📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

องฺคุตฺตรนิกาเย

ปฺจกนิปาต-ฏีกา

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. เสขพลวคฺโค

๑. สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา

. ปฺจกนิปาตสฺส ปเม กามํ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาโวปิ พลฏฺโ เอว, ปฏิปกฺเขหิ ปน อกมฺปนียตฺตํ สาติสยํ พลฏฺโติ วุตฺตํ – ‘‘อสฺสทฺธิเย น กมฺปตี’’ติ.

สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๖. วิตฺถตสุตฺตาทิวณฺณนา

๒-๖. ทุติเย หิรียตีติ ลชฺชติ วิรชฺชติ. ยสฺมา หิรี ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณา, ตสฺมา ‘‘ชิคุจฺฉตีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. โอตฺตปฺปตีติ อุตฺรสติ. ปาปุตฺราสลกฺขณฺหิ โอตฺตปฺปํ.

ปคฺคหิตวีริโยติ สงฺโกจํ อนาปนฺนวีริโย. เตนาห ‘‘อโนสกฺกิตมานโส’’ติ. ปหานตฺถายาติ สมุจฺฉินฺนตฺถาย. กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทา นาม สมธิคโม เอวาติ อาห ‘‘ปฏิลาภตฺถายา’’ติ.

คติอตฺถา ธาตุสทฺทา พุทฺธิอตฺถา โหนฺตีติ อาห ‘‘อุทยฺจ วยฺจ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถายา’’ติ. มิสฺสกนเยนายํ เทสนา คตาติ อาห ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน จ สมุจฺเฉทวเสน จา’’ติ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปฺาย เจว มคฺคปฺาย จา’’ติ. วิปสฺสนาปฺาย วิกฺขมฺภนกิริยโต สา จ โข ปเทสิกาติ นิปฺปเทสิกํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘มคฺคปฺาย ปฏิลาภสํวตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ. ทุกฺขกฺขยคามินิภาเวปิ เอเสว นโย. สมฺมาติ ยาถาวโต. อกุปฺปธมฺมตาย หิ มคฺคปฺาย เขปิตํ เขปิตเมว, นาสฺส ปุน เขปนกิจฺจํ อตฺถีติ อุปาเยน าเยน สา ปวตฺตตีติ อาห ‘‘เหตุนา นเยนา’’ติ. ตติยาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

วิตฺถตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. กามสุตฺตวณฺณนา

. สตฺตเม อสนฺติ ลูนนฺติ เตนาติ อสิตํ, ทาตฺตํ. วิวิธา อาภฺชนฺติ ภารํ โอลมฺเพนฺติ เตนาติ พฺยาภงฺคี, วิธํ. กุลปุตฺโตติ เอตฺถ ทุวิโธ กุลปุตฺโต ชาติกุลปุตฺโต, อาจารกุลปุตฺโต จ. ตตฺถ ‘‘เตน โข ปน สมเยน รฏฺปาโล นาม กุลปุตฺโต ตสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลิกสฺส ปุตฺโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๙๔) เอวํ อาคโต อุจฺจกุลปฺปสุโต ชาติกุลปุตฺโต นาม. ‘‘เย เต กุลปุตฺตา สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๔) เอวํ อาคตา ปน ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ปสุตาปิ อาจารสมฺปนฺนา อาจารกุลปุตฺโต นาม. อิธ ปน อาจารกุลปุตฺโต อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘กุลปุตฺโตติ อาจารกุลปุตฺโต’’ติ. ยุตฺตนฺติ อนุจฺฉวิกํ, เอวํ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

กามสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. จวนสุตฺตวณฺณนา

. อฏฺเม สทฺธายาติ อิมินา อธิคมสทฺธา ทสฺสิตา. จตุพฺพิธา หิ สทฺธา – อาคมนียสทฺธา, อธิคมสทฺธา, ปสาทสทฺธา, โอกปฺปนสทฺธาติ. ตตฺถ อาคมนียสทฺธา สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ ปวตฺตา โหติ. อาคมนียปฺปฏิปทาย อาคตา หิ สทฺธา สาติสยา มหาโพธิสตฺตานํ ปโรปเทเสน วินา สทฺเธยฺยวตฺถุํ อวิปรีตโต คเหตฺวา อธิมุจฺจนโต. สจฺจปฺปฏิเวธโต อาคตสทฺธา อธิคมสทฺธา สุปฺปพุทฺธาทีนํ วิย. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทินา พุทฺธาทีสุ อุปฺปชฺชนกปฺปสาโท ปสาทสทฺธา มหากปฺปินราชาทีนํ วิย. ‘‘เอวเมต’’นฺติ โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา สทฺทหนวเสน กปฺปนํ โอกปฺปนํ, ตเทว สทฺธาติ โอกปฺปนสทฺธา. ตตฺถ ปสาทสทฺธา ปรเนยฺยรูปา โหติ, สวนมตฺเตนปิ ปสีทนโต. โอกปฺปนสทฺธา สทฺเธยฺยํ วตฺถุํ โอคาหิตฺวา อนุปวิสิตฺวา ‘‘เอวเมต’’นฺติ ปจฺจกฺขํ กโรนฺตี วิย ปวตฺตติ.

จวนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปมอคารวสุตฺตวณฺณนา

. นวเม อปฺปติสฺสโยติ อปฺปติสฺสโว ว-การสฺส ย-การํ กตฺวา นิทฺเทโส. ครุนา กิสฺมิฺจิ วุตฺโต คารววเสน ปติสฺสวนํ, ปติสฺสโว, ปติสฺสวภูตํ, ตํสภาวฺจ ยํ กิฺจิ คารวํ. นตฺถิ เอตสฺมึ ปติสฺสโวติ อปฺปติสฺสโว, คารววิรหิโต. เตนาห ‘‘อเชฏฺโก อนีจวุตฺตี’’ติ.

ปมอคารวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทุติยอคารวสุตฺตวณฺณนา

๑๐. ทสเม วุทฺธินฺติอาทีสุ สีเลน วุทฺธึ, มคฺเคน วิรุฬฺหึ, นิพฺพาเนน เวปุลฺลํ. สีลสมาธีหิ วา วุทฺธึ, วิปสฺสนามคฺเคหิ วิรุฬฺหึ, ผลนิพฺพาเนหิ เวปุลฺลํ. เอตฺถ จ ยสฺส จตุพฺพิธํ สีลํ อขณฺฑาทิภาวปฺปวตฺติยา สุปริสุทฺธํ วิเสสภาคิยตฺตา อปฺปกสิเรเนว มคฺคผลาวหํ สงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส วิย, โส ตาทิเสน สีเลน อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ อาปชฺชิสฺสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สีเลน วุทฺธิ’’นฺติ. ยสฺส ปน อริยมคฺโค อุปฺปนฺโน, โส วิรูฬฺหมูโล วิย ปาทโป สุปฺปติฏฺิตตฺตา สาสเน วิรูฬฺหึ อาปนฺโน นาม โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘มคฺเคน วิรูฬฺหิ’’นฺติ. โย สพฺพกิเลสนิพฺพานปฺปตฺโต, โส อรหา สีลาทิธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา สติ เวปุลฺลปฺปตฺโต โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิพฺพาเนน เวปุลฺล’’นฺติ. ทุติยวิกปฺเป อตฺโถ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺโพ.

ทุติยอคารวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

เสขพลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. พลวคฺโค

๑. อนนุสฺสุตสุตฺตวณฺณนา

๑๑. ทุติยสฺส ปเม อภิชานิตฺวาติ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานิตฺวา. อฏฺหิ การเณหิ ตถาคตสฺสาติ ‘‘ตถา อาคโตติ ตถาคโต. ตถา คโตติ ตถาคโต. ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต. ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต. ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. ตถาวาทิตาย ตถาคโต. ตถาการิตาย ตถาคโต. อภิภวนฏฺเน ตถาคโต’’ติ เอวํ วุตฺเตหิ อฏฺหิ การเณหิ. อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, เสฏฺฏฺานํ. เตนาห ‘‘อาสภํ านนฺติ เสฏฺฏฺาน’’นฺติ. ปรโต ทสฺสิตพลโยเคน ‘‘ทสพโลห’’นฺติ อภีตนาทํ นทติ. พฺรหฺมจกฺกนฺติ เอตฺถ เสฏฺปริยาโย. พฺรหฺมสทฺโทติ อาห ‘‘เสฏฺจกฺก’’นฺติ. จกฺกฺเจตํ ธมฺมจกฺกํ อธิปฺเปตํ.

อนนุสฺสุตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา

๑๓. ตติเย กามํ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาโวปิ พลฏฺโ เอว, ปฏิปกฺเขหิ ปน อกมฺปนียตฺตํ สาติสยํ พลฏฺโติ วุตฺตํ ‘‘มุฏฺสฺสจฺเจ น กมฺปตี’’ติ.

สํขิตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. วิตฺถตสุตฺตวณฺณนา

๑๔. จตุตฺเถ สติเนปกฺเกนาติ สติยา เนปกฺเกน, ติกฺขวิสทสูรภาเวนาติ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน เนปกฺกํ นาม ปฺาติ อธิปฺปาเยน ‘‘เนปกฺกํ วุจฺจติ ปฺา’’ติ วุตฺตํ. เอวํ สติ อฺโ นิทฺทิฏฺโ นาม โหติ. สติมาติ จ อิมินา สวิเสสา สติ คหิตาติ ปรโตปิ ‘‘จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา’’ติ สติกิจฺจเมว นิทฺทิฏฺํ, น ปฺากิจฺจํ, ตสฺมา สติเนปกฺเกนาติ สติยา เนปกฺกภาเวนาติ สกฺกา วิฺาตุํ ลพฺภเตว. ปจฺจยวิเสสวเสน อฺธมฺมนิรเปกฺโข สติยา พลวภาโว. ตถา หิ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนปิ สชฺฌายนสมฺมสนานิ สมฺภวนฺติ.

จิรกตมฺปีติ อตฺตนา วา ปเรน วา กาเยน จิรกตํ เจติยงฺคณวตฺตาทิมหาวตฺตปฺปฏิปตฺติปูรณํ. จิรภาสิตมฺปีติ อตฺตนา วา ปเรน วา วาจาย จิรภาสิตํ สกฺกจฺจํ อุทฺทิสนอุทฺทิสาปนธมฺมาสารณธมฺมเทสนาอุปนิสินฺนกปริกถาอนุโมทนียาทิวเสน ปวตฺติตํ วจีกมฺมํ. สริตา อนุสฺสริตาติ ตสฺมึ กาเยน จิรกเต กาโย นาม กายวิฺตฺติ, จิรภาสิเต วาจา นาม วจีวิฺตฺติ, ตทุภยมฺปิ รูปํ, ตํสมุฏฺาปกา จิตฺตเจตสิกา อรูปํ. อิติ อิเม รูปารูปธมฺมา เอวํ อุปฺปชฺชิตฺวา เอวํ นิรุทฺธาติ สรติ เจว อนุสฺสรติ จ, สติสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปตีติ อตฺโถ. โพชฺฌงฺคสมุฏฺาปิกา หิ สติ อิธ อธิปฺเปตา. ตาย สติยา เอส สกึ สรเณน สริตา, ปุนปฺปุนํ สรเณน อนุสฺสริตาติ เวทิตพฺพา.

วิตฺถตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๑๐. ทฏฺพฺพสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๕-๒๐. ปฺจเม สวิสยสฺมึเยวาติ อตฺตโน อตฺตโน วิสเย เอว. โลกิยโลกุตฺตรธมฺเม กเถตุนฺติ โลกิยธมฺเม โลกุตฺตรธมฺเม จ เตน เตน ปวตฺติวิเสเสน กเถตุํ. จตูสุ โสตาปตฺติยงฺเคสูติ สปฺปุริสสํเสโว สทฺธมฺมสฺสวนํ โยนิโสมนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺตีติ อิเมสุ จตูสุ โสตาปตฺติมคฺคการเณสุ. กามฺจ เตสุ สติอาทโยปิ ธมฺมา อิจฺฉิตพฺพาว เตหิ วินา เตสํ อสมฺภวโต, ตถาปิ เจตฺถ สทฺธา วิเสสโต กิจฺจการีติ เวทิตพฺพา. สทฺโธ เอว หิ สปฺปุริเส ปยิรุปาสติ, สทฺธมฺมํ สุณาติ, โยนิโส จ อนิจฺจาทิโต มนสิ กโรติ, อริยมคฺคสฺส จ อนุธมฺมํ ปฏิปชฺชติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอตฺถ สทฺธาพลํ ทฏฺพฺพ’’นฺติ. อิมินา นเยน เสสพเลสุปิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

จตูสุ สมฺมปฺปธาเนสูติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานภาวนาย. จตูสุ สติปฏฺาเนสูติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ โสตาปตฺติองฺเคสุ สทฺธา วิย, สมฺมปฺปธานภาวนาย วีริยํ วิย จ สติปฏฺานภาวนาย ยสฺมา ‘‘วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺส’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖) วจนโต ปุพฺพภาเค กิจฺจโต สติ อธิกา อิจฺฉิตพฺพา, เอวํ สมาธิกมฺมิกสฺส สมาธิ, ‘‘อริยสจฺจภาวนา ปฺาภาวนา’’ติ กตฺวา ตตฺถ ปฺา ปุพฺพภาเค อธิกา อิจฺฉิตพฺพาติ ปากโฏยมตฺโถ. อธิคมกฺขเณ ปน สมาธิปฺานํ วิย สพฺเพสมฺปิ พลานํ สทฺธาทีนํ สมตาว อิจฺฉิตพฺพา. ตถา หิ ‘‘เอตฺถ สทฺธาพล’’นฺติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ เอตฺถคฺคหณํ กตํ.

อิทานิ สทฺธาทีนํ ตตฺถ ตตฺถ อติเรกกิจฺจตํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺริทํ อุปมา สํสนฺทนํ – ราชปฺจมสหายา วิย วิมุตฺติปริปาจกานิ ปฺจ พลานิ. เนสํ กีฬนตฺถํ เอกชฺฌํ วีถิโอตรณํ วิย พลานํ เอกชฺฌํ วิปสฺสนาวีถิโอตรณํ, สหาเยสุ ปมาทีนํ ยถาสกํ เคเหว วิจารณา วิย สทฺธาทีนํ โสตาปตฺติองฺคาทีนิ ปตฺวา ปุพฺพงฺคมตา. สหาเยสุ อิตเรสํ ตตฺถ ตตฺถ ตุณฺหีภาโว วิย เสสพลานํ ตตฺถ ตตฺถ ตทนฺวยตา, ตสฺส ปุพฺพงฺคมสฺส พลสฺส กิจฺจานุคตา. น หิ ตทา เตสํ สสมฺภารปถวีอาทีสุ อาปาทีนํ วิย กิจฺจํ ปากฏํ โหติ, สทฺธาทีนํเยว ปน กิจฺจํ วิภูตํ หุตฺวา ติฏฺติ ปุเรตรํ ตถาปจฺจเยหิ จิตฺตสนฺตานสฺส อภิสงฺขตตฺตา. เอตฺถ จ วิปสฺสนากมฺมิกสฺส ภาวนา วิเสสโต ปฺุตฺตราติ ทสฺสนตฺถํ ราชานํ นิทสฺสนํ กตฺวา ปฺินฺทฺริยํ วุตฺตํ. ฉฏฺาทีนิ สุวิฺเยฺยานิ.

ทฏฺพฺพสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

พลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปฺจงฺคิกวคฺโค

๑-๒. ปมอคารวสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๑-๒๒. ตติยสฺส ปเม อาภิสมาจาริกนฺติ อภิสมาจาเร อุตฺตมสมาจาเร ภวํ. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘วตฺตวเสน ปฺตฺตสีล’’นฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. ทุติเย นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ปมอคารวสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓-๔. อุปกฺกิเลสสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๓-๒๔. ตติเย น จ ปภาวนฺตนฺติ น จ ปภาสมฺปนฺนํ. ปภิชฺชนสภาวนฺติ ตาเปตฺวา ตาฬกชฺชนปภงฺคุรํ. อวเสสํ โลหนฺติ วุตฺตาวเสสํ สชาติโลหํ, วิชาติโลหํ, ปิสาจโลหํ, กิตฺติมโลหนฺติ เอวํปเภทํ สพฺพมฺปิ โลหํ. อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทาเนนาติ เอตฺถ นนุ โลกิยกุสลจิตฺตสฺสปิ สุวิสุทฺธสฺสปิ อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทาเนเนว อุปกฺกิเลสตาติ? สจฺจเมตํ, ยสฺมึ ปน สนฺตาเน นีวรณานิ ลทฺธปฺปติฏฺานิ, ตตฺถ มหคฺคตกุสลสฺสปิ อสมฺภโว, ปเคว โลกุตฺตรกุสลสฺส. ปริตฺตกุสลํ ปน ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชมานํ นีวรเณหิ อุปหเต สนฺตาเน อุปฺปตฺติยา อปริสุทฺธํ โหนฺตํ อุปกฺกิลิฏฺํ นาม โหติ อปริสุทฺธทีปกปลฺลิกวฏฺฏิเตลาทิสนฺนิสฺสโย ปทีโป วิย. อปิจ นิปฺปริยายโต อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทาเนเนว เตสํ อุปกฺกิเลสตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยทคฺเคน หี’’ติอาทิมาห. อารมฺมเณ วิกฺขิตฺตปฺปวตฺติวเสน จุณฺณวิจุณฺณตา เวทิตพฺพา. จตุตฺเถ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อุปกฺกิเลสสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อนุคฺคหิตสุตฺตวณฺณนา

๒๕. ปฺจเม สมฺมาทิฏฺีติ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺีติอาทินา องฺคุตฺตรภาณกานํ มเตน อยํ อตฺถวณฺณนา อารทฺธา, มชฺฌิมภาณกา ปเนตฺถ อฺถา อตฺถํ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ มชฺฌิมฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๕๒) –

‘‘อนุคฺคหิตา’’ติ ลทฺธูปการา. สมฺมาทิฏฺีติ อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฏฺิ. ผลกฺขเณ นิพฺพตฺตา เจโตวิมุตฺติ ผลํ อสฺสาติ เจโตวิมุตฺติผลา. ตเทว เจโตวิมุตฺติสงฺขาตํ ผลํ อานิสํโส อสฺสาติ เจโตวิมุตฺติผลานิสํสา. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จตุตฺถผลปฺา ปฺาวิมุตฺติ นาม, อวเสสา ธมฺมา เจโตวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. ‘‘สีลานุคฺคหิตา’’ติอาทีสุ สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. สุตนฺติ สปฺปายธมฺมสฺสวนํ. สากจฺฉาติ กมฺมฏฺาเน ขลนปกฺขลนจฺเฉทนกถา. สมโถติ วิปสฺสนาปาทิกา อฏฺ สมาปตฺติโย. วิปสฺสนาติ สตฺตวิธา อนุปสฺสนา. จตุปาริสุทฺธิสีลฺหิ ปูเรนฺตสฺส, สปฺปายธมฺมสฺสวนํ สุณนฺตสฺส, กมฺมฏฺาเน ขลนปกฺขลนํ ฉินฺทนฺตสฺส วิปสฺสนาปาทิกาสุ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ กมฺมํ กโรนฺตสฺส, สตฺตวิธํ อนุปสฺสนํ ภาเวนฺตสฺส อรหตฺตมคฺโค อุปฺปชฺชิตฺวา ผลํ เทติ.

‘‘ยถา หิ มธุรํ อมฺพปกฺกํ ปริภุฺชิตุกาโม อมฺพโปตกสฺส สมนฺตา อุทกโกฏฺกํ ถิรํ กตฺวา พนฺธติ, ฆฏํ คเหตฺวา กาเลน กาลํ อุทกํ อาสิฺจติ, อุทกสฺส อนิกฺขมนตฺถํ มริยาทํ ถิรํ กโรติ. ยา โหติ สมีเป วลฺลิ วา สุกฺขทณฺฑโก วา กิปิลฺลิกปุโฏ วา มกฺกฏกชาลํ วา, ตํ อปเนติ, ขณิตฺตึ คเหตฺวา กาเลน กาลํ มูลานิ ปริขณติ, เอวมสฺส อปฺปมตฺตสฺส อิมานิ ปฺจ การณานิ กโรโต โส อมฺโพ วฑฺฒิตฺวา ผลํ เทติ, เอวํ สมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. รุกฺขสฺส สมนฺตโต โกฏฺกพนฺธนํ วิย หิ สีลํ ทฏฺพฺพํ, กาเลน กาลํ อุทกสิฺจนํ วิย ธมฺมสฺสวนํ, มริยาทาย ถิรภาวกรณํ วิย สมโถ, สมีเป วลฺลิอาทีนํ หรณํ วิย กมฺมฏฺาเน ขลนปกฺขลนจฺเฉทนํ, กาเลน กาลํ ขณิตฺตึ คเหตฺวา มูลขณนํ วิย สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ ภาวนา, เตหิ ปฺจหิ การเณหิ อนุคฺคหิตสฺส อมฺพรุกฺขสฺส มธุรผลทานกาโล วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน อิเมหิ ปฺจหิ ธมฺเมหิ อนุคฺคหิตาย สมฺมาทิฏฺิยา อรหตฺตผลทานํ เวทิตพฺพ’’นฺติ.

เอตฺถ จ ลทฺธูปการาติ ยถารหํ นิสฺสยาทิวเสน ลทฺธปจฺจยา. วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิยา อนุคฺคหิตภาเวน คหิตตฺตา มคฺคสมฺมาทิฏฺีสุ จ อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฏฺิ. อนนฺตรสฺส หิ วิธิ ปฏิเสโธ วา, อคฺคผลสมาธิมฺหิ ตปฺปริกฺขารธมฺเมสุเยว จ เกวโล เจโตปริยาโย นิรุฬฺโหติ สมฺมาทิฏฺีติ อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฏฺิ. ผลกฺขเณติ อนนฺตรํ กาลนฺตเร จาติ ทุวิเธปิ ผลกฺขเณ. ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน สพฺพสํกิเลเสหิ เจโตวิมุจฺจติ เอตายาติ เจโตวิมุตฺติ, อคฺคผลปฺํ เปตฺวา อวเสสา ผลธมฺมา. เตนาห ‘‘เจโตวิมุตฺติ ผลํ อสฺสาติ, เจโตวิมุตฺติสงฺขาตํ ผลํ อานิสํโส’’ติ. สพฺพกิเลเสหิ เจตโส วิมุจฺจนสงฺขาตํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนสฺิตํ ปหานํ ผลํ อานิสํโส จาติ โยชนา. อิธ เจโตวิมุตฺติสทฺเทน ปหานมตฺตํ คหิตํ, ปุพฺเพ ปหายกธมฺมา. อฺถา ผลธมฺมา เอว อานิสํโสติ คยฺหมาเน ปุนวจนํ นิรตฺถกํ สิยา. ปฺาวิมุตฺติผลานิสํสาติ เอตฺถาปิ เอวเมว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวา สีลสภาวตฺตา วิเสสโต สมาธิสฺส อุปการา, ตถา สมฺมาสงฺกปฺโป ฌานสภาวตฺตา. ตถา หิ โส ‘‘อปฺปนา’’ติ นิทฺทิฏฺโ. สมฺมาสติสมฺมาวายามา ปน สมาธิปกฺขิยา เอวาติ อาห ‘‘อวเสสา ธมฺมา เจโตวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา’’ติ.

จตุปาริสุทฺธิสีลนฺติ อริยมคฺคาธิคมสฺส ปทฏฺานภูตํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. สุตาทีสุปิ เอเสว นโย. อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺติอาโรจนวเสน สห กถนํ สํกถา, สํกถาว สากจฺฉา. อิธ ปน กมฺมฏฺานปฺปฏิพทฺธาติ อาห ‘‘กมฺมฏฺาเน…เป… กถา’’ติ. ตสฺส กมฺมฏฺานสฺส เอกวารํ วิธิยา อปฺปฏิปชฺชนํ ขลนํ, อเนกวารํ ปกฺขลนํ, ตทุภยสฺส วิจฺเฉทนี อปนยนี กถา ขลนปกฺขลนจฺเฉทนกถา. ปูเรนฺตสฺสาติ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ปาเลนฺตสฺส พฺรูเหนฺตสฺส จ. สุณนฺตสฺสาติ ‘‘ยถาอุคฺคหิตกมฺมฏฺานํ ผาตึ คมิสฺสตี’’ติ เอวํ สุณนฺตสฺส. เตเนว หิ ‘‘สปฺปายธมฺมสฺสวน’’นฺติ วุตฺตํ. กมฺมํ กโรนฺตสฺสาติ ภาวนานุโยคกมฺมํ กโรนฺตสฺส. ปฺจสุปิ าเนสุ อนฺต-สทฺโท เหตุอตฺถโชตโน ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา วุจฺจมานา อมฺพูปมา ยุชฺเชยฺย.

อุทกโกฏฺกนฺติ ชลาวาฏํ. ถิรํ กตฺวา พนฺธตีติ อสิถิลํ ทฬฺหํ นาติมหนฺตํ นาติขุทฺทกํ กตฺวา โยเชติ. ถิรํ กโรตีติ อุทกสิฺจนกาเล ตโต ตโต ปวตฺติตฺวา อุทกสฺส อนิกฺขมนตฺถํ ชลาวาฏปาฬึ ถิรตรํ กโรติ. สุกฺขทณฺฑโกติ ตสฺเสว อมฺพคจฺฉสฺส สุกฺขโก สาขาสีสโก. กิปิลฺลิกปุโฏติ ตมฺพกิปิลฺลิกปุโฏ. ขณิตฺตินฺติ กุทาลํ. โกฏฺกพนฺธนํ วิย สีลํ สมฺมาทิฏฺิยา วฑฺฒนูปายสฺส มูลภาวโต. อุทกสิฺจนํ วิย ธมฺมสฺสวนํ ภาวนาย ปริพฺรูหนโต. มริยาทาย ถิรภาวกรณํ วิย สมโถ ยถาวุตฺตาย ภาวนาธิฏฺานาย สีลมริยาทาย ทฬฺหีภาวาปาทนโต. สมาหิตสฺส หิ สีลํ ถิรตรํ โหติ. สมีเป วลฺลิอาทีนํ หรณํ วิย กมฺมฏฺาเน ขลนปกฺขลนจฺเฉทนํ อิจฺฉิตพฺพภาวนาย วิพนฺธนาปนยนโต. มูลขณนํ วิย สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ ภาวนา ตสฺสา วิพนฺธสฺส มูลภูตานํ ตณฺหามานทิฏฺีนํ ปลิขณนโต. เอตฺถ จ ยสฺมา สุปริสุทฺธสีลสฺส กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺตสฺส สปฺปายธมฺมสฺสวนํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตโต ยถาสุเต อตฺเถ สากจฺฉาสมาปชฺชนํ, ตโต กมฺมฏฺานวิโสธเนน สมถนิพฺพตฺติ, ตโต สมาหิตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส วิปสฺสนาปาริปูริ, ปริปุณฺณา วิปสฺสนา มคฺคสมฺมาทิฏฺึ พฺรูเหตีติ เอวเมเตสํ องฺคานํ ปรมฺปราย สมฺมุขา อนุคฺคณฺหนโต อยมานุปุพฺพี กถิตาติ เวทิตพฺพํ.

อนุคฺคหิตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. วิมุตฺตายตนสุตฺตวณฺณนา

๒๖. ฉฏฺเ วิมุตฺติยา วฏฺฏทุกฺขโต วิมุจฺจนสฺส อายตนานิ การณานิ วิมุตฺตายตนานีติ อาห – ‘‘วิมุจฺจนการณานี’’ติ. ปาฬิอตฺถํ ชานนฺตสฺสาติ ‘‘อิธ สีลํ อาคตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา’’ติอาทินา ตํตํปาฬิอตฺถํ ยาถาวโต ชานนฺตสฺส. ปาฬึ ชานนฺตสฺสาติ ตทตฺถโพธินึ ปาฬึ ยาถาวโต อุปธาเรนฺตสฺส. ตรุณปีตีติ สฺชาตมตฺตา มุทุกา ปีติ ชายติ. กถํ ชายติ? ยถาเทสิตํ ธมฺมํ อุปธาเรนฺตสฺส ตทนุจฺฉวิกเมว อตฺตโน กายวาจามโนสมาจารํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส โสมนสฺสํ ปตฺตสฺส ปโมทลกฺขณํ ปาโมชฺชํ ชายติ. ตุฏฺาการภูตา พลวปีตีติ ปุริมุปฺปนฺนาย ปีติยา วเสน ลทฺธาเสวนตฺตา อติวิย ตุฏฺาการภูตา กายจิตฺตทรถสฺส ปสฺสมฺภนสมตฺถตาย ปสฺสทฺธิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถา พลปฺปตฺตา ปีติ ชายติ. ยสฺมา นามกาเย ปสฺสทฺเธ รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธ เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘นามกาโย ปสฺสมฺภติ’’จฺเจว วุตฺตํ.

สุขํ ปฏิลภตีติ วกฺขมานสฺส จิตฺตสมาธานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ เจตสิกํ นิรามิสสุขํ ปฏิลภติ วินฺทติ. สมาธิยตีติ เอตฺถ ปน น โย โกจิ สมาธิ อธิปฺเปโต, อถ โข อนุตฺตรสมาธีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อรหตฺต…เป… สมาธิยตี’’ติ อาห. ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ ตสฺสํ เทสนายํ ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส ยถาวุตฺตสมาธิปฏิลาภสฺส การณภาววิภาวนํ, ยํ ตถา วิมุตฺตายตนภาโว. โอสกฺกิตุนฺติ ทสฺสิตุํ. สมาธิเยว สมาธินิมิตฺตนฺติ กมฺมฏฺานปาฬิยา อารุฬฺโห สมาธิ เอว ปรโต อุปฺปชฺชนกภาวนาสมาธิสฺส การณภาวโต สมาธินิมิตฺตํ. เตนาห ‘‘อาจริยสฺส สนฺติเก’’ติอาทิ.

วิมุตฺตายตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สมาธิสุตฺตวณฺณนา

๒๗. สตฺตเม สพฺพโส กิเลสทุกฺขทรถปริฬาหานํ วิคตตฺตา สาติสยเมตฺถ สุขนฺติ วุตฺตํ ‘‘อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ สุขตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนสุโข’’ติ. ปุริมสฺส ปุริมสฺส วเสน ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ ลทฺธาเสวนตาย สนฺตปณีตตรภาวปฺปตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘ปุริโม…เป… สุขวิปาโก’’ติ. กิเลสปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิยาติ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภเนน ลทฺธตฺตา. ‘‘กิเลสปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิภาวนฺติ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนภาวํ. ลทฺธตฺตา ปตฺตตฺตา ตพฺภาวํ อุปคตตฺตา. โลกิยสมาธิสฺส ปจฺจนีกานิ นีวรณปมชฺฌานนิกนฺติอาทีนิ นิคฺคเหตพฺพานิ, อฺเ กิเลสา วาเรตพฺพา. อิมสฺส ปน อรหตฺตสมาธิสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธสพฺพกิเลสตฺตา น นิคฺคเหตพฺพํ วาเรตพฺพฺจ อตฺถีติ มคฺคานนฺตรํ สมาปตฺติกฺขเณ จ อปฺปโยเคน อธิคตตฺตา อปฺปิตตฺตา จ อปริหานิวเสน วา อปฺปิตตฺตา น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโต. สติเวปุลฺลปฺปตฺตตฺตาติ เอเตน อปฺปวตฺตมานายปิ สติยา สติพหุลตาย สโต เอว นามาติ ทสฺเสติ. ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสนาติ เอเตน ปริจฺฉินฺนสฺสติยา สโตติ ทสฺเสติ. เสเสสูติ าเณสุ.

สมาธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘-๙. ปฺจงฺคิกสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๘-๒๙. อฏฺเม กโร วุจฺจติ ปุปฺผสมฺภวํ ‘‘คพฺภาสเย กิรียตี’’ติ กตฺวา. กรโต ชาโต กาโย กรชกาโย, ตทุปนิสฺสโย จตุสนฺตติรูปสมุทาโย. กามํ นามกาโยปิ วิเวกเชน ปีติสุเขน ตถาลทฺธูปกาโร, ‘‘อภิสนฺเทตี’’ติอาทิวจนโต ปน รูปกาโย อิธ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อิมํ กรชกาย’’นฺติ. อภิสนฺเทตีติ อภิสนฺทนํ กโรติ. ตํ ปน อภิสนฺทนํ ฌานมเยน ปีติสุเขน กรชกายสฺส ตินฺตภาวาปาทนํ สพฺพตฺถกเมว ลูขภาวาปนยนนฺติ อาห ‘‘เตเมตี’’ติอาทิ. ตยิทํ อภิสนฺทนํ อตฺถโต ยถาวุตฺตปีติสุขสมุฏฺาเนหิ ปณีตรูเปหิ กายสฺส ปริปฺผรณํ ทฏฺพฺพํ. ปริสนฺเทตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. สพฺพํ เอตสฺส อตฺถีติ สพฺพาวา, ตสฺส สพฺพาวโต. อวยวาวยวิสมฺพนฺเธ อวยวินิ สามิวจนนฺติ อวยววิสโย สพฺพ-สทฺโท, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สพฺพโกฏฺาสวโต’’ติ. อผุฏํ นาม น โหติ ยตฺถ ยตฺถ กมฺมชรูปํ, ตตฺถ ตตฺถ จิตฺตชรูปสฺส อภิพฺยาปนโต. เตนาห ‘‘อุปาทินฺนกสนฺตตี’’ติอาทิ.

เฉโกติ กุสโล. ตํ ปนสฺส โกสลฺลํ นหานียจุณฺณานํ กรเณ ปิณฺฑิกรเณ จ สมตฺถตาวเสน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปฏิพโล’’ติอาทิ. กํส-สทฺโท ‘‘มหติยา กํสปาติยา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๑) สุวณฺเณ อาคโต.‘‘กํโส อุปหโต ยถา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๓๔) กิตฺติมโลเห. กตฺถจิ ปณฺณตฺติมตฺเต ‘‘อุปกํโส นาม ราชาสิ, มหากํสสฺส อตฺรโช’’ติอาทิ (ชา. อฏฺ. ๔.๑๐.๑๖๔ ฆฏปณฺฑิตชาตกวณฺณนา). อิธ ปน ยตฺถ กตฺถจิ โลเหติ อาห ‘‘เยน เกนจิ โลเหน กตภาชเน’’ติ. สฺเนหานุคตาติ อุทกสิเนเหน อนุปฺปวิสนวเสน คตา อุปคตา. สฺเนหปเรตาติ อุทกสิเนเหน ปริโต คตา สมนฺตโต ผุฏา. ตโต เอว สนฺตรพาหิรา ผุฏา สฺเนเหน. เอเตน สพฺพโส อุทเกน เตมิตภาวมาห. น จ ปคฺฆริณีติ เอเตน ตินฺตสฺสปิ ตสฺส ฆนถทฺธภาวํ วทติ. เตนาห ‘‘น พินฺทุพินฺทู’’ติอาทิ.

ตาหิ ตาหิ อุทกสิราหิ อุพฺภิชฺชตีติ อุพฺภิทํ, อุพฺภิทํ อุทกํ เอตสฺสาติ อุพฺภิโททโก. อุพฺภินฺนอุทโกติ นทีตีเร ขตกูปโก วิย อุพฺภิชฺชนกอุทโก. อุคฺคจฺฉนอุทโกติ ธาราวเสน อุฏฺหนอุทโก. กสฺมา ปเนตฺถ อุพฺภิโททโกว รหโท คหิโต, น อิตโรติ อาห ‘‘เหฏฺา อุคฺคจฺฉนอุทกฺหี’’ติอาทิ. ธารานิปาตพุพฺพุฬเกหีติ ธารานิปาเตหิ จ อุทกพุพฺพุเฬหิ จ. ‘‘เผณปฏเลหิ จา’’ติ วตฺตพฺพํ, สนฺนิสินฺนเมว อปริกฺโขภตาย นิจฺจลเมว, สุปฺปสนฺนเมวาติ อธิปฺปาโย. เสสนฺติ ‘‘อภิสนฺเทตี’’ติอาทิกํ.

อุปฺปลานีติ อุปฺปลคจฺฉานิ. เสตรตฺตนีเลสูติ อุปฺปเลสุ, เสตุปฺปลรตฺตุปฺปลนีลุปฺปเลสูติ อตฺโถ. ยํ กิฺจิ อุปฺปลํ อุปฺปลเมว สามฺคฺคหณโต. สตปตฺตนฺติ เอตฺถ สต-สทฺโท พหุปริยาโย ‘‘สตคฺฆี’’ติอาทีสุ วิย. เตน อเนกสตปตฺตสฺสปิ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. โลเก ปน รตฺตํ ปทุมํ, เสตํ ปุณฺฑรีกนฺติ วุจฺจติ. ยาว อคฺคา ยาว จ มูลา อุทเกน อภิสนฺทนาทิสมฺภวทสฺสนตฺถํ อุทกานุคฺคตคฺคหณํ. อิธ อุปฺปลาทีนิ วิย กรชกาโย, อุทกํ วิย ตติยชฺฌานสุขํ.

ยสฺมา ปริสุทฺเธน เจตสาติ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตมาห, ตฺจ ราคาทิอุปกฺกิเลสมลาปคมโต นิรุปกฺกิเลสํ นิมฺมลํ, ตสฺมา อาห ‘‘นิรุปกฺกิเลสฏฺเน ปริสุทฺธ’’นฺติ. ยสฺมา ปน ปาริสุทฺธิยา เอว ปจฺจยวิเสเสน ปวตฺติวิเสโส ปริโยทาตตา สุธนฺตสุวณฺณสฺส นิฆํสเนน ปภสฺสรตา วิย, ตสฺมา อาห ‘‘ปภสฺสรฏฺเน ปริโยทาตํ เวทิตพฺพ’’นฺติ. อิทนฺติ โอทาตวจนํ. อุตุผรณตฺถนฺติ อุตุโน ผรณทสฺสนตฺถํ. อุตุผรณํ น โหติ เสสนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตงฺขณ …เป… พลวํ โหตี’’ติ. วตฺถํ วิย กรชกาโยติ โยคิโน กรชกาโย วตฺถํ วิย ทฏฺพฺโพ อุตุผรณสทิเสน จตุตฺถชฺฌานสุเขน ผริตพฺพตฺตา. ปุริสสฺส สรีรํ วิย จตุตฺถชฺฌานํ ทฏฺพฺพํ อุตุผรณฏฺานิยสฺส สุขสฺส นิสฺสยภาวโต. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ตตฺถ จ ‘‘ปริสุทฺเธน เจตสา’’ติ เจโตคหเณน ฌานสุขํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘อุตุผรณํ วิย จตุตฺถชฺฌานสุข’’นฺติ. นนุ จ จตุตฺถชฺฌาเน สุขเมว นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, สาตลกฺขณสนฺตสภาวตฺตา ปเนตฺถ อุเปกฺขา ‘‘สุข’’นฺติ อธิปฺเปตา. เตน วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๒๓๒) ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตา’’ติ.

ตสฺส ตสฺส สมาธิสฺส สรูปทสฺสนสฺส ปจฺจยตฺตา ปจฺจเวกฺขณาณํ ปจฺจเวกฺขณนิมิตฺตํ. สมภริโตติ สมปุณฺโณ.

มณฺฑภูมีติ ปปาวณฺณภูมิ. ยตฺถ สลิลสิฺจเนน วินาว สสฺสานิ ิตานิ สมฺปชฺชนฺติ. ยุเค โยเชตพฺพานิ โยคฺคานิ, เตสํ อาจริโย โยคฺคาจริโย. เตสํ สิกฺขาปนโต หตฺถิอาทโยปิ ‘‘โยคฺคา’’ติ วุจฺจนฺตีติ อาห ปาฬิยํ ‘‘อสฺสทมฺมสารถี’’ติ. เยน เยนาติ จตูสุ มคฺเคสุ เยน เยน มคฺเคน. ยํ ยํ คตินฺติ ชวสมชวาทิเภทาสุ คตีสุ ยํ ยํ คตึ. นวเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ปฺจงฺคิกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. นาคิตสุตฺตวณฺณนา

๓๐. ทสเม อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาติ อุทฺธํ อุคฺคตตฺตา อุจฺโจ ปตฺถโฏ มหนฺโต วินิพฺภิชฺชิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺโย สทฺโท เอเตสนฺติ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา. วจีโฆโสปิ หิ พหูหิ เอกชฺฌํ ปวตฺติโต อตฺถโต สทฺทโต จ ทุรวโพโธ เกวลํ มหานิคฺโฆโส เอว หุตฺวา โสตปถมาคจฺฉติ. มจฺฉวิโลเปติ มจฺฉานํ วิลุมฺปิตฺวา วิย คหเณ, มจฺฉานํ วา วิลุมฺปเน. เกวฏฺฏานฺหิ มจฺฉปจฺฉิปิตฏฺาเน มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิธ อฺํ เอกํ มจฺฉํ เทหิ, เอกํ มจฺฉผาลํ เทหี’’ติ, ‘‘เอตสฺส เต มหา ทินฺโน, มยฺหํ ขุทฺทโก’’ติ เอวํ อุจฺจาสทฺทํ มหาสทฺทํ กโรนฺติ. มจฺฉคฺคหณตฺถํ ชาเล ปกฺขิตฺเตปิ ตสฺมึ าเน เกวฏฺฏา เจว อฺเ จ ‘‘ปวิฏฺโ คหิโต’’ติ มหาสทฺทํ กโรนฺติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อสุจิสุขนฺติ กายาสุจิสนฺนิสฺสิตตฺตา กิเลสาสุจิสนฺนิสฺสิตตฺตา จ อสุจิสนฺนิสฺสิตสุขํ. เนกฺขมฺมสุขสฺสาติ กามโต นิกฺขมนฺตสฺส สุขสฺส. ปวิเวกสุขสฺสาติ คณสงฺคณิกโต กิเลสสงฺคณิกโต จ วิคตสฺส สุขสฺส. อุปสมสุขสฺสาติ ราคาทิวูปสมาวหสฺส สุขสฺส. สมฺโพธสุขนฺติ มคฺคสงฺขาตสฺส สมฺโพธสฺส นิฏฺปฺปตฺตตฺถาย สุขํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

นาคิตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจงฺคิกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สุมนวคฺโค

๑. สุมนสุตฺตวณฺณนา

๓๑. จตุตฺถสฺส ปเม สตกฺกกูติ สตสิขโร, อเนกกูโฏติ อตฺโถ. อิทํ ตสฺส มหาเมฆภาวทสฺสนํ. โส หิ มหาวสฺสํ วสฺสติ. เตเนวาห – ‘‘อิโต จิโต จ อุฏฺิเตน วลาหกกูฏสเตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ’’ติ. ทสฺสนสมฺปนฺโนติ เอตฺถ ทสฺสนํ นาม โสตาปตฺติมคฺโค. โส หิ ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ. ยทิปิ ตํ โคตฺรภุ ปมตรํ ปสฺสติ, ทิสฺวา ปน กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กิเลสปฺปหานสฺส อกรณโต น ตํ ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ. อาวชฺชนฏฺานิยฺหิ ตํ าณํ. มคฺคสฺส นิพฺพานารมฺมณตาสามฺเน เจตํ วุตฺตํ, น นิพฺพานปฺปฏิวิชฺฌเนน, ตสฺมา ธมฺมจกฺขุํ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตเนน ภาวนํ อปฺปตฺตํ ทสฺสนํ, ธมฺมจกฺขุฺจ ปริฺาทิกิจฺจกรเณน จตุสจฺจธมฺมทสฺสนํ ตทภิสมโยติ นตฺเถตฺถ โคตฺรภุสฺส ทสฺสนภาวาปตฺติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

สุมนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. จุนฺทีสุตฺตวณฺณนา

๓๒. ทุติเย ‘‘อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๑๗๙) อริยกนฺตานีติ ปฺจสีลานิ อาคตานิ. อริยกนฺตานิ หิ ปฺจสีลานิ อริยานํ กนฺตานิ ปิยานิ, ภวนฺตรคตาปิ อริยา ตานิ น วิชหนฺติ. อิธ ปน ‘‘ยาวตา, จุนฺท, สีลานิ อริยกนฺตานิ สีลานิ, เตสํ อคฺคมกฺขายติ…เป… อคฺเค เต ปริปูรการิโน’’ติ วุตฺตตฺตา มคฺคผลานิ สีลานิ อธิปฺเปตานีติ อาห ‘‘อริยกนฺตานิ สีลานีติ มคฺคผลสมฺปยุตฺตานิ สีลานี’’ติ.

จุนฺทีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อุคฺคหสุตฺตวณฺณนา

๓๓. ตติเย สพฺพปมํ อุฏฺานสีลาติ รตฺติยา วิภายนเวลาย สามิเก ปริชเน เสยฺยาย อวุฏฺิเต สพฺพปมํ อุฏฺานสีลา. สามิกํ ทิสฺวา นิสินฺนาสนโต อคฺคิทฑฺฒา วิย ปมเมว วุฏฺหนฺตีติ วา ปุพฺพุฏฺายินิโย. กึการนฺติ กึกรณียํ, กึกรณภาเวน ปุจฺฉิตฺวา กาตพฺพเวยฺยาวจฺจนฺติ อตฺโถ. ตํ ปฏิสฺสุณนฺตา วิจรนฺตีติ กึการปฺปฏิสฺสาวินิโย. มนาปํเยว กิริยํ กโรนฺติ สีเลนาติ มนาปจารินิโย. ปิยเมว วทนฺติ สีเลนาติ ปิยวาทินิโย.

ตตฺรุปายายาติ ตตฺร กมฺเม สาเธตพฺพอุปายภูตาย วีมํสาย. เตนาห ‘‘ตสฺมึ อุณฺณากปฺปาสสํวิธาเน’’ติอาทิ. อลํ กาตุนฺติ กาตุํ สมตฺถา. อลํ สํวิธาตุนฺติ วิจาเรตุํ สมตฺถา. เตนาห ‘‘อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุนฺติ อตฺตนา กาตุมฺปิ ปเรหิ การาเปตุมฺปี’’ติอาทิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

อุคฺคหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๕. สีหเสนาปติสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๔-๓๕. จตุตฺเถ สนฺทิฏฺิกนฺติ อสมฺปรายิกตาย สามํ ทฏฺพฺพํ. สยํ อนุภวิตพฺพํ อตฺตปจฺจกฺขํ ทิฏฺธมฺมิกนฺติ อตฺโถ. น สทฺธามตฺตเกเนว ติฏฺตีติ ‘‘ทานํ นาม สาธุ สุนฺทรํ, พุทฺธาทีหิ ปณฺฑิเตหิ ปสตฺถ’’นฺติ เอวํ สทฺธามตฺตเกเนว น ติฏฺติ. ยํ ทานํ เทตีติ ยํ เทยฺยธมฺมํ ปรสฺส เทติ. ตสฺส ปติ หุตฺวาติ ตพฺพิสยํ โลภํ สุฏฺุ อภิภวนฺโต ตสฺส อธิปติ หุตฺวา เทติ. เตน อนธิภวนียตฺตา น ทาโส น สหาโยติ. ตตฺถ ตทุภยํ อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทาโส หุตฺวา เทติ ตณฺหาทาสพฺยสฺส อุปคตตฺตา. สหาโย หุตฺวา เทติ ตสฺส ปิยภาวาวิสฺสชฺชนโต. สามี หุตฺวา เทติ ตตฺถ ตณฺหาทาสพฺยโต อตฺตานํ โมเจตฺวา อภิภุยฺย ปวตฺตนโต. อถ วา โย ทานสีลตาย ทายโก ปุคฺคโล, โส ทาเน ปวตฺติเภเทน ทานทาโส, ทานสหาโย, ทานปตีติ ติปฺปกาโร โหติ. ตทสฺส ติปฺปการตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทาตพฺพฏฺเน ทานํ, อนฺนปานาทิ.

ตตฺถ ยํ อตฺตนา ปริภุฺชติ, ตณฺหาธิปนฺนตาย ตสฺส วเสน วตฺตนโต ทาโส วิย โหติ. ยํ ปเรสํ ทียติ, ตตฺถาปิ อนฺนปานสามฺเน อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทานสงฺขาตสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ทาโส หุตฺวา’’ติ. สหาโย หุตฺวา เทติ อตฺตนา ปริภุฺชิตพฺพสฺส ปเรสํ ทาตพฺพสฺส จ สมสมํ ปนโต. ปติ หุตฺวา เทติ สยํ เทยฺยธมฺมสฺส วเส อวตฺติตฺวา ตสฺส อตฺตโน วเส วตฺตาปนโต. อปโร นโย – โย อตฺตนา ปณีตํ ปริภุฺชิตฺวา ปเรสํ นิหีนํ เทติ, โส ทานทาโส นาม ตนฺนิมิตฺตนิหีนภาวาปตฺติโต. โย ยาทิสํ อตฺตนา ปริภุฺชติ, ตาทิสเมว ปเรสํ เทติ, โส ทานสหาโย นาม ตนฺนิมิตฺตหีนาธิกภาววิวชฺชเนน สทิสภาวาปตฺติโต. โย อตฺตนา นิหีนํ ปริภุฺชิตฺวา ปเรสํ ปณีตํ เทติ, โส ทานปติ นาม ตนฺนิมิตฺตเสฏฺภาวาปตฺติโต.

นิตฺเตชภูโต เตชหานิปฺปตฺติยา. สห พฺยติ คจฺฉตีติ สหพฺโย, สหปวตฺตนโก, ตสฺส ภาโว สหพฺยตา, สหปวตฺตีติ อาห ‘‘สหภาวํ เอกีภาวํ คตา’’ติ. อสิตสฺสาติ วา อพนฺธสฺส, ตณฺหาพนฺธเนน อพนฺธสฺสาติ อตฺโถ. ปฺจมํ อุตฺตานเมว.

สีหเสนาปติสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๗. กาลทานสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๖-๓๗. ฉฏฺเ อารามโตติ ผลารามโต. ปมุปฺปนฺนานีติ สพฺพปมํ สุชาตานิ. ภาสิตฺูติ ภิกฺขู ฆรทฺวาเร ิตา กิฺจาปิ ตุณฺหี โหนฺติ, อตฺถโต ปน ‘‘ภิกฺขํ เทถา’’ติ วทนฺติ นาม อริยาย ยาจนาย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อุทฺธิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยานํ ยาจนา’’ติ. ตตฺร เย ‘‘มยํ ปจาม, อิเม น ปจนฺติ, ปจมาเน ปตฺวา อลภนฺตา กุหึ ลภิสฺสนฺตี’’ติ เทยฺยธมฺมํ สํวิภชนฺติ, เต ภาสิตฺู นาม ตฺวา กตฺตพฺพสฺส กรณโต. ยุตฺตปฺปตฺตกาเลติ ทาตุํ ยุตฺตปฺปตฺตกาเล. อปฺปฏิวานจิตฺโตติ อนิวตฺตนจิตฺโต. สตฺตมํ อุตฺตานเมว.

กาลทานสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สทฺธสุตฺตวณฺณนา

๓๘. อฏฺเม อนุกมฺปนฺตีติ ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺชา’’ติ เอวํ หิตผรเณน อนุคฺคณฺหนฺติ. อปิจ อุปฏฺากานํ เคหํ อฺเ สีลวนฺเต สพฺรหฺมจาริโน คเหตฺวา ปวิสนฺตาปิ อนุคฺคณฺหนฺติ นาม. นีจวุตฺตินฺติ ปณิปาตสีลํ. โกธมานถทฺธตาย รหิตนฺติ โกธมานวเสน อุปฺปนฺโน โย ถทฺธภาโว จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตลกฺขโณ, เตน วิรหิตนฺติ อตฺโถ. โสรจฺเจนาติ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อิทํ วุจฺจติ โสรจฺจํ. สพฺโพปิ สีลสํวโร โสรจฺจ’’นฺติ เอวมาคเตน สีลสํวรสงฺขาเตน โสรตภาเวน. สขิลนฺติ ‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺยํ? ยา สา วาจา ถทฺธกา กกฺกสา ผรุสา กฏุกา อภิสชฺชนี โกธสามนฺตา อสมาธิสํวตฺตนิกา, ตถารูปึ วาจํ ปหาย ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา, ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติ. ยา ตตฺถ สณฺหวาจตา สขิลวาจตา อผรุสวาจตา, อิทํ วุจฺจติ สาขลฺย’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๕๐) เอวํ วุตฺเตน สมฺโมทกมุทุภาเวน สมนฺนาคตํ. เตนาห ‘‘สขิลนฺติ สมฺโมทก’’นฺติ.

สทฺธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. ปุตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๙-๔๐. นวเม ภโตติ โปสิโต. ตํ ปน ภรณํ ชาตกาลโต ปฏฺาย สุขปจฺจยูปหรเณน ทุกฺขปจฺจยาปหรเณน จ ปวตฺติตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อมฺเหหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. หตฺถปาทวฑฺฒนาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน มุเขน สิงฺฆานิกาปนยนนหาปนมณฺฑนาทิฺจ สงฺคณฺหาติ. มาตาปิตูนํ สนฺตกํ เขตฺตาทึ อวินาเสตฺวา รกฺขิตํ เตสํ ปรมฺปราย ิติยา การณํ โหตีติ อาห ‘‘อมฺหากํ สนฺตกํ…เป… กุลวํโส จิรํ สฺสตี’’ติ. สลากภตฺตาทีนิ อนุปจฺฉินฺทิตฺวาติ สลากภตฺตาทีนิ อวิจฺฉินฺทิตฺวา. ยสฺมา ทายชฺชปฺปฏิลาภสฺส โยคฺยภาเวน วตฺตมาโนเยว ทายสฺส ปฏิปชฺชิสฺสติ, น อิตโรติ อาห ‘‘กุลวํสานุรูปาย ปฏิปตฺติยา’’ติอาทิ. อตฺตนา ทายชฺชารหํ กโรนฺโตติ อตฺตานํ ทายชฺชารหํ กโรนฺโต. มาตาปิตโร หิ อตฺตโน โอวาเท อวตฺตมาเน มิจฺฉาปฏิปนฺเน ทารเก วินิจฺฉยํ คนฺตฺวา อปุตฺเต กโรนฺติ, เต ทายชฺชารหา น โหนฺติ. โอวาเท วตฺตมาเน ปน กุลสนฺตกสฺส สามิเก กโรนฺติ. ตติยทิวสโต ปฏฺายาติ มตทิวสโต ตติยทิวสโต ปฏฺาย. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. ทสมํ อุตฺตานเมว.

ปุตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

สุมนวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มุณฺฑราชวคฺโค

๑-๒. อาทิยสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๑-๔๒. ปฺจมสฺส ปเม อุฏฺานวีริยาธิคเตหีติ วา อุฏฺาเนน จ วีริเยน จ อธิคเตหิ. ตตฺถ อุฏฺานนฺติ กายิกํ วีริยํ. วีริยนฺติ เจตสิกนฺติ วทนฺติ. อุฏฺานนฺติ วา โภคุปฺปาทเน ยุตฺตปฺปยุตฺตตา. วีริยํ ตชฺโช อุสฺสาโห. ปีณิตนฺติ ธาตํ สุติตฺตํ. ตถาภูโต ปน ยสฺมา ถูลสรีโร โหติ, ตสฺมา ‘‘ถูลํ กโรตี’’ติ วุตฺตํ. ทุติยํ อุตฺตานเมว.

อาทิยสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อิฏฺสุตฺตวณฺณนา

๔๓. ตติเย อปฺปมาทํ ปสํสนฺตีติ ‘‘เอตานิ อายุอาทีนิ ปตฺถยนฺเตน อปฺปมาโท กาตพฺโพ’’ติ อปฺปมาทเมว ปสํสนฺติ ปณฺฑิตา. ยสฺมา วา ปุฺกิริยาสุ ปณฺฑิตา อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ, ตสฺมา อายุอาทีนิ ปตฺถยนฺเตน อปฺปมาโทว กาตพฺโพติ อตฺโถ. ปุริมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป ‘‘ปุฺกิริยาสู’’ติ ปทสฺส ‘‘อปฺปมตฺโต’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ยสฺมา ปณฺฑิตา อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ, ยสฺมา จ ปุฺกิริยาสุ อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ อธิคโต โหติ, ตสฺมา อายุอาทีนิ ปตฺถยนฺเตน อปฺปมาโทว กาตพฺโพ. ทุติยสฺมึ อตฺถวิกปฺเป ปณฺฑิตา อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ. กตฺถาติ? ปุฺกิริยาสุ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ อธิคฺคณฺหาติ ปณฺฑิโต, ตสฺมาติ อตฺโถ. อตฺถปฺปฏิลาเภนาติ ทิฏฺธมฺมิกาทิหิตปฺปฏิลาเภน.

อิฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. มนาปทายีสุตฺตวณฺณนา

๔๔. จตุตฺเถ ฌานมเนน นิพฺพตฺตํ มโนมยนฺติ อาห ‘‘สุทฺธาวาเสสุ เอกํ ฌานมเนน นิพฺพตฺตํ เทวกาย’’นฺติ. สติปิ หิ สพฺพสตฺตานํ อภิสงฺขารมนสา นิพฺพตฺตภาเว พาหิรปจฺจเยหิ วินา มนสาว นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘มโนมยา’’ติ วุจฺจนฺติ รูปาวจรสตฺตา. ยทิ เอวํ กามภเว โอปปาติกสตฺตานมฺปิ มโนมยภาโว อาปชฺชตีติ เจ? น, ตตฺถ พาหิรปจฺจเยหิ นิพฺพตฺเตตพฺพตาสงฺกาย เอว อภาวโต ‘‘มนสาว นิพฺพตฺตา’’ติ อวธารณาสมฺภวโต. นิรุฬฺโห วายํ โลเก มโนมยโวหาโร รูปาวจรสตฺเตสุ. ตถา หิ ‘‘อนฺนมโย, ปาณมโย, มโนมโย, อานนฺทมโย, วิฺาณมโย’’ติ ปฺจธา อตฺตานํ เวทวาทิโนปิ วทนฺติ. อุจฺเฉทวาทิโนปิ วทนฺติ ‘‘ทิพฺโพ รูปี มโนมโย’’ติ (ที. นิ. ๑.๘๗). ตีสุ วา กุลสมฺปตฺตีสูติ พฺราหฺมณขตฺติยเวสฺสสงฺขาเตสุ สมฺปนฺนกุเลสุ. ฉสุ วา กามสคฺเคสูติ ฉสุ กามาวจรเทเวสุ.

มนาปทายีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๖. ปุฺาภิสนฺทสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๕-๔๖. ปฺจเม อสงฺเขยฺโยติ อาฬฺหกคณนาย อสงฺเขยฺโย. โยชนวเสน ปนสฺส สงฺขา อตฺถิ เหฏฺา มหาปถวิยา อุปริ อากาเสน ปริสมนฺตโต จกฺกวาฬปพฺพเตน มชฺเฌ ตตฺถ ตตฺถ ิตเกหิ ทีปปพฺพตปริยนฺเตหิ ปริจฺฉินฺนตฺตา ชานนฺเตน โยชนโต สงฺขาตุํ สกฺกาติ กตฺวา. มหาสรีรมจฺฉกุมฺภีลยกฺขรกฺขสมหานาคทานวาทีนํ สวิฺาณกานํ พลวามุขปาตาลาทีนํ อวิฺาณกานํ เภรวารมฺมณานํ วเสน พหุเภรวํ. ปุถูติ พหู. สวนฺตีติ สนฺทมานา. อุปยนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ. ฉฏฺํ อุตฺตานเมว.

ปุฺาภิสนฺทสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๘. ธนสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๗-๔๘. สตฺตเม สทฺธาติ มคฺเคนาคตา สทฺธา. สีลฺจ ยสฺส กลฺยาณนฺติ กลฺยาณสีลํ นาม อริยสาวกสฺส อริยกนฺตํ สีลํ วุจฺจติ. ตตฺถ กิฺจาปิ อริยสาวกสฺส เอกสีลมฺปิ อกนฺตํ นาม นตฺถิ, อิมสฺมึ ปนตฺเถ ภวนฺตเรปิ อปฺปหีนํ ปฺจสีลํ อธิปฺเปตํ. อฏฺมํ อุตฺตานเมว.

ธนสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. โกสลสุตฺตวณฺณนา

๔๙. นวเม ปติตกฺขนฺโธติ สมฺมุขา กิฺจิ โอโลเกตุํ อสมตฺถตาย อโธมุโข. นิปฺปฏิภาโนติ สหธมฺมิกํ กิฺจิ วตฺตุํ อวิสหนโต นิปฺปฏิภาโน ปฏิภานรหิโต.

โกสลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. นารทสุตฺตวณฺณนา

๕๐. ทสเม อชฺโฌมุจฺฉิโตติ อธิมตฺตาย ตณฺหามุจฺฉาย มุจฺฉิโต, มุจฺฉํ โมหํ ปมาทํ อาปนฺโน. เตนาห ‘‘คิลิตฺวา…เป… อติเรกมุจฺฉาย ตณฺหาย สมนฺนาคโต’’ติ. มหจฺจาติ มหติยา. ลิงฺควิปลฺลาเสน เจตํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘มหตา ราชานุภาเวนา’’ติ.

นารทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

มุณฺฑราชวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๒. ทุติยปณฺณาสกํ

(๖) ๑. นีวรณวคฺโค

๑-๒. อาวรณสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๑-๕๒. ทุติยสฺส ปเม อาวรนฺตีติ อาวรณา, นีวารยนฺตีติ นีวรณา. เอตฺถ จ อาวรนฺตีติ กุสลธมฺมุปฺปตฺตึ อาทิโต ปริวาเรนฺติ. นีวารยนฺตีติ นิรวเสสโต วารยนฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา อาวรณวเสนาติ อาทิโต กุสลุปฺปตฺติวารณวเสน. นีวรณวเสนาติ นิรวเสสโต วารณวเสนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา ปฺจ นีวรณา อุปฺปชฺชมานา อนุปฺปนฺนาย โลกิยโลกุตฺตราย ปฺาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺติ, อุปฺปนฺนาปิ อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ วา อภิฺา อุปจฺฉินฺทิตฺวา ปาเตนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปฺาย ทุพฺพลีกรณา’’ติ วุจฺจนฺติ. อุปจฺฉินฺทนํ ปาตนฺเจตฺถ ตาสํ ปฺานํ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานเมว. อิติ มหคฺคตานุตฺตรปฺานํ เอกจฺจาย จ ปริตฺตปฺาย อนุปฺปตฺติเหตุภูตา นีวรณธมฺมา อิตราสํ สมตฺถตํ วิหนนฺติเยวาติ ปฺาย ทุพฺพลีกรณา วุตฺตา. ภาวนามนสิกาเรน วินา ปกติยา มนุสฺเสหิ นิพฺพตฺเตตพฺโพ ธมฺโมติ มนุสฺสธมฺโม, มนุสฺสตฺตภาวาวโห วา ธมฺโม มนุสฺสธมฺโม, อนุฬารํ ปริตฺตกุสลํ. ยํ อสติปิ พุทฺธุปฺปาเท วตฺตติ, ยฺจ สนฺธายาห ‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชตี’’ติ (ชา. ๑.๘.๗๕). อลํ อริยาย อริยภาวายาติ อลมริโย, อริยภาวาย สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. าณทสฺสนเมว าณทสฺสนวิเสโส, อลมริโย จ โส าณทสฺสนวิเสโส จาติ อลมริยาณทสฺสนวิเสโส.

าณทสฺสนนฺติ จ ทิพฺพจกฺขุปิ วิปสฺสนาปิ มคฺโคปิ ผลมฺปิ ปจฺจเวกฺขณาณมฺปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ วุจฺจติ. ‘‘อปฺปมตฺโต สมาโน าณทสฺสนํ อาราเธตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๑๑) หิ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุ าณทสฺสนํ นาม. ‘‘าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๔) เอตฺถ วิปสฺสนาาณํ. ‘‘อภพฺพา เต าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธายา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๖) เอตฺถ มคฺโค. ‘‘อยมฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) เอตฺถ ผลํ. ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ, อกุปฺปา เม วิมุตฺติ, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) เอตฺถ ปจฺจเวกฺขณาณํ. ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ ‘สตฺตาหกาลกโต อาฬาโร กาลาโม’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๐) เอตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ. อิธ ปน โลกุตฺตรธมฺโม อธิปฺเปโต. เอตฺถ จ รูปายตนํ ชานาติ จกฺขุวิฺาณํ วิย ปสฺสติ จาติ าณทสฺสนํ, ทิพฺพจกฺขุ. สมฺมสนูปจาเร จ ธมฺมลกฺขณตฺตยฺจ ตถา ชานาติ ปสฺสติ จาติ าณทสฺสนํ, วิปสฺสนา. นิพฺพานํ จตฺตาริ วา สจฺจานิ อสมฺโมหปฺปฏิเวธโต ชานาติ ปสฺสติ จาติ าณทสฺสนํ, มคฺโค. ผลํ ปน นิพฺพานวเสเนว โยเชตพฺพํ. ปจฺจเวกฺขณา มคฺคาธิคตสฺส อตฺถสฺส สพฺพโส โชตนฏฺเน าณทสฺสนํ. สพฺพฺุตา อนาวรณตาย สมนฺตจกฺขุตาย จ าณทสฺสนํ. พฺยาทิณฺณกาโลติ ปริยาทินฺนกาโล. ทุติยํ อุตฺตานเมว.

อาวรณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓-๔. ปธานิยงฺคสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๓-๕๔. ตติเย ปทหตีติ ปทหโน, ภาวนมนุยุตฺโต โยคี, ตสฺส ภาโว ภาวนานุโยโค ปทหนภาโว. ปธานมสฺส อตฺถีติ ปธานิโก, ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา ‘‘ปธานิโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อภินีหารโต ปฏฺาย อาคตตฺตา’’ติ วุตฺตตฺตา ปจฺเจกโพธิสตฺตสาวกโพธิสตฺตานมฺปิ ปณิธานโต ปภุติ อาคตสทฺธา อาคมนสทฺทา เอว, อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ปน ‘‘สพฺพฺุโพธิสตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ. อธิคมโต สมุทาคตตฺตา อคฺคมคฺคผลสมฺปยุตฺตา จาปิ อธิคมสทฺธา นาม, ยา โสตาปนฺนสฺส องฺคภาเวน วุตฺตา. อจลภาเวนาติ ปฏิปกฺเขน อนธิภวนียตฺตา นิจฺจลภาเวน. โอกปฺปนนฺติ โอกฺกนฺทิตฺวา อธิมุจฺจนํ, ปสาทุปฺปตฺติยา ปสาทนียวตฺถุสฺมึ ปสีทนเมว. สุปฺปฏิวิทฺธนฺติ สุฏฺุ ปฏิวิทฺธํ. ยถา เตน ปฏิวิทฺเธน สพฺพฺุตฺาณํ หตฺถคตํ อโหสิ, ตถา ปฏิวิทฺธํ. ยสฺส พุทฺธสุพุทฺธตาย สทฺธา อจลา อสมฺปเวธิ, ตสฺส ธมฺมสุธมฺมตาย สงฺฆสุปฺปฏิปนฺนตาย เตน ปฏิเวเธน สทฺธา น ตถาติ อฏฺานเมตํ อนวกาโส. เตนาห ภควา – ‘‘โย, ภิกฺขเว, พุทฺเธ ปสนฺโน ธมฺเม ปสนฺโน สงฺเฆ ปสนฺโน’’ติอาทิ. ปธานวีริยํ อิชฺฌติ ‘‘อทฺธา อิมาย ปฏิปทาย ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ สกฺกจฺจํ ปทหนโต.

อปฺป-สทฺโท อภาวตฺโถ ‘‘อปฺปสทฺทสฺส…เป… โข ปนา’’ติอาทีสุ วิยาติ อาห ‘‘อโรโค’’ติ. สมเวปากินิยาติ ยถาภุตฺตมาหารํ สมากาเรเนว ปจนสีลาย. ทฬฺหํ กตฺวา ปจนฺตี หิ คหณี โฆรภาเวน ปิตฺตวิการาทิวเสน โรคํ ชเนติ, สิถิลํ กตฺวา ปจนฺตี มนฺทภาเวน วาตวิการาทิวเสน เตนาห ‘‘นาติสีตาย นาจฺจุณฺหายา’’ติ. คหณิเตชสฺส มนฺทปฏุตาวเสน สตฺตานํ ยถากฺกมํ สีตุณฺหสหตาติ อาห ‘‘อติสีตลคฺคหณิโก’’ติอาทิ. ยาถาวโต อจฺจยเทสนา อตฺตโน อาวิกรณํ นามาติ อาห ‘‘ยถาภูตํ อตฺตโน อคุณํ ปกาเสตา’’ติ. อุทยตฺถคามินิยาติ สงฺขารานํ อุทยฺจ วยฺจ ปฏิวิชฺฌนฺติยาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อุทยฺจา’’ติอาทิ. ปริสุทฺธายาติ นิรุปกฺกิเลสาย. นิพฺพิชฺฌิตุํ สมตฺถายาติ ตทงฺควเสน สวิเสสํ ปชหิตุํ สมตฺถาย. ตสฺส ทุกฺขสฺส ขยคามินิยาติ ยํ ทุกฺขํ อิมสฺมึ าเณ อนธิคเต ปวตฺติรหํ, อธิคเต น ปวตฺติ, ตํ สนฺธาย วทติ. ตถาเหส โยคาวจโร ‘‘จูฬโสตาปนฺโน’’ติ วุจฺจติ. จตุตฺถํ อุตฺตานเมว.

ปธานิยงฺคสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มาตาปุตฺตสุตฺตวณฺณนา

๕๕. ปฺจเม วิสฺสาโสติ วิสจฺฉายสนฺตาโน ภาโว. โอตาโรติ ตตฺถ จิตฺตสฺส อนุปฺปเวโส. คเหตฺวาติ อตฺตโน เอว โอกาสํ คเหตฺวา. เขเปตฺวาติ กุสลวารํ เขเปตฺวา.

ฆฏฺเฏยฺยาติ อกฺกมนาทิวเสน พาเธยฺย. ตีหิ ปริฺาหีติ าตตีรณปฺปหานสงฺขาตาหิ ตีหิ ปริฺาหิ. นตฺถิ เอเตสํ กุโตจิ ภยนฺติ อกุโตภยา, นิพฺภยาติ อตฺโถ. จตุนฺนํ โอฆานํ, สํสารมโหฆสฺเสว วา ปารํ ปริยนฺตํ คตา. เตนาห ‘‘ปารํ วุจฺจติ นิพฺพาน’’นฺติอาทิ.

มาตาปุตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อุปชฺฌายสุตฺตวณฺณนา

๕๖. ฉฏฺเ มธุรกภาโว นาม สรีรสฺส ถมฺภิตตฺตํ, ตํ ปน ครุภาวปุพฺพกนฺติ อาห ‘‘สฺชาตครุภาโว’’ติ. น ปกฺขายนฺตีติ นปฺปกาเสนฺติ, นานาการณโต น อุปฏฺหนฺติ. เตนาห ‘‘จตสฺโส ทิสา จ อนุทิสา จ มยฺหํ น อุปฏฺหนฺตี’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

อุปชฺฌายสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อภิณฺหปจฺจเวกฺขิตพฺพฏฺานสุตฺตวณฺณนา

๕๗. สตฺตเม ชราธมฺโมติ ธมฺม-สทฺโท ‘‘อสมฺโมสธมฺโม นิพฺพาน’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๗๖๓) วิย ปกติปริยาโย, ตสฺมา ชราปกติโก ชิณฺณสภาโวติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ชราสภาโว’’ติอาทิ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. กมฺมุนา ทาตพฺพํ อาทิยตีติ กมฺมทายาโท, อตฺตนา ยถูปจิตกมฺมผลภาคีติ อตฺโถ. ตํ ปน ทายชฺชํ การณูปจาเรน วทนฺโต ‘‘กมฺมํ มยฺหํ ทายชฺชํ สนฺตกนฺติ อตฺโถ’’ติ อาห ยถา ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ, เอวมิทํ ปุฺํ วฑฺฒตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๘๐). โยนีหิ ผลํ สภาวโต ภินฺนมฺปิ อภินฺนํ วิย มิสฺสิตํ โหติ. เตนาห ‘‘กมฺมํ มยฺหํ โยนิ การณ’’นฺติ. มมตฺตวเสน พชฺฌนฺตีติ พนฺธู, าติ สาโลหิโต จ, กมฺมํ ปน เอกนฺตสมฺพนฺธวาติ อาห ‘‘กมฺมํ มยฺหํ พนฺธู’’ติ. ปติฏฺาติ อวสฺสโย. กมฺมสทิโส หิ สตฺตานํ อวสฺสโย นตฺถิ.

โยพฺพนํ อารพฺภ อุปฺปนฺนมโทติ ‘‘มหลฺลกกาเล ปุฺํ กริสฺสาม, ทหรมฺห ตาวา’’ติ โยพฺพนํ อปสฺสาย มานกรณํ. ‘‘อหํ นิโรโค สฏฺิ วา สตฺตติ วา วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ, น เม หรีตกขณฺฑมฺปิ ขาทิตพฺพํ, อิเม ปนฺเ ‘อสุกํ โน านํ รุชฺชติ, เภสชฺชํ ขาทามา’ติ วิจรนฺติ, โก อฺโ มยา สทิโส นิโรโค นามา’’ติ เอวํ มานกรณํ อาโรคฺยมโท. สพฺเพสมฺปิ ชีวิตํ นาม ปภงฺคุรํ ทุกฺขานุพนฺธฺจ, ตทุภยํ อโนโลเกตฺวา ปพนฺธฏฺิตึ ปจฺจยสุลภตฺจ นิสฺสาย ‘‘จิรํ ชีวึ, จิรํ ชีวามิ, จิรํ ชีวิสฺสามิ, สุขํ ชีวึ, สุขํ ชีวามิ, สุขํ ชีวิสฺสามี’’ติ เอวํ มานกรณํ ชีวิตมโท.

อุปธิรหิตนฺติ กามูปธิรหิตํ. จตฺตาโร หิ อุปธี – กามูปธิ, ขนฺธูปธิ, กิเลสูปธิ, อภิสงฺขารูปธีติ. กามาปิ ‘‘ยํ ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฏฺานภาวโต ‘‘อุปธิยติ เอตฺถ สุข’’นฺติ อิมินา วจนตฺเถน ‘‘อุปธี’’ติ วุจฺจติ, ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกสฺส ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

อภิณฺหปจฺจเวกฺขิตพฺพฏฺานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘-๑๐. ลิจฺฉวิกุมารกสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๘-๖๐. อฏฺเม สาปเตยฺยนฺติ เอตฺถ สํ วุจฺจติ ธนํ, ตสฺส ปตีติ สปติ, ธนสามิโก. ตสฺส หิตาวหตฺตา สาปเตยฺยํ, ทฺรพฺยํ, ธนนฺติ อตฺโถ. อตฺตโน รุจิวเสน คามกิจฺจํ เนตีติ คามนิโย, คามนิโยเยว คามณิโก.

อนฺวาย อุปนิสฺสาย ชีวนสีลา อนุชีวิโนติ อาห ‘‘เย จ เอตํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตี’’ติ. เอกํ มหากุลํ นิสฺสาย ปณฺณาสมฺปิ สฏฺิปิ กุลานิ ชีวนฺติ, เต มนุสฺเส สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. นวมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

ลิจฺฉวิกุมารกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

นีวรณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๗) ๒. สฺาวคฺโค

๑-๕. สฺาสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๑-๖๕. ทุติยสฺส ปเม ‘‘มหปฺผลา มหานิสํสา’’ติ อุภยมฺเปตํ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมว นานนฺติ อาห ‘‘มหปฺผลา’’ติอาทิ. ‘‘ปฺจิเม คหปตโย อานิสํสา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๗๖) อานิสํส-สทฺโท ผลปริยาโยปิ โหติ. มหโต โลกุตฺตรสฺส สุขสฺส ปจฺจยา โหนฺตีติ มหานิสํสา. อมโตคธาติ อมตพฺภนฺตรา อมตํ อนุปฺปวิฏฺา นิพฺพานทิฏฺตฺตา, ตโต ปรํ น คจฺฉนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อมตปริโยสานา’’ติ. อมตํ ปริโยสานํ อวสานํ เอตาสนฺติ อมตปริโยสานา. มรณสฺาติ มรณานุปสฺสนาาเณน สฺา. อาหาเร ปฏิกูลสฺาติ อาหารํ คมนาทิวเสน ปฏิกูลโต ปริคฺคณฺหนฺตสฺส อุปฺปนฺนสฺา. อุกฺกณฺิตสฺสาติ นิพฺพินฺทนฺตสฺส กตฺถจิปิ อสชฺชนฺตสฺส. ทุติยาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

สฺาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๑๐. สาชีวสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๖-๗๐. ฉฏฺเ สห อาชีวนฺติ เอตฺถาติ สาชีโว, ปฺหสฺส ปุจฺฉนํ วิสฺสชฺชนฺจ. เตนาห ‘‘สาชีโวติ ปฺหปุจฺฉนฺเจว ปฺหวิสฺสชฺชนฺจา’’ติอาทิ. อภิสงฺขตนฺติ จิตํ. สตฺตมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

สาชีวสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

สฺาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๘) ๓. โยธาชีววคฺโค

๑-๒. ปมเจโตวิมุตฺติผลสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๑-๗๒. ตติยสฺส ปเม อวิชฺชาปลิฆนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาติ วฏฺฏมูลิกา อวิชฺชา, อยํ ปจุรชเนหิ อุกฺขิปิตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโต ทุกฺขิปนฏฺเน นิพฺพานทฺวารปฺปเวสวิพนฺธเนน จ ‘‘ปลิโฆ วิยาติ ปลิโฆ’’ติ วุจฺจติ. เตเนส ตสฺสา อุกฺขิตฺตตฺตา ‘‘อุกฺขิตฺตปลิโฆ’’ติ วุตฺโต. ปุนพฺภวสฺส กรณสีโล, ปุนพฺภวํ วา ผลํ อรหตีติ โปโนภวิกา, ปุนพฺภวทายิกาติ อตฺโถ. ชาติสํสาโรติ ชายนวเสน เจว สํสรณวเสน จ เอวํลทฺธนามานํ ปุนพฺภวกฺขนฺธานํ ปจฺจโย กมฺมาภิสงฺขาโร. ชาติสํสาโรติ หิ ผลูปจาเรน การณํ วุตฺตํ. ตฺหิ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติการณวเสน ปริกฺขิปิตฺวา ิตตฺตา ‘‘ปริขา’’ติ วุจฺจติ สนฺตานสฺส ปริกฺขิปนโต. เตเนส ตสฺส สํกิณฺณตฺตา วิกิณฺณตฺตา สพฺพโส ขิตฺตตฺตา วินาสิตตฺตา ‘‘สํกิณฺณปริโข’’ติ วุตฺโต.

