📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
องฺคุตฺตรนิกาเย
ทุกนิปาต-ฏีกา
๑. ปมปณฺณาสกํ
๑. กมฺมการณวคฺโค
๑. วชฺชสุตฺตวณฺณนา
๑. ทุกนิปาตสฺส ¶ ¶ ปเม ปหารสาธนตฺถนฺติ ทณฺฑปฺปหารสฺส สุขสิทฺธิ-อตฺถํ. กฺชิโต นิพฺพตฺตํ กฺชิยํ, อารนาลํ, ยํ พิลงฺคนฺติปิ วุจฺจติ, ตํ ยตฺถ สิฺจติ, สา กฺชิยอุกฺขลิกา พิลงฺคถาลิกา, ตํสทิสํ การณํ พิลงฺคถาลิกํ. สีสกฏาหํ อุปฺปาเฏตฺวาติ อโยคุฬปฺปเวสปฺปมาณํ ฉิทฺทํ กตฺวา. สงฺขมุณฺฑกมฺมการณนฺติ สงฺขํ วิย มุณฺฑกรณํ กมฺมการณํ. ราหุมุขกมฺมการณนฺติ ราหุมุขคตสูริยสทิสกมฺมการณํ.
โชติมาลิกนฺติ ¶ โชติมาลวนฺตํ กมฺมการณํ. หตฺถปชฺโชติกนฺติ หตฺถสฺส ปชฺโชตนกมฺมการณํ. เอรกวตฺตกมฺมการณนฺติ เอรกวตฺตสทิเส สรีรโต จมฺมวตฺเต อุปฺปาฏนกมฺมการณํ. จีรกวาสิกกมฺมการณนฺติ สรีรโต อุปฺปาฏิตวตฺตจีรเกหิ นิวาสาปนกมฺมการณํ. ตํ กโรนฺตา ยถา คีวโต ปฏฺาย วทฺเธ กนฺติตฺวา กฏิยํ เปนฺติ, เอวํ โคปฺผกโต ปฏฺาย กนฺติตฺวาปิ กฏิยเมว เปนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ¶ ‘‘กฏิโต ปฏฺาย กนฺติตฺวา โคปฺผเกสุ เปนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เอเณยฺยกกมฺมการณนฺติ เอณิมิคสทิสกมฺมการณํ. อยวลยานิ ทตฺวาติ อยวลยานิ ปฏิมฺุจิตฺวา. อยสูลานิ โกฏฺเฏนฺตีติ กปฺปรชณฺณุกโกฏีสุ อยสูลานิ ปเวเสนฺติ. ตนฺติ ตํ ตถากตกมฺมการณํ สตฺตํ.
พฬิสมํสิกนฺติ พลิเสหิ มํสุปฺปาฏนกมฺมการณํ. กหาปณิกนฺติ กหาปณมตฺตโส ฉินฺทนกมฺมการณํ. โกฏฺเฏนฺตีติ ฉินฺทนฺติ. ขาราปตจฺฉิกนฺติ ตจฺเฉตฺวา ขาราปสิฺจนกมฺมการณํ. ปลิฆปริวตฺติกนฺติ ปลิฆสฺส วิย ปริวตฺตนกมฺมการณํ. เอกาพทฺธํ กโรนฺติ อยสูลสฺส โกฏฺฏเนน. ปลาลปีกนฺติ ปลาลปีสฺส วิย สรีรสฺส สํเวลฺลนกมฺมการณํ. การณิกาติ ฆาตนการกา. ปลาลวฏฺฏึ วิย กตฺวาติ ยถา ปลาลปีํ กโรนฺตา ปลาลํ วฏฺฏึ กตฺวา สํเวลฺลนวเสน ปุน เวเนฺติ, เอวํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ฉาตกสุนเขหีติ ขุทฺทเกหิ โกเลยฺยกสุนเขหิ. เต หิ พลวนฺตา ชวโยคา สูรา จ โหนฺติ. สหสฺสภณฺฑิกนฺติ สหสฺสตฺถวิกํ.
ยาหนฺติ ยํ อหํ. ยนฺติ จ การณวจนํ. เตนาห ‘‘เยน อห’’นฺติ. ฉินฺนมูลเกติ ตณฺหามูลสฺส อุจฺฉินฺนตฺตา สฺฉินฺนมูลเก.
วชฺชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปธานสุตฺตวณฺณนา
๒. ทุติเย อุภโตพฺยูฬฺหสงฺคามปฺปเวสนสทิสนฺติ ยุทฺธตฺถาย อุภโตราสิกตจตุรงฺคินิเสนามชฺฌปฺปเวสนสทิสํ. ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมานมาหูติ เอตฺถ กถํ ปนีทมุภยํ สมานํ? ชีวิตวินาสภีรุโก หิ ยุชฺฌิตุํ น สกฺโกติ, โภคกฺขยภีรุโก ทานํ ทาตุํ น สกฺโกติ. ‘‘ชีวิตฺจ รกฺขิสฺสามิ, ยุชฺฌิสฺสามี’’ติ หิ วทนฺโต น ยุชฺฌติ, ชีวิเต ปน อาลยํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘หตฺถปาทาทิจฺเฉโท วา โหตุ มรณํ วา, คณฺหิสฺสาเมตํ อิสฺสริย’’นฺติ อุสฺสหนฺโตว ยุชฺฌติ ¶ . ‘‘โภเค จ รกฺขิสฺสามิ, ทานฺจ ทสฺสามี’’ติ วทนฺโตปิ น ททาติ, โภเคสุ ปน อาลยํ ปิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘มหาทานํ ทสฺสามี’’ติ อุสฺสหนฺโตว เทติ. เอวํ ¶ ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมํ โหติ. กิฺจ ภิยฺโย – อปฺปาปิ สนฺตา พหุเก ชินนฺติ, ยถา จ ยุทฺเธ อปฺปกาปิ วีรปุริสา พหุเก ภีรุปุริเส ชินนฺติ, เอวํ สทฺธาทิสมฺปนฺโน อปฺปกมฺปิ ทานํ ททนฺโต พหุวิธํ โลภโทสอิสฺสามจฺฉริยทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิเภทํ ตปฺปฏิปกฺขํ อภิภวติ, พหฺุจ ทานวิปากํ อธิคจฺฉติ. เอวมฺปิ ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมานํ. เตนาห ‘‘อปฺปมฺปิ เจ สทฺทหาโน ททาติ, เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติ.
อคารสฺส หิตํ กสิโครกฺขาทิ อคาริยํ, ตํ นตฺถิ เอตฺถาติ อนคาริยํ, ปพฺพชฺชาติ อาห ‘‘อคารสฺส…เป… อนคาริยํ ปพฺพชฺช’’นฺติ. สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตฺถายาติ เอตฺถ จตฺตาโร อุปธี – กามุปธิ, ขนฺธุปธิ, กิเลสุปธิ, อภิสงฺขารุปธีติ. กามาปิ หิ ‘‘ยํ ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (อ. นิ. ๙.๓๔) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส, ตทสฺสาทนิมิตฺตสฺส วา ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต อุปธียติ เอตฺถ สุขนฺติ อิมินา วจนตฺเถน ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติ. ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจนฺติ. สพฺเพสํ อุปธีนํ ปฏินิสฺสคฺโค ปหานํ เอตฺถาติ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคํ, นิพฺพานํ. เตนาห ‘‘สพฺเพสํ ขนฺธูปธิ…เป… นิพฺพานสฺส อตฺถายา’’ติ.
ปธานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตปนียสุตฺตวณฺณนา
๓. ตติเย ตปนียาติ เอตฺถ กตฺตุอตฺเถ อนีย-สทฺโทติ อาห ‘‘ตปนฺตีติ ตปนียา’’ติ. ตปนฺตีติ วิพาเธนฺติ, วิเหเนฺตีติ อตฺโถ. ตปนํ วา ทุกฺขํ, ทิฏฺเ เจว ธมฺเม อภิสมฺปรายฺจ ตสฺส อุปฺปาทเนน เจว อนุพลปฺปทาเนน จ หิตาติ ตปนียา. อถ วา ตปนฺติ เตนาติ ตปนํ, อนุตาโป, วิปฺปฏิสาโรติ อตฺโถ. ตสฺส เหตุภาวโต หิตาติ ตปนียา. อนุโสจตีติ วิปฺปฏิสารี หุตฺวา กตากตํ อนุคมฺม โสจติ. โสจนฺหิ กตตฺตา จ โหติ อกตตฺตา จ. ตถา เจว ปาฬิยํ วิภตฺตํ. นนฺทยกฺขาทีนํ วตฺถูนิ ปากฏานีติ ตานิ ¶ อทสฺเสตฺวา ¶ ทฺเวภาติกวตฺถุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เต กิรา’’ติ อาทิมาห. ตตฺถ เตติ ทฺเว ภาตโร. ปุน กึ มคฺคสีติ ปุน กึ อิจฺฉสิ.
ตปนียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อุปฺาตสุตฺตวณฺณนา
๕. ปฺจเม อิมฺหิ ธมฺมทฺวยนฺติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ อสนฺตุฏฺิตา, ปธานสฺมึ อโนสกฺกนสงฺขาตํ ธมฺมทฺวยํ. อิมินาติ ‘‘อสนฺตุฏฺิตา กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ วจเนน. อิมํ ทีเปตีติ ‘‘ยาว โส อุปฺปชฺชติ, น ตาวาหํ สนฺตุฏฺโ อโหสิ’’นฺติ เอตํ ปริยนฺตํ กตฺวา วกฺขมานตฺถํ ทีเปติ. ปธานสฺมินฺติ วีริยารมฺเภ. อิมมตฺถนฺติ ‘‘ปธานสฺมิฺจา’’ติอาทินา วุตฺตมตฺถํ. วีริยปฺปวาเห วตฺตมาเน อนฺตรา เอว ปฏิคมนํ นิวตฺตนํ ปฏิวานํ, ตทสฺส อตฺถีติ ปฏิวานี, น ปฏิวานี อปฺปฏิวานี, ตสฺส ภาโว อปฺปฏิวานิตา, อโนสกฺกนาติ อาห ‘‘อปฺปฏิวานิตาติ อปฺปฏิกฺกมนา อโนสกฺกนา’’ติ. ตตฺถ อโนสกฺกนาติ อปฺปฏินิวตฺติ.
อาคมนียปฏิปทาติ สมถวิปสฺสนาสงฺขาตา ปุพฺพภาคปฏิปตฺติ. สา หิ อาคจฺฉนฺติ วิเสสมธิคจฺฉนฺติ เอตาย, อาคจฺฉติ วา วิเสสาธิคโม เอตายาติ อาคมนียา, สา เอว ปฏิปชฺชิตพฺพโต ปฏิปทาติ อาคมนียปฏิปทา. อปฺปฏิวานปธานนฺติ โอสกฺกนารหิตปฺปธานํ, อนฺตรา อโนสกฺกิตฺวา กตวีริยนฺติ อตฺโถ.
อุปฺาตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สํโยชนสุตฺตวณฺณนา
๖. ฉฏฺเ สํโยชนานํ หิตา ปจฺจยภาเวนาติ สํโยชนิยา, เตภูมกา ธมฺมา. เตนาห ‘‘ทสนฺนํ สํโยชนาน’’นฺติอาทิ. สํโยชนิเย ธมฺเม อสฺสาทโต อนุปสฺสติ สีเลนาติ อสฺสาทานุปสฺสี, ตสฺส ภาโว อสฺสาทานุปสฺสิตา. นิพฺพิทานุปสฺสิตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อุกฺกณฺนวเสนาติ สํโยชนิเยสุ เตภูมกธมฺเมสุ นิพฺพินฺทนวเสน. ชนนํ ชาติ, ขนฺธานํ ปาตุภาโวติ อาห ‘‘ชาติยาติ ขนฺธนิพฺพตฺติโต’’ติ, ขนฺธานํ ตตฺถ ตตฺถ ภเว อปราปรํ นิพฺพตฺติโตติ อตฺโถ. ขนฺธปริปาโก ¶ เอกภวปริยาปนฺนานํ ขนฺธานํ ปุราณภาโว. เอกภวปริยาปนฺนชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺธวิจฺเฉทวเสน ¶ ขนฺธานํ เภโท อิธ มรณนฺติ อาห ‘‘มรเณนาติ ขนฺธเภทโต’’ติ. อนฺโตนิชฺฌานํ จิตฺตสนฺตาโป. ปริเทโว นาม าติพฺยสนาทีหิ ผุฏฺสฺส วาจาวิปฺปลาโป. โส จ โสกสมุฏฺาโนติ อาห ‘‘ตนฺนิสฺสิตลาลปฺปิตลกฺขเณหิ ปริเทเวหี’’ติ. ลาลปฺปิตํ วาจาวิปฺปลาโป, โส จ อตฺถโต สทฺโทเยว.
ทุกฺขนฺติ อิธ กายิกํ ทุกฺขํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘กายปฏิปีฬนทุกฺเขหี’’ติ. มโนวิฆาตโทมนสฺเสหีติ มนโส วิฆาตกเรหิ โทมนสฺเสหิ. พฺยาปาทสมฺปโยเคน มนโส วิหนนรสฺหิ โทมนสฺสํ. ภุโส อายาโส อุปายาโส ยถา ‘‘ภุสมาทานํ อุปาทาน’’นฺติ, โส จ อตฺถโต าติพฺยสนาทีหิ ผุฏฺสฺส อธิมตฺตเจโตทุกฺขปฺปภาวิโต โทโสเยว. กายจิตฺตานฺหิ อายาสนวเสน โทสสฺเสว ปวตฺติอากาโร อุปายาโสติ วุจฺจติ สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺโน. ตํ จุทฺทสหิ อกุสลเจตสิเกหิ อฺโ เอโก เจตสิกธมฺโมติ เอเก. ยํ วิสาโทติ จ วทนฺติ.
สํโยชนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. กณฺหสุตฺตวณฺณนา
๗. สตฺตเม ยถา ‘‘กณฺหา คาวี’’ติอาทีสุ กาฬวณฺเณน สมนฺนาคตา ‘‘กณฺหา’’ติ วุจฺจติ, น เอวํ กาฬวณฺณตาย ธมฺมา ‘‘กณฺหา’’ติ วุจฺจนฺติ, อถ โข กณฺหาภิชาตินิพฺพตฺติเหตุโต อปฺปภสฺสรภาวกรณโต วา ‘‘กณฺหา’’ติ วุจฺจนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น กาฬวณฺณตายา’’ติอาทิมาห. กณฺหตายาติ กณฺหาภิชาติตาย. กณฺหาภิชาตีติ จ อปายา วุจฺจนฺติ มนุสฺเสสุ จ โทภคฺคิยํ. สรเสนาติ สภาเวน. น หิรียติ น ลชฺชตีติ อหิริโก, ปุคฺคโล, จิตฺตํ, ตํ สมฺปยุตฺตธมฺมสมุทาโย วา. ตสฺส ภาโว อหิริกฺกนฺติ วตฺตพฺเพ เอกสฺส ก-การสฺส โลปํ กตฺวา อหิริกนฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อหิริกนฺติ อหิริกภาโว’’ติ. น โอตฺตปฺปตีติ อโนตฺตาปี, ปุคฺคโล, ยถาวุตฺตธมฺมสมุทาโย วา, ตสฺส ภาโว อโนตฺตปฺปนฺติ อาห ‘‘อโนตฺตาปิภาโว’’ติ.
กณฺหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สุกฺกสุตฺตวณฺณนา
๘. อฏฺเม ¶ ‘‘สุกฺกํ วตฺถ’’นฺติอาทีสุ วิย น วณฺณสุกฺกตาย ธมฺมานํ สุกฺกตา, อถ โข ¶ สุกฺกาภิชาติเหตุโต ปภสฺสรภาวกรณโต จาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น วณฺณสุกฺกตายา’’ติอาทิมาห. สุกฺกตายาติ สุกฺกาภิชาติตาย. หิรี ปาปธมฺเม คูถํ วิย ปสฺสนฺตี ชิคุจฺฉตีติ อาห ‘‘ปาปโต ชิคุจฺฉนลกฺขณา หิรี’’ติ. โอตฺตปฺปํ เต อุณฺหํ วิย ปสฺสนฺตํ ตโต ภายตีติ วุตฺตํ ‘‘ภายนลกฺขณํ โอตปฺป’’นฺติ. อิทฺจ หิโรตฺตปฺปํ อฺมฺวิปฺปโยคี ปาปโต วิมุขภูตฺจ, ตสฺมา เนสํ อิทํ นานากรณํ – อชฺฌตฺตสมุฏฺานา หิรี, พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ. อตฺตาธิปติ หิรี, โลกาธิปติ โอตปฺปํ. ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺปํ. สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปนฺติ.
ตตฺถ อชฺฌตฺตสมุฏฺานํ หิรึ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปติ ชาตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, วยํ, สูรภาวํ, พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. กถํ? ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ น ชาติสมฺปนฺนานํ กมฺมํ, หีนชจฺจานํ เกวฏฺฏาทีนํ กมฺมํ, มาทิสสฺส ชาติสมฺปนฺนสฺส อิทํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ ตาว ชาตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ ทหเรหิ กตฺตพฺพํ กมฺมํ, มาทิสสฺส วเย ิตสฺส อิทํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ ทุพฺพลชาติกานํ กมฺมํ, มาทิสสฺส สูรภาวสมฺปนฺนสฺส อิทํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกมฺมํ นาเมตํ อนฺธพาลานํ กมฺมํ, น ปณฺฑิตานํ, มาทิสสฺส ปณฺฑิตสฺส พหุสฺสุตสฺส อิทํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. เอวํ อชฺฌตฺตสมุฏฺานํ หิรึ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปติ, สมุฏฺาเปนฺโต จ หิรึ นิสฺสาย ปาปกมฺมํ น กโรติ.
กถํ พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ? ‘‘สเจ ตฺวํ ปาปกมฺมํ กริสฺสสิ, จตูสุ ปริสาสุ ครหปฺปตฺโต ภวิสฺสสิ, ตโต ตํ สีลวนฺโต สพฺรหฺมจารี วิวชฺชิสฺสนฺตี’’ติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ นิสฺสาย ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ.
กถํ ¶ อตฺตาธิปติ หิรี? อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต อตฺตานํ อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา ‘‘มาทิสสฺส สทฺธาปพฺพชิตสฺส พหุสฺสุตสฺส ธุตธรสฺส น ยุตฺตํ ปาปกมฺมํ กาตุ’’นฺติ ปาปํ น กโรติ. เอวํ อตฺตาธิปติ หิรี. เตนาห ภควา ‘‘โส อตฺตานํเยว อธิปตึ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐).
กถํ ¶ โลกาธิปติ โอตฺตปฺปํ? อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต โลกํ อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา ‘‘สเจ โข ตฺวํ ปาปกมฺมํ กเรยฺยาสิ, สพฺรหฺมจาริโน ตาว ตํ ชานิสฺสนฺติ, มหิทฺธิกา มหานุภาวา โลเก จ สมณพฺราหฺมณา เทวตา จ, ตสฺมา เต น ยุตฺตํ ปาปํ กาตุ’’นฺติ ปาปกมฺมํ น กโรติ. ยถาห – ‘‘มหา โข ปนายํ โลกสนฺนิวาโส, มหนฺตสฺมึ โข ปน โลกสนฺนิวาเส สนฺติ สมณพฺราหฺมณา อิทฺธิมนฺโต ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุโน. เต ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ชานนฺติ, เตปิ มํ เอวํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. สนฺติ เทวตา อิทฺธิมนฺตินิโย ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุนิโย, ตา ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ชานนฺติ, ตาปิ มํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ…เป… โส โลกํเยว อธิปตึ กริตฺวา อกุสลํ…เป… ปริหรตี’’ติ. เอวํ โลกาธิปติ โอตฺตปฺปํ.
ลชฺชาสภาวสณฺิตาติ เอตฺถ ลชฺชาติ ลชฺชนากาโร, เตน สภาเวน สณฺิตา หิรี. ภยนฺติ อปายภยํ, เตน สภาเวน สณฺิตํ โอตฺตปฺปํ. ตทุภยํ ปาปปริวชฺชเน ปากฏํ โหติ. ตตฺถ ยถา ทฺวีสุ อโยคุเฬสุ เอโก สีตโล ภเวยฺย คูถมกฺขิโต, เอโก อุณฺโห อาทิตฺโต. เตสุ ยถา สีตลํ คูถมกฺขิตตฺตา ชิคุจฺฉนฺโต วิฺุชาติโก น คณฺหาติ, อิตรํ ฑาหภเยน. เอวํ ปณฺฑิโต ลชฺชาย ชิคุจฺฉนฺโต ปาปํ น กโรติ, โอตฺตปฺเปน อปายภยภีโต ปาปํ น กโรติ, เอวํ ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺปํ.
กถํ ¶ สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ? เอกจฺโจ หิ ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ เอวํ จตูหิ การเณหิ ตตฺถ คารเวน สปฺปติสฺสวลกฺขณํ หิรึ สมุฏฺาเปตฺวา ปาปํ น กโรติ. เอกจฺโจ อตฺตานุวาทภยํ, ปรานุวาทภยํ, ทณฺฑภยํ, ทุคฺคติภยนฺติ เอวํ จตูหิ การเณหิ วชฺชโต ภายนฺโต วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอตฺถ จ อชฺฌตฺตสมุฏฺานาทิตา หิโรตฺตปฺปานํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฏภาเวน วุตฺตา, น ปน เนสํ กทาจิ อฺมฺวิปฺปโยโค. น หิ ลชฺชนํ นิพฺภยํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติ. เอวเมตฺถ วิตฺถารโต อตฺถวณฺณนา เวทิตพฺพา.
สุกฺกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. จริยสุตฺตวณฺณนา
๙. นวเม ¶ โลกนฺติ สตฺตโลกํ. สนฺธาเรนฺตีติ อาจารสนฺธารณวเสน ธาเรนฺติ. เปนฺตีติ มริยาทายํ เปนฺติ. รกฺขนฺตีติ อาจารสนฺธารเณน มริยาทายํ เปตฺวา รกฺขนฺติ. ครุจิตฺตีการวเสน น ปฺาเยถาติ ครุํ กตฺวา จิตฺเต กรณวเสน น ปฺาเยถ, อยมาจาโร น ลพฺเภยฺย. มาตุจฺฉาติ วาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทฺยตฺโถ. เตน มาตุลานีติ วา อาจริยภริยาติ วา ครูนํ ทาราติ วาติ อิเม สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ มาตุ ภคินี มาตุจฺฉา. มาตุลภริยา มาตุลานี. ครูนํ ทารา มหาปิตุจูฬปิตุเชฏฺภาตุอาทีนํ ครุฏฺานิยานํ ภริยา. ยถา อเชฬกาติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ยถา อเชฬกาทโย ติรจฺฉานา หิโรตฺตปฺปรหิตา มาตาติ สฺํ อกตฺวา ภินฺนมริยาทา สพฺพตฺถ สมฺเภเทน วตฺตนฺติ, เอวมยํ มนุสฺสโลโก ยทิ โลกปาลธมฺมา น ภเวยฺยุํ, สพฺพตฺถ สมฺเภเทน วตฺเตยฺย. ยสฺมา ปนิเม โลกปาลกธมฺมา โลกํ ปาเลนฺติ, ตสฺมา นตฺถิ สมฺเภโทติ.
จริยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. วสฺสูปนายิกสุตฺตวณฺณนา
๑๐. ทสเม ¶ อปฺตฺตาติ อนนฺุาตา, อวิหิตา วา. วสฺเสติ วสฺสารตฺตํ สนฺธาย วทติ, อุตุวสฺเสติ เหมนฺตํ สนฺธาย. เอกินฺทฺริยํ ชีวํ วิเหเนฺตาติ รุกฺขลตาทีสุ ชีวสฺิตาย เอวมาหํสุ. เอกินฺทฺริยนฺติ จ กายินฺทฺริยํ อตฺถีติ มฺมานา วทนฺติ. สงฺฆาตํ อาปาเทนฺตาติ วินาสํ อาปาเทนฺตา. สํกสายิสฺสนฺตีติ อปฺโปสฺสุกฺกา นิพทฺธวาสํ วสิสฺสนฺติ. อปรชฺชุคตาย อาสาฬฺหิยา อุปคนฺตพฺพาติ เอตฺถ อปรชฺชุ คตาย อสฺสาติ อปรชฺชุคตา, ตสฺสา อปรชฺชุคตาย อติกฺกนฺตาย, อปรสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ, ตสฺมา อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส อุปคนฺตพฺพาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. มาสคตาย อาสาฬฺหิยา อุปคนฺตพฺพาติ มาโส คตาย อสฺสาติ มาสคตา, ตสฺสา มาสคตาย อติกฺกนฺตาย, มาเส ปริปุณฺเณติ อตฺโถ. ตสฺมา อาสาฬฺหิปุณฺณมโต ปราย ปุณฺณมาย อนนฺตเร ปาฏิปททิวเส อุปคนฺตพฺพาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
วสฺสูปนายิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
กมฺมการณวคฺควณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา นิฏฺิตา.
๒. อธิกรณวคฺควณฺณนา
๑๑. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ปเม อปฺปฏิสงฺขาเน น กมฺปตีติ ปฏิสงฺขานพลํ, อุปปริกฺขนปฺาเยตํ นามํ. วีริยสีเสน สตฺต โพชฺฌงฺเค ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ พลํ ภาวนาพลํ. วีริยุปตฺถมฺเภน หิ กุสลภาวนา พลวตี ถิรา อุปฺปชฺชติ, ตถา อุปฺปนฺนา พลวตี กุสลภาวนา พลวนฺโต สตฺต โพชฺฌงฺคาติปิ วุจฺจนฺติ. อตฺถโต วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสีเสน สตฺต โพชฺฌงฺคา โหนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ตตฺถ กตมํ ภาวนาพลํ? ยา กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺมํ, อิทํ วุจฺจติ ภาวนาพลํ. สตฺตปิ โพชฺฌงฺคา ภาวนาพล’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๖๑).
อกมฺปิยฏฺเนาติ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปนียฏฺเน. ทุรภิภวนฏฺเนาติ ทุรภิภวนียฏฺเน. อนชฺโฌมทฺทนฏฺเนาติ อธิภวิตฺวา อนวมทฺทนฏฺเน. เอตานีติ ¶ เอตานิ ยถาวุตฺตานิ ทฺเวปิ พลานิ. เอตทคฺคํ นาคตนฺติ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, ทฺวินฺนํ พลานํ ยทิทํ ภาวนาพล’’นฺติ เอวเมตฺถ เอตทคฺคํ นาคตนฺติ อตฺโถ.
๑๒. ทุติเย วิเวกํ นิสฺสิตนฺติ วิเวกนิสฺสิตํ, ยถา วา วิเวกวเสน ปวตฺตํ ฌานํ ‘‘วิเวกช’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ วิเวกวเสน ปวตฺโต สติสมฺโพชฺฌงฺโค ‘‘วิเวกนิสฺสิโต’’ติ ทฏฺพฺโพ. นิสฺสยฏฺโ จ วิปสฺสนามคฺคานํ วเสน มคฺคผลานํ เวทิตพฺโพ, อสติปิ วา ปุพฺพาปรภาเว ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ ปจฺจเยน สมุปฺปาทนํ วิย อวินาภาวิธมฺมพฺยาปารา นิสฺสยนภาวนา สมฺภวนฺตีติ. ‘‘ตทงฺคสมุจฺเฉทนิสฺสรณวิเวกนิสฺสิต’’นฺติ วตฺวา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตสฺส อวจนํ ‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตี’’ติอาทินา อิธ ภาเวตพฺพานํ สมฺโพชฺฌงฺคานํ วุตฺตตฺตา. ภาวิตโพชฺฌงฺคสฺส หิ สจฺฉิกาตพฺพา พลโพชฺฌงฺคา, เตสํ กิจฺจํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวโก. อชฺฌาสยโตติ ‘‘นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสามี’’ติ ปวตฺตอชฺฌาสยโต. ยทิปิ หิ วิปสฺสนากฺขเณ สงฺขารารมฺมณํ จิตฺตํ, สงฺขาเรสุ ปน อาทีนวํ ทิสฺวา ตปฺปฏิปกฺเข นิพฺพาเน นินฺนตาย อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิโต โหติ อุณฺหาภิภูตสฺส ปุคฺคลสฺส สีตนินฺนจิตฺตตา วิย.
‘‘ปฺจวิธวิเวกนิสฺสิตมฺปีติ เอเก’’ติ วตฺวา ตตฺถ ยถาวุตฺตวิเวกตฺตยโต อฺํ วิเวกทฺวยํ ¶ อุทฺธริตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เต หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ฌานกฺขเณ ตาว กิจฺจโต วิกฺขมฺภนวิเวกนิสฺสิตํ, วิปสฺสนากฺขเณ อชฺฌาสยโต ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตํ ภาเวตีติ วตฺตพฺพํ ‘‘เอวาหํ อนุตฺตรํ วิโมกฺขํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’’ติ ตตฺถ นินฺนชฺฌาสยตาย. เตนาห ‘‘ตสฺมา เตสํ มเตนา’’ติอาทิ. เหฏฺา กสิณชฺฌานคฺคหเณน อารุปฺปานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ, ตสฺมา ‘‘เอเตสํ ฌานาน’’นฺติ อิมินาปิ เตสํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปหานวินโย วิย วิราคนิโรธาปิ อิธาธิปฺเปตวิเวเกน อตฺถโต นิพฺพิสิฏฺา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอส นโย วิราคนิสฺสิตนฺติอาทีสู’’ติ. เตนาห ‘‘วิเวกตฺถา เอว หิ วิราคาทโย’’ติ.
โวสฺสคฺค-สทฺโท ปริจฺจาคตฺโถ ปกฺขนฺทนตฺโถ จาติ โวสฺสคฺคสฺส ทุวิธตา วุตฺตา. โวสฺสชฺชนฺหิ ปหานํ วิสฺสฏฺภาเวน นิโรธนปกฺขนฺทนมฺปิ จ ¶ . ตสฺมา วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺควเสน มคฺคกฺขเณ สมุจฺเฉทวเสน ปฏิปกฺขสฺส ปหานํ โวสฺสคฺโค, ตถา วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ อารมฺมณกรเณน วิสฺสฏฺสภาวตา โวสฺสคฺโคติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ตตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโค’’ติอาทิ. อยํ สติสมฺโพชฺฌงฺโคติ อยํ มิสฺสกวเสน วุตฺโต สติสมฺโพชฺฌงฺโค. ยถาวุตฺเตน ปกาเรนาติ ตทงฺคปฺปหานสมุจฺเฉทปฺปหานปฺปกาเรน ตนฺนินฺนตทารมฺมณปฺปกาเรน จ. ปุพฺเพ โวสฺสคฺควจนสฺเสว อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา อาห ‘‘สกเลน วจเนนา’’ติ. ปริณมนฺตนฺติ วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺคตนฺนินฺนปฺปกาเรน ปริณมนฺตํ. ปริณตนฺติ มคฺคกฺขเณ สมุจฺเฉทตทารมฺมณปฺปกาเรน ปริณตํ. ปริณาโม นาม อิธ ปริปาโกติ อาห ‘‘ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกฺจา’’ติ. ปริปาโก จ อาเสวนลาเภน ลทฺธสามตฺถิยสฺส กิเลเส ปริจฺจชิตุํ นิพฺพานํ ปกฺขนฺทิตุํ ติกฺขวิสทภาโว. เตนาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ. เอส นโยติ ยฺวายํ นโย ‘‘วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา สติสมฺโพชฺฌงฺเค วุตฺโต, เสเสสุ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทีสุปิ เอเสว นโย, เอวํ ตตฺถ เนตพฺพนฺติ อตฺโถ.
‘‘วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทีสุ ลพฺภมานมตฺถํ สามฺโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ อิธาธิปฺเปตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺพสงฺขเตหีติ สพฺเพหิ ปจฺจยสมุปฺปนฺนธมฺเมหิ. สพฺเพสนฺติ สงฺขตธมฺมานํ. วิเวกํ อารมฺมณํ กตฺวาติ นิพฺพานสงฺขาตํ วิเวกํ อารมฺมณํ กตฺวา. ตฺจ โขติ ตเทว สติสมฺโพชฺฌงฺคํ.
๑๓. ตติเย จิตฺเตกคฺคตฺถายาติ จิตฺตสมาธานตฺถาย, ทิฏฺธมฺเม สุขวิหารายาติ อตฺโถ. จิตฺเตกคฺคตาสีเสน หิ ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร วุตฺโต. สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวานํ วเสน เหตํ วุตฺตํ. เต หิ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามา’’ติ อิจฺเจว กสิณปริกมฺมํ ¶ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺติ. วิปสฺสนาปาทกตฺถายาติอาทีสุ ปน เสกฺขปุถุชฺชนา ‘‘สมาปตฺติโต วุฏฺาย สมาหิเตน จิตฺเตน วิปสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺตา วิปสฺสนาปาทกตฺถาย ภาเวนฺติ.
เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อภิฺาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ม. นิ. ๑.๑๔๗; สํ. นิ. ๒.๗๐; ๕.๘๓๔, ๘๔๒) วุตฺตนยา ¶ อภิฺาโย ปตฺเถนฺตา นิพฺพตฺเตนฺติ, เต อภิฺาปาทกตฺถาย ภาเวนฺติ. เย อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘สตฺตาหํ อจิตฺตา หุตฺวา ทิฏฺเว ธมฺเม นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เต นิโรธปาทกตฺถาย ภาเวนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เต ภววิเสสตฺถาย ภาเวนฺติ.
ยุตฺตํ ตาว จิตฺเตกคฺคตาย ภววิเสสตฺถตา วิย วิปสฺสนาปาทกตฺถตาปิ จตุกฺกชฺฌานสาธารณาติ เตสํ วเสน ‘‘จตฺตาริ ฌานานี’’ติ วจนํ, อภิฺาปาทกตฺถตา ปน นิโรธปาทกตฺถตา จ จตุตฺถสฺเสว ฌานสฺส อาเวณิกา, สา กถํ จตุกฺกชฺฌานสาธารณา วุตฺตาติ? ปรมฺปราธิฏฺานภาวโต. ปทฏฺานปทฏฺานมฺปิ หิ ปทฏฺานนฺติ วุจฺจติ การณการณนฺติ ยถา ‘‘ติเณหิ ภตฺตํ สิทฺธ’’นฺติ.
๑๔. จตุตฺเถ สสกสฺส อุปฺปตนํ วิย โหตีติ ปถวิชิคุจฺฉนสสกสฺส อุปฺปตนํ วิย โหติ. ตตฺถายํ อตฺถสลฺลาปิกา อุปมา – ปถวี กิร สสกํ อาห – ‘‘เห สสกา’’ติ. สสโก อาห – ‘‘โก เอโส’’ติ. กสฺมา มเมว อุปริ สพฺพอิริยาปเถ กปฺเปนฺโต อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺโต มํ น ชานาสีติ? สุฏฺุ ตยา อหํ ทิฏฺโ, มยา อกฺกนฺตฏฺานฺหิ องฺคุลคฺเคหิ ผุฏฺฏฺานํ วิย โหติ, วิสฺสฏฺอุทกํ อปฺปมตฺตกํ, กรีสํ กฏกผลมตฺตํ, หตฺถิอสฺสาทีหิ ปน อกฺกนฺตฏฺานมฺปิ มหนฺตํ, ปสฺสาโวปิ เนสํ ฆฏมตฺโต, อุจฺจาโรปิ ปจฺฉิมตฺโต โหติ, อลํ มยฺหํ ตยาติ อุปฺปติตฺวา อฺสฺมึ าเน ปติโต. ตโต นํ ปถวี อาห – ‘‘อโห ทูรํ คโตปิ นนุ มยฺหํเยว อุปริ ปติโตสี’’ติ? โส ปุน ตํ ชิคุจฺฉนฺโต อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ ปติโต. เอวํ วสฺสสหสฺสมฺปิ อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา ปตมาโน สสโก เนว ปถวิยา อนฺตํ ปาปุณิตุํ สกฺโกติ. น โกฏินฺติ น ปุพฺพโกฏึ. อิตเรสนฺติ วิปฺจิตฺุเนยฺยปทปรมานํ.
๑๕. ปฺจเม ¶ สมเถหิ อธิกรียติ วูปสมฺมตีติ อธิกรณํ, อฏฺารส เภทกรวตฺถูนิ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน วิวาโทเยว วิวาทาธิกรณํ. ‘‘อิธ ภิกฺขู ภิกฺขุํ อนุวทนฺติ สีลวิปตฺติยา วา’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๑๕) จตสฺโส ¶ วิปตฺติโย นิสฺสาย อุปฺปนฺโน อนุวาโทเยว อนุวาทาธิกรณํ. ปฺจปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณํ. ‘‘สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺตาธิกรณ’’นฺติ (จูฬว. ๒๑๕) วจนโต อาปตฺติเยว อาปตฺตาธิกรณํ. ‘‘ยา สงฺฆสฺส กิจฺจยตา กรณียตา อปโลกนกมฺมํ ตฺติกมฺมํ ตฺติทุติยกมฺมํ ตฺติจตุตฺถกมฺม’’นฺติ (จูฬว. ๒๑๕) เอวมาคตํ จตุพฺพิธํ สงฺฆกิจฺจํ กิจฺจาธิกรณนฺติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๑๖. ฉฏฺเ อปากฏนาโมติ ‘‘เสโล, กูฏทนฺโต’’ติอาทินา อนภิฺาโต. เยน วา การเณนาติ เหตุมฺหิ อิทํ กรณวจนํ. เหตุอตฺโถ หิ กิริยาการณํ, น กรณํ วิย กิริยตฺโถ, ตสฺมา นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมตฺถา อิธ อุปสงฺกมนกิริยาติ ‘‘อนฺเนน วสติ, อชฺเฌเนน วสตี’’ติอาทีสุ วิย เหตุอตฺถเมเวตํ กรณวจนํ ยุตฺตํ, น กรณตฺถํ ตสฺส อยุชฺชมานตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘เยน วา การเณนา’’ติ. อวิภาคโต สตตํ ปวตฺติตนิรติสยสาทุวิปุลามตรสสทฺธมฺมผลตาย สาทุผลนิจฺจผลิตมหารุกฺเขน ภควา อุปมิโต. สาทุผลูปโภคาธิปฺปายคฺคหเณเนว หิ รุกฺขสฺส สาทุผลตา คหิตาติ. อุปสงฺกมีติ อุปสงฺกนฺโต. สมฺปตฺตกามตาย หิ กิฺจิ านํ คจฺฉนฺโต ตํตํปเทสาติกฺกมเนน อุปสงฺกมิ, อุปสงฺกนฺโตติ จ วตฺตพฺพตํ ลภติ. เตนาห ‘‘คโตติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, อุปคโตติ อตฺโถ. อุปสงฺกมิตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโสติ อาห ‘‘อุปสงฺกมนปริโยสานทีปน’’นฺติ. ตโตติ ยํ านํ ปตฺโต ‘‘อุปสงฺกมี’’ติ วุตฺโต, ตโต อุปคตฏฺานโต.
ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโตติ ยถา ภควา ‘‘กจฺจิ เต, พฺราหฺมณ, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต เตน พฺราหฺมเณน สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ ปุพฺพภาสิตาย, เอวํ โสปิ พฺราหฺมโณ ตทนุกรเณน ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสีติ โยชนา. ตํ ปน สมปฺปวตฺตโมทตํ อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘สีโตทกํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สมฺโมทิตนฺติ สํสนฺทิตํ. เอกีภาวนฺติ สมฺโมทนกิริยาย สมานตํ. ขมนียนฺติ ‘‘อิทํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ทุกฺขพหุลตาย สภาวโต ทุสฺสหํ, กจฺจิ ขมิตุํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ ¶ ปุจฺฉติ. ยาปนียนฺติ อาหาราทิปฺปฏิพทฺธวุตฺติกํ จิรปฺปพนฺธสงฺขาตาย ยาปนาย กจฺจิ ยาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํ. สีสโรคาทิอาพาธาภาเวน กจฺจิ อปฺปาพาธํ. ทุกฺขชีวิกาภาเวน กจฺจิ อปฺปาตงฺกํ. ตํตํกิจฺจกรเณ อุฏฺานสุขตาย กจฺจิ ลหุฏฺานํ. ตทนุรูปพลโยคโต กจฺจิ พลํ ¶ . สุขวิหารสมฺภเวน กจฺจิ ผาสุวิหาโร อตฺถีติ สพฺพตฺถ กจฺจิ-สทฺทํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
พลปฺปตฺตา ปีติ ปีติเยว. ตรุณปีติ ปาโมชฺชํ. สมฺโมทํ ชเนติ กโรตีติ สมฺโมทนีกํ, ตเทว สมฺโมทนียํ. สมฺโมทิตพฺพโต สมฺโมทนียนฺติ อิมํ ปน อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต’’ติ อาห. สริตพฺพภาวโตติ อนุสฺสริตพฺพภาวโต. ‘‘สรณีย’’นฺติ วตฺตพฺเพ ทีฆํ กตฺวา ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตํ. สุยฺยมานสุขโตติ อาปาถคตมธุรตํ อาห, อนุสฺสริยมานสุขโตติ วิมทฺทรมณียตํ. พฺยฺชนปริสุทฺธตายาติ สภาวนิรุตฺติภาเวน ตสฺสา กถาย วจนจาตุริยมาห. อตฺถปริสุทฺธตายาติ อตฺถสฺส นิรุปกฺกิเลสตํ. อเนเกหิ ปริยาเยหีติ อเนเกหิ การเณหิ.
อติทูรอจฺจาสนฺนปฺปฏิกฺเขเปน นาติทูรํ นจฺจาสนฺนํ นาม คหิตํ, ตํ ปน อวกํสโต อุภินฺนํ ปสาริตหตฺถาสงฺฆฏฺฏเนน ทฏฺพฺพํ. คีวํ ปสาเรตฺวาติ คีวํ ปริวฏฺฏนวเสน ปสาเรตฺวา.
เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตู’’ติอาทิปุจฺฉาวจนํ อโวจ. เตเนว ‘‘เอตทโวจา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ทุวิธา หิ ปุจฺฉาติอาทินา ปุจฺฉาวิภาคํ ทสฺเสติ. ตตฺถ อคาเร นิยุตฺโต อคาริโก, ตสฺส ปุจฺฉา อคาริกปุจฺฉา. อคาริกโต อฺโ อนคาริโก ปพฺพชฺชูปคโต, ตสฺส ปุจฺฉา อนคาริกปุจฺฉา. กิฺจาปิ อฺตฺถ ‘‘ชนโก เหตุ, ปคฺคาหโก ปจฺจโย. อสาธารโณ เหตุ, สาธารโณ ปจฺจโย. สภาโค เหตุ, อสภาโค ปจฺจโย. ปุพฺพกาลิโก เหตุ, สหปวตฺโต ปจฺจโย’’ติอาทินา เหตุปจฺจยา วิภชฺช วุจฺจนฺติ. อิธ ปน ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขเว, มหาภูตา เหตุ จตฺตาโร มหาภูตา ปจฺจโย รูปกฺขนฺธสฺส ปฺาปนายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) วิย เหตุปจฺจยสทฺทา สมานตฺถาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุภยมฺเปตํ การณเววจนเมวา’’ติ อาห. วิสมจริยาติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส.
อภิกฺกนฺตาติ ¶ อติกฺกนฺตา, วิคตาติ อตฺโถติ อาห ‘‘ขเย ทิสฺสตี’’ติ. ตถา หิ ‘‘นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม’’ติ อุปริ วุตฺตํ. อภิกฺกนฺตตโรติ อติวิย กนฺตตโร มโนรโม, ตาทิโส จ สุนฺทโร ภทฺทโก นาม โหตีติ อาห ‘‘สุนฺทเร ทิสฺสตี’’ติ. โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก กตโม? เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท. อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยา. ยสสาติ อิมินา เอทิเสน ปริวาเรน ปริจฺเฉเทน จ. ชลนฺติ วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน อภิรูเปน. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน ¶ สรีรวณฺณนิภาย. สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ ทส ทิสา ปภาเสนฺโต, จนฺโท วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรนฺโตติ คาถาย อตฺโถ. อภิรูเปติ อุฬารรูเป สมฺปนฺนรูเป.
‘‘โจโร, โจโร; สปฺโป, สปฺโป’’ติอาทีสุ ภเย อาเมฑิตํ. ‘‘วิชฺฌ, วิชฺฌ; ปหร, ปหรา’’ติอาทีสุ โกเธ. ‘‘สาธุ, สาธู’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓๒๗.สํ. นิ. ๒.๑๒๗; ๓.๓๕; ๕.๑๐๘๕) ปสํสายํ. ‘‘คจฺฉ, คจฺฉ; ลุนาหิ, ลุนาหี’’ติอาทีสุ ตุริเต. ‘‘อาคจฺฉ, อาคจฺฉา’’ติอาทีสุ โกตูหเล. ‘‘พุทฺโธ, พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต’’ติอาทีสุ (พุ. วํ. ๒.๔๔) อจฺฉเร. ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อภิกฺกมถายสฺมนฺโต’’ติอาทีสุ หาเส. ‘‘กหํ เอกปุตฺตก, กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๕๓; สํ. นิ. ๒.๖๓) โสเก. ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๒๐; ที. นิ. ๓.๓๐๕; จูฬว. ๓๓๒) ปสาเท. จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโต. เตน ครหาอสมฺมานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ ‘‘ปาโป, ปาโป’’ติอาทีสุ ครหายํ. ‘‘อภิรูปก, อภิรูปกา’’ติอาทีสุ อสมฺมาเน ทฏฺพฺพํ.
นยิทํ อาเมฑิตวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ, อถ โข อตฺถทฺวยวเสนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติ วจนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกวเสน วุตฺตํ, ตํ ปน ภควโต วจนํ ธมฺมสฺส เทสนาติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ ‘‘โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา’’ติ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. โทสนาสนโตติ ราคาทิกิเลสวิธมนโต. คุณาธิคมนโตติ สีลาทิคุณานํ สมฺปาปนโต. เย คุเณ เทสนา อธิคเมติ, เตสุ ปธานภูเต ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธาชนนโต ปฺาชนนโต’’ติ วุตฺตํ. สทฺธาปมุขา หิ โลกิยา คุณา, ปฺาปมุขา โลกุตฺตรา ¶ .
สีลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถโต, สภาวนิรุตฺติสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนโต. สุวิฺเยฺยสทฺทปฺปโยคตาย อุตฺตานปทโต, สณฺหสุขุมภาเวน ทุวิฺเยฺยตฺถตาย คมฺภีรตฺถโต. สินิทฺธมุทุมธุรสทฺทปฺปโยคตาย กณฺณสุขโต, วิปุลวิสุทฺธเปมนียตฺถตาย หทยงฺคมโต. มานาติมานวิธมเนน อนตฺตุกฺกํสนโต, ถมฺภสารมฺภนิมฺมทฺทเนน อปรวมฺภนโต. หิตาธิปฺปายปฺปวตฺติยา ปเรสํ ราคปริฬาหาทิวูปสมเนน กรุณาสีตลโต, กิเลสนฺธการวิธมเนน ปฺาวทาตโต. กรวีกรุตมฺชุตาย อาปาถรมณียโต, ปุพฺพาปราวิรุทฺธสุวิสุทฺธตฺถตาย วิมทฺทกฺขมโต. อาปาถรมณียตาย เอวํ สุยฺยมานสุขโต, วิมทฺทกฺขมตาย หิตชฺฌาสยปฺปวตฺติตตาย จ วีมํสิยมานหิตโต ¶ . เอวมาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน สํสารจกฺกนิวตฺตนโต, สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต, มิจฺฉาวาทวิคมนโต, สมฺมาวาทปติฏฺาปนโต, อกุสลมูลสมุทฺธรณโต, กุสลมูลสํโรปนโต, อปายทฺวารปิธานโต, สคฺคโมกฺขทฺวารวิวรณโต, ปริยุฏฺานวูปสมนโต, อนุสยสมุคฺฆาตนโตติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อโธมุขฏฺปิตนฺติ เกนจิ อโธมุขํ ปิตํ. เหฏฺามุขชาตนฺติ สภาเวเนว เหฏฺามุขชาตํ. อุปริมุขนฺติ อุทฺธํมุขํ. อุคฺฆาเฏยฺยาติ วิวฏํ กเรยฺย. หตฺเถ คเหตฺวาติ ‘‘ปุรตฺถาภิมุโข อุตฺตราภิมุโข วา คจฺฉา’’ติอาทีนิ อวตฺวา หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘นิสฺสนฺเทหํ เอส มคฺโค, เอวํ คจฺเฉยฺยา’’ติ วเทยฺย. กาฬปกฺขจาตุทฺทสีติ กาฬปกฺเข จาตุทฺทสี.
นิกฺกุชฺชิตํ อาเธยฺยสฺส อนาธารภูตํ ภาชนํ อาธารภาวาปาทนวเสน อุกฺกุชฺเชยฺย. เหฏฺามุขชาตตาย สทฺธมฺมวิมุขํ, อโธมุขปิตตาย อสทฺธมฺเม ปติตนฺติ เอวํ ปททฺวยํ ยถารหํ โยเชตพฺพํ, น ยถาสงฺขฺยํ. กามํ กามจฺฉนฺทาทโยปิ ปฏิจฺฉาทกา นีวรณภาวโต, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน สวิเสสํ ปฏิจฺฉาทิกา สตฺเต มิจฺฉาภินิเวสนวเสนาติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ. เตนาห ภควา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ, ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐). สพฺโพ อปายคามิมคฺโค กุมฺมคฺโค ‘‘กุจฺฉิโต มคฺโค’’ติ กตฺวา. สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อุชุปฏิปกฺขตาย มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย อฏฺ มิจฺฉตฺตธมฺมา มิจฺฉามคฺโค. เตเนว หิ ตทุภยปฺปฏิปกฺขตํ สนฺธาย ‘‘สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. สปฺปิอาทิสนฺนิสฺสโย ปทีโป ¶ น ตถา อุชฺชโล, ยถา เตลสนฺนิสฺสโยติ เตลปชฺโชตคฺคหณํ. เอเตหิ ปริยาเยหีติ เอเตหิ นิกฺกุชฺชิตุกฺกุชฺชนปฺปฏิจฺฉนฺนวิวรณาทิอุปโมปมิตพฺพากาเรหิ.
ปสนฺนการนฺติ ปสนฺเนหิ กาตพฺพํ สกฺการํ. สรณนฺติ ปฏิสรณํ. เตนาห ‘‘ปรายณ’’นฺติ. ปรายณภาโว จ อนตฺถนิเสธเนน อตฺถสมฺปฏิปาทเนน จ โหตีติ อาห ‘‘อฆสฺส, ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตา’’ติ. อฆสฺสาติ ทุกฺขโตติ วทนฺติ, ปาปโตติ ปน อตฺโถ ยุตฺโต. นิสฺสกฺเก เจตํ สามิวจนํ. เอตฺถ จ นายํ คมิ-สทฺโท นี-สทฺทาทโย วิย ทฺวิกมฺมโก, ตสฺมา ยถา ‘‘อชํ คามํ เนตี’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา. ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ ปน วตฺตพฺพํ. อิติ-สทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. ตสฺส จายมตฺโถ – คมนฺจ ตทธิปฺปาเยน ภชนํ ชานนํ วาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติ อิมินา อธิปฺปาเยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภชามีติอาทีสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อตฺถวจนํ. ภชนํ วา สรณาธิปฺปาเยน อุปสงฺกมนํ. เสวนํ สนฺติกาวจรตา. ปยิรุปาสนํ วตฺตปฺปฏิวตฺตกรเณน อุปฏฺานนฺติ ¶ เอวํ สพฺพถาปิ อนฺสรณตํเยว ทีเปติ. ‘‘คจฺฉามี’’ติ ปทสฺส พุชฺฌามีติ อยมตฺโถ กถํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เยสํ หี’’ติอาทิ.
อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธติ ปททฺวเยนปิ ผลฏฺา เอว ทสฺสิตา, น มคฺคฏฺาติ เต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จา’’ติ อาห. นนุ จ กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชตีติ วุจฺจตีติ? กิฺจาปิ วุจฺจติ, นิปฺปริยาเยน ปน มคฺคฏฺา เอว ตถา วตฺตพฺพา, น อิตเร สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนาภาวโต. ตถา หิ เต เอว วุตฺตา ‘‘อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตี’’ติ. สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเนน หิ อปายวินิมุตฺติสมฺภโว. อกฺขายตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทฺยตฺโถ, ปการตฺโถ วา. เตน ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) สุตฺตปทํ สงฺคณฺหาติ, ‘‘วิตฺถาโร’’ติ วา อิมินา. เอตฺถ จ อริยมคฺโค นิยฺยานิกตาย, นิพฺพานํ ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายาติ อุภยเมว นิปฺปริยาเยน ธมฺโมติ วุตฺโต. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณปจฺจยภูตํ ลภิตฺวา อริยมคฺโค ตทตฺถสิทฺธิยา สํวตฺตติ, ตถาปิ ยสฺมา อริยผลานํ ‘‘ตาย สทฺธาย อวูปสนฺตายา’’ติอาทิวจนโต มคฺเคน ¶ สมุจฺฉินฺนานํ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกิจฺจตาย นิยฺยานานุคุณตาย นิยฺยานปริโยสานตาย จ. ปริยตฺติธมฺมสฺส ปน นิยฺยานิกธมฺมสมธิคมเหตุตายาติ อิมินา ปริยาเยน วุตฺตนเยน ธมฺมภาโว ลพฺภติ เอว. สฺวายมตฺโถ ปาารุฬฺโห เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิมาห.
กามราโค ภวราโคติ เอวมาทิเภโท สพฺโพปิ ราโค วิรชฺชติ ปหียติ เอเตนาติ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต. เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณสฺส โสกสฺส จ ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา อเนชมโสกนฺติ ผลํ กถิตํ. อปฺปฏิกูลนฺติ อวิโรธทีปนโต เกนจิ อวิรุทฺธํ, อิฏฺํ ปณีตนฺติ วา อตฺโถ. ปคุณรูเปน ปวตฺติตตฺตา, ปกฏฺคุณวิภาวนโต วา ปคุณํ. สพฺพธมฺมกฺขนฺธา กถิตาติ โยชนา.
ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตนาติ ‘‘ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๗; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) เอวํ ¶ วุตฺตาย ทิฏฺิยา, ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๒; ปริ. ๒๗๔) จ เอวํ วุตฺตานํ สีลานฺจ สํหตภาเวน, ทิฏฺิสีลสามฺเนาติ อตฺโถ. สํหโตติ ฆฏิโต, สเมโตติ อตฺโถ. อริยปุคฺคลา หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตา เอว. อฏฺ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เตติ เต ปุริสยุควเสน จตฺตาโรปิ ปุคฺคลวเสน อฏฺเว อริยธมฺมสฺส ปจฺจกฺขทสฺสาวิตาย ธมฺมทสา. ตีณิ วตฺถูนิ สรณนฺติ คมเนน ติกฺขตฺตุํ คมเนน จ ตีณิ สรณคมนานิ. ปฏิเวเทสีติ อตฺตโน หทยคตํ วาจาย ปเวเทสิ.
สรณคมนสฺส วิสยปฺปเภทผลสํกิเลสเภทานํ วิย กตฺตุวิภาวนา ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ สรณคมเนสุ อตฺถโกสลฺลตฺถํ ‘‘สรณํ, สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉติ, สรณคมนปฺปเภโท, สรณคมนผลํ, สํกิเลโส, เภโทติ อยํ วิธิ เวทิตพฺโพ’’ติ ¶ วุตฺตํ เตน วินา สรณคมนสฺเสว อสมฺภวโต. กสฺมา ปเนตฺถ โวทานํ น คหิตํ, นนุ โวทานวิภาวนาปิ ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน สํกิเลสคฺคหเณน อตฺถโต ทีปิตํ โหตีติ น คหิตํ. ยานิ หิ เนสํ สํกิเลสการณานิ อฺาณาทีนิ, เตสํ สพฺเพน สพฺพํ อนุปฺปนฺนานํ อนุปฺปาทเนน, อุปฺปนฺนานฺจ ปหาเนน โวทานํ โหตีติ.
หึสตฺถสฺส ธาตุสทฺทสฺส วเสเนตํ ปทํ ทฏฺพฺพนฺติ ‘‘หึสตีติ สรณ’’นฺติ วตฺวา ตํ ปน หึสนํ เกสํ, กถํ, กสฺส วาติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘สรณคตาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ภยนฺติ วฏฺฏภยํ. สนฺตาสนฺติ จิตฺตุตฺราสํ. เตเนว เจตสิกทุกฺขสฺส คหิตตฺตา ทุกฺขนฺติ กายิกํ ทุกฺขํ. ทุคฺคติปริกิเลสนฺติ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ. ตยิทํ สพฺพํ ปรโต ผลกถาย อาวิ ภวิสฺสติ. เอตนฺติ สรณนฺติ ปทํ. เอวํ อวิเสสโต สรณสทฺทสฺส ปทตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิเสสโต ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. หิเต ปวตฺตเนนาติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๔, ๖๙) อตฺเถ นิโยชเนน. อหิตา นิวตฺตเนนาติ ‘‘ปาณาติปาตสฺส โข ปาปโก วิปาโก อภิสมฺปราย’’นฺติอาทินา อาทีนวทสฺสนาทิมุเขน อนตฺถโต นิวตฺตเนน. ภยํ หึสตีติ หิตาหิเตสุ อปฺปวตฺติปฺปวตฺติเหตุกํ พฺยสนํ อปฺปวตฺติกรเณน วินาเสติ พุทฺโธ. ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน มคฺคสงฺขาโต ธมฺโม. อิตโร อสฺสาสทาเนน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ โยชนา. การานนฺติ ทานวเสน ปูชาวเสน จ อุปนีตานํ สกฺการานํ. วิปุลผลปฺปฏิลาภกรเณน สตฺตานํ ภยํ หึสติ สงฺโฆ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวโตติ อธิปฺปาโย. อิมินาปิ ปริยาเยนาติ อิมินาปิ วิภชิตฺวา วุตฺเตน การเณน.
‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอวํ ปวตฺโต ตตฺถ รตนตฺตเย ปสาโท ตปฺปสาโท, ตเทว รตฺตนตฺตยํ ครุ เอตสฺสาติ ตคฺครุ, ตพฺภาโว ตคฺครุตา, ตปฺปสาโท จ ตคฺครุตา จ ตปฺปสาทตคฺครุตา. ตาหิ ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ. วิธุตทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสมฺโมหอสฺสทฺธิยาทิตาย วิหตกิเลโส. ตเทว รตนตฺตยํ ปรายณํ คติ ตาณํ เลณนฺติ เอวํ ปวตฺติยา ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท ¶ สรณคมนํ สรณนฺติ คจฺฉติ เอเตนาติ. ตํสมงฺคีติ เตน ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาเทน สมนฺนาคโต. เอวํ อุเปตีติ เอวํ ภชติ เสวติ ปยิรุปาสติ, เอวํ วา ชานาติ พุชฺฌตีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ ปสาทคฺคหเณน โลกิยสรณคมนมาห. ตฺหิ ปสาทปฺปธานํ. ครุตาคหเณน โลกุตฺตรํ. อริยา หิ รตนตฺตยคุณาภิฺตาย ปาสาณจฺฉตฺตํ ปิย ครุํ กตฺวา ปสฺสนฺติ, ตสฺมา ตปฺปสาเทน วิกฺขมฺภนวเสน วิหตกิเลโส, ตคฺครุตาย สมุจฺเฉทวเสนาติ โยเชตพฺพํ อคารวกรณเหตูนํ สมุจฺฉินฺทนโต. ตปฺปรายณตา ปเนตฺถ ตคฺคติกตาติ ตาย จตุพฺพิธมฺปิ วกฺขมานํ สรณคมนํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวิเสเสน วา ปสาทครุตา โชติตาติ ปสาทคฺคหเณน อเวจฺจปฺปสาทสฺส อิตรสฺส จ คหณํ, ตถา ครุตาคหเณนาติ อุภเยนปิ อุภยํ สรณคมนํ โยเชตพฺพํ.
มคฺคกฺขเณ อิชฺฌตีติ โยชนา. นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวาติ เอเตน อตฺถโต จตุสจฺจาธิคโม เอว โลกุตฺตรสรณคมนนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ หิ นิพฺพานธมฺโม สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน, มคฺคธมฺโม ภาวนาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิยมาโนเยว สรณคมนตฺตํ สาเธติ, พุทฺธคุณา ปน สาวกโคจรภูตา ปริฺาภิสมยวเสน, ตถา อริยสงฺฆคุณา. เตนาห ‘‘กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตี’’ติ. อิชฺฌนฺตฺจ สเหว อิชฺฌติ, น โลกิยํ วิย ปฏิปาฏิยา อสมฺโมหปฺปฏิเวเธน ปฏิวิทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโย. เย ปน วทนฺติ ‘‘น สรณคมนํ นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา ปวตฺตติ, มคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปน อธิคตเมว โหติ เอกจฺจานํ เตวิชฺชาทีนํ โลกิยวิชฺชาทโย วิยา’’ติ, เตสํ โลกิยเมว สรณคมนํ สิยา, น โลกุตฺตรํ, ตฺจ อยุตฺตํ ทุวิธสฺสปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา.
ตนฺติ โลกิยสรณคมนํ. สทฺธาปฏิลาโภ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทินา. สทฺธามูลิกาติ ยถาวุตฺตสทฺธาปุพฺพงฺคมา. สมฺมาทิฏฺิ พุทฺธสุพุทฺธตํ, ธมฺมสุธมฺมตํ, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติฺจ โลกิยาวโพธวเสเนว สมฺมา าเยน ทสฺสนโต. สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺีติ เอเตน สทฺธูปนิสฺสยา ยถาวุตฺตลกฺขณา ปฺา โลกิยสรณคมนนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ¶ ‘‘ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจตี’’ติ. ทิฏฺิเยว อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุชุ กรียตีติ กตฺวา ¶ , ทิฏฺิ วา อุชุ กรียติ เอเตนาติ ทิฏฺิชุกมฺมํ, ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ อิทฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ, สทฺธาปุพฺพงฺคมสมฺมาทิฏฺิคฺคหณํ ปน จิตฺตุปฺปาทสฺส ตปฺปธานตายาติ ทฏฺพฺพํ. สทฺธาปฏิลาโภติ อิมินา มาตาทีหิ อุสฺสาหิตทารกาทีนํ วิย าณวิปฺปยุตฺตํ สรณคมนํ ทสฺเสติ, สมฺมาทิฏฺีติ อิมินา าณสมฺปยุตฺตํ สรณคมนํ.
ตยิทํ โลกิยํ สรณคมนํ. อตฺตา สนฺนิยฺยาตียติ อปฺปียติ ปริจฺจชียติ เอเตนาติ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ, ยถาวุตฺตํ ทิฏฺิชุกมฺมํ. ตํ รตนตฺตยํ ปรายณํ ปฏิสรณํ เอตสฺสาติ ตปฺปรายโณ, ปุคฺคโล จิตฺตุปฺปาโท วา, ตสฺส ภาโว ตปฺปรายณตา, ยถาวุตฺตํ ทิฏฺิชุกมฺมเมว. สรณนฺติ อธิปฺปาเยน สิสฺสภาวํ อนฺเตวาสิกภาวํ อุปคจฺฉติ เอเตนาติ สิสฺสภาวูปคมนํ. สรณคมนาธิปฺปาเยเนว ปณิปตติ เอเตนาติ ปณิปาโต. สพฺพตฺถ ยถาวุตฺตทิฏฺิชุกมฺมวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺตปริจฺจชนนฺติ สํสารทุกฺขนิสฺสรณตฺถํ อตฺตโน อตฺถภาวสฺส ปริจฺจชนํ. เอส นโย เสเสสุปิ. พุทฺธาทีนํเยวาติ อวธารณํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีสุปิ ตตฺถ ตตฺถ วตฺตพฺพํ. เอวฺหิ ตทฺนิวตฺตนํ กตํ โหติ.
เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีนิ เอเกน ปกาเรน ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปเรหิปิ ปกาเรหิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เตน ปริยายนฺตเรหิปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ กตเมว โหติ อตฺถสฺส อภินฺนตฺตาติ ทสฺเสติ. อาฬวกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สาตาคิริเหมวตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นนุ เจเต อาฬวกาทโย มคฺเคเนว อาคตสรณคมนา, กถํ เตสํ ตปฺปรายณตาสรณคมนํ วุตฺตนฺติ? มคฺเคนาคตสรณคมเนหิปิ ‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ…เป… สุธมฺมตํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔). เต มยํ วิจริสฺสาม, คามา คามํ นคา นคํ…เป… สุธมฺมต’’นฺติ (สุ. นิ. ๑๘๒) จ เตหิ ตปฺปรายณตาการสฺส ปเวทิตตฺตา ตถา วุตฺตํ.
โส ปเนส าติ…เป… วเสนาติ เอตฺถ าติวเสน, ภยวเสน, อาจริยวเสน, ทกฺขิเณยฺยวเสนาติ ปจฺเจกํ ‘‘วเสนา’’ติ ปทํ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ าติวเสนาติ าติภาววเสน. เอวํ เสเสสุปิ ¶ . ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตนาติ ทกฺขิเณยฺยตาเหตุเกน ปณิปตเนนาติ อตฺโถ. อิตเรหีติ าติภาวาทิวสปฺปวตฺเตหิ ตีหิ ปณิปาเตหิ. อิตเรหีติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วนฺทตีติ ปณิปาตสฺส ลกฺขณวจนํ ¶ . เอวรูปนฺติ ทิฏฺธมฺมิกํ สนฺธาย วทติ. สมฺปรายิกฺหิ นิยฺยานิกํ วา อนิยฺยานิกํ วา อนุสาสนึ ปจฺจาสีสนฺโต ทกฺขิเณยฺยปณิปาตเมว กโรตีติ อธิปฺปาโย. สรณคมนปฺปเภโทติ สรณคมนวิภาโค.
อริยมคฺโค เอว โลกุตฺตรํ สรณคมนนฺติ อาห ‘‘จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผล’’นฺติ. สพฺพทุกฺขกฺขโยติ สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ. เอตนฺติ ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตี’’ติ (ธ. ป. ๑๙๐) เอวํ วุตฺตํ อริยสจฺจานํ ทสฺสนํ.
นิจฺจโต อนุปคมนาทิวเสนาติ นิจฺจนฺติ อคฺคหณาทิวเสน. อฏฺานนฺติ เหตุปฺปฏิกฺเขโป. อนวกาโสติ ปจฺจยปฺปฏิกฺเขโป. อุภเยนปิ การณเมว ปฏิกฺขิปติ. ยนฺติ เยน การเณน. ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ มคฺคทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โสตาปนฺโน. กฺจิ สงฺขารนฺติ จตุภูมเกสุ สงฺขตสงฺขาเรสุ เอกสงฺขารมฺปิ. นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺยาติ นิจฺโจติ คณฺเหยฺย. สุขโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติ (ที. นิ. ๑.๗๖, ๗๙) เอวํ อตฺตทิฏฺิวเสน สุขโต คาหํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน ปน อริยสาวโก ปริฬาหวูปสมนตฺถํ มตฺตหตฺถิปริตาสิโต วิย โจกฺขพฺราหฺมโณ อุกฺการภูมึ กฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคจฺฉติ. อตฺตวาเร กสิณาทิปฺตฺติสงฺคหตฺถํ ‘‘สงฺขาร’’นฺติ อวตฺวา ‘‘กฺจิ ธมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. อิเมสุปิ าเนสุ จตุภูมกวเสเนว ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ เตภูมกวเสเนว วา. ยํ ยฺหิ ปุถุชฺชโน คาหวเสน คณฺหาติ, ตโต ตโต อริยสาวโก คาหํ วินิเวเติ.
มาตรนฺติอาทีสุ ชนิกา มาตา, ชนโก ปิตา, มนุสฺสภูโต ขีณาสโว อรหาติ อธิปฺเปโต. กึ ปน อริยสาวโก อฺํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ? เอตมฺปิ อฏฺานํ, ปุถุชฺชนภาวสฺส ปน มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ อริยภาวสฺส จ ผลทสฺสนตฺถํ เอวํ วุตฺตํ. ปทุฏฺจิตฺโตติ วธกจิตฺเตน ปทุฏฺจิตฺโต. โลหิตํ อุปฺปาเทยฺยาติ ชีวมานกสรีเร ¶ ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย. สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ สมานสํวาสกํ สมานสีมายํ ิตํ สงฺฆํ ‘‘กมฺเมน อุทฺเทเสน โวหรนฺโต อนุสฺสาวเนน สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘) เอวํ วุตฺเตหิ ปฺจหิ การเณหิ ภินฺเทยฺย. อฺํ สตฺถารนฺติ อฺํ ติตฺถกรํ ‘‘อยํ เม สตฺถา’’ติ เอวํ คณฺเหยฺยาติ เนตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ.
น เต ¶ คมิสฺสนฺติ อปายนฺติ เต พุทฺธํ สรณํ คตา ตนฺนิมิตฺตํ อปายํ น คมิสฺสนฺติ, เทวกายํ ปน ปริปูเรสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ทสหิ าเนหีติ ทสหิ การเณหิ. อธิคณฺหนฺตีติ อธิภวนฺติ.
เวลามสุตฺตาทิวเสนาติ เอตฺถ ‘‘กรีสสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาณานํ จตุราสีติสหสฺสสงฺขานํ สุวณฺณปาติรูปิยปาติกํสปาตีนํ ยถากฺกมํ รูปิยสุวณฺณหิรฺปูรานํ สพฺพาลงฺการปฺปฏิมณฺฑิตานํ จตุราสีติยา หตฺถิสหสฺสานํ, จตุราสีติยา อสฺสสหสฺสานํ, จตุราสีติยา รถสหสฺสานํ, จตุราสีติยา เธนุสหสฺสานํ, จตุราสีติยา กฺาสหสฺสานํ, จตุราสีติยา ปลฺลงฺกสหสฺสานํ, จตุราสีติยา วตฺถโกฏิสหสฺสานํ, อปริมาณสฺส จ ขชฺชโภชฺชาทิเภทสฺส อาหารสฺส ปริจฺจชนวเสน สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ นิรนฺตรํ ปวตฺตเวลามมหาทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ. ตโต สตํ โสตาปนฺนานํ ทินฺนทานโต เอกสฺส สกทาคามิโน, ตโต เอกสฺส อนาคามิโน, ตโต เอกสฺส อรหโต, ตโต เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส, ตโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, ตโต พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหารกรณํ, ตโต สรณคมนํ มหปฺผลตร’’นฺติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตสฺส เวลามสุตฺตสฺส (อ. นิ. ๙.๒๐) วเสน. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํ, คหปติ, เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํ, โย เอกํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๙.๒๐). เวลามสุตฺตาทีติ อาทิ-สทฺเทน อคฺคปฺปสาทสุตฺตาทีนํ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อฺาณํ วตฺถุตฺตยสฺส คุณานํ อชานนํ ตตฺถ สมฺโมโห, ‘‘พุทฺโธ นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา วิจิกิจฺฉา สํสโย. มิจฺฉาาณํ ตสฺส คุณานํ อคุณภาวปริกปฺปเนน วิปรีตคฺคาโห. อาทิ-สทฺเทน อนาทราคารวาทีนํ ¶ สงฺคโห. น มหาชุติกนฺติ น อุชฺชลํ, อปริสุทฺธํ อปริโยทาตนฺติ อตฺโถ. น มหาวิปฺผารนฺติ อนุฬารํ. สาวชฺโชติ ทิฏฺิตณฺหาทิวเสน สโทโส. โลกิยํ สรณคมนํ สิกฺขาสมาทานํ วิย อคฺคหิตกาลปริจฺเฉทํ ชีวิตปริยนฺตเมว โหติ, ตสฺมา ตสฺส ขนฺธเภเทน เภโทติ อาห ‘‘อนวชฺโช กาลกิริยายา’’ติ. โสติ อนวชฺโช สรณคมนเภโท. สติปิ อนวชฺชตฺเต อิฏฺผโลปิ น โหตีติ อาห ‘‘อผโล’’ติ. กสฺมา? อวิปากตฺตา. น หิ ตํ อกุสลนฺติ.
โก อุปาสโกติ สรูปปุจฺฉา, ตสฺมา ‘‘กึลกฺขโณ อุปาสโก’’ติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมาติ เหตุปุจฺฉา. เตน เกน ปวตฺตินิมิตฺเตน อุปาสกสทฺโท ตสฺมึ ปุคฺคเล นิรุฬฺโหติ ทสฺเสติ ¶ . เตนาห ‘‘กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจตี’’ติ. สทฺทสฺส อภิเธยฺโย ปวตฺตินิมิตฺตํ ตทตฺถสฺส ตพฺภาวการณํ. กิมสฺส สีลนฺติ กีทิสํ อสฺส อุปาสกสฺส สีลํ, กิตฺตเกน สีเลนายํ สีลสมฺปนฺโน นาม โหตีติ อตฺโถ. โก อาชีโวติ โก อสฺส สมฺมาอาชีโว? โส ปน มิจฺฉาชีวสฺส ปริวชฺชเนน โหตีติ โสปิ วิภชียตีติ. กา วิปตฺตีติ กา สีลสฺส, อาชีวสฺส วา วิปตฺติ. อนนฺตรสฺส หิ วิธิ วา ปฏิเสโธ วาติ. กา สมฺปตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
โย โกจีติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิ. เตน สรณคมนเมเวตฺถ การณํ, น ชาติอาทิวิเสโสติ ทสฺเสติ. อุปาสนโตติ เตเนว สรณคมเนน ตตฺถ จ สกฺกจฺจกิริยาย อาทรคารวพหุมานาทิโยเคน ปยิรุปาสนโต. เวรมณิโยติ เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยํ, ตสฺส มณนโต หนนโต วินาสนโต เวรมณิโย, ปฺจ วิรติโย วิรติปฺปธานตฺตา ตสฺส สีลสฺส. เตเนวาห ‘‘ปฏิวิรโต โหตี’’ติ.
มิจฺฉาวณิชฺชาติ น สมฺมาวณิชฺชา อยุตฺตวณิชฺชา อสารุปฺปวณิชฺชา. ปหายาติ อกรเณเนว ปชหิตฺวา. ธมฺเมนาติ ธมฺมโต อนเปเตน. เตน อฺมฺปิ อธมฺมิกํ ชีวิกํ ปฏิกฺขิปติ. สเมนาติ อวิสเมน. เตน กายวิสมาทิทุจฺจริตํ วชฺเชตฺวา กายสมาทินา สุจริเตน อาชีวํ ทสฺเสติ. สตฺถวณิชฺชาติ อายุธภณฺฑํ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา ยถากตํ ¶ วา ปฏิลภิตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. สตฺตวณิชฺชาติ มนุสฺสวิกฺกโย. มํสวณิชฺชาติ สูนการาทโย วิย มิคสูกราทิเก โปเสตฺวา มํสํ สมฺปาเทตฺวา วิกฺกโย. มชฺชวณิชฺชาติ ยํ กิฺจิ มชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. วิสวณิชฺชาติ วิสํ โยเชตฺวา วิสํ คเหตฺวา วา ตสฺส วิกฺกโย. ตตฺถ สตฺถวณิชฺชา ปโรปโรธนิมิตฺตตาย อกรณียา วุตฺตา. สตฺตวณิชฺชา อภุชิสฺสภาวกรณโต, มํสวิสวณิชฺชา วธเหตุโต, มชฺชวณิชฺชา ปมาทฏฺานโต.
ตสฺเสวาติ ปฺจเวรมณิลกฺขณสฺส สีลสฺส เจว ปฺจมิจฺฉาวณิชฺชาลกฺขณสฺส อาชีวสฺส จ. วิปตฺตีติ เภโท ปโกโป จ. ยายาติ ยาย ปฏิปตฺติยา. จณฺฑาโลติ อุปาสกจณฺฑาโล. มลนฺติ อุปาสกมลํ. ปฏิกุฏฺโติ อุปาสกนิหีโน. พุทฺธาทีสุ กมฺมกมฺมผเลสุ จ สทฺธาวิปริยาโย อสฺสทฺธิยํ มิจฺฉาธิโมกฺโข, ยถาวุตฺเตน อสฺสทฺธิเยน สมนฺนาคโต อสฺสทฺโธ. ยถาวุตฺตสีลวิปตฺติอาชีววิปตฺติวเสน ทุสฺสีโล. ‘‘อิมินา ทิฏฺาทินา อิทํ นาม มงฺคลํ โหตี’’ติ – เอวํ พาลชนปริกปฺปิตโกตูหลสงฺขาเตน ทิฏฺสุตมุตมงฺคเลน สมนฺนาคโต โกตูหลมงฺคลิโก. มงฺคลํ ปจฺเจตีติ ทิฏฺมงฺคลาทิเภทํ มงฺคลเมว ปตฺติยายติ. โน กมฺมนฺติ ¶ กมฺมสฺสกตํ โน ปตฺติยายติ. อิโต พหิทฺธาติ อิโต สพฺพฺุพุทฺธสาสนโต พหิทฺธา พาหิรกสมเย. ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสตีติ ทุปฺปฏิปนฺนํ ทกฺขิณารหสฺี คเวสติ. ปุพฺพการํ กโรตีติ ทานมานนาทิกํ กุสลกิริยํ ปมตรํ กโรติ. เอตฺถ จ ทกฺขิเณยฺยปริเยสนปุพฺพกาเร เอกํ กตฺวา ปฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพา.
วิปตฺติยํ วุตฺตวิปริยาเยน สมฺปตฺติ เวทิตพฺพา. อยํ ปน วิเสโส – จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ รติชนนฏฺเน อุปาสโกว รตนํ อุปาสกรตนํ. คุณโสภากิตฺติสทฺทสุคนฺธตาหิ อุปาสโกว ปทุมํ อุปาสกปทุมํ. ตถา อุปาสกปุณฺฑรีโก.
อาทิมฺหีติ อาทิอตฺเถ. โกฏิยนฺติ ปริยนฺตโกฏิยํ. วิหารคฺเคนาติ โอวรกโกฏฺาเสน, ‘‘อิมสฺมึ คพฺเภ วสนฺตานํ อิทํ นาม ผลํ ปาปุณาตี’’ติอาทีนา ตํ ตํ วสนฏฺานโกฏฺาเสนาติ อตฺโถ. อชฺชตนฺติ อชฺช อิจฺเจว อตฺโถ.
ปาเณหิ ¶ อุเปตนฺติ อิมินา ตสฺส สรณคมนสฺส อาปาณโกฏิกตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุน ชีวิเตนปิ ตํ วตฺถุตฺตยํ ปฏิปูเชนฺโต สรณคมนํ รกฺขามีติ อุปฺปนฺนํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘อหฺหี’’ติอาทิมาห. ปาเณหิ อุเปตนฺติ หิ ยาว เม ปาณา ธรนฺติ, ตาว สรณํ อุเปตํ. อุเปนฺโต จ น วาจามตฺเตน น เอกวารํ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน, อถ โข ปาณานํ ปริจฺจชนวเสนปิ ยาวชีวํ อุเปตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๑๗-๑๙. สตฺตเม ชาณุสฺโสณีติ เนตํ ตสฺส มาตาปิตูหิ กตํ นามํ, อปิจ โข านนฺตรปฺปฏิลาภลทฺธนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ชาณุสฺโสณีติ านนฺตรํ กิรา’’ติอาทิ. เอกํ านนฺตรนฺติ เอกํ ปุโรหิตฏฺานํ. อุณฺหีสอาทิกกุธภณฺเฑหิ สทฺธึ ลทฺธํ ตถา จสฺส รฺา ทินฺนนฺติ วทนฺติ. เตนาห ‘‘รฺโ สนฺติเก จ ลทฺธชาณุสฺโสณิสกฺการตฺตา’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อฏฺมนวเมสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.
๒๐-๒๑. ทสเม ทุนฺนิกฺขิตฺตนฺติ ทุฏฺุ นิกฺขิตฺตํ ปทปจฺจาภฏฺํ กตฺวา มนสิ ปิตํ. ปชฺชติ ายติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, อตฺถํ พฺยฺชยติ ปกาเสตีติ พฺยฺชนํ, ปทเมว. เตเนวาห ‘‘อุปฺปฏิปาฏิยา…เป… พฺยฺชนนฺติ วุจฺจตี’’ติ. ปทสมุทายพฺยติเรเกน วิสุํ ปาฬิ นาม ¶ นตฺถีติ อาห ‘‘อุภยเมตํ ปาฬิยาว นาม’’นฺติ. ปกฏฺานฺหิ วจนปฺปพนฺธานํ อาฬิเยว ปาฬีติ วุจฺจติ. เสสเมตฺถ เอกาทสมฺจ อุตฺตานตฺถเมว.
อธิกรณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. พาลวคฺควณฺณนา
๒๒-๒๔. ตติยสฺส ปมทุติยตติยานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
๒๕. จตุตฺเถ เนตพฺโพติ อฺโต อาหริตฺวา โพเธตพฺโพ, าเปตพฺโพติ อตฺโถ.
๒๗. ฉฏฺเ โน เจปิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา กโรนฺตีติ ปาณาติปาตาทีนิ กโรนฺโต สเจปิ อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา กโรนฺติ. ปฏิจฺฉนฺนเมวาติ วิฺูหิ ครหิตพฺพภาวโต ¶ ปฏิจฺฉาทนารหตฺตา ปฏิจฺฉนฺนเมวาติ วุจฺจติ. อวีจิอาทโย ปเทสวิเสสา ตตฺถูปปนฺนา สตฺตา จ นิรยคฺคหเณน คหิตาติ อาห ‘‘นิรโยติ สโหกาสกา ขนฺธา’’ติ. ติรจฺฉานโยนิ นาม วิสุํ ปเทสวิเสโส นตฺถีติ อาห ‘‘ติรจฺฉานโยนิยํ ขนฺธาว ลพฺภนฺตี’’ติ.
