📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

องฺคุตฺตรนิกาเย

อฏฺกนิปาต-ฏีกา

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. เมตฺตาวคฺโค

๑. เมตฺตาสุตฺตวณฺณนา

. อฏฺกนิปาตสฺส ปเม วฑฺฒิตายาติ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริพฺรูหิตาย. ปุนปฺปุนํ กตายาติ ภาวนาย พหุลีกรเณน อปราปรํ ปวตฺติตาย. ยุตฺตยานสทิสกตายาติ ยถา ยุตฺตอาชฺยานํ เฉเกน สารถินา อธิฏฺิตํ ยถารุจิ ปวตฺตติ, เอวํ ยถารุจิ ปวตฺตารหตํ คมิตาย. ปติฏฺานฏฺเนาติ สพฺพสมฺปตฺติอธิฏฺานฏฺเน. ปจฺจุปฏฺิตายาติ ภาวนาพหุลีกาเรหิ ปติ ปติ อุปฏฺิตาย อวิชหิตาย. สมนฺตโต จิตายาติ สพฺพภาเคน ภาวนานุรูปํ จยํ คมิตาย. เตนาห ‘‘อุปจิตายา’’ติ. สุฏฺุ สมารทฺธายาติ อติวิย สมฺมเทว นิพฺพตฺติคตาย.

โย จ เมตฺตํ ภาวยตีติอาทีสุ โย โกจิ คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา. เมตฺตนฺติ เมตฺตาฌานํ.

อปฺปมาณนฺติ ภาวนาวเสน อารมฺมณวเสน จ อปฺปมาณํ. อสุภภาวนาทโย วิย หิ อารมฺมเณ เอกเทสคฺคหณํ อกตฺวา อนวเสสผรณวเสน อโนธิโส ผรณวเสน จ, อปฺปมาณารมฺมณตาย ปคุณภาวนาวเสน จ อปฺปมาณํ. ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ เมตฺตํ ปาทกํ กตฺวา สมฺมสิตฺวา เหฏฺิเม อริยมคฺเค อธิคจฺฉนฺตสฺส สุเขเนว ปฏิฆสํโยชนาทโย ปหียมานา ตนู โหนฺตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

เอวํ กิเลสปฺปหานฺจ นิพฺพานาธิคมฺจ เมตฺตาภาวนาย สิขาปฺปตฺตมานิสํสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺเปิ อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘เอกมฺปิ เจ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อทุฏฺจิตฺโตติ เมตฺตาพเลน สุฏฺุ วิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย พฺยาปาเทน อทูสิตจิตฺโต. เมตฺตายตีติ หิตผรณวเสน เมตฺตํ กโรติ. กุสลีติ อติสเยน กุสลวา มหาปุฺโ, ปฏิฆาทิอนตฺถวิคเมน เขมี. สพฺเพ จ ปาเณติ -สทฺโท พฺยติเรโก. มนสานุกมฺปีติ จิตฺเตน อนุกมฺปนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกสตฺตวิสยาปิ ตาว เมตฺตา มหากุสลราสิ, สพฺเพ ปน ปาเณ อตฺตโน ปุตฺตํ วิย หิตผรเณน มนสา อนุกมฺปนฺโต ปหุกํ ปหุํ อนปฺปกํ อปริยนฺตํ จตุสฏฺิมหากปฺเปปิ อตฺตโน วิปากปฺปพนฺธํ ปวตฺเตตุํ สมตฺถํ อุฬารํ ปุฺํ อริโย ปริสุทฺธจิตฺโต ปุคฺคโลว กโรติ นิปฺผาเทตีติ. สตฺตภริตนฺติ สตฺเตหิ อวิรฬํ, อากิณฺณมนุสฺสนฺติ อตฺโถ.

สงฺคหวตฺถูนีติ (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๒๐) โลกสฺส สงฺคณฺหนการณานิ. นิปฺผนฺนสสฺสโต นว ภาเค กสฺสกสฺส ทตฺวา รฺํ เอกภาคคฺคหณํ ทสมภาคคฺคหณํ. เอวํ กสฺสกา หฏฺตุฏฺา สสฺสานิ สมฺปาเทนฺตีติ อาห ‘‘สสฺสสมฺปาทเน เมธาวิตาติ อตฺโถ’’ติ. ตโต โอรภาเค กิร ฉภาคคฺคหณํ ชาตํ. ฉมาสิกนฺติ ฉนฺนํ ฉนฺนํ มาสานํ ปโหนกํ. ปาเสตีติ ปาสคเต วิย กโรติ. วาจาย ปิยํ วาจาปิยํ, ตสฺส กมฺมํ วาจาเปยฺยํ. สพฺพโส รฏฺสฺส อิทฺธาทิภาวโต เขมํ. นิรพฺพุทํ โจริยาภาวโต. อิทฺธฺหิ รฏฺํ อโจริยํ. ‘‘นิรคฺคฬ’’นฺติ วุจฺจติ อปารุตฆรภาวโต.

อุทฺธํมูลกํ กตฺวาติ อุมฺมูลํ กตฺวา. ทฺวีหิ ปริยฺเหีติ มหายฺสฺส ปุพฺพภาเค ปจฺฉา จ ปวตฺเตตพฺเพหิ ทฺวีหิ ปริวารยฺเหิ. สตฺต…เป… ภีสนสฺสาติ สตฺตนวุตาธิกานํ ปฺจนฺนํ ปสุสตานํ มารเณน เภรวสฺส ปาปภีรุกานํ ภยาวหสฺส. ตถา หิ วทนฺติ –

‘‘ฉสตานิ นิยุชฺชนฺติ, ปสูนํ มชฺฌิเม หนิ;

อสฺสเมธสฺส ยฺสฺส, อูนานิ ปสูหิ ตีหี’’ติ. (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๒๐; อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๓๙);

สมฺมนฺติ ยุคจฺฉิทฺเท ปกฺขิปิตพฺพทณฺฑกํ. ปาสนฺตีติ ขิปนฺติ. สํหาริเมหีติ สกเฏหิ วหิตพฺเพหิ. ปุพฺเพ กิร เอโก ราชา สมฺมาปาสํ ยชนฺโต สรสฺสตินทิตีเร ปถวิยา วิวเร ทินฺเน นิมุคฺโคเยว อโหสิ. อนฺธพาลพฺราหฺมณา คตานุคติคตา ‘‘อยํ ตสฺส สคฺคคมนมคฺโค’’ติ สฺาย ตตฺถ สมฺมาปาสํ ยฺํ ปฏฺเปนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิมุคฺโคกาสโต ปภุตี’’ติ. อยูโป อปฺปกทิวโส ยาโค, สยูโป พหุทิวสํ สาเธยฺโย สตฺรยาโค. มนฺตปทาภิสงฺขตานํ สปฺปิมธูนํ ‘‘วาช’’มิติ สมฺา. หิรฺสุวณฺณโคมหึสาทิ สตฺตรสกทกฺขิณสฺส. สารคพฺภโกฏฺาคาราทีสุ นตฺถิ เอตฺถ อคฺคฬาติ นิรคฺคโฬ. ตตฺถ กิร ยฺเ อตฺตโน สาปเตยฺยํ อนวเสสโต อนิคูหิตฺวา นิยฺยาตียติ.

จนฺทปฺปภาติ (อิติวุ. อฏฺ. ๒๗) จนฺทิมสฺเสว ปภาย. ตาราคณาว สพฺเพติ ยถา สพฺเพปิ ตาราคณา จนฺทิมโสภาย โสฬสิมฺปิ กลํ นาคฺฆนฺติ, เอวํ เต อสฺสเมธาทโย ยฺา เมตฺตสฺส จิตฺตสฺส วุตฺตลกฺขเณน สุภาวิตสฺส โสฬสิมฺปิ กลํ นานุภวนฺติ, น ปาปุณนฺติ, นาคฺฆนฺตีติ อตฺโถ.

อิทานิ อปเรปิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเก เมตฺตาภาวนาย อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘โย น หนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โยติ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารภาวนานุยุตฺโต ปุคฺคโล. น หนฺตีติ เตเนว เมตฺตาภาวนานุภาเวน ทูรวิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย น กฺจิ สตฺตํ หึสติ, เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ น วิพาธติ วา. น ฆาเตตีติ ปรํ สมาทเปตฺวา น สตฺเต มาราเปติ น วิพาธาเปติ จ. น ชินาตีติ สารมฺภวิคฺคาหิกกถาทิวเสน น กฺจิ ชินาติ สารมฺภสฺเสว อภาวโต, ชานิกรณวเสน วา อฏฺฏกรณาทินา น กฺจิ ชินาติ. เตนาห ‘‘น อตฺตนา ปรสฺส ชานึ กโรตี’’ติ. น ชาปเยติ ปเรหิ ปโยเชตฺวา ปเรสมฺปิ ธนชานึ น การาเปยฺย. เตนาห ‘‘น ปเรน ปรสฺส ชานึ กาเรตี’’ติ. เมตฺตาย วา อํโส อวิเหนฏฺเน อวยวภูโตติ เมตฺตํโส.

เมตฺตาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๔. ปฺาสุตฺตาทิวณฺณนา

๒-๔. ทุติเย อาทิพฺรหฺมจริยิกายาติ อาทิพฺรหฺมจริยเมว อาทิพฺรหฺมจริยิกา. เตนาห ‘‘มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตายา’’ติ. อริโยติ นิทฺโทโส ปริสุทฺโธ. ตุณฺหีภาโว น ติตฺถิยานํ มูคพฺพตคหณํ วิย อปริสุทฺโธติ อริโย ตุณฺหีภาโว. จตุตฺถชฺฌานนฺติ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสเนตํ วุตฺตํ, ปมชฺฌานาทีนิปิ อริโย ตุณฺหีภาโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉนฺติ. ชานนฺติ อิทํ กมฺมสาธนนฺติ อาห ‘‘ชานิตพฺพกํ ชานาตี’’ติ. ยถา วา เอกจฺโจ วิปรีตํ คณฺหนฺโต ชานนฺโตปิ น ชานาติ, ปสฺสนฺโตปิ น ปสฺสติ, น เอวมยํ. อยํ ปน ชานนฺโต ชานาติ, ปสฺสนฺโต ปสฺสตีติ เอวเมตฺถ ทฏฺพฺโพ. ตติยาทีนิ สุวิฺเยฺยานิ.

ปฺาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปมโลกธมฺมสุตฺตวณฺณนา

. ปฺจเม โลกสฺส ธมฺมาติ สตฺตโลกสฺส อวสฺสํภาวิธมฺมา. เตนาห ‘‘เอเตหิ มุตฺตา นาม นตฺถิ’’ติอาทิ. ฆาสจฺฉาทนาทีนํ ลทฺธิ ลาโภ, ตานิ เอว วา ลทฺธพฺพโต ลาโภ, ตทภาโว อลาโภ, ลาภคฺคหเณน เจตฺถ ตพฺพิสโย อนุโรโธ คหิโต, อลาภคฺคหเณน วิโรโธ. ยสฺมา โลหิเต สติ ตทุปฆาตวเสน ปุพฺโพ วิย อนุโรโธ ลทฺธาวสโร เอว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ลาเภ อาคเต อลาโภ อาคโตเยวา’’ติ. เอส นโย ยสาทีสุปิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ปมโลกธมฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๘. ทุติยโลกธมฺมสุตฺตาทิวณฺณนา

๖-๘. ฉฏฺเ อธิกํ ปยสติ ปยุชฺชติ เอเตนาติ อธิปฺปยาโส, สวิเสสํ อิติกตฺตพฺพกิริยา. เตนาห ‘‘อธิกปฺปโยโค’’ติ. สตฺตมฏฺเมสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ทุติยโลกธมฺมสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นนฺทสุตฺตวณฺณนา

. นวเม ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา อาจารกุลปุตฺตา จ. ตตฺถ ‘‘เตน โข ปน สมเยน รฏฺปาโล กุลปุตฺโต ตสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลิกสฺส ปุตฺโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๙๔) เอวํ อาคตา อุจฺจากุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา. ‘‘สทฺธาเยเต กุลปุตฺตา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๘) เอวํ อาคตา ปน ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ปสุตาปิ อาจารกุลปุตฺตา นาม. อิธ ปน อุจฺจากุลปฺปสุตตํ สนฺธาย ‘‘กุลปุตฺโตติ, ภิกฺขเว, นนฺทํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺยา’’ติ ภควตา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ชาติกุลปุตฺโต’’ติ. อุโภหิปิ ปน การเณหิ ตสฺส กุลปุตฺตภาโวเยว. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

นนฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. การณฺฑวสุตฺตวณฺณนา

๑๐. ทสเม ปฏิจรตีติ ปฏิจฺฉาทนวเสน จรติ ปวตฺตติ. ปฏิจฺฉาทนฏฺโ เอว วา จรติ-สทฺโท อเนกตฺถตฺตา ธาตูนนฺติ อาห ‘‘ปฏิจฺฉาเทตี’’ติ. อฺเนาฺนฺติ ปน ปฏิจฺฉาทนาการทสฺสนนฺติ อาห ‘‘อฺเน การเณนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อฺํ การณํ วจนํ วาติ ยํ โจทเกน จุทิตกสฺส โทสวิภาวนํ การณํ, วจนํ วา วุตฺตํ, ตํ ตโต อฺเเนว การเณน, วจเนน วา ปฏิจฺฉาเทติ. การเณนาติ โจทนาย อมูลาย อมูลิกภาวทีปนิยา ยุตฺติยา วา. วจเนนาติ ตทตฺถโพธเกน วจเนน. ‘‘โก อาปนฺโน’’ติอาทินา โจทนํ วิสฺสชฺเชตฺวาว วิกฺเขปาปชฺชนํ อฺเนาฺํ ปฏิจรณํ. พหิทฺธา กถาปนามนา นาม ‘‘อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ วุตฺเต – ‘‘ปาฏลิปุตฺตํ คโตมฺหี’’ติอาทินา โจทนํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ อยเมว วิเสโส. โย หิ ‘‘อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ วุตฺโต ‘‘โก อาปนฺโน, กึ อาปนฺโน, กิสฺมึ อาปนฺนา, กํ ภณถ, กึ ภณถา’’ติ วา วทติ, ‘‘เอวรูปํ กิฺจิ ตยา ทิฏฺ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘น สุณามี’’ติ โสตํ วา อุปเนติ, อยํ อฺเนาฺํ ปฏิจรติ นาม. โย ปน ‘‘อิตฺถนฺนามํ นาม อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ปาฏลิปุตฺตํ คโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘น ตว ปาฏลิปุตฺตคมนํ ปุจฺฉาม, อาปตฺตึ ปุจฺฉามา’’ติ วุตฺเต ตโต ‘‘ราชคหํ คโตมฺหิ. ราชคหํ วา ยาหิ พฺราหฺมณคหํ วา, อาปตฺตึ อาปนฺโนสีติ. ตํ ตตฺถ เม สูกรมํสํ ลทฺธ’’นฺติอาทีนิ วทติ, อยํ พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ นาม. สมณกจวโรติ สมณเวสธารเณน สมณปฺปติรูปกตาย สมณานํ กจวรภูตํ.

การณฺฑวํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๒๘๓-๒๘๔) นิทฺธมถาติ วิปนฺนสีลตาย กจวรภูตํ ปุคฺคลํ กจวรมิว อนเปกฺขา อปเนถ. กสมฺพุํ อปกสฺสถาติ กสมฺพุภูตฺจ นํ ขตฺติยาทีนํ มชฺฌคตํ ปภินฺนปคฺฆริตกุฏฺํ จณฺฑาลํ วิย อปกฑฺฒถ. กึ การณํ? สงฺฆาราโม นาม สีลวนฺตานํ กโต, น ทุสฺสีลานํ. ยโต เอตเทว สนฺธายาห ‘‘ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน’’ติ. ยถา ปลาปา อนฺโตสารรหิตา อตณฺฑุลา พหิ ถุเสน วีหี วิย ทิสฺสนฺติ, เอวํ ปาปภิกฺขู อนฺโต สีลรหิตาปิ พหิ กาสาวาทิปริกฺขาเรน ภิกฺขู วิย ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปลาปา’’ติ วุจฺจนฺติ. เต ปลาเป วาเหถ โอปุนถ วิธมถ, ปรมตฺถโต อสฺสมเณ สมณเวสมตฺเตน สมณมานิเน. กปฺปยวฺโหติ กปฺเปถ, กโรถาติ วุตฺตํ โหติ. ปติสฺสตาติ สปฺปติสฺสา. วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ กริสฺสถ, ปรินิพฺพานํ ปาปุณิสฺสถาติ อตฺโถ.

การณฺฑวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

เมตฺตาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. มหาวคฺโค

๑. เวรฺชสุตฺตวณฺณนา

๑๑. ทุติยสฺส ปเม เวรฺชายํ วิหรตีติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑) เอตฺถ เวรฺชาติ ตสฺส นครสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺสํ เวรฺชายํ. สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ. นเฬรุปุจิมนฺทมูเลติ เอตฺถ นเฬรุ นาม ยกฺโข. ปุจิมนฺโทติ นิมฺพรุกฺโข. มูลนฺติ สมีปํ. อยฺหิ มูล-สทฺโท ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺย อนฺตมโส อุสีรนาฬิมตฺตานิปี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๙๕) มูลมูเล ทิสฺสติ. ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; ปริ. ๓๒๓) อสาธารณเหตุมฺหิ. ‘‘ยาว มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๔๙๔) สมีเป. อิธ ปน สมีเป อธิปฺเปโต, ตสฺมา นเฬรุยกฺเขน อธิคฺคหิตสฺส ปุจิมนฺทสฺส สมีเปติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. โส กิร ปุจิมนฺโท รมณีโย ปาสาทิโก อเนเกสํ รุกฺขานํ อาธิปจฺจํ วิย กุรุมาโน ตสฺส นครสฺส อวิทูเร คมนาคมนสมฺปนฺเน าเน อโหสิ. อถ ภควา เวรฺชํ คนฺตฺวา ปติรูเป าเน วิหรนฺโต ตสฺส รุกฺขสฺส สมีเป เหฏฺาภาเค วิหาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ.

ปจฺจุฏฺานํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๒) นาม อาสนา วุฏฺานนฺติ อาห ‘‘นาสนา วุฏฺาตี’’ติ. นิสินฺนาสนโต น วุฏฺหตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ชิณฺเณ…เป… วโยอนุปฺปตฺเตติ อุปโยควจนํ อาสนา วุฏฺานกิริยาเปกฺขํ น โหติ. ตสฺมา ‘‘ชิณฺเณ…เป… วโยอนุปฺปตฺเต ทิสฺวา’’ติ อชฺฌาหารํ กตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา ปจฺจุคฺคมนกิริยาเปกฺขํ อุปโยควจนํ, ตสฺมา น ปจฺจุฏฺาตีติ อุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนํ น กโรตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปจฺจุคฺคมนมฺปิ หิ ปจฺจุฏฺานนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อาจริยํ ปน ทูรโตว ทิสฺวา ปจฺจุฏฺาย ปจฺจุคฺคมนกรณํ ปจฺจุฏฺานํ นามา’’ติ. นาสนา วุฏฺาตีติ อิมินา ปน ปจฺจุคฺคมนาภาวสฺส อุปลกฺขณมตฺตํ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิภาวเน นาม อตฺเถติ ปกติวิภาวนสงฺขาเต อตฺเถ. น อภิวาเทติ วาติ น อภิวาเทตพฺพนฺติ วา สลฺลกฺเขตีติ วุตฺตํ โหติ.

ตํ อฺาณนฺติ ‘‘อยํ มม อภิวาทนาทีนิ กาตุํ อรหรูโป น โหตี’’ติ อชานนวเสน ปวตฺตํ อฺาณํ. โอโลเกนฺโตติ ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ อปฺปติสฺโส, กึ นุ โข อหํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา สกฺกเรยฺยํ ครุํ กเรยฺย’’นฺติอาทิสุตฺตวเสเนว (อ. นิ. ๔.๒๑) าณจกฺขุนา โอโลเกนฺโต. นิปจฺจการารหนฺติ ปณิปาตารหํ. สมฺปติชาโตติ มุหุตฺตชาโต, ชาตสมนนฺตรเมวาติ วุตฺตํ โหติ. อุตฺตเรน มุโขติ อุตฺตรทิสาภิมุโข. ‘‘สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สกลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกสิ’’นฺติ อิทํ –

‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, สมฺปติชาโต โพธิสตฺโต สเมหิ ปาเทหิ ปติฏฺหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ, เสตมฺหิ ฉตฺเต อนุธาริยมาเน สพฺพา ทิสา วิโลเกติ, อาสภิฺจ วาจํ ภาสตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑) –

เอวํ ปาฬิยํ สตฺตปทวีติหารุปริ ิตสฺส วิย สพฺพาทิสานุโลกนสฺส กถิตตฺตา วุตฺตํ, น ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ สตฺตปทวีติหารโต ปเคว ทิสาวิโลกนสฺส กตตฺตา. มหาสตฺโต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมํ ทิสํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา, ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา, จตสฺโส อนุทิสา, เหฏฺา, อุปรีติ ทสปิ ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตโน สทิสํ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสีติ เวทิตพฺพา. โอโลเกสินฺติ มม ปุฺานุภาเวน โลกวิวรณปาฏิหาริเย ชาเต ปฺายมานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ มํสจกฺขุนาว โอโลเกสินฺติ อตฺโถ.

มหาปุริโสติ ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสาทิวเสน มหนฺตปุริโส. อคฺโคติ คุเณหิ สพฺพปฺปธาโน. เชฏฺโติ คุณวเสเนว สพฺเพสํ วุทฺธตโม, คุเณหิ มหลฺลกตโมติ วุตฺตํ โหติ. เสฏฺโติ คุณวเสเนว สพฺเพสํ ปสตฺถตโม. อตฺถโต ปน ปจฺฉิมานิ ทฺเว ปุริมสฺเสว เววจนานีติ เวทิตพฺพํ. ตยาติ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ. อุตฺตริตโรติ อธิกตโร. ปติมาเนสีติ ปูเชสิ. อาสภินฺติ อุตฺตมํ. มยฺหํ อภิวาทนาทิรโห ปุคฺคโลติ มยฺหํ อภิวาทนาทิกิริยาย อรโห อนุจฺฉวิโก ปุคฺคโล. นิจฺจสาเปกฺขตาย ปเนตฺถ สมาโส ทฏฺพฺโพ. ตถาคตาติ ตถาคตโต, ตถาคตสฺส สนฺติกาติ วุตฺตํ โหติ. เอวรูปนฺติ อภิวาทนาทิสภาวํ. ปริปากสิถิลพนฺธนนฺติ ปริปาเกน สิถิลพนฺธนํ.

ตํ วจนนฺติ ‘‘นาหํ ตํ พฺราหฺมณา’’ติอาทิวจนํ. ‘‘นาหํ อรสรูโป, มาทิสา วา อรสรูปา’’ติ วุตฺเต พฺราหฺมโณ ถทฺโธ ภเวยฺย. เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตมุทุภาวชนนตฺถ’’นฺติ.

กตโม ปน โสติ ปริยายาเปกฺโข ปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส, กตโม โส ปริยาโยติ อตฺโถ? ชาติวเสนาติ ขตฺติยาทิชาติวเสน. อุปปตฺติวเสนาติ เทเวสุ อุปปตฺติวเสน. เสฏฺสมฺมตานมฺปีติ อปิ-สทฺเทน ปเคว อเสฏฺสมฺมตานนฺติ ทสฺเสติ. อภินนฺทนฺตานนฺติ สปฺปีติกตณฺหาวเสน ปโมทมานานํ. รชฺชนฺตานนฺติ พลวราควเสน รชฺชนฺตานํ. รูปปริโภเคน อุปฺปนฺนตณฺหาสมฺปยุตฺตโสมนสฺสเวทนา รูปโต นิพฺพตฺติตฺวา หทยตปฺปนโต อมฺพรสาทโย วิย รูปรสาติ วุจฺจนฺติ. อาวิฺจนฺตีติ อากฑฺฒนฺติ. วตฺถารมฺมณาทิสามคฺคิยนฺติ วตฺถุอารมฺมณาทิการณสามคฺคิยํ. อนุกฺขิปนฺโตติ อตฺตุกฺกํสนวเสน กถิเต พฺราหฺมณสฺส อสปฺปายภาวโต อตฺตานํ อนุกฺขิปนฺโต อนุกฺกํเสนฺโต.

เอตสฺมึ ปนตฺเถ กรเณ สามิวจนนฺติ ‘‘ชหิตา’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ ตถาคตสฺสาติ กรเณ สามิวจนํ, ตถาคเตน ชหิตาติ อตฺโถ. มูลนฺติ ภวมูลํ. ‘‘ตาลวตฺถุกตา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘โอฏฺมุโข’’ติอาทีสุ วิย มชฺเฌปทโลปํ กตฺวา อ-การฺจ ทีฆํ กตฺวา ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ ตาลาวตฺถุกตา’’ติ. ตตฺถ ตาลสฺส วตฺถุ ตาลวตฺถุ. ยถา อารามสฺส วตฺถุภูตปุพฺโพ ปเทโส อารามสฺส อภาเว ‘‘อารามวตฺถู’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ตาลสฺส ปติฏฺิโตกาโส สมูลํ อุทฺธริเต ตาเล ปเทสมตฺเต ิเต ตาลสฺส วตฺถุภูตปุพฺพตฺตา ‘‘ตาลวตฺถู’’ติ วุจฺจติ. เนสนฺติ รูปรสาทีนํ. กถํ ปน ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ อาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. รูปาทิปริโภเคน อุปฺปนฺนตณฺหายุตฺตโสมนสฺสเวทนาสงฺขาตรูปรสาทีนํ จิตฺตสนฺตานสฺส อธิฏฺานภาวโต วุตฺตํ ‘‘เตสํ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนปุพฺพภาเวน วตฺถุมตฺเต จิตฺตสนฺตาเน กเต’’ติ. ตตฺถ ปุพฺเพติ ปุเร, สราคกาเลติ วุตฺตํ โหติ. ตาลาวตฺถุกตาติ วุจฺจนฺตีติ ตาลวตฺถุ วิย อตฺตโน วตฺถุสฺส กตตฺตา รูปรสาทโย ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอเตน ปหีนกิเลสานํ ปุน อุปฺปตฺติยา อภาโว ทสฺสิโต.

อวิรุฬฺหิธมฺมตฺตาติ อวิรุฬฺหิสภาวตาย. มตฺถกจฺฉินฺโน ตาโล ปตฺตผลาทีนํ อวตฺถุภูโต ตาลาวตฺถูติ อาห ‘‘มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตา’’ติ. เอเตน ‘‘ตาลาวตฺถุ วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา’’ติ อยํ วิคฺคโห ทสฺสิโต. เอตฺถ ปน ‘‘อวตฺถุภูโต ตาโล วิย กตาติ อวตฺถุตาลกตา’’ติ วตฺตพฺเพ วิเสสนสฺส ปรนิปาตํ กตฺวา ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิมินา ปนตฺเถน อิทํ ทสฺเสติ – รูปรสาทิวจเนน วิปากธมฺมธมฺมา หุตฺวา ปุพฺเพ อุปฺปนฺนกุสลากุสลา ธมฺมา คหิตา, เต อุปฺปนฺนาปิ มตฺถกสทิสานํ ตณฺหาวิชฺชานํ มคฺคสตฺเถน ฉินฺนตฺตา อายตึ ตาลปตฺตสทิเส วิปากกฺขนฺเธ นิพฺพตฺเตตุํ อสมตฺถา ชาตา, ตสฺมา ตาลาวตฺถุ วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา รูปรสาทโยติ. อิมสฺมึ อตฺเถ ‘‘อภินนฺทนฺตาน’’นฺติ อิมินา ปเทน กุสลโสมนสฺสมฺปิ สงฺคหิตนฺติ วทนฺติ. อนภาวํ กตาติ เอตฺถ อนุ-สทฺโท ปจฺฉาสทฺเทน สมานตฺโถติ อาห ‘‘ยถา เนสํ ปจฺฉาภาโว น โหตี’’ติอาทิ.

ยฺจ โข ตฺวํ สนฺธาย วเทสิ, โส ปริยาโย น โหตีติ ยํ วนฺทนาทิสามคฺคิรสาภาวสงฺขาตํ การณํ อรสรูปตาย วเทสิ, ตํ การณํ น โหติ, น วิชฺชตีติ อตฺโถ. นนุ จายํ พฺราหฺมโณ ยํ วนฺทนาทิสามคฺคิรสาภาวสงฺขาตปริยายํ สนฺธาย ‘‘อรสรูโป ภวํ โคตโม’’ติ อาห, ‘‘โส ปริยาโย นตฺถี’’ติ วุตฺเต วนฺทนาทีนิ ภควา กโรตีติ อาปชฺชตีติ อิมํ อนิฏฺปฺปสงฺคํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นนุ จา’’ติอาทิ.

สพฺพปริยาเยสูติ สพฺพวาเรสุ. สนฺธายภาสิตมตฺตนฺติ ยํ สนฺธาย พฺราหฺมโณ ‘‘นิพฺโภโค ภวํ โคตโม’’ติอาทิมาห. ภควา จ ยํ สนฺธาย นิพฺโภคตาทึ อตฺตนิ อนุชานาติ, ตํ สนฺธายภาสิตมตฺตํ. ฉนฺทราคปริโภโคติ ฉนฺทราควเสน ปริโภโค. อปรํ ปริยายนฺติ อฺํ การณํ.

กุลสมุทาจารกมฺมนฺติ กุลาจารสงฺขาตํ กมฺมํ, กุลจาริตฺตนฺติ อตฺโถ. อกิริยนฺติ อกรณภาวํ. ‘‘อเนกวิหิตานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมาน’’นฺติ สามฺวจเนปิ ปาริเสสายโต วุตฺตาวเสสา อกุสลธมฺมา คเหตพฺพาติ อาห ‘‘เปตฺวา เต ธมฺเม’’ติอาทิ, เต ยถาวุตฺตกายทุจฺจริตาทิเก อกุสลธมฺเม เปตฺวาติ อตฺโถ. อเนกวิหิตาติ อเนกปฺปการา.

อยํ โลกตนฺตีติ อยํ วุฑฺฒานํ อภิวาทนาทิกิริยลกฺขณา โลกปฺปเวณี. อนาคามิพฺรหฺมานํ อลงฺการาทีสุ อนาคามิภิกฺขูนฺจ จีวราทีสุ นิกนฺติวเสน ราคุปฺปตฺติ โหตีติ อนาคามิมคฺเคน ปฺจกามคุณิกราคสฺเสว ปหานํ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปฺจกามคุณิกราคสฺสา’’ติ. รูปาทีสุ ปฺจสุ กามคุเณสุ วตฺถุกามโกฏฺาเสสุ อุปฺปชฺชมาโน ราโค ‘‘ปฺจกามคุณิกราโค’’ติ เวทิตพฺโพ. โกฏฺาสวจโน เหตฺถ คุณ-สทฺโท ‘‘วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๔) วิย. อกุสลจิตฺตทฺวยสมฺปยุตฺตสฺสาติ โทมนสฺสสหคตจิตฺตทฺวยสมฺปยุตฺตสฺส. โมหสฺส สพฺพากุสลสาธารณตฺตา อาห ‘‘สพฺพากุสลสมฺภวสฺสา’’ติ. อวเสสานนฺติ สกฺกายทิฏฺิอาทีนํ.

ชิคุจฺฉติ มฺเติ อหมภิชาโต รูปวา ปฺวา กถํ นาม อฺเสํ อภิวาทนาทึ กเรยฺยนฺติ ชิคุจฺฉติ วิย, ชิคุจฺฉตีติ วา สลฺลกฺเขมิ. อกุสลธมฺเม ชิคุจฺฉมาโน เตสํ สมงฺคิภาวมฺปิ ชิคุจฺฉตีติ วุตฺตํ ‘‘อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา ชิคุจฺฉตี’’ติ. สมาปตฺตีติ เอตสฺเสว เววจนํ สมาปชฺชนา สมงฺคิภาโวติ. มณฺฑนชาติโกติ มณฺฑนกสภาโว, มณฺฑนกสีโลติ อตฺโถ. เชคุจฺฉิตนฺติ ชิคุจฺฉนสีลตํ.

โลกเชฏฺกกมฺมนฺติ โลกเชฏฺกานํ กตฺตพฺพกมฺมํ, โลเก วา เสฏฺสมฺมตํ กมฺมํ. ตตฺราติ เตสุ ทฺวีสุปิ อตฺถวิกปฺเปสุ. ปทาภิหิโต อตฺโถ ปทตฺโถ, พฺยฺชนตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. วินยํ วา อรหตีติ เอตฺถ วินยนํ วินโย, นิคฺคณฺหนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘นิคฺคหํ อรหตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. นนุ จ ปมํ วุตฺเตสุ ทฺวีสุปิ อตฺถวิกปฺเปสุ สกตฺเถ อรหตฺเถ จ ตทฺธิตปจฺจโย สทฺทลกฺขณโต ทิสฺสติ, น ปน ‘‘วินยาย ธมฺมํ เทเสตี’’ติ อิมสฺมึ อตฺเถ. ตสฺมา กถเมตฺถ ตทฺธิตปจฺจโยติ อาห ‘‘วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺตี’’ติ. วิจิตฺรตา เจตฺถ โลกปฺปมาณโต เวทิตพฺพา. ตถา หิ ยสฺมึ ยสฺมึ อตฺเถ ตทฺธิตปฺปโยโค โลกสฺส, ตตฺถ ตตฺถ ตทฺธิตวุตฺติ โลกโต สิทฺธาติ วิจิตฺรา ตทฺธิตวุตฺติ, ตสฺมา ยถา ‘‘มา สทฺทมกาสี’’ติ วทนฺโต ‘‘มาสทฺทิโก’’ติ วุจฺจติ, เอวํ วินยาย ธมฺมํ เทเสตีติ เวนยิโกติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.

กปณปุริโสติ คุณวิรหิตตาย ทีนมนุสฺโส. พฺยฺชนานิ อวิจาเรตฺวาติ ติสฺสทตฺตาทิสทฺเทสุ วิย ‘‘อิมสฺมึ อตฺเถ อยํ นาม ปจฺจโย’’ติ เอวํ พฺยฺชนวิจารํ อกตฺวา, อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกวเสนาติ วุตฺตํ โหติ.

‘‘เทวโลกคพฺภสมฺปตฺติยา’’ติ วตฺวาปิ เปตฺวา ภุมฺมเทเว เสสเทเวสุ คพฺภคฺคหณสฺส อภาวโต ปฏิสนฺธิเยเวตฺถ คพฺภสมฺปตฺตีติ เวทิตพฺพาติ วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เทวโลกปฏิสนฺธิปฏิลาภาย สํวตฺตตี’’ติ. อสฺสาติ อภิวาทนาทิสามีจิกมฺมสฺส. มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทสฺเสนฺโตติ มาติโต อปริสุทฺธภาวํ ทสฺเสนฺโต, อกฺโกสิตุกามสฺส ทาสิยา ปุตฺโตติ ทาสิกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตภาเว โทสํ ทสฺเสตฺวา อกฺโกสนํ วิย ภควโต มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทสฺเสตฺวา อกฺโกสนฺโตปิ เอวมาหาติ อธิปฺปาโย. คพฺภโตติ เทวโลกปฺปฏิสนฺธิโต. เตเนวาห ‘‘อภพฺโพ เทวโลกูปปตฺตึ ปาปุณิตุนฺติ อธิปฺปาโย’’ติ. ‘‘หีโน วา คพฺโภ อสฺสาติ อปคพฺโภ’’ติ อิมสฺส วิคฺคหสฺส เอเกน ปริยาเยน อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เทวโลกคพฺภปริพาหิรตฺตา อายตึ หีนคพฺภปฏิลาภภาคี’’ติ. อิติ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา อายติมฺปิ หีนคพฺภปฏิลาภภาคี, ตสฺมา หีโน วา คพฺโภ อสฺสาติ อปคพฺโภติ อธิปฺปาโย. ปุน ตสฺเสว วิคฺคหสฺส ‘‘โกธวเสน…เป… ทสฺเสนฺโต’’ติ เหฏฺา วุตฺตนยสฺส อนุรูปํ กตฺวา อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘หีโน วาสฺส มาตุกุจฺฉิสฺมึ คพฺภวาโส อโหสีติ อธิปฺปาโย’’ติ. คพฺภ-สทฺโท อตฺถิ มาตุกุจฺฉิปริยาโย ‘‘คพฺเภ วสติ มาณโว’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓) วิย. อตฺถิ มาตุกุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺตสตฺตปริยาโย ‘‘อนฺตมโส คพฺภปาตนํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๒๙) วิย. ตตฺถ มาตุกุจฺฉิปริยายํ คเหตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อนาคเต คพฺภเสยฺยา’’ติ. คพฺเภ เสยฺยา คพฺภเสยฺยา. อนุตฺตเรน มคฺเคนาติ อคฺคมคฺเคน. กมฺมกิเลสานํ มคฺเคน วิหตตฺตา อาห ‘‘วิหตการณตฺตา’’ติ. อิตรา ติสฺโสปีติ อณฺฑชสํเสทชโอปปาติกา. เอตฺถ จ ยทิปิ ‘‘อปคพฺโภ’’ติ อิมสฺส อนุรูปโต คพฺภเสยฺยา เอว วตฺตพฺพา, ปสงฺคโต ปน ลพฺภมานํ สพฺพมฺปิ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติปิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.

อิทานิ สตฺตปริยายสฺส คพฺภ-สทฺทสฺส วเสน วิคฺคหนานตฺตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ. อิมสฺมึ ปน วิกปฺเป คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ อุภยมฺปิ คพฺภเสยฺยวเสเนว วุตฺตนฺติปิ วทนฺติ. นนุ จ ‘‘อายตึ คพฺภเสยฺยา ปหีนา’’ติ วุตฺตตฺตา คพฺภสฺส เสยฺยา เอว ปหีนา, น ปน คพฺโภติ อาปชฺชตีติ อาห ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ. อถ ‘‘อภินิพฺพตฺตี’’ติ เอตฺตกเมว อวตฺวา ปุนพฺภวคฺคหณํ กิมตฺถนฺติ อาห ‘‘อภินิพฺพตฺติ จ นามา’’ติอาทิ. อปุนพฺภวภูตาติ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชมานานํ ธมฺมานํ อภินิพฺพตฺติ.

ธมฺมธาตุนฺติ เอตฺถ ธมฺเม อนวเสเส ธาเรติ ยาถาวโต อุปธาเรตีติ ธมฺมธาตุ, ธมฺมานํ ยถาสภาวโต อวพุชฺฌนสภาโว, สพฺพฺุตฺาณสฺเสตํ อธิวจนํ. ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ สจฺฉิกตฺวา, ปฏิลภิตฺวาติ อตฺโถ, ปฏิลาภเหตูติ วุตฺตํ โหติ. เทสนาวิลาสปฺปตฺโต โหตีติ รุจิวเสน ปริวตฺเตตฺวา ทสฺเสตุํ สมตฺถตา เทสนาวิลาโส, ตํ ปตฺโต อธิคโตติ อตฺโถ. กรุณาวิปฺผารนฺติ สพฺพสตฺเตสุ มหากรุณาย ผรณํ. ตาทิลกฺขณเมว ปุน อุปมาย วิภาเวตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปถวีสมจิตฺตต’’นฺติ. ยถา ปถวี สุจิอสุจินิกฺเขปจฺเฉทนเภทนาทีสุ น วิกมฺปติ, อนุโรธวิโรธํ น ปาปุณาติ, เอวํ อิฏฺานิฏฺเสุ ลาภาลาภาทีสุ อนุโรธวิโรธปฺปหานโต อวิกมฺปิตจิตฺตตาย ปถวีสมจิตฺตตนฺติ อตฺโถ. อกุปฺปธมฺมตนฺติ เอตฺถ อกุปฺปธมฺโม นาม ผลสมาปตฺตีติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘ปเรสุ ปน อกฺโกสนฺเตสุปิ อตฺตโน ปถวีสมจิตฺตตาย อกุปฺปนสภาวตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ’’ติ อมฺหากํ ขนฺติ. ชราย อนุสฏนฺติ ชราย ปลิเวิตํ. พฺราหฺมณสฺส วุทฺธตาย อาสนฺนวุตฺติมรณนฺติ สมฺภาวนวเสน ‘‘อชฺช มริตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘มหนฺเตน โข ปน อุสฺสาเหนา’’ติ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติ เอวํ สฺชาตมหุสฺสาเหน. อปฺปฏิสมํ ปุเรชาตภาวนฺติ อนฺสาธารณํ ปุเรชาตภาวํ. นตฺถิ เอตสฺส ปฏิสโมติ อปฺปฏิสโม, ปุเรชาตภาโว.

ปกฺเข วิธุนนฺตาติ ปตฺเต จาเลนฺตา. นิกฺขมนฺตานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ, นิกฺขนฺเตสูติ อตฺโถ.

โส เชฏฺโ อิติ อสฺส วจนีโยติ โย ปมตรํ อณฺฑโกสโต นิกฺขนฺโต กุกฺกุฏโปตโก, โส เชฏฺโติ วจนีโย อสฺส, ภเวยฺยาติ อตฺโถ. สมฺปฏิปาเทนฺโตติ สํสนฺเทนฺโต. ติภูมปริยาปนฺนาปิ สตฺตา อวิชฺชาโกสสฺส อนฺโต ปวิฏฺา ตตฺถ ตตฺถ อปฺปหีนาย อวิชฺชาย เวิตตฺตาติ อาห ‘‘อวิชฺชาโกสสฺส อนฺโต ปวิฏฺเสุ สตฺเตสู’’ติ อณฺฑโกสนฺติ พีชกปาลํ. โลกสนฺนิวาเสติ โลโกเยว สงฺคมฺม สมาคมฺม นิวาสนฏฺเน โลกสนฺนิวาโส, สตฺตนิกาโย. สมฺมาสมฺโพธินฺติ เอตฺถ สมฺมาติ อวิปรีตตฺโถ, สํ-สทฺโท สามนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ตสฺมา สมฺมา อวิปรีเตนากาเรน สยเมว จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌติ ปฏิวิชฺฌตีติ สมฺมาสมฺโพธีติ มคฺโค วุจฺจติ. เตนาห ‘‘สมฺมา สามฺจ โพธิ’’นฺติ, สมฺมา สยเมว จ พุชฺฌนกนฺติ อตฺโถ. สมฺมาติ วา ปสตฺถวจโน, สํ-สทฺโท สุนฺทรวจโนติ อาห ‘‘อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธิ’’นฺติ.

อสพฺพคุณทายกตฺตาติ สพฺพคุณานํ อทายกตฺตา. สพฺพคุเณ น ททาตีติ หิ อสพฺพคุณทายโก, อสมตฺถสมาโสยํ คมกตฺตา ยถา ‘‘อสูริยปสฺสานิ มุขานี’’ติ. ติสฺโส วิชฺชาติ อุปนิสฺสยวโต สเหว อรหตฺตผเลน ติสฺโส วิชฺชา เทติ. นนุ เจตฺถ ตีสุ วิชฺชาสุ อาสวกฺขยาณสฺส มคฺคปริยาปนฺนตฺตา กถเมตํ ยุชฺชติ ‘‘มคฺโค ติสฺโส วิชฺชา เทตี’’ติ? นายํ โทโส. สติปิ อาสวกฺขยาณสฺส มคฺคปริยาปนฺนภาเว อฏฺงฺคิเก มคฺเค สติ มคฺคาเณน สทฺธึ ติสฺโส วิชฺชา ปริปุณฺณา โหนฺตีติ ‘‘มคฺโค ติสฺโส วิชฺชา เทตี’’ติ วุจฺจติ. ฉ อภิฺาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สาวกปารมิาณนฺติ อคฺคสาวเกหิ ปฏิลภิตพฺพเมว โลกิยโลกุตฺตราณํ. ปจฺเจกโพธิาณนฺติ เอตฺถาปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อพฺภฺาสินฺติ ชานึ. ชานนฺจ น อนุสฺสวาทิวเสนาติ อาห ‘‘ปฏิวิชฺฌิ’’นฺติ, ปจฺจกฺขมกาสินฺติ อตฺโถ. ปฏิเวโธปิ น ทูเร ิตสฺส ลกฺขณปฺปฏิเวโธ วิยาติ อาห ‘‘ปตฺโตมฺหี’’ติ, ปาปุณินฺติ อตฺโถ. ปาปุณนฺจ น สยํ คนฺตฺวาติ อาห ‘‘อธิคโตมฺหี’’ติ, สนฺตาเน อุปฺปาทนวเสน ปฏิลภินฺติ อตฺโถ.

โอปมฺมสมฺปฏิปาทนนฺติ โอปมฺมตฺถสฺส อุปเมยฺเยน สมฺมเทว ปฏิปาทนํ. อตฺเถนาติ อุปเมยฺยตฺเถน. ยถา กุกฺกุฏิยา อณฺเฑสุ ติวิธกิริยากรณํ กุกฺกุฏจฺฉาปกานํ อณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณํ, เอวํ โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนากรณํ อวิชฺชณฺฑโกสโต นิกฺขมนสฺส มูลการณนฺติ อาห ‘‘ยถา หิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา…เป… ติวิธานุปสฺสนากรณ’’นฺติ. ‘‘สนฺตาเน’’ติ วุตฺตตฺตา อณฺฑสทิสตา สนฺตานสฺส, พหิ นิกฺขนฺตกุกฺกุฏจฺฉาปกสทิสตา พุทฺธคุณานํ, พุทฺธคุณาติ จ อตฺถโต พุทฺโธเยว ‘‘ตถาคตสฺส โข เอตํ, วาเสฏฺ, อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปี’’ติ วจนโต. อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโวติ พลววิปสฺสนาวเสน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว, ปฏิจฺฉาทนสามฺเน จ อวิชฺชาย อณฺฑโกสสทิสตา. มุทุภูตสฺสปิ ขรภาวาปตฺติ โหตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ถทฺธขรภาโว’’ติ วุตฺตํ. ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโวติ เอตฺถ ปริคฺคยฺหมาเนสุ สงฺขาเรสุ วิปสฺสนาาณสฺส สมาธินฺทฺริยวเสน สุขานุปฺปเวโส ติกฺขตา, อนุปวิสิตฺวาปิ สตินฺทฺริยวเสน อนติกฺกมนโต อกุณฺตา ขรภาโว. ติกฺโขปิ หิ เอกจฺโจ สโร ลกฺขํ ปตฺวา กุณฺโ โหติ, น ตถา อิทํ. สติปิ ขรภาเว สุขุมปฺปวตฺติวเสน กิเลสสมุทาจารสงฺโขภรหิตตาย สทฺธินฺทฺริยวเสน ปสนฺนภาโว, สติปิ ปสนฺนภาเว อนฺตรา อโนสกฺกิตฺวา กิเลสปจฺจตฺถิกานํ สุฏฺุ อภิภวนโต วีริยินฺทฺริยวเสน สูรภาโว เวทิตพฺโพ. เอวมิเมหิ ปกาเรหิ สงฺขารุเปกฺขาาณเมว คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิปสฺสนาาณสฺส ปริณามกาโลติ วิปสฺสนาย วุฏฺานคามินิภาวาปตฺติ. ตทา จ สา มคฺคาณคพฺภํ ธาเรนฺตี วิย โหตีติ อาห ‘‘คพฺภคฺคหณกาโล’’ติ. คพฺภํ คณฺหาเปตฺวาติ สงฺขารุเปกฺขาย อนนฺตรํ สิขาปฺปตฺตอนุโลมวิปสฺสนาวเสน มคฺควิชายนตฺถํ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา. อภิฺาปกฺเขติ โลกิยาภิฺาปกฺเข. โลกุตฺตราภิฺา หิ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาลิตา. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ฉาภิฺาปกฺเข’’ติ ลิขนฺติ, โส อปาโติ เวทิตพฺโพ.

เชฏฺโ เสฏฺโติ วุทฺธตมตฺตา เชฏฺโ, สพฺพคุเณหิ อุตฺตมตฺตา ปสตฺถตโมติ เสฏฺโ.

อิทานิ ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณ, วีริย’’นฺติอาทิกาย เทสนาย อนุสนฺธึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอวํ ภควา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปุพฺพภาคโต ปภุตีติ ภาวนาย ปุพฺพภาคียวีริยารมฺภาทิโต ปฏฺาย. มุฏฺสฺสตินาติ วินฏฺสฺสตินา, สติวิรหิเตนาติ อตฺโถ. สารทฺธกาเยนาติ สทรถกาเยน. โพธิมณฺเฑติ โพธิสงฺขาตสฺส าณสฺส มณฺฑภาวปฺปตฺเต าเน. โพธีติ หิ ปฺา วุจฺจติ. สา เอตฺถ มณฺฑา ปสนฺนา ชาตาติ โส ปเทโส ‘‘โพธิมณฺโฑ’’ติ ปฺาโต. ปคฺคหิตนฺติ อารมฺภํ สิถิลํ อกตฺวา ทฬฺหปรกฺกมสงฺขาตุสฺสหนภาเวน คหิตํ. เตนาห ‘‘อสิถิลปฺปวตฺติต’’นฺติ. อสลฺลีนนฺติ อสงฺกุจิตํ โกสชฺชวเสน สงฺโกจํ อนาปนฺนํ. อุปฏฺิตาติ โอคาหนสงฺขาเตน อปิลาปนภาเวน อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ิตา. เตนาห ‘‘อารมฺมณาภิมุขีภาเวนา’’ติ. สมฺโมสสฺส วิทฺธํสนวเสน ปวตฺติยา น สมฺมุฏฺาติ อสมฺมุฏฺา. กิฺจาปิ จิตฺตปฺปสฺสทฺธิวเสน จิตฺตเมว ปสฺสทฺธํ, กายปฺปสฺสทฺธิวเสเนว จ กาโย ปสฺสทฺโธ โหติ, ตถาปิ ยสฺมา กายปฺปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชมานา จิตฺตปฺปสฺสทฺธิยา สเหว อุปฺปชฺชติ, น วินา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กายจิตฺตปฺปสฺสทฺธิวเสนา’’ติ. กายปฺปสฺสทฺธิยา อุภเยสมฺปิ กายานํ ปสฺสมฺภนาวหตฺตา วุตฺตํ ‘‘รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธเยว โหตี’’ติ.

โส จ โขติ โส จ โข กาโย. วิคตทรโถติ วิคตกิเลสทรโถ. นามกาเย หิ วิคตทรเถ รูปกาโยปิ วูปสนฺตทรถปริฬาโห โหติ. สมฺมา อาหิตนฺติ นานารมฺมเณสุ วิธาวนสงฺขาตํ วิกฺเขปํ วิจฺฉินฺทิตฺวา เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ อวิกฺขิตฺตภาวาปาทเนน สมฺมเทว อาหิตํ ปิตํ. เตนาห ‘‘สุฏฺุ ปิต’’นฺติอาทิ. จิตฺตสฺส อเนกคฺคภาโว วิกฺเขปวเสน จฺจลตา, สา สติ เอกคฺคตาย น โหตีติ อาห ‘‘เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทน’’นฺติ. เอตฺตาวตาติ ‘‘อารทฺธํ โข ปนา’’ติอาทินา วีริยสติปสฺสทฺธิสมาธีนํ กิจฺจสิทฺธิทสฺสเนน. นนุ จ สทฺธาปฺานมฺปิ กิจฺจสิทฺธิ ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย อิจฺฉิตพฺพาติ? สจฺจํ, สา ปน นานนฺตริกภาเวน อวุตฺตสิทฺธาติ น คหิตา. อสติ หิ สทฺธาย วีริยารมฺภาทีนํ อสมฺภโวเยว, ปฺาปริคฺคเห จ เนสํ อสติ ายารมฺภาทิภาโว น สิยา, ตถา อสลฺลีนาสมฺโมสตาทโย วีริยาทีนนฺติ อสลฺลีนตาทิคฺคหเณเนเวตฺถ ปฺากิจฺจสิทฺธิ คหิตาติ ทฏฺพฺพํ. ฌานภาวนายํ วา สมาธิกิจฺจํ อธิกํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ สมาธิปริโยสานาว ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฺปฏิปทา กถิตาติ ทฏฺพฺพํ.

อตีตภเว ขนฺธา ตปฺปฏิพทฺธานิ นามโคตฺตานิ จ สพฺพํ ปุพฺเพนิวาสํตฺเวว คหิตนฺติ อาห ‘‘กึ วิทิตํ กโรติ? ปุพฺเพนิวาส’’นฺติ. โมโห ปฏิจฺฉาทกฏฺเน ตโม วิย ตโมติ อาห ‘‘สฺเวว โมโห’’ติ. โอภาสกรณฏฺเนาติ กาตพฺพโต กรณํ. โอภาโสว กรณํ โอภาสกรณํ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ โอภาสภาเวน นิพฺพตฺเตตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. เสสํ ปสํสาวจนนฺติ ปฏิปกฺขวิธมนปวตฺติวิเสสานํ โพธนโต วุตฺตํ. อวิชฺชา วิหตาติ เอเตน วิชานนฏฺเน วิชฺชาติ อยมฺปิ อตฺโถ ทีปิโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนา’’ติ เอเตน วิชฺชาปฏิปกฺขา อวิชฺชา. ปฏิปกฺขตา จสฺสา ปหาตพฺพภาเวน วิชฺชาย จ ปหายกภาเวนาติ ทสฺเสติ. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเยติ อิมินา ‘‘ตโม วิหโต วินฏฺโ. กสฺมา? ยสฺมา อาโลโก อุปฺปนฺโน’’ติ อิมมตฺถํ อติทิสติ. กิเลสานํ อาตาปนปริตาปนฏฺเน วีริยํ อาตาโปติ อาห ‘‘วีริยาตาเปน อาตาปิโน’’ติ, วีริยวโตติ อตฺโถ. เปสิตตฺตสฺสาติ ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธึ ปติ วิสฺสฏฺจิตฺตสฺส. ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตติ อฺสฺสปิ กสฺสจิ มาทิสสฺสาติ อธิปฺปาโย. ปธานานุโยคสฺสาติ สมฺมปฺปธานมนุยุตฺตสฺส.

ปจฺจเวกฺขณาณปริคฺคหิตนฺติ น ปมทุติยาณทฺวยาธิคมํ วิย เกวลนฺติ อธิปฺปาโย. ทสฺเสนฺโตติ นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต. สรูปโต หิ ปุพฺเพ ทสฺสิตเมวาติ.

ติกฺขตฺตุํ ชาโตติ อิมินา ปน อิทํ ทสฺเสติ – ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, ปมวิชฺชาย ชาโตเยว ปุเรชาตสฺส สหชาตสฺส วา อภาวโต สพฺเพสํ วุทฺโธ มหลฺลโก, กิมงฺคํ ปน ตีหิ วิชฺชาหิ ติกฺขตฺตุํ ชาโต’’ติ. ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณนฺติ อตีตารมฺมณสภาคตาย ตพฺภาวิภาวโต จ ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณํ ปกาเสตฺวาติ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ อตีตํสาณนฺติ อตีตกฺขนฺธายตนธาตุสงฺขาเต อตีเต โกฏฺาเส อปฺปฏิหตาณํ. ทิพฺพจกฺขุาณสฺส ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา ยถากมฺมูปคาณสฺส อนาคตํสาณสฺส จ ทิพฺพจกฺขุวเสเนว อิชฺฌนโต ทิพฺพจกฺขุโน ปริภณฺฑาณตฺตา ทิพฺพจกฺขุมฺหิเยว จ ิตสฺส เจโตปริยาณสิทฺธิโต วุตฺตํ ‘‘ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณ’’นฺติ. ตตฺถ ทิพฺพจกฺขุนาติ สปริภณฺเฑน ทิพฺพจกฺขุาเณน. ปจฺจุปฺปนฺนํโส จ อนาคตํโส จ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสํ, ตตฺถ าณํ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณํ. อาสวกฺขยาณาธิคเมเนว สพฺพฺุตฺาณสฺส วิย เสสาสาธารณฉาณทสพลาณอาเวณิกพุทฺธธมฺมาทีนมฺปิ อนฺสาธารณานํ พุทฺธคุณานํ อิชฺฌนโต วุตฺตํ ‘‘อาสวกฺขเยน สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณ’’นฺติ. เตนาห ‘‘สพฺเพปิ สพฺพฺุคุเณ ปกาเสตฺวา’’ติ.

ปีติวิปฺผารปริปุณฺณคตฺตจิตฺโตติ ปีติผรเณน ปริปุณฺณกายจิตฺโต. อฺาณนฺติ อฺาณสฺสาติ อตฺโถ. ธิ-สทฺทโยคโต หิ สามิอตฺเถ เอตํ อุปโยควจนํ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

เวรฺชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สีหสุตฺตวณฺณนา

๑๒. ทุติเย สนฺถาคารํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๒๔๓) นาม เอกา มหาสาลาว. อุยฺโยคกาลาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ตฺวา ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉา’’ติอาทินา ตตฺถ นิสีทิตฺวา สนฺถํ กโรนฺติ, มริยาทํ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ านํ ‘‘สนฺถาคาร’’นฺติ วุจฺจติ. อุยฺโยคฏฺานโต จ อาคนฺตฺวา ยาว เคเห โคมยปริภณฺฑาทิวเสน ปฏิชคฺคนํ กโรนฺติ, ตาว เอกํ ทฺเว ทิวเส เต ราชาโน ตตฺถ สนฺถมฺภนฺตีติปิ สนฺถาคารํ. เตสํ ราชูนํ สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺถาคารํ. คณราชาโน หิ เต, ตสฺมา อุปฺปนฺนํ กิจฺจํ เอกสฺส วเสน น สิชฺฌติ, สพฺเพสํ ฉนฺโท ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา สพฺเพ ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา อนุสาสนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สห อตฺถานุสาสนํ อคาร’’นฺติ. ยสฺมา วา ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมสฺมึ กาเล กสิตุํ วฏฺฏติ, อิมสฺมึ กาเล วปิตุ’’นฺติอาทินา นเยน ฆราวาสกิจฺจานิ สมฺมนฺตยนฺติ, ตสฺมา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ฆราวาสํ สนฺถรนฺตีติปิ สนฺถาคารํ.

ปุตฺตทารธนาทิอุปกรณปริจฺจาโค ปารมิโย. อตฺตโน องฺคปริจฺจาโค อุปปารมิโย. อตฺตโนว ชีวิตปริจฺจาโค ปรมตฺถปารมิโย. าตีนํ อตฺถจริยา าตตฺถจริยา. โลกสฺส อตฺถจริยา โลกตฺถจริยา. กมฺมสฺสกตาณวเสน อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานปริจยวเสน ขนฺธายตนาทิปริจยวเสน ลกฺขณตฺตยตีรณวเสน จ าณจาโร พุทฺธจริยา. องฺคนยนธนรชฺชปุตฺตทารปริชฺชาควเสน ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺเตน. สติปิ มหาปริจฺจาคานํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ ปฺจมหาปริจฺจาคานํ วิสุํ คหณํ, ตโตเยว จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ. ปริจฺจาคภาวสามฺเปิ ธนรชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ วิสุํ กตํ. ปพฺพชฺชาว สงฺเขโป.

สตฺตสุ อนุปสฺสนาสูติ อนิจฺจานุปสฺสนา, ทุกฺขานุปสฺสนา, อนตฺตานุปสฺสนา, นิพฺพิทานุปสฺสนา, วิราคานุปสฺสนา, นิโรธานุปสฺสนา, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาติ อิมาสุ สตฺตสุ อนุปสฺสนาสุ.

อนุวิจฺจการนฺติ อเวจฺจกรณํ. ทฺวีหิ การเณหิ อนิยฺยานิกสาสเน ิตา อตฺตโน สาวกตฺตํ อุปคเต ปคฺคณฺหนฺติ, ตานิ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

อนุปุพฺพึ กถนฺติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๗๕-๗๖) อนุปุพฺพํ กเถตพฺพกถํ. กา ปน สาติ? ทานาทิกถา. ตตฺถ ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสตฺตสาธารณตฺตา สุกรตฺตา สีเล ปติฏฺานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโต กถิตา. ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ. สีเลน ทายกปฺปฏิคฺคาหกวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต กิริยาธมฺมํ วตฺวา อกิริยาธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตา. ‘‘ตฺจ สีลํ วฏฺฏนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผล’’นฺติ ทสฺสนตฺถํ. ‘‘อิเมหิ จ ทานสีลมเยหิ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺเนหิ ปุฺกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา ทิพฺพโภคสมฺปตฺติโย ลทฺธพฺพา’’ติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถา. ‘‘สฺวายํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ, สพฺพถานุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโค’’ติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มคฺโค, มคฺคฺจ กเถนฺเตน ตทธิคมูปายสนฺทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ ปเคว อิตเร สพฺเพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว. ‘‘หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตา’’ติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว. สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส. สพฺพโส สํกิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพติ อยมตฺโถ มคฺคนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน อาทิ-อตฺเถน ทีปิโตติ เวทิตพฺพํ.

สุขานํ นิทานนฺติ ทิฏฺธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานํ นิพฺพานุปสํหิตานฺจาติ สพฺเพสมฺปิ สุขานํ การณํ. ยฺหิ กิฺจิ โลเก โภคสุขํ นาม, ตํ สพฺพํ ทานาธีนนฺติ ปากโฏยมตฺโถ. ยํ ปน ฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานปฺปฏิสํยุตฺตํ สุขํ, ตสฺสปิ ทานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติเยว. สมฺปตฺตีนํ มูลนฺติ ยา อิมา โลเก ปเทสรชฺชสิริสฺสริยสตฺตรตนสมุชฺชลจกฺกวตฺติสมฺปทาติ เอวํปเภทา มานุสิกา สมฺปตฺติโย, ยา จ จาตุมหาราชิกาทิคตา ทิพฺพสมฺปตฺติโย, ยา วา ปนฺาปิ สมฺปตฺติโย, ตาสํ สพฺพาสํ อิทํ มูลการณํ. โภคานนฺติ ภุฺชิตพฺพฏฺเน ‘‘โภโค’’ติ ลทฺธนามานํ ปิยมนาปิยรูปาทีนํ ตนฺนิสฺสยานํ วา อุปโภคสุขานํ ปติฏฺา นิจฺจลาธิฏฺานตาย. วิสมคตสฺสาติ พฺยสนปฺปตฺตสฺส. ตาณนฺติ รกฺขา, ตโต ปริปาลนโต. เลณนฺติ พฺยสเนหิ ปริปาติยมานสฺส โอลียนปฺปเทโส. คตีติ คนฺตพฺพฏฺานํ. ปรายณนฺติ ปฏิสรณํ. อวสฺสโยติ วินิปติตุํ อเทนฺโต นิสฺสโย. อารมฺมณนฺติ โอลุพฺภารมฺมณํ.

รตนมยสีหาสนสทิสนฺติ สพฺพรตนมยสตฺตงฺคมหาสีหาสนสทิสํ. เอวํ หิสฺส มหคฺฆํ หุตฺวา สพฺพโส วินิปติตุํ อปฺปทานฏฺโ ทีปิโต โหติ. มหาปถวีสทิสํ คตคตฏฺาเน ปติฏฺานสฺส ลภาปนโต. ยถา ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส อาลมฺพนรชฺชุ อุตฺติฏฺโต ติฏฺโต จ อุปตฺถมฺโภ, เอวํ ทานํ สตฺตานํ สมฺปตฺติภเว อุปปตฺติยา ิติยา จ ปจฺจโยติ อาห ‘‘อาลมฺพนฏฺเน อาลมฺพนรชฺชุสทิส’’นฺติ. ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเนาติ ทุคฺคติทุกฺขฏฺานนิตฺถรณฏฺเน. สมสฺสาสนฏฺเนาติ โลภมจฺฉริยาทิปฏิสตฺตุปทฺทวโต สมสฺสาสนฏฺเน. ภยปริตฺตาณฏฺเนาติ ทาลิทฺทิยภยโต ปริปาลนฏฺเน. มจฺเฉรมลาทีหีติ มจฺเฉรโลภโทสมทอิสฺสามิจฺฉาทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิจิตฺตมเลหิ. อนุปลิตฺตฏฺเนาติ อนุปกฺกิลิฏฺตาย. เตสนฺติ มจฺเฉรมลาทีนํ. เตสํ เอว ทุราสทฏฺเน. อสนฺตาสนฏฺเนาติ สนฺตาสเหตุอภาเวน. โย หิ ทายโก ทานปติ, โส สมฺปติปิ น กุโตจิ สนฺตสติ, ปเคว อายตึ. พลวนฺตฏฺเนาติ มหาพลวตาย. ทายโก หิ ทานปติ สมฺปติ ปกฺขพเลน พลวา โหติ, อายตึ ปน กายพลาทีหิปิ. อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเนาติ ‘‘วฑฺฒิการณ’’นฺติ อภิสมฺมตภาเวน. วิปตฺติภวโต สมฺปตฺติภวูปนยนํ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนํ.

