุปฺปาทา, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส ตีณิ สํโยชนานิ ปหียนฺติ – สกฺกายทิฏฺิ, วิจิกิจฺฉา, สีลพฺพตปรามาโส.

‘‘อถาปรํ ทฺวีหิ ธมฺเมหิ นิยฺยาติ อภิชฺฌาย จ พฺยาปาเทน จ. โส วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตสฺมึ เจ, ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก กาลํ กเรยฺย, นตฺถิ ตํ [ตสฺส (ก.)] สํโยชนํ เยน สํโยชเนน สํยุตฺโต อริยสาวโก ปุน อิมํ [ปุนยิมํ (สฺยา. กํ. ก.)] โลกํ อาคจฺเฉยฺยา’’ติ. ตติยํ.

๔. ปริสาสุตฺตํ

๙๖. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, ปริสา. กตมา ติสฺโส? อคฺควตี ปริสา, วคฺคา ปริสา, สมคฺคา ปริสา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อคฺควตี ปริสา? อิธ, ภิกฺขเว, ยสฺสํ ปริสายํ เถรา ภิกฺขู น พาหุลิกา โหนฺติ น สาถลิกา, โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา, วีริยํ อารภนฺติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย, เตสํ ปจฺฉิมา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ. สาปิ โหติ น พาหุลิกา น สาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา, วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อคฺควตี ปริสา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, วคฺคา ปริสา? อิธ, ภิกฺขเว, ยสฺสํ ปริสายํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วคฺคา ปริสา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมคฺคา ปริสา? อิธ, ภิกฺขเว, ยสฺสํ ปริสายํ ภิกฺขู สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมคฺคา ปริสา.

‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย ภิกฺขู สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ, พหุํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ตสฺมึ สมเย ปุฺํ ปสวนฺติ. พฺรหฺมํ, ภิกฺขเว, วิหารํ ตสฺมึ สมเย ภิกฺขู วิหรนฺติ, ยทิทํ มุทิตาย เจโตวิมุตฺติยา. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุปริปพฺพเต ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสนฺเต ตํ อุทกํ ยถานินฺนํ ปวตฺตมานํ ปพฺพตกนฺทรปทรสาขา ปริปูเรติ, ปพฺพตกนฺทรปทรสาขา ปริปูรา กุโสพฺเภ [กุสฺสุมฺเภ (สี. ปี.), กุสุมฺเภ (สฺยา. กํ. ก.)] ปริปูเรนฺติ, กุโสพฺภา ปริปูรา มหาโสพฺเภ ปริปูเรนฺติ, มหาโสพฺภา ปริปูรา กุนฺนทิโย ปริปูเรนฺติ, กุนฺนทิโย ปริปูรา มหานทิโย ปริปูเรนฺติ, มหานทิโย ปริปูรา สมุทฺทํ [สมุทฺทสาคเร (ก.)] ปริปูเรนฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยสฺมึ สมเย ภิกฺขู สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ, พหุํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ตสฺมึ สมเย ปุฺํ ปสวนฺติ. พฺรหฺมํ, ภิกฺขเว, วิหารํ ตสฺมึ สมเย ภิกฺขู วิหรนฺติ, ยทิทํ มุทิตาย เจโตวิมุตฺติยา. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปริสา’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. ปมอาชานียสุตฺตํ

๙๗. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร [ภทฺโท (ก.)] อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ [สงฺขํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] คจฺฉติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. ปฺจมํ.

๖. ทุติยอาชานียสุตฺตํ

๙๘. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขยํ คจฺฉติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. ตติยอาชานียสุตฺตํ

๙๙. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขยํ คจฺฉติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน จ โหติ พลสมฺปนฺโน จ ชวสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วณฺณสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พลสมฺปนฺโน โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชวสมฺปนฺโน โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. สตฺตมํ.

๘. โปตฺถกสุตฺตํ

๑๐๐. ‘‘นโวปิ, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุพฺพณฺโณ จ โหติ ทุกฺขสมฺผสฺโส จ อปฺปคฺโฆ จ; มชฺฌิโมปิ, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุพฺพณฺโณ จ โหติ ทุกฺขสมฺผสฺโส จ อปฺปคฺโฆ จ; ชิณฺโณปิ, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุพฺพณฺโณ จ โหติ ทุกฺขสมฺผสฺโส จ อปฺปคฺโฆ จ. ชิณฺณมฺปิ, ภิกฺขเว, โปตฺถกํ อุกฺขลิปริมชฺชนํ วา กโรนฺติ สงฺการกูเฏ วา นํ [ตํ (สี.), าเน (ก.)] ฉฑฺเฑนฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, นโว เจปิ ภิกฺขุ โหติ ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม. อิทมสฺส ทุพฺพณฺณตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุพฺพณฺโณ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เย โข ปนสฺส เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, เตสํ ตํ โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. อิทมสฺส ทุกฺขสมฺผสฺสตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุกฺขสมฺผสฺโส ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เยสํ โข ปน โส [เยสํ โข ปน (สี. สฺยา. กํ. ปี.), เยสํ โส (ก.) ปุ. ป. ๑๑๖ ปสฺสิตพฺพํ] ปฏิคฺคณฺหาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, เตสํ ตํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ. อิทมสฺส อปฺปคฺฆตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก อปฺปคฺโฆ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. มชฺฌิโม เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โหติ…เป… เถโร เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โหติ ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม, อิทมสฺส ทุพฺพณฺณตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุพฺพณฺโณ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เย โข ปนสฺส เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, เตสํ ตํ โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. อิทมสฺส ทุกฺขสมฺผสฺสตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก ทุกฺขสมฺผสฺโส ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เยสํ โข ปน โส ปฏิคฺคณฺหาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, เตสํ ตํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ. อิทมสฺส อปฺปคฺฆตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โปตฺถโก อปฺปคฺโฆ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.

‘‘เอวรูโป จายํ, ภิกฺขเว, เถโร ภิกฺขุ สงฺฆมชฺเฌ ภณติ. ตเมนํ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘กึ นุ โข ตุยฺหํ พาลสฺส อพฺยตฺตสฺส ภณิเตน, ตฺวมฺปิ นาม ภณิตพฺพํ มฺสี’ติ! โส กุปิโต อนตฺตมโน ตถารูปึ วาจํ นิจฺฉาเรติ ยถารูปาย วาจาย สงฺโฆ ตํ อุกฺขิปติ, สงฺการกูเฏว นํ โปตฺถกํ.

‘‘นวมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตฺเจว โหติ สุขสมฺผสฺสฺจ มหคฺฆฺจ; มชฺฌิมมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตฺเจว โหติ สุขสมฺผสฺสฺจ มหคฺฆฺจ; ชิณฺณมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตฺเจว โหติ สุขสมฺผสฺสฺจ มหคฺฆฺจ. ชิณฺณมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ รตนปลิเวนํ วา กโรติ คนฺธกรณฺฑเก วา นํ ปกฺขิปนฺติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, นโว เจปิ ภิกฺขุ โหติ สีลวา กลฺยาณธมฺโม, อิทมสฺส สุวณฺณตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ ตํ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตํ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เย โข ปนสฺส เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, เตสํ ตํ โหติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย. อิทมสฺส สุขสมฺผสฺสตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ ตํ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ สุขสมฺผสฺสํ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เยสํ โข ปน โส ปฏิคฺคณฺหาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. อิทมสฺส มหคฺฆตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ ตํ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ มหคฺฆํ ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. มชฺฌิโม เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โหติ…เป… เถโร เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โหติ…เป… ปุคฺคลํ วทามิ.

‘‘เอวรูโป จายํ, ภิกฺขเว, เถโร ภิกฺขุ สงฺฆมชฺเฌ ภณติ. ตเมนํ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘อปฺปสทฺทา อายสฺมนฺโต โหถ, เถโร ภิกฺขุ ธมฺมฺจ วินยฺจ ภณตี’ติ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กาสิกวตฺถูปมา ภวิสฺสาม, น โปตฺถกูปมา’ติ [กาสิกํ วตฺถํ ตถูปมาหํ ภวิสฺสามิ, น โปตฺถกูปมาหนฺติ (ก.)]. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. อฏฺมํ.

๙. โลณกปลฺลสุตฺตํ

๑๐๑. ‘‘โย [โย โข (สฺยา. กํ.), โย จ โข (ก.)], ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถายํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถา ตํ ปฏิสํเวทิยตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส น โหติ, โอกาโส น ปฺายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย. โย จ โข, ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถา เวทนียํ อยํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถาสฺส วิปากํ ปฏิสํเวทิยตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส โหติ, โอกาโส ปฺายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย. อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ [ปาปํ กมฺมํ (สี. ปี.)] กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นา’ณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิตฺโต อภาวิตปฺโ ปริตฺโต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นา’ณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโ อปริตฺโต มหตฺโต [มหตฺตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อปฺปมาณวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส โลณกปลฺลํ [โลณผลํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปริตฺเต อุทกมลฺลเก [อุทกกปลฺลเก (ก.)] ปกฺขิเปยฺย. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตํ ปริตฺตํ อุทกํ [อุทกมลฺลเก อุทกํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อมุนา โลณกปลฺเลน โลณํ อสฺส อเปยฺย’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อทุฺหิ, ภนฺเต, ปริตฺตํ อุทกกปลฺลเก อุทกํ, ตํ อมุนา โลณกปลฺเลน โลณํ อสฺส อเปยฺย’’นฺติ. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส โลณกปลฺลกํ คงฺคาย นทิยา ปกฺขิเปยฺย. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ สา คงฺคา นที อมุนา โลณกปลฺเลน โลณํ อสฺส อเปยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อสุ หิ, ภนฺเต, คงฺคาย นทิยา มหา อุทกกฺขนฺโธ โส อมุนา โลณกปลฺเลน โลโณ น อสฺส อเปยฺโย’’ติ [โลณํ เนวสฺส อเปยฺยนฺติ (สี.), น โลโณ อสฺส อเปยฺโยติ (ปี.)].

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ. อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิตฺโต อภาวิตปฺโ ปริตฺโต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโ อปริตฺโต มหตฺโต อปฺปมาณวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อฑฺฒกหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ. อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อฑฺฒกหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ.

‘‘กถํรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ทลิทฺโท โหติ อปฺปสฺสโก อปฺปโภโค. เอวรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ พนฺธนํ นิคจฺฉติ.

‘‘กถํรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค. เอวรูโป, ภิกฺขเว, อฑฺฒกหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปเณนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ, กหาปณสเตนปิ น พนฺธนํ นิคจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ. ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ. อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ, ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิตฺโต อภาวิตปฺโ ปริตฺโต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโ อปริตฺโต มหตฺโต อปฺปมาณวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโ อปริตฺโต มหตฺโต อปฺปมาณวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อปฺเปกจฺจํ อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ ปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ, อปฺเปกจฺจํ อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ นปฺปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ.

‘‘กถํรูปํ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ ปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ทลิทฺโท โหติ อปฺปสฺสโก อปฺปโภโค. เอวรูปํ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ ปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ.

‘‘กถํรูปํ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ นปฺปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ. อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค ราชา วา ราชมหามตฺโต วา. เอวรูปํ, ภิกฺขเว, โอรพฺภิโก วา อุรพฺภฆาตโก วา อุรพฺภํ อทินฺนํ อาทิยมานํ นปฺปโหติ หนฺตุํ วา พนฺธิตุํ วา ชาเปตุํ วา ยถาปจฺจยํ วา กาตุํ. อฺทตฺถุ ปฺชลิโกว [ปฺชลิโก (ก.)] นํ [ปรํ (ก.)] ยาจติ – ‘เทหิ เม, มาริส, อุรพฺภํ วา อุรพฺภธนํ วา’ติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภาวิตกาโย โหติ อภาวิตสีโล อภาวิตจิตฺโต อภาวิตปฺโ ปริตฺโต อปฺปาตุโม อปฺปทุกฺขวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตํ ตเมนํ นิรยํ อุปเนติ.

‘‘กถํรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ภาวิตกาโย โหติ ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโ อปริตฺโต มหตฺโต อปฺปมาณวิหารี. เอวรูปสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตาทิสํเยว อปฺปมตฺตกํ ปาปกมฺมํ กตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ โหติ, นาณุปิ ขายติ, กึ พหุเทว.

‘‘โย, ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถายํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถา ตํ ปฏิสํเวเทตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส น โหติ, โอกาโส น ปฺายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย. โย จ โข, ภิกฺขเว, เอวํ วเทยฺย – ‘ยถา ยถา เวทนียํ อยํ ปุริโส กมฺมํ กโรติ ตถา ตถา ตสฺส วิปากํ ปฏิสํเวเทตี’ติ, เอวํ สนฺตํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยวาโส โหติ, โอกาโส ปฺายติ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ. นวมํ.

