📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
ขุทฺทกปา-อฏฺกถา
คนฺถารมฺภกถา
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ;
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามีติ.
อยํ สรณคมนนิทฺเทโส ขุทฺทกานํ อาทิ.
อิมสฺส ทานิ อตฺถํ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกฏฺกถาย วิวริตุํ วิภชิตุํ อุตฺตานีกาตุํ อิทํ วุจฺจติ –
อุตฺตมํ ¶ วนฺทเนยฺยานํ, วนฺทิตฺวา รตนตฺตยํ;
ขุทฺทกานํ กริสฺสามิ, เกสฺจิ อตฺถวณฺณนํ.
ขุทฺทกานํ คมฺภีรตฺตา, กิฺจาปิ อติทุกฺกรา;
วณฺณนา มาทิเสเนสา, อโพธนฺเตน สาสนํ.
อชฺชาปิ ตุ อพฺโพจฺฉินฺโน, ปุพฺพาจริยนิจฺฉโย;
ตเถว จ ิตํ ยสฺมา, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ.
ตสฺมาหํ กาตุมิจฺฉามิ, อตฺถสํวณฺณนํ อิมํ;
สาสนฺเจว นิสฺสาย, โปราณฺจ วินิจฺฉยํ.
สทฺธมฺมพหุมาเนน, นาตฺตุกฺกํสนกมฺยตา;
นาฺเสํ วมฺภนตฺถาย, ตํ สุณาถ สมาหิตาติ.
ขุทฺทกววตฺถานํ
ตตฺถ ¶ ‘‘ขุทฺทกานํ กริสฺสามิ, เกสฺจิ อตฺถวณฺณน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ขุทฺทกานิ ตาว ววตฺถเปตฺวา ปจฺฉา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามิ. ขุทฺทกานิ นาม ขุทฺทกนิกายสฺส เอกเทโส, ขุทฺทกนิกาโย นาม ปฺจนฺนํ นิกายานํ เอกเทโส. ปฺจ นิกายา นาม –
ทีฆมชฺฌิมสํยุตฺต, องฺคุตฺตริกขุทฺทกา;
นิกายา ปฺจ คมฺภีรา, ธมฺมโต อตฺถโต จิเม.
ตตฺถ ¶ พฺรหฺมชาลสุตฺตาทีนิ จตุตฺตึส สุตฺตานิ ทีฆนิกาโย. มูลปริยายสุตฺตาทีนิ ทิยฑฺฒสตํ ทฺเว จ สุตฺตานิ มชฺฌิมนิกาโย. โอฆตรณสุตฺตาทีนิ สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ สตฺต จ สุตฺตสตานิ ทฺวาสฏฺิ จ สุตฺตานิ สํยุตฺตนิกาโย. จิตฺตปริยาทานสุตฺตาทีนิ นว สุตฺตสหสฺสานิ ปฺจ จ สุตฺตสตานิ สตฺตปฺาสฺจ สุตฺตานิ องฺคุตฺตรนิกาโย. ขุทฺทกปาโ, ธมฺมปทํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, สุตฺตนิปาโต, วิมานวตฺถุ, เปตวตฺถุ, เถรคาถา, เถรีคาถา, ชาตกํ, นิทฺเทโส, ปฏิสมฺภิทา ¶ , อปทานํ, พุทฺธวํโส, จริยาปิฏกํ, วินยาภิธมฺมปิฏกานิ, เปตฺวา วา จตฺตาโร นิกาเย อวเสสํ พุทฺธวจนํ ขุทฺทกนิกาโย.
กสฺมา ปเนส ขุทฺทกนิกาโยติ วุจฺจติ? พหูนํ ขุทฺทกานํ ธมฺมกฺขนฺธานํ สมูหโต นิวาสโต จ. สมูหนิวาสา หิ ‘‘นิกาโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ จิตฺตํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา (สํ. นิ. ๓.๑๐๐). โปณิกนิกาโย, จิกฺขลฺลิกนิกาโย’’ติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สาธกานิ สาสนโต โลกโต จ. อยมสฺส ขุทฺทกนิกายสฺส เอกเทโส. อิมานิ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนานิ อตฺถโต วิวริตุํ วิภชิตุํ อุตฺตานีกาตฺุจ อธิปฺเปตานิ ขุทฺทกานิ, เตสมฺปิ ขุทฺทกานํ สรณสิกฺขาปททฺวตฺตึสาการกุมารปฺหมงฺคลสุตฺต- รตนสุตฺตติโรกุฏฺฏนิธิกณฺฑเมตฺตสุตฺตานํ วเสน นวปฺปเภโท ขุทฺทกปาโ อาทิ อาจริยปรมฺปราย วาจนามคฺคํ อาโรปิตวเสน น ภควตา วุตฺตวเสน. ภควตา หิ วุตฺตวเสน –
‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.
‘‘คหการก ¶ ¶ ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) –
อิทํ คาถาทฺวยํ สพฺพสฺสาปิ พุทฺธวจนสฺส อาทิ. ตฺจ มนสาว วุตฺตวเสน, น วจีเภทํ กตฺวา วุตฺตวเสน. วจีเภทํ ปน กตฺวา วุตฺตวเสน –
‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา,
อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส;
อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา,
ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺม’’นฺติ. (อุทา. ๑; มหาว. ๑) –
อยํ คาถา อาทิ. ตสฺมา ยฺวายํ นวปฺปเภโท ขุทฺทกปาโ อิเมสํ ขุทฺทกานํ อาทิ, ตสฺส อาทิโต ปภุติ อตฺถสํวณฺณนํ อารภิสฺสามิ.
นิทานโสธนํ
ตสฺส ¶ จายมาทิ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ. ตสฺสายํ อตฺถวณฺณนาย มาติกา –
‘‘เกน กตฺถ กทา กสฺมา, ภาสิตํ สรณตฺตยํ;
กสฺมา จิธาทิโต วุตฺต, มวุตฺตมปิ อาทิโต.
‘‘นิทานโสธนํ กตฺวา, เอวเมตฺถ ตโต ปรํ;
พุทฺธํ สรณคมนํ, คมกฺจ วิภาวเย.
‘‘เภทาเภทํ ผลฺจาปิ, คมนียฺจ ทีปเย;
ธมฺมํ สรณมิจฺจาทิ, ทฺวเยเปส นโย มโต.
‘‘อนุปุพฺพววตฺถาเน, การณฺจ วินิทฺทิเส;
สรณตฺตยเมตฺจ, อุปมาหิ ปกาสเย’’ติ.
ตตฺถ ปมคาถาย ตาว อิทํ สรณตฺตยํ เกน ภาสิตํ, กตฺถ ภาสิตํ, กทา ภาสิตํ, กสฺมา ภาสิตํ ¶ อวุตฺตมปิจาทิโต ตถาคเตน กสฺมา อิธาทิโต วุตฺตนฺติ ปฺจ ปฺหา.
เตสํ ¶ วิสฺสชฺชนา เกน ภาสิตนฺติ ภควตา ภาสิตํ, น สาวเกหิ, น อิสีหิ, น เทวตาหิ. กตฺถาติ พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย. กทาติ อายสฺมนฺเต ยเส สทฺธึ สหายเกหิ อรหตฺตํ ปตฺเต เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ พหุชนหิตาย โลเก ธมฺมเทสนํ กโรนฺเตสุ. กสฺมาติ ปพฺพชฺชตฺถฺจ อุปสมฺปทตฺถฺจ. ยถาห –
‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปพฺพาเชตพฺโพ อุปสมฺปาเทตพฺโพ. ปมํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาทาเปตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ การาเปตฺวา ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทาเปตฺวา อฺชลึ ปคฺคณฺหาเปตฺวา ‘เอวํ วเทหี’ติ วตฺตพฺโพ ‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’’ติ (มหาว. ๓๔).
กสฺมา ¶ จิธาทิโต วุตฺตนฺติ อิทฺจ นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ ตีหิ ปิฏเกหิ สงฺคณฺหิตฺวา วาจนามคฺคํ อาโรเปนฺเตหิ ปุพฺพาจริเยหิ ยสฺมา อิมินา มคฺเคน เทวมนุสฺสา อุปาสกภาเวน วา ปพฺพชิตภาเวน วา สาสนํ โอตรนฺติ, ตสฺมา สาสโนตารสฺส มคฺคภูตตฺตา อิธ ขุทฺทกปาเ อาทิโต วุตฺตนฺติ าตพฺพํ.
กตํ นิทานโสธนํ.
๑. สรณตฺตยวณฺณนา
พุทฺธวิภาวนา
อิทานิ ¶ ยํ วุตฺตํ ‘‘พุทฺธํ สรณคมนํ, คมกฺจ วิภาวเย’’ติ, ตตฺถ สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณนิมิตฺตานุตฺตรวิโมกฺขาธิคมปริภาวิตํ ขนฺธสนฺตานมุปาทาย, ปฺตฺติโต สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ วา สจฺจาภิสมฺโพธิมุปาทาย ปฺตฺติโต สตฺตวิเสโส พุทฺโธ. ยถาห –
‘‘พุทฺโธติ ¶ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑).
อยํ ตาว อตฺถโต พุทฺธวิภาวนา.
พฺยฺชนโต ปน ‘‘พุชฺฌิตาติ พุทฺโธ, โพเธตาติ พุทฺโธ’’ติ เอวมาทินา นเยน เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘พุทฺโธติ เกนฏฺเน พุทฺโธ? พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ, สพฺพฺุตาย พุทฺโธ, สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธ, อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธ, วิกสิตาย ¶ พุทฺโธ, ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธ, นิรุปกฺกิเลสสงฺขาเตน พุทฺโธ, เอกนฺตวีตราโคติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโทโสติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโมโหติ พุทฺโธ, เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ พุทฺโธ, เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธ, เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธ, อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภา พุทฺโธ. พุทฺโธติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ¶ ปฺตฺติ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒).
เอตฺถ จ ยถา โลเก อวคนฺตา อวคโตติ วุจฺจติ, เอวํ พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ. ยถา ปณฺณโสสา วาตา ปณฺณสุสาติ วุจฺจนฺติ, เอวํ โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ. สพฺพฺุตาย พุทฺโธติ สพฺพธมฺมพุชฺฌนสมตฺถาย พุทฺธิยา พุทฺโธติ วุตฺตํ โหติ. สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธติ สพฺพธมฺมโพธนสมตฺถาย พุทฺธิยา พุทฺโธติ วุตฺตํ โหติ. อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธติ อฺเน อโพธิโต สยเมว พุทฺธตฺตา พุทฺโธติ วุตฺตํ โหติ. วิกสิตาย พุทฺโธติ นานาคุณวิกสนโต ปทุมมิว วิกสนฏฺเน พุทฺโธติ วุตฺตํ โหติ. ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธติ เอวมาทีหิ จิตฺตสงฺโกจกรธมฺมปหานโต ¶ นิทฺทากฺขยวิพุทฺโธ ปุริโส วิย สพฺพกิเลสนิทฺทากฺขยวิพุทฺธตฺตา พุทฺโธติ วุตฺตํ โหติ. เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธติ พุทฺธิยตฺถานํ คมนตฺถปริยายโต ยถา มคฺคํ คโตปิ ปุริโส คโตติ วุจฺจติ, เอวํ เอกายนมคฺคํ คตตฺตาปิ พุทฺโธติ วุจฺจตีติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธติ น ปเรหิ พุทฺธตฺตา พุทฺโธ, กินฺตุ สยเมว อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺธตฺตา พุทฺโธติ วุตฺตํ โหติ ¶ . อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภา พุทฺโธติ พุทฺธิ พุทฺธํ โพโธติ ปริยายวจนเมตํ. ตตฺถ ยถา นีลรตฺตคุณโยคโต ‘‘นีโล ปโฏ, รตฺโต ปโฏ’’ติ วุจฺจติ, เอวํ พุทฺธิคุณโยคโต พุทฺโธติ าเปตุํ วุตฺตํ โหติ. ตโต ปรํ พุทฺโธติ เนตํ นามนฺติ เอวมาทิ อตฺถมนุคตา อยํ ปฺตฺตีติ โพธนตฺถํ วุตฺตนฺติ เอวรูเปน นเยน สพฺเพสํ ปทานํ พุทฺธสทฺทสฺส สาธนสมตฺโถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อยํ พฺยฺชนโตปิ พุทฺธวิภาวนา.
สรณคมนคมกวิภาวนา
อิทานิ สรณคมนาทีสุ หึสตีติ สรณํ, สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคตึ ปริกฺกิเลสํ หึสติ วิธมติ นีหรติ นิโรเธตีติ อตฺโถ. อถ วา หิเต ปวตฺตเนน อหิตา จ นิวตฺตเนน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ พุทฺโธ, ภวกนฺตารา อุตฺตรเณน อสฺสาสทาเนน จ ธมฺโม, อปฺปกานมฺปิ การานํ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สงฺโฆ. ตสฺมา อิมินาปิ ปริยาเยน ตํ รตนตฺตยํ สรณํ. ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ วิหตวิทฺธํสิตกิเลโส ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต อปรปฺปจฺจโย วา จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ. ตํสมงฺคี สตฺโต ตํ สรณํ คจฺฉติ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทน ‘‘เอส เม สรณํ, เอส เม ปรายณ’’นฺติ เอวเมตํ อุเปตีติ อตฺโถ ¶ . อุเปนฺโต จ ‘‘เอเต มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม, ธมฺมฺจ, อุปาสเก โน ภควา ธาเรตู’’ติ ตปุสฺสภลฺลิกาทโย ¶ วิย สมาทาเนน วา, ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) มหากสฺสปาทโย วิย สิสฺสภาวูปคมเนน วา, ‘‘เอวํ วุตฺเต พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ ‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. นโม ตสฺส…เป… สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’’ติ ¶ (ม. นิ. ๒.๓๘๘) พฺรหฺมายุอาทโย วิย ตปฺโปณตฺเตน วา, กมฺมฏฺานานุโยคิโน วิย อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน วา, อริยปุคฺคลา วิย สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทน วาติ อเนกปฺปการํ วิสยโต กิจฺจโต จ อุเปติ.
อยํ สรณคมนสฺส คมกสฺส จ วิภาวนา.
เภทาเภทผลทีปนา
อิทานิ ‘‘เภทาเภทํ ผลฺจาปิ, คมนียฺจ ทีปเย’’ติ วุตฺตานํ เภทาทีนํ อยํ ทีปนา, เอวํ สรณคตสฺส ปุคฺคลสฺส ทุวิโธ สรณคมนเภโท – สาวชฺโช จ อนวชฺโช จ. อนวชฺโช กาลกิริยาย, สาวชฺโช อฺสตฺถริ วุตฺตปฺปการปฺปวตฺติยา, ตสฺมิฺจ วุตฺตปฺปการวิปรีตปฺปวตฺติยา. โส ทุวิโธปิ ปุถุชฺชนานเมว. พุทฺธคุเณสุ อฺาณสํสยมิจฺฉาาณปฺปวตฺติยา อนาทราทิปฺปวตฺติยา จ เตสํ สรณํ สํกิลิฏฺํ โหติ. อริยปุคฺคลา ปน อภินฺนสรณา เจว อสํกิลิฏฺสรณา จ โหนฺติ. ยถาห ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๗๖; ม. นิ. ๓.๑๒๘; วิภ. ๘๐๙). ปุถุชฺชนา ตุ ยาวเทว สรณเภทํ น ปาปุณนฺติ, ตาวเทว อภินฺนสรณา. สาวชฺโชว เนสํ สรณเภโท, สํกิเลโส จ อนิฏฺผลโท โหติ. อนวชฺโช อวิปากตฺตา อผโล, อเภโท ปน ผลโต อิฏฺเมว ผลํ เทติ.
ยถาห –
‘‘เยเกจิ ¶ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
ตตฺร ¶ จ เย สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทน สรณํ คตา, เต อปายํ น คมิสฺสนฺติ. อิตเร ปน สรณคมเนน น คมิสฺสนฺตีติ เอวํ คาถาย อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ.
อยํ ตาว เภทาเภทผลทีปนา.
คมนียทีปนา
คมนียทีปนายํ โจทโก อาห – ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอตฺถ โย พุทฺธํ สรณํ คจฺฉติ, เอส พุทฺธํ วา คจฺเฉยฺย สรณํ วา, อุภยถาปิ จ เอกสฺส วจนํ นิรตฺถกํ. กสฺมา? คมนกิริยาย กมฺมทฺวยาภาวโต. น เหตฺถ ‘‘อชํ คามํ เนตี’’ติอาทีสุ วิย ทฺวิกมฺมกตฺตํ อกฺขรจินฺตกา อิจฺฉนฺติ.
‘‘คจฺฉเตว ปุพฺพํ ¶ ทิสํ, คจฺฉติ ปจฺฉิมํ ทิส’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙; ๓.๘๗) วิย สาตฺถกเมวาติ เจ? น, พุทฺธสรณานํ สมานาธิกรณภาวสฺสานธิปฺเปตโต. เอเตสฺหิ สมานาธิกรณภาเว อธิปฺเปเต ปฏิหตจิตฺโตปิ พุทฺธํ อุปสงฺกมนฺโต พุทฺธํ สรณํ คโต สิยา. ยฺหิ ตํ พุทฺโธติ วิเสสิตํ สรณํ, ตเมเวส คโตติ. ‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตม’’นฺติ (ธ. ป. ๑๙๒) วจนโต สมานาธิกรณตฺตเมวาติ เจ? น, ตตฺเถว ตพฺภาวโต. ตตฺเถว หิ คาถาปเท เอตํ พุทฺธาทิรตนตฺตยํ สรณคตานํ ภยหรณตฺตสงฺขาเต สรณภาเว อพฺยภิจรณโต ‘‘เขมมุตฺตมฺจ สรณ’’นฺติ อยํ สมานาธิกรณภาโว อธิปฺเปโต, อฺตฺถ ตุ คมิสมฺพนฺเธ สติ สรณคมนสฺส อปฺปสิทฺธิโต อนธิปฺเปโตติ อสาธกเมตํ. ‘‘เอตํ ¶ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ เอตฺถ คมิสมฺพนฺเธปิ สรณคมนปสิทฺธิโต สมานาธิกรณตฺตเมวาติ เจ? น ปุพฺเพ วุตฺตโทสปฺปสงฺคโต. ตตฺราปิ หิ สมานาธิกรณภาเว สติ เอตํ พุทฺธธมฺมสงฺฆสรณํ ปฏิหตจิตฺโตปิ อาคมฺม สพฺพทุกฺขา ปมุจฺเจยฺยาติ เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตโทสปฺปสงฺโค เอว สิยา, น จ โน โทเสน อตฺถิ อตฺโถติ อสาธกเมตํ. ยถา ‘‘มมฺหิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) เอตฺถ ภควโต กลฺยาณมิตฺตสฺส อานุภาเวน ปริมุจฺจมานา สตฺตา ‘‘กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ปริมุจฺจนฺตี’’ติ วุตฺตา. เอวมิธาปิ พุทฺธธมฺมสงฺฆสฺส สรณสฺสานุภาเวน มุจฺจมาโน ‘‘เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ วุตฺโตติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ.
เอวํ สพฺพถาปิ น พุทฺธสฺส คมนียตฺตํ ยุชฺชติ, น สรณสฺส, น อุภเยสํ, อิจฺฉิตพฺพฺจ ¶ คจฺฉามีติ นิทฺทิฏฺสฺส คมกสฺส คมนียํ, ตโต วตฺตพฺพา เอตฺถ ยุตฺตีติ. วุจฺจเต –
พุทฺโธเยเวตฺถ คมนีโย, คมนาการทสฺสนตฺถํ ตุ ตํ สรณวจนํ, พุทฺธํ สรณนฺติ คจฺฉามิ. เอส เม สรณํ, เอส เม ปรายณํ, อฆสฺส, ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตาติ ¶ อิมินา อธิปฺปาเยน เอตํ คจฺฉามิ ภชามิ เสวามิ ปยิรุปาสามิ, เอวํ วา ชานามิ พุชฺฌามีติ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติอตฺโถ พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถติ. อิติ-สทฺทสฺส อปฺปโยคา อยุตฺตมิติ เจ? ตํ น. ตตฺถ สิยา – ยทิ เจตฺถ เอวมตฺโถ ภเวยฺย, ตโต ‘‘อนิจฺจํ รูปํ อนิจฺจํ รูปนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๕, ๘๕) วิย อิติ-สทฺโท ปยุตฺโต สิยา, น จ ปยุตฺโต, ตสฺมา อยุตฺตเมตนฺติ. ตฺจ น, กสฺมา? ตทตฺถสมฺภวา. ‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ สรณํ คโต’’ติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๐) วิย อิธาปิ อิติ-สทฺทสฺส อตฺโถ สมฺภวติ, น จ วิชฺชมานตฺถสมฺภวา อิติ-สทฺทา สพฺพตฺถ ปยุชฺชนฺติ, อปฺปยุตฺตสฺสาเปตฺถ ปยุตฺตสฺส วิย อิติ-สทฺทสฺส อตฺโถ วิฺาตพฺโพ อฺเสุ จ เอวํชาติเกสุ, ตสฺมา อโทโส เอว โสติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺช’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๓๔) สรณสฺเสว คมนียโต ยํ วุตฺตํ ‘‘คมนาการทสฺสนตฺถํ ตุ สรณวจน’’นฺติ, ตํ น ยุตฺตมิติ เจ. ตํ ¶ นายุตฺตํ. กสฺมา? ตทตฺถสมฺภวา เอว. ตตฺราปิ หิ ตสฺส อตฺโถ สมฺภวติ, ยโต ปุพฺพสทิสเมว อปฺปยุตฺโตปิ ปยุตฺโต วิย เวทิตพฺโพ. อิตรถา หิ ปุพฺเพ วุตฺตโทสปฺปสงฺโค เอว สิยา, ตสฺมา ยถานุสิฏฺเมว คเหตพฺพํ.
อยํ คมนียทีปนา.
ธมฺมสงฺฆสรณวิภาวนา
อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘ธมฺมํ สรณมิจฺจาทิ, ทฺวเยเปส นโย มโต’’ติ เอตฺถ วุจฺจเต – ยฺวายํ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอตฺถ อตฺถวณฺณนานโย วุตฺโต, ‘‘ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ เอตสฺมิมฺปิ ปททฺวเย เอโสว เวทิตพฺโพ. ตตฺราปิ หิ ธมฺมสงฺฆานํ อตฺถโต พฺยฺชนโต จ วิภาวนมตฺตเมว อสทิสํ, เสสํ วุตฺตสทิสเมว. ยโต ยเทเวตฺถ อสทิสํ, ตํ วุจฺจเต – มคฺคผลนิพฺพานานิ ธมฺโมติ เอเก. ภาวิตมคฺคานํ สจฺฉิกตนิพฺพานานฺจ อปาเยสุ อปตนภาเวน ธารณโต ปรมสฺสาสวิธานโต จ มคฺควิราคา เอว อิมสฺมึ อตฺเถ ธมฺโมติ อมฺหากํ ขนฺติ, อคฺคปฺปสาทสุตฺตฺเจว สาธกํ. วุตฺตฺเจตฺถ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา ¶ , อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ เอวมาทิ ¶ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).
จตุพฺพิธอริยมคฺคสมงฺคีนํ จตุสามฺผลสมธิวาสิตขนฺธสนฺตานานฺจ ปุคฺคลานํ สมูโห ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน สํหตตฺตา สงฺโฆ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา –
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อานนฺท, เย โว มยา ธมฺมา อภิฺา เทสิตา, เสยฺยถิทํ, จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, ปสฺสสิ โน ตฺวํ, อานนฺท, อิเมสุ ธมฺเมสุ ทฺเวปิ ภิกฺขู นานาวาเท’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓).
อยฺหิ ปรมตฺถสงฺโฆ สรณนฺติ คมนีโย. สุตฺเต จ ‘‘อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ ¶ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔, ๑๘๑) วุตฺโต. เอตํ ปน สรณํ คตสฺส อฺสฺมิมฺปิ ภิกฺขุสงฺเฆ วา ภิกฺขุนิสงฺเฆ วา พุทฺธปฺปมุเข วา สงฺเฆ สมฺมุติสงฺเฆ วา จตุวคฺคาทิเภเท เอกปุคฺคเลปิ วา ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิเต วนฺทนาทิกิริยาย สรณคมนํ เนว ภิชฺชติ น สํกิลิสฺสติ, อยเมตฺถ วิเสโส. วุตฺตาวเสสนฺตุ อิมสฺส ทุติยสฺส จ สรณคมนสฺส เภทาเภทาทิวิธานํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อยํ ตาว ‘‘ธมฺมํ สรณมิจฺจาทิ, ทฺวเยเปส นโย มโต’’ติ เอตสฺส วณฺณนา.
อนุปุพฺพววตฺถานการณนิทฺเทโส
อิทานิ อนุปุพฺพววตฺถาเน, การณฺจ วินิทฺทิเสติ เอตฺถ เอเตสุ จ ตีสุ สรณวจเนสุ สพฺพสตฺตานํ อคฺโคติ กตฺวา ปมํ พุทฺโธ, ตปฺปภวโต ตทุปเทสิตโต จ อนนฺตรํ ธมฺโม, ตสฺส ธมฺมสฺส อาธารกโต ตทาเสวนโต จ อนฺเต สงฺโฆ. สพฺพสตฺตานํ วา หิเต นิโยชโกติ กตฺวา ปมํ พุทฺโธ, ตปฺปภวโต สพฺพสตฺตหิตตฺตา อนนฺตรํ ธมฺโม, หิตาธิคมาย ปฏิปนฺโน อธิคตหิโต จาติ กตฺวา อนฺเต สงฺโฆ สรณภาเวน ววตฺถเปตฺวา ปกาสิโตติ เอวํ อนุปุพฺพววตฺถาเน การณฺจ วินิทฺทิเส.
อุปมาปกาสนา
อิทานิ ¶ ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘สรณตฺตยเมตฺจ, อุปมาหิ ปกาสเย’’ติ ¶ , ตมฺปิ วุจฺจเต – เอตฺถ ปน ปุณฺณจนฺโท วิย พุทฺโธ, จนฺทกิรณนิกโร วิย เตน เทสิโต ธมฺโม, ปุณฺณจนฺทกิรณสมุปฺปาทิตปีณิโต โลโก วิย สงฺโฆ. พาลสูริโย วิย พุทฺโธ, ตสฺส รสฺมิชาลมิว วุตฺตปฺปกาโร ธมฺโม, เตน วิหตนฺธกาโร โลโก วิย สงฺโฆ. วนทาหกปุริโส วิย พุทฺโธ, วนทหนคฺคิ วิย กิเลสวนทหโน ธมฺโม, ทฑฺฒวนตฺตา เขตฺตภูโต วิย ภูมิภาโค ทฑฺฒกิเลสตฺตา ปฺุกฺเขตฺตภูโต สงฺโฆ. มหาเมโฆ วิย พุทฺโธ, สลิลวุฏฺิ วิย ธมฺโม, วุฏฺินิปาตูปสมิตเรณุ วิย ชนปโท อุปสมิตกิเลสเรณุ สงฺโฆ. สุสารถิ ¶ วิย พุทฺโธ, อสฺสาชานียวินยูปาโย วิย ธมฺโม, สุวินีตสฺสาชานียสมูโห วิย สงฺโฆ. สพฺพทิฏฺิสลฺลุทฺธรณโต สลฺลกตฺโต วิย พุทฺโธ, สลฺลุทฺธรณูปาโย วิย ธมฺโม, สมุทฺธฏสลฺโล วิย ชโน สมุทฺธฏทิฏฺิสลฺโล สงฺโฆ. โมหปฏลสมุปฺปาฏนโต วา สาลากิโย วิย พุทฺโธ, ปฏลสมุปฺปาฏนุปาโย วิย ธมฺโม, สมุปฺปาฏิตปฏโล วิปฺปสนฺนโลจโน วิย ชโน สมุปฺปาฏิตโมหปฏโล วิปฺปสนฺนาณโลจโน สงฺโฆ. สานุสยกิเลสพฺยาธิหรณสมตฺถตาย วา กุสโล เวชฺโช วิย พุทฺโธ, สมฺมา ปยุตฺตเภสชฺชมิว ธมฺโม, เภสชฺชปโยเคน สมุปสนฺตพฺยาธิ วิย ชนสมุทาโย สมุปสนฺตกิเลสพฺยาธานุสโย สงฺโฆ.
อถ วา สุเทสโก วิย พุทฺโธ, สุมคฺโค วิย เขมนฺตภูมิ วิย จ ธมฺโม, มคฺคปฺปฏิปนฺโน เขมนฺตภูมิปฺปตฺโต วิย สงฺโฆ. สุนาวิโก วิย พุทฺโธ, นาวา วิย ธมฺโม, ปารปฺปตฺโต สมฺปตฺติโก วิย ชโน สงฺโฆ. หิมวา วิย พุทฺโธ, ตปฺปภโวสธมิว ธมฺโม, โอสธูปโภเคน นิรามโย วิย ชโน สงฺโฆ. ธนโท วิย พุทฺโธ, ธนํ วิย ธมฺโม, ยถาธิปฺปายํ ลทฺธธโน วิย ชโน สมฺมาลทฺธอริยธโน สงฺโฆ. นิธิทสฺสนโก วิย ¶ พุทฺโธ, นิธิ วิย ธมฺโม, นิธิปฺปตฺโต วิย ชโน สงฺโฆ.
อปิจ อภยโท วิย วีรปุริโส พุทฺโธ, อภยมิว ธมฺโม, สมฺปตฺตาภโย วิย ชโน อจฺจนฺตสพฺพภโย สงฺโฆ. อสฺสาสโก วิย พุทฺโธ, อสฺสาโส วิย ธมฺโม, อสฺสตฺถชโน วิย สงฺโฆ. สุมิตฺโต วิย พุทฺโธ, หิตูปเทโส วิย ธมฺโม, หิตูปโยเคน ปตฺตสทตฺโถ วิย ชโน สงฺโฆ. ธนากโร วิย พุทฺโธ, ธนสาโร วิย ธมฺโม, ธนสารูปโภโค วิย ชโน สงฺโฆ. ราชกุมารนฺหาปโก วิย พุทฺโธ, สีสนฺหานสลิลํ วิย ธมฺโม, สุนฺหาตราชกุมารวคฺโค วิย สทฺธมฺมสลิลสุนฺหาโต สงฺโฆ. อลงฺการการโก วิย พุทฺโธ, อลงฺกาโร วิย ธมฺโม, อลงฺกตราชปุตฺตคโณ ¶ วิย สทฺธมฺมาลงฺกโต สงฺโฆ. จนฺทนรุกฺโข วิย พุทฺโธ, ตปฺปภวคนฺโธ วิย ธมฺโม, จนฺทนุปโภเคน สนฺตปริฬาโห วิย ชโน สทฺธมฺมูปโภเคน สนฺตปริฬาโห สงฺโฆ. ทายชฺชสมฺปทานโก วิย ปิตา พุทฺโธ, ทายชฺชํ วิย ธมฺโม, ทายชฺชหโร ปุตฺตวคฺโค วิย สทฺธมฺมทายชฺชหโร สงฺโฆ. วิกสิตปทุมํ ¶ วิย พุทฺโธ, ตปฺปภวมธุ วิย ธมฺโม, ตทุปโภคีภมรคโณ วิย สงฺโฆ. เอวํ สรณตฺตยเมตฺจ, อุปมาหิ ปกาสเย.
เอตฺตาวตา จ ยา ปุพฺเพ ‘‘เกน กตฺถ กทา กสฺมา, ภาสิตํ สรณตฺตย’’นฺติอาทีหิ จตูหิ คาถาหิ อตฺถวณฺณนาย มาติกา นิกฺขิตฺตา, สา อตฺถโต ปกาสิตา โหตีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
สรณตฺตยวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สิกฺขาปทวณฺณนา
สิกฺขาปทปามาติกา
เอวํ ¶ สรณคมเนหิ สาสโนตารํ ทสฺเสตฺวา สาสนํ โอติณฺเณน อุปาสเกน วา ปพฺพชิเตน วา เยสุ สิกฺขาปเทสุ ปมํ สิกฺขิตพฺพํ, ตานิ ทสฺเสตุํ นิกฺขิตฺตสฺส สิกฺขาปทปาสฺส อิทานิ วณฺณนตฺถํ อยํ มาติกา –
‘‘เยน ¶ ยตฺถ ยทา ยสฺมา, วุตฺตาเนตานิ ตํ นยํ;
วตฺวา กตฺวา ววตฺถานํ, สาธารณวิเสสโต.
‘‘ปกติยา จ ยํ วชฺชํ, วชฺชํ ปณฺณตฺติยา จ ยํ;
ววตฺถเปตฺวา ตํ กตฺวา, ปทานํ พฺยฺชนตฺถโต.
‘‘สาธารณานํ สพฺเพสํ, สาธารณวิภาวนํ;
อถ ปฺจสุ ปุพฺเพสุ, วิเสสตฺถปฺปกาสโต.
‘‘ปาณาติปาตปภุติ-เหกตานานตาทิโต;
อารมฺมณาทานเภทา, มหาสาวชฺชโต ตถา.
‘‘ปโยคงฺคสมุฏฺานา, เวทนามูลกมฺมโต;
วิรมโต จ ผลโต, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
‘‘โยเชตพฺพํ ¶ ตโต ยุตฺตํ, ปจฺฉิเมสฺวปิ ปฺจสุ;
อาเวณิกฺจ วตฺตพฺพํ, เยฺยา หีนาทิตาปิ จา’’ติ.
ตตฺถ เอตานิ ปาณาติปาตาเวรมณีติอาทีนิ ทส สิกฺขาปทานิ ภควตา เอว วุตฺตานิ, น ¶ สาวกาทีหิ. ตานิ จ สาวตฺถิยํ วุตฺตานิ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม อายสฺมนฺตํ ราหุลํ ปพฺพาเชตฺวา กปิลวตฺถุโต สาวตฺถึ อนุปฺปตฺเตน สามเณรานํ สิกฺขาปทววตฺถาปนตฺถํ. วุตฺตํ เหตํ –
‘‘อถ โข ภควา กปิลวตฺถุสฺมึ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน …เป… อถ โข สามเณรานํ เอตทโหสิ – ‘กติ นุ โข อมฺหากํ สิกฺขาปทานิ, กตฺถ จ อมฺเหหิ สิกฺขิตพฺพ’’’นฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ ทส สิกฺขาปทานิ, เตสุ จ สามเณเรหิ สิกฺขิตุํ ¶ , ปาณาติปาตาเวรมณี…เป… ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา เวรมณี’’ติ (มหาว. ๑๐๕).
ตาเนตานิ ‘‘สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๓; ม. นิ. ๒.๒๔; วิภ. ๕๐๘) สุตฺตานุสาเรน สรณคมเนสุ จ ทสฺสิตปาานุสาเรน ‘‘ปาณาติปาตา เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามี’’ติ เอวํ วาจนามคฺคํ อาโรปิตานีติ เวทิตพฺพานิ. เอวํ ตาว ‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, วุตฺตาเนตานิ ตํ นยํ วตฺวา’’ติ โส นโย ทฏฺพฺโพ.
สาธารณวิเสสววตฺถานํ
เอตฺถ จ อาทิโต ทฺเว จตุตฺถปฺจมานิ อุปาสกานํ สามเณรานฺจ สาธารณานิ นิจฺจสีลวเสน. อุโปสถสีลวเสน ปน อุปาสกานํ สตฺตมฏฺมํ เจกํ องฺคํ กตฺวา สพฺพปจฺฉิมวชฺชานิ สพฺพานิปิ สามเณเรหิ สาธารณานิ, ปจฺฉิมํ ปน สามเณรานเมว วิเสสภูตนฺติ เอวํ สาธารณวิเสสโต ววตฺถานํ กาตพฺพํ. ปุริมานิ เจตฺถ ปฺจ เอกนฺตอกุสลจิตฺตสมุฏฺานตฺตา ปาณาติปาตาทีนํ ปกติวชฺชโต เวรมณิยา, เสสานิ ¶ ปณฺณตฺติวชฺชโตติ เอวํ ปกติยา จ ยํ วชฺชํ, วชฺชํ ปณฺณตฺติยา จ ยํ, ตํ ววตฺถเปตพฺพํ.
สาธารณวิภาวนา
ยสฺมา เจตฺถ ‘‘เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามี’’ติ เอตานิ สพฺพสาธารณานิ ปทานิ, ตสฺมา เอเตสํ ปทานํ พฺยฺชนโต จ อตฺถโต จ อยํ สาธารณวิภาวนา เวทิตพฺพา –
ตตฺถ ¶ พฺยฺชนโต ตาว เวรํ มณตีติ เวรมณี, เวรํ ปชหติ, วิโนเทติ, พฺยนฺตีกโรติ, อนภาวํ คเมตีติ อตฺโถ. วิรมติ วา เอตาย กรณภูตาย เวรมฺหา ปุคฺคโลติ, วิการสฺส เวการํ กตฺวา เวรมณี. เตเนว เจตฺถ ‘‘เวรมณิสิกฺขาปทํ วิรมณิสิกฺขาปท’’นฺติ ทฺวิธา สชฺฌายํ กโรนฺติ. สิกฺขิตพฺพาติ สิกฺขา, ปชฺชเต อเนนาติ ปทํ. สิกฺขาย ปทํ สิกฺขาปทํ, สิกฺขาย อธิคมูปาโยติ อตฺโถ. อถ วา มูลํ นิสฺสโย ปติฏฺาติ วุตฺตํ โหติ. เวรมณี เอว สิกฺขาปทํ เวรมณิสิกฺขาปทํ, วิรมณิสิกฺขาปทํ วา ทุติเยน นเยน. สมฺมา อาทิยามิ สมาทิยามิ, อวีติกฺกมนาธิปฺปาเยน อขณฺฑการิตาย อจฺฉิทฺทการิตาย อสพลการิตาย จ อาทิยามีติ วุตฺตํ โหติ.
อตฺถโต ปน เวรมณีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา ¶ ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรติ ปฏิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาปตฺติ เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโต’’ติ เอวมาทินา (วิภ. ๗๐๔) นเยน วิภงฺเค วุตฺตา. กามฺเจสา เวรมณี นาม โลกุตฺตราปิ อตฺถิ, อิธ ปน สมาทิยามีติ วุตฺตตฺตา สมาทานวเสน ปวตฺตารหา, ตสฺมา สา น โหตีติ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรตีติ วุตฺตา.
สิกฺขาติ ติสฺโส สิกฺขา อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขาติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ สมฺปตฺตวิรติสีลํ โลกิกา วิปสฺสนา รูปารูปฌานานิ อริยมคฺโค จ สิกฺขาติ อธิปฺเปตา. ยถาห –
‘‘กตเม ธมฺมา สิกฺขา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ…เป… ตสฺมึ สมเย ¶ ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ, อิเม ธมฺมา สิกฺขา.
‘‘กตเม ธมฺมา สิกฺขา? ยสฺมึ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ…เป… ปฺจมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ, อิเม ธมฺมา สิกฺขา.
‘‘กตเม ธมฺมา สิกฺขา? ยสฺมึ สมเย อรูปปตฺติยา…เป… เนวสฺานาสฺายตนสหคตํ…เป… อวิกฺเขโป โหติ, อิเม ธมฺมา สิกฺขา.
‘‘กตเม ¶ ธมฺมา สิกฺขา? ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ…เป… อวิกฺเขโป โหติ, อิเม ธมฺมา สิกฺขา’’ติ (วิภ. ๗๑๒-๗๑๓).
เอตาสุ สิกฺขาสุ ยาย กายจิ สิกฺขาย ปทํ อธิคมูปาโย, อถ วา มูลํ นิสฺสโย ปติฏฺาติ สิกฺขาปทํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย สตฺต โพชฺฌงฺเค ภาเวนฺโต พหุลีกโรนฺโต’’ติ เอวมาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๘๒). เอวเมตฺถ สาธารณานํ ปทานํ สาธารณา พฺยฺชนโต อตฺถโต จ วิภาวนา กาตพฺพา.
ปุริมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
อิทานิ ยํ วุตฺตํ – ‘‘อถ ปฺจสุ ปุพฺเพสุ, วิเสสตฺถปฺปกาสโต…เป… วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย’’ติ ¶ , ตตฺเถตํ วุจฺจติ – ปาณาติปาโตติ เอตฺถ ตาว ปาโณติ ชีวิตินฺทฺริยปฺปฏิพทฺธา ขนฺธสนฺตติ, ตํ วา อุปาทาย ปฺตฺโต สตฺโต. ตสฺมึ ปน ปาเณ ปาณสฺิโน ตสฺส ปาณสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโต. อทินฺนาทานนฺติ เอตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชนฺโต อทณฺฑารโห อนุปวชฺโช จ โหติ, ตสฺมึ ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสฺิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา เอว เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ. อพฺรหฺมจริยนฺติ อเสฏฺจริยํ, ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติเมถุนปฺปฏิเสวนา กายทฺวารปฺปวตฺตา อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนฏฺานวีติกฺกมเจตนา อพฺรหฺมจริยํ ¶ . มุสาวาโทติ เอตฺถ มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภฺชนโก วจีปโยโค กายปโยโค วา, วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานเมว อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา มิจฺฉาเจตนา มุสาวาโท. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานนฺติ เอตฺถ ปน สุราติ ปฺจ สุรา – ปิฏฺสุรา, ปูวสุรา, โอทนสุรา, กิณฺณปกฺขิตฺตา, สมฺภารสํยุตฺตา จาติ. เมรยมฺปิ ปุปฺผาสโว, ผลาสโว, คุฬาสโว, มธฺวาสโว, สมฺภารสํยุตฺโต จาติ ปฺจวิธํ. มชฺชนฺติ ตทุภยเมว มทนิยฏฺเน มชฺชํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อตฺถิ มทนิยํ, เยน ปีเตน มตฺโต โหติ ปมตฺโต, อิทํ วุจฺจติ มชฺชํ. ปมาทฏฺานนฺติ ยาย เจตนาย ตํ ปิวติ อชฺโฌหรติ, สา เจตนา มทปฺปมาทเหตุโต ปมาทฏฺานนฺติ วุจฺจติ, ยโต อชฺโฌหรณาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา สุราเมรยมชฺชานํ อชฺโฌหรณเจตนา ‘‘สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺาน’’นฺติ ¶ เวทิตพฺพา. เอวํ ตาเวตฺถ ปาณาติปาตปฺปภุตีหิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
เอกตานานตาทิวินิจฺฉยํ
เอกตานานตาทิโตติ ¶ เอตฺถ อาห – กึ ปน วชฺฌวธกปฺปโยคเจตนาทีนํ เอกตาย ปาณาติปาตสฺส อฺสฺส วา อทินฺนาทานาทิโน เอกตฺตํ, นานตาย นานตฺตํ โหติ, อุทาหุ โนติ. กสฺมา ปเนตํ วุจฺจติ? ยทิ ตาว เอกตาย เอกตฺตํ, อถ ยทา เอกํ วชฺฌํ พหู วธกา วเธนฺติ, เอโก วา วธโก พหุเก วชฺเฌ วเธติ, เอเกน วา สาหตฺถิกาทินา ปโยเคน พหู วชฺฌา วธียนฺติ, เอกา วา เจตนา พหูนํ วชฺฌานํ ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยคํ สมุฏฺาเปติ, ตทา เอเกน ปาณาติปาเตน ภวิตพฺพํ. ยทิ ปน นานตาย นานตฺตํ. อถ ยทา เอโก วธโก เอกสฺสตฺถาย เอกํ ปโยคํ กโรนฺโต พหู วชฺเฌ วเธติ, พหู วา วธกา เทวทตฺตยฺทตฺตโสมทตฺตาทีนํ พหูนมตฺถาย พหู ปโยเค กโรนฺตา เอกเมว เทวทตฺตํ ยฺทตฺตํ โสมทตฺตํ วา วเธนฺติ, พหูหิ วา สาหตฺถิกาทีหิ ปโยเคหิ เอโก วชฺโฌ วธียติ. พหู วา เจตนา เอกสฺเสว วชฺฌสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยคํ สมุฏฺาเปนฺติ, ตทา พหูหิ ปาณาติปาเตหิ ภวิตพฺพํ. อุภยมฺปิ เจตมยุตฺตํ. อถ เนว เอเตสํ วชฺฌาทีนํ เอกตาย เอกตฺตํ, นานตาย นานตฺตํ, อฺเถว ตุ เอกตฺตํ นานตฺตฺจ โหติ, ตํ วตฺตพฺพํ ปาณาติปาตสฺส, เอวํ เสสานมฺปีติ.
วุจฺจเต ¶ – ตตฺถ ตาว ปาณาติปาตสฺส น วชฺฌวธกาทีนํ ปจฺเจกเมกตาย เอกตา, นานตาย นานตา, กินฺตุ วชฺฌวธกาทีนํ ยุคนนฺธเมกตาย เอกตา, ทฺวินฺนมฺปิ ตุ เตสํ, ตโต อฺตรสฺส วา นานตาย นานตา. ตถา หิ พหูสุ วธเกสุ พหูหิ สรกฺเขปาทีหิ เอเกน วา โอปาตขณนาทินา ปโยเคน พหู วชฺเฌ วเธนฺเตสุปิ พหู ปาณาติปาตา โหนฺติ. เอกสฺมึ วธเก เอเกน, พหูหิ วา ปโยเคหิ ตปฺปโยคสมุฏฺาปิกาย จ เอกาย, พหูหิ วา เจตนาหิ พหู วชฺเฌ วเธนฺเตปิ พหู ปาณาติปาตา โหนฺติ, พหูสุ จ วธเกสุ ยถาวุตฺตปฺปกาเรหิ พหูหิ, เอเกน วา ปโยเคน เอกํ วชฺฌํ วเธนฺเตสุปิ พหู ปาณาติปาตา โหนฺติ. เอส นโย อทินฺนาทานาทีสุปีติ. เอวเมตฺถ เอกตานานตาทิโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
อารมฺมณโตติ ¶ ปาณาติปาโต เจตฺถ ชีวิตินฺทฺริยารมฺมโณ. อทินฺนาทานอพฺรหฺมจริยสุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานานิ รูปธมฺเมสุ รูปายตนาทิอฺตรสงฺขารารมฺมณานิ. มุสาวาโท ยสฺส มุสา ภณติ, ตมารภิตฺวา ปวตฺตนโต สตฺตารมฺมโณ. อพฺรหฺมจริยมฺปิ สตฺตารมฺมณนฺติ เอเก. อทินฺนาทานฺจ ยทา สตฺโต หริตพฺโพ โหติ, ตทา สตฺตารมฺมณนฺติ. อปิ เจตฺถ สงฺขารวเสเนว สตฺตารมฺมณํ, น ปณฺณตฺติวเสนาติ. เอวเมตฺถ อารมฺมณโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
อาทานโตติ ¶ ปาณาติปาตาเวรมณิสิกฺขาปทาทีนิ เจตานิ สามเณเรน ภิกฺขุสนฺติเก สมาทินฺนาเนว สมาทินฺนานิ โหนฺติ, อุปาสเกน ปน อตฺตนา สมาทิยนฺเตนาปิ สมาทินฺนานิ โหนฺติ, ปรสฺส สนฺติเก สมาทิยนฺเตนาปิ. เอกชฺฌํ สมาทินฺนานิปิ สมาทินฺนานิ โหนฺติ, ปจฺเจกํ สมาทินฺนานิปิ. กินฺตุ นานํ เอกชฺฌํ สมาทิยโต เอกาเยว วิรติ, เอกาว เจตนา โหติ, กิจฺจวเสน ปเนตาสํ ปฺจวิธตฺตํ วิฺายติ. ปจฺเจกํ สมาทิยโต ปน ปฺเจว วิรติโย, ปฺจ จ เจตนา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. เอวเมตฺถ อาทานโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
เภทโตติ สามเณรานฺเจตฺถ เอกสฺมึ ภินฺเน สพฺพานิปิ ภินฺนานิ โหนฺติ. ปาราชิกฏฺานิยานิ หิ ตานิ เตสํ, ยํ ตํ วีติกฺกนฺตํ โหติ, เตเนว กมฺมพทฺโธ. คหฏฺานํ ปน เอกสฺมึ ภินฺเน เอกเมว ภินฺนํ โหติ, ยโต ¶ เตสํ ตํสมาทาเนเนว ปุน ปฺจงฺคิกตฺตํ สีลสฺส สมฺปชฺชติ. อปเร ปนาหุ – ‘‘วิสุํ วิสุํ สมาทินฺเนสุ เอกสฺมึ ภินฺเน เอกเมว ภินฺนํ โหติ, ‘ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ สีลํ สมาทิยามี’ติ เอวํ ปน เอกโต สมาทินฺเนสุ เอกสฺมึ ภินฺเน เสสานิปิ สพฺพานิ ภินฺนานิ โหนฺติ. กสฺมา? สมาทินฺนสฺส อภินฺนตฺตา, ยํ ตํ วีติกฺกนฺตํ, เตเนว กมฺมพทฺโธ’’ติ. เอวเมตฺถ เภทโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
มหาสาวชฺชโตติ คุณวิรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ปาเณสุ ขุทฺทเก ปาเณ ปาณาติปาโต อปฺปสาวชฺโช, มหาสรีเร มหาสาวชฺโช. กสฺมา? ปโยคมหนฺตตาย. ปโยคสมตฺเตปิ วตฺถุมหนฺตตาย. คุณวนฺเตสุ ปน มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ ปาณาติปาโต อปฺปสาวชฺโช, มหาคุเณ มหาสาวชฺโช ¶ . สรีรคุณานนฺตุ สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺชตา, ติพฺพตาย มหาสาวชฺชตา จ เวทิตพฺพา. เอส นโย เสเสสุปิ. อปิ เจตฺถ สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานเมว มหาสาวชฺชํ, น ตถา ปาณาติปาตาทโย. กสฺมา? มนุสฺสภูตสฺสาปิ อุมฺมตฺตกภาวสํวตฺตเนน อริยธมฺมนฺตรายกรณโตติ. เอวเมตฺถ มหาสาวชฺชโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ปโยคโตติ เอตฺถ จ ปาณาติปาตสฺส สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติ ฉปฺปโยคา. ตตฺถ กาเยน วา กายปฺปฏิพทฺเธน วา ปหรณํ สาหตฺถิโก ปโยโค, โส อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภทโต ทุวิโธ โหติ. ตตฺถ อุทฺทิสฺสเก ยํ อุทฺทิสฺส ปหรติ, ตสฺเสว มรเณน กมฺมุนา พชฺฌติ. ‘‘โย โกจิ มรตู’’ติ เอวํ อนุทฺทิสฺสเก ปหารปจฺจยา ยสฺส กสฺสจิ มรเณน. อุภยถาปิ จ ปหริตมตฺเต วา มรตุ, ปจฺฉา วา เตเนว ¶ โรเคน, ปหริตกฺขเณ เอว กมฺมุนา พชฺฌติ. มรณาธิปฺปาเยน จ ปหารํ ทตฺวา เตน อมตสฺส ปุน อฺเน จิตฺเตน ปหาเร ทินฺเน ปจฺฉาปิ ยทิ ปมปหาเรเนว มรติ, ตทา เอว กมฺมุนา พทฺโธ โหติ. อถ ทุติยปหาเรน, นตฺถิ ปาณาติปาโต. อุภเยหิ มเตปิ ปมปหาเรเนว กมฺมุนา พทฺโธ, อุภเยหิปิ อมเต เนวตฺถิ ปาณาติปาโต. เอส นโย พหุเกหิปิ ¶ เอกสฺส ปหาเร ทินฺเน. ตตฺราปิ หิ ยสฺส ปหาเรน มรติ, ตสฺเสว กมฺมพทฺโธ โหติ.
อธิฏฺหิตฺวา ปน อาณาปนํ อาณตฺติโก ปโยโค. ตตฺถปิ สาหตฺถิเก ปโยเค วุตฺตนเยเนว กมฺมพทฺโธ อนุสฺสริตพฺโพ. ฉพฺพิโธ เจตฺถ นิยโม เวทิตพฺโพ –
‘‘วตฺถุ กาโล จ โอกาโส, อาวุธํ อิริยาปโถ;
กิริยาวิเสโสติ อิเม, ฉ อาณตฺตินิยามกา’’ติ. (ปาจิ. อฏฺ. ๒.๑๗๔);
ตตฺถ ¶ วตฺถูติ มาเรตพฺโพ ปาโณ. กาโลติ ปุพฺพณฺหสายนฺหาทิกาโล จ, โยพฺพนถาวริยาทิกาโล จ. โอกาโสติ คาโม วา นิคโม วา วนํ วา รจฺฉา วา สิงฺฆาฏกํ วาติ เอวมาทิ. อาวุธนฺติ อสิ วา อุสุ วา สตฺติ วาติ เอวมาทิ. อิริยาปโถติ มาเรตพฺพสฺส มารกสฺส จ านํ วา นิสชฺชา วาติ เอวมาทิ.
กิริยาวิเสโสติ วิชฺฌนํ วา เฉทนํ วา เภทนํ วา สงฺขมุณฺฑิกํ วาติ เอวมาทิ. ยทิ หิ วตฺถุํ วิสํวาเทตฺวา ‘‘ยํ มาเรหี’’ติ อาณตฺโต, ตโต อฺํ มาเรติ, อาณาปกสฺส นตฺถิ กมฺมพทฺโธ. อถ วตฺถุํ อวิสํวาเทตฺวา มาเรติ, อาณาปกสฺส อาณตฺติกฺขเณ อาณตฺตสฺส มารณกฺขเณติ อุภเยสมฺปิ กมฺมพทฺโธ. เอส นโย กาลาทีสุปิ.
มารณตฺถนฺตุ กาเยน วา กายปฺปฏิพทฺเธน วา ปหรณนิสฺสชฺชนํ นิสฺสคฺคิโย ปโยโค. โสปิ อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภทโต ทุวิโธ เอว, กมฺมพทฺโธ เจตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
มารณตฺถเมว โอปาตขณนํ, อปสฺเสนอุปนิกฺขิปนํ, เภสชฺชวิสยนฺตาทิปฺปโยชนํ วา ถาวโร ปโยโค. โสปิ อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภทโต ทุวิโธ, ยโต ตตฺถปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว กมฺมพทฺโธ เวทิตพฺโพ. อยนฺตุ วิเสโส – มูลฏฺเน โอปาตาทีสุ ปเรสํ มูเลน วา มุธา วา ทินฺเนสุปิ ยทิ ตปฺปจฺจยา โกจิ มรติ, มูลฏฺสฺเสว กมฺมพทฺโธ. ยทิปิ จ เตน อฺเน วา ¶ ตตฺถ โอปาเต วินาเสตฺวา ภูมิสเม กเตปิ ปํสุโธวกา วา ปํสุํ คณฺหนฺตา, มูลขณกา วา มูลานิ ขณนฺตา อาวาฏํ กโรนฺติ ¶ , เทเว วา วสฺสนฺเต กทฺทโม ชายติ, ตตฺถ จ โกจิ โอตริตฺวา วา ลคฺคิตฺวา วา มรติ, มูลฏฺสฺเสว กมฺมพทฺโธ. ยทิ ปน เยน ลทฺธํ, โส อฺโ วา ตํ วิตฺถฏตรํ คมฺภีรตรํ วา กโรติ, ตปฺปจฺจยาว โกจิ มรติ, อุภเยสมฺปิ กมฺมพทฺโธ. ยถา ตุ มูลานิ มูเลหิ สํสนฺทนฺติ, ตถา ตตฺร ถเล กเต มุจฺจติ. เอวํ อปสฺเสนาทีสุปิ ยาว เตสํ ปวตฺติ, ตาว ยถาสมฺภวํ กมฺมพทฺโธ เวทิตพฺโพ.
มารณตฺถํ ปน วิชฺชาปริชปฺปนํ วิชฺชามโย ปโยโค. ทาาวุธาทีนํ ทาาโกฏนาทิมิว มารณตฺถํ กมฺมวิปากชิทฺธิวิการกรณํ อิทฺธิมโย ปโยโคติ. อทินฺนาทานสฺส ตุ เถยฺยปสยฺหปฏิจฺฉนฺนปริกปฺปกุสาวหารวสปฺปวตฺตา ¶ สาหตฺถิกาณตฺติกาทโย ปโยคา, เตสมฺปิ วุตฺตานุสาเรเนว ปเภโท เวทิตพฺโพ. อพฺรหฺมจริยาทีนํ ติณฺณมฺปิ สาหตฺถิโก เอว ปโยโค ลพฺภตีติ. เอวเมตฺถ ปโยคโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
องฺคโตติ เอตฺถ จ ปาณาติปาตสฺส ปฺจ องฺคานิ ภวนฺติ – ปาโณ จ โหติ, ปาณสฺี จ, วธกจิตฺตฺจ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ, วายมติ, เตน จ มรตีติ. อทินฺนาทานสฺสาปิ ปฺเจว – ปรปริคฺคหิตฺจ โหติ, ปรปริคฺคหิตสฺี จ, เถยฺยจิตฺตฺจ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ, วายมติ, เตน จ อาทาตพฺพํ อาทานํ คจฺฉตีติ. อพฺรหฺมจริยสฺส ปน จตฺตาริ องฺคานิ ภวนฺติ – อชฺฌาจริยวตฺถุ จ โหติ, ตตฺถ จ เสวนจิตฺตํ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ, เสวนปจฺจยา ปโยคฺจ สมาปชฺชติ, สาทิยติ จาติ, ตถา ปเรสํ ทฺวินฺนมฺปิ. ตตฺถ มุสาวาทสฺส ตาว มุสา จ โหติ ตํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตฺจ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ, ตชฺโช จ วายาโม, ปรวิสํวาทนฺจ วิฺาปยมานา วิฺตฺติ ปวตฺตตีติ จตฺตาริ องฺคานิ เวทิตพฺพานิ. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานสฺส ปน สุราทีนฺจ อฺตรํ โหติ มทนียปาตุกมฺยตาจิตฺตฺจ ปจฺจุปฏฺิตํ โหติ, ตชฺชฺจ วายามํ อาปชฺชติ, ปีเต จ ปวิสตีติ อิมานิ จตฺตาริ องฺคานีติ. เอวเมตฺถ องฺคโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
สมุฏฺานโตติ ปาณาติปาตอทินฺนาทานมุสาวาทา เจตฺถ กายจิตฺตโต, วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จาติ ติสมุฏฺานา โหนฺติ. อพฺรหฺมจริยํ กายจิตฺตวเสน เอกสมุฏฺานเมว. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ กายโต จ, กายจิตฺตโต จาติ ทฺวิสมุฏฺานนฺติ. เอวเมตฺถ สมุฏฺานโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
เวทนาโตติ ¶ ¶ เอตฺถ จ ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทนาสมฺปยุตฺโตว. อทินฺนาทานํ ตีสุ เวทนาสุ อฺตรเวทนาสมฺปยุตฺตํ, ตถา มุสาวาโท. อิตรานิ ทฺเว สุขาย วา อทุกฺขมสุขาย วา เวทนาย สมฺปยุตฺตานีติ. เอวเมตฺถ เวทนาโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
มูลโตติ ปาณาติปาโต เจตฺถ โทสโมหมูโล. อทินฺนาทานมุสาวาทา ¶ โลภโมหมูลา วา โทสโมหมูลา วา. อิตรานิ ทฺเว โลภโมหมูลานีติ. เอวเมตฺถ มูลโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
กมฺมโตติ ปาณาติปาตอทินฺนาทานอพฺรหฺมจริยานิ เจตฺถ กายกมฺมเมว กมฺมปถปฺปตฺตาเนว จ, มุสาวาโท วจีกมฺมเมว. โย ปน อตฺถภฺชโก, โส กมฺมปถปฺปตฺโต. อิตโร กมฺมเมว. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ กายกมฺมเมวาติ. เอวเมตฺถ กมฺมโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
วิรมโตติ เอตฺถ อาห ‘‘ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺโต กุโต วิรมตี’’ติ? วุจฺจเต – สมาทานวเสน ตาว วิรมนฺโต อตฺตโน วา ปเรสํ วา ปาณาติปาตาทิอกุสลโต วิรมติ. กิมารภิตฺวา? ยโต วิรมติ, ตเทว. สมฺปตฺตวเสนาปิ วิรมนฺโต วุตฺตปฺปการากุสลโตว. กิมารภิตฺวา? ปาณาติปาตาทีนํ วุตฺตารมฺมณาเนว. เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘สุราเมรยมชฺชสงฺขาเต สงฺขาเร อารภิตฺวา สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา วิรมติ, สตฺตสงฺขาเรสุ ยํ ปน อวหริตพฺพํ ภฺชิตพฺพฺจ, ตํ อารภิตฺวา อทินฺนาทานา มุสาวาทา จ, สตฺเตเยวารภิตฺวา ปาณาติปาตา อพฺรหฺมจริยา จา’’ติ. ตทฺเ ‘‘เอวํ สนฺเต ‘อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ กเรยฺย, ยฺจ ปชหติ, ตํ น ชาเนยฺยา’ติ เอวํทิฏฺิกา หุตฺวา อนิจฺฉมานา ยเทว ปชหติ, ตํ อตฺตโน ปาณาติปาตาทิอกุสลเมวารภิตฺวา วิรมตี’’ติ วทนฺติ. ตทยุตฺตํ. กสฺมา? ตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนาภาวโต พหิทฺธาภาวโต จ. สิกฺขาปทานฺหิ วิภงฺคปาเ ‘‘ปฺจนฺนํ สิกฺขาปทานํ กติ กุสลา…เป… กติ อรณา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กุสลาเยว, สิยา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา’’ติ (วิภ. ๗๑๖) เอวํ ปวตฺตมาเน วิสฺสชฺชเน ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ จ ‘‘พหิทฺธารมฺมณา’’ติ จ เอวํ ปจฺจุปฺปนฺนพหิทฺธารมฺมณตฺตํ วุตฺตํ, ตํ อตฺตโน ปาณาติปาตาทิอกุสลํ อารภิตฺวา วิรมนฺตสฺส น ยุชฺชติ. ยํ ปน วุตฺตํ – ‘‘อฺํ ¶ จินฺเตนฺโต อฺํ กเรยฺย, ยฺจ ปชหติ, ตํ น ชาเนยฺยา’’ติ. ตตฺถ วุจฺจเต – น กิจฺจสาธนวเสน ปวตฺเตนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต ¶ อฺํ กโรตีติ วา, ยฺจ ปชหติ, ตํ น ชานาตีติ วา วุจฺจติ.
‘‘อารภิตฺวาน ¶ อมตํ, ชหนฺโต สพฺพปาปเก;
นิทสฺสนฺเจตฺถ ภเว, มคฺคฏฺโริยปุคฺคโล’’ติ.
เอวเมตฺถ วิรมโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ผลโตติ สพฺเพ เอว เจเต ปาณาติปาตาทโย ทุคฺคติผลนิพฺพตฺตกา โหนฺติ, สุคติยฺจ อนิฏฺากนฺตามนาปวิปากนิพฺพตฺตกา โหนฺติ, สมฺปราเย ทิฏฺธมฺเม เอว จ อเวสารชฺชาทิผลนิพฺพตฺตกา. อปิจ ‘‘โย สพฺพลหุโส ปาณาติปาตสฺส วิปาโก มนุสฺสภูตสฺส อปฺปายุกสํวตฺตนิโก โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๔๐) เอวมาทินา นเยเนตฺถ ผลโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
อปิ เจตฺถ ปาณาติปาตาทิเวรมณีนมฺปิ สมุฏฺานเวทนามูลกมฺมผลโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย. ตตฺถายํ วิฺาปนา – สพฺพา เอว เจตา เวรมณิโย จตูหิ สมุฏฺหนฺติ กายโต, กายจิตฺตโต, วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จาติ. สพฺพา เอว จ สุขเวทนาสมฺปยุตฺตา วา, อทุกฺขมสุขเวทนาสมฺปยุตฺตา วา, อโลภาโทสมูลา วา อโลภาโทสาโมหมูลา วา. จตสฺโสปิ เจตฺถ กายกมฺมํ, มุสาวาทาเวรมณี วจีกมฺมํ, มคฺคกฺขเณ จ จิตฺตโตว สมุฏฺหนฺติ, สพฺพาปิ มโนกมฺมํ.
ปาณาติปาตา เวรมณิยา เจตฺถ องฺคปจฺจงฺคสมฺปนฺนตา อาโรหปริณาหสมฺปตฺติตา ชวสมฺปตฺติตา สุปฺปติฏฺิตปาทตา จารุตา มุทุตา สุจิตา สูรตา มหพฺพลตา วิสฺสตฺถวจนตา โลกปิยตา เนลตา อเภชฺชปริสตา อจฺฉมฺภิตา ทุปฺปธํสิตา ปรูปกฺกเมน อมรณตา อนนฺตปริวารตา สุรูปตา สุสณฺานตา อปฺปาพาธตา อโสกิตา ปิเยหิ มนาเปหิ สทฺธึ อวิปฺปโยคตา ทีฆายุกตาติ เอวมาทีนิ ผลานิ.
อทินฺนาทานา เวรมณิยา มหทฺธนตา ปหูตธนธฺตา อนนฺตโภคตา อนุปฺปนฺนโภคุปฺปตฺติตา อุปฺปนฺนโภคถาวรตา อิจฺฉิตานํ โภคานํ ขิปฺปปฺปฏิลาภิตา ราชโจรุทกคฺคิอปฺปิยทายาเทหิ อสาธารณโภคตา ¶ ¶ อสาธารณธนปฺปฏิลาภิตา โลกุตฺตมตา นตฺถิกภาวสฺส อชานนตา สุขวิหาริตาติ เอวมาทีนิ.
อพฺรหฺมจริยา เวรมณิยา วิคตปจฺจตฺถิกตา สพฺพชนปิยตา อนฺนปานวตฺถสยนาทีนํ ลาภิตา ¶ สุขสยนตา สุขปฺปฏิพุชฺฌนตา อปายภยวินิมุตฺตตา อิตฺถิภาวปฺปฏิลาภสฺส วา นปุํสกภาวปฺปฏิลาภสฺส วา อภพฺพตา อกฺโกธนตา ปจฺจกฺขการิตา อปติตกฺขนฺธตา อนโธมุขตา อิตฺถิปุริสานํ อฺมฺปิยตา ปริปุณฺณินฺทฺริยตา ปริปุณฺณลกฺขณตา นิราสงฺกตา อปฺโปสฺสุกฺกตา สุขวิหาริตา อกุโตภยตา ปิยวิปฺปโยคาภาวตาติ เอวมาทีนิ.
มุสาวาทา เวรมณิยา วิปฺปสนฺนินฺทฺริยตา วิสฺสฏฺมธุรภาณิตา สมสิตสุทฺธทนฺตตา นาติถูลตา นาติกิสตา นาติรสฺสตา นาติทีฆตา สุขสมฺผสฺสตา อุปฺปลคนฺธมุขตา สุสฺสูสกปริชนตา อาเทยฺยวจนตา กมลุปฺปลสทิสมุทุโลหิตตนุชิวฺหตา อนุทฺธตตา อจปลตาติ เอวมาทีนิ.
สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณิยา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ สพฺพกิจฺจกรณีเยสุ ขิปฺปํ ปฏิชานนตา สทา อุปฏฺิตสติตา อนุมฺมตฺตกตา าณวนฺตตา อนลสตา อชฬตา อเนลมูคตา อมตฺตตา อปฺปมตฺตตา อสมฺโมหตา อจฺฉมฺภิตา อสารมฺภิตา อนุสฺสงฺกิตา สจฺจวาทิตา อปิสุณาผรุสาสมฺผปลาปวาทิตา รตฺตินฺทิวมตนฺทิตตา กตฺุตา กตเวทิตา อมจฺฉริตา จาควนฺตตา สีลวนฺตตา อุชุตา อกฺโกธนตา หิริมนตา โอตฺตปฺปิตา อุชุทิฏฺิกตา มหาปฺตา เมธาวิตา ปณฺฑิตตา อตฺถานตฺถกุสลตาติ เอวมาทีนิ ผลานิ. เอวเมตฺถ ปาณาติปาตาทิเวรมณีนํ สมุฏฺานเวทนามูลกมฺมผลโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ปจฺฉิมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา
อิทานิ ยํ วุตฺตํ –
‘‘โยเชตพฺพํ ตโต ยุตฺตํ, ปจฺฉิเมสฺวปิ ปฺจสุ;
อาเวณิกฺจ วตฺตพฺพํ, เยฺยา หีนาทิตาปิ จา’’ติ.
ตสฺสายํ ¶ อตฺถวณฺณนา – เอติสฺสา ปุริมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนาย ¶ ยํ ยุชฺชติ, ตํ ตโต คเหตฺวา ปจฺฉิเมสฺวปิ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ โยเชตพฺพํ. ตตฺถายํ โยชนา – ยเถว หิ ปุริมสิกฺขาปเทสุ อารมฺมณโต จ สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ รูปายตนาทิอฺตรสงฺขารารมฺมณํ, ตถา อิธ วิกาลโภชนํ. เอเตน นเยน สพฺเพสํ อารมฺมณเภโท เวทิตพฺโพ. อาทานโต จ ยถา ปุริมานิ สามเณเรน วา อุปาสเกน วา สมาทิยนฺเตน สมาทินฺนานิ โหนฺติ, ตถา เอตานิปิ. องฺคโตปิ ¶ ยถา ตตฺถ ปาณาติปาตาทีนํ องฺคเภโท วุตฺโต, เอวมิธาปิ วิกาลโภชนสฺส จตฺตาริ องฺคานิ – วิกาโล, ยาวกาลิกํ, อชฺโฌหรณํ, อนุมฺมตฺตกตาติ. เอเตนานุสาเรน เสสานมฺปิ องฺควิภาโค เวทิตพฺโพ. ยถา จ ตตฺถ สมุฏฺานโต สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ กายโต จ กายจิตฺตโต จาติ ทฺวิสมุฏฺานํ, เอวมิธ วิกาลโภชนํ. เอเตน นเยน สพฺเพสํ สมุฏฺานํ เวทิตพฺพํ. ยถา จ ตตฺถ เวทนาโต อทินฺนาทานํ ตีสุ เวทนาสุ อฺตรเวทนาสมฺปยุตฺตํ, ตถา อิธ วิกาลโภชนํ. เอเตน นเยน สพฺเพสํ เวทนาสมฺปโยโค เวทิตพฺโพ. ยถา จ ตตฺถ อพฺรหฺมจริยํ โลภโมหมูลํ, เอวมิธ วิกาลโภชนํ. อปรานิ จ ทฺเว เอเตน นเยน สพฺเพสํ มูลเภโท เวทิตพฺโพ. ยถา จ ตตฺถ ปาณาติปาตาทโย กายกมฺมํ, เอวมิธาปิ วิกาลโภชนาทีนิ. ชาตรูปรชตปฺปฏิคฺคหณํ ปน กายกมฺมํ วา สิยา วจีกมฺมํ วา กายทฺวาราทีหิ ปวตฺติสพฺภาวปริยาเยน, น กมฺมปถวเสน. วิรมโตติ ยถา จ ตตฺถ วิรมนฺโต อตฺตโน วา ปเรสํ วา ปาณาติปาตาทิอกุสลโต วิรมติ, เอวมิธาปิ วิกาลโภชนาทิอกุสลโต, กุสลโตปิ วา เอกโต. ยถา จ ปุริมา ปฺจ เวรมณิโย จตุสมุฏฺานา กายโต, กายจิตฺตโต, วาจาจิตฺตโต, กายวาจาจิตฺตโต จาติ, สพฺพา สุขเวทนาสมฺปยุตฺตา วา อทุกฺขมสุขเวทนาสมฺปยุตฺตา วา, อโลภาโทสมูลา วา อโลภาโทสาโมหมูลา วา, สพฺพา จ นานปฺปการอิฏฺผลนิพฺพตฺตกา, ตถา อิธาปีติ.
‘‘โยเชตพฺพํ ตโต ยุตฺตํ, ปจฺฉิเมสฺวปิ ปฺจสุ;
อาเวณิกฺจ วตฺตพฺพํ, เยฺยา หีนาทิตาปิ จา’’ติ. –
เอตฺถ ปน ¶ วิกาลโภชนนฺติ มชฺฌนฺหิกวีติกฺกเม โภชนํ. เอตฺหิ อนฺุาตกาเล วีติกฺกนฺเต โภชนํ, ตสฺมา ‘‘วิกาลโภชน’’นฺติ วุจฺจติ ¶ , ตโต วิกาลโภชนา. นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนนฺติ เอตฺถ นจฺจํ นาม ยํกิฺจิ นจฺจํ, คีตนฺติ ยํกิฺจิ คีตํ, วาทิตนฺติ ยํกิฺจิ วาทิตํ. วิสูกทสฺสนนฺติ กิเลสุปฺปตฺติปจฺจยโต กุสลปกฺขภินฺทเนน วิสูกานํ ทสฺสนํ, วิสูกภูตํ วา ทสฺสนํ วิสูกทสฺสนํ. นจฺจา จ คีตา จ วาทิตา จ วิสูกทสฺสนา จ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา. วิสูกทสฺสนฺเจตฺถ พฺรหฺมชาเล วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –
‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภฺุชิตฺวา เต เอวรูปํ วิสูกทสฺสนมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, เสยฺยถิทํ, นจฺจํ คีตํ วาทิตํ เปกฺขํ อกฺขานํ ปาณิสฺสรํ เวตาลํ กุมฺภถูณํ โสภนกํ จณฺฑาลํ วํสํ โธวนํ หตฺถิยุทฺธํ อสฺสยุทฺธํ ¶ มหึสยุทฺธํ อุสภยุทฺธํ อชยุทฺธํ เมณฺฑยุทฺธํ กุกฺกุฏยุทฺธํ วฏฺฏกยุทฺธํ ทณฺฑยุทฺธํ มุฏฺิยุทฺธํ นิพฺพุทฺธํ อุยฺโยธิกํ พลคฺคํ เสนาพฺยูหํ อนีกทสฺสนํ อิติ วา, อิติ เอวรูปา วิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต สมโณ โคตโม’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๒).
อถ วา ยถาวุตฺเตนตฺเถน นจฺจคีตวาทิตานิ เอว วิสูกานิ นจฺจคีตวาทิตวิสูกานิ, เตสํ ทสฺสนํ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนํ, ตสฺมา นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา. ‘‘ทสฺสนสวนา’’ติ วตฺตพฺเพ ยถา ‘‘โส จ โหติ มิจฺฉาทิฏฺิโก วิปรีตทสฺสโน’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๑.๓๐๘) อจกฺขุทฺวารปฺปวตฺตมฺปิ วิสยคฺคหณํ ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ สวนมฺปิ ‘‘ทสฺสน’’นฺตฺเวว วุตฺตํ. ทสฺสนกมฺยตาย อุปสงฺกมิตฺวา ปสฺสโต เอว เจตฺถ วีติกฺกโม โหติ. ิตนิสินฺนสยโนกาเส ปน อาคตํ คจฺฉนฺตสฺส วา อาปาถคตํ ปสฺสโต สิยา สํกิเลโส, น วีติกฺกโม. ธมฺมูปสํหิตมฺปิ เจตฺถ คีตํ น วฏฺฏติ, คีตูปสํหิโต ปน ธมฺโม ¶ วฏฺฏตีติ เวทิตพฺโพ.
มาลาทีนิ ธารณาทีหิ ยถาสงฺขฺยํ โยเชตพฺพานิ. ตตฺถ มาลาติ ยํกิฺจิ ปุปฺผชาตํ. วิเลปนนฺติ ยํกิฺจิ วิเลปนตฺถํ ปิสิตฺวา ปฏิยตฺตํ. อวเสสํ สพฺพมฺปิ วาสจุณฺณธูปนาทิกํ คนฺธชาตํ คนฺโธ. ตํ สพฺพมฺปิ มณฺฑนวิภูสนตฺถํ น วฏฺฏติ, เภสชฺชตฺถนฺตุ วฏฺฏติ, ปูชนตฺถฺจ อภิหฏํ สาทิยโต น เกนจิ ปริยาเยน น วฏฺฏติ. อุจฺจาสยนนฺติ ปมาณาติกฺกนฺตํ วุจฺจติ. มหาสยนนฺติ อกปฺปิยสยนํ อกปฺปิยตฺถรณฺจ. ตทุภยมฺปิ สาทิยโต ¶ น เกนจิ ปริยาเยน วฏฺฏติ. ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. รชตนฺติ กหาปโณ, โลหมาสกทารุมาสกชตุมาสกาทิ ยํ ยํ ตตฺถ ตตฺถ โวหารํ คจฺฉติ, ตทุภยมฺปิ ชาตรูปรชตํ. ตสฺส เยน เกนจิ ปกาเรน สาทิยนํ ปฏิคฺคโห นาม, โส น เยน เกนจิ ปริยาเยน วฏฺฏตีติ เอวํ อาเวณิกํ วตฺตพฺพํ.
ทสปิ เจตานิ สิกฺขาปทานิ หีเนน ฉนฺเทน จิตฺตวีริยวีมํสาหิ วา สมาทินฺนานิ หีนานิ, มชฺฌิเมหิ มชฺฌิมานิ, ปณีเตหิ ปณีตานิ. ตณฺหาทิฏฺิมาเนหิ วา อุปกฺกิลิฏฺานิ หีนานิ, อนุปกฺกิลิฏฺานิ มชฺฌิมานิ, ตตฺถ ตตฺถ ปฺาย อนุคฺคหิตานิ ปณีตานิ. าณวิปฺปยุตฺเตน วา กุสลจิตฺเตน สมาทินฺนานิ หีนานิ, สสงฺขาริกาณสมฺปยุตฺเตน มชฺฌิมานิ, อสงฺขาริเกน ปณีตานีติ เอวํ เยฺยา หีนาทิตาปิ จาติ.