๓๑. ทสเม อตฺโถ ผลํ ตทธีนวุตฺติตาย วโส เอตสฺสาติ อตฺถวโส, เหตูติ อาห ‘‘อตฺถวเสติ การณานี’’ติ. อรฺวนปตฺถานีติ อรฺลกฺขณปฺปตฺตานิ วนปตฺถานิ. วนปตฺถ-สทฺโท หิ สณฺฑภูเต รุกฺขสมูเหปิ วตฺตตีติ อรฺคฺคหณํ. วนียติ วิเวกกาเมหิ ภชียติ, วนุเต วา เต อตฺตสมฺปตฺติยา วสนตฺถาย ยาจนฺโต วิย โหตีติ วนํ, ปติฏฺหนฺติ เอตฺถ วิเวกกามา ยถาธิปฺเปตวิเสสาธิคเมนาติ ปตฺถํ, วเนสุ ปตฺถํ คหนฏฺาเน เสนาสนํ วนปตฺถํ. กิฺจาปีติ อนุชานนสมฺภาวนตฺเถ นิปาโต. กึ อนุชานาติ? นิปฺปริยายโต อรฺภาวํ คามโต พหิ อรฺนฺติ. เตนาห ‘‘นิปฺปริยาเยนา’’ติอาทิ. กึ สมฺภาเวติ? อารฺกงฺคนิปฺผาทกตฺตํ. ยฺหิ อารฺกงฺคนิปฺผาทกํ, ตํ วิเสสโต อรฺนฺติ วตฺตพฺพนฺติ. เตนาห ‘‘ยํ ตํ ปฺจธนุสติก’’นฺติอาทิ. นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลาติ อินฺทขีลโต พหิ นิกฺขมิตฺวา, ตโต พหิ ปฏฺายาติ อตฺโถ. พหิ อินฺทขีลาติ วา ยตฺถ ทฺเว ตีณิ อินฺทขีลานิ, ¶ ตตฺถ พหิทฺธา อินฺทขีลโต ปฏฺาย. ยตฺถ ตํ นตฺถิ, ตทรหฏฺานโต ปฏฺายาติ วทนฺติ. คามนฺตนฺติ คามสมีปํ. อนุปจารฏฺานนฺติ นิจฺจกิจฺจวเสน น อุปจริตพฺพฏฺานํ. เตนาห ‘‘ยตฺถ น กสียติ น วปียตี’’ติ.
อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารนฺติ เอเตน สตฺถา อตฺตโน วิเวกาภิรตึ ปกาเสติ. ตตฺถ ทิฏฺธมฺโม นาม อยํ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว, สุขวิหาโร นาม จตุนฺนํ อิริยาปถวิหารานํ ผาสุตา. เอกกสฺส หิ อรฺเ อนฺตมโส อุจฺจารวสฺสาวกิจฺจํ อุปาทาย สพฺเพ อิริยาปถา ผาสุกา โหนฺติ, ตสฺมา ทิฏฺธมฺเม สุขวิหารํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารนฺติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ปจฺฉิมฺจ ชนตํ อนุกมฺปมาโนติ กถํ อรฺวาเสน ปจฺฉิมา ชนตา อนุกมฺปิตา โหติ? สทฺธาปพฺพชิตา หิ กุลปุตฺตา ภควโต อรฺวาสํ ¶ ทิสฺวา ‘‘ภควาปิ นาม อรฺเสนาสนานิ น มฺุจติ, ยสฺส เนวตฺถิ ปริฺาตพฺพํ น ปหาตพฺพํ น ภาเวตพฺพํ น สจฺฉิกาตพฺพํ, กิมงฺคํ ปน มย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตตฺถ วสิตพฺพเมว มฺิสฺสนฺติ, เอวํ ขิปฺปเมว ทุกฺขสฺสนฺตกรา ภวิสฺสนฺติ. เอวํ ปจฺฉิมา ชนตา อนุกมฺปิตา โหติ. เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปจฺฉิเม มม สาวเก อนุกมฺปนฺโต’’ติ.
๓๒. เอกาทสเม วิชฺชํ ภชนฺตีติ วิชฺชาภาคิยา, วิชฺชาภาเค วิชฺชาโกฏฺาเส วตฺตนฺตีติปิ วิชฺชาภาคิยา. ปทํ ปจฺฉินฺทตีติ มคฺคจิตฺตสฺส ปติฏฺํ อุปจฺฉินฺทติ, มคฺคจิตฺตํ ปติฏฺาเปตุํ น เทตีติ อตฺโถ. อุพฺพฏฺเฏตฺวาติ สมุจฺเฉทวเสน สมูลํ อุทฺธริตฺวา. อฏฺสุ าเนสูติ พุทฺธาทีสุ อฏฺสุ าเนสุ. ราคสฺส ขยวิราเคนาติ ราคสฺส ขยสงฺขาเตน วิราเคน, ราคสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนนาติ วุตฺตํ โหติ.
พาลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สมจิตฺตวคฺควณฺณนา
๓๓. จตุตฺถสฺส ¶ ปเม ภวนฺติ เอตฺถ ปติฏฺหนฺตีติ ภูมิ, อสปฺปุริสานํ ภูมิ อสปฺปุริสภูมิ. สปฺปุริสภูมิยมฺปิ เอเสว นโย. กตํ น ชานาตีติ อกตฺู, อสมตฺถสมาโสยํ คมกตฺตา ‘‘อสูริยปสฺสา’’ติอาทีสุ วิย. เตนาห ‘‘กตํ น ชานาตี’’ติ. อกตเวทีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปากฏํ กตฺวา น ชานาตีติ ‘‘อิทฺจิทฺจ มยฺหํ อิมินา กต’’นฺติ สงฺฆมชฺฌคณมชฺฌาทีสุ ปากฏํ กตฺวา น ชานาติ, น ปกาเสตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปฺาตนฺติ โถมนาวเสน อุปคนฺตฺวา าตํ. เตนาห ‘‘วณฺณิต’’นฺติอาทิ.
๓๔. ทุติเย วสฺสสตปริมาณมายุ อสฺสาติ วสฺสสตายุโก, วสฺสสตายุกตฺจ วสฺสสตายุกกาเล ชาตสฺเสว โหติ, นาฺสฺสาติ อาห ‘‘วสฺสสตายุกกาเล ชาโต’’ติ. วสฺสสตํ ชีวติ สีเลนาติ วสฺสสตชีวี. วสฺสสตนฺติ จ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. เตนาห ‘‘สกลํ วสฺสสตํ ชีวนฺโต’’ติ. มาตาปิตูนํ มาตาว พหูปการตราติ ตสฺสาเยว ปธานภาเวน ปฏิกาตพฺพตฺตา ทกฺขิณํ อํสกูฏํ วทนฺติ. หทยโลหิตํ ปาเยตฺวาติ ขีรํ สนฺธาย ¶ วทติ. โลหิตฺหิ ขีรภาเวน ปริณามํ คจฺฉติ. ตฺยาสฺสาติ เต อสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๓๕. ตติเย เตนุปสงฺกมีติ เอตฺถ เยนาธิปฺปาเยน โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ, ตํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โส หิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทิมาห. วิรชฺฌนปฺหนฺติ ยํ ปฺหํ ปุฏฺโ วิรชฺฌิตฺวา กเถสิ, อวิปรีตํ กตฺวา สมฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, ตาทิสํ ปฺหนฺติ อตฺโถ. อุภโตโกฏิกํ ปฺหนฺติ อุโภหิ โกฏีหิ ยุตฺตํ ปฺหํ. ‘‘กึวาที ภวํ โคตโม’’ติ หิ ปุฏฺโ ‘‘กิริยวาทิมฺหี’’ติ วา วเทยฺย ‘‘อกิริยวาทิมฺหี’’ติ วา, ตสฺมา อิมสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺชเน ‘‘กิริยวาทิมฺหี’’ติ เอกา โกฏิ, ‘‘อกิริยวาทิมฺหี’’ติ ทุติยาติ โกฏิทฺวยยุตฺโต อยํ ปฺโห. อุคฺคิลิตุนฺติ ทฺเว โกฏิโย โมเจตฺวา กเถตุํ อสกฺโกนฺโต พหิ นีหริตุํ อตฺถโต อปเนตุํ น สกฺขิสฺสติ. ทฺเว โกฏิโย โมเจนฺโต หิ ตํ พหิ นีหรติ นาม. นิคฺคิลิตุนฺติ ปุจฺฉาย โทสํ ทตฺวา หาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ปเวเสตุํ น สกฺขิสฺสติ. ตตฺถ โทสํ ทตฺวา หาเรนฺโต หิ คิลิตฺวา วิย อทสฺสนํ คเมนฺโต ปเวเสติ นาม. กึลทฺธิโกติ กึทฺทิฏฺิโก. วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฏฺิ. โก วาโท เอตสฺสาติ กึวาที. กิมกฺขายีติ กิมภิธายี, กีทิสี ธมฺมกถา. เตนาห ‘‘กึ นาม…เป… ปุจฺฉตี’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๓๖. จตุตฺเถ ¶ ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยา. อาหุนํ วุจฺจติ ทานํ, ตํ อรหนฺตีติ อาหุเนยฺยา.
๓๗. ปฺจเม กถมยํ มิคารมาตา นาม ชาตาติ อาห ‘‘สา หี’’ติอาทิ. สพฺพเชฏฺกสฺส ปุตฺตสฺสาติ อตฺตโน ปุตฺเตสุ สพฺพปมํ ชาตสฺส ปุตฺตสฺส. อยฺยกเสฏฺิโนว สมานนามกตฺตาติ มิคารเสฏฺินา เอว สทิสนามกตฺตา. ตสฺสา กิร สพฺพเชฏฺสฺส ปุตฺตสฺส นามคฺคหณทิวเส อยฺยกสฺส มิคารเสฏฺิสฺเสว นามํ อกํสุ. อนิพทฺธวาโส หุตฺวาติ เอกสฺมึเยว วิหาเร นิพทฺธวาโส อหุตฺวา. ธุวปริโภคานีติ นิยตปริโภคานิ. นนุ ภควา กทาจิ จาริกมฺปิ ปกฺกมติ, กถํ ตานิ เสนาสนานิ ธุวปริโภเคน ปริภฺุชีติ อาห ‘‘อุตุวสฺสํ จาริกํ จริตฺวาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ อุตุวสฺสนฺติ เหมนฺตคิมฺเห สนฺธาย วทติ. มคฺคํ เปตฺวาติ เถรสฺส อาคมนมคฺคํ เปตฺวา. อุณฺหวลาหกาติ อุณฺหอุตุโน ¶ ปจฺจยภูตเมฆมาลาสมุฏฺาปกา เทวปุตฺตา. เตสํ กิร ตถาจิตฺตุปฺปาทสมกาลเมว ยถิจฺฉิตํ านํ อุณฺหํ ผรมานา, วลาหกมาลา นาติพหลา อิโต จิโต นภํ ฉาเทนฺตี วิธาวติ. เอส นโย สีตวลาหกวสฺสวลาหกาสุ. อพฺภวลาหกา ปน เทวตา สีตุณฺหวสฺเสหิ วินา เกวลํ อพฺภปฏลสฺเสว สมุฏฺาปกา เวทิตพฺพา. เกวลํ วา วาตสฺเสว, เตเนว เทวตา วาตวลาหกา.
เอตฺถ จ ยํ วสฺสาเน จ สิสิเร จ อพฺภํ อุปฺปชฺชติ, ตํ อุตุสมุฏฺานํ ปากติกเมว. ยํ ปน อพฺภมฺหิเยว อติอพฺภํ สตฺตาหมฺปิ จนฺทสูริเย ฉาเทตฺวา เอกนฺธการํ กโรติ, ยฺจ จิตฺตเวสาขมาเสสุ อพฺภํ, ตํ เทวตานุภาเวน อุปฺปนฺนํ อพฺภนฺติ เวทิตพฺพํ. โย จ ตสฺมึ ตสฺมึ อุตุมฺหิ อุตฺตรทกฺขิณาทิปกติวาโต โหติ, อยํ อุตุสมุฏฺาโน. วาเตปิ วนรุกฺขกฺขนฺธาทิปฺปทาลโน อติวาโต นาม อตฺถิ. อยฺเจว, โย จ อฺโปิ อกาลวาโต, อยฺจ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺโต. ยํ คิมฺหาเน อุณฺหํ, ตํ อุตุสมุฏฺานิกํ ปากติเมว. ยํ ปน อุณฺเหปิ อติอุณฺหํ สีตกาเล จ อุปฺปนฺนํ อุณฺหํ, ตํ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ. ยํ วสฺสาเน จ เหมนฺเต จ สีตํ โหติ, ตํ อุตุสมุฏฺานเมว. ยํ ปน สีเตปิ อติสีตํ, คิมฺเห จ อุปฺปนฺนํ สีตํ, ตํ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ. ยํ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส วสฺสํ, ตํ อุตุสมุฏฺานเมว, ยํ ปน วสฺเสเยว อติวสฺสํ, ยฺจ จิตฺตเวสาขมาเสสุ วสฺสํ, ตํ เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ.
ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร วสฺสวลาหกเทวปุตฺโต ตครกูฏวาสิขีณาสวตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. เถโร – ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิ. อหํ, ภนฺเต, วสฺสวลาหโก เทวปุตฺโตติ ¶ . ตุมฺหากํ กิร จิตฺเตน เทโว วสฺสตีติ? อาม, ภนฺเตติ. ปสฺสิตุกามา มยนฺติ. เตมิสฺสถ, ภนฺเตติ. เมฆสีสํ วา คชฺชิตํ วา น ปฺายติ, กถํ เตมิสฺสามาติ? ภนฺเต, อมฺหากํ จิตฺเตน เทโว วสฺสติ, ตุมฺเห ปณฺณสาลํ ปวิสถาติ. สาธุ เทวปุตฺตาติ ปาเท โธวิตฺวา ปณฺณสาลํ ปาวิสิ. เทวปุตฺโต ตสฺมึ ปวิสนฺเตเยว เอกํ คีตํ คายิตฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิ, สมนฺตา ติโยชนฏฺานํ เอกเมฆํ อโหสิ. เถโร อฑฺฒตินฺโต ปณฺณสาลํ ปวิฏฺโติ.
กามํ ¶ เหฏฺา วุตฺตาปิ เทวตา จาตุมหาราชิกาว, ตา ปน เตน เตน วิเสเสน วตฺวา อิทานิ ตทฺเ ปมภูมิเก กามาวจรเทเว สามฺโต คณฺหนฺโต ‘‘จาตุมหาราชิกา’’ติ อาห. ธตรฏฺวิรูฬฺหกวิรูปกฺขกุเวรสงฺขาตา จตฺตาโร มหาราชาโน เอเตสนฺติ จาตุมหาราชิกา, เต สิเนรุสฺส ปพฺพตสฺส เวมชฺเฌ โหนฺติ. เตสุ ปพฺพตฏฺกาปิ อตฺถิ อากาสฏฺกาปิ. เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตา. ขิฑฺฑาปโทสิกา มโนปโทสิกา จนฺทิมา เทวปุตฺโต สูริโย เทวปุตฺโตติ เอเต สพฺเพปิ จาตุมหาราชิกเทวโลกฏฺา เอว.
ตาวตึสาติ ตาวตึสานํ เทวานํ นามํ, เตปิ อตฺถิ ปพฺพตฏฺกา, อตฺถิ อากาสฏฺกา, เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตา. ตถา ยามาทีนํ. เอกเทวโลเกปิ หิ เทวานํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ อปฺปตฺตา นาม นตฺถิ. ตตฺถ มเฆน มาณเวน สทฺธึ มจลคาเม กาลํ กตฺวา เตตฺตึส สหปฺุการิโน เอตฺถ นิพฺพตฺตาติ ตํ สหจาริตํ านํ เตตฺตึสํ, ตเทว ตาวตึสํ, ตํ นิวาโส เอเตสนฺติ ตาวตึสาติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน เสสจกฺกวาเฬสุปิ ฉกามาวจรเทวโลกา อตฺถิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สหสฺสํ จาตุมหาราชิกานํ สหสฺสํ ตาวตึสาน’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๘๑). ตสฺมา นามปณฺณตฺติเยเวสา ตสฺส เทวโลกสฺสาติ เวทิตพฺพา. ทุกฺขโต ยาตา อปยาตาติ ยามา. อตฺตโน สิริสมฺปตฺติยา ตุสํ อิตา คตาติ ตุสิตา. นิมฺมาเน รติ เอเตสนฺติ นิมฺมานรติโน. วสวตฺตี เทวตาติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน เทวา. ปรนิมฺมิเตสุ โภเคสุ วสํ วตฺเตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน.
พฺรูหิโต ปริวุทฺโธ เตหิ เตหิ ฌานาทีหิ วิสิฏฺเหิ คุเณหีติ พฺรหฺมา. วณฺณวนฺตตาย เจว ทีฆายุกตาย จ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีหิ มหนฺโต พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา. ตสฺส ปริสายํ ภวา ปริจาริกาติ พฺรหฺมปาริสชฺชา. ตสฺเสว ปุโรหิตฏฺาเน ิตาติ พฺรหฺมปุโรหิตา. อาภสฺสเรหิ ปริตฺตา อาภา เอเตสนฺติ ปริตฺตาภา. อปฺปมาณา อาภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณาภา. ทีปิกาย อจฺจิ วิย เอเตสํ สรีรโต อาภา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺตี วิย สรติ วิสฺสรตีติ อาภสฺสรา, ยถาวุตฺตปฺปภาย อาภาสนสีลา วา อาภสฺสรา. สุภาติ โสภนา ปภา. สุภาติ หิ ¶ เอกคฺฆนา นิจฺจลา สรีราภา วุจฺจติ ¶ , สา ปริตฺตา สุภา เอเตสนฺติ ปริตฺตสุภา. อปฺปมาณา สุภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณสุภา. สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา, สุเภน สรีรปฺปภาวณฺเณน เอกคฺฆนา สุวณฺณมฺชูสาย ปิตสมฺปชฺชลิตกฺจนปิณฺฑสสฺสิริกาติ สุภกิณฺณา. ตตฺถ โสภนาย ปภาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตพฺเพ ภา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ อนฺติม ณ-การสฺส ห-การฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตํ. วิปุลผลา เวหปฺผลา. วิปุลผลาติ จ วิปุลสนฺตสุขวณฺณาทิผลา. อปฺปเกน กาเลน อตฺตโน านํ น วิชหนฺตีติ อวิหา. เกนจิ น ตปนียาติ อตปฺปา. อกิจฺเฉน สุเขน ปสฺสิตพฺพา มนฺุรูปตายาติ สุทสฺสา. สุปริสุทฺธทสฺสนตาย สมฺมา ปสฺสนฺติ สีเลนาติ สุทสฺสี. อุกฺกฏฺสมฺปตฺตีหิ โยคโต นตฺถิ เอเตสํ กนิฏฺา สมฺปตฺตีติ อกนิฏฺา.
กายสกฺขีหีติ นามกาเยน เทสนาย สมฺปฏิจฺฉนวเสน สกฺขิภูเตหิ. หลาหลนฺติ โกลาหลํ. มหคฺคตจิตฺเตนาติ จตุตฺถชฺฌานปาทเกน อภิฺาจิตฺเตน.
นนุ จ ‘‘อชฺฌตฺตนฺติ กามภโว, พหิทฺธาติ รูปารูปภโว’’ติ จ อยุตฺตเมตํ? ยสฺมิฺหิ ภเว สตฺตา พหุตรํ กาลํ วสนฺติ, โส เนสํ อชฺฌตฺตํ. ยสฺมิฺจ อปฺปตรํ กาลํ วสนฺติ, โส เนสํ พหิทฺธาติ วตฺตุํ ยุตฺตํ. รูปารูปภเว จ สตฺตา จิรตรํ วสนฺติ, อปฺปตรํ กามภเว, ตสฺมา ‘‘อชฺฌตฺตนฺติ กามภโว, พหิทฺธาติ รูปารูปภโว’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. จตุตฺถเมว โกฏฺาสนฺติ วิวฏฺฏฏฺายิสงฺขาตํ จตุตฺถํ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปํ. อิตเรสูติ สํวฏฺฏสํวฏฺฏฏฺายิวิวฏฺฏสงฺขาเตสุ ตีสุ อสงฺขฺเยยฺยกปฺเปสุ. อาลโยติ สงฺโค. ปตฺถนาติ ‘‘กถํ นาม ตตฺรูปปนฺนา ภวิสฺสามา’’ติ อภิปตฺถนา. อภิลาโสติ ตตฺรูปปชฺชิตุกามตา. ตสฺมาติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ นิคเมติ.
เอตฺถายํ อธิปฺปาโย – กสฺสจิปิ กิเลสสฺส อวิกฺขมฺภิตตฺตา เกนจิปิ ปกาเรน วิกฺขมฺภนมตฺเตนปิ อวิมุตฺโต กามภโว อชฺฌตฺตคฺคหณสฺส อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตคฺคาหสฺส วิเสสปจฺจโยติ อชฺฌตฺตํ นาม. ตตฺถ พนฺธนํ อชฺฌตฺตสํโยชนํ, เตน สํยุตฺโต อชฺฌตฺตสํโยชโน. ตพฺพิปริยายโต พหิทฺธาสํโยชโนติ.
ฉนฺทราควเสเนว ¶ อชฺฌตฺตสํโยชนํ พหิทฺธาสํโยชนฺจ ปุคฺคลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โอรมฺภาคิยอุทฺธมฺภาคิยสํโยชนวเสนปิ ทสฺเสตุํ ‘‘โอรมฺภาคิยานิ วา’’ติอาทิมาห. โอรํ วุจฺจติ กามธาตุ, ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยภาเวน ตํ โอรํ ภชนฺตีติ โอรมฺภาคิยานิ. ตตฺถ จ กมฺมุนา ¶ วิปากํ สตฺเตน จ ทุกฺขํ สํโยเชนฺตีติ สํโยชนานิ, สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสกามราคปฏิฆา. อุทฺธํ วุจฺจติ รูปารูปธาตุ, วุตฺตนเยเนตํ อุทฺธํ ภชนฺตีติ อุทฺธมฺภาคิยานิ, สํโยชนานิ. รูปราคารูปราคมานุทฺธจฺจาวิชฺชา. อถ วา โอรมฺภาโค วุจฺจติ กามธาตุ รูปารูปภวโต เหฏฺาภูตตฺตา, ตตฺรูปปตฺติยา ปจฺจยภาวโต โอรมฺภาคสฺส หิตานีติ โอรมฺภาคิยานิ ยถา ‘‘วจฺฉาโยโค ทุหโก’’ติ. อุทฺธมฺภาโค นาม มหคฺคตภาโว, ตสฺส หิตานิ อุทฺธมฺภาคิยานิ. ปาเทสุ พทฺธปาสาโณ วิย ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ เหฏฺา อากฑฺฒมานาการานิ โหนฺติ. หตฺเถหิ คหิตรุกฺขสาขา วิย ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ อุปริ อากฑฺฒมานาการานิ. เยสฺหิ สกฺกายทิฏฺิอาทีนิ อปฺปหีนานิ, เต ภวคฺเคปิ นิพฺพตฺเต เอตานิ อากฑฺฒิตฺวา กามภเวเยว ปาเตนฺติ, ตสฺมา เอตานิ ปฺจ คจฺฉนฺตํ วาเรนฺติ, คตํ ปุน อาเนนฺติ. รูปราคาทีนิ ปฺจ คจฺฉนฺตํ น วาเรนฺติ, อาคนฺตุํ ปน น เทนฺติ.
อสมุจฺฉินฺเนสุ โอรมฺภาคิยสํโยชเนสุ ลทฺธปจฺจเยสุ อุทฺธมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ อคณนูปคานิ โหนฺตีติ ลพฺภมานานมฺปิ ปุถุชฺชนานํ วเสน อวิภชิตฺวา อริยานํ โยควเสน วิภชิตุกาโม ‘‘อุภยมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ วฏฺฏนิสฺสิตมหาชนสฺสาติ ปุถุชฺชเน สนฺธาย วทติ. ทฺเวธา ปริจฺฉินฺโนติ กามสุคติรูปารูปภววเสน ทฺวีหิ ปกาเรหิ ปริจฺฉินฺโน.
วจฺฉกสาโลปมํ อุตฺตานตฺถเมว. โอปมฺมสํสนฺทเน ปน กสฺสจิ กิเลสสฺส อวิกฺขมฺภิตตฺตา, กถฺจิปิ อวิมุตฺโต กามภโว อชฺฌตฺตคฺคหณสฺส วิเสสปจฺจยตฺตา, อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตรฏฺเน อนฺโต นาม. รูปารูปภโว ตพฺพิปริยายโต พหิ นาม. ตถา หิ ยสฺส โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ อปฺปหีนานิ, โส อชฺฌตฺตสํโยชโน วุตฺโต. ยสฺส ตานิ ปหีนานิ, โส พหิทฺธาสํโยชโน. ตสฺมา อนฺโต อสมุจฺฉินฺนพนฺธนตาย พหิ จ ปวตฺตมานภวงฺคสนฺตานตาย อนฺโตพทฺโธ พหิสยิโต ¶ นาม. นิรนฺตรปฺปวตฺตภวงฺคสนฺตานวเสน หิ สยิตโวหาโร. กามํ เนสํ พหิพนฺธนมฺปิ อสมุจฺฉินฺนํ, อนฺโตพนฺธนสฺส ปน มูลตาย เอวํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สํโยชนํ ปน เตสํ กามาวจรูปนิพทฺธเมวา’’ติ. อิมินา นเยน เสสตฺตเยปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอตฺตาวตา จ กิราติ กิร-สทฺโท อรุจิสํสูจนตฺโถ. เตเนตฺถ อาจริยวาทสฺส อตฺตโน อรุจฺจนภาวํ ทีเปติ. ‘‘สีลวา’’ติ อนามฏฺวิเสสสามฺโต สีลสงฺเขเปน คหิตํ, ตฺจ จตุพฺพิธนฺติ อาจริยตฺเถโร ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติ อาห. ตตฺถาติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุ. เชฏฺกสีลนฺติ ปธานสีลํ. อุภยตฺถาติ อุทฺเทสนิทฺเทเสสุ, นิทฺเทเส วิย อุทฺเทเสปิ ¶ ปาติโมกฺขสํวโรว เถเรน วุตฺโต ‘‘สีลวา’’ติ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. สีลคฺคหณฺหิ ปาฬิยํ ปาติโมกฺขสํวรวเสเนว อาคตํ. เตนาห ‘‘ปาติโมกฺขสํวโรเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ อวธารเณน อิตเรสํ ติณฺณํ เอกเทเสน ปาติโมกฺขนฺโตคธภาวํ ทีเปติ. ตถา หิ อโนโลกิโยโลกเน อาชีวเหตุ จ สิกฺขาปทวีติกฺกเม คิลานปจฺจยสฺส อปจฺจเวกฺขิตปริโภเค จ อาปตฺติ วิหิตาติ. ตีณีติ อินฺทฺริยสํวรสีลาทีนิ. สีลนฺติ วุตฺตฏฺานํ นาม อตฺถีติ สีลปริยาเยน เตสํ กตฺถจิ สุตฺเต คหิตฏฺานํ นาม กึ อตฺถิ ยถา ‘‘ปาติโมกฺขสํวโร’’ติ? อาจริยสฺส สมฺมุขตาย อปฺปฏิกฺขิปนฺโต อุปจาเรน ปุจฺฉนฺโต วิย วทติ. เตนาห ‘‘อนนุชานนฺโต’’ติ. ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมวาติ ตสฺส สลฺลหุกภาวมาห จิตฺตาธิฏฺานภาวมตฺเตน ปฏิปากติกภาวาปตฺติโต. อิตรทฺวเยปิ เอเสว นโย. ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกนฺติ ผเลน เหตุํ ทสฺเสติ. อุปฺปาทนเหตุกา หิ ปจฺจยานํ อุปฺปตฺติ. อิทมตฺถนฺติ อิทํ ปโยชนํ อิมสฺส ปจฺจยสฺส ปริภฺุชเนติ อธิปฺปาโย. นิปฺปริยาเยนาติ อิมินา อินฺทฺริยสํวราทีนิ ตีณิ ปธานสฺส สีลสฺส ปริปาลนวเสน ปวตฺติยา ปริยายสีลานิ นามาติ ทสฺเสติ. อิทานิ ปาติโมกฺขสํวรสฺเสว ปธานภาวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โส ปาติโมกฺขสํวโร. เสสานิ อินฺทฺริยสํวราทีนิ.
ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ ¶ โย หิ นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขนฺติ ลทฺธนาเมน สิกฺขาปทสีเลน ปิหิตกายวจีทฺวาโร. โส ปน ยสฺมา เอวํภูโต เตน สมนฺนาคโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปาตีโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคโต’’ติ.
อปโร นโย – กิเลสานํ พลวภาวโต, ปาปกิริยาย จ สุกรภาวโต, ปฺุกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน. อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคกฺขิตฺโต ฆฏิยนฺตํ วิย อนวฏฺาเนน ปริพฺภมนโต คมนโต คมนสีโลติ ปาตี, มรณวเสน ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปาตนสีโล วา ปาตี, สตฺตสนฺตาโน, จิตฺตเมว วา. ตํ ปาตึ สํสารทุกฺขโต โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. จิตฺตสฺส หิ วิโมกฺเขน สตฺโต วิมุตฺโตติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ, ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๘) จ.
อถ วา อวิชฺชาทินา เหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาติ, ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ ¶ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔) หิ วุตฺตํ, ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ‘‘กณฺเกาโฬ’’ติอาทีนํ วิยสฺส สมาสสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขติ ปาติ, จิตฺตํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘จิตฺเตน นียเต โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสตี’’ติ; (สํ. นิ. ๑.๖๒);
ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ปตติ วา เอเตน อปายทุกฺเข สํสารทุกฺเข จาติ ปาติ, ตณฺหาทิสํกิเลโส. วุตฺตฺหิ –
‘‘ตณฺหา ชเนหิ ปุริสํ, (สํ. นิ. ๑.๕๖-๕๗) ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; อ. นิ. ๔.๙) จ อาทิ;
ตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.
อถ ¶ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาติ, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๐; สุ. นิ. ๑๗๑);
ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.
อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร. ตโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.
อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ‘‘ปตี’’ติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมกฺโข, ปติโน โมกฺโข ปติโมกฺโข เตน ปฺตฺตตฺตาติ, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. สพฺพคุณานํ วา มูลภาวโต อุตฺตมฏฺเน ปติ จ โส ยถาวุตฺตฏฺเน โมกฺโข จาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ อาทิเมตํ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) วิตฺถาโร.
อถ ¶ วา ป-อิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺโข. อิทฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปฺาสหิตฺจ วิกฺขมฺภนวเสน, สมุจฺเฉทวเสน จ อจฺจนฺตํ โมกฺเขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺโข. ปติ ปติ โมกฺโขติ วา ปติโมกฺโข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมโทสโต ปจฺเจกํ โมกฺโขติ อตฺโถ. ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. โมกฺโข วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปติพิมฺพภูโตติ ปติโมกฺโข. สีลสํวโร หิ สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฏิภาโค วิย ยถารหํ กิเลสนิพฺพาปนโต ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขํเยว ปาติโมกฺขํ.
อถ วา โมกฺขํ ปติ วตฺตติ, โมกฺขาภิมุขนฺติ วา ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวเมตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ กายิกวาจสิกอวีติกฺกมสงฺขาเตน อาจาเรน, นเวสิยาทิโคจรตาทิสงฺขาเตน โคจเรน สมฺปนฺโน, สมฺปนฺนอาจารโคจโรติ ¶ อตฺโถ. อปฺปมตฺตเกสูติ ปริตฺตเกสุ อนาปตฺติคมนีเยสุ. ‘‘ทุกฺกฏทุพฺภาสิตมตฺเตสู’’ติ อปเร. วชฺเชสูติ คารยฺเหสุ. เต ปน เอกนฺตโต อกุสลสภาวา โหนฺตีติ อาห ‘‘อกุสลธมฺเมสู’’ติ. ภยทสฺสีติ ภยโต ทสฺสนสีโล, ปรมาณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ สิเนรุปฺปมาณํ วิย กตฺวา ภายนสีโล. สมฺมา อาทิยิตฺวาติ สมฺมเทว สกฺกจฺจํ สพฺพโสว อาทิยิตฺวา. สิกฺขาปเทสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมนฺติ สมุทายโต อวยวนิทฺธารณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สิกฺขาปเทสุ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขตี’’ติ อตฺถมาห, สิกฺขาปทเมว หิ สมาทาตพฺพํ สิกฺขิตพฺพฺจาติ อธิปฺปาโย. ยํ กิฺจิ สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขาโกฏฺาเสสุ มูลปฺตฺติอนุปฺตฺติสพฺพตฺถปฺตฺติปเทสปฺตฺติอาทิเภทํ ยํ กิฺจิ สิกฺขิตพฺพํ. ยํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ ปูเรตพฺพํ สีลํ, ตํ ปน ทฺวารวเสน ทุวิธเมวาติ อาห ‘‘กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ. อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป สิกฺขาปเทสูติ อาธาเร ภุมฺมํ สิกฺขาภาเคสุ กสฺสจิ วิสุํ อคฺคหณโต. เตนาห ‘‘ตํ สพฺพ’’นฺติ.
อฺตรํ เทวฆฏนฺติ อฺตรํ เทวนิกายํ. อาคามี โหตีติ ปฏิสนฺธิวเสน อาคมนสีโล โหติ. อาคนฺตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิมินา องฺเคนาติ อิมินา การเณน.
สุกฺขวิปสฺสโก เยภุยฺเยน จตุธาตุววตฺถานมุเขน กมฺมฏฺานาภินิเวสี โหตีติ อาห ‘‘สุกฺขวิปสฺสกสฺส ธาตุกมฺมฏฺานิกภิกฺขุโน’’ติ. วุตฺตเมวตฺถํ สมฺปิณฺเฑตฺวา นิคเมนฺโต ‘‘ปเมน องฺเคนา’’ติอาทิมาห.
จิตฺตสฺส ¶ สุขุมภาโว อิธ สุขมตฺตภาวมาปนฺเนน ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘สพฺพาปิ หิ ตา’’ติอาทิ. ตนฺติวเสนาติ เกวลํ ตนฺติฏฺปนวเสน, น ปน เถรสฺส กสฺสจิ มคฺคสฺส วา ผลสฺส วา อุปฺปาทนตฺถาย, นาปิ สมฺมาปฏิปตฺติยํ โยชนตฺถายาติ อธิปฺปาโย.
๓๘. ฉฏฺเ มหากจฺจาโนติ คิหิกาเล อุชฺเชนิรฺโ ปุโรหิตปุตฺโต อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก สุวณฺณวณฺโณ จ. วรณา นาม รุกฺโข, ตสฺส อวิทูเร ภวตฺตา นครมฺปิ วรณสทฺเทน วุจฺจตีติ อาห ‘‘วรณา นาม เอกํ นคร’’นฺติ. ทฺวนฺทปทสฺส ปจฺเจกํ อภิสมฺพนฺโธ โหตีติ ¶ เหตุสทฺทํ ปจฺเจกํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กามราคาภินิเวสเหตู’’ติอาทิมาห. เหตุสทฺเทน สมฺพนฺเธ สติ โย อตฺโถ สมฺภวติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กามราเคน อภินิวิฏฺตฺตาติ เอเตน กามราคาภินิเวสเหตูติ อิมสฺส อตฺถํ ทีเปติ, ตถา วินิพทฺธตฺตาติอาทีหิ กามราควินิพทฺธเหตูติอาทีนํ. ตโต มุโขติ ตทภิมุโข. มานนฺติ อาฬฺหกาทิมานภณฺฑํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๓๙. สตฺตเม มธุรายนฺติ อุตฺตรมธุรายํ. คุนฺทาวเนติ กณฺหคุนฺทาวเน, กาฬปิปฺปลิวเนติ อตฺโถ. ชราชิณฺเณติ ชราย ชิณฺเณ, น พฺยาธิอาทีนํ วเสน ชิณฺณสทิเส นาปิ อกาลิเกน ชราย อภิภูเต. วโยวุทฺเธติ ชิณฺณตฺตา เอว จสฺส วโยวุทฺธิปฺปตฺติยา วุทฺเธน สีลาทิวุทฺธิยา. ชาติมหลฺลเกติ ชาติยา มหนฺตตาย จิรรตฺตตาย มหลฺลเก, น โภคปริวาราทีหีติ อตฺโถ. อทฺธคเตติ เอตฺถ อทฺธ-สทฺโท ทีฆกาลวาจีติ อาห ‘‘ทีฆกาลทฺธานํ อติกฺกนฺเต’’ติ. วโยติ ปุริมปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ปจฺฉิมวย’’นฺติ, วสฺสสตสฺส ตติยโกฏฺาสสงฺขาตํ ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปตฺเตติ อตฺโถ.
ภวติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ภูมิ, การณนฺติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติอาทิ. ปริปกฺโกติ ปริณโต, วุทฺธิภาวํ ปตฺโตติ อตฺโถ. โมฆชิณฺโณติ อนฺโต ถิรกรณานํ ธมฺมานํ อภาเวน ตุจฺฉชิณฺโณ นาม. พาลทารโกปิ ทหโรติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ วุตฺตํ. อติกฺกนฺตปมวยา เอว สตฺตา สภาเวน ปลิตสิรา โหนฺตีติ ปมวเย ิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุสุกาฬเกโส’’ติ วุตฺตํ. ภทฺเรนาติ ลทฺธเกน. เอกจฺโจ หิ ทหโรปิ สมาโน กาโณ วา โหติ กุณิอาทีนํ วา อฺตโร, โส น ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต นาม โหติ. โย ปน อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก สพฺพสมฺปตฺติสมฺปนฺโน ยํ ยเทว อลงฺการปริหารํ อิจฺฉติ, เตน เตน อลงฺกโต เทวปุตฺโต วิย จรติ, อยํ ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต นาม โหติ. เตเนวาห ‘‘เยน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต’’ติอาทิ.
ยมฺหิ ¶ สจฺจฺจ ธมฺโม จาติ ยมฺหิ ปุคฺคเล โสฬสหากาเรหิ ปฏิวิทฺธตฺตา จตุพฺพิธํ สจฺจํ, าเณน สจฺฉิกตตฺตา นววิธโลกุตฺตรธมฺโม จ อตฺถิ. อหึสาติ ¶ เทสนามตฺตเมตํ, ยมฺหิ ปน จตุพฺพิธาปิ อปฺปมฺาภาวนา อตฺถีติ อตฺโถ. สํยโม ทโมติ สีลฺเจว อินฺทฺริยสํวโร จ. วนฺตมโลติ มคฺคาเณน นีหฏมโล. ธีโรติ ธิติสมฺปนฺโน. เถโรติ โส อิเมหิ ถิรภาวการเณหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโรติ ปวุจฺจตีติ อตฺโถ.
๔๐. อฏฺเม ‘‘โจรา พลวนฺโต โหนฺตี’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา เยหิ การเณหิ เต พลวนฺโต โหนฺติ, เตสํ สพฺภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปกฺขสมฺปนฺนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิวาสฏฺานสมฺปนฺนตา คิริทุคฺคาทิสพฺภาวโต. อติยาตุนฺติ อนฺโต ยาตุํ, คนฺตุํ ปวิสิตุนฺติ อตฺโถ. ตํ ปน อนฺโตปวิสนํ เกนจิ การเณน พหิคตสฺส โหตีติ อาห ‘‘พหิทฺธา ชนปทจาริกํ จริตฺวา’’ติอาทิ. นิยฺยาตุนฺติ พหิ นิกฺขมิตุํ. ตฺจ พหินิกฺขมนํ พหิทฺธากรณีเย สติ สมฺภวตีติ อาห ‘‘โจรา ชนปทํ วิลุมฺปนฺตี’’ติอาทิ. อนุสฺาตุนฺติ อนุสฺจริตุํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๔๑. นวเม มิจฺฉาปฏิปตฺตาธิกรณเหตูติ เอตฺถ อธิ-สทฺโท อนตฺถโกติ อาห ‘‘มิจฺฉาปฏิปตฺติยา กรณเหตู’’ติ. น อาราธโกติ น สมฺปาทโก น ปริปูรโก. ายติ ปฏิวิชฺฌนวเสน นิพฺพานํ คจฺฉตีติ าโย, โส เอว ตํสมงฺคินํ วฏฺฏทุกฺขปาตโต ธารณฏฺเน ธมฺโมติ าโย ธมฺโม, อริยมคฺโค. โส ปเนตฺถ สห วิปสฺสนาย อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘สหวิปสฺสนกํ มคฺค’’นฺติ. อาราธนํ นาม สํสิทฺธิ, สา ปน ยสฺมา สมฺปาทเนน ปริปูรเณน อิจฺฉิตา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมฺปาเทตุํ ปูเรตุ’’นฺติ.
๔๒. ทสเม ทุคฺคหิเตหีติ อตฺถโต พฺยฺชนโต จ ทุฏฺุ คหิเตหิ, อูนาธิกวิปรีตปทปจฺจาภฏฺาทิวเสน วิโลเมตฺวา คหิเตหีติ อตฺโถ. อุปฺปฏิปาฏิยา คหิเตหีติ อิทํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ ทุคฺคหสฺส อูนาธิกาทิวเสนปิ สมฺภวโต. เตเนวาห ‘‘อตฺตโน ทุคฺคหิตสุตฺตนฺตานํเยว อตฺถฺจ ปาฬิฺจ อุตฺตริตรํ กตฺวา ทสฺเสนฺตี’’ติ.
สมจิตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปริสวคฺควณฺณนา
๔๓. ปฺจมสฺส ¶ ปเม อุทฺธจฺเจน สมนฺนาคตาติ อกปฺปิเย กปฺปิยสฺิตาย, กปฺปิเย อกปฺปิยสฺิตาย, อวชฺเช วชฺชสฺิตาย, วชฺเช อวชฺชสฺิตาย ¶ อุทฺธจฺจปฺปกติกา. เย หิ วินเย อปกตฺุโน สํกิเลสโวทานิเยสุ ธมฺเมสุ น กุสลา สกิฺจนการิโน วิปฺปฏิสารพหุลา, เตสํ อนุปฺปนฺนฺจ อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนฺจ ภิยฺโยภาวํ เวปุลฺลํ อาปชฺชติ. สาราภาเวน ตุจฺฉตฺตา นโฬ วิยาติ นโฬ, มาโนติ อาห ‘‘อุนฺนฬาติ อุคฺคตนฬา’’ติ. เตนาห ‘‘อุฏฺิตตุจฺฉมานา’’ติ. มาโน หิ เสยฺยสฺส เสยฺโยติ สทิโสติ จ ปวตฺติยา วิเสสโต ตุจฺโฉ. จาปลฺเลนาติ จปลภาเวน, ตณฺหาโลลุปฺเปนาติ อตฺโถ. มุขขราติ มุเขน ผรุสา, ผรุสวาทิโนติ อตฺโถ.
วิกิณฺณวาจาติ วิสฺสฏวจนา สมฺผปฺปลาปิตาย อปริยนฺตวจนา. เตนาห ‘‘อสํยตวจนา’’ติอาทิ. วิสฺสฏฺสติโนติ สติวิรหิตา. ปจฺจยเวกลฺเลน วิชฺชมานายปิ สติยา สติกิจฺจํ กาตุํ อสมตฺถตาย เอวํ วุตฺตา. น สมฺปชานนฺตีติ อสมฺปชานา, ตํโยคนิวตฺติยํ จายํ อกาโร ‘‘อเหตุกา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๒), อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๗๖) วิยาติ อาห ‘‘นิปฺปฺา’’ติ, ปฺารหิตาติ อตฺโถ. ปาฬิยํ วิพฺภนฺตจิตฺตาติ อุพฺภนฺตจิตฺตา. สมาธิวิรเหน ลทฺโธกาเสน อุทฺธจฺเจน เตสํ สมาธิวิรหานํ จิตฺตํ นานารมฺมเณสุ ปริพฺภมติ วนมกฺกโฏ วิย วนสาขาสุ. ปากตินฺทฺริยาติ สํวราภาเวน คิหิกาเล วิย วิวฏอินฺทฺริยา. เตนาห ‘‘ปกติยา ิเตหี’’ติอาทิ. วิวเฏหีติ อสํวุเตหิ.
๔๔. ทุติเย ภณฺฑนํ วุจฺจติ กลหสฺส ปุพฺพภาโคติ กลหสฺส เหตุภูตา ปริภาสา ตํสทิสี จ อนิฏฺกิริยา ภณฺฑนํ นาม. กลหชาตาติ หตฺถปรามาสาทิวเสน มตฺถกปฺปตฺโต กลโห ชาโต เอเตสนฺติ กลหชาตาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. วิรุทฺธวาทนฺติ ‘‘อยํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม’’ติอาทินา วิรุทฺธวาทภูตํ วิวาทํ. มุขสนฺนิสฺสิตตาย วาจา อิธ ‘‘มุข’’นฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘ทุพฺภาสิตา วาจา มุขสตฺติโยติ วุจฺจนฺตี’’ติ. จตุพฺพิธมฺปิ สงฺฆกมฺมํ สีมาปริจฺฉินฺเนหิ ปกตตฺเตหิ ภิกฺขูหิ เอกโต กตฺตพฺพตฺตา เอกกมฺมํ นาม. ปฺจวิโธปิ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เอกโต อุทฺทิสิตพฺพตฺตา เอกุทฺเทโส นาม. ปฺตฺตํ ปน สิกฺขาปทํ สพฺเพหิปิ ลชฺชีปุคฺคเลหิ สมํ สิกฺขิตพฺพภาวโต สมสิกฺขตา นาม ¶ . ปาฬิยํ ขีโรทกีภูตาติ ยถา ขีรฺจ ¶ อุทกฺจ อฺมฺํ สํสนฺทติ, วิสุํ น โหติ, เอกตฺตํ วิย อุเปติ. สติปิ หิ อุภเยสํ กลาปานํ ปรมตฺถโต เภเท ปจุรชเนหิ ปน ทุวิฺเยฺยนานตฺตํ ขีโรทกํ สโมทิตํ อจฺจนฺตเมว สํสฏฺํ วิย หุตฺวา ติฏฺติ, เอวํ สามคฺคิวเสน เอกตฺตูปคตจิตฺตุปฺปาทา วิยาติ ขีโรทกีภูตาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เมตฺตาจกฺขูหีติ เมตฺตาจิตฺตํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา โอโลกนจกฺขูหิ. ตานิ หิ ปิยภาวทีปนโต ‘‘ปิยจกฺขูนี’’ติ วุจฺจนฺติ.
๔๕. ตติเย อคฺควตีติ เอตฺถ อคฺค-สทฺโท อุตฺตมปริยาโย, เตน วิสิฏฺสฺส ปุคฺคลสฺส, วิสิฏฺาย วา ปฏิปตฺติยา คหณํ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อคฺควตีติ อุตฺตมปุคฺคลวตี’’ติอาทิ. อวิคตตณฺหตาย ตํ ตํ ปริกฺขารชาตํ พหุํ ลนฺติ อาทิยนฺตีติ พหุลา, พหุลา เอว พาหุลิกา ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘; ม. นิ. ๑.๒๔๖). เต ปน ยสฺมา ปจฺจยพหุภาวาย ยุตฺตปฺปยุตฺตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘จีวราทิพาหุลฺลาย ปฏิปนฺนา’’ติ. สิกฺขาย อาทรคารวาภาวโต สิถิลํ อทฬฺหํ คณฺหนฺตีติ สาถลิกาติ วุตฺตํ. สิถิลนฺติ จ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, สิถิลสทฺเทน วา สมานตฺถสฺส สาถลสทฺทสฺส วเสน สาถลิกาติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อวคมนฏฺเนาติ อโธคมนฏฺเน, โอรมฺภาคิยภาเวนาติ อตฺโถ. อุปธิวิเวเกติ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตาย อุปธิวิวิตฺเต. โอโรปิตธุราติ อุชฺฌิตุสฺสาหา. ทุวิธมฺปิ วีริยนฺติ กายิกํ เจตสิกฺจ วีริยํ.
๔๖. จตุตฺเถ อิทํ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ปจฺจกฺขโต อคฺคหิตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เอตฺตกเมว ทุกฺขนฺติ ตสฺส ปริจฺฉิชฺช อคฺคหิตภาวทสฺสนตฺถํ. อิโต อุทฺธํ ทุกฺขํ นตฺถีติ อนวเสเสตฺวา อคฺคหิตภาวทสฺสนตฺถํ. ยถาสภาวโต นปฺปชานนฺตีติ สรสลกฺขณปฺปฏิเวเธน อสมฺโมหโต นปฺปฏิวิชฺฌนฺติ. อสมฺโมหปฏิเวโธ จ ยถา ตสฺมึ าเณ ปวตฺเต ปจฺจา ทุกฺขสฺส รูปาทิปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติ. อจฺจนฺตกฺขโยติ อจฺจนฺตกฺขยนิมิตฺตํ นิพฺพานํ. อสมุปฺปตฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ยํ นิพฺพานํ มคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยฏฺเน การณภูตํ อาคมฺม ตทุภยมฺปิ นิรุชฺฌติ, ตํ เตสํ อสมุปฺปตฺติ นิพฺพานํ ทุกฺขนิโรโธติ วุจฺจติ.
๔๗. ปฺจเม ¶ วิเสสนสฺส ปรนิปาเตน ‘‘ปริสากสโฏ’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กสฏปริสา’’ติอาทิ. ‘‘กสฏปริสา’’ติ หิ วตฺตพฺเพ ‘‘ปริสากสโฏ’’ติ วุตฺตํ. ปริสามณฺโฑติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๔๘. ฉฏฺเ ¶ คมฺภีราติ อคาธา ทุกฺโขคาฬฺหา. ปาฬิวเสนาติ อิมินา โย ธมฺมปฏิสมฺภิทาย วิสโย คมฺภีรภาโว, ตมาห. ธมฺมปฺปฏิเวธสฺส หิ ทุกฺกรภาวโต ธมฺมสฺส ปาฬิยา ทุกฺโขคาฬฺหตาย คมฺภีรภาโว. ‘‘ปาฬิวเสน คมฺภีรา’’ติ วตฺวา ‘‘สลฺลสุตฺตสทิสา’’ติ วุตฺตํ ตสฺส ‘‘อนิมิตฺตมนฺาต’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๕๗๙) ปาฬิวเสน คมฺภีรตาย ลพฺภนโต. ตถา หิ ตตฺถ ตา คาถา ทุวิฺเยฺยรูปา ติฏฺนฺติ. ทุวิฺเยฺยฺหิ าเณน ทุกฺโขคาฬฺหนฺติ กตฺวา ‘‘คมฺภีร’’นฺติ วุจฺจติ. ปุพฺพาปรมฺเปตฺถ กาสฺจิ คาถานํ ทุวิฺเยฺยตาย ทุกฺโขคาฬฺหเมว, ตสฺมา ตํ ‘‘ปาฬิวเสน คมฺภีรา’’ติ วุตฺตํ. อิมินาว นเยน ‘‘อตฺถวเสน คมฺภีรา’’ติ เอตฺถาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. มหาเวทลฺลสุตฺตสฺส (ม. นิ. ๑.๔๔๙ อาทโย) อตฺถวเสน คมฺภีรตา สุวิฺเยฺยาว. โลกํ อุตฺตรตีติ โลกุตฺตโร, นววิโธ อปฺปมาณธมฺโม. โส อตฺถภูโต เอเตสํ อตฺถีติ โลกุตฺตรา. เตนาห ‘‘โลกุตฺตรอตฺถทีปกา’’ติ.
สตฺตสฺุํ ธมฺมมตฺตเมวาติ สตฺเตน อตฺตนา สฺุํ เกวลํ ธมฺมมตฺตเมว. อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพนฺติ ลิงฺควจนวิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุคฺคเหตพฺเพ จ ปริยาปุณิตพฺเพ จา’’ติ. กวิโน กมฺมํ กวิตา. ยํ ปนสฺส กมฺมํ, ตํ เตน กตนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘กวิตาติ กวีหิ กตา’’ติ. อิตรนฺติ กาเวยฺยาติ ปทํ, กาพฺยนฺติ วุตฺตํ โหติ. กาพฺยนฺติ จ กวินา วุตฺตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. วิจิตฺรอกฺขราติ วิจิตฺตาการกฺขรา วิฺาปนียา. สาสนโต พหิภูตาติ น สาสนาวจรา. เตสํ สาวเกหีติ พุทฺธานํ สาวกาติ อปฺาตานํ เยสํ เกสฺจิ สาวเกหิ. น เจว อฺมฺํ ปฏิปุจฺฉนฺตีติ เย วาเจนฺติ, เย จ สุณนฺติ, เต อฺมฺํ อตฺถาทึ นปฺปฏิปุจฺฉนฺติ, เกวลํ วาจนสวนมตฺเตเนว ปริตุฏฺา โหนฺติ. จาริกํ น วิจรนฺตีติ อสุกสฺมึ าเน อตฺถาทึ ชานนฺตา อตฺถีติ ปุจฺฉนตฺถาย จาริกํ น คจฺฉนฺติ ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส อภาวโต ตสฺส จ ปุพฺพาปรวิโรธโต. กถํ โรเปตพฺพนฺติ เกน ปกาเรน นิกฺขิปิตพฺพํ. อตฺโถ นาม สภาวโต อนุสนฺธิโต สมฺพนฺธโต ¶ ปุพฺพาปรโต อาทิปริโยสานโต จ าโต สมฺมาาโต โหตีติ อาห ‘‘โก อตฺโถ’’ติอาทิ. อนุตฺตานีกตนฺติ อกฺขรสนฺนิเวสาทินา อนุตฺตานีกตํ. กงฺขายาติ สํสยสฺส.
๔๙. สตฺตเม กิเลเสหี อามสิตพฺพโต อามิสํ, จตฺตาโร ปจฺจยา. ตเทว ครุ ครุกาตพฺพํ เอเตสํ, น ธมฺโมติ อามิสครู. เตนาห ‘‘โลกุตฺตรธมฺมํ ลามกโต คเหตฺวา ิตปริสา’’ติ. อุภโต ภาคโต วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต. ทฺวีหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺโต. ปฺาย วิมุตฺโตติ สมถสนฺนิสฺสเยน วินา อคฺคมคฺคปฺาย วิมุตฺโต. เตนาห ‘‘สุกฺขวิปสฺสกขีณาสโว’’ติ ¶ . กาเยนาติ นามกาเยน. ฌานผสฺสํ ผุสิตฺวาติ อฏฺสมาปตฺติสฺิตํ ฌานผสฺสํ อธิคมวเสน ผุสิตฺวา. ปจฺฉา นิโรธํ นิพฺพานํ ยถา อาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิกโรตีติ กายสกฺขี. น ตุ วิมุตฺโต เอกจฺจานํ อาสวานํ อปริกฺขีณตฺตา. ทิฏฺนฺตํ ปตฺโตติ ทิฏฺสฺส อนฺโต อนนฺตโร กาโล ทิฏฺนฺโต, ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคาณสฺส อนนฺตรํ ปตฺโตติ อตฺโถ. ปมผลโต ปฏฺาย หิ ยาว อคฺคมคฺคา ทิฏฺิปฺปตฺโต. เตนาห ‘‘อิเม ทฺเวปิ ฉสุ าเนสุ ลพฺภนฺตี’’ติ.
สทฺทหนฺโต วิมุตฺโตติ เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺส สทฺธามตฺเตน วิมุตฺตภาวทสฺสเนน สทฺธาวิมุตฺตสฺส เสกฺขภาวเมว วิภาเวติ. สทฺธาวิมุตฺโตติ วา สทฺธาย อวิมุตฺโตติ อตฺโถ. ฉสุ าเนสูติ ปมผลโต ปฏฺาย ฉสุ าเนสุ. ธมฺมํ อนุสฺสรตีติ ปมมคฺคปฺาสงฺขาตํ ธมฺมํ อนุสฺสรติ. สทฺธํ อนุสฺสรตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อุโภปิ เหเต โสตาปตฺติมคฺคฏฺาเยว. อิมํ กสฺมา คณฺหนฺตีติ เอวํ เอกนฺตปาสํเสสุ อริเยสุ คยฺหมาเนสุ อิมํ เอกนฺตนินฺทิตํ ลามกํ ทุสฺสีลํ กสฺมา คณฺหนฺติ. สพฺเพสุ สพฺพตา สทิเสสุ ลพฺภมาโนปิ วิเสโส น ปฺายติ, วิสภาเค ปน สติ เอว ปฺายติ ปฏภาเวน วิย จิตฺตปฏสฺสาติ อาห ‘‘เอกจฺเจสุ ปนา’’ติอาทิ. คนฺถิตาติ อวพทฺธา. มุจฺฉิตาติ มุจฺฉํ สมฺโมหํ อาปนฺนา. ฉนฺทราคอปกฑฺฒนายาติ ฉนฺทราคสฺส อปนยนตฺถํ. นิสฺสรณปฺายาติ ตโต นิสฺสรณาวหาย ปฺาย วิรหิตา.
ปฺาธุเรนาติ ¶ วิปสฺสนาภินิเวเสน. อภินิวิฏฺโติ วิปสฺสนามคฺคํ โอติณฺโณ. ตสฺมึ ขเณติ โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ. ธมฺมานุสารี นาม ปฺาสงฺขาเตน ธมฺเมน อริยมคฺคโสตสฺส อนุสฺสรณโต. กายสกฺขี นาม นามกาเยน สจฺฉิกาตพฺพสฺส นิพฺพานสฺส สจฺฉิกรณโต. วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทานํ วเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ. อรูปชฺฌาเนหิ รูปกายโต, อคฺคมคฺเคน เสสกายโตติ ทฺวีหิ ภาเคหิ นิสฺสกฺกวจนฺเจตํ. ทิฏฺนฺตํ ปตฺโต, ทิฏฺตฺตา วา ปตฺโตติ ทิฏฺิปฺปตฺโต. ตตฺถ ทิฏฺนฺตํ ปตฺโตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคาณสฺส อนนฺตรํ ปตฺโตติ อตฺโถ. ทิฏฺตฺตาติ จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ปฺาย นิโรธสฺส ทิฏฺตฺตา. ฌานผสฺสรหิตาย สาติสยาย ปฺาย เอว วิมุตฺโตติ ปฺาวิมุตฺโต. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.
๕๐. อฏฺเม น สมาติ วิสมา. กายกมฺมาทีนํ วิสมตฺตา ตโต เอว ตตฺถ ปกฺขลนํ สุลภนฺติ อาห ‘‘สปกฺขลนฏฺเนา’’ติ. นิปฺปกฺขลนฏฺเนาติ ปกฺขลนาภาเวน. อุทฺธมฺมานีติ ธมฺมโต อเปตานิ. อุพฺพินยานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
๕๑. นวเม ¶ อธมฺมิกาติ อธมฺเม นิยุตฺตา. เตนาห ‘‘นิทฺธมฺมา’’ติ, ธมฺมรหิตาติ อตฺโถ.
๕๒. ทสเม คณฺหนฺตีติ ปวตฺเตนฺติ. น เจว อฺมฺํ สฺาเปนฺตีติ มูลโต ปฏฺาย ตํ อธิกรณํ ยถา วูปสมฺมติ, เอวํ อฺมฺํ อิตรีตเร น สมฺมา ชานาเปนฺติ. สฺาปนตฺถํ สนฺนิปาเต สติ ตตฺถ ยุตฺตปตฺตกรเณน สฺตฺติยา ภวิตพฺพํ, เต ปน สฺาปนตฺถํ น สนฺนิปตนฺติ. น เปกฺขาเปนฺตีติ ตํ อธิกรณํ มูลโต ปฏฺาย อฺมฺํ น เปกฺขาเปนฺติ. อสฺตฺติเยว อตฺตนา คหิตปกฺขสฺส พลํ เอเตสนฺติ อสฺตฺติพลา. น ตถา มนฺเตนฺตีติ สนฺทิฏฺิปรามาสิอาธานคฺคาหิทุปฺปฏินิสฺสคฺคิภาเวน ตถา น มนฺเตนฺติ. เตนาห ‘‘ถามสา’’ติอาทิ. อุตฺตานตฺโถเยว กณฺหปกฺเข วุตฺตปฺปฏิปกฺเขน คเหตพฺพตฺตา.
ปริสวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปมปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.
๒. ทุติยปณฺณาสกํ
(๖) ๑. ปุคฺคลวคฺควณฺณนา
๕๓. ทุติยปณฺณาสกสฺส ¶ ¶ ปเม หิตคฺคหเณน เมตฺตา วุตฺตา โหติ, น กรุณา, อนุกมฺปาคหเณน ปน กรุณาติ จกฺกวตฺตินา สทฺธึ คหิตตฺตา ‘‘โลกานุกมฺปายา’’ติ น วุตฺตํ. นิปฺปริยายโต โลกานุกมฺปา นาม สมฺมาสมฺพุทฺธาธีนาติ. ทฺเวติ มนุสฺสเทวสมฺปตฺติวเสน ทฺเว สมฺปตฺติโย. ตา ทฺเว, นิพฺพานสมฺปตฺติ จาติ ติสฺโส.
๕๔. ทุติเย พหุโส โลเก น จิณฺณา น ปวตฺตา มนุสฺสาติ อาจิณฺณมนุสฺสา. กทาจิเทว หิ เนสํ โลเก นิพฺพตฺติ อภูตปุพฺพา ภูตาติ อพฺภุตมนุสฺสา.
๕๕. ตติเย ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อนุตาปํ กโรติ ตสฺส เอกพุทฺธเขตฺตภาวโต.
๕๖. จตุตฺเถ ถูปสฺส ยุตฺตาติ ธาตุโย ปกฺขิปิตฺวา ถูปกรณสฺส ยุตฺตา.
๕๗. ปฺจเม อตฺตโน อานุภาเวนาติ สยมฺภุาเณน. พุทฺธาติ พุทฺธวนฺโต.
๕๘. ฉฏฺเ ปหีนตฺตา น ภายตีติ อตฺตสิเนหาภาวโต น ภายติ. สกฺกายทิฏฺิคฺคหณฺเจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ, อตฺตสิเนหสฺส ปฏิฆสฺส ตเทกฏฺสมฺโมหสฺส จ วเสน ภายนํ โหตีติ เตสมฺปิ ปหีนตฺตา น ภายติ, อฺถา โสตาปนฺนาทีนํ อภเยน ภวิตพฺพํ สิยา. สกฺกายทิฏฺิยา พลวตฺตาติ เอตฺถ อหํการสมฺโมหนตาทีนมฺปิ พลวตฺตาติ วตฺตพฺพํ.
๕๙. สตฺตเม อสฺสาชานีโยติ ลิขนฺติ, อุสภาชานีโยติ ปน ปาโติ.
๖๑. นวเม ตตฺถาติ อนฺตราปเณ. เอโกติ ทฺวีสุ กินฺนเรสุ เอโก. อมฺพิลิกาผลฺจ อทฺทสาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. อมฺพิลิกาผลนฺติ ตินฺติณีผลนฺติ ¶ วทนฺติ, จตุรมฺพิลนฺติ อปเร. ทฺเว อตฺเถติ ปาฬิยํ วุตฺเต ทฺเว อตฺเถ.
๖๒. ทสเม ¶ ยถาอารทฺเธ กิจฺเจ วตฺตมาเน อนฺตรา เอว ปฏิคมนํ ปฏิวานํ, นตฺถิ เอตสฺส ปฏิวานนฺติ อปฺปฏิวาโน. ตตฺถ อสํโกจปฺปตฺโต. เตนาห ‘‘อนุกฺกณฺิโต’’ติอาทิ.
๖๓. เอกาทสเม สนฺนิวาสนฺติ สหวาสํ. ยถา อสปฺปุริสา สห วสนฺตา อฺมฺํ อคารเวน อนาทริยํ กโรนฺติ, ตปฺปฏิกฺเขเปน สปฺปุริสานํ สคารวปฺปฏิปตฺติทสฺสนปรมิทํ สุตฺตํ ทฏฺพฺพํ.
๖๔. ทฺวาทสเม ทฺวีสุปิ ปกฺเขสูติ วิวาทาปนฺนานํ ภิกฺขูนํ ทฺวีสุปิ ปกฺเขสุ. สํสรมานาติ ปวตฺตมานา. ทิฏฺิปฬาโสติ ทิฏฺิสนฺนิสฺสโย ปฬาโส ยุคคฺคาโห. อาฆาเตนฺโตติ อาหนนฺโต พาเธนฺโต. อนภิราธนวเสนาติ ยสฺส อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตทฺเสฺจ อตฺถสฺส อนภิราธนวเสน. สพฺพมฺเปตนฺติ วจีสํสาโรติ สพฺพมฺเปตํ. อตฺตโน จิตฺเต ปริสาย จ จิตฺเตติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ.
ปุคฺคลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๗) ๒. สุขวคฺควณฺณนา
๖๕. ทุติยสฺส ปเม สพฺพกามนิปฺผตฺติมูลกํ สุขนฺติ อนวเสสอุปโภคปริโภควตฺถุนิปฺผตฺติเหตุกํ กามสุขํ. ปพฺพชฺชามูลกํ สุขนฺติ ปพฺพชฺชาเหตุกํ ปวิเวกสุขํ.
๖๖. ทุติเย กาเมติ ปฺจ กามคุเณ, สพฺเพปิ วา เตภูมเก ธมฺเม. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สพฺเพปิ เตภูมกา ธมฺมา กมนียฏฺเน กามา’’ติ (มหานิ. ๑). เนกฺขมฺมํ วุจฺจติ ปพฺพชฺชา ฆรพนฺธนโต นิกฺขนฺตตฺตา. นิพฺพานเมว วา –
‘‘ปพฺพชฺชา ปมํ ฌานํ, นิพฺพานฺจ วิปสฺสนา;
สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา, เนกฺขมฺมนฺติ ปวุจฺจเร’’ติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๑๐๙) –
หิ วุตฺตํ.
๖๗. ตติเย ¶ ¶ อุปธี วุจฺจนฺติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, ตนฺนิสฺสิตํ สุขํ อุปธิสุขํ. ตปฺปฏิปกฺขโต นิรุปธิสุขํ โลกุตฺตรสุขํ.
๖๘. จตุตฺเถ วฏฺฏปริยาปนฺนํ สุขํ วฏฺฏสุขํ. นิพฺพานารมฺมณํ สุขํ วิวฏฺฏสุขํ.
๖๙. ปฺจเม สํกิเลสนฺติ สํกิลิฏฺํ. เตนาห ‘‘วฏฺฏคามิสุข’’นฺติ. วิวฏฺฏสุขนฺติ มคฺคผลสหคตํ สุขํ.
๗๐. ฉฏฺเ อริยานเมว สุขํ อริยสุขํ, อริยฺจ ตํ สุขฺจาติปิ อริยสุขํ. อนริยานเมว สุขํ อนริยสุขํ. อนริยฺจ ตํ สุขฺจาติปิ อนริยสุขํ.
๗๒. อฏฺเม สห ปีติยา วตฺตตีติ สปฺปีติกํ, ปีติสหคตํ สุขํ. สภาวโต วิราคโต จ นตฺถิ เอตสฺส ปีตีติ นิปฺปีติกํ สุขํ. อฏฺกถายํ ปเนตฺถ ฌานสุขเมว อุทฺธฏํ, ตถา จ ‘‘โลกิยสปฺปีติกสุขโต โลกิยนิปฺปีติกสุขํ อคฺค’’นฺติ วุตฺตํ. โลกิยนิปฺปีติกมฺปิ หิ อคฺคํ ลพฺภเตวาติ ภูมนฺตรํ ภินฺทิตฺวา อคฺคภาโว เวทิตพฺโพ.
๗๓. นวเม สาตสภาวเมว สุขํ สาตสุขํ, น อุเปกฺขาสุขํ วิย อสาตสภาวํ. กามฺเจตฺถ กายวิฺาณสหคตมฺปิ สาตสุขเมว, อฏฺกถายํ ปน ‘‘ตีสุ ฌาเนสุ สุข’’นฺเตว วุตฺตํ.
๗๔. ทสเม สมาธิสมฺปยุตฺตํ สุขํ สมาธิสุขํ. น สมาธิสมฺปยุตฺตํ สุขํ อสมาธิสุขํ.
๗๕. เอกาทสเม สุตฺตนฺตกถา เอสาติ ‘‘สปฺปีติกํ ฌานทฺวย’’นฺติ วุตฺตํ.
๗๗. เตรสเม รูปชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปน, ตํ อารมฺมณํ เอตสฺสาติ รูปารมฺมณํ. จตุตฺถชฺฌานคฺคหณํ ปน ยทสฺส ปฏิโยคี, เตน สมานโยคกฺขมทสฺสนปรํ. ยํ กิฺจิ รูปนฺติ ยํ กิฺจิ รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ. ตปฺปฏิกฺเขเปน อรูปํ เวทิตพฺพํ.
สุขวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๘) ๓. สนิมิตฺตวคฺควณฺณนา
๗๘-๗๙. ตติยสฺส ¶ ¶ ปเม นิมียติ เอตฺถ ผลํ อวเสสปจฺจเยหิ ปกฺขิปียติ วิยาติ นิมิตฺตํ, การณนฺติ อาห ‘‘สนิมิตฺตาติ สการณา’’ติ. ทุติยาทีสูติ ทุติยสุตฺตาทีสุ. เอเสว นโยติ อิมินา นิทานาทิปทานมฺปิ การณปริยายเมว ทีเปติ. นิททาติ ผลนฺติ นิทานํ, หิโนติ ผลํ ปติฏฺาติ เอเตนาติ เหตุ, สงฺขโรติ ผลนฺติ สงฺขาโร, ปฏิจฺจ เอตสฺมา ผลํ เอตีติ ปจฺจโย, รุปฺปติ นิรุปฺปติ ผลํ เอตฺถาติ รูปนฺติ เอวํ นิทานาทิปทานมฺปิ เหตุปริยายตา เวทิตพฺพา.
๘๔. สตฺตเม ปจฺจยภูตายาติ สหชาตาทิปจฺจยภูตาย.
๘๗. ทสเม สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กโตติ สงฺขโต, สงฺขโต ธมฺโม อารมฺมณํ เอเตสนฺติ สงฺขตารมฺมณา. มคฺคกฺขเณ น โหนฺติ นาม ปหียนฺตีติ กตฺวา. นาเหสุนฺติ เอตฺถ ‘‘วุจฺจนฺตี’’ติ อชฺฌาหริตพฺพํ. ยาว อรหตฺตา เทสนา เทสิตา ตํตํสุตฺตปริโยสาเน ‘‘น โหนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา.
สนิมิตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๙) ๔. ธมฺมวคฺควณฺณนา
๘๘. จตุตฺถสฺส ปเม ผลสมาธีติ จตูสุปิ อริยผเลสุ สมาธิ. ตถา ผลปฺา เวทิตพฺพา.
๘๙. ทุติเย สมฺปยุตฺตธมฺเม ปริคฺคณฺหาตีติ ปคฺคาโห. น วิกฺขิปตีติ อวิกฺเขโป.
๙๐. ตติเย นมนฏฺเน นามํ. รุปฺปนฏฺเน รูปํ. สมฺมสนจารสฺส อธิปฺเปตตฺตา ‘‘จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา’’ตฺเวว วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ธมฺม-โกฏฺาสปริจฺเฉทาณํ นาม กถิต’’นฺติ.
๙๑. จตุตฺเถ ¶ วิชานนฏฺเน วิชฺชา. วิมุจฺจนฏฺเน วิมุตฺติ.
๙๒. ปฺจเม ¶ ภโว นาม สสฺสตํ สทา ภาวโต, สสฺสตวเสน อุปฺปชฺชนทิฏฺิ ภวทิฏฺิ. วิภโว นาม อุจฺเฉโท วินาสนฏฺเน, วิภววเสน อุปฺปชฺชนทิฏฺิ วิภวทิฏฺิ. อุตฺตานตฺถาเนว เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา.
๙๕. อฏฺเม ทุกฺขํ วโจ เอตสฺมึ วิปฺปฏิกูลคาหิมฺหิ วิปจฺจนีกสาเต อนาทเร ปุคฺคเลติ ทุพฺพโจ, ตสฺส กมฺมํ โทวจสฺสํ, ตสฺส ทุพฺพจสฺส ปุคฺคลสฺส อนาทริยวเสน ปวตฺตา เจตนา. ตสฺส ภาโว โทวจสฺสตา. ตสฺส ภาโวติ จ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส โทวจสฺสสฺส อตฺถิภาโว, อตฺถโต โทวจสฺสเมว. วิตฺถารโต ปเนสา ‘‘ตตฺถ กตมา โทวจสฺสตา? สหธมฺมิเก วุจฺจมาเน โทวจสฺสาย’’นฺติ อภิธมฺเม อาคตา. สา อตฺถโต สงฺขารกฺขนฺโธ โหติ. จตุนฺนํ วา ขนฺธานํ เอเตนากาเรน ปวตฺตานํ เอตํ อธิวจนนฺติ วทนฺติ.
ปาปโยคโต ปาปา อสฺสทฺธาทโย ปุคฺคลา เอตสฺส มิตฺตาติ ปาปมิตฺโต, ตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตา. วิตฺถารโต ปเนสา ‘‘ตตฺถ กตมา ปาปมิตฺตตา? เย เต ปุคฺคลา อสฺสทฺธา ทุสฺสีลา อปฺปสฺสุตา มจฺฉริโน ทุปฺปฺา. ยา เตสํ เสวนา นิเสวนา สํเสวนา ภชนา สมฺภชนา ภตฺติ สมฺภตฺติ ตํสมฺปวงฺกตา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๓๓) เอวํ อาคตา. สาปิ อตฺถโต โทวจสฺสตา วิย ทฏฺพฺพา. ยาย หิ เจตนาย ปุคฺคโล ปาปสมฺปวงฺโก นาม โหติ, สา เจตนา จตฺตาโรปิ วา อรูปิโน ขนฺธา ตทาการปฺปวตฺตา ปาปมิตฺตตา.
๙๖. นวเม สุขํ วโจ เอตสฺมึ ปทกฺขิณคาหิมฺหิ อนุโลมสาเต สาทเร ปุคฺคเลติ สุพฺพโจติอาทินา, กลฺยาณา สทฺธาทโย ปุคฺคลา เอตสฺส มิตฺตาติ กลฺยาณมิตฺโตติอาทินา วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๙๗. ทสเม ปถวีธาตุอาทโย สุขธาตุกามธาตุอาทโย จ เอตาสฺเวว อนฺโตคธาติ เอตาสุ โกสลฺเล ทสฺสิเต ตาสุปิ โกสลฺลํ ทสฺสิตเมว โหตีติ ‘‘อฏฺารส ธาตุโย’’ติ วุตฺตํ. ธาตูติ ชานนนฺติ อิมินา อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ สภาวปริจฺเฉทิกา สวนธารณสมฺมสนปฺปฏิเวธปฺา วุตฺตา. ตตฺถ ธาตูนํ สวนธารณปฺา สุตมยา, อิตรา ภาวนามยา. ตตฺถาปิ สมฺมสนปฺา โลกิยา ¶ . วิปสฺสนา หิ สา, อิตรา โลกุตฺตรา. ลกฺขณาทิวเสน อนิจฺจาทิวเสน จ มนสิกรณํ มนสิกาโร, ตตฺถ โกสลฺลํ มนสิการกุสลตา. อฏฺารสนฺนํเยว ¶ ธาตูนํ สมฺมสนปฺปฏิเวธปจฺจเวกฺขณปฺา มนสิการกุสลตา, สา อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน ติธา ภินฺนา. ตถา หิ สมฺมสนปฺา ตสฺสา อาทิ, ปฏิเวธปฺา มชฺเฌ, ปจฺจเวกฺขณปฺา ปริโยสานํ.
๙๘. เอกาทสเม อาปตฺติโยว อาปตฺติกฺขนฺธา. ตา ปน อนฺตราปตฺตีนํ อคฺคหเณน ปฺจ, ตาสํ คหเณน สตฺต โหนฺตีติ อาห ‘‘ปฺจนฺนฺจ สตฺตนฺนฺจ อาปตฺติกฺขนฺธาน’’นฺติ. ชานนนฺติ ‘‘อิมา อาปตฺติโย, เอตฺตกา อาปตฺติโย, เอวฺจ ตาสํ อาปชฺชนํ โหตี’’ติ ชานนํ. เอวํ ติปฺปกาเรน ชานนปฺา หิ อาปตฺติกุสลตา นาม. อาปตฺติโต วุฏฺาปนปฺปโยคตาย กมฺมภูตา วาจา กมฺมวาจา, ตถาภูตา อนุสฺสาวนวาจา. ‘‘อิมาย กมฺมวาจาย อิโต อาปตฺติโต วุฏฺานํ โหติ, โหนฺตฺจ ปเม, ตติเย วา อนุสฺสาวเน ยฺย-การํ ปตฺเต, ‘สํวริสฺสามี’ติ วา ปเท ปริโยสิเต โหตี’’ติ เอวํ ตํ ตํ อาปตฺตีหิ วุฏฺานปริจฺเฉทชานนปฺา อาปตฺติวุฏฺานกุสลตา. วุฏฺานนฺติ จ ยถาปนฺนาย อาปตฺติยา ยถา ตถา อนนฺตรายตาปาทนํ. เอวํ วุฏฺานคฺคหเณเนว เทสนายปิ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ.
ธมฺมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๑๐) ๕. พาลวคฺควณฺณนา
๙๙. ปฺจมสฺส ปเม อนาคตํ ภารํ วหตีติ อตฺตโน อสมฺปตฺตํ ภารํ วหติ. อเถโรว สมาโน เถเรหิ วหิตพฺพํ พีชนคฺคาหธมฺมชฺเฌสนาทิภารํ วหตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๕๙-๑๖๐) ปน ยสฺมา สมฺมชฺชนาทินววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ อาณตฺเตเนว กาตพฺพํ, ปาติโมกฺขฺจ อาณตฺเตเนว อุทฺทิสิตพฺพํ, ตสฺมา ตํ สพฺพํ วินา อาณตฺติยา กโรนฺโต อนาคตํ ภารํ วหติ นามาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยฺหิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุโปสถาคารํ สมฺมชฺชิตุ’’นฺติอาทินา นเยน ปาฬิยํ อาคตํ. อฏฺกถาสุ จ –
‘‘สมฺมชฺชนี ¶ ¶ ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ‘ปุพฺพกรณ’นฺติ วุจฺจติ.
‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ‘ปุพฺพกิจฺจ’นฺติ วุจฺจตี’’ติ. (มหาว. อฏฺ ๑๖๘) –
เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ ทสฺสิตํ, ตํ อกตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ตสฺมา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เถเรน ภิกฺขุนา นวํ ภิกฺขุํ อาณาเปตุ’’นฺติ วจนโต เถเรน อาณตฺเตน อคิลาเนน ภิกฺขุนา อุโปสถาคารํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺเปตพฺพํ, อาสนํ ปฺาเปตพฺพํ, ปทีโป กาตพฺโพ, อกโรนฺโต ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ.
เถเรนปิ ปติรูปํ ตฺวา อาณาเปตพฺพํ, อาณาเปนฺเตนปิ ยํ กิฺจิ กมฺมํ กโรนฺโต วา สทา กาลเมว เอโก วา ภารนิตฺถรณโก วา สรภาณกธมฺมกถิกาทีสุ วา อฺตโร น อุโปสถาคารสมฺมชฺชนตฺถํ อาณาเปตพฺโพ, อวเสสา ปน วาเรน อาณาเปตพฺพา. สเจ อาณตฺโต สมฺมชฺชนึ ตาวกาลิกมฺปิ น ลภติ, สาขาภงฺคํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา สมฺมชฺชิตพฺพํ, ตมฺปิ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. ปทีปกรเณปิ วุตฺตนเยเนว อาณาเปตพฺโพ, อาณาเปนฺเตน จ ‘‘อมุกสฺมึ นาม โอกาเส เตลํ วา กปลฺลิกา วา อตฺถิ, ตํ คเหตฺวา กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. สเจ เตลาทีนิ นตฺถิ, ปริเยสิตพฺพานิ. ปริเยสิตฺวา อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ. อปิ จ กปาเล อคฺคิ ชาเลตพฺโพ. อาสนปฺาปนาณตฺติยมฺปิ วุตฺตนเยเนว อาณาเปตพฺโพ, อาณตฺเตน จ สเจ อุโปสถาคาเร อาสนานิ นตฺถิ, สงฺฆิกาวาสโต อาหริตฺวา ปฺาเปตฺวา ปุน อาหริตพฺพานิ, อาสเนสุ อสติ กฏสารเกปิ ตฏฺฏิกาโยปิ ปฺาเปตุํ วฏฺฏติ, ตาสุปิ อสติ สาขาภงฺคานิ กปฺปิยํ กาเรตฺวา ปฺาเปตพฺพานิ. กปฺปิยการกํ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติ.
ฉนฺทปาริสุทฺธีติ เอตฺถ อุโปสถกรณตฺถํ สนฺนิปติเต สงฺเฆ พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตน สนฺนิปาตฏฺานํ คนฺตฺวา กายสามคฺคึ อเทนฺเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ. โยปิ คิลาโน วา กิจฺจปฺปสุโต วา, เตน ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺโท ทาตพฺโพ. กถํ ทาตพฺโพ? เอกสฺส ภิกฺขุโน ¶ สนฺติเก ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมิ, ฉนฺทํ เม หร, ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ อยมตฺโถ กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพ. เอวํ ทินฺโน โหติ ฉนฺโท. อกตูโปสเถน ปน คิลาเนน วา กิจฺจปฺปสุเตน วา ปาริสุทฺธิ ¶ ทาตพฺพา. กถํ ทาตพฺพา? เอกสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ‘‘ปาริสุทฺธึ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธึ เม หร, ปาริสุทฺธึ เม อาโรเจหี’’ติ อยมตฺโถ กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิฺาเปตพฺโพ. เอวํ ทินฺนา โหติ ปาริสุทฺธิ. ตํ ปน เทนฺเตน ฉนฺโทปิ ทาตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺทมฺปิ ทาตุํ, สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติ. ตตฺถ ปาริสุทฺธิทานํ สงฺฆสฺสปิ อตฺตโนปิ อุโปสถกรณํ สมฺปาเทติ, น อวเสสํ สงฺฆกิจฺจํ. ฉนฺททานํ สงฺฆสฺเสว อุโปสถกรณฺจ เสสกิจฺจฺจ สมฺปาเทติ, อตฺตโน ปน อุโปสโถ อกโตเยว โหติ, ตสฺมา ปาริสุทฺธึ เทนฺเตน ฉนฺโทปิ ทาตพฺโพ.