๑๐. ปํสุโธวกสุตฺตํ

๑๐๒. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ชาตรูปสฺส โอฬาริกา อุปกฺกิเลสา ปํสุวาลุกา [ปํสุวาลิกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สกฺขรกลา. ตเมนํ ปํสุโธวโก วา ปํสุโธวกนฺเตวาสี วา โทณิยํ อากิริตฺวา โธวติ สนฺโธวติ นิทฺโธวติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต สนฺติ ชาตรูปสฺส มชฺฌิมสหคตา อุปกฺกิเลสา สุขุมสกฺขรา ถูลวาลุกา [ถูลวาลิกา (สี. ปี.), ถุลฺลวาลิกา (สฺยา. กํ.)]. ตเมนํ ปํสุโธวโก วา ปํสุโธวกนฺเตวาสี วา โธวติ สนฺโธวติ นิทฺโธวติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต สนฺติ ชาตรูปสฺส สุขุมสหคตา อุปกฺกิเลสา สุขุมวาลุกา กาฬชลฺลิกา. ตเมนํ ปํสุโธวโก วา ปํสุโธวกนฺเตวาสี วา โธวติ สนฺโธวติ นิทฺโธวติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต อถาปรํ สุวณฺณสิกตาวสิสฺสนฺติ [สุวณฺณชาตรูปกาวสิสฺสนฺติ (ก.)]. ตเมนํ สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ชาตรูปํ มูสายํ ปกฺขิปิตฺวา ธมติ สนฺธมติ นิทฺธมติ. ตํ โหติ ชาตรูปํ ธนฺตํ สนฺธนฺตํ [อธนฺตํ อสนฺธนฺตํ (สฺยา. กํ.)] นิทฺธนฺตํ อนิทฺธนฺตกสาวํ [อนิทฺธนฺตํ อนิหิตํ อนินฺนีตกสาวํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], น เจว มุทุ โหติ น จ กมฺมนิยํ, น จ ปภสฺสรํ ปภงฺคุ จ, น จ สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. โหติ โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ ธมติ สนฺธมติ นิทฺธมติ. ตํ โหติ ชาตรูปํ ธนฺตํ สนฺธนฺตํ นิทฺธนฺตํ นิทฺธนฺตกสาวํ [นิหิตํ นินฺนีตกสาวํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], มุทุ จ โหติ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. ยสฺสา ยสฺสา จ ปิลนฺธนวิกติยา อากงฺขติ – ยทิ ปฏฺฏิกาย [มุทฺทิกาย (อ. นิ. ๕.๒๓], ยทิ กุณฺฑลาย, ยทิ คีเวยฺยเก [คีเวยฺยเกน (ก.), คีเวยฺยกาย (?)], ยทิ สุวณฺณมาลาย – ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สนฺติ อธิจิตฺตมนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน โอฬาริกา อุปกฺกิเลสา กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํ, ตเมนํ สเจตโส ภิกฺขุ ทพฺพชาติโก ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต สนฺติ อธิจิตฺตมนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน มชฺฌิมสหคตา อุปกฺกิเลสา กามวิตกฺโก พฺยาปาทวิตกฺโก วิหึสาวิตกฺโก, ตเมนํ สเจตโส ภิกฺขุ ทพฺพชาติโก ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต สนฺติ อธิจิตฺตมนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน สุขุมสหคตา อุปกฺกิเลสา าติวิตกฺโก ชนปทวิตกฺโก อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, ตเมนํ สเจตโส ภิกฺขุ ทพฺพชาติโก ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ. ตสฺมึ ปหีเน ตสฺมึ พฺยนฺตีกเต อถาปรํ ธมฺมวิตกฺกาวสิสฺสติ [ธมฺมวิตกฺโกวสิสฺสติ (ก.)]. โส โหติ สมาธิ น เจว สนฺโต น จ ปณีโต นปฺปฏิปฺปสฺสทฺธลทฺโธ น เอโกทิภาวาธิคโต สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต [สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตวโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.), สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริวาวโต (ก.), สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริยาธิคโต (?) อ. นิ. ๙.๓๗; ที. นิ. ๓.๓๕๕] โหติ. โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ ตํ จิตฺตํ อชฺฌตฺตํเยว สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ [เอโกทิภาวํ คจฺฉติ (สี.), เอโกทิภาโว โหติ (สฺยา. กํ. ก.), เอโกทิโหติ (ปี.)] สมาธิยติ. โส โหติ สมาธิ สนฺโต ปณีโต ปฏิปฺปสฺสทฺธิลทฺโธ เอโกทิภาวาธิคโต น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต. ยสฺส ยสฺส จ อภิฺา สจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิฺา สจฺฉิกิริยาย ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา อสฺสํ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก อสฺสํ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กเรยฺยํ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน [อภิชฺชมาโน (สี. ปี. ก.)] คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กเมยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมเสยฺยํ ปริมชฺเชยฺยํ; ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุเณยฺยํ ทิพฺเพ จ มานุเส จ เย ทูเร สนฺติเก จา’ติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชาเนยฺยํ – สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตราคํ วา จิตฺตํ วีตราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโทสํ วา จิตฺตํ สโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ วีตโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโมหํ วา จิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ วีตโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ สํขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; มหคฺคตํ วา จิตฺตํ มหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ อมหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ สอุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ อนุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ อสมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺยํ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโนติ, อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺเสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺยํ – อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนาติ, อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺเสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติ. ทสมํ.

๑๑. นิมิตฺตสุตฺตํ

๑๐๓. ‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ตีณิ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานิ – กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ สมาธินิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ ปคฺคหนิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ อุเปกฺขานิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิเยยฺย อาสวานํ ขยาย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, ตํ โหติ จิตฺตํ มุทุฺจ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา อุกฺกํ พนฺเธยฺย [พนฺธติ… อาลิมฺปติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘๑ ตํฏีกายํ จ) ม. นิ. อฏฺ. ๑.๗๖; ม. นิ. ๓.๓๖๐ ตํอฏฺกถาฏีกาสุ จ ปสฺสิตพฺพํ], อุกฺกํ พนฺธิตฺวา อุกฺกามุขํ อาลิมฺเปยฺย, อุกฺกามุขํ อาลิมฺเปตฺวา สณฺฑาเสน ชาตรูปํ คเหตฺวา อุกฺกามุเข ปกฺขิเปยฺย [ปกฺขิปติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๘๑)], อุกฺกามุเข ปกฺขิปิตฺวา กาเลน กาลํ อภิธมติ, กาเลน กาลํ อุทเกน ปริปฺโผเสติ, กาเลน กาลํ อชฺฌุเปกฺขติ. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อภิธเมยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ ฑเหยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อุทเกน ปริปฺโผเสยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ นิพฺพาเปยฺย [นิพฺพาเยยฺย (สี.)]. สเจ, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ เอกนฺตํ อชฺฌุเปกฺเขยฺย, านํ ตํ ชาตรูปํ น สมฺมา ปริปากํ คจฺเฉยฺย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, สุวณฺณกาโร วา สุวณฺณการนฺเตวาสี วา ตํ ชาตรูปํ กาเลน กาลํ อภิธมติ, กาเลน กาลํ อุทเกน ปริปฺโผเสติ, กาเลน กาลํ อชฺฌุเปกฺขติ, ตํ โหติ ชาตรูปํ มุทุฺจ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. ยสฺสา ยสฺสา จ ปิลนฺธนวิกติยา อากงฺขติ – ยทิ ปฏฺฏิกาย, ยทิ กุณฺฑลาย, ยทิ คีเวยฺยเก, ยทิ สุวณฺณมาลาย – ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภติ.

‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน ภิกฺขุนา ตีณิ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานิ – กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ สมาธินิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ ปคฺคหนิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺเตยฺย. สเจ, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอกนฺตํ อุเปกฺขานิมิตฺตํเยว มนสิ กเรยฺย, านํ ตํ จิตฺตํ น สมฺมา สมาธิเยยฺย อาสวานํ ขยาย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, อธิจิตฺตมนุยุตฺโต ภิกฺขุ กาเลน กาลํ สมาธินิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, กาเลน กาลํ ปคฺคหนิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กโรติ, ตํ โหติ จิตฺตํ มุทุฺจ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ, น จ ปภงฺคุ, สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย. ยสฺส ยสฺส จ อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน.

‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ…เป… (ฉ อภิฺา วิตฺถาเรตพฺพา) อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติ. เอกาทสมํ.

โลณกปลฺลวคฺโค [โลณผลวคฺโค (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปฺจโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

อจฺจายิกํ ปวิเวกํ, สรโท ปริสา ตโย;

อาชานียา โปตฺถโก จ, โลณํ โธวติ นิมิตฺตานีติ.

ทุติโย ปณฺณาสโก สมตฺโต.

๓. ตติยปณฺณาสกํ

(๑๑) ๑. สมฺโพธวคฺโค

๑. ปุพฺเพวสมฺโพธสุตฺตํ

๑๐๔. ‘‘ปุพฺเพว เม, ภิกฺขเว, สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เอตทโหสิ – ‘โก นุ โข โลเก อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กึ นิสฺสรณ’นฺติ? ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสิ – ‘ยํ โข โลกํ [โลเก (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ โลเก อสฺสาโท. ยํ โลโก [โลเก (ปี. ก.)] อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม, อยํ โลเก อาทีนโว. โย โลเก ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ, อิทํ โลเก นิสฺสรณ’นฺติ [โลกนิสฺสรณํ (อฏฺ.) ‘‘โลเก นิสฺสรณ’’นฺติ ปเทน สํสนฺทิตพฺพํ]. ยาวกีวฺจาหํ, ภิกฺขเว, เอวํ โลกสฺส อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นาพฺภฺาสึ, เนว ตาวาหํ, ภิกฺขเว, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ‘อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’ติ [อภิสมฺพุทฺโธ (สี. สฺยา. กํ. ก.)] ปจฺจฺาสึ. ยโต จ ขฺวาหํ [โข อหํ (สี. ปี.), โขหํ (สฺยา. กํ. ก.)], ภิกฺขเว, เอวํ โลกสฺส อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, อถาหํ, ภิกฺขเว, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ‘อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’ติ ปจฺจฺาสึ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ – ‘อกุปฺปา เม วิมุตฺติ [เจโตวิมุตฺติ (สี. ปี. ก.)], อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’’ติ. ปมํ.

๒. ปมอสฺสาทสุตฺตํ

๑๐๕. ‘‘โลกสฺสาหํ, ภิกฺขเว, อสฺสาทปริเยสนํ อจรึ. โย โลเก อสฺสาโท ตทชฺฌคมํ. ยาวตโก โลเก อสฺสาโท, ปฺาย เม โส สุทิฏฺโ. โลกสฺสาหํ, ภิกฺขเว, อาทีนวปริเยสนํ อจรึ. โย โลเก อาทีนโว ตทชฺฌคมํ. ยาวตโก โลเก อาทีนโว, ปฺาย เม โส สุทิฏฺโ. โลกสฺสาหํ, ภิกฺขเว, นิสฺสรณปริเยสนํ อจรึ. ยํ โลเก นิสฺสรณํ ตทชฺฌคมํ. ยาวตกํ โลเก นิสฺสรณํ, ปฺาย เม ตํ สุทิฏฺํ. ยาวกีวฺจาหํ, ภิกฺขเว, โลกสฺส อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นาพฺภฺาสึ, เนว ตาวาหํ, ภิกฺขเว, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ‘อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’ติ ปจฺจฺาสึ. ยโต จ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, โลกสฺส อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, อถาหํ, ภิกฺขเว, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ‘อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’ติ ปจฺจฺาสึ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ – ‘อกุปฺปา เม วิมุตฺติ, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’’ติ. ทุติยํ.

๓. ทุติยอสฺสาทสุตฺตํ

๑๐๖. ‘‘โน เจทํ [โน เจตํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.) สํ. นิ. ๓.๒๘ ปสฺสิตพฺพํ], ภิกฺขเว, โลเก อสฺสาโท อภวิสฺส, นยิทํ สตฺตา โลเก สารชฺเชยฺยุํ. ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, อตฺถิ โลเก อสฺสาโท, ตสฺมา สตฺตา โลเก สารชฺชนฺติ. โน เจทํ, ภิกฺขเว, โลเก อาทีนโว อภวิสฺส, นยิทํ สตฺตา โลเก นิพฺพินฺเทยฺยุํ. ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, อตฺถิ โลเก อาทีนโว, ตสฺมา สตฺตา โลเก นิพฺพินฺทนฺติ. โน เจทํ, ภิกฺขเว, โลเก นิสฺสรณํ อภวิสฺส, นยิทํ สตฺตา โลกมฺหา [โลเก (ก.)] นิสฺสเรยฺยุํ. ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, อตฺถิ โลเก นิสฺสรณํ, ตสฺมา สตฺตา โลกมฺหา นิสฺสรนฺติ. ยาวกีวฺจ, ภิกฺขเว, สตฺตา โลกสฺส อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นาพฺภฺาสุํ [นาพฺภฺํสุ (สํ. นิ. ๓.๒๘], เนว ตาว, ภิกฺขเว, สตฺตา สเทวกา โลกา สมารกา สพฺรหฺมกา สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย นิสฺสฏา วิสํยุตฺตา วิปฺปมุตฺตา [วิปฺปยุตฺตา (ก.)] วิมริยาทีกเตน [วิมริยาทิกเตน (สี. ปี. ก.)] เจตสา วิหรึสุ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, สตฺตา โลกสฺส อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ อพฺภฺาสุํ, อถ, ภิกฺขเว, สตฺตา สเทวกา โลกา สมารกา สพฺรหฺมกา สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย นิสฺสฏา วิสํยุตฺตา วิปฺปมุตฺตา วิมริยาทีกเตน เจตสา วิหรนฺตี’’ติ. ตติยํ.

๔. สมณพฺราหฺมณสุตฺตํ

๑๐๗. ‘‘เย เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา โลกสฺส อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, น เม เต [น เต (ก.)], ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา สมเณสุ วา สมณสมฺมตา พฺราหฺมเณสุ วา พฺราหฺมณสมฺมตา, น จ ปน เต อายสฺมนฺโต สามฺตฺถํ วา พฺรหฺมฺตฺถํ วา ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา โลกสฺส อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ ปชานนฺติ, เต โข, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา สมเณสุ วา สมณสมฺมตา พฺราหฺมเณสุ วา พฺราหฺมณสมฺมตา, เต จ ปนายสฺมนฺโต สามฺตฺถฺจ พฺรหฺมฺตฺถฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ [วิหริสฺสนฺติ (สี. ปี.)]. จตุตฺถํ.