เอตฺตาวตา ¶ จ ยา ปุพฺเพ ‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา’’ติอาทีหิ ฉหิ คาถาหิ สิกฺขาปทปาสฺส วณฺณนตฺถํ มาติกา นิกฺขิตฺตา, สา อตฺถโต ปกาสิตา โหตีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
สิกฺขาปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทฺวตฺตึสาการวณฺณนา
ปทสมฺพนฺธวณฺณนา
อิทานิ ¶ ยทิทํ เอวํ ทสหิ สิกฺขาปเทหิ ปริสุทฺธปโยคสฺส สีเล ปติฏฺิตสฺส กุลปุตฺตสฺส อาสยปริสุทฺธตฺถํ ¶ จิตฺตภาวนตฺถฺจ อฺตฺร พุทฺธุปฺปาทา อปฺปวตฺตปุพฺพํ สพฺพติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ เตสุ เตสุ สุตฺตนฺเตสุ –
‘‘เอกธมฺโม, ภิกฺขเว, ภาวิโต พหุลีกโต มหโต สํเวคาย สํวตฺตติ. มหโต อตฺถาย สํวตฺตติ. มหโต โยคกฺเขมาย สํวตฺตติ. มหโต สติสมฺปชฺาย สํวตฺตติ. าณทสฺสนปฺปฏิลาภาย สํวตฺตติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตติ. วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยาย สํวตฺตติ. กตโม ¶ เอกธมฺโม? กายคตา สติ. อมตํ เต, ภิกฺขเว, น ปริภฺุชนฺติ, เย กายคตาสตึ น ปริภฺุชนฺติ. อมตํ เต, ภิกฺขเว, ปริภฺุชนฺติ, เย กายคตาสตึ ปริภฺุชนฺติ. อมตํ เตสํ, ภิกฺขเว, อปริภุตฺตํ ปริภุตฺตํ, ปริหีนํ อปริหีนํ, วิรทฺธํ อารทฺธํ, เยสํ กายคตา สติ อารทฺธา’’ติ. (อ. นิ. ๑.๕๖๔-๕๗๐) –
เอวํ ภควตา อเนกากาเรน ปสํสิตฺวา –
‘‘กถํ ภาวิตา, ภิกฺขเว, กายคตาสติ กถํ พหุลีกตา มหพฺพลา โหติ มหานิสํสา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๕๔) –
อาทินา นเยน อานาปานปพฺพํ อิริยาปถปพฺพํ จตุสมฺปชฺปพฺพํ ปฏิกูลมนสิการปพฺพํ ธาตุมนสิการปพฺพํ นว สิวถิกปพฺพานีติ อิเมสํ จุทฺทสนฺนํ ปพฺพานํ วเสน กายคตาสติกมฺมฏฺานํ นิทฺทิฏฺํ. ตสฺส ภาวนานิทฺเทโส อนุปฺปตฺโต. ตตฺถ ยสฺมา อิริยาปถปพฺพํ จตุสมฺปชฺปพฺพํ ธาตุมนสิการปพฺพนฺติ อิมานิ ตีณิ วิปสฺสนาวเสน วุตฺตานิ. นว สิวถิกปพฺพานิ วิปสฺสนาาเณสุเยว อาทีนวานุปสฺสนาวเสน วุตฺตานิ. ยาปิ เจตฺถ อุทฺธุมาตกาทีสุ สมาธิภาวนา ¶ อิจฺเฉยฺย, สา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถารโต อสุภภาวนานิทฺเทเส ปกาสิตา เอว. อานาปานปพฺพํ ปน ปฏิกูลมนสิการปพฺพฺเจติ อิมาเนตฺถ ทฺเว สมาธิวเสน วุตฺตานิ. เตสุ อานาปานปพฺพํ อานาปานสฺสติวเสน วิสุํ กมฺมฏฺานํเยว. ยํ ปเนตํ –
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา, โลมา…เป… มุตฺต’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๕๔).
เอวํ ตตฺถ ตตฺถ มตฺถลุงฺคํ อฏฺิมิฺเชน สงฺคเหตฺวา เทสิตํ กายคตาสติโกฏฺาสภาวนาปริยายํ ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ อารทฺธํ, ตสฺสายํ อตฺถวณฺณนา –
ตตฺถ อตฺถีติ สํวิชฺชนฺติ. อิมสฺมินฺติ ยฺวายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺโต ปูโร นานปฺปการสฺส อสุจิโนติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ¶ . กาเยติ สรีเร. สรีรฺหิ อสุจิสฺจยโต, กุจฺฉิตานํ วา เกสาทีนฺเจว จกฺขุโรคาทีนฺจ โรคสตานํ อายภูตโต กาโยติ วุจฺจติ. เกสา…เป… มุตฺตนฺติ เอเต เกสาทโย ทฺวตฺตึสาการา, ตตฺถ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา อตฺถิ โลมา’’ติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ ¶ . เตน กึ กถิตํ โหติ? อิมสฺมึ ปาทตลา ปฏฺาย อุปริ, เกสมตฺถกา ปฏฺาย เหฏฺา, ตจโต ปฏฺาย ปริโตติ เอตฺตเก พฺยามมตฺเต กเฬวเร สพฺพากาเรนาปิ วิจินนฺโต น โกจิ กิฺจิ มุตฺตํ วา มณึ วา เวฬุริยํ วา อครุํ วา จนฺทนํ วา กุงฺกุมํ วา กปฺปูรํ วา วาสจุณฺณาทึ วา อณุมตฺตมฺปิ สุจิภาวํ ปสฺสติ, อถ โข ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉํ อสฺสิริกทสฺสนํ นานปฺปการํ เกสโลมาทิเภทํ อสุจิเมว ปสฺสตีติ.
อยํ ตาเวตฺถ ปทสมฺพนฺธโต วณฺณนา.
อสุภภาวนา
อสุภภาวนาวเสน ปนสฺส เอวํ วณฺณนา เวทิตพฺพา – เอวเมตสฺมึ ปาณาติปาตาเวรมณิสิกฺขาปทาทิเภเท สีเล ปติฏฺิเตน ปโยคสุทฺเธน อาทิกมฺมิเกน กุลปุตฺเตน อาสยสุทฺธิยา อธิคมนตฺถํ ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานภาวนานุโยคมนุยฺุชิตุกาเมน ปมํ ตาวสฺส อาวาสกุลลาภคณกมฺมทฺธานาติคนฺถโรคอิทฺธิปลิโพเธน กิตฺติปลิโพเธน วา สห ทส ปลิโพธา ¶ โหนฺติ. อถาเนน อาวาสกุลลาภคณาติกิตฺตีสุ สงฺคปฺปหาเนน, กมฺมทฺธานคนฺเถสุ อพฺยาปาเรน, โรคสฺส ติกิจฺฉายาติ เอวํ เต ทส ปลิโพธา อุปจฺฉินฺทิตพฺพา, อถาเนน อุปจฺฉินฺนปลิโพเธน อนุปจฺฉินฺนเนกฺขมฺมาภิลาเสน โกฏิปฺปตฺตสลฺเลขวุตฺติตํ ปริคฺคเหตฺวา ขุทฺทานุขุทฺทกมฺปิ วินยาจารํ อปฺปชหนฺเตน อาคมาธิคมสมนฺนาคโต ตโต อฺตรงฺคสมนฺนาคโต วา กมฺมฏฺานทายโก อาจริโย วินยานุรูเปน วิธินา อุปคนฺตพฺโพ, วตฺตสมฺปทาย จ อาราธิตจิตฺตสฺส ตสฺส อตฺตโน อธิปฺปาโย นิเวเทตพฺโพ. เตน ตสฺส นิมิตฺตชฺฌาสยจริยาธิมุตฺติเภทํ ตฺวา ยทิ เอตํ กมฺมฏฺานมนุรูปํ, อถ ¶ ยสฺมึ วิหาเร อตฺตนา วสติ, ยทิ ตสฺมึเยว โสปิ วสิตุกาโม โหติ, ตโต สงฺเขปโต กมฺมฏฺานํ ทาตพฺพํ. อถ อฺตฺร ¶ วสิตุกาโม โหติ, ตโต ปหาตพฺพปริคฺคเหตพฺพาทิกถนวเสน สปุเรกฺขารํ ราคจริตานุกุลาทิกถนวเสน สปฺปเภทํ วิตฺถาเรน กเถตพฺพํ. เตน ตํ สปุเรกฺขารํ สปฺปเภทํ กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวา ยานิ ตานิ –
‘‘มหาวาสํ นวาวาสํ, ชราวาสฺจ ปนฺถนึ;
โสณฺฑึ ปณฺณฺจ ปุปฺผฺจ, ผลํ ปตฺถิตเมว จ.
‘‘นครํ ทารุนา เขตฺตํ, วิสภาเคน ปฏฺฏนํ;
ปจฺจนฺตสีมาสปฺปายํ, ยตฺถ มิตฺโต น ลพฺภติ.
‘‘อฏฺารเสตานิ านานิ, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต;
อารกา ปริวชฺเชยฺย, มคฺคํ สปฺปฏิภยํ ยถา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๕๒) –
เอวํ อฏฺารส เสนาสนานิ ปริวชฺเชตพฺพานีติ วุจฺจนฺติ. ตานิ วชฺเชตฺวา, ยํ ตํ –
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ นาติทูรํ โหติ, นจฺจาสนฺนํ, คมนาคมนสมฺปนฺนํ, ทิวา อปฺปากิณฺณํ, รตฺตึ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสํ อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสํ. ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส อปฺปกสิเรน อุปฺปชฺชนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา. ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปฺหติ ‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ, อิมสฺส โก อตฺโถ’ติ? ตสฺส, เต อายสฺมนฺโต ¶ อวิวฏฺเจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ อุตฺตานึ กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๑). –
เอวํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ เสนาสนํ วุตฺตํ. ตถารูปํ เสนาสนํ อุปคมฺม กตสพฺพกิจฺเจน กาเมสุ อาทีนวํ, เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา พุทฺธสุพุทฺธตาย ¶ ธมฺมสุธมฺมตาย ¶ สงฺฆสุปฺปฏิปนฺนตาย จ อนุสฺสรเณน จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ยํ ตํ –
‘‘วจสา มนสา เจว, วณฺณสณฺานโต ทิสา;
โอกาสโต ปริจฺเฉทา, สตฺตธุคฺคหณํ วิทู’’ติ. –
เอวํ สตฺตวิธํ อุคฺคหโกสลฺลํ; อนุปุพฺพโต, นาติสีฆโต, นาติสณิกโต, วิกฺเขปปฺปฏิพาหนโต, ปณฺณตฺติสมติกฺกมโต, อนุปุพฺพมฺุจนโต, อปฺปนาโต, ตโย จ สุตฺตนฺตาติ เอวํ ทสวิธํ มนสิการโกสลฺลฺจ วุตฺตํ. ตํ อปริจฺจชนฺเตน ทฺวตฺตึสาการภาวนา อารภิตพฺพา. เอวฺหิ อารภโต สพฺพากาเรน ทฺวตฺตึสาการภาวนา สมฺปชฺชติ โน อฺถา.
ตตฺถ อาทิโตว ตจปฺจกํ ตาว คเหตฺวา อปิ เตปิฏเกน ‘‘เกสา โลมา’’ติอาทินา นเยน อนุโลมโต, ตสฺมึ ปคุณีภูเต ‘‘ตโจ ทนฺตา’’ติ เอวมาทินา นเยน ปฏิโลมโต, ตสฺมิมฺปิ ปคุณีภูเต ตทุภยนเยเนว อนุโลมปฺปฏิโลมโต พหิ วิสฏวิตกฺกวิจฺเฉทนตฺถํ ปาฬิปคุณีภาวตฺถฺจ วจสา โกฏฺาสสภาวปริคฺคหตฺถํ มนสา จ อทฺธมาสํ ภาเวตพฺพํ. วจสา หิสฺส ภาวนา พหิ วิสฏวิตกฺเก วิจฺฉินฺทิตฺวา มนสา ภาวนาย ปาฬิปคุณตาย จ ปจฺจโย โหติ, มนสา ภาวนา อสุภวณฺณลกฺขณานํ อฺตรวเสน ปริคฺคหสฺส, อถ เตเนว นเยน วกฺกปฺจกํ อทฺธมาสํ, ตโต ตทุภยมทฺธมาสํ, ตโต ปปฺผาสปฺจกมทฺธมาสํ, ตโต ตํ ปฺจกตฺตยมฺปิ อทฺธมาสํ, อถ อนฺเต อวุตฺตมฺปิ มตฺถลุงฺคํ ปถวีธาตุอากาเรหิ สทฺธึ เอกโต ภาวนตฺถํ อิธ ปกฺขิปิตฺวา มตฺถลุงฺคปฺจกํ อทฺธมาสํ, ตโต ปฺจกจตุกฺกมฺปิ อทฺธมาสํ, อถ เมทฉกฺกมทฺธมาสํ, ตโต เมทฉกฺเกน สห ปฺจกจตุกฺกมฺปิ อทฺธมาสํ, อถ มุตฺตฉกฺกมทฺธมาสํ, ตโต สพฺพเมว ทฺวตฺตึสาการมทฺธมาสนฺติ เอวํ ฉ มาเส วณฺณสณฺานทิโสกาสปริจฺเฉทโต ววตฺถเปนฺเตน ภาเวตพฺพํ. เอตํ มชฺฌิมปฺํ ปุคฺคลํ สนฺธาย ¶ วุตฺตํ. มนฺทปฺเน ตุ ยาวชีวํ ภาเวตพฺพํ ติกฺขปฺสฺส น จิเรเนว ภาวนา สมฺปชฺชตีติ.
เอตฺถาห ¶ ¶ – ‘‘กถํ ปนายมิมํ ทฺวตฺตึสาการํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปตี’’ติ? อยฺหิ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา’’ติ เอวมาทินา นเยน ตจปฺจกาทิวิภาคโต ทฺวตฺตึสาการํ ภาเวนฺโต เกสา ตาว วณฺณโต กาฬกาติ ววตฺถเปติ, ยาทิสกา วาเนน ทิฏฺา โหนฺติ. สณฺานโต ทีฆวฏฺฏลิกา ตุลาทณฺฑมิวาติ ววตฺถเปติ. ทิสโต ปน ยสฺมา อิมสฺมึ กาเย นาภิโต อุทฺธํ อุปริมา ทิสา อโธ เหฏฺิมาติ วุจฺจติ, ตสฺมา อิมสฺส กายสฺส อุปริมาย ทิสาย ชาตาติ ววตฺถเปติ. โอกาสโต นลาฏนฺตกณฺณจูฬิกคลวาฏกปริจฺฉินฺเน สีสจมฺเม ชาตาติ. ตตฺถ ยถา วมฺมิกมตฺถเก ชาตานิ กุณฺติณานิ น ชานนฺติ ‘‘มยํ วมฺมิกมตฺถเก ชาตานี’’ติ; นปิ วมฺมิกมตฺถโก ชานาติ ‘‘มยิ กุณฺติณานิ ชาตานี’’ติ; เอวเมว น เกสา ชานนฺติ ‘‘มยํ สีสจมฺเม ชาตา’’ติ, นปิ สีสจมฺมํ ชานาติ ‘‘มยิ เกสา ชาตา’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา อเจตนา อพฺยากตา สฺุา ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฺปฏิกูลา, น สตฺโต น ปุคฺคโลติ ววตฺถเปติ. ปริจฺเฉทโตติ ทุวิโธ ปริจฺเฉโท สภาควิสภาควเสน. ตตฺถ เกสา เหฏฺา ปติฏฺิตจมฺมตเลน ตตฺถ วีหคฺคมตฺตํ ปวิสิตฺวา ปติฏฺิเตน อตฺตโน มูลตเลน จ อุปริ อากาเสน ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนาติ เอวํ สภาคปริจฺเฉทโต, เกสา น อวเสสเอกตึสาการา. อวเสสา เอกตึสา น เกสาติ เอวํ วิสภาคปริจฺเฉทโต จ ววตฺถเปติ. เอวํ ตาว เกเส วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
อวเสเสสุ โลมา วณฺณโต เยภุยฺเยน นีลวณฺณาติ ววตฺถเปติ, ยาทิสกา วาเนน ทิฏฺา โหนฺติ. สณฺานโต โอณตจาปสณฺานา, อุปริ วงฺกตาลหีรสณฺานา วา, ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตา, โอกาสโต หตฺถตลปาทตเล เปตฺวา เยภุยฺเยน อวเสสสรีรจมฺเม ¶ ชาตาติ.
ตตฺถ ยถา ปุราณคามฏฺาเน ชาตานิ ทพฺพติณานิ น ชานนฺติ ‘‘มยํ ปุราณคามฏฺาเน ชาตานี’’ติ, น จ ปุราณคามฏฺานํ ชานาติ ‘‘มยิ ทพฺพติณานิ ชาตานี’’ติ, เอวเมว น โลมา ชานนฺติ ‘‘มยํ สรีรจมฺเม ชาตา’’ติ, นปิ สรีรจมฺมํ ชานาติ ‘‘มยิ โลมา ชาตา’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา อเจตนา อพฺยากตา สฺุา ¶ ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกูลา, น สตฺโต น ปุคฺคโลติ ววตฺถเปติ. ปริจฺเฉทโต เหฏฺา ปติฏฺิตจมฺมตเลน ตตฺถ ลิกฺขามตฺตํ ปวิสิตฺวา ปติฏฺิเตน อตฺตโน มูเลน จ อุปริ อากาเสน ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติ. อยเมเตสํ สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ โลเม วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ นขา ยสฺส ปริปุณฺณา, ตสฺส วีสติ. เต สพฺเพปิ วณฺณโต มํสวินิมุตฺโตกาเส ¶ เสตา, มํสสมฺพนฺเธ ตมฺพวณฺณาติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต ยถาสกปติฏฺิโตกาสสณฺานา, เยภุยฺเยน มธุกผลฏฺิกสณฺานา, มจฺฉสกลิกสณฺานา วาติ ววตฺถเปติ. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตา, โอกาสโต องฺคุลีนํ อคฺเคสุ ปติฏฺิตาติ.
ตตฺถ ยถา นาม คามทารเกหิ ทณฺฑกคฺเคสุ มธุกผลฏฺิกา ปิตา น ชานนฺติ ‘‘มยํ ทณฺฑกคฺเคสุ ปิตา’’ติ, นปิ ทณฺฑกา ชานนฺติ ‘‘อมฺเหสุ มธุกผลฏฺิกา ปิตา’’ติ; เอวเมว นขา น ชานนฺติ ‘‘มยํ องฺคุลีนํ อคฺเคสุ ปติฏฺิตา’’ติ, นปิ องฺคุลิโย ชานนฺติ ‘‘อมฺหากํ อคฺเคสุ นขา ปติฏฺิตา’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา อเจตนา…เป… น ปุคฺคโลติ ววตฺถเปติ. ปริจฺเฉทโต เหฏฺา มูเล จ องฺคุลิมํเสน, ตตฺถ ปติฏฺิตตเลน วา อุปริ อคฺเค จ อากาเสน, อุภโตปสฺเสสุ องฺคุลีนํ อุภโตโกฏิจมฺเมน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติ. อยเมเตสํ สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ นเข วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ ทนฺตา ยสฺส ปริปุณฺณา, ตสฺส ทฺวตฺตึส. เต สพฺเพปิ วณฺณโต เสตวณฺณาติ ววตฺถเปติ. ยสฺส สมสณฺิตา โหนฺติ, ตสฺส ขรปตฺตจฺฉินฺนสงฺขปฏลมิว สมคนฺถิตเสตกุสุมมกุฬมาลา ¶ วิย จ ขายนฺติ. ยสฺส วิสมสณฺิตา, ตสฺส ชิณฺณอาสนสาลาปีกปฏิปาฏิ วิย นานาสณฺานาติ สณฺานโต ววตฺถเปติ. เตสฺหิ อุภยทนฺตปนฺติปริโยสาเนสุ เหฏฺโต อุปริโต จ ทฺเว ทฺเว กตฺวา อฏฺ ทนฺตา จตุโกฏิกา จตุมูลิกา อาสนฺทิกสณฺานา, เตสํ โอรโต เตเนว ¶ กเมน สนฺนิวิฏฺา อฏฺ ทนฺตา ติโกฏิกา ติมูลิกา สิงฺฆาฏกสณฺานา. เตสมฺปิ โอรโต เตเนว กเมน เหฏฺโต อุปริโต จ เอกเมกํ กตฺวา จตฺตาโร ทนฺตา ทฺวิโกฏิกา ทฺวิมูลิกา ยานกูปตฺถมฺภินีสณฺานา. เตสมฺปิ โอรโต เตเนว กเมน สนฺนิวิฏฺา จตฺตาโร ทาาทนฺตา เอกโกฏิกา เอกมูลิกา มลฺลิกามกุฬสณฺานา. ตโต อุภยทนฺตปนฺติเวมชฺเฌ เหฏฺา จตฺตาโร อุปริ จตฺตาโร กตฺวา อฏฺ ทนฺตา เอกโกฏิกา เอกมูลิกา ตุมฺพพีชสณฺานา. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตา. โอกาสโต อุปริมา อุปริมหนุกฏฺิเก อโธโกฏิกา, เหฏฺิมา เหฏฺิมหนุกฏฺิเก อุทฺธํโกฏิกา หุตฺวา ปติฏฺิตาติ.
ตตฺถ ยถา นวกมฺมิกปุริเสน เหฏฺา สิลาตเล ปติฏฺาปิตา อุปริมตเล ปเวสิตา ถมฺภา น ชานนฺติ ‘‘มยํ เหฏฺาสิลาตเล ปติฏฺาปิตา, อุปริมตเล ปเวสิตา’’ติ, น เหฏฺาสิลาตลํ ชานาติ ‘‘มยิ ถมฺภา ปติฏฺาปิตา’’ติ, น อุปริมตลํ ชานาติ ‘‘มยิ ถมฺภา ปวิฏฺา’’ติ; เอวเมว ทนฺตา น ชานนฺติ ‘‘มยํ เหฏฺาหนุกฏฺิเก ปติฏฺิตา, อุปริมหนุกฏฺิเก ปวิฏฺา’’ติ, นาปิ ¶ เหฏฺาหนุกฏฺิกํ ชานาติ ‘‘มยิ ทนฺตา ปติฏฺิตา’’ติ, น อุปริมหนุกฏฺิกํ ชานาติ ‘‘มยิ ทนฺตา ปวิฏฺา’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต เหฏฺา หนุกฏฺิกูเปน หนุกฏฺิกํ ปวิสิตฺวา ปติฏฺิเตน อตฺตโน มูลตเลน จ อุปริ อากาเสน ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติ. อยเมเตสํ สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ทนฺเต วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ ¶ .
ตโต ปรํ อนฺโตสรีเร นานากุณปสฺจยปฺปฏิจฺฉาทกํ ตโจ วณฺณโต เสโตติ ววตฺถเปติ. โส หิ ยทิปิ ฉวิราครฺชิตตฺตา กาฬโกทาตาทิวณฺณวเสน นานาวณฺโณ วิย ทิสฺสติ, ตถาปิ สภาควณฺเณน เสโต เอว. โส ปนสฺส เสตภาโว อคฺคิชาลาภิฆาตปหรณปหาราทีหิ วิทฺธํสิตาย ฉวิยา ปากโฏ โหติ. สณฺานโต สงฺเขเปน กฺจุกสณฺาโน, วิตฺถาเรน นานาสณฺาโนติ. ตถา หิ ปาทงฺคุลิตฺตโจ โกสการกโกสสณฺาโน, ปิฏฺิปาทตฺตโจ ปุฏพทฺธูปาหนสณฺาโน, ชงฺฆตฺตโจ ภตฺตปุฏกตาลปณฺณสณฺาโน ¶ , อูรุตฺตโจ ตณฺฑุลภริตทีฆตฺถวิกสณฺาโน, อานิสทตฺตโจ อุทกปูริตปฏปริสฺสาวนสณฺาโน, ปิฏฺิตฺตโจ ผลโกนทฺธจมฺมสณฺาโน, กุจฺฉิตฺตโจ วีณาโทณิโกนทฺธจมฺมสณฺาโน, อุรตฺตโจ เยภุยฺเยน จตุรสฺสสณฺาโน, ทฺวิพาหุตฺตโจ ตูณีโรนทฺธจมฺมสณฺาโน, ปิฏฺิหตฺถตฺตโจ ขุรโกสสณฺาโน ผณกตฺถวิกสณฺาโน วา, หตฺถงฺคุลิตฺตโจ กฺุจิกาโกสสณฺาโน, คีวตฺตโจ คลกฺจุกสณฺาโน, มุขตฺตโจ ฉิทฺทาวฉิทฺทกิมิกุลาวกสณฺาโน, สีสตฺตโจ ปตฺตตฺถวิกสณฺาโนติ.
ตจปริคฺคณฺหเกน จ โยคาวจเรน อุตฺตโรฏฺโต ปฏฺาย ตจสฺส มํสสฺส จ อนฺตเรน จิตฺตํ เปเสนฺเตน ปมํ ตาว มุขตฺตโจ ววตฺถเปตพฺโพ, ตโต สีสตฺตโจ, อถ พหิคีวตฺตโจ, ตโต อนุโลเมน ปฏิโลเมน จ ทกฺขิณหตฺถตฺตโจ. อถ เตเนว กเมน วามหตฺถตฺตโจ, ตโต ปิฏฺิตฺตโจ, อถ อานิสทตฺตโจ, ตโต อนุโลเมน ปฏิโลเมน จ ทกฺขิณปาทตฺตโจ, อถ วามปาทตฺตโจ, ตโต วตฺถิอุทรหทยอพฺภนฺตรคีวตฺตโจ, ตโต เหฏฺิมหนุกตฺตโจ, อถ อธโรฏฺตฺตโจ. เอวํ ยาว ปุน อุปริ โอฏฺตฺตโจติ ¶ . ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโต. โอกาสโต สกลสรีรํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิโตติ.
ตตฺถ ยถา อลฺลจมฺมปริโยนทฺธาย เปฬาย น อลฺลจมฺมํ ชานาติ ‘‘มยา เปฬา ปริโยนทฺธา’’ติ, นปิ เปฬา ชานาติ ‘‘อหํ อลฺลจมฺเมน ปริโยนทฺธา’’ติ; เอวเมว น ตโจ ชานาติ ‘‘มยา อิทํ จาตุมหาภูติกํ สรีรํ โอนทฺธ’’นฺติ, นปิ อิทํ จาตุมหาภูติกํ สรีรํ ชานาติ ¶ ‘‘อหํ ตเจน โอนทฺธ’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. เกวลํ ตุ –
‘‘อลฺลจมฺมปฏิจฺฉนฺโน, นวทฺวาโร มหาวโณ;
สมนฺตโต ปคฺฆรติ, อสุจิปูติคนฺธิโย’’ติ.
ปริจฺเฉทโต เหฏฺา มํเสน ตตฺถ ปติฏฺิตตเลน วา อุปริ ฉวิยา ปริจฺฉินฺโนติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ตจํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ¶ ปรํ สรีเร นวเปสิสตปฺปเภทํ มํสํ วณฺณโต รตฺตํ ปาลิภทฺทกปุปฺผสนฺนิภนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต นานาสณฺานนฺติ. ตถา หิ ตตฺถ ชงฺฆมํสํ ตาลปตฺตปุฏภตฺตสณฺานํ, อวิกสิตเกตกีมกุฬสณฺานนฺติปิ เกจิ. อูรุมํสํ สุธาปิสนนิสทโปตกสณฺานํ, อานิสทมํสํ อุทฺธนโกฏิสณฺานํ, ปิฏฺิมํสํ ตาลคุฬปฏลสณฺานํ, ผาสุกทฺวยมํสํ วํสมยโกฏฺกุจฺฉิปเทสมฺหิ ตนุมตฺติกาเลปสณฺานํ, ถนมํสํ วฏฺเฏตฺวา อวกฺขิตฺตทฺธมตฺติกาปิณฺฑสณฺานํ, ทฺเวพาหุมํสํ นงฺคุฏฺสีสปาเท เฉตฺวา นิจฺจมฺมํ กตฺวา ปิตมหามูสิกสณฺานํ, มํสสูนกสณฺานนฺติปิ เอเก. คณฺฑมํสํ คณฺฑปฺปเทเส ปิตกรฺชพีชสณฺานํ, มณฺฑูกสณฺานนฺติปิ เอเก. ชิวฺหามํสํ นุหีปตฺตสณฺานํ, นาสามํสํ โอมุขนิกฺขิตฺตปณฺณโกสสณฺานํ, ๐.อกฺขิกูปมํสํ อทฺธปกฺกอุทุมฺพรสณฺานํ, สีสมํสํ ปตฺตปจนกฏาหตนุเลปสณฺานนฺติ ¶ . มํสปริคฺคณฺหเกน จ โยคาวจเรน เอตาเนว โอฬาริกมํสานิ สณฺานโต ววตฺถเปตพฺพานิ. เอวฺหิ ววตฺถาปยโต สุขุมานิ มํสานิ าณสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺตีติ. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํ. โอกาสโต สาธิกานิ ตีณิ อฏฺิสตานิ อนุลิมฺปิตฺวา ิตนฺติ.
ตตฺถ ยถา ถูลมตฺติกานุลิตฺตาย ภิตฺติยา น ถูลมตฺติกา ชานาติ ‘‘มยา ภิตฺติ อนุลิตฺตา’’ติ, นปิ ภิตฺติ ชานาติ ‘‘อหํ ถูลมตฺติกาย อนุลิตฺตา’’ติ, เอวเมวํ น นวเปสิสตปฺปเภทํ มํสํ ชานาติ ‘‘มยา อฏฺิสตตฺตยํ อนุลิตฺต’’นฺติ, นปิ อฏฺิสตตฺตยํ ชานาติ ‘‘อหํ นวเปสิสตปฺปเภเทน มํเสน อนุลิตฺต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. เกวลํ ตุ –
‘‘นวเปสิสตา ¶ มํสา, อนุลิตฺตา กเฬวรํ;
นานากิมิกุลากิณฺณํ, มีฬฺหฏฺานํว ปูติก’’นฺติ.
ปริจฺเฉทโต เหฏฺา อฏฺิสงฺฆาเฏน ตตฺถ ปติฏฺิตตเลน วา อุปริ ตเจน ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ มํสํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีเร นวสตปฺปเภทา นฺหารู วณฺณโต เสตาติ ววตฺถเปติ, มธุวณฺณาติปิ เอเก. สณฺานโต นานาสณฺานาติ. ตถา ¶ หิ ตตฺถ มหนฺตา มหนฺตา นฺหารู กนฺทลมกุฬสณฺานา, ตโต สุขุมตรา สูกรวาคุรรชฺชุสณฺานา, ตโต อณุกตรา ปูติลตาสณฺานา, ตโต อณุกตรา สีหฬมหาวีณาตนฺติสณฺานา, ตโต อณุกตรา ถูลสุตฺตกสณฺานา, หตฺถปิฏฺิปาทปิฏฺีสุ นฺหารู สกุณปาทสณฺานา, สีเส นฺหารู คามทารกานํ สีเส ¶ ปิตวิรฬตรทุกูลสณฺานา, ปิฏฺิยา นฺหารู เตเมตฺวา อาตเป ปสาริตมจฺฉชาลสณฺานา, อวเสสา อิมสฺมึ สรีเร ตํตํองฺคปจฺจงฺคานุคตา นฺหารู สรีเร ปฏิมุกฺกชาลกฺจุกสณฺานาติ. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตา. เตสุ จ ทกฺขิณกณฺณจูฬิกโต ปฏฺาย ปฺจ กณฺฑรนามกา มหานฺหารู ปุรโต จ ปจฺฉโต จ วินนฺธมานา วามปสฺสํ คตา, วามกณฺณจูฬิกโต ปฏฺาย ปฺจ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ วินนฺธมานา ทกฺขิณปสฺสํ คตา, ทกฺขิณคลวาฏกโต ปฏฺาย ปฺจ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ วินนฺธมานา วามปสฺสํ คตา, วามคลวาฏกโต ปฏฺาย ปฺจ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ วินนฺธมานา ทกฺขิณปสฺสํ คตา, ทกฺขิณหตฺถํ วินนฺธมานา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ปฺจ ปฺจาติ ทส กณฺฑรนามกา เอว มหานฺหารู อารุฬฺหา. ตถา วามหตฺถํ, ทกฺขิณปาทํ, วามปาทฺจาติ เอวเมเต สฏฺิ มหานฺหารู สรีรธารกา สรีรนิยามกาติปิ ววตฺถเปติ. โอกาสโต สกลสรีเร อฏฺิจมฺมานํ อฏฺิมํสานฺจ อนฺตเร อฏฺีนิ อาพนฺธมานา ิตาติ.
ตตฺถ ยถา วลฺลิสนฺตานพทฺเธสุ กุฏฺฏทารูสุ น วลฺลิสนฺตานา ชานนฺติ ‘‘อมฺเหหิ กุฏฺฏทารูนิ อาพทฺธานี’’ติ, นปิ กุฏฺฏทารูนิ ชานนฺติ ‘‘มยํ วลฺลิสนฺตาเนหิ อาพทฺธานี’’ติ; เอวเมว น นฺหารู ชานนฺติ ‘‘อมฺเหหิ ตีณิ อฏฺิสตานิ อาพทฺธานี’’ติ, นปิ ตีณิ อฏฺิสตานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ นฺหารูหิ อาพทฺธานี’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. เกวลํ ตุ –
‘‘นวนฺหารุสตา ¶ โหนฺติ, พฺยามมตฺเต กเฬวเร;
พนฺธนฺติ อฏฺิสงฺฆาฏํ, อคารมิว วลฺลิโย’’ติ.
ปริจฺเฉทโต เหฏฺา ตีหิ อฏฺิสเตหิ ตตฺถ ปติฏฺิตตเลหิ วา อุปริ ตจมํเสหิ ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติ. อยเมเตสํ สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ นฺหารู วณฺณาทิโต ¶ ววตฺถเปติ.
ตโต ¶ ปรํ สรีเร ทฺวตฺตึสทนฺตฏฺิกานํ วิสุํ คหิตตฺตา เสสานิ จตุสฏฺิ หตฺถฏฺิกานิ จตุสฏฺิ ปาทฏฺิกานิ จตุสฏฺิ มุทุกฏฺิกานิ มํสนิสฺสิตานิ ทฺเว ปณฺหิกฏฺีนิ เอเกกสฺมึ ปาเท ทฺเว ทฺเว โคปฺผกฏฺิกานิ ทฺเว ชงฺฆฏฺิกานิ เอกํ ชณฺณุกฏฺิ เอกํ อูรุฏฺิ ทฺเว กฏิฏฺีนิ อฏฺารส ปิฏฺิกณฺฏกฏฺีนิ จตุวีสติ ผาสุกฏฺีนิ จุทฺทส อุรฏฺีนิ เอกํ หทยฏฺิ ทฺเว อกฺขกฏฺีนิ ทฺเว ปิฏฺิพาหฏฺีนิ ทฺเว พาหฏฺีนิ ทฺเว ทฺเว อคฺคพาหฏฺีนิ สตฺต คีวฏฺีนิ ทฺเว หนุกฏฺีนิ เอกํ นาสิกฏฺิ ทฺเว อกฺขิฏฺีนิ ทฺเว กณฺณฏฺีนิ เอกํ นลาฏฏฺิ เอกํ มุทฺธฏฺิ นว สีสกปาลฏฺีนีติ เอวมาทินา นเยน วุตฺตปฺปเภทานิ อฏฺีนิ สพฺพาเนว วณฺณโต เสตานีติ ววตฺถเปติ.
สณฺานโต นานาสณฺานานิ. ตถา หิ ตตฺถ อคฺคปาทงฺคุลิยฏฺีนิ กตกพีชสณฺานานิ, ตทนนฺตรานิ องฺคุลีนํ มชฺฌปพฺพฏฺีนิ อปริปุณฺณปนสฏฺิสณฺานานิ, มูลปพฺพฏฺีนิ ปณวสณฺานานิ, โมรสกลิสณฺานานีติปิ เอเก. ปิฏฺิปาทฏฺีนิ โกฏฺฏิตกนฺทลกนฺทราสิสณฺานานิ ปณฺหิกฏฺีนิ เอกฏฺิตาลผลพีชสณฺานานิ, โคปฺผกฏฺีนิ เอกโตพทฺธกีฬาโคฬกสณฺานานิ, ชงฺฆฏฺิเกสุ ขุทฺทกํ ธนุทณฺฑสณฺานํ, มหนฺตํ ขุปฺปิปาสามิลาตธมนิปิฏฺิสณฺานํ, ชงฺฆฏฺิกสฺส โคปฺผกฏฺิเกสุ ปติฏฺิตฏฺานํ อปนีตตจขชฺชูรีกฬีรสณฺานํ, ชงฺฆฏฺิกสฺส ชณฺณุกฏฺิเก ปติฏฺิตฏฺานํ มุทิงฺคมตฺถกสณฺานํ ชณฺณุกฏฺิ เอกปสฺสโต ฆฏฺฏิตเผณสณฺานํ, อูรุฏฺีนิ ทุตฺตจฺฉิตวาสิผรสุทณฺฑสณฺานานิ, อูรุฏฺิกสฺส กฏฏฺิเก ปติฏฺิตฏฺานํ สุวณฺณการานํ อคฺคิชาลนกสลากาพุนฺทิสณฺานํ ¶ , ตปฺปติฏฺิโตกาโส อคฺคจฺฉินฺนปุนฺนาคผลสณฺาโน, กฏิฏฺีนิ ทฺเวปิ เอกาพทฺธานิ หุตฺวา กุมฺภกาเรหิ กตจุลฺลิสณฺานานิ, ตาปสภิสิกาสณฺานานีติปิ เอเก. อานิสทฏฺีนิ เหฏฺามุขปิตสปฺปผณสณฺานานิ, สตฺตฏฺฏฺาเนสุ ฉิทฺทาวฉิทฺทานิ อฏฺารส ปิฏฺิกณฺฏกฏฺีนิ อพฺภนฺตรโต อุปรูปริ ปิตสีสกปฏฺฏเวกสณฺานานิ, พาหิรโต วฏฺฏนาวลิสณฺานานิ, เตสํ อนฺตรนฺตรา กกจทนฺตสทิสานิ ทฺเว ตีณิ กณฺฏกานิ โหนฺติ, จตุวีสติยา ¶ ผาสุกฏฺีสุ ปริปุณฺณานิ ปริปุณฺณสีหฬทาตฺตสณฺานานิ ¶ , อปริปุณฺณานิ อปริปุณฺณสีหฬทาตฺตสณฺานานิ, สพฺพาเนว โอทาตกุกฺกุฏสฺส ปสาริตปกฺขทฺวยสณฺานานีติปิ เอเก. จุทฺทส อุรฏฺีนิ ชิณฺณสนฺทมานิกผลกปนฺติสณฺานานิ, หทยฏฺิ ทพฺพิผณสณฺานํ, อกฺขกฏฺีนิ ขุทฺทกโลหวาสิทณฺฑสณฺานานิ, เตสํ เหฏฺา อฏฺิ อทฺธจนฺทสณฺานํ, ปิฏฺิพาหฏฺีนิ ผรสุผณสณฺานานิ, อุปฑฺฒจฺฉินฺนสีหฬกุทาลสณฺานานีติปิ เอเก. พาหฏฺีนิ อาทาสทณฺฑสณฺานานิ, มหาวาสิทณฺฑสณฺานานีติปิ เอเก. อคฺคพาหฏฺีนิ ยมกตาลกนฺทสณฺานานิ, มณิพนฺธฏฺีนิ เอกโต อลฺลิยาเปตฺวา ปิตสีสกปฏฺฏเวกสณฺานานิ, ปิฏฺิหตฺถฏฺีนิ โกฏฺฏิตกนฺทลกนฺทราสิสณฺานานิ, หตฺถงฺคุลิมูลปพฺพฏฺีนิ ปณวสณฺานานิ, มชฺฌปพฺพฏฺีนิ อปริปุณฺณปนสฏฺิสณฺานานิ, อคฺคปพฺพฏฺีนิ กตกพีชสณฺานานิ, สตฺต คีวฏฺีนิ ทณฺเฑ วิชฺฌิตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิตวํสกฬีรขณฺฑสณฺานานิ, เหฏฺิมหนุกฏฺิ กมฺมารานํ อโยกูฏโยตฺตกสณฺานํ, อุปริมหนุกฏฺิ อวเลขนสตฺถกสณฺานํ, อกฺขินาสกูปฏฺีนิ อปนีตมิฺชตรุณตาลฏฺิสณฺานานิ ¶ , นลาฏฏฺิ อโธมุขปิตภินฺนสงฺขกปาลสณฺานํ, กณฺณจูฬิกฏฺีนิ นฺหาปิตขุรโกสสณฺานานิ, นลาฏกณฺณจูฬิกานํ อุปริ ปฏฺฏพนฺธโนกาเส อฏฺิพหลฆฏปุณฺณปฏปิโลติกขณฺฑสณฺานํ, มุทฺธนฏฺิ มุขจฺฉินฺนวงฺกนาฬิเกรสณฺานํ, สีสฏฺีนิ สิพฺเพตฺวา ปิตชชฺชราลาพุกฏาหสณฺานานีติ. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตานิ.
โอกาสโต อวิเสเสน สกลสรีเร ิตานิ, วิเสเสน ตุ สีสฏฺีนิ คีวฏฺิเกสุ ปติฏฺิตานิ, คีวฏฺีนิ ปิฏฺิกณฺฏกฏฺีสุ ปติฏฺิตานิ, ปิฏฺิกณฺฏกฏฺีนิ กฏิฏฺีสุ ปติฏฺิตานิ, กฏิฏฺีนิ อูรุฏฺิเกสุ ปติฏฺิตานิ, อุรุฏฺีนิ ชณฺณุกฏฺิเกสุ, ชณฺณุกฏฺีนิ ชงฺฆฏฺิเกสุ, ชงฺฆฏฺีนิ โคปฺผกฏฺิเกสุ, โคปฺผกฏฺีนิ ปิฏฺิปาทฏฺิเกสุ ปติฏฺิตานิ, ปิฏฺิปาทฏฺิกานิ จ โคปฺผกฏฺีนิ อุกฺขิปิตฺวา ิตานิ, โคปฺผกฏฺีนิ ชงฺฆฏฺีนิ…เป… คีวฏฺีนิ สีสฏฺีนิ อุกฺขิปิตฺวา ิตานีติ เอเตนานุสาเรน อวเสสานิปิ อฏฺีนิ เวทิตพฺพานิ.
ตตฺถ ยถา อิฏฺกโคปานสิจยาทีสุ น อุปริมา อิฏฺกาทโย ชานนฺติ ‘‘มยํ เหฏฺิเมสุ ปติฏฺิตา’’ติ, นปิ เหฏฺิมา ชานนฺติ ‘‘มยํ อุปริมานิ อุกฺขิปิตฺวา ิตา’’ติ; เอวเมว น สีสฏฺิกานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ คีวฏฺิเกสุ ¶ ปติฏฺิตานี’’ติ…เป… น โคปฺผกฏฺิกานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ ปิฏฺิปาทฏฺิเกสุ ปติฏฺิตานี’’ติ, นปิ ปิฏฺิปาทฏฺิกานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ โคปฺผกฏฺีนิ อุกฺขิปิตฺวา ิตานี’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. เกวลํ ตุ อิมานิ สาธิกานิ ตีณิ อฏฺิสตานิ นวหิ นฺหารุสเตหิ นวหิ จ ¶ มํสเปสิสเตหิ อาพทฺธานุลิตฺตานิ, เอกฆนจมฺมปริโยนทฺธานิ, สตฺตรสหรณีสหสฺสานุคตสิเนหสิเนหิตานิ, นวนวุติโลมกูปสหสฺสปริสฺสวมานเสทชลฺลิกานิ อสีติกิมิกุลานิ, กาโยตฺเวว สงฺขฺยํ คตานิ, ยํ สภาวโต อุปปริกฺขนฺโต โยคาวจโร น กิฺจิ คยฺหูปคํ ปสฺสติ, เกวลํ ตุ นฺหารุสมฺพนฺธํ นานากุณปสงฺกิณฺณํ ¶ อฏฺิสงฺฆาฏเมว ปสฺสติ. ยํ ทิสฺวา ทสพลสฺส ปุตฺตภาวํ อุเปติ. ยถาห –
‘‘ปฏิปาฏิยฏฺีนิ ิตานิ โกฏิยา,
อเนกสนฺธิยมิโต น เกหิจิ;
พทฺโธ นหารูหิ ชราย โจทิโต,
อเจตโน กฏฺกลิงฺครูปโม.
‘‘กุณปํ กุณเป ชาตํ, อสุจิมฺหิ จ ปูตินิ;
ทุคฺคนฺเธ จาปิ ทุคฺคนฺธํ, เภทนมฺหิ จ วยธมฺมํ.
‘‘อฏฺิปุเฏ อฏฺิปุโฏ, นิพฺพตฺโต ปูตินิ ปูติกายมฺหิ;
ตมฺหิ จ วิเนถ ฉนฺทํ, เหสฺสถ ปุตฺตา ทสพลสฺสา’’ติ จ.
ปริจฺเฉทโต อนฺโต อฏฺิมิฺเชน อุปริโต มํเสน อคฺเค มูเล จ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนานีติ ววตฺถเปติ. อยเมเตสํ สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อฏฺีนิ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีเร ยถาวุตฺตปฺปเภทานํ อฏฺีนํ อพฺภนฺตรคตํ อฏฺิมิฺชํ วณฺณโต เสตนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต อตฺตโน โอกาสสณฺานนฺติ. เสยฺยถิทํ – มหนฺตมหนฺตานํ อฏฺีนํ อพฺภนฺตรคตํ เสเทตฺวา วฏฺเฏตฺวา มหนฺเตสุ วํสนฬกปพฺเพสุ ปกฺขิตฺตมหาเวตฺตงฺกุรสณฺานํ, ขุทฺทานุขุทฺทกานํ ¶ อพฺภนฺตรคตํ เสเทตฺวา วฏฺเฏตฺวา ขุทฺทานุขุทฺทเกสุ วํสนฬกปพฺเพสุ ปกฺขิตฺตตนุเวตฺตงฺกุรสณฺานนฺติ. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํ. โอกาสโต อฏฺีนํ อพฺภนฺตเร ปติฏฺิตนฺติ.
ตตฺถ ยถา เวฬุนฬกาทีนํ อนฺโตคตานิ ทธิผาณิตานิ น ชานนฺติ ‘‘มยํ เวฬุนฬกาทีนํ อนฺโตคตานี’’ติ, นปิ เวฬุนฬกาทโย ชานนฺติ ‘‘ทธิผาณิตานิ อมฺหากํ อนฺโตคตานี’’ติ; เอวเมว น อฏฺิมิฺชํ ชานาติ ‘‘อหํ อฏฺีนํ อนฺโตคต’’นฺติ, นปิ อฏฺีนิ ¶ ชานนฺติ ‘‘อฏฺิมิฺชํ อมฺหากํ อนฺโตคต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต อฏฺีนํ อพฺภนฺตรตเลหิ ¶ อฏฺิมิฺชภาเคน จ ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อฏฺิมิฺชํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีรสฺส อพฺภนฺตเร ทฺวิโคฬกปฺปเภทํ วกฺกํ วณฺณโต มนฺทรตฺตํ ปาฬิภทฺทกฏฺิวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต คามทารกานํ สุตฺตาวุตกีฬาโคฬกสณฺานํ, เอกวณฺฏสหการทฺวยสณฺานนฺติปิ เอเก. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํ. โอกาสโต คลวาฏกา วินิกฺขนฺเตน เอกมูเลน โถกํ คนฺตฺวา ทฺวิธา ภินฺเนน ถูลนฺหารุนา วินิพทฺธํ หุตฺวา หทยมํสํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตนฺติ.
ตตฺถ ยถา วณฺฏูปนิพทฺธํ สหการทฺวยํ น ชานาติ ‘‘อหํ วณฺเฏน อุปนิพทฺธ’’นฺติ, นปิ วณฺฏํ ชานาติ ‘‘มยา สหการทฺวยํ อุปนิพทฺธ’’นฺติ; เอวเมว น วกฺกํ ชานาติ ‘‘อหํ ถูลนฺหารุนา อุปนิพทฺธ’’นฺติ, นปิ ถูลนฺหารุ ชานาติ ‘‘มยา วกฺกํ อุปนิพทฺธ’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต วกฺกํ วกฺกภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ วกฺกํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีรสฺส อพฺภนฺตเร หทยํ วณฺณโต รตฺตํ รตฺตปทุมปตฺตปิฏฺิวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต พาหิรปตฺตานิ อปเนตฺวา อโธมุขปิตปทุมมกุฬสณฺานํ, ตฺจ อคฺคจฺฉินฺนปุนฺนาคผลมิว วิวเฏกปสฺสํ พหิ มฏฺํ อนฺโต โกสาตกีผลสฺส อพฺภนฺตรสทิสํ. ปฺาพหุลานํ โถกํ ¶ วิกสิตํ, มนฺทปฺานํ มกุฬิตเมว. ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ ปวตฺตนฺติ, ตํ อปเนตฺวา อวเสสมํสปิณฺฑสงฺขาตหทยพฺภนฺตเร อทฺธปสตมตฺตํ ¶ โลหิตํ สณฺาติ, ตํ ราคจริตสฺส รตฺตํ, โทสจริตสฺส กาฬกํ, โมหจริตสฺส มํสโธวโนทกสทิสํ, วิตกฺกจริตสฺส กุลตฺถยูสวณฺณํ, สทฺธาจริตสฺส กณิการปุปฺผวณฺณํ, ปฺาจริตสฺส อจฺฉํ วิปฺปสนฺนมนาวิลํ, นิทฺโธตชาติมณิ วิย ชุติมนฺตํ ขายติ. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํ. โอกาสโต สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานํ มชฺเฌ ปติฏฺิตนฺติ.
ตตฺถ ยถา ทฺวินฺนํ วาตปานกวาฏกานํ มชฺเฌ ิโต อคฺคฬตฺถมฺภโก น ชานาติ ‘‘อหํ ทฺวินฺนํ ¶ วาตปานกวาฏกานํ มชฺเฌ ิโต’’ติ, นปิ วาตปานกวาฏกานิ ชานนฺติ ‘‘อมฺหากํ มชฺเฌ อคฺคฬตฺถมฺภโก ิโต’’ติ; เอวเมวํ น หทยํ ชานาติ ‘‘อหํ ทฺวินฺนํ ถนานํ มชฺเฌ ิต’’นฺติ, นปิ ถนานิ ชานนฺติ ‘‘หทยํ อมฺหากํ มชฺเฌ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต หทยํ หทยภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ หทยํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีรสฺส อพฺภนฺตเร ยกนสฺิตํ ยมกมํสปิณฺฑํ วณฺณโต รตฺตํ รตฺตกุมุทพาหิรปตฺตปิฏฺิวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต เอกมูลํ หุตฺวา อคฺเค ยมกํ โกวิฬารปตฺตสณฺานํ, ตฺจ ทนฺธานํ เอกํเยว โหติ มหนฺตํ, ปฺวนฺตานํ ทฺเว วา ตีณิ วา ขุทฺทกานีติ. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํ. โอกาสโต ทฺวินฺนํ ถนานํ อพฺภนฺตเร ทกฺขิณปสฺสํ นิสฺสาย ิตนฺติ.
ตตฺถ ยถา ปิรกปสฺเส ลคฺคา มํสเปสิ น ชานาติ ‘‘อหํ ปิรกปสฺเส ลคฺคา’’ติ, นปิ ปิรกปสฺสํ ชานาติ ‘‘มยิ มํสเปสิ ลคฺคา’’ติ; เอวเมว น ยกนํ ชานาติ ‘‘อหํ ทฺวินฺนํ ถนานํ อพฺภนฺตเร ทกฺขิณปสฺสํ นิสฺสาย ิต’’นฺติ, นปิ ถนานํ อพฺภนฺตเร ทกฺขิณปสฺสํ ชานาติ ‘‘มํ นิสฺสาย ยกนํ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต ปน ยกนํ ยกนภาเคน ¶ ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ ¶ . อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ยกนํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีเร ปฏิจฺฉนฺนาปฏิจฺฉนฺนเภทโต ทุวิธํ กิโลมกํ วณฺณโต เสตํ ทุกูลปิโลติกวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต อตฺตโน โอกาสสณฺานํ. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํ. โอกาสโต ปฏิจฺฉนฺนกิโลมกํ หทยฺจ วกฺกฺจ ปริวาเรตฺวา, อปฺปฏิจฺฉนฺนกิโลมกํ สกลสรีเร จมฺมสฺส เหฏฺโต มํสํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตนฺติ.
ตตฺถ ยถา ปิโลติกาย ปลิเวิเต มํเส น ปิโลติกา ชานาติ ‘‘มยา มํสํ ปลิเวิต’’นฺติ, นปิ มํสํ ชานาติ ‘‘อหํ ปิโลติกาย ปลิเวิต’’นฺติ; เอวเมว น กิโลมกํ ชานาติ ‘‘มยา หทยวกฺกานิ สกลสรีเร จ จมฺมสฺส เหฏฺโต มํสํ ปลิเวิต’’นฺติ. นปิ หทยวกฺกานิ สกลสรีเร จ มํสํ ชานาติ ‘‘อหํ กิโลมเกน ปลิเวิต’’นฺติ ¶ . อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต เหฏฺา มํเสน อุปริ จมฺเมน ติริยํ กิโลมกภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ กิโลมกํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีรสฺส อพฺภนฺตเร ปิหกํ วณฺณโต นีลํ มีลาตนิคฺคุณฺฑีปุปฺผวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต เยภุยฺเยน สตฺตงฺคุลปฺปมาณํ อพนฺธนํ กาฬวจฺฉกชิวฺหาสณฺานํ. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํ. โอกาสโต หทยสฺส วามปสฺเส อุทรปฏลสฺส มตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ิตํ, ยมฺหิ ปหรณปหาเรน พหิ นิกฺขนฺเต สตฺตานํ ชีวิตกฺขโย โหตีติ.
ตตฺถ ยถา โกฏฺกมตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ิตา น โคมยปิณฺฑิ ชานาติ ‘‘อหํ โกฏฺกมตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ิตา’’ติ, นปิ โกฏฺกมตฺถกปสฺสํ ชานาติ ‘‘โคมยปิณฺฑิ มํ นิสฺสาย ิตา’’ติ; เอวเมว น ปิหกํ ชานาติ ‘‘อหํ อุทรปฏลสฺส มตฺถกปสฺสํ นิสฺสาย ิต’’นฺติ, นปิ อุทรปฏลสฺส มตฺถกปสฺสํ ชานาติ ‘‘ปิหกํ มํ นิสฺสาย ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต ¶ ปิหกํ ปิหกภาเคน ¶ ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ปิหกํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีรสฺส อพฺภนฺตเร ทฺวตฺตึสมํสขณฺฑปฺปเภทํ ปปฺผาสํ วณฺณโต รตฺตํ นาติปริปกฺกอุทุมฺพรวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต วิสมจฺฉินฺนปูวสณฺานํ, ฉทนิฏฺกขณฺฑปฺุชสณฺานนฺติปิ เอเก. ตเทตํ อพฺภนฺตเร อสิตปีตาทีนํ อภาเว อุคฺคเตน กมฺมชเตชุสฺมนา อพฺภาหตตฺตา สงฺขาทิตปลาลปิณฺฑมิว นิรสํ นิโรชํ โหติ. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํ. โอกาสโต สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานํ อพฺภนฺตเร หทยฺจ ยกนฺจ อุปริ ฉาเทตฺวา โอลมฺพนฺตํ ิตนฺติ.
ตตฺถ ยถา ชิณฺณโกฏฺพฺภนฺตเร ลมฺพมาโน สกุณกุลาวโก น ชานาติ ‘‘อหํ ชิณฺณโกฏฺพฺภนฺตเร ลมฺพมาโน ิโต’’ติ, นปิ ชิณฺณโกฏฺพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘‘สกุณกุลาวโก มยิ ลมฺพมาโน ิโต’’ติ; เอวเมว น ปปฺผาสํ ชานาติ ‘‘อหํ สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานํ อนฺตเร ลมฺพมานํ ิต’’นฺติ, นปิ สรีรพฺภนฺตเร ทฺวินฺนํ ถนานํ อนฺตรํ ชานาติ ‘‘มยิ ปปฺผาสํ ลมฺพมานํ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต ¶ ปปฺผาสํ ปปฺผาสภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ปปฺผาสํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ อนฺโตสรีเร ปุริสสฺส ทฺวตฺตึสหตฺถํ, อิตฺถิยา อฏฺวีสติหตฺถํ, เอกวีสติยา าเนสุ โอภคฺคํ อนฺตํ วณฺณโต เสตํ สกฺขรสุธาวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต สีสํ ฉินฺทิตฺวา โลหิตโทณิยํ สํเวลฺเลตฺวา ปิตธมฺมนิสณฺานํ. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํ. โอกาสโต อุปริ คลวาฏเก เหฏฺา จ กรีสมคฺเค วินิพนฺธตฺตา คลวาฏกกรีสมคฺคปริยนฺเต สรีรพฺภนฺตเร ¶ ิตนฺติ.
ตตฺถ ยถา โลหิตโทณิยํ ปิตํ ฉินฺนสีสํ ธมฺมนิกเฬวรํ น ชานาติ ‘‘อหํ โลหิตโทณิยํ ิต’’นฺติ, นปิ โลหิตโทณิ ชานาติ ‘‘มยิ ฉินฺนสีสํ ธมฺมนิกเฬวรํ ิต’’นฺติ; เอวเมว น อนฺตํ ชานาติ ‘‘อหํ สรีรพฺภนฺตเร ิต’’นฺติ, นปิ สรีรพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘‘มยิ อนฺตํ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา ¶ หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต อนฺตํ อนฺตภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อนฺตํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ อนฺโตสรีเร อนฺตนฺตเร อนฺตคุณํ วณฺณโต เสตํ ทกสีตลิกมูลวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต ทกสีตลิกมูลสณฺานเมวาติ, โคมุตฺตสณฺานนฺติปิ เอเก. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํ. โอกาสโต กุทาลผรสุกมฺมาทีนิ กโรนฺตานํ ยนฺตากฑฺฒนกาเล ยนฺตสุตฺตกมิว ยนฺตผลกานิ อนฺตโภเค เอกโต อคฺคฬนฺเต อาพนฺธิตฺวา ปาทปฺุฉนรชฺชุมณฺฑลกสฺส อนฺตรา ตํ สิพฺพิตฺวา ิตรชฺชุกา วิย เอกวีสติยา อนฺตโภคานํ อนฺตรา ิตนฺติ.
ตตฺถ ยถา ปาทปฺุฉนรชฺชุมณฺฑลกํ สิพฺพิตฺวา ิตรชฺชุกา น ชานาติ ‘‘มยา ปาทปฺุฉนรชฺชุมณฺฑลกํ สิพฺพิต’’นฺติ, นปิ ปาทปฺุฉนรชฺชุมณฺฑลกํ ชานาติ ‘‘รชฺชุกา มํ สิพฺพิตฺวา ิตา’’ติ, เอวเมว อนฺตคุณํ น ชานาติ ‘‘อหํ อนฺตํ เอกวีสติโภคพฺภนฺตเร อาพนฺธิตฺวา ิต’’นฺติ, นปิ อนฺตํ ชานาติ ‘‘อนฺตคุณํ มํ อาพนฺธิตฺวา ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต อนฺตคุณํ อนฺตคุณภาเคน ¶ ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อนฺตคุณํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ อนฺโตสรีเร อุทริยํ วณฺณโต อชฺโฌหฏาหารวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต ปริสฺสาวเน สิถิลพทฺธตณฺฑุลสณฺานํ. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํ. โอกาสโต อุทเร ิตนฺติ ¶ . อุทรํ นาม อุภโต นิปฺปีฬิยมานสฺส อลฺลสาฏกสฺส มชฺเฌ สฺชาตโผฏกสทิสํ อนฺตปฏลํ, พหิ มฏฺํ, อนฺโต มํสกสมฺพุปลิเวิตํ, กิลิฏฺปาวารปุปฺผสทิสํ, กุถิตปนสผลสฺส อพฺภนฺตรสทิสนฺติปิ เอเก. ตตฺถ ตกฺโกลกา คณฺฑุปฺปาทกาตาลหีรกาสูจิมุขกาปฏตนฺตุสุตฺตกาติ เอวมาทิทฺวตฺตึสกุลปฺปเภทา กิมโย อากุลพฺยากุลา สณฺฑสณฺฑจาริโน หุตฺวา นิวสนฺติ, เย ปานโภชนาทิมฺหิ อวิชฺชมาเน อุลฺลงฺฆิตฺวา วิรวนฺตา ¶ หทยมํสํ อภิตุทนฺติ ปานโภชนาทีนิ อชฺโฌหรณเวลายฺจ อุทฺธํมุขา หุตฺวา ปมชฺโฌหเฏ ทฺเว ตโย อาโลเป ตุริตตุริตา วิลุมฺปนฺติ. ยํ เอเตสํ กิมีนํ ปสูติฆรํ วจฺจกุฏิ คิลานสาลา สุสานฺจ โหติ, ยตฺถ เสยฺยถาปิ นาม จณฺฑาลคามทฺวาเร จนฺทนิกาย สรทสมเย ถูลผุสิตเก เทเว วสฺสนฺเต อุทเกน อาวูฬฺหํ มุตฺตกรีสจมฺมฏฺินฺหารุขณฺฑเขฬสิงฺฆาณิกาโลหิตปฺปภุตินานากุณปชาตํ นิปติตฺวา กทฺทโมทกาลุฬิตํ สฺชาตกิมิกุลากุลํ หุตฺวา ทฺวีหตีหจฺจเยน สูริยาตปสนฺตาปเวคกุถิตํ อุปริ เผณปุปฺผุฬเก มฺุจนฺตํ อภินีลวณฺณํ ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉํ อุปคนฺตุํ วา ทฏฺุํ วา อนรหรูปตํ อาปชฺชิตฺวา ติฏฺติ, ปเคว ฆายิตุํ วา สายิตุํ วา; เอวเมว นานปฺปการปานโภชนาทิ ทนฺตมุสลสํจุณฺณิตํ ชิวฺหาหตฺถสมฺปริวตฺติตํ เขฬลาลาปลิพุทฺธํ ตงฺขณวิคตวณฺณคนฺธรสาทิสมฺปทํ โกลิยขลิสุวานวมถุสทิสํ นิปติตฺวา ปิตฺตเสมฺหวาตปลิเวิตํ หุตฺวา อุทรคฺคิสนฺตาปเวคกุถิตํ กิมิกุลากุลํ อุปรูปริ เผณปุปฺผุฬกานิ มฺุจนฺตํ ปรมกสมฺพุทุคฺคนฺธเชคุจฺฉภาวมาปชฺชิตฺวา ติฏฺติ. ยํ สุตฺวาปิ ¶ ปานโภชนาทีสุ อมนฺุตา สณฺาติ, ปเคว ปฺาจกฺขุนา โอโลเกตฺวา. ยตฺถ จ ปติตํ ปานโภชนาทิ ปฺจธา วิเวกํ คจฺฉติ, เอกํ ภาคํ ปาณกา ขาทนฺติ, เอกํ ภาคํ อุทรคฺคิ ฌาเปติ, เอโก ภาโค มุตฺตํ โหติ, เอโก ภาโค กรีสํ โหติ, เอโก ภาโค รสภาวํ อาปชฺชิตฺวา โสณิตมํสาทีนิ อุปพฺรูหยตีติ.
ตตฺถ ยถา ปรมเชคุจฺฉาย สุวานโทณิยา ิโต สุวานวมถุ น ชานาติ ‘‘อหํ สุวานโทณิยา ิโต’’ติ; นปิ สุวานโทณิ ชานาติ ‘‘มยิ สุวานวมถุ ิโต’’ติ. เอวเมว น อุทริยํ ชานาติ ‘‘อหํ อิมสฺมึ ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺเฉ อุทเร ิต’’นฺติ; นปิ อุทรํ ชานาติ ‘‘มยิ อุทริยํ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ ¶ . ปริจฺเฉทโต อุทริยํ อุทริยภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อุทริยํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ¶ ปรํ อนฺโตสรีเร กรีสํ วณฺณโต เยภุยฺเยน อชฺโฌหฏาหารวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต โอกาสสณฺานํ, ทิสโต เหฏฺิมาย ทิสาย ชาตํ, โอกาสโต ปกฺกาสเย ิตนฺติ. ปกฺกาสโย นาม เหฏฺา นาภิปิฏฺิกณฺฏกมูลานํ อนฺตเร อนฺตาวสาเน อุพฺเพเธน อฏฺงฺคุลมตฺโต วํสนฬกพฺภนฺตรสทิโส ปเทโส, ยตฺถ เสยฺยถาปิ นาม อุปริภูมิภาเค ปติตํ วสฺโสทกํ โอคฬิตฺวา เหฏฺาภูมิภาคํ ปูเรตฺวา ติฏฺติ, เอวเมว ยํกิฺจิ อามาสเย ปติตํ ปานโภชนาทิกํ อุทรคฺคินา เผณุทฺเทหกํ ปกฺกํ ปกฺกํ สณฺหกรณิยา ปิฏฺมิว สณฺหภาวํ อาปชฺชิตฺวา อนฺตพิเลน โอคฬิตฺวา โอมทฺทิตฺวา วํสนฬเก ปกฺขิตฺตปณฺฑุมตฺติกา วิย สนฺนิจิตํ หุตฺวา ติฏฺติ.
ตตฺถ ยถา วํสนฬเก โอมทฺทิตฺวา ปกฺขิตฺตปณฺฑุมตฺติกา น ชานาติ ‘‘อหํ วํสนฬเก ิตา’’ติ, นปิ วํสนฬโก ชานาติ ‘‘มยิ ปณฺฑุมตฺติกา ิตา’’ติ; เอวเมว น กรีสํ ชานาติ ¶ ‘‘อหํ ปกฺกาสเย ิต’’นฺติ, นปิ ปกฺกาสโย ชานาติ ‘‘มยิ กรีสํ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต กรีสํ กรีสภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ กรีสํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีเร สีสกฏาหพฺภนฺตเร มตฺถลุงฺคํ วณฺณโต เสตํ อหิฉตฺตกปิณฺฑิวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. ปกฺกุถิตทุทฺธวณฺณนฺติปิ เอเก. สณฺานโต โอกาสสณฺานํ. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํ. โอกาสโต สีสกฏาหสฺส อพฺภนฺตเร จตฺตาโร สิพฺพินิมคฺเค นิสฺสาย สโมธาย ปิตา จตฺตาโร ปิฏฺปิณฺฑิกา วิย สโมหิตํ จตุมตฺถลุงฺคปิณฺฑปฺปเภทํ หุตฺวา ิตนฺติ.
ตตฺถ ยถา ปุราณลาพุกฏาเห ปกฺขิตฺตปิฏฺปิณฺฑิ ปกฺกุถิตทุทฺธํ วา น ชานาติ ‘‘อหํ ปุราณลาพุกฏาเห ิต’’นฺติ, นปิ ปุราณลาพุกฏาหํ ชานาติ ‘‘มยิ ปิฏฺปิณฺฑิ ปกฺกุถิตทุทฺธํ วา ิต’’นฺติ; เอวเมว น มตฺถลุงฺคํ ชานาติ ‘‘อหํ สีสกฏาหพฺภนฺตเร ิต’’นฺติ, นปิ สีสกฏาหพฺภนฺตรํ ชานาติ ‘‘มยิ มตฺถลุงฺคํ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต มตฺถลุงฺคํ มตฺถลุงฺคภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส ¶ สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ มตฺถลุงฺคํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ¶ ปรํ สรีเร พทฺธาพทฺธเภทโต ทุวิธมฺปิ ปิตฺตํ วณฺณโต พหลมธุกเตลวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. อพทฺธปิตฺตํ มิลาตพกุลปุปฺผวณฺณนฺติปิ เอเก. สณฺานโต โอกาสสณฺานํ. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตํ. โอกาสโต อพทฺธปิตฺตํ เกสโลมนขทนฺตานํ มํสวินิมุตฺตฏฺานํ ถทฺธสุกฺขจมฺมฺจ วชฺเชตฺวา อุทกมิว เตลพินฺทุ อวเสสสรีรํ พฺยาเปตฺวา ิตํ, ยมฺหิ กุปิเต อกฺขีนิ ปีตกานิ โหนฺติ ภมนฺติ, คตฺตํ กมฺปติ กณฺฑูยติ. พทฺธปิตฺตํ หทยปปฺผาสานมนฺตเร ¶ ยกนมํสํ นิสฺสาย ปติฏฺิเต มหาโกสาตกิโกสกสทิเส ปิตฺตโกสเก ิตํ, ยมฺหิ กุปิเต สตฺตา อุมฺมตฺตกา โหนฺติ, วิปลฺลตฺถจิตฺตา หิโรตฺตปฺปํ ฉฑฺเฑตฺวา อกตฺตพฺพํ กโรนฺติ, อภาสิตพฺพํ ภาสนฺติ, อจินฺติตพฺพํ จินฺเตนฺติ.
ตตฺถ ยถา อุทกํ พฺยาเปตฺวา ิตํ เตลํ น ชานาติ ‘‘อหํ อุทกํ พฺยาเปตฺวา ิต’’นฺติ, นปิ อุทกํ ชานาติ ‘‘เตลํ มํ พฺยาเปตฺวา ิต’’นฺติ; เอวเมว น อพทฺธปิตฺตํ ชานาติ ‘‘อหํ สรีรํ พฺยาเปตฺวา ิต’’นฺติ, นปิ สรีรํ ชานาติ ‘‘อพทฺธปิตฺตํ มํ พฺยาเปตฺวา ิต’’นฺติ. ยถา จ โกสาตกิโกสเก ิตํ วสฺโสทกํ น ชานาติ ‘‘อหํ โกสาตกิโกสเก ิต’’นฺติ, นปิ โกสาตกิโกสโก ชานาติ ‘‘มยิ วสฺโสทกํ ิต’’นฺติ; เอวเมว น พทฺธปิตฺตํ ชานาติ ‘‘อหํ ปิตฺตโกสเก ิต’’นฺติ, นปิ ปิตฺตโกสโก ชานาติ ‘‘มยิ พทฺธปิตฺตํ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต ปิตฺตํ ปิตฺตภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ปิตฺตํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีรพฺภนฺตเร เอกปตฺตปูรปฺปมาณํ เสมฺหํ วณฺณโต เสตํ กจฺฉกปณฺณรสวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต โอกาสสณฺานํ. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํ. โอกาสโต อุทรปฏเล ิตนฺติ. ยํ ¶ ปานโภชนาทิอชฺโฌหรณกาเล เสยฺยถาปิ นาม อุทเก เสวาลปณกํ กฏฺเ วา กถเล วา ปตนฺเต ฉิชฺชิตฺวา ทฺวิธา หุตฺวา ปุน อชฺโฌตฺถริตฺวา ติฏฺติ, เอวเมว ปานโภชนาทิมฺหิ นิปตนฺเต ฉิชฺชิตฺวา ทฺวิธา หุตฺวา ปุน อชฺโฌตฺถริตฺวา ติฏฺติ, ยมฺหิ จ มนฺทีภูเต ปกฺกมิว คณฺฑํ ปูติกมิว กุกฺกุฏณฺฑํ อุทรปฏลํ ปรมเชคุจฺฉกุณปคนฺธํ โหติ. ตโต อุคฺคเตน จ คนฺเธน อุคฺคาโรปิ มุขมฺปิ ทุคฺคนฺธํ ปูติกุณปสทิสํ โหติ, โส จ ปุริโส ‘‘อเปหิ ¶ ทุคฺคนฺธํ วายสี’’ติ วตฺตพฺพตํ ¶ อาปชฺชติ, ยฺจ อภิวฑฺฒิตํ พหลตฺตมาปนฺนํ ปฏิกุชฺชนผลกมิว วจฺจกุฏิยา อุทรปฏลพฺภนฺตเร เอว กุณปคนฺธํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ติฏฺติ.
ตตฺถ ยถา จนฺทนิกาย อุปริเผณปฏลํ น ชานาติ ‘‘อหํ จนฺทนิกาย ิต’’นฺติ, นปิ จนฺทนิกา ชานาติ ‘‘มยิ เผณปฏลํ ิต’’นฺติ; เอวเมว น เสมฺหํ ชานาติ ‘‘อหํ อุทรปฏเล ิต’’นฺติ, นปิ อุทรปฏลํ ชานาติ ‘‘มยิ เสมฺหํ ิตนฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต เสมฺหํ เสมฺหภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ เสมฺหํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีเร ปุพฺโพ วณฺณโต ปณฺฑุปลาสวณฺโณติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต โอกาสสณฺาโน. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโต. โอกาสโต ปุพฺพสฺส โอกาโส นาม นิพทฺโธ นตฺถิ. ยตฺถ ปุพฺโพ สนฺนิจิโต ติฏฺเยฺย, ยตฺร ยตฺร ขาณุกณฺฏกปฺปหรณคฺคิชาลาทีหิ อภิหเต สรีรปฺปเทเส โลหิตํ สณฺหิตฺวา ปจฺจติ, คณฺฑปิฬกาทโย วา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺร ตตฺร ติฏฺติ.
ตตฺถ ยถา รุกฺขสฺส ตตฺถ ตตฺถ ผรสุธาราทีหิ ปหตปฺปเทเส อวคฬิตฺวา ิโต นิยฺยาโส น ชานาติ ‘‘อหํ รุกฺขสฺส ปหตปฺปเทเส ิโต’’ติ, นปิ รุกฺขสฺส ปหตปฺปเทโส ชานาติ ‘‘มยิ นิยฺยาโส ิโต’’ติ; เอวเมว น ปุพฺโพ ชานาติ ‘‘อหํ สรีรสฺส ตตฺถ ตตฺถ ขาณุกณฺฏกาทีหิ อภิหตปฺปเทเส คณฺฑปิฬกาทีนํ อุฏฺิตปฺปเทเส วา ิโต’’ติ, นปิ สรีรปฺปเทโส ชานาติ ‘‘มยิ ปุพฺโพ ิโต’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา ¶ หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต ปุพฺโพ ปุพฺพภาเคน ปริจฺฉินฺโนติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ปุพฺพํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีเร สนฺนิจิตโลหิตํ สํสรณโลหิตนฺติ เอวํ ทุวิเธ โลหิเต สนฺนิจิตโลหิตํ ตาว วณฺณโต พหลกุถิตลาขารสวณฺณนฺติ ¶ ววตฺถเปติ, สํสรณโลหิตํ อจฺฉลาขารสวณฺณนฺติ. สณฺานโต สพฺพมฺปิ อตฺตโน โอกาสสณฺานํ. ทิสโต สนฺนิจิตโลหิตํ อุปริมาย ทิสาย ชาตํ, สํสรณโลหิตํ ทฺวีสุปีติ. โอกาสโต สํสรณโลหิตํ เกสโลมนขทนฺตานํ มํสวินิมุตฺตฏฺานฺเจว ถทฺธสุกฺขจมฺมฺจ วชฺเชตฺวา ธมนิชาลานุสาเรน ¶ สพฺพํ อุปาทินฺนกสรีรํ ผริตฺวา ิตํ. สนฺนิจิตโลหิตํ ยกนสฺส เหฏฺาภาคํ ปูเรตฺวา เอกปตฺตปูรณมตฺตํ วกฺกหทยปปฺผาสานํ อุปริ โถกํ โถกํ พินฺทุํ ปาเตนฺตํ วกฺกหทยยกนปปฺผาเส เตเมนฺตํ ิตํ, ยมฺหิ วกฺกหทยาทีนิ อเตเมนฺเต สตฺตา ปิปาสิตา โหนฺติ.
ตตฺถ ยถา ชชฺชรกปาเล ิตํ อุทกํ เหฏฺา เลฑฺฑุขณฺฑาทีนิ เตเมนฺตํ น ชานาติ ‘‘อหํ ชชฺชรกปาเล ิตํ เหฏฺา เลฑฺฑุขณฺฑาทีนิ เตเมมี’’ติ, นปิ ชชฺชรกปาลํ เหฏฺา เลฑฺฑุขณฺฑาทีนิ วา ชานนฺติ ‘‘มยิ อุทกํ ิตํ, อมฺเห วา เตเมนฺตํ ิต’’นฺติ; เอวเมว น โลหิตํ ชานาติ ‘‘อหํ ยกนสฺส เหฏฺาภาเค วกฺกหทยาทีนิ เตเมนฺตํ ิต’’นฺติ, นปิ ยกนสฺส เหฏฺาภาคฏฺานํ วกฺกหทยาทีนิ วา ชานนฺติ ‘‘มยิ โลหิตํ ิตํ, อมฺเห วา เตเมนฺตํ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต โลหิตํ โลหิตภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ โลหิตํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีเร เสโท วณฺณโต ปสนฺนติลเตลวณฺโณติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต โอกาสสณฺาโน. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโต. โอกาสโต เสทสฺส โอกาโส นาม นิพทฺโธ นตฺถิ, ยตฺถ เสโท โลหิตํ วิย สทา ติฏฺเยฺย. ยสฺมา วา ยทา อคฺคิสนฺตาปสูริยสนฺตาปอุตุวิการาทีหิ ¶ สรีรํ สนฺตปติ, อถ อุทกโต อพฺพูฬฺหมตฺตวิสมจฺฉินฺนภิสมุฬาลกุมุทนาลกลาปอุทกมิว สพฺพเกสโลมกูปวิวเรหิ ปคฺฆรติ. ตสฺมา เตสํ เกสโลมกูปวิวรานํ วเสน ตํ ¶ สณฺานโต ววตฺถเปติ. ‘‘เสทปริคฺคณฺหเกน จ โยคาวจเรน เกสโลมกูปวิวเร ปูเรตฺวา ิตวเสเนว เสโท มนสิกาตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ ปุพฺพาจริเยหิ.
ตตฺถ ยถา ภิสมุฬาลกุมุทนาลกลาปวิวเรหิ ปคฺฆรนฺตํ อุทกํ น ชานาติ ‘‘อหํ ภิสมุฬาลกุมุทนาลกลาปวิวเรหิ ปคฺฆรามี’’ติ, นปิ ภิสมุฬาลกุมุทนาลกลาปวิวรา ชานนฺติ ‘‘อมฺเหหิ อุทกํ ปคฺฆรตี’’ติ; เอวเมว น เสโท ชานาติ ‘‘อหํ เกสโลมกูปวิวเรหิ ปคฺฆรามี’’ติ, นปิ เกสโลมกูปวิวรา ชานนฺติ ‘‘อมฺเหหิ เสโท ปคฺฆรตี’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต เสโท เสทภาเคน ปริจฺฉินฺโนติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ เสทํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ¶ ปรํ สรีเร จมฺมมํสนฺตเร เมโท วณฺณโต ผาลิตหลิทฺทิวณฺโณติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต โอกาสสณฺาโน. ตถา หิ สุขิโน ถูลสรีรสฺส จมฺมมํสนฺตเร ผริตฺวา ิโต หลิทฺทิรตฺตทุกูลปิโลติกสณฺาโน, กิสสรีรสฺส ชงฺฆมํสอูรุมํสปิฏฺิกณฺฏกนิสฺสิตปิฏฺิมํสอุทรปฏลมํสานิ นิสฺสาย สํเวลฺลิตฺวา ปิตหลิทฺทิรตฺตทุกูลปิโลติกขณฺฑสณฺาโน. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาโต. โอกาสโต ถูลสรีรสฺส สกลสรีรํ ผริตฺวา กิสสฺส ชงฺฆามํสาทีนิ นิสฺสาย ิโต, โย สิเนหสงฺขาโตปิ หุตฺวา ปรมเชคุจฺฉตฺตา น มตฺถกเตลตฺถํ น คณฺฑูสเตลตฺถํ น ทีปชาลนตฺถํ สงฺคยฺหติ.
ตตฺถ ยถา มํสปฺุชํ นิสฺสาย ิตา หลิทฺทิรตฺตทุกูลปิโลติกา น ชานาติ ‘‘อหํ มํสปฺุชํ นิสฺสาย ิตา’’ติ, นปิ มํสปฺุโช ชานาติ ‘‘หลิทฺทิรตฺตทุกูลปิโลติกา มํ นิสฺสาย ิตา’’ติ; เอวเมว น เมโท ชานาติ ‘‘อหํ สกลสรีรํ ชงฺฆาทีสุ วา มํสํ นิสฺสาย ิโต’’ติ, นปิ สกลสรีรํ ชานาติ ชงฺฆาทีสุ วา มํสํ ‘‘เมโท มํ นิสฺสาย ิโต’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต เมโท เหฏฺา มํเสน, อุปริ จมฺเมน, สมนฺตโต เมทภาเคน ¶ ปริจฺฉินฺโนติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ¶ ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ เมทํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีเร อสฺสุ วณฺณโต ปสนฺนติลเตลวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต โอกาสสณฺานํ. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตํ. โอกาสโต อกฺขิกูปเกสุ ิตนฺติ. น เจตํ ปิตฺตโกสเก ปิตฺตมิว อกฺขิกูปเกสุ สทา สนฺนิจิตํ หุตฺวา ติฏฺติ, กินฺตุ ยทา โสมนสฺสชาตา สตฺตา มหาหสิตํ หสนฺติ, โทมนสฺสชาตา โรทนฺติ ปริเทวนฺติ, ตถารูปํ วิสมาหารํ วา หรนฺติ, ยทา จ เตสํ อกฺขีนิ ธูมรชปํสุกาทีหิ อภิหฺนฺติ, ตทา เอเตหิ โสมนสฺสโทมนสฺสวิสมาหาราทีหิ สมุฏฺหิตฺวา อสฺสุ อกฺขิกูปเกสุ ปูเรตฺวา ติฏฺติ ปคฺฆรติ จ. ‘‘อสฺสุปริคฺคณฺหเกน จ โยคาวจเรน อกฺขิกูปเก ปูเรตฺวา ิตวเสเนว ตํ มนสิกาตพฺพ’’นฺติ ปุพฺพาจริยา วณฺณยนฺติ.
ตตฺถ ยถา มตฺถกจฺฉินฺนตรุณตาลฏฺิกูปเกสุ ิตํ อุทกํ น ชานาติ ‘‘อหํ มตฺถกจฺฉินฺนตรุณตาลฏฺิกูปเกสุ ิต’’นฺติ, นปิ มตฺถกจฺฉินฺนตรุณตาลฏฺิกูปกา ชานนฺติ ‘‘อมฺเหสุ อุทกํ ิต’’นฺติ; เอวเมว น อสฺสุ ชานาติ ‘‘อหํ อกฺขิกูปเกสุ ิต’’นฺติ, นปิ อกฺขิกูปกา ชานนฺติ ‘‘อมฺเหสุ อสฺสุ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ¶ ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต อสฺสุ อสฺสุภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ อสฺสุํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีเร วิลีนสิเนหสงฺขาตา วสา วณฺณโต อาจาเม อาสิตฺตเตลวณฺณาติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต โอกาสสณฺานา. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตา. โอกาสโต หตฺถตลหตฺถปิฏฺิปาทตลปาทปิฏฺินาสาปุฏนลาฏอํสกูเฏสุ ิตาติ. น เจสา เอเตสุ โอกาเสสุ สทา วิลีนา เอว หุตฺวา ติฏฺติ, กินฺตุ ยทา อคฺคิสนฺตาปสูริยสนฺตาปอุตุวิสภาคธาตุวิสภาเคหิ เต ปเทสา อุสฺมาชาตา โหนฺติ, ตทา ตตฺถ วิลีนาว หุตฺวา ปสนฺนสลิลาสุ อุทกโสณฺฑิกาสุ นีหาโร วิย สรติ.
ตตฺถ ¶ ยถา อุทกโสณฺฑิโย อชฺโฌตฺถริตฺวา ¶ ิโต นีหาโร น ชานาติ ‘‘อหํ อุทกโสณฺฑิโย อชฺโฌตฺถริตฺวา ิโต’’ติ, นปิ อุทกโสณฺฑิโย ชานนฺติ ‘‘นีหาโร อมฺเห อชฺโฌตฺถริตฺวา ิโต’’ติ; เอวเมว น วสา ชานาติ ‘‘อหํ หตฺถตลาทีนิ อชฺโฌตฺถริตฺวา ิตา’’ติ, นปิ หตฺถตลาทีนิ ชานนฺติ ‘‘วสา อมฺเห อชฺโฌตฺถริตฺวา ิตา’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต วสา วสาภาเคน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติ. อยเมติสฺสา สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ วสํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ สรีเร มุขสฺสพฺภนฺตเร เขโฬ วณฺณโต เสโต เผณวณฺโณติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต โอกาสสณฺาโนติ, สมุทฺทเผณสณฺาโนติปิ เอเก. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาโต. โอกาสโต อุโภหิ กโปลปสฺเสหิ โอโรหิตฺวา ชิวฺหาย ิโตติ. น เจโส เอตฺถ สทา สนฺนิจิโต หุตฺวา ติฏฺติ, กินฺตุ ยทา สตฺตา ตถารูปํ อาหารํ ปสฺสนฺติ วา สรนฺติ วา, อุณฺหติตฺตกฏุกโลณมฺพิลานํ วา กิฺจิ มุเข เปนฺติ. ยทา จ เตสํ หทยํ อาคิลายติ, กิสฺมิฺจิเทว วา ชิคุจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตทา เขโฬ อุปฺปชฺชิตฺวา อุโภหิ กโปลปสฺเสหิ โอโรหิตฺวา ชิวฺหาย สณฺาติ. อคฺคชิวฺหาย เจส เขโฬ ตนุโก โหติ, มูลชิวฺหาย พหโล, มุเข ปกฺขิตฺตฺจ ปุถุกํ วา ตณฺฑุลํ วา อฺํ วา กิฺจิ ขาทนียํ นทิปุลิเน ขตกูปสลิลมิว ปริกฺขยมคจฺฉนฺโตว สทา เตมนสมตฺโถ โหติ.
ตตฺถ ยถา นทิปุลิเน ขตกูปตเล สณฺิตํ อุทกํ น ชานาติ ‘‘อหํ กูปตเล สณฺิต’’นฺติ ¶ , นปิ กูปตลํ ชานาติ ‘‘มยิ อุทกํ ิต’’นฺติ; เอวเมว น เขโฬ ชานาติ ‘‘อหํ อุโภหิ กโปลปสฺเสหิ โอโรหิตฺวา ชิวฺหาตเล สณฺิโต’’ติ, นปิ ชิวฺหาตลํ ชานาติ ‘‘มยิ อุโภหิ กโปลปสฺเสหิ โอโรหิตฺวา เขโฬ สณฺิโต’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต เขโฬ เขฬภาเคน ปริจฺฉินฺโนติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ เขฬํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ¶ ¶ ปรํ สรีเร สิงฺฆาณิกา วณฺณโต เสตา ตรุณตาลมิฺชวณฺณาติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต โอกาสสณฺานา, เสเทตฺวา เสเทตฺวา นาสาปุเฏ นิรนฺตรํ ปกฺขิตฺตเวตฺตงฺกุรสณฺานาติปิ เอเก. ทิสโต อุปริมาย ทิสาย ชาตา. โอกาสโต นาสาปุเฏ ปูเรตฺวา ิตาติ. น เจสา เอตฺถ สทา สนฺนิจิตา หุตฺวา ติฏฺติ, กินฺตุ เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส ปทุมินิปตฺเต ทธึ พนฺธิตฺวา เหฏฺา ปทุมินิปตฺตํ กณฺฏเกน วิชฺเฌยฺย, อถ เตน ฉิทฺเทน ทธิปิณฺฑํ คฬิตฺวา พหิ ปปเตยฺย; เอวเมว ยทา สตฺตา โรทนฺติ, วิสภาคาหารอุตุวเสน วา สฺชาตธาตุกฺโขภา โหนฺติ, ตทา อนฺโตสีสโต ปูติเสมฺหภาวํ อาปนฺนํ มตฺถลุงฺคํ คฬิตฺวา ตาลุมตฺถกวิวเรน โอตริตฺวา นาสาปุเฏ ปูเรตฺวา ติฏฺติ.
ตตฺถ ยถา สิปฺปิกาย ปกฺขิตฺตํ ปูติทธิ น ชานาติ ‘‘อหํ สิปฺปิกาย ิต’’นฺติ, นปิ สิปฺปิกา ชานาติ ‘‘มยิ ปูติกํ ทธิ ิต’’นฺติ; เอวเมว น สิงฺฆาณิกา ชานาติ ‘‘อหํ นาสาปุเฏสุ ิตา’’ติ, นปิ นาสาปุฏา ชานนฺติ ‘‘อมฺเหสุ สิงฺฆาณิกา ิตา’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต สิงฺฆาณิกา สิงฺฆาณิกภาเคน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติ. อยเมติสฺสา สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ สิงฺฆาณิกํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ อนฺโตสรีเร ลสิกาติ สรีรสนฺธีนํ อพฺภนฺตเร ปิจฺฉิลกุณปํ. สา วณฺณโต กณิการนิยฺยาสวณฺณาติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต โอกาสสณฺานา. ทิสโต ทฺวีสุ ทิสาสุ ชาตา. โอกาสโต อฏฺิสนฺธีนํ อพฺภฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อสีติสตสนฺธีนํ อพฺภนฺตเร ิตาติ. ยสฺส เจสา มนฺทา โหติ, ตสฺส อุฏฺหนฺตสฺส นิสีทนฺตสฺส อภิกฺกมนฺตสฺส ปฏิกฺกมนฺตสฺส สมิฺชนฺตสฺส ปสาเรนฺตสฺส อฏฺิกานิ กฏกฏายนฺติ, อจฺฉริกาสทฺทํ กโรนฺโต วิย วิจรติ ¶ , เอกโยชนทฺวิโยชนมตฺตมฺปิ อทฺธานํ คตสฺส วาโยธาตุ กุปฺปติ, คตฺตานิ ทุกฺขนฺติ ¶ ยสฺส ปน เจสา พหุกา โหติ, ตสฺส อุฏฺานนิสชฺชาทีสุ น อฏฺีนิ กฏกฏายนฺติ, ทีฆมฺปิ อทฺธานํ คตสฺส น วาโยธาตุ กุปฺปติ, น คตฺตานิ ทุกฺขนฺติ.
ตตฺถ ¶ ยถา อพฺภฺชนเตลํ น ชานาติ ‘‘อหํ อกฺขํ อพฺภฺชิตฺวา ิต’’นฺติ, นปิ อกฺโข ชานาติ ‘‘มํ เตลํ อพฺภฺชิตฺวา ิต’’นฺติ; เอวเมว น ลสิกา ชานาติ ‘‘อหํ อสีติสตสนฺธิโย อพฺภฺชิตฺวา ิตา’’ติ, นปิ อสีติสตสนฺธิโย ชานนฺติ ‘‘ลสิกา อมฺเห อพฺภฺชิตฺวา ิตา’’ติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต ลสิกา ลสิกภาเคน ปริจฺฉินฺนาติ ววตฺถเปติ. อยเมติสฺสา สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ ลสิกํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตโต ปรํ อนฺโตสรีเร มุตฺตํ วณฺณโต มาสขาโรทกวณฺณนฺติ ววตฺถเปติ. สณฺานโต อุทกํ ปูเรตฺวา อโธมุขปิตอุทกกุมฺภอนฺตรคตอุทกสณฺานํ. ทิสโต เหฏฺิมาย ทิสาย ชาตํ. โอกาสโต วตฺถิสฺสพฺภนฺตเร ิตนฺติ. วตฺถิ นาม วตฺถิปุโฏ วุจฺจติ, ยตฺถ เสยฺยถาปิ นาม จนฺทนิกาย ปกฺขิตฺเต อมุเข เปฬาฆเฏ จนฺทนิการโส ปวิสติ, น จสฺส ปวิสนมคฺโค ปฺายติ; เอวเมว สรีรโต มุตฺตํ ปวิสติ, น จสฺส ปวิสนมคฺโค ปฺายติ นิกฺขมนมคฺโค เอว ตุ ปากโฏ โหติ, ยมฺหิ จ มุตฺตสฺส ภริเต ‘‘ปสฺสาวํ กโรมา’’ติ สตฺตานํ อายูหนํ โหติ. ตตฺถ ยถา จนฺทนิกาย ปกฺขิตฺเต อมุเข เปฬาฆเฏ ิโต จนฺทนิการโส น ชานาติ ‘‘อหํ อมุเข เปฬาฆเฏ ิโต’’ติ, นปิ เปฬาฆโฏ ชานาติ ‘‘มยิ จนฺทนิการโส ิโต’’ติ; เอวเมว มุตฺตํ น ชานาติ ‘‘อหํ วตฺถิมฺหิ ิต’’นฺติ, นปิ วตฺถิ ชานาติ ‘‘มยิ มุตฺตํ ิต’’นฺติ. อาโภคปจฺจเวกฺขณวิรหิตา หิ เอเต ธมฺมา…เป… น ปุคฺคโลติ. ปริจฺเฉทโต วตฺถิอพฺภนฺตเรน เจว มุตฺตภาเคน จ ปริจฺฉินฺนนฺติ ววตฺถเปติ. อยเมตสฺส ¶ สภาคปริจฺเฉโท, วิสภาคปริจฺเฉโท ปน เกสสทิโส เอวาติ เอวํ มุตฺตํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ. เอวมยํ อิมํ ทฺวตฺตึสาการํ วณฺณาทิโต ววตฺถเปติ.
ตสฺเสวํ อิมํ ทฺวตฺตึสาการํ วณฺณาทิวเสน ววตฺถเปนฺตสฺส ตํ ตํ ภาวนานุโยคํ อาคมฺม เกสาทโย ปคุณา โหนฺติ, โกฏฺาสภาเวน อุปฏฺหนฺติ. ตโต ปภุติ เสยฺยถาปิ นาม จกฺขุมโต ปุริสสฺส ทฺวตฺตึสวณฺณานํ ปุปฺผานํ เอกสุตฺตคนฺถิตํ มาลํ โอโลเกนฺตสฺส สพฺพปุปฺผานิ อปุพฺพาปริยมิว ปากฏานิ โหนฺติ; เอวเมว ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ¶ เกสา’’ติ อิมํ กายํ สติยา โอโลเกนฺตสฺส สพฺเพ เต ธมฺมา อปุพฺพาปริยมิว ปากฏา โหนฺติ. เกเสสุ อาวชฺชิเตสุ ¶ อสณฺหมานาว สติ ยาว มุตฺตํ, ตาว ปวตฺตติ. ตโต ปภุติ ตสฺส อาหิณฺฑนฺตา มนุสฺสติรจฺฉานาทโย จ สตฺตาการํ วิชหิตฺวา โกฏฺาสราสิวเสเนว อุปฏฺหนฺติ, เตหิ จ อชฺโฌหริยมานํ ปานโภชนาทิ โกฏฺาสราสิมฺหิ ปกฺขิปฺปมานมิว อุปฏฺาตีติ.
เอตฺถาห ‘‘อถาเนน ตโต ปรํ กึ กาตพฺพ’’นฺติ? วุจฺจเต – ตเทว นิมิตฺตํ อาเสวิตพฺพํ ภาเวตพฺพํ พหุลีกาตพฺพํ สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตพฺพํ. กถํ ปนายํ ตํ นิมิตฺตํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตีติ? อยฺหิ ตํ เกสาทีนํ โกฏฺาสภาเวน อุปฏฺานนิมิตฺตํ อาเสวติ, สติยา อลฺลิยติ ภชติ อุปคจฺฉติ, สติคพฺภํ คณฺหาเปติ. ตตฺถ ลทฺธํ วา สตึ วฑฺเฒนฺโต ตํ ภาเวตีติ วุจฺจติ. พหุลีกโรตีติ ปุนปฺปุนํ สติสมฺปยุตฺตํ วิตกฺกวิจารพฺภาหตํ กโรติ. สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตีติ ยถา สุฏฺุ ววตฺถิตํ โหติ, น ปุน อนฺตรธานํ คจฺฉติ, ตถา ตํ สติยา ววตฺถเปติ, อุปธาเรติ อุปนิพนฺธติ.
อถ วา ยํ ¶ ปุพฺเพ อนุปุพฺพโต, นาติสีฆโต, นาติสณิกโต, วิกฺเขปปฺปหานโต, ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโต, อนุปุพฺพมฺุจนโต, ลกฺขณโต, ตโย จ สุตฺตนฺตาติ เอวํ ทสวิธํ มนสิการโกสลฺลํ วุตฺตํ. ตตฺถ อนุปุพฺพโต มนสิกโรนฺโต อาเสวติ, นาติสีฆโต นาติสณิกโต จ มนสิกโรนฺโต ภาเวติ, วิกฺเขปปฺปหานโต มนสิกโรนฺโต พหุลี กโรติ, ปณฺณตฺติสมติกฺกมนาทิโต มนสิกโรนฺโต สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตีติ เวทิตพฺโพ.
เอตฺถาห ‘‘กถํ ปนายํ อนุปุพฺพาทิวเสน เอเต ธมฺเม มนสิ กโรตี’’ติ? วุจฺจเต – อยฺหิ เกเส มนสิ กริตฺวา ตทนนฺตรํ โลเม มนสิ กโรติ, น นเข. ตถา โลเม มนสิ กริตฺวา ตทนนฺตรํ นเข มนสิ กโรติ, น ทนฺเต. เอส นโย สพฺพตฺถ. กสฺมา? อุปฺปฏิปาฏิยา หิ มนสิกโรนฺโต เสยฺยถาปิ นาม อกุสโล ปุริโส ทฺวตฺตึสปทํ นิสฺเสณึ อุปฺปฏิปาฏิยา อาโรหนฺโต กิลนฺตกาโย ตโต นิสฺเสณิโต ¶ ปปตติ, น อาโรหนํ สมฺปาเทติ; เอวเมว ภาวนาสมฺปตฺติวเสน อธิคนฺตพฺพสฺส อสฺสาทสฺส อนธิคมนโต กิลนฺตจิตฺโต ทฺวตฺตึสาการภาวนาโต ปปตติ, น ภาวนํ สมฺปาเทตีติ.
อนุปุพฺพโต มนสิกโรนฺโตปิ จ เกสา โลมาติ นาติสีฆโตปิ มนสิ กโรติ. อติสีฆโต หิ มนสิกโรนฺโต เสยฺยถาปิ นาม อทฺธานํ คจฺฉนฺโต ปุริโส สมวิสมรุกฺขถลนินฺนทฺเวธาปถาทีนิ มคฺคนิมิตฺตานิ อุปลกฺเขตุํ น สกฺโกติ, ตโต น มคฺคกุสโล โหติ, อทฺธานฺจ ปริกฺขยํ เนติ; เอวเมว วณฺณสณฺานาทีนิ ทฺวตฺตึสาการนิมิตฺตานิ ¶ อุปลกฺเขตุํ น สกฺโกติ, ตโต น ทฺวตฺตึสากาเร กุสโล โหติ, กมฺมฏฺานฺจ ปริกฺขยํ เนติ.
ยถา จ นาติสีฆโต, เอวํ นาติสณิกโตปิ มนสิ กโรติ. อติสณิกโต หิ มนสิกโรนฺโต เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส อทฺธานมคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค รุกฺขปพฺพตตฬากาทีสุ วิลมฺพมาโน อิจฺฉิตปฺปเทสํ อปาปุณนฺโต อนฺตรามคฺเคเยว สีหพฺยคฺฆาทีหิ อนยพฺยสนํ ปาปุณาติ; เอวเมว ทฺวตฺตึสาการภาวนาสมฺปทํ อปาปุณนฺโต ¶ ภาวนาวิจฺเฉเทน อนฺตราเยว กามวิตกฺกาทีหิ อนยพฺยสนํ ปาปุณาติ.
นาติสณิกโต มนสิกโรนฺโตปิ จ วิกฺเขปปฺปหานโตปิ มนสิ กโรติ. วิกฺเขปปฺปหานโต นาม ยถา อฺเสุ นวกมฺมาทีสุ จิตฺตํ น วิกฺขิปติ, ตถา มนสิ กโรติ. พหิทฺธา วิกฺเขปมานจิตฺโต หิ เกสาทีสฺเวว อสมาหิตเจโตวิตกฺโก ภาวนาสมฺปทํ อปาปุณิตฺวา อนฺตราว อนยพฺยสนํ อาปชฺชติ ตกฺกสิลาคมเน โพธิสตฺตสฺส สหายกา วิย. อวิกฺขิปมานจิตฺโต ปน เกสาทีสฺเวว สมาหิตเจโตวิตกฺโก ภาวนาสมฺปทํ ปาปุณาติ โพธิสตฺโต วิย ตกฺกสิลรชฺชสมฺปทนฺติ. ตสฺเสวํ วิกฺเขปปฺปหานโต มนสิกโรโต อธิการจริยาธิมุตฺตีนํ วเสน เต ธมฺมา อสุภโต วา วณฺณโต วา สฺุโต วา อุปฏฺหนฺติ.
อถ ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโต เต ธมฺเม มนสิ กโรติ. ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโตติ เกสา โลมาติ เอวมาทิโวหารํ สมติกฺกมิตฺวา วิสฺสชฺเชตฺวา ยถูปฏฺิตานํ อสุภาทีนํเยว วเสน มนสิ กโรติ. กถํ ¶ ? ยถา อรฺนิวาสูปคตา มนุสฺสา อปริจิตภูมิภาคตฺตา อุทกฏฺานสฺชานนตฺถํ สาขาภงฺคาทินิมิตฺตํ กตฺวา ตทนุสาเรน คนฺตฺวา อุทกํ ปริภฺุชนฺติ, ยทา ปน ปริจิตภูมิภาคา โหนฺติ, อถ ตํ นิมิตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา อมนสิกตฺวาว อุทกฏฺานํ อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ ปริภฺุชนฺติ, เอวเมวายํ เกสา โลมาติอาทินา ตํตํโวหารสฺส วเสน ปมํ เต ธมฺเม มนสากาสิ, เตสุ ธมฺเมสุ อสุภาทีนํ อฺตรวเสน อุปฏฺหนฺเตสุ ตํ โวหารํ สมติกฺกมิตฺวา วิสฺสชฺเชตฺวา อสุภาทิโตว มนสิ กโรติ.
เอตฺถาห ‘‘กถํ ปนสฺส เอเต ธมฺมา อสุภาทิโต อุปฏฺหนฺติ, กถํ วณฺณโต, กถํ สฺุโต วา, กถฺจายเมเต อสุภโต มนสิ กโรติ, กถํ วณฺณโต, กถํ สฺุโต วา’’ติ? เกสา ตาวสฺส วณฺณสณฺานคนฺธาสโยกาสวเสน ปฺจธา อสุภโต อุปฏฺหนฺติ, ปฺจธา เอว อยเมเต อสุภโต มนสิ กโรติ. เสยฺยถิทํ – เกสา นาเมเต วณฺณโต อสุภา ¶ ปรมปฺปฏิกูลเชคุจฺฉา ¶ . ตถา หิ มนุสฺสา ทิวา ปานโภชเน ปติตํ เกสวณฺณํ วากํ วา สุตฺตํ วา ทิสฺวา เกสสฺาย มโนรมมฺปิ ปานโภชนํ ฉฑฺเฑนฺติ วา ชิคุจฺฉนฺติ วา. สณฺานโตปิ อสุภา. ตถา หิ รตฺตึ ปานโภชเน ปติตํ เกสสณฺานํ วากํ วา สุตฺตํ วา ผุสิตฺวา เกสสฺาย มโนรมมฺปิ ปานโภชนํ ฉฑฺเฑนฺติ วา ชิคุจฺฉนฺติ วา. คนฺธโตปิ อสุภา. ตถา หิ เตลมกฺขนปุปฺผธูมาทิสงฺขาเรหิ วิรหิตานํ เกสานํ คนฺโธ ปรมเชคุจฺโฉ โหติ, อคฺคีสุ ปกฺขิตฺตสฺส เกสสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา สตฺตา นาสิกํ ปิเธนฺติ, มุขมฺปิ วิกุชฺเชนฺติ. อาสยโตปิ อสุภา. ตถา หิ นานาวิเธน มนุสฺสาสุจินิสฺสนฺเทน สงฺการฏฺาเน ตณฺฑุเลยฺยกาทีนิ วิย ปิตฺตเสมฺหปุพฺพโลหิตนิสฺสนฺเทน เต อาจิตา วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ คมิตาติ. โอกาสโตปิ อสุภา. ตถา หิ สงฺการฏฺาเน วิย ตณฺฑุเลยฺยกาทีนิ ปรมเชคุจฺเฉ โลมาทิเอกตึสกุณปราสิมตฺถเก มนุสฺสานํ สีสปลิเวเก อลฺลจมฺเม ชาตาติ. เอส นโย โลมาทีสุ. เอวํ ตาว อยเมเต ธมฺเม อสุภโต อุปฏฺหนฺเต อสุภโต มนสิ กโรติ.
ยทิ ปนสฺส วณฺณโต อุปฏฺหนฺติ, อถ เกสา นีลกสิณวเสน อุปฏฺหนฺติ. ตถา โลมา ทนฺตา โอทาตกสิณวเสนาติ. เอส นโย สพฺพตฺถ ¶ . ตํตํกสิณวเสเนว อยเมเต มนสิ กโรติ, เอวํ วณฺณโต อุปฏฺหนฺเต วณฺณโต มนสิ กโรติ. ยทิ ปนสฺส สฺุโต อุปฏฺหนฺติ, อถ เกสา ฆนวินิพฺโภคววตฺถาเนน โอชฏฺมกสมูหวเสน อุปฏฺหนฺติ. ตถา โลมาทโย, ยถา อุปฏฺหนฺติ. อยเมเต ตเถว มนสิ กโรติ. เอวํ สฺุโต อุปฏฺหนฺเต สฺุโต มนสิ กโรติ.
เอวํ มนสิกโรนฺโต อยเมเต ธมฺเม อนุปุพฺพมฺุจนโต มนสิ กโรติ. อนุปุพฺพมฺุจนโตติ อสุภาทีนํ อฺตรวเสน อุปฏฺิเต เกเส มฺุจิตฺวา โลเม มนสิกโรนฺโต เสยฺยถาปิ นาม ชลูกา นงฺคุฏฺเน คหิตปฺปเทเส สาเปกฺขาว หุตฺวา ตุณฺเฑน อฺํ ปเทสํ คณฺหาติ, คหิเต จ ตสฺมึ อิตรํ มฺุจติ, เอวเมว เกเสสุ สาเปกฺโขว หุตฺวา โลเม มนสิ กโรติ, โลเมสุ จ ปติฏฺิเต มนสิกาเร ¶ เกเส มฺุจติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. เอวํ หิสฺส อนุปุพฺพมฺุจนโต มนสิกโรโต อสุภาทีสุ อฺตรวเสน เต ธมฺมา อุปฏฺหนฺตา อนวเสสโต อุปฏฺหนฺติ, ปากฏตรูปฏฺานา จ โหนฺติ.
อถ ยสฺส เต ธมฺมา อสุภโต อุปฏฺหนฺติ, ปากฏตรูปฏฺานา จ โหนฺติ, ตสฺส เสยฺยถาปิ นาม มกฺกโฏ ทฺวตฺตึสตาลเก ตาลวเน พฺยาเธน ปริปาติยมาโน เอกรุกฺเขปิ อสณฺหนฺโต ปริธาวิตฺวา ยทา นิวตฺโต โหติ กิลนฺโต, อถ เอกเมว ฆนตาลปณฺณปริเวิตํ ตาลสุจึ ¶ นิสฺสาย ติฏฺติ; เอวเมว จิตฺตมกฺกโฏ ทฺวตฺตึสโกฏฺาสเก อิมสฺมึ กาเย เตเนว โยคินา ปริปาติยมาโน เอกโกฏฺาสเกปิ อสณฺหนฺโต ปริธาวิตฺวา ยทา อเนการมฺมณวิธาวเน อภิลาสาภาเวน นิวตฺโต โหติ กิลนฺโต. อถ ยฺวาสฺส เกสาทีสุ ธมฺโม ปคุณตโร จริตานุรูปตโร วา, ยตฺถ วา ปุพฺเพ กตาธิกาโร โหติ, ตํ นิสฺสาย อุปจารวเสน ติฏฺติ. อถ ตเมว นิมิตฺตํ ปุนปฺปุนํ ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กริตฺวา ยถากฺกมํ ปมํ ฌานํ อุปฺปาเทติ, ตตฺถ ปติฏฺาย วิปสฺสนมารภิตฺวา อริยภูมึ ปาปุณาติ.
ยสฺส ปน เต ธมฺมา วณฺณโต อุปฏฺหนฺติ, ตสฺสาปิ เสยฺยถาปิ นาม มกฺกโฏ…เป… อถ ยฺวาสฺส เกสาทีสุ ธมฺโม ปคุณตโร จริตานุรูปตโร ¶ วา, ยตฺถ วา ปุพฺเพ กตาธิกาโร โหติ, ตํ นิสฺสาย อุปจารวเสน ติฏฺติ. อถ ตเมว นิมิตฺตํ ปุนปฺปุนํ ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กริตฺวา ยถากฺกมํ นีลกสิณวเสน ปีตกสิณวเสน วา ปฺจปิ รูปาวจรชฺฌานานิ อุปฺปาเทติ, เตสฺจ ยตฺถ กตฺถจิ ปติฏฺาย วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อริยภูมึ ปาปุณาติ.
ยสฺส ปน เต ธมฺมา สฺุโต อุปฏฺหนฺติ, โส ลกฺขณโต มนสิ กโรติ, ลกฺขณโต มนสิกโรนฺโต ตตฺถ จตุธาตุววตฺถานวเสน อุปจารชฺฌานํ ปาปุณาติ. อถ มนสิกโรนฺโต เต ธมฺเม อนิจฺจทุกฺขานตฺตสุตฺตตฺตยวเสน มนสิ กโรติ ¶ . อยมสฺส วิปสฺสนานโย. โส อิมํ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ยถากฺกมฺจ ปฏิปชฺชิตฺวา อริยภูมึ ปาปุณาตีติ.
เอตฺตาวตา จ ยํ วุตฺตํ – ‘‘กถํ ปนายํ อนุปุพฺพาทิวเสน เอเต ธมฺเม มนสิ กโรตี’’ติ, ตํ พฺยากตํ โหติ. ยฺจาปิ วุตฺตํ – ‘‘ภาวนาวเสน ปนสฺส เอวํ วณฺณนา เวทิตพฺพา’’ติ, ตสฺสตฺโถ ปกาสิโต โหตีติ.
ปกิณฺณกนโย
อิทานิ อิมสฺมึเยว ทฺวตฺตึสากาเร วณฺณนาปริจยปาฏวตฺถํ อยํ ปกิณฺณกนโย เวทิตพฺโพ –
‘‘นิมิตฺตโต ลกฺขณโต, ธาตุโต สฺุโตปิ จ;
ขนฺธาทิโต จ วิฺเยฺโย, ทฺวตฺตึสาการนิจฺฉโย’’ติ.
ตตฺถ ¶ นิมิตฺตโตติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเร อิมสฺมึ ทฺวตฺตึสากาเร สฏฺิสตํ นิมิตฺตานิ โหนฺติ, เยสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺตึสาการํ โกฏฺาสโต ปริคฺคณฺหาติ. เสยฺยถิทํ – เกสสฺส วณฺณนิมิตฺตํ, สณฺานนิมิตฺตํ, ทิสานิมิตฺตํ, โอกาสนิมิตฺตํ, ปริจฺเฉทนิมิตฺตนฺติ ปฺจ นิมิตฺตานิ โหนฺติ. เอวํ โลมาทีสุ.
ลกฺขณโตติ ทฺวตฺตึสากาเร อฏฺวีสติสตํ ลกฺขณานิ โหนฺติ, เยสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺตึสาการํ ลกฺขณโต มนสิ กโรติ ¶ . เสยฺยถิทํ – เกสสฺส ถทฺธลกฺขณํ, อาพนฺธนลกฺขณํ, อุณฺหตฺตลกฺขณํ, สมุทีรณลกฺขณนฺติ จตฺตาริ ลกฺขณานิ โหนฺติ. เอวํ โลมาทีสุ.
ธาตุโตติ ทฺวตฺตึสากาเร ‘‘ฉธาตุโร, ภิกฺขเว, อยํ ปุริสปุคฺคโล’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๔๓-๓๔๔) เอตฺถ วุตฺตาสุ ธาตูสุ อฏฺวีสติสตํ ธาตุโย โหนฺติ, ยาสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺตึสาการํ ธาตุโต ปริคฺคณฺหาติ. เสยฺยถิทํ – ยา เกเส ถทฺธตา, สา ปถวีธาตุ; ยา อาพนฺธนตา, สา อาโปธาตุ; ยา ปริปาจนตา, สา เตโชธาตุ; ยา วิตฺถมฺภนตา, สา วาโยธาตูติ จตสฺโส ธาตุโย โหนฺติ. เอวํ โลมาทีสุ.
สฺุโตติ ทฺวตฺตึสากาเร อฏฺวีสติสตํ สฺุตา โหนฺติ, ยาสํ วเสน โยคาวจโร ทฺวตฺตึสาการํ สฺุโต วิปสฺสติ. เสยฺยถิทํ – เกเส ตาว ปถวีธาตุ ¶ อาโปธาตฺวาทีหิ สฺุา, ตถา อาโปธาตฺวาทโย ปถวีธาตฺวาทีหีติ จตสฺโส สฺุตา โหนฺติ. เอวํ โลมาทีสุ.
ขนฺธาทิโตติ ทฺวตฺตึสากาเร เกสาทีสุ ขนฺธาทิวเสน สงฺคยฺหมาเนสุ ‘‘เกสา กติ ขนฺธา โหนฺติ, กติ อายตนานิ, กติ ธาตุโย, กติ สจฺจานิ, กติ สติปฏฺานานี’’ติ เอวมาทินา นเยน วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. เอวฺจสฺส วิชานโต ติณกฏฺสมูโห วิย กาโย ขายติ. ยถาห –
‘‘นตฺถิ สตฺโต นโร โปโส, ปุคฺคโล นูปลพฺภติ;
สฺุภูโต อยํ กาโย, ติณกฏฺสมูปโม’’ติ.
อถสฺส ยา สา –
‘‘สฺุาคารํ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ตาทิโน;
อมานุสี รติ โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ. –
เอวํ ¶ อมานุสี รติ วุตฺตา, สา อทูรตรา โหติ. ตโต ยํ ตํ –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๓-๓๗๔) –
เอวํ ¶ วิปสฺสนามยํ ปีติปาโมชฺชามตํ วุตฺตํ. ตํ อนุภวนฺโต น จิเรเนว อริยชนเสวิตํ อชรามรํ นิพฺพานามตํ สจฺฉิกโรตีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
ทฺวตฺตึสาการวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กุมารปฺหวณฺณนา
อฏฺุปฺปตฺติ
อิทานิ ¶ เอกํ นาม กินฺติ เอวมาทีนํ กุมารปฺหานํ อตฺถวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต. เตสํ อฏฺุปฺปตฺตึ อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนฺจ วตฺวา วณฺณนํ กริสฺสาม –
อฏฺุปฺปตฺติ ตาว เนสํ โสปาโก นาม ภควโต มหาสาวโก อโหสิ. เตนายสฺมตา ชาติยา สตฺตวสฺเสเนว อฺา อาราธิตา, ตสฺส ภควา ปฺหพฺยากรเณน อุปสมฺปทํ อนฺุาตุกาโม อตฺตนา อธิปฺเปตตฺถานํ ปฺหานํ พฺยากรณสมตฺถตํ ¶ ปสฺสนฺโต ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ เอวมาทินา ปฺเห ปุจฺฉิ. โส พฺยากาสิ. เตน จ พฺยากรเณน ภควโต จิตฺตํ อาราเธสิ. สาว ตสฺสายสฺมโต อุปสมฺปทา อโหสิ.
อยํ เตสํ อฏฺุปฺปตฺติ.
นิกฺเขปปฺปโยชนํ
ยสฺมา ปน สรณคมเนหิ พุทฺธธมฺมสงฺฆานุสฺสติวเสน จิตฺตภาวนา, สิกฺขาปเทหิ สีลภาวนา, ทฺวตฺตึสากาเรน จ กายภาวนา ปกาสิตา, ตสฺมา อิทานิ นานปฺปการโต ปฺาภาวนามุขทสฺสนตฺถํ อิเม ปฺหพฺยากรณา อิธ นิกฺขิตฺตา. ยสฺมา วา สีลปทฏฺาโน สมาธิ, สมาธิปทฏฺานา จ ปฺา; ยถาห – ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ¶ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒), ตสฺมา สิกฺขาปเทหิ สีลํ ทฺวตฺตึสากาเรน ตํโคจรํ สมาธิฺจ ทสฺเสตฺวา สมาหิตจิตฺตสฺส นานาธมฺมปริกฺขาราย ปฺาย ปเภททสฺสนตฺถํ อิธ นิกฺขิตฺตาติปิ วิฺาตพฺพา.
อิทํ เตสํ อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ.
ปฺหวณฺณนา
เอกํ นาม กินฺติปฺหวณฺณนา
อิทานิ ¶ เตสํ อตฺถวณฺณนา โหติ – เอกํ นาม กินฺติ ภควา ยสฺมึ เอกธมฺมสฺมึ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน อนุปุพฺเพน ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, ยสฺมึ จายมายสฺมา นิพฺพินฺทมาโน อนุปุพฺเพน ทุกฺขสฺสนฺตมกาสิ, ตํ ธมฺมํ สนฺธาย ปฺหํ ปุจฺฉติ. ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ เถโร ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย วิสฺสชฺเชติ. ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมฺมาสติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๘) เอวมาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ เอวํ วิสฺสชฺชนยุตฺติสมฺภเว สาธกานิ. เอตฺถ เยนาหาเรน สพฺเพ สตฺตา ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ วุจฺจนฺติ, โส อาหาโร ตํ วา เนสํ อาหารฏฺิติกตฺตํ ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ ปุฏฺเน เถเรน นิทฺทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ ภควตา อิธ เอกนฺติ อธิปฺเปตํ, น ตุ สาสเน โลเก วา อฺํ เอกํ นาม นตฺถีติ าเปตุํ วุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ ¶ ภควตา –
‘‘เอกธมฺเม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน สมฺมา วิรชฺชมาโน สมฺมา วิมุจฺจมาโน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมตฺตํ อภิสเมจฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตมสฺมึ เอกธมฺเม? สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา. อิมสฺมึ โข, ภิกฺขเว, เอกธมฺเม ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘เอโก ปฺโห เอโก อุทฺเทโส เอกํ เวยฺยากรณ’นฺติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗).
อาหารฏฺิติกาติ เจตฺถ ยถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สุภนิมิตฺตํ. ตตฺถ อโยนิโส มนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) ปจฺจโย อาหาโรติ วุจฺจติ, เอวํ ¶ ปจฺจยํ อาหารสทฺเทน คเหตฺวา ปจฺจยฏฺิติกา ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ วุตฺตา. จตฺตาโร ปน อาหาเร สนฺธาย – ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ วุจฺจมาเน ‘‘อสฺสตฺตา เทวา อเหตุกา อนาหารา อผสฺสกา อเวทนกา’’ติ วจนโต (วิภ. ๑๐๑๗) ‘‘สพฺเพ’’ติ วจนมยุตฺตํ ภเวยฺย.
ตตฺถ สิยา – เอวมฺปิ วุจฺจมาเน ‘‘กตเม ธมฺมา สปจฺจยา? ปฺจกฺขนฺธา – รูปกฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ (ธ. ส. ๑๐๘๙) วจนโต ขนฺธานํเยว ปจฺจยฏฺิติกตฺตํ ยุตฺตํ, สตฺตานนฺตุ อยุตฺตเมเวตํ วจนํ ภเวยฺยาติ. น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. กสฺมา ¶ ? สตฺเตสุ ขนฺโธปจารสิทฺธิโต. สตฺเตสุ หิ ขนฺโธปจาโร สิทฺโธ. กสฺมา? ขนฺเธ อุปาทาย ปฺาเปตพฺพโต. กถํ? เคเห คาโมปจาโร วิย. เสยฺยถาปิ หิ เคหานิ อุปาทาย ปฺาเปตพฺพตฺตา คามสฺส เอกสฺมิมฺปิ ทฺวีสุ ตีสุปิ วา เคเหสุ ทฑฺเฒสุ ‘‘คาโม ทฑฺโฒ’’ติ เอวํ เคเห คาโมปจาโร สิทฺโธ, เอวเมว ขนฺเธสุ ปจฺจยฏฺเน อาหารฏฺิติเกสุ ¶ ‘‘สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ อยํ อุปจาโร สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ. ปรมตฺถโต จ ขนฺเธสุ ชายมาเนสุ ชียมาเนสุ มียมาเนสุ จ ‘‘ขเณ ขเณ ตฺวํ ภิกฺขุ ชายเส จ ชียเส จ มียเส จา’’ติ วทตา ภควตา เตสุ สตฺเตสุ ขนฺโธปจาโร สิทฺโธติ ทสฺสิโต เอวาติ เวทิตพฺโพ. ยโต เยน ปจฺจยาขฺเยน อาหาเรน สพฺเพ สตฺตา ติฏฺนฺติ, โส อาหาโร ตํ วา เนสํ อาหารฏฺิติกตฺตํ เอกนฺติ เวทิตพฺพํ. อาหาโร หิ อาหารฏฺิติกตฺตํ วา อนิจฺจตาการณโต นิพฺพิทาฏฺานํ โหติ. อถ เตสุ สพฺพสตฺตสฺิเตสุ สงฺขาเรสุ อนิจฺจตาทสฺสเนน นิพฺพินฺทมาโน อนุปุพฺเพน ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, ปรมตฺถวิสุทฺธึ ปาปุณาติ. ยถาห –
‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;
อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๗๗);
เอตฺถ จ ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ จ ‘‘กิหา’’ติ จ ทุวิโธ ปาโ, ตตฺถ สีหฬานํ กิหาติ ปาโ. เต หิ ‘‘กิ’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘กิหา’’ติ วทนฺติ. เกจิ ภณนฺติ ‘‘ห-อิติ นิปาโต, เถริยานมฺปิ อยเมว ปาโ’’ติ อุภยถาปิ ปน เอโกว อตฺโถ. ยถา รุจฺจติ, ตถา ปิตพฺพํ. ยถา ปน ‘‘สุเขน ผุฏฺโ อถ วา ทุเขน (ธ. ป. ๘๓), ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ เอวมาทีสุ ¶ กตฺถจิ ทุขนฺติ จ กตฺถจิ ทุกฺขนฺติ จ วุจฺจติ, เอวํ กตฺถจิ เอกนฺติ, กตฺถจิ เอกฺกนฺติ วุจฺจติ. อิธ ปน เอกํ นามาติ อยเมว ปาโ.
ทฺเว นาม กินฺติปฺหวณฺณนา
เอวํ อิมินา ปฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิตฺโต สตฺถา ปุริมนเยเนว อุตฺตรึ ปฺหํ ปุจฺฉติ ทฺเว นาม กินฺติ? เถโร ทฺเวติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ‘‘นามฺจ รูปฺจา’’ติ ธมฺมาธิฏฺานาย เทสนาย วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต, จิตฺตสฺส จ นติเหตุโต สพฺพมฺปิ ¶ อรูปํ ‘‘นาม’’นฺติ วุจฺจติ. อิธ ปน นิพฺพิทาเหตุตฺตา สาสวธมฺมเมว อธิปฺเปตํ รุปฺปนฏฺเน จตฺตาโร จ มหาภูตา, สพฺพฺจ ตทุปาทาย ปวตฺตมานํ รูปํ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ สพฺพมฺปิ อิธาธิปฺเปตํ. อธิปฺปายวเสเนว เจตฺถ ‘‘ทฺเว นาม นามฺจ รูปฺจา’’ติ วุตฺตํ, น อฺเสํ ทฺวินฺนมภาวโต. ยถาห –
‘‘ทฺวีสุ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตเมสุ ทฺวีสุ? นาเม จ รูเป จ. อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีสุ ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘ทฺเว ปฺหา, ทฺเว อุทฺเทสา, ทฺเว เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗).
เอตฺถ จ นามรูปมตฺตทสฺสเนน อตฺตทิฏฺึ ปหาย อนตฺตานุปสฺสนามุเขเนว นิพฺพินฺทมาโน อนุปุพฺเพน ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, ปรมตฺถวิสุทฺธึ ปาปุณาตีติ เวทิตพฺโพ. ยถาห –
‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;
อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๗๙);
ตีณิ นาม กินฺติปฺหวณฺณนา
อิทานิ อิมินาปิ ปฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิตฺโต สตฺถา ปุริมนเยเนว อุตฺตรึ ปฺหํ ปุจฺฉติ ตีณิ นาม กินฺติ? เถโร ตีณีติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ปุน พฺยากริตพฺพสฺส อตฺถสฺส ลิงฺคานุรูปํ สงฺขฺยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ติสฺโส เวทนา’’ติ วิสฺสชฺเชติ. อถ วา ‘‘ยา ภควตา ‘ติสฺโส เวทนา’ติ วุตฺตา, อิมาสมตฺถมหํ ¶ ตีณีติ ปจฺเจมี’’ติ ทสฺเสนฺโต อาหาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อเนกมุขา หิ เทสนา ปฏิสมฺภิทาปเภเทน เทสนาวิลาสปฺปตฺตานํ. เกจิ ปนาหุ ‘‘ตีณีติ อธิกปทมิท’’นฺติ. ปุริมนเยเนว เจตฺถ ‘‘ติสฺโส เวทนา’’ติ วุตฺตํ, น อฺเสํ ติณฺณมภาวโต. ยถาห –
‘‘ตีสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตเมสุ ตีสุ? ตีสุ เวทนาสุ. อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ตีสุ ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘ตโย ปฺหา, ตโย อุทฺเทสา, ตีณิ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ¶ , อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗).
เอตฺถ จ ‘‘ยํกิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙) วุตฺตสุตฺตานุสาเรน วา. –
‘‘โย ¶ สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต;
อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, อทฺทกฺขิ นํ อนิจฺจโต’’ติ. (อิติวุ. ๕๓) –
เอวํ ทุกฺขทุกฺขตาวิปริณามทุกฺขตาสงฺขารทุกฺขตานุสาเรน วา ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ทุกฺขภาวทสฺสเนน สุขสฺํ ปหาย ทุกฺขานุปสฺสนามุเขน นิพฺพินฺทมาโน อนุปุพฺเพน ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, ปรมตฺถวิสุทฺธึ ปาปุณาตีติ เวทิตพฺโพ. ยถาห –
‘‘สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;
อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๗๘);
จตฺตาริ นาม กินฺติปฺหวณฺณนา
เอวํ อิมินาปิ ปฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิตฺโต สตฺถา ปุริมนเยเนว อุตฺตรึ ปฺหํ ปุจฺฉติ จตฺตาริ นาม กินฺติ? ตตฺถ อิมสฺส ปฺหสฺส พฺยากรณปกฺเข กตฺถจิ ปุริมนเยเนว จตฺตาโร อาหารา อธิปฺเปตา. ยถาห –
‘‘จตูสุ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตเมสุ จตูสุ? จตูสุ อาหาเรสุ. อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, จตูสุ ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘จตฺตาโร ปฺหา จตฺตาโร อุทฺเทสา จตฺตาริ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗).
กตฺถจิ เยสุ สุภาวิตจิตฺโต อนุปุพฺเพน ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, ตานิ จตฺตาริ สติปฏฺานานิ. ยถาห กชงฺคลา ภิกฺขุนี –
‘‘จตูสุ, อาวุโส, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา สุภาวิตจิตฺโต สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมตฺตํ อภิสเมจฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร ¶ โหติ. กตเมสุ จตูสุ? จตูสุ สติปฏฺาเนสุ. อิเมสุ โข, อาวุโส, จตูสุ ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา สุภาวิตจิตฺโต…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘จตฺตาโร ปฺหา จตฺตาโร อุทฺเทสา จตฺตาริ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๘).
อิธ ¶ ปน เยสํ จตุนฺนํ อนุโพธปฺปฏิเวธโต ภวตณฺหาเฉโท โหติ, ยสฺมา ตานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อธิปฺเปตานิ. ยสฺมา วา อิมินา ปริยาเยน พฺยากตํ สุพฺยากตเมว โหติ, ตสฺมา เถโร จตฺตารีติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ‘‘อริยสจฺจานี’’ติ วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ จตฺตารีติ คณนปริจฺเฉโท. อริยสจฺจานีติ อริยานิ สจฺจานิ, อวิตถานิ อวิสํวาทกานีติ อตฺโถ. ยถาห –
‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ, ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๗).
ยสฺมา วา สเทวเกน โลเกน อรณียโต อภิคมนียโตติ วุตฺตํ โหติ, วายมิตพฺพฏฺานสฺิเต อเย วา อิริยนโต, อนเย วา น อิริยนโต, สตฺตตึสโพธิปกฺขิยอริยธมฺมสมาโยคโต วา อริยสมฺมตา พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกา เอตานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ, ตสฺมาปิ ‘‘อริยสจฺจานี’’ติ วุจฺจนฺติ. ยถาห –
‘‘จตฺตาริมานิ ¶ , ภิกฺขเว, อริยสจฺจานิ…เป… อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, อริยา อิมานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ, ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตี’’ติ.
อปิจ อริยสฺส ภควโต สจฺจานีติปิ อริยสจฺจานิ. ยถาห –
‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว…เป… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อริโย, ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๘).
อถ วา เอเตสํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา อริยภาวสิทฺธิโตปิ อริยสจฺจานิ. ยถาห –
‘‘อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ยถาภูตํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๓).
อยเมเตสํ ปทตฺโถ. เอเตสํ ปน อริยสจฺจานํ อนุโพธปฺปฏิเวธโต ภวตณฺหาเฉโท ¶ โหติ. ยถาห –
‘‘ตยิทํ ¶ , ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฏิวิทฺธํ…เป… ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฏิวิทฺธํ, อุจฺฉินฺนา ภวตณฺหา, ขีณา ภวเนตฺติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๑).
ปฺจ นาม กินฺติปฺหวณฺณนา
อิมินาปิ ปฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิตฺโต สตฺถา ปุริมนเยเนว อุตฺตรึ ปฺหํ ปุจฺฉติ ปฺจ นาม กินฺติ? เถโร ปฺจาติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ‘‘อุปาทานกฺขนฺธา’’ติ วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ ปฺจาติ คณนปริจฺเฉโท. อุปาทานชนิตา อุปาทานชนกา วา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา. ยํกิฺจิ รูปํ, เวทนา, สฺา, สงฺขารา, วิฺาณฺจ สาสวา อุปาทานิยา, เอเตสเมตํ อธิวจนํ. ปุพฺพนเยเนว เจตฺถ ‘‘ปฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติ วุตฺตํ, น อฺเสํ ปฺจนฺนมภาวโต. ยถาห –
‘‘ปฺจสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตเมสุ ปฺจสุ? ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ. อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ปฺจสุ ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘ปฺจ ปฺหา, ปฺจ อุทฺเทสา ¶ , ปฺจ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗).
เอตฺถ จ ปฺจกฺขนฺเธ อุทยพฺพยวเสน สมฺมสนฺโต วิปสฺสนามตํ ลทฺธา อนุปุพฺเพน นิพฺพานามตํ สจฺฉิกโรติ. ยถาห –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔);
ฉ นาม กินฺติปฺหวณฺณนา
เอวํ อิมินาปิ ปฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิตฺโต สตฺถา ปุริมนเยเนว อุตฺตรึ ปฺหํ ปุจฺฉติ ‘‘ฉ นาม กิ’’นฺติ? เถโร ฉอิติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ‘อชฺฌตฺติกานิ อายตนานี’ติ วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ ฉอิติ คณนปริจฺเฉโท, อชฺฌตฺเต นิยุตฺตานิ, อตฺตานํ วา อธิกตฺวา ปวตฺตานิ อชฺฌตฺติกานิ. อายตนโต, อายสฺส วา ตนนโต, อายตสฺส วา สํสารทุกฺขสฺส ¶ นยนโต อายตนานิ, จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายมนานเมตํ อธิวจนํ. ปุพฺพนเยน เจตฺถ ‘‘ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานี’’ติ วุตฺตํ, น อฺเสํ ฉนฺนมภาวโต. ยถาห –
‘‘ฉสุ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตเมสุ ฉสุ? ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ อายตเนสุ. อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ฉสุ ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘ฉ ปฺหา ฉ อุทฺเทสา ฉ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗).
เอตฺถ จ ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, ‘‘สฺุโ คาโมติ โข, ภิกฺขเว, ฉนฺเนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) วจนโต สฺุโต ปุพฺพุฬกมรีจิกาทีนิ วิย อจิรฏฺิติกโต ตุจฺฉโต วฺจนโต จ สมนุปสฺสํ นิพฺพินฺทมาโน อนุปุพฺเพน ทุกฺขสฺสนฺตํ กตฺวา มจฺจุราชสฺส อทสฺสนํ อุเปติ. ยถาห –
‘‘ยถา ¶ ปุพฺพุฬกํ ปสฺเส, ยถา ปสฺเส มรีจิกํ;
เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๗๐);
สตฺต นาม กินฺติปฺหวณฺณนา
อิมินาปิ ปฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิตฺโต สตฺถา อุตฺตรึ ปฺหํ ปุจฺฉติ สตฺต นาม กินฺติ? เถโร กิฺจาปิ มหาปฺหพฺยากรเณ สตฺต วิฺาณฏฺิติโย วุตฺตา, อปิจ โข ปน เยสุ ธมฺเมสุ สุภาวิตจิตฺโต ภิกฺขุ ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺคา’’ติ วิสฺสชฺเชติ. อยมฺปิ จตฺโถ ภควตา อนุมโต เอว. ยถาห –
‘‘ปณฺฑิตา คหปตโย กชงฺคลิกา ภิกฺขุนี, มหาปฺา คหปตโย กชงฺคลิกา ภิกฺขุนี, มฺเจปิ ตุมฺเห คหปตโย อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ, อหมฺปิ เจตํ เอวเมว พฺยากเรยฺยํ, ยถา ตํ กชงฺคลิกาย ¶ ภิกฺขุนิยา พฺยากต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๘).
ตาย จ เอวํ พฺยากตํ –
‘‘สตฺตสุ, อาวุโส, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา สุภาวิตจิตฺโต…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตเมสุ สตฺตสุ? สตฺตสุ โพชฺฌงฺเคสุ. อิเมสุ โข, อาวุโส, สตฺตสุ ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา สุภาวิตจิตฺโต…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘สตฺต ปฺหา ¶ สตฺต อุทฺเทสา สตฺต เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๘).
เอวมยมตฺโถ ภควตา อนุมโต เอวาติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ สตฺตาติ อูนาธิกนิวารณคณนปริจฺเฉโท. โพชฺฌงฺคาติ สติอาทีนํ ธมฺมานเมตํ อธิวจนํ. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – เอตาย โลกิยโลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทิ- อเนกุปทฺทวปฺปฏิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปฺปสฺสทฺธิสมาธุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌตีติ กตฺวา โพธิ, กิเลสสนฺตานนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ วุตฺตํ โหติ. ยถาห – ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺเค ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ ¶ อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ. ยถาวุตฺตปฺปการาย วา เอตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโกปิ โพธิ. อิติ ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺคภูตตฺตา โพชฺฌงฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคานิ วิย, ตสฺส วา โพธีติ ลทฺธโวหารสฺส อริยสาวกสฺส องฺคภูตตฺตาปิ โพชฺฌงฺคา เสนงฺครถงฺคาทโย วิย.
อปิจ ‘‘โพชฺฌงฺคาติ เกนฏฺเน โพชฺฌงฺคา? โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, อนุพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, ปฏิพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, สมฺพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๑๗) อิมินาปิ ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺเตน วิธินา โพชฺฌงฺคานํ โพชฺฌงฺคฏฺโ เวทิตพฺโพ. เอวมิเม สตฺต โพชฺฌงฺเค ภาเวนฺโต พหุลีกโรนฺโต น จิรสฺเสว เอกนฺตนิพฺพิทาทิคุณปฏิลาภี โหติ, เตน ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหตีติ วุจฺจติ ¶ . วุตฺตฺเจตํ ภควตา –
‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, โพชฺฌงฺคา ภาวิตา พหุลีกตา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๐๑).
อฏฺ นาม กินฺติปฺหวณฺณนา
เอวํ อิมินาปิ ปฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิตฺโต สตฺถา อุตฺตรึ ปฺหํ ปุจฺฉติ อฏฺ นาม กินฺติ? เถโร กิฺจาปิ มหาปฺหพฺยากรเณ อฏฺ โลกธมฺมา วุตฺตา, อปิจ โข ปน เยสุ ธมฺเมสุ ¶ สุภาวิตจิตฺโต ภิกฺขุ ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘อริยานิ อฏฺ มคฺคงฺคานี’’ติ อวตฺวา ยสฺมา อฏฺงฺควินิมุตฺโต มคฺโค นาม นตฺถิ, อฏฺงฺคมตฺตเมว ตุ มคฺโค, ตสฺมา ตมตฺถํ สาเธนฺโต เทสนาวิลาเสน อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ วิสฺสชฺเชติ. ภควตาปิ จายมตฺโถ เทสนานโย จ อนุมโต เอว. ยถาห –
‘‘ปณฺฑิตา คหปตโย กชงฺคลิกา ภิกฺขุนี…เป… อหมฺปิ เอวเมว พฺยากเรยฺยํ, ยถา ตํ กชงฺคลิกาย ภิกฺขุนิยา พฺยากต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๘).
ตาย ¶ จ เอวํ พฺยากตํ –
‘‘อฏฺสุ, อาวุโส, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา สุภาวิตจิตฺโต…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘อฏฺ ปฺหา, อฏฺ อุทฺเทสา, อฏฺ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๘).
เอวมยํ อตฺโถ จ เทสนานโย จ ภควตา อนุมโต เอวาติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ อริโยติ นิพฺพานตฺถิเกหิ อภิคนฺตพฺโพ, อปิจ อารกา กิเลเสหิ วตฺตนโต, อริยภาวกรณโต, อริยผลปฏิลาภโต จาปิ อริโยติ เวทิตพฺโพ. อฏฺ องฺคานิ อสฺสาติ อฏฺงฺคิโก. สฺวายํ จตุรงฺคิกา วิย เสนา, ปฺจงฺคิกํ วิย จ ตูริยํ องฺควินิพฺโภเคน อนุปลพฺภสภาวโต องฺคมตฺตเมวาติ เวทิตพฺโพ. มคฺคติ อิมินา นิพฺพานํ, สยํ วา มคฺคติ, กิเลเส มาเรนฺโต วา คจฺฉตีติ มคฺโค.
เอวมฏฺปฺปเภทฺจิมํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวนฺโต ภิกฺขุ ¶ อวิชฺชํ ภินฺทติ, วิชฺชํ อุปฺปาเทติ, นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติ, เตน ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหตีติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สาลิสูกํ วา ยวสูกํ วา สมฺมา ปณิหิตํ หตฺเถน วา ปาเทน วา อกฺกนฺตํ หตฺถํ วา ปาทํ วา เภจฺฉติ, โลหิตํ วา อุปฺปาเทสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สมฺมา ปณิหิตตฺตา, ภิกฺขเว, สูกสฺส, เอวเมว โข, ภิกฺขเว ¶ , โส วต ภิกฺขุ สมฺมา ปณิหิตาย ทิฏฺิยา สมฺมา ปณิหิตาย มคฺคภาวนาย อวิชฺชํ เภจฺฉติ, วิชฺชํ อุปฺปาเทสฺสติ, นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๔๒).
นว นาม กินฺติปฺหวณฺณนา
อิมินาปิ ปฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิตฺโต สตฺถา อุตฺตรึ ปฺหํ ปุจฺฉติ นว นาม กินฺติ? เถโร นวอิติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ‘‘สตฺตาวาสา’’ติ วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ นวาติ คณนปริจฺเฉโท. สตฺตาติ ชีวิตินฺทฺริยปฺปฏิพทฺเธ ขนฺเธ ¶ อุปาทาย ปฺตฺตา ปาณิโน ปณฺณตฺติ วา. อาวาสาติ อาวสนฺติ เอเตสูติ อาวาสา, สตฺตานํ อาวาสา สตฺตาวาสา. เอส เทสนามคฺโค, อตฺถโต ปน นววิธานํ สตฺตานเมตํ อธิวจนํ. ยถาห –
‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกจฺเจ จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกา, อยํ ปโม สตฺตาวาโส. สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ, เทวา พฺรหฺมกายิกา, ปมาภินิพฺพตฺตา, อยํ ทุติโย สตฺตาวาโส. สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ, เทวา อาภสฺสรา, อยํ ตติโย สตฺตาวาโส. สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน, เสยฺยถาปิ, เทวา สุภกิณฺหา, อยํ จตุตฺโถ สตฺตาวาโส. สนฺตาวุโส, สตฺตา อสฺิโน อปฺปฏิสํเวทิโน, เสยฺยถาปิ, เทวา อสฺสตฺตา, อยํ ปฺจโม สตฺตาวาโส. สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส รูปสฺานํ…เป… อากาสานฺจายตนูปคา ¶ , อยํ ฉฏฺโ สตฺตาวาโส. สนฺตาวุโส, สตฺตา…เป… วิฺาณฺจายตนูปคา, อยํ สตฺตโม สตฺตาวาโส. สนฺตาวุโส, สตฺตา…เป… อากิฺจฺายตนูปคา, อยํ อฏฺโม สตฺตาวาโส. สนฺตาวุโส, สตฺตา…เป… เนวสฺานาสฺายตนูปคา, อยํ นวโม สตฺตาวาโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๑).
ปุริมนเยเนว เจตฺถ ‘‘นว สตฺตาวาสา’’ติ วุตฺตํ, น อฺเสํ นวนฺนมภาวโต. ยถาห –
‘‘นวสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตเมสุ นวสุ? นวสุ สตฺตาวาเสสุ. อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, นวสุ ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘นว ปฺหา ¶ , นว อุทฺเทสา, นว เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗).
เอตฺถ ¶ จ ‘‘นว ธมฺมา ปริฺเยฺยา. กตเม นว? นว สตฺตาวาสา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๙) วจนโต นวสุ สตฺตาวาเสสุ าตปริฺาย ธุวสุภสุขตฺตภาวทสฺสนํ ปหาย สุทฺธสงฺขารปฺุชมตฺตทสฺสเนน นิพฺพินฺทมาโน ตีรณปริฺาย อนิจฺจานุปสฺสเนน วิรชฺชมาโน ทุกฺขานุปสฺสเนน วิมุจฺจมาโน อนตฺตานุปสฺสเนน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี ปหานปริฺาย สมฺมตฺตมภิสเมจฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. เตเนตํ วุตฺตํ –
‘‘นวสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตเมสุ นวสุ? นวสุ สตฺตาวาเสสู’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗).
ทส นาม กินฺติปฺหวณฺณนา
เอวํ อิมินาปิ ปฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิตฺโต สตฺถา อุตฺตรึ ปฺหํ ปุจฺฉติ ทส นาม กินฺติ? ตตฺถ กิฺจาปิ อิมสฺส ปฺหสฺส อิโต อฺตฺร เวยฺยากรเณสุ ทส อกุสลกมฺมปถา วุตฺตา. ยถาห –
‘‘ทสสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตเมสุ ทสสุ? ทสสุ อกุสลกมฺมปเถสุ. อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ทสสุ ธมฺเมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป. ¶ … ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. ‘ทส ปฺหา ทส อุทฺเทสา ทส เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗).
อิธ ปน ยสฺมา อยมายสฺมา อตฺตานํ อนุปเนตฺวา อฺํ พฺยากาตุกาโม, ยสฺมา วา อิมินา ปริยาเยน พฺยากตํ สุพฺยากตเมว โหติ, ตสฺมา เยหิ ทสหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต อรหาติ ปวุจฺจติ, เตสํ อธิคมํ ทีเปนฺโต ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคโต อรหาติ ปวุจฺจตีติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย วิสฺสชฺเชติ. ยโต เอตฺถ เยหิ ทสหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต อรหาติ ปวุจฺจติ, ตานิ ทสงฺคานิ ‘‘ทส นาม กิ’’นฺติ ปุฏฺเน เถเรน นิทฺทิฏฺานีติ เวทิตพฺพานิ. ตานิ จ ทส –
‘‘อเสโข ¶ อเสโขติ, ภนฺเต, วุจฺจติ, กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุ อเสโข โหตีติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อเสขาย ¶ สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาสงฺกปฺเปน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย สมฺมาวาจาย สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมากมฺมนฺเตน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาอาชีเวน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาวายาเมน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย สมฺมาสติยา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาาเณน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย สมฺมาวิมุตฺติยา สมนฺนาคโต โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อเสโข โหตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๑๑). –
เอวมาทีสุ สุตฺเตสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
กุมารปฺหวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มงฺคลสุตฺตวณฺณนา
นิกฺเขปปฺปโยชนํ
อิทานิ ¶ กุมารปฺหานนฺตรํ นิกฺขิตฺตสฺส มงฺคลสุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต, ตสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ วตฺวา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม. เสยฺยถิทํ – อิทฺหิ สุตฺตํ อิมินา อนุกฺกเมน ภควตา อวุตฺตมฺปิ ยฺวายํ สรณคมเนหิ สาสโนตาโร, สิกฺขาปททฺวตฺตึสาการกุมารปฺเหหิ ¶ จ สีลสมาธิปฺาปฺปเภทนโย ทสฺสิโต, สพฺโพเปส ปรมมงฺคลภูโต, ยโต มงฺคลตฺถิเกน เอตฺเถว อภิโยโค กาตพฺโพ, โส จสฺส มงฺคลภาโว อิมินา สุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺโพติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
อิทมสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ.
ปมมหาสงฺคีติกถา
เอวํ ¶ นิกฺขิตฺตสฺส ปนสฺส อตฺถวณฺณนตฺถํ อยํ มาติกา –
‘‘วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา, เจตํ วตฺวา อิมํ วิธึ;
เอวมิจฺจาทิปาสฺส, อตฺถํ นานปฺปการโต.
‘‘วณฺณยนฺโต สมุฏฺานํ, วตฺวา ยํ ยตฺถ มงฺคลํ;
ววตฺถเปตฺวา ตํ ตสฺส, มงฺคลตฺตํ วิภาวเย’’ติ.
ตตฺถ ‘‘วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา, เจตํ วตฺวา อิมํ วิธิ’’นฺติ อยํ ตาว อทฺธคาถา ยทิทํ ‘‘เอวํ เม สุตํ เอกํ สมยํ ภควา…เป… ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสี’’ติ, อิทํ วจนํ สนฺธาย วุตฺตา. อิทฺหิ อนุสฺสววเสน วุตฺตํ, โส จ ภควา สยมฺภู อนาจริยโก, ตสฺมา เนทํ ตสฺส ภควโต วจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ยโต วตฺตพฺพเมตํ ‘‘อิทํ วจนํ เกน วุตฺตํ ¶ , กทา, กสฺมา จ วุตฺต’’นฺติ. วุจฺจเต – อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตํ, ตฺจ ปมมหาสงฺคีติกาเล.
ปมมหาสงฺคีติ เจสา สพฺพสุตฺตนิทานโกสลฺลตฺถมาทิโต ปภุติ เอวํ เวทิตพฺพา. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺหิ อาทึ กตฺวา ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา, กตพุทฺธกิจฺเจ กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร วิสาขปุณฺณมทิวเส ปจฺจูสสมเย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุเต, ภควติ โลกนาเถ ภควโต ปรินิพฺพาเน สนฺนิปติตานํ สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ สงฺฆตฺเถโร อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺตาหปรินิพฺพุเต ¶ ภควติ สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน ‘‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณน, อุปทฺทุตา จ โหม ‘อิทํ โว กปฺปติ อิทํ โว น กปฺปตี’ติ, อิทานิ ปน มยํ ยํ อิจฺฉิสฺสาม ตํ กริสฺสาม, ยํ น อิจฺฉิสฺสาม น ตํ กริสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๗; ที. นิ. ๒.๒๓๒) วุตฺตวจนมนุสฺสรนฺโต ‘‘านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ ปาปภิกฺขู ‘อตีตสตฺถุกํ ปาวจน’นฺติ มฺมานา ปกฺขํ ลภิตฺวา น จิรสฺเสว สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปยฺยุํ. ยาว จ ธมฺมวินโย ติฏฺติ, ตาว อนตีตสตฺถุกเมว ปาวจนํ โหติ. ยถาห ภควา –
‘‘โย ¶ โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖).
‘‘ยํนูนาหํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยํ, ยถยิทํ สาสนํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติกํ’’.
ยฺจาหํ ภควตา –
‘‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ, กสฺสป, สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’’ติ วตฺวา จีวเร สาธารณปริโภเคน เจว –
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ, กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเทว อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ –
เอวมาทินา ¶ นเยน นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเท อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปเนน จ อนุคฺคหิโต, ตสฺส เม กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ? ‘‘นนุ มํ ภควา ราชา วิย สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนน อตฺตโน กุลวํสปฺปติฏฺาปกํ ปุตฺตํ ‘สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโก เม อยํ ภวิสฺสตี’ติ มนฺตฺวา อิมินา อสาธารเณน อนุคฺคเหน อนุคฺคเหสี’’ติ จินฺตยนฺโต ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ ¶ อุสฺสาหํ ชเนสิ? ยถาห –
‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู อามนฺเตสิ – เอกมิทาหํ, อาวุโส, สมยํ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๓๑; จูฬว. ๔๓๗) สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
ตโต ปรํ อาห –
‘‘หนฺท มยํ, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, ปุเร อธมฺโม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยติ, อวินโย ทิปฺปติ, วินโย ปฏิพาหิยฺยติ, ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ, อวินยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
ภิกฺขู ¶ อาหํสุ ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เถโร ภิกฺขู อุจฺจินตู’’ติ. เถโร สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธเร ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิสุกฺขวิปสฺสกขีณาสวภิกฺขู อเนกสเต อเนกสหสฺเส จ วชฺเชตฺวา ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเร ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต มหานุภาเว เยภุยฺเยน ภควตา เอตทคฺคํ อาโรปิเต เตวิชฺชาทิเภเท ขีณาสวภิกฺขูเยว เอกูนปฺจสเต ปริคฺคเหสิ. เย สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เอเกนูนปฺจอรหนฺตสตานิ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
กิสฺส ปน เถโร เอเกนูนมกาสีติ? อายสฺมโต อานนฺทตฺเถรสฺส โอกาสกรณตฺถํ. เตน หายสฺมตา สหาปิ วินาปิ น สกฺกา ธมฺมสงฺคีติ กาตุํ. โส หายสฺมา เสโข สกรณีโย, ตสฺมา สห น สกฺกา, ยสฺมา ปนสฺส กิฺจิ ทสพลเทสิตํ สุตฺตเคยฺยาทิกํ ภควโต อสมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา วินาปิ น สกฺกา. ยทิ เอวํ เสโขปิ สมาโน ธมฺมสงฺคีติยา พหูการตฺตา เถเรน อุจฺจินิตพฺโพ อสฺส, อถ กสฺมา น อุจฺจินิโตติ? ปรูปวาทวิวชฺชนโต ¶ . เถโร หิ อายสฺมนฺเต ¶ อานนฺเท อติวิย วิสฺสตฺโถ อโหสิ. ตถา หิ นํ สิรสฺมึ ปลิเตสุ ชาเตสุปิ ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) กุมารกวาเทน โอวทติ. สกฺยกุลปฺปสุโต จายํ อายสฺมา ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุ ปุตฺโต, ตตฺร ภิกฺขู ฉนฺทาคมนํ วิย มฺมานา ‘‘พหู อเสขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต ภิกฺขู เปตฺวา อานนฺทํ เสขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตํ เถโร อุจฺจินี’’ติ อุปวเทยฺยุํ. ตํ ปรูปวาทํ ปริวิวชฺเชนฺโต ‘‘อานนฺทํ วินา สงฺคีติ น สกฺกา กาตุํ, ภิกฺขูนํเยว อนุมติยา คเหสฺสามี’’ติ น อุจฺจินิ.
อถ สยเมว ภิกฺขู อานนฺทสฺสตฺถาย เถรํ ยาจึสุ. ยถาห –
‘‘ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจุํ – ‘อยํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท กิฺจาปิ เสโข, อภพฺโพ ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคตึ คนฺตุํ, พหุ จาเนน ภควโต สนฺติเก ธมฺโม จ วินโย จ ปริยตฺโต, เตน หิ, ภนฺเต, เถโร ¶ อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินตู’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
เอวํ ภิกฺขูนํ อนุมติยา อุจฺจินิเตน เตนายสฺมตา สทฺธึ ปฺจเถรสตานิ อเหสุํ.
อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข มยํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ. อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘‘ราชคหํ โข มหาโคจรํ ปหูตเสนาสนํ, ยํนูน มยํ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, นฺเ ภิกฺขู ราชคเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’’นฺติ. กสฺมา ปน เนสํ เอตทโหสิ? อิทํ อมฺหากํ ถาวรกมฺมํ, โกจิ วิสภาคปุคฺคโล ¶ สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อุกฺโกเฏยฺยาติ. อถายสฺมา มหากสฺสโป ตฺติทุติเยน กมฺเมน สาเวสิ. ตํ สงฺคีติกฺขนฺธเก (จูฬว. ๔๓๗) วุตฺตนเยเนว าตพฺพํ.
อถ ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต สตฺตสุ สาธุกีฬนทิวเสสุ สตฺตสุ จ ธาตุปูชาทิวเสสุ วีติวตฺเตสุ ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต, อิทานิ คิมฺหานํ ทิยฑฺโฒ มาโส เสโส, อุปกฏฺา วสฺสูปนายิกา’’ติ มนฺตฺวา มหากสฺสปตฺเถโร ‘‘ราชคหํ, อาวุโส, คจฺฉามา’’ติ อุปฑฺฒํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต. อนุรุทฺธตฺเถโรปิ อุปฑฺฒํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต, อานนฺทตฺเถโร ¶ ปน ภควโต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา ราชคหํ คนฺตุกาโม เยน สาวตฺถิ, เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อานนฺทตฺเถเรน คตคตฏฺาเน มหาปริเทโว อโหสิ, ‘‘ภนฺเต อานนฺท, กุหึ สตฺถารํ เปตฺวา อาคโตสี’’ติ? อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อนุปฺปตฺเต เถเร ภควโต ปรินิพฺพานสมเย วิย มหาปริเทโว อโหสิ.
ตตฺร สุทํ อายสฺมา อานนฺโท อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ตํ มหาชนํ สฺาเปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา ทสพเลน วสิตคนฺธกุฏิยา ทฺวารํ วิวริตฺวา มฺจปีํ นีหริตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา คนฺธกุฏึ สมฺมชฺชิตฺวา มิลาตมาลากจวรํ ฉฑฺเฑตฺวา มฺจปีํ อติหริตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา ภควโต ิตกาเล กรณียํ วตฺตํ สพฺพมกาสิ. อถ ¶ เถโร ภควโต ปรินิพฺพานโต ปภุติ านนิสชฺชพหุลตฺตา อุสฺสนฺนธาตุกํ กายํ สมสฺสาเสตุํ ทุติยทิวเส ขีรวิเรจนํ ปิวิตฺวา วิหาเรเยว นิสีทิ, ยํ สนฺธาย สุเภน มาณเวน ปหิตํ มาณวกํ เอตทโวจ –
‘‘อกาโล โข, มาณวก, อตฺถิ ¶ เม อชฺช เภสชฺชมตฺตา ปีตา, อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยามา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๗).
ทุติยทิวเส เจตกตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน คนฺตฺวา สุเภน มาณเวน ปุฏฺโ ทีฆนิกาเย สุภสุตฺตํ นาม ทสมํ สุตฺตมภาสิ.
อถ โข เถโร เชตวเน วิหาเร ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ การาเปตฺวา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ราชคหํ คโต. ตถา มหากสฺสปตฺเถโร อนุรุทฺธตฺเถโร จ สพฺพํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา ราชคหเมว คตา.
เตน โข ปน สมเยน ราชคเห อฏฺารส มหาวิหารา โหนฺติ. เต สพฺเพปิ ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปา อเหสุํ. ภควโต หิ ปรินิพฺพาเน สพฺเพ ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิหาเร จ ปริเวเณ จ ฉฑฺเฑตฺวา อคมํสุ. ตตฺถ เถรา ภควโต วจนปูชนตฺถํ ติตฺถิยวาทปริโมจนตฺถฺจ ‘‘ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรมา’’ติ จินฺเตสุํ. ติตฺถิยา หิ วเทยฺยุํ ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา สตฺถริ ิเตเยว วิหาเร ปฏิชคฺคึสุ, ปรินิพฺพุเต ฉฑฺเฑสุ’’นฺติ. เตสํ วาทปริโมจนตฺถฺจ จินฺเตสุนฺติ วุตฺตํ โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ภควตา โข, อาวุโส, ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ ¶ วณฺณิตํ, หนฺท มยํ, อาวุโส, ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรม, มชฺฌิมํ มาสํ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๘).
เต ทุติยทิวเส คนฺตฺวา ราชทฺวาเร อฏฺํสุ. อชาตสตฺตุ ราชา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, กึ กโรมิ, เกนตฺโถ’’ติ ปวาเรสิ. เถรา อฏฺารสมหาวิหารปฺปฏิสงฺขรณตฺถาย หตฺถกมฺมํ ปฏิเวเทสุํ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา หตฺถกมฺมการเก มนุสฺเส อทาสิ. เถรา ปมํ มาสํ สพฺพวิหาเร ปฏิสงฺขราเปสุํ.