ตณฺหาสงฺขาตนฺติ เอตฺถ ตณฺหาติ วฏฺฏมูลิกา ตณฺหา. อยฺหิ คมฺภีรานุคตฏฺเน ‘‘เอสิกา’’ติ วุจฺจติ. ลุฺจิตฺวา อุทฺธริตฺวา. โอรมฺภาคิยานีติ โอรมฺภาคชนกานิ กามภเว อุปปตฺติปจฺจยานิ กามราคสํโยชนาทีนิ. เอตานิ หิ กวาฏํ วิย นครทฺวารํ จิตฺตํ ปิทหิตฺวา ิตตฺตา ‘‘อคฺคฬา’’ติ วุจฺจนฺติ. เตเนส เตสํ นิคฺคตตฺตา ภินฺนตฺตา ‘‘นิรคฺคโฬ’’ติ วุตฺโตติ. อคฺคมคฺเคน ปนฺโน อปจิโต มานทฺธโช เอตสฺสาติ ปนฺนทฺธโช. ปนฺนภาโรติ ขนฺธภารกิเลสภารอภิสงฺขารภารา โอโรปิตา อสฺสาติ ปนฺนภาโร. วิสํยุตฺโตติ จตูหิ โยเคหิ สพฺพกิเลเสหิ จ วิสํยุตฺโต. อสฺมิมาโนติ รูเป อสฺมีติ มาโน, เวทนาย, สฺาย, สงฺขาเรสุ, วิฺาเณ อสฺมิมาโน. เอตฺถ หิ ปฺจปิ ขนฺเธ อวิเสสโต ‘‘อสฺมี’’ติ คเหตฺวา ปวตฺตมาโน อสฺมิมาโนติ อธิปฺเปโต.

นครทฺวารสฺส ปริสฺสยปฏิพาหนตฺถฺเจว โสธนตฺถฺจ อุโภสุ ปสฺเสสุ เอสิกาถมฺเภ นิขณิตฺวา เปตีติ อาห ‘‘นครทฺวาเร อุสฺสาปิเต เอสิกาถมฺเภ’’ติ. ปาการวิทฺธํสเนเนว ปริขาภูมิสมกรณํ โหตีติ อาห ‘‘ปาการํ ภินฺทิตฺวา ปริขํ วิกิริตฺวา’’ติ. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. สนฺโต สํวิชฺชมาโน กาโย ธมฺมสมูโหติ สกฺกาโย, อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ. ทฺวตฺตึสกมฺมการณา ทุกฺขกฺขนฺเธ อาคตทุกฺขานิ. อกฺขิโรคสีสโรคาทโย. อฏฺนวุติ โรคา, ราชภยาทีนิ ปฺจวีสติมหาภยานิ. ทุติยํ อุตฺตานเมว.

ปมเจโตวิมุตฺติผลสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓-๔. ปมธมฺมวิหารีสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๓-๗๔. ตติเย นิยกชฺฌตฺเตติ อตฺตโน สนฺตาเน. เมตฺตาย อุปสํหรณวเสน หิตํ เอสนฺเตน. กรุณาย วเสน อนุกมฺปมาเนน. ปริคฺคเหตฺวาติ ปริโต คเหตฺวา, ผริตฺวาติ อตฺโถ. ปริจฺจาติ ปริโต กตฺวา, สมนฺตโต ผริตฺวา อิจฺเจว อตฺโถ. ‘‘ปฏิจฺจา’’ติปิ ปาโ. มา ปมชฺชิตฺถาติ ‘‘ฌายถา’’ติ วุตฺตสมถวิปสฺสนานํ อนนุยุฺชเนน อฺเน วา เกนจิ ปมาทการเณน มา ปมาทํ อาปชฺชิตฺถ. นิยฺยานิกสาสเน อกตฺตพฺพกรณํ วิย กตฺตพฺพากรณมฺปิ ปมาโทติ. วิปตฺติกาเลติ สตฺตอสปฺปายาทิวิปตฺติยุตฺเต กาเล. สพฺเพปิ สาสเน คุณา อิเธว สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘ฌายถ มา ปมาทตฺถ…เป… อนุสาสนี’’ติ. จตุตฺเถ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ปมธมฺมวิหารีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปมโยธาชีวสุตฺตวณฺณนา

๗๕. ปฺจเม ยุชฺฌนํ โยโธ, โส อาชีโว เอเตสนฺติ โยธาชีวา. เตนาห ‘‘ยุทฺธูปชีวิโน’’ติ. สนฺถมฺภิตฺวา าตุํ น สกฺโกตีติ พทฺโธ ธิติสมฺปนฺโน าตุํ น สกฺโกติ. สมาคเตติ สมฺปตฺเต. พฺยาปชฺชตีติ วิการมาปชฺชติ. เตนาห ‘‘ปกติภาวํ ชหตี’’ติ.

รชคฺคสฺมินฺติ ปจฺจตฺเต ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘กึ ตสฺส ปุคฺคลสฺส รชคฺคํ นามา’’ติ. วินิพฺเพเตฺวาติ คหิตคฺคหณํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา. โมเจตฺวาติ สรีรโต อปเนตฺวา.

ปมโยธาชีวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ทุติยโยธาชีวสุตฺตวณฺณนา

๗๖. ฉฏฺเ จมฺมนฺติ อิมินา จมฺมมยํ จมฺมมิติ สิพฺพิตํ, อฺํ วา เกฏกผลกาทึ สงฺคณฺหาติ. ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวาติ ธนุฺเจว ตูณิรฺจ สนฺนยฺหิตฺวา สชฺเชตฺวา. ธนุทณฺฑสฺส ชิยายตฺตภาวกรณาทิปิ หิ ธนุโน สนฺนยฺหนํ. เตเนวาห ‘‘ธนุฺจ สรกลาปฺจ สนฺนยฺหิตฺวา’’ติ. ยุทฺธสนฺนิเวเสน ิตนฺติ ทฺวินฺนํ เสนานํ พฺยูหนสํวิธานนเยน กโต โย สนฺนิเวโส, ตสฺส วเสน ิตํ, เสนาพฺยูหสํวิธานวเสน สนฺนิวิฏฺนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุสฺสาหฺจ วายามฺจ กโรตีติ ยุชฺฌนวเสน อุสฺสาหํ วายามฺจ กโรติ. ปริยาปาเทนฺตีติ มรณปริยนฺติกํ อปรํ ปาเปนฺติ. เตนาห ‘‘ปริยาปาทยนฺตี’’ติ, ชีวิตํ ปริยาปาทยนฺติ มรณํ ปฏิปชฺชาเปนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

อรกฺขิเตเนว กาเยนาติอาทีสุ หตฺถปาเท กีฬาเปนฺโต คีวํ วิปริวตฺเตนฺโต กายํ น รกฺขติ นาม. นานปฺปการํ ทุฏฺุลฺลํ กโรนฺโต วาจํ น รกฺขติ นาม. กามวิตกฺกาทโย วิตกฺเกนฺโต จิตฺตํ น รกฺขติ นาม. อนุปฏฺิตาย สติยาติ กายคตาย สติยา อนุปฏฺิตาย. ราเคน อนุคโตติ ราเคน อนุปหโต. ราคปเรโตติ วา ราเคน ผุฏฺโ ผุฏฺวิเสน วิย สปฺเปน.

อนุทหนฏฺเนาติ อนุปายปฺปฏิปตฺติยา. สมฺปติ อายติฺจ มหาภิตาปฏฺเน. อนวตฺถิตสภาวตาย อิตฺตรปจฺจุปฏฺานฏฺเน. มุหุตฺตรมณียตาย ตาวกาลิกฏฺเน. พฺยตฺเตหิ อภิภวนียตาย สพฺพงฺคปจฺจงฺคปลิภฺชนฏฺเน. เฉทนเภทนาทิอธิกรณภาเวน อุคฺฆฏฺฏนสทิสตาย อธิกุฏฺฏนฏฺเน. อวเณ วณํ อุปฺปาเทตฺวา อนฺโต อนุปวิสนสภาวตาย วินิวิชฺฌนฏฺเน. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิก อนตฺถนิมิตฺตตาย สาสงฺกสปฺปฏิภยฏฺเน.

ทุติยโยธาชีวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๘. ปมอนาคตภยสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๗-๗๘. สตฺตเม วิเสสสฺส ปตฺติยา วิเสสสฺส ปาปุณนตฺถํ. วีริยนฺติ ปธานวีริยํ. ตํ ปน จงฺกมนวเสน กรเณ ‘‘กายิก’’นฺติปิ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ อาห – ‘‘ทุวิธมฺปี’’ติ. สตฺถกวาตาติ สนฺธิพนฺธนานิ กตฺตริยา ฉินฺทนฺตา วิย ปวตฺตวาตา. เตนาห – ‘‘สตฺถํ วิยา’’ติอาทิ. กตกมฺเมหีติ กตโจรกมฺเมหิ. เต กิร กตกมฺมา ยํ เนสํ เทวตํ อายาจิตฺวา กมฺมํ นิปฺผนฺนํ, ตสฺส อุปการตฺถาย มนุสฺเส มาเรตฺวา คลโลหิตานิ คณฺหนฺติ. เต ‘‘อฺเสุ มนุสฺเสสุ มาริยมาเนสุ โกลาหลํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ปพฺพชิตํ ปริเยสนฺโต นาม นตฺถี’’ติ มฺมานา ภิกฺขู คเหตฺวา มาเรนฺติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อกตกมฺเมหีติ อฏวิโต คามํ อาคมนกาเล กมฺมนิปฺผตฺตตฺถํ ปุเรตรํ พลิกมฺมํ กาตุกาเมหิ. เตเนวาห – ‘‘โจริกํ กตฺวา นิกฺขนฺตา กตกมฺมา นามา’’ติอาทิ. อฏฺเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ปมอนาคตภยสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ตติยอนาคตภยสุตฺตวณฺณนา

๗๙. นวเม ปาฬิคมฺภีราติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๒๒๙) ปาฬิวเสน คมฺภีรา อคาธา ทุกฺโขคาหา สลฺลสุตฺตสทิสา. สลฺลสุตฺตฺหิ (สุ. นิ. ๕๗๙) ‘‘อนิมิตฺตมนฺาต’’นฺติอาทินา ปาฬิวเสน คมฺภีรํ, น อตฺถคมฺภีรํ. ตถา หิ ตตฺถ ตา ตา คาถา ทุวิฺเยฺยรูปา ติฏฺนฺติ. ทุวิฺเยฺยฺหิ าเณน ทุกฺโขคาหนฺติ กตฺวา ‘‘คมฺภีร’’นฺติ วุจฺจติ. ปุพฺพาปรํเปตฺถ กาสฺจิ คาถานํ ทุวิฺเยฺยตาย ทุกฺโขคาหเมว, ตสฺมา ปาฬิวเสน คมฺภีรํ. อตฺถคมฺภีราติ อตฺถวเสน คมฺภีรา มหาเวทลฺลสุตฺตสทิสา, มหาเวทลฺลสุตฺตสฺส (ม. นิ. ๑.๔๔๙ อาทโย) อตฺถวเสน คมฺภีรตา ปากฏาเยว. โลกํ อุตฺตรตีติ โลกุตฺตโร, โส อตฺถภูโต เอเตสํ อตฺถีติ โลกุตฺตรา. เตนาห – ‘‘โลกุตฺตรธมฺมทีปกา’’ติ. สุฺตาปฏิสํยุตฺตาติ สตฺตสุฺธมฺมปฺปกาสกา. เตนาห ‘‘ขนฺธธาตุอายตนปจฺจยาการปฺปฏิสํยุตฺตา’’ติ. อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพนฺติ จ ลิงฺควจนวิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุคฺคเหตพฺเพ เจว วฬฺเชตพฺเพ จา’’ติ. กวิโน กมฺมํ กวิตา. ยสฺส ปน ยํ กมฺมํ, ตํ เตน กตนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘กวิตาติ กวีหิ กตา’’ติ. กาเวยฺยนฺติ กพฺยํ, กพฺยนฺติ จ กวินา วุตฺตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. จิตฺตกฺขราติ จิตฺราการอกฺขรา. อิตรํ ตสฺเสว เววจนํ. สาสนโต พหิทฺธา ิตาติ น สาสนาวจรา. พาหิรกสาวเกหีติ ‘‘พุทฺธา’’ติ อปฺปฺาตานํ เยสํ เกสฺจิ สาวเกหิ. สุสฺสูสิสฺสนฺตีติ อกฺขรจิตฺตตาย เจว สรสมฺปตฺติยา จ อตฺตมนา หุตฺวา สามเณรทหรภิกฺขุมาตุคามมหาคหปติกาทโย ‘‘เอส ธมฺมกถิโก’’ติ สนฺนิปติตฺวา โสตุกามา ภวิสฺสนฺติ.

ตติยอนาคตภยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. จตุตฺถอนาคตภยสุตฺตวณฺณนา

๘๐. ทสเม ปฺจวิเธน สํสคฺเคนาติ ‘‘สวนสํสคฺโค, ทสฺสนสํสคฺโค, สมุลฺลาปสํสคฺโค, สมฺโภคสํสคฺโค, กายสํสคฺโค’’ติ เอวํ วุตฺเตน ปฺจวิเธน สํสคฺเคน. สํสชฺชติ เอเตนาติ สํสคฺโค, ราโค. สวนเหตุโก, สวนวเสน วา ปวตฺโต สํสคฺโค สวนสํสคฺโค. เอส นโย เสเสสุปิ. กายสํสคฺโค ปน กายปรามาโส. เตสุ ปเรหิ วา กถิยมานํ รูปาทิสมฺปตฺตึ อตฺตนา วา สิตลปิตคีตสทฺทํ สุณนฺตสฺส โสตวิฺาณวีถิวเสน อุปฺปนฺโน ราโค สวนสํสคฺโค นาม. วิสภาครูปํ โอโลเกนฺตสฺส ปน จกฺขุวิฺาณวีถิวเสน อุปฺปนฺโน ราโค ทสฺสนสํสคฺโค นาม. อฺมฺอาลาปสลฺลาปวเสน อุปฺปนฺนราโค สมุลฺลาปสํสคฺโค นาม. ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิยา สนฺตกํ, ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุสฺส สนฺตกํ คเหตฺวา ปริโภคกรณวเสน อุปฺปนฺนราโค สมฺโภคสํสคฺโค นาม. หตฺถคฺคาหาทิวเสน อุปฺปนฺโน ราโค กายสํสคฺโค นาม.

อเนกวิหิตนฺติ อนฺนสนฺนิธิปานสนฺนิธิวตฺถสนฺนิธิยานสนฺนิธิสยนสนฺนิธิคนฺธสนฺนิธิ- อามิสสนฺนิธิวเสน อเนกปฺปการํ. สนฺนิธิกตสฺสาติ เอเตน ‘‘สนฺนิธิการปริโภค’’นฺติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๐) เอตฺถ การ-สทฺทสฺส กมฺมตฺถตํ ทสฺเสติ. ยถา วา ‘‘อาจยํ คามิโน’’ติ วตฺตพฺเพ อนุนาสิกโลเปน ‘‘อาจยคามิโน’’ติ นิทฺเทโส กโต, เอวํ ‘‘สนฺนิธิการํ ปริโภค’’นฺติ วตฺตพฺเพ อนุนาสิกโลเปน ‘‘สนฺนิธิการปริโภค’’นฺติ วุตฺตํ, สนฺนิธึ กตฺวา ปริโภคนฺติ อตฺโถ.

‘‘สนฺนิธิกตสฺส ปริโภค’’นฺติ เอตฺถ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒) ปน ทุวิธา กถา วินยวเสน สลฺเลขวเสน จ. วินยวเสน ตาว ยํ กิฺจิ อนฺนํ อชฺช ปฏิคฺคหิตํ อปรชฺชุ สนฺนิธิการํ โหติ, ตสฺส ปริโภเค ปาจิตฺติยํ. อตฺตนา ลทฺธํ ปน สามเณรานํ ทตฺวา เตหิ ลทฺธํ วา ปาเปตฺวา ทุติยทิวเส ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, สลฺเลโข ปน น โหติ. ปานสนฺนิธิมฺหิปิ เอเสว นโย. วตฺถสนฺนิธิมฺหิ อนธิฏฺิตาวิกปฺปิตํ สนฺนิธิ จ โหติ, สลฺเลขฺจ โกเปติ. อยํ นิปฺปริยายกถา. ปริยายโต ปน ติจีวรสนฺตุฏฺเน ภวิตพฺพํ, จตุตฺถํ ลภิตฺวา อฺสฺส ทาตพฺพํ. สเจ ยสฺส กสฺสจิ ทาตุํ น สกฺโกติ, ยสฺส ปน ทาตุกาโม โหติ, โส อุทฺเทสตฺถาย วา ปริปุจฺฉตฺถาย วา คโต, อาคตมตฺเต ทาตพฺพํ, อทาตุํ น วฏฺฏติ. จีวเร ปน อปฺปโหนฺเต, สติยา วา ปจฺจาสาย อนุฺาตกาลํ เปตุํ วฏฺฏติ. สูจิสุตฺตจีวรการกานํ อลาเภ ตโตปิ วินยกมฺมํ กตฺวา เปตุํ วฏฺฏติ ‘‘อิมสฺมึ ชิณฺเณ ปุน อีทิสํ กุโต ลภิสฺสามี’’ติ ปน เปตุํ น วฏฺฏติ, สนฺนิธิ จ โหติ, สลฺเลขฺจ โกเปติ.

ยานสนฺนิธิมฺหิ ยานํ นาม วยฺหํ รโถ สกฏํ สนฺทมานิกา ปาฏงฺกีติ. น ปเนตํ ปพฺพชิตสฺส ยานํ, อุปาหนํ ปน ยานํ. เอกภิกฺขุสฺส หิ เอโก อรฺวาสตฺถาย, เอโก โธตปาทกตฺถายาติ อุกฺกํสโต ทฺเว อุปาหนสงฺฆาฏกา วฏฺฏนฺติ, ตติยํ ลภิตฺวา อฺสฺส ทาตพฺโพ. ‘‘อิมสฺมึ ชิณฺเณ อฺํ กุโต ลภิสฺสามี’’ติ เปตุํ น วฏฺฏติ, สนฺนิธิ จ โหติ, สลฺเลขฺจ โกเปติ. สยนสนฺนิธิมฺหิ สยนนฺติ มฺโจ. เอกสฺส ภิกฺขุโน เอโก สยนคพฺเภ, เอโก ทิวาฏฺาเนติ อุกฺกํสโต ทฺเว มฺจา วฏฺฏนฺติ. ตโต อุตฺตรึ ลภิตฺวา อฺสฺส ภิกฺขุโน, คณสฺส วา ทาตพฺโพ, อทาตุํ น วฏฺฏติ, สนฺนิธิ เจว โหติ, สลฺเลโข จ กุปฺปติ. คนฺธสนฺนิธิมฺหิ ภิกฺขุโน กณฺฑุกจฺฉุฉวิโทสาทิอาพาเธ สติ คนฺธา วฏฺฏนฺติ. คนฺธตฺถิเกน คนฺธฺจ อาหราเปตฺวา ตสฺมึ โรเค วูปสนฺเต อฺเสํ วา อาพาธิกานํ ทาตพฺพํ, ทฺวาเร ปฺจงฺคุลิฆรธูปนาทีสุ วา อุปเนตพฺพํ. ‘‘ปุน โรเค สติ ภวิสฺสตี’’ติ เปตุํ น วฏฺฏติ, คนฺธสนฺนิธิ จ โหติ, สลฺเลขฺจ โกเปติ.

อามิสนฺติ วุตฺตาวเสสํ ทฏฺพฺพํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ‘‘ตถารูเป กาเล อุปการาย ภวิสฺสนฺตี’’ติ ติลตณฺฑุลมุคฺคมาสนาฬิเกรโลณมจฺฉสปฺปิเตลกุลาลภาชนาทีนิ อาหราเปตฺวา เปติ. โส วสฺสกาเล กาลสฺเสว สามเณเรหิ ยาคุํ ปจาเปตฺวา ปริภุฺชิตฺวา ‘‘สามเณร อุทกกทฺทเม ทุกฺขํ คามํ ปวิสิตุํ, คจฺฉ อสุกกุลํ คนฺตฺวา มยฺหํ วิหาเร นิสินฺนภาวํ อาโรเจหิ, อสุกกุลโต ทธิอาทีนิ อาหรา’’ติ เปเสติ. ภิกฺขูหิ ‘‘กึ, ภนฺเต, คามํ ปวิสิสฺสามา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘ทุปฺปเวโส, อาวุโส, อิทานิ คาโม’’ติ วทติ. เต ‘‘โหตุ, ภนฺเต, อจฺฉถ ตุมฺเห, มยํ ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา อาหริสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺติ. อถ สามเณโร ทธิอาทีนิ อาหริตฺวา ภตฺตฺจ พฺยฺชนฺจ สมฺปาเทตฺวา อุปเนติ, ตํ ภุฺชนฺตสฺเสว อุปฏฺากา ภตฺตํ ปหิณนฺติ, ตโตปิ มนาปมนาปํ ภุฺชติ. อถ ภิกฺขู ปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺติ, ตโตปิ มนาปมนาปํ ภุฺชติเยว. เอวํ จตุมาสมฺปิ วีตินาเมติ. อยํ วุจฺจติ ภิกฺขุ มุณฺฑกุฏุมฺพิกชีวิกํ ชีวติ, น สมณชีวิกนฺติ. เอวรูโป อามิสสนฺนิธิ นาม โหติ. ภิกฺขุโน ปน วสนฏฺาเน เอกา ตณฺฑุลนาฬิ เอโก คุฬปิณฺโฑ กุฑุวมตฺตํ สปฺปีติ เอตฺตกํ นิเธตุํ วฏฺฏติ อกาเล สมฺปตฺตโจรานํ อตฺถาย. เต หิ เอตฺตกํ อามิสปฏิสนฺถารํ อลภนฺตา ชีวิตา โวโรเปยฺยุํ, ตสฺมา สเจ หิ เอตฺตกํ นตฺถิ, อาหราเปตฺวาปิ เปตุํ วฏฺฏติ. อผาสุกกาเล จ ยเทตฺถ กปฺปิยํ, ตํ อตฺตนาปิ ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. กปฺปิยกุฏิยํ ปน พหุํ เปนฺตสฺสปิ สนฺนิธิ นาม นตฺถิ.

จตุตฺถอนาคตภยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

โยธาชีววคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๙) ๔. เถรวคฺโค

๑-๒. รชนียสุตฺตาทิวณฺณนา

๘๑-๘๒. จตุตฺถสฺส ปมํ สุวิฺเยฺยเมว. ทุติเย คุณมกฺขนาย ปวตฺโตปิ อตฺตโน การกํ คูเถน ปหรนฺตํ คูโถ วิย ปมตรํ มกฺเขตีติ มกฺโข, โส เอตสฺส อตฺถีติ มกฺขี. ปฬาสตีติ ปฬาโส, ปรสฺส คุเณ ฑํสิตฺวา วิย อปเนตีติ อตฺโถ. โส เอตสฺส อตฺถีติ ปฬาสี. ปฬาสี ปุคฺคโล หิ ทุติยสฺส ธุรํ น เทติ, สมฺปสาเรตฺวา ติฏฺติ. เตนาห ‘‘ยุคคฺคาหลกฺขเณน ปฬาเสน สมนฺนาคโต’’ติ.

รชนียสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. กุหกสุตฺตวณฺณนา

๘๓. ตติเย ตีหิ กุหนวตฺถูหีติ สามนฺตชปฺปนอิริยาปถสนฺนิสฺสิตปจฺจยปฺปฏิเสวนเภทโต ติปฺปเภเทหิ กุหนวตฺถูหิ. ติวิเธน กุหนวตฺถุนา โลกํ กุหยติ วิมฺหาปยติ ‘‘อโห อจฺฉริยปุริโส’’ติ อตฺตนิ ปเรสํ วิมฺหยํ อุปฺปาเทตีติ กุหโก. ลาภสกฺการตฺถิโก หุตฺวา ลปติ อตฺตานํ ทายกํ วา อุกฺขิปิตฺวา ยถา โส กิฺจิ ททาติ, เอวํ อุกฺกาเจตฺวา กเถตีติ ลปโก. นิมิตฺตํ สีลํ ตสฺสาติ เนมิตฺติโก, นิมิตฺเตน วา จรติ, นิมิตฺตํ วา กโรตีติ เนมิตฺติโก. นิมิตฺตนฺติ จ ปเรสํ ปจฺจยทานสฺุปฺปาทกํ กายวจีกมฺมํ วุจฺจติ. นิปฺเปโส สีลมสฺสาติ นิปฺเปสิโก. นิปฺปิสตีติ วา นิปฺเปโส, นิปฺเปโสเยว นิปฺเปสิโก. นิปฺเปโสติ จ สปุริโส วิย ลาภสกฺการตฺถํ อกฺโกสนุปฺปณฺฑนปรปิฏฺิมํสิกตาทิ.

กุหกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๗. ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา

๘๖-๘๗. ฉฏฺเ ปฏิสมฺภิทาสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อุจฺจาวจานีติ อุจฺจนีจานิ. เตนาห ‘‘มหนฺตขุทฺทกานี’’ติ. กึกรณียานีติ ‘‘กึ กโรมี’’ติ เอวํ วตฺวา กตฺตพฺพกมฺมานิ. ตตฺถ อุจฺจกมฺมานิ นาม จีวรสฺส กรณํ, รชนํ, เจติเย สุธากมฺมํ, อุโปสถาคารเจติยฆรโพธิฆเรสุ กตฺตพฺพกมฺมนฺติ เอวมาทิ. อวจกมฺมํ นาม ปาทโธวนมกฺขนาทิ ขุทฺทกกมฺมํ. ตตฺรุปายาสาติ ตตฺรุปคมนิยา, ตตฺร ตตฺร มหนฺเต ขุทฺทเก จ กมฺเม สาธนวเสน อุปคจฺฉนฺติยาติ อตฺโถ. ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส นิปฺผาทเน สมตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺรุปายายาติ วา ตตฺร ตตฺร กมฺเม สาเธตพฺเพ อุปายภูตาย. อลํ กาตุนฺติ กาตุํ สมตฺโถ โหติ. อลํ สํวิธาตุนฺติ วิจาเรตุํ สมตฺโถ. สตฺตมํ อุตฺตานเมว.

ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. เถรสุตฺตวณฺณนา

๘๘. อฏฺเม ถิรภาวปฺปตฺโตติ สาสเน ถิรภาวํ อนิวตฺติภาวํ ปตฺโถ. ปพฺพชิโต หุตฺวา พหู รตฺติโย ชานาตีติ รตฺตฺู. เตนาห ‘‘ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺายา’’ติอาทิ. ปากโฏติ อยถาภูตคุเณหิ เจว ยถาภูตคุเณหิ จ สมุคฺคโต. ยโส เอตสฺส อตฺถีติ ยสสฺสี, ยสํ สิโต นิสฺสิโต วา ยสสฺสี. เตนาห ‘‘ยสนิสฺสิโต’’ติ. อสตํ อสาธูนํ ธมฺมา อสทฺธมฺมา, อสนฺตา วา อสุนฺทรา คารยฺหา ลามกา ธมฺมาติ อสทฺธมฺมา. วิปริยาเยน สทฺธมฺมา เวทิตพฺพา.

เถรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปมเสขสุตฺตวณฺณนา

๘๙. นวเม อารมิตพฺพฏฺเน กมฺมํ อาราโม เอตสฺสาติ กมฺมาราโม, ตสฺส ภาโว กมฺมารามตา. ตตฺถ กมฺมนฺติ อิติกตฺตพฺพํ กมฺมํ วุจฺจติ. เสยฺยถิทํ – จีวรวิจารณํ จีวรกมฺมกรณํ อุปตฺถมฺภนํ ปตฺตตฺถวิกอํสพทฺธกกายพนฺธนธมฺมกรณอาธารกปาทกถลิกสมฺมชฺชนิอาทีนํ กรณนฺติ. เอกจฺโจ หิ เอตานิ กโรนฺโต สกลทิวสํ เอตาเนว กโรติ, ตํ สนฺธาเยส ปฏิกฺเขโป. โย ปน เอเตสํ กรณเวลายเมว ตานิ กโรติ, อุทฺเทสเวลาย อุทฺเทสํ คณฺหาติ, สชฺฌายเวลาย สชฺฌายติ, เจติยงฺคณวตฺตเวลาย เจติยงฺคณวตฺตํ กโรติ, มนสิการเวลาย มนสิการํ กโรติ, น โส กมฺมาราโม นาม. ภสฺสารามตาติ เอตฺถ โย อิตฺถิวณฺณปุริสวณฺณาทิวเสน อาลาปสลฺลาปํ กโรนฺโตเยว ทิวสฺจ รตฺติฺจ วีตินาเมติ, เอวรูโป ภสฺเส ปริยนฺตการี น โหติ, อยํ ภสฺสาราโม นาม. โย ปน รตฺติมฺปิ ทิวสมฺปิ ธมฺมํ กเถติ, ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, อยํ อปฺปภสฺโส ภสฺเส ปริยนฺตการีเยว. กสฺมา? ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ ธมฺมี วา กถา, อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓; อุทา. ๑๒, ๒๘, ๒๙) วุตฺตตฺตา.

นิทฺทารามตาติ เอตฺถ โย คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ นิปนฺโนปิ ถินมิทฺธาภิภูโต นิทฺทายติเยว, อยํ นิทฺทาราโม นาม. ยสฺส ปน กรชกาเย เคลฺเน จิตฺตํ ภวงฺเค โอตรติ, นายํ นิทฺทาราโม. เตเนวาห – ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, อคฺคิเวสฺสน, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗). สงฺคณิการามตาติ เอตฺถ โย เอกสฺส ทุติโย, ทฺวินฺนํ ตติโย, ติณฺณํ จตุตฺโถติ เอวํ สํสฏฺโว วิหรติ, เอกโก อสฺสาทํ น ลภติ, อยํ สงฺคณิการาโม. โย ปน จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโกว อสฺสาทํ ลภติ, นายํ สงฺคณิการาโม เวทิตพฺโพ. เสขานํ ปฏิลทฺธคุณสฺส ปริหานาสมฺภวโต ‘‘อุปริคุเณหี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ปมเสขสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทุติยเสขสุตฺตวณฺณนา

๙๐. ทสเม อติปาโตวาติ สพฺพรตฺตึ นิทฺทายิตฺวา พลวปจฺจูเส โกฏิสมฺมุฺชนิยา โถกํ สมฺมชฺชิตฺวา มุขํ โธวิตฺวา ยาคุภิกฺขตฺถาย ปาโตว ปวิสติ. ตํ อติกฺกมิตฺวาติ คิหิสํสคฺควเสน กาลํ วีตินาเมนฺโต มชฺฌนฺหิกสมยํ อติกฺกมิตฺวา ปกฺกมติ. ปาโตเยว หิ คามํ ปวิสิตฺวา ยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปิวิตฺวา เอกสฺมึ าเน นิปนฺโน นิทฺทายิตฺวา มนุสฺสานํ โภชนเวลาย ‘‘ปณีตภิกฺขํ ลภิสฺสามี’’ติ อุปกฏฺเ มชฺฌนฺหิเก อุฏฺาย ธมฺมกรเณน อุทกํ คเหตฺวา อกฺขีนิ ปุฺฉิตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาวทตฺถํ ภุฺชิตฺวา คิหิสํสฏฺโ กาลํ วีตินาเมตฺวา มชฺฌนฺเห วีติวตฺเต ปฏิกฺกมติ.

อปฺปิจฺฉกถาติ, ‘‘อาวุโส, อตฺริจฺฉตา ปาปิจฺฉตาติ อิเม ธมฺมา ปหาตพฺพา’’ติ เตสุ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอวรูปํ อปฺปิจฺฉตํ สมาทาย วตฺติตพฺพ’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา กถา. ตีหิ วิเวเกหีติ กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก, อุปธิวิเวโกติ อิเมหิ ตีหิ วิเวเกหิ. ตตฺถ เอโก คจฺฉติ, เอโก ติฏฺติ, เอโก นิสีทติ, เอโก เสยฺยํ กปฺเปติ, เอโก คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, เอโก ปฏิกฺกมติ, เอโก จงฺกมํ อธิฏฺาติ, เอโก จรติ, เอโก วิหรตีติ อยํ กายวิเวโก นาม. อฏฺ สมาปตฺติโย ปน จิตฺตวิเวโก นาม. นิพฺพานํ อุปธิวิเวโก นาม. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘กายวิเวโก จ วิเวกฏฺกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํ, จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํ, อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตาน’’นฺติ (มหานิ. ๕๗). ทุวิธํ วีริยนฺติ กายิกํ, เจตสิกฺจ วีริยํ. สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. สมาธินฺติ วิปสฺสนาปาทกา อฏฺ สมาปตฺติโย. วิมุตฺติกถาติ วา อริยผลํ อารพฺภ ปวตฺตา กถา. เสสํ อุตฺตานเมว.

ทุติยเสขสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

เถรวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๑๐) ๕. กกุธวคฺโค

๑-๑๐. ปมสมฺปทาสุตฺตาทิวณฺณนา

๙๑-๑๐๐. ปฺจมสฺส ปเม ทุติเย จ นตฺถิ วตฺตพฺพํ. ตติเย อาชานนโต อฺา, อุปริมคฺคปฺา เหฏฺิมมคฺเคน าตปริฺาย เอว ชานนโต. ตสฺสา ปน ผลภาวโต มคฺคผลปฺา ตํสหคตา สมฺมาสงฺกปฺปาทโย จ อิธ ‘‘อฺา’’ติ วุตฺตา. อฺาย พฺยากรณานิ อฺาพฺยากรณานิ. เตเนวาห ‘‘อฺาพฺยากรณานีติ อรหตฺตพฺยากรณานี’’ติ. อธิคตมาเนนาติ อปฺปตฺเต ปตฺตสฺี, อนธิคเต อธิคตสฺี หุตฺวา อธิคตํ มยาติ มาเนน. จตุตฺถาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

ปมสมฺปทาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

กกุธวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๓. ตติยปณฺณาสกํ

(๑๑) ๑. ผาสุวิหารวคฺโค

๑-๔. สารชฺชสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๐๑-๔. ตติยสฺส ปเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ. ทุติเย ปิณฺฑปาตาทิอตฺถาย อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานํ โคจโร, เวสิยา โคจโร อสฺสาติ เวสิยาโคจโร, มิตฺตสนฺถววเสน อุปสงฺกมิตพฺพฏฺานนฺติ อตฺโถ. เวสิยา นาม รูปูปชีวินิโย, ตา มิตฺตสนฺถววเสน น อุปสงฺกมิตพฺพา สมณภาวสฺส อนฺตรายกรตฺตา, ปริสุทฺธาสยสฺสปิ ครหาเหตุโต, ตสฺมา ทกฺขิณาทานวเสน สตึ อุปฏฺเปตฺวา อุปสงฺกมิตพฺพํ. วิธวา วุจฺจนฺติ มตปติกา, ปวุตฺถปติกา วา. ถุลฺลกุมาริโยติ มหลฺลิกา อนิวิทฺธา กุมาริโย. ปณฺฑกาติ นปุํสกา. เต หิ อุสฺสนฺนกิเลสา อวูปสนฺตปริฬาหา โลกามิสนิสฺสิตกถาพหุลา, ตสฺมา น อุปสงฺกมิตพฺพา. ภิกฺขุนิโย นาม อุสฺสนฺนพฺรหฺมจริยา. ตถา ภิกฺขูปิ. อฺมฺํ วิสภาควตฺถุภาวโต สนฺถววเสน อุปสงฺกมเน กติปาเหเนว พฺรหฺมจริยนฺตราโย สิยา, ตสฺมา น อุปสงฺกมิตพฺพา, คิลานปุจฺฉนาทิวเสน อุปสงฺกมเน สโตการินา ภวิตพฺพํ. ตติยจตุตฺถานิ อุตฺตานตฺถาเนว.

สารชฺชสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ผาสุวิหารสุตฺตวณฺณนา

๑๐๕. ปฺจเม เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, ตํสมุฏฺานํ กายกมฺมํ เมตฺตํ กายกมฺมํ. เอส นโย เสสทฺวเยปิ. อาวีติ ปกาสนํ. ปกาสภาโว เจตฺถ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส สมฺมุขภาวโตติ อาห ‘‘สมฺมุขา’’ติ. รโหติ อปฺปกาสํ. อปฺปกาสตา จ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส อปจฺจกฺขภาวโตติ อาห ‘‘ปรมฺมุขา’’ติ. อิมานิ เมตฺตกายกมฺมาทีนิ ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ เตสํ เสฏฺปริสภาวโต, คิหีสุปิ ลพฺภนฺติเยว. ภิกฺขูนฺหิ เมตฺตจิตฺเตน อาภิสมาจาริกปูรณํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. คิหีนํ เจติยวนฺทนตฺถาย โพธิวนฺทนตฺถาย สงฺฆนิมนฺตนตฺถาย คมนํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ ภิกฺขู ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ ปตฺตปฺปฏิคฺคหณํ อาสนปฺาปนํ อนุคมนนฺติ เอวมาทิกํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. ภิกฺขูนํ เมตฺตจิตฺเตน อาจารปฺตฺติสิกฺขาปนํ กมฺมฏฺานกถนํ ธมฺมเทสนา เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. คิหีนํ ‘‘เจติยวนฺทนาย คจฺฉาม, โพธิวนฺทนาย คจฺฉาม, ธมฺมสฺสวนํ กริสฺสาม, ทีปมาลํ ปุปฺผปูชํ กริสฺสาม, ตีณิ สุจริตานิ สมาทาย วตฺติสฺสาม, สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสาม, วสฺสาวาสิกํ ทสฺสาม, อชฺช สงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจเย ทสฺสาม, สงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ขาทนียาทีนิ สํวิทหถ, อาสนานิ ปฺเปถ, ปานียํ อุปฏฺเปถ, สงฺฆํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา อาเนถ, ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปถ, ฉนฺทชาตา อุสฺสาหชาตา เวยฺยาวจฺจํ กโรถา’’ติอาทิกถนกาเล เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. ภิกฺขูนํ ปาโตว อุฏฺาย สรีรปฺปฏิชคฺคนํ กตฺวา เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา วตฺตาทีนิ กตฺวา วิวิตฺตเสนาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺชา’’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม, คิหีนํ ‘‘อยฺยา สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺชา’’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.

ตตฺถ นวกานํ จีวรกมฺมาทีสุ สหายภาวคมนํ สมฺมุขา กายกมฺมํ นาม, เถรานํ ปน ปาทโธวนสิฺจนพีชนทานาทิเภทมฺปิ สพฺพํ สามีจิกมฺมํ สมฺมุขา กายกมฺมํ นาม, อุภเยหิปิ ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ ทารุภณฺฑาทีนํ เตสุ อวฺํ อกตฺวา อตฺตนา ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ วิย ปฏิสามนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. ‘‘เทวตฺเถโร ติสฺสตฺเถโร’’ติ วุตฺตํ เอวํ ปคฺคยฺหวจนํ สมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม, วิหาเร อสนฺตํ ปน ปฏิปุจฺฉนฺตสฺส ‘‘กุหึ อมฺหากํ เทวตฺเถโร, กุหึ อมฺหากํ ติสฺสตฺเถโร, กทา นุ โข อาคมิสฺสตี’’ติ เอวํ ปิยวจนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานิ ปน นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา ปสนฺเนน มุเขน โอโลกนํ สมฺมุขา เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม, ‘‘เทวตฺเถโร ติสฺสตฺเถโร อโรโค โหตุ อพฺยาปชฺโช’’ติ สมนฺนาหรณํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม. กามฺเจตฺถ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานํ นยนานํ อุมฺมีลนํ, ปสนฺเนน มุเขน โอโลกนฺจ เมตฺตํ กายกมฺมเมว. ยสฺส ปน จิตฺตสฺส วเสน นยนานํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธตา, มุขสฺส จ ปสนฺนตา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เมตฺตํ มโนกมฺมํ นามา’’ติ. สมาธิสํวตฺตนปฺปโยชนานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ.

สมานสีลตํ คโตติ เตสุ เตสุ ทิสาภาเคสุ วิหรนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สมานสีลตํ คโต. ยายนฺติ ยา อยํ มยฺหฺเจว ตุมฺหากฺจ ปจฺจกฺขภูตา. ทิฏฺีติ สมฺมาทิฏฺิ. อริยาติ นิทฺโทสา. นิยฺยาตีติ วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรติ นิคฺคจฺฉติ. สยํ นิยฺยนฺตีเยว หิ ตํสมงฺคิปุคฺคลํ วฏฺฏทุกฺขโต นิยฺยาเปตีติ วุจฺจติ. ยา สตฺถุ อนุสิฏฺิ, ตํ กโรตีติ ตกฺกโร, ตสฺส, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชกสฺสาติ อตฺโถ. ทุกฺขกฺขยายาติ สพฺพทุกฺขกฺขยตฺถํ. ทิฏฺิสามฺคโตติ สมานทิฏฺิภาวํ อุปคโต.

ผาสุวิหารสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๑๐. อานนฺทสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๐๖-๑๑๐. ฉฏฺเ อธิสีเลติ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ, สีลนิมิตฺตํ น อุปวทติ น นินฺทตีติ อตฺโถ. อตฺตนิ กมฺเม จ อนุ อนุ เปกฺขติ สีเลนาติ อตฺตานุเปกฺขี. สตฺตมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

อานนฺทสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ผาสุวิหารวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๑๒) ๒. อนฺธกวินฺทวคฺโค

๑-๔. กุลูปกสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๑๑-๑๑๔. ทุติยสฺส ปเม อสนฺถเวสุ กุเลสุ วิสฺสาโส เอตสฺสาติ อสนฺถววิสฺสาสี. อนิสฺสโร หุตฺวา วิกปฺเปติ สํวิทหติ สีเลนาติ อนิสฺสรวิกปฺปี. วิสฺสฏฺานิ วิสุํ ขิตฺตานิ เภเทน อวตฺถิตานิ กุลานิ ฆฏนตฺถาย อุปเสวติ สีเลนาติ วิสฺสฏฺุปเสวี. ทุติยาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

กุลูปกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๑๓. มจฺฉรินีสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๑๕-๑๒๓. ปฺจเม อาวาสมจฺฉริยาทีนิ ปฺจ อิธ ภิกฺขุนิยา วเสน อาคตานิ, ภิกฺขุสฺส วเสนปิ ตานิ เวทิตพฺพานิ. อาวาสมจฺฉริเยน หิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อาคนฺตุกํ ทิสฺวา ‘‘เอตฺถ เจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา ปริกฺขาโร ปิโต’’ติอาทีนิ วตฺวา สงฺฆิกอาวาสํ น เทติ. กุลมจฺฉริเยน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ เตหิ เตหิ การเณหิ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน อุปฏฺาเก กุเล อฺเสํ ปเวสมฺปิ นิวาเรติ. ลาภมจฺฉริเยน สมนฺนาคโต สงฺฆิกมฺปิ ลาภํ มจฺฉรายนฺโต ยถา อฺเ น ลภนฺติ, เอวํ กโรติ อตฺตนา วิสมนิสฺสิตตาย พลวนิสฺสิตตาย จ. วณฺณมจฺฉริเยน สมนฺนาคโต อตฺตโน วณฺณํ วณฺเณติ, ปเรสํ วณฺเณ ‘‘กึ วณฺโณ เอโส’’ติ ตํ ตํ โทสํ วทติ. วณฺโณติ เจตฺถ สรีรวณฺโณปิ, คุณวณฺโณปิ เวทิตพฺโพ.

ธมฺมมจฺฉริเยน สมนฺนาคโต – ‘‘อิมํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เอโส มํ อภิภวิสฺสตี’’ติ อฺสฺส น เทติ. โย ปน – ‘‘อยํ อิมํ ธมฺมํ อุคฺคเหตฺวา อฺถา อตฺถํ วิปริวตฺเตตฺวา นาเสสฺสตี’’ติ ธมฺมนุคฺคเหน วา – ‘‘อยํ อิมํ ธมฺมํ อุคฺคเหตฺวา อุทฺธโต อุนฺนโฬ อวูปสนฺตจิตฺโต อปุฺํ ปสวิสฺสตี’’ติ ปุคฺคลานุคฺคเหน วา น เทติ, น ตํ มจฺฉริยํ. ธมฺโมติ เจตฺถ ปริยตฺติธมฺโม อธิปฺเปโต. ปฏิเวธธมฺโม หิ อริยานํเยว โหติ, เต จ นํ น มจฺฉรายนฺติ มจฺฉริยสฺส สพฺพโส ปหีนตฺตาติ ตสฺส อสมฺภโว เอว. ตตฺถ อาวาสมจฺฉริเยน โลหเคเห ปจฺจติ, ยกฺโข วา เปโต วา หุตฺวา ตสฺเสว อาวาสสฺส สงฺการํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวา จรติ. กุลมจฺฉริเยน อปฺปโภโค โหติ. ลาภมจฺฉริเยน คูถนิรเย นิพฺพตฺตติ, สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ลาภํ มจฺฉรายิตฺวา ปุคฺคลิกปริโภเคน วา ปริภุฺชิตฺวา ยกฺโข วา เปโต วา มหาอชคโร วา หุตฺวา นิพฺพตฺตติ. วณฺณมจฺฉริเยน ภเวสุ นิพฺพตฺตสฺส วณฺโณ นาม น โหติ. ธมฺมมจฺฉริเยน กุกฺกุฬนิรเย นิพฺพตฺตติ. ฉฏฺาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

มจฺฉรินีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนฺธกวินฺทวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๑๓) ๓. คิลานวคฺโค

๑๒๔-๑๓๐. ตติโย วคฺโค อุตฺตานตฺโถเยว.

(๑๔) ๔. ราชวคฺโค

๑. ปมจกฺกานุวตฺตนสุตฺตวณฺณนา

๑๓๑. จตุตฺถสฺส ปเม อตฺถฺูติ หิตฺู. หิตปริยาโย เหตฺถ อตฺถ-สทฺโท ‘‘อตฺตตฺโถ ปรตฺโถ’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) วิย. ยสฺมา เจส ปเรสํ หิตํ ชานนฺโต เต อตฺตนิ รฺเชติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘รฺชิตุํ ชานาตี’’ติ. ทณฺเฑติ อปราธานุรูเป ทณฺฑเน. พลมฺหีติ พลกาเย. ปฺจ อตฺเถติ อตฺตตฺโถ, ปรตฺโถ, อุภยตฺโถ, ทิฏฺธมฺมิโก อตฺโถ, สมฺปรายิโก อตฺโถติ เอวํ ปฺจปฺปเภเท อตฺเถ. จตฺตาโร ธมฺเมติ จตุสจฺจธมฺเม, กามรูปารูปโลกุตฺตรเภเท วา จตฺตาโร ธมฺเม. ปฏิคฺคหณปริโภคมตฺตฺุตาย เอว ปริเยสนวิสฺสชฺชนมตฺตฺุตาปิ โพธิตา โหนฺตีติ ‘‘ปฏิคฺคหณปริโภคมตฺตํ ชานาติ’’อิจฺเจว วุตฺตํ.

อุตฺตรติ อติกฺกมติ, อภิภวตีติ วา อุตฺตรํ, นตฺถิ เอตฺถ อุตฺตรนฺติ อนุตฺตรํ. อนติสยํ, อปฺปฏิภาคํ วา อเนกาสุ เทวมนุสฺสปริสาสุ อเนกสตกฺขตฺตุํ เตสํ อริยสจฺจปฺปฏิเวธสมฺปาทนวเสน ปวตฺตา ภควโต ธมฺมเทสนา ธมฺมจกฺกํ. อปิจ สพฺพปมํ อฺาตโกณฺฑฺปฺปมุขาย อฏฺารสปริสคณาย พฺรหฺมโกฏิยา จตุสจฺจสฺส ปฏิเวธวิธายินี ยา ธมฺมเทสนา, ตสฺสา สาติสยา ธมฺมจกฺกสมฺา. ตตฺถ สติปฏฺานาติธมฺโม เอว ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ. จกฺกนฺติ วา อาณา ธมฺมโต อนเปตตฺตา, ธมฺมฺจ ตํ จกฺกฺจาติ ธมฺมจกฺกํ. ธมฺเมน าเยน จกฺกนฺติปิ ธมฺมจกฺกํ. ยถาห ‘‘ธมฺมฺจ ปวตฺเตติ จกฺกฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, จกฺกฺจ ปวตฺเตติ ธมฺมฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺเมน ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺก’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๒.๔๐-๔๑). อปฺปฏิวตฺติยนฺติ ธมฺมิสฺสรสฺส ภควโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมจกฺกสฺส อนุตฺตรภาวโต อปฺปฏิเสธนียํ. เกหิ ปน อปฺปฏิวตฺติยนฺติ อาห – ‘‘สมเณน วา’’ติอาทิ. ตตฺถ สมเณนาติ ปพฺพชฺชํ อุปคเตน. พฺราหฺมเณนาติ ชาติพฺราหฺมเณน. สาสนปรมตฺถสมณพฺราหฺมณานฺหิ ปฏิโลมจิตฺตํเยว นตฺถิ. เทเวนาติ กามาวจรเทเวน. เกนจีติ เยน เกนจิ อวสิฏฺปาริสชฺเชน. เอตฺตาวตา อฏฺนฺนมฺปิ ปริสานํ อนวเสสปริยาทานํ ทฏฺพฺพํ. โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเก.

ปมจกฺกานุวตฺตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยจกฺกานุวตฺตนสุตฺตวณฺณนา

๑๓๒. ทุติเย จกฺกวตฺติวตฺตนฺติ ทสวิธํ, ทฺวาทสวิธํ วา จกฺกวตฺติภาวาวหํ วตฺตํ. ตตฺถ อนฺโตชนสฺมึ พลกาเย ธมฺมิกาเยว รกฺขาวรณคุตฺติยา สํวิธานํ, ขตฺติเยสุ, อนุยนฺเตสุ, พฺราหฺมณคหปติเกสุ, เนคมชานปเทสุ, สมณพฺราหฺมเณสุ, มิคปกฺขีสุ, อธมฺมิกปฏิกฺเขโป, อธนานํ ธนานุปฺปทานํ, สมณพฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหปุจฺฉนนฺติ อิทํ ทสวิธํ จกฺกวตฺติวตฺตํ. อิทเมว จ คหปติเก ปกฺขิชาเต จ วิสุํ กตฺวา คหณวเสน ทฺวาทสวิธํ. ปิตรา ปวตฺติตเมว อนุปฺปวตฺเตตีติ ทสวิธํ วา ทฺวาทสวิธํ วา จกฺกวตฺติวตฺตํ ปูเรตฺวา นิสินฺนสฺส ปุตฺตสฺส อฺํ ปาตุภวติ, โส ตํ ปวตฺเตติ. รตนมยตฺตา ปน สทิสฏฺเน ตเทเวตนฺติ กตฺวา ‘‘ปิตรา ปวตฺติต’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา วา โส ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก, ตฺวํ เทว, โหหิ, อหมนุสาสิสฺสามี’’ติ อาห. ตสฺมา ปิตรา ปวตฺติตํ อาณาจกฺกํ อนุปฺปวตฺเตติ นามาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยฺหิ อตฺตโน ปุฺานุภาวสิทฺธํ จกฺกรตนํ, ตํ นิปฺปริยายโต เตน ปวตฺติตํ นาม, เนตรนฺติ ปมนโย วุตฺโต. ยสฺมา ปวตฺติตสฺเสว อนุวตฺตนํ, ปมนโย จ ตํสทิเส ตพฺโพหารวเสน วุตฺโตติ ตํ อนาทิยิตฺวา ทุติยนโย วุตฺโต.

ทุติยจกฺกานุวตฺตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ยสฺสํทิสํสุตฺตวณฺณนา

๑๓๔. จตุตฺเถ ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติ เอตฺตเก วุตฺเต เยหิ เกหิจิ ทฺวีหิ ภาเคหิ สุชาตตา ปฺาเปยฺย, สุชาต-สทฺโท จ ‘‘สุชาโต จารุทสฺสโน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๓; เถรคา. ๘๑๘) อาโรหสมฺปตฺติปริยาโยติ ชาติวเสน สุชาตตํ วิภาเวตุํ ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ วุตฺตํ. อโนรสปุตฺตวเสนปิ โลเก มาตุปิตุสมฺา ทิสฺสติ, อิธ ปน สา โอรสปุตฺตวเสน อิจฺฉิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สํสุทฺธคฺคหณิโก’’ติ วุตฺตํ. คพฺภํ คณฺหาติ ธาเรตีติ คหณี, คพฺภาสยสฺิโต มาตุกุจฺฉิปฺปเทโส. เตนาห ‘‘สํสุทฺธาย มาตุกุจฺฉิยา สมนฺนาคโต’’ติ. ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส วิปาจนวเสน คณฺหนโต อฉฑฺฑนโต คหณี, เตโชธาตุ. ปิตา จ มาตา จ ปิตโร. ปิตูนํ ปิตโร ปิตามหา. เตสํ ยุโค ปิตามหยุโค, ตสฺมา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา, ปิตามหทฺวนฺทาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ ปิตามหคฺคหเณเนว มาตามโหปิ คหิโตติ โส อฏฺกถายํ วิสุํ น อุทฺธโต. ยุค-สทฺโท เจตฺถ เอกเสสนเยน ทฏฺพฺโพ ‘‘ยุโค จ ยุโค จ ยุโค’’ติ. เอวฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ทฺวินฺนํ คหิตเมว โหติ. เตนาห ‘‘ตโต อุทฺธํ สพฺเพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหคฺคหเณเนว คหิตา’’ติ. ปุริสคฺคหณฺเจตฺถ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ ‘‘มาติโต’’ติ ปาฬิวจนํ สมตฺถิตํ โหติ.

อกฺขิตฺโตติ อปฺปตฺตกฺเขโป. อนวกฺขิตฺโตติ สมฺปตฺตวิวาทาทีสุ น อวกฺขิตฺโต น ฉฑฺฑิโต. ชาติวาเทนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกน การเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘อุภโต…เป… ปิตามหยุคา’’ติ เอเตน ขตฺติยสฺส โยนิโทสาภาโว ทสฺสิโต สํสุทฺธคฺคหณิกภาวกิตฺตนโต. ‘‘อกฺขิตฺโต’’ติ อิมินา กิริยาปราธาภาโว. กิริยาปราเธน หิ สตฺตา เขปํ ปาปุณนฺติ. ‘‘อนุปกฺกุฏฺโ’’ติ อิมินา อยุตฺตสํสคฺคาภาโว. อยุตฺตสํสคฺคฺหิ ปฏิจฺจ สตฺตา อกฺโกสํ ลภนฺติ.

อฑฺฒตา นาม วิภวสมฺปนฺนตา, สา ตํ ตํ อุปาทายุปาทาย วุจฺจตีติ อาห ‘‘โย โกจิ อตฺตโน สนฺตเกน วิภเวน อฑฺโฒ โหตี’’ติ. ตถา มหทฺธนตาปีติ ตํ อุกฺกํสคตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มหตา อปริมาณสงฺเขน ธเนน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํ. ภุฺชิตพฺพโต ปริภุฺชิตพฺพโต วิเสสโต กามา โภคา นามาติ อาห ‘‘ปฺจกามคุณวเสนา’’ติ. โกฏฺํ วุจฺจติ ธฺสฺส อาวสนฏฺานํ, โกฏฺภูตํ อคารํ โกฏฺาคารํ. เตนาห ‘‘ธฺเน จ ปริปุณฺณโกฏฺาคาโร’’ติ. เอวํ สารคพฺภํ โกโส, ธฺปริฏฺปนฏฺานฺจ โกฏฺาคารนฺติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตโต อฺถา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา อสิโน ติกฺขภาวปริหารโก ปฏิจฺฉโท ‘‘โกโส’’ติ วุจฺจติ. เอวํ รฺโ ติกฺขภาวปริหารํ กตฺวา จตุรงฺคินี เสนา โกโสติ อาห ‘‘จตุพฺพิโธ โกโส หตฺถี อสฺสา รถา ปตฺตี’’ติ. วตฺถโกฏฺาคารคฺคหเณเนว สพฺพสฺสปิ ภณฺฑฏฺปนฏฺานสฺส คหิตตฺตา ‘‘ติวิธํ โกฏฺาคาร’’นฺติ วุตฺตํ.

ยสฺสา ปฺาย วเสน ปุริโส ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, ตํ ปณฺฑิจฺจนฺติ อาห ‘‘ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต’’ติ. ตํตํอิติกตฺตพฺพตาสุ เฉกภาโว พฺยตฺตภาโว เวยฺยตฺติยํ. สมฺโมหํ หึสติ วิธมตีติ เมธา, สา เอตสฺส อตฺถีติ เมธาวี. าเน าเน อุปฺปตฺติ เอติสฺสา อตฺถีติ านุปฺปตฺติ, านโส อุปฺปชฺชนปฺา. วฑฺฒิอตฺเถติ วฑฺฒิสงฺขาเต อตฺเถ.

ยสฺสํทิสํสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๙. ปตฺถนาสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๓๕-๙. ปฺจเม หตฺถิสฺมินฺติ หตฺถิสิปฺเป. หตฺถีติ หิ หตฺถิวิสยตฺตา หตฺถิสนฺนิสฺสิตตฺตา จ หตฺถิสิปฺปํ คหิตํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. วยตีติ วโย, โสภเนสุ กตฺถจิ อปกฺขลนฺโต อวิตฺถายนฺโต ตานิ สนฺธาเรตุํ สกฺโกตีติ อตฺโถ. น วโย อวโย, ตานิ อตฺถโต สทฺทโต จ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ. อวโย น โหตีติ อนวโย. ทฺเว ปฏิเสธา ปกตึ คเมนฺตีติ อาห ‘‘อนวโยติ สมตฺโถ’’ติ. ฉฏฺาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

ปตฺถนาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. โสตสุตฺตวณฺณนา

๑๔๐. ทสเม ติพฺพานนฺติ ติกฺขานํ. ขรานนฺติ กกฺกสานํ. กฏุกานนฺติ ทารุณานํ. อสาตานนฺติ นสาตานํ อปฺปิยานํ. น ตาสุ มโน อปฺเปติ, น ตา มนํ อปฺปายนฺติ วฑฺเฒนฺตีติ อมนาปา.

โสตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ราชวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๑๕) ๕. ติกณฺฑกีวคฺโค

๑. อวชานาติสุตฺตวณฺณนา

๑๔๑. ปฺจมสฺส ปเม ทตฺวา อวชานาตีติ เอตฺถ เอโก ภิกฺขุ มหาปุฺโ จตุปจฺจยลาภี โหติ, โส จีวราทีนิ ลภิตฺวา อฺํ อปฺปปุฺํ อาปุจฺฉติ. โสปิ ตสฺมึ ปุนปฺปุนํ อาปุจฺฉนฺเตปิ คณฺหาติเยว. อถสฺส อิตโร โถกํ กุปิโต หุตฺวา มงฺกุภาวํ อุปฺปาเทตุกาโม วทติ ‘‘อยํ อตฺตโน ธมฺมตาย จีวราทีนิ น ลภติ, อมฺเห นิสฺสาย ลภตี’’ติ. เอวมฺปิ ทตฺวา อวชานาติ นาม. เอโก ปน เอเกน สทฺธึ ทฺเว ตีณิ วสฺสานิ วสนฺโต ปุพฺเพ ตํ ปุคฺคลํ ครุํ กตฺวา คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล จิตฺตีการํ น กโรติ, อาสนนิสินฺนฏฺานมฺปิ น คจฺฉติ. อยมฺปิ ปุคฺคโล สํวาเสน อวชานาติ นาม. อาเธยฺยมุโขติ อาทิโต เธยฺยมุโข, ปมวจนสฺมึเยว ปิตมุโขติ อตฺโถ. ตตฺถายํ นโย – เอโก ปุคฺคโล สารุปฺปํเยว ภิกฺขุํ ‘‘อสารุปฺโป เอโส’’ติ กเถติ. ตํ สุตฺวา เอส นิฏฺํ คจฺฉติ, ปุน อฺเน สภาเคน ภิกฺขุนา ‘‘สารุปฺโป อย’’นฺติ วุตฺเตปิ ตสฺส วจนํ น คณฺหาติ. อสุเกน นาม ‘‘อสารุปฺโป อย’’นฺติ อมฺหากํ กถิตนฺติ ปุริมภิกฺขุโนว กถํ คณฺหาติ. อปโรปิสฺส ทุสฺสีลํ ‘‘สีลวา’’ติ กเถติ. ตสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา ปุน อฺเน ‘‘อสารุปฺโป เอโส ภิกฺขุ, นายํ ตุมฺหากํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺโต’’ติ วุตฺเตปิ ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ปุริมํเยว กถํ คณฺหาติ. อปโร วณฺณมฺปิ กถิตํ คณฺหาติ, อวณฺณมฺปิ กถิตํ คณฺหาติเยว. อยมฺปิ อาเธยฺยมุโขเยว นาม อาธาตพฺพมุโข, ยํ ยํ สุณาติ, ตตฺถ ตตฺถ ปิตมุโขติ อตฺโถ.

โลโลติ สทฺธาทีนํ อิตฺตรกาลปฺปติตตฺตา อสฺสทฺธิยาทีหิ ลุลิตภาเวน โลโล. อิตฺตรภตฺตีติอาทีสุ ปุนปฺปุนํ ภชเนน สทฺธาว ภตฺติเปมํ. สทฺธาเปมมฺปิ เคหสฺสิตเปมมฺปิ วฏฺฏติ, ปสาโท สทฺธาปสาโท. เอวํ ปุคฺคโล โลโล โหตีติ เอวํ อิตฺตรสทฺธาทิตาย ปุคฺคโล โลโล นาม โหติ. หลิทฺทิราโค วิย, ถุสราสิมฺหิ โกฏฺฏิตขานุโก วิย, อสฺสปิฏฺิยํ ปิตกุมฺภณฺฑํ วิย จ อนิพทฺธฏฺาเน มุหุตฺเตน กุปฺปติ. มนฺโท โมมูโหติ อฺาณภาเวน มนฺโท, อวิสยตาย โมมูโห, มหามูฬฺโหติ อตฺโถ.

อวชานาติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๓. อารภติสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๔๒-๓. ทุติเย อารภตีติ เอตฺถ อารมฺภ-สทฺโท กมฺมกิริยหึสนวีริยโกปนาปตฺติวีติกฺกเมสุ วตฺตติ. ตถา เหส ‘‘ยํ กิฺจิ ทุกฺขํ สมฺโภติ, สพฺพํ อารมฺภปจฺจยา’’ติ (สุ. นิ. ๗๔๙) กมฺเม อาคโต. ‘‘มหารมฺภา มหายฺา, น เต โหนฺติ มหปฺผลา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๐; อ. นิ. ๔.๓๙) กิริยาย. ‘‘สมณํ โคตมํ อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๕๑) หึสเน. ‘‘อารมฺภถ นิกฺขมถ, ยุฺชถ พุทฺธสาสเน’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๘๕; เนตฺติ. ๒๙; เปฏโก. ๓๘; มิ. ป. ๕.๑.๔) วีริเย. ‘‘พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๕; ม. นิ. ๑.๒๙๓) โกปเน. ‘‘อารภติ จ วิปฺปฏิสารี จ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๔๒; ปุ. ป. ๑๙๑) อยํ ปน อาปตฺติวีติกฺกเม อาคโต, ตสฺมา อาปตฺติวีติกฺกมวเสน อารภติ เจว, ตปฺปจฺจยา จ วิปฺปฏิสารี โหตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ยถาภูตํ นปฺปชานาตีติ อนธิคตตฺตา ยถาสภาวโต น ชานาติ. ยตฺถสฺสาติ ยสฺมึ อสฺส, ยํ านํ ปตฺวา เอตสฺส ปุคฺคลสฺส อุปฺปนฺนา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตีติ อตฺโถ. กึ ปน ปตฺวา เต นิรุชฺฌนฺตีติ? อรหตฺตมคฺคํ, ผลปฺปตฺตสฺส ปน นิรุทฺธา นาม โหนฺติ. เอวํ สนฺเตปิ อิธ มคฺคกิจฺจวเสน ปน ผลเมว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อารภตี น วิปฺปฏิสารี โหตีติ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, ตํ ปเนส เทเสตุํ สภาคปุคฺคลํ ปริเยสติ, ตสฺมา น วิปฺปฏิสารี โหติ. น อารภติ วิปฺปฏิสารี โหตีติ อาปตฺตึ น อาปชฺชติ, วินยปฺตฺติยํ ปน อโกวิทตฺตา อนาปตฺติยา อาปตฺติสฺี หุตฺวา วิปฺปฏิสารี โหตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘น อารภติ น วิปฺปฏิสารี โหตี’’ติ โย วุตฺโต, กตโร โส ปุคฺคโล? โอสฺสฏฺวีริยปุคฺคโล. โส หิ ‘‘กึ เม อิมสฺมึ กาเล ปรินิพฺพาเนน, อนาคเต เมตฺเตยฺยสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วิสุทฺธสีโลปิ ปฏิปตฺตึ น ปูเรติ. โส หิ ‘‘กิมตฺถํ อายสฺมา ปมตฺโต วิหรติ, ปุถุชฺชนสฺส นาม คติ อนิพทฺธา, ตสฺมา หิ เมตฺเตยฺยสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขีภาวํ ลเภยฺยาสิ, อรหตฺตตฺถาย วิปสฺสนํ ภาเวหี’’ติ โอวทิตพฺโพว.

สาธูติ อายาจนตฺเถ นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาว อปรทฺธํ วต อายสฺมตา, เอวํ สนฺเตปิ มยํ อายสฺมนฺตํ ยาจาม, เทเสตพฺพยุตฺตกสฺส เทสนาย, วุฏฺาตพฺพยุตฺตกสฺส วุฏฺาเนน, อาวิกาตพฺพยุตฺตกสฺส อาวิกิริยาย อารมฺภเช อาสเว ปหาย สุทฺธนฺเต ิตภาวปจฺจเวกฺขเณน วิปฺปฏิสารเช อาสเว ปฏิวิโนเทตฺวา นีหริตฺวา วิปสฺสนาจิตฺตฺเจว วิปสฺสนาปฺฺจ วฑฺเฒตูติ. อมุนา ปฺจเมน ปุคฺคเลนาติ เอเตน ปฺจเมน ขีณาสวปุคฺคเลน. สมสโม ภวิสฺสตีติ โลกุตฺตรคุเณหิ สมภาเวเนว สโม ภวิสฺสตีติ เอวํ ขีณาสเวน โอวทิตพฺโพติ อตฺโถ. ตติยํ อุตฺตานเมว.

อารภติสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๖. ติกณฺฑกีสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๔๔-๖. จตุตฺเถ ปฏิกูเลติ อมนุฺเ อนิฏฺเ. อปฺปฏิกูลสฺีติ อิฏฺากาเรเนว ปวตฺตจิตฺโต. อิฏฺสฺมึ วตฺถุสฺมึ อสุภาย วา ผรติ, อนิจฺจโต วา อุปสํหรติ อุปเนติ ปวตฺเตติ. อนิฏฺสฺมึ วตฺถุสฺมินฺติ อนิฏฺเ สตฺตสฺิเต อารมฺมเณ. เมตฺตาย วา ผรตีติ เมตฺตํ หิเตสิตํ อุปสํหรนฺโต สพฺพตฺถกเมว วา ตตฺถ ผรติ. ธาตุโต วา อุปสํหรตีติ ธมฺมสภาวจินฺตเนน ธาตุโต ปจฺจเวกฺขณาย ธาตุมนสิการํ วา ตตฺถ ปวตฺเตติ. ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวาติ สภาวโต อานุภาวโต จ อุปติฏฺนฺตํ อารมฺมเณ ปฏิกูลภาวํ อปฺปฏิกูลภาวฺจาติ ตํ อุภยํ ปหาย อคฺคเหตฺวา, สพฺพสฺมึ ปน ตสฺมึ มชฺฌตฺโต หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. มชฺฌตฺโต หุตฺวา วิหริตุกาโม ปน กึ กโรตีติ? อิฏฺานิฏฺเสุ อาปาถํ คเตสุ เนว โสมนสฺสิโต โหติ, น โทมนสฺสิโต โหติ. อุเปกฺขโก วิหเรยฺยาติ อิฏฺเ อรชฺชนฺโต อนิฏฺเ อทุสฺสนฺโต ยถา อฺเ อสมเปกฺขเนน โมหํ อุปฺปาเทนฺติ, เอวํ อนุปฺปาเทนฺโต ฉสุ อารมฺมเณสุ ฉฬงฺคุเปกฺขาย อุเปกฺขโก วิหเรยฺย. เตเนวาห ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน ปฺจโม’’ติ. อิฏฺานิฏฺฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนลกฺขณาย ฉสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺตนโต ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา’’ติ ลทฺธนามาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย วเสน ปฺจโม วาโร วุตฺโตติ อตฺโถ. ปฺจมํ ฉฏฺฺจ อุตฺตานเมว.

ติกณฺฑกีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๑๐. อสปฺปุริสทานสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๔๗-๑๕๐. สตฺตเม อสกฺกจฺจนฺติ อนาทรํ กตฺวา. เทยฺยธมฺมสฺส อสกฺกจฺจกรณํ นาม อสมฺปนฺนํ กโรตีติ อาห ‘‘น สกฺกริตฺวา สุจึ กตฺวา เทตี’’ติ, อุตฺตณฺฑุลาทิโทสวิรหิตํ สุจิสมฺปนฺนํ กตฺวา น เทตีติ อตฺโถ. อจิตฺตีกตฺวาติ น จิตฺเต กตฺวา, น ปูเชตฺวาติ อตฺโถ. ปูเชนฺโต หิ ปูเชตพฺพวตฺถุํ จิตฺเต เปติ, น ตโต พหิ กโรติ. จิตฺตํ วา อจฺฉริยํ กตฺวา ปฏิปตฺติวิกรณํ สมฺภาวนกิริยา, ตปฺปฏิกฺเขปโต อจิตฺตีกรณํ อสมฺภาวนกิริยา. อคารเวน เทตีติ ปุคฺคเล อครุํ กโรนฺโต นิสีทนฏฺาเน อสมฺมชฺชิตฺวา ยตฺถ วา ตตฺถ วา นิสีทาเปตฺวา ยํ วา ตํ วา อาธารกํ เปตฺวา ทานํ เทติ. อสหตฺถาติ น อตฺตโน หตฺเถน เทติ, ทาสกมฺมกโรทีหิ ทาเปติ. อปวิทฺธํ เทตีติ อนฺตรา อปวิทฺธํ วิจฺเฉทํ กตฺวา เทติ. เตนาห ‘‘น นิรนฺตรํ เทตี’’ติ. อถ วา อปวิทฺธํ เทตีติ อุจฺฉิฏฺาทิฉฑฺฑนียธมฺมํ วิย อวกฺขิตฺตกํ กตฺวา เทติ. เตนาห ‘‘ฉฑฺเฑตุกาโม วิย เทตี’’ติ. ‘‘อทฺธา อิมสฺส ทานสฺส ผลเมว อาคจฺฉตี’’ติ เอวํ ยสฺส กมฺมสฺสกตาทิฏฺิ อตฺถิ, โส อาคมนทิฏฺิโก, อยํ ปน น ตาทิโสติ อนาคมนทิฏฺิโก. เตนาห ‘‘กตสฺส นาม ผลํ อาคมิสฺสตี’’ติอาทิ. อฏฺมาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อสปฺปุริสทานสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ติกณฺฑกีวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติยปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๔. จตุตฺถปณฺณาสกํ

(๑๖) ๑. สทฺธมฺมวคฺโค

๑๕๑-๑๖๐. ปโม วคฺโค อุตฺตานตฺโถเยว.

(๑๗) ๒. อาฆาตวคฺโค

๑-๕. ปมอาฆาตปฏิวินยสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๖๑-๑๖๕. ทุติยสฺส ปเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ. ทุติเย อาฆาโต ปฏิวินยติ เอตฺถ, เอเตหีติ วา อาฆาตปฏิวินยา. เตนาห ‘‘อาฆาโต เอเตหิ ปฏิวิเนตพฺโพ’’ติอาทิ.

นนฺตกนฺติ อนนฺตกํ, อนฺตวิรหิตํ วตฺถขณฺฑํ. ยทิ หิ ตสฺส อนฺโต ภเวยฺย, ‘‘ปิโลติกา’’ติ สงฺขํ น คจฺเฉยฺย.

เสวาเลนาติ พีชกณฺณิกเกสราทิเภเทน เสวาเลน. อุทกปปฺปฏเกนาติ นีลมณฺฑูกปิฏฺิวณฺเณน อุทกปิฏฺึ ฉาเทตฺวา นิพฺพตฺเตน อุทกปิฏฺิเกน. ฆมฺเมน อนุคโตติ ฆมฺเมน ผุฏฺโ อภิภูโต. จิตฺตุปฺปาทนฺติ ปฏิฆสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทํ.

วิสภาคเวทนุปฺปตฺติยา กกเจเนว อิริยาปถปวตฺตินิวารเณน ฉินฺทนฺโต อาพาธติ ปีเฬตีติ อาพาโธ, โส อสฺส อตฺถีติ อาพาธิโก. ตํสมุฏฺาเนน ทุกฺขิโต สฺชาตทุกฺโข. พาฬฺหคิลาโนติ อธิมตฺตคิลาโน. คามนฺตนายกสฺสาติ คามนฺตสมฺปาปกสฺส.

ปสนฺนภาเวน อุทกสฺส อจฺฉภาโว เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘อจฺโฉทกาติ ปสนฺโนทกา’’ติ. สาทุรสตาย สาตตาติ อาห ‘‘มธุโรทกา’’ติ. ตนุกเมว สลิลํ วิเสสโต สีตลํ, น พหลาติ อาห ‘‘ตนุสีตสลิลา’’ติ. เสตกาติ นิกฺกทฺทมา. สจิกฺขลฺลาทิวเสน หิ อุทกสฺส วิวณฺณตา. สภาวโต ปน ตํ เสตวณฺณเมว. ตติยาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

ปมอาฆาตปฏิวินยสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. นิโรธสุตฺตวณฺณนา

๑๖๖. ฉฏฺเ อมริสนตฺเถติ อสหนตฺเถ. อนาคตวจนํ กตนฺติ อนาคตสทฺทปฺปโยโค กโต, อตฺโถ ปน วตฺตมานกาลิโกว. อกฺขรจินฺตกา (ปาณินิ. ๓.๓.๑๔๕-๑๔๖) หิ อีทิเสสุ าเนสุ อโนกปฺปนามริสนตฺถวเสน อตฺถิสทฺเท อุปปเท วตฺตมานกาเลปิ อนาคตวจนํ กโรนฺติ.

นิโรธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๙. โจทนาสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๖๗-๙. สตฺตเม วตฺถุสนฺทสฺสนาติ ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ อาปตฺติ, ตสฺส สรูปโต ทสฺสนํ. อาปตฺติสนฺทสฺสนาติ ยํ อาปตฺตึ โส อาปนฺโน, ตสฺสา ทสฺสนํ. สํวาสปฺปฏิกฺเขโปติ อุโปสถปฺปวารณาทิสํวาสสฺส ปฏิกฺขิปนํ อกรณํ. สามีจิปฺปฏิกฺเขโปติ อภิวาทนาทิสามีจิกิริยาย อกรณํ. โจทยมาเนนาติ โจเทนฺเตน. จุทิตกสฺส กาโลติ จุทิตกสฺส โจเทตพฺพกาโล. ปุคฺคลนฺติ โจเทตพฺพปุคฺคลํ. อุปปริกฺขิตฺวาติ ‘‘อยํ จุทิตกลกฺขเณ ติฏฺติ, น ติฏฺตี’’ติ วีมํสิตฺวา. อยสํ อาโรเปตีติ ‘‘อิเม มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺตา อยสํ พฺยสนํ อุปฺปาเทนฺตี’’ติ ภิกฺขูนํ อยสํ อุปฺปาเทติ. อฏฺมนวมานิ อุตฺตานตฺถาเนว.

โจทนาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ภทฺทชิสุตฺตวณฺณนา

๑๗๐. ทสเม อภิภวิตฺวา ิโต อิเม สตฺเตติ อธิปฺปาโย. ยสฺมา ปน โส ‘‘ปาสํสภาเวน อุตฺตมภาเวน จ เต สตฺเต อภิภวิตฺวา ิโต’’ติ อตฺตานํ มฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เชฏฺโก’’ติ. อฺทตฺถุ ทโสติ ทสฺสเน อนฺตรายาภาววจเนน เยฺยวิเสสปริคฺคาหิกภาเวน จ อนาวรณทสฺสาวิตํ ปฏิชานาตีติ อาห ‘‘สพฺพํ ปสฺสตีติ อธิปฺปาโย’’ติ.

ภทฺทชิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาฆาตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๑๘) ๓. อุปาสกวคฺโค

๑-๖. สารชฺชสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๗๑-๑๗๖. ตติยสฺส ปมทุติยตติยจตุตฺเถ นตฺถิ วตฺตพฺพํ. ปฺจเม อุปาสกปจฺฉิมโกติ อุปาสกนิหีโน. ‘‘อิมินา ทิฏฺาทินา อิทํ นาม มงฺคลํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ พาลชนปริกปฺปิตโกตูหลสงฺขาเตน ทิฏฺสุตมุตมงฺคเลน สมนฺนาคโต โกตูหลมงฺคลิโก. เตนาห ‘‘อิมินา อิทํ ภวิสฺสตี’’ติอาทิ. มงฺคลํ ปจฺเจตีติ ทิฏฺมงฺคลาทิเภทํ มงฺคลเมว ปตฺถิยายติ. โน กมฺมนฺติ กมฺมสฺสกตํ โน ปตฺถิยายติ. อิมมฺหา สาสนาติ อิโต สพฺพฺุพุทฺธสาสนโต. พหิทฺธาติ พาหิรกสมเย. ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสตีติ ‘‘ทุปฺปฏิปนฺนา ทกฺขิเณยฺยา’’ติ สฺี คเวสติ. เอตฺถ ทกฺขิณปริเยสนปุพฺพกาเร เอกํ กตฺวา ปฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพา. ฉฏฺํ อุตฺตานเมว.

สารชฺชสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๘. วณิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๗๗-๘. สตฺตเม สตฺถวณิชฺชาติ อาวุธภณฺฑํ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา กตํ วา ปฏิลภิตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. อาวุธภณฺฑํ กาเรตฺวา ตสฺส วิกฺกโยติ อิทํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ. สูกรมิคาทโย โปเสตฺวา เตสํ วิกฺกโยติ สูกรมิคาทโย โปเสตฺวา เตสํ มํสํ สมฺปาเทตฺวา วิกฺกโย. เอตฺถ จ สตฺถวณิชฺชา ปโรปราธนิมิตฺตตาย อกรณียา วุตฺตา, สตฺตวณิชฺชา อภุชิสฺสภาวกรณโต, มํสวิสวณิชฺชา วธเหตุโต, มชฺชวณิชฺชา ปมาทฏฺานโต. อฏฺมํ อุตฺตานเมว.

วณิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. คิหิสุตฺตวณฺณนา

๑๗๙. นวเม อาภิเจตสิกานนฺติ อภิเจโตติ อภิกฺกนฺตํ วิสุทฺธจิตฺตํ วุจฺจติ อธิจิตฺตํ วา, อภิเจตสิ ชาตานิ อาภิเจตสิกานิ, อภิเจโต สนฺนิสฺสิตานีติ วา อาภิเจตสิกานิ. เตเนวาห ‘‘อุตฺตมจิตฺตนิสฺสิตาน’’นฺติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานนฺติ ทิฏฺธมฺเม สุขวิหารานํ. ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว วุจฺจติ, ตตฺถ สุขวิหารานนฺติ อตฺโถ. รูปาวจรชฺฌานานเมตํ อธิวจนํ. ตานิ หิ อปฺเปตฺวา นิสินฺนา ฌายิโน อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อสํกิลิฏฺํ เนกฺขมฺมสุขํ วินฺทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานี’’ติ วุจฺจนฺติ.

จตุพฺพิธเมรยนฺติ ปุปฺผาสโว, ผลาสโว, คุฬาสโว, มธฺวาสโวติ เอวํ จตุปฺปเภทํ เมรยํ. ปฺจวิธฺจ สุรนฺติ ปูวสุรา, ปิฏฺสุรา, โอทนสุรา, กิณฺณปกฺขิตฺตา, สมฺภารสํยุตฺตาติ เอวํ ปฺจปฺปเภทํ สุรํ. ปุฺํ อตฺโถ เอตสฺสาติ ปุฺตฺโถ. ยสฺมา ปเนส ปุฺเน อตฺถิโก นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปุฺเน อตฺถิกสฺสา’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

คิหิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. คเวสีสุตฺตวณฺณนา

๑๘๐. ทสเม สุการณนฺติ โพธิปริปาจนสฺส เอกนฺติกํ สุนฺทรํ การณํ. มนฺทหสิตนฺติ อีสกํ หสิตํ. กหํ กหนฺติ หาสสทฺทสฺส อนุกรณเมตํ. หฏฺปฺปหฏฺาการมตฺตนฺติ หฏฺสฺส ปหฏฺาการมตฺตํ. ยถา คหิตสงฺเกตา ‘‘ปหฏฺโ ภควา’’ติ สฺชานนฺติ, เอวํ อาการนิทสฺสนมตฺตํ.

อิทานิ อิมินา ปสงฺเคน หาสสมุฏฺานํ วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘หสิตฺจ นาเมต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อชฺฌุเปกฺขนวเสนปิ หาโส น สมฺภวติ, ปเคว โทมนสฺสวเสนาติ อาห ‘‘เตรสหิ โสมนสฺสสหคตจิตฺเตหี’’ติ. นนุ จ เกจิ โกธวเสนปิ หสนฺตีติ? น, เต สมฺปิยนฺติ โกธวตฺถุํ ตตฺถ ‘‘มยํ ทานิ ยถากามการิตํ อาปชฺชิสฺสามา’’ติ ทุวิฺเยฺยนฺตเรน โสมนสฺสจิตฺเตเนว หาสสฺส อุปฺปชฺชนโต. เตสูติ ปฺจสุ โสมนสฺสสหคตกิริยจิตฺเตสุ. พลวารมฺมเณติ อุฬารตเม อารมฺมเณ ยมกปาฏิหาริยสทิเส. ทุพฺพลารมฺมเณติ อนุฬารอารมฺมเณ.

‘‘อิมสฺมึ ปน าเน…เป… อุปฺปาเทตี’’ติ อิทํ โปราณฏฺกถายํ ตถา อาคตตฺตา วุตฺตํ, น สเหตุกโสมนสฺสสหคตจิตฺเตหิ ภควโต สิตํ น โหตีติ ทสฺสนตฺตํ. อภิธมฺมฏีกายํ (ธ. ส. มูลฏี. ๙๖๘) ปน ‘‘อตีตํสาทีสุ อปฺปฏิหตํ าณํ วตฺวา ‘อิเมหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺตี’ติอาทิวจนโต (มหานิ. ๑๕๖; ปฏิ. ม. ๓.๕) ‘ภควโต อิทํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’ติ วุตฺตวจนํ วิจาเรตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อิมินา หสิตุปฺปาทจิตฺเตน ปวตฺติยมานมฺปิ ภควโต สิตกรณํ ปุพฺเพนิวาสอนาคตํสสพฺพฺุตฺาณานํ อนุวตฺตกตฺตา าณานุปริวตฺติเยวาติ เอวํ ปน าณานุปริวตฺติภาเว สติ น โกจิ ปาฬิอฏฺกถานํ วิโรโธ. ตถา หิ อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๖๘) ‘‘เตสํ าณานํ จิณฺณปริยนฺเต อิทํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อวสฺสฺเจตํ เอวํ อิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา อาวชฺชนจิตฺตสฺสปิ ภควโต ตถารูเป กาเล น ยุชฺเชยฺย. ตสฺสปิ หิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกภาวสฺส นิจฺฉิตตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เอวฺจ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนสฺสปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺตํ อุปปนฺนํ โหตี’’ติ (ธ. ส. มูลฏี. ๑ กายกมฺมทฺวารกถาวณฺณนา) น จ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺเต ตํสมุฏฺานกายวิฺตฺติยา กายกมฺมาทิภาวํ อาปชฺชนภาโว วิสฺสชฺชตีติ.

หสิตนฺติ สิตเมว สนฺธาย วทติ. เตนาห ‘‘เอวํ อปฺปมตฺตกมฺปี’’ติ. สโมสริตา วิชฺชุลตา. สา หิ อิตรวิชฺชุลตา วิย ขณฏฺิติยา สีฆนิโรธา จ น โหติ, อปิจ โข ทนฺธนิโรธา, น จ สพฺพกาลิกา. ทีธิติ ปาวกมหาเมฆโต วา จาตุทฺทีปิกมหาเมฆโต วา นิจฺฉรติ. เตนาห ‘‘จาตุทฺทีปิกมหาเมฆมุขโต’’ติ. อยํ กิร ตาสํ รสฺมีนํ ธมฺมตา, ยทิทํ ติกฺขตฺตุํ สีสํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทาคฺเคสุเยว อนฺตรธานํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

คเวสีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปาสกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๑๙) ๔. อรฺวคฺโค

๑. อารฺิกสุตฺตวณฺณนา

๑๘๑. จตุตฺถสฺส ปเม อปฺปีจฺฉตํเยว นิสฺสายาติอาทีสุ ‘‘อิติ อปฺปิจฺโฉ ภวิสฺสามี’’ติ อิทํ เม อารฺิกงฺคํ อปฺปิจฺฉตาย สํวตฺติสฺสติ, ‘‘อิติ สนฺตุฏฺโ ภวิสฺสามี’’ติ อิทํ เม อารฺิกงฺคํ สนฺตุฏฺิยา สํวตฺติสฺสติ, ‘‘อิติ กิเลเส สลฺลิขิสฺสามี’’ติ อิทํ เม อารฺิกงฺคํ กิเลสสลฺลิขนตฺถาย สํวตฺติสฺสตีติ อารฺิโก โหติ. อคฺโคติ เชฏฺโก. เสสานิ ตสฺเสว เววจนานิ.

ควา ขีรนฺติ คาวิโต ขีรํ นาม โหติ, น คาวิยา ทธิ. ขีรมฺหา ทธีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวเมวนฺติ ยถา เอเตสุ ปฺจสุ โครเสสุ สปฺปิมณฺโฑ อคฺโค, เอวเมวํ อิเมสุ ปฺจสุ อารฺิเกสุ โย อยํ อปฺปิจฺฉตาทีนิ นิสฺสาย อารฺิโก โหติ, อยํ อคฺโค เจว เสฏฺโ จ โมกฺโข จ ปวโร จ. อิเมสุ อารฺิเกสุ ชาติอารฺิกา เวทิตพฺพา, น อารฺิกนามมตฺเตน อารฺิกาติ เวทิตพฺพา. ปํสุกูลิกาทีสุปิ เอเสว นโย.

อารฺิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อรฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๒๐) ๕. พฺราหฺมณวคฺโค

๑. โสณสุตฺตวณฺณนา

๑๙๑. ปฺจมสฺส ปเม สมฺปิเยเนวาติ อฺมฺเปเมเนว กาเยน จ จิตฺเตน จ มิสฺสีภูตา สงฺฆฏฺฏิตา สํสฏฺา หุตฺวา สํวาสํ วตฺเตนฺติ, น อปฺปิเยน นิคฺคเหน วาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ปิย’’นฺติอาทิ. อุทรํ อวทิหติ อุปจิโนติ ปูเรตีติ อุทราวเทหกํ. ภาวนปุํสกฺเจตํ, อุทราวเทหกํ กตฺวา อุทรํ ปูเรตฺวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุทรํ อวทิหิตฺวา’’ติอาทิ.

โสณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. โทณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา

๑๙๒. ทุติเย ปวตฺตาโรติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๕) ปาวจนภาเวน วตฺตาโร. ยสฺมา เต เตสํ มนฺตานํ ปวตฺตนกา, ตสฺมา อาห ‘‘ปวตฺตยิตาโร’’ติ. สุทฺเท พหิ กตฺวา รโหภาสิตพฺพฏฺเน มนฺตา เอว ตํตํอตฺถปฺปฏิปตฺติเหตุตาย มนฺตปทํ. อนุปนีตาสาธารณตาย รหสฺสภาเวน วตฺตพฺพกิริยาย อธิคมูปายํ. สชฺฌายิตนฺติ คายนวเสน สชฺฌายิตํ. ตํ ปน อุทตฺตานุทตฺตาทีนํ สรานํ สมฺปทาวเสเนว อิจฺฉิตนฺติ อาห ‘‘สรสมฺปตฺติวเสนา’’ติ. อฺเสํ วุตฺตนฺติ ปาวจนภาเวน อฺเสํ วุตฺตํ. สมุปพฺยูฬฺหนฺติ สงฺคเหตฺวา อุปรูปริ สฺูฬฺหํ. ราสิกตนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทาทิวเสน, ตตฺถาปิ ปจฺเจกํ มนฺตพฺรหฺมาทิวเสน, อชฺฌายานุวากาทิวเสน จ ราสิกตํ. เตสนฺติ มนฺตานํ กตฺตูนํ. ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกตฺวาติ ทิพฺพจกฺขุปริภณฺเฑน ยถากมฺมูปคาเณน สตฺตานํ กมฺมสฺสกตาทึ, ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน ทิพฺพจกฺขุสทิเสน ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตกปฺเป พฺราหฺมณานํ มนฺตชฺเฌนวิธิฺจ โอโลเกตฺวา. ปาวจเนน สห สํสนฺเทตฺวาติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ยํ วจนํ วฏฺฏสนฺนิสฺสิตํ, เตน สห อวิรุทฺธํ กตฺวา. น หิ เตสํ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิโต อตฺโถ ปจฺจกฺโข โหติ. อปราปเรติ อฏฺกาทีหิ อปราปเร ปจฺฉิมา โอกฺกากราชกาลาทีสุ อุปฺปนฺนา. ปกฺขิปิตฺวาติ อฏฺกาทีหิ คนฺถิตมนฺตปเทสุ กิเลสสนฺนิสฺสิตปทานํ ตตฺถ ตตฺถ ปเท ปกฺขิปนํ กตฺวา. วิรุทฺเธ อกํสูติ พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตาทีสุ (สุ. นิ. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตํ ๒๘๖ อาทโย) อาคตนเยน สํกิเลสตฺถทีปนโต ปจฺจนีกภูเต อกํสุ.

อุสูนํ อสนกมฺมํ อิสฺสตฺถํ, ธนุสิปฺเปน ชีวิกา. อิธ ปน อิสฺสตฺถํ วิยาติ อิสฺสตฺถํ, สพฺพอาวุธชีวิกาติ อาห ‘‘โยธาชีวกมฺเมนา’’ติ, อาวุธํ คเหตฺวา อุปฏฺานกมฺเมนาติ อตฺโถ. ราชโปริสํ นาม วินา อาวุเธน โปโรเหจฺจามจฺจกมฺมาทิราชกมฺมํ กตฺวา ราชุปฏฺานํ. สิปฺปฺตเรนาติ คหิตาวเสเสน หตฺถิอสฺสสิปฺปาทินา. กุมารภาวโต ปภุติ จรเณน โกมารพฺรหฺมจริยํ.

อุทกํ ปาเตตฺวา เทนฺตีติ ทฺวาเร ิตสฺเสว พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ อุทกํ อาสิฺจนฺตา ‘‘อิทํ เต, พฺราหฺมณ, ภริยํ โปสาปนตฺถาย เทมา’’ติ วตฺวา เทนฺติ. กสฺมา ปน เต เอวํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวาปิ ทารํ ปริเยสนฺติ, น ยาวชีวํ พฺรหฺมจาริโน โหนฺตีติ? มิจฺฉาทิฏฺิวเสน. เตสฺหี เอวํ ทิฏฺิ โหติ ‘‘โย ปุตฺตํ น อุปฺปาเทติ, โส กุลวํสจฺเฉทกโร โหติ, ตโต นิรเย ปจฺจตี’’ติ. จตฺตาโร กิร อภายิตพฺพํ ภายนฺติ คณฺฑุปฺปาทโก, กิกี, โกนฺตินี, พฺราหฺมโณติ. คณฺฑุปฺปาทา กิร มหาปถวิยา ขยนภเยน มตฺตโภชนา โหนฺติ, น พหุํ มตฺติกํ ขาทนฺติ. กิกี สกุณิกา อากาสปตนภเยน อณฺฑสฺส อุปริ อุตฺตานา เสติ. โกนฺตินี สกุณี ปถวีกมฺปนภเยน ปาเทหิ ภูมึ น สุฏฺุ อกฺกมติ. พฺราหฺมณา กุลวํสูปจฺเฉทภเยน ทารํ ปริเยสนฺติ. อาหุ เจตฺถ –

‘‘คณฺฑุปฺปาโท กิกี เจว, โกนฺตี พฺราหฺมณธมฺมิโก;

เอเต อภยํ ภายนฺติ, สมฺมูฬฺหา จตุโร ชนา’’ติ. (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๓);

เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

โทณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สงฺคารวสุตฺตวณฺณนา

๑๙๓. ตติเย (สํ. นิ. ฏี. ๒.๕.๒๓๖) ปมฺเวาติ ปุเรตรํเยว, อสชฺฌายกตานํ มนฺตานํ อปฺปฏิภานํ ปเคว ปมํเยว สิทฺธํ, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ปริยุฏฺานํ นาม อภิภโว คหณนฺติ อาห ‘‘กามราคปริยุฏฺิเตนาติ กามราคคฺคหิเตนา’’ติ. วิกฺขมฺเภติ อปเนตีติ วิกฺขมฺภนํ, ปฏิปกฺขโต นิสฺสรติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ. วิกฺขมฺภนฺจ ตํ นิสฺสรณฺจาติ วิกฺขมฺภนนิสฺสรณํ. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อตฺตนา อรณีโย ปตฺตพฺโพ อตฺโถ อตฺตตฺโถ. ตถา ปรตฺโถ เวทิตพฺโพ.

‘‘อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหตี’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๕๒) พฺยาปาทาทีนํ อนาคตตฺตา พฺยาปาทวาเร ตทงฺคนิสฺสรณํ น คหิตํ. กิฺจาปิ น คหิตํ, ปฏิสงฺขานวเสน ตสฺส วิโนเทตพฺพตาย ตทงฺคนิสฺสรณมฺปิ ลพฺภเตวาติ สกฺกา วิฺาตุํ. อาโลกสฺา อุปจารปฺปตฺตา วา อปฺปนาปฺปตฺตา วา. โย โกจิ กสิณชฺฌานาทิเภโท สมโถ. ธมฺมววตฺถานํ อุปจารปฺปนาปฺปตฺตวเสน คเหตพฺพํ.

กุธิโตติ ตตฺโต. อุสฺสูรกชาโตติ ตสฺเสว กุธิตภาวสฺส อุสฺสูรกํ อจฺจุณฺหตํ ปตฺโต. เตนาห ‘‘อุสุมกชาโต’’ติ. ติลพีชกาทิเภเทนาติ ติลพีชกณฺณิกเกสราทิเภเทน เสวาเลน. ปณเกนาติ อุทกปิจฺฉิลฺเลน. อปฺปสนฺโน อากุลตาย. อสนฺนิสินฺโน กลลุปฺปตฺติยา. อนาโลกฏฺาเนติ อาโลกรหิเต าเน.

สงฺคารวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. การณปาลีสุตฺตวณฺณนา

๑๙๔. จตุตฺเถ ปณฺฑิโต มฺเติ เอตฺถ มฺเติ อิทํ ‘‘มฺตี’’ติ อิมินา สมานตฺถํ นิปาตปทํ. ตสฺส อิติ-สทฺทํ อาเนตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปณฺฑิโตติ มฺตี’’ติ อาห. อนุมติปุจฺฉาวเสน เจตํ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘อุทาหุ โน’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺติ ภวํ ปิงฺคิยานี สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติย’’นฺติ วุตฺตเมวตฺถํ ปุน คณฺหนฺโต ‘‘ปณฺฑิโต มฺเ’’ติ อาห, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภวํ ปิงฺคิยานี สมณํ โคตมํ ปณฺฑิโตติ มฺติ อุทาหุ โน’’ติ, ยถา เต ขเมยฺย, ตถา นํ กเถหีติ อธิปฺปาโย. อหํ โก นาม, มม อวิสโย เอโสติ ทสฺเสติ. โก จาติ เหตุนิสฺสกฺเก ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘กุโต จา’’ติ. ตถา จาห ‘‘เกน การเณน ชานิสฺสามี’’ติ, เยน การเณน สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชาเนยฺยํ, ตํ การณํ มยิ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. พุทฺโธเยว ภเวยฺย อพุทฺธสฺส สพฺพถา พุทฺธาณานุภาวํ ชานิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตาติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อปฺปมตฺตกํ ปเนตํ, ภิกฺขเว, โอรมตฺตกํ สีลมตฺตกํ, เยน ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺย (ที. นิ. ๑.๗). อตฺถิ, ภิกฺขเว, อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา…เป… เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภูตํ วณฺณํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๘) จ. เอตฺถาติ ‘‘โสปิ นูนสฺส ตาทิโส’’ติ เอตสฺมึ ปเท.

ปสตฺถปฺปสตฺโถติ ปสตฺเถหิ ปาสํเสหิ อตฺตโน คุเณเหว โส ปสตฺโถ, น ตสฺส กิตฺตินา, ปสํสาสภาเวเนว ปาสํโสติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สพฺพคุณาน’’นฺติอาทิ. มณิรตนนฺติ จกฺกวตฺติโน มณิรตนํ.

สเทวเก ปาสํสานมฺปิ ปาสํโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปสตฺเถหิ วา’’ติ ทุติยวิกปฺโป คหิโต. อรณียโต อตฺโถ, โส เอว วสตีติ วโสติ อตฺถวโส. ตสฺส ตสฺส ปโยคสฺส อานิสํสภูตํ ผลนฺติ อาห ‘‘อตฺถวสนฺติ อตฺถานิสํส’’นฺติ. อตฺโถ วา ผลํ ตทธีนวุตฺติตาย วโส เอตสฺสาติ อตฺถวโส, การณํ.

ขุทฺทกมธูติ ขุทฺทกมกฺขิกาหิ กตทณฺฑกมธุ. อเนฬกนฺติ นิทฺโทสํ อปคตมกฺขิกณฺฑกํ.

อุทาหรียติ อุพฺเพคปีติวเสนาติ อุทานํ, ตถา วา อุทาหรณํ อุทานํ. เตนาห ‘‘อุทาหารํ อุทาหรี’’ติ. ยถา ปน ตํ วจนํ อุทานนฺติ วุจฺจติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

การณปาลีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปิงฺคิยานีสุตฺตวณฺณนา

๑๙๕. ปฺจเม สพฺพสงฺคาหิกนฺติ สรีรคตสฺส เจว วตฺถาลงฺการคตสฺส จาติ สพฺพสฺส นีลภาวสฺส สงฺคาหกวจนํ. ตสฺเสวาติ นีลาทิสพฺพสงฺคาหิกวเสน วุตฺตอตฺถสฺเสว. วิภาคทสฺสนนฺติ ปเภททสฺสนํ. ยถา เต ลิจฺฉวิราชาโน อปีตาทิวณฺณา เอว เกจิ เกจิ วิเลปนวเสน ปีตาทิวณฺณา ขายึสุ, เอวํ อนีลาทิวณฺณา เอว เกจิ วิเลปนวเสน นีลาทิวณฺณา ขายึสุ. เต กิร สุวณฺณวิจิตฺเตหิ มณิโอภาเสหิ เอกนีลา วิย ขายนฺติ.

โกกนทนฺติ วา ปทุมวิเสสนํ ยถา ‘‘โกกาสก’’นฺติ. ตํ กิร พหุปตฺตํ วณฺณสมฺปนฺนํ อติวิย สุคนฺธฺจ โหติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยถา โกกนทสงฺขาตํ ปทุมํ ปาโต สูริยุคฺคมนเวลาย ผุลฺลํ วิกสิตํ อวีตคนฺธํ สิยา วิโรจมานํ, เอวํ สรีรคนฺเธน คุณคนฺเธน จ สุคนฺธํ, สรทกาเล อนฺตลิกฺเข อาทิจฺจมิว อตฺตโน เตชสา ตปนฺตํ, องฺเคหิ นิจฺฉรนฺตชุติตาย องฺคีรสํ สมฺพุทฺธํ ปสฺสาติ.

ปิงฺคิยานีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. มหาสุปินสุตฺตวณฺณนา

๑๙๖. ฉฏฺเ ธาตุกฺโขภกรณปจฺจโย นาม วิสภาคเภสชฺชเสนาสนาหาราทิปจฺจโย. อตฺถกามตาย วา อนตฺถกามตาย วาติ ปสนฺนา อตฺถกามตาย, กุทฺธา อนตฺถกามตาย. อตฺถาย วา อนตฺถาย วาติ สภาวโต ภวิตพฺพาย อตฺถาย วา อนตฺถาย วา. อุปสํหรนฺตีติ อตฺตโน เทวานุภาเวน อุปเนนฺติ. โพธิสตฺตมาตา วิย ปุตฺตปฏิลาภนิมิตฺตนฺติ ตทา กิร ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย วิคตสุราปานํ มาลาคนฺธาทิวิภูติสมฺปนฺนํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมานา โพธิสตฺตมาตา สตฺตเม ทิวเส ปาโตว อุฏฺาย คนฺโธทเกน นหายิตฺวา สพฺพาลงฺการภูสิตา วรโภชนํ ภุฺชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิปนฺนา นิทฺทํ โอกฺกมมานา อิมํ สุปินํ อทฺทส – จตฺตาโร กิร นํ มหาราชาโน สยเนเนว สทฺธึ อุกฺขิปิตฺวา อโนตตฺตทหํ เนตฺวา นหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา ทิพฺพคนฺเธหิ วิลิมฺเปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ ปิฬนฺเธตฺวา ตโต อวิทูเร รชตปพฺพโต, ตสฺส อนฺโต กนกวิมานํ อตฺถิ, ตสฺมึ ปาจีนโต สีสํ กตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. อถ โพธิสตฺโต เสตวรวารโณ หุตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก สุวณฺณปพฺพโต, ตตฺถ จริตฺวา ตโต โอรุยฺห รชตปพฺพตํ อารุหิตฺวา กนกวิมานํ ปวิสิตฺวา มาตรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ผาเลตฺวา กุจฺฉึ ปวิฏฺสทิโส อโหสิ. อิมํ สุปินํ สนฺธาย เอตํ วุตฺตํ ‘‘โพธิสตฺตมาตา วิย ปุตฺตปฏิลาภนิมิตฺต’’นฺติ.

โกสลราชา วิย โสฬส สุปิเนติ –

‘‘อุสภา รุกฺขา คาวิโย ควา จ,

อสฺโส กํโส สิงฺคาลี จ กุมฺโภ;

โปกฺขรณี จ อปากจนฺทนํ,

ลาพูนิ สีทนฺติ สิลาปฺลวนฺติ.

‘‘มณฺฑูกิโย กณฺหสปฺเป คิลนฺติ,

กากํ สุวณฺณา ปริวารยนฺติ;

ตสา วกา เอฬกานํ ภยา หี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๗๗) –

อิเม โสฬส สุปิเน ปสฺสนฺโต โกสลราชา วิย.

. เอกทิวสํ กิร โกสลมหาราชา รตฺตึ นิทฺทูปคโต ปจฺฉิมยาเม โสฬส มหาสุปิเน ปสฺสิ (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๗๖ มหาสุปินชาตกวณฺณนา). ตตฺถ จตฺตาโร อฺชนวณฺณา กาฬอุสภา ‘‘ยุชฺฌิสฺสามา’’ติ จตูหิ ทิสาหิ ราชงฺคณํ อาคนฺตฺวา ‘‘อุสภยุทฺธํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ มหาชเน สนฺนิปติเต ยุชฺฌนาการํ ทสฺเสตฺวา นทิตฺวา คชฺชิตฺวา อยุชฺฌิตฺวาว ปฏิกฺกนฺตา. อิมํ ปมํ สุปินํ อทฺทส.

. ขุทฺทกา รุกฺขา เจว คจฺฉา จ ปถวึ ภินฺทิตฺวา วิทตฺถิมตฺตมฺปิ รตนมตฺตมฺปิ อนุคฺคนฺตฺวาว ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จ. อิมํ ทุติยํ อทฺทส.

. คาวิโย ตทหุชาตานํ วจฺฉานํ ขีรํ ปิวนฺติโย อทฺทส. อยํ ตติโย สุปิโน.

. ธุรวาเห อาโรหปริณาหสมฺปนฺเน มหาโคเณ ยุคปรมฺปราย อโยเชตฺวา ตรุเณ โคทมฺเม ธุเร โยเชนฺเต อทฺทส. เต ธุรํ วหิตุํ อสกฺโกนฺตา ฉฑฺเฑตฺวา อฏฺํสุ, สกฏานิ นปฺปวตฺตึสุ. อยํ จตุตฺโถ สุปิโน.

. เอกํ อุภโตมุขํ อสฺสํ อทฺทส. ตสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ ยวสํ เทนฺติ, โส ทฺวีหิปิ มุเขหิ ขาทติ. อยํ ปฺจโม สุปิโน.

. มหาชโน สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ สมฺมชฺชิตฺวา ‘‘อิธ ปสฺสาวํ กโรหี’’ติ เอกสฺส ชรสิงฺคาลสฺส อุปนาเมสิ. ตํ ตตฺถ ปสฺสาวํ กโรนฺตํ อทฺทส. อยํ ฉฏฺโ สุปิโน.

. เอโก ปุริโส รชฺชุํ วฏฺเฏตฺวา ปาทมูเล นิกฺขิปติ. เตน นิสินฺนปีสฺส เหฏฺา สยิตา ฉาตสิงฺคาลี ตสฺส อชานนฺตสฺเสว ตํ ขาทติ. อิมํ สตฺตมํ สุปินํ อทฺทส.

. ราชทฺวาเร พหูหิ ตุจฺฉกุมฺเภหิ ปริวาเรตฺวา ปิตํ เอกํ มหนฺตํ ปูริตกุมฺภํ อทฺทส. จตฺตาโรปิ ปน วณฺณา จตูหิ ทิสาหิ จตูหิ อนุทิสาหิ จ ฆเฏหิ อุทกํ อาเนตฺวา ปูริตกุมฺภเมว ปูเรนฺติ, ปูริตํ ปูริตํ อุทกํ อุตฺตริตฺวา ปลายติ. เตปิ ปุนปฺปุนํ ตตฺเถว อุทกํ อาสิฺจนฺติ, ตุจฺฉกุมฺเภ โอโลเกนฺตาปิ นตฺถิ. อยํ อฏฺโม สุปิโน.

. เอกํ ปฺจปทุมสฺฉนฺนํ คมฺภีรํ สพฺพโตติตฺถํ โปกฺขรณึ อทฺทส. สมนฺตโต ทฺวิปทจตุปฺปทา โอตริตฺวา ตตฺถ ปานียํ ปิวนฺติ. ตสฺส มชฺเฌ คมฺภีรฏฺาเน อุทกํ อาวิลํ, ตีรปฺปเทเส ทฺวิปทจตุปฺปทานํ อกฺกมนฏฺาเน อจฺฉํ วิปฺปสนฺนมนาวิลํ. อยํ นวโม สุปิโน.

๑๐. เอกิสฺสาเยว กุมฺภิยา ปจฺจมานํ โอทนํ อปากํ อทฺทส. ‘‘อปาก’’นฺติ วิจาเรตฺวา วิภชิตฺวา ปิตํ วิย ตีหากาเรหิ ปจฺจมานํ เอกสฺมึ ปสฺเส อติกิลินฺโน โหติ, เอกสฺมึ อุตฺตณฺฑุโล, เอกสฺมึ สุปกฺโกติ. อยํ ทสโม สุปิโน.

๑๑. สตสหสฺสคฺฆนกํ จนฺทนสารํ ปูติตกฺเกน วิกฺกิณนฺเต อทฺทส. อยํ เอกาทสโม สุปิโน.

๑๒. ตุจฺฉลาพูนิ อุทเก สีทนฺตานิ อทฺทส. อยํ ทฺวาทสโม สุปิโน.

๑๓. มหนฺตมหนฺตา กูฏาคารปฺปมาณา ฆนสิลา นาวา วิย อุทเก ปฺลวมานา อทฺทส. อยํ เตรสโม สุปิโน.

๑๔. ขุทฺทกมธุกปุปฺผปฺปมาณา มณฺฑูกิโย มหนฺเต กณฺหสปฺเป เวเคน อนุพนฺธิตฺวา อุปฺปลนาเฬ วิย ฉินฺทิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา คิลนฺติโย อทฺทส. อยํ จุทฺทสโม สุปิโน.

๑๕. ทสหิ อสทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ คามโคจรํ กากํ กฺจนวณฺณวณฺณตาย ‘‘สุวณฺณา’’ติ ลทฺธนาเม สุวณฺณราชหํเส ปริวาเรนฺเต อทฺทส. อยํ ปนฺนรสโม สุปิโน.

๑๖. ปุพฺเพ ทีปิโน เอฬเก ขาทนฺติ. เต ปน เอฬเก ทีปิโน อนุพนฺธิตฺวา มุรมุราติ ขาทนฺเต อทฺทส. อถฺเ ตสา วกา เอฬเก ทูรโตว ทิสฺวา ตสิตา ตาสปฺปตฺตา หุตฺวา เอฬกานํ ภยา ปลายิตฺวา คุมฺพคหนานิ ปวิสิตฺวา นิลียึสุ. อยํ โสฬสโม สุปิโน.

. ตตฺถ อธมฺมิกานํ ราชูนํ, อธมฺมิกานฺจ มนุสฺสานํ กาเล โลเก วิปริวตฺตมาเน กุสเล โอสนฺเน อกุสเล อุสฺสนฺเน โลกสฺส ปริหานกาเล เทโว น สมฺมา วสิสฺสติ, เมฆปาทา ปจฺฉิชฺชิสฺสนฺติ, สสฺสานิ มิลายิสฺสนฺติ, ทุพฺภิกฺขํ ภวิสฺสติ, วสฺสิตุกามา วิย จตูหิ ทิสาหิ เมฆา อุฏฺหิตฺวา อิตฺถิกาหิ อาตเป ปตฺถฏานํ วีหิอาทีนํ เตมนภเยน อนฺโตปเวสิตกาเล ปุริเสสุ กุทาลปิฏเก อาทาย อาฬิพนฺธนตฺถาย นิกฺขนฺเตสุ วสฺสนาการํ ทสฺเสตฺวา คชฺชิตฺวา วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรตฺวา อุสภา วิย อยุชฺฌิตฺวา อวสฺสิตฺวาว ปลายิสฺสนฺติ. อยํ ปมสฺส วิปาโก.

. โลกสฺส ปริหีนกาเล มนุสฺสานํ ปริตฺตายุกกาเล สตฺตา ติพฺพราคา ภวิสฺสนฺติ, อสมฺปตฺตวยาว กุมาริโย ปุริสนฺตรํ คนฺตฺวา อุตุนิโย เจว คพฺภินิโย จ หุตฺวา ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒิสฺสนฺติ. ขุทฺทกรุกฺขานํ ปุปฺผํ วิย หิ ตาสํ อุตุนิภาโว, ผลํ วิย จ ปุตฺตธีตโร ภวิสฺสนฺติ. อยํ ทุติยสฺส วิปาโก.

. มนุสฺสานํ เชฏฺาปจายิกกมฺมสฺส นฏฺกาเล สตฺตา มาตาปิตูสุ วา สสฺสุสสุเรสุ วา ลชฺชํ อนุปฏฺเปตฺวา สยเมว กุฏุมฺพํ สํวิทหนฺตาว ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ มหลฺลกานํ ทาตุกามา ทสฺสนฺติ, อทาตุกามา น ทสฺสนฺติ. มหลฺลกา อนาถา หุตฺวา อสยํวสี ทารเก อาราเธตฺวา ชีวิสฺสนฺติ ตทหุชาตานํ วจฺฉกานํ ขีรํ ปิวนฺติโย มหาคาวิโย วิย. อยํ ตติยสฺส วิปาโก.

. อธมฺมิกราชูนํ กาเล อธมฺมิกราชาโน ปณฺฑิตานํ ปเวณิกุสลานํ กมฺมนิตฺถรณสมตฺถานํ มหามตฺตานํ ยสํ น ทสฺสนฺติ, ธมฺมสภายํ วินิจฺฉยฏฺาเนปิ ปณฺฑิเต โวหารกุสเล มหลฺลเก อมจฺเจ น เปสฺสนฺติ, ตพฺพิปรีตานํ ปน ตรุณตรุณานํ ยสํ ทสฺสนฺติ, ตถารูเป เอว จ วินิจฺฉยฏฺาเน เปสฺสนฺติ. เต ราชกมฺมานิ เจว ยุตฺตายุตฺตฺจ อชานนฺตา เนว ตํ ยสํ อุกฺขิปิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, น ราชกมฺมานิ นิตฺถริตุํ. เต อสกฺโกนฺตา กมฺมธุรํ ฉฑฺเฑสฺสนฺติ, มหลฺลกาปิ ปณฺฑิตามจฺจา ยสํ อลภนฺตา กิจฺจานิ นิตฺถริตุํ สมตฺถาปิ ‘‘กึ อมฺหากํ เอเตหิ, มยํ พาหิรกา ชาตา, อพฺภนฺตริกา ตรุณทารกา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อุปฺปนฺนานิ กมฺมานิ น กริสฺสนฺติ. เอวํ สพฺพถาปิ เตสํ ราชูนํ หานิเยว ภวิสฺสติ, ธุรํ วหิตุํ อสมตฺถานํ วจฺฉทมฺมานํ ธุเร โยชิตกาโล วิย ทูรวาหานฺจ มหาโคณานํ ยุคปรมฺปราย อโยชิตกาโล วิย ภวิสฺสติ. อยํ จตุตฺถสฺส วิปาโก.

. อธมฺมิกราชกาเลเยว อธมฺมิกพาลราชาโน อธมฺมิเก โลลมนุสฺเส วินิจฺฉเย เปสฺสนฺติ, เต ปาปปุฺเสุ อนาทรา พาลา สภายํ นิสีทิตฺวา วินิจฺฉยํ เทนฺตา อุภินฺนมฺปิ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ หตฺถโต ลฺชํ คเหตฺวา ขาทิสฺสนฺติ อสฺโส วิย ทฺวีหิ มุเขหิ ยวสํ. อยํ ปฺจมสฺส วิปาโก.

. อธมฺมิกาเยว วิชาติราชาโน ชาติสมฺปนฺนานํ กุลปุตฺตานํ อาสงฺกาย ยสํ น ทสฺสนฺติ, อกุลีนานํเยว ทสฺสนฺติ. เอวํ มหากุลานิ ทุคฺคตานิ ภวิสฺสนฺติ, ลามกกุลานิ อิสฺสรานิ. เต จ กุลีนปุริสา ชีวิตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘อิเม นิสฺสาย ชีวิสฺสามา’’ติ อกุลีนานํ ธีตโร ทสฺสนฺติ, อิติ ตาสํ กุลธีตานํ อกุลีเนหิ สทฺธึ สํวาโส ชรสิงฺคาลสฺส สุวณฺณปาติยํ ปสฺสาวกรณสทิโส ภวิสฺสติ. อยํ ฉฏฺสฺส วิปาโก.

. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล อิตฺถิโย ปุริสโลลา สุราโลลา อลงฺการโลลา วิสิขาโลลา อามิสโลลา ภวิสฺสนฺติ ทุสฺสีลา ทุราจารา. ตา สามิเกหิ กสิโครกฺขาทีนิ กมฺมานิ กตฺวา กิจฺเฉน กสิเรน สมฺภตํ ธนํ ชาเรหิ สทฺธึ สุรํ ปิวนฺติโย มาลาคนฺธวิเลปนํ ธารยมานา อนฺโตเคเห อจฺจายิกมฺปิ กิจฺจํ อโนโลเกตฺวา เคหปริกฺเขปสฺส อุปริภาเคนปิ ฉิทฺทฏฺาเนหิปิ ชาเร อุปธารยมานา สฺเว วปิตพฺพยุตฺตกํ พีชมฺปิ โกฏฺเฏตฺวา ยาคุภตฺตขชฺชกานิ ปจิตฺวา ขาทมานา วิลุมฺปิสฺสนฺติ เหฏฺาปีเก นิปนฺนฉาตสิงฺคาลี วิย วฏฺเฏตฺวา วฏฺเฏตฺวา ปาทมูเล นิกฺขิตฺตรชฺชุํ. อยํ สตฺตมสฺส วิปาโก.

. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล โลโก ปริหายิสฺสติ, รฏฺํ นิโรชํ ภวิสฺสติ, ราชาโน ทุคฺคตา กปณา ภวิสฺสนฺติ. โย อิสฺสโร ภวิสฺสติ, ตสฺส ภณฺฑาคาเร สตสหสฺสมตฺตา ภวิสฺสนฺติ. เต เอวํทุคฺคตา สพฺเพ ชานปเท อตฺตโนว กมฺมํ กาเรสฺสนฺติ, อุปทฺทุตา มนุสฺสา สเก กมฺมนฺเต ฉฑฺเฑตฺวา ราชูนํเยว อตฺถาย ปุพฺพณฺณาปรณฺณานิ วปนฺตา รกฺขนฺตา ลายนฺตา มทฺทนฺตา ปเวเสนฺตา อุจฺฉุกฺเขตฺตานิ กโรนฺตา ยนฺตานิ วาเหนฺตา ผาณิตาทีนิ ปจนฺตา ปุปฺผาราเม ผลาราเม จ กโรนฺตา ตตฺถ ตตฺถ นิปฺผนฺนานิ ปุพฺพณฺณาทีนิ อาหริตฺวา รฺโ โกฏฺาคารเมว ปูเรสฺสนฺติ. อตฺตโน เคเหสุ ตุจฺฉโกฏฺเ โอโลเกนฺตาปิ น ภวิสฺสนฺติ, ตุจฺฉกุมฺเภ อโนโลเกตฺวา ปูริตกุมฺภปูรณสทิสเมว ภวิสฺสติ. อยํ อฏฺมสฺส วิปาโก.

. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ราชาโน อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ, ฉนฺทาทิวเสน อคตึ คจฺฉนฺตา รชฺชํ กาเรสฺสนฺติ, ธมฺเมน วินิจฺฉยํ นาม น ทสฺสนฺติ ลฺชวิตฺตกา ภวิสฺสนฺติ ธนโลลา, รฏฺวาสิเกสุ เตสํ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยา นาม น ภวิสฺสนฺติ, กกฺขฬา ผรุสา อุจฺฉุยนฺเต อุจฺฉุภณฺฑิกา วิย มนุสฺเส ปีเฬนฺตา นานปฺปการํ พลึ อุปฺปาเทตฺวา ธนํ คณฺหิสฺสนฺติ. มนุสฺสา พลิปีฬิตา กิฺจิ ทาตุํ อสกฺโกนฺตา คามนิคมาทโย ฉฑฺเฑตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสฺสนฺติ. มชฺฌิมชนปโท สุฺโ ภวิสฺสติ, ปจฺจนฺโต ฆนวาโส เสยฺยถาปิ โปกฺขรณิยา มชฺเฌ อุทกํ อาวิลํ ปริยนฺเต วิปฺปสนฺนํ. อยํ นวมสฺส วิปาโก.

๑๐. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ราชาโน อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ, เตสุ อธมฺมิเกสุ ราชยุตฺตาปิ พฺราหฺมณคหปติกาปิ เนคมชานปทาปีติ สมณพฺราหฺมเณ อุปาทาย สพฺเพ มนุสฺสา อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ. ตโต เตสํ อารกฺขเทวตา, พลิปฏิคฺคาหิกเทวตา, รุกฺขเทวตา, อากาสฏฺเทวตาติ เอวํ เทวตาปิ อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ. อธมฺมิกราชูนํ รชฺเช วาตา วิสมา ขรา วายิสฺสนฺติ, เต อากาสฏฺกวิมานานิ กมฺเปสฺสนฺติ. เตสุ กมฺปิเตสุ เทวตา กุปิตา เทวํ วสฺสิตุํ น ทสฺสนฺติ. วสฺสมาโนปิ สกลรฏฺเ เอกปฺปหาเรเนว น วสฺสิสฺสติ, วสฺสมาโนปิ สพฺพตฺถ กสิกมฺมสฺส วา วปฺปกมฺมสฺส วา อุปกาโร หุตฺวา น วสฺสิสฺสติ. ยถา จ รฏฺเ, เอวํ ชนปเทปิ คาเมปิ เอกตฬากสเรปิ เอกปฺปหาเรน น วสฺสิสฺสติ, ตฬากสฺส อุปริภาเค วสฺสนฺโต เหฏฺาภาเค น วสฺสิสฺสติ, เหฏฺา วสฺสนฺโต อุปริ น วสฺสิสฺสติ. เอกสฺมึ ภาเค สสฺสํ อติวสฺเสน นสฺสิสฺสติ, เอกสฺมึ อวสฺสเนน มิลายิสฺสติ, เอกสฺมึ สมฺมา วสฺสมาโน สมฺปาเทสฺสติ. เอวํ เอกสฺส รฺโ รชฺเช วุตฺตสสฺสา วิปาโก. ติปฺปการา ภวิสฺสนฺติ เอกกุมฺภิยา โอทโน วิย. อยํ ทสมสฺส วิปาโก.

๑๑. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเตเยว กาเล สาสเน ปริหายนฺเต ปจฺจยโลลา อลชฺชิกา พหู ภิกฺขู ภวิสฺสนฺติ. เต ภควตา ปจฺจยโลลุปฺปํ นิมฺมเถตฺวา กถิตธมฺมเทสนํ จีวราทิจตุปจฺจยเหตุ ปเรสํ เทเสสฺสนฺติ. ปจฺจเยหิ มุจฺฉิตฺวา นิตฺถรณปกฺเข ิตา นิพฺพานาภิมุขํ กตฺวา เทเสตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. เกวลํ ‘‘ปทพฺยฺชนสมฺปตฺติฺเจว มธุรสทฺทฺจ สุตฺวา มหคฺฆานิ จีวราทีนิ ทสฺสนฺติ’’อิจฺเจวํ เทเสสฺสนฺติ. อปเร อนฺตรวีถิจตุกฺกราชทฺวาราทีสุ นิสีทิตฺวา กหาปณอฑฺฒกหาปณปาทมาสกรูปาทีนิปิ นิสฺสาย เทเสสฺสนฺติ. อิติ ภควตา นิพฺพานคฺฆนกํ กตฺวา เทสิตํ ธมฺมํ จตุปจฺจยตฺถาย เจว กหาปณาทิอตฺถาย จ วิกฺกิณิตฺวา เทเสนฺตา สตสหสฺสคฺฆนกํ จนฺทนสารํ ปูติตกฺเกน วิกฺกิณนฺตา วิย ภวิสฺสนฺติ. อยํ เอกาทสมสฺส วิปาโก.

๑๒. อธมฺมิกราชกาเล โลเก วิปริวตฺตนฺเตเยว ราชาโน ชาติสมฺปนฺนานํ กุลปุตฺตานํ ยสํ น ทสฺสนฺติ, อกุลีนานฺเว ทสฺสนฺติ. เต อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, อิตรา ทลิทฺทา. ราชสมฺมุเขปิ ราชทฺวาเรปิ อมจฺจสมฺมุเขปิ วินิจฺฉยฏฺาเนปิ ตุจฺฉลาพุสทิสานํ อกุลีนานํเยว กถา โอสีทิตฺวา ิตา วิย นิจฺจลา สุปฺปติฏฺิตา ภวิสฺสติ. สงฺฆสนฺนิปาเตปิ สงฺฆกมฺมคณกมฺมฏฺาเนสุ เจว ปตฺตจีวรปริเวณาทิวินิจฺฉยฏฺาเนสุ จ ทุสฺสีลานํ ปาปปุคฺคลานํเยว กถา นิยฺยานิกา ภวิสฺสติ, น ลชฺชิภิกฺขูนนฺติ เอวํ สพฺพตฺถาปิ ตุจฺฉลาพูนํ สีทนกาโล วิย ภวิสฺสติ. อยํ ทฺวาทสมสฺส วิปาโก.

๑๓. ตาทิเสเยว กาเล อธมฺมิกราชาโน อกุลีนานํ ยสํ ทสฺสนฺติ. เต อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, กุลีนา ทุคฺคตา. เตสุ น เกจิ คารวํ กริสฺสนฺติ, อิตเรสุเยว กริสฺสนฺติ. ราชสมฺมุเข วา อมจฺจสมฺมุเข วา วินิจฺฉยฏฺาเน วา วินิจฺฉยกุสลานํ ฆนสิลาสทิสานํ กุลปุตฺตานํ กถา น โอคาหิตฺวา ปติฏฺหิสฺสติ. เตสุ กเถนฺเตสุ ‘‘กึ อิเม กเถนฺตี’’ติ อิตเร ปริหาสเมว กริสฺสนฺติ. ภิกฺขุสนฺนิปาเตปิ วุตฺตปฺปกาเรสุ าเนสุ เนว เปสเล ภิกฺขู ครุกาตพฺเพ มฺิสฺสนฺติ, นาปิ เนสํ กถา ปริโยคาหิตฺวา ปติฏฺหิสฺสติ, สิลานํ ปฺลวนกาโล วิย ภวิสฺสติ. อยํ เตรสมสฺส วิปาโก.

๑๔. โลเก ปริหายนฺเตเยว มนุสฺสา ติพฺพราคาทิชาติกา กิเลสานุวตฺตกา หุตฺวา ตรุณานํ อตฺตโน ภริยานํ วเส วตฺติสฺสนฺติ. เคเห ทาสกมฺมการาทโยปิ โคมหึสาทโยปิ หิรฺสุวณฺณมฺปิ สพฺพํ ตาสํเยว อายตฺตํ ภวิสฺสติ. ‘‘อสุกํ หิรฺสุวณฺณํ วา ปริจฺฉทาทิชาตํ วา กห’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา โหตุ, กึ ตุยฺหิมินา พฺยาปาเรน, ตฺวํ มยฺหํ ฆเร สนฺตํ วา อสนฺตํ วา ชานิตุกาโม ชาโต’’ติ วตฺวา นานปฺปกาเรหิ อกฺโกสิตฺวา มุขสตฺตีหิ โกฏฺเฏตฺวา ทาสเจฏเก วิย วเส กตฺวา อตฺตโน อิสฺสริยํ ปวตฺเตสฺสนฺติ. เอวํ มธุกปุปฺผปฺปมาณานํ มณฺฑูกีนํ อาสิวิเส กณฺหสปฺเป คิลนกาโล วิย ภวิสฺสติ. อยํ จุทฺทสมสฺส วิปาโก.

๑๕. ทุพฺพลราชกาเล ปน ราชาโน หตฺถิสิปฺปาทีสุ อกุสลา ยุทฺเธสุ อวิสารทา ภวิสฺสนฺติ. เต อตฺตโน ราชาธิปจฺจํ อาสงฺกมานา สมานชาติกานํ กุลปุตฺตานํ อิสฺสริยํ อทตฺวา อตฺตโน ปาทมูลิกนหาปนกปฺปกาทีนํ ทสฺสนฺติ. ชาติโคตฺตสมฺปนฺนา กุลปุตฺตา ราชกุเล ปติฏฺํ อลภมานา ชีวิกํ กปฺเปตุํ อสมตฺถา หุตฺวา อิสฺสริเย ิเต ชาติโคตฺตหีเน อกุลีเน อุปฏฺหนฺตา วิจริสฺสนฺติ, สุวณฺณราชหํเสหิ กากสฺส ปริวาริตกาโล วิย ภวิสฺสติ. อยํ ปนฺนรสมสฺส วิปาโก.

๑๖. อธมฺมิกราชกาเลเยว จ อกุลีนาว ราชวลฺลภา อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, กุลีนา อปฺาตา ทุคฺคตา. เต ราชานํ อตฺตโน กถํ คาหาเปตฺวา วินิจฺฉยฏฺานาทีสุ พลวนฺโต หุตฺวา ทุพฺพลานํ ปเวณิอาคตานิ เขตฺตวตฺถาทีนิ ‘‘อมฺหากํ สนฺตกานี’’ติ อภิยุฺชิตฺวา เต ‘‘น ตุมฺหากํ, อมฺหาก’’นฺติ อาคนฺตฺวา วินิจฺฉยฏฺานาทีสุ วิวทนฺเต เวตฺตลตาทีหิ ปหราเปตฺวา คีวายํ คเหตฺวา อปกฑฺฒาเปตฺวา ‘‘อตฺตโน ปมาณํ น ชานาถ, อมฺเหหิ สทฺธึ วิวทถ, อิทานิ โว ปหราเปตฺวา รฺโ กเถตฺวา หตฺถปาทจฺเฉทาทีนิ กาเรสฺสามา’’ติ สนฺตชฺเชสฺสนฺติ. เต เตสํ ภเยน อตฺตโน สนฺตกานิ วตฺถูนิ ‘‘ตุมฺหากํเยว ตานิ, คณฺหถา’’ติ นิยฺยาเตตฺวา อตฺตโน เคหานิ ปวิสิตฺวา ภีตา นิปชฺชิสฺสนฺติ. ปาปภิกฺขูปิ เปสเล ภิกฺขู ยถารุจิ วิเหเสฺสนฺติ. เปสลา ภิกฺขู ปฏิสรณํ อลภมานา อรฺํ ปวิสิตฺวา คหนฏฺาเนสุ นิลียิสฺสนฺติ. เอวํ หีนชจฺเจหิ เจว ปาปภิกฺขูหิ จ อุปทฺทุตานํ ชาติมนฺตกุลปุตฺตานฺเจว เปสลภิกฺขูนฺจ เอฬกานํ ภเยน ตสวกานํ ปลายนกาโล วิย ภวิสฺสติ. อยํ โสฬสมสฺส วิปาโก. เอวํ ตสฺส ตสฺส อนตฺถสฺส ปุพฺพนิมิตฺตภูเต โสฬส มหาสุปิเน ปสฺสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘โกสลราชา วิย โสฬส สุปิเน’’ติ. เอตฺถ จ ปุพฺพนิมิตฺตโต อตฺตโน อตฺถานตฺถนิมิตฺตํ สุปินํ ปสฺสนฺโต อตฺตโน กมฺมานุภาเวน ปสฺสติ. โกสลราชา วิย โลกสฺส อตฺถานตฺถนิมิตฺตํ สุปินํ ปสฺสนฺโต ปน สพฺพสตฺตสาธารณกมฺมานุภาเวน ปสฺสตีติ เวทิตพฺพํ.

กุทฺธา หิ เทวตาติ มหานาควิหาเร มหาเถรสฺส กุทฺธา เทวตา วิย. โรหเณ กิร มหานาควิหาเร มหาเถโร ภิกฺขุสงฺฆํ อนปโลเกตฺวาว เอกํ นาครุกฺขํ ฉินฺทาเปสิ. รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา เถรสฺส กุทฺธา ปมเมว นํ สจฺจสุปิเนน ปโลเภตฺวา ปจฺฉา ‘‘อิโต เต สตฺตทิวสมตฺถเก อุปฏฺาโก ราชา มริสฺสตี’’ติ สุปิเน อาโรเจสิ. เถโร ตํ กถํ อาหริตฺวา ราโชโรธานํ อาจิกฺขิ. ตา เอกปฺปหาเรเนว มหาวิรวํ วิรวึสุ. ราชา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ตา ‘‘เอวํ เถเรน วุตฺต’’นฺติ อาโรจยึสุ. ราชา ทิวสํ คณาเปตฺวา สตฺตาเห วีติวตฺเต เถรสฺส หตฺถปาเท ฉินฺทาเปสิ. เอกนฺตํ สจฺจเมว โหตีติ ผลสฺส สจฺจภาวโต วุตฺตํ, ทสฺสนํ ปน วิปลฺลตฺถเมว. เตเนว ปหีนวิปลฺลาสา ปุพฺพนิมิตฺตภูตมฺปิ สุปินํ น ปสฺสนฺติ. ทฺวีหิ ตีหิปิ การเณหิ กทาจิ สุปินํ ปสฺสตีติ อาห ‘‘สํสคฺคเภทโต’’ติ. ‘‘อเสขา น ปสฺสนฺติ ปหีนวิปลฺลาสตฺตา’’ติ วจนโต จตุนฺนมฺปิ การณานํ วิปลฺลาสา เอว มูลการณนฺติ ทฏฺพฺพํ.

นฺติ สุปินกาเล ปวตฺตํ ภวงฺคจิตฺตํ. รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณนฺติ กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตโต อฺํ รูปนิมิตฺตาทิอารมฺมณํ น โหติ. อีทิสานีติ ปจฺจกฺขโต อนุภูตปุพฺพปริกปฺปิตรูปาทิอารมฺมณานิ เจว ราคาทิสมฺปยุตฺตานิ จ. สพฺโพหาริกจิตฺเตนาติ ปกติจิตฺเตน.

ทฺวีหิ อนฺเตหิ มุตฺโตติ กุสลากุสลสงฺขาเตหิ ทฺวีหิ อนฺเตหิ มุตฺโต. อาวชฺชนตทารมฺมณกฺขเณติ อิทํ ยาว ตทารมฺมณุปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺตจิตฺตวารํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘สุปิเนเนว ทิฏฺํ วิย เม, สุตํ วิย เมติ กถนกาเล ปน อพฺยากโตเยว อาวชฺชนมตฺตสฺเสว อุปฺปชฺชนโต’’ติ วทนฺติ. เอวํ วทนฺเตหิ ปฺจทฺวาเร ทุติยโมฆวาเร วิย มโนทฺวาเรปิ อาวชฺชนํ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา ชวนฏฺาเน ตฺวา ภวงฺคํ โอตรตีติ อธิปฺเปตนฺติ ทฏฺพฺพํ เอกจิตฺตกฺขณิกสฺส อาวชฺชนสฺส อุปฺปตฺติยํ ‘‘ทิฏฺํ วิย เม, สุตํ วิย เม’’ติ กปฺปนาย อสมฺภวโต. เอตฺถ จ ‘‘สุปินนฺเตปิ ตทารมฺมณวจนโต ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อตีตวเสน วา สภาวธมฺมา สุปินนฺเต อารมฺมณํ โหนฺตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘ยทิปิ สุปินนฺเต วิภูตํ หุตฺวา อุปฏฺิเต รูปาทิวตฺถุมฺหิ ตทารมฺมณํ วุตฺตํ, ตถาปิ สุปินนฺเต อุปฏฺิตนิมิตฺตสฺส ปริกปฺปวเสน คเหตพฺพตาย ทุพฺพลภาวโต ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. เกจิ ปน ‘‘กรชกายสฺส นิรุสฺสาหสนฺตภาวปฺปตฺติโต ตนฺนิสฺสิตหทยวตฺถุ น สุปฺปสนฺนํ โหติ, ตโต ตนฺนิสฺสิตาปิ จิตฺตปฺปวตฺติ น สุปฺปสนฺนา อสุปฺปสนฺนวฏฺฏินิสฺสิตทีปปฺปภา วิย, ตสฺมา ทุพฺพลวตฺถุกตฺตาติ เอตฺถ ทุพฺพลหทยวตฺถุกตฺตา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํ.

สุปินนฺตเจตนาติ มโนทฺวาริกชวนวเสน ปวตฺตา สุปินนฺตเจตนา. สุปินฺหิ ปสฺสนฺโต มโนทฺวาริเกเนว ชวเนน ปสฺสติ, น ปฺจทฺวาริเกน. ปฏิพุชฺฌนฺโต จ มโนทฺวาริเกเนว ปฏิพุชฺฌติ, น ปฺจทฺวาริเกน. นิทฺทายนฺตสฺส หิ มหาวฏฺฏึ ชาเลตฺวา ทีเป จกฺขุสมีปํ อุปนีเต ปมํ จกฺขุทฺวาริกํ อาวชฺชนํ ภวงฺคํ น อาวฏฺเฏติ, มโนทฺวาริกเมว อาวฏฺเฏติ. อถ ชวนํ ชวิตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ. ทุติยวาเร จกฺขุทฺวาริกอาวชฺชนํ ภวงฺคํ อาวฏฺเฏติ, ตโต จกฺขุวิฺาณาทีนิ ชวนปริโยสานานิ ปวตฺตนฺติ, ตทนนฺตรํ ภวงฺคํ ปวตฺตติ. ตติยวาเร มโนทฺวาริกอาวชฺชเนน ภวงฺเค อาวฏฺฏิเต มโนทฺวาริกชวนํ ชวติ. เตน จิตฺเตน ‘‘กึ อยํ อิมสฺมึ าเน อาโลโก’’ติ ชานาติ. ตถา นิทฺทายนฺตสฺส กณฺณสมีเป ตูริเยสุ ปคฺคหิเตสุ, ฆานสมีเป สุคนฺเธสุ วา ทุคฺคนฺเธสุ วา ปุปฺเผสุ อุปนีเตสุ, มุเข สปฺปิมฺหิ วา ผาณิเต วา ปกฺขิตฺเต, ปิฏฺิยํ ปาณินา ปหาเร ทินฺเน ปมํ โสตทฺวาริกาทีนิ อาวชฺชนานิ ภวงฺคํ น อาวฏฺเฏนฺติ, มโนทฺวาริกเมว อาวฏฺเฏติ, อถ ชวนํ ชวิตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ. ทุติยวาเร โสตทฺวาริกาทีนิ อาวชฺชนานิ ภวงฺคํ อาวฏฺเฏนฺติ, ตโต โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณาทีนิ ชวนปริโยสานานิ ปวตฺตนฺติ, ตทนนฺตรํ ภวงฺคํ วตฺตติ. ตติยวาเร มโนทฺวาริกอาวชฺชเนน ภวงฺเค อาวฏฺฏิเต มโนทฺวาริกชวนํ ชวติ, เตน จิตฺเตน ตฺวา ‘‘กึ อยํ อิมสฺมึ าเน สทฺโท, สงฺขสทฺโท เภริสทฺโท’’ติ วา ‘‘กึ อยํ อิมสฺมึ าเน คนฺโธ, มูลคนฺโธ’’ติ วา ‘‘กึ อิทํ มยฺหํ มุขํ ปกฺขิตฺตํ, สปฺปีติ วา ผาณิต’’นฺติ วา ‘‘เกนมฺหิ ปิฏฺิยํ ปหโฏ, อติพทฺโธ เม ปหาโร’’ติ วา วตฺตา โหติ. เอวํ มโนทฺวาริกชวเนเนว ปฏิพุชฺฌติ, น ปฺจทฺวาริเกน. สุปินมฺปิ เตเนว ปสฺสติ, น ปฺจทฺวาริเกน. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

มหาสุปินสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. วสฺสสุตฺตวณฺณนา

๑๙๗. สตฺตเม อุตุสมุฏฺานนฺติ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส อุปฺปนฺนํ. อกาเลปีติ จิตฺตเวสาขมาเสสุปิ. วสฺสวลาหกเทวปุตฺตานฺหิ อตฺตโน รติยา กีฬิตุกามตาจิตฺเต อุปฺปนฺเน อกาเลปิ เทโว วสฺสติ. ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร วสฺสวลาหกเทวปุตฺโต วากรกุฏกวาสิขีณาสวตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. เถโร ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิ. อหํ, ภนฺเต, วสฺสวลาหกเทวปุตฺโตติ. ตุมฺหากํ กิร จิตฺเตน เทโว วสฺสตีติ. อาม, ภนฺเตติ. ปสฺสิตุกามา มยนฺติ. เตมิสฺสถ, ภนฺเตติ. เมฆสีสํ วา คชฺชิตํ วา น ปฺายติ, กถํ เตมิสฺสามาติ. ภนฺเต, อมฺหากํ จิตฺเตน เทโว วสฺสติ, ตุมฺเห ปณฺณสาลํ ปวิสถาติ. ‘‘สาธุ, เทวปุตฺตา’’ติ ปาเท โธวิตฺวา ปณฺณสาลํ ปาวิสิ. เทวปุตฺโต ตสฺมึ ปวิสนฺเตเยว เอกํ คีตํ คายิตฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิ, สมนฺตา ติโยชนฏฺานํ เอกเมฆํ อโหสิ. เถโร อทฺธตินฺโต ปณฺณสาลํ ปวิฏฺโติ.

วสฺสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘-๙. วาจาสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๙๘-๙. อฏฺเม องฺเคหีติ การเณหิ. องฺคียนฺติ เหตุภาเวน ายนฺตีติ องฺคานิ, การณานิ. การณตฺเถ จ องฺค-สทฺโท. ปฺจหีติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนํ. สมนฺนาคตาติ สมนุอาคตา ปวตฺตา ยุตฺตา จ. วาจาติ สมุลฺลปน-วาจา. ยา ‘‘วาจา คิรา พฺยปฺปโถ’’ติ (ธ. ส. ๖๓๖) จ, ‘‘เนลา กณฺณสุขา’’ติ (ที. นิ. ๑.๙) จ อาคจฺฉติ. ยา ปน ‘‘วาจาย เจ กตํ กมฺม’’นฺติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑ กายกมฺมทฺวาร) เอวํ วิฺตฺติ จ, ‘‘ยา จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ อารติ…เป… อยํ วุจฺจติ สมฺมาวาจา’’ติ (ธ. ส. ๒๙๙) เอวํ วิรติ จ, ‘‘ผรุสวาจา, ภิกฺขเว, อาเสวิตา ภาวิตา พหุลีกตา นิรยสํวตฺตนิกา โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๔๐) เอวํ เจตนา จ วาจาติ อาคตา, น สา อิธ อธิปฺเปตา. กสฺมา? อภาสิตพฺพโต. ‘‘สุภาสิตา โหติ, โน ทุพฺภาสิตา’’ติ หิ วุตฺตํ. สุภาสิตาติ สุฏฺุ ภาสิตา. เตนสฺสา อตฺถาวหตํ ทีเปติ. อนวชฺชาติ ราคาทิอวชฺชรหิตา. อิมินาสฺส การณสุทฺธึ อคติคมนาทิปฺปวตฺตโทสาภาวฺจ ทีเปติ. ราคโทสาทิวิมุตฺตฺหิ ยํ ภาสโต อนุโรธวิวชฺชนโต อคติคมนํ ทุรสมุสฺสิตเมวาติ. อนนุวชฺชาติ อนุวาทวิมุตฺตา. อิมินาสฺสา สพฺพาการสมฺปตฺตึ ทีเปติ. สติ หิ สพฺพาการสมฺปตฺติยํ อนนุวชฺชตาติ. วิฺูนนฺติ ปณฺฑิตานํ. เตน นินฺทาปสํสาสุ พาลา อปฺปมาณาติ ทีเปติ.

อิเมหิ โขติอาทีนิ ตานิ องฺคานิ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต ตํ วาจํ นิคเมติ. ยฺจ อฺเ ปฏิฺาทีหิ อวยเวหิ, นามาทีหิ ปเทหิ, ลิงฺควจนวิภตฺติกาลการกสมฺปตฺตีหิ จ สมนฺนาคตํ มุสาวาทาทิวาจมฺปิ สุภาสิตนฺติ มฺนฺติ, ตํ ปฏิเสเธติ. อวยวาทิสมนฺนาคตาปิ หิ ตถารูปี วาจา ทุพฺภาสิตาว โหติ อตฺตโน จ ปเรสฺจ อนตฺถาวหตฺตา. อิเมหิ ปน ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา ฆฏเจฏิกาคีติกปริยาปนฺนาปิ โหติ, ตถาปิ สุภาสิตาว โลกิยโลกุตฺตรหิตสุขาวหตฺตา. ตถา หิ มคฺคปสฺเส สสฺสํ รกฺขนฺติยา สีหฬเจฏิกาย สีหฬเกเนว ชาติชรามรณยุตฺตํ คีติกํ คายนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา สฏฺิมตฺตา วิปสฺสกภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.

ตถา ติสฺโส นาม อารทฺธวิปสฺสโก ภิกฺขุ ปทุมสฺสรสมีเปน คจฺฉนฺโต ปทุมสฺสเร ปทุมานิ ภฺชิตฺวา –

‘‘ปาโตว ผุลฺลิตโกกนทํ,

สูริยาโลเกน ภิชฺชิยเต;

เอวํ มนุสฺสตฺตํ คตา สตฺตา,

ชราภิเวเคน มทฺทียนฺตี’’ติ. (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๔๕๒ สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา) –

อิมํ คีตึ คายนฺติยา เจฏิกาย สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต.

พุทฺธนฺตเรปิ อฺตโร ปุริโส สตฺตหิ ปุตฺเตหิ สทฺธึ อฏวิโต อาคมฺม อฺตราย อิตฺถิยา มุสเลน ตณฺฑุเล โกฏฺเฏนฺติยา –

‘‘ชราย ปริมทฺทิตํ เอตํ, มิลาตจมฺมนิสฺสิตํ;

มรเณน ภิชฺชติ เอตํ, มจฺจุสฺส ฆาสมามิสํ.

‘‘กิมีนํ อาลยํ เอตํ, นานากุณเปน ปูริตํ;

อสุจิภาชนํ เอตํ, ตทลิกฺขนฺธสมํ อิท’’นฺติ. (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๔๕๒ สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา) –

อิมํ คีตํ สุตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺโต สห ปุตฺเตหิ ปจฺเจกโพธึ ปตฺโต. เอวํ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สเจปิ มิลกฺขุภาสาย ปริยาปนฺนา ฆฏเจฏิกาคีติกปริยาปนฺนา วาจา โหติ, ตถาปิ สุภาสิตาติ เวทิตพฺพา. สุภาสิตา เอว อนวชฺชา อนนุวชฺชา จ วิฺูนํ อตฺถตฺถิกานํ กุลปุตฺตานํ อตฺถปฺปฏิสรณานํ, โน พฺยฺชนปฺปฏิสรณานนฺติ. นวมํ อุตฺตานเมว.

วาจาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. นิสฺสารณียสุตฺตวณฺณนา

๒๐๐. ทสเม นิสฺสรนฺตีติ นิสฺสรณียาติ วตฺตพฺเพ ทีฆํ กตฺวา นิทฺเทโส. กตฺตริ เหส อนีย-สทฺโท ยถา ‘‘นิยฺยานิยา’’ติ. เตนาห ‘‘นิสฺสฏา’’ติ. กุโต ปน นิสฺสฏา? ยถาสกํ ปฏิปกฺขโต. นิชฺชีวฏฺเน ธาตุโยติ อาห ‘‘อตฺตสุฺสภาวา’’ติ. อตฺถโต ปน ธมฺมธาตุมโนวิฺาณธาตุวิเสโส. ตาทิสสฺส ภิกฺขุโน กิเลสวเสน กาเมสุ มนสิกาโร นตฺถีติ อาห ‘‘วีมํสนตฺถ’’นฺติ, ‘‘เนกฺขมฺมนิยตํ อิทานิ เม จิตฺตํ, กึ นุ โข กามวิตกฺโกปิ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วีมํสนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ปกฺขนฺทนํ นาม อนุปฺปเวโส. โส ปน ตตฺถ นตฺถีติ อาห ‘‘นปฺปวิสตี’’ติ. ปสีทนํ นาม อภิรุจิ. สนฺติฏฺนํ ปติฏฺานํ. วิมุจฺจนํ อธิมุจฺจนนฺติ. ตํ สพฺพํ ปฏิกฺขิปนฺโต วทติ ‘‘ปสาทํ นาปชฺชตี’’ติอาทิ. เอวํภูตํ ปนสฺส จิตฺตํ ตสฺส กถํ ติฏฺตีติ อาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ.

นฺติ ปมชฺฌานํ. อสฺสาติ ภิกฺขุโน. จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ ปริกมฺมจิตฺเตน สทฺธึ ฌานจิตฺตํ เอกตฺตวเสน เอกชฺฌํ กตฺวา วทติ. โคจเร คตตฺตาติ อตฺตโน อารมฺมเณ เอว ปวตฺตตฺตา. อหานภาคิยตฺตาติ ิติภาคิยตฺตา. สุฏฺุ วิมุตฺตนฺติ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา สมฺมเทว วิมุตฺตํ. จิตฺตสฺส จ กายสฺส จ วิหนนโต วิฆาโต. ทุกฺขํ ปริทหนโต ปริฬาโห. กามเวทนํ น เวทิยติ อนุปฺปชฺชนโต. นิสฺสรนฺติ ตโตติ นิสฺสรณํ. เก นิสฺสรนฺติ? กามา. เอวฺจ กามานนฺติ กตฺตุสามิวจนํ สุฏฺุ ยุชฺชติ. ยทคฺเคน กามา ตโต นิสฺสฏาติ วุจฺจนฺติ, ตทคฺเคน ฌานมฺปิ กามโต นิสฺสฏนฺติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ วุตฺตํ ‘‘กาเมหิ นิสฺสฏตฺตา’’ติ. เอวํ วิกฺขมฺภนวเสน กามนิสฺสรณํ วตฺวา อิทานิ สมุจฺเฉทวเสน อจฺจนฺตโต นิสฺสรณํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสปเทสูติ เสสโกฏฺาเสสุ.

อยํ ปน วิเสโสติ วิเสสํ วทนฺเตน ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวาติอาทิโก อวิเสโสติ กตฺวา ทุติยตติยวาเรสุ สพฺพโส อนามฏฺโ, จตุตฺถวาเร ปน อยมฺปิ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘อจฺจนฺตนิสฺสรณฺเจตฺถ อรหตฺตผลํ โยเชตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา อรูปชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา อคฺคมคฺคํ อธิคนฺตฺวา อรหตฺเต ิตสฺส จิตฺตํ สพฺพโส รูเปหิ นิสฺสฏํ นาม โหติ. ตสฺส หิ ผลสมาปตฺติโต วุฏฺาย วีมํสนตฺถํ รูปาภิมุขํ จิตฺตํ เปเสนฺตสฺส. อิทมกฺขาตนฺติ สมถยานิกานํ วเสน เหฏฺา จตฺตาโร วารา คหิตา. อิทํ ปน สุกฺขวิปสฺสกสฺส วเสนาติ อาห ‘‘สุทฺธสงฺขาเร’’ติอาทิ. ‘‘ปุน สกฺกาโย นตฺถี’’ติ อุปฺปนฺนนฺติ ‘‘อิทานิ เม สกฺกายปฺปพนฺโธ นตฺถี’’ติ วีมํสนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ.

นิสฺสารณียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

พฺราหฺมณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุตฺถปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๕. ปฺจมปณฺณาสกํ

(๒๑) ๑. กิมิลวคฺโค

๑-๔. กิมิลสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๐๑-๔. ปฺจมสฺส ปมทุติยานิ อุตฺตานตฺถาเนว. ตติเย อธิวาสนํ ขมนํ, ปเรสํ ทุกฺกฏํ ทุรุตฺตฺจ ปฏิวิโรธากรเณน อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาสนํ อธิวาสนํ, ตเทว ขนฺตีติ อธิวาสนกฺขนฺติ. สุเภ รโตติ สูรโต, สุฏฺุ วา ปาปโต โอรโต วิรโต โสรโต, ตสฺส ภาโว โสรจฺจํ. เตนาห ‘‘โสรจฺเจนาติ สุจิสีลตายา’’ติ. สา หิ โสภนกมฺมรตตา, สุฏฺุ วา ปาปโต โอรตภาโว วิรตตา. จตุตฺเถ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

กิมิลสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา

๒๐๕. ปฺจเม เจโตขิลา นาม อตฺถโต วิจิกิจฺฉา โกโธ จ. เต ปน ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส ขรภาโว กกฺขฬภาโว หุตฺวา อุปติฏฺนฺติ, ปเคว อตฺตนา สมฺปยุตฺตจิตฺตสฺสาติ อาห ‘‘จิตฺตสฺส ถทฺธภาวา’’ติ. ยถา ลกฺขณปาริปูริยา คหิตาย สพฺพา สตฺถุ รูปกายสิรี คหิตา เอว นาม โหติ เอวํ สพฺพฺุตาย สพฺพธมฺมกายสิรี คหิตา เอว นาม โหตีติ ตทุภยวตฺถุกเมว กงฺขํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สรีเร กงฺขมาโน’’ติอาทิมาห. วิจินนฺโตติ ธมฺมสภาวํ วีมํสนฺโต. กิจฺฉตีติ กิลมติ. วินิจฺเฉตุํ น สกฺโกตีติ สนฺนิฏฺาตุํ น สกฺโกติ. อาตปติ กิเลเสติ อาตปฺปํ, สมฺมาวายาโมติ อาห ‘‘อาตปฺปายาติ กิเลสสนฺตาปนวีริยกรณตฺถายา’’ติ. ปุนปฺปุนํ โยคายาติ ภาวนํ ปุนปฺปุนํ ยุฺชนาย. สตตกิริยายาติ ภาวนาย นิรนฺตรปฺปโยคาย.

ปฏิเวธธมฺเม กงฺขมาโนติ เอตฺถ กถํ โลกุตฺตรธมฺเม กงฺขา ปวตฺตีติ? น อารมฺมณกรณวเสน, อนุสฺสุตาการปริวิตกฺกลทฺเธ ปริกปฺปิตรูเป กงฺขา ปวตฺตตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วิปสฺสนา…เป… วทนฺติ, ตํ อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขตี’’ติ. สิกฺขาติ เจตฺถ ปุพฺพภาคสิกฺขา เวทิตพฺพา. กามฺเจตฺถ วิเสสุปฺปตฺติยา มหาสาวชฺชตาย เจว สํวาสนิมิตฺตํ ฆฏนาเหตุ อภิณฺหุปฺปตฺติกตาย จ สพฺรหฺมจารีสูติ โกปสฺส วิสโย วิเสเสตฺวา วุตฺโต, อฺตฺถาปิ โกโป น เจโตขิโลติ น สกฺกา วิฺาตุนฺติ เกจิ. ยทิ เอวํ วิจิกิจฺฉายปิ อยํ นโย อาปชฺชติ, ตสฺมา ยถารุตวเสน คเหตพฺพํ.

เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๘. วินิพนฺธสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๐๖-๘. ฉฏฺเ ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน กุสลจิตฺตํ วินิพนฺธนฺตีติ เจตโสวินิพนฺธา. ตํ ปน วินิพนฺธนฺตา มุฏฺิคฺคาหํ คณฺหนฺตา วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘จิตฺตํ วินิพนฺธิตฺวา’’ติอาทิ. กามคิทฺโธ ปุคฺคโล วตฺถุกาเมปิ กิเลสกาเมปิ อสฺสาเทติ อภินนฺทตีติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุกาเมปิ กิเลสกาเมปี’’ติ. อตฺตโน กาเยติ อตฺตโน นามกาเย, อตฺตภาเว วา. พหิทฺธารูเปติ ปเรสํ กาเย อนินฺทฺริยพทฺธรูเป จ. อุทรํ อวทิหติ อุปจิโนติ ปูเรตีติ อุทราวเทหกํ. เสยฺยสุขนฺติ เสยฺยาย สยนวเสน อุปฺปชฺชนกสุขํ. สมฺปริวตฺตกนฺติ สมฺปริวตฺติตฺวา. ปณิธายาติ ตณฺหาวเสเนว ปณิทหิตฺวา. อิติ ปฺจวิโธปิ โลภวิเสโส เอว ‘‘เจโตวินิพนฺโธ’’ติ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. สตฺตมฏฺเมสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

วินิพนฺธสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. คีตสฺสรสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๐๙-๒๑๐. นวเม อายตโก นาม คีตสฺสโร ตํ ตํ วตฺตํ ภินฺทิตฺวา อกฺขรานิ วินาเสตฺวา ปวตฺโตติ อาห ‘‘อายตเกนา’’ติอาทิ. ธมฺเมหิ สุตฺตวตฺตํ นาม อตฺถิ, คาถาวตฺตํ นาม อตฺถิ, ตํ วินาเสตฺวา อติทีฆํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ธมฺมฺหิ ภาสนฺเตน จตุรสฺเสน วตฺเตน ปริมณฺฑลานิ ปทพฺยฺชนานิ ทสฺเสตพฺพานิ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สรภฺ’’นฺติ (จูฬว. ๒๔๙) จ วจนโต สเรน ธมฺมํ ภณิตุํ วฏฺฏติ. สรภฺเ กิร ตรงฺควตฺตโธตกวตฺตภาคคฺคหกวตฺตาทีนิ ทฺวตฺตึส วตฺตานิ อตฺถิ. เตสุ ยํ อิจฺฉติ, ตํ กาตุํ ลภตีติ. ทสเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

คีตสฺสรสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

กิมิลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๒๒) ๒. อกฺโกสกวคฺโค

๑-๒. อกฺโกสกสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๑๑-๒. ทุติยสฺส ปเม ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสโกติ ‘‘พาโลสิ, มูฬฺโหสิ, โอฏฺโสิ, โคโณสิ, คทฺรโภสี’’ติอาทินา ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสโก. ‘‘โหตุ, มุณฺฑกสมณ, อทณฺโฑ อหนฺติ กโรสิ, อิทานิ เต ราชกุลํ คนฺตฺวา ทณฺฑํ อาโรเปสฺสามี’’ติอาทีนิ วทนฺโต ปริภาสโก นามาติ อาห ‘‘ภยทสฺสเนน ปริภาสโก’’ติ. โลกุตฺตรธมฺมา อปายมคฺคสฺส ปริปนฺถภาวโต ปริปนฺโถ นามาติ อาห ‘‘โลกุตฺตรปริปนฺถสฺส ฉินฺนตฺตา’’ติ, โลกุตฺตรสงฺขาตสฺส อปายมคฺคปริปนฺถสฺส ฉินฺนตฺตาติ อตฺโถ. ทุติเย นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อกฺโกสกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓-๑๐. สีลสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๑๓-๒๒๐. ตติเย (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๔๙) ทุสฺสีโลติ เอตฺถ ทุ-สทฺโท อภาวตฺโถ ‘‘ทุปฺปฺโ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๔๙) วิย, น ครหณตฺโถติ อาห ‘‘อสีโล นิสฺสีโล’’ติ. ภินฺนสํวโรติ เอตฺถ สมาทินฺนสีโล เกนจิ การเณน สีลเภทํ ปตฺโต, โส ตาว ภินฺนสํวโร โหตุ. โย ปน สพฺเพน สพฺพํ อสมาทินฺนสีโล อาจารหีโน, โส กถํ ภินฺนสํวโร นาม โหตีติ? โสปิ สาธุสมาจารสฺส ปริหรณียสฺส เภทิตตฺตา ภินฺนสํวโร เอว นาม. วินฏฺสํวโร สํวรรหิโตติ หิ วุตฺตํ โหติ. ตํ ตํ สิปฺปฏฺานํ. มาฆาตกาเลติ ‘‘มา ฆาเตถ ปาณีน’’นฺติ เอวํ มาฆาตโฆสนํ โฆสิตทิวเส. อพฺภุคฺคจฺฉติ ปาปโก กิตฺติสทฺโท. อชฺฌาสเยน มงฺกุ โหติเยว วิปฺปฏิสาริภาวโต.

ตสฺสาติ ทุสฺสีลสฺส. สมาทาย วตฺติตฏฺานนฺติ อุฏฺาย สมุฏฺาย กตการณํ. อาปาถํ อาคจฺฉตีติ ตํ มนโส อุปฏฺาติ. อุมฺมีเลตฺวา อิธโลกนฺติ อุมฺมีลนกาเล อตฺตโน ปุตฺตทาราทิวเสน อิธโลกํ ปสฺสติ. นิมีเลตฺวา ปรโลกนฺติ นิมีลนกาเล คตินิมิตฺตุปฏฺานวเสน ปรโลกํ ปสฺสติ. เตนาห ‘‘จตฺตาโร อปายา’’ติอาทิ. ปฺจมปทนฺติ ‘‘กายสฺส เภทา’’ติอาทินา วุตฺโต ปฺจโม อาทีนวโกฏฺาโส. วุตฺตวิปริยาเยนาติ วุตฺตตฺถาย อาทีนวกถาย วิปริยาเยน ‘‘อปฺปมตฺโต ตํ ตํ กสิวณิชฺชาทึ ยถากาลํ สมฺปาเทตุํ สกฺโกตี’’ติอาทินา. ปาสํสํ สีลมสฺส อตฺถีติ สีลวา. สีลสมฺปนฺโนติ สีเลน สมนฺนาคโต สมฺปนฺนสีโลติ เอวมาทิกํ ปน อตฺถวจนํ สุกรนฺติ อนามฏฺํ. จตุตฺถาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

สีลสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อกฺโกสกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๒๓) ๓. ทีฆจาริกวคฺโค

๑-๑๐. ปมทีฆจาริกสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๒๑-๒๓๐. ตติยสฺส ปมาทีนิ สุวิฺเยฺยานิ. ปฺจเม รโห นิสชฺชาย อาปชฺชตีติ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ มาตุคาเมน สทฺธึ เอโก เอกาย รโห นิสชฺชํ กปฺเปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมสฺมึ สิกฺขาปเท (ปาจิ. ๒๙๐) วุตฺตํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ. ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน อาปชฺชตีติ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ มาตุคาเมน รโห ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน นิสชฺชํ กปฺเปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ อิมสฺมึ วุตฺตํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ. มาตุคามสฺส อุตฺตริ ฉปฺปฺจวาจาหิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อาปชฺชตีติ ‘โย ปน ภิกฺขุ มาตุคามสฺส อุตฺตริ ฉปฺปฺจวาจาหิ ธมฺมํ เทเสยฺย อฺตฺร วิฺุนา ปุริสวิคฺคเหนา’’ติ (ปาจิ. ๖๓) เอวํ วุตฺตํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ. เตนาห ‘‘เตสํ เตสํ สิกฺขาปทานํ วเสน เวทิตพฺพานี’’ติ. ฉฏฺาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

ปมทีฆจาริกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทีฆจาริกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๓๑-๓๐๒. จตุตฺถวคฺคาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย

ปฺจกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

องฺคุตฺตรนิกาเย

ฉกฺกนิปาต-ฏีกา

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. อาหุเนยฺยวคฺโค

๑. ปมอาหุเนยฺยสุตฺตวณฺณนา

. ฉกฺกนิปาตสฺส ปเม จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ นิสฺสยโวหาเรน วุตฺตํ. สสมฺภารกนิทฺเทโสยํ ยถา ‘‘ธนุนา วิชฺฌตี’’ติ, ตสฺมา นิสฺสยสีเสน นิสฺสิตสฺส คหณํ ทฏฺพฺพํ. เตนายมตฺโถ ‘‘จกฺขุทฺวาเร รูปารมฺมเณ อาปาถคเต ตํ รูปํ จกฺขุวิฺาเณน ทิสฺวา’’ติ. เนว สุมโน โหตีติ ชวนกฺขเณ อิฏฺเ อารมฺมเณ ราคํ อนุปฺปาเทนฺโต เนว สุมโน โหติ เคหสฺสิตเปมวเสนปิ มคฺเคน สพฺพโส ราคสฺส สมุจฺฉินฺนตฺตา. น ทุมฺมโนติ อนิฏฺเ อทุสฺสนฺโต น ทุมฺมโน. ปสาทฺถตฺตวเสนปิ อิฏฺเปิ อนิฏฺเปิ มชฺฌตฺเตปิ อารมฺมเณ น สมํ สมฺมา อโยนิโส คหณํ อสมเปกฺขนํ. อยฺจสฺส ปฏิปตฺติ สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา จาติ อาห ‘‘สโต สมฺปชาโน หุตฺวา’’ติ. สติยา ยุตฺตตฺตา สโต. สมฺปชฺเน ยุตฺตตฺตา สมฺปชาโน. าณุปฺปตฺติปจฺจยรหิตกาเลปิ ปวตฺติเภทนโต ‘‘สตตวิหาโร กถิโต’’ติ วุตฺตํ. สตตวิหาโรติ ขีณาสวสฺส นิจฺจวิหาโร สพฺพทา ปวตฺตนกวิหาโร. เปตฺวา หิ สมาปตฺติเวลํ ภวงฺคเวลฺจ ขีณาสวา อิมินาว ฉฬงฺคุเปกฺขาวิหาเรน วิหรนฺติ.

เอตฺถ จ ‘‘ฉสุ ทฺวาเรสุปิ อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติ อิมินา ฉฬงฺคุเปกฺขา กถิตา. ‘‘สมฺปชาโน’’ติ วจนโต ปน จตฺตาริ าณสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ เตหิ วินา สมฺปชานตาย อสมฺภวโต. สตตวิหารภาวโต อฏฺ มหากิริยจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ. ‘‘เนว สุมโน น ทุมฺมโน’’ติ วจนโต อฏฺ มหากิริยจิตฺตานิ, หสิตุปฺปาโท, โวฏฺพฺพนฺจาติ ทส จิตฺตานิ ลพฺภนฺติ. ราคโทสสหชาตานํ โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อภาโว เตสมฺปิ สาธารโณติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อาคตานํ อิเมสํ สตตวิหารานํ โสมนสฺสํ กถํ ลพฺภตีติ เจ? อาเสวนโต. กิฺจาปิ ขีณาสโว อิฏฺานิฏฺเปิ อารมฺมเณ มชฺฌตฺโต วิย พหุลํ อุเปกฺขโก วิหรติ อตฺตโน ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนโต, กทาจิ ปน ตถา เจโตภิสงฺขาราภาเว ยํ ตํ สภาวโต อิฏฺํ อารมฺมณํ, ตสฺส ยาถาวสภาวคฺคหณวเสนปิ อรหโต จิตฺตํ ปุพฺพาเสวนวเสน โสมนสฺสสหคตํ หุตฺวา ปวตฺตเตว.

ปมอาหุเนยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๗. ทุติยอาหุเนยฺยสุตฺตาทิวณฺณนา

๒-๗. ทุติเย (วิสุทฺธิ. ๒.๓๘๐) อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ นานปฺปการํ. อิทฺธิวิธนฺติ อิทฺธิโกฏฺาสํ. ปจฺจนุโภตีติ ปจฺจนุภวติ, ผุสติ สจฺฉิกโรติ ปาปุณาตีติ อตฺโถ. อิทานิสฺส อเนกวิหิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอโกปิ หุตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘เอโกปิ หุตฺวา’’ติ อิมินา กรณโต ปุพฺเพว ปกติยา เอโกปิ หุตฺวา. พหุธา โหตีติ พหูนํ สนฺติเก จงฺกมิตุกาโม วา สชฺฌายํ กาตุกาโม วา ปฺหํ ปุจฺฉิตุกาโม วา หุตฺวา สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ โหติ. อาวิภาวํ ติโรภาวนฺติ เอตฺถ อาวิภาวํ กโรติ, ติโรภาวํ กโรตีติ อยมตฺโถ. อิทเมว หิ สนฺธาย ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑) วุตฺตํ – ‘‘อาวิภาวนฺติ เกนจิ อนาวุฏํ โหติ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ วิวฏํ, ติโรภาวนฺติ เกนจิ อาวุฏํ โหติ ปฏิจฺฉนฺนํ ปิหิตํ ปฏิกุชฺชิต’’นฺติ. ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเสติ เอตฺถ ติโรกุฏฺฏนฺติ ปรกุฏฺฏํ, กุฏฺฏสฺส ปรภาคนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย อิตเรสุ. กุฏฺโฏติ จ เคหภิตฺติยา เอตํ อธิวจนํ. ปากาโรติ เคหวิหารคามาทีนํ ปริกฺเขปปากาโร. ปพฺพโตติ ปํสุปพฺพโต วา ปาสาณปพฺพโต วา. อสชฺชมาโนติ อลคฺคมาโน เสยฺยถาปิ อากาเส วิย.

อุมฺมุชฺชนิมุชฺชนฺติ เอตฺถ อุมฺมุชฺชนฺติ อุฏฺานํ วุจฺจติ. นิมุชฺชนฺติ สํสีทนํ. อุมฺมุชฺชฺจ นิมุชฺชฺจ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ. อุทเกปิ อภิชฺชมาเนติ เอตฺถ ยํ อุทกํ อกฺกมิตฺวา สํสีทติ, ตํ ภิชฺชมานนฺติ วุจฺจติ, วิปรีตํ อภิชฺชมานํ. ปลฺลงฺเกน คจฺฉติ. ปกฺขี สกุโณติ ปกฺเขหิ ยุตฺตสกุโณ. อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามสตีติ เอตฺถ จนฺทิมสูริยานํ ทฺวาจตฺตาลีสโยชนสหสฺสสฺส อุปริ จรเณน มหิทฺธิกตา, ตีสุ ทีเปสุ เอกกฺขเณ อาโลกกรเณน มหานุภาวตา เวทิตพฺพา. เอวํ อุปริจรณอาโลกกรเณหิ มหิทฺธิเก มหานุภาเว. ปรามสตีติ คณฺหาติ, เอกเทเส วา ฉุปติ. ปริมชฺชตีติ สมนฺตโต อาทาสตลา วิย ปริมชฺชติ. ยาว พฺรหฺมโลกาปีติ พฺรหฺมโลกมฺปิ ปริจฺเฉทํ กตฺวา. กาเยน วสํ วตฺเตตีติ ตตฺร พฺรหฺมโลเก กาเยน อตฺตโน วสํ วตฺเตติ.

ทิพฺพาย โสตธาตุยาติ เอตฺถ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพา. เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตา ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธา อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณสมฺปฏิจฺฉนสมตฺถา ทิพฺพา ปสาทโสตธาตุ โหติ. อยฺจาปิ อิมสฺส ภิกฺขุโน วีริยภาวนาพเลน นิพฺพตฺตา าณโสตธาตุ ตาทิสาเยวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพา. อปิจ ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพา. สวนฏฺเน นิชฺชีวฏฺเน จ โสตธาตุ. โสตธาตุกิจฺจกรเณน โสตธาตุ วิยาติปิ โสตธาตุ. ตาย โสตธาตุยา. วิสุทฺธายาติ สุทฺธาย นิรุปกฺกิเลสาย. อติกฺกนฺตมานุสิกายาติ มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา สทฺทสวเน มานุสิกํ มํสโสตธาตุํ อติกฺกนฺตาย วีติวตฺเตตฺวา ิตาย. อุโภ สทฺเท สุณาตีติ ทฺเว สทฺเท สุณาติ. กตเม ทฺเว? ทิพฺเพ จ มานุเส จ, เทวานฺจ มนุสฺสานฺจ สทฺเทติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน ปเทสปริยาทานํ เวทิตพฺพํ. เย ทูเร สนฺติเก จาติ เย สทฺทา ทูเร ปรจกฺกวาเฬปิ, เย จ สนฺติเก อนฺตมโส สเทหสนฺนิสฺสิตปาณกสทฺทาปิ, เต สุณาตีติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน นิปฺปเทสปริยาทานํ เวทิตพฺพํ.

ปรสตฺตานนฺติ อตฺตานํ เปตฺวา เสสสตฺตานํ. ปรปุคฺคลานนฺติ อิทมฺปิ อิมินา เอกตฺถเมว. เวเนยฺยวเสน ปน เทสนาวิลาเสน จ พฺยฺชนนานตฺตํ กตํ. เจตสา เจโตติ อตฺตโน จิตฺเตน เตสํ จิตฺตํ. ปริจฺจาติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา. ปชานาตีติ สราคาทิวเสน นานปฺปการโต ชานาติ. สราคํ วา จิตฺตนฺติอาทีสุ ปน อฏฺโลภสหคตจิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อวเสสํ จาตุภูมกํ กุสลาพฺยากตจิตฺตํ วีตราคํ. ทฺเว โทมนสฺสจิตฺตานิ, ทฺเว วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจจิตฺตานีติ อิมานิ ปน จตฺตาริ จิตฺตานิ อิมสฺมึ ทุเก สงฺคหํ น คจฺฉนฺติ. เกจิ ปน เถรา ตานิปิ สงฺคณฺหนฺติ. ทุวิธํ ปน โทมนสฺสจิตฺตํ สโทสํ จิตฺตํ นาม. สพฺพมฺปิ จาตุภูมกํ กุสลาพฺยากตจิตฺตํ วีตโทสํ. เสสานิ ทส อกุสลจิตฺตานิ อิมสฺมึ ทุเก สงฺคหํ น คจฺฉนฺติ. เกจิ ปน เถรา ตานิปิ สงฺคณฺหนฺติ. สโมหํ วีตโมหนฺติ เอตฺถ ปน ปาฏิปุคฺคลิกนเยน วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตทฺวยเมว สโมหํ. โมหสฺส ปน สพฺพากุสเลสุ สมฺภวโต ทฺวาทสวิธมฺปิ อกุสลจิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อวเสสํ วีตโมหํ. ถินมิทฺธานุคตํ ปน สํขิตฺตํ, อุทฺธจฺจานุคตํ วิกฺขิตฺตํ. รูปาวจรารูปาวจรํ มหคฺคตํ, อวเสสํ อมหคฺคตํ. สพฺพมฺปิ เตภูมกํ สอุตฺตรํ, โลกุตฺตรํ อนุตฺตรํ. อุปจารปฺปตฺตํ อปฺปนาปฺปตฺตฺจ สมาหิตํ, อุภยมปฺปตฺตํ อสมาหิตํ. ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺตึ ปตฺตํ ปฺจวิธมฺปิ เอตํ วิมุตฺตํ, วิมุตฺติมปฺปตฺตํ วา อวิมุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อเนกวิหิตนฺติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๒) อเนกวิธํ, อเนเกหิ วา ปกาเรหิ ปวตฺติตํ สํวณฺณิตนฺติ อตฺโถ. ปุพฺเพนิวาสนฺติ สมนนฺตราตีตภวํ อาทึ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถสนฺตานํ. อนุสฺสรตีติ ขนฺธปฏิปาฏิวเสน, จุติปฏิสนฺธิวเสน วา อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา สรติ. เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ…เป… ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรตีติ. ตตฺถ เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ปฏิสนฺธิมูลํ จุติปริโยสานํ เอกภวปริยาปนฺนํ ขนฺธสนฺตานํ. เอส นโย ทฺเวปิ ชาติโยติอาทีสุปิ. อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเปติอาทีสุ ปน ปริหายมาโน กปฺโป สํวฏฺฏกปฺโป, วฑฺฒมาโน วิวฏฺฏกปฺโปติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สํวฏฺเฏน สํวฏฺฏฏฺายี คหิโต โหติ ตํมูลกตฺตา, วิวฏฺเฏน วิวฏฺฏฏฺายี. เอวฺหิ สติ ยานิ ตานิ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? สํวฏฺโฏ สํวฏฺฏฏฺายี วิวฏฺโฏ วิวฏฺฏฏฺายี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๕๖) วุตฺตานิ, ตานิ ปริคฺคหิตานิ โหนฺติ.

อมุตฺราสินฺติ อมุมฺหิ สํวฏฺฏกปฺเป อหํ อมุมฺหิ ภเว วา โยนิยา วา คหิยา วา วิฺาณฏฺิติยา วา สตฺตาวาเส วา สตฺตนิกาเย วา อาสึ. เอวํนาโมติ ติสฺโส วา ผุสฺโส วา. เอวํโคตฺโตติ โคตโม วา กจฺจายโน วา กสฺสโป วา. อิทมสฺส อตีตภเว อตฺตโน นามโคตฺตานุสฺสรณวเสน วุตฺตํ. สเจ ปน ตสฺมึ กาเล อตฺตโน วณฺณสมฺปตฺติลูขปณีตชีวิกภาวํ สุขทุกฺขพหุลตํ อปฺปายุกทีฆายุกภาวํ วา อนุสฺสริตุกาโม โหติ, ตมฺปิ อนุสฺสรติเยว. เตนาห ‘‘เอวํวณฺโณ…เป… เอวมายุปริยนฺโต’’ติ. ตตฺถ เอวํวณฺโณติ โอทาโต วา สาโม วา. เอวมาหาโรติ สาลิมํโสทนาหาโร วา ปวตฺตผลโภชโน วา. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ อเนน ปกาเรน กายิกเจตสิกานํ สามิสนิรามิสาทิปฺปเภทานํ สุขทุกฺขานํ ปฏิสํเวที. เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ วสฺสสตปริมาณายุปริยนฺโต วา จตุราสีติกปฺปสหสฺสายุปริยนฺโต วา. โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทินฺติ โส อหํ ตโต ภวโต โยนิโต คหิโต วิฺาณฏฺิติโต สตฺตาวาสโต สตฺตนิกายโต วา จุโต ปุนอมุกสฺมึ นาม ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สกฺกนิกาเย วา อุทปาทึ. ตตฺราปาสินฺติ ตตฺราปิ ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา ปุน อโหสึ. เอวํนาโมติอาทิ วุตฺตนยเมว.

อปิจ อมุตฺราสินฺติ อิทํ อนุปุพฺเพน อาโรหนฺตสฺส ยาวทิจฺฉกํ อนุสฺสรณํ. โส ตโตติ ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ, ตสฺมา ‘‘อิธูปปนฺโน’’ติ อิมิสฺสา อิธูปปตฺติยา อนนฺตรเมว อุปฺปตฺติฏฺานํ สนฺธาย ‘‘อมุตฺร อุทปาทิ’’นฺติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺราปาสินฺติ เอวมาทิ ปนสฺส ตตฺราปิ อิมิสฺสา อุปปตฺติยา อนฺตเร อุปปตฺติฏฺาเน นามโคตฺตาทีนํ อนุสฺสรณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโนติ สฺวาหํ ตโต อนนฺตรุปฺปตฺติฏฺานโต จุโต อิธ อมุกสฺมึ นาม ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วา นิพฺพตฺโตติ. อิตีติ เอวํ. สาการํ สอุทฺเทสนฺติ นามโคตฺตวเสน สอุทฺเทสํ, วณฺณาทิวเสน สาการํ. นามโคตฺเตน หิ สตฺโต ‘‘ติสฺโส กสฺสโป’’ติ อุทฺทิสียติ, วณฺณาทีหิ ‘‘สาโม โอทาโต’’ติ นานตฺตโต ปฺายติ, ตสฺมา นามโคตฺตํ อุทฺเทโส, อิตเร อาการา.

ทิพฺเพนาติอาทีสุ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ. เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณสมฺปฏิจฺฉนสมตฺถํ ทิพฺพํ ปสาทจกฺขุ โหติ. อิทฺจาปิ วีริยภาวนาพเลน นิพฺพตฺตํ าณจกฺขุ ตาทิสเมวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ. ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา อตฺตโน จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพํ. อาโลกปริคฺคเหน มหาชุติกตฺตาปิ ทิพฺพํ. ติโรกุฏฺฏาทิคตรูปทสฺสเนน มหาคติกตฺตาปิ ทิพฺพํ. ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ. จกฺขุกิจฺจกรเณน จกฺขุมิวาติปิ จกฺขุ. จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุตฺตา วิสุทฺธํ. โย หิ จุติเมว ปสฺสติ, น อุปปาตํ, โส อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. โย อุปปาตเมว ปสฺสติ, น จุตึ, โส นวสตฺตปาตุภาวทิฏฺึ คณฺหาติ. โย ปน ตทุภยํ ปสฺสติ, โส ยสฺมา ทุวิธมฺปิ ตํ ทิฏฺิคตํ อติวตฺตติ, ตสฺมา ตํ ทสฺสนํ ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุ โหติ. อุภยมฺปิ เจตํ พุทฺธปุตฺตา ปสฺสนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุตฺตา วิสุทฺธ’’นฺติ. มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา รูปทสฺสเนน อติกฺกนฺตมานุสกํ, มานุสํ วา มํสจกฺขุํ อติกฺกนฺตตฺตา อติกฺกนฺตมานุสกนฺติ เวทิตพฺพํ. เตน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน.

สตฺเต ปสฺสตีติ มนุสฺสานํ มํสจกฺขุนา วิย สตฺเต โอโลเกติ. จวมาเน อุปปชฺชมาเนติ เอตฺถ จุติกฺขเณ วา อุปปตฺติกฺขเณ วา ทิพฺพจกฺขุนา ทฏฺุํ น สกฺกา. เย ปน อาสนฺนจุติกา อิทานิ จวิสฺสนฺติ, เต จวมานาติ, เย จ คหิตปฺปฏิสนฺธิกา สมฺปตินิพฺพตฺตา จ, เต อุปปชฺชมานาติ อธิปฺเปตา. เต เอวรูเป จวมาเน อุปปชฺชมาเน จ ปสฺสตีติ ทสฺเสติ. หีเนติ โมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา หีนานํ ชาติกุลโภคาทีนํ วเสน หีฬิเต อุฺาเต. ปณีเตติ อโมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา ตพฺพิปรีเต. สุวณฺเณติ อโทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อิฏฺกนฺตมนาปวณฺณยุตฺเต. ทุพฺพณฺเณติ โทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อนิฏฺากนฺตามนาปวณฺณยุตฺเต, วิรูปวิรูเปติปิ อตฺโถ. สุคเตติ สุคติคเต, อโลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา อฑฺเฒ มหทฺธเน. ทุคฺคเตติ ทุคฺคติคเต, โลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปาเน.

ยถากมฺมูปเคติ ยํ ยํ กมฺมํ อุปจิตํ, เตน เตน อุปคเต. กายทุจฺจริเตนาติอาทีสุ ทุฏฺุ จริตํ กิเลสปูติกตฺตาติ ทุจฺจริตํ. กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา อุปฺปนฺนํ ทุจฺจริตนฺติ กายทุจฺจริตํ. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. สมนฺนาคตาติ สมงฺคิภูตา. อริยานํ อุปวาทกาติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ อริยานํ อนฺตมโส คิหิโสตาปนฺนานมฺปิ อนตฺถกามา หุตฺวา อนฺติมวตฺถุนา วา คุณปริธํสเนน วา อุปวาทกา, อกฺโกสกา ครหกาติ วุตฺตํ โหติ. มิจฺฉาทิฏฺิกาติ วิปรีตทสฺสนา. มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานาติ มิจฺฉาทิฏฺิวเสน สมาทินฺนนานาวิธกมฺมา, เยปิ มิจฺฉาทิฏฺิมูลเกสุ กายกมฺมาทีสุ อฺเปิ สมาทาเปนฺติ.

กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหณา. อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺสูปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติจิตฺตโต อุทฺธํ. อปายนฺติ เอวมาทิ สพฺพํ นิรยเววจนเมว. นิรโย หิ สคฺคโมกฺขเหตุภูตา ปุฺสมฺมตา อยา อเปตตฺตา, สุขานํ วา อายสฺส อภาวา อปาโย. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ, โทสพหุลตาย วา ทุฏฺเน กมฺเมน นิพฺพตฺตา คตีติ ทุคฺคติ. วิวสา นิปตนฺติ ตตฺถ ทุกฺกฏฺฏการิโนติ วินิปาโต, วินสฺสนฺตา วา เอตฺถ ปตนฺติ สมฺภิชฺชมานงฺคปจฺจงฺคาติ วินิปาโต. นตฺถิ เอตฺถ อสฺสาทสฺิโต อโยติ นิรโย.

อถ วา อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนึ ทีเปติ. ติรจฺฉานโยนิ หิ อปาโย สุคติโต อเปตตฺตา, น ทุคฺคติ มเหสกฺขานํ นาคราชาทีนํ สมฺภวโต. ทุคฺคติคฺคหเณน เปตฺติวิสยฺจ. โส หิ อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สุคติโต อเปตตฺตา ทุกฺขสฺส จ คติภูตตฺตา, น ตุ วินิปาโต อสุรสทิสํ อวินิปติตตฺตา. วินิปาตคฺคหเณน อสุรกายํ. โส หิ ยถาวุตฺเตน อตฺเถน อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สพฺพสมุสฺสเยหิ วินิปติตตฺตา วินิปาโตติ วุจฺจติ. นิรยคฺคหเณน อวีจิอาทิกมเนกปฺปการํ นิรยเมวาติ. อุปปนฺนาติ อุปคตา, ตตฺถ อภินิพฺพตฺตาติ อธิปฺปาโย. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ สุคติคฺคหเณน มนุสฺสาคติปิ สงฺคยฺหติ, สคฺคคฺคหเณน เทวคติเยว. ตตฺถ สุนฺทรา คตีติ สุคติ. รูปาทีหิ วิสเยหิ สุฏฺุ อคฺโคติ สคฺโค. โส สพฺโพปิ ลุชฺชนปฺปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาโต คเหตพฺโพ. ตติยาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

ทุติยอาหุเนยฺยสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อนุตฺตริยสุตฺตวณฺณนา

. อฏฺเม นตฺถิ เอเตสํ อุตฺตรานิ วิสิฏฺานีติ อนุตฺตรานิ, อนุตฺตรานิ เอว อนุตฺตริยานิ ยถา ‘‘อนนฺตเมว อนนฺตริย’’นฺติ อาห ‘‘นิรุตฺตรานี’’ติ. ทสฺสนานุตฺตริยํ นาม ผลวิเสสาวหตฺตา. เอส นโย เสเสสุปิ. สตฺตวิธอริยธนลาโภติ สตฺตวิธสทฺธาทิโลกุตฺตรธนลาโภ. สิกฺขาตฺตยสฺส ปูรณนฺติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ ปูรณํ. ตตฺถ ปูรณํ นิปฺปริยายโต อเสกฺขานํ วเสน เวทิตพฺพํ. กลฺยาณปุถุชฺชนโต ปฏฺาย หิ สตฺต เสขา ติสฺโส สิกฺขา ปูเรนฺติ นาม, อรหา ปริปุณฺณสิกฺโขติ. อิติ อิมานิ อนุตฺตริยานิ โลกิยโลกุตฺตรานิ กถิตานิ.

อนุตฺตริยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อนุสฺสติฏฺานสุตฺตวณฺณนา

. นวเม อนุสฺสติโย เอว ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกาทิหิตสุขานํ การณภาวโต านานีติ อนุสฺสติฏฺานานิ. พุทฺธคุณารมฺมณา สตีติ ยถา พุทฺธานุสฺสติ วิเสสาธิคมสฺส านํ โหติ, เอวํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา พุทฺธคุเณ อารพฺเภ อุปฺปนฺนา สติ. เอวํ อนุสฺสรโต หิ ปีติ อุปฺปชฺชติ, โส ตํ ปีตึ ขยโต วยโต ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อุปจารกมฺมฏฺานํ นาเมตํ คิหีนมฺปิ ลพฺภติ. อุปจารกมฺมฏฺานนฺติ จ ปจฺจกฺขโต อุปจารชฺฌานาวหํ กมฺมฏฺานปรมฺปราย สมฺมสนํ ยาว อรหตฺตา โลกิยโลกุตฺตรวิเสสาวหํ. เอส นโย สพฺพตฺถ.

อนุสฺสติฏฺานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. มหานามสุตฺตวณฺณนา

๑๐. ทสเม ตสฺมึ สมเยติ พุทฺธาคุณานุสฺสรณสมเย. ราคปริยุฏฺิตนฺติ ราเคน ปริยุฏฺิตํ. ปริยุฏฺานปฺปตฺติปิ, ราเคน วา สํหิตํ จิตฺตํ อรฺมิว โจเรหิ เตน ปริยุฏฺิตนฺติ วุตฺตํ, ตสฺส ปริยุฏฺานฏฺานภาวโตปิ ปริยุฏฺิตราคนฺติ อตฺโถ. พฺยฺชนํ ปน อนาทิยิตฺวา อตฺถมตฺตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปฺปชฺชมาเนน ราเคน อุฏฺหิตฺวา คหิต’’นฺติ อาห. อุชุกเมวาติ ปเคว กายวงฺกาทีนํ อปนีตตฺตา จิตฺตสฺส จ อนุชุภาวกรานํ มานาทีนํ อภาวโต, ราคาทิปริยุฏฺานาภาเวน วา โอณติอุณฺณติวิรหโต อุชุภาวเมว คตํ. อถ วา อุชุกเมวาติ กมฺมฏฺานสฺส ถินํ มิทฺธํ โอติณฺณตาย ลีนุทฺธจฺจวิคมโต มชฺฌิมสมถนิมิตฺตปฺปฏิปตฺติยา อุชุภาวเมว คตํ. อฏฺกถํ นิสฺสายาติ ภวชาติอาทีนํ ปทานํ อตฺถํ นิสฺสาย. อตฺถเวทนฺติ วา เหตุผลํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ตุฏฺิมาห. ธมฺมเวทนฺติ เหตุํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ตุฏฺึ. ‘‘อารกตฺตา อรห’’นฺติ อนุสฺสรนฺตสฺส หิ ยทิทํ ภควโต กิเลเสหิ อารกตฺตํ, โส เหตุ. าปโก เจตฺถ เหตุ อธิปฺเปโต, น การโก สมฺปาปโก. ตโตเนน ายมาโน อรหตฺตตฺโถ ผลํ. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ เหตุโส ผลวิปาโก เวทิตพฺโพ. ธมฺมานุสฺสติอาทีสุปิ หิ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณตาทโย สุปฺปฏิปตฺติอาทโย จ ตตฺถ ตตฺถ เหตุภาเวน นิทฺทิฏฺาเยว. ธมฺมูปสํหิตนฺติ ยถาวุตฺตเหตุผลสงฺขาตคุณูปสํหิตํ.

มหานามสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อาหุเนยฺยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สารณียวคฺโค

๑. ปมสารณียสุตฺตวณฺณนา

๑๑. ทุติยสฺส ปเม สริตพฺพยุตฺตกาติ อนุสฺสรณารหา. มิชฺชติ สินิยฺหติ เอตายาติ เมตฺตา, มิตฺตภาโว. เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, กายกมฺมํ. ตํ ปน ยสฺมา เมตฺตาสหคตจิตฺตสมุฏฺานํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมตฺเตน จิตฺเตน กาตพฺพํ กายกมฺม’’นฺติ. เอส นโย เสสทฺวเยปิ. อิมานีติ เมตฺตกายกมฺมาทีนิ. ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ เตสํ เสฏฺปริสภาวโต. ยถา ปน ภิกฺขุนีสุปิ ลพฺภนฺติ, เอวํ คิหีสุปิ ลพฺภนฺติ จตุปริสสาธารณตฺตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขูนฺหี’’ติอาทิมาห. ภิกฺขุโน สพฺพมฺปิ อนวชฺชกายกมฺมํ อาภิสมาจาริกกมฺมนฺโตคธเมวาติ อาห ‘‘เมตฺเตน จิตฺเตน…เป… กายกมฺมํ นามา’’ติ. ภตฺติวเสน ปวตฺติยมานา เจติยโพธีนํ วนฺทนา เมตฺตาสิทฺธาติ กตฺวา ตทตฺถาย คมนํ ‘‘เมตฺตํ กายกมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน เจติยโพธิภิกฺขูสุ วุตฺตาวเสสาปจายนาทิวเสน ปวตฺตเมตฺตาวเสน ปวตฺตํ กายิกํ กิริยํ สงฺคณฺหาติ.

เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ กถิยมานนฺติ อธิปฺปาโย. เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ ปริปุจฺฉนอตฺถกถนวเสน ปวตฺติยมานเมว เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม หิตชฺฌาสเยน ปวตฺติตพฺพโต. ตีณิ สุจริตานีติ กายวจีมโนสุจริตานิ. จินฺตนนฺติ เอวํ จินฺตนมตฺตมฺปิ มโนกมฺมํ, ปเคว ปฏิปนฺนา ภาวนาติ ทสฺเสติ.

อาวีติ ปกาสํ. ปกาสภาโว เจตฺถ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส สมฺมุขภาวโตติ อาห ‘‘สมฺมุขา’’ติ. รโหติ อปฺปกาสํ. อปฺปกาสตา จ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส อปจฺจกฺขภาวโตติ อาห ‘‘ปรมฺมุขา’’ติ. สหายภาวคมนํ เตสํ ปุรโต. เตสุ กโรนฺเตสุเยว หิ สหายภาวคมนํ สมฺมุขา กายกมฺมํ นาม โหติ. อุภเยหีติ นวเกหิ เถเรหิ จ. ปคฺคยฺหาติ ปคฺคณฺหิตฺวา อุทฺธํ กตฺวา เกวลํ ‘‘เทโว’’ติ อวตฺวา คุเณหิ ถิรภาวโชตนํ ‘‘เทวตฺเถโร’’ติ วจนํ ปคฺคยฺห วจนํ. มมตฺตโพธนํ วจนํ มมายนวจนํ. เอกนฺตปรมฺมุขสฺส มโนกมฺมสฺส สมฺมุขตา นาม วิฺตฺติสมุฏฺาปนวเสน โหติ, ตฺจ โข โลเก กายกมฺมนฺติ ปากฏํ ปฺาตํ. หตฺถวิการาทีนิ อนามสิตฺวา เอว ทสฺเสนฺโต ‘‘นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา’’ติอาทิมาห. กามํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานํ นยนานํ อุมฺมีลนา ปสนฺเนน มุเขน โอโลกนฺจ เมตฺตํ กายกมฺมเมว, ยสฺส ปน จิตฺตสฺส วเสน นยนานํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธตา มุขสฺส จ ปสนฺนตา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เมตฺตํ มโนกมฺมํ นามา’’ติ.

ลาภ-สทฺโท กมฺมสาธโน ‘‘ลาภา วต, โภ, ลทฺโธ’’ติอาทีสุ วิย. โส เจตฺถ ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติ วจนโต อตีตกาลิโกติ อาห ‘‘จีวราทโย ลทฺธปจฺจยา’’ติ. ธมฺมโต อาคตาติ ธมฺมิกา, ปริสุทฺธคมนา ปจฺจยา. เตนาห ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติ. อิมเมว หิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘กุหนาที’’ติอาทิ วุตฺตํ. น สมฺมา คยฺหมานา หิ ธมฺมลทฺธา นาม น โหนฺตีติ ตปฺปฏิเสธนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติ วุตฺตํ. เทยฺยํ ทกฺขิเณยฺยฺจ อปฺปฏิวิภตฺตํ กตฺวา ภุฺชตีติ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี นาม โหติ. เตนาห ‘‘ทฺเว ปฏิวิภตฺตานิ นามา’’ติอาทิ. จิตฺเตน วิภชนนฺติ เอเตน จิตฺตุปฺปาทมตฺเตนปิ วิภชนํ ปฏิวิภตฺตํ นาม, ปเคว ปโยคโตติ ทสฺเสติ. จิตฺเตน วิภชนปุพฺพกํ วา กาเยน วิภชนนฺติ มูลเมว ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ จิตฺเตน วิภชน’’นฺติ วุตฺตํ. เตน จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน ปฏิวิภาโค กาตพฺโพติ ทสฺเสติ. อปฺปฏิวิภตฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, อปฺปฏิวิภตฺตํ ลาภํ ภุฺชตีติ กมฺมนิทฺเทโส วา. ตํ เนว คิหีนํ เทติ อตฺตโน อาชีวโสธนตฺถํ. น อตฺตนา ปริภุฺชติ ‘‘มยฺหํ อสาธารณโภคิตา มา โหตู’’ติ. ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ…เป… ปสฺสตีติ อิมินา อาคมนโต ปฏฺาย สาธารณพุทฺธึ อุปฏฺาเปติ. เอวํ หิสฺส สาธารณโภคิตา สุกรา, สารณียธมฺโม จสฺส ปูโร โหติ.

อถ วา ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ…เป… ปสฺสตีติ อิมินา ตสฺส ลาภสฺส ตีสุ กาเลสุ สาธารณโต ปนํ ทสฺสิตํ. ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ อิมินา ปฏิคฺคหณกาโล ทสฺสิโต. คเหตฺวา…เป… ปสฺสตีติ อิมินา ปฏิคฺคหิตกาโล. ตทุภยํ ปน ตาทิเสน ปุพฺพภาเคน วินา น โหตีติ อตฺถสิทฺโธ ปุริมกาโล. ตยิทํ ปฏิคฺคหณโต ปุพฺเพวสฺส โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ, ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคณฺหามี’’ติ, ปฏิคฺคเหตฺวา โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ หิ ปฏิคฺคหิตํ มยา’’ติ. เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺนํ กตฺวา ลทฺธํ ลาภํ โอสารณลกฺขณํ อวิโกเปตฺวา ปริภุฺชนฺโต สาธารณโภคี อปฺปฏิวิภตฺตโภคี จ โหติ.

อิมํ ปน สารณียธมฺมนฺติ อิมํ จตุตฺถํ สริตพฺพยุตฺตธมํ. น หิ…เป… คณฺหนฺติ, ตสฺมา สาธารณโภคิตา ทุสฺสีลสฺส นตฺถีติ อารมฺโภปิ ตาว น สมฺภวติ, กุโต ปูรณนฺติ อธิปฺปาโย. ปริสุทฺธสีโลติ อิมินา ลาภสฺส ธมฺมิกภาวํ ทสฺเสติ. วตฺตํ อขณฺเฑนฺโตติ อิมินา อปฺปฏิวิภตฺตโภคิตํ สาธารณโภคิตฺจ ทสฺเสติ. สติ ปน ตทุภเย สารณียธมฺโม ปูริโต เอว โหตีติ อาห ‘‘ปูเรตี’’ติ. โอทิสฺสกํ กตฺวาติ เอเตน อโนทิสฺสกํ กตฺวา ปิตุโน, อาจริยุปชฺฌายาทีนํ วา เถราสนโต ปฏฺาย เทนฺตสฺส สารณียธมฺโมเยว โหตีติ ทสฺเสติ. ทาตพฺพนฺติ อวสฺสํ ทาตพฺพํ. สารณียธมฺโม ปนสฺส น โหติ ปฏิชคฺคฏฺาเน โอทิสฺสกํ กตฺวา ทินฺนตฺตา. เตนาห ‘‘ปลิโพธชคฺคนํ นาม โหตี’’ติ. มุตฺตปลิโพธสฺส วฏฺฏติ อมุตฺตปลิโพธสฺส ปูเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. ยทิ เอวํ สพฺเพน สพฺพํ สารณียธมฺมํ ปูเรนฺตสฺส โอทิสฺสกทานํ วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ? โน น วฏฺฏติ ยุตฺตฏฺาเนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตน ปนา’’ติอาทิมาห. อิมินา โอทิสฺสกทานํ ปนสฺส น สพฺพตฺถ วาริตนฺติ ทสฺเสติ. คิลานาทีนฺหิ โอทิสฺสกํ กตฺวา ทานํ อปฺปฏิวิภาคปกฺขิกํ ‘‘อสุกสฺส น ทสฺสามี’’ติ ปฏิกฺเขปสฺส อภาวโต. พฺยติเรกปฺปธาโน หิ ปฏิภาโค. เตนาห ‘‘อวเสส’’นฺติอาทิ. อทาตุมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ทาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ตฺจ โข กรุณายนวเสน, น วตฺตปริปูรณวเสน, ตสฺมา ทุสฺสีลสฺสปิ อตฺถิกสฺส สติ สมฺภเว ทาตพฺพํ. ทานฺหิ นาม น กสฺสจิ นิวาริตํ.

สุสิกฺขิตายาติ สารณียปูรณวิธิมฺหิ สุสิกฺขิตาย, สุกุสลายาติ อตฺโถ. อิทานิ ตสฺส โกสลฺลํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุสิกฺขิตาย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทฺวาทสหิ วสฺเสหิ ปูเรหิ, น ตโต โอรนฺติ อิมินา ตสฺส ทุปฺปูรตํ ทสฺเสติ. ตถา หิ โส มหปฺผโล มหานิสํโส ทิฏฺธมฺมิเกหิปิ ตาวครุตเรหิ ผลานิสํเสหิ อนุคโตติ ตํสมงฺคี จ ปุคฺคโล วิเสสลาภี อริยปุคฺคโล วิย โลเก อจฺฉริยพฺภุตธมฺมสมนฺนาคโต โหติ. ตถา หิ โส ทุปฺปชหทานมยสฺส สีลมยสฺส ปุฺสฺส ปฏิปกฺขธมฺมํ สุทูเร วิกฺขมฺภิตํ กตฺวา วิสุทฺเธน เจตสา โลเก ปากโฏ ปฺาโต หุตฺวา วิหรติ. ตสฺสิมมตฺถํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

อิทานิสฺส สมฺปรายิเก ทิฏฺธมฺมิเก จ อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ ปูริตสารณียธมฺมสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เนว อิสฺสา น มจฺฉริยํ โหติ จิรกาลภาวนาย วิธุตภาวโต. มนุสฺสานํ ปิโย โหติ ปริจฺจาคสีลตาย วิสฺสุตตฺตา. เตนาห ‘‘ททํ ปิโย โหติ ภชนฺติ นํ พหู’’ติอาทิ (อ. นิ. ๕.๓๔). สุลภปจฺจโย โหติ ทานวเสน อุฬารชฺฌาสยานํ ปจฺจยลาภสฺส อิธานิสํสสภาวโต ทานสฺส. ปตฺตคตมสฺส ทิยฺยมานํ น ขียติ ปตฺตคตสฺเสว ทฺวาทสวสฺสิกสฺส มหาวตฺตสฺส อวิจฺเฉเทน ปูริตตฺตา. อคฺคภณฺฑํ ลภติ เทวสิกํ ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺคโต ปฏฺาย ทานสฺส ทินฺนตฺตา. ภเย วา…เป… อาปชฺชนฺติ เทยฺยปฺปฏิคฺคาหกวิกปฺปํ อกตฺวา อตฺตนิ นิรเปกฺขจิตฺเตน จิรกาลํ ทานสฺส ปูริตตาย ปสาริตจิตฺตตฺตา.

ตตฺราติ เตสุ อานิสํเสสุ วิภาเวตพฺเพสุ. อิมานิ ผลานิ วตฺถูนิ การณานิ. มหาคิริคาโม นาม นาคทีปปสฺเส เอโก คาโมว. อลภนฺตาปีติ อปฺปปุฺตาย อลาภิโน สมานาปิ. ภิกฺขาจารมคฺคสภาคนฺติ สภาคํ ตพฺภาคิยํ ภิกฺขาจารมคฺคํ ชานนฺติ. อนุตฺตริมนุสฺสธมฺมตฺตา เถรานํ สํสยวิโนทนตฺถฺจ ‘‘สารณียธมฺโม เม, ภนฺเต, ปูริโต’’ติ อาห. ตถา หิ ทุติยวตฺถุสฺมิมฺปิ เถเรน อตฺตา ปกาสิโต. ทหรกาเล เอวํ กิร สารณียธมฺมปูรโก อโหสิ. มนุสฺสานํ ปิยตาย สุลภปจฺจยตายปิ อิทํ วตฺถุเมว. ปตฺตคตาขียนสฺส ปน วิเสสํ วิภาวนโต ‘‘อิทํ ตาว…เป… เอตฺถ วตฺถู’’ติ วุตฺตํ.

คิริภณฺฑมหาปูชายาติ เจติยคิริมฺหิ สกลลงฺกาทีเป โยชนปฺปมาเณ สมุทฺเท จ นาวาสงฺฆาฏาทิเก เปตฺวา ทีปปุปฺผคนฺธาทีหิ กริยมานาย มหาปูชาย. ตสฺสา จ ปฏิปตฺติยา อวฺฌภาววิภาวนตฺถํ ‘‘เอเต มยฺหํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ อาห. ปริยาเยนปิ เลเสนปิ. อนุจฺฉวิกนฺติ ‘‘สารณียธมฺมปูรโก’’ติ ยถาภูตปเวทนํ ตุมฺหากํ อนุจฺฉวิกนฺติ อตฺโถ.

อนาโรเจตฺวาว ปลายึสุ โจรภเยน. ‘‘อตฺตโน ทุชฺชีวิกายา’’ติปิ วทนฺติ. อหํ สารณียธมฺมปูริกา, มม ปตฺตปริยาปนฺเนนปิ สพฺพาปิมา ภิกฺขุนิโย ยาเปสฺสนฺตีติ อาห ‘‘มา ตุมฺเห เตสํ คตภาวํ จินฺตยิตฺถา’’ติ. วฏฺฏิสฺสตีติ กปฺปิสฺสติ. เถรี สารณียธมฺมปูริกา อโหสิ, เถรสฺส ปน สีลเตเชเนว เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิ.

นตฺถิ เอเตสํ ขณฺฑนฺติ อขณฺฑานิ. ตํ ปน เนสํ ขณฺฑํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุปสมฺปนฺนสีลานํ อุทฺเทสกฺกเมน อาทิอนฺตา เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘สตฺตสู’’ติอาทิ. น หิ อฺโ โกจิ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อนุกฺกโม อตฺถิ, อนุปสมฺปนฺนสีลานํ สมาทานกฺกเมนปิ อาทิอนฺตา ลพฺภนฺติ. ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิยาติ ตตฺรนฺเต ทสนฺเต วา ฉินฺนวตฺถํ วิย. วิสทิสุทาหรณฺเจตํ ‘‘อขณฺฑานี’’ติ อิมสฺส อธิกตตฺตา. เอวํ เสสานมฺปิ อุทาหรณานิ. ขณฺฑิกตา ภินฺนตา ขณฺฑํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ ขณฺฑํ, สีลํ. ฉิทฺทนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เวมชฺเฌ ภินฺนํ วินิวิชฺฌนวเสน. วิสภาควณฺเณน คาวี วิยาติ สมฺพนฺโธ. วิสภาควณฺเณน อุปฑฺฒํ ตติยภาคคตํ สมฺภินฺนวณฺณํ สพลํ, วิสภาควณฺเณเหว พินฺทูหิ อนฺตรนฺตราหิ วิมิสฺสํ กมฺมาสํ. อยํ อิเมสํ วิเสโส. สพลรหิตานิ อสพลานิ, ตถา อกมฺมาสานิ. สีลสฺส ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยภาวาปาทนํ, ตสฺมา ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนวจเนน เตสํ สีลานํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยตมาห. ภุชิสฺสภาวกรณโตติ อิมินา ภุชิสฺสกรานิ ภุชิสฺสานีติ อุตฺตรปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ ทสฺเสติ. ยสฺมา วา ตํสมงฺคิปุคฺคโล เสรี สยํวสี ภุชิสฺโส นาม โหติ, ตสฺมาปิ ภุชิสฺสานิ. อวิฺูนํ อปฺปมาณตาย ‘‘วิฺุปฺปสตฺถานี’’ติ วุตฺตํ. สุปริสุทฺธภาเวน วา สมฺปนฺนตฺตา วิฺูหิ ปสตฺถานีติ วิฺุปฺปสตฺถานิ.

ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตาติ ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ ตณฺหาปรามาเสน, ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว หุตฺวา ตตฺถ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต ภวิสฺสามี’’ติ ทิฏฺิปรามาเสน จ อปรามฏฺตฺตา. ปรามฏฺุนฺติ ‘‘อยํ เต สีเลสุ โทโส’’ติ จตูสุ วิปตฺตีสุ ยาย กายจิ วิปตฺติยา ทสฺสเนน ปรามฏฺุํ, อนุทฺธํเสตุํ โจเทตุนฺติ อตฺโถ. สีลํ นาม อวิปฺปฏิสาราทิปารมฺปริเยน ยาวเทว สมาธิสมฺปาทนตฺถนฺติ อาห ‘‘สมาธิสํวตฺตนิกานี’’ติ. สมาธิสํวตฺตนปฺปโยชนานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ.

สมานภาโว สามฺํ, ปริปุณฺณจตุปาริสุทฺธิภาเวน มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณสฺส วิย เภทาภาวโต สีเลน สามฺํ สีลสามฺํ, ตํ คโต อุปคโตติ สีลสามฺคโต. เตนาห ‘‘สมานภาวูปคตสีโล’’ติ, สีลสมฺปตฺติยา สมานภาวํ อุปคตสีโล สภาควุตฺติโกติ อตฺโถ. กามํ ปุถุชฺชนานมฺปิ จตุปาริสุทฺธิสีเล นานตฺตํ น สิยา, ตํ ปน น เอกนฺติกํ, อิทํ เอกนฺติกํ นิยตภาวโตติ อาห ‘‘นตฺถิ มคฺคสีเล นานตฺต’’นฺติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ มคฺคสีลํ สนฺธาย ตํ ‘‘ยานิ ตานิ สีลานี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ยายนฺติ ยา อยํ มยฺหฺเจว ตุมฺหากฺจ ปจฺจกฺขภูตา. ทิฏฺีติ มคฺคสมฺมาทิฏฺิ. นิทฺโทสาติ นิทฺธุตโทสา, สมุจฺฉินฺนราคาทิปาปธมฺมาติ อตฺโถ. นิยฺยาตีติ วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรติ นิคฺคจฺฉติ. สยํ นิยฺยนฺตีเยว หิ ตํสมงฺคิปุคฺคลํ วฏฺฏทุกฺขโต นิยฺยาเปตีติ วุจฺจติ. ยา สตฺถุ อนุสิฏฺิ, ตํ กโรตีติ ตกฺกโร, ตสฺส, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺตสฺสาติ อตฺโถ. สมานทิฏฺิภาวนฺติ สทิสทิฏฺิภาวํ สจฺจสมฺปฏิเวเธน อภินฺนทิฏฺิภาวํ.

ปมสารณียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยสารณียสุตฺตวณฺณนา

๑๒. ทุติเย สพฺรหฺมจารีนนฺติ สหธมฺมิกานํ. ปิยํ ปิยายิตพฺพกํ กโรนฺตีติ ปิยกรณา. ครุํ ครุฏฺานิยํ กโรนฺตีติ ครุกรณา. สงฺคณฺหนตฺถายาติ สงฺคหวตฺถุวิเสสภาวโต สพฺรหฺมจารีนํ สงฺคหณาย สํวตฺตนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อวิวทนตฺถายาติ สงฺคหวตฺถุภาวโต เอว น วิวทนตฺถาย. สติ จ อวิวทนเหตุภูตสงฺคหกตฺเต เตสํ วเสน สพฺรหฺมจารีนํ สมคฺคภาโว เภทาภาโว สิทฺโธเยวาติ อาห ‘‘สามคฺคิยา’’ติอาทิ.

ทุติยสารณียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. นิสฺสารณียสุตฺตวณฺณนา

๑๓. ตติเย วฑฺฒิตาติ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริพฺรูหิตา. ปุนปฺปุนํ กตาติ ภาวนาย พหุลีกรเณน อปราปรํ ปวตฺติตา. ยุตฺตยานสทิสา กตาติ ยถา ยุตฺตมาชฺยานํ เฉเกน สารถินา อธิฏฺิตํ ยถารุจิ ปวตฺตติ, เอวํ ยถารุจิ ปวตฺติรหํ คหิตา. วตฺถุกตาติ วา อธิฏฺานฏฺเน วตฺถุ วิย กตา, สพฺพโส อุปกฺกิเลสวิโสธเนน อิทฺธิวิเสสตาย ปวตฺติฏฺานภาวโต สุวิโสธิตปริสฺสยวตฺถุ วิย กตาติ วุตฺตํ โหติ. อธิฏฺิตาติ ปฏิปกฺขทูรีภาวโต สุภาวิตภาเวน ตํตํอธิฏฺานโยคฺยตาย ปิตา. สมนฺตโต จิตาติ สพฺพภาเคน ภาวนูปจยํ คมิตา. เตนาห ‘‘อุปจิตา’ติ. สุฏฺุ สมารทฺธาติ อิทฺธิภาวนาสิขาปฺปตฺติยา สมฺมเทว สมฺภาวิตา. อภูตพฺยากรณํ พฺยากโรตีติ ‘‘เมตฺตา หิ โข เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา’’ติอาทินา อตฺตนิ อวิชฺชมานคุณาภิพฺยาหารํ พฺยาหรติ. เจโตวิมุตฺติสทฺทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘นิสฺสฏา’’ติ วุตฺตํ. ปุน พฺยาปาโท นตฺถีติ อิทานิ มม พฺยาปาโท นาม สพฺพโส นตฺถีติ ตฺวา.

พลววิปสฺสนาติ ภยตุปฏฺาเน าณํ, อาทีนวานุปสฺสเน าณํ มุจฺจิตุกมฺยตาาณํ, ภงฺคาณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ อธิวจนํ. เยสํ นิมิตฺตานํ อภาเวน อรหตฺตผลสมาปตฺติยา อนิมิตฺตตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ราคสฺส นิมิตฺตํ, ราโค เอว วา นิมิตฺตํ ราคนิมิตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน โทสนิมิตฺตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. รูปเวทนาทิสงฺขารนิมิตฺตํ รูปนิมิตฺตาทิ. เตสํเยว นิจฺจาทิวเสน อุปฏฺานํ นิจฺจนิมิตฺตาทิ. ตยิทํ นิมิตฺตํ ยสฺมา สพฺเพน สพฺพํ อรหตฺตผเล นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สา หิ…เป… อนิมิตฺตา’’ติ. นิมิตฺตํ อนุสฺสรติ อนุคจฺฉติ อารพฺภ ปวตฺตติ สีเลนาติ นิมิตฺตานุสารี. เตนาห ‘‘วุตฺตปฺปเภทํ นิมิตฺตํ อนุสรณสภาว’’นฺติ.

อสฺมิมาโนติ ‘‘อสฺมี’’ติ ปวตฺโต อตฺตวิสโย มาโน. อยํ นาม อหมสฺมีติ รูปลกฺขโณ เวทนาทีสุ วา อฺตรลกฺขโณ อยํ นาม อตฺตา อหํ อสฺมีติ. อสฺมิมาโน สมุคฺฆาตียติ เอเตนาติ อสฺมิมานสมุคฺฆาโต, อรหตฺตมคฺโค. ปุน อสฺมิมาโน นตฺถีติ ตสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ กิตฺเตนฺโต สมุคฺฆาตตฺตเมว วิภาเวติ.

นิสฺสารณียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๕. ภทฺทกสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๔-๑๕. จตุตฺเถ อารมิตพฺพฏฺเน วา กมฺมํ อาราโม เอตสฺสาติ กมฺมาราโม. กมฺเม รโต น คนฺถธุเร วิปสฺสนาธุเร วาติ กมฺมรโต. ปุนปฺปุนํ ยุตฺโตติ ตปฺปรภาเวน อนุ อนุ ยุตฺโต ปสุโต. อาลาปสลฺลาโปติ อิตฺถิวณฺณปุริสวณฺณาทิวเสน ปุนปฺปุนํ ลปนํ. ปฺจเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ภทฺทกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. นกุลปิตุสุตฺตวณฺณนา

๑๖. ฉฏฺเ วิสภาคเวทนุปฺปตฺติยา กกเจเนว จตุอิริยาปถํ ฉินฺทนฺโต อาพาธยตีติ อาพาโธ, โส ยสฺส อตฺถีติ อาพาธิโก. ตํสมุฏฺานทุกฺเขน ทุกฺขิโต. อธิมตฺตคิลาโนติ ธาตุสงฺขเยน ปริกฺขีณสรีโร.

สปฺปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา อฏฺวตฺถุกา จ วิจิกิจฺฉา ติณฺณา อิมายาติ ติณฺณวิจิกิจฺฉา. วิคตา สมุจฺฉินฺนา ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา กถํกถา อสฺสาติ วิคตกถํกถา. สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ราควิกฺเขเปสุ สีลาทิคุเณสุ จ ติฏฺกตฺตา เวสารชฺชํ, วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺตาติ เวสารชฺชปฺปตฺตา. อตฺตนา เอว ปจฺจกฺขโต ทิฏฺตฺตา น ปรํ ปจฺเจติ, นสฺส ปโร ปจฺเจตพฺโพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจยา.

คิลานา วุฏฺิโตติ คิลานภาวโต วุฏฺาย ิโต. ภาวปฺปธาโน หิ อยํ นิทฺเทโส. คิลาโน หุตฺวา วุฏฺิโตติ อิทํ ปน อตฺถมตฺตนิทสฺสนํ.

นกุลปิตุสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. โสปฺปสุตฺตวณฺณนา

๑๗. สตฺตเม ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ เอตฺถ ปฏิสลฺลานนฺติ เตหิ เตหิ สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกอุปาสกาทิสตฺเตหิ เจว รูปารมฺมณาทิสงฺขาเรหิ จ ปฏินิวตฺติตฺวา อปสกฺกิตฺวา นิลียนํ วิเวจนํ. กายจิตฺเตหิ ตโต วิวิตฺโต เอกีภาโว ปวิเวโกติ อาห ‘‘เอกีภาวายา’’ติอาทิ. เอกีภาวโตติ จ อิมินา กายวิเวกโต วุฏฺานมาห. ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติโตติอาทินา จิตฺตวิเวกโต. วุฏฺิโตติ ตโต ทุวิธวิเวกโต ภวงฺคุปฺปตฺติยา สพฺรหฺมจารีหิ สมาคเมน อุเปโต.

โสปฺปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. มจฺฉพนฺธสุตฺตวณฺณนา

๑๘. อฏฺเม มจฺฉฆาตกนฺติ มจฺฉพนฺธํ เกวฏฺฏํ. โอรพฺภิกาทีสุ อุรพฺภา วุจฺจนฺติ เอฬกา, อุรพฺเภ หนฺตีติ โอรพฺภิโก. สูกริกาทีสุปิ เอเสว นโย.

มจฺฉพนฺธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปมมรณสฺสติสุตฺตวณฺณนา

๑๙. นวเม เอวํนามเก คาเมติ นาติกานามกํ คามํ นิสฺสาย. ทฺวินฺนํ จูฬปิติมหาปิติปุตฺตานํ ทฺเว คามา, เตสุ เอกสฺมึ คาเม. าตีนฺหิ นิวาสฏฺานภูโต คาโม าติโก, าติโกเยว นาติโก -การสฺส น-การาเทโส ‘‘อนิมิตฺตา น นายเร’’ติอาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๔; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐; ชา. อฏฺ. ๒.๒.๓๔) วิย. โส กิร คาโม เยสํ ตทา เตสํ ปุพฺพปุริเสน อตฺตโน าตีนํ สาธารณภาเวน นิวสิโต, เตน าติโกติ ปฺายิตฺถ. อถ ปจฺฉา ทฺวีหิ ทายาเทหิ ทฺวิธา วิภชิตฺวา ปริภุตฺโต. คิฺชกา วุจฺจติ อิฏฺกา, คิฺชกาหิเยว กโต อาวสโถติ คิฺชกาวสโถ. โส หิ อาวาโส ยถา สุธาปริกมฺเมน ปโยชนํ นตฺถิ, เอวํ อิฏฺกาหิ เอว จินิตฺวา ฉาเทตฺวา กโต. ตสฺมึ กิร ปเทเส มตฺติกา สกฺขรมรุมฺปวาลุกาทีหิ อสมฺมิสฺสา กถินา สณฺหสุขุมา, ตาย กตานิ กุลาลภาชนานิปิ สิลามยานิ วิย ทฬฺหานิ. ตสฺมา เต อุปาสกา ตาย มตฺติกาย ทีฆปุถู อิฏฺกา กาเรตฺวา เปตฺวา เปตฺวา ทฺวารวาตปานกวาฏตุลาโย สพฺพํ ทพฺพสมฺภาเรน วินา ตาหิ อิฏฺกาหิเยว ปาสาทํ กาเรสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิฏฺกามเย ปาสาเท’’ติ.

รตฺตินฺทิวนฺติ เอกรตฺติทิวํ. ภควโต สาสนนฺติ อริยมคฺคปฺปฏิเวธาวหํ สตฺถุ โอวาทํ. พหุ วต เม กตํ อสฺสาติ พหุ วต มยา อตฺตหิตํ ปพฺพชิตกิจฺจํ กตํ ภเวยฺย.

ตทนฺตรนฺติ ตตฺตกํ เวลํ. เอกปิณฺฑปาตนฺติ เอกํ ทิวสํ ยาปนปฺปโหนกํ ปิณฺฑปาตํ. ยาว อนฺโต ปวิฏฺวาโต พหิ นิกฺขมติ, พหิ นิกฺขนฺตวาโต วา อนฺโต ปวิสตีติ เอกสฺเสว ปเวสนิกฺขโม วิย วุตฺตํ, ตํ นาสิกาวาตภาวสามฺเนาติ ทฏฺพฺพํ.

ปมมรณสฺสติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทุติยมรณสฺสติสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสเม นิกฺขนฺเตติ วีติวตฺเต. ปติคตายาติ ปจฺจาคตาย, สมฺปตฺตายาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปฏิปนฺนายา’’ติ. โส มมสฺส อนฺตราโยติ ยถาวุตฺตา น เกวลํ กาลกิริยาว, มม อติทุลฺลภํ ขณํ ลภิตฺวา ตสฺส สตฺถุสาสนมนสิการสฺส เจว ชีวิตสฺส จ สคฺคโมกฺขานฺจ อนฺตราโย อสฺส, ภเวยฺยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ติวิโธ อนฺตราโย’’ติอาทิ. วิปชฺเชยฺยาติ วิปตฺตึ คจฺเฉยฺย. สตฺถเกน วิย องฺคปจฺจงฺคานํ กนฺตนการกา กาเย สนฺธิพนฺธนจฺเฉทกวาตา สตฺถกวาตา. กตฺตุกมฺยตาฉนฺโทติ นิยฺยานาวโห กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺโท. ปโยควีริยนฺติ ภาวนานุโยควีริยํ. น ปฏิวาติ น ปฏินิวตฺตตีติ อปฺปฏิวานี, อนฺตรา โวสานานาปชฺชนวีริยํ. เตนาห ‘‘อนุกฺกณฺนา อปฺปฏิสงฺฆรณา’’ติ.

ทุติยมรณสฺสติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

สารณียวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อนุตฺตริยวคฺโค

๑-๒. สามกสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๑-๒๒. ตติยสฺส ปเม เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวล-สทฺโท อนวเสสตฺโถ, กปฺป-สทฺโท สมนฺตภาวตฺโถ. ตสฺมา เกวลกปฺปํ โปกฺขรณิยนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อนวเสสํ ผริตุํ สมตฺถสฺสปิ โอภาสสฺส เกนจิ การเณน เอกเทสผรณมฺปิ สิยา, อยํ ปน สพฺพโสว ผรตีติ ทสฺเสตุํ สมนฺตตฺโถ กปฺป-สทฺโท คหิโต. อตฺตโน โอภาเสน ผริตฺวาติ วตฺถาลงฺการสรีรสมุฏฺิเตน โอภาเสน ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ. สมนุฺโติ สมฺมเทว กตมนุฺโ. เตนาห ‘‘สมานจิตฺโต’’ติ, สมานชฺฌาสโยติ อตฺโถ. ทุกฺขํ วโจ เอตสฺมินฺติ ทุพฺพโจ, ตสฺส กมฺมํ โทวจสฺสํ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส อนาทริยวเสน ปวตฺตา เจตนา, ตสฺส ภาโว อตฺถิตา โทวจสฺสตา. อถ วา โทวจสฺสเมว โทวจสฺสตา. สา อตฺถโต สงฺขารกฺขนฺโธ โหติ. เจตนาปธาโน หิ สงฺขารกฺขนฺโธ. จตุนฺนํ วา ขนฺธานํ อปทกฺขิณคฺคาหิตากาเรน ปวตฺตานํ เอตํ อธิวจนนฺติ วทนฺติ. ปาปา อสฺสทฺธาทโย ปุคฺคลา เอตสฺส มิตฺตาติ ปาปมิตฺโต, ตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตา. สาปิ อตฺถโต โทวจสฺสตา วิย ทฏฺพฺพา. ยาย หิ เจตนาย ปุคฺคโล ปาปมิตฺโต ปาปสมฺปวงฺโก นาม โหติ, สา เจตนา ปาปมิตฺตตา. จตฺตาโรปิ วา อรูปิโน ขนฺธา ตทาการปฺปวตฺตา ปาปมิตฺตตา. ทุติยํ อุตฺตานเมว.

สามกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ภยสุตฺตวณฺณนา

๒๓. ตติเย สมฺภวติ ชาติมรณํ เอเตนาติ สมฺภโว, อุปาทานนฺติ อาห ‘‘ชาติยา จ มรณสฺส จ สมฺภเว ปจฺจยภูเต’’ติ. อนุปาทาติ อนุปาทาย. เตนาห ‘‘อนุปาทิยิตฺวา’’ติ. ชาติมรณานิ สมฺมา ขียนฺติ เอตฺถาติ ชาติมรณสงฺขโย, นิพฺพานนฺติ อาห ‘‘ชาติมรณานํ สงฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน’’ติ. สพฺพทุกฺขํ อุปจฺจคุนฺติ สกลมฺปิ วฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกนฺตา จริมจิตฺตนิโรเธน วฏฺฏทุกฺขเลสสฺสปิ อสมฺภวโต.

ภยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. หิมวนฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๔. จตุตฺเถ สมาปตฺติกุสโล โหตีติ สมาปชฺชนกุสโล โหติ. เตนาห ‘‘สมาปชฺชิตุํ กุสโล’’ติ. ตตฺถ อนฺโตคตเหตุอตฺโถ ิติ-สทฺโท, ตสฺมา ปนกุสโลติ อตฺโถติ อาห ‘‘สมาธึ เปตุํ สกฺโกตีติ อตฺโถ’’ติ. ตตฺถ เปตุํ สกฺโกตีติ สตฺตฏฺอจฺฉรามตฺตํ ขณํ ฌานํ เปตุํ สกฺโกติ อธิฏฺานวสิภาวสฺส นิปฺผาทิตตฺตา. ยถาปริจฺเฉเทนาติ ยถาปริจฺฉินฺนกาเลน. วุฏฺาตุํ สกฺโกติ วุฏฺานวสิภาวสฺส นิปฺผาทิตตฺตา. กลฺลํ สฺชาตํ อสฺสาติ กลฺลิตํ, ตสฺมึ กลฺลิเต กลฺลิตภาเว กุสโล กลฺลิตกุสโล. หาเสตุํ โตเสตุํ สมฺปหํเสตุํ. กลฺลํ กาตุนฺติ สมาธานสฺส ปฏิปกฺขธมฺมานํ ทูรีกรเณน สหการีการณานฺจ สมปฺปธาเนน สมาปชฺชเน จิตฺตํ สมตฺถํ กาตุํ. สมาธิสฺส โคจรกุสโลติ สมาธิสฺมึ นิปฺผาเทตพฺเพ ตสฺส โคจเร กมฺมฏฺานสฺิเต ปวตฺติฏฺาเน ภิกฺขาจารโคจเร สติสมฺปชฺโยคโต กุสโล เฉโก. เตนาห ‘‘สมาธิสฺส อสปฺปาเย อนุปการเก ธมฺเม วชฺเชตฺวา’’ติอาทิ. ปมชฺฌานาทิสมาธึ อภินีหริตุนฺติ ปมชฺฌานาทิสมาธึ วิเสสภาคิยตาย อภินีหริตุํ อุปเนตุํ.

หิมวนฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อนุสฺสติฏฺานสุตฺตวณฺณนา

๒๕. ปฺจเม อนุสฺสติการณานีติ อนุสฺสติโย เอว ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกาทิหิตสุขานํ เหตุภาวโต การณานิ. นิกฺขนฺตนฺติ นิสฺสฏํ. มุตฺตนฺติ วิสฺสฏฺํ. วุฏฺิตนฺติ อเปตํ. สพฺพเมตํ วิกฺขมฺภนเมว สนฺธาย วทติ. เคธมฺหาติ ปฺจกามคุณโต. อิทมฺปีติ พุทฺธานุสฺสติวเสน ลทฺธํ อุปจารชฺฌานมาห. อารมฺมณํ กริตฺวาติ ปจฺจยํ กริตฺวา, ปาทกํ กตฺวาติ อตฺโถ.

อนุสฺสติฏฺานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. มหากจฺจานสุตฺตวณฺณนา

๒๖. ฉฏฺเ สมฺพาเธติ วา ตณฺหาสํกิเลสาทีนํ สมฺปีเฬ สงฺกเร ฆราวาเส. โอกาสา วุจฺจนฺตีติ มคฺคผลสุขาธิคมาย โอกาสภาวโต โอกาสาติ วุจฺจนฺติ. โอกาสาธิคโมติ โลกุตฺตรธมฺมสฺส อธิคมาย อธิคนฺตพฺพโอกาโส. วิสุชฺฌนตฺถายาติ ราคาทีหิ มเลหิ อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหิ จ อุปกฺกิลิฏฺจิตฺตานํ วิสุทฺธตฺถาย. สา ปนายํ จิตฺตสฺส วิสุทฺธิ สิชฺฌมานา ยสฺมา โสกาทีนํ อนุปาทาย สํวตฺตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติอาทิ. ตตฺถ โสจนํ าติพฺยสนาทินิมิตฺตํ เจตโส สนฺตาโป อนฺโตตาโป อนฺโตนิชฺฌานํ โสโก, าติพฺยสนาทินิมิตฺตเมว โสจิกตา. ‘‘กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๓๕๓-๓๕๔; สํ. นิ. ๒.๖๓) ปริเทวนวเสน ลปนํ ปริเทโว. สมติกฺกมนตฺถายาติ ปหานาย. อายตึ อนุปฺปชฺชนฺหิ อิธ สมติกฺกโม. ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมายาติ กายิกทุกฺขสฺส จ เจตสิกโทมนสฺสสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อตฺถงฺคมาย, นิโรธายาติ อตฺโถ. ายติ นิจฺฉเยน กมติ นิพฺพานํ, ตํ วา ายติ ปฏิวิชฺฌติ เอเตนาติ าโย, อริยมคฺโค. อิธ ปน สห ปุพฺพภาเคน อริยมคฺโค คหิโตติ อาห ‘‘สหวิปสฺสนกสฺส มคฺคสฺส อธิคมนตฺถายา’’ติ. อปจฺจยปรินิพฺพานสฺสาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ สนฺธาย วทติ. ปจฺจยวเสน อนุปฺปนฺนํ อสงฺขตํ อมตธาตุเมว. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

มหากจฺจานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ปมสมยสุตฺตวณฺณนา

๒๗. สตฺตเม วฑฺเฒตีติ มนโส วิวฏฺฏนิสฺสิตํ วฑฺฒึ อาวหติ. มโนภาวนีโยติ วา มนสา ภาวิโต สมฺภาวิโต. ยฺจ อาวชฺชโต มนสิ กโรโต จิตฺตํ วินีวรณํ โหติ. อิมสฺมึ ปกฺเข กมฺมสาธโน สมฺภาวนตฺโถ ภาวนีย-สทฺโท. ‘‘ถินมิทฺธวิโนทนกมฺมฏฺาน’’นฺติ วตฺวา ตเทว วิภาเวนฺโต ‘‘อาโลกสฺํ วา’’ติอาทิมาห. วีริยารมฺภวตฺถุอาทีนํ วาติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อิธ อวุตฺตานํ อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาหาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห, อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสฺามนสิกาโร, อพฺโภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถา’’ติ (อิติวุ. อฏฺ. ๑๑๑). อนฺตรายสทฺทปริยาโย อิธ อนฺตรา-สทฺโทติ อาห ‘‘อนนฺตราเยนา’’ติ.

ปมสมยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ทุติยสมยสุตฺตวณฺณนา

๒๘. อฏฺเม มณฺฑลสณฺานมาฬสงฺเขเปน กตา โภชนสาลา มณฺฑลมาฬาติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘โภชนสาลายา’’ติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

ทุติยสมยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อุทายีสุตฺตวณฺณนา

๒๙. นวเม ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโวติ อาห ‘‘อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว’’ติ. สุขวิหารตฺถายาติ นิกฺกิเลสตาย นิรามิเสน สุเขน วิหารตฺถาย. อาโลกสฺํ มนสิ กโรตีติ สูริยจนฺทปชฺโชตมณิอุกฺกาวิชฺชุอาทีนํ อาโลโก ทิวา รตฺติฺจ อุปลทฺโธ, ยถาลทฺธวเสเนว อาโลกํ มนสิ กโรติ, จิตฺเต เปติ. ตถา จ นํ มนสิ กโรติ, ยถาสฺส สุภาวิตาโลกกสิณสฺส วิย กสิณาโลโก ยถิจฺฉกํ ยาวทิจฺฉกฺจ โส อาโลโก รตฺติยํ อุปติฏฺติ. เยน ตตฺถ ทิวาสฺํ เปติ, ทิวาริว วิคตถินมิทฺโธ โหติ. เตนาห ‘‘ยถา ทิวา ตถา รตฺติ’’นฺติ. ทิวาติ สฺํ เปตีติ วุตฺตนเยน มนสิ กตฺวา ทิวาริว สฺํ อุปฺปาเทติ. ยถาเนน ทิวา…เป… ตเถว ตํ มนสิ กโรตีติ ยถาเนน ทิวา อุปลทฺโธ สูริยาโลโก, เอวํ รตฺติมฺปิ ทิวา ทิฏฺากาเรเนว ตํ อาโลกํ มนสิ กโรติ. ยถา จเนน รตฺตึ…เป… มนสิ กโรตีติ ยถา รตฺติยํ จนฺทาโลโก อุปลทฺโธ, เอวํ ทิวาปิ รตฺตึ ทิฏฺากาเรเนว ตํ อาโลกํ มนสิ กโรติ, จิตฺเต เปติ. วิวเฏนาติ ถินมิทฺเธน อปิหิตตฺตา วิวเฏน. อโนนทฺเธนาติ อสฺฉาทิเตน. สโหภาสกนฺติ สฺาโณภาสํ. ทิพฺพจกฺขุาณํ รูปคตสฺส ทิพฺพสฺส อิตรสฺส จ ทสฺสนฏฺเน อิธ าณทสฺสนนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิ.

อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานาติ ชีวิตกฺขยโต อุปริ มรณโต ปรํ. สมุคฺคเตนาติ อุฏฺิเตน. ธุมาตตฺตาติ อุทฺธํ อุทฺธํ ธุมาตตฺตา สูนตฺตา. เสตรตฺเตหิ วิปริภินฺนํ วิมิสฺสิตํ นีลํ, ปุริมวณฺณวิปริณามภูตํ วา นีลํ วินีลํ, วินีลเมว วินีลกนฺติ ก-กาเรน ปทวฑฺฒนมาห อนตฺถนฺตรโต ยถา ‘‘ปีตกํ โลหิตก’’นฺติ. ปฏิกูลตฺตาติ ชิคุจฺฉนียตฺตา. กุจฺฉิตํ วินีลํ วินีลกนฺติ กุจฺฉนตฺโถ วา อยํ ก-กาโรติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ยถา ‘‘ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓). ปริภินฺนฏฺาเนหิ กากธงฺกาทีหิ. วิสฺสนฺทมานํ ปุพฺพนฺติ วิสฺสวนฺตปุพฺพํ, ตหํ ตหํ ปคฺฆรนฺตปุพฺพนฺติ อตฺโถ. ตถาภาวนฺติ วิสฺสนฺทมานปุพฺพตํ.

โส ภิกฺขูติ โย ‘‘ปสฺเสยฺย สรีรํ สีวถิกาย ฉฑฺฑิต’’นฺติ วุตฺโต, โส ภิกฺขุ. อุปสํหรติ สทิสตํ. อยมฺปิ โขติอาทิ อุปสํหรณาการทสฺสนํ. อายูติ รูปชีวิตินฺทฺริยํ. อรูปชีวิตินฺทฺริยํ ปเนตฺถ วิฺาณคติกเมว. อุสฺมาติ กมฺมชเตโช. เอวํปูติกสภาโวติ เอวํ อติวิย ปูติสภาโว อายุอาทิวิคเม วิยาติ อธิปฺปาโย. เอทิโส ภวิสฺสตีติ เอวํภาวีติ อาห ‘‘เอวเมวํ อุทฺธุมาตาทิเภโท ภวิสฺสตี’’ติ.

ลุฺจิตฺวา ลุฺจิตฺวาติ อุปฺปาเฏตฺวา อุปฺปาเฏตฺวา. เสสาวเสสมํสโลหิตยุตฺตนฺติ สพฺพโส อกฺขาทิตตฺตา ตหํ ตหํ เสเสน อปฺปาวเสเสน มํสโลหิเตน ยุตฺตํ. อฺเน หตฺถฏฺิกนฺติ อวิเสเสน หตฺถฏฺิกานํ วิปฺปกิณฺณตา โชติตาติ อนวเสสโต เตสํ วิปฺปกิณฺณตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จตุสฏฺิเภทมฺปี’’ติอาทิมาห. เตโรวสฺสิกานีติ ติโรวสฺสคตานิ. ตานิ ปน สํวจฺฉรํ วีติวตฺตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘อติกฺกนฺตสํวจฺฉรานี’’ติ. ปุราณตาย ฆนภาววิคเมน วิจุณฺณตา อิธ ปูติภาโว. โส ยถา โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อพฺโภกาเส’’ติอาทิมาห. อเนกธาตูนนฺติ จกฺขุธาตุอาทีนํ, กามธาตุอาทีนํ วา. สติยา จ าณสฺส จ อตฺถายาติ ‘‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๔; ๒.๓๗๖; ม. นิ. ๑.๑๐๙) วุตฺตาย สตฺตฏฺานิกาย สติยา เจว ตํสมฺปยุตฺตาณสฺส จ อตฺถาย.

อุทายีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อนุตฺตริยสุตฺตวณฺณนา

๓๐. ทสเม นิหีนนฺติ ลามกํ, กิลิฏฺํ วา. คามวาสิกานนฺติ พาลานํ. ปุถุชฺชนานํ อิทนฺติ โปถุชฺชนิกํ. เตนาห ‘‘ปุถุชฺชนานํ สนฺตก’’นฺติ, ปุถุชฺชเนหิ เสวิตพฺพตฺตา เตสํ สนฺตกนฺติ วุตฺตํ โหติ. อนริยนฺติ น นิทฺโทสํ. นิทฺโทสฏฺโ หิ อริยฏฺโ. เตนาห ‘‘น อุตฺตมํ น ปริสุทฺธ’’นฺติ. อริเยหิ วา น เสวิตพฺพนฺติ อนริยํ. อนตฺถสํหิตนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกาทิวิวิธวิปุลานตฺถสหิตํ. ตาทิสฺจ อตฺถสนฺนิสฺสิตํ น โหตีติ อาห ‘‘น อตฺถสนฺนิสฺสิต’’นฺติ. น วฏฺเฏ นิพฺพินฺทนตฺถายาติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานาภาวโต. อสติ ปน วฏฺเฏ นิพฺพิทาย วิราคาทีนํ อสมฺภโวเยวาติ อาห ‘‘น วิราคายา’’ติอาทิ.

อนุตฺตมํ อนุตฺตริยนฺติ อาห ‘‘เอตํ อนุตฺตร’’นฺติ. หตฺถิสฺมินฺติ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘หตฺถินิมิตฺตํ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ. หตฺถิวิสยตฺตา หตฺถิสนฺนิสฺสิตตฺตา จ หตฺถิสิปฺปํ ‘‘หตฺถี’’ติ คเหตฺวา ‘‘หตฺถิสฺมิมฺปิ สิกฺขตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา หตฺถิสิปฺเป สิกฺขตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.

ลิงฺคพฺยตฺตเยน วิภตฺติพฺยตฺตเยน ปาริจริเยติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปาริจริยาย ปจฺจุปฏฺิตา’’ติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

อนุตฺตริยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนุตฺตริยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. เทวตาวคฺโค

๑-๔. เสขสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๑-๓๔. จตุตฺถสฺส ปเม เสขานํ ปฏิลทฺธคุณสฺส ปริหานิ นาม นตฺถีติ อาห ‘‘อุปรูปริคุณปริหานายา’’ติ, อุปรูปริลทฺธพฺพานํ มคฺคผลานํ ปริหานาย อนุปฺปาทายาติ อตฺโถ. ตติยาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

เสขสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. วิชฺชาภาคิยสุตฺตวณฺณนา

๓๕. ปฺจเม สมฺปโยควเสน วิชฺชํ ภชนฺติ, สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตาทิปจฺจยวเสน ตาย สห เอกีภาวํ คจฺฉนฺตีติ วิชฺชาภาคิยา. อถ วา วิชฺชาภาเค วิชฺชาโกฏฺาเส วตฺตนฺติ วิชฺชาสภาคตาย ตเทกเทเส วิชฺชาโกฏฺาเส ปวตฺตนฺตีติ วิชฺชาภาคิยา. ตตฺถ วิปสฺสนาาณํ, มโนมยิทฺธิ, ฉ อภิฺาติ อฏฺ วิชฺชา. ปุริเมน อตฺเถน ตาหิ สมฺปยุตฺตธมฺมา วิชฺชาภาคิยา. ปจฺฉิเมน อตฺเถน ตาสุ ยา กาจิ เอกาว วิชฺชา วิชฺชา, เสสา วิชฺชาภาคิยา. เอวํ วิชฺชาปิ วิชฺชาย สมฺปยุตฺตธมฺมาปิ ‘‘วิชฺชาภาคิยา’’ตฺเวว เวทิตพฺพา. อิธ ปน วิปสฺสนาาณสมฺปยุตฺตา สฺาว วิชฺชาภาคิยาติ อาคตา, สฺาสีเสน เสสสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ วุตฺตา เอวาติ ทฏฺพฺพํ. อนิจฺจานุปสฺสนาาเณติ อนิจฺจานุปสฺสนาาเณ นิสฺสยปจฺจยภูเต อุปฺปนฺนสฺา, เตน สหคตาติ อตฺโถ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.

วิชฺชาภาคิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. วิวาทมูลสุตฺตวณฺณนา

๓๖. ฉฏฺเ โกธโนติ กุชฺฌนสีโล. ยสฺมา โส อปฺปหีนโกธตาย อธิคตโกโธ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘โกเธน สมนฺนาคโต’’ติ อาห. อุปนาโห เอตสฺส อตฺถีติ อุปนาหี, อุปนยฺหนสีโลติ วา อุปนาหี. วิวาโท นาม อุปฺปชฺชมาโน เยภุยฺเยน ปมํ ทฺวินฺนํ วเสน อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ‘‘ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ วิวาโท’’ติ. โส ปน ยถา พหูนํ อนตฺถาวโห โหติ, ตํ นิทสฺสนมุเขน นิทสฺเสนฺโต ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. อพฺภนฺตรปริสายาติ ปริสพฺภนฺตเร.

คุณมกฺขนาย ปวตฺโตปิ อตฺตโน การกํ คูเถน ปหรนฺตึ คูโถ วิย ปมตรํ มกฺเขตีติ มกฺโข, โส เอตสฺส อตฺถีติ มกฺขี. ปฬาสตีติ ปฬาโส, ปรสฺส คุเณ ฑํสิตฺวา วิย อปเนตีติ อตฺโถ. โส เอตสฺส อตฺถีติ ปฬาสี. ปฬาสี ปุคฺคโล หิ ทุติยสฺส ธุรํ น เทติ, สมํ หริตฺวา อติวทติ. เตนาห ‘‘ยุคคฺคาหลกฺขเณน ปฬาเสน สมนฺนาคโต’’ติ. อิสฺสตีติ อิสฺสุกี. มจฺฉรายตีติ มจฺฉรํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ มจฺฉรี. สยติ น สมฺมา ภาสตีติ สโ อฺถา สนฺตํ อตฺตานํ อฺถา ปเวทนโต. มายา เอตสฺส อตฺถี มายาวี. มิจฺฉา ปาปิกา วิฺุครหิตา เอตสฺส ทิฏฺีติ มิจฺฉาทิฏฺิ, กมฺมปถปริยาปนฺนาย ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิวตฺถุกาย มิจฺฉตฺตปริยาปนฺนาย อนิยฺยานิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘นตฺถิกวาที’’ติอาทิ.

สํ อตฺตโน ทิฏฺึ, สยํ วา อตฺตนา ยถาคหิตํ ปรามสติ, สภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสตีติ สนฺทิฏฺีปรามาสี. อาธานํ ทฬฺหํ คณฺหาตีติ อาธานคฺคาหี, ทฬฺหคฺคาหี, ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ถิรคฺคาหีติ อตฺโถ. ยุตฺตํ การณํ ทิสฺวาว ลทฺธึ ปฏินิสฺสชฺชตีติ ปฏินิสฺสคฺคี, ทุกฺเขน กิจฺเฉน กสิเรน พหุมฺปิ การณํ ทสฺเสตฺวา น สกฺกา ปฏินิสฺสคฺคํ กาตุนฺติ ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี. โย อตฺตโน อุปฺปนฺนทิฏฺึ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ทฬฺหํ คณฺหิตฺวา อปิ พุทฺธาทีหิ การณํ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมาโน น ปฏินิสฺสชฺชติ. ตสฺเสตํ อธิวจนํ. ตาทิโส หิ ปุคฺคโล ยํ ยเทว ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา สุณาติ, ตํ สพฺพํ ‘‘เอวํ อมฺหากํ อาจริเยหิ กถิตํ, เอวํ อมฺเหหิ สุต’’นฺติ กุมฺโมว องฺคานิ สเก กปาเล อนฺโตเยว สโมทหติ. ยถา หิ กจฺฉโป อตฺตโน หตฺถปาทาทิเก องฺเค เกนจิ ฆฏิเต สพฺพานิ องฺคานิ อตฺตโน กปาเลเยว สโมทหติ, น พหิ นีหรติ, เอวมยมฺปิ ‘‘น สุนฺทโร ตว คาโห, ฉฑฺเฑหิ น’’นฺติ วุตฺโต ตํ น วิสฺสชฺชติ, อนฺโตเยว อตฺตโน หทเย เอว เปตฺวา วิจรติ, กุมฺภีลคฺคาหํ คณฺหาติ. ยถา สุสุมารา คหิตํ น ปฏินิสฺสชฺชนฺติ, เอวํ คณฺหาติ.

วิวาทมูลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ฉฬงฺคทานสุตฺตวณฺณนา

๓๗. สตฺตเม ทกฺขนฺติ วฑฺฒนฺติ เอตายาติ ทกฺขิณา, ปริจฺจาคมยํ ปุฺํ, ตสฺสูปกรณภูโต เทยฺยธมฺโม จ. อิธ ปน เทยฺยธมฺโม อธิปฺเปโต. เตเนวาห ‘‘ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปตี’’ติ. อิโต อุฏฺิเตนาติ อิโต เขตฺตโต อุปฺปนฺเนน. ราโค วินยติ เอเตนาติ ราควินโย, ราคสฺส สมุจฺเฉทิกา ปฏิปทา. เตนาห ‘‘ราควินยปฏิปทํ ปฏิปนฺนา’’ติ.

‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมโน’’ติอาทิคาถาย ปุพฺเพว ทานา มุฺจเจตนาย ปุพฺเพ ทานูปกรณสมฺภรณโต ปฏฺาย สุมโน ‘‘สมฺปตฺตีนํ นิทานํ อนุคามิกทานํ ทสฺสามี’’ติ โสมนสฺสิโต ภเวยฺย. ททํ จิตฺตํ ปสาทเยติ ททนฺโต เทยฺยธมฺมํ ทกฺขิเณยฺยหตฺเถ ปติฏฺาเปนฺโต ‘‘อสารโต ธนโต สาราทานํ กโรมี’’ติ อตฺตโน จิตฺตํ ปสาเทยฺย. ทตฺวา อตฺตมโน โหตีติ ทกฺขิเณยฺยานํ เทยฺยธมฺมํ ปริจฺจชิตฺวา ‘‘ปณฺฑิตปฺตฺตํ นาม มยา อนุฏฺิตํ, อโห สาธุ สุฏฺู’’ติ อตฺตมโน ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต โหติ. เอสาติ ยา อยํ ปุพฺพเจตนา มุฺจเจตนา อปรเจตนาติ อิมาสํ กมฺมผลานํ สทฺธานุคตานํ โสมนสฺสปริคฺคหิตานํ ติวิธานํ เจตนานํ ปาริปูรี, เอสา.

สีลสฺเมนาติ กายิกวาจสิกสํวเรน. หตฺถปาเทติ ทกฺขิเณยฺยานํ หตฺถปาเท. มุขํ วิกฺขาเลตฺวาติ เตสํเยว มุขํ วิกฺขาเลตฺวา, อตฺตนาว มุโขทกํ ทตฺวาติ อธิปฺปาโย.

ฉฬงฺคทานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘-๑๑. อตฺตการีสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๘-๔๑. อฏฺเม กุสลกิริยาย อาทิอารมฺภภาเวน ปวตฺตวีริยํ ิตสภาวตาย สภาวธารณฏฺเน ธาตูติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘อารมฺภธาตูติ อารภนวเสน ปวตฺตวีริย’’นฺติ. ลทฺธาเสวนํ วีริยํ พลปฺปตฺตํ หุตฺวา ปฏิปกฺเข วิธมตีติ อาห ‘‘นิกฺกมธาตูติ โกสชฺชโต นิกฺขมนสภาวํ วีริย’’นฺติ. ปรกฺกมนสภาโวติ อธิมตฺตตรานํ ปฏิปกฺขธมฺมานํ วิธมนสมตฺถตาย ปฏุปฏุตรภาเวน ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนสภาโว. นวมาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อตฺตการีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. นาคิตสุตฺตวณฺณนา

๔๒. ทฺวาทสเม มาหํ นาคิต ยเสน สมาคมนฺติ มา อหํ ยเสน สมาคมนํ ปตฺเถมิ. มา จ มยา ยโสติ ยโส จ มยา มา สมาคจฺฉตูติ อตฺโถ. อิมินา อตฺตโน ลาภสกฺกาเรน อนตฺถิกตํ วิภาเวติ. ปฺจหิ วิมุตฺตีหีติ ตทงฺควิมุตฺติอาทีหิ ปฺจหิ วิมุตฺตีหิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

นาคิตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

เทวตาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ธมฺมิกวคฺโค

๑. นาคสุตฺตวณฺณนา

๔๓. ปฺจมสฺส ปเม ปริสิฺจิตุนฺติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๗๒) โย จุณฺณมตฺติกาทีหิ คตฺตานิ อุพฺพฏฺเฏนฺโต มลฺลกมุฏฺาทีหิ วา ฆํสนฺโต นหายติ, โส ‘‘นหายตี’’ติ วุจฺจติ. โย ตถา อกตฺวา ปกติยาว นหายติ, โส ‘‘ปริสิฺจตี’’ติ วุจฺจติ. ภควโต จ สรีเร ตถา หริตพฺพํ รโชชลฺลํ นาม นุปลิมฺปติ อจฺฉฉวิภาวโต, อุตุคฺคหณตฺถํ ปน ภควา เกวลํ อุทเก โอตรติ. เตนาห ‘‘คตฺตานิ ปริสิฺจิตุ’’นฺติ.

ปุพฺพโกฏฺโกติ ปาจีนโกฏฺโก. สาวตฺถิยํ กิร เชตวนวิหาโร กทาจิ มหา, กทาจิ ขุทฺทโก. ตถา หิ โส วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล โยชนิโก อโหสิ, สิขิสฺส ติคาวุโต, เวสฺสภุสฺส อฑฺฒโยชนิโก, กกุสนฺธสฺส คาวุตปฺปมาโณ, โกณาคมนสฺส อฑฺฒคาวุตปฺปมาโณ, กสฺสปสฺส วีสติอุสภปฺปมาโณ, อมฺหากํ ภควโต กาเล อฏฺกรีสปฺปมาโณ ชาโต. ตมฺปิ นครํ ตสฺส วิหารสฺส กทาจิ ปาจีนโต โหติ, กทาจิ ทกฺขิณโต, กทาจิ ปจฺฉิมโต, กทาจิ อุตฺตรโต. เชตวนคนฺธกุฏิยํ ปน จตุนฺนํ มฺจปาทานํ ปติฏฺิตฏฺานํ อจลเมว. จตฺตาริ หิ อจลเจติยฏฺานานิ นาม มหาโพธิปลฺลงฺกฏฺานํ, อิสิปตเน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฏฺานํ, สงฺกสฺสนคเร เทโวโรหนกาเล โสปานสฺส ปติฏฺานฏฺานํ, มฺจปาทฏฺานนฺติ. อยํ ปน ปุพฺพโกฏฺโก กสฺสปทสพลสฺส วีสติอุสภวิหารกาเล ปาจีนทฺวารโกฏฺโก อโหสิ. โส อิทานิ ‘‘ปุพฺพโกฏฺโก’’ตฺเวว ปฺายติ.

กสฺสปทสพลสฺส กาเล อจิรวตี นครํ ปริกฺขิปิตฺวา สนฺทมานา ปุพฺพโกฏฺกํ ปตฺวา อุทเกน ภินฺทิตฺวา มหนฺตํ อุทกรหทํ มาเปสิ สมติตฺติกํ อนุปุพฺพคมฺภีรํ. ตตฺถ เอกํ รฺโ นฺหานติตฺถํ, เอกํ นาครานํ, เอกํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส, เอกํ พุทฺธานนฺติ เอวํ ปาฏิเอกฺกานิ นฺหานติตฺถานิ โหนฺติ รมณียานิวิปฺปกิณฺณรชตปฏฺฏสทิสวาลุกานิ. อิติ ภควตา อายสฺมตา อานนฺเทน สทฺธึ เยน อยํ เอวรูโป ปุพฺพโกฏฺโก, เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิฺจิตุํ. อถายสฺมา อานนฺโท อุทกสาฏิกํ อุปนาเมสิ. ภควา สุรตฺตทุปฏฺฏํ อปเนตฺวา อุทกสาฏิกํ นิวาเสสิ. เถโร ทุปฏฺเฏน สทฺธึ มหาจีวรํ อตฺตโน หตฺถคตํ อกาสิ. ภควา อุทกํ โอตริ, สโหตรเณเนวสฺส อุทเก มจฺฉกจฺฉปา สพฺเพ สุวณฺณวณฺณา อเหสุํ, ยนฺตนาฬิกาหิ สุวณฺณรสธารานิ สิฺจนกาโล วิย สุวณฺณปฏปฺปสารณกาโล วิย จ อโหสิ. อถ ภควโต นหานวตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปจฺจุตฺติณฺณสฺส เถโร สุรตฺตทุปฏฺฏํ อุปนาเมสิ. ภควา ตํ นิวาเสตฺวา วิชฺชุลฺลตาสทิสํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา มหาจีวรํ อนฺตนฺเตน สํหริตฺวา ปทุมคพฺภสทิสํ กตฺวา อุปนีตํ ทฺวีสุ กณฺเณสุ คเหตฺวา อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพโกฏฺเก คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา เอกจีวโร อฏฺาสี’’ติ.

เอวํ ิตสฺส ปน ภควโต สรีรํ วิกสิตปทุมปุปฺผสทิสํ สพฺพปาลิผุลฺลํ ปาริจฺฉตฺตกํ, ตารามรีจิวิกสิตฺจ คคนตลํ สิริยา อวหสมานํ วิย วิโรจิตฺถ, พฺยามปฺปภาปริกฺเขปวิลาสินี จสฺส ทฺวตฺตึสวรลกฺขณมาลา คนฺถิตฺวา ปิตา ทฺวตฺตึส จนฺทิมา วิย, ทฺวตฺตึส สูริยา วิย, ปฏิปาฏิยา ปิตทฺวตฺตึสจกฺกวตฺติทฺวตฺตึสเทวราชทฺวตฺตึสมหาพฺรหฺมาโน วิย จ อติวิย วิโรจิตฺถ. ยสฺมา จ ภควโต สรีรํ สุธนฺตจามีกรสมานวณฺณํ, สุปริโสธิตปวาฬรุจิรโตรณํ, สุวิสุทฺธนีลรตนาวลิสทิสเกสตนุรุหํ, ตสฺมา ตหํ ตหํ วินิคฺคตสุชาตชาติหิงฺคุลกรสูปโสภิตํ อุปริ สตเมฆรตนาวลิสุจฺฉาทิตํ ชงฺคมมิว กนกคิริสิขรํ วิโรจิตฺถ. ตสฺมิฺจ สมเย ทสพลสฺส สรีรโต นิกฺขมิตฺวา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย สมนฺตโต อสีติหตฺถปฺปมาเณ ปเทเส อาธาวนฺตี วิธาวนฺตี รตนาวลิรตนทามรตนจุณฺณวิปฺปกิณฺณํ วิย ปสาริตรตนจิตฺตกฺจนปฏฺฏมิว อาสิฺจมานลาขารสธาราจิตฺตมิว อุกฺกาสตนิปาตสมากุลมิว นิรนฺตรวิปฺปกิณฺณกณิการกิงฺกิณิกปุปฺผมิว วายุเวคสมุทฺธตจินปิฏฺจุณฺณรฺชิตมิว อินฺทธนุวิชฺชุลฺลตาวิตานสนฺถตมิว จ คคนตลํ, ตํ านํ ปวนฺจ สมฺมา ผรนฺติ. วณฺณภูมิ นาเมสา. เอวรูเปสุ าเนสุ พุทฺธานํ สรีรวณฺณํ วา คุณวณฺณํ วา จุณฺณิยปเทหิ วา คาถาหิ วา อตฺถฺจ อุปมาโย จ การณานิ จ อาหริตฺวา ปฏิพเลน ธมฺมกถิเกน ปูเรตฺวา กเถตุํ วฏฺฏติ. เอวรูเปสุ หิ าเนสุ ธมฺมกถิกสฺส ถาโม เวทิตพฺโพ. ปุพฺพสทิสานิ กุรุมาโนติ นิรุทกานิ กุรุมาโน, สุกฺขาปยมาโนติ อตฺโถ. โสทเก คตฺเต จีวรํ ปารุปนฺตสฺส หิ จีวเร กณฺณิกานิ อุฏฺหนฺติ, ปริกฺขารภณฺฑํ ทุสฺสติ, พุทฺธานํ ปน สรีเร รโชชลฺลํ น อุปลิมฺปติ, ปทุมปตฺเต อุกฺขิตฺตอุทกพินฺทุ วิย อุทกํ วินิวฏฺเฏตฺวา คจฺฉติ. เอวํ สนฺเตปิ สิกฺขาคารวตาย ภควา ‘‘ปพฺพชิตวตฺตํ นาเมต’’นฺติ มหาจีวรํ อุโภสุ กณฺเณสุ คเหตฺวา ปุรโต กายํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อฏฺาสิ.

ตาฬิตฺจ วาทิตฺจ ตาฬิตวาทิตํ, ตูริยานํ ตาฬิตวาทิตํ ตูริยตาฬิตวาทิตํ. มหนฺตฺจ ตํ ตูริยตาฬิตวาทิตฺจาติ มหาตูริยตาฬิตวาทิตํ. เตนาห ‘‘มหนฺเตนา’’ติอาทิ. อถ วา เภริมุทิงฺคปณวาทิตูริยานํ ตาฬิตํ วีณาเวฬุโคมุขิอาทีนํ วาทิตฺจ ตูริยตาฬิตวาทิตนฺติ วา เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

อภิฺาปารํ คโตติ อภิฺาปารคู. เอวํ เสเสสุปิ. โส หิ ภควา สพฺพธมฺเม อภิชานนฺโต คโตติ อภิฺาปารคู. เตสุ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ปริชานนฺโต คโตติ ปริฺาปารคู. สพฺพกิเลเส ปชหนฺโต คโตติ ปหานปารคู. จตฺตาโร มคฺเค ภาเวนฺโต คโตติ ภาวนาปารคู. นิโรธํ สจฺฉิกโรนฺโต คโตติ สจฺฉิกิริยาปารคู. สพฺพสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺโต คโตติ สมาปตฺติปารคู. สุพฺรหฺมเทวปุตฺตาทโยติ เอตฺถ โส กิร เทวปุตฺโต อจฺฉราสงฺฆปริวุโต นนฺทนกีฬิตํ กตฺวา ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. ตํ ปฺจสตา ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา, ปฺจสตา รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา มธุรสฺสเรน คายิตฺวา ปุปฺผานิ ปาเตนฺติ. ตานิ คเหตฺวา อิตรา เอกโตวณฺฏิกมาลาว คนฺเถนฺติ. อถ รุกฺขํ อภิรุฬฺหา อุปจฺเฉทกวเสน เอกปฺปหาเรเนว กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺติ. อถ กาเล คจฺฉนฺเต เทวปุตฺโต ‘‘อิมาสํ เนว สทฺโท สุยฺยติ, น ปุปฺผานิ ปาเตนฺติ, กหํ นุ โข คตา’’ติ อาวชฺเชนฺโต นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ ทิสฺวา ปิยวตฺถุกโสเกน รุปฺปมาโน จินฺเตสิ – ‘‘เอตา ตาว ยถากมฺเมน คตา, มยฺหํ อายุสงฺขาโร กิตฺตโก’’ติ. โส ‘‘สตฺตเม ทิวเส มยาปิ อวเสสาหิ ปฺจสตาหิ สทฺธึ กาลํ กตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺติตพฺพ’’นฺติ ทิสฺวา พลวตเรน โสเกน สมปฺปิโต. ‘‘อิมํ มยฺหํ โสกํ สเทวเก โลเก อฺตฺร ตถาคตา นิพฺพาเปตุํ สมตฺโถ นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต –

‘‘นิจฺจํ อุตฺรสฺตมิทํ จิตฺตํ, นิจฺจํ อุพฺพิคฺคมิทํ มโน;

อนุปฺปนฺเนสุ กิจฺเฉสุ, อโถ อุปฺปติเตสุ จ;

สเจ อตฺถิ อนุตฺรสฺตํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๙๘) –

อิมํ คาถมภาสิ. ภควาปิสฺส –

‘‘นาฺตฺร โพชฺฌา ตปสา, นาฺตฺรินฺทฺริยสํวรา;

นาฺตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา, โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณิน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๙๘) –

ธมฺมํ เทเสสิ. โส เทสนาปริโยสาเน วิคตโสโก ปฺจหิ อจฺฉราสเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ภควนฺตํ นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขปฺปตฺตา สุพฺรหฺมเทวปุตฺตาทโย’’ติ. อาทิ-สทฺเทน จนฺทสูริยเทวปุตฺตาทโย สงฺคณฺหาติ. จตูหิ การเณหีติ อารกตฺตา, อรีนํ อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ.

ทสวิธสํโยชนานีติ โอรมฺภาคิยุทฺธมฺภาคิยเภทโต ทสวิธสํโยชนานิ. สพฺเพ อจฺจรุจีติ สพฺพสตฺเต อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตรุจิ. อฏฺมกนฺติ โสตาปตฺติมคฺคฏฺํ สนฺธาย วทติ. โสตาปนฺโนติ ผลฏฺโ คหิโต.

โสรจฺจนฺติ ‘‘ตตฺถ กตมํ โสรจฺจํ? โย กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อิทํ วุจฺจติ โสรจฺจํ, สพฺพาปิ สีลสํวโร โสรจฺจ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๔๙) วจนโต สุจิสีลํ ‘‘โสรจฺจ’’นฺติ วุตฺตํ. กรูณาติ กรุณาพฺรหฺมวิหารมาห. กรุณาปุพฺพภาโคติ ตสฺส ปุพฺพภาคํ อุปจารชฺฌานํ วทติ.

ทุวิเธน ฌาเนนาติ อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขณูปนิชฺฌานเภทโต ทุวิเธน ฌานมเนน. ปฺจวิธมิจฺฉาชีววเสนาติ กุหนาลปนาเนมิตฺติกตานิปฺเปสิกตาลาเภนลาภํนิชิคีสนตาสงฺขาต- ปฺจวิธมิจฺฉาชีววเสน. น ลิปฺปตีติ น อลฺลียติ อนุสยโต อารมฺมณกรณโต วา ตณฺหาทิฏฺิอภินิเวสาภาวโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

นาคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. มิคสาลาสุตฺตวณฺณนา

๔๔. ทุติเย สมสมคติยาติ ก-การสฺส ย-การวเสน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘สมภาเวเนว สมคติกา’’ติ. ภวิสฺสนฺตีติ อตีตตฺเถ อนาคตวจนํ กตนฺติ อาห ‘‘ภวิสฺสนฺตีติ ชาตา’’ติ. ปุราณสฺส หิ อิสิทตฺตสฺส จ สมคติกํ สนฺธาย สา เอวมาห.

อมฺมกาติ มาตุคาโม. อุปจารวจนฺเหตํ. อิตฺถีสุ ยทิทํ อมฺมกา มาตุคาโม ชนนี ชนิกาติ. เตนาห ‘‘อิตฺถี หุตฺวา อิตฺถิสฺาย เอว สมนฺนาคตา’’ติ.

ทิฏฺิยา ปฏิวิชฺฌิตพฺพํ อปฺปฏิวิทฺธํ โหตีติ อตฺถโต การณโต จ ปฺาย ปฏิวิชฺฌิตพฺพํ อปฺปฏิวิทฺธํ โหติ, นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา ยาถาวโต อวิทิตํ โหติ. สมเย สมเย กิเลเสหิ วิมุจฺจนกํ ปีติปาโมชฺชํ อิธ สามายิกํ ม-กาเร อการสฺส ทีฆํ กตฺวา. เตนาห – ‘‘สามายิกมฺปิ วิมุตฺตึ น ลภตีติ กาลานุกาลํ ธมฺมสฺสวนํ นิสฺสาย ปีติปาโมชฺชํ น ลภตี’’ติ. ปมิณนฺตีติ เอตฺถ อารมฺภตฺโถ ป-สทฺโทติ อาห ‘‘ตุเลตุํ อารภนฺตี’’ติ. ปณีโตติ วิสิฏฺโ.

ตทนฺตรนฺติ วจนวิปลฺลาเสน อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ กตนฺติ อาห ‘‘ตํ อนฺตรํ ตํ การณ’’นฺติ. โลภสฺส อปราปรุปฺปตฺติยา พหุวจนวเสน ‘‘โลภธมฺมา’’ติ วุตฺตา. สีเลน วิเสสี อโหสิ เมถุนธมฺมวิรติยา สมนฺนาคตตฺตา.

มิคสาลาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓-๖. อิณสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๕-๔๘. ตติเย ทลิทฺโท นาม ทุคฺคโต, ตสฺส ภาโว ทาลิทฺทิยํ. น เอตสฺส สกํ สาปเตยฺยนฺติ อสฺสโก, อสาปเตยฺโย. เตนาห ‘‘อตฺตโน สนฺตเกน รหิโต’’ติ. ‘‘พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ’’ติ วุตฺเต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เกนจิ อกมฺปิยภาเวน โอกปฺปนํ รตนตฺตยคุเณ โอคาเหตฺวา กปฺปนํ โอกปฺปนสทฺธา นาม. ‘‘อิทํ อกุสลํ กมฺมํ โน สกํ, อิทํ ปน กมฺมํ สก’’นฺติ เอวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ กมฺมสฺสกตชานนปฺา กมฺมสฺสกตปฺา. ติวิธฺหิ ทุจฺจริตํ อตฺตนา กตมฺปิ สกกมฺมํ นาม น โหติ อตฺถภฺชนโต. สุจริตํ สกกมฺมํ นาม อตฺถชนนโต. อิณาทานสฺมินฺติ ปจฺจตฺตวจนตฺเถ เอตํ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘อิณคฺคหณํ วทามี’’ติ.

กฏคฺคาโหติ กตํ สพฺพโส สิทฺธเมว กตฺวา คหณํ. โส ปน วิชยลาโภ โหตีติ อาห ‘‘ชยคฺคาโห’’ติ. หิริมโน เอตสฺสาติ หิริมโนติ อาห ‘‘หิริสมฺปยุตฺตจิตฺโต’’ติ, ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย หิริยา สมฺปยุตฺตจิตฺโตติ อตฺโถ. โอตฺตปฺปติ อุพฺพิชฺชติ ภายติ สีเลนาติ โอตฺตปฺปี, โอตฺตปฺเปน สมนฺนาคโต. นิรามิสํ สุขนฺติ ตติยชฺฌานสุขํ ทูรสมุสฺสาริตกามามิสตฺตา. อุเปกฺขนฺติ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขํ, น ยํ กิฺจิ อุเปกฺขาเวทนนฺติ อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานุเปกฺข’’นฺติ. อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตปริปุณฺณกายิกเจตสิกวีริโยติ อตฺโถ. โย คณสงฺคณิกํ วิโนเทตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ อฏฺอารมฺภวตฺถุวเสน เอกโก โหติ, ตสฺส กายิกํ วีริยํ อารทฺธํ นาม โหติ. จิตฺตสงฺคณิกํ วิโนเทตฺวา อฏฺสมาปตฺติวเสน เอกโก โหติ. คมเน อุปฺปนฺนกิเลสสฺส านํ ปาปุณิตุํ น เทติ, าเน อุปฺปนฺนกิเลสสฺส นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนกิเลสสฺส สยนํ ปาปุณิตุํ น เทติ, อุปฺปนฺนฏฺาเนเยว กิเลเส นิคฺคณฺหาติ. อยํ เจตสิกํ วีริยํ อารทฺธํ นาม โหติ. ปฏิปกฺขทูรีภาเวน เสฏฺฏฺเน จ เอโก อุเทตีติ เอโกทิ, เอกคฺคตา. ตสฺส โยคโต เอกคฺคจิตฺโต อิธ เอโกทิ. ปฏิปกฺขโต อตฺตานํ นิปาติ, ตํ วา นิปยติ วิโสเสตีติ นิปโก. อฺตรํ กายาทิเภทํ อารมฺมณํ สาติสยาย สติยา สรตีติ สโต. เตนาห ‘‘เอกคฺคจิตฺโต’’ติอาทิ.

อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ มยฺหํ อรหตฺตผลวิมุตฺติ อกุปฺปตาย อกุปฺปารมฺมณตาย จ อกุปฺปา. สา หิ ราคาทีหิ น กุปฺปตีติ อกุปฺปตายปิ อกุปฺปา. อกุปฺปํ นิพฺพานมสฺสา อารมฺมณนฺติ อกุปฺปารมฺมณตายปิ อกุปฺปา. เตเนวาห ‘‘อกุปฺปารมฺมณตฺตา’’ติอาทิ. ภวสํโยชนานนฺติ กามราคปฏิฆมานทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสภวราคอิสฺสามจฺฉริย- อวิชฺชาสงฺขาตานํ ทสนฺนํ สํโยชนานํ. อิมานิ หิ สตฺเต ภเวสุ สํโยเชนฺติ อุปนิพนฺธนฺติ ภวาภเวน สํโยเชนฺติ, ตสฺมา ภวสํโยชนานีติ วุจฺจนฺติ. ขีณาสโว อุตฺตมอณโณ กิเลสอิณานํ อภาวโต. อฺเ หิ สตฺตา ยาว น กิเลสา ปหียนฺติ, ตาว สอิณา นาม อเสริวิหารภาวโต. จตุตฺถาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

อิณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. เขมสุตฺตวณฺณนา

๔๙. สตฺตเม วุตฺถพฺรหฺมจริยวาโสติ นิวุตฺถพฺรหฺมจริยวาโส. กตกรณีโยติ เอตฺถ กรณียนฺติ ปริฺาปหานภาวนาสจฺฉิกิริยมาห. ตํ ปน ยสฺมา จตูหิ มคฺเคหิ ปจฺเจกํ จตูสุ สจฺเจสุ กตฺตพฺพตฺตา โสฬสวิธํ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘จตูหิ มคฺเคหิ กตฺตพฺพ’’นฺติ. ขนฺธกิเลสอภิสงฺขารสงฺขาตา ตโย โอสีทาปนฏฺเน ภารา วิยาติ ภารา. เต โอหิตา โอโรปิตา นิกฺขิตฺตา ปาติตา เอเตนาติ โอหิตภาโร. เตนาห ‘‘ขนฺธภารํ…เป… โอตาเรตฺวา ิโต’’ติ. อนุปฺปตฺโต สทตฺถนฺติ อนุปฺปตฺตสทตฺโถ. สทตฺโถติ จ สกตฺถมาห ก-การสฺส ท-การํ กตฺวา. เอตฺถ หิ อรหตฺตํ อตฺตโน โยนิโสมนสิการายตฺตตฺตา อตฺตูปนิพนฺธฏฺเน สสนฺตานปริยาปนฺนตฺตา อตฺตานํ อวิชหนฏฺเน อตฺตโน อุตฺตมตฺเถน จ อตฺตโน อตฺถตฺตา ‘‘สกตฺโถ’’ติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘สทตฺโถ วุจฺจติ อรหตฺต’’นฺติ. สมฺมทฺา วิมุตฺโตติ สมฺมา อฺาย วิมุตฺโต, อจฺฉินฺนภูตาย มคฺคปฺาย สมฺมา ยถาภูตํ ทุกฺขาทีสุ โย ยถา ชานิตพฺโพ, ตถา ชานิตฺวา วิมุตฺโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สมฺมา เหตุนา’’ติอาทิ. วิมุตฺโตติ จ ทฺเว วิมุตฺติโย สพฺพสฺส จิตฺตสํกิเลสสฺส มคฺโค นิพฺพานาธิมุตฺติ จ. นิพฺพาเน อธิมุจฺจนํ ตตฺถ นินฺนโปณปพฺภารตาย. อรหา สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตจิตฺตตฺตา จิตฺตวิมุตฺติยา วิมุตฺโต. นิพฺพานํ อธิมุตฺตตฺตา นิพฺพาเน วิมุตฺโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

เขมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อินฺทฺริยสํวรสุตฺตวณฺณนา

๕๐. อฏฺเม อุปนิสีทติ ผลํ เอตฺถาติ การณํ อุปนิสา. ยถาภูตาณทสฺสนนฺติ ยถาสภาวชานนสงฺขาตํ ทสฺสนํ. เอเตน ตรุณวิปสฺสนํ ทสฺเสติ. ตรุณวิปสฺสนา หิ พลววิปสฺสนาย ปจฺจโย โหติ. ตรุณวิปสฺสนาติ นามรูปปริคฺคเห าณํ, ปจฺจยปริคฺคเห าณํ, สมฺมสเน าณํ, มคฺคามคฺเค ววตฺถเปตฺวา ิตาณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ อธิวจนํ. นิพฺพินฺทติ เอตายาติ นิพฺพิทา. พลววิปสฺสนาติ ภยตุปฏฺาเน าณํ อาทีนวานุปสฺสเน าณํ มุจฺจิตุกมฺยตาาณํ สงฺขารุเปกฺขาาณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ อธิวจนํ. ปฏิสงฺขานุปสฺสนา ปน มุจฺจิตุกมฺยตาปกฺขิกา เอว. ‘‘ยาว มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ, ตาว ตรุณวิปสฺสนา’’ติ หิ วจนโต อุปกฺกิเลสวิมุตฺตอุทยพฺพยาณโต พลววิปสฺสนา. วิรชฺชติ อริโย สงฺขารโต เอเตนาติ วิราโค, อริยมคฺโค. อรหตฺตผลนฺติ อุกฺกฏฺนิทฺเทสโต วุตฺตํ. อินฺทฺริยสํวรสฺส สีลรกฺขณเหตุตฺตา วุตฺตํ ‘‘สีลานุรกฺขณอินฺทฺริยสํวโร กถิโต’’ติ.

อินฺทฺริยสํวรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา

๕๑. นวเม เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา อาคตาคมาติอาทิปาฬิปเทสุ อิมินาว นเยน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – สีลาทิคุณานํ ถิรภาวปฺปตฺติยา เถรา. สุตฺตเคยฺยาทิ พหุ สุตํ เอเตสนฺติ พหุสฺสุตา. วาจุคฺคตธารเณน สมฺมเทว ครูนํ สนฺติเก อาคมิตภาเวน อาคโต ปริยตฺติธมฺมสงฺขาโต อาคโม เอเตสนฺติ อาคตาคมา. สุตฺตาติธมฺมสงฺขาตสฺส ธมฺมสฺส ธารเณน ธมฺมธรา. วินยธารเณน วินยธรา. เตสํเยว ธมฺมวินยานํ มาติกาย ธารเณน มาติกาธรา. ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมปริปุจฺฉาย ปริปุจฺฉติ. ตํ อตฺถปริปุจฺฉาย ปริปฺหติ วีมํสติ วิจาเรติ. อิทํ, ภนฺเต, กถํ, อิมสฺส กฺวตฺโถติ ปริปุจฺฉนปฺหนาการทสฺสนํ. อาวิวฏฺเจว ปาฬิยา อตฺถํ ปเทสนฺตรปาฬิทสฺสเนน อาคมโต วิวรนฺติ. อนุตฺตานีกตฺจ ยุตฺติวิภาวเนน อุตฺตานีกโรนฺติ. กงฺขาฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ สํสยุปฺปตฺติยา เหตุยา คณฺิฏฺานภูเตสุ ปาฬิปเทสุ ยาถาวโต วินิจฺฉยทาเนน กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ.

อานนฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ขตฺติยสุตฺตวณฺณนา

๕๒. ทสเม โภเค อธิปฺปาโย เอเตสนฺติ โภคาธิปฺปายา. ปฺตฺถาย เอเตสํ มโน อุปวิจรตีติ ปฺูปวิจารา. ปถวิยา ทายตฺถาย วา จิตฺตํ อภินิเวโส เอเตสนฺติ ปถวีภินิเวสา. มนฺตา อธิฏฺานํ ปติฏฺา เอเตสนฺติ มนฺตาธิฏฺานา. อิมินา นเยน เสสปทานิปิ เวทิตพฺพานิ. เสสํ อุตฺตานเมว.

ขตฺติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. อปฺปมาทสุตฺตวณฺณนา

๕๓. เอกาทสเม ชงฺคลานนฺติ เอตฺถ โย นิปิจฺฉโล น อนูโป นิรุทกตาย ถทฺธลูโข ภูมิปฺปเทโส, โส ‘‘ชงฺคโล’’ติ วุจฺจติ. ตพฺพหุลตาย ปน อิธ สพฺโพ ภูมิปฺปเทโส ชงฺคโล. ตสฺมึ ชงฺคเล ชาตา ภวาติ วา ชงฺคลา, เตสํ ชงฺคลานํ. เอวฺหิ นทิจรานมฺปิ หตฺถีนํ สงฺคโห กโต โหติ สโมธาตพฺพานํ วิย สโมธายกานมฺปิ อิธ ชงฺคลคฺคหเณน คเหตพฺพโต. ปถวีตลจารีนนฺติ อิมินา ชลจาริโน จ นิวตฺเตติ อทิสฺสมานปาทตฺตา. ‘‘ปาณาน’’นฺติ สาธารณวจนมฺปิ ‘‘ปทชาตานี’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน วิเสสนิวิฏฺเมว โหตีติ อาห ‘‘สปาทกปาณาน’’นฺติ. ‘‘มุตฺตคต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑) คต-สทฺโท วิย อิธ ชาต-สทฺโท อนตฺถนฺตโรติ อาห ‘‘ปทชาตานีติ ปทานี’’ติ. สโมธานนฺติ สมวโรธํ, อนฺโตคธํ วา. เตนาห ‘‘โอธานํ อุปนิกฺเขปํ คจฺฉนฺตี’’ติ. กูฏงฺคมาติ ปาริมนฺเตน กูฏํ อุปคจฺฉนฺติ. กูฏนินฺนาติ กูฏจฺฉิทฺทมคฺเค ปวิสนวเสน กูเฏ นินฺนา. กูฏสโมสรณาติ ฉิทฺเท อนุปวิสนวเสน จ อาหจฺจ อวตฺถาเนน จ กูเฏ สโมทหิตฺวา ิตา. วณฺเฏ ปตมาเน สพฺพานิ ภูมิยํ ปตนฺตีติ อาห ‘‘วณฺฏานุวตฺตกานิ ภวนฺตี’’ติ.

อปฺปมาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา

๕๔. ทฺวาทสเม ชาติภูมิยนฺติ เอตฺถ ชนนํ ชาติ, ชาติยา ภูมิ ชาติภูมิ, ชาตฏฺานํ. ตํ โข ปเนตํ เนว โกสลมหาราชาทีนํ, น จงฺกิพฺราหฺมณาทีนํ, น สกฺกสุยามสนฺตุสิตาทีนํ, น อสีติมหาสาวกานํ, น อฺเสํ สตฺตานํ ‘‘ชาติภูมี’’ติ วุจฺจติ. ยสฺส ปน ชาตทิวเส ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกทฺธชมาลาวิปฺปกิณฺณกุสุมวาสจุณฺณคณสุคนฺธา สพฺพปาลิผุลฺลมิว นนฺทนวนํ วิโรจมานา ปทุมินิปณฺเณ อุทกพินฺทุ วิย อกมฺปิตฺถ, ชจฺจนฺธาทีนฺจ รูปทสฺสนาทีนิ อเนกานิ ปาฏิหาริยานิ ปวตฺตึสุ. ตสฺส สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺส ชาตฏฺานํ, สาติสยสฺส ปน ชนกกปิลวตฺถุสนฺนิสฺสโย ‘‘ชาติภูมี’’ติ วุจฺจติ. ชาติภูมกา อุปาสกาติ ชาติภูมิวาสิโน อุปาสกา. สนฺตเนตฺวา สพฺพโส ตเนตฺวา ปตฺถริตฺวา ิตมูลานิ มูลสนฺตานกานิ. ตานิ ปน อตฺถโต มูลานิเยวาติ อาห ‘‘มูลสนฺตานกานนฺติ มูลาน’’นฺติ.

ชาตทิวเส อาวุธานํ โชติตตฺตา, รฺโ อปริมิตสฺส จ สตฺตกายสฺส อนตฺถโต ปริปาลนสมตฺถตาย จ ‘‘โชติปาโล’’ติ ลทฺธนามตฺตา วุตฺตํ ‘‘นาเมน โชติปาโล’’ติ. โควินฺโทติ โควินฺทิยาภิเสเกน อภิสิตฺโต, โควินฺทสฺส าเน ปนาภิเสเกน อภิสิตฺโตติ อตฺโถ. ตํ กิร ตสฺส พฺราหฺมณสฺส กุลปรมฺปราคตํ านนฺตรํ. เตนาห ‘‘าเนน มหาโควินฺโท’’ติ. ควํ ปฺฺจ วินฺทติ ปฏิลภตีติ โควินฺโท, มหนฺโต โควินฺโทติ มหาโควินฺโท. โคติ หิ ปฺาเยตํ อธิวจนํ ‘‘คจฺฉติ อตฺเถ พุชฺฌตี’’ติ กตฺวา. มหาโควินฺโท จ อมฺหากํ โพธิสตฺโตเยว. โส กิร ทิสมฺปติสฺส นาม รฺโ ปุโรหิตสฺส โควินฺทพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา อตฺตโน ปิตุสฺส จ รฺโ จ อจฺจเยน ตสฺส ปุตฺโต เรณุ, สหายา จสฺส สตฺตภู, พฺรหฺมทตฺโต, เวสฺสภู, ภรโต, ทฺเว ธตรฏฺาติ อิเม สตฺต ราชาโน ยถา อฺมฺํ น วิวทนฺติ. เอวํ รชฺเช ปติฏฺาเปตฺวา เตสํ อตฺถธมฺเม อนุสาสนฺเต ชมฺพุทีปตเล สพฺเพสํ ราชาว รฺํ, พฺรหฺมาว พฺราหฺมณานํ, เทโวว คหปติกานํ สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต อุตฺตมคารวฏฺานํ อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เรณุอาทีนํ สตฺตนฺนํ ราชูนํ ปุโรหิโต’’ติ. อิเมว สตฺต ภารธารา มหาราชาโน. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘สตฺตภู พฺรหฺมทตฺโต จ, เวสฺสภู ภรโต สห;

เรณุ ทฺเว จ ธตรฏฺา, ตทาสุํ สตฺต ภารธา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๐๘);

รฺโ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺถานํ ปุโร วิธานโต ปุเร สํวิธานโต ปุโรหิโต. โกธามคนฺเธนาติ โกธสงฺขาเตน ปูติคนฺเธน. กรุณา อสฺส อตฺถีติ กรุณนฺติ สปุพฺพภาคกรุณชฺฌานํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กรุณาย จ กรุณาปุพฺพภาเค จ ิตา’’ติ. ยกาโร สนฺธิวเสน อาคโตติ อาห ‘‘เยเตติ เอเต’’ติ. อรหตฺตโต ปฏฺาย สตฺตโมติ สกทาคามี. สกทาคามึ อุปาทายาติ สกทาคามิภาวํ ปฏิจฺจ. สกทาคามิสฺส หิ ปฺจินฺทฺริยานิ สกทาคามิภาวํ ปฏิจฺจ มุทูนิ นาม โหนฺติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ธมฺมิกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๒. ทุติยปณฺณาสกํ

๖. มหาวคฺโค

๑. โสณสุตฺตวณฺณนา

๕๕. ฉฏฺสฺส ปเม นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเนติ เอตฺถ กึ ตํ อาสนํ ปมเมว ปฺตฺตํ, อุทาหุ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปฺตฺตนฺติ เจ? ภควโต ธรมานกาเล ปธานิกภิกฺขูนํ วตฺตเมตํ, ยทิทํ อตฺตโน วสนฏฺาเน พุทฺธาสนํ ปฺเปตฺวาว นิสีทนนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปธานิกภิกฺขู’’ติอาทิ. พุทฺธกาเล กิร ยตฺถ ยตฺถ เอโกปิ ภิกฺขุ วิหรติ, สพฺพตฺถ พุทฺธาสนํ ปฺตฺตเมว โหติ. กสฺมา? ภควา หิ อตฺตโน สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ผาสุกฏฺาเน วิหรนฺเต มนสิ กโรติ – ‘‘อสุโก มยฺหํ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คโต, อสกฺขิ นุ โข วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ, โน’’ติ. อถ นํ ปสฺสติ กมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา อกุสลวิตกฺกํ วิตกฺกยมานํ, ตโต ‘‘กถฺหิ นาม มาทิสสฺส สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิหรนฺตํ อิมํ กุลปุตฺตํ อกุสลวิตกฺกา อธิภวิตฺวา อนมตคฺเค วฏฺฏทุกฺเข สํสาเรสฺสนฺตี’’ติ ตสฺส อนุคฺคหตฺถํ ตตฺเถว อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ตํ กุลปุตฺตํ โอวทิตฺวา อากาสํ อุปฺปติตฺวา ปุน อตฺตโน วสนฏฺานเมว คจฺฉติ. อเถวํ โอวทิยมานา เต ภิกฺขู จินฺตยึสุ ‘‘สตฺถา อมฺหากํ มนํ ชานิตฺวา อาคนฺตฺวา อมฺหากํ สมีเป ิตํเยว อตฺตานํ ทสฺเสติ. ตสฺมึ ขเณ, ‘ภนฺเต, อิธ นิสีทถ นิสีทถา’ติ อาสนปริเยสนํ นาม ภาโร’’ติ. เต อาสนํ ปฺเปตฺวาว วิหรนฺติ. ยสฺส ปีํ อตฺถิ, โส ตํ ปฺเปติ. ยสฺส นตฺถิ, โส มฺจํ วา ผลกํ วา ปาสาณํ วา วาลิกาปุฺชํ วา ปฺเปติ. ตํ อลภมานา ปุราณปณฺณานิปิ สํกฑฺฒิตฺวา ตตฺถ ปํสุกูลํ ปตฺถริตฺวา เปนฺติ.

สตฺต สราติ – ฉชฺโช, อุสโภ, คนฺธาโร, มชฺฌิโม, ปฺจโม, เธวโต, นิสาโทติ เอเต สตฺต สรา. ตโย คามาติ – ฉชฺชคาโม, มชฺฌิมคาโม, สาธารณคาโมติ ตโย คามา, สมูหาติ อตฺโถ. มนุสฺสโลเก วีณาวาทนา เอเกกสฺส สรสฺส วเสน ตโย ตโย มุจฺฉนาติ กตฺวา เอกวีสติ มุจฺฉนา. เทวโลเก วีณาวาทนา ปน สมปฺาส มุจฺฉนาติ วทนฺติ. ตตฺถ หิ เอเกกสฺส สรสฺส วเสน สตฺต สตฺต มุจฺฉนา, อนฺตรสฺส สรสฺส จ เอกาติ สมปฺาส มุจฺฉนา. เตเนว สกฺกปฺหสุตฺตสํวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔๕) ‘‘สมปฺาส มุจฺฉนา มุจฺเฉตฺวา’’ติ ปฺจสิขสฺส วีณาวาทนํ ทสฺเสนฺเตน วุตฺตํ. านา เอกูนปฺาสาติ เอเกกสฺเสว สรสฺส สตฺต สตฺต านเภทา, ยโต สรสฺส มณฺฑลตาววตฺถานํ โหติ. เอกูนปฺาสฏฺานวิเสโส ติสฺโส ทุเว จตสฺโส จตสฺโส ติสฺโส ทุเว จตสฺโสติ ทฺวาวีสติ สุติเภทา จ อิจฺฉิตา.

อติคาฬฺหํ อารทฺธนฺติ ถินมิทฺธฉมฺภิตตฺตานํ วูปสมตฺถํ อติวิย อารทฺธํ. สพฺพตฺถ นิยุตฺตา สพฺพตฺถิกา. สพฺเพน วา ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเยน อตฺเถตพฺพา สพฺพตฺถิกา. สมโถเยว สมถนิมิตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ. ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตาติ เอตฺถ ยสฺมา พาหิรโก กาเมสุ วีตราโค น ขยา ราคสฺส วีตราโค สพฺพโส อวิปฺปหีนราคตฺตา. วิกฺขมฺภิตราโค หิ โส. อรหา ปน ขยา เอว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตา’’ติ. เอส นโย โทสโมเหสุปิ.

ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโนติ เอตฺถ ลพฺภติ ปาปุณียตีติ ลาโภ, จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตํ อธิวจนํ. สกฺกจฺจํ กาตพฺโพติ สกฺกาโร. ปจฺจยา เอว หิ ปณีตปณีตา สุนฺทรสุนฺทรา อภิสงฺขริตฺวา กตา ‘‘สกฺกาโร’’ติ วุจฺจติ, ยา จ ปเรหิ อตฺตโน คารวกิริยา, ปุปฺผาทีหิ วา ปูชา. สิโลโกติ วณฺณภณนํ. ตํ ลาภฺจ, สกฺการฺจ, สิโลกฺจ, นิกามยมาโน, ปวตฺตยมาโนติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘จตุปจฺจยลาภฺจ…เป… ปตฺถยมาโน’’ติ.

ถูณนฺติ ปสูนํ พนฺธนตฺถาย นิขาตตฺถมฺภสงฺขาตํ ถูณํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

โสณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ผคฺคุนสุตฺตวณฺณนา

๕๖. ทุติเย สมโธสีติ สมนฺตโต อโธสิ. สพฺพภาเคน ปริผนฺทนจลนากาเรน อปจิตึ ทสฺเสติ. วตฺตํ กิเรตํ พาฬฺหคิลาเนนปิ วุฑฺฒตรํ ทิสฺวา อุฏฺิตากาเรน อปจิติ ทสฺเสตพฺพา. เตน ปน ‘‘มา จลิ มา จลี’’ติ วตฺตพฺโพ, ตํ ปน จลนํ อุฏฺานาการทสฺสนํ โหตีติ อาห ‘‘อุฏฺานาการํ ทสฺเสตี’’ติ. สนฺติมานิ อาสนานีติ ปมเมว ปฺตฺถาสนํ สนฺธาย วทติ. พุทฺธกาลสฺมิฺหิ เอกสฺสปิ ภิกฺขุโน วสนฏฺาเน – ‘‘สเจ สตฺถา อาคจฺฉิสฺสติ, อาสนํ ปฺตฺตเมว โหตู’’ติ อนฺตมโส ผลกมตฺตมฺปิ ปณฺณสนฺถารมตฺตมฺปิ ปฺตฺตเมว. ขมนียํ ยาปนียนฺติ กจฺจิ ทุกฺขํ ขมิตุํ, อิริยาปถํ วา ยาเปตุํ สกฺกาติ ปุจฺฉติ. สีสเวทนาติ กุโตจิ นิกฺขมิตุํ อลภมาเนหิ วาเตหิ สมุฏฺาปิตา พลวติโย สีสเวทนา โหนฺติ.

ผคฺคุนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ฉฬภิชาติสุตฺตวณฺณนา

๕๗. ตติเย อภิชาติโยติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท อุปสคฺคมตฺตํ, น อตฺถวิเสสโชตโกติ อาห ‘‘ฉ ชาติโย’’ติ. อภิชายตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.

อุรพฺเภ หนนฺตีติ โอรพฺภิกา. เอวํ สูกริกาทโย เวทิตพฺพา. โรเทนฺติ กุรุรกมฺมนฺตตาย สปฺปฏิพทฺเธ สตฺเต อสฺสูนิ โมเจนฺตีติ รุทฺทา, เต เอว ลุทฺทา ร-การสฺส ล-การํ กตฺวา. อิมินา อฺเปิ เย เกจิ มาควิกา เนสาทา วุตฺตา, เต ปาปกมฺมปฺปสุตตาย ‘‘กณฺหาภิชาตี’’ติ วทติ.

ภิกฺขูติ จ พุทฺธสาสเน ภิกฺขู. เต กิร สจฺฉนฺทราเคน ปริภุฺชนฺตีติ อธิปฺปาเยน จตูสุ ปจฺจเยสุ กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺตีติ ‘‘กณฺฏกวุตฺติกา’’ติ วทติ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา เต ปณีเต ปจฺจเย ปฏิเสวนฺตีติ ตสฺส มิจฺฉาคาโห. ายลทฺเธปิ ปจฺจเย ภุฺชมานา อาชีวกสมยสฺส วิโลมคฺคาหิตาย ปจฺจเยสุ กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺติ นามาติ วทตีติ. อถ วา กณฺฏกวุตฺติกา เอวํนามกา เอเก ปพฺพชิตา, เย สวิเสสํ อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุยุตฺตา. ตถา หิ เต กณฺฏเก วตฺตนฺตา วิย โหนฺตีติ ‘‘กณฺฏกวุตฺติกา’’ติ วุตฺตา. อิมเมว จ อตฺถวิกปฺปํ สนฺธายาห ‘‘กณฺฏกวุตฺติกาติ สมณา นาเมเต’’ติ.

โลหิตาภิชาติ นาม นิคณฺา เอกสาฏกาติ วุตฺตา. เต กิร ตฺวา ภุฺชนนหานปฺปฏิกฺเขปาทิวตสมาโยเคน ปุริเมหิ ทฺวีหิ ปณฺฑรตรา.

อเจลกสาวกาติ อาชีวกสาวเก วทติ. เต กิร อาชีวกลทฺธิยา สุวิสุทฺธจิตฺตตาย นิคณฺเหิปิ ปณฺฑรตรา. เอวฺจ กตฺวา อตฺตโน ปจฺจยทายเก นิคณฺเหิปิ เชฏฺกตเร กโรติ.

อาชีวกา อาชีวกินิโย ‘‘สุกฺกาภิชาตี’’ติ วุตฺตา. เต กิร ปุริเมหิ จตูหิ ปณฺฑรตรา. นนฺทาทโย หิ ตถารูปํ อาชีวกปฺปฏิปตฺตึ อุกฺกํสํ ปาเปตฺวา ิตา, ตสฺมา นิคณฺเหิ อาชีวกสาวเกหิ จ ปณฺฑรตราติ ‘‘ปรมสุกฺกาภิชาตี’’ติ วุตฺตา.

พิลํ โอลคฺเคยฺยุนฺติ มํสภาคํ นฺหารุนา วา เกนจิ วา คนฺถิตฺวา ปุริสสฺส หตฺเถ วา เกเส วา โอลมฺพนวเสน พนฺเธยฺยุํ. อิมินา สตฺถธมฺมํ นาม ทสฺเสติ. สตฺถวาโห กิร มหากนฺตารํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค โคเณ มเต มํสํ คเหตฺวา สพฺเพสํ สตฺถิกานํ ‘‘อิทํ ขาทิตฺวา เอตฺตกํ มูลํ ทาตพฺพ’’นฺติ โกฏฺาสํ โอลมฺพติ. โคณมํสํ นาม ขาทนฺตาปิ อตฺถิ, อขาทนฺตาปิ อตฺถิ, ขาทนฺตาปิ มูลํ ทาตุํ สกฺโกนฺตาปิ อสกฺโกนฺตาปิ. สตฺถวาโห เยน มูเลน โคโณ คหิโต, ตํ มูลํ สตฺถิเกหิ ธารณตฺถํ สพฺเพสํ พลกฺกาเรน โกฏฺาสํ ทตฺวา มูลํ คณฺหาติ. อยํ สตฺถธมฺโม.

กณฺหาภิชาติโย สมาโนติ กณฺเห นีจกุเล ชาโต หุตฺวา. กณฺหธมฺมนฺติ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘กณฺหสภาโว หุตฺวา อภิชายตี’’ติ, ตํ อนฺโตคธเหตุอตฺถํ ปทํ, อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. ตสฺมา กณฺหํ ธมฺมํ อภิชายตีติ กาฬกํ ทสทุสฺสีลฺยธมฺมํ อุปฺปาเทติ. สุกฺกํ ธมฺมํ อภิชายตีติ เอตฺถาปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โส หิ ‘‘อหํ ปุพฺเพปิ ปุฺานํ อกตตฺตา นีจกุเล นิพฺพตฺโต, อิทานิ ปุฺํ กริสฺสามี’’ติ ปุฺสงฺขาตํ ปณฺฑรธมฺมํ กโรติ.

อกณฺหํ อสุกฺกํ นิพฺพานนฺติ สเจ กณฺหํ ภเวยฺย, กณฺหวิปากํ ทเทยฺย ยถา ทสวิธํ ทุสฺสีลฺยธมฺมํ. สเจ สุกฺกํ, สุกฺกวิปากํ ทเทยฺย ยถา ทานสีลาทิกุสลกมฺมํ. ทฺวินฺนมฺปิ อปฺปทานโต ‘‘อกณฺหํ อสุกฺก’’นฺติ วุตฺตํ. นิพฺพานฺจ นาม อิมสฺมึ อตฺเถ อรหตฺตํ อธิปฺเปตํ ‘‘อภิชายตี’’ติ วจนโต. ตฺหิ กิเลสนิพฺพานนฺเต ชาตตฺตา นิพฺพานํ นาม ยถา ‘‘ราคาทีนํ ขยนฺเต ชาตตฺตา ราคกฺขโย, โทสกฺขโย, โมหกฺขโย’’ติ. ปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน วา กิเลสานํ นิพฺพาปนโต นิพฺพานํ. ตํ เอส อภิชายติ ปสวติ. อิธาปิ หิ อนฺโตคธเหตุ อตฺถํ ‘‘ชายตี’’ติ ปทํ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘ชายตี’’ติ อิมสฺส ปาปุณาตีหิ อตฺถํ คเหตฺวาว ‘‘นิพฺพานํ ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํ. สุกฺกาภิชาติโย สมาโนติ สุกฺเก อุจฺจกุเล ชาโต หุตฺวา. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

ฉฬภิชาติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อาสวสุตฺตวณฺณนา

๕๘. จตุตฺเถ สํวเรนาติ สํวเรน เหตุภูเตน วา. อิธาติ อยํ อิธ-สทฺโท สพฺพาการโต อินฺทิยสํวรสํวุตสฺส ปุคฺคลสฺส สนฺนิสฺสยภูตสาสนปริทีปโน, อฺสฺส ตถาภาวปฺปฏิเสธโน วาติ วุตฺตํ ‘‘อิธาติ อิธสฺมึ สาสเน’’ติ. ปฏิสงฺขาติ ปฏิสงฺขาย. สงฺขา-สทฺโท าณโกฏฺาสปฺตฺติคณนาทีสุ ทิสฺสติ ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๖๘) หิ าเณ ทิสฺสติ. ‘‘ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๒, ๒๐๔) โกฏฺาเส. ‘‘เตสํ เตสํ ธมฺมานํ สงฺขา สมฺา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๕) ปฺตฺติยํ. ‘‘น สุกรํ สงฺขาตุ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๒๘) คณนาย. อิธ ปน าเณ ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘ปฏิสฺชานิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ อตฺโถ’’ติ. อาทีนวปจฺจเวกฺขณา อาทีนวปฏิสงฺขาติ โยชนา. สมฺปลิมฏฺนฺติ ฆํสิตํ. อนุพฺยฺชนโสติ หตฺถปาทสิตอาโลกิตวิโลกิตาทิปฺปการภาคโส. ตฺหิ อโยนิโสมนสิกโรโต กิเลสานํ อนุพฺยฺชนโต ‘‘อนุพฺยฺชน’’นฺติ วุจฺจติ. นิมิตฺตคฺคาโหติ อิตฺถิปุริสนิมิตฺตสฺส สุภนิมิตฺตาทิกสฺส วา กิเลสวตฺถุภูตสฺส นิมิตฺตสฺส คาโห. อาทิตฺตปริยาเยนาติ อาทิตฺตปริยาเย (สํ. นิ. ๔.๒๘; มหาว. ๕๔) อาคตนเยน เวทิตพฺโพ.

ยถา อิตฺถิยา อินฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ, น เอวมิทํ, อิทํ ปน จกฺขุเมว อินฺทฺริยนฺติ จกฺขุนฺทฺริยํ. เตนาห ‘‘จกฺขุเมว อินฺทฺริย’’นฺติ. ยถา อาวาเฏ นิยตฏฺิติโก กจฺฉโป ‘‘อาวาฏกจฺฉโป’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย ตํ าโน สํวโร จกฺขุนฺทฺริยสํวโร. เตนาห ‘‘จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร จกฺขุนฺทฺริยสํวโร’’ติ. นนุ จ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร วา อสํวโร วา นตฺถิ. น หิ จกฺขุปสาทํ นิสฺสาย สติ วา มุฏฺสฺสจฺจํ วา อุปฺปชฺชติ. อปิจ ยทา รูปารมฺมณํ จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตทา ภวงฺเค ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ. ตโต จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ, ตโต วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ, ตโต วิปากมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ, ตโต กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ, ตทนนฺตรํ ชวนํ ชวติ. ตตฺถาปิ เนว ภวงฺคสมเย, น อาวชฺชนาทีนํ อฺตรสมเย จ สํวโร วา อสํวโร วา อตฺถิ. ชวนกฺขเณ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ วา มุฏฺสฺสจฺจํ วา อฺาณํ วา อกฺขนฺติ วา โกสชฺชํ วา อุปฺปชฺชติ, อสํวโร โหติ. ตสฺมึ ปน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ สํวโร โหติ, ตสฺมา ‘‘จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร’’ติ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ชวเน อุปฺปชฺชมาโนปิ เหส…เป… จกฺขุนฺทฺริยสํวโรติ วุจฺจตี’’ติ.

อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ อสํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโตฆรทฺวารโกฏฺกคพฺภาทโย สุสํวุตา, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ อรกฺขิตํ อโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรน หิ ปวิสิตฺวา โจรา ยทิจฺฉกํ กเรยฺยุํ, เอวเมวํ ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ตสฺมึ อสํวเร สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ยถา ปน นครทฺวาเรสุ สํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโตฆราทโย อสํวุตา, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ สุรกฺขิตํ สุโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรสุ หิ ปิหิเตสุ โจรานํ ปเวโส นตฺถิ, เอวเมวํ ชวเน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ สุคุตฺตํ โหติ ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ, ตสฺมา ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโนปิ จกฺขุนฺทฺริยสํวโรติ วุตฺโตติ.

สํวเรน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล สํวุโตติ อาห ‘‘อุเปโต’’ติ. อยเมเวตฺถ อตฺโถ สุนฺทรตโรติ อุปริ ปาฬิยํ สนฺทิสฺสนโต วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ.

ยนฺติ อาเทโสติ อิมินา ลิงฺควิปลฺลาเสน สทฺธึ วจนวิปลฺลาโส กโตติ ทสฺเสติ, นิปาตปทํ วา เอตํ ปุถุวจนตฺถํ. วิฆาตกราติ จิตฺตวิฆาตกรา, กายจิตฺตทุกฺขนิพฺพตฺตกา วา. ยถาวุตฺตกิเลสเหตุกา ทาหานุพนฺธา วิปากา เอว วิปากปริฬาหา. ยถา ปเนตฺถ อาสวา อฺเ จ วิฆาตกรา กิเลสปริฬาหา สมฺภวนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุทฺวารสฺมิฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ สุวิฺเยฺยเมว. เอตฺถ จ สํวรณูปาโย, สํวริตพฺพํ, สํวโร, ยโต โส สํวโร, ยตฺถ สํวโร, ยถา สํวโร, ยฺจ สํวรผลนฺติ อยํ วิภาโค เวทิตพฺโพ. กถํ? ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส’’ติ หิ สํวรณูปาโย. จกฺขุนฺทฺริยํ สํวริตพฺพํ. สํวรคฺคหเณน คหิตา สติ สํวโร. ‘‘อสํวุตสฺสา’’ติ สํวรณาวธิ. อสํวรโต หิ สํวรณํ. สํวริตพฺพคฺคหณสิทฺโธ อิธ สํวรวิสโย. จกฺขุนฺทฺริยฺหิ สํวรณํ าณํ รูปารมฺมเณ สํวรยตีติ อวุตฺตสิทฺโธยมตฺโถ. อาสวตนฺนิมิตฺตกิเลสปริฬาหาภาโว ผลํ. เอวํ โสตทฺวาราทีสุ โยเชตพฺพํ. สพฺพตฺเถวาติ มโนทฺวาเร ปฺจทฺวาเร จาติ สพฺพสฺมึ ทฺวาเร.

ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรนฺติอาทีสุ ‘‘สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา ปจฺจเวกฺขณเมว โยนิโส ปฏิสงฺขา. อีทิสนฺติ เอวรูปํ อิฏฺารมฺมณํ. ภวปตฺถนาย อสฺสาทยโตติ ภวปตฺถนามุเขน ภาวิตํ อารมฺมณํ อสฺสาเทนฺตสฺส. จีวรนฺติ นิวาสนาทิ ยํ กิฺจิจีวรํ. ปฏิเสวตีติ นิวาสนาทิวเสน ปริภุฺชติ. ยาวเทวาติ ปโยชนปริมาณนิยมนํ. สีตปฺปฏิฆาตาทิเยว หิ โยคิโน จีวรปฺปฏิเสวนปฺปโยชนํ. สีตสฺสาติ สีตธาตุกฺโขภโต วา อุตุปริณามโต วา อุปฺปนฺนสฺส สีตสฺส. ปฏิฆาตายาติ ปฏิฆาตนตฺถํ ตปฺปจฺจยสฺส วิการสฺส วิโนทนตฺถํ. อุณฺหสฺสาติ อคฺคิสนฺตาปโต อุปฺปนฺนสฺส อุณฺหสฺส. ฑํสาทโย ปากฏาเยว. ปุน ยาวเทวาติ นิยตปฺปโยชนปริมาณนิยมนํ. นิยตฺหิ ปโยชนํ จีวรํ ปฏิเสวนฺตสฺส หิริโกปีนปฺปฏิจฺฉาทนํ, อิตรํ กทาจิ. หิริโกปีนนฺติ สมฺพาธฏฺานํ. ยสฺมิฺหิ องฺเค วิวเฏ หิรี กุปฺปติ วินสฺสติ, ตํ หิริยา โกปนโต หิริโกปีนํ, ตํปฏิจฺฉาทนตฺถํ จีวรํ ปฏิเสวติ.

ปิณฺฑปาตนฺติ ยํ กิฺจิ อาหารํ. โส หิ ปิณฺโฑลฺเยน ภิกฺขุโน ปตฺเต ปตนโต, ตตฺถ ตตฺถ ลทฺธภิกฺขาปิณฺฑานํ ปาโต สนฺนิปาโตติ วา ‘‘ปิณฺฑปาโต’’ติ วุจฺจติ. เนว ทวายาติ น กีฬนาย. น มทายาติ น พลมทมานมทปุริสมทตฺถํ. น มณฺฑนายาติ น องฺคปจฺจงฺคานํ ปีณนภาวตฺถํ. น วิภูสนายาติ น เตสํเยว โสภตฺถํ, ฉวิสมฺปตฺติอตฺถนฺติ อตฺโถ. อิมานิ ยถากฺกมํ โมหโทสสณฺานวณฺณราคูปนิสฺสยปฺปหานตฺถานิ เวทิตพฺพานิ. ปุริมํ วา ทฺวยํ อตฺตโน สํกิเลสุปฺปตฺตินิเสธนตฺถํ, อิตรํ ปรสฺสปิ. จตฺตาริปิ กามสุขลฺลิกานุโยคสฺส ปหานตฺถํ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. กายสฺสาติ รูปกายสฺส. ิติยา ยาปนายาติ ปพนฺธฏฺิตตฺถฺเจว ปวตฺติยา อวิจฺเฉทนตฺถฺจ, จิรกาลฏฺิตตฺถํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส ปวตฺตาปนตฺถํ. วิหึสูปรติยาติ ชิฆจฺฉาทุกฺขสฺส อุปรมตฺถํ. พฺรหฺมจริยานุคฺคหายาติ สาสนมคฺคพฺรหฺมจริยานํ อนุคฺคณฺหนตฺถํ. อิตีติ เอวํ อิมินา อุปาเยน. ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามีติ ปุราณํ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนํ ปฏิหนิสฺสามิ. นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ นวํ ภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ. ตสฺสา หิ อนุปฺปชฺชนตฺถเมว อาหารํ ปริภุฺชติ. เอตฺถ อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนา นาม ยถาวุตฺตชิฆจฺฉานิมิตฺตา เวทนา. สา หิ อภุฺชนฺตสฺส ภิยฺโย ภิยฺโยปวฑฺฒนวเสน อุปฺปชฺชติ, ภุตฺตปจฺจยา อนุปฺปชฺชนกเวทนาปิ ขุทานิมิตฺตาว องฺคทาหสูลาทิเวทนา อปฺปวตฺตา. สา หิ ภุตฺตปจฺจยา อนุปฺปนฺนาว น อุปฺปชฺชิสฺสติ. วิหึสานิมิตฺตตา เจตาสํ วิหึสาย วิเสโส.

ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ ยาปนา จ เม จตุนฺนํ อิริยาปถานํ ภวิสฺสติ. ‘‘ยาปนายา’’ติ อิมินา ชีวิตินฺทฺริยยาปนา วุตฺตา, อิธ จตุนฺนํ อิริยาปถานํ อวิจฺเฉทสงฺขาตา ยาปนาติ อยเมตาสํ วิเสโส. อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จาติ อยุตฺตปริเยสนปฺปฏิคฺคหณปริโภคปริวชฺชเนน อนวชฺชตา, ปริมิตปริโภเคน ผาสุวิหาโร. อสปฺปายาปริมิตโภชนปจฺจยา อรติตนฺทีวิชมฺภิตาวิฺุครหาทิโทสาภาเวน วา อนวชฺชตา. สปฺปายปริมิตโภชนปจฺจยา กายพลสมฺภเวน ผาสุวิหาโร. ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกโภชนปริวชฺชเนน วา เสยฺยสุขปสฺสสุขมิทฺธสุขาทีนํ อภาวโต อนวชฺชตา. จตุปฺจาโลปมตฺตอูนโภชเนน จตุอิริยาปถโยคฺยตาปาทนโต ผาสุวิหาโร. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓; มิ. ป. ๖.๕.๑๐);

เอตฺตาวตา จ ปโยชนปริคฺคโห, มชฺฌิมา จ ปฏิปทา ทีปิตา โหติ. ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ ปโยชนปริคฺคหทีปนา. ยาตฺรา หิ นํ อาหารูปโยคํ ปโยเชติ. ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคเหตุโก ผาสุวิหาโร มชฺฌิมา ปฏิปทา อนฺตทฺวยปริวชฺชนโต.