อิทานิ มหาโพธิจริยภาเวนปิ ทานคุณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทานํ นาเมต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺตานํ นิยฺยาเตนฺเตนาติ เอเตน ‘‘ทานผลํ สมฺมเทว ปสฺสนฺตา มหาปุริสา อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชนฺติ, ตสฺมา โก นาม วิฺุชาติโก พาหิเร วตฺถุสฺมึ ปเคว สงฺคํ กเรยฺยา’’ติ โอวาทํ เทติ. อิทานิ ยา โลกิยา โลกุตฺตรา จ อุกฺกํสคตา สมฺปตฺติโย, ตา สพฺพา ทานโตเยว ปวตฺตนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทานฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺติโย อตฺตหิตาย เอว, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ ปน อตฺตหิตาย ปรหิตาย จาติ ทสฺเสตุํ สา ตาสํ ปรโต จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ วุตฺตา. เอตา โลกิยา, อิมา ปน โลกุตฺตราติ ทสฺเสตุํ ‘‘สาวกปารมิาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตาสุปิ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺตรุกฺกฏฺตมตํ ทสฺเสตุํ กเมน าณตฺตยํ วุตฺตํ. เตสํ ปน ทานสฺส ปจฺจยภาโว เหฏฺา วุตฺโตเยว. เอเตเนว ตสฺส พฺรหฺมสมฺปตฺติยาปิ ปจฺจยภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ.

ทานฺจ นาม ทกฺขิเณยฺเยสุ หิตชฺฌาสเยน ปูชนชฺฌาสเยน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก ปุริสปุคฺคโล ปเร หนฺติ, ปเรสํ วา สนฺตกํ หรตีติ อฏฺานเมตนฺติ อาห ‘‘ทานํ เทนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกตี’’ติ. สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ โสภาวิเสสาวหตฺตา สีลสฺส. สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถีติ เอตฺถ ‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปี’’ติอาทิกา (ธ. ป. ๕๕) คาถา – ‘‘คนฺโธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ, กายา จุโต คจฺฉติ มาลุเตนา’’ติอาทิกา (ชา. ๒.๑๗.๕๕) ชาตกคาถาโย จ อาหริตฺวา วตฺตพฺพา. สีลฺหิ สตฺตานํ อาภรณฺเจว อลงฺกาโร จ คนฺธวิเลปนฺจ ปรสฺส ทสฺสนียภาวาวหฺจ. เตนาห ‘‘สีลาลงฺกาเรน หี’’ติอาทิ.

อยํ สคฺโค ลพฺภตีติ อิทํ มชฺฌิเมหิ อารทฺธํ สีลํ สนฺธายาห. เตเนวาห สกฺโก เทวราชา –

‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;

มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๑.๘.๗๕);

อิฏฺโติ สุโข. กนฺโตติ กมนีโย. มนาโปติ มนวฑฺฒนโก. ตํ ปน ตสฺส อิฏฺาทิภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิจฺจเมตฺถ กีฬา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

โทโสติ อนิจฺจตาทินา อปฺปสฺสาทาทินา จ ทูสิตภาโว, ยโต เต วิฺูนํ จิตฺตํ นาราเธนฺติ. อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตา. ตถา จ กามา ยถาตถํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฏฺนฺติ. ลามกภาโวติ อเสฏฺเหิ เสวิตพฺโพ, เสฏฺเหิ น เสวิตพฺโพ นิหีนภาโว. สํกิลิสฺสนนฺติ วิพาธกตา อุปตาปกตา จ.

เนกฺขมฺเม อานิสํสนฺติ เอตฺถ ‘‘ยตฺตกา กาเมสุ อาทีนวา, ตปฺปฏิปกฺขโต ตตฺตกา เนกฺขมฺเม อานิสํสา. อปิจ เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฏฺํ, นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสฺาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตกฺเกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปาทสฺายา’’ติอาทินา นเยน เนกฺขมฺเม อานิสํเส ปกาเสสิ. ปพฺพชฺชายํ ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วณฺเณสิ. กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ เหฏฺา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริ เทสนาย ภาชนภาวูปคเมน กมฺมกฺขมจิตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ยสฺมา อสฺสทฺธิยาทโย จิตฺตสฺส โรคภูตา, ตทา เต วิคตา, ตสฺมา อาห ‘‘อโรคจิตฺต’’นฺติ. ทิฏฺิมานาทิกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํ. กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํ. สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํ. ยทา ภควา อฺาสีติ สมฺพนฺโธ. อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํ. มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกินจิตฺตํ. วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน อวิกฺเขปโต เตน อปิหิตจิตฺตํ. อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหิตวเสน อลีนจิตฺตํ. ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ เอวเมตฺถ เสสปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน สีหสฺส กิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคุปฺปาทนฺจ ทสฺเสติ. อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํ. สมฺมเทวาติ สุฏฺุเทว. รชนนฺติ นีลปีตโลหิตาทิรงฺคชาตํ. ปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ คณฺเหยฺย, ปภสฺสรํ ภเวยฺย. ตสฺมึเยว อาสเนติ ตสฺสํเยว นิสชฺชายํ. เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสกตา ติกฺขปฺตา สุขปฺปฏิปทขิปฺปาภิฺตา จ ทสฺสิตา โหติ. วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํ. อนวเสสทิฏฺิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํ. ปมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํ. ปฺจวิธทุสฺสีลฺยมลวิคเมน วีตมลํ. ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถนฺติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฏิวิชฺฌนฺตนฺติ อสมฺโมหปฺปฏิเวธวเสน ปฏิวิชฺฌนฺตํ. เตนาห ‘‘กิจฺจวเสนา’’ติ. ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฏฺภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฏฺภาโว, โธวนสิลาตลํ วิย อนุปุพฺพีกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเกน เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกขาเรหิ กาฬเก สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปฺปโยโค วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา เตเมตฺวา สติสมาธิปฺาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารมฺโภ. เตน ปโยเคน วตฺเถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารมฺเภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมคฺโค, เตน สุทฺธวตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มคฺเคน ปริโยทปนนฺติ.

‘‘ทิฏฺธมฺโม’’ติ วตฺวา ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ นาม าณสมฺปตฺติโต อฺาปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา ธมฺเมสุ เอกเทเสนปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ. ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. เตนสฺส สจฺจาภิสมฺโพธํเยว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติ. เตนาห ‘‘ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม’’ติ. ติณฺณา วิจิกิจฺฉาติ สปฺปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา อฏฺวตฺถุกา จ ติณฺณา นิตฺติณฺณา วิจิกิจฺฉา. วิคตา กถํกถาติ ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถา. สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฏิปกฺเขสุ สีลาทิคุเณสุ ปติฏฺิตตฺตา เวสารชฺชํ วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโต. อตฺตนา เอว ปจฺจกฺขโต ทิฏฺตฺตา น ปรํ ปจฺเจติ, น จสฺส ปโร ปจฺเจตพฺโพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย.

อุทฺทิสิตฺวา กตนฺติ อตฺตานํ อุทฺทิสิตฺวา มารณวเสน กตํ นิพฺพตฺติตํ มํสํ. ปฏิจฺจกมฺมนฺติ เอตฺถ กมฺม-สทฺโท กมฺมสาธโน อตีตกาลิโก จาติ อาห ‘‘อตฺตานํ ปฏิจฺจกต’’นฺติ. นิมิตฺตกมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ ‘‘ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๔.๗๕) วิย. นิมิตฺตกมฺมสฺสาติ นิมิตฺตภาเวน ลทฺธพฺพกมฺมสฺส. กรณวเสน ปฏิจฺจกมฺมํ เอตฺถ อตฺถีติ มํสํ ปฏิจฺจกมฺมํ ยถา พุทฺธิ พุทฺธํ. ตํ เอตสฺส อตฺถีติ พุทฺโธ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

สีหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓-๔. อสฺสาชานียสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๓-๑๔. ตติเย สาเยฺยานีติ สตฺตานิ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ตานิ ปนสฺส สาเยฺยาทีนิ กายจิตฺตุชุกตาปฏิปกฺขภูตา โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺติอาการวิเสสา. ตตฺถ ยสฺส กิสฺมิฺจิเทว าเน าตุกามสฺส สโต ยํ านํ มนุสฺสานํ สปฺปฏิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา ตเถว สปฺปฏิภยฏฺาเนว สฺสามีติ น โหติ, วฺจนาธิปฺปายภาวโต าตุกามฏฺาเนเยว นิขาตตฺถมฺโภ วิย จตฺตาโร ปาเท นิจฺจาเลตฺวา ติฏฺติ, อยํ สโ นาม, อิมสฺส สาเยฺยสฺส ปากฏกรณํ. ตถา ยสฺส กิสฺมิฺจิเทว าเน นิวตฺติตฺวา ขนฺธคตํ ปาเตตุกามสฺส สโต ยํ านํ มนุสฺสานํ สปฺปฏิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา ตเถว ปาเตสฺสามีติ น โหติ, ปาเตตุกามฏฺาเนเยว นิวตฺติตฺวา ปาเตติ, อยํ กูโฏ นาม. ยสฺส กาเลน วามโต, กาเลน ทกฺขิณโต, กาเลน อุชุมคฺเคเนว จ คนฺตุกามสฺส สโต ยํ านํ มนุสฺสานํ สปฺปฏิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา ตเถว เอวํ กริสฺสามีติ น โหติ, ยทิจฺฉกํ คนฺตุกามฏฺาเนเยว กาเลน วามโต, กาเลน ทกฺขิณโต, กาเลน อุชุมคฺคํ คจฺฉติ, ตถา เลณฺฑํ วา ปสฺสาวํ วา วิสฺสชฺเชตุกามสฺส อิทํ านํ สุสมฺมฏฺํ อากิณฺณมนุสฺสํ รมณียํ. อิมสฺมึ าเน เอวรูปํ กาตุํ น ยุตฺตํ, ปุรโต คนฺตฺวา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน กริสฺสามีติ น โหติ, ตตฺเถว กโรติ, อยํ ชิมฺโห นาม. ยสฺส ปน กิสฺมิฺจิ าเน มคฺคา อุกฺกมฺม นิวตฺติตฺวา ปฏิมคฺคํ อาโรหิตุกามสฺส สโต ยํ านํ มนุสฺสานํ สปฺปฏิภยํ, ปุรโต คนฺตฺวา ตตฺเถว เอวํ กริสฺสามีติ น โหติ, ปฏิมคฺคํ อาโรหิตุกามฏฺาเนเยว มคฺคา อุกฺกมฺม นิวตฺติตฺวา ปฏิมคฺคํ อาโรหติ, อยํ วงฺโก นาม. อิติ อิมํ จตุพฺพิธมฺปิ กิริยํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ยานิ โข ปนสฺส ตานิ สาเยฺยานิ…เป… อาวิกตฺตา โหตี’’ติ. จตุตฺเถ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อสฺสาชานียสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๘. มลสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๕-๑๘. ปฺจเม (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๒๔๑) ยา กาจิ ปริยตฺติ วา สิปฺปํ วา ยสฺมา อสชฺฌายนฺตสฺส อนนุยุฺชนฺตสฺส วินสฺสติ, นิรนฺตรํ วา น อุปฏฺาติ, ตสฺมา ‘‘อสชฺฌายมลา มนฺตา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ฆราวาสํ วสนฺตสฺส อุฏฺายุฏฺาย ชิณฺณปฺปฏิสงฺขรณาทีนิ อกโรนฺตสฺส ฆรํ นาม วินสฺสติ, ตสฺมา ‘‘อนุฏฺานมลา ฆรา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา คิหิสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา โกสชฺชวเสน สรีรปฺปชคฺคนํ วา ปริกฺขารปฺปฏิชคฺคนํ วา อกโรนฺตสฺส กาโย ทุพฺพณฺโณ โหติ, ตสฺมา ‘‘มลํ วณฺณสฺส โกสชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน คาโว รกฺขนฺตสฺส ปมาทวเสน นิทฺทายนฺตสฺส วา กีฬนฺตสฺส วา ตา คาโว อติตฺถปกฺขนฺทนาทีหิ วา วาฬมิคโจราทิอุปทฺทเวน วา ปเรสํ สาลิกฺเขตฺตาทีนิ โอตริตฺวา ขาทนวเสน วา วินาสมาปชฺชนฺติ, สยมฺปิ ทณฺฑํ วา ปริภาสํ วา ปาปุณาติ, ปพฺพชิตํ วา ปน ฉทฺวาราทีนิ อรกฺขนฺตํ ปมาทวเสน กิเลสา โอตริตฺวา สาสนา จาเวนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปมาโท รกฺขโต มล’’นฺติ วุตฺตํ. โส หิสฺส วินาสาวเหน มลฏฺานิยตฺตา มลํ.

ทุจฺจริตนฺติ อติจาโร. อติจารินิฺหิ อิตฺถึ สามิโกปิ เคหา นีหรติ, มาตาปิตูนํ สนฺติกํ คตมฺปิ ‘‘ตฺวํ กุลสฺส องฺคารภูตา, อกฺขีหิปิ น ทฏฺพฺพา’’ติ ตํ มาตาปิตโรปิ นีหรนฺติ, สา อนาถา วิจรนฺตี มหาทุกฺขํ ปาปุณาติ. เตนสฺสา ทุจฺจริตํ ‘‘มล’’นฺติ วุตฺตํ. ททโตติ ทายกสฺส. ยสฺส หิ เขตฺตกสนกาเล ‘‘อิมสฺมึ เขตฺเต สมฺปนฺเน สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวาปิ นิปฺผนฺเน สสฺเส มจฺเฉรํ อุปฺปชฺชิตฺวา จาคจิตฺตํ นิวาเรติ, โส มจฺเฉรวเสน จาคจิตฺเต อวิรุหนฺเต มนุสฺสสมฺปตฺติ, ทิพฺพสมฺปตฺติ, นิพฺพานสมฺปตฺตีติ ติสฺโส สมฺปตฺติโย น ลภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มจฺเฉรํ ททโต มล’’นฺติ. อฺเสุปิ เอวรูเปสุ เอเสว นโย. ปาปกา ธมฺมาติ อกุสลา ธมฺมา. เต ปน อิธโลเก ปรโลเก จ มลเมว. ตโตติ เหฏฺา วุตฺตมลโต. มลตรนฺติ อติเรกมลํ. ฉฏฺาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

มลสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปหาราทสุตฺตวณฺณนา

๑๙. นวเม (อุทา. อฏฺ. ๔๕; สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๘๔) อสุราติ เทวา วิย น สุรนฺติ น กีฬนฺติ น วิโรจนฺตีติ อสุรา. สุรา นาม เทวา, เตสํ ปฏิปกฺขาติ วา อสุรา, เวปจิตฺติปหาราทาทโย. เตสํ ภวนํ สิเนรุสฺส เหฏฺาภาเค. เต ตตฺถ ปวิสนฺตา นิกฺขมนฺตา สิเนรุปาเท มณฺฑปาทีนิ นิมฺมินิตฺวา กีฬนฺตา อภิรมนฺติ. สา ตตฺถ เตสํ อภิรติ. อิเม คุเณ ทิสฺวาติ อาห ‘‘เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุทฺเท อภิรมนฺตี’’ติ.

ยสฺมา โลกิยา ชมฺพุทีโป, หิมวา ตตฺถ ปติฏฺิตสมุทฺททหปพฺพตา ตปฺปภวา นทิโยติ เอเตสุ ยํ ยํ น มนุสฺสโคจรํ, ตตฺถ สยํ สมฺมูฬฺหา อฺเปิ สมฺโมหยนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ สมฺโมหวิธมนตฺถํ ‘‘อยํ ตาว ชมฺพุทีโป’’ติอาทิ อารทฺธํ. ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ อายามโต วิตฺถารโต จาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. อุทเกน อชฺโฌตฺถโฏ ตทุปโภคิสตฺตานํ ปุฺกฺขเยน. สุนฺทรทสฺสนํ กูฏนฺติ สุทสฺสนกูฏํ, ยํ โลเก ‘‘เหมกูฏ’’นฺติ วุจฺจติ. มูลคนฺโธ กาลานุสาริยาทิ. สารคนฺโธ จนฺทนาทิ. เผคฺคุคนฺโธ สลลาทิ. ตจคนฺโธ ลวงฺคาทิ. ปปฏิกาคนฺโธ กปิตฺถาทิ. รสคนฺโธ สชฺชุลสาทิ. ปตฺตคนฺโธ ตมาลหิริเวราทิ. ปุปฺผคนฺโธ นาคกุสุมาทิ. ผลคนฺโธ ชาติผลาทิ. คนฺธคนฺโธ สพฺเพสํ คนฺธานํ คนฺโธ. ‘‘สพฺพานิ ปุถุลโต ปฺาส โยชนานิ, อายามโต ปน อุพฺเพธโต วิย ทฺวิโยชนสตาเนวา’’ติ วทนฺติ.

มโนหรสิลาตลานีติ รตนมยตฺตา มนุฺโสปานสิลาตลานิ. สุปฏิยตฺตานีติ ตทุปโภคิสตฺตานํ สาธารณกมฺมุนาว สุฏฺุ ปฏิยตฺตานิ สุสณฺิตานิ โหนฺติ. มจฺฉกจฺฉปาทีนิ อุทกํ มลํ กโรนฺติ, ตทภาวโต ผลิกสทิสนิมฺมโลทกานิ. ติริยโต ทีฆํ อุคฺคตกูฏนฺติ ‘‘ติรจฺฉานปพฺพต’’นฺติ อาห. ปุริมานิ นามโคตฺตานีติ เอตฺถ นที นินฺนคาติอาทิกํ โคตฺตํ, คงฺคา ยมุนาติอาทิกํ นามํ.

สวมานาติ สนฺทมานา. ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโว. มสารคลฺลํ ‘‘จิตฺตผลิก’’นฺติปิ วทนฺติ. มหตํ ภูตานนฺติ มหนฺตานํ สตฺตานํ. ติมี ติมิงฺคลา ติมิติมิงฺคลาติ ติสฺโส มจฺฉชาติโย. ติมึ คิลนสมตฺถา ติมิงฺคลา. ติมิฺจ ติมิงฺคลฺจ คิลนสมตฺถา ติมิติมิงฺคลาติ วทนฺติ.

มม สาวกาติ โสตาปนฺนาทิเก อริยปุคฺคเล สนฺธาย วทติ. น สํวสตีติ อุโปสถกมฺมาทิวเสน สํวาสํ น กโรติ. อุกฺขิปตีติ อปเนติ. วิมุตฺติรโสติ กิเลเสหิ วิมุจฺจนรโส. สพฺพา หิ สาสนสมฺปตฺติ ยาวเทว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตสฺส วิมุตฺติอตฺถา.

รตนานีติ รติชนนฏฺเน รตนานิ. สติปฏฺานาทโย หิ ภาวิยมานา ปุพฺพภาเคปิ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ นิพฺพตฺเตนฺติ, ปเคว อปรภาเค. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔) –

โลกิยรตนนิพฺพตฺตํ ปน ปีติปาโมชฺชํ น ตสฺส กลภาคมฺปิ อคฺฆติ. อปิจ –

‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;

อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนนฺติ ปวุจฺจติ’’. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๕๐);

ยทิ จ จิตฺตีกตาทิภาเวน รตนํ นาม โหติ, สติปฏฺานาทีนํเยว ภูตโต รตนภาโว. โพธิปกฺขิยธมฺมานฺหิ โส อานุภาโว, ยํ สาวกา สาวกปารมิาณํ, ปจฺเจกพุทฺธา ปจฺเจกโพธิาณํ, สมฺมาสมฺพุทฺธา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ อาสนฺนการณตฺตา. อาสนฺนการณฺหิ ทานาทิอุปนิสฺสโยติ เอวํ รติชนนฏฺเน จิตฺตีกตาทิอตฺเถน จ รตนภาโว โพธิปกฺขิยธมฺมานํ สาติสโย. เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ. จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิ.

ตตฺถ อารมฺมเณ โอกฺกนฺติตฺวา อุปฏฺานฏฺเน อุปฏฺานํ, สติเยว อุปฏฺานนฺติ สติปฏฺานํ. อารมฺมณสฺส ปน กายาทิวเสน จตุพฺพิธตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ. ตถา หิ กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ สุภสุขนิจฺจอตฺตสฺานํ ปหานโต อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตภาวคฺคหณโต จ เนสํ กายานุปสฺสนาทิภาโว วิภตฺโต.

สมฺมา ปทหนฺติ เอเตน, สยํ วา สมฺมา ปทหติ, ปสตฺถํ สุนฺทรํ วา ปทหนฺตีติ สมฺมปฺปธานํ, ปุคฺคลสฺส วา สมฺมเทว ปธานภาวกรณโต สมฺมปฺปธานํ วีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. ตมฺปิ อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทนปฺปหานวเสน อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทนฏฺาปนวเสน จ จตุกิจฺจสาธกตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา’’ติ.

อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชตีติ อตฺโถ. อิชฺฌนฺติ วา ตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ. อิติ ปเมน อตฺเถน อิทฺธิ เอว ปาโทติ อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฏฺาโสติ อตฺโถ. ทุติเยน อตฺเถน อิทฺธิยา ปาโท ปติฏฺา อธิคมุปาโยติ อิทฺธิปาโท. เตน หิ อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธึ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติ. สฺวายํ อิทฺธิปาโท ยสฺมา ฉนฺทาทิเก จตฺตาโร อธิปติธมฺเม ธุเร เชฏฺเก กตฺวา นิพฺพตฺตียติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา’’ติ.

ปฺจินฺทฺริยานีติ สทฺธาทีนิ ปฺจ อินฺทฺริยานิ. ตตฺถ อสฺสทฺธิยํ อภิภวิตฺวา อธิโมกฺขลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ สทฺธินฺทฺริยํ. โกสชฺชํ อภิภวิตฺวา ปคฺคหลกฺขเณ, ปมาทํ อภิภวิตฺวา อุปฏฺานลกฺขเณ, วิกฺเขปํ อภิภวิตฺวา อวิกฺเขปลกฺขเณ, อฺาณํ อภิภวิตฺวา ทสฺสนลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ ปฺินฺทฺริยํ.

ตานิเยว อสฺสทฺธิยาทีหิ อนภิภวนียโต อกมฺปิยฏฺเน สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวน จ พลานิ เวทิตพฺพานิ.

สตฺต โพชฺฌงฺคาติ โพธิยา, โพธิสฺส วา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. ยา หิ เอสา ธมฺมสามคฺคี ยาย โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌติ, กิเลสนิทฺทาย วุฏฺหติ, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิย. โยเปส วุตฺตปฺปการาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา เสนงฺครถงฺคาทโย วิย. เตนาหุ โปราณา ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๔๖๖; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๘๒; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๒.๑๗). ‘‘โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๒.๑๗) นเยนปิ โพชฺฌงฺคตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ ตํตํมคฺควชฺเฌหิ กิเลเสหิ อารกตฺตา, อริยภาวกรตฺตา, อริยผลปฺปฏิลาภกรตฺตา จ อริโย. สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ อสฺส อตฺถิ, อฏฺ องฺคานิเยว วา อฏฺงฺคิโก. มาเรนฺโต กิเลเส คจฺฉติ นิพฺพานตฺถิเกหิ วา มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มคฺโคติ เอวเมเตสํ สติปฏฺานาทีนํ อตฺถวิภาโค เวทิตพฺโพ.

โสตาปนฺโนติ มคฺคสงฺขาตํ โสตํ อาปชฺชิตฺวา ปาปุณิตฺวา ิโต, โสตาปตฺติผลฏฺโติ อตฺโถ. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโนติ โสตาปตฺติผลสฺส อตฺตปจฺจกฺขกรณาย ปฏิปชฺชมาโน ปมมคฺคฏฺโ, โย อฏฺมโกติปิ วุจฺจติ. สกทาคามีติ สกิเทว อิมํ โลกํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อาคมนสีโล ทุติยผลฏฺโ. อนาคามีติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน กามโลกํ อนาคมนสีโล ตติยผลฏฺโ. โย ปน สทฺธานุสารี ธมฺมานุสารี เอกพีชีติเอวมาทิโก อริยปุคฺคลวิภาโค, โส เอเตสํเยว ปเภโทติ. เสสํ วุตฺตนยสทิสเมว.

ปหาราทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสเม ตทหุโปสเถติ (อุทา. อฏฺ. ๔๕; สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๓๘๓) ตสฺมึ อุโปสถทิวสภูเต อหนิ. อุโปสถกรณตฺถายาติ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ. อุทฺธสฺตํ อรุณนฺติ อรุณุคฺคมนํ. อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขนฺติ เถโร ภควนฺตํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ ยาจิ. ตสฺมึ กาเล ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติ (มหาว. ๑๓๖) สิกฺขาปทสฺส อปฺตฺตตฺตา. กสฺมา ปน ภควา ติยามรตฺตึ วีตินาเมสิ? ตโต ปฏฺาย โอวาทปาติโมกฺขํ อนุทฺทิสิตุกาโม ตสฺส วตฺถุํ ปากฏํ กาตุํ. อทฺทสาติ กถํ อทฺทส? อตฺตโน เจโตปริยาเณน ตสฺสํ ปริสติ ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ ปริชานนฺโต ตสฺส ทุสฺสีลสฺส จิตฺตํ ปสฺสิ. ยสฺมา ปน จิตฺเต ทิฏฺเ ตํสมงฺคีปุคฺคโล ทิฏฺโ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ทุสฺสีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยเถว หิ อนาคเต สตฺตสุ ทิวเสสุ ปวตฺตํ ปเรสํ จิตฺตํ เจโตปริยาณลาภี ชานาติ, เอวํ อตีเตปีติ. มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนนฺติ สงฺฆปริยาปนฺโน วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺโต นิสินฺนํ. ทิฏฺโสีติ อยํ น ปกตตฺโตติ ภควตา ทิฏฺโ อสิ. ยสฺมา จ เอวํ ทิฏฺโ, ตสฺมา นตฺถิ เต ตว ภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกกมฺมาทิสํวาโส. ยสฺมา ปน โส สํวาโส ตว นตฺถิ, ตสฺมา อุฏฺเหิ, อาวุโสติ เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพา.

ตติยมฺปิ โข โส ปุคฺคโล ตุณฺหี อโหสีติ อเนกวารํ วตฺวาปิ ‘‘เถโร สยเมว นิพฺพินฺโน โอรมิสฺสตี’’ติ วา, ‘‘อิทานิ อิเมสํ ปฏิปตฺตึ ชานิสฺสามี’’ติ วา อธิปฺปาเยน ตุณฺหี อโหสิ. พาหายํ คเหตฺวาติ ‘‘ภควตา มยา จ ยาถาวโต ทิฏฺโ, ยาวตติยํ ‘อุฏฺเหิ, อาวุโส’ติ จ วุตฺโต น วุฏฺาติ, อิทานิสฺส นิกฺกฑฺฒนกาโล, มา สงฺฆสฺส อุโปสถนฺตราโย อโหสี’’ติ ตํ พาหายํ อคฺคเหสิ, ตถา คเหตฺวา. พหิ ทฺวารโกฏฺกา นิกฺขาเมตฺวาติ ทฺวารโกฏฺกา ทฺวารสาลาโต นิกฺขาเมตฺวา. พหีติ ปน นิกฺขามิตฏฺานทสฺสนํ. อถ วา พหิทฺวารโกฏฺกาติ พหิทฺวารโกฏฺกโตปิ นิกฺขาเมตฺวา, น อนฺโตทฺวารโกฏฺกโต เอว. อุภยตฺถาปิ วิหารโต พหิกตฺวาติ อตฺโถ. สูจิฆฏิกํ ทตฺวาติ อคฺคฬสูจิฺจ อุปริฆฏิกฺจ อาทหิตฺวา, สุฏฺุตรํ กวาฏํ ถเกตฺวาติ อตฺโถ. ยาว พาหาคหณาปิ นามาติ อิมินา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ วจนํ สุตฺวา เอว หิ เตน ปกฺกมิตพฺพํ สิยา, เอวํ อปกฺกมิตฺวา ยาว พาหาคหณาปิ นาม โส โมฆปุริโส อาคเมสฺสติ, อจฺฉริยมิทนฺติ ทสฺเสติ. อิทฺจ ครหนจฺฉริยเมวาติ เวทิตพฺพํ.

อถ ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิ ภิกฺขุสงฺเฆ อพฺพุโท ชาโต, อปริสุทฺธา ปุคฺคลา อุโปสถํ อาคจฺฉนฺติ, น จ ตถาคตา อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กโรนฺติ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ. อนุทฺทิสนฺเต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสโถ ปจฺฉิชฺชติ. ยํนูนาหํ อิโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา…เป… ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ. ตตฺถ น ทานาหนฺติ อิทานิ อหํ อุโปสถํ น กริสฺสามิ, ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสิสฺสามีติ ปจฺเจกํ -กาเรน สมฺพนฺโธ. ทุวิธฺหิ ปาติโมกฺขํ – อาณาปาติโมกฺขํ, โอวาทปาติโมกฺขนฺติ. เตสุ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติอาทิกํ (มหาว. ๑๓๔) อาณาปาติโมกฺขํ. ตํ สาวกาว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ยํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺทิสียติ. ‘‘ขนฺตี ปรมํ…เป… สพฺพปาปสฺส อกรณํ…เป… อนุปวาโท อนุปฆาโต…เป… เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕; อุทา. ๓๖; เนตฺติ. ๓๐) อิมา ปน ติสฺโส คาถา โอวาทปาติโมกฺขํ นาม. ตํ พุทฺธาว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา, ฉนฺนมฺปิ วสฺสานํ อจฺจเยน อุทฺทิสนฺติ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ ธรมานกาเล อยเมว ปาติโมกฺขุทฺเทโส, อปฺปายุกพุทฺธานํ ปน ปมโพธิยํเยว. ตโต ปรํ อิตโร. ตฺจ โข ภิกฺขูเยว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ตสฺมา อมฺหากมฺปิ ภควา วีสติวสฺสมตฺตํ อิมํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา อิมํ อนฺตรายํ ทิสฺวา ตโต ปรํ น อุทฺทิสิ. อฏฺานนฺติ อการณํ. อนวกาโสติ ตสฺเสว เววจนํ. การณฺหิ ยถา ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ‘‘าน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘อวกาโส’’ติปิ วุจฺจติ. นฺติ กิริยาปรามสนํ.

อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเทติ โก อนุสนฺธิ? ยฺวายํ อปริสุทฺธาย ปริสาย ปาติโมกฺขสฺส อนุทฺเทโส วุตฺโต, โส อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธมฺโมติ ตํ อปเรหิปิ สตฺตหิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเมหิ สทฺธึ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุกาโม ปมํ ตาว เตสํ อุปมาภาเวน มหาสมุทฺเท อฏฺ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเม ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเท’’ติอาทิมาห.

อุโปสถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. คหปติวคฺโค

๑-๗. ปมอุคฺคสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๑-๒๗. ตติยสฺส ปมทุติเยสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ. ตติเย ‘‘หตฺถโค’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘หตฺถโก’’ติ วุตฺตํ. โส หิ ราชปุริสานํ หตฺถโต ยกฺขสฺส หตฺถํ, ยกฺขสฺส หตฺถโต ภควโต หตฺถํ, ภควโต หตฺถโต ปุน ราชปุริสานํ หตฺถํ คตตฺตา นามโต หตฺถโก อาฬวโกติ ชาโต. เตนาห ‘‘อาฬวกยกฺขสฺส หตฺถโต หตฺเถหิ สมฺปฏิจฺฉิตตฺตา หตฺถโกติ ลทฺธนาโม ราชกุมาโร’’ติ. จตุตฺถาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

ปมอุคฺคสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ทุติยพลสุตฺตวณฺณนา

๒๘. อฏฺเม ขีณาสวสฺส สพฺเพสํ สงฺขารานํ อนิจฺจตา อสมฺโมหวเสน กิจฺจโต มคฺคปฺาย สุปฺปฏิวิทฺธา, วิปสฺสนาย อารมฺมณกรณวเสนปีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สหวิปสฺสนาย มคฺคปฺายา’’ติ. อิเม กามาติ ทฺเวปิ กาเม วทติ. กิเลสวเสน อุปฺปชฺชมาโน หิ ปริฬาโห วตฺถุกามสนฺนิสฺสโย วตฺถุกามวิสโย วาติ ทฺเวปิ สปริฬาหฏฺเน องฺคารกาสุ วิยาติ ‘‘องฺคารกาสูปมา’’ติ วุตฺตา. อนฺโต วุจฺจติ ลามกฏฺเน ตณฺหา, พฺยนฺตํ วิคตนฺตํ ภูตนฺติ พฺยนฺติภูตนฺติ อาห ‘‘วิคตนฺตภูต’’นฺติ, นิตฺตณฺหนฺติ อตฺโถ.

ทุติยพลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อกฺขณสุตฺตวณฺณนา

๒๙. นวเม ยสฺมา มหิทฺธิกเปตา เทวาสุรานํ อาวาหํ คจฺฉนฺติ, วิวาหํ น คจฺฉนฺติ, ตสฺมา เปตฺติวิสเยเนว อสุรกาโย คหิโตติ เวทิตพฺโพ. เปตาสุรา ปน เปตา เอวาติ เตสํ เปเตหิ สงฺคโห อวุตฺตสิทฺโธว.

อกฺขณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อนุรุทฺธมหาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา

๓๐. ทสเม อปฺปิจฺฉสฺสาติ น อิจฺฉสฺส. อภาวตฺโถ เหตฺถ อปฺปสทฺโท ‘‘อปฺปฑํสมกสวาตาตปา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑๐.๑๑) วิย. ปจฺจเยสุ อปฺปิจฺโฉ ปจฺจยปฺปิจฺโฉ, จีวราทิปจฺจเยสุ อิจฺฉารหิโต. อธิคมปฺปิจฺโฉติ ฌานาทิอธิคมวิภาวเน อิจฺฉารหิโต. ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉติ ปริยตฺติยํ พาหุสจฺจวิภาวเน อิจฺฉารหิโต. ธุตงฺคปฺปิจฺโฉติ ธุตงฺเคสุ อปฺปิจฺโฉ ธุตงฺคภาววิภาวเน อิจฺฉารหิโต. สนฺตคุณนิคุหเนนาติ อตฺตนิ สํวิชฺชมานานํ ฌานาทิคุณานฺเจว พาหุสจฺจคุณสฺส ธุตงฺคคุณสฺส จ นิคุหเนน ฉาทเนน. สมฺปชฺชตีติ นิปฺผชฺชติ สิชฺฌติ. โน มหิจฺฉสฺสาติ มหติยา อิจฺฉาย สมนฺนาคตสฺส โน สมฺปชฺชติ อนุธมฺมสฺสปิ อนิปฺผชฺชนโต. ปวิวิตฺตสฺสาติ ปกาเรหิ วิวิตฺตสฺส. เตนาห ‘‘กายจิตฺตอุปธิวิเวเกหิ วิวิตฺตสฺสา’’ติ. อารมฺภวตฺถุวเสนาติ ภาวนาภิโยควเสน เอกีภาโวว กายวิเวโกติ อธิปฺเปโต, น คณสงฺคณิกาภาวมตฺตนฺติ ทสฺเสติ. กมฺมนฺติ โยคกมฺมํ.

สตฺเตหิ กิเลเสหิ จ สงฺคณนํ สโมธานํ สงฺคณิกา, สา อารมิตพฺพฏฺเน อาราโม เอตสฺสาติ สงฺคณิการาโม, ตสฺส. เตนาห ‘‘คณสงฺคณิกาย เจวา’’ติอาทิ. อารทฺธวีริยสฺสาติ ปคฺคหิตวีริยสฺส. ตฺจ โข อุปธิวิเวเก นินฺนตาวเสน ‘‘อยํ ธมฺโม’’ติ วจนโต. เอส นโย อิตเรสุปิ. วิวฏฺฏนิสฺสิตํเยว หิ สมาธานํ อิธาธิปฺเปตํ, ตถา ปฺาปิ. กมฺมสฺส-กตปฺาย หิ ิโต กมฺมวเสน ภเวสุ นานปฺปกาโร อนตฺโถติ ชานนฺโต กมฺมกฺขยกรํ าณํ อภิปตฺเถติ, ตทตฺถฺจ อุสฺสาหํ กโรติ. มานาทโย สตฺตสนฺตานํ สํสาเร ปปฺเจนฺติ วิตฺถาเรนฺตีติ ปปฺจาติ อาห ‘‘ตณฺหามานทิฏฺิปปฺจรหิตตฺตา’’ติอาทิ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

อนุรุทฺธมหาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

คหปติวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ทานวคฺโค

๑-๔. ปมทานสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๑-๓๔. จตุตฺถสฺส ปเม อาสชฺชาติ ยสฺส เทติ, ตสฺส อาคมนเหตุ เตน สมาคมนิมิตฺตํ. ภยาติ ภยเหตุ. นนุ ภยํ นาม ลทฺธกามตาราคาทโย วิย เจตนาย อวิสุทฺธิกรํ, ตํ กสฺมา อิธ คหิตนฺติ? นยิทํ ตาทิสํ โวหารภยาทึ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ อทายโก อการโก’’ติอาทิ วุตฺตํ. อทาสิ เมติ ยํ ปุพฺเพ กตํ อุปการํ จินฺเตตฺวา ทียติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทสฺสติ เมติ ปจฺจุปการาสีสาย ยํ ทียติ, ตํ สนฺธาย วทติ. สาหุ ทานนฺติ ทานํ นาเมตํ ปณฺฑิตปฺตฺตนฺติ สาธุสมาจาเร ตฺวา เทติ. อลงฺการตฺถนฺติ อุปโสภนตฺถํ. ทานฺหิ ทตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปาโมชฺชปีติโสมนสฺสาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, โลภโทสอิสฺสามจฺเฉราทโยปิ วิทูรี ภวนฺติ. อิทานิ ทานํ อนุกูลธมฺมปริพฺรูหเนน ปจฺจนีกธมฺมวิทูรีกรเณน จ ภาวนาจิตฺตสฺส อุปโสภนาย จ ปริกฺขาราย จ โหตีติ ‘‘อลงฺการตฺถฺเจว ปริกฺขารตฺถฺจ เทตี’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ทานฺหิ จิตฺตํ มุทุํ กโรตี’’ติอาทิ. มุทุจิตฺโต โหติ ลทฺธา ทายเก ‘‘อิมินา มยฺหํ สงฺคโห กโต’’ติ, ทาตาปิ ลทฺธริ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุภินฺนมฺปิ จิตฺตํ มุทุํ กโรตี’’ติ.

อทนฺตทมนนฺติ อทนฺตา อนสฺสวาปิสฺส ทาเนน ทนฺตา อสฺสวา โหนฺติ, วเส วตฺตนฺติ. อทานํ ทนฺตทูสกนฺติ อทานํ ปุพฺเพ ทนฺตานํ อสฺสวานมฺปิ วิฆาตุปฺปาทเนน จิตฺตํ ทูเสติ. อุนฺนมนฺติ ทายกา ปิยํวทา จ ปเรสํ ครุจิตฺตีการฏฺานตาย. นมนฺติปฏิคฺคาหกา ทาเนน ปิยวาจาย จ ลทฺธสงฺคหาสงฺคาหกานํ.

จิตฺตาลงฺการทานเมว อุตฺตมํ อนุปกฺกิลิฏฺตาย สุปริสุทฺธตาย คุณวิเสสปจฺจยตาย จ. ทุติยาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

ปมทานสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ทานูปปตฺติสุตฺตวณฺณนา

๓๕. ปฺจเม ทานปจฺจยาติ ทานการณา, ทานมยปุฺสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตาติ อตฺโถ. อุปปตฺติโยติ มนุสฺเสสุ เทเวสุ จ นิพฺพตฺติโย. เปตีติ เอกวารเมว อนุปฺปชฺชิตฺวา ยถา อุปริ เตเนวากาเรน ปวตฺตติ, เอวํ เปติ. ตเทว จสฺส อธิฏฺานนฺติ อาห ‘‘ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. วฑฺเฒตีติ พฺรูเหติ น หาเปติ. วิมุตฺตนฺติ อธิมุตฺตํ, นินฺนํ โปณํ ปพฺภารนฺติ อตฺโถ. วิมุตฺตนฺติ วา วิสฺสฏฺํ. นิปฺปริยายโต อุตฺตริ นาม ปณีตํ มชฺเฌปิ หีนมชฺฌิมวิภาคสฺส ลพฺภนโตติ วุตฺตํ ‘‘อุตฺตริ อภาวิตนฺติ ตโต อุปริมคฺคผลตฺถาย อภาวิต’’นฺติ. สํวตฺตติ ตถาปณิหิตํ ทานมยํ จิตฺตํ. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘ตฺจ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ ตตฺรุปปตฺติยา วิพนฺธกรทุสฺสีลฺยาภาวทสฺสนปรํ ทฏฺพฺพํ, น ทานมยสฺส ปุฺสฺส เกวลสฺส ตํสํวตฺตนตาทสฺสนปรนฺติ ทฏฺพฺพํ. สมุจฺฉินฺนราคสฺสาติ สมุจฺฉินฺนกามราคสฺส. ตสฺส หิ สิยา พฺรหฺมโลเก อุปปตฺติ, น สมุจฺฉินฺนภวราคสฺส. วีตราคคฺคหเณน เจตฺถ กาเมสุ วีตราคตา อธิปฺเปตา, ยาย พฺรหฺมโลกูปปตฺติ สิยา. เตนาห ‘‘ทานมตฺเตเนวา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ ทานํ ตตฺถ กิมตฺถิยนฺติ อาห ‘‘ทานํ ปนา’’ติอาทิ. ทาเนน มุทุจิตฺโตติ พทฺธาฆาเต เวริปุคฺคเลปิ อตฺตโน ทานสมฺปฏิจฺฉเนน มุทุภูตจิตฺโต.

ทานูปปตฺติสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปุฺกิริยวตฺถุสุตฺตวณฺณนา

๓๖. ฉฏฺเ ปุชฺชภวผลํ นิพฺพตฺเตนฺติ, อตฺตโน สนฺตานํ ปุนนฺตีติ วา ปุฺานิ จ ตานิ เหตุปจฺจเยหิ กตฺตพฺพโต กิริยา จาติ ปุฺกิริยา, ตาเยว จ เตสํ เตสํ ปิยมนาปตาทิอานิสํสานํ วตฺถุภาวโต ปุฺกิริยวตฺถูนิ.

อนุจฺฉินฺนภวมูลสฺส อนุคฺคหวเสน, ปูชาวเสน วา อตฺตโน เทยฺยธมฺมสฺส ปรสฺส ปริจฺจาคเจตนา ทียติ เอเตนาติ ทานํ, ทานเมว ทานมยํ. ปทปูรณมตฺตํ มย-สทฺโท. จีวราทีสุ จตูสุ ปจฺจเยสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕), อนฺนาทีสุ วา ทสสุ ทานวตฺถูสุ, รูปาทีสุ วา ฉสุ อารมฺมเณสุ ตํ ตํ เทนฺตสฺส เตสํ อุปฺปาทนโต ปฏฺาย ปุพฺพภาเค ปริจฺจาคกาเล ปจฺฉา โสมนสฺสจิตฺเตน อนุสฺสรเณ จาติ ตีสุ กาเลสุ ปวตฺตเจตนา ทานมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ นาม.

นิจฺจสีลอุโปสถสีลาทิวเสน ปฺจ อฏฺ ทส วา สีลานิ สมาทิยนฺตสฺส ‘‘สีลปูรณตฺถํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส ปพฺพชนฺตสฺส, มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ‘‘ปพฺพชิโต วตมฺหิ สาธุ สุฏฺู’’ติ อาวชฺเชนฺตสฺส, สทฺธาย ปาติโมกฺขํ ปริปูเรนฺตสฺส, ปฺาย จีวราทิเก ปจฺจเย ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, สติยา อาปาถคเตสุ รูปาทีสุ จกฺขุทฺวาราทีนิ สํวรนฺตสฺส, วีริเยน อาชีวํ โสเธนฺตสฺส จ ปวตฺตเจตนา สีลติ, สีเลตีติ วา สีลมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ นาม.

ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๔๘) วุตฺเตน วิปสฺสนามคฺเคน จกฺขุํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตสฺส, โสตํ…เป… ฆานํ…เป… ชิวฺหํ…เป… กายํ…เป… รูเป…เป… ธมฺเม…เป… จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ…เป… จกฺขุสมฺผสฺสํ …เป… มโนสมฺผสฺสํ…เป… จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป… ชรามรณํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตสฺส ยา เจตนา, ยา จ ปถวีกสิณาทีสุ สพฺพาสุ อฏฺตฺตึสาย อารมฺมเณสุ ปวตฺตา ฌานเจตนา, ยา จ อนวชฺเชสุ กมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺาเนสุ ปริจยมนสิการาทิวเสน ปวตฺตา เจตนา, สพฺพา สา ภาเวติ เอตายาติ ภาวนามยํ วุตฺตนเยน ปุฺกิริยวตฺถุ จาติ ภาวนามยํ ปุฺกิริยวตฺถุ.

เอกเมกฺเจตฺถ ยถารหํ ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย กโรนฺตสฺส กายกมฺมํ โหติ. ตทตฺถํ วาจํ นิจฺฉาเรนฺตสฺส วจีกมฺมํ. กายงฺคํ วาจงฺคฺจ อโจเปตฺวา มนสา จินฺตยนฺตสฺส มโนกมฺมํ. อนฺนาทีนิ เทนฺตสฺส จาปิ ‘‘อนฺนทานาทีนิ เทมี’’ติ วา, ทานปารมึ อาวชฺเชตฺวา วา ทานกาเล ทานมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ โหติ. ยถา หิ เกวลํ ‘‘อนฺนทานาทีนิ เทมี’’ติ ทานกาเล ทานมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ โหติ, เอวํ ‘‘อิทํ ทานมยํ สมฺมาสมฺโพธิยา ปจฺจโย โหตู’’ติ ทานปารมึ อาวชฺเชตฺวา ทานกาเลปิ ทานสีเสเนว ปวตฺติตตฺตา. วตฺตสีเส ตฺวา ททนฺโต ‘‘เอตํ ทานํ นาม มยฺหํ กุลวํสเหตุ ปเวณิจาริตฺต’’นฺติ จาริตฺตสีเสน วา เทนฺโต จาริตฺตสีลตฺตา สีลมยํ. ขยโต วยโต สมฺมสนํ ปฏฺเปตฺวา ททโต ภาวนามยํ ปุฺกิริยวตฺถุ โหติ. ยถา หิ เทยฺยธมฺมปริจฺจาควเสน วตฺตมานาปิ ทานเจตนา วตฺตสีเส ตฺวา ททโต สีลมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ โหติ ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส อปรภาเค เจตนาย จ ตถาปวตฺตตฺตา.

ปุฺกิริยวตฺถุสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๘. สปฺปุริสทานสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๗-๓๘. สตฺตเม วิเจยฺย เทตีติ เอตฺถ ทฺเว วิจินนานิ ทกฺขิเณยฺยวิจินนํ, ทกฺขิณาวิจินนฺจ. เตสุ วิปนฺนสีเล อิโต พหิทฺธา ปฺจนวุติ ปาสณฺฑเภเท จ ทกฺขิเณยฺเย ปหาย สีลาทิคุณสมฺปนฺนานํ สาสเน ปพฺพชิตานํ ทานํ ทกฺขิเณยฺยวิจินนํ นาม. ลามกลามเก ปจฺจเย อปเนตฺวา ปณีตปณีเต วิจินิตฺวา เตสํ ทานํ ทกฺขิณาวิจินนํ นาม. เตนาห ‘‘อิมสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติอาทิ. อฏฺเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

สปฺปุริสทานสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. อภิสนฺทสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๙-๔๐. นวเม ปุฺาภิสนฺทาติ ปุฺนทิโย. กุสลาภิสนฺทาติ กุสลานํ ปวาหา. สุขสฺสาหาราติ สุขปจฺจยา. อคฺคานีติ าตตฺตา อคฺคฺานิ. จิรรตฺตํ าตตฺตา รตฺตฺานิ. อริยานํ สาธูนํ วํสานีติ าตตฺตา วํสฺานิ. โปราณานํ อาทิปุริสานํ เอตานีติ โปราณานิ. สพฺพโส เกนจิปิ ปกาเรน สาธูหิ น กิณฺณานิ น ขิตฺตานิ ฉฑฺฑิตานีติ อสํกิณฺณานิ. อยฺจ นโย เนสํ ยถา อตีเต, เอวํ เอตรหิ อนาคเต จาติ อาห ‘‘อสํกิณฺณปุพฺพานิ น สํกิยนฺติ น สํกิยิสฺสนฺตี’’ติ. ตโต เอว อปฺปฏิกุฏฺานิ. น หิ กทาจิ วิฺู สมณพฺราหฺมณา หึสาทิปาปธมฺมํ อนุชานนฺติ. อปริมาณานํ สตฺตานํ อภยํ เทตีติ สพฺเพสุ ภูเตสุ นิหิตทณฺฑตฺตา สกลสฺสปิ สตฺตกายสฺส ภยาภาวํ เทติ. อเวรนฺติ เวราภาวํ. อพฺยาพชฺฌนฺติ นิทฺทุกฺขตํ. เอวเมตฺถ สงฺเขปโต ปาฬิวณฺณนา เวทิตพฺพา. ทสเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อภิสนฺทสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทานวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อุโปสถวคฺโค

๑-๘. สํขิตฺตูโปสถสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๑-๔๘. ปฺจมสฺส ปมาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ. ฉฏฺเ (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๖๕) ปฺจ องฺคานิ เอตสฺสาติ ปฺจงฺคํ, ปฺจงฺคเมว ปฺจงฺคิกํ, ตสฺส ปฺจงฺคิกสฺส. มหตี ททฺทรี วีณาวิเสโสปิ อาตตเมวาติ ‘‘จมฺมปริโยนทฺเธสู’’ติ วิเสสนํ กตํ. เอกตลตูริยํ กุมฺภถุนททฺทริกาทิ. อุภยตลํ เภริมุทิงฺคาทิ. จมฺมปริโยนทฺธํ หุตฺวา วินิพทฺธํ อาตตวิตตํ. สพฺพโส ปริโยนทฺธํ นาม จตุรสฺสอมฺพณํ ปณวาทิ จ. โคมุขีอาทีนมฺปิ เอตฺเถว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. วํสาทีติ อาทิ-สทฺเทน สงฺขาทีนํ สงฺคโห. สมฺมาทีติ สมฺมตาฬกํสตาฬสิลาสลากตาฬาทิ. ตตฺถ สมฺมตาฬํ นาม ทนฺตมยตาฬํ. กํสตาฬํ โลหมยํ. สิลามยํ อโยปตฺเตน จ วาทนตาฬํ สิลาสลากตาฬํ. สุมุจฺฉิตสฺสาติ สุฏฺุ ปฏิยตฺตสฺส. ปมาเณติ นาติทฬฺหนาติสิถิลสงฺขาเต มชฺฌิเม มุจฺฉนาปมาเณ. เฉโกติ ปฏุ ปฏฺโ. โส จสฺส ปฏุภาโว มโนหโรติ อาห ‘‘สุนฺทโร’’ติ. รฺเชตุนฺติ ราคํ อุปฺปาเทตุํ. ขมเตวาติ โรจเตว. น นิพฺพินฺทตีติ น ตชฺเชติ, โสตสุขภาวโต ปิยายิตพฺโพว โหติ.

ภตฺตารํ นาติมฺตีติ สามิกํ มุฺจิตฺวา อฺํ มนสาปิ น ปตฺเถติ. อุฏฺาหิกาติ อุฏฺานวีริยสมฺปนฺนา. อนลสาติ นิกฺโกสชฺชา. สงฺคหิตปริชฺชนาติ สมฺมานนาทีหิ เจว ฉณาทีสุ เปเสตพฺพ-ปิยภณฺฑาทิปณฺณาการเปสนาทีหิ จ สงฺคหิตปริชนา. อิธ ปริชโน นาม สามิกสฺส เจว อตฺตโน จ าติชโน. สมฺภตนฺติ กสิวณิชฺชาทีนิ กตฺวา อาภตธนํ. สตฺตมฏฺมานิ อุตฺตานตฺถานิ.

สํขิตฺตูโปสถสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. ปมอิธโลกิกสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๙-๕๐. นวเม อิธโลกวิชยายาติ อิธโลกวิชินนตฺถาย อภิภวตฺถาย. โย หิ ทิฏฺธมฺมิกํ อนตฺถํ ปริวชฺชนวเสน อภิภวติ, ตโต เอว ตทตฺถํ สมฺปาเทติ, โส อิธโลกวิชยาย ปฏิปนฺโน นาม โหติ ปจฺจตฺถิกนิคฺคณฺหนโต สทตฺถสมฺปาทนโต จ. เตนาห ‘‘อยํส โลโก อารทฺโธ โหตี’’ติ. (ปสํสาวหโต ตยิทํ ปสํสาวหนํ กิตฺติสทฺเทน อิธโลเก สทฺทานํ จิตฺตโตสนวิทฺเธยฺยภาวาปาทเนน จ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.) สุสํวิหิตกมฺมนฺโตติ ยาคุภตฺตปจนกาลาทีนิ อนติกฺกมิตฺวา ตสฺส ตสฺส สาธุกํ กรเณน สุฏฺุ สํวิหิตกมฺมนฺโต. ปรโลกวิชยายาติ ปรโลกสฺส วิชินนตฺถาย อภิภวตฺถาย. โย หิ สมฺปรายิกํ อนตฺถํ ปริวชฺชนวเสน อภิภวติ, ตโต เอว ตทตฺถํ สมฺปาเทติ, โส ปรโลกวิชยาย ปฏิปนฺโน นาม โหติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.

ปมอิธโลกิกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุโปสถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๒. ทุติยปณฺณาสกํ

(๖) ๑. โคตมีวคฺโค

๑-๓. โคตมีสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๑-๕๓. ฉฏฺสฺส ปเม (สารตฺถ. ฏี. จูฬวคฺค ๓.๔๐๒) โคตมีติ โคตฺตํ. นามกรณทิวเส ปนสฺสา ลทฺธสกฺการา พฺราหฺมณา ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘สเจ อยํ ธีตรํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติรฺโ มเหสี ภวิสฺสติ. สเจ ปุตฺตํ ลภิสฺสติ, จกฺกวตฺติราชา ภวิสฺสตีติ อุภยถาปิ มหตีเยวสฺสา ปชา ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ. อถสฺสา ‘‘มหาปชาปตี’’ติ นามํ อกํสุ. เตนาห ‘‘ปุตฺตปชาย เจว ธีตุปชาย จ มหนฺตตฺตา เอวํลทฺธนามา’’ติ.

‘‘อตฺตทณฺฑา ภยํ ชาตํ, ชนํ ปสฺสถ เมธคํ;

สํเวคํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา สํวิชิตํ มยา’’ติ. (สุ. นิ. ๙๔๑; มหานิ. ๑๗๐) –

อาทินา อตฺตทณฺฑสุตฺตํ กเถสิ. ตํตํปโลภนกิริยา กายวาจาหิ ปรกฺกมนฺติโย อุกฺกณฺนฺตูติ สาสนํ เปเสนฺติ นามาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สาสนํ เปเสตฺวา’’ติ. กุณาลทหนฺติ กุณาลทหตีรํ. อนภิรตึ วิโนเทตฺวาติ อิตฺถีนํ โทสทสฺสนมุเขน กามานํ โวการสํกิเลสวิภาวเนน อนภิรตึ วิโนเทตฺวา.

อาปาทิกาติ สํวทฺธกา, ตุมฺหากํ หตฺถปาเทสุ กิจฺจํ อสาเธนฺเตสุ หตฺเถ จ ปาเท จ วฑฺเฒตฺวา ปฏิชคฺคิตาติ อตฺโถ. โปสิกาติ ทิวสสฺส ทฺเว ตโย วาเร นหาเปตฺวา โภเชตฺวา ปาเยตฺวา ตุมฺเห โปเสสิ. ถฺํ ปาเยสีติ นนฺทกุมาโร กิร โพธิสตฺตโต กติปาเหเนว ทหโร, ตสฺมึ ชาเต มหาปชาปตี อตฺตโน ปุตฺตํ ธาตีนํ ทตฺวา สยํ โพธิสตฺตสฺส ธาติกิจฺจํ สาธยมานา อตฺตโน ถฺํ ปาเยสิ. ตํ สนฺธาย เถโร เอวมาห. ทหโรติ ตรุโณ. ยุวาติ โยพฺพฺเ ิโต. มณฺฑนกชาติโกติ อลงฺการสภาโว. ตตฺถ โกจิ ตรุโณปิ ยุวา น โหติ ยถา อติตรุโณ. โกจิ ยุวาปิ มณฺฑนกชาติโก น โหติ ยถา อุปสนฺตสภาโว, อาลสิยพฺยสนาทีหิ วา อภิภูโต. อิธ ปน ทหโร เจว ยุวา จ มณฺฑนกชาติโก จ อธิปฺเปโต, ตสฺมา เอวมาห. อุปฺปลาทีนิ มณฺฑนกชาติโก จ โลกสมฺมตตฺตา วุตฺตานิ.

มาตุคามสฺส ปพฺพชิตตฺตาติ อิทํ ปฺจวสฺสสตโต อุทฺธํ อฏฺตฺวา ปฺจสุเยว วสฺสสเตสุ สทฺธมฺมฏฺิติยา การณนิทสฺสนํ. ปฏิสมฺภิทาปเภทปฺปตฺตขีณาสววเสเนว วุตฺตนฺติ เอตฺถ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตขีณาสวคฺคหเณน ฌานานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ. น หิ นิชฺฌานกานํ สพฺพปฺปการสมฺปตฺติ อิชฺฌตีติ วทนฺติ. สุกฺขวิปสฺสกขีณาสววเสน วสฺสสหสฺสนฺติอาทินา จ ยํ วุตฺตํ, ตํ ขนฺธกภาณกานํ มเตน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. วินยฏฺกถายมฺปิ (จูฬว. อฏฺ. ๔๐๓) อิมินาว นเยน วุตฺตํ.

ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๖๑) ปน ‘‘ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเตหิ วสฺสสหสฺสํ อฏฺาสิ, ฉฬภิฺเหิ วสฺสสหสฺสํ, เตวิชฺเชหิ วสฺสสหสฺสํ, สุกฺขวิปสฺสเกหิ วสฺสสหสฺสํ, ปาติโมกฺเขน วสฺสสหสฺสํ อฏฺาสี’’ติ วุตฺตํ. อิธาปิ สาสนนฺตรธานกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๐) ‘‘พุทฺธานฺหิ ปรินิพฺพานโต วสฺสสหสฺสเมว ปฏิสมฺภิทา นิพฺพตฺเตตุํ สกฺโกนฺติ, ตโต ปรํ ฉ อภิฺา, ตโต ตาปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา ติสฺโส วิชฺชา นิพฺพตฺเตนฺติ, คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ตาปิ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา สุกฺขวิปสฺสกา โหนฺติ. เอเตเนว อุปาเยน อนาคามิโน, สกทาคามิโน, โสตาปนฺนา’’ติ วุตฺตํ.

สํยุตฺตนิกายฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๕๖) ปน ‘‘ปมโพธิยฺหิ ภิกฺขู ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตา อเหสุํ. อถ กาเล คจฺฉนฺเต ปฏิสมฺภิทา ปาปุณิตุํ น สกฺขึสุ, ฉฬภิฺา อเหสุํ. ตโต ฉ อภิฺา ปตฺตุํ อสกฺโกนฺตา ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณึสุ. อิทานิ กาเล คจฺฉนฺเต ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตา อาสวกฺขยมตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา อนาคามิผลํ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา สกทาคามิผลํ, ตมฺปิ อสกฺโกนฺตา โสตาปตฺติผลํ, คจฺฉนฺเต กาเล โสตาปตฺติผลมฺปิ ปตฺตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา เจตํ สพฺพํ อฺมฺปฺปฏิวิรุทฺธํ, ตสฺมา เตสํ เตสํ ภาณกานํ มตเมว อาจริเยน ตตฺถ ตตฺถ ทสฺสิตนฺติ คเหตพฺพํ. อฺถา หิ อาจริยสฺเสว ปุพฺพาปรวิโรธปฺปสงฺโค สิยาติ.

ตานิเยวาติ ตานิเยว ปฺจวสฺสสหสฺสานิ. ปริยตฺติมูลกํ สาสนนฺติ อาห ‘‘น หิ ปริยตฺติยา อสติ ปฏิเวโธ อตฺถี’’ติอาทิ. ปริยตฺติยา หิ อนฺตรหิตาย ปฏิปตฺติอนฺตรธายติ, ปฏิปตฺติยา อนฺตรหิตาย อธิคโม อนฺตรธายติ. กึการณา? อยฺหิ ปริยตฺติ ปฏิปตฺติยา ปจฺจโย โหติ, ปฏิปตฺติ อธิคมสฺส. อิติ ปฏิปตฺติโตปิ ปริยตฺติเยว ปมาณํ. ทุติยตติเยสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

โคตมีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๕. ทีฆชาณุสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๔-๕๕. จตุตฺเถ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๖๕) เอเกน โภเค ภุฺเชยฺยาติ เอเกน โกฏฺาเสน โภเค ภุฺเชยฺย, วินิภุฺเชยฺย วาติ อตฺโถ. ทฺวีหิ กมฺมนฺติ ทฺวีหิ โกฏฺาเสหิ กสิวณิชฺชาทิกมฺมํ ปโยเชยฺย. นิธาเปยฺยาติ จตุตฺถโกฏฺาสํ นิเธตฺวา เปยฺย, นิทหิตฺวา ภูมิคตํ กตฺวา เปยฺยาติ อตฺโถ. อาปทาสุ ภวิสฺสตีติ กุลานฺหิ น สพฺพกาลํ เอกสทิสํ วตฺตติ, กทาจิ ราชอคฺคิโจรทุพฺภิกฺขาทิวเสน อาปทา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา เอวํ อาปทาสุ อุปฺปนฺนาสุ ภวิสฺสตีติ เอกํ โกฏฺาสํ นิธาเปยฺยาติ วุตฺตํ. อิเมสุ ปน จตูสุ โกฏฺาเสสุ กตรํ โกฏฺาสํ คเหตฺวา กุสลํ กาตพฺพนฺติ? ‘‘โภเค ภุฺเชยฺยา’’ติ วุตฺตโกฏฺาสํ. ตโต คณฺหิตฺวา หิ ภิกฺขูนมฺปิ กปณทฺธิกานมฺปิ ทานํ ทาตพฺพํ, เปสการนฺหาปิตาทีนมฺปิ เวตนํ ทาตพฺพํ. สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกาทีนํ ทานวเสน เจว, อธิวตฺถเทวตาทีนํ เปตพลิวเสน, นฺหาปิตาทีนํ เวตนวเสน จ วินิโยโคปิ อุปโยโค เอว.

อเปนฺติ คจฺฉนฺติ, อเปนฺตา วา เอเตหีติ อปายา, อปายา เอว มุขานิ ทฺวารานีติ อปายมุขานิ. วินาสทฺวารานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปฺจเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ทีฆชาณุสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๘. ภยสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๖-๕๘. ฉฏฺเ คพฺภวาโส อิธ อุตฺตรปทโลเปน คพฺโภ วุตฺโตติ อาห ‘‘คพฺโภติ คพฺภวาโส’’ติ. สตฺตมฏฺมานิ อุตฺตานตฺถานิ.

ภยสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๑๐. ปุคฺคลสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๙-๖๐. นวเม ทานํ ททนฺตานนฺติ ทกฺขิเณยฺยํ อุทฺทิสฺส ทานํ เทนฺตานํ. อุปธี วิปจฺจนฺติ เอเตน, อุปธีสุ วา วิปจฺจติ, อุปธโย วา วิปากา เอตสฺสาติ อุปธิวิปากํ. สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ อริยสงฺเฆ ทินฺนํ วิปฺผารฏฺานํ โหติ, วิปุลผลนฺติ อตฺโถ. ทสเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ปุคฺคลสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

โคตมีวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๗) ๒. ภูมิจาลวคฺโค

๑-๕. อิจฺฉาสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๑-๖๕. สตฺตมสฺส ปมาทีนิ สุวิฺเยฺยานิ. ปฺจเม (ที.นิ.ฏี. ๒.๑๗๓) อภิภวตีติ อภิภุ, ปริกมฺมํ, าณํ วา. อภิภุ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ, ฌานํ. อภิภวิตพฺพํ วา อารมฺมณสงฺขาตํ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ. อถ วา อารมฺมณาภิภวนโต อภิตุ จ ตํ อายตนฺจ โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิฏฺานภาวโต มนายตนธมฺมายตนภาวโต จาติปิ สสมฺปยุตฺตชฺฌานํ อภิภายตนํ. เตนาห ‘‘อภิภวนการณานี’’ติอาทิ. ตานิ หีติ อภิภายตนสฺิตานิ ฌานานิ. ‘‘ปุคฺคลสฺส าณุตฺตริยตายา’’ติ อิทํ อุภยตฺถาปิ โยเชตพฺพํ. กถํ? ปฏิปกฺขภาเวน ปจฺจนีกธมฺเม อภิภวนฺติ ปุคฺคลสฺส าณุตฺตริยตาย อารมฺมณานิ อภิภวนฺติ. าณพเลเนว หิ อารมฺมณาภิภวนํ วิย ปฏิปกฺขาภิภโวปีติ.

ปริกมฺมวเสน อชฺฌตฺตํ รูปสฺี, น อปฺปนาวเสน. น หิ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณา อปฺปนา อชฺฌตฺตวิสยา สมฺภวติ. ตํ ปน อชฺฌตฺตปริกมฺมวเสน ลทฺธํ กสิณนิมิตฺตํ อวิสุทฺธเมว โหติ, น พหิทฺธาปริกมฺมวเสน ลทฺธํ วิย วิสุทฺธํ.

ปริตฺตานีติ ยถาลทฺธานิ สุปฺปสราวมตฺตานิ. เตนาห ‘‘อวฑฺฒิตานี’’ติ. ปริตฺตวเสเนวาติ วณฺณวเสน อาโภเค วิชฺชมาเนปิ ปริตฺตวเสเนว อิทํ อภิภายตนํ วุตฺตํ. ปริตฺตตา เหตฺถ อภิภวนสฺส การณํ. วณฺณาโภเค สติปิ อสติปิ อภิภายตนภาวนา นาม ติกฺขปฺสฺเสว สมฺภวติ, น อิตรสฺสาติ อาห ‘‘าณุตฺตริโก ปุคฺคโล’’ติ. อภิภวิตฺวา สมาปชฺชตีติ เอตฺถ อภิภวนํ สมาปชฺชนฺจ อุปจารชฺฌานาธิคมสมนนฺตรเมว อปฺปนาฌานุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ. สห นิมิตฺตุปฺปาเทนาติ จ อปฺปนาปริวาสาภาวสฺส ลกฺขณวจนเมตํ. โย ‘‘ขิปฺปาภิฺโ’’ติ วุจฺจติ, ตโตปิ าณุตฺตรสฺเสว อภิภายตนภาวนา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ นิมิตฺเต. อปฺปนํ ปาเปตีติ ภาวนํ อปฺปนํ เนติ.

เอตฺถ จ เกจิ ‘‘อุปฺปนฺเน อุปจารชฺฌาเน ตํ อารพฺภ เย เหฏฺิมนฺเตน ทฺเว ตโย ชวนวารา ปวตฺตนฺติ, เต อุปจารชฺฌานปกฺขิกา เอว, ตทนนฺตรฺจ ภวงฺคปริวาเสน อุปจาราเสวนาย จ วินา อปฺปนา โหติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนว อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. น หิ ปาริวาสิกกมฺเมน อปฺปนาวาโร อิจฺฉิโต, นาปิ มหคฺคตปฺปมาณชฺฌาเนสุ วิย อุปจารชฺฌาเน เอกนฺตโต ปจฺจเวกฺขณา อิจฺฉิตพฺพา, ตสฺมา อุปจารชฺฌานาธิคมโต ปรํ กติปยภวงฺคจิตฺตาวสาเน อปฺปนํ ปาปุณนฺโต ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วุตฺโต. ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทนา’’ติ จ อธิปฺปายิกมิทํ วจนํ, น นีตตฺถํ. อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

น อนฺโตสมาปตฺติยํ ตทา ตถารูปสฺส อาโภคสฺส อสมฺภวโต, สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส อาโภโค ปุพฺพภาคภาวนาย วเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตํ อภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) ปน ‘‘อิมินา ปนสฺส ปุพฺพโภโค กถิโต’’ติ วุตฺตํ. อนฺโตสมาปตฺติยํ ตถา อาโภคาภาเว กสฺมา ‘‘ฌานสฺายปี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อภิภวน…เป… อตฺถี’’ติ.

วฑฺฒิตปฺปมาณานีติ วิปุลปฺปมาณานีติ อตฺโถ, น เอกงฺคุลทฺวงฺคุลาทิวเสน วฑฺฒึ ปาปิตานีติ ตถาวฑฺฒนสฺเสเวตฺถ อสมฺภวโต. เตนาห ‘‘มหนฺตานี’’ติ. ภตฺตวฑฺฒิตกนฺติ ภุฺชนภาชเน วฑฺฒิตฺวา ทินฺนํ ภตฺตํ, เอกาสเน ปุริเสน ภุฺชิตพฺพภตฺตโต อุปฑฺฒภตฺตนฺติ อตฺโถ.

รูเป สฺา รูปสฺา, สา อสฺส อตฺถีติ รูปสฺี, น รูปสฺี อรูปสฺี. สฺาสีเสน ฌานํ วทติ. รูปสฺาย อนุปฺปาทนเมเวตฺถ อลาภิตา. พหิทฺธาว อุปฺปนฺนนฺติ พหิทฺธาวตฺถุสฺมึเยว อุปฺปนฺนํ. อภิธมฺเม (ธ. ส. ๒๐๔-๒๐๙) ปน ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอวํ จตุนฺนํ อภิภายตนานํ อาคตตฺตา อภิธมฺมฏฺกถายํ ‘‘กสฺมา ปน ยถา สุตฺตนฺเต อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานีติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา อิธ จตูสุปิ อภิภายตเนสุ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาว วุตฺตา’’ติ โจทนํ กตฺวา ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ การณํ วตฺวา ‘‘ตตฺถ วา อิธ วา พหิทฺธา รูปาเนว อภิภวิตพฺพานิ, ตสฺมา ตานิ นิยมโตว วตฺตพฺพานีติ ตตฺราปิ อิธาปิ วุตฺตานิ, ‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’ติ อิทํ ปน สตฺถุ เทสนาวิลาสมตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํ.

เอตฺถ จ วณฺณาโภครหิตานิ สหิตานิ จ สพฺพานิ ‘‘ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วุตฺตานิ, ตถา ‘‘อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ. อตฺถิ หิ โส ปริยาโย ‘‘ปริตฺตานิ อภิภุยฺย, ตานิ เจ กทาจิ วณฺณวเสน อาภุชิตานิ โหนฺติ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ อภิภุยฺยา’’ติ. ปริยายกถา หิ สุตฺตนฺตเทสนาติ. อภิธมฺเม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วณฺณาโภครหิตานิ วิสุํ วุตฺตานิ, ตถา สหิตานิ. อตฺถิ หิ อุภยตฺถ อภิภวนวิเสโสติ, ตถา อิธ ปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขานมฺปิ อภิภวนปริยาโย อตฺถีติ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติอาทินา ปมทุติยอภิภายตเนสุ ปมวิโมกฺโข, ตติยจตุตฺถอภิภายตเนสุ ทุติยวิโมกฺโข, วณฺณาภิภายตเนสุ ตติยวิโมกฺโข จ อภิภวนปฺปวตฺติโต สงฺคหิโต. อภิธมฺเม (ธ. ส. ๒๐๔-๒๐๙, ๒๔๗-๒๔๙) ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขาภิภายตนานิ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ วิโมกฺเข วชฺเชตฺวา อภิภายตนานิ กถิตานิ. สพฺพานิ จ วิโมกฺขกิจฺจานิ ฌานานิ วิโมกฺขเทสนายํ วุตฺตานิ. ตเทตํ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติ อาคตสฺส อภิภายตนทฺวยสฺส อภิธมฺเม อภิภายตเนสุ อวจนโต ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนฺจ สพฺพวิโมกฺขกิจฺจสาธารณวจนภาวโต ววตฺถานํ กตนฺติ วิฺายติ. ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ อิทํ อภิธมฺเม กตฺถจิปิ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปานิ ปสฺสตี’’ติ อวตฺวา สพฺพตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ, ตสฺส การณวจนํ. เตน ยํ อฺเหตุกํ, ตํ เตน เหตุนา วุตฺตํ. ยํ ปน เทสนาวิลาสเหตุกํ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาย เอว อภิธมฺเม วจนํ, น ตสฺส อฺํ การณํ มคฺคิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.

อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียตา จ เตสํ พหิทฺธารูปานํ วิย อวิภูตตฺตา เทสนาวิลาโส จ ยถาวุตฺตววตฺถานวเสน เวทิตพฺโพ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน วิชฺชมานปริยายกถาภาวโต. ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอเตเนว สิทฺธตฺตา น นีลาทิอภิภายตนานิ วตฺตพฺพานีติ เจ? ตํ น. นีลาทีสุ กตาธิการานํ นีลาทิภาวสฺเสว อภิภวนการณตฺตา. น หิ เตสํ ปริสุทฺธาปริสุทฺธวณฺณานํ ปริตฺตตา วา อปฺปมาณตา วา อภิภวนการณํ, อถ โข นีลาทิภาโว เอวาติ. เอเตสุ จ ปริตฺตาทิกสิณรูเปสุ ยํ ยํ จริตสฺส อิมานิ อภิภายตนานิ อิชฺฌนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพสงฺคาหิกวเสนาติ นีลวณฺณนีลนิทสฺสนนีลนิภาสานํ สาธารณวเสน. วณฺณวเสนาติ สภาววณฺณวเสน. นิทสฺสนวเสนาติ ปสฺสิตพฺพตาวเสน จกฺขุวิฺาณาทิวิฺาณวีถิยา คเหตพฺพตาวเสน. โอภาสวเสนาติ สปฺปภาสตาย อวภาสนวเสน.

อิจฺฉาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. วิโมกฺขสุตฺตวณฺณนา

๖๖. ฉฏฺเ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๒๙) เกนฏฺเนาติ เกน สภาเวน. สภาโว หิ าเณน ยาถาวโต อรณียโต าตพฺพโต ‘‘อตฺโถ’’ติ วุจฺจติ, โส เอว ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ‘‘อฏฺโ’’ติ วุตฺโต. อธิมุจฺจนฏฺเนาติ อธิกํ สวิเสสํ มุจฺจนฏฺเน. เอเตน สติปิ สพฺพสฺสปิ รูปาวจรชฺฌานสฺส วิกฺขมฺภนวเสน ปฏิปกฺขโต วิมุตฺตภาเว เยน ภาวนาวิเสเสน ตํ ฌานํ สาติสยํ ปฏิปกฺขโต วิมุจฺจิตฺวา ปวตฺตติ, โส ภาวนาวิเสโส ทีปิโต. ภวติ หิ สมานชาติยุตฺโตปิ ภาวนาวิเสเสน ปวตฺติอาการวิเสโส. ยถา ตํ สทฺธาวิมุตฺตโต ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส, ตถา ปจฺจนีกธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตาย เอว อนิคฺคหิตภาเวน นิราสงฺกตาย อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺเนปิ วิโมกฺโข. เตนาห ‘‘อารมฺมเณ จา’’ติอาทิ. อยํ ปนตฺโถติ อยํ อธิมุจฺจนฏฺโ ปจฺฉิเม วิโมกฺเข นิโรเธ นตฺถิ. เกวโล วิมุตฺตฏฺโ เอว ตตฺถ ลพฺภติ, ตํ สยเมว ปรโต วกฺขติ.

รูปีติ เยนายํ สสนฺตติปริยาปนฺเนน รูเปน สมนฺนาคโต, ตํ ยสฺส ฌานสฺส เหตุภาเวน วิสิฏฺรูปํ โหติ, เยน วิสิฏฺเน รูเปน ‘‘รูปี’’ติ วุจฺเจยฺย รูปีสทฺทสฺส อติสยตฺถทีปนโต, ตเทว สสนฺตติปริยาปนฺนรูปสฺส วเสน ปฏิลทฺธชฺฌานํ อิธ ปรมตฺถโต รูปิภาวสาธกนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ. รูปชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปน. รูปานีติ ปเนตฺถ ปุริมปทโลโป ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘นีลกสิณาทีนิ รูปานี’’ติ. รูเป กสิณรูเป สฺา รูปสฺา, สา เอตสฺส อตฺถีติ รูปสฺี, สฺาสีเสน ฌานํ วทติ. ตปฺปฏิปกฺเขน อรูปสฺี. เตนาห ‘‘อชฺฌตฺตํ น รูปสฺี’’ติอาทิ.

อนฺโต อปฺปนายํ ‘‘สุภ’’นฺติ อาโภโค นตฺถีติ อิมินา ปุพฺพาโภควเสน ตถา อธิมุตฺติ สิยาติ ทสฺเสติ. เอวฺเหตฺถ ตถาวตฺตพฺพตาปตฺติโจทนา อนวฏฺานา โหติ. ยสฺมา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ตตฺถ กตาธิการานํ อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺโ สมฺภวติ, ตสฺมา อฏฺกถายํ ตถา ตติโย วิโมกฺโข สํวณฺณิโต. ยสฺมา ปน เมตฺตาทิวเสน ปวตฺตมานา ภาวนา สตฺเต อปฺปฏิกูลโต ทหนฺติ, เต สุภโต อธิมุจฺจิตฺวา ปวตฺตติ, ตสฺมา ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๒-๒๑๓) พฺรหฺมวิหารภาวนา ‘‘สุภวิโมกฺโข’’ติ วุตฺตา. ตยิทํ อุภยมฺปิ เตน เตน ปริยาเยน วุตฺตตฺตา น วิรุชฺฌตีติ ทฏฺพฺพํ.

สพฺพโสติ อนวเสสโต. น หิ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ เอกเทโสปิ ตตฺถ อวสิสฺสติ. วิสฺสฏฺตฺตาติ ยถาปริจฺฉินฺนกาเล นิโรธิตตฺตา. อุตฺตโม วิโมกฺโข นาม อริเยเหว สมาปชฺชิตพฺพโต อริยผลปริโยสานตฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺติภาวโต จ.

วิโมกฺขสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อนริยโวหารสุตฺตวณฺณนา

๖๗. สตฺตเม อนริยานํ ลามกานํ โวหาโร อนริยโวหาโร. ทิฏฺวาทิตาติ ทิฏฺํ มยาติ เอวํ วาทิตา. เอวํ เสเสสุปิ. เอตฺถ จ ตํตํสมุฏฺาปกเจตนาวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ยาหิ เจตนาหี’’ติอาทิ.

อนริยโวหารสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปริสาสุตฺตวณฺณนา

๖๙. นวเม (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๒) สมาคนฺตพฺพโต, สมาคจฺฉตีติ วา สมาคโม, ปริสา. พิมฺพิสารปฺปมุโข สมาคโม พิมฺพิสารสมาคโม. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. พิมฺพิสาร…เป… สมาคมสทิสํ ขตฺติยปริสนฺติ โยชนา. อฺเสุ จกฺกวาเฬสุปิ ลพฺภเตว สตฺถุ ขตฺติยปริสาทิอุปสงฺกมนํ. อาทิโต เตหิ สทฺธึ สตฺถุ ภาสนํ อาลาโป, กถนปฺปฏิกถนํ สลฺลาโป. ธมฺมูปสํหิตา ปุจฺฉาปฏิปุจฺฉา ธมฺมสากจฺฉา. สณฺานํ ปฏิจฺจ กถิตํ สณฺานปริยายตฺตา วณฺณ-สทฺทสฺส ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) วิย. เตสนฺติ ปทํ อุภยปทาเปกฺขํ ‘‘เตสมฺปิ ลกฺขณสณฺานํ วิย สตฺถุ สรีรสณฺานํ เตสํ เกวลํ ปฺายติ เอวา’’ติ. นาปิ อามุตฺตมณิกุณฺฑโล ภควา โหตีติ โยชนา. ฉินฺนสฺสราติ ทฺวิธา ภินฺนสฺสรา. คคฺครสฺสราติ ชชฺชริตสฺสรา. ภาสนฺตรนฺติ เตสํ สตฺตานํ ภาสาโต อฺํ ภาสํ. วีมํสาติ จินฺตนา. กิมตฺถํ…เป… เทเสตีติ อิทํ นนุ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา ธมฺเม กถิเต เตสํ สาติสโย ปสาโท โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ? เยสํ อตฺตานํ อชานาเปตฺวาว ธมฺเม กถิเต ปสาโท โหติ, น ชานาเปตฺวา, ตาทิเส สนฺธาย สตฺถา ตถา กโรติ. ตตฺถ ปโยชนมาห ‘‘วาสนตฺถายา’’ติ. เอวํ สุโตปีติ เอวํ อวิฺาตเทสโก อวิฺาตาคมโนปิ สุโต ธมฺโม อตฺตโน ธมฺมสุธมฺมตาเยว อนาคเต ปจฺจโย โหติ สุณนฺตสฺส.

ปริสาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ภูมิจาลสุตฺตวณฺณนา

๗๐. ทสเม (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๖๗; สํ. นิ. ฏี. ๒.๕.๘๒๒) อุเทนยกฺขสฺส เจติยฏฺาเนติ อุเทนสฺส นาม ยกฺขสฺส อายตนภาเวน อิฏฺกาหิ กเต มหาชนสฺส จิตฺตีกตฏฺาเน. กตวิหาโรติ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโร. วุจฺจตีติ ปุริมโวหาเรน ‘‘อุเทนํ เจติย’’นฺติ วุจฺจติ. โคตมกาทีสุปีติ ‘‘โคตมกํ เจติย’’นฺติอาทีสุปิ. เอเสว นโยติ เจติยฏฺาเน กตวิหารภาวํ อติทิสติ. ตถา หิ สตฺตมฺพนฺติ กิกิสฺส รฺโ ธีตโร สตฺต กุมาริโย สํเวคชาตา เคหโต นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ ปธานํ ปทหึสุ, ตํ านํ ‘‘สตฺตมฺพํ เจติย’’นฺติ วทนฺติ. พหุปุตฺตกนฺติ จ พหุปาโรโห เอโก นิคฺโรธรุกฺโข, ตสฺมึ อธิวตฺถํ เทวตํ พหู มนุสฺสา ปุตฺเต ปตฺเถนฺติ, ตทุปาทาย ตํ านํ ‘‘พหุปุตฺตกํ เจติย’’นฺติ ปฺายิตฺถ. สารนฺททสฺส นาม ยกฺขสฺส วสิตฏฺานํ, จาปาลสฺส นาม ยกฺขสฺส วสิตฏฺานํ, อิติ สพฺพาเนเวตานิ พุทฺธุปฺปาทโต ปุพฺพเทวตา ปริคฺคเหตฺวา เจติยโวหาเรน โวหริตานิ, ภควโต วิหาเร กเตปิ ตเถว สฺชานนฺติ. รมณียาติ เอตฺถ เวสาลิยา ตาว ภูมิภาคสมฺปตฺติยา สุลภปิณฺฑตาย รมณียภาโว เวทิตพฺโพ. วิหารานํ ปน นครโต นาติทูรตาย นจฺจาสนฺนตาย คมนาคมนสมฺปตฺติยา อนากิณฺณวิหารฏฺานตาย ฉายุทกสมฺปตฺติยา ปวิเวกปติรูปตาย จ รมณียตา ทฏฺพฺพา.

วฑฺฒิตาติ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริพฺรูหิตา. ปุนปฺปุนํ กตาติ ภาวนาย พหุลีกรเณน อปราปรํ ปวตฺติตา. ยุตฺตยานํ วิย กตาติ ยถา ยุตฺตมาชฺยานํ เฉเกน สารถินา อธิฏฺิตํ ยถารุจิ ปวตฺตติ, เอวํ ยถารุจิ ปวตฺติรหตํ คมิตา. ปติฏฺานฏฺเนาติ อธิฏฺานฏฺเน. วตฺถุ วิย กตาติ สพฺพโส อุปกฺกิเลสวิโสธเนน อิทฺธิวิสยตาย ปติฏฺานภาวโต สุวิโสธิตปริสฺสยวตฺถุ วิย กตา. อธิฏฺิตาติ ปฏิปกฺขทูรีภาวโต สุภาวิตภาเวน ตํตํอธิฏฺานโยคฺยตาย ปิตา. สมนฺตโต จิตาติ สพฺพภาเคน ภาวนุปจยํ คมิตา. เตนาห ‘‘สุวฑฺฒิตา’’ติ. สุฏฺุ สมารทฺธาติ อิทฺธิภาวนาย สิขาปฺปตฺติยา สมฺมเทว สํเสวิตา.

อนิยเมนาติ ‘‘ยสฺส กสฺสจี’’ติ อนิยมวจเนน. นิยเมตฺวาติ ‘‘ตถาคตสฺสา’’ติ สรูปทสฺสเนน นิยเมตฺวา. อายุปฺปมาณนฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๐; ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๔๐) ปรมายุปฺปมาณํ วทติ. กึ ปเนตฺถ ปรมายุ นาม, กถํ วา ตํ ปริจฺฉินฺนปฺปมาณนฺติ? วุจฺจเต – โย เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตสฺมึ ตสฺมึ ภววิเสเส ปุริมสิทฺธภวปตฺถนูปนิสฺสยวเสน สรีราวยววณฺณสณฺานปฺปมาณาทิวิเสสา วิย ตํตํคตินิกายาทีสุ เยภุยฺเยน นิยตปริจฺเฉโท คพฺภเสยฺยกกามาวจรเทวรูปาวจรสตฺตานํ สุกฺกโสณิตอุตุโภชนาทิอุตุอาทิปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยูปตฺถมฺภิโต วิปากปฺปพนฺธสฺส ิติกาลนิยโม. โส ยถาสกํ ขณมตฺตาวฏฺายีนมฺปิ อตฺตโน สหชาตานํ รูปารูปธมฺมานํ ปนาการวุตฺติตาย ปวตฺตนกานิ รูปารูปชีวิตินฺทฺริยานิ ยสฺมา น เกวลํ เตสํ ขณิติยา เอว การณภาเวน อนุปาลกานิ, อถ โข ยาว ภวงฺคุปจฺเฉทา อนุปพนฺธสฺส อวิจฺเฉทเหตุภาเวนปิ, ตสฺมา อายุเหตุกตฺตา การณูปจาเรน อายุ, อุกฺกํสปริจฺเฉทวเสน ปรมายูติ จ วุจฺจติ. ตํ ปน เทวานํ เนรยิกานํ อุตฺตรกุรุกานฺจ นิยตปริจฺเฉทํ. อุตฺตรกุรุกานํ ปน เอกนฺตนิยตปริจฺเฉทเมว, อวสิฏฺมนุสฺสเปตติรจฺฉานานํ ปน จิรฏฺิติสํวตฺตนิกกมฺมพหุเล กาเล ตํกมฺมสหิตสนฺตานชนิตสุกฺกโสณิตปจฺจยานํ ตํมูลกานฺจ จนฺทสูริยสมวิสมปริวตฺตนาทิชนิตอุตุอาหาราทิสมวิสมปจฺจยานฺจ วเสน จิราจิรกาลโต อนิยตปริจฺเฉทํ, ตสฺส จ ยถา ปุริมสิทฺธภวปตฺถนาวเสน ตํตํคตินิกายาทีสุ วณฺณสณฺานาทิวิเสสนิยโม สิทฺโธ ทสฺสนานุสฺสวาทีหิ, ตถา อาทิโต คหณสิทฺธิยา. เอวํ ตาสุ ตาสุ อุปปตฺตีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ เยภุยฺเยน สมปฺปมาณฏฺิติกาลํ ทสฺสนานุสฺสเวหิ ลภิตฺวา ตํปรมตํ อชฺโฌสาย ปวตฺติตภวปตฺถนาวเสน อาทิโต ปริจฺเฉทนิยโม เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปน กมฺมํ ตาสุ ตาสุ อุปปตฺตีสุ ยถา ตํตํอุปปตฺตินิยตวณฺณาทินิพฺพตฺตเน สมตฺถํ, เอวํ นิยตายุปริจฺเฉทาสุ อุปปตฺตีสุ ปริจฺเฉทาติกฺกเมน วิปากนิพฺพตฺตเน สมตฺถํ น โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล ยํ มนุสฺสานํ อายุปฺปมาณํ, ตํ ปริปุณฺณํ กโรนฺโต ติฏฺเยฺยา’’ติ.

มหาสีวตฺเถโร ปน ‘‘มหาโพธิสตฺตานํ จริมภเว ปฏิสนฺธิทายิโน กมฺมสฺส อสงฺขฺเยยฺยายุกตาสํวตฺตนสมตฺถตํ หทเย เปตฺวา พุทฺธานฺจ อายุสงฺขารสฺส ปริสฺสยวิกฺขมฺภนสมตฺถตา ปาฬิยํ อาคตา เอวาติ อิมํ ภทฺทกปฺปเมว ติฏฺเยฺยา’’ติ อโวจ. ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิภุยฺยตีติ เอเตน ยถา อิทฺธิพเลน ชราย น ปฏิฆาโต, เอวํ เตน มรณสฺสปิ น ปฏิฆาโตติ อตฺถโต อาปนฺนเมวาติ. ‘‘กฺว สโร ขิตฺโต, กฺว จ นิปติโต’’ติ อฺถา วุฏฺิเตนปิ เถรวาเทน อฏฺกถาวจนเมว สมตฺถิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘โย ปน วุจฺจติ…เป… นิยามิต’’นฺติ.

โอฬาริเก นิมิตฺเตติ ถูเล สฺุปฺปาทเน. ถูลสฺุปฺปาทนฺเหตํ ‘‘ติฏฺตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลํ กปฺปํ อวฏฺานยาจนาย, ยทิทํ ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อฺาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฏฺานสมตฺถตาวิภาวนํ. โอภาเสติ ปากฏวจเน. ปากฏวจนฺเหตํ, ยทิทํ ปริยายํ มุฺจิตฺวา อุชุกเมว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํ. ปริยุฏฺิตจิตฺโตติ ยถา กิฺจิ อตฺถานตฺถํ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺกา, เอวํ อภิภูตจิตฺโต. โส ปน อภิภโว มหตา อุทโกเฆน อปฺปกสฺส อุทกสฺส อชฺโฌตฺถรณํ วิย อโหสีติ วุตฺตํ ‘‘อชฺโฌตฺถฏจิตฺโต’’ติ. อฺโติ เถรโต, อริเยหิ วา อฺโปิ โย โกจิ ปุถุชฺชโน. ปุถุชฺชนคฺคหณฺเจตฺถ ยถา สพฺเพน สพฺพํ อปฺปหีนวิปลฺลาโส มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโต กิฺจิ อตฺถานตฺถํ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกติ, เอวํ เถโร ภควตา กตนิมิตฺโตภาสํ สพฺพโส น สลฺลกฺเขสีติ ทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘มาโร หี’’ติอาทิ.

จตฺตาโร วิปลฺลาสาติ อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ สฺาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโส, ทุกฺเข ‘‘สุข’’นฺติ สฺาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโสติ อิเม จตฺตาโร วิปลฺลาสา. เตนาติ ยทิปิ อิตเร อฏฺ วิปลฺลาสา ปหีนา, ตถาปิ ยถาวุตฺตานํ จตุนฺนํ วิปลฺลาสานํ อปฺปหีนภาเวน. อสฺสาติ เถรสฺส. มทฺทตีติ ผุสนมตฺเตน มทฺทนฺโต วิย โหติ, อฺถา เตน มทฺทิเต สตฺตานํ มรณเมว สิยา. กึ สกฺขิสฺสติ, น สกฺขิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. กสฺมา น สกฺขิสฺสติ, นนุ เอส อคฺคสาวกสฺส กุจฺฉึ ปวิฏฺโติ? สจฺจํ ปวิฏฺโ, ตฺจ โข อตฺตโน อานุภาวทสฺสนตฺถํ, น วิพาธนาธิปฺปาเยน. วิพาธนาธิปฺปาเยน ปน อิธ ‘‘กึ สกฺขิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ หทยมทฺทนสฺส อธิกตตฺตา. นิมิตฺโตภาสนฺติ เอตฺถ ‘‘ติฏฺตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลกปฺปํ อวฏฺานยาจนาย ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อฺาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฏฺานสมตฺถตาวเสน สฺุปฺปาทนํ นิมิตฺตํ. ตถา ปน ปริยายํ มุฺจิตฺวา อุชุกเมว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํ โอภาโส. ชานนฺโตเยวาติ มาเรน ปริยุฏฺิตภาวํ ชานนฺโตเยว. อตฺตโน อปราธเหตุโต สตฺตานํ โสโก ตนุโก โหติ, น พลวาติ อาห ‘‘โทสาโรปเนน โสกตนุกรณตฺถ’’นฺติ. กึ ปน เถโร มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺตกาเล ปวตฺตึ ปจฺฉา ชานาตีติ? น ชานาติ สภาเวน, พุทฺธานุภาเวน ปน ชานาติ.

คจฺฉ ตฺวํ, อานนฺทาติ ยสฺมา ทิวาวิหารตฺถาย อิธาคโต, ตสฺมา, อานนฺท, คจฺฉ ตฺวํ ยถารุจิตฏฺานํ ทิวาวิหาราย. เตนาห ‘‘ยสฺสทานิ กาลํ มฺสี’’ติ. อนตฺเถ นิโยเชนฺโต คุณมารเณน มาเรติ, วิราควิพนฺธเนน วา ชาตินิมิตฺตตาย ตตฺถ ตตฺถ ชาตํ มาเรนฺโต วิย โหตีติ ‘‘มาเรตีติ มาโร’’ติ วุตฺตํ. อติ วิย ปาปตาย ปาปิมา. กณฺหธมฺเมหิ สมนฺนาคโต กณฺโห. วิราคาทิคุณานํ อนฺตกรณโต อนฺตโก. สตฺตานํ อนตฺถาวหํ ปฏิปตฺตึ น มุฺจตีติ นมุจิ. อตฺตโน มารปาเสน ปมตฺเต พนฺธติ, ปมตฺตา วา พนฺธู เอตสฺสาติ ปมตฺตพนฺธุ. สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ สตฺต อหานิ สนฺธายาห ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติ น ปน ปลฺลงฺกสตฺตาหาทิ วิย นิยตกิจฺจสฺส อฏฺมสตฺตาหสฺส นาม ลพฺภนโต. สตฺตมสตฺตาหสฺส หิ ปรโต อชปาลนิคฺโรธมูเล มหาพฺรหฺมุโน สกฺกสฺส จ เทวรฺโ ปฏิฺาตธมฺมเทสนํ ภควนฺตํ ตฺวา ‘‘อิทานิ สตฺเต ธมฺมเทสนาย มม วิสยํ สมติกฺกมาเปสฺสตี’’ติ สฺชาตโทมนสฺโส หุตฺวา ิโต จินฺเตสิ – ‘‘หนฺท ทานาหํ นํ อุปาเยน ปรินิพฺพาเปสฺสามิ, เอวมสฺส มโนรโถ อฺถตฺตํ คมิสฺสติ, มม จ มโนรโถ อิชฺฌิสฺสตี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภนฺเต, ภควา’’ติอาทินา ปรินิพฺพานํ ยาจิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติอาทิ. ตตฺถ อชฺชาติ อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนทิวสํ สนฺธายาห. ภควา จสฺส อติพนฺธนาธิปฺปายํ ชานนฺโตปิ ตํ อนาวิกตฺวา ปรินิพฺพานสฺส อกาลภาวเมว ปกาเสนฺโต ยาจนํ ปฏิกฺขิปิ. เตนาห ‘‘น ตาวาห’’นฺติอาทิ.

มคฺควเสน พฺยตฺตาติ สจฺจสมฺปฏิเวธเวยฺยตฺติเยน พฺยตฺตา. ตเถว วินีตาติ มคฺควเสเนว กิเลสานํ สมุจฺเฉทวินเยน วินีตา. ตถา วิสารทาติ อริยมคฺคาธิคเมเนว สตฺถุสาสเน เวสารชฺชปฺปตฺติยา วิสารทา, สารชฺชกรานํ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิปาปธมฺมานํ วิคเมน วิสารทภาวํ ปตฺตาติ อตฺโถ. ยสฺส สุตสฺส วเสน วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรณํ สมฺภวติ, ตํ อิธ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน สุตนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘เตปิฏกวเสนา’’ติ. ติณฺณํ ปิฏกานํ สมูโห เตปิฏกํ, ตีณิ วา ปิฏกานิ ติปิฏกํ, ติปิฏกเมว เตปิฏกํ, ตสฺส วเสน. ตเมวาติ ยํ ตํ เตปิฏกํ โสตพฺพภาเวน ‘‘สุต’’นฺติ วุตฺตํ, ตเมว. ธมฺมนฺติ ปริยตฺติธมฺมํ. ธาเรนฺตีติ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสํ วิย อวินสฺสนฺตํ กตฺวา สุปฺปคุณสุปฺปวตฺติภาเวน ธาเรนฺติ หทเย เปนฺติ. อิติ ปริยตฺติธมฺมวเสน พหุสฺสุตธมฺมธรภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิเวธธมฺมวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อริยธมฺมสฺสาติ มคฺคผลธมฺมสฺส, นววิธสฺสปิ วา โลกุตฺตรธมฺมสฺส. อนุธมฺมภูตนฺติ อธิคมาย อนุรูปธมฺมภูตํ. อนุจฺฉวิกปฺปฏิปทนฺติ จ ตเมว วิปสฺสนาธมฺมมาห, ฉพฺพิธา วิสุทฺธิโย วา. อนุธมฺมนฺติ ตสฺสา ยถาวุตฺตปฺปฏิปทาย อนุรูปํ อภิสลฺเลขิตํ อปฺปิฉตาทิธมฺมํ. จรณสีลาติ สมาทาย วตฺตนสีลา. อนุมคฺคผลธมฺโม เอติสฺสาติ วา อนุธมฺมา, วุฏฺานคามินี วิปสฺสนา. ตสฺสา จรณสีลา. อตฺตโน อาจริยวาทนฺติ อตฺตโน อาจริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วาทํ. สเทวกสฺส โลกสฺส อาจารสิกฺขาปเนน อาจริโย, ภควา, ตสฺส วาโท, จตุสจฺจเทสนา.

อาจิกฺขิสฺสนฺตีติ อาทิโต กเถสฺสนฺติ, อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ปเร อุคฺคณฺหาเปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เทเสสฺสนฺตีติ วาเจสฺสนฺติ, ปาฬึ สมฺมา ปโพเธสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปฺเปสฺสนฺตีติ ปชานาเปสฺสนฺติ, สงฺกาเสสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปฏฺเปสฺสนฺตีติ ปกาเรหิ เปสฺสนฺติ, ปกาเสสฺสนฺตีติ อตฺโถ. วิวริสฺสนฺตีติ วิวฏํ กริสฺสนฺติ. วิภชิสฺสนฺตีติ วิภตฺตํ กริสฺสนฺติ. อุตฺตานีกริสฺสนฺตีติ อนุตฺตานํ คมฺภีรํ อุตฺตานํ ปากฏํ กริสฺสนฺติ. สหธมฺเมนาติ เอตฺถ ธมฺม-สทฺโท การณปริยาโย ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๒๐) วิยาติ อาห ‘‘สเหตุเกน สการเณน วจเนนา’’ติ. สปฺปาฏิหาริยนฺติ สนิสฺสรณํ. ยถา ปรวาทํ ภฺชิตฺวา สกวาโท ปติฏฺหติ, เอวํ เหตุทาหรเณหิ ยถาธิคตมตฺถํ สมฺปาเทตฺวา ธมฺมํ กเถสฺสนฺติ. เตนาห ‘‘นิยฺยานิกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติ, นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมํ ปโพเธสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘ปฺเปสฺสนฺตี’’ติอาทีหิ ฉหิ ปเทหิ ฉ อตฺถปทานิ ทสฺสิตานิ, อาทิโต ปน ทฺวีหิ ปเทหิ ฉ พฺยฺชนปทานิ. เอตฺตาวตา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สํวณฺณนานเยน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ เนตฺติยํ (เนตฺติ. สงฺคหวาโร) ‘‘ทฺวาทส ปทานิ สุตฺตํ, ตํ สพฺพํ พฺยฺชนฺจ อตฺโถ จา’’ติ.

สิกฺขาตฺตยสงฺคหิตนฺติ อธิสีลสิกฺขาทิสิกฺขาตฺตยสงฺคหํ. สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยนฺติ อนวเสสํ สตฺถุสาสนภูตํ เสฏฺจริยํ. สมิทฺธนฺติ สมฺมเทว วฑฺฒิตํ. ฌานสฺสาทวเสนาติ เตหิ เตหิ ภิกฺขูหิ สมธิคตชฺฌานสุขวเสน. วุทฺธิปฺปตฺตนฺติ อุฬารปณีตภาวูปคเมน สพฺพโส ปริวุทฺธิมุปคตํ. สพฺพปาลิผุลฺลํ วิย อภิฺาสมฺปตฺติวเสน อภิฺาสมฺปทาหิ สาสนาภิวุทฺธิยา มตฺถกปฺปตฺติโต. ปติฏฺิตวเสนาติ ปติฏฺานวเสน, ปติฏฺปฺปตฺติยาติ อตฺโถ. ปฏิเวธวเสน พหุโน ชนสฺส หิตนฺติ พาหุชฺํ. เตนาห ‘‘มหาชนาภิสมยวเสนา’’ติ. ปุถุ ปุถุลํ ภูตํ ชาตํ, ปุถุ วา ปุถุตฺตํ ปตฺตนฺติ ปุถุภูตํ. เตนาห ‘‘สพฺพา…เป... ปตฺต’’นฺติ. สุฏฺุ ปกาสิตนฺติ สุฏฺุ สมฺมเทว อาทิกลฺยาณาทิภาเวน ปเวทิตํ.

สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวาติ อยํ กายาทิวิภาโค อตฺตภาวสฺิโต ทุกฺขภาโร มยา เอตฺตกํ กาลํ วหิโต, อิทานิ ปน น วหิตพฺโพ, เอตสฺส อวหนตฺถฺหิ จิรตรํ กาลํ อริยมคฺคสมฺภาโร สมฺภโต, สฺวายํ อริยมคฺโค ปฏิวิทฺโธ. ยโต อิเม กายาทโย อสุภาทิโต สภาวาทิโต สมฺมเทว ปริฺาตาติ จตุพฺพิธมฺปิ สมฺมาสตึ ยตาตถํ วิสเย สุฏฺุ อุปฏฺิตํ กตฺวา. าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ อิมสฺส อตฺตภาวสฺิตสฺส ทุกฺขภารสฺส วหเน ปโยชนภูตํ อตฺตหิตํ ตาว โพธิมูเล เอว ปริสมาปิตํ, ปรหิตํ ปน พุทฺธเวเนยฺยวินยํ ปริสมาปิตพฺพํ, ตํ อิทานิ มาสตฺตเยเนว ปริสมาปนํ ปาปุณิสฺสติ, อหมฺปิ วิสาขาปุณฺณมายํ ปรินิพฺพายิสฺสามีติ เอวํ พุทฺธาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา สพฺพภาเคน นิจฺฉยํ กตฺวา. อายุสงฺขารํ วิสฺสชฺชีติ อายุโน ชีวิตสฺส อภิสงฺขารกํ ผลสมาปตฺติธมฺมํ น สมาปชฺชิสฺสามีติ วิสฺสชฺชิ. ตํวิสฺสชฺชเนเนว เตน อภิสงฺขริยมานํ ชีวิตสงฺขารํ ‘‘น ปวตฺเตสฺสามี’’ติ วิสฺสชฺชิ. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ.

านมหนฺตตายปิ ปวตฺติอาการมหนฺตตายปิ มหนฺโต ปถวีกมฺโป. ตตฺถ านมหนฺตตาย ภูมิจาลสฺส มหนฺตตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตทา กิร…เป… กมฺปิตฺถา’’ติ วุตฺตํ. สา ปน ชาภิกฺเขตฺตภูตา ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอว, น ยา กาจิ. ยา มหาภินีหารมหาภิชาติอาทีสุปิ กมฺปิตฺถ, ตทาปิ ตตฺติกาย เอว กมฺปเน กึ การณํ? ชาติกฺเขตฺตภาเวน ตสฺเสว อาทิโต ปริคฺคหสฺส กตตฺตา, ปริคฺคหกรณํ จสฺส ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ปุริมพุทฺธานมฺปิ ตาวตฺตกเมว ชาติกฺเขตฺตํ อโหสิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ทสสหสฺสี โลกธาตุ, นิสฺสทฺทา โหติ นิรากุลา…เป… มหาสมุทฺโท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปตี’’ติ (พุ. วํ. ๒.๘๔-๙๑) จ อาทิ. อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ฉปฺปการปเวธเนน อวีตราเค ภึเสตีติ ภึสโน, โส เอว ภึสนโกติ อาห ‘‘ภยชนโก’’ติ. เทวเภริโยติ เทวทุนฺทุภิสทฺทสฺส ปริยายวจนมตฺตํ. น เจตฺถ กาจิ เภรี ‘‘ทุนฺทุภี’’ติ อธิปฺเปตา, อถ โข อุปฺปาตภาเวน ลพฺภมาโน อากาสคโต นิคฺโฆสสทฺโท. เตนาห ‘‘เทโว’’ติอาทิ. เทโวติ เมโฆ. ตสฺส หิ คชฺชภาเวน อากาสสฺส วสฺสาภาเวน สุกฺขคชฺชิตสฺิเต สทฺเท นิจฺฉรนฺเต เทวทุนฺทุภิสมฺา. เตนาห ‘‘เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชี’’ติ.

ปีติเวควิสฺสฏฺนฺติ ‘‘เอวํ จิรตรํ กาลํ วหิโต อยํ อตฺตภาวสฺิโต ทุกฺขภาโร, อิทานิ น จิรสฺเสว นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ สฺชาตโสมนสฺโส ภควา สภาเวเนว ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสิ. เอวํ ปน อุทาเนนฺเตน อยมฺปิ อตฺโถ สาธิโต โหตีติ ทสฺสนตฺถํ อฏฺกถายํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตุลียตีติ ตุลนฺติ ตุล-สทฺโท กมฺมสาธโนติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตุลิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปานุภาวตาย ปริจฺฉินฺนํ. ตถา หิ ตํ ปริโต ขณฺฑิตภาเวน ‘‘ปริตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ปฏิปกฺขวิกฺขมฺภนโต ทีฆสนฺตานตาย วิปุลผลตาย จ น ตุลํ น ปริจฺฉินฺนํ. เยหิ การเณหิ ปุพฺเพ อวิเสสโต มหคฺคตํ ‘‘อตุล’’นฺติ วุตฺตํ, ตานิ การณานิ รูปาวจรโต อรูปสฺส สาติสยานิ วิชฺชนฺตีติ อรูปาวจรํ ‘‘อตุล’’นฺติ วุตฺตํ อิตรฺจ ‘‘ตุล’’นฺติ. อปฺปวิปากนฺติ ตีสุปิ กมฺเมสุ ยํ ตนุวิปากํ หีนํ, ตํ ตุลํ. พหุวิปากนฺติ ยํ มหาวิปากํ ปณีตํ, ตํ อตุลํ. ยํ ปเนตฺถ มชฺฌิมํ, ตํ หีนํ อุกฺกฏฺนฺติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทฺวีสุปิ ภาเคสุ ปกฺขิปิตพฺพํ. หีนตฺติกวณฺณนายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๔) วุตฺตนเยน วา อปฺปพหุวิปากตํ นิทฺธาเรตฺวา ตสฺส วเสน ตุลาตุลภาโว เวทิตพฺโพ. สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโวติ อาห ‘‘สมฺภวเหตุภูต’’นฺติ. นิยกชฺฌตฺตรโตติ สสนฺตานธมฺเมสุ วิปสฺสนาวเสน โคจราเสวนาย จ นิรโต. สวิปากมฺปิ สมานํ ปวตฺติวิปากมตฺตทายิกมฺมํ สวิปากฏฺเน สมฺภวํ, น จ ตํ กามาทิภวาภิสงฺขารกนฺติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘สมฺภว’’นฺติ วตฺวา ‘‘ภวสงฺขาร’’นฺติ วุตฺตํ. โอสฺสชีติ อริยมคฺเคน อวสฺสชิ. กวจํ วิย อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ อตฺตนิ สมฺภูตตฺตา อตฺตสมฺภวํ กิเลสฺจ อภินฺทีติ กิเลสเภทสหภาวิกมฺโมสฺสชฺชนํ ทสฺเสนฺโต ตทุภยสฺส การณมโวจ ‘‘อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต’’ติ.

ปมวิกปฺเป อวสชฺชนเมว วุตฺตํ, เอตฺถ อวสชฺชนากาโรติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตีเรนฺโตติ ‘‘อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขม’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๑๐) วีมํสนฺโต. ‘‘ตุเลนฺโต ตีเรนฺโต’’ติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจกฺขนฺธา’’ติอาทึ วตฺวา ภวสงฺขารสฺส อวสชฺชนาการํ สรูปโต ทสฺเสติ. เอวนฺติอาทินา ปน อุทานคาถาวณฺณนายํ อาทิโต วุตฺตมตฺถํ นิคมวเสน ทสฺเสติ.

นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๗๑) กรเณ, อธิกรเณ วา ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘เยน สมเยน, ยสฺมึ วา สมเย’’ติ. อุกฺเขปกวาตาติ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ิตฏฺานโต เขปกวาตา. สฏฺิ…เป… พหลนฺติ อิทํ ตสฺส วาตสฺส อุพฺเพธปฺปมาณเมว คเหตฺวา วุตฺตํ, อายามวิตฺถารโต ปน ทสสหสฺสจกฺกวาฬปฺปมาณํ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปฺปมาณมฺปิ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทติเยว. อากาเสติ ปุพฺเพ วาเตน ปติฏฺิตากาเส. ปุน วาโตติ อุกฺเขปกวาเต ตถา กตฺวา วิคเต อุทกสนฺธารกวาโต ปุน อาพนฺธิตฺวา คณฺหาติ. ยถา ตํ อุทกํ น ภสฺสติ, เอวํ อุปตฺถมฺเภนฺตํ อาพนฺธนวิตานวเสน พนฺธิตฺวา คณฺหาติ. ตโต อุทกํ อุคฺคจฺฉตีติ ตโต อาพนฺธิตฺวา คหณโต เตน วาเตน อุฏฺาปิตํ อุทกํ อุคฺคจฺฉติ อุปริ คจฺฉติ. โหติเยวาติ อนฺตรนฺตรา โหติเยว. พหุภาเวนาติ มหาปถวิยา มหนฺตภาเวน. สกลา หิ มหาปถวี ตทา โอคฺคจฺฉติ จ อุคฺคจฺฉติ จ, ตสฺมา กมฺปนํ น ปฺายติ.

อิชฺฌนสฺสาติ อิจฺฉิตตฺถสิชฺฌนสฺส อนุภวิตพฺพสฺส อิสฺสริยสมฺปตฺติอาทิกสฺส. ปริตฺตาติ ปฏิลทฺธมตฺตา นาติสุภาวิตา. ตถา จ ภาวนา พลวตี น โหตีติ อาห ‘‘ทุพฺพลา’’ติ. สฺาสีเสน หิ ภาวนา วุตฺตา. อปฺปมาณาติ ปคุณา สุภาวิตา. สา หิ ถิรา ทฬฺหตรา โหตีติ อาห ‘‘พลวา’’ติ. ‘‘ปริตฺตา ปถวีสฺา, อปฺปมาณา อาโปสฺา’’ติ เทสนามตฺตเมตํ, อาโปสฺาย ปน สุภาวิตาย ปถวีกมฺโป สุเขเนว อิชฺฌตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. สํเวเชนฺโต วา ทิพฺพสมฺปตฺติยา ปมตฺตํ สกฺกํ เทวราชานํ, วีมํสนฺโต วา ตาวเทว สมธิคตํ อตฺตโน อิทฺธิพลํ. โส กิรายสฺมา (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗๑) ขุรคฺเค อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ ภิกฺขุ เยน ปพฺพชิตทิวเสเยว อรหตฺตํ ปตฺวา เวชยนฺโต ปาสาโท กมฺปิตปุพฺโพ’’ติ. ตโต ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติ ตฺวา ‘‘อหํ กมฺเปสฺสามี’’ติ อภิฺาพเลน เวชยนฺตมตฺถเก ตฺวา ปาเทน ปหริตฺวา กมฺเปตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ สกฺกสฺส นาฏกิตฺถิโย อาหํสุ – ‘‘ปุตฺต สงฺฆรกฺขิต, ตฺวํ ปูติคนฺเธเนว สีเสน เวชยนฺตํ กมฺเปตุํ อิจฺฉสิ, สุปฺปติฏฺิโต, ตาต, ปาสาโท, กถํ กมฺเปตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ.

สามเณโร ‘‘อิมา เทวตา มยา สทฺธึ เกฬึ กโรนฺติ, อหํ โข ปน อาจริยํ นาลตฺถํ, กหํ นุ โข เม อาจริโย สามุทฺทิกมหานาคตฺเถโร’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘มหาสมุทฺเท อุทกเลณํ มาเปตฺวา ทิวาวิหารํ นิสินฺโน’’ติ ตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ตโต นํ เถโร, ‘‘ตาต สงฺฆรกฺขิต, อสิกฺขิตฺวาว ยุทฺธํ ปวิฏฺโสี’’ติ วตฺวา ‘‘นาสกฺขิ, ตาต, เวชยนฺตํ กมฺเปตุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อาจริยํ, ภนฺเต, นาลตฺถนฺติ. อถ นํ เถโร, ‘‘ตาต, ตุมฺหาทิเส อกมฺเปนฺเต อฺโ โก กมฺเปสฺสติ, ทิฏฺปุพฺพํ เต, ตาต, อุทกปิฏฺเ โคมยขณฺฑํ ปิลวนฺตํ, ตาต, กปลฺลปูวํ ปจฺจนฺตํ อนฺตนฺเตน ปริจฺฉินฺนนฺติ อิมินา โอปมฺเมน ชานาหี’’ติ อาห. โส ‘‘วฏฺฏิสฺสติ, ภนฺเต, เอตฺตเกนา’’ติ วตฺวา ‘‘ปาสาเทน ปติฏฺิโตกาสํ อุทกํ โหตู’’ติ อธิฏฺาย เวชยนฺตาภิมุโข อคมาสิ. เทวธีตโร ตํ ทิสฺวา ‘‘เอกวารํ ลชฺชิตฺวา คโต, ปุนปิ สามเณโร เอติ, ปุนปิ เอตี’’ติ วทึสุ. สกฺโก เทวราชา ‘‘มา มยฺหํ ปุตฺเตน สทฺธึ กถยิตฺถ, อิทานิ เตน อาจริโย ลทฺโธ ขเณน ปาสาทํ กมฺเปสฺสตี’’ติ อาห. สามเณโรปิ ปาทงฺคุฏฺเน ปาสาทถูปิกํ ปหริ, ปาสาโท จตูหิ ทิสาหิ โอณมติ. เทวตา ‘‘ปติฏฺาตุํ เทหิ, ตาต, ปาสาทสฺส, ปติฏฺาตุํ เทหิ, ตาต, ปาสาทสฺสา’’ติ วิรวึสุ. สามเณโร ปาสาทํ ยถาาเน เปตฺวา ปาสาทมตฺถเก ตฺวา อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;

อชฺช กมฺเปมิ ปาสาทํ, อโห พุทฺธสฺสุฬารตา.

‘‘อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;

อชฺช กมฺเปมิ ปาสาทํ, อโห ธมฺมสฺสุฬารตา.

‘‘อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;

อชฺช กมฺเปมิ ปาสาทํ, อโห สงฺฆสฺสุฬารตา’’ติ.

‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสตฺโต ตุสิตกายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘) วตฺวา ‘‘อยฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘), ตถา ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒) วตฺวา ‘‘อยฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒) จ มหาสตฺตสฺส คพฺโภกฺกนฺติยํ อภิชาติฺจ ธมฺมตาวเสน มหาปทาเน ปถวีกมฺปสฺส วุตฺตตฺตา อิตเรสุปิ จตูสุ าเนสุ ปถวีกมฺโป ธมฺมตาวเสเนวาติ อตฺถโต วุตฺตเมตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อิทานิ เนสํ ปถวีกมฺปานํ การณโต ปวตฺติอาการโต จ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิติ อิเมสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ธาตุโกเปนาติ อุกฺเขปกวาตสงฺขาตาย วาโยธาตุยา ปโกเปน. อิทฺธานุภาเวนาติ าณิทฺธิยา, กมฺมวิปากชิทฺธิยา วา สภาเวน, เตเชนาติ อตฺโถ. ปุฺเตเชนาติ ปุฺานุภาเวน, มหาโพธิสตฺตสฺส ปุฺพเลนาติ อตฺโถ. าณเตเชนาติ อนฺสาธารเณน ปฏิเวธาณานุภาเวน. สาธุการทานวเสนาติ ยถา อนฺสาธารณปฺปฏิเวธาณานุภาเวน อภิหตา มหาปถวี อภิสมฺโพธิยํ กมฺปิตฺถ, เอวํ อนฺสาธารเณน เทสนาาณานุภาเวน อภิหตา มหาปถวี กมฺปิตฺถ, ตํ ปนสฺสา สาธุการทานํ วิย โหตีติ ‘‘สาธุการทานวเสนา’’ติ วุตฺตํ.

เยน ปน ภควา อสีติอนุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวิจิตฺรรูปกาโย สพฺพาการปริสุทฺธสีลกฺขนฺธาทิคุณรตนสมิทฺธิธมฺมกาโย ปุฺมหตฺตถามมหตฺตอิทฺธิมหตฺตยสมหตฺตปฺามหตฺตานํ ปรมุกฺกํสคโต อสโม อสมสโม อปฺปฏิปุคฺคโล อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อตฺตโน อตฺตภาวสฺิตํ ขนฺธปฺจกํ กปฺปํ วา กปฺปาวเสสํ วา เปตุํ สมตฺโถปิ สงฺขตธมฺมปริชิคุจฺฉนาการปฺปวตฺเตน าณวิเสเสน ติณายปิ อมฺมาโน อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนวิธินา นิรเปกฺโข โอสฺสชฺชิ. ตทนุภาวาภิหตา มหาปถวี อายุสงฺขโรสฺสชฺชเน อกมฺปิตฺถ. ตํ ปนสฺสา การุฺสภาวสณฺิตา วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘การุฺภาเวนา’’ติ.

ยสฺมา ภควา ปรินิพฺพานสมเย จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ, อนฺตรนฺตรา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน ตสฺส ปุพฺพภาเค สาติสยํ ติกฺขํ สูรํ วิปสฺสนาาณฺจ ปวตฺเตสิ. ‘‘ยทตฺถฺจ มยา เอวํ สุจิรกาลํ อนฺสาธารโณ ปรมุกฺกํสคโต าณสมฺภาโร สมฺภโต, อนุตฺตโร จ วิโมกฺโข สมธิคโต, ตสฺส วต เม สิขาปฺปตฺตผลภูตา อจฺจนฺตนิฏฺา อนุปาทิเสสปรินิพฺพานธาตุ อชฺช สมิชฺฌตี’’ติ ภิยฺโย อติวิย โสมนสฺสปฺปตฺตสฺส ภควโต ปีติวิปฺผาราทิคุณวิปุลตรานุภาโว ปเรหิ อสาธารณาณาติสโย อุทปาทิ, ยสฺส สมาปตฺติพลสมุปพฺรูหิตสฺส าณาติสยสฺส อานุภาวํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทฺเวเม ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมสมวิปากา’’ติอาทิ (อุทา. ๗๕), ตสฺมา ตสฺสานุภาเวน สมภิหตา มหาปถวี อกมฺปิตฺถ, ตํ ปนสฺสา ตสฺสํ เวลายํ อาโรทนาการปฺปตฺติ วิย โหตีติ ‘‘อฏฺโม อาโรทเนนา’’ติ วุตฺตํ.

อิทานิ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺเต’’ติอาทิมาห. อยํ ปนตฺโถติ ‘‘สาธุการทานวเสนา’’ติอาทินา วุตฺต อตฺโถ. ปถวีเทวตาย วเสนาติ เอตฺถ สมุทฺทเทวตา วิย มหาปถวิยา อธิเทวตา กิร นาม อตฺถิ, ตาทิเส การเณ สติ ตสฺสา จิตฺตวเสน อยํ มหาปถวี สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติ. ยถา วาตวลาหกเทวตานํ จิตฺตวเสน วาตา วายนฺติ, สีตุณฺหอพฺภวสฺสวลาหกเทวตานํ จิตฺตวเสน สีตาทโย ภวนฺติ, ตถา หิ วิสาขปุณฺณมายํ อภิสมฺโพธิอตฺถํ โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺนสฺส โลกนาถสฺส อนฺตรายกรณตฺถํ อุปฏฺิตํ มารพลํ วิธมิตุํ –

‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;

สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ. (จริยา. ๑.๑๒๔) –

วจนสมนนฺตรํ มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา สปริสํ มารํ ปริวตฺเตสิ. เอตนฺติ สาธุการทานาทิ. ยทิปิ นตฺถิ อเจตนตฺตา, ธมฺมตาวเสน ปน วุตฺตนเยน สิยาติ สกฺกา วตฺตุํ. ธมฺมตา ปน อตฺถโต ธมฺมภาโว, โส ปุฺธมฺมสฺส วา าณธมฺมสฺส วา อานุภาวสภาโวติ. ตยิทํ สพฺพํ วิจาริตเมว. เอวฺจ กตฺวา –

‘‘อิเม ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;

ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๖๖) –

อาทิวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ.

อยํ ปน (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๙) มหาปถวี อปเรสุปิ อฏฺสุ าเนสุ อกมฺปิตฺถ มหาภินิกฺขมเน โพธิมณฺฑูปสงฺกมเน ปํสุกูลคฺคหเณ ปํสุกูลโธวเน กาฬการามสุตฺเต โคตมกสุตฺเต เวสฺสนฺตรชาตเก พฺรหฺมชาเลติ. ตตฺถ มหาภินิกฺขมนโพธิมณฺฑูปสงฺกมเนสุ วีริยพเลน อกมฺปิตฺถ. ปํสุกูลคฺคหเณ ‘‘ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเร นาม จตฺตาโร มหาทีเป ปหาย ปพฺพชิตฺวา สุสานํ คนฺตฺวา ปํสุกูลํ คณฺหนฺเตน ทุกฺกรํ ภควตา กต’’นฺติ อจฺฉริยเวคาภิหตา อกมฺปิตฺถ. ปํสุกูลโธวนเวสฺสนฺตรชาตเกสุ อกาลกมฺปเนน อกมฺปิตฺถ. กาฬการามโคตมกสุตฺเตสุ (อ. นิ. ๔.๒๔; ๓.๑๒๖) ‘‘อหํ สกฺขี ภควา’’ติ สกฺขิภาเวน อกมฺปิตฺถ. พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๑๔๗) ปน ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺิคเตสุ วิชเฏตฺวา นิคฺคุมฺพํ กตฺวา เทสิยมาเนสุ สาธุการทานวเสน อกมฺปิตฺถาติ เวทิตพฺพา.

น เกวลฺจ เอเตสุเยว าเนสุ ปถวี อกมฺปิตฺถ, อถ โข ตีสุ สงฺคเหสุปิ มหามหินฺทตฺเถรสฺส อิมํ ทีปํ อาคนฺตฺวา โชติวเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทสิตทิวเสปิ อกมฺปิตฺถ. กลฺยาณิยมหาวิหาเร จ ปิณฺฑปาติยตฺเถรสฺส เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา ตตฺเถว นิสีทิตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา อิมํ สุตฺตนฺตํ อารทฺธสฺส สุตฺตปริโยสาเน อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อกมฺปิตฺถ. โลหปาสาทสฺส ปาจีนอมฺพลฏฺิกฏฺานํ นาม อโหสิ, ตตฺถ นิสีทิตฺวา ทีฆภาณกตฺเถรา พฺรหฺมชาลสุตฺตํ อารภึสุ. เตสํ สชฺฌายปริโยสาเนปิ อุทกปริยนฺตเมว กตฺวา ปถวี อกมฺปิตฺถ.

ยทิ เอวํ ‘‘อฏฺิเม, อานนฺท, เหตู อฏฺ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายา’’ติ กสฺมา อฏฺเว เหตู วุตฺตาติ? นิยมเหตุภาวโต. อิเมเยว หิ อฏฺ เหตู นิยมนฺติ, นาฺเ. เต หิ กทาจิ สมฺภวนฺตีติ อนิยมภาวโต น คณิตา. วุตฺตฺเหตํ นาคเสนตฺเถเรน มิลินฺทปฺเห (มิ. ป. ๔.๑.๔) –

‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, เหตู อฏฺ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายาติ. ยํ เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, ตฺจ ปน อกาลิกํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, ตสฺมา อคณิตํ อฏฺหิ เหตูหิ.

‘‘ยถา, มหาราช, โลเก ตโยเยว เมฆา คณียนฺติ วสฺสิโก, เหมนฺติโก, ปาวุสโกติ. ยทิ เต มุฺจิตฺวา อฺโ เมโฆ ปวสฺสติ, น โส เมโฆ คณียติ สมฺมเตหิ เมเฆหิ, อกาลเมโฆตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฏฺหิ เหตูหิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, หิมวนฺตา ปพฺพตา ปฺจ นทิสตานิ สนฺทนฺติ, เตสํ, มหาราช, ปฺจนฺนํ นทิสตานํ ทเสว นทิโย นทิคณนาย คณียนฺติ. เสยฺยถิทํ – คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหี, สินฺธุ, สรสฺสตี, เวตฺรวตี, วีตํสา, จนฺทภาคาติ. อวเสสา นทิโย นทิคณนาย อคณิตา. กึการณา? น ตา นทิโย ธุวสลิลา, เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฏฺหิ เหตูหิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, รฺโ สตมฺปิ ทฺวิสตมฺปิ ติสตมฺปิ อมจฺจา โหนฺติ, เตสํ ฉเยว ชนา อมจฺจคณนาย คณียนฺติ. เสยฺยถิทํ – เสนาปติ, ปุโรหิโต, อกฺขทสฺโส, ภณฺฑาคาริโก, ฉตฺตคฺคาหโก, ขคฺคคฺคาหโก, เอเตเยว อมจฺจคณนาย คณียนฺติ. กึการณา? ยุตฺตตฺตา ราชคุเณหิ. อวเสสา อคณิตา, สพฺเพ อมจฺจาตฺเวว สงฺขํ คจฺฉนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฏฺหิ เหตูหี’’ติ.

ภูมิจาลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

จาปาลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๘) ๓. ยมกวคฺโค

๑-๑๐. สทฺธาสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๑-๘๐. อฏฺมสฺส ปมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว. ทสเม กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีโต ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน ปุคฺคโล ‘‘กุสีโต’’ติ วุจฺจติ, โส กุสิตภาโว อิธ กุสิต-สทฺเทน วุตฺโต. วินาปิ หิ ภาวโชตนสทฺทํ ภาวตฺโถ วิฺายติ ยถา ‘‘ปฏสฺส สุกฺก’’นฺติ, ตสฺมา กุสีตภาววตฺถูนีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โกสชฺชการณานีติ อตฺโถ’’ติ. กมฺมํ นาม สมณสารุปฺปํ อีทิสนฺติ อาห ‘‘จีวรวิจารณาที’’ติ. วีริยนฺติ ปธานวีริยํ. ตํ ปน จงฺกมนวเสน กรเณ กายิกนฺติปิ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ อาห ‘‘ทุวิธมฺปี’’ติ. ปตฺติยาติ ปาปุณนตฺถํ. โอสีทนนฺติ ภาวนานุโยเค สงฺโกโจ. มาเสหิ อาจิตํ นิจิตํ วิยาติ มาสาจิตํ, ตํ มฺเ. ยสฺมา มาสา ตินฺตา วิเสเสน ครุกา โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘ยถา ตินฺตมาโส’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุฏฺิโต โหติ คิลานภาวาติ อธิปฺปาโย.

เตสนฺติ อารมฺภวตฺถูนํ. อิมินาว นเยนาติ อิมินา กุสีตวตฺถูสุ วุตฺเตเนว นเยน ‘‘ทุวิธมฺปิ วีริยํ อารภตี’’ติอาทินา. อิทํ ปมนฺติ ‘‘อิทํ, หนฺทาหํ, วีริยํ อารภามี’’ติ, ‘‘เอวํ ภาวนาย อพฺภุสฺสหนํ ปมํ อารมฺภวตฺถู’’ติอาทินา จ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยถา ตถา ปมํ ปวตฺตํ อพฺภุสฺสหนฺหิ อุปริ วีริยารมฺภสฺส การณํ โหติ. อนุรูปปจฺจเวกฺขณสหิตานิ หิ อพฺภุสฺสหนานิ ตมฺมูลกานิ วา ปจฺจเวกฺขณานิ อฏฺ อารมฺภวตฺถูนีติ เวทิตพฺพานิ.

สทฺธาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ยมกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๘๑-๖๒๖. เสสํ อุตฺตานเมว.

อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย

อฏฺกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

องฺคุตฺตรนิกาเย

นวกนิปาต-ฏีกา

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. สมฺโพธิวคฺโค

๑-๒. สมฺโพธิสุตฺตาทิวณฺณนา

๑-๒. นวกนิปาตสฺส ปมทุติเยสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

๓. เมฆิยสุตฺตวณฺณนา

. ตติเย (อุทา. อฏฺ. ๓๑) เมฆิโยติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. อุปฏฺาโก โหตีติ ปริจารโก โหติ. ภควโต หิ ปมโพธิยํ อุปฏฺากา อนิพทฺธา อเหสุํ. เอกทา นาคสมโล, เอกทา นาคิโต, เอกทา อุปวาโณ, เอกทา สุนกฺขตฺโต, เอกทา จุนฺโท สมณุทฺเทโส, เอกทา สาคโต, เอกทา เมฆิโย, ตทาปิ เมฆิยตฺเถโรว อุปฏฺาโก โหติ. เตนาห ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา เมฆิโย ภควโต อุปฏฺาโก โหตี’’ติ.

กิมิกาฬายาติ กาฬกิมีนํ พหุลตาย ‘‘กิมิกาฬา’’ติ ลทฺธนามาย นทิยา. ชงฺฆาวิหารนฺติ จิรนิสชฺชาย ชงฺฆาสุ อุปฺปนฺนกิลมถวิโนทนตฺถํ วิจรณํ. ปาสาทิกนฺติ อวิรฬรุกฺขตาย สินิทฺธปตฺตตาย จ ปสฺสนฺตานํ ปสาทํ อาวหตีติ ปาสาทิกํ. สนฺทจฺฉายตาย มนุฺภูมิภาคตาย จ อนฺโต ปวิฏฺานํ ปีติโสมนสฺสชนนฏฺเน จิตฺตํ รเมตีติ รมณียํ. อลนฺติ ปริยตฺตํ, ยุตฺตนฺติปิ อตฺโถ. ปธานตฺถิกสฺสาติ ปธาเนน ภาวนานุโยเคน อตฺถิกสฺส. ยสฺมา โส ปธานกมฺเม ยุตฺโต ปธานกมฺมิโก นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปธานกมฺมิกสฺสา’’ติ. อาคจฺเฉยฺยาหนฺติ อาคจฺเฉยฺยํ อหํ. เถเรน กิร ปุพฺเพ ตํ านํ อนุปฺปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ รฺา เอว สตา อนุภูตปุพฺพํ อุยฺยานํ อโหสิ, เตนสฺส ทิฏฺมตฺเตเยว ตตฺถ วิหริตุํ จิตฺตํ นมิ.

ยาว อฺโปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตีติ อฺโ โกจิปิ ภิกฺขุ มม สนฺติกํ ยาว อาคจฺฉติ, ตาว อาคเมหีติ อตฺโถ. ‘‘โกจิ ภิกฺขุ ทิสฺสตี’’ติปิ ปาโ, ‘‘อาคจฺฉตู’’ติปิ ปนฺติ, ตถา ‘‘ทิสฺสตู’’ติปิ. นตฺถิ กิฺจิ อุตฺตริ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาทีนํ โสฬสนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตา อภิสมฺโพธิยา วา อธิคตตฺตา ตโต อฺํ อุตฺตริ กรณียํ นาม นตฺถิ. จตูสุ สจฺเจสุ จตุนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตาติ อิทํ ปน มคฺควเสน ลพฺภภานํ เภทํ อนุเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ. อตฺถิ กตสฺส ปฏิจโยติ มยฺหํ สนฺตาเน นิปฺผาทิตสฺส สีลาทิธมฺมสฺส อริยมคฺคสฺส อนธิคตตฺตา ตทตฺถํ ปุน วฑฺฒนสงฺขาโต ปฏิจโย อตฺถิ, อิจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ.

ติวิธนาฏกปริวาโรติ มหนฺติตฺถิโย มชฺฌิมิตฺถิโย อติตรุณิตฺถิโยติ เอวํ วธูกุมาริกกฺาวตฺถาหิ ติวิธาหิ นาฏกิตฺถีหิ ปริวุโต. อกุสลวิตกฺเกหีติ ยถาวุตฺเตหิ กามวิตกฺกาทีหิ. อปเร ปน ‘‘ตสฺมึ วนสณฺเฑ ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ โลภวเสน กามวิตกฺโก, ขรสฺสรานํ ปกฺขิอาทีนํ สทฺทสฺสวเนน พฺยาปาทวิตกฺโก, เลฑฺฑุอาทีหิ เตสํ วิเหนาธิปฺปาเยน วิหึสาวิตกฺโก. ‘อิเธวาหํ วเสยฺย’นฺติ ตตฺถ สาเปกฺขตาวเสน วา กามวิตกฺโก, วนจรเก ตตฺถ ตตฺถ ทิสฺวา เตสุ จิตฺตทุพฺภเนน พฺยาปาทวิตกฺโก, เตสํ วิเหนาธิปฺปาเยน วิหึสาวิตกฺโก ตสฺส อุปฺปชฺชตี’’ติ วทนฺติ. ยถา ตถา วา ตสฺส มิจฺฉาวิตกฺกปฺปวตฺติเยว อจฺฉริยการณํ. อจฺฉริยํ วต, โภติ ครหณจฺฉริยํ นาม กิเรตํ. ยถา อายสฺมา อานนฺโท ภควโต วลิยคตฺตํ ทิสฺวา อโวจ ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๑). สมฺปริวาริตาติ โวกิณฺณา. อตฺตนิ ครุมฺหิ จ เอกตฺเตปิ พหุวจนํ ทิสฺสติ. ‘‘อนฺวาสตฺโต’’ติปิ ปาโ. กสฺมา ปนสฺส ภควา ตตฺถ คมนํ อนุชานิ? ‘‘อนนุฺาโตปิ จายํ มํ โอหาย คจฺฉิสฺสเตว, ปริจารกามตาย มฺเ ภควา คนฺตุํ น เทตีติ จสฺส สิยา อฺถตฺตํ, ตทสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ อนุชานิ.

เอวํ ตสฺมึ อตฺตโน ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา นิสินฺเน อถสฺส ภควา สปฺปายธมฺมํ เทเสนฺโต ‘‘อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘อปริปกฺกายา’’ติ ปริปากํ อปฺปตฺตาย. เจโตวิมุตฺติยาติ กิเลเสหิ เจตโส วิมุตฺติยา. ปุพฺพภาเค หิ ตทงฺควเสน เจว วิกฺขมฺภนวเสน จ เจตโส วิมุตฺติ โหติ, อปรภาเค สมุจฺเฉทวเสน เจว ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน จ. สายํ วิมุตฺติ เหฏฺา วิตฺถารโต กถิตาว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. ตตฺถ วิมุตฺติปริปาจนีเยหิ ธมฺเมหิ อาสเย ปริปาจิเต โสธิเต วิปสฺสนาย มคฺคคพฺภํ คณฺหนฺติยา ปริปากํ คจฺฉนฺติยา เจโตวิมุตฺติ ปริปกฺกา นาม โหติ, ตทภาเว อปริปกฺกา.

กตเม ปน วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา? สทฺธินฺทฺริยาทีนํ วิสุทฺธิกรณวเสน ปนฺนรส ธมฺมา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อสฺสทฺเธ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สทฺเธ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ปสาทนีเย สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สทฺธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘กุสีเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อารทฺธวีริเย ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สมฺมปฺปธาเน ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ วีริยินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘มุฏฺสฺสตี ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อุปฏฺิตสฺสตี ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สติปฏฺาเน ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สตินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘อสมาหิเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สมาหิเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ฌานวิโมกฺเข ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ สมาธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘ทุปฺปฺเ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺวนฺเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, คมฺภีราณจริยํ ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ตีหากาเรหิ ปฺินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.

‘‘อิติ อิเม ปฺจ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺจ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ปฺจ สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต อิเมหิ ปนฺนรสหิ อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๘๕).

อปเรหิปิ ปนฺนรสหิ อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ วิสุชฺฌนฺติ. อปเรปิ ปนฺนรส ธมฺมา วิมุตฺติปริปาจนียา. สทฺธาปฺจมานิ อินฺทฺริยานิ, อนิจฺจสฺา อนิจฺเจ, ทุกฺขสฺา ทุกฺเข, อนตฺตสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺาติ อิมา ปฺจ นิพฺเพธภาคิยา สฺา, กลฺยาณมิตฺตตา, สีลสํวโร, อภิสลฺเลขตา, วีริยารมฺโภ, นิพฺเพธิกปฺาติ. เตสุ เวเนยฺยทมนกุสโล สตฺถา เวเนยฺยสฺส เมฆิยตฺเถรสฺส อชฺฌาสยวเสน อิธ กลฺยาณมิตฺตตาทโย วิมุตฺติปริปาจนีเย ธมฺเม ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺจ ธมฺมา ปริปกฺกาย สํวตฺตนฺตี’’ติ วตฺวา เต วิตฺถาเรนฺโต ‘‘อิธ, เมฆิย, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต โหตี’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ กลฺยาณมิตฺโตติ กลฺยาโณ ภทฺโท สุนฺทโร มิตฺโต เอตสฺสาติ กลฺยาณมิตฺโต. ยสฺส สีลาทิคุณสมฺปนฺโน ‘‘อฆสฺส ตาตา หิตสฺส วิธาตา’’ติ เอวํ สพฺพากาเรน อุปกาโร มิตฺโต โหติ, โส ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺโตว. ยถาวุตฺเตหิ กลฺยาณปุคฺคเลเหว สพฺพิริยาปเถสุ สห อยติ ปวตฺตติ, น วินา เตหีติ กลฺยาณสหาโย. กลฺยาณปุคฺคเลสุ เอว จิตฺเตน เจว กาเยน จ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน ปวตฺตตีติ กลฺยาณสมฺปวงฺโก. ปทตฺตเยน กลฺยาณมิตฺตสํสคฺเค อาทรํ อุปฺปาเทติ. อยํ กลฺยาณมิตฺตตาสงฺขาโต พฺรหฺมจริยวาสสฺส อาทิภาวโต สพฺเพสฺจ กุสลธมฺมานํ พหุการตาย ปธานภาวโต จ อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ อาทิโต วุตฺตตฺตา ปโม อนวชฺชธมฺโม อวิสุทฺธานํ สทฺธาทีนํ วิสุทฺธิกรณวเสน เจโตวิมุตฺติยา ปริปกฺกาย สํวตฺตติ. เอตฺถ จ กลฺยาณมิตฺตสฺส พหุการตา ปธานตา จ ‘‘อุปฑฺฒมิทํ, ภนฺเต, พฺรหฺมจริยสฺส ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ วทนฺตํ ธมฺมภณฺฑาคาริกํ ‘‘มา เหวํ, อานนฺทา’’ติ ทฺวิกฺขตุํ ปฏิเสเธตฺวา ‘‘สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา’’ติ – อาทิสุตฺตปเทหิ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙; ๕.๒) เวทิตพฺพา.

ปุน จปรนฺติ ปุน จ อปรํ ธมฺมชาตํ. สีลวาติ เอตฺถ เกนฏฺเน สีลํ? สีลนฏฺเน สีลํ. กิมิทํ สีลนํ นาม? สมาธานํ, กายกมฺมาทีนํ สุสีลฺยวเสน อวิปฺปกิณฺณตาติ อตฺโถ. อถ วา อุปธารณํ, ฌานาทิกุสลธมฺมานํ ปติฏฺานวเสน อาธารภาโวติ อตฺโถ. ตสฺมา สีเลติ, สีลตีติ วา สีลํ. อยํ ตาว สทฺทลกฺขณนเยน สีลฏฺโ. อปเร ปน ‘‘สิรฏฺโ สีลฏฺโ, สีตลฏฺโ, สีลฏฺโ’’ติ นิรุตฺตินเยน อตฺถํ วณฺเณนฺติ. ตยิทํ ปาริปูริโต อติสยโต วา สีลํ อสฺส อตฺถีติ สีลวา, สีลสมฺปนฺโนติ อตฺโถ.

ยถา จ สีลวา โหติ สีลสมฺปนฺโน, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปาติโมกฺขนฺติ สิกฺขาปทสีลํ. ตฺหิ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขํ. สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม. ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร, เตน สํวุโต ปิหิตกายวาโจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต. อิทมสฺส ตสฺมึ สีเล ปติฏฺิตภาวปริทีปนํ. วิหรตีติ ตทนุรูปวิหารสมงฺคิภาวปริทีปนํ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เหฏฺา ปาติโมกฺขสํวรสฺส อุปริ วิเสสานํ โยคสฺส จ อุปการธมฺมปริทีปนํ. อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ ปาติโมกฺขสีลโต อจวนธมฺมตาปริทีปนํ. สมาทายาติ สิกฺขาปทานํ อนวเสสโต อาทานปริทีปนํ. สิกฺขตีติ สิกฺขาย สมงฺคิภาวปริทีปนํ. สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขิตพฺพธมฺมปริทีปนํ.

อปโร นโย – กิเลสานํ พลวภาวโต ปาปกิริยาย สุกรภาวโต ปุฺกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน. อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคุกฺขิตฺโต ฆฏิยนฺตํ วิย อนวฏฺาเนน ปริพฺภมนโต คมนสีโลติ ปาตี. มรณวเสน วา ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปตนสีโล วา ปาตี, สตฺตสนฺตาโน, จิตฺตเมว วา. ตํ ปาตินํ สํสารทุกฺขโต โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. จิตฺตสฺส หิ วิโมกฺเขน สตฺโต ‘‘วิมุตฺโต’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐), ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๘) จ.

อถ วา อวิชฺชาทิเหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาติ. ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔) หิ วุตฺตํ. ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺขํ.

อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขติ ปาติ, จิตฺตํ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺเตน นียตี โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๒). ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺขํ. ปตติ วา เอเตน อปายทุกฺเข สํสารทุกฺเข จาติ ปาติ, ตณฺหาทิสํกิเลโส. วุตฺตฺหิ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ (สํ. นิ. ๑.๕๕). ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อ. นิ. ๔.๙; อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕) จ อาทิ. ตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺขํ.

อถ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาติ, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ. วุตฺตฺหิ ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สุ. นิ. ๑๗๑). ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺขํ. อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร. ตโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺขํ. อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ปตีติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมกฺโข, ปติโน โมกฺโข เตน ปฺตฺตตฺตาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺขํ. สพฺพคุณานํ วา มูลภาวโต อุตฺตมฏฺเน ปติ จ โส ยถาวุตฺเตนตฺเถน โมกฺโข จาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺขํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ อาทิเมตํ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) วิตฺถาโร.

อถ วา -อิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. อิทฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปฺาสหิตฺจ วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน อจฺจนฺตํ โมกฺเขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺขํ. ปติ ปติ โมกฺโขติ วา ปติโมกฺโข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมโทสโต ปจฺเจกํ โมกฺโขติ อตฺโถ. ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺขํ. โมกฺโขติ วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปฏิพิมฺพภูโตติ ปติโมกฺโข. สีลสํวโร หิ สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฏิภาโคว ยถารหํ กิเลสนิพฺพาปนโต. ปติโมกฺโขเยว ปาติโมกฺขํ. อถ วา โมกฺขํ ปติ วตฺตติ, โมกฺขาภิมุขนฺติ วา ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวํ ตาว เอตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

สํวรติ ปิทหติ เอเตนาติ สํวโร, ปาติโมกฺขเมว สํวโรติ ปาติโมกฺขสํวโร. อตฺถโต ปน ตโต ตโต วีติกฺกมิตพฺพโต วิรติโย เจตนา จ, เตน ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต สมนฺนาคโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑).

วิหรตีติ อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ อิริยติ วตฺตติ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เวฬุทานาทิมิจฺฉาชีวสฺส กายปาคพฺภิยาทีนฺจ อกรเณน สพฺพโส อนาจารํ วชฺเชตฺวา กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโมติ เอวํ วุตฺตภิกฺขุ สารุปฺปอาจารสมฺปตฺติยา เวสิยาทิอโคจรํ วชฺเชตฺวา ปิณฺฑปาตาทิอตฺถํ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานสงฺขาตโคจรจรเณน จ สมฺปนฺนตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน.

อปิจ โย ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว สปฺปติสฺโส สพฺรหฺมจารีสุ สคารโว สปฺปติสฺโส หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน อิริยาปถสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยํ อนุยุตฺโต สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อาภิสมาจาริเกสุ สกฺกจฺจการี ครุจิตฺตีการพหุโล วิหรติ, อยํ วุจฺจติ อาจารสมฺปนฺโน.

โคจโร ปน อุปนิสฺสยโคจโร, อารกฺขโคจโร, อุปนิพนฺธโคจโรติ ติวิโธ. ตตฺถ โย ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต วุตฺตลกฺขโณ กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสฺสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทาเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ, ยสฺส จ อนุสิกฺขนฺโต สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ วุจฺจติ อุปนิสฺสยโคจโร.

โย ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ วีถึ ปฏิปนฺโน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสี สํวุโต คจฺฉติ, น หตฺถึ โอโลเกนฺโต, น อสฺสํ, น รถํ, น ปตฺตึ, น อิตฺถึ, น ปุริสํ โอโลเกนฺโต, น อุทฺธํ อุลฺโลเกนฺโต, น อโธ โอโลเกนฺโต, น ทิสาวิทิสํ เปกฺขมาโน คจฺฉติ, อยํ อารกฺขโคจโร.

อุปนิพนฺธโคจโร ปน จตฺตาโร สติปฏฺานา, ยตฺถ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย, ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒). ตตฺถ อุปนิสฺสยโคจรสฺส ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา อิตเรสํ วเสเนตฺถ โคจโร เวทิตพฺโพ. อิติ ยถาวุตฺตาย อาจารสมฺปตฺติยา อิมาย จ โคจรสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน.

อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ อปฺปมตฺตกตฺตา อณุปฺปมาเณสุ อสฺสติยา อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสนสีโล. โย หิ ภิกฺขุ ปรมาณุมตฺตํ วชฺชํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสิเนรุปพฺพตราชสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, โยปิ สพฺพลหุกํ ทุพฺภาสิตมตฺตํ ปาราชิกสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, อยมฺปิ อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี นาม. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขิตพฺพํ, ตํ สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อนวเสสํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขติ, วตฺตติ ปูเรตีติ อตฺโถ.

อภิสลฺเลขิกาติ อติวิย กิเลสานํ สลฺเลขนียา, เตสํ ตนุภาวาย ปหานาย ยุตฺตรูปา. เจโตวิวรณสปฺปายาติ เจตโส ปฏิจฺฉาทกานํ นีวรณานํ ทูรีภาวกรเณน เจโตวิวรณสงฺขาตานํ สมถวิปสฺสนานํ สปฺปายา, สมถวิปสฺสนาจิตฺตสฺเสว วา วิวรณาย ปากฏีกรณาย วา สปฺปายา อุปการิกาติ เจโตวิวรณสปฺปายา.

อิทานิ เยน นิพฺพิทาทิอาวหเณน อยํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา จ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกํเสเนว วฏฺฏทุกฺขโต นิพฺพินฺทนตฺถาย. วิราคาย นิโรธายาติ ตสฺเสว วิรชฺชนตฺถาย จ นิรุชฺฌนตฺถาย จ. อุปสมายาติ สพฺพกิเลสวูปสมาย. อภิฺายาติ สพฺพสฺสปิ อภิฺเยฺยสฺส อภิชานนาย. สมฺโพธายาติ จตุมคฺคสมฺโพธาย. นิพฺพานายาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานาย. เอเตสุ หิ อาทิโต ตีหิ ปเทหิ วิปสฺสนา วุตฺตา, ทฺวีหิ นิพฺพานํ วุตฺตํ. สมถวิปสฺสนา อาทึ กตฺวา นิพฺพานปริโยสาโน อยํ สพฺโพ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม ทสกถาวตฺถุลาภิโน สิชฺฌตีติ ทสฺเสติ.

อิทานิ ตํ กถํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปิจฺฉกถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อปฺปิจฺโฉติ นิอิจฺโฉ, ตสฺส กถา อปฺปิจฺฉกถา, อปฺปิจฺฉภาวปฺปฏิสํยุตฺตกถา วา อปฺปิจฺฉกถา. เอตฺถ จ อตฺริจฺโฉ, ปาปิจฺโฉ, มหิจฺโฉ, อปฺปิจฺโฉติ อิจฺฉาวเสน จตฺตาโร ปุคฺคลา. เตสุ อตฺตนา ยถาลทฺเธน ลาเภน อติตฺโต อุปรูปริ ลาภํ อิจฺฉนฺโต อตฺริจฺโฉ นาม. ยํ สนฺธาย –

‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิปิ จ โสฬส;

โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;

อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ. (ชา. ๑.๕.๑๐๓) จ;

‘‘อตฺริจฺฉํ อติโลเภน, อติโลภมเทน จา’’ติ. จ วุตฺตํ;

ลาภสกฺการสิโลกนิกามยมานาย อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาโย ปาปิจฺโฉ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิเธกจฺโจ อสฺสทฺโธ สมาโน ‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉติ, ทุสฺสีโล สมาโน ‘สีลวาติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉตี’’ติอาทิ (วิภ. ๘๕๑).

สนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาโย ปฏิคฺคหเณ อมตฺตฺู มหิจฺโฉ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิเธกจฺโจ สทฺโธ สมาโน ‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉติ, สีลวา สมาโน ‘สีลวาติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉตี’’ติอาทิ. ทุตฺตปฺปิยตาย หิสฺส วิชาตมาตาปิ จิตฺตํ คเหตุํ น สกฺโกติ. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘อคฺคิกฺขนฺโธ สมุทฺโท จ, มหิจฺโฉ จาปิ ปุคฺคโล;

สกเฏน ปจฺจเย เทนฺตุ, ตโยเปเต อตปฺปยา’’ติ.

เอเต ปน อตฺริจฺฉตาทโย โทเส อารกา วิวชฺเชตฺวา สนฺตคุณนิคุหนาธิปฺปาโย ปฏิคฺคหเณ จ มตฺตฺู อปฺปิจฺโฉ. อตฺตนิ วิชฺชมานมฺปิ คุณํ ปฏิจฺฉาเทตุกามตาย สทฺโธ สมาโน ‘‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ, สีลวา, พหุสฺสุโต, ปวิวิตฺโต, อารทฺธวีริโย, อุปฏฺิตสฺสติ, สมาหิโต, ปฺวา สมาโน ‘‘ปฺวาติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ. สฺวายํ ปจฺจยปฺปิจฺโฉ, ธุตงฺคปฺปิจฺโฉ, ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ อธิคมปฺปิจฺโฉติ จตุพฺพิโธ. ตตฺถ จตูสุ ปจฺจเยสุ อปฺปิจฺโฉ ปจฺจยทายกํ เทยฺยธมฺมํ อตฺตโน ถามฺจ โอโลเกตฺวา สเจปิ หิ เทยฺยธมฺโม พหุ โหติ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปเมว คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม เจ อปฺโป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปเมว คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโมปิ เจ พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ตฺวา ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาติ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนํ ลาภํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ ลาภํ ถาวรํ กโรติ, ทายกานํ จิตฺตํ อาราเธติ. ธุตงฺคสมาทานสฺส ปน อตฺตนิ อตฺถิภาวํ น ชานาเปตุกาโม ธุตงฺคปฺปิจฺโฉ. โย อตฺตโน พหุสฺสุตภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ. โย ปน โสตาปนฺนาทีสุ อฺตโร หุตฺวา สพฺรหฺมจารีนมฺปิ อตฺตโน โสตาปนฺนาทิภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ อธิคมปฺปิจฺโฉ. เอวเมเตสํ อปฺปิจฺฉานํ ยา อปฺปิจฺฉตา, ตสฺสา สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อเนกาการโวการานิสํสวิภาวนวเสน สปฺปฏิปกฺขสฺส อตฺริจฺฉตาทิเภทสฺส อิจฺฉาจารสฺส อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา อปฺปิจฺฉกถา.

สนฺตุฏฺิกถาติ เอตฺถ สนฺตุฏฺีติ สเกน อตฺตนา ลทฺเธน ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ. อถ วา วิสมํ ปจฺจยิจฺฉํ ปหาย สมํ ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ, สนฺเตน วา วิชฺชมาเนน ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ. วุตฺตฺเจตํ –

‘‘อตีตํ นานุพทฺโธ โส, นปฺปชปฺปมนาคตํ;

ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺโต, สนฺตุฏฺโติ ปวุจฺจตี’’ติ.

สมฺมา วา าเยน ภควตา อนุฺาตวิธินา ปจฺจเยหิ ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ, อตฺถโต อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส, โส ทฺวาทสวิโธ โหติ. กถํ? จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ. เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ.

ตตฺรายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ปกติทุพฺพโล วา โหติ อาพาธชราภิภูโต วา, ครุจีวรํ ปารุปนฺโต กิลมติ, โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ปณีตปจฺจยลาภี โหติ, โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆจีวรํ พหูนิ วา ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ พหุสฺสุตานํ อนุรูปํ, อิทํ คิลานานํ ทุพฺพลานํ อปฺปลาภีนํ โหตู’’ติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา สงฺการกูฏาทิโต วา นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กตฺวา เตสํ วา ปุราณจีวรานิ คเหตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, ลูขํ ปณีตํ ปกติวิรุทฺธํ พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปิณฺฑปาตํ ภุฺชิตฺวา คาฬฺหํ วา โรคาพาธํ ปาปุณาติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปายโภชนํ ภุฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส. อปโร พหุํ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ‘‘อยํ ปิณฺฑปาโต จิรปพฺพชิตานํ อนุรูโป’’ติ จีวรํ วิย เตสํ ทตฺวา เตสํ วา เสสกํ อตฺตนา ปิณฺฑาย จริตฺวา มิสฺสกาหารํ วา ภุฺชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปาปุณาติ มนาปํ วา อามนาปํ วา อนฺตมโส ติณสนฺถารกมฺปิ, โส เตเนว สนฺตุสฺสติ, ปุน อฺํ สุนฺทรตรํ ปาปุณาติ, ตํ น คณฺหาติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ ทุพฺพโล วา, ปกติวิรุทฺธํ วา โส พฺยาธิวิรุทฺธํ วา เสนาสนํ ลภติ, ยตฺถสฺส วสโต อผาสุ โหติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส สนฺตเก สปฺปายเสนาสเน วสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร สุนฺทรํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ ‘‘ปณีตเสนาสนํ นาม ปมาทฏฺาน’’นฺติ, มหาปุฺตาย วา เลณมณฺฑปกูฏาคาราทีนิ พหูนิ ปณีตเสนาสนานิ ลภติ, โส ตานิ จีวราทีนิ วิย จิรปพฺพชิตาทีนํ ทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ตุสฺสติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยํ คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ยํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตเลน เภสชฺชํ กตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร มหาปุฺโ พหุํ เตลมธุผาณิตาทิปณีตเภสชฺชํ ลภติ, โส ตํ จีวราทีนิ วิย จิรปพฺพชิตาทีนํ ทตฺวา เตสํ อาภตเกน เยน เกนจิ เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. โย ปน เอกสฺมึ ภาชเน มุตฺตหรีตกํ, เอกสฺมึ จตุมธุรํ เปตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน ‘‘สจสฺส เตสุ อฺตเรนปิ โรโค วูปสมฺมติ, อิทํ มุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิต’’นฺติ, ‘‘ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วจนํ อนุสฺสรนฺโต จตุมธุรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโต ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

โส เอวํปเภโท สพฺโพปิ สนฺโตโส สนฺตุฏฺีติ ปวุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส’’ติ. ตสฺสา สนฺตุฏฺิยา สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อานิสํสวิภาวนวเสน ตปฺปฏิปกฺขสฺส อตฺริจฺฉตาทิเภทสฺส อิจฺฉาจารสฺส อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา สนฺตุฏฺิกถา. อิโต ปราสุปิ กถาสุ เอเสว นโย. วิเสสมตฺตเมว วกฺขาม.

ปวิเวกกถาติ เอตฺถ กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก, อุปธิวิเวโกติ ตโย วิเวกา. เตสุ เอโก คจฺฉติ, เอโก ติฏฺติ, เอโก นิสีทติ, เอโก เสยฺยํ กปฺเปติ, เอโก คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, เอโก ปฏิกฺกมติ, เอโก อภิกฺกมติ, เอโก จงฺกมํ อธิฏฺาติ, เอโก จรติ, เอโก วิหรติ, เอวํ สพฺพิริยาปเถสุ สพฺพกิจฺเจสุ คณสงฺคณิกํ ปหาย วิวิตฺตวาโส กายวิเวโก นาม. อฏฺ สมาปตฺติโย ปน จิตฺตวิเวโก นาม. นิพฺพานํ อุปธิวิเวโก นาม. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กายวิเวโก จ วิเวกฏฺกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํ, จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํ, อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตาน’’นฺติ (มหานิ. ๕๗). วิเวโกเยว ปวิเวโก, ปวิเวเก ปฏิสํยุตฺตา กถา ปวิเวกกถา.

อสํสคฺคกถาติ เอตฺถ สวนสํสคฺโค, ทสฺสนสํสคฺโค, สมุลฺลปนสํสคฺโค, สมฺโภคสํสคฺโค, กายสํสคฺโคติ ปฺจ สํสคฺคา. เตสุ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ สุณาติ ‘‘อมุกสฺมึ าเน คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา’’ติ, โส ตํ สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ, เอวํ วิสภาคารมฺมณสฺสวเนน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว สวนสํสคฺโค นาม. น เหว โข ภิกฺขุ สุณาติ, อปิจ โข สามํ ปสฺสติ อิตฺถึ อภิรูปํ ทสฺสนียํ ปาสาทิกํ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตํ, โส ตํ ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ, เอวํ วิสภาคารมฺมณทสฺสเนน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว ทสฺสนสํสคฺโค นาม. ทิสฺวา ปน อฺมฺํ อาลาปสลฺลาปวเสน อุปฺปนฺโน กิเลสสนฺถโว สมุลฺลปนสํสคฺโค นาม. สฺชคฺฆนาทิปิ เอเตเนว สงฺคยฺหติ. อตฺตโน ปน สนฺตกํ ยํ กิฺจิ มาตุคามสฺส ทตฺวา อทตฺวา วา เตน ทินฺนสฺส วนภงฺคินิยาทิโน ปริโภควเสน อุปฺปนฺโน กิเลสสนฺถโว สมฺโภคสํสคฺโค นาม. มาตุคามสฺส หตฺถคฺคาหาทิวเสน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว กายสํสคฺโค นาม.

โยปิ เจส ‘‘คิหีหิ สํสฏฺโ วิหรติ อนนุโลมิเกน สํสคฺเคน สหโสกี สหนนฺที สุขิเตสุ สุขิโต ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนา โว โยคํ อาปชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓; มหานิ. ๑๖๔) เอวํ วุตฺโต อนนุโลมิโก คิหิสํสคฺโค นาม, โย จ สพฺรหฺมจารีหิปิ กิเลสุปฺปตฺติเหตุภูโต สํสคฺโค, ตํ สพฺพํ ปหาย ยฺวายํ สํสาเร ถิรตรํ สํเวคสงฺขาเรสุ ติพฺพํ ภยสฺํ สรีเร ปฏิกฺกูลสฺํ สพฺพากุสเลสุ ชิคุจฺฉาปุพฺพงฺคมํ หิโรตฺตปฺปํ สพฺพกิริยาสุ สติสมฺปชฺนฺติ สพฺพํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา กมลทเล ชลพินฺทุ วิย สพฺพตฺถ อลคฺคภาโว, อยํ สพฺพสํสคฺคปฺปฏิปกฺขตาย อสํสคฺโค, ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา อสํสคฺคกถา.

วีริยารมฺภกถาติ เอตฺถ วีรสฺส ภาโว, กมฺมนฺติ วา วีริยํ, วิธินา อีเรตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วา วีริยํ, วีริยฺจ ตํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย อารภนํ วีริยารมฺโภ. สฺวายํ กายิโก, เจตสิโก จาติ ทุวิโธ, อารมฺภธาตุ, นิกฺกมธาตุ, ปรกฺกมธาตุ, จาติ ติวิโธ, สมฺมปฺปธานวเสน จตุพฺพิโธ. โส สพฺโพปิ โย ภิกฺขุ คมเน อุปฺปนฺนกิเลสํ านํ ปาปุณิตุํ น เทติ, าเน อุปฺปนฺนํ นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนํ สยนํ ปาปุณิตุํ น เทติ, ตตฺถ ตตฺเถว อชปเทน ทณฺเฑน กณฺหสปฺปํ อุปฺปีเฬตฺวา คณฺหนฺโต วิย ติขิเณน อสินา อมิตฺตํ คีวาย ปหรนฺโต วิย สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา วีริยพเลน นิคฺคณฺหาติ, ตสฺเสวํ วีริยารมฺโภ อารทฺธวีริยสฺส วเสน เวทิตพฺโพ, ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา วีริยารมฺภกถา.

สีลกถาติอาทีสุ ทุวิธํ สีลํ โลกิยํ โลกุตฺตรฺจ. ตตฺถ โลกิยํ ปาติโมกฺขสํวราทิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. โลกุตฺตรํ มคฺคสีลํ ผลสีลฺจ. ตถา สมาธิปิ. วิปสฺสนาย ปาทกภูตา สห อุปจาเรน อฏฺ สมาปตฺติโย โลกิโย สมาธิ, มคฺคสมฺปยุตฺโต ปเนตฺถ โลกุตฺตโร สมาธิ นาม. ตถา ปฺาปิ. โลกิยา สุตมยา, จินฺตามยา, ฌานสมฺปยุตฺตา, วิปสฺสนาาณฺจ. วิเสสโต ปเนตฺถ วิปสฺสนาปฺา คเหตพฺพา. โลกุตฺตรา มคฺคปฺา ผลปฺา จ. วิมุตฺติ อริยผลวิมุตฺติ นิพฺพานฺจ. อปเร ปน ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทวิมุตฺตีนมฺปิ วเสเนตฺถ อตฺถํ สํวณฺเณนฺติ. วิมุตฺติาณทสฺสนมฺปิ เอกูนวีสติวิธํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. อิติ อิเมสํ สีลาทีนํ สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อเนกาการโวการอานิสํสวิภาวนวเสน เจว ตปฺปฏิปกฺขานํ ทุสฺสีลฺยาทีนํ อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา, ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา วา สีลาทิกถา นาม.

เอตฺถ จ ‘‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ โหติ, อปฺปิจฺฉ กถฺจ ปเรสํ กตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๒; อ. นิ. ๑๐.๗๐) ‘‘สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๔; จูฬนิ. ขคฺควิสาณปุจฺฉานิทฺเทโส ๑๒๘) จ อาทิวจนโต สยฺจ อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคเตน ปเรสมฺปิ ตทตฺถาย หิตชฺฌาสเยน ปวตฺเตตพฺพา ตถารูปี กถา. ยา อิธ อภิสลฺเลขิกาทิภาเวน วิเสเสตฺวา วุตฺตา อปฺปิจฺฉกถาทีติ เวทิตพฺพา. การกสฺเสว หิ กถา วิเสสโต อธิปฺเปตตฺถสาธินี. ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ…เป… อกสิรลาภี’’ติ (อ. นิ. ๙.๓).

เอวรูปิยาติ อีทิสาย ยถาวุตฺตาย. นิกามลาภีติ ยถิจฺฉิตลาภี ยถารุจิลาภี, สพฺพกาลํ อิมํ กถํ โสตุํ วิจาเรตุฺจ ยถาสุขํ ลภนฺโต. อกิจฺฉลาภีติ นิทุกฺขลาภี. อกสิรลาภีติ วิปุลลาภี.

อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตวีริโย. อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานายาติ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลานํ ปาปธมฺมานํ ปชหนตฺถาย. กุสลานํ ธมฺมานนฺติ กุจฺฉิตานํ สลนาทิอตฺเถน อนวชฺชฏฺเน จ กุสลานํ สหวิปสฺสนานํ มคฺคผลธมฺมานํ. อุปสมฺปทายาติ สมฺปาทนาย อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนาย. ถามวาติ อุสฺโสฬฺหิสงฺขาเตน วีริยถาเมน สมนฺนาคโต. ทฬฺหปรกฺกโมติ ถิรปรกฺกโม อสิถิลวีริโย. อนิกฺขิตฺตธุโรติ อโนโรหิตธุโร อโนสกฺกวีริโย.

ปฺวาติ วิปสฺสนาปฺาย ปฺวา. อุทยตฺถคามินิยาติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยฺจ วยฺจ ปฏิวิชฺฌนฺติยา. อริยายาติ วิกฺขมฺภนวเสน กิเลเสหิ อารกา ทูเร ิตาย นิทฺโทสาย. นิพฺเพธิกายาติ นิพฺเพธภาคิยาย. สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส เขปนโต ‘‘ทุกฺขกฺขโย’’ติ ลทฺธนามํ อริยมคฺคํ สมฺมา เหตุนา นเยน คจฺฉนฺติยา. อิเมสุ จ ปน ปฺจสุ ธมฺเมสุ สีลํ วีริยํ ปฺา จ โยคิโน อชฺฌตฺติกํ องฺคํ, อิตรทฺวยํ พาหิรํ องฺคํ. ตตฺถาปิ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยเนว เสสํ จตุพฺพิธํ อิชฺฌติ, กลฺยาณมิตฺตสฺเสเวตฺถ พหุการตํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺข’’นฺติอาทินา เทสนํ วฑฺเฒสิ. ตตฺถ ปาฏิกงฺขนฺติ เอกํเสน อิจฺฉิตพฺพํ, อวสฺสํภาวีติ อตฺโถ. นฺติ กิริยาปรามสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สีลวา ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ กลฺยาณมิตฺตสฺส ภิกฺขุโน สีลวนฺตตาย ภวนํ สีลสมฺปนฺนตฺตํ, ตสฺส ภิกฺขุโน สีลสมฺปนฺนตฺตา เอตํ ตสฺส ปาฏิกงฺขํ, อวสฺสํภาวี เอกํเสเนว ตสฺส ตตฺถ นิโยชนโตติ อธิปฺปาโย. ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.

เอวํ ภควา สเทวเก โลเก อุตฺตมกลฺยาณมิตฺตสงฺขาตสฺส อตฺตโน วจนํ อนาทิยิตฺวา ตํ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา ตาทิสํ วิปฺปการํ ปตฺตสฺส อายสฺมโต เมฆิยสฺส กลฺยาณมิตฺตตาทินา สกลํ สาสนสมฺปทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิสฺส ตตฺถ อาทรชาตสฺส ปุพฺเพ เยหิ กามวิตกฺกาทีหิ อุปทฺทุตตฺตา กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชติ, ตสฺส เตสํ อุชุวิปจฺจนีกภูตตฺตา จ ภาวนานยํ ปกาเสตฺวา ตโต ปรํ อรหตฺตสฺส กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขนฺโต ‘‘เตน จ ปน, เมฆิย, ภิกฺขุนา อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย จตฺตาโร ธมฺมา อุตฺตริ ภาเวตพฺพา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เตนาติ เอวํ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ยถาวุตฺตสีลาทิคุณสมนฺนาคเตน. เตเนวาห ‘‘อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺายา’’ติ. อุตฺตรีติ อารทฺธตรุณวิปสฺสนสฺส ราคาทิปริสฺสยา เจ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตสํ วิโสธนตฺถํ ตโต อุทฺธํ จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพา อุปฺปาเทตพฺพา วฑฺเฒตพฺพา จ.

อสุภาติ เอกาทสสุ อสุภกมฺมฏฺาเนสุ ยถารหํ ยตฺถ กตฺถจิ อสุภภาวนา. ราคสฺส ปหานายาติ กามราคสฺส ปชหนตฺถาย. อยมตฺโถ สาลิลาวโกปมาย วิภาเวตพฺโพ. เอวํภูตํ ภาวนาวิธึ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อสุภา ภาเวตพฺพา ราคสฺส ปหานายา’’ติ. เมตฺตาติ เมตฺตากมฺมฏฺานํ. พฺยาปาทสฺส ปหานายาติ วุตฺตนเยเนว อุปฺปนฺนสฺส โกปสฺส ปชหนตฺถาย. อานาปานสฺสตีติ โสฬสวตฺถุกา อานาปานสฺสติ. วิตกฺกุปจฺเฉทายาติ วุตฺตนเยเนว อุปฺปนฺนานํ วิตกฺกานํ ปจฺเฉทนตฺถาย. อสฺมิมานสมุคฺฆาตายาติ ‘‘อสฺมี’’ติ อุปฺปชฺชนกสฺส นววิธสฺส มานสฺส สมุจฺเฉทนตฺถาย.

อนิจฺจสฺิโนติ หุตฺวา อภาวโต อุทยพฺพยวนฺตโต ปภงฺคุโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฺปฏิกฺเขปโต จ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๕๖) ปวตฺตอนิจฺจานุปสฺสนาวเสน อนิจฺจสฺิโน. อนตฺตสฺา สณฺาตีติ อสารกโต อวสวตฺตนโต ปรโต ริตฺตโต ตุจฺฉโต สุฺโต จ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๙; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทโส ๕๖) เอวํ ปวตฺตอนตฺตานุปสฺสนาสงฺขาตา อนตฺตสฺา จิตฺเต สณฺหติ อติทฬฺหํ ปติฏฺหติ. อนิจฺจลกฺขเณ หิ ทิฏฺเ อนตฺตลกฺขณํ ทิฏฺเมว โหติ. ตีสุ ลกฺขเณสุ หิ เอกสฺมึ ทิฏฺเ อิตรทฺวยํ ทิฏฺเมว โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจสฺิโน, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาตี’’ติ. อนตฺตลกฺขเณ สุทิฏฺเ ‘‘อสฺมี’’ติ อุปฺปชฺชนกมาโน สุปฺปชโหว โหตีติ อาห ‘‘อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาตี’’ติ. ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานนฺติ ทิฏฺเว ธมฺเม อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อปจฺจยปรินิพฺพานํ ปาปุณาติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อสุภาทิภาวนานโย วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.

เมฆิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๕. นนฺทกสุตฺตาทิวณฺณนา

๔-๕. จตุตฺเถ อาคมยมาโนติ โอโลกยมาโน, พุทฺโธ สหสา อปวิสิตฺวา ยาว สา กถา นิฏฺาติ, ตาว อฏฺาสีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิทมโวจาติ อิทํ กถาวสานํ อุทิกฺขมาโน’’ติ. อนิจฺจทุกฺขาทิวเสน สพฺพธมฺมสนฺตีรณํ อธิปฺาวิปสฺสนาติ อาห ‘‘สงฺขารปริคฺคหวิปสฺสนาาณสฺสา’’ติ. มานสนฺติ ราโคปิ จิตฺตมฺปิ อรหตฺตมฺปิ. ‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓) เอตฺถ ราโค มานสํ. ‘‘จิตฺตํ มโน มานส’’นฺติ (ธ. ส. ๖) เอตฺถ จิตฺตํ. ‘‘อปฺปตฺตมานโส เสโข, กาลํ กยิรา ชเน สุตา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) เอตฺถ อรหตฺตํ. อิธาปิ อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. เตนาห ‘‘อปฺปตฺตมานสาติ อปฺปตฺตอรหตฺตา’’ติ. อปฺปตฺตํ มานสํ อรหตฺตํ เอเตหีติ อปฺปตฺตมานสา. อิทานิ จิตฺตปริยายเมว มานสสทฺทํ สนฺธายาห ‘‘อรหตฺตํ วา’’ติอาทิ. ปฺจมํ สุวิฺเยฺยเมว.

นนฺทกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เสวนาสุตฺตวณฺณนา

. ฉฏฺเ ชีวิตสมฺภาราติ ชีวิตปฺปวตฺติยา สมฺภารา ปจฺจยา. สมุทาเนตพฺพาติ สมฺมา าเยน อนวชฺชอุฺฉาจริยาทินา อุทฺธมุทฺธมาเนตพฺพา ปาปุณิตพฺพา. เต ปน สมุทานิตา สมาหตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาหริตพฺพา’’ติ. ทุกฺเขน อุปฺปชฺชนฺตีติ สุลภุปฺปาทา น โหนฺติ. เอเตน โคจรอสปฺปายาทิภาวํ ทสฺเสติ. รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วาติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘รตฺติโกฏฺาเส วา ทิวสโกฏฺาเส วา’’ติ. รตฺตึเยว ปกฺกมิตพฺพํ สมณธมฺมสฺส ตตฺถ อนิปฺผชฺชนโต. สงฺขาปีติ ‘‘ยทตฺถมหํ ปพฺพชิโต, น เมตํ อิธ นิปฺผชฺชติ, จีวราทิ ปน สมุทาคจฺฉติ, นาหํ ตทตฺถํ ปพฺพชิโต, กึ เม อิธ วาเสนา’’ติ ปฏิสงฺขายปิ. เตนาห ‘‘สามฺตฺถสฺส ภาวนาปาริปูริอคมนํ ชานิตฺวา’’ติ. อนนฺตรวาเร สงฺขาปีติ สมณธมฺมสฺส นิปฺผชฺชนภาวํ ชานิตฺวา. โส ปุคฺคโล อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ, นานุพนฺธิตพฺโพติ ‘‘โส ปุคฺคโล’’ติ ปทสฺส ‘‘นานุพนฺธิตพฺโพ’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ยสฺส เยน หิ สมฺพนฺโธ, ทูรฏฺเนปิ โส ภวติ. ตํ ปุคฺคลนฺติ โส ปุคฺคโลติ ปจฺจตฺตวจนํ อุปโยควเสน ปริณาเมตฺวา ตํ ปุคฺคลํ อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อตฺถวเสน หิ วิภตฺติปริณาโมติ. อาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ จ กตฺุกตเวทิตาย นิโยชนํ. เอวรูโปติ ยํ นิสฺสาย ภิกฺขุโน คุเณหิ วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, ปจฺจเยหิ น ปริสฺสโย, เอวรูโป ทณฺฑกมฺมาทีหิ นิคฺคณฺหาติ เจปิ, น ปริจฺจชิตพฺโพติ ทสฺเสติ ‘‘สเจปี’’ติอาทินา.

เสวนาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๑๐. สุตวาสุตฺตาทิวณฺณนา

๗-๑๐. สตฺตเม อภพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สฺจิจฺจ ปาณนฺติอาทิ เทสนาสีสเมว, โสตาปนฺนาทโยปิ ปน อภพฺพาว, ปุถุชฺชนขีณาสวานํ นินฺทาปสํสตฺถมฺปิ เอวํ วุตฺตํ. ปุถุชฺชโน นาม คารยฺโห มาตุฆาตาทีนิ กโรติ, ขีณาสโว ปน ปาสํโส กุนฺถกิปิลฺลิกฆาตาทีนิปิ น กโรตีติ. สนฺนิธิการกํ กาเม ปริภุฺชิตุนฺติ ยถา คิหิภูโต สนฺนิธึ กตฺวา วตฺถุกาเม ปริภุฺชติ, เอวํ ติลตณฺฑุลสปฺปินวนีตาทีนิ สนฺนิธึ กตฺวา อิทานิ ปริภุฺชิตุํ อภพฺโพติ อตฺโถ. วตฺถุกาเม ปน นิทหิตฺวา ปริภุฺชนฺตา ตนฺนิสฺสิตํ กิเลสกามมฺปิ นิทหิตฺวา ปริภุฺชนฺติ นามาติ อาห ‘‘วตฺถุกามกิเลสกาเม’’ติ. นนุ จ ขีณาสวสฺเสว วสนฏฺาเน ติลตณฺฑุลาทโย ปฺายนฺตีติ? น ปน เต อตฺตโน อตฺถาย นิเธนฺติ, อผาสุกปพฺพชิตาทีนํ อตฺถาย นิเธนฺติ. อนาคามิสฺส กถนฺติ? ตสฺสปิ ปฺจ กามคุณา สพฺพโสว ปหีนา, ธมฺเมน ปน ลทฺธํ วิจาเรตฺวา ปริภุฺชติ. อกปฺปิยกามคุเณ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ, น มฺจปีอตฺถรณปาวุรณาทิสนฺนิสฺสิตํ. เสยฺยาถาปิ ปุพฺเพ อคาริยภูโตติ ยถา ปุพฺเพ คิหิภูโต ปริภุฺชติ, เอวํ ปริภุฺชิตุํ อภพฺโพ. อคารมชฺเฌ วสนฺตา หิ โสตาปนฺนาทโย ยาวชีวํ คิหิพฺยฺชเนน ติฏฺนฺติ. ขีณาสโว ปน อรหตฺตํ ปตฺวาว มนุสฺสภูโต ปรินิพฺพาติ วา ปพฺพชติ วา. จาตุมหาราชิกาทีสุ กามาวจรเทเวสุ มุหุตฺตมฺปิ น ติฏฺติ. กสฺมา? วิเวกฏฺานสฺส อภาวา. ภุมฺมเทวตฺตภาเว ปน ิโต อรหตฺตํ ปตฺวาปิ ติฏฺติ วิเวกฏฺานสมฺภวา. อฏฺมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว.

สุตวาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมฺโพธิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สีหนาทวคฺโค

๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา

๑๑. ทุติยสฺส ปเม อวาปุเรนฺติ วิวรนฺติ ทฺวารํ เอเตนาติ อวาปุรณํ. รชํ หรนฺติ เอเตนาติ รโชหรณํ. กโฬปิหตฺโถติ วิลีวมยภาชนหตฺโถ, ‘‘จมฺมมยภาชนหตฺโถ’’ติ จ วทนฺติ. ฉินฺนานิ วิสาณานิ เอตสฺสาติ ฉินฺนวิสาโณ, อุสโภ จ โส ฉินฺนวิสาโณ จาติ อุสภฉินฺนวิสาโณ. วิเสสนปโรยํ สมาโส. อหิกุณเปน วาติอาทิ อติเชคุจฺฉปฺปฏิกูลกุณปทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. กณฺเ อาสตฺเตนาติ เกนจิเทว ปจฺจตฺถิเกน อาเนตฺวา กณฺเ พทฺเธน, โอมุกฺเกนาติ อตฺโถ. อฏฺโฏ อาตุโร ทุคฺคนฺธปีฬาย ปีฬิโต. อจฺจยสฺส ปฏิคฺคณฺหนํ วา อธิวาสนํ. เอวฺหิ โส การเณ เทสิยมาเน ตโต วิคโต นาม โหติ. เตนาห ‘‘ปฏิคฺคณฺหตูติ ขมตู’’ติ. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยเมว.

สีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สอุปาทิเสสสุตฺตวณฺณนา

๑๒. ทุติเย ภวสฺส อปฺปมตฺตกตา นาม อิตฺตรกาลตายาติ อาห ‘‘อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปี’’ติ.

สอุปาทิเสสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. โกฏฺิกสุตฺตวณฺณนา

๑๓. ตติเย ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต อตฺตภาโว, ตสฺมึ เวทิตพฺพํ ผลํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. เตนาห ‘‘อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว’’ติ. จตุปฺปฺจกฺขนฺธผลตาย สฺาภวูปคํ กมฺมํ พหุเวทนียํ. เอกกฺขนฺธผลตฺตา อสฺาภวูปคํ กมฺมํ ‘‘อปฺปเวทนีย’’นฺติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘อรูปาวจรกมฺมํ พหุกาลํ เวทิตพฺพผลตฺตา พหุเวทนียํ, อิตรํ อปฺปเวทนียํ. รูปารูปาวจรกมฺมํ วา พหุเวทนียํ, ปริตฺตํ กมฺมํ อปฺปเวทนีย’’นฺติ วทนฺติ. เวทนียนฺติ ปจฺจยนฺตรสมวาเย วิปากุปฺปาทนสมตฺถํ, น อารทฺธวิปากเมว. อเวทนียนฺติ ปจฺจยเวกลฺเลน วิปจฺจิตุํ อสมตฺถํ อโหสิกมฺมาทิเภทํ.

โกฏฺิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา

๑๔. จตุตฺเถ สมิทฺธีติ เถรสฺส กิร อตฺตภาโว สมิทฺโธ อภิรูโป ปาสาทิโก, ตสฺมา สมิทฺธีตฺเวว สงฺขาโต. เตนาห ‘‘อตฺตภาวสมิทฺธตายา’’ติอาทิ. รูปธาตุอาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน สทฺทธาตุอาทึ สงฺคณฺหาติ.

สมิทฺธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๙. คณฺฑสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๕-๑๙. ปฺจเม มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺสาติ มาติโต จ ปิติโต จ นิพฺพตฺเตน มาตาเปตฺติเกน สุกฺกโสณิเตน สมฺภูตสฺส. อุจฺฉาทนธมฺมสฺสาติ อุจฺฉาเทตพฺพสภาวสฺส. ปริมทฺทนธมฺมสฺสาติ ปริมทฺทิตพฺพสภาวสฺส. เอตฺถ จ โอทนกุมฺมาสูปจยอุจฺฉาทนปเทหิ วฑฺฒิ กถิตา, อนิจฺจเภทนวิทฺธํสนปเทหิ หานิ. ปุริเมหิ วา สมุทโย, ปจฺฉิเมหิ อตฺถงฺคโมติ เอวํ จาตุมหาภูติกสฺส กายสฺส วฑฺฒิปริหานินิพฺพตฺติเภทา ทสฺสิตา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. ฉฏฺาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

คณฺฑสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. เวลามสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสเม สกุณฺฑกภตฺตนฺติ สกุณฺฑกํ อุตฺตณฺฑุลภตฺตํ. ปริตฺเตหิ สกุณฺเฑหิ ตณฺฑุเลหิปิ สทฺธึ วิปกฺกภตฺตํ อุตฺตณฺฑุลเมว โหติ. พิฬงฺคํ วุจฺจติ อารนาฬํ, พิฬงฺคโต นิพฺพตฺตนโต ตเทว กฺชิยโต ชาตนฺติ กฺชิยํ, ตํ ทุติยํ เอตสฺสาติ พิฬงฺคทุติยํ, ตํ กฺชิยทุติยนฺติ วุตฺตํ. อสกฺกริตฺวาติ เทยฺยธมฺมมฺปิ ปุคฺคลมฺปิ อสกฺกริตฺวา. เทยฺยธมฺมสฺส อสกฺกรณํ อสมฺปนฺนกาโร, ปุคฺคลสฺส อสกฺกรณํ อครุกรณํ. เทยฺยธมฺมํ อสกฺกโรนฺโต หิ อุตฺตณฺฑุลาทิโทสสมนฺนาคตํ อาหารํ เทติ, น สมฺปนฺนํ กโรติ. ปุคฺคลํ อสกฺกโรนฺโต นิสีทนฏฺานํ อสมฺมชฺชิตฺวา ยตฺถ ตตฺถ วา นิสีทาเปตฺวา ยํ วา ตํ วา ทารกํ เปเสตฺวา เทติ. อจิตฺตีกตฺวาติ น จิตฺตึ กตฺวา, น ปูเชตฺวาติ อตฺโถ. ปูเชนฺโต หิ ปูเชตพฺพวตฺถุํ จิตฺเต เปติ, น ตโต พหิ กโรติ. จิตฺตํ วา อจฺฉริยํ กตฺวา ปฏิปตฺติ จิตฺตีกรณํ สมฺภาวนกิริยา, ตปฺปฏิกฺเขปโต อจิตฺตีกรณํ อสมฺภาวนกิริยา. อปวิทฺธนฺติ อุจฺฉิฏฺาทิฉฑฺฑนียธมฺมํ วิย อวขิตฺตกํ. โย หิ ฉฑฺเฑตุกาโม หุตฺวา โรคิโน สรีเร โอทนาทีนิ มชฺชิตฺวา วมฺมิเก โรคํ ปกฺขิปนฺโต วิย เทติ, อยํ อปวิทฺธํ เทติ นาม. อนาคมนทิฏฺิโกติ ‘‘อทฺธา อิมสฺส ทานสฺส ผลํ มม อาคจฺฉตี’’ติ เอวํ ยสฺส กมฺมสฺสกตทิฏฺิ อตฺถิ, โส อาคมนทิฏฺิโก. อยํ ปน น ตาทิโสติ อนาคมนทิฏฺิโก, ผลํ ปาฏิกงฺขํ หุตฺวา น เทตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหิตฺวา เทตี’’ติ.

เวลาโมติ เอตฺถ มา-สทฺโท ปฏิเสธวจโน. ชาติโคตฺตรูปโภคาทิคุณานํ เวลา มริยาทา นตฺถิ เอตสฺมินฺติ เวลาโม. อถ วา ยถาวุตฺตคุณานํ เวลา มริยาทา อมติ โอสานํ คจฺฉติ เอตสฺมินฺติ เวลาโม, เวลํ วา มริยาทํ อมติ คจฺฉติ อติกฺกมตีติ เวลาโม. เตนาห ‘‘ชาติโคตฺต…เป… เอวํลทฺธนาโม’’ติ. ทียตีติ ทานํ, ทานวตฺถุ. ตํ อคฺคียติ นิสฺสชฺชียติ เอตฺถาติ ทานคฺคํ. ทานํ วา คณฺหนฺติ เอตฺถาติ ทานคฺคํ, เอวํ ภตฺตคฺคํ, ปริเวสนฏฺานํ. ทุกูลสนฺทนานีติ รชตภาชนาทินิสฺสิเต ทุกูเล ขีรสฺส สนฺทนํ เอเตสนฺติ ทุกูลสนฺทนานิ. กํสูปธารณานีติ รชตมยโทหภาชนานิ. เตนาห ‘‘รชตมยขีรปฏิจฺฉกานี’’ติ. รชตมยานิ ขีรปฏิจฺฉกานิ ขีรปฏิคฺคหภาชนานิ เอเตสนฺติ รชตมยขีรปฏิจฺฉกานิ. โสเธยฺยาติ มหปฺผลภาวกรเณน วิโสเธยฺย. มหปฺผลภาวปฺปตฺติยา หิ ทกฺขิณา วิสุชฺฌติ นาม.

มคฺเคนาคตํ อนิวตฺตนสรณนฺติ อิมินา โลกุตฺตรสรณคมนํ ทีเปติ. อปเรติอาทินา โลกิยสรณคมนํ วุตฺตํ. สรณํ นาม ติณฺณํ รตนานํ ชีวิตปริจฺจาคมยํ ปุฺํ สพฺพสมฺปตฺตึ เทติ, ตสฺมา มหปฺผลตรนฺติ อธิปฺปาโย. อิทฺจ – ‘‘สเจ ตฺวํ ยถา คหิตํ สรณํ น ภินฺทิสฺสสิ, เอวาหํ ตํ มาเรมี’’ติ ยทิปิ โกจิ ติณฺเหน สตฺเถน ชีวิตา โวโรเปยฺย, ตถาปิ ‘‘เนวาหํ พุทฺธํ น พุทฺโธติ, ธมฺมํ น ธมฺโมติ, สงฺฆํ น สงฺโฆติ วทามี’’ติ ทฬฺหตรํ กตฺวา คหิตสฺส วเสน วุตฺตํ. มคฺเคนาคตนฺติ โลกุตฺตรสีลํ สนฺธาย วทติ. อปเรติอาทินา ปน โลกิยสีลํ วุตฺตํ. สพฺเพสํ สตฺตานํ ชีวิตทานาทินิหิตทณฺฑตาย สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณาธิฏฺานโต จสฺส มหปฺผลมหานิสํสตา เวทิตพฺพา.

อุปสิงฺฆนมตฺตนฺติ ฆายนมตฺตํ. คทฺโทหนมตฺตนฺติ ปานฺตเร โคโทหนมตฺตํ กาลนฺติ อตฺโถ. โส จ น สกโล โคโทหนกฺขโณ อธิปฺเปโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘คาวิยา เอกวารํ ถนอฺฉนมตฺต’’นฺติ อตฺโถ วุตฺโต. อฺฉนมตฺตนฺติ อากฑฺฒนมตฺตํ. คาวิยา ถนํ คเหตฺวา เอกขีรพินฺทุทุหนกาลมตฺตมฺปิ คทฺทุหนมตฺตนฺติ วทนฺติ. เอตฺตกมฺปิ หิ กาลํ โย วสนคพฺภปริเวณวิหารูปจารปริจฺเฉเทน วา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต หิตผรณํ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตุํ สกฺโกติ. อิทํ ตโต ยถาวุตฺตทานาทิโต มหปฺผลตรํ.

เวลามสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

สีหนาทวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สตฺตาวาสวคฺโค

๑. ติานสุตฺตวณฺณนา

๒๑. ตติยสฺส ปเม อมมาติ วตฺถาภรณปานโภชนาทีสุปิ มมตฺตวิรหิตา. อปริคฺคหาติ อิตฺถิปริคฺคเหน อปริคฺคหา. เตสํ กิร ‘‘อยํ มยฺหํ ภริยา’’ติ มมตฺตํ น โหติ, มาตรํ วา ภคินึ วา ทิสฺวา ฉนฺทราโค น อุปฺปชฺชติ. ธมฺมตาสิทฺธสฺส สีลสฺส อานุภาเวน ปุตฺเต ทิฏฺมตฺเต เอว มาตุถนโต ถฺํ ปคฺฆรติ, เตน สฺาเณน เนสํ มาตริ ปุตฺตสฺส มาตุสฺา, มาตุ จ ปุตฺเต ปุตฺตสฺา ปจฺจุปฏฺิตาติ เกจิ.

