📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
องฺคุตฺตรนิกาโย
ปฺจกนิปาตปาฬิ
๑. ปมปณฺณาสกํ
๑. เสขพลวคฺโค
๑. สํขิตฺตสุตฺตํ
๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, เสขพลานิ [เสกฺขพลานิ (ก.)]. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาพลํ, หิรีพลํ [หิริพลํ (สี. ปี.)], โอตฺตปฺปพลํ, วีริยพลํ [วิริยพลํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], ปฺาพลํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ เสขพลานิ.
‘‘ตสฺมาติห ¶ , ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘สทฺธาพเลน สมนฺนาคตา ภวิสฺสาม เสขพเลน, หิรีพเลน สมนฺนาคตา ภวิสฺสาม เสขพเลน, โอตฺตปฺปพเลน สมนฺนาคตา ภวิสฺสาม เสขพเลน, วีริยพเลน สมนฺนาคตา ภวิสฺสาม เสขพเลน, ปฺาพเลน สมนฺนาคตา ภวิสฺสาม เสขพเลนา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ. ปมํ.
๒. วิตฺถตสุตฺตํ
๒. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, เสขพลานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาพลํ, หิรีพลํ, โอตฺตปฺปพลํ, วีริยพลํ, ปฺาพลํ. กตมฺจ, ภิกฺขเว, สทฺธาพลํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สทฺธาพลํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, หิรีพลํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก หิริมา โหติ, หิรียติ กายทุจฺจริเตน วจีทุจฺจริเตน มโนทุจฺจริเตน, หิรียติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, หิรีพลํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, โอตฺตปฺปพลํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก โอตฺตปฺปี โหติ, โอตฺตปฺปติ กายทุจฺจริเตน วจีทุจฺจริเตน มโนทุจฺจริเตน, โอตฺตปฺปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, โอตฺตปฺปพลํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, วีริยพลํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วีริยพลํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ปฺาพลํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ¶ ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฺาพลํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ เสขพลานิ.
‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ¶ – ‘สทฺธาพเลน สมนฺนาคตา ภวิสฺสาม เสขพเลน, หิรีพเลน… โอตฺตปฺปพเลน ¶ … วีริยพเลน… ปฺาพเลน สมนฺนาคตา ภวิสฺสาม เสขพเลนา’ติ. เอวฺหิ โข, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทุติยํ.
๓. ทุกฺขสุตฺตํ
๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ วิหรติ สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํ, กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา ¶ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสฺสทฺโธ โหติ, อหิริโก โหติ, อโนตฺตปฺปี โหติ, กุสีโต โหติ, ทุปฺปฺโ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ วิหรติ สวิฆาตํ สอุปายาสํ สปริฬาหํ, กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทิฏฺเว ธมฺเม สุขํ วิหรติ อวิฆาตํ อนุปายาสํ อปริฬาหํ, กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา สุคติ ปาฏิกงฺขา. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, หิรีมา โหติ, โอตฺตปฺปี โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, ปฺวา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทิฏฺเว ธมฺเม สุขํ วิหรติ อวิฆาตํ อนุปายาสํ อปริฬาหํ, กายสฺส จ เภทา ปรํ มรณา สุคติ ปาฏิกงฺขา’’ติ. ตติยํ.
๔. ยถาภตสุตฺตํ
๔. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสฺสทฺโธ โหติ, อหิริโก โหติ, อโนตฺตปฺปี โหติ ¶ , กุสีโต โหติ ¶ , ทุปฺปฺโ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, หิรีมา โหติ, โอตฺตปฺปี โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, ปฺวา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. สิกฺขาสุตฺตํ
๕. ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ, ตสฺส ทิฏฺเว [ทิฏฺเ เจว (สี.)] ธมฺเม ปฺจ สหธมฺมิกา วาทานุปาตา [วาทานุวาทา (อ. นิ. ๘.๑๒; อ. นิ. ๓.๕๘)] คารยฺหา านา อาคจฺฉนฺติ. กตเม ปฺจ? สทฺธาปิ นาม เต นาโหสิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, หิรีปิ นาม เต นาโหสิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โอตฺตปฺปมฺปิ ¶ นาม เต นาโหสิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วีริยมฺปิ นาม เต นาโหสิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, ปฺาปิ นาม เต นาโหสิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ, ตสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม อิเม ปฺจ สหธมฺมิกา วาทานุปาตา คารยฺหา านา อาคจฺฉนฺติ.
‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา สหาปิ ทุกฺเขน สหาปิ โทมนสฺเสน อสฺสุมุโข [อสฺสุมุโขปิ (สฺยา.)] รุทมาโน ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ, ตสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม ปฺจ สหธมฺมิกา ปาสํสา านา [ปาสํสํ านํ (สฺยา.)] อาคจฺฉนฺติ. กตเม ¶ ปฺจ? สทฺธาปิ นาม เต อโหสิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, หิรีปิ นาม เต อโหสิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โอตฺตปฺปมฺปิ นาม เต อโหสิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วีริยมฺปิ นาม เต อโหสิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, ปฺาปิ นาม เต อโหสิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา สหาปิ ทุกฺเขน สหาปิ โทมนสฺเสน อสฺสุมุโข รุทมาโน ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ, ตสฺส ทิฏฺเว ¶ ธมฺเม อิเม ปฺจ สหธมฺมิกา ปาสํสา านา อาคจฺฉนฺตี’’ติ. ปฺจมํ.
๖. สมาปตฺติสุตฺตํ
๖. ‘‘น ¶ ตาว, ภิกฺขเว, อกุสลสฺส สมาปตฺติ โหติ ยาว สทฺธา ปจฺจุปฏฺิตา โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, สทฺธา อนฺตรหิตา โหติ, อสทฺธิยํ ปริยุฏฺาย ติฏฺติ; อถ อกุสลสฺส สมาปตฺติ โหติ.
‘‘น ตาว, ภิกฺขเว, อกุสลสฺส สมาปตฺติ โหติ ยาว หิรี ปจฺจุปฏฺิตา โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, หิรี อนฺตรหิตา โหติ, อหิริกํ ปริยุฏฺาย ติฏฺติ; อถ อกุสลสฺส สมาปตฺติ โหติ.
‘‘น ตาว, ภิกฺขเว, อกุสลสฺส สมาปตฺติ โหติ ยาว โอตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, โอตฺตปฺปํ อนฺตรหิตํ โหติ, อโนตฺตปฺปํ ปริยุฏฺาย ติฏฺติ; อถ อกุสลสฺส สมาปตฺติ โหติ.
‘‘น ¶ ตาว, ภิกฺขเว, อกุสลสฺส สมาปตฺติ โหติ ยาว วีริยํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, วีริยํ อนฺตรหิตํ โหติ, โกสชฺชํ ¶ ปริยุฏฺาย ติฏฺติ; อถ อกุสลสฺส สมาปตฺติ โหติ.
‘‘น ตาว, ภิกฺขเว, อกุสลสฺส สมาปตฺติ โหติ ยาว ปฺา ปจฺจุปฏฺิตา โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, ปฺา อนฺตรหิตา โหติ, ทุปฺปฺา [ทุปฺปฺํ (ก.)] ปริยุฏฺาย ติฏฺติ; อถ อกุสลสฺส สมาปตฺติ โหตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. กามสุตฺตํ
๗. ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, สตฺตา กาเมสุ ลฬิตา [ปลาฬิตา (สี.)]. อสิตพฺยาภงฺคึ [อสิตพฺยาภงฺคิ เจปิ (?)], ภิกฺขเว, กุลปุตฺโต โอหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ, ‘สทฺธาปพฺพชิโต กุลปุตฺโต’ติ อลํ วจนาย. ตํ กิสฺส เหตุ? ลพฺภา [ลพฺภา หิ (สฺยา.)], ภิกฺขเว, โยพฺพเนน กามา เต จ โข ยาทิสา วา ตาทิสา วา. เย จ, ภิกฺขเว, หีนา กามา เย จ มชฺฌิมา กามา เย จ ปณีตา กามา ¶ , สพฺเพ กามา ‘กามา’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉนฺติ. เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, ทหโร กุมาโร มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก ธาติยา ปมาทมนฺวาย กฏฺํ วา กลํ [กถลํ (ก.)] วา มุเข อาหเรยฺย. ตเมนํ ธาติ สีฆํ สีฆํ [สีฆสีฆํ (สี.)] มนสิ กเรยฺย; สีฆํ สีฆํ มนสิ กริตฺวา สีฆํ สีฆํ อาหเรยฺย. โน เจ สกฺกุเณยฺย สีฆํ สีฆํ อาหริตุํ, วาเมน หตฺเถน สีสํ ปริคฺคเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน วงฺกงฺคุลึ กริตฺวา สโลหิตมฺปิ อาหเรยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อตฺเถสา, ภิกฺขเว, กุมารสฺส วิเหสา; เนสา นตฺถี’ติ วทามิ. กรณียฺจ โข เอตํ [เอวํ (ก.)], ภิกฺขเว, ธาติยา อตฺถกามาย หิเตสินิยา อนุกมฺปิกาย, อนุกมฺปํ อุปาทาย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, โส กุมาโร วุทฺโธ ¶ โหติ อลํปฺโ, อนเปกฺขา ทานิ [อนเปกฺขา ปน (สี. สฺยา. กํ.)], ภิกฺขเว, ธาติ ตสฺมึ กุมาเร โหติ – ‘อตฺตคุตฺโต ทานิ กุมาโร นาลํ ปมาทายา’ติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ยาวกีวฺจ ภิกฺขุโน สทฺธาย อกตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, หิริยา อกตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โอตฺตปฺเปน อกตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วีริเยน อกตํ โหติ ¶ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, ปฺาย อกตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, อนุรกฺขิตพฺโพ ตาว เม โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โหติ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน สทฺธาย กตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, หิริยา กตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, โอตฺตปฺเปน กตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วีริเยน กตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, ปฺาย กตํ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, อนเปกฺโข ทานาหํ, ภิกฺขเว [ปนาหํ (สี. สฺยา. กํ.)], ตสฺมึ ภิกฺขุสฺมึ โหมิ – ‘อตฺตคุตฺโต ทานิ ภิกฺขุ นาลํ ปมาทายา’’’ติ. สตฺตมํ.
๘. จวนสุตฺตํ
๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. กตเมหิ ปฺจหิ? อสทฺโธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม ¶ . อหิริโก, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. อโนตฺตปฺปี, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. กุสีโต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. ทุปฺปฺโ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น จวติ ¶ , ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. หิรีมา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. โอตฺตปฺปี, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. อารทฺธวีริโย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. ปฺวา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปมอคารวสุตฺตํ
๙. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. กตเมหิ ปฺจหิ? อสฺสทฺโธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. อหิริโก, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. อโนตฺตปฺปี, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. กุสีโต ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. ทุปฺปฺโ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส จวติ, นปฺปติฏฺาติ สทฺธมฺเม.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. หิริมา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. โอตฺตปฺปี, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส ¶ น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. อารทฺธวีริโย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. ปฺวา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส น จวติ, ปติฏฺาติ สทฺธมฺเม’’ติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยอคารวสุตฺตํ
๑๐. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส อภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อสฺสทฺโธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส อภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. อหิริโก, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส อภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. อโนตฺตปฺปี, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส อภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. กุสีโต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส อภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. ทุปฺปฺโ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส อภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส อภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส ภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส ภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย ¶ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. หิรีมา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ…เป… โอตฺตปฺปี, ภิกฺขเว ¶ , ภิกฺขุ…เป… อารทฺธวีริโย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ…เป… ปฺวา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส ภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว ¶ , ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส ภพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตุ’’นฺติ. ทสมํ.
เสขพลวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
สํขิตฺตํ วิตฺถตํ ทุกฺขา, ภตํ สิกฺขาย ปฺจมํ;
สมาปตฺติ จ กาเมสุ, จวนา ทฺเว อคารวาติ.
๒. พลวคฺโค
๑. อนนุสฺสุตสุตฺตํ
๑๑. ‘‘ปุพฺพาหํ ¶ , ภิกฺขเว, อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ อภิฺาโวสานปารมิปฺปตฺโต ปฏิชานามิ. ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานิ, เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาพลํ, หิรีพลํ, โอตฺตปฺปพลํ, วีริยพลํ, ปฺาพลํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ตถาคตสฺส ตถาคตพลานิ เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตี’’ติ. ปมํ.
๒. กูฏสุตฺตํ
๑๒. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, เสขพลานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาพลํ, หิรีพลํ, โอตฺตปฺปพลํ, วีริยพลํ, ปฺาพลํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ เสขพลานิ. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺนํ เสขพลานํ เอตํ อคฺคํ เอตํ สงฺคาหิกํ เอตํ สงฺฆาตนิยํ, ยทิทํ ปฺาพลํ.
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว ¶ , กูฏาคารสฺส เอตํ อคฺคํ เอตํ สงฺคาหิกํ เอตํ สงฺฆาตนิยํ, ยทิทํ กูฏํ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเมสํ ปฺจนฺนํ เสขพลานํ เอตํ อคฺคํ เอตํ สงฺคาหิกํ เอตํ สงฺฆาตนิยํ, ยทิทํ ปฺาพลํ.
‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘สทฺธาพเลน สมนฺนาคตา ภวิสฺสาม เสขพเลน, หิรีพเลน… โอตฺตปฺปพเลน… วีริยพเลน… ปฺาพเลน สมนฺนาคตา ภวิสฺสาม เสขพเลนา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทุติยํ.
๓. สํขิตฺตสุตฺตํ
๑๓. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, พลานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาพลํ, วีริยพลํ, สติพลํ, สมาธิพลํ, ปฺาพลํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ พลานี’’ติ. ตติยํ.
๔. วิตฺถตสุตฺตํ
๑๔. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, พลานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาพลํ, วีริยพลํ, สติพลํ, สมาธิพลํ, ปฺาพลํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, สทฺธาพลํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ ¶ . อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สทฺธาพลํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, วีริยพลํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วีริยพลํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว ¶ , สติพลํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก สติมา โหติ ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สติพลํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, สมาธิพลํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ¶ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ ¶ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมาธิพลํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ปฺาพลํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฺาพลํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ พลานี’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. ทฏฺพฺพสุตฺตํ
๑๕. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, พลานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาพลํ, วีริยพลํ, สติพลํ, สมาธิพลํ, ปฺาพลํ ¶ . กตฺถ จ, ภิกฺขเว, สทฺธาพลํ ทฏฺพฺพํ? จตูสุ โสตาปตฺติยงฺเคสุ. เอตฺถ สทฺธาพลํ ทฏฺพฺพํ. กตฺถ จ, ภิกฺขเว, วีริยพลํ ทฏฺพฺพํ? จตูสุ สมฺมปฺปธาเนสุ. เอตฺถ วีริยพลํ ¶ ทฏฺพฺพํ. กตฺถ จ, ภิกฺขเว, สติพลํ ทฏฺพฺพํ? จตูสุ สติปฏฺาเนสุ. เอตฺถ สติพลํ ทฏฺพฺพํ. กตฺถ จ, ภิกฺขเว, สมาธิพลํ ทฏฺพฺพํ? จตูสุ ฌาเนสุ. เอตฺถ สมาธิพลํ ทฏฺพฺพํ. กตฺถ จ, ภิกฺขเว, ปฺาพลํ ทฏฺพฺพํ? จตูสุ อริยสจฺเจสุ. เอตฺถ ปฺาพลํ ทฏฺพฺพํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ พลานี’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ปุนกูฏสุตฺตํ
๑๖. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, พลานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาพลํ, วีริยพลํ, สติพลํ, สมาธิพลํ, ปฺาพลํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ พลานิ. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺนํ พลานํ เอตํ อคฺคํ เอตํ สงฺคาหิกํ เอตํ สงฺฆาตนิยํ, ยทิทํ ปฺาพลํ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กูฏาคารสฺส เอตํ อคฺคํ เอตํ สงฺคาหิกํ เอตํ สงฺฆาตนิยํ, ยทิทํ กูฏํ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเมสํ ปฺจนฺนํ พลานํ เอตํ อคฺคํ เอตํ สงฺคาหิกํ เอตํ สงฺฆาตนิยํ, ยทิทํ ปฺาพล’’นฺติ. ฉฏฺํ.
๗. ปมหิตสุตฺตํ
๑๗. ‘‘ปฺจหิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, โน ปรหิตาย. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตนา สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ สีลสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ สมาธิสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ ปฺาสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ วิมุตฺติสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย สมาทเปติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ¶ ภิกฺขุ อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, โน ปรหิตายา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ทุติยหิตสุตฺตํ
๑๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ปรหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, โน อตฺตหิตาย. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตนา น สีลสมฺปนฺโน โหติ, ปรํ สีลสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา น สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, ปรํ สมาธิสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา น ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, ปรํ ปฺาสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา น วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, ปรํ วิมุตฺติสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา น วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ, ปรํ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย สมาทเปติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ปรหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, โน อตฺตหิตายา’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ตติยหิตสุตฺตํ
๑๙. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ เนว อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, โน ปรหิตาย. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตนา น สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ สีลสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา น สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ สมาธิสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา น ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ ปฺาสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา น วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ วิมุตฺติสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา น วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย สมาทเปติ. อิเมหิ ¶ โข ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ เนว อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, โน ปรหิตายา’’ติ. นวมํ.
๑๐. จตุตฺถหิตสุตฺตํ
๒๐. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อตฺตหิตาย จ ปฏิปนฺโน โหติ ปรหิตาย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน โหติ, ปรฺจ สีลสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, ปรฺจ สมาธิสมฺปทาย สมาทเปติ, อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, ปรฺจ ปฺาสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, ปรฺจ วิมุตฺติสมฺปทาย สมาทเปติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ, ปรฺจ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย สมาทเปติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อตฺตหิตาย จ ปฏิปนฺโน โหติ ปรหิตาย จา’’ติ. ทสมํ.
พลวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
อนนุสฺสุตกูฏฺจ, สํขิตฺตํ วิตฺถเตน จ;
ทฏฺพฺพฺจ ปุน กูฏํ, จตฺตาโรปิ หิเตน จาติ.
๓. ปฺจงฺคิกวคฺโค
๑. ปมอคารวสุตฺตํ
๒๑. ‘‘โส ¶ วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส อสภาควุตฺติโก ‘สพฺรหฺมจารีสุ อาภิสมาจาริกํ ธมฺมํ ¶ ปริปูเรสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘อาภิสมาจาริกํ ธมฺมํ อปริปูเรตฺวา เสขํ [เสกฺขํ (ก.)] ธมฺมํ ปริปูเรสฺสตี’ติ เนตํ ¶ านํ วิชฺชติ. ‘เสขํ ธมฺมํ อปริปูเรตฺวา สีลานิ ปริปูเรสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘สีลานิ อปริปูเรตฺวา สมฺมาทิฏฺึ ปริปูเรสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘สมฺมาทิฏฺึ อปริปูเรตฺวา สมฺมาสมาธึ ปริปูเรสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ.
‘‘โส ¶ วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส สภาควุตฺติโก ‘สพฺรหฺมจารีสุ อาภิสมาจาริกํ ธมฺมํ ปริปูเรสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชติ. ‘อาภิสมาจาริกํ ธมฺมํ ปริปูเรตฺวา เสขํ ธมฺมํ ปริปูเรสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชติ. ‘เสขํ ธมฺมํ ปริปูเรตฺวา สีลานิ ปริปูเรสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชติ. ‘สีลานิ ปริปูเรตฺวา สมฺมาทิฏฺึ ปริปูเรสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชติ. ‘สมฺมาทิฏฺึ ปริปูเรตฺวา สมฺมาสมาธึ ปริปูเรสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชตี’’ติ. ปมํ.
๒. ทุติยอคารวสุตฺตํ
๒๒. ‘‘โส ¶ วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อคารโว อปฺปติสฺโส อสภาควุตฺติโก ‘สพฺรหฺมจารีสุ อาภิสมาจาริกํ ธมฺมํ ปริปูเรสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘อาภิสมาจาริกํ ธมฺมํ อปริปูเรตฺวา เสขํ ธมฺมํ ปริปูเรสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘เสขํ ธมฺมํ อปริปูเรตฺวา สีลกฺขนฺธํ ปริปูเรสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘สีลกฺขนฺธํ อปริปูเรตฺวา สมาธิกฺขนฺธํ ปริปูเรสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ‘สมาธิกฺขนฺธํ อปริปูเรตฺวา ปฺากฺขนฺธํ ปริปูเรสฺสตี’ติ เนตํ านํ วิชฺชติ.
‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส สภาควุตฺติโก ‘สพฺรหฺมจารีสุ อาภิสมาจาริกํ ธมฺมํ ปริปูเรสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชติ. ‘อาภิสมาจาริกํ ธมฺมํ ปริปูเรตฺวา เสขํ ธมฺมํ ปริปูเรสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชติ. เสขํ ธมฺมํ ปริปูเรตฺวา สีลกฺขนฺธํ ปริปูเรสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชติ. ‘สีลกฺขนฺธํ ปริปูเรตฺวา สมาธิกฺขนฺธํ ¶ ปริปูเรสฺสตี’ติ านเมตํ ¶ วิชฺชติ. ‘สมาธิกฺขนฺธํ ปริปูเรตฺวา ปฺากฺขนฺธํ ปริปูเรสฺสตี’ติ านเมตํ วิชฺชตี’’ติ. ทุติยํ.
๓. อุปกฺกิเลสสุตฺตํ
๒๓. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ชาตรูปสฺส อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺํ ชาตรูปํ น เจว มุทุ โหติ น จ กมฺมนิยํ น จ ปภสฺสรํ ปภงฺคุ จ น จ สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. กตเม ปฺจ? อโย, โลหํ, ติปุ, สีสํ, สชฺฌํ [สชฺฌุ (สี.)] – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ชาตรูปสฺส อุปกฺกิเลสา ¶ , เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺํ ชาตรูปํ น เจว มุทุ โหติ น จ กมฺมนิยํ น จ ปภสฺสรํ ปภงฺคุ จ น จ สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, ชาตรูปํ อิเมหิ ปฺจหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิมุตฺตํ [วิปฺปมุตฺตํ (สี.)] โหติ, ตํ โหติ ชาตรูปํ มุทุ จ กมฺมนิยฺจ ปภสฺสรฺจ น จ ปภงฺคุ สมฺมา อุเปติ กมฺมาย. ยสฺสา ยสฺสา จ [ยสฺส กสฺสจิ (สฺยา. ปี.)] ปิฬนฺธนวิกติยา อากงฺขติ – ยทิ มุทฺทิกาย ยทิ กุณฺฑลาย ยทิ คีเวยฺยกาย [คีเวยฺยเกน (สฺยา. กํ. ก., อ. นิ. ๓.๑๐๒)] ยทิ สุวณฺณมาลาย – ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺํ จิตฺตํ น เจว มุทุ โหติ น จ กมฺมนิยํ น จ ปภสฺสรํ ปภงฺคุ จ น จ สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย. กตเม ปฺจ? กามจฺฉนฺโท, พฺยาปาโท, ถินมิทฺธํ [ถีนมิทฺธํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, วิจิกิจฺฉา – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺํ จิตฺตํ น เจว มุทุ โหติ น จ กมฺมนิยํ น จ ปภสฺสรํ ปภงฺคุ จ น จ สมฺมา ¶ สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, จิตฺตํ อิเมหิ ปฺจหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิมุตฺตํ โหติ, ตํ โหติ จิตฺตํ มุทุ จ กมฺมนิยฺจ ¶ ปภสฺสรฺจ น จ ปภงฺคุ สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยาย. ยสฺส ยสฺส จ อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส ¶ สเจ อากงฺขติ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา อสฺสํ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก อสฺสํ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กเรยฺยํ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาโน คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กเมยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย [จนฺทิมสุริเย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมเสยฺยํ [ปรามเสยฺยํ (ก.)] ปริมชฺเชยฺยํ ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส ¶ สเจ อากงฺขติ – ‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุเณยฺยํ – ทิพฺเพ จ มานุเส จ เย ทูเร สนฺติเก จา’ติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชาเนยฺยํ – สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตราคํ วา จิตฺตํ วีตราคํ จิตฺตนฺติ ¶ ปชาเนยฺยํ, สโทสํ วา จิตฺตํ สโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโทสํ วา ¶ จิตฺตํ วีตโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, สโมหํ วา จิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ วีตโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ สํขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, มหคฺคตํ วา จิตฺตํ มหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ อมหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ สอุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ อนุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, สมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ อสมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺยํ, เสยฺยถิทํ [เสยฺยถีทํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตารีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ ¶ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต ¶ จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโนติ, อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส ¶ ¶ สเจ อากงฺขติ – ‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺเสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺยํ – อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนาติ, อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺเสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน’’ติ. ตติยํ.
๔. ทุสฺสีลสุตฺตํ
๒๔. [อ. นิ. ๕.๑๖๘; ๖.๕๐; ๗.๖๕] ‘‘ทุสฺสีลสฺส ¶ , ภิกฺขเว, สีลวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ สมฺมาสมาธิ; สมฺมาสมาธิมฺหิ อสติ สมฺมาสมาธิวิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ ยถาภูตาณทสฺสนํ; ยถาภูตาณทสฺสเน อสติ ยถาภูตาณทสฺสนวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ นิพฺพิทาวิราโค; นิพฺพิทาวิราเค อสติ นิพฺพิทาวิราควิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ. เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, รุกฺโข สาขาปลาสวิปนฺโน. ตสฺส ปปฏิกาปิ น ปาริปูรึ คจฺฉติ, ตโจปิ น ปาริปูรึ ¶ คจฺฉติ, เผคฺคุปิ น ปาริปูรึ คจฺฉติ, สาโรปิ น ปาริปูรึ คจฺฉติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ทุสฺสีลสฺส สีลวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ สมฺมาสมาธิ; สมฺมาสมาธิมฺหิ อสติ สมฺมาสมาธิวิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ ยถาภูตาณทสฺสนํ; ยถาภูตาณทสฺสเน อสติ ยถาภูตาณทสฺสนวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ ¶ นิพฺพิทาวิราโค; นิพฺพิทาวิราเค อสติ นิพฺพิทาวิราควิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ.
‘‘สีลวโต, ภิกฺขเว, สีลสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ สมฺมาสมาธิ; สมฺมาสมาธิมฺหิ สติ สมฺมาสมาธิสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ ยถาภูตาณทสฺสนํ; ยถาภูตาณทสฺสเน สติ ยถาภูตาณทสฺสนสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ นิพฺพิทาวิราโค; นิพฺพิทาวิราเค สติ นิพฺพิทาวิราคสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, รุกฺโข สาขาปลาสสมฺปนฺโน. ตสฺส ปปฏิกาปิ ปาริปูรึ คจฺฉติ, ตโจปิ ปาริปูรึ คจฺฉติ, เผคฺคุปิ ปาริปูรึ คจฺฉติ, สาโรปิ ปาริปูรึ คจฺฉติ; เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ สมฺมาสมาธิ; สมฺมาสมาธิมฺหิ สติ สมฺมาสมาธิสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ ยถาภูตาณทสฺสนํ; ยถาภูตาณทสฺสเน สติ ยถาภูตาณทสฺสนสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ นิพฺพิทาวิราโค; นิพฺพิทาวิราเค สติ นิพฺพิทาวิราคสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ วิมุตฺติาณทสฺสน’’นฺติ. จตุตฺถํ.
๕. อนุคฺคหิตสุตฺตํ
๒๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ อนุคฺคหิตา สมฺมาทิฏฺิ เจโตวิมุตฺติผลา จ โหติ เจโตวิมุตฺติผลานิสํสา จ, ปฺาวิมุตฺติผลา จ โหติ ปฺาวิมุตฺติผลานิสํสา จ.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, สมฺมาทิฏฺิ สีลานุคฺคหิตา จ โหติ, สุตานุคฺคหิตา จ โหติ, สากจฺฉานุคฺคหิตา จ โหติ, สมถานุคฺคหิตา จ โหติ, วิปสฺสนานุคฺคหิตา จ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ อนุคฺคหิตา สมฺมาทิฏฺิ เจโตวิมุตฺติผลา จ โหติ เจโตวิมุตฺติผลานิสํสา จ, ปฺาวิมุตฺติผลา จ โหติ ปฺาวิมุตฺติผลานิสํสา จา’’ติ. ปฺจมํ.
๖. วิมุตฺตายตนสุตฺตํ
๒๖. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, วิมุตฺตายตนานิ ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา ¶ วา อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตํ วา อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ อฺตโร วา ครุฏฺานิโย สพฺรหฺมจารี. ยถา ยถา, ภิกฺขเว, ตสฺส ภิกฺขุโน สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อฺตโร ¶ วา ครุฏฺานิโย สพฺรหฺมจารี, ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จ. ตสฺส อตฺถปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ [ปามุชฺชํ (สี. สฺยา. กํ.) ที. นิ. ๓.๓๒๒] ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ [เวทิยติ (สี.)]. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ วิมุตฺตายตนํ ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา วา อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตํ วา อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อฺตโร วา ครุฏฺานิโย สพฺรหฺมจารี, อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ. ยถา ยถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ¶ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จ. ตสฺส อตฺถปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ วิมุตฺตายตนํ ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา วา อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตํ วา อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อฺตโร วา ครุฏฺานิโย สพฺรหฺมจารี, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ. ยถา ยถา, ภิกฺขเว ¶ , ภิกฺขุ ยถาสุตํ ¶ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จ. ตสฺส อตฺถปฏิสํเวทิโน ¶ ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ วิมุตฺตายตนํ ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน…เป… โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ, อฺตโร วา ครุฏฺานิโย สพฺรหฺมจารี, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ; อปิ จ โข ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติ. ยถา ยถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ¶ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติ ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จ. ตสฺส อตฺถปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อิทํ, ภิกฺขเว, จตุตฺถํ วิมุตฺตายตนํ ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา วา อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตํ วา อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน น เหว โข สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ อฺตโร วา ครุฏฺานิโย สพฺรหฺมจารี, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ ¶ , นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ, นาปิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติ; อปิ จ ขฺวสฺส อฺตรํ สมาธินิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ โหติ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ สุปฺปฏิวิทฺธํ ปฺาย. ยถา ยถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อฺตรํ สมาธินิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ โหติ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ สุปฺปฏิวิทฺธํ ปฺาย ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จ. ตสฺส อตฺถปฏิสํเวทิโน ธมฺมปฏิสํเวทิโน ปาโมชฺชํ ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ. สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปฺจมํ วิมุตฺตายตนํ ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส ¶ วิหรโต ¶ อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ¶ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา วา อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตํ วา อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ.
‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ วิมุตฺตายตนานิ ยตฺถ ภิกฺขุโน อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อปริกฺขีณา วา อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตํ วา อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. สมาธิสุตฺตํ
๒๗. ‘‘สมาธึ, ภิกฺขเว, ภาเวถ อปฺปมาณํ นิปกา ปติสฺสตา. สมาธึ, ภิกฺขเว, ภาวยตํ อปฺปมาณํ นิปกานํ ปติสฺสตานํ ปฺจ าณานิ ปจฺจตฺตฺเว อุปฺปชฺชนฺติ. กตมานิ ปฺจ? ‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติฺจ สุขวิปาโก’ติ ปจฺจตฺตฺเว าณํ อุปฺปชฺชติ, ‘อยํ สมาธิ อริโย นิรามิโส’ติ ปจฺจตฺตฺเว าณํ อุปฺปชฺชติ, ‘อยํ สมาธิ อกาปุริสเสวิโต’ติ [มหาปุริสเสวิโตติ (ก.)] ปจฺจตฺตฺเว าณํ อุปฺปชฺชติ, ‘อยํ สมาธิ สนฺโต ¶ ปณีโต ปฏิปฺปสฺสทฺธลทฺโธ เอโกทิภาวาธิคโต, น สงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต’ติ [น จ สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตปฺปติโตติ (สี.), น จ สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตปตฺโตติ (สฺยา.), น จ สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริวาวโฏติ (ก.), น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริยาธิคโตติ (?) ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๓.๑๐๒; ๙.๒๗] ปจฺจตฺตฺเว าณํ อุปฺปชฺชติ, ‘สโต โข ปนาหํ อิมํ สมาปชฺชามิ สโต วุฏฺหามี’ติ [โส โข ปนาหํ อิมํ สมาธึ สโตว สมาปชฺชามิ, สโต อุฏฺหามีติ (สี. สฺยา. กํ.)] ปจฺจตฺตฺเว าณํ อุปฺปชฺชติ.
‘‘สมาธึ, ภิกฺขเว, ภาเวถ อปฺปมาณํ นิปกา ปติสฺสตา. สมาธึ, ภิกฺขเว, ภาวยตํ อปฺปมาณํ นิปกานํ ปติสฺสตานํ อิมานิ ปฺจ าณานิ ปจฺจตฺตฺเว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ปฺจงฺคิกสุตฺตํ
๒๘. ‘‘อริยสฺส ¶ , ภิกฺขเว, ปฺจงฺคิกสฺส สมฺมาสมาธิสฺส ภาวนํ เทเสสฺสามิ. ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘กตมา ¶ จ, ภิกฺขเว, อริยสฺส ปฺจงฺคิกสฺส สมฺมาสมาธิสฺส ภาวนา? อิธ, ภิกฺขเว ¶ , ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส วิเวกเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทกฺโข นฺหาปโก [นหาปโก (สี. ปี.)] วา นฺหาปกนฺเตวาสี วา กํสถาเล นฺหานียจุณฺณานิ [นหานียจุณฺณานิ (สี. ปี.)] อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกํ สนฺเนยฺย. สายํ นฺหานียปิณฺฑิ [สาสฺส นหานียปิณฺฑี (สี. สฺยา. กํ.)] สฺเนหานุคตา สฺเนหปเรตา สนฺตรพาหิรา ผุฏา สฺเนเหน, น จ ปคฺฆรินี. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส วิเวกเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ. อริยสฺส, ภิกฺขเว, ปฺจงฺคิกสฺส สมฺมาสมาธิสฺส อยํ ปมา ภาวนา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรติ. โส อิมเมว กายํ สมาธิเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส สมาธิเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุทกรหโท คมฺภีโร อุพฺภิโททโก [อุพฺภิโตทโก (สฺยา. กํ. ก.)]. ตสฺส เนวสฺส ปุรตฺถิมาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, น ปจฺฉิมาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, น อุตฺตราย ทิสาย ¶ อุทกสฺส อายมุขํ, น ทกฺขิณาย ทิสาย อุทกสฺส อายมุขํ, เทโว จ กาเลน กาลํ สมฺมา ธารํ นานุปฺปเวจฺเฉยฺย [เทโว จ น กาเลน… อนุปเวจฺเฉยฺย (ที. นิ. ๑.๒๒๗ อาทโย; ม. นิ. ๒.๒๕๑ อาทโย]. อถ โข ตมฺหาว อุทกรหทา สีตา วาริธารา อุพฺภิชฺชิตฺวา ตเมว อุทกรหทํ สีเตน วารินา อภิสนฺเทยฺย ปริสนฺเทยฺย ปริปูเรยฺย ปริปฺผเรยฺย; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต อุทกรหทสฺส สีเตน วารินา อปฺผุฏํ อสฺส. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ สมาธิเชน ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส สมาธิเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหติ. อริยสฺส, ภิกฺขเว, ปฺจงฺคิกสฺส สมฺมาสมาธิสฺส อยํ ทุติยา ภาวนา.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา…เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ นิปฺปีติเกน สุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส นิปฺปีติเกน สุเขน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุปฺปลินิยํ วา ปทุมินิยํ วา ปุณฺฑรีกินิยํ ¶ วา อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโต นิมุคฺคโปสีนิ. ตานิ ยาว ¶ จคฺคา ยาว จ มูลา สีเตน วารินา อภิสนฺนานิ ปริสนฺนานิ ปริปูรานิ ปริปฺผุฏานิ; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวตํ อุปฺปลานํ วา ปทุมานํ วา ปุณฺฑรีกานํ วา สีเตน วารินา อปฺผุฏํ อสฺส. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ นิปฺปีติเกน สุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรติ; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส นิปฺปีติเกน สุเขน อปฺผุฏํ โหติ. อริยสฺส, ภิกฺขเว, ปฺจงฺคิกสฺส สมฺมาสมาธิสฺส อยํ ตติยา ภาวนา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ¶ …เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิมเมว กายํ ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน ผริตฺวา นิสินฺโน โหติ; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน อปฺผุฏํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส โอทาเตน วตฺเถน สสีสํ ปารุปิตฺวา นิสินฺโน อสฺส; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส โอทาเตน วตฺเถน อปฺผุฏํ อสฺส. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน ผริตฺวา นิสินฺโน โหติ; นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตน อปฺผุฏํ โหติ. อริยสฺส, ภิกฺขเว, ปฺจงฺคิกสฺส สมฺมาสมาธิสฺส อยํ จตุตฺถา ภาวนา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณานิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ โหติ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ สุปฺปฏิวิทฺธํ ปฺาย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อฺโว อฺํ [อฺโ วา อฺํ วา (สี.), อฺโ วา อฺํ (สฺยา. กํ.), อฺโ อฺํ (?)] ปจฺจเวกฺเขยฺย, ิโต วา นิสินฺนํ ปจฺจเวกฺเขยฺย, นิสินฺโน วา นิปนฺนํ ปจฺจเวกฺเขยฺย. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณานิมิตฺตํ ¶ สุคฺคหิตํ โหติ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ สุปฺปฏิวิทฺธํ ปฺาย. อริยสฺส, ภิกฺขเว, ปฺจงฺคิกสฺส สมฺมาสมาธิสฺส อยํ ปฺจมา [ปฺจมี (สี.)] ภาวนา. เอวํ ภาวิเต โข ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ [เอวํ ภาวิเต โข ภิกฺขเว (สี.)] อริเย ปฺจงฺคิเก สมฺมาสมาธิมฺหิ เอวํ พหุลีกเต ยสฺส ยสฺส อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุทกมณิโก อาธาเร ปิโต ปูโร อุทกสฺส สมติตฺติโก กากเปยฺโย ¶ . ตเมนํ พลวา ปุริโส ยโต ยโต อาวชฺเชยฺย [อาวฏฺเฏยฺย (สฺยา. กํ.)], อาคจฺเฉยฺย อุทก’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ ¶ . ‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ภาวิเต อริเย ปฺจงฺคิเก สมฺมาสมาธิมฺหิ เอวํ พหุลีกเต ยสฺส ยสฺส อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สเม ภูมิภาเค โปกฺขรณี จตุรํสา อาลิพทฺธา ปูรา อุทกสฺส สมติตฺติกา กากเปยฺยา. ตเมนํ พลวา ปุริโส ยโต ยโต อาลึ มฺุเจยฺย, อาคจฺเฉยฺย อุทก’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’. ‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ภาวิเต อริเย ปฺจงฺคิเก สมฺมาสมาธิมฺหิ เอวํ พหุลีกเต ยสฺส ยสฺส อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส…เป… สติ สติ อายตเน.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุภูมิยํ จตุมหาปเถ [จาตุมฺมหาปเถ (สี. ปี.), จตุมฺมหาปเถ (สฺยา. กํ.)] อาชฺรโถ ยุตฺโต อสฺส ิโต โอธสฺตปโตโท ¶ . ตเมนํ ทกฺโข โยคฺคาจริโย อสฺสทมฺมสารถิ อภิรุหิตฺวา วาเมน หตฺเถน รสฺมิโย คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน ปโตทํ คเหตฺวา เยนิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ สาเรยฺยปิ ปจฺจาสาเรยฺยปิ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ภาวิเต อริเย ปฺจงฺคิเก สมฺมาสมาธิมฺหิ เอวํ พหุลีกเต ยสฺส ยสฺส อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ ¶ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา อสฺสํ…เป… ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส ¶ สเจ อากงฺขติ – ‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุเณยฺยํ – ทิพฺเพ จ มานุเส จ เย ทูเร สนฺติเก จา’ติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส สเจ อกงฺขติ – ‘ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชาเนยฺยํ – สราคํ ¶ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตราคํ วา จิตฺตํ วีตราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, สโทสํ วา จิตฺตํ… วีตโทสํ วา จิตฺตํ… สโมหํ วา จิตฺตํ… วีตโมหํ วา จิตฺตํ… สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ… วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ… มหคฺคตํ วา จิตฺตํ… อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ… สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ… อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ… สมาหิตํ วา จิตฺตํ… อสมาหิตํ วา จิตฺตํ… วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ… อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺยํ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ, ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน…เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว ¶ สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส สเจ อากงฺขติ – ‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติ อายตเน’’ติ. อฏฺมํ.
๙. จงฺกมสุตฺตํ
๒๙. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, จงฺกเม อานิสํสา. กตเม ปฺจ? อทฺธานกฺขโม ¶ โหติ, ปธานกฺขโม โหติ, อปฺปาพาโธ โหติ, อสิตํ ปีตํ ขายิตํ สายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉติ, จงฺกมาธิคโต สมาธิ จิรฏฺิติโก โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ จงฺกเม อานิสํสา’’ติ. นวมํ.
๑๐. นาคิตสุตฺตํ
๓๐. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน อิจฺฉานงฺคลํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ¶ อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ. อสฺโสสุํ โข อิจฺฉานงฺคลกา [อิจฺฉานงฺคลิกา (สี.) อ. นิ. ๖.๔๒; อ. นิ. ๘.๘๖] พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต อิจฺฉานงฺคลํ อนุปฺปตฺโต; อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ, สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ ¶ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ. อถ โข อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย เยน อิจฺฉานงฺคลวนสณฺโฑ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา พหิทฺวารโกฏฺเก อฏฺํสุ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา.
เตน ¶ โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคิโต ภควโต อุปฏฺาโก โหติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นาคิตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เก ปน โข, นาคิต, อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา, เกวฏฺฏา มฺเ มจฺฉวิโลเป’’ติ? ‘‘เอเต, ภนฺเต, อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย พหิทฺวารโกฏฺเก ิตา ภควนฺตฺเว อุทฺทิสฺส ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ. ‘‘มาหํ, นาคิต, ยเสน สมาคมํ, มา จ มยา ยโส. โย โข, นาคิต, นยิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อสฺส อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี ¶ อกสิรลาภี. โส ตํ [โสหํ (ก.), โส (สฺยา. กํ.)] มีฬฺหสุขํ มิทฺธสุขํ ลาภสกฺการสิโลกสุขํ สาทิเยยฺยา’’ติ.
‘‘อธิวาเสตุ ทานิ, ภนฺเต, ภควา, อธิวาเสตุ สุคโต; อธิวาสนกาโล ทานิ, ภนฺเต, ภควโต. เยน เยเนว ทานิ ภควา คมิสฺสติ ตํนินฺนาว คมิสฺสนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จ. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสนฺเต ยถานินฺนํ อุทกานิ ปวตฺตนฺติ; เอวเมวํ โข, ภนฺเต, เยน เยเนว ทานิ ภควา คมิสฺสติ, ตํนินฺนาว คมิสฺสนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ¶ ชานปทา จ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ, ภนฺเต, ภควโต สีลปฺาณ’’นฺติ.
‘‘มาหํ ¶ , นาคิต, ยเสน สมาคมํ, มา จ มยา ยโส. โย โข, นาคิต, นยิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อสฺส อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สมฺโพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. โส ตํ มีฬฺหสุขํ มิทฺธสุขํ ลาภสกฺการสิโลกสุขํ สาทิเยยฺย. อสิตปีตขายิตสายิตสฺส ¶ โข, นาคิต, อุจฺจารปสฺสาโว – เอโส ตสฺส นิสฺสนฺโท. ปิยานํ โข, นาคิต, วิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺชนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา – เอโส ตสฺส นิสฺสนฺโท. อสุภนิมิตฺตานุโยคํ อนุยุตฺตสฺส โข, นาคิต, สุภนิมิตฺเต ปาฏิกุลฺยตา [ปฏิกฺกูลตา (สี.), ปฏิกฺกูลฺยตา (สฺยา. กํ.)] สณฺาติ – เอโส ตสฺส นิสฺสนฺโท. ฉสุ โข, นาคิต, ผสฺสายตเนสุ อนิจฺจานุปสฺสิโน วิหรโต ผสฺเส ปาฏิกุลฺยตา สณฺาติ – เอโส ตสฺส นิสฺสนฺโท. ปฺจสุ โข, นาคิต, อุปาทานกฺขนฺเธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสิโน วิหรโต อุปาทาเน ปาฏิกุลฺยตา สณฺาติ – เอโส ตสฺส นิสฺสนฺโท’’ติ. ทสมํ.
ปฺจงฺคิกวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทฺเว อคารวุปกฺกิเลสา, ทุสฺสีลานุคฺคหิเตน จ;
วิมุตฺติสมาธิปฺจงฺคิกา, จงฺกมํ นาคิเตน จาติ.
๔. สุมนวคฺโค
๑. สุมนสุตฺตํ
๓๑. เอกํ ¶ ¶ ¶ สมยํ…เป… อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สุมนา ราชกุมารี ปฺจหิ รถสเตหิ ปฺจหิ ราชกุมาริสเตหิ ปริวุตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข สุมนา ราชกุมารี ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘อิธสฺสุ, ภนฺเต, ภควโต ทฺเว สาวกา สมสทฺธา สมสีลา สมปฺา – เอโก ทายโก, เอโก อทายโก. เต กายสฺส เภทา ¶ ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยุํ. เทวภูตานํ ปน เนสํ [เตสํ (สี.)], ภนฺเต, สิยา วิเสโส, สิยา นานากรณ’’นฺติ?
‘‘สิยา, สุมเน’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ เทวภูโต สมาโน ปฺจหิ าเนหิ อธิคณฺหาติ – ทิพฺเพน อายุนา, ทิพฺเพน วณฺเณน, ทิพฺเพน สุเขน, ทิพฺเพน ยเสน, ทิพฺเพน อาธิปเตยฺเยน. โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ เทวภูโต สมาโน อิเมหิ ปฺจหิ าเนหิ อธิคณฺหาติ’’.
‘‘สเจ ปน เต, ภนฺเต, ตโต จุตา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉนฺติ, มนุสฺสภูตานํ ปน เนสํ, ภนฺเต, สิยา วิเสโส, สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘สิยา, สุมเน’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ มนุสฺสภูโต สมาโน ปฺจหิ าเนหิ อธิคณฺหาติ – มานุสเกน อายุนา, มานุสเกน วณฺเณน, มานุสเกน สุเขน, มานุสเกน ยเสน, มานุสเกน อาธิปเตยฺเยน. โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ มนุสฺสภูโต สมาโน อิเมหิ ปฺจหิ าเนหิ อธิคณฺหาติ’’.
‘‘สเจ ¶ ปน เต, ภนฺเต, อุโภ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ปพฺพชิตานํ ปน เนสํ, ภนฺเต ¶ , สิยา วิเสโส, สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘สิยา, สุมเน’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ ปพฺพชิโต สมาโน ปฺจหิ าเนหิ อธิคณฺหาติ – ยาจิโตว พหุลํ จีวรํ ปริภฺุชติ อปฺปํ อยาจิโต, ยาจิโตว พหุลํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชติ ¶ อปฺปํ อยาจิโต, ยาจิโตว พหุลํ เสนาสนํ ปริภฺุชติ อปฺปํ อยาจิโต, ยาจิโตว พหุลํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริภฺุชติ อปฺปํ อยาจิโต. เยหิ โข ปน สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรติ ตฺยสฺส มนาเปเนว พหุลํ กายกมฺเมน สมุทาจรนฺติ อปฺปํ อมนาเปน, มนาเปเนว พหุลํ วจีกมฺเมน สมุทาจรนฺติ อปฺปํ อมนาเปน, มนาเปเนว พหุลํ มโนกมฺเมน สมุทาจรนฺติ อปฺปํ อมนาเปน, มนาปํเยว พหุลํ อุปหารํ อุปหรนฺติ อปฺปํ อมนาปํ ¶ . โย โส, สุมเน, ทายโก โส อมุํ อทายกํ ปพฺพชิโต สมาโน อิเมหิ ปฺจหิ าเนหิ อธิคณฺหาตี’’ติ.
‘‘สเจ ปน เต, ภนฺเต, อุโภ อรหตฺตํ ปาปุณนฺติ, อรหตฺตปฺปตฺตานํ ปน เนสํ, ภนฺเต, สิยา วิเสโส, สิยา นานากรณ’’นฺติ? ‘‘เอตฺถ โข ปเนสาหํ, สุมเน, น กิฺจิ นานากรณํ วทามิ, ยทิทํ วิมุตฺติยา วิมุตฺติ’’นฺติ [วิมุตฺตนฺติ (สฺยา. กํ.)].
‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาวฺจิทํ, ภนฺเต, อลเมว ทานานิ ทาตุํ อลํ ปฺุานิ กาตุํ; ยตฺร หิ นาม เทวภูตสฺสาปิ อุปการานิ ปฺุานิ, มนุสฺสภูตสฺสาปิ อุปการานิ ปฺุานิ, ปพฺพชิตสฺสาปิ อุปการานิ ปฺุานี’’ติ. ‘‘เอวเมตํ, สุมเน! อลฺหิ, สุมเน, ทานานิ ทาตุํ อลํ ปฺุานิ กาตุํ! เทวภูตสฺสาปิ อุปการานิ ปฺุานิ, มนุสฺสภูตสฺสาปิ อุปการานิ ปฺุานิ, ปพฺพชิตสฺสาปิ อุปการานิ ปฺุานี’’ติ ¶ .
อิทมโวจ ภควา. อิทํ วตฺวาน [อิทํ วตฺวา (สี. ปี.) เอวมุปริปิ] สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘ยถาปิ จนฺโท วิมโล, คจฺฉํ อากาสธาตุยา;
สพฺเพ ตาราคเณ โลเก, อาภาย อติโรจติ.
‘‘ตเถว สีลสมฺปนฺโน, สทฺโธ ปุริสปุคฺคโล;
สพฺเพ มจฺฉริโน โลเก, จาเคน อติโรจติ.
‘‘ยถาปิ ¶ เมโฆ ถนยํ, วิชฺชุมาลี สตกฺกกุ;
ถลํ นินฺนฺจ ปูเรติ, อภิวสฺสํ วสุนฺธรํ.
‘‘เอวํ ทสฺสนสมฺปนฺโน, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก;
มจฺฉรึ อธิคณฺหาติ, ปฺจาเนหิ ปณฺฑิโต.
‘‘อายุนา ¶ ยสสา เจว [อายุนา จ ยเสน จ (ก.)], วณฺเณน จ สุเขน จ;
ส เว โภคปริพฺยูฬฺโห [โภคปริพฺพูฬฺโห (สี.)], เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. ปมํ;
๒. จุนฺทีสุตฺตํ
๓๒. เอกํ ¶ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข จุนฺที ราชกุมารี ปฺจหิ รถสเตหิ ปฺจหิ จ กุมาริสเตหิ ปริวุตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข จุนฺที ราชกุมารี ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, ภาตา จุนฺโท นาม ¶ ราชกุมาโร, โส เอวมาห – ‘ยเทว โส โหติ อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต, ธมฺมํ สรณํ คโต, สงฺฆํ สรณํ คโต, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต, มุสาวาทา ปฏิวิรโต, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึเยว อุปปชฺชติ, โน ทุคฺคติ’นฺติ. สาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปุจฺฉามิ – ‘กถํรูเป โข, ภนฺเต, สตฺถริ ปสนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึเยว อุปปชฺชติ, โน ทุคฺคตึ? กถํรูเป ธมฺเม ปสนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึเยว อุปปชฺชติ, โน ทุคฺคตึ? กถํรูเป สงฺเฆ ปสนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึเยว อุปปชฺชติ, โน ทุคฺคตึ? กถํรูเปสุ สีเลสุ ปริปูรการี กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึเยว อุปปชฺชติ, โน ทุคฺคติ’’’นฺติ?
‘‘ยาวตา, จุนฺทิ, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา [อปาทา วา ทฺวีปาทา วาจตุปฺปาทา วา พหุปฺปาทา วา (สี.) อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐] รูปิโน วา อรูปิโน วา สฺิโน วา อสฺิโน วา เนวสฺินาสฺิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ ¶ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. เย โข, จุนฺทิ, พุทฺเธ ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหติ.
‘‘ยาวตา, จุนฺทิ, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายติ. เย, จุนฺทิ, อริเย อฏฺงฺคิเก มคฺเค ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา, อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหติ.
‘‘ยาวตา ¶ , จุนฺทิ, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ [เตสํ ธมฺมานํ (สี. ปี. ก.)] อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ – มทนิมฺมทโน ปิปาสวินโย อาลยสมุคฺฆาโต วฏฺฏุปจฺเฉโท ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ. เย โข, จุนฺทิ ¶ , วิราเค ¶ ธมฺเม ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหติ.
‘‘ยาวตา, จุนฺทิ, สงฺฆา วา คณา วา, ตถาคตสาวกสงฺโฆ เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ – จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. เย โข, จุนฺทิ, สงฺเฆ ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหติ.
‘‘ยาวตา, จุนฺทิ, สีลานิ, อริยกนฺตานิ สีลานิ เตสํ [อริยกนฺตานิเตสํ (สี. สฺยา. กํ.)] อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ – อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ. เย โข, จุนฺทิ, อริยกนฺเตสุ สีเลสุ ปริปูรการิโน, อคฺเค เต ปริปูรการิโน. อคฺเค โข ปน ปริปูรการีนํ อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติ.
‘‘อคฺคโต เว ปสนฺนานํ, อคฺคํ ธมฺมํ วิชานตํ;
อคฺเค พุทฺเธ ปสนฺนานํ, ทกฺขิเณยฺเย อนุตฺตเร.
‘‘อคฺเค ธมฺเม ปสนฺนานํ, วิราคูปสเม สุเข;
อคฺเค สงฺเฆ ปสนฺนานํ, ปฺุกฺเขตฺเต อนุตฺตเร.
‘‘อคฺคสฺมึ ¶ ทานํ ททตํ, อคฺคํ ปฺุํ ปวฑฺฒติ;
อคฺคํ อายุ จ วณฺโณ จ, ยโส กิตฺติ สุขํ พลํ.
‘‘อคฺคสฺส ทาตา เมธาวี, อคฺคธมฺมสมาหิโต;
เทวภูโต มนุสฺโส วา, อคฺคปฺปตฺโต ปโมทตี’’ติ. ทุติยํ;
๓. อุคฺคหสุตฺตํ
๓๓. เอกํ สมยํ ภควา ภทฺทิเย วิหรติ ชาติยา วเน. อถ โข อุคฺคโห ¶ เมณฺฑกนตฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘อธิวาเสตุ ¶ เม, ภนฺเต, ภควา สฺวาตนาย อตฺตจตุตฺโถ ภตฺต’’นฺติ ¶ . อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน อุคฺคหสฺส เมณฺฑกนตฺตุโน นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา ภควนฺตํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิมา เม, ภนฺเต, กุมาริโย ปติกุลานิ คมิสฺสนฺติ. โอวทตุ ตาสํ, ภนฺเต, ภควา; อนุสาสตุ ตาสํ, ภนฺเต, ภควา, ยํ ตาสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.
อถ โข ภควา ตา กุมาริโย เอตทโวจ – ‘‘ตสฺมาติห, กุมาริโย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ยสฺส โว [ยสฺส โข (สี. สฺยา. กํ.)] มาตาปิตโร ภตฺตุโน ทสฺสนฺติ อตฺถกามา หิเตสิโน อนุกมฺปกา อนุกมฺปํ อุปาทาย, ตสฺส ภวิสฺสาม ปุพฺพุฏฺายินิโย ปจฺฉานิปาตินิโย กึการปฏิสฺสาวินิโย ¶ มนาปจารินิโย ปิยวาทินิโย’ติ. เอวฺหิ โว, กุมาริโย, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘ตสฺมาติห, กุมาริโย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เย เต ภตฺตุ ครุโน [คุรุโน (ก.)] ภวิสฺสนฺติ มาตาติ วา ปิตาติ วา สมณพฺราหฺมณาติ วา, เต สกฺกริสฺสาม ครุํ กริสฺสาม [ครุกริสฺสาม (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] มาเนสฺสาม ปูเชสฺสาม อพฺภาคเต จ อาสโนทเกน ปฏิปูเชสฺสามา’ติ [ปูเชสฺสามาติ (สี.)]. เอวฺหิ โว, กุมาริโย, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘ตสฺมาติห ¶ , กุมาริโย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เย เต ภตฺตุ อพฺภนฺตรา กมฺมนฺตา อุณฺณาติ วา กปฺปาสาติ วา, ตตฺถ ทกฺขา ภวิสฺสาม อนลสา ¶ , ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคตา, อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุ’นฺติ. เอวฺหิ โว, กุมาริโย, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘ตสฺมาติห, กุมาริโย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘โย โส ภตฺตุ อพฺภนฺตโร [อพฺภนฺตเร (ก.)] อนฺโตชโน ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา ¶ กมฺมกราติ วา, เตสํ กตฺจ กตโต ชานิสฺสาม อกตฺจ อกตโต ชานิสฺสาม, คิลานกานฺจ พลาพลํ ชานิสฺสาม, ขาทนียํ โภชนียฺจสฺส ปจฺจํเสน [ปจฺจยํ เตน (ก. สี.), ปจฺจยํเสน (สฺยา. กํ.), ปจฺจยํ เสนาสนํ ปจฺจตฺตํเสน (ก.) อ. นิ. ๘.๔๖] สํวิภชิสฺสามา’ติ [วิภชิสฺสามาติ (สี. สฺยา. กํ.)]. เอวฺหิ โว, กุมาริโย, สิกฺขิตพฺพํ.
‘‘ตสฺมาติห, กุมาริโย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ ภตฺตา อาหริสฺสติ ธนํ วา ธฺํ วา รชตํ วา ชาตรูปํ วา, ตํ อารกฺเขน [ตํ อารกฺขาย (สี.)] คุตฺติยา สมฺปาเทสฺสาม, ตตฺถ จ ภวิสฺสาม อธุตฺตี อเถนี อโสณฺฑี อวินาสิกาโย’ติ. เอวฺหิ โว, กุมาริโย, สิกฺขิตพฺพํ. อิเมหิ โข, กุมาริโย, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนาปกายิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’’ติ.