เสนาสนนฺติ เสนฺจ อาสนฺจ. ยตฺถ วิหาราทิเก เสติ นิปชฺชติ อาสติ นิสีทติ, ตํ เสนาสนํ. อุตุปริสฺสยวิโนทนปฺปฏิสลฺลานารามตฺถนฺติ อุตุเยว ปริสหนฏฺเน ปริสฺสโย สรีราพาธจิตฺตวิกฺเขปกโร, ตสฺส วิโนทนตฺถํ, อนุปฺปนฺนสฺส อนุปฺปาทนตฺถํ, อุปฺปนฺนสฺส วูปสมนตฺถฺจาติ อตฺโถ. อถ วา ยถาวุตฺโต อุตุ จ สีหพฺยคฺฆาทิปากฏปริสฺสโย จ ราคโทสาทิปฏิจฺฉนฺนปริสฺสโย จ อุตุปริสฺสโย, ตสฺส วิโนทนตฺถฺเจว เอกีภาวผาสุกตฺถฺจ. จีวรปฺปฏิเสวเน หิรีโกปีนปฺปฏิจฺฉาทนํ วิย ตํ นิยตปโยชนนฺติ ปุน ‘‘ยาวเทวา’’ติ วุตฺตํ.

คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารนฺติ โรคสฺส ปจฺจนีกปฺปวตฺติยา คิลานปจฺจโย, ตโต เอว ภิสกฺกสฺส อนุฺาตวตฺถุตาย เภสชฺชํ, ชีวิตสฺส ปริวารสมฺภารภาเวหิ ปริกฺขาโร จาติ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาโร, ตํ. เวยฺยาพาธิกานนฺติ เวยฺยาพาธโต ธาตุกฺโขภโต จ ตํนิพฺพตฺตกุฏฺคณฺฑปีฬกาทิโรคโต อุปฺปนฺนานํ. เวทนานนฺติ ทุกฺขเวทนานํ. อพฺยาพชฺฌปรมตายาติ นิทฺทุกฺขปรมภาวาย. ยาว ตํ ทุกฺขํ สพฺพํ ปหีนํ โหติ, ตาว ปฏิเสวามีติ โยชนา. เอวเมตฺถ สงฺเขเปเนว ปาฬิวณฺณนา เวทิตพฺพา. นวเวทนุปฺปาทโตปีติ น เกวลํ อายตึ เอว วิปากปริฬาหา, อถ โข อติโภชนปจฺจยา อลํสาฏกาทีนํ วิย นวเวทนุปฺปาทโตปิ เวทิตพฺพา.

กมฺมฏฺานิกสฺส จลนํ นาม กมฺมฏฺานปริจฺจาโคติ อาห ‘‘จลติ กมฺปติ กมฺมฏฺานํ วิชหตี’’ติ. ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติ เอตฺถ จ โลมสนาคตฺเถรสฺส วตฺถุ กเถตพฺพํ. เถโร กิร เจติยปพฺพเต ปิยงฺคุคุหาย ปธานฆเร วิหรนฺโต อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเย โลกนฺตริกนิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กมฺมฏฺานํ อวิชหนฺโตว อพฺโภกาเส วีตินาเมสิ. คิมฺหสมเย จ ปจฺฉาภตฺตํ พหิจงฺกเม กมฺมฏฺานํ มนสิกโรโต เสทาปิสฺส กจฺเฉหิ มุจฺจนฺติ. อถ นํ อนฺเตวาสิโก อาห – ‘‘อิธ, ภนฺเต, นิสีทถ, สีตโล โอกาโส’’ติ. เถโร ‘‘อุณฺหภเยเนวมฺหิ, อาวุโส, อิธ นิสินฺโน’’ติ อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิสีทิเยว. อุณฺหนฺติ เจตฺถ อคฺคิสนฺตาโปว เวทิตพฺโพ สูริยสนฺตาปสฺส ปรโต วุจฺจมานตฺตา. สูริยสนฺตาปวเสน ปเนตํ วตฺถุ วุตฺตํ.

โย จ ทฺเว ตโย วาเร ภตฺตํ วา ปานียํ วา อลภมาโนปิ อนมตคฺเค สํสาเร อตฺตโน เปตฺติวิสยูปปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวธนฺโต กมฺมฏฺานํ น วิชหติเยว. ฑํสมกสวาตาตปสมฺผสฺเสหิ ผุฏฺโ เจปิ ติรจฺฉานูปปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวธนฺโต กมฺมฏฺานํ น วิชหติเยว. สรีสปสมฺผสฺเสน ผุฏฺโ จาปิ อนมตคฺเค สํสาเร สีหพฺยคฺฆาทิมุเขสุ อเนกวารํ ปริวตฺติตปุพฺพภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวธนฺโต กมฺมฏฺานํ น วิชหติเยว ปธานิยตฺเถโร วิย, อยํ ‘‘ขโม ชิฆจฺฉาย…เป… สรีสปสมฺผสฺสาน’’นฺติ เวทิตพฺโพ. เถรํ กิร ขณฺฑเจลวิหาเร กณิการปธานิยฆเร อริยวํสธมฺมํ สุณนฺตฺเว โฆรวิโส สปฺโป ฑํสิ. เถโร ชานิตฺวาปิ ปสนฺนจิตฺโต นิสินฺโน ธมฺมํเยว สุณาติ, วิสเวโค ถทฺโธ อโหสิ. เถโร อุปสมฺปทมาฬํ อาทึ กตฺวา สีลํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘วิสุทฺธสีโลมฺหี’’ติ ปีตึ อุปฺปาเทสิ, สห ปีตุปฺปาทา วิสํ นิวตฺติตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. เถโร ตตฺเถว จิตฺเตกคฺคตํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.

โย ปน อกฺโกสวเสน ทุรุตฺเต ทุรุตฺตตฺตาเยว จ ทุราคเต อปิ อนฺติมวตฺถุสฺิเต วจนปเถ สุตฺวา ขนฺติคุณํเยว ปจฺจเวกฺขิตฺวา น เวธติ ทีฆภาณกอภยตฺเถโร วิย, อยํ ‘‘ขโม ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถาน’’นฺติ เวทิตพฺโพ. เถโร กิร ปจฺจยสนฺโตสภาวนารามตาย มหาอริยวํสปฺปฏิปทํ กเถสิ, สพฺโพ มหาคาโม อาคจฺฉติ, เถรสฺส มหาสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ. ตํ อฺตโร มหาเถโร อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ทีฆภาณโก ‘อริยวํสํ กเถมี’ติ สพฺพรตฺตึ โกลาหลํ กโรตี’’ติอาทีหิ อกฺโกสิ. อุโภปิ จ อตฺตโน อตฺตโน วิหารํ คจฺฉนฺตา คาวุตมตฺตํ เอกปเถน อคมํสุ. สกลคาวุตมฺปิ โส ตํ อกฺโกสิเยว. ตโต ยตฺถ ทฺวินฺนํ วิหารานํ มคฺโค ภิชฺชติ, ตตฺถ ตฺวา ทีฆภาณกตฺเถโร ตํ วนฺทิตฺวา ‘‘เอโส, ภนฺเต, ตุมฺหากํ มคฺโค’’ติ อาห. โส อสฺสุณนฺโต วิย อคมาสิ. เถโรปิ วิหารํ คนฺตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา นิสีทิ. ตเมนํ อนฺเตวาสิโก ‘‘กึ, ภนฺเต, สกลคาวุตํ ปริภาสนฺตํ น กิฺจิ อโวจุตฺถา’’ติ อาห. เถโร ‘‘ขนฺติเยวาวุโส, มยฺหํ ภาโร, น อกฺขนฺติ, เอกปทุทฺธาเรปิ กมฺมฏฺานวิโยคํ น ปสฺสามี’’ติ อาห.

วจนเมว ตทตฺถํ าเปตุกามานฺจ ปโถ อุปาโยติ อาห ‘‘วจนเมว วจนปโถ’’ติ. อสุขฏฺเน วา ติพฺพา. ยฺหิ น สุขํ, ตํ อนิฏฺํ ติพฺพนฺติ วุจฺจติ. อธิวาสกชาติโก โหตีติ ยถาวุตฺตเวทนานํ อธิวาสกสภาโว โหติ. จิตฺตลปพฺพเต ปธานิยตฺเถรสฺส กิร รตฺตึ ปธาเนน วีตินาเมตฺวา ิตสฺส อุทรวาโต อุปฺปชฺชติ. โส ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต อาวตฺตติ ปริวตฺตติ. ตเมนํ จงฺกมนปสฺเส ิโต ปิณฺฑปาติยตฺเถโร อาห – ‘‘อาวุโส, ปพฺพชิโต นาม อธิวาสนสีโล โหตี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ อธิวาเสตฺวา นิจฺจโล สยิ. วาโต นาภิโต ยาว หทยํ ผาเลสิ. เถโร เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนฺโต มุหุตฺเตน อนาคามี หุตฺวา ปรินิพฺพายิ. เอวํ สพฺพตฺถาติ ‘‘อุณฺเหน ผุฏฺสฺส สีตํ ปตฺถยโต’’ติอาทินา สพฺพตฺถ อุณฺหาทินิมิตฺตํ กามาสวุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. นตฺถิ สุคติภเว สีตํ วา อุณฺหํ วาติ อนิฏฺํ สีตํ วา อุณฺหํ วา นตฺถีติ อธิปฺปาโย. อตฺตคฺคาเห สติ อตฺตนิยคฺคาโหติ อาห ‘‘มยฺหํ สีตํ อุณฺหนฺติ คาโห ทิฏฺาสโว’’ติ.

อหํ สมโณติ ‘‘อหํ สมโณ, กึ มม ชีวิเตน วา มรเณน วา’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ คามปฺปเวสปฺปโยชนาทิฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. ปฏิกฺกมตีติ หตฺถิอาทีนํ สมีปคมนโต อปกฺกมติ. ายนฺติ เอตฺถาติ านํ, กณฺฏกานํ านํ กณฺฏกฏฺานํ, ยตฺถ กณฺฏกานิ สนฺติ, ตํ โอกาสนฺติ วุตฺตํ โหติ. อมนุสฺสทุฏฺานีติ อมนุสฺสสฺจาเรน ทูสิตานิ, สปริสฺสยานีติ อตฺโถ. อนิยตวตฺถุภูตนฺติ อนิยตสิกฺขาปทสฺส การณภูตํ. เวสิยาทิเภทโตติ เวสิยาวิธวาถุลฺลกุมาริกาปณฺฑกปานาคารภิกฺขุนิเภทโต. สมานนฺติ สมํ, อวิสมนฺติ อตฺโถ. อกาสิ วาติ ตาทิสํ อนาจารํ อกาสิ วา. สีลสํวรสงฺขาเตนาติ กถํ ปริวชฺชนํ สีลํ? อนาสนปริวชฺชเนน หิ อนาจารปริวชฺชนํ วุตฺตํ. อนาจาราโคจรปริวชฺชนํ จาริตฺตสีลตาย สีลสํวโร. ตถา หิ ภควตา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘) สีลสํวรวิภชเน อาจารโคจรสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺเตน ‘‘อตฺถิ อนาจาโร, อตฺถิ อโคจโร’’ติอาทินา (วิภ. ๕๑๓-๕๑๔) อาจารโคจรา วิภชิตฺวา ทสฺสิตา. ‘‘จณฺฑํ หตฺถึ ปริวชฺเชตี’’ติ วจนโต หตฺถิอาทิปริวชฺชนมฺปิ ภควโต วจนานุฏฺานนฺติ กตฺวา อาจารสีลเมวาติ เวทิตพฺพํ.

อิติปีติ อิมินาปิ การเณน อโยนิโสมนสิการสมุฏฺิตตฺตาปิ, โลภาทิสหคตตฺตาปิ, กุสลปฺปฏิปกฺขโตปีติอาทีหิ การเณหิ อยํ วิตกฺโก อกุสโลติ อตฺโถ. อิมินา นเยน สาวชฺโชติอาทีสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ อกุสโลติอาทินา ทิฏฺธมฺมิกํ กามวิตกฺกสฺส อาทีนวํ ทสฺเสติ, ทุกฺขวิปาโกติ อิมินา สมฺปรายิกํ. อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตีติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อาทีนววิภาวนา เวทิตพฺพา. อุปฺปนฺนสฺส กามวิตกฺกสฺส อนธิวาสนํ นาม ปุน ตาทิสสฺส อนุปฺปาทนํ. ตํ ปนสฺส ปหานํ วิโนทนํ พฺยนฺติกรณํ อนภาวคมนนฺติ จ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ปาฬิยํ – ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปชหตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนธิวาเสนฺโต กึ กโรตี’’ติอาทิมาห. ปหานฺเจตฺถ วิกฺขมฺภนเมว, น สมุจฺเฉโทติ ทสฺเสตุํ ‘‘วิโนเทตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ วิกฺขมฺภนวเสเนว อตฺโถ ทสฺสิโต. อุปฺปนฺนุปฺปนฺเนติ เตสํ ปาปวิตกฺกานํ อุปฺปาทาวตฺถาคหณํ วา กตํ สิยา อนวเสสคฺคหณํ วา. เตสุ ปมํ สนฺธายาห ‘‘อุปฺปนฺนมตฺเต’’ติ, สมฺปติชาเตติ อตฺโถ. อนวเสสคฺคหณํ พฺยาปนิจฺฉายํ โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สตกฺขตฺตุมฺปิ อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน’’ติ วุตฺตํ.

าติวิตกฺโกติ ‘‘อมฺหากํ าตโย สุขชีวิโน สมฺปตฺติยุตฺตา’’ติอาทินา เคหสฺสิตเปมวเสน าตเก อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตกฺโก. ชนปทวิตกฺโกติ ‘‘อมฺหากํ ชนปโท สุภิกฺโข สมฺปนฺนสสฺโส รมณีโย’’ติอาทินา เคหสฺสิตเปมวเสน ชนปทํ อารพฺภ อุปฺปนฺนวิตกฺโก. อุกฺกุฏิกปฺปธานาทีหิ ทุกฺเข นิชฺชิณฺเณ สมฺปราเย สตฺตา สุขี โหนฺติ อมราติ ทุกฺกรการิกาย ปฏิสํยุตฺโต อมรตฺถาย วิตกฺโก. ตํ วา อารพฺภ อมราวิกฺเขปทิฏฺิสหคโต อมโร จ โส วิตกฺโก จาติ อมราวิตกฺโก. ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺโตติ ปเรสุ อุปฏฺากาทีสุ สหนนฺทิตาทิวเสน ปวตฺโต อนุทฺทยตาปติรูปโก เคหสฺสิตเปมปฺปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก. ลาภสกฺการสิโลกปฺปฏิสํยุตฺโตติ จีวราทิลาเภน จ สกฺกาเรน จ กิตฺติสทฺเทน จ อารมฺมณกรณวเสน ปฏิสํยุตฺโต. อนวฺตฺติปฺปฏิสํยุตฺโตติ ‘‘อโห วต มํ ปเร น อวชาเนยฺยุํ, น เหฏฺา กตฺวา มฺเยฺยุํ, ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กเรยฺยุ’’นฺติ อุปฺปนฺนวิตกฺโก.

กามวิตกฺโก กามสงฺกปฺปนสภาวโต กามาสวปฺปตฺติยา สาติสยตฺตา จ กามนากาโรติ อาห ‘‘กามวิตกฺโก ปเนตฺถ กามาสโว’’ติ. ตพฺพิเสโสติ กามาสววิเสโส ภวสภาวตฺตาติ อธิปฺปาโย. กามวิตกฺกาทิเก วิโนเทติ อตฺตโน สนฺตานโต นีหรติ เอเตนาติ วิโนทนํ, วีริยนฺติ อาห ‘‘วีริยสํวรสงฺขาเตน วิโนทเนนา’’ติ.

‘‘สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวิตา พหุลีกตา วิชฺชาวิมุตฺติโย ปริปูเรนฺตี’’ติ วจนโต วิชฺชาวิมุตฺตีนํ อนธิคโม ตโต จ สกลวฏฺฏทุกฺขานติวตฺติ อภาวนาย อาทีนโว. วุตฺตวิปริยาเยน ภควโต โอรสปุตฺตภาวาทิวเสน จ ภาวนาย อานิสํโส เวทิตพฺโพ. โถเมนฺโตติ อาสวปหานสฺส ทุกฺกรตฺตา ตาย เอว ทุกฺกรกิริยาย ตํ อภิตฺถวนฺโต. สํวเรเนว ปหีนาติ สํวเรน ปหีนา เอว. เตน วุตฺตํ ‘‘น อปฺปหีเนสุเยว ปหีนสฺี’’ติ.

อาสวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ทารุกมฺมิกสุตฺตวณฺณนา

๕๙. ปฺจเม ปุตฺตสมฺพาธสยนนฺติ ปุตฺเตหิ สมฺพาธสยนํ. เอตฺถ ปุตฺตสีเสน ทารปริคฺคหํ ปุตฺตทาเรสุ อุปฺปิโล วิย. เตน เตสํ โรคาทิเหตุ โสกาภิภเวน จ จิตฺตสฺส สํกิลิฏฺตํ ทสฺเสติ. กามโภคินาติ อิมินา ปน ราคาภิภวนฺติ. อุภเยนปิ วิกฺขิตฺตจิตฺตตํ ทสฺเสติ. กาสิกจนฺทนนฺติ อุชฺชลจนฺทนํ. ตํ กิร วณฺณวิเสสสมุชฺชลํ โหติ ปภสฺสรํ, ตทตฺถเมว นํ สณฺหตรํ กโรนฺติ. เตเนวาห ‘‘สณฺหจนฺทน’’นฺติ, กาสิกวตฺถฺจ จนฺทนฺจาติ อตฺโถ. มาลาคนฺธวิเลปนนฺติ วณฺณโสภตฺถฺเจว สุคนฺธภาวตฺถฺจ มาลํ, สุคนฺธภาวตฺถาย คนฺธํ, ฉวิราคกรณตฺถฺเจว สุภตฺถฺจ วิเลปนํ ธาเรนฺเตน. ชาตรูปรชตนฺติ สุวณฺณฺเจว อวสิฏฺธนฺจ สาทิยนฺเตน. สพฺเพนปิ กาเมสุ อภิคิทฺธภาวเมว ปกาเสติ.

ทารุกมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. หตฺถิสาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา

๖๐. ฉฏฺเ หตฺถึ สาเรตีติ หตฺถิสารี, ตสฺส ปุตฺโตติ หตฺถิสาริปุตฺโต. โส กิร สาวตฺถิยํ หตฺถิอาจริยสฺส ปุตฺโต ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา สุขุเมสุ ขนฺธธาตุอายตนาทีสุ อตฺถนฺตเรสุ กุสโล อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เถรานํ ภิกฺขูนํ อภิธมฺมกถํ กเถนฺตานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตตี’’ติ. ตตฺถ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตตีติ เถเรหิ วุจฺจมานสฺส กถาปพนฺธสฺส อนฺตเร อนฺตเร อตฺตโน กถํ ปเวเสตีติ อตฺโถ. ปฺจหิ สํสคฺเคหีติ สวนสํสคฺโค, ทสฺสนสํสคฺโค, สมุลฺลาปสํสคฺโค, สมฺโภคสํสคฺโค, กายสํสคฺโคติ อิเมหิ ปฺจหิ สํสคฺเคหิ. กิฏฺขาทโกติ กิฏฺฏฺาเน อุปฺปนฺนสสฺสฺหิ กิฏฺนฺติ วุตฺตํ การณูปจาเรน. สิปฺปิโย สุตฺติโย. สมฺพุกาติ สงฺขมาห.

คิหิภาเว วณฺณํ กเถสีติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๒๒) กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กิร สาสเน ทฺเว สหายกา อเหสุํ, อฺมฺํ สมคฺคา เอกโตว สชฺฌายนฺติ. เตสุ เอโก อนภิรโต คิหิภาเว จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อิตรสฺส อาโรเจสิ. โส คิหิภาเว อาทีนวํ, ปพฺพชฺชาย อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา โอวทิ. โส ตํ สุตฺวา อภิรมิตฺวา ปุน เอกทิวสํ ตาทิเส จิตฺเต อุปฺปนฺเน ตํ เอตทโวจ – ‘‘มยฺหํ, อาวุโส, เอวรูปํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, อิมาหํ ปตฺตจีวรํ ตุยฺหํ ทสฺสามี’’ติ. โส ปตฺตจีวรโลเภน ตสฺส คิหิภาเว อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา ปพฺพชฺชาย อาทีนวํ กเถสิ. ตสฺส ตํ สุตฺวาว คิหิภาวโต จิตฺตํ นิวตฺเตตฺวา ปพฺพชฺชายเมว อภิรมิ. เอวเมส ตทา สีลวนฺตสฺส ภิกฺขุโน คิหิภาเว อานิสํสกถาย กถิตตฺตา อิทานิ ฉ วาเร วิพฺภมิตฺวา สตฺตมวาเร ปพฺพชิตฺวา มหาโมคฺคลฺลานสฺส มหาโกฏฺิกตฺเถรสฺส จ อภิธมฺมกถํ กเถนฺตานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตสิ. อถ นํ มหาโกฏฺิกตฺเถโร อปสาเทสิ. โส มหาสาวกสฺส กถิเต ปติฏฺาตุํ อสกฺโกนฺโต วิพฺภมิตฺวา คิหิ ชาโต. โปฏฺปาทสฺส ปนายํ คิหิสหายโก อโหสิ, ตสฺมา วิพฺภมิตฺวา ทฺวีหตีหจฺจเยน โปฏฺปาทสฺส สนฺติกํ คโต. อถ นํ โส ทิสฺวา – ‘‘สมฺม, กึ ตยา กตํ, เอวรูปสฺส นาม สตฺถุ สาสนา อปสกฺกนฺโตสิ, เอหิ ปพฺพชิตุํ ทานิ เต วฏฺฏตี’’ติ ตํ คเหตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. ตสฺมึ าเน ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺตเม วาเร ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ.

หตฺถิสาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. มชฺเฌสุตฺตวณฺณนา

๖๑. สตฺตเม มนฺตาติ ย-การโลเปน นิทฺเทโส, กรณตฺเถ วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. เตนาห ‘‘ตาย อุโภ อนฺเต วิทิตฺวา’’ติ. ผสฺสวเสน นิพฺพตฺตตฺตาติ ทฺวยทฺวยสมาปตฺติยํ อฺมฺํ สมฺผสฺสวเสน นิพฺพตฺตตฺตา, ‘‘ผสฺสปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ อิมินา จานุกฺกเมน ผสฺสสมุฏฺานตฺตา อิมสฺส กายสฺส ผสฺสวเสน นิพฺพตฺตตฺตาติ วุตฺตํ. เอโก อนฺโตติ เอตฺถ อยํ อนฺต-สทฺโท อนฺตอพฺภนฺตรมริยาทลามกอภาวโกฏฺาสปทปูรณสมีปาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘อนฺตปูโร อุทรปูโร’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๙๗) หิ อนฺเต อนฺตสทฺโท. ‘‘จรนฺติ โลเก ปริวารฉนฺนา อนฺโต อสุทฺธา, พหิ โสภมานา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๒) อพฺภนฺตเร. ‘‘กายพนฺธนสฺส อนฺโต ชีรติ (จูฬว. ๒๗๘) สา หริตนฺตํ วา ปนฺถนฺตํ วา เสลนฺตํ วา อุทกนฺตํ วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) มริยาทายํ. ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๘๐; อิติวุ. ๙๑) ลามเก. ‘‘เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๓; สํ. นิ. ๒.๕๑) อภาเว. สพฺพปจฺจยสงฺขโย หิ ทุกฺขสฺส อภาโว โกฏีติปิ วุจฺจติ. ‘‘ตโย อนฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) โกฏฺาเส. ‘‘อิงฺฆ ตาว สุตฺตนฺตํ วา คาถาโย วา อภิธมฺมํ วา ปริยาปุณสฺสุ, สุตฺตนฺเต โอกาสํ การาเปตฺวา’’ติ (ปาจิ. ๔๔๒) จ อาทีสุ ปทปูรเณ. ‘‘คามนฺตํ วา โอสโฏ (ปารา. ๔๐๙-๔๑๐; จูฬว. ๓๔๓) คามนฺตเสนาสน’’นฺติอาทีสุ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๑๐) สมีเป. สฺวายมิธ โกฏฺาเส วตฺตตีติ อยเมโก โกฏฺาโสติ.

สนฺโต ปรมตฺถโต วิชฺชมาโน ธมฺมสมูโหติ สกฺกาโย, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. เตนาห ‘‘เตภูมกวฏฺฏ’’นฺติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

มชฺเฌสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ปุริสินฺทฺริยาณสุตฺตวณฺณนา

๖๒. อฏฺเม นิพฺพตฺติวเสน อปายสํวตฺตนิเยน วา กมฺมุนา อปาเยสุ นิยุตฺโตติ อาปายิโก เนรยิโกติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อวีจิมฺหิ อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ อายุกปฺปสฺิตํ อนฺตรกปฺปํ ติฏฺตีติ กปฺปฏฺโ. นิรยูปปตฺติปริหรณวเสน ติกิจฺฉิตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ อเตกิจฺโฉ. อขณฺฑานีติ เอกเทเสนปิ อขณฺฑิตานิ. ภินฺนกาลโต ปฏฺาย พีชํ พีชตฺถาย น อุปกปฺปติ. อปูตีนีติ อุทกเตมเนน อปูติกานิ. ปูติกฺหิ พีชํ พีชตฺถาย น อุปกปฺปติ. อวาตาตปหตานีติ วาเตน จ อาตเปน จ น หตานิ นิโรชตํ น ปาปิตานิ. นิโรชฺหิ กสฏํ พีชํ พีชตฺถาย น อุปกปฺปติ. ‘‘สาราทานี’’ติ วตฺตพฺเพ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวา ปาฬิยํ ‘‘สารทานี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สาราทานี’’ติ. ตณฺฑุลสารสฺส อาทานโต สาราทานิ, คหิตสารานิ ปติฏฺิตสารานิ. นิสฺสรฺหิ พีชํ พีชตฺถาย น อุปกปฺปติ. สุขสยิตานีติ จตฺตาโร มาเส โกฏฺเ ปกฺขิตฺตนิยาเมเนว สุขสยิตานิ สุฏฺุ สนฺนิจิตานิ. มณฺฑเขตฺเตติ อูสขาราทิโทเสหิ อวิทฺธสฺเต สารกฺเขตฺเต. อภิโทติ อภิ-สทฺเทน สมานตฺถนิปาตปทนฺติ อาห ‘‘อภิอฑฺฒรตฺต’’นฺติ. นตฺถิ เอตสฺส ภิทาติ วา อภิโท. ‘‘อภิทํ อฑฺฒรตฺต’’นฺติ วตฺตพฺเพ อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. อฑฺฒรตฺตนฺติ จ อจฺจนฺตสํโยควจนํ, ภุมฺมตฺเถ วา. ตสฺมา อภิโท อฑฺฒรตฺตนฺติ อภินฺเน อฑฺฒรตฺตสมเยติ อตฺโถ. ปุณฺณมาสิยฺหิ คคนมชฺฌสฺส ปุรโต วา ปจฺฉโต วา จนฺเท ิเต อฑฺฒรตฺตสมโย ภินฺโน นาม โหติ, มชฺเฌ เอว ปน ิเต อภินฺโน นาม.

สุปฺปพุทฺธสุนกฺขตฺตาทโยติ เอตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๒๗ สุปฺปพุทฺธสกฺยวตฺถุ) สุปฺปพุทฺโธ กิร สากิโย ‘‘มม ธีตรํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขนฺโต, มม ปุตฺตํ ปพฺพาเชตฺวา ตสฺส เวริฏฺาเน ิโต จา’’ติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา เอกทิวสํ ‘‘น ทานิ นิมนฺติตฏฺานํ คนฺตฺวา ภุฺชิตุํ ทสฺสามี’’ติ คมนมคฺคํ ปิทหิตฺวา อนฺตรวีถิยํ สุรํ ปิวนฺโต นิสีทิ. อถสฺส สตฺถริ ภิกฺขุสงฺฆปริวุเต ตํ านํ อาคเต ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ อาโรเจสุํ. โส อาห – ‘‘ปุรโต คจฺฉาติ ตสฺส วเทถ, นายํ มยา มหลฺลกตโร, นาสฺส มคฺคํ ทสฺสามี’’ติ. ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโนปิ ตเถว นิสีทิ. สตฺถา มาตุลสฺส สนฺติกา มคฺคํ อลภิตฺวา ตโตว นิวตฺติ. โสปิ จรปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ ตสฺส กถํ สุตฺวา เอหี’’ติ. สตฺถาปิ นิวตฺตนฺโต สิตํ กตฺวา อานนฺทตฺเถเรน – ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, สิตปาตุกมฺเม ปจฺจโย’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘ปสฺสสิ, อานนฺท, สุปฺปพุทฺธ’’นฺติ. ปสฺสามิ, ภนฺเต. ภาริยํ เตน กมฺมํ กตํ มาทิสสฺส พุทฺธสฺส มคฺคํ อเทนฺเตน, อิโต สตฺตเม ทิวเส เหฏฺาปาสาเท ปาสาทมูเล ปถวิยา ปวิสิสฺสตี’’ติ อาจิกฺขิ.

สุนกฺขตฺโตปิ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๗) ปุพฺเพ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิพฺพจกฺขุปริกมฺมํ ปุจฺฉิ. อถสฺส ภควา กเถสิ. โส ทิพฺพจกฺขุํ นิพฺพตฺเตตฺวา อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา โอโลเกนฺโต เทวโลเก นนฺทนวนจิตฺตลตาวนผารุสกวนมิสฺสกวเนสุ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาเน เทวปุตฺเต จ เทวธีตโร จ ทิสฺวา – ‘‘เอเตสํ เอวรูปาย อตฺตภาวสมฺปตฺติยา ิตานํ กิร มธุโร นุ โข สทฺโท ภวิสฺสตี’’ติ สทฺทํ โสตุกาโม หุตฺวา ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิพฺพโสตธาตุปริกมฺมํ ปุจฺฉิ. ภควา ปนสฺส – ‘‘ทิพฺพโสตธาตุสฺส อุปนิสฺสโย นตฺถี’’ติ ตฺวา ปริกมฺมํ น กเถสิ. น หิ พุทฺธา ยํ น ภวิสฺสติ, ตสฺส ปริกมฺมํ กเถนฺติ. โส ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สมณํ โคตมํ ปมํ ทิพฺพจกฺขุปริกมฺมํ ปุจฺฉึ, โส มยฺหํ ‘สมฺปชฺชตุ วา มา วา สมฺปชฺชตู’ติ กเถสิ. อหํ ปน ปจฺจตฺตปุริสกาเรน ตํ นิพฺพตฺเตตฺวา ทิพฺพโสตธาตุปริกมฺมํ ปุจฺฉึ, ตํ เม น กเถสิ. อทฺธา เอวํ โหติ ‘อยํ ราชปพฺพชิโต ทิพฺพจกฺขุาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา, ทิพฺพโสตาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา, เจโตปริยกมฺมาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา, อาสวานํ ขเย าณํ นิพฺพตฺเตตฺวา, มยา สมสโม ภวิสฺสตี’ติ อิสฺสามจฺฉริยวเสน มยฺหํ น กเถตี’’ติ ภิยฺโยโส อาฆาตํ พนฺธิตฺวา กาสายานิ ฉฑฺเฑตฺวา คิหิภาวํ ปตฺวาปิ น ตุณฺหีภูโต วิหาสิ. ทสพลํ ปน อสตา ตุจฺเฉน อพฺภาจิกฺขิตฺวา อปายูปโค อโหสิ. ตมฺปิ ภควา พฺยากาสิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘เอวมฺปิ โข, ภคฺคว, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต มยา วุจฺจมาโน อปกฺกเมว อิมสฺมา ธมฺมวินยา, ยถา ตํ อาปายิโก’’ติ (ที. นิ. ๓.๖). เตน วุตฺตํ ‘‘อปเรปิ สุปฺปพุทฺธสุนกฺขตฺตาทโย ภควตา าตาวา’’ติ. อาทิ-สทฺเทน โกกาลิกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

สุสีโม ปริพฺพาชโกติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๗๐) เอวํนามโก เวทงฺเคสุ กุสโล ปณฺฑิโต ปริพฺพาชโก. อฺติตฺถิยา หิ ปริหีนลาภสกฺการสิโลกา ‘‘สมโณ โคตโม น ชาติโคตฺตาทีนิ อารพฺภ ลาภคฺคปฺปตฺโต ชาโต, กวิเสฏฺโ ปเนส อุตฺตมกวิตาย สาวกานํ พนฺธํ พนฺธิตฺวา เทติ. เต ตํ อุคฺคณฺหิตฺวา อุปฏฺากานํ อุปนิสินฺนกถมฺปิ อนุโมทนมฺปิ สรภฺมฺปีติ เอวมาทีนิ กเถนฺติ. เต เตสํ ปสนฺนานํ ลาภํ อุปสํหรนฺติ. สเจ มยํ ยํ สมโณ โคตมา ชานาติ, ตโต โถกํ ชาเนยฺยาม, อตฺตโน สมยํ ตตฺถ ปกฺขิปิตฺวา มยมฺปิ อุปฏฺากานํ กเถยฺยาม. ตโต เอเตหิ ลาภิตรา ภเวยฺยาม. โก นุ โข สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ขิปฺปเมว อุคฺคณฺหิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา ‘‘สุสิโม ปฏิพโล’’ติ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ ‘‘เอหิ ตฺวํ, อาวุโส สุสีม, สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยํ จร, ตฺวํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา อมฺเห วาเจยฺยาสิ, ตํ มยํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา คิหีนํ ภาสิสฺสาม, เอวํ มยมฺปิ สกฺกตา ภวิสฺสาม ครุกตา มานิตา ปูชิตา ลาภิโน จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๗๐).

อถ สุสีโม ปริพฺพาชโก เตสํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เยนานนฺโท เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เถโร จ ตํ อาทาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. ภควา ปน จินฺเตสิ ‘‘อยํ ปริพฺพาชโก ติตฺถิยสมเย ‘อหํ ปาฏิเอกฺโก สตฺถา’ติ ปฏิชานมาโน จรติ, ‘อิเธว มคฺคพฺรหฺมจริยํ จริตุํ อิจฺฉามี’ติ กิร วทติ, กึ นุ โข มยิ ปสนฺโน, อุทาหุ มยฺหํ วา มม สาวกานํ ธมฺมกถาย ปสนฺโน’’ติ. อถสฺส เอกฏฺาเนปิ ปสาทาภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ มม สาสเน ‘ธมฺมํ เถเนสฺสามี’ติ ปพฺพชติ, อิติสฺส อาคมนํ อปริสุทฺธํ, นิปฺผตฺติ นุ โข กีทิสา’’ติ โอโลเกนฺโต ‘‘กิฺจาปิ ‘ธมฺมํ เถเนสฺสามี’ติ ปพฺพชติ, กติปาเหเนว ปน ฆเฏตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘เตนหานนฺท, สุสีมํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาห. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ภควตา โก าโต? สุสีโม ปริพฺพาชโก’’ติ.

สนฺตติมหามตฺโตติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๔๑ สนฺตติมหามตฺตวตฺถุ) โส กิร เอกสฺมึ กาเล รฺโ ปเสนทิสฺส ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วูปสเมตฺวา อาคโต. อถสฺส ราชา ตุฏฺโ สตฺต ทิวสานิ รชฺชํ ทตฺวา เอกํ นจฺจคีตกุสลํ อิตฺถึ อทาสิ. โส สตฺต ทิวสานิ สุรามทมตฺโต หุตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพาลงฺการปฺปฏิมณฺฑิโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นหานติตฺถํ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทฺวารนฺตเร ทิสฺวา หตฺถิกฺขนฺธวรคโตว สีสํ จาเลตฺวา วนฺทิ. สตฺถา สิตํ กตฺวา ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, สิตปาตุกรเณ เหตู’’ติ อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ สิตการณํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘ปสฺสสิ, อานนฺท, สนฺตติมหามตฺตํ, อชฺเชว สพฺพาภรณปฺปฏิมณฺฑิโต มม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา จาตุปฺปทิกคาถาวสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ โก าโต ภควตาติ? สนฺตติมหามตฺโต’’ติ.

ปุริสินฺทฺริยาณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นิพฺเพธิกสุตฺตวณฺณนา

๖๓. นวเม ปริหายติ อตฺตโน ผลํ ปริคฺคเหตฺวา วตฺตติ, ตสฺส วา การณภาวํ อุปคจฺฉตีติ ปริยาโยติ อิธ การณํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘นิพฺพิชฺฌนการณ’’นฺติ.

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อหตานํ วตฺถานํ ทิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ เอตฺถ หิ ปฏลฏฺโ คุณฏฺโ. ‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย, วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๔) เอตฺถ ราสฏฺโ คุณฏฺโ. ‘‘สตคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) เอตฺถ อานิสํสฏฺโ. ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณํ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺตึสากาโร), กยิรา มาลาคุเณ พหู’’ติ (ธ. ป. ๕๓) เอตฺถ พนฺธนฏฺโ คุณฏฺโ. อิธาปิ เอโสว อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘พนฺธนฏฺเน คุณา’’ติ. กามราคสฺส สํโยชนสฺส ปจฺจยภาเวน วตฺถุกาเมสุปิ พนฺธนฏฺโ ราสฏฺโ วา คุณฏฺโ ทฏฺพฺโพ. จกฺขุวิฺเยฺยาติ วา จกฺขุวิฺาณตํทฺวาริกวิฺาเณหิ ชานิตพฺพา. โสตวิฺเยฺยาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อิฏฺารมฺมณภูตาติ สภาเวเนว อิฏฺารมฺมณชาติกา, อิฏฺารมฺมณภาวํ วา ปตฺตา. กมนียาติ กาเมตพฺพา. มนวฑฺฒนกาติ มโนหรา. เอเตน ปริกปฺปนโตปิ อิฏฺารมฺมณภาวํ สงฺคณฺหาติ. ปิยชาติกาติ ปิยายิตพฺพสภาวา. กามูปสฺหิตาติ กามราเคน อุเปจฺจ สมฺพนฺธนียา สมฺพนฺธา กาตพฺพา. เตนาห ‘‘อารมฺมณํ กตฺวา’’ติอาทิ. สงฺกปฺปราโคติ วา สุภาทิวเสน สงฺกปฺปิตวุตฺถมฺหิ อุปฺปนฺนราโค. เอวเมตฺถ วตฺถุกามํ ปฏิกฺขิปิตฺวา กิเลสกาโม วุตฺโต ตสฺเสว วเสน เตสมฺปิ กามภาวสิทฺธิโต, กิเลสกามสฺสปิ อิฏฺเวทนา ทิฏฺาทิสมฺปโยคเภเทน ปวตฺติอาการเภเทน จ อตฺถิ วิจิตฺตกาติ ตโต วิเสเสตุํ ‘‘จิตฺรวิจิตฺรารมฺมณานี’’ติ อาห, นานปฺปการานิ รูปาทิอารมฺมณานีติ อตฺโถ.

อเถตฺถ ธีรา วินยนฺติ ฉนฺทนฺติ อถ เอเตสุ อารมฺมเณสุ ธิติสมฺปนฺนา ปณฺฑิตา ฉนฺทราคํ วินยนฺติ.

ตชฺชาติกนฺติ ตํสภาวํ, อตฺถโต ปน ตสฺส กามสฺส อนุรูปนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปุฺสฺส ภาโค ปุฺภาโค, ปุฺโกฏฺาโส. เตน นิพฺพตฺโต, ตตฺถ วา ภโวติ ปุฺภาคิโย. อปุฺภาคิโยติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. วิปาโกเยว เวปกฺกนฺติ อาห ‘‘โวหารวิปาก’’นฺติ.

สพฺพสงฺคาหิกาติ กุสลากุสลสาธารณา. สํวิทหนเจตนาติ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ สํวิทหนลกฺขณา เจตนา. อุรตฺตาฬินฺติ อุรํ ตาเฬตฺวา. เอกปทนฺติ เอกปทจิตํ มนฺตํ. เตนาห ‘‘เอกปทมนฺตํ วา’’ติอาทิ.

นิพฺเพธิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา

๖๔. ทสเม ตถาคตพลานีติ อฺเหิ อสาธารณานิ ตถาคตสฺเสว พลานิ. นนุ เจตานิ สาวกานมฺปิ เอกจฺจานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ? กามํ อุปฺปชฺชนฺติ, ยาทิสานิ ปน พุทฺธานํ านาฏฺานาณาทีนิ, น ตาทิสานิ ตทฺเสํ กทาจิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อฺเหิ อสาธารณานิ. อิมเมว หิ ยถาวุตฺตํ เลสํ อเปกฺขิตฺวา สาธารณภาวโต อาสยานุสยาณาทีสุ เอว อสาธารณสมฺา นิรุฬฺหา. ยถา ปุพฺพพุทฺธานํ พลานิ ปุฺสฺส สมฺปตฺติยา อาคตานิ, ตถา อาคตพลานีติ วา ตถาคตพลานิ. อุสภสฺส อิทํ อาสภํ, เสฏฺฏฺานํ. ปมุขนาทนฺติ เสฏฺนาทํ. ปฏิเวธาณฺเจว เทสนาาณฺจาติ เอตฺถ ปฺาย ปภาวิตํ อตฺตโน อริยผลาวหํ ปฏิเวธาณํ. กรุณาย ปภาวิตํ สาวกานํ อริยผลาวหํ เทสนาาณํ. ตตฺถ ปฏิเวธาณํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปนฺนนฺติ ทุวิธํ. ตฺหิ อภินิกฺขมนโต ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. ตุสิตภวนโต ยาว มหาโพธิปลฺลงฺเก อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. ทีปงฺกรโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. เทสนาาณมฺปิ ปวตฺตมานํ ปวตฺตนฺติ ทุวิธํ. ตฺหิ ยาว อฺาตโกณฺฑฺสฺส โสตาปตฺติมคฺคา ปวตฺตมานํ, ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นาม. เตสุ ปฏิเวธาณํ โลกุตฺตรํ, เทสนาาณํ โลกิยํ. อุภยมฺปิ ปเนตํ อฺเหิ อสาธารณํ, พุทฺธานฺเว โอรสาณํ.

านฺจ านโต ปชานาตีติ การณฺจ การณโต ปชานาติ. ยสฺมา ตตฺถ ผลํ ติฏฺติ ตทายตฺตวุตฺติตาย อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จ, ตสฺมา านนฺติ วุจฺจติ. ภควา ‘‘เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ เหตู ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ านํ, เย เย ธมฺมา เยยํ เยยํ ธมฺมานํ น เหตู น ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ อฏฺาน’’นฺติ ปชานนฺโต านโต อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ.

สมาทิยนฺตีติ สมาทานานิ, ตานิ ปน สมาทิยิตฺวา กตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาทิยิตฺวา กตาน’’นฺติ. กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานนฺติ เอเตน ‘‘สมาทาน’’นฺติ สทฺทสฺส อปุพฺพตฺถาภาวํ ทสฺเสติ มุตฺตคตสทฺเท คตสทฺทสฺส วิย. คตีติ นิรยาทิคติโย. อุปธีติ อตฺตภาโว. กาโลติ กมฺมสฺส วิปจฺจนารหกาโล. ปโยโคติ วิปากุปฺปตฺติยา ปจฺจยภูตา กิริยา.

จตุนฺนํ ฌานานนฺติ ปจฺจนีกชฺฌาปนฏฺเน อารมฺมณูปนิชฺฌานฏฺเน จ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ. จตุกฺกนเยน เหตํ วุตฺตํ. อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานนฺติ ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนํ (ม. นิ. ๒.๒๔๘; ๓.๓๑๒; ธ. ส. ๒๔๘; ปฏิ. ม. ๑.๒๐๙) อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ. ติณฺณํ สมาธีนนฺติ สวิตกฺกสวิจาราทีนํ ติณฺณํ สมาธีนํ. นวนฺนํ อนุปุพฺพสมาปตฺตีนนฺติ ปมชฺฌานสมาปตฺติอาทีนํ นวนฺนํ อนุปุพฺพสมาปตฺตีนํ. เอตฺถ จ ปฏิปาฏิยา อฏฺนฺนํ สมาธีติปิ นามํ, สมาปตฺตีติปิ จิตฺเตกคฺคตาสพฺภาวโต, นิโรธสมาปตฺติยา ตทภาวโต น สมาธีติ นามํ. หานภาคิยํ ธมฺมนฺติ อปฺปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ กามาทิปกฺขนฺทนํ. วิเสสภาคิยํ ธมฺมนฺติ ปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ ทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนํ. อิติ สฺามนสิการานํ กามาทิทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนานิ หานภาคิยวิเสสภาคิยธมฺมาติ ทสฺสิตานิ. เตหิ ปน ฌานานํ ตํสภาวตา ธมฺมสทฺเทน วุตฺตา. ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติ. โวทานนฺติ ปคุณตาสงฺขาตํ โวทานํ. ตฺหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺหิตฺวา ทุติยชฺฌานาทีนํ อธิคมสฺส ปจฺจยตฺตา ‘‘วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. เย ปน ‘‘นิโรธโต ผลสมาปตฺติยา วุฏฺานนฺติ ปาฬิ นตฺถี’’ติ วทนฺติ. เต ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อิมาย ปาฬิยํ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) ปฏิเสเธตพฺพา.

สีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. เทวตาวคฺโค

๑-๓. อนาคามิผลสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๕-๖๗. สตฺตมสฺส ปมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ. ตติเย อภิสมาจาเร อุตฺตมสมาจาเร ภวํ อาภิสมาจาริกํ, วตฺตปฺปฏิปตฺติวตฺตํ. เตนาห ‘‘อุตฺตมสมาจารภูต’’นฺติอาทิ. เสขปณฺณตฺติสีลนฺติ เสขิยวเสน ปฺตฺตสีลํ.

อนาคามิผลสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๕. สงฺคณิการามสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๘-๖๙. จตุตฺเถ คเณน สงฺคณํ สโมธานํ คณสงฺคณิกา, สา อารมิตพฺพฏฺเน อาราโม เอตสฺสาติ คณสงฺคณิการาโม. สงฺคณิกาติ วา สกปริสสโมธานํ. คโณติ นานาชนสโมธานํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว. ปฺจมํ อุตฺตานตฺถเมว.

สงฺคณิการามสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สมาธิสุตฺตวณฺณนา

๗๐. ฉฏฺเ ปฏิปฺปสฺสมฺภนํ ปฏิปฺปสฺสทฺธีติ อตฺถโต เอกนฺติ อาห ‘‘น ปฏิปฺปสฺสทฺธิลทฺเธนาติ กิเลสปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อลทฺเธนา’’ติ. สุกฺกปกฺเข สนฺเตนาติอาทีสุ องฺคสนฺตตาย อารมฺมณสนฺตตาย สพฺพกิเลสสนฺตตาย จ สนฺเตน, อตปฺปนิยฏฺเน ปณีเตน, กิเลสปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิยา ลทฺธตฺตา, กิเลสปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิภาวํ วา ลทฺธตฺตา ปฏิปฺปสฺสทฺธิลทฺเธน, ปสฺสทฺธิกิเลเสน วา อรหตา ลทฺธตฺตา ปฏิปฺปสฺสทฺธิลทฺเธน, เอโกทิภาเวน อธิคตตฺตา เอโกทิภาวาธิคเตนาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

สมาธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๑๐. สกฺขิภพฺพสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๑-๗๔. สตฺตเม ตสฺมึ ตสฺมึ วิเสเสติ ตสฺมึ ตสฺมึ สจฺฉิกาตพฺเพ วิเสเส. สกฺขิภาวาย ปจฺจกฺขการิตาย ภพฺโพ สกฺขิภพฺโพ, ตสฺส ภาโว สกฺขิภพฺพตา. ตํ สกฺขิภพฺพตํ. สติ สติอายตเนติ สติ สติการเณ. กิฺเจตฺถ การณํ? อภิฺา วา อภิฺาปาทกชฺฌานํ วา, อวสาเน ปน ฉฏฺาภิฺาย อรหตฺตํ วา การณํ, อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา วาติ เวทิตพฺพํ. ยฺหิ ตํ ตตฺร ตตฺร สกฺขิภพฺพตาสงฺขาตํ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ, ตสฺส อภิฺา การณํ. อถ อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิ อภิฺา, เอวํ สติ อภิฺาปาทกชฺฌานํ การณํ. อรหตฺตมฺปิ ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’’ติ อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺเปตฺวา ฉฏฺาภิฺํ นิพฺพตฺเตนฺตสฺส การณํ. อิทฺจ สพฺพสาธารณํ น โหติ, สาธารณวเสน ปน อรหตฺตสฺส วิปสฺสนา การณํ. อถ วา สติ อายตเนติ ตสฺส ตสฺส วิเสสาธิคมสฺส อุปนิสฺสยสงฺขาเต การเณ สตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

หานภาคิยาทีสุ ‘‘ปมชฺฌานสฺส ลาภึ กามสหคตา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ, หานภาคิโย สมาธิ. ตทนุธมฺมตา สติ สนฺติฏฺติ, ิติภาคิโย สมาธิ. อวิตกฺกสหคตา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ, วิเสสภาคิโย สมาธิ. นิพฺพิทาสหคตา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ วิราคูปสํหิตา, นิพฺเพธภาคิโย สมาธี’’ติ (วิภ. ๗๙๙) อิมินา นเยน สพฺพสมาปตฺติโย วิตฺถาเรตฺวา หานภาคิยาทิอตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปมชฺฌานสฺส ลาภินฺติ ยฺวายํ อปฺปคุณสฺส ปมสฺส ฌานสฺส ลาภี, ตํ. กามสหคตา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺตีติ ตโต วุฏฺิตํ อารมฺมณวเสน กามสหคตา หุตฺวา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ ตุทนฺติ, ตสฺส กามานตีตสฺส กามานุปกฺขนฺทานํ สฺามนสิการานํ วเสน โส ปมชฺฌานสมาธิ หายติ ปริหายติ, ตสฺมา หานภาคิโย วุตฺโต. ตทนุธมฺมตาติ ตทนุรูปสภาโว. สติ สนฺติฏฺตีติ อิทํ มิจฺฉาสตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ยสฺส หิ ปมชฺฌานานุรูปสภาวา ปมชฺฌานํ สนฺตโต ปณีตโต ทิสฺวา อสฺสาทยมานา อภินนฺทมานา นิกนฺติ โหติ, ตสฺส นิกนฺติวเสน โส ปมชฺฌานสมาธิ เนว หายติ น วฑฺฒติ, ิติโกฏฺาสิโก โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ิติภาคิโย สมาธี’’ติ. อวิตกฺกสหคตาติ อวิตกฺกํ ทุติยชฺฌานํ สนฺตโต ปณีตโต มนสิกโรโต อารมฺมณวเสน อวิตกฺกสหคตา. สฺามนสิการา สมุทาจรนฺตีติ ปคุณปมชฺฌานโต วุฏฺิตํ ทุติยชฺฌานาธิคมตฺถาย โจเทนฺติ ตุทนฺติ. ตสฺส อุปริ ทุติยชฺฌานานุปกฺขนฺทานํ สฺามนสิการานํ วเสน โส ปมชฺฌานสมาธิ วิเสสภูตสฺส ทุติยชฺฌานสฺส อุปฺปตฺติปทฏฺานตาย ‘‘วิเสสภาคิโย’’ติ วุตฺโต.

นิพฺพิทาสหคตาติ ตเมว ปมชฺฌานลาภึ ฌานโต วุฏฺิตํ นิพฺพิทาสงฺขาเตน วิปสฺสนาาเณน สหคตา. วิปสฺสนาาณฺหิ ฌานงฺเคสุ ปเภเทน อุปฏฺหนฺเตสุ นิพฺพินฺทติ อุกฺกณฺติ, ตสฺมา ‘‘นิพฺพิทา’’ติ วุจฺจติ. สมุทาจรนฺตีติ นิพฺพานสจฺฉิกิริยตฺถาย โจเทนฺติ ตุทนฺติ. วิราคูปสํหิตาติ วิราคสงฺขาเตน นิพฺพาเนน อุปสํหิตา. วิปสฺสนาาณฺหิ สกฺกา อิมินา มคฺเคน วิราคํ นิพฺพานํ สจฺฉิกาตุนฺติ ปวตฺติโต ‘‘วิราคูปสํหิต’’นฺติ วุจฺจติ. ตํสมฺปยุตฺตา สฺามนสิการา วิราคูปสํหิตา เอว นาม. ตสฺส เตสํ สฺามนสิการานํ วเสน ปมชฺฌานสมาธิ อริยมคฺคปฺปฏิเวธสฺส ปทฏฺานตาย ‘‘นิพฺเพธภาคิโย’’ติ วุตฺโต. หานํ ภชนฺตีติ หานภาคิยา, หานภาโค วา เอเตสํ อตฺถีติ หานภาคิยา, ปริหานโกฏฺาสิกาติ อตฺโถ. อิมินา นเยน ิติภาคิโย เวทิตพฺโพ. อฏฺมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

สกฺขิภพฺพสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

เทวตาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อรหตฺตวคฺโค

๑-๓. ทุกฺขสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๕-๗๗. อฏฺมสฺส ปมาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ. ตติเย ติวิธํ กุหนวตฺถุนฺติ ปจฺจยปฺปฏิเสวนสามนฺตชปฺปนอิริยาปถปฺปวตฺตนสงฺขาตํ ติวิธํ กุหนวตฺถุํ. อุกฺขิปิตฺวาติ ‘‘มหากุฏุมฺพิโก มหานาวิโก มหาทานปตี’’ติอาทินา ปคฺคณฺหิตฺวา ลปนํ. อวกฺขิปิตฺวาติ ‘‘กึ อิมสฺส ชีวิตํ, พีชโภชโน นามาย’’นฺติ หีเฬตฺวา ลปนํ.

ทุกฺขสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สุขโสมนสฺสสุตฺตวณฺณนา

๗๘. จตุตฺเถ ยถาวุตฺตธมฺมาทีสุ ตสฺส กิเลสนิมิตฺตํ ทุกฺขํ อนวสฺสนนฺติ ‘‘สุขโสมนสฺสพหุโล วิหรตี’’ติ วุตฺตํ. กายิกสุขฺเจว เจตสิกโสมนสฺสฺจ พหุลํ อสฺสาติ สุขโสมนสฺสพหุโล. ยวติ เตน ผลํ มิสฺสิตํ วิย โหตีติ โยนิ, เอกนฺติกํ การณํ. อสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส ภิกฺขุโน. ปริปุณฺณนฺติ อวิกลํ อนวเสสํ.

สุขโสมนสฺสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อธิคมสุตฺตวณฺณนา

๗๙. ปฺจเม อาคจฺฉนฺติ เอเตน กุสลา วา อกุสลา วาติ อาคมนํ, กุสลากุสลานํ อุปฺปตฺติการณํ. ตตฺถ กุสโลติ อาคมนกุสโล. เอวํ ธมฺเม มนสิกโรโต กุสลา วา อกุสลา วา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตีติ เอวํ ชานนฺโต. อปคจฺฉนฺติ กุสลา วา อกุสลา วา เอเตนาติ อปคมนํ. เตสํ เอว อนุปฺปตฺติการณํ, ตตฺถ กุสโลติ อปคมนกุสโล. เอวํ ธมฺเม มนสิกโรโต กุสลา วา อกุสลา วา ธมฺมา นาภิวฑฺฒนฺตีติ เอวํ ชานนฺโต. อุปายกุสโลติ านุปฺปตฺติกปฺาสมนฺนาคโต. อิทฺจ อจฺจายิกกิจฺเจ วา ภเย วา อุปฺปนฺเน ตสฺส ติกิจฺฉนตฺถํ านุปฺปตฺติยา การณชานนวเสน เวทิตพฺพํ.

อธิคมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๗. มหนฺตตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา

๘๐-๘๑. ฉฏฺเ สมฺปตฺเตติ กิเลเส สมฺปตฺเต. สตฺตมํ อุตฺตานเมว.

มหนฺตตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘-๑๐. ทุติยนิรยสุตฺตาทิวณฺณนา

๘๒-๘๔. อฏฺเม กายปาคพฺภิยาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน วจีปาคพฺภิยํ มโนปาคพฺภิยฺจ สงฺคณฺหาติ. นวมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

ทุติยนิรยสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อรหตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. สีติวคฺโค

๑. สีติภาวสุตฺตวณฺณนา

๘๕. นวมสฺส ปเม สีติภาวนฺติ นิพฺพานํ, กิเลสวูปสมํ วา. นิคฺคณฺหาตีติ อจฺจารทฺธวีริยตาทีหิ อุทฺธตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺจปกฺขโต รกฺขณวเสน นิคฺคณฺหาติ. ปคฺคณฺหาตีติ อติสิถิลวีริยตาทีหิ ลีนํ จิตฺตํ โกสชฺชปาตโต รกฺขณวเสน ปคฺคณฺหาติ. สมฺปหํเสตีติ สมปฺปวตฺตจิตฺตํ ตถาปวตฺติยํ ปฺาย โตเสติ อุตฺเตเชติ วา. ยทา วา ปฺาปโยคมนฺทตาย อุปสมสุขานธิคเมน วา นิรสฺสาทํ จิตฺตํ ภาวนาย น ปกฺขนฺทติ, ตทา ชาติอาทีนิ สํเวควตฺถูนิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สมฺปหํเสติ สมุตฺเตเชติ. อชฺฌุเปกฺขตีติ ยทา ปน จิตฺตํ อลีนํ อนุทฺธตํ อนิรสฺสาทํ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมฺมเทว ภาวนาวีตึ โอติณฺณํ โหติ, ตทา ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ กิฺจิ พฺยาปารํ อกตฺวา สมปฺปวตฺเตสุ อสฺเสสุ สารถี วิย อชฺฌุเปกฺขติ, อุเปกฺขโกว โหติ. ปณีตาธิมุตฺติโกติ ปณีเต อุตฺตเม มคฺคผเล อธิมุตฺโต นินฺนโปณปพฺภาโร.

สีติภาวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๑๑. อาวรณสุตฺตาทิวณฺณนา

๘๖-๙๕. ทุติเย อจฺฉนฺทิโกติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทรหิโต. อุตฺตรกุรุกา มนุสฺสา อจฺฉนฺทิกฏฺานํ ปวิฏฺา. ทุปฺปฺโติ ภวงฺคปฺาย ปริหีโน. ภวงฺคปฺาย ปน ปริปุณฺณายปิ ยสฺส ภวงฺคํ โลกุตฺตรสฺส ปจฺจโย น โหติ, โสปิ ทุปฺปฺโ เอว นาม. อภพฺโพ นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนฺติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ อริยมคฺคํ โอกฺกมิตุํ อธิคนฺตุํ อภพฺโพ. น กมฺมาวรณตายาติอาทีสุ อภพฺพวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. จตุตฺถาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

อาวรณสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

สีติวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อานิสํสวคฺโค

๑-๑๑. ปาตุภาวสุตฺตาทิวณฺณนา

๙๖-๑๐๖. ทสมสฺส ปมาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ. อฏฺเม เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตาวา, ตสฺส ภาโว เมตฺตาวตา, เมตฺตาปฏิปตฺติ, ตาย. สา ปน เมตฺตาวตา เมตฺตาวเสน ปาริจริยาติ อาห ‘‘เมตฺตายุตฺตาย ปาริจริยายา’’ติ. ปริจรนฺติ วิปฺปกตพฺรหฺมจริยตฺตา. ปริจิณฺณสตฺถุเกน สาวเกน นาม สตฺถุโน ยาว ธมฺเมน กาตพฺพา ปาริจริยา, ตาย สมฺมเทว สมฺปาทิตตฺตา. นวมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

ปาตุภาวสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อานิสํสวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๗-๑๑๖. เอกาทสมวคฺโค อุตฺตานตฺโถเยว.

อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย

ฉกฺกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

องฺคุตฺตรนิกาเย

สตฺตกนิปาต-ฏีกา

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. ธนวคฺควณฺณนา

๑-๑๐. สตฺตกนิปาตสฺส ปโม วคฺโค อุตฺตานตฺโถ.

๒. อนุสยวคฺโค

๔.ปุคฺคลสุตฺตวณฺณนา

๑๔. ทุติยสฺส จตุตฺเถ อุภโต อุภยถา, อุภโต อุโภหิ ภาเคหิ วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต เอกเทสสรูเปกเสสนเยน. ทฺวีหิ ภาเคหีติ กรเณ นิสฺสกฺเก เจตํ พหุวจนํ. อาวุตฺติอาทิวเสน อยํ นิยโม เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘อรูปสมาปตฺติยา’’ติอาทิ. เอเตน ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกจูฬนาคตฺเถรวาโท, ‘‘นามกายโต รูปกายโต จ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกมหารกฺขิตตฺเถรวาโท, ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน เอกวารํ, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน เอกวารํ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกจูฬาภยตฺเถรวาโท จาติ อิเมสํ ติณฺณมฺปิ เถรวาทานํ เอกชฺฌํ สงฺคโห กโตติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ปมวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต วุตฺโต, ทุติยวาเท อุภโต ภาคโต วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต, ตติยวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺโตติ อยเมเตสํ วิเสโสติ. วิมุตฺโตติ กิเลเสหิ วิมุตฺโต, กิเลสวิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทเนหิ วา กายโต วิมุตฺโตหิ อตฺโถ.

โสติ อุภโตภาควิมุตฺโต. กามฺเจตฺถ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานมฺปิ อรูปาวจรชฺฌานํ วิย ทุวงฺคิกํ อาเนฺชปฺปตฺตนฺติ วุจฺจติ. ตํ ปน ปทฏฺานํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต นาม น โหติ รูปกายโต อวิมุตฺตตฺตา. ตฺหิ กิเลสกายโตว วิมุตฺตํ, น รูปกายโต, ตสฺมา ตโต วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต น โหตีติ อาห ‘‘จตุนฺนํ อรูป…เป… ปฺจวิโธ โหตี’’ติ. อรูปสมาปตฺตีนนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. อรหตฺตํ ปตฺตอนาคามิโนติ ภูตปุพฺพคติยา วุตฺตํ. น หิ อรหตฺตํ ปตฺโต อนาคามี นาม โหติ. ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทิเก นิโรธสมาปตฺติอนฺเต อฏฺ วิโมกฺเข วตฺวา –

‘‘ยโต จ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, อานนฺท, ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ –

ยทิปิ มหานิทาเน (ที. นิ. ๒.๑๓๐) วุตฺตํ, ตํ ปน อุภโตภาควิมุตฺตเสฏฺวเสน วุตฺตนฺติ, อิธ ปน สพฺพอุภโตภาควิมุตฺเต สงฺคหณตฺถํ ‘‘ปฺจวิโธ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปาฬิ ปเนตฺถ…เป… อฏฺวิโมกฺขลาภิโน วเสน อาคตา’’ติ อาห. มชฺฌิมนิกาเย ปน กีฏาคิริสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๑๘๒) –

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา, เต กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ –

อรูปสมาปตฺติวเสน จตฺตาโร อุภโตภาควิมุตฺตา, เสฏฺโ จ วุตฺโต วุตฺตลกฺขณูปปตฺติโต. ยถาวุตฺเตสุ หิ ปฺจสุ ปุริมา จตฺตาโร สมาปตฺติสีสํ นิโรธํ น สมาปชฺชนฺตีติ ปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตา นาม. อฏฺสมาปตฺติลาภี อนาคามี ตํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโตติ นิปฺปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตเสฏฺโ นาม.

กตโม จ ปุคฺคโลติอาทิ ปุคฺคลปฺตฺติปาฬิ. ตตฺถ กตโมติ ปุจฺฉาวจนํ. ปุคฺคโลติ อสาธารณโต ปุจฺฉิตพฺพวจนํ. อิธาติ อิธสฺมึ สาสเน. เอกจฺโจติ เอโก. อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตีติ อฏฺ สมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา นามกายโต ปฏิลภิตฺวา วิหรติ. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ วิปสฺสนาปฺาย สงฺขารคตํ, มคฺคปฺาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปสฺสิตฺวา จตฺตาโรปิ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. ทิสฺวาติ ทสฺสนเหตุ. น หิ อาสเว ปฺาย ปสฺสนฺติ, ทสฺสนการณา ปน ปริกฺขีณา ทิสฺวา ปริกฺขีณาติ วุตฺตา ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตา. เอวฺหิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยาภาเวน วุตฺตํ.

ปฺาวิมุตฺโตติ วิเสสโต ปฺาย เอว วิมุตฺโต, น ตสฺส อธิฏฺานภูเตน อฏฺวิโมกฺขสงฺขาเตน สาติสเยน สมาธินาติ ปฺาวิมุตฺโต. โย อริโย อนธิคตอฏฺวิโมกฺโข สพฺพโส อาสเวหิ วิมุตฺโต, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. อธิคเตปิ หิ รูปชฺฌานวิโมกฺเข น โส สาติสยสมาธินิสฺสิโตติ น ตสฺส วเสน อุภโตภาควิมุตฺตตา โหตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อรูปชฺฌาเนสุ ปน เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุตฺโตเยว นาม โหติ. เตน หิ อฏฺวิโมกฺเขกเทเสน ตํนามทานสมตฺเถน อฏฺวิโมกฺขลาภีตฺเวว วุจฺจติ. สมุทาเย หิ ปวตฺโต โวหาโร อวยเวปิ ทิสฺสติ ยถา ตํ ‘‘สตฺติสโย’’ติ อนวเสสโต อาสวานํ ปริกฺขีณตฺตา. อฏฺวิโมกฺขปฏิกฺเขปวเสเนว น เอกเทสภูตรูปชฺฌานปฺปฏิกฺเขปวเสน. เอวฺหิ อรูปชฺฌาเนกเทสาภาเวปิ อฏฺวิโมกฺขปฏิกฺเขโป น โหตีติ สิทฺธํ โหติ. อรูปาวจรชฺฌาเนสุ หิ เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุตฺโตเยว นาม โหติ.

ผุฏฺนฺตํ สจฺฉิกโตติ ผุฏฺานํ อนฺโต ผุฏฺนฺโต, ผุฏฺานํ อรูปชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโย. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ตํ ผุฏฺานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกโต สจฺฉิกรณูปาเยนาติ วุตฺตํ โหติ, ภาวนปุํสกํ วา เอตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติอาทีสุ วิย. โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต นามกาเยกเทสโต จ วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน วิมุตฺโต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมกฺโข อาโลจิโต ปกาสิโต วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโต. นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกจฺเจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน โส สจฺฉิกโต โหติ, ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธํ ยถาอาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิ กโรตีติ ‘‘กายสกฺขี’’ติ วุจฺจติ, น ตุ ‘‘วิมุตฺโต’’ติ เอกจฺจานํ อาสวานํ อปริกฺขีณตฺตา. เตนาห ‘‘ฌานผสฺสํ ปมํ ผุสติ, ปจฺฉา นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตี’’ติ. อยํ จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนํ เอเกกโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา กายสกฺขิภาวํ ปตฺตานํ จตุนฺนํ, นิโรธา วุฏฺาย อคฺคมคฺคปฺปตฺตอนาคามิโน จ วเสน อุภโตภาควิมุตฺโต วิย ปฺจวิโธ นาม โหตีติ วุตฺตํ อภิธมฺมฏีกายํ (ปุ. ป. มูลฏี. ๒๔) ‘‘กายสกฺขิมฺหิปิ เอเสว นโย’’ติ. เอกจฺเจ อาสวาติ เหฏฺิมมคฺควชฺฌา อาสวา.

ทิฏฺนฺตํ ปตฺโตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคาณสฺส อนนฺตรํ ปตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ทิฏฺตฺตา ปตฺโต’’ติปิ ปาโ. เอเตน จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฏฺิยา นิโรธสฺส ปตฺตตํ ทีเปติ. เตนาห ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฺายาติ มคฺคปฺาย. ปมผลฏฺโต ปฏฺาย ยาว อคฺคมคฺคฏฺา ทิฏฺิปฺปตฺโต. เตนาห ‘‘โสปิ กายสกฺขี วิย ฉพฺพิโธ โหตี’’ติ. ยถา ปน ปฺาวิมุตฺโต, เอวํ อยมฺปิ สุกฺขวิปสฺสโก จตูหิ อรูปชฺฌาเนหิ วุฏฺาย ทิฏฺิปฺปตฺตภาวปฺปตฺตา จตฺตาโร จาติ ปฺจวิโธ โหตีติ เวทิตพฺโพ. สทฺธาวิมุตฺเตปิ เอเสว นโย. อิทํ ทุกฺขนฺติ เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺขนฺติ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ เปตฺวา ตณฺหํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ ทุกฺขสจฺจนฺติ ยาถาวโต ปชานาติ. ยสฺมา ปน ตณฺหา ทุกฺขํ ชเนติ นิพฺพตฺเตติ, ตโต ตํ ทุกฺขํ สมุเทติ, ตสฺมา นํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยสฺมา ปน อิทํ ทุกฺขฺจ สมุทโย จ นิพฺพานํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ, อปฺปวตฺตึ คจฺฉติ, ตสฺมา น ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อริโย ปน อฏฺงฺคิโก มคฺโค ตํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ, เตน ตํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอตฺตาวตา นานากฺขเณ สจฺจววตฺถานํ ทสฺสิตํ. อิทานิ ตํ เอกกฺขเณ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถาคตปฺปเวทิตาติ ตถาคเตน โพธิมณฺเฑ ปฏิวิทฺธา วิทิตา ปากฏา กตา. ธมฺมาติ จตุสจฺจธมฺมา. โวทิฏฺา โหนฺตีติ สุทิฏฺา. โวจริตาติ สุจริตา, ปฺาย สุฏฺุ จราปิตาติ อตฺโถ. อยนฺติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ทิฏฺิปฺปตฺโตติ.

สทฺธาย วิมุตฺโตติ สทฺทหนวเสน วิมุตฺโต. เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺสปิ สทฺธามตฺเตน วิมุตฺตภาวํ ทสฺเสติ. สทฺธาวิมุตฺโตติ วา สทฺธาย อธิมุตฺโตติ อตฺโถ. กึ ปน เนสํ กิเลสปฺปหาเน นานตฺตํ อตฺถีติ? นตฺถิ. อถ กสฺมา สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ? อาคมนียนานตฺเตน. ทิฏฺิปฺปตฺโต หิ อาคมนมฺหิ กิเลเส วิกฺขมฺเภนฺโต อปฺปทุกฺเขน อกสิเรน อกิลมนฺโตว สกฺโกติ วิกฺขมฺภิตุํ, สทฺธาวิมุตฺโต ปน ทุกฺเขน กสิเรน กิลมนฺโต สกฺโกติ วิกฺขมฺภิตุํ, ตสฺมา สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาติ. เตนาห ‘‘เอตสฺส หี’’ติอาทิ. สทฺทหนฺตสฺสาติ ‘‘เอกํสโต อยํ ปฏิปทา กิเลสกฺขยํ อาวหติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภาสิตตฺตา’’ติ เอวํ สทฺทหนฺตสฺส. ยสฺมา ปนสฺส อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ นิจฺจสฺาปหานวเสน ภาวนาย ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ ปสฺสโต ตตฺถ ตตฺถ ปจฺจกฺขตาปิ อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สทฺทหนฺตสฺส วิยา’’ติ. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. เอตฺถ จ ปุพฺพภาคมคฺคภาวนาติ วจเนน อาคมนียนานตฺเตน ทิฏฺิปฺปตฺตสทฺธาวิมุตฺตานํ ปฺานานตฺตํ โหตีติ ทสฺสิตํ. อภิธมฺมฏฺกถายมฺปิ (ปุ. ป. อฏฺ. ๒๘) ‘‘เนสํ กิเลสปฺปหาเน นานตฺตํ นตฺถิ, ปฺาย นานตฺตํ อตฺถิเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘อาคมนียนานตฺเตเนว สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ สนฺนิฏฺานํ กต’’นฺติ วุตฺตํ.

อารมฺมณํ ยาถาวโต ธาเรติ อวธาเรตีติ ธมฺโม, ปฺา. ตํ ปฺาสงฺขาตํ ธมฺมํ อธิมตฺตตาย ปุพฺพงฺคมํ หุตฺวา ปวตฺตํ อนุสฺสรตีติ ธมฺมานุสารี. เตนาห ‘‘ธมฺโม’’ติอาทิ. ปฺาปุพฺพงฺคมนฺติ ปฺาปธานํ. ‘‘สทฺธํ อนุสฺสรติ, สทฺธาปุพฺพงฺคมํ มคฺคํ ภาเวตี’’ติ อิมมตฺถํ เอเสว นโยติ อติทิสติ. ปฺํ วาเหตีติ ปฺาวาหี, ปฺํ สาติสยํ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวตี’’ติ. ปฺา วา ปุคฺคลํ วาเหติ นิพฺพานาภิมุขํ คเมตีติ ปฺาวาหี. สทฺธาวาหีติ เอตฺถาปิ อิมินา นเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุภโตภาควิมุตฺตาทิกถาติ อุภโตภาควิมุตฺตาทีสุ อาคมนโต ปฏฺาย วตฺตพฺพกถา. ตสฺมาติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๗๓, ๘๘๙) วุตฺตตฺตา. ตโต เอว วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๗๗๓) วุตฺตนเยเนว เจตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ปุคฺคลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อุทกูปมาสุตฺตวณฺณนา

๑๕. ปฺจเม เอกนฺตกาฬเกหีติ นตฺถิกวาทอเหตุกวาทอกิริยวาทสงฺขาเตหิ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิธมฺเมหิ. เตนาห ‘‘นิยตมิจฺฉาทิฏฺึ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. เอวํ ปุคฺคโลติ อิมินา การเณน เอกวารํ นิมุคฺโค นิมุคฺโคเยว โส โหติ. เอตสฺส หิ ปุน ภวโต วุฏฺานํ นาม นตฺถีติ วทนฺติ มกฺขลิโคสาลาทโย วิย. เหฏฺา เหฏฺา นรกคฺคีนํเยว อาหาโร. สาธุ สทฺธา กุสเลสูติ กุสลธมฺเมสุ สทฺธา นาม สาหุ ลทฺธกาติ อุมฺมุชฺชติ, โส ตาวตฺตเกเนว กุสเลน อุมฺมุชฺชติ นาม. สาธุ หิรีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. จงฺกวาเรติ รชกานํ ขารปริสฺสาวเน, สุราปริสฺสาวเน วา. เอวํ ปุคฺคโลติ ‘‘เอวํ สาธุ สทฺธา’’ติ อิเมสํ สทฺธาทีนํ วเสน เอกวารํ อุมฺมุชฺชิตฺวา เตสํ ปริหานิยา ปุน นิมุชฺชติเยว เทวทตฺตาทโย วิย. เทวทตฺโต หิ อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวาปิ ปุน พุทฺธานํ ปฏิปกฺขตาย เตหิ คุเณหิ ปริหีโน รุหิรุปฺปาทกมฺมํ สงฺฆเภทกมฺมฺจ กตฺวา กายสฺส เภทา ทุติยจิตฺตวาเรน จุติจิตฺตมนนฺตรา นิรเย นิพฺพตฺโต. โกกาลิโก ทฺเว อคฺคสาวเก อุปวทิตฺวา ปทุมนิรเย นิพฺพตฺโต.

เนว หายติ โน วฑฺฒตีติ อปฺปโหนกกาเลปิ น หายติ, ปโหนกกาเลปิ น วฑฺฒติ. อุภยมฺปิ ปเนตํ อคาริเกนปิ อนคาริเกนปิ ทีเปตพฺพํ. เอกจฺโจ หิ อคาริโก อปฺปโหนกกาเล ปกฺขิกภตฺตํ วสฺสิกํ วา อุปนิพนฺธาเปสิ, โส ปจฺฉา ปโหนกกาเลปิ ปกฺขิกภตฺตาทิมตฺตเมว ปวตฺเตติ. อนคาริโกปิ อาทิมฺหิ อปฺปโหนกกาเล อุทฺเทสํ ธุตงฺคํ วา คณฺหาติ, เมธาวี พลวีริยสมฺปตฺติยา ปโหนกกาเล ตโต อุตฺตรึ น กโรติ. เอวํ ปุคฺคโลติ เอวํ อิมาย สทฺธาทีนํ ิติยา ปุคฺคโล อุมฺมุชฺชิตฺวา ิโต นาม โหติ. อุมฺมุชฺชิตฺวา ปตรตีติ สกทาคามิปุคฺคโล กิเลสตนุตาย อุฏฺหิตฺวา คนฺตพฺพทิสาภิมุโข ตรติ นาม.

ปฏิคาธปฺปตฺโต โหตีติ อนาคามิปุคฺคลํ สนฺธาย วทติ. อิเม ปน สตฺต ปุคฺคลา อุทโกปเมน ทีปิตา. สตฺต กิร ชงฺฆวาณิชา อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา อนฺตรามคฺเค เอกํ ปุณฺณนทึ ปาปุณึสุ. เตสุ ปมํ โอติณฺโณ อุทกภีรุโก ปุริโส โอติณฺณฏฺาเนเยว นิมุชฺชิตฺวา ปุน สณฺาตุํ นาสกฺขิ, อวสฺสํว มจฺฉกจฺฉปภตฺตํ ชาโต. ทุติโย โอติณฺณฏฺาเน นิมุชฺชิตฺวา สกึ อุฏฺหิตฺวา ปุน นิมุคฺโค อุฏฺาตุํ นาสกฺขิ, อนฺโตเยว มจฺฉกจฺฉปภตฺตํ ชาโต. ตติโย นิมุชฺชิตฺวา อุฏฺิโต มชฺเฌ นทิยา ตฺวา เนว โอรโต อาคนฺตุํ, น ปารํ คนฺตุํ อสกฺขิ. จตุตฺโถ อุฏฺาย ิโต อุตฺตรณติตฺถํ โอโลเกสิ. ปฺจโม อุตฺตรณติตฺถํ โอโลเกตฺวา ปตรติ. ฉฏฺโ ตํ ทิสฺวา ปาริมตีรํ คนฺตฺวา กฏิปฺปมาเณ อุทเก ิโต. สตฺตโม ปาริมตีรํ คนฺตฺวา คนฺธจุณฺณาทีหิ นฺหตฺวา วรวตฺถาทีนิ นิวาเสตฺวา สุรภิวิเลปนํ วิลิมฺปิตฺวา นีลุปฺปลมาลาทีนิ ปิลนฺธิตฺวา นานาลงฺการปฺปฏิมณฺฑิโต มหานครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทมารุหิตฺวา อุตฺตมโภชนํ ภุฺชติ.

ตตฺถ ชงฺฆวาณิชา วิย อิเม สตฺต ปุคฺคลา, นที วิย วฏฺฏํ, ปมสฺส อุทกภีรุกสฺส ปุริสสฺส โอติณฺณฏฺาเนเยว นิมุชฺชนํ วิย มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส วฏฺเฏ นิมุชฺชนํ, อุมฺมุชฺชิตฺวา นิมุชฺชนปุริโส วิย สทฺธาทีนํ อุปฺปตฺติมตฺถเกน อุมฺมุชฺชิตฺวา ตาสํ หานิยา นิมุคฺคปุคฺคโล, มชฺเฌ นทิยา ตฺวา วิย สทฺธาทีนํ ิติยา ิติปุคฺคโล, อุตฺตรณติตฺถํ โอโลเกนฺโต วิย โสตาปนฺโน, ปตรนฺตปุริโส วิย กิเลสกามาวฏฺฏตาย ปตรนฺโต สกทาคามี, ตริตฺวา กฏิมตฺเต อุทเก ิตปุริโส วิย อนาวฏฺฏธมฺมตฺตา อนาคามี, นฺหตฺวา ปาริมตีรํ อุตฺตริตฺวา ถเล ิตปุริโส วิย จตฺตาโร โอเฆ อติกฺกมิตฺวา นิพฺพานถเล ิโต ขีณาสวพฺราหฺมโณ, ถเล ิตปุริสสฺส นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห อุตฺตมโภชนภุฺชนํ วิย ขีณาสวสฺส นิพฺพานารมฺมณสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา วีตินามนํ เวทิตพฺพํ.

อุทกูปมาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๙. อนิจฺจานุปสฺสีสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๖-๑๙. ฉฏฺเ ‘‘อิธ สมสีสี กถิโต’’ติ วตฺวา เอวํ สมสีสิตํ วิภชิตฺวา อิธาธิปฺเปตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส จตุพฺพิโธ โหตี’’ติอาทิมาห. โรควเสน สมสีสี โรคสมสีสี. เอส นโย เสเสสุปิ. เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกเวลายเมว. โย จกฺขุโรคาทีสุ อฺตรสฺมึ สติ ‘‘อิโต อนุฏฺิโต อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ, อถสฺส อรหตฺตฺจ โรคโต วุฏฺานฺจ เอกกาลเมว โหติ, อยํ โรคสมสีสี นาม. อิริยาปถสฺส ปริโยสานนฺติ อิริยาปถนฺตรสมาโยโค. โย านาทีสุ อิริยาปเถสุ อฺตรํ อธิฏฺาย ‘‘อวิโกเปตฺวาว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ. อถสฺส อรหตฺตปฺปตฺติ จ อิริยาปถวิโกปนฺจ เอกปฺปหาเรเนว โหติ, อยํ อิริยาปถสมสีสี นาม. ชีวิตสมสีสี นามาติ เอตฺถ ‘‘ปลิโพธสีสํ มาโน, ปรามาสสีสํ ทิฏฺิ, วิกฺเขปสีสํ อุทฺธจฺจํ, กิเลสสีสํ อวิชฺชา, อธิโมกฺขสีสํ สทฺธา, ปคฺคหสีสํ วีริยํ, อุปฏฺานสีสํ สติ, อวิกฺเขปสีสํ สมาธิ, ทสฺสนสีสํ ปฺา, ปวตฺตสีสํ ชีวิตินฺทฺริยํ, จุติสีสํ วิโมกฺโข, สงฺขารสีสํ นิโรโธ’’ติ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๓.๓๓) วุตฺเตสุ สตฺตรสสุ สีเสสุ ปวตฺตสีสํ กิเลสสีสนฺติ ทฺเว สีสานิ อิธาธิปฺเปตานิ – ‘‘อปุพฺพํ อจริมํ อาสวปริยาทานฺจ โหติ ชีวิตปริยาทานฺจา’’ติ วจนโต. เตสุ กิเลสสีสํ อรหตฺตมคฺโค ปริยาทิยติ, ปวตฺตสีสํ ชีวิตินฺทฺริยํ จุติจิตฺตํ ปริยาทิยติ. ตตฺถ อวิชฺชาปริยาทายกํ จิตฺตํ ชีวิตินฺทฺริยํ ปริยาทาตุํ น สกฺโกติ, ชีวิตินฺทฺริยปริยาทายกํ อวิชฺชํ ปริยาทาตุํ น สกฺโกติ. อฺํ อวิชฺชาปริยาทายกํ จิตฺตํ, อฺํ ชีวิตนฺทฺริยปริยาทายกํ. ยสฺส เจตํ สีสทฺวยํ สมํ ปริยาทานํ คจฺฉติ, โส ชีวิตสมสีสี นาม.

กถํ ปนิทํ สมํ โหตีติ? วารสมตาย. ยสฺมิฺหิ วาเร มคฺควุฏฺานํ โหติ, โสตาปตฺติมคฺเค ปฺจ ปจฺจเวกฺขณานิ, สกทาคามิมคฺเค ปฺจ, อนาคามิมคฺเค ปฺจ, อรหตฺตมคฺเค จตฺตารีติ เอกูนวีสติเม ปจฺจเวกฺขณาเณ ปติฏฺาย ภวงฺคํ โอตริตฺวา ปรินิพฺพายโต อิมาย วารสมตาย อิทํ อุภยสีสปริยาทานมฺปิ สมํ โหตีติ อิมาย วารสมตาย. วารสมวุตฺติทายเกน หิ มคฺคจิตฺเตน อตฺตโน อนนฺตรํ วิย นิปฺผาเทตพฺพา ปจฺจเวกฺขณวารา จ กิเลสปริยาทานสฺเสว วาราติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ‘‘วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๗๘; สํ. นิ. ๓.๑๒, ๑๔) วจนโต ปจฺจเวกฺขณปริสมาปเนน กิเลสปริยาทานํ สมฺปาปิตํ นาม โหตีติ อิมาย วารวุตฺติยา สมตาย กิเลสปริยาทานชีวิตปริยาทานานํ สมตา เวทิตพฺพา. เตเนวาห ‘‘ยสฺมา ปนสฺส…เป... ตสฺมา เอวํ วุตฺต’’นฺติ.

อายุโน เวมชฺฌํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺตราว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายตีติ อนฺตราปรินิพฺพายี. เตนาห ‘‘โย ปฺจสุ สุทฺธาวาเสสู’’ติอาทิ. เวมชฺเฌติ อวิหาทีสุ ยตฺถ อุปฺปนฺโน, ตตฺถ อายุโน เวมชฺเฌ. อายุเวมชฺฌํ อุปหจฺจ อติกฺกมิตฺวา ตตฺถ ปรินิพฺพายตีติ อุปหจฺจปรินิพฺพายี. เตนาห ‘‘โย ตตฺเถวา’’ติอาทิ. อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน อนุสฺสาเหน อกิลมนฺโต ติกฺขินฺทฺริยตาย สุเขเนว ปรินิพฺพายตีติ อสงฺขารปรินิพฺพายี. เตนาห ‘‘โย เตสํเยวา’’ติอาทิ. เตสํเยว ปุคฺคลานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. อปฺปโยเคนาติ อธิมตฺตปฺปโยเคน วินา อปฺปกสิเรน. สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมนฺโต ทุกฺเขน ปรินิพฺพายตีติ สสงฺขารปรินิพฺพายี. อุทฺธํวาหิภาเวน อุทฺธมสฺส ตณฺหาโสตํ วฏฺฏโสตฺจาติ, อุทฺธํ วา คนฺตฺวา ปฏิลภิตพฺพโต อุทฺธมสฺส มคฺคโสตนฺติ อุทฺธํโภโต. ปฏิสนฺธิวเสน อกนิฏฺํ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี.

เอตฺถ ปน จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. โย หิ อวิหโต ปฏฺาย จตฺตาโร เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. อยฺหิ อวิเหสุ กปฺปสหสฺสํ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา อตปฺปํ คจฺฉติ, ตตฺราปิ ทฺเว กปฺปสหสฺสานิ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา สุทสฺสํ คจฺฉติ, ตตฺราปิ จตฺตาริ กปฺปสหสฺสานิ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา สุทสฺสึ คจฺฉติ, ตตฺราปิ อฏฺ กปฺปสหสฺสานิ วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา อกนิฏฺํ คจฺฉติ, ตตฺถ วสนฺโต อคฺคมคฺคํ อธิคจฺฉติ. ตตฺถ โย อวิหโต ปฏฺาย ทุติยํ วา จตุตฺถํ วา เทวโลกํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี นาม. โย กามภวโต จวิตฺวา อกนิฏฺเสุ ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย เหฏฺา จตูสุ เทวโลเกสุ ตตฺถ ตตฺเถว นิพฺพตฺติตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามีติ.

เอเต ปน อวิเหสุ อุปฺปนฺนสมนนฺตรอายุเวมชฺฌํ อปฺปตฺวาว ปรินิพฺพายนวเสน ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายี, เอโก อุทฺธํโสโตติ ปฺจวิโธ, อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายิวิภาเคน ทส โหนฺติ, ตถา อตปฺปสุทสฺสสุทสฺสีสูติ จตฺตาโร ทสกาติ จตฺตารีสํ. อกนิฏฺเ ปน อุทฺธํโสโต นตฺถิ, ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายีติ จตฺตาโร, อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายิวิภาเคน อฏฺาติ อฏฺจตฺตารีสํ อนาคามิโน. สตฺตมาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อนิจฺจานุปสฺสีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. นิทฺทสวตฺถุสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสเม นิทฺทสวตฺถูนีติ อาทิสทฺทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘นิทฺทสาทิวตฺถูนี’’ติ. นตฺถิ อิทานิ อิมสฺส ทสาติ นิทฺทโส. ปฺโหติ าตุํ อิจฺฉิโต อตฺโถ. ปุน ทสวสฺโส น โหตีติ เตสํ มติมตฺตเมตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘โส กิรา’’ติ กิรสทฺทคฺคหณํ. นิทฺทโสติ เจตํ วจนมตฺตํ. ตสฺส นิพฺพีสาทิภาวสฺส วิย นินฺนวาทิภาวสฺส จ อิจฺฉิตตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คาเม วิจรนฺโตติ คาเม ปิณฺฑาย จรนฺโต. น อิทํ ติตฺถิยานํ อธิวจนํ เตสุ ตนฺนิมิตฺตสฺส อภาวา, สาสเนปิ เสขสฺสปิ น อิทํ อธิวจนํ, กิมงฺคํ ปน ปุถุชฺชนสฺส. ยสฺส ปเนตํ อธิวจนํ เยน จ การเณน, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ขีณาสวสฺเสต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปฏิสนฺธิกภาโว หิสฺส ปจฺจกฺขโต การณํ. ปรมฺปราย อิตรานิ ยานิ ปาฬิยํ อาคตานึ.

สิกฺขาย สมฺมเทว อาทานํ สิกฺขาสมาทานํ. ตํ ปนสฺสา ปาริปูริยา เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สิกฺขาตฺตยปูรเณ’’ติ. สิกฺขาย วา สมฺมเทว อาทิโต ปฏฺาย รกฺขณํ สิกฺขาสมาทานํ. ตฺจ อตฺถโต ปูรเณน ปริจฺฉินฺนํ อรกฺขเณ สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต, รกฺขเณ จ ปริปูรณโต. พลวจฺฉนฺโทติ ทฬฺหจฺฉนฺโท. อายตินฺติ อนนฺตรานาคตทิวสาทิกาโล อธิปฺเปโต, น อนาคตภโวติ อาห ‘‘อนาคเต ปุนทิวสาทีสุปี’’ติ. สิกฺขํ ปริปูเรนฺตสฺส ตตฺถ นิพทฺธภตฺติตา อวิคตเปมตา. เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจาทิวเสน สมฺมเทว นิชฺฌานํ ธมฺมนิสามนาติ อาห ‘‘วิปสฺสนาเยตํ อธิวจน’’นฺติ. ตณฺหาวินเยติ ภงฺคานุปสฺสนาาณานุภาวสิทฺเธ ตณฺหาวิกฺขมฺภเน. เอกีภาเวติ คณสงฺคณิกากิเลสสงฺคณิกาวิคมสิทฺเธ วิเวกวาเส. วีริยารมฺเภติ สมฺมปฺปธานสฺส ปคฺคณฺหเน. ตํ ปน สพฺพโส วีริยสฺส ปริพฺรูหนํ โหตีติ อาห ‘‘กายิกเจตสิกสฺส วีริยสฺส ปูรเณ’’ติ. สติยฺเจว นิปกภาเว จาติ สโตการิตาย เจว สมฺปชานการิตาย จ. สติสมฺปชฺพเลเนว หิ วีริยารมฺโภ อิชฺฌติ. ทิฏฺิปฏิเวเธติ มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา ปฏิวิชฺฌเน. เตนาห ‘‘มคฺคทสฺสเน’’ติ.

นิทฺทสวตฺถุสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อนุสยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วชฺชิสตฺตกวคฺโค

๑. สารนฺททสุตฺตวณฺณนา

๒๑. ตติยสฺส ปเม เทวายตนภาเวน จิตฺตตฺตา โลกสฺส จิตฺตีการฏฺานตาย จ เจติยํ อโหสิ. ยาวกีวนฺติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๓๔) เอกเมเวตํ ปทํ อนิยมโต ปริมาณวาจี. กาโล เจตฺถ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ยตฺตกํ กาล’’นฺติ. อภิณฺหํ สนฺนิปาตาติ นิจฺจสนฺนิปาตา. ตํ ปน นิจฺจสนฺนิปาตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทิวสสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สนฺนิปาตพหุลาติ ปจุรสนฺนิปาตา. โวสานนฺติ สงฺโกจํ. ‘‘วุทฺธิเยวา’’ติอาทินา วุตฺตมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘อภิณฺหํ อสนฺนิปตนฺตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อากุลาติ ขุภิตา น ปสนฺนา. ภิชฺชิตฺวาติ วคฺคพนฺธโต วิภชฺช วิสุํ วิสุํ หุตฺวา.

สนฺนิปาตเภริยาติ สนฺนิปาตาโรจนเภริยา. อทฺธภุตฺตา วาติ สามิภุตฺตา วา. โอสีทมาเนติ หายมาเน.

สุงฺกนฺติ ภณฺฑํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเตหิ ปพฺพตขณฺฑนาทิติตฺถคามทฺวาราทีสุ ราชปุริสานํ ทาตพฺพภาคํ. พลินฺติ นิปฺผนฺนสสฺสาทิโต ฉภาคํ สตฺตภาคนฺติอาทินา ลทฺธพฺพกรํ. ทณฺฑนฺติ ทสวีสติกหาปณาทิกํ อปราธานุรูปํ คเหตพฺพธนทณฺฑํ. วชฺชิธมฺมนฺติ วชฺชิราชธมฺมํ. อิทานิ อปฺตฺตปฺาปนาทีสุ ตปฺปฏิกฺเขเป จ อาทีนวานิสํเส จ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปาริจริยกฺขมาติ อุปฏฺานกฺขมา. โปราณํ วชฺชิธมฺมนฺติ เอตฺถ ปุพฺเพ กิร วชฺชิราชาโน ‘‘อยํ โจโร’’ติ อาเนตฺวา ทสฺสิเต ‘‘คณฺหถ นํ โจร’’นฺติ อวตฺวา วินิจฺฉยมหามตฺตานํ เทนฺติ. เต วินิจฺฉินิตฺวา สเจ อโจโร โหติ, วิสฺสชฺเชนฺติ. สเจ โจโร, อตฺตนา กิฺจิ อกตฺวา โวหาริกานํ เทนฺติ, เตปิ วินิจฺฉินิตฺวา อโจโร เจ, วิสฺสชฺเชนฺติ. โจโร เจ, สุตฺตธรานํ เทนฺติ. เตปิ วินิจฺฉินิตฺวา อโจโร เจ, วิสฺสชฺเชนฺติ. โจโร เจ, อฏฺฏกุลิกานํ เทนฺติ, เตปิ ตเถว กตฺวา เสนาปติสฺส, เสนาปติ อุปราชสฺส, อุปราชา รฺโ. ราชา วินิจฺฉินิตฺวา สเจ อโจโร โหติ, วิสฺสชฺเชติ. สเจ ปน โจโร โหติ, ปเวณิปณฺณกํ วาจาเปติ. ตตฺถ ‘‘เยน อิทํ นาม กตํ, ตสฺส อยํ นามทณฺโฑ’’ติ ลิขิตํ. ราชา ตสฺส กิริยํ เตน สมาเนตฺวา ตทนุจฺฉวิกํ ทณฺฑํ กโรติ. อิติ เอตํ โปราณํ วชฺชิธมฺมํ สมาทาย วตฺตนฺตานํ มนุสฺสา น อุชฺฌายนฺติ. ปรมฺปราคเตสุ อฏฺฏกุเลสุ ชาตา อคติคมนวิรตา อฏฺฏมหลฺลกปุริสา อฏฺฏกุลิกา.

สกฺการนฺติ อุปการํ. ครุภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวาติ ‘‘อิเม อมฺหากํ ครุโน’’ติ ตตฺถ ครุภาวํ ปฏิ ปฏิ อุปฏฺเปตฺวา. มาเนสฺสนฺตีติ สมฺมาเนสฺสนฺติ. ตํ ปน สมฺมานนํ เตสุ เนสํ อตฺตมนตาปุพฺพกนฺติ อาห ‘‘มเนน ปิยายิสฺสนฺตี’’ติ. นิปจฺจการํ ปณิปาตํ. ทสฺเสนฺตีติ ครุจิตฺตภารํ ทสฺเสนฺติ. สนฺธาเนตุนฺติ สมฺพนฺธํ อวิจฺฉินฺนํ กตฺวา ฆเฏตุํ.

ปสยฺหการสฺสาติ พลกฺการสฺส. กามํ วุทฺธิยา ปูชนียตาย ‘‘วุทฺธิหานิโย’’ติ วุตฺตํ, อตฺโถ ปน วุตฺตานุกฺกเมเนว โยเชตพฺโพ. ปาฬิยํ วา ยสฺมา ‘‘วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตทนุกฺกเมน ‘‘วุทฺธิหานิโย’’ติ วุตฺตํ.

วิปจฺจิตุํ อลทฺโธกาเส ปาปกมฺเม, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเก วา อนวสโรว เทวโสปสคฺโค. ตสฺมึ ปน ลทฺโธกาเส สิยา เทวโตปสคฺคสฺส อวสโรติ อาห ‘‘อนุปฺปนฺนํ…เป… วฑฺเฒนฺตี’’ติ. เอเตเนว อนุปฺปนฺนํ สุขนฺติ เอตฺถาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พลกายสฺส ทิคุณติคุณตาทสฺสนํ ปฏิภยภาวทสฺสนนฺติ เอวมาทินา เทวตานํ สงฺคามสีเส สหายตา เวทิตพฺพา.

อนิจฺฉิตนฺติ อนิฏฺํ. อาวรณโตติ นิเสธนโต. ธมฺมโต อนเปตา ธมฺมิยาติ อิธ ‘‘ธมฺมิกา’’ติ วุตฺตา. มิคสูกราทิฆาตาย สุนขาทีนํ กฑฺฒิตฺวา วนจรณํ วาโช, ตตฺถ นิยุตฺตา, เต วา วาเชนฺตีติ วาชิกา, มิควธจาริโน.

สารนฺททสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. วสฺสการสุตฺตวณฺณนา

๒๒. ทุติเย อภิยาตุกาโมติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท อภิภวนตฺโถ ‘‘อนภิวิทิตุ’’นฺติอาทีสุ วิยาติ อาห ‘‘อภิภวนตฺถาย ยาตุกาโม’’ติ. วชฺชิราชาโนติ ‘‘วชฺเชตพฺพา อิเม’’ติ อาทิโต ปวตฺตํ วจนํ อุปาทาย วชฺชีติ ลทฺธนามา ราชาโน, วชฺชิรฏฺสฺส วา ราชาโน วชฺชิราชาโน. รฏฺสฺส ปน วชฺชิสมฺา ตนฺนิวาสิราชกุมารวเสน เวทิตพฺพา. ราชิทฺธิยาติ ราชภาวานุคเตน ปภาเวน. โส ปน ปภาโว เนสํ คณราชานํ มิโถ สามคฺคิยา โลเก ปากโฏ. จิรฏฺายี จ อโหสีติ ‘‘สมคฺคภาวํ กเถตี’’ติ วุตฺตํ. อนุ อนุ ตํสมงฺคิโน ภาเวติ วฑฺเฒตีติ อนุภาโว, อนุภาโว เอว อานุภาโว, ปตาโป. โส ปน เนสํ ปตาโป หตฺถิอสฺสาทิวาหนสมฺปตฺติยา ตตฺถ จ สุภิกฺขิตภาเวน โลเก ปากโฏ ชาโตติ ‘‘เอเตน…เป… กเถตี’’ติ วุตฺตํ. ตาฬจฺฉิคฺคเฬนาติ กุฺจิกาฉิทฺเทน. อสนนฺติ สรํ. อติปาตยิสฺสนฺตีติ อติกฺกาเมนฺติ. โปงฺขานุโปงฺขนฺติ โปงฺขสฺส อนุโปงฺขํ, ปุริมสรสฺส โปงฺขปทานุคตโปงฺขํ อิตรํ สรํ กตฺวาติ อตฺโถ. อวิราธิตนฺติ อวิรชฺฌิตํ. อุจฺฉินฺทิสฺสามีติ อุมฺมูลนวเสน กุลสนฺตตึ ฉินฺทิสฺสามิ. อยนํ วฑฺฒนํ อโย, ตปฺปฏิปกฺเขน อนโยติ อาห ‘‘อวฑฺฒิ’’นฺติ. าตีนํ พฺยสนํ วินาโส าติพฺยสนํ.

คงฺคายาติ คงฺคาสมีเป. ปฏฺฏนคามนฺติ สกฏปฏฺฏนคามํ. ตตฺราติ ตสฺมึ ปฏฺฏเน. พลวาฆาตชาโตติ อุปฺปนฺนพลวโกโธ. เมติ มยฺหํ. คเตนาติ คมเนน. สีตํ วา อุณฺหํ วา นตฺถิ ตาย เวลาย. อภิมุขํ ยุทฺเธนาติ อภิมุขํ อุชุกเมว สงฺคามกรเณน. อุปลาปนํ สามํ ทานฺจาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เภโทปิ อิธ อุปาโย เอวาติ วุตฺตํ ‘‘อฺตฺร มิถุเภทา’’ติ. ยุทฺธสฺส ปน อนุปายตา ปเคว ปกาสิตา. อิทนฺติ ‘‘อฺตฺร อุปลาปนาย อฺตฺร มิถุเภทา’’ติ อิทํ วจนํ. กถาย นยํ ลภิตฺวาติ ‘‘ยาวกีวฺจ …เป… ปริหานี’’ติ อิมาย ภควโต กถาย อุปายํ ลภิตฺวา. อนุกมฺปายาติ วชฺชิราเชสุ อนุคฺคเหน.

ราชาปิ ตเมว เปเสตฺวา สพฺเพ…เป… ปาเปสีติ ราชา ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ ‘‘กึ, อาจริย, ภควา อวจา’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘ยถา โภ สมณสฺส โคตมสฺส วจนํ น สกฺกา วชฺชี เกนจิ คเหตุํ, อปิจ อุปลาปนาย วา มิถุเภเทน วา สกฺกา’’ติ อาห. ตโต นํ ราชา ‘‘อุปลาปนาย อมฺหากํ หตฺถิอสฺสาทโย นสฺสิสฺสนฺติ, เภเทเนว เต คเหสฺสามิ, กึ กโรมา’’ติ ปุจฺฉิ. เตน หิ, มหาราช, ตุมฺเห วชฺชี อารพฺภ ปริสติ กถํ สมุฏฺาเปถ, ตโต อหํ ‘‘กึ เต, มหาราช, เตหิ, อตฺตโน สนฺตเกน กสิวณิชฺชาทีนิ กตฺวา ชีวนฺตุ เอเต ราชาโน’’ติ วตฺวา ปกฺกมิสฺสามิ. ตโต ตุมฺเห ‘‘กึ นุ, โภ, เอส พฺราหฺมโณ วชฺชี อารพฺภ ปวตฺตํ กถํ ปฏิพาหตี’’ติ วเทยฺยาถ. ทิวสภาเค จาหํ เตสํ ปณฺณาการํ เปเสสฺสามิ, ตมฺปิ คาหาเปตฺวา ตุมฺเหปิ มม โทสํ อาโรเปตฺวา พนฺธนตาฬนาทีนิ อกตฺวาว เกวลํ ขุรมุณฺฑํ มํ กตฺวา นครา นีหราเปถ, อถาหํ ‘‘มยา เต นคเร ปากาโร ปริขา จ การิตา, อหํ ถิรทุพฺพลฏฺานฺจ อุตฺตานคมฺภีรฏฺานฺจ ชานามิ, น จิรสฺสํ ทานิ ตํ อุชุํ กริสฺสามี’’ติ วกฺขามิ. ตํ สุตฺวา ตุมฺเห ‘‘คจฺฉตู’’ติ วเทยฺยาถาติ. ราชา สพฺพํ อกาสิ.

ลิจฺฉวี ตสฺส นิกฺขมนํ สุตฺวา ‘‘สโ พฺราหฺมโณ, มา ตสฺส คงฺคํ อุตฺตาเรตุํ อทตฺถา’’ติ อาหํสุ. ตตฺร เอกจฺเจหิ ‘‘อมฺเห อารพฺภ กถิตตฺตา กิร โส เอวํ กโรตี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ภเณ เอตู’’ติ วทึสุ. โส คนฺตฺวา ลิจฺฉวี ทิสฺวา ‘‘กิมาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิโต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ลิจฺฉวิโน ‘‘อปฺปมตฺตเกน นาม เอวํ ครุํ ทณฺฑํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึ เต ตตฺร านนฺตร’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. วินิจฺฉยมหามจฺโจหมสฺมีติ. ตเทว เต านนฺตรํ โหตูติ. โส สุฏฺุตรํ วินิจฺฉยํ กโรติ. ราชกุมารา ตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ. โส ปติฏฺิตคุโณ หุตฺวา เอกทิวสํ เอกํ ลิจฺฉวึ คเหตฺวา เอกมนฺตํ คนฺตฺวา ‘‘ทารกา กสนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. อาม, กสนฺติ. ทฺเว โคเณ โยเชตฺวาติ. อาม, ทฺเว โคเณ โยเชตฺวาติ. เอตฺตกํ วตฺวา นิวตฺโต. ตโต ตมฺโ ‘‘กึ อาจริโย อาหา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน วุตฺตํ – อสทฺทหนฺโต ‘‘น เมโส ยถาภูตํ กเถตี’’ติ เตน สทฺธึ ภิชฺชิ.

พฺราหฺมโณ อปรมฺปิ เอกทิวสํ เอกํ ลิจฺฉวึ เอกมนฺตํ เนตฺวา ‘‘เกน พฺยฺชเนน ภุตฺโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา นิวตฺโต. ตมฺปิ อฺโ ปุจฺฉิตฺวา อสทฺทหนฺโต ตเถว ภิชฺชิ. พฺราหฺมโณ อปรมฺปิ ทิวสํ เอกํ ลิจฺฉวึ เอกมนฺตํ เนตฺวา ‘‘อติทุคฺคโตสิ กิรา’’ติ ปุจฺฉิ. โก เอวมาหาติ. อสุโก นาม ลิจฺฉวีติ. อปรมฺปิ เอกมนฺตํ เนตฺวา ‘‘ตฺวํ กิร ภีรุชาติโก’’ติ ปุจฺฉิ. โก เอวมาหาติ? อสุโก นาม ลิจฺฉวีติ. เอวํ อฺเน อกถิตเมว อฺสฺส กเถนฺโต ตีหิ สํวจฺฉเรหิ เต ราชาโน อฺมฺํ ภินฺทิตฺวา ยถา ทฺเว เอกมคฺเคน น คจฺฉนฺติ, ตถา กตฺวา สนฺนิปาตเภรึ จราเปสิ. ลิจฺฉวิโน ‘‘อิสฺสรา สนฺนิปตนฺตุ, สูรา สนฺนิปตนฺตู’’ติ วตฺวา น สนฺนิปตึสุ. พฺราหฺมโณ ‘‘อยํ ทานิ กาโล, สีฆํ อาคจฺฉตู’’ติ รฺโ สาสนํ เปเสติ. ราชา สุตฺวาว พลเภรึ จราเปตฺวา นิกฺขมิ. เวสาลิกา สุตฺวา ‘‘รฺโ คงฺคํ อุตฺตริตุํ น ทสฺสามา’’ติ เภรึ จราเปสุํ. เต สุตฺวา ‘‘คจฺฉนฺตุ สูรราชาโน’’ติอาทีนิ วตฺวา น สนฺนิปตึสุ. ‘‘นครปฺปเวสนํ น ทสฺสาม, ทฺวารานิ ปิทหิสฺสามา’’ติ เภรึ จราเปสุํ. เอโกปิ น สนฺนิปติ. ยถาวิวเฏหิ ทฺวาเรหิ ปวิสิตฺวา สพฺเพ อนยพฺยสนํ ปาเปตฺวา คโต. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘ราชาปิ ตเมว เปเสตฺวา สพฺเพปิ ภินฺทิตฺวา คนฺตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปสี’’ติ.

วสฺสการสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ปมสตฺตกสุตฺตวณฺณนา

๒๓. ตติเย อปริหานาย หิตาติ อปริหานิยา (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๓๖), น ปริหายนฺติ เอเตหีติ วา อปริหานิยา. เอวํ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อิธาปิ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตโตติอาทิ ทิสาสุ อาคตสาสเน วุตฺตวจนํ วุตฺตกถนํ. วิหารสีมา อากุลา ยสฺมา, ตสฺมา อุโปสถปวารณา ิตา. โอลียมานโกติ ปาฬิโต อตฺถโต จ วินสฺสมานโก. อุกฺขิปาเปนฺตาติ ปคุณภาวกรเณน อตฺถสํวณฺณนาวเสน จ ปคฺคณฺหนฺตา.

สาวตฺถิยํ ภิกฺขู วิย (ปารา. ๕๖๕) ปาจิตฺติยํ เทสาเปตพฺโพติ ปฺาเปนฺตา. วชฺชิปุตฺตกา วิย (จูฬว. ๔๔๖) ทสวตฺถุทีปเนน. ตถา อกโรนฺตาติ นวํ กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา อมทฺทนฺตา ธมฺมวินยโต สาสนํ ทีเปนฺตา ขุทฺทกมฺปิ จ สิกฺขาปทํ อสมูหนนฺตา. อายสฺมา มหากสฺสโป วิย จาติ ‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, สนฺตามฺหากํ สิกฺขาปทานิ คิหิคตานิ. คิหิโนปิ ชานนฺติ ‘อิทํ โว สมณานํ สกฺยปุตฺติกานํ กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’ติ. สเจปิ หิ มยํ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนิสฺสาม, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร ‘ธูมกาลิกํ สมเณน โคตเมน สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ยาวิเมสํ สตฺถา อฏฺาสิ, ตาวิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขึสุ. ยโต อิเมสํ สตฺถา ปรินิพฺพุโต, น ทานิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขนฺตี’ติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อปฺตฺตํ น ปฺเปยฺย, ปฺตฺตํ น สมุจฺฉินฺเทยฺย, ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺเตยฺยา’’ติ อิมํ (จูฬว. ๔๔๒) ตนฺตึ เปนฺโต อายสฺมา มหากสฺสโป วิย จ.

ถิรภาวปฺปตฺตาติ สาสเน ถิรภาวํ อนิวตฺติตภาวํ อุปคตา. เถรการเกหีติ เถรภาวสาธเกหิ สีลาทิคุเณหิ อเสกฺขธมฺเมหิ. พหู รตฺติโยติ ปพฺพชิตา หุตฺวา พหู รตฺติโย ชานนฺติ. สีลาทิคุเณสุ ปติฏฺาปนเมว สาสเน ปริณายกตาติ อาห ‘‘ตีสุ สิกฺขาสุ ปวตฺเตนฺตี’’ติ. โอวาทํ น เทนฺติ อภาชนภาวโต. ปเวณิกถนฺติ อาจริยปรมฺปราภตํ สมฺมาปฏิปตฺติทีปนํ ธมฺมกถํ. สารภูตํ ธมฺมปริยายนฺติ สมถวิปสฺสนามคฺคผลสมฺปาปเนน สาสเน สารภูตํ โพชฺฌงฺคโกสลฺลอนุตฺตรสีติภาว- (อ. นิ. ๖.๘๕) อธิจิตฺตสุตฺตาทิธมฺมตนฺตึ. อาทิกํ โอวาทนฺติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘เอวํ เต อาโลเกตพฺพํ, เอวํ เต วิโลเกตพฺพํ, เอวํ เต สมิฺชิตพฺพํ, เอวํ เต ปสาเรตพฺพํ, เอวํ เต สงฺฆาฏิปตฺตจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ โอวาทํ สงฺคณฺหาติ.

ปุนพฺภวทานํ ปุนพฺภโว อุตฺตรปทโลเปน. อิตเรติ เย น ปจฺจยวสิกา น อามิสจกฺขุกา, เต น คจฺฉนฺติ ตณฺหาย วสํ.

อารฺเกสูติ อรฺภาเคสุ อรฺปริยาปนฺเนสุ. นนุ ยตฺถ กตฺถจิปิ ตณฺหา สาวชฺชา เอวาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘คามนฺตเสนาสเนสุ หี’’ติอาทิ. เตน ‘‘อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺาปยโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตปิหาทโย ปิย อารฺกเสนาสเนสุ สาลยตา เสวิตพฺพปกฺขิกา เอวาติ ทสฺเสติ.

อตฺตนาวาติ สยเมว. เตน ปเรหิ อนุสฺสาหิตานํ สรเสเนว อนาคตานํ เปสลานํ ภิกฺขูนํ อาคมนํ, อาคตานฺจ ผาสุวิหารํ ปจฺจาสีสนฺตีติ ทสฺเสติ. อิมินาว นีหาเรนาติ อิมาย ปฏิปตฺติยา. อคฺคหิตธมฺมคฺคหณนฺติ อคฺคหิตสฺส ปริยตฺติธมฺมสฺส อุคฺคหณํ. คหิตสชฺฌายกรณนฺติ อุคฺคหิตสฺส สุฏฺุ อตฺถจินฺตนํ. จินฺตรตฺโถ หิ อยํ สชฺฌายสทฺโท. เอนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ. นิสีทนฺติ อาสนปฺาปนาทินา.

ปมสตฺตกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๖. ทุติยสตฺตกสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๔-๒๖. จตุตฺเถ กโรนฺโตเยวาติ ยถาวุตฺตํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺโตเยว. อติรจฺฉานกถาภาเวปิ ตสฺส ตตฺถ ตปฺปรภาวทสฺสนตฺถํ อวธารณวจนํ. ปริยนฺตการีติ สปริยนฺตํ กตฺวา วตฺตา. ‘‘ปริยนฺตวตึ วาจํ ภาสิตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๙, ๑๙๔) หิ วุตฺตํ. อปฺปภสฺโสวาติ ปริมิตกโถเยว เอกนฺเตน กเถตพฺพสฺเสว กถนโต. สมาปตฺติสมาปชฺชนํ อริโย ตุณฺหีภาโว. นิทฺทายติเยวาติ นิทฺโทกฺกมเน อนาทีนวทสฺสี นิทฺทายติเยว, อิริยาปถปริวตฺตนาทินา น นํ วิโนเทติ. เอวํ สํสฏฺโวาติ วุตฺตนเยน คณสงฺคณิกาย สํสฏฺโ เอว วิหรติ. ทุสฺสีลา ปาปิจฺฉา นามาติ สยํ นิสฺสีลา อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย สมนฺนาคตตฺตา ปาปา ลามกา อิจฺฉา เอเตสนฺติ ปาปิจฺฉา. ปาปปุคฺคเลหิ มิตฺติกรณโต ปาปมิตฺตา. เตหิ สทา สหปวตฺตเนน ปาปสหายา. ตตฺถ นินฺนตาทินา ตทธิมุตฺตตาย ปาปสมฺปวงฺกา. ปฺจมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิเยว.

ทุติยสตฺตกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๑๑. สฺาสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๗-๓๑. สตฺตเม อนิจฺจาติ อนุปสฺสติ เอตายาติ อนิจฺจานุปสฺสนา. ตถาปวตฺตวิปสฺสนา ปน ยสฺมา อตฺตนา สหคตสฺาย ภาวิตาย ภาวิตา เอว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ สหคตสฺา’’ติ. อิมา สตฺต โลกิยวิปสฺสนาปิ โหนฺติ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ปวตฺตนโต. ‘‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติ อาคตวเสน ปเนตฺถ ทฺเว โลกุตฺตรา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. ‘‘วิราโค นิโรโธ’’ติ หิ ตตฺถ นิพฺพานํ วุตฺตนฺติ อิธ วิราคสฺา, ตา วุตฺตสฺา นิพฺพานารมฺมณาปิ สิยุํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว. อฏฺมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

สฺาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

วชฺชิสตฺตกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. เทวตาวคฺโค

๕. ปมมิตฺตสุตฺตวณฺณนา

๓๖. จตุตฺถสฺส ปฺจเม อตฺตโน คุยฺหํ ตสฺส อาวิกโรตีติ อตฺตโน คุยฺหํ นิคฺคุหิตุํ ยุตฺตกถํ อฺสฺส อกเถตฺวา ตสฺเสว อาจิกฺขติ. ตสฺส คุยฺหํ อฺเสํ นาจิกฺขตีติ เตน กถิตคุยฺหํ ยถา อฺเ น ชานนฺติ, เอวํ อนาวิกโรนฺโต ฉาเทติ.

ปมมิตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๑๑. ทุติยมิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๗-๔๒. ฉฏฺเ ปิโย จ โหติ มนาโป จาติ กลฺยาณมิตฺตลกฺขณํ ทสฺสิตํ. กลฺยาณมิตฺโต หิ สทฺธาสมฺปนฺโน จ โหติ สีลสมฺปนฺโน สุตสมฺปนฺโน จาคสมฺปนฺโน วีริยสมฺปนฺโน สติสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา สทฺทหติ ตถาคตสฺส สมฺโพธึ กมฺมฺจ กมฺมผลฺจ, เตน สมฺโพธิยา เหตุภูตํ สตฺเตสุ หิตสุขํ น ปริจฺจชติ. สีลสมฺปตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ ครุ ภาวนีโย โจทโก ปาปครหี วตฺตา วจนกฺขโม. สุตสมฺปตฺติยา สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิปฏิสํยุตฺตานํ คมฺภีรานํ กถานํ กตฺตา โหติ. จาคสมฺปตฺติยา อปฺปิจฺโฉ โหติ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ. วีริยสมฺปตฺติยา อารทฺธวีริโย โหติ อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติยํ. สติสมฺปตฺติยา อุปฏฺิตสฺสตี โหติ. สมาธิสมฺปตฺติยา อวิกฺขิตฺโต โหติ สมาหิตจิโต. ปฺาสมฺปตฺติยา อวิปรีตํ ปชานาติ. โส สติยา กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเนสมาโน ปฺาย สตฺตานํ หิตาหิตํ ยถาภูตํ ชานิตฺวา สมาธินา ตตฺถ เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา วีริเยน สตฺเต อหิเต นิเสเธตฺวา หิเต นิโยเชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปิโย…เป… นิโยเชตี’’ติ. สตฺตมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

ทุติยมิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

เทวตาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มหายฺวคฺโค

๑. สตฺตวิฺาณฏฺิติสุตฺตวณฺณนา

๔๔. ปฺจมสฺส ปเม ยสฺมา นิทสฺสนตฺเถ นิปาโต (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๒๗) ตสฺมา เสยฺยถาปิ มนุสฺสาติ ยถา มนุสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. วิเสโส โหติเยว สติปิ พาหิรสฺส การณสฺส อเภเท อชฺฌตฺติกสฺส ภินฺนตฺตา. นานตฺตํ กาเย เอเตสํ, นานตฺโต วา กาโย เอเตสนฺติ นานตฺตกายา. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เนสนฺติ มนุสฺสานํ. นานตฺตา สฺา เอเตสํ อตฺถีติ นานตฺตสฺิโน. สุขสมุสฺสยโต วินิปาโต เอเตสํ อตฺถีติ วินิปาติกา สติปิ เทวภาเว ทิพฺพสมฺปตฺติยา อภาวโต. อปาเยสุ วา คโต นตฺถิ นิปาโต เอเตสนฺติ วินิปาติกา. เตนาห ‘‘จตุอปายวินิมุตฺตา’’ติ. ปิยงฺกรมาตาทีนํ วิยาติ ปิยงฺกรมาตา กิร ยกฺขินี ปจฺจูสสมเย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ธมฺมํ สชฺฌายโต สุตฺวา –

‘‘มา สทฺทมกรี ปิยงฺกร, ภิกฺขุ ธมฺมปทานิ ภาสติ;

อปิ ธมฺมปทํ วิชานิย, ปฏิปชฺเชม หิตาย โน สิยา.

‘‘ปาเณสุ จ สํยมามเส, สมฺปชานมุสา น ภณามเส;

สิกฺเขม สุสีลฺยมตฺตโน, อปิ มุจฺเจม ปิสาจโยนิยา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๐) –

เอวํ ปุตฺตกํ สฺาเปตฺวา ตํ ทิวสํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา. อุตฺตรมาตา ปน ภควโต ธมฺมํ สุตฺวาว โสตาปนฺนา ชาตา.

พฺรหฺมกาเย ปมชฺฌานนิพฺพตฺเต พฺรหฺมสมูเห, พฺรหฺมนิกาเย วา ภวาติ พฺรหฺมกายิกา. มหาพฺรหฺมุโน ปริสาย ภวาติ พฺรหฺมปาริสชฺชา ตสฺส ปริจารกฏฺาเน ิตตฺตา. มหาพฺรหฺมุโน ปุโรหิตฏฺาเน ิตาติ พฺรหฺมปุโรหิตา. อายุวณฺณาทีหิ มหนฺตา พฺรหฺมาโนติ มหาพฺรหฺมาโน. สติปิ เตสํ ติวิธานมฺปิ ปเมน ฌาเนน คนฺตฺวา นิพฺพตฺตภาเว ฌานสฺส ปน ปวตฺติเภเทน อยํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘พฺรหฺมปาริสชฺชา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริตฺเตนาติ หีเนน. สา จสฺส หีนตา ฉนฺทาทีนํ หีนตาย เวทิตพฺพา. ปฏิลทฺธมตฺตํ วา หีนํ. กปฺปสฺสาติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส. หีนปณีตานํ มชฺเฌ ภวตฺตา มชฺฌิมํ. สา จสฺส มชฺฌิมตา ฉนฺทาทีนํ มชฺฌิมตาย เวทิตพฺพา. ปฏิลภิตฺวา นาติสุภาวิตํ วา มชฺฌิมํ. อุปฑฺฒกปฺโปติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส อุปฑฺฒกปฺโป. วิปฺผาริกตโรติ พฺรหฺมปาริสชฺเชหิ ปมาณโต วิปุลตโร สภาวโต อุฬารตโร จ โหติ. สภาเวนปิ หิ อุฬารตโมว. ตํ ปเนตฺถ อปฺปมาณํ. ตสฺส หิ ปริตฺตาภาทีนํ ปริตฺตสุภาทีนฺจ กาเย สติปิ สภาวเวมตฺเต เอกตฺตวเสเนว ววตฺถปียตีติ ‘‘เอกตฺตกายา’’ตฺเวว เต วุจฺจนฺติ. ปณีเตนาติ อุกฺกฏฺเน. สา จสฺส อุกฺกฏฺตา ฉนฺทาทีนํ อุกฺกฏฺตาย เวทิตพฺพา. สุภาวิตํ วา, สมฺมเทว, วสิภาวํ ปาปิตํ ปณีตํ ‘‘ปธานภาวํ นีต’’นฺติ กตฺวา. อิธาปิ กปฺโป อสงฺขฺเยยฺยกปฺปวเสเนว เวทิตพฺโพ ปริปุณฺณมหากปฺปสฺส อสมฺภวโต. อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน. เตติ ‘‘พฺรหฺมกายิกา’’ติ วุตฺตา ติวิธาปิ พฺรหฺมาโน. สฺาย เอกตฺตาติ ติเหตุกภาเวน เอกสภาวตฺตา. น หิ ตสฺสา สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน อฺโปิ โกจิ เภโท อตฺถิ. เอวนฺติ อิมินา นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน คหิตาติ ทสฺเสติ.

ทณฺฑอุกฺกายาติ ทณฺฑทีปิกาย. สรติ ธาวติ, วิสฺสรติ วิปฺปกิณฺณา วิย ธาวติ. ทฺเว กปฺปาติ ทฺเว มหากปฺปา. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน อาภสฺสรคฺคหเณเนว สพฺเพปิ เต ปริตฺตาภาอปฺปมาณาภาปิ คหิตา.

สุนฺทรา ปภา สุภา, ตาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตพฺเพ. ภา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตา. อฏฺกถายํ ปน นิจฺจลาย เอกคฺฆนาย ปภาย สุโภติ ปริยายวจนนฺติ ‘‘สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. เอตฺถาปิ อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การกรณํ อิจฺฉิตพฺพเมว. น ฉิชฺชิตฺวา ปภา คจฺฉติ เอกคฺฆนตฺตา. จตุตฺถวิฺาณฏฺิติเมว ภชนฺติ กายสฺส สฺาย จ เอกรูปตฺตา. วิปุลสนฺตสุขายุวณฺณาทิผลตฺตา เวหปฺผลา. เอตฺถาติ วิฺาณฏฺิติยํ.

วิวฏฺฏปกฺเข ิตา อปุนราวตฺตนโต. ‘‘น สพฺพกาลิกา’’ติ วตฺวา ตเมว อสพฺพกาลิกตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสฬสกปฺปสหสฺสจฺจเยน อุปฺปนฺนานํ สุทฺธาวาสพฺรหฺมานํ ปรินิพฺพายนโต อฺเสฺจ ตตฺถ อนุปฺปชฺชนโต พุทฺธสุฺเ โลเก สุฺํ ตํ านํ โหติ, ตสฺมา สุทฺธาวาสา น สพฺพกาลิกา. ขนฺธาวารฏฺานสทิสา โหนฺติ สุทฺธาวาสภูมิโย. อิมินา สุตฺเตน สุทฺธาวาสานํ สตฺตาวาสภาวทีปเนเนว วิฺาณฏฺิติภาโวปิ ทีปิโต โหติ, ตสฺมา สุทฺธาวาสาปิ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ จตุตฺถวิฺาณฏฺิตึ, นวสุ สตฺตาวาเสสุ จตุตฺถสตฺตาวาสฺจ ภชนฺติ.

สุขุมตฺตาติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตตฺตา. ปริพฺยตฺตวิฺาณกิจฺจาภาวโต เนว วิฺาณํ, น สพฺพโส อวิฺาณํ โหตีติ นาวิฺาณํ, ตสฺมา ปริปฺผุตวิฺาณกิจฺจวนฺตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ น วุตฺตํ.

สตฺตวิฺาณฏฺิติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สมาธิปริกฺขารสุตฺตวณฺณนา

๔๕. ทุติเย สมาธิปริกฺขาราติ เอตฺถ ตโย ปริกฺขารา. ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร, ฌานกฺโข จกฺกวีริโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๔) หิ เอตฺถ อลงฺกาโร ปริกฺขาโร นาม. ‘‘สตฺตหิ นครปริกฺขาเรหิ สุปริกฺขตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗) เอตฺถ ปริวาโร ปริกฺขาโร นาม. ‘‘คิลานปจฺจย…เป… ชีวิตปริกฺขารา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙๑-๑๙๒) เอตฺถ สมฺภาโร ปริกฺขาโร นาม. โส อิธ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘มคฺคสมาธิสฺส สมฺภารา’’ติ. ปริวารปริกฺขาโรปิ วฏฺฏติเยว. ปริวาโร หิ สมฺมาทิฏฺาทโย มคฺคธมฺมา สมฺมาสมาธิสฺส สหชาตาทิปจฺจยภาเวน ปริกรณโต อภิสงฺขรณโต. ปริกฺขตาติ ปริวาริตา. อยํ วุจฺจติ อริโย สมฺมาสมาธีติ อยํ สตฺตหิ รตเนหิ ปริวุโต จกฺกวตฺตี วิย สตฺตหิ องฺเคหิ ปริวุโต อริโย สมฺมาสมาธีติ วุจฺจติ. อุเปจฺจ นิสฺสียตีติ อุปนิสา, สห อุปนิสายาติ สอุปนิโส, สอุปนิสฺสโย อตฺโถ, สปริวาโรเยวาติ วุตฺตํ โหติ. สหการิการณภูโต หิ ธมฺมสมูโห อิธ ‘‘อุปนิโส’’ติ อธิปฺเปโต.

สมาธิปริกฺขารสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปมอคฺคิสุตฺตวณฺณนา

๔๖. ตติเย อนุฑหนฏฺเนาติ กามํ อาหุเนยฺยคฺคิอาทโย ตโย อคฺคี พฺราหฺมเณหิปิ อิจฺฉิตา สนฺติ. เต ปน เตหิ อิจฺฉิตมตฺตาว, น สตฺตานํ ตาทิสา อตฺถสาธกา. เย ปน สตฺตานํ อตฺถสาธกา, เต ทสฺเสตุํ ‘‘อาหุนํ วุจฺจตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาเนตฺวา หุนนํ ปูชนํ ‘‘อาหุน’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อาหุนํ อรหนฺตี มาตาปิตโร. เตนาห ภควา – ‘‘อาหุเนยฺยาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๖). ยทคฺเคน จ เต ปุตฺตานํ พหูปการตาย อาหุเนยฺยาติ, เตสุ สมฺมาปฏิปตฺติ เนสํ หิตสุขาวหา, ตทคฺเคน เตสุ มิจฺฉาปฏิปตฺติ อหิตทุกฺขาวหาติ อาห ‘‘เตสุ…เป… นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ.

สฺวายมตฺโถ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) มิตฺตวินฺทกวตฺถุนา เวทิตพฺโพ. มิตฺตวินฺทโก หิ มาตรา, ‘‘ตาต, อชฺช อุโปสถิโก หุตฺวา วิหาเร สพฺพรตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ สุโณหิ, สหสฺสํ เต ทสฺสามี’’ติ วุตฺโต ธนโลเภน อุโปสถํ สมาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิทํ านํ อกุโตภย’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ธมฺมาสนสฺส เหฏฺา นิปนฺโน สพฺพรตฺตึ นิทฺทายิตฺวา ฆรํ อคมาสิ. มาตา ปาโตว ยาคุํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิ. โส สหสฺสํ คเหตฺวาว ปิวิ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘ธนํ สํหริสฺสามี’’ติ. โส นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทิตุกาโม อโหสิ. อถ นํ มาตา, ‘‘ตาต, อิมสฺมึ กุเล จตฺตาลีสโกฏิธนํ อตฺถิ, อลํ คมเนนา’’ติ นิวาเรติ. โส ตสฺสา วจนํ อนาทิยิตฺวา คจฺฉติ เอว. สา ปุรโต อฏฺาสิ. อถ นํ กุชฺฌิตฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ ปุรโต ติฏฺตี’’ติ ปาเทน ปหริตฺวา ปติตํ อนฺตรํ กตฺวา อคมาสิ.

มาตา อุฏฺหิตฺวา ‘‘มาทิสาย มาตริ เอวรูปํ กมฺมํ กตฺวา คตสฺส เต คตฏฺาเน สุขํ ภวิสฺสตีติ เอวํสฺี นาม ตฺวํ ปุตฺตา’’ติ อาห. ตสฺส นาวํ อารุยฺห คจฺฉโต สตฺตเม ทิวเส นาวา อฏฺาสิ. อถ เต มนุสฺสา ‘‘อทฺธา เอตฺถ ปาปปุคฺคโล อตฺถิ, สลากํ เทถา’’ติ อาหํสุ. สลากา ทียมานา ตสฺเสว ติกฺขตฺตุํ ปาปุณิ. เต ตสฺส อุฬุมฺปํ ทตฺวา ตํ สมุทฺเท ปกฺขิปึสุ. โส เอกํ ทีปํ คนฺตฺวา วิมานเปตีหิ สทฺธึ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ตาหิ ‘‘ปุรโต ปุรโต มา อคมาสี’’ติ วุจฺจมาโนปิ ตทฺทิคุณํ ตทฺทิคุณํ สมฺปตฺตึ ปสฺสนฺโต อนุปุพฺเพน ขุรจกฺกธรํ เอกํ อทฺทส. ตํ จกฺกํ ปทุมปุปฺผํ วิย อุปฏฺาสิ. โส ตํ อาห, ‘‘อมฺโภ, อิทํ ตยา ปิฬนฺธิตํ ปทุมํ มยฺหํ เทหี’’ติ. น อิทํ, สามิ, ปทุมํ, ขุรจกฺกํ เอตนฺติ. โส ‘‘วฺเจสิ มํ ตฺวํ, กึ มยา ปทุมํ น ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ โลหิตจนฺทนํ วิลิมฺปิตฺวา ปิฬนฺธนํ ปทุมปุปฺผํ มยฺหํ น ทาตุกาโม’’ติ อาห. โส จินฺเตสิ ‘‘อยมฺปิ มยา กตสทิสํ กมฺมํ กตฺวา ตสฺส ผลํ อนุภวิตุกาโม’’ติ. อถ นํ ‘‘คณฺห, เร’’ติ วตฺวา ตสฺส มตฺถเก จกฺกํ ขิปิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิ ปิจ โสฬส;

โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;

อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓);

โสติ เคหสามิโก ภตฺตา. ปุริมนเยเนวาติ อนุฑหนสฺส ปจฺจยตาย. ตตฺริทํ วตฺถุ – กสฺสปพุทฺธกาเล โสตาปนฺนสฺส อุปาสกสฺส ภริยา อติจารํ จรติ. โส ตํ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ อาห. สา ‘‘สจาหํ เอวรูปํ กโรมิ, อยํ เม สุนโข วิลุปฺปมาโน ขาทตู’’ติ วตฺวา กาลกตา กณฺณมุณฺฑกทเห เวมานิกเปตี หุตฺวา นิพฺพตฺตา ทิวา สมฺปตฺตึ อนุภวติ, รตฺตึ ทุกฺขํ. ตทา พาราณสิราชา มิควํ จรนฺโต อรฺํ ปวิสิตฺวา อนุปุพฺเพน กณฺณมุณฺฑกทหํ สมฺปตฺโต ตาย สทฺธึ สมฺปตฺตึ อนุภวติ. สา ตํ วฺเจตฺวา รตฺตึ ทุกฺขํ อนุภวติ. โส ตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข คจฺฉตี’’ติ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คนฺตฺวา อวิทูเร ิโต กณฺณมุณฺฑกทหโต นิกฺขมิตฺวา ตํ ‘‘ปฏปฏ’’นฺติ ขาทมานํ เอกํ สุนขํ ทิสฺวา อสินา ทฺวิธา ฉินฺทิ, ทฺเว อเหสุํ. ปุน ฉินฺเน จตฺตาโร, ปุน ฉินฺเน อฏฺ, ปุน ฉินฺเน โสฬส อเหสุํ. สา ‘‘กึ กโรสิ, สามี’’ติ อาห. โส ‘‘กึ อิท’’นฺติ อาห. สา ‘‘เอวํ อกตฺวา เขฬปิณฺฑํ ภูมิยํ นิฏฺุภิตฺวา ปาเทน ฆํสาหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. สุนขา อนฺตรธายึสุ. มุฏฺิโยโค กิรายํ ตสฺส สุนขนฺตรธานสฺส, ยทิทํ เขฬปิณฺฑํ ภูมิยํ นิฏฺุภิตฺวา ปาเทน ฆํสนํ, ตํ ทิวสํ ตสฺสา กมฺมํ ขีณํ. ราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา คนฺตุํ อารทฺโธ. สา ‘‘มยฺหํ, สามิ, กมฺมํ ขีณํ, มา อคมาสี’’ติ อาห. ราชา อสฺสุตฺวาว คโต.

ทกฺขิณาติ จตฺตาโร ปจฺจยา ทียมานา ทกฺขนฺติ เอเตหิ หิตสุขานีติ, ตํ ทกฺขิณํ อรหตีติ ทกฺขิเณยฺโย, ภิกฺขุสงฺโฆ.

ปมอคฺคิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๕. ทุติยอคฺคิสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๗-๔๘. จตุตฺเถ ยฺวาฏํ สมฺปาเทตฺวา มหายฺํ อุทฺทิสฺส สวิฺาณกานิ อวิฺาณกานิ จ ยฺูปกรณานิ สชฺชิตานีติ อาห ปาฬิยํ ‘‘มหายฺโ อุปกฺขโฏ’’ติ. ตํ อุปกรณํ เตสํ ตถาสชฺชนนฺติ อาห ‘‘อุปกฺขโฏติ ปจฺจุปฏฺิโต’’ติ. วจฺฉตรสตานีติ ยุวภาวปฺปตฺตานิ นาติพลววจฺฉสตานิ. เต ปน วจฺฉา เอว โหนฺติ, น ทมฺมา, พลีพทฺทา วา. อุรพฺภาติ ตรุณเมณฺฑกา วุจฺจนฺติ. อุปนีตานีติ ปนตฺถาย อุปนีตานิ. วิหึสฏฺเนาติ หึสนฏฺเน. อุปวายตูติ อุปคนฺตฺวา สรีรทรถํ นิพฺพาเปนฺโต สณฺหสีตลา วาโต วายตุ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. ปฺจเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ทุติยอคฺคิสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ทุติยสฺาสุตฺตวณฺณนา

๔๙. ฉฏฺเ นฺหารุวิเลขนนฺติ จมฺมํ ลิขนฺตานํ จมฺมํ ลิขิตฺวา ฉฑฺฑิตกสฏํ. ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติอาทินา อหํกรณํ อหงฺกาโร. ‘‘เอตํ มมา’’ติ มมํกรณํ มมงฺกาโร. เตนาห ‘‘อหงฺการทิฏฺิโต’’ติอาทิ. ติสฺโส วิธาติ เสยฺยสทิสหีนวเสน ตโย มานา. ‘‘เอกวิเธน รูปสงฺคโห’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๕๘๔) โกฏฺาโส ‘‘วิธา’’ติ วุตฺโต. ‘‘กถํวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ, กถํวิธํ ปฺวนฺตํ วทนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๕) ปกาโร. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วิธา. กตมา ติสฺโส? เสยฺโยหมสฺมีติ วิธา’’ติ (วิภ. ๙๒๐) เอตฺถ มาโน ‘‘วิธา’’ติ วุตฺโต. อิธาปิ มาโนว อธิปฺเปโต. มาโน หิ วิทหนโต หีนาทิวเสน ติวิธา. เตนากาเรน ทหนโต อุปทหนโต ‘‘วิธา’’ติ วุจฺจติ.

ทุติยสฺาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๘. เมถุนสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๐-๕๑. สตฺตเม อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. เอกจฺโจติ เอโก. สมโณ วา พฺราหฺมโณ วาติ ปพฺพชฺชามตฺเตน สมโณ วา, ชาติมตฺเตน พฺราหฺมโณ วา. ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตินฺติ ทฺวีหิ ทฺวีหิ สมาปชฺชิตพฺพํ, เมถุนนฺติ อตฺโถ. น เหว โข สมาปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. อุจฺฉาทนํ อุพฺพฏฺฏนํ. สมฺพาหนํ ปริมทฺทนํ. สาทิยตีติ อธิวาเสติ. ตทสฺสาเทตีติ อุจฺฉาทนาทึ อภิรมติ. นิกาเมตีติ อิจฺฉติ. วิตฺตินฺติ ตุฏฺึ. อิทมฺปิ โขติ เอตฺถ อิทนฺติ ยถาวุตฺตํ สาทิยนาทึ ขณฺฑาทิภาววเสน เอกํ กตฺวา วุตฺตํ. ปิ-สทฺโท วกฺขมานํ อุปาทาย สมุจฺจยตฺโถ, โข-สทฺโท อวธารณตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยเทตํ พฺรหฺมจาริปฏิฺสฺส อสติปิ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติยํ มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนนหาปนสมฺพาหนสาทิยนาทิ. อิทมฺปิ เอกํเสน ตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑาทิภาวาปาทนโต ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปีติ. เอวํ ปน ขณฺฑาทิภาวาปตฺติยา โส อปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ, น ปริสุทฺธํ, สํยุตฺโต เมถุนสํโยเคน, น วิสํยุตฺโต. ตโต จสฺส น ชาติอาทีหิ ปริมุตฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ วุจฺจตี’’ติอาทิมาห.

สฺชคฺฆตีติ กิเลสวเสน มหาหสิตํ หสติ. สํกีฬตีติ กายสํสคฺควเสน กีฬติ. สํเกลายตีติ สพฺพโส มาตุคามํ เกลายนฺโต วิหรติ. จกฺขุนาติ อตฺตโน จกฺขุนา. จกฺขุนฺติ มาตุคามสฺส จกฺขุํ. อุปนิชฺฌายตีติ อุเปจฺจ นิชฺฌายติ โอโลเกติ. ติโรกุฏฺฏนฺติ กุฏฺฏสฺส ปรโต. ตถา ติโรปาการํ, ‘‘มตฺติกามยา ภิตฺติ กุฏฺฏํ, อิฏฺกามยา ปากาโร’’ติ วทนฺติ. ยา กาจิ วา ภิตฺติ โปริสกา ทิยฑฺฒรตนปฺปมาณา กุฏฺฏํ, ตโต อธิโก ปากาโร. อสฺสาติ พฺรหฺมจาริปฏิฺสฺส. ปุพฺเพติ วตสมาทานโต ปุพฺเพ. กามคุเณหีติ กามโกฏฺาเสหิ. สมปฺปิตนฺติ สุฏฺุ อปฺปิตํ สหิตํ. สมงฺคิภูตนฺติ สมนฺนาคตํ. ปริจารยมานนฺติ กีฬนฺตํ, อุปฏฺหิยมานํ วา. ปณิธายาติ ปตฺเถตฺวา. สีเลนาติอาทีสุ ยมนิยมาทิสมาทานวเสน สีลํ, อวีติกฺกมวเสน วตํ. อุภยมฺปิ วา สีลํ, ทุกฺกรจริยวเสน ปวตฺติตํ วตํ. ตํตํอกิจฺจสมฺมตโต วา นิวตฺติลกฺขณํ สีลํ, ตํตํสมาทานวโต เวสโภชนกิจฺจกรณาทิวิเสสปฺปฏิปตฺติ วตํ. สพฺพถาปิ ทุกฺกรจริยา ตโป. เมถุนา วิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ เอวมฺเปตฺถ ปาฬิวณฺณนา เวทิตพฺพา. อฏฺมํ อุตฺตานเมว.

เมถุนสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ทานมหปฺผลสุตฺตวณฺณนา

๕๒. นวเม ‘‘สาหุ ทาน’’นฺติ ทานํ เทตีติ ‘‘ทานํ นาม สาธุ สุนฺทร’’นฺติ ทานํ เทตีติ อตฺโถ. ทานฺหิ ทตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปาโมชฺชปีติโสมนสฺสาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, โลภโทสอิสฺสามจฺเฉราทโย วิทูรีภวนฺติ. อิทานิ ทานํ อนุกูลธมฺมปริพฺรูหเนน ปจฺจนีกธมฺมวิทูรีกรเณน จ ภาวนาจิตฺตสฺส อุปโสภนาย จ ปริกฺขาราย จ โหตีติ ‘‘อลงฺการภูตฺเจว ปริวารภูตฺจ เทตี’’ติ วุตฺตํ. ฌานานาคามี นาม โหติ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกูปปนฺนานํ อริยานํ เหฏฺา อนุปฺปชฺชนโต. อิมํ เปจฺจ ปริภุฺชิสฺสามีติ สาเปกฺขสฺส ทานํ ปรโลกผลาสาย สาติสยาย จ ปุพฺพาจารวเสน อุปฺปชฺชมานาย อนุภวตฺตา ตณฺหุตฺตรํ นาม โหตีติ อาห ‘‘ปมํ ตณฺหุตฺตริยทาน’’นฺติ. ทานํ นาม พุทฺธาทีหิ ปสตฺถนฺติ ครุํ จิตฺตีการํ อุปฏฺเปตฺวา ทาตพฺพตฺตา ‘‘ทุติยํ จิตฺตีการทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ปุพฺพเกหิ ปิตุปิตามเหหิ ทินฺนปุพฺพํ กตปุพฺพํ ชหาเปตุํ นาม นานุจฺฉวิกนฺติ อตฺตภาวสภาควเสน หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ทาตพฺพโต ‘‘ตติยํ หิโรตฺตปฺปทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อหํ ปจามิ, น อิเม ปจนฺติ, นารหามิ ปจนฺโต อปจนฺตานํ ทานํ อทาตุ’’นฺติ เอวํสฺี หุตฺวา เทนฺโต นิรวเสสํ กตฺวา เทตีติ อาห ‘‘จตุตฺถํ นิรวเสสทาน’’นฺติ. ‘‘ยถา เตสํ ปุพฺพกานํ อิสีนํ ตานิ มหายฺกานิ อเหสุํ, เอวํ เม อยํ ทานปริโภโค ภวิสฺสตี’’ติ เอวํสฺิโน ทานํ ทกฺขิณํ อรเหสุ ทาตพฺพโต ‘‘ปฺจมํ ทกฺขิเณยฺยทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อิมํ เม ทานํ ททโต จิตฺตํ ปสีทตี’’ติอาทินา ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา เทนฺตสฺส ทานํ โสมนสฺสพาหุลฺลปฺปตฺติยา โสมนสฺสุปจารํ นาม โหตีติ อาห ‘‘ฉฏฺํ โสมนสฺสุปวิจารทาน’’นฺติ วุตฺตํ.

ทานมหปฺผลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. นนฺทมาตาสุตฺตวณฺณนา

๕๓. ทสเม ‘‘วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา…เป… นิกฺขมี’’ติ องฺคุตฺตรภาณกานํ มเตเนตํ วุตฺตํ. มชฺฌิมภาณกา ปน วทนฺติ ‘‘ภควา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย เชตวนโต ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ นิกฺขมิ. เตเนว จ อกาเล นิกฺขนฺตตฺตา โกสลราชาทโย วาเรตุํ อารภึสุ. ปวาเรตฺวา หิ จรณํ พุทฺธาจิณฺณ’’นฺติ. ปุณฺณาย สมฺมาปฏิปตฺตึ ปจฺจาสีสนฺโต ภควา ‘‘มม นิวตฺตนปจฺจยา ตฺวํ กึ กริสฺสสี’’ติ อาห. ปุณฺณาปิ…เป… ปพฺพชีติ เอตฺถ เสฏฺิ ‘‘ปุณฺณาย ภควา นิวตฺติโต’’ติ สุตฺวา ตํ ภุชิสฺสํ กตฺวา ธีตุฏฺาเน เปสิ. สา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิ. อถสฺสา สตฺถา อารทฺธวิปสฺสกภาวํ ตฺวา อิมํ โอภาสคาถํ วิสฺสชฺเชสิ –

‘‘ปุณฺเณ ปูรสฺสุ สทฺธมฺมํ, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา;

ปริปุณฺณาย ปฺาย, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสสี’’ติ. (เถรีคา. ๓);

สา คาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา อภิฺาตา สาวิกา อโหสิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

นนฺทมาตาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหายฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๖. อพฺยากตวคฺโค

๑-๒. อพฺยากตสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๔-๕๕. ฉฏฺวคฺคสฺส ปมํ สุวิฺเยฺยเมว. ทุติเย อตีเต อตฺตภาเว นิพฺพตฺตกํ กมฺมนฺติ ‘‘ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโว’’ติ เอวมาคตํ สปริกฺขารํ ปฺจวิธํ กมฺมวฏฺฏมาห. เอตรหิ เม อตฺตภาโว น สิยาติ วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนาสหิตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ ปฺจวิธํ วิปากวฏฺฏมาห. ยํ อตฺถิกนฺติ ยํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานกํ. เตนาห ‘‘ภูต’’นฺติ. ตฺหิ ปจฺจยนิพฺพตฺตตาย ‘‘ภูต’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปชหามีติ ตปฺปฏิพทฺธจฺฉนฺทราคปฺปหาเนน ตโต เอว อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนวเสน ปชหามิ ปริจฺจชามิ. หริตนฺตนฺติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๓) หริตเมว. อนฺต-สทฺเทน ปทวฑฺฒนํ กตํ ยถา ‘‘วนนฺตํ สุตฺตนฺต’’นฺติ, อลฺลติณาทีนิ อาคมฺม นิพฺพายตีติ อตฺโถ. ปถนฺตนฺติ มหามคฺคํ. เสลนฺตนฺติ ปพฺพตํ. อุทกนฺตนฺติ อุทกํ. รมณียํ วา ภูมิภาคนฺติ ติณคุมฺพาทิรหิตํ วิวิตฺตํ อพฺโภกาสภูมิภาคํ. อนาหาราติ อปจฺจยา นิรุปาทานา. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

อพฺยากตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ติสฺสพฺรหฺมาสุตฺตวณฺณนา

๕๖. ตติเย วิวิตฺตานิ ตาทิสานิ ปน ปริยนฺตานิ อติทูรานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘อนฺติมปริยนฺติมานี’’ติ. อนฺเต ภวานิ อนฺติมานิ, อนฺติมานิเยว ปริยนฺติมานิ. อุภเยนปิ อติทูรตํ ทสฺเสติ. สมนฺนาหาเร ปยมาโนติ อินฺทฺริยํ สมากาเรน วตฺเตนฺโต อินฺทฺริยสมตํ ปฏิปาเทนฺโต นาม โหติ. วิปสฺสนาจิตฺตสมฺปยุตฺโต สมาธิ, สติปิ สงฺขารนิมิตฺตาวิรเห นิจฺจนิมิตฺตาทิวิรหโต ‘‘อนิมิตฺโต’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อนิมิตฺตนฺติ พลววิปสฺสนาสมาธิ’’นฺติ.

ติสฺสพฺรหฺมาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๗. สีหเสนาปติสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๗-๖๐. จตุตฺเถ กุจฺฉิโต อริโย กทริโย. ถทฺธมจฺฉริยสทิสํ หิ กุจฺฉิตํ สพฺพนิหีนํ นตฺถิ สพฺพกุสลานํ อาทิภูตสฺส นิเสธนโต. เสสเมตฺถ ปฺจมาทีนิ จ อุตฺตานตฺถาเนว.

สีหเสนาปติสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ปจลายมานสุตฺตวณฺณนา

๖๑. อฏฺเม อาโลกสฺํ มนสิ กเรยฺยาสีติ ทิวา วา รตฺตึ วา สูริยปชฺโชตจนฺทมณิอาทีนํ อาโลกํ ‘‘อาโลโก’’ติ มนสิ กเรยฺยาสิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สูริยจนฺทาโลกาทึ ทิวา รตฺติฺจ อุปลทฺธํ ยถาลทฺธวเสเนว มนสิ กเรยฺยาสิ, จิตฺเต เปยฺยาสิ. ยถา เต สุภาวิตาโลกกสิณสฺส วิย กสิณาโลโก ยทิจฺฉกํ ยาวทิจฺฉกฺจ โส อาโลโก รตฺติยํ อุปติฏฺติ, เยน ตตฺถ ทิวาสฺํ เปยฺยาสิ, ทิวา วิย วิคตถินมิทฺโธว ภเวยฺยาสีติ. เตนาห ‘‘ยถา ทิวา ตถา รตฺติ’’นฺติ. อิติ วิวเฏน เจตสาติ เอวํ อปิหิเตน จิตฺเตน ถินมิทฺธปิธาเนน อปิหิตตฺตา. อปริโยนทฺเธนาติ สมนฺตโต อโนนทฺเธน อสฺฉาทิเตน. สโหภาสนฺติ สาโณภาสํ. ถินมิทฺธวิโนทนอาโลโกปิ วา โหตุ กสิณาโลโกปิ วา ปริกมฺมาโลโกปิ วา, อุปกฺกิเลสาโลโก วิย สพฺโพยํ อาโลโก าณสมุฏฺาโนวาติ. เยสํ อกรเณ ปุคฺคโล มหาชานิโย โหติ, ตานิ อวสฺสํ กาตพฺพานิ. ยานิ อกาตุมฺปิ วฏฺฏนฺติ, สติ สมวาเย กาตพฺพโต ตานิ กรณียานีติ อาห ‘‘อิตรานิ กรณียานี’’ติ. อถ วา กตฺตพฺพานิ กมฺมานิ กรณํ อรหนฺตีติ กรณียานิ. อิตรานิ กิจฺจานีติปิ วทนฺติ.

อาทินยปฺปวตฺตา วิคฺคาหิกกถาติ ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามิ, กึ ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานิสฺสสิ, มิจฺฉาปฏิปนฺโน ตฺวมสิ, อหมสฺมิ สมฺมาปฏิปนฺโน, สหิตํ เม, อสหิตํ เต, ปุเรวจนียํ ปจฺฉา อวจ, ปจฺฉาวจนียํ ปุเร อวจ, อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตํ, อาโรปิโต เต วาโท, นิคฺคหิโต ตฺวมสิ. จร วาทปฺปโมกฺขาย, นิพฺเพเหิ วา สเจ ปโหสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๘; ม. นิ. ๓.๔๑) เอวํปวตฺตา กถา. ตตฺถ สหิตํ เมติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘) มยฺหํ วจนํ สหิตํ สิลิฏฺํ, อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตนฺติ อตฺโถ. สหิตนฺติ วา ปุพฺพาปราวิรุทฺธํ. อสหิตํ เตติ ตุยฺหํ วจนํ อสหิตํ อสิลิฏฺํ. อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตนฺติ ยํ ตุยฺหํ ทีฆรตฺตาจิณฺณวเสน สุปฺปคุณํ, ตํ มยฺหํ เอกวจเนเนว วิปราวตฺตํ ปริวตฺติตฺวา ิตํ, น กิฺจิ ชานาสีติ อตฺโถ. อาโรปิโต เต วาโทติ มยา ตว วาเท โทโส อาโรปิโต. จร วาทปฺปโมกฺขายาติ โทสโมจนตฺถํ จร วิจร, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา สิกฺขาติ อตฺโถ. นิพฺเพเหิ วา สเจ ปโหสีติ อถ สยํ ปโหสิ, อิทานิ เอว นิพฺเพเหีติ อตฺโถ.

ตณฺหา สพฺพโส ขียนฺติ เอตฺถาติ ตณฺหาสงฺขโย, ตสฺมึ. ตณฺหาสงฺขเยติ จ อิทํ วิสเย ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘ตํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติ. วิมุตฺตจิตฺตตายาติ สพฺพสํกิเลเสหิ วิปฺปยุตฺตจิตฺตตาย. อปรภาเค ปฏิปทา นาม อริยสจฺจาภิสมโย. สา สาสนจาริโคจรา ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพโตติ อาห ‘‘ปุพฺพภาคปฺปฏิปทํ สํขิตฺเตน เทเสถาติ ปุจฺฉตี’’ติ. อกุปฺปธมฺมตาย ขยวยสงฺขาตํ อนฺตํ อตีตาติ อจฺจนฺตา, โส เอว อปริหายนสภาวตฺตา อจฺจนฺตา นิฏฺา อสฺสาติ อจฺจนฺตนิฏฺา. เตนาห ‘‘เอกนฺตนิฏฺโ สตตนิฏฺโติ อตฺโถ’’ติ. น หิ ปฏิวิทฺธสฺส โลกุตฺตรธมฺมสฺส ทสฺสนฺนํ กุปฺปนฺนํ นาม อตฺถิ. อจฺจนฺตเมว จตูหิ โยเคหิ เขโม เอตสฺส อตฺถีติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส วุสิตตฺตา ตสฺส จ อปริหายนสภาวตฺตา อจฺจนฺตํ พฺรหฺมจารีติ อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี. เตนาห ‘‘นิจฺจพฺรหฺมจารีติ อตฺโถ’’ติ. ปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยปริยปริโยสานํ วฏฺฏทุกฺขปริโยสานฺจ.

ปฺจกฺขนฺธาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. สกฺกายสพฺพฺหิ สนฺธาย อิธ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ วิปสฺสนาวิสยสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ตสฺมา อายตนธาตุโยปิ ตคฺคติกา เอว ทฏฺพฺพา. เตนาห ภควา ‘‘นาลํ อภินิเวสายา’’ติ. น ยุตฺตา อภินิเวสาย ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อชฺโฌสานาย. ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔, ๑๒๘, ๑๓๔, ๑๔๓) วิย อลํ-สทฺโท ยุตฺตตฺโถปิ โหตีติ อาห ‘‘น ยุตฺตา’’ติ. สมฺปชฺชนฺตีติ ภวนฺติ. ยทิปิ ‘‘ตติยา จตุตฺถี’’ติ อิทํ วิสุทฺธิทฺวยํ อภิฺาปฺา, ตสฺส ปน สปจฺจยนามรูปทสฺสนภาวโต สติ จ ปจฺจยปริคฺคเห สปจฺจยตฺตา อนิจฺจนฺติ, นามรูปสฺส อนิจฺจตาย ทุกฺขํ, ทุกฺขฺจ อนตฺตาติ อตฺถโต ลกฺขณตฺตยํ สุปากฏเมว โหตีติ อาห ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ าตปริฺาย อภิชานาตี’’ติ. ตเถว ตีรณปริฺายาติ อิมินา อนิจฺจาทิภาเวน นาลํ อภินิเวสายาติ นามรูปสฺส อุปสํหรติ, น อภิฺาปฺานํ สมฺภารธมฺมานํ. ปุริมาย หิ อตฺถโต อาปนฺนํ ลกฺขณตฺตยํ คณฺหาติ สลกฺขณสลฺลกฺขณปรตฺตา ตสฺสา. ทุติยาย สรูปโต ตสฺสา ลกฺขณตฺตยาโรปนวเสน สมฺมสนภาวโต. เอกจิตฺตกฺขณิกตาย อภินิปาตมตฺตตาย จ อปฺปมตฺตกมฺปิ. รูปปริคฺคหสฺส โอฬาริกภาวโต อรูปปริคฺคหํ ทสฺเสติ. ทสฺเสนฺโต จ เวทนาย อาสนฺนภาวโต, วิเสสโต สุขสาราคิตาย, ภวสฺสาทคธิตมานสตาย จ เถรสฺส เวทนาวเสน นิพฺพตฺเตตฺวา ทสฺเสติ.