อุตุกฺขานนฺติ ‘‘เหมนฺตาทีนํ อุตูนํ เอตฺตกํ อติกฺกนฺตํ, เอตฺตกํ อวสิฏฺ’’นฺติ เอวํ อุตูนํ อาจิกฺขนํ. ภิกฺขุคณนาติ ‘‘เอตฺตกา ภิกฺขู อุโปสถคฺเค สนฺนิปติตา’’ติ ภิกฺขูนํ คณนา. อิทมฺปิ อุภยํ กตฺวาว อุโปสโถ กาตพฺโพ. โอวาโทติ ภิกฺขุโนวาโท. น หิ ภิกฺขูนีหิ ยาจิตํ โอวาทํ อนาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฏฺฏติ. ภิกฺขุนิโย หิ ‘‘สฺเว อุโปสโถ’’ติ อาคนฺตฺวา ‘‘อยํ อุโปสโถ จาตุทฺทโส, ปนฺนรโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปุน อุโปสถทิวเส อาคนฺตฺวา ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ, อยฺย, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจติ, ลภตุ กิร, อยฺย, ภิกฺขุนิสงฺโฆ โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ เอวํ โอวาทํ ยาจนฺติ. ตํ เปตฺวา พาลคิลานคมิเย อฺโ สเจปิ อารฺโก โหติ, อปฺปฏิคฺคเหตุํ น ลภติ, ตสฺมา เยน โส ปฏิคฺคหิโต, เตน ภิกฺขุนา อุโปสถคฺเค ปาติโมกฺขุทฺเทสโก ภิกฺขุ เอวํ วตฺตพฺโพ ‘‘ภิกฺขุนิสงฺโฆ, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนฺจ ยาจติ, ลภตุ กิร, ภนฺเต, ภิกฺขุนิสงฺโฆ โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ.
ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพํ – ‘‘อตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต’’ติ. สเจ โหติ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตโต เตน โส วตฺตพฺโพ – ‘‘อิตฺถนฺนามโก ภิกฺขุ ¶ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตํ ภิกฺขุนิสงฺโฆ อุปสงฺกมตู’’ติ. สเจ นตฺถิ, ตโต เตน ปุจฺฉิตพฺพํ – ‘‘โก อายสฺมา อุสฺสหติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติ. สเจ โกจิ อุสฺสหติ, โสปิ จ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต, ตํ ตตฺเถว สมฺมนฺนิตฺวา โอวาทปฺปฏิคฺคาหโก วตฺตพฺโพ – ‘‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตํ ภิกฺขุนิสงฺโฆ อุปสงฺกมตู’’ติ. สเจ ปน น โกจิ อุสฺสหติ, ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วตฺตพฺพํ – ‘‘นตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ปาสาทิเกน ภิกฺขุนิสงฺโฆ สมฺปาเทตู’’ติ. เอตฺตาวตา หิ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลํ สาสนํ อาโรจิตํ โหติ. เตน ภิกฺขุนา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปาฏิปเท ภิกฺขุนีนํ อาโรเจตพฺพํ. ปาติโมกฺขมฺปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนชฺฌิฏฺเน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ วจนโต อนาณตฺเตน น อุทฺทิสิตพฺพํ. ‘‘เถราเธยฺยํ ปาติโมกฺข’’นฺติ หิ วจนโต สงฺฆตฺเถโร วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺย ¶ , ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โย ตตฺถ ภิกฺขุ พฺยตฺโต ปฏิพโล, ตสฺสาเธยฺยํ ปาติโมกฺข’’นฺติ วจนโต นวกตโร วา เถเรน อาณตฺโต. ทุติยาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.
๑๐๙. เอกาทสเม น กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ กุกฺกุจฺจายตีติ น กุกฺกุจฺจายิตุํ ยุตฺตกํ กุกฺกุจฺจายติ. สูกรมํสํ ลภิตฺวา ‘‘อจฺฉมํส’’นฺติ กุกฺกุจฺจายติ, ‘‘สูกรมํส’’นฺติ ชานนฺโตปิ ‘‘อจฺฉมํส’’นฺติ กุกฺกุจฺจายติ, น ปริภฺุชตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ มิคมํสํ ‘‘ทีปิมํส’’นฺติ, กาเล สนฺเตเยว ‘‘กาโล นตฺถี’’ติ, อปฺปวาเรตฺวา ‘‘ปวาริโตมฺหี’’ติ, ปตฺเต รชสฺมึ อปติเตเยว ‘‘ปติต’’นฺติ, อตฺตานํ อุทฺทิสฺส มจฺฉมํเส อกเตเยว ‘‘มํ อุทฺทิสฺส กต’’นฺติ กุกฺกุจฺจายติ. กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ น กุกฺกุจฺจายตีติ กุกฺกุจฺจายิตุํ ยุตฺตํ น กุกฺกุจฺจายติ. อจฺฉมํสํ ลภิตฺวา ‘‘สูกรมํส’’นฺติ น กุกฺกุจฺจายติ, ‘‘อจฺฉมํส’’นฺติ ชานนฺโตปิ ‘‘สูกรมํส’’นฺติ น กุกฺกุจฺจายติ, มทฺทิตฺวา วีติกฺกมตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ ทีปิมํสํ มิคมํสนฺติ…เป… อตฺตานํ อุทฺทิสฺส มจฺฉมํเส กเต ‘‘มํ อุทฺทิสฺส กต’’นฺติ น กุกฺกุจฺจายตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘น กุกฺกุจฺจายิตพฺพนฺติ สงฺฆโภคสฺส อปฏฺปนํ อวิจารณํ น กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ นาม, ตํ กุกฺกุจฺจายติ. กุกฺกุจฺจายิตพฺพนฺติ ตสฺเสว ปฏฺปนํ วิจารณํ, ตํ น กุกฺกุจฺจายตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ตตฺถ ¶ สงฺฆโภคสฺสาติ สงฺฆสฺส จตุปจฺจยปริโภคตฺถาย ทินฺนเขตฺตวตฺถุตฬากาทิกสฺส, ตโต อุปฺปนฺนธฺหิรฺาทิกสฺส จ สงฺฆสฺส โภคสฺส. อปฏฺปนนฺติ อสํวิทหนํ. เตนาห ‘‘อวิจารณ’’นฺติ. ตสฺเสวาติ ยถาวุตฺตสฺเสว สงฺฆโภคสฺส.
พาลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.
๓. ตติยปณฺณาสกํ
(๑๑) ๑. อาสาทุปฺปชหวคฺควณฺณนา
๑๑๙. ตติยปณฺณาสกสฺส ¶ ¶ ปเม ทุกฺเขน ปชหิตพฺพาติ ทุปฺปชหา. ทุจฺจชาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ทฺวินฺนํ อาสานํ ทุจฺจชภาโว กถํ ชานิตพฺโพติ ปมํ ตาว ลาภาสาย ทุจฺจชภาวํ วิภาเวติ ‘‘ลาภาสายา’’ติอาทินา. อุภโตพฺยูฬฺหนฺติ ยุทฺธตฺถาย อุภโต สนฺนิปติตํ. ปกฺขนฺทนฺตีติ อนุปฺปวิสนฺติ. ชีวิตาสาย ทุปฺปชหตฺตาติอาทินา ชีวิตาสาย ทุจฺจชภาวํ วิภาเวติ.
๑๒๐. ทุติเย ทุลฺลภาติ น สุลภา. อิณํ เทมีติ สฺํ กโรตีติ เอวํ สฺํ กโรนฺโต วิย โหตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘ปุพฺพการีติ ปมํ อุปการสฺส การโก. กตฺู กตเวทีติ เตน กตํ ตฺวา ปจฺฉา การโก. เตสุ ปุพฺพการี ‘อิณํ เทมี’ติ สฺํ กโรติ, ปจฺฉา การโก ‘อิณํ ชีราเปมี’ติ สฺํ กโรตี’’ติ เอตฺตกเมว อิธ วุตฺตํ. ปุคฺคลปณฺณตฺติสํวณฺณนายํ (ปุ. ป. อฏฺ. ๘๓) ปน –
‘‘ปุพฺพการีติ ปมเมว การโก. กตเวทีติ กตํ เวเทติ, วิทิตํ ปากฏํ กโรติ. เต อคาริยานคาริเยหิ ทีเปตพฺพา. อคาริเกสุ หิ มาตาปิตโร ปุพฺพการิโน นาม, ปุตฺตธีตโร ปน มาตาปิตโร ปฏิชคฺคนฺตา อภิวาทนาทีนิ เตสํ กุรุมานา กตเวทิโน นาม. อนคาริเยสุ อาจริยุปชฺฌายา ปุพฺพการิโน นาม, อนฺเตวาสิกสทฺธิวิหาริกา อาจริยุปชฺฌาเย ปฏิชคฺคนฺตา อภิวาทนาทีนิ จ เตสํ กุรุมานา กตเวทิโน นาม. เตสํ อาวิภาวตฺถาย อุปชฺฌายโปสกโสณตฺเถราทีนํ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิ.
‘‘อปโร นโย – ปเรน อกเตเยว อุปกาเร อตฺตนิ กตํ อุปการํ อนเปกฺขิตฺวา การโก ปุพฺพการี, เสยฺยถาปิ มาตาปิตโร เจว อาจริยุปชฺฌายา จ. โส ทุลฺลโภ สตฺตานํ ตณฺหาภิภูตตฺตา. ปเรน กตสฺส อุปการสฺส อนุรูปปฺปวตฺตึ ¶ อตฺตนิ ¶ กตํ อุปการํ อุปการโต ชานนฺโต เวทิยนฺโต กตฺุกตเวที เสยฺยถาปิ มาตาปิตุอาจริยุปชฺฌาเยสุ สมฺมาปฏิปนฺโน. โสปิ ทุลฺลโภ สตฺตานํ อวิชฺชาภิภูตตฺตา. อปิจ อการณวจฺฉโล ปุพฺพการี, สการณวจฺฉโล กตฺุกตเวที. ‘กริสฺสติ เม’ติ เอวมาทิการณนิรเปกฺขกิริโย ปุพฺพการี, ‘กริสฺสติ เม’ติ เอวมาทิการณสาเปกฺขกิริโย กตฺุกตเวที. ตโมโชติปรายโณ ปุพฺพการี, โชติโชติปรายโณ กตฺุกตเวที. เทเสตา ปุพฺพการี, ปฏิปชฺชิตา กตฺุกตเวที. สเทวเก โลเก อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปุพฺพการี, อริยสาวโก กตฺุกตเวที’’ติ วุตฺตํ.
ตตฺถ การเณน วินา ปวตฺตหิตจิตฺโต อการณวจฺฉโล. อนาคตมฺหิ ปโยชนํ อเปกฺขมาโน ‘‘กริสฺสติ เม’’ติอาทินา จิตฺเตน ปมํ คหิตํ ตาทิสํ กตํ อุปาทาย กตฺู เอว นาม โหติ, น ปุพฺพการีติ อธิปฺปาเยน ‘‘กริสฺสติ เมติ เอวมาทิการณสาเปกฺขกิริโย กตฺุกตเวที’’ติ วุตฺตํ. ตโมโชติปรายโณ ปฺุผลานิ อนุปชีวนฺโต เอว ปฺุานิ กโรตีติ ‘‘ปุพฺพการี’’ติ วุตฺโต. ปฺุผลํ อุปชีวนฺโต หิ กตฺุปกฺเข ติฏฺติ.
๑๒๑. ตติเย ติตฺโตติ สุหิโต ปริโยสิโต นิฏฺิตกิจฺจตาย นิรุสฺสุกฺโก. คุณปาริปูริยา หิ ปริปุณฺโณ ยาวทตฺโถ อิธ ติตฺโต วุตฺโต. ตปฺเปตาติ อฺเสมฺปิ ติตฺติกโร. ปจฺเจกพุทฺโธ จ ตถาคตสาวโก จ ขีณาสโว ติตฺโตติ เอตฺถ ปจฺเจกพุทฺโธ นวโลกุตฺตรธมฺเมหิ สยํ ติตฺโต ปริปุณฺโณ, อฺํ ปน ตปฺเปตุํ น สกฺโกติ. ตสฺส หิ ธมฺมกถาย อภิสมโย น โหติ, สาวกานํ ปน ธมฺมกถาย อปริมาณานํ เทวมนุสฺสานํ อภิสมโย โหติ. เอวํ สนฺเตปิ ยสฺมา เต ธมฺมํ เทเสนฺตา น อตฺตโน วจนํ กตฺวา กเถนฺติ, พุทฺธานํ วจนํ กตฺวา กเถนฺติ, โสตุํ นิสินฺนปริสาปิ – ‘‘อยํ ภิกฺขุ น อตฺตนา ปฏิวิทฺธํ ธมฺมํ กเถตี’’ติ จิตฺตีการํ กโรติ. อิติ โส จิตฺตีกาโร พุทฺธานํเยว โหติ. เอวํ ตตฺถ สมฺมาสมฺพุทฺโธว ตปฺเปตา นาม. ยถา หิ ‘‘อสุกสฺส นาม อิทฺจิทฺจ เทถา’’ติ รฺา อาณตฺเต ¶ กิฺจาปิ อาเนตฺวา เทนฺติ, อถ โข ราชาว ตตฺถ ทายโก. เยหิปิ ลทฺธํ โหติ, เต ‘‘รฺา อมฺหากํ านนฺตรํ ทินฺนํ, อิสฺสริยวิภโว ทินฺโน’’ตฺเวว คณฺหนฺติ, น ‘‘ราชปุริเสหี’’ติ เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
๑๒๒. จตุตฺเถ ทุตฺตปฺปยาติ อตปฺปยา, น สกฺกา เกนจิ ตปฺเปตุํ. โย หิ อุปฏฺากกุลํ วา าติกุลํ วา นิสฺสาย วสมาโน จีวเร ชิณฺเณ เตหิ ทินฺนํ จีวรํ นิกฺขิปติ, น ปริภฺุชติ ¶ . ปุนปฺปุนํ ทินฺนมฺปิ คเหตฺวา นิกฺขิปเตว. โย จ เตเนว นเยน ลทฺธํ ลทฺธํ วิสฺสชฺเชติ, ปรสฺส เทติ, ปุนปฺปุนํ ลทฺธมฺปิ ตเถว กโรติ. อิเม ทฺเว ปุคฺคลา สกเฏหิปิ ปจฺจเย อุปเนนฺเตน ตปฺเปตุํ น สกฺกาติ ทุตฺตปฺปยา.
๑๒๓. ปฺจเม น วิสฺสชฺเชตีติ อตฺตโน อกตฺวา ปรสฺส น เทติ, อติเรเก ปน สติ น นิกฺขิปติ, ปรสฺส เทติ. เตเนวาห ‘‘สพฺพํเยว ปเรสํ น เทตี’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘โย ภิกฺขุ อุปฏฺากกุลา วา าติกุลา วา ชิณฺณจีวโร สาฏกํ ลภิตฺวา จีวรํ กตฺวา ปริภฺุชติ น นิกฺขิปติ, อคฺคฬํ ทตฺวา ปารุปนฺโตปิ ปุนปิ ทิยฺยมาเน สหสา นปฺปฏิคฺคณฺหาติ. โย จ ลทฺธํ ลทฺธํ อตฺตนา ปริภฺุชติ, ปเรสํ น เทติ. อิเม ทฺเวปิ สุเขน สกฺกา ตปฺเปตุนฺติ สุตปฺปยา’’ติ.
๑๒๔-๑๒๗. ฉฏฺสตฺตมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.
อาสาทุปฺปชหวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๑๒) ๒. อายาจนวคฺควณฺณนา
๑๓๑. สทฺโธ ภิกฺขูติ สทฺธาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ. โย ภิกฺขุ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ สทิสภาวํ ปตฺเถติ, โส เยหิ คุเณหิ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เอตทคฺเค ปิตา, เต คุเณ อตฺตโน อภิกงฺเขยฺยาติ อาห ‘‘ยาทิโส สาริปุตฺตตฺเถโร ปฺายา’’ติอาทิ. อิโต อุตฺตริ ปตฺเถนฺโต มิจฺฉา ปตฺเถยฺยาติ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ เย ปฺาทโย คุณา อุปลพฺภนฺติ, ตโต อุตฺตริ ปตฺเถนฺโต มิจฺฉา ปตฺเถยฺย. อคฺคสาวกคุณปรมา หิ สาวกคุณมริยาทา. เตสํ สาวกคุณานํ ¶ ยทิทํ อคฺคสาวกคุณา, น ตโต ปรํ สาวกคุณา นาม อตฺถิ. เตเนวาห ‘‘ยํ นตฺถิ, ตสฺส ปตฺถิตตฺตา’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๑๓๕. ปฺจเม ยสฺส คุณา ขตา อุปหตา จ, โส ขโต อุปหโต นาม โหตีติ อาห ‘‘คุณานํ ขตตฺตา’’ติอาทิ. ขตตฺตาติ ฉินฺนตฺตา. อุปหตตฺตาติ นฏฺตฺตา. เตนาห ‘‘ฉินฺนคุณํ นฏฺคุณนฺติ ¶ อตฺโถ’’ติ. อปฺุสฺส ปสโว นาม อตฺถโต ปฏิลาโภติ อาห ‘‘ปสวตีติ ปฏิลภตี’’ติ, อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. อนนุปวิสิตฺวาติ าเณน อโนคาเหตฺวา. เสสเมตฺถ ฉฏฺาทีนิ จ สุวิฺเยฺยาเนว.
อายาจนวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๑๓) ๓. ทานวคฺควณฺณนา
๑๔๒. ตติยสฺส ปเม ทียตีติ ทานํ, เทยฺยธมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ. ทียติ อเนนาติ วา ทานํ, ปริจฺจาคเจตนาเยตํ อธิวจนํ. อยํ ทุวิโธปิ อตฺโถ อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ทิยฺยนกวเสน ทานานี’’ติอาทิ. ตตฺถ ทิยฺยนกวเสนาติ ทาตพฺพวเสน. อมตปตฺติปฏิปทนฺติ อมตปฺปตฺติเหตุภูตํ สมฺมาปฏิปทํ.
๑๔๓-๑๕๑. ทุติยาทีนิ จ สุวิฺเยฺยาเนว.
ทานวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๑๔) ๔. สนฺถารวคฺควณฺณนา
๑๕๒. จตุตฺถสฺส ปเม อามิสสฺส จ ธมฺมสฺส จ อลาเภน อตฺตโน ปรสฺส จ อนฺตเร สมฺภวนฺตสฺส ฉิทฺทสฺส วิวรสฺส เภทสฺส สนฺถรณํ ปิทหนํ สงฺคณฺหนํ สนฺถาโร. อยฺหิ โลกสนฺนิวาโส อลพฺภมาเนน อามิเสน ธมฺเมน จาติ ทฺวีหิ ฉิทฺโท. ตสฺส ตํ ฉิทฺทํ ยถา น ปฺายติ ¶ , เอวํ ปีสฺส วิย ปจฺจตฺถรเณน อามิเสน ธมฺเมน จ สนฺถรณํ สงฺคณฺหนํ สนฺถาโรติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ อามิเสน สงฺคโห อามิสสนฺถาโร นาม. ตํ กโรนฺเตน มาตาปิตูนํ ภิกฺขุคติกสฺส ¶ เวยฺยาวจฺจกรสฺส รฺโ โจรานฺจ อคฺคํ อคฺคเหตฺวาปิ ทาตุํ วฏฺฏติ. อามสิตฺวา ทินฺเนหิ ราชาโน จ โจรา จ อนตฺถมฺปิ กโรนฺติ, ชีวิตกฺขยมฺปิ ปาเปนฺติ. อนามสิตฺวา ทินฺเนน อตฺตมนา โหนฺติ, โจรนาควตฺถุอาทีนิ เจตฺถ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิ. ตานิ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถายํ (ปารา. ๑๘๕) วิตฺถาริตานิ. สกฺกจฺจํ อุทฺเทสทานํ ปาฬิวณฺณนา ธมฺมกถากถนนฺติ เอวํ ธมฺเมน สงฺคโห ธมฺมสนฺถาโร นาม.
๑๕๓-๑๖๓. ทุติยาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.
สนฺถารวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๑๕) ๕. สมาปตฺติวคฺควณฺณนา
๑๖๔. ปฺจมสฺส ปเม ‘‘อิโต ปุพฺเพ ปริกมฺมํ ปวตฺตํ, อิโต ปรํ ภวงฺคํ มชฺเฌ สมาปตฺตี’’ติ เอวํ สห ปริกมฺเมน อปฺปนาปริจฺเฉทปฺปชานนา ปฺา สมาปตฺติกุสลตา. วุฏฺาเน กุสลภาโว วุฏฺานกุสลตา. ปเคว วุฏฺานปริจฺเฉทกาณนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๑๖๕. ทุติเย อุชุโน ภาโว อชฺชวํ, อชิมฺหตา อกุฏิลตา อวงฺกตาติ อตฺโถ. อภิธมฺเมปิ (ธ. ส. ๑๓๔๖) วุตฺตํ – ‘‘ตตฺถ กตโม อชฺชโว? ยา อชฺชวตา อชิมฺหตา อกุฏิลตา อวงฺกตา, อยํ วุจฺจติ อชฺชโว’’ติ. อนชฺชวฺจ อชฺชวปฺปฏิกฺเขเปน เวทิตพฺพํ. โคมุตฺตวงฺกตา, จนฺทเลขาวงฺกตา, นงฺคลโกฏิวงฺกตาติ หิ ตโย อนชฺชวา. เอกจฺโจ หิ ภิกฺขุ ปมวเย มชฺฌิม-ปจฺฉิมวเย จ เอกวีสติยา อเนสนาสุ ฉสุ จ อโคจเรสุ จรติ, อยํ โคมุตฺตวงฺกตา นาม, อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา ปฏิปตฺติยา วงฺกภาวโต. เอโก ปมวเย ปจฺฉิมวเย จ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปูเรติ, ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, มชฺฌิมวเย ปุริมสทิโส, อยํ จนฺทเลขาวงฺกตา นาม, ปฏิปตฺติยา มชฺฌฏฺาเน ¶ วงฺกภาวาปตฺติโต. เอโก ปมวเยปิ มชฺฌิมวเยปิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปูเรติ, ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, ปจฺฉิมวเย ปุริมสทิโส, อยํ นงฺคลโกฏิวงฺกตา นาม, ปริโยสาเน วงฺกภาวาปตฺติโต. เอโก สพฺพมฺเปตํ วงฺกตํ ปหาย ตีสุ วเยสุ ¶ เปสโล ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม โหติ, ตสฺส โย โส อุชุภาโว, อิทํ อชฺชวํ นาม, สพฺพตฺถ อุชุภาวสิทฺธิโต.
มทฺทวนฺติ เอตฺถ ‘‘ลชฺชว’’นฺติปิ ปนฺติ. เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ‘‘ตตฺถ กตโม ลชฺชโว? โย หิรียติ หิรียิตพฺเพน หิรียติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา, อยํ วุจฺจติ ลชฺชโว’’ติ เอวํ วุตฺโต ลชฺชิภาโว ลชฺชวํ นาม. อิทํ ปเนตฺถ นิพฺพจนํ – ลชฺชตีติ ลชฺโช, หิริมา, ตสฺส ภาโว ลชฺชวํ, หิรีติ อตฺโถ. ลชฺชา เอตสฺส อตฺถีติ ลชฺชี ยถา ‘‘มาลี มายี’’ติ, ตสฺส ภาโว ลชฺชิภาโว, สา เอว ลชฺชา.
๑๖๖. ตติเย อธิวาสนขนฺตีติ เอตฺถ อธิวาสนํ วุจฺจติ ขมนํ. ตฺหิ ปเรสํ ทุกฺกฏํ ทุรุตฺตฺจ ปฏิวิโรธากรเณน อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาสนโต ‘‘อธิวาสน’’นฺติ วุจฺจติ. อธิวาสนลกฺขณา ขนฺติ อธิวาสนขนฺติ. สุจิสีลตา โสรจฺจํ. สา หิ โสภนกมฺมรตตา. สุฏฺุ วา ปาปโต โอรตภาโว วิรตตาติ อาห ‘‘สุรตภาโว’’ติ. เตเนว อภิธมฺเมปิ (ธ. ส. ๑๓๔๙) –
‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อิทํ วุจฺจติ โสรจฺจํ, สพฺโพปิ สีลสํวโร โสรจฺจ’’นฺติ – อาคโต.
๑๖๗. จตุตฺเถ สขิโล วุจฺจติ สณฺหวาโจ, ตสฺส ภาโว สาขลฺยํ, สณฺหวาจตา. เตนาห ‘‘สณฺหวาจาวเสน สมฺโมทมานภาโว’’ติ. สณฺหวาจาวเสน หิ สมฺโมทมานสฺส ปุคฺคลสฺส ภาโว นาม สณฺหวาจตา. เตเนว อภิธมฺเม (ธ. ส. ๑๓๕๐) –
‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺยํ? ยา สา วาจา อณฺฑกา กกฺกสา ปรกฏุกา ปราภิสชฺชนี โกธสามนฺตา อสมาธิสํวตฺตนิกา, ตถารูปึ ¶ วาจํ ปหาย ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา, ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ, ยา ตตฺถ สณฺหวาจตา สขิลวาจตา อผรุสวาจตา, อิทํ วุจฺจติ สาขลฺย’’นฺติ วุตฺตํ.
ตตฺถ อณฺฑกาติ สโทเส สวเณ รุกฺเข นิยฺยาสปิณฺโฑ, อหิจฺฉตฺตาทีนิ วา อุฏฺิตานิ อณฺฑกานีติ ¶ วทนฺติ, เผคฺคุรุกฺขสฺส ปน กุถิตสฺส อณฺฑานิ วิย อุฏฺิตา จุณฺณปิณฺฑิโย วา คณฺิโย วา อณฺฑกา. อิธ ปน พฺยาปชฺชนกกฺกสาทิสภาวโต กณฺฏกปฺปฏิภาเคน วาจา อณฺฑกาติ วุตฺตา. ปทุมนาฬํ วิย โสตํ ฆํสยมานา ปวิสนฺตี กกฺกสา ทฏฺพฺพา. โกเธน นิพฺพตฺตา ตสฺส ปริวารภูตา โกธสามนฺตา. ปุเร สํวทฺธนารี โปรี. สา วิย สุกุมารา มุทุกา วาจา โปรี วิยาติ โปรี. สณฺหวาจตาติอาทินา ตํ วาจํ ปวตฺตมานํ ทสฺเสติ.
๑๖๘. ปฺจเม ‘‘อวิหึสาติ กรุณาปุพฺพภาโค’’ติ เอตฺตกเมว อิธ วุตฺตํ, ทีฆนิกายฏฺกถาย สงฺคีติสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๔) ปน ‘‘อวิหึสาติ กรุณาปิ กรุณาปุพฺพภาโคปี’’ติ วุตฺตํ. อภิธมฺเมปิ (วิภ. ๑๘๒) ‘‘ตตฺถ กตมา อวิหึสา? ยา สตฺเตสุ กรุณา กรุณายนา กรุณายิตตฺตํ กรุณาเจโตวิมุตฺติ, อยํ วุจฺจติ อวิหึสา’’ติ อาคตํ. เอตฺถาปิ หิ ยา กาจิ กรุณา ‘‘กรุณา’’ติ วุตฺตา, กรุณาเจโตวิมุตฺติ ปน อปฺปนาปฺปตฺตาว.
สุจิสทฺทโต ภาเว ยการํ อิการสฺส จ อุการาเทสํ กตฺวา อยํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘โสจพฺยํ สุจิภาโว’’ติ. เอตฺถ จ โสจพฺยนฺติ สีลวเสน สุจิภาโวติ วุตฺตํ. ทีฆนิกายฏฺกถาย สงฺคีติสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๔) ปน ‘‘โสเจยฺยนฺติ เมตฺตาย จ เมตฺตาปุพฺพภาคสฺส จ วเสน สุจิภาโว’’ติ วุตฺตํ. เตเนว อภิธมฺเมปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสจพฺยํ? ยา สตฺเตสุ เมตฺติ เมตฺตายนา เมตฺตายิตตฺตํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, อิทํ วุจฺจติ โสจพฺย’’นฺติ นิทฺเทโส กโต. เอตฺถาปิ หิ ‘‘เมตฺตี’’ติอาทินา ยา กาจิ เมตฺตา วุตฺตา, เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ ปน อปฺปนาปฺปตฺตาว.
๑๖๙-๑๗๑. ฉฏฺสตฺตมอฏฺมานิ ¶ เหฏฺา วุตฺตนยาเนว.
๑๗๒. นวเม กามํ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาโวปิ พลฏฺโ เอว, ปฏิปกฺเขหิ ปน อกมฺปนียตํ สาติสยํ พลฏฺโติ วุตฺตํ ‘‘มุฏฺสฺสจฺเจ อกมฺปเนนา’’ติอาทิ.
๑๗๓. ทสเม ปจฺจนีกธมฺมสมนโต สมโถ, สมาธีติ อาห ‘‘สมโถติ จิตฺเตกคฺคตา’’ติ. อนิจฺจาทินา วิวิเธนากาเรน ทสฺสนโต ปสฺสนโต วิปสฺสนา, ปฺาติ อาห ‘‘สงฺขารปริคฺคาหกาณ’’นฺติ.
๑๗๔. เอกาทสเม ¶ ทุสฺสีลฺยนฺติ สมาทินฺนสฺส สีลสฺส เภทกโร วีติกฺกโม. ทิฏฺิวิปตฺตีติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา ทูสิกา มิจฺฉาทิฏฺีติ อาห ‘‘ทิฏฺิวิปตฺตีติ มิจฺฉาทิฏฺี’’ติ.
๑๗๕. ทฺวาทสเม สีลสมฺปทาติ สพฺพภาคโต ตสฺส อนูนตาปตฺติ ปริปุณฺณภาโว สีลสมฺปทา. ปริปูรณตฺโถ เหตฺถ สมฺปทาสทฺโท. เตเนวาห ‘‘ปริปุณฺณสีลตา’’ติ. ทิฏฺิสมฺปทาติ อตฺถิกทิฏฺิอาทิสมฺมาทิฏฺิปาริปูริภาเวน ปวตฺตํ าณํ. ตฺจ กมฺมสฺสกตาสมฺมาทิฏฺิอาทิวเสน ปฺจวิธํ โหตีติ อาห ‘‘เตน กมฺมสฺสกตา’’ติ.
๑๗๖. เตรสเม สีลวิสุทฺธีติ วิสุทฺธึ ปาเปตุํ สมตฺถํ สีลํ, จิตฺตวิสุทฺธิอาทิอุปริวิสุทฺธิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ วิสุทฺธสีลนฺติ วุตฺตํ โหติ. สุวิสุทฺธเมว หิ สีลํ ตสฺสา ปทฏฺานํ โหติ. เตนาห ‘‘สีลวิสุทฺธีหิ วิสุทฺธิสมฺปาปกํ สีล’’นฺติ. เอตฺถาปิ วิสุทฺธิสมฺปาปกนฺติ จิตฺตวิสุทฺธิอาทิอุปริวิสุทฺธิยา สมฺปาปกนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อภิธมฺเม (ธ. ส. ๑๓๗๒) ปนายํ ‘‘ตตฺถ กตมา สีลวิสุทฺธิ? กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อยํ วุจฺจติ สีลวิสุทฺธี’’ติ เอวํ วิภตฺตา.
ทิฏฺิวิสุทฺธีติ วิสุทฺธึ ปาเปตุํ สมตฺถํ ทสฺสนาณํ ทสฺสนวิสุทฺธิ, ปรมตฺถวิสุทฺธึ นิพฺพานฺจ ปาเปตุํ อุปเนตุํ สมตฺถํ กมฺมสฺสกตาณาทิ สมฺมาทสฺสนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘วิสุทฺธิสมฺปาปิกา…เป… ปฺจวิธาปิ วา สมฺมาทิฏฺี’’ติ. เอตฺถาปิ วิสุทฺธิสมฺปาปิกาติ าณทสฺสนวิสุทฺธิยา ทสฺสนนิพฺพานสงฺขาตาย ¶ ปรมตฺถวิสุทฺธิยา จ สมฺปาปิกาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อภิธมฺเม (ธ. ส. ๑๓๗๓) ปนายํ ‘‘ตตฺถ กตมา ทิฏฺิวิสุทฺธิ? กมฺมสฺสกตาณํ, สจฺจานุโลมิกํ าณํ, มคฺคสฺส มคฺคสมงฺคิสฺส าณํ, ผลสมงฺคิสฺส าณ’’นฺติ เอวํ วุตฺตํ.
เอตฺถ จ อิทํ อกุสลกมฺมํ โน สกํ, อิทํ ปน กมฺมํ สกนฺติ เอวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ กมฺมสฺสกตชานนาณํ กมฺมสฺสกตาณํ. ติวิธทุจฺจริตฺหิ อตฺตนา กตมฺปิ ปเรน กตมฺปิ โน สกกมฺมํ นาม โหติ อตฺถภฺชนโต, สุจริตํ สกกมฺมํ นาม อตฺถชนนโต. วิปสฺสนาาณํ ปน วจีสจฺจฺจ อนุโลเมติ, ปรมตฺถสจฺจฺจ น วิโลเมตีติ สจฺจานุโลมิกาณนฺติ วุตฺตํ. วิปสฺสนาาณฺหิ ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌนตฺถํ อารมฺภกาเล ¶ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ปวตฺตํ วจีสจฺจฺจ อนุโลเมติ, ตเถว ปฏิวิชฺฌนโต ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานฺจ น วิโลเมติ น วิราเธติ เอกนฺเตเนว สมฺปาปนโต.
๑๗๗. จุทฺทสเม ทิฏฺิวิสุทฺธีติ ปมมคฺคสมฺมาทิฏฺิ วุตฺตา. ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยํ. เตเนว ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๔) ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธีติ าณทสฺสนํ กถิตํ. ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริย’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ หิ าณทสฺสนนฺติ าณภูตํ ทสฺสนํ. เตน ทสฺสนมคฺคํ วทติ. ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยนฺติ ปมมคฺคสมฺปยุตฺตวีริยมาห. อปิจ ทิฏฺิวิสุทฺธีติ สพฺพาปิ มคฺคสมฺมาทิฏฺิ. ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยํ. เตเนว ทีฆนิกายฏฺกถายํ ‘‘อปิจ ปุริมปเทน จตุมคฺคาณํ, ปจฺฉิมปเทน ตํสมฺปยุตฺตํ วีริย’’นฺติ วุตฺตํ.
อถ วา ทิฏฺีวิสุทฺธีติ กมฺมสฺสกตาณาทิสงฺขาตา สพฺพาปิ สมฺมาทิฏฺิ วุตฺตา. ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ โย เจตสิโก วีริยารมฺโภ…เป… สมฺมาวายาโมติ. อยเมว ปาฬิยา สเมติ. อภิธมฺเม หิ ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธิ โข ปนาติ ยา ปฺา ปชานนา…เป… อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฏฺิ. ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ โย เจตสิโก วีริยารมฺโภ…เป… สมฺมาวายาโม’’ติ เอวมยํ ทุโก วิภตฺโต. เตเนว อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๗๔) ‘‘ยา ปฺา ปชานนาติอาทีหิ เหฏฺา วุตฺตานิ กมฺมสฺสกตาณาทีเนว จตฺตาริ าณานิ วิภตฺตานิ. ‘โย เจตสิโก วีริยารมฺโภ’ติอาทีหิ ¶ ปเทหิ นิทฺทิฏฺํ วีริยํ คหิตํ ปฺาย โลกิยฏฺาเน โลกิยํ, โลกุตฺตรฏฺาเน โลกุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ.
อิธาปิ วิสุทฺธิสมฺปาปิกา จตุมคฺคสมฺมาทิฏฺิ, ปฺจวิธาปิ วา สมฺมาทิฏฺิ ทิฏฺิวิสุทฺธีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธีติ วิสุทฺธิสมฺปาปิกา สมฺมาทิฏฺิเยวา’’ติ วุตฺตํ. เหฏฺิมมคฺคสมฺปยุตฺตํ วีริยนฺติ อิทํ ปน ‘‘ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ ปมมคฺคสมฺปยุตฺตํ วีริยนฺติ วุตฺต’’นฺติ อธิปฺปาเยน วทติ. เอตฺถ จ ตํตํภาณกานํ มตเภเทนายํ วณฺณนาเภโทติ น อฏฺกถาวจนานํ อฺมฺวิโรโธ สงฺกิตพฺโพ. อถ ยถาทิฏฺิสฺส จ ปธานนฺติ เหฏฺิมมคฺคสมฺปยุตฺตเมว วีริยํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตฺหิ ตสฺสา ทิฏฺิยา อนุรูปตฺตา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตสฺสา ทิฏฺิยาติ เหฏฺิมมคฺคสมฺปยุตฺตาย ทิฏฺิยา. ยถาทิฏฺิสฺสาติ อนุรูปทิฏฺิสฺส กลฺยาณทิฏฺิสฺส นิพฺพตฺติตปฺปการทิฏฺิสฺส วา นิพฺพตฺเตตพฺพปธานานุรูปทิฏฺิสฺส ยถาทิฏฺิปฺปวตฺตกิริยสฺส วาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺถํ สํวณฺณยนฺติ.
๑๗๘. ปนฺนรสเม ¶ สมตฺตํ ตุสฺสนํ ติตฺติ สนฺตุฏฺิ, นตฺถิ เอตสฺส สนฺตุฏฺีติ อสนฺตุฏฺิ, อสนฺตุฏฺิสฺส ภาโว อสนฺตุฏฺิตา. ยา กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสนฺตุฏฺสฺส ภิยฺโยกมฺยตา, ตสฺสา เอตํ อธิวจนํ. ตาย หิ สมงฺคิภูโต ปุคฺคโล สีลํ ปูเรตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทติ, ฌานํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ อารภติ, อารทฺธวิปสฺสโก อรหตฺตํ อคฺคเหตฺวา อนฺตรา โวสานํ นาปชฺชติ, ‘‘อลเมตฺตาวตา กตเมตฺตาวตา’’ติ สงฺโกจํ น ปาปุณาติ. เตนาห ‘‘อฺตฺร อรหตฺตมคฺคา กุสเลสุ ธมฺเมสุ อสนฺตุฏฺิภาโว’’ติ. ตตฺร อฺตฺร อรหตฺตมคฺคาติ อรหตฺตมคฺคสมฺปตฺตํ วินาติ อตฺโถ. ‘‘อปฺปฏิวานิตา จ ปธานสฺมิ’’นฺติ อิทํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวาติ น วิภตฺตํ.
๑๗๙. โสฬสเม มุฏฺา นฏฺา สติ เอตสฺสาติ มุฏฺสฺสติ, ตสฺส ภาโว มุฏฺสฺสจฺจนฺติ อาห ‘‘มุฏฺสฺสจฺจนฺติ มุฏฺสฺสติภาโว’’ติ. มุฏฺสฺสติภาโวติ จ สติปฺปฏิปกฺโข ธมฺโม, น สติยา อภาวมตฺตํ. อสมฺปชฺนฺติ ‘‘ตตฺถ กตมํ อสมฺปชฺํ? ยํ อฺาณํ อทสฺสนํ…เป… อวิชฺชาลงฺฆี โมโห อกุสลมูล’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๕๗) เอวํ วุตฺตา อวิชฺชาเยว. ตถา หิ วิชฺชาปฏิปกฺโข อวิชฺชา วิชฺชาย ปหาตพฺพโต, เอวํ สมฺปชฺปฺปฏิปกฺโข อสมฺปชฺํ ¶ . ยสฺมา ปน สมฺปชฺปฺปฏิปกฺเข สติ ตสฺส วเสน าณสฺส อภาโว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อฺาณภาโว’’ติ.
๑๘๐. สตฺตรสเม อปิลาปนลกฺขณา สตีติ อุทเก ลาพุ วิย เยน จิตฺตํ อารมฺมเณ ปิลวิตฺวา วิย ติฏฺติ, น โอคาหติ, ตํ ปิลาปนํ. น ปิลาปนํ อปิลาปนํ, ตํ ลกฺขณํ สภาโว เอติสฺสาติ อปิลาปนลกฺขณา.
สมาปตฺติวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ตติยปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.
๑. โกธเปยฺยาลํ
๑๘๑. อิโต ปเรสุ โกธวคฺคาทีสุ อุปนนฺธนลกฺขโณติ กุชฺฌนวเสน ‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ ¶ ม’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๓, ๔) จิตฺตปริโยนนฺธนลกฺขโณ. ปุพฺพกาลิกํ โกธํ อุปนยฺหติ พนฺธติ, กุชฺฌนาการํ ปพนฺธติ ฆเฏติ. อาฆาตวตฺถุนา จิตฺตํ พนฺธนฺตี วิย โหตีติ อปรกาโล โกโธ อุปนาโห. สุฏฺุ กตํ การณํ อุปกาโร สุกตการณํ, ตสฺส ปุพฺพการิตาลกฺขณสฺส คุณสฺส มกฺขนํ อุทกปฺุฉนิยา วิย สรีรานุคตสฺส อุทกสฺส ปฺุฉนํ วินาสนํ ลกฺขณเมตสฺสาติ สุกตกรณมกฺขนลกฺขโณ. ตถา หิ โส ปเรสํ คุณานํ มกฺขนฏฺเน มกฺโขติ วุจฺจติ. พหุสฺสุเตปิ ปุคฺคเล อชฺโฌตฺถรึสุ, ‘‘อีทิสสฺส จ พหุสฺสุตสฺส อนิยตา คหิตา, ตว จ มม จ โก วิเสโส’’ติอาทินา นเยน อุปฺปชฺชมาโน ยุคคฺคาหี ปลาโสติ อาห ‘‘ยุคคฺคาหลกฺขโณ ปลาโส’’ติ. ตตฺถ ยุคคฺคาโห นาม สมธุรคฺคาโห, อสมมฺปิ อตฺตนา สมํ กตฺวา คณฺหนํ. ปลาสตีติ ปลาโส, ปเรสํ คุเณ ฑํสิตฺวา ทนฺเตหิ วิย ฉินฺทิตฺวา อตฺตโน คุเณหิ สเม กโรตีติ อตฺโถ.
อุสูยนลกฺขณาติ ปเรสํ สกฺการาทีนิ ขิยฺยนลกฺขณา. มจฺเฉรสฺส ภาโว มจฺฉริยํ. ตฺจ อาวาสมจฺฉริยาทิวเสน ปฺจวิธนฺติ อาห ‘‘ปฺจมจฺเฉรภาโว มจฺฉริย’’นฺติ. มจฺฉรายนลกฺขณนฺติ อตฺตโน สมฺปตฺติยา ¶ ปเรหิ สาธารณภาเว อสหนลกฺขณํ. กตปฺปฏิจฺฉาทนลกฺขณาติ กตปาปปฺปฏิจฺฉาทนลกฺขณา. เกราฏิกภาเวน อุปฺปชฺชมานํ สาเยฺยนฺติ อาห ‘‘เกราฏิกลกฺขณํ สาเยฺย’’นฺติ. อฺถา อตฺตโน ปเวทนปุคฺคโล เกราฏิโก เนกติกวาณิโชติ วทนฺติ. เกราฏิโก หิ ปุคฺคโล อานนฺทมจฺโฉ วิย โหติ.
๑๘๗. ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเยติ ยถา อาภตํ กฺจิ อาหริตฺวา ปิโต, เอวํ อตฺตโน กมฺมุนา นิกฺขิตฺโต นิรเย ปิโตเยวาติ อตฺโถ.
๒. อกุสลเปยฺยาลํ
๑๙๑-๒๐๐. ทุกฺขสฺส วฑฺฒิ เอเตสนฺติ ทุกฺขวฑฺฒิกา. เย หิ ทุกฺขํ วฑฺเฒนฺติ, ปุนปฺปุนํ อุปฺปาเทนฺติ, ทุกฺขสฺส วฑฺฒิ เตสํ อตฺถีติ เอวํ วุตฺตํ. สุขวฑฺฒิกาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
๓. วินยเปยฺยาลํ
๒๐๑. อตฺถวเสติ ¶ วุทฺธิวิเสเส อานิสํสวิเสเส. เตสํ ปน สิกฺขาปทปฺตฺติการณตฺตา อาห ‘‘ทฺเว การณานิ สนฺธายา’’ติ. อตฺโถเยว วา อตฺถวโส, ทฺเว อตฺเถ ทฺเว การณานีติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา อตฺโถ ผลํ ตทธีนวุตฺติตาย วโส เอตสฺสาติ อตฺถวโส, การณนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยถา ‘‘อนภิชฺฌา ธมฺมปท’’นฺติ วุตฺเต อนภิชฺฌา เอโก ธมฺมโกฏฺาโสติ อตฺโถ โหติ. เอวมิธาปิ สิกฺขาปทนฺติ สิกฺขาโกฏฺาโส สิกฺขาย เอโก ปเทโสติ อยเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ สิกฺขาโกฏฺาโส ปิโต’’ติ.
สงฺฆสุฏฺุ นาม สงฺฆสฺส สุฏฺุภาโว ‘‘สุฏฺุ เทวา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๓๙) อาคตฏฺาเน วิย ‘‘สุฏฺุ, ภนฺเต’’ติ วจนสมฺปฏิจฺฉนภาโว. เตนาห ‘‘สงฺฆสุฏฺุตายาติ สงฺฆสฺส สุฏฺุภาวายา’’ติอาทิ. ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายาติ ทุมฺมงฺกู นาม ทุสฺสีลปุคฺคลา. เย มงฺกุตํ อาปาทิยมานาปิ ทุกฺเขน อาปชฺชนฺติ, วีติกฺกมํ กโรนฺตา วา กตฺวา วา ¶ น ลชฺชนฺติ, เตสํ นิคฺคหตฺถาย. เต หิ สิกฺขาปเท อสติ ‘‘กึ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ, กึ สุตํ, กึ อมฺเหหิ กตํ, กตรสฺมึ วตฺถุสฺมึ กตมํ อาปตฺตึ โรเปตฺวา อมฺเห นิคฺคณฺหถา’’ติ สงฺฆํ วิเหเสฺสนฺติ, สิกฺขาปเท ปน สติ เตสํ สงฺโฆ สิกฺขาปทํ ทสฺเสตฺวา ธมฺเมน วินเยน สตฺถุสาสเนน นิคฺคเหสฺสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายา’’ติ.
เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารายาติ เปสลานํ ปิยสีลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารตฺถาย. ปิยสีลา หิ ภิกฺขู กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ สาวชฺชานวชฺชํ เวลํ มริยาทํ อชานนฺตา สิกฺขตฺตยปาริปูริยา ฆฏมานา กิลมนฺติ, อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ, กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ ปน สาวชฺชานวชฺชํ เวลํ มริยาทฺจ ตฺวา สิกฺขตฺตยปาริปูริยา ฆเฏนฺตา น กิลมนฺติ, น อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ. เตน เตสํ สิกฺขาปทปฺปฺาปนา ผาสุวิหาราย สํวตฺตติ. โย วา ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคโห, สฺเวว เอเตสํ ผาสุวิหาโร. ทุสฺสีลปุคฺคเล นิสฺสาย หิ อุโปสโถ น ติฏฺติ, ปวารณา น ติฏฺติ, สงฺฆกมฺมานิ นปฺปวตฺตนฺติ, สามคฺคี น โหติ, ภิกฺขู อเนกคฺคา อุทฺเทสปริปุจฺฉากมฺมฏฺานาทีนิ อนุยฺุชิตุํ น สกฺโกนฺติ. ทุสฺสีเลสุ ปน นิคฺคหิเตสุ สพฺโพปิ อยํ อุปทฺทโว น โหติ, ตโต เปสลา ภิกฺขู ผาสุ วิหรนฺติ. เอวํ ‘‘เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารายา’’ติ เอตฺถ ทฺวิธา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
‘‘น ¶ โว อหํ, จุนฺท, ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) เอตฺถ วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.
‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖) –
เอตฺถ เตภูมกํ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา. อิธ ปน ปรูปวาทวิปฺปฏิสารวธพนฺธนาทโย เจว อปายทุกฺขภูตา จ นานปฺปการา อุปทฺทวา อาสวาติ อาห – ‘‘ทิฏฺธมฺเม อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว วีติกฺกมปจฺจยา ปฏิลทฺธพฺพาน’’นฺติอาทิ. ยทิ หิ ภควา สิกฺขาปทํ น ปฺาเปยฺย, ตโต อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนอทินฺนาทานปาณาติปาตาทิเหตุ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปรูปวาทาทโย ทิฏฺธมฺมิกา นานปฺปการา อนตฺถา, เย จ ตนฺนิมิตฺตเมว ¶ นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส ปฺวิธพนฺธนกมฺมการณาทิวเสน มหาทุกฺขานุภวนปฺปการา อนตฺถา, เต สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว, ตตฺถ ภวา ทิฏฺธมฺมิกา. สมฺปเรตพฺพโต เปจฺจ คนฺตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโก, ตตฺถ ภวา สมฺปรายิกา.
อกุสลเวรานนฺติ ปาณาติปาตาทิปฺจทุจฺจริตานํ. ตานิ เวรการณตฺตา ‘‘เวรานี’’ติ วุจฺจนฺติ, ปุคฺคเลสุ ปน อุปฺปชฺชมานานิ เวรานิ. เต เอว วา ทุกฺขธมฺมาติ เหฏฺา วุตฺตา วธพนฺธนาทโย. เตสํ ปกฺขุปจฺเฉทนตฺถายาติ เตสํ ปาปิจฺฉานํ ปกฺขุปจฺเฉทาย คณโภชนสทิสํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ. ปณฺฑิตมนุสฺสานนฺติ โลกิยปริกฺขกชนานํ. เต หิ สิกฺขาปทปฺตฺติยา สติ สิกฺขาปทปฺตฺตึ ตฺวา วา ยถาปฺตฺตํ ปฏิปชฺชมาเน ภิกฺขู ทิสฺวา วา – ‘‘ยานิ วต โลเก มหาชนสฺส รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนฏฺานานิ, เตหิ อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา อารกา วิหรนฺติ, ทุกฺกรํ วต กโรนฺติ, ภาริยํ วต กโรนฺตี’’ติ ปสาทํ อาปชฺชนฺติ วินยปิฏเก โปตฺถกํ ทิสฺวา มิจฺฉาทิฏฺิกตเวทิพฺราหฺมโณ วิย. อุปรูปริปสาทภาวายาติ ภิยฺโย ภิยฺโย ปสาทุปฺปาทนตฺถํ. เยปิ หิ สาสเน ปสนฺนา กุลปุตฺตา, เตปิ สิกฺขาปทปฺตฺตึ วา ตฺวา ยถาปฺตฺตํ ปฏิปชฺชมาเน ภิกฺขู วา ทิสฺวา ‘‘อโห, อยฺยา, ทุกฺกรการิโน, เย ยาวชีวํ เอกภตฺตํ พฺรหฺมจริยํ วินยสํวรํ อนุปาเลนฺตี’’ติ ภิยฺโย ภิยฺโย ปสีทนฺติ.
สทฺธมฺมสฺส ¶ จิรฏฺิตตฺถนฺติ ปริยตฺติสทฺธมฺโม, ปฏิปตฺติสทฺธมฺโม, อธิคมสทฺธมฺโมติ ติวิธสฺสปิ สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตตฺถํ. ตตฺถ ปิฏกตฺตยสงฺคหิตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ ปริยตฺติสทฺธมฺโม นาม. เตรส ธุตคุณา, จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิ, ทฺเวอสีติ มหาวตฺตานิ, สีลสมาธิวิปสฺสนาติ อยํ ปฏิปตฺติสทฺธมฺโม นาม. จตฺตาโร อริยมคฺคา จตฺตาริ จ สามฺผลานิ นิพฺพานฺจาติ อยํ อธิคมสทฺธมฺโม นาม. โส สพฺโพ ยสฺมา สิกฺขาปทปฺตฺติยา สติ ภิกฺขู สิกฺขาปทฺจ ตสฺส วิภงฺคฺจ ตทตฺถโชตนตฺถํ อฺฺจ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺติ, ยถาปฺตฺตฺจ ปฏิปชฺชมานา ปฏิปตฺตึ ปูเรตฺวา ปฏิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพํ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคจฺฉนฺติ, ตสฺมา สิกฺขาปทปฺตฺติยา จิรฏฺิติโก โหติ.
ปฺจวิธสฺสปิ ¶ วินยสฺสาติ ตทงฺควินยาทิวเสน ปฺจปฺปการสฺส วินยสฺส. วินยฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๓๙) ปน สิกฺขาปทปฺตฺติยา สติ สํวรวินโย จ ปหานวินโย จ สมถวินโย จ ปฺตฺติวินโย จาติ จตุพฺพิโธปิ วินโย อนุคฺคหิโต โหติ อุปตฺถมฺภิโต สุปตฺถมฺภิโต. เตน วุตฺตํ ‘‘วินยานุคฺคหายา’’ติ. ตตฺถ สํวรวินโยติ สีลสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ ปฺจวิโธปิ สํวโร ยถาสกํ สํวริตพฺพานํ วิเนตพฺพานฺจ กายทุจฺจริตาทีนํ สํวรณโต สํวโร, วินยนโต วินโยติ วุจฺจติ. ปหานวินโยติ ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปฺจวิธมฺปิ ปหานํ ยสฺมา จาคฏฺเน ปหานํ, วินยนฏฺเน วินโย, ตสฺมา ปหานวินโยติ วุจฺจติ. สมถวินโยติ สตฺต อธิกรณสมถา. ปฺตฺติวินโยติ สิกฺขาปทเมว. สิกฺขาปทปฺตฺติยา หิ วิชฺชมานาย เอว สิกฺขาปทสมฺภวโต สิกฺขาปทสงฺขาโต ปฺตฺติวินโยติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อนุคฺคหิโต โหติ.
๒๐๒-๒๓๐. ภิกฺขูนํ ปฺจาติ นิทานปาราชิกสงฺฆาทิเสสานิยตวิตฺถารุทฺเทสวเสน ปฺจ ภิกฺขูนํ อุทฺเทสา. ภิกฺขุนีนํ จตฺตาโรติ ภิกฺขูนํ วุตฺเตสุ อนิยตุทฺเทสํ เปตฺวา อวเสสา จตฺตาโร.
เอหิภิกฺขูปสมฺปทาติ ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ วจนมตฺเตน ปฺตฺตอุปสมฺปทา. ภควา หิ เอหิภิกฺขุภาวาย อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ปุคฺคลํ ทิสฺวา รตฺตปํสุกูลนฺตรโต สุวณฺณวณฺณํ ทกฺขิณหตฺถํ นีหริตฺวา พฺรหฺมโฆสํ นิจฺฉาเรนฺโต ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, จร พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ วทติ. ตสฺส สเหว ภควโต วจเนน คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายติ, ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ รุหติ, ภณฺฑุ กาสาววสโน โหติ – เอกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา เอกํ อํเส เปตฺวา วามอํสกูเฏ อาสตฺตนีลุปฺปลวณฺณมตฺติกาปตฺโต.
‘‘ติจีวรฺจ ¶ ปตฺโต จ, วาสิ สูจิ จ พนฺธนํ;
ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๕; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๔; ๒.๓๔๙; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๘; ปารา. อฏฺ. ๔๕ ปทภาชนียวณฺณนา; อป. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; พุ. วํ. อฏฺ. ๒๗.อวิทูเรนิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; มหานิ. อฏฺ. ๒๐๖) –
เอวํ ¶ วุตฺเตหิ อฏฺหิ ปริกฺขาเรหิ สรีเร ปฏิมุกฺเกหิเยว วสฺสสติกตฺเถโร วิย อิริยาปถสมฺปนฺโน พุทฺธาจริยโก พุทฺธุปชฺฌายโก สมฺมาสมฺพุทฺธํ วนฺทมาโนเยว ติฏฺติ.
สรณคมนูปสมฺปทาติ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติอาทินา นเยน ติกฺขตฺตุํ วาจํ ภินฺทิตฺวา วุตฺเตหิ ตีหิ สรณคมเนหิ อนฺุาตอุปสมฺปทา. โอวาทูปสมฺปทาติ โอวาทปฺปฏิคฺคหณอุปสมฺปทา. สา จ ‘‘ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ, ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ มชฺฌิเมสู’ติ. เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ยํ กิฺจิ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ, สพฺพํ ตํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กริตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณิสฺสามี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘สาตสหคตา จ เม กายคตาสติ น วิชหิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) อิมินา โอวาทปฺปฏิคฺคหเณน มหากสฺสปตฺเถรสฺส อนฺุาตอุปสมฺปทา.
ปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา นาม โสปากสฺส อนฺุาตอุปสมฺปทา. ภควา กิร ปุพฺพาราเม อนุจงฺกมนฺตํ โสปากสามเณรํ ‘‘อุทฺธุมาตกสฺาติ วา, โสปาก, รูปสฺาติ วา อิเม ธมฺมา นานตฺถา นานาพฺยฺชนา, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ ทส อสุภนิสฺสิเต ปฺเห ปุจฺฉิ. โส พฺยากาสิ. ภควา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘กติวสฺโสสิ, ตฺวํ โสปากา’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺตวสฺโสหํ ภควาติ. โสปาก, ตฺวํ มม สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ปฺเห พฺยากาสีติ อารทฺธจิตฺโต อุปสมฺปทํ อนุชานิ. อยํ ปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา.
ตฺติจตุตฺถอุปสมฺปทา นาม ภิกฺขูนํ เอตรหิ อุปสมฺปทา. ครุธมฺมูปสมฺปทาติ ครุธมฺมปฺปฏิคฺคหเณน อุปสมฺปทา. สา จ มหาปชาปติยา อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหเณน อนฺุาตา ¶ . อุภโตสงฺเฆ อุปสมฺปทา นาม ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถน, ภิกฺขุสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถนาติ อิเมหิ ทฺวีหิ กมฺเมหิ อนฺุาตา อฏฺวาจิกูปสมฺปทา. ทูเตน อุปสมฺปทา นาม อฑฺฒกาสิยา คณิกาย อนฺุาตา อุปสมฺปทา.
ตฺติกมฺมํ ¶ นว านานิ คจฺฉตีติ กตมานิ นว านานิ คจฺฉติ? โอสารณํ, นิสฺสารณํ, อุโปสโถ, ปวารณา, สมฺมุติ, ทานํ, ปฏิคฺคหํ, ปจฺจุกฺกฑฺฒนํ, กมฺมลกฺขณฺเว นวมนฺติ เอวํ วุตฺตานิ นว านานิ คจฺฉติ. ตตฺถ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปกฺโข, อนุสิฏฺโ โส มยา, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อาคจฺเฉยฺย, อาคจฺฉาหีติ วตฺตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๒๖) เอวํ อุปสมฺปทาเปกฺขสฺส โอสารณา โอสารณา นาม.
‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ธมฺมกถิโก, อิมสฺส เนว สุตฺตํ อาคจฺฉติ, โน สุตฺตวิภงฺโค, โส อตฺถํ อสลฺลกฺเขตฺวา พฺยฺชนจฺฉายาย อตฺถํ ปฏิพาหติ. ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ วุฏฺาเปตฺวา อวเสสา อิมํ อธิกรณํ วูปสเมยฺยามา’’ติ เอวํ อุพฺพาหิกวินิจฺฉเย ธมฺมกถิกสฺส ภิกฺขุโน นิสฺสารณา นิสฺสารณา นาม.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อุโปสถํ กเรยฺยา’’ติ เอวํ อุโปสถกมฺมวเสน ปิตา ตฺติ อุโปสโถ นาม.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อชฺช ปวารณา ปนฺนรสี. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ ปวาเรยฺยา’’ติ เอวํ ปวารณากมฺมวเสน ปิตา ตฺติ ปวารณา นาม.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส อายสฺมโต อุปสมฺปทาเปกฺโข. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ อนุสาเสยฺย’’นฺติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ อนุสาเสยฺยา’’ติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ อนฺตรายิเก ธมฺเม ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ อนฺตรายิเก ธมฺเม ปุจฺเฉยฺยา’’ติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามํ วินยํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ วินยํ ปุจฺเฉยฺยา’’ติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนาเมน วินยํ ปุฏฺโ ¶ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ, ‘‘ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนาเมน วินยํ ปุฏฺโ ¶ วิสฺสชฺเชยฺยา’’ติ เอวํ อตฺตานํ วา ปรํ วา สมฺมนฺนิตุํ ปิตา ตฺติ สมฺมุติ นาม.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อิทํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน นิสฺสคฺคิยํ สงฺฆสฺส นิสฺสฏฺํ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺยา’’ติ, ‘‘ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อายสฺมนฺตา อิมํ จีวรํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺยุ’’นฺติ เอวํ นิสฺสฏฺจีวรปตฺตาทีนํ ทานํ ทานํ นาม.
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ อาปตฺตึ สรติ วิวรติ อุตฺตานึ กโรติ เทเสติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺตึ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ, ‘‘ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อหํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน อาปตึ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ, เตน วตฺตพฺโพ ‘‘ปสฺสสี’’ติ? อาม ปสฺสามีติ. ‘‘อายตึ สํวเรยฺยาสี’’ติ เอวํ อาปตฺติปฺปฏิคฺคโห ปฏิคฺคโห นาม.
‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม กาเล ปวาเรยฺยามา’’ติ, เต เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ภณฺฑนการกา กลหการกา สงฺเฆ อธิกรณการกา ตํ กาลํ อนุวเสยฺยุํ, อาวาสิเกน ภิกฺขุนา พฺยตฺเตน ปฏิพเลน อาวาสิกา ภิกฺขู าเปตพฺพา ‘‘สุณนฺตุ เม, อายสฺมนฺตา อาวาสิกา, ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อิทานิ อุโปสถํ กเรยฺยาม, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาม, อาคเม ชุณฺเห ปวาเรยฺยามา’’ติ เอวํ กตา ปวารณา ปจฺจุกฺกฑฺฒนา นาม.
สพฺเพเหว เอกชฺฌํ สนฺนิปติตพฺพํ, สนฺนิปติตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํ. สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อฺมฺํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวตฺเตยฺย. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อิมํ อธิกรณํ ติณวตฺถารเกน วูปสเมยฺย เปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ, เปตฺวา คิหิปฏิสํยุตฺต’’นฺติ เอวํ ติณวตฺถารกสมเถ กตา สพฺพปมา สพฺพสงฺคาหิกตฺติ กมฺมลกฺขณํ นาม.
ตฺติทุติยํ ¶ กมฺมํ สตฺต านานิ คจฺฉตีติ กตมานิ สตฺต านานิ คจฺฉติ? โอสารณํ ¶ , นิสฺสารณํ, สมฺมุติ, ทานํ, อุทฺธรณํ, เทสนํ, กมฺมลกฺขณฺเว สตฺตมนฺติ เอวํ วุตฺตานิ สตฺต านานิ คจฺฉติ. ตตฺถ วฑฺฒสฺส ลิจฺฉวิโน ปตฺตนิกฺกุชฺชนวเสน ขนฺธเก วุตฺตา นิสฺสารณา, ตสฺเสว ปตอุกฺกุชฺชนวเสน วุตฺตา โอสารณา จ เวทิตพฺพา. สีมาสมฺมุติ ติจีวเรน อวิปฺปวาสสมฺมุติ สนฺถตสมฺมุติ ภตฺตุทฺเทสกเสนาสนคฺคาหาปกภณฺฑาคาริก- จีวรปฺปฏิคฺคาหก-จีวรภาชก-ยาคุภาชก-ผลภาชก-ขชฺชภาชก-อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชก- สาฏิยคฺคาหาปก-ปตฺตคฺคาหาปก-อารามิกเปสก-สามเณรเปสกสมฺมุตีติ เอตาสํ สมฺมุตีนํ วเสน สมฺมุติ เวทิตพฺพา. กินจีวรทานมตกจีวรทานวเสน ทานํ เวทิตพฺพํ. กินุทฺธารณวเสน อุทฺธาโร เวทิตพฺโพ. กุฏิวตฺถุวิหารวตฺถุเทสนาวเสน เทสนา เวทิตพฺพา. ยา ปน ติณวตฺถารกสมเถ สพฺพสงฺคาหิกตฺติฺจ เอเกกสฺมึ ปกฺเข เอเกกํ ตฺติฺจาติ ติสฺโสปิ ตฺติโย เปตฺวา ปุน เอกสฺมึ ปกฺเข เอกา, เอกสฺมึ ปกฺเข เอกาติ ทฺเวปิ ตฺติทุติยกมฺมวาจา วุตฺตา. ตาสํ วเสน กมฺมลกฺขณํ เวทิตพฺพํ.
ตฺติจตุตฺถกมฺมํ สตฺต านานิ คจฺฉตีติ กตมานิ สตฺต านานิ คจฺฉติ? โอสารณํ, นิสฺสารณํ, สมฺมุติ, ทานํ, นิคฺคหํ, สมนุภาสนํ, กมฺมลกฺขณฺเว สตฺตมนฺติ เอวํ วุตฺตานิ สตฺต านานิ คจฺฉติ. ตตฺถ ตชฺชนียกมฺมาทีนํ สตฺตนฺนํ กมฺมานํ วเสน นิสฺสารณา, เตสํเยว จ กมฺมานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน โอสารณา เวทิตพฺพา. ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติวเสน สมฺมุติ เวทิตพฺพา. ปริวาสทานมานตฺตทานวเสน ทานํ เวทิตพฺพํ. มูลายปฏิกสฺสนกมฺมวเสน นิคฺคโห เวทิตพฺโพ. อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา, อฏฺ ยาวตติยกา, อริฏฺโ, จณฺฑกาฬี จ อิเมเต ยาวตติยกาติ อิมาสํ เอกาทสนฺนํ สมนุภาสนานํ วเสน สมนุภาสนา เวทิตพฺพา. อุปสมฺปทกมฺมอพฺภานกมฺมวเสน กมฺมลกฺขณํ เวทิตพฺพํ.
ธมฺมสมฺมุขตาติอาทีสุ เยน ธมฺเมน, เยน วินเยน, เยน สตฺถุสาสเนน สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, อยํ ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา, สตฺถุสาสนสมฺมุขตา. ตตฺถ ธมฺโมติ ภูตวตฺถุ. วินโยติ โจทนา เจว สารณา จ. สตฺถุสาสนํ นาม ตฺติสมฺปทา เจว อนุสาวนสมฺปทา จ. ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ¶ ฉนฺโท อาหโฏ โหติ, สมฺมุขีภูตา นปฺปฏิกฺโกสนฺติ, อยํ สงฺฆสมฺมุขตา. ยสฺส สงฺโฆ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตา. เสสเมตฺถ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมว.
อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย
ทุกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
องฺคุตฺตรนิกาเย
ติกนิปาต-ฏีกา
๑. ปมปณฺณาสกํ
๑. พาลวคฺโค
๑. ภยสุตฺตวณฺณนา
๑. ติกนิปาตสฺส ¶ ¶ ปเม ภยนฺติ ภีติ เจตโส พฺยโธติ อาห ‘‘จิตฺตุตฺราโส’’ติ. อุปทฺทโวติ อนฺตราโย. ตสฺส ปน วิกฺเขปการณตฺตา วุตฺตํ ‘‘อเนกคฺคตากาโร’’ติ. อุปสคฺโคติ อุปสชฺชนํ, เทวโตปปีฬาทินา อปฺปฏิการวิฆาตาปตฺติ. สา ปน ยสฺมา ปฏิการาภาเวน วิหฺมานสฺส กิฺจิ กาตุํ อสมตฺถสฺส โอสีทนการณํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ลคฺคนากาโร’’ติ. ยถาวุตฺเต ทิวเส อนาคจฺฉนฺเตสูติ วฺเจตฺวา อาคนฺตุํ นิยมิตทิวเส อนาคจฺฉนฺเตสุ. ทฺวาเร อคฺคึ ทตฺวาติ พหิ อนิกฺขมนตฺถาย ทฺวาเร อคฺคึ ทตฺวา.
นเฬหิ ¶ ฉนฺนปฏิจฺฉนฺนาติ นเฬหิ ติณจฺฉทนสงฺเขเปน อุปริ ฉาเทตฺวา เตหิเยว ทารุกุฏิกนิยาเมน ปริโตปิ ฉาทิตา. เอเสว นโยติ อิมินา ติเณหิ ฉนฺนตํ เสสสมฺภารานํ รุกฺขมยตฺจ อติทิสติ.
วิธวปุตฺเตติ อนฺตภาโวปลกฺขณํ. เต หิ นิปฺปิติกา อวินีตา อสํยตา ยํ กิฺจิ การิโน. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
ภยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ลกฺขณสุตฺตวณฺณนา
๒. ทุติเย ลกฺขียติ พาโล อยนฺติ ายติ เอเตนาติ ลกฺขณํ, กมฺมํ ลกฺขณเมตสฺสาติ กมฺมลกฺขโณติ อาห ‘‘กายทฺวาราทิปวตฺตํ กมฺม’’นฺติอาทิ. อปทียนฺติ โทสา เอเตน รกฺขียนฺติ, ลูยนฺติ ฉิชฺชนฺติ วาติ อปทานํ, สตฺตานํ สมฺมา, มิจฺฉา วา ปวตฺตปฺปโยโค. เตน โสภตีติ อปทานโสภนี ¶ . เตนาห ‘‘ปฺา นามา’’ติอาทิ. อตฺตโน จริเตเนวาติ อตฺตโน จริยาย เอว. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
ลกฺขณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓-๔. จินฺตีสุตฺตาทิวณฺณนา
๓-๔. ตติเย เอเตหีติ ทุจฺจินฺติตจินฺติตาทีหิ. เอเตน ลกฺขณสทฺทสฺส สรณตฺถตมาห. ตาเนวาติ ลกฺขณานิ เอว. อสฺสาติ พาลสฺส. พาโล อยนฺติ นิมียติ สฺชานียติ เอเตหีติ พาลนิมิตฺตานิ. อปทานํ วุจฺจติ, วิขฺยาตํ กมฺมํ, ทุจฺจินฺติตจินฺติตาทีนิ จ พาเล วิขฺยาตานิ อสาธารณภาเวน. ตสฺมา ‘‘พาลสฺส อปทานานี’’ติ. อภิชฺฌาทีหิ ทุฏฺํ ทูสิตํ จินฺติตํ ทุจฺจินฺติตํ, ตํ จินฺเตตีติ ทุจฺจินฺติตจินฺตี. โลภาทีหิ ทุฏฺํ ภาสิตํ มุสาวาทาทึ ภาสตีติ ทุพฺภาสิตภาสี. เตสํเยว วเสน กตฺตพฺพโต ทุกฺกฏกมฺมํ ปาณาติปาตาทึ กโรตีติ ทุกฺกฏกมฺมการี. เตนาห ‘‘จินฺตยนฺโต’’ติอาทิ. วุตฺตานุสาเรนาติ ‘‘พาโล อย’’นฺติอาทินา วุตฺตสฺส อตฺถวจนสฺส ‘‘ปณฺฑิโต อยนฺติ เอเตหิ ลกฺขียตี’’ติอาทินา อนุสฺสรเณน. มโนสุจริตาทีนํ วเสนาติ ‘‘จินฺตยนฺโต อนภิชฺฌาพฺยาปาทสมฺมาทสฺสนวเสน ¶ สุจินฺติตเมว จินฺเตตี’’ติอาทินา มโนสุจริตาทีนํ ติณฺณํ สุจริตานํ วเสน โยเชตพฺพานิ. จตุตฺถํ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมว.
จินฺตีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕-๑๐. อโยนิโสสุตฺตาทิวณฺณนา
๕-๑๐. ปฺจเม กติ นุ โข อนุสฺสติฏฺานานีติอาทิ ฉกฺเก อาวิ ภวิสฺสตีติ. เอวํ จินฺติตนฺติ อโยนิโส จินฺติตํ. อปฺหเมว ปฺหนฺติ กเถสีติ อปฺหเมว ปฺโห อยนฺติ มฺมาโน วิสฺสชฺเชสิ. ทสวิธํ พฺยฺชนพุทฺธึ อปริหาเปตฺวาติ –
‘‘สิถิลํ ¶ ธนิตฺจ ทีฆรสฺสํ, ครุกํ ลหุกฺจ นิคฺคหีตํ;
สมฺพนฺธํ ววตฺถิตํ วิมุตฺตํ, ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโท’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๑; ปริ. อฏฺ. ๔๘๕; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๒๕๒) –
เอวํ วุตฺตํ ทสวิธํ พฺยฺชนพุทฺธึ อปริหาเปตฺวา.
ตตฺถ านกรณานิ สิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ อกฺขรํ สิถิลํ, ตานิเยว ธนิตานิ อสิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ อกฺขรํ ธนิตํ. ทฺวิมตฺตกาลํ ทีฆํ, เอกมตฺตกาลํ รสฺสํ. ครุกนฺติ ทีฆเมว, ยํ วา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺสา’’ติ สํโยคปรํ กตฺวา วุจฺจติ, ลหุกนฺติ รสฺสเมว, ยํ วา ‘‘อายสฺมโต พุทฺธรกฺขิตเถรสฺสา’’ติ เอวํ วิสํโยคปรํ กตฺวา วุจฺจติ. นิคฺคหีตนฺติ ยํ กรณานิ นิคฺคเหตฺวา อวิสฺสชฺเชตฺวา อวิวเฏน มุเขน สานุนาสิกํ กตฺวา วตฺตพฺพํ. สมฺพนฺธนฺติ ยํ ปรปเทน สมฺพนฺธิตฺวา ‘‘ตุณฺหสฺสา’’ติ วุจฺจติ. ววตฺถิตนฺติ ยํ ปรปเทน อสมฺพนฺธํ กตฺวา วิจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ตุณฺหี อสฺสา’’ติ วุจฺจติ. วิมุตฺตนฺติ ยํ กรณานิ อนิคฺคเหตฺวา วิสฺสชฺเชตฺวา วิวเฏน มุเขน สานุนาสิกํ อกตฺวา วุจฺจติ. ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโทติ เอวํ สิถิลาทิวเสน พฺยฺชนพุทฺธิยา อกฺขรุปฺปาทกจิตฺตสฺส ทสปฺปกาเรน ปเภโท. สพฺพานิ หิ อกฺขรานิ จิตฺตสมุฏฺานานิ ยถาธิปฺเปตตฺถพฺยฺชนโต พฺยฺชนานิ จ.
‘‘อฏฺานํ ¶ โข เอตํ, อาวุโส สาริปุตฺตา’’ติอาทิ ปฺจเก อาวิ ภวิสฺสติ. ‘‘กติ นุ โข, อานนฺท, อนุสฺสติฏฺานานี’’ติอาทิ ปน ฉกฺเก อาวิ ภวิสฺสติ. ฉฏฺาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.
อโยนิโสสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
พาลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. รถการวคฺโค
๑. าตสุตฺตวณฺณนา
๑๑. ทุติยสฺส ปเม าโตเยว ปฺาโตติ อาห ‘‘าโต ปฺาโต’’ติ. กสฺส อนนุโลมิเกติ อาห ‘‘สาสนสฺสา’’ติ, สาสนสฺส อนนุโลมิเก อปฺปติรูเปติ อตฺโถ. อิทานิ อนนุโลมิกสทฺทสฺส นิพฺพจนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘น อนุโลเมตีติ อนนุโลมิก’’นฺติ อาห ¶ . สาสนสฺสาติ วา สาสนนฺติ อตฺโถ. สาสนํ น อนุโลเมตีติ อนนุโลมิกนฺติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. สภาควิสภาคนฺติ ลิงฺคโต สภาควิสภาคํ. ‘‘วิยปุคฺคเล’’ติ อาหาติ ลิงฺคสภาเคหิ อวิเสเสตฺวา อาห. อุมฺมาทํ ปาปุณีติ โส กิร สีลํ อธิฏฺาย ปิหิตทฺวารคพฺเภ สยนปิฏฺเ นิสีทิตฺวา ภริยํ อารพฺภ เมตฺตํ ภาเวนฺโต เมตฺตามุเขน อุปฺปนฺเนน ราเคน อนฺธีกโต ภริยาย สนฺติกํ คนฺตุกาโม ทฺวารํ อสลฺลกฺเขตฺวา ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวาปิ นิกฺขมิตุกามตาย ภิตฺตึ ปหรนฺโต สพฺพรตฺตึ ภิตฺติยุทฺธมกาสิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
าตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สารณียสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย จตุปาริสุทฺธิสีลมฺปิ ปพฺพชฺชานิสฺสิตเมวาติ อิมินา ปพฺพชฺชูปคตสมนนฺตรเมว จตุปาริสุทฺธิสีลมฺปิ สมาทินฺนเมว โหตีติ ทสฺเสติ. มคฺคสนฺนิสฺสิตาเนว โหนฺตีติ ¶ มคฺคาธิคมตฺถาย ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา กสิณปริกมฺมาทีนิ มคฺคสนฺนิสฺสิตาเนว โหนฺติ, ตสฺมา มคฺคคฺคหเณเนว เตสมฺปิ คหณํ เวทิตพฺพํ, เตหิ วินา มคฺคาธิคมสฺส อสมฺภวโตติ อธิปฺปาโย.
อคฺคมคฺคาธิคเมน อสมฺโมหปฺปฏิเวธสฺส สิขาปตฺตตฺตา มคฺคธมฺเมสุ วิย ผลธมฺเมสุปิ สาติสโย อสมฺโมโหติ ‘‘สยํ อภิฺา’’ติ วุตฺตํ, สามํ ชานิตฺวาติ อตฺโถ. ตถา ชานนา ปนสฺส สจฺฉิกรณํ อตฺตปจฺจกฺขกิริยาติ ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อตฺตนาว อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา’’ติ. ตถา สจฺฉิกิริยา จสฺส อตฺตนิ ปฏิลาโภติ ‘‘อุปสมฺปชฺชา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปฏิลภิตฺวา’’ติ.
สารณียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อาสํสสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ตติเย สนฺโตติ เอตฺถ สนฺต-สทฺโท ‘‘ทีฆํ สนฺตสฺส โยชน’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๐) กิลนฺตภาเว อาคโต. ‘‘อยฺจ วิตกฺโก, อยฺจ วิจาโร ¶ สนฺโต โหนฺติ สมิตา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๗๖) นิรุทฺธภาเว. ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม, คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗-๘) สนฺตาณโคจรตายํ. ‘‘อุปสนฺตสฺส สทา สติมโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๗) กิเลสวูปสเม. ‘‘สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๕๑) สาธูสุ. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, มหาโจรา สนฺโต สํวิชฺชมานา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๙๕) อตฺถิภาเว. อิธาปิ อตฺถิภาเวเยวาติ อาห ‘‘สนฺโตติ อตฺถิ อุปลพฺภนฺตี’’ติ. ตตฺถ อตฺถีติ โลกสงฺเกตวเสน สํวิชฺชนฺติ. อตฺถิภาโว เหตฺถ ปุคฺคลสมฺพนฺเธน วุตฺตตฺตา โลกสมฺาวเสเนว เวทิตพฺโพ, น ปรมตฺถวเสน. อตฺถีติ เจตํ นิปาตปทํ ทฏฺพฺพํ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๑๐) วิย.
สํวิชฺชมานาติ อุปลพฺภมานา. ยฺหิ สํวิชฺชติ, ตํ อุปลพฺภติ. เตนาห ‘‘สํวิชฺชมานาติ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. อนาโสติ ปตฺถนารหิโต. เตนาห ‘‘อปตฺถโน’’ติ. อาสํสติ ปตฺเถตีติ อาสํโส. เวณุเวตฺตาทิวิลีเวหิ สุปฺปาทิภาชนการกา วิลีวการกา. มิคมจฺฉาทีนํ นิสาทนโต เนสาทา, มาควิกมจฺฉพนฺธาทโย. รเถสุ จมฺเมน นหนกรณโต รถการา ¶ , ธมฺมการา. ปุอิติ กรีสสฺส นามํ, ตํ กุเสนฺติ อปเนนฺตีติ ปุกฺกุสา, ปุปฺผจฺฉฑฺฑกา.
ทุพฺพณฺโณติ วิรูโป. โอโกฏิมโกติ อาโรหาภาเวน เหฏฺิมโก, รสฺสกาโยติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ลกุณฺฑโก’’ติ. ลกุ วิย ฆฏิกา วิย เฑติ ปวตฺตตีติ หิ ลกุณฺฑโก, รสฺโส. กณติ นิมีลตีติ กาโณ. ตํ ปนสฺส นิมีลนํ เอเกน อกฺขินา ทฺวีหิปิ จาติ อาห ‘‘เอกกฺขิกาโณ วา อุภยกฺขิกาโณ วา’’ติ. กุณนํ กุโณ, หตฺถเวกลฺลํ. ตํ เอตสฺส อตฺถีติ กุณี. ขฺโช วุจฺจติ ปาทวิกโล. เหฏฺิมกายสงฺขาโต สรีรสฺส ปกฺโข ปเทโส หโต อสฺสาติ ปกฺขหโต. เตนาห ‘‘ปีสปฺปี’’ติ. ปทีเป ปทีปเน เอตพฺพํ เนตพฺพนฺติ ปทีเปยฺยํ, เตลาทิอุปกรณํ.
อาสํ น กโรตีติ รชฺชาภิเสเก กนิฏฺโ ปตฺถนํ น กโรติ เชฏฺเ สติ กนิฏฺสฺส อนธิการตฺตา. อภิเสกํ อรหตีติ อภิเสการโห, น อภิเสการโห กาณกุณิอาทิโทสสมนฺนาคโต.
สีลสฺส ¶ ทุฏฺุ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อภาวตฺโถ อิธ ทุ-สทฺโทติ อาห ‘‘นิสฺสีโล’’ติ. ‘‘ปาปํ ปาเปน สุกร’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๔๘; จูฬว. ๓๔๓) วิย ปาป-สทฺโท นิหีนปริยาโยติ อาห ‘‘ลามกธมฺโม’’ติ. สีลวิปตฺติยา วา ทุสฺสีโล. ทิฏฺิวิปตฺติยา ปาปธมฺโม. กายวาจาสํวรเภเทน วา ทุสฺสีโล, มโนสํวรเภเทน, สติสํวราทิเภเทน วา ปาปธมฺโม. อสุทฺธปฺปโยคตาย ทุสฺสีโล, อสุทฺธาสยตาย ปาปธมฺโม. กุสลสีลวิรเหน ทุสฺสีโล, อกุสลสีลสมนฺนาคเมน ปาปธมฺโม. อสุจีหีติ อปริสุทฺเธหิ. สงฺกาหิ สริตพฺพสมาจาโรติ ‘‘อิมสฺส มฺเ อิทํ กมฺม’’นฺติ เอวํ ปเรหิ สงฺกาย สริตพฺพสมาจาโร. เตนาห ‘‘กิฺจิเทวา’’ติอาทิ. อตฺตนาเยว วา สงฺกาหิ สริตพฺพสมาจาโรติ เอเตนปิ กมฺมสาธนตํเยว สงฺกสฺสรสทฺทสฺส ทสฺเสติ. อตฺตโน สงฺกาย ปเรสํ สมาจารกิริยํ สรติ อาสงฺกติ วิธาวตีติปิ สงฺกสฺสรสมาจาโรติ เอวเมตฺถ กตฺตุสาธนตาปิ ทฏฺพฺพา. ตสฺส หิ ทฺเว ตโย ชเน กเถนฺเต ทิสฺวา ‘‘มม โทสํ มฺเ กเถนฺตี’’ติ เตสํ สมาจารํ สงฺกาย สรติ ธาวติ.