๕. รุณฺณสุตฺตํ

๑๐๘. ‘‘รุณฺณมิทํ, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย ยทิทํ คีตํ. อุมฺมตฺตกมิทํ, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย ยทิทํ นจฺจํ. โกมารกมิทํ, ภิกฺขเว, อริยสฺส วินเย ยทิทํ อติเวลํ ทนฺตวิทํสกหสิตํ [ทนฺตวิทํสกํ หสิตํ (สี. ปี.)]. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เสตุฆาโต คีเต, เสตุฆาโต นจฺเจ, อลํ โว ธมฺมปฺปโมทิตานํ สตํ สิตํ สิตมตฺตายา’’ติ. ปฺจมํ.

๖. อติตฺติสุตฺตํ

๑๐๙. ‘‘ติณฺณํ, ภิกฺขเว, ปฏิเสวนาย นตฺถิ ติตฺติ. กตเมสํ ติณฺณํ? โสปฺปสฺส, ภิกฺขเว, ปฏิเสวนาย นตฺถิ ติตฺติ. สุราเมรยปานสฺส, ภิกฺขเว, ปฏิเสวนาย นตฺถิ ติตฺติ. เมถุนธมฺมสมาปตฺติยา, ภิกฺขเว, ปฏิเสวนาย นตฺถิ ติตฺติ. อิเมสํ, ภิกฺขเว, ติณฺณํ ปฏิเสวนาย นตฺถิ ติตฺตี’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. อรกฺขิตสุตฺตํ

๑๑๐. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ – ‘‘จิตฺเต, คหปติ, อรกฺขิเต กายกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ. ตสฺส อรกฺขิตกายกมฺมนฺตสฺส อรกฺขิตวจีกมฺมนฺตสฺส อรกฺขิตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ. ตสฺส อวสฺสุตกายกมฺมนฺตสฺส อวสฺสุตวจีกมฺมนฺตสฺส อวสฺสุตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติ. ตสฺส ปูติกายกมฺมนฺตสฺส ปูติวจีกมฺมนฺตสฺส ปูติมโนกมฺมนฺตสฺส น ภทฺทกํ มรณํ โหติ, น ภทฺทิกา กาลงฺกิริยา.

‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, กูฏาคาเร ทุจฺฉนฺเน กูฏมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ, โคปานสิโยปิ อรกฺขิตา โหนฺติ, ภิตฺติปิ อรกฺขิตา โหติ; กูฏมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ, โคปานสิโยปิ อวสฺสุตา โหนฺติ, ภิตฺติปิ อวสฺสุตา โหติ; กูฏมฺปิ ปูติกํ โหติ, โคปานสิโยปิ ปูติกา โหนฺติ, ภิตฺติปิ ปูติกา โหติ.

‘‘เอวเมวํ โข, คหปติ, จิตฺเต อรกฺขิเต กายกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ. ตสฺส อรกฺขิตกายกมฺมนฺตสฺส อรกฺขิตวจีกมฺมนฺตสฺส อรกฺขิตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ. ตสฺส อวสฺสุตกายกมฺมนฺตสฺส อวสฺสุตวจีกมฺมนฺตสฺส อวสฺสุตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติ. ตสฺส ปูติกายกมฺมนฺตสฺส ปูติวจีกมฺมนฺตสฺส ปูติมโนกมฺมนฺตสฺส น ภทฺทกํ มรณํ โหติ, น ภทฺทิกา กาลงฺกิริยา.

‘‘จิตฺเต, คหปติ, รกฺขิเต กายกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติ. ตสฺส รกฺขิตกายกมฺมนฺตสฺส รกฺขิตวจีกมฺมนฺตสฺส รกฺขิตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ. ตสฺส อนวสฺสุตกายกมฺมนฺตสฺส อนวสฺสุตวจีกมฺมนฺตสฺส อนวสฺสุตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติ. ตสฺส อปูติกายกมฺมนฺตสฺส อปูติวจีกมฺมนฺตสฺส อปูติมโนกมฺมนฺตสฺส ภทฺทกํ มรณํ โหติ, ภทฺทิกา กาลงฺกิริยา.

‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, กูฏาคาเร สุจฺฉนฺเน กูฏมฺปิ รกฺขิตํ โหติ, โคปานสิโยปิ รกฺขิตา โหนฺติ, ภิตฺติปิ รกฺขิตา โหติ; กูฏมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ, โคปานสิโยปิ อนวสฺสุตา โหนฺติ, ภิตฺติปิ อนวสฺสุตา โหติ; กูฏมฺปิ อปูติกํ โหติ, โคปานสิโยปิ อปูติกา โหนฺติ, ภิตฺติปิ อปูติกา โหติ.

เอวเมวํ โข, คหปติ, จิตฺเต รกฺขิเต กายกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติ. ตสฺส รกฺขิตกายกมฺมนฺตสฺส รกฺขิตวจีกมฺมนฺตสฺส รกฺขิตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ. ตสฺส อนวสฺสุตกายกมฺมนฺตสฺส อนวสฺสุตวจีกมฺมนฺตสฺส อนวสฺสุตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติ. ตสฺส อปูติกายกมฺมนฺตสฺส อปูติวจีกมฺมนฺตสฺส อปูติมโนกมฺมนฺตสฺส ภทฺทกํ มรณํ โหติ, ภทฺทิกา กาลงฺกิริยา’’ติ. สตฺตมํ.

๘. พฺยาปนฺนสุตฺตํ

๑๑๑. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ – ‘‘จิตฺเต, คหปติ, พฺยาปนฺเน กายกมฺมมฺปิ พฺยาปนฺนํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ พฺยาปนฺนํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ พฺยาปนฺนํ โหติ. ตสฺส พฺยาปนฺนกายกมฺมนฺตสฺส พฺยาปนฺนวจีกมฺมนฺตสฺส พฺยาปนฺนมโนกมฺมนฺตสฺส น ภทฺทกํ มรณํ โหติ, น ภทฺทิกา กาลงฺกิริยา. เสยฺยถาปิ, คหปติ, กูฏาคาเร ทุจฺฉนฺเน กูฏมฺปิ พฺยาปนฺนํ โหติ, โคปานสิโยปิ พฺยาปนฺนา โหนฺติ, ภิตฺติปิ พฺยาปนฺนา โหติ; เอวเมวํ โข, คหปติ, จิตฺเต พฺยาปนฺเน กายกมฺมมฺปิ พฺยาปนฺนํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ พฺยาปนฺนํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ พฺยาปนฺนํ โหติ. ตสฺส พฺยาปนฺนกายกมฺมนฺตสฺส พฺยาปนฺนวจีกมฺมนฺตสฺส พฺยาปนฺนมโนกมฺมนฺตสฺส น ภทฺทกํ มรณํ โหติ, น ภทฺทิกา กาลงฺกิริยา.

‘‘จิตฺเต, คหปติ, อพฺยาปนฺเน กายกมฺมมฺปิ อพฺยาปนฺนํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อพฺยาปนฺนํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อพฺยาปนฺนํ โหติ. ตสฺส อพฺยาปนฺนกายกมฺมนฺตสฺส อพฺยาปนฺนวจีกมฺมนฺตสฺส อพฺยาปนฺนมโนกมฺมนฺตสฺส ภทฺทกํ มรณํ โหติ, ภทฺทิกา กาลงฺกิริยา. เสยฺยถาปิ, คหปติ, กูฏาคาเร สุจฺฉนฺเน กูฏมฺปิ อพฺยาปนฺนํ โหติ, โคปานสิโยปิ อพฺยาปนฺนา โหนฺติ, ภิตฺติปิ อพฺยาปนฺนา โหติ; เอวเมวํ โข, คหปติ, จิตฺเต อพฺยาปนฺเน กายกมฺมมฺปิ อพฺยาปนฺนํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อพฺยาปนฺนํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อพฺยาปนฺนํ โหติ. ตสฺส อพฺยาปนฺนกายกมฺมนฺตสฺส…เป… อพฺยาปนฺนมโนกมฺมนฺตสฺส ภทฺทกํ มรณํ โหติ, ภทฺทิกา กาลงฺกิริยา’’ติ. อฏฺมํ.

๙. ปมนิทานสุตฺตํ

๑๑๒. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย. กตมานิ ตีณิ? โลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, โทโส นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, โมโห นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย. ยํ, ภิกฺขเว, โลภปกตํ กมฺมํ โลภชํ โลภนิทานํ โลภสมุทยํ, ตํ กมฺมํ อกุสลํ ตํ กมฺมํ สาวชฺชํ ตํ กมฺมํ ทุกฺขวิปากํ, ตํ กมฺมํ กมฺมสมุทยาย สํวตฺตติ, น ตํ กมฺมํ กมฺมนิโรธาย สํวตฺตติ. ยํ, ภิกฺขเว, โทสปกตํ กมฺมํ โทสชํ โทสนิทานํ โทสสมุทยํ, ตํ กมฺมํ อกุสลํ ตํ กมฺมํ สาวชฺชํ ตํ กมฺมํ ทุกฺขวิปากํ, ตํ กมฺมํ กมฺมสมุทยาย สํวตฺตติ, น ตํ กมฺมํ กมฺมนิโรธาย สํวตฺตติ. ยํ, ภิกฺขเว, โมหปกตํ กมฺมํ โมหชํ โมหนิทานํ โมหสมุทยํ, ตํ กมฺมํ อกุสลํ ตํ กมฺมํ สาวชฺชํ ตํ กมฺมํ ทุกฺขวิปากํ, ตํ กมฺมํ กมฺมสมุทยาย สํวตฺตติ, น ตํ กมฺมํ กมฺมนิโรธาย สํวตฺตติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย.

‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย. กตมานิ ตีณิ? อโลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, อโทโส นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย, อโมโห นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย. ยํ, ภิกฺขเว, อโลภปกตํ กมฺมํ อโลภชํ อโลภนิทานํ อโลภสมุทยํ, ตํ กมฺมํ กุสลํ ตํ กมฺมํ อนวชฺชํ ตํ กมฺมํ สุขวิปากํ, ตํ กมฺมํ กมฺมนิโรธาย สํวตฺตติ, น ตํ กมฺมํ กมฺมสมุทยาย สํวตฺตติ. ยํ, ภิกฺขเว, อโทสปกตํ กมฺมํ อโทสชํ อโทสนิทานํ อโทสสมุทยํ, ตํ กมฺมํ กุสลํ ตํ กมฺมํ อนวชฺชํ ตํ กมฺมํ สุขวิปากํ, ตํ กมฺมํ กมฺมนิโรธาย สํวตฺตติ, น ตํ กมฺมํ กมฺมสมุทยาย สํวตฺตติ. ยํ, ภิกฺขเว, อโมหปกตํ กมฺมํ อโมหชํ อโมหนิทานํ อโมหสมุทยํ, ตํ กมฺมํ กุสลํ ตํ กมฺมํ อนวชฺชํ ตํ กมฺมํ สุขวิปากํ, ตํ กมฺมํ กมฺมนิโรธาย สํวตฺตติ, น ตํ กมฺมํ กมฺมสมุทยาย สํวตฺตติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติ. นวมํ.

๑๐. ทุติยนิทานสุตฺตํ

๑๑๓. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย. กตมานิ ตีณิ? อตีเต, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท ชายติ; อนาคเต, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท ชายติ; ปจฺจุปฺปนฺเน, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท ชายติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, อตีเต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท ชายติ? อตีเต, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ. ตสฺส อตีเต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ เจตสา อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต ฉนฺโท ชายติ. ฉนฺทชาโต เตหิ ธมฺเมหิ สํยุตฺโต โหติ. เอตมหํ, ภิกฺขเว, สํโยชนํ วทามิ โย เจตโส สาราโค. เอวํ โข, ภิกฺขเว, อตีเต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท ชายติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, อนาคเต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท ชายติ? อนาคเต, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ. ตสฺส อนาคเต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ เจตสา อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต ฉนฺโท ชายติ. ฉนฺทชาโต เตหิ ธมฺเมหิ สํยุตฺโต โหติ. เอตมหํ, ภิกฺขเว, สํโยชนํ วทามิ โย เจตโส สาราโค. เอวํ โข, ภิกฺขเว, อนาคเต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท ชายติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปจฺจุปฺปนฺเน ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท ชายติ? ปจฺจุปฺปนฺเน, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ. ตสฺส ปจฺจุปฺปนฺเน ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ เจตสา อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต ฉนฺโท ชายติ. ฉนฺทชาโต เตหิ ธมฺเมหิ สํยุตฺโต โหติ. เอตมหํ, ภิกฺขเว, สํโยชนํ วทามิ โย เจตโส สาราโค. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปจฺจุปฺปนฺเน ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท ชายติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย.

‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยาย. กตมานิ ตีณิ? อตีเต, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท น ชายติ; อนาคเต ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท น ชายติ; ปจฺจุปฺปนฺเน, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท น ชายติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, อตีเต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท น ชายติ? อตีตานํ, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิยานํ ธมฺมานํ อายตึ วิปากํ ปชานาติ. อายตึ วิปากํ วิทิตฺวา ตทภินิวตฺเตติ. ตทภินิวตฺเตตฺวา [ตทภินิวชฺเชติ, ตทภินิวชฺเชตฺวา (สี. สฺยา. กํ.)] เจตสา อภินิวิชฺฌิตฺวา [อภิวิราเชตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปฺาย อติวิชฺฌ [อภินิวิชฺฌ (ก.)] ปสฺสติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, อตีเต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท น ชายติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, อนาคเต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท น ชายติ? อนาคตานํ, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิยานํ ธมฺมานํ อายตึ วิปากํ ปชานาติ. อายตึ วิปากํ วิทิตฺวา ตทภินิวตฺเตติ. ตทภินิวตฺเตตฺวา เจตสา อภินิวิชฺฌิตฺวา ปฺาย อติวิชฺฌ ปสฺสติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, อนาคเต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท น ชายติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปจฺจุปฺปนฺเน ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท น ชายติ? ปจฺจุปฺปนฺนานํ, ภิกฺขเว, ฉนฺทราคฏฺานิยานํ ธมฺมานํ อายตึ วิปากํ ปชานาติ, อายตึ วิปากํ วิทิตฺวา ตทภินิวตฺเตติ, ตทภินิวตฺเตตฺวา เจตสา อภินิวิชฺฌิตฺวา ปฺาย อติวิชฺฌ ปสฺสติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปจฺจุปฺปนฺเน ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม อารพฺภ ฉนฺโท น ชายติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ นิทานานิ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติ. ทสมํ.

สมฺโพธวคฺโค ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

ปุพฺเพว ทุเว อสฺสาทา, สมโณ รุณฺณปฺจมํ;

อติตฺติ ทฺเว จ วุตฺตานิ, นิทานานิ อปเร ทุเวติ.

(๑๒) ๒. อาปายิกวคฺโค

๑. อาปายิกสุตฺตํ

๑๑๔. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, อาปายิกา เนรยิกา อิทมปฺปหาย. กตเม ตโย? โย จ อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฏิฺโ, โย จ สุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตํ อมูลเกน [อภูเตน (ก.)] อพฺรหฺมจริเยน อนุทฺธํเสติ, โย จายํ เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – ‘นตฺถิ กาเมสุ โทโส’ติ, โส ตาย กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย อาปายิกา เนรยิกา อิทมปฺปหายา’’ติ. ปมํ.

๒. ทุลฺลภสุตฺตํ

๑๑๕. ‘‘ติณฺณํ, ภิกฺขเว, ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตเมสํ ติณฺณํ? ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส เทเสตา ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, กตฺู กตเวที ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ติณฺณํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’นฺติ. ทุติยํ.

๓. อปฺปเมยฺยสุตฺตํ

๑๑๖. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? สุปฺปเมยฺโย, ทุปฺปเมยฺโย, อปฺปเมยฺโย. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สุปฺปเมยฺโย? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อุทฺธโต โหติ อุนฺนโฬ จปโล มุขโร วิกิณฺณวาโจ มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิตฺโต ปากตินฺทฺริโย. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สุปฺปเมยฺโย.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทุปฺปเมยฺโย? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อนุทฺธโต โหติ อนุนฺนโฬ อจปโล อมุขโร อวิกิณฺณวาโจ อุปฏฺิตสฺสติ สมฺปชาโน สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต สํวุตินฺทฺริโย. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทุปฺปเมยฺโย.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อปฺปเมยฺโย? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหติ ขีณาสโว. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อปฺปเมยฺโย. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ. ตติยํ.

๔. อาเนฺชสุตฺตํ

๑๑๗. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส ตทสฺสาเทติ ตํ นิกาเมติ เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชติ, ตตฺร ิโต ตทธิมุตฺโต ตพฺพหุลวิหารี อปริหีโน กาลํ กุรุมาโน อากาสานฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. อากาสานฺจายตนูปคานํ, ภิกฺขเว, เทวานํ วีสติ กปฺปสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ. ตตฺถ ปุถุชฺชโน ยาวตายุกํ ตฺวา ยาวตกํ เตสํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ ตํ สพฺพํ เขเปตฺวา นิรยมฺปิ คจฺฉติ ติรจฺฉานโยนิมฺปิ คจฺฉติ เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉติ. ภควโต ปน สาวโก ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ยาวตกํ เตสํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ ตํ สพฺพํ เขเปตฺวา ตสฺมึเยว ภเว ปรินิพฺพายติ. อยํ โข, ภิกฺขเว, วิเสโส อยํ อธิปฺปยาโส อิทํ นานากรณํ สุตวโต อริยสาวกสฺส อสฺสุตวตา ปุถุชฺชเนน, ยทิทํ คติยา อุปปตฺติยา.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส ตทสฺสาเทติ ตํ นิกาเมติ เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชติ, ตตฺร ิโต ตทธิมุตฺโต ตพฺพหุลวิหารี อปริหีโน กาลํ กุรุมาโน วิฺาณฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. วิฺาณฺจายตนูปคานํ, ภิกฺขเว, เทวานํ จตฺตารีสํ กปฺปสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ. ตตฺถ ปุถุชฺชโน ยาวตายุกํ ตฺวา ยาวตกํ เตสํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ ตํ สพฺพํ เขเปตฺวา นิรยมฺปิ คจฺฉติ ติรจฺฉานโยนิมฺปิ คจฺฉติ เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉติ. ภควโต ปน สาวโก ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ยาวตกํ เตสํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ ตํ สพฺพํ เขเปตฺวา ตสฺมึเยว ภเว ปรินิพฺพายติ. อยํ โข, ภิกฺขเว, วิเสโส อยํ อธิปฺปยาโส อิทํ นานากรณํ สุตวโต อริยสาวกสฺส อสฺสุตวตา ปุถุชฺชเนน, ยทิทํ คติยา อุปปตฺติยา.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส ตทสฺสาเทติ ตํ นิกาเมติ เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชติ, ตตฺร ิโต ตทธิมุตฺโต ตพฺพหุลวิหารี อปริหีโน กาลํ กุรุมาโน อากิฺจฺายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. อากิฺจฺายตนูปคานํ, ภิกฺขเว, เทวานํ สฏฺิ กปฺปสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ. ตตฺถ ปุถุชฺชโน ยาวตายุกํ ตฺวา ยาวตกํ เตสํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ ตํ สพฺพํ เขเปตฺวา นิรยมฺปิ คจฺฉติ ติรจฺฉานโยนิมฺปิ คจฺฉติ เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉติ. ภควโต ปน สาวโก ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ยาวตกํ เตสํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ ตํ สพฺพํ เขเปตฺวา ตสฺมึเยว ภเว ปรินิพฺพายติ. อยํ โข, ภิกฺขเว, วิเสโส, อยํ อธิปฺปยาโส อิทํ นานากรณํ สุตวโต อริยสาวกสฺส อสฺสุตวตา ปุถุชฺชเนน, ยทิทํ คติยา อุปปตฺติยา. ‘อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’’นฺติ. จตุตฺถํ.

๕. วิปตฺติสมฺปทาสุตฺตํ

๑๑๘. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วิปตฺติโย. กตมา ติสฺโส? สีลวิปตฺติ, จิตฺตวิปตฺติ, ทิฏฺิวิปตฺติ. กตมา จ, ภิกฺขเว, สีลวิปตฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, ปิสุณวาโจ โหติ, ผรุสวาโจ โหติ, สมฺผปฺปลาปี โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สีลวิปตฺติ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, จิตฺตวิปตฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อภิชฺฌาลุ โหติ พฺยาปนฺนจิตฺโต. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, จิตฺตวิปตฺติ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิวิปตฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ วิปรีตทสฺสโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ, กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิวิปตฺติ. สีลวิปตฺติเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ; จิตฺตวิปตฺติเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ; ทิฏฺิวิปตฺติเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส วิปตฺติโยติ.

‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ติสฺโส? สีลสมฺปทา, จิตฺตสมฺปทา, ทิฏฺิสมฺปทา. กตมา จ, ภิกฺขเว, สีลสมฺปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สีลสมฺปทา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, จิตฺตสมฺปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อนภิชฺฌาลุ โหติ อพฺยาปนฺนจิตฺโต. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, จิตฺตสมฺปทา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิสมฺปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ สมฺมาทิฏฺิโก โหติ อวิปรีตทสฺสโน – ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิสมฺปทา. สีลสมฺปทาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ; จิตฺตสมฺปทาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ; ทิฏฺิสมฺปทาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สมฺปทา’’ติ. ปฺจมํ.

๖. อปณฺณกสุตฺตํ

๑๑๙. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วิปตฺติโย. กตมา ติสฺโส? สีลวิปตฺติ, จิตฺตวิปตฺติ, ทิฏฺิวิปตฺติ. กตมา จ, ภิกฺขเว, สีลวิปตฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… สมฺผปฺปลาปี โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สีลวิปตฺติ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, จิตฺตวิปตฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อภิชฺฌาลุ โหติ พฺยาปนฺนจิตฺโต. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, จิตฺตวิปตฺติ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิวิปตฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ วิปรีตทสฺสโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ…เป… เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิวิปตฺติ. สีลวิปตฺติเหตุ วา, ภิกฺขเว…เป… ทิฏฺิวิปตฺติเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อปณฺณโก มณิ อุทฺธํ ขิตฺโต เยน เยเนว ปติฏฺาติ สุปฺปติฏฺิตํเยว ปติฏฺาติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สีลวิปตฺติเหตุ วา สตฺตา…เป… อุปปชฺชนฺติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส วิปตฺติโยติ.

‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ติสฺโส? สีลสมฺปทา, จิตฺตสมฺปทา, ทิฏฺิสมฺปทา. กตมา จ, ภิกฺขเว, สีลสมฺปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สีลสมฺปทา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, จิตฺตสมฺปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อนภิชฺฌาลุ โหติ อพฺยาปนฺนจิตฺโต. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, จิตฺตสมฺปทา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิสมฺปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ สมฺมาทิฏฺิโก โหติ อวิปรีตทสฺสโน – ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ…เป… เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิสมฺปทา. สีลสมฺปทาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. จิตฺตสมฺปทาเหตุ วา…เป… ทิฏฺิสมฺปทาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อปณฺณโก มณิ อุทฺธํ ขิตฺโต เยน เยเนว ปติฏฺาติ สุปฺปติฏฺิตํเยว ปติฏฺาติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สีลสมฺปทาเหตุ วา สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ, จิตฺตสมฺปทาเหตุ วา สตฺตา…เป… ทิฏฺิสมฺปทาเหตุ วา สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สมฺปทา’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. กมฺมนฺตสุตฺตํ

๑๒๐. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วิปตฺติโย. กตมา ติสฺโส? กมฺมนฺตวิปตฺติ, อาชีววิปตฺติ, ทิฏฺิวิปตฺติ. กตมา จ, ภิกฺขเว, กมฺมนฺตวิปตฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… สมฺผปฺปลาปี โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, กมฺมนฺตวิปตฺติ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อาชีววิปตฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ มิจฺฉาอาชีโว โหติ, มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ [ชีวิตํ (สฺยา. กํ. ก.)] กปฺเปติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อาชีววิปตฺติ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิวิปตฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ วิปรีตทสฺสโน – ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ…เป… เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิวิปตฺติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส วิปตฺติโยติ.

‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ติสฺโส? กมฺมนฺตสมฺปทา, อาชีวสมฺปทา, ทิฏฺิสมฺปทา. กตมา จ, ภิกฺขเว, กมฺมนฺตสมฺปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, กมฺมนฺตสมฺปทา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อาชีวสมฺปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ สมฺมาอาชีโว โหติ, สมฺมาอาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อาชีวสมฺปทา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิสมฺปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ สมฺมาทิฏฺิโก โหติ อวิปรีตทสฺสโน – ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ…เป… เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี’ติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิสมฺปทา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สมฺปทา’’ติ. สตฺตมํ.

๘. ปมโสเจยฺยสุตฺตํ

๑๒๑. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, โสเจยฺยานิ. กตมานิ ตีณิ? กายโสเจยฺยํ, วจีโสเจยฺยํ, มโนโสเจยฺยํ. กตมฺจ, ภิกฺขเว, กายโสเจยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, กายโสเจยฺยํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, วจีโสเจยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ. อิทํ วุจฺจติ ภิกฺขเว, วจีโสเจยฺยํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, มโนโสเจยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อนภิชฺฌาลุ โหติ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺิโก. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, มโนโสเจยฺยํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ โสเจยฺยานี’’ติ. อฏฺมํ.

๙. ทุติยโสเจยฺยสุตฺตํ

๑๒๒. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, โสเจยฺยานิ. กตมานิ ตีณิ? กายโสเจยฺยํ, วจีโสเจยฺยํ, มโนโสเจยฺยํ. กตมฺจ, ภิกฺขเว, กายโสเจยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, อพฺรหฺมจริยา ปฏิวิรโต โหติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, กายโสเจยฺยํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, วจีโสเจยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วจีโสเจยฺยํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, มโนโสเจยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺทํ – ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺโท’ติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺทํ – ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺโท’ติ ปชานาติ; ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ; ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส ปหานํ โหติ, ตฺจ ปชานาติ; ยถา จ ปหีนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ; สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ พฺยาปาทํ – ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ พฺยาปาโท’ติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ พฺยาปาทํ – ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ พฺยาปาโท’ติ ปชานาติ; ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส พฺยาปาทสฺส อุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ; ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส พฺยาปาทสฺส ปหานํ โหติ, ตฺจ ปชานาติ; ยถา จ ปหีนสฺส พฺยาปาทสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ; สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ถินมิทฺธํ – ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ถินมิทฺธ’นฺติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ถินมิทฺธํ – ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ถินมิทฺธ’นฺติ ปชานาติ; ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ; ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส ถินมิทฺธสฺส ปหานํ โหติ, ตฺจ ปชานาติ; ยถา จ ปหีนสฺส ถินมิทฺธสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ; สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ – ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจ’นฺติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ – ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจ’นฺติ ปชานาติ; ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ; ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานํ โหติ, ตฺจ ปชานาติ; ยถา จ ปหีนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ; สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉํ – ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉา’ติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉํ – ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉา’ติ ปชานาติ; ยถา จ อนุปฺปนฺนาย วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ; ยถา จ อุปฺปนฺนาย วิจิกิจฺฉาย ปหานํ โหติ, ตฺจ ปชานาติ; ยถา จ ปหีนาย วิจิกิจฺฉาย อายตึ อนุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, มโนโสเจยฺยํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ โสเจยฺยานีติ.