อปิเจตฺถ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑ เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) อุตฺตรกุรุกานํ ปุฺานุภาวสิทฺโธ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กิร เตสุ เตสุ ปเทเสสุ ฆนนิจิตปตฺตสฺฉนฺนสาขาปสาขา กูฏาคารสมา มโนรมา รุกฺขา เตสํ มนุสฺสานํ นิเวสนกิจฺจํ สาเธนฺติ. ยตฺถ สุขํ นิวสนฺติ, อฺเปิ ตตฺถ รุกฺขา สุชาตา สพฺพทาปิ ปุปฺผิตคฺคา ติฏฺนฺติ. ชลาสยาปิ วิกสิตกมลกุวลยปุณฺฑรีกโสคนฺธิกาทิปุปฺผสฺฉนฺนา สพฺพกาลํ ปรมสุคนฺธํ สมนฺตโต ปวายนฺตา ติฏฺนฺติ. สรีรมฺปิ เตสํ อติทีฆาทิโทสรหิตํ อาโรหปริณาหสมฺปนฺนํ ชราย อนภิภูตตฺตา วลิตปลิตาทิโทสวิรหิตํ ยาวตายุกํ อปริกฺขีณชวพลปรกฺกมโสภเมว หุตฺวา ติฏฺติ. อนุฏฺานผลูปชีวิตาย น จ เนสํ กสิวณิชฺชาทิวเสน อาหารปริเยฏฺิวเสน ทุกฺขํ อตฺถิ, ตโต เอว น ทาสทาสิกมฺมกราทิปริคฺคโห อตฺถิ, น จ ตตฺถ สีตุณฺหฑํสมกสวาตาตปสรีสปวาฬาทิปริสฺสโย อตฺถิ. ยถา นาเมตฺถ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺจูสเวลายํ สมสีตุณฺโห อุตุ โหติ, เอวเมว สพฺพกาลํ ตตฺถ สมสีตุณฺโหว อุตุ โหติ, น จ เนสํ โกจิ อุปฆาโต วิเหสา วา อุปฺปชฺชติ. อกฏฺปากิเมว สาลึ อกณํ อถุสํ สุทฺธํ สุคนฺธํ ตณฺฑุลปฺผลํ ปริภุฺชนฺติ. ตํ ภุฺชนฺตานํ เนสํ กุฏฺํ, คณฺโฑ, กิลาโส, โสโส, กาโส, สาโส, อปมาโร, ชโรติ เอวมาทิโก น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติ, น จ เต ขุชฺชา วา วามนา วา กาณา วา กุณี วา ขฺชา วา ปกฺขหตา วา วิกลงฺคา วา วิกลินฺทฺริยา วา โหนฺติ.

อิตฺถิโยปิ ตตฺถ นาติทีฆา, นาติรสฺสา, นาติกิสา, นาติถูลา, นาติกาฬา, นจฺโจทาตา, โสภคฺคปฺปตฺตรูปา โหนฺติ. ตถา หิ ทีฆงฺคุลี, ตมฺพนขา, อลมฺพถนา, ตนุมชฺฌา, ปุณฺณจนฺทมุขี, วิสาลกฺขี, มุทุคตฺตา, สหิโตรู, โอทาตทนฺตา, คมฺภีรนาภี, ตนุชงฺฆา, ทีฆนีลเวลฺลิตเกสี, ปุถุลสุสฺโสณี, นาติโลมา, นาโลมา, สุภคา, อุตุสุขสมฺผสฺสา, สณฺหา, สขิลา, สุขสมฺภาสา, นานาภรณวิภูสิตา วิจรนฺติ. สพฺพทาปิ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหนฺติ, ปุริสา จ ปฺจวีสติวสฺสุทฺเทสิกา วิย. น ปุตฺตทาเรสุ รชฺชนฺติ. อยํ ตตฺถ ธมฺมตา.

สตฺตาหิกเมว จ ตตฺถ อิตฺถิปุริสา กามรติยา วิหรนฺติ. ตโต วีตราคา วิย ยถาสกํ คจฺฉนฺติ, น ตตฺถ อิธ วิย คพฺโภกฺกนฺติมูลกํ, คพฺภปริหรณมูลกํ, วิชายนมูลกํ วา ทุกฺขํ โหติ. รตฺตกฺจุกโต กฺจนปฏิมา วิย ทารกา มาตุกุจฺฉิโต อมกฺขิตา เอว เสมฺหาทินา สุเขเนว นิกฺขมนฺติ. อยํ ตตฺถ ธมฺมตา.

มาตา ปน ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา วิชายิตฺวา เต วิจรณกปฺปเทเส เปตฺวา อนเปกฺขา ยถารุจิ คจฺฉติ. เตสํ ตตฺถ สยิตานํ เย ปสฺสนฺติ ปุริสา วา อิตฺถิโย วา, เต อตฺตโน องฺคุลิโย อุปนาเมนฺติ. เตสํ กมฺมพเลน ตโต ขีรํ ปวตฺตติ, เตน เต ทารกา ยาเปนฺติ. เอวํ ปน วฑฺเฒนฺตา กติปยทิวเสเหว ลทฺธพลา หุตฺวา ทาริกา อิตฺถิโย อุปคจฺฉนฺติ, ทารกา ปุริเส. กปฺปรุกฺขโต เอว จ เตสํ ตตฺถ วตฺถาภรณานิ นิปฺผชฺชนฺติ. นานาวิราควณฺณวิจิตฺตานิ หิ สุขุมานิ มุทุสุขสมฺผสฺสานิ วตฺถานิ ตตฺถ ตตฺถ กปฺปรุกฺเขสุ โอลมฺพนฺตานิ ติฏฺนฺติ. นานาวิธรสฺมิชาลสมุชฺชลวิวิธวณฺณรตนวินทฺธานิ อเนกวิธมาลากมฺมลตากมฺมภิตฺติกมฺมวิจิตฺตานิ สีสูปคคีวูปคหตฺถูปคกฏูปคปาทูปคานิ โสวณฺณมยานิ อาภรณานิ กปฺปรุกฺขโต โอลมฺพนฺติ. ตถา วีณามุทิงฺคปณวสมฺมตาฬสงฺขวํสเวตาฬปริวาทินีวลฺลกีปภุติกา ตูริยภณฺฑาปิ ตโต ตโต โอลมฺพนฺติ. ตตฺถ พหู ผลรุกฺขา กุมฺภมตฺตานิ ผลานิ ผลนฺติ มธุรรสานิ, ยานิ ปริภุฺชิตฺวา เต สตฺตาหมฺปิ ขุปฺปิปาสาหิ น พาธียนฺติ.

นชฺโชปิ ตตฺถ สุวิสุทฺธชลา สุปฺปติตฺถา รมณียา อกทฺทมา วาลุกตลา นาติสีตา นจฺจุณฺหา สุรภิคนฺธีหิ ชลชปุปฺเผหิ สฺฉนฺนา สพฺพกาลํ สุรภี วายนฺติโย สนฺทนฺติ, น ตตฺถ กณฺฏกิกา กกฺขฬคจฺฉลตา โหนฺติ, อกณฺฏกา ปุปฺผผลสมฺปนฺนา เอว โหนฺติ, จนฺทนนาครุกฺขา สยเมว รสํ ปคฺฆรนฺติ, นหายิตุกามา จ นทิติตฺเถ เอกชฺฌํ วตฺถาภรณานิ เปตฺวา นทึ โอตริตฺวา นฺหตฺวา อุตฺติณฺณุตฺติณฺณา อุปริฏฺิมํ อุปริฏฺิมํ วตฺถาภรณํ คณฺหนฺติ, น เตสํ เอวํ โหติ ‘‘อิทํ มม, อิทํ ปรสฺสา’’ติ. ตโต เอว น เตสํ โกจิ วิคฺคโห วา วิวาโท วา. สตฺตาหิกา เอว จ เนสํ กามรติกีฬา โหติ, ตโต วีตราคา วิย วิจรนฺติ. ยตฺถ จ รุกฺเข สยิตุกามา โหนฺติ, ตตฺเถว สยนํ อุปลพฺภติ. มเต จ สตฺเต ทิสฺวา น โรทนฺติ น โสจนฺติ. ตฺจ มณฺฑยิตฺวา นิกฺขิปนฺติ. ตาวเทว จ เนสํ ตถารูปา สกุณา อุปคนฺตฺวา มตํ ทีปนฺตรํ เนนฺติ, ตสฺมา สุสานํ วา อสุจิฏฺานํ วา ตตฺถ นตฺถิ, น จ ตโต มตา นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา เปตฺติวิสยํ วา อุปปชฺชนฺติ. ธมฺมตาสิทฺธสฺส ปฺจสีลสฺส อานุภาเวน เต เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺตีติ วทนฺติ. วสฺสสหสฺสเมว จ เนสํ สพฺพกาลํ อายุปฺปมาณํ, สพฺพเมตํ เตสํ ปฺจสีลํ วิย ธมฺมตาสิทฺธเมวาติ.

ติานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตณฺหามูลกสุตฺตวณฺณนา

๒๓. ตติเย (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๐๓) เอสนตณฺหาติ โภคานํ ปริเยสนวเสน ปวตฺตา ตณฺหา. เอสิตตณฺหาติ ปริยิฏฺเสุ โภเคสุ อุปฺปชฺชมานตณฺหา. ปริตสฺสนวเสน ปริเยสติ เอตายาติ ปริเยสนา, อาสยโต ปโยคโต จ ปริเยสนา ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท. เตนาห ‘‘ตณฺหาย สติ โหตี’’ติ. รูปาทิอารมฺมณปฺปฏิลาโภติ สวตฺถุกานํ รูปาทิอารมฺมณานํ คเวสนวเสน ปฏิลาโภ. ยํ ปน อปริยิฏฺํเยว ลพฺภติ, ตมฺปิ อตฺถโต ปริเยสนาย ลทฺธเมว นาม ตถารูปสฺส กมฺมสฺส ปุพฺเพกตตฺตา เอว ลพฺภนโต. เตนาห ‘‘โส หิ ปริเยสนาย สติ โหตี’’ติ.

สุขวินิจฺฉยนฺติ สุขํ วิเสสโต นิจฺฉิโนตีติ สุขวินิจฺฉโย. สุขํ สภาวโต สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อาทีนวโต นิสฺสรณโต จ ยาถาวโต ชานิตฺวา ปวตฺตาณํว สุขวินิจฺฉยํ. ชฺาติ ชาเนยฺย. ‘‘สุภํ สุข’’นฺติอาทิกํ อารมฺมเณ อภูตาการํ วิวิธํ นินฺนภาเวน จิโนติ อาโรเปตีติ วินิจฺฉโย, อสฺสาทานุปสฺสนา ตณฺหา. ทิฏฺิยาปิ เอวเมว วินิจฺฉยภาโว เวทิตพฺโพ. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต วิตกฺโกเยว อาคโตติ โยชนา. อิมสฺมึ ปน สุตฺเตติ สกฺกปฺหสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๕๘). ตตฺถ หิ ‘‘ฉนฺโท โข, เทวานมินฺท, วิตกฺกนิทาโน’’ติ อาคตํ. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. วิตกฺเกเนว วินิจฺฉินนฺตีติ เอเตน ‘‘วินิจฺฉินติ เอเตนาติ วินิจฺฉโย’’ติ วินิจฺฉยสทฺทสฺส กรณสาธนมาห. เอตฺตกนฺติอาทิ วินิจฺฉยนาการทสฺสนํ.

ฉนฺทนฏฺเน ฉนฺโท, เอวํ รฺชนฏฺเน ราโคติ ฉนฺทราโค. สฺวายํ อนาเสวนตาย มนฺโท หุตฺวา ปวตฺโต อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ทุพฺพลราคสฺสาธิวจน’’นฺติ. อชฺโฌสานนฺติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินิเวสนํ. ‘‘มยฺหํ อิท’’นฺติ หิ ตณฺหาคาโห เยภุยฺเยน อตฺตคฺคาหสนฺนิสฺสโยว โหติ. เตนาห ‘‘อหํ มมนฺตี’’ติ. พลวสนฺนิฏฺานนฺติ จ เตสํ คาหานํ ถิรภาวปฺปตฺติมาห. ตณฺหาทิฏฺิวเสน ปริคฺคหกรณนฺติ อหํ มมนฺติ พลวสนฺนิฏฺานวเสน อภินิวิฏฺสฺส อตฺตตฺตนิยคฺคาหวตฺถุโน อฺาสาธารณํ วิย กตฺวา ปริคฺคเหตฺวา านํ, ตถาปวตฺโต โลภสหคตจิตฺตุปฺปาโท. อตฺตนา ปริคฺคหิตสฺส วตฺถุโน ยสฺส วเสน ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหมาโน โหติ ปุคฺคโล, โส ธมฺโม อสหนตา. เอวํ วจนตฺถํ วทนฺติ นิรุตฺตินเยน. สทฺทลกฺขเณน ปน ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน มจฺฉริยโยคโต ปุคฺคโล มจฺฉโร, ตสฺส ภาโว, กมฺมํ วา มจฺฉริยํ, มจฺฉโร ธมฺโม. มจฺฉริยสฺส พลวภาวโต อาทเรน รกฺขณํ อารกฺโขติ อาห ‘‘ทฺวาร…เป… สุฏฺุ รกฺขณ’’นฺติ.

อตฺตโน ผลํ กโรตีติ กรณํ, ยํ กิฺจิ การณํ. อธิกํ กรณนฺติ อธิกรณํ, วิเสสการณํ. วิเสสการณฺจ โภคานํ อารกฺขทณฺฑาทานาทิอนตฺถสมฺภวสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘อารกฺขาธิกรณ’’นฺติอาทิ. ปรนิเสธนตฺถนฺติ มารณาทินา ปเรสํ วิพาธนตฺถํ. อาทิยนฺติ เอเตนาติ อาทานํ, ทณฺฑสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ, ทณฺฑํ อาหริตฺวา ปรวิเหนจิตฺตุปฺปาโท. สตฺถาทาเนปิ เอเสว นโย. หตฺถปรามาสาทิวเสน กาเยน กาตพฺโพ กลโห กายกลโห. มมฺมฆฏฺฏนาทิวเสน วาจาย กาตพฺโพ กลโห วาจากลโห. วิรุชฺฌนวเสน วิรูปํ คณฺหาติ เอเตนาติ วิคฺคโห. วิรุทฺธํ วทติ เอเตนาติ วิวาโท. ‘‘ตุวํ ตุว’’นฺติ อคารววจนสหจรณโต ตุวํตุวํ. สพฺเพปิ เต ตถาปวตฺตโทสสหคตา จิตฺตุปฺปาทา เวทิตพฺพา. เตนาห ภควา ‘‘อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติ.

ตณฺหามูลกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔-๕. สตฺตาวาสสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๔-๒๕. จตุตฺเถ สตฺตา อาวสนฺติ เอเตสูติ สตฺตาวาสา, นานตฺตสฺิอาทิเภทา สตฺตนิกายา. ยสฺมา เต เต สตฺตนิวาสา ตปฺปริยาปนฺนานํ สตฺตานํ ตาย เอว ตปฺปริยาปนฺนตาย อาธาโร วิย วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ. สมุทายาจาโร หิ อวยวสฺส ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ, ตสฺมา ‘‘สตฺตานํ อาวาสา, วสนฏฺานานีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. สุทฺธาวาสาปิ สตฺตาวาโสว ‘‘น โส, ภิกฺขเว, สตฺตาวาโส สุลภรูโป, โย มยา อนาวุตฺถปุพฺโพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อฺตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๑) วจนโต. ยทิ เอวํ เต กสฺมา อิธ น คหิตาติ ตตฺถ การณมาห ‘‘อสพฺพกาลิกตฺตา’’ติอาทิ. เวหปฺผลา ปน จตุตฺเถเยว สตฺตาวาเส ภชนฺตีติ ทฏฺพฺพํ. ปฺจมํ อุตฺตานเมว.

สตฺตาวาสสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สิลายูปสุตฺตวณฺณนา

๒๖. ฉฏฺเ ปมาณมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส จตุวีสตงฺคุลิโก หตฺโถ กุกฺกุ, ‘‘กกฺกู’’ติปิ ตสฺเสว นามํ. อฏฺ กุกฺกู อุปริ เนมสฺสาติ อฏฺ หตฺถา อาวาฏสฺส อุปริ อุคฺคนฺตฺวา ิตา ภเวยฺยุํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

สิลายูปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ปมเวรสุตฺตวณฺณนา

๒๗. สตฺตเม (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒๔๑) ยโตติ ยสฺมึ กาเล. อยฺหิ โต-สทฺโท ทา-สทฺโท วิย อิธ กาลวิสโย, ยทาติ วุตฺตํ โหติ. ภยานิ เวรานีติ ภียเต ภยํ, ภเยน โยคา, ภายิตพฺเพน วา ภยํ เอว เวรปฺปสวฏฺเน เวรนฺติ จ ลทฺธนามา เจตนาทโย. ปาณาติปาตาทโย หิ ยสฺส ปวตฺตนฺติ, ยฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตียนฺติ, อุภเยสฺจ เวราวหา, ตโต เอว เจเต ภายิตพฺพา เวรสฺชนกา นามาติ. โสตสฺส อริยมคฺคสฺส อาทิโต ปชฺชนํ ปฏิปตฺติ อธิคโม โสตาปตฺติ. ตทตฺถาย ตตฺถ ปติฏฺิตสฺส จ องฺคานิ โสตาปตฺติยงฺคานิ. ทุวิธฺหิ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๔๑) โสตาปตฺติยงฺคํ โสตาปตฺติอตฺถาย จ องฺคํ การณํ, ยํ โสตาปตฺติมคฺคปฺปฏิลาภโต ปุพฺพภาเค โสตาปตฺติปฺปฏิลาภาย สํวตฺตติ, ‘‘สปฺปุริสสํเสโว สทฺธมฺมสฺสวนํ โยนิโสมนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๑) เอวํ อาคตํ. ปฏิลทฺธคุณสฺส จ โสตาปตฺตึ ปตฺวา ิตสฺส องฺคํ, ยํ ‘‘โสตาปนฺนสฺส องฺค’’นฺติปิ วุจฺจติ ‘‘โสตาปนฺโน องฺคียติ ายติ เอเตนา’’ติ กตฺวา, พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาทาทีนํ เอตํ อธิวจนํ. อิทมิธาธิปฺเปตํ.

ขีณนิรโยติอาทีสุ อายตึ ตตฺถ อนุปฺปชฺชนตาย ขีโณ นิรโย มยฺหติ, โส อหํ ขีณนิรโย. เอส นโย สพฺพตฺถ. โสตาปนฺโนติ มคฺคโสตํ อาปนฺโน. อวินิปาตธมฺโมติ น วินิปาตสภาโว. นิยโตติ ปมมคฺคสงฺขาเตน สมฺมตฺตนิยาเมน นิยโต. สมฺโพธิปรายโณติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาโต สมฺโพธิ ปรํ อยนํ มยฺหนฺติ โสหํ สมฺโพธิปรายโณ, สมฺโพธึ อวสฺสํ อภิสมฺพุชฺฌนโกติ อตฺโถ.

ปาณาติปาตปจฺจยาติ ปาณาติปาตกมฺมสฺส กรณเหตุ. ภยํ เวรนฺติ อตฺถโต เอกํ. เวรํ วุจฺจติ วิโรโธ, ตเทว ภายิตพฺพโต ‘‘ภย’’นฺติ วุจฺจติ. ตฺจ ปเนตํ ทุวิธํ โหติ – พาหิรํ, อชฺฌตฺติกนฺติ. เอเกน หิ เอกสฺส ปิตา มาริโต โหติ. โส จินฺเตติ ‘‘เอเตน กิร เม ปิตา มาริโต, อหมฺปิ ตํเยว มาเรสฺสามี’’ติ นิสิตํ สตฺถํ อาทาย จรติ. ยา ตสฺส อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนา เวรเจตนา, อิทํ พาหิรํ เวรํ นาม ตสฺส เวรสฺส มูลภูตโต เวรการกปุคฺคลโต พหิภาวตฺตา. ยา ปน อิตรสฺส ‘‘อยํ กิร มํ มาเรสฺสามีติ จรติ, อหเมว นํ ปมตรํ มาเรสฺสามี’’ติ เจตนา อุปฺปชฺชติ, อิทํ อชฺฌตฺติกํ เวรํ นาม. อิทํ ตาว อุภยมฺปิ ทิฏฺธมฺมิกเมว. ยา ปน ตํ นิรเย อุปฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ ปหริสฺสามี’’ติ ชลิตํ อยมุคฺครํ คณฺหนฺตสฺส นิรยปาลสฺส เจตนา อุปฺปชฺชติ, อิทมสฺส สมฺปรายิกํ พาหิรํ เวรํ. ยา จสฺส ‘‘อยํ นิทฺโทสํ มํ ปหริสฺสามีติ อาคจฺฉติ, อหเมว นํ ปมตรํ ปหริสฺสามี’’ติ เจตนา อุปฺปชฺชติ, อิทมสฺส สมฺปรายิกํ อชฺฌตฺตํ เวรํ. ยํ ปเนตํ พาหิรํ เวรํ, ตํ อฏฺกถาสุ ‘‘ปุคฺคลเวร’’นฺติ วุจฺจติ. ทุกฺขํ โทมนสฺสนฺติ อตฺถโต เอกเมว. ยถา เจตฺถ, เอวํ เสเสสุปิ ‘‘อิมินา มม ภณฺฑํ หฏํ, มยฺหํ ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปนฺนํ, มุสา วตฺวา อตฺโถ ภคฺโค, สุรามทมตฺเตน อิทํ นาม กต’’นฺติอาทินา นเยน เวรปฺปวตฺติ เวทิตพฺพา.

อเวจฺจปฺปสาเทนาติ อธิคเตน อจลปฺปสาเทน. อริยกนฺเตหีติ ปฺจหิ สีเลหิ. ตานิ หิ อริยานํ กนฺตานิ ปิยานิ ภวนฺติ, ภวนฺตรคตาปิ อริยา ตานิ น วิชหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อริยกนฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติ. เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค อนุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ปมเวรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อาฆาตวตฺถุสุตฺตวณฺณนา

๒๙. นวเม วสติ เอตฺถ ผลํ ตนฺนิมิตฺตตาย ปวตฺตตีติ วตฺถุ, การณนฺติ อาห ‘‘อาฆาตวตฺถูนี’’ติ. โกโป นามายํ ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ อุปฺปชฺชติ, น ตตฺถ เอกวารเมว อุปฺปชฺชติ, อถ โข ปุนปิ อุปฺปชฺชเตวาติ วุตฺตํ ‘‘พนฺธตี’’ติ. อถ วา โย ปจฺจยวิเสเสน อุปฺปชฺชมาโน อาฆาโต สวิสเย พทฺโธ วิย น วิคจฺฉติ, ปุนปิ อุปฺปชฺชเตว. ตํ สนฺธายาห ‘‘อาฆาตํ พนฺธตี’’ติ. ตํ ปนสฺส ปจฺจยวเสน นิพฺพตฺตนํ อุปฺปาทนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘อุปฺปาเทตี’’ติ.

อาฆาตวตฺถุสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อาฆาตปฏิวินยสุตฺตวณฺณนา

๓๐. ทสเม ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ เอตฺถ นฺติ กิริยาปรามสนํ. ปทชฺฌาหาเรน จ อตฺโถ เวทิตพฺโพติ ‘‘ตํ อนตฺถจรณํ มา อโหสี’’ติอาทิมาห. เกน การเณน ลทฺธพฺพํ นิรตฺถกภาวโต. กมฺมสฺสกา หิ สตฺตา. เต กสฺส รุจิยา ทุกฺขิตา สุขิตา วา ภวนฺติ, ตสฺมา เกวลํ ตสฺมึ มยฺหํ อนตฺถจรณํ, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ อธิปฺปาโย. อถ วา ตํ โกปการณํ เอตฺถ ปุคฺคเล กุโต ลพฺภา ปรมตฺถโต กุชฺฌิตพฺพสฺส กุชฺฌนกสฺส จ อภาวโต. สงฺขารมตฺตฺเหตํ, ยทิทํ ขนฺธปฺจกํ ยํ ‘‘สตฺโต’’ติ วุจฺจติ, เต สงฺขารา อิตฺตรขณิกา, กสฺส โก กุชฺฌตีติ อตฺโถ. ลาภา นาม เก สิยุํ อฺตฺร อนตฺถุปฺปตฺติโต.

อาฆาตปฏิวินยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. อนุปุพฺพนิโรธสุตฺตวณฺณนา

๓๑. เอกาทสเม อนุปุพฺพนิโรธาติ อนุปุพฺเพน อนุกฺกเมน ปวตฺเตตพฺพนิโรธา. เตนาห ‘‘อนุปฏิปาฏินิโรธา’’ติ.

อนุปุพฺพนิโรธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

สตฺตาวาสวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. มหาวคฺโค

๑. อนุปุพฺพวิหารสุตฺตวณฺณนา

๓๒. จตุตฺถสฺส ปเม อนุปุพฺพโต วิหริตพฺพาติ อนุปุพฺพวิหารา. อนุปฏิปาฏิยาติ อนุกฺกเมน. สมาปชฺชิตพฺพวิหาราติ สมาปชฺชิตฺวา สมงฺคิโน หุตฺวา วิหริตพฺพวิหารา.

อนุปุพฺพวิหารสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๓. อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺติสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๓-๓๔. ทุติเย ฉาตํ วุจฺจติ ตณฺหาทิฏฺิโย กามานํ ปาตพฺพโต ตาสํ วเสน วตฺตนโต, ตนฺนินฺนตฺตา นตฺถิ เอเตสุ ฉาตนฺติ นิจฺฉาตา. เตนาห ‘‘ตณฺหาทิฏฺิจฺฉาตาน’’นฺติอาทิ. ตติเย นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺติสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. คาวีอุปมาสุตฺตวณฺณนา

๓๕. จตุตฺเถ ปพฺพตจารินีติ ปกติยา ปพฺพเต พหุลจารินี. อเขตฺตฺูติ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๗๗) อโคจรฺู. สมาธิปริปนฺตานํ วิโสธนานภิฺตาย พาโล. ฌานสฺส ปคุณภาวาปาทนเวยฺยตฺติยสฺส อภาเวน อพฺยตฺโต. อุปริฌานสฺส ปทฏฺานภาวานวโพเธน อเขตฺตฺู. สพฺพถาปิ สมาปตฺติโกสลฺลาภาเวน อกุสโล. สมาธินิมิตฺตสฺส วา อนาเสวนาย พาโล. อภาวนาย อพฺยตฺโต. อพหุลีกาเรน อเขตฺตฺู. สมฺมเทว อนธิฏฺานโต อกุสโลติ โยเชตพฺพํ. อุภโต ภฏฺโติ อุภยโต ฌานโต ภฏฺโ. โส หิ อปฺปคุณตาย น สุปฺปติฏฺิตตาย สอุสฺสาโหปิ วินาสโต อสามตฺถิยโต จ ฌานทฺวยโต ปริหีโน.

คาวีอุปมาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ฌานสุตฺตวณฺณนา

๓๖. ปฺจเม อนิจฺจโตติ อิมินา นิจฺจปฺปฏิกฺเขปโต เตสํ อนิจฺจตมาห. ตโต เอว อุทยวยวนฺตโต วิปริณามโต ตาวกาลิกโต จ เต อนิจฺจาติ โชติตํ โหติ. ยฺหิ นิจฺจํ น โหติ, ตํ อุทยวยปริจฺฉินฺนชราย มรเณน จาติ ทฺเวธา วิปริณตํ อิตฺตรกฺขณเมว จ โหติ. ทุกฺขโตติ น สุขโต. อิมินา สุขปฺปฏิกฺเขปโต เตสํ ทุกฺขตมาห. ตโต เอว จ อภิณฺหปฺปฏิปีฬนโต ทุกฺขวตฺถุโต จ เต ทุกฺขาติ โชติตํ โหติ. อุทยวยวนฺตตาย หิ เต อภิณฺหปฺปฏิปีฬนโต นิรนฺตรทุกฺขตาย ทุกฺขสฺเสว จ อธิฏฺานภูโต. ปจฺจยยาปนียตาย โรคมูลตาย จ โรคโต. ทุกฺขตาสูลโยคโต กิเลสาสุจิปคฺฆรโต อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปกฺกภิชฺชนโต จ คณฺฑโต. ปีฬาชนนโต อนฺโตตุทนโต ทุนฺนีหรณโต จ สลฺลโต. อวฑฺฒิอาวหนโต อฆวตฺถุโต จ อฆโต. อเสริภาวชนนโต อาพาธปฺปติฏฺานตาย จ อาพาธโต. อวสวตฺตนโต อวิเธยฺยตาย จ ปรโต. พฺยาธิชรามรเณหิ ปลุชฺชนียตาย ปโลกโต. สามินิวาสีการกเวทกอธิฏฺายกวิรหโต สุฺโต. อตฺตปฺปฏิกฺเขปฏฺเน อนตฺตโต. รูปาทิธมฺมาปิ ยถา น เอตฺถ อตฺตา อตฺถีติ อนตฺตา, เอวํ สยมฺปิ อตฺตา น โหนฺตีติ อนตฺตา. เตน อพฺยาปารโต นิรีหโต ตุจฺฉโต อนตฺตาติ ทีปิตํ โหติ.

ลกฺขณตฺตยเมว สุขาวโพธนตฺถํ เอกาทสหิ ปเทหิ วิภชิตฺวา คหิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา อนิจฺจโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนฺโตสมาปตฺติยนฺติ สมาปตฺตีนํ สหชาตตาย สมาปตฺตีนํ อพฺภนฺตเร จิตฺตํ ปฏิสํหรตีติ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคาทิกิเลสวิกฺขมฺภเนน วิปสฺสนาจิตฺตํ ปฏิสํหรติ. เตนาห ‘‘โมเจติ อปเนตี’’ติ. สวนวเสนาติ ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติอาทินา สวนวเสน. ถุติวเสนาติ ตเถว โถมนาวเสน คุณโต สํกิตฺตนวเสน. ปริยตฺติวเสนาติ ตสฺส ธมฺมสฺส ปริยาปุณนวเสน. ปฺตฺติวเสนาติ ตทตฺถสฺส ปฺาปนวเสน. อารมฺมณกรณวเสเนว อุปสํหรติ มคฺคจิตฺตํ, ‘‘เอตํ สนฺต’’นฺติอาทิ ปน อวธารณนิวตฺติตตฺถทสฺสนํ. ยถา วิปสฺสนา ‘‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีต’’นฺติอาทินา อสงฺขตาย ธาตุยา จิตฺตํ อุปสํหรติ, เอวํ มคฺโค นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน อภิสเมนฺโต ตตฺถ ลพฺภมาเน สพฺเพปิ วิเสเส อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ อุปสํหรติ. เตนาห ‘‘อิมินา ปน อากาเรนา’’ติอาทิ.

โส ตตฺถ ิโตติ โส อทนฺธวิปสฺสโก โยคี ตตฺถ ตาย อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยารมฺมณาย วิปสฺสนาย ิโต. สพฺพโสติ สพฺพตฺถ ตสฺส ตสฺส มคฺคสฺส อธิคมาย นิพฺพตฺติตสมถวิปสฺสนาสุ. อสกฺโกนฺโต อนาคามี โหตีติ เหฏฺิมมคฺคาวหาสุ เอว สมถวิปสฺสนาย ฉนฺทราคํ ปหาย อคฺคมคฺคาวหาสุ นิกนฺตึ ปริยาทาตุํ อสกฺโกนฺโต อนาคามิตายเมว สณฺาติ.

สมติกฺกนฺตตฺตาติ สมถวเสน วิปสฺสนาวเสน จาติ สพฺพถาปิ รูปสฺส สมติกฺกนฺตตฺตา. เตนาห ‘‘อยํ หี’’ติอาทิ. อเนนาติ โยคินา. ตํ อติกฺกมฺมาติ อิทํ โย ปมํ ปฺจโวการเอกโวการปริยาปนฺเน ธมฺเม สมฺมเทว สมฺมสิตฺวา เต วิสฺสชฺเชตฺวา ตโต อรูปสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา อรูปธมฺเม สมฺมสติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อิทานิ อรูปํ สมฺมสตี’’ติ.

ฌานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อานนฺทสุตฺตวณฺณนา

๓๗. ฉฏฺเ โอกาสํ อวสรํ อธิคจฺฉติ เอเตนาติ โอกาสาธิคโม, มคฺคผลสุขาธิคมาย โอกาสภาวโต วา โอกาโส, ตสฺส อธิคโม โอกาสาธิคโม. เอตฺถ จ ทีฆนิกาเยเนว (ที. นิ. ๒.๒๘๘) ปน สุตฺตนฺตเทสนายํ ปมชฺฌานํ, จตุตฺถชฺฌานํ, อรหตฺตมคฺโคติ ตโย โอกาสาธิคมา อาคตา. ตตฺถ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๘๘) ปมํ ฌานํ ปฺจ นีวรณานิ วิกฺขมฺเภตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฏฺตีติ ‘‘ปโม โอกาสาธิคโม’’ติ วุตฺตํ. จตุตฺถชฺฌานํ ปน สุขทุกฺขํ วิกฺขมฺเภตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฏฺตีติ ทุติโย โอกาสาธิคโม. อรหตฺตมคฺโค สพฺพกิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฏฺตีติ ‘‘ตติโย โอกาสาธิคโม’’ติ วุตฺโต. อิธ ปน วกฺขมานานิ ตีณิ อรูปชฺฌานานิ สนฺธาย ‘‘โอกาสาธิคโม’’ติ วุตฺตํ. เตสํเยว จ คหเณ การณํ สยเมว วกฺขติ.

สตฺตานํ วิสุทฺธึ ปาปนตฺถายาติ ราคาทีหิ มเลหิ อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหิ จ อุปกฺกิเลเสหิ กิลิฏฺจิตฺตานํ สตฺตานํ วิสุทฺธิปาปนตฺถาย สมติกฺกมนตฺถาย. อายตึ อนุปฺปชฺชนฺหิ อิธ ‘‘สมติกฺกโม’’ติ วุตฺตํ. อตฺถํ คมนตฺถายาติ กายิกทุกฺขสฺส จ เจตสิกโทมนสฺสสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อตฺถงฺคมาย, นิโรธายาติ อตฺโถ. ายติ นิจฺฉเยน กมติ นิพฺพานํ, ตํ วา ายติ ปฏิวิชฺฌียติ เอเตนาติ าโย, สมุจฺเฉทภาโว อริยมคฺโคติ อาห ‘‘สหวิปสฺสนกสฺส มคฺคสฺสา’’ติ. ปจฺจกฺขกรณตฺถายาติ อตฺตปจฺจกฺขตาย. ปรปจฺจเยน วินา ปจฺจกฺขกรณฺหิ ‘‘สจฺฉิกิริยา’’ติ วุจฺจติ. อสมฺภินฺนนฺติ ปิตฺตเสมฺหาทีหิ อปลิพุทฺธํ อนุปหตํ.

ราคานุคโต สมาธิ อภินโต นาม โหติ อารมฺมเณ อภิมุขาภาเวน ปวตฺติยา, โทสานุคโต ปน อปนโต อปคมนวเสน ปวตฺติยา, ตทุภยปฺปฏิกฺเขเปน ‘‘น จาภินโต น จาปนโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ราควเสนา’’ติอาทิ. น สสงฺขารนิคฺคยฺหวาริตคโตติ โลกิยชฺฌานจิตฺตานิ วิย น สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน ตทงฺคปฺปหานวิกฺขมฺภนปฺปหานวเสน จ นิคฺคเหตฺวา วาเรตฺวา ิโต. กิฺจรหิ กิเลสานํ ฉินฺนนฺเต อุปฺปนฺโน. ตถาภูตํ ผลสมาธึ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘น สสงฺขาเรน…เป… ฉินฺนนฺเต อุปฺปนฺโน’’ติ.

อานนฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. โลกายติกสุตฺตวณฺณนา

๓๘. สตฺตเม โลกายตวาทกาติ อายตึ หิตํ โลโก น ยตติ น วิรุหติ เอเตนาติ โลกายตํ, วิตณฺฑสตฺถํ. ตฺหิ คนฺถํ นิสฺสาย สตฺตา ปุฺกิริยาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ, ตํ วทนฺตีติ โลกายตวาทกา.

ทฬฺหํ ถิรํ ธนุ เอตสฺสาติ ทฬฺหธนฺวา (อ. นิ. ฏี. ๒.๔.๔๕-๔๖; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๐๗), โส เอว ‘‘ทฬฺหธมฺมา’’ติ วุตฺโต. ปฏิสตฺตุวิธมนตฺถํ ธนุํ คณฺหาตีติ ธนุคฺคโห. โส เอว อุสุํ สรํ อสติ ขิปตีติ อิสฺสาโส. ทฺวิสหสฺสถามนฺติ โลหาทิภารํ วหิตุํ สมตฺถํ ทฺวิสหสฺสถามํ. เตนาห ‘‘ทฺวิสหสฺสถามํ นามา’’ติอาทิ. ทณฺเฑติ ธนุทณฺเฑ. ยาว กณฺฑปฺปมาณาติ ทีฆโต ยตฺตกํ กณฺฑสฺส ปมาณํ, ตตฺตเก ธนุทณฺเฑ อุกฺขิตฺตมตฺเต อาโรปิเตสุเยว ชิยาทณฺเฑสุ โส เจ ภาโร ปถวิโต มุจฺจติ, เอวํ อิทํ ทฺวิสหสฺสถามํ นาม ธนูติ ทฏฺพฺพํ. อุคฺคหิตสิปฺโปติ อุคฺคหิตธนุสิปฺโป. กตหตฺโถติ ถิรตรํ ลกฺเขสุ อวิรชฺฌนสรกฺเขโป. อีทิโส ปน ตตฺถ วสิภูโต กตหตฺโถ นาม โหตีติ อาห ‘‘จิณฺณวสิภาโว’’ติ. กตํ ราชกุลาทีสุ อุเปจฺจ อสนํ เอเตน โส กตูปาสโนติ อาห ‘‘ราชกุลาทีสุ ทสฺสิตสิปฺโป’’ติ. เอวํ กตนฺติ เอวํ อนฺโตสุสิรกรณาทินา สลฺลหุกํ กตํ.

โลกายติกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘-๙. เทวาสุรสงฺคามสุตฺตาทิวณฺณนา

๓๙-๔๐. อฏฺเม อภิยึสูติ กทา อภิยึสุ? ยทา พลวนฺโต อเหสุํ, ตทา. ตตฺรายมนุปุพฺพิกถา (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๗; สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) – สกฺโก กิร มคธรฏฺเ มจลคามเก มโฆ นาม มาณโว หุตฺวา เตตฺตึส ปุริเส คเหตฺวา กลฺยาณกมฺมํ กโรนฺโต สตฺต วตปทานิ ปูเรตฺวา ตตฺถ กาลงฺกโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ตํ พลวกมฺมานุภาเวน สปริสํ เสสเทวตา ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อาคนฺตุกเทวปุตฺตา อาคตา’’ติ เนวาสิกา คนฺธปานํ สชฺชยึสุ. สกฺโก สกปริสาย สฺํ อทาสิ ‘‘มาริสา มา คนฺธปานํ ปิวิตฺถ, ปิวนาการมตฺตเมว ทสฺเสถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. เนวาสิกเทวตา สุวณฺณสรเกหิ อุปนีตํ คนฺธปานํ ยาวทตฺถํ ปิวิตฺวา มตฺตา ตตฺถ ตตฺถ สุวณฺณปถวิยํ ปติตฺวา สยึสุ. สกฺโก ‘‘คณฺหถ ปุตฺตหตาย ปุตฺเต’’ติ เต ปาเทสุ คเหตฺวา สิเนรุปาเท ขิปาเปสิ. สกฺกสฺส ปุฺเตเชน ตทนุวตฺตกาปิ สพฺเพ ตตฺเถว ปตึสุ. เต สิเนรุเวมชฺฌกาเล สฺํ ลภิตฺวา, ‘‘ตาตา, สุรํ น ปิวิมฺห, สุรํ น ปิวิมฺหา’’ติ อาหํสุ. ตโต ปฏฺาย อสุรา นาม ชาตา. อถ เนสํ กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ สิเนรุสฺส เหฏฺิมตเล ทสโยชนสหสฺสํ อสุรภวนํ นิพฺพตฺติ. สกฺโก เตสํ นิวตฺติตฺวา อนาคมนตฺถาย อารกฺขํ เปสิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘อนฺตรา ทฺวินฺนํ อยุชฺฌปุรานํ,

ปฺจวิธา ปิตา อภิรกฺขา;

อุรค-กโรฏิ-ปยสฺส จ หารี,

มทนยุตา จตุโร จ มหตฺถา’’ติ. (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๗; สารตฺถ. ฏี. ๑.๑ เวรฺชกณฺฑวณฺณนา);

ทฺเว นครานิ หิ ยุทฺเธน คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อยุชฺฌปุรานิ นาม ชาตานิ เทวนครฺจ อสุรนครฺจ. ยทา หิ อสุรา พลวนฺโต โหนฺติ, อถ เทเวหิ ปลายิตฺวา เทวนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร ปิทหิเต อสุรานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. ยทา เทวา พลวนฺโต โหนฺติ, อถาสุเรหิ ปลายิตฺวา อสุรนครสฺส ทฺวาเร ปิทหิเต สกฺกานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. อิติ อิมานิ ทฺเว นครานิ อยุชฺฌปุรานิ นาม. เตสํ อนฺตรา เอเตสุ อุรคาทีสุ ปฺจสุ าเนสุ สกฺเกน อารกฺขา ปิตา. ตตฺถ อุรคสทฺเทน นาคา คหิตา. เต หิ อุทเก พลวนฺโต โหนฺติ, ตสฺมา สิเนรุสฺส ปมาลินฺเท เอเตสํ อารกฺขา. กโรฏิสทฺเทน สุปณฺณา คหิตา. เตสํ กิร กโรฏิ นาม ปานโภชนํ, เตน ตํ นามํ ลภึสุ, ทุติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. ปยสฺสหาริสทฺเทน กุมฺภณฺฑา คหิตา, ทานวรกฺขสา กิร เต, ตติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. มทนยุตสทฺเทน ยกฺขา คหิตา. วิสมจาริโน กิร เต ยุชฺฌโสณฺฑา, จตุตฺถาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. จตุโร จ มหตฺตาติ จตฺตาโร มหาราชาโน วุตฺตา, ปฺจมาลินฺเท เตสํ อารกฺขา, ตสฺมา ยทิ อสุรา กุปิตาวิลจิตฺตา เทวปุรํ อุปยนฺติ ยุชฺฌิตุํ. ยํ คิริโน ปมํ ปริภณฺฑํ, ตํ อุรคา ปฏิพาหยนฺติ. เอวํ เสเสสุ เสสา.

เต ปน อสุรา อายุวณฺณยสอิสฺสริยสมฺปตฺตีหิ ตาวตึสสทิสาว, ตสฺมา อนฺตรา อตฺตานํ อชานิตฺวา ปาฏลิยา ปุปฺผิตาย ‘‘น อิทํ เทวนครํ, ตตฺถ ปาริจฺฉตฺตโก ปุปฺผติ, อิธ ปน จิตฺตปาฏลี, ชรสกฺเกนามฺหากํ สุรํ ปาเยตฺวา วฺจิตา, เทวนครฺจ โน คหิตํ, คจฺฉาม, เตน สทฺธึ ยุชฺฌิสฺสามา’’ติ หตฺถิอสฺสรเถ อารุยฺห สุวณฺณรชตมณิผลกานิ คเหตฺวา ยุทฺธสชฺชา หุตฺวา อสุรเภริโย วาเทนฺตา มหาสมุทฺเท อุทกํ ทฺวิธา เภตฺวา อุฏฺหนฺติ. เต เทเว วุฏฺเ วมฺมิกมกฺขิกา วมฺมิกํ วิย สิเนรุํ อารุหิตุํ อารภนฺติ. อถ เนสํ ปมํ นาเคหิ สทฺธึ ยุทฺธํ โหติ. ตสฺมึ โข ปน ยุทฺเธ น กสฺสจิ ฉวิ วา จมฺมํ วา ฉิชฺชติ, น โลหิตํ อุปฺปชฺชติ, เกวลํ กุมารกานํ ทารุเมณฺฑกยุทฺธํ วิย อฺมฺสนฺตาสนมตฺตเมว โหติ. โกฏิสตาปิ โกฏิสหสฺสาปิ นาคา เตหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา เต อสุรปุรํเยว ปเวเสตฺวา นิวตฺตนฺติ. ยทา ปน อสุรา พลวนฺโต โหนฺติ, อถ นาคา โอสกฺกิตฺวา ทุติเย อาลินฺเท สุปณฺเณหิ สทฺธึ เอกโตว หุตฺวา ยุชฺฌนฺติ. เอส นโย สุปณฺณาทีสุปิ. ยทา ปน ตานิ ปฺจปิ านานิ อสุรา มทฺทนฺติ, ตทา เอกโต สมฺปิณฺฑิตานิปิ ตานิ ปฺจ พลานิ โอสกฺกนฺติ. อถ จตฺตาโร มหาราชาโน คนฺตฺวา สกฺกสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจนฺติ. สกฺโก เตสํ วจนํ สุตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสติกํ เวชยนฺตรถํ อารุยฺห สยํ วา นิกฺขมติ, เอกํ ปุตฺตํ วา เปเสติ. ยทา เทวา ปุน อปจฺจาคมนาย อสุเร ชินึสุ, ตทา สกฺโก อสุเร ปลาเปตฺวา ปฺจสุ าเนสุ อารกฺขํ ทตฺวา เวทิยปาเท วชิรหตฺถา อินฺทปฏิมาโย เปสิ. อสุรา กาเลน กาลํ อุฏฺหิตฺวา ปฏิมาโย ทิสฺวา ‘‘สกฺโก อปฺปมตฺโต ติฏฺตี’’ติ ตโตว นิวตฺตนฺติ. อิธ ปน ยทา อสุรานํ ชโย อโหสิ, เทวานํ ปราชโย, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘ปราชิตา จ, ภิกฺขเว, เทวา อปยึสุเยว อุตฺตเรนาภิมุขา, อภิยึสุ อสุรา’’ติ.

ทกฺขิณาภิมุขา หุตฺวาติ จกฺกวาฬปพฺพตาภิมุขา หุตฺวา. อสุรา กิร เทเวหิ ปราชิตา ปลายนฺตา จกฺกวาฬปพฺพตาภิมุขํ คนฺตฺวา จกฺกวาฬมหาสมุทฺทปิฏฺิยํ รชตปฏฺฏวณฺเณ วาลิกาปุลิเน ยตฺถ ปณฺณกุฏิโย มาเปตฺวา อิสโย วสนฺติ, ตตฺถ คนฺตฺวา อิสีนํ อสฺสมปเทน คจฺฉนฺตา ‘‘สกฺโก อิเมหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา อมฺเห นาเสติ, คณฺหถ ปุตฺตหตาย ปุตฺเต’’ติ กุปิตา อสฺสมปเท ปานียฆฏจงฺกมนปณฺณสาลาทีนิ วิทฺธํเสนฺติ. อิสโย อรฺโต ผลาผลํ อาทาย อาคตา ทิสฺวา ปุน ทุกฺเขน ปฏิปากติกํ กโรนฺติ, เตปิ ปุนปฺปุนํ ตเถว ปราชิตา คนฺตฺวา วินาเสนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปราชิตา จ โข, ภิกฺขเว, อสุรา อปยึสุเยว ทกฺขิเณนาภิมุขา’’ติ. นวมํ อุตฺตานตฺถเมว.

เทวาสุรสงฺคามสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ตปุสฺสสุตฺตวณฺณนา

๔๑. ทสเม ปกฺขนฺทตีติ ปวิสติ. ปสีทตีติ ปสาทํ อภิรุจึ อาปชฺชติ, ปติฏฺาติ วิมุจฺจตีติ อตฺโถ. กถาปาภตนฺติ กถาย มูลํ. มูลฺหิ ‘‘ปาภต’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘อปฺปเกนปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;

สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคึว สนฺธม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๔);

เตเนวาห ‘‘กถาปาภตนฺติ กถามูล’’นฺติ. วิตกฺกคฺคหเณเนว ตํสหจริโต วิจาโรปิ คหิโต. เตเนเวตฺถ พหุวจนนิทฺเทโส กโตติ อาห ‘‘วิตกฺเกสูติ วิตกฺกวิจาเรสู’’ติ.

ตปุสฺสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สามฺวคฺโค

๑-๑๐. สมฺพาธสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๒-๕๑. ปฺจมสฺส ปเม อุทายีติ ตโย เถรา อุทายี นาม กาฬุทายี, ลาฬุทายี, มหาอุทายีติ, อิธ กาฬุทายี อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อุทายีติ กาฬุทายิตฺเถโร’’ติ. สมฺพาเธติ สมฺปีฬิตตณฺหาสํกิเลสาทินา สอุปฺปีฬนตาย ปรมสมฺพาเธ. อติวิย สงฺกรฏฺานภูโต หิ นีวรณสมฺพาโธ อธิปฺเปโต. โอกาโสติ ฌานสฺเสตํ นามํ. นีวรณสมฺพาธาภาเวน หิ ฌานํ อิธ ‘‘โอกาโส’’ติ วุตฺตํ. ปฏิลีนนิสโภติ วา ปฏิลีโน หุตฺวา เสฏฺโ, ปฏิลีนานํ วา เสฏฺโติ ปฏิลีนนิสโภ. ปฏิลีนา นาม ปหีนมานา วุจฺจนฺติ มานุสฺสยวเสน อุณฺณตาภาวโต. ยถาห ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิลีโน โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อสฺมิมาโน ปหีโน โหติ อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํคโต อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๘; มหานิ. ๘๗). เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.

สมฺพาธสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย

นวกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

องฺคุตฺตรนิกาเย

ทสกนิปาต-ฏีกา

๑. ปมปณฺณาสกํ

๑. อานิสํสวคฺโค

๑. กิมตฺถิยสุตฺตวณฺณนา

. ทสกนิปาตสฺส ปเม อวิปฺปฏิสารตฺถานีติ อวิปฺปฏิสารปฺปโยชนานิ. อวิปฺปฏิสารานิสํสานีติ อวิปฺปฏิสารุทยานิ. เอเตน อวิปฺปฏิสาโร นาม สีลสฺส อุทยมตฺตํ, สํวทฺธิตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาปุปฺผสทิสํ, อฺโ เอว ปนาเนน นิปฺผาเทตพฺโพ สมาธิอาทิคุโณติ ทสฺเสติ. ‘‘ยาว มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ, ตาว ตรุณวิปสฺสนา’’ติ หิ วจนโต อุปกฺกิเลสวิมุตฺตอุทยพฺพยาณโต ปรํ อยฺจ วิปสฺสนา วิรชฺชติ โยคาวจโร วิรตฺโต ปุริโส วิย ภริยาย สงฺขารโต เอเตนาติ วิราโค.

กิมตฺถิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๕. เจตนากรณียสุตฺตาทิวณฺณนา

๒-๕. ทุติเย สํสารมโหฆสฺส ปรตีรภาวโต โย นํ อธิคจฺฉติ, ตํ ปาเรติ คเมตีติ ปารํ, นิพฺพานํ. ตพฺพิทูรตาย นตฺถิ เอตฺถ ปารนฺติ อปารํ, สํสาโร. เตนาห ‘‘โอริมตีรภูตา เตภูมกวฏฺฏา’’ติอาทิ. ตติยาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

เจตนากรณียสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สมาธิสุตฺตวณฺณนา

. ฉฏฺเ สนฺตํ สนฺตนฺติ อปฺเปตฺวา นิสินฺนสฺสาติอาทีสุ สนฺตํ สนฺตํ ปณีตํ ปณีตนฺติอาทีนิ วทติ. อิมินา ปน อากาเรน ตํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ตตฺถ จิตฺตํ อุปสํหรโต ผลสมาปตฺติสงฺขาโต จิตฺตุปฺปาโท ตถา ปวตฺตตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.

สมาธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อานิสํสวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. นาถวคฺโค

๑-๔. เสนาสนสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๑-๑๔. ทุติยสฺส ปเม นาติทูรนฺติ โคจรฏฺานโต อฑฺฒคาวุตโต โอรภาคตาย นาติทูรํ. นาจฺจาสนฺนนฺติ ปจฺฉิเมน ปมาเณน โคจรฏฺานโต ปฺจธนุสติกตาย น อติอาสนฺนํ. ตาย จ ปน นาติทูรนาจฺจาสนฺนตาย โคจรฏฺานปฏิปริสฺสยาทิรหิตมคฺคตาย จ คมนสฺส จ อาคมนสฺส จ ยุตฺตรูปตฺตา คมนาคมนสมฺปนฺนํ. ทิวสภาเค มหาชนสํกิณฺณตาภาเวน ทิวา อปฺปากิณฺณํ. อภาวตฺโถ หิ อยํ อปฺป-สทฺโท ‘‘อปฺปิจฺโฉ’’ติอาทีสุ วิย. รตฺติยํ มนุสฺสสทฺทาภาเวน รตฺตึ อปฺปสทฺทํ. สพฺพทาปิ ชนสนฺนิปาตนิคฺโฆสาภาเวน อปฺปนิคฺโฆสํ.

อปฺปกสิเรนาติ อกสิเรน สุเขเนว. สีลาทิคุณานํ ถิรภาวปฺปตฺติยา เถรา. สุตฺตเคยฺยาทิ พหุ สุตํ เอเตสนฺติ พหุสฺสุตา. ตมุคฺคหธารเณน สมฺมเทว ครูนํ สนฺติเก อาคมิตภาเวน จ อาคโต ปริยตฺติธมฺมสงฺขาโต อาคโม เอเตสนฺติ อาคตาคมา. สุตฺตาภิธมฺมสงฺขาตสฺส ธมฺมสฺส ธารเณน ธมฺมธรา. วินยสฺส ธารเณน วินยธรา. เตสํ ธมฺมวินยานํ มาติกาย ธารเณน มาติกาธรา. ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมปริปุจฺฉาย ปริปุจฺฉติ. อตฺถปริปุจฺฉาย ปริปฺหติ วีมํสติ วิจาเรติ. อิทํ, ภนฺเต, กถํ, อิมสฺส โก อตฺโถติ ปริปุจฺฉาปริปฺหาการทสฺสนํ. อวิวฏฺเจว ปาฬิยา อตฺถํ ปเทสนฺตรปาฬิทสฺสเนน อาคมโต วิวรนฺติ. อนุตฺตานีกตฺจ ยุตฺติวิภาวเนน อุตฺตานึ กโรนฺติ. กงฺขาานิเยสุ ธมฺเมสุ สํสยุปฺปตฺติยา เหตุตาย คณฺิฏฺานภูเตสุ ปาฬิปฺปเทเสสุ ยาถาวโต วินิจฺฉยปฺปทาเนน กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ.

เอตฺถ จ นาติทูรํ นาจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนนฺติ เอกํ องฺคํ, ทิวา อปฺปากิณฺณํ, รตฺตึ อปฺปสทฺทํ, อปฺปนิคฺโฆสนฺติ เอกํ, อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสนฺติ เอกํ, ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส…เป… ปริกฺขาราติ เอกํ, ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน เถรา…เป… กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺตีติ เอกํ. เอวํ ปฺจ องฺคานิ เวทิตพฺพานิ. ทุติยาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

เสนาสนสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๖. อปฺปมาทสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๕-๑๖. ปฺจเม การาปกอปฺปมาโท นาม ‘‘อิเม อกุสลา ธมฺมา ปหาตพฺพา, อิเม กุสลา ธมฺมา อุปสมฺปาเทตพฺพา’’ติ ตํตํปริวชฺเชตพฺพวชฺชนสมฺปาเทตพฺพสมฺปาทนวเสน ปวตฺโต อปฺปมาโท. เอสาติ อปฺปมาโท. โลกิโยว น โลกุตฺตโร. อยฺจาติ จ เอสาติ จ อปฺปมาทเมว วทติ. เตสนฺติ จาตุภูมกธมฺมานํ. ปฏิลาภกตฺเตนาติ ปฏิลาภาปนกตฺเตน.

ชงฺคลานนฺติ ชงฺคลจารีนํ. ชงฺคล-สทฺโท เจตฺถ ขรภาวสามฺเน ปถวีปริยาโย, น อนุปฏฺานวิทูรเทสวาจี. เตนาห ‘‘ปถวีตลจารีน’’นฺติ. ปทานํ วุจฺจมานตฺตา ‘‘สปาทกปาณาน’’นฺติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. สโมธานนฺติ อนฺโตคธภาวํ. เตนาห ‘‘โอธานํ ปกฺเขป’’นฺติ. ‘‘อุปกฺเขป’’นฺติปิ ปนฺติ, อุปเนตฺวา ปกฺขิปิตพฺพนฺติ อตฺโถ. วสฺสิกาย ปุปฺผํ วสฺสิกํ ยถา ‘‘อามลกิยา ผลํ อามลก’’นฺติ. มหาตลสฺมินฺติ อุปริปาสาเท. ฉฏฺํ อุตฺตานเมว.

อปฺปมาทสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๘. ปมนาถสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๗-๑๘. สตฺตเม เยหิ สีลาทีหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ธมฺมสรณตาย ธมฺเมเนว นาถติ อาสีสติ อภิภวตีติ นาโถ วุจฺจติ, เต ตสฺส นาถภาวกรา ธมฺมา นาถกรณาติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อตฺตโน สนาถภาวกรา ปติฏฺกราติ อตฺโถ’’ติ. ตตฺถ อตฺตโน ปติฏฺกราติ ยสฺส นาถภาวกรา, ตสฺส อตฺตโน ปติฏฺาวิธายิโน. อปฺปติฏฺโ อนาโถ, สปฺปติฏฺโ สนาโถติ ปติฏฺตฺโถ นาถ-สทฺโท. กลฺยาณคุณโยคโต กลฺยาณาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สีลาทิคุณสมฺปนฺนา’’ติ อาห. มิชฺชนลกฺขณา เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ มิตฺโต. โส วุตฺตนเยน กลฺยาโณ อสฺส อตฺถีติ ตสฺส อตฺถิตามตฺตํ กลฺยาณมิตฺตปเทน วุตฺตํ. อสฺส เตน สพฺพกาลํ อวิชหิตวาโสติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กลฺยาณสหาโย’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เตวสฺสา’’ติ. เต เอว กลฺยาณมิตฺตา อสฺส ภิกฺขุโน. สห อยนโตติ สห ปวตฺตนโต. อสโมธาเน จิตฺเตน, สโมธาเน ปน จิตฺเตน เจว กาเยน จ สมฺปวงฺโก. สุขํ วโจ เอตสฺมึ อนุกูลคาหิมฺหิ อาทรคารววติ ปุคฺคเลติ สุวโจ. เตนาห ‘‘สุเขน วตฺตพฺโพ’’ติอาทิ. ขโมติ ขนฺโต. ตเมวสฺส ขมภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘คาฬฺเหนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วามโตติ มิจฺฉา, อโยนิโส วา คณฺหาติ. ปฏิปฺผรตีติ ปฏาณิกภาเวน ติฏฺติ. ปทกฺขิณํ คณฺหาตีติ สมฺมา, โยนิโส วา คณฺหาติ.

อุจฺจาวจานีติ วิปุลขุทฺทกานิ. ตตฺรุปคมนิยายาติ ตตฺร ตตฺร มหนฺเต ขุทฺทเก จ กมฺเม สาธนวเสน อุปาเยน อุปคจฺฉนฺติยา, ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส นิปฺผาทเน สมตฺถายาติ อตฺโถ. ตตฺรุปายายาติ วา ตตฺร ตตฺร กมฺเม สาเธตพฺเพ อุปายภูตาย.

ธมฺเม อสฺส กาโมติ ธมฺมกาโมติ พฺยธิกรณานมฺปิ พาหิรตฺโถ สมาโส โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. กาเมตพฺพโต วา ปิยายิตพฺพโต กาโม, ธมฺโม. ธมฺโม กาโม อสฺสาติ ธมฺมกาโม. ธมฺโมติ ปริยตฺติธมฺโม อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ ปิยายตีติ อตฺโถ’’ติ. สมุทาหรณํ กถนํ สมุทาหาโร, ปิโย สมุทาหาโร เอตสฺสาติ ปิยสมุทาหาโร. สยฺจาติ เอตฺถ -สทฺเทน ‘‘สกฺกจฺจ’’นฺติ ปทํ อนุกฑฺฒติ. เตน สยฺจ สกฺกจฺจํ เทเสตุกาโม โหตีติ โยชนา. อภิธมฺโม สตฺต ปกรณานิ ‘‘อธิโก อภิวิสิฏฺโ จ ปริยตฺติธมฺโม’’ติ กตฺวา. วินโย อุภโตวิภงฺคา วินยนโต กายวาจานํ. อภิวินโย ขนฺธกปริวารา วิเสสโต อาภิสมาจาริกธมฺมกิตฺตนโต. อาภิสมาจาริกธมฺมปาริปูริวเสเนว หิ อาทิพฺรหฺมจริยกธมฺมปาริปูรี. ธมฺโม เอว ปิฏกทฺวยสฺสปิ ปริยตฺติธมฺมภาวโต. มคฺคผลานิ อภิธมฺโม ‘‘นิพฺพานธมฺมสฺส อภิมุโข’’ติ กตฺวา. กิเลสวูปสมกรณํ ปุพฺพภาคิยา ติสฺโส สิกฺขา สงฺเขปโต วิวฏฺฏนิสฺสิโต สมโถ วิปสฺสนา จ. อุฬารปาโมชฺโชติ พลวปาโมชฺโช. การณตฺเถติ นิมิตฺตตฺเถ. กุสลธมฺมนิมิตฺตํ หิสฺส วีริยารมฺโภ. เตนาห ‘‘เตสํ อธิคมตฺถายา’’ติ. กุสเลสุ ธมฺเมสูติ วา นิปฺผาเทตพฺเพ ภุมฺมํ ยถา ‘‘เจตโส อวูปสเม อโยนิโสมนสิการปทฏฺาน’’นฺติ. อฏฺเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ปมนาถสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปมอริยาวาสสุตฺตวณฺณนา

๑๙. นวเม อริยานํ เอว อาวาสาติ อริยาวาสา อนริยานํ ตาทิสานํ อสมฺภวโต. อริยาติ เจตฺถ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ขีณาสวา คหิตา. เต จ ยสฺมา เตหิ สพฺพกาลํ อวิชหิตวาสา เอว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เต อาวสึสุ อาวสนฺติ อาวสิสฺสนฺตี’’ติ. ตตฺถ อาวสึสูติ นิสฺสาย อาวสึสุ. ปฺจงฺควิปฺปหีนตาทโย หิ อริยานํ อปสฺสยา. เตสุ ปฺจงฺควิปฺปหานปจฺเจกสจฺจปโนทนเอสนาโอสฏฺานิ, ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, อธิวาเสติ ปริวชฺเชติ วิโนเทตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๒.๑๖๘; อ. นิ. ๑๐.๒๐) วุตฺเตสุ อปสฺเสเนสุ วิโนทนฺจ มคฺคกิจฺจาเนว, อิตเร มคฺเคน จ สมิชฺฌนฺตีติ.

ปมอริยาวาสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทุติยอริยาวาสสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสเม กสฺมา ปน ภควา กุรุสุ วิหรนฺโต อิมํ สุตฺตํ อภาสีติ อาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. กุรุรฏฺํ กิร ตทา ตนฺนิวาสิสตฺตานํ โยนิโสมนสิการวนฺตตาทินา เยภุยฺเยน สุปฺปฏิปนฺนตาย ปุพฺเพ จ กตปุฺตาพเลน วา ตทา อุตุอาทิสมฺปตฺติยุตฺตเมว อโหสิ. เกจิ ปน ‘‘ปุพฺเพ ปวตฺตกุรุวตฺตธมฺมานุฏฺานวาสนาย อุตฺตรกุรุ วิย เยภุยฺเยน อุตุอาทิสมฺปนฺนเมว โหติ. ภควโต กาเล สาติสยํ อุตุสปฺปายาทิยุตฺตํ รฏฺํ อโหสี’’ติ วทนฺติ. ตตฺถ ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย อุตุปจฺจยาทิสมฺปนฺนตฺตา ตสฺส รฏฺสฺส สปฺปายอุตุปจฺจยเสวเนน นิจฺจํ กลฺลสรีรา กลฺลจิตฺตา จ โหนฺติ. เต จิตฺตสรีรกลฺลตาย อนุคฺคหิตปฺาพลา คมฺภีรกถํ ปฏิคฺคเหตุํ สมตฺถา ปฏิจฺจสมุปฺปาทนิสฺสิตานํ คมฺภีรปฺานฺจ การกา โหนฺติ. เตนาห ‘‘กุรุรฏฺวาสิโน ภิกฺขู คมฺภีรปฺาการกา’’ติอาทิ.

ยุตฺตปฺปยุตฺตาติ สติปฏฺานภาวนาย ยุตฺตา เจว ปยุตฺตา จ. ตสฺมิฺหิ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๖) ชนปเท จตสฺโส ปริสา ปกติยาว สติปฏฺานภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, อนฺตมโส ทาสกมฺมกรปริชนาปิ สติปฏฺานปฺปฏิสํยุตฺตเมว กถํ กเถนฺติ. อุทกติตฺถสุตฺตกนฺตนฏฺานาทีสุปิ นิรตฺถกกถา นาม นปฺปวตฺตติ. สเจ กาจิ อิตฺถี, ‘‘อมฺม, ตฺวํ กตรํ สติปฏฺานภาวนํ มนสิ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘น กิฺจี’’ติ วทติ, ตํ ครหนฺติ ‘‘ธีรตฺถุ ตว ชีวิตํ, ชีวมานาปิ ตฺวํ มตสทิสา’’ติ. อถ นํ ‘‘มา ทานิ ปุน เอวมกาสี’’ติ โอวทิตฺวา อฺตรํ สติปฏฺานํ อุคฺคณฺหาเปนฺติ. ยา ปน ‘‘อหํ อสุกํ สติปฏฺานํ นาม มนสิ กโรมี’’ติ วทติ, ตสฺสา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สาธุการํ ทตฺวา ‘‘ตว ชีวิตํ สุชีวิตํ, ตฺวํ นาม มนุสฺสตฺตํ ปตฺตา, ตวตฺถาย สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติอาทีหิ ปสํสนฺติ. น เกวลฺเจตฺถ มนุสฺสชาติกาเยว สติปฏฺานมนสิการยุตฺตา, เต นิสฺสาย วิหรนฺตา ติรจฺฉานคตาปิ.

ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร นฏโก สุวโปตกํ คเหตฺวา สิกฺขาเปนฺโต วิจรติ. โส ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ อุปนิสฺสาย วสิตฺวา คมนกาเล สุวโปตกํ ปมุสฺสิตฺวา คโต. ตํ สามเณริโย คเหตฺวา ปฏิชคฺคึสุ, ‘‘พุทฺธรกฺขิโต’’ติ จสฺส นามํ อกํสุ. ตํ เอกทิวสํ ปุรโต นิสินฺนํ ทิสฺวา มหาเถรี อาห ‘‘พุทฺธรกฺขิตา’’ติ. กึ, อยฺโยติ. อตฺถิ เต โกจิ ภาวนามนสิกาโรติ? นตฺถยฺเยติ. อาวุโส, ปพฺพชิตานํ สนฺติเก วสนฺเตน นาม วิสฺสฏฺอตฺตภาเวน ภวิตุํ น วฏฺฏติ, โกจิเทว มนสิกาโร อิจฺฉิตพฺโพ, ตฺวํ ปน อฺํ น สกฺขิสฺสสิ, ‘‘อฏฺิ อฏฺี’’ติ สชฺฌายํ กโรหีติ. โส เถริยา โอวาเท ตฺวา ‘‘อฏฺิ อฏฺี’’ติ สชฺฌายนฺโต จรติ.

ตํ เอกทิวสํ ปาโตว โตรณคฺเค นิสีทิตฺวา พาลาตปํ ตปมานํ เอโก สกุโณ นขปฺชเรน อคฺคเหสิ. โส ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. สามเณริโย สุตฺวา, ‘‘อยฺเย, พุทฺธรกฺขิโต สกุเณน คหิโต, โมเจม น’’นฺติ เลฑฺฑุอาทีนิ คเหตฺวา อนุพนฺธิตฺวา โมเจสุํ. ตํ อาเนตฺวา ปุรโต ปิตํ เถรี อาห, ‘‘พุทฺธรกฺขิต, สกุเณน คหิตกาเล กึ จินฺเตสี’’ติ. อยฺเย, น อฺํ จินฺเตสึ, ‘‘อฏฺิปุฺโชว อฏฺิปุฺชํ คเหตฺวา คจฺฉติ, กตรสฺมึ าเน วิปฺปกิริสฺสตี’’ติ เอวํ, อยฺเย, อฏฺิปุฺชเมว จินฺเตสินฺติ. สาธุ สาธุ, พุทฺธรกฺขิต, อนาคเต ภวกฺขยสฺส เต ปจฺจโย ภวิสฺสตีติ. เอวํ ตตฺถ ติรจฺฉานคตาปิ สติปฏฺานมนสิการยุตฺตา.

ทีฆนิกายาทีสุ มหานิทานาทีนีติ ทีฆนิกาเย มหานิทานํ (ที. นิ. ๒.๙๕ อาทโย) สติปฏฺานํ (ที. นิ. ๒.๓๗๒ อาทโย) มชฺฌิมนิกาเย สติปฏฺานํ (ม. นิ. ๑.๑๐๕ อาทโย) สาโรปมํ (ม. นิ. ๑.๓๐๗ อาทโย) รุกฺโขปมํ รฏฺปาลํ มาคณฺฑิยํ อาเนฺชสปฺปายนฺติ (ม. นิ. ๓.๖๖ อาทโย) เอวมาทีนิ.

าณาทโยติ าณฺเจว ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จ. เตนาห ‘‘าณนฺติ วุตฺเต’’ติอาทิ. าณสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ เตหิ วินา สมฺปชานตาย อสมฺภวโต. มหาจิตฺตานีติ อฏฺปิ มหากิริยจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ ‘‘สตตวิหารา’’ติ วจนโต าณุปฺปตฺติปจฺจยรหิตกาเลปิ ปวตฺติโชตนโต. ทส จิตฺตานีติ อฏฺ มหากิริยจิตฺตานิ หสิตุปฺปาทโวฏฺพฺพนจิตฺเตหิ สทฺธึ ทส จิตฺตานิ ลพฺภนฺติ. อรชฺชนาทุสฺสนวเสน ปวตฺติ เตสมฺปิ สาธารณาติ. ‘‘อุเปกฺขโก วิหรตี’’ติ วจนโต ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อาคตานํ อิเมสํ สตตวิหารานํ โสมนสฺสํ กถํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘อาเสวนวเสน ลพฺภตี’’ติ. กิฺจาปิ ขีณาสโว อิฏฺานิฏฺเปิ อารมฺมเณ มชฺฌตฺโต วิย พหุลํ อุเปกฺขโก วิหรติ อตฺตโน ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนโต. กทาจิ ปน ตถา เจโตภิสงฺขาราภาเว ยํ ตํ สภาวโต อิฏฺํ อารมฺมณํ, ตตฺถ ยาถาวสภาวคฺคหณวเสนปิ อรหโต จิตฺตํ โสมนสฺสสหคตํ หุตฺวา ปวตฺตเตว, ตฺจ โข ปุพฺพาเสวนวเสน. เตน วุตฺตํ ‘‘อาเสวนวเสน ลพฺภตี’’ติ. อารกฺขกิจฺจํ สาเธติ สติเวปุลฺลปฺปตฺตตฺตา. จรโตติอาทินา นิจฺจสมาทานํ ทสฺเสติ, ตํ วิกฺเขปาภาเวน ทฏฺพฺพํ.

ปพฺพชฺชูปคตาติ ยํ กิฺจิ ปพฺพชฺชํ อุปคตา, น สมิตปาปา. โภวาทิโนติ ชาติมตฺตพฺราหฺมเณ วทติ. ปาเฏกฺกสจฺจานีติ เตหิ เตหิ ทิฏฺิคติเกหิ ปาฏิเยกฺกํ คหิตานิ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ อภินิวิฏฺานิ ทิฏฺิสจฺจาทีนิ. ตานิปิ หิ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ คหณํ อุปาทาย ‘‘สจฺจานี’’ติ โวหรียนฺติ. เตนาห ‘‘อิทเมวา’’ติอาทิ. นีหฏานีติ อตฺตโน สนฺตานโต นีหริตานิ อปนีตานิ. คหิตคฺคหณสฺสาติ อริยมคฺคาธิคมโต ปุพฺเพ คหิตสฺส ทิฏฺิคฺคาหสฺส. วิสฺสฏฺภาวเววจนานีติ อริยมคฺเคน สพฺพโส ปริจฺจาคภาวสฺส อธิวจนานิ.

นตฺถิ เอตาสํ วโย เวกลฺลนฺติ อวยาติ อาห ‘‘อนูนา’’ติ, อนวเสโสติ อตฺโถ. เอสนาติ กาเมสนาทโย. มคฺคสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ กถิตา ราคาทีนํ ปหีนภาวทีปนโต. ปจฺจเวกฺขณผลํ กถิตนฺติ ปจฺจเวกฺขณมุเขน อริยผลํ กถิตํ. อธิคเต หิ อคฺคผเล สพฺพโส ราคาทีนํ อนุปฺปาทธมฺมตํ ปชานาติ, ตฺจ ปชานนํ ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ.

ทุติยอริยาวาสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

นาถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. มหาวคฺโค

๑. สีหนาทสุตฺตวณฺณนา

๒๑. ตติยสฺส ปเม วิสมฏฺาเนสูติ ปปาตาทีสุ วิสมฏฺาเนสุ. ‘‘อฺเหิ อสาธารณานี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เจตานิ สาวกานมฺปิ เอกจฺจานํ อุปฺปชฺชนฺตีติ? กามํ อุปฺปชฺชนฺติ, ยาทิสานิ ปน พุทฺธานํ านาฏฺานาณาทีนิ, น ตาทิสานิ ตทฺเสํ กทาจิปิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อฺเหิ อสาธารณานีติ. เตนาห ‘‘ตถาคตสฺเสว พลานี’’ติ. อิมเมว หิ ยถาวุตฺตเลสํ อเปกฺขิตฺวา ตทภาวโต อาสยานุสยาณาทีสุ เอว อสาธารณสมฺา นิรุฬฺหา. กามํ าณพลานํ าณสมฺภาโร วิเสสปจฺจโย, ปุฺสมฺภาโรปิ ปน เนสํ ปจฺจโย เอว. าณสมฺภารสฺสปิ วา ปุฺสมฺภารภาวโต ‘‘ปุฺุสฺสยสมฺปตฺติยา อาคตานี’’ติ วุตฺตํ.

ปกติหตฺถิกุลนฺติ (สํ. นิ. ฏี. ๒.๒.๒๒) คิริจรนทิจรวนจราทิปฺปเภทา โคจริยกาลาวกนามา สพฺพาปิ พเลน ปากติกา หตฺถิชาติ. ทสนฺนํ ปุริสานนฺติ ถามมชฺฌิมานํ ทสนฺนํ ปุริสานํ. เอกสฺส ตถาคตสฺส กายพลนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. เอกสฺสาติ จ ตถา เหฏฺา กถายํ อาคตตฺตา เทสนาโสเตน วุตฺตํ. นารายนสงฺฆาตพลนฺติ เอตฺถ นารา วุจฺจนฺติ รสฺมิโย. ตา พหู นานาวิธา อิโต อุปฺปชฺชนฺตีติ นารายนํ, วชิรํ, ตสฺมา นารายนสงฺฆาตพลนฺติ วชิรสงฺฆาตพลนฺติ อตฺโถ. าณพลํ ปน ปาฬิยํ อาคตเมว, น กายพลํ วิย อฏฺกถารุฬฺหเมวาติ อธิปฺปาโย.

สํยุตฺตเก (สํ. นิ. ๒.๓๓) อาคตานิ เตสตฺตติ าณานิ, สตฺตสตฺตติ าณานีติ วุตฺตํ, ตตฺถ (วิภ. มูลฏี. ๗๖๐) ปน นิทานวคฺเค สตฺตสตฺตติ อาคตานิ จตุจตฺตารีสฺจ. เตสตฺตติ ปน ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๑) สุตมยาทีนิ อาคตานิ ทิสฺสนฺติ, น สํยุตฺตเก. อฺานิปีติ เอเตน าณวตฺถุวิภงฺเค (วิภ. ๗๕๑ อาทโย) เอกกาทิวเสน วุตฺตานิ, อฺตฺถ จ ‘‘ปุพฺพนฺเต าณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๖๓) พฺรหฺมชาลาทีสุ จ ‘‘ตยิทํ ตถาคโต ปชานาติ ‘อิมานิ ทิฏฺิฏฺานานิ เอวํ คหิตานี’ติ’’อาทินา (ที. นิ. ๑.๓๖) วุตฺตานิ อเนกานิ าณปฺปเภทานิ สงฺคณฺหาติ. ยาถาวปฺปฏิเวธโต สยฺจ อกมฺปิยํ ปุคฺคลฺจ ตํสมงฺคินํ เนยฺเยสุ อธิพลํ กโรตีติ อาห ‘‘อกมฺปิยฏฺเน อุปตฺถมฺภนฏฺเน จา’’ติ.

อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, เสฏฺฏฺานํ. สพฺพฺุตาปฏิชานนวเสน อภิมุขํ คจฺฉนฺติ, อฏฺ วา ปริสา อุปสงฺกมนฺตีติ อาสภา, ปุพฺพพุทฺธา. อิทํ ปนาติ พุทฺธานํ านํ สพฺพฺุตเมว วทติ. ติฏฺมาโนวาติ อวทนฺโตปิ ติฏฺมาโนว ปฏิชานาติ นามาติ อตฺโถ. อุปคจฺฉตีติ อนุชานาติ.

อฏฺสุ ปริสาสูติ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ…เป… ตตฺร วต มํ ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๑) วุตฺตาสุ อฏฺสุ ปริสาสุ. อภีตนาทํ นทตีติ ปรโต ทสฺสิตาณโยเคน ทสพโลหนฺติ อภีตนาทํ นทติ.

ปฏิเวธนิฏฺตฺตา อรหตฺตมคฺคาณํ ปฏิเวโธติ ‘‘ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามา’’ติ วุตฺตํ. เตน ปฏิลทฺธสฺสปิ เทสนาาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ ปรสฺส อวพุชฺฌนมตฺเตน โหตีติ ‘‘อฺาสิโกณฺฑฺสฺส โสตาปตฺติผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามา’’ติ วุตฺตํ. ตโต ปรํ ปน ยาว ปรินิพฺพานา เทสนาาณปวตฺติ ตสฺเสว ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส านนฺติ เวทิตพฺพํ ปวตฺติตจกฺกสฺส จกฺกวตฺติโน จกฺกรตนสฺส านํ วิย.

ติฏฺตีติ วุตฺตํ, กึ ภูมิยํ ปุริโส วิย, โนติ อาห ‘‘ตทายตฺตวุตฺติตายา’’ติ. านนฺติ เจตฺถ อตฺตลาโภ ธรมานตา จ, น คตินิวตฺตีติ อาห ‘‘อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จา’’ติ. ยตฺถ ปเนตํ ทสพลาณํ วิตฺถาริตํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิธมฺเม ปนา’’ติอาทิมาห. เสเสสุปิ เอเสว นโย.

สมาทิยนฺตีติ สมาทานานิ, ตานิ ปน สมาทิยิตฺวา กตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘สมาทิยิตฺวา กตาน’’นฺติ. กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานนฺติ เอเตน สมาทานสทฺทสฺส อปุพฺพตฺถาภาวํ ทสฺเสติ มุตฺตคตสทฺเท คตสทฺทสฺส วิย. คตีติ นิรยาทิคติโย. อุปธีติ อตฺตภาโว. กาโลติ กมฺมสฺส วิปจฺจนารหกาโล. ปโยโคติ วิปากุปฺปตฺติยา ปจฺจยภูตา กิริยา.

อคติคามินินฺติ นิพฺพานคามินึ. วุตฺตฺหิ ‘‘นิพฺพานฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ นิพฺพานคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๕๓). พหูสุปิ มนุสฺเสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตนฺเตสุ กามํ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ตสฺเสเวกสฺส ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณา, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ (วิภ. อฏฺ. ๘๑๑) หิ เอโก อาทเรน ฉนฺทชาโต กโรติ, เอโก ‘‘เอหิ ตฺวมฺปิ กโรหี’’ติ ปเรหิ นิปฺปีฬิโต กโรติ, เอโก สมานจฺฉนฺโท วิย หุตฺวา อปฺปฏิพาหมาโน วิจรติ. เตสุ เอโก เตเนว กมฺเมน นิรเย นิพฺพตฺตติ, เอโก ติรจฺฉานโยนิยํ, เอโก เปตฺติวิสเย. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส ติรจฺฉานโยนิยํ, เอส เปตฺติวิสเย’’ติ ชานาติ. นิรเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส มหานิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส อุสฺสทนิรเย’’ติ ชานาติ. ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส อปาทโก ภวิสฺสติ, เอส ทฺวิปาทโก, เอส จตุปฺปโท, เอส พหุปฺปโท’’ติ ชานาติ. เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตมานมฺปิ ‘‘เอส นิชฺฌามตณฺหิโก ภวิสฺสติ, เอส ขุปฺปิปาสิโก, เอส ปรทตฺตูปชีวี’’ติ ชานาติ. เตสุ จ กมฺเมสุ ‘‘อิทํ กมฺมํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒิสฺสติ, อิทํ อฺเน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา อุปธิเวปกฺกํ ภวิสฺสตี’’ติ ชานาติ.

ตถา สกลคามวาสิเกสุ เอกโต ปิณฺฑปาตํ ททมาเนสุ กามํ สพฺเพสมฺปิ เจตนา ปิณฺฑปาตารมฺมณาว, ตํ ปน กมฺมํ เตสํ นานาการํ. เตสุ หิ เอโก อาทเรน กโรตีติ สพฺพํ ปุริมสทิสํ, ตสฺมา เตสุ เกจิ เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ มนุสฺสโลเก. ตํ ตถาคโต อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ. ‘‘อิมินา นีหาเรน อายูหิตตฺตา เอส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติสฺสติ, เอส เทวโลเก. ตตฺถาปิ เอส ขตฺติยกุเล, เอส พฺราหฺมณกุเล, เอส เวสฺสกุเล, เอส สุทฺทกุเล, เอส ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ, เอส นิมฺมานรตีสุ, เอส ตุสิเตสุ, เอส ยาเมสุ, เอส ตาวตึเสสุ, เอส จาตุมหาราชิเกสุ, เอส ภุมฺมเทเวสู’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ หีนปณีตสุวณฺณทุพฺพณฺณอปฺปปริวารมหาปริวารตาทิเภทํ ตํ ตํ วิเสสํ อายูหนกฺขเณเยว ชานาติ.

ตถา วิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺเตสุเยว ‘‘อิมินา นีหาเรน เอส กิฺจิ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺขิสฺสติ, เอส มหาภูตมตฺตเมว ววตฺถเปสฺสติ, เอส รูปปริคฺคเหเยว สฺสติ, เอส อรูปปริคฺคเหเยว, เอส นามรูปปริคฺคเหเยว, เอส ปจฺจยปริคฺคเหเยว, เอส ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนายเมว, เอส ปมผเลเยว, เอส ทุติยผเลเยว, เอส ตติยผเลเยว, เอส อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ชานาติ. กสิณปริกมฺมํ กโรนฺเตสุปิ ‘‘อิมสฺส ปริกมฺมมตฺตเมว ภวิสฺสติ, เอส นิมิตฺตํ อุปฺปาเทสฺสติ, เอส อปฺปนํ เอว ปาปุณิสฺสติ, เอส ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ ชานาติ. เตนาห ‘‘อิมสฺส เจตนา’’ติอาทิ.

กามนโต กาเมตพฺพโต กามปฺปฏิสํยุตฺตโต จ ธาตุ กามธาตุ. อาทิ-สทฺเทน พฺยาปาทธาตุรูปธาตุอาทีนํ สงฺคโห. วิลกฺขณตายาติ วิสทิสสภาวตาย. ขนฺธายตนธาตุโลกนฺติ อเนกธาตุํ นานาธาตุํ ขนฺธโลกํ อายตนโลกํ ธาตุโลกํ ยถาภูตํ ปชานาตีติ โยชนา. ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ นาม…เป… อยํ วิฺาณกฺขนฺโธ นาม. เตสุปิ เอกวิเธน รูปกฺขนฺโธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขนฺโธ. เอกวิเธน เวทนากฺขนฺโธ, พหุวิเธน เวทนากฺขนฺโธ. เอกวิเธน สฺากฺขนฺโธ…เป… สงฺขารกฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธ, พหุวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ เอวํ ตาว ขนฺธโลกสฺส, ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป… อิทํ ธมฺมายตนํ นาม. ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, ทฺเว จาตุภูมกา’’ติอาทินา อายตนโลกสฺส, ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป… อยํ มโนวิฺาณธาตุ นาม. ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, ทฺเว จาตุภูมกา’’ติอาทินา ธาตุโลกสฺส อเนกสภาวํ นานาสภาวฺจ ปชานาติ. น เกวลํ อุปาทินฺนสงฺขารโลกสฺเสว, อถ โข อนุปาทินฺนกสงฺขารโลกสฺสปิ ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขนฺโธ เสโต, อิมสฺส กาโฬ, อิมสฺส มฏฺโ, อิมสฺส สกณฺฏโก, อิมสฺส พหลตฺตโจ, อิมสฺส ตนุตฺตโจ, อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺานาทิวเสน เอวรูปํ, อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ ปีตํ โลหิตํ โอทาตํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ, อิมสฺส ผลํ ขุทฺทกํ มหนฺตํ ทีฆํ วฏฺฏํ สุสณฺานํ ทุสฺสณฺานํ มฏฺํ ผรุสํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ มธุรํ ติตฺตกํ กฏุกํ อมฺพิลํ กสาวํ, อิมสฺส กณฺฏโก ติขิโณ กุณฺโ อุชุโก กุฏิโล ตมฺโพ กาโฬ โอทาโต โหตี’’ติอาทินา ปชานาติ. สพฺพฺุพุทฺธานํ เอว หิ เอตํ พลํ, น อฺเสํ.

นานาธิมุตฺติกตนฺติ นานชฺฌาสยตํ. อธิมุตฺติ นาม อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโว. โส ปน หีนปณีตตาสามฺเน ปาฬิยํ ทฺวิธาว วุตฺโตปิ หีนปณีตาทิเภเทน อเนกวิโธติ อาห ‘‘หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาว’’นฺติ. ตตฺถ เย เย สตฺตา ยํยํอธิมุตฺติกา, เต เต ตํตทธิมุตฺติเก เอว เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺติ ธาตุสภาคโต. ยถา คูถาทีนํ ธาตูนํ สภาโว เอโส, ยํ คูถาทีหิ เอว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, เอวํ หีนชฺฌาสยา ทุสฺสีลาทีเหว สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, สมฺปนฺนสีลาทโย จ สมฺปนฺนสีลาทีเหว. ตํ เนสํ นานาธิมุตฺติกตํ ภควา ยถาภูตํ ปชานาตีติ.

วุทฺธึ หานิฺจาติ ปจฺจยวิเสเสน สามตฺถิยโต อธิกตํ อนธิกตฺจ. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณนิทฺเทเส (วิภ. ๘๑๔; ปฏิ. ม. ๑๑๓) ‘‘อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาตี’’ติ อาสยาทิชานนํ กสฺมา นิทฺทิฏฺนฺติ? อาสยชานนาทินา เยหิ อินฺทฺริเยหิ ปโรปเรหิ สตฺตา กลฺยาณปาปาสยาทิกา โหนฺติ, เตสํ ชานนสฺส วิภาวนโต. เอวฺจ กตฺวา อินฺทฺริยปโรปริยตฺตอาสยานุสยาณานํ วิสุํ อสาธารณตา, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนานาธิมุตฺติกตาาณานํ วิสุํ พลวตา จ สิทฺธา โหติ. ตตฺถ อาสยนฺติ ยตฺถ สตฺตา นิวสนฺติ, ตํ เตสํ นิวาสฏฺานํ, ทิฏฺิคตํ วา ยถาภูตาณํ วา อาสโย, อนุสโย อปฺปหีนภาเวน ถามคโต กิเลโส. ตํ ปน ภควา สตฺตานํ อาสยํ ชานนฺโต เตสํ เตสํ ทิฏฺิคตานํ วิปสฺสนามคฺคาณานฺจ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘กามํ เสวนฺตํเยว ภควา ชานาติ – ‘อยํ ปุคฺคโล กามครุโก กามาสโย กามาธิมุตฺโต’ติ. กามํ เสวนฺตํเยว ชานาติ – ‘อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก เนกฺขมฺมาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต’ติ. เนกฺขมฺมํ เสวนฺตํเยว ชานาติ. พฺยาปาทํ, อพฺยาปาทํ, ถินมิทฺธํ, อาโลกสฺํ เสวนฺตํเยว ชานาติ – ‘อยํ ปุคฺคโล ถินมิทฺธครุโก ถินมิทฺธาสโย ถินมิทฺธาธิมุตฺโต’’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).

ปมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานนฺติ รูปาวจรานํ ปมาทีนํ ปจฺจนีกชฺฌาปนฏฺเน อารมฺมณูปนิชฺฌาปนฏฺเน จ ฌานานํ. จตุกฺกนเยน เหตํ วุตฺตํ. อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานนฺติ เอตฺถ ปฏิปาฏิยา สตฺต อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุจฺจนโต อารมฺมเณ จ อธิมุจฺจนโต วิโมกฺขา นาม. อฏฺโม ปน สพฺพโส สฺาเวทยิเตหิ วิมุตฺตตฺตา อปคมวิโมกฺโข นาม. จตุกฺกนยปฺจกนเยสุ ปมชฺฌานสมาธิ สวิตกฺกสวิจาโร นาม. ปฺจกนเย ทุติยชฺฌานสมาธิ อวิตกฺกวิจารมตฺโต. นยทฺวเยปิ อุปริ ตีสุ ฌาเนสุ สมาธิ อวิตกฺกอวิจาโร. สมาปตฺตีสุ ปฏิปาฏิยา อฏฺนฺนํ สมาธีติปิ นามํ, สมาปตฺตีติปิ จิตฺเตกคฺคตาสพฺภาวโต, นิโรธสมาปตฺติยา ตทภาวโต น สมาธีติ นามํ. หานภาคิยธมฺมนฺติ อปฺปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ กามาทิอนุปกฺขนฺทนํ. วิเสสภาคิยธมฺมนฺติ ปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ ทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนํ. อิติ สฺามนสิการานํ กามาทิทุติยชฺฌานาทิปกฺขนฺทนานิ หานภาคิยวิเสสภาคิยา ธมฺมาติ ทสฺสิตานิ. เตหิ ปน ฌานานํ ตํสภาวตา จ ธมฺมสทฺเทน วุตฺตา. ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติ. โวทานนฺติ ปคุณตาสงฺขาตํ โวทานํ. ตฺหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺหิตฺวา ทุติยชฺฌานาทิอธิคมสฺส ปจฺจยตฺตา ‘‘วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘นิโรธโต ผลสมาปตฺติยา วุฏฺานนฺติ ปาฬิ นตฺถี’’ติ วทนฺติ. เต ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อิมาย ปาฬิยา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) ปฏิเสเธตพฺพา. โย สมาปตฺติลาภี สมาโน เอว ‘‘น ลาภีมฺหี’’ติ, กมฺมฏฺานํ สมานํ เอว ‘‘น กมฺมฏฺาน’’นฺติ สฺี โหติ, โส สมฺปตฺตึเยว สมานํ ‘‘วิปตฺตี’’ติ ปจฺเจตีติ เวทิตพฺโพ.

น ตถา ทฏฺพฺพนฺติ ยถา ปรวาทินา วุตฺตํ, ตถา น ทฏฺพฺพํ. สกสกกิจฺจเมว ชานาตีติ านาฏฺานชานนาทิสกสกเมว กิจฺจํ กาตุํ ชานาติ, ยถาสกเมว วิสยํ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ตมฺปีติ เตหิ ทสพลาเณหิ ชานิตพฺพมฺปิ. กมฺมวิปากนฺตรเมวาติ กมฺมนฺตรสฺส วิปากนฺตรเมว ชานาติ. เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตธมฺเม นิรยาทินิพฺพานคามินิปฺปฏิปทาภูเต กมฺมนฺติ คเหตฺวา อาห ‘‘กมฺมปริจฺเฉทเมวา’’ติ. ธาตุนานตฺตฺจ ธาตุนานตฺตการณฺจ ธาตุนานตฺตการณนฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส ทฏฺพฺโพ. ตฺหิ าณํ ตทุภยมฺปิ ชานาติ. ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา’’ติอาทินา (วิภ. อฏฺ. ๘๑๒) ตถา เจว สํวณฺณิตํ. สจฺจปริจฺเฉทเมวาติ ปริฺาภิสมยาทิวเสน สจฺจานํ ปริจฺฉินฺนเมว. อปฺเปตุํ น สกฺโกติ อฏฺมนวมพลานิ วิย ตํสทิสํ, อิทฺธิวิธาณมิว วิกุพฺพิตุํ. เอเตนสฺส พลสทิสตฺจ นิวาเรติ. ฌานาทิาณํ วิย วา อปฺเปตุํ วิกุพฺพิตุฺจ. ยทิปิ หิ ฌานาทิปจฺจเวกฺขณาณํ สตฺตมพลนฺติ ตสฺส สวิตกฺกสวิจารตา วุตฺตา, ตถาปิ ฌานาทีหิ วินา ปจฺจเวกฺขณา นตฺถีติ ฌานาทิสหคตํ าณํ ตทนฺโตคธํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา สพฺพฺุตฺาณํ ฌานาทิกิจฺจํ วิย น สพฺพํ พลกิจฺจํ กาตุํ สกฺโกตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ฌานํ หุตฺวา อปฺเปตุํ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุฺจ น สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน กสฺสจิ พลสฺส ฌานอิทฺธิภาวโตติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ กิจฺจวิเสสวเสนปิ ทสพลาณสพฺพฺุตฺาณวิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตกฺกตฺติกภูมนฺตรวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปาฏิยาติอาทิโต ปฏฺาย ปฏิปาฏิยา.

อนุปทวณฺณนํ ตฺวา เวทิตพฺพานีติ สมฺพนฺโธ. กิเลสาวรณํ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิ. กิเลสาวรณสฺส อภาโว อาสวกฺขยาณาธิคมสฺส านํ, ตพฺภาโว อฏฺานํ. อนธิคมสฺส ปน ตทุภยมฺปิ ยถากฺกมํ อฏฺานํ านฺจาติ ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกิย…เป… ทสฺสนโต จา’’ติ อาห. ตตฺถ โลกิยสมฺมาทิฏฺิยา ิติ อาสวกฺขยาธิคมสฺส านํ กิเลสาวรณาภาวสฺส การณตฺตา. สา หิ ตสฺมึ สติ น โหติ, อสติ จ โหติ. เอเตน ตสฺสา อฏฺิติยา ตสฺส อฏฺานตา วุตฺตา เอว. เนสํ เวเนยฺยสตฺตานํ. ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ กามธาตุอาทีนํ ปวตฺติเภททสฺสนโต, ยทคฺเคน ธาตุเวมตฺตํ ชานาติ, ตทคฺเคน จริยาทิวิเสสมฺปิ ชานาติ. ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตติ วา ธมฺมธาตุเวมตฺตทสฺสนโต. สพฺพาปิ หิ จริยา ธมฺมธาตุปริยาปนฺนา เอวาติ. ปโยคํ อนาทิยิตฺวาปิ สนฺตติมหามตฺตาทีนํ วิย. ทิพฺพจกฺขานุภาวโต ปตฺตพฺเพนาติ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุนา ปรสฺส หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยโลหิตวณฺณทสฺสนมุเขน ตทา ปวตฺตมานจิตฺตชานนตฺถํ ปริกมฺมกรณํ นาม สาวกานํ, ตฺจ โข อาทิกมฺมิกานํ, ยโต ทิพฺพจกฺขุอานุภาวโต เจโตปริยาณสฺส ปตฺตพฺพตา สิยา. พุทฺธานํ ปน ยทิปิ อาสวกฺขยาณาธิคมโต ปเคว ทิพฺพจกฺขุาณาธิคโม, ตถาปิ ตถาปริกมฺมกรณํ นตฺถิ วิชฺชาตฺตยสิทฺธิยา สิชฺฌนโต. เสสาภิฺาตฺตเย เจโตปริยาณํ ทิพฺพจกฺขุาณาธิคเมน ปตฺตนฺติ จ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

สีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒-๔. อธิวุตฺติปทสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๒-๒๔. ทุติเย อธิวจนปทานนฺติ ปฺตฺติปทานํ. ทาสาทีสุ สิริวฑฺฒกาทิสทฺทา วิย วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺติยา อธิวจนํ ปฺตฺติ. อถ วา อธิสทฺโท อุปริภาเค. วุจฺจตีติ วจนํ, อุปริ วจนํ อธิวจนํ, อุปาทาภูตรูปาทีนํ อุปริ ปฺปิยมานา อุปาทาปฺตฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ปฺตฺติทีปกปทานีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตสฺส ปทานิ ปทฏฺานานิ อธิวจนปทานิ. เตนาห ‘‘เตสํ เย’’ติอาทิ. เตสนฺติ อธิวจนานํ. เยติ ขนฺธาทโย. อธิวุตฺติตาย อธิวุตฺติโยติ ทิฏฺิโย วุจฺจนฺติ. อธิกฺหิ สภาวธมฺเมสุ สสฺสตาทึ, ปกติอาทึ, ทฺรพฺยาทึ, ชีวาทึ, กายาทิฺจ, อภูตํ อตฺถํ อชฺฌาโรเปตฺวา ทิฏฺิโย ปวตฺตนฺตีติ. เตนาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิ. ตติยจตุตฺถานิ สุวิฺเยฺยานิ.

อธิวุตฺติปทสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. กสิณสุตฺตวณฺณนา

๒๕. ปฺจเม สกลฏฺเนาติ นิสฺเสสฏฺเน. อนวเสสผรณวเสน เจตฺถ สกลฏฺโ เวทิตพฺโพ, อสุภนิมิตฺตาทีสุ วิย เอกเทเส อฏฺตฺวา อนวเสสโต คเหตพฺพฏฺเนาติ อตฺโถ. ตทารมฺมณานํ ธมฺมานนฺติ ตํ กสิณํ อารพฺภ ปวตฺตนกธมฺมานํ. เขตฺตฏฺเนาติ อุปฺปตฺติฏฺานฏฺเน. อธิฏฺานฏฺเนาติ ปวตฺติฏฺานภาเวน. ยถา เขตฺตํ สสฺสานํ อุปฺปตฺติฏฺานํ วฑฺฒนฏฺานฺจ, เอวเมว ตํ ต ฌานํ สมฺปยุตฺตธมฺมานนฺติ. โยคิโน วา สุขวิเสสานํ การณภาเวน. ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ อิทํ ‘‘อุทฺธํ อโธ ติริย’’นฺติ เอตฺถาปิ โยเชตพฺพํ. ปริจฺฉินฺทิตฺวา เอว หิ สพฺพตฺถ กสิณํ วฑฺเฒตพฺพํ. เตน เตน วา การเณนาติ เตน เตน อุปริอาทีสุ กสิณวฑฺฒนการเณน. ยถา กินฺติ อาห ‘‘อาโลกมิว รูปทสฺสนกาโม’’ติ. ยถา ทิพฺพจกฺขุนา อุทฺธํ เจ รูปํ ทฏฺุกาโม, อุทฺธํ อาโลกํ ปสาเรติ. อโธ เจ, อโธ. สมนฺตโต เจ รูปํ ทฏฺุกาโม, สมนฺตโต อาโลกํ ปสาเรติ, เอวํ สพฺพกสิณนฺติ อตฺโถ. เอกสฺสาติ ปถวีกสิณาทีสุ เอเกกสฺส. อฺภาวานุปคมนตฺถนฺติ อฺกสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ, อฺสฺส วา กสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ. น หิ อฺเน ปสาริตกสิณํ ตโต อฺเน ปสาริตกสิณภาวํ อุปคจฺฉติ, เอวมฺปิ เนสํ อฺกสิณสมฺเภทาภาโว เวทิตพฺโพ. น อฺํ ปถวีอาทิ. น หิ อุทเกน ิตฏฺาเน สสมฺภารปถวี อตฺถิ. อฺกสิณสมฺเภโทติ อาโปกสิณาทินา สงฺกโร. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ เสสกสิเณสุ.

เอกเทเส อฏฺตฺวา อนวเสสผรณํ ปมาณสฺส อคฺคหณโต อปฺปมาณํ. เตเนว หิ เนสํ กสิณสมฺา. ตถา จาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ เจตสา ผรนฺโตติ ภาวนาจิตฺเตน อารมฺมณํ กโรนฺโต. ภาวนาจิตฺตฺหิ กสิณํ ปริตฺตํ วา วิปุลํ วา สกลเมว มนสิ กโรติ, น เอกเทสํ. กสิณุคฺฆาฏิมากาเส ปวตฺตวิฺาณํ ผรณอปฺปมาณวเสน วิฺาณกสิณนฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ ตํ วิฺาณนฺติ วุจฺจติ. กสิณวเสนาติ อุคฺฆาฏิตกสิณวเสน กสิณุคฺฆาฏิมากาเส อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา. ยตฺตกฺหิ านํ กสิณํ ปสาริตํ, ตตฺตกํ อากาสภาวนาวเสน อากาสํ โหตีติ. เอวํ ยตฺตกํ านํ อากาสํ หุตฺวา อุปฏฺิตํ, ตตฺตกํ สกลเมว ผริตฺวา วิฺาณสฺส ปวตฺตนโต อาคมนวเสน วิฺาณกสิเณปิ อุทฺธํอโธติริยตา วุตฺตาติ อาห ‘‘กสิณุคฺฆาฏิมากาสวเสน ตตฺถ ปวตฺตวิฺาเณ อุทฺธํอโธติริยตา เวทิตพฺพา’’ติ.

กสิณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. กาฬีสุตฺตวณฺณนา

๒๖. ฉฏฺเ อตฺถสฺส ปตฺตินฺติ เอกนฺตโต หิตานุปฺปตฺตึ. หทยสฺส สนฺตินฺติ ปรมจิตฺตูปสมํ. กิเลสเสนนฺติ กามคุณสงฺขาตํ ปมํ กิเลสเสนํ. สา หิ กิเลสเสนา อจฺฉราสงฺฆาตสภาวาปิ ปฏิปตฺถยมานา ปิยายิตพฺพอิจฺฉิตพฺพรูปสภาวโต ปิยรูปสาตรูปา นาม อตฺตโน กิจฺจวเสน. อหํ เอโกว ฌายนฺโตติ อหํ คณสงฺคณิกาย กิเลสสงฺคณิกาย จ อภาวโต เอโก อสหาโย ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายนฺโต. อนุพุชฺฌินฺติ อนุกฺกเมน มคฺคปฏิปาฏิยา พุชฺฌึ ปฏิวิชฺฌึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปิยรูปํ สาตรูปํ เสนํ ชินิตฺวา อหํ เอโกว ฌายนฺโต ‘‘อตฺถสฺส ปตฺตึ หทยสฺส สนฺติ’’นฺติ สงฺขํ คตํ อรหตฺตสุขํ ปฏิวิชฺฌึ, ตสฺมา ชเนน มิตฺตสนฺถวํ น กโรมิ, เตเนว จ เม การเณน เกนจิ สทฺธึ สกฺขี น สมฺปชฺชตีติ. อตฺถาภินิพฺพตฺเตสุนฺติ อิติสทฺทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘อตฺโถติ คเหตฺวา’’ติ.

กาฬีสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ปมมหาปฺหสุตฺตวณฺณนา

๒๗. สตฺตเม วุจฺเจถาติ วุจฺเจยฺย. ทุติยปเทปีติ ‘‘อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’’นฺติ เอวํ ทุติยวากฺเยปิ. เต กิร ภิกฺขู. น เจว สมฺปายิสฺสนฺตีติ น เจว สมฺมเทว ปกาเรหิ คเหสฺสนฺติ าเปสฺสนฺติ. เตนาห ‘‘สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. ยสฺมา อวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิตา โหนฺติ, ตสฺมา วิฆาตํ อาปชฺชิสฺสนฺตีติ โยชนา. อฺถา อาราธนํ นาม นตฺถีติ อิมินา สปจฺจยนามรูปานํ ยาถาวโต อวโพโธ เอว อิโต พาหิรกานํ นตฺถิ, กุโต ปเวทนาติ ทสฺเสติ. อาราธนนฺติ ยาถาวปเวทเนน จิตฺตสฺส ปริโตสนํ.

เอโก ปฺโหติ เอโก ปฺหมคฺโค, เอกํ ปฺหคเวสนนฺติ อตฺโถ. เอโก อุทฺเทโสติ เอกํ อุทฺทิสนํ อตฺถสฺส สํขิตฺตวจนํ. เวยฺยากรณนฺติ นิทฺทิสนํ อตฺถสฺส วิวริตฺวา กถนํ. เหตุนาติ ‘‘อนฺตวนฺตโต อนจฺจนฺติกโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฺปฏิกฺเขปโต’’ติ เอวมาทินา นเยน ยถา อิเม สงฺขารา เอตรหิ, เอวํ อตีเต อนาคเต จ อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมาติ อตีตานาคเตสุ นเยน.

สพฺเพ สตฺตาติ อนวเสสา สตฺตา. เต ปน ภวเภทโต สงฺเขเปเนว ภินฺทิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กามภวาทีสู’’ติอาทิมาห. พฺยธิกรณานมฺปิ พาหิรตฺถสมาโส โหติ ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ อาห ‘‘อาหารโต ิติ เอเตสนฺติ อาหารฏฺิติกา’’ติ. ติฏฺติ เอเตนาติ วา ิติ, อาหาโร ิติ เอเตสนฺติ อาหารฏฺิติกาติ เอวํ วา เอตฺถ สมาสวิคฺคโห ทฏฺพฺโพ. อาหารฏฺิติกาติ ปจฺจยฏฺิติกา, ปจฺจยายตฺตวุตฺติกาติ อตฺโถ. ปจฺจยตฺโถ เหตฺถ อาหารสทฺโท ‘‘อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทายา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๓๒) วิย. เอวฺหิ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิมินา อสฺสตฺตา ปริคฺคหิตา โหนฺติ. สา ปนายํ อาหารฏฺิติกตา นิปฺปริยายโต สงฺขารธมฺโม. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา ‘‘อาหารฏฺิติกาติ อาคตฏฺาเน สงฺขารโลโก เวทิตพฺโพ’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑ เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๖). ยทิ เอวํ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิทํ กถนฺติ? ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนาติ นายํ โทโส. เตเนวาห – ‘‘เอกธมฺเม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน สมฺมา วิรชฺชมาโน สมฺมา วิมุจฺจมาโน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมทตฺถํ อภิสเมจฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตมสฺมึ เอกธมฺเม? สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ. ยฺวายํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย สพฺเพสํ สงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อาหารปริยาเยน สามฺโต ปจฺจยธมฺโม วุตฺโต, อยํ อาหาโร นาม เอโก ธมฺโม.

โจทโก วุตฺตมฺปิ อตฺถํ ยาถาวโต อปฺปฏิวิชฺฌมาโน เนยฺยตฺถํ สุตฺตปทํ นีตตฺถโต ทหนฺโต ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ วจนมตฺเต ตฺวา ‘‘นนุ จา’’ติอาทินา โจเทติ. อาจริโย อวิปรีตํ ตตฺถ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ ปเวเทนฺโต ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ วตฺวา ‘‘เตสฺหิ ฌานํ อาหาโร โหตี’’ติ อาห. ฌานนฺติ เอกโวการภวาวหํ สฺาย วิรชฺชนวเสน ปวตฺตรูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อนาหารา’’ติ วจนํ อสฺภเว จตุนฺนํ อาหารานํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปจฺจยาหารสฺส อภาวโต. เอวํ สนฺเตปีติ อิทํ สาสเน เยสุ ธมฺเมสุ วิเสสโต อาหารสทฺโท นิรุฬฺโห, ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ เอตฺถ ยทิ เตเยว คยฺหนฺติ, อพฺยาปิตโทสมาปนฺโน. อถ สพฺโพปิ ปจฺจยธมฺโม อาหาโรติ อธิปฺเปโต, อิมาย อาหารปาฬิยา วิโรโธ อาปนฺโนติ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตํ วิวรนฺโต ‘‘เอตสฺมิฺหิ สุตฺเต’’ติอาทิมาห. กพฬีการาหาราทีนํ โอชฏฺมกรูปาหรณาทิ นิปฺปริยาเยน อาหารภาโว. ยถา หิ กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกรูปาหรเณน รูปกายํ อุปตฺถมฺเภนฺติ, เอวํ ผสฺสาทโย เวทนาทิอาหรเณน นามกายํ อุปตฺถมฺเภติ, ตสฺมา สติปิ ชนกภาเว อุปตฺถมฺภกภาโว โอชาทีสุ สาติสโย ลพฺภมาโน มุขฺโย อาหารฏฺโติ เต เอว นิปฺปริยาเยน อาหารลกฺขณา ธมฺมา วุตฺตา.

อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต ปริยาเยน ปจฺจโย อาหาโรติ วุตฺโต, สพฺโพ ปจฺจยธมฺโม อตฺตโน ผลํ อาหรตีติ อิมํ ปริยายํ ลภตีติ. เตนาห ‘‘สพฺพธมฺมานฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ สพฺพธมฺมานนฺติ สพฺเพสํ สงฺขตธมฺมานํ. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ สุตฺเตน สมตฺเถตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยนฺติ ปจฺจยาหาโร. นิปฺปริยายาหาโรปิ คหิโตว โหตีติ ยาวตา โสปิ ปจฺจยภาเวเนว ชนโก อุปตฺถมฺภโก จ หุตฺวา ตํ ตํ ผลํ อาหรตีติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ.

ตตฺถาติ ปริยายาหาโร, นิปฺปริยายาหาโรติ ทฺวีสุ อาหาเรสุ อสฺภเว ยทิปิ นิปฺปริยายาหาโร น ลพฺภติ, ปริยายาหาโร ปน ลพฺภเตว. อิทานิ ตเมวตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘อนุปฺปนฺเน หิ พุทฺเธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปฺปนฺเน พุทฺเธ ติตฺถกรมตนิสฺสิตานํ ฌานภาวนาย อสิชฺฌนโต ‘‘อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ’’ติ วุตฺตํ. สาสนิกา ตาทิสํ ฌานํ น นิพฺพตฺเตนฺตีติ ‘‘ติตฺถายตเน ปพฺพชิตา’’ติ วุตฺตํ. ติตฺถิยา หิ อุปปตฺติวิเสเส วิมุตฺติสฺิโน สฺาวิราคาวิราเคสุ อาทีนวานิสํสทสฺสิโนว หุตฺวา อสฺสมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตฺวา อกฺขณภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺติ, น สาสนิกา. วาโยกสิเณ ปริกฺกมฺมํ กตฺวาติ วาโยกสิเณ ปมาทีนิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ตติยชฺฌาเน จิณฺณวสี หุตฺวา ตโต วุฏฺาย จตุตฺถชฺฌานาธิคมาย ปริกมฺมํ กตฺวา. เตเนวาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา’’ติ.

กสฺมา (ที. นิ. ฏี. ๑.๖๘-๗๓; ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๖๘-๗๓) ปเนตฺถ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต, ยเถว หิ รูปปฏิภาคภูเตสุ กสิณวิเสเสสุ รูปวิภาวเนน รูปวิราคภาวนาสงฺขาโต อรูปสมาปตฺติวิเสโส สจฺฉิกรียติ, เอวํ อปริพฺยตฺตวิคฺคหตาย อรูปปฏิภาคภูเต กสิณวิเสเส อรูปวิภาวเนน อรูปวิราคภาวนา สงฺขาโต รูปสมาปตฺติวิเสโส อธิคมียตีติ. เอตฺถ จ ‘‘สฺา โรโค, สฺา คณฺโฑ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔), ‘‘ธิ จิตฺตํ, ธิ วเตตํ จิตฺต’’นฺติอาทินา จ นเยน อรูปปฺปวตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน ตทภาเว จ สนฺตปณีตภาวสนฺนิฏฺาเนน รูปสมาปตฺติยา อภิสงฺขรณํ อรูปวิราคภาวนา. รูปวิราคภาวนา ปน สทฺธึ อุปจาเรน อรูปสมาปตฺติโย, ตตฺถาปิ วิเสเสน ปมารุปฺปชฺฌานํ. ยทิ เอวํ ‘‘ปริจฺฉินฺนากาสกสิเณปี’’ติ วตฺตพฺพํ, ตสฺสาปิ อรูปปฏิภาคตา ลพฺภตีติ? อิจฺฉิตเมเวตํ, เกสฺจิ อวจนํ ปเนตฺถ ปุพฺพาจริเยหิ อคฺคหิตภาเวน. ยถา หิ รูปวิราคภาวนา วิรชฺชนียธมฺมาภาวมตฺเตน ปรินิปฺผนฺนา, วิรชฺชนียธมฺมปริภาสภูเต จ วิสยวิเสเส ปาตุภวติ, เอวํ อรูปวิราคภาวนาปีติ วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธ. ติตฺถิเยเหว ปน ตสฺสา สมาปตฺติยา ปฏิปชฺชิตพฺพตาย เตสฺจ วิสยปเถ สูปนิพนฺธนสฺเสว ตสฺส ฌานสฺส ปฏิปตฺติโต ทิฏฺิวนฺเตหิ ปุพฺพาจริเยหิ จตุตฺเถเยว ภูตกสิเณ อรูปวิราคภาวนาปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจ วณฺณกสิเณสุ วิย ปุริมภูตกสิณตฺตเยปิ วณฺณปฺปฏิจฺฉายาว ปณฺณตฺติ อารมฺมณํ ฌานสฺส โลกโวหารานุโรเธเนว ปวตฺติโต. เอวฺจ กตฺวา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๕๗) ปถวีกสิณสฺส อาทาสจนฺทมณฺฑลูปมวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ, จตุตฺถํ ปน ภูตกสิณํ ภูตปฺปฏิจฺฉายเมว ฌานสฺส โคจรภาวํ คจฺฉตีติ ตสฺเสวํ อรูปปฏิภาคตา ยุตฺตาติ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ธีติ ชิคุจฺฉนตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ธิ จิตฺตนฺติ จิตฺตํ ชิคุจฺฉามิ. ธิ วเตตํ จิตฺตนฺติ เอตํ มม จิตฺตํ ชิคุจฺฉิตํ วต โหตุ. วตาติ สมฺภาวเน. เตน ชิคุจฺฉนํ สมฺภาเวนฺโต วทติ. นามาติ จ สมฺภาวเน เอว. เตน จิตฺตสฺส อภาวํ สมฺภาเวติ. จิตฺตสฺส ภาวาภาเวสุ อาทีนวานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘จิตฺตฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวาติ จิตฺตสฺส อภาโว เอว สาธุ สุฏฺูติ อิมํ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตึ ตตฺถ จ อภิรุจึ อุปฺปาเทตฺวา. ตถา ภาวิตสฺส ฌานสฺส ิติภาคิยภาวปฺปตฺติยา อปริหีนชฺฌานา. ติตฺถายตเน ปพฺพชิตสฺเสว ตถา ฌานภาวนา โหตีติ อาห ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ. ปณิหิโต อโหสีติ มรณสฺส อาสนฺนกาเล ปิโต อโหสิ. ยทิ านาทินา อากาเรน นิพฺพตฺเตยฺย กมฺมพเลน, ยาว เภทา เตเนวากาเรน ติฏฺเยฺยาติ อาห ‘‘เตน อิริยาปเถนา’’ติอาทิ. เอวรูปานมฺปีติ เอวํ อเจตนานมฺปิ. ปิ-สทฺเทน ปเคว สเจตนานนฺติ ทสฺเสติ. กถํ ปน อเจตนานํ เนสํ ปจฺจยาหารสฺส อุปกปฺปนนฺติ โจทนํ สนฺธาย ตตฺถ นิทสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาห. เตน น เกวลมาคโมเยว, อยเมตฺถ ยุตฺตีติ ทสฺเสติ. ตาว ติฏฺนฺตีติ อุกฺกํสโต ปฺจ มหากปฺปสตานิ ติฏฺนฺติ.

เย อุฏฺานวีริเยน ทิวสํ วีตินาเมตฺวา ตสฺส นิสฺสนฺทผลมตฺตํ กิฺจิเทว ลภิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, เต อุฏฺานผลูปชีวิโน. เย ปน อตฺตโน ปุฺผลเมว อุปชีวนฺติ, เต ปุฺผลูปชีวิโน. เนรยิกานํ ปน เนว อุฏฺานวีริยวเสน ชีวิกกปฺปนํ, ปุฺผลสฺส ปน เลโสปิ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘เย ปน เนรยิกา…เป… ชีวีติ วุตฺตา’’ติ. ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อาหรเณน มโนสฺเจตนา อาหาโรติ วุตฺตา, น ยสฺส กสฺสจิ ผลสฺสาติ อธิปฺปาเยน ‘‘กึ ปฺจ อาหารา อตฺถี’’ติ โจเทติ. อาจริโย นิปฺปริยายาหาเร อธิปฺเปเต ‘‘สิยา ตว โจทนา อวสรา, สา ปน เอตฺถ อนวสรา’’ติ จ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺจ, น ปฺจาติ อิทํ น วตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปริยายาหารสฺเสว ปเนตฺถ อธิปฺเปตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นนุ ปจฺจโย อาหาโร’ติ วุตฺตเมต’’นฺติ อาห. ตสฺมาติ ยสฺส กสฺสจิ ปจฺจยสฺส อาหาโรติ อิจฺฉิตตฺตา. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถนฺโต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาห.

มุขฺยาหารวเสนปิ เนรยิกานํ อาหารฏฺิติกตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กพฬีการาหารํ…เป… สาเธตี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ เนรยิกา สุขปฺปฏิสํเวทิโนปิ โหนฺตีติ? โนติ ทสฺเสตุํ ‘‘เขโฬ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตโยติ ตโย อรูปาหารา กพฬีการาหารสฺส อภาวโต. อวเสสานนฺติ อสฺสตฺเตหิ อวเสสานํ กามภวาทีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ. ปจฺจยาหาโร หิ สพฺเพสํ สาธารโณติ.

ปมมหาปฺหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘-๙. ทุติยมหาปฺหสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๘-๒๙. อฏฺเม เอวํนามเกติ กชงฺคลาติ เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามเก มชฺฌิมปฺปเทสสฺส มริยาทภูเต นคเร. ‘‘นิคเม’’ติปิ วทนฺติ, ‘‘นิจุลวเน’’ติปิ วทนฺติ. นิจุลํ นาม เอกา รุกฺขชาติ, ‘‘นีปรุกฺโข’’ติปิ วทนฺติ. เตน สฺฉนฺโน มหาวนสณฺโฑ, ตตฺถ วิหรตีติ อตฺโถ. เหตุนา นเยนาติ จ เหฏฺา วุตฺตเมว. นนุ จ ‘‘เอโส เจว ตสฺส อตฺโถ’’ติ กสฺมา วุตฺตํ. ภควตา หิ จตฺตาโรติอาทิปฺหพฺยากรณา จตฺตาโร อาหารา, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, อฏฺ โลกธมฺมา ทสฺสิตา. ภิกฺขุนิยา ปน จตฺตาโร สติปฏฺานา, ปฺจินฺทฺริยานิ, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ ทสฺสิตธมฺมา อฺโเยวตฺโถ ภิกฺขุนิยา ทสฺสิโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. นวเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ทุติยมหาปฺหสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทุติยโกสลสุตฺตวณฺณนา

๓๐. ทสเม อุคฺคนฺตฺวา ยุชฺฌติ เอตายาติ อุยฺโยธิกา, สตฺถปฺปหาเรหิ ยุชฺฌิตสฺเสตํ อธิวจนํ. อุคฺคนฺตฺวา ยุชฺฌนํ วา อุยฺโยธิโก, สตฺถปฺปหาโร. เตนาห ‘‘ยุทฺธโต นิวตฺโต’’ติ. อุปสฺสุติวเสน ยุชฺฌิตพฺพาการํ ตฺวาติ เชตวเน กิร ทตฺตตฺเถโร ธนุคฺคหติสฺสตฺเถโรติ ทฺเว มหลฺลกตฺเถรา วิหารปจฺจนฺเต ปณฺณสาลาย วสนฺติ. เตสุ ธนุคฺคหติสฺสตฺเถโร ปจฺฉิมยาเม ปพุชฺฌิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺโน ทตฺตตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อยํ เต มโหทโร โกสโล ภุตฺตภตฺตเมว ปูตึ กโรติ, ยุทฺธวิจารณํ ปน กิฺจิ น ชานาติ, ปราชิโตตฺเวว วทาเปตี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘กึ ปน กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต – ‘‘ภนฺเต, ยุทฺโธ นาม ปทุมพฺยูโห จกฺกพฺยูโห สกฏพฺยูโหติ ตโย พฺยูหา โหนฺติ, อชาตสตฺตุํ คณฺหิตุกาเมน อสุกสฺมึ นาม ปพฺพตกุจฺฉิสฺมึ ทฺวีสุ ปพฺพตภิตฺตีสุ มนุสฺเส เปตฺวา ปุรโต ทุพฺพลํ ทสฺเสตฺวา ปพฺพตนฺตรํ ปวิฏฺภาวํ ชานิตฺวา ปวิฏฺมคฺคํ รุนฺธิตฺวา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อุโภสุ ปพฺพตภิตฺตีสุ วคฺคิตฺวา นทิตฺวา ชาลปกฺขิตฺตมจฺฉํ วิย กตฺวา สกฺกา คเหตุ’’นฺติ. ตสฺมึ ขเณ ‘‘ภิกฺขูนํ กถาสลฺลาปํ สุณาถา’’ติ รฺโ เปสิตจรปุริสา ตํ สุตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ตํ สุตฺวา ราชา สงฺคามเภรึ ปหราเปตฺวา คนฺตฺวา สกฏพฺยูหํ กตฺวา อชาตสตฺตุํ ชีวคฺคาหํ คณฺหิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุปสฺสุติวเส…เป... อชาตสตฺตุํ คณฺหี’’ติ.

โทณปากนฺติ โทณตณฺฑุลานํ ปกฺกภตฺตํ. โทณนฺติ จตุนาฬิกานเมตมธิวจนํ. มนุชสฺสาติ สตฺตสฺส. ตนุกสฺสาติ ตนุกา อปฺปิกา อสฺส ปุคฺคลสฺส, ภุตฺตปจฺจยา วิสภาคเวทนา น โหนฺติ. สณิกนฺติ มนฺทํ มุทุกํ, อปริสฺสยเมวาติ อตฺโถ. ชีรตีติ ปริภุตฺตาหาโร ปจฺจติ. อายุ ปาลยนฺติ นิโรโค อเวทโน ชีวิตํ รกฺขนฺโต. อถ วา สณิกํ ชีรตีติ โส โภชเน มตฺตฺู ปุคฺคโล ปริมิตาหารตาย สณิกํ จิเรน ชีรติ ชรํ ปาปุณาติ ชีวิตํ ปาลยนฺโต.

อิมํ โอวาทํ อทาสีติ เอกสฺมึ กิร (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๒๐๓ ปเสนทิโกสลวตฺถุ) สมเย ราชา ตณฺฑุลโทณสฺส โอทนํ ตทุปิเยน สูปพฺยฺชเนน ภุฺชติ. โส เอกทิวสํ ภุตฺตปาตราโส ภตฺตสมฺมทํ อวิโนเทตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กิลนฺตรูโป อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺตติ, นิทฺทาย อภิภุยฺยมาโนปิ ลหุกํ นิปชฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา อาห ‘‘กึ, มหาราช, อวิสฺสมิตฺวาว อาคโตสี’’ติ. อาม, ภนฺเต, ภุตฺตกาลโต ปฏฺาย เม มหาทุกฺขํ โหตีติ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘มหาราช, อติพหุโภชีนํ เอตํ ทุกฺขํ โหตี’’ติ วตฺวา –

‘‘มิทฺธี ยทา โหติ มหคฺฆโส จ,

นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;

มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ,

ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ. (ธ. ป. ๓๒๕; เนตฺติ. ๒๖, ๙๐) –

อิมาย คาถาย โอวทิตฺวา, ‘‘มหาราช, โภชนํ นาม มตฺตาย ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, มตฺตโภชิโน หิ สุขํ โหตี’’ติ อุตฺตริปิ ปุน โอวทนฺโต ‘‘มนุชสฺส สทา สตีมโต’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๔) อิมํ คาถมาห.

ราชา ปน คาถํ อุคฺคณฺหิตุํ นาสกฺขิ, สมีเป ิตํ ปน ภาคิเนยฺยํ สุทสฺสนํ นาม มาณวํ ‘‘อิมํ คาถํ อุคฺคณฺห ตาตา’’ติ อาห. โส ตํ คาถํ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห, ‘‘มาณว, อิมํ คาถํ นโฏ วิย ปตฺตปตฺตฏฺาเน มา อวจ, รฺโ ปาตราสํ ภุฺชนฏฺาเน ตฺวา ปมปิณฺฑาทีสุปิ อวตฺวา อวสาเน ปิณฺเฑ คหิเต วเทยฺยาสิ, ราชา สุตฺวา ภตฺตปิณฺฑํ ฉฑฺเฑสฺสติ. อถ รฺโ หตฺเถสุ โธเตสุ ปาตึ อปเนตฺวา สิตฺถานิ คเณตฺวา ตทุปิยํ พฺยฺชนํ ตฺวา ปุนทิวเส ตาวตเก ตณฺฑุเล หาเรยฺยาสิ. ปาตราเส จ วตฺวา สายมาเส มา วเทยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตํ ทิวสํ รฺโ ปาตราสํ ภุตฺวา คตตฺตา สายมาเส ภควโต อนุสิฏฺินิยาเมน คาถํ อภาสิ. ราชา ทสพลสฺส วจนํ สริตฺวา ภตฺตปิณฺฑํ ปาติยํเยว ฉฑฺเฑสิ. รฺโ หตฺเถสุ โธเตสุ ปาตึ อปเนตฺวา สิตฺถานิ คเณตฺวา ปุนทิวเส ตตฺตเก ตณฺฑุเล หรึสุ, โสปิ มาณโว ทิวเส ทิวเส ตถาคตสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ. ทสพลสฺส วิสฺสาสิโก อโหสิ. อถ นํ เอกทิวสํ ปุจฺฉิ ‘‘ราชา กิตฺตกํ ภุฺชตี’’ติ? โส ‘‘นาฬิโกทน’’นฺติ อาห. วฏฺฏิสฺสติ เอตฺตาวตา ปุริสภาโค เอส, อิโต ปฏฺาย คาถํ มา วทีติ. ราชา ตเถว สณฺาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘นาฬิโกทนปรมตาย สณฺาสี’’ติ. รตฺตฺุตาย วฑฺฒิตํ สีลํ อสฺส อตฺถีติ วฑฺฒิตสีโล. อโปถุชฺชนิเกหิ สีเลหีติ จตุปาริสุทฺธิสีเลหิ สีลํ อริยํ สุทฺธํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อริยสีโล’’ติ. ตเทกํ อนวชฺชฏฺเน กุสลํ. เตน วุตฺตํ ‘‘กุสลสีโล’’ติ.

ทุติยโกสลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อุปาลิวคฺโค

๑. อุปาลิสุตฺตวณฺณนา

๓๑. จตุตฺถสฺส ปเม อตฺถวเสติ วุทฺธิวิเสเส, สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุ อธิคมนีเย หิตวิเสเสติ อตฺโถ. อตฺโถเยว วา อตฺถวโส, ทส อตฺเถ ทส การณานีติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา อตฺโถ ผลํ ตทธีนวุตฺติตาย วโส เอตสฺสาติ อตฺถวโส, เหตูติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘เย มม โสตพฺพํ สทฺทหาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, เตสํ ตํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘โย จ ตถาคตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉติ, ตสฺส ตํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตตี’’ติ วุตฺตํ. อสมฺปฏิจฺฉเน อาทีนวนฺติ ภทฺทาลิสุตฺเต วิย อสมฺปฏิจฺฉเน อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา. สุขวิหาราภาเว สหชีวมานสฺส อภาวโต สหชีวิตาปิ สุขวิหาโรว วุตฺโต. สุขวิหาโร นาม จตุนฺนํ อิริยาปถวิหารานํ ผาสุตา.

มงฺกุตนฺติ นิตฺเตชตํ. ธมฺเมนาติอาทีสุ ธมฺโมติ ภูตํ วตฺถุ. วินโยติ โจทนา เจว สารณา จ. สตฺถุสาสนนฺติ ตฺติสมฺปทา เจว อนุสฺสาวนสมฺปทา จ.

ปิยสีลานนฺติ สิกฺขากามานํ. เตสฺหิ สีลํ ปิยํ โหติ. เตเนวาห ‘‘สิกฺขาตฺตยปาริปูริยา ฆฏมานา’’ติ. สนฺทิทฺธมนาติ สํสยํ อาปชฺชมนา. อุพฺพฬฺหา โหนฺตีติ ปีฬิตา โหนฺติ. สงฺฆกมฺมานีติ สติปิ อุโปสถปวารณานํ สงฺฆกมฺมภาเว โคพลีพทฺทาเยน อุโปสถํ ปวารณฺจ เปตฺวา อุปสมฺปทาทิเสสสงฺฆกมฺมานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. สมคฺคานํ ภาโว สามคฺคี.

‘‘นาหํ, จุนฺท, ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) เอตฺถ วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.

‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;

ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;

เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖) –

เอตฺถ เตภูมกํ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา. อิธ ปน ปรูปวาทวิปฺปฏิสารวธพนฺธาทโย เจว อปายทุกฺขภูตา จ นานปฺปการา อุปทฺทวา อาสวาติ อาห ‘‘อสํวเร ิเตน ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ปตฺตพฺพา’’ติอาทิ. ยทิ หิ ภควา สิกฺขาปทํ น จ ปฺเปยฺย, ตโต อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนอทินฺนาทานปาณาติปาตาทิเหตุ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปรูปวาทาทโย ทิฏฺธมฺมิกา นานปฺปการา อนตฺถา, เย จ ตนฺนิมิตฺตเมว นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณาทิวเสน มหาทุกฺขานุภวนปฺปการา อนตฺถา, เต สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว, ตตฺถ ภวา ทิฏฺธมฺมิกา. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ปตฺตพฺพา’’ติ. สมฺมุขา ครหนํ อกิตฺติ, ปรมฺมุขา ครหนํ อยโส. อถ วา สมฺมุขา ปรมฺมุขา ครหนํ อกิตฺติ, ปริวารหานิ อยโสติ เวทิตพฺพํ. อาคมนมคฺคถกนายาติ อาคมนทฺวารปิทหนตฺถาย. สมฺปเรตพฺพโต เปจฺจ คนฺตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโกติ อาห ‘‘สมฺปราเย นรกาทีสู’’ติ.

เมถุนาทีนิ รชฺชนฏฺานานิ. ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสนฏฺานานิ.

สํวรวินโยติ สีลสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ ปฺจวิโธ สํวโร. ยถาสกํ สํวริตพฺพานํ วิเนตพฺพานฺจ กายทุจฺจริตาทีนํ สํวรณโต สํวโร, วินยนโต วินโยติ วุจฺจติ. ปหานวินโยติ ตทงฺคปฺปหานํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปฺจวิธํ ปหานํ ยสฺมา จาคฏฺเน ปหานํ, วินยฏฺเน วินโย, ตสฺมา ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ. สมถวินโยติ สตฺต อธิกรณสมถา. ปฺตฺติวินโยติ สิกฺขาปทเมว. สิกฺขาปทปฺตฺติยา หิ วิชฺชมานาย เอว สิกฺขาปทสมฺภวโต ปฺตฺติวินโยปิ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อนุคฺคหิโต โหติ. เสสเมตฺถ วุตฺตตฺถเมว.

อุปาลิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปาลิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อกฺโกสวคฺโค

๑-๘. วิวาทสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๑-๔๘. ปฺจมสฺส ปมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ. ฉฏฺเ ขณภงฺคุรตาย น นิจฺจา น ธุวาติ อนิจฺจา. ตโต เอว ปณฺฑิเตหิ น อิจฺจา น อุปคนฺตพฺพาติปิ อนิจฺจา. สฺวายํ เนสํ อนิจฺจฏฺโ อุทยวยปริจฺฉินฺนตาย เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘หุตฺวา อภาวิโน’’ติ, อุปฺปชฺชิตฺวา วินสฺสกาติ อตฺโถ. สารรหิตาติ นิจฺจสารธุวสารอตฺตสารวิรหิตา. มุสาติ วิสํวาทนฏฺเน มุสา, เอกํเสน อสุภาทิสภาวา เต พาลานํ สุภาทิภาเวน อุปฏฺหนฺติ, สุภาทิคฺคหณสฺส ปจฺจยภาเวน สตฺเต วิสํวาเทนฺติ. เตนาห ‘‘นิจฺจสุภสุขา วิยา’’ติอาทิ. น ปสฺสนสภาวาติ ขณปภงฺคุรตาอิตฺตรปจฺจุปฏฺานตาย ทิสฺสมานา วิย หุตฺวา อทสฺสนปกติกา. เอเต หิ เขตฺตํ วิย วตฺถุ วิย หิรฺสุวณฺณํ วิย จ ปฺายิตฺวาปิ กติปาเหเนว สุปินเก ทิฏฺา วิย น ปฺายนฺติ. สตฺตมฏฺมานิ สุวิฺเยฺยานิ.

วิวาทสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. สรีรฏฺธมฺมสุตฺตาทิวณฺณนา

๔๙-๕๐. นวเม ปุนพฺภวทานํ ปุนพฺภโว อุตฺตรปทโลเปน, ปุนพฺภโว สีลมสฺสาติ โปโนภวิโก, ปุนพฺภวทายโกติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปุนพฺภวนิพฺพตฺตโก’’ติ. ภวสงฺขรณกมฺมนฺติ ปุนพฺภวนิพฺพตฺตนกกมฺมํ. ทสเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

สรีรฏฺธมฺมสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อกฺโกสวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๒. ทุติยปณฺณาสกํ

(๖) ๑. สจิตฺตวคฺโค

๑-๑๐. สจิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา

๕๑-๖๐. ทุติยสฺส ปมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ. ทสเม ปิตฺตํ สมุฏฺานเมเตสนฺติ ปิตฺตสมุฏฺานา, ปิตฺตปจฺจยาปิตฺตเหตุกาติ อตฺโถ. เสมฺหสมุฏฺานาทีสุปิ เอเสว นโย. สนฺนิปาติกาติ ติณฺณมฺปิ ปิตฺตาทีนํ โกเปน สมุฏฺิตา. อุตุปริณามชาติ วิสภาคอุตุโต ชาตา. ชงฺคลเทสวาสีนฺหิ อนูปเทเส วสนฺตานํ วิสภาโค จ อุตุ อุปฺปชฺชติ, อนูปเทสวาสีนฺจ ชงฺคลเทเสติ เอวํ ปรสมุทฺทตีราทิวเสนปิ อุตุวิสภาคตา อุปฺปชฺชติเยว. ตโต ชาตาติ อุตุปริณามชา. อตฺตโน ปกติจริยานํ วิสยานํ วิสมํ กายปริหรณวเสน ชาตา วิสมปริหารชา. เตนาห ‘‘อติจิรฏฺานนิสชฺชาทินา วิสมปริหาเรน ชาตา’’ติ. อาทิ-สทฺเทน มหาภารวหนสุธาโกฏฺฏนาทีนํ สงฺคโห. ปรสฺส อุปกฺกมโต นิพฺพตฺตา โอปกฺกมิกา. พาหิรํ ปจฺจยํ อนเปกฺขิตฺวา เกวลํ กมฺมวิปากโตว ชาตา กมฺมวิปากชา. ตตฺถ ปุริเมหิ สตฺตหิ การเณหิ อุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา สกฺกา ปฏิพาหิตุํ, กมฺมวิปากชานํ ปน สพฺพเภสชฺชานิปิ สพฺพปริตฺตานิปิ นาลํ ปฏิฆาตาย.

สจิตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

สจิตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๗) ๒. ยมกวคฺโค

๑-๗. อวิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๑-๖๗. ทุติยสฺส ปมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ. สตฺตเม นฬกปานเกติ เอวํนามเก นิคเม. ปุพฺเพ กิร (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๑๙ อาทโย) อมฺหากํ โพธิสตฺโต กปิโยนิยํ นิพฺพตฺโต มหากาโย กปิราชา หุตฺวา อเนกสตวานรสหสฺสปริวุโต ปพฺพตปาเท วิจริ, ปฺวา โข ปน โหติ มหาปฺโ. โส ปริสํ เอวํ โอวทติ, ‘‘ตาตา, อิมสฺมึ ปพฺพตปาเท วิสผลานิ โหนฺติ, อมนุสฺสปริคฺคหิตา โปกฺขรณิกา นาม โหนฺติ, ตุมฺเห ปุพฺเพ ขาทิตปุพฺพาเนว ผลานิ ขาทถ, ปีตปุพฺพาเนว ปานียานิ ปิวถ, เอตฺถ โว ปฏิปุจฺฉิตกิจฺจํ นตฺถี’’ติ. เต อปีตปุพฺพํ ทิสฺวา สหสาว อปิวิตฺวา สมนฺตา ปริธาวิตฺวา มหาสตฺตสฺส อาคมนํ โอโลกยมานา นิสีทึสุ. มหาสตฺโต อาคนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาตา, ปานียํ น ปิวถา’’ติ อาห. ตุมฺหากํ อาคมนํ โอโลเกมาติ. ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ สมนฺตา ปทํ ปริเยสมาโน โอติณฺณปทํเยว อทฺทส, น อุตฺติณฺณปทํ. อทิสฺวา ‘‘สปริสฺสยา’’ติ อฺาสิ. ตาวเทว จ ตตฺถ อภินิพฺพตฺตอมนุสฺโส อุทกํ ทฺเวธา กตฺวา อุฏฺาสิ – เสตมุโข, นีลกุจฺฉิ, รตฺตหตฺถปาโท, มหาทาิโก, วนฺตทาโ, วิรูโป, พีภจฺโฉ, อุทกรกฺขโส. โส เอวมาห – ‘‘กสฺมา ปานียํ น ปิวถ, มธุรํ อุทกํ ปิวถ, กึ ตุมฺเห เอตสฺส วจนํ สุณาถา’’ติ. มหาสตฺโต อาห ‘‘ตฺวํ อธิวตฺโถ อมนุสฺโส’’ติ? อามาหนฺติ. ‘‘ตฺวํ อิธ โอติณฺเณ ลภสี’’ติ อาห. อาม, ตุมฺเห ปน สพฺเพ ขาทิสฺสามีติ. น สกฺขิสฺสสิ ยกฺขาติ. ปานียํ ปน ปิวิสฺสถาติ. อาม, ปิวิสฺสามาติ. เอวํ สนฺเต เอกมฺปิ วานรํ น มุฺจิสฺสนฺติ. ‘‘ปานียฺจ ปิวิสฺสาม, น จ เต วสํ คมิสฺสามา’’ติ นฬํ อาหราเปตฺวา โกฏิยํ คเหตฺวา ธมิ. สพฺโพ เอกจฺฉิทฺโท อโหสิ. ตีเร นิสีทิตฺวาว ปานียํ ปิวิ. เสสวานรานมฺปิ ปาฏิเยกฺกํ นฬํ อาหราเปตฺวา ธมิตฺวา อทาสิ. สพฺเพ เต ปสฺสนฺตสฺเสว ปานียํ ปิวึสุ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ทิสฺวา ปทมนุตฺติณฺณํ, ทิสฺวาโนตริตํ ปทํ;

นเฬน วารึ ปิสฺสาม, เนว มํ ตฺวํ วธิสฺสสี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๒๐);

ตโต ปฏฺาย ยาว อชฺชทิวสา ตสฺมึ าเน นฬา เอกจฺฉิทฺทาว โหนฺติ. อิมสฺมิฺหิ กปฺเป กปฺปฏฺิยปาฏิหาริยานิ นาม จนฺเท สสลกฺขณํ (ชา. ๑.๔.๖๑ อาทโย), วฏฺฏชาตเก (ชา. ๑.๑.๓๕) สจฺจกิริยฏฺาเน อคฺคิชาลสฺส อาคมนุปจฺเฉโท, ฆฏีการสฺส มาตาปิตูนํ วสนฏฺาเน อโนวสฺสนํ (ม. นิ. ๒.๒๙๑), โปกฺขรณิยา ตีเร นฬานํ เอกจฺฉิทฺทภาโวติ. อิติ สา โปกฺขรณี นเฬน ปานียสฺส ปิวิตตฺตา ‘‘นฬกปานกา’’ติ นามํ ลภิ. อปรภาเค ตํ โปกฺขรณึ นิสฺสาย นิคโม ปติฏฺาสิ, ตสฺสปิ ‘‘นฬกปาน’’นฺตฺเวว นามํ ชาตํ. ตํ ปน สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นฬกปาเน’’ติ. ปลาสวเนติ กึสุกวเน.

ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตนฺติ พฺยาปนิจฺฉายํ อิทํ อาเมฑิตวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ยํ ทิส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อนุวิโลเกตฺวาติ เอตฺถ อนุ-สทฺโท ‘‘ปรี’’ติ อิมินา สมานตฺโถติ อาห ‘‘ตโต ตโต วิโลเกตฺวา’’ติ. กสฺมา อาคิลายติ โกฏิสหสฺสหตฺถินาคานํ พลํ ธาเรนฺตสฺสาติ โจทกสฺส อธิปฺปาโย. อาจริโย ปนสฺส ‘‘เอส สงฺขารานํ สภาโว, ยทิทํ อนิจฺจตา. เย ปน อนิจฺจา, เต เอกนฺเตเนว อุทยวยปฺปฏิปีฬิตตาย ทุกฺขา เอว. ทุกฺขสภาเวสุ เตสุ สตฺถุกาเย ทุกฺขุปฺปตฺติยา อยํ ปจฺจโย’’ติ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปิฏฺิวาโต อุปฺปชฺชิ, โส จ โข ปุพฺเพกตกมฺมปจฺจยา. เอตฺถาห ‘‘กึ ปน ตํ กมฺมํ, เยน อปริมาณกาลํ สกฺกจฺจํ อุปจิตวิปุลปุฺสมฺภาโร สตฺถา เอวรูปํ ทุกฺขวิปากมนุภวตี’’ติ? วุจฺจเต – อยเมว ภควา โพธิสตฺตภูโต อตีตชาติยํ มลฺลปุตฺโต หุตฺวา ปาปชนเสวี อโยนิโสมนสิการพหุโล จรติ. โส เอกทิวสํ นิพฺพุทฺเธ วตฺตมาเน เอกํ มลฺลปุตฺตํ คเหตฺวา คาฬฺหตรํ นิปฺปีเฬสิ. เตน กมฺเมน อิทานิ พุทฺโธ หุตฺวาปิ ทุกฺขมนุภวิ. ยถา เจตํ, เอวํ จิฺจมาณวิกาทีนมิตฺถีนํ ยานิ ภควโต อพฺภกฺขานาทีนิ ทุกฺขานิ, สพฺพานิ ปุพฺเพกตสฺส วิปากาวเสสานิ, ยานิ กมฺมปิโลติกานีติ วุจฺจนฺติ. วุตฺตฺเหตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๖๔-๙๖) –

‘‘อโนตตฺตสราสนฺเน, รมณีเย สิลาตเล;

นานารตนปชฺโชเต, นานาคนฺธวนนฺตเร.

‘‘มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน, ปเรโต โลกนายโก;

อาสีโน พฺยากรี ตตฺถ, ปุพฺพกมฺมานิ อตฺตโน.

‘‘สุณาถ ภิกฺขโว มยฺหํ, ยํ กมฺมํ ปกตํ มยา;

ปิโลติกสฺส กมฺมสฺส, พุทฺธตฺเตปิ วิปจฺจติ.

.

‘‘มุนาฬิ นามหํ ธุตฺโต, ปุพฺเพ อฺาสุ ชาติสุ;

ปจฺเจกพุทฺธํ สุรภึ, อพฺภาจิกฺขึ อทูสกํ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, นิรเย สํสรึ จิรํ;

พหู วสฺสสหสฺสานิ, ทุกฺขํ เวเทสิ เวทนํ.

‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, อิธ ปจฺฉิมเก ภเว;

อพฺภกฺขานํ มยา ลทฺธํ, สุนฺทริกาย การณา.

.

‘‘สพฺพาภิภุสฺส พุทฺธสฺส, นนฺโท นามาสิ สาวโก;

ตํ อพฺภกฺขาย นิรเย, จิรํ สํสริตํ มยา.

‘‘ทส วสฺสสหสฺสานิ, นิรเย สํสรึ จิรํ;

มนุสฺสภาวํ ลทฺธาหํ, อพฺภกฺขานํ พหุํ ลภึ.

‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, จิฺจมาณวิกา มมํ;

อพฺภาจิกฺขิ อภูเตน, ชนกายสฺส อคฺคโต.

.

‘‘พฺราหฺมโณ สุตวา อาสึ, อหํ สกฺกตปูชิโต;

มหาวเน ปฺจสเต, มนฺเต วาเจสิ มาณเว.

‘‘ตตฺถาคโต อิสิ ภีโม, ปฺจาภิฺโ มหิทฺธิโก;

ตฺจาหํ อาคตํ ทิสฺวา, อพฺภาจิกฺขึ อทูสกํ.

‘‘ตโตหํ อวจํ สิสฺเส, กามโภคี อยํ อิสิ;

มยฺหมฺปิ ภาสมานสฺส, อนุโมทึสุ มาณวา.

‘‘ตโต มาณวกา สพฺเพ, ภิกฺขมานํ กุเล กุเล;

มหาชนสฺส อาหํสุ, กามโภคี อยํ อิสิ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, ปฺจ ภิกฺขุสตา อิเม;

อพฺภกฺขานํ ลภุํ สพฺเพ, สุนฺทริกาย การณา.

.

‘‘เวมาตุภาตรํ ปุพฺเพ, ธนเหตุ หนึ อหํ;

ปกฺขิปึ คิริทุคฺคสฺมึ, สิลาย จ อปึสยึ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เทวทตฺโต สิลํ ขิปิ;

องฺคุฏฺํ ปึสยี ปาเท, มม ปาสาณสกฺขรา.

.

‘‘ปุเรหํ ทารโก หุตฺวา, กีฬมาโน มหาปเถ;

ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวาน, มคฺเค สกลิกํ ขิปึ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, อิธ ปจฺฉิมเก ภเว;

วธตฺถํ มํ เทวทตฺโต, อภิมาเร ปโยชยิ.

.

‘‘หตฺถาโรโห ปุเร อาสึ, ปจฺเจกมุนิมุตฺตมํ;

ปิณฺฑาย วิจรนฺตํ ตํ, อาสาเทสึ คเชนหํ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, ภนฺโต นาฬาคิรี คโช;

คิริพฺพเช ปุรวเร, ทารุโณ สมุปาคมิ.

.

‘‘ราชาหํ ปตฺถิโว อาสึ, สตฺติยา ปุริสํ หนึ;

เตน กมฺมวิปาเกน, นิรเย ปจฺจิสํ ภุสํ.

‘‘กมฺมุโน ตสฺส เสเสน, อิทานิ สกลํ มม;

ปาเท ฉวึ ปกปฺเปสิ, น หิ กมฺมํ วินสฺสติ.

.

‘‘อหํ เกวฏฺฏคามสฺมึ, อหุํ เกวฏฺฏทารโก;

มจฺฉเก ฆาติเต ทิสฺวา, ชนยึ โสมนสฺสกํ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, สีสทุกฺขํ อหู มม;

สพฺเพ สกฺกา จ หฺึสุ, ยทา หนิ วิฏฏูโภ.

.

‘‘ผุสฺสสฺสาหํ ปาวจเน, สาวเก ปริภาสยึ;

ยวํ ขาทถ ภุฺชถ, มา จ ภุฺชถ สาลโย.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เตมาสํ ขาทิตํ ยวํ;

นิมนฺติโต พฺราหฺมเณน, เวรฺชายํ วสึ ตทา.

๑๐.

‘‘นิพฺพุทฺเธ วตฺตมานมฺหิ, มลฺลปุตฺตํ นิเหยึ;

เตน กมฺมวิปาเกน, ปิฏฺิทุกฺขํ อหู มม.

๑๑.

‘‘ติกิจฺฉโก อหํ อาสึ, เสฏฺิปุตฺตํ วิเรจยึ;

เตน กมฺมวิปาเกน, โหติ ปกฺขนฺทิกา มม.

๑๒.

‘‘อวจาหํ โชติปาโล, สุคตํ กสฺสปํ ตทา;

กุโต นุ โพธิ มุณฺฑสฺส, โพธิ ปรมทุลฺลภา.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, อจรึ ทุกฺกรํ พหุํ;

ฉพฺพสฺสานุรุเวลายํ, ตโต โพธิมปาปุณึ.

‘‘นาหํ เอเตน มคฺเคน, ปาปุณึ โพธิมุตฺตมํ;

กุมฺมคฺเคน คเวสิสฺสํ, ปุพฺพกมฺเมน วาริโต.

‘‘ปุฺปาปปริกฺขีโณ, สพฺพสนฺตาปวชฺชิโต;

อโสโก อนุปายาโส, นิพฺพายิสฺสมนาสโว.

‘‘เอวํ ชิโน วิยากาสิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อคฺคโต;

สพฺพาภิฺาพลปฺปตฺโต, อโนตตฺเต มหาสเร’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๖๔-๙๖);

อวิชฺชาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. ปมกถาวตฺถุสุตฺตาทิวณฺณนา

๖๙-๗๐. นวเม (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๗; ที. นิ. อภิ. ฏี. ๑.๑๗; สํ. นิ. ฏี. ๒.๕.๑๐๘๐) ทุคฺคติโต สํสารโต จ นิยฺยาติ เอเตนาติ นิยฺยานํ, สคฺคมคฺโค, โมกฺขมคฺโค จ. ตํ นิยฺยานํ อรหติ, นิยฺยาเน วา นิยุตฺตา, นิยฺยานํ วา ผลภูตํ เอติสฺสา อตฺถีติ นิยฺยานิกา. วจีทุจฺจริตสํกิเลสโต นิยฺยาตีติ วา อีการสฺส รสฺสตฺตํ, ยการสฺส จ กการํ กตฺวา นิยฺยานิกา, เจตนาย สทฺธึ สมฺผปฺปลาปา เวรมณิ. ตปฺปฏิปกฺขโต อนิยฺยานิกา, ตสฺสา ภาโว อนิยฺยานิกตฺตํ, ตสฺมา อนิยฺยานิกตฺตา. ติรจฺฉานภูตนฺติ ติโรกรณภูตํ. เคหสฺสิตกถาติ เคหปฺปฏิสํยุตฺตา. กมฺมฏฺานภาเวติ อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตจตุสจฺจกมฺมฏฺานภาเว.

สห อตฺเถนาติ สาตฺถกํ, หิตปฺปฏิสํยุตฺตนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุรากถา’’ติปิ ปาโติ อาห ‘‘สุรากถนฺติ ปาฬิยํ ปนา’’ติ. สา ปเนสา กถา ‘‘เอวรูปา นวสุรา ปีตา รติชนนี โหตี’’ติ อสฺสาทวเสน น วฏฺฏติ, อาทีนววเสน ปน ‘‘อุมฺมตฺตกสํวตฺตนิกา’’ติอาทินา นเยน วฏฺฏติ. เตนาห ‘‘อเนกวิธํ…เป… อาทีนววเสน วฏฺฏตี’’ติ. วิสิขาติ ฆรสนฺนิเวโส. วิสิขาคหเณน จ ตนฺนิวาสิโน คหิตา ‘‘คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ วิย. เตเนวาห ‘‘สูรา สมตฺถา’’ติ จ ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติ จ. กุมฺภฏฺานปฺปเทเสน กุมฺภทาสิโย วุตฺตาติ อาห ‘‘กุมฺภทาสิกถา วา’’ติ.

ราชกถาทิปุริมกถาย, โลกกฺขายิกาทิปจฺฉิมกถาย วา วินิมุตฺตา ปุริมปจฺฉิมกถา วิมุตฺตา. อุปฺปตฺติิติสํหาราทิวเสน โลกํ อกฺขายตีติ โลกกฺขายิกา. อสุเกน นามาติ ปชาปตินา พฺรหฺมุนา, อิสฺสเรน วา. วิตณฺฑสลฺลาปกถาติ ‘‘อฏฺีนํ เสตตฺตา เสโตติ น วตฺตพฺโพ, ปตฺตานํ กาฬตฺตา กาโฬติ ปน วตฺตพฺโพ’’ติ เอวมาทิกา. อาทิ-สทฺเทน ‘‘เสลปุปฺผลกานิ วิย ชีวิทาวิรปารยตฺติวิสาลา นตฺถิ, ยํ โย โกจิ ติริยามานา กตตฺตา’’ติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สาครเทเวนาติ สาครปุตฺตราชูหิ. ขโตติ เอตํ เอกวจนํ เตหิ ปจฺเจกํ ขตตฺตา ‘‘สาครเทเวน ขตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. สหมุทฺทา สมุทฺโทติ วุตฺโต. ภวติ วทฺธติ เอเตนาติ ภโว. ภวาภวา โหนฺตีติ อิติภวาภวกถา. เอตฺถ จ ภโวติ สสฺสตํ, อภโวติ อุจฺเฉทํ. ภโวติ วุทฺธิ, อภโวติ หานิ. ภโวติ กามสุขํ, อภโวติ อตฺตกิลมโถติ อิติ อิมาย ฉพฺพิธาย อิติภวาภวกถาย สทฺธึ พาตฺตึส ติรจฺฉานกถา นาม โหนฺติ. อถ วา ปาฬิยํ สรูปโต อนาคตาปิ อรฺปพฺพตนทีทีปกถา อิติสทฺเทน สงฺคณฺหิตฺวา พาตฺตึส ติรจฺฉานกถา วุตฺตา. ทสเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ปมกถาวตฺถุสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ยมกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๘) ๓. อากงฺขวคฺโค

๑-๔. อากงฺขสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๑-๗๔. ตติยสฺส ปเม สีลสฺส อนวเสสสมาทาเนน อขณฺฑาทิภาวาปตฺติยา จ ปริปุณฺณสีลา. สมาทานโต ปฏฺาย อวิจฺฉินฺทนโต สีลสมงฺคิโน. เอตฺตาวตา กิราติ (อ. นิ. ๒.๓๗) กิร-สทฺโท อรุจิสูจนตฺโถ. เตเนตฺถ อาจริยวาทสฺส อตฺตโน อรุจฺจนภาวํ ทีเปติ. สมฺปนฺนสีลาติ อนามฏฺวิเสสํ สามฺโต สีลสงฺเขเปน คหิตํ. ตฺจ จตุพฺพิธนฺติ อาจริยตฺเถโร ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา’’ติ อาห. ตตฺถาติ จตุปาริสุทฺธิสีเล. เชฏฺกสีลนฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๑๒) ปธานสีลํ. อุภยตฺถาติ อุทฺเทสนิทฺเทเส. อิธ นิทฺเทเส วิย อุทฺเทเสปิ ปาติโมกฺขสํวโร ภควตา วุตฺโต ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. สีลคฺคหณฺหิ ปาฬิยํ ปาติโมกฺขสํวรวเสน อาคตํ. เตนาห ‘‘ปาติโมกฺขสํวโรเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ อวธารเณน อิตเรสํ ติณฺณํ เอกเทเสน ปาติโมกฺขนฺโตคธตํ ทีเปติ. ตถา หิ อโนโลกิโยโลกเน อาชีวเหตุ ฉสิกฺขาปทวีติกฺกเม คิลานปจฺจยสฺส อปจฺจเวกฺขิตปริโภเค จ อาปตฺติ วิหิตาติ. ตีณีติ อินฺทฺริยสํวรสีลาทีนิ. สีลนฺติ วุตฺตฏฺานํ นาม อตฺถีติ สีลปริยาเยน เตสํ กตฺถจิ สุตฺเต คหิตฏฺานํ นาม กึ อตฺถิ ยถา ปาติโมกฺขสํวโรติ อาจริยสฺส สมฺมุขตฺตา อปฺปฏิกฺขิปนฺโตว อุปจาเรน ปุจฺฉนฺโต วิย วทติ. เตนาห ‘‘อนนุชานนฺโต’’ติ. ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมวาติ ตสฺส สลฺลหุกภาวมาห จิตฺตาธิฏฺานมตฺเตน ปฏิปากติกภาวาปตฺติโต. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกนฺติ ผเลน เหตุํ ทสฺเสติ. อุปฺปาทนเหตุกา หิ ปจฺจยานํ อุปฺปตฺติ. อิทมตฺถนฺติ อิทํ ปโยชนํ อิมสฺส ปจฺจยสฺส ปริภุฺชเนติ อธิปฺปาโย. นิปฺปริยาเยนาติ อิมินา อินฺทฺริยสํวราทีนิ ตีณิ ปธานสฺส สีลสฺส ปริวารวเสน ปวตฺติยา ปริยายสีลานิ นามาติ ทสฺเสติ.

อิทานิ ปาติโมกฺขสํวรสฺเสว ปธานภาวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โสติ ปาติโมกฺขสํวโร. เสสานีติ อินฺทฺริยสํวราทีนิ. ตสฺเส วาติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ เอตฺถ ยํ สีลํ วุตฺตํ, ตสฺเสว. สมฺปนฺนปาติโมกฺขาติ เอตฺถ ปาติโมกฺขคฺคหเณน เววจนํ วตฺวา ตํ วิตฺถาเรตฺวา…เป… อาทิมาห. ยถา อฺตฺถาปิ ‘‘อิธ ภิกฺขุ สีลวา โหตี’’ติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย อุทฺทิฏฺํ สีลํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘) นิทฺทิฏฺํ. กสฺมา อารทฺธนฺติ เทสนาย การณปุจฺฉา. สีลานิสํสทสฺสนตฺถนฺติ ปโยชนนิทฺเทโส. ‘‘สีลานิสํสทสฺสนตฺถ’’นฺติ หิ เอตฺถ พฺยติเรกโต ยํ สีลานิสํสสฺส อทสฺสนํ, ตํ อิมิสฺสา เทสนาย การณนฺติ กสฺมา อารทฺธนฺติ? เวเนยฺยานํ สีลานิสํสสฺส อทสฺสนโตติ อตฺถโต อาปนฺโน เอว โหติ. เตนาห ‘‘สเจปี’’ติอาทิ. สีลานิสํสทสฺสนตฺถนฺติ ปน อิมสฺส อตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อานิสํโสติ อุทโย. ‘‘สีลวา สีลสมฺปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕) ปน วิปากผลมฺปิ ‘‘อานิสํโส’’ติ วุตฺตํ. โก วิเสโสติ โก ผลวิเสโส. กา วฑฺฒีติ โก อพฺภุทโย. วิชฺชมาโนปิ คุโณ ยาถาวโต วิภาวิโต เอว อภิรุจึ อุปฺปาเทติ, น อวิภาวิโต, ตสฺมา เอกนฺตโต อานิสํสกิตฺตนํ อิจฺฉิตพฺพเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺเปว นามา’’ติอาทิมาห.

ปิโยติ ปิยายิตพฺโพ. ปิยสฺส นาม ทสฺสนํ เอกนฺตโต อภินนฺทิตพฺพํ โหตีติ อาห ‘‘ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตพฺโพ’’ติ. ปีติสมุฏฺานปฺปสนฺนโสมฺมรูปปริคฺคหฺหิ จกฺขุ ‘‘ปิยจกฺขู’’ติ วุจฺจติ. เตสนฺติ สพฺรหฺมจารีนํ. มนวฑฺฒนโกติ ปีติมนสฺส ปริพฺรูหนโต อุปรูปริ ปีติจิตฺตสฺเสว อุปฺปาทนโก. ครุฏฺานิโยติ ครุกรณสฺส านภูโต. ชานํ ชานาตีติ าเณน ชานิตพฺพํ ชานาติ. ยถา วา อฺเ อชานนฺตาปิ ชานนฺตา วิย ปวตฺตนฺติ, น เอวมยํ, อยํ ปน ชานนฺโต เอว ชานาติ. ปสฺสํ ปสฺสตีติ ทสฺสนภูเตน ปฺาจกฺขุนา ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติ, ปสฺสนฺโต เอว วา ปสฺสติ. เอวํ สมฺภาวนีโยติ เอวํ วิฺุตาย ปณฺฑิตภาเวน สมฺภาเวตพฺโพ. สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ สีเลสุ ปริปูรการี เอว ภเวยฺยาติ. เอวํ อุตฺตรปทาวธารณํ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ อิมินา ปเทน อุปริสิกฺขาทฺวยํ อนิวตฺติตเมว โหติ. ยถา ปน สีเลสุ ปริปูรการี นาม โหติ, ตํ ผเลน ทสฺเสตุํ ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วิปสฺสนาธิฏฺานสมาธิสํวตฺตนิกตาย หิ อิธ สีลสฺส ปาริปูรี, น เกวลํ อขณฺฑาทิภาวมตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ อขณฺฑานิ…เป… สมาธิสํวตฺตนิกานี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริสิกฺขาทฺวยํ สีลสฺส สมฺภารภาเวน คหิตนฺติ สีลสฺเสเวตฺถ ปธานคฺคหณํ สิทฺธํ โหติ. สีลานุรกฺขกา หิ จิตฺเตกคฺคตาสงฺขารปริคฺคหา. อนูเนนาติ อขณฺฑาทิภาเวน, กสฺสจิ วา อหาปเนน อุปปนฺเนน. อากาเรนาติ กรเณน สมฺปาทเนน.

อชฺฌตฺตนฺติ วา อตฺตโนติ วา เอกํ เอกตฺถํ, พฺยฺชนเมว นานํ. ภุมฺมตฺเถ เจตํ, ‘‘สมถ’’นฺติ อุปโยควจนํ ‘‘อนู’’ติ อิมินา อุปสคฺเคน โยเค สิทฺธนฺติ อาห ‘‘อตฺตโน จิตฺตสมเถ ยุตฺโต’’ติ. ตตฺถ จิตฺตสมเถติ จิตฺตสฺส สมาธาเน. ยุตฺโตติ อวิยุตฺโต ปสุโต. โย สพฺเพน สพฺพํ ฌานภาวนาย อนนุยุตฺโต, โส ตํ พหิ นีหรติ นาม. โย อารภิตฺวา อนฺตรา สงฺโกจํ อาปชฺชติ, โส ตํ วินาเสติ นาม. โย ปน อีทิโส อหุตฺวา ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, โส อนิรากตชฺฌาโนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘พหิ อนีหฏชฺฌาโน’’ติอาทิมาห. นีหรณวินาสตฺถฺหิ อิทํ นิรากรณํ นาม. ‘‘ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๓๒๘) จสฺส ปโยโค ทฏฺพฺโพ.

สตฺตวิธาย อนุปสฺสนายาติ เอตฺถ อนิจฺจานุปสฺสนา, ทุกฺขานุปสฺสนา, อนตฺตานุปสฺสนา, นิพฺพิทานุปสฺสนา, วิราคานุปสฺสนา, นิโรธานุปสฺสนา, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาติ อิมา สตฺตวิธา อนุปสฺสนา. สุฺาคารคโต ภิกฺขุ ตตฺถ ลทฺธกายวิเวกตาย สมถวิปสฺสนาวเสน จิตฺตวิเวกํ ปริพฺรูเหนฺโต ยถานุสิฏฺปฏิปตฺติยา โลกํ สาสนฺจ อตฺตโน วิเสสาธิคมฏฺานภูตํ สุฺาคารฺจ อุปโสภยมาโน คุณวิเสสาธิฏฺานภาวาปาทเนน วิฺูนํ อตฺถโต ตํ พฺรูเหนฺโต นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘พฺรูเหตา สุฺาคาราน’’นฺติ. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. เอกภูมกาทิปาสาเท กุรุมาโนปิ ปน เนว สุฺาคารานํ พฺรูเหตาติ ทฏฺพฺโพ. สุฺาคารคฺคหเณน เจตฺถ อรฺรุกฺขมูลาทิ สพฺพํ ปธานานุโยคกฺขมํ เสนาสนํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

เอตฺตาวตา ยถา ตณฺหาวิจริตเทสนา ปมํ ตณฺหาวเสน อารทฺธาปิ ตณฺหาปทฏฺานตฺตา มานทิฏฺีนํ มานทิฏฺิโย โอสริตฺวา กเมน ปปฺจตฺตยเทสนา ชาตา, เอวมยํ เทสนา ปมํ อธิสีลสิกฺขาวเสน อารทฺธาปิ สีลปทฏฺานตฺตา สมถวิปสฺสนานํ สมถวิปสฺสนาโย โอสริตฺวา กเมน สิกฺขาตฺตยเทสนา ชาตาติ เวทิตพฺพา. เอตฺถ หิ ‘‘สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ เอตฺตาวตา อธิสีลสิกฺขา วุตฺตา, ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน’’ติ เอตฺตาวตา อธิจิตฺตสิกฺขา, ‘‘วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต’’ติ เอตฺตาวตา อธิปฺาสิกฺขา. ‘‘พฺรูเหตา สุฺาคาราน’’นฺติ อิมินา ปน สมถวเสน สุฺาคารวฑฺฒเน อธิจิตฺตสิกฺขา, วิปสฺสนาวเสน อธิปฺาสิกฺขาติ เอวํ ทฺเวปิ สิกฺขา สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. เอตฺถ จ ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน’’ติ อิเมหิ ปเทหิ สีลานุรกฺขิกา เอว จิตฺเตกคฺคตา กถิตา, ‘‘วิปสฺสนายา’’ติ อิมินา ปเทน สีลานุรกฺขิโก สงฺขารปริคฺคโห.

กถํ จิตฺเตกคฺคตา สีลมนุรกฺขติ? ยสฺส หิ จิตฺเตกคฺคตา นตฺถิ, โส พฺยาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน วิหฺติ, โส พฺยาธิวิหโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต สีลํ วินาเสตฺวาปิ พฺยาธิวูปสมํ กตฺตา โหติ. ยสฺส ปน จิตฺเตกคฺคตา อตฺถิ, โส ตํ พฺยาธิทุกฺขํ วิกฺขมฺเภตฺวา สมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, สมาปนฺนกฺขเณ ทุกฺขํ ทูรคตํ โหติ, พลวตรํ สุขมุปฺปชฺชติ. เอวํ จิตฺเตกคฺคตา สีลมนุรกฺขติ. กถํ สงฺขารปริคฺคโห สีลมนุรกฺขติ? ยสฺส หิ สงฺขารปริคฺคโห นตฺถิ, ตสฺส ‘‘มม รูปํ มม วิฺาณ’’นฺติ อตฺตภาเว พลวมมตฺตํ โหติ, โส ตถารูเปสุ ทุพฺภิกฺขพฺยาธิภยาทีสุ สมฺปตฺเตสุ สีลํ นาเสตฺวาปิ อตฺตภาวํ โปเสตา โหติ. ยสฺส ปน สงฺขารปริคฺคโห อตฺถิ, ตสฺส อตฺตภาเว พลวมมตฺตํ วา สิเนโห วา น โหติ, โส ตถารูเปสุ ทุพฺภิกฺขพฺยาธิภยาทีสุ สมฺปตฺเตสุ สเจปิสฺส อนฺตานิ พหิ นิกฺขมนฺติ, สเจปิ อุสฺสุสฺสติ วิสุสฺสติ, ขณฺฑาขณฺฑิโก วา โหติ สตธาปิ สหสฺสธาปิ, เนว สีลํ วินาเสตฺวา อตฺตภาวํ โปเสตา โหติ. เอวํ สงฺขารปริคฺคโห สีลํ อนุรกฺขติ.

‘‘พฺรูเหตา สุฺาคาราน’’นฺติ อิมินา ปน ตสฺเสว อุภยสฺส พฺรูหนา วฑฺฒนา สาตจฺจกิริยา ทสฺสิตา. เอวํ ภควา ยสฺมา ‘‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ…เป… ภาวนีโย จา’’ติ อิเม จตฺตาโร ธมฺเม อากงฺขนฺเตน นตฺถฺํ กิฺจิ กาตพฺพํ, อฺทตฺถุ สีลาทิคุณสมนฺนาคเตเนว ภวิตพฺพํ. อีทิโส หิ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย. วุตฺตมฺปิ เหตํ –

‘‘สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ, ธมฺมฏฺํ สจฺจเวทินํ;

อตฺตโน กมฺม กุพฺพานํ, ตํ ชโน กุรุเต ปิย’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑๗);

ตสฺมา ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ…เป… สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… สุฺาคาราน’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ยสฺมา ปจฺจยลาภาทึ ปตฺถยนฺเตนปิ อิทเมว กรณียํ, น อฺํ กิฺจิ, ตสฺมา ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ลาภี อสฺส’’นฺติอาทิมาห. ลาภี อสฺสนฺติ ลาภาสาย สํวรสีลปริปูรณํ ปาฬิยํ อาคตํ. กิมีทิสํ ภควา อนุชานาตีติ? น ภควา สภาเวน อีทิสํ อนุชานาติ, มหาการุณิกตาย ปน ปุคฺคลชฺฌาสเยน เอวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น ภควา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ฆาเสสนํ ฉินฺนกโถ, น วาจํ ปยุตฺตํ ภเณติ ฉินฺนกโถ มูโค วิย หุตฺวา โอภาสปริกถานิมิตฺตวิฺตฺติปยุตฺตํ ฆาเสสนํ วาจํ น ภเณ, น กเถยฺยาติ อตฺโถ. ปุคฺคลชฺฌาสยวเสนาติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘เยสํ หี’’ติอาทิมาห. รโส สภาวภูโต อานิสํโส รสานิสํโส.

ปจฺจยทานการาติ จีวราทิปจฺจยทานวเสน ปวตฺตการา. มหปฺผลา มหานิสํสาติ อุภยเมตํ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมว นานํ. ‘‘ปฺจิเม, คหปตโย, อานิสํสา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๒๘๕) หิ อานิสํสสทฺโท ผลปริยาโยปิ โหติ. มหนฺตํ วา โลกิยสุขํ ผลนฺติ ปสวนฺตีติ มหปฺผลา, มหโต โลกุตฺตรสุขสฺส ปจฺจยา โหนฺตีติ มหานิสํสา. เตนาห ‘‘โลกิยสุเขน ผลภูเตนา’’ติอาทิ.

เปจฺจภวํ คตาติ เปตูปปตฺติวเสน นิพฺพตฺตึ อุปคตา. เต ปน ยสฺมา อิธ กตกาลกิริยา กาเลน กตชีวิตุปจฺเฉทา โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กาลกตา’’ติ. สสฺสุสสุรา จ ตปฺปกฺขิกา จ สสฺสุสสุรปกฺขิกา. เต าติโยนิสมฺพนฺเธน อาวาหวิวาหสมฺพนฺธวเสน สมฺพทฺธา าตี. สาโลหิตาติ โยนิสมฺพนฺธวเสน. เอกโลหิตพทฺธาติ เอเกน สมาเนน โลหิตสมฺพนฺเธน สมฺพทฺธา. ปสนฺนจิตฺโตติ ปสนฺนจิตฺตโก. กาลกโต ปิตา วา มาตา วา เปตโยนิยํ อุปฺปนฺโนติ อธิการโต วิฺายตีติ วุตฺตํ. มหานิสํสเมว โหตีติ ตสฺส ตถาสีลสมฺปนฺนตฺตาติ อธิปฺปาโย.

อชฺโฌตฺถริตาติ มทฺทิตา. น จ มํ อรติ สเหยฺยาติ มํ จ อรติ น อภิภเวยฺย น มทฺเทยฺย น อชฺโฌตฺถเรยฺย. อุปฺปนฺนนฺติ ชาตํ นิพฺพตฺตํ. สีลาทิคุณยุตฺโต หิ อรติฺจ รติฺจ สหติ อชฺโฌตฺถรติ, มทฺทิตฺวา ติฏฺติ, ตสฺมา อีทิสมตฺตานํ อิจฺฉนฺเตนปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. จิตฺตุตฺราโส ภายตีติ ภยํ, อารมฺมณํ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ. ตํ ทุวิธมฺปิ ภยํ เภรวฺจ สหติ อภิภวตีติ ภยเภรวสโห. สีลาทิคุณยุตฺโต หิ ภยเภรวํ สหติ อชฺโฌตฺถรติ, มทฺทิตฺวา ติฏฺติ อริยโกฏิยวาสี มหาทตฺตตฺเถโร วิย.

เถโร กิร มคฺคํ ปฏิปนฺโน อฺตรํ ปาสาทิกํ อรฺํ ทิสฺวา ‘‘อิเธวชฺช สมณธมฺมํ กตฺวา คมิสฺสามี’’ติ มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. รุกฺขเทวตาย ทารกา เถรสฺส สีลเตเชน สกภาเวน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา วิสฺสรมกํสุ. เทวตาปิ สกลรุกฺขํ จาเลสิ. เถโร อจโลว นิสีทิ. สา เทวตา ธูมายิ ปชฺชลิ. เนว สกฺขิ เถรํ จาเลตุํ. ตโต อุปาสกวณฺเณนาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺตา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา’’ติ อโวจ. ตฺวํ เอเต วิกาเร อกาสีติ. อาม, ภนฺเตติ. ‘‘กสฺมา’’ติ จ วุตฺตา อาห ‘‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต, สีลเตเชน ทารกา สกภาเวน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา วิสฺสรมกํสุ, สาหํ ตุมฺเห ปลาเปตุํ เอวมกาสิ’’นฺติ. เถโร อาห ‘‘อถ กสฺมา ‘อิธ, ภนฺเต, มา วสถ, มยฺหํ อผาสุก’นฺติ ปฏิกจฺเจว นาวจาสิ, อิทานิ ปน มา มํ กิฺจิ อวจ, ‘อริยโกฏิยมหาทตฺโต อมนุสฺสภเยน คโต’ติ วจนโต ลชฺชามิ, เตนาหํ อิเธว วสิสฺสํ, ตฺวํ ปน อชฺเชกทิวสํ ยตฺถ กตฺถจิ วสาหี’’ติ. เอวํ สีลาทิคุณยุตฺโต ภยเภรวสโห โหติ, ตสฺมา อีทิสมตฺตานํ อิจฺฉนฺเตนปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ทุติยาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

อากงฺขสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๑๐. มิคสาลาสุตฺตาทิวณฺณนา

๗๕-๘๐. ปฺจเม อิมสฺส หิ ปุคฺคลสฺส สีลวิรหิตสฺส ปฺา สีลํ ปริโธวตีติ อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน สีลํ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปฺาย สุวิโสธิตํ กโรติ. ยสฺส หิ อพฺภนฺตเร สีลสํวโร นตฺถิ, อุคฺฆฏิตฺุตาย ปน จาตุปฺปทิกคาถาปริโยสาเน ปฺาย สีลํ โธวิตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อยํ ปฺาย สีลํ โธวติ นาม เสยฺยถาปิ สนฺตติมหามตฺโต.

สีลวา ปน ปฺํ โธวติ. ยสฺส (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๑๗) หิ ปุถุชฺชนสฺส สีลํ สฏฺิอสีติวสฺสานิ อขณฺฑํ โหติ, โส มรณกาเลปิ สพฺพกิเลเส ฆาเตตฺวา สีเลน ปฺํ โธวิตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ กนฺทรสาลปริเวเณ มหาสฏฺิวสฺสตฺเถโร วิย. เถเร กิร มรณมฺเจ นิปชฺชิตฺวา พลวเวทนาย นิตฺถุนนฺเต ติสฺสมหาราชา ‘‘เถรํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปริเวณทฺวาเร ิโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กสฺส สทฺโท อย’’นฺติ. เถรสฺส นิตฺถุนนสทฺโทติ. ‘‘ปพฺพชฺชาย สฏฺิวสฺเสน เวทนาปริคฺคหมตฺตมฺปิ น กตํ, อิทานิ น ตํ วนฺทิสฺสามี’’ติ นิวตฺติตฺวา มหาโพธึ วนฺทิตุํ คโต. ตโต อุปฏฺากทหโร เถรํ อาห ‘‘กึ โน, ภนฺเต, ลชฺชาเปถ, สทฺโธปิ ราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘น วนฺทิสฺสามี’ติ คโต’’ติ. กสฺมา, อาวุโสติ? ตุมฺหากํ นิตฺถุนนสทฺทํ สุตฺวาติ. ‘‘เตน หิ เม โอกาสํ กโรถา’’ติ วตฺวา เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ทหรสฺส สฺํ อทาสิ ‘‘คจฺฉาวุโส, อิทานิ ราชานํ อมฺเห วนฺทาเปหี’’ติ. ทหโร คนฺตฺวา ‘‘อิทานิ กิร เถรํ วนฺทถา’’ติ อาห. ราชา สุสุมารปติเตน เถรํ วนฺทนฺโต ‘‘นาหํ อยฺยสฺส อรหตฺตํ วนฺทามิ, ปุถุชฺชนภูมิยํ ปน ตฺวา รกฺขิตสีลเมว วนฺทามี’’ติ อาห. เอวํ สีเลน ปฺํ โธวติ นาม. เสสํ วุตฺตเมว. ฉฏฺาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

มิคสาลาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อากงฺขวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๙) ๔. เถรวคฺโค

๑-๘. วาหนสุตฺตาทิวณฺณนา

๘๑-๘๘. จตุตฺถสฺส ปเม วิมริยาทีกเตนาติ นิมฺมริยาทีกเตน. เจตสาติ เอวํวิเธน จิตฺเตน วิหรติ. ตตฺถ ทฺเว มริยาทา กิเลสมริยาทา จ อารมฺมณมริยาทา จ. สเจ หิสฺส รูปาทิเก อารพฺภ ราคาทโย อุปฺปชฺเชยฺยุํ, กิเลสมริยาทา เตน กตา ภเวยฺย. เตสุ ปนสฺส เอโกปิ น อุปฺปนฺโนติ กิเลสมริยาทา นตฺถิ. สเจ ปนสฺส รูปาทิธมฺเม อาวชฺเชนฺตสฺส เอกจฺเจ อาปาถํ นาคจฺเฉยฺยุํ, เอวมสฺส อารมฺมณมริยาทา ภเวยฺย. เต ปนสฺส ธมฺเม อาวชฺเชนฺตสฺส อาปาถํ อนาคตธมฺโม นาม นตฺถีติ อารมฺมณมริยาทาปิ นตฺถิ. อิธ ปน กิเลสมริยาทา อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘กิเลสมริยาทํ ภินฺทิตฺวา’’ติอาทิ. ตติยาทีสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

วาหนสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. โกกาลิกสุตฺตาทิวณฺณนา

๘๙-๙๐. นวเม (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑.๑๘๑) โกกาลิกนามกา ทฺเว ภิกฺขู. ตโต อิธาธิปฺเปตํ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โกยํ โกกาลิโก’’ติ ปุจฺฉา. สุตฺตสฺส อฏฺุปฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา จ อุปสงฺกมี’’ติ ปุจฺฉา. อยํ กิราติอาทิ ยถากฺกมํ ตาสํ วิสฺสชฺชนํ. วิเวกวาสํ วสิตุกามตฺตา อปฺปิจฺฉตาย จ มา โน กสฺสจิ…เป… วสึสุ. อาฆาตํ อุปฺปาเทสิ อตฺตโน อิจฺฉาวิฆาตนโต. เถรา ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาทยึสุ ปยุตฺตวาจาย อกตตฺตา เถเรหิ จ อทาปิตตฺตา. ปุพฺเพปิ…เป… มฺเติ อิมินา เถรานํ โกหฺเ ิตภาวํ อาสงฺกติ อวเณ วณํ ปสฺสนฺโต วิย, สุปริสุทฺเธ อาทาสตเล ชลฺลํ อุฏฺาเปนฺโต วิย จ.

อปรชฺฌิตฺวาติ ภควโต สมฺมุขา ‘‘ปาปภิกฺขู ชาตา’’ติ วตฺวา. มหาสาวชฺชทสฺสนตฺถนฺติ มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ, อยเมว วา ปาโ. มาเหวนฺติ มา เอวมาห, มา เอวํ ภณิ. สทฺธาย อโย อุปฺปาโท สทฺธาโย, ตํ อาวหตีติ สทฺธายิโกติ อาห ‘‘สทฺธาย อาคมกโร’’ติ. สทฺธายิโกติ วา สทฺธาย อยิตพฺโพ, สทฺเธยฺโยติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สทฺธาตพฺพวจโน วา’’ติ.

ปีฬกา นาม พาหิรโต ปฏฺาย อฏฺีนิ ภินฺทนฺติ, อิมา ปน ปมํเยว อฏฺีนิ ภินฺทิตฺวา อุคฺคตา. เตนาห ‘‘อฏฺีนิ ภินฺทิตฺวา อุคฺคตาหิ ปิฬกาหี’’ติ. ตรุณเพลุวมตฺติโยติ ตรุณพิลฺลผลมตฺติโย. วิสคิลิโตติ ขิตฺตปหรโณ. ตฺจ พฬิสํ วิสสมฺา โลเก. อารกฺขเทวตานํ สทฺทํ สุตฺวาติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ.

พฺรหฺมโลเกติ สุทฺธาวาสโลเก. วราโกติ อนุคฺคหวจนเมตํ. หีนปริยาโยติ เกจิ. ปิยสีลาติ อิมินา เอตสฺมึ อตฺเถ นิรุตฺตินเยน เปสลาติ ปทสิทฺธีติ ทสฺเสติ. กพรกฺขีนีติ พฺยาธิพเลน ปริภินฺนวณฺณตาย กพรภูตานิ อกฺขีนิ. ยตฺตกนฺติ ภควโต วจนํ อฺถา กโรนฺเตน ยตฺตกํ ตยา อปรทฺธํ, ตสฺส ปมาณํ นตฺถีติ อตฺโถ. ยสฺมา อนาคามิโน นาม ปหีนกามจฺฉนฺทพฺยาปาทา โหนฺติ, ตฺวฺจ ทิฏฺิกามจฺฉนฺทพฺยาปาทวเสน อิธาคโต, ตสฺมา ยาวฺจ เต อิทํ อปรทฺธนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

อทิฏฺิปฺปตฺโตติ อปฺปตฺตทิฏฺิโก. คิลิตวิโส วิย วิสํ คิลิตฺวา ิโต วิย. กุาริสทิสา มูลปจฺฉินฺทนฏฺเน. อุตฺตมตฺเถติ อรหตฺเต. ขีณาสโวติ วทติ สุนกฺขตฺโต วิย อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ. โย อคฺคสาวโก วิย ปสํสิตพฺโพ ขีณาสโว, ตํ ‘‘ทุสฺสีโล อย’’นฺติ วทติ. วิจินาตีติ อาจิโนติ ปสวติ. ปสํสิยนินฺทา ตาว สมฺปนฺนคุณปริธํสนวเสน ปวตฺติยา สาวชฺชตาย กฏุกวิปากา, นินฺทิยปฺปสํสา ปน กถํ ตาย สมวิปากาติ? ตตฺถ อวิชฺชมานคุณสมาโรปเนน อตฺตโน ปเรสฺจ มิจฺฉาปฏิปตฺติเหตุภาวโต ปสํสิเยน ตสฺส สมภาวกรณโต จ. โลเกปิ หิ อสูรํ สูเรน สมํ กโรนฺโต คารยฺโห โหติ, ปเคว ทุปฺปฏิปนฺนํ สุปฺปฏิปนฺเนน สมํ กโรนฺโตติ.

สเกน ธเนนาติ อตฺตโน สาปเตยฺเยน. อยํ อปฺปมตฺตโก อปราโธ ทิฏฺธมฺมิกตฺตา สปฺปติการตฺตา จ ตสฺส. อยํ มหนฺตตโร กลิ กตูปจิตสฺส สมฺปรายิกตฺตา อปฺปติการตฺตา จ.

นิรพฺพุโทติ คณนาวิเสโส เอโสติ อาห ‘‘นิรพฺพุทคณนายา’’ติ, สตสหสฺสํ นิรพฺพุทานนฺติ อตฺโถ. ยมริยครหี นิรยํ อุเปตีติ เอตฺถ ยถาวุตฺตอายุปฺปมาณํ ปากติกวเสน อริยูปวาทินา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อคฺคสาวกานํ ปน คุณมหนฺตตาย ตโตปิ อติวิย มหนฺตตรเมวาติ วทนฺติ.

อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปตีติ โก อยํ พฺรหฺมา, กสฺมา จ ปน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจาติ? อยํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม ภิกฺขุ อนาคามี หุตฺวา สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปนฺโน, ตตฺถ สหมฺปติ พฺรหฺมาติ สฺชานนฺติ. โส ปนาหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปทุมนิรยํ กิตฺเตสฺสามิ, ตโต ภควา ภิกฺขูนํ อาโรเจสฺสติ, อถานุสนฺธิกุสลา ภิกฺขู ตตฺถายุปฺปมาณํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, ภควา อาจิกฺขนฺโต อริยูปวาเท อาทีนวํ ปกาเสสฺสตี’’ติ อิมินา การเณน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ.

มคธรฏฺเ สํโวหารโต มาคธโก ปตฺโถ, เตน. ปจฺจิตพฺพฏฺานสฺสาติ นิรยทุกฺเขน ปจฺจิตพฺพปฺปเทสสฺส เอตํ อพฺพุโทติ นามํ. วสฺสคณนาติ เอกโต ปฏฺาย ทสคุณิตํ อพฺพุทอายุมฺหิ ตโต อปรํ วีสติคุณิตํ นิรพฺพุทาทีสุ วสฺสคณนา เวทิตพฺพา. อยฺจ คณนา อปริจิตานํ ทุกฺกราติ วุตฺตํ ‘‘น ตํ สุกรํ สงฺขาตุ’’นฺติ. เกจิ ปน ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ปริเทวนานตฺเตน กมฺมการณนานตฺเตนปิ อิมานิ นามานิ ลทฺธานี’’ติ วทนฺติ, อปเร ‘‘สีตนรกา เอเต’’ติ. สพฺพตฺถาติ อพพาทีสุ ปทุมปริโยสาเนสุ สพฺเพสุ นิรเยสุ. เอส นโยติ เหฏฺิมโต อุปริมสฺส วีสติคุณตํ อติทิสติ. ทสเม นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

โกกาลิกสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

เถรวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๑๐) ๕. อุปาลิวคฺโค

๑-๔. กามโภคีสุตฺตาทิวณฺณนา

๙๑-๙๔. ปฺจมสฺส ปมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ. จตุตฺเถ ตปนํ สนฺตปนํ กายสฺส เขทนํ ตโป, โส เอตสฺส อตฺถีติ ตปสฺสี, ตํ ตปสฺสึ. ยสฺมา ตถาภูโต ตปนิสฺสิโต, ตโป วา ตนฺนิสฺสิโต, ตสฺมา อาห ‘‘ตปนิสฺสิตก’’นฺติ. ลูขํ ผรุสํ สาธุสมฺมตาจารวิรหโต น ปสาทนียํ อาชีวติ วตฺตตีติ ลูขาชีวี, ตํ ลูขาชีวึ. อุปกฺโกสตีติ อุปฺปณฺเฑติ, อุปหสนวเสน ปริภาสติ. อุปวทตีติ อวฺาปุพฺพกํ อปวทติ. เตนาห ‘‘หีเฬติ วมฺเภตี’’ติ.

กามโภคีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อุตฺติยสุตฺตวณฺณนา

๙๕. ปฺจเม ปจฺจนฺเต ภวํ ปจฺจนฺติมํ. ปาการสฺส ถิรภาวํ อุทฺธมุทฺธํ ปาเปตีติ อุทฺธาปํ, ปาการมูลํ. อาทิ-สทฺเทน ปาการทฺวารพนฺธปริขาทีนํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ปณฺฑิตโทวาริกฏฺานิยํ กตฺวา ภควา อตฺตานํ ทสฺเสสีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกทฺวารนฺติ กสฺมา อาหา’’ติ โจทนํ สมุฏฺาเปสิ. ยสฺสา ปฺาย วเสน ปุริโส ปณฺฑิโตติ วุจฺจติ, ตํ ปณฺฑิจฺจนฺติ อาห ‘‘ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต’’ติ. ตํตํอิติกตฺตพฺพตาสุ เฉกภาโว พฺยตฺตภาโว เวยฺยตฺติยํ. เมธติ สมฺโมหํ หึสติ วิธมตีติ เมธา, สา เอตสฺส อตฺถีติ เมธาวี. าเน าเน อุปฺปตฺติ เอติสฺสา อตฺถีติ านุปฺปตฺติกา, านโส อุปฺปชฺชนปฺา. อนุปริยายนฺติ เอเตนาติ อนุปริยาโย, โส เอว ปโถติ อนุปริยายปโถ, ปริโต ปาการสฺส อนุสํยายนมคฺโค. ปาการภาคา สนฺธาตพฺพา เอตฺถาติ ปาการสนฺธิ, ปาการสฺส ผุลฺลิตปฺปเทโส. โส ปน เหฏฺิมนฺเตน ทฺวินฺนมฺปิ อิฏฺกานํ วิคเมน เอวํ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ทฺวินฺนํ อิฏฺกานํ อปคตฏฺาน’’นฺติ. ฉินฺนฏฺานนฺติ ฉินฺนภินฺนปฺปเทโส, ฉิทฺทฏฺานํ วา. ตฺหิ วิวรนฺติ วุจฺจติ.

อุตฺติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖-๘. โกกนุทสุตฺตาทิวณฺณนา

๙๖-๙๘. ฉฏฺเ ขนฺธาปิ ทิฏฺิฏฺานํ อารมฺมณฏฺเน ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิวจนโต. อวิชฺชาปิ ทิฏฺิฏฺานํ อุปนิสฺสยาทิภาเวน ปวตฺตนโต. ยถาห ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๐๐๗). ผสฺโสปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถา จาห ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา (ที. นิ. ๑.๑๑๘-๑๓๐) ผุสฺส ผุสฺส ปฏิสํเวทิยนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๔๔) จ. สฺาปิ ทิฏฺิฏฺานํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา (สุ. นิ. ๘๘๐; มหานิ. ๑๐๙), ปถวิโต สฺตฺวา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒) จ อาทิ. วิตกฺโกปิ ทิฏฺิฏฺานํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๒; มหานิ. ๑๒๑), ‘‘ตกฺกี โหติ วีมํสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๔) จ อาทิ. อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทิฏฺิฏฺานํ. เตนาห ภควา – ‘‘ตสฺเสวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, อตฺถิ เม อตฺตาติ ตสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๙).