เอวํปฏิฺโติ สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘กิตฺตกา วิหาเร สมณา’’ติ คณนาย อารทฺธาย ‘‘อหมฺปิ สมโณ, อหมฺปิ สมโณ’’ติ ปฏิฺํ ทตฺวา สลากคฺคหณาทีนิ กโรตีติ สมโณ อหนฺติ ¶ เอวํสมณปฺปฏิฺโ. สุมฺภกปตฺตธเรติ มตฺติกาปตฺตธเร. ปูตินา กมฺเมนาติ สํกิลิฏฺกมฺเมน, นิคฺคุณตาย วา คุณสารวิรหิตตฺตา อนฺโตปูติ. กสมฺพุกจวโร ชาโต สฺชาโต อสฺสาติ กสมฺพุชาโตติ อาห ‘‘สฺชาตราคาทิกจวโร’’ติ. อถ วา กสมฺพุ วุจฺจติ ตินฺตกุณปกสฏํ อุทกํ, อิมสฺมิฺจ สาสเน ทุสฺสีโล นาม ชิคุจฺฉนียตฺตา ตินฺตกุณปอุทกสทิโส, ตสฺมา กสมฺพุ วิย ชาโตติ กสมฺพุชาโต. โลกุตฺตรธมฺมอุปนิสฺสยสฺส นตฺถิตายาติ ยตฺถ ปติฏฺิเตน สกฺกา ภเวยฺย อรหตฺตํ ลทฺธุํ, ตสฺสา ปติฏฺาย ภินฺนตฺตา วุตฺตํ. มหาสีลสฺมึ ปริปูรการิตายาติ ยตฺถ ปติฏฺิเตน สกฺกา ภเวยฺย อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ, ตสฺมึ ปริปูรการิตาย.
อาสํสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ ¶ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหีติ ทานปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาสงฺขาเตหิ จตูหิ สงฺคหการเณหิ. จกฺกํ วตฺเตตีติ อาณาจกฺกํ ปวตฺเตติ. จกฺกนฺติ วา อิธ รตนจกฺกํ เวทิตพฺพํ. อยฺหิ จกฺกสทฺโท สมฺปตฺติยํ, ลกฺขเณ, รถงฺเค, อิริยาปเถ, ทาเน, รตนธมฺมขุรจกฺกาทีสุ จ ทิสฺสติ. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสาน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๑) หิ สมฺปตฺติยํ ทิสฺสติ. ‘‘ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕; ๓.๒๐๔) เอตฺถ ลกฺขเณ. ‘‘จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๑) เอตฺถ รถงฺเค. ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวาร’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๙) เอตฺถ อิริยาปเถ. ‘‘ททํ ภฺุช มา จ ปมาโท, จกฺกํ วตฺตย สพฺพปาณิน’’นฺติ (ชา. ๑.๗.๑๔๙) เอตฺถ ทาเน. ‘‘ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุรโหสี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๔๓) เอตฺถ รตนจกฺเก. ‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺก’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๖๒) เอตฺถ ธมฺมจกฺเก. ‘‘อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ (ชา. ๑.๕.๑๐๓) เอตฺถ ขุรจกฺเก. ‘‘ขุรปริยนฺเตน จกฺเกนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๖) เอตฺถ ปหรณจกฺเก. ‘‘อสนิวิจกฺก’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๖๑) เอตฺถ อสนิมณฺฑเล. อิธ ปนายํ รตนจกฺเก ทฏฺพฺโพ.
กิตฺตาวตา ปนายํ จกฺกวตฺตี นาม โหติ? เอกงฺคุลทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ จกฺกรตนํ อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวตฺตติ. สพฺพจกฺกวตฺตีนฺหิ นิสินฺนาสนโต อุฏฺหิตฺวา จกฺกรตนสมีปํ คนฺตฺวา หตฺถิโสณฺฑสทิสปนาฬึ สุวณฺณภิงฺคารํ อุกฺขิปิตฺวา อุทเกน อพฺภุกฺกิริตฺวา ‘‘อภิวิชินาตุ ¶ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติ วจนสมนนฺตรเมว เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา จกฺกรตนํ ปวตฺตตีติ. ยสฺส ปวตฺติสมกาลเมว, โส ราชา จกฺกวตฺตี นาม โหติ.
ธมฺโมติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺโม, ทสวิธํ วา จกฺกวตฺติวตฺตํ. ทสวิเธ วา กุสลธมฺเม อครหิเต วา ราชธมฺเม นิยุตฺโตติ ธมฺมิโก. เตน จ ธมฺเมน สกลโลกํ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ธมฺเมน วา ลทฺธรชฺชตฺตา ธมฺมราชา. จกฺกวตฺตีหิ ธมฺเมน าเยน รชฺชํ อธิคจฺฉติ, น อธมฺเมน. ทสวิเธน จกฺกวตฺติวตฺเตนาติ ทสปฺปเภเทน จกฺกวตฺตีนํ วตฺเตน.
กึ ¶ ปน ตํ ทสวิธํ จกฺกวตฺติวตฺตนฺติ? วุจฺจเต –
‘‘กตมํ ปน ตํ, เทว, อริยํ จกฺกวตฺติวตฺตนฺติ? เตน หิ ตฺวํ, ตาต, ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ มาเนนฺโต ธมฺมํ ปูเชนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหสฺสุ อนฺโตชนสฺมึ พลกายสฺมึ ขตฺติเยสุ อนุยนฺเตสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคมชานปเทสุ สมณพฺราหฺมเณสุ มิคปกฺขีสุ. มา จ เต, ตาต, วิชิเต อธมฺมกาโร ปวตฺติตฺถ. เย จ เต, ตาต, วิชิเต อธนา อสฺสุ, เตสฺจ ธนมนุปฺปเทยฺยาสิ. เย จ เต, ตาต, วิชิเต สมณพฺราหฺมณา มทปฺปมาทา ปฏิวิรตา ขนฺติโสรจฺเจ นิวิฏฺา เอกมตฺตานํ ทเมนฺติ, เอกมตฺตานํ สเมนฺติ, เอกมตฺตานํ ปรินิพฺพาเปนฺติ. เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺเฉยฺยาสิ ปริคฺคณฺเหยฺยาสิ – ‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ กึ อกุสลํ, กึ สาวชฺชํ กึ อนวชฺชํ, กึ เสวิตพฺพํ กึ น เสวิตพฺพํ, กึ เม กริยมานํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย อสฺส, กึ วา ปน เม กริยมานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อสฺสา’ติ. เตสํ สุตฺวา ยํ อกุสลํ, ตํ อภินิวชฺเชยฺยาสิ, ยํ กุสลํ, ตํ สมาทาย วตฺเตยฺยาสิ. อิทํ โข, ตาต, ตํ อริยํ จกฺกวตฺติวตฺต’’นฺติ –
เอวํ จกฺกวตฺติสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๘๔) อาคตนเยน อนฺโตชนสฺมึ พลกาเย เอกํ, ขตฺติเยสุ เอกํ, อนุยนฺเตสุ เอกํ, พฺราหฺมณคหปติเกสุ เอกํ, เนคมชานปเทสุ เอกํ, สมณพฺราหฺมเณสุ เอกํ, มิคปกฺขีสุ เอกํ, อธมฺมการปฺปฏิกฺเขโป เอกํ, อธนานํ ธนานุปฺปทานํ เอกํ, สมณพฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหปุจฺฉนํ เอกนฺติ เอวเมวํ ตํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ทสวิธํ โหติ. คหปติเก ปน ปกฺขิชาเต จ วิสุํ กตฺวา คณฺหนฺตสฺส ทฺวาทสวิธํ โหติ.
อฺถา ¶ วตฺติตุํ อเทนฺโต โส ธมฺโม อธิฏฺานํ เอตสฺสาติ ตทธิฏฺานํ. เตน ตทธิฏฺาเนน เจตสา. สกฺกโรนฺโตติ อาทรกิริยาวเสน กโรนฺโต. เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ครุํ กโรนฺโตติ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณวเสน ครุํ กโรนฺโต. เตเนวาห ¶ ‘‘ตสฺมึ คารวุปฺปตฺติยา’’ติ. ธมฺมาธิปติภูตาคตภาเวนาติ อิมินา ยถาวุตฺตธมฺมสฺส เชฏฺกภาเวน ปุริมตรํ อตฺตภาเวสุ สกฺกจฺจํ สมุปจิตภาวํ ทสฺเสติ. ธมฺมวเสเนว จ สพฺพกิริยานํ กรเณนาติ เอเตน านนิสชฺชาทีสุ ยถาวุตฺตธมฺมนินฺนโปณปพฺภารภาวํ ทสฺเสติ. อสฺสาติ รกฺขาวรณคุตฺติยา. ปรํ รกฺขนฺโตติ อฺํ ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺถโต รกฺขนฺโต. เตเนว ปรรกฺขสาธเนน ขนฺติอาทิคุเณน อตฺตานํ ตโต เอว รกฺขติ. เมตฺตจิตฺตตาติ เมตฺตจิตฺตตาย. นิวาสนปารุปนเคหาทีนิ สีตุณฺหาทิปฺปฏิพาหเนน อาวรณํ.
อนฺโตชนสฺมินฺติ อพฺภนฺตรภูเต ปุตฺตทาราทิชเน. สีลสํวเร ปติฏฺาเปนฺโตติ อิมินา รกฺขํ ทสฺเสติ. วตฺถคนฺธมาลาทีนิ จสฺส ททมาโนติ อิมินา อาวรณํ, อิตเรน คุตฺตึ. สมฺปทาเนนปีติ ปิ-สทฺเทน สีลสํวเรสุ ปติฏฺาปนาทีนํ สมฺปิณฺเฑติ. เอส นโย ปเรสุปิ ปิ-สทฺทคฺคหเณ. นิคโม นิวาโส เอเตสนฺติ เนคมา. เอวํ ชานปทาติ อาห ‘‘ตถา นิคมวาสิโน’’ติอาทินา.
รกฺขาวรณคุตฺติยา กายกมฺมาทีสุ สํวิทหนํ ปนํ นาม ตทุปเทโสเยวาติ วุตฺตํ ‘‘กเถตฺวา’’ติ. เอเตสูติ ปาฬิยํ วุตฺเตสุ สมณาทีสุ. ปฏิวตฺเตตุํ น สกฺกา ขีณานํ กิเลสานํ ปุน อนุปฺปชฺชนโต. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สเจตนสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม อิสโย ปตนฺติ สนฺนิปตนฺติ เอตฺถาติ อิสิปตนนฺติ อาห ‘‘พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสงฺขาตาน’’นฺติอาทิ. สพฺพูปกรณานิ สชฺเชตฺวาติ สพฺพานิ รุกฺขสฺส เฉทนตจฺฉนาทิสาธนานิ อุปกรณานิ รฺา อาณตฺตทิวเสเยว สชฺเชตฺวา. นานา กรียติ เอเตนาติ นานากรณํ, นานาภาโวติ อาห ‘‘นานตฺต’’นฺติ. เนสนฺติ สรโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘น เอส’’นฺติ. ตถา อตฺเถสนฺติ เอตฺถาปีติ อาห ‘‘อตฺถิ เอส’’นฺติ. ปวตฺตนตฺถํ อภิสงฺขรณํ อภิสงฺขาโร, ตสฺส คติ เวคสา ปวตฺติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘ปโยคสฺส คมน’’นฺติ.
สคณฺฑาติ ¶ ¶ ขุทฺทานุขุทฺทกคณฺฑา. เตนาห ‘‘อุณฺณโตณตฏฺานยุตฺตา’’ติ. สกสาวาติ สกสฏา. เตนาห ‘‘ปูติสาเรนา’’ติอาทิ. เอวํ คุณปตเนน ปติตาติ ยถา ตํ จกฺกํ นาภิอรเนมีนํ สโทสตาย น ปติฏฺาสิ, เอวเมกจฺเจ ปุคฺคลา กายวงฺกาทิวเสน สโทสตาย คุณปตเนน ปติตา สกฏฺาเน น ติฏฺนฺติ. เอตฺถ จ ผรุสวาจาทโยปิ อปายคมนียา โสตาปตฺติมคฺเคเนว ปหียนฺตีติ ทฏฺพฺพา.
สเจตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อปณฺณกสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ วิรชฺฌนกิริยา นาม ปจฺฉา สมาทาตพฺพตาย อปณฺณกปฺปโยคสมาทานา วิย โหติ, อวิรชฺฌนกิริยา ปน ปจฺฉา อสมาทาตพฺพตาย อนูนาติ ตํสมงฺคิปุคฺคโล อปณฺณโก, ตสฺส ภาโว อปณฺณกตาติ อาห ‘‘อปณฺณกปฏิปทนฺติ อวิรทฺธปฏิปท’’นฺติอาทิ. ยสฺมา สา อธิปฺเปตตฺถสาธเนน เอกํสิกา วฏฺฏโต นิยฺยานาวหา, ตตฺถ จ ยุตฺติยุตฺตา อสาราปคตา อวิรุทฺธตาย อปจฺจนีกา อนุโลมิกา อนุธมฺมภูตา จ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอกํสปฏิปท’’นฺติอาทิ. น ตกฺกคฺคาเหน วา นยคฺคาเหน วาติ ตกฺกคฺคาเหน วา ปฏิปนฺโน น โหติ นยคฺคาเหน วา อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺโน. ตตฺถ ตกฺกคฺคาเหน วาติ อาจริยํ อลภิตฺวา ‘‘เอวํ เม สุคติ, นิพฺพานํ วา ภวิสฺสตี’’ติ อตฺตโน ตกฺกคฺคหณมตฺเตน. นยคฺคาเหนาติ ปจฺจกฺขโต อทิสฺวา นยโต อนุมานโต คหเณน. เอวํ คเหตฺวา ปฏิปนฺโนติ ตกฺกมตฺเตน, นยคฺคาเหน วา ปฏิปนฺโน. ปณฺฑิตสตฺถวาโห วิย สมฺปตฺตีหิ น ปริหายตีติ โยชนา.
ยํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ปริหานฺจ อปริหานฺจ สนฺธาย ชาตเก (ชา. ๑.๑.๑) วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ คาถาย อตฺถโยชนา – อปณฺณกํ านํ อวิรทฺธการณํ นิยฺยานิกการณํ เอเก โพธิสตฺตปฺปมุขา ปณฺฑิตมนุสฺสา คณฺหึสุ. เย ปน เต พาลสตฺถวาหปุตฺตปฺปมุขา ตกฺกิกา อาหุ, เต ทุติยํ สาปราธํ ¶ อเนกํสิกํ านํ อนิยฺยานิกํ การณํ อคฺคเหสุํ, เต กณฺหปฏิปทํ ปฏิปนฺนา. ตตฺถ สุกฺกปฏิปทา อปริหานิปฏิปทา, กณฺหปฏิปทา ปริหานิปฏิปทา, ตสฺมา เย สุกฺกปฏิปทํ ปฏิปนฺนา, เต อปริหีนา โสตฺถิภาวํ ปตฺตา. เย ปน กณฺหปฏิปทํ ปฏิปนฺนา, เต ปริหีนา อนยพฺยสนํ อาปนฺนาติ อิมมตฺถํ ภควา อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน วตฺวา อุตฺตริ อิทมาห ‘‘เอตทฺาย เมธาวี, ตํ คณฺเห ยทปณฺณก’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ เอตทฺาย เมธาวีติ เมธาติ ลทฺธนามาย วิสุทฺธาย อุตฺตมาย ปฺาย สมนฺนาคโต กุลปุตฺโต เอตํ อปณฺณกํ านํ ทุติยฺจาติ ทฺวีสุ อตกฺกคฺคาหตกฺกคฺคาหสงฺขาเตสุ าเนสุ คุณโทสํ วุทฺธิหานึ อตฺถานตฺถํ ตฺวาติ อตฺโถ. ตํ คณฺเห ยทปณฺณกนฺติ ยํ อปณฺณกํ เอกํสิกํ สุกฺกปฏิปทาอปริหานิยปฏิปทาสงฺขาตํ นิยฺยานิกการณํ, ตเทว คณฺเหยฺย. กสฺมา? เอกํสิกาทิภาวโตเยว. อิตรํ ปน น คณฺเหยฺย. กสฺมา? อเนกํสิกาทิภาวโตเยว.
ยวนฺติ ตาย สตฺตา อมิสฺสิตาปิ สมานชาติตาย มิสฺสิตา วิย โหนฺตีติ โยนิ. สา ปน อตฺถโต อณฺฑาทิอุปฺปตฺติฏฺานวิสิฏฺโ ขนฺธานํ ภาคโส ปวตฺติวิเสโสติ อาห ‘‘ขนฺธโกฏฺาโส โยนิ นามา’’ติ. การณํ โยนิ นาม, โยนีติ ตํ ตํ ผลํ อนุปจิตาณสมฺภาเรหิ ทุรวคาธเภทตาย มิสฺสิตํ วิย โหตีติ. ยโต เอกตฺตนเยน โส เอวายนฺติ พาลานํ มิจฺฉาคาโห. ปสฺสาวมคฺโค โยนิ นาม ยวนฺติ ตาย สตฺตา โยนิสมฺพนฺเธน มิสฺสิตา โหนฺตีติ. ปคฺคหิตา อนุฏฺาเนน, ปุนปฺปุนํ อาเสวนาย ปริปุณฺณา.
‘‘จกฺขุโตปี’’ติอาทิมฺหิ ปน จกฺขุวิฺาณาทิวีถีสุ ตทนุคตมโนวิฺาณวีถีสุ จ กิฺจาปิ กุสลาทีนํ ปวตฺติ อตฺถิ, กามาสวาทโย เอว ปน วณโต ยูสํ วิย ปคฺฆรนกอสุจิภาเวน สนฺทนฺติ, ตสฺมา เต เอว ‘‘อาสวา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ หิ ปคฺฆรนกอสุจิมฺหิ อาสวสทฺโท นิรุฬฺโหติ. ธมฺมโต ยาว โคตฺรภูติ ตโต ปรํ มคฺคผเลสุ อปฺปวตฺตนโต วุตฺตํ. เอเต หิ อารมฺมณกรณวเสน ธมฺเม คจฺฉนฺตา ตโต ปรํ น คจฺฉนฺติ. นนุ ตโต ปรํ ภวงฺคาทีนิปิ คจฺฉนฺตีติ เจ? น, เตสมฺปิ ปุพฺเพ อาลมฺพิเตสุ โลกิยธมฺเมสุ ¶ สาสวภาเวน อนฺโตคธตฺตา ตโต ปรตาภาวโต. เอตฺถ จ โคตฺรภุวจเนน โคตฺรภุโวทานผลสมาปตฺติปุเรจาริกปริกมฺมานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. ปมมคฺคปุเรจาริกเมว วา โคตฺรภุ อวธินิทสฺสนภาเวน คหิตํ, ตโต ปรํ ปน มคฺคผลสมานตาย อฺเสุ มคฺเคสุ มคฺควีถิยํ สมาปตฺติวีถียํ นิโรธานนฺตรฺจ ปวตฺตมาเนสุ ผเลสุ นิพฺพาเน จ อาสวานํ ปวตฺติ นิวาริตาติ เวทิตพฺพํ. สวนฺตีติ คจฺฉนฺติ, อารมฺมณกรณวเสน ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อวธิอตฺโถ อา-กาโร, อวธิ จ มริยาทาภิวิธิเภทโต ทุวิโธ. ตตฺถ มริยาทํ กิริยํ พหิ กตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อาปาฏลีปุตฺตํ วุฏฺโ เทโว’’ติ. อภิวิธิ ปน กิริยํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อาภวคฺคํ ภควโต ยโส ปวตฺตตี’’ติ. อภิวิธิอตฺโถ จายมา-กาโร อิธ คหิโตติ วุตฺตํ ‘‘อนฺโตกรณตฺโถ’’ติ.
มทิราทโยติ ¶ อาทิ-สทฺเทน สินฺธวกาทมฺพริกาโปติกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. จิรปาริวาสิยฏฺโ จิรปริวุฏฺตา ปุราณภาโว. อวิชฺชา นาโหสีติอาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ ภวตณฺหายา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๒) อิทํ สุตฺตํ สงฺคหิตํ. อวิชฺชาสวภวาสวานํ จิรปริวุฏฺตาย ทสฺสิตาย ตพฺภาวภาวิโน กามาสวสฺส จิรปริวุฏฺตา ทสฺสิตาว โหติ. อฺเสุ จ ยถาวุตฺเต ธมฺเม โอกาสฺจ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมาเนสุ มานาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อตฺตตฺตนิยาทิคฺคาหวเสน อภิพฺยาปนํ มทกรณวเสน อาสวสทิสตา จ เอเตสํเยว, น อฺเสนฺติ เอเตสฺเวว อาสวสทฺโท นิรุฬฺโหติ ทฏฺพฺโพ. อายตํ อนาทิกาลิกตฺตา. ปสวนฺตีติ ผลนฺติ. น หิ กิฺจิ สํสารทุกฺขํ อตฺถิ, ยํ อาสเวหิ วินา อุปฺปชฺเชยฺย. ปุริมานิ เจตฺถาติ เอเตสุ จตูสุ อตฺถวิกปฺเปสุ ปุริมานิ ตีณิ. ยตฺถาติ เยสุ สุตฺตาภิธมฺมปฺปเทเสสุ. ตตฺถ ยุชฺชนฺติ กิเลเสสุเยว ยถาวุตฺตสฺส อตฺถตฺตยสฺส สมฺภวโต. ปจฺฉิมํ กมฺเมปีติ ปจฺฉิมํ ‘‘อายตํ วา สํสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺตี’’ติ วุตฺตนิพฺพจนํ กมฺเมปิ ยุชฺชติ ทุกฺขปฺปสวนสฺส กิเลสกมฺมสาธารณตฺตา.
ทิฏฺธมฺมา วุจฺจนฺติ ปจฺจกฺขภูตา ขนฺธา, ทิฏฺธมฺเม ภวา ทิฏฺธมฺมิกา. วิวาทมูลภูตาติ วิวาทสฺส มูลการณภูตา โกธูปนาหมกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยมายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานา. เยน เทวูปปตฺยสฺสาติ ¶ เยน กมฺมกิเลสปฺปกาเรน อาสเวน เทเวสุ อุปปตฺติ นิพฺพตฺติ อสฺส มยฺหนฺติ สมฺพนฺโธ. คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม อากาสจารี อสฺสนฺติ วิภตฺตึ วิปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. เอตฺถ จ ยกฺขคนฺธพฺพวินิมุตฺตา สพฺพา เทวตา เทวคฺคหเณน คหิตา. นโฬ วุจฺจติ มูลํ, ตสฺมา วินฬีกตาติ วิคตนฬา วิคตมูลา กตาติ อตฺโถ. อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมาติ อกุสลกมฺมโต อวเสสา อกุสลา ธมฺมา อาสวาติ อาคตาติ สมฺพนฺโธ.
ปฏิฆาตายาติ ปฏิเสธนาย. ปรูปวาท…เป… อุปทฺทวาติ อิทํ ยทิ ภควา สิกฺขาปทํ น ปฺาเปยฺย, ตโต อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนอทินฺนาทานปาณาติปาตาทิเหตุ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปรูปวาทาทโย ทิฏฺธมฺมิกา นานปฺปการา อนตฺถา, เย จ ตนฺนิมิตฺตเมว นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณาทิวเสน มหาทุกฺขานุภวาทิปฺปการา อนตฺถา, เต สนฺธาย วุตฺตํ.
เต ¶ ปเนเตติ เอเต กามราคาทิกิเลสเตภูมกกมฺมปรูปวาทาทิอุปฺปทฺทวปฺปการา อาสวา. ยตฺถาติ ยสฺมึ วินยาทิปาฬิปฺปเทเส. ยถาติ เยน ทุวิธาทิปฺปกาเรน อวเสเสสุ จ สุตฺตนฺเตสุ ติธา อาคตาติ สมฺพนฺโธ. นิรยํ คเมนฺตีติ นิรยคามินิยา. ฉกฺกนิปาเตติ ฉกฺกนิปาเต อาหุเนยฺยสุตฺเต (อ. นิ. ๖.๕๘). ตตฺถ หิ อาสวา ฉธา อาคตา.
สรสเภโทติ ขณิกนิโรโธ. ขีณากาโรติ อจฺจนฺตาย ขีณตา. อาสวา ขียนฺติ ปหียนฺติ เอเตนาติ อาสวกฺขโย, มคฺโค. อาสวานํ ขยนฺเต อุปฺปชฺชนโต อาสวกฺขโย, ผลํ. อาสวกฺขเยน ปตฺตพฺพโต อาสวา ขียนฺติ เอตฺถาติ อาสวกฺขโย, นิพฺพานํ. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๕๗-๕๖๐) วิตฺถาริโต, ตสฺมา ตตฺถ, ตํ สํวณฺณนาย จ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
ตถาติ อิมินา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตตํ อุปสํหรติ. กุสลปฺปวตฺตึ อาวรนฺติ นิวาเรนฺตีติ อาวรณียา. ปุริมปฺปวตฺติวเสนาติ นิทฺโทกฺกมนโต ปุพฺเพ กมฺมฏฺานสฺส ปวตฺติวเสน. เปตฺวาติ หตฺถคตํ กิฺจิ เปนฺโต วิย กมฺมฏฺานํ สติสมฺปชฺวเสน เปตฺวา กมฺมฏฺานเมว มนสิกโรนฺโต นิทฺทํ โอกฺกมติ, ฌานสมาปนฺโน วิย ยถาปริจฺฉินฺเนเนว กาเลน ¶ ปพุชฺฌมาโน กมฺมฏฺานํ ปิตฏฺาเน คณฺหนฺโตเยว ปพุชฺฌติ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺมา…เป… นาม โหตี’’ติ. มูลกมฺมฏฺาเนติ อาทิโต ปฏฺาย ปริหริยมานกมฺมฏฺาเน. ปริคฺคหกมฺมฏฺานวเสนาติ สยนํ อุปคจฺฉนฺเตน ปริคฺคหมานกมฺมฏฺานมนสิการวเสน. โส ปน ธาตุมนสิการวเสน อิจฺฉิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อปณฺณกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อตฺตพฺยาพาธสุตฺตวณฺณนา
๑๗. สตฺตเม พฺยาพาธนํ ทุกฺขาปนนฺติ อาห ‘‘อตฺตพฺยาพาธายาติ อตฺตทุกฺขายา’’ติ. มคฺคผลจิตฺตุปฺปาทาปิ กายสุจริตาทิสงฺคโห เอวาติ อาห ‘‘อวาริตาเนวา’’ติ.
อตฺตพฺยาพาธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. เทวโลกสุตฺตวณฺณนา
๑๘. อฏฺเม ¶ อิตีติ ปทสนฺธิพฺยฺชนสิลิฏฺตาติ ปุริมปทานํ ปจฺฉิมปเทหิ อตฺถโต สหิตตาย พฺยฺชนานํ วากฺยานํ สิลิฏฺตาย ทีปเน นิปาโต.
เทวโลกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปมปาปณิกสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม อุคฺฆาเฏตฺวาติ อาสนทฺวารฺเจว ภณฺฑปสิพฺพเก จ วิวริตฺวา. นาธิฏฺาตีติ ตํตํกยวิกฺกเย อตฺตนา โวโยคํ นาปชฺชติ. ทิวากาเลติ มชฺฌนฺหิกสมเย. อสฺสามิโก โหติ ตีสุปิ กาเลสุ ลทฺธพฺพลาภสฺส อลภนโต. อปติวาตาพาธํ รตฺติฏฺานํ. ฉายุทกสมฺปนฺนํ ทิวาฏฺานํ. วิปสฺสนาปิ วฏฺฏติ วิปสฺสนากมฺมิโกเยว. เตนปิ หิ นวธา อินฺทฺริยานํ ติกฺขตฺตํ อาปาเทนฺเตน สมาธินิมิตฺตํ คเหตพฺพํ, วิปสฺสนานิมิตฺตํ สมาหิตาการสลฺลกฺขณาย.
ปมปาปณิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทุติยปาปณิกสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสเม ¶ วิสิฏฺธุโรติ วิสิฏฺธุรสมฺปคฺคาโห วีริยสมฺปนฺโน. าณวีริยายตฺตา หิ อตฺถสิทฺธิโย. เตนาห ‘‘อุตฺตมธุโร’’ติอาทิ. วิกฺกายิกภณฺฑนฺติ วิกฺกเยตพฺพภณฺฑํ. นิกฺขิตฺตธเนนาติ นิทหิตฺวา ปิตธนวเสน. วฬฺชนกวเสนาติ ทิวเส ทิวเส ทานูปโภควเสน วฬฺชิตพฺพธนวเสน. อุปโภคปริโภคภณฺเฑนาติ อุปโภคปริโภคูปกรเณน. นิปตนฺตีติ นิปาเตนฺติ, อตฺตโน ธนคฺคเหน นิปาตวุตฺติเก กโรนฺติ. เตนาห ‘‘นิมนฺเตนฺตี’’ติ.
าณถาเมนาติ าณสฺส ถิรภาเวน. าณปรกฺกเมนาติ าณสหิเตน วีริเยน. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถเภทฺหิ เยน สุเตน อิชฺฌติ, ตํ สุตํ นาม. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกนิกาย…เป… พหุสฺสุตา’’ติ อาห. อาคโตติ สุปฺปวตฺติภาเวน สฺวาคโต. เตนาห ‘‘ปคุโณ ปวตฺติโต’’ติ. อภิธมฺเม อาคตา กุสลาทิกฺขนฺธาทิเภทภินฺนา ธมฺมา สุตฺตนฺตปิฏเกปิ โอตรนฺตีติ ‘‘ธมฺมธราติ สุตฺตนฺตปิฏกธรา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. น หิ อาภิธมฺมิกภาเวน ¶ วินา นิปฺปริยายโต สุตฺตนฺตปิฏกฺุตา สมฺภวติ. ทฺเวมาติกาธราติ ภิกฺขุภิกฺขุนิมาติกาวเสน ทฺเวมาติกาธราติ วทนฺติ, ‘‘วินยาภิธมฺมมาติกาธรา’’ติ ยุตฺตํ. ปริปุจฺฉตีติ สพฺพภาเคน ปุจฺฉิตพฺพํ ปุจฺฉติ. เตนาห ‘‘อตฺถานตฺถํ การณาการณํ ปุจฺฉตี’’ติ. ปริคฺคณฺหาตีติ วิจาเรติ.
น เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพติ เอวํ เทสนานุกฺกเมน อตฺโถ น คเหตพฺโพ. อฺโ หิ เทสนากฺกโม เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน ปวตฺตนโต, อฺโ ปฏิปตฺติกฺกโม. เหฏฺิเมน วา ปริจฺเฉโทติ สีลสมาธิปฺาสงฺขาเตสุ ตีสุ ภาเคสุ กตฺถจิ เหฏฺิมนเยน เทสนาย ปริจฺเฉทํ เวทิตพฺพํ สีเลน, กตฺถจิ อุปริเมน ภาเคน ปฺาย, กตฺถจิ ทฺวีหิปิ ภาเคหิ สีลปฺาวเสน. อิธ ปน สุตฺเต อุปริเมน ภาเคน ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพติ วตฺวา ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิมาห. ยสฺมา วา ภควา เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน ปมํ กลฺยาณมิตฺตํ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตํ ปเวเทตฺวา ‘‘ตยิทํ อรหตฺตํ อิมาย อารทฺธวีริยตาย โหตี’’ติ ทสฺเสนฺโต วีริยารมฺภํ ปเวเทตฺวา ‘‘สฺวายํ วีริยารมฺโภ อิมินา กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ¶ ภวตี’’ติ ทสฺเสนฺโต นิสฺสยสมฺปตฺตึ ปเวเทติ เหฏฺา ทสฺสิตนิทสฺสนานุรูปนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ทุติยปาปณิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
รถการวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปุคฺคลวคฺโค
๑. สมิทฺธสุตฺตวณฺณนา
๒๑. ตติยสฺส ปเม รุจฺจตีติ กายสกฺขิอาทีสุ ปุคฺคเลสุ อติวิย สุนฺทรตรปณีตตรภาเวน เต จิตฺตสฺส อภิรุจิอุปฺปาทโก กตโมติ ปุจฺฉติ. สทฺธินฺทฺริยํ ธุรํ อโหสิ สทฺธาธุรํ มคฺควุฏฺานนฺติ กตฺวา, เสสินฺทฺริยานิ ปน กถนฺติ อาห ‘‘เสสานี’’ติอาทิ. ปฏิวิทฺธมคฺโควาติ ตีหิปิ เถเรหิ อตฺตโน อตฺตโน ปฏิวิทฺธอรหตฺตมคฺโค เอว กถิโต, ตสฺมา น ¶ สุกรํ เอกํเสน พฺยากาตุํ ‘‘อยํ…เป… ปณีตตโร จา’’ติ. ภุมฺมนฺตเรเนว กเถสิ ‘‘ตีสุปิ ปุคฺคเลสุ อคฺคมคฺคฏฺโว ปณีตตโร’’ติ.
สมิทฺธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. คิลานสุตฺตวณฺณนา
๒๒. ทุติเย หิตานีติ ภพฺยานิ. วุทฺธิกรานีติ อาโรคฺยาทิวุทฺธิกรานิ. อนุจฺฉวิกนฺติ อุปฏฺานกิริยาย อนุรูปํ. วาตาปมารโรเคนาติ วาตโรเคน จ อปมารโรเคน จ, วาตนิทาเนน วา อปมารโรเคน. นิฏฺปฺปตฺตคิลาโนติ ‘‘อิมินา โรเคน น จิรสฺเสว มริสฺสตี’’ติ นิฏฺํ ปตฺโต คิลาโน. ขิปิตกํ นาม วมถุโรโค. กจฺฉูติ ถุลฺลกจฺฉุอาพาโธ. ติณปุปฺผกชโร วิสมวาตสมฺผสฺสชโรโค. เยสนฺติ เยสํ โรคานํ. ปฏิชคฺคเนนาติ ปฏิการมตฺเตน. ผาสุกนฺติ พฺยาธิวูปสมเนน สรีรสฺส ผาสุภาโว. พฺยาธินิทานสมุฏฺานชานเนน ปณฺฑิโต, ปฏิการกิริยาย ยุตฺตการิตาย ทกฺโข, อุฏฺานวีริยสมฺปตฺติยา อนลโส.
ปทปรโม ¶ ปุคฺคโล กถิโต สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนสฺส อโยคฺคภาวโต. อลภนฺโตว ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ สวนาย โอกฺกมติ นิยามํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ ปจฺเจกโพธึ. ยนฺติ, ยโต. โอวาทํ ลภิตฺวาติ อาภิสมาจาริกวตฺตํ โอวาทมตฺตํ. เอตฺตโกปิ หิ ตสฺส หิตาวโหติ. ตนฺนิสฺสิโตวาติ วิปฺจิตฺุนิสฺสิโตว โหติ. ปุนปฺปุนํ เทเสตพฺโพว สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนสฺส โยคฺคภาวโต.
คิลานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สงฺขารสุตฺตวณฺณนา
๒๓. ตติเย วิวิเธหิ อากาเรหิ อาพาธนโต พฺยาพาโธว พฺยาพชฺฌํ, กายิกํ เจตสิกฺจ ทุกฺขํ. สห พฺยาพชฺเฌน วตฺตตีติ สพฺยาพชฺฌํ. เตนาห ‘‘สทุกฺข’’นฺติ. เจตนาราสินฺติ ปุพฺพเจตนาทิราสึ. เจตนํ ปุนปฺปุนํ ปวตฺเตนฺโต ‘‘ราสึ กโรติ ปิณฺฑํ กโรตี’’ติ จ วุตฺโต. สทุกฺขนฺติ นิรนฺตรทุกฺขํ. เตนาห ‘‘สาพาธํ นิรสฺสาท’’นฺติ. อตฺถีติ อุชุกํ ทุกฺขเวทนา ¶ นตฺถีติ อวตฺตพฺพตฺตา วุตฺตํ. อนิฏฺสภาวตฺตา อนิฏฺารมฺมณตฺตา จ ทุกฺขปกฺขิกาว สา ทฏฺพฺพา. น หิ อกุสลวิปากา อิฏฺา นาม อตฺถี, กุสลวิปากา ปน อุเปกฺขาเวทนา ตตฺถ อปฺปาวสรา. อฏฺกถายํ ปน นิรยสฺส ทุกฺขพหุลตฺตา ทุกฺขสฺส จ ตตฺถ พลวตาย สา อพฺโพหาริกฏฺาเน ิตาติ วุตฺตํ. อุปมํ กตฺวา อาหโฏ วิเสโส วิย สามฺสฺส ยถา อโยปิณฺฑิโรหิโน วิย รูปานนฺติ. ปฏิภาคอุปมาติ ปฏิพิมฺพอุปมา.
เต อคฺคเหตฺวาติ เหฏฺิมพฺรหฺมโลเก อคฺคเหตฺวา. โวมิสฺสกสุขทุกฺขนฺติ วิมิสฺสกสุขทุกฺขํ ปีติมิสฺสกภาวโต. กมฺมนฺติ ปาปกมฺมํ. กมฺมสีเสน ผลํ วทติ. กามฺเจตฺถ ‘‘อพฺยาพชฺฌํ โลกํ อุปปชฺชตี’’ติ อาคตํ, ‘‘อพฺยาพชฺฌา ผสฺสา ผุสนฺตี’’ติ ปน วจเนน โลกุตฺตรผสฺสาปิ สงฺคยฺหนฺตีติ ‘‘ตีณิ สุจริตานิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกานิ กถิตานี’’ติ วุตฺตํ.
สงฺขารสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. พหุการสุตฺตวณฺณนา
๒๔. จตุตฺเถ ¶ อวสฺสยํ คโตติ วฏฺฏทุกฺขปริมุตฺติยา อวสฺสโย มยฺหนฺติ สรณคมนกฺกเมน อุปคโต โหติ. สตนฺติกนฺติ สปริยตฺติธมฺมํ. อคฺคหิตสรณปุพฺพสฺสาติ อคฺคหิตปุพฺพสรณสฺส. อกตาภินิเวสสฺส วเสน วุตฺตนฺติ ตสฺมึ อตฺตภาเว น กโต สรณคมนาภินิเวโส เยนาติ อกตาภินิเวโส, ตสฺส วเสน วุตฺตํ. กามํ ปุพฺเพปิ สรณทายโก อาจริโย วุตฺโต, ปพฺพชฺชาทายโกปิ สรณทายโกว. ปุพฺเพ ปน อุปาสกภาวาปาทกวเสน สรณทายโก อธิปฺเปโต. อิทํ ปน คหิตปพฺพชฺชสฺส สรณคมนํ. ปพฺพชา หิ สวิเสสํ สรณคมนนฺติ ปพฺพชฺชาทายโก ปุน วุตฺโต. เอเตติ ปพฺพชฺชาทายกาทโย. ทุวิเธน ปริจฺฉินฺนาติ โลกิยธมฺมสมฺปาปโก โลกุตฺตรธมฺมสมฺปาปโกติ ทฺวิปฺปกาเรน ปริจฺฉินฺนา, กตาภินิเวสอกตาภินิเวสวเสน วา. อุปรีติ ปมมคฺคโต อุปริ. เนว สกฺโกตีติ อาจริเยน กตสฺส อุปการสฺส มหานุภาวตฺตา ตสฺส ปติการํ นาม กาตุํ น สกฺโกติ.
พหุการสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. วชิรูปมสุตฺตวณฺณนา
๒๕. ปฺจเม ¶ อรุอิติ ปุราณํ ทุฏฺวณํ วุจฺจติ. ก-กาโร ปทสนฺธิกโรติ อรุกูปมํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ อรุกูปมจิตฺโต อปฺปมตฺตกสฺสปิ ทุกฺขสฺส อสหนโต. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อิตฺตรกาโลภาเสนาติ ปริตฺตเมว กาโล าโณภาสวิรเหน. ลคตีติ โกธาสงฺควเสน กุปฺปนฺโต ปุคฺคโล สมฺมุขา, ‘‘กึ วทสี’’ติอาทินา ปรมฺมุขา จ อุปนยฺหนวเสน ลคติ, น ตณฺหาสงฺควเสน. กุปฺปตีติ กุชฺฌติ. พฺยาปชฺชตีติ วิปนฺนจิตฺโต โหติ. ถทฺธภาวํ อาปชฺชติ อีสกมฺปิ มุทุตฺตาภาวโต. ทุฏฺารุโกติ มํสโลหิตานํ ทุฏฺภาเวน ปกติภาวํ ชหิตฺวา ิโต ทุฏฺวโณ. ‘‘ทุฏฺารุตา’’ติปิ ปนฺติ, ตตฺถาปิ ตากาโร ปทสนฺธิกโร.
ตสฺสาติ ทุฏฺารุกสฺส. สวนนฺติ อสุจิวิสนฺทนํ. อุทฺธุมาตสฺส วิยาติ โกเธน อุทฺธํ อุทฺธํ ธุมาตกสฺส วิย โกธูปายาสสฺส อวิสฺสชฺชนโต. จณฺฑิกตสฺสาติ ¶ กุปิตสฺส. เอตฺถ จ กิฺจาปิ เหฏฺิมมคฺควชฺฌาปิ กิเลสา เตหิ อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิตตฺตา สมุจฺฉินฺนา, ตถาปิ ตสฺมึ สนฺตาเน อคฺคมคฺคสฺส อนุปฺปนฺนตฺตา ตตฺถ อปฺปหีนาปิ กิเลสา อตฺเถวาติ กตฺวา เตสํ าณานํ วิชฺชูปมตา วุตฺตา, น เตหิ มคฺเคหิ ปหีนานํ กิเลสานํ อตฺถิภาวโตติ ทฏฺพฺพํ.
วชิรูปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนา
๒๖. ฉฏฺเ อุปสงฺกมิตพฺโพติ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตพฺโพ. อลฺลียิตพฺโพติ ฉายาย วิย วินา ภาวนาย นิลฺลียิตพฺโพ. ปุนปฺปุนํ อุปาสิตพฺโพติ อภิณฺหโส อุปนิสีทิตพฺโพ. อนุทฺทยาติ เมตฺตาปุพฺพภาโค. อุปสงฺกมิตุํ วฏฺฏตีติ ‘‘เอตสฺส สีเลน อภิวุทฺธิ ภวิสฺสตี’’ติ อุปการตฺถํ อุปเสวนาทิ วฏฺฏติ.
น ปฏิหฺิสฺสตีติ ‘‘อเปหิ, กึ เอเตนา’’ติ ปฏิกฺเขปาภาวโต ปิยสีลตฺตา น ปฏิหฺิสฺสติ. ผาสุ ภวิสฺสตีติ ทฺวีสุ หิ สีลวนฺเตสุ เอเกน สีลสฺส วณฺเณ กถิเต อิตโร อนุโมทติ. เตน เตสํ กถา ผาสุ เจว โหติ ปวตฺตินี จ. เอกสฺมึ ปน ทุสฺสีเล สติ ทุสฺสีลสฺส สีลกถา ทุกฺกถา, เนว สีลกถา โหติ, น ผาสุ โหติ, น ปวตฺตินี. ทุสฺสีลสฺส หิ สีลกถา อผาสุ ภวิสฺสติ. สีลกถาย วุตฺตมตฺถํ สมาธิปฺากถาสุปิ อติทิสติ ¶ ‘‘สมาธิปฺากถาสุปิ เอเสว นโย’’ติ. ทฺเว หิ สมาธิลาภิโน สมาธิกถํ สปฺปฺา จ ปฺากถํ กเถนฺตา รตฺตึ วา ทิวสํ วา อติกฺกมนฺตมฺปิ น ชานนฺติ.
ตตฺถ ตตฺถ ปฺาย อนุคฺคเหสฺสามีติ ตสฺมึ ตสฺมึ อนุคฺคเหตพฺเพ ปฺาย โสเธตพฺเพ วฑฺเฒตพฺเพ จ อธิกสีลํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนปฺาย อนุคฺคเหสฺสามีติ อตฺโถ. ตฺจ อนุคฺคณฺหนํ สีลสฺส อสปฺปายานุปการธมฺเม วชฺเชตฺวา ตปฺปฏิปกฺขเสวเนน โหตีติ อาห ‘‘สีลสฺส อสปฺปาเย’’ติอาทิ. สีลสฺส อสปฺปายานุปการธมฺมา นาม อนาจาราโคจราทโย, ตปฺปฏิปกฺขโต อุปการธมฺมา เวทิตพฺพา. ตสฺมึ ตสฺมึ ¶ าเนติ ตํตํสิกฺขาโกฏฺาสปทฏฺาเน. อนุคฺคณฺหาติ นามาติ อภินฺนํ อสํกิลิฏฺํ กตฺวา อนุคฺคณฺหาติ นาม. ขารปริสฺสาวเนติ รชกานํ อูสขาราทิขารปริสฺสาวนปเฏ. หายตีติ สีลาทินา ปริหายติ. เสฏฺํ ปุคฺคลนฺติ สีลาทิคุเณหิ เสฏฺํ อุตฺตริตรํ อุตฺตมํ ปุคฺคลํ.
เสวิตพฺพสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ชิคุจฺฉิตพฺพสุตฺตวณฺณนา
๒๗. สตฺตเม อพฺภุคฺคจฺฉตีติ เอตฺถ อภิ-สทฺทาเปกฺขาย ‘‘น’’นฺติ สามิอตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘อสฺสา’’ติ ‘‘ตํ โข ปน ภวนฺต’’นฺติอาทีสุ วิย. ปาปโก กิตฺติสทฺโทติ ลามกภาเวน กเถตพฺพสทฺโท. คูถกูโป วิย ทุสฺสีลฺยนฺติ เอเตน ทุสฺสีลสฺส คูถสทิสตฺตเมว ทสฺเสติ. วจนนฺติ อนิฏฺวจนํ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘คูถกูโป วิย ทุสฺสีลฺย’’นฺติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน. สุจิมิตฺโตติ สีลาจารสุทฺธิยา สุจิมิตฺโต. สห อยนฺติ ปวตฺตนฺตีติ สหายาติ อาห ‘‘สหคามิโน’’ติ.
ชิคุจฺฉิตพฺพสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. คูถภาณีสุตฺตวณฺณนา
๒๘. อฏฺเม คูถภาณีติ คูถสทิสวจนตฺตา คูถภาณี. ยถา หิ คูถํ นาม มหาชนสฺส อนิฏฺํ โหติ, เอวเมว อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วจนํ เทวมนุสฺสานํ อนิฏฺํ โหติ. ทุคฺคนฺธกถนฺติ กิเลสาสุจิสํกิลิฏฺตาย คูถํ วิย ทุคฺคนฺธวายนกถํ. ปุปฺผภาณีติ สุปุปฺผสทิสวจนตฺตา ปุปฺผภาณี ¶ . ยถา หิ ผุลฺลานิ วสฺสิกานิ วา อธิมุตฺติกานิ วา มหาชนสฺส อิฏฺานิ กนฺตานิ โหนฺติ, เอวเมว อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วจนํ เทวมนุสฺสานํ อิฏฺํ โหติ กนฺตํ. ปุปฺผานิ วิยาติ จมฺปกสุมนาทิสุคนฺธปุปฺผานิ วิย. สุคนฺธกถนฺติ สุจิคนฺธวายนกถํ กิเลสทุคฺคนฺธาภาวโต. มธุภาณีติ เอตฺถ ‘‘มุทุภาณี’’ติปิ ปนฺติ. อุภยตฺถาปิ หิ มธุรวจโนติ อตฺโถ. ยถา หิ ¶ จตุมธุรํ นาม มธุรํ ปณีตํ, เอวเมว อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วจนํ เทวมนุสฺสานํ มธุรํ โหติ. มธุรกถนฺติ กณฺณสุขตาย เปมนียตาย จ สทฺทโต อตฺถโต จ มธุรสภาวกถํ. อตฺตเหตุ วาติ อตฺตโน วา หตฺถปาทาทิจฺเฉทนหรณเหตุ. ปรเหตุ วาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘อตฺตโน วา’’ติอาทิ.
‘‘เนลงฺโคติ โข, ภนฺเต, สีลานเมตํ อธิวจน’’นฺติ สุตฺเต (สํ. นิ. ๔.๓๔๗) อาคตตฺตา วุตฺตํ ‘‘เอตฺถ วุตฺตสีลํ วิยา’’ติ. ปูเรติ คุณานํ ปาริปูริยํ. สุกุมาราติ อผรุสตาย มุทุกา โกมลา. ปุรสฺสาติ เอตฺถ ปุร-สทฺโท ตนฺนิวาสิวาจโก ทฏฺพฺโพ ‘‘คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ วิย. เตนาห ‘‘นครวาสีน’’นฺติ. มนํ อปฺปายติ วฑฺเฒตีติ มนาปา. เตนาห ‘‘จิตฺตวุทฺธิกรา’’ติ.
คูถภาณีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อนฺธสุตฺตวณฺณนา
๒๙. นวเม อนฺโธติอาทีสุ ปาฬิปเทสุ ปโม ทิฏฺธมฺมิกโภคสํหรณปฺาจกฺขุโน จ สมฺปรายิกตฺถสาธนปฺาจกฺขุโน จ อภาวา ‘‘อนฺโธ’’ติ วุจฺจติ ทุติโยปิ, ตติโย ปน ทฺวินฺนมฺปิ ภาวา ‘‘ทฺวิจกฺขู’’ติ วุจฺจติ. ปฺาจกฺขูติ อายโกสลฺลภูตา ปฺาจกฺขุ. เตนาห ‘‘ผาตึ กเรยฺยา’’ติ. อธมุตฺตเมติ อธเม เจว อุตฺตเม จ. ปฏิปกฺขวเสนาติ ปฏิปกฺขสฺส อตฺถิตาวเสน. สุกฺกสปฺปฏิภาคาติ สุกฺกธมฺเมหิ ปหายเกหิ สปฺปฏิภาคาติ ชาเนยฺย. กณฺหสปฺปฏิภาคาติ กณฺหธมฺเมหิ ปหาตพฺเพหิ สปฺปฏิภาคาติ ชาเนยฺย.
ตถาชาติกาติ ยาทิเสหิ สปุตฺตทารปริชนสาติมิตฺตพนฺธวคฺคํ อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ, ตาทิสา โภคาปิ น สนฺติ. ปฺุานิ จ น กโรตีติ สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกยาจกานํ สนฺตปฺปนวเสน ปฺุานิ น กโรติ. อุภยตฺถาติ อุภยสฺมึ โลเก, อุภยสฺมึ วา อตฺเถติ วิคฺคโหติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิธโลเก’’ติอาทิมาห. อุภเยนาติ วุตฺตมตฺถํ ¶ โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมึ าเนติ ยสฺมึเยว ¶ าเน. น โสจตีติ โสกเหตูนํ ตตฺถ อภาวโต น โสจติ.
อนฺธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อวกุชฺชสุตฺตวณฺณนา
๓๐. ทสเม อวกุชฺชปฺโติ นิกฺกุชฺชปฺโ. เตนาห ‘‘อโธมุขปฺโ’’ติ. ปุพฺพปฏฺปนาติ ปมารมฺโภ. สนฺนิฏฺานนฺติ กถาปริโยสานํ. อปฺปนาติ เทสนาย นิฏฺาปนํ. อเนเก วา อนุสนฺธิโยติ โยเชตพฺพํ. สมาธิ วาติอาทีสุ โลกุตฺตรธมฺมา ปรมตฺถโต สาสนนฺติ ตทตฺโถปาทกสมาธิ ตสฺส อาทีติ วุตฺโต, ตทาสนฺนตฺตา วิปสฺสนา, ตสฺส มูลภาเวน เอกเทสตฺตา มคฺโค.
สาสนสฺส ปาริปูริสุทฺธิโย นาม สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว สิทฺธา, ตา ปเนตฺถ กเถนฺตสฺส วเสน คเหตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนูนํ กตฺวา เทเสนฺตี’’ติ, ‘‘นิคฺคณฺึ กตฺวา เทเสนฺตี’’ติ จ วุตฺตํ. ตตฺถ นิชฺชฏนฺติ นิคฺคุมฺพํ อนากุลํ. นิคฺคณฺินฺติ คณฺิฏฺานรหิตํ สุวิฺเยฺยํ กตฺวา.
อากิณฺณานีติ อากิริตฺวา สํกิริตฺวา ปิตานีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปกฺขิตฺตานี’’ติ. อุจฺฉงฺโค วิย อุจฺฉงฺคปฺโ ปุคฺคโล ทฏฺพฺโพติ อุจฺฉงฺคสทิสปฺตาย อุจฺฉงฺคปฺโ. เอวํ ปฺา วิย ปุคฺคโลปิ อุจฺฉงฺโค วิย โหติ, ตสฺมึ ธมฺมานํ อจิรฏฺานโตติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. ยถา จ อุจฺฉงฺคสทิสา ปฺา, เอวํ นิกฺกุชฺชกุมฺภสทิสา ปฺา เอวาติ ทฏฺพฺพา.
สํวิทหนปฺายาติ ‘‘เอวํ กเต อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ตํตํอตฺถกิจฺจํ สํวิธาตุํ สมตฺถตาย วิจารณปฺาย รหิโต. เสยฺโยติ เสฏฺโ ปาสํโส. ปุพฺพภาคปฏิปทนฺติ จิตฺตวิสุทฺธิอาทิกํ อริยมคฺคสฺส อธิคมาย ปุพฺพภาคปฏิปตฺตึ.
อวกุชฺชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุคฺคลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. เทวทูตวคฺโค
๑. สพฺรหฺมกสุตฺตวณฺณนา
๓๑. จตุตฺถสฺส ¶ ¶ ปเม สพฺรหฺมกานีติ สเสฏฺกานิ. เยสนฺติ เยสํ กุลานํ. ปุตฺตานนฺติ ปุตฺเตหิ. ปูชิตสทฺทโยเคน หิ อิทํ กรณตฺเถ สามิวจนํ. เตนาติ อาหาราทินา. ปฏิชคฺคิตา โคปิตาติ ยถากาลํ ตสฺส ตสฺส ทาตพฺพสฺส ทาเนน เวยฺยาวจฺจสฺส จ กรเณน ปฏิชคฺคิตา เจว อุปฺปนฺนานตฺถปฺปหรเณน โคปิตา จ โหนฺติ. เตสนฺติ มาตาปิตูนํ. พฺรหฺมาทิภาวสาธนตฺถนฺติ เตสํ คุณานํ อตฺถิตาย โลเก พฺรหฺมา นาม วุจฺจติ, อาจริโย นาม วุจฺจติ, อาหุเนยฺโย นาม วุจฺจติ, เต มาตาปิตูนํ ปุตฺตกํ ปฏิลภนฺตีติ ทสฺสนวเสน เนสํ พฺรหฺมาทิภาวสาธนตฺถํ ‘‘พหุการา’’ติ, วตฺวา ตํ เตสํ พหุการตํ นานาการโต ทสฺเสตุํ ‘‘อาปาทกา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มาตาปิตโร หิ ปุตฺตานํ ชีวิตสฺส อาปาทกา, สรีรสฺส โปสกา, อาจารสมาจารานํ สิกฺขาปกา สกลสฺสปิ อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร. เตนาห ‘‘ปุตฺตานํ หี’’ติอาทิ. อิฏฺารมฺมณํ ตาว เต ทสฺเสนฺตุ, อนิฏฺารมฺมณํ กถนฺติ? ตมฺปิ ทสฺเสตพฺพเมว วชฺชนียภาวชานาปนตฺถํ.
อวิชหิตา โหนฺตีติ ตาสํ ภาวนาย พฺรหฺมานํ พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺนตฺตา อวิชหิตา โหนฺติ ภาวนา. โลภนียวยสฺมึ ปมโยพฺพเน อติวิย มุทุภาวปฺปตฺตทสฺสนตฺถํ สตวิหตคฺคหณํ. ปาฏิเยกฺกนฺติ วิสุํ. อิมินา การเณนาติ อิมินา ยถาวุตฺเตน ปุตฺเตสุ ปวตฺติเตหิ อติกฺกเมน เมตฺตาทิสมุปฺปตฺติสงฺขาเตน การเณน.
ถรุสิปฺปนฺติ อสิสตฺติกุนฺตกลาปาทิอายุธสิปฺปํ. มุทฺทาคณนาติ องฺคุลิสํโกจนาทินา หตฺถมุทฺทาย คณนา. อาทิสทฺเทน ปาณาทีนํ สงฺคโห. ปจฺฉาจริยา นาม มาตาปิตูนํ สนฺติเก อุคฺคหิตคหฏฺวตฺตสฺเสว ปุคฺคลสฺส ยถาสกํ หตฺถาจริยาทีนํ สิปฺปคฺคาหาปนนฺติ กตฺวา สพฺพปมํ อาจริยา นามาติ โยเชตพฺพํ. อานีย หุตํ อาหุตํ. ปกาเรหิ หุตํ ปาหุตํ. อภิสงฺขตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ.
นโม กเรยฺยาติ สายํ ปาตํ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อิทํ มยฺหํ อุตฺตมปฺุกฺเขตฺต’’นฺติ นมกฺการํ กเรยฺย. ตาย นํ ปาริจริยายาติ เอตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถาวุตฺตปริจรเณนาติ อตฺโถ ¶ . อถ วา ปาริจริยายาติ ¶ ภรณกิจฺจกรณกุลวํสปฺปติฏฺานาปนาทินา ปฺจวิธอุปฏฺาเนน. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺาตพฺพา – ‘ภโต เนสํ ภริสฺสามิ, กิจฺจํ เนสํ กริสฺสามิ, กุลวํสํ เปสฺสามิ, ทายชฺชํ ปฏิปชฺชามิ, อถ วา ปน เปตานํ กาลกตานํ ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสามี’ติ. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติ, ปาปา นิวาเรนฺติ, กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติ, ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชนฺติ, สมเย ทายชฺชํ นิยฺยาเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๗).
อปิจ โย มาตาปิตโร ตีสุ วตฺถูสุ อภิปฺปสนฺเน กตฺวา สีเลสุ วา ปติฏฺาเปตฺวา ปพฺพชฺชาย วา นิโยเชตฺวา อุปฏฺหติ, อยํ มาตาปิตูปฏฺากานํ อคฺโคติ เวทิตพฺโพ. สา ปนายํ ปาริจริยา ปุตฺตสฺส อุภยโลกหิตสุขาวหาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ วุตฺตํ. ปสํสนฺตีติ ‘‘อยํ ปุคฺคโล มตฺเตยฺโย เปตฺเตยฺโย สคฺคสํวตฺตนิยํ ปฏิปทํ ปูเรตี’’ติ อิเธว นํ ปสํสนฺติ. อาโมทติ อาทิโต ปฏฺาย โมทปฺปตฺติยา. ปโมทติ นานปฺปการโมทสมฺปวตฺติยา.
สพฺรหฺมกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา
๓๒. ทุติเย ตถาชาติโกติ ตถาสภาโว. จิตฺเตกคฺคตาลาโภติ จิตฺเตกคฺคตาย อธิคโม. รูปเมว กิเลสุปฺปตฺติยา การณภาวโต รูปนิมิตฺตํ. เอส นโย เสเสสุปิ. สสฺสตาทินิมิตฺตนฺติ สสฺสตุจฺเฉทภาวนิมิตฺตํ. ปุคฺคลนิมิตฺตนฺติ ปุคฺคลาภินิเวสนนิมิตฺตํ. ธมฺมนิมิตฺตนฺติ ธมฺมารมฺมณสงฺขาตํ นิมิตฺตํ. ‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต’’ติ เถเรน ปุฏฺโ ภควา ‘‘สิยา’’ติ อโวจ โลกุตฺตรสมาธิปฺปฏิลาภํ สนฺธาย. โส หิ นิพฺพานํ สนฺตํ ปณีตนฺติ จ ปสฺสติ. เตนาห ‘‘อิธานนฺทา’’ติอาทิ.
นิพฺพานํ ¶ สนฺตนฺติ สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวาติ นิพฺพานํ สนฺตนฺติ อาภุชิตฺวา ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา ¶ . ทิวสมฺปีติอาทินา อสงฺขตาย ธาตุยา อจฺจนฺตสนฺตปณีตาทิภาวํ ทสฺเสติ. อฏฺวิเธติ ‘‘สนฺตํ ปณีตํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ เอวํ อฏฺวิเธ อาโภคสฺิเต สมนฺนาหาเร. นิทฺธารเณ เจตํ ภุมฺมํ. อิมสฺมึ าเน…เป… ลพฺภนฺเตวาติ ‘‘อิธานนฺท, ภิกฺขุโน เอวํ โหตี’’ติ อาคเต อิมสฺมึ สุตฺตปฺปเทเส เอโกปิ อาโภคสมนฺนาหาโร เจปิ สพฺเพ อฏฺปิ อาโภคสมนฺนาหารา ลพฺภนฺเตว สมนฺนาหรตํ อตฺถาวหตฺตา.
าเณน ชานิตฺวาติ วิปสฺสนาาณสหิเตน มคฺคาเณน ชานิตฺวา. ปรานิ จ โอปรานิ จ จกฺขาทีนิ อายตนานิ. สนฺตตายาติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิตาย. กายทุจฺจริตาทิธูมวิรหิโตติ กายทุจฺจริตาทิ เอว สนฺตาปนฏฺเน ธูโม, เตน วิรหิโต. อนีโฆติ อปาโป. ชาติชราคหเณเนว พฺยาธิมรณมฺปิ คหิตเมวาติ ตพฺภาวภาวโตติ วุตฺตํ.
อานนฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๓. ตติเย, ‘‘สาริปุตฺต, มยา สํขิตฺเตน เทสิตํ ธมฺมํ ตาทิเสนปิ น สุกรํ วิฺาตุ’’นฺติ อิมินา อธิปฺปาเยเนว วทนฺโต เถรสฺส าณํ สพฺพมติกฺกมํ. อฺาตาโร จ ทุลฺลภาติ หิ อิมินา สามฺวจเนน สาริปุตฺตตฺเถรมฺปิ อนฺโตคธํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต เตนปิ อตฺตโน เทสนาย ทุปฺปฏิวิทฺธภาวํ ทสฺเสติ.
สมฺมาติ เหตุนา การเณน. เตนาห ‘‘อุปาเยนา’’ติอาทิ. มานาภิสมยาติ มานสฺส ทสฺสนาภิสมยา. ปหานาภิสมโยติ จ ทสฺสนาภิสมโยติ จ ปริฺาภิสมโย วุตฺโต. อรหตฺตมคฺโค หิ ปริฺากิจฺจสิทฺธิยา กิจฺจวเสน มานํ ปสฺสติ, อสมฺโมหปฺปฏิเวธวเสนาติ วุตฺตํ โหติ, อยมสฺส ทสฺสนาภิสมโย. เตน ทิฏฺโ ปน ปหานาภิสมโย จ. ทสฺสนาภิสมเยน หิ ปริฺาภิสมยเมว ปหียติ. ทิฏฺวิเสน ทิฏฺสตฺตานํ ชีวิตํ วิย อยมสฺส ปหานาภิสมโย ¶ . อฏฺกถายํ ปน ปหานาภิสมยสฺส ทสฺสนาภิสมยนานนฺตริยกตฺตา ‘‘ปหานาภิสมเยน’’อิจฺเจว วุตฺตํ. ปหานาภิสมเย หิ คหิเต ทสฺสนาภิสมโย คหิโตว โหติ.
อนฺตมกาสิ ¶ ทุกฺขสฺสาติ อรหตฺตมคฺเคน มานสฺส ปหีนตฺตา เย อิเม ‘‘กายพนฺธนสฺส อนฺโต ชีรติ (จูฬว. ๒๗๘), หริตนฺตํ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) เอวํ วุตฺตอนฺติมมริยาทนฺโต จ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๘๐; อิติวุ. ๙๑) เอวํ วุตฺตลามกนฺโต จ ‘‘สกฺกาโย เอโก อนฺโต’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๓) เอวํ วุตฺตโกฏฺาสนฺโต จ ‘‘เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺส สปจฺจยสงฺขยา’’ติ เอวํ วุตฺตโกฏฺาสนฺโต จาติ จตฺตาโร อนฺตา, เตสุ สพฺพสฺเสว วฏฺฏทุกฺขสฺส อทุํ จตุตฺถโกฏิสงฺขาตํ อนฺตมกาสิ, ปริจฺเฉทํ ปริวฏุมํ อกาสิ, อนฺติมสมุทยมตฺตาวเสสํ ทุกฺขมกาสีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตมกาสี’’ติ.
นนุ จ ‘‘ปหาน’’นฺติ อิมสฺส นิทฺเทเส นิพฺพานํ อาคตํ? อิธ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานสงฺขาตํ อรหตฺตผลํ วุตฺตํ, ตสฺมา นิทฺเทเสนายํ วณฺณนา วิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘นิทฺเทเส ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตานิ ปทานิ อาคตานีติ ตสฺมึ นิทฺเทเส ‘‘ปหานํ วูปสมํ ปฏินิสฺสคฺค’’นฺติอาทีนิ (จูฬนิ. ๗๕ อุทยมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส) ปทานิ อาคตานิ.
ธมฺมตกฺกปุเรชวนฺติ อิมินา ตสฺมึ จตุตฺถชฺฌานวิโมกฺเข ตฺวา ฌานงฺคานิ วิปสฺสิตฺวา อธิคตํ อรหตฺตวิโมกฺขํ วทติ. อรหตฺตวิโมกฺขสฺส หิ มคฺคสมฺปยุตฺตสมฺมาสงฺกปฺปสงฺขาโต ธมฺมตกฺโก ปุเรชโว โหติ.
สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. นิทานสุตฺตวณฺณนา
๓๔. จตุตฺเถ ปิณฺฑกรณตฺถายาติ อายูหนวเสน ราสิกรณตฺถาย. อภินฺนานีติ เอกเทเสนปิ อขณฺฑิตานิ. ภินฺนกาลโต ปฏฺาย หิ พีชํ พีชกิจฺจาย น อุปกปฺปติ. อปูตีนีติ อุทกเตมเนน ปูติภาวํ น อุปคตานิ. ปูติพีชฺหิ พีชตฺถาย น อุปกปฺปติ. เตนาห ‘‘ปูติภาเวน อพีชตฺตํ อปฺปตฺตานี’’ติ. น วาเตน น จ อาตเปน หตานีติ ¶ วาเตน จ อาตเปน จ น หตานิ, นิโรชตํ น ปาปิตานิ. นิโรชฺหิ กสฏพีชํ พีชตฺถาย น อุปกปฺปติ. สาราทานีติ ตณฺฑุลสารสฺส อาทานโต สาราทานิ. นิสฺสารฺหิ พีชํ พีชตฺถาย น อุปกปฺปติ. เตนาห ‘‘คหิตสารานี’’ติ, ปติฏฺิตสารานีติ อตฺโถ. สนฺนิจยภาเวน สุขํ สยิตานีติ จตฺตาโร มาเส โกฏฺปกฺขิตฺตนิยาเมเนว สุขสยิตานิ.
กมฺมวิภตฺตีติ ¶ กมฺมวิภาโค. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต ปจฺจุปฺปนฺโน อตฺตภาโว, ตตฺถ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. ปจฺจุปนฺนภวโต อนนฺตรํ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ อุปปชฺชเวทนียํ. อปรปริยายเวทนียนฺติ ทิฏฺธมฺมานนฺตรภวโต อฺสฺมึ อตฺตภาวปริยาเย อตฺตภาวปริวตฺเต เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ. ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตาย ปจฺจยวิเสเสน ปฏิลทฺธวิเสสตาย จ พลวภาวปฺปตฺตา ตาทิสสฺส ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส วเสน สาติสยา หุตฺวา ปวตฺตา ปมชวนเจตนา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ผลทายินี ทิฏฺธมฺมเวทนียกมฺมํ นาม. สา หิ วุตฺตากาเรน พลวตี ชวนสนฺตาเน คุณวิเสสยุตฺเตสุ อุปการานุปการวสปฺปวตฺติยา อาเสวนาลาเภน อปฺปวิปากตาย จ ปมชวนเจตนา อิตรทฺวยํ วิย ปวตฺตสนฺตานุปรมาเปกฺขํ โอกาสลาภาเปกฺขฺจ กมฺมํ น โหตีติ อิเธว ปุปฺผมตฺตํ วิย ปวตฺติวิปากมตฺตํ ผลํ เทติ. ตถา อสกฺโกนฺตนฺติ กมฺมสฺส วิปากทานํ นาม อุปธิปฺปโยคาทิปจฺจยนฺตรสมวาเยเนว โหตีติ ตทภาวโต ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตํ. อโหสิกมฺมนฺติ อโหสิ เอว กมฺมํ, น ตสฺส วิปาโก อโหสิ อตฺถิ ภวิสฺสติ จาติ เอวํ เวทิตพฺพํ กมฺมํ.
อตฺถสาธิกาติ ทานาทิปาณาติปาตาทิอตฺถสฺส นิปฺผาทิกา. กา ปน สาติ อาห ‘‘สตฺตมชวนเจตนา’’ติ. สา หิ สนฺนิฏฺาปกเจตนา วุตฺตนเยน ปฏิลทฺธวิเสสา ปุริมชวนเจตนาหิ ลทฺธาเสวนา จ สมานา อนนฺตรตฺตภาเว วิปากทายินี อุปปชฺชเวทนียกมฺมํ นาม. ปุริมอุปมายเยวาติ มิคลุทฺทโกปมายเยว.
สติ สํสารปฺปวตฺติยาติ อิมินา อสติ สํสารปฺปวตฺติยํ อโหสิกมฺมปกฺเข ติฏฺติ วิปจฺจโนกาสสฺส อภาวโตติ ทีเปติ. ยํ ครุกนฺติ ¶ ยํ อกุสลํ มหาสาวชฺชํ, กุสลฺจ มหานุภาวํ กมฺมํ. กุสลํ วา หิ โหตุ อกุสลํ วา, ยํ ครุกํ มาตุฆาตาทิกมฺมํ วา มหคฺคตกมฺมํ วา, ตเทว ปมํ วิปจฺจติ. เตนาห ‘‘กุสลากุสเลสุ ปนา’’ติอาทิ. ยํ พหุลนฺติ ยํ พหุลํ อภิณฺหโส กตํ สมาเสวิตํ. เตนาห ‘‘กุสลากุสเลสุ ปน ยํ พหุลํ โหตี’’ติอาทิ. ยทาสนฺนํ นาม มรณกาเล อนุสฺสริตํ กมฺมํ, อาสนฺนกาเล กเต ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘ยํ ปน กุสลากุสเลสุ อาสนฺนมรเณ’’ติอาทิ. อนุสฺสริตุนฺติ ปริพฺยตฺตภาเวน อนุสฺสริตุํ.
เตสํ อภาเวติ เตสํ ยํครุกาทีนํ ติณฺณํ กมฺมานํ อภาเว. ยตฺถ กตฺถจิ วิปากํ เทตีติ ปฏิสนฺธิชนกวเสน วิปากํ เทติ. ปฏิสนฺธิชนกวเสน หิ ครุกาทิกมฺมจตุกฺกํ วุตฺตํ. ตตฺถ ครุกํ สพฺพปมํ วิปจฺจติ, ครุเก อสติ พหุลีกตํ, ตสฺมึ อสติ ยทาสนฺนํ ¶ , ตสฺมึ อสติ ‘‘กฏตฺตา วา ปนา’’ติ วุตฺตํ ปุริมชาตีสุ กตกมฺมํ วิปจฺจติ. พหุลาสนฺนปุพฺพกเตสุ จ พลาพลํ ชานิตพฺพํ. ปาปโต ปาปนฺตรํ กลฺยาณฺจ, กลฺยาณโต กลฺยาณนฺตรํ ปาปฺจ พหุลีกตํ. ตโต มหโตว ปุพฺพกตาทิ อปฺปฺจ พหุลานุสฺสรเณน วิปฺปฏิสาราทิชนนโต, ปฏิปกฺขสฺส อปริปุณฺณตาย อารทฺธวิปากสฺส กมฺมสฺส กมฺมเสสสฺส วา อปรปริยายเวทนียสฺส อปริกฺขีณตาย สนฺตติยา ปริณามวิเสสโตติ เตหิ เตหิ การเณหิ อายูหิตผลํ ปมํ วิปจฺจติ. มหานารทกสฺสปชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๑๕๓ อาทโย) วิเทหรฺโ เสนาปติ อลาโต, พีชโก ทาโส, ราชกฺา รุจา จ เอตฺถ นิทสฺสนํ. ตถา หิ วุตฺตํ ภควตา –
‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ. กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติ –
อาทิ ¶ . สพฺพํ มหากมฺมวิภงฺคสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๐๓) วิตฺถาเรตพฺพํ. กึ พหุนา. ยํ ตํ ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณํ, ตสฺเสวายํ วิสโย, ยทิทํ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส เตน เตน การเณน ปุพฺพาปรวิปากตา สมตฺถียติ.
อิทานิ ชนกาทิกมฺมจตุกฺกํ วิภชนฺโต ‘‘ชนกํ นามา’’ติอาทิมาห. ปวตฺตึ น ชเนตีติ ปวตฺติวิปากํ น ชเนติ. ปมนเย ชนกกมฺมสฺส ปฏิสนฺธิวิปากมตฺตสฺเสว วุตฺตตฺตา ตสฺส ปวตฺติวิปากทายกตฺตมฺปิ อนุชานนฺโต ‘‘อปโร นโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปฏิสนฺธิทานาทิวเสน วิปากสนฺตานสฺส นิพฺพตฺตกํ ชนกํ. สุขทุกฺขสนฺตานสฺส นามรูปปฺปพนฺธสฺส วา จิรตรํ ปวตฺติเหตุภูตํ อุปตฺถมฺภกํ. เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ อุปตฺถมฺเภติ, อทฺธานํ ปวตฺเตตี’’ติ. อุปปีฬกํ สุขทุกฺขปฺปพนฺเธ ปวตฺตมาเน สณิกํ สณิกํ หาเปติ. เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ ปีเฬติ พาเธติ, อทฺธานํ ปวตฺติตุํ น เทตี’’ติ.
วาตกาฬโก มหลฺลโก โจเร ฆาเตตุํ น สกฺโกตีติ โส กิร มหลฺลกกาเล เอกปฺปหาเรน สีสํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกติ, ทฺเว ตโย วาเร ปหรนฺโต มนุสฺเส กิลเมติ, ตสฺมา เต เอวมาหํสุ. อนุโลมิกํ ขนฺตึ ปฏิลภิตฺวาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส โอรโต อนุโลมิกํ ขนฺตึ ลภิตฺวา ¶ . ตรุณวจฺฉาย คาวิยา มทฺทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปิโตติ เอกา กิร ยกฺขินี เธนุเวเสน อาคนฺตฺวา อุเร ปหริตฺวา มาเรสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. นคเร ภโว นาคริโย.
ฆาเตตฺวาติ อุปจฺฉินฺทิตฺวา. กมฺมสฺส อุปจฺฉินฺทนํ นาม ตสฺส วิปากปฺปฏิพาหนเมวาติ อาห ‘‘ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา’’ติ. ตฺจ อตฺตโน วิปากุปฺปตฺติยา โอกาสกรณนฺติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตี’’ติ. วิปจฺจนาย กโตกาสํ กมฺมํ วิปกฺกมฺเมว นาม โหตีติ อาห ‘‘เอวํ ปน กมฺเมน กเต โอกาเส ตํ วิปากํ อุปฺปนฺนํ นาม วุจฺจตี’’ติ. อุปปีฬกํ อฺสฺส วิปากํ อุปจฺฉินฺทติ, น สยํ อตฺตโน วิปากํ เทติ. อุปฆาตกํ ปน ทุพฺพลกมฺมํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อตฺตโน วิปากํ อุปฺปาเทตีติ อยเมเตสํ วิเสโส. กิฺจิ พหฺวาพาธตาทิปจฺจยูปสนฺนิปาเตน วิปากสฺส วิพาธกํ อุปปีฬกํ, ตถา วิปากสฺเสว อุปจฺเฉทกํ. อุปฆาตกกมฺมํ ปน อุปฆาเตตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสกรเณน วิปจฺจเน ¶ สติ ชนกเมว สิยา. ชนกาทิภาโว นาม วิปากํ ปติ อิจฺฉิตพฺโพ, น กมฺมํ ปตีติ วิปากสฺเสว อุปฆาตกตา ยุตฺตา วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺพํ.
อปโร นโย – ยสฺมึ กมฺเม กเต ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ วิปากกฏตฺตารูปานํ อุปฺปตฺติ โหติ, ตํ ชนกํ. ยสฺมึ ปน กเต อฺเน ชนิตสฺส อิฏฺสฺส วา อนิฏฺสฺส วา ผลสฺส วิพาธกวิจฺเฉทกปจฺจยานุปฺปตฺติยา อุปพฺรูหนปจฺจยุปฺปตฺติยา ชนกสามตฺถิยานุรูปํ ปริสุทฺธิจิรตรปฺปพนฺธา โหติ, ตํ อุปตฺถมฺภกํ. ชนเกน นิพฺพตฺติตํ กุสลผลํ วา อกุสลผลํ วา เยน ปจฺจนีกภูเตน โรคธาตุวิสมตาทินิมิตฺตตาย วิพาธยติ, ตํ อุปปีฬกํ. เยน ปน กมฺมุนา ชนกสามตฺถิยวเสน จิรตรปฺปพนฺธารหมฺปิ สมานํ ผลํ วิจฺเฉทกปจฺจยุปฺปตฺติยา อุปหฺติ วิจฺฉิชฺชติ, ตํ อุปฆาตกนฺติ อยเมตฺถ สาโร.
ตตฺถ เกจิ ทุติยสฺส กุสลภาวํ อิตฺถตฺตมาคตสฺส อปฺปาพาธทีฆายุกตาสํวตฺตนวเสน, ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ อกุสลภาวํ พหฺวาพาธอปฺปายุกตาสํวตฺตนวเสน วณฺเณนฺติ. ตถา จ วุตฺตํ มชฺฌิมนิกาเย จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๒๙๐) –
‘‘จตฺตาริ หิ กมฺมานิ – อุปปีฬกํ, อุปจฺเฉทกํ, ชนกํ, อุปตฺถมฺภกนฺติ. พลวกมฺเมน หิ นิพฺพตฺตํ ปวตฺเต อุปปีฬกํ อาคนฺตฺวา อตฺถโต เอวํ วทติ นาม ‘สจาหํ ปมตรํ ชาเนยฺยํ, น เต อิธ นิพฺพตฺติตุํ ทเทยฺยํ, จตูสุเยว ตํ อปาเยสุ นิพฺพตฺตาเปยฺยํ. โหตุ, ตฺวํ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺต, อหํ อุปปีฬกกมฺมํ นาม ตํ ปีเฬตฺวา ¶ นิโรชํ นิยูสํ กสฏํ กริสฺสามี’ติ. ตโต ปฏฺาย ตํ ตาทิสํ กโรติ. กึ กโรติ? ปริสฺสยํ อุปเนติ, โภเค วินาเสติ.
‘‘ตตฺถ ทารกสฺส มาตุกุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย มาตุ อสฺสาโท วา สุขํ วา น โหติ, มาตาปิตูนํ ปีฬาว อุปฺปชฺชติ. เอวํ ปริสฺสยํ อุปเนติ. ทารกสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย เคเห โภคา อุทกํ ปตฺวา โลณํ วิย ราชาทีนํ วเสน นสฺสนฺติ, กุมฺภโทหนเธนุโย ¶ ขีรํ น เทนฺติ, สูรตา โคณา จณฺฑา โหนฺติ, กาณา โหนฺติ, ขฺชา โหนฺติ, โคมณฺฑเล โรโค ปตติ, ทาสาทโย วจนํ น กโรนฺติ, วาปิตํ สสฺสํ น ชายติ, เคหคตํ เคเห, อรฺคตํ อรฺเ นสฺสติ, อนุปุพฺเพน ฆาสจฺฉาทนมตฺตํ ทุลฺลภํ โหติ, คพฺภปริหาโร น โหติ, วิชาตกาเล มาตุ ถฺํ ฉิชฺชติ, ทารโก ปริหารํ อลภนฺโต ปีฬิโต นิโรโช นิยูโส กสโฏ โหติ. อิทํ อุปปีฬกกมฺมํ นาม.
‘‘ทีฆายุกกมฺเมน ปน นิพฺพตฺตสฺส อุปจฺเฉทกกมฺมํ อาคนฺตฺวา อายุํ ฉินฺทติ. ยถา หิ ปุริโส อฏฺุสภคมนํ กตฺวา สรํ ขิเปยฺย, ตมฺโ ธนุโต มุตฺตมตฺตํ มุคฺคเรน ปหริตฺวา ตตฺเถว ปาเตยฺย, เอวํ ทีฆายุกกมฺเมน นิพฺพตฺตสฺส อุปจฺเฉทกกมฺมํ อายุํ ฉินฺทติ. กึ กโรติ? โจรานํ อฏวึ ปเวเสติ, วาฬมจฺโฉทกํ โอตาเรติ, อฺตรํ วา ปน สปริสฺสยานํ อุปเนติ. อิทํ อุปจฺเฉทกกมฺมํ นาม. ‘อุปฆาตก’นฺติปิ เอตสฺเสว นามํ. ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตกํ ปน กมฺมํ ชนกกมฺมํ นาม. อปฺปโภคกุลาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส โภคสมฺปทาทิกรเณน อุปตฺถมฺภกกมฺมํ อุปตฺถมฺภกกมฺมํ นาม.
‘‘ปริตฺตกมฺเมนปิ นิพฺพตฺตํ เอตํ ปวตฺเต ปาณาติปาตาทิวิรติกมฺมํ อาคนฺตฺวา อตฺถโต เอวํ วทติ นาม ‘สจาหํ ปมตรํ ชาเนยฺยํ, น เต อิธ นิพฺพตฺติตุํ ทเทยฺยํ, เทวโลเกเยว ตํ นิพฺพตฺตาเปยฺยํ, โหตุ, ตฺวํ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺต, อหํ อุปตฺถมฺภกกมฺมํ นาม อุปตฺถมฺภํ เต กริสฺสามี’ติ อุปตฺถมฺภํ กโรติ. กึ กโรติ? ปริสฺสยํ นาเสติ, โภเค อุปฺปาเทติ.