ขยวิราโคติ ขยสงฺขาโต วิราโค สงฺขารานํ ปลุชฺชนา. ยํ อาคมฺม สพฺพโส สงฺขาเรหิ วิรชฺชนา โหติ, ตํ นิพฺพานํ อจฺจนฺตวิราโค. นิโรธานุปสฺสิมฺหิปีติ นิโรธานุปสฺสิปเทปิ. เอเสว นโยติ อติทิสิตฺวา ตํ เอกเทเสน วิวรนฺโต ‘‘นิโรโธปิ หิ…เป… ทุวิโธเยวา’’ติ อาห. ขนฺธานํ ปริจฺจชนํ ตปฺปฏิพทฺธกิเลสปฺปหานวเสนาติ เยนากาเรน วิปสฺสนา กิเลเส ปชหติ, เตนากาเรน ตํนิมิตฺตกฺขนฺเธ จ ปชหตีติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ อาห ‘‘สา หิ…เป… โวสฺสชฺชตี’’ติ. อารมฺมณโตติ กิจฺจสาธนวเสน อารมฺมณกรณโต. เอวฺหิ มคฺคโต อฺเสํ นิพฺพานารมฺมณานํ ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคาภาโว สิทฺโธว โหติ. ปริจฺจชเนน ปกฺขนฺทเนน จาติ ทฺวีหิปิ วา การเณหิ. โสติ มคฺโค. สพฺเพสํ ขนฺธานํ โวสฺสชฺชนํ ตปฺปฏิพทฺธสํกิเลสปฺปหาเนน ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา วา วิปสฺสนาจิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ มคฺคสมฺปยุตฺตจิตฺตํ สนฺธายาห. มคฺโค จ สมุจฺเฉทวเสน กิเลเส ขนฺเธ จ ปริจฺจชติ, ตสฺมา ยถากฺกมํ วิปสฺสนามคฺคานฺจ วเสน ปกฺขนฺทนปริจฺจาคโวสฺสคฺคาปิ เวทิตพฺพา. ตทุภยสมงฺคีติ วิปสฺสนาสมงฺคี มคฺคสมงฺคี จ. ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺํ ปชหตี’’ติอาทิวจนโต (ปฏิ. ม. ๑.๕๒) หิ ยถา วิปสฺสนาย กิเลสานํ ปริจฺจาคปฺปฏินิสฺสคฺโค ลพฺภติ, เอวํ อายตึ เตหิ กิเลเสหิ อุปฺปาเทตพฺพกฺขนฺธานมฺปิ ปริจฺจาคปฏินิสฺสคฺโค วตฺตพฺโพ. ปกฺขนฺทนปฏินิสฺสคฺโค ปน มคฺเค ลพฺภมานาย เอกนฺตการณภูตาย วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาย วเสน เวทิตพฺโพ. มคฺเค ปน ตทุภยมฺปิ ายาคตเมว นิปฺปริยายโตว ลพฺภมานตฺตา. เตนาห ‘‘ตทุภยสมงฺคีปุคฺคโล’’ติอาทิ. ปุจฺฉนฺตสฺส อชฺฌาสยวเสน ‘‘น กิฺจิ โลเก อุปาทิยตี’’ติ เอตฺถ กามุปาทานวเสน อุปาทิยนํ ปฏิกฺขิปตีติ อาห ‘‘ตณฺหาวเสน น อุปาทิยตี’’ติ. ตณฺหาวเสน วา อสติ อุปาทิยเน ทิฏฺิวเสน อุปาทิยนํ อนวกาสเมวาติ ‘‘ตณฺหาวเสน’’อิจฺเจว วุตฺตํ. น ปรามสตีติ นาทิยติ. ทิฏฺิปรามาสวเสน วา ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา น ปรามสติ. สํขิตฺเตเนว กเถสีติ ตสฺส อชฺฌาสยวเสน ปปฺจํ อกตฺวา กเถสิ.

ปจลายมานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. เมตฺตสุตฺตวณฺณนา

๖๒. นวเม มา, ภิกฺขเว, ปุฺานนฺติ (อิติวุ. อฏฺ. ๖๒) เอตฺถ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต. ปุฺ-สทฺโท ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุฺํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) ปุฺผเล อาคโต. ‘‘อวิชฺชาคโตยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล ปุฺฺเจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) กามรูปาวจรสุจริเตสุ. ‘‘ปุฺูปคํ โหติ วิฺาณ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) สุคติวิเสสภูเต อุปปตฺติภเว. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปุฺกิริยวตฺถูนิ ทานมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ, สีลมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ, ภาวนามยํ ปุฺกิริยวตฺถู’’ติอาทีสุ (อิติวุ. ๖๐; ที. นิ. ๓.๓๐๕; อ. นิ. ๘.๓๖) กุสลเจตนายํ. อิธ ปน เตภูมกกุสลธมฺเม เวทิตพฺโพ. ภายิตฺถาติ เอตฺถ ทุวิธํ ภยํ าณภยํ, สารชฺชภยนฺติ. ตตฺถ ‘‘เยปิ เต, ภิกฺขเว, เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา อุจฺเจสุ วิมาเนสุ จิรฏฺิติกา, เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เยภุยฺเยน ภยํ สํเวคํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๓) อาคตํ าณภยํ. ‘‘อหุเทว ภยํ, อหุ ฉมฺภิตตฺตํ, อหุ โลมหํโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๑๘) อาคตํ สารชฺชภยํ. อิธาปิ สารชฺชภยเมว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภิกฺขเว, ทีฆรตฺตํ กายวจีสํยโม วตฺตปฺปฏิวตฺตปูรณํ เอกาสนํ เอกเสยฺยํ อินฺทฺริยทโม ธุตธมฺเมหิ จิตฺตสฺส นิคฺคโห สติสมฺปชฺํ กมฺมฏฺานานุโยควเสน วีริยารมฺโภติ เอวมาทีนิ ยานิ ภิกฺขุนา นิรนฺตรํ ปวตฺเตตพฺพานิ ปุฺานิ, เตหิ มา ภายิตฺถ, มา ภยํ สนฺตาสํ อาปชฺชิตฺถ. เอกจฺจสฺส ทิฏฺธมฺมสุขสฺส อุปโรธภเยน สมฺปรายิกนิพฺพานสุขทายเกหิ ปุฺเหิ มา ภายิตฺถาติ. นิสฺสกฺเก อิทํ สามิวจนํ.

อิทานิ ตโต อภายิตพฺพภาเว การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุขสฺเสต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุข-สทฺโท ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท, สุขา วิราคตา โลเก’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๔) สุขมูเล อาคโต. ‘‘ยสฺมา จ โข, มหาลิ, รูปํ สุขํ สุขานุปติตํ สุขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) สุขารมฺมเณ. ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๕) สุขปจฺจยฏฺาเน. ‘‘สุโข ปุฺสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๑๘) สุขเหตุมฺหิ. ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๘๒) อพฺยาปชฺเช. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๑๕; ธ. ป. ๒๐๓, ๒๐๔) นิพฺพาเน. ‘‘สุขสฺส จ ปหานา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๓๒; ม. นิ. ๑.๒๗๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๒) สุขเวทนายํ. ‘‘อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, สุขมิจฺเจว ภาสิต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๕๓; อิติวุ. ๕๓) อุเปกฺขาเวทนายํ. ‘‘ทฺเวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา ปริยาเยน สุขา เวทนา ทุกฺขา เวทนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๘๙) อิฏฺสุเขสุ. ‘‘สุโข วิปาโก ปุฺาน’’นฺติอาทีสุ (เปฏโก. ๒๓) อิฏฺวิปาเก. อิธาปิ อิฏฺวิปาเก เอว ทฏฺพฺโพ. อิฏฺสฺสาติอาทีสุ อิจฺฉิตพฺพโต เจว อนิฏฺปฺปฏิปกฺขโต จ อิฏฺสฺส. กมนียโต มนสฺมิฺจ กมนโต ปวิสนโต กนฺตสฺส. ปิยายิตพฺพโต สนฺตปฺปนโต จ ปิยสฺส. มนนียโต มนสฺส วฑฺฒนโต จ มนาปสฺสาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยทิทํ ปุฺานีติ ปุฺานีติ ยทิทํ วจนํ, เอตํ สุขสฺส อิฏฺสฺส วิปากสฺส อธิวจนํ นามํ. สุขสฺเสตํ ยทิทํ ปุฺานีติ ผเลน การณสฺส อเภโทปจารํ วทติ. เตน กตูปจิตานํ ปุฺานํ อวสฺสํภาวิผลํ สุตฺวา อปฺปมตฺเตน สกฺกจฺจํ ปุฺานิ กตฺตพฺพานีติ ปุฺกิริยายํ นิโยเชติ, อาทรฺจ เนสํ ตตฺถ อุปฺปาเทติ.

อิทานิ อตฺตนา สุเนตฺตกาเล กเตน ปุฺกมฺเมน ทีฆรตฺตํ ปจฺจนุภูตํ ภวนฺตรปฺปฏิจฺฉนฺนํ อุฬารตรํ ปุฺวิปากํ อุทาหริตฺวา ตมตฺถํ ปากฏตรํ กโรนฺโต ‘‘อภิชานามิ โข ปนาห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อภิชานามีติ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานามิ, ปจฺจกฺขโต พุชฺฌามิ. ทีฆรตฺตนฺติ จิรกาลํ. ปุฺานนฺติ ทานาทีนํ กุสลธมฺมานํ. สตฺต วสฺสานีติ สตฺต สํวจฺฉรานิ. เมตฺตจิตฺตนฺติ มิชฺชตีติ เมตฺตา, สินิยฺหตีติ อตฺโถ. มิตฺเต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสา ปวตฺตีติปิ เมตฺตา. ลกฺขณาทิโต ปน หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยปจฺจุปฏฺานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา. พฺยาปาทูปสโม เอติสฺสา สมฺปตฺติ, สิเนหสมฺภโว วิปตฺติ. เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตฺวาติ เมตฺตาสหคตํ จิตฺตํ, จิตฺตสีเสน สมาธิ วุตฺโตติ เมตฺตาสมาธึ เมตาพฺรหฺมวิหารํ อุปฺปาเทตฺวา เจว วฑฺเฒตฺวา จ.

สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเปติ สตฺต มหากปฺเป. สํวฏฺฏวิวฏฺฏคฺคหเณเนว หิ สํวฏฺฏฏฺายิวิวฏฺฏฏฺายิโนปิ คหิตา. อิมํ โลกนฺติ กามโลกํ. สํวฏฺฏมาเน สุทนฺติ สํวฏฺฏมาเน, สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ, วิปชฺชมาเนติ อตฺโถ. ‘‘วรสํวตฺตฏฺาเน สุท’’นฺติปิ ปนฺติ. กปฺเปติ กาเล. กปฺปสีเสน หิ กาโล วุตฺโต, กาเล ขียมาเน สพฺโพปิ ขียเตว. ยถาห – ‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา’’ติ (ชา. ๑.๒.๑๙๐). ‘‘อาภสฺสรูปโค โหมี’’ติ วุตฺตตฺตา เตโชสํวฏฺฏวเสเนตฺถ กปฺปวุฏฺานํ เวทิตพฺพํ. อาภสฺสรูปโคติ ตตฺถ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อาภสฺสรพฺรหฺมโลกํ อุปคจฺฉามีติ อาภสฺสรูปโค โหมิ. วิวฏฺฏมาเนติ สณฺหมาเนติ อตฺโถ. สุฺํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชามีติ กสฺสจิ สตฺตสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตสฺส อภาวโต สุฺํ ยํ ปมชฺฌานภูมิสงฺขาตํ พฺรหฺมวิมานํ อาทิโต นิพฺพตฺตติ, ตํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปปชฺชามิ อุเปมิ.

พฺรหฺมาติ กามาวจรสตฺเตหิ วิสิฏฺฏฺเน ตถา ตถา พฺรูหิตคุณตาย พฺรหฺมวิหารโต นิพฺพตฺตนฏฺเน จ พฺรหฺมา. พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิเตหิ มหนฺโต พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา, ตโต เอว เต อภิภวิตฺวา ิตตฺตา อภิภู. เตหิ น เกนจิปิ คุเณน อภิภูโตติ อนภิภูโต. อฺทตฺถูติ เอกํสวจเน นิปาโต. ทสฺสนโต ทโส, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ทสฺสนสมตฺโถ อภิฺาาเณน ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสามีติ อตฺโถ. เสสพฺรหฺมานํ อิทฺธิปาทภาวนาพเลน อตฺตโน จิตฺตฺจ มม วเส วตฺเตมีติ วสวตฺตี โหมีติ โยเชตพฺพํ. ตทา กิร โพธิสตฺโต อฏฺสมาปตฺติลาภีปิ สมาโน ตถา สตฺตหิตํ อตฺตโน ปารมิปูรณฺจ โอโลเกนฺโต ตาสุ เอว ทฺวีสุ ฌานภูมีสุ นิกนฺติ อุปฺปาเทตฺวา เมตฺตาพฺรหฺมวิหารวเสน อปราปรํ สํสริ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺต วสฺสานิ…เป… วสวตฺตี’’ติ.

เอวํ ภควา รูปาวจรปุฺสฺส วิปากมหนฺตตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ กามาวจรปุฺสฺสปิ วิปากํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฉตฺตึสกฺขตฺตุ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สกฺโก อโหสินฺติ ฉตฺตึสกฺขตฺตุํ ฉตฺตึสวาเร อฺตฺถ อนุปปชฺชิตฺวา นิรนฺตรํ สกฺโก เทวานมินฺโท ตาวตึสเทวราชา อโหสึ. ราชา อโหสินฺติอาทีสุ จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ จ โลกํ รฺเชตีติ ราชา. จกฺกรตนํ วตฺเตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจกฺเกหิ วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ วตฺเตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติ จกฺกวตฺตี. ‘‘ราชา’’ติ เจตฺถ สามฺํ, ‘‘จกฺกวตฺตี’’ติ วิเสสํ. ธมฺเมน จรตีติ ธมฺมิโก, าเยน สเมน วตฺตตีติ อตฺโถ. ธมฺเมเนว รชฺชํ ลภิตฺวา ราชา ชาโตติ ธมฺมราชา, ทสวิเธ กุสลธมฺเม อครหิเต จ ราชธมฺเม นิยุตฺโตติ ธมฺมิโก. เตน จ ธมฺเมน สกลํ โลกํ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ปรหิตธมฺมกรเณน วา ธมฺมิโก, อตฺตหิตธมฺมกรเณน ธมฺมราชา. ยสฺมา จกฺกวตฺตี ธมฺเมน าเยน รชฺชํ อธิคจฺฉติ, น อธมฺเมน, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ธมฺเมน ลทฺธรชฺชตฺตา ธมฺมราชา’’ติ.

จตูสุ ทิสาสุ สมุทฺทปริโยสานตาย จาตุรนฺตา นาม ตตฺถ ตตฺถ ทีเป มหาปถวีติ อาห ‘‘ปุรตฺถิม…เป… อิสฺสโร’’ติ. วิชิตาวีติ วิเชตพฺพสฺส วิชิตวา, กามโกธาทิกสฺส อพฺภนฺตรสฺส ปฏิราชภูตสฺส พาหิรสฺส จ อริคณสฺส วิชยี วิชินิตฺวา ิโตติ อตฺโถ. กามํ จกฺกวตฺติโน เกนจิ ยุทฺธํ นาม นตฺถิ, ยุทฺเธน ปน สาเธตพฺพสฺส วิชยสฺส สิทฺธิยา ‘‘วิชิตสงฺคาโม’’ติ วุตฺตํ. ชนปโท วา จตุพฺพิธอจฺฉริยธมฺเมน สมนฺนาคโต อสฺมึ ราชินิ ถาวริยํ เกนจิ อสํหาริยํ ทฬฺหภตฺติภาวํ ปตฺโต, ชนปเท วา อตฺตโน ธมฺมิกาย ปฏิปตฺติยา ถาวริยํ ถิรภาวํ ปตฺโตติ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต. จณฺฑสฺส หิ รฺโ พลิทณฺฑาทีหิ โลกํ ปีฬยโต มนุสฺสา มชฺฌิมชนปทํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพตสมุทฺทตีรกนฺทราทีนิ นิสฺสาย ปจฺจนฺเต วาสํ กปฺเปนฺติ. อติมุทุกสฺส รฺโ โจเรหิ สาหสิกธนวิโลปปีฬิตา มนุสฺสา ปจฺจนฺตํ ปหาย ชนปทมชฺเฌ วาสํ กปฺเปนฺติ. อิติ เอวรูเป ราชินิ ชนปโท ถิรภาวํ น ปาปุณาติ.

สตฺตรตนสมนฺนาคโตติ จกฺกรตนาทีหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมุเปโต. เตสุ หิ ราชา จกฺกวตฺตี จกฺกรตเนน อชิตํ ชินาติ, หตฺถิอสฺสรตเนหิ วิชิเต สุเขเนว อนุวิจรติ, ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ, อวเสเสหิ อุปโภคสุขมนุภวติ. ปเมน จสฺส อุสฺสาหสตฺติโยโค, ปจฺฉิเมน มนฺตสตฺติโยโค, หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ ปภุสตฺติโยโค สุปริปุณฺโณ โหติ. อิตฺถิมณิรตเนหิ อุปโภคสุขมนุภวติ, เสเสหิ อิสฺสริยสุขํ. วิเสสโต จสฺส ปุริมานิ ตีณิ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ, มชฺฌิมานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน, ปจฺฉิมเมกํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ.

สูราติ สตฺติวนฺโต, นิพฺภยาติ อตฺโถติ อาห ‘‘อภีรุโน’’ติ. องฺคนฺติ การณํ. เยน การเณน ‘‘วีรา’’ติ วุจฺเจยฺยุํ, ตํ วีรงฺคํ. เตนาห ‘‘วีริยสฺเสตํ นาม’’นฺติ. ยาว จกฺกวาฬปพฺพตา จกฺกสฺส วตฺตนโต ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตํ สีมํ กตฺวา ิตสมุทฺทปริยนฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อทณฺเฑนาติ อิมินา ธนทณฺฑสฺส สรีรทณฺฑสฺส จ อกรณํ วุตฺตํ. อสตฺเถนาติ อิมินา ปน เสนาย ยุชฺฌนสฺสาติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘น ทณฺเฑนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย กตาปราเธ สตฺเต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ คณฺหนฺติ, เต ธนทณฺเฑน รชฺชํ กาเรนฺติ. เย เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสนฺติ, เต สตฺถทณฺเฑน. อหํ ปน ทุวิธมฺปิ ทณฺฑํ ปหาย อทณฺเฑน อชฺฌาวสึ. เย เอกโตธาราทินา สตฺเถน ปรํ วิเหเนฺติ, เต สตฺเถน รชฺชํ กาเรนฺติ นาม. อหํ ปน สตฺเถน ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ กสฺสจิ อนุปฺปาเทตฺวา ธมฺเมเนว ‘‘เอหิ โข, มหาราชา’’ติ เอวํ ปฏิราชูหิ สมฺปฏิจฺฉิตาคมโน วุตฺตปฺปการํ ปถวึ อภิชินิตฺวา อชฺฌาวสึ, อภิวิชินิตฺวา สามี หุตฺวา วสินฺติ.

อิติ ภควา อตฺตานํ กายสกฺขึ กตฺวา ปุฺานํ วิปากมหนฺตตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ ตเมวตฺถํ คาถาพนฺธเนน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปสฺส, ปุฺานํ วิปาก’’นฺติอาทิมาห. สุเขสิโนติ อาลปนวจนเมตํ, เตน สุขปริเยสเก สตฺเต อามนฺเตติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘ปสฺสถา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ปสฺสา’’ติ วจนพฺยตฺตโย กโตติ ทฏฺพฺโพ. มนุสฺสานํ อุเร สตฺถํ เปตฺวา อิจฺฉิตธนหรณาทินา วา สาหสการิตาย สาหสิกา, เตสํ กมฺมํ สาหสิกกมฺมํ. ปถวิยา อิสฺสโร ปถพฺโยติ อาห ‘‘ปุถวิสามิโก’’ติ.

เมตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ภริยาสุตฺตวณฺณนา

๖๓. ทสเม อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา อุทฺธํ อุคฺคตตฺตา อุจฺจํ ปตฺถฏตฺตา มหนฺตํ อวินิพฺโภคํ วินิภุฺชิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยํ สทฺทํ กโรนฺตา วทนฺติ. วจีโฆโสปิ หิ พหูหิ เอกชฺฌํ ปวตฺติโต อตฺถโต จ สทฺทโต จ ทุรวโพโธ เกวลํ มหานิคฺโฆโส เอว หุตฺวา โสตปถมาคจฺฉติ. มจฺฉวิโลเปติ มจฺเฉ วิลุมฺปิตฺวา วิย คหเณ, มจฺฉานํ วา วิลุมฺปเน. เกวฏฺฏานฺหิ มจฺฉปจฺฉิฏฺปิตฏฺาเน มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิธ อฺํ เอกํ มจฺฉํ เทหิ, เอกํ มจฺฉผาลํ เทหิ, เอตสฺส เต มหา ทินฺโน, มยฺหํ ขุทฺทโก’’ติ เอวํ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํ กโรนฺติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘เกวฏฺฏานํ มจฺฉปจฺฉึ โอตาเรตฺวา ิตฏฺาเน’’ติ. มจฺฉคฺคหณตฺถํ ชาเล ปกฺขิตฺเตปิ ตสฺมึ าเน เกวฏฺฏา เจว อฺเ จ ‘‘ปวิฏฺโ น ปวิฏฺโ, คหิโต น คหิโต’’ติ มหาสทฺทํ กโรนฺติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ชาเล วา…เป… มหาสทฺโท โหตี’’ติ. กตฺตพฺพวตฺตนฺติ ปาทปริกมฺมาทิกตฺตพฺพกิจฺจํ. ขราติ จิตฺเตน วาจาย จ กกฺขฬา. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

ภริยาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. โกธนสุตฺตวณฺณนา

๖๔. เอกาทสเม สปตฺตกรณาติ วา สปตฺเตหิ กาตพฺพา. โกธนนฺติ กุชฺฌนสีลํ. โกธโนยนฺติ กุชฺฌโน อยํ. อยนฺติ จ นิปาตมตฺตํ. โกธปเรโตติ โกเธน อนุคโต, ปราภิภูโต วา. ทุพฺพณฺโณว โหตีติ ปกติยา วณฺณวาปิ อลงฺกตปฺปฏิยตฺโตปิ มุขวิการาทิวเสน วิรูโป เอว โหติ. เอตรหิ อายติฺจาติ โกธาภิภูตสฺส เอกนฺตมิทํ ผลนฺติ ทีเปตุํ ‘‘ทุพฺพณฺโณวา’’ติ อวธารณํ กตฺวา ปุน ‘‘โกธาภิภูโต’’ติ วุตฺตํ.

อยสภาวนฺติ อกิตฺติมภาวํ. อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถํ ชเนตีติ อนตฺถชนโน. อนฺตรโตติ อพฺภนฺตรโต, จิตฺตโต วา. ตํ ชโน นาวพุชฺฌตีติ โกธสงฺขาตํ อนฺตรโต อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิตฺเตเยว ชาตํ อนตฺถชนนจิตฺตปฺปโกปนาทิภยํ ภยเหตุํ อยํ พาลมหาชโน น ชานาติ. นฺติ ยตฺถ. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. ยสฺมึ กาเล โกโธ สหเต นรํ, อนฺธตมํ ตทา โหตีติ สมฺพนฺโธ. นฺติ วา การณวจนํ, ยสฺมา โกโธ อุปฺปชฺชมาโน นรํ สหเต อภิภวติ, ตสฺมา อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยทา กุทฺโธติ อตฺโถ ยํ-ตํ-สทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธภาวโต. อถ วา นฺติ กิริยาปรามสนํ. สหเตติ ยเทตํ โกธสฺส สหนํ อภิภวนํ, เอตํ อนฺธตมํ ภวนนฺติ อตฺโถ. อถ วา ยํ นรํ โกโธ สหเต อภิภวติ, ตสฺส อนฺธตมํ ตทา โหติ. ตโต จ กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสตีติ.

ภูนํ วุจฺจติ วุทฺธิ, ตสฺส หนนํ ฆาโต เอเตสนฺติ ภูนหจฺจานิ. เตนาห ‘‘หตวุทฺธีนี’’ติ. ทม-สทฺเทน วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ปฺาวีริเยน ทิฏฺิยาติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กตเรน ทเมนา’’ติอาทิมาห. อเนกตฺโถ หิ ทม-สทฺโท. ‘‘สจฺเจน ทนฺโต ทมสา อุเปโต, เวทนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๙๕; สุ. นิ. ๔๖๗) เอตฺถ หิ อินฺทฺริยสํวโร ทโมติ วุตฺโต ‘‘มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ ทเมตี’’ติ กตฺวา. ‘‘ยทิ สจฺจา ทมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิยฺโยธ วิชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๑) เอตฺถ ปฺา ทโม ‘‘สํกิเลสํ ทเมติ ปชหตี’’ติ กตฺวา. ‘‘ทาเนน ทเมน สํยเมน สจฺจวชฺเชน อตฺถิ ปุฺํ, อตฺถิ ปุฺสฺส อาคโม’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๖๕) เอตฺถ อุโปสถกมฺมํ ทโม ‘‘อุปวสนวเสน กายกมฺมาทีนิ ทเมตี’’ติ กตฺวา. ‘‘สกฺขิสฺสสิ โข ตฺวํ, ปุณฺณ, อิมินา ทมูปสเมน สมนฺนาคโต สุนาปรนฺตสฺมึ ชนปทนฺตเร วิหริตุ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๙๖; สํ. นิ. ๔.๘๘) เอตฺถ อธิวาสนกฺขนฺติ ทโม ‘‘โกธูปนาหมกฺขาทิเก ทเมติ วิโนเทตี’’ติ กตฺวา. ‘‘น มานกามสฺส ทโม อิธตฺถิ, น โมนมตฺถิ อสมาหิตสฺสา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๙) เอตฺถ อภิสมฺโพชฺฌงฺคาทิโก สมาธิปกฺขิโก ธมฺโม ทโม ‘‘ทมฺมติ จิตฺตํ เอเตนา’’ติ กตฺวา. อิธาปิ ‘‘ตํ ทเมน สมุจฺฉินฺเท, ปฺาวีริเยน ทิฏฺิยา’’ติ วจนโต ทม-สทฺเทน ปฺาวีริยทิฏฺิโย วุตฺตา.

โกธนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อพฺยากตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. มหาวคฺโค

๑-๒. หิริโอตฺตปฺปสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๕-๖๖. สตฺตมสฺส ปมํ อุตฺตานเมว. ทุติเย ตโย สํวฏฺฏาติ อาโปสํวฏฺโฏ, เตโชสํวฏฺโฏ, วาโยสํวฏฺโฏติ ตโย สํวฏฺฏา. ติสฺโส สํวฏฺฏสีมาติ อาภสฺสรา, สุภกิณฺหา, เวหปฺผลาติ ติสฺโส สํวฏฺฏสีมา. ยทา หิ กปฺโป เตเชน สํวฏฺฏติ วินสฺสติ, ตทา อาภสฺสรโต เหฏฺา อคฺคินา ฑยฺหติ. ยทา อาเปน สํวฏฺฏติ, ตทา สุภกิณฺหโต เหฏฺา อุทเกน วิลียติ. ยทา วายุนา สํวฏฺฏติ, ตทา เวหปฺผลโต เหฏฺา วายุนา วิทฺธํสติ. วิตฺถารโต ปน สทาปิ เอกํ พุทฺธกฺเขตฺตํ วินสฺสติ. พุทฺธกฺเขตฺตํ นาม ติวิธํ โหติ ชาติกฺเขตฺตํ อาณากฺเขตฺตํ วิสยกฺเขตฺตนฺติ. ตตฺถ ชาติกฺเขตฺตํ นาม ทสสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ โหติ, ยํ ตถาคตสฺส ปฏิสนฺธิคหณาทีสุ กมฺปติ. อาณากฺเขตฺตํ โกฏิสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ, ยตฺถ รตนสุตฺตํ (ขุ. ปา. ๖.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๒๒๔ อาทโย) ขนฺธปริตฺตํ (อ. นิ. ๔.๖๗; จูฬว. ๒๕๑) ธชคฺคปริตฺตํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙). อาฏานาฏิยปริตฺตํ (ที. นิ. ๓.๒๗๕ อาทโย), โมรปริตฺตนฺติ (ชา. ๑.๒.๑๗-๑๘) อิเมสํ ปริตฺตานํ อานุภาโว วตฺตติ. วิสยกฺเขตฺตํ อนนฺตมปริมาณํ, ยํ ‘‘ยาวตา วา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ วุตฺตํ. เอวเมเตสุ ตีสุ พุทฺธกฺเขตฺเตสุ เอกํ อาณากฺเขตฺตํ วินสฺสติ. ตสฺมึ ปน วินสฺสนฺเต ชาติกฺเขตฺตํ วินฏฺเมว โหติ. วินสฺสนฺตฺจ เอกโตว วินสฺสติ, สณฺหนฺตมฺปิ เอกโตว สณฺหติ.

ตีณิ สํวฏฺฏมูลานีติ ราคโทสโมหสงฺขาตานิ ตีณิ สํวฏฺฏการณานิ. ราคาทีสุ หิ อกุสลมูเลสุ อุสฺสนฺเนสุ โลโก วินสฺสติ. ตถา หิ ราเค อุสฺสนฺนตเร อคฺคินา วินสฺสติ, โทเส อุสฺสนฺนตเร อุทเกน, โมเห อุสฺสนฺนตเร วาเตน. เกจิ ปน ‘‘โทเส อุสฺสนฺนตเร อคฺคินา, ราเค อุทเกนา’’ติ วทนฺติ.

ตีณิ โกลาหลานีติ กปฺปโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลนฺติ ตีณิ โกลาหลานิ. ตตฺถ ‘‘วสฺสสตสหสฺสมตฺถเก กปฺปุฏฺานํ นาม ภวิสฺสตี’’ติอาทินา เทวตาหิ อุคฺโฆสิตสทฺโท กปฺปโกลาหลํ นาม โหติ. ‘‘อิโต วสฺสสตสหสฺสมตฺถเก โลโก วินสฺสิสฺสติ, เมตฺตํ, มาริสา, ภาเวถ กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺข’’นฺติ มนุสฺสปเถ เทวตา โฆสนฺติโย จรนฺติ. ‘‘วสฺสสหสฺสมตฺถเก พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ พุทฺธโกลาหลํ นาม โหติ. ‘‘อิโต วสฺสสหสฺสมตฺถเก พุทฺโธ อุปฺปชฺชิตฺวา ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน สงฺฆรตเนน ปริวาริโต ธมฺมํ เทเสนฺโต วิจริสฺสตี’’ติ เทวตา อุคฺโฆสนฺติ. ‘‘วสฺสสตมตฺถเก ปน จกฺกวตฺตี อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม โหติ. ‘‘อิโต วสฺสสตมตฺถเก สตฺตรตนสมฺปนฺโน จาตุทฺทีปิสฺสโร สหสฺสปริวาโร เวหาสงฺคโม จกฺกวตฺตี ราชา อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เทวตา อุคฺโฆสนฺติ.

อจิรฏฺเน น ธุวาติ อุทกพุพฺพุฬาทโย วิย น จิรฏฺายิตาย ธุวภาวรหิตา. อสฺสาสรหิตาติ สุปินเก ปีตปานียํ วิย อนุลิตฺตจนฺทนํ วิย จ อสฺสาสวิรหิตา.

อุปกปฺปนเมโฆติ กปฺปวินาสกเมฆํ สนฺธาย วทติ. ยสฺมิฺหิ สมเย กปฺโป อคฺคินา นสฺสติ, อาทิโตว กปฺปวินาสกมหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬ เอกมหาวสฺสํ วสฺสติ. มนุสฺสา ตุฏฺหฏฺา สพฺพพีชานิ นีหริตฺวา วปนฺติ. สสฺเสสุ ปน โคขายิตกมตฺเตสุ ชาเตสุ คทฺรภรวํ รวนฺโต เอกพินฺทุมฺปิ น วสฺสติ, ตทา ปจฺฉินฺนํ ปจฺฉินฺนเมว วสฺสํ โหติ. เตนาห ‘‘ตทา นิกฺขนฺตพีชํ..เป… เอกพินฺทุมฺปิ เทโว น วสฺสตี’’ติ. ‘‘วสฺสสตสหสฺส อจฺจเยน กปฺปวุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติอาทินา เทวตาหิ วุตฺตวจนํ สุตฺวา เยภุยฺเยน มนุสฺสา จ ภุมฺมเทวตา จ สํเวคชาตา อฺมฺํ มุทุจิตฺตา หุตฺวา เมตฺตาทีนิ ปุฺานี กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, อวีจิโต ปฏฺาย ตุจฺโฉ โหตีติ.

ปฺจ พีชชาตานีติ มูลพีชํ ขนฺธพีชํ ผฬุพีชํ อคฺคพีชํ พีชพีชนฺติ ปฺจ พีชานิ ชาตานิ. ตตฺถ มูลพีชนฺติ วจา, วจตฺตํ, หลิทฺทํ, สิงฺคิเวรนฺติ เอวมาทิ. ขนฺธพีชนฺติ อสฺสตฺโถ, นิคฺโรโธติ เอวมาทิ. ผฬุพีชนฺติ อุจฺฉุ, เวฬุ, นโฬติ เอวมาทิ. อคฺคพีชนฺติ อชฺชุกํ, ผณิชฺชกนฺติ เอวมาทิ. พีชพีชนฺติ วีหิอาทิ ปุพฺพณฺณฺเจว มุคฺคมาสาทิอปรณฺณฺจ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย วิสทิสุปฺปตฺติยา วิเสสการณภาวโต รุหนสมตฺเถ สารผเล นิรุฬฺโห พีช-สทฺโท ตทตฺถสิทฺธิยา มูลาทีสุปิ เกสุจิ ปวตฺตตีติ มูลาทิโต นิวตฺตนตฺถํ เอเกน พีช-สทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘พีชพีช’’นฺติ ‘‘รูปรูปํ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๔๙) ทุกฺขทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๒๗) ยถา. ยถา ผลปากปริยนฺตา โอสธิรุกฺขา เวฬุกทลิอาทโย.

ยํ กทาจีติอาทีสุ นฺติ นิปาตมตฺตํ. กทาจีติ กิสฺมิฺจิ กาเล. กรหจีติ ตสฺเสว เววจนํ. ทีฆสฺส อทฺธุโนติ ทีฆสฺส กาลสฺส. อจฺจเยนาติ อติกฺกเมน. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

หิริโอตฺตปฺปสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. นคโรปมสุตฺตวณฺณนา

๖๗. ตติเย ปจฺจนฺเต ภวํ ปจฺจนฺติมํ. ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร, ฌานกฺโข จกฺกวีริโย’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๔) วิย อลงฺการวจโน ปริกฺขารสทฺโทติ อาห ‘‘นคราลงฺกาเรหิ อลงฺกต’’นฺติ. ปริวารวจโนปิ วฏฺฏติเยว ‘‘สตฺต สมาธิปริกฺขารา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๓๐) วิย. เนมํ วุจฺจติ ถมฺภาทีหิ อนุปตภูมิปฺปเทโสติ อาห ‘‘คมฺภีรอาวาฏา’’ติ, คมฺภีรํ ภูมึ อนุปฺปวิฏฺาติ อตฺโถ. สุฏฺุ สนฺนิสีทาปิตาติ ภูมึ นิขนิตฺวา สมฺมเทว ปิตา.

อนุปริยาเยติ เอเตนาติ อนุปริยาโย, โสเยว ปโถติ อนุปริยายปโถ, ปริโต ปาการสฺส อนุยายมคฺโค.

หตฺถึ อาโรหนฺติ อาโรหาปยนฺติ จาติ หตฺถาโรหา (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๓). เยน หิ ปโยเคน ปุริโส หตฺถิโน อาโรหนโยคฺโค โหติ, หตฺถิสฺส ตํ ปโยคํ วิธายนฺตานํ สพฺเพสมฺเปเตสํ คหณํ. เตนาห ‘‘สพฺเพปี’’ติอาทิ. ตตฺถ หตฺถาจริยา นาม เย หตฺถิโน หตฺถาโรหกานฺจ สิกฺขาปกา. หตฺถิเวชฺชา นาม หตฺถิภิสกฺกา. หตฺถิพนฺธา นาม หตฺถีนํ ปาทรกฺขกา. อาทิ-สทฺเทน หตฺถีนํ ยวปทายกาทิเก สงฺคณฺหาติ. อสฺสาโรหา รถิกาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. รเถ นิยุตฺตา รถิกา. รถรกฺขา นาม รถสฺส อาณิรกฺขกา. ธนุํ คณฺหนฺติ คณฺหาเปนฺติ จาติ ธนุคฺคหา, อิสฺสาสา ธนุสิปฺปสฺส สิกฺขาปกา จ. เตนาห ‘‘ธนุอาจริยา อิสฺสาสา’’ติ. เจเลน เจลปฏากาย ยุทฺเธ อกนฺติ คจฺฉนฺตีติ เจลกาติ อาห – ‘‘เย ยุทฺเธ ชยทฺธชํ คเหตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺตี’’ติ. ยถา ตถา ิเต เสนิเก พฺรูหกรณวเสน ตโต ตโต จลยนฺติ อุจฺจาเลนฺตีติ จลกา. สกุณคฺฆิอาทโย วิย มํสปิณฺฑํ ปรเสนาสมูหํ สาหสิกมหาโยธตาย เฉตฺวา เฉตฺวา ทยนฺติ อุปฺปติตฺวา คจฺฉนฺตีติ ปิณฺฑทายกา. ทุติยวิกปฺเป ปิณฺเฑ ทยนฺติ ชนสมฺมทฺเท อุปฺปตนฺตา วิย คจฺฉนฺตีติ ปิณฺฑทายกาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุคฺคตุคฺคตาติ ถามชวปรกฺกมาทิวเสน อติวิย อุคฺคตา, อุทคฺคาติ อตฺโถ. ปกฺขนฺทนฺตีติ อตฺตโน วีรสูรภาเวน อสชฺชมานา ปรเสนํ อนุปวิสนฺตีติ อตฺโถ. ถามชวพลปรกฺกมาทิสมฺปตฺติยา มหานาคา วิย มหานาคา. เอกสูราติ เอกากิสูรา อตฺตโน สูรภาเวเนว เอกากิโน หุตฺวา ยุชฺฌนกา. สชาลิกาติ สวมฺมิกา. สรปริตฺตาณนฺติ จมฺมปริสิพฺพิตํ เขฏกํ, จมฺมมยํ วา ผลกํ. ฆรทาสโยธาติ อตฺตโน ทาสโยธา.

สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณาติ สทฺเธยฺยวตฺถุโน เอวเมตนฺติ สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณา. สมฺปสาทนลกฺขณาติ ปสีทิตพฺเพ วตฺถุสฺมึ ปสีทนลกฺขณา. โอกปฺปนสทฺธาติ โอกฺกนฺติตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา อธิมุจฺจนํ. ปสาทนีเย วตฺถุสฺมึ ปสีทนํ ปสาทสทฺธา. อยํ อนุธมฺโมติ อยํ นวนฺนํ โลกุตฺตรธมฺมานํ อนุโลมธมฺโม. นิพฺพิทาพหุโลติ อุกฺกณฺนาพหุโล. สทฺธา พนฺธติ ปาเถยฺยนฺติ สทฺธา นามายํ สตฺตสฺส มรณวเสน มหาปถํ สํวชโต มหากนฺตารํ ปฏิปชฺชโต มหาวิทุคฺคํ ปกฺขนฺทโต ปาเถยฺยปุฏํ พนฺธติ, สมฺพลํ วิสฺสชฺเชตีติ อตฺโถ. สทฺธฺหิ อุปฺปาเทตฺวา ทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ. เตเนตํ วุตฺตํ ‘‘สทฺธา พนฺธติ ปาเถยฺย’’นฺติ. สิรีติ อิสฺสริยํ. อิสฺสริเย หิ อภิมุขีภูเต ถลโตปิ ชลโตปิ โภคา อาคจฺฉนฺติเยว. เตเนตํ วุตฺตํ ‘‘สิรี โภคานมาสโย’’ติ. สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหตีติ ปุริสสฺส เทวโลเก, มนุสฺสโลเก เจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตสฺส สทฺธา ทุติยา โหติ, สหายกิจฺจํ สาเธติ. ภตฺตปุฏาทีติ อาทิ-สทฺเทน ทุติยิกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อเนกสรสตาติ อเนกสภาวตา, อเนกกิจฺจตา วา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

นคโรปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ธมฺมฺูสุตฺตวณฺณนา

๖๘. จตุตฺเถ สุตฺตเคยฺยาทิธมฺมํ ชานาตีติ ธมฺมฺู. ตสฺส ตสฺเสว สุตฺตเคยฺยาทินา ภาสิตสฺส ตทฺสฺส สุตฺตปทตฺถสฺส โพธกสฺส สทฺทสฺส อตฺถกุสลตาวเสน อตฺถํ ชานาตีติ อตฺถฺู. ‘‘เอตฺตโกมฺหิ สีเลน สมาธินา ปฺายา’’ติ เอวํ ยถา อตฺตโน ปมาณชานนวเสน อตฺตานํ ชานาตีติ อตฺตฺู. ปฏิคฺคหณปริโภคปริเยสนวิสฺสชฺชเนสุ มตฺตํ ชานาตีติ มตฺตฺู. นิทฺเทเส ปน ปฏิคฺคหณมตฺตฺุตาย เอว ปริโภคาทิมตฺตฺุตา ปโพธิตา โหตีติ ปฏิคฺคหณมตฺตฺุตาว ทสฺสิตา. ‘‘อยํ กาโล อุทฺเทสสฺส, อยํ กาโล ปริปุจฺฉาย, อยํ กาโล โยคสฺส อธิคมายา’’ติ เอวํ กาลํ ชานาตีติ กาลฺู. ตตฺถ ปฺจ วสฺสานิ อุทฺเทสสฺส กาโล, ทส ปริปุจฺฉาย, อิทํ อติสมฺพาธํ, อติกฺขปฺสฺส ตาวตา กาเลน ตีเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทส วสฺสานิ อุทฺเทสสฺส กาโล, วีสติ ปริปุจฺฉาย, ตโต ปรํ โยเค กมฺมํ กาตพฺพํ. ขตฺติยปริสาทิกํ อฏฺวิธํ ปริสํ ชานาตีติ ปริสฺู. ภิกฺขุปริสาทิกํ จตุพฺพิธํ, ขตฺติยปริสาทิกํ มนุสฺสปริสํเยว ปุน จตุพฺพิธํ คเหตฺวา อฏฺวิธํ วทนฺติ อปเร. นิทฺเทเส ปนสฺส ขตฺติยปริสาทิจตุพฺพิธปริสคฺคหณํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อิมํ เม เสวนฺตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, ตสฺมา อยํ ปุคฺคโล เสวิตพฺโพ, วิปริยายโต อฺโ อเสวิตพฺโพ’’ติ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพปุคฺคลํ ชานาตีติ ปุคฺคลปโรปรฺู. เอวฺหิ เตสํ ปุคฺคลานํ ปโรปรํ อุกฺกฏฺนิหีนตํ ชานาติ นาม. นิทฺเทเสปิสฺส เสวิตพฺพาเสวิตพฺพปุคฺคเล วิภาวนเมว สมณกถากตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ธมฺมฺูสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๖. ปาริจฺฉตฺตกสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๙-๗๐. ปฺจเม ปติตปลาโสติ ปติตปตฺโต. เอตฺถ ปมํ ปณฺฑุปลาสตํ, ทุติยํ ปนฺนปลาสตฺจ วตฺวา ตติยํ ชาลกชาตตา, จตุตฺถํ ขารกชาตตา จ ปาฬิยํ วุตฺตา. ทีฆนิกายฏฺกถายํ ปน มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๔) อิมเมว ปาฬึ อาหริตฺวา ทสฺเสนฺเตน ปมํ ปณฺฑุปลาสตํ, ทุติยํ ปนฺนปลาสตฺจ วตฺวา ตติยํ ขารกชาตตา, จตุตฺถํ ชาลกชาตตา จ ทสฺสิตา. เอวฺหิ ตตฺถ วุตฺตํ – ‘‘ปาริจฺฉตฺตเก ปุปฺผมาเน เอกํ วสฺสํ อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ, เต ตสฺส ปณฺฑุปลาสภาวโต ปฏฺาย อตฺตมนา โหนฺติ. ยถาห –

ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย เทวานํ ตาวตึสานํ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร, ปณฺฑุปลาโส โหติ, อตฺตมนา, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา ตสฺมึ สมเย โหนฺติ ‘ปณฺฑุปลาโส ทานิ ปาริจฺฉตฺตโก, โกวิฬาโร, น จิรสฺเสว ปนฺนปลาโส ภวิสฺสตี’ติ. ยสฺมึ สมเย เทวานํ ตาวตึสานํ ปาริจฺฉตฺตโก, โกวิฬาโร, ปนฺนปลาโส โหติ, ชาลกชาโต โหติ, ขารกชาโต โหติ, กุฏุมลกชาโต โหติ, โกรกชาโต โหติ, อตฺตมนา, ภิกฺขเว, เทวา ตาวตึสา ตสฺมึ สมเย โหนฺติ ‘โกรกชาโต ทานิ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร, น จิรสฺเสว สพฺพปาลิผุลฺโล ภวิสฺสตี’ติ.

ลีนตฺถปฺปกาสินิยมฺปิ (ที. นิ. ฏี. ๒.๒๙๔) เอตฺถ เอวมตฺโถ ทสฺสิโต – ปนฺนปลาโสติ ปติตปตฺโต. ขารกชาโตติ ชาตขุทฺทกมกุโฬ. เย หิ นีลปตฺตกา อติวิย ขุทฺทกา มกุฬา, เต ‘‘ขารกา’’ติ วุจฺจนฺติ. ชาลกชาโตติ เตหิเยว ขุทฺทกมกุเฬหิ ชาตชาลโก สพฺพโส ชาโล วิย ชาโต. เกจิ ปน ‘‘ชาลกชาโตติ เอกชาโล วิย ชาโต’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. ปาริจฺฉตฺตโก กิร ขารกคฺคหณกาเล สพฺพตฺถกเมว ปลฺลวิโก โหติ, เต จสฺส ปลฺลวา ปภสฺสรปวาฬวณฺณสมุชฺชลา โหนฺติ. เตน โส สพฺพโส สมุชฺชลนฺโต ติฏฺติ. กุฏุมลชาโตติ สฺชาตมหามกุโฬ. โกรกชาโตติ สฺชาตสูจิเภโท สมฺปติวิกสมานาวตฺโถ. สพฺพปาลิผุลฺโลติ สพฺพโส ผุลฺลิตวิกสิโตติ. อยฺจ อนุกฺกโม ทีฆภาณกานํ วฬฺชนานุกฺกเมน ทสฺสิโต, น เอตฺถ อาจริยสฺส วิโรโธ อาสงฺกิตพฺโพ.

กนฺตนกวาโตติ เทวานํ ปุฺกมฺมปจฺจยา ปุปฺผานํ ฉินฺทนกวาโต. กนฺตตีติ ฉินฺทติ. สมฺปฏิจฺฉนกวาโตติ ฉินฺนานํ ฉินฺนานํ ปุปฺผานํ สมฺปฏิคฺคณฺหกวาโต. จินนฺโตติ นานาวิธภตฺติสนฺนิเวสวเสน นิจินํ กโรนฺโต. อฺตรเทวตานนฺติ นามโคตฺตวเสน อปฺาตเทวตานํ. เรณุวฏฺฏีติ เรณุสงฺฆาโต. กณฺณิกํ อาหจฺจาติ สุธมฺมาย กูฏํ อาหนฺตฺวา.

อนุผรณานุภาโวติ ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน กิตฺติสทฺทสฺส ยาว พฺรหฺมโลกา อนุผรณสงฺขาโต อานุภาโว. ปพฺพชฺชานิสฺสิตํ โหตีติ ปพฺพชฺชาย จตุปาริสุทฺธิสีลมฺปิ ทสฺสิตเมวาติ อธิปฺปาโย. ปมชฺฌานสนฺนิสฺสิตนฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิธ ปน อุภยโต ปริจฺเฉโท เหฏฺา สีลโต อุปริ อรหตฺตโต จ ปริจฺเฉทสฺส ทสฺสิตตฺตา. เตเนตํ วุตฺตนฺติ เตน การเณน เอตํ ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปพฺพชฺชานิสฺสิตํ โหตี’’ติอาทิวจนํ วุตฺตํ. ฉฏฺํ อุตฺตานเมว.

ปาริจฺฉตฺตกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ภาวนาสุตฺตวณฺณนา

๗๑. สตฺตเม อตฺถสฺส อสาธิกา ‘‘ภาวนํ อนนุยุตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตตฺตา. สมฺภาวนตฺเถติ ‘‘อปิ นาม เอวํ สิยา’’ติ วิกปฺปนตฺโถ สมฺภาวนตฺโถ. เอวฺหิ โลเก สิลิฏฺวจนํ โหตีติ เอกเมว สงฺขํ อวตฺวา อปราย สงฺขาย สทฺธึ วจนํ โลเก สิลิฏฺวจนํ โหติ ยถา ‘‘ทฺเว วา ตีณิ วา อุทกผุสิตานี’’ติ. สมฺมา อธิสยิตานีติ ปาทาทีหิ อตฺตนา เนสํ กิฺจิ อุปฆาตํ อกโรนฺติยา พหิวาตาทิปริสฺสยปริหรณตฺถํ สมฺมเทว อุปริ สยิตานิ. อุปริอตฺโถ เหตฺถ อธิ-สทฺโท. อุตุํ คณฺหาเปนฺติยาติ เตสํ อลฺลสิเนหปริยาทานตฺถํ อตฺตโน กายุสฺมาวเสน อุตุํ คณฺหาเปนฺติยา. เตนาห ‘‘อุสฺมีกตานี’’ติ. สมฺมา ปริภาวิตานีติ สมฺมเทว สพฺพโส กุกฺกุฏวาสนาย วาสิตานิ. เตนาห ‘‘กุกฺกุฏคนฺธํ คาหาปิตานี’’ติ. เอตฺถ จ สมฺมาปริเสทนํ กุกฺกุฏคนฺธปริภาวนฺจ สมฺมาอธิสยนสมฺมาปริเสทนนิปฺผตฺติยา อานุภาวนิปฺผาทิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สมฺมาอธิสยเนเนว หิ อิตรทฺวยํ อิชฺฌติ. น หิ สมฺมาอธิสยนโต วิสุํ สมฺมาปริเสทนสฺส สมฺมาปริภาวนสฺส จ การณํ อตฺถิ. เตน ปน สทฺธึเยว อิตเรสํ ทฺวินฺนมฺปิ อิชฺฌนโต วุตฺตํ.

ติวิธกิริยากรเณนาติ สมฺมาอธิสยนาทิติวิธกิริยากรเณนาติ อตฺโถ. กิฺจาปิ ‘‘เอวํ อโห วต เม’’ติอาทินา น อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย การณสฺส ปน สมฺปาทิตตฺตา, อถ โข ภพฺพาว เต อภินิพฺภิชฺชิตุนฺติ โยชนา. กสฺมา ภพฺพาติ อาห ‘‘เต หิ ยสฺมา ตายา’’ติอาทิ. สยมฺปีติ อณฺฑานิ. ปริณามนฺติ ปริปากํ พหินิกฺขมนโยคฺยตํ. ยถา กปาลสฺส ตนุตา อาโลกสฺส อนฺโต ปฺายมานสฺส การณํ, ตถา กปาลสฺส ตนุตาย นขสิขามุขตุณฺฑกานํ ขรตาย จ อลฺลสิเนหปริยาทานํ การณวจนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตสฺมาติ อาโลกสฺส อนฺโต ปฺายมานโต สยฺจ ปริปากคตตฺตา.

โอปมฺมสมฺปฏิปาทนนฺติ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมยฺเยน สมฺมเทว ปฏิปาทนํ. นฺติ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนํ. เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน. อตฺเถนาติ อุปเมยฺยตฺเถน สํสนฺเทตฺวา สห โยเชตฺวา. สมฺปาทเนน สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน าณสฺส ติกฺขภาโว เวทิตพฺโพ. าณสฺส หิ สภาวโต สติเนปกฺกโต จ ติกฺขภาโว, สมาธิวเสน ขรภาโว, สทฺธาวเสน วิปฺปสนฺนภาโว. ปริณามกาโลติ พลววิปสฺสนากาโล. วฑฺฒิกาโลติ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนากาโล. อนุโลมฏฺานิยา หิ วิปสฺสนา คหิตคพฺภา นาม ตทา มคฺคคพฺภสฺส คหิตตฺตา. ตชฺชาติกนฺติ ตสฺส วิปสฺสนานุโยคสฺส อนุรูปํ. สตฺถาปิ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปหรติ, เทสนาปิ วิเนยฺยสนฺตานคตํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปหรติ, ยถาาเน าตุํ น เทติ.

โอลมฺพกสงฺขาตนฺติ โอลมฺพกสุตฺตสงฺขาตํ. ‘‘ปล’’นฺติ หิ ตสฺส สุตฺตสฺส นามํ. จาเรตฺวา ทารุโน เหฏฺา โทสชานนตฺถํ อุสฺสาเปตฺวา. คณฺฑํ หรตีติ ปลคณฺโฑติ เอเตน ‘‘ปเลน คณฺฑหาโร ปลคณฺโฑติ ปจฺฉิมปเท อุตฺตรปทโลเปน นิทฺเทโส’’ติ ทสฺเสติ. คหณฏฺาเนติ หตฺเถน คเหตพฺพฏฺาเน. สมฺมเทว ขิปียนฺติ เอเตน กายทุจฺจริตาทีนีติ สงฺเขโป, ปพฺพชฺชาว สงฺเขโป ปพฺพชฺชาสงฺเขโป. เตน วิปสฺสนํ อนุยุฺชนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส อชานนฺตสฺเสว อาสวานํ ปริกฺขโย อิธ วิปสฺสนานิสํโสติ อธิปฺเปโต.

เหมนฺติเกน การณภูเตน, ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ กรณวจนํ, เหมนฺติเกติ อตฺโถ. ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ ปฏิปฺปสฺสทฺธผลานิ โหนฺติ. เตนาห ‘‘ปูติกานิ ภวนฺตี’’ติ. มหาสมุทฺโท วิย สาสนํ อคาธคมฺภีรภาวโต. นาวา วิย โยคาวจโร มโหฆุตฺตรโต. ปริยายนํ วิยาติ ปริโต อปราปรํ ยายนํ วิย. ขชฺชมานานนฺติ ขาทนฺเตน วิย อุทเกน เขปิยมานพนฺธนานํ. ตนุภาโวติ ปริยุฏฺานปวตฺติยา อสมตฺถตาย ทุพฺพลภาโว. วิปสฺสนาาณปีติปาโมชฺเชหีติ วิปสฺสนาาณสมุฏฺิเตหิ ปีติปาโมชฺเชหิ. โอกฺขายมาเนติ วิปสฺสนากมฺมฏฺาเน วีถิปฺปฏิปาฏิยา โอกฺขายมาเน, ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย วา โอกฺขายมาเน. สงฺขารุเปกฺขาย ปกฺขายมาเน. ทุพฺพลตา ทีปิตา ‘‘อปฺปกสิเรเนว สํโยชนานิ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ, ปูติกานิ ภวนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา.

ภาวนาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘-๙. อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๒-๗๓. อฏฺเม ปสฺสถ นูติ อปิ ปสฺสถ. มหนฺตนฺติ วิปุลํ. อคฺคิกฺขนฺธนฺติ อคฺคิสมูหํ. อาทิตฺตนฺติ ปทิตฺตํ. สมฺปชฺชลิตนฺติ สมนฺตโต ปชฺชลิตํ อจฺจิวิปฺผุลิงฺคานิ มุฺจนฺตํ. สโชติภูตนฺติ สมนฺตโต อุฏฺิตาหิ ชาลาหิ เอกปฺปภาสมุทยภูตํ. ตํ กึ มฺถาติ ตํ อิทานิ มยา วุจฺจมานตฺถํ กึ มฺถาติ อนุมติคฺคหณตฺถํ ปุจฺฉติ. ยเทตฺถ สตฺถา อคฺคิกฺขนฺธาลิงฺคนํ กฺาลิงฺคนฺจ อาเนสิ, ตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘อาโรจยามี’’ติอาทิมาห.

ทุสฺสีลสฺสาติ นิสฺสีลสฺส สีลวิรหิตสฺส. ปาปธมฺมสฺสาติ ทุสฺสีลตฺตา เอว หีนชฺฌาสยตาย ลามกสภาวสฺส. อสุจิสงฺกสฺสรสมาจารสฺสาติ อปริสุทฺธตาย อสุจิ หุตฺวา สงฺกาย สริตพฺพสมาจารสฺส. ทุสฺสีโล หิ กิฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ อสุเกน กตํ ภวิสฺสตี’’ติ ปเรสํ อาสงฺกา โหติ. เกนจิเทว กรณีเยน มนฺตยนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข อิเม มยา กตกมฺมํ ชานิตฺวา มนฺเตนฺตี’’ติ อตฺตโนเยว สงฺกาย สริตพฺพสมาจาโร. ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตสฺสาติ ลชฺชิตพฺพตาย ปฏิจฺฉาเทตพฺพกมฺมนฺตสฺส. อสฺสมณสฺสาติ น สมณสฺส. สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘อหมฺปิ สมโณ’’ติ มิจฺฉาปฏิฺาย สมณปฏิฺสฺส. อเสฏฺจาริตาย อพฺรหฺมจาริสฺส. อุโปสถาทีสุ ‘‘อหมฺปิ พฺรหฺมจารี’’ติ มิจฺฉาปฏิฺาย พฺรหฺมจาริปฏิฺสฺส. ปูตินา กมฺเมน สีลวิปตฺติยา อนฺโต อนุปวิฏฺตฺตา อนฺโตปูติกสฺส. ฉทฺวาเรหิ ราคาทิกิเลสานุสฺสวเนน ตินฺตตฺตา อวสฺสุตสฺส. สฺชาตราคาทิกจวรตฺตา สีลวนฺเตหิ ฉฑฺเฑตพฺพตฺตา จ กสมฺพุชาตสฺส.

วาลรชฺชุยาติ วาเลหิ กตรชฺชุยา. สา หิ ขรตรา โหติ. ฆํเสยฺยาติ มถนวเสน ฆํเสยฺย. เตลโธตายาติ เตเลน นิสิตาย. ปจฺโจรสฺมินฺติ ปติอุรสฺมึ, อภิมุเข อุรมชฺเฌติ อธิปฺปาโย. อโยสงฺกุนาติ สณฺฑาเสน. เผณุทฺเทหกนฺติ เผณํ อุทฺเทเหตฺวา อุทฺเทเหตฺวา, อเนกวารํ เผณํ อุฏฺาเปตฺวาติ อตฺโถ. เอวเมตฺถ สงฺเขปโต ปาฬิวณฺณนา เวทิตพฺพา. นวมํ อุตฺตานเมว.

อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อรกสุตฺตวณฺณนา

๗๔. ทสเม ปริตฺตนฺติ อิตฺตรํ. เตนาห ‘‘อปฺปํ โถก’’นฺติ. ปพนฺธานุปจฺเฉทสฺส ปจฺจยภาโว อิธ ชีวิตสฺส รโส กิจฺจนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘สรสปริตฺตตายปี’’ติ. ตทธีนวุตฺติตายปิ หิ ‘‘โย, ภิกฺขเว, จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ วจนโต ปริตฺตํ ขณปริตฺตตายปิ. ปรมตฺถโต หิ อติปริตฺโต สตฺตานํ ชีวิตกฺขโณ เอกจิตฺตกฺขณปฺปวตฺติมตฺโตเยว. ยถา นาม รถจกฺกํ ปวตฺตมานมฺปิ เอเกเนว เนมิปฺปเทเสน ปวตฺตติ, ติฏฺมานมฺปิ เอเกเนว ติฏฺติ, เอวเมวํ เอกจิตฺตกฺขณิกํ สตฺตานํ ชีวิตํ ตสฺมึ จิตฺเต นิรุทฺธมตฺเต สตฺโต นิรุทฺโธติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘อตีเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิตฺถ น ชีวติ น ชีวิสฺสติ. อนาคเต จิตฺตกฺขเณ น ชีวิตฺถ น ชีวติ ชีวิสฺสติ. ปจฺจุปฺปนฺเน จิตฺตกฺขเณ น ชีวิตฺถ ชีวติ น ชีวิสฺสติ.

‘‘ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;

เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุโส วตฺตเต ขโณ.

‘‘เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺส, ติฏฺมานสฺส วา อิธ;

สพฺเพปิ สทิสา ขนฺธา, คตา อปฺปฏิสนฺธิกา.

‘‘อนิพฺพตฺเตน น ชาโต, ปจฺจุปฺปนฺเนน ชีวติ;

จิตฺตภงฺคา มโต โลโก, ปฺตฺติ ปรมตฺถิยา’’ติ. (มหานิ. ๑๐);

ลหุสนฺติ ลหุกํ. เตนาห ‘‘ลหุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนโต ลหุส’’นฺติ. ปริตฺตํ ลหุสนฺติ อุภยํ ปเนตํ อปฺปกสฺส เววจนํ. ยฺหิ อปฺปกํ, ตํ ปริตฺตฺเจว ลหุกฺจ โหติ. อิธ ปน อายุโน อธิปฺเปตตฺตา รสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. มนฺตายนฺติ กรณตฺเถ เอตํ ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘มนฺตาย โพทฺธพฺพํ, ปฺาย ชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ’’ติ. มนฺตายนฺติ วา มนฺเตยฺยนฺติ วุตฺตํ โหติ, มนฺเตตพฺพํ มนฺตาย อุปปริกฺขิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปฺาย ชานิตพฺพนฺติ ชานิตพฺพํ ชีวิตสฺส ปริตฺตภาโว พหุทุกฺขาทิภาโว. ชานิตฺวา จ ปน สพฺพปลิโพเธ ฉินฺทิตฺวา กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ. ยสฺมา อิตฺถิ ชาตสฺส อมรณํ, อปฺปํ วา ภิยฺโย วสฺสสตโต อุปริ อปฺปํ อฺํ วสฺสสตํ อปฺปตฺวา วีสํ วา ตึสํ วา จตฺตาลีสํ วา ปณฺณาสํ วา สฏฺิ วา วสฺสานิ ชีวติ, เอวํทีฆายุโก ปน อติทุลฺลโภ. ‘‘อสุโก หิ เอวํ จิรํ ชีวตี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ทฏฺพฺโพ โหติ. ตตฺถ วิสาขา อุปาสิกา วีสสตํ ชีวติ, ตถา โปกฺขรสาติพฺราหฺมโณ, พฺรหฺมายุพฺราหฺมโณ, พาวริยพฺราหฺมโณ, อานนฺทตฺเถโร, มหากสฺสปตฺเถโรติ. อนุรุทฺธตฺเถโร ปน วสฺสสตฺเจว ปณฺณาสฺจ วสฺสานิ. พากุลตฺเถโร วสฺสสตฺเจว สฏฺิ จ วสฺสานิ, อยํ สพฺพทีฆายุโก, โสปิ ทฺเว วสฺสสตานิ น ชีวิ.

อรกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. วินยวคฺโค

๑-๘. ปมวินยธรสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๕-๘๒. อฏฺมสฺส ปมํ ทุติยฺจ อุตฺตานตฺถเมว. ตติเย วินยลกฺขเณ ปติฏฺิโต ลชฺชิภาเวน วินยลกฺขเณ ิโต โหติ. อลชฺชี (ปารา. อฏฺ. ๑.๔๕) หิ พหุสฺสุโตปิ สมาโน ลาภครุกตาย ตนฺตึ วิสํวาเทตฺวา อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ ทีเปตฺวา สาสเน มหนฺตํ อุปทฺทวํ กโรติ, สงฺฆเภทมฺปิ สงฺฆราชิมฺปิ อุปฺปาเทติ. ลชฺชี ปน กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม ชีวิตเหตุปิ ตนฺตึ อวิสํวาเทตฺวา ธมฺมเมว วินยเมว จ ทีเปติ, สตฺถุสาสนํ ครุํ กตฺวา เปติ. เอวํ โย ลชฺชี, โส วินยํ อชหนฺโต อโวกฺกมนฺโตว ลชฺชิภาเวน วินยลกฺขเณ ิโต โหติ ปติฏฺิโต.

อสํหีโรติ เอตฺถ สํหีโร นาม โย ปาฬิยํ วา อฏฺกถายํ วา เหฏฺา วา อุปริโต วา ปทปฏิปาฏิยา วา ปุจฺฉิยมาโน วิตฺถุนติ วิปฺผนฺทติ, สณฺาตุํ น สกฺโกติ, ยํ ยํ ปเรน วุจฺจติ, ตํ ตํ อนุชานาติ, สกวาทํ ฉฑฺเฑตฺวา ปรวาทํ คณฺหาติ. โย ปน ปาฬิยํ วา อฏฺกถายํ วา เหฏฺุปริยวเสน วา ปทปฏิปาฏิยา วา ปุจฺฉิยมาโน น วิตฺถุนติ น วิปฺผนฺทติ, เอเกกโลมํ สณฺฑาเสน คณฺหนฺโต วิย ‘‘เอวํ มยํ วทาม, เอวํ โน อาจริยา วทนฺตี’’ติ วิสฺสชฺเชติ. ยมฺหิ ปาฬิ จ ปาฬิวินิจฺฉโย จ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย ปริกฺขยํ ปริยาทานํ อคจฺฉนฺโต ติฏฺติ, อยํ วุจฺจติ อสํหีโร. ยสฺมา ปน เอวรูโป ยํ ยํ ปเรน วุจฺจติ, ตํ ตํ นานุชานาติ, อตฺตนา สุวินิจฺฉินิตํ กตฺวา คหิตํ อวิปรีตมตฺถํ น วิสฺสชฺเชติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘น สกฺโกติ คหิตคฺคหณํ วิสฺสชฺชาเปตุ’’นฺติ. จตุตฺถาทีนิ สุวิฺเยฺยานิ.

ปมวินยธรสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. สตฺถุสาสนสุตฺตวณฺณนา

๘๓. นวเม วิเวกฏฺโติ วิวิตฺโต. เตนาห ‘‘ทูรีภูโต’’ติ. สติอวิปฺปวาเส ิโตติ กมฺมฏฺาเน สตึ อวิชหิตฺวา ิโต. เปสิตตฺโตติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย นิพฺพานํ เปสิตจิตฺโต ตนฺนินฺโน ตปฺโปโณ ตปฺปพฺภาโร.

สตฺถุสาสนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อธิกรณสมถสุตฺตวณฺณนา

๘๔. ทสเม อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณานิ. เก อธิกรียนฺติ? สมถา. กถํ อธิกรียนฺติ? สมนวเสน. ตสฺมา เต เตสํ สมนวเสน ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘อธิกรณานิ สเมนฺตี’’ติอาทิ. อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนานนฺติ อุฏฺิตานํ อุฏฺิตานํ. สมถตฺถนฺติ สมนตฺถํ. ทีฆนิกาเย สงฺคีติสุตฺตวณฺณนายมฺปิ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๓๑) วิตฺถารโตเยวาติ เอตฺถายํ วิตฺถารนโย – อธิกรเณสุ ตาว ธมฺโมติ วา อธมฺโมติ วา อฏฺารสหิ วตฺถูหิ วิวทนฺตานํ ภิกฺขูนํ โย วิวาโท, อิทํ วิวาทาธิกรณํ นาม. สีลวิปตฺติยา วา อาจารทิฏฺิอาชีววิปตฺติยา วา อนุวทนฺตานํ โย อนุวาโท อุปวทนา เจว โจทนา จ, อิทํ อนุวาทาธิกรณํ นาม. มาติกายํ อาคตา ปฺจ, วิภงฺเค ทฺเวติ สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา, อิทํ อาปตฺตาธิกรณํ นาม. ยํ สงฺฆสฺส อปโลกนาทีนํ จตุนฺนํ กมฺมานํ กรณํ, อิทํ กิจฺจาธิกรณํ นาม.

ตตฺถ วิวาทาธิกรณํ ทฺวีหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จ. สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมมานํ ยสฺมึ วิหาเร อุปฺปนฺนํ ตสฺมึเยว วา, อฺตฺร วูปสเมตุํ คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค วา, ยตฺถ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส นิยฺยาติตํ, ตตฺถ สงฺเฆน วา, สงฺเฆ วูปสเมตุํ อสกฺโกนฺเต ตตฺเถว อุพฺพาหิกาย สมฺมตปุคฺคเลหิ วา วินิจฺฉิตํ สมฺมติ. เอวํ สมฺมมาเน จ ปเนตสฺมึ ยา สงฺฆสมฺมุขโต ธมฺมสมฺมุขโต วินยสมฺมุขตา ปุคฺคลสมฺมุขตา, อยํ สมฺมุขาวินโย นาม. ตตฺถ จ การกสงฺฆสฺส สงฺฆสามคฺคิวเสน สมฺมุขิภาโว สงฺฆสมฺมุขตา. สเมตพฺพสฺส วตฺถุโน ภูตตฺตา ธมฺมสมฺมุขตา. ยถา ตํ สเมตพฺพํ, ตเถวสฺส สมนํ วินยสมฺมุขตา. โย จ วิวทติ, เยน จ วิวทติ, เตสํ อุภินฺนํ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขตา. อุพฺพาหิกาย วูปสเม ปเนตฺถ สงฺฆสมฺมุขตา ปริหายติ. เอวํ ตาว สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมติ.

สเจ ปเนวมฺปิ น สมฺมติ, อถ นํ อุพฺพาหิกาย สมฺมตา ภิกฺขู ‘‘น มยํ สกฺโกม วูปสเมตุ’’นฺติ สงฺฆสฺเสว นิยฺยาเตนฺติ. ตโต สงฺโฆ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ สลากคฺคาหาปกํ สมฺมนฺนติ, เตน คุฬฺหกวิวฏกสกณฺณชปฺปเกสุ ตีสุ สลากคฺคาหเกสุ อฺตรวเสน สลากํ คาหาเปตฺวา สนฺนิปติตาย ปริสาย ธมฺมวาทีนํ เยภุยฺยตาย ยถา เต ธมฺมวาทิโน วทนฺติ, เอวํ วูปสนฺตํ อธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ เยภุยฺยสิกาย จ วูปสนฺตํ โหติ. ตตฺถ สมฺมุขาวินโย วุตฺตนโย เอว. ยํ ปน เยภุยฺยสิกากมฺมสฺส กรณํ, อยํ เยภุยฺยสิกา นาม. เอวํ วิวาทาธิกรณํ ทฺวีหิ สมเถหิ สมฺมติ.

อนุวาทาธิกรณํ จตูหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ สติวินเยน จ อมูฬฺหวินเยน จ ตสฺสปาปิยสิกาย จ. สมฺมุขาวินเยเนว สมฺมมานํ โย จ อนุวทติ, ยฺจ อนุวทติ, เตสํ วจนํ สุตฺวา สเจ กาจิ อาปตฺติ นตฺถิ, อุโภ ขมาเปตฺวา, สเจ อตฺถิ อยํ นาเมตฺถ อาปตฺตีติ เอวํ วินิจฺฉิตํ วูปสมฺมติ. ตตฺถ สมฺมุขาวินยลกฺขณํ วุตฺตนยเมว.

ยทา ปน ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน อมูลิกาย สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํสิตสฺส สติวินยํ ยาจมานสฺส สงฺโฆ ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน สติวินยํ เทติ, ตทา สมฺมุขาวินเยน จ สติวินเยน จ วูปสนฺตํ โหติ. ทินฺเน ปน สติวินเย ปุน ตสฺมึ ปุคฺคเล กสฺสจิ อนุวาโท น รุหติ. ยทา อุมฺมตฺตโก ภิกฺขุ อุมฺมาทวเสน กเต อสฺสามณเก อชฺฌาจาเร ‘‘สรตายสฺมา เอวรูปึ อาปตฺติ’’นฺติ ภิกฺขูหิ โจทิยมาโน ‘‘อุมฺมตฺตเกน เม, อาวุโส, เอตํ กตํ, นาหํ ตํ สรามี’’ติ ภณนฺโตปิ ภิกฺขูหิ โจทิยมาโนว ปุน อโจทนตฺถาย อมูฬฺหวินยํ ยาจติ, สงฺโฆ จสฺส ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อมูฬฺหวินยํ เทติ. ตทา สมฺมุขาวินเยน จ อมูฬฺหวินเยน จ วูปสนฺตํ โหติ. ทินฺเน ปน อมูฬฺหวินเย ปุน ตสฺมึ ปุคฺคเล กสฺสจิ ตปฺปจฺจยา อนุวาโท น รุหติ. ยทา ปน ปาราชิเกน วา ปาราชิกสามนฺเตน วา โจทิยมานสฺส อฺเนฺํ ปฏิจรโต ปาปุสฺสนฺนตาย ปาปิยสฺส ปุคฺคลสฺส ‘‘สจายํ อจฺฉินฺนมูโล ภวิสฺสติ, สมฺมา วตฺติตฺวา โอสารณํ ลภิสฺสติ. สเจ ฉินฺนมูโล, อยเมวสฺส นาสนา ภวิสฺสตี’’ติ มฺมาโน สงฺโฆ ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน ตสฺสปาปิยสิกํ กโรติ, ตทา สมฺมุขาวินเยน จ ตสฺสปาปิยสิกาย จ วูปสนฺตํ โหตีติ. เอวํ อนุวาทาธิกรณํ จตูหิ สมเถหิ สมฺมติ.

อาปตฺตาธิกรณํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมติ สมฺมุขาวินเยน จ ปฏิฺาตกรเณน จ ติณวตฺถารเกน จ. ตสฺส สมฺมุขาวินเยเนว วูปสโม นตฺถิ. ยทา ปน เอกสฺส วา ภิกฺขุโน สนฺติเก สงฺฆคณมชฺเฌสุ วา ภิกฺขุ ลหุกํ อาปตฺตึ เทเสติ, ตทา อาปตฺตาธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ ปฏิฺาตกรเณน จ วูปสมฺมติ. ตตฺถ สมฺมุขาวินเย ตาว โย จ เทเสติ, ยสฺส จ เทเสติ, เตสํ สมฺมุขีภาโว ปุคฺคลสมฺมุขโต. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ปุคฺคลสฺส จ คณสฺส จ เทสนากาเล สงฺฆสมฺมุขโต ปริหายติ. ยํ ปเนตฺถ ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโน’’ติ จ ‘‘ปสฺสสี’’ติ จ ‘‘อาม, ปสฺสามี’’ติ จ ปฏิฺาตาย ‘‘อายตึ สํวเรยฺยาสี’’ติ กรณํ, ตํ ปฏิฺาตกรณํ นาม. สงฺฆาทิเสเส ปริวาสาทิยาจนา ปฏิฺา, ปริวาสาทีนํ ทานํ ปฏิฺาตกรณํ นาม.

ทฺเวปกฺขชาตา ปน ภณฺฑนการกา ภิกฺขู พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจารํ จริตฺวา ปุน ลชฺชิธมฺเม อุปฺปนฺเน ‘‘สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อฺมฺํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ อฺมฺํ อาปตฺติยา การาปเน โทสํ ทิสฺวา ยทา ภิกฺขู ติณวตฺถารกกมฺมํ กโรนฺติ, ตทา อาปตฺตาธิกรณํ สมฺมุขาวินเยน จ ติณวตฺถารเกน จ สมฺมติ. ตตฺร หิ ยตฺตกา หตฺถปาสูปคตา ‘‘น เมตํ ขมตี’’ติ เอวํ ทิฏฺาวิกมฺมํ อกตฺวา ‘‘ทุกฺกฏํ กมฺมํ ปุน กาตพฺพํ กมฺม’’นฺติ น อุกฺโกเฏนฺติ, นิทฺทมฺปิ โอกฺกนฺตา โหนฺติ, สพฺเพสํ เปตฺวา ถุลฺลวชฺชฺจ คิหิปฏิสํยุตฺตฺจ สพฺพาปตฺติโย วุฏฺหนฺติ. เอวํ อาปตฺตาธิกรณํ ตีหิ สมเถหิ สมฺมติ.

กิจฺจาธิกรณํ เอเกน สมเถน สมฺมติ สมฺมุขาวินเยเนว. อิติ อิมานิ จตฺตาริ อธิกรณานิ ยถานุรูปํ อิเมหิ สตฺตหิ สมเถหิ สมฺมนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อธิกรณานํ สมถาย วูปสมาย สมฺมุขาวินโย ทาตพฺโพ…เป… ติณวตฺถารโก’’ติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.

อธิกรณสมถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

วินยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย

สตฺตกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตา.