📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
ธมฺมปท-อฏฺกถา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
มหาโมหตโมนทฺเธ ¶ ¶ ¶ , โลเก โลกนฺตทสฺสินา;
เยน สทฺธมฺมปชฺโชโต, ชาลิโต ชลิติทฺธินา.
ตสฺส ปาเท นมสฺสิตฺวา, สมฺพุทฺธสฺส สิรีมโต;
สทฺธมฺมฺจสฺส ปูเชตฺวา, กตฺวา สงฺฆสฺส จฺชลึ.
ตํ ตํ การณมาคมฺม, ธมฺมาธมฺเมสุ โกวิโท;
สมฺปตฺตสทฺธมฺมปโท, สตฺถา ธมฺมปทํ สุภํ.
เทเสสิ ¶ กรุณาเวค-สมุสฺสาหิตมานโส;
ยํ เว เทวมนุสฺสานํ, ปีติปาโมชฺชวฑฺฒนํ.
ปรมฺปราภตา ตสฺส, นิปุณา อตฺถวณฺณนา;
ยา ตมฺพปณฺณิทีปมฺหิ, ทีปภาสาย สณฺิตา.
น สาธยติ เสสานํ, สตฺตานํ หิตสมฺปทํ;
อปฺเปว นาม สาเธยฺย, สพฺพโลกสฺส สา หิตํ.
อิติ อาสีสมาเนน, ทนฺเตน สมจารินา;
กุมารกสฺสเปนาหํ, เถเรน ถิรเจตสา.
สทฺธมฺมฏฺิติกาเมน ¶ , สกฺกจฺจํ อภิยาจิโต;
ตํ ภาสํ อติวิตฺถาร-คตฺจ วจนกฺกมํ.
ปหายาโรปยิตฺวาน ¶ , ตนฺติภาสํ มโนรมํ;
คาถานํ พฺยฺชนปทํ, ยํ ตตฺถ น วิภาวิตํ.
เกวลํ ตํ วิภาเวตฺวา, เสสํ ตเมว อตฺถโต;
ภาสนฺตเรน ภาสิสฺสํ, อาวหนฺโต วิภาวินํ;
มนโส ปีติปาโมชฺชํ, อตฺถธมฺมูปนิสฺสิตนฺติ.
๑. ยมกวคฺโค
๑. จกฺขุปาลตฺเถรวตฺถุ
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ¶ ¶ ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ, จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ. –
อยํ ธมฺมเทสนา กตฺถ ภาสิตาติ? สาวตฺถิยํ. กํ อารพฺภาติ? จกฺขุปาลตฺเถรํ.
สาวตฺถิยํ กิร มหาสุวณฺโณ นาม กุฏุมฺพิโก อโหสิ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค อปุตฺตโก. โส เอกทิวสํ นฺหานติตฺถํ นฺหตฺวา นตฺวา อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สมฺปนฺนปตฺตสาขํ เอกํ วนปฺปตึ ทิสฺวา ‘‘อยํ มเหสกฺขาย เทวตาย ปริคฺคหิโต ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺส เหฏฺาภาคํ โสธาเปตฺวา ปาการปริกฺเขปํ การาเปตฺวา วาลุกํ โอกิราเปตฺวา ธชปฏากํ อุสฺสาเปตฺวา วนปฺปตึ อลงฺกริตฺวา อฺชลึ กริตฺวา ‘‘สเจ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลเภยฺยํ, ตุมฺหากํ มหาสกฺการํ กริสฺสามี’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา ปกฺกามิ.
อถสฺส น จิรสฺเสว ภริยาย กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา ¶ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา ตสฺส อาโรเจสิ. โส ตสฺสา คพฺภสฺส ปริหารมทาสิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ นามคฺคหณทิวเส ¶ เสฏฺิ อตฺตนา ปาลิตํ วนปฺปตึ นิสฺสาย ลทฺธตฺตา ตสฺส ปาโลติ นามํ อกาสิ. สา อปรภาเค อฺมฺปิ ปุตฺตํ ลภิ. ตสฺส จูฬปาโลติ นามํ กตฺวา อิตรสฺส มหาปาโลติ นามํ อกาสิ. เต วยปฺปตฺเต ฆรพนฺธเนน พนฺธึสุ. อปรภาเค มาตาปิตโร กาลมกํสุ. สพฺพมฺปิ วิภวํ อิตเรเยว วิจารึสุ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพนาคนฺตฺวา อนาถปิณฺฑิเกน มหาเสฏฺินา จตุปณฺณาสโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา การิเต เชตวนมหาวิหาเร วิหรติ มหาชนํ สคฺคมคฺเค จ โมกฺขมคฺเค จ ปติฏฺาปยมาโน. ตถาคโต หิ มาติปกฺขโต อสีติยา, ปิติปกฺขโต ¶ อสีติยาติ ทฺเวอสีติาติกุลสหสฺเสหิ การิเต นิคฺโรธมหาวิหาเร เอกเมว วสฺสาวาสํ วสิ, อนาถปิณฺฑิเกน การิเต เชตวนมหาวิหาเร เอกูนวีสติวสฺสานิ, วิสาขาย สตฺตวีสติโกฏิธนปริจฺจาเคน การิเต ปุพฺพาราเม ฉพฺพสฺสานีติ ทฺวินฺนํ กุลานํ คุณมหตฺตตํ ปฏิจฺจ สาวตฺถึ นิสฺสาย ปฺจวีสติวสฺสานิ วสฺสาวาสํ วสิ. อนาถปิณฺฑิโกปิ วิสาขาปิ มหาอุปาสิกา นิพทฺธํ ทิวสสฺส ทฺเว วาเร ตถาคตสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ, คจฺฉนฺตา จ ‘‘ทหรสามเณรา โน หตฺเถ โอโลเกสฺสนฺตี’’ติ ตุจฺฉหตฺถา น คตปุพฺพา. ปุเรภตฺตํ คจฺฉนฺตา ขาทนียโภชนียาทีนิ ¶ คเหตฺวาว คจฺฉนฺติ, ปจฺฉาภตฺตํ คจฺฉนฺตา ปฺจ เภสชฺชานิ อฏฺ จ ปานานิ. นิเวสเนสุ ปน เตสํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขุสหสฺสานํ นิจฺจํ ปฺตฺตาสนาเนว โหนฺติ. อนฺนปานเภสชฺเชสุ โย ยํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตํ ยถิจฺฉิตเมว สมฺปชฺชติ. เตสุ อนาถปิณฺฑิเกน เอกทิวสมฺปิ สตฺถา ปฺหํ น ปุจฺฉิตปุพฺโพ. โส กิร ‘‘ตถาคโต พุทฺธสุขุมาโล ขตฺติยสุขุมาโล, ‘พหูปกาโร เม, คหปตี’ติ มยฺหํ ธมฺมํ เทเสนฺโต กิลเมยฺยา’’ติ สตฺถริ อธิมตฺตสิเนเหน ปฺหํ น ปุจฺฉติ. สตฺถา ปน ตสฺมึ นิสินฺนมตฺเตเยว ‘‘อยํ เสฏฺิ มํ อรกฺขิตพฺพฏฺาเน รกฺขติ. อหฺหิ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อตฺตโน สีสํ ฉินฺทิตฺวา อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ อุปฺปาเฏตฺวา ปาณสมํ ปุตฺตทารํ ปริจฺจชิตฺวา ปารมิโย ปูเรนฺโต ปเรสํ ธมฺมเทสนตฺถเมว ปูเรสึ. เอส มํ อรกฺขิตพฺพฏฺาเน รกฺขตี’’ติ เอกํ ธมฺมเทสนํ กเถติเยว.
ตทา ¶ สาวตฺถิยํ สตฺต มนุสฺสโกฏิโย วสนฺติ. เตสุ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฺจโกฏิมตฺตา มนุสฺสา อริยสาวกา ชาตา, ทฺเวโกฏิมตฺตา มนุสฺสา ปุถุชฺชนา. เตสุ อริยสาวกานํ ทฺเวเยว กิจฺจานิ อเหสุํ – ปุเรภตฺตํ ทานํ เทนฺติ, ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลาทิหตฺถา วตฺถเภสชฺชปานกาทีนิ คาหาเปตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย คจฺฉนฺติ. อเถกทิวสํ มหาปาโล อริยสาวเก คนฺธมาลาทิหตฺเถ ¶ วิหารํ คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘อยํ มหาชโน กุหึ คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ธมฺมสฺสวนายา’’ติ สุตฺวา ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ.
พุทฺธา จ นาม ธมฺมํ เทเสนฺตา สรณสีลปพฺพชฺชาทีนํ อุปนิสฺสยํ โอโลเกตฺวา อชฺฌาสยวเสน ธมฺมํ เทเสนฺติ, ตสฺมา ตํ ทิวสํ สตฺถา ตสฺส อุปนิสฺสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อนุปุพฺพิกถํ กเถสิ. เสยฺยถิทํ – ทานกถํ, สีลกถํ, สคฺคกถํ, กามานํ อาทีนวํ, โอการํ สํกิเลสํ, เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาปาโล กุฏุมฺพิโก จินฺเตสิ – ‘‘ปรโลกํ คจฺฉนฺตํ ปุตฺตธีตโร วา ภาตโร วา โภคา วา นานุคจฺฉนฺติ, สรีรมฺปิ อตฺตนา ¶ สทฺธึ น คจฺฉติ, กึ เม ฆราวาเสน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส เทสนาปริโยสาเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ สตฺถา – ‘‘อตฺถิ เต โกจิ อาปุจฺฉิตพฺพยุตฺตโก าตี’’ติ อาห. ‘‘กนิฏฺภาตา เม อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ ตํ อาปุจฺฉาหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา กนิฏฺํ ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘ตาต, ยํ มยฺหํ อิมสฺมึ เคเห สวิฺาณกมฺปิ อวิฺาณกมฺปิ ธนํ กิฺจิ อตฺถิ, สพฺพํ ตํ ตว ภาโร, ปฏิปชฺชาหิ น’’นฺติ. ‘‘ตุมฺเห ปน กึ กริสฺสถา’’ติ อาห. ‘‘อหํ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ กเถสิ ภาติก, ตฺวํ เม มาตริ มตาย มาตา วิย, ปิตริ มเต ปิตา วิย ลทฺโธ, เคเห เต มหาวิภโว, สกฺกา เคหํ อชฺฌาวสนฺเตเหว ปฺุานิ กาตุํ ¶ , มา เอวํ กริตฺถา’’ติ. ‘‘ตาต, อหํ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ฆราวาเส วสิตุํ น สกฺโกมิ. สตฺถารา หิ อติสณฺหสุขุมํ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาโณ ธมฺโม เทสิโต, น สกฺกา โส อคารมชฺเฌ วสนฺเตน ปูเรตุํ ¶ , ปพฺพชิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘ภาติก, ตรุณาเยว ตาวตฺถ, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิสฺสถา’’ติ. ‘‘ตาต, มหลฺลกสฺส หิ อตฺตโน หตฺถปาทาปิ อนสฺสวา โหนฺติ, น อตฺตโน วเส วตฺตนฺติ, กิมงฺคํ ปน าตกา, สฺวาหํ ตว กถํ น กโรมิ, สมณปฏิปตฺตึเยว ปูเรสฺสามิ’’.
‘‘ชราชชฺชริตา โหนฺติ, หตฺถปาทา อนสฺสวา;
ยสฺส โส วิหตตฺถาโม, กถํ ธมฺมํ จริสฺสติ’’. –
ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, ตาตาติ ตสฺส วิรวนฺตสฺเสว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ลทฺธปพฺพชฺชูปสมฺปโท อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก ปฺจ วสฺสานิ วสิตฺวา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา สตฺถารมุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ สาสเน กติ ธุรานี’’ติ? ‘‘คนฺถธุรํ, วิปสฺสนาธุรนฺติ ทฺเวเยว ธุรานิ ภิกฺขู’’ติ. ‘‘กตมํ ปน, ภนฺเต, คนฺถธุรํ, กตมํ วิปสฺสนาธุร’’นฺติ? ‘‘อตฺตโน ปฺานุรูเปน เอกํ วา ทฺเว วา นิกาเย สกลํ วา ปน เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ตสฺส ธารณํ, กถนํ, วาจนนฺติ ¶ อิทํ คนฺถธุรํ นาม, สลฺลหุกวุตฺติโน ปน ปนฺตเสนาสนาภิรตสฺส อตฺตภาเว ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา สาตจฺจกิริยวเสน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตคฺคหณนฺติ อิทํ วิปสฺสนาธุรํ นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อหํ มหลฺลกกาเล ปพฺพชิโต คนฺถธุรํ ปูเรตุํ น สกฺขิสฺสามิ, วิปสฺสนาธุรํ ปน ปูเรสฺสามิ, กมฺมฏฺานํ เม กเถถา’’ติ. อถสฺส สตฺถา ยาว อรหตฺตํ กมฺมฏฺานํ กเถสิ.
โส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตนา สหคามิโน ภิกฺขู ปริเยสนฺโต สฏฺิ ภิกฺขู ลภิตฺวา เตหิ ¶ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา วีสโยชนสตมคฺคํ คนฺตฺวา เอกํ มหนฺตํ ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ตตฺถ สปริวาโร ปิณฺฑาย ปาวิสิ. มนุสฺสา วตฺตสมฺปนฺเน ภิกฺขู ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺตา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา นิสีทาเปตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กุหึ อยฺยา คจฺฉนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ยถาผาสุกฏฺานํ อุปาสกา’’ติ วุตฺเต ปณฺฑิตา มนุสฺสา ‘‘วสฺสาวาสํ เสนาสนํ ปริเยสนฺติ ภทนฺตา’’ติ ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สเจ อยฺยา อิมํ เตมาสํ อิธ วเสยฺยุํ, มยํ สรเณสุ ปติฏฺาย สีลานิ คณฺเหยฺยามา’’ติ อาหํสุ. เตปิ ‘‘มยํ อิมานิ กุลานิ นิสฺสาย ภวนิสฺสรณํ กริสฺสามา’’ติ อธิวาเสสุํ.
มนุสฺสา ¶ เตสํ ปฏิฺํ คเหตฺวา วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ สมฺปาเทตฺวา อทํสุ. เต นิพทฺธํ ตเมว คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺติ. อถ เน เอโก เวชฺโช อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, พหูนํ วสนฏฺาเน อผาสุกมฺปิ นาม โหติ, ตสฺมึ อุปฺปนฺเน มยฺหํ กเถยฺยาถ, เภสชฺชํ กริสฺสามี’’ติ ปวาเรสิ. เถโร วสฺสูปนายิกทิวเส เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ปุจฺฉิ, ‘‘อาวุโส ¶ , อิมํ เตมาสํ กติหิ อิริยาปเถหิ วีตินาเมสฺสถา’’ติ? ‘‘จตูหิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปเนตํ, อาวุโส, ปติรูปํ, นนุ อปฺปมตฺเตหิ ภวิตพฺพํ’’? ‘‘มยฺหิ ธรมานกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติกา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อาคตา, พุทฺธา จ นาม น สกฺกา ปมาเทน อาราเธตุํ, กลฺยาณชฺฌาสเยน เต โว อาราเธตพฺพา. ปมตฺตสฺส จ นาม จตฺตาโร อปายา สกเคหสทิสา, อปฺปมตฺตา โหถาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ตุมฺเห ปน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อหํ ตีหิ อิริยาปเถหิ วีตินาเมสฺสามิ, ปิฏฺึ น ปสาเรสฺสามิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ.
อถ เถรสฺส นิทฺทํ อโนกฺกมนฺตสฺส ปมมาเส อติกฺกนฺเต มชฺฌิมมาเส สมฺปตฺเต อกฺขิโรโค อุปฺปชฺชิ. ฉิทฺทฆฏโต อุทกธารา วิย อกฺขีหิ อสฺสุธารา ปคฺฆรนฺติ. โส สพฺพรตฺตึ สมณธมฺมํ กตฺวา อรุณุคฺคมเน คพฺภํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. ภิกฺขู ภิกฺขาจารเวลาย เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภิกฺขาจารเวลา, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. ‘‘เตน หิ, อาวุโส, คณฺหถ ปตฺตจีวร’’นฺติ. อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา นิกฺขมิ. ภิกฺขู ตสฺส อกฺขีหิ อสฺสูนิ ปคฺฆรนฺเต ทิสฺวา, ‘‘กิเมตํ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อกฺขีนิ เม, อาวุโส, วาตา วิชฺฌนฺตี’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, เวชฺเชน ปวาริตมฺหา, ตสฺส กเถมา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ¶ เต เวชฺชสฺส กถยึสุ. โส เตลํ ปจิตฺวา เปเสสิ. เถโร นาสาย เตลํ อาสิฺจนฺโต นิสินฺนโกว อาสิฺจิตฺวา อนฺโตคามํ ปาวิสิ. เวชฺโช ตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อยฺยสฺส กิร อกฺขีนิ วาโต วิชฺฌตี’’ติ? ‘‘อาม, อุปาสกา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มยา เตลํ ปจิตฺวา เปสิตํ, นาสาย โว เตลํ อาสิตฺต’’นฺติ? ‘‘อาม, อุปาสกา’’ติ. ‘‘อิทานิ ¶ กีทิส’’นฺติ? ‘‘รุชฺชเตว อุปาสกา’’ติ. เวชฺโช ‘‘มยา เอกวาเรเนว วูปสมนสมตฺถํ เตลํ ปหิตํ, กึ นุ โข โรโค น วูปสนฺโต’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิสีทิตฺวา โว เตลํ อาสิตฺตํ, นิปชฺชิตฺวา’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ตุณฺหี อโหสิ, ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉิยมาโนปิ น กเถสิ. โส ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส ¶ วสนฏฺานํ โอโลเกสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ เถรํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานํ โอโลเกนฺโต จงฺกมนนิสีทนฏฺานเมว ทิสฺวา สยนฏฺานํ อทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิสินฺเนหิ โว อาสิตฺตํ, นิปนฺเนหี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ตุณฺหี อโหสิ. ‘‘มา, ภนฺเต, เอวํ กริตฺถ, สมณธมฺโม นาม สรีรํ ยาเปนฺเตน สกฺกา กาตุํ, นิปชฺชิตฺวา อาสิฺจถา’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. ‘‘คจฺฉ ตฺวํ ตาวาวุโส, มนฺเตตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ เวชฺชํ อุยฺโยเชสิ. เถรสฺส จ ตตฺถ เนว าตี, น สาโลหิตา อตฺถิ, เตน สทฺธึ มนฺเตยฺย? กรชกาเยน ปน สทฺธึ มนฺเตนฺโต ¶ ‘‘วเทหิ ตาว, อาวุโส ปาลิต, ตฺวํ กึ อกฺขีนิ โอโลเกสฺสสิ, อุทาหุ พุทฺธสาสนํ? อนมตคฺคสฺมิฺหิ สํสารวฏฺเฏ ตว อกฺขิกาณสฺส คณนา นาม นตฺถิ, อเนกานิ ปน พุทฺธสตานิ พุทฺธสหสฺสานิ อตีตานิ. เตสุ เต เอกพุทฺโธปิ น ปริจิณฺโณ, อิทานิ อิมํ อนฺโตวสฺสํ ตโย มาเส น นิปชฺชิสฺสามีติ เตมาสํ นิพทฺธวีริยํ กริสฺสามิ. ตสฺมา เต จกฺขูนิ นสฺสนฺตุ วา ภิชฺชนฺตุ วา, พุทฺธสาสนเมว ธาเรหิ, มา จกฺขูนี’’ติ ภูตกายํ โอวทนฺโต อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘จกฺขูนิ หายนฺตุ มมายิตานิ,
โสตานิ หายนฺตุ ตเถว กาโย;
สพฺพมฺปิทํ หายตุ เทหนิสฺสิตํ,
กึ การณา ปาลิต ตฺวํ ปมชฺชสิ.
‘‘จกฺขูนิ ชีรนฺตุ มมายิตานิ,
โสตานิ ชีรนฺตุ ตเถว กาโย;
สพฺพมฺปิทํ ชีรตุ เทหนิสฺสิตํ,
กึ การณา ปาลิต ตฺวํ ปมชฺชสิ.
‘‘จกฺขูนิ ภิชฺชนฺตุ มมายิตานิ,
โสตานิ ภิชฺชนฺตุ ตเถว กาโย;
สพฺพมฺปิทํ ¶ ภิชฺชตุ เทหนิสฺสิตํ,
กึ การณา ปาลิต ตฺวํ ปมชฺชสี’’ติ.
เอวํ ¶ ¶ ตีหิ คาถาหิ อตฺตโน โอวาทํ ทตฺวา นิสินฺนโกว นตฺถุกมฺมํ กตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เวชฺโช ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, นตฺถุกมฺมํ กต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อุปาสกา’’ติ. ‘‘กีทิสํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘รุชฺชเตว อุปาสกา’’ติ. ‘‘นิสีทิตฺวา โว, ภนฺเต, นตฺถุกมฺมํ กตํ, นิปชฺชิตฺวา’’ติ. เถโร ตุณฺหี อโหสิ, ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉิยมาโนปิ น กิฺจิ กเถสิ. อถ นํ เวชฺโช, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห สปฺปายํ น กโรถ, อชฺชโต ปฏฺาย ‘อสุเกน เม เตลํ ปกฺก’นฺติ มา วทิตฺถ, อหมฺปิ ‘มยา โว เตลํ ปกฺก’นฺติ น วกฺขามี’’ติ อาห. โส เวชฺเชน ปจฺจกฺขาโต วิหารํ คนฺตฺวา ตฺวํ เวชฺเชนาปิ ปจฺจกฺขาโตสิ, อิริยาปถํ มา วิสฺสชฺชิ สมณาติ.
‘‘ปฏิกฺขิตฺโต ติกิจฺฉาย, เวชฺเชนาปิ วิวชฺชิโต;
นิยโต มจฺจุราชสฺส, กึ ปาลิต ปมชฺชสี’’ติ. –
อิมาย คาถาย อตฺตานํ โอวทิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. อถสฺส มชฺฌิมยาเม อติกฺกนฺเต อปุพฺพํ อจริมํ อกฺขีนิ เจว กิเลสา จ ภิชฺชึสุ. โส สุกฺขวิปสฺสโก อรหา หุตฺวา คพฺภํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ.
ภิกฺขู ภิกฺขาจารเวลาย อาคนฺตฺวา ‘‘ภิกฺขาจารกาโล, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. ‘‘กาโล, อาวุโส’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉถา’’ติ. ‘‘กึ ตุมฺเห ปน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อกฺขีนิ เม, อาวุโส, ปริหีนานี’’ติ. เต ตสฺส อกฺขีนิ โอโลเกตฺวา อสฺสุปุณฺณเนตฺตา หุตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มา จินฺตยิตฺถ, มยํ ¶ โว ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ เถรํ สมสฺสาเสตฺวา กตฺตพฺพยุตฺตกํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. มนุสฺสา เถรํ อทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อยฺโย กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ยาคุํ เปเสตฺวา สยํ ปิณฺฑปาตมาทาย คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ปาทมูเล ปริวตฺตมานา โรทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ โว ปฏิชคฺคิสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ปกฺกมึสุ.
ตโต ปฏฺาย นิพทฺธํ ยาคุภตฺตํ วิหารเมว เปเสนฺติ. เถโรปิ อิตเร สฏฺิ ภิกฺขู นิรนฺตรํ โอวทติ. เต ตสฺโสวาเท ตฺวา อุปกฏฺาย ปวารณาย สพฺเพว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ ¶ . เต วุฏฺวสฺสา จ ปน สตฺถารํ ทฏฺุกามา หุตฺวา เถรมาหํสุ, ‘‘ภนฺเต, สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ ¶ . เถโร เตสํ วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ทุพฺพโล, อนฺตรามคฺเค จ อมนุสฺสปริคฺคหิตา อฏวี อตฺถิ, มยิ เอเตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺเต สพฺเพ กิลมิสฺสนฺติ, ภิกฺขมฺปิ ลภิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, อิเม ปุเรตรเมว เปเสสฺสามี’’ติ. อถ เน อาห – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุรโต คจฺฉถา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห ปน ภนฺเต’’ติ? ‘‘อหํ ทุพฺพโล, อนฺตรามคฺเค จ อมนุสฺสปริคฺคหิตา อฏวี อตฺถิ, มยิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ คจฺฉนฺเต สพฺเพ กิลมิสฺสถ, ตุมฺเห ปุรโต คจฺฉถา’’ติ. ‘‘มา, ภนฺเต, เอวํ กริตฺถ, มยํ ตุมฺเหหิ สทฺธึเยว คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘มา โว, อาวุโส, เอวํ รุจฺจิตฺถ, เอวํ สนฺเต มยฺหํ อผาสุกํ ภวิสฺสติ, มยฺหํ กนิฏฺโ ปน ตุมฺเห ทิสฺวา ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺส มม จกฺขูนํ ¶ ปริหีนภาวํ อาโรเจยฺยาถ, โส มยฺหํ สนฺติกํ กฺจิเทว ปหิณิสฺสติ, เตน สทฺธึ อาคจฺฉิสฺสามิ, ตุมฺเห มม วจเนน ทสพลฺจ อสีติมหาเถเร จ วนฺทถา’’ติ เต อุยฺโยเชสิ.
เต เถรํ ขมาเปตฺวา อนฺโตคามํ ปวิสึสุ. มนุสฺสา เต ทิสฺวา นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ ทตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อยฺยานํ คมนากาโร ปฺายตี’’ติ? ‘‘อาม, อุปาสกา, สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ. เต ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา เตสํ คมนฉนฺทเมว ตฺวา อนุคนฺตฺวา ปริเทวิตฺวา นิวตฺตึสุ. เตปิ อนุปุพฺเพน เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารฺจ อสีติมหาเถเร จ เถรสฺส วจเนน วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส ยตฺถ เถรสฺส กนิฏฺโ วสติ, ตํ วีถึ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. กุฏุมฺพิโก เต สฺชานิตฺวา นิสีทาเปตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘ภาติกตฺเถโร เม, ภนฺเต, กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. โส ตํ สุตฺวาว เตสํ ปาทมูเล ปริวตฺเตนฺโต โรทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘เถโร อิโต กสฺสจิ อาคมนํ ปจฺจาสีสติ, ตสฺส คตกาเล เตน สทฺธึ อาคมิสฺสตี’’ติ. ‘‘อยํ เม, ภนฺเต, ภาคิเนยฺโย ปาลิโต นาม, เอตํ เปเสถา’’ติ. ‘‘เอวํ เปเสตุํ น สกฺกา, มคฺเค ปริปนฺโถ อตฺถิ, ตํ ปพฺพาเชตฺวา เปเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เอวํ กตฺวา เปเสถ, ภนฺเต’’ติ. อถ นํ ปพฺพาเชตฺวา อฑฺฒมาสมตฺตํ ปตฺตจีวรคฺคหณาทีนิ สิกฺขาเปตฺวา มคฺคํ อาจิกฺขิตฺวา ปหิณึสุ.
โส อนุปุพฺเพน ตํ คามํ ปตฺวา คามทฺวาเร เอกํ มหลฺลกํ ทิสฺวา, ‘‘อิมํ คามํ นิสฺสาย โกจิ อารฺโก วิหาโร อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก นาม ตตฺถ วสตี’’ติ? ‘‘ปาลิตตฺเถโร นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มคฺคํ เม อาจิกฺขถา’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺวํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เถรสฺส ภาคิเนยฺโยมฺหี’’ติ. อถ ¶ นํ คเหตฺวา วิหารํ ¶ เนสิ. โส เถรํ วนฺทิตฺวา อฑฺฒมาสมตฺตํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา เถรํ สมฺมา ปฏิชคฺคิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มาตุลกุฏุมฺพิโก เม ตุมฺหากํ ¶ อาคมนํ ปจฺจาสีสติ, เอถ, คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ อิมํ เม ยฏฺิโกฏึ คณฺหาหี’’ติ. โส ยฏฺิโกฏึ คเหตฺวา เถเรน สทฺธึ อนฺโตคามํ ปาวิสิ. มนุสฺสา เถรํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, คมนากาโร โว ปฺายตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อาม, อุปาสกา, คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ. เต นานปฺปกาเรน ยาจิตฺวา อลภนฺตา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา อุปฑฺฒปถํ คนฺตฺวา โรทิตฺวา นิวตฺตึสุ. สามเณโร เถรํ ยฏฺิโกฏิยา อาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฏวิยํ กฏฺนครํ นาม เถเรน อุปนิสฺสาย วุฏฺปุพฺพํ คามํ สมฺปาปุณิ, โส คามโต นิกฺขมิตฺวา อรฺเ คีตํ คายิตฺวา ทารูนิ อุทฺธรนฺติยา เอกิสฺสา อิตฺถิยา คีตสทฺทํ สุตฺวา สเร นิมิตฺตํ คณฺหิ. อิตฺถิสทฺโท วิย หิ อฺโ สทฺโท ปุริสานํ สกลสรีรํ ผริตฺวา าตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เตนาห ภควา –
‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกสทฺทมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อิตฺถิสทฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒).
สามเณโร ตตฺถ นิมิตฺตํ คเหตฺวา ยฏฺิโกฏึ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘ติฏฺถ ตาว, ภนฺเต, กิจฺจํ เม อตฺถี’’ติ ตสฺสา สนฺติกํ ¶ คโต. สา ตํ ทิสฺวา ตุณฺหี อโหสิ. โส ตาย สทฺธึ สีลวิปตฺตึ ปาปุณิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิทาเนว เอโก คีตสทฺโท สุยฺยิตฺถ. โส จ โข อิตฺถิยา สทฺโท ฉิชฺชิ, สามเณโรปิ จิรายติ, โส ตาย สทฺธึ สีลวิปตฺตึ ปตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ. โสปิ อตฺตโน กิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ อาห. อถ นํ เถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ปาโปชาโตสิ สามเณรา’’ติ. โส ตุณฺหี หุตฺวา เถเรน ปุนปฺปุนํ ปุฏฺโปิ น กิฺจิ กเถสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘ตาทิเสน ปาเปน มม ยฏฺิโกฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถี’’ติ. โส สํเวคปฺปตฺโต กาสายานิ อปเนตฺวา คิหินิยาเมน ปริทหิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ ปุพฺเพ สามเณโร, อิทานิ ปนมฺหิ คิหี ชาโต, ปพฺพชนฺโตปิ จ สฺวาหํ น สทฺธาย ปพฺพชิโต, มคฺคปริปนฺถภเยน ปพฺพชิโต, เอถ คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘อาวุโส, คิหิปาโปปิ สมณปาโปปิ ปาโปเยว, ตฺวํ สมณภาเว ตฺวาปิ สีลมตฺตํ ปูเรตุํ นาสกฺขิ, คิหี หุตฺวา กึ ¶ นาม กลฺยาณํ กริสฺสสิ, ตาทิเสน ปาเปน มม ยฏฺิโกฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, อมนุสฺสุปทฺทโว มคฺโค, ตุมฺเห จ อนฺธา อปริณายกา, กถํ อิธ วสิสฺสถา’’ติ? อถ นํ เถโร, ‘‘อาวุโส, ตฺวํ มา เอวํ จินฺตยิ, อิเธว เม นิปชฺชิตฺวา มรนฺตสฺสาปิ อปราปรํ ปริวตฺตนฺตสฺสาปิ ตยา สทฺธึ คมนํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘หนฺทาหํ ¶ หตจกฺขุสฺมิ, กนฺตารทฺธานมาคโต;
เสยฺยมาโน น คจฺฉามิ, นตฺถิ พาเล สหายตา.
‘‘หนฺทาหํ ¶ หตจกฺขุสฺมิ, กนฺตารทฺธานมาคโต;
มริสฺสามิ โน คมิสฺสามิ, นตฺถิ พาเล สหายตา’’ติ.
ตํ สุตฺวา อิตโร สํเวคชาโต ‘‘ภาริยํ วต เม สาหสิกํ อนนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กต’’นฺติ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต วนสณฺฑํ ปกฺขนฺทิตฺวา ตถา ปกฺกนฺโตว อโหสิ. เถรสฺสาปิ สีลเตเชน สฏฺิโยชนายามํ ปฺาสโยชนวิตฺถตํ ปนฺนรสโยชนพหลํ ชยสุมนปุปฺผวณฺณํ นิสีทนุฏฺหนกาเลสุ โอนมนุนฺนมนปกติกํ สกฺกสฺส เทวรฺโ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ านา จาเวตุกาโม’’ติ โอโลเกนฺโต ทิพฺเพน จกฺขุนา เถรํ อทฺทส. เตนาหุ โปราณา –
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธยิ;
ปาปครหี อยํ ปาโล, อาชีวํ ปริโสธยิ.
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธยิ;
ธมฺมครุโก อยํ ปาโล, นิสินฺโน สาสเน รโต’’ติ.
อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สจาหํ เอวรูปสฺส ปาปครหิโน ธมฺมครุกสฺส อยฺยสฺส สนฺติกํ น คมิสฺสามิ, มุทฺธา เม สตฺตธา ผเลยฺย, คมิสฺสามิ ตสฺส สนฺติก’’นฺติ. ตโต –
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, เทวรชฺชสิรินฺธโร;
ตงฺขเณน อาคนฺตฺวาน, จกฺขุปาลมุปาคมิ’’. –
อุปคนฺตฺวา ¶ จ ปน เถรสฺส อวิทูเร ปทสทฺทมกาสิ. อถ นํ เถโร ปุจฺฉิ – ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, อทฺธิโก’’ติ. ‘‘กุหึ ยาสิ อุปาสกา’’ติ ¶ ? ‘‘สาวตฺถิยํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยาหิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘อยฺโย ปน, ภนฺเต, กุหึ คมิสฺสตี’’ติ? ‘‘อหมฺปิ ตตฺเถว คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอกโตว คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อหํ, อาวุโส, ทุพฺพโล, มยา สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺส ตว ปปฺโจ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘มยฺหํ อจฺจายิกํ นตฺถิ, อหมฺปิ อยฺเยน ¶ สทฺธึ คจฺฉนฺโต ทสสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ เอกํ ลภิสฺสามิ, เอกโตว คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ. เถโร ‘‘เอโส สปฺปุริโส ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘เตน หิ สทฺธึ คมิสฺสามิ, ยฏฺิโกฏึ คณฺห อุปาสกา’’ติ อาห. สกฺโก ตถา กตฺวา ปถวึ สงฺขิปนฺโต สายนฺหสมเย เชตวนํ สมฺปาเปสิ. เถโร สงฺขปณวาทิสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กตฺเถโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สาวตฺถิยํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ปุพฺเพ มยํ คมนกาเล จิเรน คมิมฺหา’’ติ. ‘‘อหํ อุชุมคฺคํ ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ตสฺมึ ขเณ เถโร ‘‘นายํ มนุสฺโส, เทวตา ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขสิ.
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, เทวรชฺชสิรินฺธโร;
สงฺขิปิตฺวาน ตํ มคฺคํ, ขิปฺปํ สาวตฺถิมาคมี’’ติ.
โส เถรํ เนตฺวา เถรสฺเสวตฺถาย กนิฏฺกุฏุมฺพิเกน การิตํ ¶ ปณฺณสาลํ เนตฺวา ผลเก นิสีทาเปตฺวา ปิยสหายกวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘สมฺม, จูฬปาลา’’ติ ปกฺโกสิ. ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ? ‘‘เถรสฺสาคตภาวํ ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, กึ ปน เถโร อาคโต’’ติ? ‘‘อาม, สมฺม, อิทานิ อหํ วิหารํ คนฺตฺวา เถรํ ตยา การิตปณฺณสาลาย นิสินฺนกํ ทิสฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. กุฏุมฺพิโกปิ วิหารํ คนฺตฺวา เถรํ ทิสฺวา ปาทมูเล ปริวตฺตนฺโต โรทิตฺวา ‘‘อิทํ ทิสฺวา อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปพฺพชิตุํ นาทาสิ’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ทฺเว ทาสทารเก ภุชิสฺเส กตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชตฺวา ‘‘อนฺโตคามโต ยาคุภตฺตาทีนิ อาหริตฺวา เถรํ อุปฏฺหถา’’ติ ปฏิยาเทสิ. สามเณรา วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา เถรํ อุปฏฺหึสุ.
อเถกทิวสํ ทิสาวาสิโน ภิกฺขู ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ เชตวนํ อาคนฺตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา อสีติมหาเถเร จ, วนฺทิตฺวา วิหารจาริกํ จรนฺตา จกฺขุปาลตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ ปตฺวา ‘‘อิทมฺปิ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สายํ ¶ ตทภิมุขา อเหสุํ. ตสฺมึ ขเณ มหาเมโฆ อุฏฺหิ. เต ‘‘อิทานิ อติสายนฺโห, เมโฆ จ อุฏฺิโต, ปาโตว คนฺตฺวา ปสฺสิสฺสามา’’ติ นิวตฺตึสุ. เทโว ปมยามํ วสฺสิตฺวา มชฺฌิมยาเม วิคโต. เถโร อารทฺธวีริโย อาจิณฺณจงฺกมโน, ตสฺมา ปจฺฉิมยาเม จงฺกมนํ โอตริ. ตทา จ ปน นววุฏฺาย ภูมิยา พหู อินฺทโคปกา ¶ อุฏฺหึสุ. เต เถเร จงฺกมนฺเต เยภุยฺเยน วิปชฺชึสุ. อนฺเตวาสิกา เถรสฺส จงฺกมนฏฺานํ กาลสฺเสว น สมฺมชฺชึสุ. อิตเร ภิกฺขู ‘‘เถรสฺส วสนฏฺานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อาคนฺตฺวา จงฺกมเน มตปาณเก ทิสฺวา ‘‘โก อิมสฺมึ จงฺกมตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อมฺหากํ อุปชฺฌาโย, ภนฺเต’’ติ. เต อุชฺฌายึสุ ‘‘ปสฺสถาวุโส, สมณสฺส กมฺมํ, สจกฺขุกกาเล นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโต ¶ กิฺจิ อกตฺวา อิทานิ จกฺขุวิกลกาเล ‘จงฺกมามี’ติ เอตฺตเก ปาณเก มาเรสิ ‘อตฺถํ กริสฺสามี’ติ อนตฺถํ กโรตี’’ติ.
อถ โข เต คนฺตฺวา ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ, ‘‘ภนฺเต, จกฺขุปาลตฺเถโร ‘จงฺกมามี’ติ พหู ปาณเก มาเรสี’’ติ. ‘‘กึ ปน โส ตุมฺเหหิ มาเรนฺโต ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘น ทิฏฺโ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยเถว ตุมฺเห ตํ น ปสฺสถ, ตเถว โสปิ เต ปาเณ น ปสฺสติ. ขีณาสวานํ มรณเจตนา นาม นตฺถิ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสเย สติ กสฺมา อนฺโธ ชาโต’’ติ? ‘‘อตฺตโน กตกมฺมวเสน, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เตน กต’’นฺติ? เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ –
อตีเต พาราณสิยํ กาสิรฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก เวชฺโช คามนิคเมสุ จริตฺวา เวชฺชกมฺมํ กโรนฺโต เอกํ จกฺขุทุพฺพลํ อิตฺถึ ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ เต อผาสุก’’นฺติ? ‘‘อกฺขีหิ น ปสฺสามี’’ติ. ‘‘เภสชฺชํ เต กริสฺสามี’’ติ? ‘‘กโรหิ, สามี’’ติ. ‘‘กึ เม ทสฺสสี’’ติ? ‘‘สเจ เม อกฺขีนิ ปากติกานิ กาตุํ สกฺขิสฺสสิ, อหํ เต สทฺธึ ปุตฺตธีตาหิ ทาสี ภวิสฺสามี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ เภสชฺชํ สํวิทหิ, เอกเภสชฺเชเนว อกฺขีนิ ปากติกานิ อเหสุํ. สา ¶ จินฺเตสิ – ‘‘อหเมตสฺส สปุตฺตธีตา ทาสี ภวิสฺสามี’’ติ ปฏิชานึ, ‘‘น โข ปน มํ สณฺเหน สมฺมาจาเรน สมุทาจริสฺสติ, วฺเจสฺสามิ น’’นฺติ. สา เวชฺเชนาคนฺตฺวา ‘‘กีทิสํ, ภทฺเท’’ติ ปุฏฺา ‘‘ปุพฺเพ เม อกฺขีนิ โถกํ รุชฺชึสุ, อิทานิ ปน อติเรกตรํ รุชฺชนฺตี’’ติ อาห. เวชฺโช ‘‘อยํ มํ วฺเจตฺวา กิฺจิ อทาตุกามา, น เม เอตาย ทินฺนาย ¶ ภติยา อตฺโถ, อิทาเนว นํ อนฺธํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เคหํ คนฺตฺวา ภริยาย เอตมตฺถํ อาจิกฺขิ. สา ตุณฺหี อโหสิ. โส เอกํ เภสชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภทฺเท, อิมํ เภสชฺชํ อฺเชหี’’ติ อฺชาเปสิ. อถสฺสา ทฺเว อกฺขีนิ ทีปสิขา วิย วิชฺฌายึสุ. โส เวชฺโช จกฺขุปาโล อโหสิ.
ภิกฺขเว, ตทา มม ปุตฺเตน กตกมฺมํ ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิ. ปาปกมฺมฺหิ นาเมตํ ธุรํ วหโต พลิพทฺทสฺส ปทํ จกฺกํ วิย อนุคจฺฉตีติ อิทํ วตฺถุํ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ปติฏฺาปิตมตฺติกํ สาสนํ ราชมุทฺทาย ลฺฉนฺโต วิย ธมฺมราชา อิมํ คาถมาห –
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ¶ ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ, จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ.
ตตฺถ มโนติ กามาวจรกุสลาทิเภทํ สพฺพมฺปิ จตุภูมิกจิตฺตํ. อิมสฺมึ ปน ปเท ตทา ตสฺส เวชฺชสฺส อุปฺปนฺนจิตฺตวเสน นิยมิยมานํ ววตฺถาปิยมานํ ¶ ปริจฺฉิชฺชิยมานํ โทมนสฺสสหคตํ ปฏิฆสมฺปยุตฺตจิตฺตเมว ลพฺภติ. ปุพฺพงฺคมาติ เตน ปมคามินา หุตฺวา สมนฺนาคตา. ธมฺมาติ คุณเทสนาปริยตฺตินิสฺสตฺตนิชฺชีววเสน จตฺตาโร ธมฺมา นาม. เตสุ –
‘‘น หิ ธมฺโม อธมฺโม จ, อุโภ สมวิปากิโน;
อธมฺโม นิรยํ เนติ, ธมฺโม ปาเปติ สุคฺคติ’’นฺติ. (เถรคา. ๓๐๔; ชา. ๑.๑๕.๓๘๖) –
อยํ คุณธมฺโม นาม. ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๔๒๐) อยํ เทสนาธมฺโม นาม. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ เคยฺย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๙) อยํ ปริยตฺติธมฺโม นาม. ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺติ, ขนฺธา โหนฺตี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๑) อยํ นิสฺสตฺตธมฺโม นาม, นิชฺชีวธมฺโมติปิ เอโส เอว. เตสุ อิมสฺมึ าเน นิสฺสตฺตนิชฺชีวธมฺโม อธิปฺเปโต. โส อตฺถโต ตโย อรูปิโน ขนฺธา เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธติ. เอเต หิ มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา นาม.
กถํ ¶ ปเนเตหิ สทฺธึ เอกวตฺถุโก เอการมฺมโณ อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโน มโน ปุพฺพงฺคโม นาม โหตีติ? อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน. ยถา หิ พหูสุ เอกโต คามฆาตาทีนิ กมฺมานิ กโรนฺเตสุ ‘‘โก เอเตสํ ปุพฺพงฺคโม’’ติ วุตฺเต โย เนสํ ปจฺจโย โหติ, ยํ นิสฺสาย เต ตํ กมฺมํ กโรนฺติ, โส ทตฺโต วา มิตฺโต วา เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ ¶ เวทิตพฺพํ. อิติ อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา. น หิ เต มเน อนุปฺปชฺชนฺเต อุปฺปชฺชิตุํ สกฺโกนฺติ, มโน ปน เอกจฺเจสุ เจตสิเกสุ อนุปชฺชนฺเตสุปิ อุปฺปชฺชติเยว. อธิปติวเสน ปน มโน เสฏฺโ เอเตสนฺติ มโนเสฏฺโ. ยถา หิ โจราทีนํ โจรเชฏฺกาทโย อธิปติโน เสฏฺา. ตถา เตสมฺปิ มโน อธิปติ มโนว เสฏฺา. ยถา ปน ทารุอาทีหิ ¶ นิปฺผนฺนานิ ตานิ ตานิ ภณฺฑานิ ทารุมยาทีนิ นาม โหนฺติ, ตถา เตปิ มนโต นิปฺผนฺนตฺตา มโนมยา นาม.
ปทุฏฺเนาติ อาคนฺตุเกหิ อภิชฺฌาทีหิ โทเสหิ ปทุฏฺเน. ปกติมโน หิ ภวงฺคจิตฺตํ, ตํ อปทุฏฺํ. ยถา หิ ปสนฺนํ อุทกํ อาคนฺตุเกหิ นีลาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺํ นีโลทกาทิเภทํ โหติ, น จ นวํ อุทกํ, นาปิ ปุริมํ ปสนฺนอุทกเมว, ตถา ตมฺปิ อาคนฺตุเกหิ อภิชฺฌาทีหิ โทเสหิ ปทุฏฺํ โหติ, น จ นวํ จิตฺตํ, นาปิ ปุริมํ ภวงฺคจิตฺตเมว, เตนาห ภควา – ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺ’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๙). เอวํ มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา โส ภาสมาโน จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตเมว ภาสติ, กโรนฺโต ติวิธํ กายทุจฺจริตเมว กโรติ, อภาสนฺโต อกโรนฺโต ตาย อภิชฺฌาทีหิ ปทุฏฺมานสตาย ติวิธํ มโนทุจฺจริตํ ปูเรติ. เอวมสฺส ทส อกุสลกมฺมปถา ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ.
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวตีติ ¶ ตโต ติวิธทุจฺจริตโต ตํ ปุคฺคลํ ทุกฺขํ อนฺเวติ, ทุจฺจริตานุภาเวน จตูสุ อปาเยสุ, มนุสฺเสสุ วา ตมตฺตภาวํ คจฺฉนฺตํ กายวตฺถุกมฺปิ อิตรมฺปีติ อิมินา ปริยาเยน กายิกเจตสิกํ วิปากทุกฺขํ อนุคจฺฉติ. ยถา กึ? จกฺกํว วหโต ปทนฺติ ธุเร ยุตฺตสฺส ธุรํ วหโต พลิพทฺทสฺส ปทํ จกฺกํ วิย. ยถา หิ โส เอกมฺปิ ทิวสํ ทฺเวปิ ปฺจปิ ทสปิ อฑฺฒมาสมฺปิ มาสมฺปิ วหนฺโต จกฺกํ นิวตฺเตตุํ ชหิตุํ น สกฺโกติ ¶ , อถ ขฺวสฺส ปุรโต อภิกฺกมนฺตสฺส ยุคํ คีวํ พาธติ, ปจฺฉโต ปฏิกฺกมนฺตสฺส จกฺกํ อูรุมํสํ ปฏิหนติ. อิเมหิ ทฺวีหิ อากาเรหิ พาธนฺตํ จกฺกํ ตสฺส ปทานุปทิกํ โหติ; ตเถว มนสา ปทุฏฺเน ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา ิตํ ปุคฺคลํ นิรยาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ คตคตฏฺาเน ทุจฺจริตมูลกํ กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ ทุกฺขมนุพนฺธตีติ.
คาถาปริโยสาเน ตึสสหสฺสา ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สมฺปตฺตปริภายปิ เทสนา สาตฺถิกา สผลา อโหสีติ.
จกฺขุปาลตฺเถรวตฺถุ ปมํ
๒. มฏฺกุณฺฑลีวตฺถุ
๒. มโนปุพฺพงฺคมา ¶ ธมฺมาติ ทุติยคาถาปิ ¶ สาวตฺถิยํเยว มฏฺกุณฺฑลึ อารพฺภ ภาสิตา.
สาวตฺถิยํ กิร อทินฺนปุพฺพโก นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. เตน กสฺสจิ กิฺจิ น ทินฺนปุพฺพํ, เตน ตํ ‘‘อทินฺนปุพฺพโก’’ตฺเวว สฺชานึสุ. ตสฺส เอกปุตฺตโก อโหสิ ปิโย มนาโป. อถสฺส ปิลนฺธนํ กาเรตุกาโม ‘‘สเจ สุวณฺณกาเร กาเรสฺสามิ, ภตฺตเวตนํ ทาตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว สุวณฺณํ โกฏฺเฏตฺวา มฏฺานิ กุณฺฑลานิ กตฺวา อทาสิ. เตนสฺส ปุตฺโต มฏฺกุณฺฑลีตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตสฺส โสฬสวสฺสิกกาเล ปณฺฑุโรโค อุทปาทิ. ตสฺส มาตา ปุตฺตํ โอโลเกตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, ปุตฺตสฺส เต โรโค อุปฺปนฺโน, ติกิจฺฉาเปหิ น’’นฺติ อาห. ‘‘โภติ สเจ เวชฺชํ อาเนสฺสามิ, ภตฺตเวตนํ ทาตพฺพํ ภวิสฺสติ; กึ ตฺวํ มม ธนจฺเฉทํ น โอโลเกสฺสสี’’ติ? ‘‘อถ นํ กึ กริสฺสสิ, พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘ยถา เม ธนจฺเฉโท น โหติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ. โส เวชฺชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อสุกโรคสฺส นาม ตุมฺเห กึ เภสชฺชํ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต ยํ วา ตํ วา รุกฺขตจาทึ อาจิกฺขนฺติ. โส ตมาหริตฺวา ปุตฺตสฺส เภสชฺชํ กโรติ. ตํ กโรนฺตสฺเสวสฺส โรโค พลวา อโหสิ, อเตกิจฺฉภาวํ อุปาคมิ. พฺราหฺมโณ ¶ ตสฺส ทุพฺพลภาวํ ตฺวา เอกํ เวชฺชํ ปกฺโกสิ. โส ตํ โอโลเกตฺวาว ‘‘อมฺหากํ เอกํ กิจฺจํ อตฺถิ, อฺํ เวชฺชํ ปกฺโกสิตฺวา ติกิจฺฉาเปหี’’ติ ตํ ¶ ปหาย นิกฺขมิ. พฺราหฺมโณ ตสฺส มรณสมยํ ตฺวา ‘‘อิมสฺส ทสฺสนตฺถาย อาคตา อนฺโตเคเห สาปเตยฺยํ ปสฺสิสฺสนฺติ, พหิ นํ กริสฺสามี’’ติ ปุตฺตํ นีหริตฺวา พหิอาฬินฺเท นิปชฺชาเปสิ.
ตํ ทิวสํ ภควา พลวปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย ปุพฺพพุทฺเธสุ กตาธิการานํ อุสฺสนฺนกุสลมูลานํ เวเนยฺยพนฺธวานํ ทสฺสนตฺถํ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ าณชาลํ ปตฺถริ. มฏฺกุณฺฑลี พหิอาฬินฺเท นิปนฺนากาเรเนว ตสฺส อนฺโต ปฺายิ. สตฺถา ตํ ทิสฺวา ตสฺส อนฺโตเคหา นีหริตฺวา ตตฺถ นิปชฺชาปิตภาวํ ตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข มยฺหํ เอตฺถ คตปจฺจเยน อตฺโถ’’ติ อุปธาเรนฺโต อิทํ อทฺทส – อยํ มาณโว มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา กาลํ กตฺวา ตาวตึสเทวโลเก ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติสฺสติ, อจฺฉราสหสฺสปริวาโร ภวิสฺสติ, พฺราหฺมโณปิ ตํ ฌาเปตฺวา โรทนฺโต อาฬาหเน วิจริสฺสติ. เทวปุตฺโต ติคาวุตปฺปมาณํ สฏฺิสกฏภาราลงฺการปฏิมณฺฑิตํ อจฺฉราสหสฺสปริวารํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘เกน นุ โข กมฺเมน มยา อยํ สิริสมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ โอโลเกตฺวา มยิ ¶ จิตฺตปฺปสาเทน ลทฺธภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ธนจฺเฉทภเยน มม เภสชฺชมกตฺวา อิทานิ อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ, วิปฺปการปฺปตฺตํ นํ กริสฺสามี’’ติ ปิตริ โรทนฺเต มฏฺกุณฺฑลิวณฺเณน อาคนฺตฺวา อาฬาหนสฺสาวิทูเร ¶ นิปชฺชิตฺวา โรทิสฺสติ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิสฺสติ. ‘‘อหํ เต ปุตฺโต มฏฺกุณฺฑลี’’ติ อาจิกฺขิสฺสติ. ‘‘กุหึ นิพฺพตฺโตสี’’ติ? ‘‘ตาวสึสภวเน’’ติ. ‘‘กึ กมฺมํ กตฺวา’’ติ วุตฺเต มยิ จิตฺตปฺปสาเทน นิพฺพตฺตภาวํ อาจิกฺขิสฺสติ. พฺราหฺมโณ ‘‘ตุมฺเหสุ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺโต นาม อตฺถี’’ติ มํ ปุจฺฉิสฺสติ. อถสฺสาหํ ‘‘เอตฺตกานิ สตานิ วา สหสฺสานิ วา สตสหสฺสานิ วาติ น สกฺกา คณนา ปริจฺฉินฺทิตุ’’นฺติ วตฺวา ธมฺมปเท คาถํ ภาสิสฺสามิ. คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, มฏฺ กุณฺฑลี โสตาปนฺโน ภวิสฺสติ. ตถา อทินฺนปุพฺพโก พฺราหฺมโณ. อิติ ¶ อิมํ กุลปุตฺตํ นิสฺสาย มหาธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตีติ ทิสฺวา ปุนทิวเส กตสรีรปฏิชคฺคโน มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา อนุปุพฺเพน พฺราหฺมณสฺส เคหทฺวารํ คโต.
ตสฺมึ ขเณ มฏฺกุณฺฑลี อนฺโตเคหาภิมุโข นิปนฺโน โหติ. อถสฺส สตฺถา อตฺตโน อปสฺสนภาวํ ตฺวา เอกํ รสฺมึ วิสฺสชฺเชสิ. มาณโว ‘‘กึ โอภาโส นาเมโส’’ติ ปริวตฺเตตฺวา นิปนฺโนว สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘อนฺธพาลปิตรํ นิสฺสาย เอวรูปํ พุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา กายเวยฺยาวฏิกํ วา กาตุํ ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ นาลตฺถํ, อิทานิ เม หตฺถาปิ อนธิปเตยฺยา, อฺํ กตฺตพฺพํ นตฺถี’’ติ มนเมว ปสาเทสิ. สตฺถา ‘‘อลํ เอตฺตเกน จิตฺตปฺปสาเทน อิมสฺสา’’ติ ปกฺกามิ. โส ตถาคเต จกฺขุปถํ วิชหนฺเตเยว ¶ ปสนฺนมโน กาลํ กตฺวา สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย เทวโลเก ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ.
พฺราหฺมโณปิสฺส สรีรํ ฌาเปตฺวา อาฬาหเน โรทนปรายโณ อโหสิ, เทวสิกํ อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ – ‘‘กหํ เอกปุตฺตก, กหํ เอกปุตฺตกา’’ติ. เทวปุตฺโตปิ อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา, ‘‘เกน เม กมฺเมน ลทฺธา’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘สตฺถริ มโนปสาเทนา’’ติ ตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ มม อผาสุกกาเล เภสชฺชมกาเรตฺวา อิทานิ อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ, วิปฺปการปฺปตฺตเมว นํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ มฏฺกุณฺฑลิวณฺเณน อาคนฺตฺวา อาฬาหนสฺสาวิทูเร พาหา ปคฺคยฺห โรทนฺโต อฏฺาสิ. พฺราหฺมโณ ตํ ทิสฺวา ‘‘อหํ ตาว ปุตฺตโสเกน โรทามิ, เอส กิมตฺถํ โรทติ, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อลงฺกโต ¶ มฏฺกุณฺฑลี,
มาลธารี หริจนฺทนุสฺสโท;
พาหา ปคฺคยฺห กนฺทสิ,
วนมชฺเฌ กึ ทุกฺขิโต ตุว’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๐๗; เป. ว. ๑๘๖);
โส ¶ มาณโว อาห –
‘‘โสวณฺณมโย ปภสฺสโร,
อุปฺปนฺโน รถปฺชโร มม;
ตสฺส จกฺกยุคํ น วินฺทามิ,
เตน ทุกฺเขน ชหามิ ชีวิต’’นฺติ. (ว. ๑๒๐๘; เป. ว. ๑๘๗);
อถ ¶ นํ พฺราหฺมโณ อาห –
‘‘โสวณฺณมยํ มณิมยํ,
โลหิตกมยํ อถ รูปิยมยํ;
อาจิกฺข เม ภทฺท มาณว,
จกฺกยุคํ ปฏิปาทยามิ เต’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๐๙; เป. ว. ๑๘๘);
ตํ สุตฺวา มาณโว ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ปุตฺตสฺส เภสชฺชมกตฺวา ปุตฺตปติรูปกํ มํ ทิสฺวา โรทนฺโต ‘สุวณฺณาทิมยํ รถจกฺกํ กโรมี’ติ วทติ, โหตุ นิคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘กีว มหนฺตํ เม จกฺกยุคํ กริสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘ยาว มหนฺตํ อากงฺขสิ, ตาว มหนฺตํ กริสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘จนฺทิมสูริเยหิ เม อตฺโถ, เต เม เทหี’’ติ ยาจนฺโต อาห –
‘‘โส มาณโว ตสฺส ปาวทิ,
จนฺทสูริยา อุภเยตฺถ ทิสฺสเร;
โสวณฺณมโย ¶ รโถ มม,
เตน จกฺกยุเคน โสภตี’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๐; เป. ว. ๑๘๙);
อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห –
‘‘พาโล โข ตฺวํ อสิ มาณว,
โย ตฺวํ ปตฺถยเส อปตฺถิยํ;
มฺามิ ตุวํ มริสฺสสิ,
น หิ ตฺวํ ลจฺฉสิ จนฺทสูริเย’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๑; เป. ว. ๑๙๐);
อถ ¶ นํ มาณโว อาห –
‘‘กึ ปน ปฺายมานสฺสตฺถาย โรทนฺโต พาโล โหติ, อุทาหุ อปฺายมานสฺสตฺถายา’’ติ วตฺวา –
‘‘คมนาคมนมฺปิ ¶ ทิสฺสติ,
วณฺณธาตุ อุภยตฺถ วีถิยา;
เปโต กาลกโต น ทิสฺสติ,
โก นิธ กนฺทตํ พาลฺยตโร’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๒; เป. ว. ๑๙๑);
ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ‘‘ยุตฺตํ เอส วทตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา –
‘‘สจฺจํ โข วเทสิ มาณว,
อหเมว กนฺทตํ พาลฺยตโร;
จนฺทํ วิย ทารโก รุทํ,
เปตํ กาลกตาภิปตฺถยิ’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๑๓; เป. ว. ๑๙๒) –
วตฺวา ¶ ตสฺส กถาย นิสฺโสโก หุตฺวา มาณวสฺส ถุตึ กโรนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;
วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.
‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;
โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.
‘‘สฺวาหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต;
น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณวา’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๔-๑๒๑๖; เป. ว. ๑๙๓-๑๙๕);
อถ ¶ นํ ‘‘โก นาม ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต –
‘‘เทวตานุสิ คนฺธพฺโพ, อทุ สกฺโก ปุรินฺทโท;
โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๑๗; เป. ว. ๑๙๖) –
อาห. อถสฺส มาณโว –
‘‘ยฺจ กนฺทสิ ยฺจ โรทสิ,
ปุตฺตํ อาฬาหเน สยํ ทหิตฺวา;
สฺวาหํ กุสลํ กริตฺวา กมฺมํ,
ติทสานํ สหพฺยตํ คโต’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๘; เป. ว. ๑๙๗) –
อาจิกฺขิ ¶ . อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห –
‘‘อปฺปํ วา พหุํ วา นาทฺทสาม,
ทานํ ททนฺตสฺส สเก อคาเร;
อุโปสถกมฺมํ ¶ วา ตาทิสํ,
เกน กมฺเมน คโตสิ เทวโลก’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๑๙; เป. ว. ๑๙๘);
มาณโว อาห –
‘‘อาพาธิโกหํ ทุกฺขิโต คิลาโน,
อาตูรรูโปมฺหิ สเก นิเวสเน;
พุทฺธํ วิคตรชํ วิติณฺณกงฺขํ,
อทฺทกฺขึ สุคตํ อโนมปฺํ.
‘‘สฺวาหํ มุทิตธโน ปสนฺนจิตฺโต,
อฺชลึ อกรึ ตถาคตสฺส;
ตาหํ กุสลํ กริตฺวาน กมฺมํ,
ติทสานํ สหพฺยตํ คโต’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๐-๑๒๒๑; เป. ว. ๑๙๙-๒๐๐);
ตสฺมึ ¶ กเถนฺเตเยว พฺราหฺมณสฺส สกลสรีรํ ปีติยา ปริปูริ. โส ตํ ปีตึ ปเวเทนฺโต –
‘‘อจฺฉริยํ วต อพฺภุตํ วต,
อฺชลิกมฺมสฺส อยมีทิโส วิปาโก;
อหมฺปิ ปมุทิตมโน ปสนฺนจิตฺโต,
อชฺเชว พุทฺธํ สรณํ วชามี’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๒; เป. ว. ๒๐๑) –
อาห. อถ นํ มาณโว –
‘‘อชฺเชว พุทฺธํ สรณํ วชาหิ,
ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ ปสนฺนจิตฺโต;
ตเถว ¶ สิกฺขาปทานิ ปฺจ,
อขณฺฑผุลฺลานิ สมาทิยสฺสุ.
ปาณาติปาตา วิรมสฺสุ ขิปฺปํ,
โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยสฺสุ;
อมชฺชโป มา จ มุสา ภณาหิ,
สเกน ทาเรน จ โหหิ ตุฏฺโ’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๓-๑๒๒๔; เป. ว. ๒๐๒-๒๐๓) –
อาห ¶ . โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อตฺถกาโมสิ เม ยกฺข, หิตกาโมสิ เทวเต;
กโรมิ ตุยฺหํ วจนํ, ตฺวํสิ อาจริโย มม.
‘‘อุเปมิ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมฺจาปิ อนุตฺตรํ;
สงฺฆฺจ นรเทวสฺส, คจฺฉามิ สรณํ อหํ.
‘‘ปาณาติปาตา วิรมามิ ขิปฺปํ,
โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยามิ;
อมชฺชโป โน จ มุสา ภณามิ,
สเกน ทาเรน จ โหมิ ตุฏฺโ’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๕-๑๒๒๗; เป. ว. ๒๐๔-๒๐๖);
อถ ¶ นํ เทวปุตฺโต, ‘‘พฺราหฺมณ, เต เคเห พหุํ ธนํ อตฺถิ, สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ทานํ เทหิ, ธมฺมํ สุณาหิ, ปฺหํ ปุจฺฉาหี’’ติ วตฺวา ตตฺเถว อนฺตรธายิ.
พฺราหฺมโณปิ เคหํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ภทฺเท, อหํ อชฺช สมณํ โคตมํ นิมนฺเตตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, สกฺการํ กโรหี’’ติ วตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ เนว อภิวาเทตฺวา น ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ ิโต, ‘‘โภ โคตม, อธิวาเสหิ อชฺชตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ อาห. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส สตฺถุ อธิวาสนํ วิทิตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา ¶ สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียฺจ ปฏิยาทาเปสิ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. พฺราหฺมโณ สกฺกจฺจํ ปริวิสิ, มหาชโน สนฺนิปติ. มิจฺฉาทิฏฺิเกน กิร ตถาคเต นิมนฺติเต ทฺเว ชนกายา สนฺนิปตนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิกา ‘‘อชฺช สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉนาย วิเหิยมานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปตนฺติ, สมฺมาทิฏฺิกา ‘‘อชฺช พุทฺธวิสยํ พุทฺธลีฬํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปตนฺติ. อถ โข พฺราหฺมโณ กตภตฺตกิจฺจํ ตถาคตมุปสงฺกมิตฺวา นีจาสเน นิสินฺโน ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘โภ โคตม, ตุมฺหากํ ทานํ อทตฺวา ปูชํ อกตฺวา ธมฺมํ อสุตฺวา อุโปสถวาสํ อวสิตฺวา เกวลํ มโนปสาทมตฺเตเนว สคฺเค นิพฺพตฺตา นาม โหนฺตี’’ติ? ‘‘พฺราหฺมณ, กสฺมา มํ ปุจฺฉสิ, นนุ เต ปุตฺเตน มฏฺกุณฺฑลินา มยิ มนํ ปสาเทตฺวา ¶ อตฺตโน สคฺเค นิพฺพตฺตภาโว กถิโต’’ติ? ‘‘กทา, โภ โคตมา’’ติ? นนุ ตฺวํ อชฺช สุสานํ คนฺตฺวา กนฺทนฺโต อวิทูเร พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺตํ เอกํ มาณวํ ทิสฺวา ‘‘อลงฺกโต มฏฺกุณฺฑลี, มาลธารี ¶ หริจนฺทนุสฺสโท’’ติ ทฺวีหิ ชเนหิ กถิตกถํ ปกาเสนฺโต สพฺพํ มฏฺกุณฺฑลิวตฺถุํ กเถสิ. เตเนเวตํ พุทฺธภาสิตํ นาม ชาตํ.
ตํ กเถตฺวา จ ปน ‘‘น โข, พฺราหฺมณ, เอกสตํ วา น ทฺเวสตํ, อถ โข มยิ มนํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตานํ คณนา นาม นตฺถี’’ติ อาห. อถ มหาชโน น นิพฺเพมติโก โหติ, อถสฺส อนิพฺเพมติกภาวํ วิทิตฺวา สตฺถา ‘‘มฏฺกุณฺฑลิเทวปุตฺโต วิมาเนเนว สทฺธึ อาคจฺฉตู’’ติ อธิฏฺาสิ. โส ติคาวุตปฺปมาเณเนว ทิพฺพาภรณปฏิมณฺฑิเตน อตฺตภาเวน อาคนฺตฺวา วิมานโต โอรุยฺห สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวํ อิมํ สมฺปตฺตึ กึ กมฺมํ กตฺวา ปฏิลภี’’ติ ปุจฺฉนฺโต –
‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา;
ปุจฺฉามิ ตํ เทว มหานุภาว, มนุสฺสภูโต กิมกาสิ ปฺุ’’นฺติ. –
คาถมาห. ‘‘เทวปุตฺโต อยํ เม, ภนฺเต, สมฺปตฺติ ตุมฺเหสุ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ลทฺธา’’ติ. ‘‘มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ลทฺธา เต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. มหาชโน เทวปุตฺตํ โอโลเกตฺวา ‘‘อจฺฉริยา วต, โภ, พุทฺธคุณา, อทินฺนปุพฺพกพฺราหฺมณสฺส นาม ปุตฺโต อฺํ ¶ กิฺจิ ปฺุํ อกตฺวา สตฺถริ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภี’’ติ ตุฏฺึ ปเวเทสิ.
อถ ¶ เนสํ กุสลากุสลกมฺมกรเณ มโนว ปุพฺพงฺคโม, มโนว เสฏฺโ. ปสนฺเนน หิ มเนน กตํ กมฺมํ เทวโลกํ มนุสฺสโลกํ คจฺฉนฺตํ ปุคฺคลํ ฉายาว น วิชหตีติ อิทํ วตฺถุํ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ปติฏฺาปิตมตฺติกํ สาสนํ ราชมุทฺทาย ลฺฉนฺโต วิย ธมฺมราชา อิมํ คาถมาห –
๒. ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา.
มนสา เจ ปสนฺเนน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ สุขมนฺเวติ, ฉายาว อนปายินี’’ติ.
ตตฺถ ¶ กิฺจาปิ มโนติ อวิเสเสน สพฺพมฺปิ จตุภูมิกจิตฺตํ วุจฺจติ, อิมสฺมึ ปน ปเท นิยมิยมานํ ววตฺถาปิยมานํ ปริจฺฉิชฺชิยมานํ อฏฺวิธํ กามาวจรกุสลจิตฺตํ ลพฺภติ. วตฺถุวเสน ปนาหริยมานํ ตโตปิ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตจิตฺตเมว ลพฺภติ. ปุพฺพงฺคมาติ เตน ปมคามินา หุตฺวา สมนฺนาคตา. ธมฺมาติ เวทนาทโย ตโย ขนฺธา. เอเต หิ อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน โสมนสฺสสมฺปยุตฺตมโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา นาม. ยถา หิ พหูสุ เอกโต หุตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส จีวรทานาทีนิ วา อุฬารปูชาธมฺมสฺสวนาทีนิ วา มาลาคนฺธสกฺการกรณาทีนิ วา ปฺุานิ กโรนฺเตสุ ‘‘โก เอเตสํ ปุพฺพงฺคโม’’ติ วุตฺเต โย เตสํ ปจฺจโย โหติ, ยํ นิสฺสาย เต ตานิ ปฺุานิ กโรนฺติ, โส ติสฺโส วา ผุสฺโส วา เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. อิติ อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ ¶ มโนปุพฺพงฺคมา. น หิ เต มเน อนุปฺปชฺชนฺเต อุปฺปชฺชิตุํ สกฺโกนฺติ, มโน ปน เอกจฺเจสุ เจตสิเกสุ อนุปฺปชฺชนฺเตสุปิ อุปฺปชฺชติเยว. เอวํ อธิปติวเสน ปน มโน เสฏฺโ เอเตสนฺติ มโนเสฏฺา. ยถา หิ คณาทีนํ อธิปติ ปุริโส คณเสฏฺโ เสณิเสฏฺโติ วุจฺจติ, ตถา เตสมฺปิ มโนว เสฏฺโ. ยถา ปน สุวณฺณาทีหิ นิปฺผาทิตานิ ภณฺฑานิ สุวณฺณมยาทีนิ นาม โหนฺติ, ตถา เอเตปิ มนโต นิปฺผนฺนตฺตา มโนมยา นาม.
ปสนฺเนนาติ อนภิชฺฌาทีหิ คุเณหิ ปสนฺเนน. ภาสติ วา กโรติ วาติ เอวรูเปน มเนน ภาสนฺโต จตุพฺพิธํ วจีสุจริตเมว ภาสติ, กโรนฺโต ติวิธํ กายสุจริตเมว กโรติ, อภาสนฺโต อกโรนฺโต ตาย อนภิชฺฌาทีหิ ปสนฺนมานสตาย ติวิธํ มโนสุจริตํ ปูเรติ. เอวมสฺส ทส กุสลกมฺมปถา ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ.
ตโต นํ สุขมนฺเวตีติ ตโต ติวิธสุจริตโต นํ ปุคฺคลํ สุข มนฺเวติ. อิธ เตภูมิกมฺปิ ¶ กุสลํ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา เตภูมิกสุจริตานุภาเวน สุคติภเว นิพฺพตฺตํ ปุคฺคลํ, ทุคฺคติยํ วา สุขานุภวนฏฺาเน ิตํ กายวตฺถุกมฺปิ อิตรวตฺถุกมฺปิ อวตฺถุกมฺปีติ กายิกเจตสิกํ วิปากสุขํ อนุคจฺฉติ, น วิชหตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยถา กึ? ฉายาว อนปายินีติ ยถา หิ ฉายา นาม สรีรปฺปฏิพทฺธา สรีเร คจฺฉนฺเต คจฺฉติ, ติฏฺนฺเต ติฏฺติ ¶ , นิสีทนฺเต นิสีทติ, น สกฺโกติ, ‘‘สณฺเหน วา ผรุเสน ¶ วา นิวตฺตาหี’’ติ วตฺวา วา โปเถตฺวา วา นิวตฺตาเปตุํ. กสฺมา? สรีรปฺปฏิพทฺธตฺตา. เอวเมว อิเมสํ ทสนฺนํ กุสลกมฺมปถานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณกุสลมูลิกํ กามาวจราทิเภทํ กายิกเจตสิกสุขํ คตคตฏฺาเน อนปายินี ฉายา วิย หุตฺวา น วิชหตีติ.
คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, มฏฺกุณฺฑลิเทวปุตฺโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, ตถา อทินฺนปุพฺพโก พฺราหฺมโณ. โส ตาวมหนฺตํ วิภวํ พุทฺธสาสเน วิปฺปกิรีติ.
มฏฺกุณฺฑลีวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อกฺโกจฺฉิ มนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิรายสฺมา ติสฺสตฺเถโร ภควโต ปิตุจฺฉาปุตฺโต อโหสิ, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตฺวา พุทฺธานํ อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ ปริภฺุชนฺโต ถูลสรีโร อาโกฏิตปจฺจาโกฏิเตหิ จีวเรหิ นิวาเสตฺวา เยภุยฺเยน วิหารมชฺเฌ อุปฏฺานสาลายํ นิสีทติ. ตถาคตํ ทสฺสนตฺถาย อาคตา อาคนฺตุกภิกฺขู ตํ ทิสฺวา ‘‘เอโก มหาเถโร ภวิสฺสตี’’ติ สฺาย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วตฺตํ อาปุจฺฉนฺติ, ปาทสมฺพาหนาทีนิ อาปุจฺฉนฺติ. โส ตุณฺหี อโหสิ. อถ นํ เอโก ทหรภิกฺขุ ‘‘กติวสฺสา ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วสฺสํ นตฺถิ, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตา มย’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาวุโส, ทุพฺพินีต, มหลฺลก ¶ , อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสิ, เอตฺตเก มหาเถเร ทิสฺวา สามีจิกมฺมมตฺตมฺปิ น กโรสิ, วตฺเต อาปุจฺฉิยมาเน ตุณฺหี โหสิ, กุกฺกุจฺจมตฺตมฺปิ เต นตฺถี’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. โส ขตฺติยมานํ ชเนตฺวา ‘‘ตุมฺเห กสฺส สนฺติกํ อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มํ ปน ‘โก เอโส’ติ สลฺลกฺเขถ, มูลเมว โว ฉินฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา รุทนฺโต ทุกฺขี ทุมฺมโน สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ ¶ . อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ ตฺวํ ติสฺส ทุกฺขี ทุมฺมโน อสฺสุมุโข โรทมาโน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. เตปิ ภิกฺขู ‘‘เอส คนฺตฺวา กิฺจิ อาโลฬํ กเรยฺยา’’ติ เตเนว ¶ สทฺธึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. โส สตฺถารา ปุจฺฉิโต ‘‘อิเม มํ, ภนฺเต, ภิกฺขู อกฺโกสนฺตี’’ติ อาห. ‘‘กหํ ปน ตฺวํ นิสินฺโนสี’’ติ? ‘‘วิหารมชฺเฌ อุปฏฺานสาลายํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิเม เต ภิกฺขู อาคจฺฉนฺตา ทิฏฺา’’ติ? ‘‘อาม, ทิฏฺา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ อุฏฺาย เต ปจฺจุคฺคมนํ กต’’นฺติ? ‘‘น กตํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ปริกฺขารคฺคหณํ อาปุจฺฉิต’’นฺติ? ‘‘นาปุจฺฉิตํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘วตฺตํ วา ปานียํ วา อาปุจฺฉิต’’นฺติ. ‘‘นาปุจฺฉิตํ ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาสนํ นีหริตฺวา อภิวาเทตฺวา ปาทสมฺพาหนํ กต’’นฺติ? ‘‘น กตํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ติสฺส มหลฺลกภิกฺขูนํ สพฺพํ เอตํ วตฺตํ กาตพฺพํ, เอตํ วตฺตํ อกโรนฺเตน วิหารมชฺเฌ นิสีทิตุํ น วฏฺฏติ, ตเวว โทโส, เอเต ภิกฺขู ขมาเปหี’’ติ? ‘‘เอเต มํ, ภนฺเต, อกฺโกสึสุ ¶ , นาหํ เอเต ขมาเปมี’’ติ. ‘‘ติสฺส มา เอวํ กริ, ตเวว โทโส, ขมาเปหิ เน’’ติ? ‘‘น ขมาเปมิ, ภนฺเต’’ติ. อถ สตฺถา ‘‘ทุพฺพโจ เอส, ภนฺเต’’ติ ภิกฺขูหิ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ทุพฺพโจ เอส, ปุพฺเพปิ เอส ทุพฺพโจเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘อิทานิ ตาวสฺส, ภนฺเต, ทุพฺพจภาโว อมฺเหหิ าโต, อตีเต เอส กึ อกาสี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ วตฺวา อตีตมาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พาราณสิรฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต เทวิโล นาม ตาปโส อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย จตฺตาโร มาเส นครมุปนิสฺสาย วสิตุกาโม หิมวนฺตโต อาคนฺตฺวา นครทฺวาเร ทารเก ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อิมํ นครํ สมฺปตฺตปพฺพชิตา กตฺถ วสนฺตี’’ติ? ‘‘กุมฺภการสาลายํ, ภนฺเต’’ติ. ตาปโส กุมฺภการสาลํ คนฺตฺวา ทฺวาเร ตฺวา ‘‘สเจ เต ภคฺคว อครุ, วเสยฺยาม เอกรตฺตึ สาลาย’’นฺติ อาห. กุมฺภกาโร ‘‘มยฺหํ รตฺตึ สาลายํ กิจฺจํ นตฺถิ, มหตี สาลา, ยถาสุขํ วสถ, ภนฺเต’’ติ สาลํ นิยฺยาเทสิ. ตสฺมึ ปวิสิตฺวา นิสินฺเน อปโรปิ นารโท นาม ตาปโส หิมวนฺตโต อาคนฺตฺวา กุมฺภการํ เอกรตฺติวาสํ ยาจิ. กุมฺภกาโร ‘‘ปมํ อาคโต อิมินา สทฺธึ เอกโต วสิตุกาโม ภเวยฺย วา โน วา, อตฺตานํ ปริโมเจสฺสามี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ‘‘สเจ, ภนฺเต, ปมํ อุปคโต โรเจสฺสติ, ตสฺส รุจิยา วสถา’’ติ อาห. โส ตมุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สเจ เต, อาจริย อครุ, มยฺเจตฺถ เอกรตฺตึ วเสยฺยามา’’ติ ยาจิ. ‘‘มหตี สาลา, ปวิสิตฺวา ¶ เอกมนฺเต วสาหี’’ติ วุตฺเต ปวิสิตฺวา ปุเรตรํ ปวิฏฺสฺส เทวิลสฺส อปรภาเค นิสีทิ. อุโภปิ สารณียกถํ กเถตฺวา นิปชฺชึสุ.
สยนกาเล ¶ นารโท เทวิลสฺส นิปชฺชนฏฺานฺจ ทฺวารฺจ สลฺลกฺเขตฺวา นิปชฺชิ. โส ปน เทวิโล นิปชฺชมาโน อตฺตโน นิปชฺชนฏฺาเน อนิปชฺชิตฺวา ทฺวารมชฺเฌ ติริยํ นิปชฺชิ. นารโท รตฺตึ นิกฺขมนฺโต ตสฺส ชฏาสุ อกฺกมิ. ‘‘โก มํ อกฺกมี’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘อาจริย, อห’’นฺติ อาห. ‘‘กูฏชฏิล, อรฺโต อาคนฺตฺวา มม ชฏาสุ อกฺกมสี’’ติ. ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ อิธ นิปนฺนภาวํ น ชานามิ, ขมถ เม’’ติ วตฺวา ตสฺส กนฺทนฺตสฺเสว พหิ นิกฺขมิ. อิตโร ‘‘อยํ ปวิสนฺโตปิ มํ อกฺกเมยฺยา’’ติ ปริวตฺเตตฺวา ปาทฏฺาเน สีสํ กตฺวา นิปชฺชิ. นารโทปิ ปวิสนฺโต ‘‘ปมํปาหํ อาจริเย อปรชฺฌึ, อิทานิสฺส ปาทปสฺเสน ปวิสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อาคจฺฉนฺโต คีวาย อกฺกมิ. ‘‘โก เอโส’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ, อาจริยา’’ติ วตฺวา ‘‘กูฏชฏิล, ปมํ มม ชฏาสุ อกฺกมิตฺวา อิทานิ คีวาย อกฺกมสิ, อภิสปิสฺสามิ ต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาจริย, มยฺหํ โทโส นตฺถิ, อหํ ตุมฺหากํ เอวํ นิปนฺนภาวํ น ชานามิ, ‘ปมมฺปิ เม อปรทฺธํ, อิทานิ ปาทปสฺเสน ¶ ปวิสิสฺสามี’ติ ปวิฏฺโมฺหิ, ขมถ เม’’ติ อาห. ‘‘กูฏชฏิล, อภิสปิสฺสามิ ต’’นฺติ. ‘‘มา เอวํ กริตฺถ อาจริยา’’ติ. โส ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา –
‘‘สหสฺสรํสี สตเตโช, สูริโย ตมวิโนทโน;
ปาโตทยนฺเต สูริเย, มุทฺธา เต ผลตุ สตฺตธา’’ติ. –
ตํ อภิสปิ เอว. นารโท, ‘‘อาจริย, มยฺหํ โทโส นตฺถีติ มม วทนฺตสฺเสว ตุมฺเห อภิสปถ, ยสฺส โทโส อตฺถิ, ตสฺส มุทฺธา ผลตุ, มา นิทฺโทสสฺสา’’ติ วตฺวา –
‘‘สหสฺสรํสี สตเตโช, สูริโย ตมวิโนทโน;
ปาโตทยนฺเต สูริเย, มุทฺธา เต ผลตุ สตฺตธา’’ติ. –
อภิสปิ. โส ปน มหานุภาโว อตีเต จตฺตาลีส, อนาคเต จตฺตาลีสาติ อสีติกปฺเป อนุสฺสรติ. ตสฺมา ‘‘กสฺส นุ โข อุปริ อภิสโป ปติสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อาจริยสฺสา’’ติ ตฺวา ตสฺมึ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อิทฺธิพเลน อรุณุคฺคมนํ นิวาเรติ.
นาครา ¶ อรุเณ อนุคฺคจฺฉนฺเต ราชทฺวารํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, ตยิ รชฺชํ กาเรนฺเต อรุโณ น อุฏฺหติ, อรุณํ โน อุฏฺาเปหี’’ติ กนฺทึสุ. ราชา อตฺตโน กายกมฺมาทีนิ โอโลเกนฺโต กิฺจิ อยุตฺตํ อทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ปพฺพชิตานํ วิวาเทน ภวิตพฺพ’’นฺติ ¶ ปริสงฺกมาโน ‘‘กจฺจิ อิมสฺมึ นคเร ปพฺพชิตา อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘หิยฺโย สายํ กุมฺภการสาลายํ อาคตา อตฺถิ เทวา’’ติ วุตฺเต ตํขณฺเว ราชา ¶ อุกฺกาหิ ธาริยมานาหิ ตตฺถ คนฺตฺวา นารทํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อาห –
‘‘กมฺมนฺตา นปฺปวตฺตนฺติ, ชมฺพุทีปสฺส นารท;
เกน โลโก ตโมภูโต, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
นารโท สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา อิมินา การเณน อหํ อิมินา อภิสปิโต, อถาหํ ‘‘มยฺหํ โทโส นตฺถิ, ยสฺส โทโส อตฺถิ, ตสฺเสว อุปริ อภิสโป ปตตู’’ติ วตฺวา อภิสปึ. อภิสปิตฺวา จ ปน ‘‘กสฺส นุ โข อุปริ อภิสโป ปติสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘สูริยุคฺคมนเวลาย อาจริยสฺส มุทฺธา สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา เอตสฺมึ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อรุณสฺส อุคฺคมนํ น เทมีติ. ‘‘กถํ ปน อสฺส, ภนฺเต, อนฺตราโย น ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘สเจ มํ ขมาเปยฺย, น ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ ขมาเปหี’’ติ วุตฺเต ‘‘เอโส, มหาราช, มํ ชฏาสุ จ คีวาย จ อกฺกมิ, นาหํ เอตํ กูฏชฏิลํ ขมาเปมี’’ติ. ‘‘ขมาเปหิ, ภนฺเต, มา เอวํ กริตฺถา’’ติ. ‘‘น ขมาเปมี’’ติ. ‘‘มุทฺธา เต สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ วุตฺเตปิ น ขมาเปติเยว. อถ นํ ราชา ‘‘น ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา ขมาเปสฺสสี’’ติ หตฺถปาทกุจฺฉิคีวาสุ คาหาเปตฺวา นารทสฺส ปาทมูเล โอนมาเปสิ. นารโทปิ ‘‘อุฏฺเหิ, อาจริย, ขมามิ เต’’ติ วตฺวา, ‘‘มหาราช, นายํ ยถามเนน ขมาเปติ, นครสฺส อวิทูเร ¶ เอโก สโร อตฺถิ, ตตฺถ นํ สีเส มตฺติกาปิณฺฑํ กตฺวา คลปฺปมาเณ อุทเก ปาเปหี’’ติ อาห. ราชา ตถา กาเรสิ. นารโท เทวิลํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อาจริย, มยา อิทฺธิยา วิสฺสฏฺาย สูริยสนฺตาเป อุฏฺหนฺเต อุทเก นิมุชฺชิตฺวา อฺเน าเนน อุตฺตริตฺวา คจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. ‘‘ตสฺส สูริยรํสีหิ สํผุฏฺมตฺโตว มตฺติกาปิณฺโฑ สตฺตธา ผลิ, โส นิมุชฺชิตฺวา อฺเน าเนน ปลายี’’ติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, ราชา อานนฺโท อโหสิ, เทวิโล ติสฺโส, นารโท อหเมวาติ เอวํ ตทาเปส ทุพฺพโจเยวา’’ติ ¶ วตฺวา ติสฺสตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ติสฺส, ภิกฺขุโน นาม ‘อสุเกนาหํ อกฺกุฏฺโ, อสุเกน ปหโฏ, อสุเกน ชิโต, อสุโก โข เม ภณฺฑํ อหาสี’ติ จินฺเตนฺตสฺส เวรํ นาม น วูปสมฺมติ, เอวํ ปน อนุปนยฺหนฺตสฺเสว อุปสมฺมตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อกฺโกจฺฉิ ¶ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;
เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติ.
‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;
เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมตี’’ติ.
ตตฺถ อกฺโกจฺฉีติ อกฺโกสิ. อวธีติ ปหริ. อชินีติ ¶ กูฏสกฺขิโอตารเณน วา วาทปฏิวาเทน วา กรณุตฺตริยกรเณน วา อเชสิ. อหาสิ เมติ มม สนฺตกํ ปตฺตาทีสุ กิฺจิเทว อวหริ. เย จ ตนฺติ เย เกจิ เทวตา วา มนุสฺสา วา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา ตํ ‘‘อกฺโกจฺฉิ ม’’นฺติอาทิวตฺถุกํ โกธํ สกฏธุรํ วิย นทฺธินา ปูติมจฺฉาทีนิ วิย จ กุสาทีหิ ปุนปฺปุนํ เวเตฺวา อุปนยฺหนฺติ, เตสํ สกึ อุปฺปนฺนํ เวรํ น สมฺมตีติ วูปสมฺมติ. เย จ ตํ นุปนยฺหนฺตีติ อสติยา อมนสิการวเสน วา กมฺมปจฺจเวกฺขณาทิวเสน วา เย ตํ อกฺโกสาทิวตฺถุกํ โกธํ ตยาปิ โกจิ นิทฺโทโส ปุริมภเว อกฺกุฏฺโ ภวิสฺสติ, ปหโฏ ภวิสฺสติ, กูฏสกฺขึ โอตาเรตฺวา ชิโต ภวิสฺสติ, กสฺสจิ เต ปสยฺห กิฺจิ อจฺฉินฺนํ ภวิสฺสติ, ตสฺมา นิทฺโทโส หุตฺวาปิ อกฺโกสาทีนิ ปาปุณาสีติ เอวํ น อุปนยฺหนฺติ. เตสุ ปมาเทน อุปฺปนฺนมฺปิ เวรํ อิมินา อนุปนยฺหเนน นิรินฺธโน วิย ชาตเวโท วูปสมฺมตีติ.
เทสนาปริโยสาเน สตสหสฺสภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ¶ ปาปุณึสุ. ธมฺมเทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสิ. ทุพฺพโจปิ สุพฺพโจเยว ชาโตติ.
ติสฺสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. กาฬยกฺขินีวตฺถุ
น หิ เวเรนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ วฺฌิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก ¶ กิร กุฏุมฺพิกปุตฺโต ปิตริ กาลกเต เขตฺเต จ ฆเร จ สพฺพกมฺมานิ อตฺตนาว กโรนฺโต มาตรํ ปฏิชคฺคิ. อถสฺส มาตา ‘‘กุมาริกํ เต, ตาต, อาเนสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘อมฺม ¶ , มา เอวํ วเทถ, อหํ ยาวชีวํ ตุมฺเห ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, เขตฺเต จ ฆเร จ กิจฺจํ ตฺวเมว กโรสิ, เตน มยฺหํ จิตฺตสุขํ นาม น โหติ, อาเนสฺสามี’’ติ. โส ปุนปฺปุนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. สา เอกํ กุลํ คนฺตุกามา เคหา นิกฺขมิ. อถ นํ ปุตฺโต ‘‘กตรํ กุลํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อสุกกุลํ นามา’’ติ วุตฺเต ตตฺถ คมนํ ปฏิเสเธตฺวา อตฺตโน อภิรุจิตํ กุลํ อาจิกฺขิ. สา ตตฺถ คนฺตฺวา กุมาริกํ วาเรตฺวา ทิวสํ ววตฺถเปตฺวา ตํ อาเนตฺวา ตสฺส ฆเร อกาสิ. สา วฺฌา อโหสิ. อถ นํ มาตา, ปุตฺต, ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา กุมาริกํ อาณาเปสิ, สา อิทานิ วฺฌา ชาตา, อปุตฺตกฺจ นาม กุลํ วินสฺสติ ¶ , ปเวณี น ฆฏียติ, เตน อฺํ เต กุมาริกํ อาเนมีติ. เตน ‘‘อลํ, อมฺมา’’ติ วุจฺจมานาปิ ปุนปฺปุนํ กเถสิ. วฺฌิตฺถี ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ปุตฺตา นาม มาตาปิตูนํ วจนํ อติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, อิทานิ อฺํ วิชายินึ อิตฺถึ อาเนตฺวา มํ ทาสิโภเคน ภฺุชิสฺสติ. ยํนูนาหํ สยเมว เอกํ กุมาริกํ อาเนยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา เอกํ กุลํ คนฺตฺวา ตสฺสตฺถาย กุมาริกํ วาเรตฺวา ‘‘กึ นาเมตํ, อมฺม, วเทสี’’ติ เตหิ ปฏิกฺขิตฺตา ‘‘อหํ วฺฌา, อปุตฺตกํ นาม กุลํ วินสฺสติ, ตุมฺหากํ ปน ธีตา ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลภิตฺวา กุฏุมฺพิกสฺส สามินี ภวิสฺสติ, มยฺหํ สามิกสฺส นํ เทถา’’ติ ยาจิตฺวา สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา อาเนตฺวา สามิกสฺส ฆเร อกาสิ.
อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘สจายํ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลภิสฺสติ, อยเมว กุฏุมฺพสฺส สามินี ภวิสฺสติ. ยถา ทารกํ น ลภติ, ตเถว นํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ นํ สา อาห – ‘‘อมฺม, ยทา เต กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาติ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา คพฺเภ ปติฏฺิเต ตสฺสา อาโรเจสิ. อิตริสฺสา ปน สา สยเมว นิจฺจํ ยาคุภตฺตํ เทติ, อถสฺสา ¶ อาหาเรเนว สทฺธึ คพฺภปาตนเภสชฺชมทาสิ, คพฺโภ ปติ. ทุติยมฺปิ คพฺเภ ปติฏฺิเต อาโรเจสิ ¶ , อิตรา ทุติยมฺปิ ตเถว ปาเตสิ. อถ นํ ปฏิวิสฺสกิตฺถิโย ปุจฺฉึสุ – ‘‘กจฺจิ เต สปตฺติ อนฺตรายํ กโรตี’’ติ? สา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘อนฺธพาเล, กสฺมา เอวมกาสิ, อยํ ตว อิสฺสริยภเยน คพฺภสฺส ปาตนเภสชฺชํ โยเชตฺวา เทติ, เตน เต คพฺโภ ปตติ, มา ปุน เอวมกตฺถา’’ติ วุตฺตา ตติยวาเร น กเถสิ. อถ สา อิตริสฺสา อุทรํ ทิสฺวา ‘‘กสฺมา มยฺหํ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ น กเถสี’’ติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ มํ อาเนตฺวา วฺเจตฺวา ทฺเว วาเร คพฺภํ ปาเตสิ, กิมตฺถํ ตุยฺหํ กเถมี’’ติ วุตฺเต ‘‘นฏฺา ทานิมฺหี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺสา ปมาทํ โอโลเกนฺตี ปริณเต คพฺเภ โอกาสํ ลภิตฺวา เภสชฺชํ โยเชตฺวา อทาสิ. คพฺโภ ปริณตตฺตา ปติตุํ อสกฺโกนฺโต ติริยํ นิปติ, ขรา เวทนา อุปฺปชฺชิ, ชีวิตสํสยํ ปาปุณิ. สา ‘‘นาสิตมฺหิ ตยา, ตฺวเมว มํ อาเนตฺวา ตฺวเมว ตโยปิ วาเร ¶ ทารเก นาเสสิ, อิทานิ อหมฺปิ นสฺสามิ, อิโต ทานิ จุตา ยกฺขินี หุตฺวา ตว ทารเก ขาทิตุํ สมตฺถา หุตฺวา นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว ¶ เคเห มชฺชารี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตรมฺปิ สามิโก คเหตฺวา ‘‘ตยา เม กุลูปจฺเฉโท กโต’’ติ กปฺปรชณฺณุกาทีหิ สุโปถิตํ โปเถสิ. สา เตเนวาพาเธน กาลํ กตฺวา ตตฺเถว กุกฺกุฏี หุตฺวา นิพฺพตฺตา.
กุกฺกุฏี น จิรสฺเสว อณฺฑานิ วิชายิ, มชฺชารี อาคนฺตฺวา ตานิ อณฺฑานิ ขาทิ. ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ขาทิเยว. กุกฺกุฏี จินฺเตสิ – ‘‘ตโย วาเร มม อณฺฑานิ ขาทิตฺวา อิทานิ มมฺปิ ขาทิตุกามาสี’’ติ. ‘‘อิโต จุตา สปุตฺตกํ ตํ ขาทิตุํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ตโต จุตา อรฺเ ทีปินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตรา มิคี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา วิชาตกาเล ทีปินี อาคนฺตฺวา ตโย วาเร ปุตฺตเก ขาทิ. มิคี มรณกาเล ‘‘อยํ เม ติกฺขตฺตุํ ปุตฺตเก ขาทิตฺวา อิทานิ มมฺปิ ขาทิสฺสติ, อิโต ทานิ จุตา เอตํ สปุตฺตกํ ขาทิตุํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา อิโต จุตา ยกฺขินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ทีปินีปิ ตเถว ตโต จุตา สาวตฺถิยํ กุลธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สา วุทฺธิปฺปตฺตา ทฺวารคามเก ปติกุลํ อคมาสิ, อปรภาเค จ ปุตฺตํ วิชายิ. ยกฺขินีปิ ตสฺสา ปิยสหายิกาวณฺเณน อาคนฺตฺวา ‘‘กุหึ เม สหายิกา’’ติ ‘‘อนฺโตคพฺเภ วิชาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุตฺตํ นุ โข วิชาตา, อุทาหุ ธีตรนฺติ ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ คพฺภํ ปวิสิตฺวา ปสฺสนฺตี วิย ทารกํ คเหตฺวา ¶ ขาทิตฺวา คตา. ปุน ทุติยวาเรปิ ตเถว ขาทิ. ตติยวาเร อิตรา ครุภารา หุตฺวา สามิกํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘สามิ, อิมสฺมึ าเน เอกา ยกฺขินี มม ทฺเว ปุตฺเต ขาทิตฺวา คตา, อิทานิ ¶ มม กุลเคหํ คนฺตฺวา วิชายิสฺสามี’’ติ กุลเคหํ คนฺตฺวา วิชายิ.
ตทา สา ยกฺขินี อุทกวารํ คตา โหติ. เวสฺสวณสฺส หิ ยกฺขินิโย วาเรน อโนตตฺตทหโต สีสปรมฺปราย อุทกมาหรนฺติ. ตา จตุมาสจฺจเยนปิ ปฺจมาสจฺจเยนปิ มุจฺจนฺติ. อปรา ยกฺขินิโย กิลนฺตกายา ชีวิตกฺขยมฺปิ ปาปุณนฺติ. สา ปน อุทกวารโต มุตฺตมตฺตาว เวเคน ตํ ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘กุหึ เม สหายิกา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กุหึ นํ ปสฺสิสฺสสิ, ตสฺสา อิมสฺมึ าเน ชาตชาตทารเก ยกฺขินี อาคนฺตฺวา ขาทติ, ตสฺมา กุลเคหํ คตา’’ติ. สา ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา คจฺฉตุ, น เม มุจฺจิสฺสตี’’ติ เวรเวคสมุสฺสาหิตมานสา นคราภิมุขี ปกฺขนฺทิ. อิตราปิ นามคฺคหณทิวเส นํ ทารกํ นฺหาเปตฺวา นามํ กตฺวา, ‘‘สามิ, อิทานิ สกฆรํ คจฺฉามา’’ติ ปุตฺตมาทาย สามิเกน สทฺธึ วิหารมชฺเฌ คตมคฺเคน คจฺฉนฺตี ปุตฺตํ สามิกสฺส ทตฺวา วิหารโปกฺขรณิยา นฺหาตฺวา สามิเก นฺหายนฺเต ¶ อุตฺตริตฺวา ปุตฺตสฺส ถฺํ ปายมานา ิตา ยกฺขินึ อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา, ‘‘สามิ, เวเคน เอหิ, อยํ สา ยกฺขินี, เวเคน เอหิ, อยํ สา ยกฺขินี’’ติ อุจฺจาสทฺทํ กตฺวา ยาว ตสฺส อาคมนํ ¶ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี นิวตฺเตตฺวา อนฺโตวิหาราภิมุขี ปกฺขนฺทิ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา ปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสสิ. สา ปุตฺตํ ตถาคตสฺส ปาทปิฏฺเ นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ มยา เอส ทินฺโน, ปุตฺตสฺส เม ชีวิตํ เทถา’’ติ อาห. ทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺโถ สุมนเทโว นาม ยกฺขินิยา อนฺโต ปวิสิตุํ นาทาสิ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, อานนฺท, ตํ ยกฺขินึ ปกฺโกสาหี’’ติ อาห. เถโร ปกฺโกสิ. อิตรา ‘‘อยํ, ภนฺเต, อาคจฺฉตี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอตุ, มา สทฺทมกาสี’’ติ วตฺวา ตํ อาคนฺตฺวา ิตํ ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสิ, สเจ ตุมฺเห มาทิสสฺส พุทฺธสฺส สมฺมุขีภาวํ นาคมิสฺสถ, อหินกุลานํ วิย อจฺฉผนฺทนานํ วิย กาโกลูกานํ วิย จ กปฺปฏฺิติกํ โว เวรํ อภวิสฺส ¶ , กสฺมา เวรํ ปฏิเวรํ กโรถ. เวรฺหิ อเวเรน อุปสมฺมติ, โน เวเรนา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;
อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโน’’ติ.
ตตฺถ น หิ เวเรนาติ ยถา หิ เขฬสิงฺฆาณิกาทีหิ อสุจีหิ มกฺขิตํ านํ เตเหว อสุจีหิ โธวนฺตา สุทฺธํ ¶ นิคฺคนฺธํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, อถ โข ตํ านํ ภิยฺโยโสมตฺตาย อสุทฺธตรฺเจว ทุคฺคนฺธตรฺจ โหติ; เอวเมว อกฺโกสนฺตํ ปจฺจกฺโกสนฺโต ปหรนฺตํ ปฏิปหรนฺโต เวเรน เวรํ วูปสเมตุํ น สกฺโกติ, อถ โข ภิยฺโย ภิยฺโย เวรเมว กโรติ. อิติ เวรานิ นาม เวเรน กิสฺมิฺจิ กาเล น สมฺมนฺติ, อถ โข วฑฺฒนฺติเยว. อเวเรน จ สมฺมนฺตีติ ยถา ปน ตานิ เขฬาทีนิ อสุจีนิ วิปฺปสนฺเนน อุทเกน โธวิยมานานิ นสฺสนฺติ, ตํ านํ สุทฺธํ โหติ สุคนฺธํ; เอวเมว อเวเรน ขนฺติเมตฺโตทเกน โยนิโส มนสิกาเรน ปจฺจเวกฺขเณน เวรานิ วูปสมฺมนฺติ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ อภาวํ คจฺฉนฺติ. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ เอส อเวเรน เวรูปสมนสงฺขาโต โปราณโก ธมฺโม; สพฺเพสํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวานํ คตมคฺโคติ.
คาถาปริโยสาเน ยกฺขินี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สมฺปตฺตปริสายปิ ธมฺมเทสนา สาตฺถิกา อโหสิ.
สตฺถา ¶ ตํ อิตฺถึ อาห – ‘‘เอติสฺสา ตว ปุตฺตํ เทหี’’ติ. ‘‘ภายามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มา ภายิ, นตฺถิ เต เอตํ นิสฺสาย ปริปนฺโถ’’ติ อาห. สา ตสฺสา ปุตฺตมทาสิ. สา ตํ จุมฺพิตฺวา อาลิงฺเคตฺวา ปุน มาตุเยว ทตฺวา โรทิตุํ อารภิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, อหํ ปุพฺเพ ยถา วา ตถา วา ชีวิกํ กปฺเปนฺตีปิ กุจฺฉิปูรํ นาลตฺถํ, อิทานิ กถํ ชีวิสฺสามี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘มา จินฺตยี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ตํ อิตฺถิมาห – ‘‘อิมํ เนตฺวา ¶ อตฺตโน เคเห นิวาสาเปตฺวา อคฺคยาคุภตฺเตหิ ปฏิชคฺคาหี’’ติ. สา ตํ เนตฺวา ปิฏฺิวํเส ปติฏฺาเปตฺวา อคฺคยาคุภตฺเตหิ ปฏิชคฺคิ, ตสฺสา วีหิปหรณกาเล มุสลคฺเคน มุทฺธํ ปหรนฺตํ วิย อุปฏฺาสิ. สา สหายิกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺโกมิ, อฺตฺถ มํ ปติฏฺาเปหี’’ติ วตฺวา มุสลสาลาย อุทกจาฏิยํ อุทฺธเน นิพฺพโกเส สงฺการกูเฏ คามทฺวาเร จาติ เอเตสุ าเนสุ ¶ ปติฏฺาปิตาปิ อิธ เม มุสเลน สีสํ ภินฺทนฺตํ วิย อุปฏฺาติ, อิธ ทารกา อุจฺฉิฏฺโทกํ โอตาเรนฺติ, อิธ สุนขา นิปชฺชนฺติ, อิธ ทารกา อสุจึ กโรนฺติ, อิธ กจวรํ ฉฑฺเฑนฺติ, อิธ คามทารกา ลกฺขโยคฺคํ กโรนฺตีติ สพฺพานิ ตานิ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ พหิคาเม วิวิตฺโตกาเส ปติฏฺาเปตฺวา ตตฺถ ตสฺสา อคฺคยาคุภตฺตาทีนิ หริตฺวา ปฏิชคฺคิ. สา ยกฺขินี เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เม สหายิกา อิทานิ พหูปการา, หนฺทาหํ กิฺจิ ปฏิคุณํ กโรมี’’ติ. สา ‘‘อิมสฺมึ สํวจฺฉเร สุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสติ, ถลฏฺาเน สสฺสํ กโรหิ, อิมสฺมึ สํวจฺฉเร ทุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสติ, นินฺนฏฺาเนเยว สสฺสํ กโรหี’’ติ สหายิกาย อาโรเจติ. เสสชเนหิ กตสสฺสํ อติอุทเกน วา อโนทเกน วา นสฺสติ, ตสฺสา อติวิย สมฺปชฺชติ. อถ นํ เสสชนา, ‘‘อมฺม, ตยา กตสสฺสํ เนว อจฺโจทเกน, น อนุทเกน นสฺสติ, สุพฺพุฏฺิทุพฺพุฏฺิภาวํ ตฺวา กมฺมํ กโรสิ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อมฺหากํ สหายิกา ยกฺขินี สุพฺพุฏฺิทุพฺพุฏฺิภาวํ ¶ อาจิกฺขติ, มยํ ตสฺสา วจเนน ถเลสุ นินฺเนสุ สสฺสานิ กโรม, เตน โน สมฺปชฺชติ. กึ น ปสฺสถ? นิพทฺธํ อมฺหากํ เคหโต ยาคุภตฺตาทีนิ หริยมานานิ, ตานิ เอติสฺสา หรียนฺติ, ตุมฺเหปิ เอติสฺสา อคฺคยาคุภตฺตาทีนิ หรถ, ตุมฺหากมฺปิ กมฺมนฺเต โอโลเกสฺสตี’’ติ. อถสฺสา สกลนครวาสิโน สกฺการํ กรึสุ. สาปิ ตโต ปฏฺาย สพฺเพสํ กมฺมนฺเต โอโลเกนฺตี ลาภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ มหาปริวารา. สา อปรภาเค อฏฺ สลากภตฺตานิ ปฏฺเปสิ. ตานิ ยาวชฺชกาลา ทียนฺติเยวาติ.
กาฬยกฺขินีวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. โกสมฺพกวตฺถุ
ปเร ¶ จ น วิชานนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสมฺพเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
โกสมฺพิยฺหิ โฆสิตาราเม ปฺจสตปฺจสตปริวารา ทฺเว ภิกฺขู วิหรึสุ วินยธโร จ ธมฺมกถิโก จ. เตสุ ธมฺมกถิโก เอกทิวสํ ¶ สรีรวลฺชํ กตฺวา อุทกโกฏฺเก อาจมนอุทกาวเสสํ ภาชเน เปตฺวาว นิกฺขมิ. ปจฺฉา วินยธโร ตตฺถ ¶ ปวิฏฺโ ตํ อุทกํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา อิตรํ ปุจฺฉิ, ‘‘อาวุโส, ตยา อุทกํ ปิต’’นฺติ? ‘‘อาม, อาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ปเนตฺถ อาปตฺติภาวํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, น ชานามี’’ติ. ‘‘โหติ, อาวุโส, เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ปฏิกริสฺสามิ น’’นฺติ. ‘‘สเจ ปน เต, อาวุโส, อสฺจิจฺจ อสฺสติยา กตํ, นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสิ. วินยธโรปิ อตฺตโน นิสฺสิตกานํ ‘‘อยํ ธมฺมกถิโก อาปตฺตึ อาปชฺชมาโนปิ น ชานาตี’’ติ อาโรเจสิ. เต ตสฺส นิสฺสิตเก ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาปิ อาปตฺติภาวํ น ชานาตี’’ติ อาหํสุ. เต คนฺตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส อาโรเจสุํ. โส เอวมาห – ‘‘อยํ วินยธโร ปุพฺเพ อนาปตฺตีติ วตฺวา อิทานิ อาปตฺตีติ วทติ, มุสาวาที เอโส’’ติ. เต คนฺตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย มุสาวาที’’ติ อาหํสุ. เต เอวํ อฺมฺํ กลหํ วฑฺฒยึสุ. กโต วินยธโร โอกาสํ ลภิตฺวา ธมฺมกถิกสฺส อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺเขปนียกมฺมมกาสิ. ตโต ปฏฺาย เตสํ ปจฺจยทายกา อุปฏฺากาปิ ทฺเว โกฏฺาสา อเหสุํ, โอวาทปฏิคฺคาหกา ภิกฺขุนิโยปิ อารกฺขเทวตาปิ ตาสํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา อากาสฏฺเทวตาปีติ ยาว พฺรหฺมโลกา สพฺเพปิ ปุถุชฺชนา ทฺเว ปกฺขา อเหสุํ. จาตุมหาราชิกํ อาทึ กตฺวา ยาว อกนิฏฺภาวนา ปน เอกนินฺนาทํ โกลาหลํ อคมาสิ.
อเถโก อฺตโร ภิกฺขุ ตถาคตมุปสงฺกมิตฺวา อุกฺเขปกานํ วินยธรอนฺเตวาสิกานํ ‘‘ธมฺมิเกเนวายํ วินยกมฺเมน อุกฺขิตฺโต’’ติ ลทฺธิฺจ, อุกฺขิตฺตานุวตฺตกานํ ¶ ธมฺมกถิกอนฺเตวาสิกานํ ปน ‘‘อธมฺมิเกเนว กมฺเมน อุกฺขิตฺโต’’ติ ลทฺธิฺจ, อุกฺเขปเกหิ วาริยมานานมฺปิ จ เตสํ ตํ อนุปริวาเรตฺวา วิจรณภาวฺจ อาโรเจสิ ภควา ‘‘สมคฺคา กิร โหนฺตู’’ติ ทฺเว วาเร เปเสตฺวา ‘‘น อิจฺฉนฺติ, ภนฺเต, สมคฺคา ภวิตุ’’นฺติ สุตฺวา ตติยวาเร ‘‘ภินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, ภินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อุกฺเขปกานํ อุกฺเขปเน, อิตเรสฺจ อาปตฺติยา อทสฺสเน อาทีนวํ กเถตฺวา ปุน เตสํ ตตฺเถว ¶ เอกสีมายํ อุโปสถาทีนิ ¶ อนุชานิตฺวา ภตฺตคฺคาทีสุ ภณฺฑนชาตานํ ‘‘อาสนนฺตริกาย นิสีทิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๔๕๖) ภตฺตคฺเค วตฺตํ ปฺาเปตฺวา ‘‘อิทานิปิ ภณฺฑนชาตาว วิหรนฺตี’’ติ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑน’’นฺติอาทีนิ วตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภณฺฑนกลหวิคฺคหวิวาทา นาเมเต อนตฺถการกา. กลหํ นิสฺสาย หิ ลฏุกิกาปิ สกุณิกา หตฺถินาคํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสี’’ติ ลฏุกิกชาตกํ (ชา. ๑.๕.๓๙ อาทโย) กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สมคฺคา โหถ, มา วิวทถ. วิวาทํ นิสฺสาย หิ อเนกสตสหสฺสา วฏฺฏกาปิ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา’’ติ วฏฺฏกชาตกํ (ชา. ๑.๑.๑๑๘) กเถสิ. เอวมฺปิ เตสุ ภควโต วจนํ อนาทิยนฺเตสุ อฺตเรน ธมฺมวาทินา ตถาคตสฺส วิเหสํ อนิจฺฉนฺเตน ‘‘อาคเมตุ, ภนฺเต ภควา, ธมฺมสามิ, อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต ภควา, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต ¶ วิหรตุ, มยเมว เตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ (มหาว. ๔๕๗; ม. นิ. ๓.๒๓๖) วุตฺเต อตีตํ อาหริ –
ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต นาม กาสิราชา อโหสิ. พฺรหฺมทตฺเตน ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ รชฺชํ อจฺฉินฺทิตฺวา อฺาตกเวเสน วสนฺตสฺส ปิตุโน มาริตภาวฺเจว ทีฆาวุกุมาเรน อตฺตโน ชีวิเต ทินฺเน ตโต ปฏฺาย เตสํ สมคฺคภาวฺจ กเถตฺวา ‘‘เตสฺหิ นาม, ภิกฺขเว, ราชูนํ อาทินฺนทณฺฑานํ อาทินฺนสตฺถานํ เอวรูปํ ขนฺติโสรจฺจํ ภวิสฺสติ. อิธ โข ตํ, ภิกฺขเว, โสเภถ, ยํ ตุมฺเห เอวํ สฺวาขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตา สมานา ขมา จ ภเวยฺยาถ โสรตา จา’’ติ โอวทิตฺวาปิ เนว เต สมคฺเค กาตุํ อสกฺขิ. โส ตาย อากิณฺณวิหารตาย อุกฺกณฺิโต ‘‘อหํ โข อิทานิ อากิณฺโณ ทุกฺขํ วิหรามิ, อิเม จ ภิกฺขู มม วจนํ น กโรนฺติ. ยํนูนาหํ เอกโกว คณมฺหา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ เอกโกว อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย พาลกโลณกคามํ คนฺตฺวา ตตฺถ ภคุตฺเถรสฺส เอกจาริกวตฺตํ กเถตฺวา ปาจินวํสมิคทาเย ติณฺณํ กุลปุตฺตานํ สามคฺคิยานิสํสํ กเถตฺวา เยน ¶ ปาลิเลยฺยกํ ¶ อตฺถิ, ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ปาลิเลยฺยกํ อุปนิสฺสาย รกฺขิตวนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล ปาลิเลยฺยเกน หตฺถินา อุปฏฺิยมาโน ผาสุกํ วสฺสาวาสํ วสิ.
โกสมฺพิวาสิโนปิ โข อุปาสกา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อปสฺสนฺตา ‘‘กุหึ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปาลิเลยฺยกวนสณฺฑํ คโต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อมฺเห สมคฺเค กาตุํ วายมิ, มยํ ปน น สมคฺคา อหุมฺหา’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุมฺเห สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึ สามคฺคึ กโรนฺเต สมคฺคา นาหุวตฺถา’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ‘‘มนุสฺสา อิเม ¶ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึ สามคฺคึ กโรนฺเตปิ สมคฺคา น ชาตา, มยํ อิเม นิสฺสาย สตฺถารํ ทฏฺุํ น ลภิมฺหา, อิเมสํ เนว อาสนํ ทสฺสาม, น อภิวาทนาทีนิ กริสฺสามา’’ติ ตโต ปฏฺาย เตสํ สามีจิมตฺตมฺปิ น กรึสุ. เต อปฺปาหารตาย สุสฺสมานา กติปาเหเนว อุชุกา หุตฺวา อฺมฺํ อจฺจยํ เทเสตฺวา ขมาเปตฺวา ‘‘อุปาสกา มยํ สมคฺคา ชาตา, ตุมฺเหปิ โน ปุริมสทิสา โหถา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ขมาปิโต ปน โว, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ. ‘‘น ขมาปิโต, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ สตฺถารํ ขมาเปถ, สตฺถุ ขมาปิตกาเล มยมฺปิ ตุมฺหากํ ปุริมสทิสา ภวิสฺสามา’’ติ. เต อนฺโตวสฺสภาเวน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ อวิสหนฺตา ทุกฺเขน ตํ อนฺโตวสฺสํ วีตินาเมสุํ. สตฺถา ปน เตน หตฺถินา อุปฏฺิยมาโน สุขํ วสิ. โสปิ หิ หตฺถินาโค คณํ ปหาย ผาสุวิหารตฺถาเยว ¶ ตํ วนสณฺฑํ ปาวิสิ.
ยถาห – ‘‘อหํ โข อากิณฺโณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถีนีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จสฺส เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, ยํนูนาหํ เอโกว คณมฺหา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ (มหาว. ๔๖๗; อุทา. ๓๕). อถ โข โส หตฺถินาโค ยูถา อปกฺกมฺม เยน ปาลิเลยฺยกํ รกฺขิตวนสณฺฑํ ภทฺทสาลมูลํ, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา โอโลเกนฺโต อฺํ กิฺจิ อทิสฺวา ภทฺทสาลมูลํ ปาเทเนว ปหรนฺโต ตจฺเฉตฺวา โสณฺฑาย สาขํ คเหตฺวา สมฺมชฺชิ. ตโต ปฏฺาย โสณฺฑาย ¶ ฆฏํ คเหตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปติ, อุณฺโหทเกน อตฺเถ สติ อุณฺโหทกํ ปฏิยาเทติ. กถํ? หตฺเถน กฏฺานิ ฆํสิตฺวา อคฺคึ สมฺปาเทติ, ตตฺถ ทารูนิ ปกฺขิปนฺโต อคฺคึ ชาเลตฺวา ตตฺถ ปาสาเณ ปกฺขิปิตฺวา ปจิตฺวา ทารุทณฺฑเกน ปวฏฺเฏตฺวา ปริจฺฉินฺนาย ขุทฺทกโสณฺฑิกาย ขิปติ, ตโต หตฺถํ โอตาเรตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ ชานิตฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทติ. สตฺถา ‘‘อุทกํ เต ตาปิตํ ปาลิเลยฺยกา’’ติ วตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา นฺหายติ ¶ . อถสฺส นานาวิธานิ ผลานิ อาหริตฺวา เทติ. ยทา ปน สตฺถา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, ตทา สตฺถุ ปตฺตจีวรมาทาย กุมฺเภ ปติฏฺเปตฺวา สตฺถารา สทฺธึเยว คจฺฉติ. สตฺถา คามูปจารํ ปตฺวา ‘‘ปาลิเลยฺยก อิโต ปฏฺาย ตยา คนฺตุํ น สกฺกา, อาหาร เม ปตฺตจีวร’’นฺติ อาหราเปตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โสปิ ยาว สตฺถุ นิกฺขมนา ตตฺเถว ตฺวา อาคมนกาเล ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปุริมนเยเนว ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วสนฏฺาเน โอตาเรตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สาขาย พีชติ, รตฺตึ วาฬมิคปริปนฺถนิวารณตฺถํ มหนฺตํ ทณฺฑํ โสณฺฑาย คเหตฺวา ‘‘สตฺถารํ รกฺขิสฺสามี’’ติ ยาว อรุณุคฺคมนา วนสณฺฑสฺส อนฺตรนฺตเรน วิจรติ, ตโต ¶ ปฏฺายเยว กิร โส วนสณฺโฑ ปาลิเลยฺยกรกฺขิตวนสณฺโฑ นาม ชาโต. อรุเณ อุคฺคเต มุโขทกทานํ อาทึ กตฺวา เตเนวูปาเยน สพฺพวตฺตานิ กโรติ.
อเถโก มกฺกโฏ ตํ หตฺถึ อุฏฺาย สมุฏฺาย ทิวเส ทิวเส ตถาคตสฺส อาภิสมาจาริกํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อหมฺปิ กิฺจิเทว กริสฺสามี’’ติ วิจรนฺโต เอกทิวสํ นิมฺมกฺขิกํ ทณฺฑกมธุํ ทิสฺวา ทณฺฑกํ ภฺชิตฺวา ทณฺฑเกเนว สทฺธึ มธุปฏลํ สตฺถุ สนฺติกํ อาหริตฺวา กทลิปตฺตํ ฉินฺทิตฺวา ตตฺถ เปตฺวา อทาสิ ¶ . สตฺถา คณฺหิ. มกฺกโฏ ‘‘กริสฺสติ นุ โข ปริโภคํ น กริสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺโต คเหตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข’’ติ จินฺเตตฺวา ทณฺฑโกฏิยํ คเหตฺวา ปริวตฺเตตฺวา อุปธาเรนฺโต อณฺฑกานิ ทิสฺวา ตานิ สณิกํ อปเนตฺวา ปุน อทาสิ. สตฺถา ปริโภคมกาสิ. โส ตุฏฺมานโส ตํ ตํ สาขํ คเหตฺวา นจฺจนฺโตว อฏฺาสิ. อถสฺส คหิตสาขาปิ อกฺกนฺตสาขาปิ ภิชฺชึสุ. โส เอกสฺมึ ขาณุมตฺถเก ปติตฺวา นิวิฏฺคตฺโต สตฺถริ ปสนฺเนเนว จิตฺเตน ¶ กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสปริวาโร มกฺกฏเทวปุตฺโต นาม อโหสิ.
ตถาคตสฺส ตตฺถ หตฺถินาเคน อุปฏฺิยมานสฺส วสนภาโว สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ. สาวตฺถินครโต ‘‘อนาถปิณฺฑิโก วิสาขา จ มหาอุปาสิกา’’ติเอวมาทีนิ มหากุลานิ อานนฺทตฺเถรสฺส สาสนํ ปหิณึสุ ‘‘สตฺถารํ โน, ภนฺเต, ทสฺเสถา’’ติ. ทิสาวาสิโนปิ ปฺจสตา ภิกฺขู วุฏฺวสฺสา อานนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘จิรสฺสุตา โน, อาวุโส อานนฺท, ภควโต สมฺมุขา ธมฺมี กถา, สาธุ มยํ, อาวุโส อานนฺท, ลเภยฺยาม ภควโต สมฺมุขา ธมฺมึ กถํ สวนายา’’ติ ยาจึสุ. เถโร เต ภิกฺขู อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘เตมาสํ เอกวิหาริโน ตถาคตสฺส สนฺติกํ เอตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุปสงฺกมิตุํ ¶ อยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา เต ภิกฺขู พหิ เปตฺวา เอกโกว สตฺถารํ อุปสงฺกมิ. ปาลิเลยฺยโก ตํ ทิสฺวา ทณฺฑมาทาย ปกฺขนฺทิ. สตฺถา โอโลเกตฺวา อเปหิ ‘‘อเปหิ ปาลิเลยฺยก, มา นิวารยิ, พุทฺธุปฏฺาโก เอโส’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ทณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ อาปุจฺฉิ. เถโร นาทาสิ. นาโค ‘‘สเจ อุคฺคหิตวตฺโต ภวิสฺสติ, สตฺถุ นิสีทนปาสาณผลเก อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. เถโร ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ เปสิ. วตฺตสมฺปนฺนา หิ ครูนํ อาสเน วา สยเน วา อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปนฺติ.
เถโร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘อานนฺท, เอโกว อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘กหํ ปเนเต’’ติ วตฺวา ¶ ‘‘ตุมฺหากํ จิตฺตํ อชานนฺโต พหิ เปตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปกฺโกสาหิ เน’’ติ อาห. เถโร ตถา อกาสิ. เต ภิกฺขู อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ, ‘‘ภนฺเต ภควา, หิ พุทฺธสุขุมาโล เจว ขตฺติยสุขุมาโล จ, ตุมฺเหหิ เตมาสํ เอกเกหิ ติฏฺนฺเตหิ นิสีทนฺเตหิ จ ทุกฺกรํ กตํ, วตฺตปฏิวตฺตการโกปิ มุโขทกาทิทายโกปิ นาโหสิ มฺเ’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ปาลิเลยฺยกหตฺถินา มม สพฺพกิจฺจานิ กตานิ. เอวรูปฺหิ สหายํ ลภนฺเตน ¶ เอกโตว วสิตุํ ยุตฺตํ, อลภนฺตสฺส เอกจาริกภาโวว ¶ เสยฺโย’’ติ วตฺวา อิมา นาควคฺเค ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ,
จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.
‘‘โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย,
เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค.
‘‘เอกสฺส จริตํ เสยฺโย,
นตฺถิ พาเล สหายตา;
เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา,
อปฺโปสฺสุกฺโก มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ. (มหาว. ๔๖๔; ม. นิ. ๓.๒๓๗; ธ. ป. ๓๒๘-๓๓๐; สุ. นิ. ๔๕-๔๖);
คาถาปริโยสาเน ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. อานนฺทตฺเถโรปิ อนาถปิณฺฑิกาทีหิ เปสิตสาสนํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อนาถปิณฺฑิกปฺปมุขา เต ปฺจ อริยสาวกโกฏิโย ตุมฺหากํ อาคมนํ ปจฺจาสีสนฺตี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เตน หิ คณฺหาหิ ปตฺตจีวร’’นฺติ ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา นิกฺขมิ. นาโค คนฺตฺวา คตมคฺเค ติริยํ อฏฺาสิ. ‘‘กึ กโรติ, ภนฺเต, นาโค’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขํ ทาตุํ ปจฺจาสีสติ, ทีฆรตฺตํ โข ปนายํ ¶ มยฺหํ อุปการโก, นาสฺส จิตฺตํ โกเปตุํ วฏฺฏติ, นิวตฺตถ, ภิกฺขเว’’ติ สตฺถา ภิกฺขู คเหตฺวา ¶ นิวตฺติ. หตฺถีปิ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา ปนสกทลิผลาทีนิ นานาผลานิ สํหริตฺวา ราสึ กตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขูนํ อทาสิ. ปฺจสตา ภิกฺขู สพฺพานิ เขเปตุํ นาสกฺขึสุ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สตฺถา ปตฺตจีวรํ คาเหตฺวา นิกฺขมิ. นาโค ภิกฺขูนํ อนฺตรนฺตเรน คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต ติริยํ อฏฺาสิ. ‘‘กึ กโรติ, ภนฺเต, นาโค’’ติ? ‘‘อยฺหิ ภิกฺขเว, ตุมฺเห เปเสตฺวา มํ นิวตฺเตตุกาโม’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ปาลิเลยฺยก, อิทํ ปน ¶ มม อนิวตฺตคมนํ, ตว อิมินา อตฺตภาเวน ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา มคฺคผลํ วา นตฺถิ, ติฏฺ ตฺว’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา นาโค มุเข โสณฺฑํ ปกฺขิปิตฺวา โรทนฺโต ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาสิ. โส หิ สตฺถารํ นิวตฺเตตุํ ลภนฺโต เตเนว นิยาเมน ยาวชีวํ ปฏิชคฺเคยฺย, สตฺถา ปน ตํ คามูปจารํ ปตฺวา ‘‘ปาลิเลยฺยก อิโต ปฏฺาย ตว อภูมิ, มนุสฺสาวาโส สปริปนฺโถ, ติฏฺ ตฺว’’นฺติ อาห. โส โรทมาโน ตตฺเถว ตฺวา สตฺถริ จกฺขุปถํ วิชหนฺเต หทเยน ผลิเตน กาลํ กตฺวา สตฺถริ ปสาเทน ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน อจฺฉราสหสฺสมชฺเฌ นิพฺพตฺติ, ปาลิเลยฺยกเทวปุตฺโตเยวสฺส นามํ อโหสิ.
สตฺถาปิ อนุปุพฺเพน เชตวนํ อคมาสิ. โกสมฺพกา ภิกฺขู ¶ ‘‘สตฺถา กิร สาวตฺถึ อาคโต’’ติ สุตฺวา สตฺถารํ ขมาเปตุํ ตตฺถ อคมํสุ. โกสลราชา ‘‘เต กิร โกสมฺพกา ภณฺฑนการกา ภิกฺขู อาคจฺฉนฺตี’’ติ สุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, เตสํ มม วิชิตํ ปวิสิตุํ น ทสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, สีลวนฺตา เอเต ภิกฺขู, เกวลํ อฺมฺํ วิวาเทน มม วจนํ น คณฺหึสุ, อิทานิ มํ ขมาเปตุํ อาคจฺฉนฺติ, อาคจฺฉนฺตุ มหาราชา’’ติ. อนาถปิณฺฑิโกปิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, เตสํ วิหารํ ปวิสิตุํ น ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ตเถว ภควตา ปฏิกฺขิตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. สาวตฺถิยํ อนุปฺปตฺตานํ ปน เตสํ ภควา เอกมนฺเต วิวิตฺตํ การาเปตฺวา เสนาสนํ ทาเปสิ. อฺเ ภิกฺขู เตหิ สทฺธึ เนว เอกโต นิสีทนฺติ, น ติฏฺนฺติ, อาคตาคตา สตฺถารํ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘กตเมเต, ภนฺเต, ภณฺฑนการกา โกสมฺพกา ภิกฺขู’’ติ? สตฺถา ‘‘เอเต’’ติ ทสฺเสติ. ‘‘เอเต กิร เต, เอเต กิร เต’’ติ อาคตาคเตหิ องฺคุลิกา ทสฺสิยมานา ลชฺชาย สีสํ อุกฺขิปิตุํ อสกฺโกนฺตา ภควโต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ภควนฺตํ ขมาเปสุํ. สตฺถา ‘‘ภาริยํ โว, ภิกฺขเว, กตํ, ตุมฺเห หิ นาม มาทิสสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา มยิ สามคฺคึ กโรนฺเต มม วจนํ น กริตฺถ, โปราณกปณฺฑิตาปิ วชฺฌปฺปตฺตานํ มาตาปิตูนํ โอวาทํ ¶ สุตฺวา เตสุ ชีวิตา โวโรปิยมาเนสุปิ ตํ อนติกฺกมิตฺวา ปจฺฉา ทฺวีสุ รฏฺเสุ รชฺชํ การยึสู’’ติ วตฺวา ปุนเทว ¶ โกสมฺพิกชาตกํ (ชา. ๑.๙.๑๐ อาทโย) กเถตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ทีฆาวุกุมาโร มาตาปิตูสุ ¶ ชีวิตา โวโรปิยมาเนสุปิ เตสํ โอวาทํ อนติกฺกมิตฺวา ปจฺฉา พฺรหฺมทตฺตสฺส ธีตรํ ลภิตฺวา ทฺวีสุ กาสิโกสลรฏฺเสุ รชฺชํ กาเรสิ, ตุมฺเหหิ ปน มม วจนํ อกโรนฺเตหิ ภาริยํ กต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส;
เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคา’’ติ.
ตตฺถ ปเรติ ปณฺฑิเต เปตฺวา ตโต อฺเ ภณฺฑนการกา ปเร นาม. เต ตตฺถ สงฺฆมชฺเฌ โกลาหลํ กโรนฺตา ‘‘มยํ ยมามเส อุปรมาม วินสฺสาม สตตํ สมิตํ มจฺจุสนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ น วิชานนฺติ. เย จ ตตฺถ วิชานนฺตีติ เย ตตฺถ ปณฺฑิตา ‘‘มยํ มจฺจุสนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ วิชานนฺติ. ตโต สมฺมนฺติ เมธคาติ เอวฺหิ เต ชานนฺตา โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา เมธคานํ กลหานํ วูปสมาย ปฏิปชฺชนฺติ. อถ เนสํ ตาย ปฏิปตฺติยา เต เมธคา สมฺมนฺตีติ. อถ วา ปเร จาติ ปุพฺเพ มยา ‘‘มา, ภิกฺขเว, ภณฺฑน’’นฺติอาทีนิ วตฺวา โอวทิยมานาปิ มม โอวาทสฺส อปฏิคฺคหเณน อติกฺกมเนน อมามกา ¶ ปเร นาม. ‘‘มยํ ฉนฺทาทิวเสน มิจฺฉาคาหํ คเหตฺวา เอตฺถ สงฺฆมชฺเฌ ยมามเส ภณฺฑนาทีนํ วุทฺธิยา วายมามา’’ติ น วิชานนฺติ. อิทานิ ปน โยนิโส ปจฺจเวกฺขมานา ตตฺถ ตุมฺหากํ อนฺตเร เย จ ปณฺฑิตปุริสา ‘‘ปุพฺเพ มยํ ฉนฺทาทิวเสน วายมนฺตา อโยนิโส ปฏิปนฺนา’’ติ วิชานนฺติ, ตโต เตสํ สนฺติกา เต ปณฺฑิตปุริเส นิสฺสาย อิเม ทานิ กลหสงฺขาตา เมธคา สมฺมนฺตีติ อยเมตฺถ อตฺโถติ.
คาถาปริโยสาเน สมฺปตฺตภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺหึสูติ.
โกสมฺพกวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. มหากาฬตฺเถรวตฺถุ
สุภานุปสฺสินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เสตพฺยนครํ อุปนิสฺสาย สึสปาวเน วิหรนฺโต จูฬกาฬมหากาเฬ อารพฺภ กเถสิ.
เสตพฺยนครวาสิโน ¶ หิ จูฬกาโฬ, มชฺฌิมกาโฬ, มหากาโฬติ ตโย ภาตโร กุฏุมฺพิกา ¶ . เตสุ เชฏฺกนิฏฺา ทิสาสุ วิจริตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาหรนฺติ, มชฺฌิมกาโฬ อาภตํ วิกฺกิณาติ. อเถกสฺมึ สมเย เต อุโภปิ ภาตโร ¶ ปฺจหิ สกฏสเตหิ นานาภณฺฑํ คเหตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สาวตฺถิยา จ เชตวนสฺส จ อนฺตเร สกฏานิ โมจยึสุ. เตสุ มหากาโฬ สายนฺหสมเย มาลาคนฺธาทิหตฺเถ สาวตฺถิวาสิโน อริยสาวเก ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กุหึ อิเม คจฺฉนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา กนิฏฺํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ตาต, เตสุ สกเฏสุ อปฺปมตฺโต โหหิ, อหํ ธมฺมํ โสตุํ คจฺฉามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ. สตฺถา ตํ ทิสฺวา ตสฺส อชฺฌาสยวเสน อนุปุพฺพึ กถํ กเถนฺโต ทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตาทิวเสน (ม. นิ. ๑.๑๖๓ อาทโย) อเนกปริยาเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสฺจ กเถสิ. ตํ สุตฺวา มหากาโฬ ‘‘สพฺพํ กิร ปหาย คนฺตพฺพํ, ปรโลกํ คจฺฉนฺตํ เนว โภคา, น าตกา จ อนุคจฺฉนฺติ, กึ เม ฆราวาเสน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มหาชเน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺเต สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สตฺถารา ‘‘นตฺถิ เต โกจิ อปโลเกตพฺโพ’’ติ วุตฺเต, ‘‘กนิฏฺโ เม, ภนฺเต, อตฺถี’’ติ วตฺวา เตน หิ ‘‘อปโลเกหิ น’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา กนิฏฺํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, อิมํ สพฺพํ สาปเตยฺยํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห ¶ ปน กึ กริสฺสถ ภาติกา’’ติ? ‘‘อหํ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ตํ นานปฺปกาเรหิ ยาจิตฺวา นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘สาธุ, สามิ, ยถา อชฺฌาสยํ กโรถา’’ติ อาห. มหากาโฬ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. ‘‘อหํ ภาติกํ คเหตฺวาว อุปฺปพฺพชิสฺสามี’’ติ จูฬกาโฬปิ ปพฺพชิ. อปรภาเค มหากาโฬ อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สาสเน ธุรานิ ปุจฺฉิตฺวา สตฺถารา ทฺวีสุ ธุเรสุ กถิเตสุ ‘‘อหํ, ภนฺเต, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตตฺตา คนฺถธุรํ ปูเรตุํ น สกฺขิสฺสามิ, วิปสฺสนาธุรํ ปน ปูเรสฺสามี’’ติ ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา โสสานิกธุตงฺคํ สมาทาย ปมยามาติกฺกนฺเต สพฺเพสุ นิทฺทํ โอกฺกนฺเตสุ สุสานํ คนฺตฺวา ปจฺจูสกาเล สพฺเพสุ อนุฏฺิเตสุเยว วิหารํ อาคจฺฉติ.
อเถกา ¶ สุสานโคปิกา กาลี นาม ฉวฑาหิกา เถรสฺส ิตฏฺานํ นิสินฺนฏฺานํ จงฺกมิตฏฺานฺจ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข อิธาคจฺฉติ, ปริคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺโกนฺตี เอกทิวสํ สุสานกุฏิกายเมว ทีปํ ชาเลตฺวา ปุตฺตธีตโร อาทาย คนฺตฺวา เอกมนฺเต นิลียมานา มชฺฌิมยาเม เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘อยฺโย, โน, ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน วิหรตี’’ติ อาห. ‘‘อาม, อุปาสิเก’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สุสาเน วิหรนฺเตหิ ¶ นาม วตฺตํ อุคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เถโร ‘‘กึ ปน มยํ ตยา กถิตวตฺเต วตฺติสฺสามา’’ติ อวตฺวา ‘‘กึ กาตุํ วฏฺฏติ อุปาสิเก’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, โสสานิเกหิ นาม ¶ สุสาเน วสนภาโว สุสานโคปกานฺจ วิหาเร มหาเถรสฺส จ คามโภชกสฺส จ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เถโร กึ การณา’’ติ? ‘‘กตกมฺมา โจรา ธนสามิเกหิ ปทานุปทํ อนุพทฺธา สุสาเน ภณฺฑกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายนฺติ, อถ มนุสฺสา โสสานิกานํ ปริปนฺถํ กโรนฺติ, เอเตสํ ปน กถิเต ‘มยํ อิมสฺส ภทฺทนฺตสฺส เอตฺตกํ นาม กาลํ เอตฺถ วสนภาวํ ชานาม, อโจโร เอโส’ติ อุปทฺทวํ นิวาเรนฺติ. ตสฺมา เอเตสํ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
‘‘เถโร อฺํ กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, สุสาเน วสนฺเตน นาม อยฺเยน มจฺฉมํสติลปิฏฺเตลคุฬาทีนิ วชฺเชตพฺพานิ, ทิวา น นิทฺทายิตพฺพํ, กุสีเตน น ภวิตพฺพํ, อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพํ, อสเน อมายาวินา หุตฺวา กลฺยาณชฺฌาสเยน ภวิตพฺพํ, สายํ สพฺเพสุ สุตฺเตสุ วิหารโต อาคนฺตพฺพํ, ปจฺจูสกาเล สพฺเพสุ อนุฏฺิเตสุเยว วิหารํ คนฺตพฺพํ. สเจ, ภนฺเต, อยฺโย อิมสฺมึ าเน เอวํ วิหรนฺโต ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตุํ สกฺขิสฺสติ, สเจ มตสรีรํ อาเนตฺวา ฉฑฺเฑนฺติ, อหํ กมฺพลกูฏาคารํ อาโรเปตฺวา คนฺธมาลาทีหิ สกฺการํ กตฺวา สรีรกิจฺจํ กริสฺสามิ. โน เจ สกฺขิสฺสติ, จิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา สงฺกุนา อากฑฺฒิตฺวา พหิ ¶ ขิปิตฺวา ผรสุนา โกฏฺเฏตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ฌาเปสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ เถโร ‘‘สาธุ ภทฺเท, เอกํ ปน รูปารมฺมณํ ทิสฺวา มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ ปจฺจสฺโสสิ. เถโร ยถาชฺฌาสเยน สุสาเน สมณธมฺมํ กโรติ. จูฬกาฬตฺเถโร ¶ ปน อุฏฺาย สมุฏฺาย ฆราวาสํ จินฺเตติ, ปุตฺตทารํ อนุสฺสรติ. ‘‘ภาติโก เม อติภาริยํ กมฺมํ กโรตี’’ติ จินฺเตติ.
อเถกา กุลธีตา ตํมุหุตฺตสมุฏฺิเตน พฺยาธินา สายนฺหสมเย อมิลาตา อกิลนฺตา กาลมกาสิ. ตเมนํ าตกาทโย ทารุเตลาทีหิ สทฺธึ สายํ สุสานํ เนตฺวา สุสานโคปิกาย ‘‘อิมํ ฌาเปหี’’ติ ภตึ ทตฺวา นิยฺยาเทตฺวา ปกฺกมึสุ. สา ตสฺสา ปารุตวตฺถํ อปเนตฺวา ตํมุหุตฺตมตํ ปีณิตปีณิตํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ทิสฺวา, ‘‘อิมํ อยฺยสฺส ทสฺเสตุํ ปติรูปํ อารมฺมณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอวรูปํ นาม อารมฺมณํ อตฺถิ, โอโลเกถ อยฺยา’’ติ อาห. เถโร ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปารุปนํ นีหราเปตฺวา ปาทตลโต ยาว เกสคฺคา โอโลเกตฺวา ‘‘อติปีณิตเมตํ ¶ รูปํ สุวณฺณวณฺณํ อคฺคิมฺหิ นํ ปกฺขิปิตฺวา มหาชาลาหิ คหิตมตฺตกาเล มยฺหํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ วตฺวา สกฏฺานเมว คนฺตฺวา นิสีทิ. สา ตถา กตฺวา เถรสฺส อาโรเจสิ. เถโร คนฺตฺวา โอโลเกสิ. ชาลาย ปหฏปหฏฏฺานํ กพรคาวิยา วิย สรีรวณฺณํ อโหสิ, ปาทา นมิตฺวา โอลมฺพึสุ, หตฺถา ปฏิกุฏึสุ, อูรุนลาฏํ นิจฺจมฺมํ อโหสิ ¶ . เถโร ‘‘อิทํ สรีรํ อิทาเนว โอโลเกนฺตานํ อปริยนฺตกรํ หุตฺวา อิทาเนว ขยํ ปตฺตํ วยํ ปตฺต’’นฺติ รตฺติฏฺานํ คนฺตฺวา นิสีทิตฺวา ขยวยํ สมฺปสฺสมาโน –
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ. (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖; ๒.๑๔๓; ชา. ๑.๑.๙๕) –
คาถํ วตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ตสฺมึ อรหตฺตํ ปตฺเต สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรมาโน เสตพฺยํ คนฺตฺวา สึสปาวนํ ปาวิสิ. จูฬกาฬสฺส ภริยาโย ‘‘สตฺถา กิร อนุปฺปตฺโต สึสปาวน’’นฺติ สุตฺวา ‘‘อมฺหากํ สามิกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ เปเสตฺวา สตฺถารํ นิมนฺตาเปสุํ. พุทฺธานํ ปน อปริจิณฺณฏฺาเน อาสนปฺตฺตึ อาจิกฺขนฺเตน เอเกน ภิกฺขุนา ปมตรํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. พุทฺธานฺหิ มชฺฌิมฏฺาเน อาสนํ ปฺาเปตฺวา ตสฺส ทกฺขิณโต ¶ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส, วามโต ¶ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส, ตโต ปฏฺาย อุโภสุ ปสฺเสสุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาสนํ ปฺาเปตพฺพํ โหติ. ตสฺมา มหากาฬตฺเถโร จีวรปารุปนฏฺาเน ตฺวา, ‘‘จูฬกาฬ, ตฺวํ ปุรโต คนฺตฺวา อาสนปฺตฺตึ อาจิกฺขา’’ติ จูฬกาฬํ เปเสสิ. ตสฺส ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย เคหชนา เตน สทฺธึ ปริหาสํ กโรนฺตา นีจาสนานิ สงฺฆตฺเถรสฺส โกฏิยํ อตฺถรนฺติ, อุจฺจาสนานิ สงฺฆนวกสฺส โกฏิยํ. อิตโร ‘‘มา เอวํ กโรถ, นีจาสนานิ อุปริ มา ปฺาเปถ, อุจฺจาสนานิ อุปริ ปฺาเปถ, นีจาสนานิ เหฏฺา’’ติ อาห. อิตฺถิโย ตสฺส วจนํ อสุณนฺติโย วิย ‘‘ตฺวํ กึ กโรนฺโต วิจรสิ, กึ ตว อาสนานิ ปฺาเปตุํ น วฏฺฏติ, ตฺวํ กํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิโต, เกน ปพฺพชิโตสิ, กสฺมา อิธาคโตสี’’ติ วตฺวา นิวาสนปารุปนํ อจฺฉินฺทิตฺวา เสตกานิ นิวาเสตฺวา สีเส จ มาลาจุมฺพุฏกํ เปตฺวา, ‘‘คจฺฉ สตฺถารํ อาเนหิ, มยํ อาสนานิ ปฺาเปสฺสามา’’ติ ปหิณึสุ. น จิรํ ภิกฺขุภาเว ตฺวา อวสฺสิโกว อุปฺปพฺพชิตตฺตา ลชฺชิตุํ น ชานาติ, ตสฺมา โส เตน อากปฺเปน นิราสงฺโกว คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย อาคโต. ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปน ภตฺตกิจฺจาวสาเน มหากาฬสฺส ภริยาโย ‘‘อิมาหิ อตฺตโน สามิโก คหิโต, มยมฺปิ อมฺหากํ สามิกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ นิมนฺตยึสุ. ตทา ปน อาสนปฺาปนตฺถํ อฺโ ภิกฺขุ อคมาสิ. ตา ตสฺมึ ขเณ โอกาสํ อลภิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ อทํสุ. จูฬกาฬสฺส ปน ทฺเว ภริยาโย, มชฺฌิมกาฬสฺส ¶ จตสฺโส, มหากาฬสฺส ปน อฏฺ. ภิกฺขูปิ ภตฺตกิจฺจํ กาตุกามา นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกํสุ, พหิ คนฺตุกามา อุฏฺาย อคมํสุ. สตฺถา ปน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กริ. ตสฺส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตา อิตฺถิโย, ‘‘ภนฺเต, มหากาโฬ อมฺหากํ อนุโมทนํ กตฺวา อาคจฺฉิสฺสติ, ตุมฺเห ปุรโต คจฺฉถา’’ติ วทึสุ. สตฺถา ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปุรโต อคมาสิ. คามทฺวารํ ปตฺวา ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘กึ นาเมตํ สตฺถารา กตํ, ตฺวา นุ โข กตํ, อุทาหุ อชานิตฺวา. หิยฺโย จูฬกาฬสฺส ปุรโต คตตฺตา ปพฺพชฺชนฺตราโย ชาโต, อชฺช อฺสฺส ปุรโต คตตฺตา อนฺตราโย นาโหสิ. อิทานิ มหากาฬํ เปตฺวา อาคโต, สีลวา โข ปน ภิกฺขุ อาจารสมฺปนฺโน, กริสฺสติ นุ โข ตสฺส ปพฺพชฺชนฺตราย’’นฺติ. สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา ิโต ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิ ¶ . เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ‘‘กึ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, จูฬกาฬํ วิย มหากาฬํ สลฺลกฺเขถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’. ตสฺส หิ ทฺเว ปชาปติโย, อิมสฺส อฏฺ. ‘‘อฏฺหิ ปริกฺขิปิตฺวา คหิโต กึ กริสฺสติ, ภนฺเต’’ติ? สตฺถา ‘‘มา, ภิกฺขเว, เอวํ อวจุตฺถ, จูฬกาโฬ อุฏฺาย สมุฏฺาย สุภารมฺมณพหุโล วิหรติ, ปปาเต ิโต ทุพฺพลรุกฺขสทิโส. มยฺหํ ปน ปุตฺโต มหากาโฬ ¶ อสุภานุปสฺสี วิหรติ, ฆนเสลปพฺพโต วิย อจโล’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ, อินฺทฺริเยสุ อสํวุตํ;
โภชนมฺหิ จามตฺตฺุํ, กุสีตํ หีนวีริยํ;
ตํ เว ปสหติ มาโร, วาโต รุกฺขํว ทุพฺพลํ.
‘‘อสุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ, อินฺทฺริเยสุ สุสํวุตํ;
โภชนมฺหิ จ มตฺตฺุํ, สทฺธํ อารทฺธวีริยํ;
ตํ เว นปฺปสหตี มาโร, วาโต เสลํว ปพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตนฺติ สุตํ อนุปสฺสนฺตํ, อิฏฺารมฺมเณ มานสํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหรนฺตนฺติ อตฺโถ. โย หิ ปุคฺคโล นิมิตฺตคฺคาหํ อนุพฺยฺชนคฺคาหํ คณฺหนฺโต ‘‘นขา โสภนา’’ติ คณฺหาติ, ‘‘องฺคุลิโย โสภนา’’ติ คณฺหาติ, ‘‘หตฺถปาทา, ชงฺฆา, อูรุ, กฏิ, อุทรํ, ถนา, คีวา, โอฏฺา, ทนฺตา, มุขํ, นาสา, อกฺขีนิ, กณฺณา, ภมุกา, นลาฏํ, เกสา, โสภนา’’ติ คณฺหาติ, ‘‘เกสา, โลมา, นขา, ทนฺตา, ตโจ, โสภนา’’ติ ¶ คณฺหาติ, วณฺโณ สุโภ, สณฺานํ สุภนฺติ, อยํ สุภานุปสฺสี นาม. เอวํ ตํ สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ. อินฺทฺริเยสูติ ¶ จกฺขาทีสุ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ. อสํวุตนฺติ จกฺขุทฺวาราทีนิ อรกฺขนฺตํ. ปริเยสนมตฺตา ปฏิคฺคหณมตฺตา ปริโภคมตฺตาติ อิมิสฺสา มตฺตาย อชานนโต โภชนมฺหิ จามตฺตฺุํ. อปิจ ปจฺจเวกฺขณมตฺตา วิสฺสชฺชนมตฺตาติ อิมิสฺสาปิ มตฺตาย อชานนโต อมตฺตฺุํ, อิทํ โภชนํ ธมฺมิกํ, อิทํ อธมฺมิกนฺติปิ อชานนฺตํ. กามจฺฉนฺทพฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกวสิตาย กุสีตํ. หีนวีริยนฺติ นิพฺพีริยํ จตูสุ อิริยาปเถสุ วีริยกรณรหิตํ. ปสหตีติ อภิภวติ อชฺโฌตฺถรติ. วาโต รุกฺขํว ทุพฺพลนฺติ พลววาโต ฉินฺนปปาเต ชาตํ ทุพฺพลรุกฺขํ วิย. ยถา หิ โส วาโต ตสฺส ทุพฺพลรุกฺขสฺส ปุปฺผผลปลฺลวาทีนิปิ ปาเตติ, ขุทฺทกสาขาปิ ภฺชติ, มหาสาขาปิ ¶ ภฺชติ, สมูลกมฺปิ ตํ รุกฺขํ อุปฺปาเฏตฺวา อุทฺธํมูลํ อโธสาขํ กตฺวา คจฺฉติ, เอวเมว เอวรูปํ ปุคฺคลํ อนฺโต อุปฺปนฺโน กิเลสมาโร ปสหติ, พลววาโต ทุพฺพลรุกฺขสฺส ¶ ปุปฺผผลปลฺลวาทิปาตนํ วิย ขุทฺทานุขุทฺทกาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, ขุทฺทกสาขาภฺชนํ วิย นิสฺสคฺคิยาทิอาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, มหาสาขาภฺชนํ วิย เตรสสงฺฆาทิเสสาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, อุปฺปาเฏตฺวา อุทฺธํ, มูลกํ เหฏฺาสาขํ กตฺวา ปาตนํ วิย ปาราชิกาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, สฺวากฺขาตสาสนา นีหริตฺวา กติปาเหเนว คิหิภาวํ ปาเปตีติ เอวํ เอวรูปํ ปุคฺคลํ กิเลสมาโร อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ อตฺโถ.
อสุภานุปสฺสินฺติ ทสสุ อสุเภสุ อฺตรํ อสุภํ ปสฺสนฺตํ ปฏิกูลมนสิกาเร ยุตฺตํ เกเส อสุภโต ปสฺสนฺตํ โลเม นเข ทนฺเต ตจํ วณฺณํ สณฺานํ อสุภโต ปสฺสนฺตํ. อินฺทฺริเยสูติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ. สุสํวุตนฺติ นิมิตฺตาทิคฺคาหรหิตํ ปิหิตทฺวารํ. อมตฺตฺุตาปฏิกฺเขเปน โภชนมฺหิ จ มตฺตฺุํ. สทฺธนฺติ กมฺมสฺส เจว ผลสฺส จ สทฺทหนลกฺขณาย โลกิกาย สทฺธาย เจว ตีสุ วตฺถูสุ อเวจฺจปฺปสาทสงฺขาตาย โลกุตฺตรสทฺธาย จ สมนฺนาคตํ. อารทฺธวีริยนฺติ ปคฺคหิตวีริยํ ปริปุณฺณวีริยํ. ตํ เวติ เอวรูปํ ตํ ปุคฺคลํ ยถา ทุพฺพลวาโต สณิกํ ปหรนฺโต เอกคฺฆนํ เสลํ จาเลตุํ น สกฺโกติ, ตถา ¶ อพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชมาโนปิ ทุพฺพลกิเลสมาโร นปฺปสหติ, โขเภตุํ วา จาเลตุํ วา น สกฺโกตีติ อตฺโถ.
ตาปิ โข ตสฺส ปุราณทุติยิกาโย เถรํ ปริวาเรตฺวา ‘‘ตฺวํ กํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิโต, อิทานิ คิหี ภวิสฺสสิ น ภวิสฺสสี’’ติอาทีนิ วตฺวา กาสาวํ นีหริตุกามา อเหสุํ. เถโร ตาสํ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา นิสินฺนาสนา วุฏฺาย อิทฺธิยา อุปฺปตฺติตฺวา กูฏาคารกณฺณิกํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา สตฺถริ คาถา ปริโยสาเปนฺเตเยว สตฺถุ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ อภิตฺถวนฺโต อากาสโต โอตริตฺวา ตถาคตสฺส ปาเท วนฺทิ.
คาถาปริโยสาเน ¶ สมฺปตฺตภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺหึสูติ.
มหากาฬตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. เทวทตฺตวตฺถุ
อนิกฺกสาโวติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราชคเห เทวทตฺตสฺส กาสาวลาภํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ทฺเว อคฺคสาวกา ปฺจสเต ปฺจสเต อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเร อาทาย สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา วนฺทิตฺวา เชตวนโต ราชคหํ อคมํสุ. ราชคหวาสิโน ทฺเวปิ ตโยปิ พหูปิ เอกโต หุตฺวา อาคนฺตุกทานํ อทํสุ. อเถกทิวสํ อายสฺมา สาริปุตฺโต อนุโมทนํ กโรนฺโต ¶ ‘‘อุปาสกา เอโก สยํ ทานํ เทติ, ปรํ น สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทํ ลภติ, โน ปริวารสมฺปทํ. เอโก สยํ น เทติ, ปรํ สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปริวารสมฺปทํ ลภติ, โน โภคสมฺปทํ. เอโก สยมฺปิ น เทติ, ปรมฺปิ น สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน กฺชิกมตฺตมฺปิ กุจฺฉิปูรํ น ลภติ, อนาโถ โหติ นิปฺปจฺจโย. เอโก สยมฺปิ เทติ, ปรมฺปิ สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อตฺตภาวสเตปิ อตฺตภาวสหสฺเสปิ อตฺตภาวสตสหสฺเสปิ โภคสมฺปทฺเจว ปริวารสมฺปทฺจ ลภตี’’ติ เอวํ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตเมโก ปณฺฑิตปุริโส ธมฺมํ สุตฺวา ‘‘อจฺฉริยา วต โภ, อพฺภุตา วต โภ ธมฺมเทสนา, สุการณํ กถิตํ, มยา อิมาสํ ทฺวินฺนํ สมฺปตฺตีนํ นิปฺผาทกํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ เถรํ นิมนฺเตสิ. ‘‘กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อตฺโถ อุปาสกา’’ติ. ‘‘กิตฺตกา ปน โว, ภนฺเต, ปริวารา’’ติ? ‘‘สหสฺสมตฺตา อุปาสกา’’ติ. ‘‘สพฺเพหิ สทฺธึเยว สฺเว ภิกฺขํ คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เถโร อธิวาเสสิ’’. อุปาสโก นครวีถิยํ จรนฺโต – ‘‘อมฺมา, ตาตา, มยา ภิกฺขุสหสฺสํ นิมนฺติตํ, ตุมฺเห กิตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขํ ทาตุํ สกฺขิสฺสถ, ตุมฺเห กิตฺตกาน’’นฺติ สมาทเปสิ. มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน ปโหนกนิยาเมน ¶ – ‘‘มยํ ทสนฺนํ ทสฺสาม, มยํ วีสติยา, มยํ สตสฺสา’’ติ อาหํสุ. อุปาสโก – ‘‘เตน หิ เอกสฺมึ าเน สมาคมํ กตฺวา เอกโตว ปริวิสิสฺสาม ¶ , สพฺเพ ติลตณฺฑุลสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ สมาหรถา’’ติ เอกสฺมึ าเน สมาหราเปสิ.
อถสฺส ¶ เอโก กุฏุมฺพิโก สตสหสฺสคฺฆนิกํ คนฺธกาสาววตฺถํ ทตฺวา – ‘‘สเจ เต ทานวตฺตํ นปฺปโหติ, อิทํ วิสฺสชฺเชตฺวา ยํ อูนํ, ตํ ปูเรยฺยาสิ. สเจ ปโหติ, ยสฺสิจฺฉสิ, ตสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺยาสี’’ติ อาห. ตทา ตสฺส สพฺพํ ทานวตฺตํ ปโหสิ, กิฺจิ อูนํ นาม นาโหสิ. โส มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อิทํ, อยฺยา, กาสาวํ เอเกน กุฏุมฺพิเกน เอวํ นาม วตฺวา ทินฺนํ อติเรกํ ชาตํ, กสฺส นํ เทมา’’ติ. เอกจฺเจ ‘‘สาริปุตฺตตฺเถรสฺสา’’ติ อาหํสุ. เอกจฺเจ ‘‘เถโร สสฺสปากสมเย อาคนฺตฺวา คมนสีโล, เทวทตฺโต อมฺหากํ มงฺคลามงฺคเลสุ สหาโย อุทกมณิโก วิย นิจฺจํ ปติฏฺิโต, ตสฺส ตํ เทมา’’ติ อาหํสุ. สมฺพหุลิกาย กถายปิ ‘‘เทวทตฺตสฺส ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺตาโร พหุตรา อเหสุํ, อถ นํ เทวทตฺตสฺส อทํสุ. โส ตํ ฉินฺทิตฺวา สิพฺพิตฺวา รชิตฺวา นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา วิจรติ. ตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ‘‘นยิทํ เทวทตฺตสฺส อนุจฺฉวิกํ, สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อนุจฺฉวิกํ. เทวทตฺโต อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา วิจรตี’’ติ วทึสุ. อเถโก ¶ ทิสาวาสิโก ภิกฺขุ ราชคหา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สตฺถารา ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉิโต อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนเวโส อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ วตฺถํ ธาเรติ, ปุพฺเพปิ ธาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิวาสี เอโก หตฺถิมารโก หตฺถึ มาเรตฺวา มาเรตฺวา ทนฺเต จ นเข จ อนฺตานิ จ ฆนมํสฺจ อาหริตฺวา วิกฺกิณนฺโต ชีวิตํ กปฺเปติ. อเถกสฺมึ อรฺเ อเนกสหสฺสา หตฺถิโน โคจรํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตา ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา ตโต ปฏฺาย คจฺฉมานา คมนาคมนกาเล ชณฺณุเกหิ นิปติตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺติ. เอกทิวสฺหิ หตฺถิมารโก ตํ กิริยํ ทิสฺวา – ‘‘อหํ อิเม กิจฺเฉน มาเรมิ, อิเม จ คมนาคมนกาเล ปจฺเจกพุทฺเธ วนฺทนฺติ, กึ นุ โข ทิสฺวา วนฺทนฺตี’’ติ จินฺเตนฺโต – ‘‘กาสาว’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา, ‘‘มยาปิ อิทานิ กาสาวํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ชาตสฺสรํ โอรุยฺห นฺหายนฺตสฺส ตีเร ปิเตสุ กาสาเวสุ จีวรํ เถเนตฺวา ¶ เตสํ หตฺถีนํ คมนาคมนมคฺเค สตฺตึ คเหตฺวา สสีสํ ปารุปิตฺวา นิสีทติ. หตฺถิโน ตํ ทิสฺวา – ‘‘ปจฺเจกพุทฺโธ’’ติ สฺาย วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺติ. โส เตสํ สพฺพปจฺฉโต คจฺฉนฺตํ สตฺติยา ปหริตฺวา มาเรตฺวา ทนฺตาทีนิ คเหตฺวา เสสํ ภูมิยํ ¶ นิขณิตฺวา คจฺฉติ. อปรภาเค โพธิสตฺโต ¶ หตฺถิโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา หตฺถิเชฏฺโก ยูถปติ อโหสิ. ตทาปิ โส ตเถว กโรติ. มหาปุริโส อตฺตโน ปริสาย ปริหานึ ตฺวา, ‘‘กุหึ อิเม หตฺถี คตา, มนฺทา ชาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘น ชานาม, สามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กุหิฺจิ คจฺฉนฺตา มํ อนาปุจฺฉิตฺวา น คมิสฺสนฺติ, ปริปนฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘เอกสฺมึ าเน กาสาวํ ปารุปิตฺวา นิสินฺนสฺส สนฺติกา ปริปนฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ ปริสงฺกิตฺวา, ‘‘ตํ ปริคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สพฺเพ หตฺถี ปุรโต เปเสตฺวา สยํ ปจฺฉโต วิลมฺพมาโน อาคจฺฉติ. โส เสสหตฺถีสุ วนฺทิตฺวา คเตสุ มหาปุริสํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา จีวรํ สํหริตฺวา สตฺตึ วิสฺสชฺชิ. มหาปุริโส สตึ อุปฺปฏฺเปตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปจฺฉโต ปฏิกฺกมิตฺวา สตฺตึ วิวชฺเชสิ. อถ นํ ‘‘อิมินา อิเม หตฺถี นาสิตา’’ติ คณฺหิตุํ ปกฺขนฺทิ. อิตโร เอกํ รุกฺขํ ปุรโต กตฺวา นิลียิ. อถ ‘‘นํ รุกฺเขน สทฺธึ โสณฺฑาย ปริกฺขิปิตฺวา คเหตฺวา ภูมิยํ โปเถสฺสามี’’ติ เตน นีหริตฺวา ทสฺสิตํ กาสาวํ ทิสฺวา – ‘‘สจาหํ อิมสฺมึ ทุพฺภิสฺสามิ, อเนกสหสฺเสสุ เม พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสเวสุ ลชฺชา นาม ภินฺนา ภวิสฺสตี’’ติ อธิวาเสตฺวา – ‘‘ตยา เม เอตฺตกา าตกา นาสิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สามี’’ติ. ‘‘กสฺมา เอวํ ภาริยกมฺมมกาสิ, อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ วีตราคานํ อนุจฺฉวิกํ วตฺถํ ปริทหิตฺวา เอวรูปํ กมฺมํ กโรนฺเตน ภาริยํ ตยา กต’’นฺติ. เอวฺจ ปน วตฺวา อุตฺตริปิ นํ นิคฺคณฺหนฺโต ‘‘อนิกฺกสาโว ¶ กาสาวํ…เป… ส เว กาสาวมรหตี’’ติ คาถํ วตฺวา – ‘‘อยุตฺตํ เต กต’’นฺติ วตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ตทา หตฺถิมารโก เทวทตฺโต อโหสิ, ตสฺส นิคฺคาหโก หตฺถินาโค อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา, ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ วตฺถํ ธาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อนิกฺกสาโว ¶ กาสาวํ, โย วตฺถํ ปริทหิสฺสติ;
อเปโต ทมสจฺเจน, น โส กาสาวมรหติ.
‘‘โย จ วนฺตกสาวสฺส, สีเลสุ สุสมาหิโต;
อุเปโต ทมสจฺเจน, ส เว กาสาวมรหตี’’ติ.
ฉทฺทนฺตชาตเกนาปิ (ชา. ๑.๑๖.๑๒๒-๑๒๓) จ อยมตฺโถ ทีเปตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ อนิกฺกสาโวติ ราคาทีหิ กสาเวหิ สกสาโว. ปริทหิสฺสตีติ นิวาสนปารุปนอตฺถรณวเสน ปริภฺุชิสฺสติ. ปริธสฺสตีติปิ ปาโ. อเปโต ทมสจฺเจนาติ อินฺทฺริยทเมน เจว ปรมตฺถสจฺจปกฺขิเกน วจีสจฺเจน จ อเปโต, วิยุตฺโต ปริจฺจตฺโถติ อตฺโถ. น โสติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล กาสาวํ ปริทหิตุํ นารหติ. วนฺตกสาวสฺสาติ จตูหิ มคฺเคหิ วนฺตกสาโว ฉฑฺฑิตกสาโว ปหีนกสาโว อสฺส. สีเลสูติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุ. สุสมาหิโตติ สุฏฺุ สมาหิโต สุฏฺิโต. อุเปโตติ อินฺทฺริยทเมน เจว วุตฺตปฺปกาเรน จ สจฺเจน อุปคโต. ส เวติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล ตํ คนฺธกาสาววตฺถํ อรหตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ โส ทิสาวาสิโก ภิกฺขุ โสตาปนฺโน อโหสิ, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.
เทวทตฺตวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อสาเร สารมติโนติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อคฺคสาวเกหิ นิเวทิตํ สฺจยสฺส อนาคมนํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อมฺหากฺหิ สตฺถา อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก อมรวติยา นาม นคเร สุเมโธ นาม พฺราหฺมณกุมาโร หุตฺวา สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา มาตาปิตูนํ ¶ อจฺจเยน อเนกโกฏิสงฺขฺยํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต ฌานาภิฺา นิพฺพตฺเตตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺโต ทีปงฺกรทสพลสฺส สุทสฺสนวิหารโต รมฺมวตีนครํ ปวิสนตฺถาย มคฺคํ โสธยมานํ ชนํ ทิสฺวา สยมฺปิ เอกํ ปเทสํ คเหตฺวา มคฺคํ โสเธติ. ตสฺมึ อโสธิเตเยว อาคตสฺส สตฺถุโน อตฺตานํ เสตุํ กตฺวา กลเล อชินจมฺมํ อตฺถริตฺวา ‘‘สตฺถา สสาวกสงฺโฆ กลลํ อนกฺกมิตฺวา มํ อกฺกมนฺโต คจฺฉตู’’ติ นิปนฺโน. สตฺถารา ตํ ทิสฺวาว ‘‘พุทฺธงฺกุโร เอส, อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ ¶ อสงฺขฺเยยฺยานํ ปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากโต. ตสฺส สตฺถุโน อปรภาเค ‘‘โกณฺฑฺโ มงฺคโล สุมโน เรวโต โสภิโต อโนมทสฺสี ปทุโม นารโท ปทุมุตฺตโร สุเมโธ สุชาโต ปิยทสฺสี อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี สิทฺธตฺโถ ติสฺโส ผุสฺโส วิปสฺสี สิขี เวสฺสภู กกุสนฺโธ โกณาคมโน กสฺสโป’’ติ โลกํ โอภาเสตฺวา อุปฺปนฺนานํ อิเมสมฺปิ เตวีสติยา ¶ พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ, ‘‘ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโย’’ติ สมตฺตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ิโต ปถวิกมฺปนานิ มหาทานานิ ทตฺวา ปุตฺตทารํ ปริจฺจชิตฺวา อายุปริโยสาเน ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ทส สหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ สนฺนิปติตฺวา –
‘‘กาโล เทว มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;
สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๗) –
วุตฺเต –
‘‘กาลํ เทสฺจ ทีปฺจ, กุลํ มาตรเมว จ;
อิเม ปฺจ วิโลเกตฺวา, อุปฺปชฺชติ มหายโส’’ติ. –
ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา ตโต จุโต สกฺยราชกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ทสมาสจฺจเยน มาตุกุจฺฉิโต วิชายิ. โสฬสวสฺสกาเล ตตฺถ มหาสมฺปตฺติยา ปริหริยมาโน อนุกฺกเมน ภทฺรโยพฺพนํ ปตฺวา ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ เทวโลกสิรึ ¶ วิย รชฺชสิรึ อนุภวนฺโต อุยฺยานกีฬาย คมนสมเย อนุกฺกเมน ชิณฺณพฺยาธิมตสงฺขาเต ตโย ¶ เทวทูเต ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค นิวตฺติตฺวา จตุตฺถวาเร ปพฺพชิตํ ทิสฺวา, ‘‘สาธุ ปพฺพชฺชา’’ติ ปพฺพชฺชาย รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวสํ เขเปตฺวา มงฺคลโปกฺขรณีตีเร นิสินฺโน กปฺปกเวสํ คเหตฺวา อาคเตน วิสฺสกมฺเมน เทวปุตฺเตน อลงฺกตปฏิยตฺโต ราหุลกุมารสฺส ชาตสาสนํ สุตฺวา ปุตฺตสิเนหสฺส พลวภาวํ ตฺวา, ‘‘ยาว อิทํ พนฺธนํ น วฑฺฒติ, ตาวเทว นํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สายํ นครํ ปวิสนฺโต –
‘‘นิพฺพุตา นูน สา มาตา, นิพฺพุโต นูน โส ปิตา;
นิพฺพุตา นูน สา นารี, ยสฺสายํ อีทิโส ปตี’’ติ. –
กิสาโคตมิยา นาม ปิตุจฺฉาธีตาย ภาสิตํ อิมํ คาถํ สุตฺวา, ‘‘อหํ อิมาย นิพฺพุตปทํ สาวิโต’’ติ มุตฺตาหารํ โอมฺุจิตฺวา ตสฺสา เปเสตฺวา อตฺตโน ภวนํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิสินฺโน นิทฺโทปคตานํ นาฏกิตฺถีนํ วิปฺปการํ ทิสฺวา นิพฺพินฺนหทโย ฉนฺนํ อุฏฺาเปตฺวา กณฺฑกํ อาหราเปตฺวา ตํ อารุยฺห ฉนฺนสหาโย ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ ปริวุโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ¶ อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา อนุกฺกเมน ราชคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปณฺฑวปพฺพตปพฺภาเร นิสินฺโน มคธรฺา รชฺเชน นิมนฺติยมาโน ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺวา อตฺตโน วิชิตํ อาคมนตฺถาย เตน คหิตปฏิฺโ อาฬารฺจ อุทกฺจ อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ สนฺติเก อธิคตวิเสสํ อนลงฺกริตฺวา ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหิตฺวา วิสาขปุณฺณมทิวเส ¶ ปาโตว สุชาตาย ทินฺนปายสํ ปริภฺุชิตฺวา เนรฺชราย นทิยา สุวณฺณปาตึ ปวาเหตฺวา เนรฺชราย นทิยา ตีเร มหาวนสณฺเฑ นานาสมาปตฺตีหิ ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย โสตฺติเยน ทินฺนํ ติณํ คเหตฺวา กาเฬน นาคราเชน อภิตฺถุตคุโณ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห ติณานิ สนฺถริตฺวา ‘‘น ตาวิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ, ยาว เม อนุปาทาย ¶ อาสเวหิ จิตฺตํ น มุจฺจิสฺสตี’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา สูริเย อนตฺถงฺคมิเตเยว มารพลํ วิธมิตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสาณํ, มชฺฌิมยาเม จุตูปปาตาณํ ปตฺวา ปจฺฉิมยามาวสาเน ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา อรุณุคฺคมเน ทสพลจตุเวสารชฺชาทิสพฺพคุณปฏิมณฺฑิตํ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วีตินาเมตฺวา อฏฺเม สตฺตาเห อชปาลนิคฺโรธมูเล นิสินฺโน ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขเณน อปฺโปสฺสุกฺกตํ อาปชฺชมาโน ทสสหสฺสจกฺกวาฬมหาพฺรหฺมปริวาเรน สหมฺปติพฺรหฺมุนา อายาจิตธมฺมเทสโน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตฺวา พฺรหฺมุโน อชฺเฌสนํ อธิวาเสตฺวา, ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ โอโลเกนฺโต อาฬารุทกานํ กาลกตภาวํ ตฺวา ปฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ พหูปการตํ อนุสฺสริตฺวา อุฏฺายาสนา กาสิปุรํ ¶ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อุปเกน สทฺธึ มนฺเตตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมทิวเส อิสิปตเน มิคทาเย ปฺจวคฺคิยานํ วสนฏฺานํ ปตฺวา เต อนนุจฺฉวิเกน สมุทาจาเรน สมุทาจรนฺเต สฺาเปตฺวา อฺาตโกณฺฑฺปฺปมุเข อฏฺารส พฺรหฺมโกฏิโย อมตปานํ ปาเยนฺโต ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา ตํ ทิวสเมว ยสกุลปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตํ รตฺติภาเค นิพฺพินฺทิตฺวา เคหํ ปหาย นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘เอหิ ยสา’’ติ ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมึเยว รตฺติภาเค โสตาปตฺติผลํ ปาเปตฺวา ปุนทิวเส อรหตฺตํ ปาเปตฺวา อปเรปิ ตสฺส สหายเก จตุปณฺณาส ชเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺตํ ปาเปสิ.
เอวํ โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา, ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริก’’นฺติ สฏฺิ ภิกฺขู ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ชเน ภทฺทวคฺคิยกุมาเร วิเนสิ. เตสุ สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน สพฺพุตฺตโม อนาคามี อโหสิ. เต สพฺเพปิ เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ ¶ อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย ¶ สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา คยาสีเส ¶ นิสีทาเปตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘) อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตน อรหนฺตสหสฺเสน ปริวุโต ‘‘พิมฺพิสารรฺโ ทินฺนํ ปฏิฺํ โมเจสฺสามี’’ติ ราชคหนครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยานํ คนฺตฺวา, ‘‘สตฺถา กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา ทฺวาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ สทฺธึ อาคตสฺส รฺโ มธุรธมฺมกถํ กเถนฺโต ราชานํ เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา เอกนหุตํ สรเณสุ ปติฏฺาเปตฺวา ปุนทิวเส สกฺเกน เทวราเชน มาณวกวณฺณํ คเหตฺวา อภิตฺถุตคุโณ ราชคหนครํ ปวิสิตฺวา ราชนิเวสเน กตภตฺตกิจฺโจ เวฬุวนารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ. ตตฺถ นํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา อุปสงฺกมึสุ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อนุปฺปนฺเนเยว หิ พุทฺเธ ราชคหโต อวิทูเร อุปติสฺสคาโม โกลิตคาโมติ ทฺเว พฺราหฺมณคามา อเหสุํ. เตสุ อุปติสฺสคาเม สาริยา นาม พฺราหฺมณิยา คพฺภสฺส ปติฏฺิตทิวเสเยว โกลิตคาเม โมคฺคลิยา นาม พฺราหฺมณิยาปิ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. ตานิ กิร ทฺเวปิ กุลานิ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อาพทฺธปฏิพทฺธสหายกาเนว อเหสุํ, ตาสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกทิวสเมว คพฺภปริหารํ อทํสุ. ตา อุโภปิ ทสมาสจฺเจเยน ปุตฺเต วิชายึสุ. นามคฺคหณทิวเส สาริยา พฺราหฺมณิยา ปุตฺตสฺส อุปติสฺสคามเก เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา อุปติสฺโสติ นามํ กรึสุ ¶ , อิตรสฺส โกลิตคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา โกลิโตติ นามํ กรึสุ. เต อุโภปิ วุฑฺฒิมนฺวาย สพฺพสิปฺปานํ ปารํ อคมํสุ. อุปติสฺสมาณวสฺส กีฬนตฺถาย นทึ วา อุยฺยานํ วา คมนกาเล ปฺจ สุวณฺณสิวิกสตานิ ปริวารานิ โหนฺติ, โกลิตมาณวสฺส ปฺจ อาชฺยุตฺตรถสตานิ. ทฺเวปิ ชนา ปฺจปฺจมาณวกสตปริวารา โหนฺติ. ราชคเห จ อนุสํวจฺฉรํ คิรคฺคสมชฺโช นาม อโหสิ. เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกฏฺาเนเยว มฺจํ พนฺธนฺติ. ทฺเวปิ เอกโต นิสีทิตฺวา สมชฺชํ ปสฺสนฺตา หสิตพฺพฏฺาเน หสนฺติ, สํเวคฏฺาเน สํเวเชนฺติ, ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายํ เทนฺติ. เตสํ อิมินาว นิยาเมน เอกทิวสํ สมชฺชํ ปสฺสนฺตานํ ปริปากคตตฺตา าณสฺส ปุริมทิวเสสุ วิย หสิตพฺพฏฺาเน หาโส วา สํเวคฏฺาเน สํเวโค วา ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทานํ วา นาโหสิ ¶ . ทฺเวปิ ปน ชนา เอวํ จินฺตยึสุ – ‘‘กิเมตฺถ โอโลเกตพฺพํ อตฺถิ, สพฺเพปิเม อปฺปตฺเต วสฺสสเต อปฺปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺติ, อมฺเหหิ ปน เอกํ โมกฺขธมฺมํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อารมฺมณํ คเหตฺวา นิสีทึสุ. ตโต โกลิโต อุปติสฺสํ อาห – ‘‘สมฺม อุปติสฺส, น ตฺวํ อฺเสุ ทิวเสสุ วิย หฏฺปหฏฺโ, อิทานิ อนตฺตมนธาตุโกสิ, กึ เต สลฺลกฺขิต’’นฺติ? ‘‘สมฺม โกลิต, เอเตสํ โวโลกเน สาโร นตฺถิ ¶ ¶ , นิรตฺถกเมตํ, อตฺตโน โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ จินฺตยนฺโต นิสินฺโนมฺหิ. ตฺวํ ปน กสฺมา อนตฺตมโนสีติ? โสปิ ตเถว อาห. อถสฺส อตฺตนา สทฺธึ เอกชฺฌาสยตํ ตฺวา อุปติสฺโส อาห – ‘‘อมฺหากํ อุภินฺนมฺปิ สุจินฺติกํ, โมกฺขธมฺมํ ปน คเวสนฺเตหิ เอกา ปพฺพชฺชา ลทฺธุํ วฏฺฏติ. กสฺส สนฺติเก ปพฺพชามา’’ติ?
เตน โข ปน สมเยน สฺจโย นาม ปริพฺพาชโก ราชคเห ปฏิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ. เต ‘‘ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ ปฺจมาณวกสตานิ ‘‘สิวิกาโย จ รเถ จ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ อุยฺโยเชตฺวา เอกาย สิวิกาย เอเกน รเถน คนฺตฺวา สฺจยสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สฺจโย อติเรกลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ. เต กติปาเหเนว สพฺพํ สฺจยสฺส สมยํ ปริมทฺทิตฺวา, ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ ชานนสมโย เอตฺตโกว, อุทาหุ อุตฺตริมฺปิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘เอตฺตโกว สพฺพํ ตุมฺเหหิ าต’’นฺติ วุตฺเต จินฺตยึสุ – ‘‘เอวํ สติ อิมสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยวาโส นิรตฺถโก, มยํ ยํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ นิกฺขนฺตา, โส อิมสฺส สนฺติเก อุปฺปาเทตุํ น สกฺกา, มหา โข ปน ชมฺพุทีโป, คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา อทฺธา โมกฺขธมฺมเทสกํ กฺจิ อาจริยํ ลภิสฺสามา’’ติ. ตโต ปฏฺาย, ‘‘ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา สมณพฺราหฺมณา อตฺถี’’ติ วทนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา สากจฺฉํ กโรนฺติ. เตหิ ปุฏฺํ ปฺหํ อฺเ กเถตุํ ¶ น สกฺโกนฺติ, เต ปน เตสํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เอวํ สกลชมฺพุทีปํ ปริคฺคณฺหิตฺวา นิวตฺติตฺวา สกฏฺานเมว อาคนฺตฺวา, ‘‘สมฺม โกลิต, อมฺเหสุ โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อิตรสฺส อาโรเจตู’’ติ กติกํ อกํสุํ.
เอวํ เตสุ กติกํ กตฺวา วิหรนฺเตสุ สตฺถา วุตฺตานุกฺกเมน ราชคหํ ปตฺวา เวฬุวนํ ปฏิคฺคเหตฺวา เวฬุวเน วิหรติ. ตทา ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ ¶ พหุชนหิตายา’’ติ รตนตฺตยคุณปกาสนตฺถํ อุยฺโยชิตานํ เอกสฏฺิยา อรหนฺตานํ อนฺตเร ปฺจวคฺคิยานํ อพฺภนฺตโร อสฺสชิตฺเถโร ปฏินิวตฺติตฺวา ราชคหํ อาคโต, ปุนทิวเส ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตสฺมึ สมเย อุปติสฺสปริพฺพาชโกปิ ปาโตว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปริพฺพาชการามํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา เอวรูโป ปพฺพชิโต นาม น ทิฏฺปุพฺโพเยว, เย โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อยํ เตสํ ภิกฺขูนํ อฺตโร, ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺยํ – ‘กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อิมํ ภิกฺขุํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ, อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ ปิณฺฑาย จรติ, ยํนูนาหํ อิมํ ¶ ภิกฺขุํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺเธยฺยํ, อตฺถิเกหิ อุปฺาตํ มคฺค’’นฺติ. โส เถรํ ลทฺธปิณฺฑปาตํ อฺตรํ โอกาสํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา นิสีทิตุกามตฺจสฺส ตฺวา อตฺตโน ¶ ปริพฺพาชกปีกํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ, โส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเนปิสฺส อตฺตโน กุณฺฑิกาย อุทกํ อทาสิ.
เอวํ อาจริยวตฺตํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺเจน เถเรน สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอวมาห – ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข ปน เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต, กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ปริพฺพาชกา นาม สาสนสฺส ปฏิปกฺขภูตา, อิมสฺส สาสนสฺส คมฺภีรตํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. อตฺตโน นวกภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต, อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, น ตาวาหํ สกฺขิสฺสามิ วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติ. ปริพฺพาชโก – ‘‘อหํ อุปติสฺโส นาม, ตฺวํ ยถาสตฺติยา อปฺปํ วา พหุํ วา วท, เอตํ นยสเตน นยสหสฺเสน ปฏิวิชฺฌิตุํ มยฺหํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา อาห –
‘‘อปฺปํ วา พหุํ วา ภาสสฺสุ, อตฺถํเยว เม พฺรูหิ;
อตฺเถเนว เม อตฺโถ, กึ กาหสิ พฺยฺชนํ พหุ’’นฺติ. (มหาว. ๖๐);
เอวํ ¶ วุตฺเต เถโร – ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ (มหาว. ๖๐; อป. เถร ๑.๑.๒๘๖) คาถมาห. ปริพฺพาชโก ปมปททฺวยเมว สุตฺวา สหสฺสนยปฏิมณฺฑิเต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อิตรํ ปททฺวยํ ¶ โสตาปนฺนกาเล นิฏฺาเปสิ. โส โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปริวิเสเส อปฺปวตฺตนฺเต ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มา อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว โหตุ, กุหึ อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ตุมฺเห ปุรโต ยาถ, มยฺหํ เอโก สหายโก อตฺถิ, อมฺเหหิ จ อฺมฺํ กติกา กตา ‘อมฺเหสุ โย อมตํ ปมํ อธิคจฺฉติ, โส อิตรสฺส อาโรเจตู’ติ. อหํ ตํ ปฏิฺํ โมเจตฺวา สหายกํ คเหตฺวา ตุมฺหากํ คตมคฺเคเนว สตฺถุ สนฺติกํ อาคมิสฺสามีติ ปฺจปติฏฺิเตน เถรสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา ปริพฺพาชการามาภิมุโข อคมาสิ’’.
อถ โข โกลิตปริพฺพาชโก ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อชฺช มยฺหํ สหายกสฺส ¶ มุขวณฺโณ น อฺทิวเสสุ วิย, อทฺธา เตน อมตํ อธิคตํ ภวิสฺสตี’’ติ อมตาธิคมํ ปุจฺฉิ. โสปิสฺส ‘‘อามาวุโส, อมตํ อธิคต’’นฺติ ปฏิชานิตฺวา ตเมว คาถํ อภาสิ. คาถาปริโยสาเน โกลิโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิตฺวา อาห – ‘‘กุหึ กิร, สมฺม, อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน กิร, สมฺม, เอวํ โน อาจริเยน อสฺสชิตฺเถเรน กถิต’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม, อายาม, สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. สาริปุตฺตตฺเถโร จ นาเมส สทาปิ อาจริยปูชโกว, ตสฺมา สหายํ เอวมาห – ‘‘สมฺม, อมฺเหหิ อธิคตํ อมตํ อมฺหากํ อาจริยสฺส สฺจยปริพฺพาชกสฺสาปิ กเถสฺสาม, พุชฺฌมาโน ¶ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต อมฺหากํ สทฺทหิตฺวา สตฺถุ, สนฺติกํ คมิสฺสติ, พุทฺธานํ เทสนํ สุตฺวา มคฺคผลปฏิเวธํ กริสฺสตี’’ติ. ตโต ทฺเวปิ ชนา สฺจยสฺส สนฺติกํ อคมํสุ.
สฺจโย เต ทิสฺวาว – ‘‘กึ, ตาตา, โกจิ โว อมตมคฺคเทสโก ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อาจริย, ลทฺโธ, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, ธมฺโม โลเก อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ โลเก อุปฺปนฺโน, ตุมฺเห ตุจฺเฉ อสาเร วิจรถ, ตสฺมา เอถ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ สกฺขิสฺสามี’’ติ ¶ . ‘‘กึ การณาหิ’’? ‘‘อหํ มหาชนสฺส อาจริโย หุตฺวา วิจรึ, วิจรนฺตสฺส เม อนฺเตวาสิกวาโส จาฏิยา อุทฺจนภาวปฺปตฺติ วิย โหติ, น สกฺขิสฺสามหํ อนฺเตวาสิกวาสํ วสิตุ’’นฺติ. ‘‘มา เอวํ กริตฺถ, อาจริยา’’ติ. ‘‘โหตุ, ตาตา, คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. อาจริย, โลเก พุทฺธสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย มหาชโน คนฺธมาลาทิหตฺโถ คนฺตฺวา ตเมว ปูเชสฺสติ, มยมฺปิ ตตฺเถว คมิสฺสาม. ‘‘ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตาตา, กึ นุ โข อิมสฺมึ โลเก ทนฺธา พหู, อุทาหุ ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘ทนฺธา, อาจริย, พหู, ปณฺฑิตา จ นาม กติปยา เอว โหนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ตาตา, ปณฺฑิตา ปณฺฑิตสฺส สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คมิสฺสนฺติ, ทนฺธา ทนฺธสฺส มม สนฺติกํ อาคมิสฺสนฺติ ¶ , คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ คมิสฺสามี’’ติ. เต ‘‘ปฺายิสฺสถ ตุมฺเห, อาจริยา’’ติ ปกฺกมึสุ. เตสุ คจฺฉนฺเตสุ สฺจยสฺส ปริสา ภิชฺชิ, ตสฺมึ ขเณ อาราโม ตุจฺโฉ อโหสิ. โส ตุจฺฉํ อารามํ ทิสฺวา อุณฺหํ โลหิตํ ฉฑฺเฑสิ. เตหิปิ สทฺธึ คจฺฉนฺเตสุ ปฺจสุ ปริพฺพาชกสเตสุ สฺจยสฺส อฑฺฒเตยฺยสตานิ นิวตฺตึสุ, อถ โข เต อตฺตโน อนฺเตวาสิเกหิ อฑฺฒเตยฺเยหิ ปริพฺพาชกสเตหิ สทฺธึ เวฬุวนํ อคมํสุ.
สตฺถา จตุปริสมชฺเฌ นิสินฺโน ธมฺมํ เทเสนฺโต เต ทูรโตว ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, ทฺเว สหายกา อาคจฺฉนฺติ โกลิโต จ อุปติสฺโส จ, เอตํ เม สาวกยุคํ ภวิสฺสติ อคฺคํ ภทฺทยุค’’นฺติ. เต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, นิสีทิตฺวา จ ปน ¶ ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ลเภยฺยาม มยํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติ. ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘สฺวากฺขาโต ธมฺโม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ. สพฺเพปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสิกตฺเถรา วิย อเหสุํ.
อถ เนสํ ปริสาย จริตวเสน สตฺถา ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ. เปตฺวา ทฺเว อคฺคสาวเก อวเสสา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, อคฺคสาวกานํ ปน อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ น นิฏฺาสิ. กึ การณา? สาวกปารมิาณสฺส มหนฺตตาย. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตทิวสโต ¶ ¶ สตฺตเม ทิวเส มคธรฏฺเ กลฺลวาลคามกํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต ถินมิทฺเธ โอกฺกมนฺเต สตฺถารา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ตถาคเตน ทินฺนํ ธาตุกมฺมฏฺานํ สุณนฺโตว อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ปพฺพชิตทิวสโต อฑฺฒมาสํ อติกฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ตเมว ราชคหํ อุปนิสฺสาย สูกรขตเลเณ วิหรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺเต เทสิยมาเน สุตฺตานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตภตฺตํ ปริภฺุชนฺโต วิย สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. นนุ จายสฺมา มหาปฺโ, อถ กสฺมา มหาโมคฺคลฺลานโต จิรตเรน สาวกปารมิาณํ ปาปุณีติ? ปริกมฺมมหนฺตตาย. ยถา หิ ทุคฺคตมนุสฺสา ยตฺถ กตฺถจิ คนฺตุกามา ขิปฺปเมว นิกฺขมนฺติ, ราชูนํ ปน หตฺถิวาหนกปฺปนาทึ มหนฺตํ ปริกมฺมํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
ตํ ทิวสฺเว ปน สตฺถา วฑฺฒมานกจฺฉายาย เวฬุวเน สาวกสนฺนิปาตํ กตฺวา ทฺวินฺนํ เถรานํ อคฺคสาวกฏฺานํ ทตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ – ‘‘สตฺถา มุโขโลกเนน ภิกฺขํ เทติ, อคฺคสาวกฏฺานํ ททนฺเตน นาม ปมํ ปพฺพชิตานํ ปฺจวคฺคิยานํ ทาตุํ วฏฺฏติ, เอเต อโนโลเกนฺเตน ยสเถรปฺปมุขานํ ปฺจปณฺณาสภิกฺขูนํ ทาตุํ วฏฺฏติ, เอเต อโนโลเกนฺเตน ภทฺทวคฺคิยานํ ¶ ตึสชนานํ, เอเต อโนโลเกนฺเตน อุรุเวลกสฺสปาทีนํ เตภาติกานํ, เอเต ปน เอตฺตเก มหาเถเร ปหาย สพฺพปจฺฉา ปพฺพชิตานํ อคฺคสาวกฏฺานํ ททนฺเตน มุขํ โอโลเกตฺวา ทินฺน’’นฺติ. สตฺถา, ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิทํ นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, มุขํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขํ เทมิ, เอเตสํ ปน อตฺตนา อตฺตนา ปตฺถิตปตฺถิตเมว เทมิ. อฺาตโกณฺฑฺโ หิ เอกสฺมึ สสฺเส นว วาเร อคฺคสสฺสทานํ ททนฺโต อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถตฺวา นาทาสิ, อคฺคธมฺมํ ปน อรหตฺตํ สพฺพปมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ ปตฺเถตฺวา อทาสี’’ติ. ‘‘กทา ปน ภควา’’ติ? ‘‘สุณิสฺสถ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ, ภควา อตีตํ อาหริ –
ภิกฺขเว ¶ , อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี นาม ภควา โลเก อุทปาทิ. ตทา มหากาโฬ จูฬกาโฬติ ทฺเวภาติกา กุฏุมฺพิกา มหนฺตํ สาลิกฺเขตฺตํ ¶ วปาเปสุํ. อเถกทิวสํ จูฬกาโฬ สาลิกฺเขตฺตํ คนฺตฺวา เอกํ สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา ขาทิ, ตํ อติมธุรํ อโหสิ. โส พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส สาลิคพฺภทานํ ทาตุกาโม หุตฺวา เชฏฺภาติกํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภาติก, สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา พุทฺธานํ อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ปจาเปตฺวา ทานํ เทมา’’ติ อาห. ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา ทานํ นาม เนว อตีเต ภูตปุพฺพํ, น อนาคเตปิ ภวิสฺสติ, มา สสฺสํ นาสยี’’ติ; วุตฺโตปิ โส ปุนปฺปุนํ ยาจิเยว ¶ . อถ นํ ภาตา, ‘‘เตน หิ สาลิกฺเขตฺตํ ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา มม โกฏฺาสํ อนามสิตฺวา อตฺตโน โกฏฺาเส เขตฺเต ยํ อิจฺฉสิ, ตํ กโรหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ เขตฺตํ วิภชิตฺวา พหู มนุสฺเส หตฺถกมฺมํ ยาจิตฺวา สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา นิรุทเกน ขีเรน ปจาเปตฺวา สปฺปิมธุสกฺขราทีหิ โยเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน – ‘‘อิทํ, ภนฺเต, มม อคฺคทานํ อคฺคธมฺมสฺส สพฺพปมํ ปฏิเวธาย สํวตฺตตู’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนมกาสิ.
โส เขตฺตํ คนฺตฺวา โอโลเกนฺโต สกลกฺเขตฺตํ กณฺณิกพทฺเธหิ วิย สาลิสีเสหิ สฺฉนฺนํ ทิสฺวา ปฺจวิธปีตึ ปฏิลภิตฺวา, ‘‘ลาภา วต เม’’ติ จินฺเตตฺวา ปุถุกกาเล ปุถุกคฺคํ นาม อทาสิ, คามวาสีหิ สทฺธึ อคฺคสสฺสทานํ นาม อทาสิ, ลายเน ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, กลาปาทีสุ กลาปคฺคํ, ขลคฺคํ, ขลภณฺฑคฺคํ, โกฏฺคฺคนฺติ. เอวํ เอกสสฺเส นว วาเร อคฺคทานํ อทาสิ. ตสฺส สพฺพวาเรสุ คหิตคหิตฏฺานํ ปริปูริ, สสฺสํ อติเรกํ อุฏฺานสมฺปนฺนํ อโหสิ. ธมฺโม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติ. เตนาห ภควา –
‘‘ธมฺโม ¶ หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ,
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ,
น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒) –
‘‘เอวเมส ¶ วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล อคฺคธมฺมํ ปมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ ปตฺเถนฺโต นว วาเร อคฺคทานานิ อทาสิ. อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก ปน หํสวตีนคเร ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธกาเลปิ สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ตสฺส ภควโต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา อคฺคธมฺมสฺส ปมํ ปฏิวิชฺฌนตฺถเมว ¶ ปตฺถนํ เปสิ. อิติ อิมินา ปตฺถิตเมว มยา ทินฺนํ, นาหํ, ภิกฺขเว, มุขํ โอโลเกตฺวา เทมี’’ติ.
‘‘ยสกุลปุตฺตปฺปมุขา ปฺจปฺาส ชนา กึ กมฺมํ กรึสุ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอเตปิ เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก อรหตฺตํ ปตฺเถนฺตา พหุํ ปฺุกมฺมํ กตฺวา อปรภาเค อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ สหายกา หุตฺวา วคฺคพนฺธเนน ปฺุานิ กโรนฺตา อนาถมตสรีรานิ ปฏิชคฺคนฺตา วิจรึสุ. เต เอกทิวสํ สคพฺภํ อิตฺถึ กาลกตํ ทิสฺวา, ‘ฌาเปสฺสามา’ติ สุสานํ หรึสุ. เตสุ ปฺจ ชเน ‘ตุมฺเห ฌาเปถา’ติ สุสาเน เปตฺวา เสสา คามํ ปวิฏฺา. ยสทารโก ตํ มตสรีรํ สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ฌาเปนฺโต อสุภสฺํ ปฏิลภิ, อิตเรสมฺปิ จตุนฺนํ ชนานํ – ‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ สรีรํ ตตฺถ ตตฺถ วิทฺธํสิตจมฺมํ, กพรโครูปํ วิย อสุจึ ทุคฺคนฺธํ ปฏิกูล’นฺติ ¶ ทสฺเสสิ. เตปิ ตตฺถ อสุภสฺํ ปฏิลภึสุ. เต ปฺจปิ ชนา คามํ คนฺตฺวา เสสสหายกานํ กถยึสุ. ยโส ปน ทารโก เคหํ คนฺตฺวา มาตาปิตูนฺจ ภริยาย จ กเถสิ. เต สพฺเพปิ อสุภํ ภาวยึสุ. อิทเมเตสํ ปุพฺพกมฺมํ. เตเนว ยสสฺส อิตฺถาคาเร สุสานสฺา อุปฺปชฺชิ, ตาย จ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา สพฺเพสมฺปิ วิเสสาธิคโม นิพฺพตฺติ. เอวํ อิเมปิ อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา ทมฺมี’’ติ.
‘‘ภทฺทวคฺคิยสหายกา ปน กึ กมฺมํ กรึสุ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอเตปิ ปุพฺพพุทฺธานํ สนฺติเก อรหตฺตํ ปตฺเถตฺวา ปฺุานิ กตฺวา อปรภาเค อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตึส ธุตฺตา หุตฺวา ตุณฺฑิโลวาทํ สุตฺวา สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. เอวํ อิเมปิ อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา ทมฺมี’’ติ.
‘‘อุรุเวลกสฺสปาทโย ปน กึ กมฺมํ กรึสุ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เตปิ อรหตฺตเมว ปตฺเถตฺวา ปฺุานิ กรึสุ. อิโต หิ ทฺเวนวุติกปฺเป ติสฺโส ¶ ผุสฺโสติ ทฺเว พุทฺธา อุปฺปชฺชึสุ. ผุสฺสพุทฺธสฺส มหินฺโท นาม ราชา ปิตา อโหสิ. ตสฺมึ ปน สมฺโพธึ ปตฺเต รฺโ กนิฏฺปุตฺโต ปมอคฺคสาวโก ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยอคฺคสาวโก อโหสิ. ราชา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา – ‘เชฏฺปุตฺโต เม พุทฺโธ, กนิฏฺปุตฺโต ปมอคฺคสาวโก, ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยอคฺคสาวโก’ติ เต โอโลเกตฺวา, ‘มเมว พุทฺโธ, มเมว ธมฺโม, มเมว สงฺโฆ, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ¶ , ‘ภนฺเต, อิทานิ เม นวุติวสฺสสหสฺสปริมาณสฺส อายุโน โกฏิยํ นิสีทิตฺวา นิทฺทายนกาโล วิย อฺเสํ เคหทฺวารํ อคนฺตฺวา ยาวาหํ ชีวามิ, ตาว เม จตฺตาโร ปจฺจเย อธิวาเสถา’ติ ¶ ปฏิฺํ คเหตฺวา นิพทฺธํ พุทฺธุปฏฺานํ กโรติ. รฺโ ปน อปเรปิ ตโต ปุตฺตา อเหสุํ. เตสุ เชฏฺสฺส ปฺจ โยธสตานิ ปริวารานิ, มชฺฌิมสฺส ตีณิ, กนิฏฺสฺส ทฺเว. เต ‘มยมฺปิ ภาติกํ โภเชสฺสามา’ติ ปิตรํ โอกาสํ ยาจิตฺวา อลภมานา ปุนปฺปุนํ ยาจนฺตาปิ อลภิตฺวา ปจฺจนฺเต กุปิเต ตสฺส วูปสมนตฺถาย เปสิตา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อาคมึสุ. อถ เน ปิตา อาลิงฺคิตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา, ‘วรํ โว, ตาตา, ทมฺมี’ติ อาห.
‘‘เต ‘สาธุ เทวา’ติ วรํ คหิตกํ กตฺวา ปุน กติปาหจฺจเยน ปิตรา ‘คณฺหถ, ตาตา, วร’นฺติ วุตฺตา, ‘‘เทว, อมฺหากํ อฺเน เกนจิ อตฺโถ นตฺถิ, อิโต ปฏฺาย มยํ ภาติกํ โภเชสฺสาม, อิมํ โน วรํ เทหี’’ติ อาหํสุ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘นิจฺจกาลํ อเทนฺโต สตฺต สํวจฺฉรานิ เทถ, เทวา’ติ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘เตน หิ ฉ ปฺจ จตฺตาริ ตีณิ ทฺเว เอกํ สํวจฺฉรํ เทถ, เทวา’ติ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘เตน หิ, เทว, สตฺต มาเส เทถา’ติ. ‘ฉ มาเส ปฺจ มาเส จตฺตาโร มาเส ตโย มาเส เทถ, เทวา’ติ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘โหตุ, เทว, เอเกกสฺส โน เอเกกํ มาสํ กตฺวา ตโย มาเส เทถา’ติ. ‘สาธุ, ตาตา, เตน หิ ตโย มาเส โภเชถา’ติ อาห. เต ตุฏฺา ราชานํ วนฺทิตฺวา สกฏฺานเมว คตา. เตสํ ปน ติณฺณมฺปิ เอโกว โกฏฺาคาริโก, เอโกว อายุตฺตโก, ตสฺส ทฺวาทสนหุตา ปุริสปริวารา. เต เต ปกฺโกสาเปตฺวา ¶ , ‘มยํ อิมํ เตมาสํ ทส สีลานิ คเหตฺวา ทฺเว กาสาวานิ ¶ นิวาเสตฺวา สตฺถารา สหวาสํ วสิสฺสาม, ตุมฺเห เอตฺตกํ นาม ทานวตฺตํ คเหตฺวา เทวสิกํ นวุติสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ โยธสหสฺสสฺส จ สพฺพํ ขาทนียโภชนียํ ปวตฺเตยฺยาถ. มยฺหิ อิโต ปฏฺาย น กิฺจิ วกฺขามา’ติ วทึสุ.
‘‘เต ตโยปิ ชนา ปริวารสหสฺสํ คเหตฺวา ทส สีลานิ สมาทาย กาสายวตฺถานิ นิวาเสตฺวา วิหาเรเยว วสึสุ. โกฏฺาคาริโก จ อายุตฺตโก จ เอกโต หุตฺวา ติณฺณํ ภาติกานํ โกฏฺาคาเรหิ วาเรน วาเรน ทานวตฺตํ คเหตฺวา ทานํ เทนฺติ, กมฺมการานํ ปน ปุตฺตา ยาคุภตฺตาทีนํ อตฺถาย โรทนฺติ. เต เตสํ ภิกฺขุสงฺเฆ อนาคเตเยว ยาคุภตฺตาทีนิ เทนฺติ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภตฺตกิจฺจาวสาเน กิฺจิ อติเรกํ น ภูตปุพฺพํ. เต ‘อปรภาเค ทารกานํ เทมา’ติ อตฺตนาปิ คเหตฺวา ขาทึสุ. มนฺุํ อาหารํ ทิสฺวา อธิวาเสตุํ นาสกฺขึสุ. เต ปน จตุราสีติสหสฺสา อเหสุํ. เต สงฺฆสฺส ทินฺนทานวตฺตํ ขาทิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตึสุ. เตภาติกา ปน ปุริสสหสฺเสน สทฺธึ กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวโลกา มนุสฺสโลกํ, มนุสฺสโลกา เทวโลกํ สํสรนฺตา ทฺเวนวุติกปฺเป เขเปสุํ. ‘เอวํ ¶ เต ตโย ภาตโร อรหตฺตํ ปตฺเถนฺตา ตทา กลฺยาณกมฺมํ กรึสุ. เต อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา ทมฺมี’’’ติ.
ตทา ปน ¶ เตสํ อายุตฺตโก พิมฺพิสาโร ราชา อโหสิ, โกฏฺาคาริโก วิสาโข อุปาสโก. ตโย ราชกุมารา ตโย ชฏิลา อเหสุํ. เตสํ กมฺมการา ตทา เปเตสุ นิพฺพตฺติตฺวา สุคติทุคฺคติวเสน สํสรนฺตา อิมสฺมึ กปฺเป จตฺตาริ พุทฺธนฺตรานิ เปตโลเกเยว นิพฺพตฺตึสุ. เต อิมสฺมึ กปฺเป สพฺพปมํ อุปฺปนฺนํ จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสายุกํ กกุสนฺธํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อมฺหากํ อาหารํ ลภนกาลํ อาจิกฺขถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘มม ตาว กาเล น ลภิสฺสถ, มม ปจฺฉโต มหาปถวิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย โกณาคมโน นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตํ ปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. เต ตตฺตกํ กาลํ เขเปตฺวา ตสฺมึ อุปฺปนฺเน ตํ ปุจฺฉึสุ. โสปิ ‘‘มม กาเล น ลภิสฺสถ, มม ปจฺฉโต มหาปถวิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย กสฺสโป นาม ¶ พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตํ ปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. เต ตตฺตกํ กาลํ เขเปตฺวา ตสฺมึ อุปฺปนฺเน ตํ ปุจฺฉึสุ. โสปิ ‘‘มม กาเล น ลภิสฺสถ, มม ปน ปจฺฉโต มหาปถวิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตทา ตุมฺหากํ าตโก พิมฺพิสาโร นาม ราชา ภวิสฺสติ, โส สตฺถุ ทานํ ทตฺวา ตุมฺหากํ ปตฺตึ ปาเปสฺสติ, ตทา ลภิสฺสถา’’ติ อาห. เตสํ เอกํ พุทฺธนฺตรํ สฺเวทิวสสทิสํ อโหสิ. เต ตถาคเต อุปฺปนฺเน พิมฺพิสารรฺา ปมทิวสํ ทาเน ทินฺเน ปตฺตึ อลภิตฺวา รตฺติภาเค เภรวสทฺทํ กตฺวา รฺโ อตฺตานํ ทสฺสยึสุ. โส ปุนทิวเส เวฬุวนํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ¶ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ.
สตฺถา, ‘‘มหาราช, อิโต ทฺเวนวุติกปฺปมตฺถเก ผุสฺสพุทฺธกาเล เอเต ตว าตกา, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทินฺนทานวตฺตํ ขาทิตฺวา เปตโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สํสรนฺตา กกุสนฺธาทโย พุทฺเธ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ อิทฺจิทฺจ วุตฺตา เอตฺตกํ กาลํ ตว ทานํ ปจฺจาสีสมานา หิยฺโย ตยา ทาเน ทินฺเน ปตฺตึ อลภมานา เอวมกํสู’’ติ อาห. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อิทานิปิ ทินฺเน ลภิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิโต เตสํ เปตานํ ทิพฺพอนฺนปานํ สมฺปชฺชตู’’ติ ปตฺตึ อทาสิ, เตสํ ตเถว นิพฺพตฺติ. ปุนทิวเส นคฺคา หุตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสุํ. ราชา ‘‘อชฺช, ภนฺเต, นคฺคา หุตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสุ’’นฺติ อาโรเจสิ. ‘‘วตฺถานิ เต น ทินฺนานิ, มหาราชา’’ติ. ราชาปิ ปุนทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส จีวรทานํ ทตฺวา, ‘‘อิโต เตสํ เปตานํ ทิพฺพวตฺถานิ โหนฺตู’’ติ ปาเปสิ. ตงฺขณฺเว เตสํ ทิพฺพวตฺถานิ อุปฺปชฺชึสุ. เต เปตตฺตภาวํ ¶ วิชหิตฺวา ทิพฺพตฺตภาเว สณฺหึสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๗.๑; เป. ว. ๑๔) ติโรกุฏฺฏานุโมทนํ อกาสิ. อนุโมทนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. อิติ สตฺถา เตภาติกชฏิลานํ วตฺถุํ กเถตฺวา อิมมฺปิ ธมฺมเทสนํ อาหริ.
อคฺคสาวกา ปน, ‘‘ภนฺเต, กึ กรึสู’’ติ? ‘‘อคฺคสาวกภาวาย ปตฺถนํ กรึสุ’’. อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส หิ กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยสฺส มตฺถเก สาริปุตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นาเมน สรทมาณโว ¶ นาม อโหสิ. โมคฺคลฺลาโน คหปติมหาสาลกุเล ¶ นิพฺพตฺติ, นาเมน สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโก นาม อโหสิ. เต อุโภปิ สหปํสุกีฬกา สหายกา อเหสุํ. เตสุ สรทมาณโว ปิตุ อจฺจเยน กุสลนฺตกํ มหาธนํ ปฏิปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิธโลกตฺตภาวเมว ชานามิ, โน ปรโลกตฺตภาวํ. ชาตสตฺตานฺจ มรณํ นาม ธุวํ, มยา เอกํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมคเวสนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สหายกํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สมฺม สิริวฑฺฒน, อหํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมํ คเวสิสฺสามิ, ตฺวํ มยา สทฺธึ ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสิ, น สกฺขิสฺสสี’’ติ? ‘‘น สกฺขิสฺสามิ, สมฺม, ตฺวํเยว ปพฺพชาหี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ปรโลกํ คจฺฉนฺโต สหาเย วา าติมิตฺเต วา คเหตฺวา คโต นาม นตฺถิ, อตฺตนา กตํ อตฺตโนว โหตี’’ติ. ตโต รตนโกฏฺาคารํ วิวราเปตฺวา กปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ มหาทานํ ทตฺวา ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตสฺส เอโก ทฺเว ตโยติ เอวํ อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฏิลา อเหสุํ. โส ปฺจ อภิฺา, อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เตสํ ชฏิลานํ กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. เตปิ สพฺเพ ปฺจ อภิฺา อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสุํ.
เตน สมเยน อโนมทสฺสี นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุทปาทิ. นครํ จนฺทวตี นาม อโหสิ, ปิตา ยสวา นาม ขตฺติโย, มาตา ยโสธรา นาม เทวี, โพธิ อชฺชุนรุกฺโข, นิสโภ จ อโนโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นาม อุปฏฺาโก, สุนฺทรา จ สุมนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา อเหสุํ. อายุ วสฺสสตสหสฺสํ อโหสิ, สรีรํ อฏฺปฺาสหตฺถุพฺเพธํ ¶ , สรีรปฺปภา ทฺวาทสโยชนํ ผริ, ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร อโหสิ. โส เอกทิวสํ ปจฺจูสกาเล มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต สรทตาปสํ ทิสฺวา, ‘‘อชฺช มยฺหํ สรทตาปสสฺสํ สนฺติกํ คตปจฺจเยน ธมฺมเทสนา จ มหตี ภวิสฺสติ, โส จ อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถสฺสติ, ตสฺส สหายโก สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโก ทุติยสาวกฏฺานํ, เทสนาปริโยสาเน ¶ จสฺส ปริวารา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย อฺํ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สีโห วิย เอกจโร หุตฺวา สรทตาปสสฺส ¶ อนฺเตวาสิเกสุ ผลาผลตฺถาย คเตสุ ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว สรทตาปสสฺส อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ. สรทตาปโส พุทฺธานุภาวฺเจว สรีรนิปฺผตฺติฺจสฺส ทิสฺวา ลกฺขณมนฺเต สมฺมสิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต นาม อคารมชฺเฌ วสนฺโต ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชนฺโต โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท สพฺพฺุพุทฺโธ โหติ. อยํ ปุริโส นิสฺสํสยํ พุทฺโธ’’ติ ชานิตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อคฺคาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อคฺคาสเน. สรทตาปโสปิ อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ สมฺปตฺตา พุทฺธานฺเจว อาจริยสฺส จ นิสินฺนาสนํ โอโลเกตฺวา อาหํสุ – ‘‘อาจริย ¶ , มยํ ‘อิมสฺมึ โลเก ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร นตฺถี’ติ วิจราม, อยํ ปน ปุริโส ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร มฺเ’’ติ? ‘‘ตาตา, กึ วเทถ, สาสเปน สทฺธึ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธํ สิเนรุํ สมํ กาตุํ อิจฺฉถ, สพฺพฺุพุทฺเธน สทฺธึ มมํ อุปมํ มา กริตฺถ ปุตฺตกา’’ติ. อถ เต ตาปสา, ‘‘สจายํ อิตฺตรสตฺโต อภวิสฺส, อมฺหากํ อาจริโย น เอวรูปํ อุปมํ อาหริสฺส, ยาว มหา วตายํ ปุริโส’’ติ สพฺเพว ปาเทสุ นิปติตฺวา สิรสา วนฺทึสุ. อถ เน อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เทยฺยธมฺโม นตฺถิ, สตฺถา จ ภิกฺขาจารเวลายํ อิธาคโต, มยํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ เทยฺยธมฺมํ ทสฺสาม, ตุมฺเห ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ อาหราเปตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ. สตฺถารา ผลาผเล ปฏิคฺคหิตมตฺเต เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. โส ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. ตโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา นิสินฺเน สตฺถริ สพฺเพ อนฺเตวาสิเก ปกฺโกสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียกถํ กเถนฺโต นิสีทิ. สตฺถา ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ จินฺเตสิ. เต สตฺถุ จิตฺตํ ตฺวา สตสหสฺสขีณาสวปริวารา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ.
ตโต ¶ สรทตาปโส ¶ อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, พุทฺธานํ นิสินฺนาสนมฺปิ นีจํ, สมณสตสหสฺสานมฺปิ อาสนํ นตฺถิ, อชฺช ตุมฺเหหิ อุฬารํ พุทฺธสกฺการํ กาตุํ วฏฺฏติ, ปพฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติ. กถนกาโล ปปฺโจ วิย โหติ, อิทฺธิมโต ¶ ปน อิทฺธิวิสโย อจินฺเตยฺโยติ มุหุตฺตมตฺเตเนว เต ตาปสา วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธานํ โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปฺาเปสุํ. อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ, เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ อโหสิ. ‘‘กถํ เอกสฺมึ อสฺสมปเท ตาว มหนฺตานิ อาสนานิ ปฺตฺตานี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. อิทฺธิวิสโย เหส. เอวํ ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ สรทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อภิรุหถา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘นานาปุปฺผฺจ คนฺธฺจ, สมฺปาเทตฺวาน เอกโต;
ปุปฺผาสนํ ปฺาเปตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘อิทํ เม อาสนํ วีร, ปฺตฺตํ ตวนุจฺฉวึ;
มม จิตฺตํ ปสาเทนฺโต, นิสีท ปุปฺผมาสเน.
‘‘สตฺตรตฺตินฺทิวํ พุทฺโธ, นิสีทิ ปุปฺผมาสเน;
มม จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, หาสยิตฺวา สเทวเก’’ติ.
เอวํ นิสินฺเน สตฺถริ ทฺเว อคฺคสาวกา เสสภิกฺขู จ ¶ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทึสุ. สรทตาปโส มหนฺตํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส มตฺถเก ธาเรนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘ชฏิลานํ อยํ สกฺกาโร มหปฺผโล โหตู’’ติ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. สตฺถุ สมาปตฺตึ สมาปนฺนภาวํ ตฺวา ทฺเว อคฺคสาวกาปิ เสสภิกฺขูปิ สมาปตฺตึ สมาปชฺชึสุ. ตถาคเต สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺเน อนฺเตวาสิกา ภิกฺขาจารกาเล สมฺปตฺเต วนมูลผลาผลํ ปริภฺุชิตฺวา เสสกาเล พุทฺธานํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ. สรทตาปโส ปน ภิกฺขาจารมฺปิ อคนฺตฺวา ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธารยมาโนว สตฺตาหํ ปีติสุเขน วีตินาเมสิ. สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺนํ ปมอคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘นิสภ, สกฺการการกานํ ¶ ตาปสานํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ. เถโร จกฺกวตฺติรฺโ สนฺติกา ปฏิลทฺธมหาลาโภ มหาโยโธ วิย ตุฏฺมานโส สาวกปารมิาเณ ตฺวา ปุปฺผาสนานุโมทนํ อารภิ. ตสฺส เทสนาวสาเน ทุติยสาวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตฺวมฺปิ ภิกฺขุ ธมฺมํ เทเสหี’’ติ. อโนมตฺเถโร เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา ธมฺมํ กเถสิ. ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ เทสนาย เอกสฺสาปิ อภิสมโย นาโหสิ. อถ สตฺถา อปริมาเณ พุทฺธวิสเย ตฺวา ธมฺมเทสนํ อารภิ. เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา สรทตาปสํ สพฺเพปิ จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ ¶ , สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เตสํ ตาวเทว เกสมสฺสูนิ อนฺตรธายึสุ, อฏฺปริกฺขารา กาเย ปฏิมุกฺกาว อเหสุํ.
สรทตาปโส ‘‘กสฺมา อรหตฺตํ น ปตฺโต’’ติ? วิกฺขิตฺตจิตฺตตฺตา. โส กิร พุทฺธานํ ทุติยาสเน ¶ นิสีทิตฺวา สาวกปารมิาเณ ตฺวา ธมฺมํ เทสยโต อคฺคสาวกสฺส ธมฺมเทสนํ โสตุํ อารทฺธกาลโต ปฏฺาย, ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน อิมินา สาวเกน ปฏิลทฺธธุรํ ลเภยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. โส เตน ปริวิตกฺเกน มคฺคผลปฏิเวธํ กาตุํ นาสกฺขิ. ตถาคตํ ปน วนฺทิตฺวา สมฺมุเข ตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ อนนฺตราสเน นิสินฺโน ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สาสเน โก นาม โหตี’’ติ? ‘‘มยา ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ อนุปวตฺเตนฺโต สาวกปารมิาณสฺส โกฏิปฺปตฺโต โสฬส ปฺา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโต มยฺหํ สาสเน อคฺคสาวโก นิสโภ นาม เอโส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ยฺวายํ มยา สตฺตาหํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรนฺเตน สกฺกาโร กโต, อหํ อิมสฺส ผเลน อฺํ สกฺกตฺตํ วา พฺรหฺมตฺตํ วา น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน อยํ นิสภตฺเถโร วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส อคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสินฺติ. สตฺถา ‘‘สมชฺฌิสฺสติ นุ โข อิมสฺส ปุริสสฺส ปตฺถนา’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา โอโลเกนฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา สมิชฺฌนภาวํ อทฺทส. ทิสฺวาน สรทตาปสํ อาห – ‘‘น เต อยํ ปตฺถนา โมฆา ภวิสฺสติ, อนาคเต ปน กปฺปสตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส มาตา มหามายา ¶ นาม เทวี ภวิสฺสติ, ปิตา สุทฺโธทโน นาม มหาราชา, ปุตฺโต ราหุโล นาม, อุปฏฺาโก อานนฺโท นาม, ทุติยอคฺคสาวโก โมคฺคลฺลาโน นาม, ตฺวํ ปนสฺส ปมอคฺคสาวโก ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต นาม ภวิสฺสสี’’ติ ¶ . เอวํ ตาปสํ พฺยากริตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อากาสํ ปกฺขนฺทิ.