อถ ¶ รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นิฏฺิตํ, มหาราช, วิหารปฺปฏิสงฺขรณํ ¶ , อิทานิ ธมฺมวินยสงฺคหํ กโรมา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, วิสฺสตฺถา กโรถ, มยฺหํ อาณาจกฺกํ, ตุมฺหากํ ธมฺมจกฺกํ โหตุ. อาณาเปถ, ภนฺเต, กึ กโรมี’’ติ? ‘‘ธมฺมสงฺคหํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ สนฺนิสชฺชฏฺานํ มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เวภารปพฺพตปสฺเส สตฺตปณฺณิคุหาทฺวาเร กาตุํ ยุตฺตํ มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข, ราชา อชาตสตฺตุ, วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตสทิสํ สุวิภตฺตภิตฺติถมฺภโสปานํ นานาวิธมาลากมฺมลตากมฺมวิจิตฺรํ มหามณฺฑปํ การาเปตฺวา วิวิธกุสุมทามโอลมฺพกวินิคฺคลนฺตจารุวิตานํ รตนวิจิตฺรมณิโกฏฺฏิมตลมิว จ นํ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺรํ สุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมํ พฺรหฺมวิมานสทิสํ อลงฺกริตฺวา ตสฺมึ มหามณฺฑเป ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ อนคฺฆานิ ปฺจกปฺปิยปจฺจตฺถรณสตานิ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิณภาคํ นิสฺสาย อุตฺตราภิมุขํ เถราสนํ, มณฺฑปมชฺเฌ ปุรตฺถาภิมุขํ พุทฺธสฺส ภควโต อาสนารหํ ธมฺมาสนํ ปฺาเปตฺวา ทนฺตขจิตํ จิตฺตพีชนิฺเจตฺถ เปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรจาเปสิ ‘‘นิฏฺิตํ, ภนฺเต, กิจฺจ’’นฺติ.
ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อาหํสุ ‘‘สฺเว, อาวุโส อานนฺท, สงฺฆสนฺนิปาโต, ตฺวฺจ เสโข สกรณีโย, เตน เต น ยุตฺตํ สนฺนิปาตํ คนฺตุํ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ‘‘สฺเว สนฺนิปาโต, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ เสโข สมาโน สนฺนิปาตํ คจฺเฉยฺย’’นฺติ พหุเทว รตฺตึ กายคตาย สติยา วีตินาเมตฺวา รตฺติยา ปจฺจูสสมเย จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘นิปชฺชิสฺสามี’’ติ กายํ อาวชฺเชสิ. ทฺเว ปาทา ภูมิโต มุตฺตา, อปฺปตฺตฺจ สีสํ พิมฺโพหนํ, เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย ¶ อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ. อยฺหิ อายสฺมา จงฺกเมน พหิ วีตินาเมตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต จินฺเตสิ ‘‘นนุ มํ ภควา เอตทโวจ – ‘กตปฺุโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยฺุช, ขิปฺปํ โหหิสิ ¶ อนาสโว’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗). พุทฺธานฺจ กถาโทโส นาม นตฺถิ, มม ปน อจฺจารทฺธํ วีริยํ, เตน เม จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ, หนฺทาหํ วีริยสมตํ โยเชมี’’ติ จงฺกมา โอโรหิตฺวา ปาทโธวนฏฺาเน ตฺวา ปาเท โธวิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสีทิตฺวา ‘‘โถกํ วิสฺสมิสฺสามี’’ติ กายํ มฺจเก อุปนาเมสิ. ทฺเว ปาทา ¶ ภูมิโต มุตฺตา, สีสฺจ พิมฺโพหนมสมฺปตฺตํ, เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ. จตุอิริยาปถวิรหิตํ เถรสฺส อรหตฺตํ. เตน ‘‘อิมสฺมึ สาสเน อนิสินฺโน อนิปนฺโน อฏฺิโต อจงฺกมนฺโต โก ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อานนฺทตฺเถโร’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
อถ เถรา ภิกฺขู ทุติยทิวเส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา. อานนฺทตฺเถโร ปน อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ าเปตุกาโม ภิกฺขูหิ สทฺธึ น คโต. ภิกฺขู ยถาวุฑฺฒํ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทนฺตา อานนฺทตฺเถรสฺส อาสนํ เปตฺวา นิสินฺนา. ตตฺถ เกหิจิ ‘‘เอตมาสนํ กสฺสา’’ติ วุตฺเต อานนฺทสฺสาติ. ‘‘อานนฺโท ปน กุหึ คโต’’ติ. ตสฺมึ สมเย เถโร จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ มยฺหํ คมนกาโล’’ติ. ตโต อตฺตโน อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อตฺตโน อาสเนเยว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อากาเสนาคนฺตฺวา นิสีทีติปิ เอเก.
เอวํ นิสินฺเน ตสฺมึ อายสฺมนฺเต มหากสฺสปตฺเถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ, ‘‘อาวุโส, กึ ปมํ สงฺคายาม ธมฺมํ วา วินยํ วา’’ติ? ภิกฺขู อาหํสุ, ‘‘ภนฺเต มหากสฺสป, วินโยนามพุทฺธสาสนสฺส อายุ, วินเย ิเต สาสนํ ิตํ โหติ, ตสฺมา ปมํ วินยํ สงฺคายามา’’ติ. ‘‘กํ ธุรํ กตฺวา วินโย สงฺคายิตพฺโพ’’ติ? ‘‘อายสฺมนฺตํ อุปาลิ’’นฺติ ¶ . ‘‘กึ อานนฺโท นปฺปโหตี’’ติ? ‘‘โน นปฺปโหติ, อปิจ โข ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธรมาโนเยว วินยปริยตฺตึ นิสฺสาย อายสฺมนฺตํ อุปาลึ เอตทคฺเค เปสิ – ‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลี’’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๘). ตสฺมา อุปาลิตฺเถรํ ปุจฺฉิตฺวา วินยํ สงฺคายามาติ. ตโต เถโร วินยํ ปุจฺฉนตฺถาย อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิ. อุปาลิตฺเถโรปิ วิสฺสชฺชนตฺถาย สมฺมนฺนิ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.
อายสฺมาปิ ¶ ¶ อุปาลิ สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ.
เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิตฺวา อายสฺมา, อุปาลิ, อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา. ตโต มหากสฺสปตฺเถโร อุปาลิตฺเถรํ ปมปาราชิกํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ วินยํ ปุจฺฉิ, อุปาลิตฺเถโร วิสฺสชฺเชสิ. สพฺเพ ปฺจสตา ภิกฺขู ปมปาราชิกสิกฺขาปทํ สนิทานํ กตฺวา เอกโต คณสชฺฌายมกํสุ. เอวํ เสสานิปีติ สพฺพํ วินยฏฺกถาย คเหตพฺพํ. เอเตน นเยน สอุภโตวิภงฺคํ สขนฺธกปริวารํ สกลํ วินยปิฏกํ สงฺคายิตฺวา อุปาลิตฺเถโร ทนฺตขจิตํ พีชนึ นิกฺขิปิตฺวา ธมฺมาสนา โอโรหิตฺวา วุฑฺเฒ ภิกฺขู วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิ.
วินยํ สงฺคายิตฺวา ธมฺมํ สงฺคายิตุกาโม อายสฺมา มหากสฺสปตฺเถโร ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘ธมฺมํ สงฺคายนฺเตหิ กํ ปุคฺคลํ ธุรํ กตฺวา ธมฺโม สงฺคายิตพฺโพ’’ติ? ภิกฺขู ‘‘อานนฺทตฺเถรํ ธุรํ กตฺวา’’ติ อาหํสุ.
อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อานนฺทํ ธมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ธมฺมํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา. อถ มหากสฺสปตฺเถโร อานนฺทตฺเถรํ ธมฺมํ ปุจฺฉิ ¶ – ‘‘พฺรหฺมชาลํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘‘อนฺตรา จ, ภนฺเต, ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ ราชาคารเก อมฺพลฏฺิกาย’’นฺติ. ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ ¶ ? ‘‘สุปฺปิยฺจ ปริพฺพาชกํ พฺรหฺมทตฺตฺจ มาณวก’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ พฺรหฺมชาลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ. ‘‘สามฺผลํ; ปนาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘‘ราชคเห, ภนฺเต, ชีวกมฺพวเน’’ติ. ‘‘เกน สทฺธิ’’นฺติ? ‘‘อชาตสตฺตุนา ¶ เวเทหิปุตฺเตน สทฺธิ’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สามฺผลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ. เอเตเนว อุปาเยน ปฺจปิ นิกาเย ปุจฺฉิ, ปุฏฺโ ปุฏฺโ อายสฺมา อานนฺโท วิสฺสชฺเชสิ. อยํ ปมมหาสงฺคีติ ปฺจหิ เถรสเตหิ กตา –
‘‘สเตหิ ปฺจหิ กตา, เตน ปฺจสตาติ จ;
เถเรเหว กตตฺตา จ, เถริกาติ ปวุจฺจตี’’ติ.
อิมิสฺสา ปมมหาสงฺคีติยา วตฺตมานาย สพฺพํ ทีฆนิกายํ มชฺฌิมนิกายาทิฺจ ปุจฺฉิตฺวา อนุปุพฺเพน ขุทฺทกนิกายํ ปุจฺฉนฺเตน อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘มงฺคลสุตฺตํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ เอวมาทิวจนาวสาเน ‘‘นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉี’’ติ เอตฺถ นิทาเน ปุจฺฉิเต ตํ นิทานํ วิตฺถาเรตฺวา ยถา จ ภาสิตํ, เยน จ สุตํ, ยทา จ สุตํ, เยน จ ภาสิตํ, ยตฺถ จ ภาสิตํ, ยสฺส จ ภาสิตํ, ตํ สพฺพํ กเถตุกาเมน ‘‘เอวํ ภาสิตํ มยา สุตํ, เอกํ สมยํ สุตํ, ภควตา ภาสิตํ, สาวตฺถิยํ ภาสิตํ, เทวตาย ภาสิต’’นฺติ เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺเตน อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตํ ‘‘เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม…เป… ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสี’’ติ. เอวมิทํ ¶ อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตํ, ตฺจ ปน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ ‘‘กสฺมา วุตฺต’’นฺติ เอตฺถ วุจฺจเต – ยสฺมา อยมายสฺมา มหากสฺสปตฺเถเรน นิทานํ ปุฏฺโ, ตสฺมาเนน ตํ นิทานํ อาทิโต ปภุติ วิตฺถาเรตุํ วุตฺตํ. ยสฺมา วา อานนฺทํ ธมฺมาสเน นิสินฺนํ วสีคณปริวุตํ ทิสฺวา เอกจฺจานํ เทวตานํ จิตฺตมุปฺปนฺนํ ‘‘อยมายสฺมา เวเทหมุนิ ปกติยาปิ สกฺยกุลมนฺวโย ภควโต ทายาโท, ภควตาปิ ปฺจกฺขตฺตุํ เอตทคฺเค นิทฺทิฏฺโ, จตูหิ อจฺฉริยอพฺภุตธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, จตุนฺนํ ปริสานํ ปิโย มนาโป, อิทานิ มฺเ ภควโต ธมฺมรชฺชทายชฺชํ ปตฺวา พุทฺโธ ชาโต’’ติ. ตสฺมา อายสฺมา อานนฺโท ตาสํ เทวตานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย ตํ อภูตคุณสมฺภาวนํ อนธิวาเสนฺโต อตฺตโน สาวกภาวเมว ทีเปตุํ อาห ‘‘เอวํ เม สุตํ เอกํ สมยํ ภควา ¶ …เป… อชฺฌภาสี’’ติ. เอตฺถนฺตเร ปฺจ อรหนฺตสตานิ ¶ อเนกานิ จ เทวตาสหสฺสานิ ‘‘สาธุ สาธู’’ติ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภินนฺทึสุ, มหาภูมิจาโล อโหสิ, นานาวิธกุสุมวสฺสํ อนฺตลิกฺขโต ปปติ, อฺานิ จ พหูนิ อจฺฉริยานิ ปาตุรเหสุํ, พหูนฺจ เทวตานํ สํเวโค อุปฺปชฺชิ ‘‘ยํ อมฺเหหิ ภควโต สมฺมุขา สุตํ, อิทาเนว ตํ ปโรกฺขา ชาต’’นฺติ. เอวมิทํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วทนฺเตนาปิ อิมินา การเณน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา จ ‘‘วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา, เจตํ วตฺวา อิมํ วิธิ’’นฺติ อิมิสฺสา อทฺธคาถาย อตฺโถ ปกาสิโต โหติ.
เอวมิจฺจาทิปาวณฺณนา
๑. อิทานิ ‘‘เอวมิจฺจาทิปาสฺส, อตฺถํ นานปฺปการโต’’ติ เอวมาทิมาติกาย สงฺคหิตตฺถปฺปกาสนตฺถํ วุจฺจเต – เอวนฺติ ¶ อยํ สทฺโท อุปมูปเทสสมฺปหํสนครหณวจนสมฺปฏิคฺคหาการนิทสฺสนาวธารณาทีสุ อตฺเถสุ ทฏฺพฺโพ. ตถา เหส ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๕๓) อุปมายํ ทิสฺสติ. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยา โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร. ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ. ‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภวนฺตํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ, เอวฺจ วเทหิ สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘ตํ กึ มฺถ กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วาติ? อกุสลา, ภนฺเต. สาวชฺชา วา อนวชฺชา วาติ? สาวชฺชา, ภนฺเต. วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา ¶ วาติ? วิฺุครหิตา, ภนฺเต. สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. อิธ ปน อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ ¶ อาการตฺเถน เอวํ-สทฺเทน ¶ เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณมเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.
นิทสฺสนตฺเถน ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลสุตฺตํ นิทสฺเสติ.
อวธารณตฺเถน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) เอวํ ภควตา ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ ‘‘เอวํ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว, น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ.
เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๘๑) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุต’’นฺติ จ ‘‘มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.
สุตนฺติ อยํ สุตสทฺโท สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค จ คมนขฺยาตราคาภิภูตูปจิตานุโยคโสตวิฺเยฺยโสตทฺวารวิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา หิสฺส ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติ เอวมาทีสุ คจฺฉนฺโตติ ¶ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติ เอวมาทีสุ ขฺยาตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) ราคาภิภูตา ราคาภิภูตสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติ เอวมาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๑๒) อุปจิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปฺปสุตา ¶ ธีรา’’ติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปน สุตนฺติ โสตวิฺาณปุพฺพงฺคมาย วิฺาณวีถิยา ¶ อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วาติ อตฺโถ. ตตฺถ ยทา เม-สทฺทสฺส มยาติ อตฺโถ, ตทา ‘‘เอวํ มยา สุตํ, โสตวิฺาณปุพฺพงฺคมาย วิฺาณวีถิยา อุปธาริต’’นฺติ ยุชฺชติ. ยทา เม-สทฺทสฺส มมาติ อตฺโถ, ตทา ‘‘เอวํ มม สุตํ โสตวิฺาณปุพฺพงฺคมาย วิฺาณวีถิยา อุปธารณ’’นฺติ ยุชฺชติ.
เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ เอวนฺติ โสตวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคีปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ตถา เอวนฺติ สวนาทิจิตฺตานํ นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตภาวนิทสฺสนํ. เมติ อตฺตนิทสฺสนํ. สุตนฺติ ธมฺมนิทสฺสนํ.
ตถา เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพธมฺมนิทสฺสนํ. เมติ ปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทสฺสนํ.
ตถา เอวนฺติ วีถิจิตฺตานํ อาการปฺตฺติวเสน นานปฺปการนิทฺเทโส. เมติ กตฺตารนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส.
ตถา เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส.
ตถา เอวนฺติ ภาวนิทฺเทโส. เมติ ปุคฺคลนิทฺเทโส. สุตนฺติ ตสฺส กิจฺจนิทฺเทโส.
ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺฉิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. สุตนฺติ วิชฺชมานปฺตฺติ. ตถา เอวนฺติ จ เมติ จ ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโต ¶ อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ ¶ .
เอตฺถ จ เอวนฺติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ, สุตนฺติ วจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ. ตถา เอวนฺติ วจเนน โยนิโสมนสิการํ ทีเปติ อโยนิโส มนสิกโรโต นานปฺปการปฺปฏิเวธาภาวโต. สุตนฺติ วจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโสมนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ กตปฺุตฺจ ¶ สาเธติ, อวิกฺเขเปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ. เอวนฺติ จ อิมินา ภทฺทเกน อากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ อตฺตโน ทีเปติ, สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. ตถา อาสยสุทฺธึ ปโยคสุทฺธิฺจ, ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺตึ, ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺตึ.
เอวนฺติ จ อิมินา นานปฺปการปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปทํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา โสตพฺพเภทปฏิเวธทีปเกน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปทํ ทีเปติ. เอวนฺติ จ อิทํ โยนิโสมนสิการทีปกํ วจนํ ภณนฺโต ‘‘เอเต มยา ธมฺมา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ าเปติ. สุตนฺติ อิทํ สวนโยคทีปกวจนํ ภณนฺโต ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ าเปติ. ตทุภเยนปิ อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ.
เอวํ เม สุตนฺติ อิมินา ปน สกเลนปิ วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ, อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา, ตสฺเสว ตุ ภควโต วจนํ ¶ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ จ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ, สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.
อปิจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมสฺสวนํ วิวรนฺโต ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ¶ ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมปฺปฏิสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กาตพฺพา’’ติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทตีติ เวทิตพฺโพ. โหติ เจตฺถ –
‘‘วินาสยติ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;
เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.
เอกนฺติ ¶ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –
สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ.
ตถา หิสฺส ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติ เอวมาทีสุ สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, โสปิ มํ ชานิสฺสติ, ‘ภทฺทาลิ, นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน ¶ สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ, อยมฺปิ โข เต ภทฺทาลิ สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ.
‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) –
เอวมาทีสุ ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘) ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ ¶ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติ เอวมาทีสุ (ปฏิ. ม. ๒.๘) ปฏิเวโธ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. เตน เอกํ สมยนฺติ สํวจฺฉรอุตุมาสอฑฺฒมาสรตฺติทิวปุพฺพณฺหมชฺฌนฺหิกสายนฺหปมมชฺฌิม- ปจฺฉิมยามมุหุตฺตาทีสุ กาลขฺเยสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.
เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย ชาติสมโย สํเวคสมโย อภินิกฺขมนสมโย ทุกฺกรการิกสมโย มารวิชยสมโย อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทสนาสมโย ปรินิพฺพานสมโยติ เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย ปกาสา อเนกกาลขฺยา เอว สมยา. เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ เอกํ สมยนฺติ วุตฺตํ โหติ. โย ¶ จายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ กรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิตปฺปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิตปฺปฏิปตฺติสมโย, สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมีกถาสมโย, เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ เทสนาสมโย, เตสุปิ สมเยสุ ยํ กิฺจิ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺตํ โหติ.
เอตฺถาห – อถ กสฺมา ยถา อภิธมฺเม ¶ ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’’นฺติ จ อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ จ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต, วินเย จ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติ กรณวจเนน, ตถา อกตฺวา อิธ ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ. ตตฺถ ตถา, อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ จ อธิกรณตฺโถ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขียติ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจนนิทฺเทโส กโต.
วินเย จ เหตฺวตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺเปนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ กรณวจนนิทฺเทโส กโต.
อิธ ¶ ปน อฺสฺมิฺจ เอวํชาติเก สุตฺตนฺตปาเ อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา อิมํ อฺํ วา สุตฺตนฺตํ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ วิฺเยฺโย. โหติ เจตฺถ –
‘‘ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.
ภควาติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนเมตํ. ยถาห –
‘‘ภควาติ ¶ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
จตุพฺพิธฺหิ ¶ นามํ อาวตฺถิกํ, ลิงฺคิกํ, เนมิตฺตกํ, อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ นาม ‘‘ยทิจฺฉก’’นฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ วจฺโฉ ทมฺโม พลิพทฺโธติ เอวมาทิ อาวตฺถิกํ, ทณฺฑี ฉตฺตี สิขี กรีติ เอวมาทิ ลิงฺคิกํ, เตวิชฺโช ฉฬภิฺโติ เอวมาทิ เนมิตฺตกํ, สิริวฑฺฒโก ธนวฑฺฒโกติ เอวมาทิ วจนตฺถมนเปกฺขิตฺวา ปวตฺตํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ. อิทํ ปน ภควาติ นามํ คุณเนมิตฺตกํ, น มหามายาย, น สุทฺโธทนมหาราเชน, น อสีติยา าติสหสฺเสหิ กตํ, น สกฺกสนฺตุสิตาทีหิ เทวตาวิเสเสหิ กตํ. ยถาห อายสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโร ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ…เป… สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ ภควา’’ติ (มหานิ. ๘๔).
ยํ คุณเนมิตฺตกฺเจตํ นามํ, เตสํ คุณานํ ปกาสนตฺถํ อิมํ คาถํ วทนฺติ –
‘‘ภคี ภชี ภาคี วิภตฺตวา อิติ,
อกาสิ ภคฺคนฺติ ครูติ ภาคฺยวา;
พหูหิ าเยหิ สุภาวิตตฺตโน,
ภวนฺตโค โส ภควาติ วุจฺจตี’’ติ.
นิทฺเทสาทีสุ (มหานิ. ๘๔; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒) วุตฺตนเยเนว จสฺส อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อยํ ปน อปโร ปริยาโย –
‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ‘‘วณฺณาคโม วณฺณวิปริยาโย’’ติ เอวํ นิรุตฺติลกฺขณํ คเหตฺวา สทฺทนเยน วา ปิโสทราทิปกฺเขปลกฺขณํ คเหตฺวา ยสฺมา โลกิยโลกุตฺตรสุขาภินิพฺพตฺตกํ ¶ ทานสีลาทิปารปฺปตฺตํ ภาคฺยมสฺส อตฺถิ, ตสฺมา ภาคฺยวาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจตีติ าตพฺพํ. ยสฺมา ปน โลภโทสโมหวิปรีตมนสิการอหิริกาโนตฺตปฺปโกธูปนาหมกฺขปลา- อิสฺสามจฺฉริยมายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปมาทตณฺหาวิชฺชาติวิธากุสลมูลทุจฺจริต- สํกิเลสมลวิสมสฺาวิตกฺกปปฺจจตุพฺพิธวิปริเยสอาสวคนฺถโอฆโยคอคติตณฺหุปาทาน- ปฺจเจโตขิลวินิพนฺธนีวรณาภินนฺทนฉวิวาทมูลตณฺหากายสตฺตานุสย- อฏฺมิจฺฉตฺตนวตณฺหามูลกทสากุสลกมฺมปถทฺวาสฏฺิทิฏฺิคต- อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภทสพฺพทรถปริฬาหกิเลสสตสหสฺสานิ ¶ , สงฺเขปโต วา ปฺจ กิเลสกฺขนฺธอภิสงฺขารมจฺจุเทวปุตฺตมาเร อภฺชิ, ตสฺมา ภคฺคตฺตา เอเตสํ ปริสฺสยานํ ภคฺควาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ. อาห เจตฺถ –
‘‘ภคฺคราโค ภคฺคโทโส, ภคฺคโมโห อนาสโว;
ภคฺคาสฺส ปาปกา ธมฺมา, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
ภาคฺยวตาย จสฺส สตปฺุลกฺขณธรสฺส รูปกายสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติ, ภคฺคโทสตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติ. ตถา โลกิยสริกฺขกานํ พหุมานภาโว, คหฏฺปพฺพชิเตหิ อภิคมนียตา. ตถา อภิคตานฺจ เนสํ กายจิตฺตทุกฺขาปนยเน ปฏิพลภาโว, อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการิตา. โลกิยโลกุตฺตรสุเขหิ จ สํโยชนสมตฺถตา ทีปิตา โหติ.
ยสฺมา จ โลเก อิสฺสริยธมฺมยสสิริกามปยตฺเตสุ ฉสุ ธมฺเมสุ ภคสทฺโท วตฺตติ, ปรมฺจสฺส สกจิตฺเต อิสฺสริยํ, อณิมาลฆิมาทิกํ วา โลกิยสมฺมตํ สพฺพาการปริปูรํ ¶ อตฺถิ, ตถา โลกุตฺตโร ธมฺโม, โลกตฺตยพฺยาปโก ยถาภุจฺจคุณาธิคโต อติวิย ปริสุทฺโธ ยโส, รูปกายทสฺสนพฺยาวฏชนนยนมนปฺปสาทชนนสมตฺถา สพฺพาการปริปูรา สพฺพงฺคปจฺจงฺคสิรี, ยํ ยํ อเนน อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ อตฺตหิตํ ปรหิตํ วา, ตสฺส ตสฺส ตเถว อภินิปฺผนฺนตฺตา อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติสฺิโต กาโม, สพฺพโลกครุภาวปฺปตฺติเหตุภูโต สมฺมาวายามสงฺขาโต ปยตฺโต จ อตฺถิ, ตสฺมา อิเมหิ ภเคหิ ยุตฺตตฺตาปิ ภคา อสฺส สนฺตีติ อิมินา อตฺเถน ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจติ.
ยสฺมา ¶ ปน กุสลาทิเภเทหิ สพฺพธมฺเม, ขนฺธายตนธาตุสจฺจอินฺทฺริยปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีหิ วา กุสลาทิธมฺเม, ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามฏฺเน วา ทุกฺขมริยสจฺจํ, อายูหนนิทานสํโยคปลิโพธฏฺเน สมุทยํ, นิสฺสรณวิเวกาสงฺขตอมตฏฺเน นิโรธํ, นิยฺยานิกเหตุทสฺสนาธิปเตยฺยฏฺเน มคฺคํ วิภตฺตวา, วิภชิตฺวา วิวริตฺวา เทสิตวาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา วิภตฺตวาติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจติ.
ยสฺมา จ เอส ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเร กายจิตฺตอุปธิวิเวเก สฺุตาปฺปณิหิตานิมิตฺตวิโมกฺเข ¶ อฺเ จ โลกิยโลกุตฺตเร อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม ภชิ เสวิ พหุลมกาสิ, ตสฺมา ภตฺตวาติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจติ.
ยสฺมา ปน ตีสุ ภเวสุ ตณฺหาสงฺขาตํ คมนํ อเนน วนฺตํ, ตสฺมา ภเวสุ วนฺตคมโนติ วตฺตพฺเพ ภวสทฺทโต ภการํ คมนสทฺทโต คการํ วนฺตสทฺทโต วการฺจ ทีฆํ กตฺวา อาทาย ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจติ, ยถา โลเก ‘‘เมหนสฺส ขสฺส มาลา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘เมขลา’’ติ.
เอตฺตาวตา ¶ เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ปจฺจกฺขํ กตฺวา ภควโต ธมฺมสรีรํ ปกาเสติ, เตน ‘‘นยิทํ อตีตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ ภควโต อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตชนํ สมสฺสาเสติ.
เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ ทสฺเสติ. เตน ‘‘เอวํวิธสฺส อิมสฺส อริยธมฺมสฺส เทเสตา ทสพลธโร วชิรสงฺฆาตกาโย โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, ตตฺถ เกนฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ.
เอวนฺติ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ, เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ, เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ, ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ.
สาวตฺถิยํ วิหรตีติ เอตฺถ สาวตฺถีติ สวตฺถสฺส อิสิโน นิวาสฏฺานภูตํ นครํ, ยถา กากนฺที มากนฺทีติ, เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน สาวตฺถีติ วุจฺจติ, เอวํ อกฺขรจินฺตกา. อฏฺกถาจริยา ปน ภณนฺติ ‘‘ยํกิฺจิ ¶ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ สพฺพเมตฺถ อตฺถี’’ติ สาวตฺถี. สตฺถสมาโยเค จ ‘‘กึ ภณฺฑมตฺถี’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘สพฺพมตฺถี’’ติ วจนมุปาทาย สาวตฺถี.
‘‘สพฺพทา สพฺพูปกรณํ, สาวตฺถิยํ สโมหิตํ;
ตสฺมา สพฺพมุปาทาย, สาวตฺถีติ ปวุจฺจติ.
‘‘โกสลานํ ปุรํ รมฺมํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;
ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุตํ.
‘‘วุฑฺฒึ ¶ ¶ เวปุลฺลตํ ปตฺตํ, อิทฺธํ ผีตํ มโนรมํ;
อาฬกมนฺทาว เทวานํ, สาวตฺถิปุรมุตฺตม’’นฺติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔);
ตสฺสํ สาวตฺถิยํ. สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ.
วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคิปริทีปนเมตํ. อิธ ปน านคมนาสนสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ, เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติจฺเจว เวทิตพฺโพ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อปเรน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ. ตสฺมา วิหรตีติ วุจฺจติ.
เชตวเนติ เอตฺถ อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชนํ ชินาตีติ เชโต, รฺา วา อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชเน ชิเต ชาโตติ เชโต, มงฺคลกมฺยตาย วา ตสฺส เอวํ นามเมว กตนฺติปิ เชโต. วนยตีติ วนํ, อตฺตสมฺปทาย สตฺตานํ ภตฺตึ กาเรติ, อตฺตนิ สิเนหํ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. วนุเต อิติ วา วนํ, นานาวิธกุสุมคนฺธสมฺโมทมตฺตโกกิลาทิวิหงฺควิรุเตหิ มนฺทมาลุตจลิตรุกฺขสาขาวิฏปปุปฺผผลปลฺลวปลาเสหิ จ ‘‘เอถ มํ ปริภฺุชถา’’ติ ปาณิโน ยาจติ วิยาติ อตฺโถ. เชตสฺส วนํ เชตวนํ. ตฺหิ เชเตน ราชกุมาเรน โรปิตํ สํวฑฺฒิตํ ปริปาลิตํ, โส จ ตสฺส สามี อโหสิ, ตสฺมา เชตวนนฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ เชตวเน.
อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ เอตฺถ สุทตฺโต นาม โส คหปติ มาตาปิตูหิ กตนามวเสน, สพฺพกามสมิทฺธิตาย ตุ วิคตมลมจฺเฉรตาย กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จ นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปิณฺฑํ ¶ อทาสิ, เตน อนาถปิณฺฑิโกติ ¶ สงฺขฺยํ คโต. อารมนฺติ เอตฺถ ปาณิโน, วิเสเสน วา ปพฺพชิตาติ อาราโม, ตสฺส ปุปฺผผลปลฺลวาทิโสภนตาย นาติทูรนาจฺจาสนฺนตาทิปฺจวิธเสนาสนงฺคสมฺปตฺติยา จ ตโต ตโต อาคมฺม รมนฺติ อภิรมนฺติ อนุกฺกณฺิตา หุตฺวา นิวสนฺตีติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการาย วา สมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ คเตปิ อตฺตโน อพฺภนฺตรํเยว อาเนตฺวา รเมตีติ อาราโม. โส หิ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา เชตสฺส ราชกุมารสฺส หตฺถโต อฏฺารสหิรฺโกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ เสนาสนํ การาเปตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ วิหารมหํ นิฏฺาเปตฺวา เอวํ จตุปฺาสาย หิรฺโกฏิปริจฺจาเคน ¶ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาติโต, ตสฺมา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม.
เอตฺถ จ ‘‘เชตวเน’’ติ วจนํ ปุริมสามิปริกิตฺตนํ, ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ ปจฺฉิมสามิปริกิตฺตนํ. กิเมเตสํ ปริกิตฺตเน ปโยชนนฺติ? วุจฺจเต – อธิการโต ตาว ‘‘กตฺถ ภาสิต’’นฺติ ปุจฺฉานิยามกรณํ อฺเสํ ปฺุกามานํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยชนฺจ. ตตฺถ หิ ทฺวารโกฏฺกปาสาทมาปเน ภูมิวิกฺกยลทฺธา อฏฺารส หิรฺโกฏิโย อเนกโกฏิอคฺฆนกา รุกฺขา จ เชตสฺส ปริจฺจาโค, จตุปฺาส โกฏิโย อนาถปิณฺฑิกสฺส. ยโต เตสํ ปริกิตฺตเนน ‘‘เอวํ ปฺุกามา ปฺุานิ กโรนฺตี’’ติ ทสฺเสนฺโต อายสฺมา อานนฺโท อฺเปิ ปฺุกาเม เตสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยเชติ. เอวเมตฺถ ปฺุกามานํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยชนํ ปโยชนนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถาห – ‘‘ยทิ ตาว ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, ‘เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’ติ น วตฺตพฺพํ. อถ ตตฺถ วิหรติ, ‘สาวตฺถิย’นฺติ น วตฺตพฺพํ. น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เอกํ ¶ สมยํ วิหริตุ’’นฺติ. วุจฺจเต – นนุ วุตฺตเมตํ ‘‘สมีปตฺเถ ภุมฺมวจน’’นฺติ, ยโต ยถา คงฺคายมุนาทีนํ สมีเป โคยูถานิ จรนฺตานิ ‘‘คงฺคาย จรนฺติ, ยมุนาย จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวมิธาปิ ยทิทํ สาวตฺถิยา สมีเป เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม, ตตฺถ วิหรนฺโต วุจฺจติ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน ¶ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ เวทิตพฺโพ. โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ หิสฺส สาวตฺถิวจนํ, ปพฺพชิตานุรูปนิวาสฏฺานนิทสฺสนตฺถํ เสสวจนํ.
ตตฺถ สาวตฺถิกิตฺตเนน ภควโต คหฏฺานุคฺคหกรณํ ทสฺเสติ, เชตวนาทิกิตฺตเนน ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ. ตถา ปุริเมน ปจฺจยคฺคหณโต อตฺตกิลมถานุโยควิวชฺชนํ, ปจฺฉิเมน วตฺถุกามปฺปหานโต กามสุขลฺลิกานุโยควชฺชนูปายทสฺสนํ. ปุริเมน จ ธมฺมเทสนาภิโยคํ, ปจฺฉิเมน วิเวกาธิมุตฺตึ. ปุริเมน กรุณาย อุปคมนํ, ปจฺฉิเมน จ ปฺาย อปคมนํ. ปุริเมน สตฺตานํ หิตสุขนิปฺผาทนาธิมุตฺติตํ, ปจฺฉิเมน ปรหิตสุขกรเณ นิรุปเลปตํ. ปุริเมน ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคนิมิตฺตํ ผาสุวิหารํ, ปจฺฉิเมน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานุโยคนิมิตฺตํ. ปุริเมน มนุสฺสานํ อุปการพหุลตํ, ปจฺฉิเมน เทวานํ. ปุริเมน โลเก ชาตสฺส โลเก สํวฑฺฒภาวํ, ปจฺฉิเมน โลเกน อนุปลิตฺตตนฺติ เอวมาทิ.
อถาติ อวิจฺเฉทตฺเถ, โขติ อธิการนฺตรนิทสฺสนตฺเถ นิปาโต. เตน อวิจฺฉินฺเนเยว ตตฺถ ¶ ภควโต วิหาเร อิทมธิการนฺตรํ อุทปาทีติ ทสฺเสติ. กึ ตนฺติ? อฺตรา เทวตาติอาทิ. ตตฺถ อฺตราติ อนิยมิตนิทฺเทโส. สา หิ นามโคตฺตโต อปากฏา, ตสฺมา ‘‘อฺตรา’’ติ วุตฺตา. เทโว เอว เทวตา, อิตฺถิปุริสสาธารณเมตํ. อิธ ปน ปุริโส ¶ เอว, โส เทวปุตฺโต กินฺตุ, สาธารณนามวเสน เทวตาติ วุตฺโต.
อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๓๘๓; อ. นิ. ๘.๒๐) ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๗); –
เอวมาทีสุ ¶ อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๒.๑๖; ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน. อิธ ปน ขเย. เตน อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ ปริกฺขีณาย รตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ.
อภิกฺกนฺตวณฺณาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท อภิรูเป, วณฺณสทฺโท ปน ฉวิถุติกุลวคฺคการณสณฺานปมาณรูปายตนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๓) ฉวิยํ. ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน เต คหปติ อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๗) ถุติยํ. ‘‘จตฺตาโรเม, โภ โคตม, วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๑๕) กุลวคฺเค. ‘‘อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธเถโนติ ¶ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔) การเณ. ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) สณฺาเน. ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ ปมาเณ. ‘‘วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา’’ติ เอวมาทีสุ รูปายตเน. โส อิธ ฉวิยํ ทฏฺพฺโพ. เตน อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อภิรูปจฺฉวีติ วุตฺตํ โหติ.
เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวลสทฺโท อนวเสสเยภุยฺยอพฺยามิสฺสานติเรกทฬฺหตฺถวิสํโยคาทิอเนกตฺโถ ¶ . ตถา หิสฺส ‘‘เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๑) อนวเสสตา อตฺโถ. ‘‘เกวลกปฺปา จ องฺคมาคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อุปสงฺกมิสฺสนฺตี’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๔๓) เยภุยฺยตา. ‘‘เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (วิภ. ๒๒๕) อพฺยามิสฺสตา. ‘‘เกวลํ สทฺธามตฺตกํ นูน อยมายสฺมา’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๒๔๔) อนติเรกตา. ‘‘อายสฺมโต, ภนฺเต, อนุรุทฺธสฺส พาหิโย นาม สทฺธิวิหาริโก เกวลกปฺปํ สงฺฆเภทาย ิโต’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๔๓) ทฬฺหตฺถตา. ‘‘เกวลี วุสิตวา อุตฺตมปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๗) วิสํโยโค. อิธ ปนสฺส อนวเสสตฺตมตฺโถ อธิปฺเปโต.
กปฺปสทฺโท ปนายํ อภิสทฺทหนโวหารกาลปฺตฺติเฉทนวิกปฺปเลสสมนฺตภาวาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘โอกปฺปนียเมตํ ¶ โภโต โคตมสฺส, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อภิสทฺทหนมตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) ¶ โวหาโร. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาโล. ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๙๘; จูฬนิ. กปฺปมาณวปุจฺฉา ๑๑๗, กปฺปมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖๑) ปฺตฺติ. ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑๓๖๘) เฉทนํ. ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๔๔๖) วิกปฺโป. ‘‘อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๘๐) เลโส. ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๔) สมนฺตภาโว. อิธ ปนสฺส สมนฺตภาโว อตฺโถ อธิปฺเปโต. ยโต เกวลกปฺปํ เชตวนนฺติ เอตฺถ อนวเสสํ สมนฺตโต เชตวนนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โอภาเสตฺวาติ อาภาย ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. ยโต ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตเนว การเณน อุปสงฺกมีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน, สาทุรสผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย. อุปสงฺกมีติ จ คตาติ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ ¶ . อถ วา เอวํ คตา ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวาติ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปณมิตฺวา นมสฺสิตฺวา.
เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส เอโกกาสํ เอกปสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ภุมฺมตฺเถ วา อุปโยควจนํ. อฏฺาสีติ ¶ นิสชฺชาทิปฏิกฺเขโป, านํ กปฺเปสิ, ิตา อโหสีติ อตฺโถ.
กถํ ¶ ิตา ปน สา เอกมนฺตํ ิตา อหูติ?
‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;
น กจฺเฉ โนปิ ปฏิวาเต, น จาปิ โอณตุณฺณเต;
อิเม โทเส วิวชฺเชตฺวา, เอกมนฺตํ ิตา อหู’’ติ.
กสฺมา ปนายํ อฏฺาสิ เอว, น นิสีทีติ? ลหุํ นิวตฺติตุกามตาย. เทวตาโย หิ กฺจิเทว อตฺถวสํ ปฏิจฺจ สุจิปุริโส วิย วจฺจฏฺานํ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉนฺติ. ปกติยา ปน ตาสํ โยชนสตโต ปภุติ มนุสฺสโลโก ทุคฺคนฺธตาย ปฏิกูโล โหติ, น เอตฺถ อภิรมนฺติ, เตน สา อาคตกิจฺจํ กตฺวา ลหุํ นิวตฺติตุกามตาย น นิสีทิ. ยสฺส จ คมนาทิอิริยาปถปริสฺสมสฺส วิโนทนตฺถํ นิสีทนฺติ, โส เทวานํ ปริสฺสโม นตฺถิ, ตสฺมาปิ น นิสีทิ. เย จ มหาสาวกา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา, เต ปติมาเนติ, ตสฺมาปิ น นิสีทิ. อปิจ ภควติ คารเวเนว น นิสีทิ. เทวตานฺหิ นิสีทิตุกามานํ อาสนํ นิพฺพตฺตติ, ตํ อนิจฺฉมานา นิสชฺชาย จิตฺตมฺปิ อกตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตาติ เอวํ อิเมหิ การเณหิ เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา. ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสีติ ภควนฺตํ อกฺขรปทนิยมิตคนฺถิเตน วจเนน อภาสีติ อตฺโถ. กถํ? พหู เทวา มนุสฺสา จ…เป… พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตมนฺติ.
มงฺคลปฺหสมุฏฺานกถา
ตตฺถ ยสฺมา ‘‘เอวมิจฺจาทิปาสฺส, อตฺถํ นานปฺปการโต. วณฺณยนฺโต สมุฏฺานํ, วตฺวา’’ติ มาติกา ปิตา, ตสฺส จ สมุฏฺานสฺส อยํ วตฺตพฺพตาย โอกาโส, ตสฺมา มงฺคลปฺหสมุฏฺานํ ตาว วตฺวา ปจฺฉา อิเมสํ คาถาปทานมตฺถํ ¶ วณฺณยิสฺสามิ. กิฺจ มงฺคลปฺหสมุฏฺานํ? ชมฺพุทีเป ¶ กิร ตตฺถ ตตฺถ นครทฺวารสนฺถาคารสภาทีสุ มหาชโน สนฺนิปติตฺวา หิรฺสุวณฺณํ ทตฺวา นานปฺปการํ สีตาหรณาทิกถํ กถาเปติ, เอเกกา กถา จตุมาสจฺจเยน นิฏฺาติ. ตตฺถ เอกทิวสํ มงฺคลกถา สมุฏฺาสิ ‘‘กึ นุ โข มงฺคลํ, กึ ทิฏฺํ มงฺคลํ, สุตํ มงฺคลํ, มุตํ มงฺคลํ, โก มงฺคลํ ชานาตี’’ติ.
อถ ¶ ทิฏฺมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห ‘‘อหํ มงฺคลํ ชานามิ, ทิฏฺํ โลเก มงฺคลํ ทิฏฺํ นาม อภิมงฺคลสมฺมตํ รูปํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย จาตกสกุณํ วา ปสฺสติ, เพลุวลฏฺึ วา คพฺภินึ วา กุมารเก วา อลงฺกตปฏิยตฺเต ปุณฺณฆเฏ วา อลฺลโรหิตมจฺฉํ วา อาชฺํ วา อาชฺรถํ วา อุสภํ วา คาวึ วา กปิลํ วา, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ เอวรูปํ อภิมงฺคลสมฺมตํ รูปํ ปสฺสติ, อิทํ วุจฺจติ ทิฏฺมงฺคล’’นฺติ. ตสฺส วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ น อคฺคเหสุํ. เย น อคฺคเหสุํ, เต เตน สห วิวทึสุ.
อถ สุตมงฺคลิโก นาม เอโก ปุริโส อาห – ‘‘จกฺขุนาเมตํ, โภ, สุจิมฺปิ ปสฺสติ อสุจิมฺปิ, ตถา สุนฺทรมฺปิ, อสุนฺทรมฺปิ, มนาปมฺปิ, อมนาปมฺปิ. ยทิ เตน ทิฏฺํ มงฺคลํ สิยา, สพฺพมฺปิ มงฺคลํ สิยา. ตสฺมา น ทิฏฺํ มงฺคลํ, อปิจ ¶ โข ปน สุตํ มงฺคลํ. สุตํ นาม อภิมงฺคลสมฺมโต สทฺโท. เสยฺยถิทํ? อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย วฑฺฒาติ วา วฑฺฒมานาติ วา ปุณฺณาติ วา ผุสฺสาติ วา สุมนาติ วา สิรีติ วา สิริวฑฺฒาติ วา อชฺช สุนกฺขตฺตํ สุมุหุตฺตํ สุทิวสํ สุมงฺคลนฺติ เอวรูปํ วา ยํกิฺจิ อภิมงฺคลสมฺมตํ สทฺทํ สุณาติ, อิทํ วุจฺจติ สุตมงฺคล’’นฺติ. ตสฺสาปิ วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ น อคฺคเหสุํ. เย น อคฺคเหสุํ, เต เตน สห วิวทึสุ.
อถ มุตมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห ‘‘โสตมฺปิ หิ นาเมตํ, โภ, สาธุมฺปิ อสาธุมฺปิ มนาปมฺปิ อมนาปมฺปิ สทฺทํ สุณาติ. ยทิ เตน สุตํ มงฺคลํ สิยา, สพฺพมฺปิ มงฺคลํ สิยา. ตสฺมา น สุตํ มงฺคลํ, อปิจ โข ปน มุตํ มงฺคลํ. มุตํ นาม อภิมงฺคลสมฺมตํ คนฺธรสโผฏฺพฺพํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย ปทุมคนฺธาทิปุปฺผคนฺธํ วา ฆายติ, ผุสฺสทนฺตกฏฺํ วา ขาทติ, ปถวึ วา อามสติ, หริตสสฺสํ วา อลฺลโคมยํ วา กจฺฉปํ วา ติลํ วา ปุปฺผํ วา ผลํ วา อามสติ, ผุสฺสมตฺติกาย วา สมฺมา ลิมฺปติ, ผุสฺสสาฏกํ วา นิวาเสติ, ผุสฺสเวนํ วา ธาเรติ. ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ เอวรูปํ อภิมงฺคลสมฺมตํ คนฺธํ วา ฆายติ, รสํ วา สายติ, โผฏฺพฺพํ ¶ วา ผุสติ, อิทํ วุจฺจติ มุตมงฺคล’’นฺติ. ตสฺสาปิ วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ น อคฺคเหสุํ.
ตตฺถ ¶ น ทิฏฺมงฺคลิโก สุตมุตมงฺคลิเก อสกฺขิ าเปตุํ, น เตสํ อฺตโร อิตเร ทฺเว. เตสุ จ มนุสฺเสสุ เย ทิฏฺมงฺคลิกสฺส วจนํ คณฺหึสุ, เต ‘‘ทิฏฺํเยว มงฺคล’’นฺติ คตา. เย สุตมุตมงฺคลิกานํ, เต ‘‘สุตํเยว มุตํเยว มงฺคล’’นฺติ คตา. เอวมยํ มงฺคลกถา สกลชมฺพุทีเป ปากฏา ชาตา.
อถ สกลชมฺพุทีเป มนุสฺสา คุมฺพคุมฺพา ¶ หุตฺวา ‘‘กึ นุ โข มงฺคล’’นฺติ มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. เตสํ มนุสฺสานํ อารกฺขเทวตา ตํ กถํ สุตฺวา ตเถว มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. ตาสํ เทวตานํ ภุมฺมเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต สุตฺวา ภุมฺมเทวตาปิ ตเถว มงฺคลานิ จินฺตยึสุ, ตาสํ เทวตานํ อากาสฏฺเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อากาสฏฺเทวตานํ จตุมหาราชิกา เทวตา มิตฺตา โหนฺติ, เอเตนุปาเยน ยาว สุทสฺสีเทวตานํ อกนิฏฺเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต สุตฺวา อกนิฏฺเทวตาปิ ตเถว คุมฺพคุมฺพา หุตฺวา มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. เอวํ ยาว ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ สพฺพตฺถ มงฺคลจินฺตา อุทปาทิ. อุปฺปนฺนา จ ‘‘อิทํ มงฺคลํ อิทํ มงฺคล’’นฺติ วินิจฺฉยมานาปิ อปฺปตฺตา เอว วินิจฺฉยํ ทฺวาทส วสฺสานิ อฏฺาสิ. สพฺเพ มนุสฺสา จ เทวา จ พฺรหฺมาโน จ เปตฺวา อริยสาวเก ทิฏฺสุตมุตวเสน ติธา ภินฺนา. เอโกปิ ‘‘อิทเมว มงฺคล’’นฺติ ยถาภุจฺจโต นิฏฺงฺคโต นาโหสิ, มงฺคลโกลาหลํ โลเก อุปฺปชฺชิ.
โกลาหลํ นาม ปฺจวิธํ กปฺปโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, มงฺคลโกลาหลํ, โมเนยฺยโกลาหลนฺติ. ตตฺถ กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมฺมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปฺุฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา ‘‘วสฺสสตสหสฺสจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ โหหิติ, อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโท สุสฺสิสฺสติ, อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา ¶ อุฑฺฒยฺหิสฺสติ วินสฺสิสฺสติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ, เมตฺตํ มาริสา ภาเวถ, กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺขํ มาริสา ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถ, ชาครถ มา ปมาทตฺถา’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ กปฺปโกลาหลํ นาม.
กามาวจรเทวาเยว ‘‘วสฺสสตสฺสจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ ¶ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม. สุทฺธาวาสา ปน เทวา พฺรหฺมาภรเณน อลงฺกริตฺวา พฺรหฺมเวนํ ¶ สีเส กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา พุทฺธคุณวาทิโน ‘‘วสฺสสหสฺสจฺจเยน พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นาม. สุทฺธาวาสา เอว เทวา เทวมนุสฺสานํ จิตฺตํ ตฺวา ‘‘ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน สมฺมาสมฺพุทฺโธ มงฺคลํ กเถสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ มงฺคลโกลาหลํ นาม. สุทฺธาวาสา เอว เทวา ‘‘สตฺตนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อฺตโร ภิกฺขุ ภควตา สทฺธึ สมาคมฺม โมเนยฺยปฺปฏิปทํ ปุจฺฉิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ โมเนยฺยโกลาหลํ นาม. อิเมสุ ปฺจสุ โกลาหเลสุ เทวมนุสฺสานํ อิทํ มงฺคลโกลาหลํ โลเก อุปฺปชฺชิ.
อถ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ วิจินิตฺวา วิจินิตฺวา มงฺคลานิ อลภมาเนสุ ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน ตาวตึสกายิกา เทวตา สงฺคมฺม สมาคมฺม เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘‘เสยฺยถาปิ นาม ฆรสามิโก อนฺโตฆรชนานํ, คามสามิโก คามวาสีนํ ¶ , ราชา สพฺพมนุสฺสานํ, เอวเมว อยํ สกฺโก เทวานมินฺโท อมฺหากํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ ยทิทํ ปฺุเน เตเชน อิสฺสริเยน ปฺาย ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ อธิปติ, ยํนูน มยํ สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยามา’’ติ. ตา สกฺกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ตงฺขณานุรูปนิวาสนาภรณสสฺสิริกสรีรํ อฑฺฒเตยฺยโกฏิอจฺฉราคณปริวุตํ ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลวราสเน นิสินฺนํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา เอตทโวจุํ ‘‘ยคฺเฆ, มาริส, ชาเนยฺยาสิ, เอตรหิ มงฺคลปฺหา สมุฏฺิตา, เอเก ‘ทิฏฺํ มงฺคล’นฺติ วทนฺติ, เอเก ‘สุตํ มงฺคล’นฺติ, เอเก ‘มุตํ มงฺคล’นฺติ, ตตฺถ มยฺจ อฺเ จ อนิฏฺงฺคตา, สาธุ วต โน ตฺวํ ยาถาวโต พฺยากโรหี’’ติ. เทวราชา ปกติยาปิ ปฺวา ‘‘อยํ มงฺคลกถา กตฺถ ปมํ สมุฏฺิตา’’ติ อาห. ‘‘มยํ, เทว, จาตุมหาราชิกานํ อสฺสุมฺหา’’ติ อาหํสุ. ตโต จาตุมหาราชิกา อากาสฏฺเทวตานํ, อากาสฏฺเทวตา ภุมฺมเทวตานํ, ภุมฺมเทวตา มนุสฺสารกฺขเทวตานํ, มนุสฺสารกฺขเทวตา ‘‘มนุสฺสโลเก สมุฏฺิตา’’ติ อาหํสุ.
อถ เทวานมินฺโท ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ กตฺถ วสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มนุสฺสโลเก เทวา’’ติ อาหํสุ. ตํ ภควนฺตํ โกจิ ปุจฺฉีติ, น โกจิ เทวาติ ¶ . กินฺนุ นาม ตุมฺเห มาริสา อคฺคึ ฉฑฺเฑตฺวา ขชฺโชปนกํ อุชฺชาเลถ, เยน ตุมฺเห อนวเสสมงฺคลเทสกํ ตํ ภควนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มํ ปุจฺฉิตพฺพํ มฺถ, อาคจฺฉถ มาริสา, ตํ ภควนฺตํ ปุจฺฉาม, อทฺธา สสฺสิริกํ ปฺหเวยฺยากรณํ ลภิสฺสามาติ เอกํ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ ‘‘ตํ ภควนฺตํ ปุจฺฉา’’ติ. โส ¶ เทวปุตฺโต ¶ ตงฺขณานุรูเปน อลงฺกาเรน อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา วิชฺชุริว วิชฺโชตมาโน เทวคณปริวุโต เชตวนมหาวิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉนฺโต คาถาย อชฺฌภาสิ ‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จา’’ติ.
อิทํ มงฺคลปฺหสมุฏฺานํ.
พหูเทวาติคาถาวณฺณนา
๒. อิทานิ คาถาปทานํ อตฺถวณฺณนา โหติ. พหูติ อนิยมิตสงฺขฺยานิทฺเทโส, เตน อเนกสตา อเนกสหสฺสา อเนกสตสหสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพนฺตีติ เทวา, ปฺจหิ กามคุเณหิ กีฬนฺติ, อตฺตโน วา สิริยา โชเตนฺตีติ อตฺโถ. อปิจ เทวาติ ติวิธา เทวา สมฺมุติอุปปตฺติวิสุทฺธิวเสน. ยถาห –
‘‘เทวาติ ตโย เทวา – สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวา. ตตฺถ สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน เทวิโย ราชกุมารา. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิเก เทเว อุปาทาย ตทุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม อรหนฺโต วุจฺจนฺตี’’ติ (จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒, ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๑๙).
เตสุ อิธ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา. มนุโน อปจฺจาติ มนุสฺสา. โปราณา ปน ภณนฺติ – มนโส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา. เต ชมฺพุทีปกา, อปรโคยานกา, อุตฺตรกุรุกา, ปุพฺพวิเทหกาติ จตุพฺพิธา, อิธ ชมฺพุทีปกา อธิปฺเปตา. มงฺคลนฺติ มหนฺติ อิเมหิ สตฺตาติ มงฺคลานิ, อิทฺธึ วุทฺธิฺจ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. อจินฺตยุนฺติ จินฺเตสุํ อากงฺขมานาติ อิจฺฉมานา ปตฺถยมานา ปิหยมานา. โสตฺถานนฺติ โสตฺถิภาวํ, สพฺเพสํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ โสภนานํ สุนฺทรานํ กลฺยาณานํ ธมฺมานมตฺถิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. พฺรูหีติ เทเสหิ ปกาเสหิ, อาจิกฺข วิวร ¶ วิภช ¶ อุตฺตานีกโรหิ. มงฺคลนฺติ อิทฺธิการณํ วุทฺธิการณํ สพฺพสมฺปตฺติการณํ. อุตฺตมนฺติ วิสิฏฺํ ปวรํ สพฺพโลกหิตสุขาวหนฺติ อยํ คาถาย อนุปุพฺพปทวณฺณนา.
อยํ ปน ปิณฺฑตฺโถ – โส เทวปุตฺโต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา มงฺคลปฺหํ โสตุกามตาย อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา เอกวาลคฺคโกฏิโอกาสมตฺเต ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ ¶ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สตฺตติปิ อสีติปิ สุขุมตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา สพฺพเทวมารพฺรหฺมาโน สิริยา จ เตชสา จ อธิคฺคยฺห วิโรจมานํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา ทิสฺวา ตสฺมิฺจ สมเย อนาคตานมฺปิ สกลชมฺพุทีปกานํ มนุสฺสานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย สพฺพเทวมนุสฺสานํ วิจิกิจฺฉาสลฺลสมุทฺธรณตฺถํ อาห –
‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จ, มงฺคลานิ อจินฺตยุํ;
อากงฺขมานา โสตฺถานํ, พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ.
ตาสํ เทวตานํ อนุมติยา มนุสฺสานฺจ อนุคฺคเหน มยา ปุฏฺโ สมาโน ยํ สพฺเพสเมว อมฺหากํ เอกนฺตหิตสุขาวหโต อุตฺตมํ มงฺคลํ, ตํ โน อนุกมฺปํ อุปาทาย พฺรูหิ ภควาติ.
อเสวนาจาติคาถาวณฺณนา
๓. เอวเมตํ เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อเสวนาติ อภชนา อปยิรุปาสนา. พาลานนฺติ พลนฺติ อสฺสสนฺตีติ พาลา, อสฺสสิตปสฺสสิตมตฺเตน ชีวนฺติ, น ปฺาชีวิเตนาติ อธิปฺปาโย. เตสํ พาลานํ. ปณฺฑิตานนฺติ ปณฺฑนฺตีติ ปณฺฑิตา, สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิเกสุ อตฺเถสุ าณคติยา คจฺฉนฺตีติ ¶ อธิปฺปาโย. เตสํ ปณฺฑิตานํ. เสวนาติ ภชนา ปยิรุปาสนา ตํสหายตา ตํสมฺปวงฺกตา ตํสมงฺคิตา ปูชาติ สกฺการครุการมานนวนฺทนา. ปูชเนยฺยานนฺติ ปูชารหานํ. เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ ยา จ พาลานํ อเสวนา, ยา จ ปณฺฑิตานํ เสวนา, ยา จ ปูชเนยฺยานํ ปูชา, ตํ สพฺพํ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห ‘‘เอตํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ. ยํ ตยา ปุฏฺํ ‘‘พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ, เอตฺถ ตาว เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ คณฺหาหีติ วุตฺตํ โหติ. อยเมติสฺสา คาถาย ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ¶ ปนสฺสา เอวํ เวทิตพฺพา – เอวเมตํ เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ยสฺมา จตุพฺพิธา คาถา ปุจฺฉิตคาถา, อปุจฺฉิตคาถา, สานุสนฺธิกคาถา, อนนุสนฺธิกคาถาติ. ตตฺถ ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ, โคตม, ภูริปฺ, กถงฺกโร สาวโก สาธุ โหตี’’ติ (สุ. นิ. ๓๗๘) จ ‘‘กถํ นุ ตฺวํ, มาริส, โอฆมตรี’’ติ ¶ (สํ. นิ. ๑.๑) จ เอวมาทีสุ ปุจฺฉิเตน กถิตา ปุจฺฉิตคาถา. ‘‘ยํ ปเร สุขโต อาหุ, ตทริยา อาหุ ทุกฺขโต’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๗๖๗) อปุจฺฉิเตน อตฺตชฺฌาสยวเสน กถิตา อปุจฺฉิตคาถา. สพฺพาปิ พุทฺธานํ คาถา ‘‘สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๖; กถา. ๘๐๖) วจนโต สานุสนฺธิกคาถา. อนนุสนฺธิกคาถา อิมสฺมึ สาสเน นตฺถิ. เอวเมตาสุ คาถาสุ อยํ เทวปุตฺเตน ปุจฺฉิเตน ภควตา กถิตตฺตา ปุจฺฉิตคาถา. อยฺจ ยถา เฉโก ปุริโส กุสโล มคฺคสฺส กุสโล อมคฺคสฺส มคฺคํ ปุฏฺโ ปมํ วิชหิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา ปจฺฉา คเหตพฺพํ อาจิกฺขติ ‘‘อสุกสฺมึ นาม าเน ทฺเวธาปโถ โหติ, ตตฺถ วามํ มฺุจิตฺวา ทกฺขิณํ คณฺหถา’’ติ, เอวํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺเพสุ อเสวิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา เสวิตพฺพํ อาจิกฺขติ ¶ . ภควา จ มคฺคกุสลปุริสสทิโส. ยถาห –
‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. โส หิ กุสโล อิมสฺส โลกสฺส, กุสโล ปรสฺส โลกสฺส, กุสโล มจฺจุเธยฺยสฺส, กุสโล อมจฺจุเธยฺยสฺส, กุสโล มารเธยฺยสฺส, กุสโล อมารเธยฺยสฺสา’’ติ.
ตสฺมา ปมํ อเสวิตพฺพํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานฺจ เสวนา’’ติ. วิชหิตพฺพมคฺโค วิย หิ ปมํ พาลา น เสวิตพฺพา น ปยิรุปาสิตพฺพา, ตโต คเหตพฺพมคฺโค วิย ปณฺฑิตา เสวิตพฺพา ปยิรุปาสิตพฺพาติ. กสฺมา ปน ภควตา มงฺคลํ กเถนฺเตน ปมํ พาลานมเสวนา ปณฺฑิตานฺจ เสวนา กถิตาติ? วุจฺจเต – ยสฺมา อิมํ ทิฏฺาทีสุ มงฺคลทิฏฺึ พาลเสวนาย เทวมนุสฺสา คณฺหึสุ, สา จ อมงฺคลํ, ตสฺมา เตสํ ตํ อิธโลกปรโลกตฺถภฺชกํ อกลฺยาณมิตฺตสํสคฺคํ ครหนฺเตน อุภยโลกตฺถสาธกฺจ กลฺยาณมิตฺตสํสคฺคํ ¶ ปสํสนฺเตน ภควตา ปมํ พาลานมเสวนา ปณฺฑิตานฺจ เสวนา กถิตาติ.
ตตฺถ พาลา นาม เย เกจิ ปาณาติปาตาทิอกุสลกมฺมปถสมนฺนาคตา สตฺตา, เต ตีหากาเรหิ ชานิตพฺพา. ยถาห ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานี’’ติ สุตฺตํ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๔๖). อปิจ ปูรณกสฺสปาทโย ฉ สตฺถาโร, เทวทตฺตโกกาลิกกฏโมทกติสฺสขณฺฑเทวิยาปุตฺตสมุทฺททตฺตจิฺจมาณวิกาทโย อตีตกาเล จ ทีฆวิทสฺส ภาตาติ อิเม อฺเ ¶ จ เอวรูปา สตฺตา พาลาติ เวทิตพฺพา.
เต ¶ อคฺคิปทิตฺตมิว อคารํ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อตฺตานฺเจว อตฺตโน วจนการเก จ วินาเสนฺติ. ยถา ทีฆวิทสฺส ภาตา จตุพุทฺธนฺตรํ สฏฺิโยชนมตฺเตน อตฺตภาเวน อุตฺตาโน ปติโต มหานิรเย ปจฺจติ, ยถา จ ตสฺส ทิฏฺึ อภิรุจนกานิ ปฺจ กุลสตานิ ตสฺเสว สหพฺยตํ อุปปนฺนานิ มหานิรเย ปจฺจนฺติ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นฬาคารา วา ติณาคารา วา อคฺคิ มุตฺโต กูฏาคารานิปิ ฑหติ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตานิ นิวาตานิ ผุสิตคฺคฬานิ ปิหิตวาตปานานิ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สพฺพานิ ตานิ พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต. เย เกจิ อุปทฺทวา อุปฺปชฺชนฺติ…เป… เย เกจิ อุปสคฺคา…เป… โน ปณฺฑิตโต. อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต. สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต, สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติ (อ. นิ. ๓.๑).
อปิจ ปูติมจฺฉสทิโส พาโล, ปูติมจฺฉพนฺธปตฺตปุฏสทิโส โหติ ตทุปเสวี, ฉฑฺฑนียตํ ชิคุจฺฉนียตฺจ ปาปุณาติ วิฺูนํ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคน, โย นโร อุปนยฺหติ;
กุสาปิ ปูตี วายนฺติ, เอวํ พาลูปเสวนา’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๑๘๓; ๒.๒๒.๑๒๕๗);
อกิตฺติปณฺฑิโต จาปิ สกฺเกน เทวานมินฺเทน วเร ทิยฺยมาเน เอวมาห –
‘‘พาลํ ¶ น ปสฺเส น สุเณ, น จ พาเลน สํวเส;
พาเลนลฺลาปสลฺลาปํ, น กเร น จ โรจเย.
‘‘กินฺนุ เต อกรํ พาโล, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป พาลสฺส, ทสฺสนํ นาภิกงฺขสิ.
‘‘อนยํ นยติ ทุมฺเมโธ, อธุรายํ นิยฺุชติ;
ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต ปกุปฺปติ;
วินยํ โส น ชานาติ, สาธุ ตสฺส อทสฺสน’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๙๐-๙๒);
เอวํ ¶ ¶ ภควา สพฺพากาเรน พาลูปเสวนํ ครหนฺโต ‘‘พาลานมเสวนา มงฺคล’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ปณฺฑิตเสวนํ ปสํสนฺโต ‘‘ปณฺฑิตานฺจ เสวนา มงฺคล’’นฺติ อาห. ตตฺถ ปณฺฑิตา นาม เย เกจิ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทิทสกุสลกมฺมปถสมนฺนาคตา สตฺตา, เต ตีหากาเรหิ ชานิตพฺพา. ยถาห ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๕๓) สุตฺตํ. อปิจ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอสีติมหาสาวกา อฺเ จ ตถาคตสฺส สาวกา สุเนตฺตมหาโควินฺทวิธุรสรภงฺคมโหสธสุตโสมนิมิราช- อโยฆรกุมารอกิตฺติปณฺฑิตาทโย จ ปณฺฑิตาติ เวทิตพฺพา.
เต ภเย วิย รกฺขา อนฺธกาเร วิย ปทีโป ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขาภิภเว วิย อนฺนปานาทิปฺปฏิลาโภ อตฺตโน วจนกรานํ สพฺพภยุปทฺทวูปสคฺควิทฺธํสนสมตฺถา โหนฺติ. ตถา หิ ตถาคตํ อาคมฺม อสงฺขฺเยยฺยา อปริมาณา เทวมนุสฺสา อาสวกฺขยํ ปตฺตา, พฺรหฺมโลเก ปติฏฺิตา, เทวโลเก ปติฏฺิตา, สุคติโลเก อุปฺปนฺนา, สาริปุตฺตตฺเถเร จิตฺตํ ปสาเทตฺวา จตูหิ จ ปจฺจเยหิ เถรํ อุปฏฺหิตฺวา อสีติ กุลสหสฺสานิ สคฺเค นิพฺพตฺตานิ. ตถา มหาโมคฺคลฺลานมหากสฺสปปฺปภุตีสุ สพฺพมหาสาวเกสุ, สุเนตฺตสฺส สตฺถุโน สาวกา อปฺเปกจฺเจ พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชึสุ, อปฺเปกจฺเจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ…เป… อปฺเปกจฺเจ คหปติมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘นตฺถิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตโต ภยํ, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปทฺทโว, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปสคฺโค’’ติ (อ. นิ. ๓.๑).
อปิจ ¶ ตครมาลาทิคนฺธสทิโส ปณฺฑิโต, ตครมาลาทิคนฺธพนฺธปลิเวนปตฺตสทิโส โหติ ตทุปเสวี, ภาวนียตํ มนฺุตฺจ อาปชฺชติ วิฺูนํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตครฺจ ¶ ปลาเสน, โย นโร อุปนยฺหติ;
ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ, เอวํ ธีรูปเสวนา’’ติ. (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๔; ๒.๒๒.๑๒๕๘);
อกิตฺติปณฺฑิโต จาปิ สกฺเกน เทวานมินฺเทน วเร ทิยฺยมาเน เอวมาห –
‘‘ธีรํ ¶ ปสฺเส สุเณ ธีรํ, ธีเรน สห สํวเส;
ธีเรนลฺลาปสลฺลาปํ, ตํ กเร ตฺจ โรจเย.
‘‘กินฺนุ เต อกรํ ธีโร, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป ธีรสฺส, ทสฺสนํ อภิกงฺขสิ.
‘‘นยํ นยติ เมธาวี, อธุรายํ น ยฺุชติ;
สุนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต น กุปฺปติ;
วินยํ โส ปชานาติ, สาธุ เตน สมาคโม’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๙๔-๙๖);
เอวํ ภควา สพฺพากาเรน ปณฺฑิตเสวนํ ปสํสนฺโต ‘‘ปณฺฑิตานํ เสวนา มงฺคล’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ตาย พาลานํ อเสวนาย ปณฺฑิตานํ เสวนาย จ อนุปุพฺเพน ปูชเนยฺยภาวํ อุปคตานํ ปูชํ ปสํสนฺโต ‘‘ปูชา จ ปูชเนยฺยานํ มงฺคล’’นฺติ อาห. ตตฺถ ปูชเนยฺยา นาม สพฺพโทสวิรหิตตฺตา สพฺพคุณสมนฺนาคตตฺตา จ พุทฺธา ภควนฺโต, ตโต ปจฺฉา ปจฺเจกพุทฺธา, อริยสาวกา จ. เตสฺหิ ปูชา อปฺปกาปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติ, สุมนมาลาการมลฺลิกาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.
ตตฺเถกํ นิทสฺสนมตฺตํ ภณาม – ภควา หิ เอกทิวสํ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ โข สุมนมาลากาโร รฺโ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส ปุปฺผานิ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต อทฺทส ภควนฺตํ นครทฺวารมนุปฺปตฺตํ ปาสาทิกํ ปสาทนียํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณาสีตานุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตํ พุทฺธสิริยา ชลนฺตํ, ทิสฺวานสฺส ¶ เอตทโหสิ ‘‘ราชา ปุปฺผานิ คเหตฺวา สตํ วา สหสฺสํ วา ทเทยฺย ¶ , ตฺจ อิธโลกมตฺตเมว สุขํ ภเวยฺย, ภควโต ปน ปูชา อปฺปเมยฺยอสงฺขฺเยยฺยผลา ทีฆรตฺตํ หิตสุขาวหา โหติ, หนฺทาหํ อิเมหิ ปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชมี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต เอกํ ปุปฺผมุฏฺึ คเหตฺวา ภควโต ปฏิมุขํ ขิปิ, ปุปฺผานิ อากาเสน คนฺตฺวา ภควโต อุปริ มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. มาลากาโร ตมานุภาวํ ทิสฺวา ปสนฺนตรจิตฺโต ปุน เอกํ ปุปฺผมุฏฺึ ขิปิ, ตานิปิ คนฺตฺวา มาลากฺจุโก หุตฺวา อฏฺํสุ. เอวํ อฏฺ ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิ, ตานิ คนฺตฺวา ปุปฺผกูฏาคารํ หุตฺวา อฏฺํสุ.
ภควา อนฺโตกูฏาคาเร อโหสิ, มหาชนกาโย สนฺนิปติ. ภควา มาลาการํ ปสฺสนฺโต สิตํ ¶ ปาตฺวากาสิ. อานนฺทตฺเถโร ‘‘น พุทฺธา อเหตู อปจฺจยา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ สิตการณํ ปุจฺฉิ. ภควา อาห ‘‘เอโส, อานนฺท, มาลากาโร อิมิสฺสา ปูชาย อานุภาเวน สตสหสฺสกปฺเป เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา ปริโยสาเน สุมนิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. วจนปริโยสาเน ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;
ยสฺส ปตีโต สุมโน, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ. (ธ. ป. ๖๘);
คาถาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เอวํ อปฺปกาปิ เตสํ ปูชา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหตีติ เวทิตพฺพา. สา จ อามิสปูชาว, โก ปน วาโท ปฏิปตฺติปูชาย? ยโต เย กุลปุตฺตา สรณคมนสิกฺขาปทปฺปฏิคฺคหเณน อุโปสถงฺคสมาทาเนน จตุปาริสุทฺธิสีลาทีหิ จ อตฺตโน คุเณหิ ภควนฺตํ ปูเชนฺติ, โก เตสํ ปูชาผลํ วณฺณยิสฺสติ? เต หิ ตถาคตํ ปรมาย ปูชาย ปูเชนฺตีติ วุตฺตา. ยถาห –
‘‘โย โข, อานนฺท, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน วิหรติ สามีจิปฺปฏิปนฺโน อนุธมฺมจารี, โส ตถาคตํ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ¶ ปูเชติ อปจิยติ ปรมาย ปูชายา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๙๙).
เอเตนานุสาเรน ปจฺเจกพุทฺธอริยสาวกานมฺปิ ปูชาย หิตสุขาวหตา เวทิตพฺพา.
อปิจ ¶ คหฏฺานํ กนิฏฺสฺส เชฏฺโ ภาตาปิ ภคินีปิ ปูชเนยฺยา, ปุตฺตสฺส มาตาปิตโร, กุลวธูนํ สามิกสสฺสุสสุราติ เอวเมตฺถ ปูชเนยฺยา เวทิตพฺพา. เอเตสมฺปิ หิ ปูชา กุสลธมฺมสงฺขาตตฺตา อายุอาทิวุฑฺฒิเหตุตฺตา จ มงฺคลเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เต มตฺเตยฺยา ภวิสฺสนฺติ เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน, อิทํ กุสลํ ธมฺมํ สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ, เต เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ อายุนาปิ วฑฺฒิสฺสนฺติ, วณฺเณนปิ วฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๑๐๕).
อิทานิ ยสฺมา ‘‘ยํ ยตฺถ มงฺคลํ. ววตฺถเปตฺวา ตํ ตสฺส, มงฺคลตฺตํ วิภาวเย’’ติ อิติ มาติกา ¶ นิกฺขิตฺตา, ตสฺมา อิทํ วุจฺจติ – เอวเมติสฺสา คาถาย พาลานํ อเสวนา, ปณฺฑิตานํ เสวนา, ปูชเนยฺยานฺจ ปูชาติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. ตตฺถ พาลานํ อเสวนา พาลเสวนปจฺจยภยาทิปริตฺตาเณน อุภยโลกตฺถเหตุตฺตา, ปณฺฑิตานํ เสวนา ปูชเนยฺยานํ ปูชา จ ตาสํ ผลวิภูติวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว นิพฺพานสุคติเหตุตฺตา มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ ตุ มาติกํ อทสฺเสตฺวา เอว ยํ ยตฺถ มงฺคลํ, ตํ ววตฺถเปตฺวา ตสฺส มงฺคลตฺตํ วิภาวยิสฺสามาติ.
นิฏฺิตา อเสวนา จ พาลานนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
ปติรูปเทสวาโสจาติคาถาวณฺณนา
๔. เอวํ ภควา ‘‘พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ เอกํ อชฺเฌสิโตปิ อปฺปํ ยาจิโต พหุทายโก อุฬารปุริโส วิย เอกาย ¶ คาถาย ตีณิ มงฺคลานิ วตฺวา ตโต อุตฺตริปิ เทวตานํ โสตุกามตาย มงฺคลานมตฺถิตาย เยสํ เยสํ ยํ ยํ อนุกุลํ, เต เต สตฺเต ตตฺถ ตตฺถ มงฺคเล นิโยเชตุกามตาย จ ‘‘ปติรูปเทสวาโส จา’’ติอาทีหิ คาถาหิ ปุนปิ อเนกานิ มงฺคลานิ วตฺตุมารทฺโธ. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว ปติรูโปติ อนุจฺฉวิโก. เทโสติ คาโมปิ นิคโมปิ นครมฺปิ ชนปโทปิ โย โกจิ สตฺตานํ นิวาโส โอกาโส. วาโสติ ตตฺถ ¶ นิวาโส. ปุพฺเพติ ปุรา อตีตาสุ ชาตีสุ. กตปฺุตาติ อุปจิตกุสลตา. อตฺตาติ จิตฺตํ วุจฺจติ สกโล วา อตฺตภาโว, สมฺมาปณิธีติ ตสฺส อตฺตโน สมฺมา ปณิธานํ นิยฺุชนํ, ปนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. อยเมตฺถ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ปติรูปเทสวาโส นาม ยตฺถ จตสฺโส ปริสา วิจรนฺติ, ทานาทีนิ ปฺุกิริยวตฺถูนิ วตฺตนฺติ, นวงฺคํ สตฺถุ สาสนํ ทิพฺพติ, ตตฺถ นิวาโส สตฺตานํ ปฺุกิริยาย ปจฺจยตฺตา มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. สีหฬทีปปวิฏฺเกวฏฺฏาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.
อปโร นโย – ปติรูปเทสวาโส นาม ภควโต โพธิมณฺฑปฺปเทโส ธมฺมจกฺกวตฺติตปฺปเทโส ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย มชฺเฌ สพฺพติตฺถิยมตํ ภินฺทิตฺวา ยมกปาฏิหาริยทสฺสิตกณฺฑมฺพ รุกฺขมูลปฺปเทโส เทโวโรหณปฺปเทโส, โย วา ปนฺโปิ สาวตฺถิราชคหาทิ ¶ พุทฺธาธิวาสปฺปเทโส, ตตฺถ นิวาโส สตฺตานํ ฉอนุตฺตริยปฺปฏิลาภปจฺจยโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
อปโร นโย (มหาว. ๒๕๙) – ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส ปเรน มหาสาลา, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณปุรตฺถิมาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย ¶ เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสีรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อยํ มชฺฌิมเทโส อายาเมน ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถาเรน อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขเปน นว โยชนสตานิ โหนฺติ. เอโส ปติรูปเทโส นาม.
เอตฺถ จตุนฺนํ มหาทีปานํ ทฺวิสหสฺสานํ ปริตฺตทีปานฺจ อิสฺสริยาธิปจฺจการกา จกฺกวตฺตี อุปฺปชฺชนฺติ, เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทโย มหาสาวกา อุปฺปชฺชนฺติ, ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธา, จตฺตาริ อฏฺ โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ¶ สมฺมาสมฺพุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ. ตตฺถ สตฺตา จกฺกวตฺติรฺโ โอวาทํ คเหตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาย สคฺคปรายณา โหนฺติ. ตถา ปจฺเจกพุทฺธานํ โอวาเท ปติฏฺาย, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปน พุทฺธสาวกานํ โอวาเท ปติฏฺาย สคฺคปรายณา นิพฺพานปรายณา จ โหนฺติ. ตสฺมา ตตฺถ วาโส อิมาสํ สมฺปตฺตีนํ ปจฺจยโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
ปุพฺเพ กตปฺุตา นาม อตีตชาติยํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสเว อารพฺภ อุปจิตกุสลตา, สาปิ มงฺคลํ. กสฺมา? พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสมฺมุขโต ทสฺเสตฺวา พุทฺธานํ พุทฺธสาวกานํ วา สมฺมุขา สุตาย จตุปฺปทิกายปิ คาถาย ปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาเปตีติ กตฺวา. โย จ มนุสฺโส ปุพฺเพ กตาธิกาโร อุสฺสนฺนกุสลมูโล โหติ, โส เตเนว กุสลมูเลน วิปสฺสนํ อุปฺปาเทตฺวา อาสวกฺขยํ ปาปุณาติ ยถา ราชา มหากปฺปิโน อคฺคมเหสี จ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพ จ กตปฺุตา มงฺคล’’นฺติ.
อตฺตสมฺมาปณิธิ ¶ นาม อิเธกจฺโจ อตฺตานํ ทุสฺสีลํ สีเล ปติฏฺาเปติ, อสฺสทฺธํ สทฺธาสมฺปทาย ปติฏฺาเปติ, มจฺฉรึ จาคสมฺปทาย ปติฏฺาเปติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘อตฺตสมฺมาปณิธี’’ติ ¶ , เอโส จ มงฺคลํ. กสฺมา? ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกเวรปฺปหานวิวิธานิสํสาธิคมเหตุโตติ.