[อิติวุ. ๖๖] ‘‘กายสุจึ วจีสุจึ, เจโตสุจึ อนาสวํ;

สุจึ โสเจยฺยสมฺปนฺนํ, อาหุ นินฺหาตปาปก’’นฺติ. นวมํ;

๑๐. โมเนยฺยสุตฺตํ

๑๒๓. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, โมเนยฺยานิ. กตมานิ ตีณิ? กายโมเนยฺยํ, วจีโมเนยฺยํ, มโนโมเนยฺยํ. กตมฺจ, ภิกฺขเว, กายโมเนยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, อพฺรหฺมจริยา ปฏิวิรโต โหติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, กายโมเนยฺยํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, วจีโมเนยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วจีโมเนยฺยํ.

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, มโนโมเนยฺยํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, มโนโมเนยฺยํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ โมเนยฺยานี’’ติ.

‘‘กายมุนึ วจีมุนึ, เจโตมุนึ อนาสวํ;

มุนึ โมเนยฺยสมฺปนฺนํ, อาหุ สพฺพปฺปหายิน’’นฺติ. ทสมํ;

อาปายิกวคฺโค ทฺวาทสโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

อาปายิโก ทุลฺลโภ อปฺปเมยฺยํ, อาเนฺชวิปตฺติสมฺปทา;

อปณฺณโก จ กมฺมนฺโต, ทฺเว โสเจยฺยานิ โมเนยฺยนฺติ.

(๑๓) ๓. กุสินารวคฺโค

๑. กุสินารสุตฺตํ

๑๒๔. เอกํ สมยํ ภควา กุสินารายํ วิหรติ พลิหรเณ วนสณฺเฑ. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อุปสงฺกมิตฺวา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺเตติ. อากงฺขมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อธิวาเสติ. โส ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมติ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทติ. ตเมนํ โส คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปติ สมฺปวาเรติ.

‘‘ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สาธุ วต มฺยายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปติ สมฺปวาเรตี’ติ. เอวมฺปิสฺส โหติ – ‘อโห วต มายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อายติมฺปิ เอวรูเปน ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปยฺย สมฺปวาเรยฺยา’ติ! โส ตํ ปิณฺฑปาตํ คถิโต [คธิโต (สฺยา. กํ. ก.)] มุจฺฉิโต อชฺโฌสนฺโน [อชฺฌาปนฺโน (สี. ก.) อชฺโฌปนฺโน (ฏีกา)] อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ. โส ตตฺถ กามวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ, พฺยาปาทวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ, วิหึสาวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ. เอวรูปสฺสาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ทินฺนํ น มหปฺผลนฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? ปมตฺโต หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหรติ.

‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตเมนํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อุปสงฺกมิตฺวา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺเตติ. อากงฺขมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อธิวาเสติ. โส ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ตสฺส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา นิเวสนํ เตนุปสงฺกมติ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทติ. ตเมนํ โส คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปติ สมฺปวาเรติ.

‘‘ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘สาธุ วต มฺยายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปติ สมฺปวาเรตี’ติ. เอวมฺปิสฺส น โหติ – ‘อโห วต มายํ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อายติมฺปิ เอวรูเปน ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปยฺย สมฺปวาเรยฺยา’ติ! โส ตํ ปิณฺฑปาตํ อคถิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌสนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชติ. โส ตตฺถ เนกฺขมฺมวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ, อพฺยาปาทวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ, อวิหึสาวิตกฺกมฺปิ วิตกฺเกติ. เอวรูปสฺสาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ วทามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปฺปมตฺโต หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหรตี’’ติ. ปมํ.

๒. ภณฺฑนสุตฺตํ

๑๒๕. ‘‘ยสฺสํ, ภิกฺขเว, ทิสายํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ, มนสิ กาตุมฺปิ เม เอสา, ภิกฺขเว, ทิสา น ผาสุ โหติ, ปเคว คนฺตุํ! นิฏฺเมตฺถ คจฺฉามิ – ‘อทฺธา เต อายสฺมนฺโต ตโย ธมฺเม ปชหึสุ, ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ [พหุลีมกํสุ (สฺยา. กํ. ปี.)]. กตเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ? เนกฺขมฺมวิตกฺกํ, อพฺยาปาทวิตกฺกํ, อวิหึสาวิตกฺกํ – อิเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ. กตเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ? กามวิตกฺกํ, พฺยาปาทวิตกฺกํ, วิหึสาวิตกฺกํ – อิเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ’. ยสฺสํ, ภิกฺขเว, ทิสายํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อฺมฺํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ, มนสิ กาตุมฺปิ เม เอสา, ภิกฺขเว, ทิสา น ผาสุ โหติ, ปเคว คนฺตุํ! นิฏฺเมตฺถ คจฺฉามิ – ‘อทฺธา เต อายสฺมนฺโต อิเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ, อิเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ’’’.

‘‘ยสฺสํ ปน, ภิกฺขเว, ทิสายํ ภิกฺขู สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ, คนฺตุมฺปิ เม เอสา, ภิกฺขเว, ทิสา ผาสุ โหติ, ปเคว มนสิ กาตุํ! นิฏฺเมตฺถ คจฺฉามิ – ‘อทฺธา เต อายสฺมนฺโต ตโย ธมฺเม ปชหึสุ, ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ. กตเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ? กามวิตกฺกํ, พฺยาปาทวิตกฺกํ, วิหึสาวิตกฺกํ – อิเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ. กตเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ? เนกฺขมฺมวิตกฺกํ, อพฺยาปาทวิตกฺกํ, อวิหึสาวิตกฺกํ – อิเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสุ’. ยสฺสํ, ภิกฺขเว, ทิสายํ ภิกฺขู สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ, คนฺตุมฺปิ เม เอสา, ภิกฺขเว, ทิสา ผาสุ โหติ, ปเคว มนสิ กาตุํ! นิฏฺเมตฺถ คจฺฉามิ – ‘อทฺธา เต อายสฺมนฺโต อิเม ตโย ธมฺเม ปชหึสุ, อิเม ตโย ธมฺเม พหุลมกํสู’’’ติ. ทุติยํ.

๓. โคตมกเจติยสุตฺตํ

๑๒๖. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ โคตมเก เจติเย. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘อภิฺายาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ, โน อนภิฺาย. สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ, โน อนิทานํ. สปฺปาฏิหาริยาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ, โน อปฺปาฏิหาริยํ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อภิฺาย ธมฺมํ เทสยโต โน อนภิฺาย, สนิทานํ ธมฺมํ เทสยโต โน อนิทานํ, สปฺปาฏิหาริยํ ธมฺมํ เทสยโต โน อปฺปาฏิหาริยํ, กรณีโย โอวาโท, กรณียา อนุสาสนี. อลฺจ ปน โว, ภิกฺขเว, ตุฏฺิยา, อลํ อตฺตมนตาย, อลํ โสมนสฺสาย – ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ. อิมสฺมิฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมึ ภฺมาเน สหสฺสี โลกธาตุ อกมฺปิตฺถาติ. ตติยํ.

๔. ภรณฺฑุกาลามสุตฺตํ

๑๒๗. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน เยน กปิลวตฺถุ ตทวสริ. อสฺโสสิ โข มหานาโม สกฺโก – ‘‘ภควา กิร กปิลวตฺถุํ อนุปฺปตฺโต’’ติ. อถ โข มหานาโม สกฺโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข มหานามํ สกฺกํ ภควา เอตทโวจ –

‘‘คจฺฉ, มหานาม, กปิลวตฺถุสฺมึ, ตถารูปํ อาวสถํ ชาน ยตฺถชฺช มยํ เอกรตฺตึ วิหเรยฺยามา’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข มหานาโม สกฺโก ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา กปิลวตฺถุํ ปวิสิตฺวา เกวลกปฺปํ กปิลวตฺถุํ อนฺวาหิณฺฑนฺโต [อาหิณฺฑนฺโต (สฺยา. กํ.)] นาทฺทส กปิลวตฺถุสฺมึ ตถารูปํ อาวสถํ ยตฺถชฺช ภควา เอกรตฺตึ วิหเรยฺย.

อถ โข มหานาโม สกฺโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, กปิลวตฺถุสฺมึ ตถารูโป อาวสโถ ยตฺถชฺช ภควา เอกรตฺตึ วิหเรยฺย. อยํ, ภนฺเต, ภรณฺฑุ กาลาโม ภควโต ปุราณสพฺรหฺมจารี. ตสฺสชฺช ภควา อสฺสเม เอกรตฺตึ วิหรตู’’ติ. ‘‘คจฺฉ, มหานาม, สนฺถรํ ปฺเปหี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข มหานาโม สกฺโก ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภรณฺฑุสฺส กาลามสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สนฺถรํ ปฺาเปตฺวา อุทกํ เปตฺวา ปาทานํ โธวนาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺถโต, ภนฺเต, สนฺถาโร, อุทกํ ปิตํ ปาทานํ โธวนาย. ยสฺสทานิ, ภนฺเต, ภควา กาลํ มฺตี’’ติ.

อถ โข ภควา เยน ภรณฺฑุสฺส กาลามสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ปาเท ปกฺขาเลสิ. อถ โข มหานามสฺส สกฺกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อชฺช ภควนฺตํ ปยิรุปาสิตุํ. กิลนฺโต ภควา. สฺเว ทานาหํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสิสฺสามี’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

อถ โข มหานาโม สกฺโก ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มหานามํ สกฺกํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘ตโย โขเม, มหานาม, สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อิธ, มหานาม, เอกจฺโจ สตฺถา กามานํ ปริฺํ ปฺาเปติ; น รูปานํ ปริฺํ ปฺาเปติ, น เวทนานํ ปริฺํ ปฺาเปติ. อิธ ปน, มหานาม, เอกจฺโจ สตฺถา กามานํ ปริฺํ ปฺาเปติ, รูปานํ ปริฺํ ปฺาเปติ; น เวทนานํ ปริฺํ ปฺาเปติ. อิธ ปน, มหานาม, เอกจฺโจ สตฺถา กามานํ ปริฺํ ปฺาเปติ, รูปานํ ปริฺํ ปฺาเปติ, เวทนานํ ปริฺํ ปฺาเปติ. อิเม โข, มหานาม, ตโย สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. ‘อิเมสํ, มหานาม, ติณฺณํ สตฺถารานํ เอกา นิฏฺา อุทาหุ ปุถุ นิฏฺา’’’ติ?

เอวํ วุตฺเต ภรณฺฑุ กาลาโม มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘เอกาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ. เอวํ วุตฺเต ภควา มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘นานาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ภรณฺฑุ กาลาโม มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘เอกาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ. ทุติยมฺปิ โข ภควา มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘นานาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ. ตติยมฺปิ โข ภรณฺฑุ กาลาโม มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘เอกาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ. ตติยมฺปิ โข ภควา มหานามํ สกฺกํ เอตทโวจ – ‘‘นานาติ, มหานาม, วเทหี’’ติ.

อถ โข ภรณฺฑุ กาลามสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มเหสกฺขสฺส วตมฺหิ มหานามสฺส สกฺกสฺส สมฺมุขา สมเณน โคตเมน ยาวตติยํ อปสาทิโต. ยํนูนาหํ กปิลวตฺถุมฺหา ปกฺกเมยฺย’’นฺติ. อถ โข ภรณฺฑุ กาลาโม กปิลวตฺถุมฺหา ปกฺกามิ. ยํ กปิลวตฺถุมฺหา ปกฺกามิ ตถา ปกฺกนฺโตว อโหสิ น ปุน ปจฺจาคจฺฉีติ. จตุตฺถํ.

๕. หตฺถกสุตฺตํ

๑๒๘. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข หตฺถโก เทวปุตฺโต อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘ภควโต ปุรโต สฺสามี’’ติ โอสีทติเมว สํสีทติเมว [โอสีทติ เจว สํสีทติ จ (สี. ปี.), โอสีทติ สํสีทติ (สฺยา. กํ.)], น สกฺโกติ สณฺาตุํ. เสยฺยถาปิ นาม สปฺปิ วา เตลํ วา วาลุกาย อาสิตฺตํ โอสีทติเมว สํสีทติเมว, น สณฺาติ; เอวเมวํ หตฺถโก เทวปุตฺโต – ‘‘ภควโต ปุรโต สฺสามี’’ติ โอสีทติเมว สํสีทติเมว, น สกฺโกติ สณฺาตุํ.