สรทตาปโสปิ อนฺเตวาสิกตฺเถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สหายกสฺส สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิกสฺส สาสนํ เปเสสิ, ‘‘ภนฺเต, มม สหายกสฺส วเทถ, สหายเกน เต สรทตาปเสน อโนมทสฺสีพุทฺธสฺส ปาทมูเล อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมพุทฺธสฺส สาสเน ปมอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺถิตํ, ตฺวํ ทุติยอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถหี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา เถเรหิ ปุเรตรเมว เอกปสฺเสน คนฺตฺวา สิริวฑฺฒนสฺส นิเวสนทฺวาเร อฏฺาสิ. สิริวฑฺฒโน ‘‘จิรสฺสํ วต เม อยฺโย อาคโต’’ติ อาสเน นิสีทาเปตฺวา อตฺตนา นีจาสเน นิสินฺโน, ‘‘อนฺเตวาสิกปริสา ปน โว, ภนฺเต, น ปฺายตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สมฺม, อมฺหากํ อสฺสมํ อโนมทสฺสี พุทฺโธ อาคโต, มยํ ตสฺส อตฺตโน พเลน สกฺการํ อกริมฺหา, สตฺถา สพฺเพสํ ¶ ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา มํ เสสา อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชึสุ. อหํ สตฺถุ ปมอคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ ทิสฺวา อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมพุทฺธสฺส นาม สาสเน ปมอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถสึ, ตฺวมฺปิ ตสฺส สาสเน ทุติยอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถหี’’ติ. ‘‘มยฺหํ พุทฺเธหิ สทฺธึ ปริจโย นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘พุทฺเธหิ สทฺธึ กถนํ มยฺหํ ภาโร โหตุ, ตฺวํ มหนฺตํ สกฺการํ สชฺเชหี’’ติ.
สิริวฑฺฒโน ตสฺส วจนํ สุตฺวา อตฺตโน นิเวสนทฺวาเร ราชมาเนน อฏฺกรีสมตฺตํ านํ สมตลํ กาเรตฺวา วาลุกํ โอกิราเปตฺวา ¶ ลาชปฺจมานิปุปฺผานิ วิกิราเปตฺวา นีลุปฺปลจฺฉทนํ มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา เสสภิกฺขูนมฺปิ อาสนานิ ปฏิยาเทตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ สชฺเชตฺวา พุทฺธานํ นิมนฺตนตฺถาย สรทตาปสสฺส สฺํ อทาสิ. ตาปโส พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา ตสฺส นิเวสนํ อคมาสิ. สิริวฑฺฒโนปิ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตถาคตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา มณฺฑปํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสินฺนสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ ¶ ทตฺวา ปณีเตน โภชเนน ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ มหารเหหิ วตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นายํ อารพฺโภ อปฺปมตฺตกฏฺานตฺถาย, อิมินาว นิยาเมน สตฺตาหํ อนุกมฺปํ กโรถา’’ติ อาห. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส เตเนว นิยาเมน สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต อาห – ‘‘ภนฺเต, มม สหาโย สรทตาปโส ยสฺส สตฺถุสฺส ปมอคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺเถสิ, อหมฺปิ ‘‘ตสฺเสว ทุติยอคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺเถมีติ.
สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา พฺยากาสิ – ‘‘ตฺวํ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตมพุทฺธสฺส ทุติยอคฺคสาวโก ภวิสฺสสี’’ติ. พุทฺธานํ พฺยากรณํ สุตฺวา สิริวฑฺฒโน หฏฺปหฏฺโ อโหสิ. สตฺถาปิ ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา สปริวาโร วิหารเมว คโต. ‘‘อยํ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตหิ ตทา ปตฺถิตปตฺถนา. เต ยถาปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา เทมี’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต ทฺเว อคฺคสาวกา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ อคาริยภูตา สมานา คิรคฺคสมชฺชํ ทสฺสนาย คตา’’ติ ยาว อสฺสชิตฺเถรสฺส สนฺติกา โสตาปตฺติผลปฏิเวธา สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุํ กเถตฺวา, ‘‘เต มยํ, ภนฺเต, อาจริยสฺส สฺจยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ตุมฺหากํ ปาทมูเล อาเนตุกามา ตสฺส ลทฺธิยา นิสฺสารภาวํ กเถตฺวา อิธาคมเน อานิสํสํ กถยิมฺหา. โส อิทานิ มยฺหํ อนฺเตวาสิกวาโส นาม จาฏิยา อุทฺจนภาวปฺปตฺติสทิโส, น สกฺขิสฺสามิ ¶ อนฺเตวาสิวาสํ วสิตุ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘อาจริย, อิทานิ มหาชโน คนฺธมาลาทิหตฺโถ คนฺตฺวา สตฺถารเมว ปูเชสฺสติ, ตุมฺเห กถํ ภวิสฺสถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ปน อิมสฺมึ โลเก ปณฺฑิตา พหู, อุทาหุ ทนฺธา’’ติ? ‘‘ทนฺธา’’ติ กถิเต ‘‘เตน หิ ปณฺฑิตา ปณฺฑิตสฺส สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คมิสฺสนฺติ, ทนฺธา ทนฺธสฺส มม สนฺติกํ อาคมิสฺสนฺติ, คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ วตฺวา ‘‘อาคนฺตุํ น อิจฺฉิ, ภนฺเต’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, สฺจโย อตฺตโน มิจฺฉาทิฏฺิตาย อสารํ สาโรติ, สารฺจ อสาโรติ คณฺหิ. ตุมฺเห ปน อตฺตโน ปณฺฑิตตาย สารฺจ สารโต, อสารฺจ อสารโต ตฺวา อสารํ ปหาย สารเมว คณฺหิตฺถา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อสาเร ¶ สารมติโน, สาเร จาสารทสฺสิโน;
เต สารํ นาธิคจฺฉนฺติ, มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา.
‘‘สารฺจ ¶ สารโต ตฺวา, อสารฺจ อสารโต;
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ, สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา’’ติ.
ตตฺถ อสาเร สารมติโนติ จตฺตาโร ปจฺจยา, ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ, ตสฺสา อุปนิสฺสยภูตา ธมฺมเทสนาติ อยํ อสาโร นาม, ตสฺมึ สารทิฏฺิโนติ อตฺโถ. สาเร จาสารทสฺสิโนติ ทสวตฺถุกา สมฺมาทิฏฺิ, ตสฺสา อุปนิสฺสยภูตา ธมฺมเทสนาติ อยํ สาโร นาม, ตสฺมึ ‘‘นายํ สาโร’’ติ อสารทสฺสิโน. เต สารนฺติ เต ปน ตํ มิจฺฉาทิฏฺิคฺคหณํ คเหตฺวา ิตา กามวิตกฺกาทีนํ วเสน มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา หุตฺวา สีลสารํ, สมาธิสารํ, ปฺาสารํ, วิมุตฺติสารํ, วิมุตฺติาณทสฺสนสารํ, ‘‘ปรมตฺถสารํ, นิพฺพานฺจ นาธิคจฺฉ’’นฺติ. สารฺจาติ ตเมว สีลสาราทิสารํ ‘‘สาโร นามาย’’นฺติ, วุตฺตปฺปการฺจ อสารํ ‘‘อสาโร อย’’นฺติ ตฺวา. เต สารนฺติ เต ปณฺฑิตา เอวํ สมฺมาทสฺสนํ คเหตฺวา ิตา เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทีนํ วเสน สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา หุตฺวา ตํ วุตฺตปฺปการํ สารํ อธิคจฺฉนฺตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. สนฺนิปติตานํ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. นนฺทตฺเถรวตฺถุ
ยถา ¶ ¶ อคารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ นนฺทํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถา หิ ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรนฺโต – ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนตฺวา ทสฺเสถา’’ติ สุทฺโธทนมหาราเชน เปสิตานํ สหสฺสสหสฺสปริวารานํ ทสนฺนํ ทูตานํ สพฺพปจฺฉโต คนฺตฺวา อรหตฺตปฺปตฺเตน กาฬุทายิตฺเถเรน คมนกาลํ ตฺวา มคฺควณฺณํ วณฺเณตฺวา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ¶ กปิลปุรํ นีโต าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ อตฺถุปฺปตฺตึ กตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ, ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา, ‘‘ธมฺมฺจเร’’ติ (ธ. ป. ๑๖๙) คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล, ราชานฺจ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปสิ. ภตฺตกิจฺจาวสาเน ปน ราหุลมาตุคุณกถํ นิสฺสาย จนฺทกินฺนรีชาตกํ (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) กเถตฺวา ตโต ตติยทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ ปวตฺตมาเนสุ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นนฺทกุมารสฺส หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา มงฺคลํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมนฺโต นนฺทกุมารสฺส หตฺถโต ปตฺตํ น คณฺหิ. โสปิ ตถาคตคารเวน ‘‘ปตฺตํ โว, ภนฺเต, คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ นาสกฺขิ. เอวํ ปน จินฺเตสิ – ‘‘โสปานสีเส ปตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺมิมฺปิ าเน น คณฺหิ. อิตโร ‘‘โสปานปาทมูเล คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น ¶ คณฺหิ. อิตโร ‘‘ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. กุมาโร นิวตฺติตุกาโม อรุจิยา คจฺฉนฺโต สตฺถุคารเวน ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ น สกฺโกติ. ‘‘อิธ คณฺหิสฺสติ, เอตฺถ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต คจฺฉติ.
ตสฺมึ ขเณ อฺา อิตฺถิโย ตํ ทิสฺวา ชนปทกลฺยาณิยา อาจิกฺขึสุ – ‘‘อยฺเย, ภควา นนฺทกุมารํ คเหตฺวา คโต, ตุมฺเหหิ ตํ วินา กริสฺสตี’’ติ. สา อุทกพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตเหว อฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ เวเคน คนฺตฺวา, ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. ตํ ตสฺสา วจนํ ตสฺส หทเย ติริยํ ปติตฺวา วิย ิตํ. สตฺถาปิสฺส หตฺถโต ปตฺตํ อคฺคณฺหิตฺวาว ตํ วิหารํ เนตฺวา, ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ นนฺทา’’ติอาห. โส พุทฺธคารเวน ‘‘น ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อวตฺวา, ‘‘อาม, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เตน หิ นนฺทํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาห. สตฺถา กปิลปุรํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสิ.
สตฺตเม ¶ ทิวเส ราหุลมาตา กุมารํ อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘ปสฺส, ตาต, เอตํ วีสติสหสฺสสมณปริวุตํ สุวณฺณวณฺณํ พฺรหฺมรูปิวณฺณํ สมณํ, อยํ เต ปิตา, เอตสฺส มหนฺตา นิธิกุมฺภิโย อเหสุํ. ตฺยาสฺส นิกฺขมนโต ปฏฺาย น ปสฺสาม, คจฺฉ นํ ทายชฺชํ ยาจสฺสุ – ‘อหํ ¶ , ตาต, กุมาโร, อภิเสกํ ปตฺวา จกฺกวตฺตี ภวิสฺสามิ, ธเนน เม อตฺโถ, ธนํ เม เทหิ. สามิโก หิ ปุตฺโต ปิตุสนฺตกสฺสา’’’ติ. กุมาโร ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวาว ปิตุสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา หฏฺจิตฺโต ‘‘สุขา เต, สมณ, ฉายา’’ติ วตฺวา อฺมฺปิ ¶ พหุํ อตฺตโน อนุรูปํ วทนฺโต อฏฺาสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. กุมาโรปิ ‘‘ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหิ, ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี’’ติ ภควนฺตํ อนุพนฺธิ. ภควาปิ กุมารํ น นิวตฺตาเปสิ. ปริชโนปิ ภควตา สทฺธึ คจฺฉนฺตํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อิติ โส ภควตา สทฺธึ อารามเมว อคมาสิ.
ตโต ภควา จินฺเตสิ – ‘‘ยํ อยํ ปิตุสนฺตกํ ธนํ อิจฺฉติ, ตํ วฏฺฏานุคตํ สวิฆาตํ, หนฺทสฺส โพธิตเล ปฏิลทฺธํ สตฺตวิธํ อริยธนํ เทมิ, โลกุตฺตรทายชฺชสฺส นํ สามิกํ กโรมี’’ติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชหี’’ติ. เถโร กุมารํ ปพฺพาเชสิ. ปพฺพชิเต จ ปน กุมาเร รฺโ อธิมตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชิ. ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ภควโต นิเวเทตฺวา, ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อยฺยา, มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชยฺยุ’’นฺติ วรํ ยาจิ. ภควา ตสฺส ตํ วรํ ทตฺวา ปุเนกทิวสํ ราชนิเวสเน กตปาตราโส เอกมนฺตํ นิสินฺเนน รฺา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘ปุตฺโต เต กาลกโต’ติ อาห. อหํ ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต ‘น มยฺหํ ปุตฺโต โพธึ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ปฏิกฺขิปิ’’นฺติ วุตฺเต – ‘‘อิทานิ กึ สทฺทหิสฺสถ, ปุพฺเพปิ อฏฺิกานิ ทสฺเสตฺวา, ‘ปุตฺโต เต มโต’ติ วุตฺเต น สทฺทหิตฺวา’’ติ อิมิสฺสา อตฺถุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) กเถสิ. คาถาปริโยสาเน ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. อิติ ภควา ปิตรํ ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ¶ ปุนเทว ราชคหํ คนฺตฺวา ตโต อนาถปิณฺฑิเกน สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย คหิตปฏิฺโ นิฏฺิเต เชตวเน วิหาเร ตตฺถ คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสิ.
เอวํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต อายสฺมา นนฺโท อุกฺกณฺิตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘‘อนภิรโต อหํ, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น ¶ สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติ. ภควา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, นนฺท, สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ เอวํ อาโรเจสิ ¶ – ‘อนภิรโต, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ, นนฺท, อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรสิ, น สกฺโกสิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสสี’’ติ? ‘‘สากิยานี มํ, ภนฺเต, ชนปทกลฺยาณี ฆรา นิกฺขมนฺตสฺส อฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ อปโลเกตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’ติ, โส โข อหํ, ภนฺเต, ตํ อนุสฺสรมาโน อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติ.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ พาหายํ คเหตฺวา อิทฺธิพเลน ตาวตึสเทวโลกํ อาเนนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ ฌามกฺเขตฺเต ฌามขาณุเก นิสินฺนํ ฉินฺนกณฺณนาสนงฺคุฏฺํ เอกํ ปลุฏฺมกฺกฏึ ทสฺเสตฺวา ตาวตึสภวเน สกฺกสฺส เทวรฺโ อุปฏฺานํ อาคตานิ กกุฏปาทานิ ปฺจ อจฺฉราสตานิ ทสฺเสสิ. กกุฏปาทานีติ ¶ รตฺตวณฺณตาย ปาเรวตปาทสทิสปาทานิ. ทสฺเสตฺวา จ ปนาห – ‘‘ตํ กึ มฺสิ, นนฺท, กตมา นุ โข อภิรูปตรา วา ทสฺสนียตรา วา ปาสาทิกตรา วา สากิยานี วา ชนปทกลฺยาณี, อิมานิ วา ปฺจ อจฺฉราสตานิ กกุฏปาทานี’’ติ? ตํ สุตฺวา อาห – ‘‘เสยฺยถาปิ สา, ภนฺเต, ฉินฺนกณฺณนาสนงฺคุฏฺา ปลุฏฺมกฺกฏี, เอวเมว โข, ภนฺเต, สากิยานี ชนปทกลฺยาณี, อิเมสํ ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ อุปนิธาย สงฺขฺยมฺปิ น อุเปติ, กลมฺปิ น อุเปติ, กลภาคมฺปิ น อุเปติ. อถ โข อิมาเนว ปฺจ อจฺฉราสตานิ อภิรูปตรานิ เจว ทสฺสนียตรานิ จ ปาสาทิกตรานิ จา’’ติ. ‘‘อภิรม, นนฺท, อภิรม, นนฺท, อหํ เต ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทาน’’นฺติ. ‘‘สเจ เม, ภนฺเต ภควา, ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทานํ, อภิรมิสฺสามหํ, ภนฺเต, ภควติ พฺรหฺมจริเย’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ คเหตฺวา ตตฺถ อนฺตรหิโต เชตวเนเยว ปาตุรโหสิ. อสฺโสสุํ โข ภิกฺขู, ‘‘อายสฺมา กิร นนฺโท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุตฺโต อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรติ. ภควา กิรสฺส ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทาน’’นฺติ. อถ โข อายสฺมโต นนฺทสฺส สหายกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ภตกวาเทน จ อุปกฺกิตกวาเทน จ สมุทาจรนฺติ, ‘‘ภตโก กิรายสฺมา นนฺโท, อุปกฺกิตโก กิรายสฺมา นนฺโท, อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรติ. ภควา กิรสฺส ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทาน’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา นนฺโท สหายกานํ ภิกฺขูนํ ¶ ภตกวาเทน จ อุปกฺกิตกวาเทน จ อฏฺฏิยมาโน หรายมาโน ชิคุจฺฉมาโน ¶ เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต น จิรสฺเสว ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ, ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ โข ปนายสฺมา นนฺโท อรหตํ อโหสิ.
อเถกา เทวตา รตฺติภาเค สกลํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อาโรเจสิ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, นนฺโท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุตฺโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ. ภควโตปิ โข าณํ อุทปาทิ ‘‘นนฺโท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ. โสปายสฺมา นนฺโท ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘ยํ เม, ภนฺเต, ภควา ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทานํ, มฺุจามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ. ‘‘มยาปิ โข เต, นนฺท, เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต ‘นนฺโท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ¶ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘อายสฺมา, ภนฺเต, นนฺโท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. ยเทว โข เต, นนฺท, อนุปาทาย อาสเวหิ ¶ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, อถาหํ มุตฺโต เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ยสฺส นิตฺติณฺโณ ปงฺโก, มทฺทิโต กามกณฺฏโก;
โมหกฺขยํ อนุปฺปตฺโต, สุขทุกฺเขสุ น เวธตี ส ภิกฺขู’’ติ. (อุทา. ๒๒);
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อาวุโส นนฺท, ปุพฺเพ ตฺวํ ‘อุกฺกณฺิโตมี’ติ วเทสิ, อิทานิ เต กถ’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ เม, อาวุโส, คิหิภาวาย อาลโย’’ติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู – ‘‘อภูตํ อายสฺมา นนฺโท กเถติ, อฺํ พฺยากโรติ, อตีตทิวเสสุ ‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’ติ วตฺวา อิทานิ ‘นตฺถิ เม คิหิภาวาย อาลโย’ติ กเถตี’’ติ คนฺตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘ภิกฺขเว, อตีตทิวเสสุ นนฺทสฺส อตฺตภาโว ทุจฺฉนฺนเคหสทิโส อโหสิ, อิทานิ สุจฺฉนฺนเคหสทิโส ชาโต. อยฺหิ ทิพฺพจฺฉรานํ ¶ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ปพฺพชิตกิจฺจสฺส มตฺถกํ ปาเปตุํ ¶ วายมนฺโต ตํ กิจฺจํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยถา อคารํ ทุจฺฉนฺนํ, วุฏฺี สมติวิชฺฌติ;
เอวํ อภาวิตํ จิตฺตํ, ราโค สมติวิชฺฌติ.
‘‘ยถา อคารํ สุจฺฉนฺนํ, วุฏฺี น สมติวิชฺฌติ;
เอวํ สุภาวิตํ จิตฺตํ, ราโค น สมติวิชฺฌตี’’ติ.
ตตฺถ อคารนฺติ ยํกิฺจิ เคหํ. ทุจฺฉนฺนนฺติ วิรฬจฺฉนฺนํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ. สมติวิชฺฌตีติ วสฺสวุฏฺิ วินิวิชฺฌติ. อภาวิตนฺติ ตํ อคารํ วุฏฺิ วิย ภาวนาย รหิตตฺตา อภาวิตํ จิตฺตํ ราโค สมติ วิชฺฌติ. น เกวลํ ราโคว, โทสโมหมานาทโย สพฺพกิเลสา ตถารูปํ จิตฺตํ อติวิย วิชฺฌนฺติเยว. สุภาวิตนฺติ สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ สุภาวิตํ. เอวรูปํ จิตฺตํ สุจฺฉนฺนํ เคหํ วุฏฺิ วิย ราคาทโย กิเลสา อติวิชฺฌิตุํ น สกฺโกนฺตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. มหาชนสฺส เทสนา สาตฺถิกา อโหสิ.
อถ โข ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, พุทฺธา นาม อจฺฉริยา, ชนปทกลฺยาณึ นิสฺสาย อุกฺกณฺิโต นามายสฺมา นนฺโท ¶ สตฺถารา เทวจฺฉรา อามิสํ กตฺวา วินีโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ¶ , ปุพฺเพเปส มยา มาตุคาเมน ปโลเภตฺวา วินีโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิวาสี กปฺปโฏ นาม วาณิโช อโหสิ. ตสฺเสโก คทฺรโภ กุมฺภภารํ วหติ, เอกทิวเสน สตฺต โยชนานิ คจฺฉติ. โส เอกสฺมึ สมเย คทฺรภภารเกหิ สทฺธึ ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ยาว ภณฺฑสฺส วิสฺสชฺชนํ, ตาว คทฺรภํ จริตุํ วิสฺสชฺเชสิ. อถสฺส โส คทฺรโภ ปริขาปิฏฺเ จรมาโน เอกํ คทฺรภึ ทิสฺวา อุปสงฺกมิ. สา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺตี อาห – ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘พาราณสิโต’’ติ. ‘‘เกน กมฺเมนา’’ติ? ‘‘วาณิชฺชกมฺเมนา’’ติ. ‘‘กิตฺตกํ ภารํ วหสี’’ติ ¶ ? ‘‘กุมฺภภาร’’นฺติ? ‘‘เอตฺตกํ ภารํ วหนฺโต กติ โยชนานิ คจฺฉสี’’ติ? ‘‘สตฺต โยชนานี’’ติ. ‘‘คตคตฏฺาเน เต กาจิ ปาทปริกมฺมปิฏฺิปริกมฺมกรา อตฺถี’’ติ? ‘‘นตฺถี’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต มหาทุกฺขํ นาม อนุโภสี’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ หิ ติรจฺฉานคตานํ ปาทปริกมฺมาทิการกา นาม นตฺถิ, กามสํโยชนฆฏฺฏนตฺถาย ปน เอวรูปํ กถํ กเถสิ’’? โส ตสฺสา กถาย อุกฺกณฺิ. กปฺปโฏปิ ภณฺฑํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา – ‘‘เอหิ, ตาต, คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ คมิสฺสามี’’ติ. อถ นํ ¶ ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา, ‘‘อนิจฺฉนฺตํ ปริภาเสตฺวา นํ เนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา คาถมาห –
‘‘ปโตทํ เต กริสฺสามิ, สาฬสงฺคุลิกณฺฏกํ;
สฺฉินฺทิสฺสามิ เต กายํ, เอวํ ชานาหิ คทฺรภา’’ติ.
ตํ สุตฺวา คทฺรโภ ‘‘เอวํ สนฺเต อหมฺปิ เต กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปโตทํ เม กริสฺสสิ, โสฬสงฺคุลิกณฺฏกํ;
ปุรโต ปติฏฺหิตฺวาน, อุทฺธริตฺวาน ปจฺฉโต;
ทนฺตํ เต ปาตยิสฺสามิ, เอวํ ชานาหิ กปฺปฏา’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา วาณิโช – ‘‘เกน นุ โข การเณน เอส เอวํ วทตี’’ติ จินฺเตตฺวา, อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ตํ คทฺรภึ ทิสฺวา, ‘‘อิมาเยส เอวํ สิกฺขาปิโต ภวิสฺสติ, ‘เอวรูปึ นาม เต คทฺรภึ อาเนสฺสามี’ติ มาตุคาเมน นํ ปโลเภตฺวา เนสฺสามี’’ติ อิมํ คาถมาห –
‘‘จตุปฺปทึ สงฺขมุขึ, นารึ สพฺพงฺคโสภินึ;
ภริยํ เต อานยิสฺสามิ, เอวํ ชานาหิ คทฺรภา’’ติ.
ตํ สุตฺวา ตุฏฺจิตฺโต คทฺรโภ อิมํ คาถมาห –
‘‘จตุปฺปทึ สงฺขมุขึ, นารึ สพฺพงฺคโสภินึ;
ภริยํ เม อานยิสฺสสิ, เอวํ ชานาหิ กปฺปฏ;
กปฺปฏ ภิยฺโย คมิสฺสามิ, โยชนานิ จตุทฺทสา’’ติ.
อถ ¶ ¶ นํ กปฺปโฏ, ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ คเหตฺวา สกฏฺานํ อคมาสิ. โส กติปาหจฺจเยน นํ อาห – ‘‘นนุ มํ ตุมฺเห ‘ภริยํ เต อานยิสฺสามี’ติ อโวจุตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, วุตฺตํ, นาหํ อตฺตโน กถํ ภินฺทิสฺสามิ, ภริยํ เต อาเนสฺสามิ, เวตนํ ปน ตุยฺหํ เอกกสฺเสว ทสฺสามิ, ตุยฺหํ เวตนํ ทุติยสฺส ปโหตุ วา มา วา, ตฺวเมว ชาเนยฺยาสิ. อุภินฺนํ ปน โว สํวาสมนฺวาย ปุตฺตา วิชายิสฺสนฺติ, เตหิปิ พหูหิ สทฺธึ ตุยฺหํ ตํ ปโหตุ วา มา วา, ตฺวเมว ชาเนยฺยาสี’’ติ. คทฺรโภ ตสฺมึ กเถนฺเตเยว อนเปกฺโข อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, คทฺรภี ชนปทกลฺยาณี อโหสิ, คทฺรโภ นนฺโท, วาณิโช อหเมว. เอวํ ปุพฺเพเปส มยา มาตุคาเมน ปโลเภตฺวา วินีโต’’ติ ชาตกํ นิฏฺาเปสีติ.
นนฺทตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
๑๐. จุนฺทสูกริกวตฺถุ
อิธ โสเจตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต จุนฺทสูกริกํ นาม ปุริสํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ สูกเร วธิตฺวา ขาทนฺโต จ วิกฺกิณนฺโต จ ชีวิกํ กปฺเปสิ. ฉาตกาเล สกเฏน วีหึ อาทาย ชนปทํ คนฺตฺวา เอกนาฬิทฺเวนาฬิมตฺเตน คามสูกรโปตเก ¶ กิณิตฺวา สกฏํ ปูเรตฺวา อาคนฺตฺวา ปจฺฉานิเวสเน วชํ วิย เอกํ านํ ปริกฺขิปิตฺวา ตตฺเถว เตสํ นิวาปํ โรเปตฺวา, เตสุ นานาคจฺเฉ จ สรีรมลฺจ ขาทิตฺวา วฑฺฒิเตสุ ยํ ยํ มาเรตุกาโม โหติ, ตํ ตํ อาฬาเน นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา สรีรมํสสฺส อุทฺธุมายิตฺวา พหลภาวตฺถํ จตุรสฺสมุคฺคเรน โปเถตฺวา, ‘‘พหลมํโส ชาโต’’ติ ตฺวา มุขํ วิวริตฺวา อนฺตเร ทณฺฑกํ ทตฺวา โลหถาลิยา ปกฺกุถิตํ อุณฺโหทกํ มุเข อาสิฺจติ. ตํ กุจฺฉึ ปวิสิตฺวา ปกฺกุถิตํ กรีสํ อาทาย อโธภาเคน นิกฺขมติ, ยาว โถกมฺปิ กรีสํ อตฺถิ, ตาว อาวิลํ หุตฺวา นิกฺขมติ, สุทฺเธ อุทเร อจฺฉํ อนาวิลํ หุตฺวา นิกฺขมติ. อถสฺส อวเสสํ อุทกํ ปิฏฺิยํ อาสิฺจติ. ตํ กาฬจมฺมํ อุปฺปาเฏตฺวา คจฺฉติ. ตโต ติณุกฺกาย โลมานิ ฌาเปตฺวา ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺทติ. ปคฺฆรณตํ โลหิตํ ภาชเนน ปฏิคฺคเหตฺวา มํสํ โลหิเตน มทฺทิตฺวา ปจิตฺวา ปุตฺตทารมชฺเฌ นิสินฺโน ขาทิตฺวา เสสํ วิกฺกิณาติ. ตสฺส อิมินาว นิยาเมน ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ ¶ . ตถาคเต ธุรวิหาเร วสนฺเต เอกทิวสมฺปิ ปุปฺผมุฏฺิมตฺเตน ปูชา วา กฏจฺฉุมตฺตํ ภิกฺขทานํ วา อฺํ วา กิฺจิ ปฺุํ นาม นาโหสิ. อถสฺส สรีเร โรโค อุปฺปชฺชิ, ชีวนฺตสฺเสว ¶ อวีจิมหานิรยสนฺตาโป อุปฏฺหิ. อวีจิสนฺตาโป นาม โยชนสเต ตฺวา โอโลเกนฺตสฺส อกฺขีนํ ภิชฺชนสมตฺโถ ปริฬาโห โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสายุตา;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๖๗; อ. นิ. ๓.๓๖);
นาคเสนตฺเถเรน ปนสฺส ปากติกคฺคิสนฺตาปโต อธิมตฺตตาย อยํ อุปมา วุตฺตา – ‘‘ยถา, มหาราช, กูฏาคารมตฺโต ปาสาโณปิ เนรยิกคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺโต ขเณน วิลยํ คจฺฉติ, นิพฺพตฺตสตฺตา ปเนตฺถ กมฺมพเลน ¶ มาตุกุจฺฉิคตา วิย น วิลียนฺตี’’ติ (มิ. ป. ๒.๔.๖). ตสฺส ตสฺมึ สนฺตาเป อุปฏฺิเต กมฺมสริกฺขโก อากาโร อุปฺปชฺชิ. เคหมชฺเฌเยว สูกรรวํ รวิตฺวา ชณฺณุเกหิ วิจรนฺโต ปุรตฺถิมวตฺถุมฺปิ ปจฺฉิมวตฺถุมฺปิ คจฺฉติ. อถสฺส เคหมานุสกา ตํ ทฬฺหํ คเหตฺวา มุขํ ปิทหนฺติ. กมฺมวิปาโก นาม น สกฺกา เกนจิ ปฏิพาหิตุํ. โส วิรวนฺโตว อิโต จิโต จ วิจรติ. สมนฺตา สตฺตสุ ฆเรสุ มนุสฺสา นิทฺทํ น ลภนฺติ. มรณภเยน ตชฺชิตสฺส ปน พหินิกฺขมนํ นิวาเรตุํ อสกฺโกนฺโต สพฺโพ เคหชโน ยถา อนฺโติโต พหิ วิจริตุํ น สกฺโกติ, ตถา เคหทฺวารานิ ถเกตฺวา พหิเคหํ ปริวาเรตฺวา รกฺขนฺโต อจฺฉติ. อิตโร อนฺโตเคเหเยว นิรยสนฺตาเปน วิรวนฺโต อิโต จิโต จ วิจรติ. เอวํ สตฺตทิวสานิ วิจริตฺวา อฏฺเม ทิวเส กาลํ กตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ. อวีจิมหานิรโย เทวทูตสุตฺเตน (ม. นิ. ๓.๒๖๑ อาทโย; อ. นิ. ๓.๓๖) วณฺเณตพฺโพติ.
ภิกฺขู ตสฺส ฆรทฺวาเรน คจฺฉนฺตา ¶ ตํ สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘สูกรสทฺโท’’ติ สฺิโน หุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺนา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, จุนฺทสูกริตสฺส เคหทฺวารํ ปิทหิตฺวา สูกรานํ มาริยมานานํ อชฺช สตฺตโม ทิวโส, เคเห กาจิ มงฺคลกิริยา ภวิสฺสติ มฺเ. เอตฺตเก นาม, ภนฺเต, สูกเร มาเรนฺตสฺส เอกมฺปิ เมตฺตจิตฺตํ วา การฺุํ วา นตฺถิ, น วต โน เอวรูโป กกฺขโฬ ผรุโส สตฺโต ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. สตฺถา – ‘‘น, ภิกฺขเว, โส อิเม สตฺตทิวเส สูกเร มาเรติ, กมฺมสริกฺขกํ ปนสฺส วิปากํ อุทปาทิ, ชีวนฺตสฺเสว อวีจิมหานิรยสนฺตาโป อุปฏฺาสิ. โส เตน สนฺตาเปน สตฺต ทิวสานิ สูกรรวํ ¶ รวนฺโต อนฺโตนิเวสเน วิจริตฺวา อชฺช กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิธ โลเก เอวํ โสจิตฺวา ปุน คนฺตฺวา โสจนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺโต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ปมตฺตา นาม คหฏฺา วา โหนฺตุ ปพฺพชิตา วา, อุภยตฺถ โสจนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ,
ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ;
โส โสจติ โส วิหฺติ;
ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปาปการีติ นานปฺปการสฺส ปาปกมฺมสฺส การโก ปุคฺคโล ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, กตํ ปาป’’นฺติ เอกํเสเนว มรณสมเย อิธ โสจติ, อิทมสฺส กมฺมโสจนํ. วิปากํ อนุภวนฺโต ปน เปจฺจ โสจติ. อิทมสฺส ปรโลเก วิปากโสจนํ. เอวํ โส อุภยตฺถ โสจติเยว. เตเนว การเณน ชีวมาโนเยว โส จุนฺทสูกริโกปิ โสจติ. ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺนฺติ ¶ อตฺตโน กิลิฏฺกมฺมํ ปสฺสิตฺวา นานปฺปการกํ วิลปนฺโต วิหฺตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
จุนฺทสูกริกวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. ธมฺมิกอุปาสกวตฺถุ
อิธ โมทตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมิกอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา ธมฺมิกอุปาสกา นาม อเหสุํ. เตสุ เอเกกสฺส ปฺจ ปฺจ อุปาสกสตานิ ปริวารา. โย เตสํ เชฏฺโก, ตสฺส สตฺต ปุตฺตา สตฺต ธีตโร. เตสุ เอเกกสฺส เอเกกา สลากยาคุ สลากภตฺตํ ปกฺขิกภตฺตํ นิมนฺตนภตฺตํ อุโปสถิกภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ วสฺสาวาสิกํ อโหสิ. เตปิ สพฺเพว อนุชาตปุตฺตา นาม อเหสุํ. อิติ จุทฺทสนฺนํ ปุตฺตานํ ภริยาย อุปาสกสฺสาติ โสฬส สลากยาคุอาทีนิ ปวตฺตนฺติ. อิติ โส สปุตฺตทาโร สีลวา ¶ กลฺยาณธมฺโม ทานสํวิภาครโต อโหสิ. อถสฺส อปรภาเค โรโค อุปฺปชฺชิ, อายุสงฺขาโร ปริหายิ. โส ธมฺมํ ¶ โสตุกาโม ‘‘อฏฺ วา เม โสฬส วา ภิกฺขู เปเสถา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ ปหิณิ. สตฺถา เปเสสิ. เต คนฺตฺวา ตสฺส มฺจํ ปริวาเรตฺวา ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ นิสินฺนา. ‘‘ภนฺเต, อยฺยานํ เม ทสฺสนํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสติ, ทุพฺพโลมฺหิ, เอกํ เม สุตฺตํ สชฺฌายถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กตรํ สุตฺตํ โสตุกาโม อุปาสกา’’ติ? ‘‘สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ สติปฏฺานสุตฺต’’นฺติ วุตฺเต – ‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ ¶ (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖) สุตฺตนฺตํ ปฏฺเปสุํ. ตสฺมึ ขเณ ฉหิ เทวโลเกหิ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา สหสฺสสินฺธวยุตฺตา ทิยฑฺฒโยชนสติกา ฉ รถา อาคมึสุ. เตสุ ิตา เทวตา ‘‘อมฺหากํ เทวโลกํ เนสฺสาม, อมฺหากํ เทวโลกํ เนสฺสาม, อมฺโภ มตฺติกภาชนํ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณภาชนํ คณฺหนฺโต วิย อมฺหากํ เทวโลเก อภิรมิตุํ อิธ นิพฺพตฺตาหิ, อมฺหากํ เทวโลเก อภิรมิตุํ อิธ นิพฺพตฺตาหี’’ติ วทึสุ. อุปาสโก ธมฺมสฺสวนนฺตรายํ อนิจฺฉนฺโต – ‘‘อาคเมถ อาคเมถา’’ติ อาห. ภิกฺขู ‘‘อมฺเห วาเรตี’’ติ สฺาย ตุณฺหี อเหสุํ.
อถสฺส ปุตฺตธีตโร ‘‘อมฺหากํ ปิตา ปุพฺเพ ธมฺมสฺสวเนน อติตฺโต อโหสิ, อิทานิ ปน ภิกฺขู ปกฺโกสาเปตฺวา สชฺฌายํ กาเรตฺวา สยเมว วาเรติ, มรณสฺส อภายนกสตฺโต นาม นตฺถี’’ติ วิรวึสุ. ภิกฺขู ‘‘อิทานิ อโนกาโส’’ติ อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ. อุปาสโก โถกํ วีตินาเมตฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา ปุตฺเต ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา กนฺทถา’’ติ? ‘‘ตาต, ตุมฺเห ภิกฺขู ปกฺโกสาเปตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตา สยเมว วารยิตฺถ, อถ มยํ ‘มรณสฺส อภายนกสตฺโต นาม นตฺถี’ติ กนฺทิมฺหา’’ติ ¶ . ‘‘อยฺยา ปน กุหิ’’นฺติ? ‘‘‘อโนกาโส’ติ อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺตา, ตาตา’’ติ. ‘‘นาหํ, อยฺเยหิ สทฺธึ กเถมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อถ เกน สทฺธึ กเถถา’’ติ. ‘‘ฉหิ เทวโลเกหิ เทวตา ฉ รเถ อลงฺกริตฺวา อาทาย อากาเส ตฺวา ‘อมฺหาหิ เทวโลเก อภิรม, อมฺหากํ เทวโลเก อภิรมา’ติ สทฺทํ กโรนฺติ, ตาหิ สทฺธึ กเถมี’’ติ. ‘‘กุหึ, ตาต, รถา, น มยํ ปสฺสามา’’ติ? ‘‘อตฺถิ ปน มยฺหํ คนฺถิตานิ ปุปฺผานี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ตาตา’’ติ. ‘‘กตโร เทวโลโก รมณีโย’’ติ? ‘‘สพฺพโพธิสตฺตานํ พุทฺธมาตาปิตูนฺจ วสิตฏฺานํ ตุสิตภวนํ รมณียํ, ตาตา’’ติ. ‘‘เตน หิ ‘ตุสิตภวนโต อาคตรเถ ลคฺคตู’ติ ปุปฺผทามํ ขิปถา’’ติ. เต ขิปึสุ. ตํ รถธุเร ลคฺคิตฺวา อากาเส โอลมฺพิ. มหาชโน ตเทว ปสฺสติ, รถํ น ปสฺสติ. อุปาสโก ‘‘ปสฺสเถตํ ปุปฺผทาม’’นฺติ วตฺวา, ‘‘อาม, ปสฺสามา’’ติ วุตฺเต – ‘‘เอตํ ตุสิตภวนโต อาคตรเถ โอลมฺพติ, อหํ ตุสิตภวนํ คจฺฉามิ ¶ , ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถ, มม สนฺติเก นิพฺพตฺติตุกามา หุตฺวา มยา กตนิยาเมเนว ปฺุานิ กโรถา’’ติ วตฺวา กาลํ กตฺวา รเถ ปติฏฺาสิ.
ตาวเทวสฺส ¶ ติคาวุตปฺปมาโณ สฏฺิสกฏภาราลงฺการปฏิมณฺฑิโต อตฺตภาโว นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสํ ปริวาเรสิ, ปฺจวีสติโยชนิกํ กนกวิมานํ ปาตุรโหสิ. เตปิ ภิกฺขู วิหารํ อนุปฺปตฺเต สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘สุตา, ภิกฺขเว, อุปาสเกน ธมฺมเทสนา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อนฺตราเยว ปน ‘อาคเมถา’ติ วาเรสิ. อถสฺส ปุตฺตธีตโร กนฺทึสุ ¶ . มยํ ‘อิทานิ อโนกาโส’ติ อุฏฺายาสนา นิกฺขนฺตา’’ติ. ‘‘น โส, ภิกฺขเว, ตุมฺเหหิ สทฺธึ กเถสิ, ฉหิ เทวโลเกหิ เทวตา ฉ รเถ อลงฺกริตฺวา อาหริตฺวา ตํ อุปาสกํ ปกฺโกสึสุ. โส ธมฺมเทสนาย อนฺตรายํ อนิจฺฉนฺโต ตาหิ สทฺธึ กเถสี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อิทานิ กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ? ‘‘ตุสิตภวเน, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิทานิ อิธ าติมชฺเฌ โมทมาโน วิจริตฺวา อิทาเนว คนฺตฺวา ปุน โมทนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา หิ คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา สพฺพตฺถ โมทนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ โมทติ เปจฺจ โมทติ,
กตปฺุโ อุภยตฺถ โมทติ;
โส โมทติ โส ปโมทติ,
ทิสฺวา กมฺมวิสุทฺธิมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ กตปฺุโติ นานปฺปการสฺส กุสลสฺส การโก ปุคฺคโล ‘‘อกตํ วต เม ปาปํ, กตํ เม กลฺยาณ’’นฺติ อิธ กมฺมโมทเนน, เปจฺจ วิปากโมทเนน โมทติ. เอวํ อุภยตฺถ โมทติ นาม. กมฺมวิสุทฺธินฺติ ธมฺมิกอุปาสโกปิ อตฺตโน กมฺมวิสุทฺธึ ปฺุกมฺมสมฺปตฺตึ ทิสฺวา กาลกิริยโต ปุพฺเพ อิธโลเกปิ โมทติ, กาลํ กตฺวา อิทานิ ปรโลเกปิ อติโมทติเยวาติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
ธมฺมิกอุปาสกวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. เทวทตฺตวตฺถุ
อิธ ¶ ¶ ¶ ตปฺปตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
เทวทตฺตสฺส วตฺถุ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ยาว ปถวิปฺปเวสนา เทวทตฺตํ อารพฺภ ภาสิตานิ สพฺพานิ ชาตกานิ วิตฺถาเรตฺวา กถิตํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – สตฺถริ อนุปิยํ นาม มลฺลานํ นิคโม อตฺถิ. ตํ นิสฺสาย อนุปิยมฺพวเน วิหรนฺเตเยว ตถาคตสฺส ลกฺขณปฏิคฺคหณทิวเสเยว อสีติสหสฺเสหิ าติกุเลหิ ‘‘ราชา วา โหตุ, พุทฺโธ วา, ขตฺติยปริวาโรว วิจริสฺสตี’’ติ อสีติสหสฺสปุตฺตา ปฏิฺาตา. เตสุ เยภุยฺเยน ปพฺพชิเตสุ ภทฺทิยํ นาม ราชานํ, อนุรุทฺธํ, อานนฺทํ, ภคุํ, กิมิลํ, เทวทตฺตนฺติ อิเม ฉ สกฺเย อปพฺพชนฺเต ทิสฺวา, ‘‘มยํ อตฺตโน ปุตฺเต ปพฺพาเชม, อิเม ฉ สกฺยา น าตกา มฺเ, กสฺมา น ปพฺพชนฺตี’’ติ? กถํ สมุฏฺาเปสุํ. อถ โข มหานาโม สกฺโย อนุรุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ตาต, อมฺหากํ กุลา ปพฺพชิโต นตฺถิ, ตฺวํ วา ปพฺพช, อหํ วา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. โส ปน สุขุมาโล โหติ สมฺปนฺนโภโค, ‘‘นตฺถี’’ติ วจนมฺปิ เตน น สุตปุพฺพํ. เอกทิวสฺหิ เตสุ ฉสุ ขตฺติเยสุ คุฬกีฬํ กีฬนฺเตสุ อนุรุทฺโธ ปูเวน ปราชิโต ปูวตฺถาย ปหิณิ, อถสฺส มาตา ปูเว สชฺเชตฺวา ปหิณิ ¶ . เต ขาทิตฺวา ปุน กีฬึสุ. ปุนปฺปุนํ ตสฺเสว ปราชโย โหติ. มาตา ปนสฺส ปหิเต ปหิเต ติกฺขตฺตุํ ปูเว ปหิณิตฺวา จตุตฺถวาเร ‘‘ปูวา นตฺถี’’ติ ปหิณิ. โส ‘‘นตฺถี’’ติ วจนสฺส อสุกปุพฺพตฺตา ‘‘เอสาเปกา ปูววิกติ ภวิสฺสตี’’ติ มฺมาโน ‘‘นตฺถิปูวํ เม อาหรถา’’ติ เปเสสิ. มาตา ปนสฺส ‘‘นตฺถิปูวํ กิร, อยฺเย, เทถา’’ติ วุตฺเต, ‘‘มม ปุตฺเตน ‘นตฺถี’ติ ปทํ น สุตปุพฺพํ, อิมินา ปน อุปาเยน นํ เอตมตฺถํ ชานาเปสฺสามี’’ติ ตุจฺฉํ สุวณฺณปาตึ อฺาย สุวณฺณปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา เปเสสิ. นครปริคฺคาหิกา เทวตา จินฺเตสุํ – ‘‘อนุรุทฺธสกฺเยน อนฺนภารกาเล อตฺตโน ภาคภตฺตํ อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ‘‘‘นตฺถี’ติ เม วจนสฺส สวนํ มา โหตุ, โภชนุปฺปตฺติฏฺานชานนํ มา ‘โหตู’ติ ปตฺถนา กตา, สจายํ ตุจฺฉปาตึ ปสฺสิสฺสติ, เทวสมาคมํ ปวิสิตุํ น ลภิสฺสาม, สีสมฺปิ โน สตฺตธา ผเลยฺยา’’ติ. อถ ¶ นํ ปาตึ ทิพฺพปูเวหิ ปุณฺณํ อกํสุ. กสฺสา คุฬมณฺฑเล เปตฺวา อุคฺฆาฏิตมตฺตาย ปูวคนฺโธ สกลนคเร ฉาเทตฺวา ิโต. ปูวขณฺฑํ มุเข ปิตมตฺตเมว สตฺตรสหรณีสหสฺสานิ อนุผริ.
โส จินฺเตสิ – ‘‘นาหํ มาตุ ปิโย, เอตฺตกํ เม กาลํ อิมํ นตฺถิปูวํ ¶ นาม น ปจิ, อิโต ปฏฺาย อฺํ ปูวํ นาม น ขาทิสฺสามี’’ติ, โส เคหํ คนฺตฺวาว มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม ¶ , ตุมฺหากํ อหํ ปิโย, อปฺปิโย’’ติ? ‘‘ตาต, เอกกฺขิโน อกฺขิ วิย จ หทยํ วิย จ อติวิย ปิโย เม อโหสี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา เอตฺตกํ กาลํ มยฺหํ นตฺถิ ปูวํ น ปจิตฺถ, อมฺมา’’ติ? สา จูฬูปฏฺากํ ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ กิฺจิ ปาติยํ, ตาตา’’ติ? ‘‘ปริปุณฺณา, อยฺเย, ปาติ ปูเวหิ, เอวรูปา ปูวา นาม เม น ทิฏฺปุพฺพา’’ติ อาโรเจสิ. สา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ปฺุวา กตาภินีหาโร ภวิสฺสติ, เทวตาหิ ปาตึ ปูเรตฺวา ปูวา ปหิตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘อถ นํ ปุตฺโต, อมฺม, อิโต ปฏฺายาหํ อฺํ ปูวํ นาม น ขาทิสฺสามิ, นตฺถิปูวเมว ปเจยฺยาสี’’ติ. สาปิสฺส ตโต ปฏฺาย ‘‘ปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติ วุตฺเต ตุจฺฉปาติเมว อฺาย ปาติยา ปฏิกุจฺฉิตฺวา เปเสสิ. ยาว อคารมชฺเฌ วสิ, ตาวสฺส เทวตาว ปูเว ปหิณึสุ.
โส เอตฺตกมฺปิ อชานนฺโต ปพฺพชฺชํ นาม กึ ชานิสฺสติ? ตสฺมา ‘‘กา เอสา ปพฺพชฺชา นามา’’ติ ภาตรํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โอหาริตเกสมสฺสุนา กาสายนิวตฺเถน กฏฺตฺถรเก วา พิทลมฺจเก วา นิปชฺชิตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺเตน วิหริตพฺพํ. เอสา ปพฺพชฺชา นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภาติก, อหํ สุขุมาโล. นาหํ สกฺขิสฺสามิ ปพฺพชิตุ’’นฺติ ¶ อาห. ‘‘เตน หิ, ตาต, กมฺมนฺตํ อุคฺคเหตฺวา ฆราวาสํ วส. น หิ สกฺกา อมฺเหสุ เอเกน อปพฺพชิตุ’’นฺติ. อถ นํ ‘‘โก เอส กมฺมนฺโต นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภตฺตุฏฺานฏฺานมฺปิ อชานนฺโต กุลปุตฺโต กมฺมนฺตํ นาม กึ ชานิสฺสตี’’ติ? เอกทิวสฺหิ ติณฺณํ ขตฺติยานํ กถา อุทปาทิ – ‘‘ภตฺตํ นาม กุหึ อุฏฺหตี’’ติ? กิมิโล อาห – ‘‘โกฏฺเ อุฏฺหตี’’ติ. อถ นํ ภทฺทิโย ‘‘ตฺวํ ภตฺตสฺส อุฏฺานฏฺานํ น ชานาสิ, ภตฺตํ นาม อุกฺขลิยํ อุฏฺหตี’’ติ อาห. อนุรุทฺโธ ‘‘ตุมฺเห ทฺเวปิ น ชานาถ, ภตฺตํ นาม รตนมกุฬาย สุวณฺณปาติยํ อุฏฺหตี’’ติ อาห.
เตสุ ¶ กิร เอกทิวสํ กิมิโล โกฏฺโต วีหี โอตาริยมาเน ทิสฺวา, ‘‘เอเต โกฏฺเเยว ชาตา’’ติ สฺี อโหสิ. ภทฺทิโย เอกทิวสํ อุกฺขลิโต ภตฺตํ วฑฺฒิยมานํ ทิสฺวา ‘‘อุกฺขลิยฺเว อุปฺปนฺน’’นฺติ สฺี อโหสิ. อนุรุทฺเธน ปน เนว วีหี โกฏฺเฏนฺตา, น ภตฺตํ ปจนฺตา, น วฑฺเฒนฺตา ทิฏฺปุพฺพา, วฑฺเฒตฺวา ปน ปุรโต ปิตเมว ปสฺสติ. โส ภฺุชิตุกามกาเล ‘‘ภตฺตํ ปาติยํ อุฏฺหตี’’ติ สฺมกาสิ. เอวํ ตโยปิ เต ภตฺตุฏฺานฏฺานํ น ชานนฺติ. เตนายํ ‘‘โก เอส กมฺมนฺโต นามา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ปมํ เขตฺตํ กสาเปตพฺพ’’นฺติอาทิกํ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร กตฺตพฺพํ กิจฺจํ สุตฺวา, ‘‘กทา กมฺมนฺตานํ อนฺโต ปฺายิสฺสติ, กทา มยํ อปฺโปสฺสุกฺกา โภเค ภฺุชิสฺสามา’’ติ วตฺวา กมฺมนฺตานํ อปริยนฺตตาย อกฺขาตาย ‘‘เตน หิ ตฺวฺเว ฆราวาสํ วส, น มยฺหํ เอเตนตฺโถ’’ติ มาตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ¶ , ‘‘อนุชานาหิ มํ, อมฺม, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาย นานปฺปกาเรหิ ติกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา, ‘‘สเจ เต สหายโก ภทฺทิยราชา ปพฺพชิสฺสติ, เตน สทฺธึ ปพฺพชาหี’’ติ วุตฺเต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘มม โข, สมฺม, ปพฺพชฺชา ตว ปฏิพทฺธา’’ติ วตฺวา ตํ นานปฺปกาเรหิ สฺาเปตฺวา สตฺตเม ทิวเส อตฺตนา สทฺธึ ปพฺพชนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหิ.
ตโต ภทฺทิโย สกฺยราชา อนุรุทฺโธ อานนฺโท ภคุ กิมิโล เทวทตฺโตติ อิเม ฉ ขตฺติยา อุปาลิกปฺปกสตฺตมา เทวา วิย ทิพฺพสมฺปตฺตึ สตฺตาหํ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อุยฺยานํ คจฺฉนฺตา วิย จตุรงฺคินิยา เสนาย นิกฺขมิตฺวา ปรวิสยํ ปตฺวา ราชาณาย เสนํ นิวตฺตาเปตฺวา ปรวิสยํ โอกฺกมึสุ. ตตฺถ ฉ ขตฺติยา อตฺตโน อตฺตโน อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา, ‘‘หนฺท ภเณ, อุปาลิ, นิวตฺตสฺสุ, อลํ เต เอตฺตกํ ชีวิกายา’’ติ ตสฺส อทํสุ. โส เตสํ ปาทมูเล ปริวตฺติตฺวา ปริเทวิตฺวา เตสํ อาณํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต อุฏฺาย ตํ คเหตฺวา นิวตฺติ. เตสํ ทฺวิธา ชาตกาเล, วนํ อาโรทนปฺปตฺตํ วิย ปถวีกมฺปมานาการปฺปตฺตา วิย อโหสิ. อุปาลิ กปฺปโกปิ โถกํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา ‘‘จณฺฑา โข สากิยา, ‘อิมินา กุมารา นิปฺปาติตา’ติ ฆาเตยฺยุมฺปิ มํ. อิเม หิ นาม สกฺยกุมารา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ปหาย อิมานิ อนคฺฆานิ อาภรณานิ เขฬปิณฺฑํ วิย ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิสฺสนฺติ, กิมงฺคํ ¶ ¶ ปนาห’’นฺติ ภณฺฑิกํ โอมฺุจิตฺวา ตานิ อาภรณานิ รุกฺเข ลคฺเคตฺวา ‘‘อตฺถิกา คณฺหนฺตู’’ติ วตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตหิ ‘‘กสฺมา นิวตฺโตสี’’ติ ปุฏฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ เต อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘มยํ, ภนฺเต, สากิยา นาม มานนิสฺสิตา, อยํ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ ปริจารโก, อิมํ ปมตรํ ปพฺพาเชถ, มยมสฺส อภิวาทนาทีนิ กริสฺสาม, เอวํ โน มาโน นิมฺมานายิสฺสตี’’ติ วตฺวา ตํ ปมตรํ ปพฺพาเชตฺวา ปจฺฉา สยํ ปพฺพชึสุ. เตสุ อายสฺมา ภทฺทิโย เตเนว อนฺตรวสฺเสน เตวิชฺโช อโหสิ. อายสฺมา อนุรุทฺโธ ทิพฺพจกฺขุโก หุตฺวา ปจฺฉา มหาวิตกฺกสุตฺตํ (อ. นิ. ๘.๓๐) สุตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อายสฺมา อานนฺโท โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ภคุตฺเถโร จ กิมิลตฺเถโร จ อปรภาเค วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เทวทตฺโต โปถุชฺชนิกํ อิทฺธึ ปตฺโต.
อปรภาเค สตฺถริ โกสมฺพิยํ วิหรนฺเต สสาวกสงฺฆสฺส ตถาคตสฺส มหนฺโต ลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺติ. วตฺถเภสชฺชาทิหตฺถา มนุสฺสา วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘กุหึ สตฺถา, กุหึ สาริปุตฺตตฺเถโร, กุหึ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร, กุหึ มหากสฺสปตฺเถโร, กุหึ ภทฺทิยตฺเถโร, กุหึ อนุรุทฺธตฺเถโร, กุหึ อานนฺทตฺเถโร, กุหึ ภคุตฺเถโร, กุหึ กิมิลตฺเถโร’’ติ อสีติมหาสาวกานํ นิสินฺนฏฺานํ ¶ โอโลเกนฺตา วิจรนฺติ. ‘‘เทวทตฺตตฺเถโร กุหึ นิสินฺโน วา, ิโต วา’’ติ ปุจฺฉนฺโต นาม นตฺถิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อหมฺปิ เอเตหิ สทฺธิฺเว ปพฺพชิโต, เอเตปิ ขตฺติยปพฺพชิตา, อหมฺปิ ขตฺติยปพฺพชิโต, ลาภสกฺการหตฺถา ¶ มนุสฺสา เอเตเยว ปริเยสนฺติ, มม นามํ คเหตาปิ นตฺถิ. เกน นุ โข สทฺธึ เอกโต หุตฺวา กํ ปสาเทตฺวา มม ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ราชา พิมฺพิสาโร ปมทสฺสเนเนว เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, น สกฺกา เอเตน สทฺธึ เอกโต ภวิตุํ, โกสลรฺาปิ สทฺธึ น สกฺกา ภวิตุํ. อยํ โข ปน รฺโ ปุตฺโต อชาตสตฺตุ กุมาโร กสฺสจิ คุณโทเส น ชานาติ, เอเตน สทฺธึ เอกโต ภวิสฺสามี’’ติ. โส โกสมฺพิโต ราชคหํ คนฺตฺวา กุมารกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา จตฺตาโร อาสีวิเส จตูสุ หตฺถปาเทสุ เอกํ คีวาย ปิลนฺธิตฺวา ¶ เอกํ สีเส จุมฺพฏกํ กตฺวา เอกํ เอกํสํ กริตฺวา อิมาย อหิเมขลาย อากาสโต โอรุยฺห อชาตสตฺตุสฺส อุจฺฉงฺเค นิสีทิตฺวา เตน ภีเตน ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อหํ เทวทตฺโต’’ติ วตฺวา ตสฺส ภยวิโนทนตฺถํ ตํ อตฺตภาวํ ปฏิสํหริตฺวา สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธโร ปุรโต ตฺวา ตํ ปสาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตสิ. โส ลาภสกฺการาภิภูโต ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ ปาปกํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สห จิตฺตุปฺปาเทน อิทฺธิโต ปริหายิตฺวา สตฺถารํ เวฬุวนวิหาเร สราชิกาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺตํ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา อฺชลึ ปคฺคยฺห – ‘‘ภควา, ภนฺเต, เอตรหิ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก, อปฺโปสฺสุกฺโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยฺุชตุ, อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามิ, นิยฺยาเทถ เม ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติ ¶ วตฺวา สตฺถารา เขฬาสกวาเทน อปสาเทตฺวา ปฏิกฺขิตฺโต อนตฺตมโน อิมํ ปมํ ตถาคเต อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ปกฺกามิ.
อถสฺส ภควา ราชคเห ปกาสนียกมฺมํ กาเรสิ. โส ‘‘ปริจฺจตฺโต ทานิ อหํ สมเณน โคตเมน, อิทานิสฺส อนตฺถํ กริสฺสามี’’ติ อชาตสตฺตุํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ปุพฺเพ โข, กุมาร, มนุสฺสา ทีฆายุกา, เอตรหิ อปฺปายุกา. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ตฺวํ กุมาโรว สมาโน กาลํ กเรยฺยาสิ, เตน หิ ตฺวํ, กุมาร, ปิตรํ หนฺตฺวา ราชา โหหิ, อหํ ภควนฺตํ หนฺตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตสฺมึ รชฺเช ปติฏฺิเต ตถาคตสฺส วธาย ปุริเส ปโยเชตฺวา เตสุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา นิวตฺเตสุ สยํ คิชฺฌกูฏปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา, ‘‘อหเมว สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามี’’ติ สิลํ ปวิชฺฌิตฺวา รุหิรุปฺปาทกกมฺมํ กตฺวา อิมินาปิ อุปาเยน มาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ปุน นาฬาคิรึ วิสฺสชฺชาเปสิ. ตสฺมึ อาคจฺฉนฺเต อานนฺทตฺเถโร อตฺตโน ชีวิตํ สตฺถุ ปริจฺจชิตฺวา ปุรโต อฏฺาสิ. สตฺถา นาคํ ทเมตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อเนกสหสฺเสหิ อุปาสเกหิ อภิหฏํ มหาทานํ ปริภฺุชิตฺวา ตสฺมึ ¶ ทิวเส สนฺนิปติตานํ อฏฺารสโกฏิสงฺขาตานํ ราชคหวาสีนํ อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมเย ชาเต ‘‘อโห อายสฺมา อานนฺโท มหาคุโณ, ตถารูเป นาม หตฺถินาเค อาคจฺฉนฺเต อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ¶ ¶ สตฺถุ ปุรโตว อฏฺาสี’’ติ เถรสฺส คุณกถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มมตฺถาย ชีวิตํ ปริจฺจชิเยวา’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต จูฬหํส (ชา. ๑.๑๕.๑๓๓ อาทโย; ๒.๒๑.๑ อาทโย) – มหาหํส (ชา. ๒.๒๑.๘๙ อาทโย) – กกฺกฏกชาตกานิ (ชา. ๑.๓.๔๙ อาทโย) กเถสิ. เทวทตฺตสฺสาปิ กมฺมํ เนว ปากฏํ, ตถา รฺโ มาราปิตตฺตา, น วธกานํ ปโยชิตตฺตา น สิลาย ปวิทฺธตฺตา ปากฏํ อโหสิ, ยถา นาฬาคิริหตฺถิโน วิสฺสชฺชิตตฺตา. ตทา หิ มหาชโน ‘‘ราชาปิ เทวทตฺเตเนว มาราปิโต, วธโกปิ ปโยชิโต, สิลาปิ อปวิทฺธา. อิทานิ ปน เตน นาฬาคิริ วิสฺสชฺชาปิโต, เอวรูปํ นาม ปาปกํ คเหตฺวา ราชา วิจรตี’’ติ โกลาหลมกาสิ.
ราชา มหาชนสฺส กถํ สุตฺวา ปฺจ ถาลิปากสตานิ นีหราเปตฺวา น ปุน ตสฺสูปฏฺานํ อคมาสิ, นาคราปิสฺส กุลํ อุปคตสฺส ภิกฺขามตฺตมฺปิ น อทํสุ. โส ปริหีนลาภสกฺกาโร โกหฺเน ชีวิตุกาโม สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิตฺวา ภควโต ‘‘อลํ, เทวทตฺต, โย อิจฺฉติ, โส อารฺโก โหตู’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต กสฺสาวุโส, วจนํ โสภนํ, กึ ตถาคตสฺส อุทาหุ มม, อหฺหิ อุกฺกฏฺวเสน เอวํ วทามิ, ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ภิกฺขู ยาวชีวํ อารฺกา อสฺสุ, ปิณฺฑปาติกา, ปํสุกูลิกา, รุกฺขมูลิกา, มจฺฉมํสํ น ขาเทยฺยุ’’นฺติ. ‘‘โย ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, โส มยา สทฺธึ อาคจฺฉตู’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺส วจนํ ¶ สุตฺวา เอกจฺเจ นวกปพฺพชิตา มนฺทพุทฺธิโน ‘‘กลฺยาณํ เทวทตฺโต อาห, เอเตน สทฺธึ วิจริสฺสามา’’ติ เตน สทฺธึ เอกโต อเหสุํ. อิติ โส ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เตหิ ปฺจหิ วตฺถูหิ ลูขปฺปสนฺนํ ชนํ สฺาเปนฺโต กุเลสุ วิฺาเปตฺวา วิฺาเปตฺวา ภฺุชนฺโต สงฺฆเภทาย ปรกฺกมิ. โส ภควตา, ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, เทวทตฺต, สงฺฆเภทาย ปรกฺกมสิ จกฺกเภทายา’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ วตฺวา, ‘‘ครุโก โข, เทวทตฺต, สงฺฆเภโท’’ติอาทีหิ โอวทิโตปิ สตฺถุ วจนํ อนาทิยิตฺวา ปกฺกนฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อชฺชตคฺเค ทานาหํ, อาวุโส อานนฺท, อฺตฺเรว ภควตา, อฺตฺร, ภิกฺขุสงฺฆา อุโปสถํ กริสฺสามิ, สงฺฆกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อาห. เถโร ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสิ. ตํ วิทิตฺวา สตฺถา อุปฺปนฺนธมฺมสํเวโค หุตฺวา, ‘‘เทวทตฺโต ¶ สเทวกสฺส โลกสฺส อนตฺถนิสฺสิตํ อตฺตโน อวีจิมฺหิ ปจฺจนกกมฺมํ กโรตี’’ติ วิตกฺเกตฺวา –
‘‘สุกรานิ ¶ อสาธูนิ, อตฺตโน อหิตานิ จ;
ยํ เว หิตฺจ สาธฺุจ, ตํ เว ปรมทุกฺกร’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๖๓) –
อิมํ คาถํ วตฺวา ปุน อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สุกรํ สาธุนา สาธุ, สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ;
ปาปํ ปาเปน สุกรํ, ปาปมริเยหิ ทุกฺกร’’นฺติ. (อุทา. ๔๘; จูฬว. ๓๔๓);
อถ โข เทวทตฺโต อุโปสถทิวเส อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา, ‘‘ยสฺสิมานิ ปฺจ วตฺถูนิ ขมนฺติ ¶ , โส สลากํ คณฺหตู’’ติ วตฺวา ปฺจสเตหิ วชฺชิปุตฺตเกหิ นวเกหิ อปฺปกตฺูหิ สลากาย คหิตาย สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา เต ภิกฺขู อาทาย คยาสีสํ อคมาสิ. ตสฺส ตตฺถ คตภาวํ สุตฺวา สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ อานยนตฺถาย ทฺเว อคฺคสาวเก เปเสสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยา เจว อิทฺธิปาฏิหาริยานุสาสนิยา จ อนุสาสนฺตา เต อมตํ ปาเยตฺวา อาทาย อากาเสน อาคมึสุ. โกกาลิโกปิ โข ‘‘อุฏฺเหิ, อาวุโส เทวทตฺต, นีตา เต ภิกฺขู สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ, นนุ ตฺวํ มยา วุตฺโต ‘มา, อาวุโส, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน วิสฺสาสี’ติ. ปาปิจฺฉา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติ วตฺวา ชณฺณุเกน หทยมชฺเฌ ปหริ, ตสฺส ตตฺเถว อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคฺฉิ. อายสฺมนฺตํ ปน สาริปุตฺตํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ อากาเสน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต คมนกาเล อตฺตทุติโย คโต, อิทานิ มหาปริวาโร อาคจฺฉนฺโต โสภตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว สาริปุตฺโต โสภติ, ปุพฺเพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตกาเลปิ มยฺหํ ปุตฺโต มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต โสภิเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘โหติ สีลวตํ อตฺโถ, ปฏิสนฺถารวุตฺตินํ;
ลกฺขณํ ปสฺส อายนฺตํ, าติสงฺฆปุรกฺขตํ;
อถ ปสฺสสิมํ กาฬํ, สุวิหีนํว าติภี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๑) –
อิทํ ¶ ¶ ชาตกํ กเถสิ. ปุน ภิกฺขูหิ, ‘‘ภนฺเต, เทวทตฺโต กิร ทฺเว อคฺคสาวเก อุโภสุ ปสฺเสสุ นิสีทาเปตฺวา ‘พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสสฺสามี’ติ ตุมฺหากํ อนุกิริยํ กโรตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘น ¶ , ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มม อนุกิริยํ กาตุํ วายมิ, น ปน สกฺขี’’ติ วตฺวา –
‘‘อปิ วีรก ปสฺเสสิ, สกุณํ มฺชุภาณกํ;
มยูรคีวสงฺกาสํ, ปตึ มยฺหํ สวิฏฺกํ.
‘‘อุทกถลจรสฺส ปกฺขิโน,
นิจฺจํ อามกมจฺฉโภชิโน;
ตสฺสานุกรํ สวิฏฺโก,
เสวาเล ปลิคุณฺิโต มโต’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๐๗-๑๐๘) –
อาทินา ชาตกํ วตฺวา อปราปเรสุปิ ทิวเสสุ ตถานุรูปเมว กถํ อารพฺภ –
‘‘อจาริ วตายํ วิตุทํ วนานิ,
กฏฺงฺครุกฺเขสุ อสารเกสุ;
อถาสทา ขทิรํ ชาตสารํ,
ยตฺถพฺภิทา ครุโฬ อุตฺตมงฺค’’นฺติ. (ชา. ๑.๒.๑๒๐);
‘‘ลสี ¶ จ เต นิปฺผลิกา, มตฺถโก จ ปทาลิโต;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, อชฺช โข ตฺวํ วิโรจสี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๔๓) –
เอวมาทีนิ ชาตกานิ กเถสิ. ปุน ‘‘อกตฺู เทวทตฺโต’’ติ กถํ อารพฺภ –
‘‘อกรมฺหส เต กิจฺจํ, ยํ พลํ อหุวมฺหเส;
มิคราช นโม ตฺยตฺถุ, อปิ กิฺจิ ลภามเส.
‘‘มม โลหิตภกฺขสฺส, นิจฺจํ ลุทฺทานิ กุพฺพโต;
ทนฺตนฺตรคโต สนฺโต, ตํ พหุํ ยมฺปิ ชีวสี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๒๙-๓๐) –
อาทีนิ ¶ ชาตกานิ กเถสิ. ปุน วธาย ปริสกฺกนมสฺส อารพฺภ –
‘‘าตเมตํ กุรุงฺคสฺส, ยํ ตฺวํ เสปณฺณิ สิยฺยสิ;
อฺํ เสปณฺณิ คจฺฉามิ, น เม เต รุจฺจเต ผล’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๒๑) –
อาทีนิ ¶ ชาตกานิ กเถสิ. ปุนทิวเส ‘‘อุภโต ปริหีโน เทวทตฺโต ลาภสกฺการโต จ สามฺโต จา’’ติ กถาสุ ปวตฺตมานาสุ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต ปริหีโน, ปุพฺเพเปส ปริหีโนเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘อกฺขี ¶ ภินฺนา ปโฏ นฏฺโ, สขิเคเห จ ภณฺฑนํ;
อุภโต ปทุฏฺา กมฺมนฺตา, อุทกมฺหิ ถลมฺหิ จา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๙) –
อาทีนิ ชาตกานิ กเถสิ. เอวํ ราชคเห วิหรนฺโตว เทวทตฺตํ อารพฺภ พหูนิ ชาตกานิ กเถตฺวา ราชคหโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา เชตวเน วิหาเร วาสํ กปฺเปสิ. เทวทตฺโตปิ โข นว มาเส คิลาโน ปจฺฉิเม กาเล สตฺถารํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา อตฺตโน สาวเก อาห – ‘‘อหํ สตฺถารํ ทฏฺุกาโม, ตํ เม ทสฺเสถา’’ติ. ‘‘ตฺวํ สมตฺถกาเล สตฺถารา สทฺธึ เวรี หุตฺวา อจริ, น มยํ ตตฺถ เนสฺสามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘มา มํ นาเสถ, มยา สตฺถริ อาฆาโต กโต, สตฺถุ ปน มยิ เกสคฺคมตฺโตปิ อาฆาโต นตฺถิ’’. โส หิ ภควา –
‘‘วธเก เทวทตฺตมฺหิ, โจเร องฺคุลิมาลเก;
ธนปาเล ราหุเล จ, สพฺพตฺถ สมมานโส’’ติ. (อป. เถร ๑.๑.๕๘๕; มิ. ป. ๖.๖.๕) –
‘‘ทสฺเสถ เม ภควนฺต’’นฺติ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. อถ นํ เต มฺจเกนาทาย นิกฺขมึสุ. ตสฺส อาคมนํ สุตฺวา ภิกฺขู สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, เทวทตฺโต กิร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉตี’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, โส เตนตฺตภาเวน มํ ปสฺสิตุํ ลภิสฺสตี’’ติ. เทวทตฺโต กิร ปฺจนฺนํ วตฺถูนํ อายาจิตกาลโต ปฏฺาย ปุน พุทฺธํ ทฏฺุํ น ลภติ, อยํ ¶ ธมฺมตา. ‘‘อสุกฏฺานฺจ อสุกฏฺานฺจ อาคโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยํ อิจฺฉติ, ตํ กโรตุ, น โส มํ ปสฺสิตุํ ลภิสฺสตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิโต โยชนมตฺตํ อาคโต, อฑฺฒโยชนํ, คาวุตํ, เชตวนโปกฺขรณีสมีปํ อาคโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจปิ อนฺโตเชตวนํ ปวิสติ, เนว มํ ปสฺสิตุํ ¶ ลภิสฺสตี’’ติ. เทวทตฺตํ คเหตฺวา อาคตา เชตวนโปกฺขรณีตีเร มฺจํ โอตาเรตฺวา โปกฺขรณึ นฺหายิตุํ โอตรึสุ. เทวทตฺโตปิ โข มฺจโต วุฏฺาย อุโภ ปาเท ภูมิยํ เปตฺวา นิสีทิ. ปาทา ปถวึ ปวิสึสุ ¶ . โส อนุกฺกเมน ยาว โคปฺผกา, ยาว ชณฺณุกา, ยาว กฏิโต, ยาว ถนโต, ยาว คีวโต ปวิสิตฺวา หนุกฏฺิกสฺส ภูมิยํ ปวิฏฺกาเล –
‘‘อิเมหิ อฏฺีหิ ตมคฺคปุคฺคลํ,
เทวาติเทวํ นรทมฺมสารถึ;
สมนฺตจกฺขุํ สตปฺุลกฺขณํ,
ปาเณหิ พุทฺธํ สรณํ อุเปมี’’ติ. (มิ. ป. ๔.๑.๓) –
อิมํ คาถมาห. อิทํ กิร านํ ทิสฺวา ตถาคโต เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ. สเจ หิ น โส ปพฺพชิสฺส, คิหี หุตฺวา กมฺมฺจ ภาริยํ อกริสฺส, อายตึ ภวนิสฺสรณปจฺจยํ กาตุํ น สกฺขิสฺส, ปพฺพชิตฺวา จ ปน กิฺจาปิ กมฺมํ ภาริยํ กริสฺสติ, อายตึ ภวนิสฺสรณปจฺจยํ กาตุํ ¶ สกฺขิสฺสตีติ ตํ สตฺถา ปพฺพาเชสิ. โส หิ อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก อฏฺิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสติ, โส ปถวึ ปวิสิตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. นิจฺจเล พุทฺเธ อปรชฺฌภาเวน ปน นิจฺจโลว หุตฺวา ปจฺจตูติ โยชนสติเก อนฺโต อวีจิมฺหิ โยชนสตุพฺเพธเมวสฺส สรีรํ นิพฺพตฺติ. สีสํ ยาว กณฺณสกฺขลิโต อุปริ อยกปลฺลํ ปาวิสิ, ปาทา ยาว โคปฺผกา เหฏฺา อยปถวิยํ ปวิฏฺา, มหาตาลกฺขนฺธปริมาณํ อยสูลํ ปจฺฉิมภิตฺติโต นิกฺขมิตฺวา ปิฏฺิมชฺฌํ ภินฺทิตฺวา อุเรน นิกฺขมิตฺวา ปุริมภิตฺตึ ปาวิสิ, อปรํ ทกฺขิณภิตฺติโต นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ภินฺทิตฺวา วามปสฺเสน นิกฺขมิตฺวา อุตฺตรภิตฺตึ ปาวิสิ, อปรํ อุปริ กปลฺลโต นิกฺขมิตฺวา มตฺถกํ ภินฺทิตฺวา อโธภาเคน นิกฺขมิตฺวา อยปถวึ ปาวิสิ. เอวํ โส ตตฺถ นิจฺจโลว ปจฺจิ.
ภิกฺขู ‘‘เอตฺตกํ านํ เทวทตฺโต อาคจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทฏฺุํ อลภิตฺวาว ปถวึ ปวิฏฺโ’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มยิ อปรชฺฌิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ, ปุพฺเพปิ ปวิฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา หตฺถิราชกาเล มคฺคมูฬฺหํ ปุริสํ สมสฺสาเสตฺวา อตฺตโน ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา เขมนฺตํ ปาปิตสฺส ปุน ติกฺขตฺตุํ อาคนฺตฺวา อคฺคฏฺาเน มชฺฌิมฏฺาเน ¶ มูเลหิ เอวํ ทนฺเต ฉินฺทิตฺวา ตติยวาเร มหาปุริสสฺส จกฺขุปถํ อติกฺกมนฺตสฺส ตสฺส ปถวึ ปวิฏฺภาวํ ทีเปตุํ –
‘‘อกตฺุสฺส ¶ ¶ โปสสฺส, นิจฺจํ วิวรทสฺสิโน;
สพฺพํ เจ ปถวึ ทชฺชา, เนว นํ อภิราธเย’’ติ. (ชา. ๑.๑.๗๒; ๑.๙.๑๐๗) –
อิทํ ชาตกํ กเถตฺวา ปุนปิ ตเถว กถาย สมุฏฺิตาย ขนฺติวาทิภูเต อตฺตนิ อปรชฺฌิตฺวา กลาพุราชภูตสฺส ตสฺส ปถวึ ปวิฏฺภาวํ ทีเปตุํ ขนฺติวาทิชาตกฺจ (ชา. ๑.๔.๔๙ อาทโย), จูฬธมฺมปาลภูเต อตฺตนิ อปรชฺฌิตฺวา มหาปตาปราชภูตสฺส ตสฺส ปถวึ ปวิฏฺภาวํ ทีเปตุํ จูฬธมฺมปาลชาตกฺจ (ชา. ๑.๕.๔๔ อาทโย) กเถสิ.
ปถวึ ปวิฏฺเ ปน เทวทตฺเต มหาชโน หฏฺตุฏฺโ ธชปฏากกทลิโย อุสฺสาเปตฺวา ปุณฺณฆเฏ เปตฺวา ‘‘ลาภา วต โน’’ติ มหนฺตํ ฉณํ อนุโภติ. ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺเต มเต มหาชโน ตุสฺสติ, ปุพฺเพปิ ตุสฺสิเยวา’’ติ วตฺวา สพฺพชนสฺส อปฺปิเย จณฺเฑ ผรุเส พาราณสิยํ ปิงฺคลรฺเ นาม มเต มหาชนสฺส ตุฏฺภาวํ ทีเปตุํ –
‘‘สพฺโพ ชโน หึสิโต ปิงฺคเลน,
ตสฺมึ มเต ปจฺจยา เวทยนฺติ;
ปิโย นุ เต อาสิ อกณฺหเนตฺโต,
กสฺมา ตุวํ โรทสิ ทฺวารปาล.
‘‘น ¶ เม ปิโย อาสิ อกณฺหเนตฺโต,
ภายามิ ปจฺจาคมนาย ตสฺส;
อิโต คโต หึเสยฺย มจฺจุราชํ,
โส หึสิโต อาเนยฺย ปุน อิธา’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๙-๑๘๐) –
อิทํ ปิงฺคลชาตกํ กเถสิ. ภิกฺขู สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, เทวทตฺโต กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรเย, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิธ ตปฺปนฺโต วิจริตฺวา ปุน คนฺตฺวา ตปฺปนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ปพฺพชิตา วา โหนฺตุ คหฏฺา วา, ปมาทวิหาริโน อุภยตฺถ ตปฺปนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ ¶ ¶ ตปฺปติ เปจฺจ ตปฺปติ, ปาปการี อุภยตฺถ ตปฺปติ;
ปาปํ เม กตนฺติ ตปฺปติ, ภิยฺโย ตปฺปติ ทุคฺคตึ คโต’’ติ.
ตตฺถ อิธ ตปฺปตีติ อิธ กมฺมตปฺปเนน โทมนสฺสมตฺเตน ตปฺปติ. เปจฺจาติ ปรโลเก ปน วิปากตปฺปเนน อติทารุเณน อปายทุกฺเขน ตปฺปติ. ปาปการีติ นานปฺปการสฺส ปาปสฺส กตฺตา. อุภยตฺถาติ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน ตปฺปเนน อุภยตฺถ ตปฺปติ นาม. ปาปํ เมติ โส หิ กมฺมตปฺปเนน กปฺปนฺโต ‘‘ปาปํ เม กต’’นฺติ ตปฺปติ. ตํ อปฺปมตฺตกํ ตปฺปนํ, วิปากตปฺปเนน ปน ตปฺปนฺโต ภิยฺโย ตปฺปติ ทุคฺคตึ คโต อติผรุเสน ตปฺปเนน อติวิย ตปฺปตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
เทวทตฺตวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
๑๓. สุมนาเทวีวตฺถุ
อิธ ¶ นนฺทตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุมนาเทวึ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยฺหิ เทวสิกํ อนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห ทฺเว ภิกฺขูสหสฺสานิ ภฺุชนฺติ, ตถา วิสาขาย มหาอุปาสิกาย. สาวตฺถิยํ โย โย ทานํ ทาตุกาโม โหติ, โส โส เตสํ อุภินฺนํ โอกาสํ ลภิตฺวาว กโรติ. กึ การณา? ‘‘ตุมฺหากํ ทานคฺคํ อนาถปิณฺฑิโก วา วิสาขา วา อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘นาคตา’’ติ วุตฺเต สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา กตทานมฺปิ ‘‘กึ ทานํ นาเมต’’นฺติ ครหนฺติ. อุโภปิ หิ เต ภิกฺขุสงฺฆสฺส รุจิฺจ อนุจฺฉวิกกิจฺจานิ จ อติวิย ชานนฺติ, เตสุ วิจาเรนฺเตสุ ภิกฺขู จิตฺตรูปํ ภฺุชนฺติ. ตสฺมา สพฺเพ ทานํ ทาตุกามา เต คเหตฺวาว คจฺฉนฺติ. อิติ เต อตฺตโน อตฺตโน ฆเร ภิกฺขู ปริวิสิตุํ น ลภนฺติ. ตโต วิสาขา, ‘‘โก นุ โข มม าเน ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺตี ปุตฺตสฺส ธีตรํ ทิสฺวา ตํ อตฺตโน าเน เปสิ. สา ตสฺสา นิเวสเน ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสติ. อนาถปิณฺฑิโกปิ มหาสุภทฺทํ นาม เชฏฺธีตรํ เปสิ. สา ภิกฺขูนํ ¶ เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺตี ธมฺมํ สุณนฺตี โสตาปนฺนา หุตฺวา ปติกุลํ อคมาสิ. ตโต จูฬสุภทฺทํ เปสิ. สาปิ ตเถว กโรนฺตี โสตาปนฺนา หุตฺวา ปติกุลํ คตา. อถ สุมนเทวึ นาม กนิฏฺธีตรํ เปสิ. สา ปน ธมฺมํ สุตฺวา สกทาคามิผลํ ปตฺวา กุมาริกาว หุตฺวา ตถารูเปน ¶ อผาสุเกน อาตุรา อาหารุปจฺเฉทํ กตฺวา ¶ ปิตรํ ทฏฺุกามา หุตฺวา ปกฺโกสาเปสิ. โส เอกสฺมึ ทานคฺเค ตสฺสา สาสนํ สุตฺวาว อาคนฺตฺวา, ‘‘กึ, อมฺม สุมเน’’ติ อาห. สาปิ นํ อาห – ‘‘กึ, ตาต กนิฏฺภาติกา’’ติ? ‘‘วิลปสิ อมฺมา’’ติ? ‘‘น วิลปามิ, กนิฏฺภาติกา’’ติ. ‘‘ภายสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘น ภายามิ, กนิฏฺภาติกา’’ติ. เอตฺตกํ วตฺวาเยว ปน สา กาลมกาสิ. โส โสตาปนฺโนปิ สมาโน เสฏฺิธีตริ อุปฺปนฺนโสกํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ธีตุ สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา โรทนฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กึ, คหปติ, ทุกฺขี ทุมฺมโน อสฺสุมุโข โรทมาโน อาคโตสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ธีตา เม, ภนฺเต, สุมนเทวี กาลกตา’’ติ อาห. ‘‘อถ กสฺมา โสจสิ, นนุ สพฺเพสํ เอกํสิกํ มรณ’’นฺติ? ‘‘ชานาเมตํ, ภนฺเต, เอวรูปา นาม เม หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา ธีตา, สา มรณกาเล สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตี วิลปมานา มตา, เตน เม อนปฺปกํ โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตาย กถิตํ มหาเสฏฺี’’ติ? ‘‘อหํ ตํ, ภนฺเต, ‘อมฺม, สุมเน’ติ อามนฺเตสึ. อถ มํ อาห – ‘กึ, ตาต, กนิฏฺภาติกา’ติ? ‘วิลปสิ, อมฺมา’ติ? ‘น วิลปามิ, กนิฏฺภาติกา’ติ. ‘ภายสิ, อมฺมา’ติ? ‘น ภายามิ กนิฏฺภาติกา’ติ. เอตฺตกํ วตฺวา กาลมกาสี’’ติ. อถ นํ ภควา อาห – ‘‘น เต มหาเสฏฺิ ธีตา วิลปตี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา ภนฺเต เอวมาหา’’ติ? ‘‘กนิฏฺตฺตาเยว ¶ . ธีตา หิ เต, คหปติ, มคฺคผเลหิ ตยา มหลฺลิกา. ตฺวฺหิ โสตาปนฺโน, ธีตา ปน เต สกทาคามินี. สา มคฺคผเลหิ ตยา มหลฺลิกตฺตา ตํ เอวมาหา’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอวํ, คหปตี’’ติ. ‘‘อิทานิ กุหึ นิพฺพตฺตา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตุสิตภวเน, คหปตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มม ธีตา อิธ าตกานํ อนฺตเร นนฺทมานา วิจริตฺวา อิโต คนฺตฺวาปิ นนฺทนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺตา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อาม, คหปติ, อปฺปมตฺตา นาม คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา อิธ โลเก จ ปรโลเก จ นนฺทนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ ¶ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทติ, กตปฺุโ อุภยตฺถ นนฺทติ;
ปฺุํ เม กตนฺติ นนฺทติ, ภิยฺโย นนฺทติ สุคฺคตึ คโต’’ติ.
ตตฺถ อิธาติ อิธ โลเก กมฺมนนฺทเนน นนฺทติ. เปจฺจาติ ปรโลเก วิปากนนฺทเนน นนฺทติ. กตปฺุโติ นานปฺปการสฺส ปฺุสฺส กตฺตา. อุภยตฺถาติ อิธ ‘‘กตํ เม กุสลํ, อกตํ เม ปาป’’นฺติ นนฺทติ, ปรตฺถ วิปากํ อนุภวนฺโต นนฺทติ. ปฺุํ เมติ อิธ นนฺทนฺโต ปน ‘‘ปฺุํ เม กต’’นฺติ โสมนสฺสมตฺเตเนว กมฺมนนฺทนํ อุปาทาย นนฺทติ. ภิยฺโยติ วิปากนนฺทเนน ปน สุคตึ คโต สตฺตปฺาสวสฺสโกฏิโย สฏฺิวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ตุสิตปุเร อติวิย นนฺทตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ ¶ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
สุมนาเทวีวตฺถุ เตรสมํ.
๑๔. ทฺเวสหายกภิกฺขุวตฺถุ
พหุมฺปิ เจติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว สหายเก อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิวาสิโน หิ ทฺเว กุลปุตฺตา สหายกา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา กาเม ปหาย สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปฺจ วสฺสานิ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก วสิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สาสเน ธุรํ ปุจฺฉิตฺวา วิปสฺสนาธุรฺจ คนฺถธุรฺจ วิตฺถารโต สุตฺวา เอโก ตาว ‘‘อหํ, ภนฺเต, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิโต น สกฺขิสฺสามิ คนฺถธุรํ ปูเรตุํ, วิปสฺสนาธุรํ ปน ปูเรสฺสามี’’ติ ยาว อรหตฺตา วิปสฺสนาธุรํ กถาเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิตโร ปน ‘‘อหํ คนฺถธุรํ ปูเรสฺสามี’’ติ อนุกฺกเมน เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา คตคตฏฺาเน ธมฺมํ กเถติ, สรภฺํ ภณติ, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ธมฺมํ วาเจนฺโต วิจรติ. อฏฺารสนฺนํ มหาคณานํ อาจริโย อโหสิ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ¶ อิตรสฺส เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตสฺส โอวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ ¶ วทนฺติ. เถโร ‘‘คจฺฉถ, อาวุโส, มม วจเนน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อสีติ มหาเถเร วนฺทถ, สหายกตฺเถรมฺปิ เม ‘อมฺหากํ อาจริโย ตุมฺเห วนฺทตี’ติ วทถา’’ติ เปเสติ. เต ภิกฺขู วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารฺเจว อสีติ มหาเถเร จ วนฺทิตฺวา คนฺถิกตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อาจริโย ตุมฺเห วนฺทตี’’ติ วทนฺติ. อิตเรน จ ‘‘โก นาม โส’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตุมฺหากํ สหายกภิกฺขุ, ภนฺเต’’ติ วทนฺติ. เอวํ เถเร ปุนปฺปุนํ สาสนํ ปหิณนฺเต โส ภิกฺขุ โถกํ กาลํ สหิตฺวา อปรภาเค สหิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ตุมฺเห วนฺทตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘โก เอโส’’ติ วตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ สหายกภิกฺขู’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ปน ตุมฺเหหิ ตสฺส สนฺติเก อุคฺคหิตํ, กึ ทีฆนิกายาทีสุ อฺตโร นิกาโย, กึ ตีสุ ปิฏเกสุ เอกํ ปิฏก’’นฺติ วตฺวา ‘‘จตุปฺปทิกมฺปิ คาถํ น ชานาติ, ปํสุกูลํ คเหตฺวา ปพฺพชิตกาเลเยว อรฺํ ปวิฏฺโ, พหู วต อนฺเตวาสิเก ลภิ, ตสฺส อาคตกาเล มยา ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตสิ.
อถ อปรภาเค เถโร สตฺถารํ ทฏฺุํ อาคโต. สหายกสฺส เถรสฺส สนฺติเก ปตฺตจีวรํ เปตฺวา ¶ คนฺตฺวา สตฺถารฺเจว อสีติ มหาเถเร จ วนฺทิตฺวา สหายกสฺส วสนฏฺานํ ปจฺจาคมิ. อถสฺส โส วตฺตํ กาเรตฺวา สมปฺปมาณํ อาสนํ คเหตฺวา, ‘‘ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา ‘‘เอส เอวรูปํ มม ปุตฺตํ วิเหเตฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺยา’’ติ ตสฺมึ อนุกมฺปาย วิหารจาริกํ จรนฺโต วิย เตสํ นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. ตตฺถ ตตฺถ นิสีทนฺตา หิ ภิกฺขู พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวาว นิสีทนฺติ. เตน ¶ สตฺถา ปกติปฺตฺเตเยว อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ปน คนฺถิกภิกฺขุํ ปมชฺฌาเน ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ อกถิเต ทุติยชฺฌานํ อาทึ กตฺวา อฏฺสุปิ สมาปตฺตีสุ รูปารูเปสุ จ ปฺหํ ปุจฺฉิ. คนฺถิกตฺเถโร เอกมฺปิ กเถตุํ นาสกฺขิ. อิตโร ตํ สพฺพํ กเถสิ. อถ นํ โสตาปตฺติมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. คนฺถิกตฺเถโร กเถตุํ นาสกฺขิ. ตโต ขีณาสวตฺเถรํ ปุจฺฉิ. เถโร กเถสิ. สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขู’’ติ อภินนฺทิตฺวา เสสมคฺเคสุปิ ปฏิปาฏิยา ¶ ปฺหํ ปุจฺฉิ. คนฺถิโก เอกมฺปิ กเถตุํ นาสกฺขิ, ขีณาสโว ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ กเถสิ. สตฺถา จตูสุปิ าเนสุ ตสฺส สาธุการํ อทาสิ. ตํ สุตฺวา ภุมฺมเทเว อาทึ กตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกา สพฺพา เทวตา เจว นาคสุปณฺณา จ สาธุการํ อทํสุ. ตํ สาธุการํ สุตฺวา ตสฺส อนฺเตวาสิกา เจว สทฺธิวิหาริโน จ สตฺถารํ อุชฺฌายึสุ – ‘‘กึ นาเมตํ สตฺถารา กตํ, กิฺจิ อชานนฺตสฺส มหลฺลกตฺเถรสฺส จตูสุ าเนสุ สาธุการํ อทาสิ, อมฺหากํ ปนาจริยสฺส สพฺพปริยตฺติธรสฺส ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปาโมกฺขสฺส ปสํสามตฺตมฺปิ น กรี’’ติ. อถ เน สตฺถา ‘‘กึ นาเมตํ, ภิกฺขเว, กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ อตฺเถ อาโรจิเต, ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ อาจริโย มม สาสเน ภติยา คาโว รกฺขณสทิโส, มยฺหํ ปน ปุตฺโต ยถารุจิยา ปฺจ โครเส ปริภฺุชนกสามิสทิโส’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘พหุมฺปิ ¶ เจ สํหิต ภาสมาโน,
น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต;
โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ,
น ภาควา สามฺสฺส โหติ.
‘‘อปฺปมฺปิ เจ สํหิต ภาสมาโน,
ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารี;
ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ,
สมฺมปฺปชาโน สุวิมุตฺตจิตฺโต.
‘‘อนุปาทิยาโน ¶ อิธ วา หุรํ วา,
ส ภาควา สามฺสฺส โหตี’’ติ.
ตตฺถ สํหิตนฺติ เตปิฏกสฺส พุทฺธวจนสฺเสตํ นามํ. ตํ อาจริเย อุปสงฺกมิตฺวา อุคฺคณฺหิตฺวา พหุมฺปิ ปเรสํ ภาสมาโน วาเจนฺโต ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ยํ การเกน ปุคฺคเลน กตฺตพฺพํ, ตกฺกโร น โหติ. กุกฺกุฏสฺส ปกฺขปหรณมตฺตมฺปิ อนิจฺจาทิวเสน โยนิโสมนสิการํ นปฺปวตฺเตติ. เอโส ยถา นาม ทิวสํ ภติยา คาโว รกฺขนฺโต โคโป ปาโตว นิรวเสสํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สายํ คเหตฺวา สามิกานํ นิยฺยาเทตฺวา ทิวสภติมตฺตํ คณฺหาติ, ยถารุจิยา ปน ปฺจ โครเส ปริภฺุชิตุํ ¶ น ลภติ, เอวเมว เกวลํ อนฺเตวาสิกานํ สนฺติกา วตฺตปฏิวตฺตกรณมตฺตสฺส ภาคี โหติ, สามฺสฺส ปน ภาคี น โหติ. ยถา ปน โคปาลเกน นิยฺยาทิตานํ ¶ คุนฺนํ โครสํ สามิกาว ปริภฺุชนฺติ, ตถา เตน กถิตํ ธมฺมํ สุตฺวา การกปุคฺคลา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชิตฺวา เกจิ ปมชฺฌานาทีนิ ปาปุณนฺติ, เกจิ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคผลานิ ปาปุณนฺติ, โคณสามิกา โครสสฺเสว สามฺสฺส ภาคิโน โหนฺติ.
อิติ สตฺถา สีลสมฺปนฺนสฺส พหุสฺสุตสฺส ปมาทวิหาริโน อนิจฺจาทิวเสน โยนิโสมนสิกาเร ปมตฺตสฺส ภิกฺขุโน วเสน ปมํ คาถํ กเถสิ, น ทุสฺสีลสฺส. ทุติยคาถา ปน อปฺปสฺสุตสฺสปิ โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺตสฺส การกปุคฺคลสฺส วเสน กถิตา.
ตตฺถ อปฺปมฺปี เจติ โถกํ เอกวคฺคทฺวิวคฺคมตฺตมฺปิ. ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารีติ อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย นวโลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุรูปํ ธมฺมํ ปุพฺพภาคปฏิปทาสงฺขาตํ จตุปาริสุทฺธิสีลธุตงฺคอสุภกมฺมฏฺานาทิเภทํ จรนฺโต อนุธมฺมจารี โหติ. โส ‘‘อชฺช อชฺเชวา’’ติ ปฏิเวธํ อากงฺขนฺโต วิจรติ. โส อิมาย สมฺมาปฏิปตฺติยา ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ สมฺมา เหตุนา นเยน ปริชานิตพฺเพ ธมฺเม ปริชานนฺโต ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺตีนํ วเสน สุวิมุตฺตจิตฺโต, อนุปาทิยาโน อิธ วา หุรํ วาติ อิธโลกปรโลกปริยาปนฺนา วา อชฺฌตฺติกพาหิรา วา ขนฺธายตนธาตุโย จตูหิ อุปาทาเนหิ อนุปาทิยนฺโต มหาขีณาสโว มคฺคสงฺขาตสฺส สามฺสฺส วเสน อาคตสฺส ผลสามฺสฺส ¶ เจว ปฺจอเสกฺขธมฺมกฺขนฺธสฺส จ ภาควา โหตีติ รตนกูเฏน วิย อคารสฺส อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
ทฺเวสหายกภิกฺขุวตฺถุ จุทฺทสมํ.
ยมกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปโม วคฺโค.
๒. อปฺปมาทวคฺโค
๑. สามาวตีวตฺถุ
อปฺปมาโท ¶ ¶ ¶ อมตปทนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โกสมฺพึ อุปนิสฺสาย โฆสิตาราเม วิหรนฺโต สามาวติปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ, มาคณฺฑิยปฺปมุขานฺจ เอติสฺสา ปฺจนฺนํ าติสตานํ มรณพฺยสนํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต อลฺลกปฺปรฏฺเ อลฺลกปฺปราชา นาม, เวทีปกรฏฺเ เวทีปกราชา นามาติ อิเม ทฺเว ทหรกาลโต ปฏฺาย สหายกา หุตฺวา เอกาจริยกุเล สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปิตูนํ อจฺจเยน ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อายาเมน ทสทสโยชนิเก รฏฺเ ราชาโน อเหสุํ. เต กาเลน กาลํ สมาคนฺตฺวา เอกโต ติฏฺนฺตา นิสีทนฺตา นิปชฺชนฺตา มหาชนํ ชายมานฺจ ชียมานฺจ มียมานฺจ ทิสฺวา ‘‘ปรโลกํ คจฺฉนฺตํ อนุคจฺฉนฺโต นาม นตฺถิ, อนฺตมโส ¶ อตฺตโน สรีรมฺปิ นานุคจฺฉติ, สพฺพํ ปหาย คนฺตพฺพํ, กึ โน ฆราวาเสน, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ มนฺเตตฺวา รชฺชานิ ปุตฺตทารานํ นิยฺยาเทตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส วสนฺตา มนฺตยึสุ – ‘‘มยํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตา, น ชีวิตุํ อสกฺโกนฺตา. เต มยํ เอกฏฺาเน วสนฺตา อปพฺพชิตสทิสาเยว โหม, ตสฺมา วิสุํ วสิสฺสาม. ตฺวํ เอตสฺมึ ปพฺพเต วส, อหํ อิมสฺมึ ปพฺพเต วสิสฺสามิ. อนฺวฑฺฒมาสํ ปน อุโปสถทิวเส เอกโต ภวิสฺสามา’’ติ. อถ โข เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘เอวมฺปิ โน คณสงฺคณิกาว ภวิสฺสติ, ตฺวํ ปน ตว ปพฺพเต อคฺคึ ชาเลยฺยาสิ, อหํ มม ปพฺพเต อคฺคึ ชาเลสฺสามิ, ตาย สฺาย อตฺถิภาวํ ชานิสฺสามา’’ติ. เต ตถา กรึสุ.
อถ อปรภาเค เวทีปกตาปโส กาลํ กตฺวา มเหสกฺโข เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโต. ตโต อฑฺฒมาเส สมฺปตฺเต อคฺคึ อทิสฺวาว อิตโร ‘‘สหายโก เม กาลกโต’’ติ อฺาสิ. อิตโรปิ นิพฺพตฺตกฺขเณเยว อตฺตโน เทวสิรึ โอโลเกตฺวา กมฺมํ อุปธาเรนฺโต นิกฺขมนโต ปฏฺาย อตฺตโน ตปจริยํ ทิสฺวา ‘‘คนฺตฺวา มม สหายกํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ¶ ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มคฺคิกปุริโส วิย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ โส ¶ อาห – ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘มคฺคิกปุริโส ¶ อหํ, ภนฺเต, ทูรโตว อาคโตมฺหิ. กึ ปน, ภนฺเต, อยฺโย อิมสฺมึ าเน เอกโกว วสติ, อฺโปิ โกจิ อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ เม เอโก สหายโก’’ติ. ‘‘กุหึ โส’’ติ? ‘‘เอตสฺมึ ปพฺพเต วสติ, อุโปสถทิวเส ปน อคฺคึ น ชาเลติ, มโต นูน ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ‘‘อหํ โส, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กุหึ นิพฺพตฺโตสี’’ติ? ‘‘เทวโลเก มเหสกฺโข เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโตสฺมิ, ภนฺเต, ‘อยฺยํ ปสฺสิสฺสามี’ติ ปุน อาคโตมฺหิ. อปิ นุ โข อยฺยานํ อิมสฺมึ าเน วสนฺตานํ โกจิ อุปทฺทโว อตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, อาวุโส, หตฺถี นิสฺสาย กิลมามี’’ติ. ‘‘กึ โว, ภนฺเต, หตฺถี กโรนฺตี’’ติ? ‘‘สมฺมชฺชนฏฺาเน ลณฺฑํ ปาเตนฺติ, ปาเทหิ ภูมิยํ ปหริตฺวา ปํสุํ อุทฺธรนฺติ, สฺวาหํ ลณฺฑํ ฉฑฺเฑนฺโต ปํสุํ สมํ กโรนฺโต กิลมามี’’ติ. ‘‘กึ ปน เตสํ อนาคมนํ อิจฺฉถา’’ติ? ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ เตสํ อนาคมนํ กริสฺสามี’’ติ ตาปสสฺส หตฺถิกนฺตวีณฺเจว หตฺถิกนฺตมนฺตฺจ อทาสิ. ททนฺโต จ ปน วีณาย ติสฺโส ตนฺติโย ทสฺเสตฺวา ตโย มนฺเต อุคฺคณฺหาเปตฺวา ‘‘อิมํ ตนฺตึ ปหริตฺวา อิมสฺมึ มนฺเต วุตฺเต นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุมฺปิ อสกฺโกนฺตา หตฺถี ปลายนฺติ, อิมํ ตนฺตึ ปหริตฺวา อิมสฺมึ มนฺเต วุตฺเต นิวตฺติตฺวา ปจฺฉโต โอโลเกนฺตา โอโลเกนฺตา ปลายนฺติ, อิมํ ตนฺตึ ปหริตฺวา อิมสฺมึ มนฺเต วุตฺเต หตฺถิยูถปติ ปิฏฺึ อุปนาเมนฺโต อาคจฺฉตี’’ติ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘ยํ โว รุจฺจติ, ตํ กเรยฺยาถา’’ติ ¶ วตฺวา ตาปสํ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. ตาปโส ปลายนมนฺตํ วตฺวา ปลายนตนฺตึ ปหริตฺวา หตฺถี ปลาเปตฺวา วสิ.
ตสฺมึ สมเย โกสมฺพิยํ ปูรนฺตปฺโป นาม ราชา โหติ. โส เอกทิวสํ คพฺภินิยา เทวิยา สทฺธึ พาลสูริยตปํ ตปฺปมาโน อพฺโภกาสตเล นิสีทิ. เทวี รฺโ ปารุปนํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ รตฺตกมฺพลํ ปารุปิตฺวา นิสินฺนา รฺา สทฺธึ สมุลฺลปมานา รฺโ องฺคุลิโต สตสหสฺสคฺฆนิกํ ราชมุทฺทิกํ นีหริตฺวา อตฺตโน องฺคุลิยํ ปิลนฺธิ. ตสฺมึ สมเย หตฺถิลิงฺคสกุโณ อากาเสน คจฺฉนฺโต ทูรโต รตฺตกมฺพลปารุปนํ เทวึ ทิสฺวา ‘‘มํสเปสี’’ติ สฺาย ปกฺเข วิสฺสชฺเชตฺวา โอตริ. ราชา ¶ ตสฺส โอตรณสทฺเทน ภีโต อุฏฺาย อนฺโตนิเวสนํ ปาวิสิ. เทวี ครุคพฺภตาย เจว ภีรุกชาติกตาย จ เวเคน คนฺตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ โส สกุโณ อชฺฌปฺปตฺโต นขปฺชเร นิสีทาเปตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เต กิร สกุณา ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรนฺติ. ตสฺมา อากาเสน เนตฺวา ยถารุจิตฏฺาเน นิสีทิตฺวา มํสํ ขาทนฺติ. สาปิ เตน นียมานา มรณภยภีตา จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ วิรวิสฺสามิ, มนุสฺสสทฺโท นาม ติรจฺฉานคตานํ อุพฺเพชนีโย, ตํ สุตฺวา มํ ฉฑฺเฑสฺสติ. เอวํ สนฺเต ¶ สห คพฺเภน ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิสฺสามิ, ยสฺมึ ปน าเน นิสีทิตฺวา มํ ขาทิตุํ อารภิสฺสติ, ตตฺร นํ สทฺทํ กตฺวา ปลาเปสฺสามี’’ติ. สา อตฺตโน ปณฺฑิตตาย อธิวาเสสิ.
ตทา จ หิมวนฺตปเทเส โถกํ วฑฺฒิตฺวา มณฺฑปากาเรน ¶ ิโต เอโก มหานิคฺโรโธ โหติ. โส สกุโณ มิครูปาทีนิ ตตฺถ เนตฺวา ขาทติ, ตสฺมา ตมฺปิ ตตฺเถว เนตฺวา วิฏปพฺภนฺตเร เปตฺวา อาคตมคฺคํ โอโลเกสิ. อาคตมคฺโคโลกนํ กิร เตสํ ธมฺมตา. ตสฺมึ ขเณ เทวี, ‘‘อิทานิ อิมํ ปลาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา ปาณิสทฺทฺเจว มุขสทฺทฺจ กตฺวา ตํ ปลาเปสิ. อถสฺสา สูริยตฺถงฺคมนกาเล คพฺเภ กมฺมชวาตา จลึสุ. สพฺพทิสาสุ คชฺชนฺโต มหาเมโฆ อุฏฺหิ. สุเขธิตาย ราชมเหสิยา ‘‘มา ภายิ, อยฺเย’’ติ วจนมตฺตมฺปิ อลภมานาย ทุกฺขปเรตาย สพฺพรตฺตึ นิทฺทา นาม นาโหสิ. วิภาตาย ปน รตฺติยา วลาหกวิคโม จ อรุณุคฺคมนฺจ ตสฺสา คพฺภวุฏฺานฺจ เอกกฺขเณเยว อโหสิ. สา เมฆอุตฺุจ ปพฺพตอุตฺุจ อรุณอุตฺุจ คเหตฺวา ชาตตฺตา ปุตฺตสฺส อุเตโนติ นามํ อกาสิ.
อลฺลกปฺปตาปสสฺสปิ โข ตโต อวิทูเร วสนฏฺานํ โหติ. โส ปกติยาว วสฺสทิวเส สีตภเยน ผลาผลตฺถาย วนํ น ปวิสติ, ตํ รุกฺขมูลํ คนฺตฺวา สกุเณหิ ขาทิตมํสานํ อฏฺึ อาหริตฺวา โกฏฺเฏตฺวา รสํ กตฺวา ปิวติ. ตสฺมา ตํ ทิวสํ ‘‘อฏฺึ อาหริสฺสามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา รุกฺขมูเล อฏฺึ ปริเยเสนฺโต ¶ อุปริ ทารกสทฺทํ สุตฺวา อุลฺโลเกนฺโต เทวึ ทิสฺวา ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ‘‘มานุสิตฺถิมฺหี’’ติ. ‘‘กถํ อาคตาสี’’ติ? ‘‘หตฺถิลิงฺคสกุเณนานีตามฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘โอตราหี’’ติ อาห ¶ . ‘‘ชาติสมฺเภทโต ภายามิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘ขตฺติยามฺหี’’ติ. ‘‘อหมฺปิ ขตฺติโยเยวา’’ติ. ‘‘เตน หิ ขตฺติยมายํ กเถหี’’ติ. โส ขตฺติยมายํ กเถสิ. ‘‘เตน หิ อารุยฺห ปุตฺตํ เม โอตาเรหี’’ติ. โส เอเกน ปสฺเสน อภิรุหนมคฺคํ กตฺวา อภิรุหิตฺวา ทารกํ คณฺหิ. ‘‘มา มํ หตฺเถน ฉุปี’’ติ จ วุตฺเต ตํ อฉุปิตฺวาว ทารกํ โอตาเรสิ. เทวีปิ โอตริ. อถ นํ อสฺสมปทํ เนตฺวา สีลเภทํ อกตฺวาว อนุกมฺปาย ปฏิชคฺคิ, นิมฺมกฺขิกมธุํ อาหริตฺวา สยํชาตสาลึ อาหริตฺวา ยาคุํ ปจิตฺวา อทาสิ. เอวํ ตสฺมึ ปฏิชคฺคนฺเต สา อปรภาเค จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เนว อาคตมคฺคํ ชานามิ, น คมนมคฺคํ ชานามิ, อิมินาปิ เม สทฺธึ วิสฺสาสมตฺตมฺปิ นตฺถิ. สเจ ปนายํ อมฺเห ปหาย กตฺถจิ คมิสฺสติ, อุโภปิ อิเธว มรณํ ปาปุณิสฺสาม, ยํกิฺจิ กตฺวา อิมสฺส สีลํ ภินฺทิตฺวา ยถา มํ ¶ น มฺุจติ, ตถา ตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ นํ ทุนฺนิวตฺถทุปฺปารุตทสฺสเนน ปโลเภตฺวา สีลวินาสํ ปาเปสิ. ตโต ปฏฺาย ทฺเวปิ สมคฺควาสํ วสึสุ.
อเถกทิวสํ ตาปโส นกฺขตฺตโยคํ อุลฺโลเกนฺโต ปูรนฺตปฺปสฺส นกฺขตฺตมิลายนํ ทิสฺวา ‘‘ภทฺเท โกสมฺพิยํ ปูรนฺตปฺปราชา ¶ มโต’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา, อยฺย, เอวํ วเทสิ? กึ เต เตน สทฺธึ อาฆาโต อตฺถี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภทฺเท, นกฺขตฺตมิลายนมสฺส ทิสฺวา เอวํ วทามี’’ติ, สา ปโรทิ. อถ นํ ‘‘กสฺมา โรทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตาย ตสฺส อตฺตโน สามิกภาเว อกฺขาเต อาห – ‘‘มา, ภทฺเท, โรทิ, ชาตสฺส นาม นิยโต มจฺจู’’ติ. ‘‘ชานามิ, อยฺยา’’ติ วุตฺเต ‘‘อถ กสฺมา โรทสี’’ติ? ‘‘ปุตฺโต เม กุลสนฺตกสฺส รชฺชสฺส อนุจฺฉวิโก, ‘สเจ ตตฺร อภวิสฺส, เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาปยิสฺส. อิทานิ มหาชานิโก วต ชาโต’ติ โสเกน โรทามิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘โหตุ, ภทฺเท, มา จินฺตยิ, สจสฺส รชฺชํ ปตฺเถสิ, อหมสฺส รชฺชลภนาการํ กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส หตฺถิกนฺตวีณฺเจว หตฺถิกนฺตมนฺเต จ อทาสิ. ตทา อเนกานิ หตฺถิสหสฺสานิ อาคนฺตฺวา วฏรุกฺขมูเล นิสีทนฺติ. อถ นํ อาห – ‘‘หตฺถีสุ อนาคเตสุเยว รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา เตสุ อาคเตสุ อิมํ มนฺตํ วตฺวา อิมํ ตนฺตึ ปหร, สพฺเพ นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุมฺปิ อสกฺโกนฺตา ปลายิสฺสนฺติ, อถ โอตริตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. โส ตถา กตฺวา อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถ นํ ทุติยทิวเส อาห – ‘‘อชฺช อิมํ มนฺตํ วตฺวา อิมํ ตนฺตึ ปหเรยฺยาสิ ¶ , สพฺเพ นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺตา ปลายิสฺสนฺตี’’ติ. ตทาปิ ตถา กตฺวา อาคนฺตฺวา อาโรเจสิ ¶ . อถ นํ ตติยทิวเส อาห – ‘‘อชฺช อิมํ มนฺตํ วตฺวา อิมํ ตนฺตึ ปหเรยฺยาสิ, ยูถปติ ปิฏฺึ อุปนาเมนฺโต อาคมิสฺสตี’’ติ. ตทาปิ ตถา กตฺวา อาโรเจสิ.
อถสฺส มาตรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ภทฺเท, ปุตฺตสฺส เต สาสนํ วเทหิ, เอตฺโตว คนฺตฺวา ราชา ภวิสฺสตี’’ติ อาห. สา ปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ โกสมฺพิยํ ปูรนฺตปฺปรฺโ ปุตฺโต, มํ สคพฺภํ หตฺถิลิงฺคสกุโณ อาเนสี’’ติ วตฺวา เสนาปติอาทีนํ นามานิ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อสทฺทหนฺตานํ อิมํ ปิตุ ปารุปนกมฺพลฺเจว ปิลนฺธนมุทฺทิกฺจ ทสฺเสยฺยาสี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. กุมาโร ตาปสํ ‘‘อิทานิ กึ กโรมี’’ติ อาห. ‘‘รุกฺขสฺส เหฏฺิมสาขาย นิสีทิตฺวา อิมํ มนฺตํ วตฺวา อิมํ ตนฺตึ ปหร, เชฏฺกหตฺถี เต ปิฏฺึ อุปนาเปตฺวา อุปสงฺกมิสฺสติ, ตสฺส ปิฏฺิยํ นิสินฺโนว รฏฺํ คนฺตฺวา รชฺชํ คณฺหาหี’’ติ. โส มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ตถา กตฺวา อาคตสฺส หตฺถิโน ปิฏฺิยํ นิสีทิตฺวา กณฺเณ มนฺตยิ – ‘‘อหํ โกสมฺพิยํ ปูรนฺตปฺปรฺโ ปุตฺโต, เปตฺติกํ เม รชฺชํ คณฺหิตฺวา เทหิ สามี’’ติ. โส ตํ สุตฺวา ‘‘อเนกานิ ¶ หตฺถิสหสฺสานิ สนฺนิปตนฺตู’’ติ หตฺถิรวํ รวิ, อเนกานิ หตฺถิสหสฺสานิ สนฺนิปตึสุ. ปุน ‘‘ชิณฺณา หตฺถี ปฏิกฺกมนฺตู’’ติ หตฺถิรวํ รวิ, ชิณฺณา หตฺถี ปฏิกฺกมึสุ. ปุน ‘‘อติตรุณา หตฺถี นิวตฺตนฺตู’’ติ หตฺถิรวํ รวิ, เตปิ นิวตฺตึสุ. โส อเนเกหิ ยูถหตฺถิสหสฺเสเหว ปริวุโต ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ‘‘อหํ รฺโ ปุตฺโต, สมฺปตฺตึ ¶ ปตฺถยมานา มยา สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ อาห. ‘‘ตโต ปฏฺาย มนุสฺสานํ สงฺคหํ กโรนฺโต คนฺตฺวา นครํ ปริวาเรตฺวา ‘ยุทฺธํ วา เม เทตุ, รชฺชํ วา’’’ติ สาสนํ เปเสสิ. นาครา อาหํสุ – ‘‘มยํ ทฺเวปิ น ทสฺสาม. อมฺหากฺหิ เทวี ครุคพฺภา หตฺถิลิงฺคสกุเณน นีตา, ตสฺสา อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา มยํ น ชานาม. ยาว ตสฺสา ปวตฺตึ น สุณาม. ตาว เนว ยุทฺธํ ทสฺสาม, น รชฺช’’นฺติ. ตทา กิร ตํ ปเวณิรชฺชํ อโหสิ. ตโต กุมาโร ‘‘อหํ ตสฺสา ปุตฺโต’’ติ วตฺวา เสนาปติอาทีนํ นามานิ กเถตฺวา ตถาปิ อสทฺทหนฺตานํ กมฺพลฺจ มุทฺทิกฺจ ทสฺเสสิ. เต กมฺพลฺจ มุทฺทิกฺจ สฺชานิตฺวา นิกฺกงฺขา หุตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา ตํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. อยํ ตาว อุเตนสฺส อุปฺปตฺติ.
อลฺลกปฺปรฏฺเ ¶ ปน ทุพฺภิกฺเข ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต เอโก โกตุหลิโก นาม มนุสฺโส กาปึ นาม ตรุณปุตฺตฺจ กาฬึ นาม ภริยฺจ อาทาย ‘‘โกสมฺพึ คนฺตฺวา ชีวิสฺสามี’’ติ ปาเถยฺยํ คเหตฺวา นิกฺขมิ. ‘‘อหิวาตโรเคน มหาชเน มรนฺเต ทิสฺวา นิกฺขมี’’ติปิ วทนฺติเยว. เต คจฺฉนฺตา ปาเถยฺเย ปริกฺขีเณ ขุทาภิภูตา ทารกํ วหิตุํ นาสกฺขึสุ. อถ สามิโก ปชาปตึ อาห – ‘‘ภทฺเท, มยํ ชีวนฺตา ปุน ปุตฺตํ ลภิสฺสาม, ฉฑฺเฑตฺวา นํ คจฺฉามา’’ติ. มาตุ หทยํ นาม มุทุกํ โหติ. ตสฺมา สา อาห – ‘‘นาหํ ชีวนฺตเมว ปุตฺตํ ฉฑฺเฑตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘อถ กึ กโรมา’’ติ? ‘‘วาเรน นํ วหามา’’ติ. มาตา อตฺตโน วาเร ปุปฺผทามํ วิย นํ อุกฺขิปิตฺวา อุเร นิปชฺชาเปตฺวา ¶ องฺเกน วหิตฺวา ปิตุโน เทติ. ตสฺส ตํ คเหตฺวา คมนกาเล ฉาตกโตปิ พลวตรา เวทนา อุปฺปชฺชิ. โส ปุนปฺปุนํ อาห – ‘‘ภทฺเท, มยํ ชีวนฺตา ปุตฺตํ ลภิสฺสาม, ฉฑฺเฑม น’’นฺติ. สาปิ ปุนปฺปุนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปฏิวจนํ นาทาสิ. ทารโก วาเรน ปริวตฺติยมาโน กิลนฺโต ปิตุ หตฺเถ นิทฺทายิ. โส ตสฺส นิทฺทายนภาวํ ตฺวา มาตรํ ปุรโต กตฺวา เอกสฺส คจฺฉสฺส เหฏฺา ปณฺณสนฺถเร ตํ นิปชฺชาเปตฺวา ปายาสิ. มาตา นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺตี ปุตฺตํ อทิสฺวา, ‘‘สามิ, กุหึ เม ปุตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอกสฺส เม คจฺฉสฺส เหฏฺา นิปชฺชาปิโต’’ติ. ‘‘สามิ, มา มํ นาสยิ, ปุตฺตํ วินา ชีวิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อาเนหิ เม ปุตฺต’’นฺติ อุรํ ปหริตฺวา ปริเทวิ. อถ นํ นิวตฺติตฺวา อาเนสิ. ปุตฺโตปิ อนฺตรามคฺเค มโต โหติ. อิติ โส เอตฺตเก าเน ปุตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา ตสฺส นิสฺสนฺเทน ภวนฺตเร สตฺต วาเร ฉฑฺฑิโต. ‘‘ปาปกมฺมํ นาเมตํ อปฺปก’’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ.
เต ¶ คจฺฉนฺตา เอกํ โคปาลกุลํ ปาปุณึสุ. ตํ ทิวสฺจ โคปาลกสฺส เธนุมงฺคลํ โหติ. โคปาลกสฺส เคเห นิพทฺธํ เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ ภฺุชติ. โส ตํ โภเชตฺวา มงฺคลมกาสิ. พหุ ปายาโส ปฏิยตฺโต โหติ. โคปาลโก เต อาคเต ทิสฺวา, ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ สุตฺวา มุทุชาติโก กุลปุตฺโต เตสุ อนุกมฺปํ กตฺวา พหุเกน สปฺปินา ปายาสํ ทาเปสิ. ภริยา ‘‘สามิ, ตยิ ชีวนฺเต อหมฺปิ ชีวามิ นาม, ทีฆรตฺตํ อูโนทโรสิ, ยาวทตฺถํ ภฺุชาหี’’ติ สปฺปิฺจ ทธิฺจ ตทภิมุขฺเว กตฺวา อตฺตนา มนฺทสปฺปินา ¶ โถกเมว ภฺุชิ. อิตโร พหุํ ภฺุชิตฺวา สตฺตฏฺทิวเส ฉาตตาย อาหารตณฺหํ ฉินฺทิตุํ นาสกฺขิ. โคปาลโก เตสํ ปายาสํ ทาเปตฺวา สยํ ¶ ภฺุชิตุํ อารภิ. โกตุหลิโก ตํ โอโลเกนฺโต นิสีทิตฺวา เหฏฺาปีเ นิปนฺนาย สุนขิยา โคปาลเกน วฑฺเฒตฺวา ทิยฺยมานํ ปายาสปิณฺฑํ ทิสฺวา ‘‘ปฺุา วตายํ สุนขี, นิพทฺธํ เอวรูปํ โภชนํ ลภตี’’ติ จินฺเตสิ. โส รตฺติภาเค ตํ ปายาสํ ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํ กตฺวา ตสฺสา สุนขิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ.
อถสฺส ภริยา สรีรกิจฺจํ กตฺวา ตสฺมึเยว เคเห ภตึ กตฺวา ตณฺฑุลนาฬึ ลภิตฺวา ปจิตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา, ‘‘ทาสสฺส โว ปาปุณาตู’’ติ วตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา อิเธว วสิตุํ วฏฺฏติ, นิพทฺธํ, อยฺโย, อิธาคจฺฉติ, เทยฺยธมฺโม โหตุ วา, มา วา, เทวสิกํ วนฺทนฺตี เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺตี จิตฺตํ ปสาเทนฺตี พหุํ ปฺุํ ปสวิสฺสามี’’ติ. สา ตตฺเถว ภตึ กโรนฺตี วสิ. สาปิ สุนขี ฉฏฺเ วา สตฺตเม วา มาเส เอกเมว กุกฺกุรํ วิชายิ. โคปาลโก ตสฺส เอกเธนุยา ขีรํ ทาเปสิ. โส น จิรสฺเสว วฑฺฒิ. อถสฺส ปจฺเจกพุทฺโธ ภฺุชนฺโต นิพทฺธํ เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ เทติ. โส ภตฺตปิณฺฑํ นิสฺสาย ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนหมกาสิ. โคปาลโกปิ นิพทฺธํ ทฺเว วาเร ปจฺเจกพุทฺธสฺสุปฏฺานํ ยาติ. คจฺฉนฺโตปิ อนฺตรามคฺเค วาฬมิคฏฺาเน ทณฺเฑน คจฺเฉ จ ภูมิฺจ ปหริตฺวา ‘‘สุสู’’ติ ติกฺขตฺตุํ สทฺทํ กตฺวา วาฬมิเค ปลาเปติ. สุนโขปิ เตน สทฺธึ คจฺฉติ.
โส เอกทิวสํ ปจฺเจกพุทฺธํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ยทา เม โอกาโส น ภวิสฺสติ, ตทา อิมํ สุนขํ เปเสสฺสามิ, เตน สฺาเณน อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ. ตโต ปฏฺาย อโนกาสทิวเส, ‘‘คจฺฉ, ตาต, อยฺยํ อาเนหี’’ติ สุนขํ เปเสสิ. โส เอกวจเนเนว ปกฺขนฺทิตฺวา สามิกสฺส คจฺฉโปถนภูมิโปถนฏฺาเน ติกฺขตฺตุํ ภุสฺสิตฺวา เตน สทฺเทน วาฬมิคานํ ปลาตภาวํ ตฺวา ¶ ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ปณฺณสาลทฺวาเร ติกฺขตฺตุํ ภุสฺสิตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา เอกมนฺเต นิปชฺชติ, ปจฺเจกพุทฺเธ เวลํ สลฺลกฺเขตฺวา นิกฺขนฺเต ภุสฺสนฺโต ปุรโต คจฺฉติ. อนฺตรนฺตรา ปจฺเจกพุทฺโธ ¶ ตํ วีมํสนฺโต อฺํ มคฺคํ ปฏิปชฺชติ. อถสฺส ปุรโต ¶ ติริยํ ตฺวา ภุสฺสิตฺวา อิตรมคฺคเมว นํ อาโรเปติ. อเถกทิวสํ อฺํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา เตน ปุรโต ติริยํ ตฺวา วาริยมาโนปิ อนิวตฺติตฺวา สุนขํ ปาเทน ปหริตฺวา ปายาสิ. สุนโข ตสฺส อนิวตฺตนภาวํ ตฺวา นิวาสนกณฺเณ ฑํสิตฺวา อากฑฺฒนฺโต อิตรมคฺคเมว นํ อาโรเปสิ. เอวํ โส ตสฺมึ พลวสิเนหํ อุปฺปาเทสิ.
ตโต อปรภาเค ปจฺเจกพุทฺธสฺส จีวรํ ชีริ. อถสฺส โคปาลโก จีวรวตฺถานิ อทาสิ. ตเมนํ ปจฺเจกพุทฺโธ อาห – ‘‘อาวุโส, จีวรํ นาม เอกเกน กาตุํ ทุกฺกรํ, ผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา กาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘อิเธว, ภนฺเต, กโรถา’’ติ. ‘‘น สกฺกา, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มา จิรํ พหิ วสิตฺถา’’ติ. สุนโข เตสํ กถํ สุณนฺโตว อฏฺาสิ, ปจฺเจกพุทฺโธปิ ‘‘ติฏฺ, อุปาสกา’’ติ โคปาลกํ นิวตฺตาเปตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา คนฺธมาทนาภิมุโข ปายาสิ. สุนขสฺส ตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ¶ ทิสฺวา ภุกฺกริตฺวา ิตสฺส ตสฺมึ จกฺขุปถํ วิชหนฺเต หทยํ ผลิตฺวา มโต. ติรจฺฉานา กิร นาเมเต อุชุชาติกา โหนฺติ อกุฏิลา. มนุสฺสา ปน อฺํ หทเยน จินฺเตนฺติ, อฺํ มุเขน กเถนฺติ. เตเนวาห – ‘‘คหนฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ มนุสฺสา, อุตฺตานกฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ปสโว’’ติ (ม. นิ. ๒.๓).
อิติ โส ตาย อุชุจิตฺตตาย อกุฏิลตาย กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโต อจฺฉราสหสฺสปริวุโต มหาสมฺปตฺตึ อนุโภสิ. ตสฺส กณฺณมูเล มนฺตยนฺตสฺส สทฺโท โสฬสโยชนฏฺานํ ผรติ, ปกติกถาสทฺโท ปน สกลํ ทสโยชนสหสฺสํ เทวนครํ ฉาเทติ. เตเนวสฺส ‘‘โฆสกเทวปุตฺโต’’ติ นามํ อโหสิ. ‘‘กิสฺส ปเนส นิสฺสนฺโท’’ติ. ปจฺเจกพุทฺเธ เปเมน ภุกฺกรณสฺส นิสฺสนฺโท. โส ตตฺถ น จิรํ ตฺวา จวิ. เทวโลกโต หิ เทวปุตฺตา อายุกฺขเยน ปฺุกฺขเยน อาหารกฺขเยน โกเปนาติ จตูหิ การเณหิ จวนฺติ.
ตตฺถ เยน พหุํ ปฺุกมฺมํ กตํ โหติ, โส เทวโลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา อุปรูปริ นิพฺพตฺตติ. เอวํ อายุกฺขเยน จวติ นาม. เยน ปริตฺตํ ปฺุํ กตํ โหติ, ตสฺส ราชโกฏฺาคาเร ปกฺขิตฺตํ ติจตุนาฬิมตฺตํ ธฺํ วิย อนฺตราว ตํ ปฺุํขียติ, อนฺตราว กาลํ กโรติ ¶ . เอวํ ปฺุกฺขเยน จวติ นาม. อปโรปิ กามคุเณ ปริภฺุชมาโน สติสมฺโมเสน อาหารํ อปริภฺุชิตฺวา กิลนฺตกาโย กาลํ กโรติ. เอวํ อาหารกฺขเยน จวติ นาม. อปโรปิ ปรสฺส สมฺปตฺตึ อสหนฺโต ¶ กุชฺฌิตฺวา กาลํ กโรติ. เอวํ โกเปน จวติ นาม.
อยํ ¶ ปน กามคุเณ ปริภฺุชนฺโต มุฏฺสฺสติ หุตฺวา อาหารกฺขเยน จวิ, จวิตฺวา จ ปน โกสมฺพิยํ นครโสภินิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สาปิ ชาตทิวเส ‘‘กึ เอต’’นฺติ ทาสึ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ปุตฺโต, อยฺเย’’ติ วุตฺเต – ‘‘หนฺท, เช, อิมํ ทารกํ กตฺตรสุปฺเป อาโรเปตฺวา สงฺการกูเฏ ฉฑฺเฑหี’’ติ ฉฑฺฑาเปสิ. นครโสภินิโย หิ ธีตรํ ปฏิชคฺคนฺติ, น ปุตฺตํ. ธีตรา หิ ตาสํ ปเวณี ฆฏียติ. ทารกํ กากาปิ สุนขาปิ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนหปฺปภวสฺส ภุกฺกรณสฺส นิสฺสนฺเทน เอโกปิ อุปคนฺตุํ น วิสหิ. ตสฺมึ ขเณ เอโก มนุสฺโส พหิ นิกฺขนฺโต ตํ กากสุนขสนฺนิปาตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ คนฺตฺวา ทารกํ ทิสฺวา ปุตฺตสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ เคหํ เนสิ. ตทา โกสมฺพกเสฏฺิ ราชกุลํ คจฺฉนฺโต ราชนิเวสนโต อาคจฺฉนฺตํ ปุโรหิตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ, อาจริย, อชฺช เต ติถิกรณนกฺขตฺตโยโค โอโลกิโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาเสฏฺิ, อมฺหากํ กึ อฺํ กิจฺจนฺติ? ชนปทสฺส กึ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘อฺํ นตฺถิ, อิมสฺมึ ปน นคเร อชฺช ชาตทารโก เชฏฺกเสฏฺิ ภวิสฺสตี’’ติ. ตทา เสฏฺิโน ภริยา ครุคพฺภา โหติ. ตสฺมา โส สีฆํ เคหํ ปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ ภเณ, ชานาหิ นํ วิชาตา วา, โน วา’’ติ. ‘‘น วิชายตี’’ติ สุตฺวา ราชานํ ทิสฺวาว เวเคน เคหํ คนฺตฺวา กาฬึ นาม ทาสึ ปกฺโกสิตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา, ‘‘คจฺฉ ¶ เช, อิมสฺมึ นคเร อุปธาเรตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา อชฺช ชาตทารกํ คณฺหิตฺวา เอหี’’ติ. สา อุปธาเรนฺตี ตํ เคหํ คนฺตฺวา ทารกํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ ทารโก กทา ชาโต’’ติ คหปตานึ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อชฺช ชาโต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อิมํ มยฺหํ เทหี’’ติ เอกกหาปณํ อาทึ กตฺวา มูลํ วฑฺเฒนฺตี สหสฺสํ ทตฺวา ตํ อาเนตฺวา เสฏฺิโน ทสฺเสสิ. เสฏฺิ ‘‘สเจ เม ธีตา วิชายิสฺสติ, ตาย นํ สทฺธึ นิเวเสตฺวา เสฏฺิฏฺานสฺส สามิกํ กริสฺสามิ. สเจ เม ปุตฺโต วิชายิสฺสติ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตํ เคเห กาเรสิ.
อถสฺส ¶ ภริยา กติปาหจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. เสฏฺิ ‘‘อิมสฺมึ อสติ มม ปุตฺโตว เสฏฺิฏฺานํ ลภิสฺสติ, อิทาเนว ตํ มาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา กาฬึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘คจฺฉ, เช, วชโต คุนฺนํ นิกฺขมนเวลาย วชทฺวารมชฺเฌ อิมํ ติริยํ นิปชฺชาเปหิ, คาวิโย นํ มทฺทิตฺวา มาเรสฺสนฺติ, มทฺทิตามทฺทิตภาวํ ปนสฺส ตฺวา เอหี’’ติ อาห. สา คนฺตฺวา โคปาลเกน วชทฺวาเร วิวฏมตฺเตเยว ตํ ตถา นิปชฺชาเปสิ. โคคณเชฏฺโก อุสโภ อฺสฺมึ กาเล สพฺพปจฺฉา นิกฺขมนฺโตปิ ตํ ทิวสํ สพฺพปมํ นิกฺขมิตฺวา ทารกํ จตุนฺนํ ปาทานํ อนฺตเร กตฺวา อฏฺาสิ. อเนกสตคาวิโย อุสภสฺส ทฺเว ปสฺสานิ ฆํสนฺติโย นิกฺขมึสุ. โคปาลโกปิ ‘‘อยํ อุสโภ ปุพฺเพ สพฺพปจฺฉา นิกฺขมติ, อชฺช ปน สพฺพปมํ นิกฺขมิตฺวา ¶ วชทฺวารมชฺเฌ นิจฺจโลว ิโต, กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส เหฏฺา นิปนฺนํ ทารกํ ทิสฺวา ปุตฺตสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา, ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ เคหํ เนสิ.
กาฬี คนฺตฺวา เสฏฺินา ปุจฺฉิตา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘คจฺฉ, นํ ปุน สหสฺสํ ทตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺตา สหสฺสํ ทตฺวา ปุน อาเนตฺวา อทาสิ. อถ ¶ นํ อาห – ‘‘อมฺม, กาฬิ อิมสฺมึ นคเร ปฺจ สกฏสตานิ ปจฺจูสกาเล อุฏฺาย วาณิชฺชาย คจฺฉนฺติ, ตฺวํ อิมํ เนตฺวา จกฺกมคฺเค นิปชฺชาเปหิ, โคณา วา นํ มทฺทิสฺสนฺติ, จกฺกา วา ฉินฺทิสฺสนฺติ, ปวตฺตึ จสฺส ตฺวาว อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. สา ตํ เนตฺวา จกฺกมคฺเค นิปชฺชาเปสิ. ตทา สากฏิกเชฏฺโก ปุรโต อโหสิ. อถสฺส โคณา ตํ านํ ปตฺวา ธุรํ ฉฑฺเฑสุํ, ปุนปฺปุนํ อาโรเปตฺวา ปาชิยมานาปิ ปุรโต น คจฺฉึสุ. เอวํ ตสฺส เตหิ สทฺธึ วายมนฺตสฺเสว อรุณํ อุฏฺหิ. โส ‘‘กึ นาเมตํ โคณา กรึสู’’ติ มคฺคํ โอโลเกนฺโต ทารกํ ทิสฺวา, ‘‘ภาริยํ วต เม กมฺม’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานโส ตํ เคหํ เนสิ.
กาฬี คนฺตฺวา เสฏฺินา ปุจฺฉิตา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘คจฺฉ, นํ ปุน สหสฺสํ ทตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺตา ตถา อกาสิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘อิทานิ นํ อามกสุสานํ เนตฺวา คจฺฉนฺตเร นิปชฺชาเปหิ, ตตฺถ สุนขาทีหิ วา ขาทิโต, อมนุสฺเสหิ วา ปหโฏ มริสฺสติ, มาตามตภาวฺจสฺส ชานิตฺวาว อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. สา ตํ เนตฺวา ตตฺถ นิปชฺชาเปตฺวา เอกมนฺเต อฏฺาสิ. ตํ สุนโข วา กาโก วา อมนุสฺโส วา อุปสงฺกมิตุํ ¶ นาสกฺขิ. ‘‘นนุ จสฺส เนว มาตา น ปิตา น ภาติกาทีสุ โกจิ รกฺขิตา นาม อตฺถิ, โก ตํ รกฺขตี’’ติ? สุนขกาเล ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนเหน ปวตฺติตภุกฺกรณมตฺตเมว ตํ รกฺขติ. อเถโก อชปาลโก อเนกสหสฺสา อชา โคจรํ เนนฺโต สุสานปสฺเสน คจฺฉติ. เอกา อชา ปณฺณานิ ขาทมานา คจฺฉนฺตรํ ปวิฏฺา ทารกํ ทิสฺวา ชณฺณุเกหิ ตฺวา ทารกสฺส ถนํ อทาสิ, อชปาลเกน ‘‘เห เห’’ติ สทฺเท กเตปิ น นิกฺขมิ. โส ‘‘ยฏฺิยา นํ ปหริตฺวา นีหริสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตรํ ปวิฏฺโ ชณฺณุเกหิ ¶ ตฺวา ทารกํ ขีรํ ปายนฺตึ อชึ ทิสฺวา ทารเก ปุตฺตสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา, ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ อาทาย ปกฺกามิ.
กาฬี คนฺตฺวา เสฏฺินา ปุจฺฉิตา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘คจฺฉ, ตํ ปุน สหสฺสํ ทตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺตา ตถา อกาสิ. อถ นํ อาห – ‘‘อมฺม กาฬิ, อิมํ อาทาย โจรปปาตปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา ปปาเต ขิป, ปพฺพตกุจฺฉิยํ ปฏิหฺมาโน ขณฺฑาขณฺฑิโก หุตฺวา ภูมิยํ ปติสฺสติ, มตามตภาวฺจสฺส ตฺวาว อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. สา ตํ ตตฺถ เนตฺวา ปพฺพตมตฺถเก ¶ ตฺวา ขิปิ. ตํ โข ปน ปพฺพตกุจฺฉึ นิสฺสาย มหาเวฬุคุมฺโพ ปพฺพตานุสาเรเนว วฑฺฒิ, ตสฺส มตฺถกํ ฆนชาโต ชิฺชุกคุมฺโพ อวตฺถริ. ทารโก ปตนฺโต โกชวเก วิย ตสฺมึ ปติ. ตํ ทิวสฺจ นฬการเชฏฺกสฺส เวฬุพลิ ปตฺโต โหติ. โส ปุตฺเตน สทฺธึ คนฺตฺวา ตํ เวฬุคุมฺพํ ฉินฺทิตุํ อารภิ. ตสฺมึ จลนฺเต ทารโก สทฺทมกาสิ. โส ‘‘ทารกสทฺโท วิยา’’ติ เอเกน ปสฺเสน อภิรุหิตฺวา ตํ ทิสฺวา, ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ ตุฏฺจิตฺโต อาทาย คโต.
กาฬี เสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เตน ปุจฺฉิตา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘คจฺฉ, นํ ปุน สหสฺสํ ทตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺตา ตถา อกาสิ. เสฏฺิโน อิทฺจิทฺจ กโรนฺตสฺเสว ทารโก วฑฺฒิโต ‘‘โฆสโก’’ตฺเววสฺส นามํ อโหสิ. โส เสฏฺิโน อกฺขิมฺหิ กณฺฏโก วิย ขายิ, อุชุกํ ตํ โอโลเกตุมฺปิ น วิสติ. อถสฺส มารณูปายํ จินฺเตนฺโต อตฺตโน สหายกสฺส กุมฺภการสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กทา ตฺวํ อาวาปํ อาลิมฺเปสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา – ‘‘สฺเว’’ติ วุตฺเต, ‘‘เตน ¶ หิ อิทํ สหสฺสํ คเหตฺวา มม เอกํ ¶ กมฺมํ กโรหี’’ติ อาห. ‘‘กึ, สามี’’ติ? ‘‘เอโก เม อวชาตปุตฺโต อตฺถิ, ตํ ตว สนฺติกํ เปเสสฺสามิ, อถ นํ คเหตฺวา คพฺภํ ปเวเสตฺวา ติขิณาย วาสิยา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา จาฏิยํ ปกฺขิปิตฺวา อาวาเป ปเจยฺยาสิ, อิทํ เต สหสฺสํ สจฺจการสทิสํ. อุตฺตรึ ปน เต กตฺตพฺพยุตฺตกํ ปจฺฉา กริสฺสามี’’ติ. กุมฺภกาโร ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เสฏฺิ ปุนทิวเส โฆสกํ ปกฺโกสิตฺวา, ‘‘หิยฺโย มยา กุมฺภกาโร เอกํ กมฺมํ อาณตฺโต, เอหิ, ตฺวํ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวํ วเทหิ – ‘หิยฺโย กิร เม ปิตรา อาณตฺตํ กมฺมํ นิปฺผาเทหี’’’ติ ปหิณิ. โส ‘‘สาธู’’ติ อคมาสิ. ตํ ตตฺถ คจฺฉนฺตํ อิตโร เสฏฺิโน ปุตฺโต ทารเกหิ สทฺธึ คุฬํ กีฬนฺโต ทิสฺวา ตํ ปกฺโกสิตฺวา, ‘‘กุหึ คจฺฉสิ ภาติกา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปิตุ สาสนํ คเหตฺวา กุมฺภการสฺส สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ. อิเม มํ ทารกา พหุํ ลกฺขํ ชินึสุ, ตํ เม ปฏิชินิตฺวา เทหี’’ติ อาห. ‘‘อหํ ปิตุ ภายามี’’ติ. ‘‘มา ภายิ, ภาติก, อหํ ตํ สาสนํ หริสฺสามิ. พหูหิ ชิโต, ยาวาหํ อาคจฺฉามิ, ตาว เม ลกฺขํ ปฏิชินา’’ติ.
โฆสโก กิร คุฬกีฬาย เฉโก, เตน นํ เอวํ นิพนฺธิ. โสปิ ตํ ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา กุมฺภการํ วเทหิ – ‘ปิตรา กิร เม หิยฺโย เอกํ กมฺมํ อาณตฺตํ, ตํ นิปฺผาเทหี’’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตถา อวจ. อถ นํ กุมฺภกาโร เสฏฺินา วุตฺตนิยาเมเนว มาเรตฺวา อาวาเป ขิปิ. โฆสโกปิ ทิวสภาคํ กีฬิตฺวา สายนฺหสมเย เคหํ คนฺตฺวา ¶ ¶ ‘‘กึ, ตาต, น คโตสี’’ติ วุตฺเต อตฺตโน อคตการณฺจ กนิฏฺสฺส คตการณฺจ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ ‘‘อหํ ธี’’ติ มหาวิรวํ วิรวิตฺวา สกลสรีเร ปกฺกุถิตโลหิโต วิย หุตฺวา, ‘‘อมฺโภ, กุมฺภการ, มา มํ นาสยิ, มา มํ นาสยี’’ติ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. กุมฺภกาโร ตํ ตถา อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘สามิ, มา สทฺทํ กริ, กมฺมํ เต นิปฺผนฺน’’นฺติ อาห. โส ปพฺพเตน วิย มหนฺเตน โสเกน อวตฺถโฏ หุตฺวา อนปฺปกํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. ยถา ตํ อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสมาโน. เตนาห ภควา –
‘‘โย ¶ ทณฺเฑน อทณฺเฑสุ, อปฺปทุฏฺเสุ ทุสฺสติ;
ทสนฺนมฺตรํ านํ, ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ.
‘‘เวทนํ ผรุสํ ชานึ, สรีรสฺส จ เภทนํ;
ครุกํ วาปิ อาพาธํ, จิตฺตกฺเขปฺจ ปาปุเณ.
‘‘ราชโต วา อุปสคฺคํ, อพฺภกฺขานฺจ ทารุณํ;
ปริกฺขยฺจ าตีนํ, โภคานฺจ ปภงฺคุรํ.
‘‘อถ วาสฺส อคารานิ, อคฺคิ ฑหติ ปาวโก;
กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๓๗-๑๔๐);
เอวํ ¶ สนฺเตปิ ปุน นํ เสฏฺิ อุชุกํ โอโลเกตุํ น สกฺโกติ. ‘‘กินฺติ นํ มาเรยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต, ‘‘มม คามสเต อายุตฺตกสฺส สนฺติกํ เปเสตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ อุปายํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ เม อวชาตปุตฺโต, อิมํ มาเรตฺวา วจฺจกูเป ขิปตุ, เอวํ กเต อหํ มาตุลสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ ตสฺส ปณฺณํ ลิขิตฺวา, ‘‘ตาต โฆสก, อมฺหากํ คามสเต อายุตฺตโก อตฺถิ, อิมํ ปณฺณํ หริตฺวา ตสฺส เทหี’’ติ วตฺวา ปณฺณํ ตสฺส ทุสฺสนฺเต พนฺธิ. โส ปน อกฺขรสมยํ น ชานาติ. ทหรกาลโต ปฏฺาย หิ นํ มาราเปนฺโตว เสฏฺิ มาเรตุํ นาสกฺขิ, กึ อกฺขรสมยํ สิกฺขาเปสฺสติ? อิติ โส อตฺตโน มาราปนปณฺณเมว ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา นิกฺขมนฺโต อาห – ‘‘ปาเถยฺยํ เม, ตาต, นตฺถี’’ติ. ‘‘ปาเถยฺเยน เต กมฺมํ นตฺถิ, อนฺตรามคฺเค ‘อสุกคาเม นาม มมสหายโก เสฏฺิ อตฺถิ, ตสฺส ฆเร ปาตราสํ กตฺวา ปุรโต คจฺฉาหี’’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา นิกฺขนฺโต ตํ คามํ ปตฺวา เสฏฺิสฺส ฆรํ ¶ ปุจฺฉิตฺวา คนฺตฺวา เสฏฺิชายํ ปสฺสิ. ‘‘ตฺวํ กุโต อาคโตสี’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘อนฺโตนครโต’’ติ อาห. ‘‘กสฺส ปุตฺโตสี’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ สหายกเสฏฺิโน, อมฺมา’’ติ. ‘‘ตฺวํสิ โฆสโก นามา’’ติ? ‘‘อาม, อมฺมา’’ติ. ตสฺสา สห ทสฺสเนเนว ตสฺมึ ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ. เสฏฺิโน ปเนกา ธีตา อตฺถิ ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อภิรูปา ปาสาทิกา, ตํ รกฺขิตุํ เอกเมว เปสนการิกํ ทาสึ ทตฺวา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตเล สิริคพฺเภ วสาเปนฺติ. เสฏฺิธีตา ตสฺมึ ¶ ขเณ ตํ ทาสึ อนฺตราปณํ เปเสสิ. อถ นํ เสฏฺิชายา ทิสฺวา, ‘‘กุหึ คจฺฉสี’’ติ ¶ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อยฺยธีตาย เปสเนนา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิโต ตาว เอหิ, ติฏฺตุ เปสนํ, ปุตฺตสฺส เม ปีกํ อตฺถริตฺวา ปาเท โธวิตฺวา เตลํ มกฺขิตฺวา สยนํ อตฺถริตฺวา เทหิ, ปจฺฉา เปสนํ กริสฺสสี’’ติ อาห. สา ตถา อกาสิ.
อถ นํ จิเรนาคตํ เสฏฺิธีตา สนฺตชฺเชสิ. อถ นํ สา อาห – ‘‘มา เม กุชฺฌิ, เสฏฺิปุตฺโต โฆสโก อาคโต, ตสฺส อิทฺจิทฺจ กตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา อาคตามฺหี’’ติ. เสฏฺิธีตาย ‘‘เสฏฺิปุตฺโต โฆสโก’’ติ นามํ สุตฺวาว เปมํ ฉวิยาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ิตํ. โกตุหลกาลสฺมิฺหิ สา ตสฺส ปชาปตี หุตฺวา นาฬิโกทนํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส อทาสิ, ตสฺสานุภาเวนาคนฺตฺวา อิมสฺมึ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺตา. อิติ ตํ โส ปุพฺพสิเนโห อวตฺถริตฺวา คณฺหิ. เตนาห ภควา –
‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);
อถ นํ ปุจฺฉิ – ‘‘กุหึ โส, อมฺมา’’ติ? ‘‘สยเน นิปนฺโน นิทฺทายตี’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปนสฺส หตฺเถ กิฺจี’’ติ? ‘‘ทุสฺสนฺเต ปณฺณํ อตฺถี’’ติ. สา ‘‘กึ ปณฺณํ นุ โข เอต’’นฺติ ตสฺมึ นิทฺทายนฺเต มาตาปิตูนํ อฺวิหิตตาย อปสฺสนฺตานํ โอตริตฺวา สมีปํ คนฺตฺวา ตํ ปณฺณํ โมเจตฺวา อาทาย อตฺตโน คพฺภํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย วาตปานํ วิวริตฺวา อกฺขรสมเย กุสลตาย ปณฺณํ วาเจตฺวา, ‘‘อโห วต พาโล, อตฺตโน มรณปณฺณํ ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา ¶ วิจรติ, สเจ มยา น ทิฏฺํ อสฺส, นตฺถิสฺส ชีวิต’’นฺติ ตํ ปณฺณํ ผาเลตฺวา เสฏฺิสฺส วจเนน อปรํ ปณฺณํ ลิขิ – ‘‘อยํ มม ปุตฺโต โฆสโก นาม, คามสตโต ปณฺณาการํ อาหราเปตฺวา อิมสฺส ชนปทเสฏฺิโน ธีตรา สทฺธึ มงฺคลํ กตฺวา อตฺตโน วสนคามสฺส มชฺเฌ ทฺวิภูมกํ เคหํ กาเรตฺวา ปาการปริกฺเขเปน เจว ปุริสคุตฺติยา จ สุสํวิหิตารกฺขํ กโรตุ, มยฺหฺจ ‘อิทฺจิทฺจ มยา กต’นฺติ สาสนํ เปเสตุ, เอวํ กเต อหํ ¶ มาตุลสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ, ลิขิตฺวา จ ปน สงฺฆริตฺวา โอตริตฺวา ทุสฺสนฺเตเยวสฺส พนฺธิ.
โส ¶ ทิวสภาคํ นิทฺทายิตฺวา อุฏฺาย ภฺุชิตฺวา ปกฺกามิ. ปุนทิวเส ปาโตว ตํ คามํ คนฺตฺวา อายุตฺตกํ คามกิจฺจํ กโรนฺตํเยว ปสฺสิ. โส ตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปิตรา เม ตุมฺหากํ ปณฺณํ เปสิต’’นฺติ. ‘‘กึ ปณฺณํ, ตาต, อาหรา’’ติ ปณฺณํ คเหตฺวา วาเจตฺวา ตุฏฺมานโส ‘‘ปสฺสถ, โภ, มม สามิโน มยิ สิเนหํ กตฺวา เชฏฺปุตฺตสฺส เม มงฺคลํ กโรตู’’ติ มม สนฺติกํ ปหิณิ. ‘‘สีฆํ ทารุอาทีนิ อาหรถา’’ติ คหปติเก วตฺวา คามมชฺเฌ วุตฺตปการํ เคหํ การาเปตฺวา คามสตโต ปณฺณาการํ อาหราเปตฺวา ชนปทเสฏฺิโน สนฺติกา ธีตรํ อาเนตฺวา มงฺคลํ กตฺวา เสฏฺิสฺส สาสนํ ปหิณิ ‘‘อิทฺจิทฺจ มยา กต’’นฺติ.
ตํ สุตฺวา เสฏฺิโน ‘‘ยํ กาเรมิ, ตํ น โหติ; ยํ น กาเรมิ, ตเทว โหตี’’ติ มหนฺตํ โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ. ปุตฺตโสเกน สทฺธึ โส โสโก เอกโต หุตฺวา กุจฺฉิฑาหํ อุปฺปาเทตฺวา อติสารํ ชเนสิ. เสฏฺิธีตาปิ ‘‘สเจ โกจิ เสฏฺิโน สนฺติกา อาคจฺฉติ, มม อกเถตฺวา เสฏฺิปุตฺตสฺส ปมตรํ มา กถยิตฺถา’’ติ ¶ ชเน อาณาเปสิ. เสฏฺิปิ โข ‘‘ทานิ ตํ ทุฏฺปุตฺตํ มม สาปเตยฺยสฺส สามิกํ น กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกํ อายุตฺตกํ อาห – ‘‘มาตุล, ปุตฺตํ เม ทฏฺุกาโมมฺหิ, เอกํ ปาทมูลิกํ เปเสตฺวา มม ปุตฺตํ ปกฺโกสาเปหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปณฺณํ ทตฺวา เอกํ ปุริสํ เปเสสิ. เสฏฺิธีตาปิ ตสฺส อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ิตภาวํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘กึ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘เสฏฺิ คิลาโน, ปุตฺตํ ปสฺสิตุํ ปกฺโกสาเปสิ, อยฺเย’’ติ. ‘‘กึ, ตาต, พลวา, ทุพฺพโล’’ติ? ‘‘พลวา ตาว, อาหารํ ภฺุชติเยว, อยฺเย’’ติ. สา เสฏฺิปุตฺตํ อชานาเปตฺวาว ตสฺส นิเวสนฺจ ปริพฺพยฺจ ทาเปตฺวา ‘‘มยา เปสิตกาเล คมิสฺสสิ, อจฺฉสฺสุ ตาวา’’ติ อาห. เสฏฺิ ปุน อายุตฺตกํ อวจ, ‘‘กึ, มาตุล, น เต มม ปุตฺตสฺส สนฺติกํ ปหิต’’นฺติ? ‘‘ปหิตํ, สามิ, คตปุริโส น ตาว เอตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ปุน อปรํ เปเสหี’’ติ. โส เปเสสิ. เสฏฺิธีตา ตสฺมิมฺปิ ตเถว ปฏิปชฺชิ. อถ เสฏฺิโน โรโค พลวา ชาโต, เอกํ ภาชนํ ปวิสติ, เอกํ นิกฺขมติ. ปุน เสฏฺิ อายุตฺตกํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, มาตุล, น เต มม ปุตฺตสฺส สนฺติกํ ปหิต’’นฺติ? ‘‘ปหิตํ, สามิ, คตปุริโส น ตาว ¶ เอตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ปุน อปรํ เปเสหี’’ติ. โส เปเสสิ. เสฏฺิธีตา ตติยวาเร อาคตมฺปิ ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. โส ‘‘พาฬฺหคิลาโน, อยฺเย, เสฏฺิ อาหารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา มจฺจุปรายโณ ชาโต, เอกํ ภาชนํ นิกฺขมติ ¶ , เอกํ ปวิสตี’’ติ อาห. เสฏฺิธีตา ‘‘อิทานิ คนฺตุํ กาโล’’ติ เสฏฺิปุตฺตสฺส ‘‘ปิตา เต กิร คิลาโน’’ติ อาโรเจตฺวา ‘‘กึ วเทสิ ภทฺเท’’ติ วุตฺเต ‘‘อผาสุกมสฺส, สามี’’ติ อาห. ‘‘อิทานิ กึ กาตพฺพ’’นฺติ. สามิ? ‘‘คามสตโต วุฏฺานกปณฺณาการํ ¶ อาทาย คนฺตฺวา ปสฺสิสฺสาม น’’นฺติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปณฺณาการํ อาหราเปตฺวา สกเฏหิ อาทาย ปกฺกามิ.
อถ นํ สา ‘‘ปิตา เต ทุพฺพโล, เอตฺตกํ ปณฺณาการํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตานํ ปปฺโจ ภวิสฺสติ, เอตํ นิวตฺตาเปหี’’ติ วตฺวา ตํ สพฺพํ อตฺตโน กุลเคหํ เปเสตฺวา ปุน ตํ อาห – ‘‘สามิ, ตฺวํ อตฺตโน ปิตุ ปาทปสฺเส ติฏฺเยฺยาสิ, อหํ อุสฺสีสกปสฺเส สฺสามี’’ติ. เคหํ ปวิสมานาเยว จ ‘‘เคหสฺส ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อารกฺขํ คณฺหถา’’ติ อตฺตโน ปุริเส อาณาเปสิ. ปวิฏฺกาเล ปน เสฏฺิปุตฺโต ปิตุ ปาทปสฺเส อฏฺาสิ, อิตรา อุสฺสีสกปสฺเส.
ตสฺมึ ขเณ เสฏฺิ อุตฺตานโก นิปนฺโน โหติ. อายุตฺตโก ปน ตสฺส ปาเท ปริมชฺชนฺโต ‘‘ปุตฺโต เต, สามิ, อาคโต’’ติ อาห. ‘‘กุหึ โส’’ติ? ‘‘เอส ปาทมูเล ิโต’’ติ. อถ นํ ทิสฺวา อายกมฺมิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘มม เคเห กิตฺตกํ ธน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, ธนสฺเสว จตฺตาลีสโกฏิโย, อุปโภคปริโภคภณฺฑานํ ปน วนคามกฺเขตฺตทฺวิปทจตุปฺปทยานวาหนานฺจ อยฺจ อยฺจ ปริจฺเฉโท’’ติ วุตฺเต, ‘‘อหํ เอตฺตกํ ธนํ มม ปุตฺตสฺส โฆสกสฺส น เทมี’’ติ วตฺตุกาโม ‘‘เทมี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา เสฏฺิธีตา ‘‘อยํ ปุน กเถนฺโต อฺํ กิฺจิ กเถยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา โสกาตุรา วิย เกเส วิกิริตฺวา โรทมานา ‘‘กึ นาเมตํ, ตาต, วเทถ, อิทมฺปิ นาม โว วจนํ สุโณม, อลกฺขิกา วตมฺหา’’ติ วตฺวา มตฺถเกน นํ อุรมชฺเฌ ปหรนฺตี ปติตฺวา ยถา ปุน วตฺตุํ น สกฺโกติ, ตถาสฺส อุรมชฺเฌ มตฺถเกน ฆํเสนฺตี อาโรทนํ ทสฺเสสิ. เสฏฺิ ตํขณฺเว กาลมกาสิ. ‘‘เสฏฺิ มโต’’ติ คนฺตฺวา ¶ ¶ อุเตนสฺส รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ตสฺส สรีรกิจฺจํ การาเปตฺวา, ‘‘อตฺถิ ปนสฺส ปุตฺโต วา ธีตา วา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, เทว, โฆสโก นาม ตสฺส ปุตฺโต, สพฺพํ สาปเตยฺยํ ตสฺส นิยฺยาเทตฺวาว มโต, เทวา’’ติ.
ราชา อปรภาเค เสฏฺิปุตฺตํ ปกฺโกสาเปสิ. ตสฺมิฺจ ทิวเส เทโว วสฺสิ. ราชงฺคเณ ตตฺถ ตตฺถ อุทกํ สณฺาติ. เสฏฺิปุตฺโต ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปายาสิ. ราชา วาตปานํ วิวริตฺวา ตํ อาคจฺฉนฺตํ โอโลเกนฺโต ราชงฺคเณ อุทกํ ลงฺฆิตฺวา อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ิตํ ‘‘ตฺวํ โฆสโก นาม, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, เทวา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปิตา เม ¶ มโตติ มา โสจิ, ตว เปตฺติกํ เสฏฺิฏฺานํ ตุยฺหเมว ทสฺสามี’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาตา’’ติ อุยฺโยเชสิ. ราชา คจฺฉนฺตฺจ นํ โอโลเกนฺโตว อฏฺาสิ. โส อาคมนกาเล ลงฺฆิตํ อุทกํ คมนกาเล โอตริตฺวา สณิกํ อคมาสิ. อถ นํ ราชา ตโตว ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘กึ นุ โข, ตาต, ตฺวํ มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต อุทกํ ลงฺฆิตฺวา อาคมฺม คจฺฉนฺโต โอตริตฺวา สณิกํ คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทว, อหํ ตสฺมึ ขเณ กุมารโก, กีฬนกาโล นาม, โส อิทานิ ปน เม เทเวน านนฺตรํ ปฏิสฺสุตํ. ตสฺมา ยถา ปุเร อจริตฺวา อิทานิ สนฺนิสินฺเนน หุตฺวา จริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ธิติมายํ ปุริโส, อิทาเนวสฺส านนฺตรํ ทสฺสามี’’ติ ปิตรา ภุตฺตํ โภคํ ทตฺวา สพฺพสเตน เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ.
โส รเถ ตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ อกาสิ. โอโลกิโตโลกิตฏฺานํ กมฺปติ. เสฏฺิธีตา กาฬิทาสิยา สทฺธึ มนฺตยมานา นิสินฺนา ¶ ‘‘อมฺม กาฬิ, ปุตฺตสฺส เต เอตฺติกา สมฺปตฺติ มํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนา’’ติ อาห. ‘‘กึ การณา, อมฺมา’’ติ? ‘‘อยฺหิ อตฺตโน มรณปณฺณํ ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา อมฺหากํ ฆรํ อาคโต, อถสฺส มยา ตํ ปณฺณํ ผาเลตฺวา มยา สทฺธึ มงฺคลกรณตฺถาย อฺํ ปณฺณํ ลิขิตฺวา เอตฺตกํ กาลํ ตตฺถ อารกฺโข กโต’’ติ. ‘‘อมฺม, ตฺวํ เอตฺตกํ ปสฺสสิ, อิมํ ปน เสฏฺิ ทหรกาลโต ปฏฺาย มาเรตุกาโม มาเรตุํ นาสกฺขิ, เกวลํ อิมํ นิสฺสาย พหุํ ธนํ ขียี’’ติ. ‘‘อมฺม, อติภาริยํ วต เสฏฺินา กต’’นฺติ. นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เคหํ ปวิสนฺตํ ปน นํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ เอตฺติกา สมฺปตฺติ มํ นิสฺสาย ¶ อุปฺปนฺนา’’ติ หสิตํ อกาสิ. อถ นํ เสฏฺิปุตฺโต ทิสฺวา, ‘‘กึ การณา หสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอกํ การณํ นิสฺสายา’’ติ. ‘‘กเถหิ น’’นฺติ? ‘‘สา น กเถสิ’’. โส ‘‘สเจ น กเถสฺสสิ, ทฺวิธา ตํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ตชฺเชตฺวา อสึ นิกฺกฑฺฒิ. สา ‘‘อยํ เอตฺติกา สมฺปตฺติ ตยา มํ นิสฺสาย ลทฺธาติ จินฺเตตฺวา หสิต’’นฺติ อาห. ‘‘ยทิ มม ปิตรา อตฺตโน สนฺตกํ มยฺหํ นิยฺยาทิตํ, ตฺวํ เอตฺถ กึ โหสี’’ติ? โส กิร เอตฺตกํ กาลํ กิฺจิ น ชานาติ, เตนสฺสา วจนํ น สทฺทหิ. อถสฺส สา ‘‘ตุมฺหากํ ปิตรา มรณปณฺณํ ทตฺวา เปสิตา, ตุมฺเห มยา อิทฺจิทฺจ กตฺวา รกฺขิตา’’ติ สพฺพํ กเถสิ. ‘‘ตฺวํ อภูตํ กเถสี’’ติ อสทฺทหนฺโต ‘‘มาตรํ กาฬึ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เอวํ กิร, อมฺมา’’ติ. ‘‘อาม, ตาต, ทหรกาลโต ปฏฺาย ตํ มาเรตุกาโม มาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ตํ นิสฺสาย พหุํ ธนํ ขียิ, สตฺตสุ าเนสุ ตฺวํ มรณโต มุตฺโต, อิทานิ โภคคามโต อาคมฺม ¶ สพฺพสเตน สทฺธึ เสฏฺิฏฺานํ ปตฺโต’’ติ. โส ตํ สุตฺวา ‘‘ภาริยํ วต กมฺมํ, เอวรูปา โข ปน มรณา มุตฺตสฺส มม ปมาทชีวิตํ ชีวิตุํ อยุตฺตํ, อปฺปมตฺโต ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เทวสิกํ สหสฺสํ ¶ วิสฺสชฺเชตฺวา อทฺธิกกปณาทีนํ ทานํ ปฏฺเปสิ. มิตฺโต นามสฺส กุฏุมฺพิโก ทานพฺยาวโฏ อโหสิ. อยํ โฆสกเสฏฺิโน อุปฺปตฺติ.
ตสฺมึ ปน กาเล ภทฺทวตีนคเร ภทฺทวติยเสฏฺิ นาม โฆสกเสฏฺิโน อทิฏฺปุพฺพสหายโก อโหสิ. ภทฺทวตีนครโต อาคตานํ วาณิชานํ สนฺติเก โฆสกเสฏฺิ ภทฺทวติยเสฏฺิโน สมฺปตฺติฺจ วยปฺปเทสฺจ สุตฺวา เตน สทฺธึ สหายกภาวํ อิจฺฉนฺโต ปณฺณาการํ เปเสสิ. ภทฺทวติยเสฏฺิปิ โกสมฺพิโต อาคตานํ วาณิชานํ สนฺติเก โฆสกเสฏฺิโน สมฺปตฺติฺจ วยปฺปเทสฺจ สุตฺวา เตน สทฺธึ สหายกภาวํ อิจฺฉนฺโต ปณฺณาการํ เปเสสิ. เอวํ เต อฺมฺํ อทิฏฺปุพฺพสหายกา หุตฺวา วสึสุ. อปรภาเค ภทฺทวติยเสฏฺิโน เคเห อหิวาตโรโค ปติโต. ตสฺมึ ปติเต ปมํ มกฺขิกา มรนฺติ, ตโต อนุกฺกเมเนว กีฏา มูสิกา กุกฺกุฏา สูกรา คาโว ทาสี ทาสา สพฺพปจฺฉา ฆรมานุสกาปิ มรนฺติ. เตสุ เย ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวา ปลายนฺติ, เต ชีวิตํ ลภนฺติ, ตทา ปน เสฏฺิ จ ภริยา จ ธีตา จสฺส ตถา ปลายิตฺวา ¶ โฆสกเสฏฺึ ปสฺสิตุํ ปตฺเถนฺตา โกสมฺพิมคฺคํ ¶ ปฏิปชฺชึสุ. เต อนฺตรามคฺเคเยว ขีณปาเถยฺยา วาตาตเปน เจว ขุปฺปิปาสาหิ จ กิลนฺตสรีรา กิจฺเฉน โกสมฺพึ ปตฺวา อุทกผาสุกฏฺาเน ตฺวา นฺหตฺวา นครทฺวาเร เอกํ สาลํ ปวิสึสุ.
ตโต เสฏฺิ ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, อิมินา นีหาเรน คจฺฉนฺตา วิชาตมาตุยาปิ อมนาปา โหนฺติ, สหายโก กิร เม อทฺธิกกปณาทีนํ เทวสิกํ สหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทานํ ทาเปสิ. ตตฺถ ธีตรํ เปเสตฺวา อาหารํ อาหราเปตฺวา เอกาหํ ทฺวีหํ อิเธว สรีรํ สนฺตปฺเปตฺวา สหายกํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. สา ‘‘สาธุ, สามี’’ติ. เต สาลายเมว วสึสุ. ปุนทิวเส กาเล อาโรจิเต กปณทฺธิกาทีสุ อาหารตฺถาย คจฺฉนฺเตสุ มาตาปิตโร, ‘‘อมฺม, คนฺตฺวา อมฺหากํ อาหารํ อาหรา’’ติ ธีตรํ เปสยึสุ. มหาโภคกุลสฺส ธีตา วิปตฺติยา อจฺฉินฺนลชฺชิตาย อลชฺชมานา ปาตึ คเหตฺวา กปณชเนน สทฺธึ อาหารตฺถาย คนฺตฺวา ‘‘กติ ปฏิวีเส คณฺหิสฺสสิ, อมฺมา’’ติ ปุฏฺา จ ปน ‘‘ตโย’’ติ อาห. อถสฺสา ตโย ปฏิวีเส อทาสิ. ตาย ภตฺเต อาหเฏ ตโยปิ เอกโต ภฺุชิตุํ นิสีทึสุ.
อถ มาตาธีตโร เสฏฺึ อาหํสุ – ‘‘สามิ, วิปตฺติ นาม มหากุลานมฺปิ อุปฺปชฺชติ, มา อมฺเห โอโลเกตฺวา ภฺุช, มา จินฺตยี’’ติ. อิติ นํ นานปฺปกาเรหิ ยาจิตฺวา โภเชสุํ. โส ภฺุชิตฺวา อาหารํ ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต อรุเณ อุคฺคจฺฉนฺเต กาลมกาสิ. มาตาธีตโร นานปฺปกาเรหิ ปริเทวิตฺวา โรทึสุ. กุมาริกา ปุนทิวเส โรทมานา อาหารตฺถาย คนฺตฺวา, ‘‘กติ ¶ ปฏิวีเส คณฺหิสฺสสี’’ติ ¶ วุตฺตา, ‘‘ทฺเว’’ติ วตฺวา อาหารํ อาหริตฺวา มาตรํ ยาจิตฺวา โภเชสิ. สาปิ ตาย ยาจิยมานา ภฺุชิตฺวา อาหารํ ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺตี ตํ ทิวสเมว กาลมกาสิ. กุมาริกา เอกิกาว โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา ตาย ทุกฺขุปฺปตฺติยา อติวิย สฺชาตฉาตกทุกฺขา ปุนทิวเส ยาจเกหิ สทฺธึ โรทนฺตี อาหารตฺถาย คนฺตฺวา, ‘‘กติ ปฏิวีเส คณฺหิสฺสสิ, อมฺมา’’ติ วุตฺตา ‘‘เอก’’นฺติ อาห. มิตฺตกุฏุมฺพิโก ตํ ตโย ทิวเส ภตฺตํ คณฺหนฺตึ สฺชานาติ, เตน ตํ ‘‘อเปหิ นสฺส, วสลิ, อชฺช ตว กุจฺฉิปฺปมาณํ อฺาสี’’ติ อาห. หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนา กุลธีตา ¶ ปจฺโจรสฺมึ สตฺติปหารํ วิย วเณ ขาโรทกเสจนกํ วิย จ ปตฺวา ‘‘กึ, สามี’’ติ อาห. ‘‘ตยา ปุเร ตโย โกฏฺาสา คหิตา, หิยฺโย ทฺเว, อชฺช เอกํ คณฺหาสิ. อชฺช เต อตฺตโน กุจฺฉิปฺปมาณํ าต’’นฺติ. ‘‘มา มํ, สามิ, ‘อตฺตโนว อตฺถาย คณฺหี’ติ มฺิตฺถา’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา เอวํ คณฺหี’’ติ? ‘‘ปุเร ตโย ชนา อหุมฺห, สามิ, หิยฺโย ทฺเว, อชฺช เอกิกาว ชาตามฺหี’’ติ. โส ‘‘เกน การเณนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ตาย กถิตํ สพฺพํ ปวตฺตึ สุตฺวา อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต สฺชาตพลวโทมนสฺโส หุตฺวา, ‘‘อมฺม, เอวํ สนฺเต มา จินฺตยิ, ตฺวํ ภทฺทวติยเสฏฺิโน ธีตา อชฺชกาลโต ปฏฺาย มม ธีตาเยว นามา’’ติ วตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา ฆรํ เนตฺวา อตฺตโน เชฏฺธีตุฏฺาเน เปสิ.
สา ทานคฺเค อุจฺจาสทฺทํ มหาสทฺทํ สุตฺวา, ‘‘ตาต, กสฺมา เอตํ ชนํ นิสฺสทฺทํ กตฺวา ทานํ น เทถา’’ติ อาห. ‘‘น สกฺกา กาตุํ, อมฺมา’’ติ. ‘‘สกฺกา, ตาตา’’ติ. ‘‘กถํ สกฺกา, อมฺมา’’ติ? ‘‘ตาต ทานคฺคํ ปริกฺขิปิตฺวา ¶ เอเกกสฺเสว ปเวสนปฺปมาเณน ทฺเว ทฺวารานิ โยเชตฺวา, ‘เอเกน ทฺวาเรน ปวิสิตฺวา เอเกน นิกฺขมถา’ติ วเทถ, เอวํ นิสฺสทฺทา หุตฺวาว คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ. โส ตํ สุตฺวา, ‘‘ภทฺทโกว, อมฺม, อุปาโย’’ติ ตถา กาเรสิ. สาปิ ปุพฺเพ สามา นาม. วติยา ปน การิตตฺตา สามาวตี นาม ชาตา. ตโต ปฏฺาย ทานคฺเค โกลาหลํ ปจฺฉินฺที. โฆสกเสฏฺิ ปุพฺเพ ตํ สทฺทํ สุณนฺโต ‘‘มยฺหํ ทานคฺเค สทฺโท’’ติ ตุสฺสติ. ทฺวีหตีหํ ปน สทฺทํ อสุณนฺโต มิตฺตกุฏุมฺพิกํ อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ทิยฺยติ กปณทฺธิกาทีนํ ทาน’’นฺติ? ‘‘อาม, สามี’’ติ. ‘‘อถ กึ ทฺวีหตีหํ สทฺโท น สุยฺยตี’’ติ? ‘‘ยถา นิสฺสทฺทา หุตฺวา คณฺหนฺติ, ตถา เม อุปาโย กโต’’ติ. ‘‘อถ ปุพฺเพว กสฺมา นากาสี’’ติ? ‘‘อชานนตาย, สามี’’ติ. ‘‘อิทานิ กถํ เต าโต’’ติ? ‘‘ธีตรา เม อกฺขาโต, สามี’’ติ. มยฺหํ อวิทิตา ‘‘ตว ธีตา นาม อตฺถี’’ติ. โส อหิวาตโรคุปฺปตฺติโต ปฏฺาย สพฺพํ ภทฺทวติยเสฏฺิโน ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ตสฺสา อตฺตโน เชฏฺธีตุฏฺาเน ปิตภาวํ อาโรเจสิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘เอวํ สนฺเต มม กสฺมา น กเถสิ, มม สหายกสฺส ¶ ธีตา มม ธีตา นามา’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, เสฏฺิโน ธีตาสี’’ติ? ‘‘อาม, ตาตา’’ติ. ‘‘เตน หิ มา จินฺตยิ, ตฺวํ มม ¶ ธีตาสี’’ติ ตํ สีเส จุมฺพิตฺวา ปริวารตฺถาย ตสฺสา ปฺจ อิตฺถิสตานิ ทตฺวา ตํ อตฺตโน เชฏฺธีตุฏฺาเน เปสิ.
อเถกทิวสํ ตสฺมึ นคเร นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ โหติ. ตสฺมึ ปน นกฺขตฺเต พหิ อนิกฺขมนกา กุลธีตโรปิ อตฺตโน ปริวาเรน สทฺธึ ปทสาว ¶ นทึ คนฺตฺวา นฺหายนฺติ. ตสฺมา ตํ ทิวสํ สามาวตีปิ ปฺจหิ อิตฺถิสเตหิ ปริวาริตา ราชงฺคเณเนว นฺหายิตุํ อคมาสิ. อุเตโน สีหปฺชเร ิโต ตํ ทิสฺวา ‘‘กสฺสิมา นาฏกิตฺถิโย’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น กสฺสจิ นาฏกิตฺถิโย, เทวา’’ติ. ‘‘อถ กสฺส ธีตโร’’ติ? ‘‘โฆสกเสฏฺิโน ธีตา เทว, สามาวตี นาเมสา’’ติ. โส ทิสฺวาว อุปฺปนฺนสิเนโห เสฏฺิโน สาสนํ ปาเหสิ – ‘‘ธีตรํ กิร เม เปเสตู’’ติ. ‘‘น เปเสมิ, เทวา’’ติ. ‘‘มา กิร เอวํ กโรตุ, เปเสตุเยวา’’ติ. ‘‘มยํ คหปติกา นาม กุมาริกานํ โปเถตฺวา วิเหเตฺวา กฑฺฒนภเยน น เทม, เทวา’’ติ. ราชา กุชฺฌิตฺวา เคหํ ลฺฉาเปตฺวา เสฏฺิฺจ ภริยฺจ หตฺเถ คเหตฺวา พหิ การาเปสิ. สามาวตี, นฺหายิตฺวา อาคนฺตฺวา เคหํ ปวิสิตุํ โอกาสํ อลภนฺตี, ‘‘กึ เอตํ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺม, ราชา ตว การณา ปหิณิ. อถ ‘น มยํ ทสฺสามา’ติ วุตฺเต ฆรํ ลฺฉาเปตฺวา อมฺเห พหิ การาเปสี’’ติ. ‘‘ตาต, ภาริยํ โว กมฺมํ กตํ, รฺา นาม ปหิเต ‘น, เทมา’ติ อวตฺวา ‘สเจ เม ธีตรํ สปริวารํ คณฺหถ, เทมา’ติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ตาตา’’ติ. ‘‘สาธุ, อมฺม, ตว รุจิยา สติ เอวํ กริสฺสามี’’ติ รฺโ ตถา สาสนํ ปาเหสิ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตํ สปริวารํ อาเนตฺวา อภิสิฺจิตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. เสสา ตสฺสาเยว ปริวาริตฺถิโย อเหสุํ. อยํ สามาวติยา อุปฺปตฺติ.
อุเตนสฺส ปน อปราปิ วาสุลทตฺตา นาม เทวี อโหสิ ¶ จณฺฑปชฺโชตสฺส ธีตา. อุชฺเชนิยฺหิ จณฺฑปชฺโชโต นาม ราชา อโหสิ. โส เอกทิวสํ อุยฺยานโต อาคจฺฉนฺโต อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา, ‘‘อตฺถิ นุ โข อฺสฺสปิ กสฺสจิ เอวรูปา สมฺปตฺตี’’ติ วตฺวา ตํ สุตฺวา มนุสฺเสหิ ‘‘กึ สมฺปตฺติ นาเมสา, โกสมฺพิยํ อุเตนสฺส รฺโ อติมหตี สมฺปตี’’ติ วุตฺเต ราชา อาห – ‘‘เตน หิ คณฺหิสฺสาม น’’นฺติ? ‘‘น สกฺกา โส คเหตุ’’นฺติ. ‘‘กิฺจิ กตฺวา คณฺหิสฺสามเยวา’’ติ? ‘‘น สกฺกา เทวา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘โส หตฺถิกนฺตํ นาม สิปฺปํ ชานาติ, มนฺตํ ¶ ปริวตฺเตตฺวา หตฺถิกนฺตวีณํ วาเทนฺโต นาเค ปลาเปติปิ คณฺหาติปิ. หตฺถิวาหนสมฺปนฺโน เตน สทิโส นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘น สกฺกา มยา โส คเหตุ’’นฺติ. ‘‘สเจ เต, เทว, เอกนฺเตน อยํ นิจฺฉโย, เตน หิ ทารุหตฺถึ กาเรตฺวา ¶ ตสฺสาสนฺนฏฺานํ เปเสหิ. โส หตฺถิวาหนํ วา อสฺสวาหนํ วา สุตฺวา ทูรมฺปิ คจฺฉติ. ตตฺถ นํ อาคตํ คเหตุํ สกฺกา ภวิสฺสตี’’ติ.
ราชา ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ ทารุมยํ ยนฺตหตฺถึ การาเปตฺวา พหิ ปิโลติกาหิ เวเตฺวา กตจิตฺตกมฺมํ กตฺวา ตสฺส วิชิเต อาสนฺนฏฺาเน เอกสฺมึ สรตีเร วิสฺสชฺชาเปสิ. หตฺถิโน อนฺโตกุจฺฉิยํ สฏฺิ ปุริสา อปราปรํ จงฺกมนฺติ, หตฺถิลณฺฑํ อาหริตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ฉฑฺเฑสุํ. เอโก วนจรโก หตฺถึ ทิสฺวา, ‘‘อมฺหากํ รฺโ อนุจฺฉวิโก’’ติ จินฺเตตฺวา, คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘เทว, มยา สพฺพเสโต เกลาสกูฏปฏิภาโค ตุมฺหากฺเว อนุจฺฉวิโก วรวารโณ ทิฏฺโ’’ติ. อุเตโน ตเมว มคฺคเทสกํ กตฺวา หตฺถึ อภิรุยฺห สปริวาโร นิกฺขมิ. ตสฺส อาคมนํ ตฺวา ¶ จรปุริสา คนฺตฺวา จณฺฑปชฺโชตสฺส อาโรเจสุํ. โส อาคนฺตฺวา มชฺเฌ ตุจฺฉํ กตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ พลกายํ ปโยเชสิ. อุเตโน ตสฺสาคมนํ อชานนฺโต หตฺถึ อนุพนฺธิ. อนฺโต ิตมนุสฺสา เวเคน ปลาเปสุํ. กฏฺหตฺถี รฺโ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา วีณํ วาเทนฺตสฺส ตนฺติสทฺทํ อสุณนฺโต วิย ปลายติเยว. ราชา หตฺถินาคํ ปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺโต อสฺสํ อารุยฺห อนุพนฺธิ. ตสฺมึ เวเคน อนุพนฺธนฺเต พลกาโย โอหียิ. ราชา เอกโกว อโหสิ. อถ นํ อุโภสุ ปสฺเสสุ ปยุตฺตา จณฺฑปชฺโชตสฺส ปุริสา คณฺหิตฺวา อตฺตโน รฺโ อทํสุ. อถสฺส พลกาโย อมิตฺตวสํ คตภาวํ ตฺวา พหินคเรว ขนฺธาวารํ นิเวเสตฺวา อจฺฉิ.
จณฺฑปชฺโชโตปิ อุเตนํ ชีวคฺคาหเมว คาหาเปตฺวา เอกสฺมึ โจรเคเห ปกฺขิปิตฺวา ทฺวารํ ปิทหาเปตฺวา ตโย ทิวเส ชยปานํ ปิวิ. อุเตโน ตติยทิวเส อารกฺขเก ปุจฺฉิ – ‘‘กหํ โว, ตาต, ราชา’’ติ? ‘‘‘ปจฺจามิตฺโต เม คหิโต’ติ ชยปานํ ปิวตี’’ติ. ‘‘กา นาเมสา มาตุคามสฺส วิย ตุมฺหากํ รฺโ กิริยา, นนุ ปฏิราชูนํ คเหตฺวา ¶ วิสฺสชฺเชตุํ วา มาเรตุํ วา วฏฺฏติ, อมฺเห ทุกฺขํ นิสีทาเปตฺวา ชยปานํ กิร ปิวตี’’ติ. เต คนฺตฺวา ตมตฺถํ รฺโ อาโรเจสุํ. โส อาคนฺตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ เอวํ วทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ ตํ วิสฺสชฺเชสฺสามิ, เอวรูโป กิร เต มนฺโต อตฺถิ, ตํ มยฺหํ ทสฺสสี’’ติ. ‘‘สาธุ ทสฺสามิ, คหณสมเย มํ วนฺทิตฺวา ตํ คณฺหาหิ. กึ ปน ตฺวํ วนฺทิสฺสสี’’ติ? ‘‘กฺยาหํ ตํ วนฺทิสฺสามิ, น วนฺทิสฺสามี’’ติ? ‘‘อหมฺปิ เต น ทสฺสามี’’ติ ¶ . ‘‘เอวํ สนฺเต ราชาณํ เต กริสฺสามี’’ติ. ‘‘กโรหิ, สรีรสฺส เม อิสฺสโร, น ปน จิตฺตสฺสา’’ติ. ราชา ตสฺส สูรคชฺชิตํ สุตฺวา, ‘‘กถํ นุ โข อิมํ มนฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อิมํ มนฺตํ อฺํ ชานาเปตุํ น สกฺกา, มม ธีตรํ เอตสฺส สนฺติเก ¶ อุคฺคณฺหาเปตฺวา อหํ ตสฺสา สนฺติเก คณฺหิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘อฺสฺส วนฺทิตฺวา คณฺหนฺตสฺส ทสฺสสี’’ติ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ อมฺหากํ ฆเร เอกา ขุชฺชา อตฺถิ ตสฺสา อนฺโตสาณิยํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนาย ตฺวํ พหิสาณิยํ ิโตว มนฺตํ วาเจหี’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, ขุชฺชา วา โหตุ ปีสปฺปิ วา, วนฺทนฺติยา ทสฺสามี’’ติ. ตโต ราชา คนฺตฺวา ธีตรํ วาสุลทตฺตํ อาห – ‘‘อมฺม, เอโก สงฺขกุฏฺี อนคฺฆมนฺตํ ชานาติ, ตํ อฺํ ชานาเปตุํ น สกฺกา. ตฺวํ อนฺโตสาณิยํ นิสีทิตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา มนฺตํ คณฺห, โส พหิสาณิยํ ตฺวา ตุยฺหํ วาเจสฺสติ. ตว สนฺติกา อหํ ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ.
เอวํ โส เตสํ อฺมฺํ สนฺถวกรณภเยน ธีตรํ ขุชฺชํ, อิตรํ สงฺขกุฏฺึ กตฺวา กเถสิ. โส ตสฺสา อนฺโตสาณิยํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนาย พหิ ิโต มนฺตํ วาเจสิ. อถ นํ เอกทิวสํ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานมฺปิ มนฺตปทํ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตึ ‘‘อเร ขุชฺเช อติพหโลฏฺกโปลํ เต มุขํ, เอวํ นาม วเทหี’’ติ อาห. ‘‘สา กุชฺฌิตฺวา อเร ทุฏฺสงฺขกุฏฺิ ¶ กึ วเทสิ, กึ มาทิสา ขุชฺชา นาม โหตี’’ติ? สาณิกณฺณํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘รฺโ ธีตา วาสุลทตฺตา นามาห’’นฺติ อาห. ‘‘ปิตา เต ตํ มยฺหํ กเถนฺโต ‘ขุชฺชา’ติ กเถสี’’ติ. ‘‘มยฺหมฺปิ กเถนฺโต ตํ สงฺขกุฏฺึ กตฺวา กเถสี’’ติ. เต อุโภปิ ‘‘เตน หิ อมฺหากํ สนฺถวกรณภเยน กถิตํ ภวิสฺสตี’’ติ อนฺโตสาณิยฺเว สนฺถวํ กรึสุ.
ตโต ปฏฺาย มนฺตคฺคหณํ วา สิปฺปคฺคหณํ วา นตฺถิ. ราชาปิ ธีตรํ นิจฺจํ ปุจฺฉติ – ‘‘สิปฺปํ คณฺหสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘คณฺหามิ, ตาตา’’ติ. อถ นํ เอกทิวสํ อุเตโน ¶ อาห – ‘‘ภทฺเท, สามิเกน กตฺตพฺพํ นาม เนว มาตาปิตโร น ภาตุภคินิโย กาตุํ สกฺโกนฺติ, สเจ มยฺหํ ชีวิตํ ทสฺสสิ, ปฺจ เต อิตฺถิสตานิ ปริวารํ ทตฺวา อคฺคมเหสิฏฺานํ ทสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ อิมสฺมึ วจเน ปติฏฺาตุํ สกฺขิสฺสถ, ทสฺสามิ โว ชีวิต’’นฺติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ภทฺเท’’ติ. สา ‘‘สาธุ, สามี’’ติ ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ โส ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, นิฏฺิตํ สิปฺป’’นฺติ? ‘‘น ตาว นิฏฺิตํ, ตาต, สิปฺป’’นฺติ. อถ นํ โส ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อมฺมา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ เอกํ ทฺวารฺจ เอกํ วาหนฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตาตา’’ติ. ‘‘อิทํ กึ, อมฺมา’’ติ? ‘‘ตาต, รตฺตึ กิร ตารกสฺาย มนฺตสฺส อุปจารตฺถาย เอกํ โอสธํ คเหตพฺพํ อตฺถิ. ตสฺมา อมฺหากํ เวลาย ¶ วา อเวลาย วา นิกฺขมนกาเล เอกํ ทฺวารฺเจว เอกํ วาหนฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เต อตฺตโน อภิรุจิตํ เอกํ ทฺวารํ หตฺถคตํ กรึสุ. รฺโ ปน ปฺจ วาหนานิ อเหสุํ. ภทฺทวตี นาม กเรณุกา ¶ เอกทิวสํ ปฺาส โยชนานิ คจฺฉติ, กาโก นาม ทาโส สฏฺิ โยชนานิ คจฺฉติ, เจลกฏฺิ จ มฺุจเกสี จาติ ทฺเว อสฺสา โยชนสตํ คจฺฉนฺติ, นาฬาคิริ หตฺถี วีสติ โยชนสตนฺติ.
โส กิร ราชา อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ เอกสฺส อิสฺสรสฺส อุปฏฺาโก อโหสิ. อเถกทิวสํ อิสฺสเร พหินครํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อาคจฺฉนฺเต เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ นครํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา สกลนครวาสีนํ มาเรน อาวฏฺฏิตตฺตา เอกํ ภิกฺขามฺปิ อลภิตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขมิ. อถ นํ นครทฺวารํ ปตฺตกาเล มาโร อฺาตกเวเสน อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อปิ, ภนฺเต, โว กิฺจิ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ปน เม ตฺวํ อลภนาการํ กรี’’ติ? ‘‘เตน หิ นิวตฺติตฺวา ปุน ปวิสถ, อิทานิ น กริสฺสามี’’ติ. ‘‘นาหํ ปุน นิวตฺติสฺสามี’’ติ. สเจ หิ นิวตฺเตยฺย, ปุน โส สกลนครวาสีนํ สรีเร อธิมฺุจิตฺวา ปาณึ ปหริตฺวา หสนเกฬึ กเรยฺย. ปจฺเจกพุทฺเธ อนิวตฺติตฺวา คเต มาโร ตตฺเถว อนฺตรธายิ. อถ โส อิสฺสโร ยถาโธเตเนว ปตฺเตน ¶ อาคจฺฉนฺตํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘อปิ, ภนฺเต, กิฺจิ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘จริตฺวา นิกฺขนฺตมฺหาวุโส’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยฺโย, มยา ปุจฺฉิตํ อกเถตฺวา อฺํ วทติ, น กิฺจิ ลทฺธํ ภวิสฺสตี’’ติ. อถสฺส ปตฺตํ โอโลเกนฺโต ตุจฺฉํ ทิสฺวา เคเห ภตฺตสฺส ¶ นิฏฺิตานิฏฺิตภาวํ อชานนตาย สูโร หุตฺวา ปตฺตํ คเหตุํ อวิสหนฺโต ‘‘โถกํ, ภนฺเต, อธิวาเสถา’’ติ วตฺวา เวเคน ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺหากํ ภตฺตํ นิฏฺิต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘นิฏฺิต’’นฺติ วุตฺเต ตํ อุปฏฺากํ อาห – ‘‘ตาต, อฺโ ตยา สมฺปนฺนเวคตโร นาม นตฺถิ, สีเฆน ชเวน ภทนฺตํ ปตฺวา ‘ปตฺตํ เม, ภนฺเต, เทถา’ติ วตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา เวเคน เอหี’’ติ. โส เอกวจเนเนว ปกฺขนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อาหริ. อิสฺสโรปิ อตฺตโน โภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ‘‘อิมํ สีฆํ คนฺตฺวา อยฺยสฺส สมฺปาเทหิ, อหํ เต อิโต ปตฺตึ ทมฺมี’’ติ อาห.
โสปิ ตํ คเหตฺวา ชเวน คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺตํ ทตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ‘เวลา อุปกฏฺา’ติ อหํ อติสีเฆน ชเวน อาคโต จ คโต จ, เอตสฺส เม ชวสฺส ผเลน โยชนานํ ปณฺณาสสฏฺิสตวีสสตคมนสมตฺถานิ ปฺจ วาหนานิ นิพฺพตฺตนฺตุ, อาคจฺฉนฺตสฺส จ เม คจฺฉนฺตสฺส จ สรีรํ สูริยเตเชน ตตฺถํ, ตสฺส เม ผเลน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อาณา สูริยเตชสทิสา โหตุ, อิมสฺมึ เม ปิณฺฑปาเต สามินา ปตฺติ ทินฺนา, ตสฺสา เม นิสฺสนฺเทน ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส ¶ ภาคี โหมี’’ติ อาห. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา –
‘‘อิจฺฉิตํ ¶ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติกถา; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑. ๑๙๒);
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, มณิโชติรโส ยถา’’ติ. –
อนุโมทนํ อกาสิ. ปจฺเจกพุทฺธานํ กิร อิธาว ทฺเว คาถา อนุโมทนคาถา นาม โหนฺติ. ตตฺถ โชติรโสติ สพฺพกามททํ มณิรตนํ วุจฺจติ. อิทํ ตสฺส ปุพฺพจริตํ. โส เอตรหิ จณฺฑปชฺโชโต อโหสิ. ตสฺส จ กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อิมานิ ปฺจ วาหนานิ นิพฺพตฺตึสุ. อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานกีฬาย นิกฺขมิ. อุเตโน ‘‘อชฺช ปลายิตพฺพ’’นฺติ มหนฺตามหนฺเต จมฺมปสิพฺพเก หิรฺสุวณฺณสฺส ปูเรตฺวา กเรณุกาปิฏฺเ เปตฺวา วาสุลทตฺตํ อาทาย ปลายิ. อนฺเตปุรปาลกา ปลายนฺตํ ตํ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘สีฆํ คจฺฉถา’’ติ พลํ ปหิณิ. อุเตโน ¶ พลสฺส ปกฺขนฺทภาวํ ตฺวา กหาปณปสิพฺพกํ โมเจตฺวา ปาเตสิ, มนุสฺสา กหาปเณ อุจฺจินิตฺวา ปุน ปกฺขนฺทึสุ. อิตโร สุวณฺณปสิพฺพกํ โมเจตฺวา ปาเตตฺวา เนสํ สุวณฺณโลเภน ปปฺเจนฺตานฺเว ¶ พหิ นิวุฏฺํ อตฺตโน ขนฺธาวารํ ปาปุณิ. อถ นํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว อตฺตโน พลกาโย ปริวาเรตฺวา นครํ ปเวเสสิ. โส ปตฺวาว วาสุลทตฺตํ อภิสิฺจิตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสีติ. อยํ วาสุลทตฺตาย อุปฺปตฺติ.
อปรา ปน มาคณฺฑิยา นาม รฺโ สนฺติกา อคฺคมเหสิฏฺานํ ลภิ. สา กิร กุรุรฏฺเ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส ธีตา. มาตาปิสฺสา มาคณฺฑิยาเยว นามํ. จูฬปิตาปิสฺสา มาคณฺฑิโยว, สา อภิรูปา อโหสิ เทวจฺฉรปฏิภาคา. ปิตา ปนสฺสา อนุจฺฉวิกํ สามิกํ อลภนฺโต มหนฺเตหิ มหนฺเตหิ กุเลหิ ยาจิโตปิ ‘‘น มยฺหํ ธีตุ ตุมฺเห อนุจฺฉวิกา’’ติ ตชฺเชตฺวา อุยฺโยเชสิ. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส สปชาปติกสฺส อนาคามิผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺส พหินิคเม อคฺคิปริจรณฏฺานํ อคมาสิ. โส ตถาคตสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อิมสฺมึ โลเก อิมินา ปุริเสน สทิโส อฺโ ปุริโส นาม นตฺถิ, อยํ มยฺหํ ธีตุ อนุจฺฉวิโก, อิมสฺส โปสาปนตฺถาย ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘สมณ, เอกา เม ธีตา อตฺถิ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ตสฺสา อนุจฺฉวิกํ ปุริสํ น ปสฺสามิ, ตุมฺเห ตสฺสา อนุจฺฉวิกา, สา จ ตุมฺหากฺเว อนุจฺฉวิกา. ตุมฺหากฺหิ ¶ ปาทปริจาริกา, ตสฺสา จ ภตฺตา ¶ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตํ โว อหํ ทสฺสามิ, ยาว มมาคมนา อิเธว ติฏฺถา’’ติ อาห. สตฺถา กิฺจิ อวตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. พฺราหฺมโณ เวเคน ฆรํ คนฺตฺวา, ‘‘โภติ, โภติ ธีตุ เม อนุจฺฉวิโก ปุริโส ทิฏฺโ, สีฆํ สีฆํ นํ อลงฺกโรหี’’ติ ตํ อลงฺการาเปตฺวา สทฺธึ พฺราหฺมณิยา อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ ปายาสิ. สกลนครํ สงฺขุภิ. อยํ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ มยฺหํ ธีตุ อนุจฺฉวิโก นตฺถี’’ติ กสฺสจิ อทตฺวา ‘‘อชฺช เม ธีตุ อนุจฺฉวิโก ทิฏฺโ’’ติ กิร วเทติ, ‘‘กีทิโส นุ โข โส ปุริโส, ปสฺสิสฺสาม น’’นฺติ มหาชโน เตเนว สทฺธึ นิกฺขมิ.
ตสฺมึ ¶ ธีตรํ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺเต สตฺถา เตน วุตฺตฏฺาเน อฏฺตฺวา ตตฺถ ปทเจติยํ ทสฺเสตฺวา คนฺตฺวา อฺสฺมึ าเน อฏฺาสิ. พุทฺธานฺหิ ปทเจติยํ อธิฏฺหิตฺวา อกฺกนฺตฏฺาเนเยว ปฺายติ, น อฺตฺถ. เยสฺจตฺถาย อธิฏฺิตํ โหติ, เตเยว นํ ปสฺสนฺติ. เตสํ ปน อทสฺสนกรณตฺถํ หตฺถิอาทโย วา อกฺกมนฺตุ, มหาเมโฆ วา ปวสฺสตุ, เวรมฺภวาตา วา ปหรนฺตุ, น ตํ โกจิ มกฺเขตุํ สกฺโกติ. อถ พฺราหฺมณี พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘กุหึ โส ปุริโส’’ติ. ‘‘‘อิมสฺมึ าเน ติฏฺาหี’ติ นํ อวจํ, กุหึ นุ โข โส คโต’’ติ อิโต จิโต โอโลเกนฺโต ปทเจติยํ ทิสฺวา ‘‘อยมสฺส ปทวลฺโช’’ติ ¶ อาห. พฺราหฺมณี สลกฺขณมนฺตานํ ติณฺณํ เวทานํ ปคุณตาย ลกฺขณมนฺเต ปริวตฺเตตฺวา ปทลกฺขณํ อุปธาเรตฺวา, ‘‘นยิทํ, พฺราหฺมณ, ปฺจกามคุณเสวิโน ปท’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘รตฺตสฺส หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว,
ทุฏฺสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ;
มูฬฺหสฺส โหติ อวกฑฺฒิตํ ปทํ,
วิวฏฺฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; วิสุทฺธิ. ๑.๔๕);
อถ นํ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘‘โภติ ตฺวํ อุทกปาติยํ กุมฺภีลํ, เคหมชฺเฌ จ ปน โจรํ วิย มนฺเต ปสฺสนสีลา, ตุณฺหี โหหี’’ติ. พฺราหฺมณ, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ วเทหิ, นยิทํ ปฺจกามคุณเสวิโน ปทนฺติ. ตโต อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ โส ปุริโส’’ติ วตฺวา พฺราหฺมโณ คนฺตฺวา, ‘‘สมณ, ธีตรํ เม ตว โปสาปนตฺถาย เทมี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘ธีตรา เต มยฺหํ อตฺโถ อตฺถิ วา นตฺถิ วา’’ติ อวตฺวาว, ‘‘พฺราหฺมณ, เอกํ เต การณํ กเถมี’’ติ วตฺวา, ‘‘กเถหิ สมณา’’ติ วุตฺเต มหาภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อชปาลนิคฺโรธมูลา ¶ มาเรน อนุพทฺธภาวํ อชปาลนิคฺโรธมูเล จ ปน ‘‘อตีโต ทานิ เม เอส วิสย’’นฺติ ตสฺส โสกาตุรสฺส โสกวูปสมนตฺถํ อาคตาหิ มารธีตาหิ กุมาริกวณฺณาทิวเสน ¶ ปโยชิตํ ปโลภนํ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘ตทาปิ มยฺหํ ฉนฺโท นาโหสี’’ติ วตฺวา –
‘‘ทิสฺวาน ¶ ตณฺหํ อรตึ รคฺจ,
นาโหสิ ฉนฺโท อปิ เมถุนสฺมึ;
กิเมวิทํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ,
ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’’ติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; สุ. นิ. ๘๔๑) –
อิมํ คาถมาห. คาถาปริโยสาเน พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ อนาคามิผเล ปติฏฺหึสุ. มาคณฺฑิยาปิ โข ‘‘สจสฺส มยา อตฺโถ นตฺถิ, อนตฺถิกภาโวว วตฺตพฺโพ, อยํ ปน มํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ กโรติ, ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉติ, โหตุ, อตฺตโน ชาติกุลปเทสโภคยสวยสมฺปตฺตึ อาคมฺม ตถารูปํ ภตฺตารํ ลภิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ ชานิสฺสามี’’ติ สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิ. ‘‘กึ ปน สตฺถา ตาย อตฺตนิ อาฆาตุปฺปตฺตึ ชานาติ, โน’’ติ? ‘‘ชานาติเยว. ชานนฺโต กสฺมา คาถมาหา’’ติ? อิตเรสํ ทฺวินฺนํ วเสน. พุทฺธา หิ อาฆาตํ อคเณตฺวา มคฺคผลาธิคมารหานํ วเสน ธมฺมํ เทเสนฺติเยว. มาตาปิตโร ตํ เนตฺวา จูฬมาคณฺฑิยํ กนิฏฺํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. จูฬมาคณฺฑิโยปิ ¶ จินฺเตสิ – ‘‘มม ธีตา โอมกสตฺตสฺส น อนุจฺฉวิกา, เอกสฺส รฺโว อนุจฺฉวิกา’’ติ. ตํ อาทาย โกสมฺพึ คนฺตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา, ‘‘อิมํ อิตฺถิรตนํ เทวสฺส อนุจฺฉวิก’’นฺติ อุเตนสฺส รฺโ อทาสิ. โส ตํ ทิสฺวาว อุปฺปนฺนพลวสิเนโห อภิเสกํ กตฺวา ปฺจสตมาตุคามปริวารํ ทตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. อยํ มาคณฺฑิยาย อุปฺปตฺติ.
เอวมสฺส ทิยฑฺฒสหสฺสนาฏกิตฺถิปริวารา ติสฺโส อคฺคมเหสิโย อเหสุํ. ตสฺมึ โข ปน สมเย โฆสกเสฏฺิ กุกฺกุฏเสฏฺิ ปาวาริกเสฏฺีติ โกสมฺพิยํ ตโย เสฏฺิโน โหนฺติ. เต อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ปฺจสตตาปเส หิมวนฺตโต อาคนฺตฺวา นคเร ภิกฺขาย จรนฺเต ทิสฺวา ปสีทิตฺวา นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา จตฺตาโร มาเส อตฺตโน สนฺติเก วสาเปตฺวา ปุน วสฺสารตฺเต อาคมนตฺถาย ปฏิชานาเปตฺวา อุยฺโยเชสุํ. ตาปสาปิ ตโต ปฏฺาย อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา จตฺตาโร มาเส เตสํ สนฺติเก ¶ วสึสุ. เต อปรภาเค หิมวนฺตโต อาคจฺฉนฺตา ¶ อรฺายตเน เอกํ มหานิคฺโรธํ ทิสฺวา ตสฺส มูเล นิสีทึสุ. เตสุ เชฏฺกตาปโส จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา โอรมตฺติกา น ภวิสฺสติ, มเหสกฺเขเนเวตฺถ เทวราเชน ภวิตพฺพํ ¶ , สาธุ วต สจายํ อิสิคณสฺส ปานียํ ทเทยฺยา’’ติ. โสปิ ปานียํ อทาสิ. ตาปโส นฺหาโนทกํ จินฺเตสิ, ตมฺปิ อทาสิ. ตโต โภชนํ จินฺเตสิ, ตมฺปิ อทาสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ เทวราชา อมฺเหหิ จินฺติตํ จินฺติตํ สพฺพํ เทติ, อโห วต นํ ปสฺเสยฺยามา’’ติ. โส รุกฺขกฺขนฺธํ ปทาเลตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อถ นํ ตาปสา, ‘‘เทวราช, มหตี เต สมฺปตฺติ, กึ นุ โข กตฺวา อยํ เต ลทฺธา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘มา ปุจฺฉถ, อยฺยา’’ติ. ‘‘อาจิกฺข, เทวราชา’’ติ. โส อตฺตนา กตกมฺมสฺส ปริตฺตกตฺตา ลชฺชมาโน กเถตุํ น วิสหิ. เตหิ ปุนปฺปุนํ นิปฺปีฬิยมาโน ปน ‘‘เตน หิ สุณาถา’’ติ วตฺวา กเถสิ.
โส กิเรโก ทุคฺคตมนุสฺโส หุตฺวา ภตึ ปริเยสนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส สนฺติเก ภติกมฺมํ ลภิตฺวา ตํ นิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปสิ. อเถกสฺมึ อุโปสถทิวเส สมฺปตฺเต อนาถปิณฺฑิโก วิหารโต อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตสฺส ภติกสฺส อชฺชุโปสถทิวสภาโว เกนจิ กถิโต’’ติ? ‘‘น กถิโต, สามี’’ติ. ‘‘เตน หิสฺส สายมาสํ ปจถา’’ติ. อถสฺส ปตฺโถทนํ ปจึสุ. โส ทิวสํ อรฺเ กมฺมํ กตฺวา สายํ อาคนฺตฺวา ภตฺเต วฑฺเฒตฺวา ทินฺเน ‘‘ฉาโตมฺหี’’ติ สหสา อภฺุชิตฺวาว ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ อิมสฺมึ เคเห ‘ภตฺตํ เทถ, สูปํ เทถ, พฺยฺชนํ เทถา’ติ มหาโกลาหลํ อโหสิ, อชฺช เต สพฺเพ นิสฺสทฺทา นิปชฺชึสุ, มยฺหเมว เอกสฺสาหารํ วฑฺฒยึสุ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อวเสสา ภฺุชึสุ, น ภฺุชึสู’’ติ? ‘‘น ภฺุชึสุ, ตาตา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? อิมสฺมึ เคเห อุโปสถทิวเสสุ สายมาสํ ¶ น ภฺุชนฺติ, สพฺเพว อุโปสถิกา โหนฺติ. อนฺตมโส ถนปายิโนปิ ทารเก มุขํ วิกฺขาลาเปตฺวา จตุมธุรํ มุเข ปกฺขิปาเปตฺวา มหาเสฏฺิ อุโปสถิเก กาเรติ. คนฺธเตลปฺปทีเป ชาลนฺเต ขุทฺทกมหลฺลกทารกา สยนคตา ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายนฺติ. ตุยฺหํ ปน อุโปสถทิวสภาวํ กเถตุํ สตึ น กริมฺหา. ตสฺมา ตเวว ภตฺตํ ปกฺกํ, นํ ภฺุชสฺสูติ. สเจ อิทานิ อุโปสถิเกน ¶ ภวิตุํ วฏฺฏติ, อหมฺปิ ภเวยฺยนฺติ. ‘‘อิทํ เสฏฺิ ชานาตี’’ติ. ‘‘เตน หิ นํ ปุจฺฉถา’’ติ. เต คนฺตฺวา เสฏฺึ ปุจฺฉึสุ. โส เอวมาห – ‘‘อิทานิ ปน อภฺุชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺหนฺโต อุปฑฺฒํ อุโปสถกมฺมํ ลภิสฺสตี’’ติ. อิตโร ตํ สุตฺวา ตถา อกาสิ.
ตสฺส สกลทิวสํ กมฺมํ กตฺวา ฉาตสฺส สรีเร วาตา กุปฺปึสุ. โส โยตฺเตน อุรํ พนฺธิตฺวา โยตฺตโกฏิยํ คเหตฺวา ปริวตฺตติ. เสฏฺิ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา อุกฺกาหิ ธาริยมานาหิ จตุมธุรํ คาหาเปตฺวา ¶ ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา, ‘‘กึ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, วาตา เม กุปฺปิตา’’ติ. ‘‘เตน หิ อุฏฺาย อิทํ เภสชฺชํ ขาทาหี’’ติ. ‘‘ตุมฺเหปิ ขาทถ, สามี’’ติ. ‘‘อมฺหากํ อผาสุกํ นตฺถิ, ตฺวํ ขาทาหี’’ติ. ‘‘สามิ, อหํ อุโปสถกมฺมํ กโรนฺโต ¶ สกลํ กาตุํ นาสกฺขึ, อุปฑฺฒกมฺมมฺปิ เม วิกลํ มา อโหสี’’ติ น อิจฺฉิ. ‘‘มา เอวํ กริ, ตาตา’’ติ วุจฺจมาโนปิ อนิจฺฉิตฺวา อรุเณ อุฏฺหนฺเต มิลาตมาลา วิย กาลํ กตฺวา ตสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข เทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺมา อิมมตฺถํ กเถตฺวา ‘‘โส เสฏฺิ พุทฺธมามโก, ธมฺมมามโก, สงฺฆมามโก, ตํ นิสฺสาย กตสฺส อุปฑฺฒุโปสถกมฺมสฺส นิสฺสนฺเทเนสา สมฺปตฺติ มยา ลทฺธา’’ติ อาห.
‘‘พุทฺโธ’’ติ วจนํ สุตฺวาว ปฺจสตา ตาปสา อุฏฺาย เทวตาย อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘พุทฺโธติ วเทสิ, พุทฺโธติ วเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘พุทฺโธติ วทามิ, พุทฺโธติ วทามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิชานาเปตฺวา ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’นฺติ อุทานํ อุทาเนตฺวา ‘‘เทวเต อเนเกสุ กปฺปสตสหสฺเสสุ อสุตปุพฺพํ สทฺทํ ตยา สุณาปิตมฺหา’’ติ อาหํสุ. อถ อนฺเตวาสิโน อาจริยํ เอตทโวจุํ – ‘‘เตน หิ สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘ตาตา, ตโย เสฏฺิโน อมฺหากํ พหูปการา, สฺเว เตสํ นิเวสเน ภิกฺขํ คณฺหิตฺวา เตสมฺปิ อาจิกฺขิตฺวา คมิสฺสาม, อธิวาเสถ, ตาตา’’ติ. เต อธิวาสยึสุ. ปุนทิวเส เสฏฺิโน ยาคุภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ‘‘อชฺช โน อยฺยานํ อาคมนทิวโส’’ติ ตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา เต อาทาย นิเวสนํ คนฺตฺวา นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ อทํสุ. เต กตภตฺตกิจฺจา มหาเสฏฺิโน ‘‘มยํ คมิสฺสามา’’ติ วทึสุ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ จตฺตาโร ¶ วสฺสิเก มาเส อมฺหากํ คหิตาว ปฏิฺา, อิทานิ กุหึ คจฺฉถา’’ติ? ‘‘โลเก ¶ กิร พุทฺโธ อุปฺปนฺโน, ธมฺโม อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ อุปฺปนฺโน, ตสฺมา สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตสฺส สตฺถุโน สนฺติกํ ตุมฺหากฺเว คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘อฺเสมฺปิ อวาริตํ, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อาคเมถ, มยมฺปิ คมนปริวจฺฉํ กตฺวา คจฺฉามา’’ติ. ‘‘ตุมฺเหสุ ปริวจฺฉํ กโรนฺเตสุ อมฺหากํ ปปฺโจ โหติ, มยํ ปุรโต คจฺฉาม, ตุมฺเห ปจฺฉา อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา เต ปุเรตรํ คนฺตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา อภิตฺถวิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ เนสํ สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพปิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ วจนสมนนฺตรํเยว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา เอหิภิกฺขู อเหสุํ.
เตปิ โข ตโย เสฏฺิโน ปฺจหิ ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภตฺตจฺฉาทนสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ ทานูปกรณานิ อาทาย สาวตฺถึ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา กถาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ¶ ปติฏฺาย อทฺธมาสมตฺตมฺปิ ทานํ ททมานา สตฺถุ สนฺติเก วสิตฺวา โกสมฺพึ อาคมนตฺถาย สตฺถารํ ยาจิตฺวา สตฺถารา ปฏิฺํ ททนฺเตน ¶ ‘‘สฺุาคาเร โข คหปตโย ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อฺาตํ, ภนฺเต, อมฺเหหิ ปหิตสาสเนน อาคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา โกสมฺพึ คนฺตฺวา โฆสกเสฏฺิ โฆสิตารามํ, กุกฺกุฏเสฏฺิ กุกฺกุฏารามํ, ปาวาริกเสฏฺิ ปาวาริการามนฺติ ตโย มหาวิหาเร กาเรตฺวา สตฺถุ อาคมนตฺถาย สาสนํ ปหิณึสุ. สตฺถา เตสํ สาสนํ สุตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. เต ปจฺจุคฺคนฺตฺวา สตฺถารํ วิหารํ ปเวเสตฺวา วาเรน วาเรน ปฏิชคฺคนฺติ. สตฺถา เทวสิกํ เอเกกสฺมึ วิหาเร วสติ. ยสฺส วิหาเร วุฏฺโ โหติ, ตสฺเสว ฆรทฺวาเร ปิณฺฑาย จรติ. เตสํ ปน ติณฺณํ เสฏฺีนํ อุปฏฺาโก สุมโน นาม มาลากาโร อโหสิ. โส เต เสฏฺิโน เอวมาห – ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ทีฆรตฺตํ อุปการโก, สตฺถารํ โภเชตุกาโมมฺหิ, มยฺหมฺปิ เอกทิวสํ สตฺถารํ เทถา’’ติ. ‘‘เตน หิ ภเณ สฺเว โภเชหี’’ติ. ‘‘สาธุ, สามี’’ติ โส สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สกฺการํ ปฏิยาเทสิ.
ตทา ¶ ราชา สามาวติยา เทวสิกํ ปุปฺผมูเล อฏฺ กหาปเณ เทติ. ตสฺสา ขุชฺชุตฺตรา นาม ทาสี สุมนมาลาการสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา นิพทฺธํ ปุปฺผานิ คณฺหาติ. อถ นํ ตสฺมึ ทิวเส อาคตํ มาลากาโร อาห – ‘‘มยา สตฺถา นิมนฺติโต, อชฺช ปุปฺเผหิ สตฺถารํ ปูเชสฺสามิ, ติฏฺ ตาว, ตฺวํ ปริเวสนาย สหายิกา หุตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อวเสสานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา คมิสฺสสี’’ติ ¶ . สา ‘‘สาธู’’ติ อธิวาเสสิ. สุมโน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา อนุโมทนกรณตฺถาย ปตฺตํ อคฺคเหสิ. สตฺถา อนุโมทนธมฺมเทสนํ อารภิ. ขุชฺชุตฺตราปิ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺตีเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สา อฺเสุ ทิวเสสุ จตฺตาโร กหาปเณ อตฺตโน คเหตฺวา จตูหิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา คจฺฉติ, ตํ ทิวสํ อฏฺหิปิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา คตา. อถ นํ สามาวตี อาห – ‘‘กึ นุ โข, อมฺม, อชฺช อมฺหากํ รฺา ทฺวิคุณํ ปุปฺผมูลํ ทินฺน’’นฺติ? ‘‘โน, อยฺเย’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา พหูนิ ปุปฺผานี’’ติ? ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ อหํ จตฺตาโร กหาปเณ อตฺตโน คเหตฺวา จตูหิ ปุปฺผานิ อาหรามี’’ติ. ‘‘อชฺช กสฺมา น คณฺหี’’ติ? ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ธมฺมสฺส อธิคตตฺตา’’ติ. อถ นํ ‘‘อเร, ทุฏฺทาสิ เอตฺตกํ กาลํ ตยา คหิตกหาปเณ เม เทหี’’ติ อตชฺเชตฺวา, ‘‘อมฺม, ตยา ปิวิตํ อมตํ อมฺเหปิ ปาเยหี’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ มํ นฺหาเปหี’’ติ วุตฺเต โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหาเปตฺวา ทฺเว มฏฺสาฏเก ทาเปสิ. สา เอกํ นิวาเสตฺวา เอกํ เอกํสํ ปารุปิตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา เอกํ พีชนึ อาหราเปตฺวา อาสเน นิสีทิตฺวา จิตฺรพีชนึ อาทาย ปฺจ มาตุคามสตานิ อามนฺเตตฺวา ตาสํ สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว ธมฺมํ เทเสสิ. ตสฺสา ธมฺมกถํ สุตฺวา ตา สพฺพาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.
ตา ¶ สพฺพาปิ ขุชฺชุตฺตรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘อมฺม ¶ , อชฺชโต ปฏฺาย ตฺวํ กิลิฏฺกมฺมํ มา กริ, อมฺหากํ มาตุฏฺาเน จ อาจริยฏฺาเน จ ตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา อมฺหากํ กเถหี’’ติ วทึสุ. สา ตถา กโรนฺตี อปรภาเค ติปิฏกธรา ชาตา. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวิกานํ อุปาสิกานํ พหุสฺสุตานํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ขุชฺชุตฺตรา’’ติ เอตทคฺเค เปสิ. ตาปิ โข ปฺจสตา อิตฺถิโย ตํ เอวมาหํสุ – ‘‘อมฺม, สตฺถารํ ทฏฺุกามามฺหา, ตํ โน ทสฺเสหิ, คนฺธมาลาทีหิ ¶ ตํ ปูเชสฺสามา’’ติ. ‘‘อยฺเย, ราชกุลํ นาม ภาริยํ, ตุมฺเห คเหตฺวา พหิ คนฺตุํ น สกฺกา’’ติ. ‘‘อมฺม, โน มา นาเสหิ, ทสฺเสเหว อมฺหากํ สตฺถาร’’นฺติ. ‘‘เตน หิ ตุมฺหากํ วสนคพฺภานํ ภิตฺตีสุ ยตฺตเกน โอโลเกตุํ สกฺกา โหติ, ตตฺตกํ ฉิทฺทํ กตฺวา คนฺธมาลาทีนิ อาหราเปตฺวา สตฺถารํ ติณฺณํ เสฏฺีนํ ฆรทฺวารํ คจฺฉนฺตํ ตุมฺเห เตสุ เตสุ าเนสุ ตฺวา โอโลเกถ เจว, หตฺเถ จ ปสาเรตฺวา วนฺทถ, ปูเชถ จา’’ติ. ตา ตถา กตฺวา สตฺถารํ คจฺฉนฺตฺจ อาคจฺฉนฺตฺจ โอโลเกตฺวา วนฺทึสุ เจว ปูเชสฺุจ.
อเถกทิวสํ มาคณฺฑิยา อตฺตโน ปาสาทตลโต นิกฺขมิตฺวา จงฺกมมานา ตาสํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา คพฺเภสุ ฉิทฺทํ ทิสฺวา, ‘‘อิทํ กิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ตาหิ ตสฺสา สตฺถริ อาฆาตพทฺธภาวํ อชานนฺตีหิ ‘‘สตฺถา ¶ อิมํ นครํ อาคโต, มยํ เอตฺถ ตฺวา สตฺถารํ วนฺทาม เจว ปูเชม จา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาคโต นาม อิมํ นครํ สมโณ โคตโม, อิทานิสฺส กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามิ, อิมาปิ ตสฺส อุปฏฺายิกา, อิมาสมฺปิ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช, สามาวติมิสฺสิกานํ พหิทฺธา ปตฺถนา อตฺถิ, กติปาเหเนว เต ชีวิตํ มาเรสฺสนฺตี’’ติ. ราชา ‘‘น ตา เอวรูปํ กริสฺสนฺตี’’ติ น สทฺทหิ. ปุนปฺปุนํ วุตฺเตปิ น สทฺทหิ เอว. อถ นํ เอวํ ติกฺขตฺตุํ วุตฺเตปิ อสทฺทหนฺตํ ‘‘สเจ เม น สทฺทหสิ, ตาสํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา อุปจาเรหิ, มหาราชา’’ติ อาห. ราชา คนฺตฺวา คพฺเภสุ ฉิทฺทํ ทิสฺวา, ‘‘อิทํ กิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ตสฺมึ อตฺเถ อาโรจิเต ตาสํ อกุชฺฌิตฺวา, กิฺจิ อวตฺวาว ฉิทฺทานิ ปิทหาเปตฺวา สพฺพคพฺเภสุ อุทฺธจฺฉิทฺทกวาตปานานิ กาเรสิ. อุทฺธจฺฉิทฺทกวาตปานานิ กิร ตสฺมึ กาเล อุปฺปนฺนานิ. มาคณฺฑิยา ตาสํ กิฺจิ กาตุํ อสกฺกุณิตฺวา, ‘‘สมณสฺส โคตมสฺเสว กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ นาครานํ ลฺชํ ทตฺวา, ‘‘สมณํ โคตมํ อนฺโตนครํ ปวิสิตฺวา วิจรนฺตํ ทาสกมฺมกรโปริเสหิ อกฺโกเสตฺวา ปริภาเสตฺวา ปลาเปถา’’ติ อาณาเปสิ. มิจฺฉาทิฏฺิกา ตีสุ รตเนสุ อปฺปสนฺนา อนฺโตนครํ ปวิฏฺํ สตฺถารํ อนุพนฺธิตฺวา ¶ , ‘‘โจโรสิ ¶ , พาโลสิ, มูฬฺโหสิ, โอฏฺโสิ, โคโณสิ, คทฺรโภสิ, เนรยิโกสิ, ติรจฺฉานคโตสิ, นตฺถิ ตุยฺหํ สุคติ, ทุคฺคติเยว ตุยฺหํ ปาฏิกงฺขา’’ติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ.
ตํ ¶ สุตฺวา อายสฺมา อานนฺโท สตฺถารํ เอตทโวจ – ‘‘ภนฺเต, อิเม นาครา อมฺเห อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ, อิโต อฺตฺถ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘กุหึ, อานนฺโทติ’’? ‘‘อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถ มนุสฺเสสุ อกฺโกสนฺเตสุ ปุน กตฺถ คมิสฺสาม, อานนฺโท’’ติ? ‘‘ตโตปิ อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถาปิ มนุสฺเสสุ อกฺโกสนฺเตสุ กุหึ คมิสฺสามา’’ติ? ‘‘ตโตปิ อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อานนฺท, เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ยตฺถ อธิกรณํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺเถว ตสฺมึ วูปสนฺเต อฺตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏติ. เก ปน เต, อานนฺท, อกฺโกสนฺตี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, ทาสกมฺมกเร อุปาทาย สพฺเพ อกฺโกสนฺตี’’ติ. ‘‘อหํ, อานนฺท, สงฺคามํ โอติณฺณหตฺถิสทิโส, สงฺคามํ โอติณฺณหตฺถิโน หิ จตูหิ ทิสาหิ อาคเต สเร สหิตุํ ภาโร, ตเถว พหูหิ ทุสฺสีเลหิ กถิตกถานํ สหนํ นาม มยฺหํ ภาโร’’ติ วตฺวา อตฺตานํ อารพฺภ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา นาควคฺเค ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘อหํ นาโคว สงฺคาเม, จาปโต ปติตํ สรํ;
อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ, ทุสฺสีโล หิ พหุชฺชโน.
‘‘ทนฺตํ ¶ นยนฺติ สมิตึ, ทนฺตํ ราชาภิรูหติ;
ทนฺโต เสฏฺโ มนุสฺเสสุ, โยติวากฺยํ ติติกฺขติ.
‘‘วรมสฺสตรา ทนฺตา, อาชานียา จ สินฺธวา;
กฺุชรา จ มหานาคา, อตฺตทนฺโต ตโต วร’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๒๐-๓๒๒);
ธมฺมกถา สมฺปตฺตมหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสิ. เอวํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มา จินฺตยิ, อานนฺท, เอเต สตฺตาหมตฺตเมว อกฺโกสิสฺสนฺติ, อฏฺเม ทิวเส ตุณฺหี ภวิสฺสนฺติ, พุทฺธานฺหิ อุปฺปนฺนํ อธิกรณํ สตฺตาหโต อุตฺตริ น คจฺฉติ. มาคณฺฑิยา สตฺถารํ อกฺโกสาเปตฺวา ปลาเปตุํ อสกฺโกนฺตี, ‘‘กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อิมา เอตสฺส อุปตฺถมฺภภูตา, เอตาสมฺปิ พฺยสนํ กริสฺสามี’’ติ เอกทิวสํ รฺโ สุราปานฏฺาเน อุปฏฺานํ กโรนฺตี จูฬปิตุ สาสนํ ปหิณิ ‘‘อตฺโถ เม กิร กุกฺกุเฏหิ ¶ , อฏฺ มตกุกฺกุเฏ, อฏฺ สชีวกุกฺกุเฏ จ คเหตฺวา อาคจฺฉตุ, อาคนฺตฺวา จ โสปานมตฺถเก ตฺวา อาคตภาวํ นิเวเทตฺวา ‘ปวิสตู’ติ วุตฺเตปิ อปวิสิตฺวา ปมํ อฏฺ สชีวกุกฺกุเฏ ปหิณตุ, ‘ปจฺฉา อิตเร’’’ติ. จูฬาปฏฺากสฺส จ ‘‘มม วจนํ กเรยฺยาสี’’ติ ลฺชํ อทาสิ. มาคณฺฑิโย อาคนฺตฺวา, รฺโ นิเวทาเปตฺวา, ‘‘ปวิสตู’’ติ วุตฺเต, ‘‘รฺโ อาปานภูมึ น ปวิสิสฺสามี’’ติ อาห. อิตรา จูฬุปฏฺากํ ¶ ปหิณิ ¶ – ‘‘คจฺฉ, ตาต, มม จูฬปิตุ สนฺติก’’นฺติ. โส คนฺตฺวา เตน ทินฺเน อฏฺ สชีวกุกฺกุเฏ อาเนตฺวา, ‘‘เทว, ปุโรหิเตน ปณฺณากาโร ปหิโต’’ติ อาห. ราชา ‘‘ภทฺทโก วต โน อุตฺตริภงฺโค อุปฺปนฺโน, โก นุ โข ปเจยฺยา’’ติ อาห. มาคณฺฑิยา, ‘‘มหาราช, สามาวติปฺปมุขา ปฺจสตา อิตฺถิโย นิกฺกมฺมิกา วิจรนฺติ, ตาสํ เปเสหิ, ตา ปจิตฺวา อาหริสฺสนฺตี’’ติ อาห. ราชา ‘‘คจฺฉ, ตาสํ ทตฺวา อฺสฺส กิร หตฺเถ อทตฺวา สยเมว มาเรตฺวา ปจนฺตู’’ติ เปเสสิ. จูฬุปฏฺาโก ‘‘สาธุ เทวา’’ติ คนฺตฺวา ตถา วตฺวา ตาหิ ‘‘มยํ ปาณาติปาตํ น กโรมา’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต อาคนฺตฺวา ตมตฺถํ รฺโ อาโรเจสิ. มาคณฺฑิยา ‘‘ทิฏฺํ เต, มหาราช, อิทานิ ตาสํ ปาณาติปาตสฺส กรณํ วา อกรณํ วา ชานิสฺสสิ, ‘สมณสฺส โคตมสฺส ปจิตฺวา เปเสนฺตู’ติ วเทหิ เทวา’’ติ อาห. ราชา ตถา วตฺวา เปเสสิ. อิตโร เต คเหตฺวา คจฺฉนฺโต วิย หุตฺวา คนฺตฺวา เต กุกฺกุเฏ ปุโรหิตสฺส ทตฺวา มตกุกฺกุเฏ ตาสํ สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘อิเม กิร กุกฺกุเฏ ปจิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ ปหิณถา’’ติ อาห. ตา, ‘‘สามิ, อาหร, อิทํ นาม อมฺหากํ กิจฺจ’’นฺติ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา คณฺหึสุ. โส รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กึ, ตาตา’’ติ ปุฏฺโ, ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส ปจิตฺวา เปเสถาติ วุตฺตมตฺเตเยว ปฏิมคฺคํ อาคนฺตฺวา คณฺหึสู’’ติ อาจิกฺขิ. มาคณฺฑิยา ‘‘ปสฺส, มหาราช, น ตา ตุมฺหาทิสานํ กโรนฺติ, พหิทฺธา ปตฺถนา ตาสํ อตฺถีติ วุตฺเต น สทฺทหสี’’ติ อาห. ราชา ตํ สุตฺวาปิ อธิวาเสตฺวา ¶ ตุณฺหีเยว อโหสิ. มาคณฺฑิยา ‘‘กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ.
ตทา ปน ราชา ‘‘สามาวติยา วาสุลทตฺตาย มาคณฺฑิยาย จา’’ติ ติสฺสนฺนมฺปิ เอตาสํ ปาสาทตเล วาเรน วาเรน สตฺตาหํ สตฺตาหํ วีตินาเมติ ¶ . อถ นํ ‘‘สฺเว วา ปรสุเว วา สามาวติยา ปาสาทตลํ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวา มาคณฺฑิยา จูฬปิตุ สาสนํ ปหิณิ – ‘‘อคเทน กิร ทาา โธวิตฺวา เอกํ สปฺปํ เปเสตู’’ติ. โส ตถา กตฺวา เปเสสิ. ราชา อตฺตโน คมนฏฺานํ หตฺถิกนฺตวีณํ อาทายเยว คจฺฉติ, ตสฺสา โปกฺขเร เอกํ ฉิทฺทํ อตฺถิ. มาคณฺฑิยา เตน ฉิทฺเทน สปฺปํ ปเวเสตฺวา ฉิทฺทํ มาลาคุเฬน ถเกสิ. สปฺโป ทฺวีหตีหํ อนฺโตวีณายเมว อโหสิ. มาคณฺฑิยา รฺโ คมนทิวเส ‘‘อชฺช กตริสฺสิตฺถิยา ปาสาทํ คมิสฺสสิ เทวา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สามาวติยา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อชฺช มยา, มหาราช, อมนาโป สุปิโน ทิฏฺโ. น สกฺกา ตตฺถ คนฺตุํ, เทวา’’ติ? ‘‘คจฺฉาเมวา’’ติ. สา ยาว ตติยํ วาเรตฺวา, ‘‘เอวํ สนฺเต อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ คมิสฺสามิ, เทวา’’ติ วตฺวา นิวตฺติยมานาปิ อนิวตฺติตฺวา, ‘‘น ชานามิ, กึ ภวิสฺสติ เทวา’’ติ รฺา สทฺธึเยว อคมาสิ.
ราชา สามาวติมิสฺสิกาหิ ทินฺนานิ วตฺถปุปฺผคนฺธาภรณานิ ธาเรตฺวา สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา วีณํ ¶ อุสฺสีสเก เปตฺวา สยเน นิปชฺชิ. มาคณฺฑิยา อปราปรํ วิจรนฺตี วิย หุตฺวา วีณาฉิทฺทโต ปุปฺผคุฬํ อปเนสิ. สปฺโป ทฺวีหตีหํ นิราหาโร เตน ฉิทฺเทน นิกฺขมิตฺวา ปสฺสสนฺโต ผณํ กตฺวา สยนปิฏฺเ นิปชฺชิ ¶ . มาคณฺฑิยา ตํ ทิสฺวา, ‘‘ธี ธี, เทว, สปฺโป’’ติ มหาสทฺทํ กตฺวา ราชานฺจ ตา จ อกฺโกสนฺตี, ‘‘อยํ อนฺธพาลราชา อลกฺขิโก มยฺหํ วจนํ น สุณาติ, อิมาปิ นิสฺสิรีกา ทุพฺพินีตา, กึ นาม รฺโ สนฺติกา น ลภนฺติ, กึ นุ ตุมฺเห อิมสฺมึ มเตเยว สุขํ ชีวิสฺสถ, ชีวนฺเต ทุกฺขํ ชีวถ, ‘อชฺช มยา ปาปสุปิโน ทิฏฺโ, สามาวติยา ปาสาทํ คนฺตุํ น วฏฺฏตี’ติ วาเรนฺติยาปิ เม วจนํ น สุณสิ, เทวา’’ติ อาห. ราชา สปฺปํ ทิสฺวา มรณภยตชฺชิโต ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม อิมา กริสฺสนฺติ, อโห ปาปา, อหํ อิมาสํ ปาปภาวํ อาจิกฺขนฺติยาปิ อิมิสฺสา วจนํ น สทฺทหึ, ปมํ อตฺตโน คพฺเภสุ ฉิทฺทานิ กตฺวา นิสินฺนา, ปุน มยา เปสิเต กุกฺกุเฏ ปฏิปหิณึสุ, อชฺช สยเน สปฺปํ วิสฺสชฺชึสู’’ติ โกเธน สมฺปชฺชลิโต วิย อโหสิ.
สามาวตีปิ ¶ ปฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ โอวาทํ อทาสิ – ‘‘อมฺมา, อมฺหากํ อฺํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, นรินฺเท จ เทวิยา จ อตฺตนิ จ สมเมว เมตฺตจิตฺตํ ปวตฺเตถ, มา กสฺสจิ โกปํ กริตฺถา’’ติ. ราชา สหสฺสถามํ สิงฺคธนุํ อาทาย ชิยํ โปเถตฺวา วิสปีตํ สรํ สนฺนยฺหิตฺวา สามาวตึ ธุเร กตฺวา สพฺพา ¶ ตา ปฏิปาฏิยา ปาเปตฺวา สามาวติยา อุเร สรํ วิสฺสชฺเชสิ. โส ตสฺสา เมตฺตานุภาเวน ปฏินิวตฺติตฺวา อาคตมคฺคาภิมุโขว หุตฺวา รฺโ หทยํ ปวิสนฺโต วิย อฏฺาสิ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘มยา ขิตฺโต สโร สิลมฺปิ วินิวิชฺฌิตฺวา คจฺฉติ, อากาเส ปฏิหนนกฏฺานํ นตฺถิ, อถ จ ปเนส นิวตฺติตฺวา มม หทยาภิมุโข ชาโต, อยฺหิ นาม นิสฺสตฺโต นิชฺชีโว สโรปิ เอติสฺสา คุณํ ชานาติ, อหํ มนุสฺสภูโตปิ น ชานามี’’ติ, โส ธนุํ ฉฑฺเฑตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห สามาวติยา ปาทมูเล อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สมฺมุยฺหามิ ปมุยฺหามิ, สพฺพา มุยฺหนฺติ เม ทิสา;
สามาวติ มํ ตายสฺสุ, ตฺวฺจ เม สรณํ ภวา’’ติ.
สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘สาธุ, เทว, มํ สรณํ คจฺฉา’’ติ อวตฺวา, ‘‘ยมหํ, มหาราช, สรณํ คตา, ตเมว ตฺวมฺปิ สรณํ คจฺฉาหี’’ติ อิทํ วตฺวา สามาวตี สมฺมาสมฺพุทฺธสาวิกา –
‘‘มา ¶ มํ ตฺวํ สรณํ คจฺฉ, ยมหํ สรณํ คตา;
เอส พุทฺโธ มหาราช, เอส พุทฺโธ อนุตฺตโร;
สรณํ คจฺฉ ตํ พุทฺธํ, ตฺวฺจ เม สรณํ ภวา’’ติ. –
อาห ¶ . ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘อิทานาหํ อติเรกตรํ ภายามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอส ภิยฺโย ปมุยฺหามิ, สพฺพา มุยฺหนฺติ เม ทิสา;
สามาวติ มํ ตายสฺสุ, ตฺวฺจ เม สรณํ ภวา’’ติ.
อถ นํ สา ปุริมนเยเนว ปุน ปฏิกฺขิปิตฺวา, ‘‘เตน หิ ตฺวฺจ สรณํ คจฺฉามิ, สตฺถารฺจ สรณํ คจฺฉามิ, วรฺจ เต ทมฺมี’’ติ วุตฺเต, ‘‘วโร คหิโต โหตุ, มหาราชา’’ติ อาห. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สรณํ คนฺตฺวา นิมนฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ¶ สามาวตึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อุฏฺเหิ, วรํ คณฺหา’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, มยฺหํ หิรฺาทีหิ อตฺโถ นตฺถิ, อิมํ ปน เม วรํ เทหิ, ตถา กโรหิ, ยถา สตฺถา นิพทฺธํ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อิธาคจฺฉติ, ธมฺมํ สุณิสฺสามี’’ติ. ราชา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิพทฺธํ อิธาคจฺฉถ, สามาวติมิสฺสิกา ‘ธมฺมํ สุณิสฺสามา’ติ วทนฺตี’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, พุทฺธานํ นาม เอกสฺมึ าเน นิพทฺธํ คนฺตุํ น วฏฺฏติ, มหาชโน สตฺถารํ อาคมนตฺถาย ปจฺจาสีสตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เอกํ ภิกฺขุํ อาณาเปถา’’ติ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อาณาเปสิ. โส ตโต ปฏฺาย ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อาทาย นิพทฺธํ ราชกุลํ คจฺฉติ. ตาปิ เทวิโย นิพทฺธํ เถรํ สปริวารํ โภเชนฺติ, ธมฺมํ สุณนฺติ. ตา เอกทิวสํ เถรสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสีทิตฺวา, ปฺจหิ อุตฺตราสงฺคสเตหิ ธมฺมปูชํ อกํสุ ¶ . เอเกโก อุตฺตราสงฺโค ปฺจ สตานิ ปฺจ สตานิ อคฺฆติ.
ตา เอกวตฺถา ทิสฺวา ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘กุหึ โว อุตฺตราสงฺโค’’ติ. ‘‘อยฺยสฺส โน ทินฺนา’’ติ. ‘‘เตน สพฺเพ คหิตา’’ติ? ‘‘อาม, คหิตา’’ติ. ราชา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ตาหิ อุตฺตราสงฺคานํ ทินฺนภาวํ ปุจฺฉิตฺวา ตาหิ ทินฺนภาวฺจ เถเรน คหิตภาวฺจ สุตฺวา, ‘‘นนุ, ภนฺเต, อติพหูนิ วตฺถานิ, เอตฺตเกหิ กึ กริสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺหากํ ปโหนกานิ วตฺถานิ คณฺหิตฺวา เสสานิ ชิณฺณจีวริกานํ ภิกฺขูนํ ทสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เต อตฺตโน ชิณฺณจีวรานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ชิณฺณตรจีวริกานํ ทสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เต ¶ อตฺตโน ชิณฺณตรจีวรานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ปจฺจตฺถรณานิ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘ปุราณปจฺจตฺถรณานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ภูมตฺถรณานิ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘ปุราณภูมตฺถรณานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ปาทปฺุฉนานิ กริสฺสนฺติ, มหาราชา’’ติ. ‘‘ปุราณปาทปฺุฉนานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ขณฺฑาขณฺฑิกํ โกฏฺเฏตฺวา มตฺติกาย มทฺทิตฺวา ภิตฺตึ ลิมฺปิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอตฺตกานิ กตฺวาปิ อยฺยานํ ทินฺนานิ น นสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ราชา ปสนฺโน อปรานิปิ ปฺจ วตฺถสตานิ อาหราเปตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล ปาเปสิ. เถโร กิร ปฺจสตคฺฆนกาเนว วตฺถานิ ปฺจสตภาเคน ¶ ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนานิ ปฺจสตกฺขตฺตุํ ลภิ, สหสฺสคฺฆนกานิ สหสฺสภาเคน ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนานิ ¶ สหสฺสกฺขตฺตุํ ลภิ, สตสหสฺสคฺฆนกานิ สตสหสฺสภาเคน ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนานิ สตสหสฺสกฺขตฺตุํ ลภิ. เอกํ ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ ทสาติอาทินา นเยน ลทฺธานํ ปน คณนา นาม นตฺถิ. ตถาคเต กิร ปรินิพฺพุเต เถโร สกลชมฺพุทีปํ วิจริตฺวา สพฺพวิหาเรสุ ภิกฺขูนํ อตฺตโน สนฺตกาเนว ปตฺตจีวรานิ อทาสิ.
ตทา มาคณฺฑิยาปิ ‘‘ยมหํ กโรมิ. ตํ ตถา อหุตฺวา อฺถาว โหติ, อิทานิ กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ รฺเ อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺเต จูฬปิตุ สาสนํ ปหิณิ – ‘‘สามาวติยา ปาสาทํ คนฺตฺวา, ทุสฺสโกฏฺาคารานิ จ เตลโกฏฺาคารานิ จ วิวราเปตฺวา, ทุสฺสานิ เตลจาฏีสุ เตเมตฺวา เตเมตฺวา ถมฺเภ เวเตฺวา ตา สพฺพาปิ เอกโต กตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา พหิ ยนฺตกํ ทตฺวา ทณฺฑทีปิกาหิ เคเห อคฺคึ ททมาโน โอตริตฺวา คจฺฉตู’’ติ. โส ปาสาทํ อภิรุยฺห โกฏฺาคารานิ ¶ วิวริตฺวา วตฺถานิ เตลจาฏีสุ เตเมตฺวา เตเมตฺวา ถมฺเภ เวเตุํ อารภิ. อถ นํ สามาวติปฺปมุขา อิตฺถิโย ‘‘กึ เอตํ จูฬปิตา’’ติ วทนฺติโย อุปสงฺกมึสุ. ‘‘อมฺมา, ราชา ทฬฺหิกมฺมตฺถาย อิเม ถมฺเภ เตลปิโลติกาหิ เวาเปติ, ราชเคเห นาม สุยุตฺตํ ทุยุตฺตํ ทุชฺชานํ, มา เม สนฺติเก โหถ, อมฺมา’’ติ เอวํ วตฺวา ตา อาคตา คพฺเภ ปเวเสตฺวา ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา พหิ ยนฺตกํ ทตฺวา อาทิโต ปฏฺาย อคฺคึ เทนฺโต โอตริ. สามาวตี ตาสํ โอวาทํ อทาสิ – ‘‘อมฺหากํ อนมตคฺเค สํสาเร วิจรนฺตีนํ เอวเมว อคฺคินา ฌายมานานํ อตฺตภาวานํ ปริจฺเฉโท พุทฺธาเณนปิ น สุกโร, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ. ตา เคเห ฌายนฺเต เวทนาปริคฺคหกมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺติโย กาจิ ทุติยผลํ, กาจิ ตติยผลํ ปาปุณึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘อิธ, ภนฺเต, รฺโ อุเตนสฺส อุยฺยานคตสฺส อนฺเตปุรํ ทฑฺฒํ, ปฺจ จ อิตฺถิสตานิ กาลกตานิ ¶ สามาวติปฺปมุขานิ. ตาสํ, ภนฺเต, อุปาสิกานํ กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’ติ? สนฺเตตฺถ, ภิกฺขเว, อุปาสิกาโย โสตาปนฺนา ¶ , สนฺติ สกทาคามิโย, สนฺติ อนาคามิโย, สพฺพา ตา, ภิกฺขเว ¶ , อุปาสิกาโย อนิปฺผลา กาลกตา’’ติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘โมหสมฺพนฺธโน โลโก, ภพฺพรูโปว ทิสฺสติ;
อุปธีพนฺธโน พาโล, ตมสา ปริวาริโต;
สสฺสโตริว ขายติ, ปสฺสโต นตฺถิ กิฺจน’’นฺติ. (อุทา. ๗๐);
เอวฺจ ปน วตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สตฺตา นาม วฏฺเฏ วิจรนฺตา นิจฺจกาลํ อปฺปมตฺตา หุตฺวา ปฺุกมฺมเมว น กโรนฺติ, ปมาทิโน หุตฺวา ปาปกมฺมมฺปิ กโรนฺติ. ตสฺมา วฏฺเฏ วิจรนฺตา สุขมฺปิ ทุกฺขมฺปิ อนุภวนฺตี’’ติ ธมฺมํ เทเสสิ.
ราชา ‘‘สามาวติยา เคหํ กิร ฌายตี’’ติ สุตฺวา เวเคนาคจฺฉนฺโตปิ อทฑฺเฒ สมฺปาปุณิตุํ นาสกฺขิ. อาคนฺตฺวา ปน เคหํ นิพฺพาเปนฺโต อุปฺปนฺนพลวโทมนสฺโส อมจฺจคณปริวุโต นิสีทิตฺวา สามาวติยา คุเณ อนุสฺสรนฺโต, ‘‘กสฺส นุ โข อิทํ กมฺม’’นฺติ จินฺเตตฺวา – ‘‘มาคณฺฑิยาย การิตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา, ‘‘ตาเสตฺวา ปุจฺฉิยมานา น กเถสฺสติ, สณิกํ อุปาเยน ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อมจฺเจ ¶ อาห – ‘‘อมฺโภ, อหํ อิโต ปุพฺเพ อุฏฺาย สมุฏฺาย อาสงฺกิตปริสงฺกิโตว โหมิ, สามาวตี เม นิจฺจํ โอตารเมว คเวสติ, อิทานิ ปน เม จิตฺตํ นิพฺพุตํ ภวิสฺสติ, สุเขน จ วสิตุํ ลภิสฺสามี’’ติ, เต ‘‘เกน นุ โข, เทว, อิทํ กต’’นฺติ อาหํสุ. ‘‘มยิ สิเนเหน เกนจิ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ. มาคณฺฑิยาปิ สมีเป ิตา ตํ สุตฺวา, ‘‘นาฺโ โกจิ กาตุํ สกฺขิสฺสติ, มยา กตํ, เทว, อหํ จูฬปิตรํ อาณาเปตฺวา กาเรสิ’’นฺติ อาห. ‘‘ตํ เปตฺวา อฺโ มยิ สิเนโห สตฺโต นาม นตฺถิ, ปสนฺโนสฺมิ, วรํ เต ทมฺมิ, อตฺตโน าติคณํ ปกฺโกสาเปหี’’ติ. สา าตกานํ สาสนํ ปหิณิ – ‘‘ราชา เม ปสนฺโน วรํ เทติ, สีฆํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ. ราชา อาคตาคตานํ มหนฺตํ สกฺการํ กาเรสิ. ตํ ทิสฺวา ตสฺสา อฺาตกาปิ ลฺชํ ทตฺวา ‘‘มยํ มาคณฺฑิยาย าตกา’’ติ อาคจฺฉึสุ. ราชา เต สพฺเพ คาหาเปตฺวา ราชงฺคเณ นาภิปฺปมาเณ อาวาเฏ ขณาเปตฺวา เต ตตฺถ นิสีทาเปตฺวา ปํสูหิ ปูเรตฺวา อุปริ ปลาเล วิกิราเปตฺวา อคฺคึ ทาเปสิ. จมฺมสฺส ทฑฺฒกาเล อยนงฺคเลน ¶ กสาเปตฺวา ขณฺฑาขณฺฑํ หีราหีรํ กาเรสิ. มาคณฺฑิยาย ¶ สรีรโตปิ ติขิเณน ¶ สตฺเถน ฆนฆนฏฺาเนสุ มํสํ อุปฺปาเฏตฺวา เตลกปาลํ อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา ปูเว วิย ปจาเปตฺวา ตเมว ขาทาเปสิ.
ธมฺมสภายมฺปิ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อนนุจฺฉวิกํ วต, อาวุโส, เอวรูปาย สทฺธาย ปสนฺนาย อุปาสิกาย เอวรูปํ มรณ’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเว สามาวติปฺปมุขานํ อิตฺถีนํ เอตํ อยุตฺตํ สมฺปตฺตํ. ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส ปน ยุตฺตเมว เอตาหิ ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘กึ, ภนฺเต, เอตาหิ ปุพฺเพ กตํ, ตํ อาจิกฺขถา’’ติ เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ราชเคเห นิพทฺธํ อฏฺ ปจฺเจกพุทฺธา ภฺุชนฺติ. ปฺจสตา อิตฺถิโย เต อุปฏฺหนฺติ. เตสุ สตฺต ปจฺเจกพุทฺธา หิมวนฺตํ คจฺฉนฺติ, เอโก นทีตีเร เอกํ ติณคหนํ อตฺถิ, ตตฺถ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. อเถกทิวสํ ราชา ปจฺเจกพุทฺเธสุ คเตสุ ตา อิตฺถิโย อาทาย นทิยํ อุทกกีฬํ ¶ กีฬิตุํ คโต. ตตฺถ ตา อิตฺถิโย ทิวสภาคํ อุทเก กีฬิตฺวา อุตฺตริตฺวา สีตปีฬิตา อคฺคึ วิสิพฺเพตุกามา ‘‘อมฺหากํ อคฺคิกรณฏฺานํ โอโลเกถา’’ติ อปราปรํ วิจรนฺติโย ตํ ติณคหนํ ทิสฺวา, ‘‘ติณราสี’’ติ สฺาย ตํ ปริวาเรตฺวา ิตา อคฺคึ อทํสุ. ติเณสุ ฌายิตฺวา ปตนฺเตสุ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา, ‘‘นฏฺามฺหา, อมฺหากํ รฺโ ปจฺเจกพุทฺโธ ฌายติ, ราชา ตฺวา อมฺเห นาเสสฺสติ, สุทฑฺฒํ นํ กริสฺสามา’’ติ สพฺพา ตา อิตฺถิโย อิโต จิโต จ ทารูนิ อาหริตฺวา ตสฺส อุปริ ทารุราสึ กรึสุ. มหาทารุราสิ อโหสิ. อถ นํ อาลิมฺเปตฺวา, ‘‘อิทานิ ฌายิสฺสตี’’ติ ปกฺกมึสุ. ตา ปมํ อสฺเจตนิกา หุตฺวา กมฺมุนา น พชฺฌึสุ, อิทานิ ปจฺฉา สฺเจตนาย กมฺมุนา พชฺฌึสุ. ปจฺเจกพุทฺธํ ปน อนฺโตสมาปตฺติยํ สกฏสหสฺเสหิ ทารูนิ อาหริตฺวา อาลิมฺเปนฺตาปิ อุสฺมาการมตฺตมฺปิ คเหตุํ น สกฺโกนฺติ. ตสฺมา โส สตฺตเม ทิวเส อุฏฺาย ยถาสุขํ อคมาสิ. ตา ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต อิมินาว นิยาเมน เคเห ฌายมาเน ฌายึสุ. อิทํ เอตาสํ ปุพฺพกมฺมนฺติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต ภิกฺขู สตฺถารํ ปฏิปุจฺฉึสุ – ‘‘ขุชฺชุตฺตรา ปน, ภนฺเต, เกน กมฺเมน ขุชฺชา ชาตา, เกน กมฺเมน มหาปฺา, เกน กมฺเมน โสตาปตฺติผลํ อธิคตา, เกน กมฺเมน ปเรสํ เปสนการิตา ¶ ชาตา’’ติ? ภิกฺขเว, ตสฺเสว รฺโ พาราณสิยํ รชฺชํ กรณกาเล สฺเวว ¶ ปจฺเจกพุทฺโธ โถกํ ขุชฺชธาตุโก อโหสิ. อเถกา อุปฏฺายิกา อิตฺถี กมฺพลํ ปารุปิตฺวา สุวณฺณสรณํ คเหตฺวา, ‘‘อมฺหากํ ปจฺเจกพุทฺโธ เอวฺจ เอวฺจ วิจรตี’’ติ ขุชฺชา หุตฺวา ตสฺส วิจรณาการํ ทสฺเสสิ. ตสฺส นิสฺสนฺเทน ขุชฺชา ชาตา. เต ปน ปจฺเจกพุทฺเธ ปมทิวเส ราชเคเห นิสีทาเปตฺวา ปตฺเต คาหาเปตฺวา ปายาสสฺส ปูเรตฺวา ทาเปสิ. อุณฺหปายาสสฺส ปูเร ปตฺเต ปจฺเจกพุทฺธา ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา คณฺหนฺติ. สา อิตฺถี เต ตถา กโรนฺเต ทิสฺวา อตฺตโน สนฺตกานิ อฏฺ ทนฺตวลยานิ ทตฺวา, ‘‘อิธ เปตฺวา คณฺหถา’’ติ อาห. เตสุ ตถา กตฺวา ตํ โอโลเกตฺวา ิเตสุ เตสํ อธิปฺปายํ ตฺวา, ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, อมฺหากํ เอเตหิ อตฺโถ. ตุมฺหากฺเว เอตานิ ปริจฺจตฺตานิ, คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาห. เต คเหตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมํสุ. อชฺชตนาปิ ตานิ วลยานิ อโรคาเนว. สา ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อิทานิ ติปิฏกธรา มหาปฺา ชาตา. ปจฺเจกพุทฺธานํ กตอุปฏฺานสฺส นิสฺสนฺเทน ปน โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา. อิทมสฺสา พุทฺธนฺตเร ปุพฺพกมฺมํ.
กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปน เอกา พาราณสิเสฏฺิโน ธีตา วฑฺฒมานกจฺฉายาย อาทาสํ คเหตฺวา อตฺตานํ อลงฺกโรนฺตี นิสีทิ. อถสฺสา วิสฺสาสิกา เอกา ขีณาสวา ¶ ภิกฺขุนี ตํ ทฏฺุํ อคมาสิ. ภิกฺขุนิโย หิ ขีณาสวาปิ สายนฺหสมเย อุปฏฺากกุลานิ ทฏฺุกามา โหนฺติ. ตสฺมึ ปน ขเณ เสฏฺิธีตาย สนฺติเก กาจิ เปสนการิกา นตฺถิ, สา ‘‘วนฺทามิ, อยฺเย, เอตํ ตาว เม ปสาธนเปฬกํ คเหตฺวา เทถา’’ติ อาห. เถรี จินฺเตสิ – ‘‘สจสฺสา อิมํ คณฺหิตฺวา น ทสฺสามิ, มยิ อาฆาตํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ. สเจ ปน ทสฺสามิ, ปรสฺส เปสนการิกา หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสติ. นิรยสนฺตาปโต โข ปน ปรสฺส เปสนภาโวว เสยฺโย’’ติ. ‘‘สา อนุทยํ ปฏิจฺจ ตํ คเหตฺวา ตสฺสา อทาสิ. ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ปเรสํ เปสนการิกา ชาตา’’ติ.
อถ ¶ ปุเนกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘สามาวติปฺปมุขา ปฺจสตา อิตฺถิโย เคเห อคฺคินา ฌายึสุ, มาคณฺฑิยาย าตกา อุปริ ปลาลคฺคึ ทตฺวา อยนงฺคเลหิ ภินฺนา, มาคณฺฑิยา ปกฺกุถิตเตเล ปกฺกา, เก นุ โข เอตฺถ ชีวนฺติ นาม, เก มตา นามา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, เย เกจิ ปมตฺตา, เต วสฺสสตํ ชีวนฺตาปิ มตาเยว นาม. เย อปฺปมตฺตา, เต มตาปิ ชีวนฺติเยว. ตสฺมา มาคณฺฑิยา ชีวนฺตีปิ มตาเยว นาม, สามาวติปฺปมุขา ปฺจสตา อิตฺถิโย มตาปิ ชีวนฺติเยว นาม. น หิ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา มรนฺติ นามา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อปฺปมาโท ¶ ¶ อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ;
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ, เย ปมตฺตา ยถา มตา.
‘‘เอวํ วิเสสโต ตฺวา, อปฺปมาทมฺหิ ปณฺฑิตา;
อปฺปมาเท ปโมทนฺติ, อริยานํ โคจเร รตา.
‘‘เต ฌายิโน สาตติกา, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา;
ผุสนฺติ ธีรา นิพฺพานํ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตร’’นฺติ.
ตตฺถ อปฺปมาโทติ ปทํ มหนฺตํ อตฺถํ ทีเปติ, มหนฺตํ อตฺถํ คเหตฺวา ติฏฺติ. สกลมฺปิ หิ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาหริตฺวา กถิยมานํ อปฺปมาทปทเมว โอตรติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ชงฺคลานํ ปาณานํ ปทชาตานิ, สพฺพานิ ตานิ หตฺถิปเท สโมธานํ คจฺฉนฺติ, หตฺถิปทํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ ยทิทํ มหนฺตตฺเตน. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพเต อปฺปมาทมูลกา อปฺปมาทสโมสรณา, อปฺปมาโท เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๔๐).
โส ปเนส อตฺถโต สติยา อวิปฺปวาโส นาม. นิจฺจํ อุปฏฺิตาย สติยา เจตํ นามํ. อมตปทนฺติ อมตํ วุจฺจติ นิพฺพานํ. ตฺหิ อชาตตฺตา นุ ชียติ น มียติ, ตสฺมา อมตนฺติ วุจฺจติ. ปชฺชนฺติ อิมินาติ ปทํ, อมตํ ¶ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. อมตสฺส ปทํ อมตปทํ, อมตสฺส อธิคมูปาโยติ วุตฺตํ โหติ, ปมาโทติ ปมชฺชนภาโว, มุฏฺสฺสติสงฺขาตสฺส สติยา โวสคฺคสฺเสตํ นามํ. มจฺจุโนติ ¶ มรณสฺส. ปทนฺติ อุปาโย มคฺโค. ปมตฺโต หิ ชาตึ นาติวตฺตติ, ชาโต ชียติ เจว มียติ จาติ ปมาโท มจฺจุโน ปทํ นาม โหติ, มรณํ อุเปติ. อปฺปมตฺตา น มียนฺตีติ สติยา สมนฺนาคตา หิ อปฺปมตฺตา น มรนฺติ. อชรา อมรา โหนฺตีติ น สลฺลกฺเขตพฺพํ. น หิ โกจิ สตฺโต อชโร อมโร นาม อตฺถิ, ปมตฺตสฺส ปน วฏฺฏํ นาม อปริจฺฉินฺนํ, อปฺปมตฺตสฺส ปริจฺฉินฺนํ. ตสฺมา ปมตฺตา ชาติอาทีหิ อปริมุตฺตตฺตา ชีวนฺตาปิ มตาเยว นาม. อปฺปมตฺตา ปน อปฺปมาทลกฺขณํ วฑฺเฒตฺวา ขิปฺปํ มคฺคผลานิ สจฺฉิกตฺวา ทุติยตติยอตฺตภาเวสุ น นิพฺพตฺตนฺติ. ตสฺมา เต ชีวนฺตาปิ มตาปิ น มียนฺติเยว นาม. เย ปมตฺตา ยถา มตาติ เย ปน สตฺตา ปมตฺตา, เต ปมาทมรเณน มตตฺตา, ยถา หิ ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉเทน มตา ทารุกฺขนฺธสทิสา อปคตวิฺาณา ¶ , ตเถว โหนฺติ. เตสมฺปิ หิ มตานํ วิย คหฏฺานํ ตาว ‘‘ทานํ ทสฺสาม, สีลํ รกฺขิสฺสาม, อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ เอกจิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชติ, ปพฺพชิตานมฺปิ ‘‘อาจริยุปชฺฌายวตฺตาทีนิ ปูเรสฺสาม, ธุตงฺคานิ สมาทิยิสฺสาม, ภาวนํ วฑฺเฒสฺสามา’’ติ น อุปฺปชฺชตีติ มเตน เต กึ นานากรณาว โหนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เย ปมตฺตา ยถา มตา’’ติ.
เอวํ วิเสสโต ตฺวาติ ปมตฺตสฺส วฏฺฏโต นิสฺสรณํ นตฺถิ, อปฺปมตฺตสฺส อตฺถีติ เอวํ ¶ วิเสสโตว ชานิตฺวา. เก ปเนตํ วิเสสํ ชานนฺตีติ? อปฺปมาทมฺหิ ปณฺฑิตาติ เย ปณฺฑิตา เมธาวิโน สปฺปฺา อตฺตโน อปฺปมาเท ตฺวา อปฺปมาทํ วฑฺเฒนฺติ, เต เอวํ วิเสสการณํ ชานนฺติ. อปฺปมาเท ปโมทนฺตีติ เต เอวํ ตฺวา ตสฺมึ อตฺตโน อปฺปมาเท ปโมทนฺติ, ปหํสิตมุขา ตุฏฺปหฏฺา โหนฺติ. อริยานํ โคจเร รตาติ เต เอวํ อปฺปมาเท ปโมทนฺตา ตํ อปฺปมาทํ วฑฺเฒตฺวา อริยานํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ โคจรสงฺขาเต จตุสติปฏฺานาทิเภเท สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม นววิธโลกุตฺตรธมฺเม จ รตา นิรตา, อภิรตา โหนฺตีติ อตฺโถ.
เต ¶ ฌายิโนติ เต อปฺปมตฺตา ปณฺฑิตา อฏฺสมาปตฺติสงฺขาเตน อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน วิปสฺสนามคฺคผลสงฺขาเตน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จาติ ทุวิเธนปิ ฌาเนน ฌายิโน. สาตติกาติ อภินิกฺขมนกาลโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา สตตํ ปวตฺตกายิกเจตสิกวีริยา. นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมาติ ยํ ตํ ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ, น ตํ อปาปุณิตฺวา วีริยสฺส สณฺานํ ภวิสฺสตีติ เอวรูเปน วีริเยน อนฺตรา อโนสกฺกิตฺวา นิจฺจปฺปวตฺเตน ทฬฺหปรกฺกเมน สมนฺนาคตา. ผุสนฺตีติ เอตฺถ ทฺเว ผุสนา าณผุสนา จ, วิปากผุสนา จ. ตตฺถ จตฺตาโร มคฺคา าณผุสนา นาม, จตฺตาริ ผลานิ วิปากผุสนา นาม. เตสุ อิธ วิปากผุสนา อธิปฺเปตา. อริยผเลน นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺโต ¶ ธีรา ปณฺฑิตา ตาย วิปากผุสนาย ผุสนฺติ, นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ. โยคกฺเขมํ อนุตฺตรนฺติ เย จตฺตาโร โยคา มหาชนํ วฏฺเฏ โอสีทาเปนฺติ, เตหิ เขมํ นิพฺภยํ สพฺเพหิ โลกิยโลกุตฺตรธมฺเมหิ เสฏฺตฺตา อนุตฺตรนฺติ.
เทสนาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
สามาวตีวตฺถุ ปมํ.
๒. กุมฺภโฆสกเสฏฺิวตฺถุ
อุฏฺานวโตติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต กุมฺภโฆสกํ อารพฺภ กเถสิ. ราชคหนครสฺมิฺหิ ราชคหเสฏฺิโน เคเห อหิวาตโรโค อุปฺปชฺชิ, ตสฺมึ อุปฺปนฺเน มกฺขิกา อาทึ กตฺวา ยาว คาวา ปมํ ติรจฺฉานคตา มรนฺติ, ตโต ทาสกมฺมกโร, สพฺพปจฺฉา เคหสามิกา, ตสฺมา โส โรโค สพฺพปจฺฉา เสฏฺิฺจ ชายฺจ คณฺหิ. เต โรเคน ผุฏฺา ปุตฺตํ สนฺติเก ิตํ โอโลเกตฺวา อสฺสุปุณฺเณหิ เนตฺเตหิ ตํ อาหํสุ – ‘‘ตาต, อิมสฺมึ กิร โรเค อุปฺปนฺเน ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวา ปลายนฺตาว ชีวิตํ ลภนฺติ, ตฺวํ อมฺเห อโนโลเกตฺวา ปลายิตฺวา ชีวนฺโต ปุนาคนฺตฺวา อมฺหากํ อสุกฏฺาเน นาม จตฺตาลีส ธนโกฏิโย ¶ นิทหิตฺวา ปิตา, ตา อุทฺธริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปยฺยาสี’’ติ. โส ¶ เตสํ วจนํ สุตฺวา รุทมาโน มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา มรณภยภีโต ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวา ปลายิตฺวา ปพฺพตคหนํ คนฺตฺวา ทฺวาทส วสฺสานิ ตตฺถ วสิตฺวา มาตาปิตุวสนฏฺานํ ปจฺจาคฺฉิ.
อถ นํ ทหรกาเล คนฺตฺวา ปรูฬฺหเกสมสฺสุกาเล อาคตตฺตา น โกจิ สฺชานิ. โส มาตาปิตูหิ ทินฺนสฺาวเสน ธนฏฺานํ คนฺตฺวา ธนสฺส อโรคภาวํ ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มํ น โกจิ สฺชานาติ, สจาหํ ธนํ อุทฺธริตฺวา วลฺชิสฺสามิ, ‘เอเกน ทุคฺคเตน นิธิ อุทฺธโฏ’ติ มํ คเหตฺวา วิเหเยฺยุํ, ยํนูนาหํ ภตึ กตฺวา ชีเวยฺย’’นฺติ. อเถกํ ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา, ‘‘อตฺถิ โกจิ ภตเกน อตฺถิโก’’ติ ปุจฺฉนฺโต ภตกวีถึ ปาปุณิ. อถ นํ ภตกา ทิสฺวา, ‘‘สเจ อมฺหากํ เอกํ กมฺมํ กริสฺสสิ, ภตฺตเวตนํ เต ทสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘กึ กมฺมํ นามา’’ติ? ‘‘ปโพธนโจทนกมฺมํ. สเจ อุสฺสหสิ, ปาโตว อุฏฺาย ‘ตาตา, อุฏฺหถ, สกฏานิ สนฺนยฺหถ, โคเณ โยเชถ, หตฺถิอสฺสานํ ติณตฺถาย คมนเวลา; อมฺมา, ตุมฺเหปิ อุฏฺหถ, ยาคุํ ปจถ, ภตฺตํ ปจถา’ติ วิจริตฺวา อาโรเจหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. อถสฺส วสนตฺถาย เอกํ ฆรํ อทํสุ. โส เทวสิกํ ตํ กมฺมํ อกาสิ.
อถสฺส เอกทิวสํ ราชา พิมฺพิสาโร สทฺทมสฺโสสิ. โส ปน สพฺพรวฺู อโหสิ. ตสฺมา ‘‘มหาธนสฺส ปุริสสฺเสส สทฺโท’’ติ อาห. อถสฺส สนฺติเก ิตา เอกา ปริจาริกา ‘‘ราชา ยํ วา ¶ ตํ วา น กเถสฺสติ, อิทํ มยา าตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘คจฺฉ, ตาต, เอตํ ชานาหี’’ติ เอกํ ปุริสํ ปหิณิ. โส เวเคน คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา, ‘‘เอโก ภตกานํ ภติการโก กปณมนุสฺโส เอโส’’ติ อาโรเจสิ. ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุณฺหี หุตฺวา ทุติยทิวเสปิ ตติยทิวเสปิ ตํ ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ตเถว อาห. สาปิ ปริจาริกา ¶ ตเถว จินฺเตตฺวา ปุนปฺปุนํ เปเสตฺวา, ‘‘กปณมนุสฺโส เอโส’’ติ วุตฺเต จินฺเตสิ – ‘‘ราชา ‘กปณมนุสฺโส เอโส’ติ วจนํ สุตฺวาปิ น สทฺทหติ, ปุนปฺปุนํ ‘มหาธนสฺส ปุริสสฺเสส สทฺโท’ติ วทติ, ภวิตพฺพเมตฺถ การเณน, ยถาสภาวโต เอตํ าตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา ราชานํ อาห, ‘‘เทว ¶ , อหํ สหสฺสํ ลภมานา ธีตรํ อาทาย คนฺตฺวา เอตํ ธนํ ราชกุลํ ปเวเสสฺสามี’’ติ. ราชา ตสฺสา สหสฺสํ ทาเปสิ.
สา ตํ คเหตฺวา ธีตรํ เอกํ มลินธาตุกํ วตฺถํ นิวาสาเปตฺวา ตาย สทฺธึ ราชเคหโต นิกฺขมิตฺวา มคฺคปฏิปนฺนา วิย ภตกวีถึ คนฺตฺวา เอกํ ฆรํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺม, มยํ มคฺคปฏิปนฺนา, เอกาหทฺวีหํ อิธ วิสฺสมิตฺวา คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘อมฺม, พหูนิ ฆรมานุสกานิ, น สกฺกา อิธ วสิตุํ, เอตํ กุมฺภโฆสกสฺส เคหํ ตุจฺฉํ, ตตฺถ คจฺฉถา’’ติ. สา ตตฺถ คนฺตฺวา, ‘‘สามิ, มยํ มคฺคปฏิปนฺนกา, เอกาหทฺวีหํ อิธ วสิสฺสามา’’ติ วตฺวา เตน ปุนปฺปุนํ ปฏิกฺขิตฺตาปิ, ‘‘สามิ, อชฺเชกทิวสมตฺตํ วสิตฺวา ปาโตว คมิสฺสามา’’ติ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉิ. สา ตตฺเถว วสิตฺวา ปุนทิวเส ตสฺส อรฺคมนเวลาย, ‘‘สามิ, ตว นิวาปํ ทตฺวา ยาหิ ¶ , อาหารํ เต ปจิสฺสามี’’ติ วตฺวา, ‘‘อลํ, อมฺม, อหเมว ปจิตฺวา ภฺุชิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ปุนปฺปุนํ นิพนฺธิตฺวา เตน ทินฺเน คหิตมตฺตเกเยว กตฺวา อนฺตราปณโต ภาชนานิ เจว ปริสุทฺธตณฺฑุลาทีนิ จ อาหราเปตฺวา ราชกุเล ปจนนิยาเมน สุปริสุทฺธํ โอทนํ, สาธุรสานิ จ ทฺเว ตีณิ สูปพฺยฺชนานิ ปจิตฺวา ตสฺส อรฺโต อาคตสฺส อทาสิ. อถ นํ ภฺุชิตฺวา มุทุจิตฺตตํ อาปนฺนํ ตฺวา, ‘‘สามิ, กิลนฺตมฺห, เอกาหทฺวีหํ อิเธว โหมา’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
อถสฺส สายมฺปิ ปุนทิวเสปิ มธุรภตฺตํ ปจิตฺวา อทาสิ. อถ มุทุจิตฺตตํ ตสฺส ตฺวา ‘‘สามิ, กติปาหํ อิเธว วสิสฺสามา’’ติ. ตตฺถ วสมานา ติขิเณน สตฺเถน ตสฺส มฺจวาณํ เหฏฺาอฏนิยํ ตหํ ตหํ ฉินฺทิ. มฺโจ ตสฺมึ อาคนฺตฺวา นิสินฺนมตฺเตเยว เหฏฺา โอลมฺพิ. โส ‘‘กสฺมา อยํ มฺโจ เอวํ ฉิชฺชิตฺวา คโต’’ติ อาห. ‘‘สามิ, ทหรทารเก วาเรตุํ น สกฺโกมิ, เอตฺเถว สนฺนิปตนฺตี’’ติ. ‘‘อมฺม, อิทํ เม ทุกฺขํ ตุมฺเห นิสฺสาย ชาตํ. อหฺหิ ปุพฺเพ กตฺถจิ คจฺฉนฺโต ทฺวารํ ปิทหิตฺวา คจฺฉามี’’ติ. ‘‘กึ กโรมิ, ตาต, วาเรตุํ น สกฺโกมี’’ติ. สา อิมินาว นิยาเมน ทฺเว ตโย ทิวเส ฉินฺทิตฺวา เตน อุชฺฌายิตฺวา ขียิตฺวา วุจฺจมานาปิ ตเถว วตฺวา ปุน เอกํ ทฺเว รชฺชุเก เปตฺวา เสเส ฉินฺทิ. ตํ ทิวสํ ¶ ตสฺมึ นิสินฺนมตฺเตเยว สพฺพํ วาณํ ภูมิยํ ปติ, สีสํ ชณฺณุเกหิ สทฺธึ เอกโต อโหสิ, โส อุฏฺาย, ‘‘กึ กโรมิ, อิทานิ กุหึ คมิสฺสามิ ¶ , นิปชฺชนมฺจสฺสปิ ตุมฺเหหิ อสามิโก ¶ วิย กโตมฺหี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, กึ กโรมิ, ปฏิวิสฺสกทารเก วาเรตุํ น สกฺโกมิ, โหตุ, มา จินฺตยิ, อิมาย นาม เวลาย กุหึ คมิสฺสสี’’ติ ธีตรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, ตว ภาติกสฺส นิปชฺชโนกาสํ กโรหี’’ติ อาห. สา เอกปสฺเส สยิตฺวา ‘‘อิธาคจฺฉ, สามี’’ติ อาห. อิตโรปิ นํ ‘‘คจฺฉ, ตาต, ภคินิยา สทฺธึ นิปชฺชา’’ติ วเทสิ. โส ตาย สทฺธึ เอกมฺเจ นิปชฺชิตฺวา ตํ ทิวสฺเว สนฺถวํ อกาสิ, กุมาริกา ปโรทิ. อถ นํ มาตา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อมฺม, โรทสี’’ติ? ‘‘อมฺม, อิทํ นาม ชาต’’นฺติ. ‘‘โหตุ, อมฺม, กึ สกฺกา กาตุํ, ตยาปิ เอกํ ภตฺตารํ อิมินาเปกํ ปาทปริจาริกํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ตํ ชามาตรํ อกาสิ. เต สมคฺควาสํ วสึสุ.
สา กติปาหจฺจเยน รฺโ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘ภตกวีถิยํ ฉณํ กโรนฺตุ. ยสฺส ปน ฆเร ฉโณ น กรียติ, ตสฺส เอตฺตโก นาม ทณฺโฑติ โฆสนํ กาเรตู’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. อถ นํ สสฺสุ อาห – ‘‘ตาต, ภตกวีถิยํ ราชาณาย ฉโณ กตฺตพฺโพ ชาโต, กึ กโรมา’’ติ? ‘‘อมฺม, อหํ ภตึ กโรนฺโตปิ ชีวิตุํ น สกฺโกมิ, กึ กริสฺสามี’’ติ? ‘‘ตาต, ฆราวาสํ วสนฺตา นาม อิณมฺปิ คณฺหนฺติ, รฺโ ¶ อาณา อกาตุํ น ลพฺภา. อิณโต นาม เยน เกนจิ อุปาเยน มุจฺจิตุํ สกฺกา, คจฺฉ, กุโตจิ เอกํ วา ทฺเว วา กหาปเณ อาหรา’’ติ อาห. โส อุชฺฌายนฺโต ขียนฺโต คนฺตฺวา จตฺตาลีสโกฏิธนฏฺานโต เอกเมว กหาปณํ อาหริ. สา ตํ กหาปณํ รฺโ เปเสตฺวา อตฺตโน กหาปเณน ฉณํ กตฺวา ปุน กติปาหจฺจเยน ตเถว สาสนํ ปหิณิ. ปุน ราชา ตเถว ‘‘ฉณํ กโรนฺตุ, อกโรนฺตานํ เอตฺตโก ทณฺโฑ’’ติ อาณาเปสิ. ปุนปิ โส ตาย ตเถว วตฺวา นิปฺปีฬิยมาโน คนฺตฺวา ตโย กหาปเณ อาหริ. สา เตปิ กหาปเณ รฺโ เปเสตฺวา ปุน กติปาหจฺจเยน ตเถว สาสนํ ปหิณิ – ‘‘อิทานิ ปุริเส เปเสตฺวา อิมํ ปกฺโกสาเปตู’’ติ. ราชา เปเสสิ. ปุริสา คนฺตฺวา, ‘‘กุมฺภโฆสโก นาม กตโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปริเยสนฺตา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ, โภ ราชา, ตํ ปกฺโกสตี’’ติ อาหํสุ. โส ภีโต ‘‘น มํ ราชา ชานาตี’’ติอาทีนิ วตฺวา คนฺตุํ น อิจฺฉิ. อถ นํ พลกฺกาเรน หตฺถาทีสุ คเหตฺวา ¶ อากฑฺฒึสุ. สา อิตฺถี เต ทิสฺวา, ‘‘อเร, ทุพฺพินีตา, ตุมฺเห มม ชามาตรํ หตฺถาทีสุ คเหตุํ อนนุจฺฉวิกา’’ติ ตชฺเชตฺวา, ‘‘เอหิ, ตาต, มา ภายิ, ราชานํ ทิสฺวา ตว หตฺถาทิคาหกานํ หตฺเถเยว ฉินฺทาเปสฺสามี’’ติ ธีตรํ อาทาย ปุรโต หุตฺวา ราชเคหํ ปตฺวา เวสํ ปริวตฺเตตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อิตรมฺปิ ปริกฑฺฒิตฺวา อานยึสุเยว.
อถ นํ วนฺทิตฺวา ิตํ ราชา อาห – ‘‘ตฺวํ กุมฺภโฆสโก นามา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ ¶ . ‘‘กึ การณา มหาธนํ วฺเจตฺวา ขาทสี’’ติ ¶ ? ‘‘กุโต เม, เทว, ธนํ ภตึ กตฺวา ชีวนฺตสฺสา’’ติ? ‘‘มา เอวํ กริ, กึ อมฺเห วฺเจสี’’ติ? ‘‘น วฺเจมิ, เทว, นตฺถิ เม ธน’’นฺติ. อถสฺส ราชา เต กหาปเณ ทสฺเสตฺวา, ‘‘อิเม กสฺส กหาปณา’’ติ อาห. โส สฺชานิตฺวา, ‘‘อโห พาโลมฺหิ, กถํ นุ โข อิเม รฺโ หตฺถํ ปตฺตา’’ติ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ตา ทฺเวปิ ปฏิมณฺฑิตปสาธนา คพฺภทฺวารมูเล ิตา ทิสฺวา, ‘‘ภาริยํ วติทํ กมฺมํ, อิมาหิ รฺา ปโยชิตาหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตสิ. อถ นํ ราชา ‘‘วเทหิ, โภ, กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ อาห. ‘‘นิสฺสโย เม นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘มาทิโส นิสฺสโย ภวิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘กลฺยาณํ, เทว, สเจ เม เทโว อวสฺสโย โหตี’’ติ. ‘‘โหมิ, โภ, กิตฺตกํ เต ธน’’นฺติ? ‘‘จตฺตาลีสโกฏิโย, เทวา’’ติ. ‘‘กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สกฏานิ เทวา’’ติ? ราชา อเนกสตานิ สกฏานิ โยชาเปตฺวา ปหิณิตฺวา ตํ ธนํ อาหราเปตฺวา ราชงฺคเณ ราสึ การาเปตฺวา ราชคหวาสิโน สนฺนิปาตาเปตฺวา, ‘‘อตฺถิ กสฺสจิ อิมสฺมึ นคเร ‘‘เอตฺตกํ ธน’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ ปนสฺส กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สกฺการํ, เทวา’’ติ วุตฺเต มหนฺเตน สกฺกาเรน ตํ เสฏฺิฏฺาเน เปตฺวา ธีตรํ ตสฺเสว ทตฺวา เตน สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปสฺสถิมํ ปุริสํ, เอวรูโป ธิติมา นาม นตฺถิ, จตฺตาลีสโกฏิวิภโว โหนฺโตปิ อุปฺปิลาวิตาการํ วา อสฺมิมานมตฺตํ วา น กโรติ, กปโณ วิย ปิโลติกํ ¶ นิวาเสตฺวา ภตกวีถิยํ ภตึ กตฺวา ชีวนฺโต มยา อิมินา นาม อุปาเยน าโต. ชานิตฺวา จ ปน ปกฺโกสาเปตฺวา สธนภาวํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา ตํ ธนํ อาหราเปตฺวา ¶ เสฏฺิฏฺาเน ปิโต, ธีตา จสฺส มยา ทินฺนา. ภนฺเต, มยา จ เอวรูโป ธิติมา น ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ อาห.
ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘เอวํ ชีวนฺตสฺส ชีวิกํ ธมฺมิกชีวิกํ นาม, มหาราช, โจริกาทิกมฺมํ ปน อิธโลเก เจว ปีเฬติ หึเสติ, ปรโลเก จ, ตโตนิทานํ สุขํ นาม นตฺถิ. ปุริสสฺส หิ ธนปาริชฺุกาเล กสึ วา ภตึ วา กตฺวา ชีวิกเมว ธมฺมิกชีวิกํ นาม. เอวรูปสฺส หิ วีริยสมฺปนฺนสฺส สติสมฺปนฺนสฺส กายวาจาหิ ปริสุทฺธกมฺมสฺส ปฺาย นิสมฺมการิโน กายาทีหิ สฺตสฺส ธมฺมชีวิกํ ชีวนฺตสฺส สติอวิปฺปวาเส ิตสฺส อิสฺสริยํ วฑฺฒติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุฏฺานวโต สตีมโต,
สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน;
สฺตสฺส ¶ ธมฺมชีวิโน,
อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒตี’’ติ.
ตตฺถ อุฏฺานวโตติ อุฏฺานวีริยวนฺตสฺส. สติมโตติ สติสมฺปนฺนสฺส. สุจิกมฺมสฺสาติ นิทฺโทเสหิ นิรปราเธหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตสฺส. นิสมฺมการิโนติ เอวฺเจ ภวิสฺสติ, เอวํ กริสฺสามีติ วา, อิมสฺมึ กมฺเม เอวํ กเต อิทํ นาม ภวิสฺสตีติ วา เอวํ นิทานํ สลฺลกฺเขตฺวา โรคติกิจฺฉนํ ¶ วิย สพฺพกมฺมานิ นิสาเมตฺวา อุปธาเรตฺวา กโรนฺตสฺส. สฺตสฺสาติ กายาทีหิ สฺตสฺส นิจฺฉิทฺทสฺส. ธมฺมชีวิโนติ อคาริกสฺส ตุลากูฏาทีนิ วชฺเชตฺวา กสิโครกฺขาทีหิ, อนคาริกสฺส เวชฺชกมฺมทูตกมฺมาทีนิ วชฺเชตฺวา ธมฺเมน สเมน ภิกฺขาจริยาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส. อปฺปมตฺตสฺสาติ อวิปฺปวุตฺถสติโน. ยโสภิวฑฺฒตีติ อิสฺสริยโภคสมฺปนฺนสงฺขาโต เจว กิตฺติวณฺณภณนสงฺขาโต จ ยโส อภิวฑฺฒตีติ.
คาถาปริโยสาเน กุมฺภโฆสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. เอวํ มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
กุมฺภโฆสกเสฏฺิวตฺถุ ทุติยํ.
๓. จูฬปนฺถกตฺเถรวตฺถุ
อุฏฺาเนนปฺปมาเทนาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต จูฬปนฺถกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ราชคเห กิร ธนเสฏฺิกุลสฺส ธีตา วยปฺปตฺตกาเล มาตาปิตูหิ สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตเล อติวิย รกฺขิยมานา โยพฺพนมทมตฺตตาย ปุริสโลลา หุตฺวา อตฺตโน ¶ ทาเสเนว สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา, ‘‘อฺเปิ เม อิทํ กมฺมํ ชาเนยฺยุ’’นฺติ ภีตา เอวมาห – ‘‘อมฺเหหิ อิมสฺมึ าเน น สกฺกา วสิตุํ. สเจ เม มาตาปิตโร อิมํ โทสํ ชานิสฺสนฺติ, ขณฺฑาขณฺฑิกํ มํ กริสฺสนฺติ. วิเทสํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ. เต หตฺถสารํ คเหตฺวา อคฺคทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา, ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา อฺเหิ อชานนฏฺานํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ อุโภปิ อคมํสุ. เตสํ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ สํวาสมนฺวาย ตสฺสา กุจฺฉิสฺมึ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา คพฺภปริปากํ อาคมฺม เตน สทฺธึ มนฺเตสิ, ‘‘คพฺโภ เม ปริปากํ คโต, าติพนฺธุวิรหิเต ¶ าเน คพฺภวุฏฺานํ นาม อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ ทุกฺขาวหํ, กุลเคหเมว คจฺฉามา’’ติ. โส ‘‘สจาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, ชีวิตํ เม นตฺถี’’ติ ภเยน ‘‘อชฺช คจฺฉาม, สฺเว คจฺฉามา’’ติ ทิวเส อติกฺกาเมสิ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พาโล อตฺตโน โทสมหนฺตตาย คนฺตุํ น อุสฺสหติ, มาตาปิตโร นาม เอกนฺตหิตาว, อยํ คจฺฉตุ วา, มา วา, อหํ คมิสฺสามี’’ติ. สา ตสฺมึ เคหา นิกฺขนฺเต เคหปริกฺขารํ ปฏิสาเมตฺวา อตฺตโน กุลฆรํ คตภาวํ อนนฺตรเคหวาสีนํ อาโรเจตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
โสปิ ฆรํ อาคนฺตฺวา ตํ อทิสฺวา ปฏิวิสฺสเก ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘สา กุลฆรํ คตา’’ติ สุตฺวา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา อนฺตรามคฺเค สมฺปาปุณิ. ตสฺสาปิ ตตฺเถว คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. โส ‘‘กึ อิทํ, ภทฺเท’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, เม เอโก ปุตฺโต ชาโต’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสามา’’ติ? ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ กุลฆรํ คจฺเฉยฺยาม, ตํ กมฺมํ อนฺตรามคฺเคว นิปฺผนฺนํ, ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสาม, นิวตฺติสฺสามา’’ติ ทฺเวปิ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิวตฺตึสุ. ตสฺส จ ทารกสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ปนฺถโกติ นามํ กรึสุ. ตสฺสา นจิรสฺเสว อปโรปิ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สพฺพํ ¶ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. ตสฺสปิ ทารกสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ปมชาตสฺส มหาปนฺถโกติ นามํ กตฺวา อิตรสฺส จูฬปนฺถโกติ นามํ กรึสุ. เต ทฺเวปิ ทารเก คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. เตสํ ตตฺถ วสนฺตานํ มหาปนฺถกทารโก อฺเ ทารเก ‘‘จูฬปิตา มหาปิตาติ, อยฺยโก อยฺยิกา’’ติ จ วทนฺเต สุตฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, อฺเ ทารกา ‘อยฺยโก อยฺยิกา’ติปิ, ‘มหาปิตา จูฬปิตา’ติปิ วทนฺติ, กจฺจิ อมฺหากฺเว าตกา นตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, ตาต, อมฺหากํ เอตฺถ าตกา นตฺถิ. ราชคหนคเร ปน โว ธนเสฏฺิ นาม อยฺยโก, ตตฺถ อมฺหากํ พหู าตกา’’ติ. ‘‘กสฺมา ตตฺถ น คจฺฉถ, อมฺมา’’ติ? สา อตฺตโน อคมนการณํ ปุตฺตสฺส อกเถตฺวา ปุตฺเตสุ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตสุ สามิกํ อาห – ‘‘อิเม ทารกา ¶ มํ อติวิย กิลเมนฺติ, กึ โน มาตาปิตโร ทิสฺวา มํสํ ขาทิสฺสนฺติ, เอหิ, ทารกานํ อยฺยกกุลํ ทสฺเสสฺสามา’’ติ? ‘‘อหํ สมฺมุขา ภวิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เต ปน นยิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ เยน เกนจิ อุปาเยน ทารกานํ อยฺยกกุลเมว ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ. ทฺเวปิ ชนา ทารเก อาทาย อนุปุพฺเพน ราชคหํ ปตฺวา นครทฺวาเร เอกิสฺสา สาลาย ปวิสิตฺวา ทารกมาตา ทฺเว ทารเก คเหตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ มาตาปิตูนํ อาโรจาเปสิ. เต ตํ สาสนํ สุตฺวา, ‘‘สํสาเร วิจรนฺตานํ น ปุตฺโต น ธีตา ภูตปุพฺพา นาม นตฺถิ, เต อมฺหากํ มหาปราธิกา, น สกฺกา เตหิ อมฺหากํ จกฺขุปเถ าตุํ, เอตฺตกํ นาม ธนํ คเหตฺวา ทฺเวปิ ชนา ผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา ชีวนฺตุ, ทารเก ปน อิธ เปเสนฺตู’’ติ ธนํ ทตฺวา ทูตํ ปาเหสุํ.
เตหิ ¶ เปสิตํ ธนํ คเหตฺวา ทารเก อาคตทูตานฺเว หตฺเถ ทตฺวา ปหิณึสุ. ทารกา อยฺยกกุเล วฑฺฒนฺติ. เตสุ จูฬปนฺถโก อติทหโร, มหาปนฺถโก ปน อยฺยเกน สทฺธึ ทสพลสฺส ธมฺมกถํ โสตุํ คจฺฉติ. ตสฺส นิจฺจํ สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺตสฺส ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. โส อยฺยกํ อาห – ‘‘สเจ มํ อนุชาเนยฺยาถ, อหํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ ¶ . ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, สกลสฺส โลกสฺสปิ เม ปพฺพชฺชาโต ตว ปพฺพชฺชา ภทฺทิกา. สเจ สกฺโกสิ ปพฺพชาหี’’ติ. ตํ ¶ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘กึ, คหปติ, ทารโก เต ลทฺโธ’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภนฺเต, อยํ เม นตฺตา ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชิตุกาโม’’ติ อาห. สตฺถา อฺตรํ ปิณฺฑปาตจาริกํ ภิกฺขุํ ‘‘อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติ อาณาเปสิ. เถโร ตสฺส ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส พหุํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริปุณฺณวสฺโส อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา โยนิโสมนสิกาเรน กมฺมฏฺานํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส ฌานสุเขน ผลสุเขน วีตินาเมนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สกฺกา นุ โข อิทํ สุขํ จูฬปนฺถกสฺส ทาตุ’’นฺติ! ตโต อยฺยกเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘มหาเสฏฺิ, สเจ อนุชาเนยฺยาถ, อหํ จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชยฺย’’นฺติ. ‘‘ปพฺพาเชถ, ภนฺเต’’ติ. เสฏฺิ กิร สาสเน จ สุปฺปสนฺโน, ‘‘กตรธีตาย โว เอเต ปุตฺตา’’ติ ปุจฺฉิยมาโน จ ‘‘ปลาตธีตายา’’ติ วตฺตุํ ลชฺชติ, ตสฺมา สุเขเนว เตสํ ปพฺพชฺชํ อนุชานิ. เถโร จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชตฺวา ¶ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. โส ปพฺพชิตฺวาว ทนฺโธ อโหสิ.
‘‘ปทฺมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ,
ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ,
ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๓; อ. นิ. ๕.๑๙๕) –
อิมํ เอกํ คาถํ จตูหิ มาเสหิ อุคฺคณฺหิตุํ นาสกฺขิ. โส กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปพฺพชิตฺวา ปฺวา หุตฺวา อฺตรสฺส ทนฺธภิกฺขุโน อุทฺเทสคฺคหณกาเล ปริหาสเกฬึ อกาสิ. โส ภิกฺขุ เตน ปริหาเสน ลชฺชิโต เนว อุทฺเทสํ คณฺหิ, น สชฺฌายมกาสิ. เตน กมฺเมน อยํ ปพฺพชิตฺวาว ทนฺโธ ชาโต, คหิตคหิตํ ปทํ อุปรูปริปทํ คณฺหนฺตสฺส นสฺสติ. ตสฺส อิมเมว คาถํ อุคฺคเหตุํ วายมนฺตสฺส จตฺตาโร มาสา อติกฺกนฺตา. อถ นํ มหาปนฺถโก, ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ อิมสฺมึ สาสเน อภพฺโพ, จตูหิ มาเสหิ เอกํ คาถมฺปิ คณฺหิตุํ ¶ น สกฺโกสิ, ปพฺพชิตกิจฺจํ ปน กถํ มตฺถกํ ปาเปสฺสสิ, นิกฺขม อิโต’’ติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิ. จูฬปนฺถโก พุทฺธสาสเน สิเนเหน คิหิภาวํ น ปตฺเถติ.
ตสฺมิฺจ กาเล มหาปนฺถโก ภตฺตุทฺเทสโก อโหสิ. ชีวโก โกมารภจฺโจ พหุํ มาลาคนฺธวิเลปนํ อาทาย อตฺตโน อมฺพวนํ ¶ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อุฏฺายาสนา ทสพลํ วนฺทิตฺวา มหาปนฺถกํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘กิตฺตกา ¶ , ภนฺเต, สตฺถุ สนฺติเก ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานี’’ติ. ‘‘สฺเว, ภนฺเต, พุทฺธปฺปมุขานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อาทาย อมฺหากํ นิเวสเน ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. ‘‘อุปาสก, จูฬปนฺถโก นาม ภิกฺขุ ทนฺโธ อวิรุฬฺหิธมฺโม, ตํ เปตฺวา เสสานํ นิมนฺตนํ สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ เถโร อาห. ตํ สุตฺวา จูฬปนฺถโก จินฺเตสิ – ‘‘เถโร เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ นิมนฺตนํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต มํ พาหิรํ กตฺวา สมฺปฏิจฺฉติ, นิสฺสํสยํ มยฺหํ ภาติกสฺส มยิ จิตฺตํ ภินฺนํ ภวิสฺสติ, กึ ทานิ มยฺหํ อิมินา สาสเนน, คิหี หุตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺโต ชีวิสฺสามี’’ติ? โส ปุนทิวเส ปาโตว วิพฺภมิตุํ ปายาสิ.
สตฺถา ปจฺจูสกาเลเยว โลกํ โวโลเกนฺโต อิมํ การณํ ทิสฺวา ปมตรํ คนฺตฺวา จูฬปนฺถกสฺส คมนมคฺเค ทฺวารโกฏฺเก จงฺกมนฺโต อฏฺาสิ. จูฬปนฺถโก คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กุหึ ปน ตฺวํ, จูฬปนฺถก, อิมาย เวลาย คจฺฉสี’’ติ อาห. ‘‘ภาตา มํ, ภนฺเต, นิกฺกฑฺฒติ, เตนาหํ วิพฺภมิตุํ คจฺฉามี’’ติ. ‘‘จูฬปนฺถก, ตว ปพฺพชฺชา นาม มม สนฺตกา, ภาตรา นิกฺกฑฺฒิโต กสฺมา มม สนฺติกํ นาคฺฉิ, เอหิ, กึ เต คิหิภาเวน, มม สนฺติเก ภวิสฺสสี’’ติ จกฺกงฺกิตตเลน ปาณินา ตํ สิรสิ ปรามสิตฺวา อาทาย คนฺตฺวา คนฺธกุฏิปฺปมุเข นิสีทาเปตฺวา, ‘‘จูฬปนฺถก, ปุรตฺถาภิมุโข หุตฺวา อิมํ ปิโลติกํ ‘รโชหรณํ รโชหรณ’นฺติ ปริมชฺชนฺโต อิเธว โหหี’’ติ อิทฺธิยา อภิสงฺขตํ ปริสุทฺธํ ¶ ปิโลติกํ ทตฺวา กาเล อาโรจิเต ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ชีวกสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. จูฬปนฺถโกปิ สูริยํ โอโลเกนฺโต ตํ ปิโลติกํ ‘‘รโชหรณํ รโชหรณ’’นฺติ ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ. ตสฺส ตํ ปิโลติกขณฺฑํ ปริมชฺชนฺตสฺส กิลิฏฺํ อโหสิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ ปิโลติกขณฺฑํ อติวิย ปริสุทฺธํ, อิมํ ปน อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปุริมปกตึ วิชหิตฺวา เอวํ กิลิฏฺํ ชาตํ, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ ขยวยํ ปฏฺเปนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒสิ. สตฺถา ‘‘จูฬปนฺถกสฺส จิตฺตํ วิปสฺสนํ อารุฬฺห’’นฺติ ตฺวา, ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ ปิโลติกขณฺฑเมว สํกิลิฏฺํ ‘รชํ รช’นฺติ ¶ มา สฺํ กริ, อพฺภนฺตเร ปน เต ราครชาทโย อตฺถิ, เต หราหี’’ติ ¶ วตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุรโต นิสินฺโน วิย ปฺายมานรูโป หุตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ,
ราคสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชฺชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว,
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.
‘‘โทโส รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ,
โทสสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว,
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.
‘‘โมโห รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ,
โมหสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว,
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน’’ติ. (มหานิ. ๒๐๙);
คาถาปริโยสาเน ¶ จูฬปนฺถโก สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สห ปฏิสมฺภิทาหิเยวสฺส ตีณิ ปิฏกานิ อาคมึสุ.
โส กิร ปุพฺเพ ราชา หุตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต นลาฏโต เสเท มุจฺจนฺเต ปริสุทฺเธน สาฏเกน นลาฏนฺตํ ปฺุฉิ, สาฏโก กิลิฏฺโ อโหสิ. โส ‘‘อิมํ สรีรํ นิสฺสาย เอวรูโป ปริสุทฺโธ สาฏโก ปกตึ ชหิตฺวา กิลิฏฺโ ชาโต, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. เต การเณนสฺส รโชหรณเมว ปจฺจโย ชาโต.
ชีวโกปิ โข โกมารภจฺโจ ทสพลสฺส ทกฺขิโณทกํ อุปนาเมสิ. สตฺถา ‘‘นนุ, ชีวก, วิหาเร ภิกฺขู อตฺถี’’ติ หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. มหาปนฺถโก ‘‘นนุ, ภนฺเต, วิหาเร ภิกฺขู นตฺถี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อตฺถิ, ชีวกา’’ติ อาห. ชีวโก ‘‘เตน หิ ภเณ คจฺฉ, วิหาเร ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ตฺวฺเว ชานาหี’’ติ ปุริสํ เปเสสิ. ตสฺมึ ¶ ขเณ จูฬปนฺถโก ‘‘มยฺหํ ภาติโก ‘วิหาเร ภิกฺขู นตฺถี’ติ ภณติ ¶ , วิหาเร ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวมสฺส ปกาเสสฺสามี’’ติ สกลํ อมฺพวนํ ภิกฺขูนฺเว ปูเรสิ. เอกจฺเจ ภิกฺขู จีวรกมฺมํ กโรนฺติ, เอกจฺเจ รชนกมฺมํ กโรนฺติ, เอกจฺเจ สชฺฌายํ กโรนฺติ. เอวํ อฺมฺอสทิสํ ภิกฺขุสหสฺสํ มาเปสิ. โส ปุริโส วิหาเร พหู ภิกฺขู ทิสฺวา นิวตฺติตฺวา, ‘‘อยฺย, สกลํ อมฺพวนํ ภิกฺขูหิ ปริปุณฺณ’’นฺติ ชีวกสฺส อาโรเจสิ. เถโรปิ โข ตตฺเถว –
‘‘สหสฺสกฺขตฺตุมตฺตานํ ¶ , นิมฺมินิตฺวาน ปนฺถโก;
นิสีทมฺพวเน รมฺเม, ยาว กาลปฺปเวทนา’’ติ.
อถ สตฺถา ตํ ปุริสํ อาห – ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา ‘สตฺถา จูฬปนฺถกํ นาม ปกฺโกสตี’ติ วเทหี’’ติ. เตน คนฺตฺวา ตถา วุตฺเต, ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก, อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ มุขสหสฺสํ อุฏฺหิ. โส ปุริโส ปุน คนฺตฺวา, ‘‘สพฺเพปิ กิร, ภนฺเต, จูฬปนฺถกาเยว นามา’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา โย ‘อหํ จูฬปนฺถโก’ติ ปมํ วทติ, ตํ หตฺเถ คณฺห, อวเสสา อนฺตรธายิสฺสนฺตี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ตาวเทว สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู อนฺตรธายึสุ. เถโรปิ เตน ปุริเสน สทฺธึ อคมาสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ชีวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘ชีวก, จูฬปนฺถกสฺส ปตฺตํ คณฺหาหิ, อยํ เต อนุโมทนํ กริสฺสตี’’ติ. ชีวโก ตถา อกาสิ. เถโร สีหนาทํ นทนฺโต ตรุณสีโห วิย ตีหิ ปิฏเกหิ สงฺโขเภตฺวา อนุโมทนมกาสิ. สตฺถา อุฏฺายาสนา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขูหิ วตฺเต ทสฺสิเต คนฺธกุฏิปฺปมุเข ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สุคโตวาทํ ทตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อุยฺโยเชตฺวา สุรภิคนฺธวาสิตํ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ อุปคโต. อถ สายนฺหสมเย ภิกฺขู อิโต จิโต จ สโมสริตฺวา รตฺตกมฺพลสาณิยา ปริกฺขิตฺตา วิย ¶ นิสีทิตฺวา สตฺถุ คุณกถํ อารภึสุ, ‘‘อาวุโส, มหาปนฺถโก จูฬปนฺถกสฺส อชฺฌาสยํ อชานนฺโต จตูหิ มาเสหิ เอกํ คาถํ อุคฺคณฺหาเปตุํ น สกฺโกติ, ‘ทนฺโธ อย’นฺติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อตฺตโน อนุตฺตรธมฺมราชตาย เอกสฺมึเยวสฺส อนฺตรภตฺเต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อทาสิ, ตีณิ ปิฏกานิ สห ปฏิสมฺภิทาหิเยว อาคตานิ, อโห พุทฺธานํ พลํ นาม มหนฺต’’นฺติ.
อถ ¶ ภควา ธมฺมสภายํ อิมํ กถาปวตฺตึ ตฺวา, ‘‘อชฺช มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ พุทฺธเสยฺยาย อุฏฺาย สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา วิชฺชุลตํ วิย กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา รตฺตกมฺพลสทิสํ สุคตมหาจีวรํ ปารุปิตฺวา สุรภิคนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม มตฺตวรวารณสีหวิชมฺภิตวิลาเสน ¶ อนนฺตาย พุทฺธลีฬาย ธมฺมสภํ คนฺตฺวา อลงฺกตมณฺฑลมาฬมชฺเฌ สุปฺตฺตวรพุทฺธาสนํ อภิรุยฺห ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺโต อณฺณวกุจฺฉึ โขภยมาโน ยุคนฺธรมตฺถเก พาลสูริโย วิย อาสนมชฺเฌ นิสีทิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปน อาคตมตฺเต ภิกฺขุสงฺโฆ กถํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. สตฺถา มุทุเกน เมตฺตจิตฺเตน ¶ ปริสํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อยํ ปริสา อติวิย โสภติ, เอกสฺสปิ หตฺถกุกฺกุจฺจํ วา ปาทกุกฺกุจฺจํ วา อุกฺกาสิตสทฺโท วา ขิปิตสทฺโท วา นตฺถิ, สพฺเพปิ อิเม พุทฺธคารเวน สคารวา, พุทฺธเตเชน ตชฺชิตา. มยิ อายุกปฺปมฺปิ อกเถตฺวา นิสินฺเน ปมํ กถํ สมุฏฺาเปตฺวา น กเถสฺสนฺติ. กถาสมุฏฺาปนวตฺตํ นาม มยาว ชานิตพฺพํ, อหเมว ปมํ กเถสฺสามี’’ติ มธุเรน พฺรหฺมสฺสเรน ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, จูฬปนฺถโก อิทาเนว ทนฺโธ, ปุพฺเพปิ ทนฺโธเยว. น เกวลฺจสฺสาหํ อิทาเนว อวสฺสโย ชาโต, ปุพฺเพปิ อวสฺสโย อโหสิเมว. ปุพฺเพ ปนาหํ อิมํ โลกิยกุฏุมฺพสฺส สามิกํ อกาสึ, อิทานิ โลกุตฺตรกุฏุมฺพสฺสา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ วิตฺถารโต โสตุกาเมหิ ภิกฺขูหิ อายาจิโต อตีตํ อาหริ –
‘‘อตีเต, ภิกฺขเว, พาราณสินครวาสี เอโก มาณโว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สิปฺปุคฺคหณตฺถาย ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส ธมฺมนฺเตวาสิโก หุตฺวา ปฺจนฺนํ มาณวกสตานํ อนฺตเร อติวิย อาจริยสฺส อุปการโก อโหสิ, ปาทปริกมฺมาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ กโรติ. ทนฺธตาย ปน กิฺจิ อุคฺคณฺหิตุํ น สกฺโก’’ติ. อาจริโย ‘‘อยํ มม พหูปกาโร, สิกฺขาเปสฺสามิ น’’นฺติ วายมนฺโตปิ กิฺจิ สิกฺขาเปตุํ ¶ น สกฺโกติ. โส จิรํ วสิตฺวา เอกคาถมฺปิ อุคฺคณฺหิตุํ อสกฺโกนฺโต อุกฺกณฺิตฺวา ‘‘คมิสฺสามี’’ติ อาจริยํ อาปุจฺฉิ. อาจริโย จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มยฺหํ อุปการโก, ปณฺฑิตภาวมสฺส ปจฺจาสีสามิ, น นํ กาตุํ สกฺโกมิ ¶ , อวสฺสํ มยา อิมสฺส ปจฺจุปกาโร กาตพฺโพ, เอกมสฺส มนฺตํ พนฺธิตฺวา ทสฺสามี’’ติ โส ตํ อรฺํ เนตฺวา ‘‘ฆฏฺเฏสิ ฆฏฺเฏสิ, กึ การณา ฆฏฺเฏสิ? อหมฺปิ ตํ ชานามิ ชานามี’’ติ อิมํ มนฺตํ พนฺธิตฺวา อุคฺคณฺหาเปนฺโต อเนกสตกฺขตฺตุํ ปริวตฺตาเปตฺวา, ‘‘ปฺายติ เต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ปฺายตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ทนฺเธน นาม วายามํ กตฺวา ปคุณํ กตํ สิปฺปํ น ปลายตี’’ติ จินฺเตตฺวา มคฺคปริพฺพยํ ทตฺวา, ‘‘คจฺฉ, อิมํ มนฺตํ นิสฺสาย ชีวิสฺสสิ, อปลายนตฺถาย ปนสฺส นิจฺจํ สชฺฌายํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ตํ อุยฺโยเชสิ. อถสฺส มาตา พาราณสิยํ สมฺปตฺตกาเล ‘‘ปุตฺโต เม สิปฺปํ สิกฺขิตฺวา อาคโต’’ติ มหาสกฺการสมฺมานํ อกาสิ.
ตทา ¶ พาราณสิราชา ‘‘อตฺถิ นุ โข เม กายกมฺมาทีสุ โกจิ โทโส’’ติ ปจฺจเวกฺขนฺโต อตฺตโน อรุจฺจนกํ กิฺจิ กมฺมํ อทิสฺวา ‘‘อตฺตโน วชฺชํ นาม อตฺตโน น ปฺายติ, ปเรสํ ปฺายติ, นาครานํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สายํ อฺาตกเวเสน นิกฺขมิตฺวา, ‘‘สายมาสํ ภฺุชิตฺวา นิสินฺนมนุสฺสานํ กถาสลฺลาโป นาม นานปฺปการโก โหติ, ‘สจาหํ อธมฺเมน รชฺชํ กาเรมิ, ปาเปน อธมฺมิเกน รฺา ทณฺฑพลิอาทีหิ หตมฺหา’ติ วกฺขนฺติ. ‘สเจ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรมิ, ทีฆายุโก โหตุ โน ราชา’ติอาทีนิ ¶ วตฺวา มม คุณํ กเถสฺสนฺตี’’ติ เตสํ เตสํ เคหานํ ภิตฺติอนุสาเรเนว วิจรติ.
ตสฺมึ ขเณ อุมงฺคโจรา ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร อุมงฺคํ ภินฺทนฺติ เอกอุมงฺเคเนว ทฺเว เคหานิ ปวิสนตฺถาย. ราชา เต ทิสฺวา เคหจฺฉายาย อฏฺาสิ. เตสํ อุมงฺคํ ภินฺทิตฺวา เคหํ ปวิสิตฺวา ภณฺฑกํ โอโลกิตกาเล มาณโว ปพุชฺฌิตฺวา ตํ มนฺตํ สชฺฌายนฺโต ‘‘ฆฏฺเฏสิ ฆฏฺเฏสิ, กึ การณา ฆฏฺเฏสิ? อหมฺปิ ตํ ชานามิ ชานามี’’ติ อาห. เต ตํ สุตฺวา, ‘‘อิมินา กิรมฺหา าตา, อิทานิ โน นาเสสฺสตี’’ติ นิวตฺถวตฺถานิปิ ฉฑฺเฑตฺวา ภีตา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. ราชา เต ปลายนฺเต ทิสฺวา อิตรสฺส จ มนฺตสชฺฌายนสทฺทํ สุตฺวา เคหฺเว ววตฺถเปตฺวา นาครานํ ปริคฺคณฺหิตฺวา นิเวสนํ ปาวิสิ. โส วิภาตาย ปน รตฺติยา ปาโตเวกํ ปุริสํ ปกฺโกสิตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉ ภเณ, อสุกวีถิยํ นาม ยสฺมึ เคเห อุมงฺโค ภินฺโน, ตตฺถ ตกฺกสิลโต สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคตมาณโว อตฺถิ, ตํ อาเนหี’’ติ. โส ¶ คนฺตฺวา ‘‘ราชา ตํ ปกฺโกสตี’’ติ วตฺวา มาณวํ อาเนสิ. อถ นํ ราชา อาห – ‘‘ตฺวํ, ตาต, ตกฺกสิลโต สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคตมาณโว’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘อมฺหากมฺปิ ตํ สิปฺปํ เทหี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทว, สมานาสเน นิสีทิตฺวา คณฺหาหี’’ติ. ราชาปิ ตถา กตฺวา มนฺตํ คเหตฺวา ‘‘อยํ เต ¶ อาจริยภาโค’’ติ สหสฺสํ อทาสิ.
ตทา เสนาปติ รฺโ กปฺปกํ อาห – ‘‘กทา รฺโ มสฺสุํ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘สฺเว วา ปรสุเว วา’’ติ. โส ตสฺส สหสฺสํ ทตฺวา ‘‘กิจฺจํ เม อตฺถี’’ติ วตฺวา, ‘‘กึ, สามี’’ติ วุตฺเต ‘‘รฺโ มสฺสุกมฺมํ กโรนฺโต วิย หุตฺวา ขุรํ อติวิย ปหํสิตฺวา คลนาฬึ ฉินฺท, ตฺวํ เสนาปติ ภวิสฺสสิ, อหํ ราชา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รฺโ มสฺสุกมฺมกรณทิวเส คนฺโธทเกน มสฺสุํ เตเมตฺวา ขุรํ ปหํสิตฺวา นลาฏนฺเต คเหตฺวา, ‘‘ขุโร โถกํ กุณฺธาโร, เอกปฺปหาเรเนว คลนาฬึ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุน เอกมนฺตํ ตฺวา ขุรํ ปหํสิ. ตสฺมึ ขเณ ราชา อตฺตโน มนฺตํ สริตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺโต ‘‘ฆฏฺเฏสิ ฆฏฺเฏสิ, กึ การณา ¶ ฆฏฺเฏสิ? อหมฺปิ ตํ ชานามิ ชานามี’’ติ อาห. นฺหาปิตสฺส นลาฏโต เสทา มุจฺจึสุ. โส ‘‘ชานาติ มม การณํ ราชา’’ติ ภีโต ขุรํ ภูมิยํ ขิปิตฺวา ปาทมูเล อุเรน นิปชฺชิ. ราชาโน นาม เฉกา โหนฺติ, เตน ตํ เอวมาห – ‘‘อเร, ทุฏฺ, นฺหาปิต, ‘น มํ ราชา ชานาตี’ติ สฺํ กโรสี’’ติ. ‘‘อภยํ เม เทหิ, เทวา’’ติ. ‘‘โหตุ, มา ภายิ, กเถหี’’ติ. เสนาปติ เม, เทว, สหสฺสํ ทตฺวา, ‘‘รฺโ มสฺสุํ กโรนฺโต วิย คลนาฬึ ฉินฺท, อหํ ราชา หุตฺวา ตํ เสนาปตึ กริสฺสามี’’ติ อาหาติ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘อาจริยํ เม นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ จินฺเตตฺวา เสนาปตึ ¶ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อมฺโภ, เสนาปติ, กึ นาม ตยา มม สนฺติกา น ลทฺธํ, อิทานิ ตํ ทฏฺุํ น สกฺโกมิ, มม รฏฺา นิกฺขมาหี’’ติ ตํ รฏฺา ปพฺพาเชตฺวา อาจริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อาจริย, ตํ นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กริตฺวา ตสฺส เสนาปติฏฺานํ อทาสิ. ‘‘โส ตทา จูฬปนฺถโก อโหสิ, สตฺถา ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย’’ติ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา, ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ปุพฺเพปิ จูฬปนฺถโก ทนฺโธเยว อโหสิ, ตทาปิสฺสาหํ อวสฺสโย หุตฺวา ตํ โลกิยกุฏุมฺเพ ¶ ปติฏฺาเปสิ’’นฺติ วตฺวา ปุน เอกทิวสํ ‘‘อโห สตฺถา จูฬปนฺถกสฺส อวสฺสโย ชาโต’’ติ กถาย สมุฏฺิตาย จูฬเสฏฺิชาตเก อตีตวตฺถุํ กเถตฺวา –
‘‘อปฺปเกนาปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;
สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคึว สนฺธม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๔) –
คาถํ วตฺวา, ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนวาหํ อิมสฺส อวสฺสโย ชาโต, ปุพฺเพปิ อวสฺสโย อโหสิเมว. ปุพฺเพ ปนาหํ อิมํ โลกิยกุฏุมฺพสฺส สามิกํ อกาสึ, อิทานิ โลกุตฺตรกุฏุมฺพสฺส. ตทา หิ จูฬนฺเตวาสิโก จูฬปนฺถโก อโหสิ, จูฬเสฏฺิ ปน ปณฺฑิโต พฺยตฺโต นกฺขตฺตโกวิโท อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนสิ.
ปุเนกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, จูฬปนฺถโก จตูหิ มาเสหิ จตุปฺปทํ คาถํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโตปิ วีริยํ อโนสฺสชฺชิตฺวาว อรหตฺเต ปติฏฺิโต ¶ , อิทานิ โลกุตฺตรธมฺมกุฏุมฺพสฺส สามิโก ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มม สาสเน อารทฺธวีริโย ภิกฺขุ โลกุตฺตรธมฺมสฺส สามิโก โหติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุฏฺาเนนปฺปมาเทน ¶ , สํยเมน ทเมน จ;
ทีปํ กยิราถ เมธาวี, ยํ โอโฆ นาภิกีรตี’’ติ.
ตตฺถ ทีปํ กยิราถาติ วีริยสงฺขาเตน อุฏฺาเนน, สติยา อวิปฺปวาสาการสงฺขาเตน อปฺปมาเทน, จตุปาริสุทฺธิสีลสงฺขาเตน สํยเมน, อินฺทฺริยทเมน จาติ อิเมหิ การณภูเตหิ จตูหิ ธมฺเมหิ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต เมธาวี อิมสฺมึ อติวิย ทุลฺลภปติฏฺตาย อติคมฺภีเร สํสารสาคเร อตฺตโน ปติฏฺานภูตํ อรหตฺตผลํ ทีปํ กยิราถ กเรยฺย, กาตุํ สกฺกุเณยฺยาติ อตฺโถ. กีทิสํ? ยํ โอโฆ นาภิกีรตีติ ยํ จตุพฺพิโธปิ กิเลโสโฆ อภิกิริตุํ วิทฺธํเสตุํ น สกฺโกติ. น หิ สกฺกา อรหตฺตํ โอเฆน อภิกิริตุนฺติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เอวํ เทสนา สมฺปตฺตปริสาย สาตฺถิกา ชาตาติ.
จูฬปนฺถกตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. พาลนกฺขตฺตสงฺฆุฏฺวตฺถุ
ปมาทมนุยฺุชนฺตีติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พาลนกฺขตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สาวตฺถิยํ พาลนกฺขตฺตํ นาม สงฺฆุฏฺํ. ตสฺมึ นกฺขตฺเต พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา ฉาริกาย เจว โคมเยน จ สรีรํ มกฺเขตฺวา สตฺตาหํ อสพฺภํ ภณนฺตา วิจรนฺติ. กิฺจิ าติ สุหชฺชํ วา ปพฺพชิตํ วา ทิสฺวา ลชฺชนฺตา นาม นตฺถิ. ทฺวาเร ทฺวาเร ตฺวา อสพฺภํ ภณนฺติ. มนุสฺสา เตสํ อสพฺภํ โสตุํ อสกฺโกนฺตา ยถาพลํ อฑฺฒํ วา ปาทํ วา กหาปณํ วา เปเสนฺติ. เต เตสํ ทฺวาเร ลทฺธํ ลทฺธํ คเหตฺวา ปกฺกมนฺติ. ตทา ปน สาวตฺถิยํ ปฺจ โกฏิมตฺตา อริยสาวกา วสนฺติ, เต สตฺถุ สนฺติกํ สาสนํ เปสยึสุ – ‘‘ภควา, ภนฺเต, สตฺตาหํ ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ นครํ อปฺปวิสิตฺวา วิหาเรเยว โหตู’’ติ. ตฺจ ปน สตฺตาหํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วิหาเรเยว ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ปหิณึสุ, สยมฺปิ เคหา น นิกฺขมึสุ. เต นกฺขตฺเต ปน ปริโยสิเต อฏฺเม ทิวเส พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา มหาทานํ ทตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา, ‘‘ภนฺเต, อติทุกฺเขน โน สตฺต ทิวสานิ อติกฺกนฺตานิ, พาลานํ อสพฺภานิ สุณนฺตานํ ¶ กณฺณา ภิชฺชนาการปฺปตฺตา โหนฺติ, โกจิ กสฺสจิ ¶ น ลชฺชติ, เตน มยํ ตุมฺหากํ อนฺโตนครํ ปวิสิตุํ นาทมฺห, มยมฺปิ เคหโต น นิกฺขมิมฺหา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘พาลานํ ทุมฺเมธานํ กิริยา นาม เอวรูปา โหติ, เมธาวิโน ปน ธนสารํ วิย อปฺปมาทํ รกฺขิตฺวา อมตมหานิพฺพานสมฺปตฺตึ ปาปุณนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปมาทมนุยฺุชนฺติ, พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา;
อปฺปมาทฺจ เมธาวี, ธนํ เสฏฺํว รกฺขติ.
‘‘มา ¶ ปมาทมนุยฺุเชถ, มา กามรติสนฺถวํ;
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต, ปปฺโปติ วิปุลํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ พาลาติ พาลฺเยน สมนฺนาคตา อิธโลกปรโลกตฺถํ อชานนฺตา. ทุมฺเมธิโนติ นิปฺปฺา. เต ปมาเท อาทีนวํ อปสฺสนฺตา ปมาทํ อนุยฺุชนฺติ ปวตฺเตนฺติ, ปมาเทน กาลํ วีตินาเมนฺติ. เมธาวีติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต ปน ปณฺฑิโต กุลวํสาคตํ เสฏฺํ อุตฺตมํ สตฺตรตนธนํ วิย อปฺปมาทํ รกฺขติ. ยถา หิ อุตฺตมํ ธนํ นิสฺสาย ‘‘กามคุณสมฺปตฺตึ ปาปุณิสฺสาม, ปุตฺตทารํ โปเสสฺสาม, ปรโลกคมนมคฺคํ โสเธสฺสามา’’ติ ธเน อานิสํสํ ปสฺสนฺตา ตํ รกฺขนฺติ, เอวํ ปณฺฑิโตปิ อปฺปมตฺโต ‘‘ปมชฺฌานาทีนิ ¶ ปฏิลภิสฺสามิ, มคฺคผลาทีนิ ปาปุณิสฺสามิ, ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺา สมฺปาเทสฺสามี’’ติ อปฺปมาเท อานิสํสํ ปสฺสนฺโต ธนํ เสฏฺํว อปฺปมาทํ รกฺขตีติ อตฺโถ. มา ปมาทนฺติ ตสฺมา ตุมฺเห มา ปมาทมนุยฺุเชถ มา ปมาเทน กาลํ วีตินามยิตฺถ. มา กามรติสนฺถวนฺติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ รติสงฺขาตํ ตณฺหาสนฺถวมฺปิ มา อนุยฺุเชถ มา จินฺตยิตฺถ มา ปฏิลภิตฺถ. อปฺปมตฺโต หีติ อุปฏฺิตสฺสติตาย หิ อปฺปมตฺโต ฌายนฺโต ปุคฺคโล วิปุลํ อุฬารํ นิพฺพานสุขํ ปาปุณาตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
พาลนกฺขตฺตสงฺฆุฏฺวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ
ปมาทํ ¶ อปฺปมาเทนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหากสฺสปตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส เถโร ปิปฺผลิคุหายํ วิหรนฺโต ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ปมตฺเต จ อปฺปมตฺเต จ อุทกปถวีปพฺพตาทีสุ จวนเก อุปปชฺชนเก จ สตฺเต ¶ ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺโต นิสีทิ. สตฺถา เชตวเน นิสินฺนโกว ¶ ‘‘เกน นุ โข วิหาเรน อชฺช มม ปุตฺโต กสฺสโป วิหรตี’’ติ ทิพฺเพน จกฺขุนา อุปธาเรนฺโต ‘‘สตฺตานํ จุตูปปาตํ โอโลเกนฺโต วิหรตี’’ติ ตฺวา ‘‘สตฺตานํ จุตูปปาโต นาม พุทฺธาเณนปิ อปริจฺฉินฺโน, มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา มาตาปิตโร อชานาเปตฺวา จวนสตฺตานํ ปริจฺเฉโท กาตุํ น สกฺกา, เต ชานิตุํ ตว อวิสโย, กสฺสป, อปฺปมตฺตโก ตว วิสโย, สพฺพโส ปน จวนฺเต จ อุปปชฺชนฺเต จ ชานิตุํ ปสฺสิตุํ พุทฺธานเมว วิสโย’’ติ วตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา สมฺมุเข นิสินฺโน วิย หุตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปมาทํ อปฺปมาเทน, ยทา นุทติ ปณฺฑิโต;
ปฺาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินึ ปชํ;
ปพฺพตฏฺโว ภูมฏฺเ, ธีโร พาเล อเวกฺขตี’’ติ.
ตตฺถ นุทตีติ ยถา นาม โปกฺขรณึ ปวิสนฺตํ นโวทกํ ปุราโณทกํ โขเภตฺวา ตสฺโสกาสํ อทตฺวา ตํ อตฺตโน มตฺถกมตฺถเกน ปลายนฺตํ นุทติ นีหรติ, เอวเมว ปณฺฑิโต อปฺปมาทลกฺขณํ พฺรูเหนฺโต ปมาทสฺโสกาสํ อทตฺวา ยทา อปฺปมาทเวเคน ตํ นุทติ นีหรติ, อถ โส ปนุนฺนปมาโท อจฺจุคฺคตตฺเถน ปริสุทฺธํ ทิพฺพจกฺขุสงฺขาตํ ปฺาปาสาทํ ตสฺส อนุจฺฉวิกํ ปฏิปทํ ปูเรนฺโต ตาย ปฏิปทาย นิสฺเสณิยา ปาสาทํ วิย อารุยฺห ปหีนโสกสลฺลตาย อโสโก, อปฺปหีนโสกสลฺลตาย โสกินึ ปชํ สตฺตนิกายํ จวมานฺเจว อุปปชฺชมานฺจ ทิพฺพจกฺขุนา อเวกฺขติ ปสฺสติ. ยถา กึ? ปพฺพตฏฺโว ¶ ภูมฏฺเติ ปพฺพตมุทฺธนิ ิโต ภูมิยํ ิเต, อุปริปาสาเท วา ปน ิโต ปาสาทปริเวเณ ิเต อกิจฺเฉน อเวกฺขติ, ตถา โสปิ ธีโร ปณฺฑิโต มหาขีณาสโว อสมุจฺฉินฺนวฏฺฏพีเช พาเล จวนฺเต จ อุปปชฺชนฺเต จ อกิจฺเฉน อเวกฺขตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ สจฺฉิกรึสูติ.
มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปมตฺตาปมตฺตทฺเวสหายกวตฺถุ
อปฺปมตฺโต ¶ ปมตฺเตสูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว สหายเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อารฺกวิหารํ ปวิสึสุ. เตสุ เอโก กิร กาลสฺเสว ทารูนิ อาหริตฺวา องฺคารกปลฺลํ สชฺเชตฺวา ทหรสามเณเรหิ สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมยามํ วิสิพฺพมาโน นิสีทติ. เอโก อปฺปมตฺโต สมณธมฺมํ กโรนฺโต อิตรํ โอวทติ, ‘‘อาวุโส, มา เอวํ กริ, ปมตฺตสฺส หิ จตฺตาโร อปายา สกฆรสทิสา. พุทฺธา นาม สาเยฺเยน อาราเธตุํ น สกฺกา’’ติ โส ตสฺโสวาทํ น สุณาติ. อิตโร ‘‘นายํ วจนกฺขโม’’ติ ตํ อวตฺวา อปฺปมตฺโตว สมณธมฺมมกาสิ. อลสตฺเถโรปิ ¶ ปมยาเม วิสิพฺเพตฺวา อิตรสฺส จงฺกมิตฺวา คพฺภํ ปวิฏฺกาเล ปวิสิตฺวา, ‘‘มหากุสีต, ตฺวํ นิปชฺชิตฺวา สยนตฺถาย อรฺํ ปวิฏฺโสิ, กึ พุทฺธานํ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อุฏฺาย สมณธมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิตฺวา สุปติ. อิตโรปิ มชฺฌิมยาเม วิสฺสมิตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปจฺจุฏฺาย สมณธมฺมํ กโรติ. โส เอวํ อปฺปมตฺโต วิหรนฺโต น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิตโร ปมาเทเนว กาลํ วีตินาเมสิ. เต วุฏฺวสฺสา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา, ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา สมณธมฺมํ กริตฺถ, กจฺจิ โว ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ปมํ ปมตฺโต ภิกฺขุ อาห – ‘‘กุโต, ภนฺเต, เอตสฺส อปฺปมาโท, คตกาลโต ปฏฺาย นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโต กาลํ วีตินาเมสี’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปน ภิกฺขู’’ติ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, กาลสฺเสว ทารูนิ อาหริตฺวา องฺคารกปลฺลํ สชฺเชตฺวา ปมยาเม วิสิพฺเพนฺโต นิสีทิตฺวา อนิทฺทายนฺโตว กาลํ วีตินาเมสิ’’นฺติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวํ ปมตฺโต กาลํ วีตินาเมตฺวา ‘อปฺปมตฺโตมฺหี’ติ วทสิ, อปฺปมตฺตํ ปน ปมตฺตํ กโรสี’’ติ อาห. ปุน ปมาเท โทเส, อปฺปมาเท อานิสํเส ปกาเสตุํ, ‘‘ตฺวํ มม ปุตฺตสฺส ¶ สนฺติเก ชวจฺฉินฺโน ทุพฺพลสฺโส วิย, เอส ปน ตว สนฺติเก สีฆชวสฺโส วิยา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปมตฺโต ¶ ¶ ปมตฺเตสุ, สุตฺเตสุ พหุชาคโร;
อพลสฺสํว สีฆสฺโส, หิตฺวา ยาติ สุเมธโส’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมตฺโตติ สติเวปุลฺลปฺปตฺตตาย อปฺปมาทสมฺปนฺเน ขีณาสโว. ปมตฺเตสูติ สติโวสคฺเค ิเตสุ สตฺเตสุ. สุตฺเตสูติ สติชาคริยาภาเวน สพฺพิริยาปเถสุ นิทฺทายนฺเตสุ. พหุชาคโรติ มหนฺเต สติเวปุลฺเล ชาคริเย ิโต. อพลสฺสํวาติ กุณฺปาทํ ฉินฺนชวํ ทุพฺพลสฺสํ สีฆชโว สินฺธวาชานีโย วิย. สุเมธโสติ อุตฺตมปฺโ. ตถารูปํ ปุคฺคลํ อาคเมนปิ อธิคเมนปิ หิตฺวา ยาติ. มนฺทปฺสฺมิฺหิ เอกํ สุตฺตํ คเหตุํ วายมนฺเตเยว สุเมธโส เอกํ วคฺคํ คณฺหาติ, เอวํ ตาว อาคเมน หิตฺวา ยาติ. มนฺทปฺเ ปน รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ กาตุํ วายมนฺเตเยว กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา สชฺฌายนฺเตเยว จ สุเมธโส ปุพฺพภาเคปิ ปเรน กตํ รตฺติฏฺานํ วา ทิวาฏฺานํ วา ปวิสิตฺวา กมฺมฏฺานํ สมฺมสนฺโต สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา เนว โลกุตฺตรธมฺเม หตฺถคเต ¶ กโรติ, เอวํ อธิคเมนปิ หิตฺวา ยาติ. วฏฺเฏ ปน นํ หิตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา วฏฺฏโต นิสฺสรนฺโต ยาติเยวาติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปมตฺตาปมตฺตทฺเวสหายกวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. มฆวตฺถุ
อปฺปมาเทน มฆวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลิยํ อุปนิสฺสาย กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต สกฺกํ เทวราชานํ อารพฺภ กเถสิ.
เวสาลิยฺหิ มหาลิ นาม ลิจฺฉวี วสติ, โส ตถาคตสฺส สกฺกปฺหสุตฺตนฺตเทสนํ (ที. นิ. ๒.๓๔๔ อาทโย) สุตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ สกฺกสมฺปตฺตึ มหตึ กตฺวา กเถสิ, ‘ทิสฺวา นุ โข กเถสิ, อุทาหุ อทิสฺวา. ชานาติ นุ โข สกฺกํ, อุทาหุ โน’ติ ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตสิ. อถ โข, มหาลิ, ลิจฺฉวี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, มหาลิ, ลิจฺฉวี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทิฏฺโ ¶ โข, ภนฺเต, ภควตา สกฺโก เทวานมินฺโท’’ติ? ‘‘ทิฏฺโ โข เม ¶ , มหาลิ, สกฺโก เทวานมินฺโท’’ติ. ‘‘โส หิ นุน, ภนฺเต, สกฺกปติรูปโก ภวิสฺสติ ¶ . ทุทฺทโส หิ, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท’’ติ. ‘‘สกฺกฺจ ขฺวาหํ, มหาลิ, ปชานามิ สกฺกกรเณ จ ธมฺเม, เยสํ ธมฺมานํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคา, ตฺจ ปชานามิ’’.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน มโฆ นาม มาณโว อโหสิ, ตสฺมา ‘‘มฆวา’’ติ วุจฺจติ.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน ปุเร ทานํ อทาสิ, ตสฺมา ‘‘ปุรินฺทโท’’ติ วุจฺจติ.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน สกฺกจฺจํ ทานํ อทาสิ, ตสฺมา ‘‘สกฺโก’’ติ วุจฺจติ.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน อาวสถํ อทาสิ, ตสฺมา ‘‘วาสโว’’ติ วุจฺจติ.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท สหสฺสมฺปิ อตฺถํ มุหุตฺเตน จินฺเตติ, ตสฺมา ‘‘สหสฺสกฺโข’’ติ วุจฺจติ.
สกฺกสฺส, มหาลิ, เทวานมินฺทสฺส สุชา นาม อสุรกฺา, ปชาปติ, ตสฺมา ‘‘สุชมฺปตี’’ติ วุจฺจติ.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท เทวานํ ตาวตึสานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ตสฺมา ‘‘เทวานมินฺโท’’ติ วุจฺจติ.
สกฺกสฺส, มหาลิ, เทวานมินฺทสฺส ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส สตฺต วตปทานิ สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ อเหสุํ, เยสํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ ¶ อชฺฌคา. กตมานิ สตฺต วตปทานิ? ยาวชีวํ มาตาเปตฺติภโร อสฺสํ, ยาวชีวํ กุเล เชฏฺาปจายี อสฺสํ, ยาวชีวํ สณฺหวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ อปิสุณวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวเสยฺยํ, มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต อสฺสํ. ยาวชีวํ ¶ สจฺจวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ อกฺโกธโน อสฺสํ, ‘‘สเจปิ เม โกโธ อุปฺปชฺเชยฺย, ขิปฺปเมว น ปฏิวิเนยฺย’’นฺติ. สกฺกสฺส, มหาลิ, เทวานมินฺทสฺส ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส อิมานิ ¶ สตฺต วตปทานิ สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ อเหสุํ, เยสํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคาติ.
‘‘มาตาเปตฺติภรํ ชนฺตุํ, กุเล เชฏฺาปจายินํ;
สณฺหํ สขิลสมฺภาสํ, เปสุเณยฺยปฺปหายินํ.
‘‘มจฺเฉรวินเย ยุตฺตํ, สจฺจํ โกธาภิภุํ นรํ;
ตํ เว เทวา ตาวตึสา, อาหุ สปฺปุริโส อิตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๗) –
อิทํ, มหาลิ, สกฺเกน มฆมาณวกาเล กตกมฺมนฺติ วตฺวา ปุน เตน ‘‘กถํ, ภนฺเต, มฆมาณโว ปฏิปชฺชี’’ติ? ตสฺส ปฏิปตฺตึ วิตฺถารโต โสตุกาเมน ปุฏฺโ ‘‘เตน หิ, มหาลิ, สุณาหี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต มคธรฏฺเ มจลคาเม มโฆ นาม มาณโว ¶ คามกมฺมกรณฏฺานํ คนฺตฺวา อตฺตโน ิตฏฺานํ ปาทนฺเตน ปํสุํ วิยูหิตฺวา รมณียํ กตฺวา อฏฺาสิ. อปโร ตํ พาหุนา ปหริตฺวา ตโต อปเนตฺวา สยํ ตตฺถ อฏฺาสิ. โส ตสฺส อกุชฺฌิตฺวาว อฺํ านํ รมณียํ กตฺวา ิโต. ตโตปิ นํ อฺโ อาคนฺตฺวา พาหุนา ปหริตฺวา อปเนตฺวา สยํ อฏฺาสิ. โส ตสฺสปิ อกุชฺฌิตฺวาว อฺํ านํ รมณียํ กตฺวา ิโต, อิติ ตํ เคหโต นิกฺขนฺตา นิกฺขนฺตา ปุริสา พาหุนา ปหริตฺวา ิติตฏฺานโต อปเนสุํ. โส ‘‘สพฺเพเปเต มํ นิสฺสาย สุขิตา ชาตา, อิมินา กมฺเมน มยฺหํ สุขทายเกน ปฺุกมฺเมน ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ปุนทิวเส กุทาลํ อาทาย ขลมณฺฑลมตฺตํ านํ รมณียํ อกาสิ. สพฺเพ คนฺตฺวา ตตฺเถว อฏฺํสุ. อถ เนสํ สีตสมเย อคฺคึ กตฺวา อทาสิ, คิมฺหกาเล อุทกํ. ตโต ‘‘รมณียํ านํ นาม สพฺเพสํ ปิยํ, กสฺสจิ อปฺปิยํ นาม นตฺถิ, อิโต ปฏฺาย มยา มคฺคํ สมํ กโรนฺเตน วิจริตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ปาโตว นิกฺขมิตฺวา, มคฺคํ สมํ กโรนฺโต ฉินฺทิตฺวา, หริตพฺพยุตฺตกา รุกฺขสาขา หรนฺโต วิจรติ. อถ นํ อปโร ทิสฺวา อาห – ‘‘สมฺม, กึ กโรสี’’ติ? ‘‘มยฺหํ สคฺคคามินํ มคฺคํ กโรมิ, สมฺมา’’ติ. ‘‘เตน หิ อหมฺปิ เต สหาโย โหมี’’ติ. ‘‘โหหิ, สมฺม, สคฺโค นาม พหูนมฺปิ มนาโป สุขพหุโล’’ติ. ตโต ปฏฺาย ทฺเว ชนา ¶ อเหสุํ. เต ทิสฺวา ¶ ตเถว ปุจฺฉิตฺวา จ สุตฺวา จ อปโรปิ ¶ เตสํ สหาโย ชาโต, เอวํ อปโรปิ อปโรปีติ สพฺเพปิ เตตฺตึส ชนา ชาตา. เต สพฺเพปิ กุทาลาทิหตฺถา มคฺคํ สมํ กโรนฺตา เอกโยชนทฺวิโยชนมตฺตฏฺานํ คจฺฉนฺติ.
เต ทิสฺวา คามโภชโก จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มนุสฺสา อโยเค ยุตฺตา, สเจ อิเม อรฺโต มจฺฉมํสาทีนิ วา อาหเรยฺยุํ. สุรํ วา กตฺวา ปิเวยฺยุํ, อฺํ วา ตาทิสํ กมฺมํ กเรยฺยุํ, อหมฺปิ กิฺจิ กิฺจิ ลเภยฺย’’นฺติ. อถ เน ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ กโรนฺตา วิจรถา’’ติ? ‘‘สคฺคมคฺคํ, สามี’’ติ. ‘‘ฆราวาสํ วสนฺเตหิ นาม เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ, อรฺโต มจฺฉมํสาทีนิ อาหริตุํ, สุรํ กตฺวา ปาตุํ, นานปฺปกาเร จ กมฺมนฺเต กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เต ตสฺส วจนํ ปฏิกฺขิปึสุ, เอวํ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานาปิ ปฏิกฺขิปึสุเยว. โส กุชฺฌิตฺวา ‘‘นาเสสฺสามิ เน’’ติ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘โจเร เต, เทว, วคฺคพนฺธเนน วิจรนฺเต ปสฺสามี’’ติ วตฺวา, ‘‘คจฺฉ, เต คเหตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺเต ตถา กตฺวา สพฺเพ เต พนฺธิตฺวา อาเนตฺวา รฺโ ทสฺเสสิ. ราชา อวีมํสิตฺวาว ‘‘หตฺถินา มทฺทาเปถา’’ติ อาณาเปสิ. มโฆ เสสานํ โอวาทมทาสิ – ‘‘สมฺมา, เปตฺวา เมตฺตํ อฺโ อมฺหากํ อวสฺสโย นตฺถิ, ตุมฺเห กตฺถจิ โกปํ อกตฺวา รฺเ จ คามโภชเก จ มทฺทนหตฺถิมฺหิ จ อตฺตนิ จ เมตฺตจิตฺเตน สมจิตฺตาว โหถา’’ติ. เต ตถา กรึสุ. อถ เนสํ เมตฺตานุภาเวน หตฺถี อุปฺปสงฺกมิตุมฺปิ น วิสหิ. ราชา ตมตฺถํ สุตฺวา พหู ¶ มนุสฺเส ทิสฺวา มทฺทิตุํ น วิสหิสฺสติ? ‘‘คจฺฉถ, เน กิลฺเชน ปฏิจฺฉาเทตฺวา มทฺทาเปถา’’ติ อาห. เต กิลฺเชน ปฏิจฺฉาเทตฺวา มทฺทิตุํ เปสิยมาโนปิ หตฺถี ทูรโตว ปฏิกฺกมิ.
ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘การเณเนตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ เต ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตาตา, มํ นิสฺสาย ตุมฺเห กึ น ลภถา’’ติ? ‘‘กึ นาเมตํ, เทวา’’ติ? ‘‘ตุมฺเห กิร วคฺคพนฺธเนน โจรา หุตฺวา อรฺเ วิจรถา’’ติ? ‘‘โก เอวมาห, เทวา’’ติ? ‘‘คามโภชโก, ตาตา’’ติ. ‘‘น มยํ, เทว, โจรา, มยํ ปน อตฺตโน สคฺคมคฺคํ โสเธนฺตา อิทฺจิทฺจ กโรม, คามโภชโก อมฺเห อกุสลกิริยาย นิโยเชตฺวา อตฺตโน วจนํ อกโรนฺเต นาเสตุกาโม กุชฺฌิตฺวา เอวมาหา’’ติ. อถ ราชา เตสํ กถํ สุตฺวา โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา, ‘‘ตาตา, อยํ ติรจฺฉาโน ตุมฺหากํ ¶ คุเณ ชานาติ, อหํ มนุสฺสภูโต ชานิตุํ นาสกฺขึ, ขมถ เม’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา สปุตฺตทารํ คามโภชกํ เตสํ ทาสํ, หตฺถึ อาโรหนิยํ, ตฺจ คามํ ยถาสุขํ ปริโภคํ กตฺวา อทาสิ. เต ‘‘อิเธว โน กตปฺุสฺสานิสํโส ทิฏฺโ’’ติ ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานสา หุตฺวา ตํ หตฺถึ วาเรน วาเรน อภิรุยฺห คจฺฉนฺตา มนฺตยึสุ ¶ ‘‘อิทานิ อมฺเหหิ ¶ อติเรกตรํ ปฺุํ กาตพฺพํ, กึ กโรม? จตุมหาปเถ ถาวรํ กตฺวา มหาชนสฺส วิสฺสมนสาลํ กริสฺสามา’’ติ. เต วฑฺฒกึ ปกฺโกสาเปตฺวา สาลํ ปฏฺเปสุํ. มาตุคาเมสุ ปน วิคตจฺฉนฺทตาย ตสฺสา สาลาย มาตุคามานํ ปตฺตึ นาทํสุ.
มฆสฺส ปน เคเห นนฺทา, จิตฺตา, สุธมฺมา, สุชาติ จตสฺโส อิตฺถิโย โหนฺติ. ตาสุ สุธมฺมา วฑฺฒกินา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา, ‘‘ภาติก, อิมิสฺสา สาลาย มํ เชฏฺิกํ กโรหี’’ติ วตฺวา ลฺชํ อทาสิ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปมเมว กณฺณิกตฺถาย รุกฺขํ สุกฺขาเปตฺวา ตจฺเฉตฺวา วิชฺฌิตฺวา กณฺณิกํ นิฏฺาเปตฺวา, ‘‘สุธมฺมา นาม อยํ สาลา’’ติ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา วตฺเถน ปลิเวเตฺวา เปสิ. อถ เน วฑฺฒกี สาลํ นิฏฺาเปตฺวา กณฺณิกาโรปนทิวเส ‘‘อโห, อยฺยา, เอกํ กรณียํ น สริมฺหา’’ติ อาห. ‘‘กึ นาม, โภ’’ติ? ‘‘กณฺณิก’’นฺติ. ‘‘โหตุ ตํ อาหริสฺสามา’’ติ. ‘‘อิทานิ ฉินฺนรุกฺเขน กาตุํ น สกฺกา, ปุพฺเพเยว ตํ ฉินฺทิตฺวา ตจฺเฉตฺวา วิชฺฌิตฺวา ปิตกณฺณิกา ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘สเจ กสฺสจิ เคเห นิฏฺาเปตฺวา ปิตา วิกฺกายิกกณฺณิกา ¶ อตฺถิ, สา ปริเยสิตพฺพา’’ติ. เต ปริเยสนฺตา สุธมฺมาย เคเห ทิสฺวา สหสฺสํ ทตฺวาปิ มูเลน น ลภึสุ. ‘‘สเจ มํ สาลาย ปตฺตึ กโรถ, ทสฺสามี’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘มยํ มาตุคามานํ ปตฺตึ น ทมฺมา’’ติ อาหํสุ.
อถ เน วฑฺฒกี อาห – ‘‘อยฺยา, ตุมฺเห กึ กเถถ, เปตฺวา พฺรหฺมโลกํ อฺํ มาตุคามรหิตฏฺานํ นาม นตฺถิ, คณฺหถ กณฺณิกํ. เอวํ สนฺเต อมฺหากํ กมฺมํ นิฏฺํ คมิสฺสตี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ กณฺณิกํ คเหตฺวา สาลํ นิฏฺาเปตฺวา ติธา วิภชึสุ. เอกสฺมึ โกฏฺาเส อิสฺสรานํ วสนฏฺานํ กรึสุ, เอกสฺมึ ทุคฺคตานํ, เอกสฺมึ คิลานานํ. เตตฺตึส ชนา เตตฺตึส ผลกานิ ปฺเปตฺวา หตฺถิสฺส สฺํ อทํสุ – ‘‘อาคนฺตุโก อาคนฺตฺวา ยสฺส อตฺถตผลเก นิสีทติ, ตํ คเหตฺวา ผลกสามิกสฺเสว ¶ เคเห ปติฏฺเปหิ, ตสฺส ปาทปริกมฺมปิฏฺิปริกมฺมปานียขาทนียโภชนียสยนานิ สพฺพานิ ผลกสามิกสฺเสว ภาโร ภวิสฺสตี’’ติ. หตฺถี อาคตาคตํ คเหตฺวา ผลกสามิกสฺเสว ฆรํ เนติ. โส ตสฺส ตํ ทิวสํ กตฺตพฺพํ กโรติ. มโฆ สาลาย อวิทูเร โกวิฬารรุกฺขํ โรเปตฺวา ตสฺส มูเล ปาสาณผลกํ อตฺถริ. สาลํ ปวิฏฺปวิฏฺา ชนา กณฺณิกํ โอโลเกตฺวา อกฺขรานิ วาเจตฺวา, ‘‘สุธมฺมา นาเมสา สาลา’’ติ วทนฺติ. เตตฺตึสชนานํ นามํ น ปฺายติ. นนฺทา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม สาลํ กโรนฺตา อมฺเห อปตฺติกา กรึสุ, สุธมฺมา ¶ ปน อตฺตโน พฺยตฺตตาย กณฺณิกํ กตฺวา ปตฺติกา ชาตา, มยาปิ กิฺจิ กาตุํ วฏฺฏติ, กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ? อถสฺสา เอตทโหสิ ¶ – ‘‘สาลํ อาคตาคตานํ ปานียฺเจว นฺหาโนทกฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, โปกฺขรณึ ขณาเปสฺสามี’’ติ. สา โปกฺขรณึ กาเรสิ. จิตฺตา จินฺเตสิ – ‘‘สุธมฺมาย กณฺณิกา ทินฺนา, นนฺทาย โปกฺขรณี การิตา, มยาปิ กิฺจิ กาตุํ วฏฺฏติ, กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ? อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘สาลํ อาคตาคเตหิ ปานียํ ปิวิตฺวา นฺหตฺวา คมนกาเลปิ มาลํ ปิลนฺธิตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏติ, ปุปฺผารามํ การาเปสฺสามี’’ติ. สา รมณียํ ปุปฺผารามํ กาเรสิ. เยภุยฺเยน ตสฺมึ อาราเม ‘‘อสุโก นาม ปุปฺผูปคผลูปครุกฺโข นตฺถี’’ติ นาโหสิ.
สุชา ปน ‘‘อหํ มฆสฺส มาตุลธีตา เจว ปาทปริจาริกา จ, เอเตน กตํ กมฺมํ มยฺหเมว, มยา กตํ เอตสฺเสวา’’ติ จินฺเตตฺวา, กิฺจิ อกตฺวา อตฺตภาวเมว มณฺฑยมานา กาลํ วีตินาเมสิ. มโฆปิ มาตาปิตุอุปฏฺานํ กุเล เชฏฺาปจายนกมฺมํ สจฺจวาจํ อผรุสวาจํ อปิ, สุณวาจํ มจฺเฉรวินยํ อกฺโกธนนฺติ อิมานิ สตฺต วตปทานิ ปูเรตฺวา –
‘‘มาตาเปตฺติภรํ ¶ ชนฺตุํ, กุเล เชฏฺาปจายินํ;
สณฺหํ สขิลสมฺภาสํ, เปสุเณยฺยปฺปหายินํ.
‘‘มจฺเฉรวินเย ยุตฺตํ, สจฺจํ โกธาภิภุํ นรํ;
ตํ เว เทวา ตาวตึสา, อาหุ ‘สปฺปุริโส’อิตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๗) –
เอวํ ปสํสิยภาวํ อาปชฺชิตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ตาวตึสภวเน สกฺโก เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เตปิสฺส สหายกา ตตฺเถว ¶ นิพฺพตฺตึสุ, วฑฺฒกี วิสฺสกมฺมเทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา ตาวตึสภวเน อสุรา วสนฺติ. เต ‘‘อภินวา เทวปุตฺตา นิพฺพตฺตา’’ติ ทิพฺพปานํ สชฺชยึสุ. สกฺโก อตฺตโน ปริสาย กสฺสจิ อปิวนตฺถาย สฺมทาสิ. อสุรา ทิพฺพปานํ ปิวิตฺวา มชฺชึสุ. สกฺโก ‘‘กึ เม อิเมหิ สาธารเณน รชฺเชนา’’ติ อตฺตโน ปริสาย สฺํ ทตฺวา เต ปาเทสุ คาหาเปตฺวา มหาสมุทฺเท ขิปาเปสิ. เต อวํสิรา สมุทฺเท ปตึสุ. อถ เนสํ ปฺุานุภาเวน สิเนรุโน เหฏฺิมตเล อสุรวิมานํ นาม นิพฺพตฺติ, จิตฺตปาฏลิ นาม นิพฺพตฺติ.
เทวาสุรสงฺคาเม ปน อสุเรสุ ปราชิเตสุ ทสโยชนสหสฺสํ ตาวตึสเทวนครํ นาม นิพฺพตฺติ. ตสฺส ปน นครสฺส ปาจีนปจฺฉิมทฺวารานํ อนฺตรา ทสโยชนสหสฺสํ โหติ, ตถา ทกฺขิณุตฺตรทฺวารานํ. ตํ โข ปน นครํ ทฺวารสหสฺสยุตฺตํ อโหสิ อารามโปกฺขรณิปฏิมณฺฑิตํ. ตสฺส ¶ มชฺเฌ สาลาย ¶ นิสฺสนฺเทน ติโยชนสตุพฺเพเธหิ ธเชหิ ปฏิมณฺฑิโต สตฺตรตนมโย สตฺตโยชนสตุพฺเพโธ เวชยนฺโต นาม ปาสาโท อุคฺคฺฉิ. สุวณฺณยฏฺีสุ มณิธชา อเหสุํ, มณิยฏฺีสุ สุวณฺณธชา; ปวาฬยฏฺีสุ มุตฺตธชา, มุตฺตยฏฺีสุ ปวาฬธชา; สตฺตรตนมยาสุ ยฏฺีสุ สตฺตรตนธชา, มชฺเฌ ิโต ธโช ติโยชนสตุพฺเพโธ อโหสิ. อิติ สาลาย นิสฺสนฺเทน โยชนสหสฺสุพฺเพโธ ปาสาโท สตฺตรตนมโยว หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โกวิฬารรุกฺขสฺส นิสฺสนฺเทน สมนฺตา ติโยชนสตปริมณฺฑโล ปาริจฺฉตฺตโก นิพฺพตฺติ, ปาสาณผลกสฺส นิสฺสนฺเทน ปาริจฺฉตฺตกมูเล ทีฆโต สฏฺิโยชนา ปุถุลโต ปณฺณาสโยชนา พหลโต ปฺจทสโยชนา ชยสุมนรตฺตกมฺพลวณฺณา ปณฺฑุกมฺพลสิลา นิพฺพตฺติ. ตตฺถ นิสินฺนกาเล อุปฑฺฒกาโย ปวิสติ, อุฏฺิตกาเล อูนํ ปริปูรติ.
หตฺถี ปน เอราวโณ นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เทวโลกสฺมิฺหิ ติรจฺฉานคตา น โหนฺติ. ตสฺมา โส อุยฺยานกีฬาย นิกฺขมนกาเล อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสติโก เอราวโณ นาม หตฺถี อโหสิ. โส เตตฺตึสชนานํ อตฺถาย เตตฺตึส กุมฺเภ มาเปสิ ¶ อาวฏฺเฏน ติคาวุตอฑฺฒโยชนปฺปมาเณ, สพฺเพสํ มชฺเฌ สกฺกสฺส อตฺถาย สุทสฺสนํ นาม ตึสโยชนิกํ กุมฺภํ มาเปสิ. ตสฺส อุปริ ทฺวาทสโยชนิโก รตนมณฺฑโป ¶ โหติ. ตตฺถ อนฺตรนฺตรา สตฺตรตนมยา โยชนุพฺเพธา ธชา อุฏฺหนฺติ. ปริยนฺเต กิงฺกิณิกชาลํ โอลมฺพติ. ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปฺจงฺคิกตูริยสทฺทสํมิสฺโส ทิพฺพคีตสทฺโท วิย รโว นิจฺฉรติ. มณฺฑปมชฺเฌ สกฺกสฺสตฺถาย โยชนิโก มณิปลฺลงฺโก ปฺตฺโต โหติ, ตตฺถ สกฺโก นิสีทิ. เตตฺตึส เทวปุตฺตา อตฺตโน กุมฺเภ รตนปลฺลงฺเก นิสีทึสุ. เตตฺตึสาย กุมฺภานํ เอเกกสฺมึ กุมฺเภ สตฺต สตฺต ทนฺเต มาเปสิ. เตสุ เอเกโก ปณฺณาสโยชนายาโม, เอเกกสฺมิฺเจตฺถ ทนฺเต สตฺต สตฺต โปกฺขรณิโย โหนฺติ, เอเกกาย โปกฺขรณิยา สตฺต สตฺต ปทุมินีคจฺฉานิ, เอเกกสฺมึ คจฺเฉ สตฺต สตฺต ปุปฺผานิ โหนฺติ, เอเกกสฺมึ ปุปฺเผ สตฺต สตฺต ปตฺตานิ, เอเกกสฺมึ ปตฺเต สตฺต สตฺต เทวธีตโร นจฺจนฺติ. เอวํ สมนฺตา ปณฺณาสโยชนาเนสุ หตฺถิทนฺเตสุเยว นฏสมชฺชา โหนฺติ. เอวํ มหนฺตํ ยสํ อนุภวนฺโต สกฺโก เทวราชา วิจรติ.
สุธมฺมาปิ กาลํ กตฺวา คนฺตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺติ. ตสฺสา สุธมฺมา นาม นว โยชนสติกา เทวสภา นิพฺพตฺติ. ตโต รมณียตรํ กิร อฺํ านํ นาม นตฺถิ ¶ , มาสสฺส อฏฺ ทิวเส ธมฺมสฺสวนํ ตตฺเถว โหติ. ยาวชฺชตนา อฺตรํ รมณียํ านํ ทิสฺวา, ‘‘สุธมฺมา เทวสภา วิยา’’ติ วทนฺติ. นนฺทาปิ กาลํ กตฺวา คนฺตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺติ, ตสฺสา ปฺจโยชนสติกา นนฺทา นาม โปกฺขรณี นิพฺพตฺติ. จิตฺตาปิ กาลํ กตฺวา คนฺตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺติ ¶ , ตสฺสาปิ ปฺจโยชนสติกํ จิตฺตลตาวนํ นาม นิพฺพตฺติ, ตตฺถ อุปฺปนฺนปุพฺพนิมิตฺเต เทวปุตฺเต เนตฺวา โมหยมานา วิจรนฺติ. สุชา ปน กาลํ กตฺวา เอกิสฺสา คิริกนฺทราย เอกา พกสกุณิกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สกฺโก อตฺตโน ปริจาริกา โอโลเกนฺโต ‘‘สุธมฺมา อิเธว นิพฺพตฺตา, ตถา นนฺทา จ จิตฺตา จ, สุชา นุ โข กุหึ นิพฺพตฺตา’’ติ จินฺเตนฺโต ตํ ตตฺถ นิพฺพตฺตํ ทิสฺวา, ‘‘พาลา กิฺจิ ปฺุํ อกตฺวา อิทานิ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตา, อิทานิ ปน ตํ ปฺุํ กาเรตฺวา อิธาเนตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา อฺาตกเวเสน ตสฺสา ¶ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กึ กโรนฺตี อิธ วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โก ปน ตฺวํ, สามี’’ติ? ‘‘อหํ เต สามิโก มโฆ’’ติ. ‘‘กุหึ นิพฺพตฺโตสิ, สามี’’ติ? ‘‘อหํ ตาวตึสเทวโลเก นิพฺพตฺโต’’. ‘‘ตว สหายิกานํ ปน นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, สามี’’ติ. ‘‘ตาปิ มเมว สนฺติเก นิพฺพตฺตา, ปสฺสิสฺสสิ ตา สหายิกา’’ติ. ‘‘กถาหํ ตตฺถ คมิสฺสามี’’ติ? สกฺโก ‘‘อหํ ตํ ตตฺถ เนสฺสามี’’ติ วตฺวา หตฺถตเล เปตฺวา เทวโลกํ เนตฺวา นนฺทาย โปกฺขรณิยา ตีเร วิสฺสชฺเชตฺวา อิตราสํ ติสฺสนฺนํ อาโรเจสิ – ‘‘ตุมฺหากํ สหายิกํ สุชํ ปสฺสิสฺสถา’’ติ. ‘‘กุหึ สา, เทวา’’ติ ¶ ? ‘‘นนฺทาย โปกฺขรณิยา ตีเร ิตา’’ติ อาห. ตา ติสฺโสปิ คนฺตฺวา, ‘‘อโห อยฺยาย เอวรูปํ อตฺตภาวมณฺฑนสฺส ผลํ, อิทานิสฺสา ตุณฺฑํ ปสฺสถ, ปาเท ปสฺสถ, ชงฺฆา ปสฺสถ, โสภติ วตสฺสา อตฺตภาโว’’ติ เกฬึ กตฺวา ปกฺกมึสุ.
ปุน สกฺโก ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ทิฏฺา เต สหายิกา’’ติ วตฺวา ‘‘ทิฏฺา มํ อุปฺปณฺเฑตฺวา คตา, ตตฺเถว มํ เนหี’’ติ วุตฺเต ตํ ตตฺเถว เนตฺวา อุทเก วิสฺสชฺเชตฺวา, ‘‘ทิฏฺา เต ตาสํ สมฺปตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ทิฏฺา, เทวา’’ติ? ‘‘ตยาปิ ตตฺถ นิพฺพตฺตนูปายํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘มยา ทินฺนํ โอวาทํ รกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘รกฺขิสฺสามิ, เทวา’’ติ. อถสฺสา ปฺจ สีลานิ ทตฺวา, ‘‘อปฺปมตฺตา รกฺขาหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สา ตโต ปฏฺาย สยํมตมจฺฉเกเยว ปริเยสิตฺวา ขาทติ. สกฺโก กติปาหจฺจเยน ตสฺสา วีมํสนตฺถาย คนฺตฺวา, วาลุกาปิฏฺเ มตมจฺฉโก วิย หุตฺวา อุตฺตาโน นิปชฺชิ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘มตมจฺฉโก’’ติ สฺาย อคฺคเหสิ. มจฺโฉ คิลนกาเล นงฺคุฏฺํ จาเลสิ. สา ‘‘สชีวมจฺฉโก’’ติ อุทเก วิสฺสชฺเชสิ. โส โถกํ วีตินาเมตฺวา ปุน ตสฺสา ปุรโต อุตฺตาโน หุตฺวา นิปชฺชิ. ปุน สา ‘‘มตมจฺฉโก’’ติ สฺาย คเหตฺวา คิลนกาเล อคฺคนงฺคุฏฺํ จาเลสิ. ตํ ทิสฺวา ‘‘สชีวมจฺโฉ’’ติ วิสฺสชฺเชสิ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ วีมํสิตฺวา ‘‘สาธุกํ สีลํ รกฺขตี’’ติ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา ‘‘อหํ ตว วีมํสนตฺถาย อาคโต, สาธุกํ สีลํ รกฺขสิ, เอวํ รกฺขมานา ¶ น จิรสฺเสว มม สนฺติเก นิพฺพตฺติสฺสสิ, อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
สา ¶ ¶ ตโต ปฏฺาย ปน สยํมตมจฺฉํ ลภติ วา, น วา. อลภมานา กติปาหจฺจเยเนว สุสฺสิตฺวา กาลํ กตฺวา ตสฺส สีลสฺส ผเลน พาราณสิยํ กุมฺภการสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถสฺสา ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกกาเล สกฺโก ‘‘กุหึ นุ โข สา นิพฺพตฺตา’’ติ อาวชฺเชนฺโต ทิสฺวา, ‘‘อิทานิ มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอฬาลุกวณฺเณน ปฺายมาเนหิ สตฺตหิ รตเนหิ ยานกํ ปูเรตฺวา ตํ ปาเชนฺโต พาราณสึ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, เอฬาลุกานิ คณฺหถ คณฺหถา’’ติ อุคฺโฆเสนฺโต วีถึ ปฏิปชฺชิ. มุคฺคมาสาทีนิ คเหตฺวา อาคเต ปน ‘‘มูเลน น เทมี’’ติ วตฺวา, ‘‘กถํ เทสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘สีลรกฺขิกาย อิตฺถิยา ทมฺมี’’ติ อาห. ‘‘สีลํ นาม, สามิ, กีทิสํ, กึ กาฬํ, อุทาหุ นีลาทิวณฺณ’’นฺติ? ‘‘ตุมฺเห ‘สีลํ กีทิส’นฺติปิ น ชานาถ, กิเมว นํ รกฺขิสฺสถ, สีลรกฺขิกาย ปน ทสฺสามี’’ติ. ‘‘สามิ, เอสา กุมฺภการสฺส ธีตา ‘สีลํ รกฺขามี’ติ วิจรติ, เอติสฺสา เทหี’’ติ. สาปิ นํ ‘‘เตน หิ มยฺหํ เทหิ, สามี’’ติ อาห. ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ อวิชหิตปฺจสีลา’’ติ. ‘‘ตุยฺหเมเวตานิ ¶ มยา อานีตานี’’ติ ยานกํ ปาเชนฺโต ตสฺสา ฆรํ คนฺตฺวา อฺเหิ อนาหริยํ กตฺวา เอฬาลุกวณฺเณน เทวทตฺติยํ ธนํ ทตฺวา อตฺตานํ ชานาเปตฺวา, ‘‘อิทํ เต ชีวิตวุตฺติยา ธนํ, ปฺจสีลานิ อขณฺฑาทีนิ กตฺวา รกฺขาหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
สาปิ ตโต จวิตฺวา อสุรภวเน อสุรเชฏฺกสฺส ธีตา หุตฺวา สกฺกสฺส เวริฆเร นิพฺพตฺติ. ทฺวีสุ ปน อตฺตภาเวสุ สีลสฺส สุรกฺขิตตฺตา อภิรูปา อโหสิ สุวณฺณวณฺณา อสาธารณาย รูปสิริยา สมนฺนาคตา. เวปจิตฺติอสุรินฺโท อาคตาคตานํ อสุรานํ ‘‘ตุมฺเห มม ธีตุ อนุจฺฉวิกา น โหถา’’ติ ตํ กสฺสจิ อทตฺวา, ‘‘มม ธีตา อตฺตนาว อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ สามิกํ คเหสฺสตี’’ติ อสุรพลํ สนฺนิปาตาเปตฺวา, ‘‘ตุยฺหํ อนุจฺฉวิกํ สามิกํ คณฺหา’’ติ ตสฺสา, หตฺเถ ปุปฺผทามํ อทาสิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก ตสฺสา นิพฺพตฺตฏฺานํ โอโลเกนฺโต ตํ ปวตฺตึ ตฺวา, ‘‘อิทานิ มยา คนฺตฺวา ตํ อาเนตุํ วฏฺฏตี’’ติ มหลฺลกอสุรวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต อฏฺาสิ. สาปิ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตี ตํ ทิฏฺมตฺตาว ปุพฺพสนฺนิวาสวเสน อุปฺปนฺเนน เปเมน มโหเฆเนว อชฺโฌตฺถฏหทยา หุตฺวา, ‘‘เอโส เม สามิโก’’ติ ตสฺส อุปริ ปุปฺผทามํ ขิปิ ¶ . อสุรา ‘‘อมฺหากํ ราชา เอตฺตกํ กาลํ ธีตุ อนุจฺฉวิกํ อลภิตฺวา อิทานิ ลภิ, อยเมวสฺส ธีตุ ปิตามหโต มหลฺลโก อนุจฺฉวิโก’’ติ ลชฺชมานา ¶ อปกฺกมึสุ. สกฺโกปิ ตํ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘สกฺโกหมสฺมี’’ติ นทิตฺวา อากาเส ปกฺขนฺทิ. อสุรา ‘‘วฺจิตมฺหา ชรสกฺเกนา’’ติ ตํ อนุพนฺธึสุ. มาตลิ, สงฺคาหโก เวชยนฺตรถํ อาหริตฺวา อนฺตรามคฺเค อฏฺาสิ. สกฺโก ตํ ตตฺถ อาโรเปตฺวา เทวนคราภิมุโข ปายาสิ. อถสฺส สิปฺปลิวนํ สมฺปตฺตกาเล รถสทฺทํ สุตฺวา ภีตา ครุฬโปตกา ¶ วิรวึสุ. เตสํ สทฺทํ สุตฺวา สกฺโก มาตลึ ปุจฺฉิ – ‘‘เก เอเต วิรวนฺตี’’ติ? ‘‘ครุฬโปตกา, เทวา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘รถสทฺทํ สุตฺวา มรณภเยนา’’ติ. ‘‘มํ เอกํ นิสฺสาย เอตฺตโก ทิโช รถเวเคน วิจุณฺณิโต มา นสฺสิ, นิวตฺเตหิ รถ’’นฺติ. โสปิ สินฺธวสหสฺสสฺส ทณฺฑกสฺํ ทตฺวา รถํ นิวตฺเตสิ. ตํ ทิสฺวา อสุรา ‘‘ชรสกฺโก อสุรปุรโต ปฏฺาย ปลายนฺโต อิทานิ รถํ นิวตฺเตสิ, อทฺธา เตน อุปตฺถมฺโภ ลทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ นิวตฺเตตฺวา อาคมนมคฺเคเนว อสุรปุรํ ปวิสิตฺวา ปุน สีสํ น อุกฺขิปึสุ.
สกฺโกปิ สุชํ อสุรกฺํ เทวนครํ เนตฺวา อฑฺฒเตยฺยานํ อจฺฉราโกฏีนํ เชฏฺิกฏฺาเน เปสิ. สา สกฺกํ วรํ ยาจิ – ‘‘มหาราช, มม อิมสฺมึ เทวโลเก มาตาปิตโร วา ภาติกภคินิโย วา นตฺถิ, ยตฺถ ยตฺถ คจฺฉสิ, ตตฺถ ตตฺถ มํ คเหตฺวาว ¶ คจฺเฉยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ตสฺสา ปฏิฺํ อทาสิ. ตโต ปฏฺาย จิตฺตปาฏลิยา ปุปฺผิตาย อสุรา ‘‘อมฺหากํ นิพฺพตฺตฏฺาเน ทิพฺพปาริจฺฉตฺตกสฺส ปุปฺผนกาโล’’ติ ยุทฺธตฺถาย สคฺคํ อภิรุหนฺติ. สกฺโก เหฏฺาสมุทฺเท นาคานํ อารกฺขํ อทาสิ, ตโต สุปณฺณานํ, ตโต กุมฺภณฺฑานํ, ตโต ยกฺขานํ. ตโต จตุนฺนํ มหาราชานํ. สพฺพูปริ ปน อุปทฺทวนิวตฺตนตฺถาย เทวนครทฺวาเรสุ วชิรหตฺถา อินฺทปฏิมา เปสิ. อสุรา นาคาทโย ชินิตฺวา อาคตาปิ อินฺทปฏิมา ทูรโต ทิสฺวา ‘‘สกฺโก นิกฺขนฺโต’’ติ ปลายนฺติ. เอวํ, มหาลิ, มโฆ มาณโว อปฺปมาทปฏิปทํ ปฏิปชฺชิ. เอวํ อปฺปมตฺโต ปเนส เอวรูปํ อิสฺสริยํ ปตฺวา ทฺวีสุ เทวโลเกสุ รชฺชํ กาเรสิ. อปฺปมาโท นาเมส พุทฺธาทีหิ ปสตฺโถ. อปฺปมาทฺหิ นิสฺสาย สพฺเพสมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรานํ วิเสสานํ อธิคโม โหตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปมาเทน ¶ มฆวา, เทวานํ เสฏฺตํ คโต;
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ, ปมาโท ครหิโต สทา’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมาเทนาติ มจลคาเม ภูมิปฺปเทสโสธนํ อาทึ กตฺวา กเตน อปฺปมาเทน. มฆวาติ อิทานิ ‘‘มฆวา’’ติปฺาโต มโฆ มาณโว ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ ราชภาเวน เทวานํ เสฏฺตํ คโต. ปสํสนฺตีติ พุทฺธาทโย ปณฺฑิตา อปฺปมาทเมว โถเมนฺติ ¶ วณฺณยนฺติ. กึ การณา? สพฺเพสํ โลกิยโลกุตฺตรานํ วิเสสานํ ปฏิลาภการณตฺตา. ปมาโท ครหิโต สทาติ ปมาโท ปน เตหิ อริเยหิ นิจฺจํ ครหิโต นินฺทิโต. กึ การณา? สพฺพวิปตฺตีนํ มูลภาวโต. มนุสฺสโทภคฺคํ วา หิ อปายุปฺปตฺติ วา สพฺพา ปมาทมูลิกาเยวาติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ มหาลิ ลิจฺฉวี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ พหู โสตาปนฺนาทโย ชาตาติ.
มฆวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ
อปฺปมาทรโต ภิกฺขูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สตฺถุ สนฺติเก ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ นาสกฺขิ. โส ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปสฺสามี’’ติ ตโต นิกฺขมิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มหนฺตํ ทาวคฺคึ อุฏฺิตํ ทิสฺวา เวเคน เอกํ มุณฺฑปพฺพตมตฺถกํ อภิรุยฺห นิสินฺโน อรฺํ ¶ ฑยฺหมานํ อคฺคึ ทิสฺวา อารมฺมณํ คณฺหิ – ‘‘ยถา อยํ อคฺคิ มหนฺตานิ จ ขุทฺทกานิ จ อุปาทานานิ ฑหนฺโต คจฺฉติ, เอวํ อริยมคฺคาณคฺคินาปิ มหนฺตานิ จ ขุทฺทกานิ จ สํโยชนานิ ฑหนฺเตน คนฺตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ตสฺส จิตฺตาจารํ ตฺวา, ‘‘เอวเมว, ภิกฺขุ, มหนฺตานิปิ ขุทฺทกานิปิ อุปาทานานิ วิย อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชมานานิ อณุํถูลานิ สํโยชนานิ, ตานิ ¶ าณคฺคินา ฌาเปตฺวา อภพฺพุปฺปตฺติกานิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน อภิมุเข นิสินฺโน วิย ปฺายมาโน อิมํ โอภาสคาถมาห –
‘‘อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ, ปมาเท ภยทสฺสิ วา;
สํโยชนํ อณุํ ถูลํ, ฑหํ อคฺคีว คจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมาทรโตติ อปฺปมาเท รโต อภิรโต, อปฺปมาเทน วีตินาเมนฺโตติ อตฺโถ. ปมาเท ภยทสฺสิ วาติ นิรยุปฺปตฺติอาทิกํ ปมาเท ภยํ ภยโต ปสฺสนฺโต, ตาสํ วา อุปฺปตฺตีนํ มูลตฺตา ปมาทํ ภยโต ปสฺสนฺโต. สํโยชนนฺติ วฏฺฏทุกฺเขน สทฺธึ โยชนํ พนฺธนํ ปชานํ วฏฺเฏ โอสีทาปนสมตฺถํ ทสวิธํ สํโยชนํ. อณุํ ถูลนฺติ มหนฺตฺจ ขุทฺทกฺจ. ฑหํ อคฺคีว คจฺฉตีติ ยถา อยํ อคฺคี เอตํ มหนฺตฺจ ¶ ขุทฺทกฺจ อุปาทานํ ฑหนฺโตว คจฺฉติ. เอวเมโส ¶ อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ อปฺปมาทาธิคเตน าณคฺคินา เอตํ สํโยชนํ ฑหนฺโต อภพฺพุปฺปตฺติกํ กโรนฺโต คจฺฉตีติ อตฺโถ.
คาถาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ ยถานิสินฺโนว สพฺพสํโยชนานิ ฌาเปตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา ตถาคตสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ โถเมตฺวา วณฺเณตฺวา วนฺทมาโนว ปกฺกามีติ.
อฺตรภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. นิคมวาสิติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อปฺปมาทรโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต นิคมวาสิติสฺสตฺเถรํ นาม อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สาวตฺถิโต อวิทูเร นิคมคาเม ชาตสํวฑฺโฒ เอโก กุลปุตฺโต สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ‘‘นิคมวาสิติสฺสตฺเถโร นาม อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อารทฺธวีริโย’’ติ ปฺายิ. โส นิพทฺธํ าติคาเมเยว ปิณฺฑาย วิจรติ. อนาถปิณฺฑิกาทีสุ มหาทานานิ กโรนฺเตสุ, ปเสนทิโกสเล อสทิสทานํ กโรนฺเตปิ ¶ สาวตฺถึ นาคจฺฉติ. ภิกฺขู ‘‘อยํ นิคมวาสิติสฺสตฺเถโร อุฏฺาย สมุฏฺาย าติสํสฏฺโ วิหรติ, อนาถปิณฺฑิกาทีสุ มหาทานาทีนิ กโรนฺเตสุ, ปเสนทิโกสเล อสทิสทานํ กโรนฺเตปิ เนว อาคจฺฉตี’’ติ กถํ สมุฏฺาเปตฺวา ¶ สตฺถุ อาโรจยึสุ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, มยฺหํ าติสํสคฺโค, อหํ เอเต มนุสฺเส นิสฺสาย อชฺโฌหรณียมตฺตํ อาหารํ ลภามิ ลูเข วา ปณีเต วา. ยาปนมตฺเต ลทฺเธ ปุน กึ อาหารปริเยสเนนาติ น คจฺฉามิ, าตีหิ ปน เม สํสคฺโค นาม นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต สตฺถา ปกติยาปิ ตสฺส อชฺฌาสยํ วิชานนฺโต – ‘‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขู’’ติ ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ ภิกฺขุ, ยํ ตฺวํ มาทิสํ อาจริยํ ลภิตฺวา อปฺปิจฺโฉ อโหสิ. อยฺหิ อปฺปิจฺฉตา นาม มม ตนฺติ, มม ปเวณี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ –
อตีเต หิมวนฺเต คงฺคาตีเร เอกสฺมึ อุทุมฺพรวเน อเนกสหสฺสา สุวา วสึสุ. ตตฺเรโก สุวราชา ¶ อตฺตโน นิวาสรุกฺขสฺส ผเลสุ ขีเณสุ ยํ ยเทว อวสิฏฺํ โหติ องฺกุโร วา ปตฺตํ วา ตโจ วา, ตํ ตํ ขาทิตฺวา คงฺคายํ ปานียํ ปิวิตฺวา ปรมปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ หุตฺวา อฺตฺถ น คจฺฉติ. ตสฺส อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺภาวคุเณน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ. สกฺโก อาวชฺชมาโน ตํ ทิสฺวา ตสฺส วีมํสนตฺถํ อตฺตโน อานุภาเวน ตํ รุกฺขํ สุกฺขาเปสิ. รุกฺโข โอภคฺโค ขาณุมตฺโต ฉิทฺทาวฉิทฺโทว หุตฺวา วาเต ปหรนฺเต อาโกฏิโต วิย สทฺทํ นิจฺฉาเรนฺโต อฏฺาสิ. ตสฺส ฉิทฺเทหิ จุณฺณานิ นิกฺขมนฺติ. สุวราชา ¶ ตานิ ขาทิตฺวา คงฺคายํ ปานียํ ปิวิตฺวา อฺตฺถ อคนฺตฺวา วาตาตปํ อคเณตฺวา อุทุมฺพรขาณุมตฺถเก นิสีทติ. สกฺโก ตสฺส ปรมปฺปิจฺฉภาวํ ตฺวา, ‘‘มิตฺตธมฺมคุณํ กถาเปตฺวา วรมสฺส ทตฺวา อุทุมฺพรํ อมตผลํ กตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ เอโก หํสราชา หุตฺวา สุชํ อสุรกฺํ ปุรโต กตฺวา อุทุมฺพรวนํ คนฺตฺวา อวิทูเร เอกสฺส รุกฺขสฺส สาขาย นิสีทิตฺวา เตน สทฺธึ กเถนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สนฺติ รุกฺขา หริปตฺตา, ทุมาเนกผลา พหู;
กสฺมา นุ สุกฺเข โกฬาเป, สุวสฺส นิรโต มโน’’ติ. (ชา. ๑.๙.๓๐);
สพฺพํ ¶ สุวชาตกํ นวกนิปาเต อาคตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. อฏฺุปฺปตฺติเยว หิ ตตฺถ จ อิธ จ นานา, เสสํ ตาทิสเมว. สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ตทา สกฺโก อานนฺโท อโหสิ, สุวราชา อหเมวา’’ติ วตฺวา, ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, อปฺปิจฺฉตา นาเมสา มม ตนฺติ, มม ปเวณี, อนจฺฉริยา มม ปุตฺตสฺส นิคมวาสิติสฺสสฺส มาทิสํ อาจริยํ ลภิตฺวา อปฺปิจฺฉตา, ภิกฺขุนา นาม นิคมวาสิติสฺเสน วิย อปฺปิจฺเฉเนว ภวิตพฺพํ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ อภพฺโพ สมถวิปสฺสนาธมฺเมหิ วา มคฺคผเลหิ วา ปริหานาย, อฺทตฺถุ นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ, ปมาเท ภยทสฺสิ วา;
อภพฺโพ ปริหานาย, นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก’’ติ.
ตตฺถ อภพฺโพ ปริหานายาติ โส เอวรูโป ภิกฺขุ สมถวิปสฺสนาธมฺเมหิ วา มคฺคผเลหิ วา ปริหานาย ¶ อภพฺโพ, นาปิ ปตฺเตหิ ปริหายติ, น อปฺปตฺตานิ น ปาปุณาติ. นิพฺพานสฺเสว สนฺติเกติ กิเลสปรินิพฺพานสฺสปิ อนุปาทาปรินิพฺพานสฺสาปิ สนฺติเกเยวาติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ นิคมวาสิติสฺสตฺเถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
นิคมวาสิติสฺสตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
อปฺปมาทวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา. ทุติโย วคฺโค.
๓. จิตฺตวคฺโค
๑. เมฆิยตฺเถรวตฺถุ
ผนฺทนํ ¶ ¶ ¶ จปลํ จิตฺตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา จาลิกาย ปพฺพเต วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ เมฆิยํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส วตฺถุํ วิภาวนตฺถํ สพฺพํ เมฆิยสุตฺตนฺตํ (อุทา. ๓๑) วิตฺถาเรตพฺพํ. สตฺถา ปน ตีหิ วิตกฺเกหิ อนฺวาสตฺตตาย ตสฺมึ อมฺพวเน ปธานํ อนุยฺุชิตุํ อสกฺกุณิตฺวา อาคตํ เมฆิยตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อติภาริยํ เต, เมฆิย, กตํ ‘อาคเมหิ ตาว, เมฆิย, เอกโกมฺหิ ยาว อฺโปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตี’ติ มํ ยาจนฺตํ เอกกํ ปหาย คจฺฉนฺเตน ภิกฺขุนา นาม เอวํ จิตฺตวสิเกน ภวิตุํ น วฏฺฏติ, จิตฺตํ นาเมตํ ลหุกํ, ตํ อตฺตโน วเส วตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ผนฺทนํ จปลํ จิตฺตํ, ทูรกฺขํ ทุนฺนิวารยํ;
อุชุํ กโรติ เมธาวี, อุสุกาโรว เตชนํ.
‘‘วาริโชว ถเล ขิตฺโต, โอกโมกตอุพฺภโต;
ปริปฺผนฺทติทํ จิตฺตํ, มารเธยฺยํ ปหาตเว’’ติ.
ตตฺถ ¶ ผนฺทนนฺติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ วิปฺผนฺทมานํ. จปลนฺติ เอกอิริยาปเถน อสณฺหนฺโต คามทารโก วิย เอกสฺมึ อารมฺมเณ อสณฺหนโต จปลํ. จิตฺตนฺติ วิฺาณํ, ภูมิวตฺถุอารมฺมณกิริยาทิวิจิตฺตตาย ปเนตํ ‘‘จิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ทูรกฺขนฺติ กิฏฺสมฺพาเธ าเน กิฏฺขาทกโคณํ วิย เอเกกสฺมึ สปฺปายารมฺมเณเยว ทุฏฺปนโต ทูรกฺขํ. ทุนฺนิวารยนฺติ วิสภาคารมฺมณํ คจฺฉนฺตํ ปฏิเสเธตุํ ทุกฺขตฺตา ทุนฺนิวารยํ. อุสุกาโรว เตชนนฺติ ยถา นาม อุสุกาโร อรฺโต เอกํ วงฺกทณฺฑกํ อาหริตฺวา นิตฺตจํ กตฺวา กฺชิยเตเลน มกฺเขตฺวา องฺคารกปลฺเล ตาเปตฺวา รุกฺขาลเก อุปฺปีเฬตฺวา นิวงฺกํ อุชุํ วาลวิชฺฌนโยคฺคํ กโรติ, กตฺวา จ ¶ ปน ราชราชมหามตฺตานํ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ ลภติ, เอวเมว ¶ เมธาวี ปณฺฑิโต วิฺู ปุริโส ผนฺทนาทิสภาวเมตํ จิตฺตํ ธุตงฺคารฺาวาสวเสน, นิตฺตจํ อปคตโอฬาริกกิเลสํ กตฺวา สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา กายิกเจตสิกวีริเยน ตาเปตฺวา สมถวิปสฺสนาลเก อุปฺปีเฬตฺวา อุชุํ อกุฏิลํ นิพฺพิเสวนํ กโรติ, กตฺวา จ ปน สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา มหนฺตํ อวิชฺชกฺขนฺธํ ปทาเลตฺวา, ‘‘ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺา, นว โลกุตฺตรธมฺเม’’ติ อิมํ วิเสสํ หตฺถคตเมว กตฺวา อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ ¶ ลภติ.
วาริโชวาติ มจฺโฉ วิย, ถเล ขิตฺโตติ หตฺเถน วา ปาเทน วา ชาลาทีนํ วา อฺตเรน ถเล ฉฑฺฑิโต. โอกโมกตอุพฺภโตติ ‘‘โอกปุณฺเณหิ จีวเรหี’’ติ เอตฺถ (มหาว. ๓๐๖) อุทกํ โอกํ, ‘‘โอกํ ปหาย อนิเกตสารี’’ติ เอตฺถ (สุ. นิ. ๘๕๐) อาลโย, เอตฺถ อุภยมฺปิ ลพฺภติ. ‘‘โอกโมกตอุพฺภโต’’ติ หิ เอตฺถ โอกโมกโตติ อุทกสงฺขาตา อาลยาติ อยมตฺโถ. อุพฺภโตติ อุทฺธโฏ. ปริปฺผนฺทติทํ จิตฺตนฺติ ยถา โส อุทกาลยโต อุพฺภโต ถเล ขิตฺโต มจฺโฉ อุทกํ อลภนฺโต ปริปฺผนฺทติ, เอวมิทํ ปฺจกามคุณาลยาภิรตํ จิตฺตํ ตโต อุทฺธริตฺวา มารเธยฺยสงฺขาตํ วฏฺฏํ ปหาตุํ วิปสฺสนากมฺมฏฺาเน ขิตฺตํ กายิกเจตสิกวีริเยน สนฺตาปิยมานํ ปริปฺผนฺทติ, สณฺาตุํ น สกฺโกติ. เอวํ สนฺเตปิ ธุรํ อนิกฺขิปิตฺวา เมธาวี ปุคฺคโล ตํ วุตฺตนเยเนว อุชุํ กมฺมนิยํ กโรตีติ อตฺโถ. อปโร นโย – อิทํ มารเธยฺยํ กิเลสวฏฺฏํ อวิชหิตฺวา ิตํ จิตฺตํ โส วาริโช วิย ปริปฺผนฺทติ, ตสฺมา มารเธยฺยํ ปหาตเว, เยน กิเลสวฏฺฏสงฺขาเตน มารเธยฺเยเนว ปริปฺผนฺทติ, ตํ ปหาตพฺพนฺติ.
คาถาปริโยสาเน เมฆิยตฺเถโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย ชาตาติ.
เมฆิยตฺเถรวตฺถุ ปมํ.
๒. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ
ทุนฺนิคฺคหสฺส ¶ ลหุโนติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โกสลรฺโ ¶ กิร วิชิเต ปพฺพตปาเท มาติกคาโม นาม เอโก ฆนวาโส คาโม อโหสิ. อเถกทิวสํ สฏฺิมตฺตา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา ตํ ¶ คามํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. อถ เน โย ตสฺส คามสฺส สามิโก มาติโก นาม, ตสฺส มาตา ทิสฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา นานคฺครเสน ยาคุภตฺเตน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กตฺถ คนฺตุกามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ยถา ผาสุกฏฺานํ มหาอุปาสิเก’’ติ. สา ‘‘วสฺสาวาสฏฺานํ, อยฺยา, ปริเยสนฺติ มฺเ’’ติ ตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘สเจ, อยฺยา, อิมํ เตมาสํ อิธ วสิสฺสนฺติ, อหํ ตีณิ สรณานิ, ปฺจ สีลานิ คเหตฺวา อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ภิกฺขู ‘‘มยํ อิมํ นิสฺสาย ภิกฺขาย อกิลมนฺตา ภวนิสฺสรณํ กาตุํ สกฺขิสฺสามา’’ติ อธิวาสยึสุ. สา เตสํ วสนฏฺานํ วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา อทาสิ.
เต ตตฺเถว วสนฺตา เอกทิวสํ สนฺนิปติตฺวา อฺมฺํ โอวทึสุ, ‘‘อาวุโส, อมฺเหหิ ปมาทจารํ จริตุํ น วฏฺฏติ. อมฺหากฺหิ สกเคหํ วิย อฏฺ มหานิรยา วิวฏทฺวาราเยว, ธรมานกพุทฺธสฺส โข ปน สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา มยํ อาคตา, พุทฺธา จ นาม ปทานุปทิกํ วิจรนฺเตนาปิ สเน อาราเธตุํ น สกฺกา, ยถาชฺฌาสเยเนว อาราเธตุํ สกฺกา, อปฺปมตฺตา โหถ, ทฺวีหิ เอกฏฺาเน น าตพฺพํ, น นิสีทิตพฺพํ, สายํ โข ปน เถรูปฏฺานกาเล ปาโตว ภิกฺขาจารกาเล เอกโต ภวิสฺสาม, เสสกาเล ทฺเว เอกโต น ภวิสฺสาม, อปิจ โข ปน อผาสุเกน ภิกฺขุนา ¶ อาคนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ฆณฺฑิยา ปหตาย ฆณฺฑิสฺาย อาคนฺตฺวา ตสฺส เภสชฺชํ กริสฺสามา’’ติ.
เตสุ เอวํ กติกํ กตฺวา วิหรนฺเตสุ เอกทิวสํ สา อุปาสิกา สปฺปิเตลผาณิตาทีนิ คาหาเปตฺวา ทาสทาสิกมฺมกราทีหิ ปริวุตา สายนฺหสมเย ตํ วิหารํ คนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ภิกฺขู อทิสฺวา, ‘‘กหํ นุ โข, อยฺยา, คตา’’ติ ปุริเส ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ นิสินฺนา ภวิสฺสนฺติ, อยฺเย’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ นุ โข กตฺวา ทฏฺุํ ¶ สกฺขิสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส กติกวตฺตํ ชานนมนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘ฆณฺฑิยา ปหตาย สนฺนิปติสฺสนฺติ, อยฺเย’’ติ. สา จ ฆณฺฑึ ปหราเปสิ. ภิกฺขู ฆณฺฑิสทฺทํ สุตฺวา, ‘‘กสฺสจิ อผาสุกํ ภวิสฺสตี’’ติ สกสกฏฺาเนหิ นิกฺขมิตฺวา วิหารมชฺเฌ สนฺนิปตึสุ. ทฺเวปิ ชนา เอกมคฺเคนาคตา นาม นตฺถิ. อุปาสิกา เอเกกฏฺานโต เอเกกเมว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘มม ปุตฺเตหิ อฺมฺํ กลโห กโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กลหํ นุ โข, ภนฺเต, กริตฺถา’’ติ? ‘‘น กโรม, มหาอุปาสิเก’’ติ. ‘‘สเจ โว, ภนฺเต, กลโห นตฺถิ, อถ กสฺมา ยถา อมฺหากํ เคหํ อาคจฺฉนฺตา สพฺเพ เอกโตว อาคจฺฉถ, เอวํ อนาคนฺตฺวา เอเกกฏฺานโต เอเกกาว อาคตา’’ติ? ‘‘มหาอุปาสิเก, เอเกกสฺมึ าเน นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กริมฺหา’’ติ. ‘‘โก เอส ¶ , ภนฺเต, สมณธมฺโม นามา’’ติ? ‘‘ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ กโรม, อตฺตภาเว จ ขยวยํ ปฏฺเปม, มหาอุปาสิเก’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ กาตุํ, อตฺตภาเว จ ขยวยํ ปฏฺเปตุํ ตุมฺหากเมว วฏฺฏติ, อุทาหุ อมฺหากมฺปีติ, กสฺสจิปิ ¶ อวาริโต เอส ธมฺโม, มหาอุปาสิเก’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มยฺหมฺปิ ทฺวตฺตึสาการํ เทถ, อตฺตภาเว จ ขยวยปฏฺปนํ อาจิกฺขถา’’ติ. ‘‘เตน หิ อุคฺคณฺห, มหาอุปาสิเก’’ติ สพฺพํ อุคฺคณฺหาเปสุํ.
สา ตโต ปฏฺาย ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ กตฺวา อตฺตนิ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ ปุเรตรเมว ตโย มคฺเค, ตีณิ จ ผลานิ ปาปุณิ. มคฺเคเนว จสฺสา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา โลกิยอภิฺา จ อาคมึสุ. สา มคฺคผลสุขโต วุฏฺาย ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกตฺวา, ‘‘กทา นุ โข มม ปุตฺเตหิ อยํ ธมฺโม อธิคโต’’ติ อุปธาเรนฺตี สพฺเพปิเม สราคา สโทสา สโมหา ฌานวิปสฺสนามตฺตมฺปิ เตสํ นตฺถิ, ‘‘กึ นุ โข มยฺหํ ปุตฺตานํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสโย อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อาวชฺเชตฺวา, ‘‘อตฺถี’’ติ ทิสฺวา, ‘‘เสนาสนสปฺปายํ นุ โข อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ตมฺปิ ทิสฺวา, ‘‘ปุคฺคลสปฺปายํ นุ โข ลภนฺติ, น ลภนฺตี’’ติ อาวชฺเชสิ, ปุคฺคลสปฺปายมฺปิ ทิสฺวา, ‘‘อาหารสปฺปายํ นุ โข ลภนฺติ, น ลภนฺตี’’ติ อุปธาเรนฺตี ‘‘อาหารสปฺปายํ เนสํ นตฺถี’’ติ ทิสฺวา ตโต ปฏฺาย นานาวิธํ ยาคุํ, อเนกปฺปการํ ขชฺชกํ, นานคฺครสฺจ โภชนํ สมฺปาเทตฺวา เคเห ภิกฺขู นิสีทาเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต ¶ , ตุมฺหากํ ยํ ยํ รุจฺจติ, ตํ ตํ คเหตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ นิยฺยาเทสิ. เต ยถารุจิ ยาคุอาทีนิ คเหตฺวา ปริภฺุชนฺติ. เตสํ สปฺปายาหารํ ลภนฺตานํ จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ.
เต เอกคฺเคน จิตฺเตน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺตยึสุ – ‘‘อโห มหาอุปาสิกา อมฺหากํ ปติฏฺา ชาตา, สเจ มยํ สปฺปายาหารํ น ลภิมฺห, น โน มคฺคผลปฏิเวโธ อภวิสฺส, อิทานิ วุฏฺวสฺสา ปวาเรตฺวา สตฺถุ ¶ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ. เต ‘‘สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ มหาอุปาสิกํ อาปุจฺฉึสุ. ‘‘มหาอุปาสิกา สาธุ, อยฺยา’’ติ. เต อนุคนฺตฺวา ปุนปิ, ‘‘ภนฺเต, อมฺเห โอโลเกยฺยาถา’’ติ พหูนิ ปิยวจนานิ วตฺวา ปฏินิวตฺติ. เตปิ โข ภิกฺขู สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิตฺถา’’ติ วุตฺเต ‘‘ขมนียํ, ภนฺเต, ยาปนียํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน ปน เนว กิลมิมฺห. อมฺหากฺหิ มาติกมาตา นาเมกา อุปาสิกา จิตฺตาจารํ ตฺวา, ‘อโห วต โน เอวรูปํ นาม ¶ อาหารํ ปฏิยาเทยฺยา’ติ จินฺติเต ยถาจินฺติตํ อาหารํ ปฏิยาเทตฺวา อทาสี’’ติ ตสฺสา คุณกถํ กถยึสุ.
อฺตโร ภิกฺขุ ตสฺสา คุณกถํ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตุกาโม หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตํ คามํ คมิสฺสามี’’ติ สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา เชตวนโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตํ คามํ ปตฺวา วิหารํ ปวิสนทิวเสเยว จินฺเตสิ – ‘‘อยํ กิร อุปาสิกา จินฺติตจินฺติตํ ชานาติ, อหฺจ มคฺคกิลนฺโต วิหารํ ปฏิชคฺคิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อโห วต เม วิหารปฏิชคฺคกํ มนุสฺสํ เปเสยฺยา’’ติ. อุปาสิกา เคเห นิสินฺนาว อาวชฺเชนฺตี ตมตฺถํ ตฺวา, ‘‘คจฺฉ, วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา เอหี’’ติ มนุสฺสํ เปเสสิ. อิตโรปิ ปานียํ ปิวิตุกาโม ‘‘อโห วต เม สกฺขรปานกํ กตฺวา เปเสยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสิกา ตมฺปิ เปเสสิ. โส ปุนทิวเส ‘‘ปาโตว สินิทฺธยาคุํ เม สอุตฺตริภงฺคํ เปเสตู’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสิกา ตถา อกาสิ ¶ . โส ยาคุํ ปิวิตฺวา, ‘‘อโห วต เม เอวรูปํ ขชฺชกํ เปเสยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสิกา ตมฺปิ เปเสสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อุปาสิกา มยา สพฺพํ จินฺติตจินฺติตํ เปเสสิ, อหํ ¶ เอตํ ทฏฺุกาโม, อโห วต เม นานคฺครสโภชนํ คาหาเปตฺวา สยเมว อาคจฺเฉยฺยา’’ติ. อุปาสิกา ‘‘มม ปุตฺโต มํ ทฏฺุกาโม, อาคมนํ เม ปจฺจาสีสตี’’ติ โภชนํ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ตสฺส อทาสิ. โส กตภตฺตกิจฺโจ ‘‘มาติกมาตา นาม ตฺวํ, มหาอุปาสิเก’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ตาตา’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปรจิตฺตํ ชานาสี’’ติ? ‘‘กึ มํ ปุจฺฉสิ, ตาตา’’ติ? ‘‘มยา จินฺติตจินฺติตํ สพฺพมกาสิ, เตน ตํ ปุจฺฉามี’’ติ. ‘‘ปรจิตฺตชานนกภิกฺขู พหู, ตาตา’’ติ? ‘‘นาหํ อฺเ ปุจฺฉามิ, ตุวํ ปุจฺฉามิ, อุปาสิเก’’ติ. เอวํ สนฺเตปิ อุปาสิกา ‘‘ปรจิตฺตํ ชานามี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปรจิตฺตํ ชานนฺตา นาม เอวํ กโรนฺติ ปุตฺตา’’ติ อาห. โส ‘‘ภาริยํ วติทํ กมฺมํ, ปุถุชฺชนา นาม โสภนมฺปิ อโสภนมฺปิ จินฺเตนฺติ, สจาหํ กิฺจิ อยุตฺตํ จินฺตยิสฺสามิ, สห ภณฺฑเกน โจรํ จูฬาย คณฺหนฺตี วิย มํ วิปฺปการํ ปาเปยฺย, มยา อิโต ปลายิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อุปาสิเก, อหํ คมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กหํ, อยฺยา’’ติ? ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ, อุปาสิเก’’ติ. ‘‘วสถ ตาว, ภนฺเต, อิธา’’ติ. ‘‘น วสิสฺสามิ, อุปาสิเก, คมิสฺสาเมวา’’ติ นิกฺขมิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ ภิกฺขุ น ตฺวํ ตตฺถ วสสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, น สกฺกา ตตฺถ วสิตุ’’นฺติ. ‘‘กึ การณา ภิกฺขู’’ติ? ‘‘ภนฺเต, สา อุปาสิกา จินฺติตจินฺติตํ สพฺพํ ชานาติ, ปุถุชฺชนา จ นาม โสภนมฺปิ อโสภนมฺปิ จินฺเตนฺติ, สจาหํ กิฺจิ อยุตฺตํ จินฺเตสฺสามิ, สห ภณฺฑเกน โจรํ จูฬาย คณฺหนฺตี วิย มํ วิปฺปการํ ปาเปสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ¶ อาคโตมฺหีติ. ‘‘ภิกฺขุ, ตตฺเถว ตยา วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ , ‘‘น สกฺโกมิ, ภนฺเต, นาหํ ตตฺถ วสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอกเมว รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตว จิตฺตเมว รกฺข, จิตฺตํ นาเมตํ ทุรกฺขํ, ตฺวํ อตฺตโน จิตฺตเมว นิคฺคณฺห, มา อฺํ กิฺจิ จินฺตยิ, จิตฺตํ นาเมตํ ทุนฺนิคฺคห’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน, ยตฺถกามนิปาติโน;
จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ, จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวห’’นฺติ.
ตตฺถ จิตฺตํ นาเมตํ ทุกฺเขน นิคฺคยฺหตีติ ทุนฺนิคฺคหํ. ลหุํ อุปฺปชฺชติ จ นิรุชฺฌติ จาติ ลหุ. ตสฺส ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน. ยตฺถกามนิปาติโนติ ยตฺถ กตฺถจิเทว นิปตนสีลสฺส. เอตฺหิ ลภิตพฺพฏฺานํ วา อลภิตพฺพฏฺานํ วา ยุตฺตฏฺานํ วา อยุตฺตฏฺานํ วา น ชานาติ, เนว ชาตึ ¶ โอโลเกติ, น โคตฺตํ, น วยํ. ยตฺถ ยตฺถ อิจฺฉติ, ตตฺถ ตตฺเถว นิปตตีติ ‘‘ยตฺถกามนิปาตี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺส เอวรูปสฺส จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ จตูหิ อริยมคฺเคหิ ทนฺตภาโว ยถา นิพฺพิเสวนํ โหติ, ตถา กตภาโว สาธุ. กึ การณา? อิทฺหิ จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ นิพฺพิเสวนํ กตํ มคฺคผลสุขํ ปรมตฺถนิพฺพานสุขฺจ อาวหตีติ.
เทสนาปริโยสาเน สมฺปตฺตปริสาย พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ, มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
สตฺถา ตสฺส ¶ ภิกฺขุโน อิมํ โอวาทํ ทตฺวา, ‘‘คจฺฉ, ภิกฺขุ, อฺํ กิฺจิ อจินฺตยิตฺวา ตตฺเถว วสาหี’’ติ ปหิณิ. โส ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติกา โอวาทํ ลภิตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. กิฺจิ พหิทฺธา จินฺตนํ นาม น จินฺเตสิ. มหาอุปาสิกาปิ ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺตี เถรํ ทิสฺวา, ‘‘อิทานิ โอวาททายกํ อาจริยํ ลภิตฺวา ปุนาคโต มม ปุตฺโต’’ติ อตฺตโน าเณเนว ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตสฺส สปฺปายาหารํ ปฏิยาเทตฺวา อทาสิ. โส สปฺปายโภชนํ เสวิตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปตฺวา มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต ‘‘อโห มหาอุปาสิกา มยฺหํ ปติฏฺา ชาตา, อหํ อิมํ นิสฺสาย ภวนิสฺสรณํ ปตฺโตมฺหี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อิมสฺมึ ตาว เม อตฺตภาเว ปติฏฺา ชาตา, สํสาเร ปน เม สํสรนฺตสฺส อฺเสุปิ อตฺตภาเวสุ อยํ ปติฏฺา ภูตปุพฺพา, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต เอกูนอตฺตภาวสตํ อนุสฺสริ. สาปิ เอกูนอตฺตภาวสเต ตสฺส ปาทปริจาริกา อฺเสุ ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ตํ ชีวิตา โวโรเปสิ. เถโร ¶ ตสฺสา เอตฺตกํ อคุณํ ทิสฺวา, ‘‘อโห มยํ มหาอุปาสิกา ภาริยํ กมฺมํ อกาสี’’ติ จินฺเตสิ.
มหาอุปาสิกาปิ เคเห นิสินฺนาว ‘‘กึ นุ โข มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺตกํ ปตฺตํ, โน’’ติ อุปธารยมานา ตสฺส อรหตฺตปตฺตึ ตฺวา อุตฺตริ อุปธาริยมานา, ‘‘มม ปุตฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา อโห วต เม อยํ อุปาสิกา มหตี ปติฏฺา ชาตา’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อตีเตปิ นุ โข เม อยํ ปติฏฺา ภูตปุพฺพา, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต เอกูนอตฺตภาวสตํ อนุสฺสริ, ‘‘อหํ โข ปน เอกูนอตฺตภาวสเต อฺเหิ สทฺธึ เอกโต ¶ หุตฺวา เอตํ ชีวิตา โวโรเปสึ, อยํ เม เอตฺตกํ อคุณํ ¶ ทิสฺวา ‘อโห ภาริยํ กมฺมํ กตํ อุปาสิกายา’’ติ จินฺเตสิ. ‘‘อตฺถิ นุ โข เอวํ สํสาเร สํสรนฺติยา มม ปุตฺตสฺส อุปกาโร กตปุพฺโพ’’ติ อุปธารยมานา ตโต อุตฺตรึ สตมํ อตฺตภาวํ อนุสฺสริตฺวา สตเม อตฺตภาเว มยา เอตสฺส ปาทปริจาริกาย หุตฺวา เอตสฺมึ ชีวิตา โวโรปนฏฺาเน ชีวิตทานํ ทินฺนํ, อโห มยา มม ปุตฺตสฺส มหาอุปกาโร กตปุพฺโพ’’ติ เคเห นิสินฺนาว อุตฺตรึ วิเสเสตฺวา ‘‘อุปธาเรถา’’ติ อาห. โส ทิพฺพาย โสตธาตุยา สทฺทํ สุตฺวา วิเสเสตฺวา สตมํ อตฺตภาวํ อนุสฺสริตฺวา ตตฺถ ตาย อตฺตโน ชีวิตสฺส ทินฺนภาวํ ทิสฺวา, ‘‘อโห มม อิมาย มหาอุปาสิกาย อุปกาโร กตปุพฺโพ’’ติ อตฺตมโน หุตฺวา ตสฺสา ตตฺเถว จตูสุ มคฺคผเลสุ ปฺหํ กเถตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ.
อฺตรภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. อฺตรอุกฺกณฺิตภิกฺขุวตฺถุ
สุทุทฺทสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อฺตรํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถริ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต เอโก เสฏฺิปุตฺโต อตฺตโน กุลูปคตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, เอกํ เม ทุกฺขโต มุจฺจนการณํ กเถถา’’ติ ¶ อาห. ‘‘สาธาวุโส, สเจสิ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, สลากภตฺตํ เทหิ, ปกฺขิกภตฺตํ เทหิ, วสฺสาวาสิกํ เทหิ, จีวราทโย ปจฺจเย เทหิ, อตฺตโน สาปเตยฺยํ ตโย โกฏฺาเส กตฺวา เอเกน กมฺมนฺตํ ปโยเชหิ, เอเกน ปุตฺตทารํ โปเสหิ, เอกํ พุทฺธสาสเน เทหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ¶ วุตฺตปฏิปาฏิยา สพฺพํ กตฺวา ปุน เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตโต อุตฺตรึ อฺํ กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาวุโส, ตีณิ สรณานิ คณฺห, ปฺจ สีลานิ คณฺหาหี’’ติ. ตานิปิ ปฏิคฺคเหตฺวา ตโต อุตฺตรึ ปุจฺฉิ. ‘‘เตน หิ ทส สีลานิ คณฺหาหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ คณฺหิ. โส เอวํ อนุปุพฺเพน ปฺุกมฺมสฺส กตตฺตา อนุปุพฺพเสฏฺิปุตฺโต นาม ชาโต. ตโต ‘‘อุตฺตริมฺปิ กตฺตพฺพํ อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ ปุน ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เตน หิ ปพฺพชาหี’’ติ วุตฺโต นิกฺขมิตฺวา ¶ ปพฺพชิ. ตสฺเสโก อาภิธมฺมิกภิกฺขุ อาจริโย อโหสิ. เอโก วินยธโร อุปชฺฌาโย. ตสฺส ลทฺธูปสมฺปทสฺส อาจริโย อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล อภิธมฺเม ปฺหํ กเถสิ – ‘‘พุทฺธสาสเน นาม อิทํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทํ น วฏฺฏตี’’ติ. อุปชฺฌาโยปิสฺส อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล วินเย ปฺหํ กเถสิ – ‘‘พุทฺธสาสเน นาม อิทํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทํ น วฏฺฏติ, อิทํ กปฺปติ, อิทํ น กปฺปตี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อโห ภาริยํ อิทํ กมฺมํ, อหํ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม ปพฺพชิโต, อิธ จ มม หตฺถปสารณฏฺานมฺปิ น ปฺายติ, เคเห ¶ ตฺวาว ทุกฺขา มุจฺจิตุํ สกฺกา, มยา คิหินา ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย อุกฺกณฺิโต อนภิรโต ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ น กโรติ, อุทฺเทสํ น คณฺหาติ, กิโส ลูโข ธมนิสนฺถตคตฺโต อาลสฺสิยาภิภูโต กจฺฉุปริกิณฺโณ อโหสิ.
อถ นํ ทหรสามเณรา, ‘‘อาวุโส, กึ ตฺวํ ิตฏฺาเน ิโตว นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺโนว อโหสิ, ปณฺฑุโรคาภิภูโต กิโส ลูโข ธมนิสนฺถตคตฺโต อาลสฺสิยาภิภูโต กจฺฉุปริกิณฺโณ, กึ เต กต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? โส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. เต ตสฺส อาจริยุปชฺฌายานํ อาจิกฺขึสุ. อาจริยุปชฺฌายา ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ. สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อาคตตฺถา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สาสเน อุกฺกณฺิโต’’ติ. ‘‘เอวํ กิร ภิกฺขู’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโมว ปพฺพชิโต, ตสฺส เม อาจริโย อภิธมฺมกถํ กเถสิ, อุปชฺฌาโย วินยกถํ กเถสิ, สฺวาหํ ‘อิธ เม หตฺถปสารณฏฺานมฺปิ นตฺถิ, คิหินา หุตฺวา สกฺกา ทุกฺขา มุจฺจิตุํ, คิหิ ภวิสฺสามี’ติ สนฺนิฏฺานมกาสึ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอกเมว รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสิ, อวเสสานํ รกฺขนกิจฺจํ นตฺถี’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตว จิตฺตเมว รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ อตฺตโน จิตฺตเมว รกฺขาหิ, สกฺกา ทุกฺขา มุจฺจิตุ’’นฺติ อิมํ โอวาทํ ทตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุทุทฺทสํ ¶ สุนิปุณํ, ยตฺถกามนิปาตินํ;
จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวี, จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวห’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ สุทุทฺทสนฺติ ¶ สุฏฺุ ทุทฺทสํ. สุนิปุณนฺติ สุฏฺุ นิปุณํ ปรมสณฺหํ. ยตฺถกามนิปาตินนฺติ ชาติอาทีนิ อโนโลเกตฺวา ลภิตพฺพาลภิตพฺพยุตฺตายุตฺตฏฺาเนสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิปตนสีลํ. จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวีติ อนฺธพาโล ทุมฺเมโธ อตฺตโน จิตฺตํ รกฺขิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, จิตฺตวสิโก หุตฺวา อนยพฺยสนํ ปาปุณาติ. เมธาวี ปน ปณฺฑิโตว จิตฺตํ รกฺขิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตฺวมฺปิ จิตฺตเมว โคเปหิ. อิทฺหิ จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ มคฺคผลนิพฺพานสุขานิ อาวหตีติ.
เทสนาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ, เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.
อฺตรอุกฺกณฺิตภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.
๔. สงฺฆรกฺขิตภาคิเนยฺยตฺเถรวตฺถุ
ทูรงฺคมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต สงฺฆรกฺขิตํ นาม ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ลทฺธูปสมฺปโท สงฺฆรกฺขิตตฺเถโร นาม หุตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส ¶ กนิฏฺภคินี ปุตฺตํ ลภิตฺวา เถรสฺส นามํ อกาสิ. โส ภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิโต นาม หุตฺวา วยปฺปตฺโต เถรสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท อฺตรสฺมึ คามการาเม วสฺสํ อุปคนฺตฺวา, ‘‘เอกํ สตฺตหตฺถํ, เอกํ อฏฺหตฺถ’’นฺติ ทฺเว วสฺสาวาสิกสาฏเก ลภิตฺวา อฏฺหตฺถํ ‘‘อุปชฺฌายสฺส เม ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สตฺตหตฺถํ มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา วุฏฺวสฺโส ‘‘อุปชฺฌายํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ปิณฺฑาย จรนฺโต อาคนฺตฺวา เถเร วิหารํ อนาคเตเยว วิหารํ ปวิสิตฺวา เถรสฺส ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ปาโททกํ อุปฏฺเปตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. อถสฺสาคมนภาวํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปตฺตจีวรํ ¶ ปฏิคฺคเหตฺวา, ‘‘นิสีทถ, ภนฺเต’’ติ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ตาลวณฺฏํ อาทาย ¶ พีชิตฺวา ปานียํ ทตฺวา ปาเท โธวิตฺวา ตํ สาฏกํ อาเนตฺวา ปาทมูเล เปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ปริภฺุชถา’’ติ วตฺวา พีชยมาโน อฏฺาสิ.
อถ นํ เถโร อาห – ‘‘สงฺฆรกฺขิต, มยฺหํ จีวรํ ปริปุณฺณํ, ตฺวเมว ปริภฺุชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มยา ลทฺธกาลโต ปฏฺาย อยํ ตุมฺหากเมว สลฺลกฺขิโต, ปริโภคํ กโรถา’’ติ. ‘‘โหตุ, สงฺฆรกฺขิต, ปริปุณฺณํ เม จีวรํ, ตฺวเมว ปริภฺุชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา เอวํ กโรถ, ตุมฺเหหิ ปริภุตฺเต มยฺหํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ. อถ นํ ตสฺส ปุนปฺปุนํ กเถนฺตสฺสปิ ¶ เถโร น อิจฺฉิเยว.
เอวํ โส พีชยมาโน ิโตว จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เถรสฺส คิหิกาเล ภาคิเนยฺโย, ปพฺพชิตกาเล สทฺธิวิหาริโก, เอวมฺปิ มยา สทฺธึ อุปชฺฌาโย ปริโภคํ น กตฺตุกาโม. อิมสฺมึ มยา สทฺธึ ปริโภคํ อกโรนฺเต กึ เม สมณภาเวน, คิหิ ภวิสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ทุสฺสณฺาปิโต ฆราวาโส, กึ นุ โข กตฺวา คิหิภูโต ชีวิสฺสามี’’ติ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อฏฺหตฺถสาฏกํ วิกฺกิณิตฺวา เอกํ เอฬิกํ คณฺหิสฺสามิ, เอฬิกา นาม ขิปฺปํ วิชายติ, สฺวาหํ วิชาตํ วิชาตํ วิกฺกิณิตฺวา มูลํ กริสฺสามิ, มูเล พหู กตฺวา เอกํ ปชาปตึ อาเนสฺสามิ, สา เอกํ ปุตฺตํ วิชายิสฺสติ. อถสฺส มม มาตุลสฺส นามํ กตฺวา จูฬยานเก นิสีทาเปตฺวา มม ปุตฺตฺจ ภริยฺจ อาทาย มาตุลํ วนฺทิตุํ อาคมิสฺสามิ, อาคจฺฉนฺเต อนฺตรามคฺเค มม ภริยํ เอวํ วกฺขามิ – ‘อาเนหิ ตาว เม ปุตฺตํ วหิสฺสามิน’นฺติ. สา ‘กึ เต ปุตฺเตน, เอหิ, อิมํ ยานกํ ปาเชหี’ติ วตฺวา ปุตฺตํ คเหตฺวา, ‘อหํ เนสฺสามิ น’นฺติ เนตฺวา สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี จกฺกปเถ ฉฑฺเฑสฺสติ. อถสฺส สรีรํ อภิรุหิตฺวา จกฺกํ คมิสฺสติ, อถ นํ ‘ตฺวํ มม ปุตฺตํ เนว มยฺหํ อทาสิ, นํ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิ นาสิโตสฺมิ ตยา’ติ วตฺวา ปโตทยฏฺิยา ปิฏฺิยํ ปหริสฺสามี’’ติ.
โส เอวํ จินฺเตนฺโตว ตฺวา ¶ พีชยมาโน เถรสฺส สีเส ตาลวณฺเฏน ปหริ. เถโร ‘‘กึ นุ โข อหํ สงฺฆรกฺขิเตน สีเส ปหโต’’ติ ¶ อุปธาเรนฺโต เตน จินฺติตจินฺติตํ สพฺพํ ตฺวา, ‘‘สงฺฆรกฺขิต, มาตุคามสฺส ปหารํ ทาตุํ นาสกฺขิ, โก เอตฺถ มหลฺลกตฺเถรสฺส โทโส’’ติ อาห. โส ‘‘อโห นฏฺโมฺหิ, าตํ กิร เม อุปชฺฌาเยน จินฺติตจินฺติตํ, กึ เม สมณภาเวนา’’ติ ตาลวณฺฏํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิตุํ อารทฺโธ.
อถ นํ ทหรา จ สามเณรา จ อนุพนฺธิตฺวา อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ. สตฺถา เต ¶ ภิกฺขู ทิสฺวาว ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อาคตตฺถ, เอโก โว ภิกฺขุ ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, อิมํ ทหรํ อุกฺกณฺิตฺวา ปลายนฺตํ คเหตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคตมฺหา’’ติ. ‘‘เอวํ กิร ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กิมตฺถํ เต ภิกฺขุ เอวํ ภาริยํ กมฺมํ กตํ, นนุ ตฺวํ อารทฺธวีริยสฺส เอกสฺส พุทฺธสฺส ปุตฺโต, มาทิสสฺส นาม พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ ทเมตฺวา โสตาปนฺโนติ วา สกทาคามีติ วา อนาคามีติ วา อรหาติ วา วทาเปตุํ นาสกฺขิ, กิมตฺถํ เอวํ ภาริยํ กมฺมมกาสี’’ติ? ‘‘อุกฺกณฺิโตสฺมิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ? โส เอวํ วสฺสาวาสิกสาฏกานํ ลทฺธทิวสโต ปฏฺาย ยาว เถรสฺส ตาลวณฺเฏน ปหารา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา, ‘‘อิมินา การเณน ปลาโตสฺมิ, ภนฺเต’’ติ ¶ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, มา จินฺตยิ จิตฺตํ นาเมตํ ทูเร โหนฺตมฺปิ อารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉนกชาติกํ, ราคโทสโมหพนฺธนา มุจฺจนตฺถาย วายมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทูรงฺคมํ เอกจรํ, อสรีรํ คุหาสยํ;
เย จิตฺตํ สํยเมสฺสนฺติ, โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา’’ติ.
ตตฺถ ทูรงฺคมนฺติ จิตฺตสฺส หิ มกฺกฏสุตฺตมตฺตกมฺปิ ปุรตฺถิมาทิทิสาภาเคน คมนาคมนํ นาม นตฺถิ, ทูเร สนฺตมฺปิ ปน อารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉตีติ ทูรงฺคมํ นาม ชาตํ. สตฺตฏฺจิตฺตานิ ปน เอกโต กณฺณิกพทฺธานิ เอกกฺขเณ อุปฺปชฺชิตุํ สมตฺถานิ นาม นตฺถิ. อุปฺปตฺติกาเล เอเกกเมว จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ นิรุทฺเธ ปุน เอเกกเมว อุปฺปชฺชตีติ เอกจรํ นาม ชาตํ. จิตฺตสฺส สรีรสณฺานํ วา นีลาทิปฺปกาโร วณฺณเภโท วา นตฺถีติ อสรีรํ นาม ชาตํ. คุหา นาม จตุมหาภูตคุหา, อิทฺจ หทยรูปํ นิสฺสาย ปวตฺตตีติ คุหาสยํ ¶ นาม ชาตํ. เย จิตฺตนฺติ เย เกจิ ปุริสา วา อิตฺถิโย วา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา อนุปฺปชฺชนกกิเลสสฺส อุปฺปชฺชิตุํ อเทนฺตา สติสมฺโมเสน อุปฺปนฺนกิเลสํ ปชหนฺตา จิตฺตํ สํยเมสฺสนฺติ สํยตํ อวิกฺขิตฺตํ กริสฺสนฺติ. โมกฺขนฺติ มารพนฺธนาติ ¶ สพฺเพเต กิเลสพนฺธนาภาเวน มารพนฺธนสงฺขาตา เตภูมกวฏฺฏา มุจฺจิสฺสนฺตีติ.
เทสนาปริโยสาเน ภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิตตฺเถโร โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย ชาตา, มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สงฺฆรกฺขิตภาคิเนยฺยตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. จิตฺตหตฺถตฺเถรวตฺถุ
อนวฏฺิตจิตฺตสฺสาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต จิตฺตหตฺถตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต นฏฺโคณํ ปริเยสนฺโต อรฺํ ปวิสิตฺวา มชฺฌนฺหิเก กาเล โคณํ ทิสฺวา โคยูเถ วิสฺสชฺเชตฺวา, ‘‘อวสฺสํ อยฺยานํ สนฺติเก อาหารมตฺตํ ลภิสฺสามี’’ติ ขุปฺปิปาสาปีฬิโต วิหารํ ปวิสิตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตสฺมึ โข ปน สมเย ภิกฺขูนํ อวกฺการปาติยํ ภุตฺตาวเสสกํ ภตฺตํ โหติ, เต ตํ ฉาตกปีฬิตํ ทิสฺวา, ‘‘อิโต ภตฺตํ คเหตฺวา ภฺุชาหี’’ติ วทึสุ. พุทฺธกาเล จ ปน อเนกสูปพฺยฺชนํ ภตฺตํ อุปฺปชฺชติ, โส ตโต ยาปนมตฺตํ ¶ คเหตฺวา ภฺุชิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา ภิกฺขู วนฺทิตฺวา, ‘‘กึ, ภนฺเต, อชฺช, อยฺยา, นิมนฺตนฏฺานํ อคมํสู’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นตฺถิ, อุปาสก, ภิกฺขู อิมินาว นีหาเรน นิพทฺธํ ลภนฺตี’’ติ. โส ‘‘มยํ อุฏฺาย สมุฏฺาย รตฺตินฺทิวํ นิพทฺธํ กมฺมํ กโรนฺตาปิ เอวํ มธุรพฺยฺชนํ ภตฺตํ น ลภาม, อิเม กิร นิพทฺธํ ภฺุชนฺติ, กึ เม คิหิภาเวน, ภิกฺขุ ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘สาธุ อุปาสกา’’ติ ปพฺพาเชสุํ.
โส ¶ ลทฺธูปสมฺปโท สพฺพปฺปการํ วตฺตปฏิวตฺตํ อกาสิ. โส พุทฺธานํ อุปฺปนฺเนน ลาภสกฺกาเรน กติปาหจฺจเยน ถูลสรีโร อโหสิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม ภิกฺขาย จริตฺวา ชีวิเตน, คิหี ภวิสฺสามี’’ติ. โส วิพฺภมิตฺวา เคหํ ปาวิสิ. ตสฺส เคเห กมฺมํ กโรนฺตสฺส กติปาเหเนว สรีรํ มิลายิ. ตโต ‘‘กึ เม อิมินา ทุกฺเขน, สมโณ ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน คนฺตฺวา ปพฺพชิ. โส กติปาหํ วีตินาเมตฺวา ปุน อุกฺกณฺิตฺวา วิพฺภมิ, ปพฺพชิตกาเล ปน ภิกฺขูนํ อุปการโก โหติ. โส กติปาเหเนว ปุนปิ อุกฺกณฺิตฺวา, ‘‘กึ เม คิหิภาเวน, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ ภิกฺขู อุปการวเสน ปุน ปพฺพาชยึสุ. เอวํ โส อิมินา นิยาเมเนว ฉกฺขตฺตุํ ปพฺพชิตฺวา อุปฺปพฺพชิโต. ตสฺส ภิกฺขู ‘‘เอส จิตฺตวสิโก หุตฺวา วิจรตี’’ติ จิตฺตหตฺถตฺเถโรติ นามํ กรึสุ.
ตสฺเสวํ อปราปรํ วิจรนฺตสฺเสว ภริยา คพฺภินี อโหสิ. โส สตฺตเม วาเร อรฺโต กสิภณฺฑมาทาย ¶ เคหํ คนฺตฺวา ภณฺฑกํ เปตฺวา ‘‘อตฺตโน กาสาวํ คณฺหิสฺสามี’’ติ คพฺภํ ปาวิสิ ¶ . ตสฺมึ ขเณ ตสฺส ภริยา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายติ. ตสฺสา นิวตฺถสาฏโก อปคโต โหติ, มุขโต จ ลาลา ปคฺฆรติ, นาสา ฆุรฆุรายติ, มุขํ วิวฏฺฏํ, ทนฺตํ ฆํสติ, สา ตสฺส อุทฺธุมาตกสรีรํ วิย อุปฏฺาสิ. โส ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อิท’’นฺติ สฺํ ลภิตฺวา, ‘‘อหํ เอตฺตกํ กาลํ ปพฺพชิตฺวา อิมํ นิสฺสาย ภิกฺขุภาเว สณฺาตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ กาสายโกฏิยํ คเหตฺวา อุทเร พนฺธิตฺวา เคหา นิกฺขมิ.
อถสฺส อนนฺตรเคเห ิตา สสฺสุ ตํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ ปฏิอุกฺกณฺิโต ภวิสฺสติ, อิทาเนว อรฺโต อาคนฺตฺวา กาสาวํ อุทเร พนฺธิตฺวาว เคหา นิกฺขนฺโต วิหาราภิมุโข คจฺฉติ, กึ นุ โข’’ติ เคหํ ปวิสิตฺวา นิทฺทายมานํ ธีตรํ ปสฺสิตฺวา ‘‘อิมํ ทิสฺวา โส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา คโต’’ติ ตฺวา ธีตรํ ปหริตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ กาฬกณฺณิ, สามิโก เต ตํ นิทฺทายมานํ ทิสฺวา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา คโต, นตฺถิ โส อิโต ปฏฺาย ตุยฺห’’นฺติ อาห. ‘‘อเปหิ อเปหิ, อมฺม, กุโต ตสฺส คมนํ อตฺถิ, กติปาเหเนว ปุนาคมิสฺสตี’’ติ อาห. โสปิ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺข’’นฺติ วตฺวา ¶ คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโตว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. โส ¶ คนฺตฺวา ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ‘‘น สกฺขิสฺสาม มํยํ ตํ ปพฺพาเชตุํ, กุโต ตุยฺหํ สมณภาโว, สตฺถกนิสานปาสาณสทิสํ ตว สีส’’นฺติ. ‘‘ภนฺเต, อิทานิ มํ อนุกมฺปาย เอกวารํ ปพฺพาเชถา’’ติ. เต ตํ อุปการวเสน ปพฺพาชยึสุ. โส กติปาเหเนว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
เตปิ นํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส จิตฺตหตฺถ, ตว คมนสมยํ ตฺวเมว ชาเนยฺยาสิ, อิมสฺมึ วาเร เต จิรายิต’’นฺติ. ‘‘ภนฺเต, สํสคฺคสฺส อตฺถิภาวกาเล คตมฺหา, โส โน สํสคฺโค ฉินฺโน, อิทานิ อคมนธมฺมา ชาตมฺหา’’ติ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ อมฺเหหิ เอวํ วุตฺโต เอวํ นาม กเถสิ, อฺํ พฺยากโรติ, อภูตํ วทตี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต อตฺตโน อนวฏฺิตจิตฺตกาเล สทฺธมฺมํ อชานนกาเล คมนาคมนํ อกาสิ, อิทานิสฺส ปฺฺุจ ปาปฺจ ปหีน’’นฺติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อาห –
‘‘อนวฏฺิตจิตฺตสฺส, สทฺธมฺมํ อวิชานโต;
ปริปฺลวปสาทสฺส, ปฺา น ปริปูรติ.
‘‘อนวสฺสุตจิตฺตสฺส, อนนฺวาหตเจตโส;
ปฺุปาปปหีนสฺส, นตฺถิ ชาครโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อนวฏฺิตจิตฺตสฺสาติ จิตฺตํ นาเมตํ กสฺสจิ นิพทฺธํ วา ถาวรํ วา นตฺถิ. โย ปน ปุคฺคโล อสฺสปิฏฺเ ¶ ปิตกุมฺภณฺฑํ วิย จ ถุสราสิมฺหิ โกฏฺฏิตขาณุโก วิย จ ขลฺลาฏสีเส ปิตกทมฺพปุปฺผํ วิย จ น กตฺถจิ สณฺาติ, กทาจิ พุทฺธสาวโก โหติ, กทาจิ อาชีวโก, กทาจิ นิคณฺโ, กทาจิ ตาปโส. เอวรูโป ปุคฺคโล อนวฏฺิตจิตฺโต นาม. ตสฺส อนวฏฺิตจิตฺตสฺส. สทฺธมฺมํ อวิชานโตติ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมเภทํ อิมํ สทฺธมฺมํ อวิชานนฺตสฺส ปริตฺตสทฺธตาย วา อุปฺลวสทฺธตาย วา ปริปฺลวปสาทสฺส กามาวจรรูปาวจราทิเภทา ปฺา น ปริปูรติ. กามาวจรายปิ อปริปูรยมานาย กุโตว รูปาวจรารูปาวจรโลกุตฺตรปฺา ปริปูริสฺสตีติ ทีเปติ. อนวสฺสุตจิตฺตสฺสาติ ราเคน อตินฺตจิตฺตสฺส. อนนฺวาหตเจตโสติ ‘‘อาหตจิตฺโต ขิลชาโต’’ติ ¶ (ที. นิ. ๓.๓๑๙; วิภ. ๙๔๑; ม. นิ. ๑.๑๘๕) อาคตฏฺาเน โทเสน จิตฺตสฺส ปหตภาโว วุตฺโต, อิธ ปน โทเสน อปฺปฏิหตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. ปฺุปาปปหีนสฺสาติ จตุตฺถมคฺเคน ปหีนปฺุสฺส เจว ปหีนปาปสฺส จ ขีณาสวสฺส. นตฺถิ ชาครโต ภยนฺติ ขีณาสวสฺส ชาครนฺตสฺเสว อภยภาโว กถิโต วิย. โส ปน สทฺธาทีหิ ปฺจหิ ชาครธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา ชาคโร ¶ นาม. ตสฺมา ตสฺส ชาครนฺตสฺสาปิ อชาครนฺตสฺสาปิ กิเลสภยํ นตฺถิ กิเลสานํ อปจฺฉาวตฺตนโต. น หิ ตํ กิเลสา อนุพนฺธนฺติ เตน เตน มคฺเคน ปหีนานํ กิเลสานํ ปุน อนุปคมนโต. เตเนวาห – ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉติ, สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตี’’ติ (จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๗).
เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา สผลา อโหสิ.
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ภาริยา วติเม, อาวุโส, กิเลสา นาม, เอวรูปสฺส อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสายสมฺปนฺโน กุลปุตฺโต กิเลเสหิ อาโลฬิโต สตฺตวาเร คิหี หุตฺวา สตฺตวาเร ปพฺพชิโต’’ติ. สตฺถา เตสํ ตํ กถาปวตฺตึ สุตฺวา ตงฺขณานุรูเปน คมเนน ธมฺมสภํ คนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสินฺโน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต เอวเมว, ภิกฺขเว, กิเลสา นาม ภาริยา, สเจ เอเต รูปิโน หุตฺวา กตฺถจิ ปกฺขิปิตุํ สกฺกา ภเวยฺยุํ, จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโกติ โอกาโส เนสํ น ภเวยฺย, มาทิสมฺปิ นาเมเต ปฺาสมฺปนฺนํ ปุริสาชาเนยฺยํ อาโลเฬนฺติ, อวเสเสสุ กา กถา? ‘‘อหฺหิ อฑฺฒนาฬิมตฺตํ วรกโจรกํ ¶ กุณฺกุทาลฺจ นิสฺสาย ¶ ฉ วาเร ปพฺพชิตฺวา อุปฺปพฺพชิตปุพฺโพ’’ติ. ‘‘กทา, ภนฺเต, กทา สุคตา’’ติ? ‘‘สุณิสฺสถ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ สุณาถา’’ติ อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต กุทาลปณฺฑิโต นาม พาหิรกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา วสฺสารตฺตสมเย ภูมิยา ตินฺตาย ‘‘เคเห เม อฑฺฒนาฬิมตฺโต วรกโจรโก จ กุณฺกุทาลโก ¶ จ อตฺถิ, วรกโจรกพีชํ มา นสฺสี’’ติ อุปฺปพฺพชิตฺวา เอกํ านํ กุทาเลน กสิตฺวา ตํ พีชํ วปิตฺวา วตึ กตฺวา ปกฺกกาเล อุทฺธริตฺวา นาฬิมตฺตพีชํ เปตฺวา เสสํ ขาทิ. โส ‘‘กึ เม ทานิ เคเหน, ปุน อฏฺ มาเส ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. อิมินาว นีหาเรน นาฬิมตฺตํ วรกโจรกฺจ กุณฺกุทาลฺจ นิสฺสาย สตฺตวาเร คิหี หุตฺวา สตฺตวาเร ปพฺพชิตฺวา สตฺตเม ปน วาเร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ฉ วาเร อิมํ กุณฺกุทาลํ นิสฺสาย คิหี หุตฺวา ปพฺพชิโต, กตฺถจิเทว นํ ฉฑฺเฑสฺสามี’’ติ. โส คงฺคาย ตีรํ คนฺตฺวา, ‘‘ปติตฏฺานํ ปสฺสนฺโต โอตริตฺวา คณฺเหยฺยํ, ยถาสฺส ปติตฏฺานํ น ปสฺสามิ, ตถา นํ ฉฑฺเฑสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นาฬิมตฺตํ พีชํ ปิโลติกาย พนฺธิตฺวา ปิโลติกํ กุทาลผลเก พนฺธิตฺวา กุทาลํ อคฺคทณฺฑเก คเหตฺวา คงฺคาย ตีเร ิโต อกฺขีนิ นิมีเลตฺวา อุปริสีเส ติกฺขตฺตุํ อาวิชฺฌิตฺวา คงฺคายํ ขิปิตฺวา ¶ นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ปติตฏฺานํ อทิสฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ สทฺทมกาสิ.
ตสฺมึ ขเณ พาราณสิราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคนฺตฺวา นทีตีเร ขนฺธาวารํ นิวาเสตฺวา นฺหานตฺถาย นทึ โอติณฺโณ ตํ สทฺทํ อสฺโสสิ. ราชูนฺจ นาม ‘‘ชิตํ เม’’ติ สทฺโท อมนาโป โหติ, โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อหํ อิทานิ อมิตฺตมทฺทนํ กตฺวา ‘ชิตํ เม’ติ อาคโต, ตฺวํ ปน ‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’ติ วิรวสิ, กึ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. กุทาลปณฺฑิโต ‘‘ตฺวํ พาหิรกโจเร ชินิ, ตยา ชิตํ ปุน อวชิตเมว โหติ, มยา ปน อชฺฌตฺติโก โลภโจโร ชิโต, โส ปุน มํ น ชินิสฺสติ, ตสฺเสว ชโย สาธู’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ, ยํ ชิตํ อวชียติ;
ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ, ยํ ชิตํ นาวชียตี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๗๐);
ตํ ขณํเยว จ คงฺคํ โอโลเกนฺโต อาโปกสิณํ นิพฺพตฺเตตฺวา อธิคตวิเสโส อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. ราชา มหาปุริสสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สทฺธึ พลกาเยน ¶ ปพฺพชิ. โยชนมตฺตา ปริสา อโหสิ. อปโรปิ สามนฺตราชา ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา, ‘‘ตสฺส รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา ตถา สมิทฺธํ นครํ ¶ สฺุํ ทิสฺวา, ‘‘เอวรูปํ นครํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิโต ราชา โอรเก าเน น ปพฺพชิสฺสติ, มยาปิ ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา มหาปุริสํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สปริวาโร ปพฺพชิ. เอเตเนว นีหาเรน สตฺต ราชาโน ปพฺพชึสุ. สตฺตโยชนิโก อสฺสโม อโหสิ. สตฺต ราชาโน โภเค ¶ ฉฑฺเฑตฺวา เอตฺตกํ ชนํ คเหตฺวา ปพฺพชึสุ. มหาปุริโส พฺรหฺมจริยวาสํ วสิตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ตทา กุทาลปณฺฑิโต อโหสึ, กิเลสา นาเมเต เอวํ ภาริยา’’ติ อาห.
จิตฺตหตฺถตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ
กุมฺภูปมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อารทฺธวิปสฺสเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา, ‘‘สมณธมฺมํ กริสฺสามา’’ติ โยชนสตมคฺคํ คนฺตฺวา เอกํ มหาวาสคามํ อคมํสุ. อถ เต มนุสฺสา ทิสฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ปณีเตหิ ยาคุภตฺตาทีหิ ปริวิสิตฺวา, ‘‘กหํ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ยถาผาสุกฏฺาน’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, อิมํ เตมาสํ อิเธว วสถ, มยมฺปิ ตุมฺหากํ สนฺติเก สรเณสุ ปติฏฺาย ปฺจ สีลานิ รกฺขิสฺสามา’’ติ ยาจิตฺวา เตสํ อธิวาสนํ วิทิตฺวา, ‘‘อวิทูเร าเน มหนฺโต วนสณฺโฑ อตฺถิ, เอตฺถ วสถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสุํ. ภิกฺขู ตํ วนสณฺฑํ ปวิสึสุ. ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ‘‘สีลวนฺโต, อยฺยา, อิมํ วนสณฺฑํ ¶ อนุปฺปตฺตา, อยุตฺตํ โข ปน อสฺมากํ อยฺเยสุ อิธ วสนฺเตสุ ปุตฺตทาเร คเหตฺวา รุกฺเข อภิรุยฺห วสิตุ’’นฺติ รุกฺขโต โอตริตฺวา ภูมิยํ นิสีทิตฺวา จินฺตยึสุ, ‘‘อยฺยา, อิมสฺมึ าเน อชฺเชกรตฺตึ วสิตฺวา อทฺธา สฺเว คมิสฺสนฺตี’’ติ. ภิกฺขูปิ ปุนทิวเส อนฺโตคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปุน ตเมว วนสณฺฑํ อาคมึสุ. เทวตา ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ ¶ สฺวาตนาย เกนจิ นิมนฺติโต ภวิสฺสติ, ตสฺมา ปุนาคจฺฉติ ¶ , อชฺช คมนํ น ภวิสฺสติ, สฺเว คมิสฺสติ มฺเ’’ติ อิมินา อุปาเยน อฑฺฒมาสมตฺตํ ภูมิยเมว อจฺฉึสุ.
ตโต จินฺตยึสุ – ‘‘ภทนฺตา อิมํ เตมาสํ อิเธว มฺเ วสิสฺสนฺติ, อิเธว โข ปน อิเมสุ วสนฺเตสุ อมฺหากํ รุกฺเข อภิรุหิตฺวา นิสีทิตุมฺปิ น ยุตฺตํ, เตมาสํ ปุตฺตทาเร คเหตฺวา ภูมิยํ นิสีทนฏฺานานิปิ ทุกฺขานิ, กิฺจิ กตฺวา อิเม ภิกฺขู ปลาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตา เตสุ เตสุ รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ เจว จงฺกมนโกฏีสุ จ ฉินฺนสีสานิ กพนฺธานิ ทสฺเสตุํ อมนุสฺสสทฺทฺจ ภาเวตุํ อารภึสุ. ภิกฺขูนํ ขิปิตกาสาทโย โรคา ปวตฺตึสุ. เต อฺมฺํ ‘‘ตุยฺหํ, อาวุโส, กึ รุชฺชตี’’ติ ปุจฺฉนฺตา, ‘‘มยฺหํ ขิปิตโรโค, มยฺหํ กาโส’’ติ วตฺวา, ‘‘อาวุโส, อหํ อชฺช จงฺกมนโกฏิยํ ฉินฺนสีสํ อทฺทสํ, อหํ รตฺติฏฺาเน กพนฺธํ อทฺทสํ ¶ , อหํ ทิวาฏฺาเน อมนุสฺสสทฺทํ อสฺโสสึ, ปริวชฺเชตพฺพยุตฺตกมิทํ านํ, อมฺหากํ อิธ อผาสุกํ อโหสิ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กึ, ภิกฺขเว, ตสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺขิสฺสถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อมฺหากํ ตสฺมึ าเน วสนฺตานํ เอวรูปานิ เภรวารมฺมณานิ อุปฏฺหนฺติ, เอวรูปํ อผาสุกํ โหติ, เตน มยํ ‘วชฺเชตพฺพยุตฺตกมิทํ าน’นฺติ ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคตา’’ติ. ‘‘ภิกฺขเว, ตตฺเถว ตุมฺหากํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘น สกฺกา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห อาวุธํ อคฺคเหตฺวา คตา, อิทานิ อาวุธํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ. ‘‘กตราวุธํ, ภนฺเต’’ติ? สตฺถา ‘‘อหํ อาวุธํ โว ทสฺสามิ, มยา ทินฺนํ อาวุธํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ วตฺวา –
‘‘กรณียมตฺถกุสเลน, ยนฺต สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ;
สกฺโก อุชู จ สุหุชู จ, สุวโจ จสฺส มุทุ อนติมานี’’ติ. (ขุ. ปา. ๙.๑; สุ. นิ. ๑๔๓) –
สกลํ เมตฺตสุตฺตํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อิมํ ตุมฺเห พหิ วิหารสฺส วนสณฺฑโต ปฏฺาย สชฺฌายนฺตา อนฺโตวิหารํ ปวิเสยฺยาถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตํ านํ ปตฺวา พหิวิหาเร คณสชฺฌายํ กตฺวา สชฺฌายมานา วนสณฺฑํ ปวิสึสุ. สกลวนสณฺเฑ เทวตา เมตฺตจิตฺตํ ปฏิลภิตฺวา เตสํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ ¶ อาปุจฺฉึสุ, หตฺถปาทสมฺพาหนํ ¶ อาปุจฺฉึสุ, เตสํ ตตฺถ ตตฺถ อารกฺขํ สํวิทหึสุ, ปกฺกธูปนเตลํ ¶ วิย สนฺนิสินฺนา อเหสุํ. กตฺถจิ อมนุสฺสสทฺโท นาม นาโหสิ. เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. เต รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ นิสินฺนา วิปสฺสนาย จิตฺตํ โอตาเรตฺวา อตฺตนิ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา, ‘‘อยํ อตฺตภาโว นาม ภิชฺชนกฏฺเน อถาวรฏฺเน กุลาลภาชนสทิโส’’ติ วิปสฺสนํ วฑฺฒยึสุ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ คนฺธกุฏิยา นิสินฺโนว เตสํ วิปสฺสนาย อารทฺธภาวํ ตฺวา เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา, ‘‘เอวเมว, ภิกฺขเว, อยํ อตฺตภาโว นาม ภิชฺชนกฏฺเน อถาวรฏฺเน กุลาลภาชนสทิโส เอวา’’ติ วตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา โยชนสเต ิโตปิ อภิมุเข นิสินฺโน วิย ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา ทิสฺสมาเนน รูเปน อิมํ คาถมาห –
‘‘กุมฺภูปมํ กายมึม วิทิตฺวา, นครูปมํ จิตฺตมิทํ เปตฺวา;
โยเธถ มารํ ปฺาวุเธน, ชิตฺจ รกฺเข อนิเวสโน สิยา’’ติ.