‘‘ตตฺถ ทารกสฺส มาตุกุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย มาตาปิตูนํ สุขเมว สาตเมว โหติ. เยปิ ปกติยา มนุสฺสามนุสฺสปริสฺสยา โหนฺติ, เต สพฺเพ อปคจฺฉนฺติ ¶ . เอวํ ปริสฺสยํ นาเสติ. ทารกสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย เคเห โภคานํ ปมาณํ น โหติ, นิธิกุมฺภิโย ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ เคหํ ปริวฏฺฏมานา ปวิสนฺติ. มาตาปิตโร ¶ ปเรหิ ปิตธนสฺสปิ สมฺมุขีภาวํ คจฺฉนฺติ, เธนุโย พหุขีรา โหนฺติ, โคณา สุขสีลา โหนฺติ, วปฺปฏฺาเน สสฺสานิ สมฺปชฺชนฺติ, วฑฺฒิยา วา สมฺปยุตฺตํ, ตาวกาลิกํ วา ทินฺนํ ธนํ อโจทิตา สยเมว อาหริตฺวา เทนฺติ, ทาสาทโย สุพฺพจา โหนฺติ, กมฺมนฺตา น ปริหายนฺติ, ทารโก คพฺภโต ปฏฺาย ปริหารํ ลภติ, โกมาริกเวชฺชา สนฺนิหิตาว โหนฺติ. คหปติกุเล ชาโต เสฏฺิฏฺานํ, อมจฺจกุลาทีสุ ชาโต เสนาปติฏฺานาทีนิ ลภติ. เอวํ โภเค อุปฺปาเทติ. โส อปริสฺสโย สโภโค จิรํ ชีวติ. อิทํ อุปตฺถมฺภกกมฺมํ นาม. อิเมสุ จตูสุ ปุริมานิ ทฺเว อกุสลาเนว, ชนกํ กุสลมฺปิ อกุสลมฺปิ, อุปตฺถมฺภกํ กุสลเมวา’’ติ.
เอตฺถ วิพาธูปฆาตา นาม กุสลวิปากมฺหิ น ยุตฺตาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทฺเว อกุสลาเนวา’’ติ วุตฺตํ. เทวทตฺตาทีนํ ปน นาคาทีนํ อิโต อนุปฺปทินฺนยาปนกเปตานฺจ นรกาทีสุ อกุสลวิปากูปตฺถมฺภนูปปีฬนูปฆาตกานิ สนฺตีติ จตุนฺนมฺปิ กุสลากุสลภาโว น วิรุชฺฌติ. เอวฺจ กตฺวา ยา พหูสุ อานนฺตริเยสุ กเตสุ เอเกน คหิตปฺปฏิสนฺธิกสฺส อิตเรสํ ตสฺส อนุพลปฺปทายิตา วุตฺตา, สาปิ สมตฺถิตา โหติ.
สุตฺตนฺตปริยาเยน เอกาทส กมฺมานิ วิภชิตฺวา อิทานิ อภิธมฺมปริยาปนฺนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺเถกจฺจานิ ปาปกานิ กมฺมสมาทานานี’’ติอาทินา วิภงฺคปาฬึ (วิภ. ๘๑๐) ทสฺเสติ. ตตฺถ คติสมฺปตฺติปฏิพาฬฺหานีติ คติสมฺปตฺติยา ปฏิพาหิตานิ นิวาริตานิ ปฏิเสธิตานิ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ จ คติสมฺปตฺตีติ สมฺปนฺนคติ เทวโลโก จ มนุสฺสโลโก จ. คติวิปตฺตีติ วิปนฺนคติ จตฺตาโร อปายา. อุปธิสมฺปตฺตีติ อตฺตภาวสมิทฺธิ. อุปธิวิปตฺตีติ หีนอตฺตภาวตา. กาลสมฺปตฺตีติ สุราชสุมนุสฺสกาลสงฺขาโต สมฺปนฺนกาโล. กาลวิปตฺตีติ ทุราชทุมฺมนุสฺสกาลสงฺขาโต วิปนฺนกาโล. ปโยคสมฺปตฺตีติ สมฺมาปโยโค. ปโยควิปตฺตีติ มิจฺฉาปโยโค.
อิทานิ ¶ ยถาวุตฺตปาฬิยา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนิฏฺารมฺมณานุภวนารเห กมฺเม วิชฺชมาเนเยวาติ อิมินา อนิฏฺารมฺมณานุภวนนิมฺมิตฺตกสฺส ปาปกมฺมสฺส สพฺภาวํ ทสฺเสติ. ตํ กมฺมนฺติ ตํ ปาปกํ กมฺมํ. เอกจฺจสฺส หิ อนิฏฺารมฺมณานุภวนนิมิตฺตํ ¶ พหุปาปกมฺมํ วิชฺชมานมฺปิ คติวิปตฺติยํ ิตสฺเสว วิปจฺจติ. ยทิ ปน โส เอเกน กลฺยาณกมฺเมน คติสมฺปตฺติยํ เทเวสุ วา มนุสฺเสสุ วา นิพฺพตฺเตยฺย, ตาทิเส าเน อกุสลสฺส วาโร นตฺถิ, เอกนฺตํ กุสลสฺเสวาติ ตํ กมฺมํ คติสมฺปตฺติปฏิพาฬฺหํ น วิปจฺจติ. ปติพาหิตํ หุตฺวาติ พาธิตํ หุตฺวา. อตฺตภาวสมิทฺธิยนฺติ สรีรสมฺปตฺติยํ. กิลิฏฺกมฺมสฺสาติ หตฺถิเมณฺฑอสฺสพนฺธกโคปาลกาทิกมฺมสฺส. ปลายิตพฺพยุตฺตกาเลติ หตฺถิอาทิปจฺจตฺถิกสมาคมกาเล. ลฺชํ เทตีติ เอวํ เม พาธตํ ปเรสํ วเส น โหตีติ เทติ. โจริกยุตฺตกาเลติ ปกฺขพลาทีนํ ลพฺภมานกาเล. อนฺตรกปฺเปติ ปริโยสานปฺปตฺเต อนฺตรกปฺเป.
อภิธมฺมนเยน โสฬส กมฺมานิ วิภชิตฺวา ปฏิสมฺภิทามคฺคปริยาเยน (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๔-๒๓๕) ทฺวาทส กมฺมานิ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปรานิปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อตีตภเวสุ กตสฺส กมฺมสฺส อตีตภเวสุเยว วิปกฺกวิปากํ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ อโหสิ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ กมฺมํ อตีเต อายูหิต’’นฺติอาทิ. วิปากวารนฺติ วิปจฺจนาวสรํ วิปากวารํ. ‘‘วิปากวารํ ลภตี’’ติ อิมินา วุตฺตเมวตฺถํ ‘‘ปฏิสนฺธึ ชเนสี’’ติอาทินา วิภาเวติ. ตตฺถ ปฏิสนฺธึ ชเนสีติ อิมินา จ ปฏิสนฺธิทายกสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติวิปากทายิตาปิ วุตฺตา โหติ. ปวตฺติวิปากสฺเสว ปน ทายกํ รูปชนกสีเสน วทติ. ตสฺเสว อตีตสฺส กมฺมสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนียสฺส อุปปชฺชเวทนียสฺส จ ปจฺจยเวกลฺเลน อตีตภเวสุเยว อวิปกฺกวิปากฺจ, อตีเตเยว ปรินิพฺพุตสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนียอุปปชฺชเวทนียอปรปริยายเวทนียสฺส กมฺมสฺส อวิปกฺกวิปากฺจ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ นาโหสิ กมฺมวิปาโก’’ติปิ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปน วิปากวารํ น ลภี’’ติอาทิ.
อตีตสฺเสว กมฺมสฺส อวิปกฺกวิปากสฺส ปจฺจุปฺปนฺนภเว ปจฺจยสมฺปตฺติยา วิปจฺจมานํ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปน อตีเต อายูหิต’’นฺติอาทิมาห. อตีตสฺเสว กมฺมสฺส ¶ อติกฺกนฺตวิปากกาลสฺส จ ปจฺจุปฺปนฺนภเว ปรินิพฺพายนฺตสฺส จ อวิปจฺจมานวิปากํ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ นตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อลทฺธวิปากวาร’’นฺติอาทิ. อตีตสฺเสว กมฺมสฺส วิปาการหสฺส อวิปกฺกวิปากสฺส อนาคตภเว ปจฺจยสมฺปตฺติยา วิปจฺจิตพฺพํ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ปน อตีเต อายูหิต’’นฺติอาทิมาห. อตีตสฺเสว กมฺมสฺส อติกฺกนฺตวิปากกาลสฺส จ อนาคตภเว ปรินิพฺพายิตพฺพสฺส อวิปจฺจิตพฺพวิปากฺจ คเหตฺวา ‘‘อโหสิ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ ¶ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ อนาคเต วิปากวารํ น ลภิสฺสตี’’ติอาทิ. เอวํ ตาว อตีตกมฺมํ อตีตปจฺจุปฺปนฺนานาคตวิปากาวิปากวเสน ฉธา ทสฺสิตํ.
อิทานิ ปจฺจุปฺปนฺนภเว กตสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนียสฺส อิเธว วิปจฺจมานํ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘อตฺถิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ปน เอตรหิ อายูหิต’’นฺติอาทิมาห. ยํ ปน เอตรหิ วิปากวารํ น ลภตีติอาทินา ตสฺเสว ปจฺจุปฺปนฺนสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยเวกลฺเลน อิธ อวิปจฺจมานฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม ปรินิพฺพายนฺตสฺส อิธ อวิปจฺจมานฺจ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘อตฺถิ กมฺมํ นตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. ปจฺจุปฺปนฺนสฺเสว กมฺมสฺส อุปปชฺชเวทนียสฺส อปรปริยายเวทนียสฺส จ อนาคตภเว วิปจฺจิตพฺพวิปากํ คเหตฺวา ‘‘อตฺถิ กมฺมํ ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปน เอตรหิ อายูหิตํ อนาคเต วิปากวารํ ลภิสฺสตี’’ติอาทิ. ปจฺจุปฺปนฺนสฺเสว กมฺมสฺส อุปปชฺชเวทนียสฺส ปจฺจยเวกลฺเลน อนาคตภเว อวิปจฺจิตพฺพฺจ อนาคตภเว ปรินิพฺพายิตพฺพสฺส อปรปริยายเวทนียสฺส อวิปจฺจิตพฺพฺจ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘อตฺถิ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปน วิปากวารํ น ลภิสฺสตี’’ติอาทิ.
เอวฺจ ปจฺจุปฺปนฺนกมฺมํ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตวิปากาวิปากวเสน จตุธา ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนาคตภเว กตสฺส กมฺมสฺส อนาคเต วิปจฺจิตพฺพวิปากํ คเหตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ กมฺมํ ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ปนานาคเต อายูหิสฺสตี’’ติอาทิมาห. ตสฺเสว อนาคตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยเวกลฺเลน อวิปจฺจิตพฺพฺจ อนาคตภเว ปรินิพฺพายิตพฺพสฺส อวิปจฺจิตพฺพฺจ วิปากํ คเหตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปน วิปากวารํ น ลภิสฺสตี’’ติอาทิ ¶ . เอวํ อนาคตกมฺมํ อนาคตวิปากาวิปากวเสน ทฺวิธา ทสฺสิตํ. เอวนฺติอาทินา ยถาวุตฺตทฺวาทสกมฺมานิ นิคเมติ.
อิทานิ สพฺเพสุ ยถาวุตฺตปฺปเภเทสุ กมฺเมสุ ยานิ อภิธมฺมนเยน วิภตฺตานิ โสฬส กมฺมานิ, ยานิ จ ปฏิสมฺภิทามคฺคปริยาเยน วิภตฺตานิ ทฺวาทส กมฺมานิ, ตานิ สพฺพานิ สุตฺตนฺติกปริยาเยน วิภตฺเตสุ เอกาทสวิเธสุเยว กมฺเมสุ อนฺโตคธานิ, ตานิ จ ทิฏฺธมฺมเวทนียอุปปชฺชเวทนียอปรปริยายเวทนีเยสุ ตีสุเยว อนฺโตคธานีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติ อิมานิ เจวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺตโน านา โอสกฺกิตฺวาติ อตฺตโน ยถาวุตฺตทฺวาทสโสฬสปฺปเภทสงฺขาตฏฺานโต ปริหาเปตฺวา, ตํ ตํ ปเภทํ หิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เอกาทส กมฺมานิเยว ¶ ภวนฺตีติ ตํสภาวานํเยว กมฺมานํ ทฺวาทสธา โสฬสธา จ วิภชิตฺวา วุตฺตตฺตา เอวมาห. ยสฺมา เอกาทสธา วุตฺตกมฺมานิ ทิฏฺธมฺมเวทนียานิ วา สิยุํ อุปปชฺชเวทนียานิ วา อปรปริยายเวทนียานิ วา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตีณิเยว กมฺมานิ โหนฺตี’’ติ.
เตสํ สงฺกมนํ นตฺถีติ เตสํ ทิฏฺธมฺมเวทนียาทีนํ สงฺกมนํ นตฺถิ, สงฺกมนํ อุปปชฺชเวทนียาทิภาวาปตฺติ. เตนาห ‘‘ยถาาเนเยว ติฏฺนฺตี’’ติ, อตฺตโน ทิฏฺธมฺมเวทนียาทิฏฺาเนเยว ติฏฺนฺตีติ อตฺโถ. ทิฏฺธมฺมเวทนียเมว หิ ปมชวนเจตนา, อุปปชฺชเวทนียเมว สตฺตมชวนเจตนา, มชฺเฌ ปฺจ อปรปริยายเวทนียเมวาติ นตฺถิ เตสํ อฺมฺํ สงฺคโห, ตสฺมา อตฺตโน อตฺตโน ทิฏฺธมฺมเวทนียาทิสภาเวเยว ติฏฺนฺติ. เตเนว ภควตา – ‘‘ทิฏฺเ วา ธมฺเม, อุปปชฺช วา, อปเร วา ปริยาเย’’ติ ตโย วิกปฺปา ทสฺสิตา. เตเนวาห ‘‘ทิฏฺธมฺมเวทนียํ กมฺม’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ‘‘ทิฏฺเ วา ธมฺเม’’ติ สตฺถา น วเทยฺยาติ อสติ นิยาเม น วเทยฺย. ยสฺมา ปน เตสํ สงฺกมนํ นตฺถิ, นิยตสภาวา หิ ตานิ, ตสฺมา สตฺถา ‘‘ทิฏฺเ วา ธมฺเม’’ติอาทิมโวจ.
สุกฺกปกฺเขติ ‘‘อโลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติอาทินา อาคเต กุสลปกฺเข. นิรุทฺเธติ อริยมคฺคาธิคเมน อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุทฺเธ. ตาลวตฺถุ วิย กตนฺติ ยถา ตาเล ฉินฺเน ิตฏฺาเน กิฺจิ น โหติ, เอวํ กมฺเม ปหีเน กิฺจิ น โหตีติ อตฺโถ. ตาลวตฺถูติ วา มตฺถกจฺฉินฺโน ตาโล วุตฺโต ปตฺตผลมกุลสูจิอาทีนํ อภาวโต. ตโต เอว โส อวิรุฬฺหิธมฺโม. เอวํ ปหีนกมฺโม สตฺตสนฺตาโน. เตนาห ¶ ‘‘มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิยา’’ติ. อนุอภาวํ กตํ ปจฺฉโต ธมฺมปฺปวตฺติยา อภาวโต. เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. อปฺปวตฺติกตกาโล วิยาติ พีชานํ สพฺพโส อปฺปวตฺติยา กตกาโล วิย. ฉินฺนมูลกานนฺติ กิเลสมูลสฺส สพฺพโส ฉินฺนตฺตา ฉินฺนมูลกานํ. กิเลสา หิ ขนฺธานํ มูลานิ.
เวทนียนฺติ เวทิตพฺพํ. อฺํ วตฺถุ นตฺถีติ อฺํ อธิฏฺานํ นตฺถิ. สุคติสฺิตาปิ เหฏฺิมนฺเตน สงฺขารทุกฺขโต อนปคตตฺตา ทุคฺคติโย เอวาติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพา ทุคฺคติโย’’ติ, เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. โลโภ เอตสฺส การณภูโต อตฺถีติ โลภํ, โลภนิมิตฺตํ กมฺมํ. ตถา โทสนฺติ เอตฺถาปิ. เตนาห ‘‘โลภโทสสีเสน โลภชฺจ โทสชฺจ กมฺมเมว นิทฺทิฏฺ’’นฺติ. วฏฺฏวิวฏฺฏนฺติ วฏฺฏฺจ วิวฏฺฏฺจ.
นิทานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. หตฺถกสุตฺตวณฺณนา
๓๕. ปฺจเม ¶ อาฬวิยนฺติ อาฬวิรฏฺเ, น อาฬวินคเร. เตนาห ‘‘อาฬวิยนฺติ อาฬวิรฏฺเ’’ติ. อถาติ อวิจฺเฉทตฺเถ นิปาโต. ตตฺถ ภควโต นิสชฺชาย อวิจฺฉินฺนาย เอวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เอว’’นฺติอาทิ. หตฺถโต หตฺถํ คตตฺตาติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส หตฺถโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส หตฺถํ, ตโต ราชปุริสานํ หตฺถํ คตตฺตา.
มาฆสฺสาติ มาฆมาสสฺส. เอวํ ผคฺคุนสฺสาติ เอตฺถาปิ. ขุรนฺตเรหิ กทฺทโม อุคฺคนฺตฺวา ติฏฺตีติ กทฺทโม ขุรนฺตเรหิ อุคฺคนฺตฺวา ติฏฺติ. จตูหิ ทิสาหิ วายนฺโต วาโต เวรมฺโภติ วุจฺจติ เวรมฺภวาตสทิสตฺตา.
ปฺจทฺวารกายนฺติ ปฺจทฺวารานุสาเรน ปวตฺตํ วิฺาณกายํ. โขภยมานาติ กิเลสโขภวเสน โขภยมานา จิตฺตํ สงฺโขภํ กโรนฺตา. เจตสิกาติ มโนทฺวาริกจิตฺตสนฺนิสฺสิตา. เตนาห ‘‘มโนทฺวารํ โขภยมานา’’ติ. โส ราโคติ ตํสทิโส ราโค. ภวติ หิ ตํสทิเส ตพฺโพหาโร ยถา ‘‘สา เอว ติตฺติริกา, ตานิ เอว โอสธานี’’ติ. ยาทิโส หิ เอกสฺส ปุคฺคลสฺส อุปฺปชฺชนกราโค, ตาทิโส เอว ตโต อฺสฺส ราคภาวสามฺโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ตถารูโป ¶ ราโค’’ติอาทิ. อิจฺฉิตาลาเภน รชนีเยสุ วา นิรุทฺเธสุ วตฺถูสุ โทมนสฺสุปฺปตฺติยา โทสปริฬาหานํ สมฺภโว เวทิตพฺโพ.
น ลิมฺปติ อนุปลิตฺตจิตฺตตฺตา. สีติภูโต นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตฺตา. อาสตฺติโย วุจฺจนฺติ ตณฺหาโย ตตฺถ ตตฺถ อาสฺชนฏฺเน. ทรถนฺติ ปริฬาหชาตํ. เจตโสติ สามิวจนํ.
หตฺถกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เทวทูตสุตฺตวณฺณนา
๓๖. ฉฏฺเ เทวทูตานีติ ลิงฺควิปลฺลาสํ กตฺวา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เทวทูตา’’ติ, อุภยลิงฺคํ วา เอตํ ปทํ, ตสฺมา นปุํสกลิงฺควเสน ปาฬิยํ วุตฺตสฺส ปุลฺลิงฺควเสน อตฺถทสฺสนํ กตํ. เทโวติ มจฺจูติ อภิภวนฏฺเน สตฺตานํ อตฺตโน วเส วตฺตาปนโต มจฺจุราชา ‘‘เทโว’’ติ วุจฺจติ. ยถา หิ เทโว ปกติสตฺเต อภิภวติ, เอวํ มจฺจุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ, ตสฺมา เทโว ¶ วิยาติ เทโว. ‘‘ตสฺส ทูตา’’ติ วตฺวา อิทานิสฺส ทูเต เตสํ ทูตภาวฺจ วิภาเวตุํ ‘‘ชิณฺณพฺยาธิมตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน โจทนตฺเถน เทวสฺส ทูตา วิยาติ เทวทูตาติ ทสฺเสติ. ‘‘อหํ อสุกํ ปมทฺทิตุํ อาคมิสฺสามิ, ตุวํ ตสฺส เกเส คเหตฺวา มา วิสฺสชฺเชหี’’ติ มจฺจุเทวสฺส อาณากรา ทูตา วิยาติ หิ ทูตาติ วุจฺจนฺติ.
อิทานิ สทฺธาตพฺพฏฺเน เทวา วิย ทูตาติ เทวทูตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เทวา วิย ทูตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อลงฺกตปฺปฏิยตฺตายาติ อิทํ อตฺตโน ทิพฺพานุภาวํ อาวิกตฺวา ิตายาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เทวตาย พฺยากรณสทิสเมว โหติ น จิรสฺเสว ชราพฺยาธิมรณสฺส สมฺภวโต. วิสุทฺธิเทวานนฺติ ขีณาสวพฺรหฺมานํ. เต หิ จริมภเว โพธิสตฺตานํ ชิณฺณาทิเภทํ ทสฺเสนฺติ, ตสฺมา อนฺติมภวิกโพธิสตฺตานํ วิสุทฺธิเทเวหิ อุปฏฺาปิตภาวํ อุปาทาย ตทฺเสมฺปิ เตหิ อนุปฏฺาปิตานมฺปิ ตถา โวหริตพฺพตา ปริยายสิทฺธาติ เวทิตพฺพา. ทิสฺวาวาติ ¶ วิสุทฺธิเทเวหิ ทสฺสิเต ทิสฺวาว. ตโตเยว หิ เต วิสุทฺธิเทวานํ ทูตา วุตฺตา.
กสฺมา อารทฺธนฺติ เกวลํ เทวทูเต เอว สรูปโต อทสฺเสตฺวาติ อธิปฺปาโย. เทวานํ ทูตานํ ทสฺสนูปายตฺตา ตถา วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เทวทูตา…เป… สมนุยฺุชตี’’ติ อาห. ตตฺถ เทวทูตา…เป… ทสฺสนตฺถนฺติ เทวทูตานํ อนุยฺุชนฏฺานูปคสฺส กมฺมสฺส ทสฺสนตฺถํ.
เอกจฺเจ เถราติ อนฺธกาทิเก วิฺาณวาทิโน จ สนฺธาย วทติ. เนรยิเก นิรเย ปาเลนฺติ ตโต นิคฺคนฺตุํ อปฺปทานวเสน รกฺขนฺตีติ นิรยปาลา. อถ วา นิรยปาลตาย เนรยิกานํ นิรยทุกฺเขน ปริโยนทฺธาย อลํ สมตฺถาติ นิรยปาลา. ตนฺติ ‘‘นตฺถิ นิรยปาลา’’ติ วจนํ. ปฏิเสธิตเมวาติ ‘‘อตฺถิ นิรเยสุ นิรยปาลา อตฺถิ จ การณิกา’’ติอาทินา นเยน อภิธมฺเม (กถา. ๘๖๖) ปฏิเสธิตเมว. ยทิ นิรยปาลา นาม น สิยุํ, กมฺมการณาปิ น ภเวยฺย. สติ หิ การณิเก กมฺมการณาย ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. เอตฺถาห – ‘‘กึ ปเนเต นิรยปาลา เนรยิกา, อุทาหุ อเนรยิกา’’ติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว เนรยิกา นิรยสํวตฺตนิเยน กมฺเมน นิพฺพตฺตา, สยมฺปิ นิรยทุกฺขํ ปจฺจนุภเวยฺยุํ, ตถา สติ อฺเสํ เนรยิกานํ ฆาตนาย อสมตฺถา สิยุํ, ‘‘อิเม เนรยิกา อิเม นิรยปาลา’’ติ ววตฺถานฺจ น สิยา. เย จ เย ฆาเตนฺติ, เตหิ สมานรูปพลปฺปมาเณหิ อิตเรสํ ภยสนฺตาสา น สิยุํ. อถ อเนรยิกา, เนสํ ตตฺถ กถํ สมฺภโวติ? วุจฺจเต – อเนรยิกา นิรยปาลา อนิรยคติสํวตฺตนิยกมฺมนิพฺพตฺติโต. นิรยูปปตฺติสํวตฺตนิยกมฺมโต ¶ หิ อฺเเนว กมฺมุนา เต นิพฺพตฺตนฺติ รกฺขสชาติกตฺตา. ตถา หิ วทนฺติ สพฺพตฺถิวาทิโน –
‘‘โกธา กุรูรกมฺมนฺตา, ปาปาภิรุจิโน ตถา;
ทุกฺขิเตสุ จ นนฺทนฺติ, ชายนฺติ ยมรกฺขสา’’ติ.
ตตฺถ ยเทเก วทนฺติ ‘‘ยาตนาทุกฺขํ ปฏิสํเวเทยฺยุํ, อถ วา อฺมฺํ ฆาเตยฺยุ’’นฺติอาทิ, ตยิทํ อสารํ นิรยปาลานํ เนรยิกภาวสฺเสว ¶ อภาวโต. ยทิปิ อเนรยิกา นิรยปาลา, อโยมยาย ปน อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย นิรยภูมิยา ปริกฺกมมานา กถํ ทาหทุกฺขํ นานุภวนฺตีติ? กมฺมานุภาวโต. ยถา หิ อิทฺธิมนฺโต เจโตวสิปฺปตฺตา มหาโมคฺคลฺลานาทโย เนรยิเก อนุกมฺปนฺตา อิทฺธิพเลน นิรยภูมึ อุปคตา ทาหทุกฺเขน น พาธียนฺติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
อิทฺธิวิสยสฺส อจินฺเตยฺยภาวโตติ เจ? อิทมฺปิ ตํสมานํ กมฺมวิปากสฺส อจินฺเตยฺยภาวโต. ตถารูเปน หิ กมฺมุนา เต นิพฺพตฺตา ยถา นิรยทุกฺเขน อพาธิตา เอว หุตฺวา เนรยิเก ฆาเตนฺติ, น เจตฺตเกน พาหิรวิสยาภาโว ยุชฺชติ อิฏฺานิฏฺตาย ปจฺเจกํ ทฺวารปุริเสสุปิ วิภตฺตสภาวตฺตา. ตถา หิ เอกจฺจสฺส ทฺวารสฺส ปุริสสฺส จ อิฏฺํ เอกจฺจสฺส อนิฏฺํ, เอกจฺจสฺส จ อนิฏฺํ เอกจฺจสฺส อิฏฺํ โหติ. เอวฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ ‘‘นตฺถิ กมฺมวเสน เตชสา ปรูปตาปน’’นฺติอาทิ, ตทปาหตํ โหติ. ยํ ปน วทนฺติ ‘‘อเนรยิกานํ เตสํ กถํ ตตฺถ สมฺภโว’’ติ นิรเย เนรยิกานํ ยาตนาสพฺภาวภาวโต. เนรยิกสตฺตยาตนาโยคฺคฺหิ อตฺตภาวํ นิพฺพตฺเตนฺตํ กมฺมํ ตาทิสนิกนฺติ วินามิตํ นิรยฏฺาเน เอว นิพฺพตฺเตติ. เต หิ เนรยิเกหิ อธิกตรพลาโรหปริณาหา อติวิย ภยานกทสฺสนา กุรูรตรปโยคา จ โหนฺติ. เอเตเนว ตตฺถ เนรยิกานํ วิพาธกกากสุนขาทีนมฺปิ นิพฺพตฺติยา อตฺถิภาโว สํวณฺณิโตติ ทฏฺพฺโพ.
กถมฺคติเกหิ อฺคติกพาธนนฺติ จ น วตฺตพฺพํ อฺตฺถาปิ ตถา ทสฺสนโต. ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘อสตฺตสภาวา เอว นิรเย นิรยปาลา นิรเย สุนขาทโย จา’’ติ, ตมฺเปเตสํ มติมตฺตํ อฺตฺถ ตถา อทสฺสนโต. น หิ กาจิ อตฺถิ ตาทิสี ธมฺมปฺปวตฺติ, ยา อสตฺตสภาวา, สมฺปติสตฺเตหิ อปฺปโยชิตา จ อตฺถกิจฺจํ สาเธนฺตี ทิฏฺปุพฺพา. เปตานํ ปานียนิวารกานํ ทณฺฑาทิหตฺถานฺจ ปุริสานํ สพฺภาเว อสตฺตภาเว จ วิเสสการณํ นตฺถีติ ตาทิสานํ ¶ สพฺภาเว กึ ปาปกานํ วตฺตพฺพํ. สุปิโนปฆาโตปิ อตฺถกิจฺจสมตฺถตาย อปฺปมาณํ ทสฺสนาทิมตฺเตนปิ ¶ ตทตฺถสิทฺธิโต. ตถา หิ สุปิเน อาหารูปโภคาทินา น อตฺถสิทฺธิ, อิทฺธินิมฺมานรูปํ ปเนตฺถ ลทฺธปริหารํ อิทฺธิวิสยสฺส อจินฺเตยฺยภาวโต. อิธาปิ กมฺมวิปากสฺส อจินฺเตยฺยภาวโตติ เจ? ตํ น, อสิทฺธตฺตา. เนรยิกานํ กมฺมวิปาโก นิรยปาลาติ สิทฺธเมตฺตํ, วุตฺตนเยน ปาฬิโต จ เตสํ สตฺตภาโว เอว สิทฺโธ. สกฺกา หิ วตฺตุํ สตฺตสงฺขาตา นิรยปาลสฺิตา ธมฺมปฺปวตฺติ สาภิสนฺธิกปรูปฆาติ อตฺถกิจฺจสพฺภาวโต โอชาหาราทิ รกฺขสสนฺตติ วิย. อภิสนฺธิปุพฺพกตา เจตฺถ น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุํ ตถา ตถา อภิสนฺธิยา ฆาตนโต. ตโต เอว น สงฺฆาตปพฺพเตหิ อเนกนฺติกตา. เย ปน วทนฺติ ‘‘ภูตวิเสสา เอว เต วณฺณสณฺานาทิวิเสสวนฺโต เภรวาการา นรกปาลาติ สมฺํ ลภนฺตี’’ติ, ตทสิทฺธํ อุชุกเมว ปาฬิยํ ‘‘อตฺถิ นิรเย นิรยปาลา’’ติ วาทสฺส ปติฏฺาปิตตฺตา.
อปิจ ยถา อริยวินเย นรกปาลานํ ภูตมตฺตตา อสิทฺธา, ตถา ปฺตฺติมตฺตวาทิโนปิ ภูตมตฺตตา อสิทฺธา สพฺพโส รูปธมฺมานํ อตฺถิภาวสฺเสว อปฺปฏิชานนโต. น หิ ตสฺส ภูตานิ นาม ปรมตฺถโต สนฺติ. ยทิ ปรมตฺถํ คเหตฺวา โวหรติ, อถ กสฺมา จกฺขุรูปาทีนิ ปฏิกฺขิปตีติ? ติฏฺเตสา อนวฏฺิตตกฺกานํ อปฺปหีนวิปลฺลาสานํ วาทวีมํสา. เอวํ อตฺเถว นิรเย นิรยปาลาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. สติ จ เนสํ สพฺภาเว อสติปิ พาหิเร วิสเย นรเก วิย เทสาทินิยโม โหตีติ วาโท น สิชฺฌติ, สติ เอว ปน พาหิเร วิสเย เทสาทินิยโมติ ทฏฺพฺพํ.
เทวทูตสราปนวเสน สตฺเต ยถูปจิเต ปฺุกมฺเม ยเมติ นิยเมตีติ ยโม. ตสฺส ยมสฺส เวมานิกเปตานํ ราชภาวโต รฺโ. เตนาห ‘‘ยมราชา นาม เวมานิกเปตราชา’’ติ. กมฺมวิปากนฺติ อกุสลกมฺมวิปากํ. เวมานิกเปตา หิ กณฺหสุกฺกวเสน มิสฺสกํ กมฺมํ กตฺวา วินิปาติกเทวตา วิย สุกฺเกน กมฺมุนา ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ. ตถา หิ มคฺคผลภาคิโนปิ โหนฺติ, ปวตฺติยํ ปน กมฺมานุรูปํ กทาจิ ปฺุผลํ, กทาจิ อปฺุผลํ ปจฺจนุภวนฺติ. เยสํ ปน อริยมคฺโค อุปฺปชฺชติ, เตสํ มคฺคาธิคมโต ปฏฺาย ปฺุผลเมว อุปฺปชฺชตีติ ทฏฺพฺพํ. อปฺุผลํ ปุพฺเพ วิย กฏุกํ น โหติ, มนุสฺสตฺตภาเว ิตานํ ¶ วิย มุทุกเมว โหตีติ อปเร. ธมฺมิโก ราชาติ เอตฺถ ตสฺส ธมฺมิกภาโว ธมฺมเทวปุตฺตสฺส วิย อุปฺปตฺตินิยโต ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺโพ. ทฺวาเรสูติ อวีจิมหานรกสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ. ขีณาสวา พฺราหฺมณา นาม อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน.
อนุโยควตฺตนฺติ ¶ อนุโยเค กเต วตฺติตพฺพวตฺตํ. อาโรเปนฺโตติ การาเปนฺโต, อตฺตโน ปุจฺฉํ อุทฺทิสฺส ปฏิวจนํ ทาเปนฺโต ปุจฺฉติ. ปรสฺส หิ อธิปฺปายํ าตุํ อิจฺฉนฺโต ตทุปคํ ปโยคํ กโรนฺโต ปุจฺฉติ นาม. ลทฺธินฺติ คาหํ. ปติฏฺาเปนฺโตติ ตตฺถ นิจฺจกาลํ การาเปนฺโต. การณํ ปุจฺฉนฺโตติ ยุตฺตึ ปุจฺฉนฺโต. สมนุภาสตีติ ยถานุยุตฺตมตฺถํ วิภูตํ กตฺวา กเถติ.
ชิณฺณนฺติ ชราปตฺติยา ชิณฺณํ. เอกจฺโจ ทหรกาลโต ปฏฺาย ปณฺฑุโรคาทินา อภิภูตกายตาย ชิณฺณสทิโส โหติ, อยํ น ตถา ชราปตฺติยา ชิณฺโณติ ทสฺเสติ. โคปานสี วิย วงฺกนฺติ วงฺกโคปานสี วิย วงฺกํ. น หิ วงฺกภาวสฺส นิทสฺสนตฺถํ อวงฺกโคปานสี คยฺหติ. ภคฺคนฺติ ภคฺคสรีรํ กฏิยํ ภคฺคกายตฺตา. เตนาห ‘‘อิมินาปิสฺส วงฺกภาวเมว ทีเปตี’’ติ. ทณฺฑปฏิสรณนฺติ านคมเนสุ ทณฺโฑ ปฏิสรณํ เอตสฺสาติ ทณฺฑปฏิสรณํ เตน วินา วตฺติตุํ อสมตฺถตฺตา. เตนาห ‘‘ทณฺฑทุติย’’นฺติ. ชราตุรนฺติ ชราย ปตฺถตสํกิลนฺตกายํ. สพฺพโส กิมิหตํ วิย มหาขลฺลาฏํ สีสมสฺสาติ มหาขลฺลาฏสีสํ. สฺชาตวลินฺติ สมนฺตโต ชาตวลิกํ. ชราธมฺโมติ ชราปกติโก. เตนาห ‘‘ชราสภาโว’’ติ. สภาโว จ นาม เตโชธาตุยา อุณฺหตา วิย น กทาจิ วิคจฺฉตีติ อาห ‘‘อปริมุตฺโต ชรายา’’ติอาทิ.
อตฺถโต เอวํ วทติ นาม, วาจาย อวทนฺโตปิ อตฺถาปตฺติโต เอวํ วทนฺโต วิย โหติ วิฺูนนฺติ อตฺโถ. ตรุโณ อโหสึ โยพฺพเนน สมนฺนาคโต. อูรูนํ พลํ เอตสฺส อตฺถีติ อูรุพลี. เตน ทูเรปิ คมนาคมนลงฺฆนาทิสมตฺถตํ ทสฺเสติ, พาหุพลีติ ปน อิมินา หตฺเถหิ กาตพฺพกิจฺจสมตฺถตํ, ชวคฺคหเณน เวคสา ปวตฺติสมตฺถตํ. อนฺตรหิตาติ นฏฺา. เอตฺถ จ น โข ปนาหนฺติอาทิ ชราย เทวทูตภาวทสฺสนํ. เตนาห ‘‘เตเนส เทวทูโต นาม ชาโต’’ติ. อาพาธสฺส ¶ อตฺถิตาย อาพาธิกํ. วิวิธํ ทุกฺขํ อาทหตีติ พฺยาธิ, วิเสเสน วา อาธิยติ เอเตนาติ พฺยาธิ, พฺยาธิ สํชาโต เอตสฺสาติ พฺยาธิตํ. เอส นโย ทุกฺขิตนฺติ เอตฺถาปิ.
ทุติยํ เทวทูตนฺติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พฺยาธินา อภิหโตติ พฺยาธินา พาธิโต, อุปทฺทุโตติ อตฺโถ.
วิปริภินฺนวณฺโณติ วิปริภินฺนนีลวณฺโณ. ตฺหิ ยตฺถ ยตฺถ คหิตปุพฺพกํ, ตตฺถ ตตฺถ ปณฺฑุวณฺณํ, มํสุสฺสทฏฺาเน รตฺตวณฺณํ, เยภุยฺเยน จ นีลสาฏกปารุตํ วิย โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิปริภินฺนนีลวณฺโณ’’ติ.
‘‘โก ¶ ลภติ, โก น ลภตี’’ติ นิรยุปคสฺเสว วเสนายํ วิจารณาติ ‘‘เยน ตาว พหุ ปาปํ กต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. พหุ ปาปํ กตนฺติ พหุโส ปาปํ กตํ. เตน ปาปสฺส พหุลีกรณมาห. พหูติ วา มหนฺตํ. มหตฺโถปิ หิ พหุสทฺโท ทิสฺสติ ‘‘พหุ วต กตํ อสฺสา’’ติอาทีสุ, ครุกนฺติ วุตฺตํ โหติ. โส ครุกํ พหุลํ วา ปาปํ กตฺวา ิโต นิรเย นิพฺพตฺตติเยว, น ยมปุริเสหิ ยมสฺส สนฺติกํ นียตีติ. ปริตฺตนฺติ ปมาณปริตฺตตาย กาลปริตฺตตาย จ ปริตฺตํ. ปุริมสฺมึ อตฺเถ อครูติ อตฺโถ, ทุติยสฺมึ อพหุลนฺติ. ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กตฺตพฺพเมว กโรนฺตีติ ทณฺฑเมว กโรนฺติ. อนุวิชฺชิตฺวาติ วีมํสิตฺวา. วินิจฺฉยฏฺานนฺติ อฏฺฏกรณฏฺานํ. ปริตฺตปาปกมฺมาติ ทุพฺพลปาปกมฺมา. อตฺตโน ธมฺมตายาติ ปเรหิ อสาริยมาเนปิ อตฺตโน ธมฺมตาย สรนฺติ. เต หิ ปาปกมฺมสฺส ทุพฺพลภาวโต กตูปจิตสฺส จ โอกาสารหกุสลกมฺมสฺส พลวภาวโต อตฺตโน ธมฺมตายปิ สรนฺติ. สาริยมานาปีติ ‘‘อิทํ นาม ตยา กตํ ปฺุกมฺม’’นฺติ ปเรหิ สาริยมานาปิ.
อากาสเจติยนฺติ คิริสิขเร อพฺโภกาเส วิวฏงฺคเณ กตเจติยํ. รตฺตปเฏนาติ รตฺตวณฺเณน ปเฏน ปูเชสิ ปฏากํ กตฺวา. อคฺคิชาลสทฺทนฺติ ปฏปฏายนฺตํ นรเก อคฺคิชาลสทฺทํ สุตฺวาว. อตฺตนา ปูชิตปฏํ อนุสฺสรีติ ตทา ปฏากาย วาตปฺปหารสทฺเท นิมิตฺตสฺส คหิตตฺตา ‘‘มยา ตทา อากาสเจติเย ปูชิตรตฺตปฏสทฺโท วิยา’’ติ อตฺตนา ปูชิตปฏํ อนุสฺสริ.
สุมนปุปฺผกุมฺเภนาติ ¶ กุมฺภปริมาเณน สุมนปุปฺผราสินา. ‘‘ทสาธิกํ นาฬิสหสฺสกุมฺภ’’นฺติ เกจิ, ‘‘ปฺจอมฺพณ’’นฺติ อปเร. ตีหิปิ น สรติ พลวโต ปาปกมฺเมน พฺยาโมหิโต. ตุณฺหี อโหสีติ ‘‘กมฺมารโห อย’’นฺติ ตตฺถ ปฏิการํ อปสฺสนฺโต ตุณฺหี อโหสิ.
เอกปกฺขจฺฉทนมตฺตาหีติ มชฺฌิมปฺปมาณสฺส เคหสฺส เอกจฺฉทนปฺปมาเณหิ. สุตฺตาหตํ กริตฺวาติ กาฬสุตฺตํ ปาเตตฺวา. ยถา รโถ สพฺพโส ปชฺชลิโต โหติ อโยมโย, เอวํ ยุคาทโยปิสฺส ปชฺชลิตา สโชติภูตา เอว โหนฺตีติ อาห ‘‘สทฺธึ…เป… รเถ โยเชตฺวา’’ติ. มหากูฏาคารปฺปมาณนฺติ สตฺตภูมกมหากูฏาคารปฺปมาณํ.
วิภตฺโตติ สตฺตานํ สาธารเณน ปาปกมฺมุนา วิภตฺโต. หีนํ กายนฺติ หีนํ สตฺตนิกายํ, หีนํ วา อตฺตภาวํ. อุปาทาเนติ จตุพฺพิเธ อุปาทาเน. อตฺถโต ปน ตณฺหาทิฏฺิคฺคาโหติ อาห ‘‘ตณฺหาทิฏฺิคฺคหเณ’’ติ ¶ . สมฺภวติ ชรามรณํ เอเตนาติ สมฺภโว, อุปาทานนฺติ อาห ‘‘ชาติยา จ มรณสฺส ฉ การณภูเต’’ติ. อนุปาทาติ อนุปาทาย. เตนาห ‘‘อนุปาทิยิตฺวา’’ติ. สกลวฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกนฺตาติ จริมจิตฺตนิโรเธน วฏฺฏทุกฺขสฺส กิเลสานมฺปิ อสมฺภวโต สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกนฺตา.
เทวทูตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. จตุมหาราชสุตฺตวณฺณนา
๓๗. สตฺตเม อมา สห วตฺตนฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ กิจฺเจติ อมจฺจา, สหิตา. ปริสติ ภวาติ ปาริสชฺชา, ปริวารฏฺานิยา ปริสาปริยาปนฺนา. เตนาห ‘‘ปริจาริกเทวตา’’ติ. ตาตาติ อาลปนํ. เอวนฺติ ‘‘กจฺจิ พหู มนุสฺสา’’ติอาทินา วุตฺตากาเรน. อฏฺ วาเรติ เอกสฺมึ อฑฺฒมาเส จตุกฺขตฺตุํ ตถา อิตรสฺมินฺติ เอวํ อฏฺ วาเร. อธิฏฺหนฺตีติ อธิติฏฺนฺติ. ปฏิชาคโรนฺตีติ ปฏิ ปฏิ ชาคโรนฺติ. ปฺุํ กโรนฺตา หิ สตฺตา ชาคโรนฺติ นาม กาตพฺพกิจฺจปฺปสุตตฺตา, อิตเร ปน สุปนฺติ นาม สหิตปรหิตวิมุตฺตตฺตา. จาตุทฺทสิอุโปสถสฺส อนุคมนํ วิย ปนฺนรสิอุโปสถสฺส ปจฺจุคฺคมนํ น ลพฺภติ ทิวสาภาวโต.
ตโตติ ¶ ตโต ตโต. ตํ อุปนิสฺสายาติ ตา ตา คามนิคมราชธานิโย อุปนิสฺสาย. อธิวตฺถาติ อารามวนรุกฺขาทีสุ อธิวตฺถา เทวตา. เตติ เต เทวา. สนฺธาย กเถตีติ ภควา กเถติ. วุตฺตนฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ.
นิจฺจํ นิพทฺธํ อุโปสโถ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร ปฏิ ปฏิ หริตพฺพโต ปวตฺเตตพฺพโต ปาฏิหาริยปกฺโข นาม. คุณงฺเคหีติ อุโปสถงฺเคหิ.
วุตฺถวาโสติ วุสิตพฺรหฺมจริยวาโส. กตฺตพฺพกิจฺจนฺติ ทุกฺขาทีสุ ปริฺาตาทิกิจฺจํ. โอตาเรตฺวาติ ฉฑฺเฑตฺวา. ปริกฺขีณภวสํโยชโนติ สพฺพโส ขีณภวพนฺธโน. การเณน ชานิตฺวาติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ชานิตฺวา.
ชานนฺโตติ ‘‘อรหนฺตานํ อนุกรณปฺปฏิปตฺติ เอสา, ยทิทํ สมฺมเทว อุโปสถานุฏฺาน’’นฺติ เอวํ อุโปสถกมฺมสฺส คุณํ ชานนฺโต. เอวรูเปนาติ ยาทิโส ภควโต อุโปสถภาโว วิหิโต, เอวรูเปน ¶ อรหนฺตานุกรเณน อุโปสถกมฺเมน. สกฺกา ปหิตตฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ขีณาสวสมฺปตฺตึ ปาปุณิตุํ. อฏฺมํ อุตฺตานตฺถเมว สตฺตเม วุตฺตนยตฺตา.
จตุมหาราชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สุขุมาลสุตฺตวณฺณนา
๓๙. นวเม นิทฺทุกฺโขติ กายิกเจตสิกทุกฺขวิรหิโต. สทุกฺเข หิ สวิฆาเต สุขุมาลตฺตา อนวสรา, ตสฺมา สุขิโต นิทฺทุกฺขตาย สุขุมาโล นาม. ยาวสฺส สุขุมาลตฺตา ปรมุกฺกํสคตาติ อาห ‘‘ปรมสุขุมาโล’’ติ. อติวิย สุขุมาโลติ อตฺโถ. อนฺตมตีตํ อจฺจนฺตํ. สพฺพทา สุขุมาโลติ อาห ‘‘สตตนิทฺทุกฺโข’’ติ. จริยกาเลติ โพธิจริยาย จรณกาเล. เตนาติ โพธิสตฺเตน. อฺตฺถ ปน ปทุมนฺติ รตฺตํ กมลํ. ปุณฺฑรีกนฺติ เสตํ วุจฺจติ. อิตราติ อิตรโปกฺขรณิโย. ‘‘โพธิสตฺตสฺส กิรา’’ติอาทิกํ โปกฺขรณีนํ ¶ อุปฺปตฺติทสฺสนํ. กุทฺทาลกมฺมกาเรติ ขณเก. โปกฺขรณิฏฺานานีติ โปกฺขรณิขณนโยคฺคฏฺานานิ. คณฺหาเปสีติ ขณาเปสิ. โปกฺขรณิสทฺโท เจตฺถ ตาทิเส ชลาสเย นิรุฬฺโห ทฏฺพฺโพ ปงฺกชาทิสทฺทา วิย. โสปานพาหุกานํ มตฺถกฏฺานํ อุณฺหีสนฺติ อธิปฺเปตํ. อุทกเสจนนาฬิกาติ อุทกจฺฉฏาวิสฺสชฺชนนาฬิยนฺตานิ. ปฺจวิธาติ วณฺณวเสน ชาติวเสน จ.
โข ปนสฺสาติ นิปาตมตฺตํ. กาสิก-สทฺโท อติวิย สณฺเห สุขุเม มหคฺฆวตฺเถ นิรุฬฺโห, อฺสฺมิมฺปิ ตถาชาติเก รุฬฺหิวเสน ปวตฺตตีติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘อกาสิกํ จนฺทน’’นฺติ. เหมนฺเต วาโส เหมนฺตํ, เหมนฺตํ อรหตีติ เหมนฺติโก, ปาสาโท. ‘‘อิตเรสุปิ เอเสว นโย’’ติ วตฺวา ตเทว เนสํ อรหตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ เหมนฺติโก’’ติอาทิ วุตฺตํ. สชาลานีติ สชาลวาตปานานิ, อุทกยนฺตานีติ อุทกธาราวิสฺสนฺทนกยนฺตานิ. ปาสาทมตฺถเกติ ปาสาทสฺส อุปริอากาสตเล. พนฺธิตฺวาติ ปโยชิตยนฺเต สุกฺขมหึสจมฺมํ พนฺธิตฺวา. ยนฺตํ ปริวตฺเตตฺวาติ ยถาปโยชิตํ ยนฺตํ ปาสาณาโรปนตฺถฺเจว ปุน เตสํ วิสฺสชฺชนตฺถฺจ ปริวตฺเตตฺวา. ตสฺมึ วิสฺสชฺเชนฺตีติ ฉทนปิฏฺเ พทฺธสุกฺขมหึสจมฺเม วิสฺสชฺเชนฺติ.
สหสฺสถามนฺติ ปุริสสหสฺสพลํ, ปุริสสหสฺเสน วหิตพฺพภารวหํ. ปลฺลงฺเก นิสินฺโนวาติ รตนมยปลฺลงฺเก ยถานิสินฺโน เอว. อุปฺปตนาการปตฺตนฺติ อุปฺปติตฺวา ิตํ วิย. ชิยํ โปเถนฺตสฺสาติ ชิยาฆาตํ กโรนฺตสฺส. ชิยปฺปหารสทฺโทติ ชิยาฆาตสทฺโท. ยนฺเต พทฺธนฺติ ยนฺตพทฺธํ กตฺวา ¶ ปิตํ. สทฺทนฺตเรติ ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สทฺทสวนฏฺาเน. คาวุตสฺส จตุตฺโถ ภาโค โกโสติปิ วุจฺจติ ทฺวิสหสฺสทณฺฑปฺปมาณฏฺานํ.
สพฺพฏฺานานีติ มหาปุริสสฺส ตานิ ตานิ สพฺพานิ วสนฏฺานานิ. สิขาพทฺโธติ ปุริสสภาวสฺเสว วิเสสโต ทสฺสนเมตํ. น อุปฺปิลาวิตภาวตฺถนฺติ อุปฺปิลาวิตภาวสงฺขาตํ อตฺถํ น กเถสีติ อตฺโถ. ตสฺส หิ โพธิมูเลเยว เสตุฆาโต. เตเนวาติ อปฺปมาทลกฺขณสฺส ¶ ทีปนโต เอว. อตฺตานํ อติกฺกมิตฺวาติ อตฺตโน ชราปตฺตึ อจินฺเตตฺวา อฏฺฏียติ. น ปเนส มคฺเคน ปหีโน ตทา มคฺคสฺส อนธิคตตฺตา. สิกฺขํ ปฏิกฺขิปิตฺวาติ ยถาสมาทินฺนสิกฺขํ ปหาย.
อวิปรีตพฺยาธิอาทิสภาวาวาติ เอกนฺเตน พฺยาธิอาทิสภาวา เอว. เอวํ ชิคุจฺฉาวิหาเรนาติ เอวํ สกลสฺเสว วฏฺฏทุกฺขสฺส ชิคุจฺฉนวิหาเรน วิหรนฺตสฺส. เอวํ ชิคุจฺฉนนฺติ เอวํ ปรสฺส ชิคุจฺฉนํ. ปรํ อชิคุจฺฉมาโนติ กรุณายเนน เอวํ ปรํ อชิคุจฺฉนฺโต. อภิโภสฺมีติ อภิภวิตา อสฺมิ. อุสฺสาโห อหูติ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยเมว จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยฺจ อโหสิ, เยน มคฺคพฺรหฺมจริยปรายโณ ชาโต.
สุขุมาลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อาธิปเตยฺยสุตฺตวณฺณนา
๔๐. ทสเม อภิภวิตฺวา ปวตฺตนฏฺเน อธิปติ ยํ กิฺจิ เชฏฺกํ น การกํ อตฺตานํ อธิปตีติ กตฺวา อตฺตา เอว อธิปติ, ตโต อาคตํ อตฺตาธิปเตยฺยํ. เตนาห ‘‘อตฺตาน’’นฺติอาทิ. โลกนฺติ สตฺตโลกํ. โส จ โข อิทฺธิวิธาทิคุณวิเสสยุตฺโต อธิปฺเปโต อธิปติภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา. นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมนฺติ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน วุตฺตํ. อิติ ภโวติ เอวํ สมฺปตฺติภโว, ตตฺถ เอวํ อภิวุทฺธีติ. สมฺปตฺติภวสฺส เหตูติ ตํตํสมฺปตฺติภวสฺส ตตฺถ จ อภิวุทฺธิยา เหตุ. ชาตินิมิตฺตสฺส กมฺมภวสฺส กตูปจิตตฺตา ชาติ อนฺโตปวิฏฺา. ชราทีสุปิ เอเสว นโย เหตุสิทฺธิยา ผลสิทฺธิโต.
อสลฺลีนนฺติ น สงฺโกจปฺปตฺตํ. อุปฏฺิตาติ กายาทิสภาวสลฺลกฺขณวเสน อุปฏฺิตา. อสมฺมุฏฺา สมฺโมสาภาวโต. อสารทฺโธติ สารมฺภสฺส สารมฺภเหตูนฺจ วิกฺขมฺภเนน อสารทฺโธ. เอกคฺคํ ¶ อเนกคฺคภาวสฺส ทูรสมุสฺสาปิตตฺตา. นิมฺมลํ กตฺวาติ ราคาทิมลานํ อปนยเนน มลรหิตํ กตฺวา. โคปายตีติ สํกิเลสานตฺถโต รกฺขติ. อยนฺติ เอวํปฏิปนฺโน ภิกฺขุ. สุทฺธมตฺตานํ ปริหรติ อสุทฺธภาวสฺส กิเลสสฺสปิ อภาวโต.
อติกฺกมิตฺวา ¶ มฺสีติ อสกฺขึ กตฺวา มฺสิ. ตาย ตณฺหาย นิพฺพตฺโตติ ตมฺมโย, ตณฺหาวสิโก. ตสฺส ภาโว ตมฺมยตา, ตสฺสา ตมฺมยตาย อภาเวน. น หายติ ปฺาทิคุณเวปุลฺลปฺปตฺติยา.
อาธิปเตยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
เทวทูตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จูฬวคฺโค
๑. สมฺมุขีภาวสุตฺตวณฺณนา
๔๑. ปฺจมสฺส ปเม สมฺมุโข ภวติ เยน โส สมฺมุขีภาโว, ปุรโต วิชฺชมานตา, ตสฺมา สมฺมุขีภาวา. ปฺุกมฺมนฺติ ทานสงฺขาตํ ปฺุกมฺมํ. ทฺเว ธมฺมา สุลภา พาหิรตฺตา ยถาสกํ ปจฺจยสมวาเยน ลพฺภนโต. สทฺธา ปน ทุลฺลภา ปจุรชนสฺส อนวฏฺิตกิจฺจตฺตา. เตเนวาห ‘‘ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิ.
สมฺมุขีภาวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ติานสุตฺตวณฺณนา
๔๒. ทุติเย มจฺฉริยเมว มลํ มจฺฉริยมลํ, จิตฺตสฺส มลีนสภาวาปาทนโต วิคตํ มจฺฉริยมลํ เอตฺถาติ วิคตมจฺฉริยมลํ. เคธาภาเวน โกจิ กิฺจิ เทนฺโตปิ ตตฺถ อาสตฺตึ น วิสฺสชฺเชติ, อยํ ปน น ตาทิโสติ อาห ‘‘วิสฺสฏฺจาโค’’ติ. มลีนหตฺโถว จิตฺตวิสุทฺธิยา ¶ อภาวโต. โธตหตฺโถว โธตหตฺเถน กาตพฺพกิจฺจสาธนโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘จิตฺเต สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ, อิติ วุตฺตํ มเหสินา’’ติ. ยาจิตุํ ยุตฺโต ยาจกานํ มโนรถปูรณโต. ยาจโยโค ปโยคาสเหหิ ยาจเกหิ สุฏฺุ ยุตฺตภาวโต. ตํสมงฺคี เอว ตตฺถ รโต นาม, น จิตฺตมตฺเตเนวาติ อาห ‘‘ทานํ…เป… รโต นาม โหตี’’ติ.
‘‘อุจฺจา, ภนฺเต’’ติ วตฺวา อยํ มํ อุจฺจโต วทตีติ จินฺเตยฺยาติ ปุน ‘‘นาติอุจฺจา ตุมฺเห’’ติ อาห, สรีเรนาติ อธิปฺปาโย. เมจกวณฺณสฺสาติ นีโลภาสสฺส. ปุจฺฉีติ ภิกฺขู ปุจฺฉิ. ภูมิยํ เลขํ ลิขนฺโต อจฺฉีติ ปมํ ¶ มฺเจ นิปชฺชิตฺวา อุฏฺาย ภูมิยํ เลขํ ลิขนฺโต อจฺฉิ ‘‘อขีณาสโวติ มฺนา โหตู’’ติ. ตถา หิ ราชา ขีณาสวสฺส นาม…เป… นิวตฺติ. ธชปคฺคหิตาวาติ ปคฺคหิตธชาว. สิลาเจติยฏฺานนฺติ ถูปารามสฺส จ มหาเจติยสฺส จ อนฺตเร สิลาย กตเจติยฏฺานํ. เจติยํ…เป… อฏฺาสิ สาวกสฺส ตํ กูฏาคารนฺติ กตฺวา.
ปจฺฉาภาเคนาติ ธมฺมกถิกสฺส เถรสฺส ปิฏฺิปสฺเสน. โคนโสติ มณฺฑลสปฺโป. ธมฺมสฺสวนนฺตราย พหูนํ สคฺคมคฺคปฺปฏิลาภนฺตราโย ภเวยฺยาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ธมฺมสฺสวนนฺตรายํ น กริสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. วิสํ วิกฺขมฺเภตฺวาติ วิปสฺสนาเตเชน วิสเวคํ วิกฺขมฺเภตฺวา. คาถาสหสฺสนฺติ คาถาสหสฺสวนฺตํ. ปฏฺานคาถายาติ ปฏฺาปนคาถาย, อาทิคาถายาติ อตฺโถ. ปฏฺาน…เป… อวสานคาถํ เอว ววตฺถเปสิ, น ทฺวินฺนํ อนฺตเร วุตฺตํ กิลนฺตกายตฺตา. สรภาณํ สายนฺหธมฺมกถา. ปคฺคณฺหาตีติ ปจฺจกฺขํ กโรนฺตี คณฺหาติ, สกฺกจฺจํ สุณาตีติ อตฺโถ. ธมฺมกถนทิวเส ธมฺมกถิกานํ อกิลมนตฺถํ สทฺธา อุปาสกา สินิทฺธโภชนํ มธุปานกฺจ เทนฺติ สรสฺส มธุรภาวาย สปฺปิมธุกเตลาทิฺจ เภสชฺชํ. เตนาห ‘‘อริยวํสํ กเถสฺสามี’’ติอาทิ. จตูหิ ทาาหิ ฑํสิตฺวาติ ทฬฺหทฏฺภาวทสฺสนํ. จริสฺสามีติ สมฺมาเนสฺสามิ, สกฺกจฺจํ สุณิสฺสามีติ อตฺโถ. นิมฺมเถตฺวาติ นิมฺมทฺทิตฺวา, อปเนตฺวาติ อตฺโถ.
ติานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อตฺถวสสุตฺตวณฺณนา
๔๓. ตติเย อตฺโถ นาม ผลํ, ตํ เอตสฺส วโสติ อตฺถวโส. เหตุ, อตฺโถ เอตสฺส อตฺถีติ อตฺโถ, โส เอวาติ อาห ‘‘ตโย อตฺเถ ตีณิ การณานี’’ติ. ธมฺมเทสนา นาม อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ¶ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปกาสนาติ อาห ‘‘จตุสจฺจธมฺมํ ปกาเสตี’’ติ. อฏฺกถํ าเณน ปฏิสํเวทีติ ปาฬิปทานํ อตฺถํ วิวรณาเณน ปฏิ ปฏิ สํเวทนสีโล ‘‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ’’ติ. เอเตน อตฺถปฏิสมฺภิทาพฺยาปารมาห. ปาฬิธมฺมํ ปฏิสํเวทีติ ปาฬิคตึ ปาฬึ ปทวิวรณํ ปฏิ ปฏิ สํเวทนสีโล. เอเตน ธมฺมปฏิสมฺภิทาพฺยาปารมาห.
อตฺถวสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กถาปวตฺติสุตฺตวณฺณนา
๔๔. จตุตฺเถ ¶ ปวตฺตินีติ ยาว อธิปฺเปตตฺถนิคมนา อวิจฺเฉเทน ปวตฺตินี. ปฏิฆาตาภาเวน อปฺปฏิหตา. นิยฺยานิกา สปฺปาฏิหีรกา.
กถาปวตฺติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา
๔๕. ปฺจเม ปณฺฑิตปฺตฺตานีติ ปณฺฑิเตหิ ปมํ ปฺตฺตานิ. กถิตานีติ เสยฺยโส กถิตานิ. มหาปุริเสหีติ พุทฺธโพธิสตฺเตหิ. กรุณาติ กรุณาเจโตวิมุตฺติ วุตฺตา. ปุพฺพภาโคติ ตสฺส อุปจาโร. ทโมติ อินฺทฺริยสํวโร ‘‘มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ทมน’’นฺติ กตฺวา. อตฺตทมนนฺติ จิตฺตทมนํ. ปุณฺโณวาเท (ม. นิ. ๓.๓๙๖) ‘‘สกฺขิสฺสสิ โข, ตฺวํ ปุณฺณ, อิมินา ทมูปสเมนา’’ติ อาคตตฺตา ทโมติ วุตฺตา ขนฺติปิ. อาฬวเก อาฬวกสุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๐) ‘‘สจฺจา ทมา จาคา’’ติ เอวํ วุตฺตา ปฺาปิ อิมสฺมึ สุตฺเต ‘‘ทโม’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. รกฺขนํ โคปนํ ปฏิชคฺคนนฺติ มาตาปิตูนํ มนุสฺสามนุสฺสกตูปทฺทวโต รกฺขนํ, พฺยาธิอาทิอนตฺถโต โคปนํ, ฆาสจฺฉาทนาทีหิ เวยฺยาวจฺจกรเณน ปฏิชคฺคนํ. สนฺโต นาม สพฺพกิเลสทรถปริฬาหูปสเมน อุปสนฺตกายวจีสมาจารตาย จ. อุตฺตมฏฺเน สนฺตานนฺติ มตฺเตยฺยตาทีหิ เสฏฺฏฺเน สนฺตานํ.
อิธ อิเมสํเยว ติณฺณํ านานํ กรเณนาติ อิมสฺมึ สุตฺเต อาคตานํ ติณฺณํ านานํ กรเณน นิพฺพตฺตเนน. เอตานิ…เป… การณานีติ มาตุปฏฺานํ ปิตุปฏฺานนฺติ เอตานิ ทฺเว อุตฺตมปุริสานํ ¶ การณานิ. อุตฺตมกิจฺจกรเณน หิ มาตาปิตุอุปฏฺากา ‘‘อุตฺตมปุริสา’’ติ วุตฺตา. เตนาห ‘‘มาตาปิตุ…เป… วุตฺโต’’ติ. อนุปทฺทวภาเวน เขมํ.
ปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สีลวนฺตสุตฺตวณฺณนา
๔๖. ฉฏฺเ ¶ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกนฺติ เอตฺถ ‘‘มนุสฺสา ปฺุํ ปสวนฺตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา ภาวนามยสฺสปิ ปฺุสฺส สงฺคณฺหนโต โลกุตฺตรสฺสปิ สมฺภโว ทฏฺพฺโพ.
สีลวนฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สงฺขตลกฺขณสุตฺตวณฺณนา
๔๗. สตฺตเม สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตํ สงฺขตํ. นิมิตฺตานีติ สฺชานนสฺส นิมิตฺตานิ. เหตุปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนํ อุปฺปาโท, อตฺตลาโภ. วโยติ ภงฺโค. ิตสฺสาติ อุปฺปาทกฺขณโต อุทฺธํ ิติกฺขณปตฺตสฺส. สา ปนสฺส อวตฺถา อุปฺปาทาวตฺถาย ภินฺนาติ กตฺวา อฺถตฺตํ ชราติ จ วุตฺตา. ยสฺมา ธมฺโม อุปฺปชฺชมาโน เอว ภิชฺชติ, ตถา สติ อุปฺปาทภงฺคา สมานกฺขณา สิยุํ, น จ ตํ ยุชฺชติ, ตสฺมา อุปฺปาทาวตฺถาย ภินฺนา ภงฺคาภิมุขาวตฺถา ชราติ เวทิตพฺพา. เย ปน ‘‘สงฺขารานํ ิติ นตฺถี’’ติ วทนฺติ, เตสํ ตํ มิจฺฉา. ยถา หิ ตสฺเสว ธมฺมสฺส อุปฺปาทาวตฺถาย ภินฺนา ภงฺคาวตฺถา อิจฺฉิตา, อฺถา ‘‘อฺํ อุปฺปชฺชติ, อฺํ นิรุชฺฌตี’’ติ อาปชฺชติ, เอวํ อุปฺปชฺชมานสฺส ภงฺคาภิมุขา ธมฺมา อิจฺฉิตพฺพา. สา จ ิติกฺขโณ. น หิ อุปฺปชฺชมาโน ภิชฺชตีติ สกฺกา วิฺาตุนฺติ.
สงฺขตนฺติ เตภูมกา ธมฺมา ปจฺจยสมุปฺปนฺนตฺตา. ยทิ เอวํ มคฺคผลธมฺมา กถนฺติ อาห ‘‘มคฺคผลานิ ปนา’’ติอาทิ. ลกฺขณกถา หิ ยาวเทว สมฺมสนตฺถา. อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปาโท, น านภงฺคกฺขเณสุ. กสฺมา? อุปฺปาทอุปฺปาทกฺขณานํ อฺมฺํ ปริจฺฉินฺนตฺตา. ยถา หิ อุปฺปาทสงฺขาเตน วิกาเรน อุปฺปาทกฺขโณ ปริจฺฉินฺโน, เอวํ อุปฺปาทกฺขเณนปิ อุปฺปาโท ปริจฺฉินฺโน. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตายปิ กาลสฺส โลกสมฺาวเสเนว วุตฺตํ. ลกฺขณํ น สงฺขตํ, สงฺขตํ น ลกฺขณนฺติ เนสํ เภททสฺสนํ. อวตฺถาวโต หิ อวตฺถา ภินฺนาวาติ ¶ . ปริจฺฉินฺนนฺติ เอตฺถ อุปฺปาทวเยหิ ตาว สงฺขตํ ปริจฺฉินฺนํ โหตุ, ชราย ปน ตํ กถํ ปริจฺฉินฺนนฺติ วุจฺจติ? น วุจฺจติ ปริจฺเฉโท ปุพฺพนฺตาปรนฺตมตฺเตน, อถ โข สภาวเภเทนาติ นายํ โทโส. สงฺขตํ ธมฺมชาตํ ปริจฺฉินฺนํ ตพฺพนฺตํ ธมฺมชาตํ ¶ สงฺขตนฺติ ปฺายติ เอวํ เตสํ อภาเวน นิพฺพานเมตนฺติ ลกฺขิตพฺพโต สฺชานิตพฺพโต. อิทานิ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺตํ อุปมาหิ วิภาเวติ.
สงฺขตลกฺขณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อสงฺขตลกฺขณสุตฺตวณฺณนา
๔๘. อฏฺเม อสงฺขตสฺสาติ วุตฺตนเยน น สงฺขตสฺส. เตนาห ‘‘ปจฺจเยหี’’ติอาทิ. ยถา อุปฺปาทาทีนํ ภาเวน สงฺขตธมฺมชาตํ สงฺขตนฺติ ปฺายติ, เอวํ เตสํ อภาเวน นิพฺพานํ อสงฺขตนฺติ ปฺายติ.
อสงฺขตลกฺขณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปพฺพตราชสุตฺตวณฺณนา
๔๙. นวเม อิธ สาล-สทฺโท รุกฺขสามฺปริยาโย, น รุกฺขวิเสสปริยาโยติ อาห ‘‘มหาสาลาติ มหารุกฺขา’’ติ. กุลเชฏฺกนฺติ ตสฺมึ กุเล เชฏฺภูตํ สามิภูตํ. สิลามโย น ปํสุมโย มิสฺสโก จ. คามํ คามูปจารฺจ เปตฺวา สพฺพํ อรฺนฺติ อาห ‘‘อรฺสฺมินฺติ อคามกฏฺาเน’’ติ. มหนฺโต ปพฺพโต เสโลติ โยชนา.
ปพฺพตราชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อาตปฺปกรณียสุตฺตวณฺณนา
๕๐. ทสเม สรีรสมฺภวานนฺติ สรีเร สมฺภูตานํ. ทุกฺขานนฺติ อนิฏฺานํ. พหลานนฺติ นิรนฺตรปฺปวตฺติยา อวิรฬานํ. ตาปนวเสนาติ ทุกฺขาปนวเสน. ติพฺพานนฺติ กุรูรานํ. ตาสํ ยถาวุตฺตานํ อธิวาสนาย ปหาตพฺพทุกฺขเวทนานํ ปชหนํ นาม ขมนเมวาติ อาห ‘‘ขมนตฺถายา’’ติ ¶ . อาณาเปตฺวาติ ‘‘อาตปฺปํ กรณีย’’นฺติ พุทฺธาณํ วิธาย. โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตา สสมฺภารานํ มคฺคธมฺมานํ กถิตตฺตา.
อาตปฺปกรณียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. มหาโจรสุตฺตวณฺณนา
๕๑. เอกาทสเม ¶ มหาพลวโจโร มหาโจโรติ อาห ‘‘มหนฺโต พลวโจโร’’ติ. พลวโจโรติ จ มหาถามตาย มหาปริวารตาย มหาโจริยกมฺมสมตฺถตาย จ เวทิตพฺโพ. มหตํ คามนิคมานํ วิลุปฺปนํ มหาวิโลโป. ตํ ตํ การณํ ปกฺขิปิตฺวาติ ตํ ตํ อกรณเมว การณํ กตฺวา ตปฺปฏิพทฺธาย กถาย ปกฺขิปิตฺวา. อตฺถํ กถยิสฺสนฺตีติ ตสฺส ตสฺส อตฺถฺจ กถยิสฺสนฺติ. หรนฺตาติ อปเนนฺตา ปริหรนฺตา. ทสวตฺถุกายาติ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๖๙) อาทิทสวตฺถุสนฺนิสฺสิตาย. อนฺตํ คเหตฺวา ิตทิฏฺิยาติ ตเมว สสฺสตาทิอนฺตํ คเหตฺวา อวิสฺสชฺเชตฺวา ิตทิฏฺิยา.
มหาโจรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
จูฬวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปมปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.
๒. ทุติยปณฺณาสกํ
(๖) ๑. พฺราหฺมณวคฺโค
๑. ปมทฺเวพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๕๒. พฺราหฺมณวคฺคสฺส ¶ ¶ ปเม ชราชิณฺณาติ ชราวเสน ชิณฺณา, น พฺยาธิอาทีนํ วเสน ชิณฺณสทิสตฺตา ชิณฺณา. วโยวุทฺธาติ วยโส วุทฺธิปฺปตฺติยา วุทฺธา, น สีลาทิวุทฺธิยา. ชาติมหลฺลกาติ ชาติยา มหนฺตตาย จิรรตฺตฺุตาย ชาติมหลฺลกา. ตโย อทฺเธ อติกฺกนฺตาติ ปโม, มชฺฌิโม, ปจฺฉิโมติ ตโย อทฺเธ อตีตา. ตติยํ วยํ อนุปฺปตฺตาติ ตโต เอว ปจฺฉิมํ วยํ อนุปฺปตฺตา. อกตภยปริตฺตาณาติ เอตฺถ ภยปริตฺตาณนฺติ ทุคฺคติภยโต ปริตฺตายกํ ปฺุํ, ตํ อกตํ เอเตหีติ อกตภยปริตฺตาณา. ปติฏฺากมฺมนฺติ สุคติสงฺขาตปฺปติฏฺาวหํ กมฺมํ. อุปสํหรียตีติ สมฺปาปียติ. ‘‘อุปนียตี’’ติ วุตฺตํ, กึ เกน อุปนียตีติ อาห ‘‘อยฺหิ ชาติยา ชรํ อุปนียตี’’ติอาทิ. อยนฺติ โลโก. ชาโต น ชาตภาเวเนว ติฏฺติ, อถ โข ตโต ปรํ ชรํ ปาปียติ, ชราย พฺยาธึ ปาปียติ. เอวํ ปรโต ปรํ ทุกฺขเมว อุปนียติ.
ตายนฏฺเนาติ รกฺขนฏฺเน. นิลียนฏฺเนาติ นิลีนฏฺานภาเวน. ปติฏฺานฏฺเนาติ ปติฏฺานภาเวน. อวสฺสยนฏฺเนาติ อวสฺสยิตพฺพภาเวน. อุตฺตมคติวเสนาติ ปรมคติภาเวน.
ปมทฺเวพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยทฺเวพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๕๓. ทุติเย ภชิตพฺพฏฺเน ปเรสํ ภาชิตพฺพฏฺเน ภาชนํ, ภณฺฑกํ.
ทุติยทฺเวพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓-๔. อฺตรพฺราหฺมณสุตฺตาทิวณฺณนา
๕๔-๕๕. ตติเย ¶ ¶ เยสํ ราคาทีนํ อปฺปหาเนน ปุริสสฺส อตฺตพฺยาพาธาทีนํ สมฺภโว, ปหาเนน อสมฺภโวติ เอวํ ราคาทีนํ ปหายโก อริยธมฺโม มหานุภาวตาย มหานิสํสตาย จ สามํ ปสฺสิตพฺโพติ สนฺทิฏฺิโก. อิมินา นเยน เสเสสุ ปเทสุปิ ยถารหํ นีหริตฺวา วตฺตพฺโพ. สทฺทตฺโถ ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๔๗) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. จตุตฺถํ อุตฺตานตฺถเมว.
อฺตรพฺราหฺมณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นิพฺพุตสุตฺตวณฺณนา
๕๖. ปฺจเม น กาลนฺตเร ปตฺตพฺพนฺติ ยทา สจฺจปฺปฏิเวโธ, ตทา เอว ลทฺธพฺพตฺตา น กาลนฺตเร ปตฺตพฺพํ. มคฺคาเณน อุปเนตพฺพตฺตา อุปเนยฺยํ. อุปเนยฺยเมว โอปเนยฺยิกนฺติ อาห ‘‘ปฏิปตฺติยา อุปคนฺตพฺพ’’นฺติ.
นิพฺพุตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปโลกสุตฺตวณฺณนา
๕๗. ฉฏฺเ อาจริยปาจริยานนฺติ อาจริยานมฺปิ อาจริยานํ. นิรนฺตรผุโฏ เนรยิกสตฺเตหิ นิรยคามิกมฺมสฺส การกานํ พหุภาวา. อุภยมฺเปตนฺติ ยถาวุตฺตํ อตฺถทฺวยํ. ฆนนิวาสตนฺติ คามานํ ฆนสนฺนิวาสตํ. เอกนฺเตเนว อธมฺโมติ อโยนิโสมนสิการเหตุกตฺตา อนตฺถเหตุตาย จ นิยเมเนว อธมฺโม. น อธมฺมราโคติ อธิปฺเปโตติ ปรปริกฺขาเรสุ ราโค วิย น มหาสาวชฺโชติ กตฺวา วุตฺตํ. ตถา หิ สกสกปริกฺขารวิสโย ราโค วิสมโลโภ วิย น เอกนฺตโต อปายุปฺปตฺติชนโก. ปรปริกฺขาเรสุ อุปฺปชฺชมานสฺส มหาสาวชฺชตาย อธมฺมราคตา. โลภสฺส สมกาโล นาม นตฺถิ กายทุจฺจริตาทีนํ วิย อโยนิโสมนสิการสมุฏฺานตฺตา. เอสาติ เอโส ปาปธมฺโม. สมโลโภ วิสมลกฺขณาภาวโต. ตถา หิ ตํสมุฏฺาโน ปโยโค มิจฺฉาจาโรติ ¶ น วุจฺจติ. อวตฺถุปฏิเสวนสงฺขาเตนาติ ยํ โลกิยสาธุสมนฺุาตํ ราคสฺส วตฺถุฏฺานํ, ตโต อฺสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปฏิเสวนสงฺขาเตน.
วิวิธสสฺสานนฺติ ¶ สาลิวีหิอาทินานปฺปการสสฺสานํ. ทุสฺสสฺสนฺติ ปจฺจยทูเสน ทูสิตํ สสฺสํ. สมฺปชฺชมาเนติ นิปฺผชฺชนโต ปเคว คพฺภปริวุทฺธิกาเล. ปาณกาติ สลภาทิปาณกา. ปตนฺตีติ สสฺสานํ มตฺถเก ปตนฺติ. สลากามตฺตเมว สมฺปชฺชตีติ วฑฺฒิตฺวา คพฺภํ คเหตุํ อสมตฺถํ สมฺปชฺชติ. เตติ วาฬอมนุสฺสา. ลทฺโธกาสาติ ยกฺขาธิปตีหิ อนฺุาตตฺตา ลทฺโธกาสา.
ปโลกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วจฺฉโคตฺตสุตฺตวณฺณนา
๕๘. สตฺตเม มหาวิปากนฺติ อุฬารผลํ พหุวิปากํ. ธมฺโม นาม กถิตกถา ‘‘อตฺถํ ทหติ วิทหตี’’ติ กตฺวา. อนุธมฺโม นาม ปฏิกถนํ ‘‘ตํ อนุคโต ธมฺโม’’ติ กตฺวา. สห ธมฺเมนาติ สหธมฺโม, โส เอว สหธมฺมิโก. ธมฺมสทฺโท เจตฺถ การณปริยาโยติ อาห ‘‘สการโณ’’ติ. วาทสฺสาติ วจนสฺส. อนุปาโต อนุปจฺฉา ปวตฺติ.
ปริปนฺเถ ติฏฺตีติ ปาริปนฺถิโก. ปนฺเถ ตฺวา ปเรสํ สาปเตยฺยํ ฉินฺทนโต ปนฺถทูหนโจโร. ยทิ ปจฺจเวกฺขณาณํ, กถํ ตํ อเสกฺขนฺติ อาห ‘‘อเสกฺขสฺส ปวตฺตตฺตา’’ติ. อิตรานีติ สีลกฺขนฺธาทีนิ. สยมฺปีติ ปิ-สทฺโท ‘‘อเสกฺขสฺส ปวตฺตา จา’’ติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑติ.
นิพฺพิเสวโนติ วิเสวนรหิโต วิคตวิโลมภาโว. น อุปปริกฺขนฺตีติ น วิจาเรนฺติ. ชาตึ นิพฺพตฺตึ ยาติ อุปคจฺฉตีติ ชาติโย, ชาโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ กุลชาเต’’ติ.
เกวลีติ เกวลวา, ปาริปูริมาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปริปุณฺณภาเวน ยุตฺโต’’ติ. เอตํ เกวลีติ ปทํ. อภิฺาปารนฺติ อภิชานสฺส ปารํ. ปริยนฺตํ คตตฺตา ปารคู. เอส นโย เสสปเทสุปิ. เขตฺตวินิจฺฉยสวเนนาติ ¶ ‘‘อิเมหิ สีลาทิคุณสมฺปนฺนา สเทวเก โลเก ปฺุสฺส เขตฺตํ, ตทฺโ น เขตฺต’’นฺติ เอวํ เขตฺตวินิจฺฉยสวเนน รหิตา.
วจฺฉโคตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ติกณฺณสุตฺตวณฺณนา
๕๙. อฏฺเม ¶ ทุราสทาติ ทุรุปสงฺกมนา. ครหา มุจฺจิสฺสตีติ มยิ เอวํ กเถนฺเต สมโณ โคตโม กิฺจิ กเถสฺสติ, เอวํ เม วจนมตฺตมฺปิ น ลทฺธนฺติ อยํ ครหา มุจฺจิสฺสตีติ. ปณฺฑิตาติ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคตา. ธีราติ ธิติสมฺปนฺนา. พฺยตฺตาติ ปรวาทมทฺทนสมตฺเถน เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคตา. พหุสฺสุตาติ พาหุสจฺจวนฺโต. วาทิโนติ วาทิมคฺคกุสลา. สมฺมตาติ พหุโน ชนสฺส สาธุสมฺมตา. ปณฺฑิตาทิอาการปริจฺเฉทนฺติ เตสํ เตวิชฺชานํ ปณฺฑิตาการาทิอาการปริจฺเฉทํ. อาการสทฺโท การณปริยาโย, ปริจฺเฉทสทฺโท ปริมาณตฺโถติ อาห ‘‘เอตฺตเกน การเณนา’’ติ.
ยถาติ เยนากาเรน, เยน การเณนาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยถาติ การณวจน’’นฺติ. ‘‘ทฺวีหิปิ ปกฺเขหี’’ติ วตฺวา เต ปกฺเข สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ อาห. เตสํ ปกฺขานํ วเสนสฺส สุชาตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส มาตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ชนกชนิกาภาเวน วินาปิ โลเก มาตาปิตุสมฺา ทิสฺสติ, อิธ ปน สา โอรสปุตฺตวเสเนว อิจฺฉิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ วุตฺตํ. คพฺภํ คณฺหาติ ธาเรตีติ คหณี, คพฺภาสยสฺิโต มาตุกุจฺฉิปฺปเทโส. ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส วิปาจนวเสน คณฺหนโต อฉฑฺฑนโต คหณี, กมฺมชเตโชธาตุ.