อถ โข ภควา หตฺถกํ เทวปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โอฬาริกํ, หตฺถก, อตฺตภาวํ อภินิมฺมินาหี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ, โข หตฺถโก เทวปุตฺโต ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา โอฬาริกํ อตฺตภาวํ อภินิมฺมินิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข หตฺถกํ เทวปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ –

‘‘เย เต, หตฺถก, ธมฺมา ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส ปวตฺติโน อเหสุํ, อปิ นุ เต เต ธมฺมา เอตรหิ ปวตฺติโน’’ติ? ‘‘เย จ เม, ภนฺเต, ธมฺมา ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส ปวตฺติโน อเหสุํ, เต จ เม ธมฺมา เอตรหิ ปวตฺติโน; เย จ เม, ภนฺเต, ธมฺมา ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส นปฺปวตฺติโน อเหสุํ, เต จ เม ธมฺมา เอตรหิ ปวตฺติโน. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ภควา เอตรหิ อากิณฺโณ วิหรติ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีหิ อุปาสเกหิ อุปาสิกาหิ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ; เอวเมวํ โข อหํ, ภนฺเต, อากิณฺโณ วิหรามิ เทวปุตฺเตหิ. ทูรโตปิ, ภนฺเต, เทวปุตฺตา อาคจฺฉนฺติ หตฺถกสฺส เทวปุตฺตสฺส สนฺติเก ‘ธมฺมํ โสสฺสามา’ติ. ติณฺณาหํ, ภนฺเต, ธมฺมานํ อติตฺโต อปฺปฏิวาโน กาลงฺกโต. กตเมสํ ติณฺณํ? ภควโต อหํ, ภนฺเต, ทสฺสนสฺส อติตฺโต อปฺปฏิวาโน กาลงฺกโต; สทฺธมฺมสวนสฺสาหํ, ภนฺเต, อติตฺโต อปฺปฏิวาโน กาลงฺกโต; สงฺฆสฺสาหํ, ภนฺเต, อุปฏฺานสฺส อติตฺโต อปฺปฏิวาโน กาลงฺกโต. อิเมสํ โข อหํ, ภนฺเต, ติณฺณํ ธมฺมานํ อติตฺโต อปฺปฏิวาโน กาลงฺกโต’’ติ.

‘‘นาหํ ภควโต ทสฺสนสฺส, ติตฺติมชฺฌคา [ติตฺติ ติตฺติสมฺภวํ (ก.)] กุทาจนํ;

สงฺฆสฺส อุปฏฺานสฺส, สทฺธมฺมสวนสฺส จ.

‘‘อธิสีลํ สิกฺขมาโน, สทฺธมฺมสวเน รโต;

ติณฺณํ ธมฺมานํ อติตฺโต, หตฺถโก อวิหํ คโต’’ติ. ปฺจมํ;

๖. กฏุวิยสุตฺตํ

๑๒๙. เอกํ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย พาราณสึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อทฺทสา โข ภควา โคโยคปิลกฺขสฺมึ [โคโยคมิลกฺขสฺมึ (สฺยา. กํ. ก.)] ปิณฺฑาย จรมาโน [จรมานํ (ก.)] อฺตรํ ภิกฺขุํ ริตฺตสฺสาทํ พาหิรสฺสาทํ มุฏฺสฺสตึ อสมฺปชานํ อสมาหิตํ วิพฺภนฺตจิตฺตํ ปากตินฺทฺริยํ. ทิสฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ

‘‘มา โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, อตฺตานํ กฏุวิยมกาสิ. ตํ วต ภิกฺขุ กฏุวิยกตํ อตฺตานํ อามคนฺเธน [อามคนฺเธ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อวสฺสุตํ มกฺขิกา นานุปติสฺสนฺติ นานฺวาสฺสวิสฺสนฺตีติ [นานุพนฺธิสฺสนฺติ (ก.)], เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ. อถ โข โส ภิกฺขุ ภควตา อิมินา โอวาเทน โอวทิโต สํเวคมาปาทิ. อถ โข ภควา พาราณสิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ –

‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย พาราณสึ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, โคโยคปิลกฺขสฺมึ ปิณฺฑาย จรมาโน อฺตรํ ภิกฺขุํ ริตฺตสฺสาทํ พาหิรสฺสาทํ มุฏฺสฺสตึ อสมฺปชานํ อสมาหิตํ วิพฺภนฺตจิตฺตํ ปากตินฺทฺริยํ. ทิสฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจํ –

‘‘‘มา โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, อตฺตานํ กฏุวิยมกาสิ. ตํ วต ภิกฺขุ กฏุวิยกตํ อตฺตานํ อามคนฺเธน อวสฺสุตํ มกฺขิกา นานุปติสฺสนฺติ นานฺวาสฺสวิสฺสนฺตีติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’ติ. อถ โข, ภิกฺขเว, โส ภิกฺขุ มยา อิมินา โอวาเทน โอวทิโต สํเวคมาปาที’’ติ. เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, กฏุวิยํ? โก อามคนฺโธ? กา มกฺขิกา’’ติ?

‘‘อภิชฺฌา โข, ภิกฺขุ, กฏุวิยํ; พฺยาปาโท อามคนฺโธ; ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา มกฺขิกา. ตํ วต, ภิกฺขุ, กฏุวิยกตํ อตฺตานํ อามคนฺเธน อวสฺสุตํ มกฺขิกา นานุปติสฺสนฺติ นานฺวาสฺสวิสฺสนฺตีติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ.

‘‘อคุตฺตํ จกฺขุโสตสฺมึ, อินฺทฺริเยสุ อสํวุตํ;

มกฺขิกานุปติสฺสนฺติ, สงฺกปฺปา ราคนิสฺสิตา.

‘‘กฏุวิยกโต ภิกฺขุ, อามคนฺเธ อวสฺสุโต;

อารกา โหติ นิพฺพานา, วิฆาตสฺเสว ภาควา.

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, อลทฺธา สมถมตฺตโน [สมมตฺตโน (สี. สฺยา. กํ.), สมฺมมตฺตโน (ปี.)];

ปเรติ [จเรติ (สฺยา. ก.)] พาโล ทุมฺเมโธ, มกฺขิกาหิ ปุรกฺขโต.

‘‘เย จ สีเลน สมฺปนฺนา, ปฺายูปสเมรตา;

อุปสนฺตา สุขํ เสนฺติ, นาสยิตฺวาน มกฺขิกา’’ติ. ฉฏฺํ;

๗. ปมอนุรุทฺธสุตฺตํ

๑๓๐. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน เยภุยฺเยน ปสฺสามิ มาตุคามํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชมานํ. กติหิ นุ โข, ภนฺเต, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติ?

‘‘ตีหิ โข, อนุรุทฺธ, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, อนุรุทฺธ, มาตุคาโม ปุพฺพณฺหสมยํ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิเตน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ, มชฺฌนฺหิกสมยํ อิสฺสาปริยุฏฺิเตน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ, สายนฺหสมยํ กามราคปริยุฏฺิเตน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ. อิเมหิ โข, อนุรุทฺธ, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติ. สตฺตมํ.

๘. ทุติยอนุรุทฺธสุตฺตํ

๑๓๑. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกํ โอโลเกมิ. อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา [อปมฺมุฏฺา (สี.), อปมุฏฺา (สฺยา. กํ.)], ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํ. อถ จ ปน เม นานุปาทาย [น อนุปาทาย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ.

‘‘ยํ โข เต, อาวุโส อนุรุทฺธ, เอวํ โหติ – ‘อหํ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกํ โวโลเกมี’ติ, อิทํ เต มานสฺมึ. ยมฺปิ เต, อาวุโส อนุรุทฺธ, เอวํ โหติ – ‘อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺค’นฺติ, อิทํ เต อุทฺธจฺจสฺมึ. ยมฺปิ เต, อาวุโส อนุรุทฺธ, เอวํ โหติ – ‘อถ จ ปน เม นานุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’ติ, อิทํ เต กุกฺกุจฺจสฺมึ. สาธุ วตายสฺมา อนุรุทฺโธ อิเม ตโย ธมฺเม ปหาย, อิเม ตโย ธมฺเม อมนสิกริตฺวา อมตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหรตู’’ติ.

อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ อปเรน สมเยน อิเม ตโย ธมฺเม ปหาย, อิเม ตโย ธมฺเม อมนสิกริตฺวา อมตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหริ [อุปสํหาสิ (สฺยา. กํ. ปี.), อุปสํหรติ (ก.)]. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนายสฺมา อนุรุทฺโธ อรหตํ อโหสีติ. อฏฺมํ.

๙. ปฏิจฺฉนฺนสุตฺตํ

๑๓๒. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺฉนฺนานิ อาวหนฺติ [วหนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], โน วิวฏานิ. กตมานิ ตีณิ? มาตุคาโม, ภิกฺขเว, ปฏิจฺฉนฺโน อาวหติ, โน วิวโฏ; พฺราหฺมณานํ, ภิกฺขเว, มนฺตา ปฏิจฺฉนฺนา อาวหนฺติ, โน วิวฏา; มิจฺฉาทิฏฺิ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺฉนฺนา อาวหติ, โน วิวฏา. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ปฏิจฺฉนฺนานิ อาวหนฺติ, โน วิวฏานิ.

‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, วิวฏานิ วิโรจนฺติ, โน ปฏิจฺฉนฺนานิ. กตมานิ ตีณิ? จนฺทมณฺฑลํ, ภิกฺขเว, วิวฏํ วิโรจติ, โน ปฏิจฺฉนฺนํ; สูริยมณฺฑลํ, ภิกฺขเว, วิวฏํ วิโรจติ, โน ปฏิจฺฉนฺนํ; ตถาคตปฺปเวทิโต ธมฺมวินโย, ภิกฺขเว, วิวโฏ วิโรจติ, โน ปฏิจฺฉนฺโน. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ วิวฏานิ วิโรจนฺติ, โน ปฏิจฺฉนฺนานี’’ติ. นวมํ.

๑๐. เลขสุตฺตํ

๑๓๓. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ตโย? ปาสาณเลขูปโม ปุคฺคโล, ปถวิเลขูปโม ปุคฺคโล, อุทกเลขูปโม ปุคฺคโล. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปาสาณเลขูปโม ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภิณฺหํ กุชฺฌติ. โส จ ขฺวสฺส โกโธ ทีฆรตฺตํ อนุเสติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปาสาเณ เลขา น ขิปฺปํ ลุชฺชติ วาเตน วา อุทเกน วา, จิรฏฺิติกา โหติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อภิณฺหํ กุชฺฌติ. โส จ ขฺวสฺส โกโธ ทีฆรตฺตํ อนุเสติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปาสาณเลขูปโม ปุคฺคโล.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปถวิเลขูปโม ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อภิณฺหํ กุชฺฌติ. โส จ ขฺวสฺส โกโธ น ทีฆรตฺตํ อนุเสติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปถวิยา เลขา ขิปฺปํ ลุชฺชติ วาเตน วา อุทเกน วา, น จิรฏฺิติกา โหติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อภิณฺหํ กุชฺฌติ. โส จ ขฺวสฺส โกโธ น ทีฆรตฺตํ อนุเสติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปถวิเลขูปโม ปุคฺคโล.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, อุทกเลขูปโม ปุคฺคโล? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อาคาฬฺเหนปิ วุจฺจมาโน ผรุเสนปิ วุจฺจมาโน อมนาเปนปิ วุจฺจมาโน สนฺธิยติเมว [… เยว (สฺยา. กํ.) … เจว (ปี.)] สํสนฺทติเมว [… เยว (สฺยา. กํ.) … เจว (ปี.)] สมฺโมทติเมว [… เยว (สฺยา. กํ.) … เจว (ปี.)]. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุทเก เลขา ขิปฺปํเยว ปฏิวิคจฺฉติ, น จิรฏฺิติกา โหติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อาคาฬฺเหนปิ วุจฺจมาโน ผรุเสนปิ วุจฺจมาโน อมนาเปนปิ วุจฺจมาโน สนฺธิยติเมว สํสนฺทติเมว สมฺโมทติเมว. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อุทกเลขูปโม ปุคฺคโล. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ [ปุ. ป. ๑๑๕]. ทสมํ.

กุสินารวคฺโค เตรสโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

กุสินารภณฺฑนา เจว, โคตมภรณฺฑุหตฺถโก;

กฏุวิยํ ทฺเว อนุรุทฺธา, ปฏิจฺฉนฺนํ เลเขน เต ทสาติ.

(๑๔) ๔. โยธาชีววคฺโค

๑. โยธาชีวสุตฺตํ

๑๓๔. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต โยธาชีโว ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, โยธาชีโว ทูเร ปาตี จ โหติ อกฺขณเวธี จ มหโต จ กายสฺส ปทาเลตา. อิเมหิ, โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต โยธาชีโว ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺเตว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทูเร ปาตี จ โหติ อกฺขณเวธี จ มหโต จ กายสฺส ปทาเลตา.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทูเร ปาตี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ – ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. ยา กาจิ เวทนา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา อชฺฌตฺตา วา พหิทฺธา วา โอฬาริกา วา สุขุมา วา หีนา วา ปณีตา วา ยา ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ เวทนํ [สพฺพา เวทนา (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] – ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. ยา กาจิ สฺา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา อชฺฌตฺตา วา พหิทฺธา วา โอฬาริกา วา สุขุมา วา หีนา วา ปณีตา วา ยา ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ สฺํ [สพฺพา สฺา (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] – ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. เย เกจิ สงฺขารา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา อชฺฌตฺตา วา พหิทฺธา วา โอฬาริกา วา สุขุมา วา หีนา วา ปณีตา วา เย ทูเร สนฺติเก วา, สพฺเพ สงฺขาเร – ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. ยํ กิฺจิ วิฺาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ วิฺาณํ – ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทูเร ปาตี โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขณเวธี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขณเวธี โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มหโต กายสฺส ปทาเลตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มหนฺตํ อวิชฺชากฺขนฺธํ ปทาเลติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มหโต กายสฺส ปทาเลตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. ปมํ.

๒. ปริสาสุตฺตํ

๑๓๕. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, ปริสา. กตมา ติสฺโส? อุกฺกาจิตวินีตา ปริสา, ปฏิปุจฺฉาวินีตา ปริสา, ยาวตาวินีตา [ยาวตชฺฌาวินีตา (อฏฺกถายํ ปานฺตรํ)] ปริสา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปริสา’’ติ. ทุติยํ.

๓. มิตฺตสุตฺตํ

๑๓๖. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต มิตฺโต เสวิตพฺโพ. กตเมหิ ตีหิ? ( ) [(อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ) (ปี. ก.)] ทุทฺททํ ททาติ, ทุกฺกรํ กโรติ, ทุกฺขมํ ขมติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต มิตฺโต เสวิตพฺโพ’’ติ. ตติยํ.

๔. อุปฺปาทาสุตฺตํ

๑๓๗. ‘‘อุปฺปาทา วา, ภิกฺขเว, ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ, ิตาว สา ธาตุ ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตา. สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา. ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติ. อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อภิสเมตฺวา อาจิกฺขติ เทเสติ ปฺาเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ – ‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’ติ. อุปฺปาทา วา, ภิกฺขเว, ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ ิตาว สา ธาตุ ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตา. สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา. ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติ. อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อภิสเมตฺวา อาจิกฺขติ เทเสติ ปฺาเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ – ‘สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา’ติ. อุปฺปาทา วา, ภิกฺขเว, ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ ิตาว สา ธาตุ ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตา. สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา. ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติ. อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อภิสเมตฺวา อาจิกฺขติ เทเสติ ปฺาเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ – ‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. เกสกมฺพลสุตฺตํ

๑๓๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ตนฺตาวุตานํ วตฺถานํ, เกสกมฺพโล เตสํ ปฏิกิฏฺโ อกฺขายติ. เกสกมฺพโล, ภิกฺขเว, สีเต สีโต, อุณฺเห อุณฺโห, ทุพฺพณฺโณ, ทุคฺคนฺโธ, ทุกฺขสมฺผสฺโส. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ปุถุสมณพฺราหฺมณวาทานํ [สมณปฺปวาทานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มกฺขลิวาโท เตสํ ปฏิกิฏฺโ อกฺขายติ.

‘‘มกฺขลิ, ภิกฺขเว, โมฆปุริโส เอวํวาที เอวํทิฏฺิ – ‘นตฺถิ กมฺมํ, นตฺถิ กิริยํ, นตฺถิ วีริย’นฺติ. เยปิ เต, ภิกฺขเว, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตปิ ภควนฺโต กมฺมวาทา เจว อเหสุํ กิริยวาทา จ วีริยวาทา จ. เตปิ, ภิกฺขเว, มกฺขลิ โมฆปุริโส ปฏิพาหติ – ‘นตฺถิ กมฺมํ, นตฺถิ กิริยํ, นตฺถิ วีริย’นฺติ. เยปิ เต, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตปิ ภควนฺโต กมฺมวาทา เจว ภวิสฺสนฺติ กิริยวาทา จ วีริยวาทา จ. เตปิ, ภิกฺขเว, มกฺขลิ โมฆปุริโส ปฏิพาหติ – ‘นตฺถิ กมฺมํ, นตฺถิ กิริยํ, นตฺถิ วีริย’นฺติ. อหมฺปิ, ภิกฺขเว, เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กมฺมวาโท เจว กิริยวาโท จ วีริยวาโท จ. มมฺปิ, ภิกฺขเว, มกฺขลิ โมฆปุริโส ปฏิพาหติ – ‘นตฺถิ กมฺมํ, นตฺถิ กิริยํ, นตฺถิ วีริย’’’นฺติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นทีมุเข ขิปฺปํ อุฑฺเฑยฺย [โอฑฺเฑยฺย (สี.)] พหูนํ [พหุนฺนํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มจฺฉานํ อหิตาย ทุกฺขาย อนยาย พฺยสนาย; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, มกฺขลิ โมฆปุริโส มนุสฺสขิปฺปํ มฺเ โลเก อุปฺปนฺโน พหูนํ สตฺตานํ อหิตาย ทุกฺขาย อนยาย พฺยสนายา’’ติ. ปฺจมํ.

๖. สมฺปทาสุตฺตํ

๑๓๙. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ติสฺโส? สทฺธาสมฺปทา, สีลสมฺปทา, ปฺาสมฺปทา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส สมฺปทา’’ติ. ฉฏฺํ.

๗. วุทฺธิสุตฺตํ

๑๔๐. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วุทฺธิโย. กตมา ติสฺโส? สทฺธาวุทฺธิ, สีลวุทฺธิ, ปฺาวุทฺธิ – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส วุทฺธิโย’’ติ. สตฺตมํ.

๘. อสฺสขฬุงฺกสุตฺตํ

๑๔๑. ‘‘ตโย จ, ภิกฺขเว, อสฺสขฬุงฺเก เทเสสฺสามิ ตโย จ ปุริสขฬุงฺเก. ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย อสฺสขฬุงฺกา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อสฺสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน โหติ; น วณฺณสมฺปนฺโน, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อสฺสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ; น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อสฺสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย อสฺสขฬุงฺกา.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย ปุริสขฬุงฺกา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน โหติ; น วณฺณสมฺปนฺโน, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ; น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน โหติ; น วณฺณสมฺปนฺโน น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ สํสาเทติ [สํหีเรติ (ก.)], โน วิสฺสชฺเชติ. อิทมสฺส น วณฺณสฺมึ วทามิ. น โข ปน ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส น อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน โหติ; น วณฺณสมฺปนฺโน, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ; น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, โน สํสาเทติ. อิทมสฺส วณฺณสฺมึ วทามิ. น ปน ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส น อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ; น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, โน สํสาเทติ. อิทมสฺส วณฺณสฺมึ วทามิ. ลาภี โข ปน โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุริสขฬุงฺโก ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุริสขฬุงฺกา’’ติ. อฏฺมํ.

๙. อสฺสปรสฺสสุตฺตํ

๑๔๒. ‘‘ตโย จ, ภิกฺขเว, อสฺสปรสฺเส [อสฺสสทสฺเส (สี สฺยา. กํ. ปี.)] เทเสสฺสามิ ตโย จ ปุริสปรสฺเส [ปุริสสทสฺเส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย อสฺสปรสฺสา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อสฺสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน โหติ; น วณฺณสมฺปนฺโน น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อสฺสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ; น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อสฺสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย อสฺสปรสฺสา.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย ปุริสปรสฺสา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุริสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน โหติ; น วณฺณสมฺปนฺโน น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุริสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ; น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุริสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุริสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน โหติ; น วณฺณสมฺปนฺโน, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินิเย ปฺหํ ปุฏฺโ สํสาเทติ, โน วิสฺสชฺเชติ. อิทมสฺส น วณฺณสฺมึ วทามิ. น โข ปน ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส น อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุริสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน โหติ; น วณฺณสมฺปนฺโน, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุริสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, โน สํสาเทติ. อิทมสฺส วณฺณสฺมึ วทามิ. น โข ปน ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส น อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุริสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน จ โหติ; วณฺณสมฺปนฺโน จ, น อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุริสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, โน สํสาเทติ. อิทมสฺส วณฺณสฺมึ วทามิ. ลาภี โข ปน โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุริสปรสฺโส ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ปุริสปรสฺสา’’ติ. นวมํ.

๑๐. อสฺสาชานียสุตฺตํ

๑๔๓. ‘‘ตโย จ, ภิกฺขเว, ภทฺเร อสฺสาชานีเย เทเสสฺสามิ ตโย จ ภทฺเร ปุริสาชานีเย. ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ตโย ภทฺรา อสฺสาชานียา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ภทฺโร อสฺสาชานีโย …เป… ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ภทฺรา อสฺสาชานียา.

‘‘กตเม จ ภิกฺขเว, ตโย ภทฺรา ปุริสาชานียา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ภทฺโร ปุริสาชานีโย…เป… ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภทฺโร ปุริสาชานีโย…เป… ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทมสฺส ชวสฺมึ วทามิ. อภิธมฺเม โข ปน อภิวินเย ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, โน สํสาเทติ. อิทมสฺส วณฺณสฺมึ วทามิ. ลาภี โข ปน โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. อิทมสฺส อาโรหปริณาหสฺมึ วทามิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภทฺโร ปุริสาชานีโย ชวสมฺปนฺโน จ โหติ วณฺณสมฺปนฺโน จ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ตโย ภทฺรา ปุริสาชานียา’’ติ. ทสมํ.

๑๑. ปมโมรนิวาปสุตฺตํ

๑๔๔. เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ โมรนิวาเป ปริพฺพาชการาเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อจฺจนฺตนิฏฺโ โหติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสานํ. กตเมหิ ตีหิ? อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธน, อเสกฺเขน สมาธิกฺขนฺเธน, อเสกฺเขน ปฺากฺขนฺเธน. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อจฺจนฺตนิฏฺโ โหติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. เอกาทสมํ.

๑๒. ทุติยโมรนิวาปสุตฺตํ

๑๔๕. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อจฺจนฺตนิฏฺโ โหติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสานํ. กตเมหิ ตีหิ? อิทฺธิปาฏิหาริเยน, อาเทสนาปาฏิหาริเยน, อนุสาสนีปาฏิหาริเยน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อจฺจนฺตนิฏฺโ โหติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. ทฺวาทสมํ.

๑๓. ตติยโมรนิวาปสุตฺตํ

๑๔๖. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อจฺจนฺตนิฏฺโ โหติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสานํ. กตเมหิ ตีหิ? สมฺมาทิฏฺิยา, สมฺมาาเณน, สมฺมาวิมุตฺติยา – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อจฺจนฺตนิฏฺโ โหติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี อจฺจนฺตปริโยสาโน เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. เตรสมํ.

โยธาชีววคฺโค จุทฺทสโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

โยโธ ปริสมิตฺตฺจ, อุปฺปาทา เกสกมฺพโล;

สมฺปทา วุทฺธิ ตโย, อสฺสา ตโย โมรนิวาปิโนติ.

(๑๕) ๕. มงฺคลวคฺโค

๑. อกุสลสุตฺตํ

๑๔๗. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ตีหิ? อกุสเลน กายกมฺเมน, อกุสเลน วจีกมฺเมน, อกุสเลน มโนกมฺเมน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ตีหิ? กุสเลน กายกมฺเมน, กุสเลน วจีกมฺเมน, กุสเลน มโนกมฺเมน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. ปมํ.

๒. สาวชฺชสุตฺตํ

๑๔๘. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ตีหิ? สาวชฺเชน กายกมฺเมน, สาวชฺเชน วจีกมฺเมน, สาวชฺเชน มโนกมฺเมน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ตีหิ? อนวชฺเชน กายกมฺเมน, อนวชฺเชน วจีกมฺเมน, อนวชฺเชน มโนกมฺเมน – อิเมหิ โข…เป… เอวํ สคฺเค’’ติ. ทุติยํ.

๓. วิสมสุตฺตํ

๑๔๙. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว…เป… วิสเมน กายกมฺเมน, วิสเมน วจีกมฺเมน, วิสเมน มโนกมฺเมน – อิเมหิ โข…เป… เอวํ นิรเย.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ…เป… สเมน กายกมฺเมน, สเมน วจีกมฺเมน, สเมน มโนกมฺเมน – อิเมหิ โข…เป… เอวํ สคฺเค’’ติ. ตติยํ.

๔. อสุจิสุตฺตํ

๑๕๐. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว…เป… อสุจินา กายกมฺเมน, อสุจินา วจีกมฺเมน, อสุจินา มโนกมฺเมน – อิเมหิ โข…เป… เอวํ นิรเย.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว…เป… สุจินา กายกมฺเมน, สุจินา วจีกมฺเมน, สุจินา มโนกมฺเมน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. จตุตฺถํ.

๕. ปมขตสุตฺตํ

๑๕๑. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล อพฺยตฺโต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวติ. กตเมหิ ตีหิ? อกุสเลน กายกมฺเมน, อกุสเลน วจีกมฺเมน, อกุสเลน มโนกมฺเมน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต พาโล อพฺยตฺโต อสปฺปุริโส ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวติ.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต วิยตฺโต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวชฺโช จ โหติ อนนุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหุฺจ ปุฺํ ปสวติ. กตเมหิ ตีหิ? กุสเลน กายกมฺเมน, กุสเลน วจีกมฺเมน, กุสเลน มโนกมฺเมน…เป…. ปฺจมํ.

๖. ทุติยขตสุตฺตํ

๑๕๒. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว…เป… สาวชฺเชน กายกมฺเมน, สาวชฺเชน วจีกมฺเมน, สาวชฺเชน มโนกมฺเมน…เป….

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว…เป… อนวชฺเชน กายกมฺเมน, อนวชฺเชน วจีกมฺเมน, อนวชฺเชน มโนกมฺเมน…เป…. ฉฏฺํ.

๗. ตติยขตสุตฺตํ

๑๕๓. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว…เป… วิสเมน กายกมฺเมน, วิสเมน วจีกมฺเมน, วิสเมน มโนกมฺเมน…เป….

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว…เป… สเมน กายกมฺเมน, สเมน วจีกมฺเมน, สเมน มโนกมฺเมน…เป…. สตฺตมํ.

๘. จตุตฺถขตสุตฺตํ

๑๕๔. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว…เป… อสุจินา กายกมฺเมน, อสุจินา วจีกมฺเมน, อสุจินา มโนกมฺเมน…เป….

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว…เป… สุจินา กายกมฺเมน, สุจินา วจีกมฺเมน, สุจินา มโนกมฺเมน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต วิยตฺโต สปฺปุริโส อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, อนวชฺโช จ โหติ อนนุวชฺโช จ วิฺูนํ, พหุฺจ ปุฺํ ปสวตี’’ติ. อฏฺมํ.

๙. วนฺทนาสุตฺตํ

๑๕๕. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วนฺทนา. กตมา ติสฺโส? กาเยน, วาจาย, มนสา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส วนฺทนา’’ติ. นวมํ.

๑๐. ปุพฺพณฺหสุตฺตํ

๑๕๖. ‘‘เย, ภิกฺขเว, สตฺตา ปุพฺพณฺหสมยํ กาเยน สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ, สุปุพฺพณฺโห, ภิกฺขเว, เตสํ สตฺตานํ.