ตตฺถ กุมฺภูปมนฺติ อพลทุพฺพลฏฺเน อนทฺธนิยตาวกาลิกฏฺเน อิมํ เกสาทิสมูหสงฺขาตํ ¶ กายํ กุมฺภูปมํ กุลาลภาชนสทิสํ วิทิตฺวา. นครูปมํ จิตฺตมิทํ เปตฺวาติ นครํ นาม พหิทฺธา ถิรํ โหติ, คมฺภีรปริขํ ปาการปริกฺขิตฺตํ ทฺวารฏฺฏาลกยุตฺตํ, อนฺโตสุวิภตฺตวีถิจตุกฺกสิงฺฆาฏกสมฺปนฺนํ อนฺตราปณํ, ตํ ‘‘วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ พหิทฺธา โจรา อาคนฺตฺวา ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตา ปพฺพตํ อาสชฺช ปฏิหตา วิย คจฺฉนฺติ, เอวเมว ปณฺฑิโต กุลปุตฺโต อตฺตโน วิปสฺสนาจิตฺตํ ถิรํ นครสทิสํ กตฺวา เปตฺวา นคเร ิโต เอกโตธาราทินานปฺปการาวุเธน โจรคณํ วิย วิปสฺสนามเยน จ อริยมคฺคมเยน จ ปฺาวุเธน ตํตํมคฺควชฺฌํ กิเลสมารํ ปฏิพาหนฺโต ตํ ตํ กิเลสมารํ โยเธถ, ปหเรยฺยาถาติ อตฺโถ. ชิตฺจ รกฺเขติ ชิตฺจ อุปฺปาทิตํ ตรุณวิปสฺสนํ อาวาสสปฺปายอุตุสปฺปายโภชนสปฺปายปุคฺคลสปฺปายธมฺมสฺสวนสปฺปายาทีนิ อาเสวนฺโต อนฺตรนฺตรา สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย สุทฺธจิตฺเตน สงฺขาเร สมฺมสนฺโต รกฺเขยฺย.
อนิเวสโน ¶ สิยาติ อนาลโย ภเวยฺย. ยถา นาม โยโธ สงฺคามสีเส พลโกฏฺกํ กตฺวา อมิตฺเตหิ สทฺธึ ยุชฺฌนฺโต ฉาโต วา ปิปาสิโต ¶ วา หุตฺวา สนฺนาเห วา สิถิเล อาวุเธ วา ปติเต พลโกฏฺกํ ปวิสิตฺวา วิสฺสมิตฺวา ภฺุชิตฺวา ปิวิตฺวา สนฺนหิตฺวา อาวุธํ คเหตฺวา ปุน นิกฺขมิตฺวา ยุชฺฌนฺโต ปรเสนํ มทฺทติ, อชิตํ ชินาติ, ชิตํ รกฺขติ. โส หิ สเจ พลโกฏฺเก ิโต เอวํ วิสฺสมนฺโต ตํ อสฺสาเทนฺโต อจฺเฉยฺย, รชฺชํ ปรหตฺถคตํ กเรยฺย, เอวเมว, ภิกฺขุ, ปฏิลทฺธํ ตรุณวิปสฺสนํ ปุนปฺปุนํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ¶ สุทฺธจิตฺเตน สงฺขาเร สมฺมสนฺโต รกฺขิตุํ สกฺโกติ, อุตฺตริมคฺคผลปฏิลาเภน กิเลสมารํ ชินาติ. สเจ ปน โส สมาปตฺติเมว อสฺสาเทติ, สุทฺธจิตฺเตน ปุนปฺปุนํ สงฺขาเร น สมฺมสติ, มคฺคผลปฏิเวธํ กาตุํ น สกฺโกติ. ตสฺมา รกฺขิตพฺพยุตฺตกํ รกฺขนฺโต อนิเวสโน สิยา, สมาปตฺตึ นิเวสนํ กตฺวา ตตฺถ น นิเวเสยฺย, อาลยํ น กเรยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘อทฺธา ตุมฺเหปิ เอวํ กโรถา’’ติ เอวํ สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสิ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺนาเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ตถาคตสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ วณฺณยนฺตา โถเมนฺตา วนฺทนฺตาว อาคจฺฉึสูติ.
ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ปูติคตฺตติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อจิรํ ¶ วตยํ กาโยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปูติคตฺตติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิโต, โส ลทฺธูปสมฺปโท ติสฺสตฺเถโร นาม อโหสิ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ตสฺส สรีเร โรโค อุทปาทิ. สาสปมตฺติโย ปิฬกา อุฏฺหึสุ. ตา อนุปุพฺเพน มุคฺคมตฺตา กลายมตฺตา โกลฏฺิมตฺตา อามลกมตฺตา เพฬุวสลาฏุมตฺตา เพฬุวมตฺตา หุตฺวา ปภิชฺชึสุ, สกลสรีรํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ อโหสิ. ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโรตฺเววสฺส นามํ อุทปาทิ. อถสฺส อปรภาเค อฏฺีนิ ภิชฺชึสุ. โส อปฺปฏิชคฺคิโย ¶ อโหสิ. นิวาสนปารุปนํ ปุพฺพโลหิตมกฺขิตํ ชาลปูวสทิสํ อโหสิ. สทฺธิวิหาริกาทโย ปฏิชคฺคิตุํ อสกฺโกนฺตา ฉฑฺฑยึสุ. โส อนาโถ หุตฺวา นิปชฺชิ.
พุทฺธานฺจ นาม ทฺเว วาเร โลกโวโลกนํ อวิชหิตํ โหติ. ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิโต ปฏฺาย คนฺธกุฏิอภิมุขํ าณํ กตฺวา โอโลเกนฺติ, สายํ โอโลเกนฺตา คนฺธกุฏิโต ปฏฺาย พาหิราภิมุขํ าณํ กตฺวา โอโลเกนฺติ. ตสฺมึ ปน สมเย ภควโต าณชาลสฺส อนฺโต ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโร ปฺายิ. สตฺถา ตสฺส ภิกฺขุโน อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ สทฺธิวิหาริกาทีหิ ฉฑฺฑิโต, อิทานิสฺส มํ เปตฺวา อฺํ ปฏิสรณํ ¶ นตฺถี’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา วิหารจาริกํ จรมาโน วิย อคฺคิสาลํ คนฺตฺวา อุกฺขลึ โธวิตฺวา อุทกํ ทตฺวา อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ อาคมยมาโน อคฺคิสาลายเมว อฏฺาสิ. ตตฺตภาวํ ชานิตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน นิปนฺนมฺจโกฏิยํ ¶ คณฺหิ, ตทา ภิกฺขู ‘‘อเปถ, ภนฺเต, มยํ คณฺหิสฺสามา’’ติ มฺจกํ คเหตฺวา อคฺคิสาลํ อานยึสุ. สตฺถา อมฺพณํ อาหราเปตฺวา อุณฺโหทกํ อาสิฺจิตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ ตสฺส ปารุปนํ คาหาเปตฺวา อุณฺโหทเก มทฺทาเปตฺวา มนฺทาตเป วิสฺสชฺชาเปสิ. อถสฺส สนฺติเก ตฺวา สรีรํ อุณฺโหทเกน เตเมตฺวา ฆํสิตฺวา นฺหาเปสิ, ตสฺส นหานปริโยสาเน ปารุปนํ สุกฺขิ. อถ นํ ตํ นิวาสาเปตฺวา นิวตฺถกาสาวํ อุทเก มทฺทาเปตฺวา อาตเป วิสฺสชฺชาเปสิ. อถสฺส คตฺเต อุทเก ฉินฺนมตฺเต ตมฺปิ สุกฺขิ. โส เอกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา สลฺลหุกสรีโร เอกคฺคจิตฺโต มฺจเก นิปชฺชิ. สตฺถา ตสฺส อุสฺสีสเก ตฺวา, ‘‘ภิกฺขุ อยํ ตว กาโย อเปตวิฺาโณ นิรุปกาโร หุตฺวา กลิงฺครํ วิย ปถวิยํ เสสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อจิรํ วตยํ กาโย, ปถวึ อธิเสสฺสติ;
ฉุทฺโธ อเปตวิฺาโณ, นิรตฺถํว กลิงฺคร’’นฺติ.
ตตฺถ อจิรํ วตาติ ภิกฺขุ น จิรสฺเสว อยํ กาโย ปถวึ อธิเสสฺสติ, อิมิสฺสา ปกติสยเนน สยิตาย ปถวิยา อุปริ สยิสฺสติ ¶ . ฉุทฺโธติ อปวิทฺโธ, อปคตวิฺาณตาย ¶ ตุจฺโฉ หุตฺวา เสสฺสตีติ ทสฺเสติ. ยถา กึ? นิรตฺถํว กลิงฺครํ นิรุปการํ นิรตฺถกํ กฏฺขณฺฑํ วิย. ทพฺพสมฺภารตฺถิกา หิ มนุสฺสา อรฺํ ปวิสิตฺวา อุชุกํ อุชุกสณฺาเนน วงฺกํ วงฺกสณฺาเนน ฉินฺทิตฺวา ทพฺพสมฺภารํ คณฺหนฺติ, อวเสสํ ปน สุสิรฺจ ปูติกฺจ อสารกฺจ คณฺิชาตฺจ ฉินฺทิตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑนฺติ. อฺเ ทพฺพสมฺภารตฺถิกา อาคนฺตฺวา ตํ คเหตาโร นาม นตฺถิ, โอโลเกตฺวา อตฺตโน อุปการกเมว คณฺหนฺติ, อิตรํ ปถวีคตเมว โหติ. ตํ ปน เตน เตน อุปาเยน มฺจปฏิปาทกํ วา ปาทกถลิกํ วา ผลกปีํ วา กาตุํ สกฺกาปิ ภเวยฺย. อิมสฺมึ ปน อตฺตภาเว ทฺวตฺตึสาย โกฏฺาเสสุ เอกโกฏฺาโสปิ มฺจปฏิปาทกาทิวเสน อฺเน วา อุปการมุเขน คยฺหูปโค นาม นตฺถิ, เกวลํ นิรตฺถํว กลิงฺครํ อยํ กาโย อปคตวิฺาโณ กติปาเหเนว ปถวิยํ เสสฺสตีติ.
เทสนาวสาเน ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย ¶ อเหสุํ. เถโรปิ อรหตฺตํ ปตฺวาว ปรินิพฺพายิ. สตฺถา ตสฺส สรีรกิจฺจํ การาเปตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ การาเปสิ. ภิกฺขู สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโร กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘ปรินิพฺพุโต, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอวรูปสฺส ปน อรหตฺตูปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน กึ การณา คตฺตํ ปุติกํ ชาตํ, กึ การณา อฏฺีนิ ภินฺนานิ, กิมสฺส การณํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยภาวํ ปตฺต’’นฺติ? ‘‘ภิกฺขเว, สพฺพเมตํ เอตสฺส อตฺตนา กตกมฺเมเนว นิพฺพตฺต’’นฺติ. ‘‘กึ ปน เตน, ภนฺเต, กต’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ อตีตํ อาหริ –
อยํ ¶ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล สากุณิโก หุตฺวา พหู สกุเณ วธิตฺวา อิสฺสรชนํ อุปฏฺหิ. เตสํ ทินฺนาวเสเส วิกฺกิณาติ, ‘‘วิกฺกิตาวเสสา มาเรตฺวา ปิตา ปูติกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ยถา อุปฺปติตุํ น สกฺโกนฺติ, ตถา เตสํ ชงฺฆฏฺีนิ จ ปกฺขฏฺีนิ จ ภินฺทิตฺวา ราสึ กตฺวา เปติ, เต ปุนทิวเส วิกฺกิณาติ. อติพหูนํ ปน ลทฺธกาเล อตฺตโนปิ อตฺถาย ปจาเปติ. ตสฺเสกทิวสํ รสโภชเน ปกฺเก เอโก ขีณาสโว ปิณฺฑาย จรนฺโต เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. โส เถรํ ทิสฺวา ¶ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ‘‘มยา พหู ปาณา มาเรตฺวา ขาทิตา, อยฺโย จ เม เคหทฺวาเร ิโต, อนฺโตเคเห จ รสโภชนํ สํวิชฺชติ, ปิณฺฑปาตมสฺส ทสฺสามี’’ติ ตสฺส ปตฺตํ อาทาย ปูเรตฺวา รสปิณฺฑปาตํ ทตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส มตฺถกํ ปาปุเณยฺย’’นฺติ อาห. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ อกาสิ. ‘‘ภิกฺขเว, ตทา กตกมฺมวเสเนตํ ติสฺสสฺส นิปฺผนฺนํ, สกุณานํ อฏฺิเภทนนิสฺสนฺเทน ติสฺสสฺส คตฺตฺจ ปูติกํ ชาตํ, อฏฺีนิ จ ภินฺนานิ, ขีณาสวสฺส รสปิณฺฑปาตทานนิสฺสนฺเทน อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ.
ปูติคตฺตติสฺสตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. นนฺทโคปาลกวตฺถุ
ทิโส ทิสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โกสลชนปเท นนฺทโคปาลกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน นนฺโท นาม ¶ โคปาลโก โคยูถํ รกฺขติ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค. โส กิร ยถา เกณิโย ชฏิโล ปพฺพชฺชาเวเสน, เอวํ โคปาลกตฺเตน ราชพลึ ปริหรนฺโต อตฺตโน กุฏุมฺพํ รกฺขติ. โส กาเลน กาลํ ปฺจ โครเส อาทาย ¶ อนาถปิณฺฑิกสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ ปสฺสติ, ธมฺมํ สุณาติ, อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคมนตฺถาย สตฺถารํ ยาจติ. สตฺถา ตสฺส าณปริปากํ อาคมยมาโน อาคนฺตฺวา ปริปกฺกภาวํ ตฺวา เอกทิวสํ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรนฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม ตสฺส วสนฏฺานาสนฺเน อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. นนฺโท สตฺถุ สนฺติกํ อคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺถาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปณีตํ ปฺจโครสทานํ อทาสิ. สตฺตเม ทิวเส สตฺถา อนุโมทนํ กตฺวา ทานกถาทิเภทํ อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน นนฺทโคปาลโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ อนุคจฺฉนฺโต ทูรํ คนฺตฺวา, ‘‘ติฏฺ, อุปาสกา’’ติ นิวตฺติยมาโน วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. อถ นํ เอโก ลุทฺทโก วิชฺฌิตฺวา มาเรสิ. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตา ภิกฺขู นํ ทิสฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ ¶ อาหํสุ – ‘‘นนฺโท, ภนฺเต, โคปาลโก ตุมฺหากํ อิธาคตตฺตา มหาทานํ ทตฺวา อนุคนฺตฺวา นิวตฺเตนฺโต มาริโต, สเจ ตุมฺเห นาคจฺฉิสฺสถ, นาสฺส มรณํ อภวิสฺสา’’ติ. สตฺถา ¶ , ‘‘ภิกฺขเว, มยิ อาคเตปิ อนาคเตปิ ตสฺส จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสา จ คจฺฉนฺตสฺสาปิ มรณโต มุจฺจนูปาโย นาม นตฺถิ. ยฺหิ เนว โจรา, น เวริโน กโรนฺติ, ตํ อิเมสํ สตฺตานํ อนฺโตปทุฏฺํ มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตเมว กโรตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทิโส ทิสํ ยํ ตํ กยิรา, เวรี วา ปน เวรินํ;
มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ, ปาปิโย นํ ตโต กเร’’ติ.
ตตฺถ ทิโส ทิสนฺติ โจโร โจรํ. ‘‘ทิสฺวา’’ติ ปาเสโส. ยํ ตํ กยิราติ ยํ ตํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอโก เอกสฺส มิตฺตทุพฺภี โจโร ปุตฺตทารเขตฺตวตฺถุ โคมหึสาทีสุ อปรชฺฌนฺโต ยสฺส อปรชฺฌติ, ตมฺปิ ตเถว อตฺตนิ อปรชฺฌนฺตํ โจรํ ทิสฺวา, เวริ วา ปน เกนจิเทว การเณน พทฺธเวรํ เวรึ ทิสฺวา อตฺตโน กกฺขฬตาย ทารุณตาย ยํ ตํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย, ปุตฺตทารํ วา ปีเฬยฺย, เขตฺตาทีนิ วา นาเสยฺย, ชีวิตา วา ปน นํ โวโรเปยฺย, ทสสุ อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาปิตตฺตา มิจฺฉาปหิณิตํ จิตฺตํ ปาปิโย นํ ตโต กเร ตํ ปุริสํ ตโต ปาปตรํ กเรยฺย. วุตฺตปฺปกาเรหิ, ทิโส ทิสสฺส วา เวรี เวริโน วา อิมสฺมึเยว ¶ อตฺตภาเว ทุกฺขํ วา อุปฺปาเทยฺย, ชีวิตกฺขยํ วา กเรยฺย. อิทํ ปน อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาปิตํ จิตฺตํ ทิฏฺเว ธมฺเม อนยพฺยสนํ ปาเปติ, อตฺตภาวสตสหสฺเสสุปิ จตูสุ อปาเยสุ ขิปิตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทตีติ.
เทสนาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. มหาชนสฺส สาตฺถิกา เทสนา ชาตา. อุปาสเกน ปน ภวนฺตเร กตกมฺมํ ภิกฺขูหิ น ปุจฺฉิตํ, ตสฺมา สตฺถารา น กถิตนฺติ.
นนฺทโคปาลกวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. โสเรยฺยตฺเถรวตฺถุ
น ¶ ตํ มาตา ปิตา กยิราติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต โสเรยฺยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
วตฺถุ โสเรยฺยนคเร สมุฏฺิตํ, สาวตฺถิยํ นิฏฺาเปสิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต โสเรยฺยนคเร โสเรยฺยเสฏฺิปุตฺโต เอเกน สหายเกน สทฺธึ สุขยานเก นิสีทิตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นฺหานตฺถาย นครา นิกฺขมิ. ตสฺมึ ขเณ มหากจฺจายนตฺเถโร โสเรยฺยนครํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุกาโม หุตฺวา พหินคเร สงฺฆาฏึ ปารุปติ. เถรสฺส จ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ. โสเรยฺยเสฏฺิปุตฺโต ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อโห วต อยํ วา เถโร มม ภริยา ภเวยฺย, มม วา ภริยาย สรีรวณฺโณ เอตสฺส สรีรวณฺโณ ¶ วิย ภเวยฺยา’’ติ. ตสฺส จินฺติตมตฺเตเยว ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุรโหสิ. โส ลชฺชมาโน ยานกา โอรุยฺห ปลายิ. ปริชโน ตํ อสฺชานนฺโต ‘‘กิเมต’’นฺติ อาห. สาปิ ตกฺกสิลมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สหายโกปิสฺสา อิโต จิโต จ วิจริตฺวาปิ นาทฺทส. สพฺเพ นฺหายิตฺวา เคหํ อคมึสุ. ‘‘กหํ เสฏฺิปุตฺโต’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘นฺหตฺวา อาคโต ภวิสฺสตีติ มฺิมฺหา’’ติ วทึสุ. อถสฺส มาตาปิตโร ตตฺถ ตตฺถ ปริเยสิตฺวา อปสฺสนฺตา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา, ‘‘มโต ภวิสฺสตี’’ติ มตกภตฺตํ อทํสุ. สา เอกํ ตกฺกสิลคามึ สตฺถวาหํ ทิสฺวา ยานกสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิ.
อถ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา, ‘‘อมฺหากํ ยานกสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุคจฺฉติ, มยํ ‘กสฺเสสา ทาริกา’ติ ตํ น ชานามา’’ติ วทึสุ. สาปิ ‘‘ตุมฺเห อตฺตโน ยานกํ ปาเชถ, อหํ ปทสา คมิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตี องฺคุลิมุทฺทิกํ ทตฺวา เอกสฺมึ ยานเก โอกาสํ กาเรสิ. มนุสฺสา จินฺตยึสุ – ‘‘ตกฺกสิลนคเร อมฺหากํ เสฏฺิปุตฺตสฺส ภริยา นตฺถิ, ตสฺส อาจิกฺขิสฺสาม, มหาปณฺณากาโร โน ภวิสฺสตี’’ติ. เต เคหํ คนฺตฺวา, ‘‘สามิ, อมฺเหหิ ตุมฺหากํ ¶ เอกํ อิตฺถิรตนํ อานีต’’นฺติ อาหํสุ. โส ตํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อตฺตโน วยานุรูปํ ¶ อภิรูปํ ปาสาทิกํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห เคเห อกาสิ. ปุริสา หิ อิตฺถิโย, อิตฺถิโย ¶ วา ปุริสา อภูตปุพฺพา นาม นตฺถิ. ปุริสา หิ ปรสฺส ทาเรสุ อติจริตฺวา กาลํ กตฺวา พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา มนุสฺสชาตึ อาคจฺฉนฺตา อตฺตภาวสเต อิตฺถิภาวํ อาปชฺชนฺติ.
อานนฺทตฺเถโรปิ กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตปารมี อริยสาวโก สํสาเร สํสรนฺโต เอกสฺมึ อตฺตภาเว กมฺมารกุเล นิพฺพตฺโต. ปรทารกมฺมํ กตฺวา นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน จุทฺทสสุ อตฺตภาเวสุ ปุริสสฺส ปาทปริจาริกา อิตฺถี อโหสิ, สตฺตสุ อตฺตภาเวสุ พีชุทฺธรณํ ปาปุณิ. อิตฺถิโย ปน ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา อิตฺถิภาเว ฉนฺทํ วิราเชตฺวา, ‘‘อิทํ โน ปฺุํ ปุริสตฺตภาวปฏิลาภาย สํวตฺตตู’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺหิตฺวา กาลํ กตฺวา ปุริสตฺตภาวํ ปฏิลภนฺติ, ปติเทวตา หุตฺวา สามิเก สมฺมาปฏิปตฺติวเสนาปิ ปุริสตฺตภาวํ ปฏิลภนฺเตว.
อยํ ปน เสฏฺิปุตฺโต เถเร อโยนิโส จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อิตฺถิภาวํ ปฏิลภิ. ตกฺกสิลายํ เสฏฺิปุตฺเตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย ปน ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ ลภิตฺวา ตสฺส ปทสา คมนกาเล อปรมฺปิ ปุตฺตํ ปฏิลภิ. เอวมสฺสา กุจฺฉิยํ วุตฺถา ทฺเว, โสเรยฺยนคเร ตํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺตา ทฺเวติ จตฺตาโร ปุตฺตา อเหสุํ. ตสฺมึ กาเล โสเรยฺยนครโต ตสฺสา สหายโก เสฏฺิปุตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ตกฺกสิลํ ¶ คนฺตฺวา สุขยานเก นิสินฺโน นครํ ปาวิสิ. อถ นํ สา อุปริปาสาทตเล วาตปานํ วิวริตฺวา อนฺตรวีถึ โอโลกยมานา ิตา ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ทาสึ เปเสตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ อกาสิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อิโต ปุพฺเพ อมฺเหหิ น ทิฏฺปุพฺพา, อถ จ ปน โน มหนฺตํ สกฺการํ กโรสิ, ชานาสิ ตฺวํ อมฺเห’’ติ. ‘‘อาม, สามิ, ชานามิ, นนุ ตุมฺเห โสเรยฺยนครวาสิโน’’ติ? ‘‘อาม, ภทฺเท’’ติ. สา มาตาปิตูนฺจ ภริยาย จ ปุตฺตานฺจ อโรคภาวํ ปุจฺฉิ. อิตโร ‘‘อาม, ภทฺเท, อโรคา’’ติ วตฺวา ‘‘ชานาสิ ตฺวํ เอเต’’ติ อาห. ‘‘อาม สามิ, ชานามิ. เตสํ เอโก ปุตฺโต อตฺถิ, โส กหํ, สามี’’ติ? ‘‘ภทฺเท, มา เอตํ กเถหิ, มยํ เตน สทฺธึ เอกทิวสํ สุขยานเก นิสีทิตฺวา นฺหายิตุํ นิกฺขนฺตา เนวสฺส คตึ ชานาม, อิโต จิโต จ วิจริตฺวา ตํ อทิสฺวา มาตาปิตูนํ ¶ อาโรจยิมฺหา, เตปิสฺส โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา เปตกิจฺจํ กิรึสู’’ติ. ‘‘อหํ โส, สามี’’ติ. ‘‘อเปหิ, ภทฺเท, กึ กเถสิ มยฺหํ สหาโย เทวกุมาโร วิย เอโก ปุริโส’’ติ? ‘‘โหตุ, สามิ, อหํ โส’’ติ. ‘‘อถ อิทํ กึ นามา’’ติ? ‘‘ตํ ทิวสํ เต อยฺโย มหากจฺจายนตฺเถโร ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘อาม, ทิฏฺโ’’ติ. อหํ อยฺยํ ¶ มหากจฺจายนตฺเถรํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อโห วต อยํ วา เถโร มม ภริยา ภเวยฺย ¶ , เอตสฺส วา สรีรวณฺโณ วิย มม ภริยาย สรีรวณฺโณ ภเวยฺยา’’ติ จินฺเตสึ. จินฺติตกฺขเณเยว เม ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวิ. อถาหํ ลชฺชมานา กสฺสจิ กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา ตโต ปลายิตฺวา อิธาคตา, สามีติ.
‘‘อโห วต เต ภาริยํ กมฺมํ กตํ, กสฺมา มยฺหํ นาจิกฺขิ, อปิจ ปน เต เถโร ขมาปิโต’’ติ? ‘‘น ขมาปิโต, สามิ. ชานาสิ ปน ตฺวํ กหํ เถโร’’ติ? ‘‘อิมเมว นครํ อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ. ‘‘สเจ ปิณฺฑาย จรนฺโต อิธาคจฺเฉยฺย, อหํ มม อยฺยสฺส ภิกฺขาหารํ ทเทยฺยํ, สามี’’ติ. ‘‘เตน หิ สีฆํ สกฺการํ กโรหิ, อมฺหากํ อยฺยํ ขมาเปสฺสามา’’ติ โส เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน, ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. ‘‘นนุ ตฺวํ, เสฏฺิปุตฺต, อาคนฺตุโกสี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา อมฺหากํ อาคนฺตุกภาวํ ปุจฺฉถ, สฺเว เม ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ, เคเหปิ เถรสฺส มหาสกฺกาโร ปฏิยตฺโต. เถโร ปุนทิวเส ตํ เคหทฺวารํ อคมาสิ. อถ นํ นิสีทาเปตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา เสฏฺิปุตฺโต ตํ อิตฺถึ คเหตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ สหายิกาย ขมถา’’ติ อาห. ‘‘กิเมต’’นฺติ? ‘‘อยํ, ภนฺเต, ปุพฺเพ มยฺหํ ปิยสหายโก หุตฺวา ตุมฺเห โอโลเกตฺวา เอวํ นาม จินฺเตสิ, อถสฺส ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวิ, ขมถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ อุฏฺหถ, ขมามิ โว อห’’นฺติ. เถเรน ¶ ‘‘ขมามี’’ติ วุตฺตมตฺเตเยว อิตฺถิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, ปุริสลิงฺคํ ปาตุภวิ.
ปุริสลิงฺเค ปาตุภูตมตฺเตเยว ตํ ตกฺกสิลาย เสฏฺิปุตฺโต อาห – ‘‘สมฺม สหายก, อิเม ทฺเว ทารกา ตว กุจฺฉิยํ วุตฺถตฺตา มํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺตตฺตา อุภินฺนมฺปิโน ปุตฺตา เอว, อิเธว วสิสฺสาม, มา อุกฺกณฺี’’ติ. ‘‘สมฺม, อหํ เอเกนตฺตภาเวน ปมํ ปุริโส หุตฺวา อิตฺถิภาวํ ปตฺวา ปุน ¶ ปุริโส ชาโตติ วิปฺปการปฺปตฺโต, ปมํ มํ ปฏิจฺจ ทฺเว ปุตฺตา นิพฺพตฺตา, อิทานิ เม กุจฺฉิโต ทฺเว ปุตฺตา นิกฺขนฺตา, สฺวาหํ เอเกนตฺตภาเวน วิปฺปการปฺปตฺโต, ปุน ‘เคเห วสิสฺสตี’ติ สฺํ มา กริ, อหํ มม อยฺยสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามิ. อิเม ทฺเว ทารกา ตว ภาราติ, อิเมสุ มา ปมชฺชี’’ติ วตฺวา ปุตฺเต สีเส ปริจุมฺพิตฺวา ปริมชฺชิตฺวา อุเร นิปชฺชาเปตฺวา ปิตุ นิยฺยาเทตฺวา นิกฺขมิตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เถโรปิ นํ ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตฺวา คณฺหิตฺวาว จาริกํ จรมาโน อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อคมาสิ. ตสฺส โสเรยฺยตฺเถโรติ นามํ อโหสิ. ชนปทวาสิโน ตํ ปวตฺตึ ตฺวา สงฺขุภิตฺวา โกตูหลชาตา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉึสุ ¶ – ‘‘เอวํ กิร, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, อาวุโส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอวรูปมฺปิ การณํ นาม โหติ’’? ‘‘ตุมฺหากํ กุจฺฉิยํ กิร ทฺเว ปุตฺตา นิพฺพตฺตา, ตุมฺเห ปฏิจฺจ ¶ ทฺเว ชาตา, เตสํ โว กตเรสุ พลวสิเนโห โหตี’’ติ? ‘‘กุจฺฉิยํ วุตฺถเกสุ, อาวุโส’’ติ. อาคตาคตา นิพทฺธํ ตเถว ปุจฺฉึสุ.
เถโร ‘‘กุจฺฉิยํ วุตฺตเกสุ เอว สิเนโห พลวา’’ติ ปุนปฺปุนํ กเถนฺโต หรายมาโน เอโกว นิสีทติ, เอโกว ติฏฺติ. โส เอวํ เอกตฺตูปคโต อตฺตภาเว ขยวยํ สมุฏฺาเปตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ อาคตาคตา ปุจฺฉนฺติ – ‘‘ภนฺเต, เอวํ กิร นาม อโหสี’’ติ? ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘กตเรสุ สิเนโห พลวา’’ติ? ‘‘มยฺหํ กตฺถจิ สิเนโห นาม นตฺถี’’ติ. ภิกฺขู ‘‘อยํ อภูตํ กเถสิ, ปุริมทิวเสสุ ‘กุจฺฉิยํ วุตฺถปุตฺเตสุ สิเนโห พลวา’ติ วตฺวา อิทานิ ‘มยฺหํ กตฺถจิ สิเนโห นตฺถี’ติ วทติ, อฺํ พฺยากโรติ, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต อฺํ พฺยากโรติ, มม ปุตฺตสฺส สมฺมาปณิหิเตน จิตฺเตน มคฺคสฺส ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย น กตฺถจิ สิเนโห ชาโต, ยํ สมฺปตฺตึ เนว มาตา, น ปิตา กาตุํ สกฺโกติ, ตํ อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตเร ปวตฺตํ สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตเมว เทตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ ตํ มาตา ปิตา กยิรา, อฺเ วาปิ จ าตกา;
สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ.
ตตฺถน ตนฺติ ตํ การณํ เนว มาตา กเรยฺย, น ปิตา, น อฺเ าตกา. สมฺมาปณิหิตนฺติ ทสสุ กุสลกมฺมปเถสุ สมฺมา ปิตํ. เสยฺยโส ¶ นํ ตโต กเรติ ตโต การณโต เสยฺยโส นํ วรตรํ อุตฺตริตรํ กเรยฺย, กโรตีติ อตฺโถ. มาตาปิตโร หิ ปุตฺตานํ ธนํ ททมานา เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว กมฺมํ อกตฺวา สุเขน ชีวิกกปฺปนํ ธนํ ทาตุํ สกฺโกนฺติ. วิสาขาย มาตาปิตโรปิ ตาว มหทฺธนา มหาโภคา, ตสฺสา เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว สุเขน ชีวิกกปฺปนํ ธนํ อทํสุ. จตูสุ ปน ทีเปสุ จกฺกวตฺติสิรึ ทาตุํ สมตฺถา มาตาปิตโรปิ นาม ปุตฺตานํ นตฺถิ, ปเคว ทิพฺพสมฺปตฺตึ วา ปมชฺฌานาทิสมฺปตฺตึ วา, โลกุตฺตรสมฺปตฺติทาเน กถาว นตฺถิ, สมฺมาปณิหิตํ ปน จิตฺตํ สพฺพมฺเปตํ สมฺปตฺตึ ทาตุํ สกฺโกติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
โสเรยฺยตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
จิตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ตติโย วคฺโค.
๔. ปุปฺผวคฺโค
๑. ปถวิกถาปสุตปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ
โก ¶ ¶ ¶ อิมํ ปถวึ วิเจสฺสตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปถวิกถาปสุเต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร ภควตา สทฺธึ ชนปทจาริกํ จริตฺวา เชตวนํ อาคนฺตฺวา สายนฺหสมเย อุปฏฺานสาลายํ สนฺนิสินฺนา อตฺตนา คตคตฏฺาเนสุ ‘‘อสุกคามโต อสุกคามคมนฏฺาเน สมํ วิสมํ กทฺทมพหุลํ สกฺขรพหุลํ กาฬมตฺติกํ ตมฺพมตฺติก’’นฺติ ปถวิกถํ กเถสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺเหหิ วิจริตฏฺาเน ปถวิกถายา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, เอสา พาหิรปถวี นาม, ตุมฺเหหิ อชฺฌุตฺติกปถวิยํ ปริกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘โก อิมํ ปถวึ วิเจสฺสติ,
ยมโลกฺจ อิมํ สเทวกํ;
โก ธมฺมปทํ สุเทสิตํ,
กุสโล ปุปฺผมิว ปเจสฺสติ.
‘‘เสโข ¶ ปถวึ วิเจสฺสติ,
ยมโลกฺจ อิมํ สเทวกํ;
เสโข ธมฺมปทํ สุเทสิตํ,
กุสโล ปุปฺผมิว ปเจสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ โก อิมนฺติ โก อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ ปถวึ. วิเจสฺสตีติ อตฺตโน าเณน วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ, ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, สจฺฉิกริสฺสตีติ อตฺโถ. ยมโลกฺจาติ จตุพฺพิธํ อปายโลกฺจ. อิมํ สเทวกนฺติ อิมํ มนุสฺสโลกฺจ เทวโลเกน สทฺธึ โก วิเจสฺสติ ¶ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสตีติ ปุจฺฉิ. โก ธมฺมปทํ สุเทสิตนฺติ ยถาสภาวโต กถิตตฺตา สุเทสิตํ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาตํ ธมฺมปทํ กุสโล มาลากาโร ปุปฺผํ วิจินนฺโต วิย โก ¶ ปเจสฺสติ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ อุปปริกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, สจฺฉิกริสฺสตีติ อตฺโถ. เสโขติ อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขาติ อิมา ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขนโต โสตาปตฺติมคฺคฏฺํ อาทึ กตฺวา ยาว อรหตฺตมคฺคฏฺา สตฺตวิโธ เสโข อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ ปถวึ อรหตฺตมคฺเคน ตโต ฉนฺทราคํ อปกฑฺฒนฺโต วิเจสฺสติ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ ¶ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสติ. ยมโลกฺจาติ ตํ ยถาวุตฺตปการํ ยมโลกฺจ อิมํ มนุสฺสโลกฺจ สห เทเวหิ สเทวกํ สฺเวว วิเจสฺสติ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสติ. เสโขติ สฺเวว สตฺตวิโธ เสโข, ยถา นาม กุสโล มาลากาโร ปุปฺผารามํ ปวิสิตฺวา ตรุณมกุฬานิ จ ปาณกวิทฺธานิ จ มิลาตานิ จ คณฺิกชาตานิ จ ปุปฺผานิ วชฺเชตฺวา โสภนานิ สุชาตสุชาตาเนว ปุปฺผานิ วิจินาติ, เอวเมว อิมํ สุกถิตํ สุนิทฺทิฏฺํ โพธิปกฺขิยธมฺมปทมฺปิ ปฺาย ปเจสฺสติ วิจินิสฺสติ อุปปริกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสตีติ สตฺถา สยเมว ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ปถวิกถาปสุตปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.
๒. มรีจิกมฺมฏฺานิกตฺเถรวตฺถุ
เผณูปมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อฺตรํ มรีจิกมฺมฏฺานิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา, ‘‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏตฺวา วายมิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มรีจึ ทิสฺวา, ‘‘ยถา อยํ คิมฺหสมเย อุฏฺิตา มรีจิ ทูเร ิตานํ รูปคตา วิย ปฺายติ, สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตานํ เนว ปฺายติ, อยํ อตฺตภาโวปิ อุปฺปาทวยฏฺเน เอวรูโป’’ติ มรีจิกมฺมฏฺานํ ภาเวนฺโต อาคนฺตฺวา ¶ มคฺคกิลนฺโต อจิรวติยํ นฺหายิตฺวา เอกสฺมึ ¶ จณฺฑโสตตีเร รุกฺขฉายาย นิสินฺโน อุทกเวคาภิฆาเตน อุฏฺหิตฺวา มหนฺเต มหนฺเต เผณปิณฺเฑ ภิชฺชมาเน ทิสฺวา, ‘‘อยํ อตฺตภาโวปิ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนฏฺเน เอวรูโปเยวา’’ติ อารมฺมณํ อคฺคเหสิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ ิโตว ตํ เถรํ ทิสฺวา, ‘‘เอวเมว, ภิกฺขุ, เอวรูโปวายํ อตฺตภาโว เผณปิณฺโฑ วิย มรีจิ วิย อุปฺปชฺชนภิชฺชนสภาโวเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เผณูปมํ กายมิมํ วิทิตฺวา,
มรีจิธมฺมํ อภิสมฺพุธาโน;
เฉตฺวาน มารสฺส ปปุปฺผกานิ,
อทสฺสนํ มจฺจุราชสฺส คจฺเฉ’’ติ.
ตตฺถ เผณูปมนฺติ อิมํ เกสาทิสมูหสงฺขาตํ กายํ อพลทุพฺพลฏฺเน อนทฺธนิยตาวกาลิกฏฺเน เผณปิณฺฑสริกฺขโกติ ¶ วิทิตฺวา. มรีจิธมฺมนฺติ ยถา มรีจิ ทูเร ิตานํ รูปคตา วิย คยฺหูปคา วิย โหติ, สนฺติเก อุปคจฺฉนฺตานํ ริตฺตา ตุจฺฉา อคยฺหูปคา สมฺปชฺชติ, เอวเมว ขณิกอิตฺตรปจฺจุปฏฺานฏฺเน อยํ กาโยปิ มรีจิธมฺโมติ อภิสมฺพุธาโน พุชฺฌนฺโต, ชานนฺโตติ อตฺโถ. มารสฺส ปปุปฺผกานีติ มารสฺส ปปุปฺผกสงฺขาตานิ เตภูมกานิ วฏฺฏานิ อริยมคฺเคน ฉินฺทิตฺวา ขีณาสโว ภิกฺขุ มจฺจุราชสฺส อทสฺสนํ อวิสยํ อมตมหานิพฺพานํ คจฺเฉยฺยาติ.
คาถาปริโยสาเน เถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถุ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ โถเมนฺโต วณฺเณนฺโต วนฺทนฺโตว อาคโตติ.
มรีจิกมฺมฏฺานิกตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.
๓. วิฏฏูภวตฺถุ
ปุปฺผานิเหว ปจินนฺตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต สปริสํ มโหเฆน อชฺโฌตฺถริตฺวา มาริตํ วิฏฏูภํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ ¶ อนุปุพฺพิกถา – สาวตฺถิยฺหิ มหาโกสลรฺโ ปุตฺโต ปเสนทิกุมาโร นาม. เวสาลิยํ ¶ ลิจฺฉวิรฺโ ปุตฺโต ลิจฺฉวิกุมาโร ¶ มหาลิ นาม, กุสินารายํ มลฺลราชปุตฺโต พนฺธุโล นามาติ อิเม ตโย ทิสาปาโมกฺขสฺสาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปุคฺคหณตฺถํ ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา พหินคเร สาลาย สมาคตา อฺมฺสฺส อาคตการณฺจ กุลฺจ นามฺจ ปุจฺฉิตฺวา สหายกา หุตฺวา เอกโตว อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา สิปฺปํ สิกฺขนฺตา น จิรสฺเสว อุคฺคหิตสิปฺปา อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวา เอกโตว นิกฺขมิตฺวา สกสกฏฺานานิ อคมํสุ. เตสุ ปเสนทิกุมาโร ปิตุ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา ปสนฺเนน ปิตรา รชฺเช อภิสิตฺโต. มหาลิกุมาโร ลิจฺฉวีนํ สิปฺปํ ทสฺเสนฺโต มหนฺเตน อุสฺสาเหน ทสฺเสสิ, ตสฺส อกฺขีนิ ภิชฺชิตฺวา อคมํสุ. ลิจฺฉวิราชาโน ‘‘อโห วต อมฺหากํ อาจริโย อกฺขิวินาสํ ปตฺโต, น นํ ปริจฺจชิสฺสาม, อุปฏฺหิสฺสาม น’’นฺติ ตสฺส สตสหสฺสุฏฺานกํ เอกํ ทฺวารํ อทํสุ. โส ตํ นิสฺสาย ปฺจสเต ลิจฺฉวิราชปุตฺเต สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺโต วสิ. พนฺธุลกุมาโร สฏฺึ สฏฺึ เวฬู คเหตฺวา มชฺเฌ อยสลากํ ปกฺขิปิตฺวา สฏฺิกลาเป อุสฺสาเปตฺวา ปิเต มลฺลราชกุเลหิ ‘‘อิเม กปฺเปตู’’ติ วุตฺโต อสีติหตฺถํ อากาสํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อสินา กปฺเปนฺโต อคมาสิ. โส โอสานกลาเป ¶ อยสลากาย ‘‘กิรี’’ติ สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา สพฺพกลาเปสุ อยสลากานํ ปิตภาวํ ตฺวา อสึ ฉฑฺเฑตฺวา โรทมาโน ‘‘มยฺหํ เอตฺตเกสุ าติสุหชฺเชสุ เอโกปิ สสิเนโห หุตฺวา อิมํ การณํ นาจิกฺขิ. สเจ หิ อหํ ชาเนยฺยํ, อยสลากาย สทฺทํ อนุฏฺาเปนฺโตว ฉินฺเทยฺย’’นฺติ วตฺวา, ‘‘สพฺเพปิเม มาเรตฺวา รชฺชํ กเรยฺย’’นฺติ มาตาปิตูนํ กเถสิ. เตหิ ‘‘ปเวณิรชฺชํ นาม, ตาต, อิทํ น ลพฺภา เอวํ กาตุ’’นฺติ นานปฺปกาเรน วาริโต ‘‘เตน หิ มม สหายกสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ สาวตฺถึ อคมาสิ.
ปเสนทิ โกสโล ราชา ตสฺสาคมนํ สุตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน ตํ นครํ ปเวเสตฺวา เสนาปติฏฺาเน เปสิ. โส มาตาปิตโร ปกฺโกสาเปตฺวา ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ. อเถกทิวสํ ราชา ¶ อุปริปาสาเท ิโต อนฺตรวีถึ โอโลกยมาโน ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส จูฬอนาถปิณฺฑิกสฺส วิสาขาย สุปฺปวาสายา’’ติ เอเตสํ เคเห นิจฺจํ ภตฺตกิจฺจตฺถาย คจฺฉนฺเต อเนกสหสฺเส ภิกฺขู ทิสฺวา, ‘‘กหํ, อยฺยา, คจฺฉนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทว, อนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห นิจฺจภตฺตสลากภตฺตคิลานภตฺตาทีนํ อตฺถาย เทวสิกํ ทฺเว ภิกฺขุสหสฺสานิ คจฺฉนฺติ, จูฬอนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห ปฺจสตานิ, ตถา วิสาขาย ตถา สุปฺปวาสายา’’ติ วุตฺเต สยมฺปิ ภิกฺขุสงฺฆํ อุปฏฺหิตุกาโม วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสหสฺเสน สทฺธึ ¶ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ สหตฺถา ทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปฺจหิ เม ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิพทฺธํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. ‘‘มหาราช พุทฺธา ¶ นาม เอกฏฺาเน นิพทฺธํ ภิกฺขํ น คณฺหนฺติ, พหู ชนา พุทฺธานํ อาคมนํ ปจฺจาสีสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอกํ ภิกฺขุํ นิพทฺธํ เปเสถา’’ติ อาห. สตฺถา อานนฺทตฺเถรสฺส ภารํ อกาสิ. ราชา ภิกฺขุสงฺเฆ อาคเต ปตฺตํ คเหตฺวา, ‘‘อิเม นาม ปริวิสนฺตู’’ติ อวิจาเรตฺวาว สตฺตาหํ สยเมว ปริวิสิตฺวา อฏฺเม ทิวเส วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปมชฺชมกาสิ. ราชกุเล นาม อนาณตฺตา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ภิกฺขู นิสีทาเปตฺวา ปริวิสิตุํ น ลภนฺติ ‘‘น มยํ อิธ าตุํ สกฺขิสฺสามา’’ติ พหู ภิกฺขู ปกฺกมึสุ. ราชา ทุติยทิวเสปิ ปมชฺชิ, ทุติยทิวเสปิ พหู ภิกฺขู ปกฺกมึสุ. ตติยทิวเสปิ ปมชฺชิ, ตทา อานนฺทตฺเถรํ เอกกเมว เปตฺวา อวเสสา ปกฺกมึสุ. ปฺุวนฺตา นาม การณวสิกา โหนฺติ, กุลานํ ปสาทํ รกฺขนฺติ. ตถาคตสฺส จ สาริปุตฺตตฺเถโร มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโรติ ทฺเว อคฺคสาวกา, เขมา อุปฺปลวณฺณาติ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อุปาสเกสุ จิตฺโต, คหปติ, หตฺถโก อาฬวโกติ ทฺเว อคฺคอุปาสกา, อุปาสิกาสุ เวฬุกณฺกี นนฺทมาตา, ขุชฺชุตฺตราติ ทฺเว อคฺคอุปาสิกา, อิติ อิเม อฏฺ ชเน อาทึ กตฺวา านนฺตรปตฺตา สพฺเพปิ สาวกา เอกเทเสน ทสนฺนํ ปารมีนํ ปูริตตฺตา มหาปฺุา อภินีหารสมฺปนฺนา. อานนฺทตฺเถโรปิ ¶ กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตปารมี อภินีหารสมฺปนฺโน มหาปฺุโ อตฺตโน การณวสิกตาย กุลสฺส ปสาทํ รกฺขนฺโต อฏฺาสิ. ตํ เอกกเมว นิสีทาเปตฺวา ปริวิสึสุ.
ราชา ¶ ภิกฺขูนํ คตกาเล อาคนฺตฺวา ขาทนียโภชนียานิ ตเถว ิตานิ ทิสฺวา, ‘‘กึ, อยฺยา, นาคมึสู’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อานนฺทตฺเถโร เอกโกว อาคโต เทวา’’ติ สุตฺวา, ‘‘อทฺธา เอตฺตกํ เม ภตฺตจฺเฉทนมกํสู’’ติ ภิกฺขูนํ กุทฺโธ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ภิกฺขา ปฏิยตฺตา, อานนฺทตฺเถโร กิร เอกโกวาคโต, ปฏิยตฺตา ภิกฺขา ตเถว ิตา, ปฺจสตา ภิกฺขู มม เคเห สฺํ น กรึสุ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาห. สตฺถา ภิกฺขูนํ โทสํ อวตฺวา, ‘‘มหาราช, มม สาวกานํ ตุมฺเหหิ สทฺธึ วิสฺสาโส นตฺถิ, เตน น คตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา กุลานํ อนุปคมนการณฺจ อุปคมนการณฺจ ปกาเสนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา อิมํ สุตฺตมาห –
‘‘นวหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตํ กุลํ อนุปคนฺตฺวา วา นาลํ อุปคนฺตุํ, อุปคนฺตฺวา วา นาลํ อุปนิสีทิตุํ. กตเมหิ นวหิ? น มนาเปน ปจฺจุฏฺเนฺติ, น มนาเปน อภิวาเทนฺติ, น มนาเปน อาสนํ เทนฺติ, สนฺตมสฺส ปริคุหนฺติ, พหุกมฺปิ โถกํ เทนฺติ, ปณีตมฺปิ ลูขํ เทนฺติ, อสกฺกจฺจํ เทนฺติ โน สกฺกจฺจํ, น อุปนิสีทนฺติ ธมฺมสฺสวนาย, ภาสิตมสฺส น สุสฺสูสนฺติ ¶ . อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, นวหงฺเคหิ ¶ สมนฺนาคตํ กุลํ อนุปคนฺตฺวา วา นาลํ อุปคนฺตุํ, อุปคนฺตฺวา วา นาลํ อุปนิสีทิตุํ.
‘‘นวหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตํ กุลํ อนุปคนฺตฺวา วา อลํ อุปคนฺตุํ, อุปคนฺตฺวา วา อลํ อุปนิสีทิตุํ. กตเมหิ นวหิ? มนาเปน ปจฺจุฏฺเนฺติ, มนาเปน อภิวาเทนฺติ, มนาเปน อาสนํ เทนฺติ, สนฺตมสฺส น ปริคุหนฺติ, พหุกมฺปิ พหุกํ เทนฺติ, ปณีตมฺปิ ปณีตํ เทนฺติ, สกฺกจฺจํ เทนฺติ โน อสกฺกจฺจํ, อุปนิสีทนฺติ ธมฺมสฺสวนาย, ภาสิตมสฺส สุสฺสูสนฺติ. อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, นวหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ กุลํ อนุปคนฺตฺวา วา อลํ อุปคนฺตุํ, อุปคนฺตฺวา วา อลํ อุปนิสีทิตุ’’นฺติ (อ. นิ. ๙.๑๗).
อิติ โข, มหาราช, มม สาวกา ตุมฺหากํ สนฺติกา วิสฺสาสํ อลภนฺตา น คตา ภวิสฺสนฺตีติ. โปราณกปณฺฑิตาปิ หิ อวิสฺสาสิกฏฺาเน สกฺกจฺจํ อุปฏฺิยมานาปิ มารณนฺติกํ เวทนํ ปตฺวา วิสฺสาสิกฏฺานเมว อคมึสูติ. ‘‘กทา, ภนฺเต’’ติ รฺา ปุฏฺโ อตีตํ อาหริ –
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เกสโว นาม ราชา รชฺชํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตํ ปฺจ ปุริสสตานิ อนุปพฺพชึสุ. โส เกสวตาปโส นาม อโหสิ. ปสาธนกปฺปโก ปนสฺส อนุปพฺพชิตฺวา กปฺปโก นาม อนฺเตวาสิโก อโหสิ. เกสวตาปโส ปริสาย สทฺธึ อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา วสฺสารตฺตสมเย โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ¶ พาราณสึ ปตฺวา ภิกฺขาย ปาวิสิ. อถ นํ ราชา ทิสฺวา ปสีทิตฺวา จตุมาสํ อตฺตโน สนฺติเก วสนตฺถาย ปฏิฺํ คเหตฺวา อุยฺยาเนว วสาเปนฺโต สยํ สายํปาตํ อสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ. อวเสสา ตาปสา กติปาหํ วสิตฺวา หตฺถิสทฺทาทีหิ อุพฺพาฬฺหา หุตฺวา อุกฺกณฺิตฺวา, ‘‘อาจริย, อุกฺกณฺิตมฺหา, คจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘กหํ, ตาตา’’ติ? ‘‘หิมวนฺตํ, อาจริยา’’ติ. ราชา อมฺหากํ อาคตทิวเสเยว จตุมาสํ อิธ วสนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหิ. ‘‘กถํ คมิสฺสถ, ตาตา’’ติ? ‘‘ตุมฺเหหิ อมฺหากํ อนาจิกฺขิตฺวาว ปฏิฺา ทินฺนา, มยํ อิธ น สกฺโกม วสิตุํ, อิโต อวิทูเร ตุมฺหากํ ปวตฺติสฺสวนฏฺาเน วสิสฺสามา’’ติ วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ. กปฺปนฺเตวาสิเกน สทฺธึ อาจริโย โอหียิ.
ราชา อุปฏฺานํ อาคโต, ‘‘กหํ, อยฺยา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สพฺเพ อุกฺกณฺิตมฺหาติ วตฺวา หิมวนฺตํ ¶ คตา, มหาราชา’’ติ อาห. กปฺปโกปิ น จิรสฺเสว อุกฺกณฺิตฺวา อาจริเยน ปุนปฺปุนํ วาริยมาโนปิ ‘‘น สกฺโกมี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. อิตเรสํ ปน สนฺติกํ อคนฺตฺวา อาจริยสฺส ปวตฺตึ สุณนฺโต อวิทูเร าเน วสิ. อปรภาเค อาจริยสฺส อนฺเตวาสิเก อนุสฺสรนฺตสฺส กุจฺฉิโรโค อุปฺปชฺชิ. ราชา เวชฺเชหิ ติกิจฺฉาเปสิ, โรโค น วูปสมฺมติ. ตาปโส อาห – ‘‘กึ, มหาราช, อิจฺฉสิ เม โรควูปสม’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, สจาหํ สกฺกุเณยฺยํ, อิทาเนว โว ผาสุกํ กเรยฺย’’นฺติ. ‘‘มหาราช, สเจ เม ผาสุกํ อิจฺฉสิ, มํ อนฺเตวาสิกานํ สนฺติกํ เปเสหี’’ติ. ราชา ‘‘สาธุ ¶ , ภนฺเต’’ติ ตํ มฺจเก นิปชฺชาเปตฺวา นารทอมจฺจปฺปมุเข จตฺตาโร อมจฺเจ ‘‘มม อยฺยสฺส ปวตฺตึ ตฺวา, มยฺหํ สาสนํ ปหิเณยฺยาถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. กปฺปนฺเตวาสิโก อาจริยสฺส อาคมนํ สุตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อิตเร ‘‘กห’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อสุกฏฺาเน กิร วสนฺตี’’ติ อาห. เตปิ อาจริยสฺสาคมนภาวํ สุตฺวา ตตฺเถว สโมสริตฺวา อาจริยสฺส อุณฺโหทกํ ทตฺวา ผลาผลํ อทํสุ. ตํ ¶ ขณฺเว โรโค วูปสมฺมติ. โส กติปาเหเนว สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ. อถ นํ นารโท ปุจฺฉิ –
‘‘มนุสฺสินฺทํ ชหิตฺวาน, สพฺพกามสมิทฺธินํ;
กถํ นุ ภควา เกสี, กปฺปสฺส รมติ อสฺสเม.
‘‘สาทูนิ รมณียานิ, สนฺติ วกฺขา มโนรมา;
สุภาสิตานิ กปฺปสฺส, นารท รมยนฺติ มํ.
‘‘สาลีนํ โอทนํ ภฺุเช, สุจึ มํสูปเสจนํ;
กถํ สามากนีวารํ, อโลณํ ฉาทยนฺติ ตํ.
‘‘สาทุํ วา ยทิ วาสาทุํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;
วิสฺสตฺโถ ยตฺถ ภฺุเชยฺย, วิสฺสาสปรมา รสา’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๘๑-๑๘๔);
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนนฺโต ‘‘ตทา ราชา โมคฺคลฺลาโน อโหสิ, นารโท สาริปุตฺโต, กปฺปนฺเตวาสิโก ¶ อานนฺโท, เกสวตาปโส อหเมวา’’ติ วตฺวา, ‘‘เอวํ, มหาราช, ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา มารณนฺติกํ เวทนํ ปตฺวา วิสฺสาสิกฏฺานํ คมึสุ, มม สาวกา ¶ ตุมฺหากํ สนฺติเก วิสฺสาสํ น ลภนฺติ มฺเ’’ติ อาห. ราชา ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ มยา วิสฺสาสํ กาตุํ วฏฺฏติ, กถํ นุ โข กริสฺสามีติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส าติธีตรํ มม เคเห กาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ สนฺเต ‘ทหรา จ สามเณรา จ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส าติราชา’ติ มม สนฺติกํ วิสฺสตฺถา นิพทฺธํ อาคมิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘เอกํ เม ธีตรํ เทนฺตู’’ติ สากิยานํ สนฺติกํ สาสนํ เปเสสิ. ‘‘กตรสฺส สกฺยสฺส ธีตา’’ติ จ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ตฺวา อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา ทูเต อาณาเปสิ. ทูตา คนฺตฺวา สากิเย ทาริกํ ยาจึสุ. เต สนฺนิปติตฺวา, ‘‘ปกฺขนฺตริโก ราชา, สเจ น ทสฺสาม, วินาเสสฺสติ โน, น โข ปน อมฺเหหิ กุเลน สทิโส, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ มนฺตยึสุ. มหานาโม ‘‘มม ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ ชาตา วาสภขตฺติยา นาม ธีตา รูปโสภคฺคปฺปตฺตา อตฺถิ, ตํ ทสฺสามา’’ติ วตฺวา ทูเต อาห – ‘‘สาธุ, รฺโ ทาริกํ ทสฺสามา’’ติ. ‘‘สา กสฺส, ธีตา’’ติ? ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จูฬปิตุปุตฺตสฺส มหานามสฺส สกฺกสฺส ธีตา วาสภขตฺติยา นามา’’ติ.
เต ¶ คนฺตฺวา รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘ยทิ เอวํ, สาธุ, สีฆํ อาเนถ, ขตฺติยา จ นาม พหุมายา, ทาสิธีตรมฺปิ ปหิเณยฺยุํ, ปิตรา สทฺธึ เอกภาชเน ภฺุชนฺตึ อาเนยฺยาถา’’ติ ¶ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา, ‘‘เทว, ตุมฺเหหิ สทฺธึ เอกโต ภฺุชนฺตึ ราชา อิจฺฉตี’’ติ อาหํสุ. มหานาโม ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตํ อลงฺการาเปตฺวา อตฺตโน โภชนกาเล ปกฺโกสาเปตฺวา ตาย สทฺธึ เอกโต ภฺุชนาการํ ทสฺเสตฺวา ทูตานํ นิยฺยาเทสิ. เต ตํ อาทาย สาวตฺถึ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ตุฏฺมานโส ตํ ปฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ เชฏฺิกํ กตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน อภิสิฺจิ. สา น จิรสฺเสว สุวณฺณวณฺณํ ปุตฺตํ วิชายิ.
อถสฺส นามคฺคหณทิวเส ราชา ทารกสฺส อยฺยกสฺส สนฺติกํ เปเสสิ ‘‘สกฺยราชธีตา วาสภขตฺติยา ปุตฺตํ วิชาตา, กิมสฺส นามํ กโรมา’’ติ? ตํ ปน สาสนํ คเหตฺวา คโต อมจฺโจ โถกํ พธิรธาตุโก, โส คนฺตฺวา รฺโ อยฺยกสฺส อาโรเจสิ, โส ตํ สุตฺวา ‘‘วาสภขตฺติยา ปุตฺตํ อวิชายิตฺวาปิ สพฺพชนํ อภิภวิ, อิทานิ ปน รฺโ อติวิย วลฺลภา ภวิสฺสตี’’ติ อาห. พธิโร อมจฺโจ ‘‘วลฺลภา’’ติ วจนํ ทุสฺสุตํ สุตฺวา ‘‘วิฏฏูโภ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ราชานํ อุปคนฺตฺวา, ‘‘เทว, กุมารสฺส กิร ‘วิฏฏูโภ’ติ นามํ กโรถา’’ติ อาห. ราชา ‘‘โปราณกํ โน กุลสนฺตกํ นามํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ นามํ อกาสิ. อถสฺส ทหรกาเลเยว ราชา ‘‘สตฺถุ ปิยํ กโรมี’’ติ เสนาปติฏฺานํ อทาสิ.
โส กุมารปริหาเรน วฑฺฒนฺโต สตฺตวสฺสิกกาเล อฺเสํ กุมารานํ มาตามหกุลโต หตฺถิรูปกอสฺสรูปกาทีนิ ¶ อาหริยมานานิ ทิสฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, อฺเสํ มาตามหกุลโต ¶ ปณฺณากาโร อาหรียติ, มยฺหํ โกจิ กิฺจิ น เปเสสิ, กึ ตฺวํ นิมาตา นิปิตา’’ติ? อถ นํ สา, ‘‘ตาต, ตว สกฺยราชาโน มาตามหา ทูเร ปน วสนฺติ, เตน เต กิฺจิ น เปเสนฺตี’’ติ วฺเจสิ. โสฬสวสฺสิกกาเล, ‘‘อมฺม, ตว มาตามหกุลํ ปสฺสิตุกาโมมฺหี’’ติ วตฺวา, ‘‘อลํ, ตาต, กึ ตตฺถ คนฺตฺวา กริสฺสตี’’ติ วาริยมาโนปิ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. อถสฺส มาตา ‘‘เตน หิ คจฺฉา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. โส ปิตุ อาโรเจตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นิกฺขมิ. วาสภขตฺติยา ปุเรตรํ ปณฺณํ เปเสสิ – ‘‘อหํ ¶ อิธ สุขํ วสามิ, มาสฺส กิฺจิ สามิโน อนฺตรํ ทสฺสยึสู’’ติ. สากิยา วิฏฏูภสฺส อาคมนํ ตฺวา, ‘‘วนฺทิตุํ น สกฺโกมา’’ติ ตสฺส ทหรทหเร กุมาเร ชนปทํ ปหิณิตฺวา ตสฺมึ กปิลปุรํ สมฺปตฺเต สนฺถาคาเร สนฺนิปตึสุ. กุมาโร ตตฺถ คนฺตฺวา อฏฺาสิ.
อถ นํ ‘‘อยํ เต, ตาต, มาตามโห, อยํ มาตุโล’’ติ วตฺวา วนฺทาเปสุํ. โส สพฺเพ วนฺทมาโน วิจริตฺวา เอกมฺปิ อตฺตานํ วนฺทนฺตํ อทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข มํ วนฺทนฺตา นตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. สากิยา, ‘‘ตาต, เต กนิฏฺกุมารา ชนปทํ คตา’’ติ วตฺวา ตสฺส มหนฺตํ สกฺการํ ¶ กรึสุ. โส กติปาหํ วสิตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นิกฺขมิ. อเถกา ทาสี สนฺถาคาเร เตน นิสินฺนผลกํ ‘‘อิทํ วาสภขตฺติยาย ทาสิยา ปุตฺตสฺส นิสินฺนผลก’’นฺติ อกฺโกสิตฺวา ปริภาสิตฺวา ขีโรทเกน โธวิ. เอโก ปุริโส อตฺตโน อาวุธํ ปมุสฺสิตฺวา นิวตฺโต ตํ คณฺหนฺโต วิฏฏูภกุมารสฺส อกฺโกสนสทฺทํ สุตฺวา ตํ การณํ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘วาสภขตฺติยา ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ มหานามสกฺกํ ปฏิจฺจ ชาตา’’ติ ตฺวา พลกายสฺส กเถสิ. ‘‘วาสภขตฺติยา กิร ทาสิธีตา’’ติ มหาโกลาหลํ อโหสิ. ตํ สุตฺวา วิฏฏูโภ ‘‘เอเต ตาว มม นิสินฺนผลกํ ขีโรทเกน โธวนฺตุ, อหํ ปน รชฺเช ปติฏฺิตกาเล เอเตสํ คลโลหิตํ คเหตฺวา มม นิสินฺนผลกํ โธวิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ ปฏฺเปสิ. ตสฺมึ สาวตฺถึ คเต อมจฺจา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘มยฺหํ ทาสิธีตรํ อทํสู’’ติ สากิยานํ กุชฺฌิตฺวา วาสภขตฺติยาย จ ปุตฺตสฺส จ ทินฺนปริหารํ อจฺฉินฺทิตฺวา ทาสทาสีหิ ลทฺธพฺพมตฺตเมว ทาเปสิ.
ตโต กติปาหจฺจเยน สตฺถา ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. ราชา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ กิร าตเกหิ ทาสิธีตา มยฺหํ ¶ ทินฺนา, เตนสฺสา อหํ สปุตฺตาย ปริหารํ อจฺฉินฺทิตฺวา ทาสทาสีหิ ลทฺธพฺพมตฺตเมว ทาเปสิ’’นฺติ อาห. สตฺถา ‘‘อยุตฺตํ, มหาราช, สากิเยหิ กตํ, ททนฺเตหิ นาม สมานชาติกา ทาตพฺพา อสฺส, ตํ ปน ¶ , มหาราช, วทามิ, วาสภขตฺติยา ขตฺติยราชธีตา ขตฺติยรฺโ เคเห อภิเสกํ ลภิ. วิฏฏูโภปิ ขตฺติยราชานเมว ปฏิจฺจ ชาโต, มาตุโคตฺตํ ¶ นาม กึ กริสฺสติ, ปิตุโคตฺตเมว ปมาณนฺติ. โปราณกปณฺฑิตา ทลิทฺทิตฺถิยา กฏฺหาริกาย อคฺคมเหสิฏฺานํ อทํสุ, ตสฺสา จ กุจฺฉิมฺหิ ชาตกุมาโร ทฺวาทสโยชนิกาย พาราณสิยา รชฺชํ ปตฺวา กฏฺวาหนราชา นาม ชาโต’’ติ กฏฺหาริชาตกํ (ชา. ๑.๑.๗) กเถสิ. ราชา ธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘ปิตุโคตฺตเมว กิร ปมาณ’’นฺติ ตุสฺสิตฺวา วาสภขตฺติยาย จ ปุตฺตสฺส จ ปกติปริหารเมว ทาเปสิ.
พนฺธุลเสนาปติสฺสปิ โข กุสินารายํ มลฺลราชธีตา มลฺลิกา นาม ภริยา ทีฆรตฺตํ ปุตฺตํ น วิชายิ. อถ นํ พนฺธุโล ‘‘อตฺตโน กุลฆรเมว คจฺฉา’’ติ อุยฺโยเชสิ. สา ‘‘สตฺถารํ ทิสฺวาว คมิสฺสามี’’ติ เชตวนํ ปวิสิตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา ิตา, ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ วุตฺตา ‘‘สามิโก มํ ¶ ภนฺเต, กุลฆรํ เปเสตี’’ อาห. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘วฺฌา กิรสฺมิ อปุตฺติกา’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ, คมนกิจฺจํ นตฺถิ, นิวตฺตสฺสู’’ติ. สา ตุฏฺมานสา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา นิวตฺตาสี’’ติ วุตฺตา ‘‘ทสพเลน นิวตฺติตามฺหี’’ติ อาห พนฺธุโล ‘‘ทิฏฺํ ภวิสฺสติ ทีฆทสฺสินา การณ’’นฺติ สมฺปฏิจฺฉิ. สา น จิรสฺเสว คพฺภํ ปฏิลภิตฺวา อุปฺปนฺนทาหฬา ‘‘โทหโฬ เม อุปฺปนฺโน’’ติ อาโรเจสิ. ‘‘กึ โทหโฬ’’ติ? ‘‘เวสาลินคเร คณราชกุลานํ อภิเสกมงฺคลโปกฺขรณิยํ โอตริตฺวา นฺหตฺวา ปานียํ ปาตุกามามฺหิ, สามี’’ติ. พนฺธุโล ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา สหสฺสถามธนุํ คเหตฺวา ตํ รถํ อาโรเปตฺวา สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา รถํ ปาเชนฺโต มหาลิลิจฺฉวิโน ทินฺนทฺวาเรน เวสาลึ ปาวิสิ. มหาลิลิจฺฉวิโน จ ทฺวารสมีเป เอว นิเวสนํ โหติ. โส รถสฺส อุมฺมาเร ปนิฆาตสทฺทํ สุตฺวาว ‘‘พนฺธุลสฺส รถสทฺโท เอโส, อชฺช ลิจฺฉวีนํ ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อาห.
โปกฺขรณิยา อนฺโต จ พหิ จ อารกฺขา พลวตี, อุปริ โลหชาลํ ปตฺถฏํ, สกุณานมฺปิ โอกาโส นตฺถิ. พนฺธุลเสนาปติ ¶ ปน รถา โอตริตฺวา อารกฺขเก มนุสฺเส เวตฺเตน ปหรนฺโต ปลาเปตฺวา โลหชาลํ ฉินฺทิตฺวา อนฺโตโปกฺขรณียํ ภริยํ นฺหาเปตฺวา สยมฺปิ นฺหตฺวา ปุน ตํ รถํ อาโรเปตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อาคตมคฺเคเนว ปายาสิ. เต อารกฺขมนุสฺสา ลิจฺฉวิราชูนํ อาโรเจสุํ. ลิจฺฉวิราชาโน กุชฺฌิตฺวา ปฺจ รถสตานิ อารุยฺห ‘‘พนฺธุลมลฺลํ คณฺหิสฺสามา’’ติ นิกฺขมึสุ. ตํ ปวตฺตึ ¶ มหาลิสฺส อาโรเจสุํ. มหาลิ, ‘‘มา คมิตฺถ, โส หิ โว สพฺเพ โฆเตสฺสตี’’ติ อาห. เตปิ ‘‘มยํ คมิสฺสาม เอวา’’ติ วทึสุ. ‘‘เตน หิ ตสฺส รถจกฺกสฺส ยาว นาภิโต ปถวึ ปวิฏฺฏฺานํ ทิสฺวา นิวตฺเตยฺยาถ, ตโต ¶ อนิวตฺตนฺตา ปุรโต อสนิสทฺทํ วิย สุณิสฺสถ, ตมฺหา านา นิวตฺเตยฺยาถ. ตโต อนิวตฺตนฺตา ตุมฺหากํ รถธุเรสุ ฉิทฺทํ ปสฺสิสฺสถ, ตมฺหา านา นิวตฺเตยฺยาถ, ปุรโต มา คมิตฺถา’’ติ. เต ตสฺส วจเนน อนิวตฺติตฺวา ตํ อนุพนฺธึสุ ¶ เอว. มลฺลิกา ทิสฺวา, ‘‘รถา, สามิ, ปฺายนฺตี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ เอกสฺเสว รถสฺส ปฺายนกาเล มํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. สา ยทา สพฺเพ รถา เอโก วิย หุตฺวา ปฺายึสุ, ตทา ‘‘เอกเมว, สามิ, รถสีสํ ปฺายตี’’ติ อาห. พนฺธุโล ‘‘เตน หิ อิมา รสฺมิโย คณฺหาหี’’ติ ตสฺสา รสฺมิโย ทตฺวา รเถ ิโตว ธนุํ อาโรเปสิ, รถจกฺกํ ยาว นาภิโต ปถวึ ปาวิสิ.
ลิจฺฉวิโน ตํ านํ ทิสฺวาปิ น นิวตฺตึสุ. อิตโร โถกํ คนฺตฺวา ชิยํ โปเถสิ, อสนิสทฺโท วิย อโหสิ. เต ตโตปิ น นิวตฺตึสุ, อนุพนฺธนฺตา คจฺฉนฺเตว. พนฺธุโล รเถ ิตโกว เอกสรํ ขิปิ, โส ปฺจนฺนํ รถสตานํ รถสีเส ฉิทฺทํ กตฺวา ปฺจ ราชสตานิ ปริกรพนฺธนฏฺาเน วินิวิชฺฌิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. เต อตฺตโน ปวิทฺธภาวํ อชานิตฺวา, ‘‘ติฏฺ, เร, ติฏฺ, เร’’ติ วทนฺตา อนุพนฺธึสุ เอว. พนฺธุโล รถํ เปตฺวา ‘‘ตุมฺเห มตกา, มตเกหิ สทฺธึ มยฺหํ ยุทฺธํ นาม นตฺถี’’ติ อาห. ‘‘มตกา นาม อมฺหาทิสา น โหนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ สพฺพปจฺฉิมสฺส ปริกรํ โมเจถา’’ติ. เต โมจยึสุ. โส มุตฺตมตฺเต เอว มริตฺวา ปติโต. อถ เต สพฺเพปิ ‘‘ตุมฺเห เอวรูปา, อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา สํวิธาตพฺพํ สํวิทหิตฺวา ปุตฺตทารํ อนุสาสิตฺวา สนฺนาหํ ¶ โมเจถา’’ติ อาห. เต ตถา กตฺวา สพฺเพปิ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา. พนฺธุโลปิ มลฺลิกํ สาวตฺถึ อาเนสิ. สา โสฬสกฺขตฺตุํ ยมเก ยมเก ปุตฺเต วิชายิ. สพฺเพปิ สูรา ถามสมฺปนฺนา อเหสุํ, สพฺพสิปฺปานํ นิปฺผตฺตึ ปาปุณึสุ. เอเกกสฺส ปุริสสหสฺสํ ปริวาโร อโหสิ. ปิตรา สทฺธึ ราชนิเวสนํ คจฺฉนฺเตหิ เตเหว ราชงฺคณํ ปริปูริ.
อเถกทิวสํ ¶ วินิจฺฉเย กูฏฏฺฏปราชิตา มนุสฺสา พนฺธุลํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา มหาวิรวํ วิรวนฺตา วินิจฺฉยอมจฺจานํ กูฏฏฺฏกรณํ ตสฺส อาโรเจสุํ. โส วินิจฺฉยํ คนฺตฺวา ตํ อฏฺฏํ วิจาเรตฺวา สามิกเมว สามิกํ อกาสิ. มหาชโน มหาสทฺเทน สาธุการํ ปวตฺเตติ. ราชา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ตุสฺสิตฺวา สพฺเพปิ เต อมจฺเจ หาเรตฺวา พนฺธุลสฺเสว วินิจฺฉยํ นิยฺยาเทสิ. โส ตโต ปฏฺาย สมฺมา วินิจฺฉยิ. ตโต เต โปราณกวินิจฺฉยิกา อมจฺจา กิฺจิ ลฺชํ อลภนฺตา อปฺปลาภา หุตฺวา ‘‘พนฺธุโล รชฺชํ ปตฺเถตี’’ติ ราชกุเล ปริภินฺทึสุ. ราชา เตสํ กถํ สทฺทหิตฺวา จิตฺตํ นิคฺคเหตุํ นาสกฺขิ. ‘‘อิมสฺมึ อิเธว ฆาติยมาเน ครหา เม อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ปุน จินฺเตตฺวา ปยุตฺตปุริเสหิ ปจฺจนฺตํ ปหาราเปตฺวา พนฺธุลํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ปจฺจนฺโต กิร กุปิโต, ตว ปุตฺเตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา ¶ , โจเร คณฺหาหี’’ติ ¶ ปหิณิตฺวา, ‘‘เอตฺเถวสฺส ทฺวตฺตึสาย ปุตฺเตหิ สทฺธึ สีสํ ฉินฺทิตฺวา อาหรถา’’ติ เตหิ สทฺธึ อฺเปิ สมตฺเถ มหาโยเธ เปเสสิ. ตสฺมึ ปจฺจนฺตํ คจฺฉนฺเตเยว ‘‘เสนาปติ กิร อาคจฺฉตี’’ติ ปยุตฺตโจรา ปลายึสุ. โส ตํ ปเทสํ อาวาสาเปตฺวา สณฺาเปตฺวา นิวตฺติ.
อถสฺส นครโต อวิทูเร าเน เต โยธา ปุตฺเตหิ สทฺธึ สีสํ ฉินฺทึสุ. ตํ ทิวสํ มลฺลิกาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ทฺเว อคฺคสาวกา นิมนฺติตา โหนฺติ. อถสฺสา ปุพฺพณฺเห เอว ‘‘สามิกสฺส เต สทฺธึ ปุตฺเตหิ สีสํ ฉินฺน’’นฺติ ปณฺณํ อาหริตฺวา อทํสุ. สา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา กสฺสจิ กิฺจิ อวตฺวา ปณฺณํ อุจฺฉงฺเค เปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆเมว ปริวิสิ. อถสฺสา ปริจาริกาโย ภิกฺขูนํ ภตฺตํ ทตฺวา สปฺปิจาฏึ อาหรนฺติโย เถรานํ ปุรโต สปฺปิจาฏึ ภินฺทึสุ. ธมฺมเสนาปติ ‘‘เภทนธมฺมํ ภินฺนํ, น จินฺติตพฺพ’’นฺติ อาห. สา อุจฺฉงฺคโต ปณฺณํ นีหริตฺวา ‘‘ทฺวตฺตึสาย ปุตฺเตหิ สทฺธึ ปิตุสีสํ ฉินฺนนฺติ เม อิมํ ปณฺณํ อาหรึสุ, อหํ อิทํ สุตฺวาปิ น จินฺเตมิ, สปฺปิจาฏิยา ภินฺนาย กึ จินฺตยิสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ อาห. ธมฺมเสนาปติ ‘‘อนิมิตฺตมนฺาตํ ¶ , มจฺจานํ อิธ ชีวิต’’นฺติอาทีนิ (สุ. นิ. ๕๗๙) วตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ อคมาสิ. สาปิ ทฺวตฺตึส สุณิสาโย ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตุมฺหากํ สามิกา นิรปราธา อตฺตโน ปุริมกมฺมผลํ ลภึสุ ¶ , ตุมฺเห มา โสจยิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, รฺโ อุปริ มโนปโทสํ มา กริตฺถา’’ติ โอวทิ.
รฺโ จรปุริสา ตํ กถํ สุตฺวา คนฺตฺวา เตสํ นิทฺโทสภาวํ รฺโ กถยึสุ. ราชา สํเวคปฺปตฺโต ตสฺสา นิเวสนํ คนฺตฺวา มลฺลิกฺจ สุณิสาโย จสฺสา ขมาเปตฺวา มลฺลิกาย วรํ อทาสิ. สา ‘‘วโร คหิโต เม โหตู’’ติ วตฺวา ตสฺมึ คเต มตกภตฺตํ ทตฺวา นฺหตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘เทว, ตุมฺเหหิ มยฺหํ วโร ทินฺโน, มยฺหฺจ อฺเน อตฺโถ นตฺถิ, ทฺวตฺตึสาย เม สุณิสานํ มมฺจ กุลฆรคมนํ อนุชานาถา’’ติ อาห. ราชา สมฺปฏิจฺฉิ. สา ทฺวตฺตึส สุณิสาโย ยถาสกานิ กุลานิ เปเสสิ, สยมฺปิ กุสินารานคเร อตฺตโน กุลฆรํ อคมาสิ.
ราชาปิ พนฺธุลเสนาปติโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆการายนสฺส นาม เสนาปติฏฺานํ อทาสิ. โส ปน ‘‘มาตุโล เม อิมินา มาริโต’’ติ รฺโ โอตารํ คเวสนฺโต วิจรติ. ราชาปิ นิรปราธสฺส ¶ พนฺธุลสฺส มาริตกาลโต ปฏฺาย วิปฺปฏิสารี หุตฺวา จิตฺตสฺสาทํ น ลภติ, รชฺชสุขํ นานุโภติ. ตทา สตฺถา สกฺยานํ เมทาฬุปํ นาม นิคมํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ราชา ตตฺถ คนฺตฺวา อารามโต อวิทูเร ขนฺธาวารํ นิวาเสตฺวา, ‘‘มนฺเทน ปริวาเรน สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ ¶ วิหารํ คนฺตฺวา ปฺจราชากกุธภณฺฑานิ ทีฆการายนสฺส ทตฺวา เอกโกว คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. สพฺพํ ธมฺมเจติยสุตฺตนิยาเมน (ม. นิ. ๒.๓๖๔ อาทโย) ทีเปตพฺพํ. ตสฺมึ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ ทีฆการายโน ตานิ ปฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ คเหตฺวา วิฏฏูภํ ราชานํ กตฺวา รฺโ เอกํ อสฺสํ เอกฺจ อุปฏฺานการิกํ มาตุคามํ เปตฺวา นิวตฺเตตฺวา สาวตฺถึ อคมาสิ.
ราชา สตฺถารา สทฺธึ ปิยกถํ กเถตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิกฺขนฺโต เสนํ อทิสฺวา ตํ มาตุคามํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา, ‘‘อหํ ภาคิเนยฺยํ อาทาย คนฺตฺวา, วิฏฏูภํ คเหสฺสามี’’ติ ราชคหนครํ คจฺฉนฺโต วิกาเล ทฺวาเรสุ ปิทหิเตสุ นครํ ปตฺวา เอกิสฺสา สาลาย นิปชฺชิตฺวา วาตาตเปหิ กิลนฺโต รตฺติภาเค ตตฺเถว กาลมกาสิ. วิภาตาย รตฺติยา, ‘‘เทว, โกสลนรินฺท อนาโถ ชาโตสี’’ติ วิปฺปลปนฺติยา ¶ ตสฺสา อิตฺถิยา สทฺทํ สุตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. โส มาตุลสฺส มหนฺเตน สกฺกาเรน สรีรกิจฺจํ กาเรสิ.
วิฏฏูโภปิ ¶ รชฺชํ ลภิตฺวา ตํ เวรํ สริตฺวา ‘‘สพฺเพปิ สากิเย มาเรสฺสามี’’ติ มหติยา เสนาย นิกฺขมิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต าติสงฺฆสฺส วินาสํ ทิสฺวา, ‘‘าติสงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย ปิณฺฑาย จริตฺวา, ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต คนฺธกุฏิยํ สีหเสยฺยํ กปฺเปตฺวา, สายนฺหสมเย อากาเสน คนฺตฺวา, กปิลวตฺถุสามนฺเต เอกสฺมึ กพรจฺฉาเย รุกฺขมูเล นิสีทิ. ตโต วิฏฏูภสฺส รชฺชสีมาย มหนฺโต สนฺทจฺฉาโย นิคฺโรโธ อตฺถิ. วิฏฏูโภ สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กึ การณา เอวรูปาย อุณฺหเวลาย อิมสฺมึ กพรจฺฉาเย รุกฺขมูเล นิสีทถ, เอตสฺมึ สนฺทจฺฉาเย นิคฺโรธมูเล นิสีทถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา, ‘‘โหตุ, มหาราช, าตกานํ ฉายา นาม สีตลา’’ติ วุตฺเต, ‘‘าตกานุรกฺขนตฺถาย สตฺถา อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิวตฺติตฺวา สาวตฺถึเยว ปจฺจาคมิ. สตฺถาปิ อุปฺปติตฺวา เชตวนเมว คโต.
ราชา สากิยานํ โทสํ สริตฺวา ทุติยมฺปิ นิกฺขมิตฺวา ตเถว สตฺถารํ ปสฺสิตฺวา ปุน นิวตฺติ. ตติยวาเรปิ นิกฺขมิตฺวา ตเถว สตฺถารํ ปสฺสิตฺวา ปุน นิวตฺติ. จตุตฺถวาเร ปน ตสฺมึ นิกฺขนฺเต สตฺถา สากิยานํ ปุพฺพกมฺมํ โอโลเกตฺวา เตสํ เอกทิวสํ นทิยํ วิสปกฺขิปนปาปกมฺมสฺส อปฺปฏิพาหิยภาวํ ตฺวา จตุตฺถวาเร นาคมาสิ. วิฏฏูโภ ‘‘สากิเย ฆาเตสฺสามี’’ติ มหนฺเตน พลกาเยน ¶ นิกฺขมิ. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปน าตกา อสตฺตฆาตกา นาม, อตฺตนา มรนฺตาปิ ปเรสํ ชีวิตํ น โวโรเปนฺติ. เต จินฺตยึสุ – ‘‘มยํ สุสิกฺขิตา ¶ กตหตฺถา กตูปาสนา มหิสฺสาสา, น โข ปน สกฺกา อมฺเหหิ ปรํ ชีวิตา โวโรเปตุํ, อตฺตโน กมฺมํ ทสฺเสตฺวา ปลาเปสฺสามา’’ติ เต กตสนฺนาหา นิกฺขมิตฺวา ยุทฺธํ อารภึสุ. เตหิ ขิตฺตา สรา วิฏฏูภสฺส ปุริสานํ อนฺตรนฺตเรน คจฺฉนฺติ, ผลกนฺตรกณฺณฉิทฺทนฺตราทีหิ นิกฺขมนฺติ. วิฏฏูโภ ทิสฺวา นนุ ภเณ ‘‘สากิยา อสตฺตฆาตกามฺหา’’ติ วทนฺติ, อถ จ ปน เม ปุริเส นาเสนฺตีติ.
อถ ¶ นํ เอโก ปุริโส อาห – ‘‘กึ สามิ, นิวตฺติตฺวา โอโลเกสี’’ติ? ‘‘สากิยา เม ปุริเส นาเสนฺตี’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ โกจิ ปุริโส มโต นาม นตฺถิ. อิงฺฆ เต คณาเปถา’’ติ. คณาเปนฺโต เอกสฺสปิ ขยํ น ปสฺสิ. โส ตโต นิวตฺติตฺวา ‘‘เย เย ปน ภเณ ‘สากิยมฺหา’ติ ภณนฺติ, สพฺเพ มาเรถ, มาตามหสฺส ปน มหานามสกฺกสฺส สนฺติเก ิตานํ ชีวิตํ เทถา’’ติ อาห. สากิยา คเหตพฺพคหณํ อปสฺสนฺตา เอกจฺเจ ติณํ ฑํสิตฺวา, เอกจฺเจ นฬํ คเหตฺวา อฏฺํสุ. ‘‘ตุมฺเห สากิยา, โน’’ติ ปุจฺฉิตา ยสฺมา เต มรนฺตาปิ มุสาวาทํ น ภณนฺติ, ตสฺมา ติณํ ฑํสิตฺวา ิตา ‘‘โน สาโก, ติณ’’นฺติ ¶ วทนฺติ. นฬํ คเหตฺวา ิตา ‘‘โน สาโก, นโฬ’’ติ วทนฺติ. เย จ มหานามสฺส สนฺติเก ิตา, เต จ ชีวิตํ ลภึสุ. เตสุ ติณํ ฑํสิตฺวา ิตา ติณสากิยา นาม, นฬํ คเหตฺวา ิตา นฬสากิยา นาม ชาตาติ, วิฏฏูโภ อวเสเส ขีรปเกปิ ทารเก อวิสฺสชฺเชตฺวา ฆาตาเปนฺโต โลหิตนทึ ปวตฺเตตฺวา เตสํ คลโลหิเตน ผลกํ โธวาเปสิ. เอวํ สากิยวํโส วิฏฏูเภน อุปจฺฉินฺโน.
โส มหานามสกฺกํ คาหาเปตฺวา นิวตฺโต ‘‘ปาตราสเวลาย ปาตราสํ กริสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ าเน โอตริตฺวา โภชเน อุปนีเต ‘‘เอกโตว ภฺุชิสฺสามา’’ติ อยฺยกํ ปกฺโกสาเปสิ. ขตฺติยา ปน ชีวิตํ จชนฺตาปิ ทาสิปุตฺเตหิ สทฺธึ น ภฺุชนฺติ. ตสฺมา มหานาโม เอกํ สรํ โอโลเกตฺวา ‘‘กิลิฏฺคตฺโตมฺหิ, นฺหายิสฺสามิ, ตาตา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, อยฺยก, นฺหายถา’’ติ. โส ‘‘อยํ มํ เอกโต อภฺุชนฺตํ ฆาเตสฺสติ, สยเมว เม มตํ เสยฺโย’’ติ เกเส มฺุจิตฺวา อคฺเค คณฺึ กตฺวา เกเสสุ ปาทงฺคุฏฺเก ปเวเสตฺวา อุทเก นิมุชฺชิ. ตสฺส คุณเตเชน นาคภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. นาคราชา ‘‘กึ นุ โข’’ติ อุปธาเรนฺโต ตํ ตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ตํ อตฺตโน ผเณ นิสีทาเปตฺวา นาคภวนํ ปเวเสสิ. โส ทฺวาทสฺส วสฺสานิ ตตฺเถว วสิ. วิฏฏูโภปิ ‘‘มยฺหํ อยฺยโก อิทานิ อาคมิสฺสติ, อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ อาคมยมาโนว นิสีทิ. ตสฺมึ อติจิรายนฺเต สรํ วิจินาเปตฺวา ทีปาโลเกน ปุริสพฺภนฺตรานิปิ โอโลเกตฺวา อทิสฺวา ‘‘คโต ภวิสฺสตี’’ติ ปกฺกามิ. โส ¶ รตฺติภาเค อจิรวตึ ¶ ปตฺวา ขนฺธาวารํ นิวาเสสิ. เอกจฺเจ อนฺโตนทิยํ วาลุกาปุลิเน นิปชฺชึสุ ¶ , เอกจฺเจ พหิถเล, อนฺโตนิปนฺเนสุปิ ปุพฺเพ อกตปาปกมฺมา อตฺถิ, พหินิปนฺเนสุปิ ปุพฺเพ กตปาปกมฺมา อตฺถิ, เตสํ นิปนฺนฏฺาเนสุ กิปิลฺลิกา อุฏฺหึสุ. เต ‘‘มยฺหํ นิปนฺนฏฺาเน กิปิลฺลิกา, มยฺหํ นิปนฺนฏฺาเน กิปิลฺลิกา’’ติ อุฏฺหิตฺวา อกตปาปกมฺมา อุตฺตริตฺวา ถเล นิปชฺชึสุ, กตปาปกมฺมา โอตริตฺวา วาลุกาปุลิเน นิปชฺชึสุ. ตสฺมึ ขเณ มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา ฆนวสฺสํ วสฺสิ. นทิยา โอโฆ อาคนฺตฺวา วิฏฏูภํ สทฺธึ ปริสาย สมุทฺทเมว ปาเปสิ. สพฺเพ ตตฺถ มจฺฉกจฺฉปภกฺขา อเหสุํ.
มหาชโน กถํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘สากิยานํ มรณํ อยุตฺตํ, ‘เอวํ นาม โกฏฺเฏตฺวา โกฏฺเฏตฺวา สากิยา มาเรตพฺพา’ติ อนนุจฺฉวิกเมต’’นฺติ. สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเว กิฺจาปิ สากิยานํ เอวํ มรณํ อยุตฺตํ, ปุพฺเพ กตปาปกมฺมวเสน ปน ยุตฺตเมเวเตหิ ลทฺธ’’นฺติ อาห. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เอเต ปุพฺเพ อกํสู’’ติ? สพฺเพ เอกโต หุตฺวา นทิยํ วิสํ ปกฺขิปึสูติ. ปุเนกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘วิฏฏูโภ เอตฺตเก สากิเย มาเรตฺวา อาคจฺฉนฺโต อตฺตโน มโนรเถ มตฺถกํ อปฺปตฺเตเยว เอตฺตกํ ชนํ อาทาย มหาสมุทฺเท มจฺฉกจฺฉปภกฺโข ชาโต’’ติ ¶ . สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อิเมสํ สตฺตานํ มโนรเถ มตฺถกํ อปฺปตฺเตเยว มจฺจุราชา สุตฺตํ คามํ อชฺโฌตฺถรนฺโต มโหโฆ วิย ชีวิตินฺทฺริยํ ฉินฺทิตฺวา จตูสุ อปายสมุทฺเทสุ นิมุชฺชาเปตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปุปฺผานิ เหว ปจินนฺตํ, พฺยาสตฺตมนสํ นรํ;
สุตฺตํ คามํ มโหโฆว, มจฺจุ อาทาย คจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ พฺยาสตฺตมนสํ นรนฺติ สมฺปตฺเต วา อสมฺปตฺเต วา ลคฺคมานสํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา มาลากาโร ปุปฺผารามํ ปวิสิตฺวา ‘‘ปุปฺผานิ ปจินิสฺสามี’’ติ ตโต ปุปฺผานิ คเหตฺวา อฺมฺํ วา คจฺฉํ ปตฺเถนฺโต สกเล ปุปฺผาราเม มนํ เปเสติ, ‘‘อิโต จิโต จ ปุปฺผานิ ปจินิสฺสามี’’ติ ตโต ปุปฺผานิ อคฺคเหตฺวา อฺตฺถ มนํ เปเสสิ, ตเมว คจฺฉํ ปจินนฺโต ¶ ปมาทมาปชฺชติ, เอวเมว เอกจฺโจ ปุปฺผารามสทิสํ ปฺจกามคุณมชฺฌํ โอตริตฺวา มโนรมํ รูปํ ลภิตฺวา มโนรมานํ สทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพานํ อฺตรํ ปตฺเถติ. อฺโ เตสุ วา อฺตรํ ลภิตฺวา อฺตรํ ปตฺเถติ ¶ , รูปเมว วา ลภิตฺวา อฺํ อปตฺเถนฺโต ตเมว อสฺสาเทติ, สทฺทาทีสุ วา อฺตรํ. เอเสว นโย โคมหึสทาสิทาสเขตฺตวตฺถุคามนิคมชนปทาทีสุ, ปพฺพชิตานมฺปิ ปริเวณวิหารปตฺตจีวราทีสูติ เอวํ ปฺจกามคุณสงฺขาตานิ ปุปฺผานิ เอว ปจินนฺตํ ¶ สมฺปตฺเต วา อสมฺปตฺเต วา กามคุเณ พฺยาสตฺตมนสํ นรํ. สุตฺตํ คามนฺติ คามสฺส เคหภิตฺติอาทีนํ ปน สุปนวเสน สุปนํ นาม นตฺถิ, สตฺตานํ ปน สุตฺตปมตฺตตํ อุปาทาย สุตฺโต นาม โหติ. เอวํ สุตฺตํ คามํ ทฺเว ตีณิ โยชนานิ อายตคมฺภีโร มโหโฆว มจฺจุ อาทาย คจฺฉติ. ยถา โส มโหโฆ อิตฺถิปุริสโคมหึสกุกฺกุฏาทีสุ กิฺจิ อนวเสเสตฺวา สพฺพํ ตํ คามํ สมุทฺทํ ปาเปตฺวา มจฺฉกจฺฉปภกฺขํ กโรติ, เอวเมว พฺยาสตฺตมนสํ นรํ มจฺจุ อาทาย ชีวิตินฺทฺริยมสฺส ฉินฺทิตฺวา จตูสุ อปายสมุทฺเทสุ นิมุชฺชาเปตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. มหาชนสฺส สาตฺถิกา เทสนา ชาตาติ.
วิฏฏูภวตฺถุ ตติยํ.
๔. ปติปูชิกกุมาริวตฺถุ
ปุปฺผานิ เหวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปติปูชิกํ นาม กุมาริกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ¶ ตาวตึสเทวโลเก สมุฏฺิตํ.
ตตฺถ กิร มาลภารี นาม เทวปุตฺโต อจฺฉราสหสฺสปริวุโต อุยฺยานํ ปาวิสิ. ปฺจสตา เทวธีตโร รุกฺขํ อารุยฺห ปุปฺผานิ ปาเตนฺติ, ปฺจสตา ปติตานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา เทวปุตฺตํ อลงฺกโรนฺติ. ตาสุ เอกา เทวธีตา รุกฺขสาขายเมว จุตา, สรีรํ ทีปสิขา วิย นิพฺพายิ. สา สาวตฺถิยํ เอกสฺมึ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ชาตกาเล ¶ ชาติสฺสรา หุตฺวา ‘‘มาลภารีเทวปุตฺตสฺส ภริยามฺหี’’ติ อนุสฺสรนฺตี วุฑฺฒิมนฺวาย คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กตฺวา สามิกสฺส สนฺติเก อภินิพฺพตฺตึ ปตฺเถสิ. สา โสฬสวสฺสกาเล ปรกุลํ คตาปิ สลากภตฺตปกฺขิกภตฺตวสฺสาวาสิกาทีนิ ทตฺวา, ‘‘อยํ เม สามิกสฺส สนฺติเก นิพฺพตฺตนตฺถาย ปจฺจโย โหตู’’ติ วทติ. อถสฺสา ภิกฺขู ‘‘อยํ กุมาริกา อุฏฺาย สมุฏฺาย ปติเมว ปตฺเถตีติ ปติปูชิกา’’ติ นามํ กรึสุ. สาปิ นิพทฺธํ อาสนสาลํ ปฏิชคฺคติ, ปานียํ อุปฏฺเปติ, อาสนานิ ปฺเปติ. อฺเปิ มนุสฺสา สลากภตฺตาทีนิ ทาตุกามา, ‘‘อมฺม, อิมานิปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปฏิปาเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา อาหริตฺวา เทนฺติ. สาปิ เอเตน นิยาเมน อาคจฺฉนฺตี คจฺฉนฺตี เอกปทวาเร ฉปฺาส กุสลธมฺเม (ธ. ส. ๑; ธ. ส. อฏฺ. ๑ เยวาปนกวณฺณนา) ปฏิลภติ. ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล อฺมฺปิ อฺมฺปีติ จตฺตาโร ปุตฺเต ปฏิลภิ.
สา ¶ เอกทิวสํ ทานํ ทตฺวา ปูชํ กตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ¶ สิกฺขาปทานิ รกฺขิตฺวา ทิวสปริโยสาเน ตํ ขณํ นิพฺพตฺเตน เกนจิ โรเคน กาลํ กตฺวา อตฺตโน สามิกสฺเสว สนฺติเก นิพฺพตฺติ. อิตราปิ เอตฺตกํ กาลํ เทวปุตฺตํ อลงฺกโรนฺติ เอว. เทวปุตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ ปาโตว ปฏฺาย น ทิสฺสสิ, กุหึ คตาสี’’ติ อาห. ‘‘จุตามฺหิ สามี’’ติ. ‘‘กึ วเทสี’’ติ? ‘‘เอวเมตํ, สามี’’ติ. ‘‘กุหึ นิพฺพตฺตาสี’’ติ? ‘‘สาวตฺถิยํ กุลเคเห’’ติ. ‘‘กิตฺตกํ กาลํ ตตฺถ ิตาสี’’ติ? ‘‘ทสมาสจฺจเยน มาตุ กุจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา โสฬสวสฺสกาเล ปรกุลํ คนฺตฺวา จตฺตาโร ปุตฺเต วิชายิตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ตุมฺเห ปตฺเถตฺวา อาคนฺตฺวา ตุมฺหากเมว สนฺติเก นิพฺพตฺตามฺหิ, สามี’’ติ. ‘‘มนุสฺสานํ กิตฺตกํ อายู’’ติ? ‘‘วสฺสสตมตฺต’’นฺติ. ‘‘เอตฺตกเมวา’’ติ? ‘‘อาม, สามี’’ติ. ‘‘เอตฺตกํ อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺตมนุสฺสา กึ นุ โข สุตฺตปมตฺตา กาลํ อติกฺกาเมนฺติ, อุทาหุ ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺตี’’ติ. ‘‘กึ วเทถ, สามิ’’? ‘‘อสงฺขฺเยยฺยํ อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺตา วิย อชรามรา วิย จ นิจฺจํ ปมตฺตา, มนุสฺสา’’ติ. มาลภารีเทวปุตฺตสฺส มหาสํเวโค อุทปาทิ ‘‘วสฺสสตมตฺตมายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺตมนุสฺสา กิร ปมตฺตา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺติ, กทา นุ โข ทุกฺขา มุจฺจิสฺสนฺตี’’ติ? มนุสฺสานํ ¶ ปน วสฺสสตํ ตาวตึสานํ เทวานํ เอโก รตฺตินฺทิโว, ตาย รตฺติยา ตึสรตฺติโย มาโส, เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโก สํวจฺฉโร, เตน สํวจฺฉเรน ทิพฺพวสฺสสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ ¶ , ตํ มนุสฺสคณนาย ติสฺโส วสฺสโกฏิโย, สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ โหนฺติ. ตสฺมา ตสฺส เทวปุตฺตสฺส เอกทิวโสปิ นาติกฺกนฺโต มุหุตฺตสทิโสว กาโล อโหสิ. เอวํ อปฺปายุกมนุสฺสานํ ปมาโท นาม อติวิย อยุตฺโตติ.
ปุนทิวเส ภิกฺขู คามํ ปวิฏฺา อาสนสาลํ อปฏิชคฺคิตํ, อาสนานิ อปฺตฺตานิ, ปานียํ อนุฏฺปิตํ ทิสฺวา, ‘‘กหํ ปติปูชิกา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ภนฺเต, กหํ ตุมฺเห ตํ ทกฺขิสฺสถ, หิยฺโย อยฺเยสุ ภฺุชิตฺวา คเตสุ สายนฺหสมเย มตา’’ติ. ตํ สุตฺวา ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ตสฺสา อุปการํ สรนฺตา อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขึสุ. ขีณาสวานํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ. เต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, ปติปูชิกา นาม อุปาสิกา อุฏฺาย สมุฏฺาย นานปฺปการานิ ปฺุานิ กตฺวา สามิกเมว ปตฺเถสิ, สา อิทานิ มตา, กหํ นุ โข นิพฺพตฺตา’’ติ? ‘‘อตฺตโน สามิกสฺเสว สนฺติเก, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, สามิกสฺส สนฺติเก’’ติ. ‘‘น สา, ภิกฺขเว, เอตํ สามิกํ ปตฺเถติ, ตาวตึสภวเน ตสฺสา มาลภารีเทวปุตฺโต นาม สามิโก, สา ตสฺส ปุปฺผปิลนฺธนฏฺานโต จวิตฺวา ปุน คนฺตฺวา ตสฺเสว สนฺติเก นิพฺพตฺตา’’ติ. ‘‘เอวํ กิร, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาม, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อโห ปริตฺตํ, ภนฺเต, สตฺตานํ ชีวิตํ, ปาโตว อมฺเห ปริวิสิตฺวา ¶ สายํ อุปฺปนฺนพฺยาธินา มตา’’ติ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ปริตฺตํ สตฺตานํ ชีวิตํ นาม, เตเนว อิเม สตฺเต วตฺถุกาเมหิ เจว กิเลสกาเมหิ จ อติตฺเต เอว อนฺตโก อตฺตโน วเส ¶ วตฺเตตฺวา กนฺทนฺเต ปริเทวนฺเต คเหตฺวา คจฺฉตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปุปฺผานิ เหว ปจินนฺตํ, พฺยาสตฺตมนสํ นรํ;
อติตฺตํเยว กาเมสุ, อนฺตโก กุรุเต วส’’นฺติ.
ตตฺถ ปุปฺผานิ เหว ปจินนฺตนฺติ ปุปฺผาราเม มาลากาโร นานาปุปฺผานิ วิย อตฺตภาวปฏิพทฺธานิ เจว อุปกรณปฏิพทฺธานิ จ กามคุณปุปฺผานิ โอจินนฺตเมว ¶ . พฺยาสตฺตมนสํ นรนฺติ อสมฺปตฺเตสุ ปตฺถนาวเสน, สมฺปตฺเตสุ เคธวเสน วิวิเธนากาเรน อาสตฺตจิตฺตํ. อติตฺตํเยว กาเมสูติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ ปริเยสเนนปิ ปฏิลาเภนปิ ปริโภเคนปิ นิธาเนนปิ อติตฺตํ เอว สมานํ. อนฺตโก กุรุเต วสนฺติ มรณสงฺขาโต อนฺตโก กนฺทนฺตํ ปริเทวนฺตํ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต อตฺตโน วสํ ปาเปตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา, เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
ปติปูชิกกุมาริวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. มจฺฉริยโกสิยเสฏฺิวตฺถุ
ยถาปิ ภมโร ปุปฺผนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต มจฺฉริยโกสิยเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส วตฺถุ ราชคเห สมุฏฺิตํ.
ราชคหนครสฺส ¶ กิร อวิทูเร สกฺการํ นาม นิคโม อโหสิ. ตตฺเถโก มจฺฉริยโกสิโย นาม เสฏฺิ อสีติโกฏิวิภโว ปฏิวสติ. โส ติณคฺเคน เตลพินฺทุมฺปิ ปเรสํ น เทติ, น อตฺตนา ปริภฺุชติ. อิติสฺส ตํ วิภวชาตํ เนว ปุตฺตทาราทีนํ, น สมณพฺราหฺมณานํ อตฺถํ อนุโภติ, รกฺขสปริคฺคหิตา โปกฺขรณี วิย อปริโภคํ ติฏฺติ. สตฺถา เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย สกลโลกธาตุยํ โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺโต ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก วสนฺตสฺส เสฏฺิโน สปชาปติกสฺส โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทส. ตโต ปุริมทิวเส ปน โส ราชานํ อุปฏฺาตุํ ราชเคหํ คนฺตฺวา ราชูปฏฺานํ กตฺวา ¶ อาคจฺฉนฺโต เอกํ ฉาตชฺฌตฺตํ ชนปทมนุสฺสํ กุมฺมาสปูรํ กปลฺลกปูวํ ขาทนฺตํ ทิสฺวา ตตฺถ ปิปาสํ อุปฺปาเทตฺวา อตฺตโน ฆรํ คนฺตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ กปลฺลกปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหีติ วกฺขามิ, พหู มนุสฺสา มยา สทฺธึ ขาทิตุกามา ภวิสฺสนฺติ, เอวํ เม พหูนิ ติลตณฺฑุลสปฺปิผาณิตาทีนิ ปริกฺขยํ คมิสฺสนฺติ, น ¶ กสฺสจิ กเถสฺสามี’’ติ ตณฺหํ อธิวาเสนฺโต จรติ. โส คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต ชาโต. ตโต ตณฺหํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต คพฺภํ ปวิสิตฺวา มฺจเก อุปคูหิตฺวา นิปชฺชิ. เอวํ คโตปิ ¶ ธนหานิภเยน น กสฺสจิ กิฺจิ กเถสิ.
อถ นํ ภริยา อุปสงฺกมิตฺวา ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา, ‘‘กึ เต, สามิ, อผาสุกํ ชาต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น เม กิฺจิ อผาสุกํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กึ นุ โข เต ราชา กุปิโต’’ติ? ‘‘ราชาปิ เม น กุปฺปตี’’ติ. ‘‘อถ กึ เต ปุตฺตธีตาหิ วา ทาสกมฺมกราทีหิ วา กิฺจิ อมนาปํ กตํ อตฺถี’’ติ? ‘‘เอวรูปมฺปิ นตฺถี’’ติ. ‘‘กิสฺมิฺจิ ปน เต ตณฺหา อตฺถี’’ติ? เอวํ วุตฺเตปิ ธนหานิภเยน กิฺจิ อวตฺวา นิสฺสทฺโทว นิปชฺชิ, อถ นํ ภริยา ‘‘กเถหิ, สามิ กิสฺมิฺจิ เต ตณฺหา อตฺถี’’ติ อาห. โส วจนํ ปริคิลนฺโต วิย ‘‘อตฺถิ เม ตณฺหา’’ติ อาห. ‘‘กึ ตณฺหา, สามี’’ติ? ‘‘กปลฺลกปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติ. ‘‘อถ กิมตฺถํ เม น กเถสิ, กึ ตฺวํ ทลิทฺโทสิ, อิทานิ สกลนิคมวาสีนํ ปโหนเก กปลฺลกปูเว ปจิสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ เต เอเตหิ, อตฺตโน กมฺมํ กตฺวา ขาทิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เตน หิ เอกรจฺฉวาสีนํ ปโหนเก ปจิสฺสามี’’ติ. ‘‘ชานามหํ ตว มหทฺธนภาว’’นฺติ. ‘‘อิมสฺมึ เคหสามนฺเต สพฺเพสํ ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ. ‘‘ชานามหํ ตว มหชฺฌาสยภาว’’นฺติ. ‘‘เตน หิ เต ปุตฺตทารมตฺตสฺเสว ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ. ‘‘กึ เต เอเตหี’’ติ? ‘‘กึ ปน ตุยฺหฺจ มยฺหฺจ ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ? ‘‘ตฺวํ กึ กริสฺสสี’’ติ ¶ ? ‘‘เตน หิ เอกกสฺเสว เต ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ. ‘‘อิมสฺมึ าเน ปจมาเน พหู ปจฺจาสีสนฺติ. สกลตณฺฑุเล เปตฺวา ภินฺนตณฺฑุเล จ อุทฺธนกปลฺลานิ จ อาทาย โถกํ ขีรสปฺปิมธุผาณิตฺจ คเหตฺวา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตลํ อารุยฺห ปจ, ตตฺถาหํ เอกโกว นิสีทิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา คเหตพฺพํ คาหาเปตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห ทาสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา เสฏฺึ ปกฺโกสาเปสิ, โส อาทิโต ปฏฺาย ทฺวารานิ ปิทหนฺโต สพฺพทฺวาเรสุ สูจิฆฏิกํ ทตฺวา สตฺตมตลํ อภิรุหิตฺวา ตตฺถปิ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา นิสีทิ. ภริยาปิสฺส อุทฺธเน อคฺคึ ชาเลตฺวา กปลฺลํ อาโรเปตฺวา ปูเว ปจิตุํ อารภิ.
อถ ¶ ¶ สตฺถา ปาโตว มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอโส, โมคฺคลฺลาน, ราชคหสฺส อวิทูเร สกฺการนิคเม มจฺฉริยเสฏฺิ ‘กปลฺลกปูเว ขาทิสฺสามี’ติ อฺเสํ ทสฺสนภเยน สตฺตภูมิเก ปาสาเท กปลฺลกปูเว ปจาเปติ, ตฺวํ ตตฺถ คนฺตฺวา เสฏฺึ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา อุโภปิ ชายมฺปติเก ปูเว จ ขีรสปฺปิมธุผาณิตานิ จ คาหาเปตฺวา อตฺตโน พเลน เชตวนํ อาเนหิ, อชฺชาหํ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วิหาเร เอว นิสีทิสฺสามิ, ปูเวเหว ภตฺตกิจฺจํ กริสฺสามี’’ติ.
เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ¶ ตาวเทว อิทฺธิพเลน ตํ นิคมํ คนฺตฺวา ตสฺส ปาสาทสฺส สีหปฺชรทฺวาเร สุนิวตฺโถ สุปารุโต อากาเส เอว มณิรูปกํ วิย อฏฺาสิ. มหาเสฏฺิโน เถรํ ทิสฺวาว หทยมํสํ กมฺปิ. โส อหํ เอวรูปานํเยว ทสฺสนภเยน อิมํ านมาคโต, อยฺจ ภิกฺขุ อากาเสนาคนฺตฺวา วาตปานทฺวาเร ิโตติ. โส คเหตพฺพคหณํ อปสฺสนฺโต อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย โทเสน ตฏตฏายนฺโต เอวมาห – ‘‘สมณ, อากาเส ตฺวาปิ กึ ลภิสฺสสิ, อากาเส อปเท ปทํ ทสฺเสตฺวา จงฺกมนฺโตปิ เนว ลภิสฺสสี’’ติ. เถโร ตสฺมึ เอว าเน อปราปรํ จงฺกมิ. เสฏฺิ ‘‘จงฺกมนฺโต กึ ลภิสฺสสิ, อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทนฺโตปิ น ลภิสฺสสิเยวา’’ติ อาห. เถโร ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ ‘‘อากาเส นิสินฺโน กึ ลภิสฺสสิ, อาคนฺตฺวา วาตปานสฺส อุมฺมาเร ิโตปิ น ลภิสฺสสี’’ติ อาห. เถโร อุมฺมาเร ิโต. ‘‘อุมฺมาเร ิโตปิ กึ ลภิสฺสสิ, ธูมายนฺโตปิ น ลภิสฺสสิ เอวา’’ติ อาห. เถโรปิ ธูมายิ. สกลปาสาโท เอกธูโม อโหสิ. เสฏฺิโน อกฺขีนํ สูจิยา วิชฺฌนกาโล วิย อโหสิ, เคหชฺฌายนภเยน ปน ‘‘ตฺวํ ปชฺชลนฺโตปิ น ลภิสฺสสี’’ติ อวตฺวา ‘‘อยํ สมโณ สุฏฺุ ลคฺโค, อลทฺธา น คมิสฺสติ ¶ , เอกมสฺส ปูวํ ทาเปสฺสามี’’ติ ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท เอกํ ขุทฺทกปูวํ ปจิตฺวา สมณสฺส ทตฺวา อุยฺโยเชหิ น’’นฺติ. สา โถกํ เอว ปิฏฺํ กปลฺลปาติยํ ปกฺขิปิ, มหาปูโว หุตฺวา สกลปาตึ ปูเรตฺวา อุทฺธุมาโต หุตฺวา อฏฺาสิ.
เสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘พหุํ ตยา ปิฏฺํ คหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ทพฺพิกณฺเณน โถกํ ปิฏฺํ คเหตฺวา ปกฺขิปิ, ปูโว ปุริมปูวโต มหนฺตตโร ชาโต ¶ . เอวํ ยํ ยํ ปจติ, โส โส มหนฺตมหนฺโตว โหติ. โส นิพฺพินฺโน ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, อิมสฺส เอกํ ปูวํ เทหี’’ติ. ตสฺสา ปจฺฉิโต เอกํ ปูวํ คณฺหนฺติยา สพฺเพ เอกาพทฺธา อลฺลียึสุ. สา เสฏฺึ อาห – ‘‘สามิ, สพฺเพ ปูวา เอกโต ลคฺคา, วิสุํ กาตุํ น สกฺโกมี’’ติ. ‘‘อหํ กริสฺสามี’’ติ โสปิ กาตุํ นาสกฺขิ. อุโภปิ ชนา โกฏิยํ คเหตฺวา กฑฺฒนฺตาปิ วิโยเชตุํ นาสกฺขึสุ เอว ¶ . อถสฺส ปูเวหิ สทฺธึ วายมนฺตสฺเสว สรีรโต เสทา มุจฺจึสุ, ปิปาสา อุปจฺฉิชฺชิ. ตโต ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, น เม ปูเวหิ อตฺโถ, ปจฺฉิยา สทฺธึเยว อิมสฺส เทหี’’ติ. สา ปจฺฉึ อาทาย เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อทาสิ. เถโร อุภินฺนมฺปิ ธมฺมํ เทเสสิ, ติณฺณํ รตนานํ คุณํ กเถสิ, ‘‘อตฺถิ ¶ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺ’’นฺติ ทินฺนทานาทีนํ ผลํ คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ วิย ทสฺเสสิ.
ตํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา เสฏฺิ ‘‘ภนฺเต, อาคนฺตฺวา อิมสฺมึ ปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ อาห. เถโร, ‘‘มหาเสฏฺิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ‘ปูเว ขาทิสฺสามี’ติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วิหาเร นิสินฺโน, ตุมฺหากํ รุจิยา สติ อหํ โว เนสฺสามิ, เสฏฺิภริยํ ปูเว จ ขีราทีนิ จ คณฺหาเปถ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘กหํ ปน, ภนฺเต, เอตรหิ สตฺถา’’ติ? ‘‘อิโต ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก เชตวนวิหาเร, มหาเสฏฺี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, กาลํ อนติกฺกมิตฺวา เอตฺตกํ อทฺธานํ กถํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘มหาเสฏฺิ, ตุมฺหากํ รุจิยา สติ อหํ โว อตฺตโน อิทฺธิพเลน เนสฺสามิ, ตุมฺหากํ ปาสาเท โสปานสีสํ อตฺตโน าเน เอว ภวิสฺสติ, โสปานปริโยสานํ ปน โว เชตวนทฺวารโกฏฺเก ภวิสฺสติ, อุปริปาสาทา เหฏฺาปาสาทํ โอตรณกาลมตฺเตเนว เชตวนํ เนสฺสามี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
เถโร โสปานสีสํ ตตฺเถว กตฺวา ‘‘โสปานปาทมูลํ เชตวนทฺวารโกฏฺเก โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. ตเถว อโหสิ. อิติ เถโร เสฏฺิฺจ เสฏฺิภริยฺจ อุปริปาสาทา เหฏฺาปาสาทํ โอตรณกาลโต ขิปฺปตรํ เชตวนํ สมฺปาเปสิ. เต อุโภปิ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา กาลํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ภตฺตคฺคํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. มหาเสฏฺิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ ¶ อทาสิ. ภริยาปิสฺส ตถาคตสฺส ปตฺเต ปูวํ ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา อตฺตโน ¶ ยาปนมตฺตํ คณฺหิ, ปฺจสตา ภิกฺขูปิ ยาปนมตฺตํ คณฺหึสุ. เสฏฺิ ขีรสปฺปิมธุสกฺขราทีนิ ททมาโน น ขยํ อคมาสิ. สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปสิ. มหาเสฏฺิปิ สทฺธึ ภริยาย ยาวทตฺถํ ขาทิ. ปูวานํ ปริโยสานเมว น ปฺายติ. สกลวิหาเร ภิกฺขูนฺจ วิฆาสาทานฺจ ทินฺเนสุปิ ปริยนฺโต น ปฺายเตว. ‘‘ภนฺเต, ปูวา ปริกฺขยํ น คจฺฉนฺตี’’ติ ภควโต อาโรเจสุํ. ‘‘เตน หิ เชตวนทฺวารโกฏฺเก ฉฑฺเฑถา’’ติ. อถ เน ทฺวารโกฏฺกสฺส อวิทูเร ปพฺภารฏฺาเน ฉฑฺฑยึสุ. ยาวชฺชตนาปิ ตํ านํ กปลฺลกปูวปพฺภารนฺเตว ปฺายติ. มหาเสฏฺิ สห ภริยาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ภควา อนุโมทนมกาสิ. อนุโมทนาวสาเน อุโภปิ ¶ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ทฺวารโกฏฺเก โสปานํ อารุยฺห อตฺตโน ปาสาเทเยว ปติฏฺหึสุ.
ตโต ปฏฺาย เสฏฺิ อสีติโกฏิธนํ พุทฺธสาสเนเยว วิกฺกิริ. ปุนทิวเส สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู ‘‘ปสฺสถาวุโส, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อานุภาวํ, อนุปหจฺจ นาม สทฺธํ, อนุปหจฺจ โภเค มจฺฉริยเสฏฺึ ¶ มุหุตฺเตเนว ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปูเว คาหาเปตฺวา เชตวนํ อาเนตฺวา สตฺถุ สมฺมุขํ กตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ, อโห มหานุภาโว เถโร’’ติ เถรสฺส คุณํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา ทิพฺพาย โสตธาตุยา กถํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, กุลทมเกน นาม ภิกฺขุนา อนุปหจฺจ สทฺธํ, อนุปหจฺจ โภเค, กุลํ อกิลเมตฺวา อวิเหเตฺวา ปุปฺผโต เรณุํ คณฺหนฺเตน ภมเรน วิย อุปสงฺกมิตฺวา พุทฺธคุณํ ชานาเปตพฺพํ, ตาทิโส มม ปุตฺโต โมคฺคลฺลาโน’’ติ เถรํ ปสํสิตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผํ, วณฺณคนฺธมเหยํ;
ปเลติ รสมาทาย, เอวํ คาเม มุนี จเร’’ติ.
ตตฺถ ภมโรติ ยา กาจิ มธุกรชาติ. ปุปฺผนฺติ ปุปฺผาราเม จรนฺโต ปุปฺผฺจ วณฺณฺจ คนฺธฺจ อเหยนฺโต อวินาเสนฺโต วิจรตีติ อตฺโถ. ปเลตีติ เอวํ จริตฺวา ยาวทตฺถํ รสํ ปิวิตฺวา อปรมฺปิ มธุกรณตฺถาย ¶ อาทาย ¶ ปเลติ, โส เอวํ วนคหนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เอกสฺมึ รุกฺขสุสิเร ตํ รชมิสฺสกํ รสํ เปตฺวา อนุปุพฺเพน มธุรรสํ มธุํ กโรติ, น ตสฺส ปุปฺผาราเม วิจริตปจฺจยา ปุปฺผํ วา วณฺณคนฺธํ วาสฺส วิคจฺฉติ, อถ โข สพฺพํ ปากติกเมว โหติ. เอวํ คาเม มุนี จเรติ เอวํ เสขาเสขเภโท อนาคาริยมุนิ กุลปฏิปาฏิยา คาเม ภิกฺขํ คณฺหนฺโต วิจรตีติ อตฺโถ. น หิ ตสฺส คาเม จรณปจฺจยา กุลานํ สทฺธาหานิ วา โภคหานิ วา โหนฺติ. สทฺธาปิ โภคาปิ ปากติกาว โหนฺติ. เอวํ จริตฺวา จ ปน นิกฺขมิตฺวา เสขมุนิ ตาว พหิคาเม อุทกผาสุกฏฺาเน สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา นิสินฺโน อกฺขภฺชนวณปฏิจฺฉาทนปุตฺตมํสูปมาทิวเสน ปจฺจเวกฺขนฺโต ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา ตถารูปํ วนสณฺฑํ อนุปวิสิตฺวา อชฺฌตฺติกกมฺมฏฺานํ สมฺมสนฺโต จตฺตาโร มคฺเค, จตฺตาริ จ สามฺผลานิ หตฺถคตาเนว กโรติ. อเสขมุนิ ปน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยฺุชติ ¶ . อยมสฺส ภมเรน สทฺธึ มธุกรณสริกฺขตา เวทิตพฺพา. อิธ ปน ขีณาสโวว อธิปฺเปโต.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ วตฺวา อุตฺตริปิ เถรสฺส คุณํ ปกาเสตุํ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โมคฺคลฺลาเนน มจฺฉริยเสฏฺิ ทมิโต, ปุพฺเพปิ นํ ทเมตฺวา กมฺมผลสมฺพนฺธํ ชานาเปสิ เอวา’’ติ วตฺวา อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘อุโภ ขฺชา อุโภ กุณี, อุโภ วิสมจกฺขุกา;
อุภินฺนํ ปิฬกา ชาตา, นาหํ ปสฺสามิ อิลฺลิส’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๗๘) –
อิมํ อิลฺลิสชาตกํ กเถสีติ.
มจฺฉริยโกสิยเสฏฺิวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปาเวยฺยกาชีวกวตฺถุ
น ปเรสํ วิโลมานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปาเวยฺยํ นาม อาชีวกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ ¶ กิเรกา คหปตานี ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปาเวยฺยํ นาม อาชีวกํ ปฏิชคฺคิ. ตสฺสานนฺตรฆเรสุ มนุสฺสา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา, ‘‘อโห อจฺฉริยา พุทฺธานํ ธมฺมเทสนา’’ติ นานปฺปกาเรหิ พุทฺธคุเณ วณฺเณนฺติ. สา พุทฺธานํ คุณกถํ สุตฺวา วิหารํ ¶ คนฺตฺวา ธมฺมํ โสตุกามา อาชีวกสฺส เอตมตฺถํ กเถตฺวา, ‘‘คจฺฉิสฺสามิ อหํ พุทฺธสนฺติกํ, อยฺยา’’ติ อาห. โส ‘‘มา คจฺฉาหี’’ติ นิวาเรตฺวา ตํ ปุนปฺปุนํ ยาจมานมฺปิ นิวาเรสิ เอว. สา ‘‘อยํ มม วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ โสตุํ น เทติ, สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา อิเธว ธมฺมํ สุณิสฺสามี’’ติ สายนฺหสมเย ปุตฺตํ ปกฺโกสิตฺวา, ‘‘คจฺฉ, ตาต, สฺวาตนาย สตฺถารํ นิมนฺเตหี’’ติ เปเสสิ. โส คจฺฉนฺโต ปมตรํ อาชีวกสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ โส ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ อาห. ‘‘มาตุ วจเนน สตฺถารํ นิมนฺเตตุํ คจฺฉามี’’ติ อาห. ‘‘มา ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ. ‘‘อลํ, อยฺย, มม มาตุ ภายามิ, คจฺฉิสฺสามห’’นฺติ. ‘‘เอตสฺส กตสกฺการํ อุโภปิ ขาทิสฺสาม, มา คจฺฉาหี’’ติ. ‘‘อลํ, อยฺย, มาตา เม ตชฺเชสฺสตี’’ติ. เตน หิ คจฺฉ, คนฺตฺวา ปน นิมนฺเตตฺวา, ‘‘อมฺหากํ เคหํ อสุกฏฺาเน ¶ วา อสุกวีถิยํ วา อสุกมคฺเคน วา คนฺตพฺพ’’นฺติ มา อาจิกฺขิ. ‘‘สนฺติเก ิโต วิย อฺเน มคฺเคน คจฺฉนฺโต วิย ปลายิตฺวา เอหี’’ติ. โส อาชีวกสฺส วจนํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา นิมนฺเตตฺวา อาชีวเกน วุตฺตนิยาเมเนว สพฺพํ กตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กึ เต กต’’นฺติ ปุฏฺโ, ‘‘สพฺพํ กตํ, อยฺยา’’ติ อาห. ‘‘ภทฺทกํ เต กตํ, ตสฺส สกฺการํ อุโภปิ ขาทิสฺสามา’’ติ วตฺวา ปุนทิวเส อาชีวโก ปาโตว ตํ เคหํ อคมาสิ. ตํ คเหตฺวา ปจฺฉาคพฺเภ นิสีทาเปสุํ.
ปฏิวิสฺสกมนุสฺสา ตํ เคหํ อลฺลโคมเยน อุปลิมฺปิตฺวา ลาชปฺจมานิ ¶ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา สตฺถุ นิสีทนตฺถาย มหารหํ อาสนํ ปฺาเปสุํ. พุทฺเธหิ สทฺธึ อปริจิตมนุสฺสา หิ อาสนปฺตฺตึ น ชานนฺติ, พุทฺธานฺจ มคฺคเทสเกน กิจฺจํ นาม นตฺถิ, โพธิมูเล ทสสหสฺสิโสกธาตุํ กมฺเปตฺวา สมฺโพธึ ปตฺตทิวเสเยว หิ เนสํ ‘‘อยํ มคฺโค นิรยํ คจฺฉติ, อยํ ติรจฺฉานโยนึ, อยํ เปตฺติวิสยํ, อยํ มนุสฺสโลกํ, อยํ เทวโลกํ, อยํ อมตมหานิพฺพาน’’นฺติ สพฺเพ มคฺคา อาวิภูตา. คามนิคมาทีนํ ปน มคฺเค วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ตสฺมา สตฺถา ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย มหาอุปาสิกาย เคหทฺวารํ คโต. สา เคหา นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ ¶ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อนฺโตนิเวสนํ ปเวเสตฺวา อาสเน นิสีทาเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. อุปาสิกา กตภตฺตกิจฺจสฺส สตฺถุโน อนุโมทนํ กาเรตุกามา ปตฺตํ คณฺหิ. สตฺถา มธุรสฺสเรน อนุโมทนธมฺมกถํ อารภิ. อุปาสิกา ‘‘สาธุ, สาธู’’ติ สาธุการํ ททมานา ธมฺมํ สุณิ. อาชีวโกปิ ปจฺฉาคพฺเภ นิสินฺโนว ตสฺสา สาธุการํ ทตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิ. ‘‘น อิทาเนสา มยฺห’’นฺติ นิกฺขมิตฺวา ‘‘นฏฺาสิ กาฬกณฺณิ, เอตสฺส เอวํ สกฺการํ กโรตี’’ติ นานปฺปกาเรน อุปาสิกฺจ สตฺถารฺจ อกฺโกสนฺโต ปลายิ. อุปาสิกา ตสฺส กถาย ลชฺชิตา อฺถตฺตํ คตํ จิตฺตํ เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ อุปาสิเก จิตฺตํ เทสนานุคตํ กาตุํ น สกฺโกสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอตสฺส เม กถาย จิตฺตํ อฺถตฺตํ อุปคต’’นฺติ ¶ . สตฺถา ‘‘เอวรูปสฺส วิสภาคชนสฺส กถิตํ กถํ นาม อาวชฺชิตุํ น วฏฺฏติ, เอวรูปํ อสมนฺนาหริตฺวา อตฺตโน กตากตเมว โอโลเกตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น ปเรสํ วิโลมานิ, น ปเรสํ กตากตํ;
อตฺตโนว อเวกฺเขยฺย, กตานิ อกตานิ จา’’ติ.
ตตฺถ ¶ น ปเรสํ วิโลมานีติ ปเรสํ วิโลมานิ ผรุสานิ มมฺมจฺเฉทกวจนานิ น มนสิกาตพฺพานิ. น ปเรสํ กตากตนฺติ ‘‘อสุโก อุปาสโก อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน, นาปิสฺส เคเห กฏจฺฉุภิกฺขาทีนิ ทิยฺยนฺติ, น สลากภตฺตาทีนิ, น จีวราทิปจฺจยทานํ เอตสฺส อตฺถิ, ตถา อสุกา อุปาสิกา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา, นาปิสฺสา เคเห กฏจฺฉุภิกฺขาทีนิ ทิยฺยนฺติ, น สลากภตฺตาทีนิ, น จีวราทิปจฺจยทานํ เอติสฺสา อตฺถิ, ตถา อสุโก ภิกฺขุ อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน, นาปิ อุปชฺฌายวตฺตํ กโรติ, น อาจริยวตฺตํ, น อาคนฺตุกวตฺตํ, น คมิกวตฺตํ, น เจติยงฺคณวตฺตํ, น อุโปสถาคารวตฺตํ, น โภชนสาลาวตฺตํ, น ชนฺตาฆรวตฺตาทีนิ, นาปิสฺส กิฺจิ ธุตงฺคํ อตฺถิ, น ภาวนารามตาย อุสฺสาหมตฺตมฺปี’’ติ เอวํ ปเรสํ กตากตํ นาม น โอโลเกตพฺพํ. อตฺตโนว อเวกฺเขยฺยาติ ‘‘กถํ ภูตสฺส เม รตฺตินฺทิวา วีติวตฺตนฺตีติ ปพฺพชิเตน อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพ’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๔๘) อิมํ โอวาทํ อนุสฺสรนฺโต สทฺธาปพฺพชิโต กุลปุตฺโต ‘‘กึ นุ โข อหํ ‘อนิจฺจํ ¶ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา โยเค กมฺมํ กาตุํ สกฺขึ ¶ , นาสกฺขิ’’นฺติ เอวํ อตฺตโน กตากตานิ โอโลเกยฺยาติ.
เทสนาวสาเน สา อุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา, เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
ปาเวยฺยกาชีวกวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ฉตฺตปาณิอุปาสกวตฺถุ
ยถาปิ รุจิรํ ปุปฺผนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ฉตฺตปาณิอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยฺหิ ฉตฺตปาณิ นาม อุปาสโก ติปิฏกธโร อนาคามี. โส ปาโตว อุโปสถิโก หุตฺวา สตฺถุ อุปฏฺานํ อคมาสิ. อนาคามิอริยสาวกานฺหิ สมาทานวเสน อุโปสถกมฺมํ นาม นตฺถิ, มคฺเคเนว เตสํ พฺรหฺมจริยฺจ เอกภตฺติกฺจ อาคตํ. เตเนวาห – ‘‘ฆฏิกาโร โข, มหาราช, กุมฺภกาโร เอกภตฺติโก พฺรหฺมจารี สีลวา กลฺยาณธมฺโม’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๘๘). เอวํ อนาคามิโน ปกติยาว เอกภตฺติกา จ พฺรหฺมจาริโน จ โหนฺติ. โสปิ ตเถว อุโปสถิโก หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ธมฺมกถํ สุณนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ สมเย ราชา ปเสนทิ โกสโล สตฺถุ อุปฏฺานํ อคมาสิ. ฉตฺตปาณิ อุปาสโก ¶ ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อุฏฺาตพฺพํ นุ โข, โน’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘อหํ อคฺคราชสฺส สนฺติเก นิสินฺโน, ตสฺส เม ปเทสราชานํ ทิสฺวา อุฏฺาตุํ น ยุตฺตํ, ราชา โข ปน เม อนุฏฺหนฺตสฺส กุชฺฌิสฺสติ, เอตสฺมึ กุชฺฌนฺเตปิ เนว อุฏฺหิสฺสามิ ¶ . ราชานํ ทิสฺวา อุฏฺหนฺเตน หิ ราชา ครุกโต โหติ, โน สตฺถา, ตสฺมา เนว อุฏฺหิสฺสามี’’ติ น อุฏฺหิ. ปณฺฑิตปุริสา นาม ครุตรานํ สนฺติเก นิสีทิตฺวา อนุฏฺหนฺตํ ทิสฺวา น กุชฺฌนฺติ. ราชา ปน ตํ อนุฏฺหนฺตํ ทิสฺวา กุปิตมานโส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา กุปิตภาวํ ตฺวา, ‘‘มหาราช, อยํ ฉตฺตปาณิ อุปาสโก ปณฺฑิโต ทิฏฺธมฺโม ติปิฏกธโร อตฺถานตฺถกุสโล’’ติ อุปาสกสฺส คุณํ กเถสิ. รฺโ ตสฺส คุณกถํ สุณนฺตสฺเสว จิตฺตํ มุทุกํ ชาตํ.
อเถกทิวสํ ¶ ราชา อุปริปาสาเท ิโต ฉตฺตปาณึ อุปาสกํ กตภตฺตกิจฺจํ ฉตฺตมาทาย อุปาหนมารุยฺห ราชงฺคเณน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปกฺโกสาเปสิ. โส ฉตฺตุปาหนํ อปเนตฺวา ราชานมุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ ราชา อาห – ‘‘โภ อุปาสก, กินฺเต ฉตฺตุปาหนํ อปนีต’’นฺติ. ‘‘‘ราชา ปกฺโกสตี’ติ สุตฺวา อปเนตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘อชฺช อมฺหากํ ราชภาโว ตุมฺเหหิ าโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘สทาปิ มยํ, เทว, ตุมฺหากํ ราชภาวํ ชานามา’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ กสฺมา ปุริมทิวเส สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺโน มํ ทิสฺวา น อุฏฺหี’’ติ? ‘‘มหาราช, อหํ อคฺคราชสฺส สนฺติเก นิสินฺโน, ปเทสราชานํ ทิสฺวา อุฏฺหนฺโต สตฺถริ อคารวํ ปเวเทยฺยํ, ตสฺมา น อุฏฺหิ’’นฺติ. ‘‘โหตุ, โภ, ติฏฺเตตํ’’. ‘‘ตุมฺเห กิร ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ ¶ อตฺถานตฺถานํ กุสลา ติปิฏกธรา อมฺหากํ อนฺเตปุเร ธมฺมํ วาเจถา’’ติ. ‘‘น สกฺโกมิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ราชเคหํ นาม มหาสาวชฺชํ, ทุยุตฺตสุยุตฺตกานิ ครุกาเนตฺถ, เทวา’’ติ. ‘‘มา เอวํ วเทถ, ‘ปุริมทิวเส มํ ทิสฺวา น อุฏฺิโตมฺหี’ติ มา กุกฺกุจฺจํ กโรถา’’ติ. ‘‘เทว, คิหีนํ วิจรณฏฺานํ นาม มหาสาวชฺชํ, เอกํ ปพฺพชิตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ธมฺมํ วาจาเปถา’’ติ. ราชา ‘‘สาธุ, โภ, คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ยาจิ, ‘‘ภนฺเต, มลฺลิกา จ เทวี วาสภขตฺติยา จ ธมฺมํ ปริยาปุณิสฺสามาติ วทนฺติ, ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิพทฺธํ มม เคหํ คนฺตฺวา ตาสํ ธมฺมํ อุทฺทิสถา’’ติ. ‘‘พุทฺธานํ นิพทฺธํ เอกฏฺานคมนํ นาม นตฺถิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อฺํ เอกํ ภิกฺขุํ เทถา’’ติ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรสฺส ภารมกาสิ. เถโร นิพทฺธํ คนฺตฺวา ตาสํ อุทฺเทสํ อุทฺทิสติ. ตาสุ มลฺลิกา สกฺกจฺจํ คเหตฺวา สชฺฌายิตฺวา อุทฺเทสํ ปฏิจฺฉาเปสิ. วาสภขตฺติยา ปน เนว สกฺกจฺจํ คณฺหาติ, น สชฺฌายติ, น อุทฺเทสํ ปฏิจฺฉาเปตุํ สกฺโกติ.
อเถกทิวสํ ¶ สตฺถา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กิมานนฺท, อุปาสิกา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กา สกฺกจฺจํ คณฺหาตี’’ติ? ‘‘มลฺลิกา, ภนฺเต, สกฺกจฺจํ คณฺหาติ, สกฺกจฺจํ สชฺฌายติ, สกฺกจฺจํ อุทฺเทสํ ปฏิจฺฉาเปตุํ สกฺโกติ. ตุมฺหากํ ปน าติธีตา เนว สกฺกจฺจํ คณฺหาติ, น สชฺฌายติ, น อุทฺเทสํ ปฏิจฺฉาเปตุํ สกฺโกตี’’ติ. สตฺถา เถรสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, มยา กถิตธมฺโม นาม สกฺกจฺจมสุณนฺตสฺส อคฺคณฺหนฺตสฺส อสชฺฌายนฺตสฺส ¶ อเทเสนฺตสฺส วณฺณสมฺปนฺนํ อคนฺธกปุปฺผํ วิย อผโล โหติ, สกฺกจฺจํ ปน ¶ สวนาทีนิ กโรนฺตสฺส มหปฺผโล โหติ มหานิสํโส’’ติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ยถาปิ รุจิรํ ปุปฺผํ, วณฺณวนฺตํ อคนฺธกํ;
เอวํ สุภาสิตา วาจา, อผลา โหติ อกุพฺพโต.
‘‘ยถาปิ รุจิรํ ปุปฺผํ, วณฺณวนฺตํ สคนฺธกํ;
เอวํ สุภาสิตา วาจา, สผลา โหติ กุพฺพโต’’ติ.
ตตฺถ รุจิรนฺติ โสภนํ. วณฺณวนฺตนฺติ วณฺณสณฺานสมฺปนฺนํ, อคนฺธกนฺติ คนฺธวิรหิตํ ปาลิภทฺทกคิริกณฺณิกชยสุมนาทิเภทํ. เอวํ สุภาสิตา วาจาติ สุภาสิตา วาจา นาม เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ. ตํ วณฺณสณฺานสมฺปนฺนํ อคนฺธกปุปฺผสทิสํ. ยถา ปน อคนฺธกปุปฺผํ โย นํ ธาเรติ, ตสฺส สรีเร คนฺธํ น ผรติ, เอวํ เอตมฺปิ โย นํ สกฺกจฺจํ สวนาทีหิ น สมาจรติ, ตสฺส สกฺกจฺจํ อสมาจรนฺตสฺส ยํ ตตฺถ กตฺตพฺพํ, ตํ อกุพฺพโต สุตคนฺธฺจ วาจาคนฺธฺจ ปฏิปตฺติคนฺธฺจ น อาวหติ อผลา โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ ¶ สุภาสิตา วาจา, อผลา โหติ อกุพฺพโต’’ติ. สคนฺธกนฺติ จมฺปกนีลุปฺปลาทิเภทํ. เอวนฺติ ยถา ตํ ปุปฺผํ ธาเรนฺตสฺส สรีเร คนฺโธ ผรติ, เอวํ เตปิฏกพุทฺธวจนสงฺขาตา สุภาสิตา วาจาปิ. กุพฺพโตติ โย สกฺกจฺจํ สวนาทีหิ ตตฺถ กตฺตพฺพํ กโรติ, สา อสฺส ปุคฺคลสฺส สผลา โหติ, สุตคนฺธวาจาคนฺธปฏิปตฺติคนฺธานํ อาวหนโต มหปฺผลา โหติ, มหานิสํสาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
ฉตฺตปาณิอุปาสกวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. วิสาขาวตฺถุ
ยถาปิ ¶ ปุปฺผราสิมฺหาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ อุปนิสฺสาย ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต วิสาขํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ.
สา ¶ กิร องฺครฏฺเ ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกเสฏฺิปุตฺตสฺส ธนฺจยเสฏฺิโน อคฺคมเหสิยา สุมนเทวิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. ตสฺสา สตฺตวสฺสิกกาเล สตฺถา เสลพฺราหฺมณาทีนํ โพธเนยฺยพนฺธวานํ อุปนิสฺสยสมฺปทํ ทิสฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร จาริกํ จรมาโน ตํ นครํ ปาปุณิ.
ตสฺมิฺจ สมเย เมณฺฑโก, คหปติ, ตสฺมึ นคเร ปฺจนฺนํ มหาปฺุานํ เชฏฺโก ¶ หุตฺวา เสฏฺิฏฺานํ กโรติ. ปฺจ มหาปฺุา นาม เมณฺฑโก เสฏฺิ, จนฺทปทุมา นาม ตสฺเสว เชฏฺกภริยา, ตสฺเสว เชฏฺกปุตฺโต ธนฺจโย นาม, ตสฺส ภริยา สุมนเทวี นาม, เมณฺฑกเสฏฺิโน ทาโส ปุณฺโณ นามาติ. น เกวลฺจ เมณฺฑกเสฏฺิเยว, พิมฺพิสารรฺโ ปน วิชิเต ปฺจ อมิตโภคา นาม อเหสุํ – โชติโก, ชฏิโล, เมณฺฑโก, ปุณฺณโก, กากวลิโยติ. เตสุ อยํ เมณฺฑกเสฏฺิ ทสพลสฺส อตฺตโน นครํ สมฺปตฺตภาวํ ตฺวา ปุตฺตสฺส ธนฺจยเสฏฺิโน ธีตรํ วิสาขํ ทาริกํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘อมฺม, ตุยฺหมฺปิ มงฺคลํ, อมฺหากมฺปิ มงฺคลํ, ตว ปริวาเรหิ ปฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธึ ปฺจ รถสตานิ อารุยฺห ปฺจหิ ทาสิสเตหิ ปริวุตา ทสพลสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กโรหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตถา อกาสิ. การณาการเณสุ ปน กุสลตฺตา ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติกาว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถสฺสา จริยาวเสน สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนาวสาเน ปฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เมณฺฑกเสฏฺิปิ โข สตฺถารมุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส อตฺตโน นิเวสเน ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา เอเตเนว อุปาเยน อฑฺฒมาสํ มหาทานมทาสิ. สตฺถา ภทฺทิยนคเร ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ปกฺกามิ.
เตน โข ปน สมเยน พิมฺพิสาโร จ ปเสนทิ โกสโล จ อฺมฺํ ภคินิปติกา โหนฺติ. อเถกทิวสํ โกสลราชา ¶ จินฺเตสิ – ‘‘พิมฺพิสารสฺส วิชิเต ปฺจ อมิตโภคา มหาปฺุา วสนฺติ, มยฺหํ วิชิเต เอโกปิ ตาทิโส นตฺถิ, ยํนูนาหํ พิมฺพิสารสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ¶ เอกํ มหาปฺุํ ยาเจยฺย’’นฺติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา รฺา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กึ การณา อาคโตสี’’ติ ¶ ปุฏฺโ ‘‘‘ตุมฺหากํ วิชิเต ปฺจ อมิตโภคา มหาปฺุา วสนฺติ, ตโต เอกํ คเหตฺวา คมิสฺสามี’ติ อาคโตมฺหิ, เตสุ เม เอกํ เทถา’’ติ อาห. ‘‘มหากุลานิ อมฺเหหิ จาเลตุํ น สกฺกา’’ติ อาห. ‘‘อหํ อลทฺธา น คมิสฺสามี’’ติ อาห. ราชา อมจฺเจหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา ‘‘โชติกาทีนํ มหากุลานํ จาลนํ นาม มหาปถวิยา จาลนสทิสํ, เมณฺฑกมหาเสฏฺิสฺส ปุตฺโต ธนฺจยเสฏฺิ นาม อตฺถิ, เตน สทฺธึ มนฺเตตฺวา ปฏิวจนํ เต ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ตาต, โกสลราชา ‘‘‘เอกํ ธนเสฏฺึ คเหตฺวา คมิสฺสามี’ติ วทติ, ตฺวํ เตน สทฺธึ คจฺฉาหี’’ติ. ‘‘ตุมฺเหสุ ปหิณนฺเตสุ คมิสฺสามิ, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ ปริวจฺฉํ กตฺวา คจฺฉ, ตาตา’’ติ. โส อตฺตโน กตฺตพฺพยุตฺตกมกาสิ. ราชาปิสฺส มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา, ‘‘อิมํ อาทาย คจฺฉถา’’ติ ปเสนทิราชานํ อุยฺโยเชสิ. โส ตํ อาทาย สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน คจฺฉนฺโต เอกํ ผาสุกฏฺานํ ปตฺวา นิวาสํ คณฺหิ, อถ นํ ธนฺจยเสฏฺิ ปุจฺฉิ – ‘‘อิทํ กสฺส วิชิต’’นฺติ? ‘‘มยฺหํ, เสฏฺี’’ติ. ‘‘กีว ทูโร อิโต สาวตฺถี’’ติ ¶ ? ‘‘สตฺตโยชนมตฺถเก’’ติ. ‘‘อนฺโตนครํ สมฺพาธํ, อมฺหากํ ปริชโน มหนฺโต, สเจ โรเจถ, อิเธว วเสยฺยาม, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺมึ าเน นครํ มาเปตฺวา ตสฺส ทตฺวา อคมาสิ. ตสฺมึ ปเทเส สยํ วสนฏฺานสฺส คหิตตฺตา นครสฺส สาเกตนฺตฺเวว นามํ อโหสิ.
สาวตฺถิยมฺปิ โข มิคารเสฏฺิโน ปุตฺโต ปุณฺณวฑฺฒนกุมาโร นาม วยปฺปตฺโต อโหสิ. อถ นํ มาตาปิตโร วทึสุ – ‘‘ตาต, ตว รุจฺจนฏฺาเน เอกํ ทาริกํ อุปธาเรหี’’ติ. ‘‘‘มยฺหํ เอวรูปาย ภริยาย กิจฺจํ นตฺถี’ติ, ปุตฺต, มา เอวํ กริ, กุลํ นาม อปุตฺตกํ น ติฏฺตี’’ติ. โส ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน ‘‘เตน หิ ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตํ ทาริกํ ลภมาโน ตุมฺหากํ วจนํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กานิ ปเนตานิ ปฺจ กลฺยาณานิ นาม, ตาตา’’ติ. เกสกลฺยาณํ, มํสกลฺยาณํ, อฏฺิกลฺยาณํ, ฉวิกลฺยาณํ, วยกลฺยาณนฺติ. มหาปฺุาย หิ อิตฺถิยา เกสา โมรกลาปสทิสา หุตฺวา มฺุจิตฺวา วิสฺสฏฺา นิวาสนนฺตํ ปหริตฺวา นิวตฺติตฺวา อุทฺธคฺคา ติฏฺนฺติ, อิทํ เกสกลฺยาณํ นาม, ทนฺตาวรณํ พิมฺพผลสทิสํ วณฺณสมฺปนฺนํ สมํ สุผุสิตํ โหติ ¶ , อิทํ มํสกลฺยาณํ นาม, ทนฺตา สุกฺกา สมา อวิรฬา อุสฺสาเปตฺวา ปิตวชิรปนฺติ วิย สมจฺฉินฺนสงฺขปนฺติ วิย จ โสภนฺติ, อิทํ อฏฺิกลฺยาณํ นาม, กาฬิยา จุณฺณกาทีหิ อวิลิตฺโต เอว ¶ ฉวิวณฺโณ สินิทฺโธ นีลุปฺปลทามสทิโส โหติ, โอทาตาย จ กณิการปุปฺผทามสทิโส โหติ, อิทํ ฉวิกลฺยาณํ นาม, ทสกฺขตฺตุํ วิชาตาปิ โข ปน สกึ วิชาตา วิย อวิคตโยพฺพนาเยว โหติ, อิทํ วยกลฺยาณํ นาม โหติ. อถสฺส ¶ มาตาปิตโร อฏฺุตฺตรสตพฺราหฺมเณ นิมนฺเตตฺวา โภเชตฺวา ‘‘ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา อิตฺถิโย นาม โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อาม, โหนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอวรูปํ ทาริกํ ปริเยสิตุํ อฏฺ ชนา คจฺฉนฺตู’’ติ พหุํ ธนํ ทตฺวา ‘‘อาคตกาเล โว กตฺตพฺพํ ชานิสฺสาม, คจฺฉถ, เอวรูปํ ทาริกํ ปริเยสถ, ทิฏฺกาเล จ อิมํ ปิลนฺธนํ ทเทยฺยาถา’’ติ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณมาลํ ทตฺวา อุยฺโยเชสุํ.
เต มหนฺตมหนฺตานิ นครานิ คนฺตฺวา ปริเยสมานา ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตํ ทาริกํ อทิสฺวา นิวตฺติตฺวา อาคจฺฉนฺตา วิวฏนกฺขตฺตทิวเส สาเกตํ อนุปฺปตฺตา – ‘‘อชฺช อมฺหากํ กมฺมํ นิปฺผชฺชิสฺสตี’’ติ จินฺตยึสุ. ตสฺมึ ปน นคเร อนุสํวจฺฉรํ วิวฏนกฺขตฺตํ นาม โหติ. ตทา พหิ อนิกฺขมนกุลานิปิ ปริวาเรน สทฺธึ เคหา นิกฺขมิตฺวา อปฺปฏิจฺฉนฺเนน สรีเรน ปทสาว นทีตีรํ คจฺฉนฺติ. ตสฺมึ ทิวเส ขตฺติยมหาสาลาทีนํ ปุตฺตาปิ ‘‘อตฺตโน สมานชาติกํ มนาปํ กุลทาริกํ ทิสฺวา มาลาคุเฬน ปริกฺขิปิสฺสามา’’ติ ตํ ตํ มคฺคํ นิสฺสาย ติฏฺนฺติ. เตปิ โข พฺราหฺมณา นทีตีเร เอกํ สาลํ ปวิสิตฺวา อฏฺํสุ. ‘‘ตสฺมึ ขเณ วิสาขา ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกา หุตฺวา สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตา ปฺจหิ กุมาริกาสเตหิ ปริวุตา นทึ คนฺตฺวา นฺหายิสฺสามี’’ติ ตํ ปเทสํ ปตฺตา, อถ โข เมโฆ ¶ อุฏฺหิตฺวา ปาวสฺสิ. ปฺจสตา กุมาริกาโย เวเคน คนฺตฺวา สาลํ ปวิสึสุ. พฺราหฺมณา โอโลเกนฺตา ตาสุ เอกมฺปิ ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตํ น ปสฺสึสุ. อถ วิสาขา ปกติคมเนเนว สาลํ ปาวิสิ, วตฺถาภรณานิ เตมึสุ. พฺราหฺมณา ตสฺสา จตฺตาริ กลฺยาณานิ ทิสฺวา ทนฺเต ปสฺสิตุกามา ‘‘อลสชาติกา อมฺหากํ ธีตา, เอติสฺสา สามิโก กฺชิกมตฺตมฺปิ น ลภิสฺสติ มฺเ’’ติ อฺมฺํ กถยึสุ. อถ เน วิสาขา อาห – ‘‘กํ วเทถ ตุมฺเห’’ติ? ‘‘ตํ กเถม, อมฺมา’’ติ. มธุโร หิ ตสฺสา สทฺโท กํสตาฬสโร วิย นิจฺฉรติ. อถ เน ¶ ปุน มธุรสทฺเทน ‘‘กึ การณา ภณถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตว ปริวาริตฺถิโย วตฺถาลงฺกาเร อเตเมตฺวา เวเคน สาลํ ปวิฏฺา, ตุยฺหํ เอตฺตกํ านํ เวเคน อาคมนมตฺตมฺปิ นตฺถิ, วตฺถาภรณานิ เตเมตฺวา อาคตาสิ. ตสฺมา กเถม, อมฺมา’’ติ.
‘‘ตาตา, เอวํ มา วเทถ, อหํ เอตาหิ พลวตรา, การณํ ปน สลฺลกฺเขตฺวา ชเวน นาคตามฺหี’’ติ. ‘‘กึ, อมฺมา’’ติ? ‘‘ตาตา, จตฺตาโร ชนา ชวมานา น โสภนฺติ, อปรมฺปิ การณํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กตเม จตฺตาโร ชนา ชวมานา น โสภนฺติ, อมฺมา’’ติ? ตาตา, อภิสิตฺตราชา ตาว สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต กจฺฉํ พนฺธิตฺวา ราชงฺคเณ ชวมาโน น โสภติ, ‘‘กึ อยํ ราชา คหปติโก วิย ธาวตี’’ติ อฺทตฺถุ ครหํ ลภติ, สณิกํ คจฺฉนฺโตว ¶ โสภติ. รฺโ มงฺคลหตฺถีปิ อลงฺกโต ชวมาโน น โสภติ, วารณลีฬาย คจฺฉนฺโตว โสภติ. ปพฺพชิโต ชวมาโน น โสภติ, ‘‘กึ อยํ สมโณ คิหี วิย ธาวตี’’ติ เกวลํ ครหเมว ¶ ลภติ, สมิตคมเนน ปน โสภติ. อิตฺถี ชวมานา น โสภติ, ‘‘กึ เอสา อิตฺถี ปุริโส วิย ธาวตี’’ติ ครหิตพฺพาว โหติ, ‘‘อิเม จตฺตาโร ชนา ชวมานา น โสภนฺติ, ตาตา’’ติ. ‘‘กตมํ ปน อปรํ การณํ, อมฺมา’’ติ? ‘‘ตาตา, มาตาปิตโร นาม ธีตรํ องฺคปจฺจงฺคานิ สณฺาเปตฺวา โปเสนฺติ. มยฺหิ วิกฺกิเณยฺยภณฺฑํ นาม, อมฺเห ปรกุลเปสนตฺถาย โปเสนฺติ. สเจ ชวมานานํ นิวตฺถทุสฺสกณฺเณ วา อกฺกมิตฺวา ภูมิยํ วา ปกฺขลิตฺวา ปติตกาเล หตฺโถ วา ปาโท วา ภิชฺเชยฺย, กุลสฺเสว ภาโร ภเวยฺย, ปสาธนภณฺฑํ ปน เม เตเมตฺวา สุสฺสิสฺสติ. อิมํ การณํ สลฺลกฺเขตฺวา น ธาวิตามฺหิ, ตาตา’’ติ.
พฺราหฺมณา ตสฺสา กถนกาเล ทนฺตสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปา โน ทนฺตสมฺปตฺติ ทิฏฺปุพฺพา’’ติ ตสฺสา สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘อมฺม, ตุยฺหเมเวสา อนุจฺฉวิกา’’ติ วตฺวา ตํ สุวณฺณมาลํ ปิลนฺธยึสุ. อถ เน ปุจฺฉิ – ‘‘กตรนครโต อาคตาตฺถ, ตาตา’’ติ? ‘‘สาวตฺถิโต, อมฺมา’’ติ. ‘‘เสฏฺิกุลํ กตรํ นามา’’ติ? ‘‘มิคารเสฏฺิ นาม, อมฺมา’’ติ. ‘‘อยฺยปุตฺโต โก ¶ นามา’’ติ? ‘‘ปุณฺณวฑฺฒนกุมาโร นาม, อมฺมา’’ติ. สา ‘‘สมานชาติกํ โน กุล’’นฺติ อธิวาเสตฺวา ปิตุ สาสนํ ปหิณิ ‘‘อมฺหากํ รถํ เปเสตู’’ติ ¶ . กิฺจาปิ หิ สา อาคมนกาเล ปทสา อาคตา, สุวณฺณมาลาย ปน ปิลนฺธนกาลโต ปฏฺาย ตถา คนฺตุํ น ลภติ, อิสฺสรทาริกา รถาทีหิ คจฺฉนฺติ, อิตรา ปกติยานกํ วา อภิรุหนฺติ, ฉตฺตํ วา ตาลปณฺณํ วา อุปริ กโรนฺติ, ตสฺมิมฺปิ อสติ นิวตฺถสาฏกสฺส ทสนฺตํ อุกฺขิปิตฺวา อํเส ขิปนฺตา คจฺฉนฺติ เอว. ตสฺสา ปน ปิตา ปฺจ รถสตานิ เปเสสิ. สา สปริวารา รถํ อารุยฺห คตา. พฺราหฺมณาปิ เอกโตว อคมํสุ. อถ เน เสฏฺิ ปุจฺฉิ – ‘‘กุโต อาคตาตฺถา’’ติ? ‘‘สาวตฺถิโต มหาเสฏฺี’’ติ. ‘‘เสฏฺิ กตโร นามา’’ติ? ‘‘มิคารเสฏฺิ นามา’’ติ. ‘‘ปุตฺโต โก นามา’’ติ? ‘‘ปุณฺณวฑฺฒนกุมาโร นาม มหาเสฏฺี’’ติ. ‘‘ธนํ กิตฺตก’’นฺติ? ‘‘จตฺตาลีสโกฏิโย มหาเสฏฺี’’ติ. ‘‘ธนํ ตาว อมฺหากํ ธนํ อุปาทาย กากณิกมตฺตํ, ทาริกาย ปน อารกฺขมตฺตาย ลทฺธกาลโต ปฏฺาย กึ อฺเน การเณนา’’ติ อธิวาเสสิ. โส เตสํ สกฺการํ กตฺวา เอกาหทฺวีหํ วสาเปตฺวา อุยฺโยเชสิ.
เต สาวตฺถึ คนฺตฺวา มิคารเสฏฺิสฺส ‘‘ลทฺธา โน ทาริกา’’ติ อาโรจยึสุ. ‘‘กสฺส ธีตา’’ติ? ‘‘ธนฺจยเสฏฺิโน’’ติ. โส ‘‘มหากุลสฺส เม ทาริกา ลทฺธา, ขิปฺปเมว นํ อาเนตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ ตตฺถ คมนตฺถํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘‘มหากุลํ เอตํ มยา พิมฺพิสารสฺส สนฺติกา อาเนตฺวา สาเกเต นิเวสิตํ, ตสฺส ¶ สมฺมานํ กาตุํ วฏฺฏตี’ติ อหมฺปิ อาคมิสฺสามี’’ติ อาห, โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วตฺวา ธนฺจยเสฏฺิโน สาสนํ เปเสสิ – ‘‘มยิ อาคจฺฉนฺเต ราชาปิ อาคมิสฺสติ, มหนฺตํ ราชพลํ เอตฺตกสฺส ชนสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ กาตุํ สกฺขิสฺสสิ, น สกฺขิสฺสสี’’ติ? อิตโรปิ ‘‘สเจปิ ทส ราชาโน อาคจฺฉนฺติ, อาคจฺฉนฺตู’’ติ ปฏิสาสนํ เปเสสิ. มิคารเสฏฺิ ตาว มหนฺเต นคเร เคหโคปกมตฺตํ เปตฺวา เสสชนํ อาทาย คนฺตฺวา อฑฺฒโยชนมตฺเต าเน ตฺวา ‘‘อาคตามฺหา’’ติ สาสนํ ปหิณิ. ธนฺจยเสฏฺิ พหุปณฺณาการํ เปเสตฺวา ธีตรา สทฺธึ มนฺเตสิ, ‘‘อมฺม, สสุโร กิร เต โกสลรฺา สทฺธึ อาคโต, ตสฺส กตรํ เคหํ ปฏิชคฺคิตพฺพํ, รฺโ กตรํ ¶ , อุปราชาทีนํ กตรานี’’ติ? ปณฺฑิตา เสฏฺิธีตา วชิรคฺคติขิณาณา กปฺปสตสหสฺสํ ปตฺถิตปตฺถนา อภินีหารสมฺปนฺนา ‘‘สสุรสฺส เม อสุกเคหํ ปฏิชคฺคถ, รฺโ อสุกเคหํ, อุปราชาทีนํ อสุกานี’’ติ สํวิทหิตฺวา ทาสกมฺมกเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอตฺตกา รฺโ กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรถ, เอตฺตกา อุปราชาทีนํ, หตฺถิอสฺสาทโยปิ ตุมฺเหเยว ปฏิชคฺคถ, อสฺสพนฺธาทโยปิ อาคนฺตฺวา มงฺคลฉณํ อนุภวิสฺสนฺตี’’ติ สํวิทหิ. ‘‘กึ การณา’’? ‘‘‘มยํ วิสาขาย มงฺคลฏฺานํ คนฺตฺวา น กิฺจิ ลภิมฺห, อสฺสรกฺขณาทีนิ กโรนฺตา สุขํ น วิจริมฺหา’ติ เกจิ วตฺตุํ มา ลภึสู’’ติ.
ตํ ทิวสเมว วิสาขาย ปิตา ปฺจสเต สุวณฺณกาเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ธีตุ เม มหาลตาปสาธนํ นาม ¶ กโรถา’’ติ รตฺตสุวณฺณสฺส นิกฺขสหสฺสํ, ตทนุรูปานิ จ รชตมณิมุตฺตาปวาฬวชิราทีนิ ทาเปสิ. ราชา กติปาหํ วสิตฺวาว ธนฺจยเสฏฺิสฺส สาสนํ ปหิณิ ‘‘น สกฺกา เสฏฺินา อมฺหากํ จิรํ โปสนํ นาม กาตุํ, ทานิ ทาริกาย คมนกาลํ ชานาตู’’ติ. โสปิ รฺโ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘อิทานิ วสฺสกาโล อาคโต, น สกฺกา จตุมาสํ วิจริตุํ, ตุมฺหากํ พลกายสฺส ยํ ยํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, สพฺพํ ตํ มม ภาโร, มยา เปสิตกาเล เทโว คมิสฺสตี’’ติ. ตโต ปฏฺาย สาเกตนครํ นิจฺจนกฺขตฺตํ วิย อโหสิ. ราชานํ อาทึ กตฺวา สพฺเพสํ มาลาคนฺธวตฺถาทีนิ ปฏิยตฺตาเนว โหนฺติ. ตโต เต ชนา จินฺตยึสุ – ‘‘เสฏฺิ อมฺหากเมว สกฺการํ กโรตี’’ติ, เอวํ ตโย มาสา อติกฺกนฺตา, ปสาธนํ ปน ตาว น นิฏฺาติ. กมฺมนฺตาธิฏฺายกา อาคนฺตฺวา เสฏฺิโน อาโรเจสุํ – ‘‘อฺํ อสนฺตํ นาม นตฺถิ, พลกายสฺส ปน ภตฺตปจนทารูนิ นปฺปโหนฺตี’’ติ. ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, อิมสฺมึ นคเร ปริชิณฺณา หตฺถิสาลาทโย เจว ปริชิณฺณกานิ จ เคหานิ คเหตฺวา ปจถา’’ติ. เอวํ ปจนฺตานมฺปิ อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต. ตโต ปุนปิ ‘‘ทารูนิ นตฺถี’’ติ อาโรจยึสุ ¶ . ‘‘อิมสฺมึ กาเล น สกฺกา ทารูนิ ลทฺธุํ, ทุสฺสโกฏฺาคารานิ วิวริตฺวา ถูลสาฏเกหิ วฏฺฏิโย กตฺวา เตลจาฏีสุ ¶ เตเมตฺวา ภตฺตํ ปจถา’’ติ. เต อฑฺฒมาสํ ตถา อกํสุ. เอวํ จตฺตาโร มาสา อติกฺกนฺตา, ปสาธนมฺปิ นิฏฺิตํ.
ตสฺมึ ปสาธเน จตสฺโส วชิรนาฬิโย อุปโยคํ อคมํสุ, มุตฺตานํ เอกาทส นาฬิโย, ปวาฬสฺส พาวีสติ นาฬิโย, มณีนํ เตตฺตึส ¶ นาฬิโย. อิติ เอเตหิ จ อฺเหิ จ รตเนหิ นิฏฺานํ อคมาสิ. อสุตฺตมยํ ปสาธนํ รชเตน สุตฺตกิจฺจํ กรึสุ. ตํ สีเส ปฏิมุกฺกํ ปาทปิฏฺึ คจฺฉติ. ตสฺมึ ตสฺมึ าเน มุทฺทิกา โยเชตฺวา กตา สุวณฺณมยา คณฺิกา โหนฺติ, รชตมยา ปาสกา, มตฺถกมชฺเฌ เอกา มุทฺทิกา, ทฺวีสุ กณฺณปิฏฺีสุ ทฺเว, คลวาฏเก เอกา, ทฺวีสุ ชตฺตูสุ ทฺเว, ทฺวีสุ กปฺปเรสุ ทฺเว, ทฺวีสุ กฏิปสฺเสสุ ทฺเวติ. ตสฺมึ โข ปน ปสาธเน เอกํ โมรํ กรึสุ, ตสฺส ทกฺขิณปกฺเข รตฺตสุวณฺณมยานิ ปฺจ ปตฺตสตานิ อเหสุํ, วามปกฺเข ปฺจ ปตฺตสตานิ, ตุณฺฑํ ปวาฬมยํ, อกฺขีนิ มณิมยานิ, ตถา คีวา จ ปิฺฉานิ จ, ปตฺตนาฬิโย รชตมยา, ตถา ชงฺฆาโย. โส วิสาขาย มตฺถกมชฺเฌ ปพฺพตกูเฏ ตฺวา นจฺจนมยูโร วิย ขายติ. ปตฺตนาฬิสหสฺสสฺส สทฺโท ทิพฺพสงฺคีตํ วิย ปฺจงฺคิกตูริยโฆโส วิย จ ปวตฺตติ. สนฺติกํ อุปคตาเยว ตสฺสา อโมรภาวํ ชานนฺติ. ปสาธนํ ¶ นวโกฏิอคฺฆนกํ อโหสิ, สตสหสฺสํ หตฺถกมฺมมูลํ ทียิตฺถ.
‘‘กิสฺส ปน นิสฺสนฺเทน ตาเยตํ ปสาธนํ ลทฺธ’’นฺติ? สา กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ จีวรสาฏกํ ทตฺวา สุตฺตมฺปิ สูจิโยปิ รชนมฺปิ อตฺตโน สนฺตกเมว อทาสิ. ตสฺส จีวรทานสฺส นิสฺสนฺเทน อิมํ มหาลตาปสาธนํ ลภิ. อิตฺถีนฺหิ จีวรทานํ มหาลตาปสาธนภณฺเฑน มตฺถกํ ปปฺโปติ, ปุริสานํ อิทฺธิมยปตฺตจีวเรนาติ. เอวํ มหาเสฏฺิ จตูหิ มาเสหิ ธีตุ ปริวจฺฉํ กตฺวา ตสฺสา เทยฺยธมฺมํ ททมาโน กหาปณปูรานิ ปฺจ สกฏสตานิ อทาสิ, สุวณฺณภาชนปูรานิ ปฺจ, รชตภาชนปูรานิ ปฺจ, ตมฺพภาชนปูรานิ ปฺจ, ปตฺตุณฺณวตฺถโกเสยฺยวตฺถปูรานิ ปฺจ, สปฺปิปูรานิ ปฺจ, เตลปูรานิ ปฺจ, สาลิตณฺฑุลปูรานิ ปฺจ, นงฺคลผาลาทิอุปกรณปูรานิ ปฺจสกฏสตานิ อทาสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘มม ธีตุ คตฏฺาเน ‘อสุเกน นาม เม อตฺโถ’ติ มา ปรสฺส เคหทฺวารํ ปหิณี’’ติ. ตสฺมา สพฺพูปกรณานิ ทาเปสิ. เอเกกสฺมึ รเถ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา ติสฺโส ติสฺโส วณฺณทาสิโย เปตฺวา ปฺจ รถสตานิ อทาสิ. ‘‘เอตํ นฺหาเปนฺติโย โภเชนฺติโย อลงฺกโรนฺติโย วิจรถา’’ติ ทิยฑฺฒสหสฺสปริจาริกาโย ¶ อทาสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มม ธีตุ คาโว ทสฺสามี’’ติ. โส ปุริเส ¶ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ ¶ ภเณ จูฬวชสฺส ทฺวารํ วิวริตฺวา ตีสุ คาวุเตสุ ติสฺโส เภริโย คเหตฺวา ติฏฺถ, ปุถุลโต อุสภมตฺเต าเน อุโภสุ ปสฺเสสุ ติฏฺถ. คาวีนํ ตโต ปรํ คนฺตุํ มา อทตฺถ. เอวํ ิตกาเล เภริสฺํ กเรยฺยาถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. เต คาวีนํ วชโต นิกฺขมิตฺวา คาวุตํ คตกาเล เภริสฺํ อกํสุ, ปุน อฑฺฒโยชนํ คตกาเล อกํสุ. ปุนปิ ติคาวุตํ คตกาเล เภริสฺํ อกํสุ, ปุถุลโต คมนฺจ นิวาเรสุํ. เอวํ ทีฆโต ติคาวุเต, ปุถุลโต อุสภมตฺเต าเน คาวิโย อฺมฺํ นิฆํสนฺติโย อฏฺํสุ.
มหาเสฏฺิ ‘‘มม ธีตุ เอตฺตกา คาโว อลํ, ทฺวารํ ปิทหถา’’ติ วชทฺวารํ ปิทหาเปสิ. ทฺวารสฺมึ ปิทหิเต วิสาขาย ปฺุพเลน พลวคาโว จ เธนุโย จ อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา นิกฺขมึสุ. มนุสฺสานํ วาเรนฺตานํ วาเรนฺตานเมว สฏฺิสหสฺสา พลวคาโว จ สฏฺิสหสฺสา เธนุโย จ นิกฺขนฺตา, ตตฺตกา พลววจฺฉา ตาสํ เธนูนํ อุสภา อุปฺปติตฺวา อนุพนฺธา อเหสุํ. ‘‘กิสฺส ปน นิสฺสนฺเทน เอวํ คาโว คตา’’ติ? นิวาเรนฺตานํ นิวาเรนฺตานํ ทินฺนทานสฺส. สา กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิกิสฺส รฺโ สตฺตนฺนํ ธีตานํ กนิฏฺา สงฺฆทาสี นาม หุตฺวา วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ ปฺจโครสทานํ ¶ ททมานา เถรานฺจ ทหรานฺจ สามเณรานฺจ ปตฺตํ ปิทหิตฺวา, ‘‘อลํ, อล’’นฺติ นิวาเรนฺตานมฺปิ ‘‘อิทํ มธุรํ, อิทํ มนาป’’นฺติ อทาสิ. เอวํ ตสฺส นิสฺสนฺเทน วาริยมานาปิ คาโว นิกฺขมึสุ. เสฏฺินา เอตฺตกสฺส ธนสฺส ทินฺนกาเล เสฏฺิภริยา อาห – ‘‘ตุมฺเหหิ มยฺหํ ธีตุ สพฺพํ สํวิทหิตํ, เวยฺยาวจฺจกรา ปน ทาสทาสิโย น สํวิทหิตา, กึ การณา’’ติ? ‘‘มม ธีตริ สสิเนหนิสฺสิเนหานํ ชานนตฺถํ. อหฺหิ ตาย สทฺธึ อาคจฺฉมานเก คีวาย คเหตฺวา น ปหิณามิ, ยานํ อารุยฺห คมนกาเลเยว เอตาย สทฺธึ คนฺตุกามา คจฺฉนฺตุ, มา อคนฺตุกามาติ วกฺขามี’’ติ อาห.
อถ ‘‘สฺเว มม ธีตา คมิสฺสตี’’ติ คพฺเภ นิสินฺโน ธีตรํ สมีเป นิสีทาเปตฺวา, ‘‘อมฺม, ปติกุเล วสนฺติยา นาม อิมฺจ อิมฺจ อาจารํ รกฺขิตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ โอวาทมทาสิ. อยมฺปิ มิคารเสฏฺิ อนนฺตรคพฺเภ นิสินฺโน ธนฺจยเสฏฺิโน โอวาทํ อสฺโสสิ. โสปิ เสฏฺิ ธีตรํ เอวํ โอวทิ –
‘‘อมฺม, สสุรกุเล วสนฺติยา นาม อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพ, พหิอคฺคิ อนฺโต น ปเวเสตพฺโพ, ททนฺตสฺเสว ทาตพฺพํ, อททนฺตสฺส น ทาตพฺพํ, ททนฺตสฺสาปิ ¶ อททนฺตสฺสาปิ ทาตพฺพํ, สุขํ นิสีทิตพฺพํ, สุขํ ภฺุชิตพฺพํ, สุขํ นิปชฺชิตพฺพํ, อคฺคิ ปริจริตพฺโพ, อนฺโตเทวตา นมสฺสิตพฺพา’’ติ.
อิมํ ¶ ทสวิธํ โอวาทํ ทตฺวา ปุนทิวเส สพฺพา เสนิโย สนฺนิปาเตตฺวา ราชเสนาย มชฺเฌ อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปาฏิโภเค คเหตฺวา, ‘‘สเจ เม คตฏฺาเน ธีตุ โทโส อุปฺปชฺชติ, ตุมฺเหหิ โสเธตพฺโพ’’ติ วตฺวา นวโกฏิอคฺฆนเกน มหาลตาปสาธเนน ธีตรํ ปสาเธตฺวา นฺหานจุณฺณมูลกํ จตุปณฺณาสโกฏิธนํ ทตฺวา ยานํ อาโรเปตฺวา สาเกตสฺส สามนฺตา อตฺตโน สนฺตเกสุ อนุราธปุรมตฺเตสุ จุทฺทสสุ ภตฺตคาเมสุ เภรึ จราเปสิ – ‘‘มม ธีตรา สทฺธึ คนฺตุกามา คจฺฉนฺตู’’ติ. เต สทฺทํ สุตฺวาว – ‘‘อมฺหากํ อยฺยาย คมนกาเล กึ อมฺหากํ อิธา’’ติ จุทฺทส คามกา กิฺจิ อเสเสตฺวา นิกฺขมึสุ? ธนฺจยเสฏฺิปิ รฺโ จ มิคารเสฏฺิโน จ สกฺการํ กตฺวา โถกํ อนุคนฺตฺวา เตหิ สทฺธึ ธีตรํ อุยฺโยเชสิ.
มิคารเสฏฺิปิ สพฺพปจฺฉโต ยานเก นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺโต พลกายํ ทิสฺวา, ‘‘เก นาเมเต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สุณิสาย โว เวยฺยาวจฺจกรา ทาสิทาสา’’ติ. ‘‘เอตฺตเก โก โปเสสฺส’’ติ? ‘‘โปเถตฺวา เต ปลาเปถ, อปลายนฺเต อิโต ทณฺฑํ กโรถา’’ติ. วิสาขา ปน ‘‘อเปถ, มา วาเรถ, พลเมว พลสฺส ภตฺตํ ทสฺสตี’’ติ อาห. เสฏฺิ เอวํ ¶ วุตฺเตปิ, ‘‘อมฺม, นตฺถิ อมฺหากํ เอเตหิ อตฺโถ, โก เอเต โปเสสฺสตี’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ โปเถตฺวา ปลาเปตฺวา เสสเก ‘‘อลํ อมฺหากํ เอตฺตเกหี’’ติ คเหตฺวา ปายาสิ. อถ วิสาขา สาวตฺถินครทฺวารํ สมฺปตฺตกาเล จินฺเตสิ – ‘‘ปฏิจฺฉนฺนยานสฺมึ นุ โข นิสีทิตฺวา ปวิสิสฺสามิ, อุทาหุ รเถ ตฺวา’’ติ. อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘ปฏิจฺฉนฺนยาเนน เม ปวิสนฺติยา มหาลตาปสาธนสฺส วิเสโส น ปฺายิสฺสตี’’ติ. สา ¶ สกลนครสฺส อตฺตานํ ทสฺเสนฺตี รเถ ตฺวา นครํ ปาวิสิ. สาวตฺถิวาสิโน วิสาขาย สมฺปตฺตึ ทิสฺวา, ‘‘เอสา กิร วิสาขา นาม, เอวรูปา อยํ สมฺปตฺติ เอติสฺสาว อนุจฺฉวิกา’’ติ อาหํสุ. อิติ สา มหาสมฺปตฺติยา เสฏฺิโน เคหํ ปาวิสิ. คตทิวเส จสฺสา สกลนครวาสิโน ‘‘อมฺหากํ ธนฺจยเสฏฺิ อตฺตโน นครํ สมฺปตฺตานํ มหาสกฺการํ อกาสี’’ติ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ปณฺณาการํ ปหิณึสุ. วิสาขา ปหิตปหิตํ ปณฺณาการํ ตสฺมึเยว นคเร อฺมฺเสุ กุเลสุ สพฺพตฺถกเมว ทาเปสิ. อิติ สา ‘‘อิทํ มยฺหํ มาตุ เทถ, อิทํ มยฺหํ ปิตุ เทถ, อิทํ มยฺหํ ภาตุ เทถ, อิทํ มยฺหํ ภคินิยา เทถา’’ติ เตสํ เตสํ วยานุรูปํ ปิยวจนํ วตฺวา ปณฺณาการํ เปเสนฺตี สกลนครวาสิโน าตเก วิย อกาสิ. อถสฺสา รตฺติภาคสมนนฺตเร อาชฺวฬวาย คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. สา ทาสีหิ ทณฺฑทีปิกา คาหาเปตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วฬวํ อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา เตเลน ¶ มกฺขาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสิ.
มิคารเสฏฺิปิ ปุตฺตสฺส อาวาหมงฺคลํ กโรนฺโต ธุรวิหาเร วสนฺตมฺปิ ตถาคตํ อมนสิกริตฺวา ¶ ทีฆรตฺตํ นคฺคสมณเกสุ ปติฏฺิเตน เปเมน โจทิยมาโน ‘‘มยฺหํ อยฺยานมฺปิ สกฺการํ กริสฺสามี’’ติ เอกทิวสํ อเนกสเตสุ นวภาชเนสุ นิรุทกปายาสํ ปจาเปตฺวา ปฺจสเต อเจลเก นิมนฺตาเปตฺวา อนฺโตเคหํ ปเวเสตฺวา, ‘‘อาคจฺฉตุ เม สุณิสา, อรหนฺเต วนฺทตู’’ติ วิสาขาย สาสนํ ปหิณิ. สา ‘‘อรหนฺโต’’ติ วจนํ สุตฺวา โสตาปนฺนา อริยสาวิกา หฏฺตุฏฺา หุตฺวา เตสํ โภชนฏฺานํ อาคนฺตฺวา เต โอโลเกตฺวา, ‘‘เอวรูปา หิโรตฺตปฺปวิรหิตา อรหนฺตา นาม น โหนฺติ, กสฺมา มํ สสุโร ปกฺโกสาเปสี’’ติ, ‘‘ธี, ธี’’ติ เสฏฺึ ครหิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. อเจลกา ตํ ทิสฺวา สพฺเพ เอกปฺปหาเรเนว เสฏฺึ ครหึสุ – ‘‘กึ ตฺวํ, คหปติ, อฺํ นาลตฺถ, สมณสฺส โคตมสฺส สาวิกํ มหากาฬกณฺณึ อิธ ปเวเสสิ, เวเคน นํ อิมสฺมา เคหา นิกฺกฑฺฒาเปหี’’ติ. โส ‘‘น สกฺกา มยา อิเมสํ วจนมตฺเตเนว นิกฺกฑฺฒาเปตุํ, มหากุลสฺส สา ธีตา’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อยฺยา, ทหรา นาม ชานิตฺวา วา อชานิตฺวา วา กเรยฺยุํ, ตุมฺเห ตุณฺหี โหถา’’ติ เต อุยฺโยเชตฺวา ¶ สยํ มหารเห อาสเน นิสีทิตฺวา สุวณฺณปาติยํ นิรุทกํ มธุปายาสํ ปริภฺุชิ.
ตสฺมึ สมเย เอโก ปิณฺฑปาติกตฺเถโร ปิณฺฑาย ¶ จรนฺโต ตํ นิเวสนํ ปาวิสิ. วิสาขา สสุรํ พีชยมานา ิตา ตํ ทิสฺวา ‘‘สสุรสฺส อาจิกฺขิตุํ อยุตฺต’’นฺติ ยถา โส เถรํ ปสฺสติ, เอวํ อปคนฺตฺวา อฏฺาสิ. โส ปน พาโล เถรํ ทิสฺวาปิ อปสฺสนฺโต วิย หุตฺวา อโธมุโข ภฺุชเตว. วิสาขา ‘‘เถรํ ทิสฺวาปิ เม สสุโร สฺํ น กโรตี’’ติ ตฺวา, ‘‘อติจฺฉถ, ภนฺเต, มยฺหํ สสุโร ปุราณํ ขาทตี’’ติ อาห. โส นิคณฺเหิ กถิตกาเล อธิวาเสตฺวาปิ ‘‘ปุราณํ ขาทตี’’ติ วุตฺตกฺขเณเยว หตฺถํ อปเนตฺวา, ‘‘อิมํ ปายาสํ อิโต นีหรถ, เอตํ อิมสฺมา เคหา นิกฺกฑฺฒถ, อยํ มํ เอวรูเป มงฺคลกาเล อสุจิขาทกํ นาม กโรตี’’ติ อาห. ตสฺมึ โข ปน นิเวสเน สพฺเพปิ ทาสกมฺมกรา วิสาขาย สนฺตกาว, โก นํ หตฺเถ วา ปาเท วา คณฺหิสฺสติ, มุเขน กเถตุํ สมตฺโถปิ นตฺถิ. วิสาขา สสุรสฺส กถํ สุตฺวา อาห – ‘‘ตาต, น เอตฺตเกเนว มยํ นิกฺขมาม, นาหํ ตุมฺเหหิ อุทกติตฺถโต กุมฺภทาสี วิย อานีตา, ธรมานกมาตาปิตูนํ ธีตโร นาม น เอตฺตเกเนว นิกฺขมนฺติ, เอเตเนว เม การเณน ปิตา อิธาคมนกาเล อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘สเจ เม ธีตุ โทโส อุปฺปชฺชติ, โสเธยฺยาถา’ติ วตฺวา มํ เตสํ หตฺเถ เปสิ, เต ปกฺโกสาเปตฺวา มยฺหํ โทสาโทสํ โสธาเปถา’’ติ.
เสฏฺิ ‘‘กลฺยาณํ เอสา กเถตี’’ติ อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อยํ ทาริกา มงฺคลกาเล นิสีทิตฺวา สุวณฺณปาติยํ นิรุทกปายาสํ ปริภฺุชนฺตํ มํ ‘อสุจิขาทโก’ติ วทตี’’ติ ¶ ¶ อาห, ‘‘อิมิสฺสา โทสํ อาโรเปตฺวา อิมํ เคหโต นิกฺกฑฺฒถา’’ติ. ‘‘เอวํ กิร, อมฺมา’’ติ. นาหํ เอวํ วทามิ, เอกสฺมึ ปน ปิณฺฑปาติกตฺเถเร ฆรทฺวาเร ิเต สสุโร เม อปฺโปทกํ มธุปายาสํ ปริภฺุชนฺโต ตํ น มนสิกโรติ, อหํ ‘‘มยฺหํ สสุโร อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปฺุํ น กโรติ, ปุราณปฺุเมว ขาทตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อติจฺฉถ, ภนฺเต, มยฺหํ สสุโร ปุราณํ ขาทตี’’ติ อวจํ, ‘‘เอตฺถ เม โก โทโส’’ติ? ‘‘อยฺย, อิธ โทโส นตฺถิ, อมฺหากํ ธีตา ยุตฺตํ กเถติ, ตฺวํ กสฺมา กุชฺฌสี’’ติ? ‘‘อยฺยา, เอส ตาว โทโส ¶ มา โหตุ, อยํ ปน เอกทิวสํ มชฺฌิมยาเม ทาสีปริวุตา ปจฺฉาเคหํ อคมาสี’’ติ. ‘‘เอวํ กิร, อมฺมา’’ติ. ‘‘ตาตา, นาหํ อฺเน การเณน คตา, อิมสฺมึ ปน เคเห อาชาเนยฺยวฬวาย วิชาตาย สฺมฺปิ อกตฺวา นิสีทิตุํ นาม อยุตฺต’’นฺติ ทณฺฑทีปิกา คาหาเปตฺวา อุณฺโหทกาทีนิปิ คาหาเปตฺวา ทาสีหิ สทฺธึ คนฺตฺวา วฬวาย วิชาตปริหารํ การาเปสึ, ‘‘เอตฺถ เม โก โทโส’’ติ? ‘‘อยฺย, อิธ โทโส นตฺถิ, อมฺหากํ ธีตา ตว เคเห ทาสีหิปิ อกตฺตพฺพยุตฺตกํ กมฺมํ กโรติ, ตฺวํ กึ เอตฺถ โทสํ ปสฺสสี’’ติ?
อยฺยา, อิธาปิ ตาว โทโส มา โหตุ, อิมิสฺสา ปน ปิตา อิธาคมนกาเล อิมํ โอวทนฺโต คุยฺเห ปฏิจฺฉนฺเน ทส โอวาเท อทาสิ, เตสํ อตฺถํ น ชานามิ, เตสํ เม อตฺถํ กเถตุ. อิมิสฺสา ปน ¶ ปิตา ‘‘อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพ’’ติ อาห, ‘‘สกฺกา นุ โข อมฺเหหิ อุภโต ปฏิวิสฺสกเคหานํ อคฺคึ อทตฺวา วสิตุ’’นฺติ? ‘‘เอวํ กิร, อมฺมา’’ติ. ‘‘ตาตา, มยฺหํ ปิตา น เอตํ สนฺธาย กเถสิ. อิทํ ปน สนฺธาย กเถสิ – ‘อมฺม, ตว สสฺสุสสุรสามิกานํ อคุณํ ทิสฺวา พหิ ตสฺมึ ตสฺมึ เคเห ตฺวา มา กเถสิ. เอวรูโป หิ อคฺคิสทิโส อคฺคิ นาม นตฺถี’’’ติ.
อยฺยา, เอตํ ตาว เอวํ โหตุ, อิมิสฺสา ปน ปิตา ‘‘พาหิรโต อคฺคิ น อนฺโต ปเวเสตพฺโพ’’ติ อาห, ‘‘กึ สกฺกา อมฺเหหิ อนฺโต อคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต พาหิรโต อคฺคึ อนาหริตุ’’นฺติ? ‘‘เอวํ กิร, อมฺมา’’ติ. ตาตา, มยฺหํ ปิตา น เอตํ สนฺธาย กเถสิ, อิทํ ปน สนฺธาย กเถสิ – สเจ ปฏิวิสฺสกเคเหสุ อิตฺถิโย วา ปุริสา วา สสฺสุสสุรสามิกานํ อคุณํ กเถนฺติ, เตหิ กถิตํ อาหริตฺวา ‘‘อสุโก นาม ตุมฺหากํ เอวฺจ เอวฺจ อคุณํ กเถตี’’ติ ปุน มา กเถยฺยาสิ. ‘‘เอเตน หิ อคฺคินา สทิโส อคฺคิ นาม นตฺถี’’ติ. เอวํ อิมสฺมิมฺปิ การเณ สา นิทฺโทสาว อโหสิ. ยถา จ เอตฺถ, เอวํ เสเสสุปิ.
เตสุ ปน อยมธิปฺปาโย – ยมฺปิ หิ ตสฺสา ปิตรา ‘‘เย ททนฺติ, เตสํเยว ทาตพฺพ’’นฺติ ¶ วุตฺตํ. ตํ ‘‘ยาจิตกํ อุปกรณํ คเหตฺวา เย ปฏิเทนฺติ, เตสฺเว ทาตพฺพ’’นฺติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘เย น เทนฺติ, เตสํ น ทาตพฺพ’’นฺติ อิทมฺปิ เย ยาจิตกํ คเหตฺวา น ปฏิเทนฺติ, เตสํ น ทาตพฺพนฺติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘ททนฺตสฺสาปิ ¶ อททนฺตสฺสาปิ ทาตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน ทลิทฺเทสุ าติมิตฺเตสุ ¶ สมฺปตฺเตสุ เต ปฏิทาตุํ สกฺโกนฺตุ วา มา วา, เตสํ ทาตุเมว วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘สุขํ นิสีทิตพฺพ’’นฺติ อิทมฺปิ สสฺสุสสุรสามิเก ทิสฺวา วุฏฺาตพฺพฏฺาเน นิสีทิตุํ น วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘สุขํ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ อิทํ ปน สสฺสุสสุรสามิเกหิ ปุเรตรํ อภฺุชิตฺวา เต ปริวิสิตฺวา สพฺเพหิ ลทฺธาลทฺธํ ตฺวา ปจฺฉา สยํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘สุขํ นิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อิทมฺปิ สสฺสุสสุรสามิเกหิ ปุเรตรํ สยนํ อารุยฺห น นิปชฺชิตพฺพํ, เตสํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ปจฺฉา สยํ นิปชฺชิตุํ ยุตฺตนฺติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘อคฺคิ ปริจริตพฺโพ’’ติ อิทํ ปน สสฺสุมฺปิ สสุรมฺปิ สามิกมฺปิ อคฺคิกฺขนฺธํ วิย อุรคราชานํ วิย จ กตฺวา ปสฺสิตุํ วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘อนฺโตเทวตา นมสฺสิตพฺพา’’ติ อิทมฺปิ สสฺสฺุจ สสุรฺจ สามิกฺจ เทวตา วิย กตฺวา ทฏฺุํ วฏฺฏตีติ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวํ เสฏฺิ อิเมสํ ทสโอวาทานํ อตฺถํ สุตฺวา ปฏิวจนํ อปสฺสนฺโต อโธมุโข นิสีทิ.
อถ นํ กุฏุมฺพิกา ‘‘กึ เสฏฺิ อฺโปิ อมฺหากํ ธีตุ โทโส อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘นตฺถิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา นํ นิทฺโทสํ อการเณน เคหา นิกฺกฑฺฒาเปสี’’ติ เอวํ วุตฺเต วิสาขา อาห – ‘‘ตาตา, กิฺจาปิ มยฺหํ สสุรสฺส วจเนน ปมเมว คมนํ น ยุตฺตํ, ปิตา ปน เม อาคมนกาเล มม โทสโสธนตฺถาย มํ ตุมฺหากํ หตฺเถ เปสิ, ตุมฺเหหิ จ เม นิทฺโทสภาโว ¶ าโต, อิทานิ จ มยฺหํ คนฺตุํ ยุตฺต’’นฺติ ทาสิทาเส ‘‘ยานาทีหิ สชฺชาเปถา’’ติ อาณาเปสิ. อถ นํ เสฏฺิ กุฏุมฺพิเก คเหตฺวา ‘‘อมฺม, มยา ¶ อชานิตฺวาว กถิตํ, ขมาหิ เม’’ติ อาห. ‘‘ตาต, ตุมฺหากํ ขมิตพฺพํ ตาว ขมามิ, อหํ ปน พุทฺธสาสเน อเวจฺจปฺปสนฺนสฺส กุลสฺส ธีตา, น มยํ วินา ภิกฺขุสงฺเฆน วตฺตาม, สเจ มม รุจิยา ภิกฺขุสงฺฆํ ปฏิชคฺคิตุํ ลภามิ, วสิสฺสามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ตฺวํ ยถารุจิยา ตว สมเณ ปฏิชคฺคา’’ติ อาห.
วิสาขา ¶ ทสพลํ นิมนฺตาเปตฺวา ปุนทิวเส นิเวสนํ ปเวเสสิ. นคฺคสมณาปิ สตฺถุ มิคารเสฏฺิโน เคหํ คมนภาวํ สุตฺวา คนฺตฺวา เคหํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. วิสาขา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ‘‘สพฺโพ สกฺกาโร ปฏิยาทิโต, สสุโร เม อาคนฺตฺวา ทสพลํ ปริวิสตู’’ติ สาสนํ เปเสสิ. อถ นํ คนฺตุกามํ อาชีวกา ‘‘มา โข ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คจฺฉา’’ติ นิวาเรสุํ. โส ‘‘สุณฺหา เม สยเมว ปริวิสตู’’ติ สาสนํ ปหิณิ. สา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา นิฏฺิเต ภตฺตกิจฺเจ ปุน สาสนํ เปเสสิ – ‘‘สสุโร เม อาคนฺตฺวา ธมฺมกถํ สุณาตู’’ติ. อถ นํ ‘‘อิทานิ อคมนํ นาม อติวิย อยุตฺต’’นฺติ ธมฺมํ โสตุกามตาย คจฺฉนฺตํ ปุน เต อาหํสุ – ‘‘เตน หิ สมณสฺส โคตมสฺส ธมฺมํ สุณนฺโต พหิสาณิยา นิสีทิตฺวา สุณาหี’’ติ. ปุเรตรเมวสฺส คนฺตฺวา สาณึ ปริกฺขิปึสุ. โส คนฺตฺวา พหิสาณิยํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘ตฺวํ พหิสาณิยํ วา นิสีท, ปรกุฏฺเฏ วา ปรเสเล วา ปรจกฺกวาเฬ วา ปน นิสีท, อหํ พุทฺโธ นาม สกฺโกมิ ตํ มม สทฺทํ สาเวตุ’’นฺติ ¶ มหาชมฺพุํ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลนฺโต วิย อมตวสฺสํ วสฺเสนฺโต วิย จ ธมฺมํ เทเสตุํ อนุปุพฺพึ กถํ อารภิ.
สมฺมาสมฺพุทฺเธ จ ปน ธมฺมํ เทเสนฺเต ปุรโต ิตาปิ ปจฺฉโต ิตาปิ จกฺกวาฬสตํ จกฺกวาฬสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา ิตาปิ อกนิฏฺภวเน ิตาปิ ‘‘สตฺถา มมฺเว โอโลเกติ, มยฺหเมว ธมฺมํ เทเสตี’’ติ วทนฺติ. สตฺถา หิ ตํ ตํ โอโลเกนฺโต วิย เตน เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต วิย จ อโหสิ. จนฺทสมา กิร พุทฺธา. ยถา จนฺโท คคนมชฺเฌ ิโต ‘‘มยฺหํ อุปริ จนฺโท, มยฺหํ อุปริ จนฺโท’’ติ สพฺพสตฺตานํ ขายติ, เอวเมว ยตฺถ กตฺถจิ ิตานํ อภิมุเข ิตา วิย ขายนฺติ. อิทํ กิร เตสํ อลงฺกตสีสํ ฉินฺทิตฺวา อฺชิตอกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ อุปฺปาเฏตฺวา ปรสฺส ทาสตฺถาย ชาลิสทิเส ปุตฺเต กณฺหาชินาสทิสา ธีตโร มทฺทิสทิสา ปชาปติโย ปริจฺจชิตฺวา ทินฺนทานสฺส ผลํ. มิคารเสฏฺิปิ โข ตถาคเต ธมฺมเทสนํ วินิวตฺเตนฺเต พหิสาณิยํ นิสินฺโนว สหสฺส นยปฏิมณฺฑิเต ¶ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อจลาย สทฺธาย สมนฺนาคโต ตีสุ รตเนสุ นิกฺกงฺโข หุตฺวา สาณิกณฺณํ อุกฺขิปิตฺวา อาคนฺตฺวา สุณฺหาย ถนํ มุเขน คเหตฺวา, ‘‘ตฺวํ เม อชฺชโต ปฏฺาย มาตา’’ติ ¶ ตํ มาตุฏฺาเน เปสิ. ตโต ปฏฺาย มิคารมาตา นาม ชาตา. ปจฺฉาภาเค ¶ ปุตฺตํ ลภิตฺวาปิ มิคาโรติสฺส นามมกาสิ.
มหาเสฏฺิ สุณฺหาย ถนํ วิสฺสชฺเชตฺวา คนฺตฺวา ภควโต ทฺวีสุ ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ปาเท ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหนฺโต มุเขน จ ปริจุมฺพนฺโต ‘‘มิคาโร อหํ, ภนฺเต, มิคาโร อหํ, ภนฺเต’’ติ ติกฺขตฺตุํ นามํ สาเวตฺวา, ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอตฺตกํ กาลํ ยตฺถ นาม ทฺวินฺนํ มหปฺผลนฺติ น ชานามิ, อิทานิ จ เม สุณิสํ นิสฺสาย าตํ, สพฺพา อปายทุกฺขา มุตฺโตมฺหิ, สุณิสา เม อิมํ เคหํ อาคจฺฉนฺตี มม อตฺถาย หิตาย สุขาย อาคตา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โสหํ อชฺช ปชานามิ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;
อตฺถาย วต เม ภทฺทา, สุณิสา ฆรมาคตา’’ติ.
วิสาขา ปุนทิวสตฺถายปิ สตฺถารํ นิมนฺเตสิ. อถสฺสา ปุนทิวเสปิ สสฺสุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา. ตโต ปฏฺาย ตํ เคหํ สาสนสฺส วิวฏทฺวารํ อโหสิ. ตโต เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘พหูปการา เม สุณิสา ปสนฺนาการมสฺสา กริสฺสามิ, เอติสฺสา ภาริยํ ปสาธนํ นิจฺจกาลํ ปสาเธตุํ น สกฺกา, สลฺลหุกมสฺสา ทิวา จ รตฺโต จ สพฺพอิริยาปเถสุ ปสาธนโยคฺคํ ปสาธนํ กาเรสฺสามี’’ติ สตสหสฺสคฺฆนกํ ฆนมฏฺกํ นาม ปสาธนํ กาเรตฺวา ตสฺมึ นิฏฺิเต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สกฺกจฺจํ โภเชตฺวา วิสาขํ โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหาเปตฺวา สตฺถุ สมฺมุเข เปตฺวา ปสาเธตฺวา สตฺถารํ วนฺทาเปสิ. สตฺถา อนุโมทนํ ¶ กตฺวา วิหารเมว คโต. วิสาขาปิ ตโต ปฏฺาย ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺตี สตฺถุ สนฺติกา อฏฺ วเร (มหาว. ๓๕๐) ลภิตฺวา คคนตเล จนฺทเลขา วิย ปฺายมานา ปุตฺตธีตาหิ วุฑฺฒึ ปาปุณิ. ตสฺสา กิร ทส ปุตฺตา ทส ธีตโร จ อเหสุํ. เตสุ เอเกกสฺส ทส ทส ปุตฺตา ทส ทส ธีตโร อเหสุํ. เตสุ เตสุปิ เอเกกสฺส ทส ทส ปุตฺตา ทส ทส ธีตโร จาติ เอวมสฺสา ปุตฺตนตฺตปนตฺตสนฺตานวเสน ปวตฺตานิ วีสาธิกานิ จตฺตาริ สตานิ อฏฺ จ ปาณสหสฺสานิ อเหสุํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘วิสาขา ¶ ¶ วีสติ ปุตฺตา, นตฺตา จ จตุโร สตา;
ปนตฺตา อฏฺสหสฺสา, ชมฺพุทีเป สุปากฏา’’ติ.
อายุ วีสวสฺสสตํ อโหสิ, สีเส เอกมฺปิ ปลิตํ นาม นาโหสิ, นิจฺจํ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย อโหสิ. ตํ ปุตฺตนตฺตปนตฺตปริวารํ วิหารํ คจฺฉนฺตึ ทิสฺวา, ‘‘กตมา เอตฺถ วิสาขา’’ติ ปริปุจฺฉิตาโร โหนฺติ? เย นํ คจฺฉนฺตึ ปสฺสนฺติ, ‘‘อิทานิ โถกํ คจฺฉตุ, คจฺฉมานาว โน, อยฺยา โสภตี’’ติ, จินฺเตนฺติ. เย นํ ิตํ นิสินฺนํ นิปนฺนํ ปสฺสนฺติ, ‘‘อิทานิ โถกํ นิปชฺชตุ, นิปนฺนาว โน, อยฺยา, โสภตี’’ติ จินฺเตนฺติ. อิติ สา ‘‘จตูสุ อิริยาปเถสุ อสุกอิริยาปเถน นาม น โสภตี’’ติ วตฺตพฺพา น โหติ. ปฺจนฺนํ โข ปน หตฺถีนํ ¶ พลํ ธาเรติ. ราชา ‘‘วิสาขา กิร ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรตี’’ติ สุตฺวา ตสฺสา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อาคมนเวลาย ถามํ วีมํสิตุกาโม หตฺถึ วิสฺสชฺชาเปสิ, โส โสณฺฑํ อุกฺขิปิตฺวา วิสาขาภิมุโข อคมาสิ. ตสฺสา ปริวาริตฺถิโย ปฺจสตา เอกจฺจา ปลายึสุ, เอกจฺจา น ปริสฺสชฺชิตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺเต – ‘‘ราชา กิร เต, อยฺเย, พลํ วีมํสิตุกาโม หตฺถึ วิสฺสชฺชาเปสี’’ติ วทึสุ. วิสาขา อิมํ ทิสฺวา, ‘‘กึ ปลายิเตน, กถํ นุ โข ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘สเจ ตํ ทฬฺหํ คณฺหิสฺสามิ, วินสฺเสยฺยา’’ติ ทฺวีหิ องฺคุลีหิ โสณฺฑาย คเหตฺวา ปฏิปณาเมสิ. หตฺถี อตฺตานํ สนฺธาเรตฺวา าตุํ นาสกฺขิ, ราชงฺคเณ อุกฺกุฏิโก หุตฺวา ปติโต. มหาชโน สาธุการํ อทาสิ. สาปิ สปริวารา โสตฺถินา เคหํ อคมาสิ.
เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิยํ วิสาขา มิคารมาตา พหุปุตฺตา โหติ พหุนตฺตา อโรคปุตฺตา อโรคนตฺตา อภิมงฺคลสมฺมตา, ตาวตเกสุ ปุตฺตนตฺเตสุ เอโกปิ อนฺตรา มรณํ ปตฺโต นาม นาโหสิ. สาวตฺถิวาสิโน มงฺคเลสุ ฉเณสุ วิสาขํ ปมํ นิมนฺเตตฺวา โภเชนฺติ. อเถกสฺมึ อุสฺสวทิวเส มหาชเน มณฺฑิตปสาธิเต ธมฺมสฺสวนาย วิหารํ คจฺฉนฺเต วิสาขาปิ ¶ นิมนฺติตฏฺาเน ภฺุชิตฺวา มหาลตาปสาธนํ ปสาเธตฺวา มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา ทาสิยา อทาสิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘เตน ¶ โข ปน สมเยน สาวตฺถิยํ อุสฺสโว โหติ, มนุสฺสา อลงฺกตปฏิยตฺตา อารามํ คจฺฉนฺติ, วิสาขาปิ มิคารมาตา อลงฺกตปฏิยตฺตา วิหารํ คจฺฉติ. อถ โข ¶ วิสาขา มิคารมาตา อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา ทาสิยา อทาสิ ‘หนฺท เช อิมํ ภณฺฑิกํ คณฺหาหี’’’ติ (ปาจิ. ๕๐๓).
สา กิร วิหารํ คจฺฉนฺตี จินฺเตสิ – ‘‘เอวรูปํ มหคฺฆํ ปสาธนํ สีเส ปฏิมุกฺกํ ยาว ปาทปิฏฺึ อลงฺการํ อลงฺกริตฺวา วิหารํ ปวิสิตุํ อยุตฺต’’นฺติ นํ โอมฺุจิตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา อตฺตโน ปฺุเเนว นิพฺพตฺตาย ปฺจหตฺถิถามธราย ทาสิยา หตฺเถ อทาสิ. สา เอว กิร ตํ คณฺหิตุํ สกฺโกติ. เตน นํ อาห – ‘‘อมฺม, อิมํ ปสาธนํ คณฺห, สตฺถุสนฺติกา นิวตฺตนกาเล ปสาเธสฺสามิ น’’นฺติ. ตํ ปน ทตฺวา ฆนมฏฺกํ ปสาธนํ ปสาเธตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ อสฺโสสิ, ธมฺมสฺสวนาวสาเน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อุฏฺาย ปกฺกามิ. สาปิสฺสา ทาสี ตํ ปสาธนํ ปมุฏฺา. ธมฺมํ สุตฺวา ปน ปกฺกนฺตาย ปริสาย สเจ กิฺจิ ปมุฏฺํ โหติ, ตํ อานนฺทตฺเถโร ปฏิสาเมติ. อิติ โส ตํ ทิวสํ มหาลตาปสาธนํ ทิสฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ – ‘‘ภนฺเต, วิสาขา ปสาธนํ ปมุสฺสิตฺวา คตา’’ติ. ‘‘เอกมนฺตํ เปหิ, อานนฺทา’’ติ. เถโร ตํ อุกฺขิปิตฺวา โสปานปสฺเส ลคฺเคตฺวา ¶ เปสิ.
วิสาขาปิ สุปฺปิยาย สทฺธึ ‘‘อาคนฺตุกคมิกคิลานาทีนํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ ชานิสฺสามี’’ติ อนฺโตวิหาเร วิจริ. ตา ปน อุปาสิกาโย อนฺโตวิหาเร ทิสฺวา สปฺปิมธุเตลาทีหิ อตฺถิกา ปกติยาว ทหรา จ สามเณรา จ ถาลกาทีนิ คเหตฺวา อุปสงฺกมนฺติ. ตสฺมิมฺปิ ทิวเส ตเถว กรึสุ. อเถกํ คิลานํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา สุปฺปิยา (มหาว. ๒๘๐) ‘‘เกนตฺโถ อยฺยสฺสา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปฏิจฺฉาทนีเยนา’’ติ วุตฺเต โหตุ, อยฺย, เปเสสฺสามีติ ทุติยทิวเส กปฺปิยมํสํ อลภนฺตี อตฺตโน อูรุมํเสน กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา ปุน สตฺถริ ปสาเทน ปากติกสรีราว อโหสิ. วิสาขาปิ คิลาเน จ ทหเร จ สามเณเร จ โอโลเกตฺวา อฺเน ทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา วิหารูปจาเร ิตา, ‘‘อมฺม, ปสาธนํ อาหร ปสาเธสฺสามี’’ติ อาห. ตสฺมึ ขเณ สา ทาสี ปมุสฺสิตฺวา นิกฺขนฺตภาวํ ตฺวา, ‘‘อยฺเย, ปมุฏฺามฺหี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา คณฺหิตฺวา เอหิ, สเจ ปน ¶ มยฺหํ อยฺเยน อานนฺทตฺเถเรน อุกฺขิปิตฺวา อฺสฺมึ าเน ปิตํ โหติ, มา อาหเรยฺยาสิ, อยฺยสฺเสว ตํ มยา ปริจฺจตฺต’’นฺติ. ชานาติ กิร สา ‘‘กุลมนุสฺสานํ ปมุฏฺภณฺฑกํ เถโร ปฏิสาเมตี’’ติ; ตสฺมา เอวมาห. เถโรปิ ตํ ทาสึ ทิสฺวาว ‘‘กิมตฺถํ อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อยฺยาย เม ปสาธนํ ปมุสฺสิตฺวา อาคตามฺหี’’ติ วุตฺเต, ‘‘เอตสฺมึ เม โสปานปสฺเส ปิตํ, คจฺฉ นํ คณฺหาหี’’ติ อาห. สา, ‘‘อยฺย, ตุมฺหากํ หตฺเถน อามฏฺภณฺฑกํ มยฺหํ อยฺยาย ¶ อนาหาริยํ กต’’นฺติ วตฺวา ตุจฺฉหตฺถาว คนฺตฺวา, ‘‘กึ, อมฺมา’’ติ วิสาขาย ปุฏฺา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ‘‘อมฺม ¶ , นาหํ มม อยฺเยน อามฏฺภณฺฑํ ปิลนฺธิสฺสามิ, ปริจฺจตฺตํ มยา. อยฺยานํ ปน ปฏิชคฺคิตุํ ทุกฺขํ, ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา กปฺปิยภณฺฑํ อุปเนสฺสามิ, คจฺฉ, ตํ อาหราหี’’ติ. สา คนฺตฺวา อาหริ. วิสาขา ตํ อปิลนฺธิตฺวาว กมฺมาเร ปกฺโกสาเปตฺวา อคฺฆาเปสิ. เตหิ ‘‘นว โกฏิโย อคฺฆติ, หตฺถการาปณิยํ ปนสฺส สตสหสฺส’’นฺติ วุตฺเต ปสาธนํ ยาเน ปาเปตฺวา ‘‘เตน หิ ตํ วิกฺกิณถา’’ติ อาห. ภตฺตกํ ธนํ ทตฺวา คณฺหึตุ น โกจิ สกฺขิสฺสติ. ตฺหิ ปสาธนํ ปสาเธตุํ อนุจฺฉวิกา อิตฺถิโย นาม ทุลฺลภา. ปถวิมณฺฑลสฺมิฺหิ ติสฺโสว อิตฺถิโย มหาลตาปสาธนํ ลภึสุ วิสาขา มหาอุปาสิกา, พนฺธุลมลฺลเสนาปติสฺส ภริยา, มลฺลิกา, พาราณสีเสฏฺิโน ธีตาติ.
ตสฺมา วิสาขา สยเมว ตสฺส มูลํ ทตฺวา สตสหสฺสาธิกา นว โกฏิโย สกเฏ อาโรเปตฺวา วิหารํ เนตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อยฺเยน อานนฺทตฺเถเรน มม ปสาธนํ หตฺเถน อามฏฺํ, เตน อามฏฺกาลโต ปฏฺาย น สกฺกา ตํ มยา ปิลนฺธิตุํ. ตํ ปน วิสฺสชฺเชตฺวา กปฺปิยํ อุปเนสฺสามีติ วิกฺกิณาเปนฺตี อฺํ ตํ คณฺหิตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา อหเมว ตสฺส มูลํ คาหาเปตฺวา อาคตา, จตูสุ ปจฺจเยสุ กตรปจฺจเยน อุปเนสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. ปาจีนทฺวาเร สงฺฆสฺส วสนฏฺานํ ¶ กาตุํ เต ยุตฺตํ วิสาเขติ ‘‘ยุตฺตํ, ภนฺเต’’ติ วิสาขา ตุฏฺมานสา นวโกฏีหิ ภูมิเมว คณฺหิ. อปราหิ นวโกฏีหิ วิหารํ กาตุํ อารภิ.
อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต เทวโลกา จวิตฺวา ภทฺทิยนคเร เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺตสฺส ภทฺทิยสฺส นาม เสฏฺิปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา อนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห ภตฺตกิจฺจํ ¶ กตฺวา อุตฺตรทฺวาราภิมุโข อโหสิ. ปกติยา หิ สตฺถา วิสาขาย เคเห ภิกฺขํ คณฺหิตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา เชตวเน วสติ. อนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห ภิกฺขํ คเหตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ปุพฺพาราเม วสติ. อุตฺตรทฺวารํ สนฺธาย คจฺฉนฺตํเยว ภควนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติ ชานนฺติ. วิสาขาปิ ตํ ทิวสํ ‘‘สตฺถา อุตฺตรทฺวาราภิมุโข คโต’’ติ สุตฺวา เวเคน คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘จาริกํ คนฺตุกามตฺถ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, วิสาเข’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอตฺตกํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา ตุมฺหากํ วิหารํ กาเรมิ, นิวตฺตถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อนิวตฺตคมนํ อิทํ วิสาเข’’ติ. สา ‘‘อทฺธา เหตุสมฺปนฺนํ กฺจิ ปสฺสิสฺสติ ภควา’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มยฺหํ กตากตวิชานนกํ เอกํ ภิกฺขุํ นิวตฺเตตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาห. ‘‘ยํ รุจฺจสิ, ตสฺส ปตฺตํ ¶ คณฺห วิสาเข’’ติ อาห. สา กิฺจาปิ อานนฺทตฺเถรํ ปิยายติ, ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อิทฺธิมา, เอตํ เม นิสฺสาย กมฺมํ ลหุํ ¶ นิปฺผชฺชิสฺสตี’’ติ ปน จินฺเตตฺวา เถรสฺส ปตฺตํ คณฺหิ. เถโร สตฺถารํ โอโลเกสิ. สตฺถา ‘‘ตว ปริวาเร ปฺจสเต ภิกฺขู คเหตฺวา นิวตฺต โมคฺคลฺลานา’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. ตสฺสานุภาเวน ปฺาสสฏฺิโยชนานิปิ รุกฺขตฺถาย จ ปาสาณตฺถาย จ คตา มนุสฺสา มหนฺเต มหนฺเต รุกฺเข จ ปาสาเณ จ คเหตฺวา ตํ ทิวสเมว อาคจฺฉนฺติ, เนว สกเฏ รุกฺขปาสาเณ อาโรเปนฺตา กิลมนฺติ, น อกฺโข ภิชฺชติ. น จิรสฺเสว ทฺเวภูมิกํ ปาสาทํ กรึสุ. เหฏฺาภูมิยํ ปฺจ คพฺภสตานิ, อุปริภูมิยํ ปฺจ คพฺภสตานีติ คพฺภสหสฺสปฏิมณฺฑิโต ปาสาโท อโหสิ. อฏฺกรีเส ปริสุทฺเธ ภูมิภาเค ปาสาทํ การาเปสิ, ‘‘สุทฺธปาสาโท ปน น โสภตี’’ติ ตํ ปริวาเรตฺวา ปฺจ ปธานเวตฺตเคหสตานิ, ปฺจ จูฬปาสาทสตานิ, ปฺจ ทีฆมาฬกสตานิ การาเปสิ.
อถ สตฺถา นวหิ มาเสหิ จาริกํ จริตฺวา ปุน สาวตฺถึ อคมาสิ. วิสาขายปิ ปาสาเท กมฺมํ นวหิ มาเสหิ นิฏฺิตํ. ปาสาทกูฏํ ฆนโกฏฺฏิตรตฺตสุวณฺเณเนว สฏฺิอุทกฆฏคณฺหนกํ ¶ การาเปสิ. ‘‘สตฺถา เชตวนวิหารํ คจฺฉตี’’ติ จ สุตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา สตฺถารํ อตฺตโน วิหารํ เนตฺวา ปฏิฺํ คณฺหิ, ‘‘ภนฺเต, อิมํ จตุมาสํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา อิเธว วสถ, ปาสาทมหํ กริสฺสามี’’ติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. สา ¶ ตโต ปฏฺาย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส วิหาเร เอว ทานํ เทติ. อถสฺสา เอกา สหายิกา สตสหสฺสคฺฆนกํ เอกํ วตฺถํ อาทาย อาคนฺตฺวา, ‘‘สหายิเก อหํ อิมํ วตฺถํ ตว ปาสาเท ภูมตฺถรณสงฺเขเปน อตฺถริตุกามา, อตฺถรณฏฺานํ เม อาจิกฺขถา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ สหายิเก, สเจ ตฺยาหํ ‘โอกาโส นตฺถี’ติ วกฺขามิ, ตฺวํ ‘เม โอกาสํ อทาตุกามา’ติ มฺิสฺสสิ, สยเมว ปาสาทสฺส ทฺเว ภูมิโย คพฺภสหสฺสฺจ โอโลเกตฺวา อตฺถรณฏฺานํ ชานาหี’’ติ อาห. สา สตสหสฺสคฺฆนกํ วตฺถํ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺตี ตโต อปฺปตรมูลํ วตฺถํ อทิสฺวา ‘‘นาหํ อิมสฺมึ ปาสาเท ปฺุภาคํ ลภามี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺตา เอกสฺมึ าเน โรทนฺตี อฏฺาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ทิสฺวา, ‘‘กสฺมา โรทสี’’ติ ปุจฺฉิ. สา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เถโร ‘‘มา จินฺตยิ, อหํ เต อตฺถรณฏฺานํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ วตฺวา, ‘‘โสปานปาทมูเล ปาทโธวนฏฺาเน อิมํ ปาทปฺุฉนกํ กตฺวา อตฺถราหิ, ภิกฺขู ปาเท โธวิตฺวา ปมํ เอตฺถ ปาทํ ปฺุฉิตฺวา ¶ อนฺโต ปวิสิสฺสนฺติ, เอวํ เต มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ อาห. วิสาขาย กิเรตํ อสลฺลกฺขิตฏฺานํ.
วิสาขา จตฺตาโร มาเส อนฺโตวิหาเร พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ อทาสิ, อวสานทิวเส ภิกฺขุสงฺฆสฺส จีวรสาฏเก อทาสิ. สงฺฆนวเกน ลทฺธจีวรสาฏกา สหสฺสคฺฆนกา ¶ โหนฺติ. สพฺเพสํ ปตฺตานิ ปูเรตฺวา เภสชฺชํ อทาสิ. ทานปริจฺจาเค นว โกฏิโย อคมํสุ. อิติ วิหารสฺส ภูมิคฺคหเณ นว โกฏิโย, วิหารสฺส การาปเน นว, วิหารมเห นวาติ สพฺพาปิ สตฺตวีสติ โกฏิโย สา พุทฺธสาสเน ปริจฺจชิ. อิตฺถิภาเว ตฺวา มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส เคเห วสมานาย เอวรูโป มหาปริจฺจาโค นาม อฺิสฺสา นตฺถิ. สา วิหารมหสฺส นิฏฺิตทิวเส วฑฺฒมานกจฺฉายาย ปุตฺตนตฺตปนตฺตปริวุตา ‘‘ยํ ยํ มยา ปุพฺเพ ปตฺถิตํ, สพฺพเมว มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ ปาสาทํ อนุปริยายนฺตี ปฺจหิ คาถาหิ มธุรสทฺเทน อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘กทาหํ ปาสาทํ รมฺมํ, สุธามตฺติกเลปนํ;
วิหารทานํ ทสฺสามิ, สงฺกปฺโป มยฺห ปูริโต.