ยา ทิฏฺีติ อิทานิ วุจฺจมานานํ อฏฺารสนฺนํ ปทานํ สาธารณํ มูลปทํ. ทิฏฺิเยว ทิฏฺิคตํ คูถคตํ วิย, ทิฏฺีสุ วา คตํ อิทํ ทสฺสนํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺีสุ อนฺโตคธตฺตาติปิ ทิฏฺิคตํ, ทิฏฺิยา วา คตํ ทิฏฺิคตํ. อิทฺหิ ‘‘อตฺถิ เม อตฺตา’’ติอาทิ ทิฏฺิยา คมนมตฺตเมว, นตฺเถตฺถ อตฺตา วา นิจฺโจ วา โกจีติ วุตฺตํ โหติ. สา จายํ ทิฏฺิ ทุนฺนิคฺคมนฏฺเน คหนํ. ทุรติกฺกมฏฺเน สปฺปฏิภยฏฺเน จ กนฺตาโร ทุพฺภิกฺขกนฺตารวาฬกนฺตาราทโย วิย. สมฺมาทิฏฺิยา วินิวิชฺฌนฏฺเน, วิโลมนฏฺเน วา วิสูกํ. กทาจิ สสฺสตสฺส, กทาจิ อุจฺเฉทสฺส วา คหณโต วิรูปํ ผนฺทิตนฺติ วิปฺผนฺทิตํ. พนฺธนฏฺเน สํโยชนํ. ทิฏฺิเยว อนฺโต ตุทนฏฺเน ทุนฺนีหรณียฏฺเน จ สลฺลนฺติ ทิฏฺิสลฺลํ. ทิฏฺิเยว ปีฬากรณฏฺเน สมฺพาโธติ ทิฏฺิสมฺพาโธ. ทิฏฺิเยว โมกฺขาวรณฏฺเน ปลิโพโธติ ทิฏฺิปลิโพโธ. ทิฏฺิเยว ทุมฺโมจนียฏฺเน พนฺธนนฺติ ทิฏฺิพนฺธนํ. ทิฏฺิเยว ทุรุตฺตรณฏฺเน ปปาโตติ ทิฏฺิปปาโต. ทิฏฺิเยว ถามคตฏฺเน อนุสโยติ ทิฏฺานุสโย. ทิฏฺิเยว อตฺตานํ สนฺตาเปตีติ ทิฏฺิสนฺตาโป. ทิฏฺิเยว อตฺตานํ อนุทหตีติ ทิฏฺิปริฬาโห. ทิฏฺิเยว กิเลสกายํ คนฺเถตีติ ทิฏฺิคนฺโถ. ทิฏฺิเยว ภุสํ อาทิยตีติ ทิฏฺุปาทานํ. ทิฏฺิเยว ‘‘สจฺจ’’นฺติอาทิวเสน อภินิวิสตีติ ทิฏฺาภินิเวโส. ทิฏฺิเยว ‘‘อิทํ ปร’’นฺติ อามสติ, ปรโต วา อามสตีติ ทิฏฺิปรามาโส, สมุฏฺาติ เอเตนาติ สมุฏฺานํ, การณํ. สมุฏฺานสฺส ภาโว สมุฏฺานฏฺโ, เตน สมุฏฺานฏฺเน, การณภาเวนาติ อตฺโถ. สตฺตมฏฺเมสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

โกกนุทสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. อุปาลิสุตฺตาทิวณฺณนา

๙๙-๑๐๐. นวเม อชฺโฌคาเหตฺวา อธิปฺเปตมตฺถํ สมฺภวิตุํ สาเธตุํ ทุกฺขานิ ทุรภิสมฺภวานิ. อฏฺกถายํ ปน ตตฺถ นิวาโสเยว ทุกฺโขติ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺภวิตุํ ทุกฺขานิ ทุสฺสหานี’’ติ วุตฺตํ. อรฺวนปตฺถานีติ อรฺลกฺขณปฺปตฺตานิ วนสณฺฑานิ. วนปตฺถสทฺโท หิ สณฺฑภูเต รุกฺขสมูเหปิ วตฺตตีติ อรฺคฺคหณํ. ปวิเวกนฺติ ปการโต, ปกาเรหิ วา วิเวจนํ, รูปาทิปุถุตฺตารมฺมเณ ปการโต คมนาทิอิริยาปถปฺปกาเรหิ อตฺตโน กายสฺส วิเวจนํ, คจฺฉโตปิ ติฏฺโตปิ นิสชฺชโตปิ นิปชฺชโตปิ เอกสฺเสว ปวตฺติ. เตเนว หิ วิเวเจตพฺพานํ วิเวจนาการสฺส จ เภทโต พหุวิธตฺตา เต เอกตฺเตน คเหตฺวา ‘‘ปวิเวก’’นฺติ เอกวจเนน วุตฺตํ. ทุกฺกรํ ปวิเวกนฺติ วา ปวิเวกํ กตฺตุํ น สุขนฺติ อตฺโถ. เอกีภาเวติ เอกตฺตภาเว. ทฺวยํทฺวยาราโมติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ภาวาภิรโต. หรนฺติ วิยาติ สํหรนฺติ วิย วิฆาตุปฺปาทเนน. เตนาห ‘‘ฆสนฺติ วิยา’’ติ. ภยสนฺตาสุปฺปาทเนน ขาทิตุํ อาคตา ยกฺขรกฺขสปิสาจาทโย วิยาติ อธิปฺปาโย. อีทิสสฺสาติ อลทฺธสมาธิโน. ติณปณฺณมิคาทิสทฺเทหีติ วาเตริตานํ ติณปณฺณาทีนํ มิคปกฺขิอาทีนฺจ ภีสนเกหิ เภรเวหิ สทฺเทหิ. วิวิเธหิ จ อฺเหิ ขาณุอาทีหิ ยกฺขาทิอากาเรหิ อุปฏฺิเตหิ ภีสนเกหิ. ฆเฏน กีฬา ฆฏิกาติ เอเก. ทสมํ อุตฺตานเมว.

อุปาลิสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อุปาลิวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๓. ตติยปณฺณาสกํ

(๑๑) ๑. สมณสฺาวคฺโค

๑-๑๒. สมณสฺาสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๐๑-๑๑๒. ตติยสฺส ปมาทีนิ อุตฺตานานิ. ฉฏฺเ นิชฺชรการณานีติ ปชหนการณานิ. อิมสฺมึ มคฺโค กถียตีติ กตฺวา ‘‘อยํ เหฏฺา…เป… ปุน คหิตา’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ นิชฺชิณฺณา มิจฺฉาทิฏฺีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยถา มิจฺฉาทิฏฺิ วิปสฺสนาย นิชฺชิณฺณาปิ น สมุจฺฉินฺนาติ สมุจฺเฉทปฺปหานทสฺสนตฺถํ ปุน คหิตา, เอวํ มิจฺฉาสงฺกปฺปาทโยปิ วิปสฺสนาย ปหีนาปิ อสมุจฺฉินฺนตาย อิธ ปุน คหิตาติ อยมตฺโถ ‘‘มิจฺฉาสงฺกปฺปสฺสา’’ติอาทีสุ สพฺพปเทสุ วตฺตพฺโพติ ทสฺเสติ ‘‘เอวํ สพฺพปเทสุ โยเชตพฺโพ’’ติ อิมินา. เอตฺถ จาติ ‘‘สมฺมาวิมุตฺติปจฺจยา จ อเนเก กุสลา ธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺตี’’ติ เอตสฺมึ ปาฬิปเท. เอตฺถ จ สมุจฺเฉทวเสน จ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน จ ปฏิปกฺขธมฺมานํ สมฺมเทว วิมุจฺจนํ สมฺมาวิมุตฺติ. ตปฺปจฺจยา จ มคฺคผเลสุ อฏฺ อินฺทฺริยานิ ภาวนาปาริปูรึ อุปคจฺฉนฺตีติ มคฺคสมฺปยุตฺตานิปิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ อุทฺธฏานิ. มคฺควเสน หิ ผเลสุ ภาวนาปาริปูรี นามาติ. อภินนฺทนฏฺเนาติ อติวิย สิเนหนฏฺเน. อิทฺหิ โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุกฺกํสคตสาตสภาวโต สมฺปยุตฺตธมฺเม สิเนหนฺตํ เตเมนฺตํ วิย ปวตฺตติ. ปวตฺตสนฺตติอาธิปเตยฺยฏฺเนาติ วิปากสนฺตานสฺส ชีวเน อธิปติภาเวน. เอวนฺติอาทิ วุตฺตสฺเสว อตฺถสฺส นิคมนํ. สตฺตมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ.

สมณสฺาสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

สมณสฺาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

(๑๒) ๒. ปจฺโจโรหณิวคฺโค

๑-๔. ปมอธมฺมสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๑๓-๖. ทุติยสฺส ปมทุติยานิ อุตฺตานตฺถานิ. ตติเย ชานํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาเณน ชานิตพฺพํ สพฺพํ ชานาติ เอว. น หิ ปเทสาเณ ิโต ชานิตพฺพํ สพฺพํ ชานาติ. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน หิ อวิเสสคฺคหเณน จ ‘‘ชาน’’นฺติ อิมินา นิรวเสสํ เยฺยชาตํ ปริคฺคยฺหตีติ ตพฺพิสยาย ชานนกิริยาย สพฺพฺุตฺาณเมว กรณํ ภวิตุํ ยุตฺตํ, ปกรณวเสน ‘‘ภควา’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน จ อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. ปสฺสิตพฺพเมว ปสฺสตีติ ทิพฺพจกฺขุปฺาจกฺขุธมฺมจกฺขุพุทฺธจกฺขุสมนฺตจกฺขุสงฺขาเตหิ าณจกฺขูหิ ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสติ เอว. อถ วา ชานํ ชานาตีติ ยถา อฺเ สวิปลฺลาสา กามรูปปริฺาวาทิโน ชานนฺตาปิ วิปลฺลาสวเสน ชานนฺติ, น เอวํ ภควา. ภควา ปน ปหีนวิปลฺลาสตฺตา ชานนฺโต ชานาติ เอว, ทิฏฺิทสฺสนสฺส อภาวา ปสฺสนฺโต ปสฺสติเยวาติ อตฺโถ. จกฺขุ วิย ภูโตติ ทสฺสนปริณายกฏฺเน จกฺขุ วิย ภูโต. ยถา หิ จกฺขุ สตฺตานํ ทสฺสนตฺถํ ปริเณติ สาเธติ, เอวํ โลกสฺส ยาถาวทสฺสนสาธนโตปิ ทสฺสนกิจฺจปริณายกฏฺเน จกฺขุ วิย ภูโต, ปฺาจกฺขุมยตฺตา วา สยมฺภุาเณน ปฺาจกฺขุํ ภูโต ปตฺโตติ วา จกฺขุภูโต.

าณสภาโวติ วิทิตกรณฏฺเน าณสภาโว. อวิปรีตสภาวฏฺเน ปริยตฺติธมฺมปฺปวตฺตนโต วา หทเยน จินฺเตตฺวา วาจาย นิจฺฉาริตธมฺมมโยติ ธมฺมภูโต. เตนาห ‘‘ธมฺมสภาโว’’ติ. ธมฺมา วา โพธิปกฺขิยา เตหิ อุปฺปนฺนตฺตา โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนโต, อนฺสาธารณํ วา ธมฺมํ ปตฺโต อธิคโตติ ธมฺมภูโต. เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูโตติ อาห ‘‘เสฏฺสภาโว’’ติ. อถ วา พฺรหฺมา วุจฺจติ มคฺโค, เตน อุปฺปนฺนตฺตา โลกสฺส จ ตทุปฺปาทนโต, ตฺจ สยมฺภุาเณน ปตฺโตติ พฺรหฺมภูโต. จตุสจฺจธมฺมํ วทตีติ วตฺตา. จิรํ สจฺจปฺปฏิเวธํ ปวตฺเตนฺโต วทตีติ ปวตฺตา. อตฺถํ นีหริตฺวาติ ทุกฺขาทิอตฺถํ ตตฺถาปิ ปีฬนาทิอตฺถํ อุทฺธริตฺวา. ปรมตฺถํ วา นิพฺพานํ ปาปยิตา นินฺเนตา. อมตาธิคมปฏิปตฺติเทสนาย อมตสจฺฉิกิริยํ สตฺเตสุ อุปฺปาเทนฺโต อมตํ ททาตีติ อมตสฺส ทาตา. โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ตทายตฺตภาวโต ธมฺมสามี. จตุตฺเถ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ปมอธมฺมสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕-๔๒. สงฺคารวสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๑๗-๑๕๔. ปฺจเม อปฺปกาติ โถกา, น พหู. อถายํ อิตรา ปชาติ ยา ปนายํ อวเสสา ปชา สกฺกายทิฏฺิตีรเมว อนุธาวติ, อยเมว พหุตราติ อตฺโถ. สมฺมทกฺขาเตติ สมฺมา อกฺขาเต สุกถิเต. ธมฺเมติ ตว เทสนาธมฺเม. ธมฺมานุวตฺติโนติ ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตทนุจฺฉวิกํ ปฏิปทํ ปูเรตฺวา มคฺคผลสจฺฉิกรเณน ธมฺมานุวตฺติโน. มจฺจุโน านภูตนฺติ กิเลสมารสงฺขาตสฺส มจฺจุโน นิวาสฏฺานภูตํ. สุทุตฺตรํ ตริตฺวา ปารเมสฺสนฺตีติ เย ชนา ธมฺมานุวตฺติโน, เต เอตํ สุทุตฺตรํ ทุรติกฺกมํ มารเธยฺยํ ตริตฺวา อติกฺกมิตฺวา นิพฺพานปารํ คมิสฺสนฺติ.

กณฺหํ ธมฺมํ วิปฺปหายาติ กายทุจฺจริตาทิเภทํ อกุสลํ ธมฺมํ ชหิตฺวา. สุกฺกํ ภาเวถาติ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา กายสุจริตาทิเภทํ สุกฺกํ ธมฺมํ ภาเวยฺย. โอกา อโนกมาคมฺมาติ โอกํ วุจฺจติ อาลโย, อโนกํ วุจฺจติ อนาลโย. อาลยโต นิกฺขมิตฺวา อนาลยสงฺขาตํ นิพฺพานํ ปฏิจฺจ อารพฺภ.

ตตฺราภิรติมิจฺเฉยฺยาติ ยสฺมึ อนาลยสงฺขาเต วิเวเก นิพฺพาเน อิเมหิ สตฺเตหิ ทุรภิรมํ, ตตฺราภิรติมิจฺเฉยฺย. ทุวิเธปิ กาเมติ วตฺถุกามกิเลสกาเม. จิตฺตกฺเลเสหีติ ปฺจหิ นีวรเณหิ อตฺตานํ ปริโยทเปยฺย โวทาเปยฺย, ปริโสเธยฺยาติ อตฺโถ.

สมฺโพธิยงฺเคสูติ สมฺโพชฺฌงฺเคสุ. สมฺมา จิตฺตํ สุภาวิตนฺติ สมฺมา เหตุนา นเยน จิตฺตํ สุฏฺุ ภาวิตํ วฑฺฒิตํ. ชุติมนฺโตติ อานุภาววนฺโต, อรหตฺตมคฺคาณชุติยา ขนฺธาทิเภเท ธมฺเม โชเตตฺวา ิตาติ อตฺโถ. เต โลเก ปรินิพฺพุตาติ เต อิมสฺมึ ขนฺธาทิโลเก ปรินิพฺพุตา นาม อรหตฺตปฺปตฺติโต ปฏฺาย กิเลสวฏฺฏสฺส เขปิตตฺตา สอุปาทิเสเสน, จริมจิตฺตนิโรเธน ขนฺธวฏฺฏสฺส เขปิตตฺตา อนุปาทิเสเสน จาติ ทฺวีหิ ปรินิพฺพาเนหิ ปรินิพฺพุตา, อนุปาทาโน วิย ปทีโป อปณฺณตฺติกภาวํ คตาติ อตฺโถ.

อิโต ปรํ ยาว ตติโย ปณฺณาสโก, ตาว อุตฺตานตฺถเมว.

สงฺคารวสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติยปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

๔. จตุตฺถปณฺณาสกํ

๑๕๕-๑๖๖. จตุตฺถสฺส ปมวคฺโค อุตฺตานตฺโถเยว.

๑-๔๔. พฺราหฺมณปจฺโจโรหณีสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๖๗-๒๑๐. ทุติเย จ ปมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ. ทสเม ปจฺฉาภูมิวาสิโนติ ปจฺจนฺตเทสวาสิโน. เสวาลมาลิกาติ ปาโตว อุทกํ โอโรหิตฺวา เสวาลฺเจว อุปฺปลาทีนิ จ คเหตฺวา อตฺตโน อุทกสุทฺธิกภาวชานนตฺถฺเจว ‘‘โลกสฺส จ อุทเกน สุทฺธิ โหตี’’ติ อิมสฺส อตฺถสฺส ชานนตฺถฺจ มาลํ กตฺวา ปิลนฺธนกา. อุทโกโรหกาติ ปาโต มชฺฌนฺเห สายนฺเห จ อุทกโอโรหณกา. เตนาห ‘‘สายตติยกํ อุทโกโรหณานุโยคมนุยุตฺตา’’ติ. เอกาทสมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ. จตุตฺเถ ปณฺณาสเก นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

พฺราหฺมณปจฺโจโรหณีสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุตฺถปณฺณาสกํ นิฏฺิตํ.

(๒๑) ๑. กรชกายวคฺโค

๑-๕๓๖. ปมนิรยสคฺคสุตฺตาทิวณฺณนา

๒๑๑-๗๔๖. ปฺจมสฺส ปมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ. นวเม ยสฺมึ สนฺตาเน กามาวจรกมฺมํ มหคฺคตกมฺมฺจ กตูปจิตํ วิปากทาเน ลทฺธาวสรํ หุตฺวา ิตํ, เตสุ กามาวจรกมฺมํ อิตรํ นีหริตฺวา สยํ ตตฺถ ตฺวา อตฺตโน วิปากํ ทาตุํ น สกฺโกติ, มหคฺคตกมฺมเมว ปน อิตรํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากํ ทาตุํ สกฺโกติ ครุภาวโต. เตนาห ‘‘ตํ มโหโฆ ปริตฺตํ อุทกํ วิยา’’ติอาทิ. อิโต ปรํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว.

ปมนิรยสคฺคสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย

ทสกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

องฺคุตฺตรนิกาเย

เอกาทสกนิปาต-ฏีกา

๑. นิสฺสยวคฺโค

๑-๑๐. กิมตฺถิยสุตฺตาทิวณฺณนา

๑-๑๐. เอกาทสกนิปาตสฺส ปมาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนว. ทสเม ชนิตสฺมินฺติ กมฺมกิเลเสหิ นิพฺพตฺเต, ชเน เอตสฺมินฺติ วา ชเนตสฺมึ, มนุสฺเสสูติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เย โคตฺตปฏิสาริโน’’ติ. ชนิตสฺมึ-สทฺโท เอว วา อิ-การสฺส เอ-การํ กตฺวา ‘‘ชเนตสฺมิ’’นฺติ วุตฺโต. ชนิตสฺมินฺติ จ ชนสฺมินฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ชนิตสฺมินฺติ สามฺคฺคหเณปิ ยตฺถ จตุวณฺณสมฺา, ตตฺเถว มนุสฺสโลเก. ขตฺติโย เสฏฺโติ อยํ โลกสมฺาปิ มนุสฺสโลเกเยว, น เทวกาเย พฺรหฺมกาเย วาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เย โคตฺตปฏิสาริโน’’ติ วุตฺตํ. ปฏิสรนฺตีติ ‘‘อหํ โคตโม, อหํ กสฺสโป’’ติ ปฏิ ปฏิ อตฺตโน โคตฺตํ อนุสฺสรนฺติ ปฏิชานนฺติ วาติ อตฺโถ.

กิมตฺถิยสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิสฺสยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อนุสฺสติวคฺโค

๑-๔. ปมมหานามสุตฺตาทิวณฺณนา

๑๑-๑๔. ทุติยสฺส ปมาทีนิ อุตฺตานตฺถานิ. ตติเย กพฬีการาหารภกฺขานนฺติ กพฬีการาหารูปชีวีนํ. โก ปน เทวานํ อาหาโร, กา อาหารเวลาติ? สพฺเพสมฺปิ กามาวจรเทวานํ สุธา อาหาโร. สา เหฏฺิเมหิ เหฏฺิเมหิ อุปริมานํ อุปริมานํ ปณีตตมา โหติ, ตํ ยถาสกํ ทิวสวเสเนว ทิวเส ทิวเส ภุฺชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘พิฬารปทปฺปมาณํ สุธาหารํ ภุฺชนฺติ, โส ชิวฺหาย ปิตมตฺโต ยาว เกสคฺคนขคฺคา กายํ ผรติ, เตสํเยว ทิวสวเสน สตฺต ทิวเส ยาปนสมตฺโถ โหตี’’ติ วทนฺติ. อสมยวิมุตฺติยา วิมุตฺโตติ มคฺควิโมกฺเขน วิมุตฺโต. อฏฺนฺนฺหิ สมาปตฺตีนํ สมาปชฺชนสฺส สมโยปิ อตฺถิ ตสฺส อสมโยปิ, มคฺควิโมกฺเขน ปน วิมุจฺจนสฺส สมโย วา อสมโย วา นตฺถิ. ยสฺส สทฺธา พลวตี, วิปสฺสนา จ อารทฺธา, ตสฺส คจฺฉนฺตสฺส ติฏฺนฺตสฺส นิสีทนฺตสฺส นิปชฺชนฺตสฺส ขาทนฺตสฺส ภุฺชนฺตสฺส จ มคฺคผลปฺปฏิเวโธ นาม น โหตีติ น วตฺตพฺพํ. อิติ มคฺควิโมกฺเขน วิมุจฺจนฺตสฺส สมโย วา อสมโย วา นตฺถีติ มคฺควิโมกฺโข อสมยวิมุตฺติ นาม. จตุตฺเถ นตฺถิ วตฺตพฺพํ.

ปมมหานามสุตฺตาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. เมตฺตาสุตฺตวณฺณนา

๑๕. ปฺจเม เสสชนาติ เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา อลาภิโน. สมฺปริวตฺตมานาติ ทกฺขิเณเนว ปสฺเสน อสยิตฺวา สพฺพโส ปริวตฺตมานา. กากจฺฉมานาติ ฆุรุฆุรุปสฺสาสวเสน วิสฺสรํ กโรนฺตา. สุขํ สุปตีติ เอตฺถ ทุวิธา สุปนา สยเน ปิฏฺิปฺปสารณลกฺขณา กิริยามยจิตฺเตหิ อโวกิณฺณภวงฺคปฺปวตฺติลกฺขณา จ. ตตฺถายํ อุภยตฺถาปิ สุขเมว สุปติ. ยสฺมา สณิกํ นิปชฺชิตฺวา องฺคปจฺจงฺคานิ สโมธาย ปาสาทิเกน อากาเรน สยติ, นิทฺโทกฺกมเนปิ ฌานํ สมาปนฺโน วิย โหติ. เตนาห ‘‘เอวํ อสุปิตฺวา’’ติอาทิ.

นิทฺทากาเล สุขํ อลภิตฺวา ทุกฺเขน สุตฺตตฺตา เอว ปฏิพุชฺฌนกาเล สรีรเขเทน นิตฺถุนนํ วิชมฺภนํ อิโต จิโต จ วิปริวตฺตนฺจ โหตีติ อาห ‘‘นิตฺถุนนฺตา วิชมฺภนฺตา สมฺปริวตฺตนฺตา ทุกฺขํ ปฏิพุชฺฌนฺตี’’ติ. อยํ ปน สุเขน สุตฺตตฺตา สรีรเขทาภาวโต นิตฺถุนนาทิวิรหิโตว ปฏิพุชฺฌติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ อปฺปฏิพุชฺฌิตฺวา’’ติอาทิ. สุขปฺปฏิโพโธ จ สรีรวิการาภาเวนาติ อาห ‘‘สุขํ นิพฺพิการ’’นฺติ.

ภทฺทกเมว สุปินํ ปสฺสตีติ อิทํ อนุภูตปุพฺพวเสน เทวตูปสํหารวเสน จสฺส ภทฺทกเมว สุปินํ โหติ, น ปาปกนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เจติยํ วนฺทนฺโต วิยา’’ติอาทิ. ธาตุกฺโขภเหตุกมฺปิ จสฺส พหุลํ ภทฺทกเมว สิยา เยภุยฺเยน จิตฺตชรูปานุคุณตาย อุตุอาหารชรูปานํ.

อุเร อามุกฺกมุตฺตาหาโร วิยาติ คีวาย พนฺธิตฺวา อุเร ลมฺพิตมุตฺตาหาโร วิยาติ เกหิจิ ตํ เอกาวลิวเสน วุตฺตํ สิยา, อเนกรตนาวลิสมูหภูโต ปน มุตฺตาหาโร อํสปฺปเทสโต ปฏฺาย ยาว กฏิปฺปเทสสฺส เหฏฺาภาคา ปลมฺพนฺโต อุเร อามุกฺโกเยว นาม โหติ.

วิสาขตฺเถโร วิยาติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๕๘) โส กิร ปาฏลิปุตฺเต กุฏุมฺพิโย อโหสิ. โส ตตฺเถว วสมาโน อสฺโสสิ ‘‘ตมฺพปณฺณิทีโป กิร เจติยมาลาลงฺกโต กาสาวปชฺโชโต, อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺาเนเยเวตฺถ สกฺกา นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา, อุตุสปฺปายํ เสนาสนสปฺปายํ ปุคฺคลสปฺปายํ ธมฺมสฺสวนสปฺปายนฺติ สพฺพเมตฺถ สุลภ’’นฺติ. โส อตฺตโน โภคกฺขนฺธํ ปุตฺตทารสฺส นิยฺยาเตตฺวา ทุสฺสนฺเต พทฺเธน เอกกหาปเณเนว ฆรา นิกฺขมิตฺวา สมุทฺทตีเร นาวํ อุทิกฺขมาโน เอกํ มาสํ วสิ. โส โวหารกุสลตาย อิมสฺมึ าเน ภณฺฑํ กิณิตฺวา อสุกสฺมึ วิกฺกิณนฺโต ธมฺมิกาย วณิชฺชาย เตเนวนฺตรมาเสน สหสฺสํ อภิสํหริ. อิติ อนุปุพฺเพน มหาวิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจติ. โส ปพฺพาชนตฺถาย สีมํ นีโต ตํ สหสฺสตฺถวิกํ โอวฏฺฏิกนฺตเรน ภูมิยํ ปาเตสิ. ‘‘กิเมต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘กหาปณสหสฺสํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา, ‘‘อุปาสก, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย น สกฺกา วิจาเรตุํ, อิทาเนว นํ วิจาเรหี’’ติ วุตฺเต ‘‘วิสาขสฺส ปพฺพชฺชฏฺานํ อาคตา มา ริตฺตหตฺถา คมึสู’’ติ มุฺจิตฺวา สีมามาฬเก วิกฺกิริตฺวา ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺโน. โส ปฺจวสฺโส หุตฺวา ทฺเวมาติกา ปคุณา กตฺวา อตฺตโน สปฺปายํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เอเกกสฺมึ วิหาเร จตฺตาโร จตฺตาโร มาเส สมปวตฺตวาสํ วสมาโน จริ. เอวํ จรมาโน –

‘‘วนนฺตเร ิโต เถโร, วิสาโข คชฺชมานโก;

อตฺตโน คุณเมสนฺโต, อิมมตฺถํ อภาสถ.

‘‘ยาวตา อุปสมฺปนฺโน, ยาวตา อิธ มาคโต;

เอตฺถนฺตเร ขลิตํ นตฺถิ, อโห ลาโภ เต มาริสา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๒๕๘);

โส จิตฺตลปพฺพตวิหารํ คจฺฉนฺโต ทฺเวธาปถํ ปตฺวา ‘‘อยํ นุ โข มคฺโค, อุทาหุ อย’’นฺติ จินฺตยนฺโต อฏฺาสิ. อถสฺส ปพฺพเต อธิวตฺถา เทวตา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอโส มคฺโค’’ติ ทสฺเสติ. โส จิตฺตลปพฺพตวิหารํ คนฺตฺวา ตตฺถ จตฺตาโร มาเส วสิตฺวา ‘‘ปจฺจูเส คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิปชฺชิ. จงฺกมสีเส มณิลรุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา โสปานผลเก นิสีทิตฺวา ปโรทิ. เถโร ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. อหํ, ภนฺเต, มณิลิยาติ. กิสฺส โรทสีติ? ตุมฺหากํ คมนํ ปฏิจฺจาติ. มยิ อิธ วสนฺเต ตุมฺหากํ โก คุโณติ? ตุมฺเหสุ, ภนฺเต, อิธ วสนฺเตสุ อมนุสฺสา อฺมฺํ เมตฺตํ ปฏิลภนฺติ, เต ทานิ ตุมฺเหสุ คเตสุ กลหํ กริสฺสนฺติ, ทุฏฺุลฺลมฺปิ กถยิสฺสนฺตีติ. เถโร ‘‘สเจ มยิ อิธ วสนฺเต ตุมฺหากํ ผาสุวิหาโร โหติ, สุนฺทร’’นฺติ วตฺวา อฺเปิ จตฺตาโร มาเส ตตฺเถว วสิตฺวา ปุน ตเถว คมนจิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. เทวตาปิ ปุน ตเถว ปโรทิ. เอเตเนว อุปาเยน เถโร ตตฺเถว วสิตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพายีติ. เอวํ ธมตฺตาวิหารี ภิกฺขุ อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ.

พลวปิยจิตฺตตายาติ อิมินา พลวปิยจิตฺตตามตฺเตนปิ สตฺถํ น กมติ, ปเคว เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยาติ ทสฺเสติ. ขิปฺปเมว จิตฺตํ สมาธิยติ, เกนจิ ปริปนฺเถน ปริหีนชฺฌานสฺส พฺยาปาทสฺส ทูรสมุสฺสาริตภาวโต ขิปฺปเมว สมาธิยติ, ‘‘อาสวานํ ขยายา’’ติ เกจิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. เอตฺถ จ กิฺจาปิ อิโต อฺกมฺมฏฺานวเสน อธิคตชฺฌานานมฺปิ สุขสุปนาทโย อานิสํสา ลพฺภนฺติ. ยถาห –

‘‘สุขํ สุปนฺติ มุนโย, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตา;

สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา’’ติ. (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๒๕๘); จ อาทิ –

ตถาปิเม อานิสํสา พฺรหฺมวิหารลาภิโน อนวเสสา ลพฺภนฺติ พฺยาปาทาทีนํ อุชุวิปจฺจนีกภาวโต พฺรหฺมวิหารานํ. เตเนวาห ‘‘นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, พฺยาปาทสฺส, ยทิทํ เมตฺตาเจโตวิมุตฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๒๖; อ. นิ. ๖.๑๓). พฺยาปาทาทิวเสน จ สตฺตานํ ทุกฺขสุปนาทโยติ ตปฺปฏิปกฺขภูเตสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ สิทฺเธสุ สุขสุปนาทโย หตฺถคตา เอว โหนฺตีติ.

เมตฺตาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อฏฺกนาครสุตฺตวณฺณนา

๑๖. ฉฏฺเ เพลุวคามเกติ เวสาลิยา ทกฺขิณปสฺเส อวิทูเร เพลุวคามโก นาม อตฺถิ, ตํ โคจรคามํ กตฺวาติ อตฺโถ. สารปฺปตฺตกุลคณนายาติ มหาสารมหปฺปตฺตกุลคณนาย. ทสเม าเนติ อฺเ อฺเติ ทสคณนฏฺาเน. อฏฺกนคเร ชาโต ภโวติ อฏฺกนาคโร. กุกฺกุฏาราโมติ ปาฏลิปุตฺเต กุกฺกุฏาราโม, น โกสมฺพิยํ.

ปกตตฺถปฺปฏินิทฺเทโส ต-สทฺโทติ ตสฺส ‘‘ภควตา’’ติอาทีหิ ปเทหิ สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตสฺส เยน อภิสมฺพุทฺธภาเวน ภควา ปกโต อธิคโต สุปากโฏ จ, ตํ อภิสมฺพุทฺธภาวํ สทฺธึ อาคมนียปฏิปทาย อตฺถภาเวเนว ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โส…เป… อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ อาห. สติปิ าณทสฺสนสทฺทานํ อิธ ปฺาเววจนภาเว เตน เตน วิเสเสน เนสํ วิสยวิเสเส ปวตฺติทสฺสนตฺถํ อสาธารณาณวิเสสวเสน, วิชฺชาตฺตยวเสน, วิชฺชาภิฺานาวรณวเสน, สพฺพฺุตฺาณมํสจกฺขุวเสน ปฏิเวธเทสนาาณวเสน จ ตทตฺถํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสํ เตส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาสยานุสยํ ชานตา อาสยานุสยาเณน, สพฺพเยฺยธมฺมํ ปสฺสตา สพฺพฺุตานาวรณาเณหิ. ปุพฺเพนิวาสาทีหีติ ปุพฺเพนิวาสาสวกฺขยาเณหิ. ปฏิเวธปฺายาติ อริยมคฺคปฺาย. เทสนาปฺาย ปสฺสตาติ เทเสตพฺพธมฺมานํ เทเสตพฺพปฺปการํ โพธเนยฺยปุคฺคลานฺจ อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิเภทํ ธมฺมํ เทสนาปฺาย ยาถาวโต ปสฺสตา. อรีนนฺติ กิเลสารีนํ, ปฺจวิธมารานํ วา สาสนสฺส วา ปจฺจตฺถิกานํ อฺติตฺถิยานํ. เตสํ ปน หนนํ ปาฏิหาริเยหิ อภิภวนํ อปฺปฏิภานตากรณํ อชฺฌุเปกฺขณฺจ. เกสิวินยสุตฺตฺเจตฺถ นิทสฺสนํ. ตถา านาฏฺานาทีนิ ชานตา. ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปสฺสตา. สวาสนานมาสวานํ ขีณตฺตา อรหตา. อภิฺเยฺยาทิเภเท ธมฺเม อภิฺเยฺยาทิโต อวิปรีตาวโพธโต สมฺมาสมฺพุทฺเธน.

อถ วา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณตาย ชานตา. กายกมฺมาทิวเสน ติณฺณมฺปิ กมฺมานํ าณานุปริวตฺติโต นิสมฺมการิตาย ปสฺสตา. ทวาทีนมฺปิ อภาวสาธิกาย ปหานสมฺปทาย อรหตา. ฉนฺทาทีนํ อหานิเหตุภูตาย อกฺขยปฏิภานสาธิกาย สพฺพฺุตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ เอวํ ทสพลอฏฺารสอาเวณิกพุทฺธธมฺมวเสนปิ โยชนา กาตพฺพา.

อภิสงฺขตนฺติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ อภิสมฺมุขภาเวน สเมจฺจ สมฺภุยฺย กตํ. สฺวาสฺส กตภาโว อุปฺปาทเนน เวทิตพฺโพ, น อุปฺปนฺนสฺส ปฏิสงฺขรเณนาติ อาห ‘‘อุปฺปาทิต’’นฺติ. เต จสฺส ปจฺจยา เจตนาปธานาติ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ‘‘เจตยิตํ กปฺปยิต’’นฺติ อตฺถมาห. อภิสงฺขตํ อภิสฺเจตยิตนฺติ จ ฌานสฺส ปาตุภาวทสฺสนมุเขน วิทฺธํสนภาวํ อุลฺลิงฺเคติ. ยฺหิ อหุตฺวา สมฺภวติ, ตํ หุตฺวา ปฏิเวติ. เตนาห ปาฬิยํ ‘‘ยํ โข ปนา’’ติอาทิ. สมถวิปสฺสนาธมฺเม ิโตติ เอตฺถ สมถธมฺเม ิตตฺตา สมาหิโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ นิจฺจสฺาทโย ปชหนฺโต อนุกฺกเมน ตํ อนุโลมาณํ ปาเปตา หุตฺวา วิปสฺสนฺนาธมฺเม ิโต. สมถวิปสฺสนาสงฺขาเตสุ ธมฺเมสุ รฺชนฏฺเน ราโค. นนฺทนฏฺเน นนฺที. ตตฺถ สุขุมา อเปกฺขา วุตฺตา. ยา นิกนฺตีติ วุจฺจติ.

เอวํ สนฺเตติ เอวํ ยถารุตวเสเนว อิมสฺส สุตฺตปทสฺส อตฺเถ คเหตพฺเพ สติ. สมถวิปสฺสนาสุ ฉนฺทราโค กตฺตพฺโพติ อนาคามิผลํ อนิพฺพตฺเตตฺวา ตทตฺถาย สมถวิปสฺสนาปิ อนิพฺพตฺเตตฺวา เกวลํ ตตฺถ ฉนฺทราโค กตฺตพฺโพ ภวิสฺสติ. กสฺมา? เตสุ สมถวิปสฺสนาสงฺขาเตสุ ธมฺเมสุ ฉนฺทราคมตฺเตน อนาคามินา ลทฺธพฺพสฺส อลทฺธอนาคามิผเลนปิ ลทฺธพฺพตฺตา. ตถา สติ เตน อนาคามิผลมฺปิ ลทฺธพฺพเมว โหติ. เตนาห ‘‘อนาคามิผลํ ปฏิลทฺธํ ภวิสฺสตี’’ติ. สภาวโต รสิตพฺพตฺตา อวิปรีโต อตฺโถ เอว อตฺถรโส.

อฺาปิ กาจิ สุคติโยติ วินิปาติเก สนฺธายาห. อฺาปิ กาจิ ทุคฺคติโยติ อสุรกายมาห.

อปฺปํ ยาจิเตน พหุํ เทนฺเตน อุฬารปุริเสน วิย เอกํ ธมฺมํ ปุจฺฉิเตน ‘‘อยมฺปิ เอกธมฺโม’’ติ กถิตตฺตา เอกาทสปิ ธมฺมา ปุจฺฉาวเสน เอกธมฺโม นาม ชาโต ปจฺเจกํ วากฺยปริสมาปนาเยน. ปุจฺฉาวเสนาติ ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต อานนฺท, เตน…เป… สมฺมาสมฺพุทฺเธน เอกธมฺโม สมฺมทกฺขาโต’’ติ เอวํ ปวตฺตปุจฺฉาวเสน. อมตุปฺปตฺติอตฺเถนาติ อมตภาวสฺส อุปฺปตฺติเหตุตาย, สพฺพานิปิ กมฺมฏฺานานิ เอกรสาปิ อมตาธิคมสฺส ปฏิปตฺติยาติ อตฺโถ. เอวเมตฺถ อคฺคผลภูมิ อนาคามิผลภูมีติ ทฺเวว ภูมิโย สรูปโต อาคตา, นานนฺตริยตาย ปน เหฏฺิมาปิ ทฺเว ภูมิโย อตฺถโต อาคตา เอวาติ ทฏฺพฺพาติ. ปฺจ สตานิ อคฺโฆ เอตสฺสาติ ปฺจสตํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

อฏฺกนาครสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. โคปาลสุตฺตวณฺณนา

๑๗. สตฺตเม ติสฺโส กถาติ ติสฺโส อฏฺกถา, ติวิธา สุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนาติ อตฺโถ. เอเกกํ ปทํ นาฬํ มูลํ เอติสฺสาติ เอวํสฺิตา เอกนาฬิกา. เอเกกํ วา ปทํ นาฬํ อตฺถนิคฺคมนมคฺโค เอติสฺสาติ เอกนาฬิกา. เตนาห ‘‘เอเกกสฺส ปทสฺส อตฺถกถน’’นฺติ. จตฺตาโร อํสา ภาคา อตฺถสลฺลกฺขณูปายา เอติสฺสาติ จตุรสฺสา. เตนาห ‘‘จตุกฺกํ พนฺธิตฺวา กถน’’นฺติ. นิยมโต นิสินฺนสฺส อารทฺธสฺส วตฺโต สํวตฺโต เอติสฺสา อตฺถีติ นิสินฺนวตฺติกา, ยถารทฺธสฺส อตฺถสฺส วิสุํ วิสุํ ปริโยสาปิกาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปณฺฑิตโคปาลกํ ทสฺเสตฺวา’’ติอาทิ. เอเกกสฺสปิ ปทสฺส ปิณฺฑตฺถทสฺสนวเสน พหูนํ ปทานํ เอกชฺฌํ อตฺถํ อกเถตฺวา เอกเมกสฺส ปทสฺส อตฺถวณฺณนา อยํ สพฺพตฺถ ลพฺภติ. จตุกฺกํ พนฺธิตฺวาติ กณฺหปกฺเข อุปโมปเมยฺยทฺวยํ, ตถา สุกฺกปกฺเขติ อิทํ จตุกฺกํ โยเชตฺวา. อยํ เอทิเสสุ เอว สุตฺเตสุ ลพฺภติ. ปริโยสานคมนนฺติ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘กณฺหปกฺเข อุปมํ ทสฺเสตฺวา อุปมา จ นาม ยาวเทว อุปเมยฺยสมฺปฏิปาทนตฺถาติ อุปเมยฺยตฺถํ อาหริตฺวา สํกิเลสปกฺขนิทฺเทโส จ โวทานปกฺขวิภาวนตฺถายาติ สุกฺกปกฺขมฺปิ อุปโมปเมยฺยวิภาเคน อาหริตฺวา สุตฺตตฺถสฺส ปริโยสาปนํ. กณฺหปกฺเข อุปเมยฺยํ ทสฺเสตฺวา ปริโยสานคมนาทีสุปิ เอเสว นโย’’ติ. อปเร ปน ‘‘กณฺหปกฺเข, สุกฺกปกฺเข จ ตํตํอุปมูปเมยฺยตฺถานํ วิสุํ วิสุํ ปริโยสาเปตฺวาว กถนํ ปริโยสานคมน’’นฺติ วทนฺติ. อยนฺติ นิสินฺนวตฺติกา. อิธาติ อิมสฺมึ โคปาลกสุตฺเต. สพฺพาจริยานํ อาจิณฺณาติ สพฺเพหิปิ ปุพฺพาจริเยหิ อาจริตา สํวณฺณิตา, ตถา เจว ปาฬิ ปวตฺตาติ.

องฺคียนฺติ อวยวภาเวน ายนฺตีติ องฺคานิ, โกฏฺาสา. ตานิ ปเนตฺถ ยสฺมา สาวชฺชสภาวานิ, ตสฺมา อาห ‘‘องฺเคหีติ อคุณโกฏฺาเสหี’’ติ. โคมณฺฑลนฺติ โคสมูหํ. ปริหริตุนฺติ รกฺขิตุํ. ตํ ปน ปริหรณํ ปริคฺคเหตฺวา วิจรณนฺติ อาห ‘‘ปริคฺคเหตฺวา วิจริตุ’’นฺติ. วฑฺฒินฺติ คุนฺนํ พหุภาวํ พหุโครสตาสงฺขาตํ ปริวุทฺธึ. ‘‘เอตฺตกมิท’’นฺติ รูปียตีติ รูปํ, ปริมาณปริจฺเฉโทปิ สรีรรูปมฺปีติ อาห ‘‘คณนโต วา วณฺณโต วา’’ติ. น ปริเยสติ วินฏฺภาวสฺเสว อชานนโต. นีลาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน เสตสพลาทิวณฺณํ สงฺคณฺหาติ.

ธนุสตฺติสูลาทีติ เอตฺถ อิสฺสาสาจริยานํ คาวีสุ กตํ ธนุลกฺขณํ. กุมารภตฺติคณานํ คาวีสุ กตํ สตฺติลกฺขณํ. อิสฺสรภตฺติคณานํ คาวีสุ กตํ สูลลกฺขณนฺติ โยชนา. อาทิ-สทฺเทน รามวาสุเทวคณาทีนํ คาวีสุ กตํ ผรสุจกฺกาทิลกฺขณํ สงฺคณฺหาติ.

นีลมกฺขิกาติ ปิงฺคลมกฺขิกา, ขุทฺทกมกฺขิกา เอว วา. สฏติ รุชติ เอตายาติ สาฏิกา, สํวฑฺฒา สาฏิกา อาสาฏิกา. เตนาห ‘‘วฑฺฒนฺตี’’ติอาทิ. หาเรตาติ อปเนตา.

วาเกนาติ วากปฏฺเฏน. จีรเกนาติ ปิโลติเกน. อนฺโตวสฺเสติ วสฺสกาลสฺส อพฺภนฺตเร. นิคฺคาหนฺติ สุสุมาราทิคฺคาหรหิตํ. ปีตนฺติ ปานียสฺส ปีตภาวํ. สีหพฺยคฺฆาทิปริสฺสเยน สาสงฺโก สปฺปฏิภโย.

ปฺจ อหานิ เอกสฺสาติ ปฺจาหิโก, โส เอว วาโรติ, ปฺจาหิกวาโร. เอวํ สตฺตาหิกวาโรปิ เวทิตพฺโพ. จิณฺณฏฺานนฺติ จริตฏฺานํ โคจรคฺคหิตฏฺานํ.

ปิติฏฺานนฺติ ปิตรา กาตพฺพฏฺานํ, ปิตรา กาตพฺพกิจฺจนฺติ อตฺโถ. ยถารุจึ คเหตฺวา คจฺฉนฺตีติ คุนฺนํ รุจิอนุรูปํ โคจรภูมึ วา นทิปารํ วา คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. โคภตฺตนฺติ กปฺปาสฏฺิกาทิมิสฺสํ โคภุฺชิตพฺพํ ภตฺตํ. ภตฺตคฺคหเณเนว ยาคุปิ สงฺคหิตา.

ทฺวีหากาเรหีติ วุตฺตํ อาการทฺวยํ ทสฺเสตุํ ‘‘คณนโต วา สมุฏฺานโต วา’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ปาฬิยํ อาคตาติ ‘‘อุปจโย สนฺตตี’’ติ ชาตึ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา หทยวตฺถุํ อคฺคเหตฺวา ทสายตนานิ ปฺจทส สุขุมรูปานีติ เอวํ รูปกณฺฑปาฬิยํ (ธ. ส. ๖๖๖) อาคตา. ปฺจวีสติ รูปโกฏฺาสาติ สลกฺขณโต อฺมฺสงฺกราภาวโต รูปภาคา. รูปโกฏฺาสาติ วา วิสุํ วิสุํ อปฺปวตฺติตฺวา กลาปภาเวเนว ปวตฺตนโต รูปกลาปา. โกฏฺาสาติ จ อํสา อวยวาติ อตฺโถ. โกฏฺนฺติ วา สรีรํ, ตสฺส อํสา เกสาทโย โกฏฺาสาติ อฺเปิ อวยวา โกฏฺาสา วิย โกฏฺาสา.

เสยฺยถาปีติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. ตตฺถ รูปํ ปริคฺคเหตฺวาติ ยถาวุตฺตํ รูปํ สลกฺขณโต าเณน ปริคฺคณฺหิตฺวา. อรูปํ ววตฺถเปตฺวาติ ตํ รูปํ นิสฺสาย อารมฺมณฺจ กตฺวา ปวตฺตมาเน เวทนาทิเก จตฺตาโร ขนฺเธ อรูปนฺติ ววตฺถเปตฺวา. รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวาติ ปุน ตตฺถ ยํ รูปฺปนลกฺขณํ, ตํ รูปํ. ตทฺํ อรูปํ. อุภยวินิมุตฺตํ กิฺจิ นตฺถิ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วาติ เอวํ รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวา. ตทุภยฺจ อวิชฺชาทินา ปจฺจเยน สปจฺจยนฺติ ปจฺจยํ สลฺลกฺเขตฺวา, อนิจฺจตาทิลกฺขณํ อาโรเปตฺวา โย กลาปสมฺมสนาทิกฺกเมน กมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ, โส น วฑฺฒตีติ โยชนา.

เอตฺตกํ รูปํ เอกสมุฏฺานนฺติ จกฺขายตนํ, โสตายตนํ, ฆานายตนํ, ชิวฺหายตนํ, กายายตนํ, อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสินฺทฺริยํ, ชีวิตินฺทฺริยนฺติ อฏฺวิธํ กมฺมวเสน; กายวิฺตฺติ, วจีวิฺตฺตีติ อิทํ ทฺวยํ จิตฺตวเสนาติ เอตฺตกํ รูปํ เอกสมุฏฺานํ. สทฺทายตนเมกํ อุตุจิตฺตวเสน ทฺวิสมุฏฺานํ. รูปสฺส ลหุตา, มุทุตา, กมฺมฺตาติ เอตฺตกํ รูปํ อุตุจิตฺตาหารวเสน ติสมุฏฺานํ. รูปายตนํ, คนฺธายตนํ, รสายตนํ, โผฏฺพฺพายตนํ, อากาสธาตุ, อาโปธาตุ, กพฬีกาโร อาหาโรติ เอตฺตกํ รูปํ อุตุจิตฺตาหารกมฺมวเสน จตุสมุฏฺานํ. อุปจโย, สนฺตติ, ชรตา, รูปสฺส อนิจฺจตาติ เอตฺตกํ รูปํ น กุโตจิ สมุฏฺาตีติ น ชานาติ. สมุฏฺานโต รูปํ อชานนฺโตติอาทีสุ วตฺตพฺพํ ‘‘คณนโต รูปํ อชานนฺโต’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

กมฺมลกฺขโณติ อตฺตนา กตํ ทุจฺจริตกมฺมํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ กมฺมลกฺขโณ, พาโล. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานิ. กตมานิ ตีณิ? ทุจฺจินฺติตจินฺตี โหติ, ทุพฺภาสิตภาสี, ทุกฺกฏกมฺมการี. อิมานิ โข…เป… ลกฺขณานี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๖; อ. นิ. ๓.๓). อตฺตนา กตํ สุจริตกมฺมํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ กมฺมลกฺขโณ, ปณฺฑิโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ. กตมานิ ตีณิ? สุจินฺติตจินฺตี โหติ, สุภาสิตภาสี, สุกตกมฺมการี. อิมานิ โข…เป… ปณฺฑิตลกฺขณานี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕๓; อ. นิ. ๓.๓). เตนาห ‘‘กุสลากุสลกมฺมํ ปณฺฑิตพาลลกฺขณ’’นฺติ.

พาเล วชฺเชตฺวา ปณฺฑิเต น เสวตีติ ยํ พาลปุคฺคเล วชฺเชตฺวา ปณฺฑิตเสวนํ อตฺถกาเมน กาตพฺพํ, ตํ น กโรติ. ตถาภูตสฺส จ อยมาทีนโวติ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘พาเล วชฺเชตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยํ ภควตา ‘‘อิทํ โว กปฺปตี’’ติ อนุฺาตํ, ตทนุโลมฺเจ, ตํ กปฺปิยํ. ยํ ‘‘อิทํ โว น กปฺปตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตทนุโลมฺเจ, ตํ อกปฺปิยํ. ยํ โกสลฺลสมฺภูตํ, ตํ กุสลํ, ตปฺปฏิปกฺขํ อกุสลํ. ตเทว สาวชฺชํ, กุสลํ อนวชฺชํ. อาปตฺติโต อาทิโต ทฺเว อาปตฺติกฺขนฺธา ครุกํ, ตทฺํ ลหุกํ. ธมฺมโต มหาสาวชฺชํ ครุกํ, อปฺปสาวชฺชํ ลหุกํ. สปฺปฏิการํ สเตกิจฺฉํ, อปฺปฏิการํ อเตกิจฺฉํ. ธมฺมตานุคตํ การณํ, อิตรํ อการณํ. ตํ อชานนฺโตติ กปฺปิยากปฺปิยํ, ครุก-ลหุกํ, สเตกิจฺฉาเตกิจฺฉํ อชานนฺโต สุวิสุทฺธํ กตฺวา สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺโกติ. กุสลากุสลํ, สาวชฺชานวชฺชํ, การณาการณํ อชานนฺโต ขนฺธาทีสุ อกุสลตาย รูปารูปปริคฺคหมฺปิ กาตุํ น สกฺโกติ, กุโต ตสฺส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺฒนา. เตนาห ‘‘กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกตี’’ติ.

โควณสทิเส อตฺตภาเว อุปฺปชฺชิตฺวา ตตฺถ ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต มิจฺฉาวิตกฺกา อาสาฏิกา วิยาติ อาสาฏิกาติ อาห ‘‘อกุสลวิตกฺกํ อาสาฏิกํ อหาเรตฺวา’’ติ.

‘‘คณฺโฑติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๐๓; อ. นิ. ๘.๕๖; ๙.๑๕) วจนโต ฉหิ วณมุเขหิ วิสฺสนฺทมานยูโส คณฺโฑ วิย ปิโลติกาขณฺเฑน ฉทฺวาเรหิ วิสฺสนฺทมานกิเลสาสุจิ อตฺตภาววโณ สติสํวเรน ปิทหิตพฺโพ, อยํ ปน เอวํ น กโรตีติ อาห ‘‘ยถา โส โคปาลโก วณํ น ปฏิจฺฉาเทติ, เอวํ สํวรํ น สมฺปาเทตี’’ติ.

ยถา ธูโม อินฺธนํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชมาโน สณฺโห สุขุโม, ตํ ตํ วิวรํ อนุปวิสฺส พฺยาเปนฺโต สตฺตานํ ฑํสมกสาทิปริสฺสยํ วิโนเทติ, อคฺคิชาลาสมุฏฺานสฺส ปุพฺพงฺคโม โหติ, เอวํ ธมฺมเทสนาาณสฺส อินฺธนภูตํ รูปารูปธมฺมชาตํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชมานา สณฺหา สุขุมา ตํ ตํ ขนฺธนฺตรํ อายตนนฺตรฺจ อนุปวิสฺส พฺยาเปติ, สตฺตานํ มิจฺฉาวิตกฺกาทิปริสฺสยํ วิโนเทติ, าณคฺคิชาลาสมุฏฺาปนสฺส ปุพฺพงฺคโม โหติ, ตสฺมา ธูโม วิยาติ ธูโมติ อาห ‘‘โคปาลโก ธูมํ วิย ธมฺมเทสนาธูมํ น กโรตี’’ติ. อตฺตโน สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา นิสินฺนสฺส กาตพฺพา ตทนุจฺฉวิกา ธมฺมกถา อุปนิสินฺนกกถา. กตสฺส ทานาทิปุฺสฺส อนุโมทนกถา อนุโมทนา. ตโตติ ธมฺมกถาทีนํ อกรณโต. ‘‘พหุสฺสุโต คุณวาติ น ชานนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ อตฺตโน ชานาปนตฺถํ ธมฺมกถาทิ น กาตพฺพเมวาติ? สจฺจํ น กาตพฺพเมว, สุทฺธาสเยน ปน ธมฺเม กถิเต ตสฺส คุณชานนํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เตนาห ภควา –

‘‘นาภาสมานํ ชานนฺติ, มิสฺสํ พาเลหิ ปณฺฑิตํ;

ภาสเย โชตเย ธมฺมํ, ปคฺคณฺเห อิสินํ ธช’’นฺติ.

ตรนฺติ โอตรนฺติ เอตฺถาติ ติตฺถํ, นทิตฬากาทีนํ นหานปานาทิอตฺถํ โอตรณฏฺานํ. ยถา ปน ตํ อุทเกน โอติณฺณสตฺตานํ สรีรมลํ ปวาเหติ, ปริสฺสมํ วิโนเทติ, วิสุทฺธึ อุปฺปาเทติ, เอวํ พหุสฺสุตา อตฺตโน สมีปํ โอติณฺณสตฺตานํ ธมฺโมทเกน จิตฺตมลํ ปวาเหนฺติ, ปริสฺสมํ วิโนเทนฺติ, วิสุทฺธึ อุปฺปาเทนฺติ, ตสฺมา เต ติตฺถํ วิยาติ ติตฺถํ. เตนาห ‘‘ติตฺถภูเต พหุสฺสุตภิกฺขู’’ติ. พฺยฺชนํ กถํ โรเปตพฺพนฺติ, ภนฺเต, อิทํ พฺยฺชนํ อยํ สทฺโท กถํ อิมสฺมึ อตฺเถ โรเปตพฺโพ, เกน ปกาเรน อิมสฺส อตฺถสฺส วาจโก ชาโต. ‘‘นิรูเปตพฺพ’’นฺติ วา ปาโ, นิรูเปตพฺพํ อยํ สภาวนิรุตฺติ กถเมตฺถ นิรูฬฺหาติ อธิปฺปาโย. อิมสฺส ภาสิตสฺส โก อตฺโถติ สทฺทตฺถํ ปุจฺฉติ. อิมสฺมึ าเนติ อิมสฺมึ ปาฬิปฺปเทเส. ปาฬิ กึ วทตีติ ภาวตฺถํ ปุจฺฉติ. อตฺโถ กึ ทีเปตีติ ภาวตฺถํ วา? สงฺเกตตฺถํ วา. น ปริปุจฺฉตีติ วิมติจฺเฉทนปุจฺฉาวเสน สพฺพโส ปุจฺฉํ น กโรติ. น ปริปฺหตีติ ปริ ปริ อตฺตโน าตุํ อิจฺฉํ น อาจิกฺขติ, น วิภาเวติ. เตนาห ‘‘น ชานาเปตี’’ติ. เตติ พหุสฺสุตภิกฺขู. วิวรณํ นาม อตฺถสฺส วิภชิตฺวา กถนนฺติ อาห ‘‘ภาเชตฺวา น เทเสนฺตี’’ติ. อนุตฺตานีกตนฺติ าเณน อปากฏีกตํ คุยฺหํ ปฏิจฺฉนฺนํ. น อุตฺตานึ กโรนฺตีติ สิเนรุปาทมูเล วาลิกํ อุทฺธรนฺโต วิย ปถวีสนฺธาโรทกํ วิวริตฺวา ทสฺเสนฺโต วิย จ อุตฺตานํ น กโรนฺติ.

เอวํ ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน พหุสฺสุตา ‘‘ติตฺถ’’นฺติ วุตฺตา ปริยายโต. อิทานิ ตเมว ธมฺมํ นิปฺปริยายโต ‘‘ติตฺถ’’นฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ธมฺโม หิ ตรนฺติ โอตรนฺติ เอเตน นิพฺพานํ นาม ตฬากนฺติ ‘‘ติตฺถ’’นฺติ วุจฺจติ. เตนาห ภควา สุเมธภูโต –

‘‘เอวํ กิเลสมลโธวํ, วิชฺชนฺเต อมตนฺตเฬ;

น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬ’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๔) –

ธมฺมสฺเสว นิพฺพานสฺโสตรณติตฺถภูตสฺส โอตรณาการํ อชานนฺโต ‘‘ธมฺมติตฺถํ น ชานาตี’’ติ วุตฺโต.

ปีตาปีตนฺติ โคคเณ ปีตํ อปีตฺจ โครูปํ น ชานาติ, น วินฺทติ. อวินฺทนฺโต หิ ‘‘น ลภตี’’ติ วุตฺโต. ‘‘อานิสํสํ น วินฺทตี’’ติ วตฺวา ตสฺส อวินฺทนาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ธมฺมสฺสวนคฺคํ คนฺตฺวา’’ติอาทิมาห.

อยํ โลกุตฺตโรติ ปทํ สนฺธายาห ‘‘อริย’’นฺติ. ปจฺจาสตฺติาเยน อนนฺตรสฺส หิ วิปฺปฏิเสโธ วา. อริยสทฺโท วา นิทฺโทสปริยาโย ทฏฺพฺโพ. อฏฺงฺคิกนฺติ จ วิสุํ เอกชฺฌฺจ อฏฺงฺคิกํ อุปาทาย คเหตพฺพํ, อฏฺงฺคตา พาหุลฺลโต จ. เอวฺจ กตฺวา สตฺตงฺคสฺสปิ อริยมคฺคสฺส สงฺคโห สิทฺโธ โหติ.

จตฺตาโร สติปฏฺาเนติอาทีสุ อวิเสเสน สติปฏฺานา วุตฺตา. ตตฺถ กายเวทนาจิตฺตธมฺมารมฺมณา สติปฏฺานา โลกิยา, ตตฺถ สมฺโมหวิทฺธํสนวเสน ปวตฺตา นิพฺพานารมฺมณา โลกุตฺตราติ เอวํ ‘‘อิเม โลกิยา, อิเม โลกุตฺตรา’’ติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ.

อนวเสสํ ทุหตีติ ปฏิคฺคหเณ มตฺตํ อชานนฺโต กิสฺมิฺจิ ทายเก สทฺธาหานิยา, กิสฺมิฺจิ ปจฺจยหานิยา อนวเสสํ ทุหติ. วาจาย อภิหาโร วาจาภิหาโร. ปจฺจยานํ อภิหาโร ปจฺจยาภิหาโร.

‘‘อิเม อมฺเหสุ ครุจิตฺตีการํ น กโรนฺตี’’ติ อิมินา นวกานํ ภิกฺขูนํ สมฺมาปฏิปตฺติยา อภาวํ ทสฺเสติ อาจริยุปชฺฌาเยสุ ปิตุเปมสฺส อนุปฏฺาปนโต, เตน จ สิกฺขาคารวตาภาวทีปเนน สงฺคหสฺส อภาชนภาวํ, เตน เถรานํ เตสุ อนุคฺคหาภาวํ. น หิ สีลาทิคุเณหิ สาสเน ถิรภาวปฺปตฺตา อนนุคฺคเหตพฺเพ สพฺรหฺมจารี อนุคฺคณฺหนฺติ, นิรตฺถกํ วา อนุคฺคหํ กโรนฺติ. เตนาห ‘‘นวเก ภิกฺขู’’ติอาทิ. ธมฺมกถาพนฺธนฺติ ปเวณิอาคตํ ปกิณฺณกธมฺมกถามคฺคํ. สจฺจสตฺตปฺปฏิสนฺธิปจฺจยาการปฺปฏิสํยุตฺตํ สุฺตาทีปนํ คุฬฺหคนฺถํ. วุตฺตวิปลฺลาสวเสนาติ ‘‘น รูปฺู’’ติอาทีสุ วุตฺตสฺส ปฏิเสธสฺส ปฏิกฺเขปวเสน อคฺคหณวเสน. โยเชตฺวาติ ‘‘รูปฺู โหตีติ คณนโต วา วณฺณโต วา รูปํ ชานาตี’’ติอาทินา, ‘‘ตสฺส โคคโณปิ น ปริหายติ, ปฺจโครสปริโภคโตปิ น ปริพาหิโร โหตี’’ติอาทินา จ อตฺถํ โยเชตฺวา. เวทิตพฺโพติ ตสฺมึ ตสฺมึ ปเท ยถารหํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

โคปาลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย

เอกาทสกนิปาตวณฺณนาย อนุตฺตานตฺถทีปนา สมตฺตา.

นิฏฺิตา จ มโนรถปูรณิยา องฺคุตฺตรนิกาย-อฏฺกถาย

อนุตฺตานตฺถปทวณฺณนา.

นิคมนกถาวณฺณนา

มหาอฏฺกถาย สารนฺติ องฺคุตฺตรมหาอฏฺกถาย สารํ. เอกูนสฏฺิมตฺโตติ โถกํ อูนภาวโต มตฺตสทฺทคฺคหณํ. มูลฏฺกถาสารนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตองฺคุตฺตรมหาอฏฺกถาย สารเมว อนุนิคมวเสน วทติ. อถ วา มูลฏฺกถาสารนฺติ โปราณฏฺกถาสุ อตฺถสารํ. เตเนทํ ทสฺเสติ – องฺคุตฺตรมหาอฏฺกถาย อตฺถสารํ อาทาย อิมํ มโนรถปูรณึ กโรนฺโต เสสมหานิกายานมฺปิ มูลฏฺกถาสุ อิธ วินิโยคกฺขมํ อตฺถสารํ อาทาย เอวมกาสินฺติ. มหาวิหาราธิวาสีนนฺติ จ อิทํ ปุริมปจฺฉิมปเทหิ สทฺธึ สมฺพนฺธิตพฺพํ ‘‘มหาวิหาราธิวาสีนํ สมยํ ปกาสยนฺตี, มหาวิหาราธิวาสีนํ มูลฏฺกถาสารํ อาทายา’’ติ. เตนาติ ปุฺเน. โหตุ สพฺโพ สุขี โลโกติ กามาวจราทิวิภาโค สพฺโพ สตฺตโลโก ยถารหํ โพธิตฺตยาธิคมวเสน สมฺปตฺเตน นิพฺพานสุเขน สุขี สุขิโต โหตูติ สเทวกสฺส โลกสฺส อจฺจนฺตํ สุขาธิคมาย อตฺตโน ปุฺํ ปริณาเมติ.

เอตฺตาวตา สมตฺตาว, สพฺพโส วณฺณนา อยํ;

วีสติยา สหสฺเสหิ, คนฺเถหิ ปริมาณโต.

โปราณานํ กถามคฺค-สารเมตฺถ ยโต ิตํ;

ตสฺมา สารตฺถมฺชูสา, อิติ นาเมน วิสฺสุตา.

อชฺเฌสิโต นรินฺเทน, โสหํ ปรกฺกมพาหุนา;

สทฺธมฺมฏฺิติกาเมน, สาสนุชฺโชตการินา.

เตเนว การิเต รมฺเม, ปาสาทสตมณฺฑิเต;

นานาทุมคณากิณฺเณ, ภาวนาภิรตาลเย.

สีตลูทกสมฺปนฺเน, วสํ เชตวเน อิมํ;

อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ, อกาสึ สาธุสมฺมตํ.

ยํ สิทฺธํ อิมินา ปุฺํ, ยํ จฺํ ปสุตํ มยา;

เอเตน ปุฺกมฺเมน, ทุติเย อตฺตสมฺภเว.

ตาวตึเส ปโมเทนฺโต, สีลาจารคุเณ รโต;

อลคฺโค ปฺจกาเมสุ, ปตฺวาน ปมํ ผลํ.

อนฺติเม อตฺตภาวมฺหิ, เมตฺเตยฺยํ มุนิปุงฺควํ;

โลกคฺคปุคฺคลํ นาถํ, สพฺพสตฺตหิเต รตํ.

ทิสฺวาน ตสฺส ธีรสฺส, สุตฺวา สทฺธมฺมเทสนํ;

อธิคนฺตฺวา ผลํ อคฺคํ, โสเภยฺยํ ชินสาสนํ.

สทา รกฺขนฺตุ ราชาโน, ธมฺเมเนว อิมํ ปชํ;

นิรตา ปุฺกมฺเมสุ, โชเตนฺตุ ชินสาสนํ.

อิเม จ ปาณิโน สพฺเพ, สพฺพทา นิรุปทฺทวา;

นิจฺจํ กลฺยาณสงฺกปฺปา, ปปฺโปนฺตุ อมตํ ปทนฺติ.

องฺคุตฺตรฏีกา สมตฺตา.