ปิตา จ มาตา จ ปิตโร, ปิตูนํ ปิตโร ปิตามหา, เตสํ ยุโค ปิตามหยุโค, ตสฺมา ‘‘ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา ปิตามหทฺวนฺทา’’ติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อฏฺกถายํ ปน ทฺวนฺทํ อคฺคเหตฺวา ‘‘ยุคนฺติ อายุปฺปมาณํ วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ. ยุค-สทฺทสฺส จ อตฺถกถา ทสฺสิตา ‘‘ปิตามโหเยว ¶ ปิตามหยุค’’นฺติ. ปุพฺพปุริสาติ ปุริสคฺคหณฺเจตฺถ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ ‘‘มาติโต’’ติ ปาฬิวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. อกฺขิตฺโตติ อกฺเขโป. อนวกฺขิตฺโตติ สทฺธถาลิปากาทีสุ อนวกฺขิตฺโต น ฉฑฺฑิโต. ชาติวาเทนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกน การเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘อุภโต…เป… ปิตามหยุคา’’ติ เอเตน พฺราหฺมณสฺส โยนิโทสาภาโว ทสฺสิโต สํสุทฺธคหณิกตากิตฺตนโต. ‘‘อกฺขิตฺโต’’ติ อิมินา กิริยาปราธาภาโว. สํสุทฺธชาติกาปิ หิ สตฺตา กิริยาปราเธน เขปํ ปาปุณนฺติ. ‘‘อนุปกฺกุฏฺโ’’ติ อิมินา อยุตฺตสํสคฺคาภาโว. อยุตฺตสํสคฺคฺหิ ปฏิจฺจ สตฺตา สุทฺธชาติกา กิริยาปราธรหิตาปิ อกฺโกสํ ลภนฺติ.
ตนฺติ ¶ ครหาวจนํ. มนฺเต ปริวตฺเตตีติ เวเท สชฺฌายติ, ปริยาปุณาตีติ อตฺโถ. มนฺเต ธาเรตีติ ยถาอธีเต มนฺเต อสมฺมุฏฺเ กตฺวา หทเย เปติ.
โอฏฺปหตกรณวเสนาติ อตฺถาวธารณวเสน. สนิฆณฺฑุเกฏุภานนฺติ เอตฺถ วจนียวาจกภาเวน อตฺถํ สทฺทฺจ ขณฺฑติ ภินฺทติ วิภชฺช ทสฺเสตีติ นิขณฺฑุ, โส เอว อิธ ข-การสฺส ฆ-การํ กตฺวา ‘‘นิฆณฺฑู’’ติ วุตฺโต. กิฏติ คเมติ กิริยาทิวิภาคํ, ตํ วา อนวเสสปริยาทานโต คเมนฺโต ปูเรตีติ เกฏุภํ. เววจนปฺปกาสกนฺติ ปริยายสทฺททีปกํ, เอเกกสฺส อตฺถสฺส อเนกปริยายวจนวิภาวกนฺติ อตฺโถ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อเนเกสมฺปิ อตฺถานํ เอกสทฺทวจนียตาวิภาวนวเสนปิ ตสฺส คนฺถสฺส ปวตฺตตฺตา. วจีเภทาทิลกฺขณา กิริยา กปฺปียติ วิกปฺปียติ เอเตนาติ กิริยากปฺโป, โส ปน วณฺณปทสมฺพนฺธปทตฺถาทิวิภาคโต พหุกปฺโปติ อาห ‘‘กิริยากปฺปวิกปฺโป’’ติ. อิทฺจ มูลกิริยากปฺปคนฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ มหาวิสโย สตสหสฺสปริมาโณ นมาจริยาทิปฺปกรณํ. านกรณาทิวิภาคโต นิพฺพจนวิภาคโต จ อกฺขรา ปเภทียนฺติ เอเตหีติ อกฺขรปฺปเภทา, สิกฺขานิรุตฺติโย. เอเตสนฺติ จตุนฺนํ เวทานํ.
ปทนฺติ ¶ จตุพฺพิธํ, ปฺจวิธํ วา ปทํ, ตํ ปทํ กายตีติ ปทโก, เตเยว วา เวเท ปทโส กายตีติ ปทโก. ตทวเสสนฺติ วุตฺตาวเสสํ วากฺยํ. เอตฺตาวตา สทฺทพฺยากรณํ วตฺวา ปุน ‘‘พฺยากรณ’’นฺติ อตฺถพฺยากรณมาห. ตํ ตํ สทฺทํ ตทตฺถฺจ พฺยากโรติ พฺยาจิกฺขติ เอเตนาติ พฺยากรณํ, สทฺทสตฺถํ. อายตึ หิตํ เตน โลโก น ยตติ น อีหตีติ โลกายตํ. ตฺหิ คนฺถํ นิสฺสาย สตฺตา ปฺุกิริยาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ.
อสีติ มหาสาวกาติ อฺาสิโกณฺฑฺโ, วปฺโป, ภทฺทิโย, มหานาโม, อสฺสชิ, นาฬโก, ยโส, วิมโล, สุพาหุ, ปุณฺณชิ, ควมฺปติ, อุรุเวลกสฺสโป, นทีกสฺสโป, คยากสฺสโป, สาริปุตฺโต, มหาโมคฺคลฺลาโน, มหากสฺสโป, มหากจฺจาโน, มหาโกฏฺิโก, มหากปฺปิโน, มหาจุนฺโท, อนุรุทฺโธ, กงฺขาเรวโต, อานนฺโท, นนฺทโก, ภคุ, นนฺทิโย, กิมิโล, ภทฺทิโย, ราหุโล, สีวลิ, อุปาลิ, ทพฺโพ, อุปเสโน, ขทิรวนิยเรวโต, ปุณฺโณ มนฺตานิปุตฺโต, ปุณฺโณ สุนาปรนฺตโก, โสโณ กุฏิกณฺโณ, โสโณ โกฬิวิโส, ราโธ, สุภูติ, องฺคุลิมาโล, วกฺกลิ, กาฬุทายี, มหาอุทายี, ปิลินฺทวจฺโฉ, โสภิโต, กุมารกสฺสโป, รฏฺปาโล, วงฺคีโส, สภิโย, เสโล, อุปวาโณ, เมฆิโย, สาคโต, นาคิโต, ลกุณฺฑกภทฺทิโย, ปิณฺโฑโล ภารทฺวาโช, มหาปนฺถโก, จูฬปนฺถโก, พากุโล, กุณฺฑธาโน, ทารุจีริโย, ยโสโช, อชิโต ¶ , ติสฺสเมตฺเตยฺโย, ปุณฺณโก, เมตฺตคุ, โธตโก, อุปสีโว, นนฺโท, เหมโก, โตเทยฺโย, กปฺโป, ชตุกณฺณี, ภทฺราวุโธ, อุทโย, โปสโล, โมฆราชา, ปิงฺคิโยติ เอเต อสีติ มหาสาวกา นาม.
กสฺมา ปเนเต เอว เถรา ‘‘มหาสาวกา’’ติ วุจฺจนฺตีติ? อภินีหารสฺส มหนฺตภาวโต. ตถา หิ ทฺเว อคฺคสาวกาปิ มหาสาวเกสุ อนฺโตคธา. เต หิ สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกปฺปตฺติยา สาวเกสุ อคฺคธมฺมาธิคเมน อคฺคฏฺาเน ิตาปิ อภินีหารมหนฺตตาสามฺเน ‘‘มหาสาวกา’’ติปิ วุจฺจนฺติ, อิตเร ปน ปกติสาวเกหิ สาติสยํ มหาภินีหารา. ตถา หิ เต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กตปณิธานา, ตโต เอว สาติสยํ อภิฺาสมาปตฺตีสุ วสิโน ปภินฺนปฺปฏิสมฺภิทา จ. กามํ สพฺเพปิ อรหนฺโต สีลวิสุทฺธิอาทิเก สมฺปาเทตฺวา จตูสุ ¶ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา สตฺต โพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา มคฺคปฺปฏิปาฏิยา อนวเสสโต กิเลเส เขเปตฺวา อคฺคผเล ปติฏฺหนฺติ, ตถาปิ ยถา สทฺธาวิมุตฺตโต ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส, ปฺาวิมุตฺตโต จ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคภาวนาวิเสสสิทฺโธ มคฺคภาวนาวิเสโส, เอวํ อภินีหารมหนฺตตฺตปุพฺพโยคมหนฺตตฺตา หิ สสนฺตาเน สาติสยสฺส คุณวิเสสสฺส นิปฺผาทิตตฺตา สีลาทีหิ คุเณหิ มหนฺตา สาวกาติ มหาสาวกา. เตสุเยว ปน เย โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ ปาโมกฺขภาเวน ธุรภูตานํ สมฺมาทิฏฺิสงฺกปฺปาทีนํ สาติสยํ กิจฺจานุภาวนิปฺผตฺติยา การณภูตาย ตชฺชาภินีหาราภินีหฏาย สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ จิรกาลสมฺภาวิตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา ยถากฺกมํ ปฺาย สมาธิสฺมิฺจ อุกฺกฏฺปารมิปฺปตฺติยา สวิเสสํ สพฺพคุเณหิ อคฺคภาเว ิตา, เต สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา. อิตเร อฏฺสตฺตติ เถรา สาวกปารมิยา มตฺถเก สพฺพสาวกานํ อคฺคภาเวน อฏฺิตตฺตา ‘‘มหาสาวกา’’อิจฺเจว วุจฺจนฺติ. ปกติสาวกา ปน อภินีหารมหนฺตตฺตาภาวโต ปุพฺพโยคมหนฺตตฺตาภาวโต จ ‘‘สตฺถุสาวกา’’อิจฺเจว วุจฺจนฺติ. เต ปน อคฺคสาวกา วิย มหาสาวกา วิย จ น ปริมิตา, อถ โข อเนกสตา อเนกสหสฺสา.
วยตีติ วโย, อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ กตฺถจิ อปริกิลมนฺโต อวิตฺถายนฺโต เต คนฺเถ สนฺตาเนติ ปเณตีติ อตฺโถ. ทฺเว ปฏิเสธา ปกตึ คเมนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อวโย น โหตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ อวยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวโย นาม…เป… น สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ.
อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. เอตนฺติ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทิวจนํ. ตติยวิชฺชาธิคมาย ปฏิปตฺติกฺกโม วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๗๐) สาติสยํ วิตฺถาริโต, ตถา ¶ อิธ อวตฺตุกามตาย ภยเภรวสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔ อาทโย) วิย สงฺเขปโต จ วตฺตุกามตาย ‘‘ทฺวินฺนํ วิชฺชาน’’มิจฺเจว วุตฺตํ.
วิชฺชาติ ปุพฺเพนิวาสปฺปฏิจฺฉาทกสฺส โมหกฺขนฺธสฺส วิชฺชนฏฺเนปิ วิชฺชา. โมโห ปฏิจฺฉาทกฏฺเน ตโมติ วุจฺจติ ตโม วิยาติ กตฺวา. กาตพฺพโต กรณํ, โอภาโสว กรณํ โอภาสกรณํ, อตฺตโน ปจฺจเยหิ โอภาสภาเวน นิพฺพตฺเตตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. อยํ อตฺโถติ ¶ อยเมว อธิปฺเปตตฺโถ. ปสํสาวจนนฺติ ตสฺเสว อตฺถสฺส โถมนาวจนํ ปฏิปกฺขวิธมนปวตฺติวิเสสานํ โพธนโต. โยชนาติ ปสํสาวเสน วุตฺตปทานํ อตฺถทสฺสนวเสน วุตฺตปทสฺส จ โยชนา. อวิชฺชา วิหตาติ เอเตน วิชฺชนฏฺเน วิชฺชาติ อยมฺปิ อตฺโถ ทีปิโตติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนาติ เอเตน วิชฺชาปฏิปกฺขา อวิชฺชา, ปฏิปกฺขตา จสฺสา ปหาตพฺพภาเวน วิชฺชาย จ ปหายกภาเวนาติ ทสฺเสติ. อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเยติ ‘‘ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน’’ติ ปททฺวเยปิ. เอเสว นโยติ ยถาวุตฺตโยชนํ อติทิสติ. ตตฺถายํ โยชนา – เอวํ อธิคตวิชฺชสฺส ตโม วิหโต วิทฺธสฺโต. กสฺมา? ยสฺมา อาโลโก อุปฺปนฺโน าณาโลโก ปาตุภูโตติ. เปสิตตฺตสฺสาติ ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธิปฺปตฺตึ วิสฺสฏฺจิตฺตสฺส, ปมวิชฺชาธิคมาย เปสิตจิตฺตสฺสาติ วุตฺตํ โหติ.
วิปสฺสนาปาทกนฺติ อิมินา ตสฺส ฌานจิตฺตสฺส นิพฺเพธภาคิยตมาห. วิปสฺสนา ติวิธา วิปสฺสกปุคฺคลเภเทน. มหาโพธิสตฺตานฺหิ ปจฺเจกโพธิสตฺตานฺจ วิปสฺสนา จินฺตามยาณสํวฑฺฒิตตฺตา สยมฺภุาณภูตา, อิตเรสํ สุตมยาณสํวฑฺฒิตตฺตา ปโรปเทสสมฺภูตา. สา ‘‘เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ อวเสสรูปารูปชฺฌานานํ อฺตรโต วุฏฺายา’’ติอาทินา อเนกธา อรูปมุขวเสน จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานํ เตสํ เตสํ ธาตุปริคฺคหมุขานํ อฺตรมุขวเสน จ อเนกธาว วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๖) นานานยโต วิภาวิตา. มหาโพธิสตฺตานํ ปน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน ปเภทคมนโต นานานยํ สพฺพฺุตฺาณสนฺนิสฺสยสฺส อริยมคฺคาณสฺส อธิฏฺานภูตํ ปุพฺพภาคาณคพฺภํ คณฺหาเปนฺตํ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ปรมคมฺภีรํ สณฺหสุขุมตรํ อนฺสาธารณํ วิปสฺสนาาณํ โหติ, ยํ อฏฺกถาสุ ‘‘มหาวชิราณ’’นฺติ วุจฺจติ. ยสฺส จ ปวตฺติวิภาเคน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสปฺปเภทสฺส ปาทกภาเวน สมาปชฺชิยมานา จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา เทวสิกํ สตฺถุ วฬฺชนกสมาปตฺติโย วุจฺจนฺติ, สฺวายํ พุทฺธานํ วิปสฺสนาจาโร ปรมตฺถมฺชูสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๔๔) ทสฺสิโต, อตฺถิเกหิ ตโต คเหตพฺโพติ. อิธ ปน สาวกานํ วิปสฺสนาจารํ สนฺธาย ‘‘วิปสฺสนาปาทก’’นฺติ วุตฺตํ.
กามํ ¶ ¶ เหฏฺิมมคฺคาณานิปิ อาสวานํ เขปนาณานิ เอว, อนวเสสโต ปน เตสํ เขปนํ อคฺคมคฺคาเณเนวาติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺคาณตฺถายา’’ติ. อาสววินาสนโตติ อาสวานํ นิสฺเสสํ สมุจฺฉินฺทนโต. อาสวานํ ขเย าณํ อาสวกฺขยาณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺร เจตํ าณ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ขเย’’ติ อาธาเร ภุมฺมํ, น วิสเยติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ปริยาปนฺนตฺตา’’ติ อาห. อภินีหรตีติ อภิมุขํ นีหรติ, ยถา มคฺคาภิสมโย โหติ, สวนํ ตทภิมุขํ ปวตฺเตติ. อิทํ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ตทา ภิกฺขุนา ปจฺจกฺขโต คหิตภาวทสฺสนํ. เอตฺตกํ ทุกฺขนฺติ ตสฺส ปริจฺฉิชฺช คหิตภาวทสฺสนํ. น อิโต ภิยฺโยติ ตสฺส อนวเสสโต คหิตภาวทสฺสนํ. เตนาห ‘‘สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิ. สรสลกฺขณปฏิเวเธนาติ สภาวสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌเนน. อสมฺโมหปฏิเวโธติ จ ยถา ตสฺมึ าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา ทุกฺขสจฺจสฺส สรูปาทิปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติ. เตเนวาห ‘‘ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ. ทุกฺขํ สมุเทติ เอตสฺมาติ ทุกฺขสมุทโย. ยํ านํ ปตฺวาติ ยํ นิพฺพานํ มคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยฏฺเน การณภูตํ อาคมฺม. ปตฺวาติ จ ตทุภยวโต ปุคฺคลสฺส ปวตฺติยาติ กตฺวา วุตฺตํ. ปตฺวาติ วา ปาปุณนเหตุ. อปฺปวตฺตินฺติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. เต วา น ปวตฺตนฺติ เอตฺถาติ อปฺปวตฺติ, นิพฺพานํ. ตสฺสาติ ทุกฺขนิโรธสฺส. สมฺปาปกนฺติ สจฺฉิกิริยาวเสน สมฺมเทว ปาปกํ.
กิเลสวเสนาติ อาสวสงฺขาตกิเลสวเสน. ยสฺมา อาสวานํ ทุกฺขสจฺจปริยาโย ตปฺปริยาปนฺนตฺตา เสสสจฺจานฺจ ตํสมุทยาทิปริยาโย อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปริยายโต’’ติ. ทสฺเสนฺโต สจฺจานีติ โยชนา. อาสวานฺเจตฺถ คหณํ ‘‘อาสวานํ ขยาณายา’’ติ อารทฺธตฺตา. ตถา หิ ‘‘กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติอาทินา อาสววิมุตฺติสีเสเนว สพฺพกิเลสวิมุตฺติ วุตฺตา. ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทินา มิสฺสกมคฺโค อิธ กถิโตติ ‘‘สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถสี’’ติ วุตฺตํ. ชานโต ปสฺสโตติ อิมินา ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยา วุตฺตา. วิมุจฺจตีติ อิมินา ปหานาภิสมโย วุตฺโตติ อาห ‘‘อิมินา มคฺคกฺขณํ ทสฺเสตี’’ติ. ชานโต ¶ ปสฺสโตติ วา เหตุนิทฺเทโส. ยํ ชานนเหตุ กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตีติ โยชนา. ธมฺมานฺหิ สมานกาลิกานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตา สหชาตโกฏิยา ลพฺภติ. ภวาสวคฺคหเณเนว เอตฺถ ภวราคสฺส วิย ภวทิฏฺิยาปิ สมวโรโธติ ทิฏฺาสวสฺสปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
ขีณา ชาตีติอาทีหิ ปเทหิ. ตสฺสาติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส. ภูมินฺติ ปวตฺติฏฺานํ. เยนาธิปฺปาเยน ‘‘กตมา ปนสฺสา’’ติอาทินา โจทนา กตา, ตํ วิวรนฺโต ‘‘น ตาวสฺสา’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา มคฺคภาวนายาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ การณมาห ‘‘ปุพฺเพว ขีณตฺตา’’ติ. น อนาคตา อสฺส ชาติ ขีณาติ โยชนา. น อนาคตาติ จ อนาคตภาวสามฺํ คเหตฺวา เลเสน โจเทติ. เตนาห ‘‘อนาคเต วายามาภาวโต’’ติ. อนาคตวิเสโส ปเนตฺถ อธิปฺเปโต, ตสฺส เขปเน วายาโม ลพฺภเตว. เตนาห ‘‘ยา ปน มคฺคสฺสา’’ติอาทิ. เอกจตุปฺจโวการภเวสูติ ภวตฺตยคฺคหณํ วุตฺตนเยน อนวเสสโต ชาติยา ขีณภาวทสฺสนตฺถํ. ตนฺติ ยถาวุตฺตํ ชาตึ. โสติ ขีณาสโว ภิกฺขุ.
พฺรหฺมจริยวาโส นาม อิธ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส นิพฺพตฺตนเมวาติ อาห ‘‘ปริวุตฺถ’’นฺติ. สมฺมาทิฏฺิยา จตูสุ สจฺเจสุ ปริฺาทิกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตมานาย สมฺมาสงฺกปฺปาทีนมฺปิ ทุกฺขสจฺเจ ปริฺาภิสมยานุคุณา ปวตฺติ, อิตเรสุ จ สจฺเจสุ เนสํ ปหานาภิสมยาทิวเสน ปวตฺติ ปากฏา เอว. เตน วุตฺตํ ‘‘จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสนา’’ติ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโยติ อาทิ-สทฺเทน สตฺตเสขํ สงฺคณฺหาติ.
อิตฺถตฺตายาติ อิเม ปการา อิตฺถํ, ตพฺภาโว อิตฺถตฺตํ, ตทตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. เต ปน ปการา อริยมคฺคพฺยาปารภูตา ปริฺาทโย อิธาธิปฺเปตาติ อาห ‘‘เอวํโสฬสวิธกิจฺจภาวายา’’ติ. เต หิ มคฺคํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺคานุภาเวน ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, ปริฺาทีสุ จ ปหานเมว ปธานํ ตทตฺถตฺตา อิตเรสนฺติ อาห ‘‘กิเลสกฺขยาย วา’’ติ. ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณวเสน วา เอตํ วุตฺตํ. ทุติยวิกปฺเป อิตฺถตฺตายาติ นิสฺสกฺเก สมฺปทานวจนนฺติ อาห ‘‘อิตฺถภาวโต’’ติ ¶ . อปรนฺติ อนาคตํ. อิเม ปน จริมกตฺตภาวสงฺขาตา ปฺจกฺขนฺธา. ปริฺาตา ติฏฺนฺตีติ เอเตน เตสํ อปฺปติฏฺตํ ทสฺเสติ. อปริฺามูลกา หิ ปติฏฺา. ยถาห ‘‘กพฬีกาเร เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรุฬฺห’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗). เตเนวาห – ‘‘ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิยา’’ติอาทิ.
ยสฺสาติ ปุถุชฺชนสฺส. ตสฺส หิ สีลํ กทาจิ วฑฺฒติ, กทาจิ หายติ. เสกฺขาปิ ปน สีเลสุ ปริปูรการิโนว, อเสกฺเขสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เตนาห ‘‘ขีณาสวสฺสา’’ติอาทิ. วสิปฺปตฺตนฺติ วสีภาวปฺปตฺตํ. สุฏฺุ สมาหิตนฺติ อคฺคผลสมาธินา สมฺมเทว สมาหิตํ. ธิติสมฺปนฺนนฺติ อคฺคผลธิติยา สมนฺนาคตํ. มจฺจุํ ชหิตฺวา ิตนฺติ อายตึ ปุนพฺภวาภาวโต วุตฺตํ. กถํ ปุนพฺภวาภาโวติ อาห ‘‘สพฺเพ ปาปธมฺเม ปชหิตฺวา ิต’’นฺติ. สพฺพสฺสปิ เยฺยธมฺมสฺส จตุสจฺจนฺโตคธตฺตา วุตฺตํ ‘‘พุทฺธนฺติ จตุสจฺจพุทฺธ’’นฺติ. พุทฺธสาวกาติ สาวกพุทฺธา นมสฺสนฺติ, ¶ ปเคว อิตรา ปชา. อิตรา หิ ปชา สาวเกปิ นมสฺสนฺติ. อิติ เอตฺตเกน าเนน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วเสน คาถานํ อตฺถํ วตฺวา อิทานิ สาวกสฺสปิ วเสน อตฺถํ โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สาวโกปิ โคตโม มุขนิพฺพตฺเตน สมฺปตฺเตน สมฺพนฺเธน, ยโต สพฺเพปิ อริยสาวกา ภควโต โอรสปุตฺตาติ วุจฺจนฺตีติ.
นิวุสฺสตีติ นิวาโส, นิวุตฺโถ ขนฺธสนฺตาโนติ อาห ‘‘นิวุตฺถกฺขนฺธปรมฺปร’’นฺติ. อเวติ, อเวทีติ ปาทฺวเยนปิ ปุพฺเพนิวาสาณสฺส กิจฺจสิทฺธึเยว ทสฺเสติ. เอกตฺตกายเอกตฺตสฺิภาวสามฺโต เวหปฺผลาปิ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ ‘‘ฉ กามาวจเร, นว พฺรหฺมโลเก’’อิจฺเจว วุตฺตํ. อิตเร ปน อปจุรภาวโต น วุตฺตา. เอกจฺจานํ อวิสยภาวโต จ อวจนํ ทฏฺพฺพํ. ชาติ ขียติ เอเตนาติ ชาติกฺขโย, อรหตฺตนฺติ อาห ‘‘อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ. ‘‘อภิฺายา’’ติ วตฺตพฺเพ ยการโลเปน ‘‘อภิฺา’’ติ นิทฺเทโส กโตติ อาห ‘‘ชานิตฺวา’’ติ. กิจฺจโวสาเนนาติ จตูหิ มคฺเคหิ กตฺตพฺพสฺส โสฬสวิธสฺส กิจฺจสฺส ปริโยสาเนน. โวสิโตติ ปริโยสิโต, นิฏฺิโตติ อตฺโถ. โมเนยฺเยน สมนฺนาคโตติ กายโมเนยฺยาทีหิ สมนฺนาคโต. ลปิตํ ¶ ลปตีติ ลปิตลาปโน. อตฺตปจฺจกฺขโต ตฺวาติ อิมินา เตสํ วิชฺชานํ ปฏิลทฺธภาวํ ทีเปติ.
ติกณฺณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ชาณุสฺโสณิสุตฺตวณฺณนา
๖๐. นวเม เทยฺยธมฺมสฺเสตํ นามนฺติ ยาคํ กโรนฺเตน ทาตพฺพเทยฺยธมฺมํ สนฺธาย วทติ ตทฺสฺส ปาฬิยํ เทยฺยธมฺมคฺคหเณเนว คหิตตฺตา. มตกภตฺตนฺติ มตเก อุทฺทิสฺส ทาตพฺพภตฺตํ, ปิตุปิณฺฑนฺติ วุตฺตํ โหติ. วรปุริสานนฺติ วิสิฏฺปุริสานํ, อุตฺตมปุริสานนฺติ อตฺโถ. สพฺพเมตํ ทานนฺติ ยถาวุตฺตเภทํ ยฺสทฺธาทิทานํ.
ชาณุสฺโสณิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สงฺคารวสุตฺตวณฺณนา
๖๑. ทสเม ชิณฺณานํ หตฺถิสาลาทีนํ ปฏิสงฺขรณํ ปุน ปากติกกรณํ ชิณฺณปฏิสงฺขรณํ ¶ , ตสฺส การโก ชิณฺณปฏิสงฺขรณการโก. พาหิรสมเยติ สตฺถุสาสนโต พาหิเร อฺติตฺถิยสมเย. สพฺพจตุกฺเกนาติอาทีสุ สพฺเพสุ ทฺวิปทจตุปฺปทาทิเภเทสุ ปาเณสุ เอเกกสฺมึ จตฺตาโร จตฺตาโร ปาเณ วธิตฺวา ยชิตพฺพํ ยฺํ สพฺพจตุกฺกํ นาม. เสเสสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยสฺส วา ตสฺส วาติ นิสฺสกฺเก สามิวจนนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา วา ตสฺมา วา’’ติ. เอวมสฺสายนฺติ เอตฺถ อสฺสูติ นิปาตมตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวํ สนฺเตปิ อย’’นฺติ.
วฑฺเฒนฺโตติ ปฏฺเปนฺโต. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอคธํ มูลํ ปติฏฺาภูตํ พฺรหฺมจริโยคธํ. เตนาห ‘‘อรหตฺตมคฺคสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิ. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน เจตฺถ อรหตฺตมคฺคสฺเสว คหณํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุตฺตมํ ปติฏฺาภูตํ อารมฺมณูปนิสฺสยภาเวน.
อปฺเปหิ เวยฺยาวจฺจกราทีหิ อตฺโถ เอติสฺสาติ อปฺปฏฺา ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา. เตนาห ‘‘ยตฺถ พหู’’ติอาทิ. ยตฺถาติ ยสฺสํ ปฏิปทายํ ¶ . อปฺโป สมารมฺโภ เอตสฺสาติ อปฺปสมารมฺโภ. ปาสํสาติ ปสํสารหา. เอตํ เยว กถาเปสฺสามีติ เอเตเนว พฺราหฺมเณน กถาเปสฺสามิ.
โสปฺเปนาติ นิทฺทาย. ปมาเทนาติ ชาคริยาทีสุ อนนุยฺุชนโต สติวิปฺปวาสลกฺขเณน ปมาเทน. ปจฺจนีกปฏิหรณวเสนาติ ปฏิปกฺขาปนยนวเสน. ตถา หิ ภควโต จ สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติ. ‘‘ปฏี’’ติ วา อยํ สทฺโท ‘‘ปจฺฉา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺสฺมึ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘๕; จูฬนิ. วตฺถุคาถา ๔) วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต วิคตูปกฺกิเลเส กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉาหรณํ ปฏิหาริยํ, อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน จ สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฏิหาริยานิ ภวนฺติ, ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ. ปฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิสมุทาเย ภวํ เอเกกํ ปาฏิหาริยนฺติ วุจฺจติ. ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยํ.
อาคตนิมิตฺเตนาติ อาคตาการสลฺลกฺขณวเสน. เอส นโย เสเสสุปิ. เอโก ราชาติ ทกฺขิณมธุราธิปติ ¶ เอโก ปณฺฑุราชา. เอวมฺปิ เต มโนติ อิมินา อากาเรน ตว มโน ปวตฺโตติ อตฺโถ. เตน ปกาเรน ปวตฺโตติ อาห ‘‘โสมนสฺสิโต วา’’ติอาทิ. สามฺโชตนา วิเสเส อวติฏฺตีติ อธิปฺปาเยเนวํ วุตฺตํ. ‘‘เอวํ ตว มโน’’ติ อิทฺจ มนโส โสมนสฺสิตตาทิมตฺตทสฺสนํ, น ปน เยน โส โสมนสฺสิโต วา โทมนสฺสิโต วา, ตํทสฺสนํ. โสมนสฺสคฺคหเณน เจตฺถ ตเทกฏฺา ราคาทโย สทฺธาทโย จ ทสฺสิตา โหนฺติ, โทมนสฺสคฺคหเณน โทสาทโย. ทุติยนฺติ ‘‘อิตฺถมฺปิ เต มโน’’ติ ปทํ. อิติปีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท นิทสฺสนตฺโถ ‘‘อตฺถีติ ¶ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) วิย. เตนาห ‘‘อิมฺจ อิมฺจ อตฺถํ จินฺตยมาน’’นฺติ. ปิ-สทฺโท วุตฺตตฺถสมฺปิณฺฑนตฺโถ.
กเถนฺตานํ สุตฺวาติ กเถนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา. ตสฺส วเสนาติ ตสฺส วิตกฺกิตสฺส วเสน. อฏฺฏการเกนาติ วินิจฺฉยการเกน.
น อริยานนฺติ อริยานํ มคฺคผลจิตฺตํ น ชานาตีติ อตฺโถ. ตฺหิ เตน อนธิคตตฺตา เจโตปริยาเณนปิ น สกฺกา วิฺาตุํ, อฺํ ปน จิตฺตํ ชานาติเยว. เหฏฺิโม อุปริมสฺส จิตฺตํ น ชานาตีติอาทีนิปิ มคฺคผลจิตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. โสตาปนฺนาทโยปิ หิ อตฺตนา อธิคตเมว มคฺคผลํ ปเรหิ อุปฺปาทิตํ สมฺมา เจโตปริยาเณน ชานิตุํ สกฺโกนฺติ, น อตฺตนา อนธิคตํ. สพฺเพปิ อริยา อตฺตโน ผลํ สมาปชฺชนฺติ อธิคตตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอเตสุ จา’’ติอาทิมาห. ยทิ อริยา อตฺตนา อธิคตผลํ สมาปชฺชนฺติ, อุปริมาปิ เหฏฺิมํ ผลํ สมาปชฺชนฺติ อธิคตตฺตา โลกิยสมาปตฺติโย วิยาติ กสฺสจิ อาสงฺกา สิยา, ตนฺนิวตฺตนตฺถมาห ‘‘อุปริโม เหฏฺิมํ น สมาปชฺชตี’’ติ.
อุปริโมติ สกทาคามิอาทิอริยปุคฺคโล. เหฏฺิมนฺติ โสตาปตฺติผลาทึ. น สมาปชฺชตีติ สติปิ อธิคตตฺเต น สมาปชฺชติ. กสฺมาติ เจ? การณมาห ‘‘เตสฺหี’’ติอาทิ, เตสํ สกทาคามิอาทีนํ เหฏฺิมา เหฏฺิมา ผลสมาปตฺติ เตสุ เตสุเยว เหฏฺิเมสุ อริยปุคฺคเลสุ ปวตฺตติ, น อุปริเมสูติ อตฺโถ. อิมินา เหฏฺิมํ ผลจิตฺตํ อุปริมสฺส น อุปฺปชฺชตีติ ทสฺเสติ. กสฺมาติ เจ? ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมเนน ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา. เอเตน อุปริโม อริโย เหฏฺิมํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ อตฺตนา อธิคตตฺตา ยถา ตํ โลกิยสมาปตฺตินฺติ เอวํ ปวตฺโต เหตุ พฺยภิจาริโตติ ทฏฺพฺพํ. น หิ โลกิยชฺฌาเนสุ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมนํ นาม อตฺถิ วิเสสาภาวโต, อิธ ปน อสมุคฺฆาฏิตกมฺมกิเลสนิโรธเนน ปุถุชฺชเนหิ ¶ วิย โสตาปนฺนสฺส โสตาปนฺนาทีหิ สกทาคามิอาทีนํ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมนํ อตฺถิ. ยโต เหฏฺิมา เหฏฺิมา ผลธมฺมา อุปรูปริมคฺคธมฺเมหิ นิวตฺติตา ปฏิปกฺเขหิ วิย อภิภูตา อปฺปวตฺติธมฺมตํเยว อาปนฺนา. เตเนว วุตฺตํ ‘‘ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา’’ติ.
อปิจ ¶ กุสลกิริยปฺปวตฺติ นาม อฺา, วิปากปฺปวตฺติ จ อฺาติ อนนฺตรผลตฺตา จ โลกุตฺตรกุสลานํ เหฏฺิมโต อุปริโม ภวนฺตรคโต วิย โหติ. ตํตํผลวเสเนว หิ อริยานํ โสตาปนฺนาทินามลาโภ. เต สเจ อฺผลสมงฺคิโนปิ โหนฺติ, โสตาปนฺนาทินามมฺปิ เตสํ อววตฺถิตํ สิยา. ตสฺส ตสฺส วา อริยสฺส ตํ ตํ ผลํ สทิสนฺติ กตฺวา น อุปริมสฺส เหฏฺิมผลสมงฺคิตาย เลโสปิ สมฺภวติ, กุโต ตสฺสา สมาปชฺชนนฺติ ทฏฺพฺพํ. เหฏฺิมา จ โสตาปนฺนาทโย อุปริมํ สกทาคามิผลาทึ น สมาปชฺชนฺติ อนธิคตตฺตา. น หิ อนธิคตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตุํ สกฺกา, ตสฺมา สพฺเพปิ อริยา อตฺตโนเยว ผลํ สมาปชฺชนฺตีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
ปวตฺเตนฺตาติ ปวตฺตกา หุตฺวา, ปวตฺตนวเสนาติ อตฺโถ. เอวนฺติ ยถานุสิฏฺาย อนุสาสนิยา วิธิวเสน ปฏิเสธวเสน จ ปวตฺติตาการปรามสนํ. สา จ สมฺมาวิตกฺกา นาม มิจฺฉาวิตกฺกานฺจ ปวตฺติอาการทสฺสนวเสน ปวตฺตติ. ตตฺถ อานิสํสสฺส อาทีนวสฺส จ วิภาวนตฺถํ อนิจฺจสฺเมว, น นิจฺจสฺนฺติ อตฺโถ. ปฏิโยคินิวตฺตนตฺถฺหิ เอว-การคฺคหณํ. อิธาปิ เอวสทฺทคฺคหณสฺส อตฺโถ ปโยชนฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิทํ-คหเณปิ เอเสว นโย. ปฺจกามคุณราคนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ ตทฺราคสฺส โทสาทีนฺจ ปหานสฺส อิจฺฉิตตฺตา ตปฺปหานสฺส จ ตทฺราคาทิเขปสฺส อุปายภาวโต. ตถา วุตฺตํ ทุฏฺโลหิตวิโมจนสฺส ปุพฺพทุฏฺมํสเขปนูปายตา วิย. โลกุตฺตรธมฺมเมวาติ อวธารณํ ปฏิกฺเขปภาวโต สาวชฺชธมฺมนิวตฺตนปรํ ทฏฺพฺพํ, ตสฺส อธิคมูปายานิสํสภูตานํ ตทฺเสํ อนวชฺชธมฺมานํ นานนฺตริยภาวโต.
จินฺตามณิกวิชฺชาสริกฺขกตนฺติ อิมินา ‘‘จินฺตามณี’’ติ เอวํ ลทฺธนามา โลเก เอกา วิชฺชา อตฺถิ, ยาย ปเรสํ จิตฺตํ วิชานนฺตีติ ทีเปติ. ‘‘ตสฺสา กิร วิชฺชาย สาธโก ปุคฺคโล ตาทิเส เทสกาเล มนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา ยสฺส จิตฺตํ ชานิตุกาโม, ตสฺส ทิฏฺหตฺถาทิวิเสสสฺชานนมุเขน จิตฺตาจารํ อนุมินนฺโต กเถตี’’ติ เกจิ. อปเร ‘‘วาจํ นิจฺฉราเปตฺวา ตตฺถ อกฺขรสลฺลกฺขณวเสนา’’ติ วทนฺติ.
อิทฺจ ¶ ¶ ปน สพฺพนฺติ ‘‘ภวํ โคตโม อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ สพฺพมฺปิ.
สงฺคารวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
พฺราหฺมณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๗) ๒. มหาวคฺโค
๑. ติตฺถายตนสุตฺตวณฺณนา
๖๒. ทุติยสฺส ปเม ติตฺถํ นาม ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ตพฺพินิมุตฺตสฺส กสฺสจิ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตสฺส อภาวโต. เอตฺถ หิ สตฺตา ตรนฺติ อุปฺปิลวนฺติ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรนฺติ, ตสฺมา ‘‘ติตฺถ’’นฺติ วุจฺจติ. ปารคมนสงฺขาตฺหิ ตรณํ ทิฏฺิคติกานํ นตฺถิ, ตตฺเถว อปราปรํ นิมุชฺชนุมฺมุชฺชนวเสน ปิลวนเมว เตสํ ตรณํ นาม. อุปฺปาทกาติ ปูรณกสฺสปาทโย. ติตฺเถ ชาตา ติตฺถิยา, ยถาวุตฺตํ วา ทิฏฺิคตสงฺขาตํ ติตฺถํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิกา, ติตฺถิกา เอว ติตฺถิยา. มโนรเมติ สาทุผลภริตตาย อภยทิสตาย จ มโนรเม. อิเมสุเยว ตีสุ าเนสูติ ยถาวุตฺเตสุ ติตฺถายตเนสุ.
โย ยถา ชานาติ, ตสฺส ตถา วุจฺจตีติ อิมินา ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน ตถา วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. ปุคฺคล-สทฺโท จ ติสฺสนฺนมฺปิ ปกตีนํ สาธารโณ, ตสฺมา ปุริสคฺคหเณน ตโต วิเสสนํ ยถา ‘‘อฏฺ ปุริสปุคฺคลา’’ติ. ปฏิสํวิทิตํ กโรตีติ เกวลํ ชานนวเสน วิทิตํ กโรติ. อนุภวติ วาติ วิปากลกฺขณปฺปตฺตํ อนุภวติ. ปุพฺเพกตเหตูติ อนฺโตคธาวธารณํ ปทนฺติ อาห ‘‘ปุพฺเพกตกมฺมปจฺจเยเนวา’’ติ. อิมินาติ ‘‘สพฺพํ ตํ ปุพฺเพกตเหตู’’ติ อิมินา วจเนน. กมฺมเวทนนฺติ กุสลากุสลกมฺมสหชํ เวทนํ. กิริยเวทนนฺติ ‘‘เนว กุสลากุสลา น จ กมฺมวิปากา’’ติ เอวํ วุตฺตํ กิริยจิตฺตสหชํ เวทนํ. น เกวลฺจ เต กมฺมกิริยเวทนา เอว ปฏิกฺขิปนฺติ, อถ โข สาสเน โลเก จ ปากเฏ วาตาพาธาทิโรเค จ ปฏิกฺขิปนฺติ เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เย วา อิเม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปิตฺตสมุฏฺานาติ ปิตฺตวิการาธิกสมฺภูตา ¶ . อนนฺตรทฺวเยปิ เอเสว นโย. สนฺนิปาติกาติ ปิตฺตาทีนํ ติณฺณมฺปิ ¶ วิการานํ สนฺนิปาตโต ชาตา. อุตุปริณามชาติ สีตาทิอุตุโน วิปริณามโต วิสมปริวุตฺติโต ชาตา. วิสมปริหารชาติ อสปฺปายาหารโยคปฏิเสวนวเสน กายสฺส วิสมํ ปริหรณโต ชาตา. โอปกฺกมิกาติ อุปกฺกมโต นิพฺพตฺตา. กมฺมวิปากชาติ กมฺมสฺส วิปากภูตกฺขนฺธโต ชาตา. วิโรธิปจฺจยสมุฏฺานา ธาตูนํ วิการาวตฺถา, ตปฺปจฺจยา วา ทุกฺขา เวทนา อาพาธนฏฺเน อาพาโธ, โส เอว รุชฺชนฏฺเน โรโค. ตตฺถ ‘‘โย ยาปฺยลกฺขโณ, โส โรโค, อิตโร อาพาโธ’’ติ วทนฺติ. สพฺเพสฺจ เนสํ ตํตํธาตูนํ วิสมํ อาสนฺนการณํ, น ตถา อิตรานิ. ตตฺถาปิ จ ปโกปาวตฺถา ธาตุโย อาสนฺนการณํ, น ตถา ปรปจฺจยาวตฺถาติ ทฏฺพฺพํ. อฏฺมํเยว กมฺมวิปากชํ อาพาธํ สมฺปฏิจฺฉนฺติ ‘‘สพฺพํ ตํ ปุพฺเพกตเหตู’’ติ วิปลฺลาสคฺคาเหน. ‘‘ปุพฺเพ’’ติ ปุราตนสฺเสว กมฺมสฺส คหิตตฺตา อุปปชฺชเวทนียมฺปิ เต ปฏิกฺขิปนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ทฺเว ปฏิพาหิตฺวา’’ติ. สมฺปฏิจฺฉนฺตีติ อนุชานนฺติ.
อตฺตนา กตมูลเกนาติ สาหตฺถิกกมฺมเหตุ. อาณตฺติมูลเกนาติ ปรสฺส อาณาปนวเสน กตกมฺมเหตุ. อิมาติ ติสฺโส เวทนา. สพฺเพ ปฏิพาหนฺตีติ สพฺเพ โรเค ปฏิเสเธนฺติ สพฺเพสมฺปิ เตสํ เอเกน อิสฺสเรเนว นิมฺมิตตฺตา ตพฺภาวีภาวาสมฺภวโต. เอส นโย เสเสสุปิ. สพฺพํ ปฏิพาหนฺตีติ เหตุปจฺจยปฏิเสธนโต สพฺพํ นิเสเธนฺติ.
มาติกํ นิกฺขิปิตฺวาติ ติณฺณมฺปิ เวทานํ อสารภาวทสฺสนตฺถํ อุทฺเทสํ กตฺวา. ตนฺติ ตํ มาติกํ. วิภชิตฺวา ทสฺเสตุนฺติ โทสทสฺสนวเสเนว วิภาคโต ทสฺเสตุํ. ลทฺธิปติฏฺาปนตฺถนฺติ อตฺตโน ลทฺธิยา ปฏิชานาปนตฺถํ. ลทฺธิโต ลทฺธึ สงฺกมนฺตีติ มูลลทฺธิโต อฺลทฺธึ อุปคจฺฉนฺติ ปฏิชานนฺติ. ปุพฺเพกตเหตุเยว ปฏิสํเวเทตีติ กมฺมเวทนมฺปิ วิปากเวทนํ กตฺวา วทนฺติ. ทิฏฺิคติกา หิ พฺยามูฬฺหจิตฺตา กมฺมนฺตรวิปากนฺตราทีนิ อาโลเฬนฺติ, อสงฺกรโต สฺาเปตุํ น สกฺโกนฺติ. ยถา จ อกุสลกมฺเม, เอวํ กุสลกมฺเมปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ ปาณาติปาตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอวนฺติ ยถา ปุพฺเพกตเหตุ เอว ปาณาติปาติโน นาม โหนฺติ, น อิทานิ สยํกตการณา, เอวํ ปาณาติปาตา วิรมณมฺปิ ปุพฺเพกตเหตุ เอวาติ วิจาริยมาโน ปุพฺเพกตวาโท อกิริยวาโท เอว สมฺปชฺชติ.
กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท ¶ น ตณฺหาฉนฺโท. กตฺตุกมฺยตาติ กาตุมิจฺฉา. ปจฺจตฺตปุริสกาโรติ เตน เตน ปุริเสน กตฺตพฺพกิจฺจํ น โหติ ปุพฺเพกตเหตุ เอว สิชฺฌนโต. อุภยมฺปิ ตํ เอส น ลพฺภตีติ กตฺตพฺพกรณํ สุจริตปูรณํ, อกตฺตพฺพอกรณํ ทุจฺจริตวิรตีติ อิทํ อุภยมฺปิ เอส ¶ น ลภติ. สมณาปิ หิ ปุพฺเพกตการณาเยว โหนฺตีติ ปุพฺเพกตการณาเยว สมณาปิ โหนฺติ, น อิทานิ สํวรสมาทานาทินา. อสฺสมณาปิ ปุพฺเพกตการณาเยวาติ ปุพฺเพกตการณาเยว อสฺสมณาปิ โหนฺติ, น สํวรเภเทน.
ยถา ปุพฺเพกตวาเท ฉนฺทวายามานํ อสมฺภวโต ปจฺจตฺตปุริสการานํ อภาโว, เอวํ อิสฺสรนิมฺมานวาเทปิ อิสฺสเรเนว สพฺพสฺส นิมฺมิตภาวานุชานนโตติ วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพกตวาเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ’’ติ. เอส นโย อเหตุกวาเทปีติ อาห ‘‘ตถา อเหตุกวาเทปี’’ติ.
อิเมสนฺติอาทินา อิเมสํ ติตฺถายตนานํ ตุจฺฉาสารตาย ถุสโกฏฺฏเนน กุณฺฑกมตฺตสฺสปิ อลาโภ วิย ปรมตฺถเลสสฺสปิ อภาโว, ตถา ขชฺโชปนโกภาสโต เตชโส ผุลิงฺคมตฺตสฺสปิ อภาโว วิย อนฺธเวณิกสฺสปิ มคฺคสฺส อปฺปฏิลาโภ วิย สทฺทมตฺตํ นิสฺสาย มิจฺฉาภาเคน วิปลฺลตฺถตาย ททฺทรชาตเก (ชา. ๑.๒.๔๓-๔๓) สสกสทิสตา จ วิภาวิตา โหติ. สารภาวนฺติ สีลสาราทิสมฺปตฺติยา สารสพฺภาวํ. นิยฺยานิกภาวนฺติ เอกนฺเตเนว วฏฺฏโต นิยฺยานาวหภาวํ. อนิคฺคหิโตติ น นิคฺคเหตพฺโพ. เตนาห ‘‘นิคฺคเหตุํ อสกฺกุเณยฺโย’’ติ. อสํกิลิฏฺโติ สํกิเลสวิรหิโต. เตนาห ‘‘นิกฺกิเลโส’’ติอาทิ. อนุปวชฺโชติ ธมฺมโต น อุปวทิตพฺโพ. อปฺปฏิกุฏฺโ นาม อปฺปฏิเสธนํ วา สิยา อนกฺโกสนํ วาติ ตทุภยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปฏิพาหิโต อนุปกฺกุฏฺโ’’ติ อาห.
ตสฺส ธมฺมสฺสาติ ‘‘อยํ โข ปน, ภิกฺขเว’’ติอาทินา อุทฺธฏสฺส ธมฺมสฺส. ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวาติ กเถตุกมฺยตาวเสน ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา. ยถาปฏิปาฏิยาติ มาติกาย ยถานิกฺขิตฺตปฺปฏิปาฏิยา. ธาตุโยติ สภาวธารณฏฺเน ธาตุโย. ตา ปน ยสฺมา ตณฺหาทิฏฺิกปฺปนาปริกปฺปิตอตฺตสุภสุขสสฺสตาทิปกติอาทิธุวาทิชีวาทิกายาทิกา วิย ¶ น อิจฺฉาสภาวา ทิฏฺิอาทิรหิเตหิ วิมุจฺจมานอุทุมฺพรปุปฺผาทิโลกโวหารวตฺถูนิ วิย จ วาจาวตฺถุมตฺตา, อถ โข สจฺจปรมตฺถภูตาติ อาห ‘‘สภาวา’’ติ, สจฺจสภาวาติ อตฺโถ. อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตีติ หิ ธาตุโย. นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวปฺปกาสโกติ พาหิรปริกปฺปิตชีวาภาวปฺปกาสโก โลกิยมหาชนสํกปฺปิตสตฺตาภาวปฺปกาสโก จ. อากรฏฺเนาติ อุปฺปชฺชนฏฺานภาเวน. อุปฺปตฺติฏฺานมฺปิ หิ อากโร อายตนนฺติ วุจฺจติ ยถา ‘‘กมฺโพโช อสฺสานํ อายตน’’นฺติ. มโนปวิจาราติ ตํ ตํ อารมฺมณํ อุเปจฺจ มนโส วิวิธจรณากาโร. เกหิ กตฺถาติ อาห ‘‘วิตกฺกวิจารปาเทหี’’ติอาทิ. อฏฺารสสุ าเนสูติ ฉ โสมนสฺสฏฺานิยานิ ¶ , ฉ โทมนสฺสฏฺานิยานิ, ฉ อุเปกฺขาฏฺานิยานีติ เอวํ อฏฺารสสุ าเนสุ.
ปติฏฺาธาตูติ เสสภูตตฺตยสฺส เจว สพฺพูปาทารูปานฺจ ปติฏฺาสภาวา ธาตุ. อิมินา นเยน อาพนฺธนธาตูติอาทีสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปิจ กกฺขฬภาวสิทฺโธ สหชาตธมฺมานํ อาธารภาโว ปติฏฺาภาโว. ทฺรวภาวสิทฺธํ สมฺปิณฺฑนํ อาพนฺธนํ. อุณฺหภาวสิทฺธํ มุทุตาปกฺกตาวหํ ปริปาจนํ. ถทฺธภาวาวหํ อุทฺธุมาตนํ วิตฺถมฺภนํ. รูปวิวิตฺโต รูปปริยนฺโต อากาโสติ เยสํ โส ปริจฺเฉโท, เตหิ โส อสมฺผุฏฺโวาติ วุตฺตํ ‘‘อากาสธาตูติ อสมฺผุฏฺธาตู’’ติ. สฺชานนวิธุรา อารมฺมณูปลทฺธิ วิชานนธาตุ. วิตฺถารโตปิ กเถตุํ วฏฺฏติ สงฺเขปนฺโตคธตฺตา วิตฺถารสฺส. สงฺเขปโต กเถตุํ น วฏฺฏติ กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส อนวเสสปริยาทานาภาวโต. เตนาห ‘‘วิตฺถารโตว วฏฺฏตี’’ติ. อุภยถาติ สงฺเขปโต วิตฺถารโต จ.
อนิปฺผนฺนาปิ อากาสธาตุ ภูตานิ อุปาทาย คเหตพฺพตามตฺเตน ‘‘อุปาทารูป’’นฺเตว วุจฺจติ. ทิฏฺาเนวาติ สลฺลกฺเขตพฺพานิ อุปาทารูปภาวสามฺโต. เตน สหชาตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ สมุทาเย ปวตฺตโวหารสฺส อวยเวปิ ทิสฺสนโต ยถา ‘‘วตฺเถกเทเส ทฑฺเฒ วตฺถํ ทฑฺฒ’’นฺติ. ‘‘ผสฺโส จ เจตนา จ สงฺขารกฺขนฺโธ’’ติ วุตฺตํ มหาภูมกตฺตา เตสํ ตปฺปธานตฺตา จ สงฺขารกฺขนฺธสฺส. อรูปกฺขนฺธา นามํ อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต นามาธีนคฺคหณโต จ. รูปกฺขนฺโธ รูปํ ปริพฺยตฺตํ รุปฺปนฏฺเน. ปจฺจยนฺติ นิสฺสยภูตํ ปจฺจยํ. วิภาเคน ทฺวาจตฺตาลีส. เอกาสีติ ¶ จิตฺตานิ ‘‘สมฺมสนจาโรย’’นฺติ กตฺวา. อนุกฺกเมน ปฏิปชฺชมาโนติ เอวํ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยํ ิโต อุปริเมน ติสฺสนฺนํ วิสุทฺธีนํ สมฺปาทนวเสน วิสุทฺธิภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺโต.
ผสฺสายตนนฺติ ผสฺสสฺส อุปฺปตฺติฏฺานํ. สุวณฺณาทีนนฺติ สุวณฺณมณิวชิราทีนํ. อากิณฺณํ วิย หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ เอตฺถาติ อากโร. ยถา จกฺขุ วิปากผสฺสสฺส วิเสสปจฺจโย, น ตถา อิตเรสนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ทฺเว จกฺขุวิฺาณานี’’ติอาทิ. เอส นโย เสสวาเรสุปิ. ทฺวตฺตึสาย วิปากผสฺเสสุ ทฺวิปฺจวิฺาณสหคตผสฺเส เปตฺวา เสสา ทฺวาวีสติ วิปากผสฺสา เวทิตพฺพา. ทิฏฺเมว โหติ เตน สมานโยคกฺขมตฺตา. ‘‘สงฺเขปโต ตาวา’’ติ สงฺเขปกถํ อารภิตฺวาปิ วิตฺถารกถาเปตฺถ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยาวาติ วุตฺตํ ‘‘เหฏฺา…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ.
โสมนสฺสสฺส ¶ อุปฺปตฺติฏฺานภูตํ โสมนสฺสฏฺานิยํ. เตนาห ‘‘โสมนสฺสสฺส การณภูต’’นฺติ. อุปวิจรตีติ อุเปจฺจ ปวตฺตติ. สภาวโต สงฺกปฺปโต จ โสมนสฺสาทิอุปฺปตฺติเหตุกา โสมนสฺสฏฺานิยาทิตาติ อาห ‘‘อิฏฺํ วา โหตู’’ติอาทิ. จตุตฺถํ ทิฏฺเมว โหติ ตทวินาภาวโต.
อริยสจฺจานีติ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘อริยภาวกรานี’’ติอาทิ. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๓๑) ปกาสิตํ, ตสฺมา น อิธ ปกาเสตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. สุขาวโพธนตฺถนฺติ เทสิยมานาย วฏฺฏกถาย สุเขน อวโพธนตฺถํ. เตนาห ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิ. ทฺวาทสปทนฺติ อวิชฺชาทีหิ ปเทหิ ทฺวาทสปทํ. ปจฺจยวฏฺฏนฺติ ปจฺจยปฺปพนฺธํ. กเถตุกาโม โหติ ปจฺจยาการมุเขน สจฺจานิ ทสฺเสตุกามตาย. คพฺภาวกฺกนฺติวฏฺฏนฺติ คพฺโภกฺกนฺติมุเขน วิปากวฏฺฏํ ทสฺเสติ ‘‘คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหตี’’ติอาทินา. ตสฺมา ปเนตฺถ คพฺภาวกฺกนฺติวเสเนว วฏฺฏํ ทสฺสิตนฺติ อาห ‘‘คพฺภาวกฺกนฺติวฏฺฏสฺมึ หี’’ติอาทิ. คพฺภาวกฺกนฺติวฏฺฏสฺมินฺติ มาตุกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตนวเสน ปวตฺตธมฺมปฺปพนฺเธ. ทสฺสิเตติ เทสนาวเสน ทสฺสิเต. ปุริมา ทฺเว โยนิโย อิตราหิ โอฬาริกตาย ¶ ปริพฺยตฺตตราติ วุตฺตํ ‘‘คพฺภาวกฺกนฺติ…เป… อวโพเธตุมฺปี’’ติ.
ปจฺจยมตฺตนฺติ ฉนฺนํ ธาตูนํ สาธารณํ ปจฺจยภาวมตฺตํ, น เตหิ ภาคโส นิปฺผาทิยมานํ ปจฺจยวิเสสํ ‘‘กุโต ปเนตํ ฉนฺนํ ธาตูน’’นฺติ อวิภาเคน วุตฺตตฺตา. เตนาห ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ. น มาตุ น ปิตุ ตาสํ ธาตูนํ อิมสฺส สตฺตสฺส พาหิรภาวโต. คพฺภสฺสาติ เอตฺถ คพฺภติ อตฺตภาวภาเวน วตฺตตีติ คพฺโภ, กลลาทิอวตฺโถ ธมฺมปฺปพนฺโธ. ตนฺนิสฺสิตตฺตา ปน สตฺตสนฺตาโน คพฺโภติ วุตฺโต ยถา มฺจนิสฺสิตา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ. ตนฺนิสฺสยภาวโต มาตุกุจฺฉิ คพฺโภติ วุจฺจติ ‘‘คพฺเภ วสติ มาณโว’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓). คพฺโภ วิยาติ วา คพฺโภ. ยถา หิ นิวาสฏฺานตาย สตฺตานํ โอวรโก ‘‘คพฺโภ’’ติ วุจฺจติ, เอวํ คพฺภเสยฺยกานํ สตฺตานํ ยาว อภิชาติ นิวาสฏฺานตาย มาตุกุจฺฉิ ‘‘คพฺโภ’’ติ วุจฺจติ. อิธ ปน ปมํ วุตฺตอตฺเถเนว คพฺโภติ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘คพฺโภ จ นามา’’ติอาทิ.
นิรติอตฺเถน นิรโย จ โส ยถาวุตฺเตน อตฺเถน คพฺโภ จาติ นิรยคพฺโภ. เอส นโย เสสปเทสุปิ. อยํ ปน วิเสโส – เทวมนุชาทโย วิย อุทฺธํ ทีฆา อหุตฺวา ติริยํ อฺจิตา ทีฆาติ ติรจฺฉานา. เต เอว ขนฺธโกฏฺาสภาเวน โยนิ จ โส วุตฺตนเยน คพฺโภ จาติ ¶ ติรจฺฉานโยนิคพฺโภ. ปกฏฺโต สุขโต อเปตํ อปคโม เปตภาโว, ตํ ปตฺตานํ วิสโยติ เปตฺติวิสโย, เปตโยนิ. มนสฺส อุสฺสนฺนตาย สูรภาวาทิคุเณหิ อุปจิตมานสตาย อุกฺกฏฺคุณจิตฺตตาย มนุสฺสา. ทิพฺพนฺติ กามคุณาทีหิ กีฬนฺติ ลฬนฺติ โชตนฺตีติ เทวา. คพฺภสทฺโท วุตฺตนโย เอว. นานปฺปกาโรติ ยถาวุตฺเตน ตทนนฺตรเภเทน จ นานปฺปการโก. มนุสฺสคพฺโภ อธิปฺเปโต สุปากฏตาย ปจฺจกฺขภาวโต. โอกฺกนฺติ มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมิตฺวา วิย อุปฺปติตฺวาติ กตฺวา. นิพฺพตฺตนํ นิพฺพตฺติ. ปาตุภาโว อุปฺปตฺติปฺปกาสโก จ.
สนฺนิปาโต นาม อเวกลฺลชาติหีนเวกลฺเลติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิธ มาตาปิตโร’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ สตฺตโลเก. สนฺนิปติตาติ ¶ สโมธานภาวโต สนฺนิปติตา สมาคตา สํสิลิฏฺา. อุตุนีติ อุตุมตี สฺชาตปุปฺผา. อิทฺจ อุตุสมยํ สนฺธาย วุตฺตํ, น โลกสมฺากรชสฺส ลคฺคนทิวสมตฺตํ. มาตุคามสฺส หิ ยสฺมึ คพฺภาสหสฺิเต โอกาเส ทารโก นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ มหตี โลหิตปีฬกา สณฺหิตฺวา อคฺคหิตปุพฺพา เอว ภิชฺชิตฺวา ปคฺฆรติ, วตฺถุ สุทฺธํ โหติ ปคฺฆริตโลหิตตฺตา อนามยตฺตา จ. วิสุทฺเธ วตฺถุมฺหิ มาตาปิตูสุ เอกวารํ สนฺนิปติเตสุ ยาว สตฺต ทิวสานิ เขตฺตเมว โหติ. สุทฺธํ วตฺถุ นหานโต ปรมฺปิ กติปยานิ ทิวสานิ คพฺภสณฺหนตาย เขตฺตเมว โหติ ปริตฺตสฺส โลหิตเลสสฺส วิชฺชมานตฺตา. ตสฺมึ สมเย หตฺถคฺคาหเวณิคฺคาหาทินา องฺคปรามสเนนปิ ทารโก นิพฺพตฺตติเยว. อิตฺถิสนฺตาเนปิ หิ สตฺตปิ ธาตู ลพฺภนฺเตว. ตถา หิ ปาริกาย นาภิปรามสเนน สามสฺส โพธิสตฺตสฺส, ทิฏฺมงฺคลิกาย นาภิปรามสเนน (ชา. อฏฺ. ๔.๑๕.มาตงฺคชาตกวณฺณนา; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๖๕) มณฺฑพฺยสฺส นิพฺพตฺติ อโหสิ. คนฺธนโต อุปฺปนฺนคติยา นิมิตฺตูปฏฺาเนน สูจนโต ทีปนโต คนฺโธติ ลทฺธนาเมน ภวคามิกมฺมุนา อพฺพติ ปวตฺตตีติ คนฺธพฺโพ, ตตฺถ อุปฺปชฺชมานกสตฺโต. ปจฺจุปฏฺิโต โหตีติ น มาตาปิตูนํ สนฺนิปาตํ โอโลกยมาโน สมีเป ิโต ปจฺจุปฏฺิโต นาม โหติ, กมฺมยนฺตยนฺติโต ปน เอโก สตฺโต ตสฺมึ โอกาเส นิพฺพตฺตนโก โหตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ตทา หิ ตตฺรูปคสตฺโต ตตฺรูปปตฺติอาวหนฺตกมฺมสงฺขาเตน เปลฺลกยนฺเตน ตถตฺถาย เปลฺลิโต อุปนีโต วิย โหติ.
วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เอตฺถ วิฺาณสฺส ปจฺจยภาเวน คหิตตฺตา ‘‘ตโย อรูปิโน ขนฺธา’’ติ วุตฺตํ. อิธ ปน วิฺาณํ ปจฺจยภาเวน อคฺคเหตฺวา คพฺโภกฺกนฺติยา เอว ปจฺจยภาเวน คหิตตฺตา ‘‘วิฺาณกฺขนฺธมฺปิ ปกฺขิปิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อิธ ปน มนุสฺสคพฺภสฺส โอกฺกนฺติยา อธิปฺเปตตฺตา ‘‘คพฺภเสยฺยกานํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ’’ติ วุตฺตํ.
ตณฺหาย ¶ สมุทยสจฺจภาเวน คหิตตฺตา ‘‘เปตฺวา ตณฺห’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺเสว ปภาวิกาติ ตสฺเสว ยถาวุตฺตสฺส ทุกฺขสจฺจสฺส อุปฺปาทิกา. ทุกฺขนิโรโธติ ¶ เอตฺถ ทุกฺขคฺคหเณน ตณฺหาปิ คหิตาติ อาห ‘‘เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ…เป… ทุกฺขนิโรโธ’’ติ. อวิเสเสน หิ เตภูมกวฏฺฏํ อิธ ทุกฺขนฺติ อธิปฺเปตํ. อถ วา ทุกฺขสฺส อนุปฺปตฺตินิโรโธ ตพฺภาวิกาย ตณฺหาย อนุปฺปตฺตินิโรเธน วินา น โหตีติ วุตฺตํ ‘‘เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ…เป… ทุกฺขนิโรโธ’’ติ. อนุปฺปตฺตินิโรโธติ จ อนุปฺปตฺตินิโรธนิมิตฺตํ นิพฺพานํ ทสฺเสติ.
‘‘ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อุภยตฺถ ปาฬิยา ปวตฺติอาการเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติ อาห. ตตฺถาติ วิสทฺธิมคฺเค. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. อวิชฺชาย ตฺเววาติ อวิชฺชาย ตุ เอว. อเสสวิราคนิโรธาติ เอตฺถ อจฺจนฺตเมว สงฺขาเร วิรชฺชติ เอเตนาติ วิราโค, มคฺโค, ตสฺมา วิราคสงฺขาเตน มคฺเคน อเสสนิโรธา อเสเสตฺวา นิโรธา สมุจฺฉินฺทนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
สกลสฺสาติ อนวเสสสฺส. เกวลสฺสาติ วา สุทฺธสฺส, ปรปริกปฺปิตสตฺตชีวาทิวิรหิตสฺสาติ อตฺโถ. ขีณากาโรปิ วุจฺจติ ‘‘นิรุชฺฌนํ นิโรโธ’’ติ อิมินา อตฺเถน. อรหตฺตมฺปิ นิโรโธติ วุจฺจติ นิโรธนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา. นิพฺพานมฺปิ นิโรโธติ วุจฺจติ อวิชฺชาทีนํ นิโรธสฺส นิมิตฺตภาวโต อวิชฺชาทโย นิรุชฺฌนฺติ เอตฺถาติ นิโรโธติ กตฺวา. ขีณาการทสฺสนวเสนาติ อวิชฺชาทีนํ อนุปฺปตฺตินิโรเธน นิรุชฺฌนาการทสฺสนวเสน. นิพฺพานเมว สนฺธาย, น ปน อรหตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. สภาวธมฺมานํ นิคฺคโห นาม ยถาวุตฺตธมฺมปริจฺเฉทโต อูนาธิกภาวปฺปกาสเนน อตฺตสภาววิภาวเนเนว โหตีติ อาห ‘‘นิคฺคณฺหนฺโต หี’’ติอาทิ.
ติตฺถายตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ภยสุตฺตวณฺณนา
๖๓. ทุติเย ปริตฺตาตุํ สมตฺถภาเวนาติ อุปฺปนฺนภยโต รกฺขิตุํ สมตฺถภาเวน. นตฺถิ เอตฺถ มาตาปุตฺตํ อฺมฺํ ตายิตุํ สมตฺถนฺติ อมาตาปุตฺตานิ, ตานิเยว อมาตาปุตฺติกานิ. เตนาห ‘‘นตฺถิ เอตฺถา’’ติอาทิ. ยนฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ. มาตาปิ ปุตฺตํ ปสฺสิตุํ น ลภติ, ปริตฺตาตุํ น สมตฺถนฺติ อธิปฺปาโย ¶ . ปุตฺโตปิ มาตรนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จิตฺตุตฺราโสเยว ภยํ จิตฺตุตฺราสภยํ. อิมินา โอตฺตปฺปภยาทึ นิวตฺเตติ. อฏวิคฺคหเณน อฏวิวาสิโน ¶ วุตฺตา ‘‘สพฺโพ คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ วิยาติ อาห ‘‘อฏวีติ เจตฺถ อฏวิวาสิโน โจรา เวทิตพฺพา’’ติ. เอเตติ อฏวิวาสิโน โจรา. เอตํ วุตฺตนฺติ ‘‘อฏวิสงฺโกโป’’ติ อิทํ วุตฺตํ. านคมนาทิอิริยาปถจกฺกสมงฺคิโน อิริยาปถจกฺกสมารุฬฺหา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘อิริยาปถจกฺกมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ. อิริยาปโถเยว ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ อิริยาปถจกฺกํ.
ปริยายนฺตีติ ปริโต เตน เตน ทิสาภาเคน คจฺฉนฺติ. เตนาห ‘‘อิโต จิโต จ คจฺฉนฺตี’’ติ. มาตุเปเมน คนฺตุํ อวิสหิตฺวา อตฺตโน สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตํ. อตฺตสิเนหสฺส พลวภาวโต มาตรมฺปิ อนเปกฺขิตฺวา ‘‘อตฺตานํเยว รกฺขิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตํ. เอกสฺมึ าเน นิลีนนฺติ วุตฺตนเยเนว คนฺตฺวา เอกสฺมึ เขเม ปเทเส นิสินฺนํ. กุลฺเล วาติอาทีสุ กูลํ ปรตีรํ วหติ ปาเปตีหิ กุลฺโล, ตรณตฺถาย เวฬุนฬาทีหิ กลาปํ กตฺวา พทฺโธ. ปตฺถริตฺวา พทฺโธ ปน อุฬุมฺโป, จาฏิอาทิ มตฺติกาภาชนํ. วุยฺหมานนฺติ อุทโกเฆน อโธโสตํ นียมานํ.
ยถาวุตฺตานิ ตีณิ ภยานิ สมาตาปุตฺติกานิเยว อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส วเสน อมาตาปุตฺติกานิ ทสฺสิตานีติ อาห ‘‘เอวํ ปริยายโต อมาตาปุตฺติกานิ ภยานิ ทสฺเสตฺวา’’ติ.
ภยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เวนาคปุรสุตฺตวณฺณนา
๖๔. ตติเย เอวํนามเก ชนปเทติ ยตฺถ นามคฺคหเณน โกสลสทฺทสฺส รุฬฺหีสทฺทตํ ทสฺเสติ. ตถา หิ โกสลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสทฺเทน ‘‘โกสลา’’ติ วุจฺจติ. อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ าเนสุ ยุตฺเต วิย สลิงฺควจนานิ (ปาณินิ ๑.๒.๕๑) อิจฺฉนฺติ. อยเมตฺถ รุฬฺหี ยถา อฺตฺถาปิ ‘‘กุรูสุ วิหรติ, องฺเคสุ วิหรตี’’ติ จ. ตพฺพิเสสเน ปน ชนปทสทฺเท ชาติสทฺเท เอกวจนเมว ¶ ยถา ‘‘โกสเลสุ ชนปเท’’ติ. จาริกนฺติ จรณํ. จรณํ วา จาโร, โส เอว จาริกา. ตยิทํ มคฺคคมนํ อิธาธิปฺเปตํ, น จุณฺณิกคมนมตฺตนฺติ อาห ‘‘อทฺธานคมนํ คจฺฉนฺโต’’ติ. ตํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘จาริกา จ นาเมสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทูเรปีติ ทูเรปิ นาติทูเรปิ. สหสา คมนนฺติ สีฆคมนํ. มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน อาฬวกาทีนํ อตฺถาย คมนํ สงฺคณฺหาติ. ภควา หิ มหากสฺสปตฺเถรํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺโต มุหุตฺเตน ติคาวุตมคฺคมคมาสิ. อาฬวกสฺสตฺถาย ¶ ตึสโยชนํ, ตถา องฺคุลิมาลสฺส, ปุกฺกุสาติสฺส ปน ปฺจจตฺตาลีสโยชนํ, มหากปฺปินสฺส วีสโยชนสตํ, ธนิยสฺสตฺถาย สตฺต โยชนสตานิ, ธมฺมเสนาปติโน สทฺธิวิหาริกสฺส วนวาสิสฺส ติสฺสสามเณรสฺส ติคาวุตาธิกํ วีสโยชนสตํ อคมาสิ. อิมํ สนฺธายาติ อิมํ อตุริตจาริกํ สนฺธาย.
อุปลภึสูติ เอตฺถ สวนวเสน อุปลภึสูติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสตทฺวาร…เป… ชานึสู’’ติ อาห. สพฺพมฺปิ วากฺยํ อวธารณผลตฺตา อนฺโตคธาวธารณนฺติ อาห ‘‘ปทปูรณมตฺเต วา นิปาโต’’ติ. อวธารณตฺเถนาติ ปน อิมินา อิฏฺตฺถโตวธารณตฺถํ โข-สทฺทคฺคหณนฺติ ทสฺเสติ. อสฺโสสีติ ปทํ โข-สทฺเท คหิเต เตน ผุลฺลิตมณฺฑิตวิภูสิตํ วิย โหนฺตํ ปูริตํ นาม โหติ, เตน จ ปุริมปจฺฉิมปทานิ สํสิลิฏฺานิ นาม โหนฺติ, น ตสฺมึ อคฺคหิเตติ อาห ‘‘ปทปูรเณน พฺยฺชนสิลิฏฺตามตฺตเมวา’’ติ. มตฺตสทฺโท วิเสสนิวตฺติอตฺโถ. เตนสฺส อนตฺถนฺตรทีปนตา ทสฺสิตา โหติ, เอวสทฺเทน ปน พฺยฺชนสิลิฏฺตาย เอกนฺติกตา.
สมิตปาปตฺตาติ อจฺจนฺตํ อนวเสสโต สวาสนํ สมิตปาปตฺตา. เอวฺหิ พาหิรกวีตราคเสกฺขาเสกฺขปาปสมนโต ภควโต ปาปสมนํ วิเสสิตํ โหติ. เตนสฺส ยถาภูตคุณาธิคตเมตํ นามํ ยทิทํ สมโณติ ทีเปติ. อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ อิธ อนุสฺสวตฺโถ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ขลูติ อนุสฺสวตฺเถ นิปาโต’’ติ. อาลปนมตฺตนฺติ ปิยาลาปวจนมตฺตํ. ปิยสมุทาหารา เหเต ‘‘โภ’’ติ วา ‘‘อาวุโส’’ติ วา ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ วา. โคตฺตวเสนาติ เอตฺถ คํ ตายตีติ โคตฺตํ. โคตโมติ หิ ปวตฺตมานํ วจนํ พุทฺธิฺจ ตายติ เอกํสิกวิสยตาย รกฺขตีติ โคตฺตํ. ยถา หิ พุทฺธิ อารมฺมณภูเตน อตฺเถน ¶ วินา น วตฺตติ, ตถา อภิธานํ อภิเธยฺยภูเตน, ตสฺมา โส โคตฺตสงฺขาโต อตฺโถ ตานิ ตายติ รกฺขตีติ วุจฺจติ. โก ปน โสติ? อฺกุลปรมฺปราสาธารณํ ตสฺส กุลสฺส อาทิปุริสสมุทาคตํ ตํกุลปริยาปนฺนสาธารณํ สามฺรูปนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ สมโณติ อิมินา ปริกฺขกชเนหิ ภควโต พหุมตภาโว ทสฺสิโต สมิตปาปตากิตฺตนโต. โคตโมติ อิมินา โลกิยชเนหิ อุจฺจากุลสมฺภูตตา ทีปิตา เตน อุทิโตทิตวิปุลขตฺติยกุลวิภาวนโต. สพฺพขตฺติยานฺหิ อาทิภูตมหาสมฺมตมหาราชโต ปฏฺาย อสมฺภินฺนํ อุฬารตมํ สกฺยราชกุลํ.
เกนจิ ปาริชฺุเนาติ าติปาริชฺุโภคปาริชฺุาทินา เกนจิปิ ปาริชฺุเน ปริหานิยา อนภิภูโต อนชฺโฌตฺถโฏ. ตถา หิ ตสฺส กุลสฺส น กิฺจิ ปาริชฺุํ โลกนาถสฺส อภิชาติยํ, อถ โข วฑฺฒิเยว. อภินิกฺขมเน จ ตโตปิ สมิทฺธตมภาโว โลเก ¶ ปากโฏ ปฺาโตติ. สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ อิทํ วจนํ ภควโต สทฺธาปพฺพชิตภาวทีปนํ วุตฺตํ มหนฺตํ าติปริวฏฺฏํ มหนฺตฺจ โภคกฺขนฺธํ ปหาย ปพฺพชิตภาวสิทฺธิโต.
อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถติ อิตฺถํ เอวํปกาโร ภูโต ชาโตติ เอวํ กถนตฺเถ. อุปโยควจนนฺติ ‘‘อพฺภุคฺคโต’’ติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถโชตโก, เตน โยคโต ‘‘ตํ โข ปน ภวนฺต’’นฺติ อิทํ สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ. เตนาห ‘‘ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อตฺโถ’’ติ. กลฺยาณคุณสมนฺนาคโตติ กลฺยาเณหิ คุเณหิ ยุตฺโต, ตนฺนิสฺสิโต ตพฺพิสยตายาติ อธิปฺปาโย. เสฏฺโติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กิตฺเตตพฺพโต กิตฺติ, สา เอว สทฺทนียโต สทฺโทติ อาห ‘‘กิตฺติสทฺโทติ กิตฺติเยวา’’ติ. อภิตฺถวนวเสน ปวตฺโต สทฺโท ถุติโฆโส. สเทวกํ โลกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา อุคฺคโตติ อนฺสาธารเณ คุเณ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา สเทวกํ โลกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา อภิภวิตฺวา อุคฺคโต.
โส ภควาติ โย โส สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ เทวานํ อติเทโว ¶ สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา โลกนาโถ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ สเทวเก โลเก ‘‘ภควา’’ติ ปตฺถฏกิตฺติสทฺโท, โส ภควา. ‘‘ภควา’’ติ จ อิทํ สตฺถุ นามกิตฺตนํ. เตนาห อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กต’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๘๔). ปรโต ปน ภควาติ คุณกิตฺตนํ. ยถา กมฺมฏฺานิเกน ‘‘อรห’’นฺติอาทีสุ นวสุ าเนสุ ปจฺเจกํ อิติ-สทฺทํ โยเชตฺวา พุทฺธคุณา อนุสฺสริยนฺติ, เอวํ พุทฺธคุณสํกิตฺตเนนปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติปิ อรหํ อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควา’’ติ อาห. ‘‘อิติเปตํ ภูตํ อิติเปตํ ตจฺฉ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖) วิย อิธ อิติสทฺโท อาสนฺนปจฺจกฺขกรณตฺโถ, ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน จ เตสํ คุณานํ พหุภาโว ทีปิโต, ตานิ จ สํกิตฺเตนฺเตน วิฺุนา จิตฺตสฺส สมฺมุขีภูตาเนว กตฺวา สํกิตฺเตตพฺพานีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห. เอวํ นิรูเปตฺวา กิตฺเตนฺโต โย กิตฺเตติ, ตสฺส ภควติ อติวิย อภิปฺปสาโท โหติ.
อารกตฺตาติ สุวิทูรตฺตา. อรีนนฺติ กิเลสารีนํ. อรานนฺติ สํสารจกฺกสฺส อรานํ. หตตฺตาติ วิทฺธํสิตตฺตา. ปจฺจยาทีนนฺติ จีวราทิปจฺจยานฺเจว ปูชาวิเสสานฺจ. ตโตติ วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๕-๑๒๗). ยถา จ วิสุทฺธิมคฺคโต, เอวํ ตํสํวณฺณนาโตปิ เนสํ วิตฺถาโร คเหตพฺโพ.
อิมํ ¶ โลกนฺติ นยิทํ มหาชนสฺส สมฺมุขมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข อนวเสสํ ปริยาทายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสตี’’ติ. ปชาตตฺตาติ ยถาสกํ กมฺมกิเลเสหิ นิพฺพตฺตตฺตา. ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ ปาริเสสนเยน อิตเรสํ ปทนฺตเรน คหิตตฺตา. สเทวกนฺติ จ อวยเวน วิคฺคโห สมุทาโย สมาสตฺโถ. ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ ปจฺจาสตฺตินเยน. ตตฺถ หิ โส ชาโต ตนฺนิวาสี จ. สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปจฺจตฺถิกสมณพฺราหฺมณคฺคหณนฺติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ อปจฺจตฺถิกานํ สมิตพาหิตปาปานฺจ สมณพฺราหฺมณานํ สมณพฺราหฺมณวจเนน คหิตตฺตา. กามํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิวิเสสนานํ วเสน สตฺตวิสโย โลกสทฺโทติ วิฺายติ ตุลฺยโยควิสยตฺตา ¶ เตสํ, ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ ปน อตุลฺยโยเคปิ อยํ สมาโส ลพฺภตีติ พฺยภิจารทสฺสนโต ปชาคหณนฺติ อาห ‘‘ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณ’’นฺติ.
อรูปิโน สตฺตา อตฺตโน อาเนฺชวิหาเรน วิหรนฺตา ทิพฺพนฺตีติ เทวาติ อิมํ นิพฺพจนํ ลภนฺตีติ อาห ‘‘สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรโลโก คหิโต’’ติ. เตนาห ‘‘อากาสานฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยต’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๑๑๗). สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลโก คหิโต ตสฺส สวิเสสํ มารสฺส วเส วตฺตนโต. สพฺรหฺมกคฺคหเณน รูปีพฺรหฺมโลโก คหิโต อรูปีพฺรหฺมโลกสฺส คหิตตฺตา. จตุปริสวเสนาติ ขตฺติยาทิจตุปริสวเสน. อิตรา ปน จตสฺโส ปริสา สมารกาทิคฺคหเณน คหิตา เอวาติ. อวเสสสตฺตโลโก นาคครุฬาทิเภโท. ตีหากาเรหีติ เทวมารพฺรหฺมสหิตตาสงฺขาเตหิ ตีหิ ปกาเรหิ. ตีสุ ปเทสูติ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทีสุ ตีสุ ปเทสุ. เตน เตนากาเรนาติ สเทวกตฺตาทินา เตน เตน ปกาเรน. เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนนฺติ โปราณา อาหูติ โยชนา.
อภิฺาติ ยการโลเปนายํ นิทฺเทโส, อภิชานิตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อภิฺาย อธิเกน าเณน ตฺวา’’ติ. อนุมานาทิปฏิกฺเขโปติ อนุมานอตฺถาปตฺติอาทิปฺปฏิกฺเขโป เอกปฺปมาณตฺตา. สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย หิ สพฺพปจฺจกฺขา พุทฺธา ภควนฺโต.
อนุตฺตรํ วิเวกสุขนฺติ ผลสมาปตฺติสุขํ. เตน วิมิสฺสาปิ กทาจิ ภควโต ธมฺมเทสนา โหตีติ ‘‘หิตฺวาปี’’ติ ปิ-สทฺทคฺคหณํ. ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต ยสฺมึ ขเณ ปริสา สาธุการํ วา เทติ, ยถาสุตํ วา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ขณํ ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ยถาปริจฺเฉทฺจ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ิตฏฺานโต ปฏฺาย ¶ ธมฺมํ เทเสติ. อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโตติ อุคฺฆฏิตฺุสฺส วเสน อปฺปํ วา, วิปฺจิตฺุสฺส เนยฺยสฺส วา วเสน พหุํ วา เทเสนฺโต. ธมฺมสฺส กลฺยาณตา จ นิยฺยานิกตา จ สพฺพโส อนวชฺชภาเวเนวาติ อาห ‘‘อนวชฺชเมว กตฺวา’’ติ.
เทสกายตฺเตน ¶ อาณาทิวิธินา อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนาติ สา ปริยตฺติธมฺมวเสน เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘เทสนาย ตาว จาตุปฺปทิกคาถายปี’’ติอาทิ. นิทานนิคมานิปิ สตฺถุ เทสนาย อนุวิธานโต ตทนฺโตคธานิ เอวาติ อาห ‘‘นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสาน’’นฺติ.