‘‘โย นํ ภรติ สพฺพทา, นิจฺจํ อาตาปิ อุสฺสุโก;
สพฺพกามหรํ โปสํ, ภตฺตารํ นาติมฺติ.
‘‘น ¶ จาปิ โสตฺถิ ภตฺตารํ, อิสฺสาจาเรน [อิจฺฉาจาเรน (สี.), อิสฺสาวาเทน (ปี.)] โรสเย;
ภตฺตุ จ ครุโน สพฺเพ, ปฏิปูเชติ ปณฺฑิตา.
‘‘อุฏฺาหิกา ¶ [อุฏฺายิกา (สฺยา. กํ. ก.)] อนลสา, สงฺคหิตปริชฺชนา;
ภตฺตุ มนาปํ [มนาปา (สี.)] จรติ, สมฺภตํ อนุรกฺขติ.
‘‘ยา เอวํ วตฺตตี นารี, ภตฺตุฉนฺทวสานุคา;
มนาปา นาม เต เทวา, ยตฺถ สา อุปปชฺชตี’’ติ. ตติยํ;
๔. สีหเสนาปติสุตฺตํ
๓๔. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข สีโห เสนาปติ เยน ภควา ¶ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สีโห เสนาปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สกฺกา นุ โข, ภนฺเต, ภควา สนฺทิฏฺิกํ ทานผลํ ปฺาเปตุ’’นฺติ?
‘‘สกฺกา, สีหา’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘ทายโก, สีห, ทานปติ พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป. ยมฺปิ, สีห, ทายโก ทานปติ พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป, อิทมฺปิ สนฺทิฏฺิกํ ทานผลํ.
‘‘ปุน จปรํ, สีห, ทายกํ ทานปตึ สนฺโต สปฺปุริสา ภชนฺติ. ยมฺปิ, สีห, ทายกํ ทานปตึ สนฺโต สปฺปุริสา ภชนฺติ, อิทมฺปิ สนฺทิฏฺิกํ ทานผลํ.
‘‘ปุน จปรํ, สีห, ทายกสฺส ทานปติโน กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ. ยมฺปิ, สีห, ทายกสฺส ทานปติโน กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อิทมฺปิ สนฺทิฏฺิกํ ทานผลํ.
‘‘ปุน จปรํ, สีห, ทายโก ทานปติ ยํ ยเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ – ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ – วิสารโท ¶ [วิสารโทว (สี.) อ. นิ. ๗.๕๗ ปสฺสิตพฺพํ] อุปสงฺกมติ อมงฺกุภูโต. ยมฺปิ, สีห, ทายโก ทานปติ ยํ ยเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ – ยทิ ¶ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ – วิสารโท อุปสงฺกมติ อมงฺกุภูโต, อิทมฺปิ สนฺทิฏฺิกํ ทานผลํ.
‘‘ปุน จปรํ, สีห, ทายโก ทานปติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. ยมฺปิ, สีห, ทายโก ทานปติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ, อิทํ [อิทมฺปิ สีห (ก.)] สมฺปรายิกํ ทานผล’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต สีโห เสนาปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยานิมานิ, ภนฺเต, ภควตา จตฺตาริ สนฺทิฏฺิกานิ ทานผลานิ อกฺขาตานิ, นาหํ เอตฺถ ภควโต สทฺธาย คจฺฉามิ; อหํ เปตานิ ชานามิ. อหํ, ภนฺเต, ทายโก ทานปติ พหุโน ชนสฺส ปิโย มนาโป. อหํ, ภนฺเต, ทายโก ทานปติ; มํ สนฺโต สปฺปุริสา ภชนฺติ. อหํ, ภนฺเต, ทายโก ทานปติ; มยฺหํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘สีโห เสนาปติ ทายโก การโก ¶ สงฺฆุปฏฺาโก’ติ. อหํ, ภนฺเต ¶ , ทายโก ทานปติ ยํ ยเทว ปริสํ อุปสงฺกมามิ – ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ – วิสารโท อุปสงฺกมามิ อมงฺกุภูโต. ยานิมานิ, ภนฺเต, ภควตา จตฺตาริ สนฺทิฏฺิกานิ ทานผลานิ อกฺขาตานิ, นาหํ เอตฺถ ภควโต สทฺธาย คจฺฉามิ; อหํ เปตานิ ชานามิ. ยฺจ โข มํ, ภนฺเต, ภควา เอวมาห – ‘ทายโก, สีห, ทานปติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตี’ติ, เอตาหํ น ชานามิ; เอตฺถ จ ปนาหํ ¶ ภควโต สทฺธาย คจฺฉามี’’ติ. ‘‘เอวเมตํ, สีห, เอวเมตํ, สีห! ทายโก ทานปติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตี’’ติ.
‘‘ททํ ปิโย โหติ ภชนฺติ นํ พหู,
กิตฺติฺจ ปปฺโปติ ยโส จ วฑฺฒติ [ยสสฺส วฑฺฒติ (สฺยา. กํ.), ยสํ ปวฑฺฒติ (ก.)];
อมงฺกุภูโต ปริสํ วิคาหติ,
วิสารโท โหติ นโร อมจฺฉรี.
‘‘ตสฺมา หิ ทานานิ ททนฺติ ปณฺฑิตา,
วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ สุเขสิโน;
เต ¶ ทีฆรตฺตํ ติทิเว ปติฏฺิตา,
เทวานํ สหพฺยคตา รมนฺติ เต [สหพฺยตํ คตา รมนฺติ (สี.), สหพฺยตา รมนฺติ เต (ก.)].
‘‘กตาวกาสา กตกุสลา อิโต จุตา [ตโต จุตา (สี.)],
สยํปภา อนุวิจรนฺติ นนฺทนํ [นนฺทเน (สฺยา. กํ.)];
เต ตตฺถ นนฺทนฺติ รมนฺติ โมทเร,
สมปฺปิตา กามคุเณหิ ปฺจหิ;
‘‘กตฺวาน วากฺยํ อสิตสฺส ตาทิโน,
รมนฺติ สคฺเค [รมนฺติ สุมนา (ก.), กมนฺติ สพฺเพ (สฺยา. กํ.)] สุคตสฺส สาวกา’’ติ. จตุตฺถํ;
๕. ทานานิสํสสุตฺตํ
๓๕. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, ทาเน อานิสํสา. กตเม ปฺจ? พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป; สนฺโต สปฺปุริสา ภชนฺติ; กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท ¶ อพฺภุคฺคจฺฉติ; คิหิธมฺมา อนปคโต [คิหิธมฺมา อนเปโต (สี. ปี.), คิหิธมฺมมนุปคโต (ก.)] โหติ; กายสฺส ¶ เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ทาเน อานิสํสา’’ติ.
‘‘ททมาโน ปิโย โหติ, สตํ ธมฺมํ อนุกฺกมํ;
สนฺโต นํ สทา ภชนฺติ [สนฺโต ภชนฺติ สปฺปุริสา (สี.)], สฺตา พฺรหฺมจารโย.
‘‘เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. ปฺจมํ;
๖. กาลทานสุตฺตํ
๓๖. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, กาลทานานิ. กตมานิ ปฺจ? อาคนฺตุกสฺส ทานํ เทติ; คมิกสฺส ทานํ เทติ; คิลานสฺส ทานํ เทติ; ทุพฺภิกฺเข ทานํ เทติ; ยานิ ตานิ นวสสฺสานิ ¶ นวผลานิ ตานิ ปมํ สีลวนฺเตสุ ปติฏฺาเปติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ กาลทานานี’’ติ.
‘‘กาเล ททนฺติ สปฺปฺา, วทฺู วีตมจฺฉรา;
กาเลน ทินฺนํ อริเยสุ, อุชุภูเตสุ ตาทิสุ.
‘‘วิปฺปสนฺนมนา ตสฺส, วิปุลา โหติ ทกฺขิณา;
เย ตตฺถ อนุโมทนฺติ, เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺติ วา;
น เตน [น เตสํ (ปี. ก.)] ทกฺขิณา อูนา, เตปิ ปฺุสฺส ภาคิโน.
‘‘ตสฺมา ทเท อปฺปฏิวานจิตฺโต, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;
ปฺุานิ ปรโลกสฺมึ, ปติฏฺา โหนฺติ ปาณิน’’นฺติ. ฉฏฺํ;
๙. โภชนสุตฺตํ
๓๗. ‘‘โภชนํ ¶ , ภิกฺขเว, ททมาโน ทายโก ปฏิคฺคาหกานํ ปฺจ านานิ เทติ. กตมานิ ปฺจ? อายุํ เทติ, วณฺณํ เทติ, สุขํ เทติ, พลํ เทติ, ปฏิภานํ [ปฏิภาณํ (สี.)] เทติ. อายุํ โข ปน ทตฺวา อายุสฺส ¶ ภาคี โหติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา; วณฺณํ ทตฺวา วณฺณสฺส ภาคี โหติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา; สุขํ ทตฺวา สุขสฺส ภาคี โหติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส ¶ วา; พลํ ทตฺวา พลสฺส ภาคี โหติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา; ปฏิภานํ ทตฺวา ปฏิภานสฺส ภาคี โหติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา. โภชนํ, ภิกฺขเว, ททมาโน ทายโก ปฏิคฺคาหกานํ อิมานิ ปฺจ านานิ เทตี’’ติ.
‘‘อายุโท พลโท ธีโร, วณฺณโท ปฏิภานโท;
สุขสฺส ทาตา เมธาวี, สุขํ โส อธิคจฺฉติ.
‘‘อายุํ ทตฺวา พลํ วณฺณํ, สุขฺจ ปฏิภานกํ [ปฏิภาณกํ (สี.), ปฏิภานโท (สฺยา. กํ. ปี. ก.)];
ทีฆายุ ยสวา โหติ, ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชตี’’ติ. สตฺตมํ;
๘. สทฺธสุตฺตํ
๓๘. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, สทฺเธ กุลปุตฺเต อานิสํสา. กตเม ปฺจ? เย เต, ภิกฺขเว, โลเก สนฺโต สปฺปุริสา เต สทฺธฺเว ปมํ อนุกมฺปนฺตา อนุกมฺปนฺติ, โน ตถา อสฺสทฺธํ; สทฺธฺเว ปมํ อุปสงฺกมนฺตา อุปสงฺกมนฺติ, โน ตถา อสฺสทฺธํ; สทฺธฺเว ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺตา ปฏิคฺคณฺหนฺติ, โน ตถา อสฺสทฺธํ; สทฺธฺเว ปมํ ธมฺมํ เทเสนฺตา เทเสนฺติ, โน ตถา อสฺสทฺธํ; สทฺโธ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สทฺเธ กุลปุตฺเต อานิสํสา.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุภูมิยํ จตุมหาปเถ มหานิคฺโรโธ สมนฺตา ปกฺขีนํ ปฏิสรณํ โหติ; เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุโน ชนสฺส ปฏิสรณํ โหติ ภิกฺขูนํ ¶ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกาน’’นฺติ.
‘‘สาขาปตฺตผลูเปโต [สาขาปตฺตพหุเปโต (กตฺถจิ), สาขาปตฺตปลาสูเปโต (?)], ขนฺธิมาว [ขนฺธิมา จ (สี.)] มหาทุโม;
มูลวา ผลสมฺปนฺโน, ปติฏฺา โหติ ปกฺขินํ.
‘‘มโนรเม อายตเน, เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา;
ฉายํ ฉายตฺถิกา [ฉายตฺถิโน (สี.)] ยนฺติ, ผลตฺถา ผลโภชิโน.
‘‘ตเถว สีลสมฺปนฺนํ, สทฺธํ ปุริสปุคฺคลํ;
นิวาตวุตฺตึ อตฺถทฺธํ, โสรตํ สขิลํ มุทุํ.
‘‘วีตราคา ¶ วีตโทสา, วีตโมหา อนาสวา;
ปฺุกฺเขตฺตานิ โลกสฺมึ, เสวนฺติ ตาทิสํ นรํ.
‘‘เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. อฏฺมํ;
๙. ปุตฺตสุตฺตํ
๓๙. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, านานิ สมฺปสฺสนฺตา มาตาปิตโร ปุตฺตํ อิจฺฉนฺติ กุเล ชายมานํ. กตมานิ ปฺจ? ภโต วา โน ภริสฺสติ; กิจฺจํ วา โน กริสฺสติ; กุลวํโส จิรํ สฺสติ; ทายชฺชํ ปฏิปชฺชิสฺสติ; อถ วา ปน เปตานํ กาลงฺกตานํ ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสตีติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ านานิ สมฺปสฺสนฺตา มาตาปิตโร ปุตฺตํ อิจฺฉนฺติ กุเล ชายมาน’’นฺติ.
[กถา. ๔๙๑] ‘‘ปฺจ านานิ สมฺปสฺสํ, ปุตฺตํ อิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา;
ภโต วา โน ภริสฺสติ, กิจฺจํ วา โน กริสฺสติ.
‘‘กุลวํโส จิรํ ติฏฺเ, ทายชฺชํ ปฏิปชฺชติ;
อถ ¶ วา ปน เปตานํ, ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสติ.
‘‘านาเนตานิ สมฺปสฺสํ, ปุตฺตํ อิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา;
ตสฺมา สนฺโต สปฺปุริสา, กตฺู กตเวทิโน.
‘‘ภรนฺติ มาตาปิตโร, ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ;
กโรนฺติ ¶ เนสํ กิจฺจานิ, ยถา ตํ ปุพฺพการินํ.
‘‘โอวาทการี ภตโปสี, กุลวํสํ อหาปยํ;
สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน, ปุตฺโต โหติ ปสํสิโย’’ติ. นวมํ;
๑๐. มหาสาลปุตฺตสุตฺตํ
๔๐. ‘‘หิมวนฺตํ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชํ นิสฺสาย มหาสาลา ปฺจหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒนฺติ. กตมาหิ ปฺจหิ? สาขาปตฺตปลาเสน วฑฺฒนฺติ; ตเจน วฑฺฒนฺติ; ปปฏิกาย วฑฺฒนฺติ; เผคฺคุนา วฑฺฒนฺติ; สาเรน วฑฺฒนฺติ. หิมวนฺตํ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชํ นิสฺสาย มหาสาลา อิมาหิ ปฺจหิ ¶ วฑฺฒีหิ วฑฺฒนฺติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สทฺธํ กุลปุตฺตํ นิสฺสาย อนฺโตชโน ปฺจหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒติ. กตมาหิ ¶ ปฺจหิ? สทฺธาย วฑฺฒติ; สีเลน วฑฺฒติ; สุเตน วฑฺฒติ; จาเคน วฑฺฒติ; ปฺาย วฑฺฒติ. สทฺธํ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตํ นิสฺสาย อนฺโตชโน อิมาหิ ปฺจหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒตี’’ติ.
‘‘ยถา หิ ปพฺพโต เสโล, อรฺสฺมึ พฺรหาวเน;
ตํ รุกฺขา อุปนิสฺสาย, วฑฺฒนฺเต เต วนปฺปตี.
‘‘ตเถว สีลสมฺปนฺนํ, สทฺธํ กุลปุตฺตํ อิมํ [กุลปตึ อิธ (สี.), กุลปุตฺตํ อิธ (สฺยา.)];
อุปนิสฺสาย วฑฺฒนฺติ, ปุตฺตทารา จ พนฺธวา;
อมจฺจา ¶ าติสงฺฆา จ, เย จสฺส อนุชีวิโน.
‘‘ตฺยสฺส สีลวโต สีลํ, จาคํ สุจริตานิ จ;
ปสฺสมานานุกุพฺพนฺติ, เย ภวนฺติ วิจกฺขณา.
‘‘อิมํ ธมฺมํ จริตฺวาน, มคฺคํ [สคฺคํ (สฺยา. ก.)] สุคติคามินํ;
นนฺทิโน เทวโลกสฺมึ, โมทนฺติ กามกามิโน’’ติ. ทสมํ;
สุมนวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
สุมนา จุนฺที อุคฺคโห, สีโห ทานานิสํสโก;
กาลโภชนสทฺธา จ, ปุตฺตสาเลหิ เต ทสาติ.
๕. มุณฺฑราชวคฺโค
๑. อาทิยสุตฺตํ
๔๑. เอกํ ¶ ¶ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ – ‘‘ปฺจิเม, คหปติ, โภคานํ อาทิยา. กตเม ปฺจ? อิธ, คหปติ, อริยสาวโก อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ สมฺมา สุขํ ¶ ปริหรติ; มาตาปิตโร สุเขติ ปีเณติ สมฺมา สุขํ ปริหรติ; ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริเส สุเขติ ปีเณติ สมฺมา สุขํ ปริหรติ. อยํ ปโม โภคานํ อาทิโย.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, อริยสาวโก อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ ¶ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ มิตฺตามจฺเจ สุเขติ ปีเณติ สมฺมา สุขํ ปริหรติ. อยํ ทุติโย โภคานํ อาทิโย.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, อริยสาวโก อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ ยา ตา โหนฺติ อาปทา – อคฺคิโต วา อุทกโต วา ราชโต วา โจรโต วา อปฺปิยโต วา ทายาทโต [อปฺปิยโต วา ทายาทโต วา (พหูสุ) อ. นิ. ๔.๖๑; ๕.๑๔๘] – ตถารูปาสุ อาปทาสุ โภเคหิ ปริโยธาย วตฺตติ, โสตฺถึ อตฺตานํ กโรติ. อยํ ตติโย โภคานํ อาทิโย.
‘‘ปุน จปรํ, คหปติ, อริยสาวโก อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ ปฺจพลึ กตฺตา โหติ. าติพลึ, อติถิพลึ, ปุพฺพเปตพลึ, ราชพลึ, เทวตาพลึ – อยํ จตุตฺโถ โภคานํ อาทิโย.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, คหปติ, อริยสาวโก อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ¶ ธมฺมลทฺเธหิ เย เต สมณพฺราหฺมณา มทปฺปมาทา ปฏิวิรตา ขนฺติโสรจฺเจ นิวิฏฺา เอกมตฺตานํ ทเมนฺติ เอกมตฺตานํ สเมนฺติ เอกมตฺตานํ ปรินิพฺพาเปนฺติ, ตถารูเปสุ สมณพฺราหฺมเณสุ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปติ โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ. อยํ ปฺจโม โภคานํ อาทิโย. อิเม โข, คหปติ, ปฺจ โภคานํ อาทิยา.
‘‘ตสฺส เจ, คหปติ, อริยสาวกสฺส อิเม ปฺจ โภคานํ อาทิเย อาทิยโต โภคา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, ตสฺส เอวํ โหติ – ‘เย วต โภคานํ อาทิยา เต จาหํ ¶ อาทิยามิ โภคา จ เม ปริกฺขยํ คจฺฉนฺตี’ติ. อิติสฺส โหติ อวิปฺปฏิสาโร. ตสฺส เจ, คหปติ, อริยสาวกสฺส อิเม ปฺจ โภคานํ อาทิเย อาทิยโต โภคา อภิวฑฺฒนฺติ ¶ , ตสฺส เอวํ โหติ – ‘เย วต โภคานํ อาทิยา เต จาหํ อาทิยามิ โภคา จ เม อภิวฑฺฒนฺตี’ติ. อิติสฺส โหติ [อิติสฺส โหติ อวิปฺปฏิสาโร, (สี. สฺยา.)] อุภเยเนว อวิปฺปฏิสาโร’’ติ.
‘‘ภุตฺตา โภคา ภตา ภจฺจา [คตา ตจฺฉา (ก.)], วิติณฺณา อาปทาสุ เม;
อุทฺธคฺคา ทกฺขิณา ทินฺนา, อโถ ปฺจพลีกตา;
อุปฏฺิตา สีลวนฺโต, สฺตา พฺรหฺมจารโย.
‘‘ยทตฺถํ โภคํ อิจฺเฉยฺย, ปณฺฑิโต ฆรมาวสํ;
โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, กตํ อนนุตาปิยํ.
‘‘เอตํ [เอวํ (ก.)] อนุสฺสรํ มจฺโจ, อริยธมฺเม ิโต นโร;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ [เปจฺจ สคฺเค จ โมทตีติ (สี. สฺยา.)]. ปมํ;
๒. สปฺปุริสสุตฺตํ
๔๒. ‘‘สปฺปุริโส, ภิกฺขเว, กุเล ชายมาโน พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; มาตาปิตูนํ [มาตาปิตุนฺนํ (สี. ปี.)] อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; ปุตฺตทารสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; ทาสกมฺมกรโปริสสฺส ¶ อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; มิตฺตามจฺจานํ อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; สมณพฺราหฺมณานํ อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาเมโฆ สพฺพสสฺสานิ สมฺปาเทนฺโต พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, สปฺปุริโส กุเล ¶ ชายมาโน พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; มาตาปิตูนํ อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; ปุตฺตทารสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; ทาสกมฺมกรโปริสสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; มิตฺตามจฺจานํ อตฺถาย หิตาย สุขาย โหติ; สมณพฺราหฺมณานํ อตฺถาย หิตาย สุขาย โหตี’’ติ.
‘‘หิโต พหุนฺนํ ปฏิปชฺช โภเค, ตํ เทวตา รกฺขติ ธมฺมคุตฺตํ;
พหุสฺสุตํ สีลวตูปปนฺนํ, ธมฺเม ิตํ น วิชหติ [วิชหาติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] กิตฺติ.
‘‘ธมฺมฏฺํ ¶ สีลสมฺปนฺนํ, สจฺจวาทึ หิรีมนํ;
เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, โก ตํ นินฺทิตุมรหติ;
เทวาปิ นํ ปสํสนฺติ, พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต’’ติ. ทุติยํ;
๓. อิฏฺสุตฺตํ
๔๓. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ –
‘‘ปฺจิเม, คหปติ, ธมฺมา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ทุลฺลภา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? อายุ, คหปติ, อิฏฺโ กนฺโต มนาโป ทุลฺลโภ โลกสฺมึ; วณฺโณ อิฏฺโ กนฺโต มนาโป ทุลฺลโภ โลกสฺมึ; สุขํ อิฏฺํ กนฺตํ มนาปํ ทุลฺลภํ โลกสฺมึ; ยโส อิฏฺโ กนฺโต มนาโป ทุลฺลโภ โลกสฺมึ; สคฺคา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ทุลฺลภา โลกสฺมึ. อิเม ¶ โข, คหปติ, ปฺจ ธมฺมา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ทุลฺลภา โลกสฺมึ.
‘‘อิเมสํ ¶ โข, คหปติ, ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ อิฏฺานํ กนฺตานํ มนาปานํ ทุลฺลภานํ โลกสฺมึ น อายาจนเหตุ ¶ วา ปตฺถนาเหตุ วา [น ปตฺถนาเหตุ วา (สฺยา. กํ. ปี.)] ปฏิลาภํ วทามิ. อิเมสํ โข, คหปติ, ปฺจนฺนํ ธมฺมานํ อิฏฺานํ กนฺตานํ มนาปานํ ทุลฺลภานํ โลกสฺมึ อายาจนเหตุ วา ปตฺถนาเหตุ วา ปฏิลาโภ อภวิสฺส, โก อิธ เกน หาเยถ?
‘‘น โข, คหปติ, อรหติ อริยสาวโก อายุกาโม อายุํ อายาจิตุํ วา อภินนฺทิตุํ วา อายุสฺส วาปิ เหตุ. อายุกาเมน, คหปติ, อริยสาวเกน อายุสํวตฺตนิกา ปฏิปทา ปฏิปชฺชิตพฺพา. อายุสํวตฺตนิกา หิสฺส ปฏิปทา ปฏิปนฺนา อายุปฏิลาภาย สํวตฺตติ. โส ลาภี โหติ อายุสฺส ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา.
‘‘น โข, คหปติ, อรหติ อริยสาวโก วณฺณกาโม วณฺณํ อายาจิตุํ วา อภินนฺทิตุํ วา วณฺณสฺส วาปิ เหตุ. วณฺณกาเมน, คหปติ, อริยสาวเกน วณฺณสํวตฺตนิกา ปฏิปทา ปฏิปชฺชิตพฺพา. วณฺณสํวตฺตนิกา หิสฺส ปฏิปทา ปฏิปนฺนา วณฺณปฏิลาภาย สํวตฺตติ. โส ลาภี โหติ วณฺณสฺส ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา.
‘‘น ¶ โข, คหปติ, อรหติ อริยสาวโก สุขกาโม สุขํ อายาจิตุํ วา อภินนฺทิตุํ วา สุขสฺส วาปิ เหตุ. สุขกาเมน, คหปติ, อริยสาวเกน สุขสํวตฺตนิกา ปฏิปทา ปฏิปชฺชิตพฺพา. สุขสํวตฺตนิกา หิสฺส ปฏิปทา ปฏิปนฺนา สุขปฏิลาภาย สํวตฺตติ. โส ลาภี โหติ สุขสฺส ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา.
‘‘น โข, คหปติ, อรหติ อริยสาวโก ยสกาโม ยสํ ¶ อายาจิตุํ วา อภินนฺทิตุํ วา ยสสฺส วาปิ เหตุ. ยสกาเมน, คหปติ, อริยสาวเกน ยสสํวตฺตนิกา ปฏิปทา ปฏิปชฺชิตพฺพา. ยสสํวตฺตนิกา หิสฺส ปฏิปทา ปฏิปนฺนา ยสปฏิลาภาย สํวตฺตติ. โส ลาภี โหติ ยสสฺส ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา.
‘‘น โข, คหปติ, อรหติ อริยสาวโก สคฺคกาโม สคฺคํ อายาจิตุํ วา อภินนฺทิตุํ วา สคฺคานํ วาปิ เหตุ. สคฺคกาเมน, คหปติ, อริยสาวเกน สคฺคสํวตฺตนิกา ปฏิปทา ¶ ปฏิปชฺชิตพฺพา. สคฺคสํวตฺตนิกา หิสฺส ปฏิปทา ปฏิปนฺนา สคฺคปฏิลาภาย สํวตฺตติ. โส ลาภี โหติ สคฺคาน’’นฺติ.
‘‘อายุํ วณฺณํ ยสํ กิตฺตึ, สคฺคํ อุจฺจากุลีนตํ;
รติโย ปตฺถยาเนน [ปตฺถยมาเนน (ก.)], อุฬารา อปราปรา.
‘‘อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ, ปฺุกิริยาสุ ปณฺฑิตา;
‘‘อปฺปมตฺโต ¶ อุโภ อตฺเถ, อธิคณฺหาติ ปณฺฑิโต.
‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ [ทิฏฺเว ธมฺเม (สี.)] โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. ตติยํ;
๔. มนาปทายีสุตฺตํ
๔๔. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน อุคฺคสฺส คหปติโน เวสาลิกสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข อุคฺโค คหปติ เวสาลิโก ¶ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อุคฺโค คหปติ เวสาลิโก ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘มนาปทายี ลภเต มนาป’นฺติ. มนาปํ เม, ภนฺเต, สาลปุปฺผกํ [สาลิปุปฺผกํ (ก.)] ขาทนียํ; ตํ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย.
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘มนาปทายี ลภเต มนาป’นฺติ. มนาปํ เม, ภนฺเต, สมฺปนฺนโกลกํ สูกรมํสํ [สมฺปนฺนสูกรมํสํ (สี.), สมฺปนฺนวรสูกรมํสํ (สฺยา.)]; ตํ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย.
‘‘สมฺมุขา ¶ เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘มนาปทายี ลภเต มนาป’นฺติ. มนาปํ เม, ภนฺเต, นิพฺพตฺตเตลกํ [นิพทฺธเตลกํ (ปี. สี. อฏฺ.), นิพฺพฏฺฏเตลกํ (สฺยา. อฏฺ.)] นาลิยสากํ; ตํ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย.
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘มนาปทายี ลภเต มนาป’นฺติ. มนาโป เม, ภนฺเต, สาลีนํ โอทโน วิจิตกาฬโก [วิคตกาลโก (สฺยา. กํ. ปี. ก.)] อเนกสูโป อเนกพฺยฺชโน; ตํ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย.
‘‘สมฺมุขา ¶ เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘มนาปทายี ลภเต มนาป’นฺติ. มนาปานิ เม, ภนฺเต, กาสิกานิ วตฺถานิ; ตานิ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย.
‘‘สมฺมุขา เมตํ, ภนฺเต, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ – ‘มนาปทายี ลภเต มนาป’นฺติ ¶ . มนาโป เม, ภนฺเต, ปลฺลงฺโก โคนกตฺถโต ปฏลิกตฺถโต กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณ [กาทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณ (สี.)] สอุตฺตรจฺฉโท อุภโตโลหิตกูปธาโน. อปิ จ, ภนฺเต, มยมฺเปตํ ชานาม – ‘เนตํ ภควโต กปฺปตี’ติ. อิทํ เม, ภนฺเต, จนฺทนผลกํ อคฺฆติ อธิกสตสหสฺสํ; ตํ เม ภควา ¶ ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. อถ โข ภควา อุคฺคํ คหปตึ เวสาลิกํ อิมินา อนุโมทนีเยน อนุโมทิ –
‘‘มนาปทายี ลภเต มนาปํ,
โย อุชฺชุภูเตสุ [อุชุภูเตสุ (สฺยา. กํ. ปี.)] ททาติ ฉนฺทสา;
อจฺฉาทนํ สยนมนฺนปานํ [สยนมถนฺนปานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)],
นานาปฺปการานิ จ ปจฺจยานิ.
‘‘จตฺตฺจ มุตฺตฺจ อนุคฺคหีตํ [อนคฺคหีตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)],
เขตฺตูปเม อรหนฺเต วิทิตฺวา;
โส ¶ ทุจฺจชํ สปฺปุริโส จชิตฺวา,
มนาปทายี ลภเต มนาป’’นฺติ.
อถ โข ภควา อุคฺคํ คหปตึ เวสาลิกํ อิมินา อนุโมทนีเยน อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
อถ โข อุคฺโค คหปติ เวสาลิโก อปเรน สมเยน กาลมกาสิ. กาลงฺกโต [กาลกโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] จ อุคฺโค คหปติ เวสาลิโก อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปชฺชิ. เตน โข ปน สมเยน ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อุคฺโค เทวปุตฺโต ¶ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺโณ เกวลกปฺปํ ¶ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตํ โข อุคฺคํ เทวปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ เต, อุคฺค, ยถาธิปฺปาโย’’ติ? ‘‘ตคฺฆ เม, ภควา, ยถาธิปฺปาโย’’ติ. อถ โข ภควา อุคฺคํ เทวปุตฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘มนาปทายี ลภเต มนาปํ,
อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ;
วรสฺส ทาตา วรลาภิ โหติ,
เสฏฺํ ทโท เสฏฺมุเปติ านํ.
‘‘โย ¶ อคฺคทายี วรทายี, เสฏฺทายี จ โย นโร;
ทีฆายุ ยสวา โหติ, ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชตี’’ติ. จตุตฺถํ;
๕. ปฺุาภิสนฺทสุตฺตํ
๔๕. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปฺุาภิสนฺทา กุสลาภิสนฺทา สุขสฺสาหารา โสวคฺคิกา สุขวิปากา สคฺคสํวตฺตนิกา อิฏฺาย กนฺตาย มนาปาย หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘กตเม ปฺจ? ยสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จีวรํ ปริภฺุชมาโน อปฺปมาณํ เจโตสมาธึ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อปฺปมาโณ ตสฺส ปฺุาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท สุขสฺสาหาโร โสวคฺคิโก สุขวิปาโก สคฺคสํวตฺตนิโก อิฏฺาย กนฺตาย มนาปาย หิตาย สุขาย สํวตฺตติ.
‘‘ยสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชมาโน…เป… ยสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหารํ ปริภฺุชมาโน…เป… ยสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มฺจปีํ ¶ ปริภฺุชมาโน…เป….
‘‘ยสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริภฺุชมาโน อปฺปมาณํ เจโตสมาธึ อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรติ, อปฺปมาโณ ตสฺส ปฺุาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท สุขสฺสาหาโร โสวคฺคิโก สุขวิปาโก สคฺคสํวตฺตนิโก อิฏฺาย กนฺตาย มนาปาย หิตาย สุขาย สํวตฺตติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ปฺุาภิสนฺทา กุสลาภิสนฺทา สุขสฺสาหารา โสวคฺคิกา สุขวิปากา สคฺคสํวตฺตนิกา อิฏฺาย กนฺตาย มนาปาย หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘อิเมหิ จ ปน, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ปฺุาภิสนฺเทหิ กุสลาภิสนฺเทหิ สมนฺนาคตสฺส อริยสาวกสฺส น สุกรํ ปฺุสฺส ปมาณํ คเหตุํ – ‘เอตฺตโก ปฺุาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท สุขสฺสาหาโร โสวคฺคิโก สุขวิปาโก สคฺคสํวตฺตนิโก อิฏฺาย กนฺตาย มนาปาย หิตาย สุขาย สํวตฺตตี’ติ. อถ โข อสงฺเขยฺโย อปฺปเมยฺโย มหาปฺุกฺขนฺโธตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเท น สุกรํ อุทกสฺส ปมาณํ คเหตุํ – ‘เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกานีติ วา ¶ เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสตานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสหสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกสตสหสฺสานีติ วา; อถ โข อสงฺเขยฺโย อปฺปเมยฺโย มหาอุทกกฺขนฺโธตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ’. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเมหิ ปฺจหิ ปฺุาภิสนฺเทหิ กุสลาภิสนฺเทหิ สมนฺนาคตสฺส อริยสาวกสฺส น สุกรํ ปฺุสฺส ปมาณํ คเหตุํ – ‘เอตฺตโก ปฺุาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท สุขสฺสาหาโร โสวคฺคิโก สุขวิปาโก สคฺคสํวตฺตนิโก ¶ อิฏฺาย กนฺตาย มนาปาย หิตาย สุขาย สํวตฺตตี’ติ. อถ โข อสงฺเขยฺโย อปฺปเมยฺโย มหาปฺุกฺขนฺโธตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ.
‘‘มโหทธึ ¶ อปริมิตํ มหาสรํ,
พหุเภรวํ รตฺนคณานมาลยํ;
นชฺโช ยถา นรคณสงฺฆเสวิตา [มจฺฉ คณสํฆเสวิตา (สฺยา. กํ. ก.) สํ. นิ. ๕.๑๐๓๗ ปสฺสิตพฺพํ],
ปุถู สวนฺตี อุปยนฺติ สาครํ.
‘‘เอวํ ¶ นรํ อนฺนทปานวตฺถทํ,
เสยฺยานิสชฺชตฺถรณสฺส ทายกํ;
ปฺุสฺส ธารา อุปยนฺติ ปณฺฑิตํ,
นชฺโช ยถา วาริวหาว สาคร’’นฺติ. ปฺจมํ;
๖. สมฺปทาสุตฺตํ
๔๖. ‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ปฺจ? สทฺธาสมฺปทา, สีลสมฺปทา, สุตสมฺปทา, จาคสมฺปทา, ปฺาสมฺปทา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมฺปทา’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. ธนสุตฺตํ
๔๗. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, ธนานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาธนํ, สีลธนํ, สุตธนํ, จาคธนํ, ปฺาธนํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, สทฺธาธนํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา…เป… สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สทฺธาธนํ.
‘‘กตมฺจ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, สีลธนํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ¶ ปฏิวิรโต โหติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สีลธนํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, สุตธนํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก พหุสฺสุโต โหติ…เป… ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺโธ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สุตธนํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, จาคธนํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, จาคธนํ.
‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ปฺาธนํ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ปฺวา โหติ, อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฺาธนํ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธนานี’’ติ.
[อ. นิ. ๔.๕๒] ‘‘ยสฺส ¶ สทฺธา ตถาคเต, อจลา สุปฺปติฏฺิตา;
สีลฺจ ยสฺส กลฺยาณํ, อริยกนฺตํ ปสํสิตํ.
‘‘สงฺเฆ ปสาโท ยสฺสตฺถิ, อุชุภูตฺจ ทสฺสนํ;
อทลิทฺโทติ ตํ อาหุ, อโมฆํ ตสฺส ชีวิตํ.
‘‘ตสฺมา สทฺธฺจ สีลฺจ, ปสาทํ ธมฺมทสฺสนํ;
อนุยฺุเชถ เมธาวี, สรํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. สตฺตมํ;
๘. อลพฺภนียานสุตฺตํ
๔๘. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อลพฺภนียานิ านานิ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ. กตมานิ ปฺจ? ‘ชราธมฺมํ มา ชีรี’ติ อลพฺภนียํ านํ สมเณน ¶ วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ. ‘พฺยาธิธมฺมํ มา พฺยาธียี’ติ [วฺยาธิธมฺมํ ‘‘มา วฺยาธียี’’ติ (สี. ปี.)] …เป… ‘มรณธมฺมํ มา มียี’ติ… ‘ขยธมฺมํ มา ขียี’ติ… ‘นสฺสนธมฺมํ มา นสฺสี’ติ อลพฺภนียํ านํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ.
‘‘อสฺสุตวโต ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ปุถุชฺชนสฺส ชราธมฺมํ ชีรติ. โส ชราธมฺเม ชิณฺเณ น อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข มยฺเหเวกสฺส [มยฺหเมเวกสฺส (สี.)] ชราธมฺมํ ชีรติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ ชราธมฺมํ ชีรติ. อหฺเจว [อหฺเจ (?)] โข ปน ชราธมฺเม ชิณฺเณ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬึ กนฺเทยฺยํ, สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวตฺเตยฺยุํ [กมฺมนฺโตปิ นปฺปวตฺเตยฺย (ก.)], อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติ. โส ชราธมฺเม ชิณฺเณ โสจติ กิลมติ ปริเทวติ, อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว – ‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน วิทฺโธ สวิเสน โสกสลฺเลน อตฺตานํเยว ปริตาเปติ’’’.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส พฺยาธิธมฺมํ ¶ พฺยาธียติ…เป… มรณธมฺมํ มียติ… ขยธมฺมํ ขียติ… นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ. โส นสฺสนธมฺเม นฏฺเ น อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข มยฺเหเวกสฺส นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ. อหฺเจว โข ปน นสฺสนธมฺเม นฏฺเ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬึ กนฺเทยฺยํ ¶ , สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวตฺเตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติ. โส นสฺสนธมฺเม นฏฺเ โสจติ กิลมติ ปริเทวติ, อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว – ‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน วิทฺโธ สวิเสน โสกสลฺเลน อตฺตานํเยว ปริตาเปติ’’’.
‘‘สุตวโต จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส ชราธมฺมํ ชีรติ. โส ชราธมฺเม ชิณฺเณ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข มยฺเหเวกสฺส ชราธมฺมํ ชีรติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ ชราธมฺมํ ชีรติ. อหฺเจว โข ปน ชราธมฺเม ชิณฺเณ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬึ กนฺเทยฺยํ, สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวตฺเตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติ. โส ชราธมฺเม ชิณฺเณ น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ ¶ . อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว – ‘สุตวา อริยสาวโก อพฺพุหิ [อพฺพหิ (สี.)] สวิสํ โสกสลฺลํ, เยน วิทฺโธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อตฺตานํเยว ปริตาเปติ. อโสโก วิสลฺโล อริยสาวโก อตฺตานํเยว ปรินิพฺพาเปติ’’’.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, สุตวโต อริยสาวกสฺส พฺยาธิธมฺมํ พฺยาธียติ…เป… มรณธมฺมํ มียติ… ขยธมฺมํ ขียติ… นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ. โส นสฺสนธมฺเม ¶ นฏฺเ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข มยฺเหเวกสฺส นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ นสฺสนธมฺมํ ¶ นสฺสติ. อหฺเจว โข ปน นสฺสนธมฺเม นฏฺเ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬึ กนฺเทยฺยํ, สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวตฺเตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติ. โส นสฺสนธมฺเม นฏฺเ น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว – ‘สุตวา อริยสาวโก อพฺพุหิ สวิสํ โสกสลฺลํ, เยน วิทฺโธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อตฺตานํเยว ปริตาเปติ. อโสโก วิสลฺโล อริยสาวโก อตฺตานํเยว ปรินิพฺพาเปตี’’’ติ.
‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อลพฺภนียานิ านานิ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติ.
[ชา. ๑.๕.๙๖ ชาตเกปิ] ‘‘น โสจนาย ปริเทวนาย,
อตฺโถธ ลพฺภา [อตฺโถ อิธ ลพฺภติ (สฺยา.), อตฺโถ อิธ ลพฺภา (ปี.)] อปิ อปฺปโกปิ;
โสจนฺตเมนํ ทุขิตํ วิทิตฺวา,
ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนา ภวนฺติ.
‘‘ยโต จ โข ปณฺฑิโต อาปทาสุ,
น เวธตี อตฺถวินิจฺฉยฺู;
ปจฺจตฺถิกาสฺส ¶ ทุขิตา ภวนฺติ,
ทิสฺวา มุขํ อวิการํ ปุราณํ.
‘‘ชปฺเปน ¶ มนฺเตน สุภาสิเตน,
อนุปฺปทาเนน ปเวณิยา วา;
ยถา ยถา ยตฺถ [ยถา ยถา ยตฺถ ยตฺถ (ก.)] ลเภถ อตฺถํ,
ตถา ตถา ตตฺถ ปรกฺกเมยฺย.
‘‘สเจ ¶ ปชาเนยฺย อลพฺภเนยฺโย,
มยาว [มยา วา (สฺยา. กํ. ปี.)] อฺเน วา เอส อตฺโถ;
อโสจมาโน อธิวาสเยยฺย,
กมฺมํ ทฬฺหํ กินฺติ กโรมิ ทานี’’ติ. อฏฺมํ;
๙. โกสลสุตฺตํ
๔๙. เอกํ ¶ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
(เตน โข ปน สมเยน มลฺลิกา เทวี กาลงฺกตา โหติ.) [( ) นตฺถิ (สี.)] อถ โข อฺตโร ปุริโส เยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อุปกณฺณเก อาโรเจติ – ‘‘มลฺลิกา เทวี, เทว [เทว เทวี (สฺยา. กํ. ปี.)], กาลงฺกตา’’ติ. เอวํ วุตฺเต ราชา ปเสนทิ โกสโล ทุกฺขี ทุมฺมโน ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิ.
อถ โข ภควา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ ทุกฺขึ ทุมฺมนํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ ¶ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา ราชานํ ปเสนทึ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘ปฺจิมานิ, มหาราช, อลพฺภนียานิ านานิ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ. กตมานิ ปฺจ? ‘ชราธมฺมํ มา ชีรี’ติ อลพฺภนียํ านํ…เป… น โสจนาย ปริเทวนาย…เป… กมฺมํ ทฬฺหํ กินฺติ กโรมิ ทานี’’ติ. นวมํ.
๑๐. นารทสุตฺตํ
๕๐. เอกํ สมยํ อายสฺมา นารโท ปาฏลิปุตฺเต วิหรติ กุกฺกุฏาราเม. เตน โข ปน สมเยน มุณฺฑสฺส รฺโ ภทฺทา เทวี กาลงฺกตา ¶ โหติ ปิยา มนาปา. โส ภทฺทาย เทวิยา กาลงฺกตาย ปิยาย มนาปาย เนว นฺหายติ [นหายติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] น วิลิมฺปติ น ภตฺตํ ภฺุชติ น กมฺมนฺตํ ปโยเชติ – รตฺตินฺทิวํ [รตฺติทิวํ (ก.)] ภทฺทาย เทวิยา สรีเร อชฺโฌมุจฺฉิโต. อถ โข มุณฺโฑ ราชา ปิยกํ โกสารกฺขํ [โสการกฺขํ (สฺยา.)] ¶ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ, สมฺม ปิยก ¶ , ภทฺทาย เทวิยา สรีรํ อายสาย เตลโทณิยา ปกฺขิปิตฺวา อฺิสฺสา อายสาย โทณิยา ปฏิกุชฺชถ, ยถา มยํ ภทฺทาย เทวิยา สรีรํ จิรตรํ ปสฺเสยฺยามา’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ปิยโก โกสารกฺโข มุณฺฑสฺส รฺโ ปฏิสฺสุตฺวา ภทฺทาย เทวิยา สรีรํ อายสาย เตลโทณิยา ปกฺขิปิตฺวา อฺิสฺสา อายสาย โทณิยา ปฏิกุชฺชิ.
อถ โข ปิยกสฺส โกสารกฺขสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิมสฺส โข มุณฺฑสฺส รฺโ ภทฺทา เทวี กาลงฺกตา ปิยา มนาปา. โส ภทฺทาย เทวิยา กาลงฺกตาย ปิยาย มนาปาย เนว นฺหายติ น วิลิมฺปติ น ภตฺตํ ภฺุชติ น กมฺมนฺตํ ปโยเชติ ¶ – รตฺตินฺทิวํ ภทฺทาย เทวิยา สรีเร อชฺโฌมุจฺฉิโต. กํ [กึ (ก.)] นุ โข มุณฺโฑ ราชา สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปยิรุปาเสยฺย, ยสฺส ธมฺมํ สุตฺวา โสกสลฺลํ ปชเหยฺยา’’ติ!
อถ โข ปิยกสฺส โกสารกฺขสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา นารโท ปาฏลิปุตฺเต วิหรติ กุกฺกุฏาราเม. ตํ โข ปนายสฺมนฺตํ นารทํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘ปณฺฑิโต วิยตฺโต [วฺยตฺโต (สี. ปี.), พฺยตฺโต (สฺยา. กํ., ที. นิ. ๒.๔๐๗)] เมธาวี พหุสฺสุโต จิตฺตกถี กลฺยาณปฏิภาโน วุทฺโธ เจว [พุทฺโธ เจว (ก.)] อรหา จ’ [อรหา จา’ติ (?)]. ยํนูน มุณฺโฑ ราชา อายสฺมนฺตํ นารทํ ปยิรุปาเสยฺย, อปฺเปว นาม มุณฺโฑ ราชา อายสฺมโต นารทสฺส ธมฺมํ สุตฺวา โสกสลฺลํ ปชเหยฺยา’’ติ.
อถ โข ปิยโก โกสารกฺโข เยน มุณฺโฑ ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มุณฺฑํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ โข, เทว, อายสฺมา นารโท ปาฏลิปุตฺเต วิหรติ กุกฺกุฏาราเม. ตํ โข ปนายสฺมนฺตํ นารทํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี พหุสฺสุโต จิตฺตกถี กลฺยาณปฏิภาโน วุทฺโธ เจว ¶ อรหา จ’ [อรหา จา’ติ (?)]. ยทิ ปน เทโว อายสฺมนฺตํ นารทํ ปยิรุปาเสยฺย, อปฺเปว นาม เทโว อายสฺมโต นารทสฺส ธมฺมํ สุตฺวา โสกสลฺลํ ปชเหยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม ปิยก ¶ , อายสฺมนฺตํ นารทํ ปฏิเวเทหิ. กถฺหิ นาม มาทิโส สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา วิชิเต วสนฺตํ ปุพฺเพ อปฺปฏิสํวิทิโต อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺเยฺยา’’ติ ¶ ! ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ปิยโก โกสารกฺโข มุณฺฑสฺส รฺโ ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา นารโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นารทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปิยโก โกสารกฺโข อายสฺมนฺตํ นารทํ เอตทโวจ –
‘‘อิมสฺส ¶ , ภนฺเต, มุณฺฑสฺส รฺโ ภทฺทา เทวี กาลงฺกตา ปิยา มนาปา. โส ภทฺทาย เทวิยา กาลงฺกตาย ปิยาย มนาปาย เนว นฺหายติ น วิลิมฺปติ น ภตฺตํ ภฺุชติ น กมฺมนฺตํ ปโยเชติ – รตฺตินฺทิวํ ภทฺทาย เทวิยา สรีเร อชฺโฌมุจฺฉิโต. สาธุ, ภนฺเต, อายสฺมา นารโท มุณฺฑสฺส รฺโ ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา มุณฺโฑ ราชา อายสฺมโต นารทสฺส ธมฺมํ สุตฺวา โสกสลฺลํ ปชเหยฺยา’’ติ. ‘‘ยสฺสทานิ, ปิยก, มุณฺโฑ ราชา กาลํ มฺตี’’ติ.
อถ โข ปิยโก โกสารกฺโข อุฏฺายาสนา อายสฺมนฺตํ นารทํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน มุณฺโฑ ราชา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มุณฺฑํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘กตาวกาโส โข, เทว, อายสฺมตา นารเทน. ยสฺสทานิ เทโว กาลํ มฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม ปิยก, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปหี’’ติ. ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ปิยโก โกสารกฺโข มุณฺฑสฺส รฺโ ปฏิสฺสุตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา มุณฺฑํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘ยุตฺตานิ โข เต, เทว, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ. ยสฺสทานิ เทโว กาลํ ¶ มฺตี’’ติ.
อถ โข มุณฺโฑ ราชา ภทฺรํ ยานํ [ภทฺรํ ภทฺรํ ยานํ (สฺยา. กํ. ก.), ภทฺทํ ยานํ (ปี.)] อภิรุหิตฺวา ภทฺเรหิ ภทฺเรหิ ยาเนหิ เยน กุกฺกุฏาราโม เตน ปายาสิ มหจฺจา [มหจฺจ (พหูสุ)] ราชานุภาเวน อายสฺมนฺตํ นารทํ ทสฺสนาย. ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา, ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อารามํ ปาวิสิ. อถ โข มุณฺโฑ ราชา ¶ เยน อายสฺมา นารโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นารทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ ¶ นิสินฺนํ โข มุณฺฑํ ราชานํ อายสฺมา นารโท เอตทโวจ –
‘‘ปฺจิมานิ, มหาราช, อลพฺภนียานิ านานิ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ. กตมานิ ปฺจ? ‘ชราธมฺมํ มา ชีรี’ติ อลพฺภนียํ านํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ. ‘พฺยาธิธมฺมํ มา พฺยาธียี’ติ…เป… ‘มรณธมฺมํ มา มียี’ติ… ‘ขยธมฺมํ มา ขียี’ติ… ‘นสฺสนธมฺมํ มา นสฺสี’ติ อลพฺภนียํ านํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ.
‘‘อสฺสุตวโต ¶ , มหาราช, ปุถุชฺชนสฺส ชราธมฺมํ ชีรติ. โส ชราธมฺเม ชิณฺเณ น อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข มยฺเหเวกสฺส ชราธมฺมํ ชีรติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ ชราธมฺมํ ชีรติ. อหฺเจว โข ปน ชราธมฺเม ชิณฺเณ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬึ กนฺเทยฺยํ, สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม ¶ นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวตฺเตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติ. โส ชราธมฺเม ชิณฺเณ โสจติ กิลมติ ปริเทวติ, อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ. อยํ วุจฺจติ, มหาราช – ‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน วิทฺโธ สวิเสน โสกสลฺเลน อตฺตานํเยว ปริตาเปติ’’’.
‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส พฺยาธิธมฺมํ พฺยาธียติ…เป… มรณธมฺมํ มียติ… ขยธมฺมํ ขียติ… นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ. โส นสฺสนธมฺเม นฏฺเ น อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข มยฺเหเวกสฺส นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ. อหฺเจว โข ปน นสฺสนธมฺเม นฏฺเ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬึ กนฺเทยฺยํ, สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวตฺเตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา ¶ อสฺสู’ติ. โส นสฺสนธมฺเม นฏฺเ โสจติ กิลมติ ปริเทวติ, อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ. อยํ วุจฺจติ, มหาราช – ‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน วิทฺโธ สวิเสน โสกสลฺเลน อตฺตานํเยว ปริตาเปติ’’’.
‘‘สุตวโต ¶ จ โข, มหาราช, อริยสาวกสฺส ชราธมฺมํ ชีรติ. โส ชราธมฺเม ชิณฺเณ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข มยฺเหเวกสฺส ชราธมฺมํ ชีรติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ ชราธมฺมํ ชีรติ. อหฺเจว โข ปน ชราธมฺเม ชิณฺเณ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ¶ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬึ กนฺเทยฺยํ, สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวตฺเตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติ. โส ชราธมฺเม ชิณฺเณ น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ. อยํ วุจฺจติ, มหาราช – ‘สุตวา อริยสาวโก อพฺพุหิ สวิสํ โสกสลฺลํ, เยน วิทฺโธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อตฺตานํเยว ปริตาเปติ. อโสโก วิสลฺโล อริยสาวโก อตฺตานํเยว ปรินิพฺพาเปติ’’’.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, มหาราช, สุตวโต อริยสาวกสฺส พฺยาธิธมฺมํ พฺยาธียติ…เป… มรณธมฺมํ มียติ… ขยธมฺมํ ขียติ… นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ. โส นสฺสนธมฺเม นฏฺเ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข มยฺเหเวกสฺส นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ นสฺสนธมฺมํ นสฺสติ. อหฺเจว โข ปน นสฺสนธมฺเม นฏฺเ โสเจยฺยํ กิลเมยฺยํ ปริเทเวยฺยํ, อุรตฺตาฬึ กนฺเทยฺยํ, สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยํ, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทยฺย, กาเยปิ ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกเมยฺย, กมฺมนฺตาปิ นปฺปวตฺเตยฺยุํ, อมิตฺตาปิ อตฺตมนา อสฺสุ, มิตฺตาปิ ทุมฺมนา อสฺสู’ติ. โส นสฺสนธมฺเม นฏฺเ น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ. อยํ วุจฺจติ, มหาราช – ‘สุตวา อริยสาวโก อพฺพุหิ สวิสํ โสกสลฺลํ, เยน วิทฺโธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อตฺตานํเยว ปริตาเปติ. อโสโก วิสลฺโล อริยสาวโก อตฺตานํเยว ปรินิพฺพาเปติ ¶ ’’’.
‘‘อิมานิ ¶ โข, มหาราช, ปฺจ อลพฺภนียานิ านานิ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติ.
‘‘น โสจนาย ปริเทวนาย,
อตฺโถธ ลพฺภา อปิ อปฺปโกปิ;
โสจนฺตเมนํ ทุขิตํ วิทิตฺวา,
ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนา ภวนฺติ.
‘‘ยโต ¶ จ โข ปณฺฑิโต อาปทาสุ,
น เวธตี อตฺถวินิจฺฉยฺู;
ปจฺจตฺถิกาสฺส ทุขิตา ภวนฺติ,
ทิสฺวา มุขํ อวิการํ ปุราณํ.
‘‘ชปฺเปน มนฺเตน สุภาสิเตน,
อนุปฺปทาเนน ปเวณิยา วา;
ยถา ยถา ยตฺถ ลเภถ อตฺถํ,
ตถา ตถา ตตฺถ ปรกฺกเมยฺย.
‘‘สเจ ¶ ปชาเนยฺย อลพฺภเนยฺโย,
มยาว อฺเน วา เอส อตฺโถ;
อโสจมาโน อธิวาสเยยฺย,
กมฺมํ ทฬฺหํ กินฺติ กโรมิ ทานี’’ติ [ชา. ๑ ชาตเกปิ].
เอวํ ¶ วุตฺเต มุณฺโฑ ราชา อายสฺมนฺตํ นารทํ เอตทโวจ – ‘‘โก นาโม [โก นุ โข (สี. ปี.)] อยํ, ภนฺเต, ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘โสกสลฺลหรโณ นาม อยํ, มหาราช, ธมฺมปริยาโย’’ติ. ‘‘ตคฺฆ, ภนฺเต, โสกสลฺลหรโณ [ตคฺฆ ภนฺเต โสกสลฺลหรโณ, ตคฺฆ ภนฺเต โสกสลฺลหรโณ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]! อิมฺหิ เม, ภนฺเต, ธมฺมปริยายํ สุตฺวา โสกสลฺลํ ปหีน’’นฺติ.
อถ โข มุณฺโฑ ราชา ปิยกํ โกสารกฺขํ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ, สมฺม ปิยก, ภทฺทาย เทวิยา สรีรํ ฌาเปถ; ถูปฺจสฺสา กโรถ. อชฺชตคฺเค ทานิ มยํ นฺหายิสฺสาม เจว วิลิมฺปิสฺสาม ภตฺตฺจ ภฺุชิสฺสาม กมฺมนฺเต จ ปโยเชสฺสามา’’ติ. ทสมํ.
มุณฺฑราชวคฺโค ¶ ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
อาทิโย สปฺปุริโส อิฏฺา, มนาปทายีภิสนฺทํ;
สมฺปทา จ ธนํ านํ, โกสโล นารเทน จาติ.
ปมปณฺณาสกํ สมตฺตํ.
๒. ทุติยปณฺณาสกํ
(๖) ๑. นีวรณวคฺโค
๑. อาวรณสุตฺตํ
๕๑. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ ¶ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาวรณา นีวรณา เจตโส อชฺฌารุหา ปฺาย ทุพฺพลีกรณา. กตเม ปฺจ? กามจฺฉนฺโท, ภิกฺขเว, อาวรโณ นีวรโณ เจตโส อชฺฌารุโห ปฺาย ทุพฺพลีกรโณ. พฺยาปาโท, ภิกฺขเว, อาวรโณ นีวรโณ เจตโส อชฺฌารุโห ปฺาย ทุพฺพลีกรโณ. ถินมิทฺธํ, ภิกฺขเว, อาวรณํ นีวรณํ เจตโส อชฺฌารุหํ ปฺาย ทุพฺพลีกรณํ. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, ภิกฺขเว, อาวรณํ นีวรณํ เจตโส อชฺฌารุหํ ปฺาย ทุพฺพลีกรณํ. วิจิกิจฺฉา, ภิกฺขเว, อาวรณา นีวรณา เจตโส อชฺฌารุหา ปฺาย ทุพฺพลีกรณา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาวรณา นีวรณา เจตโส อชฺฌารุหา ปฺาย ทุพฺพลีกรณา.
‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิเม ปฺจ อาวรเณ นีวรเณ เจตโส อชฺฌารุเห ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ อปฺปหาย, อพลาย ปฺาย ทุพฺพลาย อตฺตตฺถํ วา สฺสติ ปรตฺถํ ¶ วา สฺสติ อุภยตฺถํ วา สฺสติ อุตฺตริ [อุตฺตรึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วา มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นที ปพฺพเตยฺยา ทูรงฺคมา [ทูรคมา (สี.)] สีฆโสตา หารหารินี. ตสฺสา ปุริโส ¶ อุภโต นงฺคลมุขานิ วิวเรยฺย. เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, มชฺเฌ นทิยา โสโต วิกฺขิตฺโต วิสโฏ พฺยาทิณฺโณ เนว [น เจว (ก.)] ทูรงฺคโม อสฺส น [น จ (ก.)] สีฆโสโต น [น จ (ก.)] หารหารี [หารหาริณี (สี.)]. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, โส วต ภิกฺขุ อิเม ปฺจ อาวรเณ นีวรเณ ¶ เจตโส อชฺฌารุเห ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ อปฺปหาย, อพลาย ปฺาย ทุพฺพลาย อตฺตตฺถํ ¶ วา สฺสติ ปรตฺถํ วา สฺสติ อุภยตฺถํ วา สฺสติ อุตฺตริ วา มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ.
‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิเม ปฺจ อาวรเณ นีวรเณ เจตโส อชฺฌารุเห ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ ปหาย, พลวติยา ปฺาย อตฺตตฺถํ วา สฺสติ ปรตฺถํ วา สฺสติ อุภยตฺถํ วา สฺสติ อุตฺตริ วา มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกริสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นที ปพฺพเตยฺยา ทูรงฺคมา สีฆโสตา หารหารินี. ตสฺสา ปุริโส อุภโต นงฺคลมุขานิ ปิทเหยฺย. เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, มชฺเฌ นทิยา โสโต อวิกฺขิตฺโต อวิสโฏ อพฺยาทิณฺโณ ทูรงฺคโม เจว อสฺส สีฆโสโต จ หารหารี จ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, โส วต ภิกฺขุ อิเม ปฺจ อาวรเณ นีวรเณ เจตโส อชฺฌารุเห ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ ปหาย, พลวติยา ปฺาย อตฺตตฺถํ วา สฺสติ ปรตฺถํ วา สฺสติ อุภยตฺถํ วา สฺสติ อุตฺตริ วา มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ สจฺฉิกริสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชตี’’ติ. ปมํ.
๒. อกุสลราสิสุตฺตํ
๕๒. ‘‘อกุสลราสีติ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, วทมาโน ปฺจ นีวรเณ [อิเม ปฺจ นีวรเณ (สี.)] สมฺมา วทมาโน วเทยฺย. เกวโล หายํ [หยํ (สี.), จายํ (สฺยา. กํ.), สายํ (ก.)], ภิกฺขเว, อกุสลราสิ ยทิทํ ปฺจ นีวรณา. กตเม ปฺจ? กามจฺฉนฺทนีวรณํ, พฺยาปาทนีวรณํ, ถินมิทฺธนีวรณํ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณํ, วิจิกิจฺฉานีวรณํ. อกุสลราสีติ, ภิกฺขเว, วทมาโน อิเม ปฺจ นีวรเณ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย. เกวโล หายํ, ภิกฺขเว, อกุสลราสิ ยทิทํ ปฺจ นีวรณา’’ติ. ทุติยํ.
๓. ปธานิยงฺคสุตฺตํ
๕๓. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, ปธานิยงฺคานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ ¶ . อปฺปาพาโธ โหติ ¶ อปฺปาตงฺโก; สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย; อสโ โหติ อมายาวี; ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปฺวา โหติ, อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ปธานิยงฺคานี’’ติ. ตติยํ.
๔. สมยสุตฺตํ
๕๔. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อสมยา ปธานาย. กตเม ปฺจ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชิณฺโณ โหติ ชรายาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม อสมโย ปธานาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พฺยาธิโต โหติ พฺยาธินาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย อสมโย ปธานาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ทุพฺภิกฺขํ โหติ ทุสฺสสฺสํ ทุลฺลภปิณฺฑํ, น สุกรํ อฺุเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย อสมโย ปธานาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภยํ โหติ อฏวิสงฺโกโป, จกฺกสมารูฬฺหา ชานปทา ปริยายนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ อสมโย ปธานาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ ภินฺโน โหติ. สงฺเฆ โข ปน, ภิกฺขเว, ภินฺเน อฺมฺํ อกฺโกสา จ โหนฺติ, อฺมฺํ ปริภาสา จ โหนฺติ, อฺมฺํ ปริกฺเขปา จ โหนฺติ, อฺมฺํ ปริจฺจชา จ โหนฺติ. ตตฺถ อปฺปสนฺนา เจว นปฺปสีทนฺติ, ปสนฺนานฺจ เอกจฺจานํ อฺถตฺตํ โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม อสมโย ปธานาย. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อสมยา ปธานายาติ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, สมยา ปธานาย. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทหโร โหติ ¶ ยุวา สุสุ กาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม สมโย ปธานาย.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ¶ ปธานกฺขมาย. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย สมโย ปธานาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สุภิกฺขํ โหติ สุสสฺสํ ¶ สุลภปิณฺฑํ, สุกรํ อฺุเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย สมโย ปธานาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, มนุสฺสา สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ สมโย ปธานาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ สมคฺโค สมฺโมทมาโน อวิวทมาโน เอกุทฺเทโส ผาสุ วิหรติ. สงฺเฆ โข ปน, ภิกฺขเว, สมคฺเค น เจว อฺมฺํ อกฺโกสา โหนฺติ, น จ อฺมฺํ ปริภาสา โหนฺติ, น จ อฺมฺํ ปริกฺเขปา โหนฺติ, น จ อฺมฺํ ปริจฺจชา โหนฺติ. ตตฺถ อปฺปสนฺนา เจว ปสีทนฺติ, ปสนฺนานฺจ ภิยฺโยภาโว [ภียฺโยภาวาย (ก.)] โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม สมโย ปธานาย. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมยา ปธานายา’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. มาตาปุตฺตสุตฺตํ
๕๕. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิยํ อุโภ มาตาปุตฺตา วสฺสาวาสํ อุปคมึสุ [อุปสงฺกมึสุ (ก.)] – ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนี จ. เต อฺมฺสฺส อภิณฺหํ ทสฺสนกามา อเหสุํ. มาตาปิ ปุตฺตสฺส อภิณฺหํ ทสฺสนกามา อโหสิ; ปุตฺโตปิ มาตรํ อภิณฺหํ ทสฺสนกาโม อโหสิ. เตสํ อภิณฺหํ ทสฺสนา สํสคฺโค อโหสิ. สํสคฺเค สติ วิสฺสาโส อโหสิ. วิสฺสาเส สติ โอตาโร อโหสิ. เต โอติณฺณจิตฺตา สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ¶ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวึสุ.
อถ ¶ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ, ภนฺเต, สาวตฺถิยํ อุโภ มาตาปุตฺตา ¶ วสฺสาวาสํ อุปคมึสุ – ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนี จ, เต อฺมฺสฺส อภิณฺหํ ¶ ทสฺสนกามา อเหสุํ, มาตาปิ ปุตฺตสฺส อภิณฺหํ ทสฺสนกามา อโหสิ, ปุตฺโตปิ มาตรํ อภิณฺหํ ทสฺสนกาโม อโหสิ. เตสํ อภิณฺหํ ทสฺสนา สํสคฺโค อโหสิ, สํสคฺเค สติ วิสฺสาโส อโหสิ, วิสฺสาเส สติ โอตาโร อโหสิ, เต โอติณฺณจิตฺตา สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวึสู’’ติ.
‘‘กึ นุ โส, ภิกฺขเว, โมฆปุริโส มฺติ – ‘น มาตา ปุตฺเต สารชฺชติ, ปุตฺโต วา ปน มาตรี’ติ? นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกรูปมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ [ยํ เอวํ (สี.)] รชนียํ เอวํ กมนียํ เอวํ มทนียํ เอวํ พนฺธนียํ เอวํ มุจฺฉนียํ เอวํ อนฺตรายกรํ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมาย ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อิตฺถิรูปํ. อิตฺถิรูเป, ภิกฺขเว, สตฺตา รตฺตา คิทฺธา คถิตา [คธิตา (สฺยา. ปี. ก.)] มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา [อชฺโฌปนฺนา (พหูสุ)]. เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ อิตฺถิรูปวสานุคา.
‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกสทฺทมฺปิ…เป… เอกคนฺธมฺปิ… เอกรสมฺปิ… เอกโผฏฺพฺพมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ รชนียํ เอวํ กมนียํ เอวํ มทนียํ เอวํ พนฺธนียํ เอวํ มุจฺฉนียํ เอวํ อนฺตรายกรํ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมาย ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อิตฺถิโผฏฺพฺพํ ¶ . อิตฺถิโผฏฺพฺเพ, ภิกฺขเว, สตฺตา รตฺตา คิทฺธา คถิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา. เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ อิตฺถิโผฏฺพฺพวสานุคา.
‘‘อิตฺถี, ภิกฺขเว, คจฺฉนฺตีปิ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ; ิตาปิ…เป… นิสินฺนาปิ… สยานาปิ… หสนฺตีปิ… ภณนฺตีปิ… คายนฺตีปิ… โรทนฺตีปิ… อุคฺฆาติตาปิ [อุคฺฆานิตาปิ (สี.)] … มตาปิ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ. ยฺหิ ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สมนฺตปาโส มารสฺสา’ติ มาตุคามํเยว สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สมนฺตปาโส มารสฺสา’’’ติ.
‘‘สลฺลเป ¶ อสิหตฺเถน, ปิสาเจนาปิ สลฺลเป;
อาสีวิสมฺปิ อาสีเท [อาสทฺเท (สฺยา. กํ.)], เยน ทฏฺโ น ชีวติ.
‘‘นตฺเวว ¶ เอโก เอกาย, มาตุคาเมน สลฺลเป;
มุฏฺสฺสตึ ¶ ตา พนฺธนฺติ, เปกฺขิเตน สิเตน จ [มฺหิเตน จ (สฺยา. กํ.)].
‘‘อโถปิ ทุนฺนิวตฺเถน, มฺชุนา ภณิเตน จ;
เนโส ชโน สฺวาสีสโท, อปิ อุคฺฆาติโต มโต.
‘‘ปฺจ กามคุณา เอเต, อิตฺถิรูปสฺมึ ทิสฺสเร;
รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฏฺพฺพา จ มโนรมา.
‘‘เตสํ กาโมฆวูฬฺหานํ, กาเม อปริชานตํ;
กาลํ คติ [คตึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ภวาภวํ, สํสารสฺมึ ปุรกฺขตา.
‘‘เย ¶ จ กาเม ปริฺาย, จรนฺติ อกุโตภยา;
เต เว ปารงฺคตา โลเก, เย ปตฺตา อาสวกฺขย’’นฺติ. ปฺจมํ;
๖. อุปชฺฌายสุตฺตํ
๕๖. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน สโก อุปชฺฌาโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สกํ อุปชฺฌายํ เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ เม, ภนฺเต, มธุรกชาโต เจว กาโย, ทิสา จ เม น ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ มํ นปฺปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจ เม จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, อนภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, อตฺถิ จ เม ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา’’ติ.
อถ โข โส ภิกฺขุ ตํ สทฺธิวิหาริกํ ภิกฺขุํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ เอวมาห – ‘เอตรหิ เม, ภนฺเต, มธุรกชาโต เจว กาโย, ทิสา จ มํ น ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ เม นปฺปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจ เม จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, อนภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, อตฺถิ จ เม ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา’’’ติ.
‘‘เอวฺเหตํ ¶ ¶ , ภิกฺขุ, โหติ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารสฺส, โภชเน อมตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนนุยุตฺตสฺส, อวิปสฺสกสฺส กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนนุยุตฺตสฺส วิหรโต, ยํ มธุรกชาโต เจว กาโย โหติ, ทิสา จสฺส น ¶ ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ ตํ นปฺปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, อนภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรติ, โหติ จสฺส ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา. ตสฺมาติห เต, ภิกฺขุ, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร ภวิสฺสามิ, โภชเน มตฺตฺู, ชาคริยํ อนุยุตฺโต, วิปสฺสโก กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺโต วิหริสฺสามี’ติ. เอวฺหิ เต, ภิกฺขุ, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ.
อถ โข โส ภิกฺขุ ภควตา อิมินา โอวาเทน โอวทิโต อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข โส ภิกฺขุ เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร ปน โส ภิกฺขุ อรหตํ อโหสิ.
อถ โข โส ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปตฺโต เยน สโก อุปชฺฌาโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สกํ อุปชฺฌายํ เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ เม, ภนฺเต, น เจว [น ตฺเวว (สี.)] มธุรกชาโต กาโย, ทิสา จ เม ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ มํ ปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจ เม จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, นตฺถิ จ เม ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา’’ติ. อถ โข โส ภิกฺขุ ตํ สทฺธิวิหาริกํ ภิกฺขุํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ ¶ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ เอวมาห – ‘เอตรหิ เม, ภนฺเต, น เจว มธุรกชาโต กาโย, ทิสา จ เม ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ มํ ปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจ เม จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, นตฺถิ จ เม ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา’’’ติ.
‘‘เอวฺเหตํ, ภิกฺขุ, โหติ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารสฺส, โภชเน มตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตสฺส, วิปสฺสกสฺส กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ ¶ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต, ยํ น เจว มธุรกชาโต กาโย โหติ, ทิสา จสฺส ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ ¶ ตํ ปฏิภนฺติ, ถินมิทฺธฺจสฺส จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรติ, น จสฺส โหติ ธมฺเมสุ วิจิกิจฺฉา. ตสฺมาติห โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา ภวิสฺสาม, โภชเน มตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตา, วิปสฺสกา กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺตา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ฉฏฺํ.
๗. อภิณฺหปจฺจเวกฺขิตพฺพานสุตฺตํ
๕๗. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, านานิ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพานิ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. กตมานิ ปฺจ? ‘ชราธมฺโมมฺหิ, ชรํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. ‘พฺยาธิธมฺโมมฺหิ, พฺยาธึ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. ‘มรณธมฺโมมฺหิ, มรณํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา ¶ วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. ‘สพฺเพหิ เม ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา. ‘กมฺมสฺสโกมฺหิ, กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฏิสรโณ. ยํ กมฺมํ กริสฺสามิ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามี’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘ชราธมฺโมมฺหิ, ชรํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ โยพฺพเน โยพฺพนมโท, เยน มเทน มตฺตา กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต โย โยพฺพเน โยพฺพนมโท โส สพฺพโส วา ปหียติ ตนุ วา ปน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘ชราธมฺโมมฺหิ, ชรํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.
‘‘กิฺจ ¶ , ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘พฺยาธิธมฺโมมฺหิ, พฺยาธึ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ อาโรคฺเย อาโรคฺยมโท, เยน มเทน มตฺตา กาเยน ¶ ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต โย อาโรคฺเย อาโรคฺยมโท โส สพฺพโส วา ปหียติ ตนุ วา ปน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘พฺยาธิธมฺโมมฺหิ, พฺยาธึ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘มรณธมฺโมมฺหิ, มรณํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ ชีวิเต ชีวิตมโท, เยน มเทน มตฺตา กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ ¶ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต โย ชีวิเต ชีวิตมโท โส สพฺพโส วา ปหียติ ตนุ วา ปน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘มรณธมฺโมมฺหิ, มรณํ อนตีโต’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘สพฺเพหิ เม ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ ปิเยสุ มนาเปสุ โย ฉนฺทราโค เยน ราเคน รตฺตา กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต โย ปิเยสุ มนาเปสุ ฉนฺทราโค โส สพฺพโส วา ปหียติ ตนุ วา ปน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘สพฺเพหิ เม ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘กมฺมสฺสโกมฺหิ, กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฏิสรโณ, ยํ กมฺมํ กริสฺสามิ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามี’ติ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา ¶ ? อตฺถิ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต สพฺพโส วา ทุจฺจริตํ ปหียติ ตนุ วา ปน โหติ. อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘กมฺมสฺสโกมฺหิ, กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฏิสรโณ, ยํ กมฺมํ กริสฺสามิ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามี’ติ ¶ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ อิตฺถิยา วา ปุริเสน วา คหฏฺเน วา ปพฺพชิเตน วา.
‘‘ส โข [สเจ (ปี. ก.)] โส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น ¶ โข อหฺเเวโก ชราธมฺโม [อหฺเจเวโก ชราธมฺโมมฺหิ (ก.)] ชรํ อนตีโต, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพ สตฺตา ชราธมฺมา ชรํ อนตีตา’ติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺโค สฺชายติ. โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ สพฺพโส ปหียนฺติ อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข อหฺเเวโก พฺยาธิธมฺโม พฺยาธึ อนตีโต, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพ สตฺตา พฺยาธิธมฺมา พฺยาธึ อนตีตา’ติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺโค สฺชายติ. โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ สพฺพโส ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข อหฺเเวโก มรณธมฺโม มรณํ อนตีโต, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา มรณํ อนตีตา’ติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺโค สฺชายติ. โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ สพฺพโส ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น โข มยฺเหเวกสฺส สพฺเพหิ ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว, อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’ติ. ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ¶ ปจฺจเวกฺขโต มคฺโค สฺชายติ. โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ สพฺพโส ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘น ¶ โข อหฺเเวโก กมฺมสฺสโก กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฺปฏิสรโณ, ยํ กมฺมํ กริสฺสามิ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามิ; อถ โข ยาวตา สตฺตานํ อาคติ คติ จุติ อุปปตฺติ สพฺเพ สตฺตา กมฺมสฺสกา กมฺมทายาทา กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฺปฏิสรณา, ยํ กมฺมํ กริสฺสนฺติ – กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา – ตสฺส ทายาทา ภวิสฺสนฺตี’ติ ¶ . ตสฺส ตํ านํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺโค สฺชายติ. โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ สพฺพโส ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺตี’’ติ.
‘‘พฺยาธิธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน;
ยถา ธมฺมา ตถา สตฺตา [สนฺตา (สฺยา. กํ.)], ชิคุจฺฉนฺติ ปุถุชฺชนา.
‘‘อหฺเจ ตํ ชิคุจฺเฉยฺยํ, เอวํ ธมฺเมสุ ปาณิสุ;
น เมตํ ปติรูปสฺส, มม เอวํ วิหาริโน.
‘‘โสหํ เอวํ วิหรนฺโต, ตฺวา ธมฺมํ นิรูปธึ;
อาโรคฺเย โยพฺพนสฺมิฺจ, ชีวิตสฺมิฺจ เย มทา.
‘‘สพฺเพ มเท อภิโภสฺมิ, เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโต [เนกฺขมฺเม ทฏฺุ เขมตํ (อ. นิ. ๓.๓๙) อุภยตฺถปิ อฏฺกถาย สเมติ];
ตสฺส เม อหุ อุสฺสาโห, นิพฺพานํ อภิปสฺสโต.
‘‘นาหํ ภพฺโพ เอตรหิ, กามานิ ปฏิเสวิตุํ;
อนิวตฺติ [อนิวตฺตี (?)] ภวิสฺสามิ, พฺรหฺมจริยปรายโณ’’ติ. สตฺตมํ;
๘. ลิจฺฉวิกุมารกสุตฺตํ
๕๘. เอกํ ¶ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ลิจฺฉวิกุมารกา สชฺชานิ ธนูนิ อาทาย กุกฺกุรสงฺฆปริวุตา มหาวเน อนุจงฺกมมานา อนุวิจรมานา อทฺทสุ ¶ ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ; ทิสฺวาน สชฺชานิ ธนูนิ นิกฺขิปิตฺวา กุกฺกุรสงฺฆํ เอกมนฺตํ อุยฺโยเชตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ¶ ตุณฺหีภูตา ตุณฺหีภูตา ปฺชลิกา ภควนฺตํ ปยิรุปาสนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน มหานาโม ลิจฺฉวิ มหาวเน ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อทฺทส เต ลิจฺฉวิกุมารเก ตุณฺหีภูเต ตุณฺหีภูเต ปฺชลิเก ภควนฺตํ ปยิรุปาสนฺเต; ทิสฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มหานาโม ลิจฺฉวิ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘ภวิสฺสนฺติ วชฺชี, ภวิสฺสนฺติ วชฺชี’’’ติ!
‘‘กึ ปน ตฺวํ, มหานาม, เอวํ วเทสิ – ‘ภวิสฺสนฺติ วชฺชี, ภวิสฺสนฺติ วชฺชี’’’ติ? ‘‘อิเม, ภนฺเต, ลิจฺฉวิกุมารกา จณฺฑา ผรุสา อปานุภา [อปชหาติ (สี.), อปาฏุภา (สฺยา. กํ.), อปชหา (ปี.), อปานุตา (กตฺถจิ)]. ยานิปิ ตานิ กุเลสุ ปเหณกานิ [ปหีนกานิ (สี.), ปหีณกานิ (สฺยา. กํ. ปี.)] ปหียนฺติ, อุจฺฉูติ วา พทราติ วา ปูวาติ วา โมทกาติ วา สํกุลิกาติ วา [สกฺขลิกาติ วา (สี. ปี.)], ตานิ วิลุมฺปิตฺวา วิลุมฺปิตฺวา ขาทนฺติ; กุลิตฺถีนมฺปิ กุลกุมารีนมฺปิ ปจฺฉาลิยํ ขิปนฺติ. เต ทานิเม ตุณฺหีภูตา ตุณฺหีภูตา ปฺชลิกา ภควนฺตํ ปยิรุปาสนฺตี’’ติ.
‘‘ยสฺส กสฺสจิ, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส ปฺจ ธมฺมา สํวิชฺชนฺติ – ยทิ วา รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส, ยทิ วา รฏฺิกสฺส เปตฺตนิกสฺส [มุทฺธาภิสิตฺตสฺส (ก.) อ. นิ. ๕.๑๓๕, ๑๓๖ ปสฺสิตพฺพํ], ยทิ วา เสนาย เสนาปติกสฺส, ยทิ ¶ วา คามคามณิกสฺส, ยทิ วา ปูคคามณิกสฺส, เย วา ปน กุเลสุ ปจฺเจกาธิปจฺจํ กาเรนฺติ, วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.
‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, มหานาม, กุลปุตฺโต อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ มาตาปิตโร สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ ¶ . ตเมนํ มาตาปิตโร สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติ. มาตาปิตานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, มหานาม, กุลปุตฺโต อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริเส [… สามนฺตสํโวหาเร (สี. ปี.)] สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ. ตเมนํ ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริสา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติ. ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริสานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กุลปุตฺโต อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ เขตฺตกมฺมนฺตสามนฺตสพฺโยหาเร สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ. ตเมนํ เขตฺตกมฺมนฺตสามนฺตสพฺโยหารา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติ. เขตฺตกมฺมนฺตสามนฺตสพฺโยหารานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.
‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กุลปุตฺโต อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ ยาวตา พลิปฏิคฺคาหิกา เทวตา สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ. ตเมนํ พลิปฏิคฺคาหิกา เทวตา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติ. เทวตานุกมฺปิตสฺส, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, มหานาม, กุลปุตฺโต อุฏฺานวีริยาธิคเตหิ โภเคหิ พาหาพลปริจิเตหิ เสทาวกฺขิตฺเตหิ ธมฺมิเกหิ ธมฺมลทฺเธหิ สมณพฺราหฺมเณ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ. ตเมนํ สมณพฺราหฺมณา สกฺกตา ครุกตา มานิตา ปูชิตา กลฺยาเณน มนสา อนุกมฺปนฺติ – ‘จิรํ ชีว, ทีฆมายุํ ปาเลหี’ติ. สมณพฺราหฺมณานุกมฺปิตสฺส ¶ , มหานาม, กุลปุตฺตสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานิ.
‘‘ยสฺส กสฺสจิ, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส อิเม ปฺจ ธมฺมา สํวิชฺชนฺติ – ยทิ วา รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส, ยทิ วา รฏฺิกสฺส เปตฺตนิกสฺส ¶ , ยทิ วา เสนาย เสนาปติกสฺส, ยทิ วา คามคามณิกสฺส, ยทิ วา ปูคคามณิกสฺส, เย วา ปน กุเลสุ ปจฺเจกาธิปจฺจํ กาเรนฺติ, วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ.
‘‘มาตาปิตุกิจฺจกโร, ปุตฺตทารหิโต สทา;
อนฺโตชนสฺส อตฺถาย, เย จสฺส อนุชีวิโน.
‘‘อุภินฺนฺเจว อตฺถาย, วทฺู โหติ สีลวา;
าตีนํ ปุพฺพเปตานํ, ทิฏฺเ ธมฺเม จ ชีวตํ [ชีวินํ (สี.), ชีวิตํ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)].
‘‘สมณานํ พฺราหฺมณานํ, เทวตานฺจ ปณฺฑิโต;
วิตฺติสฺชนโน โหติ, ธมฺเมน ฆรมาวสํ.
‘‘โส กริตฺวาน กลฺยาณํ, ปุชฺโช โหติ ปสํสิโย;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. อฏฺมํ;
๙. ปมวุฑฺฒปพฺพชิตสุตฺตํ
๕๙. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ทุลฺลโภ วุฑฺฒปพฺพชิโต. กตเมหิ ปฺจหิ? ทุลฺลโภ, ภิกฺขเว, วุฑฺฒปพฺพชิโต นิปุโณ, ทุลฺลโภ อากปฺปสมฺปนฺโน, ทุลฺลโภ พหุสฺสุโต ¶ , ทุลฺลโภ ธมฺมกถิโก, ทุลฺลโภ วินยธโร. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ทุลฺลโภ วุฑฺฒปพฺพชิโต’’ติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยวุฑฺฒปพฺพชิตสุตฺตํ
๖๐. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ทุลฺลโภ วุฑฺฒปพฺพชิโต. กตเมหิ ปฺจหิ? ทุลฺลโภ, ภิกฺขเว, วุฑฺฒปพฺพชิโต สุวโจ, ทุลฺลโภ สุคฺคหิตคฺคาหี ¶ , ทุลฺลโภ ปทกฺขิณคฺคาหี, ทุลฺลโภ ธมฺมกถิโก, ทุลฺลโภ วินยธโร. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ทุลฺลโภ วุฑฺฒปพฺพชิโต’’ติ. ทสมํ.
นีวรณวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
อาวรณํ ราสิ องฺคานิ, สมยํ มาตุปุตฺติกา;
อุปชฺฌา านา ลิจฺฉวิ, กุมารา อปรา ทุเวติ.
(๗) ๒. สฺาวคฺโค
๑. ปมสฺาสุตฺตํ
๖๑. ‘‘ปฺจิมา ¶ ¶ , ภิกฺขเว, สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา. กตมา ปฺจ? อสุภสฺา, มรณสฺา, อาทีนวสฺา, อาหาเร ปฏิกูลสฺา, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา [อนภิรติสฺา (ก.) อ. นิ. ๕.๑๒๑-๑๒๒, ๓๐๓-๓๐๔ ปสฺสิตพฺพํ] – อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’’ติ. ปมํ.
๒. ทุติยสฺาสุตฺตํ
๖๒. ‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา. กตมา ปฺจ? อนิจฺจสฺา, อนตฺตสฺา, มรณสฺา, อาหาเร ปฏิกูลสฺา, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา – อิมา ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สฺา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหนฺติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา’’ติ. ทุติยํ.
๓. ปมวฑฺฒิสุตฺตํ
๖๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, วฑฺฒีหิ วฑฺฒมาโน อริยสาวโก อริยาย วฑฺฒิยา วฑฺฒติ, สาราทายี จ โหติ วราทายี จ กายสฺส. กตมาหิ ปฺจหิ? สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน วฑฺฒติ, สุเตน วฑฺฒติ, จาเคน วฑฺฒติ, ปฺาย วฑฺฒติ – อิมาหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒมาโน อริยสาวโก อริยาย วฑฺฒิยา วฑฺฒติ, สาราทายี จ โหติ วราทายี จ กายสฺสา’’ติ.
‘‘สทฺธาย ¶ สีเลน จ โย ปวฑฺฒติ [โยธ วฑฺฒติ (สี.)],
ปฺาย จาเคน สุเตน จูภยํ;
โส ตาทิโส สปฺปุริโส วิจกฺขโณ,
อาทียตี สารมิเธว อตฺตโน’’ติ. ตติยํ;
๔. ทุติยวฑฺฒิสุตฺตํ
๖๔. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, วฑฺฒีหิ วฑฺฒมานา อริยสาวิกา อริยาย วฑฺฒิยา วฑฺฒติ, สาราทายินี จ โหติ วราทายินี จ กายสฺส. กตมาหิ ปฺจหิ? สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน วฑฺฒติ, สุเตน วฑฺฒติ, จาเคน วฑฺฒติ, ปฺาย วฑฺฒติ – อิมาหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ วฑฺฒีหิ วฑฺฒมานา อริยสาวิกา อริยาย วฑฺฒิยา วฑฺฒติ, สาราทายินี จ โหติ วราทายินี จ กายสฺสา’’ติ.
‘‘สทฺธาย สีเลน จ ยา ปวฑฺฒติ [ยาธ วฑฺฒติ (สี.)],
ปฺาย จาเคน สุเตน จูภยํ;
สา ตาทิสี สีลวตี อุปาสิกา,
อาทียตี สารมิเธว อตฺตโน’’ติ. จตุตฺถํ;
๕. สากจฺฉสุตฺตํ
๖๕. [อ. นิ. ๕.๑๖๔] ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํสากจฺโฉ สพฺรหฺมจารีนํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน โหติ, สีลสมฺปทาย กถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, สมาธิสมฺปทาย กถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, ปฺาสมฺปทาย กถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติสมฺปทาย กถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย กถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํสากจฺโฉ สพฺรหฺมจารีน’’นฺติ. ปฺจมํ.
๖. สาชีวสุตฺตํ
๖๖. [อ. นิ. ๕.๑๖๔] ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํสาชีโว สพฺรหฺมจารีนํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน โหติ, สีลสมฺปทาย กถาย จ กตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, สมาธิสมฺปทาย กถาย จ ¶ กตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, ปฺาสมฺปทาย กถาย จ กตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติสมฺปทาย กถาย จ กตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทาย กถาย จ กตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํสาชีโว สพฺรหฺมจารีน’’นฺติ. ฉฏฺํ.
๗. ปมอิทฺธิปาทสุตฺตํ
๖๗. ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ปฺจ ธมฺเม [อิเม ปฺจ ธมฺเม (ก.)] ภาเวติ, ปฺจ ธมฺเม [อิเม ปฺจ ธมฺเม (ก.)] พหุลีกโรติ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ – ทิฏฺเว ¶ ธมฺเม อฺา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา.
‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีริยสมาธิ…เป… จิตฺตสมาธิ… วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, อุสฺโสฬฺหิฺเว ปฺจมึ [อุสฺโสฬฺหีเยว ปฺจมี (สี.)]. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อิเม ปฺจ ธมฺเม ภาเวติ, อิเม ปฺจ ธมฺเม พหุลีกโรติ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ – ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ทุติยอิทฺธิปาทสุตฺตํ
๖๘. ‘‘ปุพฺเพวาหํ, ภิกฺขเว, สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺโธ โพธิสตฺโตว สมาโน ปฺจ ธมฺเม ภาเวสึ, ปฺจ ธมฺเม พหุลีกาสึ [พหุลิมกาสึ (ก.), พหุลมกาสึ (ก.)]. กตเม ปฺจ? ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวสึ ¶ , วีริยสมาธิ… จิตฺตสมาธิ… วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวสึ, อุสฺโสฬฺหิฺเว ปฺจมึ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อิเมสํ อุสฺโสฬฺหิปฺจมานํ ธมฺมานํ ภาวิตตฺตา พหุลีกตตฺตา ยสฺส ยสฺส อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺส ธมฺมสฺส จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณึ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส ¶ สเจ อากงฺขึ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ…เป… ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณึ สติ สติ อายตเน.
‘‘โส สเจ อากงฺขึ…เป… ‘อาสวานํ ¶ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณึ สติ สติ อายตเน’’ติ. อฏฺมํ.
๙. นิพฺพิทาสุตฺตํ
๖๙. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรติ, อาหาเร ปฏิกูลสฺี, สพฺพโลเก อนภิรตสฺี [อนภิรติสฺี (ก.) อ. นิ. ๕.๑๒๑-๑๒๒, ๓๐๓-๓๐๔ ปสฺสิตพฺพํ], สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี, มรณสฺา โข ปนสฺส อชฺฌตฺตํ สูปฏฺิตา โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. นวมํ.
๑๐. อาสวกฺขยสุตฺตํ
๗๐. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา อาสวานํ ขยาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรติ, อาหาเร ปฏิกูลสฺี ¶ , สพฺพโลเก อนภิรตสฺี, สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี, มรณสฺา โข ปนสฺส อชฺฌตฺตํ สูปฏฺิตา โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา อาสวานํ ขยาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ทสมํ.
สฺาวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทฺเว จ สฺา ทฺเว วฑฺฒี จ, สากจฺเฉน จ สาชีวํ;
อิทฺธิปาทา จ ทฺเว วุตฺตา, นิพฺพิทา จาสวกฺขยาติ.
(๘) ๓. โยธาชีววคฺโค
๑. ปมเจโตวิมุตฺติผลสุตฺตํ
๗๑. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา เจโตวิมุตฺติผลา จ โหนฺติ เจโตวิมุตฺติผลานิสํสา จ, ปฺาวิมุตฺติผลา จ โหนฺติ ปฺาวิมุตฺติผลานิสํสา จ.
‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรติ, อาหาเร ปฏิกูลสฺี [ปฏิกฺกูลสฺี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], สพฺพโลเก อนภิรตสฺี, สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี, มรณสฺา โข ปนสฺส อชฺฌตฺตํ สูปฏฺิตา โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา เจโตวิมุตฺติผลา จ โหนฺติ เจโตวิมุตฺติผลานิสํสา จ, ปฺาวิมุตฺติผลา จ โหนฺติ ปฺาวิมุตฺติผลานิสํสา จ. ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจโตวิมุตฺโต จ โหติ ปฺาวิมุตฺโต จ โหติ – อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ‘ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ อิติปิ, สํกิณฺณปริโข [สํกิณฺณปริกฺโข (สฺยา. กํ.)] อิติปิ, อพฺพูฬฺเหสิโก อิติปิ, นิรคฺคโฬ อิติปิ, อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต อิติปิ’’’.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา โหติ อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สํกิณฺณปริโข โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โปโนภวิโก [โปโนพฺภวิโก (สฺยา. ก.)] ชาติสํสาโร ปหีโน โหติ อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สํกิณฺณปริโข โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อพฺพูฬฺเหสิโก โหติ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา ¶ ปหีนา โหติ อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อพฺพูฬฺเหสิโก โหติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิรคฺคโฬ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปหีนานิ โหนฺติ อุจฺฉินฺนมูลานิ ตาลาวตฺถุกตานิ อนภาวํกตานิ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมานิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิรคฺคโฬ โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อสฺมิมาโน ปหีโน โหติ อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต โหตี’’ติ. ปมํ.
๒. ทุติยเจโตวิมุตฺติผลสุตฺตํ
๗๒. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา เจโตวิมุตฺติผลา จ โหนฺติ เจโตวิมุตฺติผลานิสํสา จ, ปฺาวิมุตฺติผลา จ โหนฺติ ปฺาวิมุตฺติผลานิสํสา จ. กตเม ปฺจ? อนิจฺจสฺา, อนิจฺเจ ทุกฺขสฺา, ทุกฺเข อนตฺตสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺา – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา ภาวิตา พหุลีกตา เจโตวิมุตฺติผลา จ โหนฺติ เจโตวิมุตฺติผลานิสํสา จ, ปฺาวิมุตฺติผลา จ โหนฺติ ปฺาวิมุตฺติผลานิสํสา จ. ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เจโตวิมุตฺโต จ โหติ ปฺาวิมุตฺโต จ – อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ‘ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ อิติปิ, สํกิณฺณปริโข อิติปิ, อพฺพูฬฺเหสิโก อิติปิ, นิรคฺคโฬ อิติปิ, อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต อิติปิ’’’.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา โหติ อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สํกิณฺณปริโข โหติ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โปโนภวิโก ¶ ชาติสํสาโร ปหีโน โหติ อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สํกิณฺณปริโข ¶ โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อพฺพูฬฺเหสิโก โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา ปหีนา โหติ อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา ¶ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อพฺพูฬฺเหสิโก โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิรคฺคโฬ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปหีนานิ โหนฺติ อุจฺฉินฺนมูลานิ ตาลาวตฺถุกตานิ อนภาวํกตานิ อายตึ อนุปฺปาทธมฺมานิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิรคฺคโฬ โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อสฺมิมาโน ปหีโน โหติ อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต โหตี’’ติ. ทุติยํ.
๓. ปมธมฺมวิหารีสุตฺตํ
๗๓. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘‘ธมฺมวิหารี, ธมฺมวิหารี’ติ, ภนฺเต, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุ ธมฺมวิหารี โหตี’’ติ?
‘‘อิธ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. โส ตาย ธมฺมปริยตฺติยา ทิวสํ อตินาเมติ, ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, นานุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขุ – ‘ภิกฺขุ ปริยตฺติพหุโล, โน ธมฺมวิหารี’’’.
‘‘ปุน ¶ ¶ ¶ จปรํ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ. โส ตาย ธมฺมปฺตฺติยา ทิวสํ อตินาเมติ, ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, นานุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขุ – ‘ภิกฺขุ ปฺตฺติพหุโล, โน ธมฺมวิหารี’’’.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ. โส เตน สชฺฌาเยน ทิวสํ อตินาเมติ, ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, นานุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขุ – ‘ภิกฺขุ สชฺฌายพหุโล, โน ธมฺมวิหารี’’’.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติ. โส เตหิ ธมฺมวิตกฺเกหิ ทิวสํ อตินาเมติ, ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, นานุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขุ – ‘ภิกฺขุ วิตกฺกพหุโล, โน ธมฺมวิหารี’’’.
‘‘อิธ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. โส ตาย ธมฺมปริยตฺติยา น ทิวสํ อตินาเมติ, นาปิ ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, อนุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. เอวํ โข, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ธมฺมวิหารี โหติ.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขุ, เทสิโต มยา ปริยตฺติพหุโล, เทสิโต ปฺตฺติพหุโล, เทสิโต สชฺฌายพหุโล, เทสิโต วิตกฺกพหุโล, เทสิโต ธมฺมวิหารี. ยํ โข, ภิกฺขุ [ยํ ภิกฺขุ (สฺยา. กํ. ปี.)], สตฺถารา กรณียํ สาวกานํ หิเตสินา อนุกมฺปเกน อนุกมฺปํ อุปาทาย, กตํ โว ตํ มยา. เอตานิ, ภิกฺขุ, รุกฺขมูลานิ, เอตานิ สฺุาคารานิ. ฌายถ, ภิกฺขุ, มา ปมาทตฺถ ¶ , มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถ. อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี’’ติ. ตติยํ.
๔. ทุติยธมฺมวิหารีสุตฺตํ
๗๔. อถ ¶ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘‘ธมฺมวิหารี ¶ ธมฺมวิหารี’ติ, ภนฺเต, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุ ธมฺมวิหารี โหตี’’ติ?
‘‘อิธ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ; อุตฺตริ [อุตฺตรึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] จสฺส ปฺาย อตฺถํ นปฺปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขุ – ‘ภิกฺขุ ปริยตฺติพหุโล, โน ธมฺมวิหารี’’’.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, อุตฺตริ จสฺส ปฺาย อตฺถํ นปฺปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขุ – ‘ภิกฺขุ ปฺตฺติพหุโล, โน ธมฺมวิหารี’’’.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรติ, อุตฺตริ จสฺส ปฺาย อตฺถํ นปฺปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขุ – ‘ภิกฺขุ สชฺฌายพหุโล, โน ธมฺมวิหารี’’’.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ มนสานุเปกฺขติ, อุตฺตริ จสฺส ปฺาย อตฺถํ นปฺปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขุ – ‘ภิกฺขุ วิตกฺกพหุโล, โน ธมฺมวิหารี’’’.
‘‘อิธ, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ; อุตฺตริ จสฺส ปฺาย อตฺถํ ปชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขุ, ภิกฺขุ ธมฺมวิหารี โหติ.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขุ, เทสิโต มยา ปริยตฺติพหุโล, เทสิโต ¶ ปฺตฺติพหุโล, เทสิโต สชฺฌายพหุโล, เทสิโต วิตกฺกพหุโล, เทสิโต ธมฺมวิหารี. ยํ โข, ภิกฺขุ, สตฺถารา กรณียํ สาวกานํ หิเตสินา อนุกมฺปเกน อนุกมฺปํ อุปาทาย, กตํ โว ตํ มยา. เอตานิ, ภิกฺขุ, รุกฺขมูลานิ, เอตานิ สฺุาคารานิ. ฌายถ ภิกฺขุ, มา ปมาทตฺถ, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถ. อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. ปมโยธาชีวสุตฺตํ
๗๕. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, โยธาชีวา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ โยธาชีโว รชคฺคฺเว ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ น สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวรูโปปิ [เอวรูโป (สี.) ปุ. ป. ๑๙๓], ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ [เอกจฺโจ (สี.)] โยธาชีโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม โยธาชีโว สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ; อปิ จ โข ธชคฺคฺเว ทิสฺวา สํสีทติ ¶ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย โยธาชีโว สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ สหติ ธชคฺคํ; อปิ จ โข อุสฺสารณฺเว [อุสฺสาทนํเยว (สี. ปี.)] สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น ¶ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย โยธาชีโว สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ; อปิ จ โข สมฺปหาเร หฺติ [อาหฺติ (สี.)] พฺยาปชฺชติ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ โยธาชีโว สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ, สหติ ¶ สมฺปหารํ. โส ตํ สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ตเมว สงฺคามสีสํ อชฺฌาวสติ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม โยธาชีโว สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ โยธาชีวา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม โยธาชีวูปมา ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา ภิกฺขูสุ ¶ . กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รชคฺคฺเว ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ [สนฺตาเนตุํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. กิมสฺส รชคฺคสฺมึ? อิธ, ภิกฺขเว ¶ , ภิกฺขุ สุณาติ – ‘อมุกสฺมึ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา กุมารี วา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา’ติ. โส ตํ สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ. สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. อิทมสฺส รชคฺคสฺมึ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว รชคฺคฺเว ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สนฺโต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สหติ รชคฺคํ; อปิ จ โข ธชคฺคฺเว ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ. สิกฺขาทุพฺพลฺยํ ¶ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. กิมสฺส ธชคฺคสฺมึ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น เหว โข สุณาติ – ‘อมุกสฺมึ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา กุมารี วา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา’ติ; อปิ จ โข สามํ ปสฺสติ อิตฺถึ วา กุมารึ วา อภิรูปํ ทสฺสนียํ ปาสาทิกํ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตํ. โส ตํ ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สกฺโกติ ¶ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ. สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. อิทมสฺส ธชคฺคสฺมึ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ; อปิ จ โข ธชคฺคฺเว ทิสฺวา สํสีทติ ¶ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สนฺโต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ; อปิ จ โข อุสฺสารณฺเว สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ. สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. กิมสฺส อุสฺสารณาย? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ อรฺคตํ วา รุกฺขมูลคตํ วา สฺุาคารคตํ วา มาตุคาโม อุปสงฺกมิตฺวา อูหสติ [อุหสติ (ก.), โอหสติ (สฺยา. กํ.) ปุ. ป. ๑๙๖] อุลฺลปติ อุชฺชคฺฆติ อุปฺปณฺเฑติ. โส มาตุคาเมน อูหสิยมาโน อุลฺลปิยมาโน อุชฺชคฺฆิยมาโน อุปฺปณฺฑิยมาโน สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ. สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ. อิทมสฺส อุสฺสารณาย.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ; อปิ จ โข อุสฺสารณฺเว สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ, น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สนฺโต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ; อปิ ¶ จ โข สมฺปหาเร หฺติ พฺยาปชฺชติ. กิมสฺส สมฺปหารสฺมึ ¶ ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ อรฺคตํ วา รุกฺขมูลคตํ วา ¶ สฺุาคารคตํ วา มาตุคาโม อุปสงฺกมิตฺวา อภินิสีทติ อภินิปชฺชติ อชฺโฌตฺถรติ. โส มาตุคาเมน อภินิสีทิยมาโน อภินิปชฺชิยมาโน อชฺโฌตฺถริยมาโน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ. อิทมสฺส สมฺปหารสฺมึ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ, อปิ จ โข สมฺปหาเร หฺติ พฺยาปชฺชติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สนฺโต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ, สหติ สมฺปหารํ, โส ตํ สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ตเมว สงฺคามสีสํ อชฺฌาวสติ ¶ . กิมสฺส สงฺคามวิชยสฺมึ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคตํ วา รุกฺขมูลคตํ วา สฺุาคารคตํ วา มาตุคาโม อุปสงฺกมิตฺวา อภินิสีทติ อภินิปชฺชติ อชฺโฌตฺถรติ. โส มาตุคาเมน อภินิสีทิยมาโน อภินิปชฺชิยมาโน อชฺโฌตฺถริยมาโน วินิเวเตฺวา วินิโมเจตฺวา เยน กามํ ปกฺกมติ. โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ.
‘‘โส อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สฺุาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา ¶ . โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ; พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ, สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ; ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสฺี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ; วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ อกถํกถี ¶ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติ. โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ ¶ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ¶ ปชานาติ. อิทมสฺส สงฺคามวิชยสฺมึ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว สหติ รชคฺคํ, สหติ ธชคฺคํ, สหติ อุสฺสารณํ, สหติ สมฺปหารํ, โส ตํ สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ตเมว สงฺคามสีสํ อชฺฌาวสติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สนฺโต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ โยธาชีวูปมา ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา ภิกฺขูสู’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยโยธาชีวสุตฺตํ
๗๖. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, โยธาชีวา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ โยธาชีโว อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ ¶ สนฺนยฺหิตฺวา วิยูฬฺหํ สงฺคามํ โอตรติ. โส ตสฺมึ สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ. ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม โยธาชีโว สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา วิยูฬฺหํ สงฺคามํ โอตรติ. โส ตสฺมึ สงฺคาเม อุสฺสหติ ¶ วายมติ. ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร อุปลิกฺขนฺติ [อุปลิขนฺติ (ก.)], ตเมนํ อปเนนฺติ; อปเนตฺวา าตกานํ เนนฺติ. โส าตเกหิ นียมาโน อปฺปตฺวาว าตเก อนฺตรามคฺเค กาลํ กโรติ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย โยธาชีโว สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ ¶ สนฺนยฺหิตฺวา วิยูฬฺหํ สงฺคามํ โอตรติ. โส ตสฺมึ สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ. ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร อุปลิกฺขนฺติ, ตเมนํ อปเนนฺติ; อปเนตฺวา าตกานํ เนนฺติ. ตเมนํ าตกา อุปฏฺหนฺติ ปริจรนฺติ. โส าตเกหิ อุปฏฺหิยมาโน ปริจริยมาโน เตเนว อาพาเธน กาลํ กโรติ ¶ . เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย โยธาชีโว สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา วิยูฬฺหํ สงฺคามํ โอตรติ. โส ตสฺมึ สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ. ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร อุปลิกฺขนฺติ, ตเมนํ อปเนนฺติ; อปเนตฺวา าตกานํ เนนฺติ. ตเมนํ าตกา อุปฏฺหนฺติ ปริจรนฺติ. โส าตเกหิ อุปฏฺหิยมาโน ปริจริยมาโน วุฏฺาติ ตมฺหา อาพาธา. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ โยธาชีโว สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา วิยูฬฺหํ สงฺคามํ โอตรติ. โส ตํ สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ¶ ตเมว สงฺคามสีสํ อชฺฌาวสติ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ โยธาชีโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม โยธาชีโว สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ โยธาชีวา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม โยธาชีวูปมา ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา ภิกฺขูสุ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ ¶ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย วาจาย อรกฺขิเตน จิตฺเตน อนุปฏฺิตาย สติยา อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ. โส ตตฺถ ปสฺสติ มาตุคามํ ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา. ตสฺส ตํ มาตุคามํ ทิสฺวา ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. โส ราคานุทฺธํสิเตน จิตฺเตน สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา วิยูฬฺหํ สงฺคามํ โอตรติ, โส ตสฺมึ สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร หนนฺติ ปริยาปาเทนฺติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ¶ ปุคฺคโล โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สนฺโต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย วาจาย อรกฺขิเตน จิตฺเตน อนุปฏฺิตาย สติยา อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ. โส ตตฺถ ปสฺสติ มาตุคามํ ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา. ตสฺส ตํ มาตุคามํ ทิสฺวา ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. โส ราคานุทฺธํสิเตน จิตฺเตน ปริฑยฺหเตว กาเยน ปริฑยฺหติ เจตสา. ตสฺส เอวํ ¶ โหติ – ‘ยํนูนาหํ อารามํ คนฺตฺวา ¶ ภิกฺขูนํ อาโรเจยฺยํ – ราคปริยุฏฺิโตมฺหิ [ราคายิโตมฺหิ (สี. สฺยา. กํ)], อาวุโส, ราคปเรโต, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ; สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’ติ. โส อารามํ คจฺฉนฺโต อปฺปตฺวาว อารามํ อนฺตรามคฺเค สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา วิยูฬฺหํ สงฺคามํ โอตรติ, โส ตสฺมึ สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร อุปลิกฺขนฺติ, ตเมนํ อปเนนฺติ; อปเนตฺวา าตกานํ เนนฺติ. โส าตเกหิ นียมาโน อปฺปตฺวาว ¶ าตเก อนฺตรามคฺเค กาลํ กโรติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สนฺโต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย วาจาย อรกฺขิเตน จิตฺเตน อนุปฏฺิตาย สติยา อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ. โส ตตฺถ ปสฺสติ มาตุคามํ ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา. ตสฺส ตํ มาตุคามํ ทิสฺวา ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. โส ราคานุทฺธํสิเตน จิตฺเตน ปริฑยฺหเตว กาเยน ปริฑยฺหติ เจตสา. ตสฺส เอวํ ¶ โหติ – ‘ยํนูนาหํ อารามํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรเจยฺยํ – ราคปริยุฏฺิโตมฺหิ, อาวุโส, ราคปเรโต, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ ¶ สนฺธาเรตุํ; สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’ติ. โส อารามํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรเจติ – ‘ราคปริยุฏฺิโตมฺหิ, อาวุโส, ราคปเรโต, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ; สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’’ติ.
‘‘ตเมนํ สพฺรหฺมจารี โอวทนฺติ อนุสาสนฺติ – ‘อปฺปสฺสาทา ¶ , อาวุโส, กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา [พหูปายาสา (สี. สฺยา. กํ. ปี.) ปาจิ. ๔๑๗; จูฬว. ๖๕; ม. นิ. ๑.๒๓๔], อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. สุปินกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อสิสูนูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. สตฺติสูลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา ¶ พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ¶ ภิยฺโย. สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อภิรมตายสฺมา พฺรหฺมจริเย; มายสฺมา สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตี’’’ติ.
‘‘โส สพฺรหฺมจารีหิ เอวํ โอวทิยมาโน เอวํ อนุสาสิยมาโน เอวมาห – ‘กิฺจาปิ, อาวุโส, อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย; อถ โข เนวาหํ สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’’ติ. โส สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา วิยูฬฺหํ สงฺคามํ โอตรติ, โส ตสฺมึ สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร อุปลิกฺขนฺติ, ตเมนํ อปเนนฺติ; อปเนตฺวา ¶ าตกานํ เนนฺติ, ตเมนํ าตกา อุปฏฺหนฺติ ปริจรนฺติ ¶ . โส าตเกหิ อุปฏฺหิยมาโน ปริจริยมาโน เตเนว อาพาเธน กาลํ กโรติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สนฺโต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย วาจาย อรกฺขิเตน จิตฺเตน อนุปฏฺิตาย สติยา อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ. โส ตตฺถ ปสฺสติ มาตุคามํ ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา. ตสฺส ¶ ตํ มาตุคามํ ทิสฺวา ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติ. โส ราคานุทฺธํสิเตน จิตฺเตน ปริฑยฺหเตว กาเยน ปริฑยฺหติ เจตสา. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยํนูนาหํ อารามํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรเจยฺยํ – ราคปริยุฏฺิโตมฺหิ, อาวุโส, ราคปเรโต, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ ¶ สนฺธาเรตุํ; สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’ติ. โส อารามํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรเจติ – ‘ราคปริยุฏฺิโตมฺหิ, อาวุโส, ราคปเรโต, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ; สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’’ติ.
‘‘ตเมนํ สพฺรหฺมจารี โอวทนฺติ อนุสาสนฺติ – ‘อปฺปสฺสาทา, อาวุโส, กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา…เป… ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สุปินกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… อสิสูนูปมา กามา ¶ วุตฺตา ภควตา… สตฺติสูลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อภิรมตายสฺมา พฺรหฺมจริเย; มายสฺมา สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตี’’’ติ.
‘‘โส ¶ สพฺรหฺมจารีหิ เอวํ โอวทิยมาโน เอวํ อนุสาสิยมาโน เอวมาห – ‘อุสฺสหิสฺสามิ ¶ , อาวุโส, วายมิสฺสามิ, อาวุโส, อภิรมิสฺสามิ, อาวุโส! น ทานาหํ, อาวุโส, สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อาวิกตฺวา สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’’ติ.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา วิยูฬฺหํ สงฺคามํ โอตรติ, โส ตสฺมึ สงฺคาเม อุสฺสหติ วายมติ, ตเมนํ อุสฺสหนฺตํ วายมนฺตํ ปเร อุปลิกฺขนฺติ, ตเมนํ อปเนนฺติ; อปเนตฺวา าตกานํ เนนฺติ, ตเมนํ าตกา อุปฏฺหนฺติ ปริจรนฺติ. โส าตเกหิ อุปฏฺหิยมาโน ปริจริยมาโน วุฏฺาติ ตมฺหา อาพาธา; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สนฺโต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ. โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ รกฺขิเตเนว กาเยน รกฺขิตาย วาจาย รกฺขิเตน จิตฺเตน อุปฏฺิตาย สติยา สํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิ. โส ¶ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ; รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ; จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา ¶ … ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน ¶ โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ; รกฺขติ มนินฺทฺริยํ; มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรฺํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชํ. โส อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สฺุาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย…เป… โส อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ¶ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ…เป… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ’’.
‘‘เสยฺยถาปิ โส, ภิกฺขเว, โยธาชีโว อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา วิยูฬฺหํ สงฺคามํ โอตรติ, โส ตํ สงฺคามํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ตเมว สงฺคามสีสํ อชฺฌาวสติ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. เอวรูโปปิ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม โยธาชีวูปโม ปุคฺคโล สนฺโต สํวิชฺชมาโน ภิกฺขูสุ. อิเม โข, ภิกฺขเว ¶ , ปฺจ โยธาชีวูปมา ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา ภิกฺขูสู’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. ปมอนาคตภยสุตฺตํ
๗๗. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อนาคตภยานิ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อารฺิเกน [อารฺเกน (สพฺพตฺถ อ. นิ. ๕.๑๘๑; ปริ. ๔๔๓)] ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน ¶ วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ¶ ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, อารฺิโก ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข เอตรหิ เอกโก อรฺเ วิหรามิ. เอกกํ โข ปน มํ [เอกกํ โข ปน (สฺยา. กํ.)] อรฺเ วิหรนฺตํ อหิ วา มํ ฑํเสยฺย, วิจฺฉิโก [วิจฺฉิกา (สฺยา.)] วา ¶ มํ ฑํเสยฺย, สตปที วา มํ ฑํเสยฺย, เตน เม อสฺส กาลงฺกิริยา, โส มมสฺส อนฺตราโย; หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อารฺิเกน ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อารฺิโก ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข เอตรหิ เอกโก อรฺเ วิหรามิ. เอกโก โข ปนาหํ อรฺเ วิหรนฺโต อุปกฺขลิตฺวา วา ปปเตยฺยํ, ภตฺตํ วา ภุตฺตํ เม พฺยาปชฺเชยฺย, ปิตฺตํ วา เม กุปฺเปยฺย, เสมฺหํ วา เม กุปฺเปยฺย, สตฺถกา วา เม วาตา กุปฺเปยฺยุํ, เตน เม อสฺส กาลงฺกิริยา, โส มมสฺส อนฺตราโย; หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส ¶ สจฺฉิกิริยายา’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อารฺิเกน ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อารฺิโก ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข เอตรหิ เอกโก อรฺเ วิหรามิ. เอกโก โข ปนาหํ อรฺเ วิหรนฺโต วาเฬหิ สมาคจฺเฉยฺยํ, สีเหน วา พฺยคฺเฆน วา ทีปินา วา อจฺเฉน วา ตรจฺเฉน วา, เต มํ ชีวิตา โวโรเปยฺยุํ, เตน เม อสฺส กาลงฺกิริยา ¶ , โส มมสฺส อนฺตราโย; หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อารฺิเกน ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ ¶ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อารฺิโก ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข เอตรหิ เอกโก อรฺเ วิหรามิ. เอกโก โข ปนาหํ อรฺเ วิหรนฺโต มาณเวหิ สมาคจฺเฉยฺยํ กตกมฺเมหิ วา อกตกมฺเมหิ วา, เต มํ ชีวิตา โวโรเปยฺยุํ, เตน เม อสฺส กาลงฺกิริยา ¶ , โส มมสฺส อนฺตราโย; หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, จตุตฺถํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อารฺิเกน ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส ¶ อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อารฺิโก ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข เอตรหิ เอกโก อรฺเ วิหรามิ. สนฺติ โข ปนารฺเ วาฬา อมนุสฺสา, เต มํ ชีวิตา โวโรเปยฺยุํ, เตน เม อสฺส กาลงฺกิริยา, โส มมสฺส อนฺตราโย; หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปฺจมํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อารฺิเกน ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อนาคตภยานิ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว อารฺิเกน ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ทุติยอนาคตภยสุตฺตํ
๗๘. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, อนาคตภยานิ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข เอตรหิ ทหโร ยุวา สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา ¶ . โหติ โข ปน โส สมโย ยํ อิมํ กายํ ชรา ผุสติ. ชิณฺเณน โข ปน ชราย อภิภูเตน น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, น สุกรานิ อรฺวนปตฺถานิ ¶ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวิตุํ. ปุรา มํ โส ธมฺโม อาคจฺฉติ อนิฏฺโ อกนฺโต อมนาโป; หนฺทาหํ ปฏิกจฺเจว [ปฏิคจฺเจว (สี.)] วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย ¶ อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย, เยนาหํ ธมฺเมน สมนฺนาคโต ชิณฺณโกปิ ผาสุํ [ผาสุ (ปี. ก.)] วิหริสฺสามี’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข เอตรหิ อปฺปาพาโธ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย. โหติ โข ปน โส สมโย ยํ อิมํ กายํ พฺยาธิ ผุสติ. พฺยาธิเตน โข ปน พฺยาธินา อภิภูเตน [พฺยาธาภิภูเตน (สี. ปี. ก.)] น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, น สุกรานิ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวิตุํ. ปุรา มํ โส ธมฺโม อาคจฺฉติ อนิฏฺโ อกนฺโต อมนาโป; หนฺทาหํ ปฏิกจฺเจว วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย ¶ , เยนาหํ ธมฺเมน สมนฺนาคโต พฺยาธิโตปิ ผาสุํ วิหริสฺสามี’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เอตรหิ โข สุภิกฺขํ สุสสฺสํ สุลภปิณฺฑํ ¶ , สุกรํ อฺุเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํ. โหติ โข ปน โส สมโย ยํ ทุพฺภิกฺขํ โหติ ทุสฺสสฺสํ ทุลฺลภปิณฺฑํ, น สุกรํ อฺุเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํ. ทุพฺภิกฺเข โข ปน มนุสฺสา เยน สุภิกฺขํ เตน สงฺกมนฺติ [เตนุปสงฺกมนฺติ (ก.)]. ตตฺถ สงฺคณิกวิหาโร โหติ อากิณฺณวิหาโร. สงฺคณิกวิหาเร โข ปน สติ อากิณฺณวิหาเร น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ ¶ กาตุํ, น สุกรานิ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวิตุํ. ปุรา มํ โส ธมฺโม อาคจฺฉติ อนิฏฺโ อกนฺโต อมนาโป; หนฺทาหํ ปฏิกจฺเจว วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย, เยนาหํ ธมฺเมน สมนฺนาคโต ทุพฺภิกฺเขปิ ผาสุ วิหริสฺสามี’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เอตรหิ โข มนุสฺสา สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อฺมฺํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรนฺติ. โหติ โข ปน โส สมโย ยํ ภยํ โหติ อฏวิสงฺโกโป, จกฺกสมารูฬฺหา ชานปทา ปริยายนฺติ. ภเย โข ปน สติ มนุสฺสา เยน เขมํ เตน สงฺกมนฺติ. ตตฺถ สงฺคณิกวิหาโร โหติ อากิณฺณวิหาโร. สงฺคณิกวิหาเร ¶ โข ปน สติ อากิณฺณวิหาเร น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, น สุกรานิ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ¶ ปฏิเสวิตุํ. ปุรา มํ โส ธมฺโม อาคจฺฉติ อนิฏฺโ อกนฺโต อมนาโป; หนฺทาหํ ปฏิกจฺเจว วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย, เยนาหํ ธมฺเมน สมนฺนาคโต ภเยปิ ผาสุํ วิหริสฺสามี’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, จตุตฺถํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘เอตรหิ โข สงฺโฆ สมคฺโค สมฺโมทมาโน อวิวทมาโน เอกุทฺเทโส ผาสุ วิหรติ. โหติ โข ปน โส สมโย ยํ สงฺโฆ ภิชฺชติ. สงฺเฆ โข ปน ภินฺเน น สุกรํ พุทฺธานํ สาสนํ มนสิ กาตุํ, น สุกรานิ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวิตุํ. ปุรา มํ โส ธมฺโม อาคจฺฉติ อนิฏฺโ อกนฺโต อมนาโป; หนฺทาหํ ปฏิกจฺเจว วีริยํ อารภามิ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย, เยนาหํ ธมฺเมน สมนฺนาคโต ภินฺเนปิ สงฺเฆ ผาสุํ วิหริสฺสามี’ติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปฺจมํ อนาคตภยํ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน ¶ อาตาปินา ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย.
‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อนาคตภยานิ สมฺปสฺสมาเนน อลเมว ภิกฺขุนา อปฺปมตฺเตน อาตาปินา ¶ ปหิตตฺเตน วิหริตุํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ตติยอนาคตภยสุตฺตํ
๗๙. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, อนาคตภยานิ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนานิ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสนฺติ. ตานิ โว [โข (กตฺถจิ)] ปฏิพุชฺฌิตพฺพานิ ¶ ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ เตสํ ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘กตมานิ ปฺจ? ภวิสฺสนฺติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา. เต อภาวิตกายา สมานา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา อฺเ อุปสมฺปาเทสฺสนฺติ. เตปิ [เต (สี.)] น สกฺขิสฺสนฺติ วิเนตุํ อธิสีเล อธิจิตฺเต อธิปฺาย. เตปิ ภวิสฺสนฺติ อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา. เต อภาวิตกายา สมานา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา อฺเ อุปสมฺปาเทสฺสนฺติ. เตปิ [เต (?)] น สกฺขิสฺสนฺติ วิเนตุํ อธิสีเล อธิจิตฺเต อธิปฺาย. เตปิ ภวิสฺสนฺติ อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา. อิติ โข, ภิกฺขเว, ธมฺมสนฺโทสา วินยสนฺโทโส; วินยสนฺโทสา ธมฺมสนฺโทโส. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ อนาคตภยํ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนํ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสติ. ตํ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ ตสฺส ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา. เต อภาวิตกายา สมานา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา อฺเสํ นิสฺสยํ ทสฺสนฺติ. เตปิ น สกฺขิสฺสนฺติ วิเนตุํ อธิสีเล อธิจิตฺเต อธิปฺาย ¶ . เตปิ ภวิสฺสนฺติ อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา ¶ อภาวิตปฺา. เต อภาวิตกายา สมานา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา อฺเสํ นิสฺสยํ ทสฺสนฺติ. เตปิ น สกฺขิสฺสนฺติ วิเนตุํ อธิสีเล อธิจิตฺเต อธิปฺาย. เตปิ ภวิสฺสนฺติ อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา. อิติ โข, ภิกฺขเว, ธมฺมสนฺโทสา วินยสนฺโทโส; วินยสนฺโทสา ธมฺมสนฺโทโส. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ อนาคตภยํ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนํ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสติ. ตํ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ ตสฺส ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘ปุน ¶ ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา. เต อภาวิตกายา สมานา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา อภิธมฺมกถํ เวทลฺลกถํ กเถนฺตา กณฺหธมฺมํ โอกฺกมมานา น พุชฺฌิสฺสนฺติ. อิติ โข, ภิกฺขเว, ธมฺมสนฺโทสา วินยสนฺโทโส; วินยสนฺโทสา ธมฺมสนฺโทโส. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ อนาคตภยํ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนํ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสติ. ตํ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ ตสฺส ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา. เต อภาวิตกายา สมานา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา เย เต สุตฺตนฺตา ตถาคตภาสิตา คมฺภีรา คมฺภีรตฺถา โลกุตฺตรา สฺุตาปฺปฏิสํยุตฺตา, เตสุ ภฺมาเนสุ ¶ น สุสฺสูสิสฺสนฺติ, น โสตํ โอทหิสฺสนฺติ, น อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปสฺสนฺติ, น จ เต ธมฺเม อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ. เย ปน เต สุตฺตนฺตา กวิตา [กวิกตา (สี. สฺยา. กํ. ปี., สํ. นิ. ๒.๒๒๙) ฏีกา โอโลเกตพฺพา] กาเวยฺยา จิตฺตกฺขรา จิตฺตพฺยฺชนา พาหิรกา สาวกภาสิตา, เตสุ ภฺมาเนสุ สุสฺสูสิสฺสนฺติ, โสตํ โอทหิสฺสนฺติ, อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปสฺสนฺติ, เต จ ธมฺเม อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ. อิติ โข, ภิกฺขเว, ธมฺมสนฺโทสา วินยสนฺโทโส; วินยสนฺโทสา ธมฺมสนฺโทโส. อิทํ, ภิกฺขเว, จตุตฺถํ อนาคตภยํ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนํ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสติ. ตํ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ ตสฺส ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา ¶ . เต อภาวิตกายา สมานา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา เถรา ภิกฺขู พาหุลิกา [พาหุลฺลิกา (สฺยา. กํ.) อ. นิ. ๒.๔๙; ๓.๙๖] ภวิสฺสนฺติ สาถลิกา โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา, น วีริยํ อารภิสฺสนฺติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. เตสํ ปจฺฉิมา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชิสฺสติ. สาปิ ภวิสฺสติ พาหุลิกา สาถลิกา โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา, น วีริยํ อารภิสฺสติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. อิติ โข, ภิกฺขเว, ธมฺมสนฺโทสา วินยสนฺโทโส; วินยสนฺโทสา ธมฺมสนฺโทโส. อิทํ, ภิกฺขเว, ปฺจมํ อนาคตภยํ ¶ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนํ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสติ. ตํ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ ตสฺส ปหานาย วายมิตพฺพํ ¶ . ‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อนาคตภยานิ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนานิ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสนฺติ. ตานิ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพานิ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ เตสํ ปหานาย วายมิตพฺพ’’นฺติ. นวมํ.
๑๐. จตุตฺถอนาคตภยสุตฺตํ
๘๐. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อนาคตภยานิ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนานิ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสนฺติ. ตานิ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพานิ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ เตสํ ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘กตมานิ ปฺจ? ภวิสฺสนฺติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ จีวเร กลฺยาณกามา. เต จีวเร กลฺยาณกามา สมานา ริฺจิสฺสนฺติ ปํสุกูลิกตฺตํ, ริฺจิสฺสนฺติ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ; คามนิคมราชธานีสุ โอสริตฺวา วาสํ กปฺเปสฺสนฺติ, จีวรเหตุ จ อเนกวิหิตํ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชิสฺสนฺติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ อนาคตภยํ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนํ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสติ. ตํ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ ตสฺส ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ ปิณฺฑปาเต กลฺยาณกามา. เต ปิณฺฑปาเต กลฺยาณกามา สมานา ริฺจิสฺสนฺติ ปิณฺฑปาติกตฺตํ ¶ , ริฺจิสฺสนฺติ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ; คามนิคมราชธานีสุ โอสริตฺวา วาสํ กปฺเปสฺสนฺติ ชิวฺหคฺเคน รสคฺคานิ ปริเยสมานา, ปิณฺฑปาตเหตุ จ อเนกวิหิตํ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชิสฺสนฺติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ทุติยํ อนาคตภยํ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนํ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสติ. ตํ ¶ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ ตสฺส ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ เสนาสเน กลฺยาณกามา. เต เสนาสเน กลฺยาณกามา สมานา ริฺจิสฺสนฺติ รุกฺขมูลิกตฺตํ [อารฺกตฺตํ (สฺยา. กํ.)], ริฺจิสฺสนฺติ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ; คามนิคมราชธานีสุ โอสริตฺวา วาสํ กปฺเปสฺสนฺติ, เสนาสนเหตุ ¶ จ อเนกวิหิตํ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชิสฺสนฺติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ตติยํ อนาคตภยํ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนํ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสติ. ตํ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ ตสฺส ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ ภิกฺขุนีสิกฺขมานาสมณุทฺเทเสหิ สํสฏฺา วิหริสฺสนฺติ. ภิกฺขุนีสิกฺขมานาสมณุทฺเทเสหิ สํสคฺเค โข ปน, ภิกฺขเว, สติ เอตํ ปาฏิกงฺขํ – ‘อนภิรตา วา พฺรหฺมจริยํ จริสฺสนฺติ, อฺตรํ วา สํกิลิฏฺํ อาปตฺตึ อาปชฺชิสฺสนฺติ, สิกฺขํ วา ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสนฺติ’. อิทํ, ภิกฺขเว, จตุตฺถํ อนาคตภยํ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนํ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสติ. ตํ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ ตสฺส ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ ภิกฺขู อนาคตมทฺธานํ อารามิกสมณุทฺเทเสหิ สํสฏฺา วิหริสฺสนฺติ. อารามิกสมณุทฺเทเสหิ สํสคฺเค โข ปน, ภิกฺขเว, สติ เอตํ ปาฏิกงฺขํ – ‘อเนกวิหิตํ สนฺนิธิการปริโภคํ ¶ อนุยุตฺตา วิหริสฺสนฺติ, โอฬาริกมฺปิ นิมิตฺตํ กริสฺสนฺติ, ปถวิยาปิ หริตคฺเคปิ’. อิทํ, ภิกฺขเว, ปฺจมํ อนาคตภยํ เอตรหิ ¶ อสมุปฺปนฺนํ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสติ. ตํ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ ตสฺส ปหานาย วายมิตพฺพํ.
‘‘อิมานิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อนาคตภยานิ เอตรหิ อสมุปฺปนฺนานิ อายตึ สมุปฺปชฺชิสฺสนฺติ. ตานิ โว ปฏิพุชฺฌิตพฺพานิ; ปฏิพุชฺฌิตฺวา จ เตสํ ปหานาย วายมิตพฺพ’’นฺติ. ทสมํ.
โยธาชีววคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทฺเว เจโตวิมุตฺติผลา, ทฺเว จ ธมฺมวิหาริโน;
โยธาชีวา จ ทฺเว วุตฺตา, จตฺตาโร จ อนาคตาติ.
(๙) ๔. เถรวคฺโค
๑. รชนียสุตฺตํ
๘๑. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? รชนีเย รชฺชติ, ทุสฺสนีเย [ทุสนีเย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ทุสฺสติ, โมหนีเย มุยฺหติ, กุปฺปนีเย [กุปนีเย (สี. สฺยา. กํ.), โกปนีเย (ปี.)] กุปฺปติ, มทนีเย มชฺชติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? รชนีเย ¶ น รชฺชติ, ทุสฺสนีเย น ¶ ทุสฺสติ, โมหนีเย น มุยฺหติ, กุปฺปนีเย น กุปฺปติ, มทนีเย น มชฺชติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. ปมํ.
๒. วีตราคสุตฺตํ
๘๒. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ. กตเมหิ ¶ ปฺจหิ? อวีตราโค โหติ, อวีตโทโส โหติ, อวีตโมโห โหติ, มกฺขี จ, ปฬาสี จ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? วีตราโค โหติ, วีตโทโส ¶ โหติ, วีตโมโห โหติ, อมกฺขี จ, อปฬาสี จ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. ทุติยํ.
๓. กุหกสุตฺตํ
๘๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? กุหโก จ โหติ, ลปโก จ, เนมิตฺติโก [นิมิตฺติโก (สฺยา. กํ.), นิมิตฺตโก (ก.)] จ, นิปฺเปสิโก จ, ลาเภน จ ลาภํ นิชิคีสิตา [นิชิคึสิตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? น จ กุหโก โหติ, น จ ลปโก, น จ เนมิตฺติโก, น จ นิปฺเปสิโก, น จ ลาเภน ลาภํ นิชิคีสิตา – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. ตติยํ.
๔. อสฺสทฺธสุตฺตํ
๘๔. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ, อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อสฺสทฺโธ โหติ, อหิริโก โหติ, อโนตฺตปฺปี โหติ ¶ , กุสีโต โหติ, ทุปฺปฺโ โหติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ โหติ, หิรีมา โหติ, โอตฺตปฺปี ¶ โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, ปฺวา โหติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. อกฺขมสุตฺตํ
๘๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อกฺขโม โหติ รูปานํ, อกฺขโม สทฺทานํ, อกฺขโม คนฺธานํ, อกฺขโม รสานํ, อกฺขโม โผฏฺพฺพานํ – อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? ขโม โหติ รูปานํ, ขโม สทฺทานํ, ขโม คนฺธานํ, ขโม รสานํ, ขโม โผฏฺพฺพานํ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ปฏิสมฺภิทาปตฺตสุตฺตํ
๘๖. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อตฺถปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, ธมฺมปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, ปฏิภานปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ ¶ , ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึกรณียานิ ตตฺถ ทกฺโข โหติ อนลโส ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคโต อลํ กาตุํ ¶ อลํ สํวิธาตุํ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. สีลวนฺตสุตฺตํ
๘๗. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ. อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา ¶ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ [สาตฺถา สพฺยฺชนา (สี.)] เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา [ธตา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; กลฺยาณวาโจ โหติ กลฺยาณวากฺกรโณ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฏฺาย อเนลคฬาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา; จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. เถรสุตฺตํ
๘๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ พหุชนอหิตาย ¶ ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนอสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํ.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? เถโร โหติ รตฺตฺู จิรปพฺพชิโต; าโต โหติ ยสสฺสี สคหฏฺปพฺพชิตานํ [คหฏฺปพฺพชิตานํ (สี.)] พหุชนปริวาโร; ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ¶ ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา อปฺปฏิวิทฺธา; มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ วิปรีตทสฺสโน, โส พหุชนํ สทฺธมฺมา วุฏฺาเปตฺวา อสทฺธมฺเม ปติฏฺาเปติ. เถโร ภิกฺขุ รตฺตฺู จิรปพฺพชิโต อิติปิสฺส ทิฏฺานุคตึ ¶ อาปชฺชนฺติ ¶ , าโต เถโร ภิกฺขุ ยสสฺสี สคหฏฺปพฺพชิตานํ พหุชนปริวาโร อิติปิสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, ลาภี เถโร ภิกฺขุ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ อิติปิสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, พหุสฺสุโต เถโร ภิกฺขุ สุตธโร สุตสนฺนิจโย อิติปิสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ พหุชนอหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนอสุขาย พหุโน ชนสฺส อนตฺถาย อหิตาย ทุกฺขาย เทวมนุสฺสานํ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนสุขาย พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? เถโร โหติ รตฺตฺู จิรปพฺพชิโต; าโต โหติ ยสสฺสี สคหฏฺปพฺพชิตานํ พหุชนปริวาโร; ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ ¶ ; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; สมฺมาทิฏฺิโก โหติ อวิปรีตทสฺสโน, โส พหุชนํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปตฺวา สทฺธมฺเม ปติฏฺาเปติ. เถโร ภิกฺขุ รตฺตฺู จิรปพฺพชิโต อิติปิสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, าโต เถโร ภิกฺขุ ยสสฺสี สคหฏฺปพฺพชิตานํ พหุชนปริวาโร อิติปิสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, ลาภี เถโร ภิกฺขุ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ อิติปิสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, พหุสฺสุโต เถโร ภิกฺขุ สุตธโร สุตสนฺนิจโย อิติปิสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ พหุชนหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ พหุชนสุขาย ¶ ¶ พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. อฏฺมํ.
๙. ปมเสขสุตฺตํ
๘๙. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ ¶ ? กมฺมารามตา, ภสฺสารามตา, นิทฺทารามตา, สงฺคณิการามตา, ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ น ปจฺจเวกฺขติ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? น กมฺมารามตา, น ภสฺสารามตา, น นิทฺทารามตา, น สงฺคณิการามตา, ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยเสขสุตฺตํ
๙๐. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ พหุกิจฺโจ โหติ พหุกรณีโย ¶ วิยตฺโต กึกรณีเยสุ; ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, นานุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ธมฺโม เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ อปฺปมตฺตเกน กมฺเมน ทิวสํ อตินาเมติ; ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, นานุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ธมฺโม เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ สํสฏฺโ วิหรติ คหฏฺปพฺพชิเตหิ อนนุโลมิเกน คิหิสํสคฺเคน; ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, นานุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ ¶ . อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ธมฺโม เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ อกาเลน คามํ ปวิสติ, อติทิวา ปฏิกฺกมติ; ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, นานุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ ธมฺโม เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ ยายํ กถา อาภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฏฺิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา ¶ สีลกถา สมาธิกถา ปฺากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติาณทสฺสนกถา, เอวรูปิยา กถาย น นิกามลาภี โหติ น อกิจฺฉลาภี น อกสิรลาภี [กิจฺฉลาภี กสิรลาภี (สี. สฺยา. กํ. ปี)]; ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, นานุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม ธมฺโม เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ ¶ น พหุกิจฺโจ โหติ น พหุกรณีโย วิยตฺโต กึกรณีเยสุ; น ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, อนุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ธมฺโม เสขสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ น อปฺปมตฺตเกน กมฺเมน ทิวสํ อตินาเมติ; น ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, อนุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ธมฺโม เสขสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ อสํสฏฺโ วิหรติ คหฏฺปพฺพชิเตหิ อนนุโลมิเกน คิหิสํสคฺเคน; น ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, อนุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ ¶ . อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ธมฺโม เสขสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ น อติกาเลน คามํ ปวิสติ, นาติทิวา ปฏิกฺกมติ; น ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, อนุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ ธมฺโม เสขสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขุ ยายํ กถา อาภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฏฺิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปฺากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติาณทสฺสนกถา, เอวรูปิยา กถาย ¶ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; น ริฺจติ ปฏิสลฺลานํ, อนุยฺุชติ อชฺฌตฺตํ เจโตสมถํ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม ธมฺโม เสขสฺส ภิกฺขุโน ¶ อปริหานาย สํวตฺตติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา เสขสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ทสมํ.
เถรวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
รชนีโย ¶ วีตราโค, กุหกาสฺสทฺธอกฺขมา;
ปฏิสมฺภิทา จ สีเลน, เถโร เสขา ปเร ทุเวติ.
(๑๐) ๕. กกุธวคฺโค
๑. ปมสมฺปทาสุตฺตํ
๙๑. ‘‘ปฺจิมา ¶ , ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ปฺจ? สทฺธาสมฺปทา, สีลสมฺปทา, สุตสมฺปทา, จาคสมฺปทา, ปฺาสมฺปทา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมฺปทา’’ติ. ปมํ.
๒. ทุติยสมฺปทาสุตฺตํ
๙๒. ‘‘ปฺจิมา ¶ , ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ปฺจ? สีลสมฺปทา, สมาธิสมฺปทา, ปฺาสมฺปทา, วิมุตฺติสมฺปทา, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมฺปทา’’ติ. ทุติยํ.
๓. พฺยากรณสุตฺตํ
๙๓. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อฺาพฺยากรณานิ. กตมานิ ปฺจ? มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา อฺํ พฺยากโรติ; ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อฺํ พฺยากโรติ; อุมฺมาทา จิตฺตกฺเขปา อฺํ พฺยากโรติ; อธิมาเนน อฺํ พฺยากโรติ; สมฺมเทว อฺํ พฺยากโรติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อฺาพฺยากรณานี’’ติ. ตติยํ.
๔. ผาสุวิหารสุตฺตํ
๙๔. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, ผาสุวิหารา. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ… ¶ ¶ ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ; อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ผาสุวิหารา’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. อกุปฺปสุตฺตํ
๙๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, ธมฺมปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, ปฏิภานปฏิสมฺภิทาปตฺโต โหติ, ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ. ปฺจมํ.
๖. สุตธรสุตฺตํ
๙๖. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ อาเสวนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺปฏฺโ โหติ อปฺปกิจฺโจ สุภโร สุสนฺโตโส ชีวิตปริกฺขาเรสุ; อปฺปาหาโร โหติ อโนทริกตฺตํ อนุยุตฺโต; อปฺปมิทฺโธ โหติ ชาคริยํ อนุยุตฺโต; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ อาเสวนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. กถาสุตฺตํ
๙๗. ‘‘ปฺจหิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ ภาเวนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺปฏฺโ โหติ อปฺปกิจฺโจ สุภโร สุสนฺโตโส ชีวิตปริกฺขาเรสุ; อปฺปาหาโร โหติ อโนทริกตฺตํ อนุยุตฺโต; อปฺปมิทฺโธ ¶ โหติ ชาคริยํ อนุยุตฺโต; ยายํ กถา อาภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา, เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา…เป… วิมุตฺติาณทสฺสนกถา, เอวรูปิยา กถาย นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ ภาเวนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. อารฺกสุตฺตํ
๙๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ พหุลีกโรนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺปฏฺโ โหติ อปฺปกิจฺโจ สุภโร สุสนฺโตโส ชีวิตปริกฺขาเรสุ; อปฺปาหาโร โหติ อโนทริกตฺตํ อนุยุตฺโต; อปฺปมิทฺโธ โหติ ชาคริยํ อนุยุตฺโต; อารฺโก โหติ ปนฺตเสนาสโน; ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ¶ ภิกฺขุ อานาปานสฺสตึ พหุลีกโรนฺโต นจิรสฺเสว อกุปฺปํ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. สีหสุตฺตํ
๙๙. ‘‘สีโห, ภิกฺขเว, มิคราชา สายนฺหสมยํ อาสยา นิกฺขมติ; อาสยา นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภติ; วิชมฺภิตฺวา สมนฺตา จตุทฺทิสํ [จตุทฺทิสา (สฺยา. กํ. ปี. ก.) อ. นิ. ๔.๓๓; สํ. นิ. ๓.๗๘ ปสฺสิตพฺพํ] อนุวิโลเกติ; สมนฺตา จตุทฺทิสํ [จตุทฺทิสา (สฺยา. กํ. ปี. ก.) อ. นิ. ๔.๓๓; สํ. นิ. ๓.๗๘ ปสฺสิตพฺพํ] อนุวิโลเกตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทติ; ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ. โส หตฺถิสฺส เจปิ ปหารํ เทติ, สกฺกจฺจฺเว ปหารํ เทติ, โน อสกฺกจฺจํ; มหึสสฺส [มหิสสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เจปิ ปหารํ เทติ, สกฺกจฺจฺเว ปหารํ เทติ, โน อสกฺกจฺจํ; ควสฺส เจปิ ปหารํ เทติ, สกฺกจฺจฺเว ปหารํ เทติ, โน อสกฺกจฺจํ; ทีปิสฺส เจปิ ¶ ปหารํ เทติ, สกฺกจฺจฺเว ปหารํ เทติ ¶ , โน อสกฺกจฺจํ; ขุทฺทกานฺเจปิ ¶ ปาณานํ ปหารํ เทติ อนฺตมโส สสพิฬารานมฺปิ [สสพิฬารานํ (ก.)], สกฺกจฺจฺเว ปหารํ เทติ, โน อสกฺกจฺจํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม โยคฺคปโถ นสฺสา’ติ.
‘‘สีโหติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ยํ โข, ภิกฺขเว, ตถาคโต ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ, อิทมสฺส โหติ สีหนาทสฺมึ. ภิกฺขูนฺเจปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, สกฺกจฺจฺเว ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, โน อสกฺกจฺจํ; ภิกฺขุนีนฺเจปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, สกฺกจฺจฺเว ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, โน อสกฺกจฺจํ; อุปาสกานฺเจปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, สกฺกจฺจฺเว ¶ ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, โน อสกฺกจฺจํ; อุปาสิกานฺเจปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, สกฺกจฺจฺเว ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, โน อสกฺกจฺจํ; ปุถุชฺชนานฺเจปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ อนฺตมโส อนฺนภารเนสาทานมฺปิ [อนฺนภารเนสาทานํ (ก.)], สกฺกจฺจฺเว ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, โน อสกฺกจฺจํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมครุ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ธมฺมคารโว’’ติ. นวมํ.
๑๐. กกุธเถรสุตฺตํ
๑๐๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. [จูฬว. ๓๓๓, ๓๔๑] เตน โข ปน สมเยน กกุโธ นาม โกลิยปุตฺโต [โกฬียปุตฺโต (สี. สฺยา. ก.)] อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส อุปฏฺาโก อธุนากาลงฺกโต อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน. ตสฺส เอวรูโป อตฺตภาวปฏิลาโภ โหติ – เสยฺยถาปิ นาม ทฺเว วา ตีณิ วา มาคธกานิ [มาคธิกานิ (สี. ปี. ก.)] คามกฺเขตฺตานิ. โส เตน อตฺตภาวปฏิลาเภน เนว อตฺตานํ [เนวตฺตานํ พฺยาพาเธติ (สี.)] โน ปรํ พฺยาพาเธติ.
อถ โข กกุโธ เทวปุตฺโต เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต ¶ โข กกุโธ เทวปุตฺโต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ ¶ เอตทโวจ – ‘‘เทวทตฺตสฺส, ภนฺเต, เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – ‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’ติ. สหจิตฺตุปฺปาทา จ, ภนฺเต, เทวทตฺโต ตสฺสา อิทฺธิยา ปริหีโน’’ติ. อิทมโวจ กกุโธ เทวปุตฺโต. อิทํ วตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ.
อถ ¶ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘กกุโธ นาม, ภนฺเต, โกลิยปุตฺโต มมํ อุปฏฺาโก อธุนากาลงฺกโต อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน โหติ. ตสฺส เอวรูโป อตฺตภาวปฏิลาโภ – เสยฺยถาปิ นาม ทฺเว วา ตีณิ วา มาคธกานิ คามกฺเขตฺตานิ. โส เตน อตฺตภาวปฏิลาเภน เนว อตฺตานํ โน ปรํ พฺยาพาเธติ. อถ โข, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต มํ เอตทโวจ – ‘เทวทตฺตสฺส, ภนฺเต, เอวรูปํ อิจฺฉาคตํ อุปฺปชฺชิ – อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามีติ. สหจิตฺตุปฺปาทา จ, ภนฺเต, เทวทตฺโต ตสฺสา อิทฺธิยา ปริหีโน’ติ. อิทมโวจ, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต. อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายี’’ติ.
‘‘กึ ปน เต, โมคฺคลฺลาน, กกุโธ เทวปุตฺโต เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต – ‘ยํ กิฺจิ กกุโธ เทวปุตฺโต ภาสติ สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา’’’ติ? ‘‘เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต เม, ภนฺเต, กกุโธ เทวปุตฺโต – ‘ยํ กิฺจิ กกุโธ เทวปุตฺโต ภาสติ สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา’’’ติ. ‘‘รกฺขสฺเสตํ, โมคฺคลฺลาน, วาจํ! (รกฺขสฺเสตํ, โมคฺคลฺลาน, วาจํ) [( ) สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ จูฬว. ๓๓๓ ปน สพฺพตฺถปิ ทิสฺสติเยว]! อิทานิ โส โมฆปุริโส อตฺตนาว อตฺตานํ ปาตุกริสฺสติ ¶ .
‘‘ปฺจิเม, โมคฺคลฺลาน, สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? อิธ ¶ , โมคฺคลฺลาน, เอกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ ¶ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธสีโล สมาโน ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ [กถํ นุ ตํ (สี.), กถํ นุ (สฺยา. กํ. ปี. ก.), กถํ ตํ (กตฺถจิ)] มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม – ‘สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; ยํ ตุโม กริสฺสติ ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ ¶ ¶ . เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา สีลโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ สีลโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ [ปจฺจาสึสติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)].
‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธาชีโว สมาโน ‘ปริสุทฺธาชีโวมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว ปริโยทาโต อสํกิลิฏฺโ’ติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธาชีโว สมาโน ปริสุทฺธาชีโวมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว ปริโยทาโต อสํกิลิฏฺโ’ติ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม – ‘สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; ยํ ตุโม กริสฺสติ ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา อาชีวโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ อาชีวโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ.
‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธธมฺมเทสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธา เม ธมฺมเทสนา ปริโยทาตา อสํกิลิฏฺา’ติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน ปริสุทฺธธมฺมเทสโนมฺหี’ติ ¶ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธา เม ธมฺมเทสนา ปริโยทาตา อสํกิลิฏฺา’ติ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม – ‘สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; ยํ ¶ ตุโม กริสฺสติ ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา ธมฺมเทสนโต รกฺขนฺติ ¶ ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ ธมฺมเทสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ.
‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน ‘ปริสุทฺธเวยฺยากรโณมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม เวยฺยากรณํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน ปริสุทฺธเวยฺยากรโณมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม เวยฺยากรณํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ ¶ . ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม – ‘สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; ยํ ตุโม กริสฺสติ ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา เวยฺยากรณโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ เวยฺยากรณโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ.
‘‘ปุน จปรํ, โมคฺคลฺลาน, อิเธกจฺโจ สตฺถา อปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. ตเมนํ สาวกา เอวํ ชานนฺติ – ‘อยํ โข ภวํ สตฺถา อปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานาติ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. มยฺเจว โข ปน คิหีนํ อาโรเจยฺยาม, นาสฺสสฺส มนาปํ. ยํ โข ปนสฺส อมนาปํ, กถํ นํ มยํ เตน สมุทาจเรยฺยาม ¶ – ‘สมฺมนฺนติ โข ปน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; ยํ ตุโม กริสฺสติ ตุโมว เตน ปฺายิสฺสตี’ติ. เอวรูปํ โข, โมคฺคลฺลาน, สตฺถารํ สาวกา าณทสฺสนโต รกฺขนฺติ; เอวรูโป จ ปน สตฺถา สาวเกหิ าณทสฺสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสติ. อิเม โข, โมคฺคลฺลาน, ปฺจ สตฺถาโร สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ.
‘‘อหํ โข ปน, โมคฺคลฺลาน, ปริสุทฺธสีโล สมาโน ‘ปริสุทฺธสีโลมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธํ เม สีลํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. น จ มํ สาวกา สีลโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ สีลโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. ปริสุทฺธาชีโว สมาโน ‘ปริสุทฺธาชีโวมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว ปริโยทาโต อสํกิลิฏฺโ’ติ. น จ มํ สาวกา ¶ อาชีวโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ อาชีวโต ¶ รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. ปริสุทฺธธมฺมเทสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธธมฺมเทสโนมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธา เม ธมฺมเทสนา ปริโยทาตา อสํกิลิฏฺา’ติ. น จ มํ สาวกา ธมฺมเทสนโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ ธมฺมเทสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. ปริสุทฺธเวยฺยากรโณ สมาโน ‘ปริสุทฺธเวยฺยากรโณมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธํ เม เวยฺยากรณํ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. น จ มํ สาวกา เวยฺยากรณโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ เวยฺยากรณโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามิ. ปริสุทฺธาณทสฺสโน สมาโน ‘ปริสุทฺธาณทสฺสโนมฺหี’ติ ปฏิชานามิ ‘ปริสุทฺธํ เม าณทสฺสนํ ¶ ปริโยทาตํ อสํกิลิฏฺ’นฺติ. น จ มํ สาวกา าณทสฺสนโต รกฺขนฺติ, น จาหํ สาวเกหิ าณทสฺสนโต รกฺขํ ปจฺจาสีสามี’’ติ. ทสมํ.
กกุธวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทฺเว ¶ สมฺปทา พฺยากรณํ, ผาสุ อกุปฺปปฺจมํ;
สุตํ กถา อารฺโก, สีโห จ กกุโธ ทสาติ.
ทุติยปณฺณาสกํ สมตฺตํ.
๓. ตติยปณฺณาสกํ
(๑๑) ๑. ผาสุวิหารวคฺโค
๑. สารชฺชสุตฺตํ
๑๐๑. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, เสขเวสารชฺชกรณา ธมฺมา. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สีลวา โหติ, พหุสฺสุโต โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, ปฺวา โหติ.
‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อสฺสทฺธสฺส สารชฺชํ โหติ, สทฺธสฺส ตํ สารชฺชํ น โหติ. ตสฺมายํ ธมฺโม เสขเวสารชฺชกรโณ.
‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีลสฺส สารชฺชํ โหติ, สีลวโต ตํ สารชฺชํ น โหติ. ตสฺมายํ ธมฺโม เสขเวสารชฺชกรโณ.
‘‘ยํ, ภิกฺขเว, อปฺปสฺสุตสฺส สารชฺชํ โหติ, พหุสฺสุตสฺส ตํ สารชฺชํ น โหติ. ตสฺมายํ ธมฺโม เสขเวสารชฺชกรโณ.
‘‘ยํ, ภิกฺขเว, กุสีตสฺส สารชฺชํ โหติ, อารทฺธวีริยสฺส ตํ สารชฺชํ น โหติ. ตสฺมายํ ธมฺโม เสขเวสารชฺชกรโณ.
‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ทุปฺปฺสฺส สารชฺชํ โหติ, ปฺวโต ตํ สารชฺชํ น โหติ. ตสฺมายํ ธมฺโม เสขเวสารชฺชกรโณ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ เสขเวสารชฺชกรณา ธมฺมา’’ติ. ปมํ.
๒. อุสฺสงฺกิตสุตฺตํ
๑๐๒. ‘‘ปฺจหิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิโต โหติ ปาปภิกฺขูติ อปิ อกุปฺปธมฺโมปิ [อปิ อกุปฺปธมฺโม (สี. สฺยา. กํ.)].
กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เวสิยาโคจโร วา โหติ, วิธวาโคจโร วา โหติ, ถุลฺลกุมาริกาโคจโร วา โหติ, ปณฺฑกโคจโร วา โหติ, ภิกฺขุนีโคจโร วา โหติ.
‘‘อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิโต โหติ ปาปภิกฺขูติ อปิ อกุปฺปธมฺโมปี’’ติ. ทุติยํ.
๓. มหาโจรสุตฺตํ
๑๐๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิลฺโลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต จ โหติ, คหนนิสฺสิโต จ, พลวนิสฺสิโต จ, โภคจาคี จ, เอกจารี จ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร นทีวิทุคฺคํ วา นิสฺสิโต โหติ ปพฺพตวิสมํ วา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร วิสมนิสฺสิโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ติณคหนํ วา นิสฺสิโต โหติ รุกฺขคหนํ วา โรธํ [เคธํ (สี.) อ. นิ. ๓.๕๑] วา มหาวนสณฺฑํ วา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร คหนนิสฺสิโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร ราชานํ ¶ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ ¶ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตฺยสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร พลวนิสฺสิโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร โภคจาคี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิโต โภเคน ปฏิสนฺถริสฺสามี’ติ. สเจ นํ ¶ โกจิ กิฺจิ อาห, ตโต โภเคน ปฏิสนฺถรติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร โภคจาคี โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, มหาโจโร เอกจารี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, มหาโจโร เอกโกว คหณานิ [นิคฺคหณานิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] กตฺตา โหติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม ¶ คุยฺหมนฺตา พหิทฺธา สมฺเภทํ อคมํสู’ติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, มหาโจโร เอกจารี โหติ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคโต มหาโจโร สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ นิลฺโลปมฺปิ หรติ เอกาคาริกมฺปิ กโรติ ปริปนฺเถปิ ติฏฺติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช วิฺูนํ, พหฺุจ อปฺุํ ปสวติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต จ โหติ, คหนนิสฺสิโต จ, พลวนิสฺสิโต จ, โภคจาคี จ, เอกจารี จ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสเมน กายกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน วจีกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ, วิสเมน มโนกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ วิสมนิสฺสิโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ มิจฺฉาทิฏฺิโก ¶ โหติ อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ คหนนิสฺสิโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ ราชานํ วา ราชมหามตฺตานํ วา นิสฺสิโต โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิเม เม ราชาโน วา ¶ ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณิสฺสนฺตี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตฺยสฺส ราชาโน วา ราชมหามตฺตา วา ปริโยธาย อตฺถํ ภณนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ พลวนิสฺสิโต โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ โภคจาคี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ ลาภี โหติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘สเจ มํ โกจิ กิฺจิ วกฺขติ, อิโต ลาเภน ปฏิสนฺถริสฺสามี’ติ. สเจ นํ โกจิ กิฺจิ อาห, ตโต ลาเภน ปฏิสนฺถรติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ โภคจาคี โหติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ เอกจารี โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ เอกโกว ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ นิวาสํ กปฺเปติ. โส ตตฺถ กุลานิ อุปสงฺกมนฺโต ลาภํ ลภติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปาปภิกฺขุ เอกจารี โหติ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปาปภิกฺขุ ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ, สาวชฺโช จ โหติ สานุวชฺโช วิฺูนํ, พหฺุจ อปฺุํ ปสวตี’’ติ. ตติยํ.
๔. สมณสุขุมาลสุตฺตํ
๑๐๔. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สมเณสุ สมณสุขุมาโล โหติ.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยาจิโตว พหุลํ จีวรํ ปริภฺุชติ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชติ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ ¶ เสนาสนํ ปริภฺุชติ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริภฺุชติ, อปฺปํ อยาจิโต. เยหิ โข ¶ ปน สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรติ ¶ , ตฺยสฺส [ตฺยาสฺส (ก.) อ. นิ. ๔.๘๗] มนาเปเนว พหุลํ กายกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน; มนาเปเนว พหุลํ วจีกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน; มนาเปเนว พหุลํ มโนกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน; มนาปํเยว อุปหารํ อุปหรนฺติ, อปฺปํ อมนาปํ. ยานิ โข ปน ตานิ เวทยิตานิ ปิตฺตสมุฏฺานานิ วา เสมฺหสมุฏฺานานิ วา วาตสมุฏฺานานิ วา สนฺนิปาติกานิ วา อุตุปริณามชานิ วา วิสมปริหารชานิ วา โอปกฺกมิกานิ วา กมฺมวิปากชานิ วา, ตานิสฺส น พหุเทว อุปฺปชฺชนฺติ. อปฺปาพาโธ โหติ, จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สมเณสุ สมณสุขุมาโล โหติ.
‘‘ยฺหิ ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สมเณสุ สมณสุขุมาโล’ติ, มเมว ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา [มเมว ตํ สมฺมา (?)] วทมาโน วเทยฺย – ‘สมเณสุ สมณสุขุมาโล’ติ ¶ . อหฺหิ, ภิกฺขเว, ยาจิโตว พหุลํ จีวรํ ปริภฺุชามิ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชามิ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ เสนาสนํ ปริภฺุชามิ, อปฺปํ อยาจิโต; ยาจิโตว พหุลํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริภฺุชามิ, อปฺปํ อยาจิโต. เยหิ โข ปน ภิกฺขูหิ สทฺธึ วิหรามิ, เต มํ มนาเปเนว พหุลํ กายกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน ¶ ; มนาเปเนว พหุลํ วจีกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน; มนาเปเนว พหุลํ มโนกมฺเมน สมุทาจรนฺติ, อปฺปํ อมนาเปน; มนาปํเยว อุปหารํ อุปหรนฺติ, อปฺปํ อมนาปํ. ยานิ โข ปน ตานิ เวทยิตานิ – ปิตฺตสมุฏฺานานิ วา เสมฺหสมุฏฺานานิ วา วาตสมุฏฺานานิ วา สนฺนิปาติกานิ วา อุตุปริณามชานิ วา วิสมปริหารชานิ วา โอปกฺกมิกานิ วา กมฺมวิปากชานิ วา ¶ – ตานิ เม น พหุเทว อุปฺปชฺชนฺติ. อปฺปาพาโธหมสฺมิ, จตุนฺนํ โข ปนสฺมิ [จตุนฺนํ โข ปน (สี.), จตุนฺนํ (สฺยา. ปี.)] ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี [นิกามลาภี โหมิ (สี. ก.)] อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามิ.
‘‘ยฺหิ ¶ ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สมเณสุ สมณสุขุมาโล’ติ, มเมว ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘สมเณสุ สมณสุขุมาโล’’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. ผาสุวิหารสุตฺตํ
๑๐๕. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ผาสุวิหารา. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ วจีกมฺมํ…เป… เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ. ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ. ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรติ ¶ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ผาสุวิหารา’’ติ. ปฺจมํ.
๖. อานนฺทสุตฺตํ
๑๐๖. เอกํ ¶ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุ สงฺเฆ [ภิกฺขุํสํโฆ (สฺยา. ปี.)] วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ¶ อตฺตนา [อตฺตนา จ (ปี. ก.)] สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน [โน จ (ก.)] ปรํ อธิสีเล สมฺปวตฺตา [สมฺปวตฺตา โหติ (ก.)]; เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ.
‘‘สิยา ปน, ภนฺเต, อฺโปิ ปริยาโย ยถา ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท [อานนฺทาติ ภควา อาโวจ (สฺยา. ปี.)]! ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตนา สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ อธิสีเล สมฺปวตฺตา; อตฺตานุเปกฺขี จ โหติ, โน ปรานุเปกฺขี; เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ.
‘‘สิยา ¶ ปน, ภนฺเต, อฺโปิ ปริยาโย ยถา ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท! ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตนา สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ อธิสีเล สมฺปวตฺตา; อตฺตานุเปกฺขี จ โหติ, โน ปรานุเปกฺขี; อปฺาโต จ โหติ, เตน จ อปฺาตเกน โน ปริตสฺสติ; เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ¶ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ.
‘‘สิยา ปน, ภนฺเต, อฺโปิ ปริยาโย ยถา ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท! ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตนา สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ อธิสีเล สมฺปวตฺตา; อตฺตานุเปกฺขี จ โหติ, โน ปรานุเปกฺขี; อปฺาโต จ โหติ, เตน จ อปฺาตเกน โน ปริตสฺสติ; จตุนฺนฺจ [จตุนฺนํ (ปี. ก.)] ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ.
‘‘สิยา ¶ ปน, ภนฺเต, อฺโปิ ปริยาโย ยถา ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺยา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺท! ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อตฺตนา สีลสมฺปนฺโน โหติ, โน ปรํ อธิสีเล สมฺปวตฺตา; อตฺตานุเปกฺขี จ โหติ, โน ปรานุเปกฺขี; อปฺาโต ¶ จ โหติ, เตน จ อปฺาตเกน โน ปริตสฺสติ; จตุนฺนฺจ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; อาสวานฺจ [อาสวานํ (สี. ปี. ก.)] ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ; เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ สงฺเฆ วิหรนฺโต ผาสุํ วิหเรยฺย.
‘‘อิมมฺหา จาหํ, อานนฺท, ผาสุวิหารา อฺโ ผาสุวิหาโร อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถีติ วทามี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. สีลสุตฺตํ
๑๐๗. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส.
‘‘กตเมหิ ¶ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหติ, สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. อเสขสุตฺตํ
๑๐๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย…เป… อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส.
‘‘กตเมหิ, ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อเสเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมาธิกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน ¶ ปฺากฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน วิมุตฺติกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. อฏฺมํ.
๙. จาตุทฺทิสสุตฺตํ
๑๐๙. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ จาตุทฺทิโส โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย ¶ , เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตรจีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน; จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา ¶ สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเมหิ, โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ จาตุทฺทิโส โหตี’’ติ. นวมํ.
๑๐. อรฺสุตฺตํ
๑๑๐. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวิตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ…เป… ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; อารทฺธวีริโย วิหรติ ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ¶ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวิตุ’’นฺติ. ทสมํ.
ผาสุวิหารวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
สารชฺชํ ¶ สงฺกิโต โจโร, สุขุมาลํ ผาสุ ปฺจมํ;
อานนฺท สีลาเสขา จ, จาตุทฺทิโส อรฺเน จาติ.
(๑๒) ๒. อนฺธกวินฺทวคฺโค
๑. กุลูปกสุตฺตํ
๑๑๑. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต กุลูปโก ภิกฺขุ กุเลสุ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อสนฺถววิสฺสาสี [อสนฺถุตวิสฺสาสี (สี.), อสนฺธววิสฺสาสี (ก.)] จ โหติ, อนิสฺสรวิกปฺปี จ, วิสฺสฏฺุปเสวี [วิยตฺถุปเสวี (สี.), พฺยตฺถุปเสวี (สฺยา. กํ.), วฺยตฺตูปเสวี (ปี.)] จ, อุปกณฺณกชปฺปี จ, อติยาจนโก จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต กุลูปโก ภิกฺขุ กุเลสุ อปฺปิโย จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต กุลูปโก ภิกฺขุ กุเลสุ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? น อสนฺถววิสฺสาสี จ โหติ, น อนิสฺสรวิกปฺปี จ, น วิสฺสฏฺุปเสวี จ, น อุปกณฺณกชปฺปี จ, น อติยาจนโก จ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต กุลูปโก ภิกฺขุ กุเลสุ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. ปมํ.
๒. ปจฺฉาสมณสุตฺตํ
๑๑๒. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปจฺฉาสมโณ น อาทาตพฺโพ. กตเมหิ ปฺจหิ? อติทูเร วา คจฺฉติ อจฺจาสนฺเน วา ¶ , น ปตฺตปริยาปนฺนํ ¶ คณฺหติ, อาปตฺติสามนฺตา ภณมานํ น นิวาเรติ, ภณมานสฺส อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตติ, ทุปฺปฺโ โหติ ชโฬ เอฬมูโค. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปจฺฉาสมโณ น อาทาตพฺโพ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปจฺฉาสมโณ อาทาตพฺโพ. กตเมหิ ปฺจหิ? นาติทูเร คจฺฉติ น อจฺจาสนฺเน, ปตฺตปริยาปนฺนํ คณฺหติ, อาปตฺติสามนฺตา ภณมานํ นิวาเรติ ¶ , ภณมานสฺส น อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตติ, ปฺวา โหติ อชโฬ อเนฬมูโค. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปจฺฉาสมโณ อาทาตพฺโพ’’ติ. ทุติยํ.
๓. สมฺมาสมาธิสุตฺตํ
๑๑๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อภพฺโพ สมฺมาสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รูปานํ, อกฺขโม สทฺทานํ, อกฺขโม คนฺธานํ, อกฺขโม รสานํ, อกฺขโม โผฏฺพฺพานํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อภพฺโพ สมฺมาสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ สมฺมาสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รูปานํ, ขโม สทฺทานํ, ขโม คนฺธานํ, ขโม รสานํ, ขโม โผฏฺพฺพานํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ สมฺมาสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหริตุ’’นฺติ. ตติยํ.
๔. อนฺธกวินฺทสุตฺตํ
๑๑๔. เอกํ สมยํ ภควา มคเธสุ วิหรติ อนฺธกวินฺเท. อถ ¶ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ภควา เอตทโวจ –
‘‘เย เต, อานนฺท, ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เต โว, อานนฺท, ภิกฺขู ปฺจสุ ธมฺเมสุ สมาทเปตพฺพา [สมาทาเปตพฺพา (?)] นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา ¶ . กตเมสุ ปฺจสุ? ‘เอถ ตุมฺเห, อาวุโส, สีลวา โหถ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา วิหรถ อาจารโคจรสมฺปนฺนา อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวิโน, สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสู’ติ – อิติ ปาติโมกฺขสํวเร สมาทเปตพฺพา นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา.
‘‘‘เอถ ตุมฺเห, อาวุโส, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา วิหรถ อารกฺขสติโน นิปกฺกสติโน [นิปกสติโน (สี. สฺยา.), เนปกฺกสติโน (?)], สารกฺขิตมานสา ¶ สตารกฺเขน เจตสา สมนฺนาคตา’ติ – อิติ อินฺทฺริยสํวเร สมาทเปตพฺพา นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา.
‘‘‘เอถ ตุมฺเห, อาวุโส, อปฺปภสฺสา โหถ, ภสฺเส ปริยนฺตการิโน’ติ – อิติ ภสฺสปริยนฺเต สมาทเปตพฺพา นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา.
‘‘‘เอถ ตุมฺเห, อาวุโส, อารฺิกา โหถ, อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวถา’ติ – อิติ กายวูปกาเส สมาทเปตพฺพา นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา.
‘‘‘เอถ ตุมฺเห, อาวุโส, สมฺมาทิฏฺิกา โหถ สมฺมาทสฺสเนน สมนฺนาคตา’ติ – อิติ สมฺมาทสฺสเน สมาทเปตพฺพา นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา. เย ¶ เต, อานนฺท, ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ, เต โว, อานนฺท, ภิกฺขู อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ สมาทเปตพฺพา นิเวเสตพฺพา ปติฏฺาเปตพฺพา’’ติ ¶ . จตุตฺถํ.
๕. มจฺฉรินีสุตฺตํ
๑๑๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อาวาสมจฺฉรินี โหติ, กุลมจฺฉรินี โหติ, ลาภมจฺฉรินี โหติ, วณฺณมจฺฉรินี โหติ, ธมฺมมจฺฉรินี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? น อาวาสมจฺฉรินี โหติ, น กุลมจฺฉรินี โหติ, น ลาภมจฺฉรินี โหติ, น วณฺณมจฺฉรินี โหติ, น ธมฺมมจฺฉรินี โหติ ¶ . อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค’’ติ. ปฺจมํ.
๖. วณฺณนาสุตฺตํ
๑๑๖. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ, อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อปฺปสาทนีเย าเน ปสาทํ อุปทํเสติ, อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา ปสาทนีเย าเน อปฺปสาทํ อุปทํเสติ, สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ, อนุวิจฺจ ¶ ปริโยคาเหตฺวา ¶ อปฺปสาทนีเย าเน อปฺปสาทํ อุปทํเสติ, อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา ปสาทนีเย าเน ปสาทํ อุปทํเสติ, สทฺธาเทยฺยํ น วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. อิสฺสุกินีสุตฺตํ
๑๑๗. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ, อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, อิสฺสุกินี จ โหติ, มจฺฉรินี จ, สทฺธาเทยฺยํ [สทฺธาเทยฺยฺจ (สฺยา.)] วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ ¶ , อนิสฺสุกินี จ โหติ, อมจฺฉรินี จ, สทฺธาเทยฺยํ ¶ น วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค’’ติ. สตฺตมํ.
๘. มิจฺฉาทิฏฺิกสุตฺตํ
๑๑๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ, อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, มิจฺฉาทิฏฺิกา จ โหติ, มิจฺฉาสงฺกปฺปา จ, สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค ¶ . กตเมหิ ปฺจหิ? อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ, สมฺมาทิฏฺิกา จ, โหติ, สมฺมาสงฺกปฺปา จ, สทฺธาเทยฺยํ น วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค’’ติ. อฏฺมํ.
๙. มิจฺฉาวาจาสุตฺตํ
๑๑๙. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ, อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, มิจฺฉาวาจา จ โหติ, มิจฺฉากมฺมนฺตา จ, สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ, สมฺมาวาจา จ โหติ, สมฺมากมฺมนฺตา จ, สทฺธาเทยฺยํ ¶ น วินิปาเตติ. อิเมหิ โข ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค’’ติ. นวมํ.
๑๐. มิจฺฉาวายามสุตฺตํ
๑๒๐. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ, อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, มิจฺฉาวายามา จ โหติ, มิจฺฉาสตินี จ [มิจฺฉาสติ จ (สฺยา.)], สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ ¶ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ, อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ, สมฺมาวายามา จ โหติ, สมฺมาสตินี จ, สทฺธาเทยฺยํ น วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค’’ติ. ทสมํ.
อนฺธกวินฺทวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
กุลูปโก ปจฺฉาสมโณ, สมาธิอนฺธกวินฺทํ;
มจฺฉรี วณฺณนา อิสฺสา, ทิฏฺิวาจาย วายมาติ.
(๑๓) ๓. คิลานวคฺโค
๑. คิลานสุตฺตํ
๑๒๑. เอกํ ¶ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน คิลานสาลา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ ทุพฺพลํ คิลานกํ; ทิสฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ –
‘‘ยํ ¶ กิฺจิ [ยํ กิฺจิ (สฺยา. กํ.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ทุพฺพลํ [ภิกฺขเว ทุพฺพลํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] คิลานกํ ปฺจ ธมฺมา น วิชหนฺติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – ‘นจิรสฺเสว อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตี’’’ติ.
‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรติ, อาหาเร ปฏิกูลสฺี, สพฺพโลเก อนภิรตสฺี [สพฺพตฺถปิ เอวเมว ทิสฺสติ], สพฺพสงฺขาเรสุ ¶ อนิจฺจานุปสฺสี, มรณสฺา โข ปนสฺส อชฺฌตฺตํ สูปฏฺิตา โหติ. ยํ กิฺจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ทุพฺพลํ คิลานกํ อิเม ปฺจ ธมฺมา น วิชหนฺติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – ‘นจิรสฺเสว อาสวานํ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตี’’’ติ. ปมํ.
๒. สติสูปฏฺิตสุตฺตํ
๑๒๒. ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ปฺจ ธมฺเม ภาเวติ ปฺจ ธมฺเม พหุลีกโรติ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ – ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา.
‘‘กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อชฺฌตฺตฺเว สติ สูปฏฺิตา โหติ ธมฺมานํ อุทยตฺถคามินิยา ¶ ปฺาย, อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรติ, อาหาเร ปฏิกูลสฺี, สพฺพโลเก อนภิรตสฺี, สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสี. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อิเม ปฺจ ธมฺเม ภาเวติ อิเม ปฺจ ธมฺเม พหุลีกโรติ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ – ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา, สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา’’ติ. ทุติยํ.
๓. ปมอุปฏฺากสุตฺตํ
๑๒๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลาโน ทูปฏฺาโก [ทุปฏฺาโก (สฺยา. กํ. ปี. ก.) มหาว. ๓๖๖] โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อสปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ น ชานาติ, เภสชฺชํ นปฺปฏิเสวิตา โหติ, อตฺถกามสฺส คิลานุปฏฺากสฺส ¶ น ยถาภูตํ อาพาธํ อาวิกตฺตา โหติ อภิกฺกมนฺตํ วา อภิกฺกมตีติ ปฏิกฺกมนฺตํ วา ปฏิกฺกมตีติ ิตํ วา ิโตติ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ ¶ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ [ติปฺปานํ (สี.) มหาว. ๓๖๖] ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อนธิวาสกชาติโก โหติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลาโน ทูปฏฺาโก โหติ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลาโน สูปฏฺาโก โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? สปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ ชานาติ, เภสชฺชํ ปฏิเสวิตา โหติ, อตฺถกามสฺส คิลานุปฏฺากสฺส ยถาภูตํ อาพาธํ อาวิกตฺตา โหติ อภิกฺกมนฺตํ วา อภิกฺกมตีติ ปฏิกฺกมนฺตํ วา ปฏิกฺกมตีติ ิตํ วา ิโตติ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสกชาติโก โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลาโน สูปฏฺาโก โหตี’’ติ. ตติยํ.
๔. ทุติยอุปฏฺากสุตฺตํ
๑๒๔. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลานุปฏฺาโก นาลํ คิลานํ อุปฏฺาตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? นปฺปฏิพโล โหติ เภสชฺชํ สํวิธาตุํ; สปฺปายาสปฺปายํ น ชานาติ, อสปฺปายํ อุปนาเมติ, สปฺปายํ อปนาเมติ; อามิสนฺตโร คิลานํ อุปฏฺาติ, โน เมตฺตจิตฺโต ¶ ; เชคุจฺฉี โหติ อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา วนฺตํ วา เขฬํ วา นีหริตุํ; นปฺปฏิพโล โหติ คิลานํ กาเลน กาลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตุํ สมาทเปตุํ [สมาทาเปตุํ (?) มหาว. ๓๖๖] สมุตฺเตเชตุํ สมฺปหํเสตุํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ ¶ สมนฺนาคโต คิลานุปฏฺาโก นาลํ คิลานํ อุปฏฺาตุํ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลานุปฏฺาโก อลํ คิลานํ อุปฏฺาตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? ปฏิพโล โหติ เภสชฺชํ สํวิธาตุํ; สปฺปายาสปฺปายํ ชานาติ, อสปฺปายํ อปนาเมติ, สปฺปายํ อุปนาเมติ; เมตฺตจิตฺโต คิลานํ อุปฏฺาติ, โน อามิสนฺตโร; อเชคุจฺฉี โหติ อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา วนฺตํ วา เขฬํ วา นีหริตุํ; ปฏิพโล โหติ คิลานํ กาเลน กาลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตุํ สมาทเปตุํ สมุตฺเตเชตุํ สมฺปหํเสตุํ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต คิลานุปฏฺาโก อลํ คิลานํ อุปฏฺาตุ’’นฺติ. จตุตฺถํ.