‘‘กทาหํ ¶ มฺจปีฺจ, ภิสิพิมฺโพหนานิ จ;
เสนาสนภณฺฑํ ทสฺสามิ, สงฺกปฺโป มยฺห ปูริโต.
‘‘กทาหํ ¶ สลากภตฺตํ, สุจึ มํสูปเสจนํ;
โภชนทานํ ทสฺสามิ, สงฺกปฺโป มยฺห ปูริโต.
‘‘กทาหํ กาสิกํ วตฺถํ, โขมกปฺปาสิกานิ จ;
จีวรทานํ ทสฺสามิ, สงฺกปฺโป มยฺห ปูริโต.
‘‘กทาหํ สปฺปินวนีตํ, มธุเตลฺจ ผาณิตํ;
เภสชฺชทานํ ทสฺสามิ, สงฺกปฺโป มยฺห ปูริโต’’ติ.
ภิกฺขู ตสฺสา สทฺทํ สุตฺวา สตฺถุ อาโรจยึสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺเหหิ เอตฺตเก อทฺธาเน วิสาขาย คายนํ นาม น ทิฏฺปุพฺพํ, สา อชฺช ปุตฺตนตฺตปนตฺตปริวุตา คายมานา ปาสาทํ อนุปริยายติ, กึ นุ ขฺวสฺสา ปิตฺตํ วา กุปิตํ, อุทาหุ อุมฺมตฺติกา ชาตา’’ติ? สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มยฺหํ ธีตา คายติ, อตฺตโน ปนสฺสา อชฺฌาสโย ปริปุณฺโณ, สา ‘ปตฺถิตปตฺถนา เม มตฺถกํ ปตฺตา’ติ ตุฏฺมานสา อุทานํ อุทาเนนฺตี วิจรตี’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ปน, ภนฺเต, ตาย ปตฺถนา ปตฺถิตา’’ติ? ‘‘สุณิสฺสถ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘สุณิสฺสาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต อตีตํ อาหริ –
‘‘อตีเต ¶ , ภิกฺขเว, อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม พุทฺโธ โลเก นิพฺพตฺติ. ตสฺส วสฺสสตสหสฺสํ อายุ อโหสิ, ขีณาสวานํ สตสหสฺสปริวาโร, นครํ หํสวตี นาม, ปิตา สุนนฺโท นาม ราชา, มาตา สุชาตา นาม เทวี, ตสฺส อคฺคอุปฏฺายิกา เอกา อุปาสิกา อฏฺ วเร ยาจิตฺวา มาตุฏฺาเน ตฺวา สตฺถารํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฏิชคฺคนฺตี สายํปาตํ อุปฏฺานํ คจฺฉติ. ตสฺสา เอกา สหายิกา ตาย สทฺธึ วิหารํ นิพทฺธํ คจฺฉติ. สา ตสฺสา สตฺถารา สทฺธึ วิสฺสาเสน กถนฺจ วลฺลภภาวฺจ ทิสฺวา, ‘กึ นุ โข กตฺวา เอวํ พุทฺธานํ วลฺลตา โหตี’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘ภนฺเต, เอสา อิตฺถี ตุมฺหากํ กึ โหตี’’’ติ? ‘‘อุปฏฺายิกานํ ¶ อคฺคา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, กึ กตฺวา อุปฏฺายิกานํ อคฺคา โหตี’’ติ? ‘‘กปฺปสตสหสฺสํ ปตฺถนํ ปตฺเถตฺวา’’ติ. ‘‘อิทานิ ปตฺเถตฺวา ลทฺธุํ สกฺกา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาม, สกฺกา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ภิกฺขุสตสหสฺเสน สทฺธึ สตฺตาหํ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. สตฺถา อธิวาเสสิ. สา สตฺตาหํ ทานํ ทตฺวา โอสานทิวเส จีวรสาฏเก ทตฺวา สตฺถารํ ¶ วนฺทิตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นาหํ อิมสฺส ทานสฺส ผเลน เทวิสฺสริยาทีนํ อฺตรํ ปตฺเถมิ, ตุมฺหาทิสสฺส ปเนกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก อฏฺ วเร ลภิตฺวา มาตุฏฺาเน ตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฏิชคฺคิตุํ สมตฺถานํ อคฺคา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. สตฺถา ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข อิมิสฺสา ปตฺถนา’’ติ อนาคตํ อาวชฺเชนฺโต กปฺปสตสหสฺสํ โอโลเกตฺวา ‘‘กปฺปสตสหสฺสปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตทา ตฺวํ วิสาขา นาม อุปาสิกา หุตฺวา ตสฺส สนฺติเก อฏฺ วเร ลภิตฺวา มาตุฏฺาเน ตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฏิชคฺคนฺตีนํ อุปฏฺายิกานํ อคฺคา ภวิสฺสสี’’ติ อาห. ตสฺสา สา สมฺปตฺติ สฺเวว ลทฺธพฺพา วิย อโหสิ.
สา ยาวตายุกํ ปฺุํ กตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิกิสฺส กาสิรฺโ สตฺตนฺนํ ธีตานํ กนิฏฺา สงฺฆทาสี นาม หุตฺวา ปรกุลํ อคนฺตฺวา ตาหิ เชฏฺภคินีหิ สทฺธึ ทีฆรตฺตํ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาทมูเลปิ ‘‘อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส มาตุฏฺาเน ตฺวา จตุปจฺจยทายิกานํ อคฺคา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สา ตโต ปฏฺาย ปน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมึ อตฺตภาเว เมณฺฑกเสฏฺิปุตฺตสฺส ¶ ธนฺจยเสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺตา. มยฺหํ สาสเน พหูนิ ปฺุานิ อกาสิ. อิติ โข, ภิกฺขเว, ‘‘น มยฺหํ ธีตา คายติ, ปตฺถิตปตฺถนาย ปน นิปฺผตฺตึ ทิสฺวา อุทานํ อุทาเนตี’’ติ วตฺวา สตฺถา ธมฺมํ เทเสนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว, ยถา นาม เฉโก มาลากาโร นานาปุปฺผานํ มหนฺตํ ราสึ กตฺวา นานปฺปกาเร มาลาคุเณ กโรติ, เอวเมว วิสาขาย นานปฺปการานิ ปฺุานิ กาตุํ จิตฺตํ นมตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยถาปิ ¶ ปุปฺผราสิมฺหา, กยิรา มาลาคุเณ พหู;
เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ.
ตตฺถ ปุปฺผราสิมฺหาติ นานปฺปการานํ ปุปฺผานํ ราสิมฺหา. กยิราติ กเรยฺย. มาลาคุเณ พหูติ เอกโต วณฺฏิกมาลาทิเภทา นานปฺปการา มาลาวิกติโย. มจฺเจนาติ มริตพฺพสภาวตาย ‘‘มจฺโจ’’ติ ลทฺธนาเมน สตฺเตน จีวรทานาทิเภทํ พหุํ กุสลํ กตฺตพฺพํ. ตตฺถ ปุปฺผราสิคฺคหณํ พหุปุปฺผทสฺสนตฺถํ. สเจ หิ อปฺปานิ ปุปฺผานิ โหนฺติ, มาลากาโร จ เฉโก ¶ เนว พหู มาลาคุเณ กาตุํ สกฺโกติ, อเฉโก ปน อปฺเปสุ พหูสุปิ ปุปฺเผสุ น สกฺโกติเยว. พหูสุ ปน ปุปฺเผสุ สติ เฉโก มาลากาโร ทกฺโข กุสโล พหู มาลาคุเณ กโรติ, เอวเมว สเจ เอกจฺจสฺส สทฺธา มนฺทา โหติ, โภคา จ พหู สํวิชฺชนฺติ, เนว สกฺโกติ พหูนิ กุสลานิ กาตุํ, มนฺทาย จ ¶ ปน สทฺธาย มนฺเทสุ จ ปน โภเคสุ น สกฺโกติ. อุฬาราย จ ปน สทฺธาย มนฺเทสุ จ โภเคสุ น สกฺโกติเยว. อุฬาราย จ ปน สทฺธาย อุฬาเรสุ จ โภเคสุ สติ สกฺโกติ. ตถารูปา จ วิสาขา อุปาสิกา. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘ยถาปิ…เป… กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
วิสาขาวตฺถุ อฏฺมํ
๙. อานนฺทตฺเถรปฺหาวตฺถุ
น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต กเถสิ.
เถโร กิร สายนฺหสมเย ปฏิสลฺลีโน จินฺเตสิ – ‘‘ภควตา มูลคนฺโธ, สารคนฺโธ, ปุปฺผคนฺโธติ ตโย อุตฺตมคนฺธา วุตฺตา, เตสํ อนุวาตเมว คนฺโธ คจฺฉติ, โน ปฏิวาตํ. อตฺถิ นุ โข ตํ คนฺธชาตํ, ยสฺส ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กึ มยฺหํ อตฺตนา วินิจฺฉิเตน, สตฺถารํเยว ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สายนฺหสมเย ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ¶ , อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ ¶ เอตทโวจ –
‘‘ตีณิมานิ, ภนฺเต, คนฺธชาตานิ, เยสํ อนุวาตเมว คนฺโธ คจฺฉติ, โน ปฏิวาตํ. กตมานิ ตีณิ? มูลคนฺโธ, สารคนฺโธ, ปุปฺผคนฺโธ ¶ , อิมานิ โข, ภนฺเต, ตีณิ คนฺธชาตานิ. เยสํ อนุวาตเมว คนฺโธ คจฺฉติ, โน ปฏิวาตํ. อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, กิฺจิ คนฺธชาตํ ยสฺส อนุวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ? (อ. นิ. ๓.๘๐)
อถสฺส ภควา ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต –
‘‘อตฺถานนฺท, กิฺจิ คนฺธชาตํ, ยสฺส อนุวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ. ‘‘กตมํ ปน ตํ, ภนฺเต, คนฺธชาตํ’’? ‘‘ยสฺส อนุวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ, อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ?
‘‘อิธานนฺท, ยสฺมึ คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ, ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ, สีลวา โหติ กลฺยาณธมฺโม, วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวสติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต.
‘‘ตสฺส ทิสาสุ สมณพฺราหฺมณา วณฺณํ ภาสนฺติ, ‘อมุกสฺมึ นาม คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ…เป… ทานสํวิภาครโต’’’ติ.
‘‘เทวตาปิสฺส วณฺณํ ภาสนฺติ, ‘อมุกสฺมึ นาม ¶ คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา ปุริโส วา พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ…เป… ทานสํวิภาครโต’’’ติ. ‘‘อิทํ โข ตํ, อานนฺท, คนฺธชาตํ, ยสฺส อนุวาตมฺปิ ¶ คนฺโธ คจฺฉติ, ปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉติ ¶ , อนุวาตปฏิวาตมฺปิ คนฺโธ คจฺฉตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๐) วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ,
น จนฺทนํ ตครมลฺลิกา วา;
สตฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ,
สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ. (อ. นิ. ๓.๘๐);
‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปิ, อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี;
เอเตสํ คนฺธชาตานํ, สีลคนฺโธ อนุตฺตโร’’ติ.
ตตฺถ น ปุปฺผคนฺโธติ ตาวตึสภวเน ปริจฺฉตฺตกรุกฺโข อายามโต จ วิตฺถารโต จ โยชนสติโก, ตสฺส ปุปฺผานํ อาภา ปฺาส โยชนานิ คจฺฉติ, คนฺโธ โยชนสตํ, โสปิ อนุวาตเมว คจฺฉติ, ปฏิวาตํ ปน อฏฺงฺคุลมตฺตมฺปิ คนฺตุํ น สกฺโกติ, เอวรูโปปิ น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ. จนฺทนนฺติ จนฺทนคนฺโธ. ตครมลฺลิกา วาติ อิเมสมฺปิ คนฺโธ เอว อธิปฺเปโต. สารคนฺธานํ อคฺคสฺส หิ โลหิตจนฺทนสฺสาปิ ตครสฺสปิ มลฺลิกายปิ อนุวาตเมว วายติ, โน ปฏิวาตํ. สตฺจ คนฺโธติ สปฺปุริสานํ ปน พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ สีลคนฺโธ ปฏิวาตเมติ. กึ การณา? สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ ยสฺมา ปน สปฺปุริโส สีลคนฺเธน สพฺพาปิ ทิสา อชฺโฌตฺถริตฺวาว คจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส คนฺโธ น ปฏิวาตเมตี’’ติ น วตฺตพฺโพ ¶ . เตน วุตฺตํ ‘‘ปฏิวาตเมตี’’ติ. วสฺสิกีติ ชาติสุมนา. เอเตสนฺติ อิเมสํ จนฺทนาทีนํ คนฺธชาตานํ คนฺธโต สีลวนฺตานํ สปฺปุริสานํ สีลคนฺโธว อนุตฺตโร อสทิโส อปฏิภาโคติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
อานนฺทตฺเถรปฺหาวตฺถุ นวมํ.
๑๐. มหากสฺสปตฺเถรปิณฺฑปาตทินฺนวตฺถุ
อปฺปมตฺโต ¶ ¶ อยํ คนฺโธติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหากสฺสปตฺเถรสฺส ปิณฺฑปาตทานํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส เถโร สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺาย ‘‘ราชคเห สปทานํ ปิณฺฑาย จริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิ. ตสฺมึ ปน สมเย สกฺกสฺส เทวรฺโ ปริจาริกา กกุฏปาทินิโย ปฺจสตา อจฺฉราโย ‘‘เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามา’’ติ อุสฺสาหชาตา ปฺจ ปิณฺฑปาตสตานิ สชฺเชตฺวา อาทาย อนฺตรามคฺเค ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถ, สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ วทึสุ. ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, อหํ ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา โน นาเสถ, สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ. เถโร ตฺวา ปุน ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปิ อปคนฺตุํ อนิจฺฉมานา ¶ ยาจนฺติโย ‘‘อตฺตโน ปมาณํ น ชานาถ, อปคจฺฉถา’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. ตา เถรสฺส อจฺฉรสทฺทํ สุตฺวา สนฺถมฺภิตฺวา สมฺมุขา าตุํ อสกฺโกนฺติโย ปลายิตฺวา เทวโลกเมว คนฺตฺวา, สกฺเกน ‘‘กหํ คตาตฺถา’’ติ ปุฏฺา, ‘‘‘สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามา’ติ คตามฺหา, เทวา’’ติ. ‘‘ทินฺโน ปน วา’’ติ? ‘‘คณฺหิตุํ น อิจฺฉตี’’ติ. ‘‘กึ กเถสี’’ติ? ‘‘‘ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’ติ อาห, เทวา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห เกนากาเรน คตา’’ติ. ‘‘อิมินาว, เทวา’’ติ. สกฺโก ‘‘ตุมฺหาทิสิโย เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ กึ ทสฺสนฺตี’’ติ สยํ ทาตุกาโม หุตฺวา, ชราชิณฺโณ มหลฺลโก ขณฺฑทนฺโต ปลิตเกโส โอตคฺคสรีโร มหลฺลกตนฺต วาโย หุตฺวา สุชมฺปิ เทวธีตรํ ตถารูปเมว มหลฺลิกํ กตฺวา เอกํ เปสการวีถึ มาเปตฺวา ตนฺตํ ปสาเรนฺโต อจฺฉิ.
เถโรปิ ‘‘ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ นคราภิมุโข คจฺฉนฺโต พหินคเร เอว ตํ วีถึ ทิสฺวา โอโลเกนฺโต ทฺเว ชเน อทฺทส. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก ตนฺตํ ปสาเรติ, สุชา ตสรํ วฏฺเฏติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มหลฺลกกาเลปิ กมฺมํ กโรนฺติเยว อิมสฺมึ นคเร อิเมหิ ทุคฺคตตรา นตฺถิ มฺเ, อิเมหิ ¶ ทินฺนํ อุฬุงฺกมตฺตมฺปิ สากมตฺตมฺปิ คเหตฺวา อิเมสํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ. โส เตสํ เคหาภิมุโข อโหสิ. สกฺโก ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สุชํ อาห – ‘‘ภทฺเท, มยฺหํ อยฺโย อิโต อาคจฺฉติ, ตฺวํ อปสฺสนฺตี วิย ตุณฺหี หุตฺวา นิสีท, ขเณน เถรํ วฺเจตฺวา ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามา’’ติ. เถโร อาคนฺตฺวา เคหทฺวาเร ¶ อฏฺาสิ. เตปิ อปสฺสนฺตา วิย อตฺตโน กมฺมเมว กโรนฺตา โถกํ อาคมึสุ.
อถ ¶ สกฺโก ‘‘เคหทฺวาเร เอโก เถโร วิย ิโต, อุปธาเรหิ ตาวา’’ติ อาห. ‘‘คนฺตฺวา อุปธาเรถ, สามี’’ติ. โส เคหา นิกฺขมิตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ชณฺณุกานิ โอลมฺพิตฺวา นิตฺถุนนฺโต อุฏฺาย ‘‘กตโร เถโร นุ โข อยฺโย’’ติ โถกํ โอสกฺกิตฺวา ‘‘อกฺขีนิ เม ธูมายนฺตี’’ติ วตฺวา นลาเฏ หตฺถํ เปตฺวา อุทฺธํ โอโลเกตฺวา ‘‘อโห ทุกฺขํ, อยฺโย โน มหากสฺสปตฺเถโร จิรสฺสํ เม กุฏิทฺวารํ อาคโต, อตฺถิ นุ โข กิฺจิ เคเห’’ติ อาห. สุชา โถกํ อากุลํ วิย หุตฺวา ‘‘อตฺถิ, สามี’’ติ ปฏิวจนํ อทาสิ. สกฺโก, ‘‘ภนฺเต, ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ ปตฺตํ คณฺหิ. เถโร ‘‘เอเตหิ ทินฺนํ สากํ วา โหตุ กุณฺฑกมุฏฺิ วา, สงฺคหํ ¶ เนสํ กริสฺสามี’’ติ ปตฺตํ อทาสิ. โส อนฺโตฆรํ ปวิสิตฺวา ฆฏิโอทนํ นาม ฆฏิยา อุทฺธริตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา เถรสฺส หตฺเถ เปสิ. โส อโหสิ ปิณฺฑปาโต อเนกสูปพฺยฺชโน, สกลํ ราชคหนครํ คนฺเธน อชฺโฌตฺถริ.
ตทา เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปุริโส อปฺเปสกฺโข, ปิณฺฑปาโต มเหสกฺโข, สกฺกสฺส โภชนสทิโส, โก นุ โข เอโส’’ติ. อถ นํ ‘‘สกฺโก’’ติ ตฺวา อาห – ‘‘ภาริยํ เต กมฺมํ กตํ ทุคฺคตานํ สมฺปตฺตึ วิลุมฺปนฺเตน, อชฺช มยฺหํ ทานํ ทตฺวา โกจิเทว ทุคฺคโต เสนาปติฏฺานํ วา เสฏฺิฏฺานํ วา ลเภยฺยา’’ติ. ‘‘มยา ทุคฺคตตโร นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา ตฺวํ ทุคฺคโต เทวโลเก รชฺชสิรึ อนุภวนฺโต’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอวํ นาเมตํ, มยา ปน อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ กลฺยาณกมฺมํ กตํ, พุทฺธุปฺปาเท วตฺตมาเน กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา จูฬรถเทวปุตฺโต มหารถเทวปุตฺโต อเนกวณฺณเทวปุตฺโตติ อิเม ตโย สมานเทวปุตฺตา มม อาสนฺนฏฺาเน นิพฺพตฺตา, มยา เตชวนฺตตรา. อหฺหิ เตสุ เทวปุตฺเตสุ ‘นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’ติ ปริจาริกาโย คเหตฺวา ¶ อนฺตรวีถึ โอติณฺเณสุ ปลายิตฺวา เคหํ ปวิสามิ. เตสฺหิ สรีรโต เตโช มม สรีรํ โอตฺถรติ, มม สรีรโต เตโช เตสํ สรีรํ น โอตฺถรติ, ‘โก มยา ทุคฺคตตโร, ภนฺเต’ติ. ‘เอวํ สนฺเตปิ อิโต ปฏฺาย ¶ มยฺหํ มา เอวํ วฺเจตฺวา ทานมทาสี’’’ติ. ‘‘วฺเจตฺวา ตุมฺหากํ ทาเน ทินฺเน มยฺหํ กุสลํ อตฺถิ, น อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถาวุโส’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต กุสลกมฺมกรณํ นาม มยฺหํ ภาโร, ภนฺเต’’ติ. โส เอวํ วตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา สุชํ คเหตฺวา เถรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหากสฺสโป ปิปฺปลิคุหายํ วิหรติ, สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน ¶ โหติ อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวา. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺาสิ. อถ โข อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺิตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหํ ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิเสยฺย’’นฺติ.
‘‘เตน โข ปน สมเยน ปฺจมตฺตานิ เทวตาสตานิ อุสฺสุกฺกํ อาปนฺนานิ โหนฺติ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปิณฺฑปาตปฏิลาภาย. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ตานิ ปฺจมตฺตานิ เทวตาสตานิ ¶ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.
‘‘เตน โข ปน สมเยน สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปิณฺฑปาตํ ทาตุกาโม โหติ. เปสการวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา ตนฺตํ วินาติ, สุชา อสุรกฺา ตสรํ ปูเรติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ราชคเห สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน เยน สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อทฺทสา โข สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวา ฆรา นิกฺขมิตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ฆรํ ปวิสิตฺวา ฆฏิยา โอทนํ อุทฺธริตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส อทาสิ. โส อโหสิ ปิณฺฑปาโต อเนกสูโป อเนกพฺยฺชโน อเนกรสพฺยฺชโน. อถ โข อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘โก นุ โข อยํ สตฺโต, ยสฺสายํ เอวรูโป อิทฺธานุภาโว’ติ. อถ โข อายสฺมโต ¶ มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘สกฺโก โข อยํ เทวานมินฺโท’ติ วิทิตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ – ‘กตํ โข ¶ เต อิทํ, โกสิย, มา ปุนปิ เอวรูปมกาสี’’’ติ. ‘‘อมฺหากมฺปิ, ภนฺเต กสฺสป, ปฺุเน อตฺโถ, อมฺหากมฺปิ ปฺุเน กรณีย’’นฺติ.
‘‘อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิกฺเข ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิตํ, อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิตํ, อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’’นฺติ (อุทา. ๒๗).
อถ โข ภควา วิหาเร ิโต เอว ตสฺส ตํ สทฺทํ สุตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา – ‘‘ปสฺสถ ¶ , ภิกฺขเว, สกฺกํ เทวานมินฺทํ อุทานํ อุทาเนตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺต’’นฺติ อาห. ‘‘กึ ปน เตน กตํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘วฺเจตฺวา เตน มยฺหํ ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส ปิณฺฑปาโต ทินฺโน, ตํ ทตฺวา ตุฏฺมานโส อุทานํ อุทาเนนฺโต คจฺฉตี’’ติ. ‘‘เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ กถํ, ภนฺเต, เตน าตนฺติ. ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตน สทิสํ นาม ปิณฺฑปาติกํ เทวาปิ มนุสฺสาปิ ปิหยนฺตีติ วตฺวา สยมฺปิ อุทานํ อุทาเน’’สิ. สุตฺเต ปน เอตฺถกเมว อาคตํ –
‘‘อสฺโสสิ โข ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิกฺเข ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนนฺตสฺส ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิตํ, อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิตํ, อโห ทานํ ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ (อุทา. ๒๗).
อถ ¶ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ปิณฺฑปาติกสฺส ¶ ภิกฺขุโน,
อตฺตภรสฺส อนฺโปสิโน;
เทวา ปิหยนฺติ ตาทิโน,
อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต’’ติ. (อุทา. ๒๗);
อิมฺจ ปน อุทานํ อุทาเนตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สกฺโก เทวานมินฺโท มม ปุตฺตสฺส สีลคนฺเธน อาคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อทาสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปมตฺโต อยํ คนฺโธ, ยฺวายํ ตครจนฺทนํ;
โย จ สีลวตํ คนฺโธ, วาติ เทเวสุ อุตฺตโม’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมตฺโตติ ปริตฺตปฺปมาโณ. โย จ สีลวตนฺติ โย ปน สีลวนฺตานํ สีลคนฺโธ, โส ตครํ วิย โลหิตจนฺทนํ วิย จ ปริตฺตโก น โหติ, อติวิย อุฬาโร วิปฺผาริโต. เตเนว การเณน วาติ เทเวสุ อุตฺตโมติ ปวโร เสฏฺโ หุตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สพฺพตฺถเมว วายติ, โอตฺถรนฺโต คจฺฉตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
มหากสฺสปตฺเถรปิณฺฑปาตทินฺนวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. โคธิกตฺเถรปรินิพฺพานวตฺถุ
เตสํ ¶ สมฺปนฺนสีลานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺโต โคธิกตฺเถรสฺส ปรินิพฺพานํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ อายสฺมา อิสิคิลิปสฺเส กาฬสิลายํ วิหรนฺโต อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต สามายิกํ เจโตวิมุตฺตึ ผุสิตฺวา เอกสฺส อนุสฺสายิกสฺส โรคสฺส วเสน ตโต ปริหายิ. โส ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ฉกฺขตฺตุํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปริหีโน, สตฺตเม วาเร อุปฺปาเทตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ฉกฺขตฺตุํ ฌานา ปริหีโน, ปริหีนชฺฌานสฺส โข ¶ ปน อนิยตา คติ, อิทาเนว สตฺถํ อาหริสฺสามี’’ติ เกโสโรปนสตฺถกํ คเหตฺวา คลนาฬึ ฉินฺทิตุํ ปฺจเก นิปชฺชิ. มาโร ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ สตฺถํ อาหริตุกาโม, สตฺถํ อาหรนฺตา โข ปน ชีวิเต นิรเปกฺขา โหนฺติ, เต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตมฺปิ ปาปุณนฺติ, สจาหํ เอตํ วาเรสฺสามิ, น เม วจนํ กริสฺสติ, สตฺถารํ วาราเปสฺสามี’’ติ อฺาตกเวเสน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห –
‘‘มหาวีร ¶ มหาปฺ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
สพฺพเวรภยาตีต, ปาเท วนฺทามิ จกฺขุม.
‘‘สาวโก เต มหาวีร, มรณํ มรณาภิภู;
อากงฺขติ เจตยติ, ตํ นิเสธ ชุตินฺธร.
‘‘กถฺหิ ภควา ตุยฺหํ, สาวโก สาสเน รโต;
อปฺปตฺตมานโส เสกฺโข, กาลํ กยิรา ชเน สุตา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙);
ตสฺมึ ¶ ขเณ เถเรน สตฺถํ อาหริตํ โหติ. สตฺถา ‘‘มาโร อย’’นฺติ วิทิตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอวฺหิ ธีรา กุพฺพนฺติ, นาวกงฺขนฺติ ชีวิตํ;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, โคธิโก ปรินิพฺพุโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙);
อถ โข ภควา สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เถรสฺส สตฺถํ อาหริตฺวา นิปนฺนฏฺานํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ มาโร ปาปิมา ‘‘กตฺถ นุ โข อิมสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณํ ปติฏฺิต’’นฺติ ธูมราสิ วิย ติมิรปฺุโช วิย จ หุตฺวา สพฺพทิสาสุ เถรสฺส วิฺาณํ สมนฺเวสติ. ภควา ตํ ธูมติมิรภาวํ ภิกฺขูนํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอโส โข, ภิกฺขเว, มาโร ปาปิมา โคธิกสฺส กุลปุตฺตสฺส วิฺาณํ สมนฺเวสติ ‘กตฺถ โคธิกสฺส กุลปุตฺตสฺส วิฺาณํ ปติฏฺิต’นฺติ. อปติฏฺิเตน จ, ภิกฺขเว, วิฺาเณน โคธิโก กุลปุตฺโต ปรินิพฺพุโต’’ติ อาห. มาโรปิ ตสฺส วิฺาณฏฺานํ ทฏฺุํ อสกฺโกนฺโต กุมารกวณฺโณ หุตฺวา ¶ เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทาย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ –
‘‘อุทฺธํ ¶ อโธ จ ติริยํ, ทิสา อนุทิสา สฺวหํ;
อนฺเวสํ นาธิคจฺฉามิ, โคธิโก โส กุหึ คโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙);
อถ นํ สตฺถา อาห –
‘‘โย ธีโร ธิติสมฺปนฺโน, ฌายี ฌานรโต สทา;
อโหรตฺตํ อนุยฺุชํ, ชีวิตํ อนิกามยํ.
‘‘เชตฺวาน มจฺจุโน เสนํ, อนาคนฺตฺวา ปุนพฺภวํ;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, โคธิโก ปรินิพฺพุโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙);
เอวํ วุตฺเต มาโร ปาปิมา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘ตสฺส ¶ โสกปเรตสฺส, วีณา กจฺฉา อภสฺสถ;
ตโต โส ทุมฺมโน ยกฺโข, ตตฺเถวนฺตรธายถา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙);
สตฺถาปิ ‘‘กึ เต, ปาปิม, โคธิกสฺส กุลปุตฺตสฺส นิพฺพตฺตฏฺาเนน? ตสฺส หิ นิพฺพตฺตฏฺานํ ตุมฺหาทิสานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ทฏฺุํ น สกฺโกตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เตสํ สมฺปนฺนสีลานํ, อปฺปมาทวิหารินํ;
สมฺมทฺา วิมุตฺตานํ, มาโร มคฺคํ น วินฺทตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ เตสนฺติ ยถา อปฺปติฏฺิเตน วิฺาเณน โคธิโก กุลปุตฺโต ปรินิพฺพุโต, เย จ เอวํ ปรินิพฺพายนฺติ, เตสํ สมฺปนฺนสีลานนฺติ ปริปุณฺณสีลานํ. อปฺปมาทวิหารินนฺติ สติอวิปฺปวาสสงฺขาเตน อปฺปมาเทน วิหรนฺตานํ. สมฺมทฺา วิมุตฺตานนฺติ เหตุนา าเยน การเณน ชานิตฺวา ‘‘ตทงฺควิมุตฺติยา, วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา, สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา, นิสฺสรณวิมุตฺติยา’’ติ อิมาหิ ปฺจหิ วิมุตฺตีหิ วิมุตฺตานํ. มาโร มคฺคํ น วินฺทตีติ เอวรูปานํ มหาขีณาสวานํ สพฺพถาเมน มคฺคนฺโตปิ มาโร คตมคฺคํ น วินฺทติ น ลภติ น ปสฺสตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
โคธิกตฺเถรปรินิพฺพานวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. ครหทินฺนวตฺถุ
ยถา ¶ สงฺการฏฺานสฺมินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ครหทินฺนํ นาม นิคณฺสาวกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยฺหิ สิริคุตฺโต จ ครหทินฺโน จาติ ทฺเว สหายกา อเหสุํ. เตสุ สิริคุตฺโต อุปาสโก พุทฺธสาวโก, ครหทินฺโน นิคณฺสาวโก ¶ . ตํ นิคณฺา อภิกฺขณํ เอวํ วทนฺติ – ‘‘ตว สหายกํ สิริคุตฺตํ ‘กึ ตฺวํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมสิ, ตสฺส สนฺติเก กึ ลภิสฺสสี’ติ ¶ วตฺวา ยถา อมฺเห อุปสงฺกมิตฺวา อมฺหากฺจ เทยฺยธมฺมํ ทสฺสติ, กึ เอวํ โอวทิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. ครหทินฺโน เตสํ วจนํ สุตฺวา อภิกฺขณํ คนฺตฺวา ิตนิสินฺนฏฺานาทีสุ สิริคุตฺตํ เอวํ โอวทติ – ‘‘สมฺม, กึ เต สมเณน โคตเมน, ตํ อุปสงฺกมิตฺวา กึ ลภิสฺสสิ, กึ เต มม, อยฺเย, อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ ทานํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? สิริคุตฺโต ตสฺส กถํ สุตฺวาปิ พหู ทิวเส ตุณฺหี หุตฺวา นิพฺพิชฺชิตฺวา เอกทิวสํ, ‘‘สมฺม, ตฺวํ อภิกฺขณํ อาคนฺตฺวา มํ ิตฏฺานาทีสุ เอวํ วเทสิ, ‘สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา กึ ลภิสฺสสิ, มม, อยฺเย, อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ ทานํ เทหี’ติ, กเถหิ ตาว เม, ตว, อยฺยา, กึ ชานนฺตี’’ติ? ‘‘‘อโห, สามิ, มา เอวํ วท, มม อยฺยานํ อฺาตํ นาม นตฺถิ, สพฺพํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ สพฺพํ กายวจีมโนกมฺมํ อิทํ ภวิสฺสติ, อิทํ น ภวิสฺสตี’ติ สพฺพํ ภพฺพาภพฺพํ ชานนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ วเทสี’’ติ. ‘‘อาม, วเทมี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ, อติภาริยํ เต กตํ, เอตฺตกํ กาลํ มยฺหํ เอตมตฺถํ อนาจิกฺขนฺเตน, อชฺช มยา ¶ อยฺยานํ าณานุภาโว าโต, คจฺฉ, สมฺม, อยฺเย, มม วจเนน นิมนฺเตหี’’ติ. โส นิคณฺานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เต วนฺทิตฺวา ‘‘มยฺหํ สหายโก สิริคุตฺโต สฺวาตนาย ตุมฺเห นิมนฺเตตี’’ติ อาห. ‘‘สิริคุตฺเตน สามํ ตฺวํ วุตฺโต’’ติ? ‘‘อาม, อยฺยา’’ติ. เต หฏฺตุฏฺา หุตฺวา ‘‘นิปฺผนฺนํ โน กิจฺจํ, สิริคุตฺตสฺส อมฺเหสุ ปสนฺนกาลโต ปฏฺาย กา นาม สมฺปตฺติ อมฺหากํ น ภวิสฺสตี’’ติ วทึสุ.
สิริคุตฺตสฺสาปิ มหนฺตํ นิเวสนํ. โส ตสฺมึ ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร อุภโต ทีฆํ อาวาฏํ ขณาเปตฺวา คูถกลลสฺส ปูราเปสิ. พหิอาวาเฏ ทฺวีสุ ปริยนฺเตสุ ขาณุเก โกฏฺฏาเปตฺวา เตสุ รชฺชุโย พนฺธาเปตฺวา อาสนานํ ปุริมปาเท อาวาฏสฺส ปุริมปสฺเส ปาเปตฺวา ปจฺฉิมปาเท รชฺชุเกสุ ปาเปสิ. ‘‘เอวํ นิสินฺนกาเล เอวํ อวํสิรา ปติสฺสนฺตี’’ติ ¶ มฺมาโน ยถา อาวาโฏ น ปฺายติ, เอวํ อาสนานํ อุปริ ปจฺจตฺถรณานิ ทาเปสิ. มหนฺตา มหนฺตา จาฏิโย ปาเปตฺวา กทลิปณฺเณหิ จ เสตปิโลติกาหิ จ มุขานิ พนฺธาเปตฺวา ตา ตุจฺฉา เอว เคหสฺส ปจฺฉิมภาเค พหิ ยาคุภตฺตสิตฺถสปฺปิเตลมธุผาณิตปูวจุณฺณมกฺขิตา กตฺวา ปาเปสิ. ครหทินฺโน ปาโตว ตสฺส ฆรํ เวเคน คนฺตฺวา, ‘‘อยฺยานํ สกฺกาโร สชฺชิโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สมฺม, สชฺชิโต’’ติ. ‘‘กหํ ปน เอโส’’ติ. ‘‘เอตาสุ เอตฺติกาสุ จาฏีสุ ยาคุ, เอตฺติกาสุ ภตฺตํ, เอตฺติกาสุ สปฺปิผาณิตปูวาทีนิ ¶ ปูริตานิ, อาสนานิ ปฺตฺตานี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา คโต ตสฺส คตกาเล ปฺจสตา นิคณฺา อาคมึสุ. สิริคุตฺโต เคหา นิกฺขมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน นิคณฺเ วนฺทิตฺวา เตสํ ปุรโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ตุมฺเห กิร อตีตาทิเภทํ สพฺพํ ชานาถ, เอวํ ตุมฺหากํ อุปฏฺาเกน มยฺหํ ¶ กถิตํ. สเจ สพฺพํ ตุมฺเห ชานาถ, มยฺหํ เคหํ มา ปวิสิตฺถ. มม เคหํ ปวิฏฺานฺหิ โว เนว ยาคุ อตฺถิ, น ภตฺตาทีนิ. สเจ อชานิตฺวา ปวิสิสฺสถ, คูถอาวาเฏ โว ปาเตตฺวา โปเถสฺสามี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา ปุริสานํ สฺํ อทาสิ. เอวํ เตสํ นิสีทนภาวํ ตฺวา ปจฺฉิมปสฺเส ตฺวา อาสนานํ อุปริ ปจฺจตฺถรณานิ อปเนยฺยาถ, มา ตานิ อสุจินา มกฺขยึสูติ.
อถ นิคณฺเ ‘‘อิโต เอถ, ภนฺเต’’ติ อาห. นิคณฺา ปวิสิตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทิตุํ อารภึสุ. อถ เน มนุสฺสา วทึสุ – ‘‘อาคเมถ, ภนฺเต, มา ตาว นิสีทถา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ เคหํ ปวิฏฺานํ อยฺยานํ วตฺตํ ตฺวา นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘กึ กาตุํ วฏฺฏติ, อาวุโส’’ติ? ‘‘อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสนมูเลสุ ตฺวา สพฺเพปิ เอกปฺปหาเรเนว นิสีทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อิทํ กิรสฺส อธิปฺปาโย – ‘‘เอกสฺมึ อาวาเฏ ปติเต ‘มา, อาวุโส, อวเสสา อาสเน นิสีทนฺตู’ติ ¶ วตฺตุํ มา ลภตู’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ‘‘อิเมหิ กถิตกถํ อมฺเหหิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺตยึสุ. อถ สพฺเพ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสนมูเล ปฏิปาฏิยา อฏฺํสุ. อถ เน, ‘‘ภนฺเต, ขิปฺปํ เอกปฺปหาเรเนว นิสีทถา’’ติ วตฺวา เตสํ นิสินฺนภาวํ ตฺวา อาสนานํ อุปริ ปจฺจตฺถรณานิ นีหรึสุ. นิคณฺา เอกปฺปหาเรเนว นิสินฺนา, รชฺชูนํ อุปริ ปิตา อาสนปาทา ภฏฺา, นิคณฺา อวํสิรา อาวาเฏ ปตึสุ. สิริคุตฺโต เตสุ ปติเตสุ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา ¶ เต อุตฺติณฺณุตฺติณฺเณ ‘‘อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ กสฺมา น ชานาถา’’ติ ทณฺเฑหิ ปาเถตฺวา ‘‘เอตฺตกํ เอเตสํ วฏฺฏิสฺสตี’’ติ ทฺวารํ วิวราเปสิ. เต นิกฺขมิตฺวา ปลายิตุํ อารภึสุ. คมนมคฺเค ปน เตสํ สุธาปริกมฺมกตํ ภูมึ ปิจฺฉิลํ การาเปสิ. เต ตตฺถ อสณฺหิตฺวา ปติเต ปติเต ปุน โปถาเปตฺวา ‘‘อลํ เอตฺตกํ ตุมฺหาก’’นฺติ อุยฺโยเชสิ. เต ‘‘นาสิตมฺหา ตยา, นาสิตมฺหา ตยา’’ติ กนฺทนฺตา อุปฏฺากสฺส เคหทฺวารํ อคมํสุ.
ครหทินฺโน ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา กุทฺโธ ‘‘นาสิตมฺหิ สิริคุตฺเตน, หตฺถํ ปสาเรตฺวา วนฺทนฺตานํ สเทวเก โลเก ยถารุจิยา ทาตุํ สมตฺเถ นาม ปฺุกฺเขตฺตภูเต มม, อยฺเย ¶ , โปถาเปตฺวา พฺยสนํ ปาเปสี’’ติ ราชกุลํ คนฺตฺวา ตสฺส กหาปณสหสฺสํ ทณฺฑํ กาเรสิ. อถสฺส ราชา สาสนํ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา, ‘‘เทว, อุปปริกฺขิตฺวา ทณฺฑํ คณฺหถ, มา อนุปปริกฺขิตฺวา’’ติ อาห. ‘‘อุปปริกฺขิตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ คณฺหาหี’’ติ. เทว, มยฺหํ สหายโก นิคณฺสาวโก มํ อุปสงฺกมิตฺวา ิตนิสินฺนฏฺานาทีสุ อภิณฺหํ เอวํ วเทสิ – ‘‘สมฺม, กึ เต สมเณน โคตเมน, ตํ อุปสงฺกมิตฺวา กึ ลภิสฺสสี’’ติ อิทํ ¶ อาทึ กตฺวา สิริคุตฺโต สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘เทว, สเจ อิมสฺมึ การเณ ทณฺฑํ คเหตุํ ยุตฺตํ, คณฺหถา’’ติ. ราชา ครหทินฺนํ โอโลเกตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร เต เอวํ วุตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติ. ตฺวํ เอตฺตกมฺปิ อชานนฺเต สตฺถาโรติ คเหตฺวา วิจรนฺโต ‘‘สพฺพํ ชานนฺตี’’ติ กึ การณา ตถาคตสาวกสฺส กเถสิ. ‘‘ตยา อาโรปิตทณฺโฑ ตุยฺหเมว โหตู’’ติ เอวํ สฺเวว ทณฺฑํ ปาปิโต, ตสฺเสว กุลูปกา โปเถตฺวา นีหฏา.
โส ตํ กุชฺฌิตฺวา ตโต ปฏฺาย อฑฺฒมาสมตฺตมฺปิ สิริคุตฺเตน สทฺธึ อกเถตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘เอวํ วิจริตุํ มยฺหํ อยุตฺตํ, เอตสฺส กุลูปกานมฺปิ มยา พฺยสนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ สิริคุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สหาย สิริคุตฺตา’’ติ. ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ? ‘‘าติสุหชฺชานํ ¶ นาม กลโหปิ โหติ วิวาโทปิ, กึ ตฺวํ กิฺจิ น กเถสิ, กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ? ‘‘สมฺม, ตว มยา สทฺธึ อกถนโต น กเถมี’’ติ. ‘‘ยํ, สมฺม, กตํ, กตเมว ตํ น มยํ เมตฺตึ ภินฺทิสฺสามา’’ติ. ตโต ปฏฺาย อุโภปิ เอกฏฺาเน ติฏฺนฺติ นิสีทนฺติ ¶ . อเถกทิวสํ สิริคุตฺโต ครหทินฺนํ อาห – ‘‘กึ เต นิคณฺเหิ, เต อุปสงฺกมิตฺวา กึ ลภิสฺสสิ, มม สตฺถารํ อุปสงฺกมิตุํ วา อยฺยานํ ทานํ ทาตุํ วา กึ เต น วฏฺฏตี’’ติ? โสปิ เอตเมว ปจฺจาสีสติ, เตนสฺส กณฺฑุวนฏฺาเน นเขน วิเลขิตํ วิย อโหสิ. โส, ‘‘สิริคุตฺต, ตว สตฺถา กึ ชานาตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺโภ, มา เอวํ วท, สตฺถุ เม อชานิตพฺพํ นาม นตฺถิ, อตีตาทิเภทํ สพฺพํ ชานาติ, โสฬสหากาเรหิ สตฺตานํ จิตฺตํ ปริจฺฉินฺทตี’’ติ. ‘‘อหํ เอวํ น ชานามิ, กสฺมา มยฺหํ เอตฺตกํ กาลํ น กเถสิ, เตน หิ ตฺวํ คจฺฉ, ตว สตฺถารํ สฺวาตนาย นิมนฺเตหิ, โภเชสฺสามิ, ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มม ภิกฺขํ คณฺหิตุํ วเทหี’’ติ.
สิริคุตฺโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, มม สหายโก ครหทินฺโน ตุมฺเห นิมนฺตาเปติ, ปฺจหิ กิร ภิกฺขุสเตหิ ¶ สทฺธึ สฺเว ตสฺส ภิกฺขํ คณฺหถ, ปุริมทิวเส โข ปน ตสฺส กุลูปกานํ มยา อิทํ นาม กตํ, มยา กตสฺส ปฏิกรณมฺปิ น ชานามิ, ตุมฺหากํ สุทฺธจิตฺเตน ภิกฺขํ ทาตุกามตมฺปิ น ชานามิ, อาวชฺเชตฺวา ยุตฺตํ เจ, อธิวาเสถ. โน เจ, มา อธิวาสยิตฺถา’’ติ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข โส อมฺหากํ กาตุ กาโม’’ติ อาวชฺเชตฺวา อทฺทส ‘‘ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร มหนฺตํ อาวาฏํ ขณาเปตฺวา อสีติสกฏมตฺตานิ ขทิรทารูนิ อาหราเปตฺวา ปูราเปตฺวา อคฺคึ ทตฺวา อมฺเห องฺคารอาวาเฏ ปาเตตฺวา นิคฺคณฺหิตุกาโม’’ติ. ปุน อาวชฺเชสิ – ‘‘กึ นุ โข ตตฺถ คตปจฺจยา อตฺโถ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ. ตโต อิทํ อทฺทส – ‘‘อหํ องฺคารอาวาเฏ ปาทํ ปสาเรสฺสามิ, ตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ¶ ปิตกิลฺชํ อนฺตรธายิสฺสติ, องฺคารกาสุํ ภินฺทิตฺวา จกฺกมตฺตํ มหาปทุมํ อุฏฺหิสฺสติ, อถาหํ ปทุมกณฺณิกา อกฺกมนฺโต อาสเน นิสีทิสฺสามิ, ปฺจสตา ภิกฺขูปิ ตเถว คนฺตฺวา นิสีทิสฺสนฺติ, มหาชโน สนฺนิปติสฺสติ, อหํ ตสฺมึ สมาคเม ทฺวีหิ คาถาหิ อนุโมทนํ กริสฺสามิ, อนุโมทนปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, สิริคุตฺโต จ ครหทินฺโน จ โสตาปนฺนา ภวิสฺสนฺติ, อตฺตโน จ ธนราสึ สาสเน วิกิริสฺสนฺติ, อิมํ กุลปุตฺตํ นิสฺสาย มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ ภิกฺขํ อธิวาเสสิ.
สิริคุตฺโต คนฺตฺวา สตฺถุ อธิวาสนํ ครหทินฺนสฺส อาโรเจตฺวา ‘‘โลกเชฏฺสฺส สกฺการํ กโรหี’’ติ อาห. ครหทินฺโน ‘‘อิทานิสฺส ¶ กตฺตพฺพยุตฺตกํ ชานิสฺสามี’’ติ ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร มหนฺตํ อาวาฏํ ขณาเปตฺวา อสีติสกฏมตฺตานิ ขทิรทารูนิ อาหราเปตฺวา ปูราเปตฺวา อคฺคึ ทตฺวา ขทิรงฺคารราสีนํ โยชาเปตฺวา สพฺพรตฺตึ ธมาเปตฺวา ขทิรงฺคารราสึ การาเปตฺวา อาวาฏมตฺถเก รุกฺขปทรานิ ปาเปตฺวา กิลฺเชน ปฏิจฺฉาเทตฺวา โคมเยน ลิมฺปาเปตฺวา เอเกน ปสฺเสน ทุพฺพลทณฺฑเก อตฺถริตฺวา คมนมคฺคํ กาเรสิ, ‘‘เอวํ อกฺกนฺตอกฺกนฺตกาเล ทณฺฑเกสุ ภคฺเคสุ ปริวฏฺเฏตฺวา องฺคารกาสุยํ ปติสฺสนฺตี’’ติ มฺมาโน เคหปจฺฉาภาเค สิริคุตฺเตน ปิตนิยาเมเนว จาฏิโย ปาเปสิ, อาสนานิปิ ตเถว ปฺาเปสิ. สิริคุตฺโต ปาโตว ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ‘‘กโต เต, สมฺม, สกฺกาโร’’ติ อาห. ‘‘อาม, สมฺมา’’ติ. ‘‘กหํ ปน โส’’ติ? ‘‘เอหิ, ปสฺสามา’’ติ สพฺพํ สิริคุตฺเตน ทสฺสิตนเยเนว ทสฺเสสิ. สิริคุตฺโต ‘‘สาธุ, สมฺมา’’ติ อาห. มหาชโน สนฺนิปติ. มิจฺฉาทิฏฺิเกน หิ นิมนฺติเต มหนฺโต สนฺนิปาโต อโหสิ. มิจฺฉาทิฏฺิกาปิ ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส วิปฺปการํ ¶ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปตนฺติ, สมฺมาทิฏฺิกาปิ ‘‘อชฺช สตฺถา มหาธมฺมเทสนํ เทเสสฺสติ, พุทฺธวิสยํ พุทฺธลีลํ อุปธาเรสฺสามา’’ติ สนฺนิปตนฺติ.
ปุนทิวเส สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ครหทินฺนสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส เคหา นิกฺขมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปุรโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต จินฺเตสิ – ‘‘ภนฺเต, ‘ตุมฺเห กิร อตีตาทิเภทํ สพฺพํ ชานาถ, สตฺตานํ โสฬสหากาเรหิ จิตฺตํ ปริจฺฉินฺทถา’ติ เอวํ ตุมฺหากํ อุปฏฺาเกน มยฺหํ กถิตํ. สเจ ชานาถ, มยฺหํ เคหํ มา ปวิสิตฺถ. ปวิฏฺานฺหิ โว เนว ยาคุ อตฺถิ, น ภตฺตาทีนิ, สพฺเพ โข ปน ตุมฺเห องฺคารกาสุยํ ปาเตตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. เอวํ จินฺเตตฺวา สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘อิโต เอถ ภควา’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ เคหํ อาคตานํ วตฺตํ ตฺวา อาคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘กึ กาตุํ วฏฺฏติ, อาวุโส’’ติ? ‘‘เอเกกสฺส ปวิสิตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา นิสินฺนกาเล ปจฺฉา อฺเน ¶ อาคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘ปุรโต คจฺฉนฺตํ องฺคารกาสุยํ ปติตํ ทิสฺวา อวเสสา น อาคจฺฉิสฺสนฺติ, เอเกกเมว ปาเตตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เอกโกว ปายาสิ. ครหทินฺโน องฺคารกาสุํ ปตฺวา อปสกฺกิตฺวา ิโต ¶ ‘‘ปุรโต ยาถ, ภนฺเต’’ติ อาห. อถ สตฺถา องฺคารกาสุมตฺถเก ปาทํ ปสาเรสิ, กิลฺชํ อนฺตรธายิ, องฺคารกาสุํ ภินฺทิตฺวา จกฺกมตฺตานิ ปทุมานิ อุฏฺหึสุ ¶ . สตฺถา ปทุมกณฺณิกา อกฺกมนฺโต คนฺตฺวา ปฺตฺเต พุทฺธาสเน นิสีทิ, ภิกฺขูปิ ตเถว คนฺตฺวา นิสีทึสุ. ครหทินฺนสฺส กายโต ฑาโห อุฏฺหิ.
โส เวเคน คนฺตฺวา สิริคุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘สามิ, เม ตาณํ โหหี’’ติ อาห. ‘‘กึ เอต’’นฺติ? ‘‘ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ เคเห ยาคุ วา ภตฺตาทีนิ วา นตฺถิ, กึ นุ โข กโรมี’’ติ? ‘‘กึ ปน ตยา กต’’นฺติ อาห. อหํ ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร มหนฺตํ อาวาฏํ องฺคารสฺส ปูรํ กาเรสึ – ‘‘ตตฺถ ปาเตตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘อถ นํ ภินฺทิตฺวา มหาปทุมานิ อุฏฺหึสุ. สพฺเพ ปทุมกณฺณิกา อกฺกมิตฺวา คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสินฺนา, อิทานิ กึ กโรมิ, สามี’’ติ? นนุ ตฺวํ อิทาเนว มยฺหํ ‘‘‘เอตฺติกา จาฏิโย, เอตฺติกา ยาคุ, เอตฺตกานิ สตฺตาทีนี’ติ ทสฺเสสี’’ติ. ‘‘มุสา ตํ, สามิ, ตุจฺฉาว จาฏิโย’’ติ. โหตุ, ‘‘คจฺฉ, ตาสุ จาฏีสุ ยาคุอาทีนิ โอโลเกหี’’ติ. ตํ ขณฺเว เตน ยาสุ จาฏีสุ ‘‘ยาคู’’ติ วุตฺตํ, ตา ยาคุยา ปูรยึสุ, ยาสุ ‘‘ภตฺตาทีนี’’ติ วุตฺตํ, ตา ภตฺตาทีนํ ปริปุณฺณาว ¶ อเหสุํ. ตํ สมฺปตฺตึ ทิสฺวาว ครหทินฺนสฺส สรีรํ ปีติปาโมชฺเชน ปริปูริตํ, จิตฺตํ ปสนฺนํ. โส สกฺกจฺจํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา กตภตฺตกิจฺจสฺส สตฺถุโน อนุโมทนํ กาเรตุกาโม ปตฺตํ คณฺหิ. สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อิเม สตฺตา ปฺาจกฺขุโน อภาเวเนว มม สาวกานํ พุทฺธสาสนสฺส คุณํ น ชานนฺติ. ปฺาจกฺขุวิรหิตา หิ อนฺธา นาม, ปฺวนฺโต สจกฺขุกา นามา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยถา สงฺการธานสฺมึ, อุชฺฌิตสฺมึ มหาปเถ;
ปทุมํ ตตฺถ ชาเยถ, สุจิคนฺธํ มโนรมํ.
‘‘เอวํ สงฺการภูเตสุ, อนฺธภูเต ปุถุชฺชเน;
อติโรจติ ปฺาย, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก’’ติ.
ตตฺถ สงฺการธานสฺมินฺติ สงฺการานสฺมึ, กจวรราสิมฺหีติ อตฺโถ. อุชฺฌิตสฺมึ มหาปเถติ มหามคฺเค ¶ ฉฑฺฑิตสฺมึ. สุจิคนฺธนฺติ สุรภิคนฺธํ. มโน เอตฺถ รมตีติ มโนรมํ. สงฺการภูเตสูติ สงฺการมิว ภูเตสุ. ปุถุชฺชเนติ ¶ ปุถูนํ กิเลสานํ ชนนโต เอวํลทฺธนาเม ¶ โลกิยมหาชเน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม มหาปเถ ฉฑฺฑิเต สงฺการราสิมฺหิ อสุจิเชคุจฺฉิยปฏิกูเลปิ สุจิคนฺธํ ปทุมํ ชาเยถ, ตํ ราชราชมหามตฺตาทีนํ มโนรมํ ปิยํ มนาปํ อุปริมตฺถเก ปติฏฺานารหเมว ภเวยฺย, เอวเมว สงฺการภูเตสุปิ ปุถุชฺชเนสุ ชาโต นิปฺปฺสฺส มหาชนสฺส อจกฺขุกสฺส อนฺตเร นิพฺพตฺโตปิ อตฺตโน ปฺาพเลน กาเมสุ อาทีนวํ, เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ปพฺพชฺชามตฺเตนปิ, กโต อุตฺตรึ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนานิ อาราเธตฺวาปิ อติโรจติ. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก หิ ขีณาสโว ภิกฺขุ อนฺธภูเต ปุถุชฺชเน อติกฺกมิตฺวา โรจติ วิโรจติ โสภตีติ.
เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ครหทินฺโน จ สิริคุตฺโต จ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณึสุ. เต สพฺพํ อตฺตโน ธนํ พุทฺธสาสเน วิปฺปกิรึสุ. สตฺถา อุฏฺายาสนา วิหารมคมาสิ. ภิกฺขู สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห อจฺฉริยา พุทฺธคุณา นาม, ตถารูปํ นาม ขทิรงฺคารราสึ ภินฺทิตฺวา ปทุมานิ อุฏฺหึสู’’ติ. สตฺถา ¶ อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต – ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, ยํ มม เอตรหิ พุทฺธภูตสฺส องฺคารราสิมฺหา ปทุมานิ อุฏฺิตานิ, อปริปกฺเก าเณ วตฺตมานสฺส โพธิสตฺตภูตสฺสปิ เม อุฏฺหึสู’’ติ วตฺวา, ‘‘กทา, ภนฺเต, อาจิกฺขถ โน’’ติ ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘กามํ ปตามิ นิรยํ, อุทฺธํปาโท อวํสิโร;
นานริยํ กริสฺสามิ, หนฺท ปิณฺฑํ ปฏิคฺคหา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๔๐) –
อิทํ ขทิรงฺคารชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสีติ.
ครหทินฺนวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
ปุปฺผวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุตฺโถ วคฺโค.
๕. พาลวคฺโค
๑. อฺตรปุริสวตฺถุ
ทีฆา ¶ ¶ ¶ ชาครโต รตฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปเสนทิโกสลฺเจว อฺตรฺจ ปุริสํ อารพฺภ กเถสิ.
ราชา กิร ปเสนทิ โกสโล เอกสฺมึ ฉณทิวเส อลงฺกตปฏิยตฺตํ สพฺพเสตํ เอกํ ปุณฺฑรีกํ นาม หตฺถึ อภิรุยฺห มหนฺเตน ราชานุภาเวน นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ. อุสฺสารณาย วตฺตมานาย เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ โปถิยมาโน มหาชโน ปลายนฺโต คีวํ ปริวฏฺเฏตฺวาปิ โอโลเกติเยว. ราชูนํ กิร สุทินฺนทานสฺเสตํ ผลํ. อฺตรสฺสาปิ ทุคฺคตปุริสสฺส ภริยา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริตเล ิตา เอกํ วาตปานกวาฏํ วิวริตฺวา ราชานํ โอโลเกตฺวาว อปคจฺฉิ. รฺโ ปุณฺณจนฺโท วลาหกนฺตรํ ปวิฏฺโ วิย อุปฏฺาสิ. โส ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺโต หตฺถิกฺขนฺธโต ปตนาการปฺปตฺโต วิย หุตฺวา ขิปฺปํ ¶ นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อนฺเตปุรํ ปวิสิตฺวา เอกํ วิสฺสาสกํ อมจฺจํ อาห – ‘‘อสุกฏฺาเน เต มยา โอโลกิตปาสาโท ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘ตตฺเถกํ อิตฺถึ อทฺทสา’’ติ? ‘‘อทฺทสํ, เทวา’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ตสฺสา สสามิกอสามิกภาวํ ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สสามิกภาวํ ตฺวา อาคนฺตฺวา รฺโ ‘‘สสามิกา’’ติ อาโรเจสิ. อถ รฺา ‘‘เตน หิ ตสฺสา สามิกํ ปกฺโกสาหี’’ติ วุตฺเต โส คนฺตฺวา, ‘‘เอหิ, โภ, ราชา ตํ ปกฺโกสตี’’ติ อาห. โส ‘‘ภริยํ เม นิสฺสาย ภเยน อุปฺปนฺเนน ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา รฺโ อาณํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต คนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ ราชา ‘‘มํ อิโต ปฏฺาย อุปฏฺาหี’’ติ อาห. ‘‘อลํ, เทว, อหํ อตฺตโน กมฺมํ กตฺวา ตุมฺหากํ สุงฺกํ ททามิ, ฆเรเยว เม ชีวิกา โหตู’’ติ. ‘‘ตว สุงฺเกน มยฺหํ อตฺโถ นตฺถิ, อชฺชโต ปฏฺาย มํ อุปฏฺาหี’’ติ ตสฺส ผลกฺจ อาวุธฺจ ทาเปสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘กฺจิเทวสฺส โทสํ อาโรเปตฺวา ฆาเตตฺวา ภริยํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. อถ นํ โส มรณภยภีโต อปฺปมตฺโต หุตฺวา อุปฏฺาสิ.
ราชา ¶ ¶ ตสฺส โทสํ อปสฺสนฺโต กามปริฬาเห วฑฺฒนฺเต ‘‘เอกมสฺส ¶ โทสํ อาโรเปตฺวา ราชาณํ กริสฺสามี’’ติ ปกฺโกสาเปตฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺโภ อิโต โยชนมตฺถเก นทิยา อสุกฏฺานํ นาม คนฺตฺวา สายํ มม นฺหานเวลาย กุมุทุปฺปลานิ เจว อรุณวตีมตฺติกฺจ อาหร. สเจ ตสฺมึ ขเณ นาคจฺฉสิ, อาณํ เต กริสฺสามี’’ติ. เสวโก กิร จตูหิปิ ทาเสหิ ปติกิฏฺตโร. ธนกฺกีตาทโย หิ ทาสา ‘‘สีสํ เม รุชฺชติ, ปิฏฺิ เม รุชฺชตี’’ติ วตฺวา อจฺฉิตุํ ลภนฺติเยว. เสวกสฺเสตํ นตฺถิ, อาณตฺตกมฺมํ กาตุเมว วฏฺฏติ. ตสฺมา โส ‘‘อวสฺสํ มยา คนฺตพฺพํ, กุมุทุปฺปเลหิ สทฺธึ อรุณวตีมตฺติกา นาม นาคภวเน อุปฺปชฺชติ, อหํ กุหึ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต มรณภยภีโต เวเคน เคหํ คนฺตฺวา, ‘‘ภทฺเท, นิฏฺิตํ เม ภตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘อุทฺธนมตฺถเก, สามี’’ติ. โส ยาว ภตฺตํ โอตรติ, ตาว สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุฬุงฺเกน กฺชิกํ หราเปตฺวา ยถาลทฺเธน พฺยฺชเนน สทฺธึ อลฺลเมว ภตฺตํ ปจฺฉิยํ โอปีเฬตฺวา อาทาย โยชนิกํ มคฺคํ ปกฺขนฺโท, ตสฺส คจฺฉนฺตสฺเสว ภตฺตํ ปกฺกํ อโหสิ. โส อนุจฺฉิฏฺํ กตฺวาว โถกํ ภตฺตํ อปเนตฺวา ภฺุชนฺโต เอกํ อทฺธิกํ ทิสฺวา มยา อปเนตฺวา ปิตํ โถกํ อนุจฺฉิฏฺํ ภตฺตเมว อตฺถิ คเหตฺวา ภฺุช สามีติ. โส คณฺหิตฺวา ภฺุชิ. อิตโรปิ ภฺุชิตฺวา เอกํ ภตฺตมุฏฺึ ¶ อุทเก ขิปิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา มหนฺเตน สทฺเทน ‘‘อิมสฺมึ นทีปเทเส อธิวตฺถา นาคา สุปณฺณา เทวตา จ วจนํ เม สุณนฺตุ, ราชา มยฺหํ อาณํ กาตุกาโม ‘กุมุทุปฺปเลหิ สทฺธึ อรุณวตีมตฺติกํ อาหรา’ติ มํ อาณาเปสิ, อทฺธิกมนุสฺสสฺส จ เม ภตฺตํ ทินฺนํ, ตํ สหสฺสานิสํสํ, อุทเก มจฺฉานํ ทินฺนํ, ตํ สตานิสํสํ. เอตฺตกํ ปฺุผลํ ตุมฺหากํ ปตฺตึ กตฺวา ทมฺมิ, มยฺหํ กุมุทุปฺปเลหิ สทฺธึ อรุณวตีมตฺติกํ อาหรถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ อนุสฺสาเวสิ. ตตฺถ อธิวตฺโถ นาคราชา ตํ สทฺทํ สุตฺวา มหลฺลกเวเสน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ วเทสี’’ติ อาห. โส ปุนปิ ตเถว วตฺวา ‘‘มยฺหํ ตํ ปตฺตึ เทหี’’ติ วุตฺเต, ‘‘เทมี’’ติ อาห. ปุนปิ ‘‘เทหี’’ติ วุตฺเต, ‘‘เทมิ, สามี’’ติ อาห. เอวํ โส ทฺเว ตโย วาเร ปตฺตึ อาหราเปตฺวา กุมุทุปฺปเลหิ สทฺธึ อรุณวตีมตฺติกํ อทาสิ.
ราชา ¶ ปน จินฺเตสิ – ‘‘มนุสฺสา นาม พหุมายา, สเจ โส เกนจิ อุปาเยน ลเภยฺย, กิจฺจํ เม น นิปฺผชฺเชยฺยา’’ติ. โส กาลสฺเสว ทฺวารํ ปิทหาเปตฺวา มุทฺทิกํ อตฺตโน สนฺติกํ อาหราเปสิ. อิตโรปิ ปุริโส รฺโ นฺหานเวลายเมวาคนฺตฺวา ทฺวารํ อลภนฺโต ทฺวารปาลํ ปกฺโกเสตฺวา ‘‘ทฺวารํ วิวรา’’ติ อาห. ‘‘น สกฺกา วิวริตุํ, ราชา กาลสฺเสว มุทฺทิกํ ทตฺวา ราชเคหํ อาหราเปสี’’ติ. โส ‘‘ราชทูโต อหํ, ทฺวารํ วิวรา’’ติ วตฺวาปิ ‘‘ทฺวารํ อลภนฺโต นตฺถิ เม อิทานิ ชีวิตํ. กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทฺวารสฺส อุปริอุมฺมาเร ¶ มตฺติกาปิณฺฑํ ¶ ขิปิตฺวา ตสฺสูปริ ปุปฺผานิ ลคฺเคตฺวา มหาสทฺทํ กโรนฺโต, ‘‘อมฺโภ, นครวาสิโน รฺโ มยา อาณตฺติยา คตภาวํ ชานาถ, ราชา มํ อการเณน วินาเสตุกาโม’’ติ ติกฺขตฺตุํ วิรวิตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข คจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขู นาม มุทุหทยา, วิหารํ คนฺตฺวา นิปชฺชิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานมกาสิ. อิเม หิ นาม สตฺตา สุขิตกาเล ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวมฺปิ อชานิตฺวา ทุกฺขาภิภูตกาเล วิหารํ คนฺตุกามา โหนฺติ, ตสฺมา โสปิ ‘‘เม อฺํ ตาณํ นตฺถี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ผาสุกฏฺาเน นิปชฺชิ. อถ รฺโปิ ตํ รตฺตึ นิทฺทํ อลภนฺตสฺส ตํ อิตฺถึ อนุสฺสรนฺตสฺส กามปริฬาโห อุปฺปชฺชิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘วิภาตกฺขเณเยว ตํ ปุริสํ ฆาตาเปตฺวา ตํ อิตฺถึ อาเนสฺสามี’’ติ.
ตสฺมึ ขเณเยว สฏฺิโยชนิกาย โลหกุมฺภิยา นิพฺพตฺตา จตฺตาโร ปุริสา ปกฺกุถิตาย อุกฺขลิยา ตณฺฑุลา วิย สมฺปริวตฺตกํ ปจฺจมานา ตึสาย วสฺสสหสฺเสหิ เหฏฺิมตลํ ปตฺวา อปเรหิ ตึสาย วสฺสสหสฺเสหิ ปุน มุขวฏฺฏิยํ ปาปุณึสุ. เต สีสํ อุกฺขิปิตฺวา อฺมฺํ โอโลเกตฺวา เอเกกํ คาถํ วตฺตุกามา วตฺตุํ อสกฺโกนฺตา เอเกกํ อกฺขรํ วตฺวา ปริวตฺติตฺวา โลหกุมฺภิเมว ปวิฏฺา. ราชา นิทฺทํ อลภนฺโต มชฺฌิมยามสมนนฺตเร ตํ สทฺทํ สุตฺวา ¶ ภีโต อุตฺรสฺตมานโส ‘‘กึ นุ โข มยฺหํ ชีวิตนฺตราโย ภวิสฺสติ, อุทาหุ เม อคฺคมเหสิยา, อุทาหุ เม รชฺชํ วินสฺสิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต สกลรตฺตึ อกฺขีนิ นิมีเลตุํ นาสกฺขิ. โส อรุณุคฺคมนเวลาย เอว ปุโรหิตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อาจริย, มยา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร มหนฺตา เภรวสทฺทา สุตา, ‘รชฺชสฺส วา อคฺคมเหสิยา วา มยฺหํ วา กสฺส อนฺตราโย ¶ ภวิสฺสตี’ติ น ชานามิ, เตน เม ตฺวํ ปกฺโกสาปิโต’’ติ อาห. มหาราช, กึ เต สทฺทา สุตาติ? ‘‘อาจริย, ทุ-อิติ ส-อิติ น-อิติ โส-อิตีติ อิเม สทฺเท อสฺโสสึ, อิเมสํ นิปฺผตฺตึ อุปธาเรหี’’ติ. พฺราหฺมณสฺส มหาอนฺธการํ ปวิฏฺสฺส วิย น กิฺจิ ปฺายติ, ‘‘น ชานามี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปน ลาภสกฺกาโร เม ปริหายิสฺสตี’’ติ ภายิตฺวา ‘‘ภาริยํ, มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘กึ, อาจริยา’’ติ? ‘‘ชีวิตนฺตราโย เต ปฺายตี’’ติ. โส ทฺวิคุณํ ภีโต, ‘‘อาจริย, อตฺถิ กิฺจิ ปน ปฏิฆาตการณ’’นฺติ อาห. ‘‘อตฺถิ, มหาราช, มา ภายิ, อหํ ตโย เวเท ชานามี’’ติ. ‘‘กึ ปน ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สพฺพสตยฺํ ยชิตฺวา ชีวิตํ ลภิสฺสสิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? หตฺถิสตํ อสฺสสตํ อุสภสตํ เธนุสตํ อชสตํ อุรพฺภสตํ กุกฺกุฏสตํ สูกรสตํ ทารกสตํ ทาริกาสตนฺติ เอวํ เอเกกํ ปาณชาตึ สตํ สตํ กตฺวา ¶ คณฺหาเปนฺโต ‘‘สเจ มิคชาติเมว คณฺหาเปสฺสามิ, ‘อตฺตโน ขาทนียเมว คณฺหาเปตี’ติ วกฺขนฺตี’’ติ หตฺถิอสฺสมนุสฺเสปิ คณฺหาเปติ. ราชา ‘‘มม ชีวิตเมว มยฺหํ ลาโภ’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘สพฺพปาเณ ¶ สีฆํ คณฺหถา’’ติ อาห. อาณตฺตมนุสฺสา อธิกตรํ คณฺหึสุ. วุตฺตมฺปิ เจตํ โกสลสํยุตฺเต –
‘‘เตน โข ปน สมเยน รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส มหายฺโ ปจฺจุปฏฺิโต โหติ, ปฺจ จ อุสภสตานิ ปฺจ จ วจฺฉตรสตานิ ปฺจ จ วจฺฉตริสตานิ ปฺจ จ อชสตานิ ปฺจ จ อุรพฺภสตานิ ถูณูปนีตานิ โหนฺติ ยฺตฺถาย. เยปิสฺส เต โหนฺติ ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา, เตปิ ทณฺฑตชฺชิตา ภยตชฺชิตา อสฺสุมุขา รุทมานา ปริกมฺมานิ กโรนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๐).
มหาชโน อตฺตโน อตฺตโน ปุตฺตธีตุาตีนํ อตฺถาย ปริเทวมาโน มหาสทฺทมกาสิ, มหาปถวีอุนฺทฺริยนสทฺโท วิย อโหสิ. อถ มลฺลิกา เทวี ตํ สทฺทํ สุตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ นุ โข เต, มหาราช, อินฺทฺริยานิ อปากติกานิ, กิลนฺตรูปานิ วิย ปฺายนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ตุยฺหํ ¶ , มลฺลิเก, ตฺวํ มม กณฺณมูเลน อาสิวิสมฺปิ คจฺฉนฺตํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘กึ ปเนตํ, เทวา’’ติ? ‘‘รตฺติภาเค เม เอวรูโป นาม สทฺโท สุโต ¶ , สฺวาหํ ปุโรหิตํ ปุจฺฉิตฺวา ชีวิตนฺตราโย เต ปฺายติ, สพฺพสตยฺํ ยชิตฺวา ชีวิตํ ลภิสฺสสี’’ติ สุตฺวา ‘‘มม ชีวิตเมว มยฺหํ ลาโภ’’ติ อิเม ปาเณ คณฺหาเปสินฺติ. มลฺลิกา เทวี, ‘‘อนฺธพาโลสิ, มหาราช, กิฺจาปิ มหาภกฺโขสิ, อเนกสูปพฺยฺชนวิกติกํ โทณปากํ โภชนํ ภฺุชสิ, ทฺวีสุ รฏฺเสุ รชฺชํ กาเรสิ, ปฺา ปน เต มนฺทา’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา เอวํ วเทสิ, เทวี’’ติ? ‘‘กหํ ตยา อฺสฺส มรเณน อฺสฺส ชีวิตลาโภ ทิฏฺปุพฺโพ, อนฺธพาลสฺส พฺราหฺมณสฺส กถํ คเหตฺวา กสฺมา มหาชนสฺส อุปริ ทุกฺขํ ขิปสิ, ธุรวิหาเร สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคปุคฺคโล อตีตาทีสุ อปฺปฏิหตาโณ สตฺถา วสติ, ตํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺโสวาทํ กโรหี’’ติ วุตฺเต ราชา สลฺลหุเกหิ ยาเนหิ มลฺลิกาย สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา มรณภยตชฺชิโต กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ ปมตรํ อาลปิ. โส ตุณฺหีเยว นิสีทิ. ตโต มลฺลิกา ภควโต อาโรเจสิ – ‘‘ภนฺเต, รฺา กิร มชฺฌิมยามสมนนฺตเร สทฺโท สุโต. อถ นํ ปุโรหิตสฺส อาโรเจสิ. ปุโรหิโต ‘ชีวิตนฺตราโย เต ภวิสฺสติ, ตสฺส ปฏิฆาตตฺถาย สพฺพสเต ¶ ปาเณ คเหตฺวา เตสํ คลโลหิเตน ยฺเ ยชิเต ชีวิตํ ลภิสฺสสี’ติ อาห. ราชา ปาเณ คณฺหาเปสิ, เตนายํ มยา ¶ อิธานีโต’’ติ. ‘‘เอวํ กิร, มหาราชา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กินฺติ เต สทฺโท สุโต’’ติ? โส อตฺตนา สุตนิยาเมเนว อาจิกฺขิ. ตถาคตสฺส ตํ สุตฺวาว เอโกภาโส อโหสิ. อถ นํ สตฺตา อาห – ‘‘มา ภายิ, มหาราช, ตว อนฺตราโย นตฺถิ, ปาปกมฺมิโน สตฺถา อตฺตโน ทุกฺขํ อาวีกโรนฺตา เอวมาหํสู’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เตหิ กต’’นฺติ? อถ โข ภควา เตสํ กมฺมํ อาจิกฺขิตุํ ‘‘เตน หิ, มหาราช, สุณาหี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต วีสติวสฺสสหสฺสายุเกสุ มนุสฺเสสุ กสฺสโป ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา วีสติยา ขีณาสวสหสฺเสหิ สทฺธึ จาริกํ จรมาโน พาราณสิมคมาสิ. พาราณสิวาสิโน ทฺเวปิ ตโยปิ พหุตราปิ ¶ เอกโต หุตฺวา อาคนฺตุกทานํ ปวตฺตยึสุ. ตทา พาราณสิยํ จตฺตาลีสโกฏิวิภวา จตฺตาโร เสฏฺิปุตฺตา สหายกา อเหสุํ. เต มนฺตยึสุ – ‘‘อมฺหากํ เคเห พหุธนํ, เตน กึ กโรมา’’ติ? ‘‘เอวรูเป พุทฺเธ จาริกํ จรมาเน ทานํ ทสฺสาม, สีลํ รกฺขิสฺสาม, ปูชํ กริสฺสามา’’ติ เอโกปิ อวตฺวา เตสุ เอโก ตาว เอวมาห – ‘‘ติขิณสุรํ ปิวนฺตา มธุรมํสํ ขาทนฺตา วิจริสฺสาม, อิทํ อมฺหากํ ชีวิตผล’’นฺติ. อปโรปิ เอวมาห – ‘‘เทวสิกํ ติวสฺสิกคนฺธสาลิภตฺตํ ¶ นานคฺครเสหิ ภฺุชนฺตา วิจริสฺสามา’’ติ. อปโรปิ เอวมาห – ‘‘นานปฺปการํ ปูวขชฺชกวิกตึ ปจาเปตฺวา ขาทนฺตา วิจริสฺสามา’’ติ. อปโรปิ เอวมาห – ‘‘สมฺมา มยํ อฺํ กิฺจิ น กริสฺสาม, ‘ธนํ ทสฺสามา’ติ วุตฺเต อนิจฺฉมานา อิตฺถี นาม นตฺถิ, ตสฺมา ธเนน ปโลเภตฺวา ปารทาริกกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ. ‘‘สาธุ, สาธู’’ติ สพฺเพว ตสฺส กถาย อฏฺํสุ.
เต ตโต ปฏฺาย อภิรูปานํ อิตฺถีนํ ธนํ เปเสตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสานิ ปารทาริกกมฺมํ กตฺวา กาลํ กตฺวา อวีจินิรเย นิพฺพตฺตา. เต เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตตฺถ กาลํ กตฺวา ปกฺกาวเสเสน สฏฺิโยชนิกาย โลหกุมฺภิยา นิพฺพตฺติตฺวา ตึสาย วสฺสสหสฺเสหิ เหฏฺิมตลํ ปตฺวา ปุนปิ ตึสาย วสฺสสหสฺเสหิ โลหกุมฺภิมุขํ ปตฺวา เอเกกํ คาถํ วตฺตุกามา หุตฺวา วตฺตุํ อสกฺโกนฺตา เอเกกํ อกฺขรํ วตฺวา ปุน ปริวตฺติตฺวา, โลหกุมฺภิเมว ปวิฏฺา. ‘‘วเทหิ, มหาราช, ปมํ เต กึ สทฺโท นาม สุโต’’ติ? ‘‘ทุ-อิติ, ภนฺเต’’ติ. สตฺถา เตน อปริปุณฺณํ กตฺวา วุตฺตํ คาถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต เอวมาห –
‘‘ทุชฺชีวิตมชีวิมฺห ¶ , เย สนฺเต น ททมฺหเส;
วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ, ทีปํ นากมฺห อตฺตโน’’ติ. (ชา. ๑.๔.๕๓; เป. ว. ๘๐๔);
อถ ¶ รฺโ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถํ ปกาเสตฺวา, ‘‘กึ เต, มหาราช, ทุติยสทฺโท ตติยสทฺโท จตุตฺถสทฺโท สุโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ นามา’’ติ วุตฺเต อวเสสํ ปริปูเรนฺโต –
‘‘สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;
นิรเย ปจฺจมานานํ, กทา อนฺโต ภวิสฺสติ.
‘‘นตฺถิ ¶ อนฺโต กุโต อนฺโต, น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ;
ตทา หิ ปกตํ ปาปํ, มม ตุยฺหฺจ มาริสา.
‘‘โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา, โยนึ ลทฺธาน มานุสึ;
วทฺู สีลสมฺปนฺโน, กาหามิ กุสลํ พหุ’’นฺติ. (ชา. ๑.๔.๕๔-๕๖; เป. ว. ๘๐๒, ๘๐๓, ๘๐๕) –
ปฏิปาฏิยา อิมา คาถา วตฺวา ตาสํ อตฺถํ ปกาเสตฺวา ‘‘อิติ โข, มหาราช, เต จตฺตาโร ชนา เอเกกํ คาถํ วตฺตุกามาปิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตา เอกกเมว อกฺขรํ วตฺวา ปุน โลหกุมฺภิเมว ปวิฏฺา’’ติ อาห.
รฺา กิร ปเสนทิโกสเลน ตสฺส สทฺทสฺส สุตกาลโต ปฏฺาย เต เหฏฺา ภสฺสนฺติ เอว, อชฺชาปิ เอกํ วสฺสสหสฺสํ นาติกฺกมนฺติ. รฺโ ตํ เทสนํ สุตฺวา มหาสํเวโค อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘ภาริยํ วติทํ ปารทาริกกมฺมํ นาม, เอกํ กิร พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตโต จุตา สฏฺิโยชนิกาย โลหกุมฺภิยา นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ ปจฺจิตฺวา เอวมฺปิ เนสํ ทุกฺขา มุจฺจนกาโล น ปฺายติ, อหมฺปิ ปรทาเร สิเนหํ กตฺวา สพฺพรตฺตึ ¶ นิทฺทํ น ลภึ, อิทานิ อิโต ปฏฺาย ปรทาเร มานสํ น พนฺธิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถาคตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อชฺช เม รตฺติยา ทีฆภาโว าโต’’ติ. โสปิ ปุริโส ตตฺเถว นิสินฺโน ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ลทฺโธ เม พลวปฺปจฺจโย’’ติ สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, รฺา ตาว อชฺช รตฺติยา ทีฆภาโว าโต, อหํ ปน หิยฺโย สยเมว โยชนสฺส ทีฆภาวํ อฺาสิ’’นฺติ. สตฺถา ทฺวินฺนมฺปิ ¶ กถํ สํสนฺทิตฺวา ‘‘เอกจฺจสฺส รตฺติ ทีฆา โหติ, เอกจฺจสฺส โยชนํ ทีฆํ โหติ, พาลสฺส ปน สํสาโร ทีโฆ โหตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ทีฆา ชาครโต รตฺติ, ทีฆํ สนฺตสฺส โยชนํ;
ทีโฆ พาลาน สํสาโร, สทฺธมฺมํ อวิชานต’’นฺติ.
ตตฺถ ทีฆาติ รตฺติ นาเมสา ติยามมตฺตาว, ชาครนฺตสฺส ปน ทีฆา โหติ, ทฺวิคุณติคุณา วิย หุตฺวา ขายติ. ตสฺสา ทีฆภาวํ อตฺตานํ มงฺกุณสงฺฆสฺส ภตฺตํ กตฺวา ยาว สูริยุคฺคมนา สมฺปริวตฺตกํ เสมาโน ¶ มหากุสีโตปิ, สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา สิริสยเน สยมาโน กามโภคีปิ น ชานาติ, สพฺพรตฺตึ ปน ปธานํ ปทหนฺโต โยคาวจโร จ, ธมฺมกถํ กเถนฺโต ¶ ธมฺมกถิโก จ, อาสนสมีเป ตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต จ, สีสโรคาทิผุฏฺโ วา หตฺถปาทจฺเฉทนาทึ ปตฺโต วา เวทนาภิภูโต จ, รตฺตึ มคฺคปฏิปนฺโน อทฺธิโก จ ชานาติ. โยชนนฺติ โยชนมฺปิ จตุคาวุตมตฺตเมว, สนฺตสฺส ปน กิลนฺตสฺส ทีฆํ โหติ, ทฺวิคุณติคุณํ วิย ขายติ. สกลทิวสฺหิ มคฺคํ คนฺตฺวา กิลนฺโต ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปุรโต คาโม กีวทูโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โยชน’’นฺติ วุตฺเต โถกํ คนฺตฺวา อปรมฺปิ ปุจฺฉิตฺวา เตนาปิ ‘‘โยชน’’นฺติ วุตฺเต ปุน โถกํ คนฺตฺวา อปรมฺปิ ปุจฺฉติ. โสปิ ‘‘โยชน’’นฺติ วทติ. โส ปุจฺฉิตปุจฺฉิตา โยชนนฺเตว วทนฺติ, ทีฆํ วติทํ โยชนํ, เอกโยชนํ ทฺเว ตีณิ โยชนานิ วิย มฺเติ. พาลานนฺติ อิธโลกปรโลกตฺถํ ปน อชานนฺตานํ พาลานํ สํสารวฏฺฏสฺส ปริยนฺตํ กาตุํ อสกฺโกนฺตานํ ยํ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยเภทํ สทฺธมฺมํ ตฺวา สํสารสฺส อนฺตํ กโรนฺติ, ตํ สทฺธมฺมํ อวิชานตํ สํสาโร ทีโฆ นาม โหติ. โส หิ อตฺตโน ธมฺมตาย เอว ทีโฆ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘อนมตคฺโคยํ, ภิกฺขเว, สํสาโร, ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔). พาลานํ ปน ปริยนฺตํ กาตุํ อสกฺโกนฺตานํ อติทีโฆเยวาติ.
เทสนาวสาเน ¶ โส ปุริโส โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
ราชา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา คจฺฉนฺโตเยว เต สตฺเต พนฺธนา โมเจสิ. ตตฺถ อิตฺถิปุริสา พนฺธนา มุตฺตา สีสํ นฺหตฺวา สกานิ เคหานิ คจฺฉนฺตา ‘‘จิรํ ชีวตุ โน, อยฺยา, มลฺลิกา เทวี, ตํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิมฺหา’’ติ มลฺลิกาย คุณกถํ กถยึสุ. สายนฺหสมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห ปณฺฑิตา วตายํ, มลฺลิกา, อตฺตโน ปฺํ นิสฺสาย เอตฺตกสฺส ¶ ชนสฺส ชีวิตทานํ อทาสี’’ติ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว เตสํ ภิกฺขูนํ กถํ สุตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ธมฺมสภํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย ¶ สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, มลฺลิกา, อิทาเนว อตฺตโน ปฺํ นิสฺสาย มหาชนสฺส ชีวิตทานํ เทติ, ปุพฺเพปิ อทาสิเยวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาสนฺโต อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ รฺโ ปุตฺโต เอกํ นิคฺโรธรุกฺขํ อุปสงฺกมิตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺตาย เทวตาย อายาจิ – ‘‘สามิ เทวราช, อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป เอกสตราชาโน เอกสตอคฺคมเหสิโย, สจาหํ ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ลภิสฺสามี, เอเตสํ คลโลหิเตน พลึ กริสฺสามี’’ติ. โส ปิตริ กาลกเต รชฺชํ ปตฺวา ‘‘เทวตาย เม อานุภาเวน รชฺชํ ปตฺตํ, พลิมสฺสา กริสฺสามี’’ติ มหติยา เสนาย นิกฺขมิตฺวา เอกํ ราชานํ อตฺตโน วเส วตฺเตตฺวา เตน สทฺธึ อปรมฺปิ ¶ อปรมฺปีติ สพฺเพ ราชาโน อตฺตโน วเส กตฺวา สทฺธึ อคฺคมเหสีหิ อาทาย คจฺฉนฺโต อุคฺคเสนสฺส นาม สพฺพกนิฏฺสฺส รฺโ ธมฺมทินฺนา นาม อคฺคมเหสี ครุคพฺภา, ตํ โอหาย อาคนฺตฺวา ‘‘เอตฺตกชนํ วิสปานกํ ปาเยตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ รุกฺขมูลํ โสธาเปสิ. เทวตา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา เอตฺตเก ราชาโน คณฺหนฺโต ‘มํ นิสฺสาย คหิตา อิเม’ติ จินฺเตตฺวา เตสํ คลโลหิเตน มยฺหํ พลึ กาตุกาโม, สเจ ปนายํ เอเต ฆาเตสฺสติ, ชมฺพุทีเป ราชวํโส อุปจฺฉิชฺชิสฺสติ, รุกฺขมูเลปิ, เม อสุจิ ภวิสฺสติ, สกฺขิสฺสามิ นุ โข เอตํ นิวาเรตุ’’นฺติ. สา อุปธาเรนฺตี ‘‘นาหํ สกฺขิสฺสามี’’ติ ตฺวา อฺมฺปิ เทวตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ตฺวํ สกฺขิสฺสสี’’ติ อาห. ตายปิ ปฏิกฺขิตฺตา อฺมฺปิ อฺมฺปีติ เอวํ สกลจกฺกวาฬเทวตาโย อุปสงฺกมิตฺวา ตาหิปิ ปฏิกฺขิตฺตา จตุนฺนํ มหาราชูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มยํ น สกฺโกม, อมฺหากํ ปน ราชา อมฺเหหิ ปฺุเน จ ปฺาย จ วิสิฏฺโ, ตํ ปุจฺฉา’’ติ เตหิปิ ปฏิกฺขิตฺตกาเล สกฺกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘เทว, ตุมฺเหสุ อปฺโปสฺสุกฺกตํ อาปนฺเนสุ ขตฺติยวํโส อุปจฺฉิชฺชิสฺสติ, ตสฺส ปฏิสรณํ โหถา’’ติ ¶ อาห. สกฺโก ‘‘อหมฺปิ นํ ปฏิพาหิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อุปายํ ปน เต วกฺขามี’’ติ วตฺวา อุปายํ อาจิกฺขิ – ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ รฺโ ปสฺสนฺตสฺเสว รตฺตวตฺถํ นิวาเสตฺวา อตฺตโน รุกฺขโต นิกฺขมิตฺวา คมนาการํ ทสฺเสหิ. อถ ตํ ราชา ‘เทวตา คจฺฉติ, นิวตฺตาเปสฺสามิ น’นฺติ นานปฺปกาเรน ยาจิสฺสติ. อถ นํ วเทยฺยาสิ ‘ตฺวํ เอกสตราชาโน ¶ สทฺธึ อคฺคมเหสีหิ อาเนตฺวา เตสํ คลโลหิเตน พลึ กริสฺสามี’ติ มยฺหํ อายาจิตฺวา อุคฺคเสนสฺส รฺโ เทวึ โอหาย อาคโต, นาหํ ตาทิสสฺส มุสาวาทสฺส พลึ สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ, ‘‘เอวํ กิร วุตฺเต ราชา ตํ อาณาเปสฺสติ, สา รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา เอตฺตกสฺส ¶ ชนสฺส ชีวิตทานํ ทสฺสตี’’ติ. อิมินา การเณน สกฺโก เทวตาย อิมํ อุปายํ อาจิกฺขิ. เทวตา ตถา อกาสิ.
ราชาปิ ตํ อาณาเปสิ. สา อาคนฺตฺวา เตสํ ราชูนํ ปริยนฺเต นิสินฺนมฺปิ อตฺตโน ราชานเมว วนฺทิ. ราชา ‘‘มยิ สพฺพราชเชฏฺเก ิเต สพฺพกนิฏฺํ อตฺตโน สามิกํ วนฺทตี’’ติ ตสฺสา กุชฺฌิ. อถ นํ สา อาห – ‘‘กึ มยฺหํ ตยิ ปฏิพทฺธํ, อยํ ปน เม สามิโก อิสฺสริยสฺส ทายโก, อิมํ อวนฺทิตฺวา กสฺมา ตํ วนฺทิสฺสามี’’ติ? รุกฺขเทวตา ปสฺสนฺตสฺเสว มหาชนสฺส ‘‘เอวํ, ภทฺเท, เอวํ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ตํ ปุปฺผมุฏฺินา ปูเชสิ ¶ . ปุน ราชา อาห – ‘‘สเจ มํ น วนฺทสิ, มยฺหํ รชฺชสิริทายิกํ เอวํ มหานุภาวํ เทวตํ กสฺมา น วนฺทสี’’ติ? ‘‘มหาราช, ตยา อตฺตโน ปฺุเ ตฺวา ราชาโน คหิตา, น เทวตาย คเหตฺวา ทินฺนา’’ติ. ปุนปิ ตํ เทวตา ‘‘เอวํ, ภทฺเท, เอวํ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ตเถว ปูเชสิ. ปุน สา ราชานํ อาห – ‘‘ตฺวํ ‘เทวตาย เม เอตฺตกา ราชาโน คเหตฺวา ทินฺนา’ติ วเทสิ, อิทานิ เต เทวตาย อุปริ วามปสฺเส รุกฺโข อคฺคินา ทฑฺโฒ, สา ตํ อคฺคึ นิพฺพาเปตุํ กสฺมา นาสกฺขิ, ยทิ เอวํ มหานุภาวา’’ติ. ปุนปิ ตํ เทวตา ‘‘เอวํ, ภทฺเท, เอวํ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ตเถว ปูเชสิ.
สา กถยมานา ิตา โรทิ เจว หสิ จ. อถ นํ ราชา ‘‘กึ อุมฺมตฺติกาสี’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา เทว เอวํ วเทสิ’’? ‘‘น มาทิสิโย อุมฺมตฺติกา โหนฺตี’’ติ. อถ ‘‘นํ กึ การณา โรทสิ เจว หสสิ จา’’ติ? ‘‘สุณาหิ, มหาราช, อหฺหิ อตีเต กุลธีตา หุตฺวา ปติกุเล วสนฺตี สามิกสฺส สหายกํ ปาหุนกํ อาคตํ ทิสฺวา ตสฺส ภตฺตํ ปจิตุกามา ‘มํสํ อาหรา’ติ ทาสิยา กหาปณํ ทตฺวา ตาย มํสํ อลภิตฺวา อาคตาย ‘นตฺถิ มํส’นฺติ วุตฺเต เคหสฺส ปจฺฉิมภาเค สยิตาย เอฬิกาย สีสํ ฉินฺทิตฺวา ภตฺตํ สมฺปาเทสึ. สาหํ เอกิสฺสาย เอฬิกาย สีสํ ฉินฺทิตฺวา นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน ตสฺสา โลมคณนาย สีสจฺเฉทํ ปาปุณึ, ‘ตฺวํ เอตฺตกํ ชนํ วธิตฺวา กทา ทุกฺขา ¶ มุจฺจิสฺสสี’ติ ¶ เอวมหํ ตว ทุกฺขํ อนุสฺสรนฺตี โรทิ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอกิสฺสา กณฺํ เฉตฺวาน, โลมคณนาย ปจฺจิสํ;
พหูนํ กณฺเ เฉตฺวาน, กถํ กาหสิ ขตฺติยา’’ติ.
อถ ‘‘กสฺมา ตฺวํ หสสี’’ติ? ‘‘‘เอตสฺมา ทุกฺขา มุตฺตามฺหี’ติ ตุสฺสิตฺวา, มหาราชา’’ติ ¶ . ปุนปิ ตํ เทวตา ‘‘เอวํ, ภทฺเท, เอวํ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ปุปฺผมุฏฺินา ปูเชสิ. ราชา ‘‘อโห เม ภาริยํ กตํ กมฺมํ, อยํ กิร เอกํ เอฬิกํ วธิตฺวา นิรเย ปกฺกาวเสเสน ตสฺสา โลมคณนาย สีสจฺเฉทํ ปาปุณิ, อหํ เอตฺตกํ ชนํ วธิตฺวา กทา โสตฺถึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ สพฺเพ ราชาโน โมเจตฺวา อตฺตโน มหลฺลกตเร วนฺทิตฺวา ทหรทหรานํ อฺชลึ ปคฺคยฺห สพฺเพ ขมาเปตฺวา สกสกฏฺานเมว ปหิณิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, น อิทาเนว, มลฺลิกา เทวี, อตฺตโน ปฺํ นิสฺสาย มหาชนสฺส ชีวิตทานํ เทติ, ปุพฺเพปิ อทาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา ปเสนทิ โกสโล อโหสิ, ธมฺมทินฺนา, เทวี มลฺลิกา, รุกฺขเทวตา อหเมวา’’ติ. เอวํ อตีตํ สโมธาเนตฺวา ปุน ธมฺมํ เทเสนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว, ปาณาติปาโต ¶ นาม น กตฺตพฺพยุตฺตโก. ปาณาติปาติโน หิ ทีฆรตฺตํ โสจนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อาห –
‘‘อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ,
ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ;
โส โสจติ โส วิหฺติ,
ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺมตฺตโน’’ติ. (ธ. ป. ๑๕);
‘‘เอวํ เจ สตฺตา ชาเนยฺยุํ, ทุกฺขายํ ชาติสมฺภโว;
น ปาโณ ปาณินํ หฺเ, ปาณฆาตี หิ โสจตี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๘);
อฺตรปุริสวตฺถุ ปมํ.
๒. มหากสฺสปตฺเถรสทฺธิวิหาริกวตฺถุ
จรฺเจ ¶ นาธิคจฺเฉยฺยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต มหากสฺสปตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภ กเถสิ. เทสนา ราชคเห สมุฏฺิตา.
เถรํ กิร ราชคหํ นิสฺสาย ปิปฺปลิคุหายํ วสนฺตํ ทฺเว สทฺธิวิหาริกา อุปฏฺหึสุ. เตสุ เอโก สกฺกจฺจํ วตฺตํ กโรติ, เอโก เตน กตํ กตํ อตฺตนา กตํ วิย ทสฺเสนฺโต มุโขทกทนฺตกฏฺานํ ¶ ปฏิยาทิตภาวํ ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มุโขทกทนฺตกฏฺานิ เม ปฏิยาทิตานิ, มุขํ โธวถา’’ติ วทติ, ปาทโธวนนฺหานาทิกาเลปิ เอวเมว วทติ. อิตโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ นิจฺจกาลํ มยา กตํ กตํ อตฺตนา กตํ วิย กตฺวา ทสฺเสติ, โหตุ, กตฺตพฺพยุตฺตกมสฺส กริสฺสามี’’ติ. ตสฺส ภฺุชิตฺวา สุปนฺตสฺเสว นฺหาโนทกํ ตาเปตฺวา เอกสฺมึ ฆเฏ กตฺวา ปิฏฺิโกฏฺเก เปสิ, อุทกตาปนภาชเน ปน นาฬิมตฺตํ อุทกํ ¶ เสเสตฺวา อุสุมํ มฺุจนฺตํ เปสิ. ตํ อิตโร สายนฺหสมเย ปพุชฺฌิตฺวา อุสุมํ นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อุทกํ ตาเปตฺวา โกฏฺเก ปิตํ ภวิสฺสตี’’ติ เวเคน คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โกฏฺเก อุทกํ ปิตํ, นฺหายถา’’ติ วตฺวา เถเรน สทฺธึเยว โกฏฺกํ ปาวิสิ. เถโร อุทกํ อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ อุทกํ, อาวุโส’’ติ อาห. ทหโร อคฺคิสาลํ คนฺตฺวา ภาชเน อุฬุงฺกํ โอตาเรตฺวา ตุจฺฉภาวํ ตฺวา ‘‘ปสฺสถ ทุฏฺสฺส กมฺมํ ตุจฺฉภาชนํ อุทฺธเน อาโรเปตฺวา กุหึ คโต, อหํ ‘โกฏฺเก อุทก’นฺติ สฺาย อาโรเจสิ’’นฺติ อุชฺฌายนฺโต ฆฏํ อาทาย ติตฺถํ อคมาสิ. อิตโรปิ ปิฏฺิโกฏฺกโต อุทกํ อาหริตฺวา โกฏฺเก เปสิ.
เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ทหโร ‘อุทกํ เม ตาเปตฺวา โกฏฺเก ปิตํ, เอถ, ภนฺเต, นฺหายถา’ติ วตฺวา อิทานิ อุชฺฌายนฺโต ฆฏํ อาทาย ติตฺถํ คจฺฉติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ เอส ทหโร อิมินา กตํ วตฺตํ อตฺตนาว กตํ วิย ปกาเสตี’’ติ ตฺวา สายํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนสฺส โอวาทมทาสิ, ‘‘อาวุโส, ภิกฺขุนา นาม ‘อตฺตนา กตเมว กต’นฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ, โน อกตํ, ตฺวํ อิทาเนว ‘โกฏฺเก อุทกํ ปิตํ, นฺหายถ, ภนฺเต’ติ วตฺวา มยิ ปวิสิตฺวา ิเต ฆฏํ ¶ อาทาย อุชฺฌายนฺโต คจฺฉสิ, ปพฺพชิตสฺส นาม เอวํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. โส ‘‘ปสฺสถ เถรสฺส กมฺมํ, อุทกมตฺตกํ นาม นิสฺสาย มํ เอวํ วเทสี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ปุนทิวเส เถเรน สทฺธึ ปิณฺฑาย น ปาวิสิ. เถโร อิตเรน สทฺธึ เอกํ ปเทสํ อคมาสิ. โส ตสฺมึ คเต เถรสฺส อุปฏฺากกุลํ คนฺตฺวา ‘‘เถโร กหํ, ภนฺเต’’ติ ปุฏฺโ ¶ ‘‘เถรสฺส อผาสุกํ ชาตํ, วิหาเรเยว นิสินฺโน’’ติ อาห. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘เอวรูปํ กิร นาม อาหารํ เทถา’’ติ วุตฺเต เตน วุตฺตนิยาเมเนว สมฺปาเทตฺวา อทํสุ. โส อนฺตรามคฺเคว ตํ ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา วิหารํ คโต. เถโรปิ คตฏฺาเน มหนฺตํ สุขุมวตฺถํ ลภิตฺวา อตฺตนา สทฺธึ คตทหรสฺส อทาสิ. โส ตํ รชิตฺวา อตฺตโน นิวาสนปารุปนํ อกาสิ.
เถโร ปุนทิวเส ตํ อุปฏฺากกุลํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ‘ตุมฺหากํ กิร อผาสุกํ ชาต’นฺติ อมฺเหหิ ทหเรน วุตฺตนิยาเมเนว ปฏิยาเทตฺวา อาหาโร เปสิโต, ปริภฺุชิตฺวา โว ผาสุกํ ชาต’’นฺติ ¶ วุตฺเต ตุณฺหี อโหสิ. วิหารํ ปน คนฺตฺวา ตํ ทหรํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ เอวมาห – ‘‘อาวุโส, ตยา กิร หิยฺโย, อิทํ นาม กตํ, อิทํ ปพฺพชิตานํ น อนุจฺฉวิกํ, วิฺตฺตึ กตฺวา ภฺุชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. โส กุชฺฌิตฺวา เถเร อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘ปุริมทิวเส อุทกมตฺตํ นิสฺสาย มํ มุสาวาทึ กตฺวา อชฺช อตฺตโน อุปฏฺากกุเล ภตฺตมุฏฺิยา ภุตฺตการณา มํ ‘วิฺตฺตึ กตฺวา ภฺุชิตุํ น วฏฺฏตี’ติ วทติ, วตฺถมฺปิ เตน อตฺตโน อุปฏฺากสฺเสว ทินฺนํ, อโห เถรสฺส ภาริยํ กมฺมํ, ชานิสฺสามิสฺส กตฺตพฺพยุตฺตก’’นฺติ ปุนทิวเส เถเร คามํ ปวิสนฺเต สยํ วิหาเร โอหียิตฺวา ทณฺฑํ คเหตฺวา ปริโภคภาชนานิ ภินฺทิตฺวา เถรสฺส ปณฺณสาลาย อคฺคึ ทตฺวา ยํ น ฌายติ, ตํ มุคฺคเรน ปหรนฺโต ภินฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปลาโต. โส กาลํ กตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ.
มหาชโน ¶ กถํ สมุฏฺาเปสิ – ‘‘เถรสฺส กิร สทฺธิวิหาริโก โอวาทมตฺตํ อสหนฺโต กุชฺฌิตฺวา ปณฺณสาลํ ฌาเปตฺวา ปลาโต’’ติ. อเถโก ภิกฺขุ อปรภาเค ราชคหา นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ ทฏฺุกาโม เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สตฺถารา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ราชคหโต, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘มม ปุตฺตสฺส มหากสฺสปสฺส ขมนีย’’นฺติ? ‘‘ขมนียํ, ภนฺเต, เอโก ปน สทฺธิวิหาริโก โอวาทมตฺเตน ¶ กุชฺฌิตฺวา ปณฺณสาลํ ฌาเปตฺวา ปลาโต’’ติ. สตฺถา ‘‘น โส อิทาเนว โอวาทํ สุตฺวา กุชฺฌติ, ปุพฺเพปิ กุชฺฌิเยว. น อิทาเนว กุฏึ ทูเสติ, ปุพฺเพปิ ทูเสสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต หิมวนฺตปเทเส เอโก สิงฺคิลสกุโณ กุลาวกํ กตฺวา วสิ. อเถกทิวสํ เทเว วสฺสนฺเต เอโก มกฺกโฏ สีเตน กมฺปมาโน ตํ ปเทสํ อคมาสิ. สิงฺคิโล ตํ ทิสฺวา คาถมาห –
‘‘มนุสฺสสฺเสว เต สีสํ, หตฺถปาทา จ วานร;
อถ เกน นุ วณฺเณน, อคารํ เต น วิชฺชตี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๘๑);
มกฺกโฏ ‘‘กิฺจาปิ เม หตฺถปาทา อตฺถิ, ยาย ปน ปฺาย วิจาเรตฺวา อคารํ กเรยฺยํ, สา เม ปฺา นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ตมตฺถํ วิฺาเปตุกาโม อิมํ คาถมาห –
‘‘มนุสฺสสฺเสว เม สีสํ, หตฺถปาทา จ สิงฺคิล;
ยาหุ เสฏฺา มนุสฺเสสุ, สา เม ปฺา น วิชฺชตี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๘๒);
อถ ¶ นํ ‘‘เอวรูปสฺส ตว กถํ ฆราวาโส อิชฺฌิสฺสตี’’ติ ครหนฺโต สิงฺคิโล อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘อนวฏฺิตจิตฺตสฺส ¶ , ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน;
นิจฺจํ อทฺธุวสีลสฺส, สุขภาโว น วิชฺชติ.
‘‘โส กรสฺสุ อานุภาวํ, วีติวตฺตสฺสุ สีลิยํ;
สีตวาตปริตฺตาณํ, กรสฺสุ กุฏวํ กปี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๘๓-๘๔);
มกฺกโฏ ‘‘อยํ มํ อนวฏฺิตจิตฺตํ ลหุจิตฺตํ มิตฺตทุพฺภึ อทฺธุวสีลํ กโรติ, อิทานิสฺส มิตฺตทุพฺภิภาวํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ กุลาวกํ วิทฺธํเสตฺวา วิปฺปกิริ. สกุโณ ตสฺมึ กุลาวกํ คณฺหนฺเต เอว เอเกน ปสฺเสน นิกฺขมิตฺวา ปลายิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ กุฏิทูสกภิกฺขุ อโหสิ, สิงฺคิลสกุโณ กสฺสโป อโหสี’’ติ ¶ . ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, น อิทาเนว, ปุพฺเพปิ โส โอวาทกฺขเณ กุชฺฌิตฺวา กุฏึ ทูเสสิ, มม ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส เอวรูเปน พาเลน สทฺธึ วสนโต เอกกสฺเสว นิวาโส เสยฺโย’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘จรฺเจ นาธิคจฺเฉยฺย, เสยฺยํ สทิสมตฺตโน;
เอกจริยํ ทฬฺหํ กยิรา, นตฺถิ พาเล สหายตา’’ติ.
ตตฺถ จรนฺติ อิริยาปถจารํ อคฺคเหตฺวา มนสาจาโร เวทิตพฺโพ, กลฺยาณมิตฺตํ ปริเยสนฺโตติ อตฺโถ. เสยฺยํ สทิสมตฺตโนติ อตฺตโน สีลสมาธิปฺาคุเณหิ อธิกตรํ ¶ วา สทิสํ วา น ลเภยฺย เจ. เอกจริยนฺติ เอเตสุ หิ เสยฺยํ ลภมาโน สีลาทีหิ วฑฺฒติ, สทิสํ ลภมาโน น ปริหายติ, หีเนน ปน สทฺธึ เอกโต วสนฺโต เอกโต สํโภคปริโภคํ กโรนฺโต สีลาทีหิ ปริหายติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวรูโป ปุคฺคโล น เสวิตพฺโพ น ภชิตพฺโพ น ปยิรุปาสิตพฺโพ อฺตฺร อนุทฺทยา อฺตฺร อนุกมฺปา’’ติ (ปุ. ป. ๑๒๑; อ. นิ. ๓.๒๖). ตสฺมา สเจ การฺุํ ปฏิจฺจ ‘‘อยํ มํ นิสฺสาย สีลาทีหิ วฑฺฒิสฺสตี’’ติ ตมฺหา ปุคฺคลา กิฺจิ อปจฺจาสีสนฺโต ตํ สงฺคณฺหิตุํ สกฺโกติ, อิจฺเจตํ กุสลํ ¶ . โน เจ สกฺโกติ, เอกจริยํ ทฬฺหํ กยิรา เอกีภาวเมว ถิรํ กตฺวา สพฺพอิริยาปเถสุ เอกโกว วิหเรยฺย. กึ การณา? นตฺถิ พาเล สหายตาติ สหายตา นาม จูฬสีลํ มชฺฌิมสีลํ มหาสีลํ ทส กถาวตฺถูนิ เตรส ธุตงฺคคุณา วิปสฺสนาคุณา จตฺตาโร มคฺคา จตฺตาริ ผลานิ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา. อยํ สหายตาคุโณ พาลํ นิสฺสาย นตฺถีติ.
เทสนาวสาเน อาคนฺตุโก ภิกฺขุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต, อฺเปิ ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.
มหากสฺสปตฺเถรสทฺธิวิหาริกวตฺถุ ทุติยํ.
๓. อานนฺทเสฏฺิวตฺถุ
ปุตฺตา ¶ มตฺถีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อานนฺทเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร อานนฺทเสฏฺิ นาม จตฺตาลีสโกฏิวิภโว มหามจฺฉรี อโหสิ. โส อนฺวฑฺฒมาสํ าตเก สนฺนิปาเตตฺวา ปุตฺตํ มูลสิรึ นาม ตีสุ เวลาสุ เอวํ โอวทติ – ‘‘อิทํ จตฺตาลีสโกฏิธนํ ‘พหู’’’ติ มา สฺํ กริ, วิชฺชมานํ ธนํ น ทาตพฺพํ, นวํ ธนํ อุปฺปาเทตพฺพํ. เอเกกมฺปิ หิ กหาปณํ วยํ กโรนฺตสฺส ปน ขียเตว. ตสฺมา –
‘‘อฺชนานํ ขยํ ทิสฺวา, อุปจิกานฺจ อาจยํ;
มธูนฺจ สมาหารํ, ปณฺฑิโต ฆรมาวเส’’ติ.
โส อปเรน สมเยน อตฺตโน ปฺจ มหานิธิโย ปุตฺตสฺส อนาจิกฺขิตฺวา ธนนิสฺสิโต มจฺเฉรมลมลิโน กาลํ กตฺวา ตสฺเสว นครสฺส เอกสฺมึ ทฺวารคามเก จณฺฑาลานํ กุลสหสฺสํ ปฏิวสติ. ตตฺเถกิสฺสา จณฺฑาลิยา กุจฺฉิสฺมึ ¶ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ราชา ตสฺส กาลกิริยํ สุตฺวา ปุตฺตมสฺส มูลสิรึ ปกฺโกสาเปตฺวา เสฏฺิฏฺาเน เปสิ. ตมฺปิ จณฺฑาลกุลสหสฺสํ เอกโตว ภติยา กมฺมํ กตฺวา ชีวมานํ ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย เนว ภตึ ลภติ, น ยาปนมตฺตโต ปรํ ภตฺตปิณฺฑมฺปิ. เต ‘‘มยํ เอตรหิ กมฺมํ กโรนฺตาปิ ปิณฺฑภตฺตมฺปิ น ลภาม, อมฺหากํ อนฺตเร กาฬกณฺณิยา ภวิตพฺพ’’นฺติ ทฺเว โกฏฺาสา หุตฺวา ยาว ตสฺส มาตาปิตโร ¶ วิสุํ โหนฺติ, ตาว วิภชิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ กุเล กาฬกณฺณี อุปฺปนฺนา’’ติ ตสฺส มาตรํ นีหรึสุ.
สาปิ ยาวสฺสา โส กุจฺฉิคโต, ตาว ยาปนมตฺตมฺปิ กิจฺเฉน ลภิตฺวา ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺส หตฺถา จ ปาทา จ อกฺขีนิ จ กณฺณา จ นาสา จ มุขฺจ ยถาาเน น อเหสุํ. โส เอวรูเปน องฺคเวกลฺเลน สมนฺนาคโต ปํสุปิสาจโก วิย อติวิรูโป อโหสิ. เอวํ สนฺเตปิ ตํ มาตา น ปริจฺจชิ. กุจฺฉิยํ วสิตปุตฺตสฺมิฺหิ สิเนโห พลวา โหติ. สา ตํ กิจฺเฉน โปสยมานา ตํ อาทาย คตทิวเส กิฺจิ อลภิตฺวา เคเห กตฺวา สยเมว คตทิวเส ภตึ ลภติ. อถ นํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิตุํ สมตฺถกาเล สา กปาลกํ หตฺเถ เปตฺวา, ‘‘ตาต ¶ , มยํ ตํ นิสฺสาย มหาทุกฺขํ ปตฺตา, อิทานิ น สกฺโกมิ ตํ โปเสตุํ, อิมสฺมึ นคเร กปณทฺธิกาทีนํ ¶ ปฏิยตฺตภตฺตานิ อตฺถิ, ตตฺถ ภิกฺขาย จริตฺวา ชีวาหี’’ติ ตํ วิสฺสชฺเชสิ. โส ฆรปฏิปาฏิยา จรนฺโต อานนฺทเสฏฺิกาเล นิวุตฺตฏฺานํ คนฺตฺวา ชาติสฺสโร หุตฺวา อตฺตโน เคหํ ปาวิสิ. ตีสุ ปน ทฺวารโกฏฺเกสุ น โกจิ สลฺลกฺเขสิ. จตุตฺเถ ทฺวารโกฏฺเก มูลสิริเสฏฺิโน ปุตฺตกา ทิสฺวา อุพฺพิคฺคหทยา ปโรทึสุ. อถ นํ เสฏฺิปุริสา ‘‘นิกฺขม กาฬกณฺณี’’ติ โปเถตฺวา นีหริตฺวา สงฺการฏฺาเน ขิปึสุ. สตฺถา อานนฺทตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน ปิณฺฑาย จรนฺโต ตํ านํ ปตฺโต เถรํ โอโลเกตฺวา เตน ปุฏฺโ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. เถโร มูลสิรึ ปกฺโกสาเปสิ. อถ มหาชนกาโย สนฺนิปติ. สตฺถา มูลสิรึ อามนฺเตตฺวา ‘‘ชานาสิ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ชานามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ปิตา เต อานนฺทเสฏฺี’’ติ วตฺวา อสทฺทหนฺตํ ‘‘อานนฺทเสฏฺิ ปุตฺตสฺส เต ปฺจ มหานิธิโย อาจิกฺขาหี’’ติ อาจิกฺขาเปตฺวา สทฺทหาเปสิ. โส สตฺถารํ สรณํ อคมาสิ. ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปุตฺตา มตฺถิ ธนมฺมตฺถิ, อิติ พาโล วิหฺติ;
อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ, กุโต ปุตฺตา กุโต ธน’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – ปุตฺตา เม อตฺถิ, ธนํ เม อตฺถิ, อิติ พาโล ปุตฺตตณฺหาย เจว ธนตณฺหาย จ หฺติ วิหฺติ ทุกฺขยติ, ‘‘ปุตฺตา เม นสฺสึสู’’ติ วิหฺติ, ‘‘นสฺสนฺตี’’ติ วิหฺติ, ‘‘นสฺสิสฺสนฺตี’’ติ วิหฺติ. ธเนปิ เอเสว นโย. อิติ ฉหากาเรหิ วิหฺติ. ‘‘ปุตฺเต โปเสสฺสามี’’ติ รตฺติฺจ ทิวา จ ถลชลปถาทีสุ นานปฺปการโต วายมนฺโตปิ วิหฺติ, ‘‘ธนํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ กสิวาณิชฺชาทีนิ กโรนฺโตปิ วิหฺเตว. เอวํ ¶ วิหฺสฺส จ อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ เตน วิฆาเตน ทุกฺขิตํ อตฺตานํ สุขิตํ กาตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ปวตฺติยมฺปิสฺส อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ, มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส มารณนฺติกาหิ เวทนาหิ อคฺคิชาลาหิ วิย ปริฑยฺหมานสฺส ฉิชฺชมาเนสุ สนฺธิพนฺธเนสุ, ภิชฺชมาเนสุ อฏฺิสงฺฆาเฏสุ นิมีเลตฺวา ปรโลกํ อุมฺมีเลตฺวา อิธโลกํ ปสฺสนฺตสฺสาปิ ทิวเส ทิวเส ทฺวิกฺขตฺตุํ นฺหาเปตฺวา ติกฺขตฺตุํ โภเชตฺวา คนฺธมาลาทีหิ อลงฺกริตฺวา ยาวชีวํ โปสิโตปิ สหายภาเวน ¶ ทุกฺขปริตฺตาณํ กาตุํ อสมตฺถตาย อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ. กุโต ¶ ปุตฺตา กุโต ธนํ ปุตฺตา วา ธนํ วา ตสฺมึ สมเย กิเมว กริสฺสนฺติ, อานนฺทเสฏฺิโนปิ กสฺสจิ กิฺจิ อทตฺวา ปุตฺตสฺสตฺถาย ธนํ สณฺเปตฺวา ปุพฺเพ วา มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส, อิทานิ วา อิมํ ทุกฺขํ ปตฺตสฺส กุโต ปุตฺตา กุโต ธนํ. ปุตฺตา วา ธนํ วา ตสฺมึ สมเย กึ ทุกฺขํ หรึสุ, กึ วา สุขํ อุปฺปาทยึสูติ.
เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.
อานนฺทเสฏฺิวตฺถุ ตติยํ.
๔. คณฺิเภทกโจรวตฺถุ
โย พาโลติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต คณฺิเภทกโจเร อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร ทฺเว สหายกา ธมฺมสฺสวนตฺถาย คจฺฉนฺเตน มหาชเนน สทฺธึ เชตวนํ คนฺตฺวา เอโก ธมฺมกถํ อสฺโสสิ, เอโก อตฺตโน คยฺหูปคํ โอโลเกสิ. เตสุ เอโก ธมฺมํ สุณมาโน โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, อิตโร เอกสฺส ทุสฺสนฺเต พทฺธํ ปฺจมาสกมตฺตํ ลภิ. ตสฺส ตํ เคเห ปากภตฺตํ ชาตํ, อิตรสฺส เคเห น ปจฺจติ. อถ นํ สหายกโจโร อตฺตโน ภริยาย สทฺธึ อุปฺปณฺฑยมาโน ‘‘ตฺวํ อติปณฺฑิตตาย อตฺตโน เคเห ปากภตฺตมูลมฺปิ น นิปฺผาเทสี’’ติ อาห. อิตโร ปน ‘‘พาลภาเวเนว วตายํ อตฺตโน ปณฺฑิตภาวํ มฺตี’’ติ ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจตุํ ¶ าตีหิ สทฺธึ เชตวนํ คนฺตฺวา อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย ¶ พาโล มฺติ พาลฺยํ, ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส;
พาโล จ ปณฺฑิตมานี, ส เว ‘พาโล’ติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ โย พาโลติ โย อนฺธพาโล อปณฺฑิโต สมาโน ‘‘พาโล อห’’นฺติ อตฺตโน พาลฺยํ พาลภาวํ มฺติ ชานาติ. เตน โสติ ¶ เตน การเณน โส ปุคฺคโล ปณฺฑิโต วาปิ โหติ ปณฺฑิตสทิโส วา. โส หิ ‘‘พาโล อห’’นฺติ ชานมาโน อฺํ ปณฺฑิตํ อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสนฺโต เตน ปณฺฑิตภาวตฺถาย โอวทิยมาโน อนุสาสิยมาโน ตํ โอวาทํ คณฺหิตฺวา ปณฺฑิโต วา โหติ ปณฺฑิตตโร วา. ส เว พาโลติ โย จ พาโล สมาโน ‘‘โก อฺโ มยา สทิโส พหุสฺสุโต วา ธมฺมกถิโก วา วินยธโร วา ธุตงฺคธโร วา อตฺถี’’ติ เอวํ ปณฺฑิตมานี โหติ. โส อฺํ ปณฺฑิตํ อนุปสงฺกมนฺโต อปยิรุปาสนฺโต เนว ปริยตฺตึ อุคฺคณฺหาติ, น ปฏิปตฺตึ ปูเรติ, เอกนฺตพาลภาวเมว ปาปุณาติ. โส คณฺิเภทกโจโร วิย. เตน วุตฺตํ ‘‘ส เว ‘พาโล’ติ วุจฺจตี’’ติ.
เทสนาปริโยสาเน อิตรสฺส าตเกหิ สทฺธึ มหาชโน โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณีติ.
คณฺิเภทกโจรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อุทายิตฺเถรวตฺถุ
ยาวชีวมฺปิ เจ พาโลติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร มหาเถเรสุ ปฏิกฺกนฺเตสุ ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ. อถ นํ เอกทิวสํ อาคนฺตุกา ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อยํ พหุสฺสุโต มหาเถโร ภวิสฺสตี’’ติ มฺมานา ขนฺธาทิปฏิสํยุตฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา กิฺจิ อชานมานํ ‘‘โก เอโส, พุทฺเธหิ สทฺธึ เอกวิหาเร วสมาโน ขนฺธธาตุอายตนมตฺตมฺปิ น ชานาตี’’ติ ครหิตฺวา ตํ ปวตฺตึ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยาวชีวมฺปิ เจ พาโล, ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสติ;
น โส ธมฺมํ วิชานาติ, ทพฺพี สูปรสํ ยถา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – พาโล นาเมส ยาวชีวมฺปิ ปณฺฑิตํ อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสนฺโต ‘‘อิทํ พุทฺธวจนํ, เอตฺตกํ พุทฺธวจน’’นฺติ เอวํ ปริยตฺติธมฺมํ วา ‘‘อยํ ¶ จาโร, อยํ วิหาโร, อยํ อาจาโร, อยํ โคจโร, อิทํ สาวชฺชํ, อิทํ อนวชฺชํ, อิทํ เสวิตพฺพํ, อิทํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ ปฏิวิชฺฌิตพฺพํ, อิทํ สจฺฉิกาตพฺพ’’นฺติ เอวํ ปฏิปตฺติปฏิเวธธมฺมํ วา น ชานาติ. ยถา กึ? ทพฺพี สูปรสํ ยถาติ. ยถา หิ ทพฺพี ยาว ปริกฺขยา นานปฺปการาย สูปวิกติยา สมฺปริวตฺตมานาปิ ‘‘อิทํ โลณิกํ, อิทํ อโลณิกํ, อิทํ ติตฺตกํ, อิทํ ขาริกํ, อิทํ กฏุกํ, อิทํ อมฺพิลํ, อิทํ อนมฺพิลํ, อิทํ กสาว’’นฺติ ¶ สูปรสํ น ชานาติ, เอวเมว พาโล ยาวชีวมฺปิ ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสมาโน วุตฺตปฺปการํ ธมฺมํ น ชานาตีติ.
เทสนาวสาเน อาคนฺตุกา ภิกฺขู อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสูติ.
อุทายิตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ตึสมตฺตปาเวยฺยกภิกฺขุวตฺถุ
มุหุตฺตมปิ เจ วิฺูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตึสมตฺเต ปาเวยฺยเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เตสฺหิ ภควา อิตฺถึ ปริเยสนฺตานํ กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ปมํ ธมฺมํ เทเสสิ. ตทา เต สพฺเพว เอหิภิกฺขุภาวํ ปตฺวา อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา หุตฺวา เตรส ธุตงฺคานิ สมาทาย วตฺตมานา ปุนปิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อนมตคฺคธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตสฺมึเยว อาสเน อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ภิกฺขู ‘‘อโห วติเมหิ ภิกฺขูหิ ขิปฺปเมว ธมฺโม วิฺาโต’’ติ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ตํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ อิเม ตึสมตฺตา สหายกา ธุตฺตา หุตฺวา ตุณฺฑิลชาตเก (ชา. ๑.๖.๘๘ อาทโย) มหาตุณฺฑิลสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวาปิ ขิปฺปเมว ¶ ธมฺมํ วิฺาย ปฺจ สีลานิ สมาทิยึสุ, เต เตเนว อุปนิสฺสเยน เอตรหิ นิสินฺนาสเนเยว อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มุหุตฺตมปิ เจ วิฺู, ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสติ;
ขิปฺปํ ธมฺมํ วิชานาติ, ชิวฺหา สูปรสํ ยถา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ ¶ – วิฺู ปณฺฑิตปุริโส มุหุตฺตมปิ เจ อฺํ ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสติ, โส ตสฺส สนฺติเก อุคฺคณฺหนฺโต ปริปุจฺฉนฺโต ขิปฺปเมว ปริยตฺติธมฺมํ วิชานาติ. ตโต กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา ปฏิปตฺติยํ ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ยถา นาม อนุปหตชิวฺหาปสาโท ปุริโส รสวิชานนตฺถํ ชิวฺหคฺเค เปตฺวา เอว โลณิกาทิเภทํ รสํ วิชานาติ, เอวํ ปณฺฑิโต ขิปฺปเมว โลกุตฺตรธมฺมมฺปิ วิชานาตีติ.
เทสนาวสาเน พหู ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.
ตึสมตฺตปาเวยฺยกภิกฺขุวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สุปฺปพุทฺธกุฏฺิวตฺถุ
จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สุปฺปพุทฺธกุฏฺึ อารพฺภ กเถสิ. สุปฺปพุทฺธกุฏฺิวตฺถุ อุทาเน (อุทา. ๔๓) อาคตเมว.
ตทา หิ สุปฺปพุทฺธกุฏฺิ ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ ¶ สตฺถุ อาโรเจตุกาโม ปริสมชฺเฌ โอคาหิตุํ อวิสหนฺโต มหาชนสฺส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อนุคนฺตฺวา นิวตฺตนกาเล วิหารํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก เทวราชา ‘‘อยํ สุปฺปพุทฺธกุฏฺิ อตฺตโน สตฺถุ สาสเน ปฏิลทฺธคุณํ ปากฏํ กาตุกาโม’’ติ ตฺวา ‘‘วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ คนฺตฺวา อากาเส ิโตว เอตทโวจ – ‘‘สุปฺปพุทฺธ, ตฺวํ มนุสฺสทลิทฺโท มนุสฺสวราโก, อหํ เต อปริยนฺตํ ธนํ ทสฺสามิ, ‘พุทฺโธ น พุทฺโธ, ธมฺโม น ธมฺโม, สงฺโฆ น สงฺโฆ, อลํ เม พุทฺเธน, อลํ เม ธมฺเมน, อลํ เม สงฺเฆนา’ติ วเทหี’’ติ. อถ นํ โส อาห – ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ สกฺโก’’ติ. อนฺธพาล, อหิริก ตฺวํ มยา สทฺธึ กเถตุํ น ยุตฺตรูโป, ตฺวํ มํ ‘‘ทุคฺคโต ทลิทฺโท กปโณ’’ติ วเทสิ, เนวาหํ ทุคฺคโต, น ทลิทฺโท, สุขปฺปตฺโต อหมสฺมิ มหทฺธโน –
‘‘สทฺธาธนํ สีลธนํ, หิรี โอตฺตปฺปิยํ ธนํ;
สุตธนฺจ จาโค จ, ปฺา เว สตฺตมํ ธนํ.
‘‘ยสฺส ¶ ¶ เอเต ธนา อตฺถิ, อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา;
‘อทลิทฺโท’ติ ตํ อาหุ, อโมฆํ ตสฺส ชีวิต’’นฺติ. (อ. นิ. ๗.๕-๖) –
อิมานิ เม สตฺตวิธอริยธนานิ สนฺติ, เยสฺหิ อิมานิ สตฺต ธนานิ สนฺติ, น เต พุทฺเธหิ วา ปจฺเจกพุทฺเธหิ วา ‘‘ทลิทฺทา’’ติ ¶ วุจฺจนฺตีติ. สกฺโก ตสฺส กถํ สุตฺวา ตํ อนฺตรามคฺเค โอหาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ วจนปฏิวจนํ อาโรเจสิ. อถ นํ ภควา อาห – ‘‘น โข, สกฺก, สกฺกา ตาทิสานํ สเตนปิ สหสฺเสนปิ สุปฺปพุทฺธกุฏฺึ ‘พุทฺโธ น พุทฺโธ’ติ วา, ‘ธมฺโม น ธมฺโม’ติ วา, ‘สงฺโฆ น สงฺโฆ’ติ วา กถาเปตุ’’นฺติ. สุปฺปพุทฺโธปิ โข กุฏฺิ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถาโร สมฺโมทมาโน อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ อาโรเจตฺวา วุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อถ นํ อจิรปกฺกนฺตํ คาวี ตรุณวจฺฉา ชีวิตา โวโรเปสิ.
สา กิร เอกา ยกฺขินี ปุกฺกุสาติกุลปุตฺตํ, พาหิยํ ทารุจีริยํ, ตมฺพทาิกโจรฆาตกํ, สุปฺปพุทฺธกุฏฺินฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ ชนานํ อเนกสเต อตฺตภาเว คาวี หุตฺวา ชีวิตา โวโรเปสิ. เต กิร อตีเต จตฺตาโร เสฏฺิปุตฺตา หุตฺวา เอกํ นครโสภินึ คณิกํ อุยฺยานํ เนตฺวา ทิวสํ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา สายนฺหสมเย เอวํ สมฺมนฺตยึสุ – ‘‘อิมสฺมึ าเน อฺโ นตฺถิ, อิมิสฺสา อมฺเหหิ ทินฺนํ กหาปณสหสฺสฺจ สพฺพฺจ ปสาธนภณฺฑํ คเหตฺวา อิมํ มาเรตฺวา คจฺฉามา’’ติ. สา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิเม นิลฺลชฺชา, มยา สทฺธึ อภิรมิตฺวา อิทานิ มํ มาเรตุกามา, ชานิสฺสามิ เนสํ กตฺตพฺพยุตฺตก’’นฺติ เตหิ มาริยมานา ¶ ‘‘อหํ ยกฺขินี หุตฺวา ยถา มํ เอเต มาเรนฺติ, เอวเมว เต มาเรตุํ สมตฺถา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. ตสฺส นิสฺสนฺเทน อิเม มาเรสิ. สมฺพหุลา ภิกฺขู ตสฺส กาลกิริยํ ภควโต อาโรเจตฺวา ‘‘ตสฺส กา คติ, เกน จ การเณน กุฏฺิภาวํ ปตฺโต’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตสฺส ตาวตึสภวเน อุปฺปนฺนภาวฺจ ตครสิขิปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา นิฏฺุภิตฺวา อปสพฺยํ กตฺวา ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อิทานิ กุฏฺิภาวปฺปตฺติฺจ พฺยากริตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อิเม สตฺตา อตฺตนาว ¶ อตฺตโน กฏุกวิปากกมฺมํ กโรนฺตา วิจรนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อุตฺตริ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา, อมิตฺเตเนว อตฺตนา;
กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ, ยํ โหติ กฏุกปฺผล’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ จรนฺตีติ จตูหิ อิริยาปเถหิ อกุสลเมว กโรนฺตา วิจรนฺติ. พาลาติ อิธโลกตฺถฺจ ปรโลกตฺถฺจ อชานนฺตา อิธ พาลา นาม. ทุมฺเมธาติ ทุปฺปฺา. อมิตฺเตเนว ¶ อตฺตนาติ อตฺตนา อมิตฺตภูเตน วิย เวรินา หุตฺวา. กฏุกปฺผลนฺติ ติขิณผลํ ทุกฺขผลนฺติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สุปฺปพุทฺธกุฏฺิวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. กสฺสกวตฺถุ
น ตํ กมฺมํ กตํ สาธูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กสฺสกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สาวตฺถิโต อวิทูเร เอกํ เขตฺตํ กสติ. โจรา อุทกนิทฺธมเนน นครํ ปวิสิตฺวา เอกสฺมึ อฑฺฒกุเล อุมงฺคํ ภินฺทิตฺวา พหุํ หิรฺสุวณฺณํ คเหตฺวา อุทกนิทฺธมเนเนว นิกฺขมึสุ. เอโก โจโร เต วฺเจตฺวา เอกํ สหสฺสตฺถวิกํ โอวฏฺฏิกาย กตฺวา ตํ เขตฺตํ คนฺตฺวา เตหิ สทฺธึ ภณฺฑํ ภาเชตฺวา อาทาย คจฺฉนฺโต โอวฏฺฏิกโต ปตมานํ สหสฺสตฺถวิกํ น สลฺลกฺเขสิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ กสฺสกํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโตปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธารยมาโน อิทํ อทฺทส – ‘‘อยํ กสฺสโก ปาโตว กสิตุํ คมิสฺสติ, ภณฺฑสามิกา โจรานํ อนุปทํ คนฺตฺวา โอวฏฺฏิกโต ปตมานํ สหสฺสตฺถวิกํ ทิสฺวา เอตํ คณฺหิสฺสนฺติ, มํ เปตฺวา ตสฺส อฺโ สกฺขี นาม ¶ น ภวิสฺสติ, โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสโยปิสฺส อตฺถิ, ตตฺถ มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โสปิ กสฺสโก ปาโตว กสิตุํ คโต. สตฺถา อานนฺทตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน ตตฺถ อคมาสิ. กสฺสโก สตฺถารํ ทิสฺวา คนฺตฺวา ภควนฺตํ ¶ วนฺทิตฺวา ปุน กสิตุํ อารภิ. สตฺถา เตน สทฺธึ กิฺจิ อวตฺวาว สหสฺสตฺถวิกาย ปติตฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘ปสฺส, อานนฺท, อาสีวิโส’’ติ. ‘‘ปสฺสามิ, ภนฺเต, โฆรวิโส’’ติ.
กสฺสโก ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘มม เวลาย วา อเวลาย วา วิจรณฏฺานเมตํ, อาสีวิโส กิเรตฺถ อตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถริ เอตฺตกํ วตฺวา ปกฺกนฺเต ‘‘มาเรสฺสามิ น’’นฺติ ปโตทลฏฺึ อาทาย คโต สหสฺสภณฺฑิกํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ สนฺธาย สตฺถารา กถิตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ อาทาย ¶ นิวตฺโต, อพฺยตฺตตาย เอกมนฺเต เปตฺวา ปํสุนา ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปุน กสิตุํ อารภิ. มนุสฺสา จ วิภาตาย รตฺติยา เคเห โจเรหิ กตกมฺมํ ทิสฺวา ปทานุปทํ คจฺฉนฺตา ตํ เขตฺตํ คนฺตฺวา ตตฺถ โจเรหิ ภณฺฑสฺส ภาชิตฏฺานํ ทิสฺวา กสฺสกสฺส ปทวลฺชํ อทฺทสํสุ. เต ตสฺส ปทานุสาเรน คนฺตฺวา ถวิกาย ปิตฏฺานํ ทิสฺวา ปํสุํ วิยูหิตฺวา ถวิกํ อาทาย ‘‘ตฺวํ เคหํ วิลุมฺปิตฺวา เขตฺตํ กสมาโน วิย วิจรสี’’ติ ตชฺเชตฺวา โปเถตฺวา เนตฺวา รฺโ ทสฺสยึสุ. ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ¶ ตสฺส วธํ อาณาเปสิ. ราชปุริสา ตํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา กสาหิ ตาเฬนฺตา อาฆาตนํ นยึสุ. โส กสาหิ ตาฬิยมาโน อฺํ กิฺจิ อวตฺวา ‘‘ปสฺสานนฺท, อาสีวิโสติ, ปสฺสามิ ภควา โฆรวิโส’’ติ วทนฺโต คจฺฉติ. อถ นํ ราชปุริสา ‘‘ตฺวํ สตฺถุ เจว อานนฺทตฺเถรสฺส จ กถํ กเถสิ, กึ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา – ‘‘ราชานํ ทฏฺุํ ลภมาโน กเถสฺสามี’’ติ วุตฺเต รฺโ สนฺติกํ เนตฺวา รฺโ ตํ ปวตฺตึ กถยึสุ. อถ นํ ราชา ‘‘กสฺมา เอวํ กเถสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘นาหํ, เทว, โจโร’’ติ วตฺวา กสนตฺถาย นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาจิกฺขิ. ราชา ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘อยํ ภเณ โลเก อคฺคปุคฺคลํ สตฺถารํ สกฺขึ อปทิสติ, น ยุตฺตํ เอตสฺส โทสํ อาโรเปตุํ, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ ตํ อาทาย สายนฺหสมเย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภควา กจฺจิ ตุมฺเห อานนฺทตฺเถเรน สทฺธึ เอตสฺส กสฺสกสฺส กสนฏฺานํ คตา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ โว ตตฺถ ทิฏฺ’’นฺติ? ‘‘สหสฺสตฺถวิกา, มหาราชา’’ติ. ‘‘ทิสฺวา กึ อโวจุตฺถา’’ติ? ‘‘อิทํ นาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สจายํ ปุริโส ตุมฺหาทิสํ อปทิสํ นากริสฺส, น ชีวิตํ อลภิสฺส, ตุมฺเหหิ ปน กถิตกถํ ¶ กเถตฺวา เตน ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘อาม, มหาราช, อหมฺปิ เอตฺตกเมว วตฺวา คโต, ปณฺฑิเตน นาม ยํ กมฺมํ กตฺวา ปจฺฉานุตปฺปํ ¶ โหติ, ตํ น กตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ;
ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ.
ตตฺถ น ตํ กมฺมนฺติ ยํ นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตนสมตฺถํ ทุกฺขุทฺรยํ กมฺมํ กตฺวา อนุสฺสรนฺโต อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณ อนุตปฺปติ อนุโสจติ, ตํ กตํ น สาธุ น สุนฺทรํ นิรตฺถกํ. ยสฺส อสฺสุมุโขติ ยสฺส อสฺสูหิ ตินฺตมุโข โรทนฺโต วิปากํ อนุโภตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ กสฺสโก อุปาสโก โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต, สมฺปตฺตภิกฺขูปิ โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
กสฺสกวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. สุมนมาลาการวตฺถุ
ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สุมนํ นาม มาลาการํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร เทวสิกํ พิมฺพิสารราชานํ ปาโตว อฏฺหิ สุมนปุปฺผนาฬีหิ อุปฏฺหนฺโต อฏฺ กหาปเณ ลภติ. อเถกทิวสํ ตสฺมึ ปุปฺผานิ คเหตฺวา นครํ ปวิฏฺมตฺเต ภควา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา มหตา พุทฺธานุภาเวน มหติยา พุทฺธลีฬาย นครํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ภควา หิ เอกทา ฉพฺพณฺณรํสิโย จีวเรน ปฏิจฺฉาเทตฺวา อฺตโร ปิณฺฑปาติโก วิย จรติ ตึสโยชนมคฺคํ องฺคุลิมาลสฺส ปจฺจุคฺคมนํ คจฺฉนฺโต วิย, เอกทา ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา กปิลวตฺถุปฺปเวสนาทีสุ วิย. ตสฺมิมฺปิ ทิวเส สรีรโต ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺโต มหนฺเตน พุทฺธานุภาเวน มหติยา พุทฺธลีฬาย ราชคหํ ปาวิสิ. มาลากาโร ภควโต รตนคฺฆิยสทิสํ อตฺตภาวํ ทิสฺวา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีตานุพฺยฺชนสรีรโสภคฺคํ ¶ โอโลเกตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ‘‘กึ นุ โข สตฺถุ อธิการํ กโรมี’’ติ จินฺเตตฺวา อฺํ อปสฺสนฺโต ‘‘อิเมหิ ปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘อิมานิ รฺโ นิพทฺธํ อุปฏฺานปุปฺผานิ, ราชา อิมานิ อลภนฺโต มํ พนฺธาเปยฺย วา ฆาตาเปยฺย วา รฏฺโต วา ปพฺพาเชยฺย, กึ นุ โข กโรมี’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘ราชา มํ ฆาเตตุ วา พนฺธาเปตุ วา รฏฺโต ปพฺพาเชตุ วา, โส หิ มยฺหํ ททมาโนปิ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ชีวิตมตฺตํ ธนํ ทเทยฺย, สตฺถุปูชา ปน เม อเนกาสุ กปฺปโกฏีสุ อลํ หิตาย เจว สุขาย จา’’ติ อตฺตโน ¶ ชีวิตํ ตถาคตสฺส ปริจฺจชิ.
โส ‘‘ยาว เม ปสนฺนํ จิตฺตํ น ปติกุฏติ, ตํ ตาวเทว ปูชํ กริสฺสามี’’ติ หฏฺตุฏฺโ อุทคฺคุทคฺโค สตฺถารํ ปูเชสิ. กถํ? ปมํ ตาว ทฺเวว ปุปฺผมุฏฺิโย ตถาคตสฺส อุปริ ขิปิ, ตา อุปริมตฺถเก วิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. อปรา ทฺเว มุฏฺิโย ขิปิ, ตา ทกฺขิณหตฺถปสฺเสน มาลาปฏจฺฉนฺเนน ¶ โอตริตฺวา อฏฺํสุ. อปรา ทฺเว มุฏฺิโย ขิปิ, ตา ปิฏฺิปสฺเสน โอตริตฺวา ตเถว อฏฺํสุ. อปรา ทฺเว มุฏฺิโย ขิปิ, ตา วามหตฺถปสฺเสน โอตริตฺวา ตเถว อฏฺํสุ. เอวํ อฏฺ นาฬิโย อฏฺ มุฏฺิโย หุตฺวา จตูสุ าเนสุ ตถาคตํ ปริกฺขิปึสุ. ปุรโต คมนทฺวารมตฺตเมว อโหสิ. ปุปฺผานํ วณฺฏานิ อนฺโต อเหสุํ, ปตฺตานิ พหิมุขานิ. ภควา รชตปตฺตปริกฺขิตฺโต วิย หุตฺวา ปายาสิ. ปุปฺผานิ อจิตฺตกานิปิ สจิตฺตกํ นิสฺสาย สจิตฺตกานิ วิย อภิชฺชิตฺวา อปติตฺวา สตฺถารา สทฺธึเยว คจฺฉนฺติ, ิติตฏฺาเน ติฏฺนฺติ. สตฺถุ สรีรโต สตสหสฺสวิชฺชุลตา วิย รํสิโย นิกฺขมึสุ. ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ทกฺขิณโต จ วามโต จ สีสมตฺถกโต จ นิรนฺตรํ นิกฺขนฺตรํสีสุ เอกาปิ สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว อปลายิตฺวา สพฺพาปิ สตฺถารํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ตรุณตาลกฺขนฺธปฺปมาณา ¶ หุตฺวา ปุรโต เอว ธาวนฺติ. สกลนครํ สงฺขุภิ. อนฺโตนคเร นว โกฏิโย, พหินคเร นว โกฏิโยติ อฏฺารสสุ โกฏีสุ เอโกปิ ปุริโส วา อิตฺถี วา ภิกฺขํ คเหตฺวา อนิกฺขนฺโต นาม นตฺถิ. มหาชโน สีหนาทํ นทนฺโต เจลุกฺเขปสหสฺสานิ กโรนฺโต สตฺถุ ปุรโตว คจฺฉติ. สตฺถาปิ มาลาการสฺส คุณํ ปากฏํ กาตุํ ติคาวุตปฺปมาเณ นคเร เภริจรณมคฺเคเนว ¶ อจริ. มาลาการสฺส สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา ปริปูริ.
โส โถกฺเว ตถาคเตน สทฺธึ จริตฺวา มโนสิลารเส นิมุคฺโค วิย พุทฺธรสฺมีนํ อนฺโต ปวิฏฺโ สตฺถารํ โถเมตฺวา วนฺทิตฺวา ตุจฺฉปจฺฉิเมว คเหตฺวา เคหํ อคมาสิ. อถ นํ ภริยา ปุจฺฉิ ‘‘กหํ ปุปฺผานี’’ติ? ‘‘สตฺถา เม ปูชิโต’’ติ. ‘‘รฺโ ทานิ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘ราชา มํ ฆาเตตุ วา รฏฺโต วา นีหรตุ, อหํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา สตฺถารํ ปูเชสึ, สพฺพปุปฺผานิ อฏฺ มุฏฺิโยว อเหสุํ, เอวรูปา นาม ปูชา ชาตา. มหาชโน อุกฺกุฏฺิสหสฺสานิ กโรนฺโต สตฺถารา สทฺธึ จรติ, โย เอส มหาชนสฺส อุกฺกุฏฺิสทฺโท, ตสฺมึ าเน เอโส’’ติ. อถสฺส ภริยา อนฺธพาลตาย เอวรูเป ปาฏิหาริเย ¶ ปสาทํ นาม อชเนตฺวา ตํ อกฺโกสิตฺวา ปริภาสิตฺวา ‘‘ราชาโน นาม จณฺฑา, สกึ กุทฺธา หตฺถปาทาทิจฺเฉทเนน พหุมฺปิ อนตฺถํ กโรนฺติ, ตยา กตกมฺเมน มยฺหมฺปิ อนตฺโถ สิยา’’ติ ปุตฺเต อาทาย ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา ปกฺโกสิตฺวา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตา อาห – ‘‘มม สามิโก ตุมฺหากํ อุปฏฺานปุปฺเผหิ สตฺถารํ ปูเชตฺวา ตุจฺฉหตฺโถ ฆรํ อาคนฺตฺวา ‘กหํ ปุปฺผานี’ติ มยา ปุฏฺโ อิทํ นาม วเทสิ, อหํ ตํ ปริภาสิตฺวา ‘ราชาโน นาม จณฺฑา, สกึ กุทฺธา หตฺถปาทาทิจฺเฉทเนน พหุมฺปิ อนตฺถํ กโรนฺติ, ตยา กตกมฺเมน มยฺหมฺปิ อนตฺโถ สิยา’ติ ตํ ฉฑฺเฑตฺวา อิธาคตา, เตน กตํ กมฺมํ สุกตํ วา โหตุ, ทุกฺกฏํ วา, ตสฺเสเวตํ, มยา ตสฺส ฉฑฺฑิตภาวํ ชานาหิ, เทวา’’ติ. ราชา ปมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต สทฺโธ ปสนฺโน อริยสาวโก จินฺเตสิ ¶ – ‘‘อโห อยํ อิตฺถี อนฺธพาลา, เอวรูเป คุเณ ปสาทํ น อุปฺปาเทสี’’ติ. โส กุทฺโธ วิย หุตฺวา, ‘‘อมฺม, กึ วเทสิ, มยฺหํ อุปฏฺานปุปฺเผหิ เตน ปูชา กตา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘ภทฺทกํ เต กตํ ตํ ฉฑฺเฑนฺติยา, มม ปุปฺเผหิ ปูชาการสฺส อหํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ ชานิสฺสามี’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา เวเคน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา สตฺถารา ¶ สทฺธึเยว วิจริ.
สตฺถา รฺโ จิตฺตปฺปสาทํ ตฺวา เภริจรณวีถิยา นครํ จริตฺวา รฺโ ฆรทฺวารํ อคมาสิ. ราชา ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ เคหํ ปเวเสตุกาโม อโหสิ. สตฺถา ปน ราชงฺคเณเยว นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ ¶ . ราชา ตํ ตฺวา ‘‘สีฆํ มณฺฑปํ กโรถา’’ติ ตงฺขณฺเว มณฺฑปํ การาเปสิ. นิสีทิ สตฺถา สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. กสฺมา ปน สตฺถา ราชเคหํ น ปาวิสิ?
เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สจาหํ อนฺโต ปวิสิตฺวา นิสีเทยฺยํ, มหาชโน มํ ทฏฺุํ น ลเภยฺย, มาลาการสฺส คุโณ ปากโฏ น ภเวยฺย, ราชงฺคเณ ปน มํ นิสินฺนํ มหาชโน ทฏฺุํ ลภิสฺสติ, มาลาการสฺส คุโณ ปากโฏ ภวิสฺสตี’’ติ. คุณวนฺตานฺหิ คุณํ พุทฺธา เอว ปากฏํ กาตุํ สกฺโกนฺติ, อวเสสชโน คุณวนฺตานํ คุณํ กเถนฺโต มจฺฉรายติ. จตฺตาโร ปุปฺผปฏา จตุทฺทิสํ อฏฺํสุ. มหาชโน สตฺถารํ ปริวาเรสิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กตฺวา ปุริมนเยเนว จตูหิ ปุปฺผปเฏหิ ปริกฺขิตฺโต สีหนาทํ นทนฺโต มหาชเนน ปริวุโต วิหารํ อคมาสิ. ราชา สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺโต มาลาการํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มม อาหริตปุปฺเผหิ กินฺติ กตฺวา สตฺถารํ ปูเชสี’’ติ ปุจฺฉิ. มาลากาโร ‘‘ราชา มํ ฆาเตตุ วา รฏฺโต วา ปพฺพาเชตูติ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ปูเชสึ เทวา’’ติ อาห. ราชา ‘‘ตฺวํ มหาปุริโส นามา’’ติ วตฺวา อฏฺ หตฺถี จ อสฺเส จ ทาเส จ ทาสิโย ¶ จ มหาปสาธนานิ จ อฏฺ กหาปณสหสฺสานิ จ ราชกุลโต นีหริตฺวา สพฺพาลงฺการปฺปฏิมณฺฑิตา อฏฺ นาริโย จ อฏฺ คามวเร จาติ อิทํ สพฺพฏฺกํ นาม ทานํ อทาสิ.
อานนฺทตฺเถโร จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช ปาโตว ปฏฺาย สีหนาทสหสฺสานิ เจว เจลุกฺเขปสหสฺสานิ จ ปวตฺตนฺติ, โก นุ โข มาลาการสฺส วิปาโก’’ติ? โส สตฺถารํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘อานนฺท, อิมินา มาลากาเรน อปฺปมตฺตกํ กมฺมํ กต’’นฺติ มา สลฺลกฺเขสิ, อยฺหิ มยฺหํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ปูชํ อกาสิ. โส เอวํ มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา –
‘‘กปฺปานํ ¶ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ น คมิสฺสติ;
ตฺวา เทวมนุสฺเสสุ, ผลํ เอตสฺส กมฺมุโน;
ปจฺฉา ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ, สุมโน นาม ภวิสฺสตี’’ติ. –
อาห. สตฺถุ ปน วิหารํ คนฺตฺวา คนฺธกุฏิปวิสนกาเล ตานิ ปุปฺผานิ ทฺวารโกฏฺเก ปตึสุ. สายนฺหสมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ¶ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ มาลาการสฺส กมฺมํ, ธรมานกพุทฺธสฺส ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ปุปฺผปูชํ กตฺวา ตงฺขณฺเว สพฺพฏฺกํ นาม ลภตี’’ติ. สตฺถา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ติณฺณํ คมนานํ อฺตเรน คมเนน ธมฺมสภํ ¶ คนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ยสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา ปจฺฉานุตปฺปํ น โหติ, อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณ โสมนสฺสเมว อุปฺปชฺชติ, เอวรูปํ กมฺมํ กตฺตพฺพเมวา’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;
ยสฺส ปตีโต สุมโน, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ.
ตตฺถ ยํ กตฺวาติ ยํ เทวมนุสฺสสมฺปตฺตีนฺเจว นิพฺพานสมฺปตฺติยา จ นิพฺพตฺตนสมตฺถํ สุขุทฺรยํ กมฺมํ กตฺวา นานุตปฺปติ, อถ โข ทิฏฺธมฺเมเยว อนุสฺสริตานุสฺสริตกฺขเณเยว ปีติเวเคน ปตีโต โสมนสฺสเวเคน จ สุมโน หุตฺวา อายตึ ปีติโสมนสฺสชาโต หุตฺวา วิปากํ ปฏิเสวติ, ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ ภทฺทกนฺติ.
เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.
สุมนมาลาการวตฺถุ นวมํ.
๑๐. อุปฺปลวณฺณตฺเถรีวตฺถุ
มธุวา ¶ มฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปฺปลวณฺณตฺเถรึ อารพฺภ กเถสิ.
สา ¶ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ปาทมูเล ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ ปฺุานิ กุรุมานา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เทวโลกโต จวิตฺวา สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. นีลุปฺปลคพฺภสมานวณฺณตาย จสฺสา อุปฺปลวณฺณาตฺเวว นามํ อกํสุ. อถสฺสา วยปฺปตฺตกาเล สกลชมฺพุทีเป ราชาโน จ เสฏฺิโน จ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ สาสนํ ปหิณึสุ – ‘‘ธีตรํ อมฺหากํ เทตู’’ติ ¶ . อปหิณนฺโต นาม นาโหสิ. ตโต เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สพฺเพสํ มนํ คเหตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อุปายํ ปเนกํ กริสฺสามี’’ติ ธีตรํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อมฺม, ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ อาห. ตสฺสา ปจฺฉิมภวิกตฺตา ตํ วจนํ สีเส อาสิตฺตํ สตปากเตลํ วิย อโหสิ. ตสฺมา ปิตรํ ‘‘ปพฺพชิสฺสามิ, ตาตา’’ติ อาห. โส ตสฺสา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ ¶ . ตสฺสา อจิรปพฺพชิตาย เอว อุโปสถาคาเร กาลวาโร ปาปุณิ. สา ทีปํ ชาเลตฺวา อุโปสถาคารํ สมฺมชฺชิตฺวา ทีปสิขาย นิมิตฺตํ คณฺหิตฺวา ิตาว ปุนปฺปุนํ โอโลกยมานา เตโชกสิณารมฺมณํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเมว ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ สทฺธึ ปฏิสมฺภิทาหิ เจว อภิฺาหิ จ.
สา อปเรน สมเยน ชนปทจาริกํ จริตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา อนฺธวนํ ปาวิสิ. ตทา ภิกฺขุนีนํ อรฺวาโส อปฺปฏิกฺขิตฺโต โหติ. อถสฺสา ตตฺถ กุฏิกํ กตฺวา มฺจกํ ปฺาเปตฺวา สาณิยา ปริกฺขิปึสุ. สา สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นิกฺขมิ. มาตุลปุตฺโต ปนสฺสา นนฺทมาณโว นาม คิหิกาลโต ปฏฺาย ปฏิพทฺธจิตฺโต. โส ตสฺสา อาคตภาวํ สุตฺวา เถริยา อาคมนโต ปุเรตรเมว อนฺธวนํ คนฺตฺวา ตํ กุฏิกํ ปวิสิตฺวา เหฏฺามฺจเก นิลีโน เถริยา อาคนฺตฺวา กุฏิกํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มฺจเก นิสินฺนมตฺตาย พหิ อาตปโต อาคตตฺตา จกฺขุปเถ อนฺธกาเร อวิคเตเยว เหฏฺามฺจกโต นิกฺขมิตฺวา มฺจกํ อภิรุยฺห ‘‘มา นสฺสิ พาล, มา นสฺสิ พาลา’’ติ เถริยา วาริยมาโนเยว อภิภวิตฺวา อตฺตนา ปตฺถิตกมฺมํ กตฺวา ปายาสิ. อถสฺส อคุณํ ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ¶ วิย มหาปถวี ทฺเวธา ภิชฺชิ. โส ปถวึ ปวิฏฺโ คนฺตฺวา มหาอวีจิมฺหิ เอว นิพฺพตฺติ. เถรีปิ ตมตฺถํ ภิกฺขุนีนํ อาโรเจสิ. ภิกฺขุนิโย ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ภิกฺขู ภควโต อาโรจยึสุ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุภิกฺขูนี อุปาสกอุปาสิกาสุ โย โกจิ พาโล ปาปกมฺมํ กโรนฺโต มธุสกฺขราทีสุ กิฺจิ เทว มธุรรสํ ขาทมาโน ปุริโส วิย ตุฏฺหฏฺโ อุทคฺคุทคฺโค วิย กโรตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มธุวา ¶ ¶ มฺติ พาโล, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;
ยทา จ ปจฺจติ ปาปํ, พาโล ทุกฺขํ นิคจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ มธุวาติ พาลสฺส หิ ปาปํ อกุสลกมฺมํ กโรนฺตสฺส ตํ กมฺมํ มธุ วิย มธุรรสํ วิย อิฏฺํ กนฺตํ มนาปํ วิย อุปฏฺาติ. อิติ นํ โส มธุํว มฺติ. ยาวาติ ยตฺตกํ กาลํ. ปาปํ น ปจฺจตีติ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ น เทติ, ตาว นํ เอวํ มฺติ. ยทา จาติ ยทา ปนสฺส ทิฏฺธมฺเม วา วิวิธา กมฺมการณา กยิรมานสฺส, สมฺปราเย วา นิรยาทีสุ มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตสฺส ตํ ปาปํ ปจฺจติ, อถ โส พาโล ทุกฺขํ นิคจฺฉติ วินฺทติ ปฏิลภตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ.
อปเรน ¶ ปน สมเยน ธมฺมสภายํ มหาชโน กถํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘ขีณาสวาปิ มฺเ กามสุขํ สาทิยนฺติ, กามํ เสวนฺติ, กึ น เสวิสฺสนฺติ, น หิ เอเต โกฬาปรุกฺขา, น จ วมฺมิกา อลฺลมํสสรีราว, ตสฺมา เอเตปิ กามสุขํ สาทิยนฺติ, กามํ เสวนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, ขีณาสวา กามสุขํ สาทิยนฺติ, น กามํ เสวนฺติ. ยถา หิ ปทุมปตฺเต ปติตํ อุทกพินฺทุ, น วิลิมฺปติ, น สณฺาติ, วินิวตฺเตตฺวา ปตเตว, ยถา จ อารคฺเค สาสโป น วิลิมฺปติ, น สณฺาติ, วินิวตฺเตตฺวา ปตเตว, เอวํ ขีณาสวสฺส จิตฺเต ทุวิโธปิ กาโม น วิลิมฺปติ, น สณฺาตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ พฺราหฺมณวคฺเค คาถมาห –
‘‘วาริ โปกฺขรปตฺเตว, อารคฺเคริว สาสโป;
โย น ลิมฺปติ กาเมสุ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๐๑);
อิมิสฺสา อตฺโถ พฺราหฺมณวคฺเคเยว อาวิ ภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ราชานํ ปเสนทิโกสลํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘มหาราช, อิมสฺมึ สาสเน ยเถว กุลปุตฺตา, เอวํ กุลธีตโรปิ มหนฺตํ าติคณฺจ โภคกฺขนฺธฺจ ¶ ปหาย ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วิหรนฺติ. ตา เอวํ วิหรมานา ราครตฺตา ปาปปุคฺคลา โอมานาติมานวเสน วิเหเนฺติปิ, พฺรหฺมจริยนฺตรายมฺปิ ปาเปนฺติ, ตสฺมา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อนฺโตนคเร วสนฏฺานํ กาตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นครสฺส ¶ เอกปสฺเส ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส วสนฏฺานํ การาเปสิ. ตโต ปฏฺาย ภิกฺขุนิโย อนฺโตคาเมเยว วสนฺตีติ.
อุปฺปลวณฺณตฺเถรีวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. ชมฺพุกตฺเถรวตฺถุ
มาเส มาเสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ชมฺพุกํ อาชีวกํ อารพฺภ กเถสิ.
อตีเต กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล คามวาสี เอโก กุฏุมฺพิโก เอกสฺส เถรสฺส วิหารํ กตฺวา ตํ ตตฺถ วิหรนฺตํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิ. เถโร ตสฺส เคเห นิพทฺธํ ภฺุชติ. อเถโก ขีณาสโว ภิกฺขุ ทิวา ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺส เคหทฺวารํ ปาปุณิ. กุฏุมฺพิโก ตํ ทิสฺวา ตสฺส อิริยาปเถ ปสนฺโน เคหํ ปเวเสตฺวา สกฺกจฺจํ ปณีเตน โภชเนน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ สาฏกํ รชิตฺวา นิวาเสยฺยาถา’’ติ มหนฺตํ สาฏกํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เกสา ¶ โว ทีฆา, ตุมฺหากํ เกโสโรปนตฺถาย นฺหาปิตํ อาเนสฺสามิ, สยนตฺถาย จ โว มฺจกํ คาหาเปตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ อาห. นิพทฺธํ เคเห ภฺุชนฺโต กุลูปโก ภิกฺขุ ตํ ตสฺส สกฺการํ ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาเทตุํ นาสกฺขิ, ‘‘อยํ ตํ มุหุตฺตํ ทิฏฺกสฺส เอวรูปํ สกฺการํ กโรติ, นิพทฺธํ เคเห ภฺุชนฺตสฺส ปน มยฺหํ น กโรตี’’ติ จินฺเตตฺวา วิหารํ อคมาสิ. อิตโรปิ เตเนว สทฺธึ คนฺตฺวา กุฏุมฺพิเกน ทินฺนสาฏกํ รชิตฺวา นิวาเสสิ. กุฏมฺพิโกปิ นฺหาปิตํ อาทาย คนฺตฺวา เถรสฺส เกเส โอหาราเปตฺวา มฺจกํ อตฺถราเปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึเยว มฺจเก สยถา’’ติ วตฺวา ทฺเวปิ เถเร สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ปกฺกามิ.
เนวาสิโก ตสฺส ตํ สกฺการํ กยิรมานํ อธิวาเสตุํ นาสกฺขิ. อถสฺส โส สายํ เถรสฺส นิปนฺนฏฺานํ คนฺตฺวา จตูหากาเรหิ เถรํ อกฺโกสิ, ‘‘อาวุโส, อาคนฺตุก กุฏุมฺพิกสฺส เต เคเห ภตฺตํ ภฺุชนโต วรตรํ มีฬฺหํ ขาทิตุํ, กุฏุมฺพิเกน อานีตนฺหาปิเตน เกโสหาราปนโต วรตรํ ตาลฏฺิเกน เกเส ลฺุจาเปตุํ. กุฏุมฺพิเกน ทินฺนสาฏกนิวาสนโต วรตรํ นคฺเคน วิจริตุํ, กุฏุมฺพิเกน อาภตมฺจเก นิปชฺชนโต วรตรํ ¶ ภูมิยํ นิปชฺชิตุ’’นฺติ. เถโรปิ ‘‘มา เอส พาโล มํ นิสฺสาย นสฺสี’’ติ นิมนฺตนํ อนาทิยิตฺวา ปาโตว อุฏฺาย ยถาสุขํ อคมาสิ ¶ . เนวาสิโกปิ ปาโตว วิหาเร กตฺตพฺพวตฺตํ กตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย ¶ ‘‘อิทานิปิ อาคนฺตุโก นิทฺทายติ, ฆณฺฑิกสทฺเทน ปพุชฺเฌยฺยา’’ติ สฺาย นขปิฏฺเเนว ฆณฺฑึ ปหริตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. กุฏุมฺพิโกปิ สกฺการํ กตฺวา เถรานํ อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺโต เนวาสิกํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, เถโร กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อถ นํ เนวาสิโก ‘‘มา, อาวุโส, กิฺจิ อวจ, ตุยฺหํ กุลูปโก หิยฺโย, ตว นิกฺขนฺตเวลาย โอวรกํ ปวิสิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกนฺโต ปาโตว อุฏฺาย มม วิหารสมฺมชฺชนสทฺทมฺปิ ปานียฆฏปริโภชนียฆเฏสุ อุทกสิฺจนสทฺทมฺปิ ฆณฺฑิกสทฺทมฺปิ กโรนฺตสฺส น ชานาตี’’ติ อาห. กุฏุมฺพิโก จินฺเตสิ – ‘‘ตาทิสาย อิริยาปถสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตสฺส เม อยฺยสฺส ยาว อิมมฺหา กาลา นิทฺทายนํ นาม นตฺถิ, มํ ปน ตสฺส สกฺการํ กโรนฺตํ ทิสฺวา อทฺธา อิมินา ภทนฺเตน กิฺจิ วุตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส อตฺตโน ปณฺฑิตภาเวน ตํ สกฺกจฺจํ โภเชตฺวา ตสฺส ปตฺตํ สาธุกํ โธวิตฺวา นานคฺครสโภชนสฺส ปูเรตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สเจ เม อยฺยํ ปสฺเสยฺยาถ, อิมมสฺส ปิณฺฑปาตํ ทเทยฺยาถา’’ติ อาห.
อิตโร ตํ คเหตฺวาว จินฺเตสิ – ‘‘สเจ โส เอวรูปํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิสฺสติ, อิมสฺมึเยว าเน ปลุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ อนฺตรามคฺเค ตํ ปิณฺฑปาตํ ฉฑฺเฑตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ ตตฺถ โอโลเกนฺโต น อทฺทส. อถ นํ เอตฺตกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา วีสติวสฺสสหสฺสานิ ¶ กโตปิ สมณธมฺโม รกฺขิตุํ นาสกฺขิ. อายุปริโยสาเน ปน กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ มหาทุกฺขํ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร เอกสฺมึ พหฺวนฺนปาเน กุลฆเร นิพฺพตฺติ. โส ปทสา คมนกาลโต ปฏฺาย เนว สยเน สยิตุํ, น ภตฺตํ ภฺุชิตุํ อิจฺฉติ, อตฺตโน สรีรวลฺชเมว ขาทติ. ‘‘พาลตาย อชานนฺโต กโรตี’’ติ ตํ โปสยึสุ. มหลฺลกกาเลปิ วตฺถํ นิวาเสตุํ น อิจฺฉติ, นคฺโคว วิจรติ, ภูมิยํ สยติ, อตฺตโน สรีรวลฺชเมว ขาทติ. อถสฺส มาตาปิตโร ‘‘นายํ กุลฆรสฺส อนุจฺฉวิโก, เกวลํ อลชฺชนโก อาชีวกานํ เอส อนุจฺฉวิโก’’ติ เตสํ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชถา’’ติ อทํสุ. อถ นํ เต ปพฺพาเชสุํ. ปพฺพาเชนฺตา จ ¶ ปน คลปฺปมาเณ อาวาเฏ เปตฺวา ทฺวินฺนํ อํสกูฏานํ อุปรึ ปทรานิ ทตฺวา เตสํ อุปริ นิสีทิตฺวา ตาลฏฺิขณฺเฑน เกเส ลฺุจึสุ. อถ เน ตสฺส มาตาปิตโร สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ปกฺกมึสุ.
ปุนทิวเส อาชีวกา ‘‘เอหิ, คามํ ปวิสิสฺสามา’’ติ ตํ วทึสุ. โส ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, อหํ อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ น อิจฺฉิ. อถ นํ ปุนปฺปุนํ วตฺวา อนิจฺฉมานํ โอหาย อคมํสุ. โสปิ เตสํ คตภาวํ ตฺวา วจฺจกุฏิยา ปทรํ วิวริตฺวา โอรุยฺห อุโภหิ หตฺเถหิ อาโลปํ ¶ อาโลปํ กตฺวา คูถํ ขาทิ ¶ . อาชีวกา ตสฺส อนฺโตคามโต อาหารํ ปหิณึสุ. ตมฺปิ น อิจฺฉิ. ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโนปิ ‘‘น เม อิมินา อตฺโถ. ลทฺโธ เม อาหาโร’’ติ อาห. ‘‘กหํ ลทฺโธ’’ติ? ‘‘อิเธว ลทฺโธ’’ติ. เอวํ ทุติเย ตติเย จตุตฺเถปิ ทิวเส เตหิ พหุมฺปิ วุจฺจมาโน ‘‘อหํ อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ คามํ คนฺตุํ น อิจฺฉิ. อาชีวกา ‘‘อยํ ทิวเส ทิวเส เนว คามํ ปวิสิตุํ อิจฺฉติ, น อมฺเหหิ ปหิตาหารํ อาหริตุํ อิจฺฉติ, ‘อิเธว เม ลทฺโธ’ติ วทติ, กึ นุ โข กโรติ, ปริคฺคณฺหิสฺสาม น’’นฺติ คามํ ปวิสนฺตา เอกํ ทฺเว ชเน ตสฺส ปริคฺคณฺหนตฺถํ โอหาย คมึสุ. เต ปจฺฉโต คจฺฉนฺตา วิย หุตฺวา นิลียึสุ. โสปิ เตสํ คตภาวํ ตฺวา ปุริมนเยเนว วจฺจกุฏึ โอรุยฺห คูถํ ขาทิ.
อิตเร ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา อาชีวกานํ อาโรจยึสุ. ตํ สุตฺวา อาชีวกา ‘‘อโห ภาริยํ กมฺมํ, สเจ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ชาเนยฺยุํ, ‘อาชีวกา คูถํ ขาทมานา วิจรนฺตี’ติ อมฺหากํ อกิตฺตึ ปกาเสยฺยุํ, นายํ อมฺหากํ อนุจฺฉวิโก’’ติ ตํ อตฺตโน สนฺติกา นีหรึสุ. โส เตหิ นีหริโต มหาชนสฺส อุจฺจารกรณฏฺาเน ปตฺถริโต เอโก ปิฏฺิปาสาโณ อตฺถิ. ตสฺมึ มหนฺตํ โสณฺฑิ, ปิฏฺิปาสาณํ นิสฺสาย มหาชนสฺส อุจฺจารกรณฏฺานํ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา รตฺตึ คูถํ ขาทิตฺวา มหาชนสฺส สรีรวลฺชนตฺถาย อาคมนกาเล เอเกน หตฺเถน ปาสาณสฺส เอกํ อนฺตํ โอลุพฺภ ¶ เอกํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ชณฺณุเก เปตฺวา อุทฺธํวาตาภิมุโข มุขํ วิวริตฺวา ติฏฺติ. มหาชโน ตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กสฺมา อยฺโย มุขํ วิวริตฺวา ิโต’’ติ ปุจฺฉติ. ‘‘อหํ วาตภกฺโข, อฺโ เม อาหาโร นตฺถี’’ติ. อถ ‘‘กสฺมา เอกํ ปาทํ ชณฺณุเก กตฺวา ิโตสิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อหํ อุคฺคตโป ¶ โฆรตโป, มยา ทฺวีหิ ปาเทหิ อกฺกนฺตา ปถวี กมฺปติ, ตสฺมา เอกํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ชณฺณุเก เปตฺวา ิโตมฺหิ. อหฺหิ รตฺตินฺทิวํ ิตโกว วีตินาเมมิ, น นิสีทามิ, น นิปชฺชามี’’ติ. มนุสฺสา นาม เยภุยฺเยน วจนมตฺตเมว สทฺทหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อโห อจฺฉริยํ, เอวรูปาปิ นาม ตปสฺสิโน โหนฺติ, น โน เอวรูปา ทิฏฺปุพฺพา’’ติ เยภุยฺเยน องฺคมคธวาสิโน สงฺขุภิตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา มาเส มาเส มหนฺตํ สกฺการํ อภิหรนฺติ. โส ‘‘อหํ วาตเมว ภกฺขามิ, น อฺํ อาหารํ. อฺฺหิ เม ขาทนฺตสฺส ตโป นสฺสตี’’ติ เตหิ อภิหฏํ น กิฺจิ อิจฺฉติ. มนุสฺสา ‘‘มา โน, ภนฺเต, นาเสถ, ตุมฺหาทิเสน โฆรตเปน ปริโภเค กเต อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตตี’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจนฺติ. ตสฺส อฺโ อาหาโร น รุจฺจติ. มหาชนสฺส ปน ยาจนาย ปีฬิโต เตหิ อาภตานิ สปฺปิผาณิตาทีนิ กุสคฺเคน ชิวฺหคฺเค เปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, อลํ ¶ โว เอตฺตกํ หิตาย สุขาย จา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เอวํ โส ปฺจปฺาส วสฺสานิ นคฺโค คูถํ ขาทนฺโต เกเส ลฺุจนฺโต ภูมิยํ สยมาโน วีตินาเมสิ.
พุทฺธานมฺปิ ¶ โข ปจฺจูสกาเล โลกโวโลกนํ อวิชหิตเมว โหติ. ตสฺมา เอกทิวสํ ภควโต ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺตสฺส อยํ ชมฺพุกาชีวโก าณชาลสฺส อนฺโต ปฺายิ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ตสฺส สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อหํ เอตํ อาทึ กตฺวา เอกํ คาถํ ภาสิสฺสามิ, คาถาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ. อิมํ กุลปุตฺตํ นิสฺสาย มหาชโน โสตฺถิภาวํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปุนทิวเส ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, ชมฺพุกาชีวกสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, กึ ตุมฺเหเยว คมิสฺสถา’’ติ? ‘‘อาม, อหเมวา’’ติ เอวํ วตฺวา สตฺถา วฑฺฒมานกจฺฉายาย ตสฺส สนฺติกํ ปายาสิ.
เทวตา จินฺตยึสุ – ‘‘สตฺถา สายํ ชมฺพุกาชีวกสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ, โส จ เชคุจฺเฉ อุจฺจารปสฺสาวทนฺตกฏฺกิลิฏฺเ ปิฏฺิปาสาเณ วสติ, เทวํ วสฺสาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน อานุภาเวน ตํ มุหุตฺตํเยว เทวํ วสฺสาเปสุํ. ปิฏฺิปาสาโณ สุจิ นิมฺมโล อโหสิ. อถสฺส อุปริ ¶ ปฺจวณฺณํ ปุปฺผวสฺสํ วสฺสาเปสุํ. สตฺถา สายํ ชมฺพุกาชีวกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ชมฺพุกา’’ติ สทฺทมกาสิ. ชมฺพุโก ‘‘โก นุ โข เอส, ทุชฺชโน มํ ชมฺพุกวาเทน วทตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. ‘‘อหํ สมโณ’’ติ. ‘‘กึ มหาสมณา’’ติ? ‘‘อชฺช เม เอกรตฺตึ อิธ วสนฏฺานํ เทหี’’ติ. ‘‘นตฺถิ, มหาสมณ, อิมสฺมึ าเน วสนฏฺาน’’นฺติ ¶ . ‘‘ชมฺพุก, มา เอวํ กริ, เอกรตฺตึ เม วสนฏฺานํ เทหิ, ปพฺพชิตา นาม ปพฺพชิตํ ปตฺเถนฺติ, มนุสฺสา มนุสฺสํ, ปสโว ปสว’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘อาม, ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ. ‘‘สเจ ตฺวํ ปพฺพชิโต, กหํ เต ลาพุกํ, กหํ ธูมกฏจฺฉุโก, กหํ ยฺสุตฺตก’’นฺติ? ‘‘‘อตฺเถตํ มยฺหํ, วิสุํ วิสุํ ปน คเหตฺวา วิจรณํ ทุกฺข’นฺติ อพฺภนฺตเรเนว คเหตฺวา จรามี’’ติ. โส ‘‘จริสฺสสิ ตฺวํ เอตํ อคฺคณฺหิตฺวา’’ติ กุชฺฌิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘โหตุ, ชมฺพุก, มา กุชฺฌ, วสนฏฺานํ เม อาจิกฺขา’’ติ. ‘‘นตฺถิ, มหาสมณ, เอตฺถ วสนฏฺาน’’นฺติ.
สตฺถา ตสฺส วสนฏฺานโต อวิทูเร เอกํ ปพฺภารํ อตฺถิ, ตํ นิทฺทิสนฺโต ‘‘เอตสฺมึ ปพฺภาเร โก วสตี’’ติ อาห. ‘‘นตฺถิ โกจิ, มหาสมณา’’ติ. ‘‘เตน หิ เอตํ มยฺหํ เทหี’’ติ ¶ . ‘‘ตฺวฺเว ชาน, มหาสมณา’’ติ. สตฺถา ปพฺภาเร นิสีทนํ ปฺาเปตฺวา นิสีทิ. ปมยาเม จตฺตาโร มหาราชาโน จตุทฺทิสํ เอโกภาสํ กโรนฺตา สตฺถุ อุปฏฺานํ อาคมึสุ. ชมฺพุโก โอภาสํ ทิสฺวา ‘‘โก โอภาโส นาเมโส’’ติ จินฺเตสิ. มชฺฌิมยาเม สกฺโก เทวราชา อาคมิ. ชมฺพุโก ตมฺปิ ทิสฺวา ‘‘โก นาเมโส’’ติ จินฺเตสิ. ปจฺฉิมยาเม เอกาย องฺคุลิยา เอกํ, ทฺวีหิ ทฺเว, ทสหิ ทส จกฺกวาฬานิ โอภาเสตุํ สมตฺโถ มหาพฺรหฺมา สกลํ อรฺํ เอโกภาสํ กโรนฺโต อาคมิ. ชมฺพุโก ตมฺปิ ¶ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข เอโส’’ติ จินฺเตตฺวา ปาโตว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ ิโต สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘มหาสมณ, ตุมฺหากํ สนฺติกํ จตสฺโส ทิสา โอภาเสนฺโต เก อาคตา’’ติ? ‘‘จตฺตาโร มหาราชาโน’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘มํ อุปฏฺาตุ’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ จตูหิ มหาราเชหิ อุตฺตริตโร’’ติ? ‘‘อาม, ชมฺพุก, มหาราชูนมฺปิ อติราชา’’ติ. ‘‘มชฺฌิมยาเม ปน โก อาคโต’’ติ? ‘‘สกฺโก เทวราชา, ชมฺพุกา’’ติ ¶ . ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘มํ อุปฏฺาตุเมวา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ สกฺกเทวราชโตปิ อุตฺตริตโร’’ติ? ‘‘อาม, ชมฺพุก, สกฺกโตปิ อุตฺตริตโรมฺหิ, เอโส ปน มยฺหํ คิลานุปฏฺาโก กปฺปิยการกสามเณรสทิโส’’ติ. ‘‘ปจฺฉิมยาเม สกลํ อรฺํ โอภาเสตฺวา โก อาคโต’’ติ? ‘‘ยํ โลเก พฺราหฺมณาทโย ขิปิตฺวา ปกฺขลิตฺวา ‘นโม มหาพฺรหฺมุโน’ติ วทนฺติ, โส เอว มหาพฺรหฺมา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ มหาพฺรหฺมโตปิ อุตฺตริตโร’’ติ? ‘‘อาม, ชมฺพุก, อหฺหิ พฺรหฺมุนาปิ อติพฺรหฺมา’’ติ. ‘‘อจฺฉริโยสิ ตฺวํ, มหาสมณ, มยฺหํ ปน ปฺจ ปฺาส วสฺสานิ อิธ วสนฺตสฺส เอเตสุ เอโกปิ มํ อุปฏฺาตุํ นาคตปุพฺโพ. อหฺหิ เอตฺตกํ อทฺธานํ วาตภกฺโข หุตฺวา ิตโกว วีตินาเมสึ, น ตาว เต มยฺหํ อุปฏฺานํ อาคตปุพฺพา’’ติ.
อถ นํ สตฺถา อาห – ชมฺพุก, ตฺวํ โลกสฺมึ อนฺธพาลํ มหาชนํ วฺจยมาโน มมฺปิ วฺเจตุกาโม ชาโต, นนุ ตฺวํ ปฺจปฺาส วสฺสานิ คูถเมว ขาทิ, ภูมิยํเยว นิปชฺชิ, นคฺโค หุตฺวา วิจริ, ตาลฏฺิขณฺเฑน เกเส ลฺุจิ. อถ ¶ จ ปน โลกํ วฺเจนฺโต ‘‘อหํ วาตภกฺโข, เอกปาเทน ติฏฺามิ, น นิสีทามิ, น นิปชฺชามี’’ติ วเทสิ, ‘‘มมมฺปิ วฺเจตุกาโมสิ ปุพฺเพปิ ตฺวํ ปาปิกํ ลามิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย เอตฺตกํ กาลํ คูถภกฺโข ภูมิสโย นคฺโค วิจรนฺโต ตาลฏฺิขณฺเฑน เกสลฺุจนํ ปตฺโต, อิทานิปิ ปาปิกํ ลามิกํ ทิฏฺิเมว คณฺหาสี’’ติ. ‘‘กึ ปน มยา กตํ, มหาสมณา’’ติ? อถสฺส สตฺถา ปุพฺเพ กตกมฺมํ อาจิกฺขิ. ตสฺส สตฺถริ กเถนฺเตเยว สํเวโค อุปฺปชฺชิ, หิโรตฺตปฺปํ อุปฏฺิตํ, โส อุกฺกุฏิโก นิสีทิ. อถสฺส สตฺถา อุทกสาฏิกํ ขิปิตฺวา อทาสิ. โส ตํ นิวาเสตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถาปิสฺส อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. โส เทสนาวสาเน ¶ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ยาจิ. เอตฺตาวตา ตสฺส ปุริมกมฺมํ ปริกฺขีณํ. อยฺหิ ขีณาสวมหาเถรํ จตูหิ อกฺโกเสหิ อกฺโกสิตฺวา ยาวายํ มหาปถวี ติคาวุตาธิกํ โยชนํ อุสฺสนฺนา, ตาว อวีจิมฺหิ ปจฺจิตฺวา ตตฺถ ปกฺกาวเสเสน ปฺจปฺาส วสฺสานิ อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต. เตนสฺส ตํ กมฺมํ ขีณํ. วีสติ ปน วสฺสสหสฺสานิ อิมินา กตสฺส สมณธมฺมสฺส ผลํ นาเสตุํ น สกฺกา. ตสฺมา สตฺถา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอหิ, ภิกฺขุ, จร พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส ¶ อนฺตกิริยายา’’ติ อาห. ตาวเทวสฺส คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ อฏฺปริกฺขารธโร สฏฺิวสฺสิกมหาเถโร ¶ วิย อโหสิ.
องฺคมคธวาสีนํ ตสฺส สกฺการํ คเหตฺวา อาคตทิวโส กิเรส, ตสฺมา อุภยรฏฺวาสิโน สกฺการํ คเหตฺวา อาคตา ตถาคตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ อยฺโย ชมฺพุโก มหา, อุทาหุ สมโณ โคตโม’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘สเจ สมโณ โคตโม มหา ภเวยฺย, อยํ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คจฺเฉยฺย, ชมฺพุกาชีวกสฺส ปน มหนฺตตาย สมโณ โคตโม อิมสฺส สนฺติกํ อาคโต’’ติ จินฺตยึสุ. สตฺถา มหาชนสฺส ปริวิตกฺกํ ตฺวา, ‘‘ชมฺพุก, ตว อุปฏฺากานํ กงฺขํ ฉินฺทาหี’’ติ อาห, โส ‘‘อหมฺปิ, ภนฺเต, เอตฺตกเมว ปจฺจาสีสามี’’ติ วตฺวา จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย ตาลปฺปมาณํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา โอรุยฺห วนฺทิตฺวา ปุน ทฺวิตาลมตฺตํ ติตาลมตฺตนฺติ เอวํ สตฺตตาลมตฺตํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห อตฺตโน สาวกภาวํ ชานาเปสิ. ตํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อโห พุทฺธา นาม อจฺฉริยา อโนปมคุณา’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา มหาชเนน สทฺธึ กเถนฺโต เอวมาห – ‘‘อยํ เอตฺตกํ กาลํ ตุมฺเหหิ อาภตํ สกฺการํ กุสคฺเคน ชิวฺหคฺเค เปตฺวา ‘ตปจรณํ ปูเรมี’ติ อิธ นิวุฏฺโ, สเจปิ อิมินา อุปาเยน วสฺสสตํ ตปจรณํ ปูเรยฺย, ยา จสฺส อิทานิ กาลํ วา ภตฺตํ วา กุกฺกุจฺจายิตฺวา อภฺุชนฺตสฺส ภตฺตจฺเฉทนกุสลเจตนา, ตสฺสา ตํ ตปจรณํ โสฬสึ กลมฺปิ น อคฺฆตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มาเส มาเส กุสคฺเคน, พาโล ภฺุเชยฺย โภชนํ;
น โส สงฺขาตธมฺมานํ, กลํ อคฺฆติ โสฬสิ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – สเจ พาโล อปริฺาตธมฺโม สีลาทิคุณา ปริพาหิโร ติตฺถายตเน ปพฺพชิโต ‘‘ตปจรณํ ปูเรสฺสามี’’ติ มาเส มาเส ปตฺเต กุสคฺเคน โภชนํ ภฺุชนฺโต วสฺสสตํ ภฺุเชยฺย ¶ โภชนํ. น โส สงฺขาตธมฺมานํ, กลํ อคฺฆติ โสฬสินฺติ สงฺขาตธมฺมา วุจฺจนฺติ าตธมฺมา ตุลิตธมฺมา. เตสุ เหฏฺิมโกฏิยา โสตาปนฺโน สงฺขาตธมฺโม, อุปริมโกฏิยา ขีณาสโว. อิเมสํ สงฺขาตธมฺมานํ โส พาโล กลํ น ¶ อคฺฆติ โสฬสินฺติ ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ยา จสฺส ตถา ตปจรณํ ปูเรนฺตสฺส วสฺสสตํ เจตนา ยา จ สงฺขาตธมฺมานํ กาลํ วา ภตฺตํ วา กุกฺกุจฺจายิตฺวา อภฺุชนฺตานํ เอกา ภตฺตจฺเฉทนกุสลเจตนา, ตสฺสา เจตนาย สา ตาว ทีฆรตฺตํ ปวตฺตเจตนา โสฬสึ กลํ น อคฺฆติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ตสฺสา สงฺขาตธมฺมานํ เจตนาย ผลํ, ตํ โสฬส โกฏฺาเส กตฺวา ตโต เอเกกํ ปุน โสฬส โสฬส โกฏฺาเส กตฺวา ตโต เอกสฺส โกฏฺาสสฺส ยํ ผลํ, ตเทว ตสฺส พาลสฺส ตปจรณโต มหปฺผลตรนฺติ.
เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.
ชมฺพุกตฺเถรวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. อหิเปตวตฺถุ
น หิ ปาปํ กตํ กมฺมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อหิเปตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ¶ ทิวเส ชฏิลสหสฺสสฺส อพฺภนฺตโร อายสฺมา ลกฺขณตฺเถโร จ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร จ ‘‘ราชคเห ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ คิชฺฌกูฏโต โอตรนฺติ. เตสุ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร เอกํ อหิเปตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ นํ ลกฺขณตฺเถโร ‘‘กสฺมา, อาวุโส, สิตํ ปาตุกโรสี’’ติ สิตการณํ ปุจฺฉิ. ‘‘อกาโล, อาวุโส ลกฺขณ, อิมสฺส ปฺหสฺส, ภควโต สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ เถโร อาห. เตสุ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา นิสินฺเนสุ ลกฺขณตฺเถโร ปุจฺฉิ, ‘‘อาวุโส, โมคฺคลฺลานํ ตฺวํ คิชฺฌกูฏา โอตรนฺโต สิตํ ปาตุกริตฺวา มยา สิตการณํ ปุฏฺโ ‘ภควโต สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’ติ อวจ, กเถหิ อิทานิ ตํ การณ’’นฺติ. เถโร อาห – ‘‘อหํ, อาวุโส, เอกํ เปตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสึ. ตสฺส เอวรูโป อตฺตภาโว – มนุสฺสสีสํ วิย อสฺส สีสํ, อหิสฺส วิย ¶ เสโส อตฺตภาโว, อหิเปโต นาเมส ปมาณโต ปฺจวีสติโยชนิโก, ตสฺส สีสโต อุฏฺิตา อคฺคิชาลา ยาว นงฺคุฏฺา คจฺฉนฺติ, นงฺคุฏฺโต อุฏฺิตา อคฺคิชาลา ยาว สีสา, มชฺเฌสีสโต อุฏฺิตา ทฺเว ปสฺสานิ คจฺฉนฺติ, ทฺวีหิ ปสฺเสหิ อุฏฺิตา มชฺเฌ โอตรนฺตี’’ติ ¶ . ทฺวินฺนํเยว กิร เปตานํ อตฺตภาโว ปฺจวีสติโยชนิโก, อวเสสานํ ติคาวุตปฺปมาโณ. อิมสฺส เจว อหิเปตสฺส กากเปตสฺส จ ปฺจวีสติโยชนิโก. เตสุ อยํ ตาว อหิเปโต. กากเปตมฺปิ มหาโมคฺคลฺลาโน คิชฺฌกูฏมตฺถเก ปจฺจมานํ ทิสฺวา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปฺจโยชนิกา ¶ ชิวฺหา, สีสํ เต นวโยชนํ;
กาโย อจฺจุคฺคโต ตุยฺหํ, ปฺจวีสติโยชนํ;
กึ นุ กมฺมํ กริตฺวาน, ปตฺโตสิ ทุกฺขมีทิส’’นฺติ.
อถสฺส เปโต อาจิกฺขนฺโต –
‘‘อหํ ภนฺเต โมคฺคลฺลาน, กสฺสปสฺส มเหสิโน;
สงฺฆสฺส อาภตํ ภตฺตํ, อาหาเรสึ ยทิจฺฉก’’นฺติ. –
คาถํ วตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, กสฺสปพุทฺธกาเล สมฺพหุลา ภิกฺขู คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ,. มนุสฺสา เถเร ทิสฺวา สมฺปิยายมานา อาสนสาลายํ นิสีทาเปตฺวา ปาเท โธวิตฺวา เตลํ มกฺเขตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา ขชฺชกํ ทตฺวา ปิณฺฑปาตกาลํ อาคมยมานา ธมฺมํ สุณนฺตา นิสีทึสุ. ธมฺมกถาวสาเน เถรานํ ปตฺเต อาทาย อตฺตโน อตฺตโน เคหา นานคฺครสโภชนสฺส ปูเรตฺวา อาหรึสุ. ตทา อหํ กาโก หุตฺวา อาสนสาลาย ฉทนปิฏฺเ นิลีโน ตํ ทิสฺวา เอเกน คหิตปตฺตโต ติกฺขตฺตุํ มุขํ ปูเรนฺโต ตโย กพเฬ อคฺคเหสึ. ตํ ปน ภตฺตํ เนว สงฺฆสฺส สนฺตกํ, น สงฺฆสฺส นิยเมตฺวา ทินฺนํ, น ภิกฺขูหิ คหิตาวเสสกํ. อตฺตโน อตฺตโน เคหํ เนตฺวา มนุสฺเสหิ ภฺุชิตพฺพกํ, เกวลํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส อภิหฏมตฺตเมว. ตโต มยา ตโย กพฬา คหิตา, เอตฺตกํ เม ปุพฺพกมฺมํ. สฺวาหํ กาลํ กตฺวา ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน อวีจิมฺหิ ¶ ปจฺจิตฺวา ตตฺถ ปกฺกาวเสเสน อิทานิ คิชฺฌกูเฏ กากเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต อิมํ ทุกฺขํ ปจฺจานุโภมี’’ติ. อิทํ กากเปตสฺส วตฺถุ.
อิธ ¶ ปน เถโร ‘‘อหิเปตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ’’นฺติ อาห. อถสฺส สตฺถา สกฺขี หุตฺวาปิ อุฏฺาย ‘‘สจฺจํ, ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน อาห. มยาเปส สมฺโพธิปตฺตทิวเสเยว ทิฏฺโ, อปิจาหํ ‘เย เม วจนํ น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ อหิตาย ภเวยฺยา’ติ ปรานุทฺทยาย น กเถสิ’’นฺติ อาห. ลกฺขณสํยุตฺเตปิ (สํ. นิ. ๒.๒๐๒ อาทโย) หิ มหาโมคฺคลฺลาเนน ทิฏฺกาเลเยว ¶ สตฺถา ตสฺส สกฺขี หุตฺวา วินีตวตฺถูนิ กเถสิ, อิทมฺปิ เตน ตเถว กถิตํ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุจฺฉึสุ. สตฺถาปิ เตสํ กเถสิ –
อตีเต กิร พาราณสึ นิสฺสาย นทีตีเร ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปณฺณสาลํ กรึสุ. โส ตตฺถ วิหรนฺโต นิพทฺธํ นคเร ปิณฺฑาย จรติ. นาคราปิ สายํปาตํ คนฺธปุปฺผาทิหตฺถา ปจฺเจกพุทฺธสฺสูปฏฺานํ คจฺฉนฺติ. เอโก พาราณสิวาสี ปุริโส ตํ มคฺคํ นิสฺสาย เขตฺตํ กสิ. มหาชโน สายํปาตํ ปจฺเจกพุทฺธสฺสูปฏฺานํ คจฺฉนฺโต ตํ เขตฺตํ มทฺทนฺโต คจฺฉติ. กสฺสโก จ ‘‘มา เม เขตฺตํ มทฺทถา’’ติ วาเรนฺโตปิ วาเรตุํ นาสกฺขิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สเจ อิมสฺมึ าเน ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปณฺณสาลา น ภเวยฺย, น เม เขตฺตํ มทฺเทยฺยุ’’นฺติ. โส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปิณฺฑาย ปวิฏฺกาเล ปริโภคภาชนานิ ภินฺทิตฺวา ปณฺณสาลํ ฌาเปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ¶ ตํ ฌามํ ทิสฺวา ยถาสุขํ ปกฺกามิ. มหาชโน คนฺธมาลํ อาทาย อาคโต ฌามปณฺณสาลํ ทิสฺวา ‘‘กหํ นุ โข โน อยฺโย คโต’’ติ อาห. โสปิ มหาชเนเนว สทฺธึ คโต มหาชนมชฺเฌ ิตโกว เอวมาห – ‘‘มยา ตสฺส ปณฺณสาลา ฌาปิตา’’ติ. อถ นํ ‘‘คณฺหถ, อิมํ ปาปิมํ นิสฺสาย มยํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทฏฺุํ น ลภิมฺหา’’ติ ทณฺฑาทีหิ โปเถตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสุํ. โส อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ยาวายํ มหาปถวี โยชนมตฺตํ อุสฺสนฺนา, ตาว นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน คิชฺฌกูเฏ อหิเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ปาปกมฺมํ นาเมตํ ขีรสทิสํ, ยถา ขีรํ ทุยฺหมานเมว น ปริณมติ. ตถา กมฺมํ กยิรมานเมว น วิปจฺจติ. ยทา ปน วิปจฺจติ, ตทา เอวรูเปน ทุกฺเขน โสจตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ หิ ปาปํ กตํ กมฺมํ, สชฺชุขีรํว มุจฺจติ;
ฑหนฺตํ พาลมนฺเวติ, ภสฺมจฺฉนฺโนว ปาวโก’’ติ.
ตตฺถ สชฺชุขีรํ วาติ ตํ ขณํเยว เธนุยา ถเนหิ นิกฺขนฺตํ อพฺภุณฺหํ ขีรํ น มุจฺจติ น ปริณมติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อิทํ สชฺชุขีรํ ตํ ขณฺเว น มุจฺจติ น ปริณมติ น ปกตึ วิชหติ. ยสฺมึ ปน ภาชเน ทุหิตฺวา คหิตํ ยาว ตตฺถ ¶ ตกฺกาทิอมฺพิลํ น ปกฺขิปติ, ยาว ทธิภาชนาทิกํ อมฺพิลภาชนํ น ปาปุณาติ, ตาว ปกตึ อวิชหิตฺวา ปจฺฉา ชหติ, เอวเมว ปาปกมฺมมฺปิ กริยมานเมว น วิปจฺจติ. ยทิ วิปจฺเจยฺย, น โกจิ ปาปกมฺมํ กาตุํ วิสเหยฺย. ยาว ปน กุสลาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา ธรนฺติ, ตาว นํ เต รกฺขนฺติ. เตสํ เภทา อปาเย นิพฺพตฺตกฺขนฺเธสุ วิปจฺจติ, วิปจฺจมานฺจ ¶ ฑหนฺตํ พาลมนฺเวติ.‘‘กึ วิยา’’ติ? ‘‘ภสฺมจฺฉนฺโนว ปาวโก’’ติ. ยถา หิ ฉาริกาย ปฏิจฺฉนฺโน วีตจฺจิตงฺคาโร อกฺกนฺโตปิ ฉาริกาย ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น ตาว ฑหติ, ฉาริกํ ปน ตาเปตฺวา จมฺมาทีนํ ฑหนวเสน ยาว มตฺถลุงฺคา ฑหนฺโต คจฺฉติ, เอวเมว ปาปกมฺมมฺปิ เยน กตํ โหติ, ตํ พาลํ ทุติเย วา ตติเย วา อตฺตภาเว นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตํ ฑหนฺตํ อนุคจฺฉตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุนฺติ.
อหิเปตวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
๑๓. สฏฺิกูฏเปตวตฺถุ
ยาวเทว อนตฺถายาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สฏฺิกูฏเปตํ อารพฺภ กเถสิ.
ปุริมนเยเนว หิ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกูฏา โอโรหนฺโต อฺตรสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ. เถเรน สิตการณํ ปุฏฺโ ‘‘ภควโต สนฺติเก ¶ มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนกาเล ปุน ปุฏฺโ อาห – ‘‘อหํ, อาวุโส, เอกํ เปตํ อทฺทสํ ติคาวุตปฺปมาเณน อตฺตภาเวน, ตสฺส สฏฺิ อยกูฏสหสฺสานิ อาทิตฺตานิ สมฺปชฺชลิตานิ อุปริมตฺถเก ปติตฺวา ปติตฺวา อุฏฺหนฺติ สีสํ ภินฺทนฺติ, ภินฺนํ ภินฺนํ ปุน สมุฏฺหติ ¶ , อิมินา อตฺตภาเวน มยา เอวรูโป อตฺตภาโว น ทิฏฺปุพฺโพ, อหํ ตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ’’นฺติ. เปตวตฺถุสฺมิฺหิ –
‘‘สฏฺิ กูฏสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;
สีเส ตุยฺหํ นิปตนฺติ, โวภินฺทนฺเตว มตฺถก’’นฺติ. (เป. ว. ๘๐๘, ๘๑๐, ๘๑๓) อาทิ –
อิมเมว เปตํ สนฺธาย วุตฺตํ. สตฺถา เถรสฺส กถํ สุตฺวาว, ‘‘ภิกฺขเว, มยาเปส สตฺโต โพธิมณฺเฑ นิสินฺเนเนว ทิฏฺโ ‘เย จ ปน เม วจนํ น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ อหิตาย ภเวยฺยา’ติ ปเรสํ อนุกมฺปาย ¶ น กเถสึ, อิทานิ ปน โมคฺคลฺลานสฺส สกฺขี หุตฺวา กเถมี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุจฺฉึสุ. สตฺถาปิ เนสํ กเถสิ –
อตีเต กิร พาราณสิยํ สาฬิตฺตกสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปตฺโต เอโก ปีสปฺปิ อโหสิ. โส นครทฺวาเร เอกสฺส วฏรุกฺขสฺส เหฏฺา นิสินฺโน สกฺขรานิ ขิปิตฺวา ตสฺส ปณฺณานิ ฉินฺทนฺโต ‘‘หตฺถิรูปกํ โน ทสฺเสหิ, อสฺสรูปกํ โน ทสฺเสหี’’ติ คามทารเกหิ ¶ วุจฺจมาโน อิจฺฉิติจฺฉิตานิ รูปานิ ทสฺเสตฺวา เตสํ สนฺติกา ขาทนียาทีนิ ลภติ. อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตํ ปเทสํ ปาปุณิ. ทารกา ปีสปฺปึ ปาโรหนฺตเร กตฺวา ปลายึสุ. รฺโ ิตมชฺฌนฺหิเก รุกฺขมูลํ ปวิฏฺสฺส ฉิทฺทาวฉิทฺทจฺฉายา สรีรํ ผริ. โส ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ อุทฺธํ โอโลเกนฺโต รุกฺขปณฺเณสุ หตฺถิรูปกาทีนิ ทิสฺวา ‘‘กสฺเสตํ กมฺม’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปีสปฺปิโน’’ติ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘มยฺหํ ปุโรหิโต อติมุขโร อปฺปมตฺตเกปิ วุตฺเต พหุํ ภณนฺโต มํ อุปทฺทเวติ, สกฺขิสฺสสิ ตสฺส มุเข นาฬิมตฺตา อชลณฺฑิกา ขิปิตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, เทว. อชลณฺฑิกา อาหราเปตฺวา ปุโรหิเตน สทฺธึ ตุมฺเห อนฺโตสาณิยํ นิสีทถ, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ. อถ ราชา ตถา กาเรสิ. อิตโร กตฺตริยคฺเคน สาณิยา ฉิทฺทํ กตฺวา ปุโรหิตสฺส รฺา สทฺธึ กเถนฺตสฺส มุเข วิวฏมตฺเต เอเกกํ อชลณฺฑิกํ ขิปิ. ปุโรหิโต มุขํ ปวิฏฺํ ปวิฏฺํ คิลิ. ปีสปฺปี ขีณาสุ อชลณฺฑิกาสุ สาณึ จาเลสิ. ราชา ตาย สฺาย อชลณฺฑิกานํ ขีณภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘อาจริย, อหํ ตุมฺเหหิ สทฺธึ กเถนฺโต กถํ ¶ นิตฺถริตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ตุมฺเห อติมุขรตาย นาฬิมตฺตา อชลณฺฑิกา คิลนฺตาปิ ตุณฺหีภาวํ นาปชฺชถา’’ติ. พฺราหฺมโณ ¶ มงฺคุอุภาวํ อาปชฺชิตฺวา ตโต ปฏฺาย มุขํ วิวริตฺวา รฺา สทฺธึ สลฺลปิตุํ นสกฺขิ. ราชา ปีสปฺปิคุณํ อนุสฺสริตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตํ นิสฺสาย เม สุขํ ลทฺธ’’นฺติ ตุฏฺโ ตสฺส สพฺพฏฺกํ นาม ธนํ ทตฺวา นครสฺส จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาโร วรคาเม อทาสิ. ตมตฺถํ วิทิตฺวา รฺโ อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อิมํ คาถมาห –
‘‘สาธุ โข สิปฺปกํ นาม, อปิ ยาทิส กีทิสํ;
ปสฺส ขฺชปฺปหาเรน, ลทฺธา คามา จตุทฺทิสา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๐๗);
โส ปน อมจฺโจ เตน สมเยน อยเมว ภควา อโหสิ. อเถโก ปุริโส ปีสปฺปินา ลทฺธสมฺปตฺตึ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ นาม ปีสปฺปี หุตฺวา อิมํ สิปฺปํ นิสฺสาย มหาสมฺปตฺตึ ปตฺโต, มยาเปตํ สิกฺขิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อิทํ เม ¶ , อาจริย, สิปฺปํ เทถา’’ติ อาห. ‘‘น สกฺกา, ตาต, ทาตุ’’นฺติ. โส เตน ปฏิกฺขิตฺโต ‘‘โหตุ, อาราเธสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส หตฺถปาทปริกมฺมาทีนิ กโรนฺโต จิรสฺสํ ตํ อาราเธตฺวา ปุนปฺปุนํ ยาจิ, ปีสปฺปี ‘‘อยํ เม อติวิย อุปกาโร’’ติ ตํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต สิปฺปํ สิกฺขาเปตฺวา ‘‘นิปฺผนฺนํ เต, ตาต, สิปฺปํ, อิทานิ กึ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘พหิ คนฺตฺวา สิปฺปํ วีมํสิสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘คาวึ วา มนุสฺสํ วา ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาตา, คาวึ มาเรนฺตสฺส สตํ ทณฺโฑ โหติ มนุสฺสํ มาเรนฺตสฺส สหสฺสํ, ตฺวํ สปุตฺตทาโรปิ ตํ นิตฺถริตุํ น สกฺขิสฺสสิ, มา วินสฺส, ยมฺหิ ¶ ปหเฏ ทณฺโฑ นตฺถิ, ตาทิสํ นิมาตาปิติกํ กฺจิ อุปธาเรหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สกฺขรา อุจฺฉงฺเค กตฺวา ตาทิสํ อุปธารยมาโน วิจรนฺโต คาวึ ทิสฺวา ‘‘อยํ สสามิกา’’ติ ปหริตุํ น วิสหิ, มนุสฺสํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมาตาปิติโก’’ติ ปหริตุํ น วิสติ.
เตน สมเยน สุเนตฺโต นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ตํ นครํ นิสฺสาย ปณฺณสาลาย วิหรติ. โส ตํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ นครทฺวารนฺตเร ทิสฺวา ‘‘อยํ นิมาตาปิติโก, อิมสฺมึ ปหเฏ ทณฺโฑ นตฺถิ, อิมํ ปหริตฺวา สิปฺปํ วีมํสิสฺสามี’’ติ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทกฺขิณกณฺณโสตํ สนฺธาย สกฺขรํ ¶ ขิปิ. สา ทกฺขิณกณฺณโสเตน ปวิสิตฺวา วาเมน นิกฺขมิ, ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ภิกฺขาย จริตุํ นาสกฺขิ, อากาเสน ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิ. มนุสฺสา ปจฺเจกพุทฺเธ อนาคจฺฉนฺเต ‘‘กิฺจิ อผาสุกํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ปรินิพฺพุตํ ทิสฺวา โรทึสุ ปริเทวึสุ. โสปิ มหาชนํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ สฺชานิตฺวา ‘‘อยํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต ทฺวารนฺตเร มม สมฺมุขีภูโต, อหํ อตฺตโน สิปฺปํ วีมํสนฺโต อิมํ ปหริ’’นฺติ อาห. มนุสฺสา ‘‘อิมินา กิร ปาปเกน ปจฺเจกพุทฺโธ ปหโฏ, คณฺหถ คณฺหถา’’ติ โปเถตฺวา ตตฺเถว นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสุํ. โส อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ยาวายํ มหาปถวี โยชนมตฺตํ อุสฺสนฺนา, ตาว ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน คิชฺฌกูฏมตฺถเก สฏฺิกูฏเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สตฺถา ตสฺส อิมํ ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, พาลสฺส ¶ นาม สิปฺปํ วา อิสฺสริยํ วา อุปฺปชฺชมานํ อนตฺถาย อุปฺปชฺชติ. พาโล หิ สิปฺปํ วา อิสฺสริยํ วา ลภิตฺวา อตฺตโน อนตฺถเมว กโรตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห.
‘‘ยาวเทว อนตฺถาย, ตฺตํ พาลสฺส ชายติ;
หนฺติ พาลสฺส สุกฺกํสํ, มุทฺธมสฺส วิปาตย’’นฺติ.
ตตฺถ ยาวเทวาติ อวธิปริจฺเฉทนตฺเถ นิปาโต. ตฺตนฺติ ชานนสภาโว. ยํ สิปฺปํ ชานาติ ¶ , ยมฺหิ วา อิสฺสริเย ยเส สมฺปตฺติยฺจ ิโต ชเนน ายติ, ปากโฏ ปฺาโต โหติ, ตสฺเสตํ นามํ. สิปฺปํ วา หิ อิสฺสริยาทิภาโว วา พาลสฺส อนตฺถาเยว ชายติ. ตํ นิสฺสาย โส อตฺตโน อนตฺถเมว กโรติ. หนฺตีติ วินาเสติ. สุกฺกํสนฺติ กุสลโกฏฺาสํ, พาลสฺส หิ สิปฺปํ วา อิสฺสริยํ วา อุปฺปชฺชมานํ กุสลโกฏฺาสํ ฆาเตนฺตเมว อุปฺปชฺชติ. มุทฺธนฺติ ปฺาเยตํ นามํ. วิปาตยนฺติ วิทฺธํสยมานํ. ตสฺส หิ ตํ สุกฺกํสํ หนนฺตํ ปฺาสงฺขาตํ มุทฺธํ วิปาเตนฺตํ วิทฺธํเสนฺตเมว หนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ.
สฏฺิกูฏเปตวตฺถุ เตรสมํ.
๑๔. จิตฺตคหปติวตฺถุ
อสนฺตํ ¶ ¶ ภาวนมิจฺเฉยฺยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุธมฺมตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เทสนา มจฺฉิกาสณฺเฑ สมุฏฺาย สาวตฺถิยํ นิฏฺิตา.
มจฺฉิกาสณฺฑนครสฺมิฺหิ จิตฺโต นาม คหปติ ปฺจวคฺคิยานํ อพฺภนฺตรํ มหานามตฺเถรํ นาม ปิณฺฑาย จรมานํ ทิสฺวา ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย เคหํ ปเวเสตฺวา โภเชตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ธมฺมกถํ สุณนฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อจลสทฺโธ หุตฺวา อมฺพาฏกวนํ นาม อตฺตโน อุยฺยานํ สงฺฆารามํ กตฺตุกาโม เถรสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา นิยฺยาเทสิ. ตสฺมึ ขเณ ‘‘ปติฏฺิตํ พุทฺธสาสน’’นฺติ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ. มหาเสฏฺิ อุยฺยาเน มหาวิหารํ กาเรตฺวา สพฺพทิสาหิ อาคตานํ ภิกฺขูนํ วิวฏทฺวาโร อโหสิ. มจฺฉิกาสณฺเฑ สุธมฺมตฺเถโร นาม เนวาสิโก อโหสิ.
อปเรน สมเยน จิตฺตสฺส คุณกถํ สุตฺวา ทฺเว อคฺคสาวกา ตสฺส สงฺคหํ กตฺตุกามา มจฺฉิกาสณฺฑํ อคมํสุ. จิตฺโต คหปติ เตสํ อาคมนํ สุตฺวา อฑฺฒโยชนมคฺคํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เต อาทาย อตฺตโน วิหารํ ปเวเสตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โถกํ ธมฺมกถํ โสตุกาโมมฺหี’’ติ ธมฺมเสนาปตึ ยาจิ. อถ นํ เถโร, ‘‘อุปาสก, อทฺธาเนน อาคตามฺหา กิลนฺตรูปา. อปิจ โถกํ สุณาหี’’ติ ตสฺส ธมฺมํ กเถสิ. โส เถรสฺส ธมฺมํ สุณนฺโตว อนาคามิผลํ ปาปุณิ. โส ทฺเว อคฺคสาวเก วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สฺเว ภิกฺขุสหสฺเสน สทฺธึ มม ¶ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตตฺวา ¶ ปจฺฉา เนวาสิกํ สุธมฺมตฺเถรํ ‘‘ตุมฺเหปิ, ภนฺเต, สฺเว เถเรหิ สทฺธึ อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ นิมนฺเตสิ. โส ‘‘อยํ มํ ปจฺฉา นิมนฺเตตี’’ติ กุทฺโธ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโนปิ ปฏิกฺขิปิ เอว. อุปาสโก ‘‘ปฺายิสฺสถ, ภนฺเต’’ติ ปกฺกมิตฺวา ปุนทิวเส อตฺตโน นิเวสเน มหาทานํ สชฺเชสิ. สุธมฺมตฺเถโรปิ ปจฺจูสกาเลเยว ‘‘กีทิโส นุ โข คหปตินา อคฺคสาวกานํ สกฺกาโร สชฺชิโต, สฺเว คนฺตฺวา ปสฺสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปาโตว ปตฺตจีวรํ อาทาย ตสฺส เคหํ อคมาสิ.
โส คหปตินา ‘‘นิสีทถ, ภนฺเต’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘นาหํ นิสีทามิ, ปิณฺฑาย จริสฺสามี’’ติ วตฺวา อคฺคสาวกานํ ปฏิยาทิตํ สกฺการํ โอโลเกตฺวา ¶ คหปตึ ชาติยา ฆฏฺเฏตุกาโม ‘‘อุฬาโร เต, คหปติ, สกฺกาโร, อปิเจตฺถ เอกฺเว นตฺถี’’ติ อาห. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ติลสํคุฬิกา, คหปตี’’ติ วตฺวา คหปตินา กาโกปมาย อปสาทิโต กุชฺฌิตฺวา ‘‘เอโส เต, คหปติ, อาวาโส, ปกฺกมิสฺสามห’’นฺติ วตฺวา ยาวตติยํ วาริยมาโนปิ ปกฺกมิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา จิตฺเตน จ อตฺตนา จ วุตฺตวจนํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘ตยา อุปาสโก สทฺโธ ปสนฺโน หีเนน ขุํสิโต’’ติ ตสฺเสว โทสํ อาโรเปตฺวา ปฏิสารณียกมฺมํ การาเปตฺวา ‘‘คจฺฉ, จิตฺตคหปตึ ขมาเปหี’’ติ เปเสสิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา, ‘‘คหปติ, มยฺหเมว โส โทโส, ขมาหิ เม’’ติ วตฺวาปิ ‘‘นาหํ ขมามี’’ติ ¶ เตน ปฏิกฺขิตฺโต มงฺกุภูโต ตํ ขมาเปตุํ นาสกฺขิ. ปุนเทว สตฺถุ สนฺติกํ ปจฺจาคมาสิ. สตฺถา ‘‘นาสฺส อุปาสโก ขมิสฺสตี’’ติ ชานนฺโตปิ ‘‘มานถทฺโธ เอส, ตึสโยชนํ ตาว มคฺคํ คนฺตฺวา ปจฺจาคจฺฉตู’’ติ ขมนูปายํ อนาจิกฺขิตฺวาว อุยฺโยเชสิ. อถสฺส ปุนาคตกาเล นิหตมานสฺส อนุทูตํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, อิมินา สทฺธึ คนฺตฺวา อุปาสกํ ขมาเปหี’’ติ วตฺวา ‘‘สมเณน นาม ‘มยฺหํ วิหาโร, มยฺหํ นิวาสฏฺานํ, มยฺหํ อุปาสโก, มยฺหํ อุปาสิกา’ติ มานํ วา อิสฺสํ วา กาตุํ น วฏฺฏติ. เอวํ กโรนฺตสฺส หิ อิจฺฉามานาทโย กิเลสา วฑฺฒนฺตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆฏฺเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อสนฺตํ ภาวนมิจฺเฉยฺย, ปุเรกฺขารฺจ ภิกฺขุสุ;
อาวาเสสุ อิสฺสริยํ, ปูชา ปรกุเลสุ จ.
‘‘มเมว กต มฺนฺตุ, คิหี ปพฺพชิตา อุโภ.
มเมวาติวสา อสฺสุ, กิจฺจากิจฺเจสุ กิสฺมิจิ;
อิติ พาลสฺส สงฺกปฺโป, อิจฺฉา มาโน จ วฑฺฒตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อสนฺตนฺติ โย พาโล ภิกฺขุ อวิชฺชมานํ สมฺภาวนํ อิจฺเฉยฺย, ‘‘อสฺสทฺโธว สมาโน ‘สทฺโธติ มํ ชโน ¶ ชานาตู’ติ อิจฺฉตี’’ติ. ปาปิจฺฉตานิทฺเทเส (วิภ. ๘๕๑) วุตฺตนเยเนว พาโล ‘‘อสทฺโธ ทุสฺสีโล อปฺปสฺสุโต อปฺปวิวิตฺโต กุสีโต อนุปฏฺิตสฺสติ อสมาหิโต ทุปฺปฺโ อขีณาสโวว สมาโน ‘อโห วต มํ ชโน อยํ สทฺโธ, สีลวา, พหุสฺสุโต, ปวิวิตฺโต, อารทฺธวีริโย, อุปฏฺิตสฺสติ, สมาหิโต, ปฺวา ¶ , ขีณาสโว’ติ ชาเนยฺยา’’ติ อิทํ อสนฺตสมฺภาวนํ อิจฺฉติ. ปุเรกฺขารนฺติ ปริวารํ. ‘‘อโห วต มํ สกลวิหาเร ภิกฺขู ปริวาเรตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺตา วิหเรยฺยุ’’นฺติ เอวํ อิจฺฉาจาเร ตฺวา ปุเรกฺขารฺจ ภิกฺขูสุ อิจฺฉติ. อาวาเสสูติ สงฺฆิเกสุ จ อาวาเสสุ ยานิ วิหารมชฺเฌ ปณีตเสนาสนานิ, ตานิ อตฺตโน สนฺทิฏฺสมฺภตฺตาทีนํ ภิกฺขูนํ ‘‘ตุมฺเห อิธ วสถา’’ติ วิจาเรนฺโต สยมฺปิ วรตรํ เสนาสนํ ปลิโพเธนฺโต, เสสานํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ ปจฺจนฺติมานิ ลามกเสนาสนานิ เจว อมนุสฺสปริคฺคหิตานิ จ ‘‘ตุมฺเห อิธ วสถา’’ติ วิจาเรนฺโต อาวาเสสุ อิสฺสริยํ อิจฺฉติ. ปูชา ปรกุเลสุ จาติ เนว มาตาปิตูนํ น าตกานํ ปเรสุเยว กุเลสุ ‘‘อโห วติเม มยฺหเมว ทเทยฺยุํ, น อฺเส’’นฺติ เอวํ จตุปฺปจฺจเยหิ ปูชํ อิจฺฉติ.
มเมว กต มฺนฺตูติ ยสฺส จ พาลสฺส ¶ ‘‘ยํกิฺจิ วิหาเร อุโปสถาคาราทิกรณวเสน กตํ นวกมฺมํ, ตํ สพฺพํ อมฺหากํ เถเรน กตนฺติ เอวํ คิหี จ ปพฺพชิตา จ อุโภปิ มเมว นิสฺสาย กตํ ปริกมฺมํ นิฏฺิตํ มฺนฺตู’’ติ สงฺกปฺโป อุปฺปชฺชติ. มเมวาติวสา อสฺสูติ ‘‘คิหี จ ปพฺพชิตา จ สพฺเพปิ มเมว วเส วตฺตนฺตุ, สกฏโคณวาสิผรสุอาทีนิ วา ลทฺธพฺพานิ โหนฺตุ, อนฺตมโส ยาคุมตฺตมฺปิ ตาเปตฺวา ปิวนาทีนิ วา, เอวรูเปสุ กิจฺจากิจฺเจสุ ขุทฺทกมหนฺเตสุ กรณีเยสุ กิสฺมิฺจิ เอกกิจฺเจปิ มเมว วเส วตฺตนฺตุ, มเมว อาปุจฺฉิตฺวา กโรนฺตู’’ติ สงฺกปฺโป อุปฺปชฺชติ. อิติ พาลสฺสาติ ยสฺส พาลสฺส สา จ อิจฺฉา อยฺจ เอวรูโป สงฺกปฺโป อุปฺปชฺชติ, ตสฺส เนว วิปสฺสนา, น มคฺคผลานิ วฑฺฒนฺติ. เกวลํ ปนสฺส จนฺโททเย สมุทฺทสฺส อุทกํ วิย ฉสุ ทฺวาเรสุ อุปฺปชฺชมานา ตณฺหา เจว นววิธมาโน จ วฑฺฒตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สุธมฺมตฺเถโรปิ อิมํ โอวาทํ สุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา ปทกฺขิณํ กตฺวา เตน อนุทูเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ คนฺตฺวา อุปาสกสฺส จกฺขุปเถ อาปตฺตึ ปฏิกริตฺวา อุปาสกํ ขมาเปสิ. โส อุปาสเกน ‘‘ขมามหํ, ภนฺเต, สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถิ, ขมถ เม’’ติ ปฏิขมาปิโต ¶ สตฺถารา ทินฺเน โอวาเท ตฺวา กติปาเหเนว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ¶ ปาปุณิ. อุปาสโกปิ ¶ จินฺเตสิ – ‘‘มยา สตฺถารํ อทิสฺวาว โสตาปตฺติผลํ ปตฺตํ, อทิสฺวา เอว อนาคามิผเล ปติฏฺิโต, สตฺถารํ เม ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ติลตณฺฑุลสปฺปิผาณิตวตฺถจฺฉาทนาทีหิ ปริปูรานิ ปฺจ สกฏสตานิ โยชาเปตฺวา ‘‘สตฺถารํ ทฏฺุกามา อาคจฺฉนฺตุ, ปิณฺฑปาตาทีหิ น กิลมิสฺสนฺตี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรจาเปตฺวา ภิกฺขุนีสงฺฆสฺสาปิ อุปาสกานมฺปิ อุปาสิกานมฺปิ อาโรจาเปสิ. เตน สทฺธึ ปฺจสตา ปฺจสตา ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ อุปาสกา จ อุปาสิกาโย จ นิกฺขมึสุ. โส เตสฺเจว อตฺตโน ปริสาย จาติ ติณฺณํ ชนสหสฺสานํ ยถา ตึสโยชเน มคฺเค ยาคุภตฺตาทีหิ กิฺจิ เวกลฺลํ น โหติ, ตถา สํวิทหิ. ตสฺส ปน นิกฺขนฺตภาวํ ตฺวา โยชเน โยชเน เทวตา ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ทิพฺเพหิ ยาคุขชฺชกภตฺตปานกาทีหิ ตํ มหาชนํ อุปฏฺหึสุ, กสฺสจิ เกนจิ เวกลฺลํ น โหติ. เอวํ เทวตาหิ อุปฏฺิยมาโน เทวสิกํ โยชนํ คจฺฉนฺโต มาเสน สาวตฺถึ ปาปุณิ, ปฺจ สกฏสตานิ ยถาปูริตาเนว อเหสุํ. เทวตาหิ เจว มนุสฺเสหิ จ อภิหฏํ ปณฺณาการํ วิสฺสชฺเชนฺโตว อคมาสิ.
สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, อชฺช วฑฺฒมานกจฺฉายาย จิตฺโต คหปติ ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต อาคนฺตฺวา มํ วนฺทิสฺสตี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ตสฺส ตุมฺหากํ ¶ วนฺทนกาเล กิฺจิ ปาฏิหาริยํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘ภวิสฺสติ, อานนฺทา’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ตสฺส อาคนฺตฺวา ‘‘มํ วนฺทนกาเล ราชมาเนน อฏฺกรีสมตฺเต ปเทเส ชณฺณุกมตฺเตน โอธินา ปฺจวณฺณานํ ทิพฺพปุปฺผานํ ฆนวสฺสํ วสฺสิสฺสตี’’ติ. ตํ กถํ สุตฺวา นครวาสิโน ‘‘เอวํ มหาปฺุโ กิร จิตฺโต นาม คหปติ อาคนฺตฺวา อชฺช สตฺถารํ วนฺทิสฺสติ, เอวรูปํ กิร ปาฏิหาริยํ ภวิสฺสติ, มยมฺปิ ตํ มหาปฺุํ ทฏฺุํ ลภิสฺสามา’’ติ ปณฺณาการํ อาทาย มคฺคสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ อฏฺํสุ. วิหารสมีเป อาคตกาเล ปฺจ ภิกฺขุสตานิ ปมํ อาคมึสุ. จิตฺโต คหปติ, ‘‘อมฺมา, ตุมฺเห ปจฺฉโต อาคจฺฉถา’’ติ มหาอุปาสิกาโย เปตฺวา ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. พุทฺธานํ สมฺมุขฏฺาเน ปน ิตา วา นิสินฺนา วา อิโต วา เอตฺโต วา น โหนฺติ, พุทฺธวีถิยา ทฺวีสุ ปสฺเสสุ นิจฺจลาว ติฏฺนฺติ. จิตฺโต คหปติ มหนฺตํ พุทฺธวีถึ โอกฺกมิ. ตีณิ ผลานิ ปตฺเตน อริยสาวเกน โอโลกิโตโลกิตฏฺานํ กมฺปิ. ‘‘เอโส กิร จิตฺโต คหปตี’’ติ มหาชโน โอโลเกสิ ¶ . โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ฉพฺพณฺณานํ พุทฺธรสฺมีนํ อนฺโต ปวิสิตฺวา ทฺวีสุ โคปฺผเกสุ สตฺถุ ปาเท คเหตฺวา วนฺทิ. ตํ ขณฺเว วุตฺตปฺปการํ ปุปฺผวสฺสํ วสฺสิ, สาธุการสหสฺสานิ ปวตฺตยึสุ. โส เอกมาสํ สตฺถุ สนฺติเก วสิ, วสมาโน จ สกลํ พุทฺธปฺปมุขํ ¶ ภิกฺขุสงฺฆํ ¶ วิหาเรเยว นิสีทาเปตฺวา มหาทานํ อทาสิ, อตฺตนา สทฺธึ อาคเตปิ อนฺโตวิหาเรเยว กตฺวา ปฏิชคฺคิ. เอกทิวสมฺปิ อตฺตโน สกเฏสุ กิฺจิ คเหตพฺพํ นาโหสิ, เทวมนุสฺเสหิ อาภตปณฺณากาเรเนว ทานํ อทาสิ, สพฺพกิจฺจานิ อกาสิ. โส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ ‘ตุมฺหากํ ทานํ ทสฺสามี’ติ อาคจฺฉนฺโต มาสํ อนฺตรามคฺเค อโหสึ. อิเธว เม มาโส วีติวตฺโต, มยา อาภตํ ปณฺณาการํ กิฺจิ คเหตุํ น ลภามิ, เอตฺตกํ กาลํ เทวมนุสฺเสหิ อาภตปณฺณากาเรเนว ทานํ อทาสึ, โสหํ สเจปิ อิธ สํวจฺฉรํ วสิสฺสามิ, เนว มม เทยฺยธมฺมํ ทาตุํ ลภิสฺสามิ. อหํ สกฏานิ โอตาเรตฺวา คนฺตุํ อิจฺฉามิ, ปฏิสามนฏฺานํ เม อาโรจาเปถา’’ติ.
สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, อุปาสกสฺส เอกํ ปเทสํ ตุจฺฉํ กาเรตฺวา เทหี’’ติ. เถโร ตถา อกาสิ. กปฺปิยภูมิ (มหาว. ๒๙๕) กิร จิตฺตสฺส คหปติโน อนฺุาตา. อุปาสโกปิ อตฺตนา สทฺธึ อาคเตหิ ตีหิ ชนสหสฺเสหิ สทฺธึ ตุจฺฉสกเฏหิ ปุน มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เทวมนุสฺสา อุฏฺาย, ‘‘อยฺย, ตยา ตุจฺฉสกเฏหิ คมนกมฺมํ กต’’นฺติ สตฺตหิ รตเนหิ สกฏานิ ปูรยึสุ. โส อตฺตโน อาภตปณฺณากาเรเนว มหาชนํ ปฏิชคฺคนฺโต อคมาสิ. อานนฺทตฺเถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโตปิ มาเสน อาคโต, อิธาปิ มาสเมว วุฏฺโ, เอตฺตกํ กาลํ เทวมนุสฺเสหิ อภิหฏปณฺณากาเรเนว มหาวทานํ อทาสิ, อิทานิ ปฺจ สกฏสตานิ ตุจฺฉานิ กตฺวา มาเสเนว กิร คมิสฺสติ, เทวมนุสฺสา ปนสฺส อุฏฺาย, ‘อยฺย ¶ , ตยา ตุจฺฉสกเฏหิ คมนกมฺมํ กต’นฺติ ปฺจ สกฏสตานิ สตฺตรตเนหิ ปูรยึสุ. โส ปุน อตฺตโน อาภตปณฺณากาเรเนว กิร มหาชนํ ปฏิชคฺคนฺโต คมิสฺสตี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เอตสฺส ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺเสวายํ สกฺกาโร อุปฺปชฺชติ, อุทาหุ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อานนฺท, มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺสาปิ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺสาปิ เอตสฺส ¶ อุปฺปชฺชเตว. อยฺหิ อุปาสโก สทฺโธ ปสนฺโน สมฺปนฺนสีโล, เอวรูโป ปุคฺคโล ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถวสฺส ลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺตตี’’ติ วตฺวา สตฺถา อิมํ ปกิณฺณกวคฺเค คาถมาห –
‘‘สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโส โภคสมปฺปิโต;
ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๓);
อตฺโถ ปนสฺสา ตตฺเถว อาวิภวิสฺสติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต อานนฺทตฺเถโร จิตฺตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา อาจิกฺขนฺโต อาห –
อานนฺท, อยํ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล กตาภินีหาโร กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล มิคลุทฺทกกุเล นิพฺพตฺโต วุทฺธิมนฺวาย เอกทิวสํ เทเว วสฺสนฺเต มิคานํ มารณตฺตาย สตฺตึ อาทาย อรฺํ คนฺตฺวา มิเค โอโลเกนฺโต เอกสฺมึ อกฏปพฺภาเร สสีสํ ปารุปิตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘เอโก, อยฺโย, สมณธมฺมํ กโรนฺโต นิสินฺโน ภวิสฺสติ, ภตฺตมสฺส อาหริสฺสามี’’ติ เวเคน เคหํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อุทฺธเน หิยฺโย, อาภตมํสํ, เอกสฺมึ ภตฺตํ ปจาเปตฺวา อฺเ ปิณฺฑปาตจาริเก ภิกฺขู ทิสฺวา เตสมฺปิ ปตฺเต อาทาย ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ สมฺปาเทตฺวา, ‘‘อยฺเย, ปริวิสถา’’ติ อฺํ อาณาเปตฺวา ตํ ภตฺตํ ปุฏเก ปกฺขิปิตฺวา อาทาย ¶ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค นานาปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปตฺตปุเฏ กตฺวา เถรสฺส นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, สงฺคหํ กโรถา’’ติ วตฺวา ปตฺตํ อาทาย ปูเรตฺวา เถรสฺส หตฺเถ เปตฺวา เตหิ ปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา ‘‘ยถา เม อยํ รสปิณฺฑปาโต ปุปฺผปูชาย สทฺธึ จิตฺตํ โตเสสิ, เอวํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปณฺณาการสหสฺสานิ อาทาย อาคนฺตฺวา มยฺหํ จิตฺตํ โตเสนฺตุ, ปฺจวณฺณกุสุมวสฺสฺจ วสฺสตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ, นิพฺพตฺตฏฺาเน ชณฺณุกมตฺเตน โอธินา ทิพฺพปุปฺผวสฺสํ วสฺสิ. อิทานิปิสฺส ชาตทิวเส เจว อิธ จ อาคตสฺส ปุปฺผวสฺสวสฺสนฺจ ปณฺณาการาภิหาโร จ สตฺตหิ รตเนหิ สกฏปูรณฺจ ตสฺเสว กมฺมสฺส นิสฺสนฺโทติ.
จิตฺตคหปติวตฺถุ จุทฺทสมํ.
๑๕. วนวาสีติสฺสสามเณรวตฺถุ
อฺา ¶ ¶ หิ ลาภูปนิสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วนวาสิกติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เทสนา ราชคเห สมุฏฺิตา.
สาริปุตฺตตฺเถรส กิร ปิตุ วงฺคนฺตพฺราหฺมณสฺส สหายโก มหาเสนพฺราหฺมโณ นาม ราชคเห วสติ. สาริปุตฺตตฺเถโร เอกทิวสํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺมึ อนุกมฺปาย ตสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส ปน ปริกฺขีณวิภโว ทลิทฺโท. โส ‘‘มม ปุตฺโต มยฺหํ เคหทฺวารํ ปิณฺฑาย จริตุํ อาคโต ภวิสฺสติ, อหฺจมฺหิ ทุคฺคโต, มยฺหํ ทุคฺคตภาวํ น ชานาติ มฺเ, นตฺถิ เม โกจิ เทยฺยธมฺโม’’ติ เถรสฺส สมฺมุขา ภวิตุํ อสกฺโกนฺโต นิลียิ. เถโร อปรมฺปิ ทิวสํ ¶ อคมาสิ, พฺราหฺมโณ ตเถว นิลียิ. ‘‘กิฺจิเทว ลภิตฺวา ทสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโตปิ นาลภิ. อเถกทิวสํ เอกสฺมึ พฺราหฺมณวาจเก ถูลสาฏเกน สทฺธึ ปายสปาตึ ลภิตฺวา อาทาย เคหํ คนฺตฺวาว เถรํ อนุสฺสริ, ‘‘อิมํ ปิณฺฑปาตํ มยา เถรสฺส ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เถโรปิ ตํ ขณํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘พฺราหฺมโณ เทยฺยธมฺมํ ลภิตฺวา มม อาคมนํ ปจฺจาสีสติ, มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ สงฺฆาฏึ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ อาทาย ตสฺส เคหทฺวาเร ิตเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ.
พฺราหฺมโณ เถรํ ทิสฺวาว จิตฺตํ ปสีทิ. อถ นํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อนฺโตเคเห นิสีทาเปตฺวา ปายสปาตึ คเหตฺวา เถรสฺส ปตฺเต อากิริ ¶ . เถโร อุปฑฺฒํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘ภนฺเต, เอกปฏิวีสมตฺโตว อยํ ปายโส, ปรโลกสงฺคหํ เม กโรถ, มา อิธโลกสงฺคหํ, นิรวเสสเมว ทาตุกาโมมฺหี’’ติ สพฺพํ อากิริ. เถโร ตตฺเถว ปริภฺุชิ. อถสฺส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตมฺปิ สาฏกํ ทตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมเมว ปาปุเณยฺย’’นฺติ. เถโร ‘‘เอวํ โหตุ พฺราหฺมณา’’ติ ตสฺส อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมนฺโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรนฺโต เชตวนํ อคมาสิ. ‘‘ทุคฺคตกาเล ทินฺนทานํ ปน อติวิย โตเสตี’’ติ พฺราหฺมโณปิ ตํ ทานํ ทตฺวา ปสนฺนจิตฺโต โสมนสฺสชาโต เถเร อธิมตฺตํ สิเนหมกาสิ. โส เถเร สิเนเหเนว กาลํ กตฺวา สาวตฺถิยํ เถรสฺสูปฏฺากกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ ¶ . ตํขเณเยว ปนสฺส มาตา ‘‘กุจฺฉิยํ เม คพฺโภ ปติฏฺิโต’’ติ ตฺวา สามิกสฺส อาโรเจสิ. โส ตสฺสา คพฺภปริหารํ อทาสิ.
ตสฺสา อจฺจุณฺหอติสีตอติอมฺพิลาทิปริโภคํ วชฺเชตฺวา สุเขน คพฺภํ ปริหริยมานาย เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปชฺชิ ‘‘อโห วตาหํ สาริปุตฺตตฺเถรปฺปมุขานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ นิมนฺเตตฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา อสมฺภินฺนขีรปายสํ ทตฺวา สยมฺปิ กาสายวตฺถานิ ปริทหิตฺวา สุวณฺณสรกํ อาทาย อาสนปริยนฺเต นิสีทิตฺวา เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ อุจฺฉิฏฺปายสํ ปริภฺุเชยฺย’’นฺติ. ตสฺสา กิร โส กาสายวตฺถปริทหเน โทหโฬ กุจฺฉิยํ ปุตฺตสฺส พุทฺธสาสเน ปพฺพชฺชาย ปุพฺพนิมิตฺตํ อโหสิ. อถสฺสา าตกา ¶ ‘‘ธมฺมิโก โน ธีตาย โทหโฬ’’ติ สาริปุตฺตตฺเถรํ สงฺฆตฺเถรํ กตฺวา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อสมฺภินฺนขีรปายสํ อทํสุ. สาปิ เอกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา สุวณฺณสรกํ คเหตฺวา อาสนปริยนฺเต นิสินฺนา อุจฺฉิฏฺปายสํ ปริภฺุชิ, โทหโฬ ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. ตสฺสา ยาว คพฺภวุฏฺานา อนฺตรนฺตรา กตมงฺคเลสุปิ, ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชาตาย กตมงฺคเลสุปิ สาริปุตฺตตฺเถรปฺปมุขานํ ¶ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อปฺโปทกมธุปายสเมว อทํสุ. ปุพฺเพ กิเรส ทารเกน พฺราหฺมณกาเล ทินฺนปายสสฺส นิสฺสนฺโท.
ชาตมงฺคลทิวเส ปน ตํ ทารกํ ปาโตว นฺหาเปตฺวา มณฺเฑตฺวา สิริสยเน สตสหสฺสคฺฆนิกสฺส กมฺพลสฺส อุปริ นิปชฺชาเปสุํ. โส ตตฺถ นิปนฺนโกว เถรํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ เม ปุพฺพาจริโย, มยา เถรํ นิสฺสาย อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา, มยา อิมสฺส เอกํ ปริจฺจาคํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ สิกฺขาปทคหณตฺถาย อานียมาโน ตํ กมฺพลํ จูฬงฺคุลิยา เวเตฺวา อคฺคเหสิ. อถสฺส ‘‘องฺคุลิยํ กมฺพโล ลคฺโค’’ติ เต ตํ หริตุํ อารภึสุ. โส ปโรทิ. าตกา ‘‘อเปถ, มา ทารกํ โรทาเปถา’’ติ กมฺพเลเนว สทฺธึ อานยึสุ. โส เถรํ วนฺทนกาเล กมฺพลโต องฺคุลึ อปกฑฺฒิตฺวา กมฺพลํ เถรสฺส ปาทมูเล ปาเตสิ. าตกา ‘‘ทหรกุมาเรน อชานิตฺวา กต’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ปุตฺเตน โน ทินฺนํ, ปริจฺจตฺตเมว โหตุ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สตสหสฺสคฺฆนิเกน กมฺพเลน ปูชาการกสฺส ตุมฺหากํ ทาสสฺส สิกฺขาปทานิ เทถา’’ติ ¶ อาหํสุ. ‘‘โก นาโม อยํ ทารโก’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อยฺเยน สมานนามโก ¶ , ติสฺโส นาเมส ภวิสฺสตี’’ติ. เถโร กิร คิหิกาเล อุปติสฺสมาณโว นาม อโหสิ. มาตาปิสฺส จินฺเตสิ – ‘‘น มยา ปุตฺตสฺส อชฺฌาสโย ภินฺทิตพฺโพ’’ติ. เอวํ ทารกสฺส นามกรณมงฺคลํ กตฺวา ปุน ตสฺส อาหารปริโภคมงฺคเลปิ ปุน ตสฺส กณฺณวิชฺฌนมงฺคเลปิ ทุสฺสคหณมงฺคเลปิ จูฬากปฺปนมงฺคเลปิ สาริปุตฺตตฺเถรปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อปฺโปทกมธุปายสเมว อทํสุ.
ทารโก วุทฺธิมนฺวาย สตฺตวสฺสิกกาเล มาตรํ อาห – ‘‘อมฺม, เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, ปุพฺเพวาหํ ‘น มยา ปุตฺตสฺส อชฺฌาสโย ภินฺทิตพฺโพ’ติ มนํ อกาสึ, ปพฺพช, ปุตฺตา’’ติ เถรํ นิมนฺตาเปตฺวา ตสฺส อาคตสฺส ภิกฺขฺจ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทาโส ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ วทติ, อิมํ อาทาย สายํ วิหารํ อาคมิสฺสามา’’ติ เถรํ อุยฺโยเชตฺวา สายนฺหสมเย มหนฺเตน สกฺการสมฺมาเนน ปุตฺตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส นิยฺยาเทสิ. เถโร เตน สทฺธึ กเถสิ – ‘‘ติสฺส, ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺกรา, อุณฺเหน อตฺเถ สติ สีตํ ลภติ, สีเตน อตฺเถ สติ อุณฺหํ ลภติ, ปพฺพชิตา กิจฺเฉน ชีวนฺติ, ตฺวฺจ สุเขธิโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อหํ ตุมฺเหหิ วุตฺตนิยาเมเนว สพฺพํ กาตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ตสฺส ปฏิกูลมนสิการวเสน ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ¶ อาจิกฺขิตฺวา ตํ ปพฺพาเชสิ. สกลมฺปิ หิ ทฺวตฺตึสาการํ กเถตุํ วฏฺฏติเยว. สพฺพํ กเถตุํ อสกฺโกนฺเตน ปน ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ กเถตพฺพเมว. อิทฺหิ กมฺมฏฺานํ ¶ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตเมว. เกสาทีสุ เอเกกโกฏฺาเสสุ อรหตฺตํ ปตฺตานํ ภิกฺขูนมฺปิ ภิกฺขุนีนมฺปิ อุปาสกานมฺปิ อุปาสิกานมฺปิ ปริจฺเฉโท นตฺถิ. อพฺยตฺตา ภิกฺขู ปน ปพฺพเชนฺตา อรหตฺตสฺสูปนิสฺสยํ นาเสนฺติ. ตสฺมา เถโร กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชตฺวา ทสสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ.
มาตาปิตโร ปุตฺตสฺส ปพฺพชิตสกฺการํ กโรนฺตา สตฺตาหํ วิหาเรเยว พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อปฺโปทกมธุปายสเมว อทํสุ. ภิกฺขูปิ ‘‘นิพทฺธํ อปฺโปทกมธุปายสํ ปริภฺุชิตุํ น สกฺโกมา’’ติ อุชฺฌายึสุ. ตสฺสปิ มาตาปิตโร สตฺตเม ทิวเส สายํ เคหํ อคมํสุ. สามเณโร อฏฺเม ทิวเส ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สาวตฺถิวาสิโน ‘‘สามเณโร กิร อชฺช ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสติ, สกฺการมสฺส ¶ กริสฺสามา’’ติ ปฺจหิ สาฏกสเตหิ จุมฺพฏกานิ กตฺวา ปฺจ ปิณฺฑปาตสตานิ สชฺเชตฺวา อาทาย ปฏิปเถ ตฺวา อทํสุ, ปุนทิวเส วิหารสฺส อุปวนํ อาคนฺตฺวา อทํสุ. เอวํ สามเณโร ทฺวีเหว ทิวเสหิ สาฏกสหสฺเสหิ สทฺธึ ปิณฺฑปาตสหสฺสํ ลภิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทาเปสิ. พฺราหฺมณกาเล ทินฺนถูลสาฏกสฺส กิเรส นิสฺสนฺโท. อถสฺส ภิกฺขู ‘‘ปิณฺฑปาตทายกติสฺโส’’ติ นามํ กรึสุ.
ปุเนกทิวสํ สามเณโร สีตกาเล วิหารจาริกํ จรนฺโต ภิกฺขู ตตฺถ ตตฺถ อคฺคิสาลาทีสุ ¶ วิสิพฺเพนฺเต ทิสฺวา อาห – ‘‘กึ, ภนฺเต, วิสิพฺเพนฺตา นิสินฺนาตฺถา’’ติ? ‘‘สีตํ โน ปีเฬติ สามเณโร’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สีตกาเล นาม กมฺพลํ ปารุปิตุํ วฏฺฏติ. โส หิ สีตํ ปฏิพาหิตุํ สมตฺโถ’’ติ. สามเณร ‘‘ตฺวํ มหาปฺุโ กมฺพลํ ลเภยฺยาสิ, อมฺหากํ กุโต กมฺพโล’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, กมฺพลตฺถิกา มยา สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ สกลวิหาเร อาโรจาเปสิ. อถ ภิกฺขู ‘‘สามเณเรน สทฺธึ คนฺตฺวา กมฺพลํ อาหริสฺสามา’’ติ สตฺตวสฺสิกสามเณรํ นิสฺสาย สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู นิกฺขมึสุ. โส ‘‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ กุโต กมฺพลํ ลภิสฺสามี’’ติ จิตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา เต อาทาย นคราภิมุโข ปายาสิ. สุทินฺนสฺส หิ ทานสฺส เอวรูโป อานุภาโว โหติ. โส พหินคเรเยว ฆรปฏิปาฏิยา จรนฺโต ปฺจ กมฺพลสตานิ ลภิตฺวา อนฺโตนครํ ปาวิสิ. มนุสฺสา อิโต จิโต จ กมฺพเล อาหรนฺติ.
เอโก ปน ปุริโส อาปณทฺวาเรน อาคจฺฉนฺโต ปฺจ กมฺพลสตานิ ปสาเรตฺวา นิสินฺนํ เอกํ อาปณิกํ ทิสฺวา อาห – ‘‘อมฺโภ, เอโก สามเณโร กมฺพเล สํหรนฺโต อาคจฺฉติ, ตว กมฺพเล ปฏิจฺฉาเทหี’’ติ? ‘‘กึ ปน โส ทินฺนเก คณฺหาติ, อุทาหุ อทินฺนเก’’ติ? ‘‘ทินฺนเก คณฺหาตี’’ติ ¶ . ‘‘เอวํ สนฺเต สเจ อิจฺฉามิ, ทสฺสามิ, โน เจ, น ทสฺสามิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ อุยฺโยเชสิ. มจฺฉริโน หิ อนฺธพาลา เอวรูเปสุ ทานํ ททมาเนสุ มจฺฉรายิตฺวา อสทิสทานํ ทิสฺวา มจฺฉรายนฺโต กาโฬ (ธ. ป. ๑๗๗) วิย นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ. อาปณิโก จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปุริโส อตฺตโน ธมฺมตาย อาคจฺฉมาโน ‘ตว กมฺพเล ปฏิจฺฉาเทหี’ติ มํ อาห. ‘สเจปิ โส ทินฺนกํ ¶ คณฺหา’ติ, อหํ ปน ‘มม สนฺตกํ สเจ อิจฺฉามิ, ทสฺสามิ, โน เจ, น ¶ ทสฺสามี’ติ อวจํ, ทิฏฺกํ ปน อเทนฺตสฺส ลชฺชา อุปฺปชฺชติ, อตฺตโน สนฺตกํ ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส โทโส นตฺถิ, อิเมสุ ปฺจกมฺพลสเตสุ ทฺเว กมฺพลานิ สตสหสฺสคฺฆนิกานิ, อิมาเนว ปฏิจฺฉาเทตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ทฺเวปิ กมฺพเล ทสาย ทสํ สมฺพนฺธิตฺวา เตสํ อนฺตเร ปกฺขิปิตฺวา ปฏิจฺฉาเทสิ. สามเณโรปิ ภิกฺขุสหสฺเสน สทฺธึ ตํ ปเทสํ ปาปุณิ. อาปณิกสฺส สามเณรํ ทิสฺวาว ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ, สกลสรีรํ สิเนเหน ปริปุณฺณํ อโหสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ติฏฺตุ กมฺพลานิ, อิมํ ทิสฺวา หทยมํสมฺปิ ทาตุํ ยุตฺต’’นฺติ. เต ทฺเวปิ กมฺพเล นีหริตฺวา สามเณรสฺส ปาทมูเล เปตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตยา ทิฏฺธมฺมสฺส ภาคี อสฺส’’นฺติ อวจ. โสปิสฺส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ อกาสิ.
สามเณโร อนฺโตนคเรปิ ปฺจ กมฺพลสตานิ ลภิ. เอวํ เอกทิวสํเยว กมฺพลสหสฺสํ ลภิตฺวา ภิกฺขุสหสฺสสฺส อทาสิ. อถสฺส กมฺพลทายกติสฺสตฺเถโรติ นามํ กรึสุ. เอวํ นามกรณทิวเส ทินฺนกมฺพโล สตฺตวสฺสิกกาเล กมฺพลสหสฺสภาวํ ปาปุณิ. พุทฺธสาสนฺหิ เปตฺวา นตฺถฺํ ตํ านํ, ยตฺถ อปฺปํ ทินฺนํ พหุํ โหติ, พหุํ ทินฺนํ พหุตรํ. เตนาห ภควา –
‘‘ตถารูโปยํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสงฺโฆ, ยถารูเป ภิกฺขุสงฺเฆ อปฺปํ ทินฺนํ พหุํ โหติ, พหุํ ทินฺนํ พหุตร’’นฺติ ¶ (ม. นิ. ๓.๑๔๖) –
เอวํ สามเณโร เอกกมฺพลสฺส นิสฺสนฺเทน สตฺตวสฺสิโกว กมฺพลสหสฺสํ ลภิ. ตสฺส เชตวเน วิหรนฺตสฺส อภิกฺขณํ าติทายกา สนฺติกํ อาคนฺตฺวา กถาสลฺลาปํ กโรนฺติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยา อิธ วสนฺเตน าติทายเกสุ อาคนฺตฺวา กเถนฺเตสุ อกเถตุมฺปิ น สกฺกา, เอเตหิ สทฺธึ กถาปปฺเจน อตฺตโน ปติฏฺํ กาตุํ น สกฺกา, ยํนูนาหํ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา อรฺํ ปวิเสยฺย’’นฺติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา อุปชฺฌายํ วนฺทิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย วิหารา นิกฺขมิตฺวา ‘‘สเจ อาสนฺนฏฺาเน วสิสฺสามิ, าตกา มํ ปกฺโกสิสฺสนฺตี’’ติ วีสติ โยชนสตํ มคฺคํ อคมาสิ. อเถเกน คามทฺวาเรน คจฺฉนฺโต เอกํ มหลฺลกปุริสํ ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นุ โข, มหาอุปาสก ¶ , อิมสฺมึ ปเทเส วสนฺตานํ ¶ อารฺกวิหาโร อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ เม มคฺคํ อาจิกฺขาหี’’ติ. มหลฺลกอุปาสกสฺส ปน ตํ ทิสฺวาว ปุตฺตสิเนโห อุทปาทิ. อถสฺส ตตฺเถว ิโต อนาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอหิ, ภนฺเต, อาจิกฺขิสฺสามิ ¶ เต’’ติ คเหตฺวา อคมาสิ. สามเณโร เตน สทฺธึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค นานาปุปฺผผลปฏิมณฺฑิเต รุกฺขปพฺพตปเทเส ทิสฺวา ‘‘อยํ, อุปาสก, กึ ปเทโส นาม, อยํ อุปาสก กึ ปเทโส นามา’’ติ ปุจฺฉิ. โสปิสฺส เตสํ นามานิ อาจิกฺขนฺโต อารฺกวิหารํ ปตฺวา ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ผาสุกฏฺานํ, อิเธว วสาหี’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โก นาโม ตฺว’’นฺติ นามํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ วนวาสีติสฺโส นาม อุปาสกา’’ติ วุตฺเต, ‘‘สฺเว อมฺหากํ คาเม ภิกฺขาย จริตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา นิวตฺติตฺวา อนฺโตคามเมว คโต. ‘‘วนวาสีติสฺโส นาม วิหารํ อาคโต, ตสฺส ยาคุภตฺตาทีนิ ปฏิยาเทถา’’ติ มนุสฺสานํ อาโรเจสิ.
สามเณโร ปมเมว ติสฺโส นาม หุตฺวา ตโต ปิณฺฑปาตทายกติสฺโส กมฺพลทายกติสฺโส วนวาสีติสฺโสติ ตีณิ นามานิ ลภิตฺวา สตฺตวสฺสพฺภนฺตเร จตฺตาริ นามานิ ลภิ. โส ปุนทิวเส ปาโตว ตํ คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. มนุสฺสา ภิกฺขํ ทตฺวา วนฺทึสุ. สามเณโร ‘‘สุขิตา โหถ, ทุกฺขา มุจฺจถา’’ติ อาห. เอกมนุสฺโสปิ ตสฺส ภิกฺขํ ทตฺวา ปุน เคหํ คนฺตุํ นาสกฺขิ, สพฺเพว โอโลเกนฺตา อฏฺํสุ. โสปิ อตฺตโน ยาปนมตฺตเมว คณฺหิ. สกลคามวาสิโน ตสฺส ปาทมูเล อุเรน นิปชฺชิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหสุ อิมํ เตมาสํ อิธ วสนฺเตสุ มยํ ตีณิ สรณานิ คเหตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาย มาสสฺส อฏฺ อุโปสถกมฺมานิ ¶ อุปวสิสฺสาม, อิธ วสนตฺถาย โน ปฏิฺํ เทถา’’ติ. โส อุปการํ สลฺลกฺเขตฺวา เตสํ ปฏิฺํ ทตฺวา นิพทฺธํ ตตฺเถว ปิณฺฑปาตจารํ จริ. วนฺทิตวนฺทิตกฺขเณ จ ‘‘สุขิตา โหถ, ทุกฺขา มุจฺจถา’’ติ ปททฺวยเมว กเถตฺวา ปกฺกามิ. โส ตตฺเถวปมมาสฺจ ทุติยมาสฺจ วีตินาเมตฺวา ตติยมาเส คจฺฉนฺเต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อถสฺส ปวาเรตฺวา วุฏฺวสฺสกาเล อุปชฺฌาโย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ติสฺสสามเณรสฺส สนฺติกํ คจฺฉามี’’ติ. ‘‘คจฺฉ, สาริปุตฺตา’’ติ. โส อตฺตโน ปริวาเร ปฺจสเต ภิกฺขู ¶ อาทาย ปกฺกนฺโต, ‘‘อาวุโส โมคฺคลฺลาน, อหํ ติสฺสสามเณรสฺส สนฺติกํ คจฺฉามี’’ติ อาห. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ‘‘อหมฺปิ, อาวุโส, คจฺฉามี’’ติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิกฺขมิ. เอเตนุปาเยน มหากสฺสปตฺเถโร อนุรุทฺธตฺเถโร อุปาลิตฺเถโร ปุณฺณตฺเถโรติ สพฺเพ มหาสาวกา ปฺจหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิกฺขมึสุ. สพฺเพปิ มหาสาวกานํ ปริวารา จตฺตาลีส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. เต วีสติโยชนสตํ มคฺคํ คนฺตฺวา ¶ โคจรคามํ สมฺปตฺตา. สามเณรสฺส นิพทฺธูปฏฺาโก อุปาสโก ทฺวาเรเยว ¶ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิ.
อถ นํ สาริปุตฺตตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, อุปาสก, อิมสฺมึ ปเทเส อารฺกวิหาโร’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สภิกฺขุโก, อภิกฺขุโก’’ติ? ‘‘สภิกฺขุโก, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก นาโม ตตฺถ วสตี’’ติ? ‘‘วนวาสีติสฺโส, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ มคฺคํ โน อาจิกฺขา’’ติ. ‘‘เก ตุมฺเห, ภนฺเต’’ติ? ‘‘มยํ สามเณรสฺส สนฺติกํ อาคตา’’ติ. อุปาสโก โอโลเกตฺวา ธมฺมเสนาปตึ อาทึ กตฺวา สพฺเพปิ มหาสาวเก สฺชานิตฺวา นิรนฺตรํ ปีติยา ผุฏฺสรีโร หุตฺวา ‘‘ติฏฺถ ตาว, ภนฺเต’’ติ เวเคน คามํ ปวิสิตฺวา ‘‘เอเต, อยฺยา, สาริปุตฺตตฺเถรํ อาทึ กตฺวา อสีติ มหาสาวกา อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเรหิ สทฺธึ สามเณรสฺส สนฺติกํ อาคตา, มฺจปีปจฺจตฺถรณทีปเตลาทีนิ คเหตฺวา เวเคน นิกฺขมถา’’ติ อุคฺโฆเสสิ. มนุสฺสา ‘‘ตาวเทว มฺจาทีนิ คเหตฺวา เถรานํ ปทานุปทิกา หุตฺวา เถเรหิ สทฺธึเยว วิหารํ ปวิสึสุ. สามเณโร ภิกฺขุสงฺฆํ สฺชานิตฺวา กติปยานํ มหาเถรานํ ปตฺตจีวรานิ ปฏิคฺคเหตฺวา วตฺตมกาสิ. ตสฺส เถรานํ วสนฏฺานํ สํวิทหนฺตสฺส ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมนฺตสฺเสว อนฺธกาโร ชาตา’’ติ. สาริปุตฺตตฺเถโร อุปาสเก อาห – ‘‘คจฺฉถ, อุปาสกา, ตุมฺหากํ อนฺธกาโร ชาโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อชฺช ธมฺมสฺสวนทิวโส, น มยํ คมิสฺสาม, ธมฺมํ สุณิสฺสาม, อิโต ปุพฺเพ ธมฺมสฺสวนมฺปิ นตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ, สามเณร, ทีปํ ชาเลตฺวา ธมฺมสฺสวนสฺส กาลํ โฆเสหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘ติสฺส ตว อุปฏฺากา ‘ธมฺมํ โสตุกามามฺหา’ติ วทนฺติ ¶ , กเถหิ เตสํ ธมฺม’’นฺติ. อุปาสกา เอกปฺปหาเรเนว อุฏฺาย, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อยฺโย ‘สุขิตา โหถ, ทุกฺขา มุจฺจถา’ติ อิมานิ ทฺเว ปทานิ เปตฺวา อฺํ ธมฺมกถํ น ชานาติ ¶ , อมฺหากํ อฺํ ธมฺมกถิกํ เทถา’’ติ วทึสุ. ‘‘สามเณโร ปน อรหตฺตํ ปตฺวาปิ เนว เตสํ ธมฺมกถํ กเถสี’’ติ.
ตทา ปน นํ อุปชฺฌาโย, ‘‘สามเณร, กถํ ปน สุขิตา โหนฺติ, ‘กถํ ปน ทุกฺขา มุจฺจนฺตี’ติ อิเมสํ โน ทฺวินฺนํ ปทานํ อตฺถํ กเถหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา ธมฺมาสนํ อารุยฺห ปฺจหิ นิกาเยหิ อตฺถฺจ การณฺจ อากฑฺฒิตฺวา ฆนวสฺสํ วสฺสนฺโต จาตุทฺทีปกมหาเมโฆ วิย ขนฺธธาตุอายตนโพธิปกฺขิยธมฺเม วิภชนฺโต อรหตฺตกูเฏน ธมฺมกถํ กเถตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอวํ อรหตฺตปฺปตฺตสฺส สุขํ โหติ, อรหตฺตํ ปตฺโตเยว ทุกฺขา มุจฺจติ, เสสชนา ชาติทุกฺขาทีหิ เจว นิรยทุกฺขาทีหิ จ น ปริมุจฺจนฺตี’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, สามเณร, สุกถิโต เต ปฏิภาโณ, อิทานิ สรภฺํ ภณาหี’’ติ. โส สรภฺมฺปิ ¶ ภณิ. อรุเณ อุคฺคจฺฉนฺเต สามเณรสฺส อุปฏฺากมนุสฺสา ทฺเว ภาคา อเหสุํ. เอกจฺเจ ‘‘น วต โน อิโต ปุพฺเพ เอวรูโป กกฺขโฬ ทิฏฺปุพฺโพ. กถฺหิ นาม เอวรูปํ ธมฺมกถํ ชานนฺโต เอตฺตกํ กาลํ มาตาปิตุฏฺาเน ตฺวา อุปฏฺหนฺตานํ มนุสฺสานํ เอกมฺปิ ธมฺมปทํ น กเถสี’’ติ กุชฺฌึสุ. เอกจฺเจ ‘‘ลาภา วต โน, เย มยํ เอวรูปํ ภทนฺตํ คุณํ วา อคุณํ วา อชานนฺตาปิ อุปฏฺหิมฺห ¶ , อิทานิ จ ปนสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสตุํ ลภิมฺหา’’ติ ตุสฺสึสุ.
สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ ตํ ทิวสํ ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต วนวาสีติสฺสสฺส อุปฏฺาเก อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺเ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต อิมมตฺถํ อุปธาเรสิ ‘‘วนวาสีติสฺสสามเณรสฺส อุปฏฺากา เอกจฺเจ ตุฏฺา, เอกจฺเจ กุทฺธา, มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปน สามเณรสฺส กุทฺธา นิรยภาคิโน ภวิสฺสนฺติ, คนฺตพฺพเมว ตตฺถ มยา, มยิ คเต สพฺเพปิ เต สามเณเร เมตฺตจิตฺตํ กตฺวา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสนฺตี’’ติ. เตปิ มนุสฺสา ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา คามํ คนฺตฺวา มณฺฑปํ กาเรตฺวา ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปาเทตฺวา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา สงฺฆสฺส อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺตา นิสีทึสุ. ภิกฺขูปิ สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตา สามเณรํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ, ติสฺส, ตฺวํ อมฺเหหิ สทฺธึ คมิสฺสสิ, อุทาหุ ปจฺฉา’’ติ? ‘‘มม คมนเวลายเมว คมิสฺสามิ, คจฺฉถ ตุมฺเห, ภนฺเต’’ติ. ภิกฺขู ปตฺตจีวรมาทาย ปวิสึสุ.
สตฺถา ¶ เชตวนสฺมึเยว จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย เอกจิตฺตกฺขเณเนว คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ ปุรโต ิตเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ อาคโต’’ติ สกลคาโม สงฺขุภิตฺวา เอกโกลาหโล อโหสิ. มนุสฺสา อุทคฺคจิตฺตา พุทฺธปฺปมุขํ ¶ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ ทตฺวา ขชฺชกํ อทํสุ. สามเณโร ภตฺเต อนิฏฺิเตเยว อนฺโตคามํ ปาวิสิ. คามวาสิโน นีหริตฺวา ตสฺส สกฺกจฺจํ ภิกฺขํ อทํสุ. โส ยาปนมตฺตํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปตฺตํ อุปนาเมสิ. สตฺถา ‘‘อาหร, ติสฺสา’’ติ หตฺถํ ปสาเรตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘ปสฺส, สาริปุตฺต, ตว สามเณรสฺส ปตฺต’’นฺติ เถรสฺส ทสฺเสสิ. เถโร สตฺถุ หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา สามเณรสฺส ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, อตฺตโน ปตฺตฏฺาเน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กโรหี’’ติ อาห.
คามวาสิโน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อนุโมทนํ ยาจึสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต เอวมาห – ‘‘ลาภา วต โว อุปาสกา, เย ตุมฺเห อตฺตโน กุลูปกํ สามเณรํ นิสฺสาย สาริปุตฺตํ โมคฺคลฺลานํ กสฺสปํ อนุรุทฺธนฺติ อสีติมหาสาวเก ¶ ทสฺสนาย ลภถ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ กุลูปกเมว นิสฺสาย อาคโต, พุทฺธทสฺสนมฺปิ โว อิมํ นิสฺสาเยว ลทฺธํ, ลาภา โว, สุลทฺธํ โว’’ติ. มนุสฺสา จินฺตยึสุ – ‘‘อโห อมฺหากํ ลาภา, พุทฺธานฺเจว ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อาราธนสมตฺถํ อมฺหากํ อยฺยํ ทสฺสนาย ลภาม, เทยฺยธมฺมฺจสฺส ทาตุํ ลภามา’’ติ สามเณรสฺส กุทฺธา มนุสฺสา ตุสฺสึสุ. ตุฏฺา มนุสฺสา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสีทึสุ. อนุโมทนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. สตฺถา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. มนุสฺสา สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิวตฺตึสุ. สตฺถา สามเณเรน สทฺธึ สมธุเรน คจฺฉนฺโต ¶ , ‘‘สามเณร, อยํ ปเทโส โกนาโม, อยํ ปเทโส โกนาโม’’ติ ปุพฺเพ ตสฺส อุปาสเกน ทสฺสิตปเทเส ปุจฺฉนฺโต อคมาสิ. สามเณโรปิ, ‘‘ภนฺเต, อยํ อิตฺถนฺนาโม, อยํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ อาจิกฺขมาโนว อคมาสิ. สตฺถา ตสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิ. ตตฺถ ิตานํ ปน มหาสมุทฺโท ปฺายติ. สตฺถา สามเณรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ติสฺส, ปพฺพตมตฺถเก ิโต อิโต จิโต จ โอโลเกตฺวา กึ ปสฺสสี’’ติ? ‘‘มหาสมุทฺทํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาสมุทฺทํ ทิสฺวา กึ จินฺเตสี’’ติ? ‘‘มม ทุกฺขิตกาเล โรทนฺตสฺส จตูหิ มหาสมุทฺเทหิ อติเรกตเรน ¶ อสฺสุนา ภวิตพฺพนฺติ อิทํ, ภนฺเต, จินฺเตสิ’’นฺติ. ‘‘สาธุ สาธุ, ติสฺส, เอวเมตํ. เอเกกสฺส หิ สตฺตสฺส ทุกฺขิตกาเล ปคฺฆริตอสฺสูนิ จตูหิ มหาสมุทฺเทหิ อติเรกตราเนวา’’ติ. อิทฺจ ปน วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘จตูสุ สมุทฺเทสุ ชลํ ปริตฺตกํ,
ตโต พหุํ อสฺสุชลํ อนปฺปกํ;
ทุกฺเขน ผุฏฺสฺส นรสฺส โสจนา,
กึการณา สมฺม ตุวํ ปมชฺชสี’’ติ.
อถ นํ ปุน ปุจฺฉิ – ‘‘ติสฺส, กหํ วสสี’’ติ? ‘‘อิมสฺมึ ปพฺภาเร, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถ ปน วสนฺโต กึ จินฺเตสี’’ติ? ‘‘มยา มรนฺเตน อิมสฺมึ าเน กตสฺส สรีรนิกฺเขปสฺส ปริจฺเฉโท ‘นตฺถี’ติ จินฺเตสึ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, ติสฺส, เอวเมตํ. อิเมสฺหิ สตฺตานํ ปถวิยํ ¶ นิปชฺชิตฺวา อมตฏฺานํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา –
‘‘อุปสาฬกนามานิ, สหสฺสานิ จตุทฺทส;
อสฺมึ ปเทเส ทฑฺฒานิ, นตฺถิ โลเก อนามตํ.
‘‘ยมฺหิ ¶ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, อหึสา สํยโม ทโม;
เอตํ อริยา เสวนฺติ, เอตํ โลเก อนามต’’นฺติ. (ชา.๑.๒.๓๑-๓๒) –
อิมํ ทุกนิปาเต อุปสาฬกชาตกํ กเถสิ. อิติ ปถวิยํ สรีรนิกฺเขปํ กตฺวา มรนฺเตสุ สตฺเตสุ อมตปุพฺพปเทเส มรนฺตา นาม นตฺถิ, อานนฺทตฺเถรสทิสา ปน อมตปุพฺพปเทเส ปรินิพฺพายนฺติ.
อานนฺทตฺเถโร กิร วีสวสฺสสติกกาเล อายุสงฺขารํ โอโลเกนฺโต ปริกฺขีณภาวํ ตฺวา ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อาโรเจสิ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา โรหิณีนทิยา อุภยตีรวาสิเกสุ มนุสฺเสสุ โอริมตีรวาสิกา ‘‘มยํ เถรสฺส พหูปการา, อมฺหากํ สนฺติเก ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ วทึสุ. ปรตีรวาสิกาปิ ‘‘มยํ เถรสฺส พหูปการา, อมฺหากํ สนฺติเก ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ วทึสุ. เถโร เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อุภยตีรวาสิโน มยฺหํ อุปการา, อิเม นาม อนุปการาติ น สกฺกา วตฺตุํ, สจาหํ โอริมตีเร ¶ ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ปรตีรวาสิโน ธาตุคหณตฺถํ เตหิ สทฺธึ กลหํ กริสฺสนฺติ. สเจ ปรตีเร ปรินิพฺพายิสฺสามิ, โอริมตีรวาสิโนปิ ตถา กริสฺสนฺติ, กลโห อุปฺปชฺชมาโนปิ มํ นิสฺสาเยว อุปฺปชฺชิสฺสติ, วูปสมมาโนปิ มํ นิสฺสาเยว ¶ วูปสมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โอริมตีรวาสิโนปิ มยฺหํ อุปการา, ปรตีรวาสิโนปิ มยฺหํ อุปการา, อนุปการาปิ นาม นตฺถิ, โอริมตีรวาสิโน โอริมตีเรเยว สนฺนิปตนฺตุ, ปรตีรวาสิโนปิ ปรตีเรเยวา’’ติ อาห. ตโต สตฺตเม ทิวเส มชฺเฌนทิยา สตฺตตาลปฺปมาเณ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ กเถตฺวา ‘‘มม สรีรํ มชฺเฌ ภิชฺชิตฺวา เอโก ภาโค โอริมตีเร ปตตุ, เอโก ภาโค ปรตีเร’’ติ อธิฏฺาย ยถานิสินฺโนว เตโชธาตุํ สมาปชฺชิ, ชาลา อุฏฺหึสุ. สรีรํ มชฺเฌ ภิชฺชิตฺวา เอโก ภาโค โอริมตีเร ปติ, เอโก ภาโค ปรตีเร. ตโต มหาชโน ปริเทวิ, ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺโท วิย อาโรทนสทฺโท อโหสิ. สตฺถุ ปรินิพฺพาเน อาโรทนสทฺทโตปิ การฺุตโร อโหสิ. มนุสฺสา จตฺตาโร มาเส โรทนฺตา ปริเทวนฺตา ‘‘สตฺถุ ปตฺตจีวรคฺคาหเก ติฏฺนฺเต สตฺถุ ิตกาโล วิย โน อโหสิ, อิทานิ โน สตฺถา ปรินิพฺพุโต’’ติ วิปฺปลปนฺตา วิรวนฺตา วิจรึสูติ.
ปุน สตฺถา สามเณรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ติสฺส, อิมสฺมึ วนสณฺเฑ ทีปิอาทีนํ สทฺเทน ภายสิ, น ภายสี’’ติ? ‘‘น ภายามิ ภควา, อปิจ โข ปน เม เอเตสํ สทฺทํ สุตฺวา วนรติ นาม อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ วนวณฺณนํ นาม กเถสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ติสฺสา’’ติ อามนฺเตสิ. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘มยํ คจฺฉาม, ตฺวํ คมิสฺสสิ, นิวตฺติสฺสสี’’ติ. ‘‘มยฺหํ อุปชฺฌาเย มํ อาทาย คจฺฉนฺเต คมิสฺสามิ, นิวตฺเตนฺเต นิวตฺติสฺสามิ ¶ , ภนฺเต’’ติ ¶ . สตฺถา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปกฺกามิ. สามเณรสฺส ปน นิวตฺติตุเมว อชฺฌาสโย, เถโร ตํ ตฺวา ‘‘ติสฺส, สเจ นิวตฺติตุกาโม, นิวตฺตา’’ติ อาห. โส สตฺถารฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. สตฺถา เชตวนเมว อคมาสิ.
ภิกฺขูนํ ธมฺมสภายํ กถา อุทปาทิ – ‘‘อโห วต วนวาสีติสฺสสามเณโร ทุกฺกรํ กโรติ, ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺายสฺส าตกา สตฺตสุ มงฺคเลสุ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อปฺโปทกมธุปายสเมว อทํสุ, ปพฺพชิตกาเล อนฺโตวิหาเร พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺต ทิวสานิ อปฺโปทกมธุปายสเมว ¶ อทํสุ. ปพฺพชิตฺวา อฏฺเม ทิวเส อนฺโตคามํ ปวิสนฺโต ทฺวีเหว ทิวเสหิ สาฏกสหสฺเสน สทฺธึ ปิณฺฑปาตสหสฺสํ ลภิ, ปุเนกทิวสํ กมฺพลสหสฺสํ ลภิ. อิติสฺส อิธ วสนกาเล มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ, อิทานิ เอวรูปํ ลาภสกฺการํ ฉฑฺเฑตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มิสฺสกาหาเรน ยาเปติ, ทุกฺกรการโก วต ติสฺสสามเณโร’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ลาภูปนิสา นาเมสา อฺา, นิพฺพานคามินี ปฏิปทา อฺา. ‘เอวํ ลาภํ ลภิสฺสามี’ติ หิ อารฺิกาทิธุตงฺคสมาทานวเสน ลาภูปนิสํ รกฺขนฺตสฺส ภิกฺขุโน จตฺตาโร อปายา วิวฏทฺวารา เอว ติฏฺนฺติ, นิพฺพานคามินิยา ปน ปฏิปทาย อุปฺปนฺนํ ลาภสกฺการํ ปหาย อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ คณฺหาตี’’ติ อนุสนฺธึ ¶ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อฺา หิ ลาภูปนิสา, อฺา นิพฺพานคามินี;
เอวเมตํ อภิฺาย, ภิกฺขุ พุทฺธสฺส สาวโก;
สกฺการํ นาภินนฺเทยฺย, วิเวกมนุพฺรูหเย’’ติ.
ตตฺถ อฺา หิ ลาภูปนิสา, อฺา นิพฺพานคามินีติ ลาภูปนิสา นาเมสา อฺา เอว, อฺา นิพฺพานคามินี ปฏิปทา. ลาภุปฺปาทเกน หิ ภิกฺขุนา โถกํ อกุสลกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, กายวงฺกาทีนิ กาตพฺพานิ โหนฺติ. ยสฺมิฺหิ กาเล กายวงฺกาทีสุ กิฺจิ กโรติ, ตทา ลาโภ อุปฺปชฺชติ. ปายสปาติยฺหิ วงฺกํ อกตฺวา อุชุกเมว หตฺถํ โอตาเรตฺวา อุกฺขิปนฺตสฺส หตฺโถ มกฺขิตมตฺตโกว โหติ, วงฺกํ กตฺวา โอตาเรตฺวา อุกฺขิปนฺตสฺส ปน ปายสปิณฺฑํ อุทฺธรนฺโตว นิกฺขมติ, เอวํ กายวงฺกาทีนิ กรณกาเลเยว ลาโภ อุปฺปชฺชติ. อยํ อธมฺมิกา ลาภูปนิสฺสา นาม. อุปธิสมฺปทา จีวรธารณํ พาหุสจฺจํ ปริวาโร อรฺวาโสติ เอวรูเปหิ ปน การเณหิ อุปฺปนฺโน ลาโภ ธมฺมิโก นาม โหติ. นิพฺพานคามินึ ¶ ปฏิปทํ ปูเรนฺเตน ปน ภิกฺขุนา กายวงฺกาทีนิ ปหาตพฺพานิ. อนนฺเธเนว อนฺเธน วิย, อมูเคเนว มูเคน วิย, อพธิเรเนว พธิเรน วิย ภวิตุํ วฏฺฏติ. อสเน อมาเยน ภวิตุํ วฏฺฏติ. เอวเมตนฺติ เอตํ ลาภุปฺปาทนํ ปฏิปทฺจ นิพฺพานคามินึ ปฏิปทฺจ ¶ เอวํ ตฺวา สพฺเพสํ สงฺขตาสงฺขตธมฺมานํ พุชฺฌนฏฺเน ¶ พุทฺธสฺส สวนนฺเต ชาตฏฺเน โอวาทานุสาสนึ วา สวนฏฺเน สาวโก ภิกฺขุ อธมฺมิกํ จตุปจฺจยสกฺการํ นาภินนฺเทยฺย, น เจว ธมฺมิกํ ปฏิกฺโกเสยฺย, กายวิเวกาทิกํ วิเวกํ อนุพฺรูหเย. ตตฺถ กายวิเวโกติ กายสฺส เอกีภาโว. จิตฺตวิเวโกติ อฏฺ สมาปตฺติโย. อุปธิวิเวโกติ นิพฺพานํ. เตสุ กายวิเวโก คณสงฺคณิกํ วิโนเทติ, จิตฺตวิเวโก กิเลสสงฺคณิกํ วิโนเทติ, อุปธิวิเวโก สงฺขารสงฺคณิกํ วิโนเทติ. กายวิเวโก จิตฺตวิเวกสฺส ปจฺจโย โหติ, จิตฺตวิเวโก อุปธิวิเวกสฺส ปจฺจโย โหติ. วุตฺตมฺปิเหตํ –
‘‘กายวิเวโก จ วิเวกฏฺกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํ, จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํ, อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตาน’’นฺติ (มหานิ. ๑๕๐). –
อิมํ ติวิธมฺปิ วิเวกํ พฺรูเหยฺย วฑฺเฒยฺย, อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
วนวาสีติสฺสสามเณรวตฺถุ ปนฺนรสมํ.
พาลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจโม วคฺโค.
๖. ปณฺฑิตวคฺโค
๑. ราธตฺเถรวตฺถุ
นิธีนํว ¶ ¶ ¶ ปวตฺตารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ ราธตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร คิหิกาเล สาวตฺถิยํ ทุคฺคตพฺราหฺมโณ อโหสิ. โส ‘‘ภิกฺขูนํ สนฺติเก ชีวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อปฺปหริตกํ กโรนฺโต ปริเวณํ สมฺมชฺชนฺโต มุขโธวนาทีนิ ททนฺโต อนฺโตวิหาเรเยว วสิ. ภิกฺขูปิ นํ สงฺคณฺหึสุ, ปพฺพาเชตุํ ปน น อิจฺฉนฺติ. โส ปพฺพชฺชํ อลภมาโน กิโส อโหสิ. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อรหา ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา สายนฺหสมเย วิหารจาริกํ จรนฺโต วิย พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ อาห. ‘‘ภิกฺขูนํ วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺโต, ภนฺเต’’ติ ¶ . ‘‘ลภสิ เนสํ สนฺติกา สงฺคห’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อาหารมตฺตํ ลภามิ, น ปน มํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ. สตฺถา เอตสฺมึ นิทาเน ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อตฺถิ โกจิ อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส อธิการํ สรตี’’ติ ปุจฺฉิ. สาริปุตฺตตฺเถโร ‘‘อหํ, ภนฺเต, สรามิ, อยํ เม ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส อตฺตโน อภิหฏํ กฏจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิ, อิมมสฺสาหํ อธิการํ สรามี’’ติ อาห. โส สตฺถารา ‘‘กึ ปน เต, สาริปุตฺต, เอวํ กตูปการํ ทุกฺขโต โมเจตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ ตํ พฺราหฺมณํ ปพฺพาเชสิ. ตสฺส ภตฺตคฺเค อาสนปริยนฺเต อาสนํ ปาปุณาติ, ยาคุภตฺตาทีหิปิ กิลมติ. เถโร ตํ อาทาย จาริกํ ปกฺกามิ, อภิกฺขณฺจ นํ ‘‘อิทํ เต กตฺตพฺพํ, อิทํ เต น กตฺตพฺพ’’นฺติ โอวทิ อนุสาสิ. โส สุวโจ อโหสิ ปทกฺขิณคฺคาหี. ตสฺมา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ.
เถโร ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อาห – ‘‘สุวโจ นุ โข, สาริปุตฺต, เต อนฺเตวาสิโก’’ติ ¶ . ‘‘อาม, ภนฺเต, อติวิย ¶ สุวโจ, กิสฺมิฺจิ โทเส วุจฺจมาเน น กุทฺธปุพฺโพ’’ติ. ‘‘สาริปุตฺต ¶ , เอวรูเป สทฺธิวิหาริเก ลภนฺโต กิตฺตเก คณฺเหยฺยาสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, พหุเกปิ คณฺเหยฺยเมวา’’ติ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภาย กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘สาริปุตฺตตฺเถโร กิร กตฺู กตเวที, กฏจฺฉุภิกฺขามตฺตํ อุปการํ สริตฺวา ทุคฺคตพฺราหฺมณํ ปพฺพาเชสิ. เถโรปิ โอวาทกฺขโม โอวาทกฺขมเมว ลภี’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ สาริปุตฺโต กตฺู กตเวทีเยวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสตุํ –
‘‘อลีนจิตฺตํ นิสฺสาย, ปหฏฺา มหตี จมู;
โกสลํ เสนาสนฺตุฏฺํ, ชีวคฺคาหํ อคาหยิ.
‘‘เอวํ นิสฺสยสมฺปนฺโน, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย;
ภาวยํ กุสลํ ธมฺมํ, โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา;
ปาปุเณ อนุปุพฺเพน, สพฺพสํโยชนกฺขย’’นฺติ. (ชา. ๑.๒.๑๑-๑๒) –
อิมํ ทุกนิปาเต อลีนจิตฺตชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. ตทา กิร วฑฺฒกีหิ ปาทสฺส อโรคกรณภาเวน กหํ อตฺตโน อุปการํ ตฺวา สพฺพเสตสฺส หตฺถิโปตกสฺส ทายโก เอกจาริโก หตฺถี สาริปุตฺตตฺเถโร อโหสีติ เอวํ เถรํ อารพฺภ ชาตกํ กเถตฺวา ราธตฺเถรํ อารพฺภ, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ราเธน วิย สุวเจน ภวิตพฺพํ, โทสํ ทสฺเสตฺวา โอวทิยมาเนนปิ น กุชฺฌิตพฺพํ, โอวาททายโก ปน นิธิอาจิกฺขณโก วิย ทฏฺพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ¶ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘นิธีนํว ปวตฺตารํ, ยํ ปสฺเส วชฺชทสฺสินํ;
นิคฺคยฺหวาทึ เมธาวึ, ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช;
ตาทิสํ ภชมานสฺส, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย’’ติ.
ตตฺถ นิธีนนฺติ ตตฺถ ตตฺถ นิทหิตฺวา ปิตานํ หิรฺสุวณฺณาทิปูรานํ นิธิกุมฺภีนํ. ปวตฺตารนฺติ กิจฺฉชีวิเก ทุคฺคตมนุสฺเส อนุกมฺปํ กตฺวา ‘‘เอหิ, สุเขน ชีวนูปายํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ นิธิฏฺานํ เนตฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘อิมํ คเหตฺวา สุเขน ชีวา’’ติ อาจิกฺขิตารํ วิย. วชฺชทสฺสินนฺติ ทฺเว วชฺชทสฺสิโน ‘‘อิมินา นํ อสารุปฺเปน วา ขลิเตน วา สงฺฆมชฺเฌ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ รนฺธคเวสโก ¶ จ, อฺาตํ าปนตฺถาย าตํ อนุคฺคหณตฺถาย ¶ สีลาทีนมสฺส วุทฺธิกามตาย ตํ ตํ วชฺชํ โอโลกเนน อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิโต จ. อยํ อิธ อธิปฺเปโต. ยถา หิ ทุคฺคตมนุสฺโส ‘‘อิมํ คณฺหาหี’’ติ ตชฺเชตฺวาปิ โปเถตฺวาปิ นิธึ ทสฺเสนฺเต โกปํ น กโรติ, ปมุทิโต เอว โหติ, เอวเมว เอวรูเป ปุคฺคเล อสารุปฺปํ วา ขลิตํ วา ทิสฺวา อาจิกฺขนฺเต โกโป น กาตพฺโพ, ตุฏฺเเนว ภวิตพฺพํ, ‘‘ภนฺเต, มหนฺตํ โว กมฺมํ กตํ ¶ , มยฺหํ อาจริยุปชฺฌายฏฺาเน ตฺวา โอวทนฺเตหิ ปุนปิ มํ วเทยฺยาถา’’ติ ปวาเรตพฺพเมว. นิคฺคยฺหวาทินฺติ เอกจฺโจ หิ สทฺธิวิหาริกาทีนํ อสารุปฺปํ วา ขลิตํ วา ทิสฺวา ‘‘อยํ เม มุโขทกทานาทีหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหติ, สเจ นํ วกฺขามิ, น มํ อุปฏฺหิสฺสติ, เอวํ เม ปริหานิ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺถุํ อวิสหนฺโต น นิคฺคยฺหวาที นาม โหติ. โส อิมสฺมึ สาสเน กจวรํ อากิรติ. โย ปน ตถารูปํ วชฺชํ ทิสฺวา วชฺชานุรูปํ ตชฺเชนฺโต ปณาเมนฺโต ทณฺฑกมฺมํ กโรนฺโต วิหารา ตํ นีหรนฺโต สิกฺขาเปติ, อยํ นิคฺคยฺหวาที นาม เสยฺยถาปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘นิคฺคยฺห นิคฺคยฺหาหํ, อานนฺท, วกฺขามิ, ปวยฺห ปวยฺห, อานนฺท, วกฺขามิ, โย สาโร โส สฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๙๖). เมธาวินฺติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตํ. ตาทิสนฺติ เอวรูปํ ปณฺฑิตํ ภเชยฺย ปยิรุปาเสยฺย. ตาทิสฺหิ อาจริยํ ภชมานสฺส อนฺเตวาสิกสฺส เสยฺโย โหติ, น ปาปิโย วฑฺฒิเยว โหติ, โน ปริหานีติ.
เทสนาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ราธตฺเถรวตฺถุ ปมํ.
๒. อสฺสชิปุนพฺพสุกวตฺถุ
โอวเทยฺยานุสาเสยฺยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อสฺสชิปุนพฺพสุกภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เทสนา ¶ ปน กีฏาคิริสฺมึ สมุฏฺิตา.
เต กิร ทฺเว ภิกฺขู กิฺจาปิ อคฺคสาวกานํ สทฺธิวิหาริกา, อลชฺชิโน ปน อเหสุํ ปาปภิกฺขู. เต ปาปเกหิ อตฺตโน ปริวาเรหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ¶ สทฺธึ กีฏาคิริสฺมึ วิหรนฺตา ‘‘มาลาวจฺฉํ โรเปนฺติปิ โรปาเปนฺติปี’’ติอาทิกํ (ปารา. ๔๓๑; จูฬว. ๒๑) นานปฺปการํ อนาจารํ กโรนฺตา กุลทูสกกมฺมํ กตฺวา ตโต อุปฺปนฺเนหิ ปจฺจเยหิ ชีวิกํ กปฺเปนฺตา ตํ อาวาสํ เปสลานํ ภิกฺขูนํ อนาวาสํ อกํสุ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ ¶ สุตฺวา เตสํ ปพฺพาชนียกมฺมกรณตฺถาย สปริวาเร ทฺเว อคฺคสาวเก อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉถ, สาริปุตฺตา, เตสุ เย ตุมฺหากํ วจนํ น กโรนฺติ, เตสํ ปพฺพาชนียกมฺมํ กโรถ, เย ปน กโรนฺติ, เต โอวทถ อนุสาสถ. โอวทนฺโต หิ อนุสาสนฺโต อปณฺฑิตานํเยว อปฺปิโย โหติ อมนาโป, ปณฺฑิตานํ ปน ปิโย โหติ มนาโป’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โอวเทยฺยานุสาเสยฺย, อสพฺภา จ นิวารเย;
สตฺหิ โส ปิโย โหติ, อสตํ โหติ อปฺปิโย’’ติ.
ตตฺถ โอวเทยฺยาติ อุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมึ วทนฺโต โอวทติ นาม, อนุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมึ ‘‘อยโสปิ เต สิยา’’ติอาทิวเสน อนาคตํ ทสฺเสนฺโต อนุสาสติ นาม. สมฺมุขา วทนฺโต โอวทติ นาม, ปรมฺมุขา ทูตํ วา สาสนํ วา เปเสนฺโต อนุสาสติ นาม. สกึ วทนฺโต โอวทติ นาม, ปุนปฺปุนํ ¶ วทนฺโต อนุสาสติ นาม. โอวทนฺโต เอว วา อนุสาสติ นามาติ เอวํ โอวเทยฺย อนุสาเสยฺย. อสพฺภา จาติ อกุสลธมฺมา จ นิวาเรยฺย, กุสลธมฺเม ปติฏฺาเปยฺยาติ อตฺโถ. สตฺหิ โส ปิโย โหตีติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล พุทฺธาทีนํ สปฺปุริสานํ ปิโย โหติ. เย ปน อทิฏฺธมฺมา อวิติณฺณปรโลกา อามิสจกฺขุกา ชีวิกตฺถาย ปพฺพชิตา, เตสํ อสตํ โส โอวาทโก อนุสาสโก, ‘‘‘น ตฺวํ อมฺหากํ อุปชฺฌาโย, น อาจริโย, กสฺมา อมฺเห โอวทสี’ติ เอวํ มุขสตฺตีหิ วิชฺฌนฺตานํ อปฺปิโย โหตี’’ติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ. สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา เต ภิกฺขู โอวทึสุ อนุสาสึสุ. เตสุ เอกจฺเจ โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สมฺมา วตฺตึสุ, เอกจฺเจ วิพฺภมึสุ, เอกจฺเจ ปพฺพาชนียกมฺมํ ปาปุณึสูติ.
อสฺสชิปุนพฺพสุกวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ฉนฺนตฺเถรวตฺถุ
น ¶ ภเช ปาปเก มิตฺเตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉนฺนตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร อายสฺมา ‘‘อหํ อมฺหากํ อยฺยปุตฺเตน สทฺธึ มหาภินิกฺขมนํ ¶ นิกฺขนฺโต ตทา อฺํ เอกมฺปิ น ปสฺสามิ, อิทานิ ปน ‘อหํ สาริปุตฺโต นาม, อหํ โมคฺคลฺลาโน นาม, มยํ อคฺคสาวกมฺหา’ติ วตฺวา อิเม วิจรนฺตี’’ติ ทฺเว อคฺคสาวเก อกฺโกสติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ สนฺติกา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ฉนฺนตฺเถรํ ปกฺโกสาเปตฺวา โอวทติ. โส ตงฺขเณเยว ตุณฺหี หุตฺวา ปุน คนฺตฺวา เถเร อกฺโกสติเยว. เอวํ ยาวตติยํ อกฺโกสนฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สตฺถา โอวทิตฺวา ‘‘ฉนฺน, ทฺเว อคฺคสาวกา นาม ตุยฺหํ กลฺยาณมิตฺตา อุตฺตมปุริสา, เอวรูเป กลฺยาณมิตฺเต เสวสฺสุ ภชสฺสู’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ภเช ปาปเก มิตฺเต, น ภเช ปุริสาธเม;
ภเชถ มิตฺเต กลฺยาเณ, ภเชถ ปุริสุตฺตเม’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – กายทุจฺจริตาทิอกุสลกมฺมาภิรตา ปาปมิตฺตา นาม. สนฺธิจฺเฉทนาทิเก วา เอกวีสติอเนสนาทิเภเท วา อฏฺาเน นิโยชกา ปุริสาธมา นาม. อุโภปิ วา เอเต ปาปมิตฺตา เจว ปุริสาธมา จ, เต น ภเชยฺย น ปยิรุปาเสยฺย, วิปรีตา ปน กลฺยาณมิตฺตา เจว สปฺปุริสา จ, เต ภเชถ ปยิรุปาเสถาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ฉนฺนตฺเถโร ปน ตํ โอวาทํ สุตฺวาปิ ปุริมนเยเนว ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ. ปุนปิ สตฺถุ อาโรเจสุํ ¶ . สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, มยิ ธรนฺเต ฉนฺนํ สิกฺขาเปตุํ น สกฺขิสฺสถ, มยิ ปน ปรินิพฺพุเต สกฺขิสฺสถา’’ติ วตฺวา ปรินิพฺพานกาเล อายสฺมตา อานนฺเทน, ‘‘ภนฺเต, กถํ ฉนฺนตฺเถเร อมฺเหหิ ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อานนฺท, ฉนฺนสฺส ภิกฺขุโน พฺรหฺมทณฺโฑ ทาตพฺโพ’’ติ อาณาเปสิ. โส สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อานนฺทตฺเถเรน อาโรจิตํ พฺรหฺมทณฺฑํ สุตฺวา ทุกฺขี ทุมฺมโน ติกฺขตฺตุํ มุจฺฉิโต ปติตฺวา ‘‘มา ¶ มํ, ภนฺเต, นาสยิตฺถา’’ติ ยาจิตฺวา สมฺมา วตฺตํ ปูเรนฺโต น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณีติ.
ฉนฺนตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. มหากปฺปินตฺเถรวตฺถุ
ธมฺมปีติ ¶ สุขํ เสตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหากปฺปินตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา – อตีเต กิร อายสฺมา มหากปฺปิโน ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ปาทมูเล กตาภินีหาโร สํสาเร สํสรนฺโต พาราณสิโต อวิทูเร เอกสฺมึ เปสการคาเม เชฏฺกเปสกาโร หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา สหสฺสมตฺตา ปจฺเจกพุทฺธา อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส ชนปเท วสนฺติ. เต เอกวารํ พาราณสิยา อวิทูเร โอตริตฺวา ‘‘เสนาสนกรณตฺถาย หตฺถกมฺมํ ยาจถา’’ติ ¶ รฺโ สนฺติกํ อฏฺ ปจฺเจกพุทฺเธ ปหิณึสุ. ตทา ปน รฺโ วปฺปมงฺคลกาโล โหติ. โส ‘‘ปจฺเจกพุทฺธา กิร อาคตา’’ติ สุตฺวา ตสฺมึ ขเณ นิกฺขมิตฺวา อาคตการณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อชฺช, ภนฺเต, โอกาโส นตฺถิ, สฺเว อมฺหากํ วปฺปมงฺคลํ, ตติยทิวเส กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ อนิมนฺเตตฺวาว ปาวิสิ. ปจฺเจกพุทฺธา ‘‘อฺตฺถ คมิสฺสามา’’ติ ปกฺกมึสุ. ตสฺมึ ขเณ เชฏฺเปสการสฺส ภริยา เกนจิเทว กรณีเยน พาราณสึ คจฺฉนฺตี เต ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อเวลาย, อยฺยา, อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อาทิโต ปฏฺาย กเถสุํ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สทฺธาสมฺปนฺนา าณสมฺปนฺนา อิตฺถี ‘‘สฺเว, ภนฺเต, อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตสิ. ‘‘พหุกา มยํ ภคินี’’ติ. ‘‘กิตฺตกา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘สหสฺสมตฺตา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ คาเม สหสฺสเปสการา วสิมฺห. เอเกโก เอเกกสฺส ภิกฺขํ ทสฺสติ, ภิกฺขํ อธิวาเสถ, อหเมว โว วสนฏฺานมฺปิ กาเรสฺสามี’’ติ อาห. ปจฺเจกพุทฺธา อธิวาสยึสุ.
สา คามํ ปวิสิตฺวา อุคฺโฆเสสิ – ‘‘อหํ สหสฺสมตฺเต ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา นิมนฺตยึ, อยฺยานํ นิสีทนฏฺานํ สํวิทหถ ¶ , ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปาเทถา’’ติ ¶ . คามมชฺเฌ มณฺฑปํ กาเรตฺวา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ปุนทิวเส ปจฺเจกพุทฺเธ นิสีทาเปตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ตสฺมึ คาเม สพฺพา อิตฺถิโย อาทาย ตาหิ สทฺธึ ปจฺเจกพุทฺเธ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เตมาสํ วสนตฺถาย ปฏิฺํ เทถา’’ติ เตสํ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปุน คาเม อุคฺโฆเสสิ – ‘‘อมฺมตาตา, เอเกกกุลโต เอเกโก ปุริโส ผรสุวาสิอาทีนิ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ทพฺพสมฺภาเร อาหริตฺวา อยฺยานํ วสนฏฺานํ กโรตู’’ติ. คามวาสิโน ตสฺสาเยว วจนํ สุตฺวา เอเกโก เอเกกํ กตฺวา สทฺธึ รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนหิ ปณฺณสาลสหสฺสํ กาเรตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลายํ วสฺสูปคเต ปจฺเจกพุทฺเธ ‘‘อหํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิสฺสามิ, อหํ สกฺกจฺจํ ¶ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ อุปฏฺหึสุ. วสฺสํวุฏฺกาเล ‘‘อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลาย วสฺสํวุฏฺานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ จีวรสาฏเก สชฺเชถา’’ติ สมาทเปตฺวา เอเกกสฺส สหสฺสสหสฺสมูลํ จีวรํ ทาเปสิ. ปจฺเจกพุทฺธา วุฏฺวสฺสา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกมึสุ.
คามวาสิโนปิ อิทํ ปฺุกมฺมํ กตฺวา อิโต จุตา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา คณเทวปุตฺตา นาม อเหสุํ. เต ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ¶ พาราณสิยํ กุฏุมฺพิกเคเหสุ นิพฺพตฺตึสุ. เชฏฺกเปสกาโร เชฏฺกกุฏุมฺพิกสฺส ปุตฺโต อโหสิ. ภริยาปิสฺส เชฏฺกกุฏุมฺพิกสฺเสว ธีตา อโหสิ. ตา สพฺพาปิ วยปฺปตฺตา ปรกุลํ คจฺฉนฺติโย เตสํ เตสํเยว เคหานิ อคมึสุ. อเถกทิวสํ วิหาเร ธมฺมสฺสวนํ สงฺฆุฏฺํ. ‘‘สตฺถา ธมฺมํ เทเสสฺสตี’’ติ สุตฺวา สพฺเพปิ เต กุฏุมฺพิกา ‘‘ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ ภริยาหิ สทฺธึ วิหารํ อคมึสุ. เตสํ วิหารมชฺฌํ ปวิฏฺกฺขเณ วสฺสํ อุฏฺหิ. เยสํ กุลูปกา วา าติสามเณราทโย วา อตฺถิ, เต เตสํ ปริเวณานิ ปวิสึสุ. เต ปน ตถารูปานํ นตฺถิตาย กตฺถจิ, ปวิสิตุํ อวิสหนฺตา วิหารมชฺเฌเยว อฏฺํสุ. อถ เน เชฏฺกกุฏุมฺพิโก อาห – ‘‘ปสฺสถ อมฺหากํ วิปฺปการํ, กุลปุตฺเตหิ นาม เอตฺตเกน ลชฺชิตุํ ยุตฺต’’นฺติ. ‘‘อยฺย, กึ ปน กโรมา’’ติ? ‘‘มยํ วิสฺสาสิกฏฺานสฺส อภาเวน อิมํ วิปฺปการํ ปตฺตา, สพฺเพ ¶ ธนํ สํหริตฺวา ปริเวณํ กโรมา’’ติ. ‘‘สาธุ, อยฺยา’’ติ เชฏฺโก สหสฺสํ อทาสิ, เสสา ปฺจ ปฺจ สตานิ. อิตฺถิโย อฑฺฒเตยฺยานิ อฑฺฒเตยฺยานิ สตานิ. เต ตํ ธนํ สํหริตฺวา สหสฺสกูฏาคารปริวารํ ¶ สตฺถุ วสนตฺถาย มหาปริเวณํ นาม อารภึสุ. นวกมฺมสฺส มหนฺตตาย ธเน อปฺปโหนฺเต ปุพฺเพ ทินฺนธนโต ปุน อุปฑฺฒูปฑฺฒํ อทํสุ. นิฏฺิเต ปริเวเณ วิหารมหํ กโรนฺตา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ จีวรานิ สชฺชึสุ.
เชฏฺกกุฏุมฺพิกสฺส ปน ภริยา สพฺเพหิ สมานํ อกตฺวา อตฺตโน ปฺาย ิตา ‘‘อติเรกตรํ กตฺวา สตฺถารํ ปูเชสฺสามี’’ติ อโนชปุปฺผวณฺเณน สหสฺสมูเลน สาฏเกน สทฺธึ อโนชปุปฺผจงฺโกฏกํ คเหตฺวา อนุโมทนกาเล สตฺถารํ อโนชปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ตํ สาฏกํ สตฺถุ ปาทมูเล เปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อโนชปุปฺผวณฺณํเยว เม สรีรํ โหตุ, อโนชา เอว จ เม นามํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ อกาสิ. เต สพฺเพปิ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เทวโลกา จวิตฺวา เชฏฺกกุฏุมฺพิโก กุกฺกุฏวตีนคเร ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต มหากปฺปินราชา นาม อโหสิ, เสสา อมจฺจกุเล นิพฺพตฺตึสุ. เชฏฺกกุฏุมฺพิกสฺส ภริยา มทฺทรฏฺเ สาคลนคเร ราชกุเล ¶ นิพฺพตฺติ, อโนชปุปฺผวณฺณเมวสฺสา สรีรํ อโหสิ, อโนชาตฺเววสฺสา นามํ กรึสุ. สา ¶ วยปฺปตฺตา มหากปฺปินรฺโ เคหํ คนฺตฺวา อโนชาเทวี นาม อโหสิ. เสสิตฺถิโยปิ อมจฺจกุเลสุ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา เตสํเยว อมจฺจปุตฺตานํ เคหานิ อคมํสุ. เต สพฺเพ รฺโ สมฺปตฺติสทิสํ สมฺปตฺตึ อนุภวึสุ. ยทา ราชา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต หตฺถึ อภิรุหิตฺวา วิจริ, ตทา เตปิ ตเถว วิจรนฺติ. ตสฺมึ อสฺเสน วา รเถน วา วิจรนฺเต เตปิ ตเถว วิจรนฺติ? เอวํ เต เอกโต หุตฺวา กตานํ ปฺุานํ อานุภาเวน เอกโตว สมฺปตฺตึ อนุภวึสุ. รฺโ ปน พโล, พลวาหโน, ปุปฺโผ, ปุปฺผวาหโน, สุปตฺโตติ ปฺจ อสฺสา โหนฺติ. ราชา เตสุ สุปตฺตํ อสฺสํ สยํ อาโรหติ, อิตเร จตฺตาโร อสฺสาโรหานํ สาสนาหรณตฺถาย อทาสิ. ราชา เต ปาโตว โภเชตฺวา ‘‘คจฺฉถ ¶ ทฺเว วา ตีณิ วา โยชนานิ อาหิณฺฑิตฺวา พุทฺธสฺส วา ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา มยฺหํ สุขสาสนํ อาหรถา’’ติ เปเสสิ. เต จตูหิ ทฺวาเรหิ นิกฺขมิตฺวา ตีณิ โยชนานิ อาหิณฺฑิตฺวา สาสนํ อลภิตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺติ.
อเถกทิวสํ ราชา สุปตฺตํ อสฺสํ อารุยฺห อมจฺจสหสฺสปริวุโต อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต กิลนฺตรูเป ปฺจสตวาณิชเก นครํ ปวิสนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม อทฺธานกิลนฺตา, อทฺธา อิเมสํ สนฺติกา เอกํ ภทฺทกํ สาสนํ โสสฺสามี’’ติ ¶ เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กุโต อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, เทว, อิโต วีสติโยชนสตมตฺถเก สาวตฺถิ นาม นครํ, ตโต อาคจฺฉามา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน โว ปเทเส กิฺจิ สาสนํ อุปฺปนฺน’’นฺติ. ‘‘เทว, อฺํ กิฺจิ นตฺถิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อุปฺปนฺโน’’ติ. ราชา ตาวเทว ปฺจวณฺณาย ปีติยา ผุฏฺสรีโร กิฺจิ สลฺลกฺเขตุํ อสกฺโกนฺโต มุหุตฺตํ วีตินาเมตฺวา, ‘‘ตาตา, กึ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พุทฺโธ, เทว, อุปฺปนฺโน’’ติ. ราชา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ตเถว วีตินาเมตฺวา จตุตฺเถ วาเร ‘‘กึ วเทถ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘พุทฺโธ, เทว, อุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตาตา, โว สตสหสฺสํ ททามี’’ติ วตฺวา ‘‘อฺมฺปิ กิฺจิ สาสนํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, เทว, ธมฺโม อุปฺปนฺโน’’ติ. ราชา ตมฺปิ สุตฺวา ปุริมนเยเนว ตโย วาเร วีตินาเมตฺวา จตุตฺเถ วาเร ‘‘ธมฺโม อุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺเต ‘‘อิธาปิ โว สตสหสฺสํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา ‘‘อปรมฺปิ สาสนํ อตฺถิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, เทว, สงฺฆรตนํ อุปฺปนฺน’’นฺติ. ราชา ตมฺปิ สุตฺวา ตโย วาเร วีตินาเมตฺวา จตุตฺเถ วาเร ‘‘สงฺโฆ’’ติ ปเท วุตฺเต ‘‘อิธาปิ โว สตสหสฺสํ ทมฺมี’’ติ วตฺวา อมจฺจสหสฺสํ โอโลเกตฺวา, ‘‘ตาตา, กึ กริสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘อหํ, ตาตา, ‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน, ธมฺโม อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ อุปฺปนฺโน’ติ สุตฺวา น ปุน นิวตฺติสฺสามิ, สตฺถารํ อุทฺทิสฺส คนฺตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘มยมฺปิ, เทว ¶ , ตุมฺเหหิ สทฺธึ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. ราชา สุวณฺณปฏฺเฏ อกฺขรานิ ลิขาเปตฺวา วาณิชเก อาห ¶ – ‘‘อโนชา นาม เทวี ตุมฺหากํ ตีณิ สตสหสฺสานิ ทสฺสติ, เอวฺจ ปน นํ วเทยฺยาถ ‘รฺโ กิร เต อิสฺสริยํ วิสฺสฏฺํ, ยถาสุขํ สมฺปตฺตึ ปริภฺุชาหี’ติ, สเจ ปน โว ‘ราชา กห’นฺติ ปุจฺฉติ, ‘สตฺถารํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิสฺสามีติ วตฺวา คโต’ติ อาโรเจยฺยาถา’’ติ. อมจฺจาปิ อตฺตโน อตฺตโน ภริยานํ ตเถว สาสนํ ปหิณึสุ ¶ . ราชา วาณิชเก อุยฺโยเชตฺวา อสฺสํ อภิรุยฺห อมจฺจสหสฺสปริวุโต ตํ ขณํเยว นิกฺขมิ.
สตฺถาปิ ตํ ทิวสํ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต มหากปฺปินราชานํ สปริวารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มหากปฺปิโน วาณิชกานํ สนฺติกา ติณฺณํ รตนานํ อุปฺปนฺนภาวํ สุตฺวา เตสํ วจนํ ตีหิ สตสหสฺเสหิ ปูเชตฺวา รชฺชํ ปหาย อมจฺจสหสฺเสหิ ปริวุโต มํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตุกาโม สฺเว นิกฺขมิสฺสติ. โส สปริวาโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสติ, ปจฺจุคฺคมนมสฺส กริสฺสามี’’ติ ปุนทิวเส จกฺกวตฺตี วิย ขุทฺทกคามโภชกํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺโต สยเมว ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วีสโยชนสตํ มคฺคํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร นิคฺโรธรุกฺขมูเล ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต นิสีทิ. ‘‘ราชาปิ อาคจฺฉนฺโต เอกํ นทึ ปตฺวา ‘‘กา นาเมสา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อปรจฺฉา นาม, เทวา’’ติ. ‘‘กิมสฺสา ปริมาณํ, ตาตา’’ติ? ‘‘คมฺภีรโต ¶ คาวุตํ, ปุถุลโต ทฺเว คาวุตานิ, เทวา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปเนตฺถ นาวา วา อุฬุมฺโป วา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘นาวาทีนิ โอโลเกนฺเต อมฺเห ชาติ ชรํ อุปเนติ, ชรา มรณํ. อหํ นิพฺเพมติโก หุตฺวา ตีณิ รตนานิ อุทฺทิสฺส นิกฺขนฺโต, เตสํ เม อานุภาเวน อิมํ อุทกํ อุทกํ วิย มา อโหสี’’ติ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ พุทฺธานุสฺสตึ อนุสฺสรนฺโต สปริวาโร อสฺสสหสฺเสน อุทกปิฏฺึ ปกฺขนฺทิ. สินฺธวา ปิฏฺิปาสาเณ วิย ปกฺขนฺทึสุ. ขุรานํ อคฺคา เนว เตมึสุ.
โส ตํ อุตฺตริตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺโต อปรมฺปิ นทึ ทิสฺวา ‘‘อยํ กา นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นีลวาหินี นาม, เทวา’’ติ. ‘‘กิมสฺสา ปริมาณ’’นฺติ? ‘‘คมฺภีรโตปิ ปุถุลโตปิ อฑฺฒโยชนํ, เทวา’’ติ. เสสํ ปุริมสทิสเมว. ตํ ปน นทึ ทิสฺวา ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติ ธมฺมานุสฺสตึ อนุสฺสรนฺโต ปกฺขนฺทิ. ตมฺปิ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺโต อปรมฺปิ นทึ ทิสฺวา ‘‘อยํ กา นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จนฺทภาคา นาม, เทวา’’ติ. ‘‘กิมสฺสา ปริมาณ’’นฺติ? ‘‘คมฺภีรโตปิ ปุถุลโตปิ โยชนํ, เทวา’’ติ. เสสํ ปุริมสทิสเมว. อิมํ ¶ ปน นทึ ทิสฺวา ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ¶ ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติ สงฺฆานุสฺสตึ อนุสฺสรนฺโต ¶ ปกฺขนฺทิ. ตํ ปน นทึ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺโต สตฺถุ สรีรโต นิกฺขนฺตา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย อทฺทส. นิคฺโรธรุกฺขสฺส สาขาวิฏปปลาสานิ โสวณฺณมยานิ วิย อเหสุํ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปน โอภาโส เนว จนฺทสฺส, น สูริยสฺส, น เทวมารพฺรหฺมนาคสุปณฺณาทีนํ อฺตรสฺส, อทฺธา อหํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส อาคจฺฉนฺโต มหาโคตมพุทฺเธน ทิฏฺโ ภวิสฺสามี’’ติ. โส ตาวเทว อสฺสปิฏฺิโต โอตริตฺวา โอนตสรีโร รสฺมิอนุสาเรน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา มโนสิลารเส นิมุชฺชนฺโต วิย พุทฺธรสฺมีนํ อนฺโต ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ อมจฺจสหสฺเสน, สตฺถา ตสฺส อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. เทสนาวสาเน ราชา สปริวาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อถ สพฺเพว อุฏฺหิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถา ‘‘อาคมิสฺสติ นุ โข อิเมสํ กุลปุตฺตานํ อิทฺธิมยปตฺตจีวร’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อิเม กุลปุตฺตา ปจฺเจกพุทฺธสหสฺสสฺส จีวรสหสฺสํ อทํสุ, กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานมฺปิ วีสติจีวรสหสฺสานิปิ อทํสุ. อนจฺฉริยํ อิเมสํ อิทฺธิมยปตฺตจีวราคมน’’นฺติ ตฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ¶ ‘‘เอถ, ภิกฺขโว, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ อาห. เต ตาวเทว อฏฺปริกฺขารธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย หุตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปจฺโจโรหิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ.
เตปิ วาณิชกา ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา ปหิตภาวํ อาโรจาเปตฺวา เทวิยา ‘‘อาคจฺฉนฺตู’’ติ วุตฺเต ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. อถ เน เทวี ปุจฺฉิ – ‘‘ตาตา, กึ การณา อาคตาตฺถา’’ติ? ‘‘มยํ รฺา ตุมฺหากํ สนฺติกํ ปหิตา, ตีณิ กิร โน สตสหสฺสานิ เทถา’’ติ. ‘‘ตาตา, อติพหุํ ภณถ, กึ ตุมฺเหหิ รฺโ กตํ, กิสฺมึ โว ราชา ปสนฺโน เอตฺตกํ ธนํ ทาเปสี’’ติ? ‘‘เทวิ, น อฺํ กิฺจิ กตํ, รฺโ ปน เอกํ สาสนํ อาโรจยิมฺหา’’ติ? ‘‘สกฺกา ปน, ตาตา, มยฺหํ อาโรเจตุ’’นฺติ. ‘‘สกฺกา, เทวี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ตาตา, วเทถา’’ติ. ‘‘เทวิ พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ. สาปิ ‘‘ตํ สุตฺวา ปุริมนเยเนว ปีติยา ผุฏฺสรีรา ติกฺขตฺตุํ กิฺจิ อสลฺลกฺเขตฺวา จตุตฺเถ วาเร ‘พุทฺโธ’ติ ปทํ สุตฺวา, ตาตา, อิมสฺมึ ปเท รฺา กึ ทินฺน’’นฺติ? ‘‘สตสหสฺสํ, เทวี’’ติ. ‘‘ตาตา ¶ , อนนุจฺฉวิกํ รฺา กตํ เอวรูปํ สาสนํ สุตฺวา ตุมฺหากํ สตสหสฺสํ ททมาเนน. อหฺหิ โว มม ทุคฺคตปณฺณากาเร ตีณิ สตสหสฺสานิ ทมฺมิ, อปรมฺปิ ตุมฺเหหิ รฺโ กึ อาโรจิต’’นฺติ? เต อิทฺจิทฺจาติ ¶ อิตรานิปิ ทฺเว สาสนานิ อาโรจยึสุ. เทวี ปุริมนเยเนว ปีติยา ผุฏฺสรีรา ติกฺขตฺตุํ กิฺจิ อสลฺลกฺเขตฺวา จตุตฺเถ วาเร ตเถว สุตฺวา ตีณิ ตีณิ สตสหสฺสานิ ทาเปสิ, เอวํ เต สพฺพานิปิ ทฺวาทส สตสหสฺสานิ ลภึสุ.
อถ ¶ เน เทวี ปุจฺฉิ – ‘‘ราชา กหํ, ตาตา’’ติ? เทวิ, ‘‘สตฺถารํ อุทฺทิสฺส ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ คโต’’ติ. ‘‘มยฺหํ เตน กึ สาสนํ ทินฺน’’นฺติ? ‘‘สพฺพํ กิร เตน ตุมฺหากํ อิสฺสริยํ วิสฺสฏฺํ, ตุมฺเห กิร ยถารุจิยา สมฺปตฺตึ อนุภวถา’’ติ. ‘‘อมจฺจา ปน กหํ, ตาตา’’ติ? เตปิ ‘‘‘รฺา สทฺธึเยว ปพฺพชิสฺสามา’ติ คตา, เทวี’’ติ. สา เตสํ ภริยาโย ปกฺโกสาเปตฺวา, อมฺมา, ตุมฺหากํ สามิกา ‘‘รฺา สทฺธึ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ คตา, ‘‘ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘กึ ปน เตหิ อมฺหากํ สาสนํ ปหิตํ, เทวี’’ติ? ‘‘เตหิ กิร อตฺตโน สมฺปตฺติ ตุมฺหากํ วิสฺสฏฺา, ตุมฺเห กิร ตํ สมฺปตฺตึ ยถารุจิ ปริภฺุชถา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห ปน, เทวิ, กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘อมฺมา, โส ตาว ราชา สาสนํ สุตฺวา มคฺเค ิตโกว ตีหิ สตสหสฺเสหิ ตีณิ รตนานิ ปูเชตฺวา เขฬปิณฺฑํ วิย สมฺปตฺตึ ปหาย ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ นิกฺขนฺโต, มยา ปน ติณฺณํ รตนานํ สาสนํ สุตฺวา ตีณิ รตนานิ นวหิ สตสหสฺเสหิ ปูชิตานิ, น โข ปเนสา สมฺปตฺติ นาม รฺโเยว ทุกฺขา, มยฺหมฺปิ ทุกฺขาเยว. โก รฺา ฉฑฺฑิตเขฬปิณฺฑํ ชาณุเกหิ ปติฏฺหิตฺวา มุเขน คณฺหิสฺสติ, น มยฺหํ สมฺปตฺติยา อตฺโถ, อหมฺปิ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส คนฺตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘เทวิ, มยมฺปิ ตุมฺเหเหว สทฺธึ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. ‘‘สเจ สกฺโกถ, สาธุ, อมฺมา’’ติ? ‘‘สกฺโกม, เทวี’’ติ. ‘‘สาธุ, อมฺมา, เตน ¶ หิ เอถา’’ติ รถสหสฺสํ โยชาเปตฺวา รถํ อารุยฺห ตาหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามคฺเค ปมํ นทึ ทิสฺวา ยถา รฺา ปุฏฺํ, ตเถว ปุจฺฉิตฺวา สพฺพปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘รฺโ คตมคฺคํ โอโลเกถา’’ติ วตฺวา ‘‘สินฺธวานํ ปทวลฺชํ น ปสฺสาม, เทวี’’ติ วุตฺเต ‘‘ราชา ตีณิ รตนานิ อุทฺทิสฺส นิกฺขนฺโต สจฺจกิริยํ กตฺวา คโต ภวิสฺสติ. อหมฺปิ ตีณิ รตนานิ อุทฺทิสฺส นิกฺขนฺตา, เตสเมว อนุภาเวน อิทํ อุทกํ วิย มา อโหสี’’ติ ¶ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ อนุสฺสริตฺวา รถสหสฺสํ เปเสสิ. อุทกํ ปิฏฺิปาสาณสทิสํ อโหสิ. จกฺกานํ อคฺคคฺคเนมิวฏฺฏิโย เนว เตมึสุ. เอเตเนว อุปาเยน อิตรา ทฺเว นทิโย อุตฺตริ.
อถ สตฺถา ตสฺสาคมนภาวํ ตฺวา ยถา อตฺตโน สนฺติเก นิสินฺนา ภิกฺขู น ปฺายนฺติ, เอวมกาสิ. สาปิ คจฺฉนฺตี คจฺฉนฺตี สตฺถุ สรีรโต นิกฺขนฺตา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย ทิสฺวา ตเถว จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, มหากปฺปิโน ตุมฺหากํ อุทฺทิสฺส นิกฺขนฺโต อาคเตตฺถ มฺเ, กหํ โส, อมฺหากมฺปิ นํ ทสฺเสถา’’ติ? ‘‘นิสีทถ ตาว, อิเธว นํ ปสฺสิสฺสถา’’ติ ¶ . ตา สพฺพาปิ ตุฏฺจิตฺตา ‘‘อิเธว กิร นิสินฺนา สามิเก ปสฺสิสฺสามา’’ติ นิสีทึสุ. สตฺถา ตาสํ อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, อโนชาเทวี เทสนาวสาเน สปริวารา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. มหากปฺปินตฺเถโร ตาสํ วฑฺฒิตธมฺมเทสนํ ¶ สุณนฺโต สปริวาโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา ตาสํ เต ภิกฺขู อรหตฺตปฺปตฺเต ทสฺเสสิ. ตาสํ กิร อาคตกฺขเณเยว อตฺตโน สามิเก กาสาวธเร มุณฺฑกสีเส ทิสฺวา จิตฺตํ เอกคฺคํ น ภเวยฺย, เตน มคฺคผลานิ ปตฺตุํ น สกฺกุเณยฺยุํ. ตสฺมา อจลสทฺธาย ปติฏฺิตกาเล ตาสํ เต ภิกฺขู อรหตฺตปฺปตฺเตเยว ทสฺเสสิ.
ตาปิ เต ทิสฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ตาว ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ วตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. เอวํ กิร วุตฺเต ‘‘สตฺถา อุปฺปลวณฺณาย อาคมนํ จินฺเตสี’’ติ เอกจฺเจ วทนฺติ. สตฺถา ปน ตา อุปาสิกาโย อาห – ‘‘สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสเย ปพฺพเชถา’’ติ. ตา อนุปุพฺเพน ชนปทจาริกํ จรมานา อนฺตรามคฺเค มหาชเนน อภิหฏสกฺการสมฺมานา ปทสาว วีสโยชนสติกํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีอุปสฺสเย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถาปิ ภิกฺขุสหสฺสํ อาทาย อากาเสเนว เชตวนํ อคมาสิ. ตตฺร สุทํ อายสฺมา มหากปฺปิโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทีสุ ‘‘อโห สุขํ ¶ , อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนนฺโต วิจรติ. ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, มหากปฺปิโน ‘อโห สุขํ, อโห สุข’นฺติ อุทานํ อุทาเนนฺโต วิจรติ, อตฺตโน กามสุขํ รชฺชสุขํ อารพฺภ กเถสิ มฺเ’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, กปฺปิน, กามสุขํ รชฺชสุขํ ¶ อารพฺภ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ. ‘‘ภควา เม, ภนฺเต, ตํ อารพฺภ อุทานภาวํ วา อนุทานภาวํ วา ชานาตี’’ติ? สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต กามสุขํ รชฺชสุขํ อารพฺภ อุทานํ อุทาเนติ, ปุตฺตสฺส ปน เม ธมฺมปีติ นาม ธมฺมรติ นาม อุปฺปชฺชติ, โส อมตมหานิพฺพานํ อารพฺภ เอว อุทานํ อุทาเนสี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ธมฺมปีติ สุขํ เสติ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม, สทา รมติ ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ ธมฺมปีตีติ ธมฺมปายโก, ธมฺมํ ปิวนฺโตติ อตฺโถ. ธมฺโม จ นาเมส น สกฺกา ภาชเนน ยาคุอาทีนิ วิย ปาตุํ? นววิธํ ปน โลกุตฺตรธมฺมํ นามกาเยน ผุสนฺโต อารมฺมณโต สจฺฉิกโรนฺโต ปริฺาภิสมยาทีหิ ทุกฺขาทีนิ อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺโต ¶ ธมฺมํ ปิวติ นาม. สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมเวตํ, จตูหิปิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ. วิปฺปสนฺเนนาติ อนาวิเลน นิรุปกฺกิเลเสน. อริยปฺปเวทิเตติ พุทฺธาทีหิ อริเยหิ ปเวทิเต ¶ สติปฏฺานาทิเภเท โพธิปกฺขิยธมฺเม. สทา รมตีติ เอวรูโป ธมฺมปีติ วิปฺปสนฺเนน เจตสา วิหรนฺโต ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต สทา รมติ อภิรมตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุนฺติ.
มหากปฺปินตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. ปณฺฑิตสามเณรวตฺถุ
อุทกฺหิ นยนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปณฺฑิตสามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.
อตีเต กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺโธ วีสติขีณาสวสหสฺสปริวาโร พาราณสึ อคมาสิ. มนุสฺสา อตฺตโน พลํ สลฺลกฺเขตฺวา อฏฺปิ ทสปิ เอกโต หุตฺวา อคนฺตุกทานาทีนิ อทํสุ. อเถกทิวสํ สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน เอวํ อนุโมทนมกาสิ –
‘‘อุปาสกา อิธ เอกจฺโจ ‘อตฺตโน สนฺตกเมว ทาตุํ วฏฺฏติ, กึ ปเรน สมาทปิเตนา’ติ อตฺตนาว ทานํ เทติ, ปรํ น สมาทเปติ ¶ . โส ¶ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทํ ลภติ, โน ปริวารสมฺปทํ. เอกจฺโจ ปรํ สมาทเปติ, อตฺตนา น เทติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปริวารสมฺปทํ ลภติ, โน โภคสมฺปทํ เอกจฺโจ อตฺตนาปิ น เทติ, ปรมฺปิ น สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เนว โภคสมฺปทํ ลภติ, น ปริวารสมฺปทํ, วิฆาสาโทว หุตฺวา ชีวติ. เอกจฺโจ อตฺตนา จ เทติ, ปรฺจ สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทมฺปิ ลภติ ปริวารสมฺปทมฺปี’’ติ.
ตํ สุตฺวา สมีเป ิโต เอโก ปณฺฑิตปุริโส จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ทานิ ตถา กริสฺสามิ, ยถา เม ทฺเวปิ สมฺปตฺติโย ภวิสฺสนฺตี’’ติ. โส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, สฺวาตนาย มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. ‘‘กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อตฺโถ’’ติ? ‘‘กิตฺตโก ปน โว, ภนฺเต, ปริวาโร’’ติ? ‘‘วีสติ ภิกฺขุสหสฺสานี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สพฺเพหิ สทฺธึ สฺวาตนาย มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส คามํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, สฺวาตนาย มยา พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ นิมนฺติโต, ตุมฺเห ยตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ทาตุํ ¶ สกฺขิสฺสถ, ตตฺตกานํ ทานํ เทถา’’ติ อาโรเจตฺวา วิจรนฺโต อตฺตโน อตฺตโน พลํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘มยํ ทสนฺนํ ทสฺสาม, มยํ วีสติยา, มยํ สตสฺส, มยํ ปฺจสตาน’’นฺติ วุตฺเต สพฺเพสํ วจนํ อาทิโต ปฏฺาย ปณฺเณ อาโรเปสิ.
เตน จ สมเยน ตสฺมึ นคเร อติทุคฺคตภาเวเนว ‘‘มหาทุคฺคโต’’ติ ¶ ปฺาโต เอโก ปุริโส อตฺถิ. โส ตมฺปิ สมฺมุขาคตํ ทิสฺวา, สมฺม มหาทุคฺคต, มยา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ นิมนฺติโต, สฺเว นครวาสิโน ทานํ ทสฺสนฺติ, ‘‘ตฺวํ กติ ภิกฺขู โภเชสฺสสี’’ติ? ‘‘สามิ, มยฺหํ กึ ภิกฺขูหิ, ภิกฺขูหิ นาม สธนานํ อตฺโถ, มยฺหํ ปน สฺเว ยาคุอตฺถาย ตณฺฑุลนาฬิมตฺตมฺปิ นตฺถิ, อหํ ภตึ กตฺวา ชีวามิ, กึ เม ภิกฺขูหี’’ติ? สมาทปเกน นาม พฺยตฺเตน ภวิตพฺพํ. ตสฺมา โส เตน ‘‘นตฺถี’’ติ วุตฺเตปิ ตุณฺหีภูโต อหุตฺวา เอวมาห – ‘‘สมฺม มหาทุคฺคต, อิมสฺมึ นคเร สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา สุขุมวตฺถํ นิวาเสตฺวา นานาภรณปฏิมณฺฑิตา สิริสยเน สยมานา พหู ชนา สมฺปตฺตึ อนุภวนฺติ, ตฺวํ ปน ทิวสํ ภตึ กตฺวา กุจฺฉิปูรณมตฺตมฺปิ น ลภสิ, เอวํ ¶ สนฺเตปิ ‘อหํ ปุพฺเพ ปฺุํ อกตตฺตา กิฺจิ น ลภามี’ติ น ชานาสี’’ติ? ‘‘ชานามิ, สามี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา อิทานิ ปฺุํ น กโรสิ, ตฺวํ ยุวา พลสมฺปนฺโน, กึ ตยา ภตึ กตฺวาปิ ยถาพลํ ทานํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? โส ตสฺมึ กเถนฺเตเยว สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘มยฺหมฺปิ เอกํ ภิกฺขุํ ปณฺเณ อาโรเปหิ, กิฺจิเทว ภตึ กตฺวา เอกสฺส ภิกฺขํ ทสฺสามี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘กึ เอเกน ภิกฺขุนา ปณฺเณ อาโรปิเตนา’’ติ น อาโรเปสิ? มหาทุคฺคโตปิ ¶ เคหํ คนฺตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, นครวาสิโน สฺเว สงฺฆภตฺตํ กริสฺสนฺติ, อหมฺปิ สมาทปเกน ‘เอกสฺส ภิกฺขํ เทหี’ติ วุตฺโต, มยมฺปิ สฺเว เอกสฺส ภิกฺขํ ทสฺสามา’’ติ. อถสฺส ภริยา ‘‘มยํ ทลิทฺทา, กสฺมา ตยา สมฺปฏิจฺฉิต’’นฺติ อวตฺวาว, ‘‘สามิ, ภทฺทกํ เต กตํ, มยํ ปุพฺเพปิ กิฺจิ อทตฺวา อิทานิ ทุคฺคตา ชาตา, มยํ อุโภปิ ภตึ กตฺวา เอกสฺส ภิกฺขํ ทสฺสาม, สามี’’ติ วตฺวา อุโภปิ เคหา นิกฺขมิตฺวา ภติฏฺานํ อคมํสุ.
มหาเสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, สมฺม มหาทุคฺคต, ภตึ กริสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อยฺยา’’ติ. ‘‘กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘ยํ ตุมฺเห กาเรสฺสถ, ตํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยํ สฺเว ทฺเว ตีณิ ภิกฺขุสตานิ โภเชสฺสาม, เอหิ, ทารูนิ ผาเลหี’’ติ วาสิผรสุํ นีหริตฺวา ทาเปสิ. มหาทุคฺคโต ทฬฺหํ กจฺฉํ พนฺธิตฺวา มหุสฺสาหปฺปตฺโต วาสึ ปหาย ผรสุํ คณฺหนฺโต, ผรสุํ ปหาย วาสึ คณฺหนฺโต ทารูนิ ผาเลติ. อถ นํ เสฏฺิ อาห – ‘‘สมฺม, ตฺวํ อชฺช อติวิย อุสฺสาหปฺปตฺโต กมฺมํ กโรสิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ? ‘‘สามิ, อหํ สฺเว ¶ เอกํ ภิกฺขุํ โภเชสฺสามี’’ติ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ ปสนฺนมานโส จินฺเตสิ – ‘‘อโห อิมินา ทุกฺกรํ กตํ, ‘อหํ ทุคฺคโต’ติ ตุณฺหีภาวํ อนาปชฺชิตฺวา ‘ภตึ กตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ โภเชสฺสามี’ติ วทตี’’ติ. เสฏฺิภริยาปิ ตสฺส ภริยํ ทิสฺวา, ‘‘อมฺม, กึ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ยํ ตุมฺเห ¶ กาเรสฺสถ, ตํ กโรมี’’ติ วุตฺเต อุทุกฺขลสาลํ ปเวเสตฺวา สุปฺปมุสลาทีนิ ทาเปสิ. สา นจฺจนฺตี วิย ตุฏฺปหฏฺา วีหึ โกฏฺเฏติ เจว โอผุณาติ จ. อถ นํ เสฏฺิภริยา ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, ตฺวํ อติวิย ตุฏฺปหฏฺา กมฺมํ กโรสิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ? ‘‘อยฺเย, อิมํ ภตึ กตฺวา มยมฺปิ เอกํ ภิกฺขุํ โภเชสฺสามา’’ติ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิภริยาปิ ตสฺสํ ‘‘อโห วตายํ ทุกฺกรการิกา’’ติ ปสีทิ. เสฏฺิ มหาทุคฺคตสฺส ทารูนํ ¶ ผาลิตกาเล ‘‘อยํ เต ภตี’’ติ สาลีนํ จตสฺโส นาฬิโย ทาเปตฺวา ‘‘อยํ เต ตุฏฺิทาโย’’ติ อปราปิ จตสฺโส นาฬิโย ทาเปสิ.
โส เคหํ คนฺตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘มยา ภตึ กตฺวา สาลิ ลทฺโธ, อยํ นิวาโป ภวิสฺสติ, ตยา ลทฺธาย ภติยา ทธิเตลกฏุกภณฺฑานิ คณฺหาหี’’ติ. เสฏฺิภริยาปิ ปุน ตสฺสา เอกํ สปฺปิกโรฏิกฺเจว ทธิภาชนฺจ กฏุกภณฺฑฺจ สุทฺธตณฺฑุฬินาฬิฺจ ทาเปสิ. อิติ จ อุภินฺนมฺปิ นว ตณฺฑุลนาฬิโย อเหสุํ. เต ‘‘เทยฺยธมฺโม โน ลทฺโธ’’ติ ตุฏฺหฏฺา ปาโตว อุฏฺหึสุ. ภริยา มหาทุคฺคตํ อาห – ‘‘คจฺฉ, สามิ, ปณฺณํ ปริเยสิตฺวา อาหรา’’ติ. โส อนฺตราปเณ ปณฺณํ อทิสฺวา นทีตีรํ คนฺตฺวา ‘‘อชฺช อยฺยานํ โภชนํ ทาตุํ ลภิสฺสามี’’ติ ปหฏฺมานโส คายนฺโต ปณฺณํ อุจฺจินติ. มหาชาลํ ขิปิตฺวา ิโต เกวฏฺโฏ ¶ ‘‘มหาทุคฺคตสฺส สทฺเทน ภวิตพฺพ’’นฺติ ตํ ปกฺโกสิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อติวิย ตุฏฺจิตฺโต คายสิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ? ‘‘ปณฺณํ อุจฺจินามิ, สมฺมา’’ติ. ‘‘กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘เอกํ ภิกฺขุํ โภเชสฺสามี’’ติ. ‘‘อโห สุขิโต, ภิกฺขุ, โส ตว กึ ปณฺณํ ขาทิสฺสตี’’ติ? ‘‘กึ กโรมิ, สมฺม, อตฺตนา ลทฺธปณฺเณน โภเชสฺสามี’’ติ? ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ. ‘‘กึ กโรมิ, สมฺมา’’ติ? ‘‘อิเม มจฺเฉ คเหตฺวา ปาทคฺฆนกานิ อฑฺฒคฺฆนกานิ กหาปณคฺฆนกานิ จ อุทฺทานานิ กโรหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. พทฺธพทฺเธ มจฺเฉ นครวาสิโน นิมนฺติตนิมนฺติตานํ ภิกฺขูนํ อตฺถาย หรึสุ. ตสฺส มจฺฉุทฺทานานิ กโรนฺตสฺเสว ภิกฺขาจารเวลา ปาปุณิ. โส เวลํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘คมิสฺสามหํ, สมฺม, อยํ ภิกฺขูนํ อาคมนเวลา’’ติ อาห. ‘‘อตฺถิ ปน กิฺจิ มจฺฉุทฺทาน’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, สมฺม, สพฺพานิ ขีณานี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยา อตฺตโน อตฺถาย วาลุกาย นิขณิตฺวา จตฺตาโร โรหิตมจฺฉา ปิตา, สเจ ภิกฺขุํ โภเชตุกาโมสิ, อิเม คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ เต มจฺเฉ ตสฺส อทาสิ.
ตํ ¶ ทิวสํ ปน สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต มหาทุคฺคตํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘มหาทุคฺคโต ‘เอกํ ภิกฺขุํ โภเชสฺสามี’ติ ภริยาย ¶ สทฺธึ หิยฺโย ภตึ อกาสิ, กตรํ นุ โข ภิกฺขุํ ลภิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มนุสฺสา ¶ ปณฺเณ อาโรปิตสฺาย ภิกฺขู คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เคเหสุ นิสีทาเปสฺสนฺติ, มหาทุคฺคโต มํ เปตฺวา อฺํ ภิกฺขุํ น ลภิสฺสตี’’ติ อุปธาเรสิ. พุทฺธา กิร ทุคฺคเตสุ อนุกมฺปํ กโรนฺติ. ตสฺมา สตฺถา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ‘‘มหาทุคฺคตํ สงฺคณฺหิสฺสามี’’ติ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. มหาทุคฺคเตปิ มจฺเฉ คเหตฺวา เคหํ ปวิสนฺเต สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘หิยฺโย, มหาทุคฺคโต ‘เอกสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขํ ทสฺสามี’ติ อตฺตโน ภริยาย สทฺธึ ภตึ อกาสิ, กตรํ นุ โข ภิกฺขุํ ลภิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘นตฺเถตสฺส อฺโ ภิกฺขุ, สตฺถา ปน มหาทุคฺคตสฺส สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโน. มหาทุคฺคโต อตฺตโน อุปกปฺปนกํ ยาคุภตฺตํ ปณฺณสูเปยฺยมฺปิ ตถาคตสฺส ทเทยฺย, ‘‘ยํนูนาหํ มหาทุคฺคตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ภตฺตการกกมฺมํ กเรยฺย’’นฺติ อฺาตกเวเสน ตสฺส เคหสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข กสฺสจิ กิฺจิ ภติยา กาตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. มหาทุคฺคโต ตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘สมฺม, กึ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘อหํ, สามิ, สพฺพสิปฺปิโก, มยฺหํ อชานนสิปฺปํ นาม นตฺถิ, ยาคุภตฺตาทีนิปิ สมฺปาเทตุํ ชานามี’’ติ. ‘‘สมฺม, มยํ ตว กมฺเมน อตฺถิกา, ตุยฺหํ ปน กิฺจิ ทาตพฺพํ ภตึ น ปสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ ปน เต กตฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘เอกสฺส ¶ ภิกฺขุสฺส ภิกฺขํ ทาตุกาโมมฺหิ, ตสฺส ยาคุภตฺตสํวิธานํ อิจฺฉามี’’ติ. ‘‘สเจ ภิกฺขุสฺส ภิกฺขํ ทสฺสสิ, น เม ภติยา อตฺโถ, กึ มม ปฺุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘เอวํ สนฺเต สาธุ, สมฺม, ปวิสา’’ติ. โส ตสฺส เคหํ ปวิสิตฺวา เตลตณฺฑุลาทีนิ อาหราเปตฺวา ‘‘คจฺฉ, อตฺตโน ปตฺตภิกฺขุํ อาเนหี’’ติ ตํ อุยฺโยเชสิ. ทานเวยฺยาวฏิโกปิ ปณฺเณ อาโรปิตนิยาเมเนว เตสํ เตสํ เคหานิ ภิกฺขู ปหิณิ.
มหาทุคฺคโต ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ ปตฺตภิกฺขุํ เทหี’’ติ อาห. โส ตสฺมึ ขเณ สตึ ลภิตฺวา ‘‘อหํ ตว ภิกฺขุํ ปมุฏฺโ’’ติ อาห. มหาทุคฺคโต ติขิณาย สตฺติยา กุจฺฉิยํ ปหโฏ วิย, ‘‘สามิ, กสฺมา มํ นาเสสิ, อหํ ตยา หิยฺโย สมาทปิโต ภริยาย สทฺธึ ทิวสํ ภตึ กตฺวา อชฺช ปาโตว ปณฺณตฺถาย นทีตีเร อาหิณฺฑิตฺวา อาคโต, เทหิ เม เอกํ ภิกฺขุ’’นฺติ พาหา ปคฺคยฺห ปริเทวิ. มนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา ¶ ‘‘กิเมตํ, มหาทุคฺคตา’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เต เวยฺยาวฏิกํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘สจฺจํ กิร, สมฺม, ตยา เอส ‘ภตึ กตฺวา เอกสฺส ภิกฺขุสฺส ภิกฺขํ เทหี’ติ สมาทปิโต’’ติ? ‘‘อาม ¶ , อยฺยา’’ติ. ‘‘ภาริยํ เต กมฺมํ กตํ, โย ตฺวํ เอตฺตเก ภิกฺขู สํวิทหนฺโต เอตสฺส เอกํ ภิกฺขุํ นาทาสี’’ติ. โส เตสํ วจเนน มงฺกุภูโต ตํ อาห – ‘‘สมฺม มหาทุคฺคต, มา มํ นาสยิ, อหํ ¶ ตว การณา มหาวิเหสํ ปตฺโต, มนุสฺสา ปณฺเณ อาโรปิตนิยาเมน อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตภิกฺขู นยึสุ, อตฺตโน เคเห นิสินฺนภิกฺขุํ นีหริตฺวา เทนฺโต นาม นตฺถิ, สตฺถา ปน มุขํ โธวิตฺวา คนฺธกุฏิยเมว นิสินฺโน, ราชยุวราชเสนาปติอาทโย สตฺถุ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมนํ โอโลเกนฺตา นิสินฺนา สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา ‘คมิสฺสามา’ติ. พุทฺธา นาม ทุคฺคเต อนุกมฺปํ กโรนฺติ, ตฺวํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘ทุคฺคโตมฺหิ, ภนฺเต, มม สงฺคหํ กโรถา’ติ สตฺถารํ วนฺท, สเจ เต ปฺุํ อตฺถิ, อทฺธา ลจฺฉสี’’ติ.
โส วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ อฺเสุ ทิวเสสุ วิหาเร วิฆาสาทภาเวน ทิฏฺตฺตา ราชยุวราชาทโย, ‘‘มหาทุคฺคต, น ตาว ภตฺตกาโล, กสฺมา ตฺวํ อาคจฺฉสี’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘ชานามิ, สามิ, ‘น ตาว ภตฺตกาโล’ติ. สตฺถารํ ปน วนฺทิตุํ อาคจฺฉามี’’ติ วทนฺโต คนฺตฺวา คนฺธกุฏิยา อุมฺมาเร สีสํ เปตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ นคเร มยา ทุคฺคตตโร นตฺถิ, อวสฺสโย เม โหถ, กโรถ เม สงฺคห’’นฺติ อาห. สตฺถา คนฺธกุฏิทฺวารํ วิวริตฺวา ปตฺตํ นีหริตฺวา ตสฺส หตฺเถ เปสิ. โส จกฺกวตฺติสิรึ ปตฺโต วิย อโหสิ, ราชยุวราชาทโย อฺมฺสฺส มุขานิ โอโลกยึสุ. สตฺถารา ทินฺนปตฺตฺหิ ¶ โกจิ อิสฺสริยวเสน คเหตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เอวํ ปน วทึสุ, ‘‘สมฺม มหาทุคฺคต, สตฺถุ ปตฺตํ อมฺหากํ เทหิ เอตฺตกํ นาม เต ธนํ ทสฺสาม, ตฺวํ ทุคฺคโต ธนํ คณฺหาหิ, กึ เต ปตฺเตนา’’ติ? มหาทุคฺคโต ‘‘น กสฺสจิ ทสฺสามิ, น เม ธเนน อตฺโถ, สตฺถารํเยว โภเชสฺสามี’’ติ อาห. อวเสสา ตํ ยาจิตฺวา ปตฺตํ อลภิตฺวา นิวตฺตึสุ. ราชา ปน ‘‘มหาทุคฺคโต ธเนน ปโลภิยมาโนปิ สตฺถุ ปตฺตํ น เทติ, สตฺถารา จ สยํ ทินฺนปตฺตํ โกจิ คเหตุํ น สกฺโกติ, อิมสฺส เทยฺยธมฺโม นาม กิตฺตโก ภวิสฺสติ, อิมินา เทยฺยธมฺมสฺส ทินฺนกาเล สตฺถารํ อาทาย เคหํ เนตฺวา มยฺหํ สมฺปาทิตํ อาหารํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารา สทฺธึเยว ¶ อคมาสิ. สกฺโกปิ เทวราชา ยาคุขชฺชกภตฺตสูเปยฺยปณฺณาทีนิ สมฺปาเทตฺวา สตฺถุ นิสีทนารหํ อาสนํ ปฺเปตฺวา นิสีทิ.
มหาทุคฺคโต สตฺถารํ เนตฺวา ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ อาห. วสนเคหฺจสฺส นีจํ โหติ, อโนนเตน ปวิสิตุํ น สกฺกา. พุทฺธา จ นาม เคหํ ปวิสนฺตา น โอนมิตฺวา ปวิสนฺติ. เคหฺหิ ปวิสนกาเล มหาปถวี วา เหฏฺา โอคจฺฉติ, เคหํ วา อุทฺธํ คจฺฉติ. อิทํ เตสํ สุทินฺนทานสฺส ผลํ. ปุน นิกฺขมิตฺวา คตกาเล สพฺพํ ปากติกเมว โหติ. ตสฺมา สตฺถา ิตโกว ¶ ¶ เคหํ ปวิสิตฺวา สกฺเกน ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สตฺถริ นิสินฺเน ราชา อาห – ‘‘สมฺม มหาทุคฺคต, ตยา อมฺหากํ ยาจนฺตานมฺปิ สตฺถุ ปตฺโต น ทินฺโน, ปสฺสาม ตาว, กีทิโส เต สตฺถุ สกฺกาโร กโต’’ติ? อถสฺส สกฺโก ยาคุขชฺชกาทีนิ วิวริตฺวา ทสฺเสสิ. เตสํ วาสคนฺโธ สกลนครํ ฉาเทตฺวา อฏฺาสิ. ราชา ยาคุอาทีนิ โอโลเกตฺวา ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ‘อหํ มหาทุคฺคตสฺส เทยฺยธมฺโม กิตฺตโก ภวิสฺสติ, อิมินา เทยฺยธมฺเม ทินฺเน สตฺถารํ เคหํ เนตฺวา อตฺตโน สมฺปาทิตํ อาหารํ ทสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา อาคโต, มยา เอวรูโป อาหาโร น ทิฏฺปุพฺโพ, มยิ อิธ ิเต มหาทุคฺคโต กิลเมยฺย, คจฺฉามห’’นฺติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. สกฺโกปิ สตฺถารํ ยาคุอาทีนิ ทตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสิ. สตฺถาปิ กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
สกฺโก มหาทุคฺคตสฺส สฺํ อทาสิ. โส ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ อนุคจฺฉิ. สกฺโก นิวตฺติตฺวา มหาทุคฺคตสฺส เคหทฺวาเร ิโต อากาสํ โอโลเกสิ. ตาวเทว อากาสโต สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสิตฺวา ตสฺส เคเห สพฺพภาชนานิ ปูเรตฺวา สกลํ เคหํ ปูเรสิ. ตสฺส เคเห โอกาโส นาโหสิ. ตสฺส ภริยา ทารเก หตฺเถสุ คเหตฺวา นีหริตฺวา พหิ อฏฺาสิ. โส สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺโต ทารเก พหิ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, สกลํ โน เคหํ สตฺตหิ รตเนหิ ปุณฺณํ, ปวิสิตุํ โอกาโส นตฺถี’’ติ. โส ‘‘อชฺเชว เม ทาเนน วิปาโก ทินฺโน’’ติ จินฺเตตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา, ‘‘กสฺมา อาคโตสี’’ติ วุตฺเต อาห –‘‘เทว, เคหํ เม สตฺตหิ รตเนหิ ปุณฺณํ, ตํ ธนํ คณฺหถา’’ติ. ราชา ‘‘อโห พุทฺธานํ ¶ ทินฺนทานํ, อชฺเชว มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตํ อาห – ‘‘กึ เต ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ธนหรณตฺถาย สกฏสหสฺสํ, เทวา’’ติ. ราชา สกฏสหสฺสํ เปเสตฺวา ธนํ อาหราเปตฺวา ราชงฺคเณ โอกิราเปสิ. ตาลปฺปมาโณ ราสิ อโหสิ. ราชา นคเร สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อิมสฺมึ นคเร อตฺถิ กสฺสจิ เอตฺตกํ ธน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘เอวํ มหาธนสฺส กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘เสฏฺิฏฺานํ ทาตุํ วฏฺฏติ, เทวา’’ติ. ราชา ตสฺส มหาสกฺการํ กตฺวา เสฏฺิฏฺานํ ทาเปสิ.
อถสฺส ปุพฺเพ เอกสฺส เสฏฺิโน เคหฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอตฺถ ชาเต คจฺเฉ หราเปตฺวา เคหํ อุฏฺาเปตฺวา วสาหี’’ติ อาห. ตสฺส ตํ านํ โสเธตฺวา สมํ กตฺวา ภูมิยา ขฺมานาย อฺมฺํ อาหจฺจ นิธิกุมฺภิโย อุฏฺหึสุ. เตน รฺโ อาโรจิเต ‘‘ตว ปฺุเน นิพฺพตฺตา, ตฺวเมว คณฺหาหี’’ติ อาห. โส เคหํ กาเรตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. ตโต ปรมฺปิ ยาวตายุกํ ติฏฺนฺโต ปฺุานิ กริตฺวา อายุปริโยสาเน เทวโลเก นิพฺพตฺโต.
เอกํ ¶ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ตโต จุโต ¶ สาวตฺถิยํ สาริปุตฺตตฺเถรสฺสูปฏฺากกุเล เสฏฺิธีตุ กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถสฺสา มาตาปิตโร คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา คพฺภปริหารํ อทํสุ. ตสฺสา อปเรน สมเยน เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปชฺชิ – ‘‘อโห วตาหํ ธมฺมเทสนาปตึ อาทึ กตฺวา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ โรหิตมจฺฉรเสน ทานํ ทตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ นิวาเสตฺวา อาสนปริยนฺเต นิสินฺนา เตสํ ภิกฺขูนํ อุจฺฉิฏฺภตฺตํ ปริภฺุเชยฺย’’นฺติ. สา มาตาปิตูนํ อาโรเจตฺวา ตถา อกาสิ, โทหโฬ ปฏิปสฺสมฺภิ. อถสฺสา ตโต อปเรสุปิ สตฺตสุ มงฺคเลสุ โรหิตมจฺฉรเสเนว ธมฺมเสนาปติตฺเถรปฺปมุขานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ โภเชสุํ. สพฺพํ ติสฺสกุมารสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตนิยาเมเนว เวทิตพฺพํ. อยมสฺส ปน มหาทุคฺคตกาเล ทินฺนสฺส โรหิตมจฺฉรสทานสฺเสว นิสฺสนฺโท. นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส, ‘‘ภนฺเต, ทาสสฺส โว สิกฺขาปทานิ เทถา’’ติ มาตรา วุตฺเต เถโร อาห – ‘‘โกนาโม อยํ ทารโก’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อิมสฺส ทารกสฺส กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย อิมสฺมึ เคเห ชฬา เอฬมูคาปิ ปณฺฑิตา ¶ ชาตา, ตสฺมา เม ปุตฺตสฺส ปณฺฑิโตตฺเวว นามํ ภวิสฺสตี’’ติ. เถโร สิกฺขาปทานิ อทาสิ. ชาตทิวสโต ปฏฺาย ปนสฺส ‘‘นาหํ มม ปุตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ มาตุ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. โส สตฺตวสฺสิกกาเล มาตรํ ¶ อาห – ‘‘อมฺม, เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, ‘อหํ ตว อชฺฌาสยํ น ภินฺทิสฺสามิจฺเจว มนํ อุปฺปาเทสิ’’’นฺติ วตฺวา เถรํ นิมนฺเตตฺวา โภเชตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ทาโส โว ปพฺพชิตุกาโม, อหํ อิมํ สายนฺหสมเย วิหารํ อาเนสฺสามี’’ติ เถรํ อุยฺโยเชตฺวา าตเก สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘มม ปุตฺตสฺส คิหิกาเล กตฺตพฺพสกฺการํ อชฺเชว กริสฺสามา’’ติ มหนฺตํ สกฺการํ กาเรตฺวา ตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถา’’ติ เถรสฺส อทาสิ.
เถโร ปพฺพชฺชาย ทุกฺกรภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘กริสฺสามหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ โอวาท’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ เกเส เตเมตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชสิ. มาตาปิตโรปิสฺส สตฺตาหํ วิหาเรเยว วสนฺตา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส โรหิตมจฺฉรเสเนว ทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส สายํ เคหํ อคมํสุ. เถโร อฏฺเม ทิวเส อนฺโตคามํ คจฺฉนฺโต ตํ อาทาย คจฺฉติ, ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ นาคมาสิ. กึ การณา? น ตาวสฺส ปตฺตจีวรคฺคหณานิ วา อิริยาปโถ วา ปาสาทิโก โหติ, อปิจ วิหาเร เถรสฺส กตฺตพฺพวตฺตํ อตฺถิ. เถโร หิ ภิกฺขุสงฺเฆ อนฺโตคามํ ปวิฏฺเ สกลวิหารํ วิจรนฺโต อสมฺมชฺชนฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ตุจฺฉภาชเนสุ ปานียปริโภชนียานิ อุปฏฺเปตฺวา ทุนฺนิกฺขิตฺตานิ มฺจปีาทีนิ ปฏิสาเมตฺวา ปจฺฉา คามํ ปวิสติ. อปิจ ‘‘อฺติตฺถิยา ¶ ตุจฺฉวิหารํ ปวิสิตฺวา ‘ปสฺสถ ¶ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกานํ นิสินฺนฏฺานานี’ติ วตฺตุํ มา ลภึสู’’ติ สกลวิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา ปจฺฉา คามํ ปวิสติ. ตสฺมา ตํ ทิวสมฺปิ สามเณเรน ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา ทิวาตรํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.
สามเณโร อุปชฺฌาเยน สทฺธึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มาติกํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ กึ นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มาติกา นาม, สามเณรา’’ติ. ‘‘อิมาย กึ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘อิโต จิโต จ อุทกํ อาหริตฺวา อตฺตโน สสฺสกมฺมํ สมฺปาเทนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อุทกสฺส จิตฺตํ อตฺถี’’ติ ¶ ? ‘‘นตฺถาวุโส’’ติ. ‘‘เอวรูปํ อจิตฺตกํ อตฺตโน อิจฺฉิตฏฺานํ หรนฺติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อามาวุโส’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เอวรูปมฺปิ อจิตฺตกํ อตฺตโน อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ หริตฺวา กมฺมํ กโรนฺติ, กสฺมา สจิตฺตกาปิ จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺเตตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. อเถโส ปุรโต คจฺฉนฺโต อุสุกาเร สรทณฺฑกํ อคฺคิมฺหิ ตาเปตฺวา อกฺขิโกฏิยา โอโลเกตฺวา อุชุกํ กโรนฺเต ทิสฺวา, ‘‘อิเม, ภนฺเต, เก นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อุสุการา นามาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ปเนเต กโรนฺตี’’ติ? ‘‘อคฺคิมฺหิ ตาเปตฺวา สรทณฺฑกํ อุชุํ กโรนฺตี’’ติ. ‘‘สจิตฺตโก, ภนฺเต, เอโส’’ติ? ‘‘อจิตฺตโก, อาวุโส’’ติ ¶ . โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อจิตฺตกํ คเหตฺวา อคฺคิมฺหิ ตาเปตฺวา อุชุํ กโรนฺติ, กสฺมา สจิตฺตกาปิ อตฺตโน จิตฺตํ วเส วตฺเตตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. อเถโส ปุรโต คจฺฉนฺโต ทารูนิ อรเนมินาภิอาทีนิ ตจฺฉนฺเต ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิเม เก นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตจฺฉกา นามาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ปเนเต กโรนฺตี’’ติ? ‘‘ทารูนิ คเหตฺวา ยานกาทีนํ จกฺกาทีนิ กโรนฺติ, อาวุโส’’ติ. ‘‘เอตานิ ปน สจิตฺตกานิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อจิตฺตกานิ, อาวุโส’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สเจ อจิตฺตกานิ กฏฺกลิงฺครานิ คเหตฺวา จกฺกาทีนิ กโรนฺติ, กสฺมา สจิตฺตกา อตฺตโน จิตฺตํ วเส วตฺเตตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. โส อิมานิ การณานิ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, สเจ ตุมฺหากํ ปตฺตจีวเร ตุมฺเห คณฺเหยฺยาถ, อหํ นิวตฺเตยฺย’’นฺติ. เถโร ‘‘อยํ อธุนา ปพฺพชิโต ทหรสามเณโร มํ อนุพนฺธมาโน เอวํ วเทตี’’ติ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวาว ‘‘อาหร, สามเณรา’’ติ วตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรํ อคฺคเหสิ.
สามเณโรปิ อุปชฺฌายํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตนฺโต, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อาหารํ อาหรนฺโต โรหิตมจฺฉรเสเนว อาหเรยฺยาถา’’ติ อาห. ‘‘กถํ ลภิสฺสามาวุโส’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อตฺตโน ปฺุเน อลภนฺตา มม ปฺุเน ลภิสฺสถา’’ติ อาห. เถโร ‘‘ทหรสามเณรสฺส พหิ นิสินฺนกสฺส ปริปนฺโถปิ ¶ ภเวยฺยา’’ติ กฺุชิกํ ทตฺวา ‘‘มยฺหํ วสนคพฺภสฺส ทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโต ¶ ปวิสิตฺวา นิสีเทยฺยาสี’’ติ อาห. โส ตถา กตฺวา อตฺตโน กรชกาเย าณํ โอตาเรตฺวา อตฺตภาวํ สมฺมสนฺโต นิสีทิ. อถสฺส คุณเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ ¶ อุปธาเรนฺโต ‘‘ปณฺฑิตสามเณโร อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต, มยาปิ ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา จตฺตาโร มหาราเช อามนฺเตตฺวา ‘‘วิหารสฺส อุปวเน วสนฺเต สกุเณ ปลาเปตฺวา สมนฺตโต อารกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา จนฺทเทวปุตฺตํ ‘‘จนฺทมณฺฑลํ อากฑฺฒิตฺวา คณฺหาหี’’ติ, สูริยเทวปุตฺตํ ‘‘สูริยมณฺฑลํ อากฑฺฒิตฺวา คณฺหาหี’’ติ วตฺวา สยํ คนฺตฺวา อาวิฺฉนรชฺชุฏฺาเน อารกฺขํ คเหตฺวา อฏฺาสิ, วิหาเร ปุราณปณฺณสฺส ปตนฺตสฺสปิ สทฺโท นาโหสิ, สามเณรสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. โส อนฺตราภตฺเตเยว อตฺตภาวํ สมฺมสิตฺวา ตีณิ ผลานิ ปาปุณิ.
เถโรปิ ‘‘สามเณโร วิหาเร นิสินฺโน, ตสฺส อุปกปฺปนกํ โภชนํ อสุกกุเล นาม สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ เอกํ เปมคารวยุตฺตํ อุปฏฺากกุลํ อคมาสิ. ตตฺถ จ มนุสฺสา ตํ ทิวสํ โรหิตมจฺเฉ ลภิตฺวา เถรสฺเสว อาคมนํ โอโลเกนฺโต นิสีทึสุ. เต เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ¶ , ‘‘ภนฺเต, ภทฺทกํ โว กตํ อิธาคจฺฉนฺเตหี’’ติ อนฺโตเคเห ปเวเสตฺวา ยาคุขชฺชกาทีนิ ทตฺวา โรหิตมจฺฉรเสนสฺส ปิณฺฑปาตํ อทํสุ. เถโร หรณาการํ ทสฺเสสิ. มนุสฺสา ‘‘ปริภฺุชถ, ภนฺเต, หรณกภตฺตมฺปิ ลภิสฺสถา’’ติ วตฺวา เถรสฺส ภตฺตกิจฺจาวสาเน ปตฺตํ โรหิตมจฺฉรสโภชนสฺส ปูเรตฺวา อทํสุ. เถโร ‘‘สามเณโร เม ฉาโต’’ติ สีฆํ อคมาสิ. สตฺถาปิ ตํ ทิวสํ กาลสฺเสว ภฺุชิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เอวํ อาวชฺเชสิ – ‘‘ปณฺฑิตสามเณโร อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต, นิปฺผชฺชิสฺสติ นุ โข อสฺส ปพฺพชิตกิจฺจ’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ติณฺณํ ผลานํ ปตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสโย อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อตฺถี’’ติ ทิสฺวา ‘‘ปุเรภตฺตเมว อรหตฺตํ ปตฺตุํ สกฺขิสฺสติ, น สกฺขิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘สกฺขิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สาริปุตฺโต สามเณรสฺส ภตฺตํ อาทาย สีฆํ อาคจฺฉติ, อนฺตรายมฺปิสฺส กเรยฺย ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คเหตฺวา นิสีทิสฺสามิ, อถ นํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ตสฺมึ ปฺเห วิสฺสชฺชิยมาเน สามเณโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ. ตโต คนฺตฺวา ¶ ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา สมฺปตฺตํ เถรํ จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ, ปุฏฺํ ปุฏฺํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ.
ตตฺริทํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ – สตฺถา กิร นํ ¶ อาห – ‘‘สาริปุตฺต, กึ เต ลทฺธ’’นฺติ? ‘‘อาหาโร, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาหาโร นาม กึ อาหรติ, สาริปุตฺตา’’ติ? ‘‘เวทนํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เวทนํ กึ อาหรติ, สาริปุตฺตา’’ติ? ‘‘รูปํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘รูปํ ปน กึ อาหรติ, สาริปุตฺตา’’ติ ¶ ? ‘‘ผสฺสํ, ภนฺเต’’ติ. ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ‘‘ชิฆจฺฉิเตน หิ ปริภุตฺโต อาหาโร ตสฺส ขุทฺทํ ปริหริตฺวา สุขํ เวทนํ อาหรติ. อาหารปริโภเคน สุขิตสฺส สุขาย เวทนาย อุปฺปชฺชมานาย สรีเร วณฺณสมฺปตฺติ โหติ. เอวํ เวทนา รูปํ อาหรติ. สุขิโต ปน อาหารชรูปวเสน อุปฺปนฺนสุขโสมนสฺโส ‘อิทานิ เม อสฺสาโท ชาโต’ติ นิปฺปชฺชนฺโต วา นิสีทนฺโต วา สุขสมฺผสฺสํ ปฏิลภตี’’ติ.
เอวํ อิเมสุ จตูสุ ปฺเหสุ วิสฺสชฺชิเกสุ สามเณโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺโต. สตฺถาปิ เถรํ อาห – ‘‘คจฺฉ, สาริปุตฺต, ตว สามเณรสฺส ภตฺตํ เทหี’’ติ. เถโร คนฺตฺวา ทฺวารํ อาโกเฏสิ. สามเณโร นิกฺขมิตฺวา เถรสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ เปตฺวา ตาลวณฺเฏน เถรํ พีชิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘สามเณร, ภตฺตกิจฺจํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตุมฺเห ปน, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตํ มยา ภตฺตกิจฺจํ, ตฺวํ กโรหี’’ติ. สตฺตวสฺสิกทารโก ปพฺพชิตฺวา อฏฺเม ทิวเส ตํ ขณํ วิกสิตปทุมุปฺปลสทิโส อรหตฺตํ ปตฺโต, ปจฺจเวกฺขิตฏฺานํ ปน ปจฺจเวกฺขนฺโต นิสีทิตฺวา ¶ ภตฺตกิจฺจมกาสิ. เตน ปตฺตํ โธวิตฺวา ปฏิสามิตกาเล จนฺทเทวปุตฺโต จนฺทมณฺฑลํ วิสฺสชฺเชสิ, สูริยเทวปุตฺโต สูริยมณฺฑลํ. จตฺตาโร มหาราชาโน จตุทฺทิสํ อารกฺขํ วิสฺสชฺเชสุํ, สกฺโก เทวราชา อาวิฺฉนเก อารกฺขํ วิสฺสชฺเชสิ. สูริโย มชฺฌฏฺานโต คลิตฺวา คโต.
ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ, ‘‘ฉายา อธิกปฺปมาณา ชาตา, สูริโย มชฺฌฏฺานโต คลิตฺวา คโต, สามเณเรน จ อิทาเนว ภุตฺตํ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ภิกฺขเว, กึ กเถถา’’ติ? ‘‘อิทํ นาม, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ปฺุวโต สมณธมฺมํ กรณกาเล ¶ จนฺทเทวปุตฺโต จนฺทมณฺฑลํ, สูริยเทวปุตฺโต สูริยมณฺฑลํ อากฑฺฒิตฺวา คณฺหิ, จตฺตาโร มหาราชาโน วิหาโรปวเน จตุทฺทิสํ อารกฺขํ คณฺหึสุ, สกฺโก เทวราชา อาวิฺฉนเก อารกฺขํ คณฺหิ, อหมฺปิ ‘พุทฺโธมฺหี’ติ อปฺโปสฺสุกฺโก นิสีทิตุํ นาลตฺถํ, คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺเก มม ปุตฺตสฺส อารกฺขํ อคฺคเหสึ, เนตฺติเก จ มาติกาย อุทกํ หรนฺเต, อุสุกาเร จ อุสุํ อุชุํ กโรนฺเต, ตจฺฉเก จ ทารูนิ ตจฺฉนฺเต ทิสฺวา เอตฺตกํ อารมฺมณํ คเหตฺวา ปณฺฑิตา อตฺตานํ ทเมตฺวา อรหตฺตํ คณฺหนฺติเยวา’’ติ ¶ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อุทกฺหิ นยนฺติ เนตฺติกา, อุสุการา นมยนฺติ เตชนํ;
ทารุํ นมยนฺติ ตจฺฉกา, อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อุทกนฺติ ปถวิยา ถลฏฺานํ ขณิตฺวา อาวาฏฏฺานํ ปูเรตฺวา มาติกํ วา กตฺวา รุกฺขโทณึ วา เปตฺวา อตฺตนา อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ อุทกํ. เนนฺตีติ เนตฺติกา. เตชนนฺติ กณฺฑํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เนตฺติกา อตฺตโน รุจิยา อุทกํ นยนฺติ, อุสุการาปิ ตาเปตฺวา เตชนํ นมยนฺติ อุสุํ อุชุํ กโรนฺติ. ตจฺฉกาปิ เนมิอาทีนํ อตฺถาย ตจฺฉนฺตา ทารุํ นมยนฺติ อตฺตโน รุจิยา อุชุํ วา วงฺกํ วา กโรนฺติ. เอวํ เอตฺตกํ อารมฺมณํ กตฺวา ปณฺฑิตา โสตาปตฺติมคฺคาทีนิ อุปฺปาเทนฺตา อตฺตานํ ทมยนฺติ, อรหตฺตปฺปตฺตา ปน เอกนฺตทนฺตา นาม โหนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปณฺฑิตสามเณรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
เสโล ¶ ยถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ปุถุชฺชนา ¶ กิร สามเณราทโย เถรํ ทิสฺวา สีเสปิ กณฺเณสุปิ นาสายปิ คเหตฺวา ‘‘กึ, จูฬปิต, สาสนสฺมึ น อุกฺกณฺสิ, อภิรมสี’’ติ วทนฺติ. เถโร เตสุ เนว กุชฺฌติ, น ทุสฺสติ. ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ปสฺสถาวุโส, ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรํ ทิสฺวา สามเณราทโย เอวฺเจวฺจ วิเหเนฺติ, โส เตสุ เนว กุชฺฌติ, น ทุสฺสตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมํ นาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม เนว กุชฺฌนฺติ, น ทุสฺสนฺติ. ฆนเสลสทิสา เหเต อจลา อกมฺปิยา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘เสโล ยถา เอกฆโน, วาเตน น สมีรติ;
เอวํ นินฺทาปสํสาสุ, น สมิฺชนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.
ตตฺถ นินฺทาปสํสาสูติ กิฺจาปิ อิธ ทฺเว โลกธมฺมา วุตฺตา, อตฺโถ ปน อฏฺนฺนมฺปิ วเสน เวทิตพฺโพ. ยถา หิ เอกฆโน อสุสิโร เสโล ปุรตฺถิมาทิเภเทน ¶ วาเตน น สมีรติ น อิฺชติ ¶ น จลติ, เอวํ อฏฺสุปิ โลกธมฺเมสุ อชฺโฌตฺถรนฺเตสุ ปณฺฑิตา น สมิฺชนฺติ, ปฏิฆวเสน วา อนุนยวเสน วา น จลนฺติ น กมฺปนฺติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. กาณมาตุวตฺถุ
ยถาปิ รหโทติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาณมาตรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ วินเย (ปาจิ. ๒๓๐) อาคตเมว.
ตทา ปน กาณมาตรา อตุจฺฉหตฺถํ ธีตรํ ปติกุลํ เปเสตุํ ปกฺเกสุ ปูเวสุ จตุกฺขตฺตุํ จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ ทินฺนกาเล สตฺถารา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ สิกฺขาปเท ปฺตฺเต กาณาย สามิเกน อฺาย ปชาปติยา อานีตาย กาณา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อิเมหิ เม ฆราวาโส นาสิโต’’ติ ทิฏฺทิฏฺเ ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ. ภิกฺขู ¶ ตํ วีถึ ปฏิปชฺชิตุํ น วิสหึสุ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. กาณมาตา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ อทาสิ. สตฺถา กตปาตราโส ‘‘กหํ กาณา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอสา, ภนฺเต, ตุมฺเห ทิสฺวา มงฺกุภูตา โรทนฺตี ิตา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘เอสา, ภนฺเต, ภิกฺขู ¶ อกฺโกสติ ปริภาสติ, ตสฺมา ตุมฺเห ทิสฺวา มงฺกุภูตา โรทมานา ิตา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘กาเณ, กสฺมา มํ ทิสฺวา มงฺกุภูตา นิลียิตฺวา โรทสี’’ติ. อถสฺสา มาตา ตาย กตกิริยํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ ปน กาณมาเต มม สาวกา ตยา ทินฺนกํ คณฺหึสุ, อทินฺนก’’นฺติ? ‘‘ทินฺนกํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ มม สาวกา ปิณฺฑาย จรนฺตา ตว เคหทฺวารํ ปตฺตา ตยา ทินฺนกํ คณฺหึสุ, โก เตสํ โทโส’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, อยฺยานํ โทโส’’. ‘‘เอติสฺสาเยว โทโส’’ติ. สตฺถา กาณํ อาห – ‘‘กาเณ, มยฺหํ กิร สาวกา ปิณฺฑาย จรมานา เคหทฺวารํ อาคตา, อถ เนสํ ตว มาตรา ปูวา ทินฺนา, โก นาเมตฺถ มม สาวกานํ โทโส’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, อยฺยานํ โทโส, มยฺหเมว โทโส’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ขมาเปสิ.
อถสฺสา สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, สา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. สตฺถา อุฏฺายาสนา ¶ วิหารํ คจฺฉนฺโต ราชงฺคเณน ปายาสิ. ราชา ทิสฺวา ‘‘สตฺถา วิย ภเณ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, เทวา’’ติ วุตฺเต ‘‘คจฺฉถ, มม อาคนฺตฺวา วนฺทนภาวํ อาโรเจถา’’ติ เปเสตฺวา ราชงฺคเณ ิตํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กหํ, ภนฺเต, คตาตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กาณมาตาย เคหํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ การณา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘กาณา กิร ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ, ตํการณา คโตมฺหี’’ติ. ‘‘กึ ปน โว, ภนฺเต, ตสฺสา อนกฺโกสนภาโว กโต’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภิกฺขูนฺจ อนกฺโกสิกา กตา, โลกุตฺตรกุฏุมฺพสามินี จา’’ติ ¶ . ‘‘โหตุ, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ สา โลกุตฺตรกุฏุมฺพสามินี กตา, อหํ ปน นํ โลกิยกุฏุมฺพสามินึ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ราชา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปฏินิวตฺโต ปฏิจฺฉนฺนมหาโยคฺคํ ปหิณิตฺวา กาณํ ปกฺโกสาเปตฺวา สพฺพาภรเณหิ อลงฺกริตฺวา เชฏฺธีตุฏฺาเน เปตฺวา ‘‘มม ธีตรํ โปเสตุํ ¶ สมตฺถา คณฺหนฺตู’’ติ อาห. อเถโก สพฺพตฺถกมหามตฺโต ‘‘อหํ เทวสฺส ธีตรํ โปเสสฺสามี’’ติ ตํ อตฺตโน เคหํ เนตฺวา สพฺพํ อิสฺสริยํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ‘‘ยถารุจิ ปฺุานิ กโรหี’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย กาณา จตูสุ ทฺวาเรสุ ปุริเส เปตฺวา อตฺตนา อุปฏฺาตพฺเพ ภิกฺขู จ ภิกฺขุนิโย จ ปริเยสมานาปิ น ลภติ. กาณาย เคหทฺวาเร ปฏิยาเทตฺวา ปิตํ ขาทนียโภชนียํ มโหโฆ วิย ปวตฺตติ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ปุพฺเพ, อาวุโส, จตฺตาโร มหลฺลกตฺเถรา กาณาย วิปฺปฏิสารํ กรึสุ, สา เอวํ วิปฺปฏิสารินี หุตฺวาปิ สตฺถารํ อาคมฺม สทฺธาสมฺปทํ ลภิ. สตฺถารา ปุน ตสฺสา เคหทฺวารํ ภิกฺขูนํ อุปสงฺกมนารหํ กตํ. อิทานิ อุปฏฺาตพฺเพ ภิกฺขู วา ภิกฺขุนิโย วา ปริเยสมานาปิ น ลภติ, อโห พุทฺธา นาม อจฺฉริยคุณา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ ¶ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เตหิ มหลฺลกภิกฺขูหิ กาณาย วิปฺปฏิสาโร กโต, ปุพฺเพปิ กรึสุเยว. น จ อิทาเนว มยา กาณา มม วจนการิกา กตา, ปุพฺเพปิ กตาเยวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ โสตุกาเมหิ ภิกฺขูหิ ยาจิโต –
‘‘ยตฺเถโก ลภเต พพฺพุ, ทุติโย ตตฺถ ชายติ;
ตติโย จ จตุตฺโถ จ, อิทํ เต พพฺพุกา พิล’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๗) –
อิทํ พพฺพุชาตกํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ‘‘ตทา จตฺตาโร มหลฺลกภิกฺขู จตฺตาโร พิฬารา อเหสุํ, มูสิกา กาณา, มณิกาโร อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, อตีเตปิ กาณา ทุมฺมนา อาวิลจิตฺตา วิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา มม วจเนน ปสนฺนอุทกรหโท วิย วิปฺปสนฺนจิตฺตา อโหสี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยถาปิ ¶ รหโท คมฺภีโร, วิปฺปสนฺโน อนาวิโล;
เอวํ ธมฺมานิ สุตฺวาน, วิปฺปสีทนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.
ตตฺถ ¶ รหโทติ โย จตุรงฺคินิยาปิ เสนาย โอคาหนฺติยา นขุภติ เอวรูโป อุทกณฺณโว, สพฺพากาเรน ปน จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร นีลมหาสมุทฺโท รหโท นาม. ตสฺส หิ เหฏฺา จตฺตาลีสโยชนสหสฺสมตฺเต าเน ¶ อุทกํ มจฺเฉหิ จลติ, อุปริ ตาวตฺตเกเยว าเน อุทกํ วาเตน จลติ, มชฺเฌ จตุโยชนสหสฺสมตฺเต าเน อุทกํ นิจฺจลํ ติฏฺติ. อยํ คมฺภีโร รหโท นาม. เอวํ ธมฺมานีติ เทสนาธมฺมานิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม รหโท อนากุลตาย วิปฺปสนฺโน, อจลตาย อนาวิโล, เอวํ มม เทสนาธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติมคฺคาทิวเสน นิรุปกฺกิเลสจิตฺตตํ อาปชฺชนฺตา วิปฺปสีทนฺติ ปณฺฑิตา, อรหตฺตปฺปตฺตา ปน เอกนฺตวิปฺปสนฺนาว โหนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
กาณมาตุวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ
สพฺพตฺถ เว สปฺปุริสา จชนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เทสนา เวรฺชายํ สมุฏฺิตา.
ปมโพธิยฺหิ ภควา เวรฺชํ คนฺตฺวา เวรฺเชน พฺราหฺมเณน นิมนฺติโต ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วสฺสํ อุปคฺฉิ. เวรฺโช พฺราหฺมโณ มาราวฏฺฏเนน อาวฏฺโฏ เอกทิวสมฺปิ สตฺถารํ อารพฺภ สตึ น อุปฺปาเทสิ. เวรฺชาปิ ทุพฺภิกฺขา อโหสิ, ภิกฺขู สนฺตรพาหิรํ ¶ เวรฺชํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตํ อลภนฺตา กิลมึสุ. เตสํ อสฺสวาณิชกา ปตฺถปตฺถปุลกํ ภิกฺขํ ปฺาเปสุํ. เต กิลมนฺเต ทิสฺวา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปถโวชํ โภเชตุกาโม, อุตฺตรกุรฺุจ ปิณฺฑาย ปเวเสตุกาโม อโหสิ, สตฺถา ตํ ปฏิกฺขิปิ. ภิกฺขูนํ เอกทิวสมฺปิ ปิณฺฑปาตํ อารพฺภ ปริตฺตาโส นาโหสิ ¶ , อิจฺฉาจารํ วชฺเชตฺวา เอว วิหรึสุ. สตฺถา ตตฺถ เตมาสํ วสิตฺวา เวรฺชํ พฺราหฺมณํ อปโลเกตฺวา เตน กตสกฺการสมฺมาโน ตํ สรเณสุ ปติฏฺาเปตฺวา ตโต นิกฺขนฺโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เอกสฺมึ สมเย สาวตฺถึ ปตฺวา ¶ เชตวเน วิหาสิ, สาวตฺถิวาสิโน สตฺถุ อาคนฺตุกภตฺตานิ กรึสุ. ตทา ปน ปฺจสตมตฺตา วิฆาสาทา ภิกฺขู นิสฺสาย อนฺโตวิหาเรเยว วสนฺติ. เต ภิกฺขูนํ ภุตฺตาวเสสานิ ปณีตโภชนานิ ภฺุชิตฺวา นิทฺทายิตฺวา อุฏฺาย นทีตีรํ คนฺตฺวา นทนฺตา วคฺคนฺตา มลฺลมุฏฺิยุทฺธํ ยุชฺฌนฺตา กีฬนฺตา อนฺโตวิหาเรปิ พหิวิหาเรปิ อนาจารเมว จรนฺตา วิจรนฺติ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ปสฺสถาวุโส ¶ , อิเม วิฆาสาทา ทุพฺภิกฺขกาเล เวรฺชายํ กฺจิ วิการํ น ทสฺเสสุํ, อิทานิ ปน เอวรูปานิ ปณีตโภชนานิ ภฺุชิตฺวา อเนกปฺปการํ วิการํ ทสฺเสนฺตา วิจรนฺติ. ภิกฺขู ปน เวรฺชายมฺปิ อุปสนฺตรูปา วิหริตฺวา อิทานิปิ อุปสนฺตุปสนฺตาว วิหรนฺตี’’ติ. สตฺถา ธมฺมสภํ คนฺตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, กึ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุพฺเพเปเต คทฺรภโยนิยํ นิพฺพตฺตา ปฺจสตา คทฺรภา หุตฺวา ปฺจสตานํ อาชานียสินฺธวานํ อลฺลรสมุทฺทิกปานกปีตาวเสสํ อุจฺฉิฏฺกสฏํ อุทเกน มทฺทิตฺวา มกจิปิโลติกาหิ ปริสฺสาวิตตฺตา ‘โวโลทก’นฺติ สงฺขฺยํ คตํ อปฺปรสํ นิหีนํ ปิวิตฺวา มธุมตฺตา วิย นทนฺตา วิจรึสูติ วตฺวา –
‘‘วาโลทกํ อปฺปรสํ นิหีนํ,
ปิตฺวา มโท ชายติ คทฺรภานํ;
อิมฺจ ปิตฺวาน รสํ ปณีตํ,
มโท น สฺชายติ สินฺธวานํ.
‘‘อปฺปํ ¶ ปิวิตฺวาน นิหีนชจฺโจ,
โส มชฺชตี เตน ชนินฺท ปุฏฺโ;
โธรยฺหสีลี จ กุลมฺหิ ชาโต,
น มชฺชตี อคฺครสํ ปิวิตฺวา’’ติ. (ชา. ๑.๒.๖๕);
อิทํ วาโลทกชาตกํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, สปฺปุริสา โลกธมฺมํ วิวชฺเชตฺวา สุขิตกาเลปิ ทุกฺขิตกาเลปิ นิพฺพิการาว ¶ โหนฺตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺพตฺถ เว สปฺปุริสา จชนฺติ,
น กามกามา ลปยนฺติ สนฺโต;
สุเขน ¶ ผุฏฺา อถ วา ทุเขน,
น อุจฺจาวจํ ปณฺฑิตา ทสฺสยนฺตี’’ติ.
ตตฺถ สพฺพตฺถาติ ปฺจกฺขนฺธาทิเภเทสุ สพฺพธมฺเมสุ. สปฺปุริสาติ สุปุริสา. จชนฺตีติ อรหตฺตมคฺคาเณน อปกฑฺฒนฺตา ฉนฺทราคํ วิชหนฺติ. กามกามาติ กาเม กามยนฺตา กามเหตุ กามการณา. น ลปยนฺติ สนฺโตติ พุทฺธาทโย สนฺโต กามเหตุ เนว อตฺตนา ¶ ลปยนฺติ, น ปรํ ลปาเปนฺติ. เย หิ ภิกฺขาย ปวิฏฺา อิจฺฉาจาเร ิตา ‘‘กึ, อุปาสก, สุขํ เต ปุตฺตทารสฺส, ราชโจราทีนํ วเสน ทฺวิปทจตุปฺปเทสุ นตฺถิ โกจิ อุปทฺทโว’’ติอาทีนิ วทนฺติ, ตาว เต ลปยนฺติ นาม. ตถา ปน วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, สพฺเพสํ โน สุขํ, นตฺถิ โกจิ อุปทฺทโว, อิทานิ โน เคหํ ปหูตอนฺนปานํ, อิเธว วสถา’’ติ อตฺตานํ นิมนฺตาเปนฺตา ลปาเปนฺติ นาม. สนฺโต ปน อิทํ อุภยมฺปิ น กโรนฺติ. สุเขน ผุฏฺา อถ วา ทุเขนาติ เทสนามตฺตเมตํ, อฏฺหิ ปน โลกธมฺเมหิ ผุฏฺา ตุฏฺิภาวมงฺกุภาววเสน วา วณฺณภณนอวณฺณภณนวเสน วา อุจฺจาวจํ อาการํ ปณฺฑิตา น ทสฺสยนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. ธมฺมิกตฺเถรวตฺถุ
น อตฺตเหตูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมิกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก อุปาสโก ธมฺเมน สเมน อคารํ อชฺฌาวสติ. โส ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา เอกทิวสํ ภริยาย สทฺธึ นิสีทิตฺวา ¶ สุขกถํ กเถนฺโต อาห – ‘‘ภทฺเท, อิจฺฉามหํ ปพฺพชิตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, สามิ, อาคเมหิ ตาว ¶ , ยาวาหํ กุจฺฉิคตํ ทารกํ วิชายามี’’ติ. โส อาคเมตฺวา ทารกสฺส ปทสา คมนกาเล ปุน ตํ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาคเมหิ ตาว, สามิ, ยาวายํ วยปฺปตฺโต โหตี’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ เม อิมาย อปโลกิตาย วา อนปโลกิตาย วา, อตฺตโน ทุกฺขนิสฺสรณํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. โส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อตฺตโน ปพฺพชิตกิจฺจํ นิฏฺเปตฺวา เตสํ ทสฺสนตฺถาย ปุน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ปุตฺตสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ. โสปิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา จ ปน น ¶ จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ปุราณทุติยิกาปิสฺส ‘‘เยสํ อตฺถาย อหํ ฆราวาเส วเสยฺยํ, เต อุโภปิ ปพฺพชิตา, อิทานิ เม กึ ฆราวาเสน, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา จ ปน น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ธมฺมิกอุปาสโก อตฺตโน ธมฺเม ปติฏฺิตตฺตา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต ปุตฺตทารสฺสาปิ ปติฏฺา ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘อิมาย นามา’’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ปณฺฑิเตน นาม เนว อตฺตเหตุ, น ปรเหตุ สมิทฺธิ อิจฺฉิตพฺพา, ธมฺมิเกเนว ¶ ปน ธมฺมปฏิสรเณน ภวิตพฺพ’’นฺติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น อตฺตเหตุ น ปรสฺส เหตุ,
น ปุตฺตมิจฺเฉ น ธนํ น รฏฺํ;
น อิจฺเฉยฺย อธมฺเมน สมิทฺธิมตฺตโน,
ส สีลวา ปฺวา ธมฺมิโก สิยา’’ติ.
ตตฺถ น อตฺตเหตูติ ปณฺฑิโต นาม อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา ปาปํ น กโรติ. น ปุตฺตมิจฺเฉติ ปุตฺตํ วา ธนํ วา รฏฺํ วา ปาปกมฺเมน น อิจฺเฉยฺย, เอตานิปิ อิจฺฉโต ปาปกมฺมํ น กโรติเยวาติ อตฺโถ. สมิทฺธิมตฺตโนติ ยา อตฺตโน สมิทฺธิ, ตมฺปิ อธมฺเมน น อิจฺเฉยฺย,สมิทฺธิการณาปิ ปาปํ น กโรตีติ อตฺโถ. ส สีลวาติ โย เอวรูโป ปุคฺคโล ¶ , โส เอว สีลวา จ ปฺวา จ ธมฺมิโกจ สิยา, น อฺโติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ธมฺมิกตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
๑๐. ธมฺมสฺสวนวตฺถุ
อปฺปกา เต มนุสฺเสสูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมสฺสวนํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร เอกวีถิวาสิโน มนุสฺสา สมคฺคา หุตฺวา ¶ คณพนฺเธน ทานํ ทตฺวา สพฺพรตฺตึ ¶ ธมฺมสฺสวนํ กาเรสุํ, สพฺพรตฺตึ ปน ธมฺมํ โสตุํ นาสกฺขึสุ. เอกจฺเจ กามรตินิสฺสิตา หุตฺวา, ปุน เคหเมว คตา, เอกจฺเจ โทสนิสฺสิตา หุตฺวา, เอกจฺเจ มานนิสฺสิตา หุตฺวา, เอกจฺเจ ถินมิทฺธสมงฺคิโน หุตฺวา ตตฺเถว นิสีทิตฺวา ปจลายนฺตา โสตุํ นาสกฺขึสุ. ปุนทิวเส ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, อิมา สตฺตา นาม เยภุยฺเยน ภวนิสฺสิตา, ภเวสุ เอว ลคฺคา วิหรนฺติ, ปารคามิโน นาม อปฺปกา’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อาห –
‘‘อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ, เย ชนา ปารคามิโน;
อถายํ อิตรา ปชา, ตีรเมวานุธาวติ.
‘‘เย จ โข สมฺมทกฺขาเต, ธมฺเม ธมฺมานุวตฺติโน;
เต ชนา ปารเมสฺสนฺติ, มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตร’’นฺติ.
ตตฺถ อปฺปกาติ โถกา น พหู. ปารคามิโนติ นิพฺพานปารคามิโน. อถายํ อิตรา ปชาติ ยา ปนายํ อวเสสา ปชา สกฺกายทิฏฺิตีรเมว อนุธาวติ, อยเมว พหุตราติ ¶ อตฺโถ. สมฺมทกฺขาเตติ สมฺมา อกฺขาเต สุกถิเต. ธมฺเมติ เทสนาธมฺเม. ธมฺมานุวตฺติโนติ ตํ ธมฺมํ ¶ สุตฺวา ตทนุจฺฉวิกํ ปฏิปทํ ปูเรตฺวา มคฺคผลสจฺฉิกรเณน ธมฺมานุวตฺติโน. ปารเมสฺสนฺตีติ เต เอวรูปา ชนา นิพฺพานปารํ คมิสฺสนฺติ. มจฺจุเธยฺยนฺติ กิเลสมารสงฺขาตสฺส มจฺจุสฺส นิวาสฏฺานภูตํ เตภูมิกวฏฺฏํ. สุทุตฺตรนฺติ เย ชนา ธมฺมานุวตฺติโน, เต เอตํ สุทุตฺตรํ ทุรติกฺกมํ มารเธยฺยํ ตริตฺวา อติกฺกมิตฺวา นิพฺพานปารํ คมิสฺสนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ธมฺมสฺสวนวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. ปฺจสตอาคนฺตุกภิกฺขุวตฺถุ
กณฺหํ ธมฺมํ วิปฺปหายาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต อาคนฺตุเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
โกสลรฏฺเ ¶ กิร ปฺจสตา ภิกฺขู วสฺสํ วสิตฺวา วุฏฺวสฺสา ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตสํ จริยปฏิปกฺขํ นิสาเมตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘กณฺหํ ธมฺมํ วิปฺปหาย, สุกฺกํ ภาเวถ ปณฺฑิโต;
โอกา อโนกมาคมฺม, วิเวเก ยตฺถ ทูรมํ.
‘‘ตตฺราภิรติมิจฺเฉยฺย ¶ , หิตฺวา กาเม อกิฺจโน;
ปริโยทเปยฺย อตฺตานํ, จิตฺตกฺเลเสหิ ปณฺฑิโต.
‘‘เยสํ สมฺโพธิยงฺเคสุ, สมฺมา จิตฺตํ สุภาวิตํ;
อาทานปฏินิสฺสคฺเค, อนุปาทาย เย รตา;
ขีณาสวา ชุติมนฺโต, เต โลเก ปรินิพฺพุตา’’ติ.
ตตฺถ กณฺหํ ธมฺมนฺติ กายทุจริตาทิเภทํ อกุสลํ ธมฺมํ วิปฺปหาย ชหิตฺวา. สุกฺกํ ภาเวถาติ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา กายสุจริตาทิเภทํ สุกฺกํ ธมฺมํ ภาเวยฺย. กถํ? โอกา ¶ อโนกมาคมฺมาติ โอกํ วุจฺจติ อาลโย, อโนกํ วุจฺจติ อนาลโย, อาลยโต นิกฺขมิตฺวา อนาลยสงฺขาตํ นิพฺพานํ ปฏิจฺจ อารพฺภ ตํ ปตฺถยมาโน ภาเวยฺยาติ อตฺโถ. ตตฺราภิรติมิจฺเฉยฺยาติ ยสฺมึ อนาลยสงฺขาเต วิเวเก นิพฺพาเน อิเมหิ สตฺเตหิ ทุรภิรมํ, ตตฺร อภิรตึ อิจฺเฉยฺย. หิตฺวา กาเมติ วตฺถุกามกิเลสกาเม หิตฺวา อกิฺจโน หุตฺวา วิเวเก อภิรตึ อิจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ. จิตฺตกฺเลเสหีติ ปฺจหิ นีวรเณหิ, อตฺตานํ ปริโยทเปยฺย โวทาเปยฺย, ปริโสเธยฺยาติ อตฺโถ. สมฺโพธิยงฺเคสูติ สมฺโพชฺฌงฺเคสุ. สมฺมา จิตฺตํ สุภาวิตนฺติ เหตุนา นเยน จิตฺตํ สุฏฺุ ภาวิตํ วฑฺฒิตํ. อาทานปฏินิสฺสคฺเคติ ¶ อาทานํ วุจฺจติ คหณํ, ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคสงฺขาเต อคฺคหเณ จตูหิ อุปาทาเนหิ กิฺจิ อนุปาทิยิตฺวา เย รตาติ อตฺโถ. ชุติมนฺโตติ อานุภาววนฺโต, อรหตฺตมคฺคาณชุติยา ขนฺธาทิเภเท ธมฺเม โชเตตฺวา ิตาติ อตฺโถ. เต โลเกติ อิมสฺมึ ขนฺธาทิโลเก ปรินิพฺพุตา นาม อรหตฺตปตฺติโต ปฏฺาย กิเลสวฏฺฏสฺส เขปิตตฺตา สอุปาทิเสเสน, จริมจิตฺตนิโรเธน ขนฺธวฏฺฏสฺส เขปิตตฺตา อนุปาทิเสเสน จาติ ทฺวีหิ ปรินิพฺพาเนหิ ปรินิพฺพุตา, อนุปาทาโน วิย ปทีโป อปณฺณตฺติกภาวํ คตาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปฺจสตอาคนฺตุกภิกฺขุวตฺถุ เอกาทสมํ.
ปณฺฑิตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉฏฺโ วคฺโค.
๗. อรหนฺตวคฺโค
๑. ชีวกปฺหวตฺถุ
คตทฺธิโนติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ชีวกมฺพวเน วิหรนฺโต ชีวเกน ปุฏฺปฺหํ อารพฺภ กเถสิ. ชีวกวตฺถุ ขนฺธเก (มหาว. ๓๒๖ อาทโย) วิตฺถาริตเมว.
เอกสฺมึ ปน สมเย เทวทตฺโต อชาตสตฺตุนา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา คิชฺฌกูฏํ อภิรุหิตฺวา ปทุฏฺจิตฺโต ‘‘สตฺถารํ วธิสฺสามี’’ติ สิลํ ปวิชฺฌิ. ตํ ทฺเว ปพฺพตกูฏานิ สมฺปฏิจฺฉึสุ. ตโต ภิชฺชิตฺวา คตา ปปฏิกา ภควโต ปาทํ ปหริตฺวา โลหิตํ อุปฺปาเทสิ, ภุสา เวทนา ปวตฺตึสุ. ภิกฺขู สตฺถารํ มทฺทกุจฺฉึ นยึสุ. สตฺถา ตโตปิ ชีวกมฺพวนํ คนฺตุกาโม ‘‘ตตฺถ มํ เนถา’’ติ อาห. ภิกฺขู ภควนฺตํ อาทาย ชีวกมฺพวนํ อคมํสุ. ชีวโก ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วณปฏิกมฺมตฺถาย ติขิณเภสชฺชํ ¶ ทตฺวา วณํ พนฺธิตฺวา สตฺถารํ เอตทโวจ – ‘‘ภนฺเต, มยา อนฺโตนคเร เอกสฺส มนุสฺสสฺส เภสชฺชํ กตํ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุน อาคมิสฺสามิ, อิทํ เภสชฺชํ ยาว มมาคมนา พทฺธนิยาเมเนว ติฏฺตู’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา ทฺวารปิทหนเวลาย อาคจฺฉนฺโต ทฺวารํ น สมฺปาปุณิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อโห มยา ภาริยํ กมฺมํ กตํ, ยฺวาหํ อฺตรสฺส ปุริสสฺส วิย ตถาคตสฺส ปาเท ติขิณเภสชฺชํ ทตฺวา วณํ พนฺธึ, อยํ ตสฺส โมจนเวลา, ตสฺมึ อมุจฺจมาเน สพฺพรตฺตึ ภควโต สรีเร ปริฬาโห อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, ชีวโก สายํ อาคจฺฉนฺโต ทฺวารํ น สมฺปาปุณิ, ‘อยํ วณสฺส โมจนเวลา’ติ ปน จินฺเตสิ, โมเจสิ น’’นฺติ. เถโร โมเจสิ, วโณ รุกฺขโต ฉลฺลิ วิย อปคโต. ชีวโก อนฺโตอรุเณเยว สตฺถุ สนฺติกํ เวเคน อาคนฺตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, สรีเร โว ปริฬาโห อุปฺปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘ตถาคตสฺส โข, ชีวก, โพธิมณฺเฑเยว สพฺพปริฬาโห วูปสนฺโต’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘คตทฺธิโน ¶ ¶ วิโสกสฺส, วิปฺปมุตฺตสฺส สพฺพธิ;
สพฺพคนฺถปฺปหีนสฺส, ปริฬาโห น วิชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ คตทฺธิโนติ คตมคฺคสฺส กนฺตารทฺธา วฏฺฏทฺธาติ ทฺเว อทฺธา นาม. เตสุ กนฺตารปฏิปนฺโน ยาว อิจฺฉิตฏฺานํ น ปาปุณาติ, ตาว อทฺธิโกเยว, เอตสฺมึ ปน ปตฺเต คตทฺธิ นาม โหติ. วฏฺฏสนฺนิสฺสิตาปิ สตฺตา ยาว วฏฺเฏ วสนฺติ, ตาว อทฺธิกา เอว. กสฺมา? วฏฺฏสฺส อเขปิตตฺตา. โสตาปนฺนาทโยปิ อทฺธิกา เอว, วฏฺฏํ ปน เขเปตฺวา ิโต ขีณาสโว คตทฺธิ นาม โหติ. ตสฺส คตทฺธิโน. วิโสกสฺสาติ วฏฺฏมูลกสฺส โสกสฺส วิคตตฺตา วิโสกสฺส. วิปฺปมุตฺตสฺส สพฺพธีติ สพฺเพสุ ขนฺธาทิธมฺเมสุ วิปฺปมุตฺตสฺส, สพฺพคนฺถปฺปหีนสฺสาติ จตุนฺนมฺปิ คนฺถานํ ปหีนตฺตา สพฺพาคนฺถปฺปหีนสฺส. ปริฬาโห น วิชฺชตีติ ทุวิโธ ปริฬาโห กายิโก เจตสิโก จาติ. เตสุ ขีณาสวสฺส สีตุณฺหาทิวเสน อุปฺปนฺนตฺตา กายิกปริฬาโห อนิพฺพุโตว, ตํ สนฺธาย ชีวโก ปุจฺฉติ. สตฺถา ปน ธมฺมราชตาย เทสนาวิธิกุสลตาย เจตสิกปริฬาหวเสน เทสนํ วินิวตฺเตนฺโต, ‘‘ชีวก, ปรมตฺเถน เอวรูปสฺส ขีณาสวสฺส ปริฬาโห น วิชฺชตี’’ติ อาห.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ชีวกปฺหวตฺถุ ปมํ.
๒. มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ
อุยฺยฺุชนฺตีติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหากสฺสปตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ราชคเห วุฏฺวสฺโส ‘‘อทฺธมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ. วตฺตํ กิเรตํ พุทฺธานํ ภิกฺขูหิ สทฺธึ จาริกํ จริตุกามานํ ‘‘เอวํ ภิกฺขู อตฺตโน ปตฺตปจนจีวรรชนาทีนิ กตฺวา สุขํ คมิสฺสนฺตี’’ติ ‘‘อิทานิ อทฺธมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ อาโรจาปนํ. ภิกฺขูสุ ปน อตฺตโน ปตฺตจีวราทีนิ กโรนฺเตสุ ¶ มหากสฺสปตฺเถโรปิ จีวรานิ โธวิ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘เถโร กสฺมา จีวรานิ โธวติ, อิมสฺมึ นคเร อนฺโต จ พหิ จ อฏฺารส มนุสฺสโกฏิโย วสนฺติ ¶ . ตตฺถ เย เถรสฺส น าตกา, เต อุปฏฺากา, เย น อุปฏฺากา, เต าตกา. เต เถรสฺส จตูหิ ปจฺจเยหิ สมฺมานสกฺการํ กโรนฺติ. เอตฺตกํ อุปการํ ปหาย เอส กหํ คมิสฺสติ? สเจปิ คจฺเฉยฺย, มาปมาทกนฺทรโต ปรํ น คมิสฺสตี’’ติ. สตฺถา กิร ยํ กนฺทรํ ปตฺวา นิวตฺเตตพฺพยุตฺตเก ภิกฺขู ‘‘ตุมฺเห อิโต นิวตฺตถ, มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ วทติ. ตํ ‘‘มาปมาทกนฺทร’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
สตฺถาปิ จาริกํ ปกฺกมนฺโต ¶ จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ นคเร อนฺโต จ พหิ จ อฏฺารส มนุสฺสโกฏิโย วสนฺติ. มนุสฺสานํ มงฺคลามงฺคลฏฺาเนสุ ภิกฺขูหิ คนฺตพฺพํ โหติ, น สกฺกา วิหารํ ตุจฺฉํ กาตุํ, กํ นุ โข นิวตฺเตสฺสามี’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ –‘‘กสฺสปสฺส เหเต มนุสฺสา าตกา จ อุปฏฺากา จ, กสฺสปํ นิวตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เถรํ อาห – ‘‘กสฺสป, น สกฺกา วิหารํ ตุจฺฉํ กาตุํ, มนุสฺสานํ มงฺคลามงฺคลฏฺาเนสุ ภิกฺขูหิ อตฺโถ โหติ, ตฺวํ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ นิวตฺตสฺสู’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร ปริสํ อาทาย นิวตฺติ. ภิกฺขู อุปชฺฌายึสุ ‘‘ทิฏฺํ โว, อาวุโส, นนุ อิทาเนว อมฺเหหิ วุตฺตํ ‘มหากสฺสโป กสฺมา จีวรานิ โธวติ, น เอโส สตฺถารา สทฺธึ คมิสฺสตี’ติ, ยํ อมฺเหหิ วุตฺตํ, ตเทว ชาต’’นฺติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ กถํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา ิโต อาห – ‘‘ภิกฺขเว, กึ นาเมตํ กเถถา’’ติ? ‘‘มหากสฺสปตฺเถรํ อารพฺภ กเถม, ภนฺเต’’ติ อตฺตนา กถิตนิยาเมเนว สพฺพํ อาโรเจสุํ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตุมฺเห กสฺสปํ ‘กุเลสุ จ ปจฺจเยสุ จ ลคฺโค’ติ วเทถ, โส ‘มม วจนํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต. เอโส หิ ปุพฺเพ ปตฺถนํ กโรนฺโตเยว ‘จตูสุ ปจฺจเยสุ อลคฺโค จนฺทูปโม หุตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมิตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. นตฺเถตสฺส ¶ กุเล วา ปจฺจเย วา ลคฺโค, อหํ จนฺโทปมปฺปฏิปทฺเจว (สํ. นิ. ๒.๑๔๖) อริยวํสปฺปฏิปทฺจ กเถนฺโต มม ปุตฺตํ กสฺสปํ อาทึ กตฺวา กเถสิ’’นฺติ อาห.
ภิกฺขู ¶ สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, กทา ปน เถเรน ปตฺถนา ปิตา’’ติ? ‘‘โสตุกามาตฺถ, ภิกฺขเว’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. สตฺถา เตสํ, ‘‘ภิกฺขเว, อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม พุทฺโธ โลเก อุทปาที’’ติ วตฺวา ปทุมุตฺตรปาทมูเล เตน ปิตปตฺถนํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ เถรสฺส ปุพฺพจริตํ กเถสิ. ตํ เถรปาฬิยํ (เถรคา. ๑๐๕๔ อาทโย) วิตฺถาริตเมว. สตฺถา ปน อิมํ เถรสฺส ปุพฺพจริตํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อหํ จนฺโทปมปฺปฏิปทฺเจว อริยวํสปฺปฏิปทฺจ มม ปุตฺตํ กสฺสปํ อาทึ กตฺวา กเถสึ, มม ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส ปจฺจเยสุ วา กุเลสุ วา วิหาเรสุ วา ปริเวเณสุ วา ลคฺโค นาม นตฺถิ ¶ , ปลฺลเล โอตริตฺวา ตตฺถ จริตฺวา คจฺฉนฺโต ราชหํโส วิย กตฺถจิ อลคฺโคเยว มม ปุตฺโต’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อุยฺยฺุชนฺติ สตีมนฺโต, น นิเกเต รมนฺติ เต;
หํสาว ปลฺลลํ หิตฺวา, โอกโมกํ ชหนฺติ เต’’ติ.
ตตฺถ ¶ อุยฺยฺุชนฺติ สตีมนฺโตติ สติเวปุลฺลปฺปตฺตา ขีณาสวา อตฺตนา ปฏิวิทฺธคุเณสุ ฌานวิปสฺสนาทีสุ อาวชฺชนสมาปชฺชนวุฏฺานาธิฏฺานปจฺจเวกฺขณาหิ ยฺุชนฺติ ฆเฏนฺติ. น นิเกเต รมนฺติ เตติ เตสํ อาลเย รติ นาม นตฺถิ. หํสาวาติ เทสนาสีสเมตํ, อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ยถา โคจรสมฺปนฺเน ปลฺลเล สกุณา อตฺตโน โคจรํ คเหตฺวา คมนกาเล ‘‘มม อุทกํ, มม ปทุมํ, มม อุปฺปลํ, มม กณฺณิกา’’ติ ตสฺมึ าเน กฺจิ อาลยํ อกตฺวา อนเปกฺขาว ตํ านํ ปหาย อุปฺปติตฺวา อากาเส กีฬมานา คจฺฉนฺติ; เอวเมวํ ขีณาสวา ยตฺถ กตฺถจิ วิหรนฺตาปิ กุลาทีสุ อลคฺคา เอว วิหริตฺวา คมนสมเยปิ ตํ านํ ปหาย คจฺฉนฺตา ‘‘มม วิหาโร, มม ปริเวณํ, มมูปฏฺากา’’ติ อนาลยา อนุเปกฺขาว คจฺฉนฺติ. โอกโมกนฺติ อาลยาลยํ, สพฺพาลเย ปริจฺจชนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.
๓. เพลฏฺสีสตฺเถรวตฺถุ
เยสํ ¶ สนฺนิจโย นตฺถีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ เพลฏฺสีสํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิรายสฺมา อนฺโตคาเม เอกํ วีถึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปุน อปรํ วีถึ จริตฺวา สุกฺขํ กูรํ อาทาย วิหารํ หริตฺวา ปฏิสาเมตฺวา ‘‘นิพทฺธํ ปิณฺฑปาตปริเยสนํ นาม ทุกฺข’’นฺติ กติปาหํ ฌานสุเขน วีตินาเมตฺวา อาหาเรน อตฺเถ สติ ตํ ปริภฺุชติ. ภิกฺขู ตฺวา อุชฺฌายิตฺวา ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. สตฺถา เอตสฺมึ นิทาเน อายตึ สนฺนิธิการปริวชฺชนตฺถาย ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺเปตฺวาปิ เถเรน ปน อปฺตฺเต สิกฺขาปเท ¶ อปฺปิจฺฉตํ นิสฺสาย กตตฺตา ตสฺส โทสาภาวํ ปกาเสนฺโต อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘เยสํ สนฺนิจโย นตฺถิ, เย ปริฺาตโภชนา;
สฺุโต อนิมิตฺโต จ, วิโมกฺโข เยสํ โคจโร;
อากาเสว สกุนฺตานํ, คติ เตสํ ทุรนฺนยา’’ติ.
ตตฺถ สนฺนิจโยติ ทฺเว สนฺนิจยา – กมฺมสนฺนิจโย จ, ปจฺจยสนฺนิจโย จ. เตสุ กุสลากุสลกมฺมํ กมฺมสนฺนิจโย นาม, จตฺตาโร ปจฺจยา ปจฺจยสนฺนิจโย นาม. ตตฺถ วิหาเร วสนฺตสฺส ภิกฺขุโน เอกํ คุฬปิณฺฑํ, จตุภาคมตฺตํ สปฺปึ, เอกฺจ ตณฺฑุลนาฬึ เปนฺตสฺส ปจฺจยสนฺนิจโย นตฺถิ, ตโต อุตฺตริ โหติ. เยสํ อยํ ทุวิโธปิ สนฺนิจโย นตฺถิ. ปริฺาตโภชนาติ ¶ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาตโภชนา. ยาคุอาทีนฺหิ ยาคุภาวาทิชานนํ าตปริฺา, อาหาเร ปฏิกูลสฺาวเสน ปน โภชนสฺส ปริชานนํ ตีรณปริฺา, กพฬีการาหาเร ฉนฺทราคอปกฑฺฒนาณํ ปหานปริฺา. อิมาหิ ตีหิ ปริฺาหิ เย ปริฺาตโภชนา. สฺุโต อนิมิตฺโต จาติ เอตฺถ อปฺปณิหิตวิโมกฺโขปิ คหิโตเยว. ตีณิปิ เจตานิ นิพฺพานสฺเสว นามานิ. นิพฺพานฺหิ ราคโทสโมหานํ อภาเวน สฺุโต, เตหิ จ วิมุตฺตนฺติ สฺุโต วิโมกฺโข, ตถา ราคาทินิมิตฺตานํ อภาเวน อนิมิตฺตํ, เตหิ จ วิมุตฺตนฺติ อนิมิตฺโต วิโมกฺโข, ราคาทิปณิธีนํ ปน อภาเวน อปฺปณิหิตํ ¶ , เตหิ จ วิมุตฺตนฺติ อปฺปณิหิโต วิโมกฺโขติ วุจฺจติ. ผลสมาปตฺติวเสน ตํ อารมฺมณํ กตฺวา วิหรนฺตานํ อยํ ติวิโธ วิโมกฺโข เยสํ โคจโร. คติ เตสํ ทุรนฺนยาติ ยถา นาม อากาเสน คตานํ สกุณานํ ปทนิกฺเขปสฺส อทสฺสเนน คติ ทุรนฺนยา น สกฺกา ชานิตุํ, เอวเมว เยสํ อยํ ทุวิโธ สนฺนิจโย นตฺถิ, อิมาหิ จ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาตโภชนา, เยสฺจ ¶ อยํ วุตฺตปฺปกาโร วิโมกฺโข โคจโร, เตสํ ตโย ภวา, จตสฺโส โยนิโย, ปฺจ คติโย, สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, นว สตฺตาวาสาติ อิเมสุ ปฺจสุ โกฏฺาเสสุ อิมินา นาม คตาติ คมนสฺส อปฺายนโต คติ ทุรนฺนยา น สกฺกา ปฺาเปตุนฺติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เพลฏฺสีสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. อนุรุทฺธตฺเถรวตฺถุ
ยสฺสาสวาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อนุรุทฺธตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส เถโร ชิณฺณจีวโร สงฺการกูฏาทีสุ จีวรํ ปริเยสติ. ตสฺส อิโต ตติเย อตฺตภาเว ปุราณทุติยิกา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา ชาลินี นาม เทวธีตา อโหสิ. สา เถรํ โจฬกานิ ปริเยสมานํ ทิสฺวา เถรสฺส อตฺถาย เตรสหตฺถายตานิ จตุหตฺถวิตฺถตานิ ตีณิ ทิพฺพทุสฺสานิ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ อิมานิ อิมินา นีหาเรน ทสฺสามิ, เถโร น คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส โจฬกานิ ปริเยสมานสฺส ปุรโต เอกสฺมึ สงฺการกูเฏ ยถา เนสํ ทสนฺตมตฺตเมว ปฺายติ, ตถา เปสิ. เถโร เตน มคฺเคน ¶ โจฬกปริเยสมานํ จรนฺโต เนสํ ทสนฺตํ ทิสฺวา ตตฺเถว คเหตฺวา อากฑฺฒมาโน วุตฺตปฺปมาณานิ ทิพฺพทุสฺสานิ ทิสฺวา ‘‘อุกฺกฏฺปํสุกูลํ วต อิท’’นฺติ อาทาย ปกฺกามิ. อถสฺส จีวรกรณทิวเส สตฺถา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร วิหารํ คนฺตฺวา นิสีทิ, อสีติมหาเถราปิ ตตฺเถว นิสีทึสุ, จีวรํ สิพฺเพตุํ มหากสฺสปตฺเถโร มูเล นิสีทิ, สาริปุตฺตตฺเถโร มชฺเฌ, อานนฺทตฺเถโร อคฺเค, ภิกฺขุสงฺโฆ สุตฺตํ วฏฺเฏสิ, สตฺถา สูจิปาสเก ¶ อาวุณิ, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร เยน เยน อตฺโถ, ตํ ตํ อุปเนนฺโต วิจริ.
เทวธีตาปิ อนฺโตคามํ ปวิสิตฺวา ‘‘โภนฺตา อยฺยสฺส โน อนุรุทฺธตฺเถรสฺส จีวรํ กโรนฺโต สตฺถา อสีติมหาสาวกปริวุโต ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วิหาเร นิสีทิ, ยาคุอาทีนิ อาทาย วิหารํ คจฺฉถา’’ติ ภิกฺขํ สมาทเปสิ. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโรปิ อนฺตราภตฺเต มหาชมฺพุเปสึ อาหริ, ปฺจสตา ภิกฺขู ปริกฺขีณํ ขาทิตุํ นาสกฺขึสุ. สกฺโก จีวรกรณฏฺาเน ภูมิปริภณฺฑมกาสิ, ภูมิ อลตฺตกรสรฺชิตา วิย อโหสิ. ภิกฺขูหิ ปริภุตฺตาวเสสานํ ยาคุขชฺชกภตฺตานํ มหาราสิ อโหสิ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ¶ กึ เอวํพหุเกหิ ยาคุอาทีหิ, นนุ นาม ปมาณํ สลฺลกฺเขตฺวา เอตฺตกํ นาม อาหรถา’’ติ าตกา จ อุปฏฺากา จ วตฺตพฺพา สิยุํ, อนุรุทฺธตฺเถโร อตฺตโน าติอุปฏฺากานํ พหุภาวํ าเปตุกาโม มฺเ’’ติ, อถ เน สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ‘อิทํ อนุรุทฺเธน อาหราปิต’นฺติ มฺถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต อนุรุทฺโธ เอวรูปํ วเทติ. น หิ ขีณาสวา ปจฺจยปฏิสํยุตฺตํ กถํ กเถนฺติ, อยํ ปน ปิณฺฑปาโต เทวตานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺสาสวา ¶ ปริกฺขีณา, อาหาเร จ อนิสฺสิโต;
สฺุโต อนิมิตฺโต จ, วิโมกฺโข ยสฺส โคจโร;
อากาเสว สกุนฺตานํ, ปทํ ตสฺส ทุรนฺนย’’นฺติ.
ตตฺถ ยสฺสาสวาติ ยสฺส จตฺตาโร อาสวา ปริกฺขีณา. อาหาเร จ อนิสฺสิโตติ อาหารสฺมิฺจ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสเยหิ อนิสฺสิโต. ปทํ ตสฺส ทุรนฺนยนฺติ ยถา อากาเส คจฺฉนฺตานํ สกุณานํ ‘‘อิมสฺมึ าเน ปาเทหิ อกฺกมิตฺวา คตา, อิทํ านํ อุเรน ปหริตฺวา คตา, อิทํ สีเสน, อิทํ ปกฺเขหี’’ติ น สกฺกา าตุํ, เอวเมว เอวรูปสฺส ภิกฺขุโน ‘‘นิรยปเทน วา คโต, ติรจฺฉานโยนิปเทน วา’’ติอาทินา นเยน ปทํ ปฺาเปตุํ นาม น สกฺโกติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติ ผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อนุรุทฺธตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. มหากจฺจายนตฺเถรวตฺถุ
ยสฺสินฺทฺริยานีติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต มหากจฺจายนตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ภควา มหาปวารณาย มิคารมาตุยา ปาสาทสฺส เหฏฺา มหาสาวกปริวุโต นิสีทิ. ตสฺมึ สมเย มหากจฺจายนตฺเถโร อวนฺตีสุ วิหรติ. โส ปนายสฺมา ทูรโตปิ อาคนฺตฺวา ธมฺมสฺสวนํ ปคฺคณฺหาติเยว. ตสฺมา มหาเถรา นิสีทนฺตา มหากจฺจายนตฺเถรสฺส อาสนํ เปตฺวา นิสีทึสุ. สกฺโก เทวราชา ทฺวีหิ เทวโลเกหิ เทวปริสาย สทฺธึ อาคนฺตฺวา ทิพฺพคนฺธมาลาทีหิ สตฺถารํ ปูเชตฺวา ิโต มหากจฺจายนตฺเถรํ อทิสฺวา กึ นุ โข มม, อยฺโย, น ทิสฺสติ, สาธุ โข ปนสฺส สเจ อาคจฺเฉยฺยาติ. เถโรปิ ตํ ขณฺเว อาคนฺตฺวา อตฺตโน อาสเน นิสินฺนเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. สกฺโก เถรํ ทิสฺวา โคปฺผเกสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา ‘‘สาธุ วต เม, อยฺโย, อาคโต, อหํ อยฺยสฺส อาคมนเมว ปจฺจาสีสามี’’ติ วตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ปาเท สมฺพาหิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ. ‘‘สกฺโก มุขํ ¶ โอโลเกตฺวา สกฺการํ กโรติ, อวเสสมหาสาวกานํ เอวรูปํ สกฺการํ อกริตฺวา มหากจฺจายนํ ทิสฺวา เวเคน โคปฺผเกสุ ¶ คเหตฺวา ‘สาธุ วต เม, อยฺโย, อาคโต, อหํ อยฺยสฺส อาคมนเมว ปจฺจาสีสามี’ติ วตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ปาเท สมฺพาหิตฺวา ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต’’ติ. สตฺถา เตสํ ตํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตน มหากจฺจายเนน สทิสา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา ภิกฺขู เทวานมฺปิ มนุสฺสานมฺปิ ปิยาเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺสินฺทฺริยานิ สมถงฺคตานิ,
อสฺสา ยถา สารถินา สุทนฺตา;
ปหีนมานสฺส อนาสวสฺส,
เทวาปิ ตสฺส ปิหยนฺติ ตาทิโน’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – ยสฺส ภิกฺขุโน เฉเกน สารถินา สุทนฺตา อสฺสา วิย ฉ อินฺทฺริยานิ สมถํ ทนฺตภาวํ นิพฺพิเสวนภาวํ คตานิ, ตสฺส นววิธํ มานํ ปหาย ิตตฺตา ปหีนมานสฺส จตุนฺนํ อาสวานํ อภาเวน อนาสวสฺส. ตาทิโนติ ตาทิภาวสณฺิตสฺส ตถารูปสฺส เทวาปิ ปิหยนฺติ, มนุสฺสาปิ ทสฺสนฺจ อาคมนฺจ ปตฺเถนฺติเยวาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหากจฺจายนตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
ปถวิสโมติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย อายสฺมา สาริปุตฺโต วุฏฺวสฺโส จาริกํ ปกฺกมิตุกาโม ภควนฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปริวาเรน สทฺธึ นิกฺขมิ. อฺเปิ พหู ภิกฺขู เถรํ อนุคจฺฉึสุ. เถโร จ นามโคตฺตวเสน ปฺายมาเน ภิกฺขู นามโคตฺตวเสน กเถตฺวา นิวตฺตาเปสิ. อฺตโร นามโคตฺตวเสน อปากโฏ ภิกฺขุ จินฺเตสิ – ‘‘อโห วต มมฺปิ นามโคตฺตวเสน ปคฺคณฺหนฺโต กเถตฺวา นิวตฺตาเปยฺยา’’ติ เถโร มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺตเร ตํ น สลฺลกฺเขสิ. โส ‘‘อฺเ วิย ภิกฺขู น มํ ปคฺคณฺหาตี’’ติ เถเร อาฆาตํ พนฺธิ. เถรสฺสปิ สงฺฆาฏิกณฺโณ ¶ ตสฺส ภิกฺขุโน สรีรํ ผุสิ, เตนาปิ อาฆาตํ พนฺธิเยว. โส ‘‘ทานิ เถโร วิหารูปจารํ อติกฺกนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อายสฺมา มํ, ภนฺเต, สาริปุตฺโต ตุมฺหากํ อคฺคสาวโกมฺหีติ กณฺณสกฺขลึ ภินฺทนฺโต วิย ปหริตฺวา อขมาเปตฺวาว จาริกํ ปกฺกนฺโต’’ติ อาห. สตฺถา เถรํ ปกฺโกสาเปสิ.
ตสฺมึ ขเณ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร จ อานนฺทตฺเถโร จ จินฺเตสุํ – ‘‘อมฺหากํ อคฺคเชฏฺภาตรา อิมสฺส ภิกฺขุโน อปหฏภาวํ สตฺถา โน น ชานาติ, สีหนาทํ ปน ¶ นทาเปตุกาโม ภวิสฺสตีติ ปริสํ สนฺนิปาตาเปสฺสามา’’ติ. เต กฺุจิกหตฺถา ปริเวณทฺวารานิ วิวริตฺวา ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต ¶ , อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อิทานายสฺมา สาริปุตฺโต ภควโต สมฺมุขา สีหนาทํ นทิสฺสตี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑) มหาภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตสุํ. เถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘นายํ ภิกฺขุ มยา ปหโฏ’’ติ อวตฺวาว อตฺตโน คุณกถํ กเถนฺโต ‘‘ยสฺส นูน, ภนฺเต, กาเย กายคตาสติ อนุปฏฺิตา อสฺส, โส อิธ อฺตรํ สพฺรหฺมจารึ อาสชฺช อปฺปฏินิสฺสชฺช จาริกํ ปกฺกเมยฺยา’’ติ วตฺวา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ปถวิยํ สุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, อสุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺตี’’ติอาทินา นเยน อตฺตโน ปถวีสมจิตฺตตฺจ อาโปเตโชวาโย รโชหรณจณฺฑาลกุมารกอุสภฉินฺนวิสาณสมจิตฺตตฺจ อหิกุณปาทีหิ วิย อตฺตโน กาเยน อฏฺฏิยนฺจ เมทกถาลิกา วิย อตฺตโน กายปริหรณฺจ ปกาเสสิ. อิมาหิ จ ปน นวหิ อุปมาหิ เถเร อตฺตโน คุเณ กเถนฺเต นวสุปิ าเนสุ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ. รโชหรณจณฺฑาลกุมารกเมทกถาลิโก ปมานํ ปน อาหรณกาเล ปุถุชฺชนา ภิกฺขู อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขึสุ, ขีณาสวานํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ.
เถเร อตฺตโน คุณํ กเถนฺเตเยว อพฺภาจิกฺขนกสฺส ¶ ภิกฺขุโน สกลสรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ, โส ตาวเทว ภควโต ปาเทสุ ปติตฺวา อตฺตโน อพฺภาจิกฺขนโทสํ ปกาเสตฺวา อจฺจยํ เทเสสิ. สตฺถา เถรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘สาริปุตฺต, ขม อิมสฺส โมฆปุริสสฺส, ยาวสฺส สตฺตธา มุทฺธา น ผลตี’’ติ อาห. เถโร อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘ขมามหํ, ภนฺเต, ตสฺส อายสฺมโต, ขมตุ จ เม โส อายสฺมา, สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถี’’ติ อาห. ภิกฺขู กถยึสุ ‘‘ปสฺสถ ทานาวุโส, เถรสฺส อโนปมคุณํ, เอวรูปสฺส นาม มุสาวาเทน อพฺภาจิกฺขนกสฺส ภิกฺขุโน อุปริ อปฺปมตฺตกมฺปิ โกปํ วา โทสํ วา อกตฺวา สยเมว อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ขมาเปตี’’ติ. ‘‘สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา, ภิกฺขเว, กึ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘น ภิกฺขเว, สกฺกา สาริปุตฺตสทิสานํ โกปํ วา โทสํ วา อุปฺปาเทตุํ ¶ , มหาปถวีสทิสํ, ภิกฺขเว, อินฺทขีลสทิสํ ปสนฺนอุทกรหทสทิสฺจ ¶ สาริปุตฺตสฺส จิตฺต’’นฺติ วตฺวา อนุสนฺธึ ¶ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปถวิสโม โน วิรุชฺฌติ,
อินฺทขิลุปโม ตาทิ สุพฺพโต;
รหโทว อเปตกทฺทโม,
สํสารา น ภวนฺติ ตาทิโน’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, ยถา นาม ปถวิยํ สุจีนิ คนฺธมาลาทีนิปิ นิกฺขิปนฺติ, อสุจีนิ มุตฺตกรีสาทีนิปิ นิกฺขิปนฺติ, ยถา นาม นครทฺวาเร นิขาตํ อินฺทขีลํ ทารกาทโย โอมุตฺเตนฺติปิ อูหทนฺติปิ, อปเร ปน ตํ คนฺธมาลาทีหิ สกฺกโรนฺติ. ตตฺถ ปถวิยา อินฺทขีลสฺส จ เนว อนุโรโธ อุปฺปชฺชติ, น วิโรโธ; เอวเมว ยฺวายํ ขีณาสโว ภิกฺขุ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปิยภาเวน ตาทิ, วตานํ สุนฺทรตาย สุพฺพโต. โส ‘‘อิเม มํ จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกโรนฺติ, อิเม ปน น สกฺกโรนฺตี’’ติ สกฺการฺจ อสกฺการฺจ กโรนฺเตสุ เนว อนุรุชฺฌติ, โน วิรุชฺฌติ, อถ โข ปถวิสโม จ อินฺทขิลุปโม เอว จ โหติ. ยถา ¶ จ อปคตกทฺทโม รหโท ปสนฺโนทโก โหติ, เอวํ อปคตกิเลสตาย ราคกทฺทมาทีหิ อกทฺทโม วิปฺปสนฺโนว โหติ. ตาทิโนติ ตสฺส ปน เอวรูปสฺส สุคติทุคฺคตีสุ สํสรณวเสน สํสารา นาม น โหนฺตีติ.
เทสนาวสาเน นว ภิกฺขุสหสฺสานิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. โกสมฺพิวาสีติสฺสตฺเถรสามเณรวตฺถุ
สนฺตํ ตสฺส มนํ โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติสฺสตฺเถรสฺส สามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร โกสมฺพิวาสี กุลปุตฺโต สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธุปสมฺปโท ‘‘โกสมฺพิวาสีติสฺสตฺเถโร’’ติ ปฺายิ. ตสฺส โกสมฺพิยํ วุฏฺวสฺสสฺส ¶ อุปฏฺาโก ติจีวรฺเจว ¶ สปฺปิผาณิตฺจ อาหริตฺวา ปาทมูเล เปสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘กึ อิทํ อุปาสกา’’ติ. ‘‘นนุ มยา, ภนฺเต, ตุมฺเห วสฺสํ วาสิตา, อมฺหากฺจ วิหาเร วุฏฺวสฺสา อิมํ ลาภํ ลภนฺติ, คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โหตุ, อุปาสก, น มยฺหํ อิมินา อตฺโถ’’ติ. ‘‘กึ การณา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘มม สนฺติเก กปฺปิยการโก สามเณโรปิ นตฺถิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘สเจ, ภนฺเต, กปฺปิยการโก นตฺถิ, มม ปุตฺโต อยฺยสฺส สนฺติเก สามเณโร ภวิสฺสตี’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ. อุปาสโก สตฺตวสฺสิกํ อตฺตโน ปุตฺตํ เถรสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อิมํ ปพฺพาเชถา’’ติ อทาสิ. อถสฺส เถโร เกเส เตเมตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ ¶ . โส ขุรคฺเคเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
เถโร ตํ ปพฺพาเชตฺวา อฑฺฒมาสํ ตตฺถ วสิตฺวา ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ สามเณรํ ภณฺฑกํ คาหาเปตฺวา คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ วิหารํ ปาวิสิ. สามเณโร อุปชฺฌายสฺส เสนาสนํ คเหตฺวา ปฏิชคฺคิ. ตสฺส ตํ ปฏิชคฺคนฺตสฺเสว วิกาโล ชาโต, เตน อตฺตโน เสนาสนํ ปฏิชคฺคิตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ อุปฏฺานเวลายํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ เถโร ปุจฺฉิ – ‘‘สามเณร, อตฺตโน วสนฏฺานํ ปฏิชคฺคิต’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, ปฏิชคฺคิตุํ โอกาสํ นาลตฺถ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ มม วสนฏฺาเนเยว วส, ทุกฺขํ เต อาคนฺตุกฏฺาเน พหิ วสิตุ’’นฺติ ตํ คเหตฺวาว เสนาสนํ ปาวิสิ. เถโร ปน ปุถุชฺชโน นิปนฺนมตฺโตว นิทฺทํ โอกฺกมิ. สามเณโร จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช เม อุปชฺฌาเยน สทฺธึ ตติโย ทิวโส เอกเสนาสเน วสนฺตสฺส, ‘สเจ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายิสฺสามิ, เถโร สหเสยฺยํ อาปชฺเชยฺยา’ติ นิสินฺนโกว วีตินาเมสฺสามี’’ติ อุปชฺฌายสฺส มฺจกสมีเป ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนโกว รตฺตึ วีตินาเมสิ. เถโร ปจฺจูสกาเล ปจฺจุฏฺาย ‘‘สามเณรํ นิกฺขมาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ มฺจกปสฺเส ปิตพีชนึ คเหตฺวา พีชนิปตฺตสฺส อคฺเคน สามเณรสฺส กฏสารกํ ปหริตฺวา พีชนึ อุทฺธํ อุกฺขิปนฺโต ¶ ‘‘สามเณร, พหิ นิกฺขมา’’ติ อาห, พีชนิปตฺตทณฺฑโก อกฺขิมฺหิ ปฏิหฺิ, ตาวเทว อกฺขิ ภิชฺชิ. โส ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา อุฏฺาย ‘‘พหิ นิกฺขมา’’ติ วุตฺเต ‘‘อกฺขิ เม, ภนฺเต, ภินฺน’’นฺติ อวตฺวา เอเกน หตฺเถน ปฏิจฺฉาเทตฺวา นิกฺขมิ. วตฺตกรณกาเล จ ปน ‘‘อกฺขิ เม ภินฺน’’นฺติ ตุณฺหี อนิสีทิตฺวา เอเกน หตฺเถน อกฺขึ คเหตฺวา เอเกน หตฺเถน ¶ มุฏฺิสมฺมฺุชนึ อาทาย วจฺจกุฏิฺจ มุขโธวนฏฺานฺจ สมฺมชฺชิตฺวา มุขโธวโนทกฺจ เปตฺวา ปริเวณํ สมฺมชฺชิ. โส อุปชฺฌายสฺส ทนฺตกฏฺํ ททมาโน เอเกเนว หตฺเถน อทาสิ.
อถ นํ อุปชฺฌาโย อาห – ‘‘อสิกฺขิโต วตายํ สามเณโร, อาจริยุปชฺฌายานํ เอเกน ¶ หตฺเถน ทนฺตกฏฺํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. ชานามหํ, ภนฺเต, ‘‘น เอวํ วฏฺฏตี’’ติ, เอโก ปน เม หตฺโถ น ตุจฺโฉติ. ‘‘กึ สามเณรา’’ติ? โส อาทิโต ปฏฺาย ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. เถโร สุตฺวาว สํวิคฺคมานโส ‘‘อโห วต มยา ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ วตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, สปฺปุริส, นาหเมตํ ชานามิ, อวสฺสโย เม โหหี’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห สตฺตวสฺสิกทารกสฺส ปาทมูเล อุกฺกุฏิกํ นิสีทิ. อถ นํ สามเณโร อาห – ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตทตฺถาย กเถสึ, ตุมฺหากํ จิตฺตํ ¶ อนุรกฺขนฺเตน มยา เอวํ วุตฺตํ เนเวตฺถ ตุมฺหากํ โทโส อตฺถิ, น มยฺหํ. วฏฺฏสฺเสเวโส โทโส, มา จินฺตยิตฺถ, มยา ตุมฺหากํ วิปฺปฏิสารํ รกฺขนฺเตเนว นาโรจิต’’นฺติ. เถโร สามเณเรน อสฺสาสิยมาโนปิ อนสฺสาสิตฺวา อุปฺปนฺนสํเวโค สามเณรสฺส ภณฺฑกํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ ปายาสิ. สตฺถาปิสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺโตว นิสีทิ. โส คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ปฏิสมฺโมทนํ กตฺวา ‘‘ขมนียํ เต ภิกฺขุ, กิฺจิ อติเรกํ อผาสุกํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิโต อาห – ‘‘ขมนียํ, ภนฺเต, นตฺถิ เม กิฺจิ อติเรกํ อผาสุกํ, อปิจ โข ปน เม อยํ ทหรสามเณโร วิย อฺโ อติเรกคุโณ น ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. ‘‘กึ ปน อิมินา กตํ ภิกฺขู’’ติ. โส อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจนฺโต อาห – ‘‘เอวํ, ภนฺเต, มยา ขมาปิยมาโน มํ เอวํ วเทสิ ‘เนเวตฺถ ตุมฺหากํ โทโส อตฺถิ, น มยฺหํ. วฏฺฏสฺเสเวโส โทโส, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’ติ, อิติ มํ อสฺสาเสสิเยว, มยิ เนว โกปํ, น โทสมกาสิ, น เม, ภนฺเต, เอวรูโป คุณสมฺปนฺโน ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ ขีณาสวา นาม น กสฺสจิ กุปฺปนฺติ, น ทุสฺสนฺติ, สนฺตินฺทฺริยา สนฺตมานสาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สนฺตํ ¶ ตสฺส มนํ โหติ, สนฺตา วาจา จ กมฺม จ;
สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน’’ติ.
ตตฺถ สนฺตํ ตสฺสาติ ตสฺส ขีณาสวสามเณรสฺส อภิชฺฌาทีนํ อภาเวน มนํ สนฺตเมว โหติ อุปสนฺตํ นิพฺพุตํ ¶ . ตถา มุสาวาทาทีนํ อภาเวน วาจา จ ปาณาติปาตาทีนํ อภาเวน กายกมฺมฺจ สนฺตเมว โหติ. สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺสาติ นเยน เหตุนา ชานิตฺวา ปฺจหิ วิมุตฺตีหิ วิมุตฺตสฺส. อุปสนฺตสฺสาติ อพฺภนฺตเร ราคาทีนํ อุปสเมน อุปสนฺตสฺส. ตาทิโนติ ตถารูปสฺส คุณสมฺปนฺนสฺสาติ.
เทสนาวสาเน ¶ โกสมฺพิวาสีติสฺสตฺเถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เสสมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
โกสมฺพิวาสีติสฺสตฺเถรสามเณรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อสฺสทฺโธติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ตึสมตฺตา อารฺกา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตสํ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘สทฺทหสิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, สทฺธินฺทฺริยํ ภาวิตํ พหุลีกตํ อมโตคธํ โหติ อมตปริโยสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๔) เอวํ ปฺจินฺทฺริยานิ อารพฺภ ปฺหํ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘น ขฺวาหํ, ภนฺเต, เอตฺถ ภควโต สทฺธาย คจฺฉามิ, สทฺธินฺทฺริยํ…เป… อมตปริโยสานํ. เยสฺเหตํ, ภนฺเต, อฺาตํ อสฺส อทิฏฺํ อวิทิตํ อสจฺฉิกตํ อผสฺสิตํ ปฺาย, เต ตตฺถ ปเรสํ ¶ สทฺธาย คจฺเฉยฺยุํ. สทฺธินฺทฺริยํ…เป… อมตปริโยสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๔) เอวํ ตํ ปฺหํ พฺยากาสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘สาริปุตฺตตฺเถโร มิจฺฉาคหณํ เนว วิสฺสชฺเชสิ, อชฺชาปิ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส น สทฺทหติเยวา’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘กึ นาเมตํ, ภิกฺขเว, วเทถ. อหฺหิ ‘ปฺจินฺทฺริยานิ อภาเวตฺวา สมถวิปสฺสนํ อวฑฺเฒตฺวา ¶ มคฺคผลานิ สจฺฉิกาตุํ สมตฺโถ นาม อตฺถีติ สทฺทหสิ ตฺวํ สาริปุตฺโต’ติ ปุจฺฉึ. โส ‘เอวํ สจฺฉิกโรนฺโต อตฺถิ นามาติ น สทฺทหามิ, ภนฺเต’ติ กเถสิ. น ทินฺนสฺส วา กตสฺส วา ผลํ วิปากํ น สทฺทหติ, นาปิ พุทฺธาทีนํ คุณํ น สทฺทหติ. เอโส ปน อตฺตนา ปฏิวิทฺเธสุ ฌานวิปสฺสนามคฺคผลธมฺเมสุ ปเรสํ สทฺธาย น คจฺฉติ. ตสฺมา อนุปวชฺโช’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อสฺสทฺโธ อกตฺู จ, สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร,
หตาวกาโส วนฺตาโส, ส เว อุตฺตมโปริโส’’ติ.
ตสฺสโถ – อตฺตโน ปฏิวิทฺธคุณํ ปเรสํ กถาย น สทฺทหตีติ อสฺสทฺโธ. อกตํ นิพฺพานํ ¶ ชานาตีติ อกตฺู ¶ , สจฺฉิกตนิพฺพาโนติ อตฺโถ. วฏฺฏสนฺธึ, สํสารสนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ิโตติ สนฺธิจฺเฉโท. กุสลากุสลกมฺมพีชสฺส ขีณตฺตา นิพฺพตฺตนาวกาโส หโต อสฺสาติ หตาวกาโส. จตูหิ มคฺเคหิ กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กตตฺตา,สพฺพา อาสา อิมินา วนฺตาติ วนฺตาโส. โส เอวรูโป นโร. ปฏิวิทฺธโลกุตฺตรธมฺมตาย ปุริเสสุ อุตฺตมภาวํ ปตฺโตติ ปุริสุตฺตโมติ.
คาถาวสาเน เต อารฺกา ตึสมตฺตา ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เสสชนสฺสาปิ สตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. ขทิรวนิยเรวตตฺเถรวตฺถุ
คาเม วาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ขทิรวนิยเรวตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
อายสฺมา หิ สาริปุตฺโต สตฺตาสีติโกฏิธนํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลาติ ติสฺโส ภคินิโย, จุนฺโท อุปเสโนติ อิเม ทฺเว จ ภาตโร ปพฺพาเชสิ. เรวตกุมาโร เอโกว เคเห อวสิฏฺโ. อถสฺส มาตา จินฺเตสิ – ‘‘มม ปุตฺโต ¶ อุปติสฺโส เอตฺตกํ ¶ ธนํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา ติสฺโส จ ภคินิโย ทฺเว จ ภาตโร ปพฺพาเชสิ, เรวโต เอโกว อวเสโส. สเจ อิมมฺปิ ปพฺพาเชสฺสติ, เอตฺตกํ โน ธนํ นสฺสิสฺสติ, กุลวํโส ปจฺฉิชฺชิสฺสติ, ทหรกาเลเยว นํ ฆราวาเสน พนฺธิสฺสามี’’ติ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ปฏิกจฺเจว ภิกฺขู อาณาเปสิ ‘‘สเจ, อาวุโส, เรวโต ปพฺพชิตุกาโม อาคจฺฉติ, อาคตมตฺตเมว นํ ปพฺพาเชยฺยาถ, มม มาตาปิตโร มิจฺฉาทิฏฺิกา, กึ เตหิ อาปุจฺฉิเตหิ, อหเมว ตสฺส มาตา จ ปิตา จา’’ติ. มาตาปิสฺส เรวตกุมารํ สตฺตวสฺสิกเมว ฆรพนฺธเนน พนฺธิตุกามา สมานชาติเก กุเล ทาริกํ วาเรตฺวา ทิวสํ ววตฺถเปตฺวา กุมารํ มณฺเฑตฺวา ปสาเธตฺวา มหตา ปริวาเรน สทฺธึ อาทาย กุมาริกาย าติฆรํ อคมาสิ. อถ เนสํ กตมงฺคลานํ ทฺวินฺนมฺปิ าตเกสุ สนฺนิปติเตสุ อุทกปาติยํ หตฺเถ โอตาเรตฺวา มงฺคลานิ วตฺวา กุมาริกาย วุฑฺฒึ อากงฺขมานา าตกา ‘‘ตว อยฺยิกาย ทิฏฺธมฺมํ ปสฺส, อยฺยิกา วิย จิรํ ชีว, อมฺมา’’ติ อาหํสุ. เรวตกุมาโร ‘‘โก นุ โข อิมิสฺสา อยฺยิกาย ทิฏฺธมฺโม’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กตรา ¶ อิมิสฺสา อยฺยิกา’’ติ ปุจฺฉิ. อถ นํ อาหํสุ, ‘‘ตาต, กึ น ปสฺสสิ อิมํ วีสวสฺสสติกํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ ¶ วลิตฺตจํ ติลกาหตคตฺตํ โคปานสิวงฺกํ, เอสา เอติสฺสา อยฺยิกา’’ติ. ‘‘กึ ปน อยมฺปิ เอวรูปา ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘สเจ ชีวิสฺสติ, ภวิสฺสติ, ตาตา’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม สรีรํ ชราย อิมํ วิปฺปการํ ปาปุณิสฺสติ, อิมํ เม ภาตรา อุปติสฺเสน ทิฏฺํ ภวิสฺสติ, อชฺเชว มยา ปลายิตฺวา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ นํ าตกา กุมาริกาย สทฺธึ เอกยานํ อาโรเปตฺวา อาทาย ปกฺกมึสุ.