สาสิตพฺพปุคฺคลคเตน ยถาปราธาทิสาสิตพฺพภาเวน อนุสาสนํ ตทงฺควินยาทิวเสน วินยนํ สาสนนฺติ ตํ ปฏิปตฺติธมฺมวเสน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สีลสมาธิวิปสฺสนา’’ติอาทิ. กุสลานนฺติ อนวชฺชธมฺมานํ สีลสมถวิปสฺสนานํ สีลทิฏฺีนฺจ อาทิภาโว ตํมูลิกตฺตา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ. อริยมคฺคสฺส อนฺตทฺวยวิคเมน มชฺฌิมาปฏิปทาภาโว วิย สมฺมาปฏิปตฺติยา อารพฺภ นิพฺพตฺตีนํ เวมชฺฌตาปิ มชฺฌภาโวติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว…เป… มชฺฌิมํ นามา’’ติ. ผลํ ปริโยสานํ นาม สอุปาทิเสสตาวเสน. นิพฺพานํ ปริโยสานํ นาม อนุปาทิเสสตาวเสน. อิทานิ เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ สาสนสฺส ปริโยสานตํ อาคเมน ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมาติห ตฺว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’นฺติอาทิวจนโต ธมฺมเทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อิธ…เป… อธิปฺเปต’’นฺติ. ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ กถาวธิสทฺทปฺปพนฺโธ คาถาวเสน สุตฺตวเสน จ ววตฺถิโต ปริยตฺติธมฺโม, โส อิธ เทสนาติ วุตฺโต, ตสฺส ปน อตฺโถ วิเสสโต สีลาทิ เอวาติ อาห ‘‘ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต…เป… ทสฺเสตี’’ติ. ตตฺถ สีลํ ทสฺเสตฺวาติ สีลคฺคหเณน สสมฺภารํ สีลํ คหิตํ, ตถา มคฺคคฺคหเณน สสมฺภาโร มคฺโคติ ตทุภยวเสน อนวเสสโต ปริยตฺติอตฺถํ ปริยาทาย ติฏฺติ. เตนาติ สีลาทิทสฺสเนน. อตฺถวเสน หิ อิธ เทสนาย อาทิกลฺยาณาทิภาโว อธิปฺเปโต. กถิกสณฺิตีติ กถิกสฺส สณฺานํ กถนวเสน สมวฏฺานํ.
น โส สาตฺถํ เทเสติ นิยฺยานตฺถวิรหโต ตสฺสา เทสนาย. เอกพฺยฺชนาทิยุตฺตา วาติ สิถิลาทิเภเทสุ พฺยฺชเนสุ เอกปฺปกาเรเนว ทฺวิปฺปกาเรเนว วา พฺยฺชเนน ยุตฺตา ทมิฬภาสา วิย. วิวฏกรณตาย โอฏฺเ อผุสาเปตฺวา อุจฺจาเรตพฺพโต สพฺพนิโรฏฺพฺยฺชนา วา กิราตภาสา วิย. สพฺพสฺเสว วิสฺสชฺชนียยุตฺตตาย สพฺพวิสฺสฏฺพฺยฺชนา ¶ วา ยวนภาสา วิย. สพฺพสฺเสว สานุสารตาย ¶ สพฺพนิคฺคหิตพฺยฺชนา วา ปารสิกาทิมิลกฺขภาสา วิย. สพฺพาเปสา พฺยฺชเนกเทสวเสเนว ปวตฺติยา อปริปุณฺณพฺยฺชนาติ กตฺวา ‘‘อพฺยฺชนา’’ติ วุตฺตา.
านกรณานิ สิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ อกฺขรํ ปฺจสุ วคฺเคสุ ปมตติยนฺติ เอวมาทิ สิถิลํ. ตานิ อสิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ อกฺขรํ วคฺเคสุ ทุติยจตุตฺถนฺติ เอวมาทิ ธนิตํ. ทฺวิมตฺตกาลํ ทีฆํ. เอกมตฺตกาลํ รสฺสํ. ตเทว ลหุกํ ลหุกเมว. สํโยคปรํ ทีฆฺจ ครุกํ. านกรณานิ นิคฺคเหตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ นิคฺคหิตํ. ปเรน สมฺพนฺธํ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ สมฺพนฺธํ. ตถา น สมฺพนฺธํ ววตฺถิตํ. านกรณานิ วิสฺสฏฺานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ วิมุตฺตํ. ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโทติ เอวํ สิถิลาทิวเสน พฺยฺชนพุทฺธิยา อกฺขรุปฺปาทกจิตฺตสฺส ทสปฺปกาเรน ปเภโท. สพฺพานิ หิ อกฺขรานิ จิตฺตสมุฏฺานานิ ยถาธิปฺเปตตฺถพฺยฺชนโต พฺยฺชนานิ จ.
อมกฺเขตฺวาติ อมิเลจฺเฉตฺวา, อวินาเสตฺวา, อหาเปตฺวาติ อตฺโถ. ภควา ยมตฺถํ าเปตุํ เอกคาถํ เอกวากฺยมฺปิ เทเสติ, ตมตฺถํ ตาย เทสนาย ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนาย เอว เทเสตีติ อาห ‘‘ปริปุณฺณพฺยฺชนเมว กตฺวา ธมฺมํ เทเสตี’’ติ. อิธ เกวลสทฺโท อนวเสสวาจโก, น อโวมิสฺสตาทิวาจโกติ อาห ‘‘สกลาธิวจน’’นฺติ. ปริปุณฺณนฺติ สพฺพโส ปุณฺณํ. ตํ ปน กิฺจิ อูนํ วา อธิกํ วา น โหตีติ ‘‘อนูนาธิกวจน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทตฺถํ เทสิตํ, ตสฺส สาธกตฺตา อนูนตา เวทิตพฺพา, ตพฺพิธุรสฺส ปน อสาธกตฺตา อนธิกตา. สกลนฺติ สพฺพภาควนฺตํ. ปริปุณฺณเมวาติ สพฺพโส ปริปุณฺณเมว. เตนาห ‘‘เอกเทสนาปิ อปริปุณฺณา นตฺถี’’ติ. อปริสุทฺธา เทสนา นาม โหติ ตณฺหาสํกิเลสตฺตา. โลกามิสํ จีวราทโย ปจฺจยา, ตตฺถ อคธิตจิตฺตตาย โลกามิสนิรเปกฺโข. หิตผรเณนาติ หิตูปสํหรเณน. เมตฺตาภาวนาย มุทุหทโยติ เมตฺตาภาวนาย กรุณาย วา มุทุหทโย. อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตนาติ สกลสํกิเลสโต วฏฺฏทุกฺขโต จ อุทฺธรณาการาวฏฺิเตน จิตฺเตน, กรุณาธิปฺปาเยนาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา ¶ สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลํ สาสนํ อิธ พฺรหฺมจริยนฺติ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา. พฺรหฺมจริยนฺติ อิมินา สมานาธิกรณานิ สพฺพปทานิ โยเชตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ…เป… ปกาเสตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ อาห.
สุนฺทรนฺติ ภทฺทกํ. ภทฺทกตา จ ปสฺสนฺตสฺส หิตสุขาวหภาเวน เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘อตฺถาวหํ สุขาวห’’นฺติ. ตตฺถ อตฺถาวหนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถสํหิตหิตาวหํ. สุขาวหนฺติ ยถาวุตฺตติวิธสุขาวหํ. ตถานุรูปานนฺติ ตาทิสานํ. ยาทิเสหิ ปน คุเณหิ ภควา ¶ สมนฺนาคโต, เตหิ จตุปฺปมาณิกสฺส โลกสฺส สพฺพถาปิ อจฺจนฺตปฺปสาทนีโย เตสํ ยถาภูตสภาวตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถารูโป’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยถาภูต…เป… อรหตนฺติ อิมินา ธมฺมปฺปมาณลูขปฺปมาณานํ สตฺตานํ ภควโต ปสาทาวหตา ทสฺสิตา, อิตเรน อิตเรสํ. ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตีติ เอตฺถ โกสิยวตฺถุ กเถตพฺพํ. อุภโตปกฺขิกาติ มิจฺฉาทิฏฺิสมฺมาทิฏฺิวเสน อุภยปกฺขิกา. เกราฏิกาติ สา.
อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ ยาวฺจิทนฺติ นิปาตสมุทาโย อธิมตฺตปฺปมาณปริจฺเฉทํ ทีเปตีติ อาห ‘‘อธิมตฺตปฺปมาณปริจฺเฉทวจนเมต’’นฺติ. อธิมตฺตวิปฺปสนฺนานีติ อธิกปฺปมาเณน วิปฺปสนฺนานิ. วิปฺปสนฺนานีติ จ ปกติอาการํ อติกฺกมิตฺวา วิปฺปสนฺนานีติ อตฺโถ. นนุ จ จกฺขาทีนํ อินฺทฺริยานํ มโนวิฺเยฺยตฺตา กถํ เตน เตสํ วิปฺปสนฺนตา วิฺายตีติ อาห ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ. ตสฺสาติ พฺราหฺมณสฺส. เตสนฺติ จกฺขาทีนํ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ. เอวมฺปิ มนินฺทฺริเยน ปติฏฺิโตกาสสฺส อทิฏฺตฺตา กถํ มนินฺทฺริยสฺส วิปฺปสนฺนตา เตน วิฺายตีติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. นยคฺคาหปฺา เหสา ตสฺส พฺราหฺมณสฺส. มเน วิปฺปสนฺเนเยว โหติ ปสนฺนจิตฺตสมุฏฺิตรูปสมฺปทาหิ เอว จกฺขาทีนํ ปติฏฺิโตกาสสฺส ปสนฺนตาสมฺภวโต.
ชมฺโพนทสุวณฺณํ รตฺตวณฺณเมว โหตีติ อาห ‘‘สุรตฺตวณฺณสฺสา’’ติ. ชมฺโพนทสุวณฺณสฺส ฆฏิกาติ ชมฺโพนทสุวณฺณปิณฺฑํ. อิมินา เนกฺขนฺติ เนกฺขปฺปมาณชมฺโพนทสุวณฺเณน กตํ อกตภณฺฑํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. เนกฺขนฺติ วา อติเรกปฺจสุวณฺเณน กตปิลนฺธนํ กตภณฺฑํ วุตฺตํ. ตฺหิ ฆฏฺฏนมชฺชนกฺขมํ โหตีติ. สุวณฺณนฺติ จ ปฺจธรณสฺส ¶ สมฺา, ตสฺมา ปฺจวีสติธรณหิรฺวิจิตํ อาภรณํ อิธ เนกฺขนฺติ อธิปฺเปตํ. ชมฺโพนทนฺติ มหาชมฺพุสาขาย ปวตฺตนทิยํ นิพฺพตฺตํ. ตํ กิร รตนํ รตฺตํ. สุวณฺณากาเร มหาชมฺพุผลรเส วา ปถวิยํ ปวิฏฺเ สุวณฺณงฺกุรา อุฏฺหนฺติ, เตน สุวณฺเณน กตปิลนฺธนนฺติปิ อตฺโถ. สุปริกมฺมกตนฺติ สุฏฺุ กตปริกมฺมํ. สมฺปหฏฺนฺติ สมฺมา ปหฏฺํ ฆฏฺฏนาทิวเสน สุกตปริกมฺมํ. เตนาห ‘‘สุวณฺณการ…เป… สุปริมชฺชิตนฺติ อตฺโถ’’ติ.
วาฬรูปานีติ อาหริมานิ วาฬรูปานิ. ‘‘อกปฺปิยรูปากุโล อกปฺปิยมฺโจ ปลฺลงฺโกติ สารสมาเส. รตนจิตฺรนฺติ ภิตฺติจฺเฉทาทิวเสน รตนจิตฺรํ. รุกฺขตูลลตาตูลโปฏกิตูลานํ วเสน ติณฺณํ ตูลานํ. อุทฺทโลมิยํ เกจีติ สารสมาสาจริยา อุตฺตรวิหาริโน จ. ตถา เอกนฺตโลมิยํ. โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยนฺติ โกเสยฺยกสฏมยํ. อชินจมฺเมหีติ ¶ อชินมิคจมฺเมหิ. ตานิ กิร จมฺมานิ สุขุมตรานิ. ตสฺมา ทุปฏฺฏติปฏฺฏานิ กตฺวา สิพฺพนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อชินปฺปเวณี’’ติอาทิ.
นิกามลาภีติ ยถิจฺฉิตลาภี. เตนาห ‘‘อิจฺฉิติจฺฉิตลาภี’’ติ. วิปุลลาภีติ อุฬารลาภี. กสิรนฺติ หิ ปริตฺตํ วุจฺจติ, ตปฺปฏิกฺเขเปน อกสิรํ อุฬารํ. เตนาห ‘‘มหนฺตลาภี’’ติอาทิ.
ลทฺธา จ น กปฺปนฺตีติ สามฺเน ปฏิสิทฺธตฺตา สพฺพถา น กปฺปตีติ กสฺสจิ อาสงฺกา สิยา, ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘กิฺจิ กิฺจิ กปฺปตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํ. เอตฺถ จ ‘‘สุทฺธโกเสยฺยํ ปน วฏฺฏตี’’ติ วินเย (มหาว. อฏฺ. ๒๕๔) วุตฺตตฺตา อิธาปิ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕) ปน ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ น วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘เปตฺวา ตูลิก’’นฺติ เอเตน รตนสิพฺพนรหิตาปี ตูลิกา น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. วจนโตติ เอเตน วินเย (จูฬว. ๒๙๗) วุตฺตภาวํ ทสฺเสติ. เอเกน วิธาเนนาติ ยถาวุตฺตเมว วิธานํ สนฺธาย วทติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ภควตา ‘‘ลทฺธา จ น กปฺปนฺตี’’ติ สามฺเน ปฏิเสโธ กโตติ อาห ‘‘อกปฺปิยํ ปน อุปาทายา’’ติอาทิ.
ปลฺลงฺกนฺติ เอตฺถ ปริ-สทฺโท สมนฺตโตติ เอตสฺมึ อตฺเถ วตฺตติ, ตสฺมา วามูรุํ ทกฺขิณูรฺุจ สมํ เปตฺวา อุโภ ปาเท อฺมฺสมฺพนฺเธ กตฺวา ¶ นิสชฺชา ปลฺลงฺกนฺติ อาห ‘‘สมนฺตโต อูรุพทฺธาสน’’นฺติ. อูรูนํ พนฺธนวเสน นิสชฺชา. ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาติ จ ยถา ปลฺลงฺกวเสน นิสชฺชา โหติ, เอวํ อุโภ ปาเท อาภุเช สมิฺชิเต กตฺวาติ อตฺโถ. ตํ ปน อุภินฺนํ ปาทานํ ตถา สมฺพนฺธตากรณนฺติ อาห ‘‘พนฺธิตฺวา’’ติ. อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อุปริมํ สรีรํ อุชุกํ เปตฺวา อฏฺารส ปิฏฺิกณฺฏเก โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาเทตฺวา. เอวฺหิ นิสินฺนสฺส จมฺมมํสนฺหารูนิ น ปณมนฺติ. อถสฺส ยา เตสํ ปณมนปจฺจยา ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตา น อุปฺปชฺชนฺติ. ตาสุ อนุปฺปชฺชมานาสุ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฏฺานํ น ปริปตติ, วุทฺธึ ผาตึ คจฺฉติ. เตนาห ‘‘อฏฺารส ปิฏฺิกณฺฏเก’’ติอาทิ. อุชุํ กายํ เปตฺวาติ อุปริมํ กายํ อุชุกํ เปตฺวา, อยเมว วา ปาโ. เหฏฺิมกายสฺส หิ อนุชุกฏฺปนํ นิสชฺชาวจเนเนว โพธิตนฺติ. อุชุํ กายนฺติ เอตฺถ กาย-สทฺโท อุปริมกายวิสโย.
ปริมุขนฺติ ¶ เอตฺถ ปริ-สทฺโท อภิสทฺเทน สมานตฺโถติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานาภิมุข’’นฺติ, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺานํเยว ปุรกฺขตฺวาติ อตฺโถ. เอตฺถ ยถา ‘‘วนนฺตฺเว ปวิสามี’’ติอาทินา ภาวนานุรูปํ เสนาสนํ ทสฺสิตํ, เอวํ ‘‘นิสีทามี’’ติ อิมินา อลีนานุทฺธจฺจปกฺขิโย สนฺโต อิริยาปโถ ทสฺสิโต, ‘‘ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา’’ติ อิมินา นิสชฺชาย ทฬฺหภาโว, ‘‘ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ อิมินา อารมฺมณปริคฺคหูปาโย. ปริคฺคหิตนิยฺยานนฺติ สพฺพถา คหิตาสมฺโมสํ ปริจฺจตฺตสมฺโมสํ สตึ กตฺวา, ปรมสติเนปกฺกํ อุปฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ. ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ ‘‘ปริณายิกา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖.๒๐) วิย. มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ ‘‘สฺุตวิโมกฺข’’นฺติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๒๐๙-๒๑๐) วิย. ปฏิปกฺขโต นิคฺคมนฏฺโ หิ นิยฺยานฏฺโ.
จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ ทิพฺพภาวาวหตฺตา ทิพฺพวิหารา นาม โหนฺตีติ ตทาสนฺนปฺปวตฺตจงฺกโมปิ ตทุปจารโต ทิพฺโพ นาม โหตีติ อาห ‘‘จตฺตาริ หิ รูปชฺฌานานี’’ติอาทิ. สมาปชฺชิตฺวา จงฺกมนฺตสฺสาติ อิทฺจ จงฺกมนฺตสฺส อนฺตรนฺตรา สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺายุฏฺาย จงฺกมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา อวุฏฺิเตน สกฺกา จงฺกมิตุํ. สมาปตฺติโต วุฏฺาย จงฺกมนฺตสฺสปิ จงฺกโมติ อิทํ ปน สมาปตฺติโต วุฏฺหิตฺวา อนฺตรนฺตรา สมาปชฺชิตฺวา จงฺกมนฺตสฺส วเสน วุตฺตํ. ทฺวีสุ วิหาเรสูติ ¶ พฺรหฺมวิหาเร, อริยวิหาเร จ. เมตฺตาฌานาทโย หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺติยา พฺรหฺมภูตา เสฏฺภูตา วิหาราติ พฺรหฺมวิหารา. อนฺสาธารณตฺตา ปน อริยานํ วิหาราติ อริยวิหารา, จตสฺโสปิ ผลสมาปตฺติโย. อิธ ปน อรหตฺตผลสมาปตฺติเยว อาคตา.
ปจฺจเวกฺขณาย ผลสมาปตฺติ กถิตา สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺิตสฺส ปจฺจเวกฺขณาสมฺภวโต. จงฺกมาทโยติ ผลสมาปตฺตึ สมาปนฺนสฺสปิ สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺสปิ จงฺกมฏฺานนิสชฺชาทโย. อริยจงฺกมาทโย โหนฺติ น ปน ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาติ อธิปฺปาโย.
เวนาคปุรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สรภสุตฺตวณฺณนา
๖๕. จตุตฺเถ คิชฺฌา เอตฺถ สนฺตีติ คิชฺฌํ, กูฏํ. ตํ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฏ. คิชฺโฌ วิยาติ วา คิชฺฌํ, กูฏํ. ตํ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฏ, ปพฺพโต. ตสฺมึ คิชฺฌกูเฏ. เตนาห ‘‘คิชฺฌา ¶ วา’’ติอาทิ. อจิรปกฺกนฺโตติ เอตฺถ น เทสนฺตรปกฺกมนํ อธิปฺเปตํ, อถ โข สาสนปกฺกมนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา’’ติอาทิมาห, เตเนว หิ ‘‘อิมสฺสา ธมฺมวินยา’’ติ วุตฺตํ. ลพฺภตีติ ลาโภ, จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตํ อธิวจนํ. สกฺกจฺจํ กาตพฺโพ ทาตพฺโพติ สกฺกาโร. ปจฺจยา เอว หิ ปณีตปณีตา สุนฺทรสุนฺทรา อภิสงฺขริตฺวา กตา สกฺการาติ วุจฺจนฺติ. สกฺกาโรติ วา สุนฺทรกาโร, ปเรหิ อตฺตโน คารวกิริยา ปุปฺผาทีหิ วา ปูชา. ลาโภ จ สกฺกาโร จ ลาภสกฺการา, เต นฏฺา ปหีนา เอเตสนฺติ นฏฺลาภสกฺการา.
มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชีติ ตทา กิร ภควโต มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ ยถา ตํ จตฺตาโร อสงฺเขยฺเย ปูริตทานปารมิสฺจยสฺส. สพฺพทิสาสุ หิ ยมกมหาเมโฆ วุฏฺหิตฺวา มโหโฆ วิย สพฺพปารมิโย ‘‘เอกสฺมึ อตฺตภาเว วิปากํ ทสฺสามา’’ติ สมฺปิณฺฑิตา วิย ลาภสกฺการมโหฆํ นิพฺพตฺตยึสุ. ตโต ตโต อนฺนปานยานวตฺถมาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย อาคนฺตฺวา ‘‘กหํ พุทฺโธ ¶ , กหํ ภควา, กหํ เทวเทโว นราสโภ ปุริสสีโห’’ติ ภควนฺตํ ปริเยสนฺติ, สกฏสเตหิปิ ปจฺจเย อาหริตฺวา โอกาสํ อลภมานา สมนฺตา คาวุตปฺปมาณมฺปิ สกฏธุเรน สกฏธุรํ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ เจว อนุพนฺธนฺติ จ อนฺธกวินฺทพฺราหฺมโณ วิย. ยถา จ ภควโต, เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสปิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, ภิกฺขุสงฺโฆปิ สกฺกโต โหติ…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ (อุทา. ๓๘).
ตถา –
‘‘ยาวตา โข ปน, จุนฺท, เอตรหิ สงฺโฆ วา คโณ วา โลเก อุปฺปนฺโน, นาหํ, จุนฺท, อฺํ เอกํ สงฺฆมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํ ยถริวายํ, จุนฺท, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๗๖).
สฺวายํ ภควโต จ สงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺโน ลาภสกฺกาโร เอกโต หุตฺวา ทฺวินฺนํ มหานทีนํ อุทกํ วิย อปฺปเมยฺโย อโหสิ, ภควโต ปน ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺโน ลาภสกฺกาโร ธมฺมสฺสปิ ¶ อุปฺปนฺโนเยว. ธมฺมธรานฺหิ กโต สกฺกาโร ธมฺมสฺส กโต นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ติณฺณํ รตนานํ มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชี’’ติ.
วุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา นิทสฺเสนฺโต ‘‘ยถาหา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สกฺกโตติ สกฺการปฺปตฺโต. ยสฺส หิ จตฺตาโร ปจฺจเย สกฺกตฺวา สุอภิสงฺขเต ปณีตปณีเต อุปเนติ, โส สกฺกโต. ครุกโตติ ครุภาวเหตูนํ อุตฺตมคุณานํ มตฺถกปฺปตฺติยา อนฺสาธารเณน ครุกาเรน สพฺพเทวมนุสฺเสหิ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกโต. ยสฺมิฺหิ ครุภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ปจฺจเย เทนฺติ, โส ครุกโต. มานิโตติ สมฺมาปฏิปตฺติยา มานิโต มเนน ปิยายิโต. ตาย หิ วิฺูนํ มนาปตา. ปูชิโตติ มานนาทิปูชาย เจว จตุปจฺจยปูชาย จ ปูชิโต. ยสฺส หิ สพฺพเมตํ ปูชนฺจ กโรนฺติ, โส ปูชิโต. อปจิโตติ นีจวุตฺติกรเณน อปจิโต. สตฺถารฺหิ ทิสฺวา มนุสฺสา หตฺถิกฺขนฺธาทีหิ โอตรนฺติ, มคฺคํ เทนฺติ, อํสกูฏโต สาฏกํ อปเนนฺติ. อาสนโต ¶ วุฏฺหนฺติ, วนฺทนฺตีติ เอวํ โส เตหิ อปจิโต นาม โหติ.
อวณฺณํ ปตฺถริตฺวาติ อวณฺณํ ตตฺถ ตตฺถ สํกิตฺตนวเสน ปตฺถริตฺวา. อาวฏฺฏนิมายนฺติ อาวฏฺเฏตฺวา คหณมายํ. อาวฏฺเฏติ ปุริมาการโต นิวตฺเตติ อตฺตโน วเส วตฺเตติ เอตายาติ อาวฏฺฏนี, มายา, ตํ อาวฏฺฏนิมายํ โอสาเรตฺวา ปริชปฺเปตฺวาติ อตฺโถ. โกฏิโต ปฏฺายาติ อนฺติมโกฏิโต ปฏฺาย. ถทฺธกาเยน ผรุสวาจาย ติณฺณํ รตนานํ อวณฺณกถนํ อนตฺถาวหตฺตา วิสสิฺจนสทิสา โหตีติ อาห ‘‘วิสํ สิฺจิตฺวา’’ติ. อฺาโตติ อาาโต. เตนาห ‘‘าโต’’ติอาทิ.
กายงฺคนฺติ กายเมว องฺคํ, กายสฺส วา องฺคํ, สีสาทิ. วาจงฺคนฺติ ‘‘โหตุ, สาธู’’ติ เอวมาทิวาจาย อวยวํ. เอกเกนาติ อสหาเยน. อิมสฺส ปนตฺถสฺสาติ ‘‘จริยํ จรณกาเล’’ติอาทินา วุตฺตสฺส. ยโต ยโต ครุ ธุรนฺติ ยสฺมึ ยสฺมึ าเน ธุรํ ครุ ภาริกํ โหติ, อฺเ พลิพทฺทา อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกนฺติ. ยโต คมฺภีรวตฺตนีติ วตฺตนฺติ เอตฺถาติ วตฺตนี, ทุมฺมคฺคสฺเสตํ นามํ, ยสฺมึ าเน อุทกจิกฺขลฺลมหนฺตตาย วา วิสมจฺฉินฺนตฏภาเวน วา มคฺโค คมฺภีโร โหตีติ อตฺโถ. ตทาสฺสุ กณฺหํ ยฺุเชนฺตีติ อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ, ตทา กณฺหํ ยฺุเชนฺตีติ อตฺโถ. ยทา ธุรฺจ ครุ โหติ มคฺโค จ คมฺภีโร, ตทา อฺเ พลิพทฺเท อปเนตฺวา กณฺหเมว ยฺุเชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. สฺวาสฺสุ ตํ วหเต ธุรนฺติ เอตฺถปิ อสฺสูติ นิปาตมตฺตเมว, โส ตํ ธุรํ วหตีติ อตฺโถ.
เคหเวตนนฺติ ¶ เคเห นิวุฏฺภาวเหตุ ทาตพฺพํ. กาฬโก นาม นาเมนาติ อฺชนวณฺโณ กิเรส, เตนสฺส ‘‘กาฬโก’’ติ นามํ อกํสุ. กาฬกํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหาติ กาฬโก กิร เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ มาตา ทุคฺคตา มํ ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ทุกฺเขน โปเสติ, ยํนูนาหํ ภตึ กตฺวา อิมํ ทุคฺคตภาวโต โมเจยฺย’’นฺติ. โส ตโต ปฏฺาย ภตึ อุปธาเรนฺโต วิจรติ. อถ ตสฺมึ ทิวเส คามโครูเปหิ สทฺธึ ตตฺถ สมีเป จรติ. สตฺถวาหปุตฺโตปิ โคสุตฺตวิตฺตโก, โส ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ คุนฺนํ อนฺตเร สกฏานิ อุตฺตาเรตุํ สมตฺโถ ¶ อุสภาชานีโย’’ติ อุปธารยมาโน โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อาชานีโย สกฺขิสฺสติ มยฺหํ สกฏานิ อุตฺตาเรตุ’’นฺติ อฺาสิ. เตน ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห. โส อฺเสํ…เป… เคหเมว อคมาสีติ ตทา กิร คามทารกา ‘‘กึ นาเมตํ กาฬกสฺส คเล’’ติ ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติ. โส เต อนุพนฺธิตฺวา ทูรโตว ปลาเปนฺโต มาตุ สนฺติกํ คโต. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
สายนฺหสมยนฺติ สายนฺหกาเล. ภุมฺมตฺเถ เอตํ อุปโยควจนํ. น เหตฺถ อจฺจนฺตสํโยโค สมฺภวติ. ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ เอตฺถ เตหิ เตหิ สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกอุปาสกอุปาสิกาทิสตฺเตหิ เจว รูปารมฺมณาทิสงฺขาเรหิ จ ปฏินิวตฺเตตฺวา อปสกฺกิตฺวา นิลียนํ วิเวจนํ กายจิตฺเตหิ ตโต วิวิตฺตตาย ปฏิสลฺลานํ กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก จ. โย ตโต ทุวิธวิเวกโต วุฏฺิโต ภวงฺคปฺปตฺติยา สพฺรหฺมจารีหิ สมาคเมน จ อเปโต. โส ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต นาม โหติ. อยํ ปน ยสฺมา ปฏิสลฺลานานํ อุตฺตมโต ผลสมาปตฺติโต วุฏฺาสิ, ตสฺมา ‘‘ผลสมาปตฺติโต’’ติ วุตฺตํ. กายสกฺขิโน ภวิสฺสามาติ นามกาเยน เทสนาสมฺปฏิจฺฉนวเสน สกฺขิภูตา ภวิสฺสาม. นนุ จ ‘‘ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตํ. ติตฺถิยา หิ ภควโต ปฏิปกฺขา, เต กสฺมา ตสฺส อาสนํ ปฺาเปนฺตีติ อาห ‘‘ตถาคโต หี’’ติอาทิ.
วิคฺคาหิกกถนฺติ วิคฺคาหสํวตฺตนิกํ สารมฺภกถํ. อายาเจยฺยาสีติ วจีเภทํ กตฺวา ยาเจยฺยาสิ. ปตฺเถยฺยาสีติ มนสา อาสีเสยฺยาสิ. ปิเหยฺยาสีติ ตสฺเสว เววจนํ. นิตฺเตชตํ อาปนฺโนติ เตชหานิยา นิตฺเตชภาวํ อาปนฺโน, นิตฺเตชภูโตติ อตฺโถ. ตโต เอว ภิกฺขุอาทโยปิ สมฺมุขา โอโลเกตุํ อสมตฺถตาย ปตฺตกฺขนฺโธ, ปติตกฺขนฺโธติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โอนตคีโว’’ติ. ทสฺสิตธมฺเมสูติ วุตฺตธมฺเมสุ. วจนมตฺตเมว หิ เตสํ, น ปน ทสฺสนํ ตาทิสสฺเสว ธมฺมสฺส อภาวโต. ภควโต เอว วา ‘‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ ปรสฺส วจนวเสน ทสฺสิตธมฺเมสุ. ปฏิจริสฺสตีติ ปฏิจฺฉาทนวเส จริสฺสติ ปวตฺติสฺสติ, ปฏิจฺฉาทนตฺโถ ¶ เอว วา จรติ-สทฺโท อเนกตฺถตฺตา ธาตูนนฺติ อาห ‘‘ปฏิจฺฉาเทสฺสตี’’ติ. อฺเน ¶ วา อฺนฺติ ปน ปฏิจฺฉาทนาการทสฺสนนฺติ อาห ‘‘อฺเน วา วจเนนา’’ติอาทิ.
ตตฺถ อฺํ วจนนฺติ ยํ สมนุยฺุชนฺเตน ภควตา ปรสฺส โทสวิภาวนํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ ตโต อฺเเนว วจเนน ปฏิจฺฉาเทติ. ‘‘อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ โจทเกน วุตฺตวจนํ วิย ‘‘โก อาปนฺโน, กึ อาปนฺโน, กิสฺมึ อาปนฺโน, กํ ภณถ, กึ ภณถา’’ติอาทิวจเนน อฺํ อาคนฺตุกกถํ อาหรนฺโต ‘‘ตฺวํ อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ปาฏลิปุตฺตํ คโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘น ตว ปาฏลิปุตฺตคมนํ ปุจฺฉาม, อาปตฺตึ ปุจฺฉามา’’ติ วุตฺเต ตโต ราชคหํ คโตมฺหิ. ราชคหํ วา ยาหิ พฺราหฺมณเคหํ วา, อาปตฺตึ อาปนฺโนสีติ. ‘‘ตตฺถ เม สูกรมํสํ ลทฺธ’’นฺติอาทีนิ วทนฺโต วิย สมนุยฺุชเกน วุตฺตวจนโต อฺํ อาคนฺตุกกถํ อาหรนฺโต อปนาเมสฺสติ, วิกฺเขปํ คมยิสฺสติ. อปฺปตีตา โหนฺติ เตน อตุฏฺา อโสมนสฺสิกาติ อปจฺจโย, โทมนสฺเสตํ อธิวจนํ. เนว อตฺตโน, น ปเรสํ หิตํ อภิราธยตีติ อนภิรทฺธิ, โทมนสฺสเมว. เตเนวาห ‘‘อปจฺจเยน โทมนสฺสํ วุตฺต’’นฺติ.
ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโตติ เอตฺถ ธมฺม-สทฺเทน จตุสจฺจธมฺโม วุตฺโตติ อาห ‘‘ยสฺส มคฺคสฺส วา ผลสฺส วา อตฺถายา’’ติ. จตุสจฺจธมฺโม หิ มคฺคผลาธิคมตฺถาย เทสียติ. น นิคฺคจฺฉตีติ น ปวตฺเตติ. นนฺติ นํ ธมฺมํ. อิทานิ ‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต’’ติ เอตฺถ ธมฺม-สทฺเทน ปฏิปตฺติธมฺโม ทสฺสิโต, น ปน จตุสจฺจธมฺโมติ อธิปฺปาเยน อตฺถวิกปฺปํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ปฺจ ธมฺมาติ คมฺภีราณจริยภูตานํ ขนฺธาทีนํ อุคฺคหสวนธารณปริจยโยนิโสมนสิกาเร สนฺธายาห. ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ เอตฺถ สมฺมาสทฺโท อุภยตฺถาปิ โยเชตพฺโพ ‘‘สมฺมา ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติ. โย หิ สมฺมา ธมฺมํ ปฏิปชฺชติ, ตสฺเสว สมฺมา ทุกฺขกฺขโย โหตีติ. โย ปน วุตฺตนเยน ตกฺกโร, ตสฺส นิยฺยานํ อตฺถโต ธมฺมสฺเสว นิยฺยานนฺติ ตปฺปฏิกฺเขเปน ‘‘โส ธมฺโม…เป… น นิยฺยาติ น นิคฺคจฺฉตี’’ติ อาห.
ยทิ ติรจฺฉานสีหสฺส นาโท สพฺพติรจฺฉานเอกจฺจมนุสฺสามนุสฺสนาทโต เสฏฺตฺตา เสฏฺนาโท, กิมงฺคํ ปน ตถาคตสีหสฺส นาโทติ ¶ อาห ‘‘สีหนาทนฺติ เสฏฺนาท’’นฺติ. ยทิ วา ติรจฺฉานสีหนาทสฺส เสฏฺนาทตา นิพฺภยตาย อปฺปฏิสตฺตุตาย อิจฺฉิตา, ตถาคตสีหนาทสฺเสว อยมตฺโถ สาติสโยติ อาห ‘‘อภีตนาทํ อปฺปฏินาท’’นฺติ. ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๒๙; อ. นิ. ๑.๒๖๘-๒๗๑) หิ โย อตฺโถ วุตฺโต, ตสฺส ภูตตาย ¶ อยํ นาโท เสฏฺนาโท นาม โหติ อุตฺตมนาโท. ภูตตฺโถ หิ อุตฺตมตฺโถติ. อิมมตฺถํ ปน วทนฺตสฺส ภควโต อฺโต ภยํ วา อาสงฺกา วา นตฺถีติ อภีตนาโท นาม โหติ. อภูตฺหิ วทโต กุโตจิ ภยํ วา อาสงฺกา วา สิยา, เอวํ ปน วทนฺตํ ภควนฺตํ โกจิ อุฏฺหิตฺวา ปฏิพาหิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถีติ อยํ นาโท อปฺปฏินาโท นาม โหติ.
สมนฺตโต นิคฺคณฺหนวเสน โตทนํ วิชฺฌนํ สนฺนิโตทกํ, สมฺมา วา นิตุทนฺติ ปีเฬนฺติ เอเตนาติ สนฺนิโตทกํ. วาจายาติ จ ปจฺจตฺเต กรณวจนํ. เตนาห ‘‘วจนปโตเทนา’’ติ. สฺชมฺภริมกํสูติ สมนฺตโต สมฺภริตํ อกํสุ, สพฺเพ ปริพฺพาชกา วาจาโตทเนหิ ตุทึสูติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สมฺภริตํ…เป… วิชฺฌึสู’’ติ. สิงฺคาลกํเยวาติ สิงฺคาลเมว, ‘‘เสคาลกํเยวา’’ติปิ ปาโ. ตสฺเสวาติ สิงฺคาลรวสฺเสว. อถ วา เภรณฺฑกํเยวาติ เภทณฺฑสกุณิสทิสํเยวาติ อตฺโถ. เภทณฺฑํ นาม เอโก ปกฺขี ทฺวิมุโข, ตสฺส กิร สทฺโท อติวิย วิรูโป อมนาโป. เตนาห ‘‘อปิจ ภินฺนสฺสรํ อมนาปสทฺทํ นทตี’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
สรภสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. เกสมุตฺติสุตฺตวณฺณนา
๖๖. ปฺจเม เกสมุตฺตํ นิวาโส เอเตสนฺติ เกสมุตฺติยาติ อาห ‘‘เกสมุตฺตนิคมวาสิโน’’ติ. อฏฺวิธปานกานีติ อมฺพปานาทิอฏฺวิธานิ ปานานิ.
‘‘มา อนุสฺสเวนา’’ติอาทีสุ ปน เอโก ทหรกาลโต ปฏฺาย เอวํ อนุสฺสโว อตฺถิ, เอวํ จิรกาลกตาย อนุสฺสุติยา ลพฺภมานํ กถมิทํ ¶ อฺถา สิยา, ตสฺมา ภูตเมตนฺติ อนุสฺสเวน คณฺหาติ, ตถา คหณํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘มา อนุสฺสเวนา’’ติ อาห. อนุ อนุ สวนํ อนุสฺสโว. อปโร ‘‘อมฺหากํ ปิตุปิตามหาทิวุทฺธานํ อุปเทสปรมฺปราย อิทมาภตํ, เอวํ ปรมฺปราภตกถํ นาม น อฺถา สิยา, ตสฺมา ภูตเมต’’นฺติ คณฺหาติ, ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘มา ปรมฺปรายา’’ติ อาห. เอโก เกนจิ กิสฺมิฺจิ วุตฺตมตฺเต ‘‘เอวํ กิร เอต’’นฺติ คณฺหาติ, ตํ นิเสเธนฺโต ‘‘มา อิติกิรายา’’ติ อาห. ปิฏกํ คนฺโถ สมฺปทียติ เอตสฺสาติ ปิฏกสมฺปทานํ, คนฺถสฺส อุคฺคณฺหนโก. เตน ปิฏกอุคฺคณฺหนกภาเวน เอกจฺโจ ตาทิสํ คนฺถํ ปคุณํ กตฺวา เตน ตํ สเมนฺตํ สเมติ, ตสฺมา ‘‘ภูตเมต’’นฺติ คณฺหาติ, ตํ สนฺธาเยส ปฏิกฺเขโป ‘‘มา ปิฏกสมฺปทาเนนา’’ติ, อตฺตโน อุคฺคหคนฺถสมฺปตฺติยา มา คณฺหิตฺถาติ วุตฺตํ โหติ. สเมตนฺติ สํคตํ.
โกจิ ¶ กฺจิ วิตกฺเกนฺโต ‘‘เอวเมว เตน ภวิตพฺพ’’นฺติ เกวลํ อตฺตโน สงฺกปฺปวเสน ‘‘ภูตมิท’’นฺติ คณฺหาติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘มา ตกฺกเหตู’’ติ. อฺโ ‘‘อิมาย ยุตฺติยา ภูตมิท’’นฺติ เกวลํ อนุมานโต นยคฺคาเหน คณฺหาติ, ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘มา นยเหตู’’ติ อาห. กสฺสจิ ‘‘เอวเมตํ สิยา’’ติ ปริกปฺเปนฺตสฺส เอกํ การณํ อุปฏฺาติ, โส ‘‘อตฺเถต’’นฺติ อตฺตโน ปริกปฺปิตากาเรน คณฺหาติ, ตํ ปฏิเสเธนฺโต ‘‘มา อาการปริวิตกฺเกนา’’ติ อาห. อปรสฺส จินฺตยโต ยถาปริกปฺปิตํ กฺจิ อตฺถํ ‘‘เอวเมตํ น อฺถา’’ติ อภินิวิสนฺตสฺส เอกา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ. ยา ยสฺส ตํ การณํ นิชฺฌายนฺตสฺส ปจฺจกฺขํ วิย นิรูเปตฺวา จินฺเตนฺตสฺส ขมติ. โส ‘‘อตฺเถต’’นฺติ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา คณฺหาติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘มา ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา’’ติ.
อกุสลเวรสฺสาติ ปาณาติปาตาทิปฺจวิธํ เวรํ สนฺธาย วทติ. โกโธ นาม เจตโส ทุกฺขนฺติ อาห ‘‘โกธจิตฺตสฺส อภาเวนา’’ติ. กิเลสสฺสาติ จิตฺตํ วิพาเธนฺตสฺส อุปตาเปนฺตสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจาทิกิเลสสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
เกสมุตฺติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สาฬฺหสุตฺตวณฺณนา
๖๗. ฉฏฺเ ¶ ปาโต อสิตพฺพโภชนํ ปาตราสํ, ภุตฺตํ ปาตราสํ เอเตสนฺติ ภุตฺตปาตราสา. ทาสา นาม อนฺโตชาตา วา ธนกฺกีตา วา กรมรานีตา วา สยํ วา ทาสพฺยํ อุปคตา. ภตฺตเวตนภตา กมฺมการา นาม.
นิจฺฉาโตติ เอตฺถ ฉาตํ วุจฺจติ ตณฺหา ชิฆจฺฉาเหตุตาย, สา อสฺส นตฺถีติ นิจฺฉาโต. เตนาห ‘‘นิตฺตณฺโห’’ติ. อพฺภนฺตเร สนฺตาปกรานํ กิเลสานนฺติ อตฺตโน สนฺตาเน ทรถปริฬาหชนเนน สนฺตาปนกิเลสานํ. อนฺโตตาปนกิเลสานํ อภาวา สีโต สีตโล ภูโต ชาโตติ สีติภูโต. เตนาห ‘‘สีตลีภูโต’’ติ. มคฺคผลนิพฺพานสุขานิ วา ปฏิสํเวเทตีติ สุขปฺปฏิสํเวที. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
สาฬฺหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. กถาวตฺถุสุตฺตวณฺณนา
๖๘. สตฺตเม ¶ กถาวตฺถูนีติ กถาย ปวตฺติฏฺานานิ. ยสฺมา เตหิ วินา กถา น ปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘กถาการณานี’’ติ วุตฺตํ. อตติ สตติ สตตํ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อทฺธา, กาโลติ อาห ‘‘อตีตมทฺธานํ นาม กาโลปิ วตฺตตี’’ติ. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย หิ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ กาโล ตสฺเสว ธมฺมสฺส ปวตฺติอวตฺถาวิเสสํ อุปาทาย เตเนว โวหาเรน อตีโตติอาทินา โวหรียติ, อตีตาทิเภโท จ นามายํ นิปฺปริยายโต ธมฺมานํเยว โหติ, น กาลสฺสาติ อาห ‘‘ขนฺธาปิ วตฺตนฺตี’’ติ. ยถาวุตฺตมตฺถํ อิตเรสุ ทฺวีสุ อติทิสติ ‘‘อนาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุปิ เอเสว นโย’’ติ. อตีตมทฺธานนฺติอาทีสุ จ ทฺเว ปริยายา สุตฺตนฺตปริยาโย, อภิธมฺมปริยาโย จ. สุตฺตนฺตปริยาเยน ปฏิสนฺธิโต ปุพฺเพ อตีโต อทฺธา นาม, จุติโต ปจฺฉา อนาคโต อทฺธา นาม, สห จุติปฏิสนฺธีติ ตทนฺตรํ ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา นาม. อภิธมฺมปริยาเยน ตีสุ ขเณสุ อุปฺปาทโต ปุพฺเพ อตีโต อทฺธา นาม, อุปฺปาทโต อุทฺธํ อนาคโต อทฺธา ¶ นาม, ขณตฺตยํ ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา นาม. ตตฺถายํ สุตฺตนฺตเทสนาติ สุตฺตนฺตปริยาเยเนว อตีตาทิวิสยํ กถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อตีเต กสฺสโป นามา’’ติอาทิมาห.
เอกํเสเนว พฺยากาตพฺโพ วิสฺสชฺเชตพฺโพติ เอกํสพฺยากรณีโย. ‘‘จกฺขุ อนิจฺจ’’นฺติ ปฺเห อุตฺตรปทาวธารณํ สนฺธาย ‘‘เอกํเสเนว พฺยากาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ นิจฺจตาย เลสสฺสปิ ตตฺถ อภาวโต, ปุริมปทาวธารเณ ปน วิภชฺชพฺยากรณียตาย. เตนาห ‘‘อนิจฺจํ นาม จกฺขูติ ปุฏฺเน ปนา’’ติอาทิ. จกฺขุโสเต วิเสสตฺถสามฺตฺถานํ อสาธารณภาวโต ทฺวินฺนํ เตสํ สทิสโจทนา ปฏิจฺฉนฺนมุเขเนว พฺยากรณียา ปฏิกฺเขปวเสน อนฺุาตวเสน จ วิสฺสชฺชิตพฺพโตติ อาห ‘‘ยถา จกฺขุ, ตถา โสตํ…เป… อยํ ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปฺโห’’ติ. ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ชีวสรีรานํ อนฺตาปฺเห ยสฺส เยน อนฺตา โจทิตา, โส เอว ปรมตฺถโต นุปลพฺภตีติ จ ฌานตฺตยสฺส เมตฺเตยฺยตากิตฺตนสทิโสติ อพฺยากาตพฺพตาย ปนีโย วุตฺโต. เอวรูโป หิ ปฺโห ติธา อวิสฺสชฺชนียตฺตา พฺยากรณํ อกตฺวา เปตพฺโพ.
ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, การณนฺติ อาห ‘‘การณาการเณ’’ติ. ยุตฺเตน การเณนาติ อนุรูเปน การเณน. ปโหตีติ นิคฺคณฺหิตุํ สมตฺโถ โหติ. สสฺสตวาทิภาวเมว ทีเปตีติ อตฺตนา คหิเต อุจฺเฉทวาเท โทสํ ทิสฺวา อตฺตโนปิ สสฺสตวาทิภาวเมว ¶ ทีเปติ. ปุคฺคลวาทิมฺหีติ อิมินา วจฺฉกุตฺติยวาทึ ทสฺเสติ. ปฺหํ ปุจฺฉนฺเตหิ ปฏิปชฺชิตพฺพา ปฏิปทา ปฺหปุจฺฉนกานํ วตฺตํ.
ปฏิจรตีติ ปฏิจฺฉาทนวเสน จรติ ปวตฺตติ. ปฏิจฺฉาทนตฺโถ เอว วา จรติสทฺโท อเนกตฺถตฺตา ธาตูนนฺติ อาห ‘‘ปฏิจฺฉาเทตี’’ติ. อฺเนฺนฺติ ปน ปฏิจฺฉาทนาการทสฺสนนฺติ อาห ‘‘อฺเน วจเนนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อฺเน วจเนนาติ ยํ โจทเกน จุทิตกสฺส โทสวิภาวนํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ ตโต อฺเน วจเนน ปฏิจฺฉาเทติ. โย หิ ‘‘อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ วุตฺเต ‘‘โก อาปนฺโน, กึ อาปนฺโน, กิสฺมึ อาปนฺโน, กํ ภณถ, กึ ภณถา’’ติ วทติ. ‘‘เอวรูปํ กิฺจิ ตยา ทิฏฺ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘น สุณามี’’ติ โสตํ วา อุปเนติ, อยํ อฺเนฺํ ปฏิจรติ นาม. ‘‘โก อาปนฺโน’’ติอาทินา หิ โจทนํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว วิกฺเขปาปชฺชนํ อฺเนฺํ ¶ ปฏิจรณํ, พหิทฺธา กถาปนามนํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ อยเมเตสํ วิเสโส. เตเนวาห ‘‘อาคนฺตุกกถํ โอตาเรนฺโต’’ติอาทิ. ตตฺถ อปนาเมตีติ วิกฺเขเปติ. ตตฺราติ ตสฺมึ พหิทฺธากถาย อปนามเน.
อุปนิสีทติ ผลํ เอตฺถาติ การณํ อุปนิสา, อุเปจฺจ นิสฺสยตีติ วา อุปนิสา, สห อุปนิสายาติ สอุปนิโสติ อาห ‘‘สอุปนิสฺสโย สปจฺจโย’’ติ.
โอหิตโสโตติ อนฺวิหิตตฺตา ธมฺมสฺสวนาย อปนามิตโสโต. ตโต เอว ตทตฺถํ ปิตโสโต. กุสลธมฺมนฺติ อริยมคฺโค อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อริยมคฺค’’นฺติ.
กถาวตฺถุสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อฺติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
๖๙. อฏฺเม ภควา มูลํ การณํ เอเตสํ ยาถาวโต อธิคมายาติ ภควํมูลกา. เตนาห ‘‘ภควนฺตฺหิ นิสฺสาย มยํ อิเม ธมฺเม อาชานาม ปฏิวิชฺฌามา’’ติ. อมฺหากํ ธมฺมาติ เตหิ อตฺตนา อธิคนฺตพฺพตาย วุตฺตํ. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพานฺหิ ยาถาวโต อธิคมฺาณานิ อธิคจฺฉนกสมฺพนฺธีนิ, ตานิ จ สมฺมาสมฺพุทฺธมูลกานิ อนฺวิสยตฺตา. เตนาห ‘‘ปุพฺเพ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺเธนา’’ติอาทิ. อิเม ธมฺมาติ อิเม าณธมฺมา. อาชานามาติ อภิมุขํ ปจฺจกฺขโต ชานาม. ปฏิวิชฺฌามาติ ตสฺเสว เววจนํ, อธิคจฺฉามาติ อตฺโถ. ภควา เนตา เอเตสนฺติ ¶ ภควํเนตฺติกา. เนตาติ เสวิตพฺพธมฺเม เวเนยฺยสนฺตานํ ปาเปตา. วิเนตาติ อเสวิตพฺพธมฺเม เวเนยฺยสนฺตานโต อปเนตา. ตทงฺควินยาทิวเสน วา วิเนตา. อถ วา ยถา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส โหติ, เอวํ วิเสสโต เนตา. อนุเนตาติ ‘‘อิเม ธมฺมา เสวิตพฺพา, อิเม น เสวิตพฺพา’’ติ อุภยสมฺปาปนาปนยนตฺถํ ปฺาเปตา. เตนาห ‘‘ยถาสภาวโต’’ติอาทิ.
ปฏิสรนฺติ ¶ เอตฺถาติ ปฏิสรณํ, ภควา ปฏิสรณํ เอเตสนฺติ ภควํปฏิสรณา. อาปาถํ อุปคจฺฉนฺตา หิ ภควา ปฏิสรณํ สโมสรณฏฺานํ. เตนาห ‘‘จตุภูมกธมฺมา’’ติอาทิ. ปฏิสรติ สภาวสมฺปฏิเวธวเสน ปจฺเจกํ อุปคจฺฉตีติ วา ปฏิสรณํ, ภควา ปฏิสรณํ เอเตสนฺติ ภควํปฏิสรณา. ปฏิสรติ ปฏิวิชฺฌตีติ วา ปฏิสรณํ, ตสฺมา ปฏิวิชฺฌนวเสน ภควา ปฏิสรณํ เอเตสนฺติ ภควํปฏิสรณา. เตนาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ. ปฏิเวธวเสนาติ ปฏิวิชฺฌิตพฺพตาวเสน. อสติปิ มุเข อตฺถโต เอวํ วทนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘ผสฺโส อาคจฺฉติ อหํ ภควา กินฺนาโม’’ติ. ผสฺโส าณสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺโตเยว หิ อตฺตโน ‘‘อหํ กินฺนาโม’’ติ นามํ ปุจฺฉนฺโต วิย, ภควา จสฺส นามํ กโรนฺโต วิย โหติ.
ปฏิภาตูติ เอตฺถ ปฏิสทฺทาเปกฺขาย ‘‘ภควนฺต’’นฺติ อุปโยควจนํ, อตฺโถ ปน สามิวจนวเสเนว เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภควโต’’ติ. ปฏิภาตูติ จ ภาโค โหตุ. ภควโต หิ เอส ภาโค, ยทิทํ ธมฺมสฺส เทสนา, อมฺหากํ ปน ภาโค สวนนฺติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ สทฺทลกฺขเณน สเมติ. เกจิ ปน ปฏิภาตูติ ปทสฺส ทิสฺสตูติ อตฺถํ วทนฺติ, าเณน ทิสฺสตุ, เทสียตูติ วา อตฺโถ. อุปฏฺาตูติ าณสฺส ปจฺจุปติฏฺตุ. ปาฬิยํ โก อธิปฺปยาโสติ เอตฺถ โก อธิกปฺปโยโคติ อตฺโถ.
โลกวชฺชวเสนาติ โลกิยชเนหิ ปกติยา ครหิตพฺพวชฺชวเสน. วิปากวชฺชวเสนาติ วิปากสฺส อปายสํวตฺตนิกวชฺชวเสน. กถนฺติอาทินา อุภยวชฺชวเสนปิ อปฺปสาวชฺชตาย วิสยํ ทสฺเสติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
อฺติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อกุสลมูลสุตฺตวณฺณนา
๗๐. นวเม ลุพฺภตีติ โลโภ. ทุสฺสตีติ โทโส. มุยฺหตีติ โมโห. โลภาทีนิ ปเนตานิ ¶ อสหชาตานํ ปาณาติปาตาทีนํ เกสฺจิ อกุสลานํ อุปนิสฺสยปจฺจยฏฺเน, สหชาตานํ อทินฺนาทานาทีนํ เกสฺจิ ¶ สมฺปยุตฺตา หุตฺวา อุปฺปาทกฏฺเน, สยฺจ อกุสลานีติ สาวชฺชทุกฺขวิปากฏฺเนาติ อาห ‘‘อกุสลานํ มูลานิ, อกุสลานิ จ ตานิ มูลานี’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘รตฺโต โข, อาวุโส, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนตี’’ติอาทิ. ยทปีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โยปิ, ภิกฺขเว, โลโภ’’ติ. ตทปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยติ อาห ‘‘โสปิ อกุสลมูล’’นฺติ. วินาปิ ลิงฺควิปลฺลาเสน อตฺถโยชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อกุสลมูลํ วา’’ติอาทิมาห. สพฺพตฺถาติ ‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, โทโส, ตทปิ อกุสลมูล’’นฺติอาทีสุ. อภิสงฺขโรตีติ เอตฺถ อายูหตีติ อตฺถํ วตฺวา ตฺจ อายูหนํ ปจฺจยสมวายสิทฺธิโต สมฺปิณฺฑนํ ราสิกรณํ วิย โหตีติ อาห ‘‘สมฺปิณฺเฑติ ราสึ กโรตี’’ติ.
ปาฬิยํ ‘‘วเธนา’’ติอาทีสุ วเธนาติ มารเณน วา โปถเนน วา. วธสทฺโท หิ หึสนตฺโถ วิเหนตฺโถ จ โหติ. พนฺธเนนาติ อทฺทุพนฺธนาทินา. ชานิยาติ ธนชานิยา, ‘‘สตํ คณฺหถ, สหสฺสํ คณฺหถา’’ติ เอวํ ปวตฺติตทณฺเฑนาติ อตฺโถ. ครหายาติ ปฺจสิขมุณฺฑกกรณํ, โคมยสิฺจนํ, คีวาย กุรณฺฑกพนฺธนนฺติ เอวมาทีนิ กตฺวา ครหปาปเนน. ตตฺถ ปฺจสิขมุณฺฑกกรณํ นาม กากปกฺขกรณํ. โคมยสิฺจนํ สีเสน กโณทกาวเสจนํ. กุรณฺฑกพนฺธนํ คทฺทุลพนฺธนํ.
กาลสฺมึ น วทตีติ ยุตฺตกาเล น วทติ, วตฺตพฺพกาลสฺส ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา อยุตฺตกาเล วตฺตา โหติ. อภูตวาทีติ ยํ นตฺถิ, ตสฺส วตฺตา. เตนาห ‘‘ภูตํ น วทตี’’ติ. อตฺถํ น วทตีติ การณํ น วทติ, อการณนิสฺสิตํ นิปฺผลํ วตฺตา โหติ. ธมฺมํ น วทตีติ สภาวํ น วทติ, อสภาวํ วตฺตา อยถาวาทีติ อตฺโถ. วินยํ น วทตีติ สํวรวินยํ น วทติ, น สํวรวินยปฺปฏิสํยุตฺตสฺส วตฺตา โหติ, อตฺตโน สุณนฺตสฺส จ น สํวรวินยาวหสฺส วตฺตาติ อตฺโถ.
อตจฺฉนฺติ อภูตตฺถํ. เตนาห ‘‘อิตรํ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. อถ วา อภูตนฺติ อสนฺตํ อวิชฺชมานํ. อตจฺฉนฺติ อตถาการํ.
ปฺุกมฺมโต เอติ อุปฺปชฺชตีติ อโย, วฑฺฒิ. ตปฺปฏิกฺเขเปน อนโย, อวฑฺฒีติ อาห ‘‘อนยํ อาปชฺชตีติ อวฑฺฒึ อาปชฺชตี’’ติ. มาลุวาสิปาฏิกา นาม ทีฆสณฺานํ มาลุวาปกฺกํ ¶ , มาลุวาผลโปฏฺลิกาติ อตฺโถ ¶ . ผลิตายาติ อาตเปน สุสฺสิตฺวา ภินฺนาย. วฏรุกฺขาทีนํ มูเลติ วฏรุกฺขาทีนํ สมีเป. สกภาเวน สณฺาตุํ น สกฺโกนฺตีติ กสฺมา น สกฺโกนฺติ? ภวนวินาสภยา. รุกฺขมูเล ปติตมาลุวาพีชโต หิ ลตา อุปฺปชฺชิตฺวา รุกฺขํ อภิรุหติ. สา มหาปตฺตา เจว พหุปตฺตา จ มหาโกลิรปตฺตสณฺาเนหิ ตโต จ มหนฺตตเรหิ สาขาวิฏปนฺตเรหิ ปตฺเตหิ สมนฺนาคตา. อถ นํ รุกฺขํ มูลโต ปฏฺาย วินนฺธมานา สพฺพวิฏปานิ สฺฉาเทตฺวา มหนฺตํ ภารํ ชเนตฺวา ติฏฺติ, สา วาเต วายนฺเต เทเว วา วสฺสนฺเต โอฆนเหฏฺาคตา โอลมฺพนเหตุภูตํ ฆนภาวํ ชเนตฺวา ตสฺส รุกฺขสฺส สพฺพสาขํ ภิชฺชติ, ภูมิยํ นิปาเตติ. ตโต ตสฺมึ รุกฺเข ปติฏฺิตวิมานํ ภิชฺชติ วินสฺสติ. อิติ ตา เทวตาโย ภวนวินาสภยา สกภาเวน สณฺาตุํ น สกฺโกนฺติ. เอตฺถ จ ยํ สาขฏฺกวิมานํ โหติ, ตํ สาขาสุ ภิชฺชมานาสุ ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชิตฺวา สพฺพสาขาสุ ภินฺนาสุ สพฺพํ ภิชฺชติ, รุกฺขฏฺกวิมานํ ปน ยาว รุกฺขสฺส มูลมตฺตมฺปิ ติฏฺติ, ตาว น นสฺสตีติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ตตฺถ ปลุชฺชิตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ ภิชฺชิตฺวา. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
อกุสลมูลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา
๗๑. ทสเม ตทหูติ เอตฺถ ตสฺมึ อหนีติ อตฺโถติ อาห ‘‘ตสฺมึ อหุ อุโปสเถ’’ติ. อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, อุโปสถทิวโส. อุปวสนฺตีติ จ สีเลน วา อนสเนน วา ขีรสายนาทิวิธินา วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. อุโปสถทิวเส หิ สาสนิกา สีเลน, พาหิรกา สพฺพโส อาหารสฺส อภฺุชเนน ขีรสายนมธุสายนาทิวิธินา วา อุเปตา หุตฺวา วิหรนฺติ. โส ปเนส อุโปสถทิวโส อฏฺมิจาตุทฺทสิปนฺนรสิเภเทน ติวิโธ, ตสฺมา เสสทฺวยนิวารณตฺถํ ‘‘ปนฺนรสิกอุโปสถทิวเส’’ติ วุตฺตํ. ววสฺสคฺคตฺเถติ วจสายตฺเถ. ทิวสทฺโท ทิวาสทฺโท วิย ทิวสปริยาโย, ตสฺส วิเสสนภาเวน วุจฺจมาโน ทิวาสทฺโท สวิเสเสน ทีเปตีติ อาห ‘‘ทิวสสฺส ทิวา ¶ , มชฺฌนฺหิเก กาเลติ อตฺโถ’’ติ. ปฏิจฺฉาเปตฺวาติ สมฺปฏิจฺฉนํ กาเรตฺวา. วิปากผเลนาติ สทิสผเลน. น มหปฺผโล โหติ มโนทุจฺจริตทุสฺสีลฺเยน อุปกฺกิลิฏฺภาวโต. วิปากานิสํเสนาติ อุทฺรยผเลน. วิปาโกภาเสนาติ ปฏิปกฺขวิคมชนิเตน สภาวสงฺขาเตน วิปาโกภาเสน. น มหาโอภาโส อปริสุทฺธภาวโต. วิปากวิปฺผารสฺสาติ วิปากเวปุลฺลสฺส.
นาหํ ¶ กฺวจนีติอาทิวจนสฺส มิจฺฉาภินิเวสวเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘อิทํ ตสฺส มุสาวาทสฺมึ วทามี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ, จตุโกฏิกสฺุตาทสฺสนวเสน ปวตฺตํ ปน อริยทสฺสนเมวาติ น ตตฺถ มุสาวาโท. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘นาหํ กฺวจนิ, กสฺสจิ กิฺจนตสฺมึ, น จ มม กฺวจนิ, กิสฺมิฺจิ กิฺจนตตฺถี’’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๗๐).
เอตฺถ หิ จตุโกฏิกสฺุตา กถิตา. กถํ? อริโย (วิสุทฺธิ. ๒.๗๖๐; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๗๐) หิ นาหํ กฺวจนีติ กฺวจิ อตฺตานํ น ปสฺสติ, กสฺสจิ กิฺจนตสฺมินฺติ อตฺตโน อตฺตานํ กสฺสจิ ปรสฺส กิฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ น ปสฺสติ, ภาติฏฺาเน ภาตรํ, สหายฏฺาเน สหายํ, ปริกฺขารฏฺาเน ปริกฺขารํ มฺิตฺวา อุปเนตพฺพํ น ปสฺสตีติ อตฺโถ. น จ มม กฺวจนีติ เอตฺถ มม-สทฺทํ ตาว เปตฺวา กฺวจนิ ปรสฺส จ อตฺตานํ กฺวจิ น ปสฺสตีติ อยมตฺโถ. อิทานิ มม-สทฺทํ อาหริตฺวา ‘‘มม กิสฺมิฺจิ กิฺจนตตฺถี’’ติ โส ปรสฺส อตฺตานํ ‘‘มม กิสฺมิฺจิ กิฺจนภาเวน อตฺถี’’ติ น ปสฺสติ, อตฺตโน ภาติกฏฺาเน ภาตรํ, สหายฏฺาเน สหายํ, ปริกฺขารฏฺาเน ปริกฺขารนฺติ กิสฺมิฺจิ าเน ปรสฺส อตฺตานํ อิมินา กิฺจนภาเวน อุปเนตพฺพํ น ปสฺสตีติ อตฺโถ. เอวมยํ ยสฺมา เนว กตฺถจิ อตฺตานํ ปสฺสติ, น ตํ ปรสฺส กิฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ ปสฺสติ. น กตฺถจิ ปรสฺส อตฺตานํ ปสฺสติ, น ปรสฺส อตฺตานํ อตฺตโน กิฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ ปสฺสติ, ตสฺมา อยํ สฺุตา จตุโกฏิกาติ เวทิตพฺพา.
ยสฺมา ปน มิจฺฉาทิฏฺิกานํ ยาถาวทสฺสนสฺส อสมฺภวโต ยถาวุตฺตจตุโกฏิกสฺุตาทสฺสนํ น สมฺภวติ, ตสฺมา ‘‘นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา’’ติอาทิวจนํ ¶ (ที. นิ. ๑.๑๗๑) วิย มิจฺฉาคาหวเสน ‘‘นาหํ กฺวจนี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ยุตฺโต เจตฺถ มุสาวาทสมฺภโว. กตฺถจีติ าเน, กาเล วา. อถ ‘‘นิปฺผโล’’ติ กสฺมา วุตฺตํ. ‘‘น มหปฺผโล’’ติ สทฺเทน หิ มหปฺผลาภาโวว โชติโต, น ปน สพฺพถา ผลาภาโวติ อาห ‘‘พฺยฺชนเมว หิ เอตฺถ สาวเสส’’นฺติอาทิ. เสสปเทสุปีติ ‘‘น มหานิสํโส’’ติอาทีสุปิ.
อฏฺหิ การเณหีติ –
‘‘อถ ¶ โข, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท เทวานํ ตาวตึสานํ ภควโต อฏฺ ยถาภุจฺเจ วณฺเณ ปยิรุทาหาสิ – ‘ตํ กึ มฺนฺติ, โภนฺโต เทวา ตาวตึสา, ยาวฺจ โส ภควา พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ, เอวํ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺนํ พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสามิ, น ปเนตรหิ อฺตฺร เตน ภควตา’’ติ –
อาทินา มหาโควินฺทสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๒๙๖) วิตฺถาริเตหิ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺนาทีหิ พุทฺธานุภาวทีปเกหิ อฏฺหิ การเณหิ. อถ ‘‘นวหิ การเณหี’’ติ อวตฺวา ‘‘อฏฺหิ การเณหี’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอตฺถ หิ…เป… สพฺเพ โลกิยโลกุตฺตรา พุทฺธคุณา สงฺคหิตา’’ติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมึ สุตฺเต ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติ อิมินา วจเนน อวิเสสโต สพฺเพปิ โลกิยโลกุตฺตรา พุทฺธคุณา ทีปิตา, ตสฺมา เตน ทีปิตคุเณ สนฺธาย ‘‘อฏฺหิ การเณหี’’ติ วุตฺตนฺติ. อรหนฺติอาทีหิ ปาฏิเยกฺกคุณาว นิทฺทิฏฺาติ อรหนฺติอาทีหิ เอเกเกหิ ปเทหิ เอเกเก คุณาว นิทฺทิฏฺาติ อตฺโถ.
สหตนฺติกนฺติ ปาฬิธมฺมสหิตํ. ปุริมนเยเนว โยชนา กาตพฺพาติ ‘‘กิลิฏฺสฺมิฺหิ กาเย ปสาธนํ ปสาเธตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬมานา น โสภนฺตี’’ติอาทินา นเยน โยชนา กาตพฺพาติ อตฺโถ.
สงฺฆสฺส ¶ อนุสฺสรณํ นาม ตสฺส คุณานุสฺสรณเมวาติ อาห ‘‘อฏฺนฺนํ อริยปุคฺคลานํ คุเณ อนุสฺสรตี’’ติ. ทฺเว ตโย วาเร คาหาปิตํ อุสุมนฺติ ทฺเว ตโย วาเร อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา เสทนวเสน คาหาปิตํ อุสุมํ. ปุริมนเยเนว โยชนา กาตพฺพาติ ‘‘กิลิฏฺสฺมิฺหิ วตฺเถ ปสาธนํ ปสาเธตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬมานา น โสภนฺตี’’ติอาทินา นเยน โยชนา กาตพฺพา.
ปหีนกาลโต ปฏฺาย…เป… วิรตาวาติ เอเตน ปหานเหตุกา อิธาธิปฺเปตา วิรตีติ ทสฺเสติ. กมฺมกฺขยกราเณน หิ ปาณาติปาตทุสฺสีลฺยสฺส ปหีนตฺตา อรหนฺโต อจฺจนฺตเมว ตโต ปฏิวิรตาติ วุจฺจติ สมุจฺเฉทวเสน ปหานวิรตีนํ อธิปฺเปตตฺตา. กิฺจาปิ ปหานวิรมณานํ ปุริมปจฺฉิมกาลตา นตฺถิ, มคฺคธมฺมานํ ปน สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ สมฺมาวาจาทีนฺจ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว อเปกฺขิเต สหชาตานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คหณํ ปุริมปจฺฉิมภาเวเนว โหตีติ, คหณปฺปวตฺติอาการวเสน ปจฺจยภูเตสุ สมฺมาทิฏฺิอาทีสุ ¶ ปหายกธมฺเมสุ ปหานกิริยาย ปุริมกาลโวหาโร, ปจฺจยุปฺปนฺนาสุ จ วิรตีสุ วิรมณกิริยาย อปรกาลโวหาโร จ โหตีติ ปหานํ วา สมุจฺเฉทวเสน, วิรติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน โยเชตพฺพา.
อถ วา ปาโณ อติปาตียติ เอเตนาติ ปาณาติปาโต, ปาณฆาตเหตุภูโต ธมฺมสมูโห. โก ปน โส? อหิริกาโนตฺตปฺปโทสโมหวิหึสาทโย กิเลสา. เต หิ อรหนฺโต อริยมคฺเคน ปหาย สมุคฺฆาเตตฺวา ปาณาติปาตทุสฺสีลฺยโต อจฺจนฺตเมว ปฏิวิรตาติ วุจฺจนฺติ, กิเลเสสุ ปหีเนสุ กิเลสนิมิตฺตสฺส กมฺมสฺส อนุปฺปชฺชนโต. อทินฺนาทานํ ปหายาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. วิรตาวาติ อวธารเณน ตสฺสา วิรติยา กาลาทิวเสน อปริยนฺตตํ ทสฺเสติ. ยถา หิ อฺเ สมาทินฺนวิรติกาปิ อนวฏฺิตจิตฺตตาย ลาภชีวิตาทิเหตุ สมาทานํ ภินฺทนฺติ, น เอวํ อรหนฺโต, อรหนฺโต ปน สพฺพโส ปหีนปาณาติปาตตฺตา อจฺจนฺตวิรตา เอวาติ.
ทณฺฑนสงฺขาตสฺส ปรวิเหนสฺส จ ปริวชฺชนภาวทีปนตฺถํ ทณฺฑสตฺถานํ นิกฺเขปวจนนฺติ อาห ‘‘ปรูปฆาตตฺถายา’’ติอาทิ. ลชฺชีติ เอตฺถ วุตฺตลชฺชาย ¶ โอตฺตปฺปมฺปิ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ปาปชิคุจฺฉนปาปุตฺตาสรหิตํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติ. ธมฺมครุตาย วา อรหนฺตานํ ธมฺมสฺส จ อตฺตา ธีนตฺตา อตฺตาธิปติภูตา ลชฺชาว วุตฺตา, น ปน โลกาธิปติ โอตฺตปฺปํ. ‘‘ทยํ เมตฺตจิตฺตตํ อาปนฺนา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ทยา-สทฺโท ‘‘อทยาปนฺโน’’ติอาทีสุ กรุณาย ปวตฺตตีติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน ทยา-สทฺโท อนุรกฺขณตฺถํ อนฺโตนีตํ กตฺวา ปวตฺตมาโน เมตฺตาย กรุณาย จ ปวตฺตตีติ อิธ เมตฺตาย ปวตฺตมาโน วุตฺโต. มิชฺชติ สินิยฺหตีติ เมตฺตา, เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, เมตฺตํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ เมตฺตจิตฺโต, ตสฺส ภาโว เมตฺตจิตฺตตา, เมตฺตาอิจฺเจว อตฺโถ.
สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปีติ เอเตน ตสฺสา วิรติยา ปวตฺตวเสน อปริยนฺตตํ ทสฺเสติ. ปาณภูเตติ ปาณชาเต. อนุกมฺปกาติ กรุณายนกา, ยสฺมา ปน เมตฺตา กรุณาย วิเสสปจฺจโย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตาย เอว ทยาปนฺนตายา’’ติ. เอวํ เยหิ ธมฺเมหิ ปาณาติปาตา วิรติ สมฺปชฺชติ, เตหิ ลชฺชาเมตฺตากรุณาธมฺเมหิ สมงฺคิภาโว ทสฺสิโต.
ปรปริคฺคหิตสฺส อาทานนฺติ ปรสนฺตกสฺส อาทานํ. เถโน วุจฺจติ โจโร, ตสฺส ภาโว เถยฺยํ, กามฺเจตฺถ ‘‘ลชฺชี ทยาปนฺโน’’ติ น วุตฺตํ, อธิการวเสน ปน อตฺถโต วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ ลชฺชาทโย ปาณาติปาตปฺปหานสฺส วิเสสปจฺจยา, เอวํ อทินฺนาทานปฺปหานสฺสปีติ ¶ , ตสฺมา สาปิ ปาฬิ อาเนตฺวา วตฺตพฺพา. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. อถ วา สุจิภูเตนาติ เอเตน หิโรตฺตปฺปาทีหิ สมนฺนาคโม, อหิริกาทีนฺจ ปหานํ วุตฺตเมวาติ ‘‘ลชฺชี’’ติอาทิ น วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อเสฏฺจริยนฺติ อเสฏฺานํ หีนานํ, อเสฏฺํ วา ลามกํ จริยํ, นิหีนวุตฺตึ เมถุนนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมํ เสฏฺํ อาจารนฺติ เมถุนวิรติมาห. อาราจารี เมถุนาติ เอเตน – ‘‘อิเธกจฺโจ น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธึ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, อปิจ โข มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหนํ สาทิยติ, โส ตํ อสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๕๐) วุตฺตา สตฺตวิธเมถุนสํโยคาปิ ปฏิวิรติ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘สจฺจโต ¶ เถตโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙) วิย เถต-สทฺโท ถิรปริยาโย, ถิรภาโว จ สจฺจวาทิตาย ิตกถตฺตา กถาวเสน เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ิตกถาติ อตฺโถ’’ติ. น ิตกโถติ ยถา หลิทฺทิราคาทโย อนวฏฺิตสภาวตาย น ิตา, เอวํ น ิตา กถา ยสฺส โส น ิตกโถติ หลิทฺทิราคาทโย ยถา กถาย อุปมา โหนฺติ, เอวํ โยเชตพฺพํ. เอส นโย ‘‘ปาสาณเลขา วิยา’’ติอาทีสุปิ. สทฺธา อยติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ สทฺธายา, สทฺธายา เอว สทฺธายิกา ยถา เวนยิกา. สทฺธาย วา อยิตพฺพา สทฺธายิกา, สทฺเธยฺยาติ อตฺโถ. วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ วิสํวาทนโตติ อธิปฺปาโย.
เอกํ ภตฺตํ เอกภตฺตํ, ตํ เอเตสมตฺถีติ เอกภตฺติกา, เอกสฺมึ ทิวเส เอกวารเมว ภฺุชนกา. ตยิทํ รตฺติโภชเนนปิ สิยาติ อาห ‘‘รตฺตูปรตา’’ติ. เอวมฺปิ สายนฺหโภชเนนปิ สิยุํ เอกภตฺติกาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘วิรตา วิกาลโภชนา’’ติ วุตฺตํ. อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกา อยํ พุทฺธานํ อริยานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทฺโ วิกาโล. อฏฺกถายํ ปน ทุติยปเทน รตฺติโภชนสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา อปรณฺโห ‘‘วิกาโล’’ติ วุตฺโต.
สงฺเขปโต ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓) ภควโต สาสนํ สจฺฉนฺทราคปฺปวตฺติโต นจฺจาทีนํ ทสฺสนํ น อนุโลเมตีติ อาห ‘‘สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา’’ติ. อตฺตนา ปโยชิยมานํ ปเรหิ ปโยชาปียมานฺจ นจฺจํ นจฺจภาวสามฺโต ปาฬิยํ เอเกเนว นจฺจสทฺเทน คหิตํ, ตถา คีตวาทิตสทฺทา จาติ อาห ‘‘นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสนา’’ติ ¶ . อาทิ-สทฺเทน คายนคายาปนวาทนวาทาปนานิ สงฺคณฺหาติ. ทสฺสเนน เจตฺถ สวนมฺปิ สงฺคหิตํ วิรูเปกเสสนเยน. อาโลจนสภาวตาย วา ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสงฺเขปสพฺภาวโต ทสฺสนาอิจฺเจว วุตฺตํ. อวิสูกภูตสฺส คีตสฺส สวนํ กทาจิ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘วิสูกภูตํ ทสฺสน’’นฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปาฏฺกถาย ‘‘ธมฺมูปสํหิตํ คีตํ วฏฺฏติ, คีตูปสํหิโต ธมฺโม น วฏฺฏตี’’ติ.
ยํ ¶ กิฺจีติ คนฺถิตํ วา อคนฺถิตํ วา ยํ กิฺจิ ปุปฺผํ. คนฺธชาตนฺติ คนฺธชาติยํ. ตสฺสาปิ ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ วจนโต ธูปิตสฺสปิ อธูปิตสฺสปิ ยสฺส กสฺสจิ วิเลปนาทิ น วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. อุจฺจาติ อุจฺจสทฺเทน สมานตฺถํ เอกํ สทฺทนฺตรํ. เสติ เอตฺถาติ สยนํ. อุจฺจาสยนํ มหาสยนฺจ สมณสารุปฺปรหิตํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ปมาณาติกฺกนฺตํ อกปฺปิยตฺถรณ’’นฺติ, อาสนฺทาทิอาสนฺเจตฺถ สยเนน สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา ปน อาธาเร ปฏิกฺขิตฺเต ตทาธารกิริยา ปฏิกฺขิตฺตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺจาสยนมหาสยนา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. อตฺถโต ปน ตทุปโภคภูตนิสชฺชานิปชฺชเนหิ วิรติ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา. อถ วา ‘‘อุจฺจาสยนาสนมหาสยนาสนา’’ติ, เอตสฺมึ อตฺเถ เอกเสสนเยน อยํ นิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ. (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑) อาสนกิริยาปุพฺพกตฺตา วา สยนกิริยาย สยนคฺคหเณเนว อาสนมฺปิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
‘‘กีวา’’ติ อยํ นิปาโต. ‘‘กิตฺตก’’นฺติ อิมสฺส อตฺถํ โพเธตีติ อาห ‘‘กีวมหปฺผโลติ กิตฺตกํ มหปฺผโล’’ติ. เสสปเทสูติ ‘‘กีวมหานิสํโส’’ติอาทีสุ. รตฺต-สทฺโท รตนปริยาโยติ อาห ‘‘ปหูตรตฺตรตนานนฺติ ปหูเตน รตฺตสงฺขาเตน รตเนน สมนฺนาคตาน’’นฺติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘ปหูตสตฺตรตนาน’’นฺติปิ ปาโ ทิสฺสติ. เภริตลสทิสํ กตฺวาติ เภริตลํ วิย สมํ กตฺวา. ตโต เอกํ ภาคํ น อคฺฆตีติ ยถาวุตฺตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ ตโต โสฬสภาคโต เอกํ ภาคํ น อคฺฆติ. ตโต พหุตรํ โหตีติ จกฺกวตฺติรชฺชสิริโต พหุตรํ โหติ.
จาตุมหาราชีกานนฺติอาทีสุ จาตุมหาราชิกา นาม สิเนรุปพฺพตสฺส เวมชฺเฌ โหนฺติ, เตสุ พหู ปพฺพตฏฺาปิ อากาสฏฺาปิ, เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตา, ขิฑฺฑาปโทสิกา, มโนปโทสิกา, สีตวลาหกา, อุณฺหวลาหกา, จนฺทิมา, เทวปุตฺโต, สูริโย, เทวปุตฺโตติ เอเต สพฺเพ ¶ จาตุมหาราชิกเทวโลกฏฺกา เอว. เตตฺตึส ชนา ตตฺถ อุปฺปนฺนาติ ตาวตึสา. อปิจ ตาวตึสาติ เตสํ เทวานํ นามเมวาติ วุตฺตํ. เตปิ อตฺถิ ปพฺพตฏฺกา, อตฺถิ อากาสฏฺกา, เตสํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ ปตฺตา, ตถา ยามาทีนํ. เอกเทวโลเกปิ ¶ หิ เทวานํ ปรมฺปรา จกฺกวาฬปพฺพตํ อปฺปตฺตา นาม นตฺถิ. ตตฺถ ทิพฺพสุขํ ยาตา ปยาตา สมฺปตฺตาติ ยามา. ตุฏฺา ปหฏฺาติ ตุสิตา. ปกติปฏิยตฺตารมฺมณโต อติเรเกน รมิตุกามกาเล ยถารุจิเต โภเค นิมฺมินิตฺวา นิมฺมินิตฺวา รมนฺตีติ นิมฺมานรติ. จิตฺตาจารํ ตฺวา ปเรหิ นิมฺมิเตสุ โภเคสุ วสํ วตฺเตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺตี.
ตตฺถ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ มนุสฺสคณนาย นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ. ตาวตึสานํ เทวานํ ติสฺโส จ วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ. ยามานํ เทวานํ จุทฺทส จ วสฺสโกฏิโย จตฺตาริ จ วสฺสสตสหสฺสานิ. ตุสิตานํ เทวานํ สตฺตปฺาส จ วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ. นิมฺมานรตีนํ เทวานํ ทฺเว จ วสฺสโกฏิสตานิ ติสฺโส จ วสฺสโกฏิโย จตฺตาริ จ วสฺสสตสหสฺสานิ. ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ นว จ วสฺสโกฏิสตานิ เอกวีส โกฏิโย จ สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ.
มุฏฺิหตฺถปาทเกติ ปาทตลโต ยาว อฏนิยา เหฏฺิมนฺโต, ตาว มุฏฺิรตนปฺปมาณปาทเก. ตฺจ โข มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส หตฺเถน, ยสฺสิทานิ วฑฺฒกีหตฺโถติ สมฺา. สีลสมาทานโต ปฏฺาย อฺํ กิฺจิ อกตฺวา ธมฺมสฺสวเนน วา กมฺมฏฺานมนสิกาเรน วา วีตินาเมตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตํ ปน อุปวสนฺเตน…เป… วิจาเรตพฺพ’’นฺติ.