๕. ปมอนายุสฺสาสุตฺตํ
๑๒๕. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺมา อนายุสฺสา. กตเม ปฺจ? อสปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ น ชานาติ, อปริณตโภชี จ โหติ, อกาลจารี จ โหติ, อพฺรหฺมจารี จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา อนายุสฺสา.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา อายุสฺสา. กตเม ปฺจ? สปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ ชานาติ, ปริณตโภชี จ โหติ, กาลจารี จ โหติ, พฺรหฺมจารี จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา อายุสฺสา’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยอนายุสฺสาสุตฺตํ
๑๒๖. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา อนายุสฺสา. กตเม ปฺจ? อสปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ น ชานาติ, อปริณตโภชี จ โหติ, ทุสฺสีโล จ, ปาปมิตฺโต จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา อนายุสฺสา.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา อายุสฺสา. กตเม ปฺจ ¶ ? สปฺปายการี โหติ, สปฺปาเย มตฺตํ ¶ ชานาติ, ปริณตโภชี จ โหติ, สีลวา จ, กลฺยาณมิตฺโต จ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา อายุสฺสา’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. วปกาสสุตฺตํ
๑๒๗. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ สงฺฆมฺหา วปกาสิตุํ [วิ + อป + กาสิตุํ = วปกาสิตุํ]. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน เสนาสเนน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน, กามสงฺกปฺปพหุโล จ วิหรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ นาลํ สงฺฆมฺหา วปกาสิตุํ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ สงฺฆมฺหา วปกาสิตุํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน เสนาสเนน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน ¶ , เนกฺขมฺมสงฺกปฺปพหุโล [น กามสงฺกปฺปพหุโล (ก.)] จ วิหรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ สงฺฆมฺหา วปกาสิตุ’’นฺติ. สตฺตมํ.
๘. สมณสุขสุตฺตํ
๑๒๘. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, สมณทุกฺขานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน เสนาสเนน, อสนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน, อนภิรโต ¶ จ พฺรหฺมจริยํ จรติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมณทุกฺขานิ.
‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, สมณสุขานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน ปิณฺฑปาเตน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน ¶ เสนาสเนน, สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมณสุขานี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปริกุปฺปสุตฺตํ
๑๒๙. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาปายิกา เนรยิกา ปริกุปฺปา อเตกิจฺฉา. กตเม ปฺจ? มาตา [มาตรํ (ก.)] ชีวิตา โวโรปิตา โหติ, ปิตา [ปิตรํ (ก.)] ชีวิตา โวโรปิโต [โวโรปิตา (ก.)] โหติ, อรหํ [อรหนฺตํ (ก.), อรหา (สฺยา.)] ชีวิตา โวโรปิโต โหติ, ตถาคตสฺส ทุฏฺเน จิตฺเตน โลหิตํ อุปฺปาทิตํ โหติ, สงฺโฆ ภินฺโน โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาปายิกา เนรยิกา ปริกุปฺปา อเตกิจฺฉา’’ติ. นวมํ.
๑๐. พฺยสนสุตฺตํ
๑๓๐. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, พฺยสนานิ. กตมานิ ปฺจ? าติพฺยสนํ, โภคพฺยสนํ, โรคพฺยสนํ, สีลพฺยสนํ, ทิฏฺิพฺยสนํ. น, ภิกฺขเว, สตฺตา าติพฺยสนเหตุ วา ¶ โภคพฺยสนเหตุ วา โรคพฺยสนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ. สีลพฺยสนเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา ทิฏฺิพฺยสนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ พฺยสนานิ.
‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, สมฺปทา. กตมา ปฺจ? าติสมฺปทา, โภคสมฺปทา, อาโรคฺยสมฺปทา, สีลสมฺปทา, ทิฏฺิสมฺปทา. น, ภิกฺขเว, สตฺตา าติสมฺปทาเหตุ วา โภคสมฺปทาเหตุ วา อาโรคฺยสมฺปทาเหตุ ¶ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. สีลสมฺปทาเหตุ วา, ภิกฺขเว, สตฺตา ทิฏฺิสมฺปทาเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สมฺปทา’’ติ. ทสมํ.
คิลานวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ ¶ –
คิลาโน สติสูปฏฺิ, ทฺเว อุปฏฺากา ทุวายุสา;
วปกาสสมณสุขา, ปริกุปฺปํ พฺยสเนน จาติ.
(๑๔) ๔. ราชวคฺโค
๑. ปมจกฺกานุวตฺตนสุตฺตํ
๑๓๑. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺเมเนว จกฺกํ วตฺเตติ [ปวตฺเตติ (สฺยา. ปี. ก.)]; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ [อปฺปติวตฺติยํ (สี.)] ¶ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี อตฺถฺู จ โหติ, ธมฺมฺู จ, มตฺตฺู จ, กาลฺู จ, ปริสฺู จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺเมเนว จกฺกํ ปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา.
‘‘เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺเมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา ¶ พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อตฺถฺู, ธมฺมฺู, มตฺตฺู, กาลฺู, ปริสฺู. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺเมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ; ตํ โหติ ธมฺมจกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติ. ปมํ.
๒. ทุติยจกฺกานุวตฺตนสุตฺตํ
๑๓๒. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ จกฺกวตฺติสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต ปิตรา ปวตฺติตํ จกฺกํ ธมฺเมเนว อนุปฺปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา.
‘‘กตเมหิ ¶ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต อตฺถฺู จ โหติ, ธมฺมฺู จ, มตฺตฺู จ, กาลฺู จ, ปริสฺู จ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ จกฺกวตฺติสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต ปิตรา ปวตฺติตํ จกฺกํ ธมฺเมเนว อนุปฺปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา.
‘‘เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สาริปุตฺโต ตถาคเตน อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ สมฺมเทว อนุปฺปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต อตฺถฺู, ธมฺมฺู, มตฺตฺู ¶ , กาลฺู, ปริสฺู. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สาริปุตฺโต ตถาคเตน อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ สมฺมเทว อนุปฺปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติ. ทุติยํ.
๓. ธมฺมราชาสุตฺตํ
๑๓๓. ‘‘โยปิ ¶ โส [โยปิ โข (สี. สฺยา. ปี.)], ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา, โสปิ น อราชกํ จกฺกํ วตฺเตตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก ปน, ภนฺเต, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ธมฺมิกสฺส ธมฺมรฺโ ราชา’’ติ? ‘‘ธมฺโม, ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ.
‘‘อิธ, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ อนฺโตชนสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ ขตฺติเยสุ อนุยนฺเตสุ [อนุยุตฺเตสุ (สี.) อ. นิ. ๓.๑๔] …เป… พลกายสฺมึ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคมชานปเทสุ ¶ สมณพฺราหฺมเณสุ มิคปกฺขีสุ. ส ¶ โข โส, ภิกฺขุ, ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา อนฺโตชนสฺมึ ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา ขตฺติเยสุ อนุยนฺเตสุ พลกายสฺมึ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคมชานปเทสุ สมณพฺราหฺมเณสุ มิคปกฺขีสุ ธมฺเมเนว จกฺกํ ปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ¶ ปาณินา.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ ภิกฺขูสุ – ‘เอวรูปํ กายกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ กายกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูปํ วจีกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ วจีกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูปํ มโนกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ มโนกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูโป อาชีโว เสวิตพฺโพ, เอวรูโป อาชีโว น เสวิตพฺโพ; เอวรูโป คามนิคโม เสวิตพฺโพ, เอวรูโป คามนิคโม น เสวิตพฺโพ’ติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหติ ภิกฺขุนีสุ [ภิกฺขูสุ ภิกฺขุนีสุ (สี. ปี.)] …เป… อุปาสเกสุ…เป… อุปาสิกาสุ – ‘เอวรูปํ กายกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ กายกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูปํ วจีกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ วจีกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูปํ มโนกมฺมํ เสวิตพฺพํ, เอวรูปํ มโนกมฺมํ น เสวิตพฺพํ; เอวรูโป อาชีโว เสวิตพฺโพ, เอวรูโป อาชีโว น เสวิตพฺโพ; เอวรูโป คามนิคโม เสวิตพฺโพ, เอวรูโป คามนิคโม น เสวิตพฺโพ’’’ติ.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ¶ ธมฺมราชา ธมฺมฺเว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา ภิกฺขูสุ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา ภิกฺขุนีสุ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา อุปาสเกสุ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ สํวิทหิตฺวา อุปาสิกาสุ ธมฺเมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ; ตํ โหติ จกฺกํ ¶ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติ. ตติยํ.
๔. ยสฺสํทิสํสุตฺตํ
๑๓๔. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต ยสฺสํ ยสฺสํ ทิสายํ วิหรติ, สกสฺมึเยว วิชิเต วิหรติ.
‘‘กตเมหิ ¶ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน; อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร; พลวา โข ปน โหติ จตุรงฺคินิยา เสนาย สมนฺนาคโต อสฺสวาย โอวาทปฏิกราย; ปริณายโก โข ปนสฺส โหติ ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ปฏิพโล อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน อตฺเถ จินฺเตตุํ; ตสฺสิเม จตฺตาโร ธมฺมา ยสํ ปริปาเจนฺติ. โส อิมินา ยสปฺจเมน ¶ [ยเสน ปฺจเมน (ก.), ปฺจเมน (สี.)] ธมฺเมน สมนฺนาคโต ยสฺสํ ยสฺสํ ทิสายํ วิหรติ, สกสฺมึเยว วิชิเต วิหรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, โหติ วิชิตาวีนํ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยสฺสํ ยสฺสํ ทิสายํ วิหรติ, วิมุตฺตจิตฺโตว [วิมุตฺตจิตฺโต (สี. ปี.), วิมุตฺตจิตฺโต จ (ก.)] วิหรติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ – ราชาว ¶ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต ชาติสมฺปนฺโน; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา – ราชาว ¶ ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ – ราชาว ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต พลสมฺปนฺโน; ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา – ราชาว ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต ปริณายกสมฺปนฺโน; ตสฺสิเม จตฺตาโร ธมฺมา วิมุตฺตึ ปริปาเจนฺติ ¶ . โส อิมินา วิมุตฺติปฺจเมน ธมฺเมน สมนฺนาคโต ยสฺสํ ยสฺสํ ทิสายํ วิหรติ วิมุตฺตจิตฺโตว วิหรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, โหติ วิมุตฺตจิตฺตาน’’นฺติ. จตุตฺถํ.
๕. ปมปตฺถนาสุตฺตํ
๑๓๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต รชฺชํ ปตฺเถติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน; อภิรูโป โหติ ¶ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต; มาตาปิตูนํ ปิโย โหติ มนาโป; เนคมชานปทสฺส ปิโย โหติ มนาโป; ยานิ ตานิ รฺํ ขตฺติยานํ มุทฺธาวสิตฺตานํ สิปฺปฏฺานานิ หตฺถิสฺมึ วา อสฺสสฺมึ วา รถสฺมึ วา ธนุสฺมึ วา ถรุสฺมึ วา ตตฺถ สิกฺขิโต โหติ อนวโย.
‘‘ตสฺส ¶ เอวํ โหติ – ‘อหํ โขมฺหิ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. กสฺมาหํ รชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. กสฺมาหํ รชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ มาตาปิตูนํ ปิโย มนาโป. กสฺมาหํ รชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ เนคมชานปทสฺส ปิโย มนาโป. กสฺมาหํ รชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ ยานิ ตานิ รฺํ ขตฺติยานํ มุทฺธาวสิตฺตานํ ¶ สิปฺปฏฺานานิ หตฺถิสฺมึ วา อสฺสสฺมึ วา รถสฺมึ วา ธนุสฺมึ วา ถรุสฺมึ วา, ตตฺถ [ตตฺถมฺหิ (สี.), ตตฺถปิ (ก.)] สิกฺขิโต อนวโย. กสฺมาหํ รชฺชํ น ปตฺเถยฺย’นฺติ! อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต รชฺชํ ปตฺเถติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปตฺเถติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ¶ ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย; อสโ โหติ อมายาวี, ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปฺวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา.
‘‘ตสฺส ¶ เอวํ โหติ – ‘อหํ โขมฺหิ สทฺโธ, สทฺทหามิ ตถาคตสฺส โพธึ – อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. ‘กสฺมาหํ อาสวานํ ¶ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อปฺปาพาโธ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย มชฺฌิมาย ปธานกฺขมาย. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อสโ อมายาวี ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกตฺตา สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อารทฺธวีริโย วิหรามิ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. กสฺมาหํ อาสวานํ ¶ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ ปฺวา อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺย’นฺติ! อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปตฺเถตี’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยปตฺถนาสุตฺตํ
๑๓๖. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต โอปรชฺชํ [อุปรชฺชํ (สฺยา. ปี. ก.)] ปตฺเถติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต อุภโต สุชาโต โหติ มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน; อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต; มาตาปิตูนํ ปิโย โหติ มนาโป, พลกายสฺส ปิโย โหติ มนาโป; ปณฺฑิโต โหติ วิยตฺโต เมธาวี ปฏิพโล อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน อตฺเถ จินฺเตตุํ.
‘‘ตสฺส ¶ เอวํ โหติ – ‘อหํ โขมฺหิ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. กสฺมาหํ โอปรชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. กสฺมาหํ โอปรชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ มาตาปิตูนํ ปิโย ¶ มนาโป. กสฺมาหํ โอปรชฺชํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ ¶ โขมฺหิ พลกายสฺส ปิโย มนาโป. กสฺมาหํ โอปรชฺชํ ¶ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ ปณฺฑิโต วิยตฺโต เมธาวี ปฏิพโล อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน อตฺเถ จินฺเตตุํ. กสฺมาหํ โอปรชฺชํ น ปตฺเถยฺย’นฺติ! อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เชฏฺโ ปุตฺโต โอปรชฺชํ ปตฺเถติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปตฺเถติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ…เป… ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺโต [สุปฏฺิตจิตฺโต (สี. สฺยา.), สูปฏฺิตจิตฺโต (ก.)] โหติ; อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ; ปฺวา โหติ, อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา.
‘‘ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ โขมฺหิ สีลวา, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรามิ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขามิ สิกฺขาปเทสุ. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ พหุสฺสุโต สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ [สตฺถา พฺยฺชนา (สี.)] เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปา เม ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺโต. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ อารทฺธวีริโย วิหรามิ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺยํ! อหํ โขมฺหิ ปฺวา อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย ¶ สมฺมา ¶ ทุกฺขกฺขยคามินิยา. กสฺมาหํ อาสวานํ ขยํ น ปตฺเถยฺย’นฺติ! อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาสวานํ ขยํ ปตฺเถตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. อปฺปํสุปติสุตฺตํ
๑๓๗. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อปฺปํ รตฺติยา สุปนฺติ, พหุํ ชคฺคนฺติ. กตเม ปฺจ? อิตฺถี, ภิกฺขเว, ปุริสาธิปฺปายา อปฺปํ รตฺติยา สุปติ, พหุํ ชคฺคติ. ปุริโส, ภิกฺขเว, อิตฺถาธิปฺปาโย อปฺปํ รตฺติยา สุปติ, พหุํ ชคฺคติ. โจโร, ภิกฺขเว, อาทานาธิปฺปาโย อปฺปํ รตฺติยา สุปติ, พหุํ ชคฺคติ. ราชา [ราชยุตฺโต (ปี. ก.)], ภิกฺขเว, ราชกรณีเยสุ ยุตฺโต อปฺปํ รตฺติยา สุปติ, พหุํ ชคฺคติ. ภิกฺขุ, ภิกฺขเว, วิสํโยคาธิปฺปาโย อปฺปํ รตฺติยา สุปติ, พหุํ ชคฺคติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อปฺปํ รตฺติยา สุปนฺติ, พหุํ ชคฺคนฺตี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ภตฺตาทกสุตฺตํ
๑๓๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ภตฺตาทโก จ โหติ โอกาสผรโณ จ ลณฺฑสารโณ จ สลากคฺคาหี จ รฺโ นาโคตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ รูปานํ, อกฺขโม สทฺทานํ, อกฺขโม คนฺธานํ, อกฺขโม รสานํ, อกฺขโม โผฏฺพฺพานํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ภตฺตาทโก จ โอกาสผรโณ จ ลณฺฑสารโณ จ สลากคฺคาหี จ, รฺโ นาโคตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภตฺตาทโก จ โหติ, โอกาสผรโณ จ มฺจปีมทฺทโน [ปีมทฺทโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] จ สลากคฺคาหี จ, ภิกฺขุตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รูปานํ, อกฺขโม สทฺทานํ, อกฺขโม คนฺธานํ, อกฺขโม รสานํ, อกฺขโม โผฏฺพฺพานํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ¶ ภตฺตาทโก จ โหติ โอกาสผรโณ จ มฺจปีมทฺทโน จ สลากคฺคาหี จ, ภิกฺขุตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. อกฺขมสุตฺตํ
๑๓๙. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค น ราชารโห โหติ น ราชโภคฺโค, น รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ ¶ . กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ รูปานํ, อกฺขโม สทฺทานํ, อกฺขโม คนฺธานํ, อกฺขโม รสานํ, อกฺขโม โผฏฺพฺพานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ รูปานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต หตฺถิกายํ วา ทิสฺวา อสฺสกายํ วา ทิสฺวา รถกายํ วา ทิสฺวา ปตฺติกายํ วา ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ รูปานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ สทฺทานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต หตฺถิสทฺทํ วา สุตฺวา อสฺสสทฺทํ วา สุตฺวา รถสทฺทํ วา สุตฺวา ปตฺติสทฺทํ วา สุตฺวา เภริปณวสงฺขติณวนินฺนาทสทฺทํ วา สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ สทฺทานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ คนฺธานํ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต เย เต รฺโ นาคา อภิชาตา สงฺคามาวจรา เตสํ มุตฺตกรีสสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ คนฺธานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ ¶ รสานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต เอกิสฺสา วา ติโณทกทตฺติยา วิมานิโต [วิหนีโต (สฺยา.), วิหานิโต (กตฺถจิ)] ทฺวีหิ วา ตีหิ วา จตูหิ วา ปฺจหิ วา ติโณทกทตฺตีหิ วิมานิโต สํสีทติ วิสีทติ, น สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ รสานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ¶ สงฺคามคโต เอเกน วา สรเวเคน วิทฺโธ, ทฺวีหิ วา ตีหิ วา จตูหิ วา ปฺจหิ วา สรเวเคหิ วิทฺโธ สํสีทติ วิสีทติ, น ¶ สนฺถมฺภติ น สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค อกฺขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค น ราชารโห โหติ น ราชโภคฺโค น รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ น อาหุเนยฺโย โหติ น ปาหุเนยฺโย น ทกฺขิเณยฺโย น อฺชลิกรณีโย น อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รูปานํ, อกฺขโม สทฺทานํ, อกฺขโม คนฺธานํ, อกฺขโม รสานํ, อกฺขโม โผฏฺพฺพานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รูปานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา รชนีเย รูเป สารชฺชติ, น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รูปานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ สทฺทานํ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสเตน ¶ สทฺทํ สุตฺวา รชนีเย สทฺเท สารชฺชติ, น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ สทฺทานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ คนฺธานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา รชนีเย คนฺเธ สารชฺชติ, น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ คนฺธานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รสานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา รชนีเย รเส สารชฺชติ, น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ รสานํ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา รชนีเย โผฏฺพฺเพ สารชฺชติ, น สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ น อาหุเนยฺโย โหติ น ปาหุเนยฺโย น ทกฺขิเณยฺโย น อฺชลิกรณีโย น อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ รูปานํ, ขโม สทฺทานํ, ขโม คนฺธานํ, ขโม รสานํ, ขโม โผฏฺพฺพานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ รูปานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต หตฺถิกายํ วา ทิสฺวา อสฺสกายํ วา ทิสฺวา รถกายํ วา ทิสฺวา ปตฺติกายํ วา ¶ ทิสฺวา น สํสีทติ น วิสีทติ, สนฺถมฺภติ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ รูปานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ สทฺทานํ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต หตฺถิสทฺทํ วา สุตฺวา อสฺสสทฺทํ วา สุตฺวา รถสทฺทํ วา สุตฺวา ปตฺติสทฺทํ วา สุตฺวา เภริปณวสงฺขติณวนินฺนาทสทฺทํ วา สุตฺวา น สํสีทติ น วิสีทติ, สนฺถมฺภติ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ สทฺทานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ คนฺธานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต เย เต รฺโ นาคา อภิชาตา สงฺคามาวจรา เตสํ มุตฺตกรีสสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา น สํสีทติ น วิสีทติ, สนฺถมฺภติ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ คนฺธานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ รสานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต เอกิสฺสา วา ติโณทกทตฺติยา วิมานิโต ทฺวีหิ วา ตีหิ วา จตูหิ วา ปฺจหิ ¶ วา ติโณทกทตฺตีหิ วิมานิโต น สํสีทติ น วิสีทติ, สนฺถมฺภติ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ รสานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต เอเกน วา สรเวเคน วิทฺโธ, ทฺวีหิ วา ตีหิ วา จตูหิ วา ปฺจหิ วา สรเวเคหิ วิทฺโธ น สํสีทติ น วิสีทติ, สนฺถมฺภติ สกฺโกติ สงฺคามํ โอตริตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ.
‘‘อิเมหิ ¶ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รูปานํ, ขโม สทฺทานํ, ขโม คนฺธานํ, ขโม รสานํ, ขโม โผฏฺพฺพานํ ¶ .
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รูปานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา รชนีเย รูเป น สารชฺชติ, สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รูปานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ สทฺทานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา รชนีเย สทฺเท น สารชฺชติ, สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ สทฺทานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ คนฺธานํ. อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา รชนีเย คนฺเธ น สารชฺชติ, สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ คนฺธานํ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รสานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา รชนีเย รเส น สารชฺชติ, สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ รสานํ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา รชนีเย โผฏฺพฺเพ น สารชฺชติ, สกฺโกติ จิตฺตํ สมาทหิตุํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ โผฏฺพฺพานํ.
‘‘อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. นวมํ.
๑๐. โสตสุตฺตํ
๑๔๐. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. กตเมหิ ¶ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค โสตา จ โหติ, หนฺตา จ, รกฺขิตา จ, ขนฺตา จ, คนฺตา จ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค โสตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ยเมนํ หตฺถิทมฺมสารถิ [หตฺถิทมฺมสารถี (สี.)] การณํ กาเรติ – ยทิ วา กตปุพฺพํ ยทิ วา อกตปุพฺพํ ¶ – ตํ อฏฺึ กตฺวา [อฏฺิกตฺวา (สี. สฺยา. กํ. ปี.) อ. นิ. ๔.๑๑๔] มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา [สพฺพเจตสา (?)] สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต สุณาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค โสตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค หนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต หตฺถิมฺปิ หนติ [หนฺติ (สี. ปี.)], หตฺถารุหมฺปิ หนติ, อสฺสมฺปิ หนติ, อสฺสารุหมฺปิ หนติ, รถมฺปิ หนติ, รถิกมฺปิ [รถารุหมฺปิ (ปี.)] หนติ, ปตฺติกมฺปิ หนติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค หนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค รกฺขิตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต ¶ รกฺขติ ปุริมํ กายํ, รกฺขติ ปจฺฉิมํ กายํ, รกฺขติ ปุริเม ปาเท, รกฺขติ ปจฺฉิเม ปาเท, รกฺขติ สีสํ, รกฺขติ กณฺเณ, รกฺขติ ทนฺเต, รกฺขติ โสณฺฑํ, รกฺขติ วาลธึ, รกฺขติ หตฺถารุหํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค รกฺขิตา โหติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค สงฺคามคโต ขโม โหติ สตฺติปฺปหารานํ อสิปฺปหารานํ อุสุปฺปหารานํ ผรสุปฺปหารานํ เภริปณวสงฺขติณวนินฺนาทสทฺทานํ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ขนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค คนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค ยเมนํ หตฺถิทมฺมสารถิ ทิสํ เปเสติ – ยทิ วา คตปุพฺพํ ยทิ วา อคตปุพฺพํ – ตํ ขิปฺปเมว คนฺตา โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, รฺโ นาโค คนฺตา โหติ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ นาโค ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา จ โหติ, หนฺตา จ, รกฺขิตา ¶ จ, ขนฺตา จ, คนฺตา จ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย เทสิยมาเน อฏฺึกตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โสตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ หนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, ปชหติ วิโนเทติ (หนติ) [( ) นตฺถิ สี. ปี. โปตฺถเกสุ อ. นิ. ๔.๑๑๔] พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ; อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม นาธิวาเสติ ¶ , ปชหติ วิโนเทติ (หนติ) [( ) นตฺถิ สี. ปี. โปตฺถเกสุ อ. นิ. ๔.๑๑๔] พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ หนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รกฺขิตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ; รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ; จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ; รกฺขติ มนินฺทฺริยํ; มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รกฺขิตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขนฺตา โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺส ชิฆจฺฉาย ปิปาสาย ฑํสมกสวาตาตปสรีส [… สิรึสป (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปสมฺผสฺสานํ; ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถานํ อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ ¶ อธิวาสกชาติโก โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ขนฺตา โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คนฺตา โหติ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยา สา ทิสา อคตปุพฺพา อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ, ตํ ขิปฺปฺเว คนฺตา โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ คนฺตา โหติ.
‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ…เป… อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. ทสมํ.
ราชวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
จกฺกานุวตฺตนา ราชา, ยสฺสํทิสํ ทฺเว เจว ปตฺถนา;
อปฺปํสุปติ ภตฺตาโท, อกฺขโม จ โสเตน จาติ.
(๑๕) ๕. ติกณฺฑกีวคฺโค
๑. อวชานาติสุตฺตํ
๑๔๑. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? ทตฺวา อวชานาติ, สํวาเสน อวชานาติ, อาเธยฺยมุโข [อาทิยฺยมุโข (สี.), อาเทยฺยมุโข (สฺยา. กํ.), อาทิยมุโข (ปี.) อฏฺกถาย ปมสํวณฺณนานุรูปํ. ปุ. ป. ๑๙๓ ปสฺสิตพฺพํ] โหติ, โลโล โหติ, มนฺโท โมมูโห โหติ [มนฺโท โหติ โมมูโห (สี.)].
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทตฺวา อวชานาติ? อิธ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปุคฺคลสฺส เทติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อหํ เทมิ; อยํ ปฏิคฺคณฺหาตี’ติ. ตเมนํ ทตฺวา อวชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ทตฺวา อวชานาติ.
‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สํวาเสน อวชานาติ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, ปุคฺคโล ปุคฺคเลน สทฺธึ สํวสติ ทฺเว วา ตีณิ วา วสฺสานิ. ตเมนํ สํวาเสน อวชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล สํวาเสน อวชานาติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาเธยฺยมุโข ¶ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปรสฺส วณฺเณ วา อวณฺเณ วา ภาสิยมาเน ตํ ขิปฺปฺเว อธิมุจฺจิตา [อธิมุจฺจิโต (สฺยา.)] โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อาเธยฺยมุโข โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล โลโล โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อิตฺตรสทฺโธ โหติ อิตฺตรภตฺตี อิตฺตรเปโม อิตฺตรปฺปสาโท. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล โลโล โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล มนฺโท โมมูโห โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล กุสลากุสเล ธมฺเม น ชานาติ, สาวชฺชานวชฺเช ธมฺเม น ชานาติ, หีนปฺปณีเต ธมฺเม น ชานาติ ¶ , กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม น ชานาติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล มนฺโท โมมูโห โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมิ’’นฺติ. ปมํ.
๒. อารภติสุตฺตํ
๑๔๒. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อารภติ จ วิปฺปฏิสารี จ โหติ; ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
[ปุ. ป. ๑๙๑] ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อารภติ, น วิปฺปฏิสารี โหติ; ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล น อารภติ, วิปฺปฏิสารี ¶ โหติ; ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ¶ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘อิธ ¶ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล น อารภติ น วิปฺปฏิสารี โหติ; ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล น อารภติ น วิปฺปฏิสารี โหติ; ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ ปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ ปุคฺคโล อารภติ จ วิปฺปฏิสารี จ โหติ, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา ¶ นิรุชฺฌนฺติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมโต โข อารมฺภชา [อารพฺภชา (ปี. ก.), อารภชา (สฺยา. กํ.)] อาสวา สํวิชฺชนฺติ, วิปฺปฏิสารชา อาสวา ปวฑฺฒนฺติ [สํวฑฺฒนฺติ (ก.)], สาธุ วตายสฺมา อารมฺภเช อาสเว ปหาย วิปฺปฏิสารเช อาสเว ปฏิวิโนเทตฺวา จิตฺตํ ปฺฺจ ภาเวตุ [ภาเวตุํ (สี. ปี.)]; เอวมายสฺมา อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลน สมสโม ภวิสฺสตี’’’ติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ ปุคฺคโล อารภติ น วิปฺปฏิสารี โหติ, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมโต โข อารมฺภชา อาสวา สํวิชฺชนฺติ, วิปฺปฏิสารชา อาสวา น ปวฑฺฒนฺติ, สาธุ วตายสฺมา อารมฺภเช อาสเว ปหาย จิตฺตํ ปฺฺจ ภาเวตุ; เอวมายสฺมา ¶ อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลน สมสโม ภวิสฺสตี’’’ติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ ปุคฺคโล น อารภติ วิปฺปฏิสารี โหติ, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมโต ¶ โข อารมฺภชา อาสวา น สํวิชฺชนฺติ, วิปฺปฏิสารชา อาสวา ปวฑฺฒนฺติ, สาธุ วตายสฺมา วิปฺปฏิสารเช อาสเว ปฏิวิโนเทตฺวา จิตฺตํ ปฺฺจ ภาเวตุ; เอวมายสฺมา อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลน สมสโม ภวิสฺสตี’’’ ติ.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ ปุคฺคโล น อารภติ น วิปฺปฏิสารี โหติ, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ยตฺถสฺส เต อุปฺปนฺนา ปาปกา ¶ อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมโต โข อารมฺภชา อาสวา น สํวิชฺชนฺติ, วิปฺปฏิสารชา อาสวา น ปวฑฺฒนฺติ, สาธุ วตายสฺมา จิตฺตํ ปฺฺจ ภาเวตุ; เอวมายสฺมา อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลน สมสโม ภวิสฺสตี’’’ติ.
‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อิเม จตฺตาโร ปุคฺคลา อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลน เอวํ โอวทิยมานา เอวํ อนุสาสิยมานา อนุปุพฺเพน อาสวานํ ขยํ ปาปุณนฺตี’’ติ [ปุ. ป. ๑๙๑]. ทุติยํ.
๓. สารนฺททสุตฺตํ
๑๔๓. เอกํ ¶ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เตน โข ปน สมเยน ปฺจมตฺตานํ ลิจฺฉวิสตานํ สารนฺทเท เจติเย สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา ¶ อุทปาทิ – ‘‘ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตเมสํ ปฺจนฺนํ? หตฺถิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, อสฺสรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, มณิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, อิตฺถิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, คหปติรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. อิเมสํ ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’นฺติ.
อถ ¶ โข เต ลิจฺฉวี มคฺเค ปุริสํ เปสุํ [เปเสสุํ (สฺยา. ก.)] – ‘‘ยทา ตฺวํ [ยถา ตฺวํ (สี. ปี.)], อมฺโภ ปุริส, ปสฺเสยฺยาสิ ภควนฺตํ, อถ อมฺหากํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. อทฺทสา โข โส ปุริโส ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวาน เยน เต ลิจฺฉวี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ลิจฺฉวี เอตทโวจ – ‘‘อยํ โส, ภนฺเต, ภควา คจฺฉติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ; ยสฺสทานิ กาลํ มฺถา’’ติ.
อถ โข เต ลิจฺฉวี เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เอกมนฺตํ ิตา โข เต ลิจฺฉวี ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –
‘‘สาธุ, ภนฺเต, เยน สารนฺททํ เจติยํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข ภควา เยน ¶ สารนฺททํ เจติยํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา เต ลิจฺฉวี เอตทโวจ – ‘‘กาย นุตฺถ, ลิจฺฉวี, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ? ‘‘อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตเมสํ ปฺจนฺนํ ¶ ? หตฺถิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, อสฺสรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, มณิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, อิตฺถิรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, คหปติรตนสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. อิเมสํ ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’’นฺติ.
‘‘กามาธิมุตฺตานํ ¶ วต, โภ, ลิจฺฉวีนํ [กามาธิมุตฺตานํ วต โว ลิจฺฉวีนํ (สี.), กามาธิมุตฺตานํ วต โว ลิจฺฉวี (สฺยา.), กามาธิมุตฺตานํว โว ลิจฺฉวี (?)] กามํเยว อารพฺภ อนฺตรากถา อุทปาทิ. ปฺจนฺนํ, ลิจฺฉวี, รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตเมสํ ปฺจนฺนํ? ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส ¶ เทเสตา ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส เทสิตสฺส วิฺาตา ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส เทสิตสฺส วิฺาตา [วิฺาตสฺส (สี. ปี.) อ. นิ. ๕.๑๙๕] ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, กตฺู กตเวที ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. อิเมสํ โข, ลิจฺฉวี, ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’นฺติ. ตติยํ.
๔. ติกณฺฑกีสุตฺตํ
๑๔๔. เอกํ สมยํ ภควา สาเกเต วิหรติ ติกณฺฑกีวเน [กณฺฑกีวเน (สํ. นิ. ๕.๙๐๒)]. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสฺี [อปฺปฏิกฺกูเล ปฏิกฺกูลสฺี (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วิหเรยฺย. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล ¶ จ ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสฺี ¶ วิหเรยฺย. สาธุ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเลน กาลํ ปฏิกูลฺจ อปฺปฏิกูลฺจ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺย สโต สมฺปชาโน.
‘‘กิฺจ [กถฺจ (สี. ปี. ก.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย? ‘มา เม รชนีเยสุ ธมฺเมสุ ราโค อุทปาที’ติ – อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย? ‘มา เม โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ โทโส อุทปาที’ติ – อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย.
‘‘กิฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ¶ ปฏิจฺจ อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล จ ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย? ‘มา เม รชนีเยสุ ธมฺเมสุ ราโค อุทปาทิ, มา เม โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ โทโส อุทปาที’ติ – อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล จ ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย? ‘มา เม โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ โทโส อุทปาทิ, มา เม รชนีเยสุ ธมฺเมสุ ราโค อุทปาที’ติ – อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย.
‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูลฺจ อปฺปฏิกูลฺจ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺย? ‘สโต สมฺปชาโน มา เม ¶ กฺวจนิ [กฺวจินิ (สี. สฺยา. ปี.)] กตฺถจิ กิฺจนํ [กิฺจน (สี. ปี.)] รชนีเยสุ ธมฺเมสุ ราโค อุทปาทิ, มา เม กฺวจนิ กตฺถจิ กิฺจนํ โทสนีเยสุ ธมฺเมสุ โทโส อุทปาทิ, มา เม กฺวจนิ กตฺถจิ กิฺจนํ โมหนีเยสุ ธมฺเมสุ โมโห อุทปาที’ติ – อิทํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ปฏิกูลฺจ อปฺปฏิกูลฺจ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺย สโต สมฺปชาโน’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. นิรยสุตฺตํ
๑๔๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี ¶ โหติ, มุสาวาที โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. ปฺจมํ.
๖. มิตฺตสุตฺตํ
๑๔๖. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ มิตฺโต น เสวิตพฺโพ. กตเมหิ ปฺจหิ? กมฺมนฺตํ กาเรติ, อธิกรณํ อาทิยติ, ปาโมกฺเขสุ ภิกฺขูสุ ปฏิวิรุทฺโธ โหติ, ทีฆจาริกํ อนวตฺถจาริกํ [อวตฺถานจาริกํ (สฺยา.)] อนุยุตฺโต วิหรติ, นปฺปฏิพโล โหติ กาเลน กาลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตุํ ¶ สมาทเปตุํ สมุตฺเตเชตุํ สมฺปหํเสตุํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ มิตฺโต น เสวิตพฺโพ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ มิตฺโต เสวิตพฺโพ. กตเมหิ ปฺจหิ? น กมฺมนฺตํ กาเรติ, น อธิกรณํ อาทิยติ, น ปาโมกฺเขสุ ภิกฺขูสุ ปฏิวิรุทฺโธ โหติ, น ทีฆจาริกํ อนวตฺถจาริกํ อนุยุตฺโต วิหรติ, ปฏิพโล โหติ กาเลน กาลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตุํ สมาทเปตุํ สมุตฺเตเชตุํ สมฺปหํเสตุํ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ มิตฺโต เสวิตพฺโพ’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. อสปฺปุริสทานสุตฺตํ
๑๔๗. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อสปฺปุริสทานานิ. กตมานิ ปฺจ? อสกฺกจฺจํ เทติ, อจิตฺตีกตฺวา [อจิตฺติกตฺวา (ปี.), อจิตึ กตฺวา (สฺยา.), อจิตฺตึ กตฺวา (ก.)] เทติ, อสหตฺถา เทติ, อปวิทฺธํ [อปวิฏฺฏํ (สฺยา. กํ.)] เทติ, อนาคมนทิฏฺิโก เทติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อสปฺปุริสทานานิ.
‘‘ปฺจิมานิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, สปฺปุริสทานานิ. กตมานิ ปฺจ? สกฺกจฺจํ เทติ, จิตฺตีกตฺวา เทติ, สหตฺถา เทติ, อนปวิทฺธํ เทติ, อาคมนทิฏฺิโก เทติ. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สปฺปุริสทานานี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. สปฺปุริสทานสุตฺตํ
๑๔๘. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, สปฺปุริสทานานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาย ทานํ เทติ, สกฺกจฺจํ ทานํ เทติ, กาเลน ทานํ เทติ, อนุคฺคหิตจิตฺโต [อนคฺคหิตจิตฺโต (สี.)] ทานํ เทติ, อตฺตานฺจ ปรฺจ อนุปหจฺจ ทานํ เทติ.
‘‘สทฺธาย โข ปน, ภิกฺขเว, ทานํ ทตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ตสฺส ทานสฺส ¶ วิปาโก นิพฺพตฺตติ, อฑฺโฒ จ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค, อภิรูโป จ โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต.
‘‘สกฺกจฺจํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทานํ ทตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ตสฺส ทานสฺส วิปาโก นิพฺพตฺตติ, อฑฺโฒ จ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค. เยปิสฺส เต โหนฺติ ปุตฺตาติ วา ทาราติ วา ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ [กมฺมการาติ (ก.)] วา, เตปิ สุสฺสูสนฺติ โสตํ โอทหนฺติ อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺติ.
‘‘กาเลน โข ปน, ภิกฺขเว, ทานํ ทตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ตสฺส ทานสฺส วิปาโก นิพฺพตฺตติ, อฑฺโฒ จ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค; กาลาคตา จสฺส อตฺถา ปจุรา โหนฺติ.
‘‘อนุคฺคหิตจิตฺโต โข ปน, ภิกฺขเว, ทานํ ทตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ตสฺส ทานสฺส วิปาโก นิพฺพตฺตติ, อฑฺโฒ จ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค; อุฬาเรสุ จ ปฺจสุ กามคุเณสุ โภคาย จิตฺตํ นมติ.
‘‘อตฺตานฺจ ¶ ปรฺจ อนุปหจฺจ โข ปน, ภิกฺขเว, ทานํ ทตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ตสฺส ทานสฺส วิปาโก นิพฺพตฺตติ, อฑฺโฒ จ โหติ มหทฺธโน มหาโภโค; น จสฺส กุโตจิ โภคานํ อุปฆาโต อาคจฺฉติ อคฺคิโต วา อุทกโต วา ราชโต วา โจรโต วา อปฺปิยโต วา ทายาทโต วา [อปฺปิยโต วา ทายาทโต วา (สี. สฺยา. กํ. ปี.), อปฺปิยทายาทโต วา (ก.)]. อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ สปฺปุริสทานานี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปมสมยวิมุตฺตสุตฺตํ
๑๔๙. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? กมฺมารามตา, ภสฺสารามตา, นิทฺทารามตา ¶ , สงฺคณิการามตา, ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ น ปจฺจเวกฺขติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? น กมฺมารามตา, น ภสฺสารามตา, น นิทฺทารามตา, น สงฺคณิการามตา, ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยสมยวิมุตฺตสุตฺตํ
๑๕๐. [กถา. ๒๖๗] ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? กมฺมารามตา, ภสฺสารามตา, นิทฺทารามตา, อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา, โภชเน อมตฺตฺุตา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? น กมฺมารามตา, น ภสฺสารามตา, น นิทฺทารามตา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา. อิเม ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สมยวิมุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ทสมํ.
ติกณฺฑกีวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทตฺวา อวชานาติ อารภติ จ, สารนฺทท ติกณฺฑ นิรเยน จ;
มิตฺโต อสปฺปุริสสปฺปุริเสน, สมยวิมุตฺตํ อปเร ทฺเวติ.
ตติยปณฺณาสกํ สมตฺตํ.
๔. จตุตฺถปณฺณาสกํ
(๑๖) ๑. สทฺธมฺมวคฺโค
๑. ปมสมฺมตฺตนิยามสุตฺตํ
๑๕๑. ‘‘ปฺจหิ ¶ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโตปิ สทฺธมฺมํ อภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? กถํ ปริโภติ, กถิกํ [กถิตํ (ก.)] ปริโภติ, อตฺตานํ ปริโภติ, วิกฺขิตฺตจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ, อเนกคฺคจิตฺโต อโยนิโส จ [อโยนิโส (สฺยา. กํ.)] มนสิ กโรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโตปิ สทฺธมฺมํ อภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ¶ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? น กถํ ปริโภติ, น กถิกํ ปริโภติ, น อตฺตานํ ปริโภติ, อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ, เอกคฺคจิตฺโต โยนิโส จ มนสิ กโรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺต’’นฺติ. ปมํ.
๒. ทุติยสมฺมตฺตนิยามสุตฺตํ
๑๕๒. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโตปิ สทฺธมฺมํ อภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? กถํ ปริโภติ, กถิกํ ปริโภติ, อตฺตานํ ปริโภติ, ทุปฺปฺโ โหติ ชโฬ เอฬมูโค, อนฺาเต อฺาตมานี โหติ. อิเมหิ โข ¶ , ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโตปิ สทฺธมฺมํ อภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? น กถํ ปริโภติ, น กถิกํ ปริโภติ, น อตฺตานํ ปริโภติ, ปฺวา โหติ ¶ อชโฬ อเนฬมูโค, น อนฺาเต อฺาตมานี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺต’’นฺติ. ทุติยํ.
๓. ตติยสมฺมตฺตนิยามสุตฺตํ
๑๕๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโตปิ สทฺธมฺมํ อภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? มกฺขี ธมฺมํ สุณาติ มกฺขปริยุฏฺิโต, อุปารมฺภจิตฺโต [สอุปารมฺภจิตฺโต (สฺยา. กํ.)] ธมฺมํ สุณาติ รนฺธคเวสี, ธมฺมเทสเก ¶ อาหตจิตฺโต โหติ ขีลชาโต [ขิลชาโต (สฺยา. ปี.)], ทุปฺปฺโ โหติ ชโฬ เอฬมูโค, อนฺาเต อฺาตมานี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโตปิ สทฺธมฺมํ อภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อมกฺขี ธมฺมํ สุณาติ น มกฺขปริยุฏฺิโต, อนุปารมฺภจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ น รนฺธคเวสี, ธมฺมเทสเก อนาหตจิตฺโต โหติ อขีลชาโต, ปฺวา โหติ อชโฬ อเนฬมูโค, น ¶ อนฺาเต อฺาตมานี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สุณนฺโต สทฺธมฺมํ ภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺต’’นฺติ. ตติยํ.
๔. ปมสทฺธมฺมสมฺโมสสุตฺตํ
๑๕๔. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู น สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺติ, น สกฺกจฺจํ ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, น สกฺกจฺจํ ธมฺมํ ธาเรนฺติ, น สกฺกจฺจํ ธาตานํ [ธตานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขนฺติ, น ¶ สกฺกจฺจํ อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชนฺติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺติ, สกฺกจฺจํ ¶ ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, สกฺกจฺจํ ธมฺมํ ธาเรนฺติ, สกฺกจฺจํ ธาตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขนฺติ, สกฺกจฺจํ อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชนฺติ. อิเม ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. ทุติยสทฺธมฺมสมฺโมสสุตฺตํ
๑๕๕. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ธมฺมํ น ปริยาปุณนฺติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ ¶ น วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ น วิตฺถาเรน ปรํ [ปเรสํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), ปเร (?)] วาเจนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ น วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ น เจตสา อนุวิตกฺเกนฺติ อนุวิจาเรนฺติ มนสานุเปกฺขนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย ¶ สํวตฺตติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ¶ ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปรํ วาเจนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว ¶ , ภิกฺขู ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน สชฺฌายํ กโรนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เจตสา อนุวิตกฺเกนฺติ อนุวิจาเรนฺติ มนสานุเปกฺขนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ตติยสทฺธมฺมสมฺโมสสุตฺตํ
๑๕๖. [อ. นิ. ๔.๑๖๐] ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ทุคฺคหิตํ สุตฺตนฺตํ ปริยาปุณนฺติ ทุนฺนิกฺขิตฺเตหิ ปทพฺยฺชเนหิ ¶ . ทุนฺนิกฺขิตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ปทพฺยฺชนสฺส อตฺโถปิ ทุนฺนโย โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ทุพฺพจา โหนฺติ, โทวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา, อกฺขมา อปฺปทกฺขิณคฺคาหิโน อนุสาสนึ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, เย เต ภิกฺขู พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา, เต น สกฺกจฺจํ สุตฺตนฺตํ ปรํ วาเจนฺติ; เตสํ อจฺจเยน ฉินฺนมูลโก สุตฺตนฺโต โหติ อปฺปฏิสรโณ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เถรา ภิกฺขู พาหุลิกา โหนฺติ สาถลิกา โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา ¶ , น วีริยํ อารภนฺติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา ¶ อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. เตสํ ปจฺฉิมา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ. สาปิ โหติ พาหุลิกา สาถลิกา โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา, น วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ ภินฺโน โหติ. สงฺเฆ โข ปน, ภิกฺขเว, ภินฺเน อฺมฺํ อกฺโกสา จ โหนฺติ, อฺมฺํ ปริภาสา จ โหนฺติ, อฺมฺํ ปริกฺเขปา จ โหนฺติ, อฺมฺํ ปริจฺจชนา [ปริจฺจชา (สฺยา. กํ.)] จ โหนฺติ. ตตฺถ อปฺปสนฺนา เจว นปฺปสีทนฺติ, ปสนฺนานฺจ เอกจฺจานํ อฺถตฺตํ โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สุคฺคหิตํ สุตฺตนฺตํ ปริยาปุณนฺติ สุนิกฺขิตฺเตหิ ¶ ปทพฺยฺชเนหิ. สุนิกฺขิตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ปทพฺยฺชนสฺส อตฺโถปิ สุนโย โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สุวจา โหนฺติ โสวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา, ขมา ปทกฺขิณคฺคาหิโน อนุสาสนึ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย ¶ สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เย เต ภิกฺขู พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา, เต สกฺกจฺจํ สุตฺตนฺตํ ปรํ วาเจนฺติ; เตสํ อจฺจเยน น ฉินฺนมูลโก [อจฺฉินฺนมูลโก (ก.) อ. นิ. ๔.๑๖๐] สุตฺตนฺโต โหติ สปฺปฏิสรโณ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, เถรา ภิกฺขู น พาหุลิกา โหนฺติ น สาถลิกา, โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา; วีริยํ อารภนฺติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา ¶ อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. เตสํ ปจฺฉิมา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ. สาปิ โหติ น พาหุลิกา น สาถลิกา, โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา, วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สงฺโฆ สมคฺโค สมฺโมทมาโน อวิวทมาโน เอกุทฺเทโส ผาสุํ วิหรติ. สงฺเฆ โข ปน, ภิกฺขเว, สมคฺเค น เจว อฺมฺํ อกฺโกสา โหนฺติ, น จ อฺมฺํ ปริภาสา โหนฺติ, น จ อฺมฺํ ปริกฺเขปา โหนฺติ, น จ อฺมฺํ ปริจฺจชนา โหนฺติ. ตตฺถ อปฺปสนฺนา เจว ปสีทนฺติ, ปสนฺนานฺจ ภิยฺโยภาโว โหติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม ธมฺโม สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. ทุกฺกถาสุตฺตํ
๑๕๗. ‘‘ปฺจนฺนํ ¶ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ปุคฺคลานํ กถา ทุกฺกถา ปุคฺคเล ปุคฺคลํ [ปุคฺคลํ ปุคฺคลํ (สี. ปี.)] อุปนิธาย. กตเมสํ ปฺจนฺนํ? อสฺสทฺธสฺส, ภิกฺขเว, สทฺธากถา ทุกฺกถา; ทุสฺสีลสฺส สีลกถา ทุกฺกถา; อปฺปสฺสุตสฺส พาหุสจฺจกถา ทุกฺกถา; มจฺฉริสฺส [มจฺฉริยสฺส (สี. ปี. ก.)] จาคกถา ทุกฺกถา; ทุปฺปฺสฺส ปฺากถา ทุกฺกถา.
‘‘กสฺมา จ, ภิกฺขเว, อสฺสทฺธสฺส สทฺธากถา ทุกฺกถา? อสฺสทฺโธ, ภิกฺขเว, สทฺธากถาย กจฺฉมานาย อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, สทฺธาสมฺปทํ อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ [น สมฺปสฺสติ (สี.)], น จ ลภติ ตโตนิทานํ ปีติปาโมชฺชํ. ตสฺมา อสฺสทฺธสฺส สทฺธากถา ทุกฺกถา.
‘‘กสฺมา จ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีลสฺส สีลกถา ทุกฺกถา? ทุสฺสีโล, ภิกฺขเว, สีลกถาย กจฺฉมานาย อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส ¶ , ภิกฺขเว, สีลสมฺปทํ อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ น จ ลภติ ตโตนิทานํ ปีติปาโมชฺชํ. ตสฺมา ทุสฺสีลสฺส สีลกถา ทุกฺกถา.
‘‘กสฺมา จ, ภิกฺขเว, อปฺปสฺสุตสฺส พาหุสจฺจกถา ทุกฺกถา? อปฺปสฺสุโต, ภิกฺขเว, พาหุสจฺจกถาย กจฺฉมานาย อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, สุตสมฺปทํ อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ, น จ ลภติ ตโตนิทานํ ปีติปาโมชฺชํ. ตสฺมา อปฺปสฺสุตสฺส พาหุสจฺจกถา ¶ ทุกฺกถา.
‘‘กสฺมา จ, ภิกฺขเว, มจฺฉริสฺส จาคกถา ทุกฺกถา? มจฺฉรี, ภิกฺขเว, จาคกถาย กจฺฉมานาย อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ ¶ . ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, จาคสมฺปทํ อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ น จ ลภติ ¶ ตโตนิทานํ ปีติปาโมชฺชํ. ตสฺมา มจฺฉริสฺส จาคกถา ทุกฺกถา.
‘‘กสฺมา จ, ภิกฺขเว, ทุปฺปฺสฺส ปฺากถา ทุกฺกถา? ทุปฺปฺโ, ภิกฺขเว, ปฺากถาย กจฺฉมานาย อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียติ โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, ปฺาสมฺปทํ อตฺตนิ น สมนุปสฺสติ, น จ ลภติ ตโตนิทานํ ปีติปาโมชฺชํ. ตสฺมา ทุปฺปฺสฺส ปฺากถา ทุกฺกถา. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺนํ ปุคฺคลานํ กถา ทุกฺกถา ปุคฺคเล ปุคฺคลํ อุปนิธาย.
‘‘ปฺจนฺนํ, ภิกฺขเว, ปุคฺคลานํ กถา สุกถา ปุคฺคเล ปุคฺคลํ อุปนิธาย. กตเมสํ ปฺจนฺนํ? สทฺธสฺส, ภิกฺขเว, สทฺธากถา สุกถา; สีลวโต สีลกถา สุกถา; พหุสฺสุตสฺส พาหุสจฺจกถา สุกถา; จาควโต จาคกถา สุกถา; ปฺวโต ปฺากถา สุกถา.
‘‘กสฺมา จ, ภิกฺขเว, สทฺธสฺส สทฺธากถา สุกถา? สทฺโธ, ภิกฺขเว, สทฺธากถาย กจฺฉมานาย นาภิสชฺชติ น กุปฺปติ น พฺยาปชฺชติ น ปติตฺถียติ น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, สทฺธาสมฺปทํ อตฺตนิ สมนุปสฺสติ ลภติ จ ตโตนิทานํ ปีติปาโมชฺชํ ¶ . ตสฺมา สทฺธสฺส สทฺธากถา สุกถา.
‘‘กสฺมา จ, ภิกฺขเว, สีลวโต สีลกถา สุกถา? สีลวา, ภิกฺขเว, สีลกถาย กจฺฉมานาย นาภิสชฺชติ น กุปฺปติ น พฺยาปชฺชติ น ¶ ปติตฺถียติ น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, สีลสมฺปทํ อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, ลภติ จ ตโตนิทานํ ปีติปาโมชฺชํ. ตสฺมา สีลวโต สีลกถา สุกถา.
‘‘กสฺมา จ, ภิกฺขเว, พหุสฺสุตสฺส พาหุสจฺจกถา สุกถา? พหุสฺสุโต, ภิกฺขเว, พาหุสจฺจกถาย กจฺฉมานาย นาภิสชฺชติ น กุปฺปติ น พฺยาปชฺชติ น ปติตฺถียติ ¶ น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, สุตสมฺปทํ อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, ลภติ จ ตโตนิทานํ ปีติปาโมชฺชํ. ตสฺมา พหุสฺสุตสฺส พาหุสจฺจกถา สุกถา.
‘‘กสฺมา ¶ จ, ภิกฺขเว, จาควโต จาคกถา สุกถา? จาควา, ภิกฺขเว, จาคกถาย กจฺฉมานาย นาภิสชฺชติ น กุปฺปติ น พฺยาปชฺชติ น ปติตฺถียติ น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, จาคสมฺปทํ อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, ลภติ จ ตโตนิทานํ ปีติปาโมชฺชํ. ตสฺมา จาควโต จาคกถา สุกถา.
‘‘กสฺมา จ, ภิกฺขเว, ปฺวโต ปฺากถา สุกถา? ปฺวา, ภิกฺขเว, ปฺากถาย กจฺฉมานาย นาภิสชฺชติ น กุปฺปติ น พฺยาปชฺชติ น ปติตฺถียติ น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, ปฺาสมฺปทํ อตฺตนิ สมนุปสฺสติ ลภติ จ ตโตนิทานํ ¶ ปีติปาโมชฺชํ. ตสฺมา ปฺวโต ปฺากถา สุกถา. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺนํ ปุคฺคลานํ กถา สุกถา ปุคฺคเล ปุคฺคลํ อุปนิธายา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. สารชฺชสุตฺตํ
๑๕๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สารชฺชํ โอกฺกนฺโต [โอกฺกมนฺโต (ก.)] โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อสฺสทฺโธ โหติ, ทุสฺสีโล โหติ, อปฺปสฺสุโต โหติ, กุสีโต โหติ, ทุปฺโ โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สารชฺชํ โอกฺกนฺโต โหติ.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ วิสารโท โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺโธ โหติ, สีลวา โหติ, พหุสฺสุโต โหติ, อารทฺธวีริโย โหติ, ปฺวา โหติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ วิสารโท โหตี’’ติ. อฏฺมํ.
๙. อุทายีสุตฺตํ
๑๕๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุทายี มหติยา คิหิปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสนฺโต นิสินฺโน โหติ. อทฺทสา โข อายสฺมา อานนฺโท อายสฺมนฺตํ อุทายึ มหติยา คิหิปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ นิสินฺนํ. ทิสฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ¶ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, อุทายี มหติยา คิหิปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสตี’’ติ [เทเสนฺโต นิสินฺโน’’ติ (สฺยา.)].
‘‘น โข, อานนฺท ¶ , สุกรํ ปเรสํ ธมฺมํ เทเสตุํ. ปเรสํ, อานนฺท, ธมฺมํ เทเสนฺเตน ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปเรสํ ธมฺโม เทเสตพฺโพ. กตเม ปฺจ? ‘อนุปุพฺพึ กถํ [อานุปุพฺพิกถํ (สี.), อนุปุพฺพิกถํ (สฺยา. ปี. ก.)] กเถสฺสามี’ติ ปเรสํ ธมฺโม เทเสตพฺโพ; ‘ปริยายทสฺสาวี กถํ กเถสฺสามี’ติ ปเรสํ ธมฺโม เทเสตพฺโพ; ‘อนุทฺทยตํ ปฏิจฺจ กถํ กเถสฺสามี’ติ ปเรสํ ธมฺโม เทเสตพฺโพ; ‘น อามิสนฺตโร กถํ กเถสฺสามี’ติ ปเรสํ ธมฺโม เทเสตพฺโพ; ‘อตฺตานฺจ ปรฺจ อนุปหจฺจ กถํ กเถสฺสามี’ติ ปเรสํ ธมฺโม เทเสตพฺโพ. น โข, อานนฺท, สุกรํ ปเรสํ ธมฺมํ เทเสตุํ. ปเรสํ, อานนฺท, ธมฺมํ เทเสนฺเตน อิเม ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปเรสํ ธมฺโม เทเสตพฺโพ’’ติ. นวมํ.