โส โถกํ คนฺตฺวา สรีรกิจฺจํ อปทิสิตฺวา ‘‘เปถ ตาว ยานํ, โอตริตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ ยานา โอตริตฺวา เอกสฺมึ คุมฺเพ โถกํ ปปฺจํ กตฺวา อคมาสิ. ปุนปิ โถกํ คนฺตฺวา เตเนว อปเทเสน โอตริตฺวา อภิรุหิ, ปุนปิ ตเถว อกาสิ. อถสฺส าตกา ‘‘อทฺธา อิมสฺส อุฏฺานานิ วตฺตนฺตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา นาติทฬฺหํ อารกฺขํ กรึสุ. โส ปุนปิ โถกํ คนฺตฺวา เตเนว อปเทเสน โอตริตฺวา ‘‘ตุมฺเห ปาเชนฺโต ปุรโต คจฺฉถ, มยํ ปจฺฉโต สณิกํ อาคมิสฺสามา’’ติ วตฺวา โอตริตฺวา คุมฺพาภิมุโข อโหสิ. าตกาปิสฺส ‘‘ปจฺฉโต อาคมิสฺสตี’’ติ สฺาย ยานํ ปาเชนฺตา ¶ คมึสุ. โสปิ ¶ ตโต ปลายิตฺวา เอกสฺมึ ปเทเส ตึสมตฺตา ภิกฺขู วสนฺติ, เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ปพฺพาเชถ มํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาวุโส, ตฺวํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต, มยํ เต ราชปุตฺตภาวํ วา อมจฺจปุตฺตภาวํ วา น ชานาม, กถํ ปพฺพาเชสฺสามา’’ติ? ‘‘ตุมฺเห มํ, ภนฺเต, น ชานาถา’’ติ? ‘‘น ชานามาวุโส’’ติ. ‘‘อหํ อุปติสฺสสฺส กนิฏฺภาติโก’’ติ. ‘‘โก เอส อุปติสฺโส นามา’’ติ? ‘‘ภนฺเต, ภทฺทนฺตา มม ภาตรํ ‘สาริปุตฺโต’ติ วทนฺติ, ตสฺมา มยา ‘อุปติสฺโส’ติ วุตฺเต น ชานนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส กนิฏฺภาติโก’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ เอหิ, ภาตรา เต อนฺุาตเมวา’’ติ วตฺวา ภิกฺขู ตสฺส อาภรณานิ โอมฺุจาเปตฺวา เอกมนฺตํ เปตฺวา ตํ ปพฺพาเชตฺวา เถรสฺส สาสนํ ปหิณึสุ. เถโร ตํ สุตฺวา ภควโต อาโรเจสิ – ‘‘ภนฺเต, ‘อารฺิกภิกฺขูหิ กิร เรวโต ปพฺพาชิโต’ติ สาสนํ ปหิณึสุ, คนฺตฺวา ตํ ปสฺสิตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘อธิวาเสหิ ตาว, สาริปุตฺตา’’ติ คนฺตุํ น อทาสิ. เถโร ปุน กติปาหจฺจเยน สตฺถารํ อาปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘อธิวาเสหิ ตาว, สาริปุตฺต, มยมฺปิ อาคมิสฺสามา’’ติ เนว คนฺตุํ อทาสิ.
สามเณโรปิ ‘‘สจาหํ อิธ วสิสฺสามิ ¶ , าตกา มํ อนุพนฺธิตฺวา ปกฺโกสิสฺสนฺตี’’ติ เตสํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย จาริกํ จรมาโน ¶ ตโต ตึสโยชนิเก าเน ขทิรวนํ คนฺตฺวา อนฺโตวสฺเสเยว เตมาสพฺภนฺตเร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เถโรปิ ปวาเรตฺวา สตฺถารํ ปุน ตตฺถ คมนตฺถาย อาปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘มยมฺปิ คมิสฺสาม, สาริปุตฺตา’’ติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิกฺขมิ. โถกํ คตกาเล อานนฺทตฺเถโร ทฺเวธาปเถ ตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, เรวตสฺส สนฺติกํ คมนมคฺเคสุ อยํ ปริหารปโถ สฏฺิโยชนิโก มนุสฺสาวาโส, อยํ อุชุมคฺโค ตึสโยชนิโก อมนุสฺสปริคฺคหิโต, กตเรน คจฺฉามา’’ติ. ‘‘สีวลิ, ปน, อานนฺท, อมฺเหหิ สทฺธึ อาคโต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ, สีวลิ, อาคโต, อุชุมคฺคเมว คณฺหาหี’’ติ. สตฺถา กิร ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ยาคุภตฺตํ อุปฺปาเทสฺสามิ, อุชุมคฺคํ คณฺหาหี’’ติ อวตฺวา ‘‘เตสํ เตสํ ชนานํ ปฺุสฺส วิปากทานฏฺานํ เอต’’นฺติ ตฺวา ‘‘สเจ, สีวลิ, อาคโต, อุชุมคฺคํ คณฺหาหี’’ติ ¶ อาห. สตฺถริ ปน ตํ มคฺคํ ปฏิปนฺเน เทวตา ‘‘อมฺหากํ อยฺยสฺส สีวลิตฺเถรสฺส สกฺการํ กริสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา เอเกกโยชเน วิหาเร กาเรตฺวา เอกโยชนโต อุทฺธํ คนฺตุํ อทตฺวา ปาโต วุฏฺาย ทิพฺพยาคุอาทีนิ ¶ คเหตฺวา, ‘‘อยฺโย, โน สีวลิตฺเถโร กหํ นิสินฺโน’’ติ วิจรนฺติ. เถโร อตฺตโน อภิหฏํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทาเปสิ. เอวํ สตฺถา สปริวาโร ตึสโยชนิกํ กนฺตารํ สีวลิตฺเถรสฺส ปฺุํ อนุภวมาโนว อาคมาสิ. เรวตตฺเถโรปิ สตฺถุ อาคมนํ ตฺวา ภควโต คนฺธกุฏึ มาเปตฺวา ปฺจ กูฏาคารสตานิ, ปฺจ จงฺกมนสตานิ, ปฺจรตฺติฏฺานทิวาฏฺานสตานิ จ มาเปสิ. สตฺถา ตสฺส สนฺติเก มาสมตฺตเมว วสิ. ตสฺมึ วสมาโนปิ สีวลิตฺเถรสฺเสว ปฺุํ อนุภวิ.
ตตฺถ ปน ทฺเว มหลฺลกภิกฺขู สตฺถุ ขทิรวนํ ปวิสนกาเล เอวํ จินฺตยึสุ – ‘‘อยํ ภิกฺขุ เอตฺตกํ นวกมฺมํ กโรนฺโต กึ สกฺขิสฺสติ สมณธมฺมํ กาตุํ, สตฺถา ‘สาริปุตฺตสฺส กนิฏฺโ’ติ มุโขโลกนกิจฺจํ กโรนฺโต เอวรูปสฺส นวกมฺมิกสฺส ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ อาคโต’’ติ. สตฺถาปิ ตํ ทิวสํ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกตฺวา เต ภิกฺขู ทิสฺวา เตสํ จิตฺตาจารํ อฺาสิ. ตสฺมา ตตฺถ มาสมตฺตํ วสิตฺวา นิกฺขมนทิวเส ยถา เต ภิกฺขู อตฺตโน เตลนาฬิฺจ อุทกตุมฺพฺจ อุปาหนานิ จ ปมุสฺสนฺติ, ตถา อธิฏฺหิตฺวา นิกฺขมนฺโต วิหารูปจารโต พหิ นิกฺขนฺตกาเล อิทฺธึ วิสฺสชฺเชสิ. อถ เต ภิกฺขู ‘‘มยา อิทฺจิทฺจ ปมุฏฺํ ¶ , มยาปิ ปมุฏฺ’’นฺติ อุโภปิ นิวตฺติตฺวา ตํ านํ อสลฺลกฺเขตฺวา ขทิรรุกฺขกณฺฏเกหิ วิชฺฌมานา วิจริตฺวา เอกสฺมึ ขทิรรุกฺเข โอลมฺพนฺตํ อตฺตโน ภณฺฑกํ ทิสฺวา อาทาย ปกฺกมึสุ. สตฺถาปิ ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย ปุน มาสมตฺเตเนว สีวลิตฺเถรสฺส ปฺุํ อนุภวมาโน ปฏิคนฺตฺวา ปุพฺพารามํ ปาวิสิ.
อถ ¶ เต มหลฺลกภิกฺขู ปาโตว มุขํ โธวิตฺวา ‘‘อาคนฺตุกภตฺตทายิกาย วิสาขาย ฆรํ ยาคุํ ปิวิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา ยาคุํ ปิวิตฺวา ขชฺชกํ ขาทิตฺวา นิสีทึสุ. อถ เน วิสาขา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเหปิ, ภนฺเต, สตฺถารา สทฺธึ เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ อคมิตฺถา’’ติ. ‘‘อาม, อุปาสิเกติ, รมณียํ, ภนฺเต, เถรสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ. ‘‘กุโต ตสฺส รมณียตา เสตกณฺฏกขทิรรุกฺขคหนํ เปตานํ นิวาสนฏฺานสทิสํ อุปาสิเก’’ติ. อถฺเ ทฺเว ทหรภิกฺขู อาคมึสุ. อุปาสิกา เตสมฺปิ ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ตเถว ปฏิปุจฺฉิ ¶ . เต อาหํสุ – ‘‘น สกฺกา อุปาสิเก วณฺเณตุํ, สุธมฺมเทวสภาสทิสํ อิทฺธิยา อภิสงฺขตํ วิย เถรสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ. อุปาสิกา จินฺเตสิ – ‘‘ปมํ อาคตา ภิกฺขู อฺถา วทึสุ, อิเม อฺถา วทนฺติ, ปมํ อาคตา ภิกฺขู กิฺจิเทว ปมุสฺสิตฺวา อิทฺธิยา วิสฺสฏฺกาเล ปฏินิวตฺติตฺวา คตา ภวิสฺสนฺติ, อิเม ปน อิทฺธิยา ¶ อภิสงฺขริตฺวา นิมฺมิตกาเล คตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตโน ปณฺฑิตภาเวน เอตมตฺถํ ตฺวา ‘‘สตฺถารํ อาคตกาเล ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อฏฺาสิ. ตโต มุหุตฺตํเยว สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต วิสาขาย เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ สกฺกจฺจํ ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ สทฺธึ คตภิกฺขูสุ เอกจฺเจ เรวตตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ ‘ขทิรคหนํ อรฺ’นฺติ วทนฺติ, เอกจฺเจ ‘รมณีย’นฺติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ? ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘อุปาสิเก คาโม วา โหตุ อรฺํ วา, ยสฺมึ าเน อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ รมณียเมวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;
ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ.
ตตฺถ กิฺจาปิ อรหนฺโต คามนฺเต กายวิเวกํ น ลภนฺติ, จิตฺตวิเวกํ ปน ลภนฺเตว. เตสฺหิ ทิพฺพปฏิภาคานิปิ อารมฺมณานิ จิตฺตํ จาเลตุํ น สกฺโกนฺติ. ตสฺมา คาโม วา โหตุ อรฺาทีนํ วา อฺตรํ, ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยกนฺติ โส ภูมิปเทโส รมณีโย เอวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อปเรน ¶ สมเยน ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เกน นุ โข การเณน อายสฺมา สีวลิตฺเถโร สตฺตทิวสสตฺตมาสาธิกานิ สตฺต วสฺสานิ มาตุ กุจฺฉิยํ วสิ, เกน นิรเย ¶ ปจฺจิ, เกน นิสฺสนฺเทน ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ชาโต’’ติ? สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, กึ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ นามา’’ติ วุตฺเต ตสฺสายสฺมโต ปุพฺพกมฺมํ กเถนฺโต อาห –
ภิกฺขเว ¶ , อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา เอกสฺมึ สมเย ชนปทจาริกํ จริตฺวา ปิตุ นครํ ปจฺจาคมาสิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาคนฺตุกทานํ สชฺเชตฺวา นาครานํ สาสนํ เปเสสิ ‘‘อาคนฺตฺวา มยฺหํ ทาเน สหายกา โหนฺตู’’ติ. เต ตถา กตฺวา ‘‘รฺา ทินฺนทานโต อติเรกตรํ ทสฺสามา’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส ทานํ ปฏิยาเทตฺวา รฺโ สาสนํ ปหิณึสุ. ราชา อาคนฺตฺวา เตสํ ทานํ ทิสฺวา ‘‘อิโต อธิกตรํ ทสฺสามี’’ติ ปุนทิวสตฺถาย สตฺถารํ นิมนฺเตสิ, เนว ราชา นาคเร ปราเชตุํ สกฺขิ, น นาครา ราชานํ. นาครา ฉฏฺเ วาเร ‘‘สฺเว ทานิ ยถา ‘อิมสฺมึ ทาเน อิทํ นาม นตฺถี’ติ น สกฺกา โหติ วตฺตุํ, เอวํ ทานํ ทสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ปุนทิวเส ทานํ ปฏิยาเทตฺวา ‘‘กึ นุ โข เอตฺถ นตฺถี’’ติ โอโลเกนฺตา อลฺลมธุเมว ¶ น อทฺทสํสุ. ปกฺกมธุ ปน พหุํ อตฺถิ. เต อลฺลมธุสฺสตฺถาย จตูสุ นครทฺวาเรสุ จตฺตาริ กหาปณสหสฺสานิ คาหาเปตฺวา ปหิณึสุ. อเถโก ชนปทมนุสฺโส คามโภชกํ ปสฺสิตุํ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มธุปฏลํ ทิสฺวา มกฺขิกา ปลาเปตฺวา สาขํ ฉินฺทิตฺวา สาขาทณฺฑเกเนว สทฺธึ มธุปฏลํ อาทาย ‘‘คามโภชกสฺส ทสฺสามี’’ติ นครํ ปาวิสิ. มธุอตฺถาย คโต ตํ ทิสฺวา, ‘‘อมฺโภ, วิกฺกิณิยํ มธุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น วิกฺกิณิยํ, สามี’’ติ. ‘‘หนฺท, อิมํ กหาปณํ คเหตฺวา เทหี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ มธุปฏลํ ปาทมตฺตมฺปิ น อคฺฆติ, อยํ ปน กหาปณํ เทติ. พหุกหาปณโก มฺเ, มยา วฑฺเฒตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ นํ ‘‘น เทมี’’ติ อาห, ‘‘เตน หิ ทฺเว กหาปเณ คณฺหาหี’’ติ. ‘‘ทฺวีหิปิ น เทมี’’ติ. เอวํ ตาว วฑฺเฒสิ, ยาว โส ‘‘เตน หิ อิทํ สหสฺสํ คณฺหาหี’’ติ ภณฺฑิกํ อุปเนสิ.
อถ นํ โส อาห – ‘‘กึ นุ โข ตฺวํ อุมฺมตฺตโก ¶ , อุทาหุ กหาปณานํ ปโนกาสํ น ลภสิ, ปาทมฺปิ น อคฺฆนกํ มธุํ ‘สหสฺสํ คเหตฺวา เทหี’ติ วทสิ, ‘กึ นาเมต’’’นฺติ? ‘ชานามหํ, โภ, อิมินา ปน เม กมฺมํ อตฺถิ, เตเนวํ วทามี’ติ. ‘‘กึ กมฺมํ, สามี’’ติ? ‘‘อมฺเหหิ วิปสฺสีพุทฺธสฺส อฏฺสฏฺิสมณสหสฺสปริวารสฺส มหาทานํ สชฺชิตํ, ตตฺเรกํ อลฺลมธุเมว นตฺถิ, ตสฺมา เอวํ คณฺหามี’’ติ. เอวํ, สนฺเต, นาหํ มูเลน ทสฺสามิ, สเจ ‘‘อหมฺปิ ทาเน ปตฺตึ ลภิสฺสามิ, ทสฺสามี’’ติ. โส คนฺตฺวา นาครานํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. นาครา ตสฺส สทฺธาย พลวภาวํ ตฺวา, ‘‘สาธุ, ปตฺติโก โหตู’’ติ ¶ ปฏิชานึสุ, เต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ¶ นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา มหตึ สุวณฺณปาตึ อาหราเปตฺวา มธุปฏลํ ปีฬาเปสุํ. เตเนว มนุสฺเสน ปณฺณาการตฺถาย ทธิวารโกปิ อาหโฏ อตฺถิ, โส ตมฺปิ ทธึ ปาติยํ อากิริตฺวา เตน มธุนา สํสนฺทิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาทิโต ปฏฺาย อทาสิ. ตํ ยาวทตฺถํ คณฺหนฺตานํ สพฺเพสํ ปาปุณิ อุตฺตริมฺปิ อวสิฏฺํ อโหสิเยว. ‘‘เอวํ โถกํ มธุ กถํ ตาว พหูนํ ¶ ปาปุณี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. ตฺหิ พุทฺธานุภาเวน ปาปุณิ. พุทฺธวิสโย น จินฺเตตพฺโพ. จตฺตาริ หิ ‘‘อจินฺเตยฺยานี’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗) วุตฺตานิ. ตานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺเสว ภาคี โหตีติ. โส ปุริโส เอตฺตกํ กมฺมํ กตฺวา อายุปริโยสาเน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอตฺตกํ กาลํ สํสรนฺโต เอกสฺมึ สมเย เทวโลกา จวิตฺวา พาราณสิยํ ราชกุเล นิพฺพตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปาปุณิ. โส ‘‘เอกํ นครํ คณฺหิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปริวาเรสิ, นาครานฺจ สาสนํ ปหิณิ ‘‘รชฺชํ วา เม เทนฺตุ ยุทฺธํ วา’’ติ. เต ‘‘เนว รชฺชํ ทสฺสาม, น ยุทฺธ’’นฺติ วตฺวา จูฬทฺวาเรหิ นิกฺขมิตฺวา ทารูทกาทีนิ อาหรนฺติ, สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺติ.
อิตโรปิ จตฺตาริ มหาทฺวารานิ รกฺขนฺโต สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต วสฺสานิ นครํ อุปรุนฺธิ. อถสฺส มาตา ‘‘กึ เม ปุตฺโต กโรตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นาม เทวี’’ติ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘พาโล มม ปุตฺโต, คจฺฉถ, ตสฺส ‘จูฬทฺวารานิปิ ปิธาย นครํ อุปรุนฺธตู’ติ วเทถา’’ติ. โส มาตุ สาสนํ สุตฺวา ตถา อกาสิ. นาคราปิ พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺตา สตฺตเม ทิวเส อตฺตโน ราชานํ มาเรตฺวา ตสฺส รชฺชํ อทํสุ. โส อิมํ กมฺมํ กตฺวา อายุปริโยสาเน อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ยาวายํ ปถวี โยชนมตฺตํ ¶ อุสฺสนฺนา, ตาว นิรเย ปจฺจิตฺวา จตุนฺนํ จูฬทฺวารานํ ปิทหิตตฺตา ตโต จุโต ตสฺสา เอว มาตุ กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา สตฺตมาสาธิกานิ สตฺต วสฺสานิ อนฺโตกุจฺฉิสฺมึ วสิตฺวา สตฺต ทิวสานิ โยนิมุเข ติริยํ นิปชฺชิ. เอวํ, ภิกฺขเว, สีวลิ, ตทา นครํ อุปรุนฺธิตฺวา คหิตกมฺเมน เอตฺตกํ กาลํ นิรเย ปจฺจิตฺวา จตุนฺนํ จูฬทฺวารานํ ปิทหิตตฺตา ตโต จุโต ตสฺสา เอว มาตุ กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา เอตฺตกํ กาลํ กุจฺฉิยํ วสิ. นวมธุโน ทินฺนตฺตา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ชาโตติ.
ปุเนกทิวสํ ¶ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห สามเณรสฺส ลาโภ, อโห ปฺุํ, เยน เอกเกน ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจกูฏาคารสตาทีนิ กตานี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มยฺหํ ปุตฺตสฺส เนว ปฺุํ อตฺถิ, น ปาปํ, อุภยมสฺส ปหีน’’นฺติ วตฺวา พฺราหฺมณวคฺเค อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ ¶ ปฺฺุจ ปาปฺจ, อุโภ สงฺคมุปจฺจคา;
อโสกํ วิรชํ สุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๒);
ขทิรวนิยเรวตตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
๑๐. อฺตรอิตฺถิวตฺถุ
รมณียานีติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร ปิณฺฑปาติโก ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เอกํ ชิณฺณอุยฺยานํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. เอกา นครโสภินี อิตฺถี ปุริเสน สทฺธึ ‘‘อหํ อสุกฏฺานํ นาม คมิสฺสามิ, ตฺวํ ตตฺถ อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ สงฺเกตํ กตฺวา อคมาสิ. โส ปุริโส นาคจฺฉิ. สา ตสฺส อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺตี ตํ อทิสฺวา อุกฺกณฺิตฺวา อิโต จิโต จ วิจรมานา ตํ อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา เถรํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา อิโต จิโต จ โอโลกยมานา อฺํ กฺจิ อทิสฺวา ‘‘อยฺจ ปุริโส เอว, อิมสฺส จิตฺตํ ปโมเหสฺสามี’’ติ ตสฺส ปุรโต ตฺวา ปุนปฺปุนํ นิวตฺถสาฏกํ โมเจตฺวา นิวาเสติ, เกเส มฺุจิตฺวา พนฺธติ, ปาณึ ปหริตฺวา หสติ. เถรสฺส สํเวโค อุปฺปชฺชิตฺวา สกลสรีรํ ผริ. โส ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ จินฺเตสิ. สตฺถาปิ ‘‘มม สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ คตสฺส ภิกฺขุโน กา นุ โข ปวตฺตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ตํ อิตฺถึ ทิสฺวา ตสฺสา อนาจารกิริยํ, เถรสฺส จ สํเวคุปฺปตฺตึ ตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว เตน สทฺธึ กเถสิ ¶ – ‘‘ภิกฺขุ, กามคเวสกานํ อรมณฏฺานเมว วีตราคานํ รมณฏฺานํ โหตี’’ติ ¶ . เอวฺจ ปน วตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘รมณียานิ อรฺานิ, ยตฺถ น รมตี ชโน;
วีตราคา รมิสฺสนฺติ, น เต กามคเวสิโน’’ติ.
ตตฺถ อรฺานีติ สุปุปฺผิตตรุวนสณฺฑปฏิมณฺฑิตานิ วิมลสลิลสมฺปนฺนานิ อรฺานิ นาม รมณียานิ. ยตฺถาติ เยสุ อรฺเสุ วิกสิเตสุ ปทุมวเนสุ คามมกฺขิกา วิย กามคเวสโก ชโน น รมติ. วีตราคาติ วิคตราคา ปน ขีณาสวา นาม ภมรมธุกรา วิย ปทุมวเนสุ ¶ ตถารูเปสุ อรฺเสุ รมิสฺสนฺติ. กึ การณา? น เต กามปเวสิโน, ยสฺมา เต กามคเวสิโน น โหนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส เถโร ยถานิสินฺโนว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา ถุตึ กโรนฺโต ตถาคตสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา อคมาสีติ.
อฺตรอิตฺถิวตฺถุ ทสมํ.
อรหนฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
สตฺตโม วคฺโค.
๘. สหสฺสวคฺโค
๑. ตมฺพทาิกโจรฆาตกวตฺถุ
สหสฺสมปิ ¶ ¶ ¶ เจ วาจาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ตมฺพทาิกโจรฆาตกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกูนปฺจสตา กิร โจรา คามฆาตกาทีนิ กโรนฺตา ชีวิกํ กปฺเปสุํ. อเถโก ปุริโส นิพฺพิทฺธปิงฺคโล ตมฺพทาิโก เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ ชีวิสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ โจรเชฏฺกสฺส ทสฺเสตฺวา ‘‘อยมฺปิ อมฺหากํ สนฺติเก วสิตุํ อิจฺฉตี’’ติ อาหํสุ. อถ นํ โจรเชฏฺโก โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ มาตุ ถนํ ฉินฺทิตฺวา ปิตุ วา คลโลหิตํ นีหริตฺวา ขาทนสมตฺโถ อติกกฺขโฬ’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘นตฺเถตสฺส อมฺหากํ สนฺติเก วสนกิจฺจ’’นฺติ ปฏิกฺขิปิ. โส เอวํ ปฏิกฺขิตฺโตปิ อาคนฺตฺวา เอกํ ตสฺเสว อนฺเตวาสิกํ อุปฏฺหนฺโต อาราเธสิ. โส ตํ อาทาย โจรเชฏฺกํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘สามิ, ภทฺทโก เอส, อมฺหากํ อุปการโก, สงฺคณฺหถ น’’นฺติ ยาจิตฺวา โจรเชฏฺกํ ปฏิจฺฉาเปสิ. อเถกทิวสํ ¶ นาครา ราชปุริเสหิ สทฺธึ เอกโต หุตฺวา เต โจเร คเหตฺวา วินิจฺฉยมหามจฺจานํ สนฺติกํ นยึสุ. อมจฺจา เตสํ ผรสุนา สีสจฺเฉทํ อาณาเปสุํ. ตโต ‘‘โก นุ โข อิเม มาเรสฺสตี’’ติ ปริเยสนฺตา เต มาเรตุํ อิจฺฉนฺตํ กฺจิ อทิสฺวา โจรเชฏฺกํ อาหํสุ – ‘‘ตฺวํ อิเม มาเรตฺวา ชีวิตฺเจว ลภิสฺสสิ สมฺมานฺจ, มาเรหิ เน’’ติ. โสปิ อตฺตานํ นิสฺสาย วสิตตฺตา เต มาเรตุํ น อิจฺฉิ. เอเตนูปาเยน เอกูนปฺจสเต ปุจฺฉึสุ, สพฺเพปิ น อิจฺฉึสุ. สพฺพปจฺฉา ตํ นิพฺพิทฺธปิงฺคลํ ตมฺพทาิกํ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เต สพฺเพปิ มาเรตฺวา ชีวิตฺเจว สมฺมานฺจ ลภิ. เอเตนูปาเยน นครสฺส ทกฺขิณโตปิ ปฺจ โจรสตานิ อาเนตฺวา อมจฺจานํ ทสฺเสตฺวา เตหิ เตสมฺปิ สีสจฺเฉเท อาณตฺเต โจรเชฏฺกํ อาทึ กตฺวา ปุจฺฉนฺตา กฺจิ มาเรตุํ อิจฺฉนฺตํ อทิสฺวา ‘‘ปุริมทิวเส เอโก ปุริโส ปฺจสเต โจเร มาเรสิ, กหํ นุ โข โส’’ติ. ‘‘อสุกฏฺาเน อมฺเหติ ทิฏฺโ’’ติ วุตฺเต ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิเม มาเรหิ, สมฺมานํ ลจฺฉสี’’ติ อาณาเปสุํ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เต สพฺเพปิ มาเรตฺวา สมฺมานํ ลภิ. อถ นํ ‘‘ภทฺทโก อยํ ¶ ปุริโส, นิพทฺธํ โจรฆาตกเมว เอตํ กริสฺสามา’’ติ ¶ มนฺเตตฺวา ตสฺส ตํ านนฺตรํ ทตฺวาว ¶ สมฺมานํ กรึสุ. โส ปจฺฉิมทิสโตปิ อุตฺตรทิสโตปิ อานีเต ปฺจสเต ปฺจสเต โจเร ฆาเตสิเยว. เอวํ จตูหิ ทิสาหิ อานีตานิ ทฺเว สหสฺสานิ มาเรตฺวา ตโต ปฏฺาย เทวสิกํ เอกํ ทฺเวติ อานีเต เต มนุสฺเส มาเรตฺวา ปฺจปณฺณาส สํวจฺฉรานิ โจรฆาตกกมฺมํ อกาสิ.
โส มหลฺลกกาเล เอกปฺปหาเรเนว สีสํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกติ, ทฺเว ตโย วาเร ปหรนฺโต มนุสฺเส กิลเมติ. นาครา จินฺตยึสุ – ‘‘อฺโปิ โจรฆาตโก อุปฺปชฺชิสฺสติ, อยํ อติวิย มนุสฺเส กิลเมติ, กึ อิมินา’’ติ ตสฺส ตํ านนฺตรํ หรึสุ. โส ปุพฺเพ โจรฆาตกกมฺมํ กโรนฺโต ‘‘อหตสาฏเก นิวาเสตุํ, นวสปฺปินา สงฺขตํ ขีรยาคุํ ปิวิตุํ, สุมนปุปฺผานิ ปิลนฺธิตุํ, คนฺเธ วิลิมฺปิตุ’’นฺติ อิมานิ จตฺตาริ น ลภิ. โส านา จาวิตทิวเส ‘‘ขีรยาคุํ เม ปจถา’’ติ วตฺวา อหตวตฺถสุมนมาลาวิเลปนานิ คาหาเปตฺวา นทึ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อหตวตฺถานิ นิวาเสตฺวา มาลา ปิลนฺธิตฺวา คนฺเธหิ อนุลิตฺตคตฺโต เคหํ อาคนฺตฺวา นิสีทิ. อถสฺส นวสปฺปินา สงฺขตํ ¶ ขีรยาคุํ ปุรโต เปตฺวา หตฺถโธวโนทกํ อาหรึสุ. ตสฺมึ ขเณ สาริปุตฺตตฺเถโร สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘กตฺถ นุ โข อชฺช มยา คนฺตพฺพ’’นฺติ อตฺตโน ภิกฺขาจารํ โอโลเกนฺโต ตสฺส เคเห ขีรยาคุํ ทิสฺวา ‘‘กริสฺสติ นุ โข เม ปุริโส สงฺคห’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ‘‘มํ ทิสฺวา มม สงฺคหํ กริสฺสติ, กริตฺวา จ ปน มหาสมฺปตฺตึ ลภิสฺสติ อยํ กุลปุตฺโต’’ติ ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ อาทาย ตสฺส เคหทฺวาเร ิตเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ.
โส เถรํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘มยา จิรํ โจรฆาตกกมฺมํ กตํ, พหู มนุสฺสา มาริตา, อิทานิ เม เคเห ขีรยาคุ ปฏิยตฺตา, เถโร อาคนฺตฺวา มม เคหทฺวาเร ิโต, อิทานิ มยา อยฺยสฺส เทยฺยธมฺมํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุรโต ปิตยาคุํ อปเนตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อนฺโตเคเห นิสีทาเปตฺวา ปตฺเต ขีรยาคุํ อากิริตฺวา นวสปฺปึ อาสิฺจิตฺวา เถรํ พีชมาโน อฏฺาสิ. อถสฺส จ ทีฆรตฺตํ อลทฺธปุพฺพตาย ขีรยาคุํ ปาตุํ พลวอชฺฌาสโย อโหสิ. เถโร ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา ‘‘ตฺวํ, อุปาสก, อตฺตโน ยาคุํ ปิวา’’ติ ¶ อาห. โส อฺสฺส หตฺเถ พีชนึ ทตฺวา ยาคุํ ปิวิ. เถโร พีชมานํ ปุริสํ ‘‘คจฺฉ, อุปาสกเมว พีชาหี’’ติ อาห. โส พีชิยมาโน กุจฺฉิปูรํ ยาคุํ ปิวิตฺวา อาคนฺตฺวา เถรํ พีชมาโน ตฺวา กตาหารกิจฺจสฺส เถรสฺส ¶ ปตฺตํ อคฺคเหสิ. เถโร ตสฺส อนุโมทนํ อารภิ. โส อตฺตโน จิตฺตํ เถรสฺส ธมฺมเทสนานุคํ กาตุํ นาสกฺขิ. เถโร สลฺลกฺเขตฺวา, ‘‘อุปาสก, กสฺมา จิตฺตํ เทสนานุคํ กาตุํ น สกฺโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, มยา ทีฆรตฺตํ กกฺขฬกมฺมํ กตํ, พหู มนุสฺสา มาริตา, ตมหํ อตฺตโน กมฺมํ อนุสฺสรนฺโต จิตฺตํ ¶ อยฺยสฺส เทสนานุคํ กาตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ. เถโร ‘‘วฺเจสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ ปน ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา อกาสิ, อฺเหิ การิโตสี’’ติ? ‘‘ราชา มํ กาเรสิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นุ โข เต, อุปาสก, เอวํ สนฺเต อกุสลํ โหตี’’ติ? มนฺทธาตุโก อุปาสโก เถเรเนวํ วุตฺเต ‘‘นตฺถิ มยฺหํ อกุสล’’นฺติ สฺี หุตฺวา เตน หิ, ‘‘ภนฺเต, ธมฺมํ กเถถา’’ติ. โส เถเร อนุโมทนํ กโรนฺเต เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต โสตาปตฺติมคฺคสฺส โอรโต อนุโลมิกํ ขนฺตึ นิพฺพตฺเตสิ. เถโรปิ อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ.
อุปาสกํ เถรํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺตมานํ เอกา ยกฺขินี เธนุเวเสน อาคนฺตฺวา อุเร ปหริตฺวา มาเรสิ. โส กาลํ กตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘โจรฆาตโก ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ กกฺขฬกมฺมํ กตฺวา อชฺเชว ตโต มุตฺโต, อชฺเชว เถรสฺส ภิกฺขํ ทตฺวา อชฺเชว กาลํ กโต, กหํ นุ โข นิพฺพตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ¶ , ‘‘ภิกฺขเว, ตุสิตปุเร นิพฺพตฺโต’’ติ อาห. ‘‘กึ, ภนฺเต, วเทถ, เอตฺตกํ กาลํ เอตฺตเก มนุสฺเส ฆาเตตฺวา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มหนฺโต เตน กลฺยาณมิตฺโต ลทฺโธ, โส สาริปุตฺตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อนุโลมาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา อิโต จุโต ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุภาสิตํ สุณิตฺวาน, นคเร โจรฆาตโก;
อนุโลมขนฺตึ ลทฺธาน, โมทตี ติทิวํ คโต’’ติ.
‘‘ภนฺเต ¶ , อนุโมทนกถา นาม น พลวา, เตน กตํ อกุสลกมฺมํ มหนฺตํ, กถํ เอตฺตเกน วิเสสํ นิพฺพตฺเตสี’’ติ. สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, ‘มยา เทสิตธมฺมสฺส อปฺปํ วา พหุํ วา’ติ มา ปมาณํ คณฺหถ. เอกวาจาปิ หิ อตฺถนิสฺสิตา เสยฺยาวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สหสฺสมปิ เจ วาจา, อนตฺถปทสํหิตา;
เอกํ อตฺถปทํ เสยฺโย, ยํ สุตฺวา อุปสมฺมตี’’ติ.
ตตฺถ สหสฺสมปีติ ปริจฺเฉทวจนํ, เอกํ สหสฺสํ ทฺเว สหสฺสานีติ เอวํ สหสฺเสน เจปิ ปริจฺฉินฺนวาจา โหนฺติ, ตา จ ปน อนตฺถปทสํหิตา อากาสวณฺณนาปพฺพตวณฺณนาวนวณฺณนาทีนิ ¶ ¶ ปกาสเกหิ อนิยฺยานทีปเกหิ อนตฺถเกหิ ปเทหิ สํหิตา ยาว พหุกา โหติ, ตาว ปาปิกา เอวาติ อตฺโถ. เอกํ อตฺถปทนฺติ ยํ ปน ‘‘อยํ กาโย, อยํ กายคตาสติ, ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺโต, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ เอวรูปํ เอกํ อตฺถปทํ สุตฺวา ราคาทิวูปสเมน อุปสมฺมติ, ตํ อตฺถสาธกํ นิพฺพานปฺปฏิสํยุตฺตํ ขนฺธธาตุอายตนอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคสติปฏฺานปริทีปกํ เอกมฺปิ ปทํ เสยฺโยเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ตมฺพทาิกโจรฆาตกวตฺถุ ปมํ.
๒. พาหิยทารุจีริยตฺเถรวตฺถุ
สหสฺสมปิ เจ คาถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทารุจีริยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ กาเล พหู มนุสฺสา นาวาย มหาสมุทฺทํ ปกฺขนฺทิตฺวา อนฺโตมหาสมุทฺเท ภินฺนาย นาวาย มจฺฉกจฺฉปภกฺขา ¶ อเหสุํ. เอโกเวตฺถ เอกํ ผลกํ คเหตฺวา วายมนฺโต สุปฺปารกปฏฺฏนตีรํ โอกฺกมิ, ตสฺส นิวาสนปารุปนํ นตฺถิ. โส อฺํ กิฺจิ อปสฺสนฺโต สุกฺขกฏฺทณฺฑเก วาเกหิ ปลิเวเตฺวา นิวาสนปารุปนํ กตฺวา เทวกุลโต กปาลํ ¶ คเหตฺวา สุปฺปารกปฏฺฏนํ อคมาสิ, มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ยาคุภตฺตาทีนิ ทตฺวา ‘‘อยํ เอโก อรหา’’ติ สมฺภาเวสุํ. โส วตฺเถสุ อุปนีเตสุ ‘‘สจาหํ นิวาเสสฺสามิ วา ปารุปิสฺสามิ วา, ลาภสกฺกาโร เม ปริหายิสฺสตี’’ติ ตานิ วตฺถานิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ทารุจีราเนว ปริทหิ. อถสฺส พหูหิ ‘‘อรหา อรหา’’ติ วุจฺจมานสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘เย โข เกจิ โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อหํ เตสํ อฺตโร’’ติ. อถสฺส ปุราณสาโลหิตา เทวตา เอวํ จินฺเตสิ.
ปุราณสาโลหิตาติ ปุพฺเพ เอกโต กตสมณธมฺมา. ปุพฺเพ กิร กสฺสปทสพลสฺส สาสเน โอสกฺกมาเน สามเณราทีนํ วิปฺปการํ ทิสฺวา สตฺต ภิกฺขู สํเวคปฺปตฺตา ‘‘ยาว สาสนสฺส อนฺตรธานํ น โหติ, ตาว อตฺตโน ปติฏฺํ กริสฺสามา’’ติ สุวณฺณเจติยํ วนฺทิตฺวา อรฺํ ปวิฏฺา เอกํ ปพฺพตํ ทิสฺวา ‘‘ชีวิเต สาลยา ¶ นิวตฺตนฺตุ. นิราลยา อิมํ ปพฺพตํ อภิรุหนฺตู’’ติ ¶ วตฺวา นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา สพฺเพปิ ตํ อภิรุยฺห นิสฺเสณึ ปาเตตฺวา สมณธมฺมํ กรึสุ. เตสุ สงฺฆตฺเถโร เอกรตฺตาติกฺกเมเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส อโนตตฺตทเห นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา เต ภิกฺขู อาห – ‘‘อาวุโส, อิมํ ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา มุขํ โธวิตฺวา อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถา’’ติ. กึ ปน, ภนฺเต, อมฺเหหิ เอวํ กติกา กตา ‘‘โย ปมํ อรหตฺตํ ปาปุณาติ, เตนาภตํ ปิณฺฑปาตํ อวเสสา ปริภฺุชิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ สเจ มยมฺปิ ตุมฺเห วิย วิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสาม, สยํ อาหริตฺวา ปริภฺุชิสฺสามา’’ติ น อิจฺฉึสุ. ทุติยทิวเส ทุติยตฺเถโร อนาคามิผลํ ปาปุณิ. โสปิ ตเถว ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา อิตเร นิมนฺเตสิ. เต เอวมาหํสุ – ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อมฺเหหิ เอวํ กติกา กตา ‘มหาเถเรน อาภตํ ปิณฺฑปาตํ อภฺุชิตฺวา อนุเถเรน อาภตํ ภฺุชิสฺสามา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต ตุมฺเห วิย มยมฺปิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตฺวา อตฺตโน ปุริสกาเรน ภฺุชิตุํ สกฺโกนฺตา ภฺุชิสฺสามา’’ติ น อิจฺฉึสุ. เตสุ อรหตฺตํ ปตฺโต ภิกฺขุ ปรินิพฺพายิ, อนาคามี พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. อิตเร ¶ ปฺจ เถรา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา สุสฺสิตฺวา สตฺตเม ทิวเส กาลํ กตฺวา ¶ เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ตโต จวิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ กุลฆเรสุ นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ เอโก ปุกฺกุสาติ ราชา (ม. นิ. ๓.๓๔๒) อโหสิ, เอโก กุมารกสฺสโป (ม. นิ. ๑.๒๔๙), เอโก ทารุจีริโย (อุทา. ๑๐), เอโก ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต (ปารา. ๓๘๐; อุทา. ๗๙) เอโก สภิโย ปริพฺพาชโกติ (สุ. นิ. สภิยสุตฺตํ). ตตฺถ โย พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต ภิกฺขุ ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ปุราณสาโลหิตา เทวตา’’ติ.
ตสฺส หิ พฺรหฺมุโน เอตทโหสิ – ‘‘อยํ มยา สทฺธึ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ, อิทานิ อิมํ ลทฺธึ คเหตฺวา วิจรนฺโต วินสฺเสยฺย, สํเวเชสฺสามิ น’’นฺติ. อถ นํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘เนว โข ตฺวํ, พาหิย, อรหา, นปิ อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโน, สาปิ เต ปฏิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺส อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโน’’ติ. พาหิโย อากาเส ตฺวา กเถนฺตํ มหาพฺรหฺมานํ โอโลเกตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อโห ภาริยํ กมฺมํ กตํ, อหํ ‘อรหนฺโตมฺหี’ติ จินฺเตสึ, อยฺจ มํ ‘น ตฺวํ อรหา, นปิ อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโนสี’ติ วทติ, อตฺถิ นุ โข ¶ โลเก อฺโ อรหา’’ติ. อถ นํ ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข เอตรหิ เทวเต โลเก อรหา วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโน’’ติ. อถสฺส เทวตา อาจิกฺขิ – ‘‘อตฺถิ, พาหิย, อุตฺตเรสุ ชนปเทสุ สาวตฺถิ นาม นครํ, ตตฺถ โส ภควา เอตรหิ วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. โส หิ, พาหิย, ภควา อรหา เจว อรหตฺตตฺถาย จ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ.
พาหิโย ¶ รตฺติภาเค เทวตาย กถํ สุตฺวา สํวิคฺคมานโส ตํ ขณํเยว สุปฺปารกา นิกฺขมิตฺวา เอกรตฺติวาเสน สาวตฺถึ อคมาสิ, สพฺพํ วีสโยชนสติกํ มคฺคํ เอกรตฺติวาเสเนว อคมาสิ. คจฺฉนฺโต จ ปน เทวตานุภาเวน คโต. ‘‘พุทฺธานุภาเวนา’’ติปิ วทนฺติเยว. ตสฺมึ ปน ขเณ สตฺถา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ โหติ. โส ภุตฺตปาตราเส กายอาลสิยวิโมจนตฺถํ อพฺโภกาเส จงฺกมนฺเต สมฺพหุเล ภิกฺขู ‘‘กหํ เอตรหิ สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ภิกฺขู ‘‘ภควา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา ตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ตฺวํ ปน กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘สุปฺปารกา อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘กทา ¶ นิกฺขนฺโตสี’’ติ? ‘‘หิยฺโย สายํ ¶ นิกฺขนฺโตมฺหี’’ติ. ‘‘ทูรโตสิ อาคโต, นิสีท, ตว ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา โถกํ วิสฺสมาหิ, อาคตกาเล สตฺถารํ ทกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, สตฺถุ วา อตฺตโน วา ชีวิตนฺตรายํ น ชานามิ, เอกรตฺเตเนวมฺหิ กตฺถจิ อฏฺตฺวา อนิสีทิตฺวา วีสโยชนสติกํ มคฺคํ อาคโต, สตฺถารํ ปสฺสิตฺวาว วิสฺสมิสฺสามี’’ติ. โส เอวํ วตฺวา ตรมานรูโป สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา ภควนฺตํ อโนปมาย พุทฺธสิริยา ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘จิรสฺสํ วต เม โคตโม สมฺมาสมฺพุทฺโธ ทิฏฺโ’’ติ ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนตสรีโร คนฺตฺวา อนฺตรวีถิยเมว ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา โคปฺผเกสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา เอวมาห – ‘‘เทเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อกาโล โข ตาว, พาหิย, อนฺตรฆรํ ปวิฏฺมฺหา ปิณฺฑายา’’ติ ปฏิกฺขิปิ.
ตํ สุตฺวา พาหิโย, ภนฺเต, สํสาเร สํสรนฺเตน กพฬีการาหาโร น อลทฺธปุพฺโพ, ตุมฺหากํ วา มยฺหํ วา ชีวิตนฺตรายํ น ชานามิ, เทเสตุ เม ธมฺมนฺติ. สตฺถา ทุติยมฺปิ ปฏิกฺขิปิเยว. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อิมสฺส มํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย สกลสรีรํ ปีติยา นิรนฺตรํ อชฺโฌตฺถฏํ โหติ, พลวปีติเวโค ธมฺมํ สุตฺวาปิ น สกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิตุํ, มชฺฌตฺตุเปกฺขาย ตาว ¶ ติฏฺตุ, เอกรตฺเตเนว วีสโยชนสติกํ มคฺคํ อาคตตฺตา ทรโถปิสฺส พลวา, โสปิ ตาว ปฏิปฺปสฺสมฺภตู’’ติ. ตสฺมา ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตติยํ ยาจิโต อนฺตรวีถิยํ ิโตว ‘‘ตสฺมาติห เต, พาหิย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสตี’’’ติอาทินา (อุทา. ๑๐) นเยน ธมฺมํ เทเสสิ. โส สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺโตเยว สพฺพาสเว เขเปตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตาวเทว จ ปน ภควนฺตํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ, ‘‘ปริปุณฺณํ เต ปตฺตจีวร’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘น ปริปุณฺณ’’นฺติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘เตน หิ ปตฺตจีวรํ ปริเยสาหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
‘‘โส กิร วีสติ วสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กโรนฺโต ‘ภิกฺขุนา นาม อตฺตนา ปจฺจเย ¶ ลภิตฺวา อฺํ อโนโลเกตฺวา สยเมว ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’ติ เอกภิกฺขุสฺสาปิ ปตฺเตน วา จีวเรน วา สงฺคหํ น อกาสิ ¶ , เตนสฺส อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ น อุปชฺชิสฺสตี’’ติ ตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชฺชํ น อทาสิ. ตมฺปิ ปตฺตจีวรํ ปริเยสมานเมว เอกา ยกฺขินี เธนุรูเปน อาคนฺตฺวา อุรมฺหิ ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. สตฺถา ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ นิกฺขนฺโต พาหิยสฺส ¶ สรีรํ สงฺการฏฺาเน ปติตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อาณาเปสิ, ‘‘ภิกฺขเว, เอกสฺมึ เคหทฺวาเร ตฺวา มฺจกํ อาหราเปตฺวา อิมํ สรีรํ นครโต นีหริตฺวา ฌาเปตฺวา ถูปํ กโรถา’’ติ. ภิกฺขู ตถา กรึสุ, กตฺวา จ ปน วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตนา กตกิจฺจํ อาโรเจตฺวา ตสฺส อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. อถ เนสํ ภควา ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ขิปฺปาภิฺานํ ยทิทํ พาหิโย ทารุจีริโย’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๖) เอตทคฺเค เปสิ. อถ นํ ภิกฺขู ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห ‘พาหิโย อรหตฺตํ ปตฺโต’ติ วเทถ, กทา โส อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ? ‘‘มม ธมฺมํ สุตกาเล, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘กทา ปนสฺส, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ธมฺโม กถิโต’’ติ? ‘‘ปิณฺฑาย จรนฺเตน อนฺตรวีถิยํ ตฺวา’’ติ. ‘‘อปฺปมตฺตโก หิ, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ อนฺตรวีถิยํ ตฺวา กถิตธมฺโม กถํ โส ตาวตฺตเกน วิเสสํ นิพฺพตฺเตสี’’ติ, อถ เน สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, มม ธมฺมํ ‘อปฺปํ วา พหุํ วา’ติ มา ปมาณํ คณฺหถ. อเนกานิปิ หิ คาถาสหสฺสานิ อนตฺถนิสฺสิตานิ น เสยฺโย, อตฺถนิสฺสิตํ ปน เอกมฺปิ คาถาปทํ เสยฺโย’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สหสฺสมปิ เจ คาถา, อนตฺถปทสํหิตา;
เอกํ คาถาปทํ เสยฺโย, ยํ สุตฺวา อุปสมฺมตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ เอกํ คาถาปทํ เสยฺโยติ ‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ…เป… ยถา มยา’’ติ (ธ. ป. ๒๑) เอวรูปา เอกา คาถาปิ เสยฺโยติ อตฺโถ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
พาหิยทารุจีริยตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.
๓. กุณฺฑลเกสิตฺเถรีวตฺถุ
โย ¶ ¶ จ คาถาสตํ ภาเสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุณฺฑลเกสึ อารพฺภ กเถสิ.
ราชคเห กิร เอกา เสฏฺิธีตา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อภิรูปา อโหสิ ทสฺสนียา ปาสาทิกา. ตสฺมิฺจ วเย ิตา นาริโย ปุริสชฺฌาสยา โหนฺติ ปุริสโลลา. อถ นํ มาตาปิตโร สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตเล สิริคพฺเภ นิวาสาเปสุํ. เอกเมวสฺสา ทาสึ ปริจาริกํ อทํสุ. อเถกํ กุลปุตฺตํ โจรกมฺมํ กโรนฺตํ คเหตฺวา ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก กสาหิ ปหริตฺวา อาฆาตนํ นยึสุ. เสฏฺิธีตา มหาชนสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ ปาสาทตเล ตฺวา โอโลเกนฺตี ตํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา ¶ หุตฺวา ตํ ปตฺถยมานา อาหารํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. อถ นํ มาตา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ อิทํ, อมฺมา’’ติ? ‘‘สเจ เอตํ ‘โจโร’ติ คเหตฺวา นิยฺยมานํ ปุริสํ ลภิสฺสามิ, ชีวิสฺสามิ. โน เจ ลภิสฺสามิ, ชีวิตํ เม นตฺถิ, อิเธว มริสฺสามี’’ติ. ‘‘อมฺม, มา เอวํ กริ, อมฺหากํ ชาติยา จ โคตฺเตน จ โภเคน จ สทิสํ อฺํ สามิกํ ลภิสฺสสี’’ติ. ‘‘มยฺหํ อฺเน กิจฺจํ นตฺถิ, อิมํ อลภมานา มริสฺสามี’’ติ. มาตา ธีตรํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตี ปิตุโน อาโรเจสิ. โสปิ นํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ สกฺกา กาตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตํ โจรํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ราชปุริสสฺส สหสฺสภณฺฑิกํ เปเสสิ – ‘‘อิมํ คเหตฺวา เอตํ ปุริสํ มยฺหํ เทหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ กหาปเณ คเหตฺวา ตํ มฺุจิตฺวา อฺํ มาเรตฺวา ‘‘มาริโต, เทว, โจโร’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. เสฏฺิปิ ตสฺส ธีตรํ อทาสิ.
สา ตโต ปฏฺาย ‘‘สามิกํ อาราเธสฺสามี’’ติ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตา สยเมว ตสฺส ยาคุอาทีนิ สํวิทหติ, โจโร กติปาหจฺจเยน จินฺเตสิ – ‘‘กทา นุ โข อิมํ มาเรตฺวา เอติสฺสา อาภรณานิ คเหตฺวา เอกสฺมึ สุราเคเห วิกฺกิณิตฺวา ขาทิตุํ ลภิสฺสามี’’ติ? โส ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ จินฺเตตฺวา อาหารํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ, อถ นํ สา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ เต, สามิ, รุชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น กิฺจิ เม, ภทฺเทติ, กจฺจิ ปน เม มาตาปิตโร ตุยฺหํ กุทฺธา’’ติ? ‘‘น กุชฺฌนฺติ, ภทฺเท’’ติ ¶ . อถ ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ? ‘‘ภทฺเท, อหํ ตํ ทิวสํ พนฺธิตฺวา นิยฺยมาโน ¶ โจรปปาเต อธิวตฺถาย เทวตาย พลิกมฺมํ ปฏิสฺสุณิตฺวา ชีวิตํ ลภึ, ตฺวมฺปิ มยา ตสฺสา เอว อานุภาเวน ลทฺธา, ‘ตํ เม เทวตาย พลิกมฺมํ ปิต’นฺติ จินฺเตมิ, ภทฺเท’’ติ. ‘‘สามิ, มา จินฺตยิ, กริสฺสามิ พลิกมฺมํ, วเทหิ ¶ , เกนตฺโถ’’ติ? ‘‘อปฺโปทกมธุปายเสน จ ลาชปฺจมกปุปฺเผหิ จา’’ติ. ‘‘สาธุ, สามิ, อหํ ปฏิยาเทสฺสามี’’ติ สา สพฺพํ พลิกมฺมํ ปฏิยาเทตฺวา ‘‘เอหิ, สามิ, คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ, ภทฺเท, ตว าตเก นิวตฺเตตฺวา มหคฺฆานิ วตฺถาภรณานิ คเหตฺวา อตฺตานํ อลงฺกโรหิ, หสนฺตา กีฬนฺตา สุขํ คมิสฺสามา’’ติ. สา ตถา อกาสิ.
อถ นํ โส ปพฺพตปาทํ คตกาเล อาห – ‘‘ภทฺเท, อิโต ปรํ อุโภว ชนา คมิสฺสาม, เสสชนํ ยานเกน สทฺธึ นิวตฺตาเปตฺวา พลิกมฺมภาชนํ สยํ อุกฺขิปิตฺวา คณฺหาหี’’ติ. สา ตถา อกาสิ. โจโร ตํ คเหตฺวา โจรปปาตปพฺพตํ อภิรุหิ. ตสฺส หิ เอเกน ปสฺเสน มนุสฺสา อภิรุหนฺติ, เอกํ ปสฺสํ ฉินฺนปปาตํ. ปพฺพตมตฺถเก ิตา เตน ปสฺเสน โจเร ปาเตนฺติ. เต ขณฺฑาขณฺฑํ หุตฺวา ภูมิยํ ปตนฺติ. ตสฺมา ‘‘โจรปปาโต’’ติ วุจฺจติ. สา ตสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ตฺวา ‘‘พลิกมฺมํ เต, สามิ, กโรหี’’ติ อาห. โส ตุณฺหี อโหสิ. ปุน ตาย ¶ ‘‘กสฺมา, สามิ, ตุณฺหีภูโตสี’’ติ วุตฺเต ตํ อาห – ‘‘น มยฺหํ พลิกมฺเมนตฺโถ, วฺเจตฺวา ปน ตํ อาทาย อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘กึ การณา, สามี’’ติ? ‘‘ตํ มาเรตฺวา ตว อาภรณานิ คเหตฺวา ปลายนตฺถายา’’ติ. สา มรณภยตชฺชิตา อาห – ‘‘สามิ, อหฺจ อาภรณานิ จ ตว สนฺตกาเนว, กสฺมา เอวํ วเทสี’’ติ? โส, ‘‘มา เอวํ กโรหี’’ติ, ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโนปิ ‘‘มาเรมิ เอวา’’ติ อาห. ‘‘เอวํ สนฺเต กึ เต มม มรเณน? อิมานิ อาภรณานิ คเหตฺวา มยฺหํ ชีวิตํ เทหิ, อิโต ปฏฺาย มํ ‘มตา’ติ ธาเรหิ, ทาสี วา เต หุตฺวา กมฺมํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิทํ สุวณฺณเกยูรํ, มุตฺตา เวฬุริยา พหู;
สพฺพํ หรสฺสุ ภทฺทนฺเต, มํ จ ทาสีติ สาวยา’’ติ. (อป. เถรี ๒.๓.๒๗);
ตํ ¶ สุตฺวา โจโร ‘‘เอวํ กเต ตฺวํ คนฺตฺวา มาตาปิตูนํ อาจิกฺขิสฺสสิ, มาเรสฺสามิเยว, มา ตฺวํ พาฬฺหํ ปริเทวสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘มา พาฬฺหํ ปริเทเวสิ, ขิปฺปํ พนฺธาหิ ภณฺฑิกํ;
น ตุยฺหํ ชีวิตํ อตฺถิ, สพฺพํ คณฺหามิ ภณฺฑก’’นฺติ. –
สา ¶ จินฺเตสิ – ‘‘อโห อิทํ กมฺมํ ภาริยํ. ปฺา นาม น ปจิตฺวา ขาทนตฺถาย กตา, อถ โข วิจารณตฺถาย กตา, ชานิสฺสามิสฺส กตฺตพฺพ’’นฺติ, อถ นํ อาห – ‘‘สามิ, ยทา ตฺวํ ¶ ‘โจโร’ติ คเหตฺวา นียสิ, ตทาหํ มาตาปิตูนํ อาจิกฺขึ, เต สหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตํ อาหราเปตฺวา เคเห กรึสุ. ตโต ปฏฺาย อหํ ตุยฺหํ อุปการิกา, อชฺช เม สุทิฏฺํ กตฺวา อตฺตานํ วนฺทิตุํ เทหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภทฺเท, สุทิฏฺํ กตฺวา วนฺทาหี’’ติ วตฺวา ปพฺพตนฺเต อฏฺาสิ. อถ นํ สา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา, ‘‘สามิ, อิทํ เต ปจฺฉิมทสฺสนํ, อิทานิ ตุยฺหํ วา มม ทสฺสนํ, มยฺหํ วา ตว ทสฺสนํ นตฺถี’’ติ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อาลิงฺคิตฺวา ปมตฺตํ หุตฺวา ปพฺพตนฺเต ิตํ ปิฏฺิปสฺเส ตฺวา เอเกน หตฺเถน ขนฺเธ คเหตฺวา เอเกน ปิฏฺิกจฺฉาย คเหตฺวา ปพฺพตปปาเต ขิปิ. โส ปพฺพตกุจฺฉิยํ ปฏิหโต ขณฺฑาขณฺฑิกํ หุตฺวา ภูมิยํ ปติ. โจรปปาตมตฺถเก อธิวตฺถา เทวตา เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ กิริยํ ทิสฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา สาธุการํ ทตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น หิ สพฺเพสุ าเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;
อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณา’’ติ. (อป. เถรี ๒.๓.๓๑);
สาปิ ¶ โจรํ ปปาเต ขิปิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ เคหํ คมิสฺสามิ, ‘สามิโก เต กุหิ’นฺติ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, สจาหํ เอวํ ปุฏฺา ‘มาริโต เม’ติ วกฺขามิ, ‘ทุพฺพินีเต สหสฺสํ ทตฺวา ตํ อาหราเปตฺวา อิทานิ นํ มาเรสี’ติ มํ มุขสตฺตีหิ วิชฺฌิสฺสนฺติ, ‘อาภรณตฺถาย โส มํ มาเรตุกาโม อโหสี’ติ วุตฺเตปิ น สทฺทหิสฺสนฺติ, อลํ เม เคเหนา’’ติ ตตฺเถวาภรณานิ ฉฑฺเฑตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา อนุปุพฺเพน วิจรนฺตี เอกํ ปริพฺพาชกานํ อสฺสมํ ปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชฺชํ เทถา’’ติ อาห. อถ นํ ปพฺพาเชสุํ. สา ปพฺพชิตฺวาว ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชาย กึ อุตฺตม’’นฺติ? ‘‘ภทฺเท, ทสสุ วา กสิเณสุ ปริกมฺมํ กตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตตพฺพํ ¶ , วาทสหสฺสํ วา อุคฺคณฺหิตพฺพํ, อยํ อมฺหากํ ปพฺพชฺชาย อุตฺตมตฺโถ’’ติ. ‘‘ฌานํ ตาว นิพฺพตฺเตตุํ อหํ น สกฺขิสฺสามิ, วาทสหสฺสํ ปน อุคฺคณฺหิสฺสามิ, อยฺยา’’ติ. อถ นํ เต วาทสหสฺสํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา ‘‘อุคฺคหิตํ เต สิปฺปํ, อิทานิ ตฺวํ ชมฺพุทีปตเล วิจริตฺวา อตฺตนา สทฺธึ ปฺหํ กเถตุํ สมตฺถํ โอโลเกหี’’ติ ตสฺส หตฺเถ ชมฺพุสาขํ ¶ ทตฺวา อุยฺโยเชสุํ – ‘‘คจฺฉ, ภทฺเท, สเจ โกจิ คิหิภูโต ตยา สทฺธึ ปฺหํ กเถตุํ สกฺโกติ, ตสฺเสว ปาทปริจาริกา ภวาหิ, สเจ ปพฺพชิโต สกฺโกติ, ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชาหี’’ติ.
สา นาเมน ชมฺพุปริพฺพาชิกา นาม หุตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ทิฏฺเ ทิฏฺเ ปฺหํ ปุจฺฉนฺตี วิจรติ. ตาย สทฺธึ กเถตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ. ‘‘อิโต ชมฺพุปริพฺพาชิกา อาคจฺฉตี’’ติ ¶ สุตฺวาว มนุสฺสา ปลายนฺติ. สา คามํ วา นิคมํ วา ภิกฺขาย ปวิสนฺตี คามทฺวาเร วาลุกราสึ กตฺวา ตตฺถ ชมฺพุสาขํ เปตฺวา ‘‘มยา สทฺธึ กเถตุํ สมตฺโถ ชมฺพุสาขํ มทฺทตู’’ติ วตฺวา คามํ ปาวิสิ. ตํ านํ อุปสงฺกมิตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ. สาปิ มิลาตาย ชมฺพุสาขาย อฺํ ชมฺพุสาขํ คณฺหาติ, อิมินา นีหาเรน วิจรนฺตี สาวตฺถึ ปตฺวา คามทฺวาเร วาลุกราสึ กตฺวา ชมฺพุสาขํ เปตฺวา วุตฺตนเยเนว วตฺวา ภิกฺขาย ปาวิสิ. สมฺพหุลา คามทารกา ชมฺพุสาขํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตทา สาริปุตฺตตฺเถโร ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ นครา นิกฺขนฺโต เต ทารเก ชมฺพุสาขํ ปริวาเรตฺวา ิเต ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. ทารกา เถรสฺส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ‘‘เตน หิ ทารกา อิมํ สาขํ มทฺทถา’’ติ. ‘‘ภายาม, ภนฺเต’’ติ ¶ . ‘‘อหํ ปฺหํ กเถสฺสามิ, มทฺทถ ตุมฺเห’’ติ. เต เถรสฺส วจเนน สฺชาตุสฺสาหา ตถา กตฺวา มทฺทนฺตา ชมฺพุสาขํ อุกฺขิปึสุ. ปริพฺพาชิกา อาคนฺตฺวา เต ปริภาสิตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ สทฺธึ มม ปฺเหน กิจฺจํ นตฺถิ, กสฺมา เม สาขํ มทฺทถา’’ติ อาห. ‘‘อยฺเยนมฺหา มทฺทาปิตา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ เม สาขา มทฺทาปิตา’’ติ? ‘‘อาม, ภคินี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยา สทฺธึ ปฺหํ กเถถา’’ติ. ‘‘สาธุ กเถสฺสามี’’ติ.
สา วฑฺฒมานกจฺฉายาย ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ เถรสฺส สนฺติกํ อคมาสิ, สกลนครํ สงฺขุภิ. ‘‘ทฺวินฺนํ ปณฺฑิตานํ กถํ สุณิสฺสามา’’ติ นาครา ตาย สทฺธึเยว คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ปริพฺพาชิกา เถรํ ¶ อาห – ‘‘ภนฺเต, ปุจฺฉามิ เต ปฺห’’นฺติ. ‘‘ปุจฺฉ, ภคินี’’ติ. สา วาทสหสฺสํ ปุจฺฉิ, ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ เถโร วิสฺสชฺเชสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘เอตฺตกา เอว เต ปฺหา, อฺเปิ อตฺถี’’ติ? ‘‘เอตฺตกา เอว, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตยา พหู ปฺหา ปุฏฺา, มยมฺปิ เอกํ ปุจฺฉาม, วิสฺสชฺชิสฺสสิ โน’’ติ? ‘‘ชานมานา วิสฺสชฺชิสฺสามิ ปุจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ. เถโร ‘‘เอกํ นาม ¶ กิ’’นฺติ (ขุ. ปา. ๔.๑) ปฺหํ ปุจฺฉิ. สา ‘‘เอวํ นาเมส วิสฺสชฺเชตพฺโพ’’ติ อชานนฺตี ‘‘กึ นาเมตํ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พุทฺธปฺโห นาม, ภคินี’’ติ. ‘‘มยฺหมฺปิ ตํ เทถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ มาทิสา ภวิสฺสสิ, ทสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มํ ปพฺพาเชถา’’ติ. เถโร ภิกฺขุนีนํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชสิ. สา ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปทา กุณฺฑลเกสิตฺเถรี นาม หุตฺวา กติปาหจฺจเยเนว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘กุณฺฑลเกสิตฺเถริยา ธมฺมสฺสวนฺจ พหุํ นตฺถิ, ปพฺพชิตกิจฺจฺจสฺสา มตฺถกํ ปตฺตํ, เอเกน กิร โจเรน สทฺธึ มหาสงฺคามํ กตฺวา ชินิตฺวา อาคตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ¶ ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มยา เทสิตธมฺมํ ‘อปฺปํ วา พหุํ วา’ติ ปมาณํ มา คณฺหถ, อนตฺถกํ ปทสตมฺปิ เสยฺโย น โหติ, ธมฺมปทํ ปน เอกมฺปิ เสยฺโยว. อวเสสโจเร ชินนฺตสฺส จ ชโย นาม น โหติ, อชฺฌตฺติกกิเลสโจเร ชินนฺตสฺเสว ปน ชโย นาม โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘โย จ คาถาสตํ ภาเส, อนตฺถปทสํหิตา;
เอกํ ธมฺมปทํ เสยฺโย, ยํ สุตฺวา อุปสมฺมติ.
‘‘โย ¶ สหสฺสํ สหสฺเสน, สงฺคาเม มานุเส ชิเน;
เอกฺจ เชยฺยมตฺตานํ, ส เว สงฺคามชุตฺตโม’’ติ.
ตตฺถ คาถาสตนฺติ โย จ ปุคฺคโล สตปริจฺเฉทา พหูปิ คาถา ภาเสยฺยาติ อตฺโถ. อนตฺถปทสํหิตาติ อากาสวณฺณนาทิวเสน อนตฺถเกหิ ปเทหิ สํหิตา. ธมฺมปทนฺติ อตฺถสาธกํ ขนฺธาทิปฏิสํยุตฺตํ, ‘‘จตฺตาริมานิ ปริพฺพาชกา ธมฺมปทานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อนภิชฺฌา ปริพฺพาชกา ธมฺมปทํ, อพฺยาปาโท ปริพฺพาชกา ธมฺมปทํ, สมฺมาสติ ปริพฺพาชกา ธมฺมปทํ ¶ , สมฺมาสมาธิ ปริพฺพาชกา ธมฺมปท’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๓๐) เอวํ วุตฺเตสุ จตูสุ ธมฺมปเทสุ เอกมฺปิ ธมฺมปทํ เสยฺโย. โย สหสฺสํ สหสฺเสนาติ โย เอโก สงฺคามโยโธ สหสฺเสน คุณิตํ สหสฺสํ มานุเส เอกสฺมึ สงฺคาเม ชิเนยฺย, ทสมนุสฺสสตสหสฺสํ ชินิตฺวา ชยํ อาหเรยฺย, อยมฺปิ สงฺคามชินตํ อุตฺตโม ปวโร นาม น โหติ. เอกฺจ เชยฺยมตฺตานนฺติ โย รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ อชฺฌตฺติกกมฺมฏฺานํ สมฺมสนฺโต อตฺตโน โลภาทิกิเลสชเยน อตฺตานํ ชิเนยฺย ¶ . ส เว สงฺคามชุตฺตโมติ โส สงฺคามชินานํ อุตฺตโม ปวโร สงฺคามสีสโยโธติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
กุณฺฑลเกสิตฺเถรีวตฺถุ ตติยํ.
๔. อนตฺถปุจฺฉกพฺราหฺมณวตฺถุ
อตฺตา หเวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนตฺถปุจฺฉกํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร พฺราหฺมโณ ‘‘กึ นุ โข สมฺมาสมฺพุทฺโธ อตฺถเมว ชานาติ, อุทาหุ อนตฺถมฺปิ, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อตฺถเมว ชานาถ มฺเ, โน อนตฺถ’’นฺติ? ‘‘อตฺถฺจาหํ, พฺราหฺมณ, ชานามิ อนตฺถฺจา’’ติ. ‘‘เตน หิ เม อนตฺถํ กเถถา’’ติ. อถสฺส สตฺถา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุสฺสูรเสยฺยํ อาลสฺยํ, จณฺฑิกฺกํ ทีฆโสณฺฑิยํ;
เอกสฺสทฺธานคมนํ ปรทารูปเสวนํ;
เอตํ พฺราหฺมณ เสวสฺสุ, อนตฺถํ เต ภวิสฺสตี’’ติ.
ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ สาธุการมทาสิ ‘‘สาธุ สาธุ, คณาจริย, คณเชฏฺก, ตุมฺเห อตฺถฺจ ชานาถ อนตฺถฺจา’’ติ ¶ . ‘‘เอวํ โข, พฺราหฺมณ, อตฺถานตฺถชานนโก นาม มยา สทิโส นตฺถี’’ติ. อถสฺส สตฺถา อชฺฌาสยํ อุปธาเรตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, เกน กมฺเมน ชีวสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ชูตกมฺเมน, โภ โคตมา’’ติ. ‘‘กึ ปน เต ชโย โหติ ปราชโย’’ติ ¶ . ‘‘ชโยปิ โหติ ปราชโยปี’’ติ วุตฺเต, ‘‘พฺราหฺมณ, อปฺปมตฺตโก เอส, ปรํ ชินนฺตสฺส ชโย นาม น เสยฺโย. โย ปน กิเลสชเยน อตฺตานํ ชินาติ, ตสฺส ชโย เสยฺโย. น หิ ตํ ชยํ โกจิ อปชยํ กาตุํ สกฺโกตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย, ยา จายํ อิตรา ปชา;
อตฺตทนฺตสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ สฺตจาริโน.
‘‘เนว เทโว น คนฺธพฺโพ, น มาโร สห พฺรหฺมุนา;
ชิตํ อปชิตํ กยิรา, ตถารูปสฺส ชนฺตุโน’’ติ.
ตตฺถ หเวติ นิปาโต. ชิตนฺติ ลิงฺควิปลฺลาโส, อตฺตโน กิเลสชเยน อตฺตา ชิโต เสยฺโยติ อตฺโถ. ยา จายํ อิตรา ปชาติ ยา ปนายํ อวเสสา ปชา ชูเตน วา ¶ ธนหรเณน วา สงฺคาเมน วา พลาภิภเวน วา ชิตา ภเวยฺย, ตํ ชินนฺเตน ยํ ชิตํ, น ตํ เสยฺโยติ อตฺโถ. กสฺมา ปน ตเทว ชิตํ เสยฺโย, อิทํ น เสยฺโยติ? ยสฺมา อตฺตทนฺตสฺส…เป… ตถารูปสฺส ชนฺตุโนติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา หิ ยฺวายํ นิกฺกิเลสตาย อตฺตทนฺโต โปโส, ตสฺส อตฺตทนฺตสฺส กายาทีหิ นิจฺจํ สฺตจาริโน เอวรูปสฺส อิเมหิ กายสฺมาทีหิ สฺตสฺส ชนฺตุโน เทโว วา คนฺธพฺโพ วา มาโร วา พฺรหฺมุนา สห อุฏฺหิตฺวา ‘‘อหมสฺส ชิตํ อปชิตํ ¶ กริสฺสามิ, มคฺคภาวนาย ปหีเน กิเลเส ปุน อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ฆเฏนฺโตปิ วายมนฺโตปิ ยถา ธนาทีหิ ปราชิโต ปกฺขนฺตโร หุตฺวา อิตเรน ชิตํ ปุน ชินนฺโต อปชิตํ กเรยฺย, ‘‘เอวํ อปชิตํ กาตุํ เนว สกฺกุเณยฺยา’’ติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อนตฺถปุจฺฉกพฺราหฺมณวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. สาริปุตฺตตฺเถรสฺส มาตุลพฺราหฺมณวตฺถุ
มาเส ¶ ¶ มาเสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส มาตุลพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
เถโร กิร ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อาห – ‘‘กึ นุ โข, พฺราหฺมณ, กิฺจิเทว กุสลํ กโรสี’’ติ? ‘‘กโรมิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ กโรสี’’ติ? ‘‘มาเส มาเส สหสฺสปริจฺจาเคน ทานํ ทมฺมี’’ติ. ‘‘กสฺส เทสี’’ติ? ‘‘นิคณฺานํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปตฺถยนฺโต’’ติ? ‘‘พฺรหฺมโลกํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน พฺรหฺมโลกสฺส อยํ มคฺโค’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก เอวมาหา’’ติ? ‘‘อาจริเยหิ เม กถิตํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โน ตฺวํ พฺรหฺมโลกสฺส มคฺคํ ชานาสิ, นาปิ เต อาจริยา, สตฺถาว เอโก ชานาติ, เอหิ, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมโลกสฺส เต มคฺคํ กถาเปสฺสามี’’ติ ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อยํ พฺราหฺมโณ เอวมาหา’’ติ, ‘‘ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา สาธุ วตสฺส พฺรหฺมโลกสฺส มคฺคํ กเถถา’’ติ. สตฺถา ‘‘เอวํ กิร, พฺราหฺมณา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, โภ โคตมา’’ติ วุตฺเต, ‘‘พฺราหฺมณ, ตยา เอวํ ททมาเนน วสฺสสตํ ทินฺนทานโตปิ มุหุตฺตมตฺตํ ปสนฺนจิตฺเตน มม สาวกสฺส ¶ โอโลกนํ วา กฏจฺฉุภิกฺขามตฺตทานํ วา มหปฺผลตร’’นฺติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มาเส มาเส สหสฺเสน, โย ยเชถ สตํ สมํ;
เอกฺจ ภาวิตตฺตานํ, มุหุตฺตมปิ ปูชเย;
สาเยว ปูชนา เสยฺโย, ยฺเจ วสฺสสตํ หุต’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ สหสฺเสนาหิ สหสฺสปริจฺจาเคน. โย ยเชถ สตํ สมนฺติ โย วสฺสสตํ มาเส มาเส สหสฺสํ ปริจฺจชนฺโต โลกิยมหาชนสฺส ทานํ ทเทยฺย, เอกฺจ ภาวิตตฺตานนฺติ โย ปน เอกํ สีลาทิคุณวิเสเสน วฑฺฒิตอตฺตานํ เหฏฺิมโกฏิยา โสตาปนฺนํ, อุปริมโกฏิยา ขีณาสวํ ฆรทฺวารํ สมฺปตฺตํ กฏจฺฉุภิกฺขาทานวเสน วา ยาปนมตฺตอาหารทานวเสน วา ถูลสาฏกทานมตฺเตน วา ปูเชยฺย. ยํ อิตเรน วสฺสสตํ หุตํ. ตโต สาเยว ปูชนา เสยฺโย. เสฏฺโ อุตฺตโมติ อตฺโถติ.
เทสนาวสาเน ¶ โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรสฺส มาตุลพฺราหฺมณวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺยวตฺถุ
โย ¶ จ วสฺสสตํ ชนฺตูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺยํ อารพฺภ กเถสิ.
ตมฺปิ หิ เถโร อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กึ, พฺราหฺมณ, กุสลํ กโรสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ กโรสี’’ติ? ‘‘มาเส มาเส เอกํ เอกํ ปสุํ ฆาเตตฺวา อคฺคึ ปริจรามี’’ติ. ‘‘กิมตฺถํ เอวํ กโรสี’’ติ? ‘‘พฺรหฺมโลกมคฺโค กิเรโส’’ติ. ‘‘เกเนวํ กถิต’’นฺติ? ‘‘อาจริเยหิ เม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เนว ตฺวํ พฺรหฺมโลกสฺส มคฺคํ ชานาสิ, นาปิ เต อาจริยา, เอหิ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘อิมสฺส, ภนฺเต, พฺรหฺมโลกสฺส มคฺคํ กเถถา’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอวํ กิรา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ, โภ โคตมา’’ติ วุตฺเต, ‘‘พฺราหฺมณ, วสฺสสตมฺปิ เอวํ อคฺคึ ปริจรนฺตสฺส ตว อคฺคิปาริจริยา มม สาวกสฺส ตงฺขณมตฺตํ ปูชมฺปิ น ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชนฺตุ, อคฺคึ ปริจเร วเน;
เอกฺจ ภาวิตตฺตานํ, มุหุตฺตมปิ ปูชเย;
สาเยว ปูชนา เสยฺโย, ยฺเจ วสฺสสตํ หุต’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ¶ ชนฺตูติ สตฺตาธิวจนเมตํ. อคฺคึ ปริจเร วเนติ นิปฺปปฺจภาวปตฺถนาย วนํ ปวิสิตฺวาปิ ตตฺถ อคฺคึ ปริจเรยฺย. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺยวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สหายกพฺราหฺมณวตฺถุ
ยํ ¶ กิฺจิ ยิฏฺํ วาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สหายกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
ตมฺปิ หิ เถโร อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, พฺราหฺมณ, กิฺจิ กุสลํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ กโรสี’’ติ? ‘‘ยิฏฺยาคํ ยชามี’’ติ. ‘‘ตทา กิร ตํ ยาคํ มหาปริจฺจาเคน ยช’’นฺติ. อิโต ปรํ เถโร ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘อิมสฺส, ภนฺเต, พฺรหฺมโลกสฺส มคฺคํ กเถถา’’ติ อาห. สตฺถา, ‘‘พฺราหฺมณ, เอวํ กิรา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ, โภ โคตมา’’ติ วุตฺเต, ‘‘พฺราหฺมณ, ตยา สํวจฺฉรํ ยิฏฺยาคํ ยชนฺเตน โลกิยมหาชนสฺส ทินฺนทานํ ปสนฺนจิตฺเตน ¶ มม สาวกานํ วนฺทนฺตานํ อุปฺปนฺนกุสลเจตนาย จตุภาคมตฺตมฺปิ น อคฺฆตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยํ กิฺจิ ยิฏฺํ ว หุตํ ว โลเก,
สํวจฺฉรํ ยเชถ ปฺุเปกฺโข;
สพฺพมฺปิ ตํ น จตุภาคเมติ,
อภิวาทนา อุชฺชุคเตสุ เสยฺโย’’ติ.
ตตฺถ ยํ กิฺจีติ อนวเสสปริยาทานวจนเมตํ. ยิฏฺนฺติ เยภุยฺเยน มงฺคลกิริยาทิวเสสุ ทินฺนทานํ. หุตนฺติ อภิสงฺขริตฺวา กตํ ปาหุนทานฺเจว, กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหิตฺวา กตทานฺจ. สํวจฺฉรํ ยเชถาติ เอกสํวจฺฉรํ นิรนฺตรเมว วุตฺตปฺปการํ ทานํ สกลจกฺกวาเฬปิ ¶ โลกิยมหาชนสฺส ทเทยฺย. ปฺุเปกฺโขติ ปฺุํ อิจฺฉนฺโต. อุชฺชุคเตสูติ เหฏฺิมโกฏิยา โสตาปนฺเนสุ อุปริมโกฏิยา ขีณาสเวสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘เอวรูเปสุ ปสนฺนจิตฺเตน สรีรํ โอนมิตฺวา วนฺทนฺตสฺส กุสลเจตนาย ยํ ผลํ, ตโต จตุภาคมฺปิ สพฺพํ ตํ ทานํ น อคฺฆติ, ตสฺมา อุชุคเตสุ อภิวาทนเมว เสยฺโย’’ติ.
เทสนาวสาเน ¶ โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สหายกพฺราหฺมณวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. อายุวฑฺฒนกุมารวตฺถุ
อภิวาทนสีลิสฺสาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ทีฆลงฺฆิกํ นิสฺสาย อรฺกุฏิยํ วิหรนฺโต ทีฆายุกุมารํ อารพฺภ กเถสิ.
ทีฆลงฺฆิกนครวาสิโน กิร ทฺเว พฺราหฺมณา พาหิรกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฏฺจตฺตาลีส วสฺสานิ ตปจรณํ กรึสุ. เตสุ เอโก ‘‘ปเวณิ เม นสฺสิสฺสติ, วิพฺภมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตนา กตํ ตปํ ปเรสํ วิกฺกิณิตฺวา โคสเตน เจว กหาปณสเตน จ สทฺธึ ภริยํ ลภิตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปสิ. อถสฺส ภริยา ปุตฺตํ วิชายิ. อิตโร ปนสฺส สหายโก ปวาสํ คนฺตฺวา ปุนเทว ตํ นครํ ปจฺจาคมิ. โส ตสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา ปุตฺตทารํ อาทาย สหายกสฺส ทสฺสนตฺถาย อคมาสิ. คนฺตฺวา ปุตฺตํ มาตุ หตฺเถ ทตฺวา สยํ ตาว วนฺทิ, มาตาปิ ปุตฺตํ ปิตุ หตฺเถ ทตฺวา วนฺทิ. โส ‘‘ทีฆายุกา โหถา’’ติ ¶ อาห, ปุตฺเต ปน วนฺทาปิเต ตุณฺหี อโหสิ. อถ นํ ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, อมฺเหหิ วนฺทิเต ‘ทีฆายุกา โหถา’ติ วตฺวา อิมสฺส วนฺทนกาเล กิฺจิ น วเทถา’’ติ อาห. ‘‘อิมสฺเสโก อนฺตราโย อตฺถิ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘กิตฺตกํ ชีวิสฺสติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘สตฺตาหํ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘ปฏิพาหนการณํ อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘นาหํ ปฏิพาหนการณํ ชานามี’’ติ. ‘‘โก ปน ชาเนยฺย, ภนฺเต’’ติ? ‘‘สมโณ โคตโม ชาเนยฺย, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉาหี’’ติ. ‘‘ตตฺถ คจฺฉนฺโต ตปปริหานิโต ภายามี’’ติ. ‘‘สเจ เต ปุตฺตสิเนโห อตฺถิ, ตปปริหานึ อจินฺเตตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉาหี’’ติ.
โส ¶ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สยํ ตาว วนฺทิ. สตฺถา ‘‘ทีฆายุโก โหหี’’ติ อาห, ปชาปติยา วนฺทนกาเลปิ ตสฺสา ตเถว วตฺวา ปุตฺตสฺส วนฺทาปนกาเล ตุณฺหี อโหสิ. โส ปุริมนเยเนว สตฺถารํ ปุจฺฉิ, สตฺถาปิ ตเถว พฺยากาสิ. โส กิร พฺราหฺมโณ สพฺพฺุตฺาณํ อปฏิวิชฺฌิตฺวาว อตฺตโน มนฺตํ สพฺพฺุตฺาเณน สํสนฺเทสิ, ปฏิพาหนูปายํ ปน น ชานาติ. พฺราหฺมโณ สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ ปน, ภนฺเต, ปฏิพาหนูปาโย’’ติ? ‘‘ภเวยฺย, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘กึ ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘สเจ ตฺวํ อตฺตโน เคหทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา ตสฺส มชฺเฌ ¶ ปีิกํ กาเรตฺวา ตํ ปริกฺขิปนฺโต อฏฺ วา โสฬส วา อาสนานิ ¶ ปฺาเปตฺวา เตสุ มม สาวเก นิสีทาเปตฺวา สตฺตาหํ นิรนฺตรํ ปริตฺตํ กาตุํ สกฺกุเณยฺยาสิ, เอวมสฺส อนฺตราโย นสฺเสยฺยา’’ติ. ‘‘โภ โคตม, มยา มณฺฑปาทีนิ สกฺกา กาตุํ, ตุมฺหากํ ปน สาวเก กถํ ลจฺฉามี’’ติ? ‘‘ตยา เอตฺตเก กเต อหํ มม สาวเก ปหิณิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, โภ โคตมา’’ติ โส อตฺตโน เคหทฺวาเร สพฺพํ กิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ภิกฺขู ปหิณิ, เต คนฺตฺวา ตตฺถ นิสีทึสุ, ทารกมฺปิ ปีิกายํ นิปชฺชาเปสุํ, ภิกฺขู สตฺตรตฺตินฺทิวํ นิรนฺตรํ ปริตฺตํ ภณึสุ, สตฺตเม ทิวเส สายํ สตฺถา อาคจฺฉิ. ตสฺมึ อาคเต สพฺพจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปตึสุ. เอโก ปน อวรุทฺธโก นาม ยกฺโข ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ เวสฺสวณํ อุปฏฺหิตฺวา ตสฺส สนฺติกา วรํ ลภนฺโต ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส อิมํ ทารกํ คณฺเหยฺยาสี’’ติ ลภิ. ตสฺมา โสปิ อาคนฺตฺวา อฏฺาสิ.
สตฺถริ ปน ตตฺถ คเต มเหสกฺขาสุ เทวตาสุ สนฺนิปติตาสุ อปฺเปสกฺขา เทวตา โอสกฺกิตฺวา โอสกฺกิตฺวา โอกาสํ อลภมานา ทฺวาทส ¶ โยชนานิ ปฏิกฺกมึสุ. อวรุทฺธโกปิ ตเถว ปฏิกฺกมิ, สตฺถาปิ สพฺพรตฺตึ ปริตฺตมกาสิ. สตฺตาเห วีติวตฺเต อวรุทฺธโก ทารกํ น ลภิ. อฏฺเม ปน ทิวเส อรุเณ อุคฺคตมตฺเต ทารกํ อาเนตฺวา สตฺถารํ วนฺทาเปสุํ. สตฺถา ‘‘ทีฆายุโก โหหี’’ติ อาห. ‘‘กีวจิรํ ปน, โภ โคตม, ทารโก สฺสตี’’ติ? ‘‘วีสวสฺสสตํ, พฺราหฺมณา’’ติ. อถสฺส ‘‘อายุวฑฺฒนกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. โส วุทฺธิมนฺวาย ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต วิจริ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ปสฺสถาวุโส, อายุวฑฺฒนกุมาเรน กิร สตฺตเม ทิวเส มริตพฺพํ อภวิสฺส, โส อิทานิ วีสวสฺสสตฏฺายี หุตฺวา ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต วิจรติ, อตฺถิ มฺเ อิเมสํ สตฺตานํ อายุวฑฺฒนการณ’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, น เกวลํ อายุวฑฺฒนเมว, อิเม ปน สตฺตา คุณวนฺเต วนฺทนฺตา อภิวาเทนฺตา จตูหิ การเณหิ วฑฺฒนฺติ, ปริสฺสยโต ¶ มุจฺจนฺติ, ยาวตายุกเมว ติฏฺนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อภิวาทนสีลิสฺส ¶ ¶ , นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน;
จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ, อายุ วณฺโณ สุขํ พล’’นฺติ.
ตตฺถ อภิวาทนสีลิสฺสาติ วนฺทนสีลิสฺส, อภิณฺหํ วนฺทนกิจฺจปสุตสฺสาติ อตฺโถ. วุฑฺฒาปจายิโนติ คิหิสฺส วา ตทหุปพฺพชิเต ทหรสามเณเรปิ, ปพฺพชิตสฺส วา ปน ปพฺพชฺชาย วา อุปสมฺปทาย วา วุฑฺฒตเร คุณวุฑฺเฒ อปจายมานสฺส, อภิวาทเนน วา นิจฺจํ ปูเชนฺตสฺสาติ อตฺโถ. จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺตีติ อายุมฺหิ วฑฺฒมาเน ยตฺตกํ กาลํ ตํ วฑฺฒติ, ตตฺตกํ อิตเรปิ วฑฺฒนฺติเยว. เยน หิ ปฺาสวสฺสอายุสํวตฺตนิกํ กุสลํ กตํ, ปฺจวีสติวสฺสกาเล จสฺส ชีวิตนฺตราโย อุปฺปชฺเชยฺย, โส อภิวาทนสีลตาย ปฏิปฺปสฺสมฺภติ, โส ยาวตายุกเมว ติฏฺติ, วณฺณาทโยปิสฺส อายุนาว สทฺธึ วฑฺฒนฺติ. อิโต อุตฺตริปิ เอเสว นโย. อนนฺตราเยน ปวตฺตสฺสายุโน วฑฺฒนํ นาม นตฺถิ.
เทสนาวสาเน อายุวฑฺฒนกุมาโร ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อายุวฑฺฒนกุมารวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. สํกิจฺจสามเณรวตฺถุ
โย ¶ จ วสฺสสตํ ชีเวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สํกิจฺจสามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร ตึสมตฺตา กุลปุตฺตา สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชึสุ. เต อุปสมฺปทาย ปฺจวสฺสา หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา คนฺถธุรํ วิปสฺสนาธุรนฺติ ทฺเว ธุรานีติ สุตฺวา ‘‘มยํ มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตา’’ติ คนฺถธุเร อุสฺสาหํ อกตฺวา วิปสฺสนาธุรํ ปูเรตุกามา ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอกํ อรฺายตนํ คมิสฺสามา’’ติ สตฺถารํ อาปุจฺฉึสุ. สตฺถา ‘‘กตรํ านํ คมิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อสุกํ นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตตฺถ เตสํ ¶ เอกํ วิฆาสาทํ นิสฺสาย ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺจ ปน สํกิจฺจสามเณเร คเต วูปสมิสฺสติ, อถ เนสํ ปพฺพชิตกิจฺจํ ปาริปูรึ คมิสฺสตี’’ติ อฺาสิ.
สํกิจฺจสามเณโร ¶ นาม สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สามเณโร สตฺตวสฺสิโก ชาติยา. ตสฺส กิร มาตา สาวตฺถิยํ อฑฺฒกุลสฺส ธีตา. สา ตสฺมึ กุจฺฉิคเต เอเกน พฺยาธินา ตงฺขณฺเว กาลมกาสิ. ตสฺสา ฌาปิยมานาย เปตฺวา คพฺภมํสํ เสสํ ฌายิ. อถสฺสา คพฺภมํสํ จิตกโต โอตาเรตฺวา ทฺวีสุ ตีสุ าเนสุ สูเลหิ วิชฺฌึสุ. สูลโกฏิ ทารกสฺส อกฺขิโกฏึ ปหริ. เอวํ คพฺภมํสํ ¶ วิชฺฌิตฺวา องฺคารราสิมฺหิ ขิปิตฺวา องฺคาเรเหว ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปกฺกมึสุ. คพฺภมํสํ ฌายิ, องฺคารมตฺถเก ปน สุวณฺณพิมฺพสทิโส ทารโก ปทุมคพฺเภ นิปนฺโน วิย อโหสิ. ปจฺฉิมภวิกสฺส สตฺตสฺส หิ สิเนรุนา โอตฺถริยมานสฺสปิ อรหตฺตํ อปฺปตฺวา ชีวิตกฺขโย นาม นตฺถิ. ปุนทิวเส ‘‘จิตกํ นิพฺพาเปสฺสามา’’ติ อาคตา ตถานิปนฺนํ ทารกํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ‘‘กถฺหิ นาม เอตฺตเกสุ ทารูสุ ขียมาเนสุ สกลสรีเร ฌาปิยมาเน ทารโก น ฌายิ, กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ ทารกํ อาทาย อนฺโตคามํ คนฺตฺวา เนมิตฺตเก ปุจฺฉึสุ. เนมิตฺตกา ‘‘สเจ อยํ ทารโก อคารํ อชฺฌาวสฺสิสฺสติ, ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา าตกา ทุคฺคตา ภวิสฺสนฺติ? สเจ ปพฺพชิสฺสติ, ปฺจหิ สมณสเตหิ ปริวุโต วิจริสฺสตี’’ติ อาหํสุ. ตสฺส สงฺกุนา อกฺขิโกฏิยา ภินฺนตฺตา สํกิจฺจนฺติ นามํ กรึสุ. โส อปเรน สมเยน สํกิจฺโจติ ปฺายิ. อถ นํ าตกา ‘‘โหตุ, วฑฺฒิตกาเล อมฺหากํ อยฺยสฺส สาริปุตฺตสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสฺสามา’’ติ โปสึสุ. โส สตฺตวสฺสิกกาเล ‘‘ตว มาตุกุจฺฉิยํ ¶ วสนกาเล มาตา เต กาลมกาสิ, ตสฺสา สรีเร ฌาปิยมาเนปิ ตฺวํ น ฌายี’’ติ กุมารกานํ กถํ สุตฺวา ‘‘อหํ กิร เอวรูปา ภยา มุตฺโต, กึ เม ฆราวาเสน, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ าตกานํ อาโรเจสิ. เต ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ปพฺพาเชถา’’ติ อทํสุ. เถโร ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส ขุรคฺเคเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อยํ สํกิจฺจสามเณโร นาม.
สตฺถา ‘‘เอตสฺมึ คเต ตํ ภยํ วูปสมิสฺสติ, อถ เนสํ ปพฺพชิตกิจฺจํ ปาริปูรึ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เชฏฺภาติกํ สาริปุตฺตตฺเถรํ โอโลเกตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เถรสฺส ¶ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, อาวุโส’’ติ วุตฺเต มยํ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตุกามา หุตฺวา อาปุจฺฉิมฺหา, อถ โน สตฺถา เอวมาห – ‘‘ตุมฺหากํ เชฏฺภาติกํ โอโลเกตฺวา คจฺฉถา’’ติ? ‘‘เตนมฺหา อิธาคตา’’ติ. เถโร ‘‘สตฺถารา ¶ อิเม เอกํ การณํ ทิสฺวา อิธ ปหิตา ภวิสฺสนฺติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ตมตฺถํ ตฺวา อาห – ‘‘อตฺถิ ปน โว, อาวุโส, สามเณโร’’ติ? ‘‘นตฺถิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘สเจ นตฺถิ, อิมํ สํกิจฺจสามเณรํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ. ‘‘อลํ, อาวุโส, สามเณรํ นิสฺสาย โน ปลิโพโธ ภวิสฺสติ, กึ อรฺเ วสนฺตานํ สามเณเรนา’’ติ? ‘‘นาวุโส ¶ , อิมํ นิสฺสาย ตุมฺหากํ ปลิโพโธ, อปิจ โข ปน ตุมฺเห นิสฺสาย อิมสฺส ปลิโพโธ ภวิสฺสติ. สตฺถาปิ ตุมฺเห มม สนฺติกํ ปหิณนฺโต ตุมฺเหหิ สทฺธึ สามเณรสฺส ปหิณนํ ปจฺจาสีสนฺโต ปหิณิ, อิมํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ อธิวาเสตฺวา สามเณเรน สทฺธึ เอกตึส ชนา เถรํ อปโลเกตฺวา วิหารา นิกฺขมฺม จาริกํ จรนฺตา วีสโยชนสตมตฺถเก เอกํ สหสฺสกุลํ คามํ ปาปุณึสุ.
มนุสฺสา เต ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา สกฺกจฺจํ ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กตฺถ คมิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ยถาผาสุกฏฺานํ, อาวุโส’’ติ วุตฺเต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘มยํ, ภนฺเต, อยฺเยสุ อิมํ านํ นิสฺสาย อนฺโตวสฺสํ วสนฺเตสุ ปฺจสีลํ สมาทาย อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ ยาจึสุ. เถรา อธิวาเสสุํ. อถ เนสํ มนุสฺสา รตฺติฏฺานทิวาฏฺานจงฺกมนปณฺณสาลาโย สํวิทหิตฺวา ‘‘อชฺช มยํ, สฺเว มย’’นฺติ อุสฺสาหปฺปตฺตา อุปฏฺานมกํสุ. เถรา วสฺสูปนายิกทิวเส กติกวตฺตํ กรึสุ, ‘‘อาวุโส, อมฺเหหิ ธรมานกพุทฺธสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คหิตํ, น โข ปน สกฺกา อฺตฺร ปฏิปตฺติสมฺปทาย พุทฺเธ อาราเธตุํ, อมฺหากฺจ อปายทฺวารานิ วิวฏาเนว, ตสฺมา อฺตฺร ปาโต ภิกฺขาจารเวลํ, สายํ เถรูปฏฺานเวลฺจ ¶ เสสกาเล ทฺเว เอกฏฺาเน น ภวิสฺสาม, ยสฺส อผาสุกํ ภวิสฺสติ, เตน ฆณฺฑิยา ปหฏาย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เภสชฺชํ กริสฺสาม, อิโต อฺสฺมึ รตฺติภาเค วา ทิวสภาเค วา อปฺปมตฺตา กมฺมฏฺานมนุยฺุชิสฺสามา’’ติ.
เตสุ ¶ เอวํ กติกํ กตฺวา วิหรนฺเตสุ เอโก ทุคฺคตปุริโส ธีตรํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺโต ตสฺมึ าเน ทุพฺภิกฺเข อุปฺปนฺเน อปรํ ธีตรํ อุปนิสฺสาย ชีวิตุกาโม มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เถราปิ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา วสนฏฺานํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค เอกิสฺสา นทิยา นฺหตฺวา วาลุกปุลิเน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กรึสุ. ตสฺมึ ขเณ โส ปุริโส ตํ านํ ปตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ เถรา ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เถรา ตสฺมึ การฺุํ อุปฺปาเทตฺวา, ‘‘อุปาสก, อติวิย ฉาโตสิ, คจฺฉ, ปณฺณํ อาหร, เอกเมกํ เต ภตฺตปิณฺฑํ ทสฺสามา’’ติ วตฺวา เตน ปณฺเณ อาหเฏ อตฺตนา อตฺตนา ภฺุชนนิยาเมเนว สูปพฺยฺชเนหิ สนฺนหิตฺวา เอกเมกํ ปิณฺฑํ อทํสุ. เอตเทว กิร วตฺตํ, ยํ โภชนกาเล อาคตสฺส ¶ ภตฺตํ ททมาเนน ¶ ภิกฺขุนา อคฺคภตฺตํ อทตฺวา อตฺตนา ภฺุชนนิยาเมเนว โถกํ วา พหุํ วา ทาตพฺพํ. ตสฺมา เตปิ ตถา อทํสุ. โส กตภตฺตกิจฺโจ เถเร วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, ภนฺเต, อยฺยา, เกนจิ นิมนฺติตา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, อุปาสก, นิมนฺตนํ, มนุสฺสา เทวสิกํ เอวรูปเมว อาหารํ เทนฺตี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยํ นิจฺจกาลํ อุฏฺาย สมุฏฺาย กมฺมํ กโรนฺตาปิ เอวรูปํ อาหารํ ลทฺธุํ น สกฺโกม, กึ เม อฺตฺถ คเตน, อิเมสํ สนฺติเกเยว ชีวิสฺสามี’’ติ. อถ เน อาห – ‘‘อหํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา อยฺยานํ สนฺติเก วสิตุํ อิจฺฉามี’’ติ. ‘‘สาธุ, อุปาสกา’’ติ. โส เตหิ สทฺธึ เตสํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา สาธุกํ วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺโต ภิกฺขู อติวิย อาราเธตฺวา ทฺเวมาสจฺจเยน ธีตรํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา ‘‘สเจ, อยฺเย, อาปุจฺฉิสฺสามิ, น มํ วิสฺสชฺชิสฺสนฺติ, อนาปุจฺฉา คมิสฺสามี’’ติ เตสํ อนาจิกฺขิตฺวาว นิกฺขมิ. เอตฺตกเมว กิรสฺส โอฬาริกํ ขลิตํ อโหสิ, ยํ ภิกฺขูนํ อนาโรเจตฺวา ปกฺกามิ.
ตสฺส ปน คมนมคฺเค เอกา อฏวี อตฺถิ. ตตฺถ ปฺจสตานํ โจรานํ ‘‘โย อิมํ อฏวึ ปวิสติ, ตํ มาเรตฺวา ตสฺส มํสโลหิเตน ตุยฺหํ พลิกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ เทวตาย อายาจนํ กตฺวา วสนฺตานํ สตฺตโม ทิวโส โหติ. ตสฺมา สตฺตเม ทิวเส โจรเชฏฺโก รุกฺขํ อารุยฺห ¶ โอโลเกนฺโต ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา โจรานํ สฺมทาสิ. เต ตสฺส อฏวิมชฺฌํ ปวิฏฺภาวํ ตฺวา ปริกฺขิปิตฺวา ตํ คณฺหิตฺวา คาฬฺหพนฺธนํ กตฺวา ¶ อรณิสหิเตน อคฺคึ นิพฺพตฺเตตฺวา ทารูนิ สงฺกฑฺฒิตฺวา มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ กตฺวา สูลานิ ตจฺฉึสุ. โส เตสํ ตํ กิริยํ ทิสฺวา, ‘‘สามิ, อิมสฺมึ าเน เนว สูกรา, น มิคาทโย ทิสฺสนฺติ, กึ การณา อิทํ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตํ มาเรตฺวา ตว มํสโลหิเตน เทวตาย พลิกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ. โส มรณภยตชฺชิโต ภิกฺขูนํ ตํ อุปการํ อจินฺเตตฺวา เกวลํ อตฺตโน ชีวิตเมว รกฺขมาโน เอวมาห – ‘‘สามิ, อหํ วิฆาสาโท, อุจฺฉิฏฺภตฺตํ ภฺุชิตฺวา วฑฺฒิโต, วิฆาสาโท นาม กาฬกณฺณิโก, อยฺยา ปน ยโต ตโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตาปิ ขตฺติยาว, อสุกสฺมึ าเน เอกตึส ภิกฺขู วสนฺติ, เต มาเรตฺวา พลิกมฺมํ กโรถ, อติวิย โว เทวตา ตุสฺสิสฺสตี’’ติ. ตํ สุตฺวา โจรา ‘‘ภทฺทกํ เอส วเทติ, กึ อิมินา กาฬกณฺณินา, ขตฺติเย มาเรตฺวา พลิกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เอหิ, เนสํ วสนฏฺานํ ทสฺเสหี’’ติ ตเมว มคฺคเทสกํ กตฺวา ตํ านํ ปตฺวา วิหารมชฺเฌ ภิกฺขู อทิสฺวา ‘‘กหํ ภิกฺขู’’ติ นํ ปุจฺฉึสุ. โส ทฺเว มาเส วสิตตฺตา เตสํ กติกวตฺตํ ชานนฺโต เอวมาห ¶ – ‘‘อตฺตโน ทิวาฏฺานรตฺติฏฺาเนสุ นิสินฺนา, เอตํ ฆณฺฑึ ปหรถ, ฆณฺฑิสทฺเทน สนฺนิปติสฺสนฺตี’’ติ. โจรเชฏฺโก ฆณฺฑึ ปหริ.
ภิกฺขู ¶ ฆณฺฑิสทฺทํ สุตฺวา ‘‘อกาเล ฆณฺฑิ ปหฏา, กสฺสจิ อผาสุกํ ภวิสฺสตี’’ติ อาคนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ปฏิปาฏิยา ปฺตฺเตสุ ปาสาณผลเกสุ นิสีทึสุ. สงฺฆตฺเถโร โจเร โอโลเกตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อุปาสกา เกนายํ ฆณฺฑิ ปหฏา’’ติ? โจรเชฏฺโก อาห – ‘‘มยา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อมฺเหหิ อฏวิเทวตาย อายาจิตํ อตฺถิ, ตสฺสา พลิกมฺมกรณตฺถาย เอกํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา คมิสฺสามา’’ติ. ตํ สุตฺวา มหาเถโร ภิกฺขู อาห – ‘‘อาวุโส, ภาติกานํ อุปฺปนฺนกิจฺจํ นาม เชฏฺภาติเกน นิตฺถริตพฺพํ, อหํ อตฺตโน ชีวิตํ ตุมฺหากํ ปริจฺจชิตฺวา อิเมหิ สทฺธึ คมิสฺสามิ, มา สพฺเพสํ อนฺตราโย โหตุ, อปฺปมตฺตา สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ. อนุเถโร อาห – ‘‘ภนฺเต, เชฏฺภาตุ กิจฺจํ นาม กนิฏฺสฺส ภาโร, อหํ คมิสฺสามิ, ตุมฺเห อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ. อิมินา อุปาเยน ‘‘อหเมว อหเมวา’’ติ วตฺวา ปฏิปาฏิยา ตึสปิ ชนา อุฏฺหึสุ, เอวํ เต เนว เอกิสฺสา มาตุยา ปุตฺตา, น ¶ เอกสฺส ปิตุโน, นาปิ วีตราคา, อถ จ ปน อวเสสานํ อตฺถาย ปฏิปาฏิยา ชีวิตํ ปริจฺจชึสุ. เตสุ เอโกปิ ‘‘ตฺวํ ยาหี’’ติ วตฺตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ.
สํกิจฺจสามเณโร เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห ติฏฺถ ¶ , อหํ ตุมฺหากํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ อาห. เต อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, มยํ สพฺเพ เอกโต มาริยมานาปิ ตํ เอกกํ น วิสฺสชฺเชสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ การณา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘‘อาวุโส, ตฺวํ ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส สามเณโร, สเจ ตํ วิสฺสชฺเชสฺสาม, สามเณรํ เม อาทาย คนฺตฺวา โจรานํ นิยฺยาทึสู’ติ เถโร โน ครหิสฺสติ, ตํ นินฺทํ นิตฺถริตุํ น สกฺขิสฺสาม, เตน ตํ น วิสฺสชฺเชสฺสามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตุมฺเห มม อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ ปหิณนฺโตปิ, มม อุปชฺฌาโย มํ ตุมฺเหหิ สทฺธึ ปหิณนฺโตปิ อิทเมว การณํ ทิสฺวา ปหิณิ, ติฏฺถ ตุมฺเห, อหเมว คมิสฺสามี’’ติ โส ตึส ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ‘‘สเจ, ภนฺเต, เม โทโส อตฺถิ, ขมถา’’ติ วตฺวา นิกฺขมิ. ตทา ภิกฺขูนํ มหาสํเวโค อุปฺปชฺชิ, อกฺขีนิ อสฺสุปุณฺณานิ หทยมํสํ ปเวธิ. มหาเถโร โจเร อาห – ‘‘อุปาสกา อยํ ทหรโก ตุมฺเห อคฺคึ กโรนฺเต, สูลานิ ตจฺฉนฺเต, ปณฺณานิ อตฺถรนฺเต ทิสฺวา ภายิสฺสติ, อิมํ เอกมนฺเต เปตฺวา ตานิ กิจฺจานิ กเรยฺยาถา’’ติ. โจรา สามเณรํ อาทาย คนฺตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา สพฺพกิจฺจานิ กรึสุ.
กิจฺจปริโยสาเน โจรเชฏฺโก ¶ อสึ อพฺพาหิตฺวา สามเณรํ อุปสงฺกมิ. สามเณโร นิสีทมาโน ฌานํ สมาปชฺชิตฺวาว นิสีทิ. โจรเชฏฺโก อสึ ปริวตฺเตตฺวา สามเณรสฺส ขนฺเธ ปาเตสิ, อสิ นมิตฺวา ธาราย ธารํ ปหริ, โส ‘‘น สมฺมา ปหริ’’นฺติ มฺมาโน ปุน ตํ อุชุกํ ¶ กตฺวา ปหริ. อสิ ตาลปณฺณํ วิย เวยมาโน ถรุมูลํ อคมาสิ. สามเณรฺหิ ตสฺมึ กาเล สิเนรุนา อวตฺถรนฺโตปิ มาเรตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, ปเคว อสินา. ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา โจรเชฏฺโก จินฺเตสิ – ‘‘ปุพฺเพ เม อสิ สิลาถมฺภํ วา ขทิรขาณุํ วา กฬีรํ วิย ฉินฺทติ, อิทานิ เอกวารํ นมิ, เอกวารํ ตาลปตฺตเวโก วิย ชาโต. อยํ นาม อสิ อเจตนา หุตฺวาปิ อิมสฺส คุณํ ชานาติ, อหํ สเจตโนปิ น ชานามี’’ติ. โส อสึ ภูมิยํ ¶ ขิปิตฺวา ตสฺส ปาทมูเล อุเรน นิปชฺชิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ ธนการณา อฏวึ ปวิฏฺามฺหา, อมฺเห ทูรโตว ทิสฺวา สหสฺสมตฺตาปิ มนุสฺสา ปเวธนฺติ, ทฺเว ¶ ติสฺโส กถา กเถตุํ น สกฺโกนฺติ. ตว ปน สนฺตาสมตฺตมฺปิ นตฺถิ, อุกฺกามุเข สุวณฺณํ วิย สุปุปฺผิตกณิการํ วิย จ เต มุขํ วิโรจติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ตสฺส เต นตฺถิ ภีตตฺตํ, ภิยฺโย วณฺโณ ปสีทติ;
กสฺมา น ปริเทเวสิ, เอวรูเป มหพฺภเย’’ติ. (เถรคา. ๗๐๖);
สามเณโร ฌานา วุฏฺาย ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต, ‘‘อาวุโส คามณิ, ขีณาสวสฺส อตฺตภาโว นาม สีเส ปิตภาโร วิย โหติ, โส ตสฺมึ ภิชฺชนฺเต วา นสฺสนฺเต วา ตุสฺสเตว, น ภายตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘นตฺถิ เจตสิกํ ทุกฺขํ, อนเปกฺขสฺส คามณิ;
อติกฺกนฺตา ภยา สพฺเพ, ขีณสํโยชนสฺส เว.
‘‘ขีณาย ภวเนตฺติยา, ทิฏฺเ ธมฺเม ยถาตเถ;
น ภยํ มรเณ โหติ, ภารนิกฺเขปเน ยถา’’ติ. (เถรคา. ๗๐๗-๗๐๘);
โส ตสฺส กถํ สุตฺวา ปฺจ โจรสตานิ โอโลเกตฺวา อาห – ‘‘ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตุมฺเห ปน, สามี’’ติ. ‘‘มม ตาว, โภ, ‘เอวรูปํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา อคารมชฺเฌ กมฺมํ นตฺถิ, อยฺยสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’ติ. มยมฺปิ ตเถว กริสฺสามา’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตโต ปฺจสตาปิ โจรา สามเณรํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ ¶ . โส เตสํ อสิธาราหิ เอว เกเส เจว วตฺถทสา จ ฉินฺทิตฺวา ตมฺพมตฺติกาย รชิตฺวา ตานิ กาสายานิ อจฺฉาทาเปตฺวา ทสสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา เต อาทาย คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ ¶ – ‘‘สจาหํ เถเร อทิสฺวาว คมิสฺสามิ, เต ¶ สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. โจรานฺหิ มํ คเหตฺวา นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย เตสุ เอโกปิ อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิ, ‘มาริโต นุ โข สามเณโร, โน’ติ จินฺเตนฺตานํ กมฺมฏฺานํ อภิมุขํ น ภวิสฺสติ, ตสฺมา ทิสฺวาว เน คมิสฺสามี’’ติ. โส ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร ตตฺถ คนฺตฺวา อตฺตโน ทสฺสเนน ปฏิลทฺธอสฺสาเสหิ เตหิ ‘‘กึ, สปฺปุริส, สํกิจฺจ, ลทฺธํ เต ชีวิต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภนฺเต, อิเม มํ มาเรตุกามา หุตฺวา มาเรตุํ อสกฺโกนฺตา มม คุเณ ปสีทิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิตา, อหํ ‘ตุมฺเห ทิสฺวาว คมิสฺสามี’ติ อาคโต, อปฺปมตฺตา สมณธมฺมํ กโรถ, อหํ สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ เต ภิกฺขู วนฺทิตฺวา อิตเร อาทาย อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ สํกิจฺจ, อนฺเตวาสิกา เต ลทฺธา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. เถเรน ‘‘คจฺฉ สํกิจฺจ, สตฺถารํ ปสฺสาหี’’ติ วุตฺเต, ‘‘สาธู’’ติ เถรํ วนฺทิตฺวา เต อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถาราปิ ¶ ‘‘กึ สํกิจฺจ, อนฺเตวาสิกา เต ลทฺธา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘เอวํ กิร, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ โจรกมฺมํ กตฺวา ทุสฺสีเล ปติฏฺาย วสฺสสตํ ชีวนโต อิทานิ สีเล ปติฏฺาย เอกทิวสมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโย’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, ทุสฺสีโล อสมาหิโต;
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, สีลวนฺตสฺส ฌายิโน’’ติ.
ตตฺถ ทุสฺสีโลติ นิสฺสีโล. สีลวนฺตสฺสาติ ทุสฺสีลสฺส วสฺสสตํ ชีวนโต สีลวนฺตสฺส ทฺวีหิ ฌาเนหิ ฌายิโน เอกทิวสมฺปิ เอกมุหุตฺตมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโย, อุตฺตมนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ปฺจสตาปิ ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อปเรน สมเยน สํกิจฺโจ อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา ทสวสฺโส หุตฺวา สามเณรํ คณฺหิ. โส ปน ตสฺเสว ภาคิเนยฺโย อธิมุตฺตสามเณโร นาม. อถ นํ เถโร ปริปุณฺณวสฺสกาเล อามนฺเตตฺวา ‘‘อุปสมฺปทํ เต กริสฺสามิ, คจฺฉ, าตกานํ สนฺติเก วสฺสปริมาณํ ปุจฺฉิตฺวา ¶ เอหี’’ติ อุยฺโยเชสิ. โส มาตาปิตูนํ สนฺติกํ ¶ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ปฺจสเตหิ โจเรหิ พลิกมฺมตฺถาย มาริยมาโน เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา ปสนฺนจิตฺเตหิ เตหิ ‘‘น เต อิมสฺมึ าเน อมฺหากํ ¶ อตฺถิภาโว กสฺสจิ อาโรเจตพฺโพ’’ติ วิสฺสฏฺโ ปฏิปเถ มาตาปิตโร อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ตเมว มคฺคํ ปฏิปชฺชนฺตานมฺปิ เตสํ สจฺจมนุรกฺขนฺโต นาโรเจสิ. เตสํ โจเรหิ วิเหิยมานานํ ‘‘ตฺวมฺปิ โจเรหิ สทฺธึ เอกโต หุตฺวา มฺเ, อมฺหากํ นาโรเจสี’’ติ ปริเทวนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา เต มาตาปิตูนมฺปิ อนาโรจิตภาวํ ตฺวา ปสนฺนจิตฺตา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. โสปิ สํกิจฺจสามเณโร วิย เต สพฺเพ ปพฺพาเชตฺวา อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ อาเนตฺวา เตน สตฺถุ สนฺติกํ เปสิโต คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘เอวํ กิร, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ปุริมนเยเนว อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมเมว คาถมาห –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, ทุสฺสีโล อสมาหิโต;
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, สีลวนฺตสฺส ฌายิโน’’ติ.
อิทมฺปิ อธิมุตฺตสามเณรวตฺถุ วุตฺตนยเมวาติ.
สํกิจฺจสามเณรวตฺถุ นวมํ.
๑๐. ขาณุโกณฺฑฺตฺเถรวตฺถุ
โย ¶ จ วสฺสสตํ ชีเวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ขาณุโกณฺฑฺตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เถโร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘สตฺถุ อาโรเจสฺสามี’’ติ ตโต อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กิลนฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม เอกสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ นิสินฺโน ฌานํ สมาปชฺชิ. อเถกํ คามํ วิลุมฺปิตฺวา ปฺจสตา โจรา อตฺตโน พลานุรูเปน ภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา สีเสนาทาย คจฺฉนฺตา ทูรํ คนฺตฺวา กิลนฺตรูปา ‘‘ทูรํ อาคตามฺห, อิมสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ วิสฺสมิสฺสามา’’ติ มคฺคา โอกฺกมฺม ¶ ปิฏฺิปาสาณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เถรํ ทิสฺวาปิ ‘‘ขาณุโก อย’’นฺติ สฺิโน อเหสุํ. อเถโก โจโร เถรสฺส สีเส ภณฺฑิกํ เปสิ, อปโรปิ ตํ นิสฺสาย ภณฺฑิกํ เปสิ. เอวํ ปฺจสตาปิ โจรา ปฺจหิ ภณฺฑิกสเตหิ เถรํ ปริกฺขิปิตฺวา สยมฺปิ นิสินฺนา นิทฺทายิตฺวา อรุณุคฺคมนกาเล ปพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ภณฺฑิกํ คณฺหนฺตา เถรํ ทิสฺวา ‘‘อมนุสฺโส’’ติ สฺาย ปลายิตุํ ¶ อารภึสุ. อถ เน เถโร อาห – ‘‘มา ภายิตฺถ อุปาสกา, ปพฺพชิโต อห’’นฺติ. เต เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมถ, ภนฺเต, มยํ ขาณุกสฺิโน อหุมฺหา’’ติ เถรํ ขมาเปตฺวา โจรเชฏฺเกน ‘‘อหํ อยฺยสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วุตฺเต เสสา ‘‘มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสามา’’ติ ¶ วตฺวา สพฺเพปิ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา เถรํ ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. เถโร สํกิจฺจสามเณโร วิย สพฺเพปิ เต ปพฺพาเชสิ. ตโต ปฏฺาย ขาณุโกณฺฑฺโติ ปฺายิ. โส เตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา ‘‘กึ, โกณฺฑฺ, อนฺเตวาสิกา เต ลทฺธา’’ติ วุตฺเต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘เอวํ กิร, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต, น โน อฺสฺส เอวรูโป อานุภาโว ทิฏฺปุพฺโพ, เตนมฺหา ปพฺพชิตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, เอวรูเป ทุปฺปฺกมฺเม ปติฏฺาย วสฺสสตํ ชีวนโต อิทานิ โว ปฺาสมฺปทาย วตฺตมานานํ เอกาหมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโย’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, ทุปฺปฺโ อสมาหิโต;
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, ปฺวนฺตสฺส ฌายิโน’’ติ.
ตตฺถ ทุปฺปฺโ นิปฺปฺโ. ปฺวนฺตสฺสาติ สปฺปฺสฺส. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สมฺปตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ขาณุโกณฺฑฺตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. สปฺปทาสตฺเถรวตฺถุ
โย ¶ จ วสฺสสตํ ชีเวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สปฺปทาสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ ¶ กิเรโก กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท อปเรน สมเยน อุกฺกณฺิตฺวา ‘‘มาทิสสฺส กุลปุตฺตสฺส คิหิภาโว นาม อยุตฺโต, ปพฺพชฺชาย ตฺวา มรณมฺหิ เม เสยฺโย’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน มรณูปายํ จินฺเตนฺโต วิจรติ. อเถกทิวสํ ปาโตว ¶ กตภตฺตกิจฺจา ภิกฺขู วิหารํ คนฺตฺวา อคฺคิสาลาย สปฺปํ ทิสฺวา ตํ เอกสฺมึ กุเฏ ปกฺขิปิตฺวา กุฏํ ปิทหิตฺวา อาทาย วิหารา นิกฺขมึสุ. อุกฺกณฺิตภิกฺขุปิ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อาคจฺฉนฺโต เต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กึ อิทํ, อาวุโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สปฺโป, อาวุโส’’ติ วุตฺเต อิมินา ‘‘กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ฉฑฺเฑสฺสาม น’’นฺติ. เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมินา อตฺตานํ ฑํสาเปตฺวา มริสฺสามี’’ติ ‘‘อาหรถ, อหํ ตํ ฉฑฺเฑสฺสามี’’ติ เตสํ หตฺถโต กุฏํ คเหตฺวา เอกสฺมึ าเน นิสินฺโน เตน สปฺเปน อตฺตานํ ฑํสาเปติ, สปฺโป ฑํสิตุํ น อิจฺฉติ. โส กุเฏ หตฺถํ โอตาเรตฺวา อิโต จิโต จ อาโลเลติ, โฆรสปฺปสฺส มุขํ วิวริตฺวา องฺคุลึ ปกฺขิปติ, เนว นํ สปฺโป ฑํสิ. โส ‘‘นายํ อาสีวิโส, ฆรสปฺโป เอโส’’ติ ตํ ปหาย วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘ฉฑฺฑิโต เต, อาวุโส, สปฺโป’’ติ อาหํสุ. ‘‘น โส, อาวุโส, โฆรสปฺโป, ฆรสปฺโป เอโส’’ติ. ‘‘โฆรสปฺโปเยวาวุโส, มหนฺตํ ¶ ผณํ กตฺวา สุสุยนฺโต ทุกฺเขน อมฺเหหิ คหิโต, กึ การณา เอวํ ตฺวํ วเทสี’’ติ อาหํสุ. ‘‘อหํ, อาวุโส, เตน อตฺตานํ ฑํสาเปนฺโตปิ มุเข องฺคุลึ ปกฺขิเปนฺโตปิ ตํ ฑํสาเปตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ตุณฺหี อเหสุํ.
อเถกทิวสํ นฺหาปิโต ทฺเว ตโย ขุเร อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา เอกํ ภูมิยํ เปตฺวา เอเกน ภิกฺขูนํ เกเส โอหาเรติ. โส ภูมิยํ ปิตํ ขุรํ คเหตฺวา ‘‘อิมินา คีวํ ฉินฺทิตฺวา มริสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ รุกฺเข คีวํ อุปนิธาย ขุรธารํ คลนาฬิยํ กตฺวา ิโต อุปสมฺปทามาฬโต ปฏฺาย อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต วิมลจนฺทมณฺฑลํ วิย สุโธตมณิขนฺธมิว จ นิมฺมลํ สีลํ อทฺทส. ตสฺส ตํ โอโลเกนฺตสฺส สกลสรีรํ ผรนฺตี ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ขุรํ อาทาย วิหารมชฺฌํ ปาวิสิ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘กหํ คโตสิ, อาวุโส’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘‘อิมินา ขุเรน คลนาฬึ ฉินฺทิตฺวา ¶ มริสฺสามี’ติ คโตมฺหิ ¶ , อาวุโส’’ติ. อถ ‘‘กสฺมา น มโตสี’’ติ? อิทานิมฺหิ สตฺถํ อาหริตุํ อภพฺโพ ชาโต. อหฺหิ ‘‘อิมินา ขุเรน คลนาฬึ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ าณขุเรน สพฺพกิเลเส ฉินฺทินฺติ. ภิกฺขู ‘‘อยํ อภูเตน อฺํ พฺยากโรตี’’ติ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา เตสํ กถํ สุตฺวา อาห – ‘‘น, ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม สหตฺถา อตฺตานํ ชีวิตา โวโรเปนฺตี’’ติ. ภนฺเต, ตุมฺเห อิมํ ‘‘ขีณาสโว’’ติ วทถ, เอวํ อรหตฺตูปนิสฺสยสมฺปนฺโน ปนายํ กสฺมา อุกฺกณฺติ, กิมสฺส อรหตฺตูปนิสฺสยการณํ ‘‘กสฺมา โส สปฺโป เอตํ น ฑํสตี’’ติ? ‘‘ภิกฺขเว, โส ตาว สปฺโป อิมสฺส อิโต ตติเย อตฺตภาเว ทาโส อโหสิ, โส อตฺตโน สามิกสฺส สรีรํ ฑํสิตุํ น วิสหตี’’ติ. เอวํ ¶ ตาว เนสํ สตฺถา เอกํ การณํ อาจิกฺขิ. ตโต ปฏฺาย จ โส ภิกฺขุ สปฺปทาโส นาม ชาโต.
กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิเรโก กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา อุปฺปนฺนสํเวโค ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท อปเรน สมเยน อนภิรติยา อุปฺปนฺนาย เอกสฺส สหายกสฺส ภิกฺขุโน อาโรเจสิ. โส ตสฺส อภิณฺหํ คิหิภาเว อาทีนวํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา อิตโร สาสเน อภิรมิตฺวา ปุพฺเพ อนภิรตกาเล มลคฺคหิเต สมณปริกฺขาเร เอกสฺมึ โสณฺฑิตีเร นิมฺมเล กโรนฺโต นิสีทิ. สหายโกปิสฺส สนฺติเกเยว นิสินฺโน. อถ นํ โส เอวมาห – ‘‘อหํ, อาวุโส, อุปฺปพฺพชนฺโต อิเม ปริกฺขาเร ตุยฺหํ ทาตุกาโม ¶ อโหสิ’’นฺติ. โส โลภํ อุปฺปาเทตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิมินา มยฺหํ ปพฺพชิเตน วา อุปฺปพฺพชิเตน วา โก อตฺโถ, อิทานิ ปริกฺขาเร คณฺหิสฺสามี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย ‘‘กึ ทานาวุโส, อมฺหากํ ชีวิเตน, เย มยํ กปาลหตฺถา ปรกุเลสุ ภิกฺขาย จราม, ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ อาลาปสลฺลาปํ น กโรมา’’ติอาทีนิ วทนฺโต คิหิภาวสฺส คุณํ กเถสิ. โส ตสฺส กถํ สุตฺวา ปุน อุกฺกณฺิโต หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มยา ‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’ติ วุตฺเต ปมํ คิหิภาเว อาทีนวํ กเถตฺวา อิทานิ อภิณฺหํ คุณํ กเถติ, ‘กึ นุ โข การณ’’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อิเมสุ สมณปริกฺขาเรสุ โลเภนา’’ติ ตฺวา สยเมว อตฺตโน จิตฺตํ นิวตฺเตสิ. เอวมสฺส กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล เอกสฺส ภิกฺขุโน อุกฺกณฺาปิตตฺตา อิทานิ อนภิรติ ¶ อุปฺปนฺนา. โย ปน เตเนว ตทา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺโม กโต, สฺวสฺส เอตรหิ อรหตฺตูปนิสฺสโย ชาโตติ.
อิมมตฺถํ เต ภิกฺขู ภควโต สนฺติกา สุตฺวา อุตฺตรึ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, อยํ กิร ภิกฺขุ ขุรธารํ คลนาฬิยํ กตฺวา ิโตว อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อุปฺปชฺชิสฺสติ นุ โข เอตฺตเกน ขเณน อรหตฺตมคฺโค’’ติ. ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อารทฺธวีริยสฺส ภิกฺขุโน ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ภูมิยํ เปนฺตสฺส ปาเท ภูมิยํ อสมฺปตฺเตเยว อรหตฺตมคฺโค อุปฺปชฺชติ. กุสีตสฺส ¶ ปุคฺคลสฺส หิ วสฺสสตํ ชีวนโต อารทฺธวีริยสฺส ขณมตฺตมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโย’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, กุสีโต หีนวีริโย;
เอกาหํ ชีวิกํ เสยฺโย, วีริยมารภโต ทฬฺห’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ กุสีโตติ กามวิตกฺกาทีหิ ตีหิ วิตกฺเกหิ วีตินาเมนฺโต ปุคฺคโล. หีนวีริโยติ นิพฺพีริโย. วีริยมารภโต ทฬฺหนฺติ ทุวิธชฺฌานนิพฺพตฺตนสมตฺถํ ถิรํ วีริยํ อารภนฺตสฺส. เสสํ ปุริมสทิสเมว.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สปฺปทาสตฺเถรวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. ปฏาจาราเถรีวตฺถุ
โย จ วสฺสสตํ ชีเวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฏาจารํ เถรึ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร สาวตฺถิยํ จตฺตาลีสโกฏิวิภวสฺส เสฏฺิโน ธีตา อโหสิ อภิรูปา. ตํ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกกาเล สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตเล รกฺขนฺตา วสาเปสุํ. เอวํ สนฺเตปิ สา เอเกน อตฺตโน จูฬูปฏฺาเกน สทฺธึ วิปฺปฏิปชฺชิ ¶ . อถสฺสา มาตาปิตโร สมชาติกกุเล เอกสฺส กุมารสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา วิวาหทิวสํ เปสุํ. ตสฺมึ อุปกฏฺเ สา ตํ จูฬูปฏฺากํ อาห – ‘‘มํ กิร อสุกกุลสฺส นาม ทสฺสนฺติ, มยิ ปติกุลํ คเต มม ปณฺณาการํ คเหตฺวา อาคโตปิ ตตฺถ ปเวสนํ น ลภิสฺสสิ, สเจ เต มยิ สิเนโห อตฺถิ, อิทาเนว ¶ มํ คเหตฺวา เยน วา เตน วา ปลายสฺสู’’ติ. ‘‘โส สาธุ, ภทฺเท’’ติ. ‘‘เตน หิ อหํ สฺเว ปาโตว นครทฺวารสฺส อสุกฏฺาเน นาม สฺสามิ, ตฺวํ เอเกน อุปาเยน นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ทุติยทิวเส สงฺเกตฏฺาเน อฏฺาสิ. สาปิ ปาโตว กิลิฏฺํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา เกเส วิกฺกิริตฺวา กุณฺฑเกน สรีรํ มกฺขิตฺวา กุฏํ อาทาย ทาสีหิ สทฺธึ คจฺฉนฺตี วิย ฆรา นิกฺขมิตฺวา ตํ านํ อคมาสิ. โส ตํ อาทาย ทูรํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ คาเม นิวาสํ กปฺเปตฺวา อรฺเ เขตฺตํ กสิตฺวา ทารุปณฺณาทีนิ อาหรติ. อิตรา กุเฏน อุทกํ อาหริตฺวา สหตฺถา โกฏฺฏนปจนาทีนิ กโรนฺตี อตฺตโน ปาปสฺส ผลํ อนุโภติ. อถสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา ปริปุณฺณคพฺภา ‘‘อิธ เม โกจิ อุปการโก นตฺถิ, มาตาปิตโร นาม ปุตฺเตสุ มุทุหทยา โหนฺติ, เตสํ สนฺติกํ มํ เนหิ, ตตฺถ เม คพฺภวุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ สามิกํ ¶ ยาจิ. โส ‘‘กึ, ภทฺเท, กเถสิ, มํ ทิสฺวา ตว มาตาปิตโร วิวิธา กมฺมการณา กเรยฺยุํ, น สกฺกา มยา ตตฺถ คนฺตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิปิ. สา ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวาปิ ¶ คมนํ อลภมานา ตสฺส อรฺํ คตกาเล ปฏิวิสฺสเก อามนฺเตตฺวา ‘‘สเจ โส อาคนฺตฺวา มํ อปสฺสนฺโต ‘กหํ คตา’ติ ปุจฺฉิสฺสติ, มม อตฺตโน กุลฆรํ คตภาวํ อาจิกฺเขยฺยาถา’’ติ วตฺวา เคหทฺวารํ ปิทหิตฺวา ปกฺกามิ. โสปิ อาคนฺตฺวา ตํ อปสฺสนฺโต ปฏิวิสฺสเก ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘นิวตฺเตสฺสามิ น’’นฺติ อนุพนฺธิตฺวา ตํ ทิสฺวา นานปฺปการํ ยาจิยมาโนปิ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อถสฺสา เอกสฺมึ าเน กมฺมชวาตา จลึสุ. สา เอกํ คจฺฉนฺตรํ ปวิสิตฺวา, ‘‘สามิ, กมฺมชวาตา เม จลิตา’’ติ วตฺวา ภูมิยํ นิปชฺชิตฺวา สมฺปริวตฺตมานา กิจฺเฉน ทารกํ วิชายิตฺวา ‘‘ยสฺสตฺถายาหํ กุลฆรํ คจฺเฉยฺยํ, โส อตฺโถ นิปฺผนฺโน’’ติ ปุนเทว เตน สทฺธึ เคหํ อาคนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสิ.
ตสฺสา อปเรน สมเยน ปุน คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา ปริปุณฺณคพฺภา หุตฺวา ปุริมนเยเนว สามิกํ ยาจิตฺวา คมนํ อลภมานา ปุตฺตํ องฺเกนาทาย ตเถว ปกฺกมิตฺวา เตน อนุพนฺธิตฺวา ‘‘ติฏฺาหี’’ติ วุตฺเต นิวตฺติตุํ น อิจฺฉิ. อถ เนสํ คจฺฉนฺตานํ มหา อกาลเมโฆ อุทปาทิ สมนฺตา วิชฺชุลตาหิ ¶ อาทิตฺตํ วิย เมฆตฺถนิเตหิ, ภิชฺชมานํ วิย ¶ อุทกธารานิปาตนิรนฺตรํ นภํ อโหสิ. ตสฺมึ ขเณ ตสฺสา กมฺมชวาตา จลึสุ. สา สามิกํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘สามิ, กมฺมชวาตา เม จลิตา, น สกฺโกมิ สนฺธาเรตุํ, อโนวสฺสกฏฺานํ เม ชานาหี’’ติ อาห. โส หตฺถคตาย วาสิยา อิโต จิโต จ อุปธาเรนฺโต เอกสฺมึ วมฺมิกมตฺถเก ชาตํ คุมฺพํ ทิสฺวา ฉินฺทิตุํ อารภิ. อถ นํ วมฺมิกโต นิกฺขมิตฺวา โฆรวิโส อาสีวิโส ฑํสิ. ตงฺขณฺเวสฺส สรีรํ อนฺโตสมุฏฺิตาหิ อคฺคิชาลาหิ ฑยฺหมานํ วิย นีลวณฺณํ หุตฺวา ตตฺเถว ปติ. อิตราปิ มหาทุกฺขํ อนุภวมานา ตสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺตีปิ ตํ อทิสฺวาว อปรมฺปิ ปุตฺตํ วิชายิ. ทฺเว ทารกา วาตวุฏฺิเวคํ อสหมานา มหาวิรวํ วิรวนฺติ. สา อุโภปิ เต อุรนฺตเร กตฺวา ทฺวีหิ ชณฺณุเกหิ เจว หตฺเถหิ จ ภูมิยํ อุปฺปีเฬตฺวา ตถา ิตาว รตฺตึ วีตินาเมสิ. สกลสรีรํ นิลฺโลหิตํ วิย ปณฺฑุปลาสวณฺณํ อโหสิ. สา อุฏฺิเต อรุเณ มํสเปสิวณฺณํ เอกํ ปุตฺตํ องฺเกนาทาย อิตรํ องฺคุลิยา คเหตฺวา ‘‘เอหิ, ตาต, ปิตา เต อิโต คโต’’ติ วตฺวา สามิกสฺส คตมคฺเคน คจฺฉนฺตี ¶ ตํ วมฺมิกมตฺถเก กาลํ กตฺวา ปติตํ นีลวณฺณํ ถทฺธสรีรํ ทิสฺวา ‘‘มํ นิสฺสาย มม สามิโก ปนฺเถ มโต’’ติ โรทนฺตี ปริเทวนฺตี ปายาสิ.
สา สกลรตฺตึ เทเวน วุฏฺตฺตา อจิรวตึ นทึ ชณฺณุปฺปมาเณน กฏิปฺปมาเณน ถนปฺปมาเณน อุทเกน ปริปุณฺณํ ทิสฺวา อตฺตโน มนฺทพุทฺธิตาย ทฺวีหิ ทารเกหิ สทฺธึ อุทกํ โอตริตุํ อวิสหนฺตี เชฏฺปุตฺตํ โอริมตีเร เปตฺวา อิตรํ อาทาย ปรตีรํ คนฺตฺวา สาขาภงฺคํ อตฺถริตฺวา ¶ นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘อิตรสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ พาลปุตฺตกํ ปหาย ตริตุํ อสกฺโกนฺตี ปุนปฺปุนํ นิวตฺติตฺวา โอโลกยมานา ปายาสิ. อถสฺสา นทีมชฺฌํ คตกาเล เอโก เสโน ตํ กุมารํ ทิสฺวา ‘‘มํสเปสี’’ติ สฺาย อากาสโต ภสฺสิ. สา ตํ ปุตฺตสฺสตฺถาย ภสฺสนฺตํ ทิสฺวา อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘สูสู’’ติ ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺทํ นิจฺฉาเรสิ. เสโน ทูรภาเวน ตํ อสุตฺวาว กุมารกํ คเหตฺวา เวหาสํ อุปฺปติตฺวา คโต. โอริมตีเร ิตปุตฺโต มาตรํ นทีมชฺเฌ อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา มหาสทฺทํ นิจฺฉารยมานํ ทิสฺวา ¶ ‘‘มํ ปกฺโกสตี’’ติ สฺาย เวเคน อุทเก ปติ. อิติสฺสา พาลปุตฺตํ เสโน หริ, เชฏฺปุตฺโต อุทเกน วูฬฺโห.
สา ‘‘เอโก เม ปุตฺโต เสเนน คหิโต, เอโก อุทเกน ¶ วูฬฺโห, ปนฺเถ เม ปติ มโต’’ติ โรทนฺตี ปริเทวนฺตี คจฺฉมานา สาวตฺถิโต อาคจฺฉนฺตํ เอกํ ปุริสํ ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กตฺถ วาสิโกสิ, ตาตา’’ติ? ‘‘สาวตฺถิวาสิโกมฺหิ, อมฺมา’’ติ. ‘‘สาวตฺถินคเร อสุกวีถิยํ เอวรูปํ อสุกกุลํ นาม อตฺถิ, ชานาสิ, ตาตา’’ติ? ‘‘ชานามิ, อมฺม, ตํ ปน มา ปุจฺฉิ, สเจ อฺํ ชานาสิ ปุจฺฉา’’ติ. ‘‘อฺเน เม กมฺมํ นตฺถิ, ตเทว ปุจฺฉามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘อมฺม, ตฺวํ อตฺตโน อนาจิกฺขิตุํ น เทสิ, อชฺช เต สพฺพรตฺตึ เทโว วสฺสนฺโต ทิฏฺโ’’ติ. ‘‘ทิฏฺโ เม, ตาต, มยฺหเมเวโส สพฺพรตฺตึ วุฏฺโ, น อฺสฺส. มยฺหํ ปน วุฏฺการณํ ปจฺฉา เต กเถสฺสามิ, เอตสฺมึ ตาว เม เสฏฺิเคเห ปวตฺตึ กเถหี’’ติ. ‘‘อมฺม, อชฺช รตฺตึ เสฏฺิฺจ เสฏฺิภริยฺจ เสฏฺิปุตฺตฺจาติ ตโยปิ ชเน อวตฺถรมานํ เคหํ ปติ, เต เอกจิตกสฺมึ ฌายนฺติ. เอส ธูโม ปฺายติ, อมฺมา’’ติ. สา ตสฺมึ ขเณ นิวตฺถวตฺถํ ปตมานํ น สฺชานิ, อุมฺมตฺติกภาวํ ¶ ปตฺวา ยถาชาตาว โรทนฺตี ปริเทวนฺตี –
‘‘อุโภ ปุตฺตา กาลกตา, ปนฺเถ มยฺหํ ปตี มโต;
มาตา ปิตา จ ภาตา จ, เอกจิตมฺหิ ฑยฺหเร’’ติ. (อป. เถรี ๒.๒.๔๙๘) –
วิลปนฺตี ปริพฺภมิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อุมฺมตฺติกา อุมฺมตฺติกา’’ติ กจวรํ คเหตฺวา ปํสุํ คเหตฺวา มตฺถเก โอกิรนฺตา เลฑฺฑูหิ ปหรนฺติ. สตฺถา เชตวนมหาวิหาเร อฏฺปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต ตํ อาคจฺฉมานํ อทฺทส กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตปารมึ อภินีหารสมฺปนฺนํ.
สา ¶ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล ปทุมุตฺตรสตฺถารา เอกํ วินยธรตฺเถรึ พาหาย คเหตฺวา นนฺทนวเน เปนฺตํ วิย เอตทคฺคฏฺาเน ปิยมานํ ทิสฺวา ‘‘อหมฺปิ ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก วินยธรตฺเถรีนํ อคฺคฏฺานํ ลเภยฺย’’นฺติ อธิการํ กตฺวา ปตฺถนํ เปสิ. ปทุมุตฺตรพุทฺโธ อนาคตํสาณํ ปตฺถริตฺวา ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ตฺวา ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส นาม สาสเน อยํ ปฏาจารา นาเมน วินยธรตฺเถรีนํ อคฺคา ¶ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตํ ¶ เอวํ ปตฺถิตปตฺถนํ อภินีหารสมฺปนฺนํ สตฺถา ทูรโตว อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา ‘‘อิมิสฺสา เปตฺวา มํ อฺโ อวสฺสโย ภวิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ยถา วิหาราภิมุขํ อาคจฺฉติ, เอวํ อกาสิ. ปริสา ตํ ทิสฺวาว ‘‘อิมิสฺสา อุมฺมตฺติกาย อิโต อาคนฺตุํ มา ททิตฺถา’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อเปถ, มา นํ วารยิตฺถา’’ติ วตฺวา อวิทูรฏฺานํ อาคตกาเล ‘‘สตึ ปฏิลภ ภคินี’’ติ อาห. สา ตํ ขณํเยว พุทฺธานุภาเวน สตึ ปฏิลภิ. ตสฺมึกาเล นิวตฺถวตฺถสฺส ปติตภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิ. อถสฺสา เอโก ปุริโส อุตฺตรสาฏกํ ขิปิ. สา ตํ นิวาเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สุวณฺณวณฺเณสุ ปาเทสุ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อวสฺสโย เม โหถ, ปติฏฺา เม โหถ. เอกฺหิ เม ปุตฺตํ เสโน คณฺหิ, เอโก อุทเกน วูฬฺโห, ปนฺเถ เม ปติ มโต, มาตาปิตโร เจว เม ภาตา จ เคเหน อวตฺถฏา เอกจิตกสฺมึ ฌายนฺตี’’ติ.
สตฺถา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ปฏาจาเร, มา จินฺตยิ, ตว ตาณํ สรณํ อวสฺสโย ภวิตุํ สมตฺถสฺเสว สนฺติกํ อาคตาสิ. ยถา หิ ตว อิทานิ เอโก ปุตฺตโก เสเนน คหิโต, เอโก อุทเกน วูฬฺโห, ปนฺเถ ¶ ปติ มโต, มาตาปิตโร เจว ภาตา จ เคเหน อวตฺถฏา; เอวเมว อิมสฺมึ สํสาเร ปุตฺตาทีนํ มตกาเล ตว โรทนฺติยา ปคฺฆริตอสฺสุ จตุนฺนํ มหาสมุทฺทานํ อุทกโต พหุตร’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘จตูสุ สมุทฺเทสุ ชลํ ปริตฺตกํ,
ตโต พหุํ อสฺสุชลํ อนปฺปกํ;
ทุกฺเขน ผุฏฺสฺส นรสฺส โสจนา,
กึ การณา อมฺม ตุวํ ปมชฺชสี’’ติ.
เอวํ สตฺถริ อนมตคฺคปริยายํ กเถนฺเต ตสฺส สรีเร โสโก ตนุตฺตํ อคมาสิ. อถ นํ ตนุภูตโสกํ ตฺวา ปุน สตฺถา อามนฺเตตฺวา ‘‘ปฏาจาเร ปุตฺตาทโย นาม ปรโลกํ คจฺฉนฺตสฺส ตาณํ วา เลณํ วา สรณํ วา ภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา วิชฺชมานาปิ เต น สนฺติเยว, ปณฺฑิเตน ¶ ปน สีลํ วิโสเธตฺวา อตฺตโน นิพฺพานคามิมคฺคํ ขิปฺปเมว โสเธตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น ¶ สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย, น ปิตา นาปิ พนฺธวา;
อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, นตฺถิ าตีสุ ตาณตา. (ธ. ป. ๒๘๘; อป. เถรี ๒.๒.๕๐๑);
‘‘เอตมตฺถวสฺสํ ตฺวา, ปณฺฑิโต สีลสํวุโต;
นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, ขิปฺปเมว วิโสธเย’’ติ. (ธ. ป. ๒๘๙);
เทสนาวสาเน ¶ ปฏาจารา มหาปถวิยํ ปํสุปริมาเณ กิเลเส ฌาเปตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ. สา ปน โสตาปนฺนา หุตฺวา สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุนีนํ สนฺติกํ ปหิณิตฺวา ปพฺพาเชสิ. สา ลทฺธูปสมฺปทา ปฏิตาจารตฺตา ปฏาจาราตฺเวว ปฺายิ. สา เอกทิวสํ กุเฏน อุทกํ อาทาย ปาเท โธวนฺตี อุทกํ อาสิฺจิ, ตํ โถกํ คนฺตฺวา ปจฺฉิชฺชิ. ทุติยวาเร อาสิตฺตํ ตโต ทูรตรํ อคมาสิ. ตติยวาเร อาสิตฺตํ ตโตปิ ทูรตรนฺติ. สา ตเทว อารมฺมณํ คเหตฺวา ตโย วเย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘มยา ปมํ อาสิตฺตํ อุทกํ วิย อิเม สตฺตา ปมวเยปิ มรนฺติ, ตโต ทูรตรํ คตํ ทุติยวาเร อาสิตฺตํ อุทกํ วิย มชฺฌิมวเยปิ มรนฺติ, ตโตปิ ทูรตรํ คตํ ตติยวาเร อาสิตฺตํ อุทกํ วิย ปจฺฉิมวเยปิ มรนฺติเยวา’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว โอภาสํ ผริตฺวา ตสฺสา สมฺมุเข ตฺวา กเถนฺโต วิย ‘‘เอวเมตํ ปฏาจาเร, ปฺจนฺนมฺปิ ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ อปสฺสนฺตสฺส วสฺสสตํ ชีวนโต เตสํ อุทยพฺพยํ ปสฺสนฺตสฺส เอกาหมฺปิ เอกกฺขณมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโย’’ติ ¶ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต คาถมาห –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ อุทยพฺพยํ;
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, ปสฺสโต อุทยพฺพย’’นฺติ.
ตตฺถ อปสฺสํ อุทยพฺพยนฺติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ปฺจวีสติยา ลกฺขเณหิ อุทยฺจ วยฺจ อปสฺสนฺโต. ปสฺสโต อุทยพฺพยนฺติ เตสํ อุทยฺจ วยฺจ ปสฺสนฺตสฺส. อิตรสฺส ชีวนโต เอกาหมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโยติ.
เทสนาวสาเน ¶ ปฏาจารา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ปฏาจาราเถรีวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
๑๓. กิสาโคตมีวตฺถุ
โย ¶ จ วสฺสสตํ ชีเวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิสาโคตมึ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรกสฺส เสฏฺิสฺส เคเห จตฺตาลีสโกฏิธนํ องฺคารา เอว หุตฺวา อฏฺาสิ. เสฏฺิ ตํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนโสโก อาหารํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. ตสฺเสโก สหายโก เคหํ คนฺตฺวา, ‘‘สมฺม, กสฺมา โสจสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา, ‘‘สมฺม, มา โสจิ, อหํ เอกํ อุปายํ ¶ ชานามิ, ตํ กโรหี’’ติ. ‘‘กึ กโรมิ, สมฺมา’’ติ? อตฺตโน อาปเณ กิลฺชํ ปสาเรตฺวา ตตฺถ เต องฺคาเร ราสึ กตฺวา วิกฺกิณนฺโต วิย นิสีท, อาคตาคเตสุ มนุสฺเสสุ เย เอวํ วทนฺติ – ‘‘เสสชนา วตฺถเตลมธุผาณิตาทีนิ วิกฺกิณนฺติ, ตฺวํ ปน องฺคาเร วิกฺกิณนฺโต นิสินฺโน’’ติ. เต วเทยฺยาสิ – ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ อวิกฺกิณนฺโต กึ กโรมี’’ติ? โย ปน ตํ เอวํ วทติ ‘‘เสสชนา วตฺถเตลมธุผาณิตาทีนิ วิกฺกิณนฺติ, ตฺวํ ปน หิรฺสุวณฺณํ วิกฺกิณนฺโต นิสินฺโน’’ติ. ตํ วเทยฺยาสิ ‘‘กหํ หิรฺสุวณฺณ’’นฺติ. ‘‘อิท’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘อาหร, ตาว น’’นฺติ หตฺเถหิ ปฏิจฺเฉยฺยาสิ. เอวํ ทินฺนํ ตว หตฺเถ หิรฺสุวณฺณํ ภวิสฺสติ. สา ปน สเจ กุมาริกา โหติ, ตว เคเห ปุตฺตสฺส นํ อาหริตฺวา จตฺตาลีสโกฏิธนํ ตสฺสา นิยฺยาเทตฺวา ตาย ทินฺนํ วลฺเชยฺยาสิ. สเจ กุมารโก โหติ, ตว เคเห วยปฺปตฺตํ ธีตรํ ตสฺส ทตฺวา จตฺตาลีสโกฏิธนํ นิยฺยาเทตฺวา เตน ทินฺนํ วลฺเชยฺยาสีติ. โส ‘‘ภทฺทโก อุปาโย’’ติ อตฺตโน ¶ อาปเณ องฺคาเร ราสึ กตฺวา วิกฺกิณนฺโต วิย นิสีทิ. เย ปน นํ เอวมาหํสุ – ‘‘เสสชนา วตฺถเตลมธุผาณิตาทีนิ วิกฺกิณนฺติ, กึ ปน ตฺวํ องฺคาเร วิกฺกิณนฺโต นิสินฺโน’’ติ? เตสํ ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ อวิกฺกิณนฺโต กึ กโรมี’’ติ ปฏิวจนํ อทาสิ. อเถกา โคตมี นาม กุมาริกา กิสสรีรตาย กิสาโคตมีติ ปฺายมานา ปริชิณฺณกุลสฺส ธีตา อตฺตโน เอเกน กิจฺเจน อาปณทฺวารํ คนฺตฺวา ตํ เสฏฺึ ทิสฺวา เอวมาห – ‘‘กึ, ตาต, เสสชนา วตฺถเตลมธุผาณิตาทีนิ วิกฺกิณนฺติ, ตฺวํ หิรฺสุวณฺณํ วิกฺกิณนฺโต นิสินฺโน’’ติ? ‘‘กหํ, อมฺม, หิรฺสุวณฺณ’’นฺติ ¶ ? ‘‘นนุ ‘ตฺวํ ตเทว คเหตฺวา นิสินฺโนสี’ติ, อาหร, ตาว นํ, อมฺมา’’ติ. สา หตฺถปูรํ คเหตฺวา ตสฺส หตฺเถสุ เปสิ, ตํ หิรฺสุวณฺณเมว อโหสิ.
อถ ¶ นํ เสฏฺิ ‘‘กตรํ เต, อมฺม, เคห’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อสุกํ นามา’’ติ วุตฺเต ตสฺสา อสฺสามิกภาวํ ตฺวา ธนํ ปฏิสาเมตฺวา ตํ อตฺตโน ปุตฺตสฺส อาเนตฺวา จตฺตาลีสโกฏิธนํ ปฏิจฺฉาเปสิ. สพฺพํ หิรฺสุวณฺณเมว อโหสิ. ตสฺสา อปเรน สมเยน คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. โส ปทสา คมนกาเล กาลมกาสิ. สา อทิฏฺปุพฺพมรณตาย ตํ ฌาเปตุํ นีหรนฺเต วาเรตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม เภสชฺชํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ มตกเฬวรํ องฺเกนาทาย ‘‘อปิ นุ เม ปุตฺตสฺส เภสชฺชํ ¶ ชานาถา’’ติ ปุจฺฉนฺตี ฆรปฏิปาฏิยา วิจรติ. อถ นํ มนุสฺสา, ‘‘อมฺม, ตฺวํ อุมฺมตฺติกา ชาตา, มตกปุตฺตสฺส เภสชฺชํ ปุจฺฉนฺตี วิจรสี’’ติ วทนฺติ. สา ‘‘อวสฺสํ มม ปุตฺตสฺส เภสชฺชํ ชานนกํ ลภิสฺสามี’’ติ มฺมานา วิจรติ. อถ นํ เอโก ปณฺฑิตปุริโส ทิสฺวา, ‘‘อยํ มม ธีตา ปมํ ปุตฺตกํ วิชาตา ภวิสฺสติ อทิฏฺปุพฺพมรณา, มยา อิมิสฺสา อวสฺสเยน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อาห – ‘‘อมฺม, อหํ เภสชฺชํ น ชานามิ, เภสชฺชชานนกํ ปน ชานามี’’ติ. ‘‘โก ชานาติ, ตาตา’’ติ? ‘‘สตฺถา, อมฺม, ชานาติ, คจฺฉ, ตํ ปุจฺฉาหี’’ติ. สา ‘‘คมิสฺสามิ, ตาต, ปุจฺฉิสฺสามิ, ตาตา’’ติ วตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห กิร เม ปุตฺตสฺส เภสชฺชํ ชานาถ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘อจฺฉรคฺคหณมตฺเต สิทฺธตฺถเก ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ลภิสฺสามิ, ภนฺเต’’. ‘‘กสฺส ปน เคเห ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ยสฺส เคเห ปุตฺโต วา ธีตา วา น โกจิ มตปุพฺโพ’’ติ. สา ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา มตปุตฺตกํ องฺเกนาทาย อนฺโตคามํ ปวิสิตฺวา ปมเคหสฺส ทฺวาเร ตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺมึ เคเห สิทฺธตฺถโก, ปุตฺตสฺส กิร ¶ เม เภสชฺชํ เอต’’นฺติ วตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ วุตฺเต เตน หิ เทถาติ. เตหิ อาหริตฺวา สิทฺธตฺถเกสุ ทิยฺยมาเนสุ ‘‘อิมสฺมึ เคเห ปุตฺโต วา ธีตา วา มตปุพฺโพ โกจิ นตฺถิ, อมฺมา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กึ วเทสิ, อมฺม? ชีวมานา หิ กติปยา, มตกา เอว พหุกา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ คณฺหถ โว สิทฺธตฺถเก, เนตํ มม ปุตฺตสฺส เภสชฺช’’นฺติ ปฏิอทาสิ.
สา อิมินา นียาเมน อาทิโต ปฏฺาย นํ ปุจฺฉนฺตี วิจริ. สา เอกเคเหปิ สิทฺธตฺถเก อคเหตฺวา สายนฺหสมเย จินฺเตสิ – ‘‘อโห ภาริยํ ¶ กมฺมํ, อหํ ‘มเมว ปุตฺโต มโต’ติ สฺมกาสึ, สกลคาเมปิ ปน ชีวนฺเตหิ มตกาว พหุตรา’’ติ. ตสฺสา เอวํ จินฺตยมานาย ปุตฺตสิเนหํ มุทุกหทยํ ถทฺธภาวํ อคมาสิ. สา ปุตฺตํ อรฺเ ฉฑฺเฑตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ ¶ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ลทฺธา เต เอกจฺฉรมตฺตา สิทฺธตฺถกา’’ติ อาห. ‘‘น ลทฺธา, ภนฺเต, สกลคาเม ชีวนฺเตหิ มตกาว พหุตรา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวํ ‘มเมว ปุตฺโต มโต’ติ สลฺลกฺเขสิ, ธุวธมฺโม เอส สตฺตานํ. มจฺจุราชา หิ สพฺพสตฺเต อปริปุณฺณชฺฌาสเย เอว มโหโฆ วิย ¶ ปริกฑฺฒมาโนเยว อปายสมุทฺเท ปกฺขิปตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ตํ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตํ, พฺยาสตฺตมนสํ นรํ;
สุตฺตํ คามํ มโหโฆว, มจฺจุ อาทาย คจฺฉตี’’ติ. (ธ. ป. ๒๘๗);
คาถาปริโยสาเน กิสาโคตมี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สา ปน สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ, สตฺถา ตํ ภิกฺขุนีนํ สนฺติกํ เปเสตฺวา ปพฺพาเชสิ. สา ลทฺธูปสมฺปทา กิสาโคตมี เถรีติ ปฺายิ. สา เอกทิวสํ อุโปสถาคาเร วารํ ปตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา นิสินฺนา ทีปชาลา อุปฺปชฺชนฺติโย จ ภิชฺชนฺติโย จ ทิสฺวา ‘‘เอวเมว อิเม สตฺตา อุปฺปชฺชนฺติ เจว นิรุชฺฌนฺติ จ, นิพฺพานปฺปตฺตา เอว น ปฺายนฺตี’’ติ อารมฺมณํ อคฺคเหสิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว โอภาสํ ผริตฺวา ตสฺสา สมฺมุเข นิสีทิตฺวา กเถนฺโต วิย ‘‘เอวเมว, โคตมิ, อิเม สตฺตา ทีปชาลา วิย อุปฺปชฺชนฺติ เจว นิรุชฺฌนฺติ จ, นิพฺพานปฺปตฺตา เอว น ปฺายนฺติ, เอวํ นิพฺพานํ อปสฺสนฺตานํ วสฺสสตํ ชีวนโต นิพฺพานํ ปสฺสนฺตสฺส ขณมตฺตมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโย’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ อมตํ ปทํ;
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, ปสฺสโต อมตํ ปท’’นฺติ.
ตตฺถ อมตํ ปทนฺติ มรณวิรหิตโกฏฺาสํ, อมตมหานิพฺพานนฺติ อตฺโถ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.
เทสนาวสาเน ¶ กิสาโคตมี ยถานิสินฺนาว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺเต ปติฏฺหีติ.
กิสาโคตมีวตฺถุ เตรสมํ.
๑๔. พหุปุตฺติกตฺเถรีวตฺถุ
โย ¶ ¶ จ วสฺสสตํ ชีเวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พหุปุตฺติกํ เถรึ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรกสฺมึ กุเล สตฺต ปุตฺตา สตฺต จ ธีตโร อเหสุํ. เต สพฺเพปิ วยปฺปตฺตา เคเห ปติฏฺหิตฺวา อตฺตโน ธมฺมตาย สุขปฺปตฺตา อเหสุํ. เตสํ อปเรน สมเยน ปิตา กาลมกาสิ. มหาอุปาสิกา สามิเก นฏฺเปิ น ตาว กุฏุมฺพํ วิภชติ. อถ นํ ปุตฺตา อาหํสุ – ‘‘อมฺม, อมฺหากํ ปิตริ นฏฺเ ตุยฺหํ โก อตฺโถ กุฏุมฺเพน, กึ มยํ ตํ อุปฏฺาตุํ น สกฺโกมา’’ติ. สา เตสํ กถํ สุตฺวา ตุณฺหี หุตฺวา ปุนปฺปุนํ เตหิ วุจฺจมานา ‘‘ปุตฺตา มํ ปฏิชคฺคิสฺสนฺติ, กึ เม วิสุํ กุฏุมฺเพนา’’ติ สพฺพํ สาปเตยฺยํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อทาสิ. อถ นํ กติปาหจฺจเยน เชฏฺปุตฺตสฺส ภริยา ‘‘อโห อมฺหากํ, อยฺยา, ‘เชฏฺปุตฺโต เม’ติ ทฺเว โกฏฺาเส ทตฺวา วิย อิมเมว เคหํ อาคจฺฉตี’’ติ อาห. เสสปุตฺตานํ ภริยาปิ เอวเมว วทึสุ. เชฏฺธีตรํ อาทึ กตฺวา ตาสํ เคหํ คตกาเลปิ นํ เอวเมว วทึสุ. สา อวมานปฺปตฺตา หุตฺวา ‘‘กึ อิเมสํ สนฺติเก วุฏฺเน, ภิกฺขุนี หุตฺวา ชีวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ คนฺตฺวา ¶ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตา นํ ปพฺพาเชสุํ. สา ลทฺธูปสมฺปทา หุตฺวา พหุปุตฺติกตฺเถรีติ ปฺายิ. สา ‘‘อหํ มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตา, อปฺปมตฺตาย เม ภวิตพฺพ’’นฺติ ภิกฺขุนีนํ วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺตี ‘‘สพฺพรตฺตึ สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ เหฏฺาปาสาเท เอกํ ถมฺภํ หตฺเถน คเหตฺวา ตํ อาวิฺฉมานาว สมณธมฺมํ กโรติ, จงฺกมมานาปิ ‘‘อนฺธการฏฺาเน เม รุกฺเข วา กตฺถจิ วา สีสํ ปฏิหฺเยฺยา’’ติ ตํ รุกฺขํ หตฺเถน คเหตฺวา ตํ อาวิฺฉมานาว สมณธมฺมํ กโรติ, ‘‘สตฺถารา เทสิตธมฺมเมว กริสฺสามี’’ติ ธมฺมํ อาวชฺเชตฺวา ธมฺมํ อนุสฺสรมานาว สมณธมฺมํ กโรติ. อถ ¶ สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว โอภาสํ ผริตฺวา สมฺมุเข นิสินฺโน วิย ตาย สทฺธึ กเถนฺโต ‘‘พหุปุตฺติเก มยา เทสิตํ ธมฺมํ อนาวชฺเชนฺตสฺส อปสฺสนฺตสฺส วสฺสสตํ ชีวนโต มยา เทสิตํ ธมฺมํ ปสฺสนฺตสฺส มุหุตฺตมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโย’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ ธมฺมมุตฺตมํ;
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, ปสฺสโต ธมฺมมุตฺตม’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ¶ ธมฺมมุตฺตมนฺติ นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมํ. โส หิ อุตฺตโม ธมฺโม นาม. โย หิ ตํ น ปสฺสติ, ตสฺส วสฺสสตมฺปิ ชีวนโต ตํ ธมฺมํ ปสฺสนฺตสฺส ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส เอกาหมฺปิ เอกกฺขณมฺปิ ชีวิตํ เสยฺโยติ.
คาถาปริโยสาเน พหุปุตฺติกตฺเถรี สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺเต ปติฏฺหีติ.
พหุปุตฺติกตฺเถรีวตฺถุ จุทฺทสมํ.
สหสฺสวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺโม วคฺโค.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
ธมฺมปท-อฏฺกถา
(ทุติโย ภาโค)
๙. ปาปวคฺโค
๑. จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ
อภิตฺถเรถ ¶ ¶ ¶ กลฺยาเณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
วิปสฺสิทสพลสฺส กาลสฺมิฺหิ มหาเอกสาฏกพฺราหฺมโณ นาม อโหสิ, อยํ ปน เอตรหิ สาวตฺถิยํ จูเฬกสาฏโก นาม. ตสฺส หิ เอโก นิวาสนสาฏโก อโหสิ, พฺราหฺมณิยาปิ เอโก. อุภินฺนมฺปิ เอกเมว ปารุปนํ, พหิ คมนกาเล พฺราหฺมโณ วา พฺราหฺมณี วา ตํ ปารุปติ. อเถกทิวสํ ¶ วิหาเร ธมฺมสฺสวเน โฆสิเต พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘โภติ ธมฺมสฺสวนํ โฆสิตํ, กึ ทิวา ธมฺมสฺสวนํ คมิสฺสสิ, อุทาหุ รตฺตึ. ปารุปนสฺส หิ อภาเวน น สกฺกา อมฺเหหิ เอกโต คนฺตุ’’นฺติ. พฺราหฺมณี, ‘‘สามิ, อหํ ทิวา คมิสฺสามี’’ติ สาฏกํ ปารุปิตฺวา อคมาสิ. พฺราหฺมโณ ทิวสภาคํ เคเห วีตินาเมตฺวา รตฺตึ คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต นิสินฺโนว ธมฺมํ อสฺโสสิ. อถสฺส สรีรํ ผรมานา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส สตฺถารํ ปูชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘สเจ อิมํ สาฏกํ ¶ ทสฺสามิ, เนว พฺราหฺมณิยา, น มยฺหํ ปารุปนํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. อถสฺส มจฺเฉรจิตฺตานํ สหสฺสํ อุปฺปชฺชิ, ปุเนกํ สทฺธาจิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. ตํ ¶ อภิภวิตฺวา ปุน มจฺเฉรสหสฺสํ อุปฺปชฺชิ. อิติสฺส พลวมจฺเฉรํ พนฺธิตฺวา คณฺหนฺตํ วิย สทฺธาจิตฺตํ ปฏิพาหติเยว. ตสฺส ‘‘ทสฺสามิ, น ทสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺตสฺเสว ปมยาโม อปคโต, มชฺฌิมยาโม สมฺปตฺโต. ตสฺมิมฺปิ ทาตุํ นาสกฺขิ. ปจฺฉิมยาเม สมฺปตฺเต โส จินฺเตสิ – ‘‘มม สทฺธาจิตฺเตน มจฺเฉรจิตฺเตน จ สทฺธึ ยุชฺฌนฺตสฺเสว ทฺเว ยามา วีติวตฺตา, อิทํ มม เอตฺตกํ มจฺเฉรจิตฺตํ วฑฺฒมานํ จตูหิ อปาเยหิ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น ทสฺสติ, ทสฺสามิ น’’นฺติ. โส มจฺเฉรสหสฺสํ อภิภวิตฺวา สทฺธาจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา สาฏกํ อาทาย สตฺถุ ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺทมกาสิ.
ราชา ปเสนทิ โกสโล ธมฺมํ สุณนฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘ปุจฺฉถ นํ, กึ กิร เตน ชิต’’นฺติ อาห. โส ราชปุริเสหิ ปุจฺฉิโต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ทุกฺกรํ กตํ พฺราหฺมเณน, สงฺคหมสฺส กริสฺสามี’’ติ เอกํ สาฏกยุคํ ทาเปสิ. โส ตมฺปิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ปุน ราชา ทฺเว จตฺตาริ อฏฺ โสฬสาติ ทฺวิคุณํ กตฺวา ทาเปสิ. โส ตานิปิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. อถสฺส ราชา ทฺวตฺตึส ยุคานิ ทาเปสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘อตฺตโน อคฺคเหตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ วิสฺสชฺเชสิเยวา’’ติ วาทโมจนตฺถํ ตโต เอกํ ยุคํ อตฺตโน, เอกํ พฺราหฺมณิยาติ ทฺเว ยุคานิ คเหตฺวา ตึส ยุคานิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ราชา ปน ตสฺมึ สตฺตกฺขตฺตุมฺปิ ททนฺเต ปุน ทาตุกาโมเยว อโหสิ. ปุพฺเพ มหาเอกสาฏโก จตุสฏฺิยา สาฏกยุเคสุ ทฺเว อคฺคเหสิ, อยํ ปน ทฺวตฺตึสาย ¶ ลทฺธกาเล ทฺเว อคฺคเหสิ. ราชา ปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘ทุกฺกรํ ภเณ พฺราหฺมเณน กตํ, อนฺเตปุเร มม ทฺเว กมฺพลานิ อาหราเปยฺยาถา’’ติ. เต ตถา กรึสุ. ราชา สตสหสฺสคฺฆนเก ทฺเว กมฺพเล ทาเปสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘น อิเม มม สรีเร อุปโยคํ อรหนฺติ, พุทฺธสาสนสฺเสว เอเต อนุจฺฉวิกา’’ติ เอกํ กมฺพลํ อนฺโตคนฺธกุฏิยํ สตฺถุ สยนสฺส อุปริ วิตานํ กตฺวา พนฺธิ, เอกํ อตฺตโน ฆเร นิพทฺธํ ภฺุชนฺตสฺส ภิกฺขุโน ภตฺตกิจฺจฏฺาเน วิตานํ กตฺวา พนฺธิ. ราชา สายนฺหสมเย ¶ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ กมฺพลํ สฺชานิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เกน ปูชา กตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกสาฏเกนา’’ติ วุตฺเต ‘‘พฺราหฺมโณ มม ¶ ปสาทฏฺาเนเยว ปสีทตี’’ติ วตฺวา ‘‘จตฺตาโร หตฺถี จตฺตาโร อสฺเส จตฺตาริ กหาปณสหสฺสานิ จตสฺโส อิตฺถิโย จตสฺโส ทาสิโย จตฺตาโร ปุริเส จตุโร คามวเร’’ติ เอวํ ยาว สพฺพสตา จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา สพฺพจตุกฺกํ นาม อสฺส ทาเปสิ.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ จูเฬกสาฏกสฺส กมฺมํ, ตํมุหุตฺตเมว สพฺพจตุกฺกํ ลภิ, อิทานิ กเตน กลฺยาณกมฺเมน อชฺชเมว วิปาโก ทินฺโน’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, สจายํ เอกสาฏโก ปมยาเม มยฺหํ ทาตุํ อสกฺขิสฺส, สพฺพโสฬสกํ อลภิสฺส. สเจ มชฺฌิมยาเม อสกฺขิสฺส, สพฺพฏฺกํ อลภิสฺส ¶ . พลวปจฺฉิมยาเม ทินฺนตฺตา ปเนส สพฺพจตุกฺกํ ลภิ. กลฺยาณกมฺมํ กโรนฺเตน หิ อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ อหาเปตฺวา ตงฺขณฺเว กาตพฺพํ. ทนฺธํ กตํ กุสลฺหิ สมฺปตฺตึ ททมานํ ทนฺธเมว ททาติ, ตสฺมา จิตฺตุปฺปาทสมนนฺตรเมว กลฺยาณกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ, ปาปา จิตฺตํ นิวารเย;
ทนฺธฺหิ กโรโต ปฺุํ, ปาปสฺมึ รมตี มโน’’ติ.
ตตฺถ อภิตฺถเรถาติ ตุริตตุริตํ สีฆสีฆํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. คิหินา วา หิ ‘‘สลากภตฺตทานาทีสุ กิฺจิเทว กุสลํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ยถา อฺเ โอกาสํ น ลภนฺติ, เอวํ ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํ. ปพฺพชิเตน วา อุปชฺฌายวตฺตาทีนิ กโรนฺเตน อฺสฺส โอกาสํ อทตฺวา ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํ. ปาปา จิตฺตนฺติ กายทุจฺจริตาทิปาปกมฺมโต วา อกุสลจิตฺตุปฺปาทโต วา สพฺพถาเมน จิตฺตํ นิวารเย. ทนฺธฺหิ กโรโตติ โย ปน ‘‘ทสฺสามิ, น ทสฺสามิ สมฺปชฺชิสฺสติ นุ โข เม, โน’’ติ เอวํ จิกฺขลฺลมคฺเคน คจฺฉนฺโต วิย ทนฺธํ ปฺุํ กโรติ, ตสฺส เอกสาฏกสฺส วิย ¶ มจฺเฉรสหสฺสํ ปาปํ โอกาสํ ลภติ. อถสฺส ปาปสฺมึ รมตี มโน, กุสลกมฺมกรณกาเลเยว หิ จิตฺตํ กุสเล รมติ, ตโต มุจฺจิตฺวา ปาปนินฺนเมว โหตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ ปมํ.
๒. เสยฺยสกตฺเถรวตฺถุ
ปาปฺจ ¶ ปุริโสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เสยฺยสกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ ลาฬุทายิตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก, อตฺตโน อนภิรตึ ตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ปมสงฺฆาทิเสสกมฺเม สมาทปิโต อุปฺปนฺนุปฺปนฺนาย อนภิรติยา ตํ กมฺมมกาสิ (ปารา. ๒๓๔). สตฺถา ตสฺส กิริยํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอวํ กิร ตฺวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ภาริยํ กมฺมํ อกาสิ, อนนุจฺฉวิกํ โมฆปุริสา’’ติ นานปฺปการโต ครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา ‘‘เอวรูปฺหิ กมฺมํ ทิฏฺธมฺเมปิ สมฺปราเยปิ ทุกฺขสํวตฺตนิกเมว โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปาปฺเจ ปุริโส กยิรา, น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ;
น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ, ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจ ปุริโส สกึ ปาปกมฺมํ กเรยฺย, ตงฺขเณเยว ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อิทํ อปฺปติรูปํ โอฬาริก’’นฺติ น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ. โยปิ ตมฺหิ ฉนฺโท ¶ วา รุจิ วา อุปฺปชฺเชยฺย, ตมฺปิ วิโนเทตฺวา น กยิราเถว. กึ การณา? ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย. ปาปสฺส หิ อุจฺจโย วุฑฺฒิ อิธโลเกปิ สมฺปราเยปิ ทุกฺขเมว อาวหตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เสยฺยสกตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ลาชเทวธีตาวตฺถุ
ปฺฺุเจติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาชเทวธีตรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ราชคเห สมุฏฺิตํ.
อายสฺมา ¶ หิ มหากสฺสโป ปิปฺปลิคุหายํ วิหรนฺโต ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส วุฏฺาย ทิพฺเพน จกฺขุนา ภิกฺขาจารฏฺานํ โอโลเกนฺโต เอกํ สาลิเขตฺตปาลิกํ อิตฺถึ สาลิสีสานิ คเหตฺวา ลาเช กุรุมานํ ทิสฺวา ‘‘สทฺธา นุ โข, อสฺสทฺธา’’ติ วีมํสิตฺวา ‘‘สทฺธา’’ติ ตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ นุ โข เม สงฺคหํ กาตุํ, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘วิสารทา กุลธีตา มม สงฺคหํ กริสฺสติ, กตฺวา จ ปน มหาสมฺปตฺตึ ลภิสฺสตี’’ติ ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย สาลิเขตฺตสมีเปเยว อฏฺาสิ. กุลธีตา เถรํ ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺตา ปฺจวณฺณาย ปีติยา ผุฏฺสรีรา ‘‘ติฏฺถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ลาเช อาทาย เวเคน คนฺตฺวา เถรสฺส ปตฺเต อากิริตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส ภาคินี อสฺส’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนมกาสิ. สาปิ เถรํ วนฺทิตฺวา อตฺตนา ทินฺนทานํ อาวชฺชมานา นิวตฺติ. ตาย จ ปน เกทารมริยาทาย ¶ คมนมคฺเค เอกสฺมึ พิเล โฆรวิโส สปฺโป นิปชฺชิ. โส เถรสฺส กาสายปฏิจฺฉนฺนํ ชงฺฆํ ฑํสิตุํ นาสกฺขิ. อิตรา ทานํ อาวชฺชมานา นิวตฺตนฺตี ตํ ปเทสํ ปาปุณิ. สปฺโป พิลา นิกฺขมิตฺวา ตํ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว ปาเตสิ. สา ปสนฺนจิตฺเตน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน สุตฺตปฺปพุทฺธา วิย สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตน ติคาวุเตน อตฺตภาเวน นิพฺพตฺติ. สา ทฺวาทสโยชนิกํ เอกํ ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อจฺฉราสหสฺสปริวุตา ปุพฺพกมฺมปกาสนตฺถาย สุวณฺณลาชภริเตน โอลมฺพเกน สุวณฺณสรเกน ปฏิมณฺฑิเต วิมานทฺวาเร ิตา อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘กึ นุ โข เม กตฺวา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ ทิพฺเพน จกฺขุนา อุปธาเรนฺตี ‘‘อยฺยสฺส เม มหากสฺสปตฺเถรสฺส ทินฺนลาชนิสฺสนฺเทน สา ลทฺธา’’ติ อฺาสิ.
สา เอวํ ปริตฺตเกน กมฺเมน เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลภิตฺวา ‘‘น ทานิ มยา ปมชฺชิตุํ วฏฺฏติ, อยฺยสฺส วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ถาวรํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปาโตว กนกมยํ สมฺมชฺชนิฺเจว กจวรฉฑฺฑนกฺจ ปจฺฉึ ¶ อาทาย คนฺตฺวา เถรสฺส ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปสิ. เถโร ตํ ทิสฺวา ‘‘เกนจิ ทหเรน วา สามเณเรน วา วตฺตํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขสิ. สา ทุติยทิวเสปิ ตเถว อกาสิ, เถโรปิ ตเถว สลฺลกฺเขสิ. ตติยทิวเส ปน เถโร ตสฺสา สมฺมชฺชนิสทฺทํ ¶ สุตฺวา ตาลจฺฉิทฺทาทีหิ จ ปวิฏฺํ สรีโรภาสํ ทิสฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘โก เอส สมฺมชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ อุปฏฺายิกา ลาชเทวธีตา’’ติ. ‘‘นนุ มยฺหํ เอวํนามิกา อุปฏฺายิกา นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, สาลิเขตฺตํ รกฺขมานา ลาเช ทตฺวา ปสนฺนจิตฺตา นิวตฺตนฺตี สปฺเปน ทฏฺา กาลํ กตฺวา ตาวตึสเทวโลเก อุปฺปนฺนา, มยา อยฺยํ นิสฺสาย อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา, อิทานิปิ ตุมฺหากํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ‘สมฺปตฺตึ ถาวรํ กริสฺสามี’ติ อาคตามฺหิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘หิยฺโยปิ ปเรปิ ตยาเวตํ ¶ านํ สมฺมชฺชิตํ, ตยาว ปานียโภชนียํ อุปฏฺาปิต’’นฺติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อเปหิ เทวธีเต, ตยา กตํ วตฺตํ กตํว โหตุ, อิโต ปฏฺาย อิมํ านํ มา อาคมี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา มํ นาเสถ, ตุมฺหากํ วตฺตํ กตฺวา สมฺปตฺตึ เม ถิรํ กาตุํ เทถา’’ติ. ‘‘อเปหิ เทวธีเต, มา มํ อนาคเต จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา นิสินฺเนหิ ธมฺมกถิเกหิ ‘มหากสฺสปตฺเถรสฺส กิร เอกา เทวธีตา อาคนฺตฺวา วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปสี’ติ วตฺตพฺพตํ กริ, อิโต ปฏฺาย อิธ มา อาคมิ, ปฏิกฺกมา’’ติ. สา ‘‘มา มํ, ภนฺเต, นาเสถา’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจิเยว. เถโร ‘‘นายํ มม วจนํ สุณาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตุวํ ปมาณํ น ชานาสี’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. สา ตตฺถ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี อากาเส อุปฺปติตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห, ‘‘ภนฺเต, มยา ลทฺธสมฺปตฺตึ มา นาเสถ, ถาวรํ กาตุํ เทถา’’ติ โรทนฺตี อากาเส อฏฺาสิ.
สตฺถา เชตวเน คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ¶ ตสฺสา โรทิตสทฺทํ สุตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา เทวธีตาย สมฺมุเข นิสีทิตฺวา กเถนฺโต วิย ‘‘เทวธีเต มม ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส สํวรกรณเมว ภาโร, ปฺุตฺถิกานํ ปน ‘อยํ โน อตฺโถ’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปฺุกรณเมว ภาโร. ปฺุกรณฺหิ อิธ เจว สมฺปราเย จ สุขเมวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปฺฺุเจ ¶ ปุริโส กยิรา, กยิรา นํ ปุนปฺปุนํ;
ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ, สุโข ปฺุสฺส อุจฺจโย’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจ ปุริโส ปฺุํ กเรยฺย, ‘‘เอกวารํ เม ปฺุํ กตํ, อลํ เอตฺตาวตา’’ติ อโนรมิตฺวา ปุนปฺปุนํ กโรเถว. ตสฺส อกรณกฺขเณปิ ตมฺหิ ปฺุเ ฉนฺทํ รุจึ อุสฺสาหํ กโรเถว. กึ การณา? สุโข ปฺุสฺส อุจฺจโย. ปฺุสฺส หิ อุจฺจโย วุฑฺฒิ อิธโลกปรโลกสุขาวหนโต สุโขติ.
เทสนาวสาเน เทวธีตา ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก ิตาว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณีติ.
ลาชเทวธีตาวตฺถุ ตติยํ.
๔. อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ
ปาโปปิ ¶ ปสฺสตี ภทฺรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ.
อนาถปิณฺฑิโก ¶ หิ วิหารเมว อุทฺทิสฺส จตุปณฺณาสโกฏิธนํ พุทฺธสาสเน วิกิริตฺวา สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต เทวสิกํ ตีณิ มหาอุปฏฺานานิ คจฺฉติ, คจฺฉนฺโต จ ‘‘กึ นุ โข อาทาย อาคโตติ สามเณรา วา ทหรา วา หตฺถมฺปิ เม โอโลเกยฺยุ’’นฺติ ตุจฺฉหตฺโถ นาม น คตปุพฺโพ. ปาโตว คจฺฉนฺโต ยาคุํ คาหาเปตฺวาว คจฺฉติ, กตปาตราโส สปฺปินวนีตาทีนิ เภสชฺชานิ. สายนฺหสมเย มาลาคนฺธวิเลปนวตฺถาทีนิ คาหาเปตฺวา คจฺฉติ. เอวํ นิจฺจกาลเมว ทิวเส ทิวเส ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขติ. อปรภาเค ธนํ ปริกฺขยํ คจฺฉติ. โวหารูปชีวิโนปิสฺส หตฺถโต อฏฺารสโกฏิธนํ อิณํ คณฺหึสุ, กุลสนฺตกาปิสฺส อฏฺารสหิรฺโกฏิโย, นทีตีเร นิทหิตฺวา ปิตา อุทเกน กูเล ภินฺเน มหาสมุทฺทํ ปวิสึสุ. เอวมสฺส อนุปุพฺเพน ธนํ ปริกฺขยํ อคมาสิ. โส เอวํภูโตปิ สงฺฆสฺส ทานํ เทติเยว, ปณีตํ ปน กตฺวา ทาตุํ น สกฺโกติ.
โส เอกทิวสํ สตฺถารา ‘‘ทียติ ปน เต, คหปติ, กุเล ทาน’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ทียติ, ภนฺเต, ตฺจ โข กณาชกํ พิลงฺคทุติย’’นฺติ อาห. อถ นํ ¶ สตฺถา, ‘‘คหปติ, ‘ลูขํ ทานํ เทมี’ติ มา จินฺตยิ. จิตฺตสฺมิฺหิ ปณีเต พุทฺธาทีนํ ทินฺนทานํ ลูขํ นาม นตฺถิ, อปิจ ตฺวํ อฏฺนฺนํ อริยปุคฺคลานํ ทานํ เทสิ, อหํ ปน เวลามกาเล สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาทานํ ¶ ปวตฺตยมาโนปิ ติสรณคตมฺปิ กฺจิ นาลตฺถํ, ทกฺขิเณยฺยา นาม เอวํ ทุลฺลภา. ตสฺมา ‘ลูขํ เม ทาน’นฺติ มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา เวลามสุตฺตมสฺส (อ. นิ. ๙.๒๐) กเถสิ. อถสฺส ทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา เทวตา สตฺถริ เจว สตฺถุสาวเกสุ จ เคหํ ปวิสนฺเตสุ เตสํ เตเชน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี, ‘‘ยถา อิเม อิมํ เคหํ น ปวิสนฺติ, ตถา คหปตึ ปริภินฺทิสฺสามี’’ติ ตํ วตฺตุกามาปิ อิสฺสรกาเล กิฺจิ วตฺตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ ‘‘ปนายํ ทุคฺคโต คณฺหิสฺสติ เม วจน’’นฺติ รตฺติภาเค เสฏฺิสฺส สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. อถ เสฏฺิ นํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. อหํ เต มหาเสฏฺิ จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา เทวตา, ตุยฺหํ โอวาททานตฺถาย อาคตาติ. เตน หิ โอวเทหีติ. มหาเสฏฺิ ตยา ปจฺฉิมกาลํ อโนโลเกตฺวาว สมณสฺส โคตมสฺส สาสเน พหุํ ธนํ วิปฺปกิณฺณํ, อิทานิ ทุคฺคโต หุตฺวาปิ ตํ น มฺุจสิเยว, เอวํ วตฺตมาโน กติปาเหเนว ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ น ลภิสฺสสิ ¶ , กึ เต สมเณน โคตเมน, อติปริจฺจาคโต โอรมิตฺวา กมฺมนฺเต ปโยเชนฺโต กุฏุมฺพํ สณฺาเปหีติ. อยํ เม ตยา ทินฺนโอวาโทติ. อาม, เสฏฺีติ. คจฺฉ, นาหํ ตาทิสีนํ สเตนปิ สหสฺเสนปิ สตสหสฺเสนปิ ¶ สกฺกา กมฺเปตุํ, อยุตฺตํ เต วุตฺตํ, กํ ตยา มม เคเห วสมานาย, สีฆํ สีฆํ เม ฆรา นิกฺขมาหีติ. สา โสตาปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส วจนํ สุตฺวา าตุํ อสกฺโกนฺตี ทารเก อาทาย นิกฺขมิ, นิกฺขมิตฺวา จ ปน อฺตฺถ วสนฏฺานํ อลภมานา ‘‘เสฏฺึ ขมาเปตฺวา ตตฺเถว วสิสฺสามี’’ติ นครปริคฺคาหกํ เทวปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตนา กตาปราธํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอหิ, มํ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ขมาเปตฺวา วสนฏฺานํ ทาเปหี’’ติ อาห. โส ‘‘อยุตฺตํ ตยา วุตฺตํ, นาหํ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ อุสฺสหามี’’ติ ตํ ปฏิกฺขิปิ. สา จตุนฺนํ มหาราชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตหิปิ ปฏิกฺขิตฺตา สกฺกํ เทวราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘อหํ, เทว, วสนฏฺานํ อลภมานา ทารเก ¶ หตฺเถน คเหตฺวา อนาถา วิจรามิ, วสนฏฺานํ เม ทาเปหี’’ติ สุฏฺุตรํ ยาจิ.
อถ นํ โส ‘‘อหมฺปิ ตว การณา เสฏฺึ วตฺตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เอกํ ปน เต อุปายํ กเถสฺสามี’’ติ อาห. สาธุ, เทว, กเถหีติ. คจฺฉ, เสฏฺิโน อายุตฺตกเวสํ คเหตฺวา เสฏฺิสฺส หตฺถโต ปณฺณํ อาโรเปตฺวา โวหารูปชีวีหิ คหิตํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺตโน อานุภาเวน โสเธตฺวา ตุจฺฉคพฺเภ ปูเรตฺวา มหาสมุทฺทํ ¶ ปวิฏฺํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺถิ, อฺมฺปิ อสุกฏฺาเน นาม อสฺสามิกํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺถิ, ตํ สพฺพํ สํหริตฺวา ตสฺส ตุจฺฉคพฺเภ ปูเรตฺวา ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา ขมาเปหีติ. สา ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วุตฺตนเยเนว ตํ สพฺพํ กตฺวา ปุน ตสฺส สิริคพฺภํ โอภาสยมานา อากาเส ตฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺเต อหํ เต จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา อนฺธพาลเทวตา, มยา อนฺธพาลตาย ยํ ตุมฺหากํ สนฺติเก กถิตํ, ตํ เม ขมถ. สกฺกสฺส หิ เม วจเนน จตุปณฺณาสโกฏิธนํ สํหริตฺวา ตุจฺฉคพฺภปูรณํ ทณฺฑกมฺมํ กตํ, วสนฏฺานํ อลภมานา กิลมามีติ. อนาถปิณฺฑิโก จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เทวตา ‘ทณฺฑกมฺมฺจ เม กต’นฺติ วทติ, อตฺตโน จ โทสํ ปฏิชานาติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส นํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. โส ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ตาย กตกมฺมํ สพฺพํ อาโรเจสิ. เทวตา สตฺถุ ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ มยา อนฺธพาลตาย ตุมฺหากํ คุเณ อชานิตฺวา ปาปกํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ เม ขมถา’’ติ สตฺถารํ ขมาเปตฺวา มหาเสฏฺึ ขมาเปสิ. สตฺถา กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากวเสน เสฏฺิฺเจว เทวตฺจ โอวทนฺโต ‘‘อิธ, คหปติ, ปาปปุคฺคโลปิ ยาว ปาปํ น ปจฺจติ, ตาว ภทฺรมฺปิ ปสฺสติ. ยทา ปนสฺส ปาปํ ปจฺจติ, ตทา ปาปเมว ปสฺสติ. ภทฺรปุคฺคโลปิ ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ, ตาว ปาปานิ ปสฺสติ. ยทา ปนสฺส ¶ ภทฺรํ ปจฺจติ, ตทา ภทฺรเมว ¶ ปสฺสตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;
ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ, อถ ปาโป ปาปานิ ปสฺสติ.
‘‘ภทฺโรปิ ปสฺสตี ปาปํ, ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ;
ยทา จ ปจฺจตี ภทฺรํ, อถ ภทฺโร ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปาโปติ กายทุจฺจริตาทินา ปาปกมฺเมน ยุตฺตปุคฺคโล. โสปิ หิ ปุริมสุจริตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ สุขํ อนุภวมาโน ภทฺรมฺปิ ปสฺสติ. ยาว ปาปํ น ปจฺจตีติ ยาวสฺส ตํ ปาปกมฺมํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ น เทติ. ยทา ปนสฺส ตํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ เทติ, อถ ทิฏฺธมฺเม วิวิธา กมฺมการณา, สมฺปราเย จ อปายทุกฺขํ อนุโภนฺโต โส ปาโป ปาปานิเยว ปสฺสติ. ทุติยคาถายปิ กายสุจริตาทินา ภทฺรกมฺเมน ยุตฺโต ภทฺโร. โสปิ หิ ปุริมทุจฺจริตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ ทุกฺขํ อนุภวมาโน ปาปํ ปสฺสติ. ยาว ภทฺรํ น ปจฺจตีติ ยาวสฺส ตํ ภทฺรํ กมฺมํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ น เทติ. ยทา ปน ตํ วิปากํ เทติ, อถ ทิฏฺธมฺเม ลาภสกฺการาทิสุขํ, สมฺปราเย จ ทิพฺพสมฺปตฺติสุขํ อนุภวมาโน โส ภทฺโร ภทฺรานิเยว ปสฺสตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ สา เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อสฺตปริกฺขารภิกฺขุวตฺถุ
มาวมฺเถ ปาปสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อสฺตปริกฺขารํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ยํ กิฺจิ มฺจปีาทิเภทํ ปริกฺขารํ พหิ ปริภฺุชิตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑติ. ปริกฺขาโร ¶ วสฺเสนปิ อาตเปนปิ อุปจิกาทีหิปิ วินสฺสติ. โส ภิกฺขูหิ ‘‘นนุ, อาวุโส, ปริกฺขาโร นาม ปฏิสามิตพฺโพ’’ติ วุตฺเต ‘‘อปฺปกํ มยา กตํ, อาวุโส, เอตํ, น เอตสฺส จิตฺตํ อตฺถิ, น ปิตฺต’’นฺติ วตฺวา ตเถว กโรติ. ภิกฺขู ตสฺส กิริยํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส สตฺถารา ปุจฺฉิโตปิ ‘‘กึ เอตํ ภควา อปฺปกํ มยา กตํ, น ตสฺส จิตฺตํ อตฺถิ, นาสฺส ปิตฺต’’นฺติ ตเถว อวมฺนฺโต อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขูหิ เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ปาปกมฺมํ นาม ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ. อชฺโฌกาเส ปิตฺหิ วิวฏมุขํ ภาชนํ เทเว วสฺสนฺเต ¶ กิฺจาปิ เอกพินฺทุนา น ปูรติ, ปุนปฺปุนํ ¶ วสฺสนฺเต ปน ปูรเตว, เอวเมวํ ปาปํ กโรนฺโต ปุคฺคโล อนุปุพฺเพน มหนฺตํ ปาปราสึ กโรตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มาวมฺเถ ปาปสฺส, น มนฺทํ อาคมิสฺสติ;
อุทพินฺทุนิปาเตน, อุทกุมฺโภปิ ปูรติ;
พาโล ปูรติ ปาปสฺส, โถกํ โถกมฺปิ อาจิน’’นฺติ.
ตตฺถ มาวมฺเถาติ น อวชาเนยฺย. ปาปสฺสาติ ปาปํ. น มนฺทํ อาคมิสฺสตีติ ‘‘อปฺปมตฺตกํ เม ปาปกํ กตํ, กทา เอตํ วิปจฺจิสฺสตี’’ติ เอวํ ปาปํ นาวชาเนยฺยาติ อตฺโถ. อุทกุมฺโภปีติ เทเว วสฺสนฺเต มุขํ วิวริตฺวา ปิตํ ยํ กิฺจิ กุลาลภาชนํ ยถา ตํ เอเกกสฺสาปิ อุทกพินฺทุโน นิปาเตน อนุปุพฺเพน ปูรติ, เอวํ พาลปุคฺคโล โถกํ โถกมฺปิ ปาปํ อาจินนฺโต กโรนฺโต วฑฺเฒนฺโต ปาปสฺส ปูรติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. สตฺถาปิ ‘‘อชฺโฌกาเส เสยฺยํ สนฺถริตฺวา ปฏิปากติกํ อกโรนฺโต อิมํ นาม อาปตฺติมาปชฺชตี’’ติ (ปาจิ. ๑๐๘-๑๑๐) สิกฺขาปทํ ปฺาเปสีติ.
อสฺตปริกฺขารภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. พิฬาลปาทกเสฏฺิวตฺถุ
มาวมฺเถ ¶ ¶ ปฺุสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พิฬาลปาทกเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สาวตฺถิวาสิโน วคฺคพนฺธเนน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทนฺติ. อเถกทิวสํ สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต เอวมาห –
‘‘อุปาสกา อิเธกจฺโจ อตฺตนาว ทานํ เทติ, ปรํ น สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทํ ลภติ, โน ปริวารสมฺปทํ. เอกจฺโจ อตฺตนา ทานํ น เทติ, ปรํ สมาทเปติ. โส ¶ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปริวารสมฺปทํ ลภติ, โน โภคสมฺปทํ. เอกจฺโจ อตฺตนา จ น เทติ, ปรฺจ น สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เนว โภคสมฺปทํ ลภติ, น ปริวารสมฺปทํ, วิฆาสาโท หุตฺวา วิจรติ. เอกจฺโจ อตฺตนา จ เทติ, ปรฺจ สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทฺเจว ลภติ, ปริวารสมฺปทฺจา’’ติ.
อเถโก ปณฺฑิตปุริโส ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘อโห อจฺฉริยมิทํ การณํ, อหํ ทานิ อุภยสมฺปตฺติสํวตฺตนิกํ กมฺมํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุฏฺาย คมนกาเล อาห – ‘‘ภนฺเต, สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. กิตฺตเกหิ ปน เต ภิกฺขูหิ อตฺโถติ? สพฺพภิกฺขูหิ, ภนฺเตติ. สตฺถา อธิวาเสสิ ¶ . โสปิ คามํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, มยา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ นิมนฺติโต, โย ยตฺตกานํ ภิกฺขูนํ สกฺโกติ, โส ตตฺตกานํ ยาคุอาทีนํ อตฺถาย ตณฺฑุลาทีนิ เทตุ, เอกสฺมึ าเน ปจาเปตฺวา ทานํ ทสฺสามา’’ติ อุคฺโฆเสนฺโต วิจริ.
อถ นํ เอโก เสฏฺิ อตฺตโน อาปณทฺวารํ สมฺปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อตฺตโน ปโหนเก ภิกฺขู อนิมนฺเตตฺวา ปน สกลคามํ สมาทเปนฺโต วิจรตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตยา คหิตภาชนํ อาหรา’’ติ ตีหิ องฺคุลีหิ คเหตฺวา โถเก ตณฺฑุเล อทาสิ, ตถา มุคฺเค, ตถา มาเสติ. โส ตโต ปฏฺาย พิฬาลปาทกเสฏฺิ นาม ชาโต, สปฺปิผาณิตาทีนิ เทนฺโตปิ กรณฺฑํ กุเฏ ปกฺขิปิตฺวา เอกโต โกณํ กตฺวา พินฺทุํ พินฺทุํ ปคฺฆรายนฺโต โถกโถกเมว อทาสิ. อุปาสโก อวเสเสหิ ทินฺนํ เอกโต กตฺวา อิมินา ทินฺนํ วิสุํเยว อคฺคเหสิ. โส เสฏฺิ ตสฺส กิริยํ ¶ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอส มยา ทินฺนํ วิสุํ คณฺหาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต เอกํ จูฬุปฏฺากํ ปหิณิ ‘‘คจฺฉ, ยํ เอส กโรติ, ตํ ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ‘‘เสฏฺิสฺส มหปฺผลํ โหตู’’ติ ยาคุภตฺตปูวานํ อตฺถาย เอกํ ทฺเว ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา มุคฺคมาเสปิ เตลผาณิตาทิพินฺทูนิปิ สพฺพภาชเนสุ ปกฺขิปิ. จูฬุปฏฺาโก คนฺตฺวา เสฏฺิสฺส อาโรเจสิ ¶ . ตํ สุตฺวา เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เม โส ปริสมชฺเฌ อวณฺณํ ภาสิสฺสติ, มม นาเม คหิตมตฺเตเยว นํ ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ นิวาสนนฺตเร ฉุริกํ พนฺธิตฺวา ปุนทิวเส คนฺตฺวา ภตฺตคฺเค อฏฺาสิ. โส ปุริโส พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา ¶ ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา มหาชนํ สมาทเปตฺวา อิมํ ทานํ ทินฺนํ, ตตฺถ สมาทปิตมนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน พเลน พหูนิปิ โถกานิปิ ตณฺฑุลาทีนิ อทํสุ, เตสํ สพฺเพสํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ. ตํ สุตฺวา โส เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ‘อสุเกน นาม อจฺฉราย คณฺหิตฺวา ตณฺฑุลาทีนิ ทินฺนานีติ มม นาเม คหิตมตฺเต อิมํ มาเรสฺสามี’ติ อาคโต, อยํ ปน สพฺพสงฺคาหิกํ กตฺวา ‘เยหิปิ นาฬิอาทีหิ มินิตฺวา ทินฺนํ, เยหิปิ อจฺฉราย คเหตฺวา ทินฺนํ, สพฺเพสํ มหปฺผลํ โหตู’ติ วทติ. สจาหํ เอวรูปํ น ขมาเปสฺสามิ, เทวทณฺโฑ มม มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ. โส ตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, สามี’’ติ อาห. ‘‘กึ อิท’’นฺติ จ เตน วุตฺเต สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตํ กิริยํ ทิสฺวา สตฺถา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ทานเวยฺยาวฏิกํ ปุจฺฉิ. โส อตีตทิวสโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอวํ กิร เสฏฺี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อุปาสก, ปฺุํ นาม ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ, มาทิสสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ¶ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ. ปณฺฑิตมนุสฺสา หิ ปฺุํ กโรนฺตา วิวฏภาชนํ วิย อุทเกน อนุกฺกเมน ปฺุเน ปูรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มาวมฺเถ ปฺุสฺส, น มนฺทํ อาคมิสฺสติ;
อุทพินฺทุนิปาเตน, อุทกุมฺโภปิ ปูรติ;
ธีโร ปูรติ ปฺุสฺส, โถกํ โถกมฺปิ อาจิน’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ปณฺฑิตมนุสฺโส ปฺุํ กตฺวา ‘‘อปฺปกมตฺตํ มยา กตํ, น มนฺทํ วิปากวเสน อาคมิสฺสติ, เอวํ ปริตฺตกํ กมฺมํ กหํ มํ ทกฺขิสฺสติ, อหํ วา ตํ กหํ ทกฺขิสฺสามิ, กทา เอตํ วิปจฺจิสฺสตี’’ติ เอวํ ปฺุํ มาวมฺเถ น อวชาเนยฺย. ยถา หิ นิรนฺตรํ อุทพินฺทุนิปาเตน วิวริตฺวา ปิตํ กุลาลภาชนํ ปูรติ, เอวํ ธีโร ปณฺฑิตปุริโส โถกํ โถกมฺปิ ปฺุํ อาจินนฺโต ปฺุสฺส ปูรตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ โส เสฏฺิ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
พิฬาลปาทกเสฏฺิวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. มหาธนวาณิชวตฺถุ
วาณิโชวาติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาธนวาณิชํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส กิร วาณิชสฺส เคเห ปฺจสตา โจรา โอตารํ คเวสมานา โอตารํ น ลภึสุ. อปเรน สมเยน วาณิโช ปฺจ สกฏสตานิ ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ – ‘‘อหํ อสุกฏฺานํ นาม วาณิชฺชตฺถาย คจฺฉามิ, เย, อยฺยา, ตํ านํ คนฺตุกามา, เต นิกฺขมนฺตุ, มคฺเค ภิกฺขาย น กิลมิสฺสนฺตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ปฺจสตา ภิกฺขู เตน สทฺธึ มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. เตปิ โจรา ‘‘โส กิร วาณิโช นิกฺขนฺโต’’ติ คนฺตฺวา อฏวิยํ อฏฺํสุ. วาณิโชปิ คนฺตฺวา อฏวิมุเข เอกสฺมึ คาเม วาสํ กตฺวา ทฺเว ตโยปิ ทิวเส โคณสกฏาทีนิ สํวิทหิ, เตสํ ปน ภิกฺขูนํ นิพทฺธํ ภิกฺขํ เทติเยว. โจรา ตสฺมึ อติจิรายนฺเต ‘‘คจฺฉ, ตสฺส นิกฺขมนทิวสํ ตฺวา เอหี’’ติ เอกํ ปุริสํ ปหิณึสุ. โส ตํ คามํ คนฺตฺวา เอกํ สหายกํ ปุจฺฉิ – ‘‘กทา วาณิโช นิกฺขมิสฺสตี’’ติ. โส ‘‘ทฺวีหตีหจฺจเยนา’’ติ วตฺวา ‘‘กิมตฺถํ ปน ปุจฺฉสี’’ติ อาห. อถสฺส โส ‘‘มยํ ปฺจสตา โจรา เอตสฺสตฺถาย อฏวิยํ ิตา’’ติ อาจิกฺขิ. อิตโร ‘‘เตน หิ คจฺฉ, สีฆํ นิกฺขมิสฺสตี’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา, ‘‘กึ ¶ นุ โข โจเร วาเรมิ, อุทาหุ วาณิช’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘กึ เม โจเรหิ, วาณิชํ นิสฺสาย ปฺจสตา ภิกฺขู ชีวนฺติ, วาณิชสฺส สฺํ ทสฺสามี’’ติ โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กทา คมิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตติยทิวเส’’ติ วุตฺเต มยฺหํ วจนํ กโรถ, อฏวิยํ กิร ตุมฺหากํ อตฺถาย ปฺจสตา โจรา ิตา, มา ตาว คมิตฺถาติ. ตฺวํ กถํ ชานาสีติ? เตสํ อนฺตเร มม สหาโย อตฺถิ, ตสฺส เม กถาย าตนฺติ. ‘‘เตน หิ ‘กึ เม เอตฺโต คเตนา’ติ นิวตฺติตฺวา เคหเมว คมิสฺสามี’’ติ อาห. ตสฺมึ จิรายนฺเต ปุน เตหิ โจเรหิ เปสิโต ปุริโส อาคนฺตฺวา ตํ สหายกํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘นิวตฺติตฺวา เคหเมว กิร คมิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา โจรานํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา โจรา ตโต นิกฺขมิตฺวา อิตรสฺมึ มคฺเค อฏฺํสุ, ตสฺมึ จิรยนฺเต ปุนปิ เต โจรา ตสฺส สนฺติกํ ปุริสํ เปเสสุํ. โส เตสํ ตตฺถ ิตภาวํ ตฺวา ปุน วาณิชสฺส อาโรเจสิ. วาณิโช ¶ ‘‘อิธาปิ เม เวกลฺลํ นตฺถิ, เอวํ สนฺเต ¶ เนว เอตฺโต คมิสฺสามิ, น อิโต, อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ ¶ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, โจรา กิร มํ วิลุมฺปิตุกามา มคฺเค ิตา, ‘ปุน นิวตฺติสฺสตี’ติ สุตฺวา อิตรสฺมึ มคฺเค ิตา, อหํ เอตฺโต วา อิโต วา อคนฺตฺวา โถกํ อิเธว ภวิสฺสามิ, ภทนฺตา อิเธว วสิตุกามา วสนฺตุ, คนฺตุกามา อตฺตโน รุจึ กโรนฺตู’’ติ. ภิกฺขู ‘‘เอวํ สนฺเต มยํ นิวตฺติสฺสามา’’ติ วาณิชํ อาปุจฺฉิตฺวา ปุนเทว สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, มหาธนวาณิเชน สทฺธึ น คมิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, มหาธนวาณิชสฺส วิลุมฺปนตฺถาย ทฺวีสุปิ มคฺเคสุ โจรา ปริยุฏฺึสุ, เตน โส ตตฺเถว ิโต, มยํ ปน ตํ อาปุจฺฉิตฺวา อาคตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มหาธนวาณิโช โจรานํ อตฺถิตาย มคฺคํ ปริวชฺชติ, ชีวิตุกาโม วิย ปุริโส หลาหลํ วิสํ ปริวชฺเชติ, ภิกฺขุนาปิ ‘ตโย ภวา โจเรหิ ปริยุฏฺิตมคฺคสทิสา’ติ ตฺวา ปาปํ ปริวชฺเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘วาณิโชว ภยํ มคฺคํ, อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน;
วิสํ ชีวิตุกาโมว, ปาปานิ ปริวชฺชเย’’ติ.
ตตฺถ ภยนฺติ ภายิตพฺพํ, โจเรหิ ปริยุฏฺิตตฺตา สปฺปฏิภยนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา มหาธนวาณิโช ¶ อปฺปสตฺโถ สปฺปฏิภยํ มคฺคํ, ยถา จ ชีวิตุกาโม หลาหลํ วิสํ ปริวชฺเชติ, เอวํ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อปฺปมตฺตกานิปิ ปาปานิ ปริวชฺเชยฺยาติ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
มหาธนวาณิชวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. กุกฺกุฏมิตฺตเนสาทวตฺถุ
ปาณิมฺหิ เจติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต กุกฺกุฏมิตฺตํ นาม เนสาทํ อารพฺภ กเถสิ.
ราชคเห ¶ กิร เอกา เสฏฺิธีตา วยปฺปตฺตา สตฺตภูมิกปาสาทสฺส อุปริ สิริคพฺเภ อารกฺขณตฺถาย ¶ เอกํ ปริจาริกํ ทตฺวา มาตาปิตูหิ วาสิยมานา เอกทิวสํ สายนฺหสมเย วาตปาเนน อนฺตรวีถึ โอโลเกนฺตี ปฺจ ปาสสตานิ ปฺจ สูลสตานิ อาทาย มิเค วธิตฺวา ชีวมานํ เอกํ กุกฺกุฏมิตฺตํ นาม เนสาทํ ปฺจ มิคสตานิ วธิตฺวา เตสํ มํเสน มหาสกฏํ ปูเรตฺวา สกฏธุเร นิสีทิตฺวา มํสวิกฺกิณนตฺถาย นครํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา ปริจาริกาย หตฺเถ ปณฺณาการํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, เอตสฺส ปณฺณาการํ ทตฺวา คมนกาลํ ตฺวา เอหี’’ติ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา ตสฺส ปณฺณาการํ ทตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กทา คมิสฺสสี’’ติ? โส ‘‘อชฺช มํสํ วิกฺกิณิตฺวา ปาโตว อสุกทฺวาเรน นาม ¶ นิกฺขมิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ อาห. สา เตน กถิตกถํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ตสฺสา อาโรเจสิ. เสฏฺิธีตา อตฺตนา คเหตพฺพยุตฺตกํ วตฺถาภรณชาตํ สํวิทหิตฺวา ปาโตว มลินวตฺถํ นิวาเสตฺวา กุฏํ อาทาย ทาสีหิ สทฺธึ อุทกติตฺถํ คจฺฉนฺตี วิย นิกฺขมิตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา ตสฺสาคมนํ โอโลเกนฺตี อฏฺาสิ. โสปิ ปาโตว สกฏํ ปาเชนฺโต นิกฺขมิ. สา ตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต ปายาสิ. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘อหํ ตํ ‘อสุกสฺส นาม ธีตา’ติ น ชานามิ, มา มํ อนุพนฺธิ, อมฺมา’’ติ อาห. น มํ ตฺวํ ปกฺโกสสิ, อหํ อตฺตโน ธมฺมตาย อาคจฺฉามิ, ตฺวํ ตุณฺหี หุตฺวา อตฺตโน สกฏํ ปาเชหีติ. โส ปุนปฺปุนํ ตํ นิวาเรติเยว. อถ นํ สา อาห – ‘‘สามิ, สิรี นาม อตฺตโน สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตี นิวาเรตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. โส ตสฺสา นิสฺสํสเยน อาคมนการณํ ตฺวา ตํ สกฏํ อาโรเปตฺวา อคมาสิ. ตสฺสา มาตาปิตโร อิโต จิโต จ ปริเยสาเปตฺวา อปสฺสนฺตา ‘‘มตา ภวิสฺสตี’’ติ มตกภตฺตํ กรึสุ. สาปิ เตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย ปฏิปาฏิยา สตฺต ปุตฺเต วิชายิตฺวา เต วยปฺปตฺเต ฆรพนฺธเนน พนฺธิ.
อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต กุกฺกุฏมิตฺตํ สปุตฺตํ สสุณิสํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ อุปธาเรนฺโต เตสํ ปนฺนรสนฺนมฺปิ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปาโตว ปตฺตจีวรํ อาทาย ตสฺส ปาสฏฺานํ อคมาสิ ¶ . ตํ ทิวสํ ปาเส พทฺโธ เอกมิโคปิ นาโหสิ. สตฺถา ¶ ตสฺส ปาสมูเล ปทวลฺชํ ทสฺเสตฺวา ปุรโต เอกสฺส คุมฺพสฺส เหฏฺา ฉายายํ นิสีทิ. กุกฺกุฏมิตฺโต ปาโตว ธนุํ อาทาย ปาสฏฺานํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ปาเส โอโลกยมาโน ปาเส พทฺธํ เอกมฺปิ มิคํ อทิสฺวา สตฺถุ ปทวลฺชํ อทฺทส. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก มยฺหํ พทฺธมิเค โมเจนฺโต วิจรตี’’ติ. โส สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา คจฺฉนฺโต คุมฺพมูเล นิสินฺนํ สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘อิมินา มม มิคา โมจิตา ภวิสฺสนฺติ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ ธนุํ อากฑฺฒิ. สตฺถา ธนุํ อากฑฺฒิตุํ ทตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ นาทาสิ. โส สรํ วิสฺสชฺเชตุมฺปิ โอโรเปตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ผาสุกาหิ ภิชฺชนฺตีหิ ¶ วิย มุขโต เขเฬน ปคฺฆรนฺเตน กิลนฺตรูโป อฏฺาสิ. อถสฺส ปุตฺตา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ปิตา โน จิรายติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ วตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ปิตุ สนฺติก’’นฺติ มาตรา เปสิตา ธนูนิ อาทาย คนฺตฺวา ปิตรํ ตถาิตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โน ปิตุ ปจฺจามิตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ สตฺตปิ ชนา ธนูนิ อากฑฺฒิตฺวา พุทฺธานุภาเวน ยถา เนสํ ปิตา ิโต, ตเถว อฏฺํสุ. อถ เนสํ มาตา ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺตาปิ จิรายนฺตี’’ติ วตฺวา สตฺตหิ สุณิสาหิ สทฺธึ คนฺตฺวา เต ตถาิเต ทิสฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อิเม ธนูนิ อากฑฺฒิตฺวา ิตา’’ติ โอโลเกนฺตี สตฺถารํ ทิสฺวา พาหา ปคฺคยฺห – ‘‘มา เม ปิตรํ นาเสถ, มา เม ปิตรํ นาเสถา’’ติ มหาสทฺทมกาสิ. กุกฺกุฏมิตฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นฏฺโ วตมฺหิ, สสุโร กิร เม เอส, อโห มยา ภาริยํ ¶ กมฺมํ กต’’นฺติ. ปุตฺตาวิสฺส ‘‘อยฺยโก กิร โน เอส, อโห ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ จินฺตยึสุ. กุกฺกุฏมิตฺโต ‘‘อยํ สสุโร เม’’ติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺเปสิ, ปุตฺตาปิสฺส ‘‘อยฺยโก โน’’ติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺเปสุํ. อถ เต เนสํ มาตา เสฏฺิธีตา ‘‘ขิปฺปํ ธนูนิ ฉฑฺเฑตฺวา ปิตรํ เม ขมาเปถา’’ติ อาห.
สตฺถา เตสํ มุทุจิตฺตตํ ตฺวา ธนุํ โอตาเรตุํ อทาสิ. เต สพฺเพ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ขมถ โน, ภนฺเต’’ติ ขมาเปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ เนสํ สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. เทสนาวสาเน กุกฺกุฏมิตฺโต สทฺธึ ปุตฺเตหิ เจว สุณิสาหิ จ อตฺตปฺจทสโม โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, กหํ คมิตฺถา’’ติ. กุกฺกุฏมิตฺตสฺส สนฺติกํ ¶ , อานนฺทาติ. ปาณาติปาตกมฺมสฺส โว, ภนฺเต, อการโก กโตติ. อามานนฺท, โส อตฺตปฺจทสโม อจลสทฺธาย ปติฏฺาย ตีสุ รตเนสุ นิกฺกงฺโข หุตฺวา ปาณาติปาตกมฺมสฺส อการโก ชาโตติ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘นนุ, ภนฺเต, ภริยาปิสฺส อตฺถี’’ติ. อาม, ภิกฺขเว, สา กุลเคเห กุมาริกา หุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺตาติ. ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กุกฺกุฏมิตฺตสฺส กิร ภริยา กุมาริกกาเล เอว โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา สตฺต ปุตฺเต ลภิ, สา เอตฺตกํ กาลํ สามิเกน ‘ธนุํ อาหร, สเร อาหร, สตฺตึ อาหร, สูลํ อาหร, ชาลํ อาหรา’ติ วุจฺจมานา ตานิ อทาสิ. โสปิ ตาย ทินฺนานิ อาทาย คนฺตฺวา ปาณาติปาตํ กโรติ, กึ นุ โข โสตาปนฺนาปิ ปาณาติปาตํ กโรนฺตี’’ติ. สตฺถา ¶ อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, โสตาปนฺนา ปาณาติปาตํ กโรนฺติ, สา ปน ‘สามิกสฺส วจนํ กโรมี’ติ ตถา อกาสิ. ‘อิทํ คเหตฺวา เอส คนฺตฺวา ปาณาติปาตํ กโรตู’ติ ตสฺสา จิตฺตํ นตฺถิ. ปาณิตลสฺมิฺหิ วเณ อสติ วิสํ คณฺหนฺตสฺส ตํ วิสํ อนุฑหิตุํ น สกฺโกติ, เอวเมวํ อกุสลเจตนาย อภาเวน ¶ ปาปํ อกโรนฺตสฺส ธนุอาทีนิ นีหริตฺวา ททโตปิ ปาปํ นาม น โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปาณิมฺหิ เจ วโณ นาสฺส, หเรยฺย ปาณินา วิสํ;
นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ, นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต’’ติ.
ตตฺถ นาสฺสาติ น ภเวยฺย. หเรยฺยาติ หริตุํ สกฺกุเณยฺย. กึ การณา? ยสฺมา นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ อวณฺหิ ปาณึ วิสํ อนฺเวตุํ น สกฺโกติ, เอวเมว ธนุอาทีนิ นีหริตฺวา เทนฺตสฺสาปิ อกุสลเจตนาย อภาเวน ปาปํ อกุพฺพโต ปาปํ นาม นตฺถิ, อวณํ ปาณึ วิสํ วิย นาสฺส จิตฺตํ ปาปํ อนุคจฺฉตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อปเรน สมเยน ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘โก นุ โข กุกฺกุฏมิตฺตสฺส สปุตฺตสฺส สสุณิสสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสโย, เกน การเณน เนสาทกุเล นิพฺพตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว ¶ , เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ ¶ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อตีเต กสฺสปทสพลสฺส ธาตุเจติยํ สํวิทหนฺตา เอวมาหํสุ – ‘‘กึ นุ โข อิมสฺส เจติยสฺส มตฺติกา ภวิสฺสติ, กึ อุทก’’นฺติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘หริตาลมโนสิลา มตฺติกา ภวิสฺสติ, ติลเตลํ อุทก’’นฺติ. เต หริตาลมโนสิลา โกฏฺเฏตฺวา ติลเตเลน สํสนฺทิตฺวา อิฏฺกาย ฆเฏตฺวา สุวณฺเณน ขจิตฺวา อนฺโต จินึสุ, พหิมุเข ปน เอกคฺฆนสุวณฺณอิฏฺกาว อเหสุํ. เอเกกา สตสหสฺสคฺฆนิกา อโหสิ. เต ยาว ธาตุนิธานา เจติเย นิฏฺิเต จินฺตยึสุ – ‘‘ธาตุนิธานกาเล พหุนา ธเนน อตฺโถ, กํ นุ โข เชฏฺกํ กโรมา’’ติ.
อเถโก คามวาสิโก เสฏฺิ ‘‘อหํ เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ธาตุนิธาเน เอกํ หิรฺโกฏึ ปกฺขิปิ. ตํ ทิสฺวา รฏฺวาสิโน ‘‘อยํ นครเสฏฺิ ธนเมว สํหรติ, เอวรูเป เจติเย เชฏฺโก ภวิตุํ น สกฺโกติ, คามวาสี ปน โกฏิธนํ ปกฺขิปิตฺวา เชฏฺโก ชาโต’’ติ อุชฺฌายึสุ. โส เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อหํ ทฺเว โกฏิโย ทตฺวา เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ทฺเว โกฏิโย อทาสิ. อิตโร ‘‘อหเมว เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ติสฺโส โกฏิโย อทาสิ. เอวํ วฑฺเฒตฺวา วฑฺเฒตฺวา นครวาสี อฏฺ โกฏิโย อทาสิ. คามวาสิโน ปน ¶ เคเห นวโกฏิธนเมว อตฺถิ, นครวาสิโน จตฺตาลีสโกฏิธนํ. ตสฺมา คามวาสี จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ นว โกฏิโย ทสฺสามิ, อยํ ‘ทส ¶ โกฏิโย ทสฺสามี’ติ วกฺขติ, อถ เม นิทฺธนภาโว ปฺายิสฺสตี’’ติ. โส เอวมาห – ‘‘อหํ เอตฺตกฺจ ธนํ ทสฺสามิ, สปุตฺตทาโร จ เจติยสฺส ทาโส ภวิสฺสามี’’ติ สตฺต ปุตฺเต สตฺต สุณิสาโย ภริยฺจ คเหตฺวา อตฺตนา สทฺธึ เจติยสฺส นิยฺยาเทสิ. รฏฺวาสิโน ‘‘ธนํ นาม สกฺกา อุปฺปาเทตุํ, อยํ ปน สปุตฺตทาโร อตฺตานํ นิยฺยาเทสิ, อยเมว เชฏฺโก โหตู’’ติ ตํ เชฏฺกํ กรึสุ. อิติ เต โสฬสปิ ชนา เจติยสฺส ทาสา อเหสุํ. รฏฺวาสิโน ปน เต ภุชิสฺเส อกํสุ. เอวํ สนฺเตปิ เจติยเมว ปฏิชคฺคิตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก วสนฺเตสุ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภริยา ตโต จวิตฺวา ราชคเห ¶ เสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา กุมาริกาว หุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อทิฏฺสจฺจสฺส ปน ปฏิสนฺธิ นาม ภาริยาติ ตสฺสา สามิโก สมฺปริวตฺตมาโน คนฺตฺวา เนสาทกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส สห ทสฺสเนเนว เสฏฺิธีตรํ ปุพฺพสิเนโห อชฺโฌตฺถริ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);
สา ปุพฺพสิเนเหเนว เนสาทกุลํ อคมาสิ. ปุตฺตาปิสฺสา เทวโลกา จวิตฺวา ตสฺสา เอว กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ, สุณิสาโยปิสฺสา ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา ¶ เตสํเยว เคหํ อคมํสุ. เอวํ เต สพฺเพปิ ตทา เจติยํ ปฏิชคฺคิตฺวา ตสฺส กมฺมสฺสานุภาเวน โสตาปตฺติผลํ ปตฺตาติ.