เอวํ อิมิสฺสาปิ คาถาย ปติรูปเทสวาโส จ, ปุพฺเพ จ กตปฺุตา, อตฺตสมฺมาปณิธี จาติ ตีณิเยว มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ปติรูปเทสวาโส จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
พาหุสจฺจฺจาติคาถาวณฺณนา
๕. อิทานิ พาหุสจฺจฺจาติ เอตฺถ พาหุสจฺจนฺติ พหุสฺสุตภาโว. สิปฺปนฺติ ยํ กิฺจิ หตฺถโกสลฺลํ. วินโยติ กายวาจาจิตฺตวินยนํ. สุสิกฺขิโตติ สุฏฺุ สิกฺขิโต. สุภาสิตาติ สุฏฺุ ภาสิตา. ยาติ อนิยตนิทฺเทโส. วาจาติ คิรา พฺยปฺปโถ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. อยเมตฺถ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ¶ ปน เอวํ เวทิตพฺพา – พาหุสจฺจํ นาม ยํ ตํ ‘‘สุตธโร โหติ สุตสนฺนิจโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓๙; อ. นิ. ๔.๒๒) จ ‘‘อิเธกจฺจสฺส พหุกํ สุตํ โหติ, สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณ’’นฺติ จ (อ. นิ. ๔.๖) เอวมาทินา นเยน สตฺถุสาสนธรตฺตํ วณฺณิตํ, ตํ อกุสลปฺปหานกุสลาธิคมเหตุโต อนุปุพฺเพน ปรมตฺถสจฺจสจฺฉิกิริยาเหตุโต จ มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗).
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสหนฺโต ตุลยติ ¶ , ตุลยนฺโต ปทหติ ปทหนฺโต กาเยน เจว ปรมตฺถสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ อติวิชฺฌ ¶ ปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๓๒).
อปิจ อคาริกพาหุสจฺจมฺปิ ยํ อนวชฺชํ, ตํ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ.
สิปฺปํ นาม อคาริกสิปฺปฺจ อนคาริกสิปฺปฺจ. ตตฺถ อคาริกสิปฺปํ นาม ยํ ปรูปโรธวิรหิตํ อกุสลวิวชฺชิตํ มณิการสุวณฺณการกมฺมาทิกํ, ตํ อิธโลกตฺถาวหนโต มงฺคลํ. อนคาริกสิปฺปํ นาม จีวรวิจารณสิพฺพนาทิสมณปริกฺขาราภิสงฺขรณํ, ยํ ตํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึ กรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๔๕; ๓๖๐; อ. นิ. ๑๐.๑๗) นเยน ตตฺถ ตตฺถ สํวณฺณิตํ, ยํ ‘‘นาถกโร ธมฺโม’’ติ จ วุตฺตํ, ตํ อตฺตโน จ ปเรสฺจ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ.
วินโย นาม อคาริกวินโย จ อนคาริกวินโย จ. ตตฺถ อคาริกวินโย นาม ทสอกุสลกมฺมปถวิรมณํ, โส ตตฺถ สุสิกฺขิโต อสํกิเลสาปชฺชเนน อาจารคุณววตฺถาเนน จ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ¶ มงฺคลํ. อนคาริกวินโย นาม สตฺตาปตฺติกฺขนฺธอนาปชฺชนํ, โสปิ วุตฺตนเยเนว สุสิกฺขิโต, จตุปาริสุทฺธิสีลํ วา อนคาริกวินโย, โส ยถา ตตฺถ ปติฏฺาย อรหตฺตํ ปาปุณาติ, เอวํ สิกฺขเนน สุสิกฺขิโต โลกิยโลกุตฺตรสุขาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺโพ.
สุภาสิตา วาจา นาม มุสาวาทาทิโทสวิรหิตา. ยถาห ‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคโต วาจา สุภาสิตา โหตี’’ติ (สุ. นิ. สุภาสิตสุตฺตํ). อสมฺผปฺปลาปา วาจา เอว วา สุภาสิตา. ยถาห –
‘‘สุภาสิตํ อุตฺตมมาหุ สนฺโต,
ธมฺมํ ภเณ นาธมฺมํ ตํ ทุติยํ;
ปิยํ ภเณ นาปฺปิยํ ตํ ตติยํ,
สจฺจํ ภเณ นาลิกํ ตํ จตุตฺถ’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๕๒);
อยมฺปิ ¶ ¶ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา. ยสฺมา จ อยํ วินยปริยาปนฺนา เอว, ตสฺมา วินยคฺคหเณน เอตํ อสงฺคณฺหิตฺวา วินโย สงฺคเหตพฺโพ. อถ วา กึ อิมินา ปริสฺสเมน ปเรสํ ธมฺมเทสนาทิวาจา อิธ สุภาสิตา วาจาติ เวทิตพฺพา. สา หิ ยถา ปติรูปเทสวาโส, เอวํ สตฺตานํ อุภยโลกหิตสุขนิพฺพานาธิคมปจฺจยโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. อาห จ –
‘‘ยํ พุทฺโธ ภาสติ วาจํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา;
ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สา เว วาจานมุตฺตมา’’ติ. (สุ. นิ. ๔๕๖);
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย พาหุสจฺจํ, สิปฺปํ, วินโย สุสิกฺขิโต, สุภาสิตา วาจาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา พาหุสจฺจฺจาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติคาถาวณฺณนา
๖. อิทานิ ¶ มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติ เอตฺถ มาตุ จ ปิตุ จาติ มาตาปิตุ. อุปฏฺานนฺติ อุปฏฺหนํ. ปุตฺตานฺจ ทารานฺจาติ ปุตฺตทารสฺส สงฺคณฺหนํ สงฺคโห. น อากุลา อนากุลา. กมฺมานิ เอว กมฺมนฺตา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – มาตา นาม ชนิกา วุจฺจติ, ตถา ปิตา. อุปฏฺานํ นาม ปาทโธวนสมฺพาหนุจฺฉาทนนฺหาปเนหิ จตุปจฺจยสมฺปทาเนน จ อุปการกรณํ. ตตฺถ ยสฺมา มาตาปิตโร พหูปการา ปุตฺตานํ อตฺถกามา อนุกมฺปกา, เย ปุตฺตเก พหิ กีฬิตฺวา ปํสุมกฺขิตสรีรเก อาคเต ทิสฺวา ปํสุํ ปฺุฉิตฺวา มตฺถกํ อุปสิงฺฆายนฺตา ปริจุมฺพนฺตา จ สิเนหํ อุปฺปาเทนฺติ, วสฺสสตมฺปิ มาตาปิตโร สีเสน ปริหรนฺตา ปุตฺตา เตสํ ปติการํ กาตุํ อสมตฺถา. ยสฺมา จ เต อาปาทกา โปสกา อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร, พฺรหฺมสมฺมตา ปุพฺพาจริยสมฺมตา, ตสฺมา เตสํ ¶ อุปฏฺานํ อิธ ปสํสํ, เปจฺจ สคฺคสุขฺจ อาวหติ. เตน มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘พฺรหฺมาติ ¶ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;
อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกา.
‘‘ตสฺมา หิ เน นมสฺเสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;
อนฺเนน อถ ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ;
อุจฺฉาทเนน นฺหาปเนน, ปาทานํ โธวเนน จ.
‘‘ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. (อิติวุ. ๑๐๖; ชา. ๒.๒๐.๑๘๑-๑๘๓);
อปโร นโย – อุปฏฺานํ นาม ภรณกิจฺจกรณกุลวํสฏฺปนาทิปฺจวิธํ, ตํ ปาปนิวารณาทิปฺจวิธทิฏฺธมฺมิกหิตสุขเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺาตพฺพา ภโต เน ภริสฺสามิ, กิจฺจํ เนสํ กริสฺสามิ ¶ , กุลวํสํ เปสฺสามิ, ทายชฺชํ ปฏิปชฺชิสฺสามิ, อถ วา ปน เปตานํ กาลกตานํ ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสามี’ติ. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติ, ปาปา นิวาเรนฺติ, กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติ, ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชนฺติ, สมเย ทายชฺชํ นิยฺยาเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๗).
อปิจ โย มาตาปิตโร ตีสุ วตฺถูสุ ¶ ปสาทุปฺปาทเนน, สีลสมาทาปเนน, ปพฺพชฺชาย วา อุปฏฺหติ, อยํ มาตาปิตุอุปฏฺากานํ อคฺโค. ตสฺส ตํ มาตาปิตุอุปฏฺานํ มาตาปิตูหิ กตสฺส อุปการสฺส ปจฺจุปการภูตํ อเนเกสํ ทิฏฺธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานฺจ อตฺถานํ ปทฏฺานโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
ปุตฺตทารสฺสาติ เอตฺถ อตฺตโต ชาตา ปุตฺตาปิ ธีตโรปิ ปุตฺตาอิจฺเจว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. ทาราติ วีสติยา ภริยานํ ยา กาจิ ภริยา. ปุตฺตา จ ทารา จ ปุตฺตทารํ, ตสฺส ปุตฺตทารสฺส. สงฺคโหติ สมฺมานนาทีหิ อุปการกรณํ. ตํ สุสํวิหิตกมฺมนฺตตาทิทิฏฺธมฺมิกหิตสุขเหตุโต ¶ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ปจฺฉิมา ทิสา ปุตฺตทารา เวทิตพฺพา’’ติ เอตฺถ อุทฺทิฏฺํ ปุตฺตทารํ ภริยาสทฺเทน สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฏฺาตพฺพา สมฺมานนาย, อนวมานนาย, อนติ จริยาย, อิสฺสริยโวสฺสคฺเคน, อลงฺการานุปฺปทาเนน. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ สามิกํ อนุกมฺปติ, สุสํวิหิตกมฺมนฺตา จ โหติ, สงฺคหิตปริชนา จ, อนติจารินี จ, สมฺภตฺจ อนุรกฺขติ ทกฺขา จ โหติ อนลสา สพฺพกิจฺเจสู’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๙).
อยํ วา อปโร นโย – สงฺคโหติ ธมฺมิกาหิ ทานปิยวาจาตฺถจริยาหิ สงฺคณฺหนํ. เสยฺยถิทํ – อุโปสถทิวเสสุ ปริพฺพยทานํ, นกฺขตฺตทิวเสสุ นกฺขตฺตทสฺสาปนํ, มงฺคลทิวเสสุ มงฺคลกรณํ, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเกสุ อตฺเถสุ โอวาทานุสาสนนฺติ. ตํ วุตฺตนเยเนว ทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต ¶ สมฺปรายิกหิตเหตุโต เทวตาหิปิ นมสฺสนียภาวเหตุโต จ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห สกฺโก เทวานมินฺโท –
‘‘เย ¶ คหฏฺา ปฺุกรา, สีลวนฺโต อุปาสกา;
ธมฺเมน ทารํ โปเสนฺติ, เต นมสฺสามิ มาตลี’’ติ. (สํ.นิ.๑.๑.๒๖๔);
อนากุลา กมฺมนฺตา นาม กาลฺุตาย ปติรูปการิตาย อนลสตาย อุฏฺานวีริยสมฺปทาย, อพฺยสนียตาย จ กาลาติกฺกมนอปฺปติรูปกรณสิถิลกรณาทิอากุลภาววิรหิตา กสิโครกฺขวาณิชฺชาทโย กมฺมนฺตา. เอเต อตฺตโน วา ปุตฺตทารสฺส วา ทาสกมฺมกรานํ วา พฺยตฺตตาย เอวํ ปโยชิตา ทิฏฺเว ธมฺเม ธนธฺวุทฺธิปฏิลาภเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ปติรูปการี ธุรวา, อุฏฺาตา วินฺทเต ธน’’นฺติ จ (สุ. นิ. ๑๘๕; สํ. นิ. ๑.๒๔๖).
‘‘น ทิวา โสปฺปสีเลน, รตฺติมุฏฺานเทสฺสินา;
นิจฺจํ มตฺเตน โสณฺเฑน, สกฺกา อาวสิตุํ ฆรํ.
‘‘อติสีตํ ¶ อติอุณฺหํ, อติสายมิทํ อหุ;
อิติ วิสฺสฏฺกมฺมนฺเต, อตฺถา อจฺเจนฺติ มาณเว.
‘‘โยธ สีตฺจ อุณฺหฺจ, ติณา ภิยฺโย น มฺติ;
กรํ ปุริสกิจฺจานิ, โส สุขํ น วิหายตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๕๓);
‘‘โภเค สํหรมานสฺส, ภมรสฺเสว อิรียโต;
โภคา สนฺนิจยํ ยนฺติ, วมฺมิโกวูปจียตี’’ติ. จ เอวมาทิ (ที. นิ. ๓.๒๖๕);
เอวํ ¶ อิมิสฺสา คาถาย มาตุอุปฏฺานํ, ปิตุอุปฏฺานํ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห, อนากุลา จ กมฺมนฺตาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคหํ วา ทฺวิธา กตฺวา ปฺจ, มาตาปิตุอุปฏฺานํ วา เอกเมว กตฺวา ตีณิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
ทานฺจาติคาถาวณฺณนา
๗. อิทานิ ทานฺจาติ เอตฺถ ทียเต อิมินาติ ทานํ, อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส ปฏิปาทียตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมสฺส จริยา, ธมฺมา วา อนเปตา จริยา ¶ ธมฺมจริยา. ายนฺเต ‘‘อมฺหากํ อิเม’’ติ าตกา. น อวชฺชานิ อนวชฺชานิ, อนินฺทิตานิ อครหิตานีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ทานํ นาม ปรํ อุทฺทิสฺส สุพุทฺธิปุพฺพิกา อนฺนาทิทสทานวตฺถุปริจฺจาคเจตนา, ตํสมฺปยุตฺโต วา อโลโภ. อโลเภน หิ ตํ วตฺถุํ ปรสฺส ปฏิปาเทติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ทียเต อิมินาติ ทาน’’นฺติ. ตํ พหุชนปิยมนาปตาทีนํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ ผลวิเสสานํ อธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ทายโก, สีห ทานปติ, พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป’’ติ เอวมาทีนิ (อ. นิ. ๕.๓๔) เจตฺถ สุตฺตานิ อนุสฺสริตพฺพานิ.
อปโร ¶ นโย – ทานํ นาม ทุวิธํ อามิสทานํ, ธมฺมทานฺจ, ตตฺถ อามิสทานํ วุตฺตปฺปการเมว. อิธโลกปรโลกทุกฺขกฺขยสุขาวหสฺส ปน สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตสฺส ธมฺมสฺส ปเรสํ หิตกามตาย เทสนา ธมฺมทานํ ¶ , อิเมสฺจ ทฺวินฺนํ ทานานํ เอตเทว อคฺคํ. ยถาห –
‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ,
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;
สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ,
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๕๔);
ตตฺถ อามิสทานสฺส มงฺคลตฺตํ วุตฺตเมว. ธมฺมทานํ ปน ยสฺมา อตฺถปฏิสํเวทิตาทีนํ คุณานํ ปทฏฺานํ, ตสฺมา มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยถา ยถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จา’’ติ เอวมาทิ (อ. นิ. ๕.๒๖).
ธมฺมจริยา นาม ทสกุสลกมฺมปถจริยา. ยถาห – ‘‘ติวิธา โข คหปตโย กาเยน ธมฺมจริยา สมจริยา โหตี’’ติ เอวมาทิ. สา ปเนสา ธมฺมจริยา สคฺคโลกูปปตฺติเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ธมฺมจริยาสมจริยาเหตุ โข คหปตโย เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๙).
าตกา ¶ นาม มาติโต วา ปิติโต วา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา สมฺพนฺธา. เตสํ โภคปาริชฺุเน วา พฺยาธิปาริชฺุเน วา อภิหตานํ อตฺตโน สมีปํ อาคตานํ ยถาพลํ ฆาสจฺฉาทนธนธฺาทีหิ สงฺคโห ปสํสาทีนํ ทิฏฺธมฺมิกานํ สุคติคมนาทีนฺจ สมฺปรายิกานํ วิเสสาธิคมานํ เหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
อนวชฺชานิ กมฺมานิ นาม อุโปสถงฺคสมาทานเวยฺยาวจฺจกรณอารามวนโรปนเสตุกรณาทีนิ กายวจีมโนสุจริตกมฺมานิ. ตานิ หิ นานปฺปการหิตสุขาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจนฺติ. ‘‘านํ ¶ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา ¶ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ (อ. นิ. ๘.๔๓) อนุสฺสริตพฺพานิ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ทานฺจ, ธมฺมจริยา จ, าตกานฺจ สงฺคโห, อนวชฺชานิ กมฺมานีติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ทานฺจาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
อารตีติคาถาวณฺณนา
๘. อิทานิ อารตี วิรตีติ เอตฺถ อารตีติ อารมณํ, วิรตีติ วิรมณํ, วิรมนฺติ วา เอตาย สตฺตาติ วิรติ. ปาปาติ อกุสลา. มทนียฏฺเน มชฺชํ, มชฺชสฺส ปานํ มชฺชปานํ, ตโต มชฺชปานา. สํยมนํ สํยโม อปฺปมชฺชนํ อปฺปมาโท. ธมฺเมสูติ กุสเลสุ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – อารติ นาม ปาเป อาทีนวทสฺสาวิโน มนสา เอว อนภิรติ. วิรติ นาม กมฺมทฺวารวเสน กายวาจาหิ วิรมณํ, สา เจสา วิรติ นาม สมฺปตฺตวิรติ, สมาทานวิรติ, สมุจฺเฉทวิรตีติ ติวิธา โหติ, ตตฺถ ยา กุลปุตฺตสฺส อตฺตโน ชาตึ วา กุลํ วา โคตฺตํ วา ปฏิจฺจ ‘‘น เม เอตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ ¶ อิมํ ปาณํ หเนยฺยํ, อทินฺนํ อาทิเยยฺย’’นฺติอาทินา นเยน สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรติ, อยํ สมฺปตฺตวิรติ นาม. สิกฺขาปทสมาทานวเสน ปวตฺตา สมาทานวิรติ นาม, ยสฺสา ปวตฺติโต ปภุติ กุลปุตฺโต ปาณาติปาตาทีนิ น กโรติ. อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา สมุจฺเฉทวิรติ นาม, ยสฺสา ปวตฺติโต ปภุติ อริยสาวกสฺส ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ. ปาปํ นาม ยํ ตํ ‘‘ปาณาติปาโต โข, คหปติปุตฺต, กมฺมกิเลโส, อทินฺนาทานํ…เป… กาเมสุมิจฺฉาจาโร…เป… มุสาวาโท’’ติ เอวํ วิตฺถาเรตฺวา –
‘‘ปาณาติปาโต ¶ อทินฺนาทานํ, มุสาวาโท จ วุจฺจติ;
ปรทารคมนฺเจว, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๔๕) –
เอวํ ¶ คาถาย สงฺคหิตํ กมฺมกิเลสสงฺขาตํ จตุพฺพิธํ อกุสลํ, ตโต ปาปา. สพฺพาเปสา อารติ จ วิรติ จ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกภยเวรปฺปหานาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โข, คหปติปุตฺต, อริยสาวโก’’ติอาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ อนุสฺสริตพฺพานิ.
มชฺชปานา สํยโม นาม ปุพฺเพ วุตฺตสุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานา เวรมณิยา เอเวตํ อธิวจนํ. ยสฺมา ปน มชฺชปายี อตฺถํ น ชานาติ, ธมฺมํ น ชานาติ, มาตุ อนฺตรายํ กโรติ, ปิตุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกานมฺปิ อนฺตรายํ กโรติ, ทิฏฺเว ธมฺเม ครหํ สมฺปราเย ทุคฺคตึ อปราปริเย อุมฺมาทฺจ ปาปุณาติ. มชฺชปานา ปน สํยโม เตสํ โทสานํ วูปสมํ ตพฺพิปรีตคุณสมฺปทฺจ ปาปุณาติ. ตสฺมา อยํ มชฺชปานา สํยโม มงฺคลนฺติ เวทิตพฺโพ.
กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโท นาม ‘‘กุสลานํ วา ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา, อสาตจฺจกิริยตา, อนฏฺิตกิริยตา, โอลีนวุตฺติตา, นิกฺขิตฺตฉนฺทตา, นิกฺขิตฺตธุรตา, อนาเสวนา, อภาวนา, อพหุลีกมฺมํ, อนธิฏฺานํ, อนนุโยโค, ปมาโท. โย เอวรูโป ปมาโท ปมชฺชนา ปมชฺชิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ปมาโท’’ติ (วิภ. ๘๔๖). เอตฺถ วุตฺตสฺส ปมาทสฺส ปฏิปกฺขวเสน อตฺถโต กุสเลสุ ธมฺเมสุ สติยา อวิปฺปวาโส เวทิตพฺโพ. โส นานปฺปการกุสลาธิคมเหตุโต อมตาธิคมเหตุโต จ มงฺคลนฺติ วุจฺจติ ¶ . ตตฺถ ¶ ‘‘อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน’’ติ จ (ม. นิ. ๒.๑๘; อ. นิ. ๕.๒๖), ‘‘อปฺปมาโท อมตํ ปท’’นฺติ จ, เอวมาทิ (ธ. ป. ๒๑) สตฺถุ สาสนํ อนุสฺสริตพฺพํ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ปาปา วิรติ, มชฺชปานา สํยโม, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโทติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา อารตีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
คารโวจาติคาถาวณฺณนา
๙. อิทานิ คารโว จาติ เอตฺถ คารโวติ ครุภาโว. นิวาโตติ นีจวุตฺติตา. สนฺตุฏฺีติ สนฺโตโส ¶ . กตสฺส ชานนตา กตฺุตา. กาเลนาติ ขเณน สมเยน. ธมฺมสฺส สวนํ ธมฺมสฺสวนํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – คารโว นาม ครุการปฺปโยคารเหสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกอาจริยุปชฺฌายมาตาปิตุเชฏฺกภาติกภคินีอาทีสุ ยถานุรูปํ ครุกาโร ครุกรณํ สคารวตา. ส จายํ คารโว ยสฺมา สุคติคมนาทีนํ เหตุ. ยถาห –
‘‘ครุกาตพฺพํ ครุํ กโรติ, มาเนตพฺพํ มาเนติ, ปูเชตพฺพํ ปูเชติ. โส เตน กมฺเมน เอวํ สมตฺเตน เอวํ สมาทินฺเนน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. โน เจ กายสฺส…เป… อุปปชฺชติ, สเจ มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจาชายติ, อุจฺจากุลีโน โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๙๕).
ยถา จาห – ‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, อปริหานิยา ธมฺมา. กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๗.๓๓), ตสฺมา มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
นิวาโต นาม นีจมนตา นิวาตวุตฺติตา, ยาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล นิหตมาโน นิหตทปฺโป ปาทปฺุฉนกโจฬสทิโส ฉินฺนวิสาณอุสภสโม อุทฺธฏทาสปฺปสโม จ หุตฺวา สณฺโห สขิโล สุขสมฺภาโส ¶ โหติ, อยํ นิวาโต. สฺวายํ ¶ ยสาทิคุณปฺปฏิลาภเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. อาห จ ‘‘นิวาตวุตฺติ อตฺถทฺโธ, ตาทิโส ลภเต ยส’’นฺติ เอวมาทิ (ที. นิ. ๓.๒๗๓).
สนฺตุฏฺิ นาม อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส, โส ทฺวาทสวิโธ โหติ. เสยฺยถิทํ – จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ. เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ.
ตสฺสายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา. โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, ครุํ จีวรํ ปารุปนฺโต โอณมติ วา กิลมติ วา, โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตปจฺจยลาภี โหติ, โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆํ จีวรํ ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ พหุสฺสุตานฺจ อนุรูป’’นฺติ ¶ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา สงฺการกูฏา วา อฺโต วา กุโตจิ นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กริตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, ลูขํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา คาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ปาปุณาติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปิมธุขีราทีนิ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ¶ ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ‘‘อยํ ปิณฺฑปาโต เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ อฺเสฺจ ปณีตปิณฺฑปาตํ วินา อยาเปนฺตานํ สพฺรหฺมจารีนํ อนุรูโป’’ติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา ปิณฺฑาย จริตฺวา มิสฺสกาหารํ ภฺุชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ¶ ปน ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปาปุณาติ. โส เตเนว สนฺตุสฺสติ, ปุน อฺํ สุนฺทรตรมฺปิ ปาปุณนฺตํ น คณฺหาติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, นิวาตเสนาสเน วสนฺโต อติวิย ปิตฺตโรคาทีหิ อาตุรียติ. โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส ปาปุณเน สวาเต สีตลเสนาสเน วสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ สุนฺทรํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ ‘‘สุนฺทรเสนาสนํ ปมาทฏฺานํ, ตตฺร นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส จ ปุน ปฏิพุชฺฌโต กามวิตกฺโก สมุทาจรตี’’ติ. โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อชฺโฌกาสรุกฺขมูลปณฺณกุฏีสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิวสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ หรีตกํ วา อามลกํ วา. โส เตเนว ยาเปติ, อฺเหิ ลทฺธสปฺปิมธุผาณิตาทิมฺปิ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ภิกฺขุ อาพาธิโก โหติ, เตเลนตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตเลน เภสชฺชํ กตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ เอกสฺมึ ¶ ภาชเน ปูติมุตฺตหรีตกํ เปตฺวา เอกสฺมึ จตุมธุรํ ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสํ ทฺวินฺนมฺตเรนปิ พฺยาธิ วูปสมฺมติ, อถ ‘‘ปูติมุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ ¶ วณฺณิต’’นฺติ จ ‘‘ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโยติ วุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๑๒๘) จ จินฺเตนฺโต จตุมธุรเภสชฺชํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปูติมุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
เอวํปเภโท สพฺโพเปโส สนฺโตโส สนฺตุฏฺีติ วุจฺจติ. สา อตฺริจฺฉตามหิจฺฉตาปาปิจฺฉตาทีนํ ปาปธมฺมานํ ปหานาธิคมเหตุโต, สุคติเหตุโต, อริยมคฺคสมฺภารภาวโต, จาตุทฺทิสาทิภาวเหตุโต จ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา. อาห จ –
‘‘จาตุทฺทิโส ¶ อปฺปฏิโฆ จ โหติ,
สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรนา’’ติ. เอวมาทิ (สุ. นิ. ๔๒);
กตฺุตา นาม อปฺปสฺส วา พหุสฺส วา เยน เกนจิ กตสฺส อุปการสฺส ปุนปฺปุนํ อนุสฺสรณภาเวน ชานนตา. อปิจ เนรยิกาทิทุกฺขปริตฺตาณโต ปฺุานิ เอว ปาณีนํ พหูปการานิ, ตโต เตสมฺปิ อุปการานุสฺสรณตา กตฺุตาติ เวทิตพฺพา. สา สปฺปุริเสหิ ปสํสนียาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ. อาห จ ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา ทุลฺลภา โลกสฺมึ. กตเม ทฺเว? โย จ ปุพฺพการี โย จ กตฺู กตเวที’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๐).
กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม ยสฺมึ กาเล อุทฺธจฺจสหคตํ จิตฺตํ โหติ, กามวิตกฺกาทีนํ วา อฺตเรน อภิภูตํ, ตสฺมึ กาเล เตสํ วิโนทนตฺถํ ธมฺมสฺสวนํ. อปเร อาหุ ‘‘ปฺจเม ปฺจเม ทิวเส ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม. ยถาห อายสฺมา ¶ อนุรุทฺโธ ‘ปฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทามา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๗; มหาว. ๔๖๖).
อปิจ ยสฺมึ กาเล กลฺยาณมิตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกา โหติ อตฺตโน กงฺขาวิโนทกํ ธมฺมํ โสตุํ, ตสฺมึ กาเลปิ ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสฺสวนนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห ‘‘เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปฺหตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๘). ตเทตํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นีวรณปฺปหานจตุรานิสํสอาสวกฺขยาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยสฺมึ ¶ , ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ปฺจสฺส นีวรณา ตสฺมึ สมเย น โหนฺตี’’ติ จ (สํ. นิ. ๕.๒๑๙).
‘‘โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ…เป… สุปฺปฏิวิทฺธานํ จตฺตาโร อานิสํสา ปาฏิกงฺขา’’ติ จ (อ. นิ. ๔.๑๙๑).
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเลน กาลํ สมฺมา ภาวิยมานา สมฺมา อนุปริวตฺติยมานา อนุปุพฺเพน อาสวานํ ขยํ ปาเปนฺติ. กตเม จตฺตาโร? กาเลน ธมฺมสฺสวน’’นฺติ จ เอวมาทิ (อ. นิ. ๔.๑๔๗).
เอวํ ¶ อิมิสฺสา คาถาย คารโว, นิวาโต, สนฺตุฏฺิ, กตฺุตา, กาเลน ธมฺมสฺสวนนฺติ ปฺจ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา คารโว จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
ขนฺตีจาติคาถาวณฺณนา
๑๐. อิทานิ ขนฺตี จาติ เอตฺถ ขมนํ ขนฺติ. ปทกฺขิณคฺคาหิตาย สุขํ วโจ อสฺมินฺติ สุวโจ, สุวจสฺส กมฺมํ โสวจสฺสํ, โสวจสฺสสฺส ภาโว โสวจสฺสตา. กิเลสานํ สมิตตฺตา สมณา. ทสฺสนนฺติ เปกฺขนํ. ธมฺมสฺส สากจฺฉา ธมฺมสากจฺฉา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา ¶ – ขนฺติ นาม อธิวาสนกฺขนฺติ, ตาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺเต วธพนฺธาทีหิ วา วิเหสนฺเต ปุคฺคเล อสุณนฺโต วิย อปสฺสนฺโต วิย จ นิพฺพิกาโร โหติ ขนฺติวาที วิย. ยถาห –
‘‘อหุ อตีตมทฺธานํ, สมโณ ขนฺติทีปโน;
ตํ ขนฺติยาเยว ิตํ, กาสิราชา อเฉทยี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๕๑);
ภทฺรกโต ¶ วา มนสิ กโรติ ตโต อุตฺตริ อปราธาภาเวน อายสฺมา ปุณฺณตฺเถโร วิย. ยถาห โส –
‘‘สเจ มํ, ภนฺเต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา อกฺโกสิสฺสนฺติ ปริภาสิสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ ‘ภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ เม นยิเม ปาณินา ปหารํ เทนฺตี’’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๙๖; สํ. นิ. ๔.๘๘).
ยาย จ สมนฺนาคโต อิสีนมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห สรภงฺโค อิสิ –
‘‘โกธํ ¶ วธิตฺวา น กทาจิ โสจติ,
มกฺขปฺปหานํ อิสโย วณฺณยนฺติ;
สพฺเพสํ วุตฺตํ ผรุสํ ขเมถ,
เอตํ ขนฺตึ อุตฺตมมาหุ สนฺโต’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๖๔);
เทวตานมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห สกฺโก เทวานมินฺโท –
‘‘โย หเว พลวา สนฺโต, ทุพฺพลสฺส ติติกฺขติ;
ตมาหุ ปรมํ ขนฺตึ, นิจฺจํ ขมติ ทุพฺพโล’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๐-๒๕๑);
พุทฺธานมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห ภควา –
‘‘อกฺโกสํ วธพนฺธฺจ, อทุฏฺโ โย ติติกฺขติ;
ขนฺตีพลํ พลาณีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๙๙);
สา ¶ ปเนสา ขนฺติ เอเตสฺจ อิธ วณฺณิตานํ อฺเสฺจ คุณานํ อธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา.
โสวจสฺสตา นาม สหธมฺมิกํ วุจฺจมาเน วิกฺเขปํ วา ตุณฺหีภาวํ วา คุณโทสจินฺตนํ วา ¶ อนาปชฺชิตฺวา อติวิย อาทรฺจ คารวฺจ นีจมนตฺจ ปุรกฺขตฺวา สาธูติ วจนกรณตา. สา สพฺรหฺมจารีนํ สนฺติกา โอวาทานุสาสนิปฺปฏิลาภเหตุโต โทสปฺปหานคุณาธิคมเหตุโต จ มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
สมณานํ ทสฺสนํ นาม อุปสมิตกิเลสานํ ภาวิตกายวจีจิตฺตปฺานํ อุตฺตมทมถสมถสมนฺนาคตานํ ปพฺพชิตานํ อุปสงฺกมนุปฏฺานานุสฺสรณสฺสวนทสฺสนํ, สพฺพมฺปิ โอมกเทสนาย ทสฺสนนฺติ วุตฺตํ, ตํ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? พหูปการตฺตา. อาห จ ‘‘ทสฺสนมฺปหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๑๐๔). ยโต หิตกาเมน กุลปุตฺเตน สีลวนฺเต ภิกฺขู ฆรทฺวารํ สมฺปตฺเต ทิสฺวา ยทิ เทยฺยธมฺโม อตฺถิ, ยถาพลํ เทยฺยธมฺเมน ปติมาเนตพฺพา. ยทิ นตฺถิ, ปฺจปติฏฺิตํ กตฺวา วนฺทิตพฺพา. ตสฺมิมฺปิ อสมฺปชฺชมาเน อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา นมสฺสิตพฺพา, ตสฺมิมฺปิ อสมฺปชฺชมาเน ปสนฺนจิตฺเตน ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตพฺพา. เอวํ ทสฺสนมูลเกนปิ หิ ปฺุเน อเนกานิ ชาติสหสฺสานิ จกฺขุมฺหิ โรโค วา ทาโห ¶ วา อุสฺสทา วา ปิฬกา วา น โหนฺติ, วิปฺปสนฺนปฺจวณฺณสสฺสิริกานิ โหนฺติ จกฺขูนิ รตนวิมาเน อุคฺฆาฏิตมณิกวาฏสทิสานิ, สตสหสฺสกปฺปมตฺตํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สมฺปตฺตีนํ ลาภี โหติ. อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ มนุสฺสภูโต สปฺปฺชาติโก สมฺมา ปวตฺติเตน สมณทสฺสนมเยน ปฺุเน เอวรูปํ วิปากสมฺปตฺตึ อนุภเวยฺย, ยตฺถ ติรจฺฉานคตานมฺปิ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน กตสฺส สมณทสฺสนสฺส เอวํ วิปากสมฺปตฺตึ วณฺณยนฺติ.
‘‘อุลูโก ¶ มณฺฑลกฺขิโก, เวทิยเก จิรทีฆวาสิโก;
สุขิโต วต โกสิโย อยํ, กาลุฏฺิตํ ปสฺสติ พุทฺธวรํ.
‘‘มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ภิกฺขุสงฺเฆ อนุตฺตเร;
กปฺปานํ สตสหสฺสานิ, ทุคฺคเตโส น คจฺฉติ.
‘‘ส เทวโลกา จวิตฺวา, กุสลกมฺเมน โจทิโต;
ภวิสฺสติ อนนฺตาโณ, โสมนสฺโสติ วิสฺสุโต’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๔);
กาเลน ธมฺมสากจฺฉา นาม ปโทเส วา ปจฺจูเส วา ทฺเว สุตฺตนฺติกา ภิกฺขู อฺมฺํ สุตฺตนฺตํ ¶ สากจฺฉนฺติ, วินยธรา วินยํ, อาภิธมฺมิกา อภิธมฺมํ, ชาตกภาณกา ชาตกํ, อฏฺกถิกา อฏฺกถํ, ลีนุทฺธตวิจิกิจฺฉาปเรตจิตฺตวิโสธนตฺถํ วา ตมฺหิ ตมฺหิ กาเล สากจฺฉนฺติ, อยํ กาเลน ธมฺมสากจฺฉา. สา อาคมพฺยตฺติอาทีนํ คุณานํ เหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจตีติ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ขนฺติ, โสวจสฺสตา, สมณทสฺสนํ, กาเลน ธมฺมสากจฺฉาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ขนฺตี จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
ตโปจาติคาถาวณฺณนา
๑๑. อิทานิ ¶ ตโป จาติ เอตฺถ ปาปเก ธมฺเม ตปตีติ ตโป. พฺรหฺมํ จริยํ, พฺรหฺมานํ วา จริยํ พฺรหฺมจริยํ, เสฏฺจริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. อริยสจฺจานํ ทสฺสนํ อริยสจฺจานทสฺสนํ, อริยสจฺจานิ ทสฺสนนฺติปิ เอเก, ตํ น สุนฺทรํ. นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํ, สจฺฉิกรณํ สจฺฉิกิริยา, นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยา นิพฺพานสจฺฉิกิริยา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ตโป นาม อภิชฺฌาโทมนสฺสาทีนํ ตปนโต อินฺทฺริยสํวโร ¶ , โกสชฺชสฺส วา ตปนโต วีริยํ, เตหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อาตาปีติ วุจฺจติ. สฺวายํ อภิชฺฌาทิปฺปหานฌานาทิปฺปฏิลาภเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺโพ.
พฺรหฺมจริยํ นาม เมถุนวิรติสมณธมฺมสาสนมคฺคานมธิวจนํ. ตถา หิ ‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๒) เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ภควติ โน, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ? เอวมาวุโส’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) สมณธมฺโม. ‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม อิทํ พฺรหฺมจริยํ น อิทฺธฺเจว ภวิสฺสติ ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๖๘; สํ. นิ. ๕.๘๒๒; อุทา. ๕๑) สาสนํ. ‘‘อยเมว โข, ภิกฺขุ, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค พฺรหฺมจริยํ. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๖) มคฺโค. อิธ ปน อริยสจฺจทสฺสเนน ปรโต มคฺคสฺส ¶ สงฺคหิตตฺตา อวเสสํ สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ. ตฺเจตํ อุปรูปริ นานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ.
อริยสจฺจาน ทสฺสนํ นาม กุมารปฺเห วุตฺตานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมยวเสน มคฺคทสฺสนํ, ตํ สํสารทุกฺขวีติกฺกมเหตุโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
นิพฺพานสจฺฉิกิริยา นาม อิธ อรหตฺตผลํ นิพฺพานนฺติ อธิปฺเปตํ. ตมฺปิ หิ ปฺจคติวานเนน วานสฺิตาย ตณฺหาย นิกฺขนฺตตฺตา นิพฺพานนฺติ วุจฺจติ. ตสฺส ¶ ปตฺติ วา ปจฺจเวกฺขณา วา สจฺฉิกิริยาติ วุจฺจติ. อิตรสฺส ปน นิพฺพานสฺส อริยสจฺจานํ ทสฺสเนเนว สจฺฉิกิริยา สิทฺธา, เตเนตํ อิธ นาธิปฺเปตํ. เอวเมสา นิพฺพานสจฺฉิกิริยา ¶ ทิฏฺธมฺมิกสุขวิหาราทิเหตุโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพา.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ตโป พฺรหฺมจริยํ, อริยสจฺจานํ ทสฺสนํ, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ตโป จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
ผุฏฺสฺสโลกธมฺเมหีติคาถาวณฺณนา
๑๒. อิทานิ ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหีติ เอตฺถ ผุฏฺสฺสาติ ผุสิตสฺส ฉุปิตสฺส สมฺปตฺตสฺส. โลเก ธมฺมา โลกธมฺมา, ยาว โลกปฺปวตฺติ, ตาว อนิวตฺตกา ธมฺมาติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตนฺติ มโน มานสํ. ยสฺสาติ นวสฺส วา มชฺฌิมสฺส วา เถรสฺส วา. น กมฺปตีติ น จลติ น เวธติ. อโสกนฺติ นิสฺโสกํ อพฺพูฬฺหโสกสลฺลํ. วิรชนฺติ วิคตรชํ วิทฺธํสิตรชํ. เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหิ จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ นาม ยสฺส ลาภาลาภาทีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ ผุฏฺสฺส อชฺโฌตฺถฏสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ น จลติ น เวธติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ เกนจิ อกมฺปนียโลกุตฺตมภาวาวหนโต มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ.
กสฺส ¶ จ เอเตหิ ผุฏฺสฺส จิตฺตํ น กมฺปตีติ? อรหโต ขีณาสวสฺส, น อฺสฺส กสฺสจิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เสโล ยถา เอกคฺฆโน, วาเตน น สมีรติ;
เอวํ รูปา รสา สทฺทา, คนฺธา ผสฺสา จ เกวลา.
‘‘อิฏฺา ธมฺมา อนิฏฺา จ, น ปเวเธนฺติ ตาทิโน;
ิตํ จิตฺตํ วิปฺปมุตฺตํ, วยฺจสฺสานุปสฺสตี’’ติ. (มหาว. ๒๔๔);
อโสกํ ¶ ¶ นาม ขีณาสวสฺเสว จิตฺตํ. ตฺหิ ยฺวายํ ‘‘โสโก โสจนา โสจิตตฺตํ อนฺโตโสโก อนฺโตปริโสโก เจตโส ปรินิชฺฌายิตตฺต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒๓๗) นเยน วุจฺจติ โสโก, ตสฺส อภาวโต อโสกํ. เกจิ นิพฺพานํ วทนฺติ, ตํ ปุริมปเทน นานุสนฺธิยติ. ยถา จ อโสกํ, เอวํ วิรชํ เขมนฺติปิ ขีณาสวสฺเสว จิตฺตํ. ตฺหิ ราคโทสโมหรชานํ วิคตตฺตา วิรชํ, จตูหิ จ โยเคหิ เขมตฺตา เขมํ, ยโต เอตํ เตน เตนากาเรน ตมฺหิ ตมฺหิ ปวตฺติกฺขเณ คเหตฺวา นิทฺทิฏฺวเสน ติวิธมฺปิ อปฺปวตฺตกฺขนฺธตาทิโลกุตฺตมภาวาวหนโต อาหุเนยฺยาทิภาวาวหนโต จ มงฺคลนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย อฏฺโลกธมฺเมหิ อกมฺปิตจิตฺตํ, อโสกจิตฺตํ, วิรชจิตฺตํ, เขมจิตฺตนฺติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
เอตาทิสานีติคาถาวณฺณนา
๑๓. เอวํ ภควา อเสวนา จ พาลานนฺติอาทีหิ ทสหิ คาถาหิ อฏฺตึส มหามงฺคลานิ กเถตฺวา อิทานิ เอตาเนว อตฺตนา วุตฺตมงฺคลานิ ถุนนฺโต ‘‘เอตาทิสานิ กตฺวานา’’ติ อวสานคาถมภาสิ.
ตสฺสายมตฺถวณฺณนา – เอตาทิสานีติ เอตานิ อีทิสานิ มยา วุตฺตปฺปการานิ พาลานํ อเสวนาทีนิ. กตฺวานาติ กตฺวา. กตฺวาน กตฺวา กริตฺวาติ หิ อตฺถโต อนฺํ. สพฺพตฺถมปราชิตาติ ¶ สพฺพตฺถ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตมารปฺปเภเทสุ ¶ จตูสุ ปจฺจตฺถิเกสุ เอเกนาปิ อปราชิตา หุตฺวา, สยเมว เต จตฺตาโร มาเร ปราเชตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. มกาโร เจตฺถ ปทสนฺธิกรมตฺโตติ วิฺาตพฺโพ.
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺตีติ เอตาทิสานิ มงฺคลานิ กตฺวา จตูหิ มาเรหิ อปราชิตา หุตฺวา สพฺพตฺถ อิธโลกปรโลเกสุ านจงฺกมนาทีสุ จ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, พาลเสวนาทีหิ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา ¶ วิฆาตปริฬาหา, เตสํ อภาวา โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, อนุปทฺทุตา อนุปสฏฺา เขมิโน อปฺปฏิภยา คจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อนุนาสิโก เจตฺถ คาถาพนฺธสุขตฺถํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ อิมินา คาถาปเทน ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. กถํ? เอวํ, เทวปุตฺต, เย เอตาทิสานิ กโรนฺติ, เต ยสฺมา สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ พาลานํ อเสวนาทิอฏฺตึสวิธมฺปิ เตสํ เอตาทิสการกานํ มงฺคลมุตฺตมํ เสฏฺํ ปวรนฺติ คณฺหาหีติ.
เอวฺจ ภควตา นิฏฺาปิตาย เทสนาย ปริโยสาเน โกฏิสตสหสฺสเทวตาโย อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลสมฺปตฺตานํ คณนา อสงฺขฺเยยฺยา อโหสิ. อถ ภควา ทุติยทิวเส อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ ปน, อานนฺท, รตฺตึ อฺตรา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉิ, อถสฺสาหํ อฏฺตึส มงฺคลานิ อภาสึ, อุคฺคณฺหาหิ, อานนฺท, อิมํ มงฺคลปริยายํ, อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู วาเจหี’’ติ. เถโร อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู วาเจสิ. ตยิทํ อาจริยปรมฺปราย อาภตํ ยาวชฺชตนา ปวตฺตติ, ‘‘เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ¶ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิต’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ เอเตสฺเวว มงฺคเลสุ าณปริจยปาฏวตฺถํ อยมาทิโต ปภุติ โยชนา – เอวมิเม อิธโลกปรโลกโลกุตฺตรสุขกามา สตฺตา พาลชนเสวนํ ปหาย, ปณฺฑิเต นิสฺสาย, ปูชเนยฺเย ปูเชตฺวา, ปติรูปเทสวาเสน ปุพฺเพ จ กตปฺุตาย กุสลปฺปวตฺติยํ โจทิยมานา อตฺตานํ สมฺมา ปณิธาย, พาหุสจฺจสิปฺปวินเยหิ อลงฺกตตฺตภาวา, วินยานุรูปํ สุภาสิตํ ภาสมานา, ยาว คิหิภาวํ น วิชหนฺติ, ตาว มาตาปิตูปฏฺาเนน โปราณํ อิณมูลํ วิโสธยมานา, ปุตฺตทารสงฺคเหน นวํ อิณมูลํ ปโยชยมานา, อนากุลกมฺมนฺตตาย ธนธฺาทิสมิทฺธึ ปาปุณนฺตา, ทาเนน โภคสารํ ธมฺมจริยาย ชีวิตสารฺจ คเหตฺวา, าติสงฺคเหน สกชนหิตํ อนวชฺชกมฺมนฺตตาย ¶ ปรชนหิตฺจ กโรนฺตา, ปาปวิรติยา ปรูปฆาตํ มชฺชปานสํยเมน อตฺตูปฆาตฺจ วิวชฺเชตฺวา, ธมฺเมสุ อปฺปมาเทน กุสลปกฺขํ วฑฺเฒตฺวา, วฑฺฒิตกุสลตาย คิหิพฺยฺชนํ โอหาย ปพฺพชิตภาเว ิตาปิ พุทฺธพุทฺธสาวกูปชฺฌายาจริยาทีสุ คารเวน นิวาเตน จ วตฺตสมฺปทํ อาราเธตฺวา, สนฺตุฏฺิยา ¶ ปจฺจยเคธํ ปหาย, กตฺุตาย สปฺปุริสภูมิยํ ตฺวา, ธมฺมสฺสวเนน จิตฺตลีนตํ ปหาย, ขนฺติยา สพฺพปริสฺสเย อภิภวิตฺวา, โสวจสฺสตาย สนาถํ อตฺตานํ กตฺวา, สมณทสฺสเนน ปฏิปตฺติปโยคํ ปสฺสนฺตา, ธมฺมสากจฺฉาย กงฺขาฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ วิโนเทตฺวา, อินฺทฺริยสํวรตเปน สีลวิสุทฺธึ สมณธมฺมพฺรหฺมจริเยน จิตฺตวิสุทฺธึ ตโต ปรา จ จตสฺโส วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺตา ¶ , อิมาย ปฏิปทาย อริยสจฺจทสฺสนปริยายํ าณทสฺสนวิสุทฺธึ ปตฺวา อรหตฺตผลสงฺขฺยํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ, ยํ สจฺฉิกริตฺวา สิเนรุปพฺพโต วิย วาตวุฏฺีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อวิกมฺปมานจิตฺตา อโสกา วิรชา เขมิโน โหนฺติ. เย จ เขมิโน โหนฺติ, เต สพฺพตฺถ เอเกนปิ อปราชิตา โหนฺติ, สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ. เตนาห ภควา –
‘‘เอตาทิสานิ กตฺวาน, สพฺพตฺถมปราชิตา;
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
มงฺคลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. รตนสุตฺตวณฺณนา
นิกฺเขปปฺปโยชนํ
อิทานิ ¶ ยานีธ ภูตานีติเอวมาทินา มงฺคลสุตฺตานนฺตรํ นิกฺขิตฺตสฺส รตนสุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต. ตสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ วตฺวา ตโต ปรํ สุปริสุทฺเธน ติตฺเถน นทิตฬากาทีสุ สลิลชฺโฌคาหณมิว สุปริสุทฺเธน นิทาเนน อิมสฺส สุตฺตสฺส อตฺถชฺโฌคาหณํ ทสฺเสตุํ –
‘‘เยน วุตฺตํ ยทา ยตฺถ, ยสฺมา เจตํ อิมํ นยํ;
ปกาเสตฺวาน เอตสฺส, กริสฺสามตฺถวณฺณนํ’’.
ตตฺถ ¶ ยสฺมา มงฺคลสุตฺเตน อตฺตรกฺขา อกลฺยาณกรณกลฺยาณากรณปจฺจยานฺจ อาสวานํ ปฏิฆาโต ทสฺสิโต, อิมฺจ สุตฺตํ ปรารกฺขํ อมนุสฺสาทิปจฺจยานฺจ อาสวานํ ปฏิฆาตํ สาเธติ, ตสฺมา ตทนนฺตรํ นิกฺขิตฺตํ สิยาติ.
อิทํ ตาวสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ.
เวสาลิวตฺถุ
อิทานิ ‘‘เยน วุตฺตํ ยทา ยตฺถ, ยสฺมา เจต’’นฺติ เอตฺถาห ‘‘เกน ปเนตํ สุตฺตํ วุตฺตํ, กทา กตฺถ, กสฺมา จ วุตฺต’’นฺติ. วุจฺจเต – อิทฺหิ ภควตา เอว วุตฺตํ, น สาวกาทีหิ. ตฺจ ยทา ¶ ทุพฺภิกฺขาทีหิ อุปทฺทเวหิ อุปทฺทุตาย เวสาลิยา ลิจฺฉวีหิ ราชคหโต ยาจิตฺวา ภควา เวสาลึ อานีโต, ตทา เวสาลิยํ เตสํ อุปทฺทวานํ ปฏิฆาตตฺถาย วุตฺตนฺติ. อยํ เตสํ ปฺหานํ สงฺเขปวิสฺสชฺชนา. วิตฺถารโต ปน เวสาลิวตฺถุโต ปภุติ โปราเณหิ วณฺณียติ.
ตตฺรายํ วณฺณนา – พาราณสิรฺโ กิร อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ สณฺาสิ, สา ตํ ¶ ตฺวา รฺโ นิเวเทสิ, ราชา คพฺภปริหารํ อทาสิ. สา สมฺมา ปริหริยมานคพฺภา คพฺภปริปากกาเล วิชายนฆรํ ปาวิสิ. ปฺุวตีนํ ปจฺจูสสมเย คพฺภวุฏฺานํ โหติ. สา จ ตาสํ อฺตรา, เตน ปจฺจูสสมเย อลตฺตกปฏลพนฺธุชีวกปุปฺผสทิสํ มํสเปสึ วิชายิ. ตโต ‘‘อฺา เทวิโย สุวณฺณพิมฺพสทิเส ปุตฺเต วิชายนฺติ, อคฺคมเหสี มํสเปสินฺติ รฺโ ปุรโต มม อวณฺโณ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา เตน อวณฺณภเยน ตํ มํสเปสึ เอกสฺมึ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา อฺตเรน ปฏิกุชฺชิตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺฉิตฺวา คงฺคาย โสเต ปกฺขิปาเปสิ. มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตมตฺเต เทวตา อารกฺขํ สํวิทหึสุ. สุวณฺณปฏฺฏกฺเจตฺถ ชาติหิงฺคุลเกน ‘‘พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา ปชา’’ติ ลิขิตฺวา พนฺธึสุ. ตโต ตํ ภาชนํ อูมิภยาทีหิ อนุปทฺทุตํ คงฺคาโสเตน ปายาสิ.
เตน จ สมเยน อฺตโร ตาปโส โคปาลกุลํ นิสฺสาย คงฺคาตีเร วิหรติ. โส ปาโตว คงฺคํ โอตรนฺโต ภาชนํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ¶ ปํสุกูลสฺาย อคฺคเหสิ. ตโต ตตฺถ ตํ อกฺขรปฏฺฏกํ ราชมุทฺทิกาลฺฉนฺจ ทิสฺวา มฺุจิตฺวา ตํ มํสเปสึ อทฺทส ¶ , ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ ‘‘สิยา คพฺโภ, ตถา หิสฺส ทุคฺคนฺธปูติภาโว นตฺถี’’ติ. ตํ อสฺสมํ เนตฺวา สุทฺเธ โอกาเส เปสิ. อถ อฑฺฒมาสจฺจเยน ทฺเว มํสเปสิโย อเหสุํ. ตาปโส ทิสฺวา สาธุตรํ เปสิ, ตโต ปุน อฑฺฒมาสจฺจเยน เอกเมกิสฺสา เปสิยา หตฺถปาทสีสานมตฺถาย ปฺจ ปฺจ ปิฬกา อุฏฺหึสุ. ตาปโส ทิสฺวา ปุน สาธุตรํ เปสิ. อถ อฑฺฒมาสจฺจเยน เอกา มํสเปสิ สุวณฺณพิมฺพสทิโส ทารโก, เอกา ทาริกา อโหสิ. เตสุ ตาปสสฺส ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ. องฺคุฏฺกโต จสฺส ขีรํ นิพฺพตฺติ. ตโต ปภุติ จ ขีรภตฺตํ ลภติ, โส ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา ขีรํ ทารกานํ มุเข อาสิฺจติ. เตสํ ยํ ยํ อุทรํ ปวิฏฺํ, ตํ สพฺพํ มณิภาชนคตํ วิย ทิสฺสติ. เอวํ ลิจฺฉวี อเหสุํ. อปเร ปนาหุ ‘‘สิพฺเพตฺวา ปิตา วิย เนสํ อฺมฺํ ลีนา ฉวิ อโหสี’’ติ. เอวํ เต นิจฺฉวิตาย วา ลีนจฺฉวิตาย วา ลิจฺฉวีติ ปฺายึสุ.
ตาปโส ทารเก โปเสนฺโต อุสฺสูเร คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, อติทิวา ปฏิกฺกมติ. ตสฺส ตํ พฺยาปารํ ตฺวา โคปาลกา อาหํสุ, ‘‘ภนฺเต, ปพฺพชิตานํ ทารกโปสนํ ปลิโพโธ, อมฺหากํ ทารเก เทถ, มยํ โปเสสฺสาม, ตุมฺเห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติ. ตาปโส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. โคปาลกา ทุติยทิวเส มคฺคํ สมํ กตฺวา ปุปฺเผหิ โอกิริตฺวา ธชปฏากํ อุสฺสาเปตฺวา ตูริเยหิ วชฺชมาเนหิ อสฺสมํ อาคตา. ตาปโส ‘‘มหาปฺุา ทารกา, อปฺปมาเทน วฑฺเฒถ, วฑฺเฒตฺวา จ อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กโรถ, ปฺจโครเสน ราชานํ โตเสตฺวา ภูมิภาคํ คเหตฺวา ¶ นครํ มาเปถ, ตตฺถ กุมารํ อภิสิฺจถา’’ติ วตฺวา ทารเก อทาสิ. เต ‘‘สาธู’’ติ ¶ ปฏิสฺสุณิตฺวา ทารเก เนตฺวา โปเสสุํ.
ทารกา วุฑฺฒิมนฺวาย กีฬนฺตา วิวาทฏฺาเนสุ อฺเ โคปาลทารเก หตฺเถนปิ ปาเทนปิ ปหรนฺติ, เต โรทนฺติ. ‘‘กิสฺส โรทถา’’ติ จ มาตาปิตูหิ วุตฺตา ‘‘อิเม นิมฺมาตาปิติกา ตาปสโปสิตา อมฺเห อตีว ปหรนฺตี’’ติ วทนฺติ. ตโต เตสํ มาตาปิตโร ‘‘อิเม ทารกา อฺเ ทารเก วิเหเนฺติ ทุกฺขาเปนฺติ, น อิเม สงฺคเหตพฺพา, วชฺชิตพฺพา อิเม’’ติ อาหํสุ. ตโต ปภุติ กิร โส ปเทโส ‘‘วชฺชี’’ติ ¶ วุจฺจติ, ติโยชนสตํ ปริมาเณน. อถ ตํ ปเทสํ โคปาลกา ราชานํ โตเสตฺวา อคฺคเหสุํ. ตตฺเถว นครํ มาเปตฺวา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ กุมารํ อภิสิฺจิตฺวา ราชานํ อกํสุ. ตาย จสฺส ทาริกาย สทฺธึ วาเรยฺยํ กตฺวา กติกํ อกํสุ ‘‘น พาหิรโต ทาริกา อาเนตพฺพา, อิโต ทาริกา น กสฺสจิ ทาตพฺพา’’ติ. เตสํ ปมสํวาเสน ทฺเว ทารกา ชาตา ธีตา จ ปุตฺโต จ, เอวํ โสฬสกฺขตฺตุํ ทฺเว ทฺเว ชาตา. ตโต เตสํ ทารกานํ ยถากฺกมํ วฑฺฒนฺตานํ อารามุยฺยานนิวาสฏฺานปริวารสมฺปตฺตึ คเหตุํ อปฺปโหนฺตํ ตํ นครํ ติกฺขตฺตุํ คาวุตนฺตเรน คาวุตนฺตเรน ปากาเรน ปริกฺขิปึสุ, ตสฺส ปุนปฺปุนํ วิสาลีกตตฺตา เวสาลีตฺเวว นามํ ชาตํ. อิทํ เวสาลิวตฺถุ.
ภควโต นิมนฺตนํ
อยํ ปน เวสาลี ภควโต อุปฺปนฺนกาเล อิทฺธา เวปุลฺลปฺปตฺตา อโหสิ. ตตฺถ หิ ราชูนํเยว สตฺต สหสฺสานิ สตฺต สตานิ สตฺต จ ราชาโน อเหสุํ. ตถา ยุวราชเสนาปติภณฺฑาคาริกปฺปภุตีนํ ¶ . ยถาห –
‘‘เตน โข ปน สมเยน เวสาลี อิทฺธา เจว โหติ ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา สุภิกฺขา จ, สตฺต จ ปาสาทสหสฺสานิ สตฺต จ ปาสาทสตานิ สตฺต จ ปาสาทา, สตฺต จ กูฏาคารสหสฺสานิ สตฺต จ กูฏาคารสตานิ สตฺต จ กูฏาคารานิ, สตฺต จ อารามสหสฺสานิ สตฺต จ อารามสตานิ สตฺต จ อารามา, สตฺต จ โปกฺขรณิสหสฺสานิ สตฺต จ โปกฺขรณิสตานิ สตฺต จ โปกฺขรณิโย’’ติ (มหาว. ๓๒๖).
สา อปเรน สมเยน ทุพฺภิกฺขา อโหสิ ทุพฺพุฏฺิกา ทุสฺสสฺสา. ปมํ ทุคฺคตมนุสฺสา มรนฺติ ¶ , เต พหิทฺธา ฉฑฺเฑนฺติ. มตมนุสฺสานํ กุณปคนฺเธน อมนุสฺสา นครํ ปวิสึสุ, ตโต พหุตรา มรนฺติ. ตาย ปฏิกูลตาย สตฺตานํ อหิวาตโรโค อุปฺปชฺชิ. อิติ ตีหิ ทุพฺภิกฺขอมนุสฺสโรคภเยหิ อุปทฺทุตา เวสาลินครวาสิโน อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ อาหํสุ, ‘‘มหาราช, อิมสฺมึ นคเร ติวิธํ ภยมุปฺปนฺนํ, อิโต ปุพฺเพ ยาว สตฺตมา ราชกุลปริวฏฺฏา เอวรูปํ อนุปฺปนฺนปุพฺพํ, ตุมฺหากํ มฺเ อธมฺมิกตฺเตน ¶ ตํ เอตรหิ อุปฺปนฺน’’นฺติ. ราชา สพฺเพ สนฺถาคาเร สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘มยฺหํ อธมฺมิกภาวํ วิจินถา’’ติ อาห. เต สพฺพํ ปเวณึ วิจินนฺตา น กิฺจิ อทฺทสํสุ.
ตโต รฺโ โทสมทิสฺวา ‘‘อิทํ ภยํ อมฺหากํ กถํ วูปสเมยฺยา’’ติ จินฺเตสุํ. ตตฺถ เอกจฺเจ ฉ สตฺถาเร อปทิสึสุ ‘‘เอเตหิ โอกฺกนฺตมตฺเต วูปสเมสฺสตี’’ติ. เอกจฺเจ อาหํสุ – ‘‘พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน, โส ภควา สพฺพสตฺตหิตาย ธมฺมํ เทเสติ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, เตน โอกฺกนฺตมตฺเต สพฺพภยานิ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. เตน เต อตฺตมนา หุตฺวา ‘‘กหํ ปน โส ภควา เอตรหิ วิหรติ, อมฺเหหิ เปสิโต ¶ น อาคจฺเฉยฺยา’’ติ อาหํสุ. อถาปเร อาหํสุ – ‘‘พุทฺธา นาม อนุกมฺปกา, กิสฺส นาคจฺเฉยฺยุํ, โส ปน ภควา เอตรหิ ราชคเห วิหรติ, ราชา พิมฺพิสาโร ตํ อุปฏฺหติ, โส อาคนฺตุํ น ทเทยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ ราชานํ สฺาเปตฺวา อาเนยฺยามา’’ติ ทฺเว ลิจฺฉวิราชาโน มหตา พลกาเยน ปหูตํ ปณฺณาการํ ทตฺวา รฺโ สนฺติกํ เปสึสุ ‘‘พิมฺพิสารํ สฺาเปตฺวา ภควนฺตํ อาเนถา’’ติ. เต คนฺตฺวา รฺโ ปณฺณาการํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ นิเวเทตฺวา, ‘‘มหาราช, ภควนฺตํ อมฺหากํ นครํ เปเสหี’’ติ อาหํสุ. ราชา น สมฺปฏิจฺฉิ, ‘‘ตุมฺเหเยว ชานาถา’’ติ อาห. เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ นคเร ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ, สเจ ภควา อาคจฺเฉยฺย, โสตฺถิ โน ภเวยฺยา’’ติ. ภควา อาวชฺเชตฺวา ‘‘เวสาลิยํ รตนสุตฺเต วุตฺเต สา รกฺขา โกฏิสตสหสฺสํ จกฺกวาฬานํ ผริสฺสติ, สุตฺตปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ อธิวาเสสิ. อถ ราชา พิมฺพิสาโร ภควโต อธิวาสนํ สุตฺวา ‘‘ภควตา เวสาลิคมนํ อธิวาสิต’’นฺติ นคเร โฆสนํ การาเปตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กึ, ภนฺเต, สมฺปฏิจฺฉถ เวสาลิคมน’’นฺติ? อาม, มหาราชาติ. เตน หิ, ภนฺเต, ตาว อาคเมถ, ยาว มคฺคํ ปฏิยาเทมีติ.
อถ โข ราชา พิมฺพิสาโร ราชคหสฺส จ คงฺคาย จ อนฺตรา ปฺจโยชนภูมึ สมํ กตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ มาเปตฺวา ภควโต คมนกาลํ ปฏิเวเทสิ. ภควา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต ¶ ปายาสิ. ราชา ปฺจโยชนํ มคฺคํ ปฺจวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ ชาณุมตฺตํ โอกิราเปตฺวา ¶ ธชปฏากปุณฺณฆฏกทลิอาทีนิ อุสฺสาเปตฺวา ¶ ภควโต ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ เอกเมกสฺส จ ภิกฺขุสฺส เอกเมกํ อุกฺขิปาเปตฺวา สทฺธึ อตฺตโน ปริวาเรน ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูชํ กโรนฺโต เอเกกสฺมึ วิหาเร ภควนฺตํ วสาเปตฺวา มหาทานานิ ทตฺวา ปฺจหิ ทิวเสหิ คงฺคาตีรํ เนสิ. ตตฺถ สพฺพาลงฺกาเรหิ นาวํ อลงฺกโรนฺโต เวสาลิกานํ สาสนํ เปเสสิ ‘‘อาคโต ภควา, มคฺคํ ปฏิยาเทตฺวา สพฺเพ ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ กโรถา’’ติ. เต ‘‘ทิคุณํ ปูชํ กริสฺสามา’’ติ เวสาลิยา จ คงฺคาย จ อนฺตรา ติโยชนภูมึ สมํ กตฺวา ภควโต จตฺตาริ เอกเมกสฺส จ ภิกฺขุสฺส ทฺเว ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ สชฺเชตฺวา ปูชํ กุรุมานา คงฺคาตีรํ อาคนฺตฺวา อฏฺํสุ.
อถ พิมฺพิสาโร ทฺเว นาวาโย สงฺฆเฏตฺวา มณฺฑปํ กตฺวา ปุปฺผทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา ตตฺถ สพฺพรตนมยํ พุทฺธาสนํ ปฺเปสิ, ภควา ตตฺถ นิสีทิ. ปฺจ สตา ภิกฺขูปิ นาวํ อารุหิตฺวา ยถานุรูปํ นิสีทึสุ. ราชา ภควนฺตํ อนุคจฺฉนฺโต คลปฺปมาณํ อุทกํ โอคาเหตฺวา ‘‘ยาว, ภนฺเต, ภควา อาคจฺฉติ, ตาวาหํ อิเธว คงฺคาตีเร วสิสฺสามี’’ติ วตฺวา นิวตฺโต. อุปริ เทวตา ยาว อกนิฏฺภวนา ปูชํ อกํสุ. เหฏฺาคงฺคานิวาสิโน กมฺพลสฺสตราทโย นาคราชาโน ปูชํ อกํสุ. เอวํ มหติยา ปูชาย ภควา โยชนมตฺตํ อทฺธานํ คงฺคาย คนฺตฺวา เวสาลิกานํ สีมนฺตรํ ปวิฏฺโ.
ตโต ลิจฺฉวิราชาโน พิมฺพิสาเรน กตปูชาย ทิคุณํ กโรนฺตา คลปฺปมาเณ อุทเก ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคจฺฉึสุ. เตเนว ขเณน เตน มุหุตฺเตน วิชฺชุปฺปภาวินทฺธนฺธการวิสฏกูโฏ คฬคฬายนฺโต จตูสุ ทิสาสุ มหาเมโฆ วุฏฺาสิ. อถ ภควตา ปมปาเท ¶ คงฺคาตีเร นิกฺขิตฺตมตฺเต โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. เย เตเมตุกามา, เต เอว เตเมนฺติ, อเตเมตุกามา น เตเมนฺติ. สพฺพตฺถ ชาณุมตฺตํ อูรุมตฺตํ กฏิมตฺตํ คลปฺปมาณํ อุทกํ วหติ, สพฺพกุณปานิ อุทเกน คงฺคํ ปเวสิตานิ, ปริสุทฺโธ ภูมิภาโค อโหสิ.
ลิจฺฉวิราชาโน ภควนฺตํ อนฺตรา โยชเน โยชเน วาสาเปตฺวา มหาทานานิ ทตฺวา ตีหิ ทิวเสหิ ทิคุณํ ปูชํ กโรนฺตา เวสาลึ นยึสุ ¶ . เวสาลึ สมฺปตฺเต ภควติ สกฺโก เทวานมินฺโท เทวสงฺฆปุรกฺขโต อาคจฺฉิ. มเหสกฺขานํ เทวตานํ สนฺนิปาเตน อมนุสฺสา เยภุยฺเยน ปลายึสุ. ภควา นครทฺวาเร ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, อานนฺท, รตนสุตฺตํ อุคฺคเหตฺวา พลิกมฺมูปกรณานิ คเหตฺวา ลิจฺฉวิราชกุมาเรหิ สทฺธึ เวสาลิยา ติปาการนฺตเร วิจรนฺโต ปริตฺตํ กโรหี’’ติ รตนสุตฺตํ อภาสิ. ‘‘เอวํ เกน ปเนตํ สุตฺตํ วุตฺตํ ¶ , กทา, กตฺถ, กสฺมา จ วุตฺต’’นฺติ เอเตสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชนา วิตฺถาเรน เวสาลิวตฺถุโต ปภุติ โปราเณหิ วณฺณียติ.
เอวํ ภควโต เวสาลึ อนุปฺปตฺตทิวเสเยว เวสาลินครทฺวาเร เตสํ อุปทฺทวานํ ปฏิฆาตตฺถาย วุตฺตมิทํ รตนสุตฺตํ อุคฺคเหตฺวา อายสฺมา อานนฺโท ปริตฺตตฺถาย ภาสมาโน ภควโต ปตฺเตน อุทกมาทาย สพฺพนครํ อพฺภุกฺกิรนฺโต อนุวิจริ. ยํ กิฺจีติ วุตฺตมตฺเต เอว เถเรน เย ปุพฺเพ อปลาตา สงฺการกูฏภิตฺติปฺปเทสาทินิสฺสิตา อมนุสฺสา, เต จตูหิ ทฺวาเรหิ ปลายึสุ, ทฺวารานิ อโนกาสานิ อเหสุํ. ตโต เอกจฺเจ ทฺวาเรสุ โอกาสํ อลภมานา ปาการํ ภินฺทิตฺวา ปลาตา. อมนุสฺเสสุ คตมตฺเตสุ มนุสฺสานํ คตฺเตสุ โรโค วูปสนฺโต. เต นิกฺขมิตฺวา สพฺพปุปฺผคนฺธาทีหิ เถรํ ปูเชสุํ. มหาชโน นครมชฺเฌ ¶ สนฺถาคารํ สพฺพคนฺเธหิ ลิมฺปิตฺวา วิตานํ กตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ตตฺถ พุทฺธาสนํ ปฺเปตฺวา ภควนฺตํ อาเนสิ.
ภควา สนฺถาคารํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข ราชาโน มนุสฺสา จ ปติรูเป ปติรูเป อาสเน นิสีทึสุ. สกฺโกปิ เทวานมินฺโท ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวปริสาย สทฺธึ อุปนิสีทิ อฺเ จ เทวา, อานนฺทตฺเถโรปิ สพฺพํ เวสาลึ อนุวิจรนฺโต รกฺขํ กตฺวา เวสาลินครวาสีหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตตฺถ ภควา สพฺเพสํ ตเทว รตนสุตฺตํ อภาสีติ.
เอตฺตาวตา จ ยา ‘‘เยน วุตฺตํ ยทา ยตฺถ, ยสฺมา เจตํ อิมํ นยํ. ปกาเสตฺวานา’’ติ มาติกา นิกฺขิตฺตา, สา สพฺพปฺปกาเรน วิตฺถาริตา โหติ.
ยานีธาติคาถาวณฺณนา
๑. อิทานิ ¶ ‘‘เอตสฺส กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ วุตฺตตฺตา อตฺถวณฺณนา อารพฺภเต. อปเร ปน วทนฺติ ‘‘อาทิโต ปฺเจว คาถา ภควตา วุตฺตา, เสสา ปริตฺตกรณสมเย อานนฺทตฺเถเรนา’’ติ. ยถา วา ตถา วา โหตุ, กึ โน อิมาย ปริกฺขาย, สพฺพถาปิ เอตสฺส รตนสุตฺตสฺส กริสฺสามตฺถวณฺณนํ.
ยานีธ ภูตานีติ ปมคาถา. ตตฺถ ยานีติ ยาทิสานิ อปฺเปสกฺขานิ วา มเหสกฺขานิ วา. อิธาติ อิมสฺมึ ปเทเส, ตสฺมึ ขเณ สนฺนิปาตฏฺานํ สนฺธายาห. ภูตานีติ กิฺจาปิ ¶ ภูตสทฺโท ‘‘ภูตสฺมึ ปาจิตฺติย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๖๙) วิชฺชมาเน. ‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว ¶ , สมนุปสฺสถา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๐๑) ขนฺธปฺจเก. ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขุ, มหาภูตา เหตู’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) จตุพฺพิเธ ปถวีธาตฺวาทิรูเป. ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) ขีณาสเว. ‘‘สพฺเพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ, ภูตา โลเก สมุสฺสย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๒๐) สพฺพสตฺเต. ‘‘ภูตคามปาตพฺยตายา’’ติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๙๐) รุกฺขาทิเก. ‘‘ภูตํ ภูตโต สฺชานาตี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓) จาตุมหาราชิกานํ เหฏฺา สตฺตนิกายํ อุปาทาย วตฺตติ. อิธ ปน อวิเสสโต อมนุสฺเสสุ ทฏฺพฺโพ.
สมาคตานีติ สนฺนิปติตานิ. ภุมฺมานีติ ภูมิยํ นิพฺพตฺตานิ. วา-อิติ วิกปฺปเน. เตน ยานีธ ภุมฺมานิ วา ภูตานิ สมาคตานีติ อิมเมกํ วิกปฺปํ กตฺวา ปุน ทุติยวิกปฺปํ กาตุํ ‘‘ยานิ ว อนฺตลิกฺเข’’ติ อาห. อนฺตลิกฺเข วา ยานิ ภูตานิ นิพฺพตฺตานิ, ตานิ สพฺพานิ อิธ สมาคตานีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ยามโต ยาว อกนิฏฺํ, ตาว นิพฺพตฺตานิ ภูตานิ อากาเส ปาตุภูตวิมาเนสุ นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘อนฺตลิกฺเข ภูตานี’’ติ เวทิตพฺพานิ. ตโต เหฏฺา สิเนรุโต ปภุติ ยาว ภูมิยํ รุกฺขลตาทีสุ อธิวตฺถานิ ปถวิยฺจ นิพฺพตฺตานิ ภูตานิ, ตานิ สพฺพานิ ภูมิยํ ภูมิปฏิพทฺเธสุ จ รุกฺขลตาปพฺพตาทีสุ นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘ภุมฺมานิ ภูตานี’’ติ เวทิตพฺพานิ.
เอวํ ¶ ภควา สพฺพาเนว อมนุสฺสภูตานิ ‘‘ภุมฺมานิ วา ยานิ ว อนฺตลิกฺเข’’ติ ทฺวีหิ ปเทหิ วิกปฺเปตฺวา ปุน เอเกน ปเทน ปริคฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺเพว ภูตา สุมนา ภวนฺตู’’ติ อาห. สพฺเพติ อนวเสสา. เอวาติ อวธารเณ, เอกมฺปิ อนปเนตฺวาติ อธิปฺปาโย. ภูตาติ อมนุสฺสา. สุมนา ภวนฺตูติ สุขิตมนา ปีติโสมนสฺสชาตา ภวนฺตุ. อโถปีติ กิจฺจนฺตรสนฺนิโยชนตฺถํ วากฺโยปาทาเน นิปาตทฺวยํ. สกฺกจฺจ สุณนฺตุ ภาสิตนฺติ อฏฺึ ¶ กตฺวา มนสิกตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺติโลกุตฺตรสุขาวหํ มม เทสนํ สุณนฺตุ.
เอวเมตฺถ ภควา ‘‘ยานีธ ภูตานิ สมาคตานี’’ติ อนิยมิตวจเนน ภูตานิ ปริคฺคเหตฺวา ปุน ‘‘ภุมฺมานิ วา ยานิ ว อนฺตลิกฺเข’’ติ ทฺวิธา วิกปฺเปตฺวา ตโต ‘‘สพฺเพว ภูตา’’ติ ปุน เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘สุมนา ภวนฺตู’’ติ อิมินา วจเนน อาสยสมฺปตฺติยํ นิโยเชนฺโต ‘‘สกฺกจฺจ สุณนฺตุ ภาสิต’’นฺติ ปโยคสมฺปตฺติยํ, ตถา โยนิโสมนสิการสมฺปตฺติยํ ¶ ปรโตโฆสสมฺปตฺติยฺจ, ตถา อตฺตสมฺมาปณิธิสปฺปุริสูปนิสฺสยสมฺปตฺตีสุ สมาธิปฺาเหตุสมฺปตฺตีสุ จ นิโยเชนฺโต คาถํ สมาเปสิ.
ตสฺมา หีติคาถาวณฺณนา
๒. ตสฺมา หิ ภูตาติ ทุติยคาถา. ตตฺถ ตสฺมาติ การณวจนํ. ภูตาติ อามนฺตนวจนํ. นิสาเมถาติ สุณาถ. สพฺเพติ อนวเสสา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา ตุมฺเห ทิพฺพฏฺานานิ ตตฺถ อุปโภคปริโภคสมฺปทฺจ ปหาย ธมฺมสฺสวนตฺถํ อิธ สมาคตา, น นฏนจฺจนาทิทสฺสนตฺถํ, ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพติ. อถ วา ‘‘สุมนา ภวนฺตุ, สกฺกจฺจ สุณนฺตู’’ติ วจเนน เตสํ สุมนภาวํ สกฺกจฺจํ โสตุกมฺยตฺจ ทิสฺวา อาห ‘‘ยสฺมา ตุมฺเห สุมนภาเวน อตฺตสมฺมาปณิธิโยนิโสมนสิการาสยสุทฺธีหิ สกฺกจฺจํ โสตุกมฺยตาย สปฺปุริสูปนิสฺสยปรโตโฆสปทฏฺานโต ปโยคสุทฺธีหิ จ ยุตฺตา, ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพ’’ติ. อถ วา ยํ ¶ ปุริมคาถาย อนฺเต ‘‘ภาสิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ การณภาเวน อปทิสนฺโต อาห ‘‘ยสฺมา มม ภาสิตํ นาม อติทุลฺลภํ อฏฺกฺขณปริวชฺชิตสฺส ขณสฺส ทุลฺลภตฺตา, อเนกานิสํสฺจ ปฺากรุณาคุเณน ปวตฺตตฺตา, ตฺจาหํ วตฺตุกาโม ‘สุณนฺตุ ภาสิต’นฺติ อโวจํ, ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพ’’ติ. อิทํ อิมินา คาถาปเทน วุตฺตํ โหติ.
เอวเมตํ การณํ นิโรเปนฺโต อตฺตโน ภาสิตนิสามเน นิโยเชตฺวา นิสาเมตพฺพํ วตฺตุมารทฺโธ ¶ ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชายา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยายํ ตีหิ อุปทฺทเวหิ อุปทฺทุตา มานุสี ปชา, ตสฺสา มานุสิยา ปชาย เมตฺตํ มิตฺตภาวํ หิตชฺฌาสยตํ ปจฺจุปฏฺเปถาติ. เกจิ ปน ‘‘มานุสิกํ ปช’’นฺติ ปนฺติ, ตํ ภุมฺมตฺถาสมฺภวา น ยุชฺชติ. ยมฺปิ อฺเ อตฺถํ วณฺณยนฺติ, โสปิ น ยุชฺชติ. อธิปฺปาโย ปเนตฺถ – นาหํ พุทฺโธติ อิสฺสริยพเลน วทามิ, อปิ ตุ ยํ ตุมฺหากฺจ อิมิสฺสา จ มานุสิยา ปชาย หิตตฺถํ วทามิ ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชายา’’ติ. เอตฺถ จ –
‘‘เย สตฺตสณฺฑํ ปถวึ วิเชตฺวา,
ราชิสโย ยชมานานุปริยคา;
อสฺสเมธํ ปุริสเมธํ,
สมฺมาปาสํ วาชเปยฺยํ นิรคฺคฬํ.
‘‘เมตฺตสฺส ¶ จิตฺตสฺส สุภาวิตสฺส,
กลมฺปิ เต นานุภวนฺติ โสฬสึ;
เอกมฺปิ เจ ปาณมทุฏฺจิตฺโต,
เมตฺตายติ กุสโล เตน โหติ.
‘‘สพฺเพ จ ปาเณ มนสานุกมฺปี, ปหูตมริโย ปกโรติ ปฺุ’’นฺติ. (อิติวุ. ๒๗; อ. นิ. ๘.๑) –
เอวมาทีนํ สุตฺตานํ เอกาทสานิสํสานฺจ วเสน เย เมตฺตํ กโรนฺติ, เอเตสํ เมตฺตา หิตาติ เวทิตพฺพา.
‘‘เทวตานุกมฺปิโต โปโส, สทา ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ. (อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๖) –
เอวมาทีนํ ¶ สุตฺตานํ วเสน เยสุ กยิรติ, เตสมฺปิ หิตาติ เวทิตพฺพา.
เอวํ อุภเยสมฺปิ หิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา’’ติ วตฺวา อิทานิ อุปการมฺปิ ทสฺเสนฺโต อาห ¶ ‘‘ทิวา จ รตฺโต จ หรนฺติ เย พลึ, ตสฺมา หิ เน รกฺขถ อปฺปมตฺตา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เย มนุสฺสา จิตฺตกมฺมกฏฺกมฺมาทีหิปิ เทวตา กตฺวา เจติยรุกฺขาทีนิ จ อุปสงฺกมิตฺวา เทวตา อุทฺทิสฺส ทิวา พลึ กโรนฺติ, กาลปกฺขาทีสุ จ รตฺตึ พลึ กโรนฺติ, สลากภตฺตาทีนิ วา ทตฺวา อารกฺขเทวตา อุปาทาย ยาว พฺรหฺมเทวตานํ ปตฺติทานนิยฺยาตเนน ทิวา พลึ กโรนฺติ, ฉตฺตาโรปนทีปมาลาย สพฺพรตฺติกธมฺมสฺสวนาทีนิ การาเปตฺวา ปตฺติทานนิยฺยาตเนน จ รตฺตึ พลึ กโรนฺติ, เต กถํ น รกฺขิตพฺพา? ยโต เอวํ ทิวา จ รตฺโต จ ตุมฺเห อุทฺทิสฺส กโรนฺติ เย พลึ, ตสฺมา หิ เน รกฺขถ; ตสฺมา พลิกมฺมกรณาปิ เต มนุสฺเส รกฺขถ โคปยถ, อหิตํ เนสํ อปเนถ, หิตํ อุปเนถ อปฺปมตฺตา หุตฺวา ตํ กตฺุภาวํ หทเย กตฺวา นิจฺจมนุสฺสรนฺตาติ.
ยํกิฺจีติคาถาวณฺณนา
๓. เอวํ เทวตาสุ มนุสฺสานํ อุปการกภาวํ ทสฺเสตฺวา เตสํ อุปทฺทววูปสมนตฺถํ พุทฺธาทิคุณปฺปกาสเนน ¶ จ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ ‘‘ยํกิฺจิ วิตฺต’’นฺติอาทินา นเยน สจฺจวจนํ ปยฺุชิตุมารทฺโธ. ตตฺถ ยํกิฺจีติ อนิยมิตวเสน อนวเสสํ ปริยาทิยติ ยํกิฺจิ ตตฺถ ตตฺถ โวหารูปคํ. วิตฺตนฺติ ธนํ. ตฺหิ วิตฺตึ ชเนตีติ วิตฺตํ. อิธ วาติ มนุสฺสโลกํ นิทฺทิสติ. หุรํ วาติ ตโต ปรํ อวเสสโลกํ, เตน จ เปตฺวา มนุสฺเส สพฺพโลกคฺคหเณ ปตฺเต ‘‘สคฺเคสุ วา’’ติ ปรโต วุตฺตตฺตา เปตฺวา มนุสฺเส จ สคฺเค จ อวเสสานํ นาคสุปณฺณาทีนํ คหณํ เวทิตพฺพํ.
เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ ยํ มนุสฺสานํ โวหารูปคํ อลงฺการปริโภคูปคฺจ ชาตรูปรชตมุตฺตามณิเวฬุริยปวาฬโลหิตงฺกมสารคลฺลาทิกํ, ยฺจ มุตฺตามณิวาลุกตฺถตาย ภูมิยา รตนมยวิมาเนสุ อเนกโยชนสตวิตฺถเตสุ ¶ ภวเนสุ อุปฺปนฺนานํ นาคสุปณฺณาทีนํ วิตฺตํ, ตํ นิทฺทิฏฺํ โหติ. สคฺเคสุ วาติ กามาวจรรูปาวจรเทวโลเกสุ. เต ¶ หิ โสภเนน กมฺเมน อชียนฺตีติ สคฺคา. สุฏฺุ อคฺคาติปิ สคฺคา. ยนฺติ ยํ สสามิกํ วา อสามิกํ วา. รตนนฺติ รตึ นยติ วหติ ชนยติ วฑฺเฒตีติ รตนํ. ยํกิฺจิ จิตฺตีกตํ มหคฺฆํ อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ อโนมสตฺตปริโภคฺจ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยถาห –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ.
ปณีตนฺติ อุตฺตมํ เสฏฺํ อตปฺปกํ. เอวํ อิมินา คาถาปเทน ยํ สคฺเคสุ อเนกโยชนสตปฺปมาณสพฺพรตนมยวิมานสุธมฺมเวชยนฺตปฺปภุตีสุ สสามิกํ, ยฺจ พุทฺธุปฺปาทวิรเหน อปายเมว ปริปูเรนฺเตสุ สตฺเตสุ สฺุวิมานปฺปฏิพทฺธํ อสามิกํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ ปถวิมหาสมุทฺทหิมวนฺตาทินิสฺสิตมสามิกํ รตนํ, ตํ นิทฺทิฏฺํ โหติ.
น โน สมํ อตฺถิ ตถาคเตนาติ น-อิติ ปฏิเสเธ. โน-อิติ อวธารเณ. สมนฺติ ตุลฺยํ. อตฺถีติ วิชฺชติ. ตถาคเตนาติ พุทฺเธน. กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ เอตํ วิตฺตฺจ รตนฺจ ปกาสิตํ, เอตฺถ เอกมฺปิ พุทฺธรตเนน สทิสํ รตนํ เนวตฺถิ. ยมฺปิ หิ ตํ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ, เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ มณิรตนฺจ, ยมฺหิ อุปฺปนฺเน มหาชโน น อฺตฺถ จิตฺตีการํ กโรติ, น โกจิ ปุปฺผคนฺธาทีนิ คเหตฺวา ยกฺขฏฺานํ วา ภูตฏฺานํ วา คจฺฉติ, สพฺโพปิ ชโน จกฺกรตนมณิรตนเมว จิตฺตีการํ กโรติ ปูเชติ, ตํ ตํ วรํ ปตฺเถติ, ปตฺถิตปตฺถิตฺจสฺส เอกจฺจํ สมิชฺฌติ, ตมฺปิ รตนํ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ ¶ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคเต ¶ หิ อุปฺปนฺเน เย เกจิ มเหสกฺขา เทวมนุสฺสา น เต อฺตฺร จิตฺตีการํ กโรนฺติ, น กฺจิ อฺํ ปูเชนฺติ. ตถา หิ พฺรหฺมา สหมฺปติ สิเนรุมตฺเตน รตนทาเมน ตถาคตํ ปูเชสิ, ยถาพลฺจ อฺเ เทวา มนุสฺสา จ พิมฺพิสารโกสลราชอนาถปิณฺฑิกาทโย. ปรินิพฺพุตมฺปิ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา อโสกมหาราชา สกลชมฺพุทีเป จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ ปติฏฺาเปสิ, โก ปน วาโท อฺเสํ จิตฺตีการานํ. อปิจ กสฺสฺสฺส ปรินิพฺพุตสฺสาปิ ชาติโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนปรินิพฺพานฏฺานานิ ปฏิมาเจติยาทีนิ วา อุทฺทิสฺส เอวํ จิตฺตีการครุกาโร ปวตฺตติ ยถา ภควโต. เอวํจิตฺตีกตฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ¶ ยมฺปิ ตํ มหคฺฆฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – กาสิกํ วตฺถํ. ยถาห – ‘‘ชิณฺณมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตฺเจว โหติ สุขสมฺผสฺสฺจ มหคฺฆฺจา’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๐), ตมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ มหคฺฆฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ เยสํ ปํสุกมฺปิ ปฏิคฺคณฺหาติ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ เสยฺยถาปิ อโสกรฺโ, อิทมสฺส มหคฺฆตาย. เอวํ มหคฺฆตาวจเนน เจตฺถ โทสาภาวสาธกํ อิทํ สุตฺตปทํ เวทิตพฺพํ –
‘‘เยสํ โข ปน โส ปฏิคฺคณฺหาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. อิทมสฺส มหคฺฆตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ ตํ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ มหคฺฆํ, ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๐).
เอวํ มหคฺฆฏฺเนปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ยมฺปิ ตํ อตุลฏฺเน ¶ รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ อุปฺปชฺชติ อินฺทนีลมณิมยนาภิ สตฺตรตนมยสหสฺสารํ ปวาฬมยเนมิ รตฺตสุวณฺณมยสนฺธิ, ยสฺส ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานมุปริ เอกํ มุณฺฑารํ โหติ วาตํ คเหตฺวา สทฺทกรณตฺถํ, เยน กโต สทฺโท สุกุสลปฺปตาฬิตปฺจงฺคิกตูริยสทฺโท วิย โหติ, ยสฺส นาภิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ ทฺเว สีหมุขานิ โหนฺติ, อพฺภนฺตรํ สกฏจกฺกสฺเสว สุสิรํ. ตสฺส กตฺตา วา กาเรตา วา นตฺถิ, กมฺมปจฺจเยน อุตุโต สมุฏฺาติ. ยํ ราชา ทสวิธํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปูเรตฺวา ตทหุโปสเถ ปุณฺณมทิวเส สีสํนฺหาโต อุโปสถิโก อุปริปาสาทวรคโต สีลานิ โสเธนฺโต นิสินฺโน ปุณฺณจนฺทํ ¶ วิย สูริยํ วิย จ อุฏฺเนฺตํ ปสฺสติ, ยสฺส ทฺวาทสโยชนโต สทฺโท สุยฺยติ, โยชนโต วณฺโณ ทิสฺสติ, ยํ มหาชเนน ‘‘ทุติโย มฺเ จนฺโท สูริโย วา อุฏฺิโต’’ติ อติวิย โกตูหลชาเตน ทิสฺสมานํ นครสฺส อุปริ อาคนฺตฺวา รฺโ อนฺเตปุรสฺส ปาจีนปสฺเส นาติอุจฺจํ นาตินีจํ หุตฺวา มหาชนสฺส คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตุํ, ยุตฺตฏฺาเน อกฺขาหตํ วิย ติฏฺติ.
ตเทว ¶ อนุพนฺธมานํ หตฺถิรตนํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพเสโต รตฺตปาโท สตฺตปฺปติฏฺโ อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม อุโปสถกุลา วา ฉทฺทนฺตกุลา วา อาคจฺฉติ, อุโปสถกุลา จ อาคจฺฉนฺโต สพฺพเชฏฺโ อาคจฺฉติ, ฉทฺทนฺตกุลา สพฺพกนิฏฺโ สิกฺขิตสิกฺโข ทมถูเปโต, โส ทฺวาทสโยชนํ ปริสํ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปํ อนุสํยายิตฺวา ปุเรปาตราสเมว สกํ ราชธานึ อาคจฺฉติ.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ อสฺสรตนํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพเสโต รตฺตปาโท กาฬสีโส มฺุชเกโส วลาหกสฺสราชกุลา อาคจฺฉติ. เสสเมตฺถ หตฺถิรตนสทิสเมว.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ มณิรตนํ ¶ อุปฺปชฺชติ. โส โหติ มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต อายามโต จกฺกนาภิสทิโส, เวปุลฺลปพฺพตา อาคจฺฉติ. โส จตุรงฺคสมนฺนาคเตปิ อนฺธกาเร รฺโ ธชคฺคํ คโต โยชนํ โอภาเสติ, ยสฺโสภาเสน มนุสฺสา ‘‘ทิวา’’ติ มฺมานา กมฺมนฺเต ปโยเชนฺติ, อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกํ อุปาทาย ปสฺสนฺติ.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ อิตฺถิรตนํ อุปฺปชฺชติ, ปกติอคฺคมเหสี วา โหติ, อุตฺตรกุรุโต วา อาคจฺฉติ มทฺทราชกุลโต วา, อติทีฆตาทิฉโทสวิวชฺชิตา อติกฺกนฺตา มานุสวณฺณํ อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณํ, ยสฺสา รฺโ สีตกาเล อุณฺหานิ คตฺตานิ โหนฺติ, อุณฺหกาเล สีตานิ, สตธา โผฏิต ตูลปิจุโน วิย สมฺผสฺโส โหติ, กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ, ปุพฺพุฏฺายินิตาทิอเนกคุณสมนฺนาคตา จ โหติ.
ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ คหปติรตนํ อุปฺปชฺชติ รฺโ ปกติกมฺมกาโร เสฏฺิ, ยสฺส จกฺกรตเน อุปฺปนฺนมตฺเต ทิพฺพํ จกฺขุ ปาตุภวติ, เยน สมนฺตโต โยชนมตฺเต นิธึ ปสฺสติ อสามิกมฺปิ สสามิกมฺปิ, โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปวาเรติ ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหํ เต ธเนน ธนกรณียํ กริสฺสามี’’ติ.
ตมฺปิ ¶ ¶ อนุพนฺธมานํ ปริณายกรตนํ อุปฺปชฺชติ รฺโ ปกติเชฏฺปุตฺโต. จกฺกรตเน อุปฺปนฺนมตฺเต อติเรกปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต โหติ, ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย เจตสา จิตฺตํ ปริชานิตฺวา นิคฺคหปคฺคหสมตฺโถ โหติ, โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปวาเรติ ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหํ เต รชฺชํ อนุสาสิสฺสามี’’ติ. ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ อตุลฏฺเน รตนํ, ยสฺส น สกฺกา ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา อคฺโฆ กาตุํ ‘‘สตํ วา สหสฺสํ วา อคฺฆติ โกฏึ วา’’ติ. ตตฺถ เอกรตนมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ ¶ นตฺถิ. ยทิ หิ อตุลฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ น สกฺกา สีลโต วา สมาธิโต วา ปฺาทีนํ วา อฺตรโต เกนจิ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา ‘‘เอตฺตกคุโณ วา อิมินา สโม วา สปฺปฏิภาโค วา’’ติ ปริจฺฉินฺทิตุํ. เอวํ อตุลฏฺเนปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ยมฺปิ ตํ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเน รตนํ, เสยฺยถิทํ ทุลฺลภปาตุภาโว ราชา จกฺกวตฺติ, จกฺกาทีนิ จ ตสฺส รตนานิ, ตมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ, กุโต จกฺกวตฺติอาทีนํ รตนตฺตํ. ตานิ หิ เอกสฺมึเยว กปฺเป อเนกานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ยสฺมา ปน อสงฺขฺเยยฺเยปิ กปฺเป ตถาคตสฺุโ โลโก โหติ, ตสฺมา ตถาคโตว กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนโต ทุลฺลภทสฺสโน. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา ปรินิพฺพานสมเย –
‘‘เทวตา, อานนฺท, อุชฺฌายนฺติ ‘ทูรา จ วตมฺห อาคตา ตถาคตํ ทสฺสนาย, กทาจิ กรหจิ ตถาคตา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, อชฺเชว รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ, อยฺจ มเหสกฺโข ภิกฺขุ ภควโต ปุรโต ิโต โอวาเรนฺโต, น มยํ ลภาม ปจฺฉิเม กาเล ตถาคตํ ทสฺสนายา’’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๐).
เอวํ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ตถา ยมฺปิ ตํ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนาทิ ตฺหิ โกฏิสตสหสฺสธนานมฺปิ สตฺตภูมิกปาสาทวรตเล ¶ วสนฺตานมฺปิ จณฺฑาลเวนเนสาทรถการปุกฺกุสาทีนํ นีจกุลิกานํ โอมกปุริสานํ สุปินนฺเตปิ ¶ ปริโภคตฺถาย น นิพฺพตฺตติ. อุภโต สุชาตสฺส ปน รฺโ ขตฺติยสฺเสว ปริปูริตทสวิธจกฺกวตฺติวตฺตสฺส ปริโภคตฺถาย นิพฺพตฺตนโต อโนมสตฺตปริโภคํเยว โหติ, ตมฺปิ พุทฺธรตนสมํ นตฺถิ. ยทิ หิ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเน ¶ รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ โลเก โอมกสตฺตสมฺมตานํ อนุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ วิปรีตทสฺสนานํ ปูรณกสฺสปาทีนํ ฉนฺนํ สตฺถารานํ อฺเสฺจ เอวรูปานํ สุปินนฺเตปิ อปริโภโค. อุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ ปน จตุปฺปทายปิ คาถาย ปริโยสาเน อรหตฺตมธิคนฺตุํ สมตฺถานํ นิพฺเพธิกาณทสฺสนานํ พาหิยทารุจีริยปฺปภุตีนํ อฺเสฺจ มหากุลปฺปสุตานํ มหาสาวกานํ ปริโภโค, เต หิ ตํ ทสฺสนานุตฺตริยสวนานุตฺตริยปาริจริยานุตฺตริยาทีนิ สาเธนฺตา ตถาคตํ ปริภฺุชนฺติ. เอวํ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.
ยมฺปิ ตํ อวิเสสโต รติชนนฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ. ตฺหิ ทิสฺวาว ราชา จกฺกวตฺติ อตฺตมโน โหติ, เอวมฺปิ ตํ รฺโ รตึ ชเนติ. ปุน จปรํ ราชา จกฺกวตฺติ วาเมน หตฺเถน สุวณฺณภิงฺการํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิรติ ‘‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติ. ตโต จกฺกรตนํ ปฺจงฺคิกํ วิย ตูริยํ มธุรสฺสรํ นิจฺฉรนฺตํ อากาเสน ปุรตฺถิมํ ทิสํ คจฺฉติ ¶ , อนฺวเทว ราชา, จกฺกวตฺติ จกฺกานุภาเวน ทฺวาทสโยชนวิตฺถิณฺณาย จตุรงฺคินิยา เสนาย นาติอุจฺจํ นาตินีจํ อุจฺจรุกฺขานํ เหฏฺาภาเคน, นีจรุกฺขานํ อุปริภาเคน, รุกฺเขสุ ปุปฺผผลปลฺลวาทิปณฺณาการํ คเหตฺวา อาคตานํ หตฺถโต ปณฺณาการฺจ คณฺหนฺโต ‘‘เอหิ โข, มหาราชา’’ติ เอวมาทินา ปรมนิปจฺจกาเรน อาคเต ปฏิราชาโน ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติอาทินา นเยน อนุสาสนฺโต คจฺฉติ. ยตฺถ ปน ราชา ภฺุชิตุกาโม วา ทิวาเสยฺยํ วา กปฺเปตุกาโม โหติ, ตตฺถ จกฺกรตนํ อากาสา โอโรหิตฺวา อุทกาทิสพฺพกิจฺจกฺขเม สเม ภูมิภาเค อกฺขาหตํ วิย ติฏฺติ. ปุน รฺโ คมนจิตฺเต อุปฺปนฺเน ปุริมนเยเนว สทฺทํ กโรนฺตํ คจฺฉติ, ตํ สุตฺวา ทฺวาทสโยชนิกาปิ ปริสา อากาเสน คจฺฉติ ¶ . จกฺกรตนํ อนุปุพฺเพน ปุรตฺถิมํ สมุทฺทํ อชฺโฌคาหติ, ตสฺมึ อชฺโฌคาหนฺเต อุทกํ โยชนปฺปมาณํ อปคนฺตฺวา ภิตฺตีกตํ วิย ติฏฺติ. มหาชโน ยถากามํ สตฺต รตนานิ คณฺหาติ. ปุน ราชา สุวณฺณภิงฺการํ คเหตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย มม รชฺช’’นฺติ อุทเกน อพฺภุกฺกิริตฺวา นิวตฺตติ. เสนา ปุรโต โหติ, จกฺกรตนํ ปจฺฉโต, ราชา มชฺเฌ. จกฺกรตเนน โอสกฺกิโตสกฺกิตฏฺานํ อุทกํ ปริปูรติ. เอเตเนว อุปาเยน ทกฺขิณปจฺฉิมุตฺตเรปิ สมุทฺเท คจฺฉติ.
เอวํ จตุทฺทิสํ อนุสํยายิตฺวา จกฺกรตนํ ติโยชนปฺปมาณํ อากาสํ อาโรหติ. ตตฺถ ิโต ราชา จกฺกรตนานุภาเวน วิชิตวิชโย ปฺจสตปริตฺตทีปปฏิมณฺฑิตํ สตฺตโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ ¶ ปุพฺพวิเทหํ, ตถา อฏฺโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ อุตฺตรกุรุํ, สตฺตโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํเยว ¶ อปรโคยานํ, ทสโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ ชมฺพุทีปฺจาติ เอวํ จตุมหาทีปทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปฏิมณฺฑิตํ เอกํ จกฺกวาฬํ สุผุลฺลปุณฺฑรีกวนํ วิย โอโลเกติ. เอวํ โอโลกยโต จสฺส อนปฺปกา รติ อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ ตํ จกฺกรตนํ รฺโ รตึ ชเนติ, ตมฺปิ พุทฺธรตนสมํ นตฺถิ. ยทิ หิ รติชนนฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ, กึ กริสฺสติ เอตํ จกฺกรตนํ? ตถาคโต หิ ยสฺสา ทิพฺพาย รติยา จกฺกรตนาทีหิ สพฺเพหิปิ ชนิตา จกฺกวตฺติรติ สงฺขมฺปิ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น อุเปติ, ตโตปิ รติโต อุตฺตริตรฺจ ปณีตตรฺจ อตฺตโน โอวาทปฺปฏิกรานํ อสงฺขฺเยยฺยานมฺปิ เทวมนุสฺสานํ ปมชฺฌานรตึ ทุติยตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานรตึ, อากาสานฺจายตนรตึ, วิฺาณฺจายตนอากิฺจฺายตนเนวสฺานาสฺายตนรตึ, โสตาปตฺติมคฺครตึ, โสตาปตฺติผลรตึ, สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตมคฺคผลรติฺจ ชเนติ. เอวํ รติชนนฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถีติ.
อปิจ รตนํ นาเมตํ ทุวิธํ โหติ สวิฺาณกมวิฺาณกฺจ. ตตฺถ อวิฺาณกํ จกฺกรตนํ มณิรตนฺจ, ยํ วา ปนฺมฺปิ อนินฺทฺริยพทฺธสุวณฺณรชตาทิ, สวิฺาณกํ หตฺถิรตนาทิปริณายกรตนปริโยสานํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ อินฺทฺริยพทฺธํ. เอวํ ทุวิเธ เจตฺถ สวิฺาณกรตนํ อคฺคมกฺขายติ ¶ . กสฺมา? ยสฺมา อวิฺาณกํ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิรตนํ สวิฺาณกานํ หตฺถิรตนาทีนํ อลงฺการตฺถาย อุปนียติ.
สวิฺาณกรตนมฺปิ ทุวิธํ ติรจฺฉานคตรตนํ, มนุสฺสรตนฺจ. ตตฺถ มนุสฺสรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา ติรจฺฉานคตรตนํ มนุสฺสรตนสฺส โอปวยฺหํ ¶ โหติ. มนุสฺสรตนมฺปิ ทุวิธํ อิตฺถิรตนํ, ปุริสรตนฺจ. ตตฺถ ปุริสรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา อิตฺถิรตนํ ปุริสรตนสฺส ปริจาริกตฺตํ อาปชฺชติ. ปุริสรตนมฺปิ ทุวิธํ อคาริกรตนํ, อนคาริกรตนฺจ. ตตฺถ อนคาริกรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา อคาริกรตเนสุ อคฺโค จกฺกวตฺติปิ สีลาทิคุณยุตฺตํ อนคาริกรตนํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อุปฏฺหิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา ทิพฺพมานุสิกา สมฺปตฺติโย ปาปุณิตฺวา อนฺเต นิพฺพานสมฺปตฺตึ ปาปุณาติ.
เอวํ อนคาริกรตนมฺปิ ทุวิธํ อริยปุถุชฺชนวเสน. อริยรตนมฺปิ ทุวิธํ เสขาเสขวเสน. อเสขรตนมฺปิ ทุวิธํ สุกฺขวิปสฺสกสมถยานิกวเสน. สมถยานิกรตนมฺปิ ¶ ทุวิธํ สาวกปารมิปฺปตฺตมปฺปตฺตฺจ. ตตฺถ สาวกปารมิปฺปตฺตํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สาวกปารมิปฺปตฺตรตนโตปิ ปจฺเจกพุทฺธรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานสทิสาปิ หิ อเนกสตา สาวกา เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส คุณานํ สตภาคมฺปิ น อุเปนฺติ. ปจฺเจกพุทฺธรตนโตปิ สมฺมาสมฺพุทฺธรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สกลมฺปิ หิ ชมฺพุทีปํ ปูเรตฺวา ปลฺลงฺเกน ปลฺลงฺกํ ฆเฏนฺตา นิสินฺนา ปจฺเจกพุทฺธา เอกสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส คุณานํ เนว สงฺขํ น กลํ น กลภาคํ อุเปนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐). เอวํ เกนจิ ปริยาเยน ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ. เตนาห ภควา – ‘‘น โน สมํ อตฺถิ ¶ ตถาคเตนา’’ติ.
เอวํ ภควา พุทฺธรตนสฺส อฺเหิ รตเนหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ เตสํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนอุปทฺทววูปสมตฺถํ เนว ชาตึ น โคตฺตํ น โกลปุตฺติยํ น วณฺณโปกฺขรตาทึ นิสฺสาย, อปิจ โข อวีจิมุปาทาย ภวคฺคปริยนฺเต ¶ โลเก สีลสมาธิกฺขนฺธาทีหิ คุเณหิ พุทฺธรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อิทมฺปิ อิธ วา หุรํ วา สคฺเคสุ วา ยํกิฺจิ อตฺถิ วิตฺตํ วา รตนํ วา, เตน สทฺธึ เตหิ เตหิ คุเณหิ อสมตฺตา พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ. ยทิ หิ เอตํ สจฺจํ, อถ เอเตน สจฺเจน อิเมสํ ปาณีนํ สุวตฺถิ โหตุ, โสภนานํ อตฺถิตา โหตุ อโรคตา นิรุปทฺทวตาติ. เอตฺถ จ ยถา ‘‘จกฺขุ โข, อานนฺท, สฺุํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๕) อตฺตภาเวน วา อตฺตนิยภาเวน วาติ อตฺโถ. อิตรถา หิ จกฺขุ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วาติ อปฺปฏิสิทฺธเมว สิยา. เอวํ รตนํ ปณีตนฺติ รตนตฺตํ ปณีตํ, รตนภาโว ปณีโตติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิตรถา หิ พุทฺโธ เนว รตนนฺติ สิชฺเฌยฺย. น หิ ยตฺถ รตนํ อตฺถิ, ตํ รตนนฺติ น สิชฺฌติ. ยตฺถ ปน จิตฺตีกตาทิอตฺถสงฺขาตํ เยน วา เตน วา วิธินา สมฺพนฺธคตํ รตนํ อตฺถิ, ยสฺมา ตํ รตนตฺตมุปาทาย รตนนฺติ ปฺาปียติ, ตสฺมา ตสฺส รตนสฺส อตฺถิตาย รตนนฺติ สิชฺฌติ. อถ วา อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนนฺติ อิมินาปิ ปกาเรน พุทฺโธว รตนนฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตมตฺตาย จ ภควตา อิมาย คาถาย ราชกุลสฺส โสตฺถิ ชาตา, ภยํ วูปสนฺตํ. อิมิสฺสา คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
ขยํ วิราคนฺติคาถาวณฺณนา
๔. เอวํ ¶ ¶ พุทฺธคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ นิพฺพานธมฺมคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ขยํ วิราค’’นฺติ. ตตฺถ ยสฺมา นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย ราคาทโย ขีณา โหนฺติ ปริกฺขีณา, ยสฺมา วา ตํ เตสํ อนุปฺปาทนิโรธกฺขยมตฺตํ, ยสฺมา จ ตํ ราคาทิวิปฺปยุตฺตํ สมฺปโยคโต จ อารมฺมณโต จ, ยสฺมา วา ตมฺหิ สจฺฉิกเต ราคาทโย อจฺจนฺตํ วิรตฺตา โหนฺติ วิคตา วิทฺธสฺตา, ตสฺมา ขยนฺติ จ วิราคนฺติ จ วุจฺจติ. ยสฺมา ปนสฺส น อุปฺปาโท ปฺายติ, น วโย, น ิตสฺส อฺถตฺตํ ตสฺมา ตํ น ชายติ น ชียติ น มียตีติ กตฺวา อมตนฺติ วุจฺจติ. อุตฺตมตฺเถน ปน อตปฺปกฏฺเน จ ปณีตนฺติ. ยทชฺฌคาติ ยํ อชฺฌคา วินฺทิ ปฏิลภิ, อตฺตโน าณพเลน สจฺฉากาสิ. สกฺยมุนีติ ¶ สกฺยกุลปฺปสุตตฺตา สกฺโย, โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคตตฺตา มุนิ, สกฺโย เอว มุนิ สกฺยมุนิ. สมาหิโตติ อริยมคฺคสมาธินา สมาหิตจิตฺโต. น เตน ธมฺเมน สมตฺถิ กิฺจีติ เตน ขยาทินามเกน สกฺยมุนินา อธิคเตน ธมฺเมน สมํ กิฺจิ ธมฺมชาตํ นตฺถิ. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).
เอวํ ภควา นิพฺพานธมฺมสฺส อฺเหิ ธมฺเมหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ เตสํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนอุปทฺทววูปสมตฺถํ ขยวิราคามตปณีตตาคุเณหิ นิพฺพานธมฺมรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ ธมฺเม รตนํ ปณีตํ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
ยํ พุทฺธเสฏฺโติคาถาวณฺณนา
๕. เอวํ นิพฺพานธมฺมคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ มคฺคธมฺมคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ยํ พุทฺธเสฏฺโ’’ติ. ตตฺถ ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานี’’ติอาทินา นเยน พุทฺโธ ¶ , อุตฺตโม ปสํสนีโย จาติ เสฏฺโ, พุทฺโธ จ โส เสฏฺโ จาติ พุทฺธเสฏฺโ, อนุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสุตพุทฺธขฺเยสุ วา พุทฺเธสุ เสฏฺโติ พุทฺธเสฏฺโ. โส พุทฺธเสฏฺโ ยํ ปริวณฺณยี ‘‘อฏฺงฺคิโกว มคฺคานํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕) จ ‘‘อริยํ โว, ภิกฺขเว, สมฺมาสมาธึ เทสิสฺสามิ สอุปนิสํ สปริกฺขาร’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๓๖) จ เอวมาทินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ ¶ ปสํสิ ปกาสยิ. สุจินฺติ กิเลสมลสมุจฺเฉทกรณโต อจฺจนฺตโวทานํ. สมาธิมานนฺตริกฺมาหูติ ยฺจ อตฺตโน ปวตฺติสมนนฺตรํ นิยเมเนว ผลปทานโต ‘‘อานนฺตริกสมาธี’’ติ อาหุ. น หิ มคฺคสมาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน ตสฺส ผลุปฺปตฺตินิเสธโก โกจิ อนฺตราโย อตฺถิ. ยถาห –
‘‘อยฺจ ปุคฺคโล โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน อสฺส, กปฺปสฺส จ อุฑฺฑยฺหนเวลา อสฺส, เนว ตาว กปฺโป อุฑฺฑยฺเหยฺย, ยาวายํ ปุคฺคโล น โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกโรติ, อยํ ¶ วุจฺจติ ปุคฺคโล ิตกปฺปี. สพฺเพปิ มคฺคสมงฺคิโน ปุคฺคลา ิตกปฺปิโน’’ติ (ปุ. ป. ๑๗).
สมาธินา เตน สโม น วิชฺชตีติ เตน พุทฺธเสฏฺปริวณฺณิเตน สุจินา อานนฺตริกสมาธินา สโม รูปาวจรสมาธิ วา อรูปาวจรสมาธิ วา โกจิ น วิชฺชติ. กสฺมา? เตสํ ภาวิตตฺตา ตตฺถ ตตฺถ พฺรหฺมโลเก อุปปนฺนสฺสาปิ ปุน นิรยาทีสุปิ อุปปตฺติสมฺภวโต, อิมสฺส จ อรหตฺตสมาธิสฺส ภาวิตตฺตา อริยปุคฺคลสฺส สพฺพูปปตฺติสมุคฺฆาตสมฺภวโต. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา ¶ สงฺขตา…เป… อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).
เอวํ ภควา อานนฺตริกสมาธิสฺส อฺเหิ สมาธีหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ ปุริมนเยเนว มคฺคธมฺมรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ ธมฺเม…เป… โหตู’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
เย ปุคฺคลาติคาถาวณฺณนา
๖. เอวํ มคฺคธมฺมคุเณนาปิ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ สงฺฆคุเณนาปิ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย ปุคฺคลา’’ติ. ตตฺถ เยติ อนิยเมตฺวา อุทฺเทโส. ปุคฺคลาติ สตฺตา. อฏฺาติ เตสํ คณนปริจฺเฉโท. เต หิ จตฺตาโร จ ปฏิปนฺนา จตฺตาโร จ ผเล ิตาติ อฏฺ โหนฺติ. สตํ ปสตฺถาติ สปฺปุริเสหิ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวเกหิ อฺเหิ จ เทวมนุสฺเสหิ ปสตฺถา. กสฺมา? สหชาตสีลาทิคุณโยคา. เตสฺหิ จมฺปกวกุลกุสุมาทีนํ สหชาตวณฺณคนฺธาทโย วิย สหชาตา สีลสมาธิอาทโย คุณา, เตน เต วณฺณคนฺธาทิสมฺปนฺนานิ วิย ปุปฺผานิ เทวมนุสฺสานํ ¶ สตํ ปิยา มนาปา ปสํสนียา จ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เย ปุคฺคลา อฏฺสตํ ปสตฺถา’’ติ.
อถ วา เยติ อนิยเมตฺวา อุทฺเทโส. ปุคฺคลาติ สตฺตา. อฏฺสตนฺติ เตสํ คณนปริจฺเฉโท. เต หิ เอกพีชี โกลํโกโล สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ ตโย โสตาปนฺนา. กามรูปารูปภเวสุ อธิคตผลา ¶ ตโย สกทาคามิโน. เต สพฺเพปิ จตุนฺนํ ปฏิปทานํ วเสน จตุวีสติ. อนฺตราปรินิพฺพายี, อุปหจฺจปรินิพฺพายี, สสงฺขารปรินิพฺพายี, อสงฺขารปรินิพฺพายี, อุทฺธํโสโต, อกนิฏฺคามีติ อวิเหสุ ปฺจ. ตถา อตปฺปสุทสฺสสุทสฺสีสุ ¶ . อกนิฏฺเสุ ปน อุทฺธํโสตวชฺชา จตฺตาโรติ จตุวีสติ อนาคามิโน. สุกฺขวิปสฺสโก สมถยานิโกติ ทฺเว อรหนฺโต. จตฺตาโร มคฺคฏฺาติ จตุปฺาส. เต สพฺเพปิ สทฺธาธุรปฺาธุรานํ วเสน ทิคุณา หุตฺวา อฏฺสตํ โหนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
จตฺตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺตีติ เต สพฺเพปิ อฏฺ วา อฏฺสตํ วาติ วิตฺถารวเสน อุทฺทิฏฺปุคฺคลา สงฺเขปวเสน โสตาปตฺติมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ เอกํ ยุคํ, เอวํ ยาว อรหตฺตมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ เอกํ ยุคนฺติ จตฺตาริ ยุคานิ โหนฺติ. เต ทกฺขิเณยฺยาติ เอตฺถ เตติ ปุพฺเพ อนิยเมตฺวา อุทฺทิฏฺานํ นิยเมตฺวา นิทฺเทโส. เย ปุคฺคลา วิตฺถารวเสน อฏฺ วา, อฏฺสตํ วา, สงฺเขปวเสน จตฺตาริ ยุคานิ โหนฺตีติ วุตฺตา, สพฺเพปิ เต ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยา. ทกฺขิณา นาม กมฺมฺจ กมฺมวิปากฺจ สทฺทหิตฺวา ‘‘เอส เม อิทํ เวชฺชกมฺมํ วา ชงฺฆเปสนิกํ วา กริสฺสตี’’ติ เอวมาทีนิ อนเปกฺขิตฺวา ทิยฺยมาโน เทยฺยธมฺโม, ตํ อรหนฺติ นาม สีลาทิคุณยุตฺตา ปุคฺคลา, อิเม จ ตาทิสา, เตน วุจฺจนฺติ ‘‘เต ทกฺขิเณยฺยา’’ติ.
สุคตสฺส สาวกาติ ภควา โสภเนน คมเนน ยุตฺตตฺตา, โสภนฺจ านํ คตตฺตา, สุฏฺุ จ คตตฺตา, สุฏฺุ เอว จ คทตฺตา สุคโต, ตสฺส สุคตสฺส. สพฺเพปิ เต วจนํ สุณนฺตีติ สาวกา. กามฺจ อฺเปิ สุณนฺติ, น ปน สุตฺวา กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺติ, อิเม ปน สุตฺวา กตฺตพฺพํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺตึ กตฺวา มคฺคผลานิ ปตฺตา, ตสฺมา ‘‘สาวกา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานีติ เอเตสุ สุคตสาวเกสุ อปฺปกานิปิ ทานานิ ทินฺนานิ ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิภาวํ อุปคตตฺตา มหปฺผลานิ โหนฺติ. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ –
‘‘ยาวตา ¶ , ภิกฺขเว ¶ , สงฺฆา วา คณา วา ตถาคตสาวกสงฺโฆ, เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ…เป… อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐).
เอวํ ¶ ภควา สพฺเพสมฺปิ มคฺคฏฺผลฏฺานํ วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
เย สุปฺปยุตฺตาติคาถาวณฺณนา
๗. เอวํ มคฺคฏฺผลฏฺานํ วเสน สงฺฆคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ตโต เอกจฺจานํ ผลสมาปตฺติสุขมนุภวนฺตานํ ขีณาสวปุคฺคลานํเยว คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย สุปฺปยุตฺตา’’ติ. ตตฺถ เยติ อนิยมิตุทฺเทสวจนํ. สุปฺปยุตฺตาติ สุฏฺุ ปยุตฺตา, อเนกวิหิตํ อเนสนํ ปหาย สุทฺธาชีวิตํ นิสฺสาย วิปสฺสนาย อตฺตานํ ปยฺุชิตุมารทฺธาติ อตฺโถ. อถ วา สุปฺปยุตฺตาติ สุวิสุทฺธกายวจีปโยคสมนฺนาคตา, เตน เตสํ สีลกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. มนสา ทฬฺเหนาติ ทฬฺเหน มนสา, ถิรสมาธิยุตฺเตน เจตสาติ อตฺโถ. เตน เตสํ สมาธิกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. นิกฺกามิโนติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขา หุตฺวา ปฺาธุเรน วีริเยน สพฺพกิเลเสหิ กตนิกฺกมนา. เตน เตสํ วีริยสมฺปนฺนํ ปฺกฺขนฺธํ ทสฺเสติ.
โคตมสาสนมฺหีติ โคตฺตโต โคตมสฺส ตถาคตสฺเสว สาสนมฺหิ. เตน อิโต พหิทฺธา นานปฺปการมฺปิ อมรตปํ กโรนฺตานํ สุปฺปโยคาทิคุณาภาวโต กิเลเสหิ นิกฺกมนาภาวํ ทสฺเสติ. เตติ ปุพฺเพ อุทฺทิฏฺานํ นิทฺเทสวจนํ. ปตฺติปตฺตาติ เอตฺถ ปตฺตพฺพาติ ปตฺติ, ปตฺตพฺพา นาม ปตฺตุํ อรหา, ยํ ปตฺวา อจฺจนฺตโยคกฺเขมิโน ¶ โหนฺติ, อรหตฺตผลสฺเสตํ อธิวจนํ, ตํ ปตฺตึ ปตฺตาติ ปตฺติปตฺตา. อมตนฺติ นิพฺพานํ. วิคยฺหาติ อารมฺมณวเสน วิคาหิตฺวา. ลทฺธาติ ลภิตฺวา. มุธาติ อพฺยเยน กากณิกมตฺตมฺปิ พฺยยํ อกตฺวา. นิพฺพุตินฺติ ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลสทรถํ ผลสมาปตฺตึ. ภฺุชมานาติ อนุภวมานา. กึ วุตฺตํ โหติ? เย อิมสฺมึ โคตมสาสนมฺหิ สีลสมฺปนฺนตฺตา สุปฺปยุตฺตา, สมาธิสมฺปนฺนตฺตา มนสา ทฬฺเหน, ปฺาสมฺปนฺนตฺตา นิกฺกามิโน ¶ , เต อิมาย สมฺมาปฏิปทาย อมตํ วิคยฺห มุธา ลทฺธา ผลสมาปตฺติสฺิตํ นิพฺพุตึ ภฺุชมานา ปตฺติปตฺตา นาม โหนฺตีติ.
เอวํ ¶ ภควา ผลสมาปตฺติสุขมนุภวนฺตานํ ขีณาสวปุคฺคลานเมว วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
ยถินฺทขีโลติคาถาวณฺณนา
๘. เอวํ ขีณาสวปุคฺคลานํ คุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ พหุชนปจฺจกฺเขน โสตาปนฺนสฺเสว คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ยถินฺทขีโล’’ติ. ตตฺถ ยถาติ อุปมาวจนํ. อินฺทขีโลติ นครทฺวารวินิวารณตฺถํ อุมฺมารพฺภนฺตเร อฏฺ วา ทส วา หตฺเถ ปถวึ ขณิตฺวา อาโกฏิตสฺส สารทารุมยถมฺภสฺเสตํ อธิวจนํ. ปถวินฺติ ภูมึ. สิโตติ อนฺโต ปวิสิตฺวา นิสฺสิโต. สิยาติ ภเวยฺย. จตุพฺภิ วาเตหีติ จตูหิ ทิสาหิ อาคเตหิ วาเตหิ. อสมฺปกมฺปิโยติ กมฺเปตุํ วา จาเลตุํ วา อสกฺกุเณยฺโย. ตถูปมนฺติ ตถาวิธํ. สปฺปุริสนฺติ อุตฺตมปุริสํ. วทามีติ ภณามิ. โย อริยสจฺจานิ อเวจฺจ ปสฺสตีติ โย จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฺาย อชฺโฌคาเหตฺวา ปสฺสติ. ตตฺถ อริยสจฺจานิ กุมารปฺเห วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา หิ อินฺทขีโล ¶ คมฺภีรเนมตาย ปถวิสฺสิโต จตุพฺภิ วาเตหิ อสมฺปกมฺปิโย สิยา, อิมมฺปิ สปฺปุริสํ ตถูปมเมว วทามิ, โย อริยสจฺจานิ อเวจฺจ ปสฺสติ. กสฺมา? ยสฺมา โสปิ อินฺทขีโล วิย จตูหิ วาเตหิ สพฺพติตฺถิยวาทวาเตหิ อสมฺปกมฺปิโย โหติ, ตมฺหา ทสฺสนา เกนจิ กมฺเปตุํ วา จาเลตุํ วา อสกฺกุเณยฺโย. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อโยขีโล วา อินฺทขีโล วา คมฺภีรเนโม สุนิขาโต อจโล อสมฺปกมฺปี, ปุรตฺถิมาย เจปิ ทิสาย อาคจฺเฉยฺย ภุสา วาตวุฏฺิ, เนว นํ สงฺกมฺเปยฺย น สมฺปกมฺเปยฺย น สมฺปจาเลยฺย. ปจฺฉิมาย…เป… ทกฺขิณาย, อุตฺตรายปิ เจ…เป… น สมฺปจาเลยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? คมฺภีรตฺตา, ภิกฺขเว, เนมสฺส ¶ , สุนิขาตตฺตา อินฺทขีลสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย จ โข เกจิ สมณา วา ¶ พฺราหฺมณา วา ‘อิทํ ทุกฺขนฺติ…เป… ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานนฺติ, เต น อฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา มุขํ โอโลเกนฺติ ‘อยํ นูน ภวํ ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุทิฏฺตฺตา, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ อริยสจฺจาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๙).
เอวํ ภควา พหุชนปจฺจกฺขสฺส โสตาปนฺนสฺเสว วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
เย อริยสจฺจานีติคาถาวณฺณนา
๙. เอวํ อวิเสสโต โสตาปนฺนสฺส คุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ เย เต ตโย โสตาปนฺนา เอกพีชี โกลํโกโล สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ. ยถาห –
‘‘อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ…เป… โส เอกํเยว ภวํ นิพฺพตฺติตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ เอกพีชี. ตถา ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา ¶ สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ โกลํโกโล. ตถา สตฺตกฺขตฺตุํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ (ปุ. ป. ๓๑-๓๓).
เตสํ สพฺพกนิฏฺสฺส สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺส คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย อริยสจฺจานี’’ติ. ตตฺถ เย อริยสจฺจานีติ เอตํ วุตฺตนยเมว. วิภาวยนฺตีติ ปฺาโอภาเสน สจฺจปฺปฏิจฺฉาทกํ กิเลสนฺธการํ วิธมิตฺวา อตฺตโน ปกาสานิ ปากฏานิ กโรนฺติ. คมฺภีรปฺเนาติ อปฺปเมยฺยปฺตาย สเทวกสฺส โลกสฺส าเณน อลพฺภเนยฺยปฺปติฏฺปฺเน, สพฺพฺุนาติ วุตฺตํ โหติ. สุเทสิตานีติ สมาสพฺยาสสากลฺยเวกลฺยาทีหิ เตหิ เตหิ นเยหิ สุฏฺุ เทสิตานิ. กิฺจาปิ เต โหนฺติ ¶ ภุสํ ปมตฺตาติ เต วิภาวิตอริยสจฺจา ปุคฺคลา กิฺจาปิ เทวรชฺชจกฺกวตฺติรชฺชาทิปฺปมาทฏฺานํ อาคมฺม ภุสํ ปมตฺตา โหนฺติ, ตถาปิ โสตาปตฺติมคฺคาเณน อภิสงฺขารวิฺาณสฺส นิโรเธน เปตฺวา สตฺต ภเว อนมตคฺเค สํสาเร เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ นามฺจ รูปฺจ, เตสํ นิรุทฺธตฺตา อตฺถงฺคตตฺตา น อฏฺมํ ภวํ อาทิยนฺติ, สตฺตมภเว เอว ปน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณนฺติ.
เอวํ ¶ ภควา สตฺตกฺขตฺตุปรมวเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
สหาวสฺสาติคาถาวณฺณนา
๑๐. เอวํ สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺส อฏฺมํ ภวํ อนาทิยนคุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ตสฺเสว สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺเน คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘สหาวสฺสา’’ติ ¶ . ตตฺถ สหาวาติ สทฺธึเยว. อสฺสาติ ‘‘น เต ภวํ อฏฺมมาทิยนฺตี’’ติ วุตฺเตสุ อฺตรสฺส. ทสฺสนสมฺปทายาติ โสตาปตฺติมคฺคสมฺปตฺติยา. โสตาปตฺติมคฺโค หิ นิพฺพานํ ทิสฺวา กตฺตพฺพกิจฺจสมฺปทาย สพฺพปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺส อตฺตนิ ปาตุภาโว ทสฺสนสมฺปทา, ตาย ทสฺสนสมฺปทาย สห เอว. ตยสฺสุ ธมฺมา ชหิตา ภวนฺตีติ เอตฺถ อสฺสุ-อิติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต ‘‘อิทํ สุ เม, สาริปุตฺต, มหาวิกฏโภชนสฺมึ โหตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๖) วิย. ยโต สหาวสฺส ทสฺสนสมฺปทาย ตโย ธมฺมา ชหิตา ภวนฺติ ปหีนา โหนฺตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
อิทานิ ชหิตธมฺมทสฺสนตฺถมาห ‘‘สกฺกายทิฏฺี วิจิกิจฺฉิตฺจ, สีลพฺพตํ วาปิ ยทตฺถิ กิฺจี’’ติ. ตตฺถ สติ กาเย วิชฺชมาเน อุปาทานกฺขนฺธปฺจกาขฺเย กาเย วีสติวตฺถุกา ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ, สตี วา ตตฺถ กาเย ทิฏฺีติปิ สกฺกายทิฏฺิ, ยถาวุตฺตปฺปกาเร กาเย วิชฺชมานา ทิฏฺีติ อตฺโถ. สติเยว วา กาเย ทิฏฺีติปิ สกฺกายทิฏฺิ, ยถาวุตฺตปฺปกาเร กาเย วิชฺชมาเน ¶ รูปาทิสงฺขาโต อตฺตาติ เอวํ ปวตฺตา ทิฏฺีติ อตฺโถ. ตสฺสา จ ปหีนตฺตา สพฺพทิฏฺิคตานิ ปหีนาเนว โหนฺติ. สา หิ เนสํ มูลํ. สพฺพกิเลสพฺยาธิวูปสมนโต ปฺา‘‘จิกิจฺฉิต’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ ปฺาจิกิจฺฉิตํ อิโต วิคตํ, ตโต วา ปฺาจิกิจฺฉิตา อิทํ วิคตนฺติ วิจิกิจฺฉิตํ. ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๐๘; วิภ. ๙๑๕) นเยน วุตฺตาย อฏฺวตฺถุกาย วิมติยา เอตํ อธิวจนํ. ตสฺสา ปหีนตฺตา สพฺพานิปิ วิจิกิจฺฉิตานิ ปหีนานิ โหนฺติ. ตฺหิ เนสํ มูลํ. ‘‘อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ ¶ สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติ เอวมาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๒๒; วิภ. ๙๓๘) อาคตํ โคสีลกุกฺกุรสีลาทิกํ สีลํ โควตกุกฺกุรวตาทิกฺจ วตํ สีลพฺพตนฺติ วุจฺจติ, ตสฺส ปหีนตฺตา สพฺพมฺปิ นคฺคิยมุณฺฑิกาทิอมรตปํ ปหีนํ โหติ. ตฺหิ ตสฺส มูลํ, เตเนว สพฺพาวสาเน วุตฺตํ ‘‘ยทตฺถิ กิฺจี’’ติ. ทุกฺขทสฺสนสมฺปทาย เจตฺถ สกฺกายทิฏฺิ ¶ สมุทยทสฺสนสมฺปทาย วิจิกิจฺฉิตํ, มคฺคทสฺสนนิพฺพานทสฺสนสมฺปทาย สีลพฺพตํ ปหียตีติ วิฺาตพฺพํ.
จตูหปาเยหีติคาถาวณฺณนา
๑๑. เอวมสฺส กิเลสวฏฺฏปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึ กิเลสวฏฺเฏ สติ เยน วิปากวฏฺเฏน ภวิตพฺพํ, ตปฺปหานา ตสฺสาปิ ปหานํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘จตูหปาเยหิ จ วิปฺปมุตฺโต’’ติ. ตตฺถ จตฺตาโร อปายา นาม นิรยติรจฺฉานเปตฺติวิสยอสุรกายา. เตหิ เอส สตฺต ภเว อาทิยนฺโตปิ วิปฺปมุตฺโตติ อตฺโถ.
เอวมสฺส วิปากวฏฺฏปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยมสฺส วิปากวฏฺฏสฺส มูลภูตํ กมฺมวฏฺฏํ, ตสฺสาปิ ปหานํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉจฺจาภิานานิ อภพฺพ กาตุ’’นฺติ. ตตฺถ อภิานานีติ โอฬาริกฏฺานานิ, ตานิ เอส ฉ อภพฺโพ กาตุํ. ตานิ จ ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๑.๒๗๑; ม. นิ. ๓.๑๒๘; วิภ. ๘๐๙) นเยน เอกกนิปาเต วุตฺตานิ มาตุฆาตปิตุฆาตอรหนฺตฆาตโลหิตุปฺปาทสงฺฆเภทอฺสตฺถารุทฺเทสกมฺมานีติ เวทิตพฺพานิ. ตานิ หิ กิฺจาปิ ทิฏฺิสมฺปนฺโน อริยสาวโก กุนฺถกิปิลฺลิกมฺปิ ชีวิตา น โวโรเปติ, อปิจ ¶ โข ปน ปุถุชฺชนภาวสฺส วิครหณตฺถํ วุตฺตานิ. ปุถุชฺชโน หิ อทิฏฺิสมฺปนฺนตฺตา เอวํมหาสาวชฺชานิ อภิานานิปิ กโรติ, ทสฺสนสมฺปนฺโน ปน อภพฺโพ ตานิ กาตุนฺติ. อภพฺพคฺคหณฺเจตฺถ ภวนฺตเรปิ อกรณทสฺสนตฺถํ. ภวนฺตเรปิ หิ เอส อตฺตโน อริยสาวกภาวํ อชานนฺโตปิ ธมฺมตาย เอว เอตานิ วา ฉ ปกติปาณาติปาตาทีนิ ¶ วา ปฺจ เวรานิ อฺสตฺถารุทฺเทเสน สห ฉ านานิ น กโรติ, ยานิ สนฺธาย เอกจฺเจ ‘‘ฉ ฉาภิานานี’’ติปิ ปนฺติ. มตมจฺฉคฺคาหาทโย เจตฺถ อริยสาวกคามทารกานํ นิทสฺสนํ.
เอวํ ภควา สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อริยสาวกสฺส อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺคุณวเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
กิฺจาปิ โสติคาถาวณฺณนา
๑๒. เอวํ ¶ สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺคุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ น เกวลํ ทสฺสนสมฺปนฺโน ฉ อภิานานิ อภพฺโพ กาตุํ, กินฺตุ อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปกมฺมํ กตฺวา ตสฺส ปฏิจฺฉาทนายปิ อภพฺโพติ ปมาทวิหาริโนปิ ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส กตปฺปฏิจฺฉาทนาภาวคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘กิฺจาปิ โส กมฺม กโรติ ปาปก’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – โส ทสฺสนสมฺปนฺโน กิฺจาปิ สติสมฺโมเสน ปมาทวิหารํ อาคมฺม ยํ ตํ ภควตา โลกวชฺชํ สฺจิจฺจาติกฺกมนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (จูฬว. ๓๘๕; อุทา. ๔๕) ตํ เปตฺวา อฺํ กุฏิการสหเสยฺยาทึ ปณฺณตฺติวชฺชวีติกฺกมสงฺขาตํ พุทฺธปฺปติกุฏฺํ กาเยน ปาปกมฺมํ กโรติ, ปทโสธมฺมอุตฺตริฉปฺปฺจวาจาธมฺมเทสนสมฺผปฺปลาปผรุสวจนาทึ วา วาจาย ¶ , อุท เจตสา วา กตฺถจิ โลภโทสุปฺปาทนํ ชาตรูปาทิสาทิยนํ จีวราทิปริโภเคสุ อปจฺจเวกฺขณาทึ วา ปาปกมฺมํ กโรติ. อภพฺโพ โส ตสฺส ¶ ปฏิจฺฉทาย น โส ตํ ‘‘อิทํ อกปฺปิยมกรณีย’’นฺติ ชานิตฺวา มุหุตฺตมฺปิ ปฏิจฺฉาเทติ, ตํขณํ เอว ปน สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ กตฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, ‘‘น ปุน กริสฺสามี’’ติ เอวํ สํวริตพฺพํ วา สํวรติ. กสฺมา? ยสฺมา อภพฺพตา ทิฏฺปทสฺส วุตฺตา, เอวรูปมฺปิ ปาปกมฺมํ กตฺวา ตสฺส ปฏิจฺฉาทาย ทิฏฺนิพฺพานปทสฺส ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส อภพฺพตา วุตฺตาติ อตฺโถ.
กถํ?
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทหโร กุมาโร มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก หตฺเถน วา ปาเทน วา องฺคารํ อกฺกมิตฺวา ขิปฺปเมว ปฏิสํหรติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ธมฺมตา เอสา ทิฏฺิสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส, กิฺจาปิ ตถารูปึ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, ยถารูปาย อาปตฺติยา วุฏฺานํ ปฺายติ. อถ โข นํ ขิปฺปเมว สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ เทเสติ วิวรติ อุตฺตานีกโรติ, เทเสตฺวา วิวริตฺวา อุตฺตานีกตฺวา อายตึ สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๙๖).
เอวํ ภควา ปมาทวิหาริโนปิ ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส กตปฺปฏิจฺฉาทนาภาวคุเณน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ ¶ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
วนปฺปคุมฺเพติคาถาวณฺณนา
๑๓. เอวํ สงฺฆปริยาปนฺนานํ ปุคฺคลานํ เตน เตน คุณปฺปกาเรน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ยฺวายํ ภควตา รตนตฺตยคุณํ ทีเปนฺเตน อิธ สงฺเขเปน อฺตฺร จ วิตฺถาเรน ปริยตฺติธมฺโม เทสิโต, ตมฺปิ นิสฺสาย ปุน พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘วนปฺปคุมฺเพ ยถา ผุสฺสิตคฺเค’’ติ. ตตฺถ อาสนฺนสนฺนิเวสววตฺถิตานํ รุกฺขานํ สมูโห ¶ วนํ, มูลสารเผคฺคุตจสาขาปลาเสหิ ปวุทฺโธ คุมฺโพ ปคุมฺโพ, วนสฺส, วเน วา ปคุมฺโพ วนปฺปคุมฺโพ. สฺวายํ ‘‘วนปฺปคุมฺเพ’’ติ วุตฺโต, เอวมฺปิ หิ วตฺตุํ ลพฺภติ ‘‘อตฺถิ สวิตกฺกสวิจาเร ¶ , อตฺถิ อวิตกฺกวิจารมตฺเต, สุเข ทุกฺเข ชีเว’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๗๔; ม. นิ. ๒.๒๒๘) วิย. ยถาติ อุปมาวจนํ. ผุสฺสิตานิ อคฺคานิ อสฺสาติ ผุสฺสิตคฺโค, สพฺพสาขาปสาขาสุ สฺชาตปุปฺโผติ อตฺโถ. โส ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ‘‘ผุสฺสิตคฺเค’’ติ วุตฺโต. คิมฺหานมาเส ปมสฺมึ คิมฺเหติ เย จตฺตาโร คิมฺหานํ มาสา, เตสํ จตุนฺนํ คิมฺหมาสานํ เอกสฺมึ มาเส. กตรสฺมึ มาเส อิติ เจ? ปมสฺมึ คิมฺเห, จิตฺรมาเสติ อตฺโถ. โส หิ ‘‘ปมคิมฺโห’’ติ จ ‘‘พาลวสนฺโต’’ติ จ วุจฺจติ. ตโต ปรํ ปทตฺถโต ปากฏเมว.
อยํ ปเนตฺถ ปิณฺฑตฺโถ – ยถา ปมคิมฺหนามเก พาลวสนฺเต นานาวิธรุกฺขคหเน วเน สุปุปฺผิตคฺคสาโข ตรุณรุกฺขคจฺฉปริยายนาโม ปคุมฺโพ อติวิย สสฺสิริโก โหติ, เอวเมว ขนฺธายตนาทีหิ สติปฏฺานสมฺมปฺปธานาทีหิ สีลสมาธิกฺขนฺธาทีหิ วา นานปฺปกาเรหิ อตฺถปฺปเภทปุปฺเผหิ อติวิย สสฺสิริกตฺตา ตถูปมํ นิพฺพานคามิมคฺคทีปนโต นิพฺพานคามึ ปริยตฺติธมฺมวรํ เนว ลาภเหตุ น สกฺการาทิเหตุ, เกวลนฺตุ มหากรุณาย อพฺภุสฺสาหิตหทโย สตฺตานํ ปรมหิตาย อเทสยีติ. ปรมํ หิตายาติ เอตฺถ จ คาถาพนฺธสุขตฺถํ อนุนาสิโก. อยํ ปนตฺโถ – ปรมหิตาย นิพฺพานาย อเทสยีติ.
เอวํ ภควา อิมํ สุปุปฺผิตคฺควนปฺปคุมฺพสทิสํ ปริยตฺติธมฺมํ วตฺวา อิทานิ ตเมว นิสฺสาย พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน อิทมฺปิ ยถาวุตฺตปการปริยตฺติธมฺมสงฺขาตํ ¶ พุทฺเธ รตนํ ปณีตนฺติ เอวํ โยเชตพฺพํ ¶ . อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
วโร วรฺูติคาถาวณฺณนา
๑๔. เอวํ ภควา ปริยตฺติธมฺเมน พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ โลกุตฺตรธมฺเมน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘วโร วรฺู’’ติ. ตตฺถ วโรติ ปณีตาธิมุตฺติเกหิ อิจฺฉิโต ‘‘อโห วต มยมฺปิ เอวรูปา อสฺสามา’’ติ, วรคุณโยคโต วา วโร อุตฺตโม เสฏฺโติ อตฺโถ. วรฺูติ ¶ นิพฺพานฺู. นิพฺพานฺหิ สพฺพธมฺมานํ อุตฺตมฏฺเน วรํ, ตฺเจส โพธิมูเล สยํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา อฺาสิ. วรโทติ ปฺจวคฺคิยภทฺทวคฺคิยชฏิลาทีนํ อฺเสฺจ เทวมนุสฺสานํ นิพฺเพธภาคิยวาสนาภาคิยวรธมฺมทายีติ อตฺโถ. วราหโรติ วรสฺส มคฺคสฺส อาหฏตฺตา วราหโรติ วุจฺจติ. โส หิ ภควา ทีปงฺกรโต ปภุติ สมตึส ปารมิโย ปูเรนฺโต ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อนุยาตํ ปุราณมคฺควรมาหริ, เตน ‘‘วราหโร’’ติ วุจฺจติ.
อปิจ สพฺพฺุตฺาณปฺปฏิลาเภน วโร, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย วรฺู, สตฺตานํ วิมุตฺติสุขทาเนน วรโท, อุตฺตมปฏิปทาหรเณน วราหโร. เอเตหิ โลกุตฺตรคุเณหิ อธิกสฺส กสฺสจิ คุณสฺส อภาวโต อนุตฺตโร.
อปโร นโย – วโร อุปสมาธิฏฺานปริปูรเณน, วรฺู ปฺาธิฏฺานปริปูรเณน, วรโท จาคาธิฏฺานปริปูรเณน, วราหโร สจฺจาธิฏฺานปริปูรเณน, วรํ มคฺคสจฺจมาหรีติ. ตถา วโร ปฺุุสฺสเยน, วรฺู ปฺุสฺสเยน, วรโท พุทฺธภาวตฺถิกานํ ตทุปายสมฺปทาเนน, วราหโร ปจฺเจกพุทฺธภาวตฺถิกานํ ตทุปายาหรเณน, อนุตฺตโร ตตฺถ ตตฺถ อสทิสตาย, อตฺตนา วา อนาจริยโก หุตฺวา ปเรสํ อาจริยภาเวน, ธมฺมวรํ อเทสยิ สาวกภาวตฺถิกานํ ตทตฺถาย สฺวากฺขาตตาทิคุณยุตฺตสฺส ธมฺมวรสฺส เทสนโต. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
เอวํ ภควา นววิเธน โลกุตฺตรธมฺเมน อตฺตโน คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว ¶ คุณํ นิสฺสาย พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยฺุชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน ยํ วรํ โลกุตฺตรธมฺมํ เอส อฺาสิ, ยฺจ อทาสิ, ยฺจ อาหริ, ยฺจ เทเสสิ, อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตนฺติ เอวํ โยเชตพฺพํ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
ขีณนฺติคาถาวณฺณนา
๑๕. เอวํ ¶ ภควา ปริยตฺติธมฺมฺจ นวโลกุตฺตรธมฺมฺจ นิสฺสาย ทฺวีหิ คาถาหิ พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ เย ตํ ปริยตฺติธมฺมํ อสฺโสสุํ, สุตานุสาเรน ¶ จ ปฏิปชฺชิตฺวา นวปฺปการมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคมึสุ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพานปตฺติคุณํ นิสฺสาย ปุน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ขีณํ ปุราณ’’นฺติ. ตตฺถ ขีณนฺติ สมุจฺฉินฺนํ. ปุราณนฺติ ปุราตนํ. นวนฺติ สมฺปติ วตฺตมานํ. นตฺถิ สมฺภวนฺติ อวิชฺชมานปาตุภาวํ. วิรตฺตจิตฺตาติ วีตราคจิตฺตา. อายติเก ภวสฺมินฺติ อนาคตมทฺธานํ ปุนพฺภเว. เตติ เยสํ ขีณํ ปุราณํ นวํ นตฺถิ สมฺภวํ, เย จ อายติเก ภวสฺมึ วิรตฺตจิตฺตา, เต ขีณาสวา ภิกฺขู. ขีณพีชาติ อุจฺฉินฺนพีชา. อวิรูฬฺหิฉนฺทาติ วิรูฬฺหิฉนฺทวิรหิตา. นิพฺพนฺตีติ วิชฺฌายนฺติ. ธีราติ ธิติสมฺปนฺนา. ยถายํ ปทีโปติ อยํ ปทีโป วิย.
กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ ตํ สตฺตานํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธมฺปิ ปุราณํ อตีตกาลิกํ กมฺมํ ตณฺหาสิเนหสฺส อปฺปหีนตฺตา ปฏิสนฺธิอาหรณสมตฺถตาย อขีณํเยว โหติ, ตํ ปุราณํ กมฺมํ เยสํ อรหตฺตมคฺเคน ตณฺหาสิเนหสฺส โสสิตตฺตา อคฺคินา ทฑฺฒพีชมิว อายตึ วิปากทานาสมตฺถตาย ขีณํ. ยฺจ เนสํ พุทฺธปูชาทิวเสน อิทานิ ปวตฺตมานํ กมฺมํ นวนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ตณฺหาปหาเนเนว ฉินฺนมูลปาทปปุปฺผมิว อายตึ ผลทานาสมตฺถตาย เยสํ นตฺถิ สมฺภวํ, เย จ ตณฺหาปหาเนเนว อายติเก ภวสฺมึ วิรตฺตจิตฺตา, เต ขีณาสวา ภิกฺขู ‘‘กมฺมํ ¶ เขตฺตํ วิฺาณํ พีช’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๗๗) เอตฺถ วุตฺตสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส กมฺมกฺขเยเนว ขีณตฺตา ขีณพีชา. โยปิ ปุพฺเพ ปุนพฺภวสงฺขาตาย วิรูฬฺหิยา ฉนฺโท อโหสิ. ตสฺสปิ สมุทยปฺปหาเนเนว ปหีนตฺตา ปุพฺเพ วิย จุติกาเล อสมฺภเวน อวิรูฬฺหิฉนฺทา ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีรา จริมวิฺาณนิโรเธน ยถายํ ปทีโป นิพฺพุโต, เอวํ นิพฺพนฺติ, ปุน ‘‘รูปิโน วา อรูปิโน วา’’ติ เอวมาทึ ปฺตฺติปถํ อจฺเจนฺตีติ. ตสฺมึ กิร สมเย นครเทวตานํ ปูชนตฺถาย ชาลิเตสุ ปทีเปสุ เอโก ปทีโป วิชฺฌายิ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถายํ ปทีโป’’ติ.
เอวํ ภควา เย ตํ ปุริมาหิ ทฺวีหิ คาถาหิ วุตฺตํ ปริยตฺติธมฺมํ อสฺโสสุํ, สุตานุสาเรน จ ปฏิปชฺชิตฺวา นวปฺปการมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคมึสุ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพานปตฺติคุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยฺุชนฺโต เทสนํ สมาเปสิ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ¶ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน อิทมฺปิ ยถาวุตฺเตน ปกาเรน ¶ ขีณาสวภิกฺขูนํ นิพฺพานสงฺขาตํ สงฺเฆ รตนํ ปณีตนฺติ เอวํ โยเชตพฺพํ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.
เทสนาปริโยสาเน ราชกุลสฺส โสตฺถิ อโหสิ, สพฺพูปทฺทวา วูปสมึสุ, จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.
ยานีธาติคาถาตฺตยวณฺณนา
๑๖. อถ สกฺโก เทวานมินฺโท ‘‘ภควตา รตนตฺตยคุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยฺุชมาเนน นาครสฺส โสตฺถิ กตา, มยาปิ นาครสฺส โสตฺถิตฺถํ รตนตฺตยคุณํ นิสฺสาย กิฺจิ วตฺตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อวสาเน คาถาตฺตยํ อภาสิ ‘‘ยานีธ ภูตานี’’ติ ตตฺถ ยสฺมา พุทฺโธ ยถา โลกหิตตฺถาย อุสฺสุกฺกํ อาปนฺเนหิ อาคนฺตพฺพํ ¶ , ตถา อาคตโต ยถา จ เตหิ คนฺตพฺพํ, ตถา คตโต ยถา จ เตหิ อาชานิตพฺพํ, ตถา อาชานนโต, ยถา จ ชานิตพฺพํ, ตถา ชานนโต, ยฺจ ตเถว โหติ, ตสฺส คทนโต จ ‘‘ตถาคโต’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา จ โส เทวมนุสฺเสหิ ปุปฺผคนฺธาทินา พหิ นิพฺพตฺเตน อุปการเกน, ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตาทินา จ อตฺตนิ นิพฺพตฺเตน อติวิย ปูชิโต, ตสฺมา สกฺโก เทวานมินฺโท สพฺพํ เทวปริสํ อตฺตนา สทฺธึ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, พุทฺธํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ.
๑๗. ยสฺมา ปน ธมฺเม มคฺคธมฺโม ยถา ยุคนทฺธสมถวิปสฺสนาพเลน คนฺตพฺพํ กิเลสปกฺขํ สมุจฺฉินฺทนฺเตน, ตถา คโตติ ตถาคโต. นิพฺพานธมฺโมปิ ยถา คโต ปฺาย ปฏิวิทฺโธ สพฺพทุกฺขปฺปฏิวิฆาตาย สมฺปชฺชติ, พุทฺธาทีหิ ตถา อวคโต, ตสฺมา ‘‘ตถาคโต’’ตฺเวว วุจฺจติ. ยสฺมา จ สงฺโฆปิ ยถา อตฺตหิตาย ปฏิปนฺเนหิ คนฺตพฺพํ เตน เตน มคฺเคน, ตถา คโตติ ‘‘ตถาคโต’’ตฺเวว วุจฺจติ. ตสฺมา อวเสสคาถาทฺวเยปิ ตถาคตํ ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตุ, ตถาคตํ สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตูติ วุตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
เอวํ ¶ สกฺโก เทวานมินฺโท อิมํ คาถาตฺตยํ ภาสิตฺวา ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เทวปุรเมว คโต สทฺธึ เทวปริสาย. ภควา ปน ตเทว รตนสุตฺตํ ทุติยทิวเสปิ เทเสสิ, ปุน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, เอวํ ยาว สตฺตมทิวสํ เทเสสิ, ทิวเส ทิวเส ตเถว ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภควา อฑฺฒมาสเมว เวสาลิยํ วิหริตฺวา ราชูนํ ‘‘คจฺฉามา’’ติ ปฏิเวเทสิ. ตโต ราชาโน ทิคุเณน สกฺกาเรน ¶ ปุน ตีหิ ทิวเสหิ ภควนฺตํ ¶ คงฺคาตีรํ นยึสุ. คงฺคาย นิพฺพตฺตา นาคราชาโน จินฺเตสุํ ‘‘มนุสฺสา ตถาคตสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กริสฺสามา’’ติ สุวณฺณรชตมณิมยา นาวาโย มาเปตฺวา สุวณฺณรชตมณิมเย เอว ปลฺลงฺเก ปฺเปตฺวา ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ อุทกํ กริตฺวา ‘‘อมฺหากํ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา อธิวาเสตฺวา รตนนาวมารูฬฺโห, ปฺจ จ ภิกฺขุสตานิ ปฺจสตํ นาวาโย อภิรูฬฺหา. นาคราชาโน ภควนฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน นาคภวนํ ปเวเสสุํ. ตตฺร สุทํ ภควา สพฺพรตฺตึ นาคปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. ทุติยทิวเส ทิพฺเพหิ ขาทนียโภชนีเยหิ มหาทานํ อกํสุ, ภควา อนุโมทิตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิ.
ภูมฏฺา เทวา ‘‘มนุสฺสา จ นาคา จ ตถาคตสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กริสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา วนปฺปคุมฺพรุกฺขปพฺพตาทีสุ ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุกฺขิปึสุ. เอเตเนว อุปาเยน ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมภวนํ, ตาว มหาสกฺการวิเสโส นิพฺพตฺติ. พิมฺพิสาโรปิ ลิจฺฉวีหิ อาคตกาเล กตสกฺการโต ทิคุณมกาสิ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปฺจหิ ทิวเสหิ ภควนฺตํ ราชคหํ อาเนสิ.
ราชคหมนุปฺปตฺเต ภควติ ปจฺฉาภตฺตํ มณฺฑลมาเฬ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ อยมนฺตรกถา อุทปาทิ ‘‘อโห พุทฺธสฺส ภควโต อานุภาโว, ยํ อุทฺทิสฺส คงฺคาย โอรโต จ ปารโต จ อฏฺโยชโน ภูมิภาโค นินฺนฺจ ถลฺจ สมํ กตฺวา วาลุกาย โอกิริตฺวา ปุปฺเผหิ สฺฉนฺโน, โยชนปฺปมาณํ คงฺคาย อุทกํ นานาวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ, ยาว อกนิฏฺภวนํ, ตาว ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุสฺสิตานี’’ติ. ภควา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ตงฺขณานุรูเปน ปาฏิหาริเยน คนฺตฺวา มณฺฑลมาเฬ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน ¶ นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ. ภิกฺขู สพฺพํ ¶ อาโรเจสุํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ ปูชาวิเสโส มยฺหํ พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อปิจ โข ปุพฺเพ อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ. ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘น มยํ, ภนฺเต, ตํ อปฺปมตฺตกํ ปริจฺจาคํ ชานาม, สาธุ โน ภควา ตถา กเถตุ, ยถา มยํ ตํ ชาเนยฺยามา’’ติ.
ภควา อาห – ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ตกฺกสิลายํ สงฺโข นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต สุสีโม นาม มาณโว โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วเยน. โส เอกทิวสํ ปิตรํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ ตํ ปิตา อาห ‘‘กึ, ตาต, สุสีมา’’ติ? โส อาห ‘‘อิจฺฉามหํ, ตาต, พาราณสึ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคเหตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ ¶ , ตาต, สุสีม, อสุโก นาม พฺราหฺมโณ มม สหายโก, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อุคฺคณฺหาหี’’ติ กหาปณสหสฺสํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา มาตาปิตโร อภิวาเทตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คนฺตฺวา อุปจารยุตฺเตน วิธินา อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา อตฺตานํ นิเวเทสิ. อาจริโย ‘‘มม สหายกสฺส ปุตฺโต’’ติ มาณวํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปาหุเนยฺยวตฺตมกาสิ. โส อทฺธานกิลมถํ วิโนเทตฺวา ตํ กหาปณสหสฺสํ อาจริยสฺส ปาทมูเล เปตฺวา สิปฺปํ อุคฺคเหตุํ โอกาสํ ยาจิ. อาจริโย โอกาสํ กตฺวา อุคฺคณฺหาเปสิ.
โส ลหฺุจ คณฺหนฺโต, พหฺุจ คณฺหนฺโต, คหิตคหิตฺจ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตเตลมิว อวินสฺสมานํ ธาเรนฺโต, ทฺวาทสวสฺสิกํ สิปฺปํ กติปยมาเสเนว ปริโยสาเปสิ. โส สชฺฌายํ กโรนฺโต อาทิมชฺฌํเยว ปสฺสติ, โน ปริโยสานํ. อถ อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห ‘‘อิมสฺส สิปฺปสฺส ¶ อาทิมชฺฌเมว ปสฺสามิ, โน ปริโยสาน’’นฺติ. อาจริโย อาห ‘‘อหมฺปิ, ตาต, เอวเมวา’’ติ. อถ โก, อาจริย, อิมสฺส สิปฺปสฺส ปริโยสานํ ชานาตีติ? อิสิปตเน, ตาต, อิสโย อตฺถิ, เต ชาเนยฺยุนฺติ. เต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉามิ, อาจริยาติ? ปุจฺฉ, ตาต, ยถาสุขนฺติ. โส อิสิปตนํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘อปิ, ภนฺเต, ปริโยสานํ ชานาถา’’ติ? อาม, อาวุโส, ชานามาติ. ตํ มมฺปิ สิกฺขาเปถาติ. เตน หาวุโส, ปพฺพชาหิ, น สกฺกา อปพฺพชิเตน สิกฺขาเปตุนฺติ. สาธุ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ วา มํ, ยํ วา อิจฺฉถ, ตํ กตฺวา ปริโยสานํ ¶ ชานาเปถาติ. เต ตํ ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชตุํ อสมตฺถา ‘‘เอวํ เต นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน อาภิสมาจาริกํ สิกฺขาเปสุํ. โส ตตฺถ สิกฺขนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา น จิเรเนว ปจฺเจกโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. สกลพาราณสิยํ ‘‘สุสีมปจฺเจกพุทฺโธ’’ติ ปากโฏ อโหสิ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต สมฺปนฺนปริวาโร. โส อปฺปายุกสํวตฺตนิกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา น จิเรเนว ปรินิพฺพายิ. ตสฺส ปจฺเจกพุทฺธา จ มหาชนกาโย จ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา นครทฺวาเร ถูปํ ปติฏฺาเปสุํ.
อถ โข สงฺโข พฺราหฺมโณ ‘‘ปุตฺโต เม จิรคโต, น จสฺส ปวตฺตึ ชานามี’’ติ ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม ตกฺกสิลาย นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คนฺตฺวา มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา พหูสุ เอโกปิ เม ปุตฺตสฺส ปวตฺตึ ชานิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘สุสีโม นาม มาณโว อิธ อาคโต อตฺถิ, อปิ นุ ตสฺส ปวตฺตึ ชานาถา’’ติ? เต ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ชานาม, อิมสฺมึ นคเร พฺราหฺมณสฺส สนฺติเก ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา อนุปาทิเสสาย ¶ นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, อยมสฺส ถูโป ปติฏฺาปิโต’’ติ อาหํสุ. โส ภูมึ หตฺเถน ปหริตฺวา โรทิตฺวา จ ปริเทวิตฺวา จ ¶ ตํ เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา ติณานิ อุทฺธริตฺวา อุตฺตรสาฏเกน วาลุกํ อาเนตฺวา ปจฺเจกพุทฺธเจติยงฺคเณ โอกิริตฺวา กมณฺฑลุโต อุทเกน สมนฺตโต ภูมึ ปริปฺโผสิตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา อุตฺตรสาฏเกน ปฏากํ อาโรเปตฺวา ถูปสฺส อุปริ อตฺตโน ฉตฺตํ พนฺธิตฺวา ปกฺกามีติ.
เอวํ อตีตํ เทเสตฺวา ชาตกํ ปจฺจุปฺปนฺเนน อนุสนฺเธนฺโต ภิกฺขูนํ ธมฺมกถํ กเถสิ. ‘‘สิยา โข ปน โว, ภิกฺขเว, เอวมสฺส ‘อฺโ นูน เตน สมเยน สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสี’ติ, น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, อหํ เตน สมเยน สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสึ, มยา สุสีมสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส เจติยงฺคเณ ติณานิ อุทฺธฏานิ, ตสฺส เม กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺคํ วิคตขาณุกณฺฏกํ กตฺวา สมํ สุทฺธมกํสุ. มยา ตตฺถ วาลุกา โอกิณฺณา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺเค วาลุกํ โอกิรึสุ. มยา ตตฺถ วนกุสุเมหิ ปูชา กตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน นวโยชเน มคฺเค ถเล จ อุทเก จ นานาปุปฺเผหิ ¶ ปุปฺผสนฺถรมกํสุ. มยา ตตฺถ กมณฺฑลุทเกน ภูมิ ปริปฺโผสิตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน เวสาลิยํ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. มยา ตสฺมึ เจติเย ปฏากา อาโรปิตา, ฉตฺตฺจ พทฺธํ, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน ยาว อกนิฏฺภวนา ปฏากา จ อาโรปิตา, ฉตฺตาติฉตฺตานิ จ อุสฺสิตานิ. อิติ โข, ภิกฺขเว, อยํ มยฺหํ ปูชาวิเสโส เนว พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต ¶ , น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อปิจ โข อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ. ธมฺมกถาปริโยสาเน อิมํ คาถมภาสิ –
‘‘มตฺตาสุขปริจฺจาคา, ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ;
จเช มตฺตาสุขํ ธีโร, สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๙๐);
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
รตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ติโรกุฏฺฏสุตฺตวณฺณนา
นิกฺเขปปฺปโยชนํ
อิทานิ ¶ ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติอาทินา รตนสุตฺตานนฺตรํ นิกฺขิตฺตสฺส ติโรกุฏฺฏสุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต, ตสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ วตฺวา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม.
ตตฺถ อิทฺหิ ติโรกุฏฺฏํ อิมินา อนุกฺกเมน ภควตา อวุตฺตมฺปิ ยายํ อิโต ปุพฺเพ นานปฺปกาเรน กุสลกมฺมปฏิปตฺติ ทสฺสิตา, ตตฺถ ปมาทํ อาปชฺชมาโน นิรยติรจฺฉานโยนีหิ วิสิฏฺตเรปิ าเน อุปฺปชฺชมาโน ยสฺมา เอวรูเปสุ เปเตสุ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา น เอตฺถ ปมาโท กรณีโยติ ทสฺสนตฺถํ, เยหิ จ ภูเตหิ อุปทฺทุตาย เวสาลิยา อุปทฺทววูปสมนตฺถํ รตนสุตฺตํ วุตฺตํ, เตสุ เอกจฺจานิ เอวรูปานีติ ทสฺสนตฺถํ วา วุตฺตนฺติ.
อิทมสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ เวทิตพฺพํ.
อนุโมทนากถา
ยสฺมา ¶ ปนสฺส อตฺถวณฺณนา –
‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, ติโรกุฏฺฏํ ปกาสิตํ;
ปกาเสตฺวาน ตํ สพฺพํ, กยิรมานา ยถากฺกมํ;
สุกตา โหติ ตสฺมาหํ, กริสฺสามิ ตเถว ตํ’’.
เกน ปเนตํ ปกาสิตํ, กตฺถ กทา กสฺมา จาติ? วุจฺจเต – ภควตา ปกาสิตํ, ตํ โข ปน ราชคเห ทุติยทิวเส ¶ รฺโ มาคธสฺส อนุโมทนตฺถํ. อิมสฺส จตฺถสฺส วิภาวนตฺถํ อยเมตฺถ วิตฺถารกถา กเถตพฺพา –
อิโต ¶ ทฺวานวุติกปฺเป กาสิ นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ ชยเสโน นาม ราชา. ตสฺส สิริมา นาม เทวี, ตสฺสา กุจฺฉิยํ ผุสฺโส นาม โพธิสตฺโต นิพฺพตฺติตฺวา อนุปุพฺเพน สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. ชยเสโน ราชา ‘‘มม ปุตฺโต อภินิกฺขมิตฺวา พุทฺโธ ชาโต, มยฺหเมว พุทฺโธ, มยฺหํ ธมฺโม, มยฺหํ สงฺโฆ’’ติ มมตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สพฺพกาลํ สยเมว อุปฏฺหติ, น อฺเสํ โอกาสํ เทติ.
ภควโต กนิฏฺภาตโร เวมาติกา ตโย ภาตโร จินฺเตสุํ – ‘‘พุทฺธา นาม สพฺพโลกหิตาย อุปฺปชฺชนฺติ, น เจกสฺเสวตฺถาย, อมฺหากฺจ ปิตา อฺเสํ โอกาสํ น เทติ, กถํ นุ มยํ ลเภยฺยาม ภควนฺตํ อุปฏฺาตุ’’นฺติ. เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘หนฺท มยํ กิฺจิ อุปายํ กโรมา’’ติ. เต ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วิย การาเปสุํ. ตโต ราชา ‘‘ปจฺจนฺโต กุปิโต’’ติ สุตฺวา ตโยปิ ปุตฺเต ปจฺจนฺตวูปสมนตฺถํ เปเสสิ. เต วูปสเมตฺวา อาคตา, ราชา ตุฏฺโ วรํ อทาสิ ‘‘ยํ อิจฺฉถ, ตํ คณฺหถา’’ติ. เต ‘‘มยํ ภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ อิจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘เอตํ เปตฺวา อฺํ คณฺหถา’’ติ อาห. เต ‘‘มยํ อฺเน อนตฺถิกา’’ติ อาหํสุ. เตน หิ ปริจฺเฉทํ กตฺวา คณฺหถาติ. เต สตฺต วสฺสานิ ยาจึสุ, ราชา น อทาสิ. เอวํ ฉ, ปฺจ, จตฺตาริ, ตีณิ, ทฺเว, เอกํ, สตฺต มาสานิ, ฉ, ปฺจ, จตฺตารีติ ยาว เตมาสํ ยาจึสุ. ราชา ‘‘คณฺหถา’’ติ อทาสิ.
เต วรํ ลภิตฺวา ปรมตุฏฺา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อาหํสุ – ‘‘อิจฺฉาม มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ เตมาสํ อุปฏฺาตุํ, อธิวาเสตุ โน, ภนฺเต ¶ , ภควา อิมํ เตมาสํ วสฺสาวาส’’นฺติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. ตโต เต อตฺตโน ชนปเท นิยุตฺตกปุริสสฺส ¶ เลขํ เปเสสุํ ‘‘อิมํ เตมาสํ อมฺเหหิ ภควา อุปฏฺาตพฺโพ, วิหารํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ ภควโต อุปฏฺานสมฺภารํ กโรหี’’ติ. โส ตํ สพฺพํ สมฺปาเทตฺวา ปฏินิเวเทสิ. เต กาสายวตฺถนิวตฺถา หุตฺวา อฑฺฒเตยฺเยหิ ปุริสสหสฺเสหิ เวยฺยาวจฺจกเรหิ ภควนฺตํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหมานา ชนปทํ เนตฺวา วิหารํ นิยฺยาเตตฺวา วสาเปสุํ.
เตสํ ภณฺฑาคาริโก เอโก คหปติปุตฺโต สปชาปติโก สทฺโธ อโหสิ ปสนฺโน. โส พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทานวตฺตํ สกฺกจฺจํ อทาสิ. ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส ตํ คเหตฺวา ชานปเทหิ เอกาทสมตฺเตหิ ปุริสสหสฺเสหิ สทฺธึ สกฺกจฺจเมว ทานํ ปวตฺตาเปสิ. ตตฺถ เกจิ ชานปทา ปฏิหตจิตฺตา อเหสุํ. เต ทานสฺส อนฺตรายํ กตฺวา เทยฺยธมฺเม อตฺตนา ขาทึสุ, ภตฺตสาลฺจ อคฺคินา ทหึสุ. ปวาริเต ราชปุตฺตา ภควโต มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ ปุรกฺขตฺวา ¶ ปิตุโน สกาสเมว อคมํสุ. ตตฺถ คนฺตฺวา เอว ภควา ปรินิพฺพายิ. ราชา จ ราชปุตฺตา จ ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส จ ภณฺฑาคาริโก จ อนุปุพฺเพน กาลํ กตฺวา สทฺธึ ปริสาย สคฺเค อุปฺปชฺชึสุ, ปฏิหตจิตฺตชนา นิรเยสุ นิพฺพตฺตึสุ. เอวํ เตสํ ทฺวินฺนํ คณานํ สคฺคโต สคฺคํ, นิรยโต นิรยํ อุปปชฺชนฺตานํ ทฺวานวุติกปฺปา วีติวตฺตา.
อถ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป กสฺสปพุทฺธสฺส กาเล เต ปฏิหตจิตฺตชนา เปเตสุ อุปฺปนฺนา. ตทา มนุสฺสา อตฺตโน าตกานํ เปตานํ อตฺถาย ทานํ ทตฺวา อุทฺทิสนฺติ ‘‘อิทํ อมฺหากํ าตีนํ โหตู’’ติ. เต สมฺปตฺตึ ลภนฺติ. อถ อิเมปิ เปตา ตํ ทิสฺวา ภควนฺตํ กสฺสปํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, มยมฺปิ เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลเภยฺยามา’’ติ? ภควา อาห – ‘‘อิทานิ น ลภถ ¶ , อปิจ อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตสฺส ภควโต กาเล พิมฺพิสาโร นาม ราชา ภวิสฺสติ, โส ตุมฺหากํ อิโต ทฺวานวุติกปฺเป าติ อโหสิ, โส พุทฺธสฺส ทานํ ทตฺวา ตุมฺหากํ อุทฺทิสิสฺสติ, ตทา ลภิสฺสถา’’ติ. เอวํ วุตฺเต กิร เตสํ เปตานํ ตํ วจนํ ‘‘สฺเว ลภิสฺสถา’’ติ วุตฺตํ วิย อโหสิ.
อถ เอกสฺมึ พุทฺธนฺตเร วีติวตฺเต อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิ. เตปิ ตโย ราชปุตฺตา เตหิ อฑฺฒเตยฺเยหิ ปุริสสหสฺเสหิ สทฺธึ ¶ เทวโลกา จวิตฺวา มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล อุปฺปชฺชิตฺวา อนุปุพฺเพน อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา คยาสีเส ตโย ชฏิลา อเหสุํ, ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส, ราชา อโหสิ พิมฺพิสาโร, ภณฺฑาคาริโก, คหปติ วิสาโข นาม มหาเสฏฺิ อโหสิ, ตสฺส ปชาปติ ธมฺมทินฺนา นาม เสฏฺิธีตา อโหสิ. เอวํ สพฺพาปิ อวเสสา ปริสา รฺโ เอว ปริวารา หุตฺวา นิพฺพตฺตา.
อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สตฺตสตฺตาหํ อติกฺกมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ อาคมฺม ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา ปฺจวคฺคิเย อาทึ กตฺวา ยาว อฑฺฒเตยฺยสหสฺสปริวาเร ตโย ชฏิเล วิเนตฺวา ราชคหํ อคมาสิ. ตตฺถ จ ตทหุปสงฺกมนฺตํเยว ราชานํ พิมฺพิสารํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ เอกาทสนวุเตหิ มาคธเกหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ สทฺธึ. อถ รฺา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺติโต ภควา อธิวาเสตฺวา ทุติยทิวเส สกฺเกน เทวานมินฺเทน ปุรโต ปุรโต คจฺฉนฺเตน –
‘‘ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา’’ติ. (มหาว. ๕๘) –
เอวมาทีหิ ¶ คาถาหิ อภิตฺถวิยมาโน ราชคหํ ปวิสิตฺวา รฺโ นิเวสเน มหาทานํ สมฺปฏิจฺฉิ. เต เปตา ‘‘อิทานิ ราชา ¶ อมฺหากํ ทานํ อุทฺทิสิสฺสติ, อิทานิ อุทฺทิสิสฺสตี’’ติ อาสาย ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ.
ราชา ทานํ ทตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข ภควา วิหเรยฺยา’’ติ ภควโต วิหารฏฺานเมว จินฺเตสิ, น ตํ ทานํ กสฺสจิ อุทฺทิสิ. เปตา ฉินฺนาสา หุตฺวา รตฺตึ รฺโ นิเวสเน อติวิย ภึสนกํ วิสฺสรมกํสุ. ราชา ภยสํเวคสนฺตาสมาปชฺชิ, ตโต ปภาตาย รตฺติยา ภควโต อาโรเจสิ – ‘‘เอวรูปํ สทฺทมสฺโสสึ, กึ นุ โข เม, ภนฺเต, ภวิสฺสตี’’ติ. ภควา อาห – ‘‘มา ภายิ, มหาราช, น เต กิฺจิ ปาปกํ ภวิสฺสติ, อปิจ โข เต ปุราณาตกา เปเตสุ อุปฺปนฺนา สนฺติ, เต เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตเมว ปจฺจาสีสมานา วิจรนฺติ ‘พุทฺธสฺส ทานํ ทตฺวา อมฺหากํ อุทฺทิสิสฺสตี’ติ ¶ , น เตสํ ตฺวํ หิยฺโย อุทฺทิสิ, เต ฉินฺนาสา ตถารูปํ วิสฺสรมกํสู’’ติ.
โส อาห ‘‘อิทานิ ปน, ภนฺเต, ทินฺเน ลเภยฺยุ’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ เม, ภนฺเต, อธิวาเสตุ ภควา อชฺชตนาย ทานํ, เตสํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ? ภควา อธิวาเสสิ. ราชา นิเวสนํ คนฺตฺวา มหาทานํ ปฏิยาเทตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ. ภควา ราชนฺเตปุรํ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. เตปิ โข เปตา ‘‘อปิ นาม อชฺช ลเภยฺยามา’’ติ คนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏาทีสุ อฏฺํสุ. ภควา ตถา อกาสิ, ยถา เต สพฺเพว รฺโ ปากฏา อเหสุํ. ราชา ทกฺขิโณทกํ เทนฺโต ‘‘อิทํ เม าตีนํ โหตู’’ติ อุทฺทิสิ, ตงฺขณฺเว เตสํ เปตานํ ปทุมสฺฉนฺนา โปกฺขรณิโย นิพฺพตฺตึสุ. เต ตตฺถ นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถกิลมถปิปาสา สุวณฺณวณฺณา อเหสุํ. ราชา ยาคุขชฺชกโภชนานิ ทตฺวา อุทฺทิสิ, ตงฺขณฺเว เตสํ ทิพฺพยาคุขชฺชกโภชนานิ นิพฺพตฺตึสุ. เต ตานิ ปริภฺุชิตฺวา ปีณินฺทฺริยา อเหสุํ. อถ วตฺถเสนาสนานิ ทตฺวา อุทฺทิสิ. เตสํ ¶ ทิพฺพวตฺถทิพฺพยานทิพฺพปาสาททิพฺพปจฺจตฺถรณทิพฺพเสยฺยาทิอลงฺการวิธโย นิพฺพตฺตึสุ. สาปิ เตสํ สมฺปตฺติ ยถา สพฺพาว ปากฏา โหติ, ตถา ภควา อธิฏฺาสิ. ราชา อติวิย อตฺตมโน อโหสิ. ตโต ภควา ภุตฺตาวี ปวาริโต รฺโ มาคธสฺส อนุโมทนตฺถํ ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติ อิมา คาถา อภาสิ.
เอตฺตาวตา จ ‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, ติโรกุฏฺฏํ ปกาสิตํ, ปกาเสตฺวาน ตํ สพฺพ’’นฺติ อยํ มาติกา สงฺเขปโต วิตฺถารโต จ วิภตฺตา โหติ.
ปมคาถาวณฺณนา
๑. อิทานิ ¶ อิมสฺส ติโรกุฏฺฏสฺส ยถากฺกมํ อตฺถวณฺณนํ กริสฺสาม. เสยฺยถิทํ – ปมคาถาย ตาว ติโรกุฏฺฏาติ กุฏฺฏานํ ปรภาคา วุจฺจนฺติ. ติฏฺนฺตีติ นิสชฺชาทิปฺปฏิกฺเขปโต านกปฺปนวจนเมตํ. เตน ยถา ปาการปรภาคํ ปพฺพตปรภาคฺจ คจฺฉนฺตํ ‘‘ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉตี’’ติ วทนฺติ, เอวมิธาปิ กุฏฺฏสฺส ปรภาเคสุ ติฏฺนฺเต ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ¶ ติฏฺนฺตี’’ติ อาห. สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จาติ เอตฺถ สนฺธิโยติ จตุกฺโกณรจฺฉา วุจฺจนฺติ ฆรสนฺธิภิตฺติสนฺธิอาโลกสนฺธิโย จาปิ. สิงฺฆาฏกาติ ติโกณรจฺฉา วุจฺจนฺติ, ตเทกชฺฌํ กตฺวา ปุริเมน สทฺธึ สงฺฆเฏนฺโต ‘‘สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จา’’ติ อาห. ทฺวารพาหาสุ ติฏฺนฺตีติ นครทฺวารฆรทฺวารานํ พาหา นิสฺสาย ติฏฺนฺติ. อาคนฺตฺวาน สกํ ฆรนฺติ เอตฺถ สกํ ฆรํ นาม ปุพฺพาติฆรมฺปิ อตฺตนา สามิกภาเวน อชฺฌาวุตฺถปุพฺพฆรมฺปิ. ตทุภยมฺปิ ยสฺมา เต สกฆรสฺาย อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาคนฺตฺวาน สกํ ฆร’’นฺติ อาห.
ทุติยคาถาวณฺณนา
๒. เอวํ ภควา ปุพฺเพ อนชฺฌาวุตฺถปุพฺพมฺปิ ปุพฺพาติฆรํ พิมฺพิสารนิเวสนํ สกฆรสฺาย อาคนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏสนฺธิสิงฺฆาฏกทฺวารพาหาสุ ิเต อิสฺสามจฺฉริยผลํ อนุภวนฺเต, อปฺเปกจฺเจ ทีฆมสฺสุเกสวิการธเร ¶ อนฺธการมุเข สิถิลพนฺธนวิลมฺพมานกิสผรุสกาฬกงฺคปจฺจงฺเค ตตฺถ ตตฺถ ิตวนทาหทฑฺฒตาลรุกฺขสทิเส, อปฺเปกจฺเจ ชิฆจฺฉาปิปาสารณินิมฺมถเนน อุทรโต อุฏฺาย มุขโต วินิจฺฉรนฺตาย อคฺคิชาลาย ปริฑยฺหมานสรีเร, อปฺเปกจฺเจ สูจิฉิทฺทาณุมตฺตกณฺพิลตาย ปพฺพตาการกุจฺฉิตาย จ ลทฺธมฺปิ ปานโภชนํ ยาวทตฺถํ ภฺุชิตุํ อสมตฺถตาย ขุปฺปิปาสาปเรเต อฺํ รสมวินฺทมาเน, อปฺเปกจฺเจ อฺมฺสฺส อฺเสํ วา สตฺตานํ ปภินฺนคณฺฑปิฬกมุขา ปคฺฆริตรุธิรปุพฺพลสิกาทึ ลทฺธา อมตมิว สายมาเน อติวิย ทุทฺทสิกวิรูปภยานกสรีเร พหู เปเต รฺโ นิทสฺเสนฺโต –
‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺติ, สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จ;
ทฺวารพาหาสุ ติฏฺนฺติ, อาคนฺตฺวาน สกํ ฆร’’นฺติ. –
วตฺวา ปุน เตหิ กตสฺส กมฺมสฺส ทารุณภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหี’’ติ ทุติยคาถมาห.
ตตฺถ ¶ ปหูเตติ อนปฺปเก พหุมฺหิ, ยาวทตฺถิเกติ วุตฺตํ โหติ. ภ-การสฺส หิ ห-กาโร ลพฺภติ ‘‘ปหุ สนฺโต น ภรตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘) วิย. เกจิ ปน ‘‘พหูเต’’ อิติ จ ‘‘พหูเก’’ อิติ จ ปนฺติ. ปมาทปาา เอเต ¶ . อนฺเน จ ปานมฺหิ จ อนฺนปานมฺหิ. ขชฺเช จ โภชฺเช จ ขชฺชโภชฺเช, เอเตน อสิตปีตขายิตสายิตวเสน จตุพฺพิธํ อาหารํ ทสฺเสติ. อุปฏฺิเตติ อุปคมฺม ิเต, สชฺชิเต ปฏิยตฺเต สโมหิเตติ วุตฺตํ โหติ. น เตสํ โกจิ สรติ, สตฺตานนฺติ เตสํ เปตฺติวิสเย อุปฺปนฺนานํ สตฺตานํ โกจิ มาตา วา ปิตา วา ปุตฺโต วา น สรติ. กึ การณา? กมฺมปจฺจยา, อตฺตนา กตสฺส อทานทานปฺปฏิเสธนาทิเภทสฺส กทริยกมฺมสฺส ¶ ปจฺจยา. ตฺหิ เตสํ กมฺมํ าตีนํ สริตุํ น เทติ.
ตติยคาถาวณฺณนา
๓. เอวํ ภควา อนปฺปเกปิ อนฺนปานาทิมฺหิ ปจฺจุปฏฺิเต ‘‘อปิ นาม อมฺเห อุทฺทิสฺส กิฺจิ ทเทยฺยุ’’นฺติ าตี ปจฺจาสีสนฺตานํ วิจรตํ เตสํ เปตานํ เตหิ กตสฺส อติกฏุกวิปากกรสฺส กมฺมสฺส ปจฺจเยน กสฺสจิ าติโน อนุสฺสรณมตฺตาภาวํ ทสฺเสนฺโต –
‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหิ, ขชฺชโภชฺเช อุปฏฺิเต;
น เตสํ โกจิ สรติ, สตฺตานํ กมฺมปจฺจยา’’ติ. –
วตฺวา ปุน รฺโ เปตฺติวิสยูปปนฺเน าตเก อุทฺทิสฺส ทินฺนํ ทานํ ปสํสนฺโต ‘‘เอวํ ททนฺติ าตีน’’นฺติ ตติยคาถมาห.
ตตฺถ เอวนฺติ อุปมาวจนํ. ตสฺส ทฺวิธา สมฺพนฺโธ – เตสํ สตฺตานํ กมฺมปจฺจยา อสรนฺเตปิ กิสฺมิฺจิ ททนฺติ, าตีนํ, เย เอวํ อนุกมฺปกา โหนฺตีติ จ ยถา ตยา, มหาราช, ทินฺนํ, เอวํ สุจึ ปณีตํ กาเลน กปฺปิยํ ปานโภชนํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกาติ จ. ททนฺตีติ เทนฺติ อุทฺทิสนฺติ นิยฺยาเตนฺติ. าตีนนฺติ มาติโต จ ปิติโต จ สมฺพนฺธานํ. เยติ เย เกจิ ปุตฺตา วา ธีตโร วา ภาตโร วา โหนฺตีติ ภวนฺติ. อนุกมฺปกาติ อตฺถกามา หิเตสิโน. สุจินฺติ วิมลํ ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ ธมฺมิกํ ธมฺมลทฺธํ. ปณีตนฺติ อุตฺตมํ เสฏฺํ. กาเลนาติ าติเปตานํ ติโรกุฏฺฏาทีสุ อาคนฺตฺวา ิตกาเลน. กปฺปิยนฺติ อนุจฺฉวิกํ ปติรูปํ อริยานํ ปริโภคารหํ. ปานโภชนนฺติ ปานฺจ โภชนฺจ. อิธ ปานโภชนมุเขน สพฺโพปิ เทยฺยธมฺโม อธิปฺเปโต.
จตุตฺถคาถาปุพฺพทฺธวณฺณนา
๔. เอวํ ¶ ¶ ภควา รฺา มาคเธน เปตภูตานํ าตีนํ อนุกมฺปาย ทินฺนํ ปานโภชนํ ปสํสนฺโต –
‘‘เอวํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;
สุจึ ปณีตํ กาเลน, กปฺปิยํ ปานโภชน’’นฺติ. –
วตฺวา ปุน เยน ปกาเรน ทินฺนํ เตสํ โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตู’’ติ จตุตฺถคาถาย ปุพฺพทฺธมาห ตํ ตติยคาถาย ปุพฺพทฺเธน สมฺพนฺธิตพฺพํ –
‘‘เอวํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา ¶ ;
อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’’ติ.
เตน ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตูติ เอวํ ททนฺติ, โน อฺถา’’ติ เอตฺถ อาการตฺเถน เอวํสทฺเทน ทาตพฺพาการนิทสฺสนํ กตํ โหติ.
ตตฺถ อิทนฺติ เทยฺยธมฺมนิทสฺสนํ. โวติ ‘‘กจฺจิ ปน โว อนุรุทฺธา สมคฺคา สมฺโมทมานา’’ติ จ (ม. นิ. ๑.๓๒๖; มหาว. ๔๖๖), ‘‘เยหิ โว อริยา’’ติ จ เอวมาทีสุ วิย เกวลํ นิปาตมตฺตํ, น สามิวจนํ. าตีนํ โหตูติ เปตฺติวิสเย อุปฺปนฺนานํ าตกานํ โหตุ. สุขิตา โหนฺตุ าตโยติ เต เปตฺติวิสยูปปนฺนา าตโย อิทํ ปจฺจนุภวนฺตา สุขิตา โหนฺตูติ.
จตุตฺถคาถาปรทฺธปฺจมคาถาปุพฺพทฺธวณฺณนา
๔-๕. เอวํ ภควา เยน ปกาเรน เปตฺติวิสยูปปนฺนานํ าตีนํ ทาตพฺพํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’’ติ วตฺวา ปุน ยสฺมา ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตู’’ติ วุตฺเตปิ น อฺเน กตํ กมฺมํ อฺสฺส ผลทํ โหติ, เกวลนฺตุ ตถา อุทฺทิสฺส ทิยฺยมานํ ตํ วตฺถุ าตีนํ กุสลกมฺมสฺส ปจฺจโย โหติ. ตสฺมา ยถา เตสํ ตสฺมึเยว วตฺถุสฺมึ ตงฺขเณ ผลนิพฺพตฺตกํ กุสลกมฺมํ โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เต จ ตตฺถา’’ติ จตุตฺถคาถาย ปจฺฉิมทฺธํ ‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหี’’ติ ปฺจมคาถาย ปุพฺพทฺธฺจ อาห.
เตสํ ¶ ¶ อตฺโถ – เต าติเปตา ยตฺถ ตํ ทานํ ทียติ, ตตฺถ สมนฺตโต อาคนฺตฺวา สมาคนฺตฺวา, สโมธาย วา เอกชฺฌํ หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ, สมฺมา อาคตา สมาคตา ‘‘อิเม โน าตโย อมฺหากํ อตฺถาย ทานํ อุทฺทิสิสฺสนฺตี’’ติ เอตทตฺถํ สมฺมา อาคตา หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปหูเต อนฺนปานมฺหีติ ตสฺมึ อตฺตโน อุทฺทิสฺสมาเน ปหูเต อนฺนปานมฺหิ. สกฺกจฺจํ อนุโมทเรติ อภิสทฺทหนฺตา กมฺมผลํ อวิชหนฺตา จิตฺตีการํ อวิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา ‘‘อิทํ โน ทานํ หิตาย สุขาย โหตู’’ติ โมทนฺติ อนุโมทนฺติ, ปีติโสมนสฺสชาตา โหนฺตีติ.
ปฺจมคาถาปรทฺธฉฏฺคาถาปุพฺพทฺธวณฺณนา
๕-๖. เอวํ ¶ ภควา ยถา เปตฺติวิสยูปปนฺนานํ ตงฺขเณ ผลนิพฺพตฺตกํ กุสลํ กมฺมํ โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต –
‘‘เต จ ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, าติเปตา สมาคตา;
ปหูเต อนฺนปานมฺหิ, สกฺกจฺจํ อนุโมทเร’’ติ. –
วตฺวา ปุน าตเก นิสฺสาย นิพฺพตฺตกุสลกมฺมผลํ ปจฺจนุโภนฺตานํ เตสํ าตี อารพฺภ โถมนาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จิรํ ชีวนฺตู’’ติ ปฺจมคาถาย ปจฺฉิมทฺธํ ‘‘อมฺหากฺจ กตา ปูชา’’ติ ฉฏฺคาถาย ปุพฺพทฺธฺจ อาห.
เตสํ อตฺโถ – จิรํ ชีวนฺตูติ จิรชีวิโน ทีฆายุกา โหนฺตุ. โน าตีติ อมฺหากํ าตกา. เยสํ เหตูติ เย นิสฺสาย เยสํ การณา. ลภามเสติ ลภาม. อตฺตนา ตงฺขณํ ปฏิลทฺธสมฺปตฺตึ อปทิสนฺตา ภณนฺติ. เปตานฺหิ อตฺตโน อนุโมทเนน, ทายกานํ อุทฺเทเสน, ทกฺขิเณยฺยสมฺปทาย จาติ ตีหิ องฺเคหิ ทกฺขิณา สมิชฺฌติ, ตงฺขเณ ผลนิพฺพตฺติกา โหติ. ตตฺถ ทายกา วิเสสเหตุ. เตนาหํสุ ‘‘เยสํ เหตุ ลภามเส’’ติ. อมฺหากฺจ กตา ปูชาติ ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตู’’ติ เอวํ อิมํ ทานํ อุทฺทิสนฺเตหิ อมฺหากฺจ ปูชา กตา. ทายกา จ อนิปฺผลาติ ยมฺหิ สนฺตาเน ปริจฺจาคมยํ กมฺมํ กตํ, ตสฺส ตตฺเถว ผลทานโต ทายกา จ อนิปฺผลาติ.
เอตฺถาห ¶ – ‘‘กึ ปน เปตฺติวิสยูปปนฺนา เอว าตโย ลภนฺติ, อุทาหุ อฺเปิ ลภนฺตี’’ติ ¶ ? วุจฺจเต – ภควตา เอเวตํ พฺยากตํ ชาณุสฺโสณินา พฺราหฺมเณน ปุฏฺเน, กิเมตฺถ อมฺเหหิ วตฺตพฺพํ อตฺถิ. วุตฺตํ เหตํ –
‘‘มยมสฺสุ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นาม ทานานิ เทม, สทฺธานิ กโรม ‘อิทํ ทานํ เปตานํ าติสาโลหิตานํ อุปกปฺปตุ, อิทํ ทานํ เปตา าติสาโลหิตา ปริภฺุชนฺตู’ติ, กจฺจิ ตํ, โภ โคตม, ทานํ เปตานํ าติสาโลหิตานํ อุปกปฺปติ, กจฺจิ เต เปตา าติสาโลหิตา ตํ ทานํ ปริภฺุชนฺตีติ. าเน โข, พฺราหฺมณ, อุปกปฺปติ, โน อฏฺาเนติ.
‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, านํ, กตมํ อฏฺานนฺติ? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส ¶ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา นิรยํ อุปปชฺชติ. โย เนรยิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.
‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชติ. โย ติรจฺฉานโยนิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.
‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺสานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ…เป… เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. โย เทวานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.
‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชติ. โย เปตฺติเวสยิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน ¶ โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. ยํ วา ปนสฺส อิโต อนุปเวจฺฉนฺติ ¶ มิตฺตามจฺจา วา าติสาโลหิตา วา, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, านํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ อุปกปฺปตีติ.
‘‘สเจ ปน, โภ โคตม, โส เปโต าติสาโลหิโต ตํ านํ อนุปปนฺโน โหติ, โก ตํ ทานํ ปริภฺุชตีติ? อฺเปิสฺส, พฺราหฺมณ, เปตา าติสาโลหิตา ตํ านํ อุปปนฺนา โหนฺติ, เต ตํ ทานํ ปริภฺุชนฺตีติ.
‘‘สเจ ปน, โภ โคตม, โส เจว เปโต าติสาโลหิโต ตํ านํ อนุปปนฺโน โหติ, อฺเปิสฺส เปตา าติสาโลหิตา ตํ านํ อนุปปนฺนา โหนฺติ, โก ตํ ทานํ ปริภฺุชตีติ? อฏฺานํ โข เอตํ พฺราหฺมณ อนวกาโส, ยํ ตํ านํ วิวิตฺตํ อสฺส อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา ยทิทํ เปเตหิ าติสาโลหิเตหิ. อปิจ พฺราหฺมณ ทายโกปิ อนิปฺผโล’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๗๗).
ฉฏฺคาถาปรทฺธสตฺตมคาถาวณฺณนา
๖-๗. เอวํ ¶ ภควา รฺโ มาคธสฺส เปตฺติวิสยูปปนฺนานํ ปุพฺพาตีนํ สมฺปตฺตึ นิสฺสาย โถเมนฺโต ‘‘เอเต เต, มหาราช, าตี อิมาย ทานสมฺปทาย อตฺตมนา เอวํ โถเมนฺตี’’ติ ทสฺเสนฺโต –
‘‘จิรํ ชีวนฺตุ โน าตี, เยสํ เหตุ ลภามเส;
อมฺหากฺจ กตา ปูชา, ทายกา จ อนิปฺผลา’’ติ. –
วตฺวา ปุน เตสํ เปตฺติวิสยูปปนฺนานํ อฺสฺส กสิโครกฺขาทิโน สมฺปตฺติปฏิลาภการณสฺส อภาวํ อิโต ทินฺเนน ยาปนภาวฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘น หิ ตตฺถ กสี อตฺถี’’ติ ฉฏฺคาถาย ปจฺฉิมทฺธํ ‘‘วณิชฺชา ตาทิสี’’ติ อิมํ สตฺตมคาถฺจ อาห.
ตตฺรายํ อตฺถวณฺณนา – น หิ, มหาราช, ตตฺถ เปตฺติวิสเย กสิ อตฺถิ, ยํ นิสฺสาย เต เปตา สมฺปตฺตึ ปฏิลเภยฺยุํ. โครกฺเขตฺถ น วิชฺชตีติ น เกวลํ กสิ เอว, โครกฺขาปิ เอตฺถ เปตฺติวิสเย น วิชฺชติ, ยํ ¶ นิสฺสาย เต สมฺปตฺตึ ปฏิลเภยฺยุํ. วณิชฺชา ตาทิสี นตฺถีติ วาณิชฺชาปิ ตาทิสี นตฺถิ, ยา เตสํ สมฺปตฺติปฏิลาภเหตุ ภเวยฺย. หิรฺเน กยากยนฺติ ¶ หิรฺเน กยวิกฺกยมฺปิ ตตฺถ ตาทิสํ นตฺถิ, ยํ เตสํ สมฺปตฺติปฏิลาภเหตุ ภเวยฺย. อิโต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา ตหินฺติ เกวลํ ปน อิโต าตีหิ วา มิตฺตามจฺเจหิ วา ทินฺเนน ยาเปนฺติ, อตฺตภาวํ คเมนฺติ. เปตาติ เปตฺติวิสยูปปนฺนา สตฺตา. กาลคตาติ อตฺตโน มรณกาเลน คตา, ‘‘กาลกตา’’ติ วา ปาโ, กตกาลา กตมรณาติ อตฺโถ. ตหินฺติ ตสฺมึ เปตฺติวิสเย.
อฏฺมนวมคาถาทฺวยวณฺณนา
๘-๙. เอวํ ‘‘อิโต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา ตหิ’’นฺติ วตฺวา อิทานิ อุปมาหิ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต ‘‘อุนฺนเม อุทกํ วุฏฺ’’นฺติ อิทํ คาถาทฺวยมาห.
ตสฺสตฺโถ – ยถา อุนฺนเต ถเล อุสฺสาเท ภูมิภาเค เมเฆหิ อภิวุฏฺํ อุทกํ นินฺนํ ปวตฺตติ, โย โย ภูมิภาโค นินฺโน โอณโต, ตํ ตํ ปวตฺตติ คจฺฉติ ปาปุณาติ, เอวเมว ¶ อิโต ทินฺนํ ทานํ เปตานํ อุปกปฺปติ นิพฺพตฺตติ, ปาตุภวตีติ อตฺโถ. นินฺนมิว หิ อุทกปฺปวตฺติยา านํ เปตโลโก ทานุปกปฺปนาย. ยถาห – ‘‘อิทํ โข, พฺราหฺมณ, านํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ อุปกปฺปตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๗๗). ยถา จ กนฺทรปทรสาขาปสาขกุโสพฺภมหาโสพฺภสนฺนิปาเตหิ วาริวหา มหานชฺโช ปูรา หุตฺวา สาครํ ปริปูเรนฺติ, เอวมฺปิ อิโต ทินฺนทานํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เปตานํ อุปกปฺปตีติ.
ทสมคาถาวณฺณนา
๑๐. เอวํ ภควา ‘‘อิโต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา ตหิ’’นฺติ อิมํ อตฺถํ อุปมาหิ ปกาเสตฺวา ปุน ยสฺมา เต เปตา ‘‘อิโต กิฺจิ ลจฺฉามา’’ติ อาสาภิภูตา าติฆรํ อาคนฺตฺวาปิ ‘‘อิทํ นาม โน เทถา’’ติ ยาจิตุํ อสมตฺถา, ตสฺมา เตสํ อิมานิ อนุสฺสรณวตฺถูนิ อนุสฺสรนฺโต ¶ กุลปุตฺโต ทกฺขิณํ ทชฺชาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อทาสิ เม’’ติ อิมํ คาถมาห.
ตสฺสตฺโถ – ‘‘อิทํ นาม เม ธนํ วา ธฺํ วา อทาสี’’ติ จ, ‘‘อิทํ นาม เม กิจฺจํ อตฺตนา อุยฺโยคมาปชฺชนฺโต อกาสี’’ติ จ, ‘‘อมุ เม มาติโต วา ปิติโต วา สมฺพนฺธตฺตา าตี’’ติ จ สิเนหวเสน ตาณสมตฺถตาย ‘‘มิตฺตา’’ติ จ, ‘‘อสุโก เม สห ปํสุกีฬโก สขา’’ติ ¶ จ เอวํ สพฺพมนุสฺสรนฺโต เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา, ทานํ นิยฺยาเตยฺยาติ. อปโร ปาโ ‘‘เปตานํ ทกฺขิณา ทชฺชา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ทาตพฺพาติ ทชฺชา. กา สา? เปตานํ ทกฺขิณา, เตเนว ‘‘อทาสิ เม’’ติอาทินา นเยน ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ อนุสฺสรตาติ วุตฺตํ โหติ. กรณวจนปฺปสงฺเค ปจฺจตฺตวจนํ เวทิตพฺพํ.
เอกาทสมคาถาวณฺณนา
๑๑. เอวํ ภควา เปตานํ ทกฺขิณานิยฺยาตเน การณภูตานิ อนุสฺสรณวตฺถูนิ ทสฺเสนฺโต –
‘‘อทาสิ เม อกาสิ เม, าติมิตฺตา สขา จ เม;
เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา, ปุพฺเพ กตมนุสฺสร’’นฺติ. –
วตฺวา ¶ ปุน เย าติมรเณน รุณฺณโสกาทิปรา เอว หุตฺวา ติฏฺนฺติ, น เตสํ อตฺถาย กิฺจิ เทนฺติ, เตสํ ตํ รุณฺณโสกาทิ เกวลํ อตฺตปริตาปนเมว โหติ, น เปตานํ กิฺจิ อตฺถํ นิปฺผาเทตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น หิ รุณฺณํ วา’’ติ อิมํ คาถมาห.
ตตฺถ รุณฺณนฺติ โรทนา โรทิตตฺตํ อสฺสุปาตนํ, เอเตน กายปริสฺสมํ ทสฺเสติ. โสโกติ โสจนา โสจิตตฺตํ, เอเตน จิตฺตปริสฺสมํ ทสฺเสติ. ยา จฺาติ ยา จ รุณฺณโสเกหิ อฺา. ปริเทวนาติ าติพฺยสเนน ผุฏฺสฺส ลาลปฺปนา, ‘‘กหํ เอกปุตฺตก ปิย มนาปา’’ติ เอวมาทินา นเยน คุณสํวณฺณนา, เอเตน วจีปริสฺสมํ ทสฺเสติ.
ทฺวาทสมคาถาวณฺณนา
๑๒. เอวํ ¶ ภควา ‘‘รุณฺณํ วา โสโก วา ยา จฺา ปริเทวนา, สพฺพมฺปิ ตํ เปตานํ อตฺถาย น โหติ, เกวลนฺตุ อตฺตานํ ปริตาปนมตฺตเมว, เอวํ ติฏฺนฺติ าตโย’’ติ รุณฺณาทีนํ นิรตฺถกภาวํ ทสฺเสตฺวา ปุน มาคธราเชน ยา ทกฺขิณา ทินฺนา, ตสฺสา สาตฺถกภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา’’ติ อิมํ คาถมาห.
ตสฺสตฺโถ – อยฺจ โข, มหาราช, ทกฺขิณา ตยา อชฺช อตฺตโน าติคณํ อุทฺทิสฺส ทินฺนา ¶ , สา ยสฺมา สงฺโฆ อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส, ตสฺมา สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตา อสฺส เปตชนสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย อุปกปฺปติ สมฺปชฺชติ ผลตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปกปฺปตีติ จ านโส อุปกปฺปติ, ตํขณํเยว อุปกปฺปติ, น จิเรน. ยถา หิ ตํขณฺเว ปฏิภนฺตํ ‘‘านโสเวตํ ตถาคตํ ปฏิภาตี’’ติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ตํขณํเยว อุปกปฺปนฺตา ‘‘านโส อุปกปฺปตี’’ติ วุตฺตา. ยํ วา ตํ ‘‘อิทํ โข, พฺราหฺมณ, านํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ อุปกปฺปตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๗๗) วุตฺตํ, ตตฺถ ขุปฺปิปาสิกวนฺตาสปรทตฺตูปชีวินิชฺฌามตณฺหิกาทิเภทภินฺเน าเน อุปกปฺปตีติ วุตฺตํ ยถา กหาปณํ เทนฺโต ‘‘กหาปณโส เทตี’’ติ ¶ โลเก วุจฺจติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป อุปกปฺปตีติ ปาตุภวติ, นิพฺพตฺตตีติ วุตฺตํ โหติ.
เตรสมคาถาวณฺณนา
๑๓. เอวํ ภควา รฺา ทินฺนาย ทกฺขิณาย สาตฺถกภาวํ ทสฺเสนฺโต –
‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา, สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตา;
ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส, านโส อุปกปฺปตี’’ติ. –
วตฺวา ปุน ยสฺมา อิมํ ทกฺขิณํ เทนฺเตน าตีนํ าตีหิ กตฺตพฺพกิจฺจกรณวเสน าติธมฺโม นิทสฺสิโต, พหุชนสฺส ปากฏีกโต, นิทสฺสนํ วา กโต, ตุมฺเหหิปิ าตีนํ เอวเมว าตีหิ กตฺตพฺพกิจฺจกรณวเสน าติธมฺโม ปริปูเรตพฺโพ, น นิรตฺถเกหิ รุณฺณาทีหิ อตฺตา ปริตาเปตพฺโพติ จ เปเต ทิพฺพสมฺปตฺตึ อธิคเมนฺเตน เปตานํ ปูชา กตา อุฬารา, พุทฺธปฺปมุขฺจ ภิกฺขุสงฺฆํ อนฺนปานาทีหิ สนฺตปฺเปนฺเตน ภิกฺขูนํ พลํ อนุปทินฺนํ, อนุกมฺปาทิคุณปริวารฺจ จาคเจตนํ นิพฺพตฺเตนฺเตน อนปฺปกํ ปฺุํ ¶ ปสุตํ, ตสฺมา ภควา อิเมหิ ยถาภุจฺจคุเณหิ ราชานํ สมฺปหํเสนฺโต –
‘‘โส าติธมฺโม จ อยํ นิทสฺสิโต,
เปตาน ปูชา จ กตา อุฬารา;
พลฺจ ภิกฺขูนมนุปฺปทินฺนํ,
ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติ. –
อิมาย คาถาย เทสนํ ปริโยสาเปติ.
อถ ¶ วา ‘‘โส าติธมฺโม จ อยํ นิทสฺสิโต’’ติ อิมินา คาถาปเทน ภควา ราชานํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสติ. าติธมฺมนิทสฺสนเมว หิ เอตฺถ สนฺทสฺสนํ เปตาน ปูชา จ กตา อุฬาราติ อิมินา สมาทเปติ. อุฬาราติ ปสํสนเมว หิ เอตฺถ ปุนปฺปุนํ ปูชากรเณ สมาทปนํ. พลฺจ ภิกฺขูนมนุปฺปทินฺนนฺติ อิมินา สมุตฺเตเชติ. พลานุปฺปทานเมว หิ เอตฺถ เอวํ ทานํ, พลานุปฺปทานตาติ ตสฺส อุสฺสาหวฑฺฒเนน สมุตฺเตชนํ. ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปกนฺติ อิมินา สมฺปหํเสติ. ปฺุปฺปสุตกิตฺตนเมว หิ เอตฺถ ตสฺส ยถาภุจฺจคุณสํวณฺณนภาเวน สมฺปหํสนชนนโต ¶ สมฺปหํสนนฺติ เวทิตพฺพํ.
เทสนาปริโยสาเน จ เปตฺติวิสยูปปตฺติอาทีนวสํวณฺณเนน สํวิคฺคานํ โยนิโส ปทหตํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ทุติยทิวเสปิ ภควา เทวมนุสฺสานํ อิทเมว ติโรกุฏฺฏํ เทเสสิ, เอวํ ยาว สตฺตมทิวสา ตาทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
ติโรกุฏฺฏสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. นิธิกณฺฑสุตฺตวณฺณนา
นิกฺเขปการณํ
อิทานิ ¶ ยทิทํ ติโรกุฏฺฏานนฺตรํ ‘‘นิธึ นิเธติ ปุริโส’’ติอาทินา นิธิกณฺฑํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺส –
‘‘ภาสิตฺวา ¶ นิธิกณฺฑสฺส, อิธ นิกฺเขปการณํ;
อฏฺุปฺปตฺติฺจ ทีเปตฺวา, กริสฺสามตฺถวณฺณนํ’’.
ตตฺถ อิธ นิกฺเขปการณํ ตาวสฺส เอวํ เวทิตพฺพํ. อิทฺหิ นิธิกณฺฑํ ภควตา อิมินา อนุกฺกเมน อวุตฺตมฺปิ ยสฺมา อนุโมทนวเสน วุตฺตสฺส ติโรกุฏฺฏสฺส มิถุนภูตํ, ตสฺมา อิธ นิกฺขิตฺตํ. ติโรกุฏฺเฏน วา ปฺุวิรหิตานํ วิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิมินา กตปฺุานํ สมฺปตฺติทสฺสนตฺถมฺปิ อิทํ อิธ นิกฺขิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทมสฺส อิธ นิกฺเขปการณํ.
สุตฺตฏฺุปฺปตฺติ
อฏฺุปฺปตฺติ ปนสฺส – สาวตฺถิยํ กิร อฺตโร กุฏุมฺพิโก อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค. โส จ สทฺโธ โหติ ปสนฺโน, วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ. โส เอกสฺมึ ทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทติ. เตน จ สมเยน ราชา ธนตฺถิโก โหติ, โส ตสฺส สนฺติเก ปุริสํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ, ภเณ, อิตฺถนฺนามํ กุฏุมฺพิกํ อาเนหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตํ กุฏุมฺพิกํ อาห ‘‘ราชา ตํ คหปติ อามนฺเตตี’’ติ. กุฏุมฺพิโก สทฺธาทิคุณสมนฺนาคเตน ¶ เจตสา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสนฺโต อาห ‘‘คจฺฉ, โภ ปุริส, ปจฺฉา อาคมิสฺสามิ, อิทานิ ตาวมฺหิ นิธึ นิเธนฺโต ิโต’’ติ. อถ ภควา ภุตฺตาวี ปวาริโต ตเมว ปฺุสมฺปทํ ปรมตฺถโต นิธีติ ทสฺเสตุํ ตสฺส กุฏุมฺพิกสฺส อนุโมทนตฺถํ ‘‘นิธึ นิเธติ ปุริโส’’ติ อิมา คาถาโย อภาสิ. อยมสฺส อฏฺุปฺปตฺติ.
เอวมสฺส ¶ –
‘‘ภาสิตฺวา นิธิกณฺฑสฺส, อิธ นิกฺเขปการณํ;
อฏฺุปฺปตฺติฺจ ทีเปตฺวา, กริสฺสามตฺถวณฺณนํ’’.
ปมคาถาวณฺณนา
๑. ตตฺถ นิธึ นิเธติ ปุริโสติ นิธียตีติ นิธิ, ปียติ รกฺขียติ โคปียตีติ อตฺโถ. โส จตุพฺพิโธ ถาวโร, ชงฺคโม, องฺคสโม, อนุคามิโกติ. ตตฺถ ถาวโร นาม ภูมิคตํ วา เวหาสฏฺํ วา หิรฺํ วา ¶ สุวณฺณํ วา เขตฺตํ วา วตฺถุ วา, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ อิริยาปถวิรหิตํ, อยํ ถาวโร นิธิ. ชงฺคโม นาม ทาสิทาสํ หตฺถิควสฺสวฬวํ อเชฬกํ กุกฺกุฏสูกรํ ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ อิริยาปถปฏิสํยุตฺตํ. อยํ ชงฺคโม นิธิ องฺคสโม นาม กมฺมายตนํ, สิปฺปายตนํ, วิชฺชาฏฺานํ, พาหุสจฺจํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ สิกฺขิตฺวา คหิตํ องฺคปจฺจงฺคมิว อตฺตภาวปฺปฏิพทฺธํ, อยํ องฺคสโม นิธิ. อนุคามิโก นาม ทานมยํ ปฺุํ สีลมยํ ภาวนามยํ ธมฺมสฺสวนมยํ ธมฺมเทสนามยํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ ปฺุํ ตตฺถ ตตฺถ อนุคนฺตฺวา วิย อิฏฺผลมนุปฺปเทติ, อยํ อนุคามิโก นิธิ. อิมสฺมึ ปน าเน ถาวโร อธิปฺเปโต.
นิเธตีติ เปติ ปฏิสาเมติ โคเปติ. ปุริโสติ มนุสฺโส. กามฺจ ปุริโสปิ อิตฺถีปิ ปณฺฑโกปิ นิธึ นิเธติ, อิธ ปน ปุริสสีเสน เทสนา กตา, อตฺถโต ปน เตสมฺปิ อิธ สโมธานํ ทฏฺพฺพํ. คมฺภีเร โอทกนฺติเกติ โอคาเหตพฺพฏฺเน คมฺภีรํ, อุทกสฺส อนฺติกภาเวน โอทกนฺติกํ. อตฺถิ คมฺภีรํ น โอทกนฺติกํ ชงฺคเล ภูมิภาเค สติกโปริโส อาวาโฏ วิย, อตฺถิ โอทกนฺติกํ น คมฺภีรํ นินฺเน ปลฺลเล เอกทฺวิวิทตฺถิโก อาวาโฏ วิย, อตฺถิ คมฺภีรฺเจว โอทกนฺติกฺจ ¶ ชงฺคเล ภูมิภาเค ยาว อิทานิ อุทกํ อาคมิสฺสตีติ, ตาว ขโต อาวาโฏ วิย. ตํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘คมฺภีเร โอทกนฺติเก’’ติ. อตฺเถ กิจฺเจ สมุปฺปนฺเนติ อตฺถา อนเปตนฺติ อตฺถํ, อตฺถาวหํ หิตาวหนฺติ วุตฺตํ โหติ. กาตพฺพนฺติ กิจฺจํ, กิฺจิเทว กรณียนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุปฺปนฺนํ เอว สมุปฺปนฺนํ, กตฺตพฺพภาเวน อุปฏฺิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมึ อตฺเถ กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน. อตฺถาย เม ภวิสฺสตีติ นิธานปฺปโยชนนิทสฺสนเมตํ. เอตทตฺถฺหิ โส นิเธติ ‘‘อตฺถาวเห กิสฺมิฺจิเทว กรณีเย สมุปฺปนฺเน อตฺถาย เม ภวิสฺสติ, ตสฺส เม กิจฺจสฺส นิปฺผตฺติยา ภวิสฺสตี’’ติ. กิจฺจนิปฺผตฺติเยว หิ ตสฺส กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน อตฺโถติ เวทิตพฺโพ.
ทุติยคาถาวณฺณนา
เอวํ ¶ นิธานปฺปโยชนํ ทสฺเสนฺโต อตฺถาธิคมาธิปฺปายํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนตฺถาปคมาธิปฺปายํ ทสฺเสตุมาห –
๒. ‘‘ราชโต ¶ วา ทุรุตฺตสฺส, โจรโต ปีฬิตสฺส วา.
อิณสฺส วา ปโมกฺขาย, ทุพฺภิกฺเข อาปทาสุ วา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ‘‘อตฺถาย เม ภวิสฺสตี’’ติ จ ‘‘อิณสฺส วา ปโมกฺขายา’’ติ จ เอตฺถ วุตฺเตหิ ทฺวีหิ ภวิสฺสติปโมกฺขาย-ปเทหิ สทฺธึ ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา เวทิตพฺโพ.
ตตฺถายํ โยชนา – น เกวลํ อตฺถาย เม ภวิสฺสตีติ เอว ปุริโส นิธึ นิเธติ, กินฺตุ ‘‘อยํ โจโร’’ติ วา ‘‘ปารทาริโก’’ติ วา ‘‘สุงฺกฆาตโก’’ติ วา เอวมาทินา นเยน ปจฺจตฺถิเกหิ ปจฺจามิตฺเตหิ ทุรุตฺตสฺส เม สโต ราชโต วา ปโมกฺขาย ภวิสฺสติ, สนฺธิจฺเฉทาทีหิ ธนหรเณน วา, ‘‘เอตฺตกํ หิรฺสุวณฺณํ เทหี’’ติ ชีวคฺคาเหน วา โจเรหิ เม ปีฬิตสฺส สโต โจรโต วา ปโมกฺขาย ภวิสฺสติ. สนฺติ เม อิณายิกา, เต มํ ‘‘อิณํ เทหี’’ติ โจเทสฺสนฺติ, เตหิ เม โจทิยมานสฺส อิณสฺส วา ปโมกฺขาย ภวิสฺสติ. โหติ โส สมโย, ยํ ทุพฺภิกฺขํ โหติ ทุสฺสสฺสํ ทุลฺลภปิณฺฑํ, ตตฺถ น สุกรํ อปฺปธเนน ยาเปตุํ, ตถาวิเธ อาคเต ทุพฺภิกฺเข วา เม ภวิสฺสติ ¶ . ยถารูปา อาปทา อุปฺปชฺชนฺติ อคฺคิโต วา อุทกโต วา อปฺปิยทายาทโต วา, ตถารูปาสุ วา อุปฺปนฺนาสุ อาปทาสุ เม ภวิสฺสตีติปิ ปุริโส นิธึ นิเธตีติ.
เอวํ อตฺถาธิคมาธิปฺปายํ อนตฺถาปคมาธิปฺปายฺจาติ ทฺวีหิ คาถาหิ ทุวิธํ นิธานปฺปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว ทุวิธํ ปโยชนํ นิคเมนฺโต อาห –
‘‘เอตทตฺถาย โลกสฺมึ, นิธิ นาม นิธียตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ ‘‘อตฺถาย เม ภวิสฺสตี’’ติ จ ‘‘ราชโต วา ทุรุตฺตสฺสา’’ติ เอวมาทีหิ จ อตฺถาธิคโม อนตฺถาปคโม จ ทสฺสิโต. เอตทตฺถาย เอเตสํ นิปฺผาทนตฺถาย อิมสฺมึ ¶ โอกาสโลเก โย โกจิ หิรฺสุวณฺณาทิเภโท นิธิ นาม นิธียติ ปียติ ปฏิสามียตีติ.
ตติยคาถาวณฺณนา
อิทานิ ¶ ยสฺมา เอวํ นิหิโตปิ โส นิธิ ปฺุวตํเยว อธิปฺเปตตฺถสาธโก โหติ, น อฺเสํ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทีเปนฺโต อาห –
๓. ‘‘ตาวสฺสุนิหิโต สนฺโต, คมฺภีเร โอทกนฺติเก.
น สพฺโพ สพฺพทา เอว, ตสฺส ตํ อุปกปฺปตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โส นิธิ ตาว สุนิหิโต สนฺโต, ตาว สุฏฺุ นิขณิตฺวา ปิโต สมาโนติ วุตฺตํ โหติ. กีว สุฏฺูติ? คมฺภีเร โอทกนฺติเก, ยาว คมฺภีเร โอทกนฺติเก นิหิโตติ สงฺขํ คจฺฉติ, ตาว สุฏฺูติ วุตฺตํ โหติ. น สพฺโพ สพฺพทา เอว, ตสฺส ตํ อุปกปฺปตีติ เยน ปุริเสน นิหิโต, ตสฺส สพฺโพปิ สพฺพกาลํ น อุปกปฺปติ น สมฺปชฺชติ, ยถาวุตฺตกิจฺจกรณสมตฺโถ น โหตีติ วุตฺตํ โหติ. กินฺตุ โกจิเทว กทาจิเทว อุปกปฺปติ, เนว วา อุปกปฺปตีติ. เอตฺถ จ นฺติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต ทฏฺพฺโพ ‘‘ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๘-๑๙; ๓.๑๕๔) วิย. ลิงฺคเภทํ วา กตฺวา ‘‘โส’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ต’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ หิ วุจฺจมาเน โส อตฺโถ สุขํ พุชฺฌตีติ.
จตุตฺถปฺจมคาถาวณฺณนา
เอวํ ¶ ‘‘น สพฺโพ สพฺพทา เอว, ตสฺส ตํ อุปกปฺปตี’’ติ วตฺวา อิทานิ เยหิ การเณหิ น อุปกปฺปติ, ตานิ ทสฺเสนฺโต อาห –
๔. ‘‘นิธิ วา านา จวติ, สฺา วาสฺส วิมุยฺหติ.
นาคา วา อปนาเมนฺติ, ยสฺมา วาปิ หรนฺติ นํ.
๕. ‘‘อปฺปิยา วาปิ ทายาทา, อุทฺธรนฺติ อปสฺสโต’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – ยสฺมึ าเน สุนิหิโต โหติ นิธิ, โส วา นิธิ ตมฺหา านา จวติ อเปติ วิคจฺฉติ, อเจตโนปิ สมาโน ปฺุกฺขยวเสน อฺํ านํ คจฺฉติ. สฺา วา อสฺส วิมุยฺหติ, ยสฺมึ าเน นิหิโต นิธิ, ตํ น ชานาติ, อสฺส ปฺุกฺขยโจทิตา นาคา วา ตํ นิธึ อปนาเมนฺติ อฺํ านํ คเมนฺติ. ยกฺขา วาปิ หรนฺติ เยนิจฺฉกํ อาทาย ¶ คจฺฉนฺติ. อปสฺสโต วา อสฺส อปฺปิยา วา ทายาทา ภูมึ ขณิตฺวา ตํ นิธึ อุทฺธรนฺติ. เอวมสฺส เอเตหิ านา จวนาทีหิ การเณหิ โส นิธิ น อุปกปฺปตีติ.
เอวํ านา จวนาทีนิ โลกสมฺมตานิ อนุปกปฺปนการณานิ วตฺวา อิทานิ ยํ ตํ เอเตสมฺปิ การณานํ มูลภูตํ เอกฺเว ปฺุกฺขยสฺิตํ การณํ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห –
‘‘ยทา ปฺุกฺขโย โหติ, สพฺพเมตํ วินสฺสตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยสฺมึ สมเย โภคสมฺปตฺตินิปฺผาทกสฺส ปฺุสฺส ขโย โหติ, โภคปาริชฺุสํวตฺตนิกมปฺุโมกาสํ กตฺวา ิตํ โหติ, อถ ยํ นิธึ นิเธนฺเตน นิหิตํ หิรฺสุวณฺณาทิธนชาตํ, สพฺพเมตํ วินสฺสตีติ.
ฉฏฺคาถาวณฺณนา
เอวํ ภควา เตน เตน อธิปฺปาเยน นิหิตมฺปิ ยถาธิปฺปายํ อนุปกปฺปนฺตํ นานปฺปกาเรหิ นสฺสนธมฺมํ โลกสมฺมตํ นิธึ วตฺวา อิทานิ ยํ ปฺุสมฺปทํ ปรมตฺถโต นิธีติ ทสฺเสตุํ ตสฺส กุฏุมฺพิกสฺส อนุโมทนตฺถมิทํ นิธิกณฺฑมารทฺธํ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห –
๖. ‘‘ยสฺส ทาเนน สีเลน, สํยเมน ทเมน จ.
นิธี สุนิหิโต โหติ, อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ทานนฺติ ‘‘ทานฺจ ธมฺมจริยา จา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. สีลนฺติ กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม. ปฺจงฺคทสงฺคปาติโมกฺขสํวราทิ วา สพฺพมฺปิ สีลํ อิธ สีลนฺติ อธิปฺเปตํ. สํยโมติ สํยมนํ สํยโม, เจตโส นานารมฺมณคตินิวารณนฺติ วุตฺตํ โหติ, สมาธิสฺเสตํ อธิวจนํ. เยน สํยเมน สมนฺนาคโต ‘‘หตฺถสํยโต, ปาทสํยโต, วาจาสํยโต, สํยตุตฺตโม’’ติ เอตฺถ สํยตุตฺตโมติ วุตฺโต. อปเร อาหุ ‘‘สํยมนํ สํยโม, สํวรณนฺติ ¶ วุตฺตํ โหติ, อินฺทฺริยสํวรสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. ทโมติ ทมนํ, กิเลสูปสมนนฺติ วุตฺตํ โหติ, ปฺาเยตํ อธิวจนํ. ปฺา หิ กตฺถจิ ปฺาตฺเวว ¶ วุจฺจติ ‘‘สุสฺสูสา ลภเต ปฺ’’นฺติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๘). กตฺถจิ ธมฺโมติ ‘‘สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค’’ติ เอวมาทีสุ. กตฺถจิ ทโมติ ‘‘ยทิ สจฺจา ทมา จาคา, ขนฺตฺยา ภิยฺโย น วิชฺชตี’’ติอาทีสุ.
เอวํ ทานาทีนิ ตฺวา อิทานิ เอวํ อิมิสฺสา คาถาย สมฺปิณฺเฑตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ยสฺส อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา ทาเนน สีเลน สํยเมน ทเมน จาติ อิเมหิ จตูหิ ธมฺเมหิ ยถา หิรฺเน สุวณฺเณน มุตฺตาย มณินา วา ธนมโย นิธิ เตสํ สุวณฺณาทีนํ เอกตฺถ ปกฺขิปเนน นิธียติ, เอวํ ปฺุมโย นิธิ เตสํ ทานาทีนํ เอกจิตฺตสนฺตาเน เจติยาทิมฺหิ วา วตฺถุมฺหิ สุฏฺุ กรเณน สุนิหิโต โหตีติ.
สตฺตมคาถาวณฺณนา
เอวํ ภควา ‘‘ยสฺส ทาเนนา’’ติ อิมาย คาถาย ปฺุสมฺปทาย ปรมตฺถโต นิธิภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยตฺถ นิหิโต, โส นิธิ สุนิหิโต โหติ, ตํ วตฺถุํ ทสฺเสนฺโต อาห –
๗. ‘‘เจติยมฺหิ จ สงฺเฆ วา, ปุคฺคเล อติถีสุ วา.
มาตริ ปิตริ จาปิ, อโถ เชฏฺมฺหิ ภาตรี’’ติ.
ตตฺถ จยิตพฺพนฺติ เจติยํ, ปูเชตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ, จิตตฺตา วา เจติยํ. ตํ ปเนตํ เจติยํ ติวิธํ โหติ ปริโภคเจติยํ ¶ , อุทฺทิสฺสกเจติยํ, ธาตุกเจติยนฺติ. ตตฺถ โพธิรุกฺโข ปริโภคเจติยํ, พุทฺธปฏิมา อุทฺทิสฺสกเจติยํ, ธาตุคพฺภถูปา สธาตุกา ธาตุกเจติยํ. สงฺโฆติ พุทฺธปฺปมุขาทีสุ โย โกจิ. ปุคฺคโลติ คหฏฺปพฺพชิเตสุ โย โกจิ. นตฺถิ อสฺส ติถิ, ยมฺหิ วา ตมฺหิ ทิวเส อาคจฺฉตีติ อติถิ. ตงฺขเณ อาคตปาหุนกสฺเสตํ อธิวจนํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เอวํ เจติยาทีนิ ตฺวา อิทานิ เอวํ อิมิสฺสา คาถาย สมฺปิณฺเฑตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ – โย โส นิธิ ‘‘สุนิหิโต โหตี’’ติ วุตฺโต, โส อิเมสุ วตฺถูสุ สุนิหิโต โหติ. กสฺมา? ทีฆรตฺตํ ¶ อิฏฺผลานุปฺปทานสมตฺถตาย. ตถา หิ อปฺปกมฺปิ เจติยมฺหิ ทตฺวา ทีฆรตฺตํ อิฏฺผลลาภิโน โหนฺติ. ยถาห –
‘‘เอกปุปฺผํ ¶ ยชิตฺวาน, อสีติกปฺปโกฏิโย;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผทานสฺสิทํ ผล’’นฺติ จ.
‘‘มตฺตาสุขปริจฺจาคา, ปสฺเส เจ วิปุลํ สุข’’นฺติ จ. (ธ. ป. ๒๙๐);
เอวํ ทกฺขิณาวิสุทฺธิเวลามสุตฺตาทีสุ วุตฺตนเยน สงฺฆาทิวตฺถูสุปิ ทานผลวิภาโค เวทิตพฺโพ. ยถา จ เจติยาทีสุ ทานสฺส ปวตฺติ ผลวิภูติ จ ทสฺสิตา, เอวํ ยถาโยคํ สพฺพตฺถ ตํ ตํ อารภิตฺวา จาริตฺตวาริตฺตวเสน สีลสฺส, พุทฺธานุสฺสติวเสน สํยมสฺส, ตพฺพตฺถุกวิปสฺสนามนสิการปจฺจเวกฺขณวเสน ทมสฺส จ ปวตฺติ ตสฺส ตสฺส ผลวิภูติ จ เวทิตพฺพา.
อฏฺมคาถาวณฺณนา
เอวํ ภควา ทานาทีหิ นิธียมานสฺส ปฺุมยนิธิโน เจติยาทิเภทํ วตฺถุํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เอเตสุ วตฺถูสุ สุนิหิตสฺส ตสฺส นิธิโน คมฺภีเร โอทกนฺติเก นิหิตนิธิโต วิเสสํ ทสฺเสนฺโต อาห –
๘. ‘‘เอโส ¶ นิธิ สุนิหิโต, อเชยฺโย อนุคามิโก.
ปหาย คมนีเยสุ, เอตํ อาทาย คจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ ปุพฺพปเทน ตํ ทานาทีหิ สุนิหิตนิธึ นิทฺทิสติ ‘‘เอโส นิธิ สุนิหิโต’’ติ. อเชยฺโยติ ปเรหิ เชตฺวา คเหตุํ น สกฺกา, อจฺเจยฺโยติปิ ปาโ, ตสฺส อจฺจิตพฺโพ อจฺจนารโห หิตสุขตฺถิเกน อุปจิตพฺโพติ อตฺโถ. เอตสฺมิฺจ ปาเ เอโส นิธิ อจฺเจยฺโยติ สมฺพนฺธิตฺวา ปุน ‘‘กสฺมา’’ติ อนุโยคํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ยสฺมา สุนิหิโต อนุคามิโก’’ติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. อิตรถา หิ สุนิหิตสฺส อจฺเจยฺยตฺตํ วุตฺตํ ภเวยฺย, น จ สุนิหิโต อจฺจนีโย. อจฺจิโต เอว หิ โสติ. อนุคจฺฉตีติ อนุคามิโก, ปรโลกํ คจฺฉนฺตมฺปิ ตตฺถ ตตฺถ ผลทาเนน น วิชหตีติ อตฺโถ.
ปหาย ¶ คมนีเยสุ เอตํ อาทาย คจฺฉตีติ มรณกาเล ปจฺจุปฏฺิเต สพฺพโภเคสุ ปหาย คมนีเยสุ เอตํ นิธึ อาทาย ปรโลกํ คจฺฉตีติ อยํ กิร เอตสฺส อตฺโถ. โส ปน น ยุชฺชติ. กสฺมา? โภคานํ ¶ อคมนียโต. ปหาตพฺพา เอว หิ เต เต โภคา, น คมนียา, คมนียา ปน เต เต คติวิเสสา. ยโต ยทิ เอส อตฺโถ สิยา, ปหาย โภเค คมนีเยสุ คติวิเสเสสุ อิติ วเทยฺย. ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ‘‘นิธิ วา านา จวตี’’ติ เอวมาทินา ปกาเรน ปหาย มจฺจํ โภเคสุ คจฺฉนฺเตสุ เอตํ อาทาย คจฺฉตีติ. เอโส หิ อนุคามิกตฺตา ตํ นปฺปชหตีติ.
ตตฺถ สิยา ‘‘คมนีเยสูติ เอตฺถ คนฺตพฺเพสูติ อตฺโถ, น คจฺฉนฺเตสู’’ติ. ตํ น เอกํสโต คเหตพฺพํ. ยถา หิ ‘‘อริยา นิยฺยานิกา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๑) เอตฺถ นิยฺยนฺตาติ อตฺโถ, น นิยฺยาตพฺพาติ, เอวมิธาปิ คจฺฉนฺเตสูติ อตฺโถ, น คนฺตพฺเพสูติ.
อถ วา ยสฺมา เอส มรณกาเล กสฺสจิ ทาตุกาโม โภเค อามสิตุมฺปิ น ลภติ, ตสฺมา เตน เต โภคา ปุพฺพํ กาเยน ¶ ปหาตพฺพา, ปจฺฉา วิหตาเสน เจตสา คนฺตพฺพา, อติกฺกมิตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา ปุพฺพํ กาเยน ปหาย ปจฺฉา เจตสา คมนีเยสุ โภเคสูติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปุริมสฺมึ อตฺเถ นิทฺธารเณ ภุมฺมวจนํ, ปหาย คมนีเยสุ โภเคสุ เอกเมเวตํ ปฺุนิธิวิภวํ ตโต นีหริตฺวา อาทาย คจฺฉตีติ. ปจฺฉิเม อตฺเถ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมวจนํ. โภคานฺหิ คมนียภาเวน เอตสฺส นิธิสฺส อาทาย คมนียภาโว ลกฺขียตีติ.
นวมคาถาวณฺณนา
เอวํ ภควา อิมสฺส ปฺุนิธิโน คมฺภีเร โอทกนฺติเก นิหิตนิธิโต วิเสสํ ทสฺเสตฺวา ปุน อตฺตโน ภณฺฑคุณสํวณฺณเนน กยชนสฺส อุสฺสาหํ ชเนนฺโต อุฬารภณฺฑวาณิโช วิย อตฺตนา เทสิตปฺุนิธิคุณสํวณฺณเนน ตสฺมึ ปฺุนิธิมฺหิ เทวมนุสฺสานํ อุสฺสาหํ ชเนนฺโต อาห –
๙. ‘‘อสาธารณมฺเสํ, อโจราหรโณ นิธิ.
กยิราถ ธีโร ปฺุานิ, โย นิธิ อนุคามิโก’’ติ.
ตตฺถ ¶ อสาธารณมฺเสนฺติ อสาธารโณ อฺเสํ, มกาโร ปทสนฺธิกโร ‘‘อทุกฺขมสุขาย เวทนาย ¶ สมฺปยุตฺตา’’ติอาทีสุ วิย. น โจเรหิ อาหรโณ อโจราหรโณ, โจเรหิ อาทาตพฺโพ น โหตีติ อตฺโถ. นิธาตพฺโพติ นิธิ. เอวํ ทฺวีหิ ปเทหิ ปฺุนิธิคุณํ สํวณฺเณตฺวา ตโต ทฺวีหิ ตตฺถ อุสฺสาหํ ชเนติ ‘‘กยิราถ ธีโร ปฺุานิ, โย นิธิ อนุคามิโก’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา ปฺุานิ นาม อสาธารโณ อฺเสํ, อโจราหรโณ จ นิธิ โหติ. น เกวลฺจ อสาธารโณ อโจราหรโณ จ นิธิ, อถ โข ปน ‘‘เอโส นิธิ สุนิหิโต, อเชยฺโย อนุคามิโก’’ติ เอตฺถ วุตฺโต โย นิธิ อนุคามิโก. โส จ ยสฺมา ปฺุานิเยว, ตสฺมา กยิราถ กเรยฺย ธีโร พุทฺธิสมฺปนฺโน ธิติสมฺปนฺโน จ ปุคฺคโล ปฺุานีติ.
ทสมคาถาวณฺณนา
เอวํ ภควา คุณสํวณฺณเนน ปฺุนิธิมฺหิ เทวมนุสฺสานํ อุสฺสาหํ ชเนตฺวา อิทานิ เย อุสฺสหิตฺวา ปฺุนิธิกิริยาย สมฺปาเทนฺติ, เตสํ โส ยํ ผลํ เทติ, ตํ สงฺเขปโต ทสฺเสนฺโต อาห –
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธี’’ติ.
อิทานิ ¶ ยสฺมา ปตฺถนาย ปฏิพนฺธิตสฺส สพฺพกามททตฺตํ, น วินา ปตฺถนํ โหติ. ยถาห –
‘‘อากงฺเขยฺย เจ คหปตโย ธมฺมจารี สมจารี ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ขตฺติยมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’นฺติ, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ขตฺติยมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส ธมฺมจารี สมจารี’’ (ม. นิ. ๑.๔๔๒).
เอวํ ‘‘อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส ธมฺมจารี สมจารี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๔๒).
ตถา ¶ จาห –
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สทฺธาย สมนฺนาคโต โหติ, สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปฺาย สมนฺนาคโต โหติ, ตสฺส เอวํ โหติ ‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ขตฺติยมหาสาลานํ ¶ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’นฺติ. โส ตํ จิตฺตํ ปทหติ, ตํ จิตฺตํ อธิฏฺาติ, ตํ จิตฺตํ ภาเวติ. ตสฺส เต สงฺขารา จ วิหารา จ เอวํ ภาวิตา เอวํ พหุลีกตา ตตฺรูปปตฺติยา สํวตฺตนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๖๑) เอวมาทิ.
ตสฺมา ตํ ตถา ตถา อากงฺขปริยายํ จิตฺตปทหนาธิฏฺานภาวนาปริกฺขารํ ปตฺถนํ ตสฺส สพฺพกามททตฺเต เหตุํ ทสฺเสนฺโต อาห –
‘‘ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ.
เอกาทสมคาถาวณฺณนา
๑๑. อิทานิ ยํ ตํ สพฺพํ เอเตน ลพฺภติ, ตํ โอธิโส โอธิโส ทสฺเสนฺโต ‘‘สุวณฺณตา สุสรตา’’ติ เอวมาทิคาถาโย อาห.
ตตฺถ ปมคาถาย ตาว สุวณฺณตา นาม สุนฺทรจฺฉวิวณฺณตา กฺจนสนฺนิภตฺตจตา, สาปิ เอเตน ปฺุนิธินา ลพฺภติ. ยถาห –
‘‘ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ปุริมํ ชาตึ…เป… ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน อกฺโกธโน อโหสิ อนุปายาสพหุโล, พหุมฺปิ วุตฺโต สมาโน นาภิสชฺชิ ¶ น กุปฺปิ น พฺยาปชฺชิ น ปติตฺถียิ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตฺวากาสิ, ทาตา จ อโหสิ สุขุมานํ มุทุกานํ อตฺถรณานํ ปาวุรณานํ โขมสุขุมานํ กปฺปาสิก…เป… โกเสยฺย…เป… กมฺพลสุขุมานํ. โส ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา…เป… อิตฺถตฺตํ อาคโต สมาโน อิมํ มหาปุริสลกฺขณํ ปฏิลภติ. สุวณฺณวณฺโณ โหติ กฺจนสนฺนิภตฺตโจ’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๘).
สุสรตา นาม พฺรหฺมสฺสรตา กรวีกภาณิตา, สาปิ เอเตน ลพฺภติ. ยถาห –
‘‘ยมฺปิ ¶ , ภิกฺขเว, ตถาคโต ปุริมํ ชาตึ…เป… ผรุสํ วาจํ ปหาย ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต อโหสิ, ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา…เป… ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา อโหสิ. โส ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา…เป… อิตฺถตฺตํ ¶ อาคโต สมาโน อิมานิ ทฺเว มหาปุริสลกฺขณานิ ปฏิลภติ. ปหุตชิวฺโห จ โหติ พฺรหฺมสฺสโร จ กรวีกภาณี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๓๖).
สุสณฺานาติ สุฏฺุ สณฺานตา, สมจิตวฏฺฏิตยุตฺตฏฺาเนสุ องฺคปจฺจงฺคานํ สมจิตวฏฺฏิตภาเวน สนฺนิเวโสติ วุตฺตํ โหติ. สาปิ เอเตน ลพฺภติ. ยถาห –
‘‘ยมฺปิ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ปุริมํ ชาตึ…เป… ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน พหุชนสฺส อตฺถกาโม อโหสิ หิตกาโม ผาสุกาโม โยคกฺเขมกาโม ‘กินฺติ เม สทฺธาย วฑฺเฒยฺยุํ, สีเลน สุเตน จาเคน ปฺาย ธนธฺเน เขตฺตวตฺถุนา ทฺวิปทจตุปฺปเทหิ ปุตฺตทาเรหิ ทาสกมฺมกรโปริเสหิ าตีหิ มิตฺเตหิ พนฺธเวหิ วฑฺเฒยฺยุ’นฺติ, โส ตสฺส กมฺมสฺส…เป… สมาโน อิมานิ ตีณิ มหาปุริสลกฺขณานิ ปฏิลภติ, สีหปุพฺพฑฺฒกาโย จ โหติ จิตนฺตรํโส จ สมวฏฺฏกฺขนฺโธ ¶ จา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๒๔) เอวมาทิ.
อิมินา นเยน อิโต ปเรสมฺปิ อิมินา ปฺุนิธินา ปฏิลาภสาธกานิ สุตฺตปทานิ ตโต ตโต อาเนตฺวา วตฺตพฺพานิ. อติวิตฺถารภเยน ตุ สํขิตฺตํ, อิทานิ อวเสสปทานํ วณฺณนํ กริสฺสามิ.
สุรูปตาติ เอตฺถ สกลสรีรํ รูปนฺติ เวทิตพฺพํ ‘‘อากาโส ปริวาริโต รูปํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๖) วิย, ตสฺส รูปสฺส สุนฺทรตา สุรูปตา นาติทีฆตา นาติรสฺสตา นาติกิสตา นาติถูลตา นาติกาฬตา นจฺโจทาตตาติ วุตฺตํ โหติ. อาธิปจฺจนฺติ อธิปติภาโว, ขตฺติยมหาสาลาทิภาเวน สามิกภาโวติ อตฺโถ. ปริวาโรติ อคาริกานํ สชนปริชนสมฺปตฺติ, อนคาริกานํ ปริสสมฺปตฺติ, อาธิปจฺจฺจ ¶ ปริวาโร จ อาธิปจฺจปริวาโร. เอตฺถ จ สุวณฺณตาทีหิ สรีรสมฺปตฺติ, อาธิปจฺเจน โภคสมฺปตฺติ, ปริวาเรน สชนปริชนสมฺปตฺติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. สพฺพเมเตน ลพฺภตีติ ยํ ตํ ‘‘ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ อิทมฺปิ ตาว ปมํ โอธิโส วุตฺตสุวณฺณตาทิ สพฺพเมเตน ลพฺภตีติ เวทิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
ทฺวาทสมคาถาวณฺณนา
๑๒. เอวมิมาย ¶ คาถาย ปฺุานุภาเวน ลภิตพฺพํ รชฺชสมฺปตฺติโต โอรํ เทวมนุสฺสสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตทุภยรชฺชสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปเทสรชฺช’’นฺติ อิมํ คาถมาห.
ตตฺถ ปเทสรชฺชนฺติ เอกทีปมฺปิ สกลํ อปาปุณิตฺวา ปถวิยา เอกเมกสฺมึ ปเทเส รชฺชํ. อิสฺสรภาโว อิสฺสริยํ, อิมินา ทีปจกฺกวตฺติรชฺชํ ทสฺเสติ. จกฺกวตฺติสุขํ ปิยนฺติ อิฏฺํ กนฺตํ มนาปํ จกฺกวตฺติสุขํ. อิมินา จาตุรนฺตจกฺกวตฺติรชฺชํ ทสฺเสติ. เทเวสุ รชฺชํ เทวรชฺชํ, เอเตน มนฺธาตาทีนมฺปิ มนุสฺสานํ เทวรชฺชํ ทสฺสิตํ โหติ. อปิ ทิพฺเพสูติ อิมินา เย เต ทิวิ ภวตฺตา ‘‘ทิพฺพา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสุ ทิพฺเพสุ กาเยสุ อุปฺปนฺนานมฺปิ เทวรชฺชํ ทสฺเสติ. สพฺพเมเตน ลพฺภตีติ ยํ ตํ ‘‘ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ ¶ วุตฺตํ, ตตฺถ อิทมฺปิ ทุติยํ โอธิโส ปเทสรชฺชาทิ สพฺพเมเตน ลพฺภตีติ เวทิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
เตรสมคาถาวณฺณนา
๑๓. เอวมิมาย คาถาย ปฺุานุภาเวน ลภิตพฺพํ เทวมนุสฺสรชฺชสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทฺวีหิ คาถาหิ วุตฺตํ สมฺปตฺตึ สมาสโต ปุรกฺขตฺวา นิพฺพานสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘มานุสฺสิกา จ สมฺปตฺตี’’ติ อิมํ คาถมาห.
ตสฺสายํ ปทวณฺณนา – มนุสฺสานํ อยนฺติ มานุสฺสี, มานุสฺสี เอว มานุสฺสิกา. สมฺปชฺชนํ สมฺปตฺติ. เทวานํ โลโก เทวโลโก. ตสฺมึ เทวโลเก. ยาติ อนวเสสปริยาทานํ, รมนฺติ เอตาย อชฺฌตฺตํ อุปฺปนฺนาย พหิทฺธา วา อุปกรณภูตายาติ รติ, สุขสฺส สุขวตฺถุโน เจตํ ¶ อธิวจนํ. ยาติ อนิยตวจนํ จสทฺโท ปุพฺพสมฺปตฺติยา สห สมฺปิณฺฑนตฺโถ. นิพฺพานํเยว นิพฺพานสมฺปตฺติ.
อยํ ปน อตฺถวณฺณนา – ยา เอสา ‘‘สุวณฺณตา’’ติอาทีหิ ปเทหิ มานุสฺสิกา จ สมฺปตฺติ เทวโลเก จ ยา รติ วุตฺตา, สา จ สพฺพา, ยา จายมปรา สทฺธานุสาริภาวาทิวเสน ปตฺตพฺพา นิพฺพานสมฺปตฺติ, สา จาติ อิทํ ตติยมฺปิ โอธิโส สพฺพเมเตน ลพฺภตีติ.
อถ ¶ วา ยา ปุพฺเพ สุวณฺณตาทีหิ อวุตฺตา ‘‘สูรา สติมนฺโต อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ เอวมาทินา (อ. นิ. ๙.๒๑) นเยน นิทฺทิฏฺา ปฺาเวยฺยตฺติยาทิเภทา จ มานุสฺสิกา สมฺปตฺติ, อปรา เทวโลเก จ ยา ฌานาทิรติ, ยา จ ยถาวุตฺตปฺปการา นิพฺพานสมฺปตฺติ จาติ อิทมฺปิ ตติยํ โอธิโส สพฺพเมเตน ลพฺภตีติ. เอวมฺเปตฺถ อตฺถวณฺณนา เวทิตพฺพา.
จุทฺทสมคาถาวณฺณนา
๑๔. เอวมิมาย คาถาย ปฺุานุภาเวน ลภิตพฺพํ สทฺธานุสารีภาวาทิวเสน ปตฺตพฺพํ นิพฺพานสมฺปตฺติมฺปิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตวิชฺชอุภโตภาควิมุตฺตภาววเสนปิ ปตฺตพฺพํ ตเมว ตสฺส อุปายฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘มิตฺตสมฺปทมาคมฺมา’’ติ อิมํ คาถมาห.
ตสฺสายํ ปทวณฺณนา – สมฺปชฺชติ เอตาย คุณวิภูตึ ปาปุณาตีติ สมฺปทา, มิตฺโต เอว สมฺปทา มิตฺตสมฺปทา, ตํ มิตฺตสมฺปทํ ¶ . อาคมฺมาติ นิสฺสาย. โยนิโสติ อุปาเยน. ปยฺุชโตติ โยคานุฏฺานํ กโรโต. วิชานาติ เอตายาติ วิชฺชา, วิมุจฺจติ เอตาย, สยํ วา วิมุจฺจตีติ วิมุตฺติ, วิชฺชา จ วิมุตฺติ จ วิชฺชาวิมุตฺติโย, วิชฺชาวิมุตฺตีสุ วสีภาโว วิชฺชาวิมุตฺติวสีภาโว.
อยํ ปน อตฺถวณฺณนา – ยฺวายํ มิตฺตสมฺปทมาคมฺม สตฺถารํ วา อฺตรํ วา ครุฏฺานิยํ สพฺรหฺมจารึ นิสฺสาย ตโต โอวาทฺจ อนุสาสนิฺจ คเหตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา โยนิโส ปยฺุชโต ปุพฺเพนิวาสาทีสุ ตีสุ วิชฺชาสุ ‘‘ตตฺถ กตมา วิมุตฺติ? จิตฺตสฺส จ อธิมุตฺติ นิพฺพานฺจา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๘๑) เอวํ อาคตาย อฏฺสมาปตฺตินิพฺพานเภทาย วิมุตฺติยา จ ตถา ตถา อทนฺธายิตตฺเตน ¶ วสีภาโว, อิทมฺปิ จตุตฺถํ โอธิโส สพฺพเมเตน ลพฺภตีติ.
ปนฺนรสมคาถาวณฺณนา
๑๕. เอวมิมาย คาถาย ปุพฺเพ กถิตวิชฺชาวิมุตฺติวสีภาวภาคิยปฺุานุภาเวน ลภิตพฺพํ เตวิชฺชอุภโตภาควิมุตฺตภาววเสนปิ ปตฺตพฺพํ นิพฺพานสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา วิชฺชาวิมุตฺติวสีภาวปฺปตฺตา เตวิชฺชา อุภโตภาควิมุตฺตาปิ สพฺเพ ปฏิสมฺภิทาทิคุณวิภูตึ ลภนฺติ, อิมาย ปฺุสมฺปทาย จ ตสฺสา คุณวิภูติยา ปทฏฺานวเสน ¶ ตถา ตถา สาปิ ลพฺภติ, ตสฺมา ตมฺปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฏิสมฺภิทา วิโมกฺขา จา’’ติ อิมํ คาถมาห.
‘‘ยโต สมฺมา กเตน ยา จายํ ธมฺมตฺถนิรุตฺติปฏิภาเนสุ ปเภทคตา ปฺา ปฏิสมฺภิทา’’ติ วุจฺจติ, เย จิเม ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๒๙; ๓.๓๓๙) นเยน อฏฺ วิโมกฺขา, ยา จายํ ภควโต สาวเกหิ ปตฺตพฺพา สาวกสมฺปตฺติสาธิกา สาวกปารมี, ยา จ สยมฺภุภาวสาธิกา ปจฺเจกโพธิ, ยา จ สพฺพสตฺตุตฺตมภาวสาธิกา พุทฺธภูมิ, อิทมฺปิ ปฺจมํ โอธิโส สพฺพเมเตน ลพฺภตีติ เวทิตพฺพํ.
โสฬสมคาถาวณฺณนา
๑๖. เอวํ ภควา ยํ ตํ ‘‘ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ อิมาหิ ปฺจหิ คาถาหิ โอธิโส โอธิโส ทสฺเสตฺวา ¶ อิทานิ สพฺพเมวิทํ สพฺพกามททนิธิสฺิตํ ปฺุสมฺปทํ ปสํสนฺโต ‘‘เอวํ มหตฺถิกา เอสา’’ติ อิมาย คาถาย เทสนํ นิฏฺเปสิ.
ตสฺสายํ ปทวณฺณนา – เอวนฺติ อตีตตฺถนิทสฺสนํ. มหนฺโต อตฺโถ อสฺสาติ มหตฺถิกา, มหโต อตฺถาย สํวตฺตตีติ วุตฺตํ โหติ, มหิทฺธิกาติปิ ปาโ. เอสาติ อุทฺเทสวจนํ, เตน ‘‘ยสฺส ทาเนน สีเลนา’’ติ อิโต ปภุติ ยาว ‘‘กยิราถ ธีโร ปฺุานี’’ติ วุตฺตํ ปฺุสมฺปทํ อุทฺทิสติ. ยทิทนฺติ อภิมุขกรณตฺเถ นิปาโต, เตน เอสาติ อุทฺทิฏฺํ นิทฺทิสิตุํ ยา เอสาติ อภิมุขํ กโรติ. ปฺุานํ สมฺปทา ปฺุสมฺปทา ¶ . ตสฺมาติ การณวจนํ. ธีราติ ธิติมนฺโต. ปสํสนฺตีติ วณฺณยนฺติ. ปณฺฑิตาติ ปฺาสมฺปนฺนา. กตปฺุตนฺติ กตปฺุภาวํ.
อยํ ปน อตฺถวณฺณนา – อิติ ภควา สุวณฺณตาทึ พุทฺธภูมิปริโยสานํ ปฺุสมฺปทานุภาเวน อธิคนฺตพฺพมตฺถํ วณฺณยิตฺวา อิทานิ ตเมวตฺถํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสนฺโต เตเนวตฺเถน ยถาวุตฺตปฺปการาย ปฺุสมฺปทาย มหตฺถิกตฺตํ ถุนนฺโต อาห – เอวํ มหโต อตฺถสฺส อาวหเนน มหตฺถิกา เอสา, ยทิทํ มยา ‘‘ยสฺส ทาเนน สีเลนา’’ติอาทินา นเยน เทสิตา ปฺุสมฺปทา, ตสฺมา มาทิสา สตฺตานํ หิตสุขาวหาย ธมฺมเทสนาย อกิลาสุตาย ยถาภูตคุเณน จ ธีรา ปณฺฑิตา ‘‘อสาธารณมฺเสํ, อโจราหรโณ นิธี’’ติอาทีหิ อิธ วุตฺเตหิ ¶ จ, อวุตฺเตหิ จ ‘‘มา, ภิกฺขเว, ปฺุานํ ภายิตฺถ, สุขสฺเสตํ, ภิกฺขเว, อธิวจนํ, ยทิทํ ปฺุานี’’ติอาทีหิ (อ. นิ. ๗.๖๒; อิติวุ. ๒๒; เนตฺติ. ๑๒๑) วจเนหิ อเนกาการโวการํ กตปฺุตํ ปสํสนฺติ, น ปกฺขปาเตนาติ.
เทสนาปริโยสาเน โส อุปาสโก พหุชเนน สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, รฺโ จ ปเสนทิโกสลสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ, ราชา อติวิย ตุฏฺโ หุตฺวา ‘‘สาธุ, คหปติ, สาธุ โข ตฺวํ ¶ , คหปติ, มาทิเสหิปิ อนาหรณียํ นิธึ นิเธสี’’ติ สํราเธตฺวา มหตึ ปูชมกาสีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
นิธิกณฺฑสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เมตฺตสุตฺตวณฺณนา
นิกฺเขปปฺปโยชนํ
อิทานิ ¶ นิธิกณฺฑานนฺตรํ นิกฺขิตฺตสฺส เมตฺตสุตฺตสฺส วณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต. ตสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ วตฺวา ตโต ปรํ –
‘‘เยน วุตฺตํ ยทา ยตฺถ, ยสฺมา เจเตส ทีปนา;
นิทานํ โสธยิตฺวาสฺส, กริสฺสามตฺถวณฺณนํ’’.
ตตฺถ ¶ ยสฺมา นิธิกณฺเฑน ทานสีลาทิปฺุสมฺปทา วุตฺตา, สา จ สตฺเตสุ เมตฺตาย กตาย มหปฺผลา โหติ ยาว พุทฺธภูมึ ปาเปตุํ สมตฺถา, ตสฺมา ตสฺสา ปฺุสมฺปทาย อุปการทสฺสนตฺถํ, ยสฺมา วา สรเณหิ สาสเน โอตริตฺวา สิกฺขาปเทหิ สีเล ปติฏฺิตานํ ทฺวตฺตึสากาเรน ราคปฺปหานสมตฺถํ, กุมารปฺเหน โมหปฺปหานสมตฺถฺจ กมฺมฏฺานํ ทสฺเสตฺวา, มงฺคลสุตฺเตน ตสฺส ปวตฺติยา มงฺคลภาโว อตฺตรกฺขา จ, รตนสุตฺเตน ตสฺสานุรูปา ปรรกฺขา, ติโรกุฏฺเฏน รตฺตนสุตฺเต วุตฺตภูเตสุ เอกจฺจภูตทสฺสนํ วุตฺตปฺปการาย ปฺุสมฺปตฺติยา ปมชฺชนฺตานํ วิปตฺติ จ, นิธิกณฺเฑน ติโรกุฏฺเฏ วุตฺตวิปตฺติปฏิปกฺขภูตา สมฺปตฺติ จ ทสฺสิตา, โทสปฺปหานสมตฺถํ ปน กมฺมฏฺานํ อทสฺสิตเมว, ตสฺมา ตํ โทสปฺปหานสมตฺถํ กมฺมฏฺานํ ทสฺเสตุํ อิทํ เมตฺตสุตฺตํ อิธ นิกฺขิตฺตํ. เอวฺหิ สุปริปูโร โหติ ขุทฺทกปาโติ อิทมสฺส อิธ นิกฺเขปปฺปโยชนํ.
นิทานโสธนํ
อิทานิ ยายํ –
‘‘เยน วุตฺตํ ยทา ยตฺถ, ยสฺมา เจเตส ทีปนา;
นิทานํ โสธยิตฺวาสฺส, กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ. –
มาติกา ¶ นิกฺขิตฺตา, ตตฺถ อิทํ ¶ เมตฺตสุตฺตํ ภควตาว วุตฺตํ, น สาวกาทีหิ, ตฺจ ปน ยทา หิมวนฺตปสฺสโต เทวตาหิ อุพฺพาฬฺหา ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ อาคตา, ตทา สาวตฺถิยํ เตสํ ภิกฺขูนํ ปริตฺตตฺถาย กมฺมฏฺานตฺถาย จ วุตฺตนฺติ เอวํ ตาว สงฺเขปโต เอเตสํ ปทานํ ทีปนา นิทานโสธนา เวทิตพฺพา.
วิตฺถารโต ปน เอวํ เวทิตพฺพา – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย, เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา นานาเวรชฺชกา ภิกฺขู ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วสฺสํ อุปคนฺตุกามา ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺติ. ตตฺร สุทํ ภควา ราคจริตานํ สวิฺาณกอวิฺาณกวเสน เอกาทสวิธํ อสุภกมฺมฏฺานํ, โทสจริตานํ จตุพฺพิธํ เมตฺตาทิกมฺมฏฺานํ, โมหจริตานํ มรณสฺสติกมฺมฏฺานาทีนิ, วิตกฺกจริตานํ อานาปานสฺสติปถวีกสิณาทีนิ, สทฺธาจริตานํ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานาทีนิ, พุทฺธิจริตานํ จตุธาตุววตฺถานาทีนีติ ¶ อิมินา นเยน จตุราสีติสหสฺสปฺปเภทจริตานุกูลานิ กมฺมฏฺานานิ กเถติ.
อถ โข ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา สปฺปายเสนาสนฺจ โคจรคามฺจ ปริเยสมานานิ อนุปุพฺเพน คนฺตฺวา ปจฺจนฺเต หิมวนฺเตน สทฺธึ เอกาพทฺธํ นีลกาจมณิสนฺนิภสิลาตลํ สีตลฆนจฺฉายนีลวนสณฺฑมณฺฑิตํ มุตฺตาชาลรชตปฏฺฏสทิสวาลุกากิณฺณภูมิภาคํ สุจิสาตสีตลชลาสยปริวาริตํ ปพฺพตมทฺทสํสุ. อถ เต ภิกฺขู ตตฺเถกรตฺตึ วสิตฺวา ปภาตาย รตฺติยา สรีรปริกมฺมํ กตฺวา ตสฺส อวิทูเร อฺตรํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. คาโม ฆนนิเวสนสนฺนิวิฏฺกุลสหสฺสยุตฺโต, มนุสฺสา เจตฺถ ¶ สทฺธา ปสนฺนา เต ปจฺจนฺเต ปพฺพชิตทสฺสนสฺส ทุลฺลภตาย ภิกฺขู ทิสฺวา เอว ปีติโสมนสฺสชาตา หุตฺวา เต ภิกฺขู โภเชตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, เตมาสํ วสถา’’ติ ยาจิตฺวา ปฺจ ปธานกุฏิสตานิ กาเรตฺวา ตตฺถ มฺจปีปานียปริโภชนียฆฏาทีนิ สพฺพูปกรณานิ ปฏิยาเทสุํ.
ภิกฺขู ทุติยทิวเส อฺํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. ตตฺถปิ มนุสฺสา ตเถว อุปฏฺหิตฺวา วสฺสาวาสํ ยาจึสุ. ภิกฺขู ‘‘อสติ อนฺตราเย’’ติ อธิวาเสตฺวา ตํ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา สพฺพรตฺตินฺทิวํ อารทฺธวีริยา ยามฆณฺฑิกํ โกฏฺเฏตฺวา โยนิโสมนสิการพหุลา วิหรนฺตา รุกฺขมูลานิ อุปคนฺตฺวา นิสีทึสุ. สีลวนฺตานํ ภิกฺขูนํ เตเชน วิหตเตชา รุกฺขเทวตา อตฺตโน อตฺตโน วิมานา โอรุยฺห ทารเก คเหตฺวา อิโต จิโต วิจรนฺติ. เสยฺยถาปิ ¶ นาม ราชูหิ วา ราชมหามตฺเตหิ วา คามกาวาสํ คเตหิ คามวาสีนํ ฆเรสุ โอกาเส คหิเต ฆรมนุสฺสกา ฆรา นิกฺขมิตฺวา อฺตฺร วสนฺตา ‘‘กทา นุ คมิสฺสนฺตี’’ติ ทูรโตว โอโลเกนฺติ, เอวเมว เทวตา อตฺตโน อตฺตโน วิมานานิ ฉฑฺเฑตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺติโย ทูรโตว โอโลเกนฺติ ‘‘กทา นุ ภทนฺตา คมิสฺสนฺตี’’ติ. ตโต เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘‘ปมวสฺสูปคตา ภิกฺขู อวสฺสํ เตมาสํ วสิสฺสนฺติ, มยํ ปน ตาว จิรํ ทารเก คเหตฺวา โอกฺกมฺม วสิตุํ น สกฺโกม, หนฺท มยํ ภิกฺขูนํ ภยานกํ อารมฺมณํ ทสฺเสมา’’ติ. ตา รตฺตึ ภิกฺขูนํ สมณธมฺมกรณเวลาย ภึสนกานิ ยกฺขรูปานิ นิมฺมินิตฺวา ปุรโต ¶ ปุรโต ติฏฺนฺติ, เภรวสทฺทฺจ กโรนฺติ. ภิกฺขูนํ ตานิ รูปานิ ทิสฺวา ตฺจ สทฺทํ สุตฺวา หทยํ ผนฺทิ, ทุพฺพณฺณา ¶ จ อเหสุํ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตา. เตน เต ภิกฺขู จิตฺตํ เอกคฺคํ กาตุํ นาสกฺขึสุ, เตสํ อเนกคฺคจิตฺตานํ ภเยน จ ปุนปฺปุนํ สํวิคฺคานํ สติ สมฺมุสฺสิ, ตโต เตสํ มุฏฺสตีนํ ทุคฺคนฺธานิ อารมฺมณานิ ปโยเชสุํ, เตสํ เตน ทุคฺคนฺเธน นิมฺมถิยมานมิว มตฺถลุงฺคํ อโหสิ, คาฬฺหา สีสเวทนา อุปฺปชฺชึสุ, น จ ตํ ปวตฺตึ อฺมฺสฺส อาโรเจสุํ.
อเถกทิวสํ สงฺฆตฺเถรสฺส อุปฏฺานกาเล สพฺเพสุ สนฺนิปติเตสุ สงฺฆตฺเถโร ปุจฺฉิ ‘‘ตุมฺหากํ, อาวุโส, อิมํ วนสณฺฑํ ปวิฏฺานํ กติปาหํ อติวิย ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ อโหสิ ปริโยทาโต, วิปฺปสนฺนานิ จ อินฺทฺริยานิ, เอตรหิ ปนตฺถ กิสา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตา, กึ โว อิธ อสปฺปาย’’นฺติ. ตโต เอโก ภิกฺขุ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, รตฺตึ อีทิสฺจ อีทิสฺจ เภรวารมฺมณํ ปสฺสามิ จ สุณามิ จ, อีทิสฺจ คนฺธํ ฆายามิ, เตน เม จิตฺตํ น สมาธิยตี’’ติ, เอเตเนว อุปาเยน สพฺเพว เต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. สงฺฆตฺเถโร อาห – ‘‘ภควตา, อาวุโส, ทฺเว วสฺสูปนายิกา ปฺตฺตา, อมฺหากฺจ อิทํ เสนาสนํ อสปฺปายํ, อายามาวุโส, ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา อฺํ สปฺปายเสนาสนํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู เถรสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา สพฺเพว เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนุปลิตฺตตฺตา กุเลสุ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา เอว เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกมึสุ. อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติกํ อาคมึสุ.
ภควา เต ภิกฺขู ทิสฺวา เอตทโวจ – ‘‘น, ภิกฺขเว, อนฺโตวสฺสํ จาริกา จริตพฺพาติ มยา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, กิสฺส ตุมฺเห ¶ จาริกํ จรถา’’ติ. เต ภควโต สพฺพมาโรเจสุํ. ภควา อาวชฺเชนฺโต สกลชมฺพุทีเป อนฺตมโส จตุปาทปีกฏฺานมตฺตมฺปิ เตสํ สปฺปายเสนาสนํ นาทฺทส. อถ เต ภิกฺขู อาห – ‘‘น, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ อฺํ สปฺปายเสนาสนํ อตฺถิ, ตตฺเถว ตุมฺเห วิหรนฺตา อาสวกฺขยํ ปาปุณิสฺสถ, คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตเมว ¶ เสนาสนํ อุปนิสฺสาย วิหรถ, สเจ ปน เทวตาหิ อภยํ อิจฺฉถ, อิมํ ปริตฺตํ อุคฺคณฺหถ. เอตฺหิ โว ปริตฺตฺจ กมฺมฏฺานฺจ ภวิสฺสตี’’ติ อิทํ สุตฺตมภาสิ.
อปเร ¶ ปนาหุ – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตเมว เสนาสนํ อุปนิสฺสาย วิหรถา’’ติ อิทฺจ วตฺวา ภควา อาห – ‘‘อปิจ โข อารฺเกน ปริหรณํ าตพฺพํ. เสยฺยถิทํ – สายํ ปาตํ กรณวเสน ทฺเว เมตฺตา ทฺเว ปริตฺตา ทฺเว อสุภา ทฺเว มรณสฺสตี อฏฺมหาสํเวควตฺถุสมาวชฺชนฺจ, อฏฺ มหาสํเวควตฺถูนิ นาม ชาติชราพฺยาธิมรณํ จตฺตาริ อปายทุกฺขานีติ, อถ วา ชาติชราพฺยาธิมรณานิ จตฺตาริ, อปายทุกฺขํ ปฺจมํ, อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ทุกฺข’’นฺติ. เอวํ ภควา ปริหรณํ อาจิกฺขิตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ เมตฺตตฺถฺจ ปริตฺตตฺถฺจ วิปสฺสนาปาทกชฺฌานตฺถฺจ อิทํ สุตฺตมภาสีติ. เอวํ วิตฺถารโตปิ ‘‘เยน วุตฺตํ ยทา ยตฺถ, ยสฺมา เจ’’ติ เอเตสํ ปทานํ ทีปนา นิทานโสธนา เวทิตพฺพา.
เอตฺตาวตา จ ยา สา ‘‘เยน วุตฺตํ ยทา ยตฺถ, ยสฺมา เจเตส ทีปนา. นิทานํ โสธยิตฺวา’’ติ มาติกา ปิตา, สา ¶ สพฺพากาเรน วิตฺถาริตา โหติ.
ปมคาถาวณฺณนา
๑. อิทานิ ‘‘อสฺส กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ วุตฺตตฺตา เอวํ กตนิทานโสธนสฺส อสฺส สุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนา อารพฺภเต. ตตฺถ กรณียมตฺถกุสเลนาติ อิมิสฺสา ปมคาถาย ตาว อยํ ปทวณฺณนา – กรณียนฺติ กาตพฺพํ, กรณารหนฺติ อตฺโถ. อตฺโถติ ปฏิปทา, ยํ วา กิฺจิ อตฺตโน หิตํ, ตํ สพฺพํ อรณียโต อตฺโถติ วุจฺจติ, อรณียโต นาม อุปคนฺตพฺพโต. อตฺเถ กุสเลน อตฺถกุสเลน อตฺถเฉเกนาติ วุตฺตํ โหติ. ยนฺติ อนิยมิตปจฺจตฺตํ. นฺติ นิยมิตอุปโยคํ, อุภยมฺปิ วา ยํ ตนฺติ ปจฺจตฺตวจนํ. สนฺตํ ปทนฺติ อุปโยควจนํ, ตตฺถ ลกฺขณโต สนฺตํ, ปตฺตพฺพโต ปทํ, นิพฺพานสฺเสตํ อธิวจนํ. อภิสเมจฺจาติ อภิสมาคนฺตฺวา. สกฺโกตีติ สกฺโก, สมตฺโถ ปฏิพโลติ วุตฺตํ โหติ. อุชูติ อชฺชวยุตฺโต. สุฏฺุ อุชูติ สุหุชุ. สุขํ วโจ ตสฺมินฺติ สุวโจ. อสฺสาติ ภเวยฺย. มุทูติ มทฺทวยุตฺโต. น อติมานีติ อนติมานิ.
อยํ ปเนตฺถ อตฺถวณฺณนา – กรณียมตฺถกุสเลน, ยนฺตํ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจาติ เอตฺถ ตาว ¶ อตฺถิ กรณียํ, อตฺถิ อกรณียํ. ตตฺถ สงฺเขปโต ¶ สิกฺขตฺตยํ กรณียํ. สีลวิปตฺติ, ทิฏฺิวิปตฺติ, อาจารวิปตฺติ, อาชีววิปตฺตีติ เอวมาทิ อกรณียํ. ตถา อตฺถิ อตฺถกุสโล, อตฺถิ อนตฺถกุสโล. ตตฺถ โย อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา น อตฺตานํ สมฺมา ปโยเชติ, ขณฺฑสีโล โหติ, เอกวีสติวิธํ อเนสนํ นิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปติ. เสยฺยถิทํ – เวฬุทานํ ปตฺตทานํ ปุปฺผทานํ ผลทานํ ทนฺตกฏฺทานํ มุโขทกทานํ สินานทานํ จุณฺณทานํ มตฺติกาทานํ จาฏุกมฺยตํ มุคฺคสูปฺยตํ ปาริภฏยตํ ชงฺฆเปสนิกํ เวชฺชกมฺมํ ทูตกมฺมํ ปหิณคมนํ ปิณฺฑปฏิปิณฺฑํ ¶ ทานานุปฺปทานํ วตฺถุวิชฺชํ นกฺขตฺตวิชฺชํ องฺควิชฺชนฺติ. ฉพฺพิเธ จ อโคจเร จรติ. เสยฺยถิทํ – เวสิยาโคจเร วิธวถุลฺลกุมาริกปณฺฑกภิกฺขุนีปานาคารโคจเรติ. สํสฏฺโ จ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน คิหิสํสคฺเคน, ยานิ วา ปน ตานิ กุลานิ อสฺสทฺธานิ อปฺปสนฺนานิ อโนปานภูตานิ อกฺโกสกปริภาสกานิ อนตฺถกามานิ อหิตอผาสุกโยคกฺเขมกามานิ ภิกฺขูนํ…เป… อุปาสิกานํ, ตถารูปานิ กุลานิ เสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ. อยํ อนตฺถกุสโล.
โย ปน อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ สมฺมา ปโยเชติ, อเนสนํ ปหาย จตุปาริสุทฺธิสีเล ปติฏฺาตุกาโม สทฺธาสีเสน ปาติโมกฺขสํวรํ สติสีเสน อินฺทฺริยสํวรํ วีริยสีเสน อาชีวปาริสุทฺธึ, ปฺาสีเสน ปจฺจยปฏิเสวนํ ปูเรติ. อยํ อตฺถกุสโล.
โย วา สตฺตาปตฺติกฺขนฺธโสธนวเสน ปาติโมกฺขสํวรํ, ฉทฺวาเร ฆฏฺฏิตารมฺมเณสุ อภิชฺฌาทีนํ อนุปฺปตฺติวเสน อินฺทฺริสํวรํ, อเนสนปริวชฺชนวเสน วิฺุปฺปสตฺถพุทฺธพุทฺธสาวกวณฺณิตปจฺจยปฏิเสวเนน จ อาชีวปาริสุทฺธึ, ยถาวุตฺตปจฺจเวกฺขณวเสน ปจฺจยปฏิเสวนํ, จตุอิริยาปถปริวตฺตเน สาตฺถกตาทิปจฺจเวกฺขณวเสน สมฺปชฺฺจ โสเธติ. อยมฺปิ อตฺถกุสโล.
โย วา ยถา อูโสทกํ ปฏิจฺจ สํกิลิฏฺํ วตฺถํ ปริโยทาปยติ, ฉาริกํ ปฏิจฺจ อาทาโส, อุกฺกามุขํ ปฏิจฺจ ชาตรูปํ, ตถา าณํ ปฏิจฺจ สีลํ โวทายตีติ ตฺวา าโณทเกน โธวนฺโต สีลํ ปริโยทาเปติ. ยถา จ กิกี สกุณิกา อณฺฑํ, จมรี มิโค วาลธึ, เอกปุตฺติกา นารี ¶ ปิยํ เอกปุตฺตกํ, เอกนยโน ปุริโส ตํ เอกนยนฺจ รกฺขติ, ตถา อติวิย อปฺปมตฺโต อตฺตโน สีลกฺขนฺธํ รกฺขติ, สายํ ¶ ปาตํ ปจฺจเวกฺขมาโน อณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ น ปสฺสติ. อยมฺปิ อตฺถกุสโล.
โย ¶ วา ปน อวิปฺปฏิสารกเร สีเล ปติฏฺาย กิเลสวิกฺขมฺภนปฏิปทํ ปคฺคณฺหาติ, ตํ ปคฺคณฺหิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กโรติ, กสิณปริกมฺมํ กตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ. อยมฺปิ อตฺถกุสโล.
โย วา ปน สมาปตฺติโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อยํ อตฺถกุสลานํ อคฺโค. ตตฺถ เย อิเม ยาว อวิปฺปฏิสารกเร สีเล ปติฏฺาเนน ยาว วา กิเลสวิกฺขมฺภนปฏิปทายปคฺคหเณน วณฺณิตา อตฺถกุสลา, เต อิมสฺมึ อตฺเถ อตฺถกุสลาติ อธิปฺเปตา. ตถา วิธา จ เต ภิกฺขู. เตน ภควา เต ภิกฺขู สนฺธาย เอกปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ‘‘กรณียมตฺถกุสเลนา’’ติ อาห.
ตโต ‘‘กึ กรณีย’’นฺติ เตสํ สฺชาตกงฺขานํ อาห ‘‘ยนฺตํ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจา’’ติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ตํ พุทฺธานุพุทฺเธหิ วณฺณิตํ สนฺตํ นิพฺพานปทํ ปฏิเวธวเสน อภิสเมจฺจ วิหริตุกาเมน ยํ กรณียนฺติ. เอตฺถ จ ยนฺติ อิมสฺส คาถาปทสฺส อาทิโต วุตฺตเมว กรณียนฺติ อธิการโต อนุวตฺตติ, ตํ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจาติ. อยํ ปน ยสฺมา สาวเสสปาโ อตฺโถ, ตสฺมา วิหริตุกาเมนาติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อถ วา สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจาติ อนุสฺสวาทิวเสน โลกิยปฺาย นิพฺพานปทํ ‘‘สนฺต’’นฺติ ตฺวา ตํ อธิคนฺตุกาเมน ยนฺตํ กรณียนฺติ อธิการโต อนุวตฺตติ, ตํ กรณียมตฺถกุสเลนาติ เอวมฺเปตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อถ วา ‘‘กรณียมตฺถกุสเลนา’’ติ วุตฺเต ‘‘กิ’’นฺติ จินฺเตนฺตานํ อาห ‘‘ยนฺตํ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจา’’ติ. ตสฺเสวํ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ – โลกิยปฺาย สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ ยํ กรณียํ กาตพฺพํ, ตํ กรณียํ, กรณารหเมว ตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
กึ ปน ตนฺติ ¶ ? กิมฺํ สิยา อฺตฺร ตทธิคมุปายโต, กามฺเจตํ กรณารหฏฺเน สิกฺขตฺตยทีปเกน อาทิปเทเนว วุตฺตํ. ตถา หิ ตสฺส อตฺถวณฺณนายํ อโวจุมฺหา ‘‘อตฺถิ กรณียํ, อตฺถิ อกรณียํ. ตตฺถ ¶ สงฺเขปโต สิกฺขตฺตยํ กรณีย’’นฺติ. อติสงฺเขเปน เทสิตตฺตา ปน เตสํ ภิกฺขูนํ เกหิจิ วิฺาตํ, เกหิจิ น วิฺาตํ. ตโต เยหิ น วิฺาตํ, เตสํ วิฺาปนตฺถํ ยํ วิเสสโต อารฺเกน ภิกฺขุนา กาตพฺพํ, ตํ วิตฺถาเรนฺโต ‘‘สกฺโก อุชู จ สุหุชู จ, สุวโจ จสฺส มุทุ อนติมานี’’ติ อิมํ ตาว อุปฑฺฒคาถมาห.
กึ ¶ วุตฺตํ โหติ? สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกาโม, โลกิยปฺาย วา ตํ อภิสเมจฺจ ตทธิคมาย ปฏิปชฺชมาโน อารฺโก ภิกฺขุ ทุติยจตุตฺถปธานิยงฺคสมนฺนาคเมน กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺโข หุตฺวา สจฺจปฺปฏิเวธาย ปฏิปชฺชิตุํ สกฺโก อสฺส, ตถา กสิณปริกมฺมวตฺตสมาทานาทีสุ อตฺตโน ปตฺตจีวรปฺปฏิสงฺขรณาทีสุ จ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึ กรณียานิ, เตสุ อฺเสุ จ เอวรูเปสุ สกฺโก อสฺส ทกฺโข อนลโส สมตฺโถ. สกฺโก โหนฺโตปิ จ ตติยปธานิยงฺคสมนฺนาคเมน อุชุ อสฺส. อุชุ โหนฺโตปิ จ สกึ อุชุภาเวน ทหรกาเล วา อุชุภาเวน สนฺโตสํ อนาปชฺชิตฺวา ยาวชีวํ ปุนปฺปุนํ อสิถิลกรเณน สุฏฺุตรํ อุชุ อสฺส. อสตาย วา อุชุ, อมายาวิตาย สุหุชุ. กายวจีวงฺกปฺปหาเนน วา อุชุ, มโนวงฺกปฺปหาเนน สุหุชุ. อสนฺตคุณสฺส วา อนาวิกรเณน อุชุ, อสนฺตคุเณน อุปฺปนฺนสฺส ลาภสฺส อนธิวาสเนน สุหุชุ. เอวํ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌาเนหิ ปุริมทฺวยตติยสิกฺขาหิ ปโยคาสยสุทฺธีหิ จ อุชุ จ สุหุชุ จ อสฺส.
น เกวลฺจ อุชุ จ สุหุชุ จ, อปิจ ปน สุวโจ จ อสฺส. โย หิ ปุคฺคโล ‘‘อิทํ น กตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺโต ‘‘กึ เต ทิฏฺํ, กึ เต สุตํ, โก เม สุตฺวา วทสิ, กึ อุปชฺฌาโย อาจริโย สนฺทิฏฺโ สมฺภตฺโต วา’’ติ วเทติ, ตุณฺหีภาเวน วา ตํ วิเหเสติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วา น ตถา กโรติ, โส วิเสสาธิคมสฺส ทูเร โหติ. โย ปน โอวทิยมาโน ‘‘สาธุ, ภนฺเต สุฏฺุ วุตฺตํ, อตฺตโน วชฺชํ นาม ¶ ทุทฺทสํ โหติ, ปุนปิ มํ เอวรูปํ ทิสฺวา วเทยฺยาถ อนุกมฺปํ อุปาทาย, จิรสฺสํ เม ตุมฺหากํ สนฺติกา โอวาโท ลทฺโธ’’ติ วทติ, ยถานุสิฏฺฺจ ปฏิปชฺชติ, โส วิเสสาธิคมสฺส อวิทูเร โหติ. ตสฺมา เอวํ ปรสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กโรนฺโต สุวโจ จ อสฺส.
ยถา ¶ จ สุวโจ, เอวํ มุทุ อสฺส. มุทูติ คหฏฺเหิ ทูตคมนปหิณคมนาทีสุ นิยุชฺชมาโน ตตฺถ มุทุภาวํ อกตฺวา ถทฺโธ หุตฺวา วตฺตปฏิปตฺติยํ สกลพฺรหฺมจริเย จ มุทุ อสฺส สุปริกมฺมกตสุวณฺณํ วิย ตตฺถ ตตฺถ วินิโยคกฺขโม. อถ วา มุทูติ อภากุฏิโก อุตฺตานมุโข สุขสมฺภาโส ปฏิสนฺถารวุตฺติ สุติตฺถํ วิย สุขาวคาโห อสฺส. น เกวลฺจ มุทุ, อปิจ ปน อนติมานี อสฺส, ชาติโคตฺตาทีหิ อติมานวตฺถูหิ ปเร นาติมฺเยฺย, สาริปุตฺตตฺเถโร วิย จณฺฑาลกุมารกสเมน เจตสา วิหเรยฺยาติ.
ทุติยคาถาวณฺณนา
๒. เอวํ ¶ ภควา สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกามสฺส ตทธิคมาย วา ปฏิปชฺชมานสฺส วิเสสโต อารฺกสฺส ภิกฺขุโน เอกจฺจํ กรณียํ วตฺวา ปุน ตตุตฺตริปิ วตฺตุกาโม ‘‘สนฺตุสฺสโก จา’’ติ ทุติยคาถมาห.
ตตฺถ ‘‘สนฺตุฏฺี จ กตฺุตา’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปเภเทน ทฺวาทสวิเธน สนฺโตเสน สนฺตุสฺสตีติ สนฺตุสฺสโก. อถ วา ตุสฺสตีติ ตุสฺสโก, สเกน ตุสฺสโก, สนฺเตน ตุสฺสโก, สเมน ตุสฺสโกติ สนฺตุสฺสโก. ตตฺถ สกํ นาม ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสายา’’ติ เอวํ อุปสมฺปทมณฺฑเล อุทฺทิฏฺํ อตฺตนา จ สมฺปฏิจฺฉิตํ จตุปจฺจยชาตํ, เตน สุนฺทเรน วา อสุนฺทเรน วา สกฺกจฺจํ วา อสกฺกจฺจํ วา ทินฺเนน ปฏิคฺคหณกาเล ปริโภคกาเล จ วิการํ อทสฺเสตฺวา ยาเปนฺโต ‘‘สเกน ตุสฺสโก’’ติ วุจฺจติ. สนฺตํ นาม ยํ ลทฺธํ โหติ อตฺตโน ‘วิชฺชมานํ ¶ , เตน สนฺเตเนว ตุสฺสนฺโต ตโต ปรํ น ปตฺเถนฺโต อตฺริจฺฉตํ ปชหนฺโต ‘‘สนฺเตน ตุสฺสโก’’ติ วุจฺจติ. สมํ นาม อิฏฺานิฏฺเสุ อนุนยปฏิฆปฺปหานํ, เตน สเมน สพฺพารมฺมเณสุ ตุสฺสนฺโต ‘‘สเมน ตุสฺสโก’’ติ วุจฺจติ.
สุเขน ภรียตีติ สุภโร, สุโปโสติ วุตฺตํ โหติ. โย หิ ภิกฺขุ มนุสฺเสหิ สาลิมํโสทนาทีนํ ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺเนปิ ทุมฺมุขภาวํ อนตฺตมนภาวเมว จ ทสฺเสติ, เตสํ วา สมฺมุขาว ตํ ปิณฺฑปาตํ ‘‘กึ ตุมฺเหหิ ทินฺน’’นฺติ อปสาเทนฺโต สามเณรคหฏฺาทีนํ เทติ, เอส ทุพฺภโร. เอตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ทูรโตว ปริวชฺเชนฺติ ‘‘ทุพฺภโร ภิกฺขุ น สกฺกา โปเสตุ’’นฺติ ¶ . โย ปน ยํ กิฺจิ ลูขํ วา ปณีตํ วา อปฺปํ วา พหุํ วา ลภิตฺวา อตฺตมโน วิปฺปสนฺนมุโข หุตฺวา ยาเปติ, เอส สุภโร. เอตํ ทิสฺวา มนุสฺสา อติวิย วิสฺสตฺถา โหนฺติ, ‘‘อมฺหากํ ภทนฺโต สุภโร, โถกโถเกนาปิ ตุสฺสติ, มยเมว นํ โปเสสฺสามา’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา โปเสนฺติ. เอวรูโป อิธ สุภโรติ อธิปฺเปโต.
อปฺปํ กิจฺจมสฺสาติ อปฺปกิจฺโจ, น กมฺมารามตาภสฺสารามตาสงฺคณิการามตาทิอเนกกิจฺจพฺยาวโฏ, อถ วา สกลวิหาเร นวกมฺมสงฺฆปริโภคสามเณรอารามิกโวสาสนาทิกิจฺจวิรหิโต, อตฺตโน เกสนขจฺเฉทนปตฺตจีวรกมฺมาทึ กตฺวา สมณธมฺมกิจฺจปโร โหตีติ วุตฺตํ โหติ.
สลฺลหุกา ¶ วุตฺติ อสฺสาติ สลฺลหุกวุตฺติ. ยถา เอกจฺโจ พหุภณฺโฑ ภิกฺขุ ทิสาปกฺกมนกาเล พหุํ ปตฺตจีวรปจฺจตฺถรณเตลคุฬาทึ มหาชเนน สีสภารกฏิภาราทีหิ อุพฺพหาเปตฺวา ปกฺกมติ, เอวํ อหุตฺวา โย อปฺปปริกฺขาโร โหติ, ปตฺตจีวราทิอฏฺสมณปริกฺขารมตฺตเมว ปริหรติ, ทิสาปกฺกมนกาเล ปกฺขี สกุโณ วิย สมาทาเยว ปกฺกมติ ¶ , เอวรูโป อิธ สลฺลหุกวุตฺตีติ อธิปฺเปโต. สนฺตานิ อินฺทฺริยานิ อสฺสาติ สนฺตินฺทฺริโย, อิฏฺารมฺมณาทีสุ ราคาทิวเสน อนุทฺธตินฺทฺริโยติ วุตฺตํ โหติ. นิปโกติ วิฺู วิภาวี ปฺวา, สีลานุรกฺขณปฺาย จีวราทิวิจารณปฺาย อาวาสาทิสตฺตสปฺปายปริชานนปฺาย จ สมนฺนาคโตติ อธิปฺปาโย.
น ปคพฺโภติ อปฺปคพฺโภ, อฏฺฏฺาเนน กายปาคพฺภิเยน จตุฏฺาเนน วจีปาคพฺภิเยน อเนเกน าเนน มโนปาคพฺภิเยน จ วิรหิโตติ อตฺโถ.
อฏฺฏฺานํ กายปาคพฺภิยํ (มหานิ. ๘๗) นาม สงฺฆคณปุคฺคลโภชนสาลาชนฺตาฆรนฺหานติตฺถภิกฺขาจารมคฺคอนฺตรฆรปฺปเวสเนสุ กาเยน อปฺปติรูปกรณํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ สงฺฆมชฺเฌ ปลฺลตฺถิกาย วา นิสีทติ ปาเท ปาทโมทหิตฺวา วาติ เอวมาทิ. ตถา คณมชฺเฌ จตุปริสสนฺนิปาเต, ตถา วุฑฺฒตเร ปุคฺคเล. โภชนสาลายํ ปน วุฑฺฒานํ อาสนํ ¶ น เทติ, นวานํ อาสนํ ปฏิพาหติ. ตถา ชนฺตาฆเร, วุฑฺเฒ เจตฺถ อนาปุจฺฉา อคฺคิชาลนาทีนิ กโรติ. นฺหานติตฺเถ จ ยทิทํ ‘‘ทหโร วุฑฺโฒติ ปมาณํ อกตฺวา อาคตปฏิปาฏิยา นฺหายิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตมฺปิ อนาทิยนฺโต ปจฺฉา อาคนฺตฺวา อุทกํ โอตริตฺวา วุฑฺเฒ จ นเว จ พาเธติ. ภิกฺขาจารมคฺเค ปน อคฺคาสนอคฺโคทกอคฺคปิณฺฑตฺถํ วุฑฺฒานํ ปุรโต ปุรโต ยาติ, พาหาย พาหํ ปหรนฺโต. อนฺตรฆรปฺปเวสเน วุฑฺฒานํ ปมตรํ ปวิสติ, ทหเรหิ กายกีฬนํ กโรตีติ เอวมาทิ.
จตุฏฺานํ วจีปาคพฺภิยํ (มหานิ. ๘๗) นาม สงฺฆคณปุคฺคลอนฺตรฆเรสุ อปฺปติรูปวาจานิจฺฉารณํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ สงฺฆมชฺเฌ อนาปุจฺฉา ธมฺมํ ภาสติ, ตถา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเร คเณ ¶ วุฑฺฒตเร ปุคฺคเล จ, ตตฺถ มนุสฺเสหิ ปฺหํ ปุฏฺโ วุฑฺฒตรํ อนาปุจฺฉา วิสฺสชฺเชติ, อนฺตรฆเร ปน ‘‘อิตฺถนฺนาเม กึ อตฺถิ, กึ ยาคุ อุทาหุ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา, กึ เม ทสฺสสิ, กึ อชฺช ขาทิสฺสามิ, กึ ภฺุชิสฺสามิ, กึ ปิวิสฺสามี’’ติ เอวมาทึ ภาสติ.
อเนกฏฺานํ ¶ มโนปาคพฺภิยํ (มหานิ. ๘๗) นาม เตสุ เตสุ าเนสุ กายวาจาหิ อชฺฌาจารํ อนาปชฺชิตฺวาปิ มนสา เอว กามวิตกฺกาทินานปฺปการํ อปฺปติรูปวิตกฺกนํ.
กุเลสฺวนนุคิทฺโธติ ยานิ ตานิ กุลานิ อุปสงฺกมติ, เตสุ ปจฺจยตณฺหาย วา อนนุโลมิกคิหิสํสคฺควเสน วา อนนุคิทฺโธ, น สหโสกี, น สหนนฺที, น สุขิเตสุ สุขิโต, น ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต, น อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนา วา อุยฺโยคมาปชฺชิตาติ วุตฺตํ โหติ. อิมิสฺสาย จ คาถาย ยํ ‘‘สุวโจ จสฺสา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ อสฺสาติ วจนํ, ตํ สพฺพปเทหิ สทฺธึ สนฺตุสฺสโก จ อสฺส, สุภโร จ อสฺสาติ เอวํ โยเชตพฺพํ.
ตติยคาถาวณฺณนา
๓. เอวํ ภควา สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกามสฺส ตทธิคมาย วา ปฏิปชฺชิตุกามสฺส วิเสสโต อารฺกสฺส ภิกฺขุโน ตทุตฺตริปิ กรณียํ อาจิกฺขิตฺวา อิทานิ อกรณียมฺปิ อาจิกฺขิตุกาโม ‘‘น จ ขุทฺทมาจเร กิฺจิ, เยน วิฺู ปเร อุปวเทยฺยุ’’นฺติ อิมํ อุปฑฺฒคาถมาห.
ตสฺสตฺโถ ¶ – เอวมิมํ กรณียํ กโรนฺโต ยํ ตํ กายวจีมโนทุจฺจริตํ ขุทฺทํ ลามกนฺติ วุจฺจติ, ตํ น จ ขุทฺทํ สมาจเร, อสมาจรนฺโต จ น เกวลํ โอฬาริกํ, กินฺตุ กิฺจิ น สมาจเร, อปฺปมตฺตกมฺปิ อณุมตฺตกมฺปิ น สมาจเรติ วุตฺตํ โหติ.
ตโต ตสฺส สมาจาเร สนฺทิฏฺิกเมวาทีนวํ ทสฺเสติ ‘‘เยน วิฺู ปเร อุปวเทยฺยุ’’นฺติ. เอตฺถ จ ยสฺมา อวิฺู ปเร อปฺปมาณํ. เต หิ อนวชฺชํ วา สาวชฺชํ กโรนฺติ, อปฺปสาวชฺชํ วา มหาสาวชฺชํ. วิฺู เอว ปน ปมาณํ. เต หิ อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส ¶ อวณฺณํ ภาสนฺติ, วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสนฺติ. ตสฺมา ‘‘วิฺู ปเร’’ติ วุตฺตํ.
เอวํ ภควา อิมาหิ อฑฺฒเตยฺยาหิ คาถาหิ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกามสฺส ตทธิคมาย วา ปฏิปชฺชิตุกามสฺส วิเสสโต อารฺกสฺส, อารฺกสีเสน จ สพฺเพสมฺปิ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิหริตุกามานํ กรณียากรณียเภทํ กมฺมฏฺานูปจารํ วตฺวา อิทานิ เตสํ ภิกฺขูนํ ตสฺส เทวตาภยสฺส ปฏิฆาตาย ปริตฺตตฺถํ วิปสฺสนาปาทกชฺฌานวเสน กมฺมฏฺานตฺถฺจ ‘‘สุขิโนว เขมิโน โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน เมตฺตกถํ กเถตุมารทฺโธ.
ตตฺถ ¶ สุขิโนติ สุขสมฺปนฺนา. เขมิโนติ เขมวนฺโต, อภยา นิรุปทฺทวาติ วุตฺตํ โหติ. สพฺเพติ อนวเสสา. สตฺตาติ ปาณิโน. สุขิตตฺตาติ สุขิตจิตฺตา. เอตฺถ จ กายิเกน สุเขน สุขิโน, มานเสน สุขิตตฺตา, ตทุภเยนาปิ สพฺพภยุปทฺทววิคเมน วา เขมิโนติ เวทิตพฺโพ. กสฺมา ปน เอวํ วุตฺตํ? เมตฺตาภาวนาการทสฺสนตฺถํ. เอวฺหิ เมตฺตา ภาเวตพฺพา ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิโน โหนฺตู’’ติ วา, ‘‘เขมิโน โหนฺตู’’ติ วา, ‘‘สุขิตตฺตา โหนฺตู’’ติ วา.
จตุตฺถคาถาวณฺณนา
๔. เอวํ ยาว อุปจารโต อปฺปนาโกฏิ, ตาว สงฺเขเปน เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตฺถารโตปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย เกจี’’ติ คาถาทฺวยมาห. อถ วา ยสฺมา ปุถุตฺตารมฺมเณ ปริจิตํ จิตฺตํ น อาทิเกเนว เอกตฺเต สณฺาติ อารมฺมณปฺปเภทํ ปน อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา กเมน ¶ สณฺาติ, ตสฺมา ตสฺส ตสถาวราทิทุกติกปฺปเภเท อารมฺมเณ อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา สณฺานตฺถมฺปิ ‘‘เย เกจี’’ติ คาถาทฺวยมาห. อถ วา ยสฺมา ยสฺส ยํ อารมฺมณํ วิภูตํ โหติ, ตสฺส ตตฺถ จิตฺตํ สุขํ ¶ ติฏฺติ, ตสฺมา เตสํ ภิกฺขูนํ ยสฺส ยํ วิภูตํ อารมฺมณํ, ตสฺส ตตฺถ จิตฺตํ สณฺาเปตุกาโม ตสถาวราทิทุกติการมฺมณเภททีปกํ ‘‘เย เกจี’’ติ อิมํ คาถาทฺวยมาห.
เอตฺถ หิ ตสถาวรทุกํ ทิฏฺาทิฏฺทุกํ ทูรสนฺติกทุกํ ภูตสมฺภเวสิทุกนฺติ จตฺตาโร ทุเก, ทีฆาทีหิ จ ฉหิ ปเทหิ มชฺฌิมปทสฺส ตีสุ อณุกปทสฺส จ ทฺวีสุ ติเกสุ อตฺถสมฺภวโต ทีฆรสฺสมชฺฌิมติกํ มหนฺตาณุกมชฺฌิมติกํ ถูลาณุกมชฺฌิมติกนฺติ ตโย ติเก จ ทีเปติ. ตตฺถ เย เกจีติ อนวเสสวจนํ. ปาณา เอว ภูตา ปาณภูตา. อถ วา ปาณนฺตีติ ปาณา, เอเตน อสฺสาสปสฺสาสปฺปฏิพทฺเธ ปฺจโวการสตฺเต คณฺหาติ. ภวนฺตีติ ภูตา, เอเตน เอกโวการจตุโวการสตฺเต คณฺหาติ. อตฺถีติ สนฺติ สํวิชฺชนฺติ.
เอวํ ‘‘เย เกจิ ปาณภูตตฺถี’’ติ อิมินา วจเนน ทุกติเกหิ สงฺคเหตพฺเพ สพฺพสตฺเต เอกโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ สพฺเพปิ เต ตสา วา ถาวรา ว นวเสสาติ อิมินา ทุเกน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ.
ตตฺถ ตสนฺตีติ ตสา, สตณฺหานํ สภยานฺเจตํ อธิวจนํ. ติฏฺนฺตีติ ถาวรา, ปหีนตณฺหาภยานํ อรหตํ เอตํ อธิวจนํ. นตฺถิ เตสํ อวเสสนฺติ อนวเสสา, สพฺเพปีติ วุตฺตํ ¶ โหติ. ยฺจ ทุติยคาถาย อนฺเต วุตฺตํ, ตํ สพฺพทุกติเกหิ สมฺพนฺธิตพฺพํ ‘‘เย เกจิ ปาณภูตตฺถิ ตสา วา ถาวรา วา อนวเสสา, อิเมปิ สพฺเพ สตฺตา ภวนฺตุ สุขิตตฺตา. เอวํ ยาว ภูตา วา สมฺภเวสี วา, อิเมปิ สพฺเพ สตฺตา ภวนฺตุ สุขิตตฺตา’’ติ.
อิทานิ ทีฆรสฺสมชฺฌิมาทิติกตฺตยทีปเกสุ ทีฆา วาติอาทีสุ ฉสุ ปเทสุ ทีฆาติ ทีฆตฺตภาวา นาคมจฺฉโคธาทโย. อเนกพฺยามสตปฺปมาณาปิ หิ มหาสมุทฺเท นาคานํ อตฺตภาวา อเนกโยชนปฺปมาณา จ มจฺฉโคธาทีนํ อตฺตภาวา โหนฺติ. มหนฺตาติ มหนฺตตฺตภาวา ชเล มจฺฉกจฺฉปาทโย, ถเล ¶ หตฺถินาคาทโย, อมนุสฺเสสุ ทานวาทโย ¶ . อาห จ ‘‘ราหุคฺคํ อตฺตภาวีน’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๑๕). ตสฺส หิ อตฺตภาโว อุพฺเพเธน จตฺตาริ โยชนสหสฺสานิ อฏฺ จ โยชนสตานิ, พาหู ทฺวาทสโยชนสตปริมาณา, ปฺาสโยชนํ ภมุกนฺตรํ, ตถา องฺคุลนฺตริกา, หตฺถตลานิ ทฺเว โยชนสตานีติ. มชฺฌิมาติ อสฺสโคณมหึสสูกราทีนํ อตฺตภาวา. รสฺสกาติ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ วามนาทโย ทีฆมชฺฌิเมหิ โอมกปฺปมาณา สตฺตา. อณุกาติ มํสจกฺขุสฺส อโคจรา ทิพฺพจกฺขุวิสยา อุทกาทีสุ นิพฺพตฺตา สุขุมตฺตภาวา สตฺตา อูกาทโย วา. อปิจ เย ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ มหนฺตมชฺฌิเมหิ ถูลมชฺฌิเมหิ จ โอมกปฺปมาณา สตฺตา, เต อณุกาติ เวทิตพฺพา. ถูลาติ ปริมณฺฑลตฺตภาวา สิปฺปิกสมฺพุกาทโย สตฺตา.
ปฺจมคาถาวณฺณนา
๕. เอวํ ตีหิ ติเกหิ อนวเสสโต สตฺเต ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ทิฏฺา วา เย ว อทิฏฺา’’ติอาทีหิ ตีหิ ทุเกหิปิ เต สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ.
ตตฺถ ทิฏฺาติ เย อตฺตโน จกฺขุสฺส อาปาถมาคตวเสน ทิฏฺปุพฺพา. อทิฏฺาติ เย ปรสมุทฺทปรเสลปรจกฺกวาฬาทีสุ ิตา. ‘‘เย วา ทูเร วสนฺติ อวิทูเร’’ติ อิมินา ปน ทุเกน อตฺตโน อตฺตภาวสฺส ทูเร จ อวิทูเร จ วสนฺเต สตฺเต ทสฺเสติ, เต อปททฺวิปทวเสน เวทิตพฺพา. อตฺตโน หิ กาเย วสนฺตา สตฺตา อวิทูเร, พหิกาเย วสนฺตา สตฺตา ทูเร. ตถา อนฺโตอุปจาเร วสนฺตา อวิทูเร, พหิอุปจาเร วสนฺตา ทูเร. อตฺตโน วิหาเร คาเม ชนปเท ทีเป จกฺกวาเฬ วสนฺตา อวิทูเร, ปรจกฺกวาเฬ วสนฺตา ทูเร วสนฺตีติ วุจฺจนฺติ.
ภูตาติ ชาตา อภินิพฺพตฺตา. เย ภูตา เอว, น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ¶ ขีณาสวานํ เอตํ อธิวจนํ. สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสี. อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา อายติมฺปิ ¶ สมฺภวํ เอสนฺตานํ เสขปุถุชฺชนานเมตํ อธิวจนํ. อถ วา จตูสุ โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสี นาม, อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ ภินฺทิตฺวา พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นาม ¶ . สํเสทชา โอปปาติกา จ ปมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสี นาม, ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปภุติ ภูตา นาม. เยน วา อิริยาปเถน ชายนฺติ, ยาว ตโต อฺํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสี นาม, ตโต ปรํ ภูตาติ.
ฉฏฺคาถาวณฺณนา
๖. เอวํ ภควา ‘‘สุขิโน วา’’ติอาทีหิ อฑฺฒเตยฺยาหิ คาถาหิ นานปฺปการโต เตสํ ภิกฺขูนํ หิตสุขาคมปตฺถนาวเสน สตฺเตสุ เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อหิตทุกฺขานาคมปตฺถนาวเสนาปิ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น ปโร ปรํ นิกุพฺเพถา’’ติ. เอส โปราโณ ปาโ, อิทานิ ปน ‘‘ปรํ หี’’ติปิ ปนฺติ, อยํ น โสภโน.
ตตฺถ ปโรติ ปรชโน. ปรนฺติ ปรชนํ. น นิกุพฺเพถาติ น วฺเจยฺย. นาติมฺเถาติ น อติกฺกมิตฺวา มฺเยฺย. กตฺถจีติ กตฺถจิ โอกาเส, คาเม วา คามเขตฺเต วา าติมชฺเฌ วา ปูคมชฺเฌ วาติอาทิ. นนฺติ เอตํ. กฺจีติ ยํ กฺจิ ขตฺติยํ วา พฺราหฺมณํ วา คหฏฺํ วา ปพฺพชิตํ วา สุขิตํ วา ทุกฺขิตํ วาติอาทิ. พฺยาโรสนา ปฏิฆสฺาติ กายวจีวิกาเรหิ พฺยาโรสนาย จ มโนวิกาเรน ปฏิฆสฺาย จ. ‘‘พฺยาโรสนาย ปฏิฆสฺายา’’ติ หิ วตฺตพฺเพ ‘‘พฺยาโรสนา ปฏิฆสฺา’’ติ วุจฺจติ, ยถา ‘‘สมฺมทฺาย วิมุตฺตา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สมฺมทฺา วิมุตฺตา’’ติ, ยถา จ ‘‘อนุปุพฺพสิกฺขาย อนุปุพฺพกิริยาย อนุปุพฺพปฏิปทายา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา’’ติ. นาฺมฺสฺส ทุกฺขมิจฺเฉยฺยาติ อฺมฺสฺส ทุกฺขํ น อิจฺเฉยฺย ¶ . กึ วุตฺตํ โหติ? น เกวลํ ‘‘สุขิโน วา เขมิโน วา โหนฺตู’’ติอาทิมนสิการวเสเนว เมตฺตํ ภาเวยฺย, กินฺตุ ‘‘อโหวต โย โกจิ ปรปุคฺคโล ยํ กฺจิ ปรปุคฺคลํ วฺจนาทีหิ นิกตีหิ น นิกุพฺเพถ, ชาติอาทีหิ จ นวหิ มานวตฺถูหิ กตฺถจิ ปเทเส กฺจิ ปรปุคฺคลํ นาติมฺเยฺย, อฺมฺสฺส จ พฺยาโรสนาย วา ปฏิฆสฺาย วา ทุกฺขํ น อิจฺเฉยฺยา’’ติ เอวมฺปิ มนสิกโรนฺโต ภาเวยฺยาติ.
สตฺตมคาถาวณฺณนา
๗. เอวํ ¶ ¶ อหิตทุกฺขานาคมปตฺถนาวเสน อตฺถโต เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว อุปมาย ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มาตา ยถา นิยํปุตฺต’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ยถา มาตา นิยํ ปุตฺตํ อตฺตนิ ชาตํ โอรสํ ปุตฺตํ, ตฺจ เอกปุตฺตเมว อายุสา อนุรกฺเข, ตสฺส ทุกฺขาคมปฺปฏิพาหนตฺถํ อตฺตโน อายุมฺปิ จชิตฺวา ตํ อนุรกฺเข, เอวมฺปิ สพฺพภูเตสุ อิทํ เมตฺตาขฺยํ มานสํ ภาวเย, ปุนปฺปุนํ ชนเย วฑฺฒเย, ตฺจ อปริมาณสตฺตารมฺมณวเสน เอกสฺมึ วา สตฺเต อนวเสสผรณวเสน อปริมาณํ ภาวเยติ.
อฏฺมคาถาวณฺณนา
๘. เอวํ สพฺพากาเรน เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺเสว วฑฺฒนํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เมตฺตฺจ สพฺพโลกสฺมี’’ติ.
ตตฺถ มิชฺชติ ตายติ จาติ มิตฺโต, หิตชฺฌาสยตาย สินิยฺหติ, อหิตาคมโต รกฺขติ จาติ อตฺโถ. มิตฺตสฺส ภาโว เมตฺตํ. สพฺพโลกสฺมีติ อนวเสเส สตฺตโลเก. มนสิ ภวนฺติ มานสํ. ตฺหิ จิตฺตสมฺปยุตฺตตฺตา เอวํ วุตฺตํ. ภาวเยติ วฑฺฒเย. น อสฺส ปริมาณนฺติ อปริมาณํ, อปฺปมาณสตฺตารมฺมณตาย เอวํ วุตฺตํ. อุทฺธนฺติ อุปริ, เตน อรูปภวํ คณฺหาติ. อโธติ เหฏฺา, เตน กามภวํ คณฺหาติ. ติริยนฺติ เวมชฺฌํ, เตน รูปภวํ คณฺหาติ. อสมฺพาธนฺติ สมฺพาธวิรหิตํ, ภินฺนสีมนฺติ วุตฺตํ โหติ. สีมา นาม ปจฺจตฺถิโก วุจฺจติ, ตสฺมิมฺปิ ปวตฺตนฺติ อตฺโถ. อเวรนฺติ เวรวิรหิตํ ¶ , อนฺตรนฺตราปิ เวรเจตนาปาตุภาววิรหิตนฺติ อตฺโถ. อสปตฺตนฺติ วิคตปจฺจตฺถิกํ. เมตฺตาวิหารี หิ ปุคฺคโล มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, นาสฺส โกจิ ปจฺจตฺถิโก โหติ, เตนสฺส ตํ มานสํ วิคตปจฺจตฺถิกตฺตา อสปตฺตนฺติ วุจฺจติ. ปริยายวจนฺหิ เอตํ, ยทิทํ ปจฺจตฺถิโก สปตฺโตติ. อยํ อนุปทโต อตฺถวณฺณนา.
อยํ ¶ ปเนตฺถ อธิปฺเปตตฺถทีปนา – ยทิทํ ‘‘เอวมฺปิ สพฺพภูเตสุ มานสํ ภาวเย อปริมาณ’’นฺติ วุตฺตํ, ตฺเจตํ อปริมาณํ เมตฺตํ มานสํ สพฺพโลกสฺมึ ภาวเย วฑฺฒเย, วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ คมเย ปาปเย. กถํ? อุทฺธํ อโธ จ ติริยฺจ, อุทฺธํ ยาว ภวคฺคา, อโธ ¶ ยาว อวีจิโต, ติริยํ ยาว อวเสสทิสา. อุทฺธํ วา อารุปฺปํ, อโธ กามธาตุํ, ติริยํ รูปธาตุํ อนวเสสํ ผรนฺโต. เอวํ ภาเวนฺโตปิ จ ตํ ยถา อสมฺพาธํ อเวรํ อสปตฺตฺจ โหติ, ตถา สมฺพาธเวรสปตฺตานํ อภาวํ กโรนฺโต ภาวเย. ยํ วา ตํ ภาวนาสมฺปทํ ปตฺตํ สพฺพตฺถ โอกาสโลกวเสน อสมฺพาธํ, อตฺตโน ปเรสุ อาฆาตปฺปฏิวินยเนน อเวรํ, อตฺตนิ จ ปเรสํ อาฆาตวินยเนน อสปตฺตํ โหติ. ตํ อสมฺพาธมเวรมสปตฺตํ อปริมาณํ เมตฺตํ มานสํ อุทฺธํ อโธ ติริยฺจาติ ติวิธปริจฺเฉเท สพฺพโลกสฺมึ ภาวเย วฑฺฒเยติ.
นวมคาถาวณฺณนา
๙. เอวํ เมตฺตาภาวนาย วฑฺฒนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ ภาวนมนุยุตฺตสฺส วิหรโต อิริยาปถนิยมาภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติฏฺํ จรํ…เป… อธิฏฺเยฺยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – เอวเมตํ เมตฺตํ มานสํ ภาเวนฺโต โส ‘‘นิสีทติ ¶ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธายา’’ติอาทีสุ วิย อิริยาปถนิยมํ อกตฺวา ยถาสุขํ อฺตรฺตรอิริยาปถพาธนวิโนทนํ กโรนฺโต ติฏฺํ วา จรํ วา นิสินฺโน วา สยาโน วา ยาวตา วิคตมิทฺโธ อสฺส, อถ เอตํ เมตฺตาฌานสตึ อธิฏฺเยฺย.
อถ วา เอวํ เมตฺตาภาวนาย วฑฺฒนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วสีภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติฏฺํ จร’’นฺติ. วสิปฺปตฺโต หิ ติฏฺํ วา จรํ วา นิสินฺโน วา สยาโน วา ยาวตา อิริยาปเถน เอตํ เมตฺตาฌานสตึ อธิฏฺาตุกาโม โหติ, อถ วา ติฏฺํ วา จรํ วา…เป… สยาโน วาติ น ตสฺส านาทีนิ อนฺตรายกรานิ โหนฺติ, อปิจ โข ยาวตา เอตํ เมตฺตาฌานสตึ อธิฏฺาตุกาโม โหติ, ตาวตา วิคตมิทฺโธ หุตฺวา อธิฏฺาติ, นตฺถิ ตสฺส ตตฺถ ทนฺธายิตตฺตํ. เตนาห ‘‘ติฏฺํ จรํ นิสินฺโน ว, สยาโน ยาวตาสฺส วิตมิทฺโธ. เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยา’’ติ.
ตสฺสายมธิปฺปาโย ¶ – ยํ ตํ ‘‘เมตฺตฺจ สพฺพโลกสฺมิ, มานสํ ภาวเย’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยถา ภาเวยฺย, ยถา านาทีสุ ยาวตา อิริยาปเถน านาทีนิ วา อนาทิยิตฺวา ยาวตา เอตํ เมตฺตาฌานสตึ อธิฏฺาตุกาโม อสฺส, ตาวตา วิคตมิทฺโธว หุตฺวา เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยาติ.
เอวํ เมตฺตาภาวนาย วสีภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยา’’ติ ตสฺมึ เมตฺตาวิหาเร นิโยเชตฺวา อิทานิ ตํ วิหารํ ถุนนฺโต อาห ‘‘พฺรหฺมเมตํ วิหารมิธมาหู’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – ยฺวายํ ‘‘สุขิโน วา เขมิโน วา โหนฺตู’’ติอาทิ กตฺวา ยาว ‘‘เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยา’’ติ วณฺณิโต เมตฺตาวิหาโร. เอตํ จตูสุ ทิพฺพพฺรหฺมอริยอิริยาปถวิหาเรสุ นิทฺโทสตฺตา อตฺตโนปิ ปเรสมฺปิ อตฺถกรตฺตา จ อิธ อริยสฺส ธมฺมวินเย พฺรหฺมวิหารมาหุ ¶ เสฏฺวิหารมาหูติ, ยโต สตตํ สมิตํ อพฺโพกิณฺณํ ติฏฺํ จรํ นิสินฺโน วา สยาโน วา ยาวตาสฺส วิคตมิทฺโธ, เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยาติ.
ทสมคาถาวณฺณนา
๑๐. เอวํ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ นานปฺปการโต เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา เมตฺตา สตฺตารมฺมณตฺตา อตฺตทิฏฺิยา อาสนฺนา โหติ, ตสฺมา ทิฏฺิคหนนิเสธนมุเขน เตสํ ภิกฺขูนํ ตเทว เมตฺตาฌานํ ปาทกํ กตฺวา อริยภูมิปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิฏฺิฺจ อนุปคฺคมฺมา’’ติ อิมาย คาถาย เทสนํ สมาเปสิ.
ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ ‘‘พฺรหฺมเมตํ วิหารมิธมาหู’’ติ สํวณฺณิโต เมตฺตาฌานวิหาโร, ตโต วุฏฺาย เย ตตฺถ วิตกฺกวิจาราทโย ธมฺมา, เต เตสฺจ วตฺถาทิอนุสาเรน รูปธมฺเม ปริคฺคเหตฺวา อิมินา นามรูปปริจฺเฉเทน ‘‘สุทฺธสงฺขารปฺุโชยํ, นยิธ สตฺตูปลพฺภตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๗๑; มหานิ. ๑๘๖) เอวํ ทิฏฺิฺจ อนุปคฺคมฺม อนุปุพฺเพน โลกุตฺตรสีเลน สีลวา หุตฺวา โลกุตฺตรสีลสมฺปยุตฺเตเนว โสตาปตฺติมคฺคสมฺมาทิฏฺิสฺิเตน ทสฺสเนน สมฺปนฺโน, ตโต ปรํ โยปายํ วตฺถุกาเมสุ เคโธ กิเลสกาโม อปฺปหีโน โหติ, ตมฺปิ สกทาคามิอนาคามิมคฺเคหิ ตนุภาเวน อนวเสสปฺปหาเนน ¶ จ กาเมสุ เคธํ วิเนยฺย วินยิตฺวา วูปสเมตฺวา น หิ ชาตุ คพฺภเสยฺยํ ปุน เรติ เอกํเสเนว ปุน คพฺภเสยฺยํ น เอติ. สุทฺธาวาเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺเถว อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา ปรินิพฺพาตีติ.
เอวํ ภควา เทสนํ สมาเปตฺวา เต ภิกฺขู อาห – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตสฺมึเยว วนสณฺเฑ วิหรถ, อิมฺจ สุตฺตํ มาสสฺส อฏฺสุ ธมฺมสฺสวนทิวเสสุ ฆณฺฑึ อาโกเฏตฺวา อุสฺสาเรถ, ธมฺมกถํ กโรถ สากจฺฉถ อนุโมทถ, อิทเมว กมฺมฏฺานํ อาเสวถ ภาเวถ ¶ พหุลีกโรถ, เตปิ โว อมนุสฺสา ตํ เภรวารมฺมณํ น ทสฺเสสฺสนฺติ, อฺทตฺถุ อตฺถกามา หิตกามา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ตถา อกํสุ. เทวตาโย จ ‘‘ภทนฺตา อมฺหากํ อตฺถกามา หิตกามา’’ติ ปีติโสมนสฺสชาตา หุตฺวา สยเมว เสนาสนํ สมฺมชฺชนฺติ, อุณฺโหทกํ ปฏิยาเทนฺติ ¶ , ปิฏฺิปริกมฺมํ ปาทปริกมฺมํ กโรนฺติ, อารกฺขํ สํวิทหนฺติ. เตปิ ภิกฺขู ตเมว เมตฺตํ ภาเวตฺวา ตเมว จ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา สพฺเพ ตสฺมึเยว อนฺโตเตมาเส อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา มหาปวารณาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสุนฺติ.
เอวมฺปิ อตฺถกุสเลน ตถาคเตน,
ธมฺมิสฺสเรน กถิตํ กรณียมตฺถํ;
กตฺวานุภุยฺย ปรมํ หทยสฺส สนฺตึ,
สนฺตํ ปทํ อภิสเมนฺติ สมตฺตปฺา.
ตสฺมา หิ ตํ อมตมพฺภุตมริยกนฺตํ,
สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกาโม;
วิฺู ชโน วิมลสีลสมาธิปฺา-
เภทํ กเรยฺย สตตํ กรณียมตฺถนฺติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปา-อฏฺกถาย
เมตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิคมนกถา
เอตฺตาวตา ¶ จ ยํ วุตฺตํ –
‘‘อุตฺตมํ วนฺทเนยฺยานํ, วนฺทิตฺวา รตนตฺตยํ;
ขุทฺทกานํ กริสฺสามิ, เกสฺจิ อตฺถวณฺณน’’นฺติ.
ตตฺถ สรณสิกฺขาปททฺวตฺตึสาการกุมารปฺหมงฺคลสุตฺตรตนสุตฺตติโรกุฏฺฏนิธิกณฺฑเมตฺตสุตฺตวเสน นวปฺปเภทสฺส ขุทฺทกปาสฺส ตาว อตฺถวณฺณนา กตา โหติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘อิมํ ¶ ¶ ขุทฺทกปาสฺส, กโรนฺเตนตฺถวณฺณนํ;
สทฺธมฺมฏฺิติกาเมน, ยํ ปตฺตํ กุสลํ มยา.
ตสฺสานุภาวโต ขิปฺปํ, ธมฺเม อริยปฺปเวทิเต;
วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ, ปาปุณาตุ อยํ ชโน’’ติ.
ปรมวิสุทฺธสทฺธาพุทฺธิวีริยคุณปฺปฏิมณฺฑิเตน สีลาจารชฺชวมทฺทวาทิคุณสมุทยสมุทิเตน สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺเถน ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ติปิฏกปริยตฺติธมฺมปฺปเภเท สาฏฺกเถ สตฺถุสาสเน อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวน ฉมหาเวยฺยากรเณนฉมหาเวยฺยากรเณน กรณสมฺปตฺติชนิตสุขวินิคฺคตมธุโรทารวจนลาวณฺณยุตฺเตน ยุตฺตมุตฺตวาทินา วาทีวเรน มหากวินา ฉฬภิฺาปฏิสมฺภิทาทิปฺปเภทคุณปฺปฏิมณฺฑิเต อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม สุปฺปติฏฺิตพุทฺธีนํ เถรวํสปฺปทีปานํ เถรานํ มหาวิหารวาสีนํ วํสาลงฺการภูเตน วิปุลวิสุทฺธพุทฺธินา พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา อยํ ปรมตฺถโชติกา นาม ขุทฺทกปาวณฺณนา –
ตาว ติฏฺตุ โลกสฺมึ, โลกนิตฺถรเณสินํ;
ทสฺเสนฺตี กุลปุตฺตานํ, นยํ สีลาทิสุทฺธิยา.
ยาว พุทฺโธติ นามมฺปิ, สุทฺธจิตฺตสฺส ตาทิโน;
โลกมฺหิ โลกเชฏฺสฺส, ปวตฺตติ มเหสิโนติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
ขุทฺทกปาวณฺณนา นิฏฺิตา.