๑๐. ทุปฺปฏิวิโนทยสุตฺตํ
๑๖๐. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนา ทุปฺปฏิวิโนทยา. กตเม ปฺจ? อุปฺปนฺโน ¶ ราโค ทุปฺปฏิวิโนทโย, อุปฺปนฺโน โทโส ทุปฺปฏิวิโนทโย, อุปฺปนฺโน โมโห ¶ ทุปฺปฏิวิโนทโย, อุปฺปนฺนํ ปฏิภานํ ทุปฺปฏิวิโนทยํ, อุปฺปนฺนํ คมิกจิตฺตํ ทุปฺปฏิวิโนทยํ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อุปฺปนฺนา ทุปฺปฏิวิโนทยา’’ติ. ทสมํ.
สทฺธมฺมวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
ตโย สมฺมตฺตนิยามา, ตโย สทฺธมฺมสมฺโมสา;
ทุกฺกถา เจว สารชฺชํ, อุทายิทุพฺพิโนทยาติ.
(๑๗) ๒. อาฆาตวคฺโค
๑. ปมอาฆาตปฏิวินยสุตฺตํ
๑๖๑. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อาฆาตปฏิวินยา ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ. กตเม ปฺจ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, เมตฺตา ตสฺมึ ปุคฺคเล ภาเวตพฺพา; เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, กรุณา ตสฺมึ ปุคฺคเล ภาเวตพฺพา; เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, อุเปกฺขา ตสฺมึ ปุคฺคเล ภาเวตพฺพา; เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, อสติอมนสิกาโร ตสฺมึ ปุคฺคเล อาปชฺชิตพฺโพ; เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. ยสฺมึ ¶ , ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, กมฺมสฺสกตา ตสฺมึ ปุคฺคเล อธิฏฺาตพฺพา – ‘กมฺมสฺสโก อยมายสฺมา กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฺปฏิสรโณ, ยํ กมฺมํ กริสฺสติ กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสตี’ติ; เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาฆาตปฏิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ’’ติ. ปมํ.
๒. ทุติยอาฆาตปฏิวินยสุตฺตํ
๑๖๒. ตตฺร ¶ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –
‘‘ปฺจิเม, อาวุโส, อาฆาตปฏิวินยา ¶ ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ. กตเม ปฺจ? อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ ปริสุทฺธวจีสมาจาโร; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ ¶ ปุคฺคโล อปริสุทฺธวจีสมาจาโร โหติ ปริสุทฺธกายสมาจาโร; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ อปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ลภติ จ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ อปริสุทฺธวจีสมาจาโร, น จ ลภติ กาเลน ¶ กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล ปริสุทฺธกายสมาจาโร ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ลภติ จ กาเลน วา กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ.
‘‘ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, กถํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปํสุกูลิโก รถิยาย นนฺตกํ ทิสฺวา วาเมน ปาเทน นิคฺคณฺหิตฺวา ทกฺขิเณน ปาเทน ปตฺถริตฺวา [วิตฺถาเรตฺวา (สี. ปี.)], โย ตตฺถ สาโร ตํ ปริปาเตตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย; เอวเมวํ ขฺวาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, ยาสฺส อปริสุทฺธกายสมาจารตา น ¶ สาสฺส ตสฺมึ สมเย มนสิ กาตพฺพา, ยา ¶ จ ขฺวาสฺส ปริสุทฺธวจีสมาจารตา สาสฺส ตสฺมึ สมเย มนสิ กาตพฺพา. เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ.
‘‘ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธวจีสมาจาโร ปริสุทฺธกายสมาจาโร, กถํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, โปกฺขรณี เสวาลปณกปริโยนทฺธา. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต. โส ตํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ อิติจิติ จ เสวาลปณกํ อปวิยูหิตฺวา อฺชลินา ปิวิตฺวา ปกฺกเมยฺย. เอวเมวํ โข, อาวุโส ¶ , ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธวจีสมาจาโร ปริสุทฺธกายสมาจาโร, ยาสฺส อปริสุทฺธวจีสมาจารตา น สาสฺส ตสฺมึ สมเย มนสิ กาตพฺพา, ยา จ ขฺวาสฺส ปริสุทฺธกายสมาจารตา สาสฺส ตสฺมึ สมเย มนสิ กาตพฺพา. เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ.
‘‘ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร อปริสุทฺธวจีสมาจาโร ลภติ จ ¶ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, กถํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปริตฺตํ โคปเท [โคปทเก (สี. สฺยา.)] อุทกํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อิทํ โข ปริตฺตํ โคปเท อุทกํ. สจาหํ อฺชลินา วา ปิวิสฺสามิ ภาชเนน วา โขเภสฺสามิปิ ตํ ¶ โลเฬสฺสามิปิ ตํ อเปยฺยมฺปิ ตํ กริสฺสามิ. ยํนูนาหํ จตุกฺกุณฺฑิโก [จตุคุณฺฑิโก (สี.), จตุกุณฺฑิโก (สฺยา. กํ. ปี.), จตุโกณฺฑิโก (ที. นิ. ๓.๗)] นิปติตฺวา โคปีตกํ ปิวิตฺวา ปกฺกเมยฺย’นฺติ. โส จตุกฺกุณฺฑิโก นิปติตฺวา โคปีตกํ ปิวิตฺวา ปกฺกเมยฺย. เอวเมวํ โข, อาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร อปริสุทฺธวจีสมาจาโร ลภติ จ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, ยาสฺส อปริสุทฺธกายสมาจารตา น สาสฺส ตสฺมึ สมเย มนสิ กาตพฺพา; ยาปิสฺส อปริสุทฺธวจีสมาจารตา น สาปิสฺส ตสฺมึ สมเย มนสิ กาตพฺพา. ยฺจ โข โส ลภติ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ ¶ เจตโส ปสาทํ, ตเมวสฺส [ตเทวสฺส (สี. สฺยา.)] ตสฺมึ สมเย มนสิ กาตพฺพํ. เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ.
‘‘ตตฺราวุโส ¶ , ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร อปริสุทฺธวจีสมาจาโร น จ ลภติ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, กถํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน. ตสฺส ปุรโตปิสฺส ทูเร คาโม ปจฺฉโตปิสฺส ทูเร คาโม. โส น ลเภยฺย สปฺปายานิ โภชนานิ, น ลเภยฺย สปฺปายานิ เภสชฺชานิ, น ลเภยฺย ปติรูปํ อุปฏฺากํ, น ลเภยฺย คามนฺตนายกํ. ตเมนํ อฺตโร ปุริโส ปสฺเสยฺย อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน. โส ตสฺมึ ปุริเส การฺุํเยว อุปฏฺาเปยฺย, อนุทฺทยํเยว อุปฏฺาเปยฺย, อนุกมฺปํเยว อุปฏฺาเปยฺย – ‘อโห วตายํ ปุริโส ลเภยฺย สปฺปายานิ โภชนานิ, ลเภยฺย สปฺปายานิ เภสชฺชานิ, ลเภยฺย ปติรูปํ อุปฏฺากํ, ลเภยฺย คามนฺตนายกํ! ตํ กิสฺส เหตุ? มายํ ¶ [อยํ (ก.)] ปุริโส อิเธว อนยพฺยสนํ อาปชฺชี’ติ [อาปชฺเชยฺย (ก.)]! เอวเมวํ โข, อาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร อปริสุทฺธวจีสมาจาโร น จ ลภติ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, เอวรูเปปิ [เอวรูเป (ปี.)], อาวุโส, ปุคฺคเล การฺุํเยว อุปฏฺาเปตพฺพํ อนุทฺทยาเยว อุปฏฺาเปตพฺพา อนุกมฺปาเยว อุปฏฺาเปตพฺพา – ‘อโห วต อยมายสฺมา กายทุจฺจริตํ ปหาย กายสุจริตํ ภาเวยฺย, วจีทุจฺจริตํ ปหาย วจีสุจริตํ ภาเวยฺย, มโนทุจฺจริตํ ปหาย มโนสุจริตํ ภาเวยฺย ¶ ! ตํ กิสฺส เหตุ? มายํ อายสฺมา [อยมายสฺมา (ก.)] กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชี’ติ [อุปปชฺชตีติ (ก.)]! เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ.
‘‘ตตฺราวุโส ¶ , ยฺวายํ ปุคฺคโล ปริสุทฺธกายสมาจาโร ปริสุทฺธวจีสมาจาโร ลภติ จ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, กถํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ? เสยฺยถาปิ, อาวุโส, โปกฺขรณี อจฺโฉทกา สาโตทกา สีโตทกา [อจฺโฉทิกา สาโตทิกา สีโตทิกา (สี.)] เสตกา [เสโตทกา (ก.)] สุปติตฺถา รมณียา นานารุกฺเขหิ สฺฉนฺนา. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต ¶ . โส ตํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา นฺหาตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปจฺจุตฺตริตฺวา ตตฺเถว รุกฺขจฺฉายาย นิสีเทยฺย วา นิปชฺเชยฺย วา.
เอวเมวํ โข, อาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล ปริสุทฺธกายสมาจาโร ปริสุทฺธวจีสมาจาโร ลภติ จ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, ยาปิสฺส ¶ ปริสุทฺธกายสมาจารตา สาปิสฺส ตสฺมึ สมเย มนสิ กาตพฺพา; ยาปิสฺส ปริสุทฺธวจีสมาจารตา สาปิสฺส ตสฺมึ สมเย มนสิ กาตพฺพา; ยมฺปิ ลภติ กาเลน กาลํ เจตโส วิวรํ เจตโส ปสาทํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย มนสิ กาตพฺพํ. เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. สมนฺตปาสาทิกํ, อาวุโส, ปุคฺคลํ อาคมฺม จิตฺตํ ปสีทติ.
‘‘อิเม โข, อาวุโส, ปฺจ อาฆาตปฏิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ’’ติ. ทุติยํ.
๓. สากจฺฉสุตฺตํ
๑๖๓. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –
[อ. นิ. ๕.๖๕-๖๖] ‘‘ปฺจหาวุโส ¶ , ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ สากจฺโฉ สพฺรหฺมจารีนํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน โหติ, สีลสมฺปทากถาย จ อาคตํ ปฺหํ ¶ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, สมาธิสมฺปทากถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, ปฺาสมฺปทากถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติสมฺปทากถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทากถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ. อิเมหิ โข, อาวุโส, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํ สากจฺโฉ สพฺรหฺมจารีน’’นฺติ. ตติยํ.
๔. สาชีวสุตฺตํ
๑๖๔. [อ. นิ. ๕.๖๕] ตตฺร ¶ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ…เป… ‘‘ปฺจหิ, อาวุโส, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํสาชีโว สพฺรหฺมจารีนํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน โหติ ¶ , สีลสมฺปทากถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน โหติ, สมาธิสมฺปทากถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน โหติ, ปฺาสมฺปทากถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติสมฺปทากถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ; อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน โหติ, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทากถาย จ อาคตํ ปฺหํ พฺยากตฺตา โหติ. อิเมหิ โข, อาวุโส, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อลํสาชีโว สพฺรหฺมจารีน’’นฺติ. จตุตฺถํ.
๕. ปฺหปุจฺฉาสุตฺตํ
๑๖๕. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ…เป… ‘‘โย หิ โกจิ, อาวุโส, ปรํ ปฺหํ ปุจฺฉติ, สพฺโพ โส ปฺจหิ าเนหิ, เอเตสํ วา อฺตเรน. กตเมหิ ปฺจหิ? มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา [โมมุหตฺตา (สี.)] ปรํ ปฺหํ ปุจฺฉติ, ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต ปรํ ปฺหํ ปุจฺฉติ, ปริภวํ ปรํ ¶ ปฺหํ ปุจฺฉติ, อฺาตุกาโม ปรํ ปฺหํ ปุจฺฉติ, อถ วา ปเนวํจิตฺโต [อถ วา ปกุปฺปนฺโต (สี. ปี.)] ปรํ ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘สเจ เม ปฺหํ ปุฏฺโ สมฺมเทว พฺยากริสฺสติ อิจฺเจตํ กุสลํ, โน เจ [โน จ (สฺยา.)] เม ปฺหํ ปุฏฺโ สมฺมเทว พฺยากริสฺสติ อหมสฺส สมฺมเทว พฺยากริสฺสามี’ติ. โย หิ โกจิ, อาวุโส, ปรํ ปฺหํ ปุจฺฉติ, สพฺโพ โส อิเมหิ ปฺจหิ ¶ าเนหิ, เอเตสํ วา อฺตเรน. อหํ โข ปนาวุโส, เอวํจิตฺโต ปรํ ปฺหํ ปุจฺฉามิ – ‘สเจ เม ปฺหํ ปุฏฺโ สมฺมเทว พฺยากริสฺสติ ¶ อิจฺเจตํ กุสลํ, โน เจ เม ปฺหํ ปุฏฺโ สมฺมเทว พฺยากริสฺสติ, อหมสฺส สมฺมเทว พฺยากริสฺสามี’’ติ. ปฺจมํ.
๖. นิโรธสุตฺตํ
๑๖๖. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ…เป… ‘‘อิธาวุโส, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ ¶ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ [สมาปชฺเชยฺยปิ วุฏฺเหยฺยปิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] – อตฺเถตํ านํ. โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, อติกฺกมฺเมว กพฬีการาหารภกฺขานํ [กพฬึการาหารภกฺขานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เทวานํ สหพฺยตํ อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – อตฺเถตํ าน’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต อายสฺมา อุทายี อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, อนวกาโส ยํ โส ภิกฺขุ อติกฺกมฺเมว กพฬีการาหารภกฺขานํ เทวานํ สหพฺยตํ อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – นตฺเถตํ าน’’นฺติ.
ทุติยมฺปิ โข…เป… ตติยมฺปิ โข อายสฺมา ¶ สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิธาวุโส, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – อตฺเถตํ านํ. โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, อติกฺกมฺเมว กพฬีการาหารภกฺขานํ เทวานํ สหพฺยตํ อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – อตฺเถตํ าน’’นฺติ.
ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อุทายี อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, อาวุโส สาริปุตฺต ¶ , อนวกาโส ยํ โส ภิกฺขุ อติกฺกมฺเมว กพฬีการาหารภกฺขานํ เทวานํ สหพฺยตํ อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – นตฺเถตํ าน’’นฺติ.
อถ ¶ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยาวตติยกมฺปิ [ยาวตติยมฺปิ (สี. สฺยา. ปี.)] โข เม อายสฺมา อุทายี ปฏิกฺโกสติ, น จ เม โกจิ ภิกฺขุ อนุโมทติ. ยํนูนาหํ เยน ภควา เตนุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิธาวุโส, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – อตฺเถตํ านํ. โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ ¶ อาราเธยฺย, อติกฺกมฺเมว กพฬีการาหารภกฺขานํ เทวานํ สหพฺยตํ อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – อตฺเถตํ าน’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต อายสฺมา อุทายี อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, อนวกาโส ยํ โส ภิกฺขุ อติกฺกมฺเมว กพฬีการาหารภกฺขานํ เทวานํ สหพฺยตํ อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – นตฺเถตํ าน’’นฺติ.
ทุติยมฺปิ โข…เป… ตติยมฺปิ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิธาวุโส, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ ¶ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – อตฺเถตํ านํ ¶ . โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, อติกฺกมฺเมว กพฬีการาหารภกฺขานํ เทวานํ สหพฺยตํ อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – อตฺเถตํ าน’’นฺติ.
ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อุทายี อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, อนวกาโส ยํ โส ภิกฺขุ อติกฺกมฺเมว กพฬีการาหารภกฺขานํ เทวานํ สหพฺยตํ อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – นตฺเถตํ าน’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ภควโตปิ โข เม สมฺมุขา อายสฺมา อุทายี ยาวตติยกํ ปฏิกฺโกสติ, น จ เม โกจิ ภิกฺขุ อนุโมทติ. ยํนูนาหํ ตุณฺหี อสฺส’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิ.
อถ ¶ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อุทายึ อามนฺเตสิ – ‘‘กํ ปน ตฺวํ, อุทายิ, มโนมยํ กายํ ปจฺเจสี’’ติ? ‘‘เย เต, ภนฺเต, เทวา อรูปิโน สฺามยา’’ติ. ‘‘กึ นุ โข ตุยฺหํ, อุทายิ, พาลสฺส อพฺยตฺตสฺส ภณิเตน! ตฺวมฺปิ นาม ภณิตพฺพํ มฺสี’’ติ! อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘อตฺถิ นาม, อานนฺท, เถรํ ภิกฺขุํ วิเหสิยมานํ อชฺฌุเปกฺขิสฺสถ ¶ . น หิ นาม, อานนฺท, การฺุมฺปิ ภวิสฺสติ เถรมฺหิ [พฺยตฺตมฺหิ (สฺยา. กํ. ก.)] ภิกฺขุมฺหิ วิเหสิยมานมฺหี’’ติ.
อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – อตฺเถตํ านํ. โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย ¶ , อติกฺกมฺเมว กพฬีการาหารภกฺขานํ เทวานํ สหพฺยตํ อฺตรํ มโนมยํ กายํ อุปปนฺโน สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺเชยฺยาปิ วุฏฺเหยฺยาปิ – อตฺเถตํ าน’’นฺติ. อิทมโวจ ภควา. อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสิ.
อถ ¶ โข อายสฺมา อานนฺโท อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เยนายสฺมา อุปวาโณ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาวุโส อุปวาณ, อฺเ เถเร ภิกฺขู วิเหเสนฺติ. มยํ เตน น มุจฺจาม. อนจฺฉริยํ โข, ปเนตํ อาวุโส อุปวาณ, ยํ ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เอตเทว อารพฺภ อุทาหเรยฺย ยถา อายสฺมนฺตํเยเวตฺถ อุปวาณํ ปฏิภาเสยฺย. อิทาเนว อมฺหากํ สารชฺชํ โอกฺกนฺต’’นฺติ. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน อุปฏฺานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ เอตทโวจ –
‘‘กตีหิ นุ โข, อุปวาณ, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ? ‘‘ปฺจหิ, ภนฺเต, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภนฺเต, เถโร ภิกฺขุ สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ…เป… ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; กลฺยาณวาโจ โหติ กลฺยาณวากฺกรโณ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฏฺาย ¶ อเนลคลาย [อเนลคฬาย (สฺยา. กํ.)] อตฺถสฺส วิฺาปนิยา; จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; อาสวานํ ¶ ขยา…เป… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเมหิ โข, ภนฺเต, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ ¶ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ.
‘‘สาธุ ¶ สาธุ, อุปวาณ! อิเมหิ โข, อุปวาณ, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เถโร ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ. อิเม เจ, อุปวาณ, ปฺจ ธมฺมา เถรสฺส ภิกฺขุโน น สํวิชฺเชยฺยุํ, ตํ สพฺรหฺมจารี น สกฺกเรยฺยุํ น ครุํ กเรยฺยุํ น มาเนยฺยุํ น ปูเชยฺยุํ ขณฺฑิจฺเจน ปาลิจฺเจน วลิตฺตจตาย. ยสฺมา จ โข, อุปวาณ, อิเม ปฺจ ธมฺมา เถรสฺส ภิกฺขุโน สํวิชฺชนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺรหฺมจารี สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. โจทนาสุตฺตํ
๑๖๗. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘โจทเกน, อาวุโส, ภิกฺขุนา ปรํ โจเทตุกาเมน ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปโร โจเทตพฺโพ’’.
‘‘กตเม ปฺจ? กาเลน วกฺขามิ, โน อกาเลน; ภูเตน วกฺขามิ, โน อภูเตน; สณฺเหน วกฺขามิ, โน ผรุเสน; อตฺถสํหิเตน วกฺขามิ, โน อนตฺถสํหิเตน; เมตฺตจิตฺโต [เมตฺตจิตฺเตน (สี. ปี. ก.) จูฬว. ๔๐๐ ปสฺสิตพฺพํ] วกฺขามิ, โน โทสนฺตโร [โทสนฺตเรน (สี. ปี. ก.)]. โจทเกน, อาวุโส, ภิกฺขุนา ปรํ โจเทตุกาเมน อิเม ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปโร โจเทตพฺโพ.
‘‘อิธาหํ ¶ , อาวุโส, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ ปสฺสามิ อกาเลน โจทิยมานํ โน กาเลน กุปิตํ, อภูเตน โจทิยมานํ โน ภูเตน กุปิตํ, ผรุเสน โจทิยมานํ โน สณฺเหน กุปิตํ, อนตฺถสํหิเตน โจทิยมานํ โน อตฺถสํหิเตน กุปิตํ, โทสนฺตเรน โจทิยมานํ โน เมตฺตจิตฺเตน กุปิตํ.
‘‘อธมฺมจุทิตสฺส, อาวุโส, ภิกฺขุโน ปฺจหากาเรหิ อวิปฺปฏิสาโร อุปทหาตพฺโพ [อุปทหิตพฺโพ (สี. สฺยา. ปี.)] – ‘อกาเลนายสฺมา จุทิโต โน กาเลน ¶ , อลํ เต อวิปฺปฏิสาราย; อภูเตนายสฺมา จุทิโต โน ภูเตน ¶ , อลํ เต อวิปฺปฏิสาราย; ผรุเสนายสฺมา จุทิโต โน สณฺเหน, อลํ เต อวิปฺปฏิสาราย ¶ ; อนตฺถสํหิเตนายสฺมา จุทิโต โน อตฺถสํหิเตน, อลํ เต อวิปฺปฏิสาราย; โทสนฺตเรนายสฺมา จุทิโต โน เมตฺตจิตฺเตน, อลํ เต อวิปฺปฏิสารายา’ติ. อธมฺมจุทิตสฺส, อาวุโส, ภิกฺขุโน อิเมหิ ปฺจหากาเรหิ อวิปฺปฏิสาโร อุปทหาตพฺโพ.
‘‘อธมฺมโจทกสฺส, อาวุโส, ภิกฺขุโน ปฺจหากาเรหิ วิปฺปฏิสาโร อุปทหาตพฺโพ – ‘อกาเลน เต, อาวุโส, โจทิโต [จุทิโต (สี. สฺยา. ปี.)] โน กาเลน, อลํ เต วิปฺปฏิสาราย; อภูเตน เต, อาวุโส, โจทิโต โน ภูเตน, อลํ เต วิปฺปฏิสาราย; ผรุเสน เต, อาวุโส, โจทิโต โน สณฺเหน, อลํ เต วิปฺปฏิสาราย; อนตฺถสํหิเตน เต, อาวุโส, โจทิโต โน อตฺถสํหิเตน, อลํ เต วิปฺปฏิสาราย; โทสนฺตเรน เต, อาวุโส, โจทิโต โน เมตฺตจิตฺเตน, อลํ เต วิปฺปฏิสารายา’ติ. อธมฺมโจทกสฺส, อาวุโส, ภิกฺขุโน อิเมหิ ปฺจหากาเรหิ วิปฺปฏิสาโร อุปทหาตพฺโพ. ตํ กิสฺส เหตุ? ยถา น อฺโปิ ภิกฺขุ ¶ อภูเตน โจเทตพฺพํ มฺเยฺยาติ.
‘‘อิธ ปนาหํ, อาวุโส, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ ปสฺสามิ กาเลน โจทิยมานํ โน อกาเลน กุปิตํ, ภูเตน โจทิยมานํ โน อภูเตน กุปิตํ, สณฺเหน โจทิยมานํ โน ผรุเสน กุปิตํ, อตฺถสํหิเตน โจทิยมานํ โน อนตฺถสํหิเตน กุปิตํ, เมตฺตจิตฺเตน โจทิยมานํ โน โทสนฺตเรน กุปิตํ.
‘‘ธมฺมจุทิตสฺส, อาวุโส, ภิกฺขุโน ปฺจหากาเรหิ วิปฺปฏิสาโร อุปทหาตพฺโพ – ‘กาเลนายสฺมา จุทิโต โน อกาเลน, อลํ เต วิปฺปฏิสาราย; ภูเตนายสฺมา จุทิโต โน อภูเตน, อลํ เต วิปฺปฏิสาราย; สณฺเหนายสฺมา จุทิโต โน ผรุเสน, อลํ เต วิปฺปฏิสาราย; อตฺถสํหิเตนายสฺมา จุทิโต โน อนตฺถสํหิเตน, อลํ เต วิปฺปฏิสาราย; เมตฺตจิตฺเตนายสฺมา จุทิโต โน โทสนฺตเรน, อลํ เต วิปฺปฏิสารายา’ติ. ธมฺมจุทิตสฺส ¶ , อาวุโส, ภิกฺขุโน อิเมหิ ปฺจหากาเรหิ วิปฺปฏิสาโร อุปทหาตพฺโพ.
‘‘ธมฺมโจทกสฺส, อาวุโส, ภิกฺขุโน ปฺจหากาเรหิ อวิปฺปฏิสาโร อุปทหาตพฺโพ – ‘กาเลน เต, อาวุโส, โจทิโต โน อกาเลน, อลํ ¶ เต อวิปฺปฏิสาราย; ภูเตน เต, อาวุโส, โจทิโต โน อภูเตน, อลํ เต อวิปฺปฏิสาราย; สณฺเหน เต, อาวุโส, โจทิโต โน ¶ ผรุเสน, อลํ เต อวิปฺปฏิสาราย; อตฺถสํหิเตน เต, อาวุโส, โจทิโต โน อนตฺถสํหิเตน, อลํ เต อวิปฺปฏิสาราย; เมตฺตจิตฺเตน เต, อาวุโส, โจทิโต โน โทสนฺตเรน, อลํ เต อวิปฺปฏิสารายา’ติ. ธมฺมโจทกสฺส, อาวุโส, ภิกฺขุโน อิเมหิ ปฺจหากาเรหิ อวิปฺปฏิสาโร อุปทหาตพฺโพ. ตํ กิสฺส เหตุ? ยถา อฺโปิ ¶ ภิกฺขุ ภูเตน โจทิตพฺพํ มฺเยฺยาติ.
‘‘จุทิเตน, อาวุโส, ปุคฺคเลน ทฺวีสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาตพฺพํ – สจฺเจ จ, อกุปฺเป จ. มํ เจปิ [ปฺจหิ (สฺยา. ก.)], อาวุโส, ปเร โจเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา ภูเตน วา อภูเตน วา สณฺเหน วา ผรุเสน วา อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา เมตฺตจิตฺตา [เมตฺตจิตฺเตน (สี. ปี. ก.) ม. นิ. ๑.๒๒๗ ปสฺสิตพฺพํ] วา โทสนฺตรา [โทสนฺตเรน (สี. ปี. ก.)] วา, อหมฺปิ ทฺวีสุเยว ธมฺเมสุ ปติฏฺเหยฺยํ – สจฺเจ จ, อกุปฺเป จ. สเจ ชาเนยฺยํ – ‘อตฺเถโส มยิ ธมฺโม’ติ, ‘อตฺถี’ติ นํ วเทยฺยํ – ‘สํวิชฺชเตโส มยิ ธมฺโม’ติ. สเจ ชาเนยฺยํ – ‘นตฺเถโส มยิ ธมฺโม’ติ, ‘นตฺถี’ติ นํ วเทยฺยํ – ‘เนโส ธมฺโม มยิ สํวิชฺชตี’ติ.
‘‘เอวมฺปิ โข เต [เอวมฺปิ โข (ก.)], สาริปุตฺต, วุจฺจมานา อถ จ ปนิเธกจฺเจ โมฆปุริสา น ปทกฺขิณํ คณฺหนฺตี’’ติ.
‘‘เย เต, ภนฺเต, ปุคฺคลา อสฺสทฺธา ชีวิกตฺถา น สทฺธา ¶ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา สา มายาวิโน เกตพิโน [เกฏุภิโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิกิณฺณวาจา อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารา โภชเน อมตฺตฺุโน ชาคริยํ อนนุยุตฺตา สามฺเ อนเปกฺขวนฺโต สิกฺขาย น ติพฺพคารวา พาหุลิกา สาถลิกา โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา กุสีตา หีนวีริยา มุฏฺสฺสติโน อสมฺปชานา อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา ทุปฺปฺา เอฬมูคา, เต มยา เอวํ วุจฺจมานา น ปทกฺขิณํ คณฺหนฺติ.
‘‘เย ปน เต, ภนฺเต, กุลปุตฺตา ¶ สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา อสา อมายาวิโน อเกตพิโน อนุทฺธตา อนุนฺนฬา อจปลา อมุขรา อวิกิณฺณวาจา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา โภชเน มตฺตฺุโน ชาคริยํ ¶ อนุยุตฺตา สามฺเ อเปกฺขวนฺโต สิกฺขาย ติพฺพคารวา น พาหุลิกา น สาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา อารทฺธวีริยา ¶ ปหิตตฺตา อุปฏฺิตสฺสติโน สมฺปชานา สมาหิตา เอกคฺคจิตฺตา ปฺวนฺโต อเนฬมูคา, เต มยา เอวํ วุจฺจมานา ปทกฺขิณํ คณฺหนฺตีติ.
‘‘เย เต, สาริปุตฺต, ปุคฺคลา อสฺสทฺธา ชีวิกตฺถา น สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา สา มายาวิโน เกตพิโน อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิกิณฺณวาจา อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารา โภชเน อมตฺตฺุโน ชาคริยํ อนนุยุตฺตา สามฺเ อนเปกฺขวนฺโต สิกฺขาย น ติพฺพคารวา พาหุลิกา สาถลิกา โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา กุสีตา หีนวีริยา มุฏฺสฺสติโน อสมฺปชานา อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา ทุปฺปฺา เอฬมูคา, ติฏฺนฺตุ เต.
‘‘เย ปน, เต สาริปุตฺต, กุลปุตฺตา สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา อสา อมายาวิโน อเกตพิโน อนุทฺธตา อนุนฺนฬา อจปลา อมุขรา อวิกิณฺณวาจา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา โภชเน มตฺตฺุโน ชาคริยํ อนุยุตฺตา สามฺเ อเปกฺขวนฺโต สิกฺขาย ติพฺพคารวา น พาหุลิกา น สาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา อารทฺธวีริยา ปหิตตฺตา อุปฏฺิตสฺสติโน สมฺปชานา สมาหิตา เอกคฺคจิตฺตา ปฺวนฺโต อเนฬมูคา, เต ตฺวํ, สาริปุตฺต, วเทยฺยาสิ ¶ . โอวท, สาริปุตฺต ¶ , สพฺรหฺมจารี; อนุสาส, สาริปุตฺต, สพฺรหฺมจารี – ‘อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปตฺวา สทฺธมฺเม ปติฏฺาเปสฺสามิ สพฺรหฺมจารี’ติ. เอวฺหิ เต, สาริปุตฺต, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. สตฺตมํ.
๘. สีลสุตฺตํ
๑๖๘. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ทุสฺสีลสฺส, อาวุโส, สีลวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ สมฺมาสมาธิ; สมฺมาสมาธิมฺหิ อสติ สมฺมาสมาธิวิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ ยถาภูตาณทสฺสนํ; ยถาภูตาณทสฺสเน อสติ ยถาภูตาณทสฺสนวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ นิพฺพิทาวิราโค; นิพฺพิทาวิราเค อสติ นิพฺพิทาวิราควิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, รุกฺโข สาขาปลาสวิปนฺโน. ตสฺส ปปฏิกาปิ น ปาริปูรึ คจฺฉติ, ตโจปิ ¶ …เป… เผคฺคุปิ… สาโรปิ น ปาริปูรึ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, อาวุโส, ทุสฺสีลสฺส สีลวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ สมฺมาสมาธิ; สมฺมาสมาธิมฺหิ ¶ อสติ สมฺมาสมาธิวิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ ยถาภูตาณทสฺสนํ; ยถาภูตาณทสฺสเน อสติ ยถาภูตาณทสฺสนวิปนฺนสฺส หตูปนิโส โหติ นิพฺพิทาวิราโค; นิพฺพิทาวิราเค อสติ นิพฺพิทาวิราควิปนฺนสฺส หตูปนิสํ โหติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ.
‘‘สีลวโต, อาวุโส, สีลสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ สมฺมาสมาธิ; สมฺมาสมาธิมฺหิ สติ สมฺมาสมาธิสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ ยถาภูตาณทสฺสนํ; ยถาภูตาณทสฺสเน สติ ยถาภูตาณทสฺสนสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ นิพฺพิทาวิราโค; นิพฺพิทาวิราเค สติ นิพฺพิทาวิราคสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ ¶ โหติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, รุกฺโข, สาขาปลาสสมฺปนฺโน. ตสฺส ปปฏิกาปิ ปาริปูรึ คจฺฉติ, ตโจปิ…เป… เผคฺคุปิ… สาโรปิ ¶ ปาริปูรึ คจฺฉติ. เอวเมวํ โข, อาวุโส, สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ สมฺมาสมาธิ; สมฺมาสมาธิมฺหิ สติ สมฺมาสมาธิสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ ยถาภูตาณทสฺสนํ; ยถาภูตาณทสฺสเน สติ ยถาภูตาณทสฺสนสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺโน โหติ นิพฺพิทาวิราโค; นิพฺพิทาวิราเค สติ นิพฺพิทาวิราคสมฺปนฺนสฺส อุปนิสสมฺปนฺนํ โหติ วิมุตฺติาณทสฺสน’’นฺติ [อ. นิ. ๕.๑๖๘; ๖.๕๐; ๗.๖๕]. อฏฺมํ.
๙. ขิปฺปนิสนฺติสุตฺตํ
๑๖๙. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา สาริปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ [สาราณียํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ –
‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ขิปฺปนิสนฺติ จ โหติ, กุสเลสุ ธมฺเมสุ สุคฺคหิตคฺคาหี จ, พหฺุจ คณฺหาติ, คหิตฺจสฺส นปฺปมุสฺสตี’’ติ? ‘‘อายสฺมา โข อานนฺโท พหุสฺสุโต. ปฏิภาตุ อายสฺมนฺตํเยว อานนฺท’’นฺติ. ‘‘เตนหาวุโส สาริปุตฺต, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ ¶ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อายสฺมา อานนฺโท เอตทโวจ –
‘‘อิธาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ อตฺถกุสโล จ โหติ, ธมฺมกุสโล จ, พฺยฺชนกุสโล จ ¶ , นิรุตฺติกุสโล จ, ปุพฺพาปรกุสโล จ. เอตฺตาวตา โข ¶ , อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ขิปฺปนิสนฺติ จ โหติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ, สุคฺคหิตคฺคาหี จ, พหฺุจ คณฺหาติ, คหิตฺจสฺส นปฺปมุสฺสตี’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส! อพฺภุตํ, อาวุโส!! ยาว สุภาสิตํ จิทํ อายสฺมตา อานนฺเทน. อิเมหิ จ มยํ ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ธาเรม – ‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล ธมฺมกุสโล พฺยฺชนกุสโล นิรุตฺติกุสโล ปุพฺพาปรกุสโล’’’ติ. นวมํ.
๑๐. ภทฺทชิสุตฺตํ
๑๗๐. เอกํ ¶ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม. อถ โข อายสฺมา ภทฺทชิ เยนายสฺมา อานนฺโท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อานนฺเทน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ ภทฺทชึ อายสฺมา อานนฺโท เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส ภทฺทชิ, ทสฺสนานํ อคฺคํ, กึ สวนานํ อคฺคํ, กึ สุขานํ อคฺคํ, กึ สฺานํ อคฺคํ, กึ ภวานํ อคฺค’’นฺติ?
‘‘อตฺถาวุโส, พฺรหฺมา อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุทโส วสวตฺตี, โย ตํ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, อิทํ ทสฺสนานํ อคฺคํ. อตฺถาวุโส, อาภสฺสรา นาม เทวา สุเขน อภิสนฺนา ปริสนฺนา. เต กทาจิ กรหจิ อุทานํ อุทาเนนฺติ – ‘อโห สุขํ, อโห สุข’นฺติ! โย ตํ สทฺทํ สุณาติ, อิทํ สวนานํ อคฺคํ. อตฺถาวุโส, สุภกิณฺหา นาม เทวา. เต สนฺตํเยว ตุสิตา สุขํ ปฏิเวเทนฺติ, อิทํ สุขานํ อคฺคํ. อตฺถาวุโส, อากิฺจฺายตนูปคา เทวา, อิทํ สฺานํ ¶ อคฺคํ. อตฺถาวุโส, เนวสฺานาสฺายตนูปคา เทวา, อิทํ ภวานํ อคฺค’’นฺติ. ‘‘สเมติ โข อิทํ อายสฺมโต ภทฺทชิสฺส, ยทิทํ พหุนา ชเนนา’’ติ?
‘‘อายสฺมา ¶ โข, อานนฺโท, พหุสฺสุโต. ปฏิภาตุ อายสฺมนฺตํเยว อานนฺท’’นฺติ. ‘‘เตนหาวุโส ภทฺทชิ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา ภทฺทชิ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺจสฺโสสิ. อายสฺมา อานนฺโท เอตทโวจ –
‘‘ยถา ¶ ปสฺสโต โข, อาวุโส, อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหติ, อิทํ ทสฺสนานํ อคฺคํ. ยถา สุณโต อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหติ, อิทํ สวนานํ อคฺคํ. ยถา สุขิตสฺส อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหติ, อิทํ สุขานํ อคฺคํ. ยถา สฺิสฺส อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหติ, อิทํ สฺานํ อคฺคํ. ยถา ภูตสฺส อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหติ, อิทํ ภวานํ อคฺค’’นฺติ. ทสมํ.
อาฆาตวคฺโค ¶ ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทฺเว อาฆาตวินยา, สากจฺฉา สาชีวโต ปฺหํ;
ปุจฺฉา นิโรโธ โจทนา, สีลํ นิสนฺติ ภทฺทชีติ.
(๑๘) ๓. อุปาสกวคฺโค
๑. สารชฺชสุตฺตํ
๑๗๑. เอวํ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ ¶ . ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก สารชฺชํ โอกฺกนฺโต โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก สารชฺชํ โอกฺกนฺโต โหติ.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก วิสารโท โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก วิสารโท โหตี’’ติ. ปมํ.
๒. วิสารทสุตฺตํ
๑๗๒. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อวิสารโท อคารํ อชฺฌาวสติ. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี ¶ โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อวิสารโท อคารํ อชฺฌาวสติ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก วิสารโท อคารํ อชฺฌาวสติ. กตเมหิ ¶ ปฺจหิ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก วิสารโท อคารํ อชฺฌาวสตี’’ติ. ทุติยํ.
๓. นิรยสุตฺตํ
๑๗๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต ¶ เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. ตติยํ.
๔. เวรสุตฺตํ
๑๗๔. อถ ¶ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ –
‘‘ปฺจ, คหปติ, ภยานิ เวรานิ อปฺปหาย ‘ทุสฺสีโล’ อิติ วุจฺจติ, นิรยฺจ อุปปชฺชติ. กตมานิ ปฺจ? ปาณาติปาตํ, อทินฺนาทานํ, กาเมสุมิจฺฉาจารํ, มุสาวาทํ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ – อิมานิ ¶ โข, คหปติ, ปฺจ ภยานิ เวรานิ อปฺปหาย ‘ทุสฺสีโล’ อิติ วุจฺจติ, นิรยฺจ อุปปชฺชติ.
‘‘ปฺจ, คหปติ, ภยานิ เวรานิ ปหาย ‘สีลวา’ อิติ วุจฺจติ, สุคติฺจ อุปปชฺชติ ¶ . กตมานิ ปฺจ? ปาณาติปาตํ, อทินฺนาทานํ, กาเมสุมิจฺฉาจารํ, มุสาวาทํ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ – อิมานิ โข, คหปติ, ปฺจ ภยานิ เวรานิ ปหาย ‘สีลวา’ อิติ วุจฺจติ, สุคติฺจ อุปปชฺชติ.
‘‘ยํ, คหปติ, ปาณาติปาตี ปาณาติปาตปจฺจยา ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, เจตสิกมฺปิ ¶ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต เนว ทิฏฺธมฺมิกํ ภยํ เวรํ ปสวติ, น สมฺปรายิกํ ภยํ เวรํ ปสวติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. ปาณาติปาตา ปฏิวิรตสฺส เอวํ ตํ ภยํ เวรํ วูปสนฺตํ โหติ.
‘‘ยํ, คหปติ, อทินฺนาทายี…เป….
‘‘ยํ, คหปติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี…เป….
‘‘ยํ, คหปติ, มุสาวาที…เป….
‘‘ยํ, คหปติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานปจฺจยา ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต เนว ทิฏฺธมฺมิกํ ภยํ เวรํ ปสวติ, น สมฺปรายิกํ ภยํ เวรํ ปสวติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรตสฺส เอวํ ตํ ภยํ เวรํ วูปสนฺตํ โหตี’’ติ.
‘‘โย ¶ ปาณมติปาเตติ, มุสาวาทฺจ ภาสติ;
โลเก อทินฺนํ อาทิยติ, ปรทารฺจ คจฺฉติ;
สุราเมรยปานฺจ, โย นโร อนุยฺุชติ.
‘‘อปฺปหาย ปฺจ เวรานิ, ทุสฺสีโล อิติ วุจฺจติ;
กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ, นิรยํ โสปปชฺชติ.
‘‘โย ¶ ปาณํ นาติปาเตติ, มุสาวาทํ น ภาสติ;
โลเก อทินฺนํ นาทิยติ, ปรทารํ น คจฺฉติ;
สุราเมรยปานฺจ ¶ , โย นโร นานุยฺุชติ.
‘‘ปหาย ปฺจ เวรานิ, สีลวา อิติ วุจฺจติ;
กายสฺส ¶ เภทา สปฺปฺโ, สุคตึ โสปปชฺชตี’’ติ. จตุตฺถํ;
๕. จณฺฑาลสุตฺตํ
๑๗๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกจณฺฑาโล จ โหติ อุปาสกมลฺจ อุปาสกปติกุฏฺโ จ [อุปาสกปติกิฏฺโ จ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. กตเมหิ ปฺจหิ? อสฺสทฺโธ โหติ; ทุสฺสีโล โหติ; โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, มงฺคลํ ปจฺเจติ โน กมฺมํ; อิโต จ พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ; ตตฺถ จ ปุพฺพการํ กโรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกจณฺฑาโล จ โหติ อุปาสกมลฺจ อุปาสกปติกุฏฺโ จ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกรตนฺจ โหติ อุปาสกปทุมฺจ อุปาสกปุณฺฑรีกฺจ [อุปาสกปุณฺฑรีโก จ (ปี. ก.)]. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ โหติ; สีลวา โหติ; อโกตูหลมงฺคลิโก โหติ, กมฺมํ ปจฺเจติ โน มงฺคลํ; น อิโต พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ; อิธ จ ปุพฺพการํ กโรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกรตนฺจ โหติ อุปาสกปทุมฺจ อุปาสกปุณฺฑรีกฺจา’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ปีติสุตฺตํ
๑๗๖. อถ ¶ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปฺจมตฺเตหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปตึ ภควา เอตทโวจ –
‘‘ตุมฺเห โข, คหปติ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน ¶ . น โข, คหปติ, ตาวตเกเนว ตุฏฺิ กรณียา – ‘มยํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรนา’ติ ¶ . ตสฺมาติห, คหปติ, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กินฺติ ¶ มยํ กาเลน กาลํ ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยามา’ติ! เอวฺหิ โว, คหปติ, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ.
เอวํ วุตฺเต อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! ยาว สุภาสิตํ จิทํ, ภนฺเต, ภควตา – ‘ตุมฺเห โข, คหปติ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน. น โข, คหปติ, ตาวตเกเนว ตุฏฺิ กรณียา – มยํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปจฺจุปฏฺิตา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรนาติ. ตสฺมาติห, คหปติ, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – กินฺติ มยํ กาเลน กาลํ ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยามาติ! เอวฺหิ โว, คหปติ, สิกฺขิตพฺพ’นฺติ. ยสฺมึ, ภนฺเต, สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ปฺจสฺส านานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺติ. ยมฺปิสฺส กามูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส กามูปสํหิตํ สุขํ โสมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส อกุสลูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส อกุสลูปสํหิตํ สุขํ โสมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส กุสลูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยสฺมึ, ภนฺเต, สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อิมานิสฺส ปฺจ [อิมานิ ปฺจสฺส (สฺยา. กํ.)] านานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺตี’’ติ.
‘‘สาธุ ¶ สาธุ, สาริปุตฺต! ยสฺมึ, สาริปุตฺต, สมเย อริยสาวโก ¶ ปวิเวกํ ¶ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ปฺจสฺส านานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺติ. ยมฺปิสฺส กามูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส กามูปสํหิตํ สุขํ โสมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส อกุสลูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส อกุสลูปสํหิตํ สุขํ โสมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยมฺปิสฺส กุสลูปสํหิตํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ, ตมฺปิสฺส ตสฺมึ สมเย น โหติ. ยสฺมึ, สาริปุตฺต, สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปีตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อิมานิสฺส [อิมาเนตฺถ (สี.)] ปฺจ านานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺตี’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. วณิชฺชาสุตฺตํ
๑๗๗. ‘‘ปฺจิมา ¶ , ภิกฺขเว, วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา. กตมา ปฺจ? สตฺถวณิชฺชา, สตฺตวณิชฺชา, มํสวณิชฺชา, มชฺชวณิชฺชา, วิสวณิชฺชา – อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ราชาสุตฺตํ
๑๗๘. ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘อยํ ปุริโส ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโตติ [ปฏิวิรโต โหตีติ (สี.), ปฏิวิรโต โหติ (สฺยา. กํ. ปี.)]. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา ปาณาติปาตา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘อยํ ปุริโส ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา ปาณาติปาตา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’ติ. อปิ จ, ขฺวสฺส ตเถว ปาปกมฺมํ ¶ ¶ ปเวเทนฺติ [ตเถว ปาปกํ กมฺมํ ปเวทยนฺติ (สี.), ตเทว ปาปกมฺมํ ปเวเทติ (สฺยา. กํ.)] – ‘อยํ ปุริโส อิตฺถึ วา ปุริสํ วา ชีวิตา โวโรเปสีติ [โวโรเปตีติ (สฺยา. กํ.)]. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา ปาณาติปาตเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ ¶ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺติ. อปิ นุ ตุมฺเหหิ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ [สูยิสฺสติ (สี. ปี.)] จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘อยํ ปุริโส อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา อทินฺนาทานา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘อยํ ปุริโส อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา อทินฺนาทานา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’ติ. อปิ จ ขฺวสฺส ตเถว ปาปกมฺมํ ปเวเทนฺติ – ‘อยํ ปุริโส คามา วา อรฺา วา อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยีติ [อาทิยติ (สฺยา. กํ.)]. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา อทินฺนาทานเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ ¶ วา กโรนฺติ. อปิ นุ ตุมฺเหหิ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘อยํ ปุริโส กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ ¶ , ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘อยํ ปุริโส กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’ติ. อปิ จ ขฺวสฺส ตเถว ปาปกมฺมํ ปเวเทนฺติ – ‘อยํ ปุริโส ปริตฺถีสุ ปรกุมารีสุ จาริตฺตํ อาปชฺชีติ [อาปชฺชติ (สฺยา. กํ.)]. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา กาเมสุมิจฺฉาจารเหตุ หนนฺติ ¶ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺติ. อปิ นุ ตุมฺเหหิ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ.
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘อยํ ปุริโส มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา ¶ มุสาวาทา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘อยํ ปุริโส มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา มุสาวาทา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’ติ. อปิ จ ขฺวสฺส ตเถว ปาปกมฺมํ ปเวเทนฺติ – ‘อยํ ปุริโส คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา มุสาวาเทน อตฺถํ ปภฺชีติ [ภฺชตีติ (สี.), ภฺชติ (สฺยา. กํ.), ภฺชีติ (ปี.)]. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา มุสาวาทเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺติ. อปิ นุ ตุมฺเหหิ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ ¶ .
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา – ‘อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ ปหาย สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ ¶ วา กโรนฺตี’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว! มยาปิ โข เอตํ, ภิกฺขเว, เนว ทิฏฺํ น สุตํ – ‘อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ ปหาย สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ¶ ปฏิวิรโตติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณิเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺตี’ติ. อปิ จ ขฺวสฺส ตเถว ปาปกมฺมํ ปเวเทนฺติ – ‘อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ อนุยุตฺโต อิตฺถึ วา ปุริสํ วา ชีวิตา โวโรเปสิ [โวโรเปติ (สฺยา.)]; อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ อนุยุตฺโต คามา วา อรฺา วา อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิยิ [อาทิยติ (สี. สฺยา.)]; อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ อนุยุตฺโต ปริตฺถีสุ ปรกุมารีสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิ [อาปชฺชติ (สี. สฺยา.)]; อยํ ปุริโส สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ อนุยุตฺโต คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา มุสาวาเทน อตฺถํ ปภฺชีติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานเหตุ หนนฺติ วา พนฺธนฺติ วา ปพฺพาเชนฺติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรนฺติ. อปิ นุ ตุมฺเหหิ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’’ติ? ‘‘ทิฏฺฺจ โน, ภนฺเต, สุตฺจ สุยฺยิสฺสติ จา’’ติ. อฏฺมํ.
๙. คิหิสุตฺตํ
๑๗๙. อถ ¶ ¶ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปฺจมตฺเตหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘ยํ กฺจิ [ยํ กิฺจิ (สี. ปี.)], สาริปุตฺต, ชาเนยฺยาถ คิหึ โอทาตวสนํ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมนฺตํ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภึ อกิจฺฉลาภึ อกสิรลาภึ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’’ติ.
‘‘กตเมสุ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมนฺโต โหติ? อิธ ¶ , สาริปุตฺต, อริยสาวโก ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมสุ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมนฺโต โหติ.
‘‘กตเมสํ ¶ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี? อิธ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ, สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. อยมสฺส ปโม อาภิเจตสิโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนาย.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ ¶ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ. อยมสฺส ทุติโย อาภิเจตสิโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนาย.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ายปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’ติ. อยมสฺส ตติโย อาภิเจตสิโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ ¶ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนาย.
‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, อริยสาวโก อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ อจฺฉิทฺเทหิ อสพเลหิ อกมฺมาเสหิ ภุชิสฺเสหิ วิฺุปฺปสตฺเถหิ อปรามฏฺเหิ สมาธิสํวตฺตนิเกหิ. อยมสฺส จตุตฺโถ อาภิเจตสิโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร อธิคโต โหติ อวิสุทฺธสฺส จิตฺตสฺส วิสุทฺธิยา อปริโยทาตสฺส จิตฺตสฺส ปริโยทปนาย. อิเมสํ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี.
‘‘ยํ กฺจิ, สาริปุตฺต, ชาเนยฺยาถ คิหึ โอทาตวสนํ – อิเมสุ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ สํวุตกมฺมนฺตํ, อิเมสฺจ จตุนฺนํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภึ ¶ อกิจฺฉลาภึ อกสิรลาภึ, โส อากงฺขมาโน อตฺตนาว อตฺตานํ พฺยากเรยฺย – ‘ขีณนิรโยมฺหิ ¶ ขีณติรจฺฉานโยนิ ขีณเปตฺติวิสโย ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโต, โสตาปนฺโนหมสฺมิ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’’ติ.
‘‘นิรเยสุ ภยํ ทิสฺวา, ปาปานิ ปริวชฺชเย;
อริยธมฺมํ สมาทาย, ปณฺฑิโต ปริวชฺชเย.
‘‘น หึเส ปาณภูตานิ, วิชฺชมาเน ปรกฺกเม;
มุสา จ น ภเณ ชานํ, อทินฺนํ น ปรามเส.
‘‘เสหิ ทาเรหิ สนฺตุฏฺโ, ปรทารฺจ อารเม [นารเม (สี. สฺยา.)];
เมรยํ วารุณึ ชนฺตุ, น ปิเว จิตฺตโมหนึ.
‘‘อนุสฺสเรยฺย ¶ สมฺพุทฺธํ, ธมฺมฺจานุวิตกฺกเย;
อพฺยาปชฺชํ [อพฺยาปชฺฌํ (?) อพฺยาปชฺฌํ (ก.)] หิตํ จิตฺตํ, เทวโลกาย ภาวเย.
‘‘อุปฏฺิเต เทยฺยธมฺเม, ปฺุตฺถสฺส ชิคีสโต [ชิคึสโต (สี. สฺยา. กํ. ปี.)];
สนฺเตสุ ปมํ ทินฺนา, วิปุลา โหติ ทกฺขิณา.
‘‘สนฺโต หเว ปวกฺขามิ, สาริปุตฺต สุโณหิ เม;
อิติ ¶ กณฺหาสุ เสตาสุ, โรหิณีสุ หรีสุ วา.
‘‘กมฺมาสาสุ สรูปาสุ, โคสุ ปาเรวตาสุ วา;
ยาสุ กาสุจิ เอตาสุ, ทนฺโต ชายติ ปุงฺคโว.
‘‘โธรยฺโห พลสมฺปนฺโน, กลฺยาณชวนิกฺกโม;
ตเมว ¶ ภาเร ยฺุชนฺติ, นาสฺส วณฺณํ ปริกฺขเร.
‘‘เอวเมวํ ¶ มนุสฺเสสุ, ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ชาติเย;
ขตฺติเย พฺราหฺมเณ เวสฺเส, สุทฺเท จณฺฑาลปุกฺกุเส.
‘‘ยาสุ กาสุจิ เอตาสุ, ทนฺโต ชายติ สุพฺพโต;
ธมฺมฏฺโ สีลสมฺปนฺโน, สจฺจวาที หิรีมโน.
‘‘ปหีนชาติมรโณ, พฺรหฺมจริยสฺส เกวลี;
ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต, กตกิจฺโจ อนาสโว.
‘‘ปารคู สพฺพธมฺมานํ, อนุปาทาย นิพฺพุโต;
ตสฺมิฺจ วิรเช เขตฺเต, วิปุลา โหติ ทกฺขิณา.
‘‘พาลา จ อวิชานนฺตา, ทุมฺเมธา อสฺสุตาวิโน;
พหิทฺธา ททนฺติ ทานานิ, น หิ สนฺเต อุปาสเร.
‘‘เย จ สนฺเต อุปาสนฺติ, สปฺปฺเ ธีรสมฺมเต;
สทฺธา จ เนสํ สุคเต, มูลชาตา ปติฏฺิตา.
‘‘เทวโลกฺจ เต ยนฺติ, กุเล วา อิธ ชายเร;
อนุปุพฺเพน นิพฺพานํ, อธิคจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. นวมํ;
๑๐. คเวสีสุตฺตํ
๑๘๐. เอกํ ¶ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. อทฺทสา โข ภควา อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน อฺตรสฺมึ ปเทเส มหนฺตํ สาลวนํ; ทิสฺวาน [ทิสฺวา (สี. ปี.)] มคฺคา โอกฺกมฺม [อุกฺกมฺม (กตฺถจิ)] เยน ตํ สาลวนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ สาลวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ.
อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก ¶ นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ. อถ โข อายสฺมา ¶ อานนฺโท ภควนฺตํ ¶ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย ภควโต สิตสฺส ปาตุกมฺมาย? น อการเณน ตถาคตา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ.
‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, อิมสฺมึ ปเทเส นครํ อโหสิ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํ. ตํ โข ปนานนฺท, นครํ กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. กสฺสปสฺส โข ปนานนฺท, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส คเวสี นาม อุปาสโก อโหสิ สีเลสุ อปริปูรการี. คเวสินา โข, อานนฺท, อุปาสเกน ปฺจมตฺตานิ อุปาสกสตานิ ปฏิเทสิตานิ สมาทปิตานิ [สมาทาปิตานิ (?)] อเหสุํ สีเลสุ อปริปูรการิโน. อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร [พหุกาโร (กตฺถจิ)] ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา [สมาทาเปตา (?)], อหฺจมฺหิ สีเลสุ อปริปูรการี, อิมานิ จ ปฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ อปริปูรการิโน. อิจฺเจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเค มํ อายสฺมนฺโต สีเลสุ ปริปูรการึ ธาเรถา’ติ! อถ โข, อานนฺท, เตสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ เอตทโหสิ – ‘อยฺโย โข คเวสี อมฺหากํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา ¶ . อยฺโย หิ นาม คเวสี ¶ สีเลสุ ปริปูรการี ภวิสฺสติ. กิมงฺคํ [กิมงฺค (สี. ปี.)] ปน มย’นฺติ [ปน น มยนฺติ (สี.) อ. นิ. ๔.๑๕๙; จูฬว. ๓๓๐; สํ. นิ. ๕.๑๐๒๐ ปาฬิยา สํสนฺเทตพฺพํ]! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เยน คเวสี อุปาสโก เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา คเวสึ อุปาสกํ เอตทโวจุํ – ‘อชฺชตคฺเค อยฺโย คเวสี อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโน ธาเรตู’ติ. อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา, อหฺจมฺหิ สีเลสุ ปริปูรการี, อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโน ¶ . อิจฺเจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติ!
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเค มํ อายสฺมนฺโต พฺรหฺมจารึ ธาเรถ อาราจาริ [อนาจารึ (ปี.)] วิรตํ เมถุนา คามธมฺมา’ติ. อถ โข, อานนฺท, เตสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ ¶ เอตทโหสิ – ‘อยฺโย โข คเวสี อมฺหากํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา. อยฺโย หิ นาม คเวสี พฺรหฺมจารี ภวิสฺสติ อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา. กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เยน คเวสี อุปาสโก เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา คเวสึ อุปาสกํ เอตทโวจุํ – ‘อชฺชตคฺเค อยฺโย คเวสี อิมานิปิ ปฺจ ¶ อุปาสกสตานิ พฺรหฺมจาริโน ธาเรตุ อาราจาริโน วิรตา เมถุนา คามธมฺมา’ติ. อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา. อหฺจมฺหิ สีเลสุ ปริปูรการี. อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโน. อหฺจมฺหิ พฺรหฺมจารี อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา. อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ พฺรหฺมจาริโน อาราจาริโน วิรตา เมถุนา คามธมฺมา. อิจฺเจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเค มํ อายสฺมนฺโต เอกภตฺติกํ ธาเรถ รตฺตูปรตํ วิรตํ ¶ วิกาลโภชนา’ติ. อถ โข, อานนฺท, เตสํ ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ เอตทโหสิ – ‘อยฺโย โข คเวสี พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา. อยฺโย หิ นาม คเวสี เอกภตฺติโก ภวิสฺสติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา. กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เยน คเวสี อุปาสโก เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา คเวสึ อุปาสกํ เอตทโวจุํ ¶ – ‘อชฺชตคฺเค อยฺโย คเวสี อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เอกภตฺติเก ธาเรตุ รตฺตูปรเต วิรเต วิกาลโภชนา’ติ. อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส อุปาสกสฺส เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิเมสํ ปฺจนฺนํ ¶ อุปาสกสตานํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา. อหฺจมฺหิ สีเลสุ ปริปูรการี. อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ สีเลสุ ปริปูรการิโน. อหฺจมฺหิ พฺรหฺมจารี อาราจารี วิรโต เมถุนา คามธมฺมา. อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ พฺรหฺมจาริโน อาราจาริโน วิรตา เมถุนา คามธมฺมา. อหฺจมฺหิ เอกภตฺติโก รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา. อิมานิปิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เอกภตฺติกา รตฺตูปรตา วิรตา วิกาลโภชนา. อิจฺเจตํ สมสมํ, นตฺถิ กิฺจิ อติเรกํ; หนฺทาหํ อติเรกายา’’’ติ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตนุปสงฺกมิ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจ – ‘ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’นฺติ. อลตฺถ โข, อานนฺท, คเวสี อุปาสโก กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนานนฺท, คเวสี ภิกฺขุ เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ ปนานนฺท, คเวสี ภิกฺขุ อรหตํ อโหสิ.
‘‘อถ ¶ โข, อานนฺท, เตส ปฺจนฺนํ อุปาสกสตานํ เอตทโหสิ – ‘อยฺโย โข คเวสี อมฺหากํ พหูปกาโร ปุพฺพงฺคโม สมาทเปตา. อยฺโย หิ นาม คเวสี เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ¶ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสติ. กิมงฺคํ ปน มย’นฺติ! อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ เยน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตนุปสงฺกมึสุ ¶ ; อุปสงฺกมิตฺวา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘ลเภยฺยาม มยํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’นฺติ. อลภึสุ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ อุปาสกสตานิ กสฺสปสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลภึสุ อุปสมฺปทํ.
‘‘อถ โข, อานนฺท, คเวสิสฺส ภิกฺขุโน เอตทโหสิ – ‘อหํ โข อิมสฺส อนุตฺตรสฺส วิมุตฺติสุขสฺส นิกามลาภี โหมิ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. อโห วติมานิปิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อิมสฺส อนุตฺตรสฺส วิมุตฺติสุขสฺส นิกามลาภิโน อสฺสุ อกิจฺฉลาภิโน อกสิรลาภิโน’ติ. อถ โข, อานนฺท, ตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ วูปกฏฺา [ภิกฺขุสตานิ เอเกกา วูปกฏฺา (สฺยา. กํ.)] อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺตา นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรึสุ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺึสุ’’.
‘‘อิติ โข ¶ , อานนฺท, ตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ คเวสีปมุขานิ อุตฺตรุตฺตริ [อุตฺตรุตฺตรึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปณีตปณีตํ ¶ วายมมานา อนุตฺตรํ วิมุตฺตึ สจฺฉากํสุ. ตสฺมาติห, อานนฺท, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อุตฺตรุตฺตริ ปณีตปณีตํ วายมมานา อนุตฺตรํ วิมุตฺตึ สจฺฉิกริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, อานนฺท, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. ทสมํ.
อุปาสกวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
สารชฺชํ ¶ วิสารโท นิรยํ, เวรํ จณฺฑาลปฺจมํ;
ปีติ วณิชฺชา ราชาโน, คิหี เจว คเวสินาติ.
(๑๙) ๔. อรฺวคฺโค
๑. อารฺิกสุตฺตํ
๑๘๑. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อารฺิกา [อารฺตา (สพฺพตฺถ) ปริ. ๔๔๓ ปสฺสิตพฺพํ]. กตเม ปฺจ? มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา อารฺิโก โหติ, ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อารฺิโก โหติ, อุมฺมาทา จิตฺตกฺเขปา อารฺิโก โหติ, วณฺณิตํ พุทฺเธหิ พุทฺธสาวเกหีติ อารฺิโก โหติ, อปฺปิจฺฉตํเยว นิสฺสาย สนฺตุฏฺึเยว นิสฺสาย สลฺเลขํเยว นิสฺสาย ปวิเวกํเยว นิสฺสาย อิทมตฺถิตํเยว [อิทมฏฺิตํเยว (สี. ปี.)] นิสฺสาย อารฺิโก โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อารฺิกา. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺนํ อารฺิกานํ ยฺวายํ อารฺิโก อปฺปิจฺฉตํเยว นิสฺสาย สนฺตุฏฺึเยว นิสฺสาย สลฺเลขํเยว นิสฺสาย ปวิเวกํเยว นิสฺสาย อิทมตฺถิตํเยว นิสฺสาย อารฺิโก โหติ, อยํ ¶ อิเมสํ ปฺจนฺนํ อารฺิกานํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ โมกฺโข [ปาโมกฺโข (อ. นิ. ๔.๙๕; ๑๐.๙๑)] จ อุตฺตโม จ ปวโร จ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ควา ขีรํ, ขีรมฺหา ทธิ, ทธิมฺหา นวนีตํ, นวนีตมฺหา สปฺปิ, สปฺปิมฺหา สปฺปิมณฺโฑ, สปฺปิมณฺโฑ [สปฺปิมฺหา สปฺปิมณฺโฑ (ก.) สํ. นิ. ๓.๖๖๒] ตตฺถ อคฺคมกฺขายติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเมสํ ปฺจนฺนํ อารฺิกานํ ยฺวายํ อารฺิโก อปฺปิจฺฉตํเยว นิสฺสาย สนฺตุฏฺึเยว นิสฺสาย สลฺเลขํเยว นิสฺสาย ปวิเวกํเยว นิสฺสาย อิทมตฺถิตํเยว นิสฺสาย อารฺิโก โหติ, อยํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ อารฺิกานํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ โมกฺโข จ อุตฺตโม จ ปวโร จา’’ติ. ปมํ.
๒. จีวรสุตฺตํ
๑๘๒. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, ปํสุกูลิกา. กตเม ปฺจ? มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา ปํสุกูลิโก โหติ…เป… อิทมตฺถิตํเยว นิสฺสาย ปํสุกูลิโก โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ปํสุกูลิกา’’ติ. ทุติยํ.
๓. รุกฺขมูลิกสุตฺตํ
๑๘๓. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, รุกฺขมูลิกา. กตเม ปฺจ? มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา รุกฺขมูลิโก โหติ…เป… อิทมตฺถิตํเยว นิสฺสาย รุกฺขมูลิโก โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ รุกฺขมูลิกา’’ติ. ตติยํ.
๔. โสสานิกสุตฺตํ
๑๘๔. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, โสสานิกา. กตเม ปฺจ? มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา โสสานิโก โหติ…เป… อิทมตฺถิตํเยว นิสฺสาย โสสานิโก โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ โสสานิกา’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. อพฺโภกาสิกสุตฺตํ
๑๘๕. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อพฺโภกาสิกา…เป…. ปฺจมํ.
๖. เนสชฺชิกสุตฺตํ
๑๘๖. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, เนสชฺชิกา…เป…. ฉฏฺํ.
๗. ยถาสนฺถติกสุตฺตํ
๑๘๗. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ยถาสนฺถติกา…เป…. สตฺตมํ.
๘. เอกาสนิกสุตฺตํ
๑๘๘. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, เอกาสนิกา…เป…. อฏฺมํ.
๙. ขลุปจฺฉาภตฺติกสุตฺตํ
๑๘๙. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, ขลุปจฺฉาภตฺติกา…เป…. นวมํ.
๑๐. ปตฺตปิณฺฑิกสุตฺตํ
๑๙๐. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ปตฺตปิณฺฑิกา. กตเม ปฺจ? มนฺทตฺตา โมมูหตฺตา ปตฺตปิณฺฑิโก โหติ, ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต ปตฺตปิณฺฑิโก โหติ, อุมฺมาทา จิตฺตกฺเขปา ปตฺตปิณฺฑิโก โหติ, ‘วณฺณิตํ พุทฺเธหิ พุทฺธสาวเกหี’ติ ปตฺตปิณฺฑิโก โหติ, อปฺปิจฺฉตํเยว นิสฺสาย ¶ สนฺตุฏฺึเยว นิสฺสาย สลฺเลขํเยว นิสฺสาย ปวิเวกํเยว นิสฺสาย อิทมตฺถิตํเยว นิสฺสาย ปตฺตปิณฺฑิโก โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ปตฺตปิณฺฑิกา. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺนํ ปตฺตปิณฺฑิกานํ ยฺวายํ ปตฺตปิณฺฑิโก อปฺปิจฺฉตํเยว นิสฺสาย สนฺตุฏฺึเยว นิสฺสาย สลฺเลขํเยว ¶ นิสฺสาย ปวิเวกํเยว นิสฺสาย อิทมตฺถิตํเยว นิสฺสาย ปตฺตปิณฺฑิโก โหติ, อยํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ปตฺตปิณฺฑิกานํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ โมกฺโข จ อุตฺตโม จ ปวโร จ.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ควา ขีรํ, ขีรมฺหา ทธิ, ทธิมฺหา นวนีตํ, นวนีตมฺหา สปฺปิ, สปฺปิมฺหา สปฺปิมณฺโฑ, สปฺปิมณฺโฑ ตตฺถ อคฺคมกฺขายติ; เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, อิเมสํ ปฺจนฺนํ ปตฺตปิณฺฑิกานํ ยฺวายํ ปตฺตปิณฺฑิโก อปฺปิจฺฉตํเยว ¶ นิสฺสาย สนฺตุฏฺึเยว นิสฺสาย สลฺเลขํเยว นิสฺสาย ปวิเวกํเยว นิสฺสาย อิทมตฺถิตํเยว นิสฺสาย ปตฺตปิณฺฑิโก โหติ, อยํ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ปตฺตปิณฺฑิกานํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ โมกฺโข จ อุตฺตโม จ ปวโร จา’’ติ. ทสมํ.
อรฺวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
อรฺํ จีวรํ รุกฺข, สุสานํ อพฺโภกาสิกํ;
เนสชฺชํ สนฺถตํ เอกาสนิกํ, ขลุปจฺฉาปิณฺฑิเกน จาติ.
(๒๐) ๕. พฺราหฺมณวคฺโค
๑. โสณสุตฺตํ
๑๙๑. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, โปราณา พฺราหฺมณธมฺมา เอตรหิ สุนเขสุ สนฺทิสฺสนฺติ, โน พฺราหฺมเณสุ. กตเม ปฺจ? ปุพฺเพ สุทํ [ปุพฺพสฺสุทํ (ก.)], ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณึเยว คจฺฉนฺติ, โน อพฺราหฺมณึ. เอตรหิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณิมฺปิ คจฺฉนฺติ, อพฺราหฺมณิมฺปิ คจฺฉนฺติ. เอตรหิ, ภิกฺขเว, สุนขา สุนขึเยว คจฺฉนฺติ, โน อสุนขึ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม โปราโณ พฺราหฺมณธมฺโม เอตรหิ สุนเขสุ สนฺทิสฺสติ, โน พฺราหฺมเณสุ.
‘‘ปุพฺเพ สุทํ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณึ อุตุนึเยว คจฺฉนฺติ, โน อนุตุนึ. เอตรหิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา ¶ พฺราหฺมณึ อุตุนิมฺปิ คจฺฉนฺติ, อนุตุนิมฺปิ คจฺฉนฺติ ¶ . เอตรหิ, ภิกฺขเว, สุนขา สุนขึ อุตุนึเยว คจฺฉนฺติ, โน อนุตุนึ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย โปราโณ พฺราหฺมณธมฺโม เอตรหิ สุนเขสุ สนฺทิสฺสติ, โน พฺราหฺมเณสุ.
‘‘ปุพฺเพ สุทํ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณึ เนว กิณนฺติ โน วิกฺกิณนฺติ, สมฺปิเยเนว สํวาสํ สํพนฺธาย [สํสคฺคตฺถาย (สี. ปี.)] สํปวตฺเตนฺติ. เอตรหิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา พฺราหฺมณึ กิณนฺติปิ วิกฺกิณนฺติปิ, สมฺปิเยนปิ สํวาสํ สํพนฺธาย สํปวตฺเตนฺติ. เอตรหิ, ภิกฺขเว, สุนขา สุนขึ เนว กิณนฺติ โน วิกฺกิณนฺติ, สมฺปิเยเนว สํวาสํ สํพนฺธาย สํปวตฺเตนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย โปราโณ พฺราหฺมณธมฺโม เอตรหิ สุนเขสุ สนฺทิสฺสติ, โน พฺราหฺมเณสุ.
‘‘ปุพฺเพ สุทํ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา น สนฺนิธึ กโรนฺติ ธนสฺสปิ ¶ ธฺสฺสปิ รชตสฺสปิ ชาตรูปสฺสปิ. เอตรหิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา สนฺนิธึ กโรนฺติ ธนสฺสปิ ธฺสฺสปิ รชตสฺสปิ ชาตรูปสฺสปิ. เอตรหิ, ภิกฺขเว, สุนขา น สนฺนิธึ กโรนฺติ ธนสฺสปิ ธฺสฺสปิ รชตสฺสปิ ชาตรูปสฺสปิ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ โปราโณ พฺราหฺมณธมฺโม เอตรหิ สุนเขสุ สนฺทิสฺสติ, โน พฺราหฺมเณสุ.
‘‘ปุพฺเพ ¶ สุทํ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา สายํ สายมาสาย ปาโต ปาตราสาย ภิกฺขํ ปริเยสนฺติ. เอตรหิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา อวเสสํ อาทาย ปกฺกมนฺติ. เอตรหิ, ภิกฺขเว, สุนขา สายํ สายมาสาย ปาโต ปาตราสาย ภิกฺขํ ปริเยสนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม โปราโณ พฺราหฺมณธมฺโม เอตรหิ สุนเขสุ สนฺทิสฺสติ, โน พฺราหฺมเณสุ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ โปราณา พฺราหฺมณธมฺมา เอตรหิ สุนเขสุ สนฺทิสฺสนฺติ, โน พฺราหฺมเณสู’’ติ. ปมํ.
๒. โทณพฺราหฺมณสุตฺตํ
๑๙๒. อถ ¶ โข โทโณ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โทโณ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ –
‘‘สุตํ ¶ เมตํ, โภ โคตม – ‘น สมโณ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิณฺเณ วุฑฺเฒ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปตฺเต อภิวาเทติ วา ปจฺจุฏฺเติ วา อาสเนน วา นิมนฺเตตี’ติ. ตยิทํ, โภ โคตม, ตเถว. น หิ ภวํ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิณฺเณ วุฑฺเฒ มหลฺลเก อทฺธคเต วโยอนุปฺปตฺเต อภิวาเทติ วา ปจฺจุฏฺเติ วา ¶ อาสเนน วา นิมนฺเตติ. ตยิทํ, โภ โคตม, น สมฺปนฺนเมวา’’ติ. ‘‘ตฺวมฺปิ โน, โทณ, พฺราหฺมโณ ปฏิชานาสี’’ติ? ‘‘ยฺหิ ตํ, โภ โคตม, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน, อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย’ติ, มเมว ตํ, โภ โคตม, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย. อหฺหิ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน, อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ, ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย’’ติ.
‘‘เย โข, เต โทณ, พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา ¶ อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ ¶ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ สชฺฌายิตมนุสชฺฌายนฺติ วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฏฺโก, วามโก, วามเทโว, เวสฺสามิตฺโต, ยมทคฺคิ [ยมตคฺคิ (สี.) ที. นิ. ๑.๒๘๔, ๕๒๖, ๕๓๖; ม. นิ. ๒.๔๒๗; มหาว. ๓๐๐; อ. นิ. ๕.๑๙๒ ปสฺสิตพฺพํ], องฺคีรโส, ภารทฺวาโช, วาเสฏฺโ, กสฺสโป, ภคุ; ตฺยาสฺสุ’เม ปฺจ พฺราหฺมเณ ปฺาเปนฺติ – พฺรหฺมสมํ, เทวสมํ, มริยาทํ, สมฺภินฺนมริยาทํ, พฺราหฺมณจณฺฑาลํเยว ปฺจมํ. เตสํ ตฺวํ โทณ, กตโม’’ติ?
‘‘น โข มยํ, โภ โคตม, ปฺจ พฺราหฺมเณ ชานาม, อถ โข มยํ พฺราหฺมณาตฺเวว ¶ ชานาม. สาธุ เม ภวํ โคตโม ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อหํ อิเม ปฺจ พฺราหฺมเณ ชาเนยฺย’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สุโณหิ, สาธุกํ ¶ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข โทโณ พฺราหฺมโณ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ. ภควา เอตทโวจ –
‘‘กถฺจ, โทณ, พฺราหฺมโณ พฺรหฺมสโม โหติ? อิธ, โทณ, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. โส อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ [โกธารํ พฺรหฺมจริยํ (สฺยา. ก.)] จรติ มนฺเต อธียมาโน. อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา มนฺเต อธียิตฺวา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสติ ธมฺเมเนว, โน อธมฺเมน.
‘‘ตตฺถ จ, โทณ, โก ธมฺโม? เนว ¶ กสิยา น วณิชฺชาย น โครกฺเขน น อิสฺสตฺเถน [น อิสฺสตฺเตน (ก.)] น ราชโปริเสน น สิปฺปฺตเรน, เกวลํ ภิกฺขาจริยาย กปาลํ อนติมฺมาโน. โส อาจริยสฺส อาจริยธนํ นิยฺยาเทตฺวา [นียฺยาเทตฺวา (สี.), นียาเทตฺวา (ปี.), นิยฺยาเตตฺวา (กตฺถจิ)] เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ ตถา ตติยํ ตถา จตุตฺถํ [จตุตฺถึ (สี.)], อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน [อพฺยาปชฺเฌน (ก.) อพฺยาพชฺเฌน (?)] ผริตฺวา วิหรติ. กรุณา…เป… มุทิตา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ ตถา ตติยํ ตถา จตุตฺถํ ¶ , อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ. โส อิเม จตฺตาโร ¶ พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชติ. เอวํ โข, โทณ, พฺราหฺมโณ พฺรหฺมสโม โหติ.
‘‘กถฺจ, โทณ, พฺราหฺมโณ เทวสโม โหติ? อิธ, โทณ, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน ¶ . โส อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จรติ มนฺเต อธียมาโน. อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา มนฺเต อธียิตฺวา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสติ ธมฺเมเนว, โน อธมฺเมน. ตตฺถ จ, โทณ, โก ธมฺโม? เนว กสิยา น วณิชฺชาย น โครกฺเขน น อิสฺสตฺเถน น ราชโปริเสน น สิปฺปฺตเรน, เกวลํ ภิกฺขาจริยาย กปาลํ ¶ อนติมฺมาโน. โส อาจริยสฺส อาจริยธนํ นิยฺยาเทตฺวา ทารํ ปริเยสติ ธมฺเมเนว, โน อธมฺเมน.
‘‘ตตฺถ จ, โทณ, โก ธมฺโม? เนว กเยน น วิกฺกเยน, พฺราหฺมณึเยว อุทกูปสฺสฏฺํ. โส พฺราหฺมณึเยว คจฺฉติ, น ขตฺติยึ น เวสฺสึ น สุทฺทึ น จณฺฑาลึ น เนสาทึ น เวนึ [น เวณึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] น รถการึ น ปุกฺกุสึ คจฺฉติ, น คพฺภินึ คจฺฉติ, น ปายมานํ คจฺฉติ, น อนุตุนึ คจฺฉติ. กสฺมา จ, โทณ, พฺราหฺมโณ น คพฺภินึ คจฺฉติ? สเจ, โทณ, พฺราหฺมโณ คพฺภินึ คจฺฉติ, อติมีฬฺหโช นาม โส โหติ มาณวโก วา มาณวิกา [มาณวกี (ก.)] วา ¶ . ตสฺมา, โทณ, พฺราหฺมโณ น คพฺภินึ คจฺฉติ. กสฺมา จ, โทณ, พฺราหฺมโณ น ปายมานํ คจฺฉติ? สเจ, โทณ, พฺราหฺมโณ ปายมานํ คจฺฉติ, อสุจิปฏิปีฬิโต นาม โส โหติ มาณวโก วา มาณวิกา วา. ตสฺมา, โทณ, พฺราหฺมโณ น ปายมานํ คจฺฉติ. ตสฺส สา โหติ พฺราหฺมณี เนว กามตฺถา น ทวตฺถา น รตตฺถา, ปชตฺถาว พฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี โหติ. โส เมถุนํ อุปฺปาเทตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส อิเม จตฺตาโร ฌาเน ¶ ภาเวตฺวา กายสฺส เภทา ¶ ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. เอวํ โข, โทณ, พฺราหฺมโณ เทวสโม โหติ.
‘‘กถฺจ, โทณ, พฺราหฺมโณ มริยาโท โหติ? อิธ, โทณ, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. โส อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จรติ มนฺเต อธียมาโน. อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา มนฺเต อธียิตฺวา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสติ ธมฺเมเนว, โน อธมฺเมน ¶ . ตตฺถ จ, โทณ, โก ธมฺโม? เนว กสิยา น วณิชฺชาย น โครกฺเขน น อิสฺสตฺเถน น ราชโปริเสน น สิปฺปฺตเรน, เกวลํ ภิกฺขาจริยาย กปาลํ อนติมฺมาโน. โส อาจริยสฺส อาจริยธนํ นิยฺยาเทตฺวา ทารํ ปริเยสติ ธมฺเมเนว, โน อธมฺเมน.
‘‘ตตฺถ จ, โทณ ¶ , โก ธมฺโม? เนว กเยน น วิกฺกเยน, พฺราหฺมณึเยว อุทกูปสฺสฏฺํ. โส พฺราหฺมณึเยว คจฺฉติ, น ขตฺติยึ น เวสฺสึ น สุทฺทึ น จณฺฑาลึ น เนสาทึ น เวนึ น รถการึ น ปุกฺกุสึ คจฺฉติ, น คพฺภินึ คจฺฉติ, น ปายมานํ คจฺฉติ, น อนุตุนึ คจฺฉติ. กสฺมา จ, โทณ, พฺราหฺมโณ น คพฺภินึ คจฺฉติ? สเจ, โทณ, พฺราหฺมโณ คพฺภินึ คจฺฉติ, อติมีฬฺหโช นาม โส โหติ มาณวโก วา มาณวิกา วา. ตสฺมา, โทณ, พฺราหฺมโณ น คพฺภินึ คจฺฉติ. กสฺมา จ, โทณ, พฺราหฺมโณ น ปายมานํ คจฺฉติ? สเจ, โทณ, พฺราหฺมโณ ปายมานํ คจฺฉติ, อสุจิปฏิปีฬิโต นาม โส โหติ มาณวโก วา มาณวิกา วา. ตสฺมา, โทณ, พฺราหฺมโณ น ปายมานํ คจฺฉติ. ตสฺส สา โหติ พฺราหฺมณี เนว กามตฺถา น ทวตฺถา น รตตฺถา, ปชตฺถาว พฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี โหติ. โส เมถุนํ อุปฺปาเทตฺวา ตเมว ปุตฺตสฺสาทํ นิกามยมาโน กุฏุมฺพํ อชฺฌาวสติ, น อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. ยาว โปราณานํ พฺราหฺมณานํ มริยาโท ตตฺถ ติฏฺติ, ตํ น วีติกฺกมติ. ‘ยาว โปราณานํ พฺราหฺมณานํ มริยาโท ตตฺถ พฺราหฺมโณ ิโต ตํ น วีติกฺกมตี’ติ, โข, โทณ, ตสฺมา พฺราหฺมโณ มริยาโทติ วุจฺจติ. เอวํ โข, โทณ, พฺราหฺมโณ มริยาโท โหติ.
‘‘กถฺจ, โทณ, พฺราหฺมโณ สมฺภินฺนมริยาโท โหติ? อิธ ¶ , โทณ, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต ¶ อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน ¶ . โส อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จรติ มนฺเต อธียมาโน. อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา มนฺเต อธียิตฺวา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสติ ธมฺเมเนว, โน อธมฺเมน.
‘‘ตตฺถ จ, โทณ, โก ธมฺโม? เนว กสิยา น วณิชฺชาย น โครกฺเขน น อิสฺสตฺเถน น ราชโปริเสน น สิปฺปฺตเรน, เกวลํ ภิกฺขาจริยาย กปาลํ อนติมฺมาโน. โส อาจริยสฺส อาจริยธนํ นิยฺยาเทตฺวา ทารํ ¶ ปริเยสติ ธมฺเมนปิ อธมฺเมนปิ กเยนปิ วิกฺกเยนปิ พฺราหฺมณิมฺปิ อุทกูปสฺสฏฺํ. โส พฺราหฺมณิมฺปิ คจฺฉติ ขตฺติยิมฺปิ คจฺฉติ เวสฺสิมฺปิ คจฺฉติ สุทฺทิมฺปิ คจฺฉติ จณฺฑาลิมฺปิ คจฺฉติ เนสาทิมฺปิ คจฺฉติ เวนิมฺปิ คจฺฉติ รถการิมฺปิ คจฺฉติ ปุกฺกุสิมฺปิ คจฺฉติ คพฺภินิมฺปิ คจฺฉติ ปายมานมฺปิ คจฺฉติ อุตุนิมฺปิ คจฺฉติ อนุตุนิมฺปิ คจฺฉติ. ตสฺส สา โหติ พฺราหฺมณี กามตฺถาปิ ทวตฺถาปิ รตตฺถาปิ ปชตฺถาปิ พฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี โหติ. ยาว โปราณานํ พฺราหฺมณานํ มริยาโท ตตฺถ น ติฏฺติ, ตํ วีติกฺกมติ. ‘ยาว โปราณานํ พฺราหฺมณานํ มริยาโท ตตฺถ พฺราหฺมโณ น ิโต ตํ วีติกฺกมตี’ติ โข, โทณ, ตสฺมา พฺราหฺมโณ สมฺภินฺนมริยาโทติ วุจฺจติ. เอวํ โข, โทณ, พฺราหฺมโณ สมฺภินฺนมริยาโท โหติ.
‘‘กถฺจ, โทณ, พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณจณฺฑาโล โหติ? อิธ, โทณ, พฺราหฺมโณ อุภโต สุชาโต โหติ – มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิตฺโต ¶ อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน. โส อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ ¶ โกมารพฺรหฺมจริยํ จรติ มนฺเต อธียมาโน. อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา มนฺเต อธียิตฺวา อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสติ ธมฺเมนปิ อธมฺเมนปิ กสิยาปิ วณิชฺชายปิ โครกฺเขนปิ อิสฺสตฺเถนปิ ราชโปริเสนปิ สิปฺปฺตเรนปิ, เกวลมฺปิ ภิกฺขาจริยาย, กปาลํ อนติมฺมาโน.
‘‘โส อาจริยสฺส อาจริยธนํ นิยฺยาเทตฺวา ทารํ ปริเยสติ ธมฺเมนปิ อธมฺเมนปิ กเยนปิ วิกฺกเยนปิ พฺราหฺมณิมฺปิ อุทกูปสฺสฏฺํ. โส พฺราหฺมณิมฺปิ คจฺฉติ ขตฺติยิมฺปิ คจฺฉติ เวสฺสิมฺปิ คจฺฉติ สุทฺทิมฺปิ คจฺฉติ จณฺฑาลิมฺปิ คจฺฉติ เนสาทิมฺปิ คจฺฉติ เวนิมฺปิ คจฺฉติ รถการิมฺปิ คจฺฉติ ปุกฺกุสิมฺปิ คจฺฉติ คพฺภินิมฺปิ คจฺฉติ ปายมานมฺปิ คจฺฉติ อุตุนิมฺปิ คจฺฉติ อนุตุนิมฺปิ คจฺฉติ. ตสฺส สา โหติ พฺราหฺมณี กามตฺถาปิ ทวตฺถาปิ รตตฺถาปิ ปชตฺถาปิ พฺราหฺมณสฺส ¶ พฺราหฺมณี โหติ. โส สพฺพกมฺเมหิ ชีวิกํ [ชีวิตํ (ก.)] กปฺเปติ. ตเมนํ พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ – ‘กสฺมา ภวํ พฺราหฺมโณ ปฏิชานมาโน สพฺพกมฺเมหิ ชีวิกํ กปฺเปตี’ติ? โส เอวมาห – ‘เสยฺยถาปิ, โภ, อคฺคิ สุจิมฺปิ ฑหติ อสุจิมฺปิ ฑหติ, น จ เตน อคฺคิ อุปลิปฺปติ [อุปลิมฺปติ (ก.)]; เอวเมวํ โข, โภ, สพฺพกมฺเมหิ เจปิ พฺราหฺมโณ ชีวิกํ กปฺเปติ, น จ เตน พฺราหฺมโณ อุปลิปฺปติ’. ‘สพฺพกมฺเมหิ ชีวิกํ กปฺเปตี’ติ โข, โทณ ¶ , ตสฺมา พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณจณฺฑาโลติ วุจฺจติ. เอวํ โข, โทณ, พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณจณฺฑาโล โหติ.
‘‘เย โข เต, โทณ, พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา ¶ อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร เยสมิทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมีหิตํ ตทนุคายนฺติ ตทนุภาสนฺติ ภาสิตมนุภาสนฺติ สชฺฌายิตมนุสชฺฌายนฺติ วาจิมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ – อฏฺโก, วามโก, วามเทโว, เวสฺสามิตฺโต, ยมทคฺคิ, องฺคีรโส, ภารทฺวาโช, วาเสฏฺโ ¶ , กสฺสโป, ภคุ; ตฺยาสฺสุเม ปฺจ พฺราหฺมเณ ปฺาเปนฺติ – พฺรหฺมสมํ, เทวสมํ, มริยาทํ, สมฺภินฺนมริยาทํ, พฺราหฺมณจณฺฑาลํเยว ปฺจมํ. เตสํ ตฺวํ, โทณ, กตโม’’ติ?
‘‘เอวํ สนฺเต มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณจณฺฑาลมฺปิ น ปูเรม. อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ทุติยํ.
๓. สงฺคารวสุตฺตํ
๑๙๓. อถ โข สงฺคารโว พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สงฺคารโว พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, โภ โคตม, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน กทาจิ ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา? โก ปน, โภ โคตม, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน กทาจิ ทีฆรตฺตํ อสชฺฌายกตาปิ มนฺตา ปฏิภนฺติ, ปเคว สชฺฌายกตา’’ติ?
‘‘ยสฺมึ, พฺราหฺมณ, สมเย กามราคปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ กามราคปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ ¶ , อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ ตสฺมึ ¶ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุทปตฺโต สํสฏฺโ ลาขาย วา หลิทฺทิยา วา นีลิยา วา มฺชิฏฺาย วา. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส สกํ ¶ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน ยถาภูตํ นปฺปชาเนยฺย ¶ น ปสฺเสยฺย. เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย กามราคปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ กามราคปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ…เป… อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย พฺยาปาทปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ พฺยาปาทปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ…เป… อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุทปตฺโต อคฺคินา สนฺตตฺโต อุกฺกุธิโต [อุกฺกฏฺิโต (สี. ปี.), อุกฺกุฏฺิโต (สฺยา. กํ.)] อุสฺสทกชาโต [อุสุมกชาโต (กตฺถจิ), อุสฺสุรกชาโต (ก.), อุสฺมุทกชาโต (ม. นิ. ๓ มชฺฌิมนิกาเย)]. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน ยถาภูตํ นปฺปชาเนยฺย น ปสฺเสยฺย. เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย พฺยาปาทปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ พฺยาปาทปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ…เป… อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ ¶ , ปเคว อสชฺฌายกตา.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย ถินมิทฺธปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ ถินมิทฺธปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ ถินมิทฺธสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ…เป… อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ ¶ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุทปตฺโต เสวาลปณกปริโยนทฺโธ. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน ยถาภูตํ นปฺปชาเนยฺย น ปสฺเสยฺย. เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย ถินมิทฺธปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ ถินมิทฺธปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ ถินมิทฺธสฺส ¶ นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ ¶ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ…เป… อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ…เป… อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุทปตฺโต วาเตริโต จลิโต ภนฺโต อูมิชาโต [อุมฺมิชาโต (ปี.)]. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน ยถาภูตํ นปฺปชาเนยฺย น ปสฺเสยฺย. เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ…เป… อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ ¶ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา.
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย วิจิกิจฺฉาปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ วิจิกิจฺฉาปเรเตน ¶ , อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ…เป… อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุทปตฺโต อาวิโล ลุฬิโต กลลีภูโต อนฺธกาเร นิกฺขิตฺโต. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน ยถาภูตํ นปฺปชาเนยฺย น ปสฺเสยฺย. เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย วิจิกิจฺฉาปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ วิจิกิจฺฉาปเรเตน, อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ…เป… อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ นปฺปชานาติ น ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา.
‘‘ยสฺมิฺจ ¶ ¶ โข, พฺราหฺมณ, สมเย น กามราคปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ น กามราคปเรเตน, อุปฺปนฺนสฺส จ กามราคสฺส นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ ปชานาติ ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ ปชานาติ ปสฺสติ, อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ ปชานาติ ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ อสชฺฌายกตาปิ มนฺตา ปฏิภนฺติ, ปเคว สชฺฌายกตา. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุทปตฺโต อสํสฏฺโ ลาขาย วา หลิทฺทิยา วา นีลิยา วา มฺชิฏฺาย ¶ วา. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน ยถาภูตํ ปชาเนยฺย ปสฺเสยฺย. เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย น กามราคปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ…เป… ¶ .
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย น พฺยาปาทปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ…เป… เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุทปตฺโต อคฺคินา อสนฺตตฺโต อนุกฺกุธิโต อนุสฺสทกชาโต. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน ยถาภูตํ ปชาเนยฺย ปสฺเสยฺย. เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย น พฺยาปาทปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ…เป….
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย น ถินมิทฺธปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ…เป… ¶ เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุทปตฺโต น เสวาลปณกปริโยนทฺโธ. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน ยถาภูตํ ปชาเนยฺย ปสฺเสยฺย. เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย น ถินมิทฺธปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ…เป….
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ ¶ , ยสฺมึ สมเย น อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ…เป… เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุทปตฺโต น วาเตริโต น จลิโต น ภนฺโต น อูมิชาโต. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน ยถาภูตํ ปชาเนยฺย ปสฺเสยฺย. เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย น อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ ¶ …เป….
‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย น วิจิกิจฺฉาปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ น วิจิกิจฺฉาปเรเตน, อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ ¶ , อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ ปชานาติ ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ ปชานาติ ปสฺสติ, อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ ปชานาติ ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ อสชฺฌายกตาปิ ¶ มนฺตา ปฏิภนฺติ, ปเคว สชฺฌายกตา. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, อุทปตฺโต อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน อนาวิโล อาโลเก นิกฺขิตฺโต. ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน ยถาภูตํ ปชาเนยฺย ปสฺเสยฺย. เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, ยสฺมึ สมเย น วิจิกิจฺฉาปริยุฏฺิเตน เจตสา วิหรติ น วิจิกิจฺฉาปเรเตน, อุปฺปนฺนาย จ วิจิกิจฺฉาย นิสฺสรณํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อตฺตตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ ปชานาติ ปสฺสติ, ปรตฺถมฺปิ…เป… อุภยตฺถมฺปิ ตสฺมึ สมเย ยถาภูตํ ปชานาติ ปสฺสติ, ทีฆรตฺตํ อสชฺฌายกตาปิ มนฺตา ปฏิภนฺติ, ปเคว สชฺฌายกตา.
‘‘อยํ โข, พฺราหฺมณ, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน กทาจิ ทีฆรตฺตํ สชฺฌายกตาปิ มนฺตา นปฺปฏิภนฺติ, ปเคว อสชฺฌายกตา ¶ . อยํ ปน, พฺราหฺมณ, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน กทาจิ ทีฆรตฺตํ อสชฺฌายกตาปิ มนฺตา ปฏิภนฺติ, ปเคว สชฺฌายกตา’’ติ.
‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม…เป… อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. ตติยํ.
๔. การณปาลีสุตฺตํ
๑๙๔. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. เตน โข ปน สมเยน การณปาลี [กรณปาลี (ก.)] พฺราหฺมโณ ลิจฺฉวีนํ กมฺมนฺตํ กาเรติ. อทฺทสา โข การณปาลี พฺราหฺมโณ ปิงฺคิยานึ พฺราหฺมณํ ทูรโตว ¶ อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวา ปิงฺคิยานึ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ –
‘‘หนฺท, กุโต นุ ภวํ ปิงฺคิยานี อาคจฺฉติ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘อิโตหํ [อิธาหํ (สฺยา. กํ.), อิโต หิ โข อหํ (ม. นิ. ๑.๒๘๘)], โภ, อาคจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกา’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺติ ภวํ, ปิงฺคิยานี, สมณสฺส ¶ โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ? ปณฺฑิโต มฺเ’’ติ? ‘‘โก จาหํ, โภ, โก จ สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชานิสฺสามิ! โสปิ นูนสฺส ตาทิโสว โย สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชาเนยฺยา’’ติ! ‘‘อุฬาราย ขลุ ภวํ, ปิงฺคิยานี, สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตี’’ติ. ‘‘โก จาหํ, โภ, โก จ สมณํ ¶ โคตมํ ปสํสิสฺสามิ! ปสตฺถปฺปสตฺโถว [ปสฏฺปสฏฺโ จ (สฺยา. กํ. ก.)] โส ภวํ โคตโม เสฏฺโ เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ภวํ, ปิงฺคิยานี, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน สมเณ โคตเม เอวํ อภิปฺปสนฺโน’’ติ?
‘‘เสยฺยถาปิ, โภ, ปุริโส อคฺครสปริติตฺโต น อฺเสํ หีนานํ รสานํ ปิเหติ; เอวเมวํ โข, โภ, ยโต ยโต ตสฺส โภโต โคตมสฺส ¶ ธมฺมํ สุณาติ – ยทิ สุตฺตโส, ยทิ เคยฺยโส, ยทิ เวยฺยากรณโส, ยทิ อพฺภุตธมฺมโส – ตโต ตโต น อฺเสํ ปุถุสมณพฺราหฺมณปฺปวาทานํ ปิเหติ.
‘‘เสยฺยถาปิ, โภ, ปุริโส ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต มธุปิณฺฑิกํ อธิคจฺเฉยฺย. โส ยโต ยโต สาเยถ, ลภเตว [สาเยยฺย, ลเภเถว (ม. นิ. ๑.๒๐๕)] สาทุรสํ อเสจนกํ; เอวเมวํ โข, โภ, ยโต ยโต ตสฺส โภโต โคตมสฺส ธมฺมํ สุณาติ – ยทิ สุตฺตโส, ยทิ เคยฺยโส, ยทิ เวยฺยากรณโส, ยทิ อพฺภุตธมฺมโส – ตโต ตโต ลภเตว อตฺตมนตํ, ลภติ เจตโส ปสาทํ.
‘‘เสยฺยถาปิ, โภ, ปุริโส จนฺทนฆฏิกํ อธิคจฺเฉยฺย – หริจนฺทนสฺส วา โลหิตจนฺทนสฺส วา. โส ยโต ยโต ฆาเยถ – ยทิ มูลโต, ยทิ มชฺฌโต, ยทิ อคฺคโต – อธิคจฺฉเตว ¶ [อธิคจฺเฉเถว (?)] สุรภิคนฺธํ อเสจนกํ; เอวเมวํ โข, โภ, ยโต ยโต ตสฺส โภโต โคตมสฺส ธมฺมํ สุณาติ – ยทิ สุตฺตโส, ยทิ เคยฺยโส, ยทิ เวยฺยากรณโส, ยทิ อพฺภุตธมฺมโส – ตโต ตโต อธิคจฺฉติ ปาโมชฺชํ อธิคจฺฉติ โสมนสฺสํ.
‘‘เสยฺยถาปิ, โภ, ปุริโส อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. ตสฺส กุสโล ภิสกฺโก านโส อาพาธํ นีหเรยฺย; เอวเมวํ โข, โภ, ยโต ยโต ตสฺส โภโต โคตมสฺส ธมฺมํ สุณาติ – ยทิ สุตฺตโส, ยทิ เคยฺยโส, ยทิ เวยฺยากรณโส, ยทิ อพฺภุตธมฺมโส – ตโต ตโต โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ.
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ ¶ , โภ, โปกฺขรณี อจฺโฉทกา สาโตทกา สีโตทกา เสตกา สุปติตฺถา รมณียา. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต ¶ . โส ตํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา นฺหาตฺวา จ ปิวิตฺวา จ สพฺพทรถกิลมถปริฬาหํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภยฺย. เอวเมวํ โข, โภ, ยโต ยโต ตสฺส โภโต โคตมสฺส ธมฺมํ สุณาติ – ยทิ สุตฺตโส, ยทิ เคยฺยโส, ยทิ เวยฺยากรณโส, ยทิ อพฺภุตธมฺมโส – ตโต ตโต สพฺพทรถกิลมถปริฬาหา ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต การณปาลี พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทกฺขิณํ ชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส;
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส;
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ.
‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ ปิงฺคิยานิ, อภิกฺกนฺตํ, โภ ปิงฺคิยานิ! เสยฺยถาปิ, โภ ปิงฺคิยานิ, นิกฺกุชฺชิตํ [นิกุชฺชิตํ (ก.)] วา อุกฺกุชฺเชยฺย ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย อนฺธกาเร ¶ วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โภตา ปิงฺคิยานินา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, โภ ปิงฺคิยานิ, ตํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ ปิงฺคิยานี ธาเรตุ, อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ. จตุตฺถํ.
๕. ปิงฺคิยานีสุตฺตํ
๑๙๕. เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. เตน โข ปน สมเยน ปฺจมตฺตานิ ลิจฺฉวิสตานิ ภควนฺตํ ปยิรุปาสนฺติ. อปฺเปกจฺเจ ลิจฺฉวี นีลา โหนฺติ นีลวณฺณา นีลวตฺถา นีลาลงฺการา, อปฺเปกจฺเจ ลิจฺฉวี ปีตา โหนฺติ ปีตวณฺณา ปีตวตฺถา ปีตาลงฺการา ¶ , อปฺเปกจฺเจ ลิจฺฉวี โลหิตกา โหนฺติ โลหิตกวณฺณา โลหิตกวตฺถา โลหิตกาลงฺการา, อปฺเปกจฺเจ ลิจฺฉวี โอทาตา ¶ โหนฺติ โอทาตวณฺณา โอทาตวตฺถา โอทาตาลงฺการา. ตฺยสฺสุทํ ภควา อติโรจติ วณฺเณน เจว ยสสา จ.
อถ ¶ โข ปิงฺคิยานี พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปฏิภาติ มํ, ภควา, ปฏิภาติ มํ, สุคตา’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ ปิงฺคิยานี’’ติ ภควา อโวจ. อถ โข ปิงฺคิยานี พฺราหฺมโณ ภควโต สมฺมุขา สารุปฺปาย คาถาย อภิตฺถวิ –
‘‘ปทฺมํ [ปทุมํ (ก.) สํ. นิ. ๑.๑๓๒] ยถา โกกนทํ [โกกนุทํ (สฺยา. กํ.)] สุคนฺธํ,
ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ,
ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข’’ติ.
อถ โข เต ลิจฺฉวี ปฺจหิ อุตฺตราสงฺคสเตหิ ปิงฺคิยานึ พฺราหฺมณํ อจฺฉาเทสุํ. อถ โข ปิงฺคิยานี พฺราหฺมโณ เตหิ ปฺจหิ อุตฺตราสงฺคสเตหิ ภควนฺตํ อจฺฉาเทสิ ¶ .
อถ โข ภควา เต ลิจฺฉวี เอตทโวจ – ‘‘ปฺจนฺนํ, ลิจฺฉวี, รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตเมสํ ปฺจนฺนํ? ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส เทเสตา ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส เทสิตสฺส วิฺาตา ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. ตถาคตปฺปเวทิตสฺส ธมฺมวินยสฺส เทสิตสฺส วิฺาตา ¶ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. กตฺู กตเวที ปุคฺคโล ทุลฺลโภ โลกสฺมึ. อิเมสํ โข, ลิจฺฉวี, ปฺจนฺนํ รตนานํ ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’นฺติ [อ. นิ. ๕.๑๔๓]. ปฺจมํ.
๖. มหาสุปินสุตฺตํ
๑๙๖. ‘‘ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต ปฺจ มหาสุปินา ปาตุรเหสุํ. กตเม ปฺจ? ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต ¶ อยํ มหาปถวี มหาสยนํ อโหสิ, หิมวา ปพฺพตราชา พิพฺโพหนํ [พิพฺโพหนํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.), พิมฺพ + โอหนํ = อิติ ปทวิภาโค] อโหสิ, ปุรตฺถิเม สมุทฺเท วาโม หตฺโถ โอหิโต อโหสิ, ปจฺฉิเม สมุทฺเท ทกฺขิโณ หตฺโถ โอหิโต ¶ อโหสิ, ทกฺขิเณ สมุทฺเท อุโภ ปาทา โอหิตา อเหสุํ. ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต อยํ ปโม มหาสุปิโน ปาตุรโหสิ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต ติริยา นาม ติณชาติ นาภิยา อุคฺคนฺตฺวา นภํ อาหจฺจ ิตา อโหสิ. ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว ¶ , อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต อยํ ทุติโย มหาสุปิโน ปาตุรโหสิ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เสตา กิมี กณฺหสีสา ปาเทหิ อุสฺสกฺกิตฺวา ( ) [(อคฺคนขโต) กตฺถจิ ทิสฺสติ] ยาว ชาณุมณฺฑลา ปฏิจฺฉาเทสุํ. ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต ¶ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต อยํ ตติโย มหาสุปิโน ปาตุรโหสิ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต จตฺตาโร สกุณา นานาวณฺณา จตูหิ ทิสาหิ อาคนฺตฺวา ปาทมูเล นิปติตฺวา สพฺพเสตา สมฺปชฺชึสุ. ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต อยํ จตุตฺโถ มหาสุปิโน ปาตุรโหสิ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺโธ โพธิสตฺโตว สมาโน มหโต มีฬฺหปพฺพตสฺส อุปรูปริ จงฺกมติ อลิปฺปมาโน มีฬฺเหน. ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต อยํ ปฺจโม มหาสุปิโน ปาตุรโหสิ.
‘‘ยมฺปิ ¶ , ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต อยํ มหาปถวี มหาสยนํ อโหสิ, หิมวา ปพฺพตราชา พิพฺโพหนํ อโหสิ, ปุรตฺถิเม สมุทฺเท วาโม หตฺโถ โอหิโต อโหสิ, ปจฺฉิเม สมุทฺเท ทกฺขิโณ หตฺโถ โอหิโต อโหสิ, ทกฺขิเณ สมุทฺเท อุโภ ปาทา โอหิตา อเหสุํ; ตถาคเตน ¶ , ภิกฺขเว, อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน อนุตฺตรา สมฺมาสมฺโพธิ อภิสมฺพุทฺธา. ตสฺสา อภิสมฺโพธาย อยํ ปโม มหาสุปิโน ปาตุรโหสิ.
‘‘ยมฺปิ ¶ , ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต ติริยา นาม ¶ ติณชาติ นาภิยา อุคฺคนฺตฺวา นภํ อาหจฺจ ิตา อโหสิ; ตถาคเตน, ภิกฺขเว, อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิโต. ตสฺส อภิสมฺโพธาย อยํ ทุติโย มหาสุปิโน ปาตุรโหสิ.
‘‘ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เสตา กิมี กณฺหสีสา ปาเทหิ อุสฺสกฺกิตฺวา ยาว ชาณุมณฺฑลา ปฏิจฺฉาเทสุํ; พหู, ภิกฺขเว, คิหี โอทาตวสนา ตถาคตํ ปาณุเปตา [ปาณุเปตํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สรณํ คตา. ตสฺส อภิสมฺโพธาย อยํ ตติโย มหาสุปิโน ปาตุรโหสิ.
‘‘ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต จตฺตาโร สกุณา นานาวณฺณา จตูหิ ทิสาหิ อาคนฺตฺวา ปาทมูเล นิปติตฺวา สพฺพเสตา สมฺปชฺชึสุ; จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, วณฺณา ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา สุทฺทา เต ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตฺวา อนุตฺตรํ วิมุตฺตึ สจฺฉิกโรนฺติ. ตสฺส อภิสมฺโพธาย อยํ จตุตฺโถ มหาสุปิโน ปาตุรโหสิ.
‘‘ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺโธ โพธิสตฺโตว สมาโน มหโต มีฬฺหปพฺพตสฺส อุปรูปริ จงฺกมติ ¶ อลิปฺปมาโน มีฬฺเหน; ลาภี, ภิกฺขเว, ตถาคโต จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, ตํ [ตตฺถ จ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ตถาคโต อคถิโต [อคธิโต (สฺยา. ปี. ก.)] อมุจฺฉิโต อนชฺโฌสนฺโน [อนชฺฌาปนฺโน (ก.) อนชฺโฌปนฺโน (สี. สฺยา.)] อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภฺุชติ. ตสฺส อภิสมฺโพธาย อยํ ปฺจโม มหาสุปิโน ¶ ปาตุรโหสิ.
‘‘ตถาคตสฺส, ภิกฺขเว, อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต อิเม ปฺจ มหาสุปินา ปาตุรเหสุ’’นฺติ. ฉฏฺํ.
๗. วสฺสสุตฺตํ
๑๙๗. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, วสฺสสฺส อนฺตรายา, ยํ เนมิตฺตา [เนมิตฺตกา (กตฺถจิ)] น ชานนฺติ, ยตฺถ เนมิตฺตานํ จกฺขุ น กมติ. กตเม ปฺจ? อุปริ, ภิกฺขเว, อากาเส เตโชธาตุ ปกุปฺปติ. เตน อุปฺปนฺนา เมฆา ปฏิวิคจฺฉนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม วสฺสสฺส อนฺตราโย, ยํ เนมิตฺตา น ชานนฺติ, ยตฺถ เนมิตฺตานํ จกฺขุ น กมติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อุปริ อากาเส วาโยธาตุ ปกุปฺปติ. เตน อุปฺปนฺนา เมฆา ปฏิวิคจฺฉนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย วสฺสสฺส อนฺตราโย, ยํ เนมิตฺตา น ชานนฺติ, ยตฺถ เนมิตฺตานํ จกฺขุ น กมติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราหุ อสุรินฺโท ปาณินา อุทกํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มหาสมุทฺเท ฉฑฺเฑติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย วสฺสสฺส อนฺตราโย, ยํ เนมิตฺตา น ชานนฺติ, ยตฺถ เนมิตฺตานํ จกฺขุ น กมติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, วสฺสวลาหกา เทวา ปมตฺตา โหนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ วสฺสสฺส อนฺตราโย, ยํ เนมิตฺตา น ชานนฺติ, ยตฺถ เนมิตฺตานํ จกฺขุ น กมติ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, มนุสฺสา อธมฺมิกา โหนฺติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม วสฺสสฺส อนฺตราโย, ยํ เนมิตฺตา น ชานนฺติ, ยตฺถ เนมิตฺตานํ จกฺขุ น กมติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ วสฺสสฺส อนฺตรายา, ยํ เนมิตฺตา น ชานนฺติ, ยตฺถ เนมิตฺตานํ จกฺขุ น กมตี’’ติ. สตฺตมํ.
๘. วาจาสุตฺตํ
๑๙๘. ‘‘ปฺจหิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สุภาสิตา โหติ, โน ทุพฺภาสิตา, อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิฺูนํ [อนนุวชฺชา วิฺูนํ (สฺยา. กํ.)]. กตเมหิ ปฺจหิ? กาเลน ¶ จ ภาสิตา โหติ, สจฺจา จ ภาสิตา โหติ, สณฺหา จ ภาสิตา โหติ, อตฺถสํหิตา จ ภาสิตา โหติ, เมตฺตจิตฺเตน จ ภาสิตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา ¶ วาจา สุภาสิตา โหติ, โน ทุพฺภาสิตา, อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิฺูน’’นฺติ. อฏฺมํ.
๙. กุลสุตฺตํ
๑๙๙. ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สีลวนฺโต ปพฺพชิตา กุลํ อุปสงฺกมนฺติ, ตตฺถ มนุสฺสา ปฺจหิ าเนหิ พหุํ ปฺุํ ปสวนฺติ. กตเมหิ ปฺจหิ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย สีลวนฺเต ปพฺพชิเต กุลํ อุปสงฺกมนฺเต มนุสฺสา ทิสฺวา จิตฺตานิ ปสาเทนฺติ [ปสีทนฺติ (สฺยา. กํ. ก.)], สคฺคสํวตฺตนิกํ, ภิกฺขเว, ตํ กุลํ ตสฺมึ สมเย ปฏิปทํ ปฏิปนฺนํ โหติ.
‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย สีลวนฺเต ปพฺพชิเต กุลํ อุปสงฺกมนฺเต มนุสฺสา ปจฺจุฏฺเนฺติ อภิวาเทนฺติ อาสนํ เทนฺติ, อุจฺจากุลีนสํวตฺตนิกํ, ภิกฺขเว, ตํ กุลํ ตสฺมึ สมเย ปฏิปทํ ปฏิปนฺนํ โหติ.
‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย สีลวนฺเต ปพฺพชิเต กุลํ อุปสงฺกมนฺเต มนุสฺสา มจฺเฉรมลํ ปฏิวิเนนฺติ [ปฏิวิโนเทนฺติ (สี. ปี.)], มเหสกฺขสํวตฺตนิกํ, ภิกฺขเว, ตํ กุลํ ตสฺมึ สมเย ปฏิปทํ ปฏิปนฺนํ โหติ.
‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย สีลวนฺเต ปพฺพชิเต กุลํ อุปสงฺกมนฺเต มนุสฺสา ยถาสตฺติ ยถาพลํ สํวิภชนฺติ, มหาโภคสํวตฺตนิกํ ¶ , ภิกฺขเว, ตํ กุลํ ตสฺมึ สมเย ปฏิปทํ ปฏิปนฺนํ โหติ.
‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย สีลวนฺเต ปพฺพชิเต กุลํ อุปสงฺกมนฺเต มนุสฺสา ปริปุจฺฉนฺติ ปริปฺหนฺติ ธมฺมํ สุณนฺติ, มหาปฺาสํวตฺตนิกํ, ภิกฺขเว, ตํ กุลํ ตสฺมึ สมเย ปฏิปทํ ปฏิปนฺนํ โหติ. ยํ ¶ , ภิกฺขเว, สีลวนฺโต ปพฺพชิตา กุลํ อุปสงฺกมนฺติ, ตตฺถ มนุสฺสา อิเมหิ ปฺจหิ าเนหิ พหุํ ปฺุํ ปสวนฺตี’’ติ. นวมํ.
๑๐. นิสฺสารณียสุตฺตํ
๒๐๐. ‘‘ปฺจิมา ¶ , ภิกฺขเว, นิสฺสารณียา [นิสฺสรณียา (ปี.), นิสฺสรณิยา (ที. นิ. ๓.๓๒๑)] ธาตุโย. กตมา ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ¶ กามํ [กาเม (สฺยา. กํ.) ที. นิ. ๓.๓๒๑] มนสิกโรโต กาเมสุ จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ น วิมุจฺจติ. เนกฺขมฺมํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต เนกฺขมฺเม จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ วิมุจฺจติ. ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ [สุกตํ (ปี. ก.)] สุภาวิตํ สุวุฏฺิตํ สุวิมุตฺตํ สุวิสํยุตฺตํ [วิสํยุตฺตํ (กตฺถจิ, ที. นิ. ๓.๓๒๑)] กาเมหิ; เย จ กามปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิ, น โส ตํ เวทนํ เวทิยติ. อิทมกฺขาตํ กามานํ นิสฺสรณํ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน พฺยาปาทํ มนสิกโรโต พฺยาปาเท จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ น วิมุจฺจติ. อพฺยาปาทํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อพฺยาปาเท จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ วิมุจฺจติ. ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺิตํ สุวิมุตฺตํ สุวิสํยุตฺตํ พฺยาปาเทน; เย จ พฺยาปาทปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิ, น โส ตํ เวทนํ เวทิยติ. อิทมกฺขาตํ พฺยาปาทสฺส นิสฺสรณํ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วิเหสํ มนสิกโรโต ¶ วิเหสาย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ น วิมุจฺจติ. อวิเหสํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อวิเหสาย จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ วิมุจฺจติ. ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺิตํ สุวิมุตฺตํ สุวิสํยุตฺตํ วิเหสาย; เย จ วิเหสาปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิ, น โส ตํ เวทนํ เวทิยติ. อิทมกฺขาตํ วิเหสาย นิสฺสรณํ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน รูปํ มนสิกโรโต รูเป จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ น วิมุจฺจติ. อรูปํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต อรูเป จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ วิมุจฺจติ. ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺิตํ สุวิมุตฺตํ สุวิสํยุตฺตํ รูเปหิ; เย จ รูปปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิ, น โส ตํ เวทนํ เวทิยติ. อิทมกฺขาตํ รูปานํ นิสฺสรณํ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน สกฺกายํ มนสิกโรโต สกฺกาเย จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ น วิมุจฺจติ. สกฺกายนิโรธํ โข ปนสฺส มนสิกโรโต ¶ สกฺกายนิโรเธ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฏฺติ วิมุจฺจติ. ตสฺส ตํ จิตฺตํ สุคตํ สุภาวิตํ สุวุฏฺิตํ สุวิมุตฺตํ สุวิสํยุตฺตํ สกฺกาเยน; เย จ สกฺกายปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มุตฺโต โส เตหิ, น โส ตํ เวทนํ เวทิยติ. อิทมกฺขาตํ สกฺกายสฺส นิสฺสรณํ.