วาจํ ภินฺทิตฺวา อุโปสถงฺคานิ สมาทาตพฺพานีติ ‘‘อิมฺจ รตฺตึ อิมฺจ ทิวส’’นฺติ กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา ‘‘อุโปสถงฺควเสน อฏฺ สิกฺขาปทานิ สมาทิยามี’’ติ เอกโต กตฺวา ปุน ปจฺเจกํ ‘‘ปาณาติปาตา เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ…เป… อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามี’’ติ เอวํ วจีเภทํ กตฺวา ยถาปาฬิ สมาทาตพฺพานิ. ปาฬึ อชานนฺเตน ปน อตฺตโน ภาสาย ปจฺเจกํ วา ‘‘พุทฺธปฺตฺตํ อุโปสถํ อธิฏฺามี’’ติ เอกโต อธิฏฺานวเสน วา สมาทาตพฺพานิ, อฺํ อลภนฺเตน อธิฏฺาตพฺพานิ. อุปาสกสีลฺหิ อตฺตนา สมาทิยนฺเตนปิ สมาทินฺนํ ปรสนฺติเก สมาทิยนฺเตนปิ, เอกชฺฌํ สมาทินฺนมฺปิ สมาทินฺนเมว โหติ ปจฺเจกํ สมาทินฺนมฺปิ. ตํ ปน เอกชฺฌํ สมาทิยโต เอกาเยว วิรติ เอกา เจตนา โหติ. สา ปน สพฺพวิรติเจตนานํ กิจฺจการีติ เตนปิ สพฺพสิกฺขาปทานิ สมาทินฺนาเนว. ปจฺเจกํ สมาทิยโต ปน นานาวิรติเจตนาโย ยถาสกํ กิจฺจวเสน อุปฺปชฺชนฺติ ¶ , สพฺพสมาทาเน ปน ¶ วจีเภโท กาตพฺโพเยว. ปรูปโรธปฏิสํยุตฺตา ปรวิหึสาสํยุตฺตา.
นนุ จ ‘‘มณิ’’นฺติ วุตฺเต เวฬุริยมฺปิ สงฺคหิตเมว, กิมตฺถํ ปน เวฬุริยนฺติ อาห ‘‘เวฬุริยนฺติ…เป… ทสฺเสตี’’ติ. ‘‘มณิ’’นฺติ วตฺวาว ‘‘เวฬุริย’’นฺติ อิมินา ชาติมณิภาวํ ทสฺเสตีติ โยเชตพฺพํ. เอกวสฺสิกเวฬุวณฺณนฺติ ชาติโต เอกวสฺสาติกฺกนฺตเวฬุวณฺณํ. ลทฺธกนฺติ สุนฺทรํ. จนฺทปฺปภา ตารคณาว สพฺเพติ ยถา จนฺทปฺปภาย กลํ สพฺเพ ตาราคณา นานุภวนฺตีติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘จนฺทปฺปภาติ สามิอตฺเถ ปจฺจตฺต’’นฺติ.
อุโปสถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๘) ๓. อานนฺทวคฺโค
๑. ฉนฺนสุตฺตวณฺณนา
๗๒. ตติยสฺส ปเม ฉนฺนปริพฺพาชโกติ น นคฺคปริพฺพาชโก. พาหิรกสมยํ ลฺุจิตฺวา หรนฺโตติ พาหิรกานํ สมยํ นิเสเธตฺวา อาปนฺโน.
ปฺาจกฺขุสฺส วิพนฺธนโต อนฺธํ กโรตีติ อนฺธกรโณติ อาห ‘‘ยสฺส ราโค อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ. อจกฺขุกรโณติ อสมตฺถสมาโสยํ ‘‘อสูริยปสฺสานิ มุขานี’’ติอาทีสุ วิยาติ อาห ‘‘ปฺาจกฺขุํ น กโรตีติ อจกฺขุกรโณ’’ติ. ปฺานิโรธิโกติ อนุปฺปนฺนาย โลกิยโลกุตฺตราย ปฺาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทติ, โลกิยปฺํ ปน อฏฺสมาปตฺติปฺจาภิฺาวเสน อุปฺปนฺนมฺปิ สมุจฺฉินฺทิตฺวา ขิปตีติ ปฺานิโรธิโกติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อนุปฺปนฺนานุปฺปาทอุปฺปนฺนปริหานินิมิตฺตตาย หิ ปฺํ นิโรเธตีติ ปฺานิโรธิโก. วิหนติ วิพาธตีติ วิฆาโต, ทุกฺขนฺติ อาห ‘‘ทุกฺขสงฺขาตสฺส วิฆาตสฺสา’’ติ. กิเลสนิพฺพานนฺติ อิมินา อสงฺขตนิพฺพานเมว วทติ. อสงฺขตฺหิ นิพฺพานํ นาม, ตํ ปจฺจกฺขํ ¶ กาตุํ น เทตีติ อนิพฺพานสํวตฺตนิโก. โลกุตฺตรมิสฺสโก กถิโต ปุพฺพภาคิยสฺสปิ อริยมคฺคสฺส กถิตตฺตา.
ฉนฺนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อาชีวกสุตฺตวณฺณนา
๗๓. ทุติเย ¶ น อฺาตุกาโมติ น อาชานิตุกาโมเยวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปริคฺคณฺหนตฺถํ ปน อาคโต’’ติ, ปฺาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา อุปปริกฺขิตฺวา คณฺหนตฺถนฺติ อตฺโถ. การณาปเทโสติ การณนิทฺเทโส. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อาชีวกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. มหานามสกฺกสุตฺตวณฺณนา
๗๔. ตติเย คิลานสฺส ภาโว เคลฺนฺติ อาห ‘‘คิลานภาวโต’’ติ. ทีเปตีติ เทสนากฺกเมเนว ปฺาเปติ. ปมฺหิ เสขสีลสมาธิปฺาโย วตฺวา ปจฺฉา อเสขสีลาทีนิ วทนฺโต อิมมตฺถํ ทีเปติ.
มหานามสกฺกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. นิคณฺสุตฺตวณฺณนา
๗๕. จตุตฺเถ หํสวฏฺฏกจฺฉนฺเนนาติ หํสวฏฺฏกปริจฺฉนฺเนน, หํสมณฺฑลากาเรนาติ อตฺโถ. นตฺถิ เอตสฺส ปริเสสนฺติ อปริเสสํ. เตนาห ‘‘อปฺปมตฺตกมฺปิ อเสเสตฺวา’’ติ. อปริเสสธมฺมชานนโต วา อปริเสสสงฺขาตํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาตีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สตตนฺติ นิจฺจํ. สมิตนฺติ ตสฺเสว เววจนนฺติ อาห ‘‘สตตํ สมิตนฺติ สพฺพกาลํ นิรนฺตร’’นฺติ. อถ วา นิจฺจฏฺเน สตต-สทฺเทน อภิณฺหปฺปวตฺติ โชติตา สิยาติ ‘‘สมิต’’นฺติ วุตฺตํ. เตน นิรนฺตรปฺปวตฺตึ ทสฺเสตีติ อาห ‘‘สพฺพกาลํ นิรนฺตร’’นฺติ.
วิสุทฺธิสมฺปาปนตฺถายาติ ¶ ราคาทีหิ มเลหิ อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหิ จ อุปกฺกิลิฏฺจิตฺตานํ สตฺตานํ วิสุทฺธิปาปนตฺถาย. สมติกฺกมนตฺถายาติ โสกสฺส จ ปริเทวสฺส จ ปหานตฺถาย. อตฺถํ คมนตฺถายาติ กายิกทุกฺขสฺส จ เจตสิกโทมนสฺสสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อตฺถงฺคมนาย, นิโรธายาติ อตฺโถ. ายติ นิจฺฉเยน กมติ นิพฺพานํ. ตํ วา ¶ ายติ ปฏิวิชฺฌติ เอเตนาติ าโย, อริยมคฺโคติ อาห ‘‘มคฺคสฺส อธิคมนตฺถายา’’ติ. อปจฺจยนิพฺพานสฺส สจฺฉิกรณตฺถายาติ ปจฺจยรหิตตฺตา อปจฺจยสฺส อสงฺขตสฺส ตณฺหาวานวิรหิตตฺตา นิพฺพานนฺติ ลทฺธนามสฺส อมตสฺส สจฺฉิกิริยาย, อตฺตปจฺจกฺขตายาติ วุตฺตํ โหติ. ผุสิตฺวา ผุสิตฺวาติ ปตฺวา ปตฺวา. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
นิคณฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นิเวสกสุตฺตวณฺณนา
๗๖. ปฺจเม กิจฺจกรณีเยสุ สหภาวฏฺเน อมา โหนฺตีติ อมจฺจา. ‘‘อยํ อชฺฌตฺติโก’’ติ เอวํ ชานนฺติ, ายนฺติ วาติ าตี. สสฺสุสสุรปกฺขิกาติ สสฺสุสสุรา จ ตปฺปกฺขิโก จ สสฺสุสสุรปกฺขิกา. โลหิเตน สมฺพทฺธาติ สาโลหิตา. ปิตุปกฺขิกา วา าตี, มาตุปกฺขิกา สาโลหิตา. มาตุปิตุปกฺขิกา วา าตี, สสฺสุสสุรปกฺขิกา สาโลหิตา. อเวจฺจ รตนสฺส คุเณ ยาถาวโต ตฺวา ปสาโท อเวจฺจปฺปสาโท. โส ปน ยสฺมา มคฺเคนาคตตฺตา เกนจิ อกมฺปนีโย จ อปฺปธํสิโย จ โหติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํ ‘‘อจลปฺปสาโท’’ติ. ภาวฺถตฺตนฺติ สภาวสฺส อฺถตฺตํ.
วีสติยา โกฏฺาเสสูติ เกสาทิมตฺถลุงฺคปริยนฺเตสุ. ทฺวาทสสุ โกฏฺาเสสูติ ปิตฺตาทิมุตฺตปริยนฺเตสุ. จตูสุ โกฏฺาเสสูติ ‘‘เยน จ สนฺตปฺปติ, เยน จ ชีรียติ, เยน จ ปริทยฺหติ, เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) เอวํ วุตฺเตสุ จตูสุ โกฏฺาเสสุ. ฉสุ โกฏฺาเสสูติ ‘‘อุทฺธงฺคมา วาตา, อโธคมา วาตา, กุจฺฉิสยา วาตา, โกฏฺาสยา วาตา, องฺคมงฺคานุสาริโน วาตา, อสฺสาโส ปสฺสาโส’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) เอวํ วุตฺเตสุ ฉสุ โกฏฺาเสสุ. วิตฺถมฺภนํ เสสภูตตฺตยสนฺถมฺภิตตาปาทนํ, ‘‘อุปกีฬน’’นฺติ เอเก. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
นิเวสกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖-๗. ปมภวสุตฺตาทิวณฺณนา
๗๗-๗๘. ฉฏฺเ ¶ ¶ อภิสงฺขารวิฺาณนฺติ กมฺมสหชาตํ วิฺาณํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว. สตฺตเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.
ปมภวสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สีลพฺพตสุตฺตวณฺณนา
๗๙. อฏฺเม ทุกฺกรการิกานุโยโคติ ทุกฺกรกิริยาย อนุโยโค. อุปฏฺาเนน สารนฺติ อุปฏฺานากาเรน สารํ. ‘‘อิทํ วร’’นฺติอาทินา อุปฏฺานาการํ วิภาเวติ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ สตฺถารา ปุจฺฉิเต ปฺเห.
สีลพฺพตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. คนฺธชาตสุตฺตวณฺณนา
๘๐. นวเม มูเล, มูลสฺส วา คนฺโธ มูลคนฺโธติ อาห ‘‘มูลวตฺถุโก คนฺโธ’’ติ. มูลํ วตฺถุ เอตสฺสาติ มูลวตฺถุโก. อิทานิ มูลํ คนฺธโยคโต คนฺโธติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘คนฺธสมฺปนฺนํ วา มูลเมว มูลคนฺโธ’’ติ อาห. ปจฺฉิโมเยเวตฺถ อตฺถวิกปฺโป ยุตฺตตโรติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส หิ คนฺโธ’’ติอาทิมาห. วสฺสิกปุปฺผาทีนนฺติ สุมนปุปฺผาทีนํ.
คนฺธชาตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. จูฬนิกาสุตฺตวณฺณนา
๘๑. ทสเม อรุณวติสุตฺตนฺตอฏฺุปฺปตฺติยนฺติ ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา อโหสิ อรุณวา นาม. รฺโ โข ปน, ภิกฺขเว, อรุณวโต อรุณวตี นาม ราชธานี อโหสิ. อรุณวตึ โข ปน, ภิกฺขเว, ราชธานึ สิขี ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. สิขิสฺส ¶ โข ปน, ภิกฺขเว, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อภิภูสมฺภวํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ อคฺคํ ภทฺทยุคํ. อถ โข, ภิกฺขเว, สิขี ภควา อรหํ ¶ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อภิภุํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสี’’ติอาทินา พฺรหฺมสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๑๘๕) อาคตสฺส อรุณวติสุตฺตนฺตสฺส อฏฺุปฺปตฺติยํ. อติปฺปโคติ อติวิย ปโค, อติวิย ปาโตติ อตฺโถ, น ตาว กุเลสุ ภตฺตํ นิฏฺาตีติ วุตฺตํ โหติ.
อุชฺฌายนฺตีติ อวฌายนฺติ, เหฏฺา กตฺวา จินฺเตนฺติ, ลามกโต จินฺเตนฺติ. อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กตฺวาติ ‘‘ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา นาควณฺณํ วา ทสฺเสติ, สุปณฺณวณฺณํ วา ทสฺเสตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) นเยน อาคตํ อเนกปฺปการํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กตฺวา. สหสฺสิโลกธาตุนฺติ จกฺกวาฬสหสฺสํ. คาถาทฺวยํ อภาสีติ เถโร กิร ‘‘กถํ เทสิตา โข ธมฺมเทสนา สพฺเพสํ ปิยา มนาปา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘สพฺเพปิ ปาสณฺฑา สพฺเพ เทวมนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน สมเย ปุริสการํ วณฺณยนฺติ, วีริยสฺส อวณฺณวาที นาม นตฺถิ, วีริยปฺปฏิสํยุตฺตํ กตฺวา เทเสสฺสามิ. เอวมสฺส ธมฺมเทสนา สพฺเพสํ ปิยา ภวิสฺสติ มนาปา’’ติ ตฺวา ตีสุ ปิฏเกสุ วิจินิตฺวา ‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๘๖) อิทํ คาถาทฺวยํ อภาสิ.
กึ อาโลโก อยนฺติ กสฺส นุ โข อยํ อาโลโกติ. วิจินนฺตานนฺติ จินฺเตนฺตานํ. สพฺเพติ โลกธาตุยํ สพฺเพ เทวา จ มนุสฺสา จ. โอสฏาย ปริสายาติ ธมฺมสฺสวนตฺถํ สโมสฏาย ปริมิตปริจฺฉินฺนาย ปริสาย. อตฺโถปิ เนสํ ปากโฏ อโหสีติ น เกวลํ เต สทฺทเมว อสฺโสสุํ, อถ โข อตฺโถปิ เตสํ ปกติสวนูปจาเร วิย ปากโฏ อโหสิ. เตน สหสฺสํ โลกธาตุํ วิฺาเปตีติ อธิปฺปาโย.
ปริหรนฺตีติ สิเนรุํ ทกฺขิณโต กตฺวา ปริวตฺเตนฺติ. วิโรจมานาติ อตฺตโน ชุติยา ทิพฺพมานา, โสภมานา วา. ตาว สหสฺสธา โลโกติ ยตฺตโก จนฺทิมสูริเยหิ โอภาสิยมาโน โลกธาตุสงฺขาโต เอเกโก โลโก, ตตฺตเกน ปมาเณน สหสฺสธา โลโก, อิมินา จกฺกวาเฬน สทฺธึ จกฺกวาฬสหสฺสนฺติ อตฺโถ. กสฺมา ปเนสา อานีตาติ เอสา จูฬนิกา โลกธาตุ ¶ กสฺมา ภควตา อานีตา, เทสิตาติ อตฺโถ. มชฺฌิมิกาย โลกธาตุยา ปริจฺเฉททสฺสนตฺถนฺติ ทฺวิสหสฺสิโลกธาตุยา ปริมาณทสฺสนตฺถํ.
สหสฺสิโลกธาตุยา สหสฺสี ทฺวิสหสฺสิโลกธาตุ, สา จกฺกวาฬคณนาย ทสสตสหสฺสจกฺกวาฬปริมาณา. เตนาห ‘‘สหสฺสจกฺกวาฬานิ สหสฺสภาเคน คเณตฺวา’’ติอาทิ. กมฺปนเทวตูปสงฺกมนาทินา ชาตจกฺกวาเฬน สห โยคกฺเขมํ านํ ชาติกฺเขตฺตํ. ตตฺตกาย เอว ชาติกฺเขตฺตภาโว ¶ ธมฺมตาวเสเนว เวทิตพฺโพ, ‘‘ปริคฺคหวเสนา’’ติ เกจิ. สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ เอวํ ชาติกฺเขตฺตํ ตนฺนิวาสีนํเยว จ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโยติ วทนฺติ. ปฏิสนฺธิคฺคหณาทีนํ สตฺตนฺนํเยว คหณํ นิทสฺสนมตฺตํ มหาภินีหาราทิกาเลปิ ตสฺส ปกมฺปนสฺส ลพฺภนโต.
สหสฺสํ สหสฺสธา กตฺวา คณิตํ มชฺฌิมิกนฺติอาทินา มชฺฌิมิกาย โลกธาตุยา สหสฺสํ ติสหสฺสิโลกธาตุ, สาเยว จ มหาสหสฺสิโลกธาตูติ ทสฺเสติ. สรเสเนว อาณาปวตฺตนํ อาณากฺเขตฺตํ, ยํ เอกชฺฌํ สํวฏฺฏติ วิวฏฺฏติ จ. อาณา ผรตีติ ตนฺนิวาสิเทวตานํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉเนน วตฺตติ, ตฺจ โข เกวลํ พุทฺธานุภาเวเนว, อธิปฺปายวเสน จ ปน ‘‘ยาวตา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วจนโต พุทฺธานํ อวิสโย นาม นตฺถิ, วิสยกฺเขตฺตสฺส ปมาณปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ. วิสโมติ สูริยุคฺคมนาทีนํ วิสมภาวโต วิสโม. เตเนวาห ‘‘เอกสฺมึ าเน สูริโย อุคฺคโต โหตี’’ติอาทิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.
จูฬนิกาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อานนฺทวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๙) ๔. สมณวคฺโค
๑-๕. สมณสุตฺตาทิวณฺณนา
๘๒-๘๖. จตุตฺถสฺส ปเม สมฺมา อาทานํ คหณํ สมาทานนฺติ อาห ‘‘สมาทานํ วุจฺจติ คหณ’’นฺติ. อธิกํ วิสิฏฺํ สีลนฺติ อธิสีลํ. โลกิยสีลสฺส ¶ อธิสีลภาโว ปริยาเยนาติ นิปฺปริยายเมว ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจ สพฺพมฺปิ โลกิยสีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สิกฺขิตพฺพโตติ อาเสวิตพฺพโต. ปฺจปิ ทสปิ วา สีลานิ สีลํ นาม, ปาติโมกฺขสํวโร อธิสีลํ นาม อนวเสสกายิกเจตสิกสํวรภาวโต มคฺคสีลสฺส ปทฏฺานภาวโต จ. อฏฺ สมาปตฺติโย จิตฺตํ, วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ อธิจิตฺตํ มคฺคสมาธิสฺส อธิฏฺานภาวโต. กมฺมสฺสกตาณํ ปฺา, วิปสฺสนา อธิปฺา มคฺคปฺาย อธิฏฺานภาวโต. อปิจ นิพฺพานํ ¶ ปตฺถยนฺเตน สมาทินฺนํ ปฺจสีลํ ทสสีลมฺปิ อธิสีลเมว นิพฺพานาธิคมสฺส ปจฺจยภาวโต. นิพฺพานํ ปตฺถยนฺเตน สมาปนฺนา อฏฺ สมาปตฺติโยปิ อธิจิตฺตเมว.
‘‘กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;
อนุโภติ ทฺวยเมตํ, อนุพนฺธฺหิ การณ’’นฺติ. –
เอวํ อตีเต อนาคเต จ วฏฺฏมูลกทุกฺขสลฺลกฺขณวเสน สํเวควตฺถุตาย วิมุตฺติอากงฺขาย ปจฺจยภูตา กมฺมสฺสกตปฺาปิ อธิปฺาติ วทนฺติ. ทุติยตติยจตุตฺถปฺจมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
สมณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปมสิกฺขาสุตฺตวณฺณนา
๘๗. ฉฏฺเ สมตฺตการีติ อนูเนน ปริปูเรน อากาเรน สมนฺนาคโต. สิกฺขาปทานํ ขุทฺทานุขุทฺทกตฺตํ อเปกฺขาสิทฺธนฺติ อาห ‘‘ตตฺราปิ สงฺฆาทิเสสํ ขุทฺทก’’นฺติอาทิ. องฺคุตฺตรมหานิกายวฬฺชนกอาจริยาติ องฺคุตฺตรนิกายํ ปริหรนฺตา อาจริยา, องฺคุตฺตรภาณกาติ วุตฺตํ โหติ. โลกวชฺชํ นาปชฺชติ โลกวชฺชสิกฺขาปทานํ วีติกฺกมสาธกสฺส กิเลสคหนสฺส สพฺพโส ปหีนตฺตา. ปณฺณตฺติวชฺชเมว อาปชฺชติ ปณฺณตฺติวีติกฺกมํ วา อชานโตปิ อาปตฺติสมฺภวโต. จิตฺเตน อาปชฺชนฺโต รูปิยปฺปฏิคฺคหณํ อาปชฺชตีติ อุปนิกฺขิตฺตสาทิเยน อาปชฺชติ.
พฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตานิ อาทิพฺรหฺมจริยานิ, ตานิ เอว อาทิพฺรหฺมจริยกานิ ยถา ‘‘วินโย เอว เวนยิโก’’ติ อาห ‘‘มคฺคพฺรหฺมจริยสฺสา’’ติอาทิ. จตฺตาริ มหาสีลสิกฺขาปทานีติ จตฺตาริ ปาราชิกานิ สนฺธาย ¶ วทติ. ปฏิปกฺขธมฺมานํ อนวเสสโต สวนโต ปคฺฆรณโต โสโต, อริยมคฺโคติ อาห ‘‘โสตสงฺขาเตน มคฺเคนา’’ติ. วินิปาเตติ วิรูปํ สทุกฺขํ สอุปายาสํ นิปาเตตีติ วินิปาโต, อปายทุกฺเข ขิปนโก. ธมฺโมติ สภาโว. นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, น อตฺตานํ อปาเยสุ วินิปาตนสภาโวติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา? เย ธมฺมา อปายคมนียา, เตสํ ปหีนตฺตา. เตนาห ‘‘อวินิปาตธมฺโมติ จตูสุ อปาเยสุ อปตนสภาโว’’ติ. ตตฺถ อปตนสภาโวติ อนุปฺปชฺชนสภาโว. โสตาปตฺติมคฺคนิยาเมน ¶ นิยโตติ อุปริมคฺคาธิคมสฺส อวสฺสํภาวีภาวโต นิยโต. เตเนวาห ‘‘สมฺโพธิปรายโณ’’ติ. เหฏฺิมนฺตโต สตฺตมภวโต อุปริ อนุปฺปชฺชนธมฺมตาย วา นิยโต. สมฺพุชฺฌตีติ สมฺโพธิ, อริยมคฺโค. โส ปน ปมมคฺคสฺส อธิคตตฺตา อวสิฏฺโ จ อธิคนฺตพฺพภาเวน อิจฺฉิตพฺโพติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ ปรํ อยนํ ปรา คติ อสฺสาติ สมฺโพธิปรายโณ. เตนาห ‘‘อุปริมคฺคตฺตยสมฺโพธิปรายโณ’’ติ.
ตนุภาวาติ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จ กทาจิ กรหจิ อุปฺปตฺติยา จ ตนุภาเวน. ตนุตฺตฺหิ ทฺวีหิ การเณหิ เวทิตพฺพํ อธิจฺจุปฺปตฺติยา จ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จ. สกทาคามิสฺส หิ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺส วิย กิเลสา อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ วิรฬาการา หุตฺวา วิรฬวาปิเต เขตฺเต องฺกุรา วิย. อุปฺปชฺชมานาปิ จ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺเสว มทฺทนฺตา ผรนฺตา ฉาเทนฺตา อนฺธการํ กโรนฺตา น อุปฺปชฺชนฺติ, มนฺทมนฺทา อุปฺปชฺชนฺติ ตนุกาการา หุตฺวา อพฺภปฏลมิว มกฺขิกาปตฺตมิว จ. ตตฺถ เกจิ เถรา ภณนฺติ ‘‘สกทาคามิสฺส กิเลสา กิฺจาปิ จิเรน อุปฺปชฺชนฺติ, พหลาว อุปฺปชฺชนฺติ. ตถา หิสฺส ปุตฺตา จ ธีตโร จ ทิสฺสนฺตี’’ติ. เอตํ ปน อปฺปมาณํ. ปุตฺตธีตโร หิ องฺคปจฺจงฺคปรามสนมตฺเตนปิ โหนฺตีติ. ทฺวีหิเยว การเณหิสฺส กิเลสานํ ตนุตฺตํ เวทิตพฺพํ อธิจฺจุปฺปตฺติยา จ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จาติ.
เหฏฺาภาคิยานนฺติ เอตฺถ เหฏฺาติ มหคฺคตภูมิโต เหฏฺา, กามภูมิยนฺติ อตฺโถ. เตสํ ปจฺจยภาเวน เหฏฺาภาคสฺส หิตาติ เหฏฺาภาคิยา, เตสํ เหฏฺาภาคิยานํ, เหฏฺาภาคสฺส กามภวสฺส ปจฺจยภาเวน คหิตานนฺติ อตฺโถ. สํโยเชนฺติ พนฺธนฺติ ขนฺธคติภวาทีหิ ¶ ขนฺธคติภวาทโย, กมฺมํ วา ผเลนาติ สํโยชนานีติ อาห ‘‘สํโยชนานนฺติ พนฺธนาน’’นฺติ. อสมุจฺฉินฺนราคาทิกสฺส หิ เอตรหิ ขนฺธาทีนํ อายตึ ขนฺธาทีหิ สมฺพนฺโธ, สมุจฺฉินฺนราคาทิกสฺส ปน ตํ นตฺถิ, กตานมฺปิ กมฺมานํ อสมตฺถภาวาปตฺติโต ราคาทีนํ อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ สํโยชนฏฺโ สิทฺโธ. ปริกฺขเยนาติ สมุจฺเฉเทน.
โอปปาติโกติ อุปปาติกโยนิโก อุปปตเน สาธุการี. เสสโยนิปฏิกฺเขปวจนเมตํ. เตน คพฺภวาสทุกฺขาภาวมาห. ตตฺถ ปรินิพฺพายีติ อิมินา เสสทุกฺขาภาวํ. ตตฺถ ปรินิพฺพายิตา จสฺส กามโลเก ขนฺธพีชสฺส อปุนาคมนวเสเนวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนาวตฺติธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. อุปริเยวาติ พฺรหฺมโลเกเยว. อนาวตฺติธมฺโมติ ตโต พฺรหฺมโลกา ปุนปฺปุนํ ปฏิสนฺธิวเสน น อาวตฺตนธมฺโม. เตนาห ‘‘โยนิคติวเสน อนาคมนธมฺโม’’ติ.
ปเทสํ ¶ ปเทสการี อาราเธตีติ สีลกฺขนฺธาทีนํ ปาริปูริยา เอกเทสภูตํ เหฏฺิมมคฺคตฺตยํ ปเทโส, ตํ กโรนฺโต ปเทสํ เอกเทสภูตํ เหฏฺิมํ ผลตฺตยเมว อาราเธติ, นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปเทสการี ปุคฺคโล นาม โสตาปนฺโน’’ติอาทิ. ปริปูรํ ปริปูรการีติ สีลกฺขนฺธาทีหิ สทฺธินฺทฺริยาทีหิ จ ปริโต ปูรเณน ปริปูรสงฺขาตํ อรหตฺตมคฺคํ กโรนฺโต นิพฺพตฺเตนฺโต ปริปูรํ อรหตฺตผลํ อาราเธติ, นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปริปูรการี นาม อรหา’’ติอาทิ.
ปมสิกฺขาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗-๑๐. ทุติยสิกฺขาสุตฺตาทิวณฺณนา
๘๘-๙๑. สตฺตเม กุลา กุลํ คมนโกติ กุลโต กุลํ คจฺฉนฺโต. ทฺเว วา ตโย วา ภเวติ เทวมนุสฺสวเสน ทฺเว วา ตโย วา ภเว. มิสฺสกภววเสน เหตํ วุตฺตํ. เทสนามตฺตเมว เจตํ ‘‘ทฺเว วา ตีณิ วา’’ติ. ยาว ฉฏฺภวา สํสรนฺโตปิ โกลํโกโลว โหติ. เตเนวาห ‘‘อยฺหิ ทฺเว วา ภเว…เป… เอวเมตฺถ วิกปฺโป ทฏฺพฺโพ’’ติ. อุฬารกุลวจโน วา เอตฺถ กุลสทฺโท, กุลโต กุลํ คจฺฉตีติ ¶ โกลํโกโล. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยโต ปฏฺาย หิ นีจกุเล อุปฺปตฺติ นาม นตฺถิ, มหาโภคกุเลสุ เอว นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ. เกวโล หิ กุลสทฺโท มหากุลเมว วทติ ‘‘กุลปุตฺโต’’ติอาทีสุ วิย. เอกพีชีติ เอตฺถ ขนฺธพีชํ นาม กถิตํ, ขนฺธพีชนฺติ จ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ วุจฺจติ. ยสฺส หิ โสตาปนฺนสฺส เอกํ ขนฺธพีชํ อตฺถิ, เอกํ ภวคฺคหณํ, โส เอกพีชี นาม. เตนาห ‘‘เอกสฺเสว ภวสฺส พีชํ เอตสฺส อตฺถีติ เอกพีชี’’ติ. ‘‘มานุสกํ ภว’’นฺติ อิทํ ปเนตฺถ เทสนามตฺตเมว, ‘‘เทวภวํ นิพฺพตฺเตตี’’ติปิ ปน วตฺตุํ วฏฺฏติเยว.
อุทฺธํวาหิภาเวน อุทฺธมสฺส ตณฺหาโสตํ วฏฺฏโสตํ วาติ อุทฺธํโสโต, อุทฺธํ วา คนฺตฺวา ปฏิลภิตพฺพโต อุทฺธมสฺส มคฺคโสตนฺติ อุทฺธํโสโต. ปฏิสนฺธิวเสน อกนิฏฺภวํ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี. ยตฺถ กตฺถจีติ อวิหาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ. สปฺปโยเคนาติ วิปสฺสนาาณาภิสงฺขารสงฺขาเตน ปโยเคน สห, มหตา วิปสฺสนาปโยเคนาติ อตฺโถ. อุปหจฺจาติ เอตสฺส อุปคนฺตฺวาติ อตฺโถ. เตน เวมชฺฌาติกฺกโม กาลกิริยาปคมนฺจ สงฺคหิตํ โหติ, ตสฺมา อายุเวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา ปรินิพฺพายนฺโต อุปหจฺจปรินิพฺพายี นาม โหตีติ อาห ‘‘โย ปน กปฺปสหสฺสายุเกสุ อวิเหสู’’ติอาทิ. โส ติวิโธ โหตีติ าณสฺส ติกฺขมชฺฌมุทุภาเวน ติวิโธ โหติ. เตนาห ‘‘กปฺปสหสฺสายุเกสู’’ติอาทิ.
สทฺธาธุเรน ¶ อภินิวิสิตฺวาติ ‘‘สเจ สทฺธาย สกฺกา นิพฺพตฺเตตุํ, นิพฺพตฺเตสฺสามิ โลกุตฺตรมคฺค’’นฺติ เอวํ สทฺธาธุรวเสน อภินิวิสิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา. ปฺาธุเรน อภินิวิฏฺโติ ‘‘สเจ ปฺาย สกฺกา, นิพฺพตฺเตสฺสามิ โลกุตฺตรมคฺค’’นฺติ เอวํ ปฺาธุรํ กตฺวา อภินิวิฏฺโ. ยถาวุตฺตเมว อฏฺวิธตฺตํ โกลํโกลสตฺตกฺขตฺตุปรเมสุ อติทิสนฺโต ‘‘ตถา โกลํโกลา สตฺตกฺขตฺตุปรมา จา’’ติ อาห. วุตฺตนเยเนว อฏฺ โกลํโกลา, อฏฺ สตฺตกฺขตฺตุปรมาติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถ สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมา ภวูปปตฺติ อตฺตภาวคฺคหณํ อสฺส, ตโต ปรํ อฏฺมํ ภวํ นาทิยตีติ สตฺตกฺขตฺตุปรโม. ภควตา คหิตนามวเสเนว เจตานิ อริยาย ชาติยา ชาตานํ เตสํ นามานิ ชาตานิ กุมารานํ มาตาปิตูหิ คหิตนามานิ วิย. เอตฺตกฺหิ านํ คโต ¶ เอกพีชี นาม โหติ, เอตฺตกํ โกลํโกโล, เอตฺตกํ สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ ภควตา เอเตสํ นามํ คหิตํ. นิยมโต ปน อยํ เอกพีชี, อยํ โกลํโกโล, อยํ สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ นตฺถิ. โก ปน เนสํ เอตํ ปเภทํ นิยเมตีติ? เกจิ ตาว เถรา ‘‘ปุพฺพเหตุ นิยเมตี’’ติ วทนฺติ, เกจิ ปมมคฺโค, เกจิ อุปริ ตโย มคฺคา, เกจิ ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนาติ.
ตตฺถ ‘‘ปุพฺพเหตุ นิยเมตี’’ติ วาเท ปมมคฺคสฺส อุปนิสฺสโย กโต นาม โหติ, ‘‘อุปริ ตโย มคฺคา นิรุปนิสฺสยา อุปฺปนฺนา’’ติ วจนํ อาปชฺชติ. ‘‘ปมมคฺโค นิยเมหี’’ติ วาเท อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ นิรตฺถกตา อาปชฺชติ. ‘‘อุปริ ตโย มคฺคา นิยเมนฺตี’’ติ วาเท ปมมคฺเค อนุปฺปนฺเนเยว อุปริ ตโย มคฺคา อุปฺปนฺนาติ อาปชฺชตีติ. ‘‘ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา นิยเมตี’’ติ วาโท ปน ยุชฺชติ. สเจ หิ อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา พลวตี โหติ, เอกพีชี นาม โหติ, ตโต มนฺทตราย โกลํโกโล, ตโต มนฺทตราย สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ.
เอกจฺโจ หิ โสตาปนฺโน วฏฺฏชฺฌาสโย โหติ วฏฺฏาภิรโต, ปุนปฺปุนํ วฏฺฏสฺมึเยว จรติ สนฺทิสฺสติ. อนาถปิณฺฑิโก เสฏฺิ, วิสาขา อุปาสิกา, จูฬรถมหารถา เทวปุตฺตา, อเนกวณฺโณ เทวปุตฺโต, สกฺโก เทวราชา, นาคทตฺโต เทวปุตฺโตติ อิเม หิ เอตฺตกา ชนา วฏฺฏชฺฌาสยา วฏฺฏาภิรตา อาทิโต ปฏฺาย ฉ เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺเ ตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, อิเม อิธ น คหิตา. น เกวลฺจิเมว, โยปิ มนุสฺเสสุเยว สตฺตกฺขตฺตุํ สํสริตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โยปิ เทวโลเก นิพฺพตฺโต เทเวสุเยว สตฺตกฺขตฺตุํ อปราปรํ สํสริตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อิเมปิ อิธ น คหิตา, กาเลน เทเว, กาเลน มนุสฺเส สํสริตฺวา ¶ ปน อรหตฺตํ ปาปุณนฺโตว อิธ คหิโต, ตสฺมา ‘‘สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ อิทํ อิธฏฺกโวกิณฺณภวูปปตฺติกสุกฺขวิปสฺสกสฺส นามํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
‘‘สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา’’ติ (ปุ. ป. ๓๔) วจนโต ปฺจสุ สกทาคามีสุ จตฺตาโร วชฺเชตฺวา เอโกว คหิโต. เอกจฺโจ หิ อิธ สกทาคามิผลํ ปตฺวา อิเธว ปรินิพฺพายติ, เอกจฺโจ อิธ ปตฺวา เทวโลเก ปรินิพฺพายติ ¶ , เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพายติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายติ. อิเม จตฺตาโรปิ อิธ น คหิตา. โย ปน อิธ ปตฺวา เทวโลเก ยาวตายุกํ วสิตฺวา ปุน อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อยํ เอโกว อิธ คหิโตติ เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ตสฺส ปเภทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตีสุ ปน วิโมกฺเขสู’’ติอาทิมาห. อิมสฺส ปน สกทาคามิโน เอกพีชินา สทฺธึ กึ นานากรณนฺติ? เอกพีชิสฺส เอกาว ปฏิสนฺธิ, สกทาคามิสฺส ทฺเว ปฏิสนฺธิโย, อิทํ เตสํ นานากรณํ. สฺุตวิโมกฺเขน วิมุตฺตขีณาสโว ปฏิปทาวเสน จตุพฺพิโธ โหติ, ตถา อนิมิตฺตอปฺปณิหิตวิโมกฺเขหีติ เอวํ ทฺวาทส อรหนฺตา โหนฺตีติ อาห ‘‘ยถา ปน สกทาคามิโน, ตเถว อรหนฺโต ทฺวาทส เวทิตพฺพา’’ติ. อฏฺมนวมทสมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
ทุติยสิกฺขาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. สงฺกวาสุตฺตวณฺณนา
๙๒. เอกาทสเม วิหารปฏิพทฺธนวกมฺมาทิภารํ หรติ ปวตฺเตตีติ ภารหาโร. เตเนวาห ‘‘นเว อาวาเส สมุฏฺาเปติ, ปุราเณ ปฏิชคฺคตี’’ติ. สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขา, ปชฺชิตพฺพโต, ปชฺชนฺติ เอเตหีติ วา ปทานิ, สิกฺขาเยว ปทานิ สิกฺขาปทานีติ อาห ‘‘สิกฺขาสงฺขาเตหิ ปเทหี’’ติ. ทสฺเสตีติ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสติ, หตฺถามลกํ วิย ปากเฏ วิภูเต กตฺวา วิภาเวติ. คณฺหาเปตีติ เต ธมฺเม มนสา อนุปกฺขิเต ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺเธ กาเรนฺโต อุคฺคณฺหาเปติ. สมุสฺสาเหตีติ สมาธิมฺหิ อุสฺสาหํ ชเนติ. ปฏิลทฺธคุเณหีติ ตาย เทสนาย ตนฺนิสฺสยปจฺจตฺตปุริสกาเรน จ เตสํ ปฏิวิทฺธคุเณหิ. โวทาเปตีติ เตสํ จิตฺตสนฺตานํ อสฺสทฺธิยาทิกิเลสมลาปคมเนน ปภสฺสรํ กโรติ. สณฺหํ สณฺหํ กเถตีติ อติวิย สุขุมํ กตฺวา กเถติ.
อจฺจยนํ ¶ สาธุมริยาทํ มทฺทิตฺวา วีติกฺกมนํ อจฺจโยติ อาห ‘‘อปราโธ’’ติ. อจฺเจติ อติกฺกมติ เอเตนาติ วา อจฺจโย, วีติกฺกมสฺส ปวตฺตนโก อกุสลธมฺโม. โส เอว อปรชฺฌติ เอเตนาติ อปราโธ. โส หิ อปรชฺฌนฺตํ ปุริสํ อธิภวิตฺวา ปวตฺตติ. เตนาห ‘‘อติกฺกมฺม ¶ อธิภวิตฺวา ปวตฺโต’’ติ. ปฏิคฺคณฺหาตูติ อธิวาสนวเสน สมฺปฏิจฺฉตูติ อตฺโถติ อาห ‘‘ขมตู’’ติ. สเทวเกน โลเกน นิสฺสรณนฺติ อรณียโต อริโย, ตถาคโตติ อาห ‘‘อริยสฺส วินเยติ พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน’’ติ. ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโตติ กามํ ‘‘วุทฺธิ เหสา’’ติ ธมฺมาธิฏฺานวเสน วากฺยํ อารทฺธํ, ตถาปิ เทสนํ ปน ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโต ‘‘สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ อาหาติ โยชนา.
สงฺกวาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
สมณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๑๐) ๕. โลณกปลฺลวคฺโค
๑. อจฺจายิกสุตฺตวณฺณนา
๙๓. ปฺจมสฺส ปเม อติปาติกานีติ สีฆํ ปวตฺเตตพฺพานิ. กรณียานีติ เอตฺถ อวสฺสเก อนียสทฺโท ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘อวสฺสกิจฺจานี’’ติ. นิกฺขนฺตเสตงฺกุรานีติ พีชโต นิกฺขนฺตเสตงฺกุรานิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อจฺจายิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวิเวกสุตฺตวณฺณนา
๙๔. ทุติเย สาเณหิ วาเกหิ นิพฺพตฺติตานิ สาณานิ. มิสฺสสาณานิ มสาณานิ น ภงฺคานิ. เอรกติณาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อกฺกมกจิกทลิวากาทีนํ สงฺคโห. เอรกาทีหิ กตานิ หิ ฉวานิ ลามกานิ ทุสฺสานีติ ‘‘ฉวทุสฺสานี’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติ. กุณฺฑกนฺติ ตนุตรํ ¶ ตณฺฑุลปฺปกรณํ. ปฺจ ทุสฺสีลฺยานีติ ปาณาติปาตาทีนิ ปฺจ. จตฺตาโร อาสวาติ กามาสวาทโย จตฺตาโร อาสวา. สีลคฺคปฺปตฺโตติ สีเลน, สีลสฺส วา อคฺคปฺปตฺโต.
ปวิเวกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สรทสุตฺตวณฺณนา
๙๕. ตติเย ¶ วิทฺเธติ ทูรีภูเต. ทูรภาโว จ อากาสสฺส วลาหกวิคเมน โหตีติ อาห ‘‘วลาหกวิคเมน ทูรีภูเต’’ติ. เตเนว หิ ‘‘วิทฺเธ วิคตวลาหเก’’ติ วุตฺตํ. นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโนติ อากาสํ อภิลงฺฆนฺโต. อิมินา ตรุณสูริยภาโว ทสฺสิโต. นาติทูโรทิเต หิ อาทิจฺเจ ตรุณสูริยสมฺา. ทุวิธเมวสฺส สํโยชนํ นตฺถีติ โอรมฺภาคิยอุทฺธมฺภาคิยวเสน ทุวิธมฺปิ สํโยชนํ อสฺส ปมชฺฌานลาภิโน อริยสาวกสฺส นตฺถิ. กสฺมา ปนสฺส อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนมฺปิ นตฺถีติ วุตฺตํ. โอรมฺภาคิยสํโยชนานเมว เหตฺถ ปหานํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิตรมฺปี’’ติอาทิ, อิตรํ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนํ ปุน อิมํ โลกํ ปฏิสนฺธิวเสน อาเนตุํ อสมตฺถตาย นตฺถีติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. ฌานลาภิโน หิ สพฺเพปิ อริยา พฺรหฺมโลกูปปนฺนา เหฏฺา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุทฺธํ อุทฺธํ อุปฺปชฺชนฺตาปิ เวหปฺผลํ อกนิฏฺํ ภวคฺคฺจ ปตฺวา น ปุนฺตฺถ ชายนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายนฺติ. เตเนวาห ‘‘อิมสฺมึ สุตฺเต ฌานานาคามี นาม กถิโต’’ติ. ฌานวเสน หิ เหฏฺา น อาคจฺฉตีติ ฌานานาคามี.
สรทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปริสาสุตฺตวณฺณนา
๙๖. จตุตฺเถ ปจฺจยพาหุลฺลิกาติ จีวราทิพาหุลฺลาย ปฏิปนฺนา. อวีตตณฺหตาย หิ ตํ ตํ ปริกฺขารชาตํ พหุํ ลนฺติ อาทิยนฺตีติ พหุลา, เต เอว พาหุลิกา ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๖; อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘). เต ปจฺจยพาหุลฺลาย ยุตฺตปฺปยุตฺตา โหนฺตีติ จีวราทิพาหุลฺลาย ปฏิปนฺนา นาม โหนฺติ. สิกฺขาย อคารวภาวโต สิถิลํ อคาฬฺหํ คณฺหนฺตีติ สาถลิกา. สิถิลนฺติ จ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส. สิถิลสทฺเทน สมานตฺถสฺส สถลสทฺทสฺส วเสน สาถลิกาติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อวคมนฏฺเนาติ อโธคมนฏฺเน, โอรมฺภาคิยภาเวนาติ ¶ อตฺโถ. นิกฺขิตฺตธุราติ โอโรปิตธุรา อุชฺชิตุสฺสาหา. อุปธิวิเวโก นิพฺพานํ. ทุวิธมฺปิ วีริยนฺติ กายิกํ เจตสิกฺจ วีริยํ.
ภณฺฑนํ ¶ ชาตํ เอเตสนฺติ ภณฺฑนชาตา. วิเสสนสฺส ปรนิปาตวเสน เจตํ วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน วิเสสนสฺส ปุพฺพนิปาตวเสเนว อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ชาตภณฺฑนา’’ติ อาห. กลโห ชาโต เอเตสนฺติ กลหชาตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กลหสฺส ปุพฺพภาโคติ กลหสฺส เหตุภูตา ปฏิภาคา ตํสทิสี จ อนิฏฺกิริยา. หตฺถปรามาสาทิวเสนาติ กุชฺฌิตฺวา อฺมฺสฺส หตฺเถ คเหตฺวา ปลปนอจฺฉินฺทนาทิวเสน. ‘‘อยํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม’’ติอาทินา วิรุทฺธวาทภูตํ วิวาทํ อาปนฺนาติ วิวาทปนฺนา. เตนาห ‘‘วิรุทฺธวาทํ อาปนฺนา’’ติ. มุขสนฺนิสฺสิตตาย วาจา อิธ ‘‘มุข’’นฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘ผรุสา วาจา มุขสตฺติโย’’ติ.
สติปิ อุภเยสํ กลาปานํ ปรมตฺถโต เภเท ปจุรชเนหิ ปน ทุวิฺเยฺยนานตฺตํ ขีโรทกสมฺโมทิตํ อจฺจนฺตเมตํ สํสฏฺํ วิย หุตฺวา ติฏฺตีติ อาห ‘‘ขีโรทกํ วิย ภูตา’’ติ. ยถา ขีรฺจ อุทกฺจ อฺมฺํ สํสนฺทติ, วิสุํ น โหติ, เอกตฺตํ วิย อุเปติ, เอวํ สามคฺคิวเสน เอกตฺตูปคตจิตฺตุปฺปาทาติ อตฺโถ. เมตฺตจิตฺตํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา โอโลกนํ จกฺขูนิ วิย จกฺขูนิ นามาติ อาห ‘‘อุปสนฺเตหิ เมตฺตจกฺขูหี’’ติ. ปิยภาวทีปกานิ หิ จกฺขูนิ ปิยจกฺขูนิ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตีติ ปโมทปจฺจยพลวปีติมาห. ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชตีติ ขุทฺทิกาทิเภเทน ปฺจปฺปการา ปีติ อุปฺปชฺชติ. ปีติมนสฺสาติ ตาย ปีติยา ปีณิตมนสฺส, ปสฺสทฺธิอาวเหหิ อุฬาเรหิ ปีติเวเคหิ ตินฺตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. วิคตทรโถติ กิเลสปริฬาหานํ ทูรีภาเวน วูปสนฺตทรโถ.
เกน อุทเกน ทาริโต ปพฺพตปฺปเทโสติ กตฺวา อาห ‘‘กนฺทโร นามา’’ติอาทิ. อุทกสฺส ยถานินฺนํ ปวตฺติยา นทินิพฺพตฺตนภาเวน ‘‘นทิกฺุโช’’ติปิ วุจฺจติ. สาวฏฺฏา นทิโย ปทรา. อฏฺ มาเสติ เหมนฺตคิมฺหอุตุวเสน อฏฺ มาเส. ขุทฺทกา อุทกวาหินิโย สาขา วิยาติ สาขา. ขุทฺทกโสพฺภา กุสุพฺภา โอการสฺส อุการํ กตฺวา. ยตฺถ อุปริ อุนฺนตปฺปเทสโต อุทกํ อาคนฺตฺวา ติฏฺติ เจว สนฺทติ จ, เต ¶ กุสุพฺภา ขุทฺทกอาวาฏา. ขุทฺทกนทิโยติ ปพฺพตปาทาทิโต นิกฺขนฺตา ขุทฺทกา นทิโย.
ปริสาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕-๗. ปมอาชานียสุตฺตาทิวณฺณนา
๙๗-๙๙. ปฺจเม ¶ อนุจฺฉวิโกติ รฺโ ปริภฺุชนโยคฺโค. หตฺถปาทาทิองฺคสมตายาติ หตฺถปาทาทิอวยวสมตาย, รฺโ วา เสนาย องฺคภูตตฺตา รฺโ องฺคนฺติ วุจฺจติ. อาเนตฺวา หุนิตพฺพนฺติ อาหุนํ, อาหุตีติ อตฺถโต เอกนฺติ อาห ‘‘อาหุติสงฺขาตํ ปิณฺฑปาต’’นฺติ. ทูรโตปิ อาเนตฺวา สีลวนฺเตสุ ทาตพฺพสฺเสตํ อธิวจนํ. ปิณฺฑปาตนฺติ จ นิทสฺสนมตฺตํ. อาเนตฺวา หุนิตพฺพานฺหิ จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตํ อธิวจนํ อาหุนนฺติ. ตํ อรหตีติ อาหุเนยฺโย. ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ ตสฺส มหปฺผลภาวกรณโต ปฏิคฺคณฺหิตุํ อนุจฺฉวิโก.
ปาหุนกภตฺตสฺสาติ ทิสวิทิสโต อาคตานํ ปิยมนาปานํ าติมิตฺตานํ อตฺถาย สกฺกาเร ปฏิยตฺตสฺส อาคนฺตุกภตฺตสฺส. ตฺหิ เปตฺวา เต ตถารูเป ปาหุนเก สงฺฆสฺเสว ทาตุํ ยุตฺตํ, สงฺโฆว ตํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโต. สงฺฆสทิโส หิ ปาหุนโก นตฺถิ. ตถา เหส เอกสฺมึ พุทฺธนฺตเร วีติวตฺเต ทิสฺสติ, กทาจิ อสงฺขฺเยยฺเยปิ กปฺเป วีติวตฺเต. อพฺโพกิณฺณฺจ ปิยมนาปตาทิกเรหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต. เอวํ ปาหุนมสฺส ทาตุํ ยุตฺตํ, ปาหุนฺจ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ ปาหุเนยฺโย. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย ‘‘าติมิตฺตา วิปฺปวุฏฺา น จิรสฺเสว สมาคจฺฉนฺติ, อนวฏฺิตา จ เตสุ ปิยมนาปตา, น เอวมริยสงฺโฆ, ตสฺมา สงฺโฆว ปาหุเนยฺโย’’ติ.
ทกฺขนฺติ เอตาย สตฺตา ยถาธิปฺเปตาหิ สมฺปตฺตีหิ วฑฺฒนฺตีติ ทกฺขิณา, ปรโลกํ สทฺทหิตฺวา ทานํ. ตํ ทกฺขิณํ อรหติ, ทกฺขิณาย วา หิโต ยสฺมา มหปฺผลกรณตาย วิโสเธตีติ ทกฺขิเณยฺโย.
ปฺุตฺถิเกหิ อฺชลิ กรณีโย เอตฺถาติ อฺชลิกรณีโย. อุโภ เหตฺถ สิรสิ ปติฏฺาเปตฺวา สพฺพโลเกน กยิรมานํ อฺชลิกมฺมํ อรหตีติ ¶ วา อฺชลิกรณีโย. เตนาห ‘‘อฺชลิปคฺคหณสฺส อนุจฺฉวิโก’’ติ.
ยทิปิ ปาฬิยํ ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ, นตฺถิ อิโต อุตฺตรํ วิสิฏฺนฺติ หิ อนุตฺตรํ, สมมฺปิสฺส ปน นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสทิส’’นฺติ อาห. ขิตฺตํ วุตฺตํ พีชํ มหปฺผลภาวกรเณน ตายติ รกฺขติ, ขิปนฺติ วปนฺติ เอตฺถ พีชานีติ วา เขตฺตํ, เกทาราทิ, เขตฺตํ วิย เขตฺตํ, ปฺุานํ เขตฺตํ ปฺุกฺเขตฺตํ. ยถา หิ รฺโ วา อมจฺจสฺส วา ¶ สาลีนํ วา ยวานํ วา วิรุหนฏฺานํ ‘‘รฺโ สาลิกฺเขตํ ยวกฺเขต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ สงฺโฆ สพฺพโลกสฺส ปฺุานํ วิรุหนฏฺานํ. สงฺฆํ นิสฺสาย หิ โลกสฺส นานปฺปการหิตสุขสํวตฺตนิกานิ ปฺุานิ วิรุหนฺติ, ตสฺมา สงฺโฆ อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. ฉฏฺสตฺตมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
ปมอาชานียสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. โปตฺถกสุตฺตวณฺณนา
๑๐๐. อฏฺเม นโวติ นววายิโม. เตนาห ‘‘กรณํ อุปาทาย วุจฺจตี’’ติ. วากมยวตฺถนฺติ สาณาทิวากสาฏกํ. ทุพฺพณฺโณติ วิวณฺโณ. ทุกฺขสมฺผสฺโสติ ขรสมฺผสฺโส. อปฺปํ อคฺฆตีติ อปฺปคฺโฆ. อติพหุํ อคฺฆนฺโต กหาปณคฺฆนโก โหติ. ปริโภคมชฺฌิโมติ ปริโภคกาลวเสน มชฺฌิโม. โส หิ นวภาวํ อติกฺกมิตฺวา ชิณฺณภาวํ อปฺปตฺโต มชฺเฌ ปริโภคกาเลปิ ทุพฺพณฺโณ จ ทุกฺขสมฺผสฺโส จ อปฺปคฺโฆเยว โหติ. อติพหุํ อคฺฆนฺโต อฑฺฒํ อคฺฆติ, ชิณฺณกาเล ปน อฑฺฒมาสกํ วา กากณิกํ วา อคฺฆติ. อุกฺขลิปริปฺุฉนนฺติ กาฬุกฺขลิปริปฺุฉนํ. นโวติปิ อุปสมฺปทาย ปฺจวสฺสกาลโต เหฏฺา ชาติยา สฏฺิวสฺโสปิ นโวเยว. ทุพฺพณฺณตายาติ สรีรวณฺเณนปิ คุณวณฺเณนปิ ทุพฺพณฺณตาย. ทุสฺสีลสฺส หิ ปริสมชฺเฌ นิตฺเตชตาย สรีรวณฺโณปิ น สมฺปชฺชติ, คุณวณฺเณน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อฏฺกถายํ ปน สรีรวณฺเณน ทุพฺพณฺณตาปิ คุณวณฺณสฺส อภาเวน ทุพฺพณฺณตายาติ วุตฺตํ.
เย โข ปนสฺสาติ เย โข ปน ตสฺส อุปฏฺากา วา าติมิตฺตาทโย วา เอตํ ปุคฺคลํ เสวนฺติ. เตสนฺติ เตสํ ปุคฺคลานํ ฉ สตฺถาเร เสวนฺตานํ ¶ มิจฺฉาทิฏฺิกานํ วิย. เทวทตฺเต เสวนฺตานํ โกกาลิกาทีนํ วิย จ ตํ เสวนํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย โหติ. มชฺฌิโมติ ปฺจวสฺสกาลโต ปฏฺาย ยาว นววสฺสกาลา มชฺฌิโม นาม. เถโรติ ทสวสฺสโต ปฏฺาย เถโร นาม. เอวมาหํสูติ เอวํ วทนฺติ. กึ นุ โข ตุยฺหนฺติ ตุยฺหํ พาลสฺส ภณิเตน โก อตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. ตถารูปนฺติ ตถาชาติกํ ตถาสภาวํ อุกฺเขปนียกมฺมสฺส การณภูตํ.
ตีหิ กปฺปาสอํสูหิ สุตฺตํ กนฺติตฺวา กตวตฺถนฺติ ตโย กปฺปาสอํสู คเหตฺวา กนฺติตสุตฺเตน วายิตํ สุขุมวตฺถํ, ตํ นววายิมํ อนคฺฆํ โหติ, ปริโภคมชฺฌิมํ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ สหสฺสานิ อคฺฆติ, ชิณฺณกาเล, อฏฺปิ ทสปิ สหสฺสานิ อคฺฆติ.
เตสํ ¶ ตํ โหตีติ เตสํ สมฺมาสมฺพุทฺธาทโย เสวนฺตา วิย ตํ เสวนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติ. สมฺมาสมฺพุทฺธฺหิ เอกํ นิสฺสาย ยาวชฺชกาลา มุจฺจนกสตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิ, ตถา สาริปุตฺตตฺเถรมหาโมคฺคลฺลานตฺเถเร อวเสเส จ อสีติ มหาสาวเก นิสฺสาย สคฺคคตสตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิ, ยาวชฺชกาลา เตสํ ทิฏฺานุคตึ ปฏิปนฺนสตฺตานมฺปิ ปมาณํ นตฺถิเยว. อาเธยฺยํ คจฺฉตีติ ตสฺส มหาเถรสฺส ตํ อตฺถนิสฺสิตํ วจนํ ยถา คนฺธกรณฺฑเก กาสิกวตฺถํ อาธาตพฺพตํ เปตพฺพตํ คจฺฉติ, เอวํ อุตฺตมงฺเค สิรสฺมึ หทเย จ อาธาตพฺพตํ เปตพฺพตํ คจฺฉติ.
โปตฺถกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. โลณกปลฺลสุตฺตวณฺณนา
๑๐๑. นวเม ยถา ยถา กมฺมํ กโรตีติ เยน เยน ปกาเรน ปาณฆาตาทิปาปกมฺมํ กโรติ. วิปากํ ปฏิสํเวทิยเตวาติ อวธารเณน กมฺมสิทฺธิยํ ตพฺพิปากสฺส อปฺปวตฺติ นาม นตฺถีติ ทีเปติ. เตเนวาห ‘‘น หิ สกฺกา’’ติอาทิ. เอวํ สนฺตนฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติ. อภิสงฺขารวิฺาณนิโรเธนาติ กมฺมวิฺาณสฺส อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปชฺชเนน.
‘‘อยมฺปิ ¶ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’’ติอาทินา กายสฺส อสุภานิจฺจาทิอาการอนุปสฺสนา กายภาวนาติ อาห ‘‘กายานุปสฺสนาสงฺขาตาย ตาย ภาวนายา’’ติ. ราคาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน โทสโมหานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ราโค โข, อาวุโส, ปมาณกรโณ, โทโส ปมาณกรโณ, โมโห ปมาณกรโณ, เต ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๙) หิ วุตฺตํ.
ยถา หิ ปพฺพตปาเท ปูติปณฺณสฺส อุทกํ นาม โหติ, กาฬวณฺณํ โอโลเกนฺตานํ พฺยามสตํ คมฺภีรํ วิย ขายติ, ยฏฺึ วา รชฺชุํ วา คเหตฺวา มินนฺตสฺส ปิฏฺิปาโททฺธรณมตฺตมฺปิ น โหติ, เอวเมว เอกจฺจสฺส ยาว ราคาทโย นุปฺปชฺชนฺติ, ตาว ตํ ปุคฺคลํ สฺชานิตุํ น สกฺกา โหติ, โสตาปนฺโน วิย สกทาคามี วิย อนาคามี วิย จ ขายติ. ยทา ปนสฺส ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, ตทา รตฺโต ทุฏฺโ มูฬฺโหติ ปฺายติ. อิติ ¶ เต ราคาทโย ‘‘เอตฺตโก อย’’นฺติ ปุคฺคลสฺส ปมาณํ ทสฺเสนฺตาว อุปฺปชฺชนฺตีติ ปมาณกรณา นาม วุตฺตา.
ชาเปตุนฺติ ชินธนํ กาตุํ. โสติ ราชา, มหามตฺโต วา. อสฺสาติ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ยาจนฺตสฺส. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
โลณกปลฺลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปํสุโธวกสุตฺตวณฺณนา
๑๐๒. ทสเม อนีหตโทสนฺติ อนปนีตถูลกาฬกํ. อนปนีตกสาวนฺติ อนปคตสุขุมกาฬกํ. ปหฏมตฺตนฺติ อาหฏมตฺตํ.
ทสกุสลกมฺมปถวเสน อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ จิตฺตเมว, วิปสฺสนาปาทกอฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ วิปสฺสนาจิตฺตฺจ ตโต จิตฺตโต อธิกํ จิตฺตนฺติ อธิจิตฺตนฺติ อาห ‘‘อธิจิตฺตนฺติ สมถวิปสฺสนาจิตฺต’’นฺติ. อนุยุตฺตสฺสาติ อนุปฺปนฺนสฺส อุปฺปาทนวเสน อุปฺปนฺนสฺส ปฏิพฺรูหนวเสน อนุ อนุ ยุตฺตสฺส, ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺสาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปุเรภตฺตํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต ¶ นิสีทนํ อาทาย ‘‘อสุกสฺมึ รุกฺขมูเล วา วนสณฺเฑ วา ปพฺภาเร วา สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมนฺโตปิ ตตฺถ คนฺตฺวา หตฺเถหิ วา ปาเทหิ วา นิสชฺชฏฺานโต ติณปณฺณานิ อปเนนฺโตปิ อธิจิตฺตํ อนุยุตฺโตเยว. นิสีทิตฺวา ปน หตฺถปาเท โธวิตฺวา มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ภาวนํ อนุยฺุชนฺโต ภาวนาย อปฺปนํ อปฺปตฺตายปิ อธิจิตฺตมนุยุตฺโตเยว ตทตฺเถนปิ ตํสทฺทโวหารโต. จิตฺตสมฺปนฺโนติ ธมฺมจิตฺตสฺส สมนฺนาคตตฺตา สมฺปนฺนจิตฺโต. ปณฺฑิตชาติโกติ ปณฺฑิตสภาโว.
กาเม อารพฺภาติ วตฺถุกาเม อารพฺภ. กามราคสงฺขาเตน วา กาเมน ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก กามวิตกฺโก. พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ เอเตนาติ พฺยาปาโท, โทโส. วิหึสนฺติ เอตาย สตฺเต, วิหึสนํ วา เตสํ เอตนฺติ วิหึสา, ปเรสํ วิเหนากาเรน ปวตฺตสฺส กรุณาปฏิปกฺขสฺส ปาปธมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ. าตเก อารพฺภ อุปฺปนฺโน วิตกฺโกติ าตเก อารพฺภ เคหสฺสิตเปมวเสน อุปฺปนฺโน วิตกฺโก. ชนปทมารพฺภ อุปฺปนฺโน วิตกฺโกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อโห วต มํ…เป… อุปฺปนฺโน วิตกฺโกติ ‘‘อโห วต มํ ปเร น อวชาเนยฺยุํ, น เหฏฺา กตฺวา มฺเยฺยุํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ¶ ครุํ กเรยฺยุ’’นฺติ เอวํ อุปฺปนฺนวิตกฺโก. ทสวิปสฺสนุปกฺกิเลสวิตกฺกาติ โอภาสาทิทสวิปสฺสนุปกฺกิเลเส อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตกฺกา.
อวสิฏฺา ธมฺมวิตกฺกา เอตสฺสาติ อวสิฏฺธมฺมวิตกฺโก, วิปสฺสนาสมาธิ. น เอกคฺคภาวปฺปตฺโต น เอกคฺคตํ ปตฺโต. เอกํ อุเทตีติ หิ เอโกทิ, ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตฺตา อคฺคํ เสฏฺํ หุตฺวา อุเทตีติ อตฺโถ. เสฏฺโปิ หิ โลเก เอโกติ วุจฺจติ, เอกสฺมึ อารมฺมเณ สมาธานวเสน ปวตฺตจิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. เอโกทิสฺส ภาโว เอโกทิภาโว, เอกคฺคตาเยตํ อธิวจนํ.
นิยกชฺฌตฺตนฺติ อตฺตสนฺตานสฺเสตํ อธิวจนํ. โคจรชฺฌตฺตนฺติ อิธ นิพฺพานํ อธิปฺเปตํ. เตนาห ‘‘เอกสฺมึ นิพฺพานโคจเรเยว ติฏฺตี’’ติ. สุฏฺุ นิสีทตีติ สมาธิปฏิปกฺเข กิเลเส สนฺนิสีเทนฺโต สุฏฺุ นิสีทติ. เอกคฺคํ โหตีติ อพฺยคฺคภาวปฺปตฺติยา เอกคฺคํ โหติ. สมฺมา อาธิยตีติ ยถา อารมฺมเณ สุฏฺุ อปฺปิตํ โหติ, เอวํ สมฺมา สมฺมเทว อาธิยติ.
อภิฺา ¶ สจฺฉิกรณียสฺสาติ เอตฺถ ‘‘อภิฺาย สจฺฉิกรณียสฺสา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อภิฺา’’ติ ย-การโลเปน ปน ปุน กาลกิริยานิทฺเทโส กโตติ อาห ‘‘อภิชานิตฺวา ปจฺจกฺขํ กาตพฺพสฺสา’’ติ. อภิฺาย อิทฺธิวิธาทิาเณน สจฺฉิกิริยํ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิกํ อภิฺาสจฺฉิกรณียนฺติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาตีติ เอตฺถ ปน ยสฺส ปจฺจกฺขํ อตฺถิ, โส สกฺขี, สกฺขิโน ภพฺพตา สกฺขิภพฺพตา, สกฺขิภวนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สกฺขี จ โส ภพฺโพ จาติ สกฺขิภพฺโพ. อยฺหิ อิทฺธิวิธาทีนํ ภพฺโพ ตตฺถ จ สกฺขีติ สกฺขิภพฺโพ, ตสฺส ภาโว สกฺขิภพฺพตา, ตํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ.
อภิฺาปาทกชฺฌานาทิเภเทติ เอตฺถ อภิฺาปาทา จ อภิฺาปาทกชฺฌานฺจ อภิฺาปาทกชฺฌานานิ. อาทิ-สทฺเทน อรหตฺตฺจ อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา จ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว มชฺฌิมนิกายฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๑๙๘) –
‘‘สติ สติอายตเนติ สติ สติการเณ. กิฺเจตฺถ การณํ? อภิฺา วา อภิฺาปาทกชฺฌานํ วา, อวสาเน ปน อรหตฺตํ วา การณํ อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา วาติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
ยฺหิ ตํ ตตฺร ตตฺร สกฺขิภพฺพตาสงฺขาตํ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ, ตสฺส อภิฺา การณํ ¶ . อถ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ อภิฺา, เอวํ สติ อภิฺาปาทกชฺฌานํ การณํ. อวสาเน ฉฏฺาภิฺาย ปน อรหตฺตํ, อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา วา การณํ. อรหตฺตฺหิ ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ, ยทริยา เอตรหิ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕; ๓.๓๐๗) อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺเปตฺวา อภิฺา นิพฺพตฺเตนฺตสฺส การณํ. อิทฺจ สาธารณํ น โหติ, สาธารณวเสน ปน อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา การณํ. อิมสฺมิฺหิ สุตฺเต อรหตฺตผลวเสน ฉฏฺาภิฺา วุตฺตา. เตเนวาห ‘‘อาสวานํ ขยาติอาทิ เจตฺถ ผลสมาปตฺติวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ.
ปํสุโธวกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. นิมิตฺตสุตฺตวณฺณนา
๑๐๓. เอกาทสเม ¶ เยหิ ผลํ นิมียติ, อุปฺปชฺชนฏฺาเน ปกฺขิปมานํ วิย โหติ, ตานิ นิมิตฺตานิ. เตนาห ‘‘ตีณิ การณานี’’ติ. กาเลน กาลนฺติ เอตฺถ กาเลนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. กาลนฺติ จ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘กาเล กาเล’’ติ. มนสิ กาตพฺพาติ จิตฺเต กาตพฺพา, อุปฺปาเทตพฺพาติ อตฺโถ. อุปลกฺขิตสมาธานากาโร สมาธิเยว อิธ สมาธินิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘เอกคฺคตา หิ อิธ สมาธินิมิตฺตนฺติ วุตฺตา’’ติ. านํ ตํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺยาติ เอตฺถ านํ อตฺถีติ วจนเสโส. ตํ ภาวนาจิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย, ตสฺส สํวตฺตนสฺส การณํ อตฺถีติ อตฺโถ. ตํ วา มนสิกรณํ จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย, เอตสฺส านํ การณํ อตฺถีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘การณํ วิชฺชตี’’ติอาทิ. าณชวนฺติ สงฺขาเรสุ อนิจฺจาทิวเสน ปวตฺตมานํ ปฺาชวํ.
ยํ กิฺจิ สุวณฺณตาปนโยคฺคองฺคารภาชนํ อิธ ‘‘อุกฺกา’’ติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘องฺคารกปลฺล’’นฺติ. สชฺเชยฺยาติ ยถา ตตฺถ ปกฺขิตฺตํ สุวณฺณํ ตปฺปติ, เอวํ ปฏิยาทิเยยฺย. อาลิมฺเปยฺยาติ อาทิเยยฺย, ชเลยฺยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ตตฺถ องฺคาเร…เป… คาหาเปยฺยา’’ติ. มูสาย วา ปกฺขิเปยฺยาติ ตตฺตเก วา ปกฺขิเปยฺย. อุปธาเรตีติ สลฺลกฺเขติ.
นิมิตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
โลณกปลฺลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.
๓. ตติยปณฺณาสกํ
(๑๑) ๑. สมฺโพธวคฺโค
๑-๓. ปุพฺเพวสมฺโพธสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๐๔-๑๐๖. ตติยสฺส ¶ ¶ ปเม สมฺโพธิโต ปุพฺเพวาติ สมฺโพโธ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณํ ‘‘สามํ สมฺมา พุชฺฌิ เอเตนา’’ติ กตฺวา, ตโต ปุพฺเพเยวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อริยมคฺคปฺปตฺติโต อปรภาเคเยวา’’ติ. โพธิสตฺตสฺเสว สโตติ เอตฺถ ยถา อุทกโต อุคฺคนฺตฺวา ิตํ ปริปากคตํ ปทุมํ สูริยรสฺมิสมฺผสฺเสน อวสฺสํ พุชฺฌิสฺสตีติ พุชฺฌนกปทุมนฺติ วุจฺจติ. เอวํ พุทฺธานํ สนฺติเก พฺยากรณสฺส ลทฺธตฺตา อวสฺสํ อนนฺตราเยน ปารมิโย ปูเรตฺวา พุชฺฌิสฺสตีติ พุชฺฌนกสตฺโตติ โพธิสตฺโต. เตนาห ‘‘พุชฺฌนกสตฺตสฺเสว…เป… อารภนฺตสฺเสว สโต’’ติ. ยา วา เอสา จตุมคฺคาณสงฺขาตา โพธิ, ‘‘ตํ โพธึ กุทาสฺสุ นามาหํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ ปตฺถยมาโน ปฏิปชฺชตีติ โพธิยํ สตฺโต อาสตฺโตติปิ โพธิสตฺโต. เตนาห ‘‘สมฺโพธิยา วา สตฺตสฺเสว ลคฺคสฺเสว สโต’’ติ.
อถ วา โพธีติ าณํ ‘‘พุชฺฌติ เอเตนา’’ติ กตฺวา, โพธิมา สตฺโต โพธิสตฺโต, ปุริมปเท อุตฺตรปทโลปํ กตฺวา ยถา ‘‘าณสตฺโต’’ติ, าณวา ปฺวา ปณฺฑิโต สตฺโตติ อตฺโถ. พุทฺธานฺหิ ปาทมูเล อภินีหารโต ปฏฺาย ปณฺฑิโตว โส สตฺโต, น อนฺธพาโลติ โพธิสตฺโต. เอวํ คุณวโต อุปฺปนฺนนามวเสน โพธิสตฺตสฺเสว สโต. อสฺสาทียตีติ อสฺสาโท, สุขํ. ตฺจ สาตาการลกฺขณนฺติ อาห ‘‘อสฺสาโทติ มธุรากาโร’’ติ. ฉนฺทราโค วินียติ เจว ปหียติ จ เอตฺถาติ นิพฺพานํ ‘‘ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานฺจา’’ติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘นิพฺพาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อาคมฺมาติ อิทํ โย ชโน ราคํ วิเนติ ปชหติ จ, ตสฺส อารมฺมณกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุติยตติยานิ อุตฺตานตฺถาเนว.
ปุพฺเพวสมฺโพธสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔-๙. สมณพฺราหฺมณสุตฺตาทิวณฺณนา
๑๐๗-๑๑๒. จตุตฺเถ ¶ ¶ สามฺนฺติ อริยมคฺโค, เตน อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต สามฺตฺถํ, อริยผลนฺติ อาห ‘‘สามฺตฺถนฺติ จตุพฺพิธํ อริยผล’’นฺติ. พฺรหฺมฺตฺถนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘อิตรํ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. อริยมคฺคสงฺขาตํ สามฺเมว วา อรณียโต สามฺตฺถนฺติ อาห ‘‘สามฺตฺเถน วา จตฺตาโร มคฺคา’’ติ. ปฺจมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.
สมณพฺราหฺมณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทุติยนิทานสุตฺตวณฺณนา
๑๑๓. ทสเม วิวฏฺฏคามิกมฺมานนฺติ วิวฏฺฏูปนิสฺสยกมฺมานํ. ตทภินิวตฺเตตีติ เอตฺถ ตํ-สทฺเทน ปจฺจามสนสฺส วิปากสฺส ปรามาโสติ อาห ‘‘ตํ อภินิวตฺเตตี’’ติ, ตํ วิปากํ อภิภวิตฺวา นิวตฺเตตีติ อตฺโถ. อิทานิ น เกวลํ วิปากสฺเสว ปรามาโส ตํ-สทฺเทน, อถ โข ฉนฺทราคฏฺานิยานํ ธมฺมานํ ตพฺพิปากสฺส จ ปรามาโส ทฏฺพฺโพติ อาห ‘‘ยทา วา เตนา’’ติอาทิ. เต เจว ธมฺเมติ เต ฉนฺทราคฏฺานิเย ธมฺเม. นิพฺพิชฺฌิตฺวา ปสฺสตีติ กิเลเส นิพฺพิชฺฌิตฺวา วิภูตํ ปากฏํ กตฺวา ปสฺสตีติ.
ทุติยนิทานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
สมฺโพธวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
(๑๒) ๒. อาปายิกวคฺโค
๑. อาปายิกสุตฺตวณฺณนา
๑๑๔. ทุติยสฺส ปเม อปาเยสุ นิพฺพตฺตนสีลตาย อปายูปคา อาปายิกาติ อาห ‘‘อปายํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ อาปายิกา’’ติ. อฺเ พฺรหฺมจาริโน สุนิวตฺเถ สุปารุเต สุมฺภกปตฺตธเร คามนิคมราชธานีสุ ¶ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺเต ทิสฺวา สยมฺปิ ตาทิเสน อากาเรน ¶ ตถาปฏิปชฺชนโต ‘‘อหํ พฺรหฺมจารี’’ติ ปฏิฺํ เทนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘พฺรหฺมจาริปฏิฺโติ พฺรหฺมจาริปฏิรูปโก’’ติ. ‘‘อหมฺปิ ภิกฺขู’’ติ วตฺวา อุโปสถงฺคาทีนิ ปวิสนฺโต ปน พฺรหฺมจาริปฏิฺโ โหติเยว, ตถา สงฺฆิกํ ลาภํ คณฺหนฺโต. เตนาห ‘‘เตสํ วา…เป… เอวํปฏิฺโ’’ติ. อกฺโกสตีติ ‘‘อสฺสมโณสิ, สมณปฏิฺโสี’’ติอาทินา อกฺโกสติ. ปริภาสตีติ ‘‘โส ตฺวํ ‘โหตุ, มุณฺฑกสมโณ อห’นฺติ มฺสิ, อิทานิ เต อสฺสมณภาวํ อาโรเปสฺสามี’’ติอาทินา วทนฺโต ปริภาสติ.
กิเลสกาโมปิ อสฺสาทิยมาโน วตฺถุกามนฺโตคโธเยว, กิเลสกามวเสน จ เตสํ อสฺสาทนํ สิยาติ อาห ‘‘กิเลสกาเมน วตฺถุกาเม เสวนฺตสฺสา’’ติ. กิเลสกาเมนาติ กรณตฺเถ กรณวจนํ. นตฺถิ โทโสติ อสฺสาเทตฺวา วิสยปริโภเค นตฺถิ อาทีนโว, ตปฺปจฺจยา น โกจิ อนฺตราโยติ อธิปฺปาโย. ปาตพฺพตํ อาปชฺชตีติ ปริภฺุชนกตํ อุปคจฺฉติ. ปริโภคตฺโถ หิ อยํ ปา-สทฺโท, กตฺตุสาธโน จ ตพฺพ-สทฺโท, ยถารุจิ ปริภฺุชตีติ อตฺโถ. ปิวิตพฺพตํ ปริภฺุชิตพฺพตนฺติ เอตฺถาปิ กตฺตุวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อาปายิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุลฺลภสุตฺตวณฺณนา
๑๑๕. ทุติเย ปเรน กตสฺส อุปการสฺส อนุรูปปฺปวตฺติ อตฺตนิ กตํ อุปการํ อุปการโต ชานนฺโต เวทิยนฺโต กตฺู กตเวทีติ อาห ‘‘อิมินา มยฺหํ กต’’นฺติอาทิ.
ทุลฺลภสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อปฺปเมยฺยสุตฺตวณฺณนา
๑๑๖. ตติเย สุเขน เมตพฺโพติ ยถา ปริตฺตสฺส อุทกสฺส สุเขน ปมาณํ คยฺหติ, เอวเมว ‘‘อุทฺธโต’’ติอาทินา ยถาวุตฺเตหิ อคุณงฺเคหิ ¶ สมนฺนาคตสฺส สุเขน ปมาณํ คยฺหตีติ, สุเขน เมตพฺโพ. ทุกฺเขน เมตพฺโพติ ยถา มหาสมุทฺทสฺส ทุกฺเขน ปมาณํ คยฺหติ, เอวเมว ‘‘อนุทฺธโต’’ติอาทินา ทสฺสิเตหิ คุณงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ทุกฺเขน ปมาณํ คยฺหติ, ‘‘อนาคามี ¶ นุ โข ขีณาสโว นุ โข’’ติ วตฺตพฺพตํ คจฺฉติ, เตเนส ทุกฺเขน เมตพฺโพ. ปเมตุํ น สกฺโกตีติ ยถา อากาสสฺส น สกฺกา ปมาณํ คเหตุํ, เอวํ ขีณาสวสฺส, เตเนส ปเมตุํ น สกฺกาติ อปฺปเมยฺโย.
สาราภาเวน ตุจฺฉตฺตา นโฬ วิย นโฬ, มาโนติ อาห ‘‘อุนฺนโฬติ อุคฺคตนโฬ’’ติ, อุฏฺิตตุจฺฉมาโนติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตุจฺฉมานํ อุกฺขิปิตฺวา ิโตติ อตฺโถ’’ติ. มโน หิ เสยฺยสฺส เสยฺโยติ สทิโสติ จ ปวตฺติยา วิเสสโต ตุจฺโฉ. จาปลฺเลนาติ จปลภาเวน, ตณฺหาโลลุปฺเปนาติ อตฺโถ. มุขโรติ มุเขน ผรุโส, ผรุสวาโจติ อตฺโถ. วิกิณฺณวาโจติ วิสฏวจโน สมฺผปฺปลาปิตาย อปริยนฺตวจโน. เตนาห ‘‘อสฺตวจโน’’ติ, ทิวสมฺปิ นิรตฺถกวจนํ ปลาปีติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺเตกคฺคตารหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธิรหิโต จณฺฑโสเต พทฺธนาวา วิย อนวฏฺิตกิริโย. ภนฺตจิตฺโตติ อนวฏฺิตจิตฺโต ปณฺณารุฬฺหวาลมิคสทิโส. วิวฏินฺทฺริโยติ สํวราภาเวน คิหิกาเล วิย อสํวุตจกฺขาทิอินฺทฺริโย.
อปฺปเมยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อาเนฺชสุตฺตวณฺณนา
๑๑๗. จตุตฺเถ สห พฺยยติ คจฺฉตีติ สหพฺโย, สหปวตฺตนโก. ตสฺส ภาโว สหพฺยตา, สหปวตฺตีติ อาห ‘‘สหภาวํ อุปปชฺชตี’’ติ. ‘‘ยาวตกํ เตสํ เทวานํ อายุปฺปมาณํ, ตํ สพฺพํ เขเปตฺวา นิรยมฺปิ คจฺฉตี’’ติอาทิวจนโต อรูปภวโต จุตสฺส อปายูปปตฺติ วุตฺตา วิย ทิสฺสตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ภควโต อธิปฺปายํ วิวรนฺโต ‘‘สนฺธายภาสิตมิทํ วจน’’นฺติ ทีเปติ ‘‘นิรยาทีหิ อวิปฺปมุตฺตตฺตา’’ติอาทินา. น หิ ตสฺส อุปจารชฺฌานโต พลวตรํ อกุสลํ อตฺถีติ. อิมินา ตโต จวนฺตานํ อุปจารชฺฌานเมว ปฏิสนฺธิชนกํ กมฺมนฺติ ทีเปติ. อธิกํ ¶ ปยสติ ปยุชฺชติ เอเตนาติ อธิปฺปยาโส, สวิเสสํ อิติกตฺตพฺพกิริยา. เตนาห ‘‘อธิกปฺปโยโค’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อาเนฺชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. วิปตฺติสมฺปทาสุตฺตวณฺณนา
๑๑๘. ปฺจเม ¶ ทินฺนนฺติ เทยฺยธมฺมสีเสน ทานํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทินฺนสฺส ผลาภาวํ สนฺธาย วทตี’’ติ. ทินฺนํ ปน อนฺนาทิวตฺถุํ กถํ ปฏิกฺขิปติ. เอส นโย ‘‘ยิฏฺํ หุต’’นฺติ เอตฺถ