‘‘เย, ภิกฺขเว, สตฺตา มชฺฌนฺหิกสมยํ กาเยน สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ, สุมชฺฌนฺหิโก, ภิกฺขเว, เตสํ สตฺตานํ.

‘‘เย, ภิกฺขเว, สตฺตา สายนฺหสมยํ กาเยน สุจริตํ จรนฺติ, วาจาย สุจริตํ จรนฺติ, มนสา สุจริตํ จรนฺติ, สุสายนฺโห, ภิกฺขเว, เตสํ สตฺตาน’’นฺติ.

‘‘สุนกฺขตฺตํ สุมงฺคลํ, สุปฺปภาตํ สุหุฏฺิตํ [สุวุฏฺิตํ (สี. ปี.)];

สุขโณ สุมุหุตฺโต จ, สุยิฏฺํ พฺรหฺมจาริสุ.

‘‘ปทกฺขิณํ กายกมฺมํ, วาจากมฺมํ ปทกฺขิณํ;

ปทกฺขิณํ มโนกมฺมํ, ปณีธิ เต ปทกฺขิเณ [ปณิธิโย ปทกฺขิณา (สี. ปี.), ปณิธิ เต ปทกฺขิณา (สฺยา. กํ.)];

ปทกฺขิณานิ กตฺวาน, ลภนฺตตฺเถ [ลภตตฺเถ (สี. ปี.)] ปทกฺขิเณ.

‘‘เต อตฺถลทฺธา สุขิตา, วิรุฬฺหา พุทฺธสาสเน;

อโรคา สุขิตา โหถ, สห สพฺเพหิ าติภี’’ติ. ทสมํ;

มงฺคลวคฺโค ปฺจโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

อกุสลฺจ สาวชฺชํ, วิสมาสุจินา สห;

จตุโร ขตา วนฺทนา, ปุพฺพณฺเหน จ เต ทสาติ.

ตติโย ปณฺณาสโก สมตฺโต.

(๑๖) ๖. อเจลกวคฺโค

๑๕๗-๑๖๓. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, ปฏิปทา. กตมา ติสฺโส? อาคาฬฺหา ปฏิปทา, นิชฺฌามา ปฏิปทา, มชฺฌิมา ปฏิปทา. กตมา จ, ภิกฺขเว, อาคาฬฺหา ปฏิปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ เอวํวาที โหติ เอวํทิฏฺิ – ‘นตฺถิ กาเมสุ โทโส’ติ. โส กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อาคาฬฺหา ปฏิปทา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, นิชฺฌามา ปฏิปทา? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร, หตฺถาปเลขโน [หตฺถาวเลขโน (สฺยา. กํ.) ที. นิ. ๑.๓๙๔; ม. นิ. ๑.๑๕๕ ปสฺสิตพฺพํ], น เอหิภทนฺติโก, น ติฏฺภทนฺติโก, นาภิหฏํ น อุทฺทิสฺสกตํ น นิมนฺตนํ สาทิยติ. โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหาติ, น กโฬปิมุขา [ขโฬปิมุขา (สี. สฺยา. กํ.)] ปฏิคฺคณฺหาติ น เอฬกมนฺตรํ น ทณฺฑมนฺตรํ น มุสลมนฺตรํ น ทฺวินฺนํ ภุฺชมานานํ น คพฺภินิยา น ปายมานาย น ปุริสนฺตรคตาย น สงฺกิตฺตีสุ น ยตฺถ สา อุปฏฺิโต โหติ น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี น มจฺฉํ น มํสํ น สุรํ น เมรยํ, น ถุโสทกํ ปิวติ. โส เอกาคาริโก วา โหติ เอกาโลปิโก, ทฺวาคาริโก วา โหติ ทฺวาโลปิโก… สตฺตาคาริโก วา โหติ สตฺตาโลปิโก; เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปติ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ… สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ; เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ, ทฺวาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ… สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ – อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ.

โส สากภกฺโขปิ โหติ, สามากภกฺโขปิ โหติ, นีวารภกฺโขปิ โหติ, ททฺทุลภกฺโขปิ โหติ, หฏภกฺโขปิ โหติ, กณฺหภกฺโขปิ โหติ, อาจามภกฺโขปิ โหติ, ปิฺากภกฺโขปิ โหติ, ติณภกฺโขปิ โหติ, โคมยภกฺโขปิ โหติ, วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชี.

โส สาณานิปิ ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรติ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรติ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรติ, ติรีฏานิปิ ธาเรติ, อชินมฺปิ ธาเรติ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรติ, กุสจีรมฺปิ ธาเรติ, วากจีรมฺปิ ธาเรติ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรติ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, วาฬกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, อุลูกปกฺขิกมฺปิ ธาเรติ, เกสมสฺสุโลจโกปิ โหติ เกสมสฺสุโลจนานุโยคมนุยุตฺโต, อุพฺภฏฺโกปิ โหติ อาสนปฏิกฺขิตฺโต, อุกฺกุฏิโกปิ โหติ อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุตฺโต, กณฺฏกาปสฺสยิโกปิ โหติ กณฺฏกาปสฺสเย เสยฺยํ กปฺเปติ, สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ – อิติ เอวรูปํ อเนกวิหิตํ กายสฺส อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, นิชฺฌามา ปฏิปทา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฏิปทา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; เวทนาสุ…เป… จิตฺเต…เป… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฏิปทา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปฏิปทา’’ติ.

‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, ปฏิปทา. กตมา ติสฺโส? อาคาฬฺหา ปฏิปทา, นิชฺฌามา ปฏิปทา, มชฺฌิมา ปฏิปทา. กตมา จ, ภิกฺขเว, อาคาฬฺหา ปฏิปทา…เป… อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อาคาฬฺหา ปฏิปทา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, นิชฺฌามา ปฏิปทา…เป… อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, นิชฺฌามา ปฏิปทา.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฏิปทา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ิติยา อสมฺโมสาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ….

‘‘ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ วีริยสมาธิ…เป… จิตฺตสมาธิ…เป… วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ…เป….

‘‘สทฺธินฺทฺริยํ ภาเวติ… วีริยินฺทฺริยํ ภาเวติ… สตินฺทฺริยํ ภาเวติ… สมาธินฺทฺริยํ ภาเวติ… ปฺินฺทฺริยํ ภาเวติ….

‘‘สทฺธาพลํ ภาเวติ… วีริยพลํ ภาเวติ… สติพลํ ภาเวติ… สมาธิพลํ ภาเวติ… ปฺาพลํ ภาเวติ….

‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ….

‘‘สมฺมาทิฏฺึ ภาเวติ… สมฺมาสงฺกปฺปํ ภาเวติ… สมฺมาวาจํ ภาเวติ… สมฺมากมฺมนฺตํ ภาเวติ … สมฺมาอาชีวํ ภาเวติ… สมฺมาวายามํ ภาเวติ… สมฺมาสตึ ภาเวติ… สมฺมาสมาธึ ภาเวติ…. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฏิปทา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส ปฏิปทา’’ติ.

อเจลกวคฺโค ฉฏฺโ.

ตสฺสุทฺทานํ –

สติปฏฺานํ สมฺมปฺปธานํ, อิทฺธิปาทินฺทฺริเยน จ;

พลํ โพชฺฌงฺโค มคฺโค จ, ปฏิปทาย โยชเยติ.

(๑๗) ๗. กมฺมปถเปยฺยาลํ

๑๖๔-๑๘๓. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ตีหิ? อตฺตนา จ ปาณาติปาตี โหติ, ปรฺจ ปาณาติปาเต สมาทเปติ, ปาณาติปาเต จ สมนุฺโ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ตีหิ? อตฺตนา จ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, ปรฺจ ปาณาติปาตา เวรมณิยา สมาทเปติ, ปาณาติปาตา เวรมณิยา จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ อทินฺนาทายี โหติ, ปรฺจ อทินฺนาทาเน สมาทเปติ, อทินฺนาทาเน จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, ปรฺจ อทินฺนาทานา เวรมณิยา สมาทเปติ, อทินฺนาทานา เวรมณิยา จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, ปรฺจ กาเมสุมิจฺฉาจาเร สมาทเปติ, กาเมสุมิจฺฉาจาเร จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, ปรฺจ กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณิยา สมาทเปติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณิยา จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ มุสาวาที โหติ, ปรฺจ มุสาวาเท สมาทเปติ, มุสาวาเท จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, ปรฺจ มุสาวาทา เวรมณิยา สมาทเปติ, มุสาวาทา เวรมณิยา จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ ปิสุณวาโจ โหติ, ปรฺจ ปิสุณาย วาจาย สมาทเปติ, ปิสุณาย วาจาย จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ปรฺจ ปิสุณาย วาจาย เวรมณิยา สมาทเปติ, ปิสุณาย วาจาย เวรมณิยา จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ ผรุสวาโจ โหติ, ปรฺจ ผรุสาย วาจาย สมาทเปติ, ผรุสาย วาจาย จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ, ปรฺจ ผรุสาย วาจาย เวรมณิยา สมาทเปติ, ผรุสาย วาจาย เวรมณิยา จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ สมฺผปฺปลาปี โหติ, ปรฺจ สมฺผปฺปลาเป สมาทเปติ, สมฺผปฺปลาเป จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ, ปรฺจ สมฺผปฺปลาปา เวรมณิยา สมาทเปติ, สมฺผปฺปลาปา เวรมณิยา จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ อภิชฺฌาลุ โหติ, ปรฺจ อภิชฺฌาย สมาทเปติ, อภิชฺฌาย จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ อนภิชฺฌาลุ โหติ, ปรฺจ อนภิชฺฌาย สมาทเปติ, อนภิชฺฌาย จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ พฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, ปรฺจ พฺยาปาเท สมาทเปติ, พฺยาปาเท จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ, ปรฺจ อพฺยาปาเท สมาทเปติ, อพฺยาปาเท จ สมนุฺโ โหติ….

‘‘อตฺตนา จ มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, ปรฺจ มิจฺฉาทิฏฺิยา สมาทเปติ, มิจฺฉาทิฏฺิยา จ สมนุฺโ โหติ ….

‘‘อตฺตนา จ สมฺมาทิฏฺิโก โหติ, ปรฺจ สมฺมาทิฏฺิยา สมาทเปติ, สมฺมาทิฏฺิยา จ สมนุฺโ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ.

กมฺมปถเปยฺยาลํ นิฏฺิตํ.

ตสฺสุทฺทานํ –

ปาณํ อทินฺนมิจฺฉา จ, มุสาวาที จ ปิสุณา;

ผรุสา สมฺผปฺปลาโป จ, อภิชฺฌา พฺยาปาททิฏฺิ จ;

กมฺมปเถสุ เปยฺยาลํ, ติกเกน นิโยชเยติ.

(๑๘) ๘. ราคเปยฺยาลํ

๑๘๔. ‘‘ราคสฺส, ภิกฺขเว, อภิฺาย ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพา. กตเม ตโย? สุฺโต สมาธิ, อนิมิตฺโต สมาธิ, อปฺปณิหิโต สมาธิ – ราคสฺส, ภิกฺขเว, อภิฺาย อิเม ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพา. ( ) [(ราคสฺส ภิกฺขเว อภิฺาย ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพา. กตเม ตโย? สวิตกฺกสวิจาโร สมาธิ, อวิตกฺกวิจารมตฺโต สมาธิ, อวิตกฺกอวิจาโร สมาธิ. ราคสฺส ภิกฺขเว อภิฺาย อิเม ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพา.) เอตฺถนฺตเร ปาโ กตฺถจิ ทิสฺสติ, อฏฺกถายํ ปสฺสิตพฺโพ]

‘‘ราคสฺส, ภิกฺขเว, ปริฺาย…เป… ปริกฺขยาย… ปหานาย… ขยาย… วยาย… วิราคาย… นิโรธาย… จาคาย… ปฏินิสฺสคฺคาย อิเม ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพา.

‘‘โทสสฺส… โมหสฺส… โกธสฺส… อุปนาหสฺส… มกฺขสฺส… ปลาสสฺส… อิสฺสาย… มจฺฉริยสฺส… มายาย… สาเยฺยสฺส… ถมฺภสฺส… สารมฺภสฺส… มานสฺส… อติมานสฺส… มทสฺส… ปมาทสฺส อภิฺาย… ปริฺาย… ปริกฺขยาย… ปหานาย… ขยาย… วยาย… วิราคาย… นิโรธาย… จาคาย… ปฏินิสฺสคฺคาย อิเม ตโย ธมฺมา ภาเวตพฺพา’’ติ.

(อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.) [( ) เอตฺถนฺตเร ปาโ สฺยา. กํ. ก. โปตฺถเกสุ น ทิสฺสติ]

ราคเปยฺยาลํ นิฏฺิตํ.

ตสฺสุทฺทานํ –

[อิมา อุทฺทานคาถาโย สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ น ทิสฺสนฺติ] ราคํ โทสฺจ โมหฺจ, โกธูปนาหปฺจมํ;

มกฺขปฬาสอิสฺสา จ, มจฺฉริมายาสาเยฺยา.

ถมฺภสารมฺภมานฺจ, อติมานมทสฺส จ;

ปมาทา สตฺตรส วุตฺตา, ราคเปยฺยาลนิสฺสิตา.

เอเต โอปมฺมยุตฺเตน, อาปาเทน อภิฺาย;

ปริฺาย ปริกฺขยา, ปหานกฺขยพฺพเยน;

วิราคนิโรธจาคํ, ปฏินิสฺสคฺเค อิเม ทส.

สุฺโต อนิมิตฺโต จ, อปฺปณิหิโต จ ตโย;

สมาธิมูลกา เปยฺยาเลสุปิ ววตฺถิตา จาติ.

ติกนิปาตปาฬิ นิฏฺิตา.