‘‘ตสฺส กามนนฺทีปิ นานุเสติ, พฺยาปาทนนฺทีปิ นานุเสติ, วิเหสานนฺทีปิ นานุเสติ ¶ , รูปนนฺทีปิ นานุเสติ, สกฺกายนนฺทีปิ นานุเสติ (โส) [( ) กตฺถจิ นตฺถิ] กามนนฺทิยาปิ อนนุสยา, พฺยาปาทนนฺทิยาปิ อนนุสยา, วิเหสานนฺทิยาปิ อนนุสยา, รูปนนฺทิยาปิ อนนุสยา, สกฺกายนนฺทิยาปิ อนนุสยา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิรนุสโย, อจฺเฉจฺฉิ [อจฺเฉชฺชิ (สฺยา. กํ. ก.)] ตณฺหํ, วิวตฺตยิ [วาวตฺตยิ (สี.)] สํโยชนํ, สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺส. อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ นิสฺสารณียา ธาตุโย’’ติ. ทสมํ.
พฺราหฺมณวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
โสโณ ¶ โทโณ สงฺคารโว, การณปาลี จ ปิงฺคิยานี;
สุปินา จ วสฺสา วาจา, กุลํ นิสฺสารณีเยน จาติ.
จตุตฺถํปณฺณาสกํ สมตฺโต.
๕. ปฺจมปณฺณาสกํ
(๒๑) ๑. กิมิลวคฺโค
๑. กิมิลสุตฺตํ
๒๐๑. เอกํ ¶ ¶ ¶ สมยํ ภควา กิมิลายํ [กิมฺพิลายํ (สี. ปี.) อ. นิ. ๖.๔๐; ๗.๕๙] วิหรติ เวฬุวเน. อถ โข อายสฺมา กิมิโล [กิมฺพิโล (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา กิมิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม น จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ? ‘‘อิธ, กิมิล, ตถาคเต ปรินิพฺพุเต ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย สตฺถริ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, ธมฺเม อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, สงฺเฆ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, สิกฺขาย อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา, อฺมฺํ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา. อยํ โข, กิมิล, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม น จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ.
‘‘โก ปน, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ? ‘‘อิธ, กิมิล, ตถาคเต ปรินิพฺพุเต ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย สตฺถริ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, ธมฺเม สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, สงฺเฆ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, สิกฺขาย สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา, อฺมฺํ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา. อยํ โข, กิมิล, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน ตถาคเต ปรินิพฺพุเต สทฺธมฺโม ¶ จิรฏฺิติโก โหตี’’ติ. ปมํ.
๒. ธมฺมสฺสวนสุตฺตํ
๒๐๒. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อานิสํสา ธมฺมสฺสวเน. กตเม ปฺจ? อสฺสุตํ สุณาติ ¶ , สุตํ ปริโยทาเปติ, กงฺขํ วิตรติ [วิหนติ (สฺยา. กํ. ปี. ก.)], ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตมสฺส ปสีทติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ธมฺมสฺสวเน’’ติ. ทุติยํ.
๓. อสฺสาชานียสุตฺตํ
๒๐๓. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร [ภทฺโท (ปี.)] อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อชฺชเวน, ชเวน, มทฺทเวน, ขนฺติยา, โสรจฺเจน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต รฺโ ภทฺโร อสฺสาชานีโย ราชารโห โหติ ราชโภคฺโค, รฺโ องฺคนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. ‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? อชฺชเวน, ชเวน, มทฺทเวน, ขนฺติยา, โสรจฺเจน – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ. ตติยํ.
๔. พลสุตฺตํ
๒๐๔. ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, พลานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธาพลํ, หิริพลํ, โอตฺตปฺปพลํ, วีริยพลํ, ปฺาพลํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ พลานี’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. เจโตขิลสุตฺตํ
๒๐๕. [อ. นิ. ๙.๗๑; ม. นิ. ๑.๑๘๕; ที. นิ. ๓.๓๑๙] ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, เจโตขิลา. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว ¶ , ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ ¶ น สมฺปสีทติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย ¶ สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, อยํ ปโม เจโตขิโล.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเม กงฺขติ…เป… สงฺเฆ กงฺขติ…เป… สิกฺขาย กงฺขติ…เป… สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ ¶ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, อยํ ปฺจโม เจโตขิโล. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ เจโตขิลา’’ติ. ปฺจมํ.
๖. วินิพนฺธสุตฺตํ
๒๐๖. [อ. นิ. ๙.๗๒; ที. นิ. ๓.๓๒๐] ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, เจตโสวินิพนฺธา [เจโตวินิพทฺธา (สารตฺถทีปนีฏีกายํ)]. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเมสุ อวีตราโค [อวิคตราโค (ก.)] โหติ อวิคตจฺฉนฺโท อวิคตเปโม อวิคตปิปาโส อวิคตปริฬาโห อวิคตตณฺโห. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเมสุ อวีตราโค โหติ อวิคตจฺฉนฺโท อวิคตเปโม อวิคตปิปาโส อวิคตปริฬาโห อวิคตตณฺโห, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, อยํ ปโม เจตโสวินิพนฺโธ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย อวีตราโค โหติ…เป… รูเป อวีตราโค ¶ โหติ…เป… ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ…เป… อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย ¶ พฺรหฺมจริยํ จรติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, อยํ ปฺจโม เจตโสวินิพนฺโธ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. ยาคุสุตฺตํ
๒๐๗. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อานิสํสา ยาคุยา. กตเม ปฺจ? ขุทฺทํ [ขุทํ (สี. ปี.) ขุธาติ สกฺกตานุโลมํ. มหาว. ๒๘๒] ปฏิหนติ, ปิปาสํ ปฏิวิเนติ, วาตํ อนุโลเมติ, วตฺถึ โสเธติ, อามาวเสสํ ¶ ปาเจติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ยาคุยา’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ทนฺตกฏฺสุตฺตํ
๒๐๘. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา ทนฺตกฏฺสฺส อขาทเน. กตเม ปฺจ? อจกฺขุสฺสํ, มุขํ ทุคฺคนฺธํ โหติ, รสหรณิโย น วิสุชฺฌนฺติ, ปิตฺตํ เสมฺหํ ภตฺตํ ปริโยนนฺธติ [ปริโยนทฺธนฺติ (สี. ปี.), ปริโยนทฺธติ (สฺยา. กํ. ก.) จูฬว. ๒๘๒ ปสฺสิตพฺพํ], ภตฺตมสฺส นจฺฉาเทติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา ทนฺตกฏฺสฺส อขาทเน.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา ทนฺตกฏฺสฺส ขาทเน. กตเม ปฺจ? จกฺขุสฺสํ, มุขํ ¶ น ทุคฺคนฺธํ โหติ, รสหรณิโย วิสุชฺฌนฺติ, ปิตฺตํ เสมฺหํ ภตฺตํ น ปริโยนนฺธติ, ภตฺตมสฺส ฉาเทติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ทนฺตกฏฺสฺส ขาทเน’’ติ. อฏฺมํ.
๙. คีตสฺสรสุตฺตํ
๒๐๙. [จูฬว. ๒๔๙] ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา อายตเกน คีตสฺสเรน ธมฺมํ ภณนฺตสฺส. กตเม ปฺจ? อตฺตนาปิ ตสฺมึ สเร สารชฺชติ, ปเรปิ ตสฺมึ สเร สารชฺชนฺติ, คหปติกาปิ อุชฺฌายนฺติ – ‘ยเถว มยํ คายาม, เอวเมวํ โข สมณา สกฺยปุตฺติยา คายนฺตี’ติ, สรกุตฺติมฺปิ นิกามยมานสฺส สมาธิสฺส ภงฺโค โหติ, ปจฺฉิมา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อายตเกน คีตสฺสเรน ธมฺมํ ภณนฺตสฺสา’’ติ. นวมํ.
๑๐. มุฏฺสฺสติสุตฺตํ
๒๑๐. [มหาว. ๓๕๓] ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา มุฏฺสฺสติสฺส อสมฺปชานสฺส นิทฺทํ โอกฺกมยโต ¶ . กตเม ปฺจ? ทุกฺขํ สุปติ, ทุกฺขํ ปฏิพุชฺฌติ, ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ, เทวตา น รกฺขนฺติ, อสุจิ มุจฺจติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา มุฏฺสฺสติสฺส อสมฺปชานสฺส นิทฺทํ โอกฺกมยโต.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา อุปฏฺิตสฺสติสฺส สมฺปชานสฺส นิทฺทํ โอกฺกมยโต. กตเม ปฺจ? สุขํ สุปติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌติ, น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ ¶ , เทวตา รกฺขนฺติ, อสุจิ น มุจฺจติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา อุปฏฺิตสฺสติสฺส สมฺปชานสฺส นิทฺทํ โอกฺกมยโต’’ติ. ทสมํ.
กิมิลวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
กิมิโล ¶ ธมฺมสฺสวนํ, อาชานีโย พลํ ขิลํ;
วินิพนฺธํ ยาคุ กฏฺํ, คีตํ มุฏฺสฺสตินา จาติ.
(๒๒) ๒. อกฺโกสกวคฺโค
๑. อกฺโกสกสุตฺตํ
๒๑๑. ‘‘โย ¶ ¶ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺโกสกปริภาสโก อริยูปวาที สพฺรหฺมจารีนํ, ตสฺส ปฺจ อาทีนวา ปาฏิกงฺขา. กตเม ปฺจ? ปาราชิโก วา โหติ ฉินฺนปริปนฺโถ [ฉินฺนปริพนฺโธ (ก.)], อฺตรํ วา สํกิลิฏฺํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, พาฬฺหํ วา โรคาตงฺกํ ผุสติ, สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกฺโกสกปริภาสโก อริยูปวาที สพฺรหฺมจารีนํ, ตสฺส อิเม ปฺจ อาทีนวา ปาฏิกงฺขา’’ติ. ปมํ.
๒. ภณฺฑนการกสุตฺตํ
๒๑๒. ‘‘โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภณฺฑนการโก กลหการโก วิวาทการโก ภสฺสการโก สงฺเฆ อธิกรณการโก, ตสฺส ปฺจ อาทีนวา ปาฏิกงฺขา. กตเม ปฺจ? อนธิคตํ นาธิคจฺฉติ, อธิคตา [อธิคตํ (สพฺพตฺถ)] ปริหายติ, ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภณฺฑนการโก กลหการโก วิวาทการโก ภสฺสการโก สงฺเฆ อธิกรณการโก, ตสฺส อิเม ปฺจ อาทีนวา ปาฏิกงฺขา’’ติ. ทุติยํ.
๓. สีลสุตฺตํ
๒๑๓. [มหาว. ๒๐๙; ที. นิ. ๓.๓๑๖] ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน ปมาทาธิกรณํ มหตึ โภคชานึ นิคจฺฉติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีลสฺส สีลวิปนฺนสฺส ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน ยฺเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ – ยทิ ขตฺติยปริสํ, ยทิ พฺราหฺมณปริสํ, ยทิ คหปติปริสํ, ยทิ สมณปริสํ – อวิสารโท อุปสงฺกมติ มงฺกุภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ทุสฺสีโล สีลวิปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม อาทีนโว ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทาย. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, สีลวา สีลสมฺปนฺโน อปฺปมาทาธิกรณํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สีลวา สีลสมฺปนฺโน ยฺเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ – ยทิ ขตฺติยปริสํ, ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ¶ , ยทิ คหปติปริสํ, ยทิ สมณปริสํ – วิสารโท อุปสงฺกมติ อมงฺกุภูโต. อยํ ภิกฺขเว, ตติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, สีลวา สีลสมฺปนฺโน อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, สีลวา สีลสมฺปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย. อิเม ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายา’’ติ. ตติยํ.
๔. พหุภาณิสุตฺตํ
๒๑๔. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา พหุภาณิสฺมึ ปุคฺคเล. กตเม ปฺจ? มุสา ภณติ, ปิสุณํ ภณติ, ผรุสํ ภณติ, สมฺผปฺปลาปํ ภณติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา พหุภาณิสฺมึ ปุคฺคเล.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา มนฺตภาณิสฺมึ ปุคฺคเล. กตเม ปฺจ? น มุสา ภณติ, น ปิสุณํ ภณติ, น ผรุสํ ภณติ, น สมฺผปฺปลาปํ ภณติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา มนฺตภาณิสฺมึ ปุคฺคเล’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. ปมอกฺขนฺติสุตฺตํ
๒๑๕. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา อกฺขนฺติยา. กตเม ปฺจ? พหุโน ชนสฺส อปฺปิโย โหติ อมนาโป, เวรพหุโล จ โหติ, วชฺชพหุโล จ, สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ¶ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อกฺขนฺติยา.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา ขนฺติยา. กตเม ปฺจ? พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป, น เวรพหุโล โหติ, น วชฺชพหุโล, อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ขนฺติยา’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยอกฺขนฺติสุตฺตํ
๒๑๖. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา อกฺขนฺติยา. กตเม ปฺจ? พหุโน ชนสฺส อปฺปิโย โหติ อมนาโป, ลุทฺโท จ โหติ, วิปฺปฏิสารี จ, สมฺมูฬฺโห ¶ กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อกฺขนฺติยา.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา ขนฺติยา. กตเม ปฺจ? พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป, อลุทฺโท จ โหติ, อวิปฺปฏิสารี จ, อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ขนฺติยา’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. ปมอปาสาทิกสุตฺตํ
๒๑๗. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา อปาสาทิเก. กตเม ปฺจ? อตฺตาปิ อตฺตานํ อุปวทติ, อนุวิจฺจ วิฺู ครหนฺติ, ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อปาสาทิเก.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา ปาสาทิเก ¶ . กตเม ปฺจ? อตฺตาปิ อตฺตานํ น อุปวทติ, อนุวิจฺจ วิฺู ปสํสนฺติ, กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ปาสาทิเก’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ทุติยอปาสาทิกสุตฺตํ
๒๑๘. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา อปาสาทิเก. กตเม ปฺจ? อปฺปสนฺนา ¶ นปฺปสีทนฺติ, ปสนฺนานฺจ เอกจฺจานํ อฺถตฺตํ โหติ, สตฺถุสาสนํ อกตํ [น กตํ (สฺยา. กํ. ก.)] โหติ, ปจฺฉิมา ชนตา ¶ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ, จิตฺตมสฺส นปฺปสีทติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อปาสาทิเก.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา ปาสาทิเก. กตเม ปฺจ? อปฺปสนฺนา ปสีทนฺติ, ปสนฺนานฺจ ภิยฺโยภาโว โหติ, สตฺถุสาสนํ กตํ โหติ, ปจฺฉิมา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชติ, จิตฺตมสฺส ปสีทติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา ปาสาทิเก’’ติ. อฏฺมํ.
๙. อคฺคิสุตฺตํ
๒๑๙. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา อคฺคิสฺมึ. กตเม ปฺจ? อจกฺขุสฺโส, ทุพฺพณฺณกรโณ, ทุพฺพลกรโณ, สงฺคณิกาปวฑฺฒโน [สงฺคณิกาปวทฺธโน (สี.), สงฺคณิการามพทฺธโน (ก.)], ติรจฺฉานกถาปวตฺตนิโก โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อคฺคิสฺมิ’’นฺติ. นวมํ.
๑๐. มธุราสุตฺตํ
๒๒๐. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา มธุรายํ. กตเม ปฺจ? วิสมา, พหุรชา, จณฺฑสุนขา, วาฬยกฺขา, ทุลฺลภปิณฺฑา – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา มธุราย’’นฺติ. ทสมํ.
อกฺโกสกวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
อกฺโกสภณฺฑนสีลํ ¶ ¶ , พหุภาณี ทฺเว อขนฺติโย;
อปาสาทิกา ทฺเว วุตฺตา, อคฺคิสฺมึ มธุเรน จาติ.
(๒๓) ๓. ทีฆจาริกวคฺโค
๑. ปมทีฆจาริกสุตฺตํ
๒๒๑. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา ทีฆจาริกํ อนวตฺถจาริกํ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต. กตเม ปฺจ? อสฺสุตํ น สุณาติ, สุตํ น ปริโยทาเปติ, สุเตเนกจฺเจน อวิสารโท โหติ, คาฬฺหํ [พาฬฺหํ (สฺยา.)] โรคาตงฺกํ ผุสติ, น จ มิตฺตวา โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา ทีฆจาริกํ อนวตฺถจาริกํ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา สมวตฺถจาเร. กตเม ปฺจ? อสฺสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทาเปติ, สุเตเนกจฺเจน วิสารโท โหติ, น คาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ผุสติ, มิตฺตวา จ โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา สมวตฺถจาเร’’ติ. ปมํ.
๒. ทุติยทีฆจาริกสุตฺตํ
๒๒๒. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา ทีฆจาริกํ อนวตฺถจาริกํ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต. กตเม ปฺจ? อนธิคตํ นาธิคจฺฉติ, อธิคตา ปริหายติ, อธิคเตเนกจฺเจน อวิสารโท โหติ, คาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ผุสติ, น จ มิตฺตวา โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา ทีฆจาริกํ อนวตฺถจาริกํ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา ¶ สมวตฺถจาเร. กตเม ปฺจ? อนธิคตํ อธิคจฺฉติ, อธิคตา น ปริหายติ, อธิคเตเนกจฺเจน วิสารโท โหติ, น คาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ผุสติ, มิตฺตวา จ โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา สมวตฺถจาเร’’ติ. ทุติยํ.
๓. อตินิวาสสุตฺตํ
๒๒๓. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา อตินิวาเส. กตเม ปฺจ? พหุภณฺโฑ โหติ พหุภณฺฑสนฺนิจโย, พหุเภสชฺโช โหติ พหุเภสชฺชสนฺนิจโย, พหุกิจฺโจ โหติ พหุกรณีโย พฺยตฺโต กึกรณีเยสุ, สํสฏฺโ วิหรติ คหฏฺปพฺพชิเตหิ อนนุโลมิเกน คิหิสํสคฺเคน, ตมฺหา จ อาวาสา ปกฺกมนฺโต สาเปกฺโข ปกฺกมติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อตินิวาเส.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา สมวตฺถวาเส. กตเม ปฺจ? น พหุภณฺโฑ โหติ น พหุภณฺฑสนฺนิจโย, น พหุเภสชฺโช โหติ น พหุเภสชฺชสนฺนิจโย, น พหุกิจฺโจ โหติ น พหุกรณีโย น พฺยตฺโต กึกรณีเยสุ, อสํสฏฺโ วิหรติ คหฏฺปพฺพชิเตหิ อนนุโลมิเกน คิหิสํสคฺเคน, ตมฺหา จ อาวาสา ปกฺกมนฺโต อนเปกฺโข ปกฺกมติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา สมวตฺถวาเส’’ติ. ตติยํ.
๔. มจฺฉรีสุตฺตํ
๒๒๔. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา อตินิวาเส. กตเม ปฺจ? อาวาสมจฺฉรี โหติ, กุลมจฺฉรี โหติ, ลาภมจฺฉรี โหติ, วณฺณมจฺฉรี โหติ, ธมฺมมจฺฉรี โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อตินิวาเส.
‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อานิสํสา สมวตฺถวาเส. กตเม ปฺจ? น ¶ อาวาสมจฺฉรี โหติ, น กุลมจฺฉรี โหติ, น ลาภมจฺฉรี โหติ, น วณฺณมจฺฉรี โหติ, น ธมฺมมจฺฉรี โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา สมวตฺถวาเส’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. ปมกุลูปกสุตฺตํ
๒๒๕. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา กุลูปเก [กุลุปเก (สฺยา. ปี.), กุลูปเค (สี.)]. กตเม ปฺจ? อนามนฺตจาเร ¶ อาปชฺชติ, รโห นิสชฺชาย อาปชฺชติ, ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน อาปชฺชติ, มาตุคามสฺส อุตฺตริ ฉปฺปฺจวาจาหิ ¶ ธมฺมํ เทเสนฺโต อาปชฺชติ, กามสงฺกปฺปพหุโล วิหรติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา กุลูปเก’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยกุลูปกสุตฺตํ
๒๒๖. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา กุลูปกสฺส ภิกฺขุโน อติเวลํ กุเลสุ สํสฏฺสฺส วิหรโต. กตเม ปฺจ? มาตุคามสฺส อภิณฺหทสฺสนํ, ทสฺสเน สติ สํสคฺโค, สํสคฺเค สติ วิสฺสาโส, วิสฺสาเส สติ โอตาโร, โอติณฺณจิตฺตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – ‘อนภิรโต วา พฺรหฺมจริยํ จริสฺสติ อฺตรํ วา สํกิลิฏฺํ อาปตฺตึ อาปชฺชิสฺสติ สิกฺขํ วา ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสติ’. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา กุลูปกสฺส ภิกฺขุโน อติเวลํ กุเลสุ สํสฏฺสฺส วิหรโต’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. โภคสุตฺตํ
๒๒๗. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา โภเคสุ. กตเม ปฺจ? อคฺคิสาธารณา โภคา, อุทกสาธารณา โภคา, ราชสาธารณา โภคา, โจรสาธารณา โภคา, อปฺปิเยหิ ทายาเทหิ สาธารณา โภคา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา โภเคสุ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา โภเคสุ. กตเม ปฺจ? โภเค นิสฺสาย อตฺตานํ สุเขติ ปีเณติ สมฺมา ¶ สุขํ ปริหรติ, มาตาปิตโร สุเขติ ปีเณติ สมฺมา สุขํ ปริหรติ, ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริเส สุเขติ ¶ ปีเณติ สมฺมา สุขํ ปริหรติ, มิตฺตามจฺเจ สุเขติ ปีเณติ สมฺมา สุขํ ปริหรติ, สมณพฺราหฺมเณสุ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปติ โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา โภเคสู’’ติ. สตฺตมํ.
๘. อุสฺสูรภตฺตสุตฺตํ
๒๒๘. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา อุสฺสูรภตฺเต กุเล. กตเม ปฺจ? เย เต อติถี ปาหุนา, เต น กาเลน ¶ ปฏิปูเชนฺติ; ยา ตา พลิปฏิคฺคาหิกา เทวตา, ตา น กาเลน ปฏิปูเชนฺติ; เย เต สมณพฺราหฺมณา เอกภตฺติกา รตฺตูปรตา วิรตา วิกาลโภชนา, เต น กาเลน ปฏิปูเชนฺติ; ทาสกมฺมกรโปริสา วิมุขา กมฺมํ กโรนฺติ; ตาวตกํเยว อสมเยน ภุตฺตํ อโนชวนฺตํ โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา อุสฺสูรภตฺเต กุเล.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา สมยภตฺเต กุเล. กตเม ปฺจ? เย เต อติถี ปาหุนา, เต กาเลน ปฏิปูเชนฺติ; ยา ตา พลิปฏิคฺคาหิกา เทวตา, ตา กาเลน ปฏิปูเชนฺติ; เย เต สมณพฺราหฺมณา เอกภตฺติกา รตฺตูปรตา วิรตา วิกาลโภชนา, เต กาเลน ปฏิปูเชนฺติ; ทาสกมฺมกรโปริสา อวิมุขา กมฺมํ กโรนฺติ; ตาวตกํเยว สมเยน ภุตฺตํ โอชวนฺตํ โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา สมยภตฺเต กุเล’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปมกณฺหสปฺปสุตฺตํ
๒๒๙. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา กณฺหสปฺเป. กตเม ปฺจ? อสุจิ, ทุคฺคนฺโธ, สภีรุ, สปฺปฏิภโย, มิตฺตทุพฺภี – อิเม โข, ภิกฺขเว ¶ , ปฺจ อาทีนวา กณฺหสปฺเป. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม อาทีนวา มาตุคาเม. กตเม ปฺจ? อสุจิ, ทุคฺคนฺโธ, สภีรุ, สปฺปฏิภโย, มิตฺตทุพฺภี – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา มาตุคาเม’’ติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยกณฺหสปฺปสุตฺตํ
๒๓๐. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา กณฺหสปฺเป. กตเม ปฺจ? โกธโน, อุปนาหี, โฆรวิโส, ทุชฺชิวฺโห, มิตฺตทุพฺภี – อิเม ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา กณฺหสปฺเป.
‘‘เอวเมวํ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม อาทีนวา มาตุคาเม. กตเม ปฺจ? โกธโน, อุปนาหี, โฆรวิโส, ทุชฺชิวฺโห, มิตฺตทุพฺภี. ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, มาตุคามสฺส โฆรวิสตา – เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, มาตุคาโม ติพฺพราโค. ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, มาตุคามสฺส ทุชฺชิวฺหตา – เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, มาตุคาโม ปิสุณวาโจ. ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, มาตุคามสฺส มิตฺตทุพฺภิตา – เยภุยฺเยน ¶ , ภิกฺขเว, มาตุคาโม อติจารินี. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา มาตุคาเม’’ติ. ทสมํ.
ทีฆจาริกวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทฺเว ทีฆจาริกา วุตฺตา, อตินิวาสมจฺฉรี;
ทฺเว จ กุลูปกา โภคา, ภตฺตํ สปฺปาปเร ทุเวติ.
(๒๔) ๔. อาวาสิกวคฺโค
๑. อาวาสิกสุตฺตํ
๒๓๑. ‘‘ปฺจหิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ อภาวนีโย โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? น อากปฺปสมฺปนฺโน โหติ น วตฺตสมฺปนฺโน; น พหุสฺสุโต โหติ น สุตธโร; น ปฏิสลฺเลขิตา [สลฺเลขิตา (ก. สี.)] โหติ น ปฏิสลฺลานาราโม; น กลฺยาณวาโจ โหติ น กลฺยาณวากฺกรโณ; ทุปฺปฺโ โหติ ชโฬ เอฬมูโค. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ อภาวนีโย โหติ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ภาวนีโย โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อากปฺปสมฺปนฺโน ¶ โหติ วตฺตสมฺปนฺโน; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร; ปฏิสลฺเลขิตา โหติ ปฏิสลฺลานาราโม; กลฺยาณวาโจ โหติ กลฺยาณวากฺกรโณ; ปฺวา โหติ อชโฬ ¶ อเนฬมูโค. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ภาวนีโย โหตี’’ติ. ปมํ.
๒. ปิยสุตฺตํ
๒๓๒. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จ.
‘‘กตเมหิ ปฺจหิ? สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ¶ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา ¶ ; กลฺยาณวาโจ โหติ กลฺยาณวากฺกรโณ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา; จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี; อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ โหติ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ. ทุติยํ.
๓. โสภนสุตฺตํ
๒๓๓. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ อาวาสํ โสเภติ. กตเมหิ ปฺจหิ? สีลวา ¶ โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ…เป… ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; กลฺยาณวาโจ โหติ กลฺยาณวากฺกรโณ โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต วิสฺสฏฺาย อเนลคลาย อตฺถสฺส วิฺาปนิยา; ปฏิพโล โหติ อุปสงฺกมนฺเต ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตุํ สมาทเปตุํ สมุตฺเตเชตุํ สมฺปหํเสตุํ; จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ อาวาสํ โสเภตี’’ติ. ตติยํ.
๔. พหูปการสุตฺตํ
๒๓๔. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ อาวาสสฺส ¶ พหูปกาโร โหติ. กตเมหิ ปฺจหิ? สีลวา โหติ…เป… สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ…เป… ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; ขณฺฑผุลฺลํ ปฏิสงฺขโรติ; มหา โข ปน ภิกฺขุสงฺโฆ อภิกฺกนฺโต นานาเวรชฺชกา ภิกฺขู คิหีนํ อุปสงฺกมิตฺวา อาโรเจติ – ‘มหา โข, อาวุโส, ภิกฺขุสงฺโฆ อภิกฺกนฺโต นานาเวรชฺชกา ภิกฺขู, กโรถ ปฺุานิ, สมโย ปฺุานิ กาตุ’นฺติ; จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ อาวาสสฺส พหูปกาโร โหตี’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. อนุกมฺปสุตฺตํ
๒๓๕. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ คิหีนํ [คิหึ (สฺยา.), คิหี (กตฺถจิ)] อนุกมฺปติ. กตเมหิ ปฺจหิ? อธิสีเล [อธิสีเลสุ (สฺยา.)] สมาทเปติ; ธมฺมทสฺสเน นิเวเสติ; คิลานเก อุปสงฺกมิตฺวา สตึ อุปฺปาเทติ – ‘อรหคฺคตํ อายสฺมนฺโต ¶ สตึ อุปฏฺาเปถา’ติ; มหา โข ปน ภิกฺขุสงฺโฆ อภิกฺกนฺโต นานาเวรชฺชกา ภิกฺขู คิหีนํ อุปสงฺกมิตฺวา อาโรเจติ – ‘มหา โข, อาวุโส, ภิกฺขุสงฺโฆ อภิกฺกนฺโต นานาเวรชฺชกา ภิกฺขู, กโรถ ปฺุานิ, สมโย ปฺุานิ กาตุ’นฺติ; ยํ โข ปนสฺส โภชนํ เทนฺติ ลูขํ วา ปณีตํ วา ตํ อตฺตนา ปริภฺุชติ, สทฺธาเทยฺยํ น วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ คิหีนํ อนุกมฺปตี’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ปมอวณฺณารหสุตฺตํ
๒๓๖. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ; อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ; อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อปฺปสาทนีเย าเน ปสาทํ อุปทํเสติ; อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา ¶ ปสาทนีเย าเน อปฺปสาทํ อุปทํเสติ; สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ; อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ; อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อปฺปสาทนีเย าเน อปฺปสาทํ อุปทํเสติ; อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา ปสาทนีเย าเน ปสาทํ อุปทํเสติ; สทฺธาเทยฺยํ น วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. ฉฏฺํ.
๗. ทุติยอวณฺณารหสุตฺตํ
๒๓๗. ‘‘ปฺจหิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ; อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ; อาวาสมจฺฉรี โหติ อาวาสปลิเคธี; กุลมจฺฉรี โหติ กุลปลิเคธี; สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ; อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ; น อาวาสมจฺฉรี โหติ น อาวาสปลิเคธี; น กุลมจฺฉรี โหติ น กุลปลิเคธี; สทฺธาเทยฺยํ น วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. สตฺตมํ.
๘. ตติยอวณฺณารหสุตฺตํ
๒๓๘. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา ¶ อวณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ; อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ; อาวาสมจฺฉรี โหติ; กุลมจฺฉรี โหติ; ลาภมจฺฉรี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสติ; อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสติ ¶ ; น อาวาสมจฺฉรี โหติ; น กุลมจฺฉรี โหติ ¶ ; น ลาภมจฺฉรี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. อฏฺมํ.
๙. ปมมจฺฉริยสุตฺตํ
๒๓๙. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ ¶ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อาวาสมจฺฉรี โหติ; กุลมจฺฉรี โหติ; ลาภมจฺฉรี โหติ; วณฺณมจฺฉรี [ธมฺมมจฺฉรี (ก.)] โหติ; สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? น อาวาสมจฺฉรี โหติ; น กุลมจฺฉรี โหติ; น ลาภมจฺฉรี โหติ; น วณฺณมจฺฉรี โหติ; สทฺธาเทยฺยํ น วินิปาเตติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. นวมํ.
๑๐. ทุติยมจฺฉริยสุตฺตํ
๒๔๐. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? อาวาสมจฺฉรี โหติ; กุลมจฺฉรี โหติ; ลาภมจฺฉรี โหติ; วณฺณมจฺฉรี โหติ; ธมฺมมจฺฉรี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? น อาวาสมจฺฉรี โหติ; น กุลมจฺฉรี โหติ; น ลาภมจฺฉรี ¶ โหติ; น วณฺณมจฺฉรี โหติ; น ธมฺมมจฺฉรี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาวาสิโก ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. ทสมํ.
อาวาสิกวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
อาวาสิโก ¶ ปิโย จ โสภโน,
พหูปกาโร อนุกมฺปโก จ;
ตโย อวณฺณารหา เจว,
มจฺฉริยา ทุเวปิ จาติ [ยถาภตํ จาปิ อวณฺณเคธา, จตุกฺกมจฺเฉร ปฺจเมน จาติ (สี. สฺยา.) ยถาภตํ อวณฺณฺจ, จตุโก มจฺฉริเยน จาติ (ก.)].
(๒๕) ๕. ทุจฺจริตวคฺโค
๑. ปมทุจฺจริตสุตฺตํ
๒๔๑. ‘‘ปฺจิเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา ทุจฺจริเต. กตเม ปฺจ? อตฺตาปิ อตฺตานํ อุปวทติ; อนุวิจฺจ วิฺู ครหนฺติ; ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ; สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ; กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา ทุจฺจริเต.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา สุจริเต. กตเม ปฺจ? อตฺตาปิ อตฺตานํ น อุปวทติ; อนุวิจฺจ วิฺู ปสํสนฺติ; กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ; อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ; กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา สุจริเต’’ติ. ปมํ.
๒. ปมกายทุจฺจริตสุตฺตํ
๒๔๒. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา กายทุจฺจริเต…เป… อานิสํสา กายสุจริเต…เป…. ทุติยํ.
๓. ปมวจีทุจฺจริตสุตฺตํ
๒๔๓. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา วจีทุจฺจริเต…เป… อานิสํสา วจีสุจริเต…เป…. ตติยํ.
๔. ปมมโนทุจฺจริตสุตฺตํ
๒๔๔. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา มโนทุจฺจริเต…เป… อานิสํสา มโนสุจริเต ¶ . กตเม ปฺจ? อตฺตาปิ ¶ อตฺตานํ น อุปวทติ; อนุวิจฺจ วิฺู ¶ ปสํสนฺติ; กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ; อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ; กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา มโนสุจริเต’’ติ. จตุตฺถํ.
๕. ทุติยทุจฺจริตสุตฺตํ
๒๔๕. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา ทุจฺจริเต. กตเม ปฺจ? อตฺตาปิ อตฺตานํ อุปวทติ; อนุวิจฺจ วิฺู ครหนฺติ; ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ; สทฺธมฺมา วุฏฺาติ; อสทฺธมฺเม ปติฏฺาติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา ทุจฺจริเต.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา สุจริเต. กตเม ปฺจ? อตฺตาปิ อตฺตานํ น อุปวทติ; อนุวิจฺจ วิฺู ปสํสนฺติ; กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ; อสทฺธมฺมา วุฏฺาติ; สทฺธมฺเม ปติฏฺาติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา สุจริเต’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ทุติยกายทุจฺจริตสุตฺตํ
๒๔๖. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา กายทุจฺจริเต…เป… อานิสํสา กายสุจริเต…เป…. ฉฏฺํ.
๗. ทุติยวจีทุจฺจริตสุตฺตํ
๒๔๗. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา วจีทุจฺจริเต…เป… อานิสํสา วจีสุจริเต…เป…. สตฺตมํ.
๘. ทุติยมโนทุจฺจริตสุตฺตํ
๒๔๘. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา มโนทุจฺจริเต…เป… อานิสํสา มโนสุจริเต. กตเม ปฺจ? อตฺตาปิ อตฺตานํ ¶ น อุปวทติ; อนุวิจฺจ วิฺู ปสํสนฺติ; กลฺยาโณ ¶ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ; อสทฺธมฺมา วุฏฺาติ; สทฺธมฺเม ปติฏฺาติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อานิสํสา มโนสุจริเต’’ติ. อฏฺมํ.
๙. สิวถิกสุตฺตํ
๒๔๙. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา สิวถิกาย [สีวถิกาย (สี. สฺยา. กํ. ปี.)]. กตเม ปฺจ? อสุจิ, ทุคฺคนฺธา, สปฺปฏิภยา, วาฬานํ อมนุสฺสานํ อาวาโส, พหุโน ชนสฺส อาโรทนา – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา สิวถิกาย.
‘‘เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม อาทีนวา สิวถิกูปเม ปุคฺคเล. กตเม ปฺจ? อิธ ¶ , ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อสุจินา กายกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ; อสุจินา วจีกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ; อสุจินา มโนกมฺเมน สมนฺนาคโต โหติ. อิทมสฺส อสุจิตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ สา, ภิกฺขเว, สิวถิกา อสุจิ; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.
‘‘ตสฺส อสุจินา กายกมฺเมน สมนฺนาคตสฺส, อสุจินา วจีกมฺเมน สมนฺนาคตสฺส, อสุจินา มโนกมฺเมน สมนฺนาคตสฺส ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ. อิทมสฺส ทุคฺคนฺธตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ สา, ภิกฺขเว, สิวถิกา ทุคฺคนฺธา; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.
‘‘ตเมนํ อสุจินา กายกมฺเมน สมนฺนาคตํ, อสุจินา วจีกมฺเมน สมนฺนาคตํ, อสุจินา มโนกมฺเมน สมนฺนาคตํ เปสลา สพฺรหฺมจารี อารกา ปริวชฺชนฺติ. อิทมสฺส สปฺปฏิภยสฺมึ วทามิ. เสยฺยถาปิ สา, ภิกฺขเว, สิวถิกา สปฺปฏิภยา; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.
‘‘โส อสุจินา กายกมฺเมน สมนฺนาคโต, อสุจินา วจีกมฺเมน สมนฺนาคโต ¶ , อสุจินา มโนกมฺเมน สมนฺนาคโต สภาเคหิ ปุคฺคเลหิ สทฺธึ สํวสติ. อิทมสฺส วาฬาวาสสฺมึ ¶ วทามิ. เสยฺยถาปิ สา ¶ , ภิกฺขเว, สิวถิกา วาฬานํ อมนุสฺสานํ อาวาโส; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ.
‘‘ตเมนํ อสุจินา กายกมฺเมน สมนฺนาคตํ, อสุจินา วจีกมฺเมน สมนฺนาคตํ, อสุจินา มโนกมฺเมน สมนฺนาคตํ เปสลา สพฺรหฺมจารี ทิสฺวา ขียธมฺมํ [ขียนธมฺมํ (สี.)] อาปชฺชนฺติ – ‘อโห วต โน ทุกฺขํ เย มยํ เอวรูเปหิ ปุคฺคเลหิ สทฺธึ สํวสามา’ติ! อิทมสฺส อาโรทนาย วทามิ. เสยฺยถาปิ สา, ภิกฺขเว, สิวถิกา พหุโน ชนสฺส อาโรทนา; ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามิ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา สิวถิกูปเม ปุคฺคเล’’ติ. นวมํ.
๑๐. ปุคฺคลปฺปสาทสุตฺตํ
๒๕๐. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, อาทีนวา ปุคฺคลปฺปสาเท. กตเม ปฺจ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล ปุคฺคโล อภิปฺปสนฺโน โหติ, โส ตถารูปํ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ ยถารูปาย อาปตฺติยา สงฺโฆ อุกฺขิปติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘โย โข มฺยายํ ปุคฺคโล ปิโย มนาโป โส สงฺเฆน อุกฺขิตฺโต’ติ. ภิกฺขูสุ อปฺปสาทพหุโล โหติ. ภิกฺขูสุ อปฺปสาทพหุโล สมาโน อฺเ ภิกฺขู น ภชติ. อฺเ ภิกฺขู อภชนฺโต สทฺธมฺมํ น สุณาติ. สทฺธมฺมํ อสุณนฺโต สทฺธมฺมา ปริหายติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม อาทีนโว ปุคฺคลปฺปสาเท.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ ปุคฺคเล ปุคฺคโล อภิปฺปสนฺโน โหติ, โส ตถารูปํ อาปตฺตึ อาปนฺโน โหติ ยถารูปาย อาปตฺติยา สงฺโฆ อนฺเต นิสีทาเปติ ¶ . ตสฺส เอวํ โหติ – ‘โย โข มฺยายํ ปุคฺคโล ปิโย มนาโป โส สงฺเฆน อนฺเต นิสีทาปิโต’ติ. ภิกฺขูสุ อปฺปสาทพหุโล โหติ. ภิกฺขูสุ อปฺปสาทพหุโล สมาโน อฺเ ภิกฺขู น ภชติ. อฺเ ภิกฺขู อภชนฺโต สทฺธมฺมํ น สุณาติ. สทฺธมฺมํ อสุณนฺโต สทฺธมฺมา ปริหายติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย อาทีนโว ปุคฺคลปฺปสาเท.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ยสฺมึ ปุคฺคเล ปุคฺคโล อภิปฺปสนฺโน โหติ, โส ทิสาปกฺกนฺโต โหติ…เป… โส วิพฺภนฺโต โหติ…เป… โส ¶ กาลงฺกโต โหติ. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘โย โข มฺยายํ ปุคฺคโล ปิโย มนาโป โส กาลงฺกโต’ติ. อฺเ ภิกฺขู น ภชติ. อฺเ ภิกฺขู ¶ อภชนฺโต สทฺธมฺมํ น สุณาติ. สทฺธมฺมํ อสุณนฺโต สทฺธมฺมา ปริหายติ. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจโม อาทีนโว ปุคฺคลปฺปสาเท. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ อาทีนวา ปุคฺคลปฺปสาเท’’ติ. ทสมํ.
ทุจฺจริตวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทุจฺจริตํ ¶ กายทุจฺจริตํ, วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํ;
จตูหิ ปเร ทฺเว สิวถิกา, ปุคฺคลปฺปสาเทน จาติ.
ปฺจมปณฺณาสกํ สมตฺตํ.
(๒๖) ๖. อุปสมฺปทาวคฺโค
๑. อุปสมฺปาเทตพฺพสุตฺตํ
๒๕๑. [มหาว. ๘๔] ‘‘ปฺจหิ ¶ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา อุปสมฺปาเทตพฺพํ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อเสเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ; อเสเขน สมาธิกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ; อเสเขน ปฺากฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ; อเสเขน วิมุตฺติกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ; อเสเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา อุปสมฺปาเทตพฺพ’’นฺติ. ปมํ.
๒. นิสฺสยสุตฺตํ
๒๕๒. [มหาว. ๘๔] ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา นิสฺสโย ทาตพฺโพ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อเสเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ…เป… อเสเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ. อิเมหิ…เป… นิสฺสโย ทาตพฺโพ’’ติ. ทุติยํ.
๓. สามเณรสุตฺตํ
๒๕๓. [มหาว. ๘๔] ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อเสเขน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ; อเสเขน สมาธิกฺขนฺเธน… อเสเขน ปฺากฺขนฺเธน… อเสเขน วิมุตฺติกฺขนฺเธน… อเสเขน วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สามเณโร อุปฏฺาเปตพฺโพ’’ติ. ตติยํ.
๔. ปฺจมจฺฉริยสุตฺตํ
๒๕๔. ‘‘ปฺจิมานิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, มจฺฉริยานิ. กตมานิ ปฺจ? อาวาสมจฺฉริยํ, กุลมจฺฉริยํ, ลาภมจฺฉริยํ, วณฺณมจฺฉริยํ, ธมฺมมจฺฉริยํ – อิมานิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ มจฺฉริยานิ. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺนํ มจฺฉริยานํ เอตํ ปฏิกุฏฺํ [ปติกิฏฺํ (สี. ปี.), ปฏิกฺกิฏฺํ (สฺยา. กํ.), ปฏิกิฏฺํ (ก.)], ยทิทํ ธมฺมมจฺฉริย’’นฺติ. จตุตฺถํ.
๕. มจฺฉริยปฺปหานสุตฺตํ
๒๕๕. ‘‘ปฺจนฺนํ ¶ , ภิกฺขเว, มจฺฉริยานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ. กตเมสํ ปฺจนฺนํ? อาวาสมจฺฉริยสฺส ปหานาย สมุจฺเฉทาย พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ; กุลมจฺฉริยสฺส…เป… ลาภมจฺฉริยสฺส… วณฺณมจฺฉริยสฺส… ธมฺมมจฺฉริยสฺส ปหานาย สมุจฺเฉทาย พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺนํ มจฺฉริยานํ ปหานาย สมุจฺเฉทาย พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ. ปฺจมํ.
๖. ปมฌานสุตฺตํ
๒๕๖. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺเม อปฺปหาย อภพฺโพ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. กตเม ปฺจ? อาวาสมจฺฉริยํ, กุลมจฺฉริยํ, ลาภมจฺฉริยํ, วณฺณมจฺฉริยํ, ธมฺมมจฺฉริยํ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺเม อปฺปหาย อภพฺโพ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺเม ปหาย ภพฺโพ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. กตเม ปฺจ? อาวาสมจฺฉริยํ, กุลมจฺฉริยํ, ลาภมจฺฉริยํ, วณฺณมจฺฉริยํ, ธมฺมมจฺฉริยํ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺเม ปหาย ภพฺโพ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุ’’นฺติ. ฉฏฺํ.
๗-๑๓. ทุติยฌานสุตฺตาทิสตฺตกํ
๒๕๗-๒๖๓. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเม อปฺปหาย อภพฺโพ ทุติยํ ฌานํ…เป… อภพฺโพ ตติยํ ฌานํ… อภพฺโพ จตุตฺถํ ฌานํ… อภพฺโพ โสตาปตฺติผลํ… อภพฺโพ สกทาคามิผลํ… อภพฺโพ อนาคามิผลํ… อภพฺโพ อรหตฺตํ [อรหตฺตผลํ (สี.)] สจฺฉิกาตุํ. กตเม ปฺจ? อาวาสมจฺฉริยํ ¶ ¶ , กุลมจฺฉริยํ, ลาภมจฺฉริยํ, วณฺณมจฺฉริยํ, ธมฺมมจฺฉริยํ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺเม อปฺปหาย อภพฺโพ อรหตฺตํ สจฺฉิกาตุํ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺเม ปหาย ภพฺโพ ทุติยํ ฌานํ…เป… ภพฺโพ ตติยํ ฌานํ… ภพฺโพ จตุตฺถํ ฌานํ… ภพฺโพ โสตาปตฺติผลํ… ภพฺโพ สกทาคามิผลํ… ภพฺโพ อนาคามิผลํ… ภพฺโพ อรหตฺตํ สจฺฉิกาตุํ. กตเม ปฺจ? อาวาสมจฺฉริยํ, กุลมจฺฉริยํ, ลาภมจฺฉริยํ, วณฺณมจฺฉริยํ, ธมฺมมจฺฉริยํ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺเม ปหาย ภพฺโพ อรหตฺตํ สจฺฉิกาตุ’’นฺติ. เตรสมํ.
๑๔. อปรปมฌานสุตฺตํ
๒๖๔. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเม อปฺปหาย อภพฺโพ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. กตเม ปฺจ? อาวาสมจฺฉริยํ, กุลมจฺฉริยํ, ลาภมจฺฉริยํ, วณฺณมจฺฉริยํ, อกตฺุตํ อกตเวทิตํ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺเม อปฺปหาย อภพฺโพ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺเม ปหาย ภพฺโพ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. กตเม ปฺจ? อาวาสมจฺฉริยํ, กุลมจฺฉริยํ, ลาภมจฺฉริยํ, วณฺณมจฺฉริยํ, อกตฺุตํ อกตเวทิตํ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺเม ปหาย ภพฺโพ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุ’’นฺติ. จุทฺทสมํ.
๑๕-๒๑. อปรทุติยฌานสุตฺตาทิสตฺตกํ
๒๖๕-๒๗๑. ‘‘ปฺจิเม ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเม อปฺปหาย อภพฺโพ ทุติยํ ฌานํ…เป… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ… โสตาปตฺติผลํ… สกทาคามิผลํ… อนาคามิผลํ… อรหตฺตํ สจฺฉิกาตุํ. กตเม ปฺจ? อาวาสมจฺฉริยํ, กุลมจฺฉริยํ, ลาภมจฺฉริยํ, วณฺณมจฺฉริยํ, อกตฺุตํ อกตเวทิตํ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺเม อปฺปหาย อภพฺโพ อรหตฺตํ สจฺฉิกาตุํ.
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, ธมฺเม ปหาย ภพฺโพ ทุติยํ ฌานํ…เป… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ… โสตาปตฺติผลํ… สกทาคามิผลํ… อนาคามิผลํ… อรหตฺตํ สจฺฉิกาตุํ. กตเม ¶ ปฺจ? อาวาสมจฺฉริยํ, กุลมจฺฉริยํ, ลาภมจฺฉริยํ, วณฺณมจฺฉริยํ, อกตฺุตํ อกตเวทิตํ – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ธมฺเม ปหาย ภพฺโพ อรหตฺตํ สจฺฉิกาตุ’’นฺติ. เอกวีสติมํ.
อุปสมฺปทาวคฺโค ฉฏฺโ.
๑. สมฺมุติเปยฺยาลํ
๑. ภตฺตุทฺเทสกสุตฺตํ
๒๗๒. ‘‘ปฺจหิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภตฺตุทฺเทสโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ [น สมฺมนิตพฺโพ (ก.) จูฬว. ๓๒๖ ปสฺสิตพฺพํ]. กตเมหิ ปฺจหิ? ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ, โทสาคตึ คจฺฉติ, โมหาคตึ ¶ คจฺฉติ, ภยาคตึ คจฺฉติ, อุทฺทิฏฺานุทฺทิฏฺํ น ชานาติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภตฺตุทฺเทสโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภตฺตุทฺเทสโก สมฺมนฺนิตพฺโพ. กตเมหิ ปฺจหิ? น ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ, น โทสาคตึ คจฺฉติ, น โมหาคตึ คจฺฉติ, น ภยาคตึ คจฺฉติ, อุทฺทิฏฺานุทฺทิฏฺํ ชานาติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภตฺตุทฺเทสโก สมฺมนฺนิตพฺโพติ.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภตฺตุทฺเทสโก สมฺมโต [สมฺมโตปิ (สี.)] น เปเสตพฺโพ…เป… สมฺมโต เปเสตพฺโพ… พาโล เวทิตพฺโพ… ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ… ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ… อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ… ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย… ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? น ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ, น โทสาคตึ คจฺฉติ, น โมหาคตึ คจฺฉติ, น ภยาคตึ คจฺฉติ, อุทฺทิฏฺานุทฺทิฏฺํ ¶ ชานาติ – อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภตฺตุทฺเทสโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. ปมํ.
๒-๑๔. เสนาสนปฺาปกสุตฺตาทิเตรสกํ
๒๗๓-๒๘๕. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เสนาสนปฺาปโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… ปฺตฺตาปฺตฺตํ น ชานาติ…เป… เสนาสนปฺาปโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… ปฺตฺตาปฺตฺตํ ชานาติ…เป….
เสนาสนคาหาปโก ¶ น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… คหิตาคหิตํ [ปฺตฺตาปฺตฺตํ (สี. สฺยา. กํ.)] น ชานาติ…เป… เสนาสนคาหาปโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… คหิตาคหิตํ [ปฺตฺตาปฺตฺตํ (สี. สฺยา. กํ.)] ชานาติ…เป….
ภณฺฑาคาริโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… คุตฺตาคุตฺตํ น ชานาติ… ภณฺฑาคาริโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… คุตฺตาคุตฺตํ ชานาติ…เป….
จีวรปฏิคฺคาหโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… คหิตาคหิตํ น ชานาติ… จีวรปฏิคฺคาหโก สมฺมนฺนิตพฺโพ ¶ …เป… คหิตาคหิตํ ชานาติ…เป….
จีวรภาชโก ¶ น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… ภาชิตาภาชิตํ น ชานาติ… จีวรภาชโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… ภาชิตาภาชิตํ ชานาติ…เป….
ยาคุภาชโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… ยาคุภาชโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป….
ผลภาชโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… ผลภาชโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป….
ขชฺชกภาชโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… ภาชิตาภาชิตํ น ชานาติ… ขชฺชกภาชโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… ภาชิตาภาชิตํ ชานาติ…เป….
อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… วิสฺสชฺชิตาวิสฺสชฺชิตํ น ชานาติ… อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… วิสฺสชฺชิตาวิสฺสชฺชิตํ ชานาติ….
สาฏิยคฺคาหาปโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… คหิตาคหิตํ น ชานาติ ¶ … สาฏิยคฺคาหาปโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… คหิตาคหิตํ ชานาติ….
ปตฺตคฺคาหาปโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… คหิตาคหิตํ น ชานาติ… ปตฺตคฺคาหาปโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… คหิตาคหิตํ ชานาติ….
อารามิกเปสโก ¶ น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… อารามิกเปสโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป….
สามเณรเปสโก น สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป… สามเณรเปสโก สมฺมนฺนิตพฺโพ…เป….
สมฺมโต น เปเสตพฺโพ…เป… สมฺมโต เปเสตพฺโพ…เป….
สามเณรเปสโก พาโล เวทิตพฺโพ…เป… ปณฺฑิโต เวทิตพฺโพ… ขตํ อุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ… อกฺขตํ อนุปหตํ อตฺตานํ ปริหรติ… ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย… ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? น ฉนฺทาคตึ คจฺฉติ, น โทสาคตึ คจฺฉติ, น โมหาคตึ คจฺฉติ, น ภยาคตึ คจฺฉติ, เปสิตาเปสิตํ ชานาติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สามเณรเปสโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. จุทฺทสมํ.
สมฺมุติเปยฺยาลํ นิฏฺิตํ.
๒. สิกฺขาปทเปยฺยาลํ
๑. ภิกฺขุสุตฺตํ
๒๘๖. ‘‘ปฺจหิ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, อพฺรหฺมจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ ¶ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ ¶ ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, อพฺรหฺมจริยา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ สคฺเค’’ติ. ปมํ.
๒-๗. ภิกฺขุนีสุตฺตาทิฉกฺกํ
๒๘๗-๒๙๒. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ภิกฺขุนี…เป… สิกฺขมานา… สามเณโร… สามเณรี… อุปาสโก… อุปาสิกา ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตินี โหติ, อทินฺนาทายินี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารินี โหติ, มุสาวาทินี โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายินี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา อุปาสิกา ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ นิรเย.
‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา อุปาสิกา ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตา ปฏิวิรตา โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรตา โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรตา โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรตา ¶ โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรตา โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตา อุปาสิกา ยถาภตํ นิกฺขิตฺตา เอวํ สคฺเค’’ติ. สตฺตมํ.
๘. อาชีวกสุตฺตํ
๒๙๓. ‘‘ปฺจหิ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อาชีวโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, อพฺรหฺมจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ¶ อาชีวโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย’’ติ. อฏฺมํ.
๙-๑๗. นิคณฺสุตฺตาทินวกํ
๒๙๔-๓๐๒. ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต นิคณฺโ…เป… มุณฺฑสาวโก… ชฏิลโก… ปริพฺพาชโก… มาคณฺฑิโก… เตทณฺฑิโก… อารุทฺธโก… โคตมโก… เทวธมฺมิโก ¶ ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ ปฺจหิ? ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺายี โหติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต เทวธมฺมิโก ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย’’ติ. สตฺตรสมํ.
สิกฺขาปทเปยฺยาลํ นิฏฺิตํ.
๓. ราคเปยฺยาลํ
๓๐๓. ‘‘ราคสฺส ¶ , ภิกฺขเว, อภิฺาย ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา. กตเม ปฺจ? อสุภสฺา, มรณสฺา, อาทีนวสฺา, อาหาเร ปฏิกูลสฺา, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา [สพฺพตฺถปิ เอวเมว ทิสฺสติ] – ราคสฺส, ภิกฺขเว, อภิฺาย อิเม ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา’’ติ.
๓๐๔. ‘‘ราคสฺส, ภิกฺขเว, อภิฺาย ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา. กตเม ปฺจ? อนิจฺจสฺา, อนตฺตสฺา, มรณสฺา, อาหาเร ปฏิกูลสฺา, สพฺพโลเก อนภิรตสฺา – ราคสฺส, ภิกฺขเว, อภิฺาย อิเม ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา’’ติ.
๓๐๕. ‘‘ราคสฺส ¶ , ภิกฺขเว, อภิฺาย ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา. กตเม ปฺจ? อนิจฺจสฺา, อนิจฺเจ ทุกฺขสฺา, ทุกฺเข อนตฺตสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺา – ราคสฺส, ภิกฺขเว, อภิฺาย อิเม ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา’’ติ.
๓๐๖. ‘‘ราคสฺส, ภิกฺขเว, อภิฺาย ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา. กตเม ปฺจ? สทฺธินฺทฺริยํ, วีริยินฺทฺริยํ, สตินฺทฺริยํ, สมาธินฺทฺริยํ, ปฺินฺทฺริยํ – ราคสฺส, ภิกฺขเว, อภิฺาย อิเม ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา’’ติ.
๓๐๗. ‘‘ราคสฺส ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อภิฺาย ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา. กตเม ปฺจ? สทฺธาพลํ, วีริยพลํ, สติพลํ, สมาธิพลํ, ปฺาพลํ – ราคสฺส, ภิกฺขเว, อภิฺาย อิเม ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา’’ติ.
๓๐๘-๑๑๕๑. ‘‘ราคสฺส, ภิกฺขเว, ปริฺาย… ปริกฺขยาย… ปหานาย… ขยาย… วยาย… วิราคาย… นิโรธาย… จาคาย… ปฏินิสฺสคฺคาย ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา. โทสสฺส… โมหสฺส… โกธสฺส… อุปนาหสฺส… มกฺขสฺส… ปฬาสสฺส… อิสฺสาย… มจฺฉริยสฺส… มายาย… สาเยฺยสฺส… ถมฺภสฺส… สารมฺภสฺส… มานสฺส… อติมานสฺส ¶ … มทสฺส… ปมาทสฺส อภิฺาย… ปริฺาย… ปริกฺขยาย… ปหานาย… ขยาย… วยาย… วิราคาย… นิโรธาย… จาคาย… ปฏินิสฺสคฺคาย ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา.
‘‘กตเม ปฺจ? สทฺธาพลํ, วีริยพลํ, สติพลํ, สมาธิพลํ, ปฺาพลํ – ปมาทสฺส, ภิกฺขเว, ปฏินิสฺสคฺคาย อิเม ปฺจ ธมฺมา ภาเวตพฺพา’’ติ.
ราคเปยฺยาลํ นิฏฺิตํ.
ตสฺสุทฺทานํ –
อภิฺาย ปริฺาย ปริกฺขยาย,
ปหานาย ขยาย วเยน จ;
วิราคนิโรธา จาคฺจ,
ปฏินิสฺสคฺโค อิเม ทสาติ.
ปฺจกนิปาโต นิฏฺิโต.
ตตฺริทํ วคฺคุทฺทานํ –
เสขพลํ ¶ พลฺเจว, ปฺจงฺคิกฺจ สุมนํ;
มุณฺฑนีวรณฺจ สฺฺจ, โยธาชีวฺจ อฏฺมํ;
เถรํ กกุธผาสฺุจ, อนฺธกวินฺททฺวาทสํ;
คิลานราชติกณฺฑํ, สทฺธมฺมาฆาตุปาสกํ;
อรฺพฺราหฺมณฺเจว, กิมิลกฺโกสกํ ตถา;
ทีฆาจาราวาสิกฺจ, ทุจฺจริตูปสมฺปทนฺติ.
ปฺจกนิปาตปาฬิ นิฏฺิตา.