กุกฺกุฏมิตฺตเนสาทวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. โกกสุนขลุทฺทกวตฺถุ
โย อปฺปทุฏฺสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกํ นาม สุนขลุทฺทกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกทิวสํ ปุพฺพณฺหสมเย ธนุํ อาทาย สุนขปริวุโต อรฺํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา กุชฺฌิตฺวา ‘‘กาฬกณฺณิ เม ทิฏฺโ, อชฺช ¶ กิฺจิ น ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกามิ. เถโรปิ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปุน วิหารํ ปายาสิ. อิตโรปิ อรฺเ วิจริตฺวา กิฺจิ อลภิตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺโต ปุน เถรํ ทิสฺวา ‘‘อชฺชาหํ อิมํ กาฬกณฺณึ ทิสฺวา อรฺํ คโต กิฺจิ น ลภึ, อิทานิ เม ปุนปิ อภิมุโข ชาโต, สุนเขหิ นํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ สฺํ ทตฺวา สุนเข วิสฺสชฺเชสิ. เถโรปิ ‘‘มา เอวํ กริ อุปาสกา’’ติ ยาจิ. โส ‘‘อชฺชาหํ ตว สมฺมุขีภูตตฺตา กิฺจิ นาลตฺถํ, ปุนปิ เม สมฺมุขีภาวมาคโตสิ, ขาทาเปสฺสาเมว ต’’นฺติ วตฺวา สุนเข อุยฺโยเชสิ. เถโร เวเคน เอกํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา ปุริสปฺปมาเณ าเน นิสีทิ. สุนขา ¶ รุกฺขํ ¶ ปริวาเรสุํ. ลุทฺทโก คนฺตฺวา ‘‘รุกฺขํ อภิรุหโตปิ เต โมกฺโข นตฺถี’’ติ ตํ สรตุณฺเฑน ปาทตเล วิชฺฌิ. เถโร ‘‘มา เอวํ กโรหี’’ติ ตํ ยาจิเยว. อิตโร ตสฺส ยาจนํ อนาทิยิตฺวา ปุนปฺปุนํ วิชฺฌิเยว. เถโร เอกสฺมึ ปาทตเล วิชฺฌิยมาเน ตํ อุกฺขิปิตฺวา ทุติยํ ปาทํ โอลมฺพิตฺวา ตสฺมึ วิชฺฌิยมาเน ตมฺปิ อุกฺขิปติ, เอวมสฺส โส ยาจนํ อนาทิยิตฺวาว ทฺเวปิ ปาทตลานิ วิชฺฌิเยว. เถรสฺส สรีรํ อุกฺกาหิ อาทิตฺตํ วิย อโหสิ. โส เวทนานุวตฺติโก หุตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ นาสกฺขิ, ปารุตจีวรํ ภสฺสนฺตมฺปิ น สลฺลกฺเขสิ. ตํ ปตมานํ โกกํ สีสโต ปฏฺาย ปริกฺขิปนฺตเมว ปติ. สุนขา ‘‘เถโร ปติโต’’ติ สฺาย จีวรนฺตรํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน สามิกํ ลฺุชิตฺวา ขาทนฺตา อฏฺิมตฺตาวเสสํ กรึสุ. สุนขา จีวรนฺตรโต นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺํสุ.
อถ เนสํ เถโร เอกํ สุกฺขทณฺฑกํ ภฺชิตฺวา ขิปิ. สุนขา เถรํ ทิสฺวา ‘‘สามิโกว อมฺเหหิ ขาทิโต’’ติ ตฺวา อรฺํ ปวิสึสุ. เถโร กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทสิ ‘‘มม จีวรนฺตรํ ปวิสิตฺวา เอส นฏฺโ, อโรคํ นุ โข เม สีล’’นฺติ. โส รุกฺขา โอตริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา – ‘‘ภนฺเต, มม จีวรํ นิสฺสาย ¶ โส อุปาสโก นฏฺโ, กจฺจิ เม อโรคํ สีลํ, อตฺถิ เม สมณภาโว’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อโรคํ เต สีลํ, อตฺถิ เต สมณภาโว, โส อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโต, น เกวลฺจ อิทาเนว, อตีเตปิ อปฺปทุฏฺานํ ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อตีตํ อาหริ –
อตีเต กิเรโก เวชฺโช เวชฺชกมฺมตฺถาย คามํ วิจริตฺวา กิฺจิ กมฺมํ อลภิตฺวา ฉาตชฺฌตฺโต นิกฺขมิตฺวา คามทฺวาเร สมฺพหุเล กุมารเก กีฬนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม สปฺเปน ฑํสาเปตฺวา ติกิจฺฉิตฺวา อาหารํ ลภิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ รุกฺขพิเล สีสํ นิหริตฺวา นิปนฺนํ สปฺปํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘อมฺโภ, กุมารกา เอโส สาฬิกโปตโก, คณฺหถ น’’นฺติ อาห. อเถโก กุมารโก ¶ สปฺปํ คีวายํ ทฬฺหํ คเหตฺวา นีหริตฺวา ตสฺส สปฺปภาวํ ตฺวา วิรวนฺโต อวิทูเร ิตสฺส เวชฺชสฺส มตฺถเก ขิปิ. สปฺโป เวชฺชสฺส ขนฺธฏฺิกํ ปริกฺขิปิตฺวา ทฬฺหํ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ, เอวเมส โกโก สุนขลุทฺทโก ปุพฺเพปิ อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโตเยวาติ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;
ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ อปฺปทุฏฺสฺสาติ อตฺตโน วา สพฺพสตฺตานํ วา อทุฏฺสฺส. นรสฺสาติ สตฺตสฺส. ทุสฺสตีติ อปรชฺฌติ. สุทฺธสฺสาติ นิรปราธสฺเสว. โปสสฺสาติ อิทมฺปิ อปเรนากาเรน สตฺตาธิวจนเมว. อนงฺคณสฺสาติ นิกฺกิเลสสฺส. ปจฺเจตีติ ปติเอติ. ปฏิวาตนฺติ ยถา เอเกน ปุริเสน ปฏิวาเต ิตํ ปหริตุกามตาย ขิตฺโต สุขุโม รโชติ ตเมว ปุริสํ ปจฺเจติ, ตสฺเสว อุปริ ปตติ, เอวเมว โย ปุคฺคโล อปทุฏฺสฺส ปุริสสฺส ปาณิปฺปหราทีนิ ททนฺโต ปทุสฺสติ, ตเมว พาลํ ทิฏฺเว ธมฺเม, สมฺปราเย วา นิรยาทีสุ วิปจฺจมานํ ตํ ปาปํ วิปากทุกฺขวเสน ปจฺเจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
โกกสุนขลุทฺทกวตฺถุ นวมํ.
๑๐. มณิการกุลูปกติสฺสตฺเถรวตฺถุ
คพฺภเมเกติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มณิการกุลูปกํ ติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เถโร เอกสฺส มณิการสฺส กุเล ทฺวาทส วสฺสานิ ภฺุชิ. ตสฺมึ กุเล ชยมฺปติกา มาตาปิตุฏฺาเน ตฺวา เถรํ ปฏิชคฺคึสุ. อเถกทิวสํ โส มณิกาโร เถรสฺส ปุรโต มํสํ ฉินฺทนฺโต นิสินฺโน โหติ. ตสฺมึ ขเณ ราชา ปเสนทิ โกสโล เอกํ มณิรตนํ ‘‘อิมํ ¶ โธวิตฺวา วิชฺฌิตฺวา ปหิณตู’’ติ เปเสสิ. มณิกาโร สโลหิเตเนว ¶ หตฺเถน ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา เปฬาย อุปริ เปตฺวา ¶ หตฺถโธวนตฺถํ อนฺโต ปาวิสิ. ตสฺมึ ปน เคเห โปสาวนิยโกฺจสกุโณ อตฺถิ. โส โลหิตคนฺเธน มํสสฺาย ตํ มณึ เถรสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว คิลิ. มณิกาโร อาคนฺตฺวา มณึ อปสฺสนฺโต ‘‘มณิ เกน คหิโต’’ติ ภริยฺจ ปุตฺตเก จ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘น คณฺหามา’’ติ วุตฺเต ‘‘เถเรน คหิโต ภวิสฺสตี’’ติ. จินฺเตตฺวา ภริยาย สทฺธึ มนฺเตสิ – ‘‘เถเรน มณิ คหิโต ภวิสฺสตี’’ติ. สา, สามิ, มา เอวํ อวจ, เอตฺตกํ กาลํ มยา เถรสฺส น กิฺจิ วชฺชํ ทิฏฺปุพฺพํ, น โส มณึ คณฺหาตีติ. มณิกาโร เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน มณิรตนํ ตุมฺเหหิ คหิต’’นฺติ. น คณฺหามิ, อุปาสกาติ. ภนฺเต, น อิธ อฺโ อตฺถิ, ตุมฺเหหิเยว คหิโต ภวิสฺสติ, เทถ เม มณิรตนนฺติ. โส ตสฺมึ อสมฺปฏิจฺฉนฺเต ปุน ภริยํ อาห – ‘‘เถเรเนว มณิ คหิโต, ปีเฬตฺวา นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. สา, สามิ, มา โน นาสยิ, วรํ อมฺเหหิ ทาสพฺยํ อุปคนฺตุํ, น จ เถรํ เอวรูปํ วตฺตุนฺติ. โส ‘‘สพฺเพว มยํ ทาสตฺตํ อุปคจฺฉนฺตา มณิมูลํ น อคฺฆามา’’ติ รชฺชุํ คเหตฺวา เถรสฺส สีสํ เวเตฺวา ทณฺเฑน ¶ ฆฏฺเฏสิ. เถรสฺส สีสโต จ กณฺณนาสาหิ จ โลหิตํ ปคฺฆริ, อกฺขีนิ นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ อเหสุํ, โส เวทนาปมตฺโต ภูมิยํ ปติ. โกฺโจ โลหิตคนฺเธนา คนฺตฺวา โลหิตํ ปิวิ. อถ นํ มณิกาโร เถเร อุปฺปนฺนโกธเวเคน ‘‘ตฺวํ กึ กโรสี’’ติ ปาเทน ปหริตฺวา ขิปิ. โส เอกปฺปหาเรเนว มริตฺวา อุตฺตาโน อโหสิ.
เถโร ตํ ทิสฺวา, อุปาสก, สีเส เวนํ ตาว เม สิถิลํ กตฺวา อิมํ โกฺจํ โอโลเกหิ ‘‘มโต วา, โน วา’’ติ. อถ นํ โส อาห – ‘‘เอโส วิย ตฺวมฺปิ มริสฺสสี’’ติ. อุปาสก, อิมินา โส มณิ คิลิโต, สเจ อยํ น อมริสฺสา, น เต อหํ มรนฺโตปิ มณึ อาจิกฺขิสฺสนฺติ. โส ตสฺส อุทรํ ผาเลตฺวา มณึ ทิสฺวา ปเวเธนฺโต สํวิคฺคมานโส เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมถ, เม, ภนฺเต, อชานนฺเตน มยา กต’’นฺติ อาห. อุปาสก, เนว ตุยฺหํ โทโส อตฺถิ, น มยฺหํ, วฏฺฏสฺเสเวส โทโส, ขมามิ เตติ. ภนฺเต, สเจ เม ขมถ, ปกตินิยาเมเนว เม เคเห นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คณฺหถาติ. ‘‘อุปาสก, น ทานาหํ อิโต ปฏฺาย ปเรสํ ¶ เคหสฺส อนฺโตฉทนํ ปวิสิสฺสามิ, อนฺโตเคหปเวสนสฺเสว หิ ¶ อยํ โทโส, อิโต ปฏฺาย ปาเทสุ อาวหนฺเตสุ เคหทฺวาเร ิโตว ภิกฺขํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ธุตงฺคํ สมาทาย อิมํ คาถมาห –
‘‘ปจฺจติ ¶ มุนิโน ภตฺตํ, โถกํ โถกํ กุเล กุเล;
ปิณฺฑิกาย จริสฺสามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมา’’ติ. (เถรคา. ๒๔๘) –
อิทฺจ ปน วตฺวา เถโร เตเนว พฺยาธินา น จิรสฺเสว ปรินิพฺพายิ. โกฺโจ มณิการสฺส ภริยาย กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. มณิกาโร กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. มณิการสฺส ภริยา เถเร มุทุจิตฺตตาย กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ภิกฺขู สตฺถารํ เตสํ อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ คพฺเภ นิพฺพตฺตนฺติ, เอกจฺเจ ปาปการิโน นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ, เอกจฺเจ กตกลฺยาณา เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, อนาสวา ปน ปรินิพฺพายนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘คพฺภเมเก อุปฺปชฺชนฺติ, นิรยํ ปาปกมฺมิโน;
สคฺคํ สุคติโน ยนฺติ, ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา’’ติ.
ตตฺถ คพฺภนฺติ อิธ มนุสฺสคพฺโภว อธิปฺเปโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มณิการกุลูปกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. ตโยชนวตฺถุ
น ¶ อนฺตลิกฺเขติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตโย ชเน อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถริ กิร เชตวเน วิหรนฺเต สมฺพหุลา ภิกฺขู สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉนฺตา เอกํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. คามวาสิโน เต สมฺปตฺเต อาทาย อาสนสาลาย นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ปิณฺฑปาตเวลํ อาคมยมานา ธมฺมํ สุณนฺตา นิสีทึสุ. ตสฺมึ ขเณ ภตฺตํ ¶ ปจิตฺวา สูปพฺยฺชนํ ธูปยมานาย เอกิสฺสา อิตฺถิยา ภาชนโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา ฉทนํ คณฺหิ. ตโต เอกํ ติณกรฬํ อุฏฺหิตฺวา ชลมานํ อากาสํ ปกฺขนฺทิ. ตสฺมึ ขเณ เอโก กาโก อากาเสน คจฺฉนฺโต ตตฺถ คีวํ ปเวเสตฺวา ติณวลฺลิเวิโต ฌายิตฺวา คามมชฺเฌ ปติ ¶ . ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา ‘‘อโห ภาริยํ กมฺมํ, ปสฺสถาวุโส, กาเกน ปตฺตํ วิปฺปการํ, อิมินา กตกมฺมํ อฺตฺร สตฺถารา โก ชานิสฺสติ, สตฺถารมสฺส กมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมึสุ.
อปเรสมฺปิ ภิกฺขูนํ สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย นาวํ อภิรุยฺห คจฺฉนฺตานํ นาวา สมุทฺเท นิจฺจลา อฏฺาสิ. มนุสฺสา ‘‘กาฬกณฺณินา เอตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ สลากํ วิจาเรสุํ. นาวิกสฺส จ ภริยา ปมวเย ิตา ทสฺสนียา ปาสาทิกา, สลากา ตสฺสา ปาปุณิ. ‘‘สลากํ ปุน วิจาเรถา’’ติ วตฺวา ยาวตติยํ วิจาเรสุํ, ติกฺขตฺตุมฺปิ ตสฺสา ¶ เอว ปาปุณิ. มนุสฺสา ‘‘กึ, สามี’’ติ นาวิกสฺส มุขํ โอโลเกสุํ. นาวิโก ‘‘น สกฺกา เอกิสฺสา อตฺถาย มหาชนํ นาเสตุํ, อุทเก นํ ขิปถา’’ติ อาห. สา คเหตฺวา อุทเก ขิปิยมานา มรณภยตชฺชิตา วิรวํ อกาสิ. ตํ สุตฺวา นาวิโก โก อตฺโถ อิมิสฺสา อาภรเณหิ นฏฺเหิ, สพฺพาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา เอกํ ปิโลติกํ นิวาสาเปตฺวา ฉฑฺเฑถ นํ, อหํ ปเนตํ อุทกปิฏฺเ ปฺลวมานํ ทฏฺุํ น สกฺขิสฺสามี ตสฺมา ยถา นํ อหํ น ปสฺสามิ, ตถา เอกํ วาลุกกุฏํ คีวาย พนฺธิตฺวา สมุทฺเท ขิปถาติ. เต ตถา กรึสุ. ตมฺปิ ปติตฏฺาเนเยว มจฺฉกจฺฉปา วิลุมฺปึสุ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘เปตฺวา สตฺถารํ โก อฺโ เอติสฺสา อิตฺถิยา กตกมฺมํ ชานิสฺสติ, สตฺถารํ ตสฺสา กมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ อิจฺฉิตฏฺานํ ปตฺวา นาวาโต โอรุยฺห ปกฺกมึสุ.
อปเรปิ สตฺต ภิกฺขู สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย คจฺฉนฺตา สายํ เอกํ วิหารํ ปวิสิตฺวา วสนฏฺานํ ปุจฺฉึสุ. เอกสฺมิฺจ เลเณ สตฺต มฺจา โหนฺติ. เตสํ ตเทว ลภิตฺวา ตตฺถ นิปนฺนานํ รตฺติภาเค กูฏาคารมตฺโต ปาสาโณ ปวฏฺฏมาโน อาคนฺตฺวา เลณทฺวารํ ปิทหิ. เนวาสิกา ภิกฺขู ‘‘มยํ อิมํ เลณํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ ปาปยิมฺหา, อยฺจ มหาปาสาโณ เลณทฺวารํ ปิทหนฺโต อฏฺาสิ, อปเนสฺสาม ¶ น’’นฺติ สมนฺตา สตฺตหิ คาเมหิ ¶ มนุสฺเส สนฺนิปาเตตฺวา วายมนฺตาปิ านา จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. อนฺโต ปวิฏฺภิกฺขูปิ วายมึสุเยว. เอวํ สนฺเตปิ สตฺตาหํ ปาสาณํ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. อาคนฺตุกา สตฺตาหํ ฉาตชฺฌตฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวึสุ. สตฺตเม ทิวเส ปาสาโณ สยเมว ปวฏฺฏิตฺวา อปคโต. ภิกฺขู นิกฺขมิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อิมํ ปาปํ อฺตฺร สตฺถารา โก ชานิสฺสติ, สตฺถารํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมึสุ. เต ปุริเมหิ สทฺธึ อนฺตรามคฺเค สมาคนฺตฺวา สพฺเพ เอกโตว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา สตฺถารา กตปฏิสนฺถารา อตฺตนา อตฺตนา ทิฏฺานุภูตานิ การณานิ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉึสุ.
สตฺถาปิ ¶ เตสํ ปฏิปาฏิยา เอวํ พฺยากาสิ – ‘‘ภิกฺขเว, โส ตาว กาโก อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุโภสิ. อตีตกาเล หิ พาราณสิยํ เอโก กสฺสโก อตฺตโน โคณํ ทเมนฺโต ทเมตุํ นาสกฺขิ. โส หิสฺส โคโณ โถกํ คนฺตฺวา นิปชฺชิ, โปเถตฺวา อุฏฺาปิโตปิ โถกํ คนฺตฺวา ปุนปิ ตเถว นิปชฺชิ. โส วายมิตฺวา ตํ ทเมตุํ อสกฺโกนฺโต โกธาภิภูโต หุตฺวา ‘อิโต ¶ ทานิ ปฏฺาย สุขํ นิปชฺชิสฺสสี’ติ ปลาลปิณฺฑํ วิย กโรนฺโต ปลาเลน ตสฺส คีวํ ปลิเวเตฺวา อคฺคิมทาสิ, โคโณ ตตฺเถว ฌายิตฺวา มโต. ตทา, ภิกฺขเว, เตน กาเกน ตํ ปาปกมฺมํ กตํ. โส ตสฺส วิปาเกน ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน สตฺตกฺขตฺตุํ กากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา เอวเมว อากาเส ฌายิตฺวาว มโต’’ติ.
สาปิ, ภิกฺขเว, อิตฺถี อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุโภสิ. สา หิ อตีเต พาราณสิยํ เอกสฺส คหปติกสฺส ภริยา อุทกหรณโกฏฺฏนปจนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ สหตฺเถเนว อกาสิ. ตสฺสา เอโก สุนโข ตํ เคเห สพฺพกิจฺจานิ กุรุมานํ โอโลเกนฺโตว นิสีทติ. เขตฺเต ภตฺตํ หรนฺติยา ทารุปณฺณาทีนํ วา อตฺถาย อรฺํ คจฺฉนฺติยา ตาย สทฺธึเยว คจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา ทหรมนุสฺสา ‘‘อมฺโภ นิกฺขนฺโต สุนขลุทฺทโก, อชฺช มยํ มํเสน ภฺุชิสฺสามา’’ติ อุปฺปณฺเฑนฺติ. สา เตสํ กถาย มงฺกุ หุตฺวา สุนขํ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหริตฺวา ปลาเปติ, สุนโข นิวตฺติตฺวา ปุน อนุพนฺธติ. โส กิรสฺสา ตติเย อตฺตภาเว ภตฺตา อโหสิ, ตสฺมา สิเนหํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกติ. กิฺจาปิ หิ อนมตคฺเค สํสาเร ชายา วา ปติ วา อภูตปุพฺพา นาม นตฺถิ, อวิทูเร ปน อตฺตภาเว าตเกสุ อธิมตฺโต สิเนโห ¶ โหติ, ตสฺมา ¶ โส สุนโข ตํ วิชหิตุํ น สกฺโกติ. สา ตสฺส กุชฺฌิตฺวา เขตฺตํ สามิกสฺส ยาคุํ หรมานา รชฺชุํ อุจฺฉงฺเค เปตฺวา อคมาสิ, สุนโข ตาเยว สทฺธึ คโต. สา สามิกสฺส ยาคุํ ทตฺวา ตุจฺฉกุฏํ อาทาย เอกํ อุทกฏฺานํ คนฺตฺวา กุฏํ วาลุกาย ปูเรตฺวา สมีเป โอโลเกตฺวา ิตสฺส สุนขสฺส สทฺทมกาสิ. สุนโข ‘‘จิรสฺสํ วต เม อชฺช มธุรกถา ลทฺธา’’ติ นงฺคุฏฺํ จาเลนฺโต ตํ อุปสงฺกมิ. สา ตํ คีวายํ ทฬฺหํ คเหตฺวา เอกาย รชฺชุโกฏิยา กุฏํ พนฺธิตฺวา เอกํ รชฺชุโกฏึ สุนขสฺส คีวายํ พนฺธิตฺวา กุฏํ อุทกาภิมุขํ ปวฏฺเฏสิ. สุนโข กุฏํ อนุพนฺธนฺโต อุทเก ปติตฺวา ตตฺเถว กาลมกาสิ. สา ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต วาลุกกุฏํ คีวายํ พนฺธิตฺวา อุทเก ปกฺขิตฺตา กาลมกาสีติ.
ตุมฺเหหิปิ, ภิกฺขเว, อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุภูตํ. อตีตสฺมิฺหิ พาราณสิวาสิโน สตฺต โคปาลกทารกา เอกสฺมึ อฏวิปเทเส สตฺตาหวาเรน คาวิโย วิจรนฺตา เอกทิวสํ คาวิโย ¶ วิจาเรตฺวา อาคจฺฉนฺตา เอกํ มหาโคธํ ทิสฺวา อนุพนฺธึสุ. โคธา ปลายิตฺวา เอกํ วมฺมิกํ ปาวิสิ. ตสฺส ปน วมฺมิกสฺส สตฺต ฉิทฺทานิ, ทารกา ‘‘มยํ ทานิ คเหตุํ น สกฺขิสฺสาม, สฺเว อาคนฺตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ เอเกโก เอเกกํ สาขภงฺคมุฏฺึ อาทาย สตฺตปิ ชนา สตฺต ฉิทฺทานิ ปิทหิตฺวา ปกฺกมึสุ ¶ . เต ปุนทิวเส ตํ โคธํ อมนสิกตฺวา อฺสฺมึ ปเทเส คาวิโย วิจาเรตฺวา สตฺตเม ทิวเส คาวิโย อาทาย คจฺฉนฺตา ตํ วมฺมิกํ ทิสฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา ‘‘กา นุ โข ตสฺสา โคธาย ปวตฺตี’’ติ อตฺตนา อตฺตนา ปิทหิตานิ ฉิทฺทานิ วิวรึสุ. โคธา ชีวิเต นิราลยา หุตฺวา อฏฺิจมฺมาวเสสา ปเวธมานา นิกฺขมิ. เต ตํ ทิสฺวา อนุกมฺปํ กตฺวา ‘‘มา นํ มาเรถ, สตฺตาหํ ฉินฺนภตฺตา ชาตา’’ติ ตสฺสา ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘สุเขน คจฺฉาหี’’ติ วิสฺสชฺเชสุํ. เต โคธาย อมาริตตฺตา นิรเย ตาว น ปจฺจึสุ. เต ปน สตฺต ชนา เอกโต หุตฺวา จุทฺทสสุ อตฺตภาเวสุ สตฺต สตฺต ทิวสานิ ฉินฺนภตฺตา อเหสุํ. ตทา, ภิกฺขเว, ตุมฺเหหิ สตฺตหิ โคปาลเกหิ หุตฺวา ตํ กมฺมํ กตนฺติ. เอวํ สตฺถา เตหิ ปุฏฺปุฏฺํ ปฺหํ พฺยากาสิ.
อเถโก ¶ ภิกฺขุ สตฺถารํ อาห – ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ปาปกมฺมํ กตฺวา อากาเส อุปฺปติตสฺสปิ สมุทฺทํ ปกฺขนฺทสฺสาปิ ปพฺพตนฺตรํ ปวิฏฺสฺสาปิ โมกฺโข นตฺถี’’ติ. สตฺถา ‘‘เอวเมตํ, ภิกฺขเว, อากาสาทีสุปิ เอกปเทโสปิ นตฺถิ, ยตฺถ ิโต ปาปกมฺมโต มุจฺเจยฺยา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;
น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิโต มุจฺเจยฺย ปาปกมฺมา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจ หิ โกจิ ‘‘อิมินา อุปาเยน ปาปกมฺมโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ อนฺตลิกฺเข วา นิสีเทยฺย, จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีรํ มหาสมุทฺทํ วา ปวิเสยฺย, ปพฺพตนฺตเร วา นิสีเทยฺย, เนว ปาปกมฺมโต มุจฺเจยฺย. ปุรตฺถิมาทีสุ ชคติปเทเสสุ ปถวีภาเคสุ น โส วาลคฺคมตฺโตปิ โอกาโส อตฺถิ, ยตฺถ ิโต ปาปกมฺมโต มุจฺจิตุํ สกฺกุเณยฺยาติ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ตโยชนวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. สุปฺปพุทฺธสกฺยวตฺถุ
น ¶ อนฺตลิกฺเขติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต สุปฺปพุทฺธํ สกฺกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ‘‘อยํ มม ธีตรํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขนฺโต จ, มม ปุตฺตํ ปพฺพาเชตฺวา ตสฺส เวริฏฺาเน ิโต จา’’ติ ¶ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา เอกทิวสํ ‘‘น ทานิสฺส นิมนฺตนฏฺานํ คนฺตฺวา ภฺุชิตุํ ทสฺสามี’’ติ คมนมคฺคํ ปิทหิตฺวา อนฺตรวีถิยํ สุรํ ปิวนฺโต นิสีทิ. อถสฺส สตฺถริ ภิกฺขุสงฺฆปริวุเต ตํ านํ อาคเต ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ อาโรเจสุํ ¶ . โส อาห – ‘‘ปุรโต คจฺฉาติ ตสฺส วเทถ, นายํ มยา มหลฺลกตโร, นาสฺส มคฺคํ ทสฺสามี’’ติ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโนปิ ตเถว วตฺวา นิสีทิ. สตฺถา มาตุลสฺส สนฺติกา มคฺคํ อลภิตฺวา ตโต นิวตฺติ. โสปิ เอกํ จรปุริสํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ, ตสฺส กถํ สุตฺวา เอหี’’ติ. สตฺถาปิ นิวตฺตนฺโต สิตํ กตฺวา อานนฺทตฺเถเรน ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, สิตสฺส ปาตุกมฺมสฺส ปจฺจโย’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘ปสฺสสิ, อานนฺท, สุปฺปพุทฺธ’’นฺติ. ปสฺสามิ, ภนฺเตติ. ภาริยํ เตน กมฺมํ กตํ มาทิสสฺส พุทฺธสฺส มคฺคํ อเทนฺเตน, อิโต สตฺตเม ทิวเส เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูเล ปถวึ ปวิสิสฺสตีติ. จรปุริโส ตํ กถํ สุตฺวา สุปฺปพุทฺธสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ มม ภาคิเนยฺเยน นิวตฺตนฺเตน วุตฺต’’นฺติ ปุฏฺโ ยถาสุตํ อาโรเจสิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘น ทานิ มม ภาคิเนยฺยสฺส กถาย โทโส อตฺถิ, อทฺธา ยํ โส วทติ, ตํ ตเถว โหติ. เอวํ สนฺเตปิ นํ อิทานิ ¶ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามิ. โส หิ มํ ‘สตฺตเม ทิวเส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’ติ อนิยเมน อวตฺวา ‘เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูเล ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’’ติ อาห. ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺายาหํ ตํ านํ น คมิสฺสามิ, อถ นํ ตสฺมึ าเน ปถวึ อปวิสิตฺวา มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อตฺตโน อุปโภคชาตํ สพฺพํ สตฺตภูมิกปาสาทสฺส อุปริ อาโรเปตฺวา โสปานํ หราเปตฺวา ทฺวารํ ปิทหาเปตฺวา เอเกกสฺมึ ทฺวาเร ทฺเว ทฺเว มลฺเล เปตฺวา ‘‘สจาหํ ปมาเทน เหฏฺา โอโรหิตุกาโม โหมิ, นิวาเรยฺยาถ ม’’นฺติ วตฺวา สตฺตเม ปาสาทตเล สิริคพฺเภ นิสีทิ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สุปฺปพุทฺโธ น เกวลํ ปาสาทตเล เวหาสํ อุปฺปติตฺวา อากาเส วา นิสีทตุ, นาวาย วา สมุทฺทํ ปกฺขนฺทตุ, ปพฺพตนฺตรํ วา ปวิสตุ, พุทฺธานํ กถาย ทฺวิธาภาโว นาม นตฺถิ, มยา วุตฺตฏฺาเนเยว โส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;
น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิตํ นปฺปสเหยฺย มจฺจู’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยตฺถ ิตํ นปฺปสเหยฺย, มจฺจูติ ยสฺมึ ปเทเส ิตํ มรณํ นปฺปสเหยฺย นาภิภเวยฺย, เกสคฺคมตฺโตปิ ¶ ปถวิปฺปเทโส นตฺถิ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สตฺตเม ทิวเส สตฺถุ ภิกฺขาจารมคฺคสฺส นิรุทฺธเวลาย เหฏฺาปาสาเท สุปฺปพุทฺธสฺส มงฺคลสฺโส อุทฺทาโม หุตฺวา ตํ ตํ ภิตฺตึ ปหริ. โส อุปริ นิสินฺโนวสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มงฺคลสฺโส อุทฺทาโม’’ติ. โส ปนสฺโส สุปฺปพุทฺธํ ทิสฺวาว สนฺนิสีทติ. อถ นํ โส คณฺหิตุกาโม หุตฺวา นิสินฺนฏฺานา อุฏฺาย ทฺวาราภิมุโข อโหสิ, ทฺวารานิ สยเมว วิวฏานิ, โสปานํ สกฏฺาเนเยว ิตํ. ทฺวาเร ิตา มลฺลา ตํ คีวายํ คเหตฺวา เหฏฺาภิมุขํ ขิปึสุ. เอเตนุปาเยน สตฺตสุปิ ตเลสุ ทฺวารานิ สยเมว วิวฏานิ, โสปานานิ ยถาาเน ิตานิ. ตตฺถ ตตฺถ มลฺลา ตํ คีวายเมว คเหตฺวา เหฏฺาภิมุขํ ขิปึสุ. อถ นํ เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูลํ สมฺปตฺตเมว มหาปถวี วิวรมานา ภิชฺชิตฺวา สมฺปฏิจฺฉิ, โส คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺตีติ.
สุปฺปพุทฺธสกฺยวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
ปาปวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
นวโม วคฺโค.
๑๐. ทณฺฑวคฺโค
๑. ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ
สพฺเพ ¶ ¶ ¶ ตสนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺตรสวคฺคิเยหิ เสนาสเน ปฏิชคฺคิเต ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ‘‘นิกฺขมถ, มยํ มหลฺลกตรา, อมฺหากํ เอตํ ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา เตหิ ‘‘น มยํ ทสฺสาม, อมฺเหหิ ปมํ ปฏิชคฺคิต’’นฺติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ปหรึสุ. สตฺตรสวคฺคิยา มรณภยตชฺชิตา มหาวิรวํ วิรวึสุ. สตฺถา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นามา’’ติ อาโรจิเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิโต ปฏฺาย ภิกฺขุนา นาม เอวํ กตฺตพฺพํ, โย กโรติ, โส อิมํ นาม อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ ปหารทานสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๔๙ อาทโย) ปฺาเปตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ‘ยถา อหํ, ตเถว อฺเปิ ทณฺฑสฺส ตสนฺติ, มจฺจุโน ภายนฺตี’ติ ตฺวา ปโร น ปหริตพฺโพ, น ฆาเตตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน;
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา, น หเนยฺย น ฆาตเย’’ติ.
ตตฺถ ¶ สพฺเพ ตสนฺตีติ สพฺเพปิ สตฺตา อตฺตนิ ทณฺเฑ ปตนฺเต ตสฺส ทณฺฑสฺส ตสนฺติ. มจฺจุโนติ มรณสฺสาปิ ภายนฺติเยว. อิมิสฺสา จ เทสนาย พฺยฺชนํ นิรวเสสํ, อตฺโถ ปน สาวเสโส. ยถา หิ รฺา ‘‘สพฺเพ สนฺนิปตนฺตู’’ติ เภริยา จราปิตายปิ ราชมหามตฺเต เปตฺวา เสสา สนฺนิปตนฺติ, เอวมิธ ‘‘สพฺเพ ตสนฺตี’’ติ วุตฺเตปิ หตฺถาชาเนยฺโย อสฺสาชาเนยฺโย อุสภาชาเนยฺโย ขีณาสโวติ อิเม จตฺตาโร เปตฺวา อวเสสาว ตสนฺตีติ เวทิตพฺพา. อิเมสุ หิ ขีณาสโว สกฺกายทิฏฺิยา ปหีนตฺตา มรณกสตฺตํ อปสฺสนฺโต น ภายติ, อิตเร ตโย สกฺกายทิฏฺิยา ¶ พลวตฺตา อตฺตโน ปฏิปกฺขภูตํ สตฺตํ อปสฺสนฺตา น ภายนฺตีติ. น หเนยฺย น ฆาตเยติ ยถา อหํ ¶ , เอวํ อฺเปิ สตฺตาติ เนว ปรํ ปหเรยฺย น ปหราเปยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.
๒. ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ
สพฺเพ ตสนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เตเยว ¶ เอกสฺมิฺหิ สมเย เตเนว การเณน ปุริมสิกฺขาปเท สตฺตรสวคฺคิเย ปหรึสุ. เตเนว การเณน เตสํ ตลสตฺติกํ อุคฺคิรึสุ. อิธาปิ สตฺถา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นามา’’ติ อาโรจิเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิโต ปฏฺาย ภิกฺขุนา นาม เอวํ กตฺตพฺพํ, โย กโรติ, โส อิมํ นาม อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ ตลสตฺติกสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๕๔ อาทโย) ปฺาเปตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ‘ยถา อหํ, ตเถว อฺเปิ ทณฺฑสฺส ตสนฺติ, ยถา จ มยฺหํ, ตเถว เนสํ ชีวิตํ ปิย’นฺติ ตฺวา ปโร น ปหริตพฺโพ น ฆาเฏตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพสํ ชีวิตํ ปิยํ;
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา, น หเนยฺย น ฆาตเย’’ติ.
ตตฺถ สพฺเพสํ ชีวิตํ ปิยนฺติ ขีณาสวํ เปตฺวา เสสสตฺตานํ ชีวิตํ ปิยํ มธุรํ, ขีณาสโว ปน ชีวิเต วา มรเณ วา อุเปกฺขโกว โหติ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. สพฺพหุลกุมารกวตฺถุ
สุขกามานิ ¶ ¶ ภูตานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล กุมารเก อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ¶ สมเย สตฺถา สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต อนฺตรามคฺเค สมฺพหุเล กุมารเก เอกํ ฆรสปฺปชาติกํ อหึ ทณฺฑเกน ปหรนฺเต ทิสฺวา ‘‘กุมารกา กึ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหึ, ภนฺเต, ทณฺฑเกน ปหรามา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ การณา’’ติ ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฑํสนภเยน, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺเห ‘อตฺตโน สุขํ กริสฺสามา’ติ อิมํ ปหรนฺตา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สุขลาภิโน น ภวิสฺสถ. อตฺตโน สุขํ ปตฺเถนฺเตน หิ ปรํ ปหริตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน วิหึสติ;
อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต สุขํ.
‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน น หึสติ;
อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส ลภเต สุข’’นฺติ.
ตตฺถ โย ทณฺเฑนาติ โย ปุคฺคโล ทณฺเฑน วา เลฑฺฑุอาทีหิ วา วิเหเติ. เปจฺจ โส น ลภเต สุขนฺติ โส ปุคฺคโล ปรโลเก มนุสฺสสุขํ วา ทิพฺพสุขํ วา ปรมตฺถภูตํ วา นิพฺพานสุขํ น ลภติ. ทุติยคาถาย เปจฺจ โส ลภเตติ โส ปุคฺคโล ปรโลเก วุตฺตปฺปการํ ติวิธมฺปิ สุขํ ลภตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ เต กุมารกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.
สมฺพหุลกุมารกวตฺถุ ตติยํ.
๔. โกณฺฑธานตฺเถรวตฺถุ
มาโวจ ¶ ผรุสํ กฺจีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกณฺฑธานตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส ¶ ¶ กิร ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย เอกํ อิตฺถิรูปํ เถเรน สทฺธึเยว วิจรติ. ตํ เถโร น ปสฺสติ, มหาชโน ปน ปสฺสติ. อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย จรโตปิสฺส มนุสฺสา เอกํ ภิกฺขํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อยํ ตุมฺหากํ โหตุ, อยํ ปน ตุมฺหากํ สหายิกายา’’ติ วตฺวา ทุติยมฺปิ ททนฺติ.
กึ ตสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิร ทฺเว สหายกา ภิกฺขู เอกมาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตสทิสา อติวิย สมคฺคา อเหสุํ. ทีฆายุกพุทฺธกาเล จ อนุสํวจฺฉรํ วา อนุฉมาสํ วา ภิกฺขู อุโปสถตฺถาย สนฺนิปตนฺติ. ตสฺมา เตปิ ‘‘อุโปสถคฺคํ คมิสฺสามา’’ติ วสนฏฺานา นิกฺขมึสุ. เต เอกา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตเทวตา ทิสฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู อติวิย สมคฺคา, สกฺกา นุ โข อิเม ภินฺทิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน พาลตาย จินฺติตสมนนฺตรเมว อาคนฺตฺวา เตสุ เอเกน, ‘‘อาวุโส, มุหุตฺตํ อาคเมหิ, สรีรกิจฺเจนมฺหิ อตฺถิโก’’ติ วุตฺเต สา เทวตา เอกํ มนุสฺสิตฺถิวณฺณํ ¶ มาเปตฺวา เถรสฺส คจฺฉนฺตรํ ปวิสิตฺวา นิกฺขมนกาเล เอเกน หตฺเถน เกสกลาปํ, เอเกน นิวาสนํ สณฺาปยมานา ตสฺส ปิฏฺิโต นิกฺขมิ. โส ตํ น ปสฺสติ, ตมาคมยมาโน ปน ปุรโต ิตภิกฺขุ นิวตฺติตฺวา โอโลกยมาโน ตํ ตถา กตฺวา นิกฺขมนฺตํ ปสฺสิ. สา เตน ทิฏฺภาวํ ตฺวา อนฺตรธายิ. อิตโร ตํ ภิกฺขุํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล อาห – ‘‘อาวุโส, สีลํ เต ภินฺน’’นฺติ. ‘‘นตฺถาวุโส, มยฺหํ เอวรูป’’นฺติ. อิทาเนว เต มยา ปจฺฉโต นิกฺขมมานา ตรุณอิตฺถี อิทํ นาม กโรนฺตี ทิฏฺา, ตฺวํ ‘‘นตฺถิ มยฺหํ เอวรูป’’นฺติ กึ วเทสีติ. โส อสนิยา มตฺถเก อวตฺถโฏ วิย มา มํ, อาวุโส, นาเสหิ, นตฺถิ มยฺหํ เอวรูปนฺติ. อิตโร ‘‘มยา สามํ อกฺขีหิ ทิฏฺํ, กึ ตว สทฺทหิสฺสามี’’ติ ทณฺฑโก วิย ภิชฺชิตฺวา ปกฺกามิ, อุโปสถคฺเคปิ ‘‘นาหํ อิมินา สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสามี’’ติ นิสีทิ. อิตโร ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, สีเล อณุมตฺตมฺปิ กาฬํ นตฺถี’’ติ ภิกฺขูนํ กเถสิ. โสปิ ‘‘มยา สามํ ทิฏฺ’’นฺติ อาห. เทวตา ตํ เตน สทฺธึ อุโปสถํ กาตุํ อนิจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ภาริยํ มยา กมฺมํ กต’’นฺติ จินฺเตตฺวา – ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อยฺยสฺส สีลเภโท นตฺถิ, มยา ปน วีมํสนวเสเนตํ กตํ, กโรถ เตน ¶ สทฺธึ อุโปสถ’’นฺติ อาห. โส ตสฺสา อากาเส ตฺวา กเถนฺติยา สทฺทหิตฺวา อุโปสถํ อกาสิ ¶ , น ปน เถเร ปุพฺเพ วิย มุทุจิตฺโต อโหสิ. เอตฺตกํ เทวตาย ปุพฺพกมฺมํ.
อายุปริโยสาเน ปน เต เถรา ยถาสุขํ เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เทวตา อปีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิมนฺวาย สาสเน ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทํ ลภิ. ตสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ตํ อิตฺถิรูปํ ¶ ตเถว ปฺายิ. เตเนวสฺส โกณฺฑธานตฺเถโรติ นามํ กรึสุ. ตํ ตถาวิจรนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อนาถปิณฺฑิกํ อาหํสุ – ‘‘มหาเสฏฺิ, อิมํ ทุสฺสีลํ ตว วิหารา นีหร. อิมฺหิ นิสฺสาย เสสภิกฺขูนํ อยโส อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ. กึ ปน, ภนฺเต, สตฺถา วิหาเร นตฺถีติ? อตฺถิ อุปาสกาติ. เตน หิ, ภนฺเต, สตฺถาว ชานิสฺสตีติ. ภิกฺขู คนฺตฺวา วิสาขายปิ ตเถว กเถสุํ. สาปิ เนสํ ตเถว ปฏิวจนํ อทาสิ.
ภิกฺขูปิ เตหิ อสมฺปฏิจฺฉิตวจนา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘มหาราช, โกณฺฑธานตฺเถโร เอกํ อิตฺถึ คเหตฺวา วิจรนฺโต สพฺเพสํ อยสํ อุปฺปาเทสิ, ตํ ตุมฺหากํ วิชิตา นีหรถา’’ติ. ‘‘กหํ ปน โส, ภนฺเต’’ติ? ‘‘วิหาเร, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตรสฺมึ เสนาสเน วิหรตี’’ติ? ‘‘อสุกสฺมึ นามา’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, อหํ ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ โส สายนฺหสมเย วิหารํ คนฺตฺวา ตํ เสนาสนํ ปุริเสหิ ปริกฺขิปาเปตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานาภิมุโข อคมาสิ. เถโร มหาสทฺทํ สุตฺวา วิหารา นิกฺขมิตฺวา ปมุเข อฏฺาสิ. ตมฺปิสฺส อิตฺถิรูปํ ¶ ปิฏฺิปสฺเส ิตํ ราชา อทฺทส. เถโร รฺโ อาคมนํ ตฺวา วิหารํ อภิรุหิตฺวา นิสีทิ. ราชา เถรํ น วนฺทิ, ตมฺปิ อิตฺถึ นาทฺทส. โส ทฺวารนฺตเรปิ เหฏฺามฺเจปิ โอโลเกนฺโต อทิสฺวาว เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน เอกํ อิตฺถึ อทฺทสํ, กหํ สา’’ติ? ‘‘น ปสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘อิทานิ มยา ตุมฺหากํ ปิฏฺิปสฺเส ิตา ทิฏฺา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อหํ น ปสฺสามิ’’จฺเจวาห. ราชา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิโต ตาว นิกฺขมถา’’ติ อาห. เถเร นิกฺขมิตฺวา ปมุเข ิเต ปุน สา เถรสฺส ปิฏฺิปสฺเส อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ปุน อุปริตลํ อภิรุหิ, ตสฺส อาคตภาวํ ตฺวา เถโร นิสีทิ. ปุน ราชา ตํ สพฺพฏฺาเนสุ โอโลเกนฺโตปิ อทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, กหํ สา อิตฺถี’’ติ ปุน เถรํ ¶ ปุจฺฉิ. นาหํ ปสฺสามิ มหาราชาติ. ‘‘กึ กเถถ, ภนฺเต, มยา อิทาเนว ตุมฺหากํ ปิฏฺิปสฺเส ิตา ทิฏฺา’’ติ อาห. อาม, มหาราช, มหาชโนปิ ‘‘เม ปจฺฉโต ปจฺฉโต อิตฺถี วิจรตี’’ติ วทติ, อหํ ปน น ปสฺสามีติ ¶ . ราชา ‘‘ปฏิรูปเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ปุน เถรํ, ‘‘ภนฺเต, อิโต ตาว โอตรถา’’ติ วตฺวา เถเร โอตริตฺวา ปมุเข ิเต ปุน ตํ ตสฺส ปิฏฺิปสฺเส ิตํ ทิสฺวา อุปริตลํ อภิรุหิ. ปุน นาทฺทส. โส ปุน เถรํ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘น ปสฺสามิ’’จฺเจว วุตฺเต ‘‘ปฏิรูปกเมเวต’’นฺติ นิฏฺํ คนฺตฺวา เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, เอวรูเป สํกิเลเส ตุมฺหากํ ปิฏฺิโต วิจรนฺเต อฺโ โกจิ ตุมฺหากํ ภิกฺขํ น ทสฺสติ, นิพทฺธํ มม เคหํ ปวิสถ, อหเมว จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ เถรํ นิมนฺเตตฺวา ปกฺกามิ.
ภิกฺขู ‘‘ปสฺสถาวุโส, รฺโ ปาปกิริยํ, ‘เอตํ วิหารโต นีหรา’ติ วุตฺเต อาคนฺตฺวา จตูหิ ¶ ปจฺจเยหิ นิมนฺเตตฺวา คโต’’ติ อุชฺฌายึสุ. ตมฺปิ เถรํ อาหํสุ – ‘‘อมฺโภ, ทุสฺสีล, อิทานิสิ ราชโกณฺโฑ ชาโต’’ติ. โสปิ ปุพฺเพ ภิกฺขู กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ตุมฺเห ทุสฺสีลา, ตุมฺเห โกณฺฑา, ตุมฺเห อิตฺถึ คเหตฺวา วิจรถา’’ติ อาห. เต คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, โกณฺฑธานตฺเถโร อมฺเหหิ วุตฺโต อมฺเห ‘ทุสฺสีลา’ติอาทีนิ วตฺวา อกฺโกสตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอวํ วเทสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘มยา สทฺธึ กถิตการณา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อิมินา สทฺธึ กสฺมา กเถถา’’ติ. ‘‘อิมสฺส ปจฺฉโต อิตฺถึ วิจรนฺตึ ทิสฺวา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิเม กิร ตยา สทฺธึ อิตฺถึ วิจรนฺตึ ทิสฺวา วทนฺติ, ตฺวํ กสฺมา กเถสิ ¶ , เอเต ตาว ทิสฺวา กเถนฺติ. ตฺวํ อทิสฺวาว อิเมหิ สทฺธึ กสฺมา กเถสิ, นนุ ปุพฺเพ ตเวว ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย อิทํ ชาตํ, อิทานิ กสฺมา ปุน ปาปิกํ ทิฏฺึ คณฺหาสี’’ติ. ภิกฺขู ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อิมินา ปุพฺเพ กต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. อถ เนสํ สตฺถา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อิทํ ปาปกมฺมํ นิสฺสาย ตฺวํ อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต, อิทานิ เต ปุน ตถารูปํ ปาปิกํ ทิฏฺึ คเหตุํ น ยุตฺตํ, มา ปุน ภิกฺขูหิ สทฺธึ กิฺจิ กเถหิ, นิสฺสทฺโท มุขวฏฺฏิยํ ฉินฺนกํสถาลสทิโส โหหิ, เอวํ กโรนฺโต นิพฺพานปฺปตฺโต นาม ภวิสฺสตี’’ติ ¶ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘มาโวจ ผรุสํ กฺจิ, วุตฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตํ;
ทุกฺขา หิ สารมฺภกถา, ปฏิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตํ.
‘‘สเจ เนเรสิ อตฺตานํ, กํโส อุปหโต ยถา;
เอส ปตฺโตสิ นิพฺพานํ, สารมฺโภ เต น วิชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ มาโวจ ผรุสํ กฺจีติ กฺจิ เอกปุคฺคลมฺปิ ผรุสํ มา อวจ. วุตฺตาติ ตยา ปเร ‘‘ทุสฺสีลา’’ติ วุตฺตา, ตมฺปิ ตเถว ปฏิวเทยฺยุํ. สารมฺภกถาติ เอสา กรณุตฺตรา ยุคคฺคาหกถา นาม ทุกฺขา. ปฏิทณฺฑาติ กายทณฺฑาทีหิ ¶ ปรํ ปหรนฺตสฺส ตาทิสา ปฏิทณฺฑา จ ตว มตฺถเก ปเตยฺยุํ. สเจ เนเรสีติ สเจ อตฺตานํ นิจฺจลํ กาตุํ สกฺขิสฺสสิ. กํโส อุปหโต ยถาติ มุขวฏฺฏิยํ ฉินฺทิตฺวา ตลมตฺตํ กตฺวา ปิตกํสถาลํ วิย. ตฺหิ หตฺถปาเทหิ วา ทณฺฑเกน วา ปหฏมฺปิ สทฺทํ น กโรติ, เอส ปตฺโตสีติ สเจ เอวรูโป ภวิตุํ สกฺขิสฺสสิ, อิมํ ปฏิปทํ ปูรยมาโน อิทานิ อปฺปตฺโตปิ เอโส นิพฺพานปฺปตฺโต นาม. สารมฺโภ เต น วิชฺชตีติ เอวํ สนฺเต จ ปน ‘‘ตฺวํ ทุสฺสีโล, ตุมฺเห ทุสฺสีลา’’ติเอวมาทิโก อุตฺตรกรณวาจาลกฺขโณ สารมฺโภปิ เต น วิชฺชติ, น ภวิสฺสติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, โกณฺฑธานตฺเถโรปิ สตฺถารา ทินฺนโอวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ, น จิรสฺเสว อากาเส อุปฺปติตฺวา ปมํ สลากํ คณฺหีติ.
โกณฺฑธานตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อุโปสถิกอิตฺถีนํ วตฺถุ
ยถา ทณฺเฑนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต วิสาขาทีนํ อุปาสิกานํ อุโปสถกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ ¶ ¶ กิร เอกสฺมึ มหาอุโปสถทิวเส ปฺจสตมตฺตา อิตฺถิโย อุโปสถิกา หุตฺวา วิหารํ อคมึสุ. วิสาขา ตาสุ มหลฺลกิตฺถิโย อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ, ‘‘อมฺมา, กิมตฺถํ อุโปสถิกา ชาตตฺถา’’ติ. ตาหิ ‘‘ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปตฺเถตฺวา’’ติ วุตฺเต มชฺฌิมิตฺถิโย ปุจฺฉิ, ตาหิ ‘‘สปตฺติวาสา มุจฺจนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ตรุณิตฺถิโย ปุจฺฉิ, ตาหิ ‘‘ปมคพฺเภ ปุตฺตปฏิลาภตฺถายา’’ติ วุตฺเต กุมาริกาโย ปุจฺฉิ, ตาหิ ‘‘ตรุณภาเวเยว ปติกุลคมนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ตํ สพฺพมฺปิ ตาสํ กถํ สุตฺวา ตา อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิปาฏิยา อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘วิสาเข อิเมสํ สตฺตานํ ชาติอาทโย นาม ทณฺฑหตฺถกโคปาลกสทิสา, ชาติ ชราย สนฺติกํ, ชรา พฺยาธิโน สนฺติกํ, พฺยาธิ มรณสฺส สนฺติกํ เปเสตฺวา มรณํ กุาริยา ฉินฺทนฺตา วิย ชีวิตํ ฉินฺทติ, เอวํ สนฺเตปิ วิวฏฺฏํ ปตฺเถนฺตา นาม นตฺถิ, วฏฺฏเมว ปน ปตฺเถนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยถา ทณฺเฑน โคปาโล, คาโว ปาเชติ โคจรํ;
เอวํ ชรา จ มจฺจุ จ, อายุํ ปาเชนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
ตตฺถ ปาเชตีติ เฉโก โคปาโล เกทารนฺตรํ ปวิสนฺติโย คาโว ทณฺเฑน นิวาเรตฺวา เตเนว โปเถนฺโต สุลภติโณทกํ ¶ โคจรํ เนติ. อายุํ ปาเชนฺตีติ ชีวิตินฺทฺริยํ ฉินฺทนฺติ เขเปนฺติ. โคปาลโก วิย หิ ชรา จ มจฺจุ จ, โคคโณ วิย ชีวิตินฺทฺริยํ, โคจรภูมิ วิย มรณํ. ตตฺถ ชาติ ตาว สตฺตานํ ชีวิตินฺทฺริยํ ชราย สนฺติกํ เปเสสิ, ชรา พฺยาธิโน สนฺติกํ ¶ , พฺยาธิ มรณสฺส สนฺติกํ. ตเมว มรณํ กุาริยา เฉทํ วิย ฉินฺทิตฺวา คจฺฉตีติ อิทเมตฺถ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนํ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อุโปสถิกอิตฺถีนํ วตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อชครเปตวตฺถุ
อถ ¶ ปาปานิ กมฺมานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชครเปตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกูฏโต โอตรนฺโต ทิพฺเพน จกฺขุนา ปฺจวีสติโยชนิกํ อชครเปตํ นาม อทฺทส. ตสฺส สีสโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา ปริยนฺตํ คจฺฉนฺติ, ปริยนฺตโต อุฏฺหิตฺวา สีสํ คจฺฉนฺติ, อุภยโต อุฏฺหิตฺวา มชฺเฌ โอตรนฺติ. เถโร ตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. ลกฺขณตฺเถเรน สิตการณํ ปุฏฺโ ‘‘อกาโล, อาวุโส, อิมสฺส ปฺหสฺส เวยฺยากรณาย, สตฺถุ สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ ¶ วตฺวา ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คตกาเล ลกฺขณตฺเถเรน ปุฏฺโ อาห – ‘‘ตตฺราหํ, อาวุโส, เอกํ เปตํ อทฺทสํ, ตสฺส เอวรูโป นาม อตฺตภาโว, อหํ ตํ ทิสฺวา ‘น วต เม เอวรูโป อตฺตภาโว ทิฏฺปุพฺโพ’ติ สิตํ ปาตฺวากาสิ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘จกฺขุภูตา วต, ภิกฺขเว, สาวกา วิหรนฺตี’’ติอาทีนิ (ปารา. ๒๒๘; สํ. นิ. ๒.๒๐๒) วทนฺโต เถรสฺส กถํ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘มยาปิ เอโส, ภิกฺขเว, เปโต โพธิมณฺเฑเยว ทิฏฺโ, ‘เย จ ปน เม วจนํ น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ ตํ อหิตาย อสฺสา’ติ น กเถสึ, อิทานิ โมคฺคลฺลานํ สกฺขึ ลภิตฺวา กเถมี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุฏฺโ พฺยากาสิ –
กสฺสปพุทฺธกาเล กิร สุมงฺคลเสฏฺิ นาม สุวณฺณิฏฺกาหิ ภูมึ สนฺถริตฺวา วีสติอุสภฏฺาเน ตตฺตเกเนว ธเนน วิหารํ กาเรตฺวา ตาวตฺตเกเนว วิหารมหํ กาเรสิ. โส เอกทิวสํ ปาโตว สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต นครทฺวาเร เอกิสฺสา สาลาย กาสาวํ สสีสํ ปารุปิตฺวา กลลมกฺขิเตหิ ปาเทหิ นิปนฺนํ เอกํ โจรํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กลลมกฺขิตปาโท รตฺตึ วิจริตฺวา ทิวา นิปนฺนมนุสฺโส ภวิสฺสตี’’ติ อาห. โจโร มุขํ วิวริตฺวา เสฏฺึ ทิสฺวา ¶ ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพ’’นฺติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา สตฺตกฺขตฺตุํ เขตฺตํ ฌาเปสิ, สตฺตกฺขตฺตุํ วเช คุนฺนํ ปาเท ฉินฺทิ, สตฺตกฺขตฺตุํ เคหํ ฌาเปสิ, โส เอตฺตเกนาปิ โกปํ นิพฺพาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ตสฺส จูฬูปฏฺาเกน สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ กตฺวา ‘‘กึ ¶ ¶ เต เสฏฺิโน ปิย’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘คนฺธกุฏิโต อฺํ ตสฺส ปิยตรํ นตฺถี’’ติ สุตฺวา ‘‘โหตุ, คนฺธกุฏึ ฌาเปตฺวา โกปํ นิพฺพาเปสฺสามี’’ติ สตฺถริ ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ ปานียปริโภชนียฆเฏ ภินฺทิตฺวา คนฺธกุฏิยํ อคฺคึ อทาสิ. เสฏฺิ ‘‘คนฺธกุฏิ กิร ฌายตี’’ติ สุตฺวา อาคจฺฉนฺโต ฌามกาเล อาคนฺตฺวา คนฺธกุฏึ ฌามํ โอโลเกนฺโต วาลคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ อกตฺวา วามพาหุํ สมฺชิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน มหาอปฺโผฏนํ อปฺโผเฏสิ. อถ นํ สมีเป ิตา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กสฺมา, สามิ, เอตฺตกํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา กตคนฺธกุฏิยา ฌามกาเล อปฺโผเฏสี’’ติ? โส อาห – ‘‘เอตฺตกํ เม, ตาตา, อคฺคิอาทีหิ อสาธารเณ พุทฺธสฺส สาสเน ธนํ นิทหิตุํ ลทฺธํ, ‘ปุนปิ เอตฺตกํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา สตฺถุ คนฺธกุฏึ กาตุํ ลภิสฺสามี’ติ ตุฏฺมานโส อปฺโผเฏสิ’’นฺติ. โส ปุน ตตฺตกํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา คนฺธกุฏึ กาเรตฺวา วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส สตฺถุโน ทานํ อทาสิ. ตํ ทิสฺวา โจโร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมํ อมาเรตฺวา มงฺกุกาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, โหตุ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ นิวาสนนฺตเร ฉุริกํ พนฺธิตฺวา สตฺตาหํ วิหาเร วิจรนฺโตปิ โอกาสํ น ลภิ. มหาเสฏฺิปิ สตฺต ทิวสานิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มม เอเกน ปุริเสน สตฺตกฺขตฺตุํ ¶ เขตฺตํ ฌาปิตํ, สตฺตกฺขตฺตุํ วเช คุนฺนํ ปาทา ฉินฺนา, สตฺตกฺขตฺตุํ เคหํ ฌาปิตํ, อิทานิ คนฺธกุฏิปิ เตเนว ฌาปิตา ภวิสฺสติ, อหํ อิมสฺมึ ทาเน ปมํ ปตฺตึ ตสฺส ทมฺมี’’ติ.
ตํ สุตฺวา โจโร ‘‘ภาริยํ วต เม กมฺมํ กตํ, เอวํ อปราธการเก มยิ อิมสฺส โกปมตฺตมฺปิ นตฺถิ, อิมสฺมิมฺปิ ทาเน มยฺหเมว ปมํ ปตฺตึ เทติ, อหํ อิมสฺมึ ทุพฺภามิ, เอวรูปํ เม ปุริสํ อขมาเปนฺตสฺส เทวทณฺโฑปิ เม มตฺถเก ปเตยฺยา’’ติ คนฺตฺวา เสฏฺิสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, สามี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, เอวํ อยุตฺตกํ กมฺมํ มยา กตํ, ตสฺส เม ขมาหี’’ติ อาห. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘ตยา เม อิทฺจิทฺจ กต’’นฺติ สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, มยา กต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘ตฺวํ มยา น ทิฏฺปุพฺโพ, กสฺมา เม กุชฺฌิตฺวา เอวมกาสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส เอกทิวสํ นครา นิกฺขนฺเตน เตน วุตฺตวจนํ สาเรตฺวา ‘‘อิมินา เม การเณน โกโป อุปฺปาทิโต’’ติ อาห. เสฏฺิ อตฺตนา วุตฺตํ สริตฺวา ‘‘อาม, ตาต, วุตฺตํ มยา ¶ , ตํ เม ขมาหี’’ติ โจรํ ขมาเปตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, ตาต, ขมามิ เต, คจฺฉ, ตาตา’’ติ อาห. สเจ เม, สามิ, ขมสิ, สปุตฺตทารํ มํ เคเห ทาสํ กโรหีติ. ตาต, ตฺวํ มยา เอตฺตเก กถิเต เอวรูปํ เฉทนํ อกาสิ, เคเห ¶ วสนฺเตน ปน ¶ สทฺธึ น สกฺกา กิฺจิ กเถตุํ, น เม ตยา เคเห วสนฺเตน กิจฺจํ อตฺถิ, ขมามิ เต, คจฺฉ, ตาตาติ. โจโร ตํ กมฺมํ กตฺวา อายุปริโยสาเน อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺโต ทีฆรตฺตํ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อิทานิ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต ปจฺจตีติ.
เอวํ สตฺถา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, พาลา นาม ปาปานิ กมฺมานิ กโรนฺตา น พุชฺฌนฺติ, ปจฺฉา ปน อตฺตนา กตกมฺเมหิ ฑยฺหมานา อตฺตนาว อตฺตโน ทาวคฺคิสทิสาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อถ ปาปานิ กมฺมานิ, กรํ พาโล น พุชฺฌติ;
เสหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ, อคฺคิฑฑฺโฒว ตปฺปตี’’ติ.
ตตฺถ อถ ปาปานีติ น เกวลํ พาโล โกธวเสน ปาปานิ กโรติ, กโรนฺโตปิ ปน น พุชฺฌตีติ อตฺโถ. ปาปํ กโรนฺโต จ ‘‘ปาปํ กโรมี’’ติ อพุชฺฌนโก นาม นตฺถิ. ‘‘อิมสฺส กมฺมสฺส เอวรูโป นาม วิปาโก’’ติ อชานนตาย ‘‘น พุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํ. เสหีติ โส เตหิ อตฺตโน สนฺตเกหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ นิปฺปฺโ ปุคฺคโล นิรเย นิพฺพตฺติตฺวา อคฺคิฑฑฺโฒว ตปฺปตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อชครเปตวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ
โย ¶ ทณฺเฑนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ติตฺถิยา สนฺนิปติตฺวา มนฺเตสุํ – ‘‘ชานาถาวุโส, ‘เกน การเณน สมณสฺส โคตมสฺส ลาภสกฺกาโร มหา หุตฺวา นิพฺพตฺโต’ติ ¶ . มยํ น ชานาม, ตุมฺเห ปน ชานาถาติ. อาม, ชานาม, มหาโมคฺคลฺลานํ นาม เอกํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน. โส หิ เทวโลกํ คนฺตฺวา เทวตาหิ กตกมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ กเถติ ‘อิทํ นาม กตฺวา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ¶ ลภนฺตี’ติ. นิรเย นิพฺพตฺตานมฺปิ กมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ กเถติ ‘อิทํ นาม กตฺวา เอวรูปํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตี’ติ. มนุสฺสา ตสฺส กถํ สุตฺวา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ อภิหรนฺติ, สเจ ตํ มาเรตุํ สกฺขิสฺสาม, โส ลาภสกฺกาโร อมฺหากํ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ. เต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา ‘‘ยํกิฺจิ กตฺวา ตํ มาราเปสฺสามา’’ติ อตฺตโน อุปฏฺาเก สมาทเปตฺวา กหาปณสหสฺสํ ลภิตฺวา ปุริสฆาตกมฺมํ กตฺวา จรนฺเต โจเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร นาม กาฬสิลายํ วสติ, ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ มาเรถา’’ติ เตสํ กหาปเณ อทํสุ. โจรา ธนโลเภน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘เถรํ มาเรสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา ตสฺส วสนฏฺานํ ปริวาเรสุํ. เถโร เตหิ ปริกฺขิตฺตภาวํ ตฺวา กฺุจิกจฺฉิทฺเทน นิกฺขมิตฺวา ปกฺกามิ. เต โจรา ตํ ทิวสํ เถรํ อทิสฺวา ปุเนกทิวสํ คนฺตฺวา ปริกฺขิปึสุ. เถโร ¶ ตฺวา กณฺณิกามณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เอวํ เต ปมมาเสปิ มชฺฌิมมาเสปิ เถรํ คเหตุํ นาสกฺขึสุ. ปจฺฉิมมาเส ปน สมฺปตฺเต เถโร อตฺตนา กตกมฺมสฺส อากฑฺฒนภาวํ ตฺวา น อปคจฺฉิ. โจรา คนฺตฺวา เถรํ คเหตฺวา ตณฺฑุลกณมตฺตานิสฺส อฏฺีนิ กโรนฺตา ภินฺทึสุ. อถ นํ ‘‘มโต’’ติ สฺาย เอกสฺมึ คุมฺพปิฏฺเ ขิปิตฺวา ปกฺกมึสุ.
เถโร ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิตฺวาว ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อตฺตภาวํ ฌานเวเนน เวเตฺวา ถิรํ กตฺวา อากาเสน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ปรินิพฺพายิสฺสสิ, โมคฺคลฺลานา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตฺถ คนฺตฺวา’’ติ? ‘‘กาฬสิลาปเทสํ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ, โมคฺคลฺลาน, มยฺหํ ธมฺมํ กเถตฺวา ยาหิ. ตาทิสสฺส หิ เม สาวกสฺส อิทานิ ทสฺสนํ นตฺถีติ. โส ‘‘เอวํ กริสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อากาสํ อุปฺปติตฺวา ปรินิพฺพานทิวเส สาริปุตฺตตฺเถโร วิย นานปฺปการา อิทฺธิโย กตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ¶ กาฬสิลาฏวึ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิ. ‘‘เถรํ กิร โจรา มาเรสุ’’นฺติ อยมฺปิ กถา สกลชมฺพุทีเป ปตฺถริ. ราชา อชาตสตฺตุ โจเร ปริเยสนตฺถาย จรปุริเส ปโยเชสิ. เตสุปิ โจเรสุ สุราปาเน สุรํ ปิวนฺเตสุ เอโก เอกสฺส ปิฏฺึ ปหริตฺวา ปาเตสิ. โส ตํ สนฺเตชฺเชตฺวา ‘‘อมฺโภ ทุพฺพินีต, ตฺวํ กสฺมา เม ปิฏฺึ ปาเตสี’’ติ ¶ อาห. กึ ปน หเร ทุฏฺโจร, ตยา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปมํ ปหโฏติ? กึ ปน มยา ปหฏภาวํ ตฺวํ น ชานาสีติ? อิติ เนสํ ‘‘มยา ปหโฏ, มยา ปหโฏ’’ติ วทนฺตานํ วจนํ สุตฺวา เต จรปุริสา เต สพฺเพ โจเร คเหตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา โจเร ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเหหิ เถโร มาริโต’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกน ตุมฺเห อุยฺโยชิตา’’ติ? ‘‘นคฺคสมณเกหิ, เทวา’’ติ. ราชา ปฺจสเต นคฺคสมณเก คาหาเปตฺวา ปฺจสเตหิ โจเรหิ สทฺธึ ราชงฺคเณ นาภิปฺปมาเณสุ อาวาเฏสุ นิขณาเปตฺวา ปลาเลหิ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา อคฺคึ ทาเปสิ ¶ . อถ เนสํ ฌามภาวํ ตฺวา อยนงฺคเลหิ กสาเปตฺวา สพฺเพ ขณฺฑาขณฺฑิกํ การาเปสิ.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อตฺตโน อนนุรูปเมว มรณํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน อิมสฺเสว อตฺตภาวสฺส อนนุรูปํ มรณํ ปตฺโต, ปุพฺเพ ปน เตน กตสฺส กมฺมสฺส อนุรูปเมว มรณํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘กึ ปนสฺส, ภนฺเต, ปุพฺพกมฺม’’นฺติ ปุฏฺโ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ –
อตีเต ¶ กิร พาราณสิวาสี เอโก กุลปุตฺโต สยเมว โกฏฺฏนปจนาทีนิ กมฺมานิ กโรนฺโต มาตาปิตโร ปฏิชคฺคิ. อถสฺส มาตาปิตโร นํ, ‘‘ตาต, ตฺวํ เอกโกว เคเห จ อรฺเ จ กมฺมํ กโรนฺโต กิลมสิ, เอกํ เต กุมาริกํ อาเนสฺสามา’’ติ วตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, น มยฺหํ เอวรูปายตฺโถ, อหํ ยาว ตุมฺเห ชีวถ, ตาว โว สหตฺถา อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ เตน ปฏิกฺขิตฺตา ปุนปฺปุนํ ตํ ยาจิตฺวา กุมาริกํ อานยึสุ. สา กติปาหเมว เต อุปฏฺหิตฺวา ปจฺฉา เตสํ ทสฺสนมฺปิ อนิจฺฉนฺตี ‘‘น สกฺกา ตว มาตาปิตูหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุ’’นฺติ อุชฺฌายิตฺวา ตสฺมึ ¶ อตฺตโน กถํ อคฺคณฺหนฺเต ตสฺส พหิคตกาเล มกจิวากขณฺฑานิ จ ยาคุเผณฺจ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อากิริตฺวา เตนาคนฺตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุฏฺา อาห – ‘‘อิเมสํ อนฺธมหลฺลกานํ เอตํ กมฺมํ, สพฺพํ เคหํ กิลิฏฺํ กโรนฺตา วิจรนฺติ, น สกฺกา เอเตหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุ’’นฺติ. เอวํ ตาย นํ ปุนปฺปุนํ กถยมานาย เอวรูโปปิ ปูริตปารมี สตฺโต มาตาปิตูหิ สทฺธึ ภิชฺชิ. โส ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิ เนสํ กตฺตพฺพ’’นฺติ เต โภเชตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, อสุกฏฺาเน นาม ตุมฺหากํ ¶ าตกา อาคมนํ ปจฺจาสีสนฺติ, ตตฺถ คมิสฺสามา’’ติ เต ยานกํ อาโรเปตฺวา อาทาย คจฺฉนฺโต อฏวิมชฺฌํ ปตฺตกาเล, ‘‘ตาต, รสฺมิโย คณฺหาถ, คาโว ปโตทสฺาย คมิสฺสนฺติ, อิมสฺมึ าเน โจรา วสนฺติ, อหํ โอตรามี’’ติ ปิตุ หตฺเถ รสฺมิโย ทตฺวา โอตริตฺวา คจฺฉนฺโต สทฺทํ ปริวตฺเตตฺวา โจรานํ อุฏฺิตสทฺทมกาสิ. มาตาปิตโร สทฺทํ สุตฺวา ‘‘โจรา อุฏฺิตา’’ติ สฺาย, ‘‘ตาต, มยํ มหลฺลกา, ตฺวํ อตฺตานเมว รกฺขาหี’’ติ อาหํสุ. โส มาตาปิตโร ตถาวิรวนฺเตปิ โจรสทฺทํ กโรนฺโต โกฏฺเฏตฺวา มาเรตฺวา อฏวิยํ ขิปิตฺวา ปจฺจาคมิ.
สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน เอตฺตกํ กมฺมํ กตฺวา อเนกวสฺสสตสหสฺสานิ ¶ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต เอวเมว โกฏฺเฏตฺวา สํจุณฺณิโต มรณํ ปตฺโต. เอวํ โมคฺคลฺลาเนน อตฺตโน กมฺมานุรูปเมว มรณํ ลทฺธํ, ปฺจหิ โจรสเตหิ สทฺธึ ลภึสุ. อปฺปทุฏฺเสุ หิ ปทุสฺสนฺโต ทสหิ การเณหิ อนยพฺยสนํ ปาปุณาติเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘โย ¶ ทณฺเฑน อทณฺเฑสุ, อปฺปทุฏฺเสุ ทุสฺสติ;
ทสนฺนมฺตรํ านํ, ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ.
‘‘เวทนํ ผรุสํ ชานึ, สรีรสฺส ว เภทนํ;
ครุกํ วาปิ อาพาธํ, จิตฺตกฺเขปํ ว ปาปุเณ.
‘‘ราชโต ¶ วา อุปสคฺคํ, อพฺภกฺขานํ ว ทารุณํ;
ปริกฺขยํ ว าตีนํ, โภคานํ ว ปภงฺคุรํ.
‘‘อถ วาสฺส อคารานิ, อคฺคิ ฑหติ ปาวโก;
กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ อทณฺเฑสูติ กายทณฺฑาทิรหิเตสุ ขีณาสเวสุ. อปฺปทุฏฺเสูติ ปเรสุ วา อตฺตนิ วา นิรปราเธสุ. ทสนฺนมฺตรํ านนฺติ ทสสุ ทุกฺขการเณสุ อฺตรํ การณํ. เวทนนฺติ สีสโรคาทิเภทํ ผรุสํ เวทนํ. ชานินฺติ กิจฺฉาธิคตสฺส ธนสฺส ชานึ. เภทนนฺติ หตฺถจฺเฉทาทิกํ สรีรเภทนํ. ครุกนฺติ ปกฺขหตเอกจกฺขุกปีสปฺปิกุณีภาวกุฏฺโรคาทิเภทํ ครุกาพาธํ วา. จิตฺตกฺเขปนฺติ อุมฺมาทํ. อุปสคฺคนฺติ ยสวิโลปเสนาปติฏฺานาทิอจฺฉินฺทนาทิกํ ราชโต อุปสคฺคํ วา. อพฺภกฺขานนฺติ ¶ อทิฏฺอสุตอจินฺติตปุพฺพํ ‘‘อิทํ สนฺธิจฺเฉทาทิกมฺมํ, อิทํ วา ราชาปราธิตกมฺมํ ตยา กต’’นฺติ เอวรูปํ ทารุณํ อพฺภกฺขานํ วา. ปริกฺขยํ ว าตีนนฺติ อตฺตโน อวสฺสโย ภวิตุํ สมตฺถานํ าตีนํ ปริกฺขยํ วา. ปภงฺคุรนฺติ ปภงฺคุภาวํ ปูติภาวํ. ยํ หิสฺส เคเห ธฺํ, ตํ ปูติภาวํ อาปชฺชติ, สุวณฺณํ องฺคารภาวํ, มุตฺตา กปฺปาสฏฺิภาวํ, กหาปณํ กปาลขณฺฑาทิภาวํ, ทฺวิปทจตุปฺปทา กาณกุณาทิภาวนฺติ อตฺโถ. อคฺคิ ฑหตีติ เอกสํวจฺฉเร ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อฺสฺมึ ฑาหเก อวิชฺชมาเนปิ อสนิอคฺคิ วา ปติตฺวา ฑหติ, อตฺตโนว ธมฺมตาย อุฏฺิโต ปาวโก วา ฑหติเยว. นิรยนฺติ ทิฏฺเว ธมฺเม อิเมสํ ¶ ทสนฺนํ านานํ อฺตรํ ปตฺวาปิ เอกํเสน สมฺปราเย ปตฺตพฺพํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. พหุภณฺฑิกภิกฺขุวตฺถุ
น ¶ นคฺคจริยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พหุภณฺฑิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิวาสี ¶ กิเรโก กุฏุมฺพิโก ภริยาย กาลกตาย ปพฺพชิ. โส ปพฺพชนฺโต อตฺตโน ปริเวณฺจ อคฺคิสาลฺจ ภณฺฑคพฺภฺจ กาเรตฺวา สพฺพมฺปิ ภณฺฑคพฺภํ สปฺปิมธุเตลาทีหิ ปูเรตฺวา ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา จ ปน อตฺตโน ทาเส ปกฺโกสาเปตฺวา ยถารุจิกํ อาหารํ ปจาเปตฺวา ภฺุชติ. พหุภณฺโฑ จ พหุปริกฺขาโร จ อโหสิ. รตฺตึ อฺํ นิวาสนปารุปนํ โหติ, ทิวา อฺํ นิวาสนปารุปนํ โหติ, ทิวา อฺํ วิหารปจฺจนฺเต วสติ. ตสฺเสกทิวสํ จีวรปจฺจตฺถรณานิ สุกฺขาเปนฺตสฺส เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา ‘‘กสฺสิมานิ, อาวุโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มยฺห’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาวุโส, ภควตา ติจีวรานิ อนฺุาตานิ, ตฺวฺจ ปน เอวํ อปฺปิจฺฉสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวํ พหุปริกฺขาโร ชาโต’’ติ ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘ภนฺเต ¶ , อยํ ภิกฺขุ อติพหุภณฺโฑ’’ติ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตํ ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต อาห – ‘‘กสฺมา ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, มยา อปฺปิจฺฉตาย ธมฺเม เทสิเต เอวํ พหุภณฺโฑ ชาโต’’ติ. โส ตาวตฺตเกเนว กุปิโต ‘‘อิมินา ทานิ นีหาเรน จริสฺสามี’’ติ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา ปริสมชฺเฌ เอกจีวโร อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อุปตฺถมฺภยมาโน นนุ ตฺวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ หิโรตฺตปฺปคเวสโก ทกรกฺขสกาเลปิ หิโรตฺตปฺปํ คเวสมาโน ทฺวาทส วสฺสานิ วิหาสิ, กสฺมา อิทานิ เอวํ ครุเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปหาย ิโตสีติ. โส สตฺถุ วจนํ สุตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา ตํ จีวรํ ปารุปิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ภิกฺขู ตสฺส อตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา อตีตํ อาหริตฺวา กเถสิ –
อตีเต ¶ กิร พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ โพธิสตฺโต ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส มหึสกุมาโรติ นามํ กรึสุ. ตสฺส กนิฏฺภาตา จนฺทกุมาโร นาม อโหสิ. เตสํ มาตริ กาลกตาย ราชา อฺํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สาปิ ปุตฺตํ วิชายิ, สูริยกุมาโรติสฺส นามํ กรึสุ. ตํ ทิสฺวา ราชา ตุฏฺโ ‘‘ปุตฺตสฺส เต วรํ ทมฺมี’’ติ อาห. สาปิ โข, ‘‘เทว, อิจฺฉิตกาเล คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ปุตฺตสฺส วยปฺปตฺตกาเล ¶ ราชานํ อาห – ‘‘เทเวน มยฺหํ ปุตฺตสฺส ชาตกาเล วโร ทินฺโน, อิทานิ เม ปุตฺตสฺส รชฺชํ เทหี’’ติ ¶ . ราชา ‘‘มม ทฺเว ปุตฺตา อคฺคิกฺขนฺธา วิย ชลนฺตา วิจรนฺติ, น สกฺกา ตสฺส รชฺชํ ทาตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวาปิ ตํ ปุนปฺปุนํ ยาจมานเมว ทิสฺวา ‘‘อยํ เม ปุตฺตานํ อนตฺถมฺปิ กเรยฺยา’’ติ ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาตา, อหํ สูริยกุมารสฺส ชาตกาเล วรํ อทาสึ, อิทานิสฺส มาตา รชฺชํ ยาจติ, อหํ ตสฺส น ทาตุกาโม, ตสฺส มาตา ตุมฺหากํ อนตฺถมฺปิ กเรยฺย, คจฺฉถ ตุมฺเห, อรฺเ วสิตฺวา มมจฺจเยนาคนฺตฺวา รชฺชํ คณฺหถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปาสาทา โอตรนฺเต ราชงฺคเณ กีฬมาโน สูริยกุมาโร ทิสฺวา ตํ การณํ ตฺวา เตหิ สทฺธึ นิกฺขมิ. เตสํ หิมวนฺตํ ปวิฏฺกาเล โพธิสตฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา สูริยกุมารํ อาห – ‘‘ตาต, เอตํ สรํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ อมฺหากมฺปิ ปทุมินิปณฺเณหิ อุทกํ อาหรา’’ติ. โส ปน สโร เวสฺสวณฺณสฺส สนฺติกา เอเกน ทกรกฺขเสน ลทฺโธ โหติ. เวสฺสวณฺโณ จ ตํ อาห – ‘‘เปตฺวา เทวธมฺมชานนเก เย จ อฺเ อิมํ สรํ โอตรนฺติ, เต ขาทิตุํ ลภสี’’ติ. ตโต ปฏฺาย โส ตํ สรํ โอติณฺโณติณฺเณ เทวธมฺเม ปุจฺฉิตฺวา อชานนฺเต ขาทติ, สูริยกุมาโรปิ ¶ ตํ สรํ อวีมํสิตฺวาว โอตริ, เตน จ ‘‘เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘เทวธมฺมา นาม จนฺทิมสูริยา’’ติ อาห. อถ นํ ‘‘ตฺวํ เทวธมฺเม น ชานาสี’’ติ อุทกํ ปเวเสตฺวา อตฺตโน ภวเน เปสิ. โพธิสตฺโตปิ ตํ จิรายนฺตํ ทิสฺวา จนฺทกุมารํ เปเสสิ. โสปิ เตน ‘‘เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘เทวธมฺมา นาม จตสฺโส ทิสา’’ติ อาห. ทกรกฺขโส ตมฺปิ อุทกํ ปเวเสตฺวา ตตฺเถว เปสิ.
โพธิสตฺโต ตสฺมิมฺปิ จิรายนฺเต ‘‘อนฺตราเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ สยํ คนฺตฺวา ทฺวินฺนมฺปิ โอตรณปทํเยว ทิสฺวา ‘‘อยํ สโร รกฺขสปริคฺคหิโต’’ติ ตฺวา ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา ธนุํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. รกฺขโส ตํ อโนตรนฺตํ ทิสฺวา วนกมฺมิกปุริสเวเสนาคนฺตฺวา อาห – ‘‘โภ ปุริส, ตฺวํ มคฺคกิลนฺโต, กสฺมา อิมํ สรํ โอตริตฺวา นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ภิสมุลาลํ ขาทิตฺวา ปุปฺผานิ ปิลนฺธิตฺวา น คจฺฉสี’’ติ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวาว ‘‘เอส โส ยกฺโข’’ติ ตฺวา ‘‘ตยา เม ภาตโร คหิตา’’ติ อาห. อาม, มยา คหิตาติ. กึ การณาติ? อหํ อิมํ สรํ โอติณฺโณติณฺเณ ลภามีติ ¶ . กึ ปน สพฺเพว ลภสีติ? เทวธมฺมชานนเก ¶ เปตฺวา อวเสเส ลภามีติ. อตฺถิ ปน เต เทวธมฺเมหิ อตฺโถติ? อาม, อตฺถีติ. อหํ กเถสฺสามีติ. เตน หิ กเถหีติ. น สกฺกา กิลิฏฺเน คตฺเตน กเถตุนฺติ. ยกฺโข โพธิสตฺตํ ¶ นฺหาเปตฺวา ปานียํ ปาเยตฺวา อลงฺกริตฺวา อลงฺกตมณฺฑปมชฺเฌ ปลฺลงฺกํ อาโรเปตฺวา สยมสฺส ปาทมูเล นิสีทิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘สกฺกจฺจํ สุณาหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา, สุกฺกธมฺมสมาหิตา;
สนฺโต สปฺปุริสา โลเก, เทวธมฺมาติ วุจฺจเร’’ติ. (ชา. ๑.๑.๖);
ยกฺโข อิมํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺโน โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ปณฺฑิต, อหํ เต ปสนฺโน, เอกํ ภาตรํ ทมฺมิ, กตรํ อาเนมี’’ติ? ‘‘กนิฏฺํ อาเนหี’’ติ. ปณฺฑิต, ตฺวํ เกวลํ เทวธมฺเม ชานาสิเยว, น ปน เตสุ วตฺตสีติ. กึ การณาติ? ยสฺมา เชฏฺํ เปตฺวา กนิฏฺํ อาหราเปนฺโต เชฏฺาปจายิกกมฺมํ น กโรสีติ, เทวธมฺเม จาหํ ยกฺข ชานามิ, เตสุ จ วตฺตามิ. มยฺหิ เอตํ นิสฺสาย อิมํ อรฺํ ปวิฏฺา. เอตสฺส หิ อตฺถาย อมฺหากํ ปิตรํ เอตสฺส มาตา รชฺชํ ยาจิ, อมฺหากํ ปน ปิตา ตํ วรํ อทตฺวา อมฺหากํ อนุรกฺขณตฺถาย อรฺเ วาสํ อนุชานิ, โส กุมาโร อนิวตฺติตฺวา อมฺเหหิ สทฺธึ อาคโต. ‘‘ตํ อรฺเ เอโก ยกฺโข ขาที’’ติ วุตฺเตปิ น โกจิ สทฺทหิสฺสติ. เตนาหํ ครหภยภีโต ตเมวาหราเปมีติ. ยกฺโข โพธิสตฺตสฺส ปสีทิตฺวา ‘‘สาธุ ปณฺฑิต, ตฺวเมว เทวธมฺเม ชานาสิ, เทวธมฺเมสุ จ วตฺตสี’’ติ ทฺเว ภาตโร อาเนตฺวา อทาสิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ยกฺขภาเว อาทีนวํ กเถตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. โส เตน สุสํวิหิตารกฺโข ตสฺมึ อรฺเ วสิตฺวา ปิตริ กาลกเต ยกฺขํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา ¶ รชฺชํ คเหตฺวา จนฺทกุมารสฺส อุปรชฺชํ, สูริยกุมารสฺส เสนาปติฏฺานํ ทตฺวา ยกฺขสฺส รมณีเย าเน อายตนํ การาเปตฺวา ยถา โส ลาภคฺคปฺปตฺโต โหติ, ตถา อกาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา รกฺขโส พหุภณฺฑิกภิกฺขุ อโหสิ, สูริยกุมาโร อานนฺโท, จนฺทกุมาโร สาริปุตฺโต, มหึสกุมาโร ปน อหเมวา’’ติ. เอวํ สตฺถา ชาตกํ กเถตฺวา ‘‘เอวํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปุพฺเพ เทวธมฺเม คเวสมาโน หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺโน วิจริตฺวา อิทานิ จตุปริสมชฺเฌ อิมินา นีหาเรน ตฺวา มม ปุรโต ‘อปฺปิจฺโฉมฺหี’ติ วทนฺโต อยุตฺตํ อกาสิ. น หิ สาฏกปฏิกฺเขปาทิมตฺเตน สมโณ นาม โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ นคฺคจริยา น ชฏา น ปงฺกา, นานาสกา ถณฺฑิลสายิกา วา;
รโชชลฺลํ อุกฺกุฏิกปฺปธานํ, โสเธนฺติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺข’’นฺติ.
ตตฺถ นานาสกาติ น อนสกา, ภตฺตปฏิกฺเขปกาติ อตฺโถ. ถณฺฑิลสายิกาติ ภูมิสยนา. รโชชลฺลนฺติ กทฺทมเลปนากาเรน สรีเร สนฺนิหิตรโช ¶ . อุกฺกุฏิกปฺปธานนฺติ อุกฺกุฏิกภาเวน อารทฺธวีริยํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย หิ มจฺโจ ‘‘เอวํ อหํ โลกนิสฺสรณสงฺขาตํ สุทฺธึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อิเมสุ นคฺคจริยาทีสุ ยํ กิฺจิ สมาทาย วตฺเตยฺย, โส เกวลํ มิจฺฉาทสฺสนฺเจว วฑฺเฒยฺย, กิลมถสฺส จ ภาคี อสฺส. น หิ เอตานิ สุสมาทินฺนานิปิ อฏฺวตฺถุกาย กงฺขาย อวิติณฺณภาเวน อวิติณฺณกงฺขํ มจฺจํ โสเธนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
พหุภณฺฑิกภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. สนฺตติมหามตฺตวตฺถุ
อลงฺกโต เจปีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สนฺตติมหามตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ เอกสฺมึ กาเล รฺโ ปเสนทิโกสลสฺส ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วูปสเมตฺวา อาคโต. อถสฺส ราชา ตุฏฺโ สตฺต ทิวสานิ รชฺชํ ทตฺวา เอกํ ¶ นจฺจคีตกุสลํ อิตฺถึ อทาสิ. โส สตฺต ทิวสานิ สุรามทมตฺโต หุตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นฺหานติตฺถํ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทฺวารนฺตเร ทิสฺวา หตฺถิกฺขนฺธวรคโตว สีสํ จาเลตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. สตฺถา สิตํ กตฺวา ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, สิตปาตุกรเณ เหตู’’ติ ¶ อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ สิตการณํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘ปสฺสานนฺท, สนฺตติมหามตฺตํ, อชฺช สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโตว มม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺตตาลมตฺเต อากาเส นิสีทิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ. มหาชโน เถเรน สทฺธึ กเถนฺตสฺส สตฺถุ วจนํ อสฺโสสิ. ตตฺถ มิจฺฉาทิฏฺิกา จินฺตยึสุ – ‘‘ปสฺสถ สมณสฺส โคตมสฺส กิริยํ, มุขปฺปตฺตเมว ภาสติ, อชฺช กิร เอส เอวํ สุรามทมตฺโต ยถาลงฺกโตว เอตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อชฺเชว ตํ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามา’’ติ. สมฺมาทิฏฺิกา ¶ จินฺเตสุํ – ‘‘อโห พุทฺธานํ มหานุภาวตา, อชฺช พุทฺธลีฬฺเจว สนฺตติมหามตฺตลีฬฺจ ทฏฺุํ ลภิสฺสามา’’ติ.
สนฺตติมหามตฺโตปิ นฺหานติตฺเถ ทิวสภาคํ อุทกกีฬํ กีฬิตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา อาปานภูมิยํ นิสีทิ. สาปิ อิตฺถี รงฺคมชฺฌํ โอตริตฺวา นจฺจคีตํ ทสฺเสตุํ อารภิ. ตสฺสา สรีรลีฬาย ทสฺสนตฺถํ สตฺตาหํ อปฺปาหารตาย ตํ ทิวสํ นจฺจคีตํ ทสฺสยมานาย อนฺโตกุจฺฉิยํ สตฺถกวาตา สมุฏฺาย หทยมํสํ กนฺติตฺวา อคมํสุ. สา ตงฺขณฺเว มุเขน เจว อกฺขีหิ จ วิวเฏหิ กาลมกาสิ. สนฺตติมหามตฺโต ‘‘อุปธาเรถ น’’นฺติ วตฺวา ‘‘นิรุทฺธา, สามี’’ติ จ วุตฺตมตฺเตเยว ¶ พลวโสเกน อภิภูโต ตงฺขณฺเวสฺส สตฺตาหํ ปีตสุรา ตตฺตกปาเล อุทกพินฺทุ วิย ปริกฺขยํ อคมาสิ. โส ‘‘น เม อิมํ โสกํ อฺเ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสนฺติ อฺตฺร ตถาคเตนา’’ติ พลกายปริวุโต สายนฺหสมเย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, ‘เอวรูโป เม โสโก อุปฺปนฺโน, ตํ เม ตุมฺเห นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสถา’ติ อาคโตมฺหิ, ปฏิสรณํ เม โหถา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘โสกํ นิพฺพาเปตุํ สมตฺถสฺเสว สนฺติกํ อาคโตสิ. อิมิสฺสา หิ อิตฺถิยา อิมินาว อากาเรน มตกาเล ¶ ตว โรทนฺตสฺส ปคฺฆริตอสฺสูนิ จตุนฺนํ มหาสมุทฺทานํ อุทกโต อติเรกตรานี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยํ ปุพฺเพ ตํ วิโสเสหิ, ปจฺฉา เต มาหุ กิฺจนํ;
มชฺเฌ เจ โน คเหสฺสสิ, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ. (สุ. นิ. ๙๕๕, ๑๑๐๕; จูฬนิ. ชตุกณฺณิมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖๘);
คาถาปริโยสาเน สนฺตติมหามตฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกนฺโต ตสฺส อปฺปวตฺตนภาวํ ตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ปรินิพฺพานํ เม อนุชานาถา’’ติ. สตฺถา เตน กตกมฺมํ ชานนฺโตปิ ‘‘มุสาวาเทน นิคฺคณฺหนตฺถํ สนฺนิปติตา มิจฺฉาทิฏฺิกา โอกาสํ น ลภิสฺสนฺติ, ‘พุทฺธลีฬฺเจว สนฺตติมหามตฺตลีฬฺจ ปสฺสิสฺสามา’ติ สนฺนิปติตา สมฺมาทิฏฺิกา อิมินา กตกมฺมํ สุตฺวา ปฺุเสุ อาทรํ กริสฺสนฺตี’’ติ ¶ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เตน หิ ตยา กตกมฺมํ มยฺหํ กเถหิ, กเถนฺโต จ ภูมิยํ ิโต อกเถตฺวา สตฺตตาลมตฺเต อากาเส ิโต กเถหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกตาลปฺปมาณํ อุคฺคมฺม โอโรหิตฺวา ปุน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อุคฺคจฺฉนฺโต ปฏิปาฏิยา สตฺตตาลปฺปมาเณ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘‘สุณาถ เม, ภนฺเต, ปุพฺพกมฺม’’นฺติ วตฺวา อาห –
อิโต ¶ เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล อหํ พนฺธุมตินคเร เอกสฺมึ กุเล นิพฺพตฺติตฺวา จินฺเตสึ – ‘‘กึ นุ โข ปเรสํ เฉทํ วา ปีฬํ วา อกรณกมฺม’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ธมฺมโฆสกกมฺมํ ทิสฺวา ตโต ปฏฺาย ตํ กมฺมํ กโรนฺโต มหาชนํ สมาทเปตฺวา ‘‘ปฺุานิ กโรถ, อุโปสถทิวเสสุ อุโปสถํ สมาทิยถ, ทานํ เทถ, ธมฺมํ สุณาถ, พุทฺธรตนาทีหิ สทิสํ อฺํ นาม นตฺถิ, ติณฺณํ รตนานํ สกฺการํ กโรถา’’ติ อุคฺโฆเสนฺโต วิจรามิ. ตสฺส มยฺหํ สทฺทํ สุตฺวา พุทฺธปิตา พนฺธุมติมหาราชา มํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทว, ติณฺณํ รตนานํ คุณํ ปกาเสตฺวา มหาชนํ ปฺุกมฺเมสุ สมาทเปนฺโต วิจรามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กตฺถ นิสินฺโน วิจรสี’’ติ มํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปทสาว, เทวา’’ติ ¶ มยา วุตฺเต, ‘‘ตาต, น ตฺวํ เอวํ วิจริตุํ อรหสิ, อิมํ ปุปฺผทามํ ปิลนฺธิตฺวา อสฺสปิฏฺเ นิสินฺโนว วิจรา’’ติ มยฺหํ มุตฺตาทามสทิสํ ปุปฺผทามํ ทตฺวา ทนฺตํ อสฺสํ อทาสิ. อถ มํ รฺา ทินฺนปริหาเรน ตเถว อุคฺโฆเสตฺวา ¶ วิจรนฺตํ ปุน ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตเทว, เทวา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตาต, อสฺโสปิ เต นานุจฺฉวิโก, อิธ นิสีทิตฺวา วิจรา’’ติ จตุสินฺธวยุตฺตรถํ อทาสิ. ตติยวาเรปิ เม ราชา สทฺทํ สุตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตเทว, เทวา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตาต, รโถปิ เต นานุจฺฉวิโก’’ติ มยฺหํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหาปสาธนฺจ ทตฺวา เอกฺจ หตฺถึ อทาสิ. สฺวาหํ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต หตฺถิกฺขนฺเธ นิสินฺโน อสีติ วสฺสสหสฺสานิ ธมฺมโฆสกกมฺมํ อกาสึ, ตสฺส เม เอตฺตกํ กาลํ กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ. อิทํ มยา กตกมฺมนฺติ.
เอวํ โส อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา อากาเส นิสินฺโนว เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิ. สรีเร อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา มํสโลหิตํ ฌาเปสิ, สุมนปุปฺผานิ วิย ธาตุโย อวสิสฺสึสุ. สตฺถา สุทฺธวตฺถํ ปสาเรสิ, ธาตุโย ¶ ตตฺถ ปตึสุ. ตา ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา จตุมหาปเถ ถูปํ กาเรสิ ‘‘มหาชโน วนฺทิตฺวา ปฺุภาคี ภวิสฺสตี’’ติ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, สนฺตติมหามตฺโต คาถาวสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโตเยว อากาเส นิสีทิตฺวา ปรินิพฺพุโต, กึ นุ โข เอตํ ‘สมโณ’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ อุทาหุ พฺราหฺมโณ’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺตํ ‘สมโณ’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ, ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
อลงฺกโต เจปิ สมํ จเรยฺย,
สนฺโต ทนฺโต นิยโต พฺรหฺมจารี;
สพฺเพสุ ¶ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,
โส พฺราหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกฺขู’’ติ.
ตตฺถ อลงฺกโตติ วตฺถาภรเณหิ ปฏิมณฺฑิโต. ตสฺสตฺโถ – วตฺถาลงฺการาทีหิ อลงฺกโต เจปิ ปุคฺคโล กายาทีหิ สมํ จเรยฺย, ราคาทิวูปสเมน สนฺโต อินฺทฺริยทมเนน ทนฺโต จตุมคฺคนิยเมน นิยโต เสฏฺจริยาย ¶ พฺรหฺมจารี กายทณฺฑาทีนํ โอโรปิตตาย สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ. โส เอวรูโป พาหิตปาปตฺตา ¶ พฺราหฺมโณติปิ สมิตปาปตฺตา สมโณติปิ ภินฺนกิเลสตฺตา ภิกฺขูติปิ วตฺตพฺโพเยวาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สนฺตติมหามตฺตวตฺถุ นวมํ.
๑๐. ปิโลติกติสฺสตฺเถรวตฺถุ
หิรีนิเสโธติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปิโลติกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย อานนฺทตฺเถโร เอกํ ปิโลติกขณฺฑนิวตฺถํ กปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตํ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘กึ เต เอวํ วิจริตฺวา ชีวนโต ปพฺพชฺชา น อุตฺตริตรา’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โก มํ ปพฺพาเชสฺสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ ตํ อาทาย คนฺตฺวา สหตฺถา นฺหาเปตฺวา กมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. ตฺจ ปน นิวตฺถปิโลติกขณฺฑํ ปสาเรตฺวา โอโลเกนฺโต ปริสฺสาวนกรณมตฺตมฺปิ คยฺหูปคํ กฺจิ ปเทสํ อทิสฺวา กปาเลน สทฺธึ เอกิสฺสา รุกฺขสาขาย เปสิ. โส ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท พุทฺธานํ อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ ปริภฺุชมาโน มหคฺฆานิ จีวรานิ อจฺฉาเทตฺวา วิจรนฺโต ถูลสรีโร หุตฺวา อุกฺกณฺิตฺวา ‘‘กึ เม ชนสฺส สทฺธาเทยฺยํ นิวาเสตฺวา วิจรเณน, อตฺตโน ปิโลติกเมว นิวาเสสฺสามี’’ติ ตํ านํ คนฺตฺวา ปิโลติกํ คเหตฺวา ‘‘อหิริก ¶ นิลฺลชฺช เอวรูปานํ วตฺถานํ อจฺฉาทนฏฺานํ ปหาย อิมํ ปิโลติกขณฺฑํ นิวาเสตฺวา กปาลหตฺโถ ภิกฺขาย จริตุํ คจฺฉสี’’ติ ตํ อารมฺมณํ กตฺวา อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ, โอวทนฺตสฺเสว ปนสฺส จิตฺตํ สนฺนิสีทิ. โส ตํ ปิโลติกํ ตตฺเถว ปฏิสาเมตฺวา นิวตฺติตฺวา วิหารเมว คโต. โส กติปาหจฺจเยน ปุนปิ อุกฺกณฺิตฺวา ตเถว วตฺวา นิวตฺติ, ปุนปิ ตเถวาติ. ตํ เอวํ อปราปรํ วิจรนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู ¶ ‘‘กหํ ¶ , อาวุโส, คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉนฺติ. โส ‘‘อาจริยสฺส สนฺติกํ คจฺฉามาวุโส’’ติ วตฺวา เอเตเนว นีหาเรน อตฺตโน ปิโลติกขณฺฑเมว อารมฺมณํ กตฺวา อตฺตานํ นิเสเธตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘กึ, อาวุโส, น ทานิ อาจริยสฺส สนฺติกํ คจฺฉสิ, นนุ อยํ เต วิจรณมคฺโค’’ติ. อาวุโส, อาจริเยน สทฺธึ สํสคฺเค สติ คโตมฺหิ, อิทานิ ปน เม ฉินฺโน สํสคฺโค, เตนสฺส สนฺติกํ น คจฺฉามีติ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, ปิโลติกตฺเถโร อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. กิมาห, ภิกฺขเวติ? อิทํ นาม, ภนฺเตติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต สํสคฺเค สติ อาจริยสฺส สนฺติกํ คโต, อิทานิ ปนสฺส สํสคฺโค ฉินฺโน, อตฺตนาว อตฺตานํ นิเสเธตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘หิรีนิเสโธ ปุริโส, โกจิ โลกสฺมึ วิชฺชติ;
โย นิทฺทํ อปโพเธติ, อสฺโส ภทฺโร กสามิว.
‘‘อสฺโส ¶ ยถา ภทฺโร กสานิวิฏฺโ,
อาตาปิโน สํเวคิโน ภวาถ;
สทฺธาย สีเลน จ วีริเยน จ,
สมาธินา ธมฺมวินิจฺฉเยน จ;
สมฺปนฺนวิชฺชาจรณา ปติสฺสตา,
ชหิสฺสถ ทุกฺขมิทํ อนปฺปก’’นฺติ.
ตตฺถ อนฺโต อุปฺปนฺนํ อกุสลวิตกฺกํ หิริยา นิเสเธตีติ หิรีนิเสโธ. โกจิ โลกสฺมินฺติ เอวรูโป ปุคฺคโล ทุลฺลโภ, โกจิเทว โลกสฺมึ วิชฺชติ. โย นิทฺทนฺติ อปฺปมตฺโต สมณธมฺมํ กโรนฺโต อตฺตโน อุปฺปนฺนํ นิทฺทํ อปหรนฺโต พุชฺฌตีติ อปโพเธติ. กสามิวาติ ยถา ภทฺโร อสฺโส อตฺตนิ ปตมานํ กสํ อปหรติ, อตฺตนิ ปติตุํ น เทติ. โย เอวํ นิทฺทํ อปโพเธติ, โส ทุลฺลโภติ อตฺโถ.
ทุติยคาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – ‘‘ภิกฺขเว, ยถา ภทฺโร อสฺโส ปมาทมาคมฺม กสาย นิวิฏฺโ, อหมฺปิ นาม กสาย ปหโฏ’’ติ อปรภาเค อาตปฺปํ กโรติ, เอวํ ตุมฺเหปิ อาตาปิโน สํเวคิโน ภวถ ¶ , เอวํภูตา โลกิยโลกุตฺตราย ทุวิธาย สทฺธาย จ จตุปาริสุทฺธิสีเลน จ กายิกเจตสิกวีริเยน จ อฏฺสมาปตฺติสมาธินา จ การณาการณชานนลกฺขเณน ¶ ธมฺมวินิจฺฉเยน จ สมนฺนาคตา หุตฺวา ติสฺสนฺนํ วา อฏฺนฺนํ วา วิชฺชานํ, ปฺจทสนฺนฺจ จรณานํ สมฺปตฺติยา สมฺปนฺนวิชฺชาจรณา ¶ . อุปฏฺิตสติตาย ปติสฺสตา หุตฺวา อิทํ อนปฺปกํ วฏฺฏทุกฺขํ ปชหิสฺสถาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปิโลติกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. สุขสามเณรวตฺถุ
อุทกฺหิ นยนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุขสามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.
อตีตสฺมิฺหิ พาราณสิเสฏฺิโน คนฺธกุมาโร นาม ปุตฺโต อโหสิ. ราชา ตสฺส ปิตริ กาลกเต ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สมสฺสาเสตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน ตสฺเสว เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ. โส ตโต ปฏฺาย คนฺธเสฏฺีติ ปฺายิ. อถสฺส ภณฺฑาคาริโก ธนคพฺภทฺวารํ วิวริตฺวา, ‘‘สามิ, อิทํ เต เอตฺตกํ ปิตุ ธนํ, เอตฺตกํ ปิตามหาทีน’’นฺติ นีหริตฺวา ทสฺเสสิ. โส ตํ ธนราสึ โอโลเกตฺวา อาห – ‘‘กึ ปน เต อิมํ ธนํ คเหตฺวา น คมึสู’’ติ. ‘‘สามิ, ธนํ คเหตฺวา คตา นาม นตฺถิ. อตฺตนา กตํ กุสลากุสลเมว หิ อาทาย สตฺตา คจฺฉนฺตี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘เต พาลตาย ธนํ สณฺาเปตฺวา ปหาย คตา, อหํ ปเนตํ คเหตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตนฺโต ‘‘ทานํ วา ทสฺสามิ, ปูชํ ¶ วา กริสฺสามี’’ติ อจินฺเตตฺวา ‘‘อิทํ สพฺพํ ขาทิตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. โส สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ผลิกมยํ นฺหานโกฏฺกํ กาเรสิ, สตสหสฺสํ ทตฺวา ผลิกมยเมว นฺหานผลกํ, สตสหสฺสํ ทตฺวา นิสีทนปลฺลงฺกํ, สตสหสฺสํ ทตฺวา โภชนปาตึ, สตสหสฺสเมว ทตฺวา โภชนฏฺาเน มณฺฑปํ การาเปสิ, สตสหสฺสํ ทตฺวา โภชนปาติยา อาสิตฺตกูปธานํ กาเรสิ, สตสหสฺเสเนว เคเห ¶ สีหปฺชรํ สณฺาเปสิ, อตฺตโน ปาตราสตฺถาย สหสฺสํ อทาสิ, สายมาสตฺถายปิ สหสฺสเมว. ปุณฺณมทิวเส ปน โภชนตฺถาย สตสหสฺสํ ทาเปสิ, ตํ ภตฺตํ ภฺุชนทิวเส สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา เภรึ จราเปสิ – ‘‘คนฺธเสฏฺิสฺส กิร ภตฺตภฺุชนาการํ โอโลเกนฺตู’’ติ.
มหาชโน ¶ มฺจาติมฺเจ พนฺธิตฺวา สนฺนิปติ. โสปิ สตสหสฺสคฺฆนเก นฺหานโกฏฺเก สตสหสฺสคฺฆนเก ผลเก นิสีทิตฺวา โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหตฺวา ตํ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา ตสฺมึ ปลฺลงฺเก นิสีทิ. อถสฺส ตสฺมึ อาสิตฺตกูปธาเน ตํ ปาตึ เปตฺวา สตสหสฺสคฺฆนกํ โภชนํ วฑฺเฒสุํ. โส นาฏกปริวุโต เอวรูปาย สมฺปตฺติยา ตํ โภชนํ ภฺุชติ. อปเรน สมเยน เอโก คามิกมนุสฺโส อตฺตโน ปริพฺพยาหรณตฺถํ ทารุอาทีนิ ยานเก ปกฺขิปิตฺวา นครํ คนฺตฺวา สหายกสฺส เคเห นิวาสํ คณฺหิ. ตทา ปน ปุณฺณมทิวโส ¶ โหติ. ‘‘คนฺธเสฏฺิโน ภฺุชนลีฬํ โอโลเกนฺตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปสิ. อถ นํ สหายโก อาห – ‘‘สมฺม, คนฺธเสฏฺิโน เต ภฺุชนลีฬํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ. ‘‘น ทิฏฺปุพฺพํ, สมฺมา’’ติ. ‘‘เตน หิ เอหิ, คจฺฉาม, อยํ นคเร เภรี จรติ, เอตสฺส มหาสมฺปตฺตึ ปสฺสามา’’ติ นครวาสี ชนปทวาสึ คเหตฺวา อคมาสิ. มหาชโนปิ มฺจาติมฺเจ อภิรุหิตฺวา ปสฺสติ. คามวาสี ภตฺตคนฺธํ ฆายิตฺวาว นครวาสึ อาห – ‘‘มยฺหํ เอตาย ปาติยา ภตฺตปิณฺเฑ ปิปาสา ชาตา’’ติ. สมฺม, มา เอตํ ปตฺถยิ, น สกฺกา ลทฺธุนฺติ. สมฺม, อลภนฺโต น ชีวิสฺสามีติ. โส ตํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต ปริสปริยนฺเต ตฺวา ‘‘ปณมามิ เต, สามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺทํ นิจฺฉาเรตฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺเต อหํ, สามีติ. ‘‘กิเมต’’นฺติ. ‘‘อยํ เอโก คามวาสี ตุมฺหากํ ปาติยํ ภตฺตปิณฺเฑ ปิปาสํ อุปาเทสิ, เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ ทาเปถา’’ติ. ‘‘น สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ. ‘‘กึ, สมฺม, สุตํ เต’’ติ? ‘‘สุตํ เม, อปิจ ลภนฺโต ชีวิสฺสามิ, อลภนฺตสฺส เม มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส ปุนปิ วิรวิ – ‘‘อยํ กิร, สามิ, อลภนฺโต มริสฺสติ, ชีวิตมสฺส เทถา’’ติ. อมฺโภ ภตฺตปิณฺโฑ นาม สตมฺปิ อคฺฆติ, สตทฺวยมฺปิ อคฺฆติ. โย โย ยาจติ, ตสฺส ตสฺส ททมาโน อหํ ¶ กึ ภฺุชิสฺสามีติ? สามิ, อยํ อลภนฺโต มริสฺสติ, ชีวิตมสฺส เทถาติ. น สกฺกาว มุธา ลทฺธุํ, ยทิ ปน ¶ อลภนฺโต น ชีวติ, ตีณิ สํวจฺฉรานิ มม เคเห ภตึ กโรตุ, เอวมสฺส ภตฺตปาตึ ทาเปสฺสามีติ. คามวาสี ตํ สุตฺวา ‘‘เอวํ โหตุ, สมฺมา’’ติ สหายกํ วตฺวา ปุตฺตทารํ ปหาย ‘‘ภตฺตปาติอตฺถาย ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กริสฺสามี’’ติ เสฏฺิสฺส เคหํ ปาวิสิ. โส ภตึ กโรนฺโต สพฺพกิจฺจานิ สกฺกจฺจํ อกาสิ. เคเห วา อรฺเ วา รตฺตึ วา ทิวา วา สพฺพานิ กตฺตพฺพกมฺมานิ กตาเนว ปฺายึสุ. ‘‘ภตฺตภติโก’’ติ จ วุตฺเต สกลนคเรปิ ปฺายิ. อถสฺส ทิวเส ปริปุณฺเณ ภตฺตเวยฺยาวฏิโก ‘‘ภตฺตภติกสฺส, สามิ, ทิวโส ปุณฺโณ, ทุกฺกรํ เตน กตํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กโรนฺเตน, เอกมฺปิ กมฺมํ น โกปิตปุพฺพ’’นฺติ อาห.
อถสฺส เสฏฺิ อตฺตโน สายปาตราสตฺถาย ทฺเว สหสฺสานิ, ตสฺส ปาตราสตฺถาย สหสฺสนฺติ ตีณิ ¶ สหสฺสานิ ทาเปตฺวา อาห – ‘‘อชฺช มยฺหํ กตฺตพฺพํ ปริหารํ ตสฺเสว กโรถา’’ติ. วตฺวา จ ปน เปตฺวา เอกํ จินฺตามณึ นาม ปิยภริยํ อวเสสชนมฺปิ ‘‘อชฺช ตเมว ปริวาเรถา’’ติ วตฺวา สพฺพสมฺปตฺตึ ตสฺส นิยฺยาเทสิ. โส เสฏฺิโน นฺหาโนทเกน ตสฺเสว โกฏฺเก ตสฺมึ ผลเก นิสินฺโน นฺหตฺวา ตสฺเสว นิวาสนสาฏเก ¶ นิวาเสตฺวา ตสฺเสว ปลฺลงฺเก นิสีทิ. เสฏฺิปิ นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘ภตฺตภติโก คนฺธเสฏฺิสฺส เคเห ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ปาตึ ลภิ, ตสฺส ภฺุชนสมฺปตฺตึ โอโลเกนฺตู’’ติ. มหาชโน มฺจาติมฺเจ อภิรุหิตฺวา ปสฺสติ, คามวาสิสฺส โอโลกิโตโลกิตฏฺานํ กมฺปนาการปฺปตฺตํ อโหสิ. นาฏกา ปริวาเรตฺวา อฏฺสุํ, ตสฺส ปุรโต ภตฺตปาตึ วฑฺเฒตฺวา ปยึสุ. อถสฺส หตฺถโธวนเวลาย คนฺธมาทเน เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ สตฺตเม ทิวเส สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘กตฺถ นุ โข อชฺช ภิกฺขาจารตฺถาย คจฺฉามี’’ติ อุปธาเรนฺโต ภตฺตภติกํ อทฺทส. อถ โส ‘‘อยํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ภตฺตปาตึ ลภิ, อตฺถิ นุ โข เอตสฺส สทฺธา, นตฺถี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อตฺถี’’ติ ตฺวา ‘‘สทฺธาปิ เอกจฺเจ สงฺคหํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, สกฺขิสฺสติ นุ โข เม สงฺคหํ กาตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ เจว มม จ สงฺคหกรณํ นิสฺสาย มหาสมฺปตฺตึ ลภิสฺสตี’’ติ ¶ ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปริสนฺตเรน คนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต ิตเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ.
โส ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปุพฺเพ อทินฺนภาเวน เอกิสฺสา ภตฺตปาติยา อตฺถาย ตีณิ สํวจฺฉรานิ ปรเคเห ภตึ อกาสึ, อิทานิ เม อิทํ ภตฺตํ เอกํ รตฺตินฺทิวํ รกฺเขยฺย, สเจ ปน นํ อยฺยสฺส ทสฺสามิ, อเนกานิปิ กปฺปโกฏิสหสฺสานิ รกฺขิสฺสติ ¶ , อยฺยสฺเสว นํ ทสฺสามี’’ติ. โส ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ลทฺธภตฺตปาติโต เอกปิณฺฑมฺปิ มุเข อฏฺเปตฺวา ตณฺหํ วิโนเทตฺวา สยเมว ปาตึ อุกฺขิปิตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปาตึ อฺสฺส หตฺเถ ทตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปาตึ วามหตฺเถน คเหตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน ตสฺส ปตฺเต ภตฺตํ อากิริ. ปจฺเจกพุทฺโธ ภตฺตสฺส อุปฑฺฒเสสกาเล ปตฺตํ หตฺเถน ปิทหิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘ภนฺเต, เอโกว ปฏิวิโส น สกฺกา ทฺวิธา กาตุํ, มา มํ อิธโลเกน สงฺคณฺหถ, ปรโลเกน สงฺคหเมว กโรถ, สาวเสสํ อกตฺวา นิรวเสสเมว ทสฺสามี’’ติ. อตฺตโน หิ โถกมฺปิ อนวเสเสตฺวา ทินฺนํ นิรวเสสทานํ นาม, ตํ มหปฺผลํ โหติ. โส ตถา กโรนฺโต สพฺพํ ทตฺวา ปุน วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, เอกํ ภตฺตปาตึ นิสฺสาย ตีณิ สํวจฺฉรานิ เม ปรเคเห ภตึ กโรนฺเตน ทุกฺขํ อนุภูตํ, อิทานิ เม นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สุขเมว โหตุ, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺเสว ภาคี อสฺส’’นฺติ. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘เอวํ โหตุ, จินฺตามณิ วิย เต สพฺพกามทโท มโนสงฺกปฺปา ปุณฺณจนฺโท วิย ปูเรนฺตู’’ติ อนุโมทนํ กโรนฺโต –
‘‘อิจฺฉิตํ ¶ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา.
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิกํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, มณิ โชติรโส ยถา’’ติ. –
วตฺวา ¶ ‘‘อยํ มหาชโน ยาว คนฺธมาทนปพฺพตคมนา มํ ปสฺสนฺโต ติฏฺตู’’ติ อธิฏฺาย อากาเสน คนฺธมาทนํ อคมาสิ.
มหาชโนปิ ¶ นํ ปสฺสนฺโตว อฏฺาสิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ปิณฺฑปาตํ ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ วิภชิตฺวา อทาสิ. สพฺเพ อตฺตโน ปโหนกํ คณฺหึสุ. ‘‘อปฺโป ปิณฺฑปาโต กถํ ปโหสี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. จตฺตาริ หิ อจินฺเตยฺยานิ (อ. นิ. ๔.๗๗) วุตฺตานิ, ตตฺรายํ ปจฺเจกพุทฺธวิสโยติ. มหาชโน ปจฺเจกพุทฺธานํ ปิณฺฑปาตํ วิภชิตฺวา ทิยฺยมานํ ทิสฺวา สาธุการสหสฺสานิ ปวตฺเตสิ, อสนิสตนิปากสทฺโท วิย อโหสิ. ตํ สุตฺวา คนฺธเสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘ภตฺตภติโก มยา ทินฺนสมฺปตฺตึ ธาเรตุํ นาสกฺขิ มฺเ, เตนายํ มหาชโน ปริหาสํ กโรนฺโต สนฺนิปติโต นทตี’’ติ. โส ตปฺปวตฺติชานนตฺถํ มนุสฺเส เปเสสิ. เต อาคนฺตฺวา ‘‘สมฺปตฺติธารกา นาม, สามิ, เอวํ โหนฺตู’’ติ วตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. เสฏฺิ ตํ สุตฺวาว ปฺจวณฺณาย ปีติยา ผุฏฺสรีโร หุตฺวา ‘‘อโห ทุกฺกรํ เตน กตํ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ เอวรูปาย สมฺปตฺติยา ิโต กิฺจิ ทาตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา อิทํ นาม กต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, สามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘หนฺท, สหสฺสํ คเหตฺวา ตว ทาเน มยฺหมฺปิ ปตฺตึ เทหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. เสฏฺิปิสฺส สพฺพํ อตฺตโน สนฺตกํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อทาสิ.
จตสฺโส หิ สมฺปทา นาม – วตฺถุสมฺปทา, ปจฺจยสมฺปทา, เจตนาสมฺปทา, คุณาติเรกสมฺปทาติ. ตตฺถ นิโรธสมาปตฺติรโห ¶ อรหา วา อนาคามี วา ทกฺขิเณยฺโย วตฺถุสมฺปทา นาม. ปจฺจยานํ ธมฺเมน สเมน อุปฺปตฺติ ปจฺจยสมฺปทา นาม. ทานโต ปุพฺเพ ทานกาเล ปจฺฉา ภาเคติ ตีสุ กาเลสุ เจตนาย โสมนสฺสสหคตาณสมฺปยุตฺตภาโว เจตนาสมฺปทา นาม. ทกฺขิเณยฺยสฺส สมาปตฺติโต วุฏฺิตภาโว คุณาติเรกสมฺปทา นามาติ. อิมสฺส จ ขีณาสโว ปจฺเจกพุทฺโธ ทกฺขิเณยฺยา, ภตึ กตฺวา ลทฺธภาเวน ปจฺจโย ธมฺมโต อุปฺปนฺโน, ตีสุ กาเลสุ ปริสุทฺธา เจตนา, สมาปตฺติโต วุฏฺิตมตฺโต ปจฺเจกพุทฺโธ คุณาติเรโกติ จตสฺโสปิ ¶ สมฺปทา นิปฺผนฺนา. เอตาสํ อานุภาเวน ทิฏฺเว ธมฺเม มหาสมฺปตฺตึ ปาปุณนฺติ. ตสฺมา โส เสฏฺิโน สนฺติกา สมฺปตฺตึ ลภิ. อปรภาเค ¶ จ ราชาปิ อิมินา กตกมฺมํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา ปตฺตึ คเหตฺวา ตุฏฺมานโส มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ ทตฺวา เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ. ภตฺตภติกเสฏฺีติสฺส นามํ อกาสิ. โส คนฺธเสฏฺินา สทฺธึ สหาโย หุตฺวา เอกโต ขาทนฺโต ปิวนฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ สาริปุตฺตตฺเถรสฺสูปฏฺากกุเล ¶ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถสฺส มาตา ลทฺธคพฺภปริหารา กติปาหจฺจเยน ‘‘อโห วตาหํ ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สตรสโภชนํ ทตฺวา กาสายวตฺถนิวตฺถา สุวณฺณสรกํ อาทาย อาสนปริยนฺเต นิสินฺนา เตสํ ภิกฺขูนํ อุจฺฉิฏฺาวเสสกํ ปริภฺุเชยฺย’’นฺติ โทหฬินี หุตฺวา ตเถว กตฺวา โทหฬํ ปฏิวิโนเทสิ. สา เสสมงฺคเลสุปิ ตถารูปเมว ทานํ ทตฺวา ปุตฺตํ วิชายิตฺวา นามคฺคหณทิวเส ‘‘ปุตฺตสฺส เม, ภนฺเต, สิกฺขาปทานิ เทถา’’ติ เถรํ อาห. เถโร ‘‘กิมสฺส นาม’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, ปุตฺตสฺส เม ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย อิมสฺมึ เคเห กสฺสจิ ทุกฺขํ นาม น ภูตปุพฺพํ, เตเนวสฺส สุขกุมาโรติ นามํ ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺเต ตเทวสฺส นามํ คเหตฺวา สิกฺขาปทานิ อทาสิ.
ตทา เอวฺจสฺส มาตุ ‘‘นาหํ มม ปุตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. สา ตสฺส กณฺณวิชฺฌนมงฺคลาทีสุปิ ตเถว ทานํ อทาสิ. กุมาโรปิ สตฺตวสฺสิกกาเล ‘‘อิจฺฉามหํ, อมฺม, เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตุ’’นฺติ อาห. สา ‘‘สาธุ, ตาต, นาหํ ตว อชฺฌาสยํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ เถรํ นิมนฺเตตฺวา โภเชตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปุตฺโต เม ปพฺพชิตุํ อิจฺฉติ, อิมาหํ สายนฺหสมเย วิหารํ อาเนสฺสามี’’ติ เถรํ อุยฺโยเชตฺวา าตเก สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม คิหิกาเล กตฺตพฺพํ กิจฺจํ อชฺเชว กริสฺสามา’’ติ วตฺวา ปุตฺตํ อลงฺกริตฺวา มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน วิหารํ เนตฺวา เถรสฺส นิยฺยาเทสิ. เถโรปิ ตํ, ‘‘ตาต, ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺกรา ¶ , สกฺขิสฺสสิ อภิรมิตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘กริสฺสามิ โว, ภนฺเต, โอวาท’’นฺติ วุตฺเต กมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. มาตาปิตโรปิสฺส ปพฺพชฺชาย สกฺการํ กโรนฺตา อนฺโตวิหาเรเยว สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตรสโภชนํ ทตฺวา สายํ อตฺตโน เคหํ อคมํสุ. อฏฺเม ทิวเส สาริปุตฺตตฺเถโร ภิกฺขุสงฺเฆ คามํ ปวิฏฺเ วิหาเร กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา สามเณรํ ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา ¶ คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สามเณโร อนฺตรามคฺเค มาติกาทีนิ ทิสฺวา ปณฺฑิตสามเณโร วิย ปุจฺฉิ. เถโรปิ ตสฺส ตเถว พฺยากาสิ. สามเณโร ตานิ การณานิ สุตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คณฺเหยฺยาถ, อหํ นิวตฺเตยฺย’’นฺติ วตฺวา เถเรน ตสฺส อชฺฌาสยํ อภินฺทิตฺวา, ‘‘สามเณร, เทหิ มม ปตฺตจีวร’’นฺติ ¶ ปตฺตจีวเร คหิเต เถรํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตมาโน, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อาหารํ อาหรมาโน สตรสโภชนํ อาหเรยฺยาถา’’ติ อาห. กุโต ตํ ลภิสฺสามีติ? อตฺตโน ปฺุเน อลภนฺโต มม ปฺุเน ลภิสฺสถ, ภนฺเตติ. อถสฺส เถโร กฺุจิกํ ทตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โสปิ วิหารํ อาคนฺตฺวา เถรสฺส คพฺภํ วิวริตฺวา ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย อตฺตโน กาเย าณํ โอตาเรตฺวา นิสีทิ.
ตสฺส คุณเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ โอโลเกนฺโต สามเณรํ ทิสฺวา ‘‘สุขสามเณโร อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต, มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา จตฺตาโร มหาราเช ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, วิหารสฺสูปวเน ทุสฺสทฺทเก ¶ สกุเณ ปลาเปถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ตถา กตฺวา สามนฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ. จนฺทิมสูริเย ‘‘อตฺตโน วิมานานิ คเหตฺวา ติฏฺถา’’ติ อาณาเปสิ. เตปิ ตถา กรึสุ. สยมฺปิ อาวิฺฉนฏฺาเน อารกฺขํ คณฺหิ. วิหาโร สนฺนิสินฺโน นิรโว อโหสิ. สามเณโร เอกคฺคจิตฺเตน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ตีณิ มคฺคผลานิ ปาปุณิ. เถโร ‘‘สามเณเรน ‘สตรสโภชนํ อาหเรยฺยาถา’ติ วุตฺตํ, กสฺส นุ โข ฆเร สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต เอกํ อชฺฌาสยสมฺปนฺนํ อุปฏฺากตุลํ ทิสฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สาธุ โว กตํ อชฺช อิธาคจฺฉนฺเตหี’’ติ เตหิ ตุฏฺมานเสหิ ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ยาว ภตฺตกาลํ ธมฺมกถํ ยาจิโต เตสํ สารณียธมฺมกถํ กเถตฺวา กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. อถสฺส สตรสโภชนํ ทตฺวา ตํ อาทาย คนฺตุกามํ เถรํ ทิสฺวา ‘‘ภฺุชถ, ภนฺเต, อปรมฺปิ เต ทสฺสามา’’ติ เถรํ โภเชตฺวา ปุน ปตฺตปูรํ อทํสุ. เถโร ตํ อาทาย ‘‘สามเณโร เม ฉาโต’’ติ ตุริตตุริโต ¶ วิหารํ ปายาสิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปาโตว นิกฺขมิตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว อาวชฺเชสิ – ‘‘อชฺช สุขสามเณโร อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต, นิปฺผนฺนํ นุ โข ตสฺส กิจฺจ’’นฺติ. โส ติณฺณํเยว มคฺคผลานํ ปตฺตภาวํ ทิสฺวา อุตฺตริปิ อุปธาเรนฺโต ‘‘สกฺขิสฺสตายํ อชฺช อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ ¶ , สาริปุตฺโต ปน ‘สามเณโร เม ฉาโต’ติ เวเคน ภตฺตํ อาทาย นิกฺขมติ, สเจ อิมสฺมึ อรหตฺตํ อปฺปตฺเต ภตฺตํ อาหริสฺสติ, อิมสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสติ, มยา คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา อารกฺขํ คณฺหิ.
เถโรปิ ภตฺตํ อาหริ. อถ นํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ. ปฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน สามเณโร อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา เถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, สาริปุตฺต, สามเณรสฺส ¶ เต ภตฺตํ เทหี’’ติ อาห. เถโร คนฺตฺวา ทฺวารํ อาโกเฏสิ. สามเณโรปิ นิกฺขมิตฺวา อุปชฺฌายสฺส วตฺตํ กตฺวา ‘‘ภตฺตกิจฺจํ กโรหี’’ติ วุตฺเต เถรสฺส ภตฺเตน อนตฺถิกภาวํ ตฺวา สตฺตวสฺสิกกุมาโร ตงฺขณฺเว อรหตฺตํ ปตฺโต นีจาสนฏฺานํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปตฺตํ โธวิ. ตสฺมึ กาเล จตฺตาโร มหาราชาโน อารกฺขํ วิสฺสชฺเชสุํ. จนฺทิมสูริยาปิ วิมานานิ มฺุจึสุ. สกฺโกปิ อาวิฺฉนฏฺาเน อารกฺขํ วิสฺสชฺเชสิ. สูริโย นภมชฺฌํ อติกฺกนฺโตเยว ปฺายิ. ภิกฺขู ‘‘สายนฺโห ปฺายติ, สามเณเรน จ อิทาเนว ภตฺตกิจฺจํ กตํ, กึ นุ โข อชฺช ปุพฺพณฺโห พลวา ชาโต, สายนฺโห มนฺโท’’ติ วทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช ปุพฺพณฺโห พลวา ชาโต, สายนฺโห มนฺโท, สามเณเรน ¶ จ อิทาเนว ภตฺตกิจฺจํ กตํ, อถ จ ปน สูริโย นภมชฺฌํ อติกฺกนฺโตเยว ปฺายตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, เอวเมวํ โหติ ปฺุวนฺตานํ สมณธมฺมกรณกาเล. อชฺช หิ จตฺตาโร มหาราชาโน สามนฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ, จนฺทิมสูริยา วิมานานิ คเหตฺวา อฏฺํสุ, สกฺโก อาวิฺฉนเก อารกฺขํ คณฺหิ, อหมฺปิ ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คณฺหึ, อชฺช สุขสามเณโร มาติกาย อุทกํ หรนฺเต, อุสุกาเร อุสุํ อุชุํ กโรนฺเต ¶ , ตจฺฉเก จกฺกาทีนิ กโรนฺเต ทิสฺวา อตฺตานํ ทเมตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุทกฺหิ นยนฺติ เนตฺติกา, อุสุการา นมยนฺติ เตชนํ;
ทารุํ นมยนฺติ ตจฺฉกา, อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา’’ติ.
ตตฺถ สุพฺพตาติ สุวทา, สุเขน โอวทิตพฺพา อนุสาสิตพฺพาติ อตฺโถ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สุขสามเณรวตฺถุ เอกาทสมํ.
ทณฺฑวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทสโม วคฺโค.
๑๑. ชราวคฺโค
๑. วิสาขาย สหายิกานํ วตฺถุ
โก ¶ ¶ ¶ นุ หาโส กิมานนฺโทติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสาขาย สหายิกาโย อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา กุลปุตฺตา ‘‘เอวํ อิมา อปฺปมาทวิหารินิโย ภวิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตโน อตฺตโน ภริยาโย วิสาขํ มหาอุปาสิกํ สมฺปฏิจฺฉาเปสุํ. ตา อุยฺยานํ วา วิหารํ วา คจฺฉนฺติโย ตาย สทฺธึเยว คจฺฉนฺติ. ตา เอกสฺมึ กาเล ‘‘สตฺตาหํ สุราฉโณ ภวิสฺสตี’’ติ ฉเณ สงฺฆุฏฺเ อตฺตโน อตฺตโน สามิกานํ สุรํ ปฏิยาเทสุํ. เต สตฺตาหํ สุราฉณํ กีฬิตฺวา อฏฺเม ทิวเส กมฺมนฺตเภริยา นิกฺขนฺตาย กมฺมนฺเต อคมํสุ. ตาปิ อิตฺถิโย ‘‘มยํ สามิกานํ สมฺมุขา สุรํ ปาตุํ น ลภิมฺหา, อวเสสา สุรา จ อตฺถิ, อิทํ ยถา เต น ชานนฺติ, ตถา ปิวิสฺสามา’’ติ วิสาขาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อิจฺฉาม, อยฺเย, อุยฺยานํ ทฏฺุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สาธุ, อมฺมา, เตน หิ กตฺตพฺพกิจฺจานิ กตฺวา นิกฺขมถา’’ติ วุตฺเต ตาย สทฺธึ คนฺตฺวา ปฏิจฺฉนฺนากาเรน ¶ สุรํ นีหราเปตฺวา อุยฺยาเน ปิวิตฺวา มตฺตา วิจรึสุ. วิสาขาปิ ‘‘อยุตฺตํ อิมาหิ กตํ, อิทานิ มํ ‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวิกา วิสาขา สุรํ ปิวิตฺวา วิจรตี’ติ ติตฺถิยาปิ ครหิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตา อิตฺถิโย อาห – ‘‘อมฺมา อยุตฺตํ โว กตํ, มมปิ อยโส อุปฺปาทิโต, สามิกาปิ โว กุชฺฌิสฺสนฺติ, อิทานิ กึ กริสฺสถา’’ติ. คิลานาลยํ ทสฺสยิสฺสาม, อยฺเยติ. เตน หิ ปฺายิสฺสถ สเกน กมฺเมนาติ. ตา เคหํ คนฺตฺวา คิลานาลยํ กรึสุ. อถ ตาสํ สามิกา ‘‘อิตฺถนฺนามา จ อิตฺถนฺนามา จ กห’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คิลานา’’ติ สุตฺวา ‘‘อทฺธา เอตาหิ อวเสสสุรา ปีตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ตา โปเถตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปสุํ. ตา อปรสฺมิมฺปิ ฉณวาเร ตเถว สุรํ ปิวิตุกามา วิสาขํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อยฺเย, อุยฺยานํ โน เนหี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุพฺเพปิ เม ตุมฺเหหิ อยโส อุปฺปาทิโต, คจฺฉถ, น โว อหํ เนสฺสามี’’ติ ตาย ปฏิกฺขิตฺตา ‘‘อิทานิ เอวํ น กริสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา ปุน ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ, ‘‘อยฺเย ¶ , พุทฺธปูชํ กาตุกามามฺหา, วิหารํ โน เนหี’’ติ. อิทานิ อมฺมา ยุชฺชติ, คจฺฉถ, ปริวจฺฉํ กโรถาติ. ตา จงฺโกฏเกหิ คนฺธมาลาทีนิ คาหาเปตฺวา สุราปุณฺเณ มุฏฺิวารเก ¶ หตฺเถหิ โอลมฺเพตฺวา มหาปเฏ ปารุปิตฺวา วิสาขํ อุปสงฺกมิตฺวา ตาย สทฺธึ วิหารํ ปวิสมานา เอกมนฺตํ คนฺตฺวา มุฏฺิวารเกเหว สุรํ ปิวิตฺวา วารเก ฉฑฺเฑตฺวา ธมฺมสภายํ สตฺถุ ปุรโต นิสีทึสุ ¶ .
วิสาขา ‘‘อิมาสํ, ภนฺเต, ธมฺมํ กเถถา’’ติ อาห. ตาปิ มทเวเคน กมฺปมานสรีรา ‘‘อิจฺจาม, คายามา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสุํ. อเถกา มารกายิกา เทวตา ‘‘อิมาสํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส ปุรโต วิปฺปการํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาสํ สรีเร อธิมุจฺจิ. ตาสุ เอกจฺจา สตฺถุ ปุรโต ปาณึ ปหริตฺวา หสิตุํ, เอกจฺจา นจฺจิตุํ อารภึสุ. สตฺถา ‘‘กึ อิท’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา ‘‘น อิทานิ มารกายิกานํ โอตารํ ลภิตุํ ทสฺสามิ. น หิ มยา เอตฺตกํ กาลํ ปารมิโย ปูเรนฺเตน มารกายิกานํ โอตารลาภตฺถาย ปูริตา’’ติ ตา สํเวเชตุํ ภมุกโลมโต รสฺมิโย วิสฺสชฺเชสิ, ตาวเทว อนฺธการติมิสา อโหสิ. ตา ภีตา อเหสุํ มรณภยตชฺชิตา. เตน ตาสํ กุจฺฉิยํ สุรา ชีริ. สตฺถา นิสินฺนปลฺลงฺเก อนฺตรหิโต สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา อุณฺณาโลมโต รสฺมึ วิสฺสชฺเชสิ, ตงฺขณํเยว จนฺทสหสฺสุคฺคมนํ วิย อโหสิ. อถ สตฺถา ตา อิตฺถิโย อามนฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ มม สนฺติกํ อาคจฺฉมานาหิ ปมตฺตาหิ อาคนฺตุํ น วฏฺฏติ. ตุมฺหากฺหิ ปมาเทเนว มารกายิกา เทวตา โอตารํ ลภิตฺวา ตุมฺเห หสาทีนํ อกรณฏฺาเน หสาทีนิ การาเปสิ, อิทานิ ตุมฺเหหิ ราคาทีนํ ¶ อคฺคีนํ นิพฺพาปนตฺถาย อุสฺสาหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โก นุ หาโส กิมานนฺโท, นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ;
อนฺธกาเรน โอนทฺธา, ปทีปํ น คเวสถา’’ติ.
ตตฺถ อานนฺโทติ ตุฏฺิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมึ โลกสนฺนิวาเส ราคาทีหิ เอกาทสหิ อคฺคีหิ นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ โก นุ ตุมฺหากํ หาโส วา ¶ ตุฏฺิ วา? นนุ เอส อกตฺตพฺพรูโปเยว. อฏฺวตฺถุเกน หิ อวิชฺชานฺธกาเรน โอนทฺธา ตุมฺเห ตสฺเสว อนฺธการสฺส วิธมนตฺถาย กึ การณา าณปฺปทีปํ น คเวสถ น กโรถาติ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ ตา อิตฺถิโย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.
สตฺถา ตาสํ อจลสทฺธาย ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา สิเนรุมตฺถกา โอตริตฺวา พุทฺธาสเน นิสีทิ. อถ นํ วิสาขา อาห – ‘‘ภนฺเต, สุรา นาเมสา ปาปิกา. เอวรูปา หิ นาม อิมา ¶ อิตฺถิโย ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส ปุรโต นิสีทิตฺวา อิริยาปถมตฺตมฺปิ สณฺาเปตุํ อสกฺโกนฺติโย อุฏฺาย ปาณึ ปหริตฺวา หสนคีตนจฺจาทีนิ อารภึสู’’ติ. สตฺถา ‘‘อาม, วิสาเข, ปาปิกา เอว เอสา สุรา นาม. เอตฺหิ นิสฺสาย อเนเก สตฺตา อนยพฺยสนํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ปเนสา, ภนฺเต, อุปฺปนฺนา’’ติ วุตฺเต ตสฺสา อุปฺปตฺตึ วิตฺถาเรน กเถตุํ อตีตํ อาหริตฺวา กุมฺภชาตกํ (ชา. ๑.๑๖.๓๓ อาทโย) กเถสีติ.
วิสาขาย สหายิกานํ วตฺถุ ปมํ.
๒. สิริมาวตฺถุ
ปสฺส ¶ จิตฺตกตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สิริมํ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร ราชคเห อภิรูปา คณิกา. เอกสฺมึ ปน อนฺโตวสฺเส สุมนเสฏฺิปุตฺตสฺส ภริยาย ปุณฺณกเสฏฺิสฺส ธีตาย อุตฺตราย นาม อุปาสิกาย อปรชฺฌิตฺวา ตํ ปสาเทตุกามา ตสฺสา เคเห ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ กตภตฺตกิจฺจํ สตฺถารํ ขมาเปตฺวา ตํ ทิวสํ ทสพลสฺส ภตฺตานุโมทนํ สุตฺวา –
‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;
ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ. (ชา. ๑.๒.๒; ธ. ป. ๒๒๓) –
คาถาปริโยสาเน ¶ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารกถา ปน โกธวคฺเค อนุโมทนคาถาวณฺณนายเมว อาวิภวิสฺสติ. เอวํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา ปน สิริมา ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส มหาทานํ ทตฺวา สงฺฆสฺส อฏฺกภตฺตํ นิพทฺธํ ทาเปสิ. อาทิโต ปฏฺาย นิพทฺธํ อฏฺ ภิกฺขู เคหํ คจฺฉนฺติ. ‘‘สปฺปึ คณฺหถ, ขีรํ คณฺหถา’’ติอาทีนิ วตฺวา เตสํ ปตฺเต ปูเรติ. เอเกน ลทฺธํ ติณฺณมฺปิ จตุนฺนมฺปิ ปโหติ. เทวสิกํ โสฬสกหาปณปริพฺพเยน ปิณฺฑปาโต ทียติ. อเถกทิวสํ เอโก ภิกฺขุ ตสฺสา เคเห อฏฺกภตฺตํ ภฺุชิตฺวา ติโยชนมตฺถเก เอกํ วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ สายํ เถรุปฏฺาเน นิสินฺนํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อาวุโส, กหํ ภิกฺขํ ¶ คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ. สิริมาย อฏฺกภตฺตํ เม ภุตฺตนฺติ. มนาปํ กตฺวา เทติ, อาวุโสติ. ‘‘น สกฺกา ตสฺสา ภตฺตํ วณฺเณตุํ, อติวิย ปณีตํ กตฺวา เทติ, เอเกน ¶ ลทฺธํ ติณฺณมฺปิ จตุนฺนมฺปิ ปโหติ, ตสฺสา ปน เทยฺยธมฺมโตปิ ทสฺสนเมว อุตฺตริตรํ. สา หิ อิตฺถี เอวรูปา จ เอวรูปา จา’’ติ ตสฺสา คุเณ วณฺเณสิ.
อเถโก ภิกฺขุ ตสฺสา คุณกถํ สุตฺวา อทสฺสเนเนว สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘มยา คนฺตฺวา ตํ ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน วสฺสคฺคํ กเถตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ิติกํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สฺเว, อาวุโส, ตสฺมึ เคเห ตฺวํ สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา อฏฺกภตฺตํ ลภิสฺสสี’’ติ สุตฺวา ตงฺขณฺเว ปตฺตจีวรํ อาทาย ปกฺกนฺโตปิ ปาโตว อรุเณ อุคฺคเต สลากคฺคํ ปวิสิตฺวา ิโต สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา ตสฺสา เคเห อฏฺกภตฺตํ ลภิ. โย ปน ภิกฺขุ หิยฺโย ภฺุชิตฺวา ปกฺกามิ, ตสฺส คตเวลายเมว อสฺสา สรีเร โรโค อุปฺปชฺชิ. ตสฺมา สา อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺสา ทาสิโย อฏฺกภตฺตํ ลภิตฺวา อาคเต ภิกฺขู ทิสฺวา อาโรเจสุํ. สา สหตฺถา ปตฺเต คเหตฺวา นิสีทาเปตุํ วา ปริวิสิตุํ วา อสกฺโกนฺตี ทาสิโย อาณาเปสิ – ‘‘อมฺมา ปตฺเต คเหตฺวา, อยฺเย, นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา ขชฺชกํ ทตฺวา ภตฺตเวลาย ¶ ปตฺเต ปูเรตฺวา เทถา’’ติ. ตา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ภิกฺขู ปเวเสตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา ขชฺชกํ ทตฺวา ภตฺตเวลาย ภตฺตสฺส ปตฺเต ปูเรตฺวา ตสฺสา อาโรจยึสุ. สา ‘‘มํ ปริคฺคเหตฺวา เนถ, อยฺเย, วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาหิ ปริคฺคเหตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺติกํ นีตา เวธมาเนน สรีเรน ภิกฺขู วนฺทิ. โส ภิกฺขุ ตํ โอโลเกตฺวา ¶ จินฺเตสิ – ‘‘คิลานาย ตาว เอวรูปา อยํ เอติสฺสา รูปโสภา, อโรคกาเล ปน สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตาย อิมิสฺสา กีทิสี รูปสมฺปตฺตี’’ติ. อถสฺส อเนกวสฺสโกฏิสนฺนิจิโต กิเลโส สมุทาจริ, โส อฺาณี หุตฺวา ภตฺตํ ภฺุชิตุํ อสกฺโกนฺโต ปตฺตมาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ปิธาย เอกมนฺเต เปตฺวา จีวรํ ปตฺถริตฺวา นิปชฺชิ.
อถ นํ เอโก สหายโก ภิกฺขุ ยาจนฺโตปิ โภเชตุํ นาสกฺขิ. โส ฉินฺนภตฺโต อโหสิ. ตํ ทิวสเมว สายนฺหสมเย สิริมา กาลมกาสิ. ราชา สตฺถุ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘ภนฺเต, ชีวกสฺส กนิฏฺภคินี, สิริมา, กาลมกาสี’’ติ. สตฺถา ตํ สุตฺวา รฺโ สาสนํ ปหิณิ ‘‘สิริมาย ฌาปนกิจฺจํ นตฺถิ, อามกสุสาเน ตํ ยถา กากสุนขาทโย น ขาทนฺติ, ตถา นิปชฺชาเปตฺวา รกฺขาเปถา’’ติ. ราชาปิ ตถา อกาสิ. ปฏิปาฏิยา ตโย ทิวสา อติกฺกนฺตา, จตุตฺเถ ทิวเส สรีรํ อุทฺธุมายิ, นวหิ วณมุเขหิ ปุฬวา ปคฺฆรึสุ ¶ , สกลสรีรํ ภินฺนํ สาลิภตฺตจาฏิ วิย อโหสิ. ราชา นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘เปตฺวา เคหรกฺขเก ทารเก สิริมาย ทสฺสนตฺถํ อนาคจฺฉนฺตานํ อฏฺ กหาปณานิ ทณฺโฑ’’ติ. สตฺถุ สนฺติ กฺจ เปเสสิ – ‘‘พุทฺธปฺปมุโข กิร ภิกฺขุสงฺโฆ สิริมาย ทสฺสนตฺถํ อาคจฺฉตู’’ติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ – ‘‘สิริมาย ทสฺสนตฺถํ คมิสฺสามา’’ติ. โสปิ ทหรภิกฺขุ จตฺตาโร ¶ ทิวเส กสฺสจิ วจนํ อคฺคเหตฺวา ฉินฺนภตฺโตว นิปชฺชิ. ปตฺเต ภตฺตํ ปูติกํ ชาตํ, ปตฺเต มลํ อุฏฺหิ. อถ นํ โส สหายโก ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส, สตฺถา สิริมาย ทสฺสนตฺถํ คจฺฉตี’’ติ อาห. โส ตถา ฉาตชฺฌตฺโตปิ ‘‘สิริมา’’ติ วุตฺตปเทเยว สหสา อุฏฺหิตฺวา ‘‘กึ ภณสี’’ติ อาห. ‘‘สตฺถา สิริมํ ทฏฺุํ คจฺฉติ, ตฺวมฺปิ คมิสฺสสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, คมิสฺสามี’’ติ ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อคมาสิ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เอกปสฺเส อฏฺาสิ, ภิกฺขุนิสงฺโฆปิ ราชปริสาปิ อุปาสกปริสาปิ อุปาสิกาปริสาปิ เอเกกปสฺเส อฏฺํสุ ¶ .
สตฺถา ราชานํ ปุจฺฉิ – ‘‘กา เอสา, มหาราโช’’ติ. ภนฺเต, ชีวกสฺส ภคินี, สิริมา, นามาติ. สิริมา, เอสาติ. อาม, ภนฺเตติ. เตน ¶ หิ นคเร เภรึ จราเปหิ ‘‘สหสฺสํ ทตฺวา สิริมํ คณฺหนฺตู’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. เอโกปิ ‘ห’นฺติ วา ‘หุ’นฺติ วา วทนฺโต นาม นาโหสิ. ราชา สตฺถุ อาโรเจสิ – ‘‘น คณฺหนฺติ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ, มหาราช, อคฺฆํ โอหาเรหีติ. ราชา ‘‘ปฺจสตานิ ทตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปตฺวา กฺจิ คณฺหนกํ อทิสฺวา ‘‘อฑฺฒเตยฺยานิ สตานิ, ทฺเว สตานิ, สตํ, ปณฺณาสํ, ปฺจวีสติ กหาปเณ, ทส กหาปเณ, ปฺจ กหาปเณ, เอกํ กหาปณํ อฑฺฒํ, ปาทํ, มาสกํ, กากณิกํ ทตฺวา สิริมํ คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. โกจิ ตํ น อิจฺฉิ. ‘‘มุธาปิ คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. ‘ห’นฺติ วา ‘หุ’นฺติ วา วทนฺโต นาม นาโหสิ. ราชา ‘‘มุธาปิ, ภนฺเต, คณฺหนฺโต นาม นตฺถี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, มหาชนสฺส ปิยํ มาตุคามํ, อิมสฺมึเยว นคเร สหสฺสํ ทตฺวา ปุพฺเพ เอกทิวสํ ลภึสุ, อิทานิ มุธา คณฺหนฺโตปิ นตฺถิ, เอวรูปํ นาม ¶ รูปํ ขยวยปฺปตฺตํ, ปสฺสถ, ภิกฺขเว, อาตุรํ อตฺตภาว’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิตี’’ติ.
ตตฺถ จิตฺตกตนฺติ กตจิตฺตํ, วตฺถาภรณมาลาลตฺตกาทีหิ วิจิตฺตนฺติ อตฺโถ. พิมฺพนฺติ ทีฆาทิยุตฺตฏฺาเนสุ ทีฆาทีหิ องฺคปจฺจงฺเคหิ สณฺิตํ อตฺตภาวํ. อรุกายนฺติ นวนฺนํ วณมุขานํ วเสน อรุภูตํ กายํ. สมุสฺสิตนฺติ ตีหิ อฏฺิสเตหิ สมุสฺสิตํ. อาตุรนฺติ สพฺพกาลํ อิริยาปถาทีหิ ปริหริตพฺพตาย นิจฺจคิลานํ. พหุสงฺกปฺปนฺติ มหาชเนน พหุธา สงฺกปฺปิตํ. ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิตีติ ยสฺส ธุวภาโว วา ิติภาโว วา นตฺถิ, เอกนฺเตน เภทนวิกิรณวิทฺธํสนธมฺมเมเวตํ, อิมํ ปสฺสถาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, โสปิ ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.
สิริมาวตฺถุ ทุติยํ.
๓. อุตฺตราเถรีวตฺถุ
ปริชิณฺณมิทนฺติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุตฺตราเถรึ นาม ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ.
เถรี กิร วีสวสฺสสติกา ชาติยา ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธปิณฺฑปาตา อนฺตรวีถิยํ เอกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปิณฺฑปาเตน อาปุจฺฉิตฺวา ตสฺส อปฏิกฺขิปิตฺวา คณฺหนฺตสฺส สพฺพํ ทตฺวา นิราหารา อโหสิ. เอวํ ทุติเยปิ ตติเยปิ ทิวเส ตสฺเสว ภิกฺขุโน ตสฺมึเยว าเน ภตฺตํ ทตฺวา นิราหารา อโหสิ, จตุตฺเถ ทิวเส ปน ปิณฺฑาย จรนฺตี เอกสฺมึ สมฺพาธฏฺาเน สตฺถารํ ทิสฺวา ปฏิกฺกมนฺตี โอลมฺพนฺตํ อตฺตโน จีวรกณฺณํ อกฺกมิตฺวา สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี ปริวตฺติตฺวา ปติ. สตฺถา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภคินิ, ปริชิณฺโณ เต อตฺตภาโว น จิรสฺเสว ภิชฺชิสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปริชิณฺณมิทํ รูปํ, โรคนีฬํ ปภงฺคุรํ;
ภิชฺชติ ปูติสนฺเทโห, มรณนฺตฺหิ ชีวิต’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ภคินิ อิทํ ตว สรีรสงฺขาตํ รูปํ มหลฺลกภาเวน ปริชิณฺณํ, ตฺจ โข สพฺพโรคานํ นิวาสฏฺานฏฺเน โรคนีฬํ, ยถา โข ปน ตรุโณปิ สิงฺคาโล ‘‘ชรสิงฺคาโล’’ติ วุจฺจติ, ตรุณาปิ คโฬจีลตา ‘‘ปูติลตา’’ติ ¶ วุจฺจติ, เอวํ ตทหุชาตํ สุวณฺณวณฺณมฺปิ สมานํ นิจฺจํ ปคฺฆรณฏฺเน ปูติตาย ปภงฺคุรํ, โส เอส ปูติโก สมาโน ตว เทโห ภิชฺชติ, น จิรสฺเสว ภิชฺชิสฺสตีติ เวทิตพฺโพ. กึ การณา? มรณนฺตฺหิ ชีวิตํ ยสฺมา สพฺพสตฺตานํ ชีวิตํ มรณปริโยสานเมวาติ วุตฺตํ โหติ.
เทสนาวสาเน สา เถรี โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อุตฺตราเถรีวตฺถุ ตติยํ.
๔. สมฺพหุลอธิมานิกภิกฺขุวตฺถุ
ยานิมานีติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล อธิมานิเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
ปฺจสตา กิร ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘กิเลสานํ อสมุทาจาเรน ปพฺพชิตกิจฺจํ โน นิปฺผนฺนํ, อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามา’’ติ อาคมึสุ. สตฺถา เตสํ พหิทฺวารโกฏฺกํ ปตฺตกาเลเยว อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, เอเตสํ ภิกฺขูนํ ปวิสิตฺวา มยา ทิฏฺเน กมฺมํ นตฺถิ, อามกสุสานํ ¶ คนฺตฺวา ตโต อาคนฺตฺวา มํ ปสฺสนฺตู’’ติ. เถโร คนฺตฺวา เตสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เต ‘‘กึ อมฺหากํ อามกสุสาเนนา’’ติ อวตฺวาว ‘‘ทีฆทสฺสินา พุทฺเธน การณํ ทิฏฺํ ภวิสฺสตี’’ติ อามกสุสานํ คนฺตฺวา ตตฺถ กุณปานิ ปสฺสนฺตา เอกาหทฺวีหปติเตสุ กุณเปสุ อาฆาตํ ปฏิลภิตฺวา ตํ ขณํ ปติเตสุ อลฺลสรีเรสุ ราคํ อุปฺปาทยึสุ, ตสฺมึ ขเณ อตฺตโน สกิเลสภาวํ ชานึสุ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว โอภาสํ ผริตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ สมฺมุเข กเถนฺโต วิย ‘‘นปฺปติรูปํ นุ โข, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวรูปํ อฏฺิสงฺฆาตํ ทิสฺวา ราครตึ อุปฺปาเทตุ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยานิมานิ อปตฺถานิ, อลาพูเนว สารเท;
กาโปตกานิ อฏฺีนิ, ตานิ ทิสฺวาน กา รตี’’ติ.
ตตฺถ อปตฺถานีติ ฉฑฺฑิตานิ. สารเทติ สรทกาเล วาตาตปปหตานิ ตตฺถ ตตฺถ วิปฺปกิณฺณอลาพูนิ วิย. กาโปตกานีติ กโปตกวณฺณานิ. ตานิ ทิสฺวานาติ ตานิ เอวรูปานิ อฏฺีนิ ทิสฺวา ตุมฺหากํ กา รติ, นนุ อปฺปมตฺตกมฺปิ กามรตึ กาตุํ น วฏฺฏติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู ยถาิตาว อรหตฺตํ ปตฺวา ภควนฺตํ อภิตฺถวมานา อาคนฺตฺวา วนฺทึสูติ.
สมฺพหุลอธิมานิกภิกฺขุวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. ชนปทกลฺยาณี รูปนนฺทาเถรีวตฺถุ
อฏฺีนํ ¶ ¶ ¶ นครํ กตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ชนปทกลฺยาณึ รูปนนฺทาเถรึ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร เอกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เชฏฺภาติโก รชฺชสิรึ ปหาย ปพฺพชิตฺวา โลเก อคฺคปุคฺคโล พุทฺโธ ชาโต, ปุตฺโตปิสฺส ราหุลกุมาโร ปพฺพชิโต, ภตฺตาปิ เม ปพฺพชิโต, มาตาปิ เม ปพฺพชิตา, อหมฺปิ เอตฺตเก าติชเน ปพฺพชิเต เคเห กึ กริสฺสามิ, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. สา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ าติสิเนเหเนว, โน สทฺธาย, อภิรูปตาย ปน รูปนนฺทาติ ปฺายิ. ‘‘สตฺถา กิร ‘รูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, เวทนา… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ วเทตี’’ติ สุตฺวา สา เอวํ ทสฺสนีเย ปาสาทิเก มมปิ รูเป โทสํ กเถยฺยาติ สตฺถุ สมฺมุขีภาวํ น คจฺฉติ. สาวตฺถิวาสิโน ปาโตว ทานํ ทตฺวา สมาทินฺนุโปสถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธมาลาทิหตฺถา สายนฺหสมเย เชตวเน สนฺนิปติตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติ. ภิกฺขุนิสงฺโฆปิ สตฺถุ ธมฺมเทสนาย อุปฺปนฺนจฺฉนฺโท วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณาติ. ธมฺมํ สุตฺวา นครํ ปวิสนฺโต สตฺถุ คุณกถํ กเถนฺโตว ปวิสติ.
จตุปฺปมาณิเก หิ โลกสนฺนิวาเส อปฺปกาว เต สตฺตา, เยสํ ตถาคตํ ปสฺสนฺตานํ ปสาโท น อุปฺปชฺชติ. รูปปฺปมาณิกาปิ หิ ตถาคตสฺส ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ทิสฺวา ปสีทนฺติ, โฆสปฺปมาณิกาปิ ¶ อเนกานิ ชาติสตานิ นิสฺสาย ปวตฺตํ สตฺถุ คุณโฆสฺเจว อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ ธมฺมเทสนาโฆสฺจ สุตฺวา ปสีทนฺติ, ลูขปฺปมาณิกาปิสฺส จีวราทิลูขตํ ปฏิจฺจ ปสีทนฺติ, ธมฺมปฺปมาณิกาปิ ‘‘เอวรูปํ ทสพลสฺส สีลํ, เอวรูโป สมาธิ, เอวรูปา ปฺา, ภควา สีลาทีหิ คุเณหิ อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ ปสีทนฺติ. เตสํ ตถาคตสฺส คุณํ กเถนฺตานํ มุขํ นปฺปโหติ. รูปนนฺทา ภิกฺขุนีนฺเจว อุปาสิกานฺจ สนฺติกา ตถาคตสฺส คุณกถํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อติวิย เม ภาติกสฺส วณฺณํ กเถนฺติเยว. เอกทิวสมฺปิ เม รูเป โทสํ กเถนฺโต กิตฺตกํ กเถสฺสติ. ยํนูนาหํ ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ คนฺตฺวา อตฺตานํ อทสฺเสตฺวาว ตถาคตํ ปสฺสิตฺวา ธมฺมมสฺส สุณิตฺวา อาคจฺเฉยฺย’’นฺติ. สา ‘‘อหมฺปิ อชฺช ธมฺมสฺสวนํ คมิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุนีนํ ¶ อาโรเจสิ.
ภิกฺขุนิโย ¶ ‘‘จิรสฺสํ วต รูปนนฺทาย สตฺถุ อุปฏฺานํ คนฺตุกามตา อุปฺปนฺนา, อชฺช สตฺถา ¶ อิมํ นิสฺสาย วิจิตฺรธมฺมเทสนํ นานานยํ เทเสสฺสตี’’ติ ตุฏฺมานสา ตํ อาทาย นิกฺขมึสุ. สา นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย ‘‘อหํ อตฺตานํ เนว ทสฺเสสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ‘‘อชฺช รูปนนฺทา มยฺหํ อุปฏฺานํ อาคมิสฺสติ, กีทิสี นุ โข ตสฺสา ธมฺมเทสนา สปฺปายา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘รูปครุกา เอสา อตฺตภาเว พลวสิเนหา, กณฺฏเกน กณฺฏกุทฺธรณํ วิย รูเปเนวสฺสา รูปมทนิมฺมทนํ สปฺปาย’’นฺติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตสฺสา วิหารํ ปวิสนสมเย เอกํ ปน อภิรูปํ อิตฺถึ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ รตฺตวตฺถนิวตฺถํ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตํ พีชนึ คเหตฺวา อตฺตโน สนฺติเก ตฺวา พีชยมานํ อิทฺธิพเลน อภินิมฺมินิ. ตํ โข ปน อิตฺถึ สตฺถา เจว ปสฺสติ รูปนนฺทา จ. สา ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหารํ ปวิสิตฺวา ภิกฺขุนีนํ ปิฏฺิปสฺเส ตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ภิกฺขุนีนํ อนฺตเร นิสินฺนา ปาทนฺตโต ปฏฺาย สตฺถารํ โอโลเกนฺตี ลกฺขณวิจิตฺตํ อนุพฺยฺชนสมุชฺชลํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺตํ สตฺถุ สรีรํ ทิสฺวา ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ โอโลเกนฺตี สมีเป ิตํ อิตฺถิรูปํ อทฺทส ¶ . สา ตํ โอโลเกตฺวา อตฺตภาวํ โอโลเกนฺตี สุวณฺณราชหํสิยา ปุรโต กากีสทิสํ อตฺตานํ อวมฺิ. อิทฺธิมยรูปํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาเยว หิ ตสฺสา อกฺขีนิ ภมึสุ. สา ‘‘อโห อิมิสฺสา เกสา โสภนา, อโห นลาฏํ โสภน’’นฺติ สพฺเพสํ สารีรปฺปเทสานํ รูปสิริยา สมากฑฺฒิตจิตฺตา ตสฺมึ รูเป พลวสิเนหา อโหสิ.
สตฺถา ตสฺสา ตตฺถ อภิรตึ ตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโตว ตํ รูปํ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกภาวํ อติกฺกมิตฺวา วีสติวสฺสุทฺเทสิกํ กตฺวา ทสฺเสสิ. รูปนนฺทา โอโลเกตฺวา ‘‘น วติทํ รูปํ ปุริมสทิส’’นฺติ โถกํ วิรตฺตจิตฺตา อโหสิ. สตฺถา อนุกฺกเมเนว ตสฺสา อิตฺถิยา สกึ วิชาตวณฺณํ มชฺฌิมิตฺถิวณฺณํ ชราชิณฺณมหลฺลิกิตฺถิวณฺณฺจ ทสฺเสสิ. สาปิ อนุปุพฺเพเนว ‘‘อิทมฺปิ อนฺตรหิตํ, อิทมฺปิ อนฺตรหิต’’นฺติ ชราชิณฺณกาเล ตํ วิรชฺชมานา ขณฺฑทนฺตึ ปลิตสิรํ โอภคฺคํ โคปานสิวงฺกํ ทณฺฑปรายณํ ปเวธมานํ ทิสฺวา อติวิย วิรชฺชิ. อถ สตฺถา ตํ พฺยาธินา อภิภูตํ กตฺวา ทสฺเสสิ. สา ตงฺขณฺเว ทณฺฑฺจ ตาลวณฺฏฺจ ฉฑฺเฑตฺวา มหาวิรวํ ¶ วิรวมานา ภูมิยํ ปติตฺวา สเก มุตฺตกรีเส นิมุคฺคา อปราปรํ ปริวตฺติ. รูปนนฺทา ตมฺปิ ¶ ทิสฺวา อติวิย วิรชฺชิ. สตฺถาปิ ตสฺสา อิตฺถิยา มรณํ ทสฺเสสิ. สา ตงฺขณํเยว อุทฺธุมาตกภาวํ อาปชฺชิ, นวหิ วณมุเขหิ ปุพฺพวฏฺฏิโย เจว ปุฬวา จ ปคฺฆรึสุ, กากาทโย สนฺนิปติตฺวา วิลุมฺปึสุ. รูปนนฺทาปิ ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ อิตฺถี อิมสฺมึเยว าเน ชรํ ปตฺตา, พฺยาธึ ปตฺตา, มรณํ ปตฺตา, อิมสฺสาปิ เม อตฺตภาวสฺส เอวเมว ชราพฺยาธิมรณานิ อาคมิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตภาวํ อนิจฺจโต ปสฺสิ. อนิจฺจโต ทิฏฺตฺตา เอว ปน ทุกฺขโต อนตฺตโต ทิฏฺโเยว โหติ. อถสฺสา ตโย ภวา อาทิตฺตา เคหา วิย คีวาย พทฺธกุณปํ วิย จ ¶ อุปฏฺหึสุ, กมฺมฏฺานาภิมุขํ จิตฺตํ ปกฺขนฺทิ. สตฺถา ตาย อนิจฺจโต ทิฏฺภาวํ ตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ นุ โข สยเมว อตฺตโน ปติฏฺํ กาตุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘น สกฺขิสฺสติ, พหิทฺธา ปจฺจยํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺสา สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสนฺโต อาห –
‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส นนฺเท สมุสฺสยํ;
อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภิปตฺถิตํ.
‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิทํ;
ธาตุโต สฺุโต ปสฺส, มา โลกํ ปุนราคมิ;
ภเว ฉนฺทํ วิราเชตฺวา, อุปสนฺโต จริสฺสตี’’ติ. –
อิตฺถํ ¶ สุทํ ภควา นนฺทํ ภิกฺขุนึ อารพฺภ อิมา คาถาโย อภาสิตฺถาติ. นนฺทา เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อถสฺสา อุปริ ติณฺณํ มคฺคผลานํ วิปสฺสนาปริวาสตฺถาย สฺุตากมฺมฏฺานํ กเถตุํ, ‘‘นนฺเท, มา ‘อิมสฺมึ สรีเร สาโร อตฺถี’ติ สฺํ กริ. อปฺปมตฺตโกปิ หิ เอตฺถ สาโร นตฺถิ, ตีณิ อฏฺิสตานิ อุสฺสาเปตฺวา กตํ อฏฺินครเมต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อฏฺีนํ นครํ กตํ, มํสโลหิตเลปนํ;
ยตฺถ ชรา จ มจฺจุ จ, มาโน มกฺโข จ โอหิโต’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยเถว หิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณาทีนํ โอทหนตฺถาย กฏฺานิ อุสฺสาเปตฺวา วลฺลีหิ พนฺธิตฺวา มตฺติกาย วิลิมฺเปตฺวา นครสงฺขาตํ พหิทฺธา เคหํ ¶ กโรนฺติ, เอวมิทํ อชฺฌตฺติกมฺปิ ตีณิ อฏฺิสตานิ อุสฺสาเปตฺวา นฺหารุวินทฺธํ มํสโลหิตเลปนํ ตจปฏิจฺฉนฺนํ ชีรณลกฺขณาย ชราย มรณลกฺขณสฺส มจฺจุโน อาโรหสมฺปทาทีนิ ปฏิจฺจ มฺนลกฺขณสฺส มานสฺส สุกตการณวินาสนลกฺขณสฺส มกฺขสฺส จ โอทหนตฺถาย ¶ นครํ กตํ. เอวรูโป เอว หิ เอตฺถ กายิกเจตสิโก อาพาโธ โอหิโต, อิโต อุทฺธํ กิฺจิ คยฺหูปคํ นตฺถีติ.
เทสนาวสาเน สา เถรี อรหตฺตํ ปาปุณิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ชนปทกลฺยาณี รูปนนฺทาเถรีวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. มลฺลิกาเทวีวตฺถุ
ชีรนฺติ ¶ เวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มลฺลิกํ เทวึ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร เอกทิวสํ นฺหานโกฏฺกํ ปวิฏฺา มุขํ โธวิตฺวา โอนตสรีรา ชงฺฆํ โธวิตุํ อารภิ. ตาย จ สทฺธึเยว ปวิฏฺโ เอโก วลฺลภสุนโข อตฺถิ. โส ตํ ตถา โอนตํ ทิสฺวา อสทฺธมฺมสนฺถวํ กาตุํ อารภิ. สา ผสฺสํ สาทิยนฺตี อฏฺาสิ. ราชาปิ อุปริปาสาเท วาตปาเนน โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ตโต อาคตกาเล ‘‘นสฺส, วสลิ, กสฺมา เอวรูปมกาสี’’ติ อาห. กึ มยา กตํ, เทวาติ. สุนเขน สทฺธึ สนฺถโวติ. นตฺเถตํ, เทวาติ. มยา สามํ ทิฏฺํ, นาหํ ตว สทฺทหิสฺสามิ, นสฺส, วสลีติ. ‘‘มหาราช, โย โกจิ อิมํ โกฏฺกํ ปวิฏฺโ อิมินา วาตปาเนน โอโลเกนฺตสฺส เอโกว ทฺวิธา ปฺายตี’’ติ อภูตํ กเถสิ. เทว, สเจ เม สทฺทหสิ, เอตํ โกฏฺกํ ปวิส, อหํ ตํ อิมินา วาตปาเนน ¶ โอโลเกสฺสามีติ. ราชา มูฬฺหธาตุโก ตสฺสา วจนํ สทฺทหิตฺวา โกฏฺกํ ปาวิสิ. สาปิ โข เทวี วาตปาเน ตฺวา โอโลเกนฺตี ‘‘อนฺธพาล, มหาราช, กึ นาเมตํ, อชิกาย สทฺธึ สนฺถวํ กโรสี’’ติ อาห. ‘‘นาหํ, ภทฺเท, เอวรูปํ กโรมี’’ติ จ วุตฺเตปิ ‘‘มยา สามํ ทิฏฺํ, นาหํ ตว สทฺทหิสฺสามี’’ติ อาห.
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา ‘‘อทฺธา อิมํ โกฏฺกํ ปวิฏฺโ เอโกว ทฺวิธา ปฺายตี’’ติ สทฺทหิ. มลฺลิกา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา อนฺธพาลตาย มยา วฺจิโต, ปาปํ เม กตํ, อยฺจ เม อภูเตน อพฺภาจิกฺขิโต, อิทํ เม กมฺมํ สตฺถาปิ ชานิสฺสติ, ทฺเว อคฺคสาวกาปิ อสีติ มหาสาวกาปิ ชานิสฺสนฺติ, อโห วต เม ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ. อยํ กิร รฺโ อสทิสทาเน สหายิกา อโหสิ. ตตฺถ จ เอกทิวสํ กตปริจฺจาโค ธนสฺส จุทฺทสโกฏิอคฺฆนโก อโหสิ. ตถาคตสฺส เสตจฺฉตฺตํ นิสีทนปลฺลงฺโก อาธารโก ปาทปีนฺติ อิมานิ ปน จตฺตาริ อนคฺฆาเนว อเหสุํ. สา มรณกาเล เอวรูปํ มหาปริจฺจาคํ นานุสฺสริตฺวา ตเทว ปาปกมฺมํ อนุสฺสรนฺตี กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. รฺโ ปน สา อติวิย ปิยา อโหสิ. โส พลวโสกาภิภูโต ตสฺสา สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา ‘‘นิพฺพตฺตฏฺานมสฺสา ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ยถา โส อาคตการณํ น สรติ, ตถา อกาสิ. โส สตฺถุ สนฺติเก สารณียธมฺมกถํ ¶ สุตฺวา เคหํ ปวิฏฺกาเล สริตฺวา ‘‘อหํ ภเณ มลฺลิกาย นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉิสฺสามีติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปมุฏฺโ, สฺเว ปุน ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ปุนทิวเสปิ อคมาสิ. สตฺถาปิ ปฏิปาฏิยา สตฺต ทิวสานิ ยถา โส น สรติ ¶ , ตถา อกาสิ. สาปิ สตฺตาหเมว นิรเย ปจฺจิตฺวา อฏฺเม ทิวเส ตโต จุตา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. กสฺมา ปนสฺส สตฺถา อสรณภาวํ อกาสีติ? สา กิร ตสฺส อติวิย ปิยา อโหสิ มนาปา, ตสฺมา ตสฺสา นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ สุตฺวา ‘‘สเจ เอวรูปา สทฺธาสมฺปนฺนา นิรเย นิพฺพตฺตา, ทานํ ทตฺวา กึ กริสฺสามี’’ติ มิจฺฉาทิฏฺึ คเหตฺวา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ เคเห ปวตฺตํ นิจฺจภตฺตํ หราเปตฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺย, เตนสฺส สตฺถา สตฺตาหํ อสรณภาวํ กตฺวา อฏฺเม ทิวเส ปิณฺฑาย จรนฺโต สยเมว ราชกุลทฺวารํ อคมาสิ.
ราชา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปตฺตํ อาทาย ปาสาทํ อภิรุหิตุํ อารภิ. สตฺถา ปน รถสาลาย นิสีทิตุํ อาการํ ทสฺเสสิ. ราชา สตฺถารํ ตตฺเถว นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชเกน ปฏิมาเนตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺโนว อหํ, ภนฺเต, มลฺลิกาย เทวิยา นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉิสฺสามีติ คนฺตฺวา ปมุฏฺโ, กตฺถ นุ โข สา, ภนฺเต, นิพฺพตฺตาติ. ตุสิตภวเน, มหาราชาติ, ภนฺเต, ตาย ตุสิตภวเน อนิพฺพตฺตนฺติยา โก อฺโ นิพฺพตฺติสฺสติ ¶ , ภนฺเต, นตฺถิ ตาย สทิสา อิตฺถี. ตสฺสา หิ นิสินฺนฏฺานาทีสุ ‘‘สฺเว ตถาคตสฺส ¶ อิทํ ทสฺสามิ, อิทํ กริสฺสามี’’ติ ทานสํวิธานํ เปตฺวา อฺํ กิจฺจเมว นตฺถิ, ภนฺเต, ตสฺสา ปรโลกํ คตกาลโต ปฏฺาย สรีรํ เม น วหตีติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราช, สพฺเพสํ ธุวธมฺโม อย’’นฺติ วตฺวา ‘‘อยํ, มหาราช, รโถ กสฺสา’’ติ ปุจฺฉิ. ตํ สุตฺวา ราชา สิรสฺมึ อฺชลึ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ปิตามหสฺส เม, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘อยํ กสฺสา’’ติ? ‘‘ปิตุ เม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อยํ ปน รโถ กสฺสา’’ติ? ‘‘มม, ภนฺเต’’ติ. เอวํ วุตฺเต สตฺถา, ‘‘มหาราช, ตว ปิตามหสฺส รโถ เตเนวากาเรน ตว ปิตุ รถํ น ปาปุณิ, ตว ปิตุ รโถ ตว รถํ น ปาปุณิ, เอวรูปสฺส นาม กฏฺกลิงฺครสฺสาปิ ชรา อาคจฺฉติ, กิมงฺคํ ปน อตฺตภาวสฺส. มหาราช, สปฺปุริสธมฺมสฺเสว หิ ชรา นตฺถิ, สตฺตา ปน อชีรกา นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา,
อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ;
สตฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ,
สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตี’’ติ.
ตตฺถ เวติ นิปาโต. สุจิตฺตาติ สตฺตหิ รตเนหิ อปเรหิ จ รถาลงฺกาเรหิ สุฏฺุ จิตฺติตา ราชูนํ รถาปิ ชีรนฺติ. สรีรมฺปีติ น เกวลํ รถา เอว, อิทํ สุปฺปฏิชคฺคิตํ ¶ สรีรมฺปิ ขณฺฑิจฺจาทีนิ ¶ ปาปุณนฺตํ ชรํ อุเปติ. สตฺจาติ พุทฺธาทีนํ ปน สนฺตานํ นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม จ กิฺจิ อุปฆาตํ น อุเปตีติ น ชรํ อุเปติ นาม. ปเวทยนฺตีติ เอวํ สนฺโต พุทฺธาทโย สพฺภิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ กเถนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มลฺลิกาเทวีวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ลาฬุทายิตฺเถรวตฺถุ
อปฺปสฺสุตายนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาฬุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร มงฺคลํ กโรนฺตานํ เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๗.๑; เป. ว. ๑๔) นเยน อวมงฺคลํ กเถติ, อวมงฺคลํ กโรนฺตานํ เคหํ คนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏาทีสุ กเถตพฺเพสุ ‘‘ทานฺจ ธมฺมจริยา จา’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๕.๗; สุ. นิ. ๒๖๖) นเยน มงฺคลคาถา วา ‘‘ยํ กิฺจิ วิตฺตํ อิธ วา หุรํ วา’’ติ รตนสุตฺตํ (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) วา กเถติ. เอวํ เตสุ เตสุ าเนสุ ‘‘อฺํ กเถสฺสามี’’ติ อฺํ กเถนฺโตปิ ‘‘อฺํ กเถมี’’ติ น ชานาติ. ภิกฺขู ตสฺส กถํ สุตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘กึ, ภนฺเต, ลาฬุทายิสฺส มงฺคลามงฺคลฏฺาเนสุ คมเนน, อฺสฺมึ กเถตพฺเพ อฺเมว ¶ กเถตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส เอวํ กเถติ, ปุพฺเพปิ อฺสฺมึ กเถตพฺเพ อฺเมว กเถสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต กิร พาราณสิยํ อคฺคิทตฺตสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต โสมทตฺตกุมาโร นาม ราชานํ อุปฏฺหิ. โส รฺา ปิโย อโหสิ มนาโป. พฺราหฺมโณ ปน กสิกมฺมํ นิสฺสาย ชีวติ. ตสฺส ทฺเวเยว โคณา อเหสุํ. เตสุ เอโก มโต. พฺราหฺมโณ ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, โสมทตฺต, ราชานํ เม ยาจิตฺวา เอกํ โคณํ อาหรา’’ติ. โสมทตฺโต ‘‘สจาหํ ราชานํ ยาจิสฺสามิ, ลหุภาโว เม ปฺายิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเหเยว, ตาต, ราชานํ ยาจถา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ, ตาต, มํ คเหตฺวา ยาหี’’ติ วุตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ทนฺธปฺโ อภิกฺกมาทิวจนมตฺตมฺปิ น ชานาติ, อฺสฺมึ วตฺตพฺเพ อฺเมว วทติ, สิกฺขาเปตฺวา ปน นํ เนสฺสามี’’ติ. โส ตํ อาทาย พีรณตฺถมฺภกํ นาม สุสานํ คนฺตฺวา ติณกลาเป พนฺธิตฺวา ‘‘อยํ ¶ ราชา, อยํ อุปราชา, อยํ เสนาปตี’’ติ นามานิ กตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิตุ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ราชกุลํ คนฺตฺวา เอวํ อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ ปฏิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ นาม ราชา วตฺตพฺโพ, เอวํ นาม อุปราชา, ราชานํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา ‘ชยตุ ภวํ, มหาราชา’ติ วตฺวา เอวํ ตฺวา อิมํ ¶ คาถํ วตฺวา โคณํ ยาเจยฺยาถา’’ติ คาถํ อุคฺคณฺหาเปสิ –
‘‘ทฺเว เม โคณา มหาราช, เยหิ เขตฺตํ กสามเส;
เตสุ เอโก มโต เทว, ทุติยํ เทหิ ขตฺติยา’’ติ.
โส หิ สํวจฺฉรมตฺเตน ตํ คาถํ ปคุณํ กตฺวา ปคุณภาวํ ปุตฺตสฺส อาโรเจตฺวา ‘‘เตน หิ, ตาต, กฺจิเทว ปณฺณาการํ อาทาย อาคจฺฉถ, อหํ ¶ ปุริมตรํ คนฺตฺวา รฺโ สนฺติเก สฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ปณฺณาการํ คเหตฺวา โสมทตฺตสฺส รฺโ สนฺติเก ิตกาเล อุสฺสาหปฺปตฺโต ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา ตุฏฺจิตฺเตน กตปฏิสมฺโมทโน, ‘‘ตาต, จิรสฺสํ วต อาคตตฺถ, อิทมาสนํ นิสีทิตฺวา วทถ, เยนตฺโถ’’ติ วุตฺเต อิมํ คาถมาห –
‘‘ทฺเว เม โคณา มหาราช, เยหิ เขตฺตํ กสามเส;
เตสุ เอโก มโต เทว, ทุติยํ คณฺห ขตฺติยา’’ติ.
รฺา ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, ปุน วเทหี’’ติ วุตฺเตปิ ตเมว คาถํ อาห. ราชา เตน วิรชฺฌิตฺวา กถิตภาวํ ตฺวา สิตํ กตฺวา, ‘‘โสมทตฺต, ตุมฺหากํ เคเห พหู มฺเ โคณา’’ติ วตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ทินฺนา พหู ภวิสฺสนฺติ, เทวา’’ติ วุตฺเต โพธิสตฺตสฺส ตุสฺสิตฺวา พฺราหฺมณสฺส โสฬส โคเณ อลงฺการภณฺฑกํ นิวาสคามฺจสฺส พฺรหฺมเทยฺยํ ทตฺวา มหนฺเตน ยเสน พฺราหฺมณํ อุยฺโยเชสีติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, พฺราหฺมโณ ลาฬุทายี, โสมทตฺโต ปน อหเมวา’’ติ ชาตกํ ¶ สโมธาเนตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อตฺตโน อปฺปสฺสุตตาย อฺสฺมึ วตฺตพฺเพ อฺเมว วทติ. อปฺปสฺสุตปุริโส หิ พลิพทฺทสทิโส นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปสฺสุตายํ ปุริโส, พลิพทฺโทว ชีรติ;
มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺติ, ปฺา ตสฺส น วฑฺฒตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อปฺปสฺสุตายนฺติ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา ปณฺณาสกานํ. อถ วา ปน วคฺคานํ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา สุตฺตนฺตานํ วาปิ อภาเวน อปฺปสฺสุโต อยํ. กมฺมฏฺานํ ปน อุคฺคเหตฺวา อนุยฺุชนฺโต พหุสฺสุโตว. พลิพทฺโทว ชีรตีติ ยถา หิ พลิพทฺโท ชีรมาโน วฑฺฒมาโน เนว มาตุ, น ปิตุ, น เสสาตกานํ อตฺถาย วฑฺฒติ, อถ โข นิรตฺถกเมว ชีรติ, เอวเมวํ อยมฺปิ น อุปชฺฌายวตฺตํ กโรติ, น อาจริยวตฺตํ, น อาคนฺตุกวตฺตาทีนิ, น ภาวนารามตํ อนุยฺุชติ, นิรตฺถกเมว ชีรติ, มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺตีติ ยถา พลิพทฺทสฺส ‘‘ยุคนงฺคลาทีนิ วหิตุํ อสมตฺโถ เอโส’’ติ อรฺเ วิสฺสฏฺสฺส ตตฺเถว วิจรนฺตสฺส ¶ ขาทนฺตสฺส ปิวนฺตสฺส มํสานิ วฑฺฒนฺติ, เอวเมว อิมสฺสาปิ อุปชฺฌายาทีหิ วิสฺสฏฺสฺส สงฺฆํ นิสฺสาย จตฺตาโร ปจฺจเย ลภิตฺวา อุทฺธวิเรจนาทีนิ กตฺวา กายํ โปเสนฺตสฺส ¶ มํสานิ วฑฺฒนฺติ, ถูลสรีโร หุตฺวา วิจรติ. ปฺา ตสฺสาติ โลกิยโลกุตฺตรา ปนสฺส ปฺา เอกงฺคุลมตฺตาปิ น วฑฺฒติ, อรฺเ ปน คจฺฉลตาทีนิ วิย ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย ตณฺหา เจว นววิธมาโน จ วฑฺฒตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน มหาชโน โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณีติ.
ลาฬุทายิตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. อุทานวตฺถุ
อเนกชาติสํสารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน อุทานวเสน อุทาเนตฺวา อปรภาเค อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ กเถสิ.
โส หิ โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน สูริเย อนตฺถงฺคเตเยว มารพลํ วิทฺธํเสตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสปฏิจฺฉาทกํ ตมํ ปทาเลตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม สตฺเตสุ การฺุตํ ปฏิจฺจ ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา ตํ อนุโลมปฏิโลมวเสน สมฺมสนฺโต อรุณุคฺคมนเวลาย สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อเนเกหิ พุทฺธสตสหสฺเสหิ อวิชหิตํ อุทานํ อุทาเนนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.
‘‘คหการก ¶ ¶ ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ.
ตตฺถ คหการํ คเวสนฺโตติ อหํ อิมสฺส อตฺตภาวสงฺขาตสฺส เคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ คเวสนฺโต เยน าเณน สกฺกา ตํ ทฏฺุํ ¶ , ตสฺส โพธิาณสฺสตฺถาย ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาโร เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสํสารํ อเนกชาติสตสหสฺสสงฺขาตํ อิมํ สํสารวฏฺฏํ อนิพฺพิสํ ตํ าณํ อวินฺทนฺโต อลภนฺโตเยว สนฺธาวิสฺสํ สํสรึ, อปราปรํ อนุวิจรินฺติ อตฺโถ. ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนนฺติ อิทํ คหการกคเวสนสฺส การณวจนํ. ยสฺมา ชราพฺยาธิมรณมิสฺสิตาย ชาติ นาเมสา ปุนปฺปุนํ อุปคนฺตุํ ทุกฺขา, น จ สา ตสฺมึ อทิฏฺเ นิวตฺตติ. ตสฺมา ตํ คเวสนฺโต สนฺธาวิสฺสนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺโสีติ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเตน มยา อิทานิ ทิฏฺโสิ. ปุน เคหนฺติ ปุน อิมสฺมึ สํสารวฏฺเฏ อตฺตภาวสงฺขาตํ มม เคหํ น กาหสิ. สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคาติ ตว สพฺพา อวเสสา กิเลสผาสุกา มยา ภคฺคา. คหกูฏํ วิสงฺขตนฺติ อิมสฺส ตยา กตสฺส อตฺตภาวเคหสฺส อวิชฺชาสงฺขาตํ ¶ กณฺณิกมณฺฑลมฺปิ มยา วิทฺธํสิตํ. วิสงฺขารคตํ จิตฺตนฺติ อิทานิ มม จิตฺตํ วิสงฺขารํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสน คตํ อนุปวิฏฺํ. ตณฺหานํ ขยมชฺฌคาติ ตณฺหานํ ขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ อธิคโตสฺมีติ.
อุทานวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. มหาธนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ
อจริตฺวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อิสิปตเน มิคทาเย วิหรนฺโต มหาธนเสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร พาราณสิยํ อสีติโกฏิวิภเว กุเล นิพฺพตฺติ. อถสฺส มาตาปิตโร จินฺเตสุํ – ‘‘อมฺหากํ กุเล มหาโภคกฺขนฺโธ, ปุตฺตสฺส โน หตฺเถ เปตฺวา ยถาสุขํ ปริโภคํ กริสฺสาม, อฺเน กมฺเมน กิจฺจํ นตฺถี’’ติ. ตํ นจฺจคีตวาทิตมตฺตเมว สิกฺขาเปสุํ. ตสฺมึเยว นคเร อฺสฺมึ อสีติโกฏิวิภเว กุเล เอกา ธีตาปิ นิพฺพตฺติ. ตสฺสาปิ มาตาปิตโร ตเถว จินฺเตตฺวา ตํ นจฺจคีตวาทิตมตฺตเมว สิกฺขาเปสุํ. เตสํ วยปฺปตฺตานํ อาวาหวิวาโห อโหสิ. อถ เนสํ อปรภาเค มาตาปิตโร กาลมกํสุ. ทฺเวอสีติโกฏิธนํ เอกสฺมึเยว ¶ เคเห อโหสิ. เสฏฺิปุตฺโต ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ รฺโ ¶ อุปฏฺานํ คจฺฉติ. อถ ตสฺมึ นคเร ธุตฺตา จินฺเตสุํ – ‘‘สจายํ เสฏฺิปุตฺโต สุราโสณฺโฑ ภวิสฺสติ, อมฺหากํ ผาสุกํ ภวิสฺสติ, อุคฺคณฺหาเปม นํ สุราโสณฺฑภาว’’นฺติ. เต สุรํ อาทาย ขชฺชกมํเส เจว โลณสกฺขรา ¶ จ ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา มูลกนฺเท คเหตฺวา ตสฺส ราชกุลโต อาคจฺฉนฺตสฺส มคฺคํ โอโลกยมานา นิสีทิตฺวา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สุรํ ปิวิตฺวา โลณสกฺขรํ มุเข ขิปิตฺวา มูลกนฺทํ ฑํสิตฺวา ‘‘วสฺสสตํ ชีว สามิ, เสฏฺิปุตฺต, ตํ นิสฺสาย มยํ ขาทนปิวนสมตฺถา ภเวยฺยามา’’ติ อาหํสุ. โส เตสํ วจนํ สุตฺวา ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ จูฬูปฏฺากํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ เอเต ปิวนฺตี’’ติ. เอกํ ปานกํ, สามีติ. มนาปชาติกํ เอตนฺติ. สามิ, อิมสฺมึ ชีวโลเก อิมินา สทิสํ ปาตพฺพยุตฺตกํ นาม นตฺถีติ. โส ‘‘เอวํ สนฺเต มยาปิ ปาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โถกํ โถกํ อาหราเปตฺวา ปิวติ. อถสฺส นจิรสฺเสว เต ธุตฺตา ปิวนภาวํ ตฺวา ตํ ปริวารยึสุ. คจฺฉนฺเต กาเล ปริวาโร มหา อโหสิ. โส สเตนปิ สตทฺวเยนปิ สุรํ อาหราเปตฺวา ปิวนฺโต อิมินา อนุกฺกเมเนว นิสินฺนฏฺานาทีสุ กหาปณราสึ เปตฺวา สุรํ ปิวนฺโต ‘‘อิมินา มาลา อาหรถ, อิมินา คนฺเธ, อยํ ชโน ชุเต เฉโก, อยํ นจฺเจ, อยํ คีเต, อยํ วาทิเต. อิมสฺส สหสฺสํ เทถ, อิมสฺส ทฺเว สหสฺสานี’’ติ เอวํ วิกิรนฺโต นจิรสฺเสว อตฺตโน สนฺตกํ อสีติโกฏิธนํ เขเปตฺวา ‘‘ขีณํ เต, สามิ, ธน’’นฺติ วุตฺเต กึ ภริยาย เม สนฺตกํ นตฺถีติ. อตฺถิ, สามีติ ¶ . เตน หิ ตํ อาหรถาติ. ตมฺปิ ตเถว เขเปตฺวา อนุปุพฺเพน เขตฺตอารามุยฺยานโยคฺคาทิกมฺปิ อนฺตมโส ภาชนภณฺฑกมฺปิ อตฺถรณปาวุรณนิสีทนมฺปิ สพฺพํ อตฺตโน สนฺตกํ วิกฺกิณิตฺวา ขาทิ. อถ นํ มหลฺลกกาเล เยหิสฺส กุลสนฺตกํ เคหํ วิกฺกิณิตฺวา คหิตํ, เต ตํ เคหา นีหรึสุ. โส ภริยํ อาทาย ปรชนสฺส เคหภิตฺตึ นิสฺสาย วสนฺโต กปาลขณฺฑํ อาทาย ภิกฺขาย จริตฺวา ชนสฺส อุจฺฉิฏฺกํ ภฺุชิตุํ อารภิ.
อถ นํ เอกทิวสํ อาสนสาลาย ทฺวาเร ตฺวา ทหรสามเณเรหิ ทิยฺยมานํ อุจฺฉิฏฺกโภชนํ ปฏิคฺคณฺหนฺตํ ทิสฺวา สตฺถา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร สิตการณํ ปุจฺฉิ. สตฺถา สิตการณํ กเถนฺโต ‘‘ปสฺสานนฺท, อิมํ มหาธนเสฏฺิปุตฺตํ อิมสฺมึ นคเร ทฺเวอสีติโกฏิธนํ ¶ เขเปตฺวา ภริยํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตํ. สเจ หิ อยํ ปมวเย โภเค อเขเปตฺวา กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, อิมสฺมึเยว นคเร อคฺคเสฏฺิ อภวิสฺส. สเจ ปน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺส, อรหตฺตํ ปาปุณิสฺส, ภริยาปิสฺส อนาคามิผเล ปติฏฺหิสฺส. สเจ มชฺฌิมวเย โภเค อเขเปตฺวา กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, ทุติยเสฏฺิ อภวิสฺส, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนฺโต อนาคามี อภวิสฺส. ภริยาปิสฺส สกทาคามิผเล ปติฏฺหิสฺส. สเจ ปจฺฉิมวเย โภเค อเขเปตฺวา กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, ตติยเสฏฺิ อภวิสฺส, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนฺโตปิ ¶ สกทาคามี อภวิสฺส ¶ , ภริยาปิสฺส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺส. อิทานิ ปเนส คิหิโภคโตปิ ปริหีโน สามฺโตปิ. ปริหายิตฺวา จ ปน สุกฺขปลฺลเล โกฺจสกุโณ วิย ชาโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อจริตฺวา พฺรหฺมจริยํ, อลทฺธา โยพฺพเน ธนํ;
ชิณฺณโกฺจาว ฌายนฺติ, ขีณมจฺเฉว ปลฺลเล.
‘‘อจริตฺวา พฺรหฺมจริยํ, อลทฺธา โยพฺพเน ธนํ;
เสนฺติ จาปาติขีณาว, ปุราณานิ อนุตฺถุน’’นฺติ.
ตตฺถ อจริตฺวาติ พฺรหฺมจริยวาสํ อวสิตฺวา. โยพฺพเนติ อนุปฺปนฺเน วา โภเค อุปฺปาเทตุํ อุปฺปนฺเน วา โภเค รกฺขิตุํ สมตฺถกาเล ธนมฺปิ อลภิตฺวา. ขีณมจฺเฉติ เต เอวรูปา พาลา อุทกสฺส อภาวา ขีณมจฺเฉ ปลฺลเล ปริกฺขีณปตฺตา ชิณฺณโกฺจา วิย อวฌายนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปลฺลเล อุทกสฺส อภาโว วิย หิ อิเมสํ วสนฏฺานสฺส อภาโว, มจฺฉานํ ขีณภาโว วิย อิเมสํ โภคานํ อภาโว, ขีณปตฺตานํ โกฺจานํ อุปฺปติตฺวา คมนาภาโว วิย อิเมสํ อิทานิ ชลถลปถาทีหิ โภเค สณฺาเปตุํ อสมตฺถภาโว. ตสฺมา เต ขีณปตฺตา โกฺจา วิย เอตฺเถว พชฺฌิตฺวา อวฌายนฺตีติ. จาปาติขีณาวาติ จาปโต อติขีณา, จาปา วินิมุตฺตาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา จาปา วินิมุตฺตา สรา ยถาเวคํ คนฺตฺวา ปติตา, ตํ คเหตฺวา อุกฺขิปนฺเต ¶ อสติ ตตฺเถว อุปจิกานํ ภตฺตํ โหนฺติ, เอวํ อิเมปิ ตโย ¶ วเย อติกฺกนฺตา อิทานิ อตฺตานํ อุทฺธริตุํ อสมตฺถตาย มรณํ อุปคมิสฺสนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เสนฺติ จาปาติขีณาวา’’ติ. ปุราณานิ อนุตฺถุนนฺติ ‘‘อิติ อมฺเหหิ ขาทิตํ อิติ ปีต’’นฺติ ปุพฺเพ กตานิ ขาทิตปิวิตนจฺจคีตวาทิตาทีนิ อนุตฺถุนนฺตา โสจนฺตา อนุโสจนฺตา เสนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาธนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ นวมํ.
ชราวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกาทสโม วคฺโค.
๑๒. อตฺตวคฺโค
๑. โพธิราชกุมารวตฺถุ
อตฺตานฺเจติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เภสกฬาวเน วิหรนฺโต โพธิราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ปถวีตเล อฺเหิ ปาสาเทหิ อสทิสรูปํ อากาเส อุปฺปตมานํ วิย โกกนุทํ นาม ปาสาทํ กาเรตฺวา วฑฺฒกึ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ ตยา อฺตฺถาปิ เอวรูโป ปาสาโท กตปุพฺโพ, อุทาหุ ปมสิปฺปเมว เต อิท’’นฺติ. ‘‘ปมสิปฺปเมว, เทวา’’ติ จ วุตฺเต จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อยํ อฺสฺสปิ เอวรูปํ ปาสาทํ กริสฺสติ, อยํ ปาสาโท อนจฺฉริโย ภวิสฺสติ. อิมํ มยา มาเรตุํ วา หตฺถปาเท วาสฺส ฉินฺทิตุํ อกฺขีนิ วา อุปฺปาเฏตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อฺสฺส ปาสาทํ น กริสฺสตี’’ติ. โส ตมตฺถํ อตฺตโน ปิยสหายกสฺส สฺชีวกปุตฺตสฺส นาม มาณวกสฺส กเถสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ เอส วฑฺฒกึ นาเสสฺสติ, อนคฺโฆ สิปฺปี, โส มยิ ปสฺสนฺเต มา นสฺสตุ, สฺมสฺส ทสฺสามี’’ติ. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาสาเท เต กมฺมํ นิฏฺิตํ, โน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นิฏฺิต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ราชกุมาโร ตํ นาเสตุกาโม อตฺตานํ รกฺเขยฺยาสี’’ติ อาห ¶ . วฑฺฒกีปิ ‘‘ภทฺทกํ เต, สามิ, กตํ มม อาโรเจนฺเตน, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ, สมฺม, อมฺหากํ ปาสาเท กมฺมํ นิฏฺิต’’นฺติ ราชกุมาเรน ปุฏฺโ ‘‘น ตาว, เทว, นิฏฺิตํ, พหุ อวสิฏฺ’’นฺติ อาห. กึ กมฺมํ นาม อวสิฏฺนฺติ? ปจฺฉา, เทว, อาจิกฺขิสฺสามิ, ทารูนิ ตาว อาหราเปถาติ. กึ ทารูนิ นามาติ? นิสฺสารานิ สุกฺขทารูนิ, เทวาติ. โส อาหราเปตฺวา อทาสิ. อถ นํ อาห – ‘‘เทว, เต อิโต ปฏฺาย มม สนฺติกํ นาคนฺตพฺพํ. กึ การณา? สุขุมกมฺมํ กโรนฺตสฺส หิ อฺเหิ สทฺธึ สลฺลปนฺตสฺส เม กมฺมวิกฺเขโป โหติ, อาหารเวลายํ ปน เม ภริยาว อาหารํ อาหริสฺสตี’’ติ. ราชกุมาโรปิ ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. โสปิ เอกสฺมึ คพฺเภ นิสีทิตฺวา ตานิ ทารูนิ ตจฺเฉตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทารสฺส อนฺโต นิสีทนโยคฺคํ ครุฬสกุณํ กตฺวา อาหารเวลาย ปน ภริยํ อาห – ‘‘เคเห วิชฺชมานกํ สพฺพํ วิกฺกิณิตฺวา หิรฺสุวณฺณํ ¶ คณฺหาหี’’ติ. ราชกุมาโรปิ วฑฺฒกิสฺส อนิกฺขมนตฺถาย เคหํ ปริกฺขิปิตฺวา อารกฺขํ เปสิ. วฑฺฒกีปิ ¶ สกุณสฺส นิฏฺิตกาเล ‘‘อชฺช สพฺเพปิ ทารเก คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ ภริยํ วตฺวา ภุตฺตปาตราโส ปุตฺตทารํ สกุณสฺส กุจฺฉิยํ นิสีทาเปตฺวา วาตปาเนน นิกฺขมิตฺวา ปลายิ. โส เตสํ, ‘‘เทว, วฑฺฒกี ปลายตี’’ติ กนฺทนฺตานํเยว คนฺตฺวา หิมวนฺเต โอตริตฺวา เอกํ นครํ มาเปตฺวา กฏฺวาหนราชา นาม ชาโต.
ราชกุมาโรปิ ¶ ‘‘ปาสาทมหํ กริสฺสามี’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปาสาเท จตุชฺชาติยคนฺเธหิ ปริภณฺฑิกํ กตฺวา ปมอุมฺมารโต ปฏฺาย เจลปฏิกํ ปตฺถริ. โส กิร อปุตฺตโก, ตสฺมา ‘‘สจาหํ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลจฺฉามิ, สตฺถา อิมํ อกฺกมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปตฺถริ. โส สตฺถริ อาคเต สตฺถารํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ อาห. สตฺถา น ปาวิสิ, โส ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ยาจิ. สตฺถา อปวิสิตฺวาว อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกสิ. เถโร โอโลกิตสฺาเยว วตฺถานํ อนกฺกมนภาวํ ตฺวา ตํ ‘‘สํหรตุ, ราชกุมาร, ทุสฺสานิ, น ภควา เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสติ, ปจฺฉิมชนตํ ตถาคโต โอโลเกตี’’ติ ทุสฺสานิ สํหราเปสิ. โส ทุสฺสานิ สํหริตฺวา สตฺถารํ อนฺโตนิเวสนํ ปเวสตฺวา ยาคุขชฺชเกน สมฺมาเนตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ ตุมฺหากํ อุปการโก ติกฺขตฺตุํ สรณํ คโต, กุจฺฉิคโต จ กิรมฺหิ เอกวารํ สรณํ คโต, ทุติยํ ตรุณทารกกาเล, ตติยํ วิฺุภาวํ ปตฺตกาเล. ตสฺส เม กสฺมา เจลปฏิกํ น อกฺกมิตฺถา’’ติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ, กุมาร, จินฺเตตฺวา เจลานิ อตฺถรี’’ติ? ‘‘สเจ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลจฺฉามิ, สตฺถา เม เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสตี’’ติ อิทํ จินฺเตตฺวา, ภนฺเตติ. เตเนวาหํ ตํ น อกฺกมินฺติ. ‘‘กึ ปนาหํ, ภนฺเต, ปุตฺตํ ¶ วา ธีตรํ วา เนว ลจฺฉามี’’ติ? ‘‘อาม, กุมารา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ปุริมกอตฺตภาเว ชายาย สทฺธึ ปมาทํ อาปนฺนตฺตา’’ติ. ‘‘กสฺมึ กาเล, ภนฺเต’’ติ? อถสฺส สตฺถา อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ –
อตีเต กิร อเนกสตา มนุสฺสา มหติยา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทึสุ. นาวา สมุทฺทมชฺเฌ ภิชฺชิ. ทฺเว ชยมฺปติกา เอกํ ผลกํ คเหตฺวา อนฺตรทีปกํ ปวิสึสุ, เสสา สพฺเพ ตตฺเถว มรึสุ. ตสฺมึ โข ปน ทีปเก ¶ มหาสกุณสงฺโฆ วสติ. เต อฺํ ขาทิตพฺพกํ อทิสฺวา ฉาตชฺฌตฺตา สกุณอณฺฑานิ องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทึสุ, เตสุ อปฺปโหนฺเตสุ สกุณจฺฉาเป คเหตฺวา ขาทึสุ. เอวํ ปมวเยปิ มชฺฌิมวเยปิ ปจฺฉิมวเยปิ ขาทึสุเยว. เอกสฺมิมฺปิ วเย อปฺปมาทํ นาปชฺชึสุ, เอโกปิ จ เนสํ อปฺปมาทํ นาปชฺชิ.
สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสตฺวา ‘‘สเจ หิ ตฺวํ, กุมาร, ตทา เอกสฺมิมฺปิ วเย ภริยาย ¶ สทฺธึ อปฺปมาทํ อาปชฺชิสฺส, เอกสฺมิมฺปิ วเย ปุตฺโต วา ธีตา วา อุปฺปชฺเชยฺย. สเจ ปน โว เอโกปิ อปฺปมตฺโต อภวิสฺส, ตํ ปฏิจฺจ ปุตฺโต วา ธีตา วา อุปฺปชฺชิสฺส. กุมาร, อตฺตานฺหิ ปิยํ มฺมาเนน ตีสุปิ วเยสุ อปฺปมตฺเตน อตฺตา รกฺขิตพฺโพ, เอวํ อสกฺโกนฺเตน เอกวเยปิ รกฺขิตพฺโพเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตานฺเจ ปิยํ ชฺา, รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ;
ติณฺณํ อฺตรํ ยามํ, ปฏิชคฺเคยฺย ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยามนฺติ สตฺถา อตฺตโน ธมฺมิสฺสรตาย เทสนากุสลตาย จ อิธ ติณฺณํ วยานํ อฺตรํ วยํ ยามนฺติ กตฺวา เทเสสิ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สเจ อตฺตานํ ปิยํ ชาเนยฺย, รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตนฺติ ยถา โส สุรกฺขิโต โหติ, เอวํ นํ รกฺเขยฺย. ตตฺถ สเจ คีหี สมาโน ‘‘อตฺตานํ รกฺขิสฺสามี’’ติ อุปริปาสาทตเล สุสํวุตํ คพฺภํ ปวิสิตฺวา สมฺปนฺนารกฺโข หุตฺวา วสนฺโตปิ, ปพฺพชิโต หุตฺวา สุสํวุเต ปิหิตทฺวารวาตปาเน เลเณ วิหรนฺโตปิ อตฺตานํ น รกฺขติเยว. คิหี ปน สมาโน ยถาพลํ ทานสีลาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺโต, ปพฺพชิโต วา ปน วตฺตปฏิวตฺตปริยตฺติมนสิกาเรสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺโต อตฺตานํ รกฺขติ นาม. เอวํ ตีสุ วเยสุ อสกฺโกนฺโต อฺตรสฺมิมฺปิ วเย ปณฺฑิตปุริโส อตฺตานํ ปฏิชคฺคติเยว. สเจ หิ คิหิภูโต ปมวเย ขิฑฺฑาปสุตตาย กุสลํ กาตุํ น สกฺโกติ, มชฺฌิมวเย อปฺปมตฺเตน หุตฺวา กุสลํ กาตพฺพํ. สเจ มชฺฌิมวเย ปุตฺตทารํ โปเสนฺโต กุสลํ กาตุํ น สกฺโกติ, ปจฺฉิมวเย กาตพฺพเมว. เอวมฺปิ กโรนฺเตน อตฺตา ปฏิชคฺคิโตว โหติ. เอวํ อกโรนฺตสฺส ปน อตฺตา ปิโย นาม น โหติ, อปายปรายณเมว นํ กโรติ. สเจ ปน ¶ ปพฺพชิโต ปมวเย สชฺฌายํ กโรนฺโต ธาเรนฺโต วาเจนฺโต วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺโต ปมาทํ อาปชฺชติ, มชฺฌิมวเย อปฺปมตฺเตน สมณธมฺโม ¶ กาตพฺโพ. สเจ ปมวเย อุคฺคหิตปริยตฺติยา อฏฺกถํ วินิจฺฉยํ การณาการณฺจ ปุจฺฉนฺโต มชฺฌิมวเย ปมาทํ อาปชฺชติ, ปจฺฉิมวเย อปฺปมตฺเตน สมณธมฺโม กาตพฺโพเยว. เอวมฺปิ กโรนฺเตน อตฺตา ปฏิชคฺคิโตว โหติ. เอวํ อกโรนฺตสฺส ปน อตฺตา ปิโย นาม น โหติ, ปจฺฉานุตาเปเนว นํ ตาเปตีติ.
เทสนาวสาเน โพธิราชกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
โพธิราชกุมารวตฺถุ ปมํ.
๒. อุปนนฺทสกฺยปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อตฺตานเมว ¶ ปมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เถโร ธมฺมกถํ กเถตุํ เฉโก. ตสฺส อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ สุตฺวา พหู ภิกฺขุ ตํ ติจีวเรหิ ปูเชตฺวา ธุตงฺคานิ สมาทิยึสุ. เตหิ วิสฺสฏฺปริกฺขาเร โสเยว คณฺหิ. โส เอกสฺมึ อนฺโตวสฺเส อุปกฏฺเ ชนปทํ อคมาสิ. อถ นํ เอกสฺมึ วิหาเร ทหรสามเณรา ธมฺมกถิกเปเมน, ‘‘ภนฺเต, อิธ วสฺสํ อุเปถา’’ติ วทึสุ. ‘‘อิธ กิตฺตกํ วสฺสาวาสิกํ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘เอเกโก สาฏโก’’ติ วุตฺเต ตตฺถ อุปาหนา เปตฺวา อฺํ วิหารํ อคมาสิ ¶ . ทุติยํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทฺเว สาฏกา’’ติ วุตฺเต กตฺตรยฏฺึ เปสิ. ตติยํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตโย สาฏกา’’ติ วุตฺเต ตตฺถ อุทกตุมฺพํ เปสิ. จตุตฺถํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จตฺตาโร สาฏกา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ อิธ วสิสฺสามี’’ติ ตตฺถ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา คหฏฺานฺเจว ภิกฺขูนฺจ ธมฺมกถํ กเถสิ. เต นํ พหูหิ วตฺเถหิ เจว จีวเรหิ จ ปูเชสุํ. โส วุฏฺวสฺโส อิตเรสุปิ วิหาเรสุ สาสนํ เปเสตฺวา ‘‘มยา ปริกฺขารสฺส ปิตตฺตา วสฺสาวาสิกํ ลทฺธพฺพํ, ตํ เม ปหิณนฺตู’’ติ สพฺพํ อาหราเปตฺวา ยานกํ ปูเรตฺวา ปายาสิ.
อเถกสฺมึ ¶ วิหาเร ทฺเว ทหรภิกฺขู ทฺเว สาฏเก เอกฺจ กมฺพลํ ลภิตฺวา ‘‘ตุยฺหํ สาฏกา โหนฺตุ, มยฺหํ กมฺพโล’’ติ ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา มคฺคสมีเป นิสีทิตฺวา วิวทนฺติ. เต ตํ เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห โน ภาเชตฺวา เทถา’’ติ วทึสุ. ตุมฺเหเยว ภาเชถาติ. น สกฺโกม, ภนฺเต, ตุมฺเหเยว โน ภาเชตฺวา เทถาติ. เตน หิ มม วจเน สฺสถาติ. อาม, สฺสามาติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ เตสํ ทฺเว สาฏเก ทตฺวา ‘‘อยํ ธมฺมกถํ กเถนฺตานํ อมฺหากํ ปารุปนารโห’’ติ มหคฺฆํ กมฺพลํ อาทาย ปกฺกามิ. ทหรภิกฺขู วิปฺปฏิสาริโน หุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตุมฺหากํ สนฺตกํ ¶ คเหตฺวา ตุมฺเห วิปฺปฏิสาริโน กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีตสฺมึ อนุตีรจารี จ คมฺภีรจารี จาติ ทฺเว อุทฺทา มหนฺตํ โรหิตมจฺฉํ ลภิตฺวา ‘‘มยฺหํ สีสํ โหตุ, ตว นงฺคุฏฺ’’นฺติ วิวาทาปนฺนา ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา เอกํ สิงฺคาลํ ทิสฺวา อาหํสุ – ‘‘มาตุล, อิมํ โน ภาเชตฺวา เทหี’’ติ. อหํ รฺา วินิจฺฉยฏฺาเน ปิโต, ตตฺถ จิรํ ¶ นิสีทิตฺวา ชงฺฆวิหารตฺถาย อาคโตมฺหิ, อิทานิ เม โอกาโส นตฺถีติ. มาตุล, มา เอวํ กโรถ, ภาเชตฺวา เอว โน เทถาติ. มม วจเน สฺสถาติ. สฺสาม, มาตุลาติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ โส สีสํ ฉินฺทิตฺวา เอกมนฺเต อกาสิ, นงฺคุฏฺํ เอกมนฺเต. กตฺวา จ ปน, ‘‘ตาตา, เยน โว อนุตีเร จริตํ, โส นงฺคุฏฺํ คณฺหาตุ. เยน คมฺภีเร จริตํ, ตสฺส สีสํ โหตุ. อยํ ปน มชฺฌิโม ขณฺโฑ มม วินิจฺฉยธมฺเม ิตสฺส ภวิสฺสตี’’ติ เต สฺาเปนฺโต –
‘‘อนุตีรจาริ นงฺคุฏฺํ, สีสํ คมฺภีรจาริโน;
อจฺจายํ มชฺฌิโม ขณฺโฑ, ธมฺมฏฺสฺส ภวิสฺสตี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๓๓) –
อิมํ คาถํ วตฺวา มชฺฌิมขณฺฑํ อาทาย ปกฺกามิ. เตปิ วิปฺปฏิสาริโน ตํ โอโลเกตฺวา อฏฺํสุ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอวเมส อตีเตปิ ตุมฺเห วิปฺปฏิสาริโน อกาสิเยวา’’ติ เต ภิกฺขู สฺาเปตฺวา อุปนนฺทํ ครหนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว ¶ , ปรํ โอวทนฺเตน นาม ปมเมว อตฺตา ปติรูเป ปติฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตานเมว ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย;
อถฺมนุสาเสยฺย, น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปติรูเป นิเวสเยติ อนุจฺฉวิเก คุเณ ปติฏฺาเปยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย อปฺปิจฺฉตาทิคุเณหิ วา อริยวํสปฏิปทาทีหิ วา ปรํ อนุสาสิตุกาโม, โส อตฺตานเมว ปมํ ตสฺมึ คุเณ ปติฏฺาเปยฺย. เอวํ ปติฏฺาเปตฺวา อถฺํ เตหิ คุเณหิ อนุสาเสยฺย. อตฺตานฺหิ ตตฺถ อนิเวเสตฺวา เกวลํ ปรเมว อนุสาสมาโน ปรโต นินฺทํ ลภิตฺวา กิลิสฺสติ นาม, ตตฺถ อตฺตานํ นิเวเสตฺวา อนุสาสมาโน ปรโต ปสํสํ ลภติ, ตสฺมา น กิลิสฺสติ นาม. เอวํ กโรนฺโต ปณฺฑิโต น กิลิสฺเสยฺยาติ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อุปนนฺทสกฺยปุตฺตตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ปธานิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อตฺตานฺเจติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปธานิกติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ปฺจสเต ภิกฺขู อาทาย อรฺเ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา, ‘‘อาวุโส, ธรมานกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก โว กมฺมฏฺานํ คหิตํ, อปฺปมตฺตาว สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ โอวทิตฺวา สยํ คนฺตฺวา นิปชฺชิตฺวา สุปติ. เต ภิกฺขู ปมยาเม จงฺกมิตฺวา มชฺฌิมยาเม วิหารํ ปวิสนฺติ. โส นิทฺทายิตฺวา ปพุทฺธกาเล เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ ตุมฺเห ‘นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายิสฺสามา’ติ อาคตา, สีฆํ นิกฺขมิตฺวา ¶ สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ วตฺวา สยํ คนฺตฺวา ตเถว สุปติ. อิตเร มชฺฌิมยาเม พหิ จงฺกมิตฺวา ปจฺฉิมยาเม วิหารํ ปวิสนฺติ. โส ปุนปิ ปพุชฺฌิตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เต วิหารา นีหริตฺวา สยํ ปุน คนฺตฺวา ตเถว สุปติ. ตสฺมึ นิจฺจกาลํ เอวํ กโรนฺเต เต ภิกฺขู สชฺฌายํ วา กมฺมฏฺานํ ¶ วา มนสิกาตุํ นาสกฺขึสุ, จิตฺตํ อฺถตฺตํ อคมาสิ. เต ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อติวิย อารทฺธวีริโย, ปริคฺคณฺหิสฺสาม น’’นฺติ ปริคฺคณฺหนฺตา ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘นฏฺมฺหา, อาวุโส, อาจริโย โน ตุจฺฉรวํ รวตี’’ติ วทึสุ. เตสํ อติวิย นิทฺทาย กิลมนฺตานํ เอกภิกฺขุปิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. เต วุฏฺวสฺสา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถารา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา หุตฺวา สมณธมฺมํ กริตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ตุมฺหากํ อนฺตรายมกาสิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต –
‘‘อมาตาปิตรสํวฑฺโฒ, อนาเจรกุเล วสํ;
นายํ กาลํ อกาลํ วา, อภิชานาติ กุกฺกุโฏ’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๑๙) –
อิมํ อกาลราวิกุกฺกุฏชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. ‘‘ตทา หิ โส กุกฺกุโฏ อยํ ปธานิกติสฺสตฺเถโร อโหสิ, อิเม ปฺจ สตา ภิกฺขู เต มาณวา อเหสุํ, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อหเมวา’’ติ สตฺถา อิมํ ชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ปรํ โอวทนฺเตน นาม อตฺตา สุทนฺโต กาตพฺโพ. เอวํ โอวทนฺโต หิ ¶ สุทนฺโต หุตฺวา ทเมติ นามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตานฺเจ ¶ ตถา กยิรา, ยถาฺมนุสาสติ;
สุทนฺโต วต ทเมถ, อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย หิ ภิกฺขุ ‘‘ปมยามาทีสุ จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปรํ โอวทติ, สยํ จงฺกมนาทีนิ อธิฏฺหนฺโต อตฺตานฺเจ ตถา กยิรา, ยถาฺมนุสาสติ, เอวํ สนฺเต สุทนฺโต วต ทเมถาติ เยน คุเณน ปรํ อนุสาสติ, เตน อตฺตนา สุทนฺโต หุตฺวา ทเมยฺย. อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโมติ อยฺหิ อตฺตา นาม ทุทฺทโม. ตสฺมา ยถา โส สุทนฺโต โหติ, ตถา ทเมตพฺโพติ.
เทสนาวสาเน ปฺจ สตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.
ปธานิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. กุมารกสฺสปมาตุเถรีวตฺถุ
อตฺตา ¶ หิ อตฺตโน นาโถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุมารกสฺสปตฺเถรสฺส มาตรํ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร ราชคหนคเร เสฏฺิธีตา วิฺุตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ สา ปุนปฺปุนํ ยาจมานาปิ มาตาปิตูนํ สนฺติกา ปพฺพชฺชํ อลภิตฺวา วยปฺปตฺตา ¶ ปติกุลํ คนฺตฺวา ปติเทวตา หุตฺวา อคารํ อชฺฌาวสิ. อถสฺสา น จิรสฺเสว กุจฺฉิสฺมึ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ อชานิตฺวาว สามิกํ อาราเธตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ โส มหนฺเตน สกฺกาเรน ภิกฺขุนุปสฺสยํ เนตฺวา อชานนฺโต เทวทตฺตปกฺขิกานํ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. อปเรน สมเยน ภิกฺขุนิโย ตสฺสา คพฺภินิภาวํ ตฺวา ตาหิ ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺตา นาหํ, อยฺเย, ชานามิ ‘‘กิเมตํ’’, สีลํ วต เม อโรคเมวาติ. ภิกฺขุนิโย ตํ เทวทตฺตสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุนี สทฺธาปพฺพชิตา, อิมิสฺสา มยํ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ชานาม, กาลํ น ชานาม, กึ ทานิ กโรมา’’ติ ปุจฺฉึสุ. เทวทตฺโต ‘‘มา มยฺหํ โอวาทการิกานํ ภิกฺขุนีนํ อยโส อุปฺปชฺชตู’’ติ เอตฺตกเมว จินฺเตตฺวา ‘‘อุปฺปพฺพาเชถ น’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา สา ทหรา มา มํ, อยฺเย, นาเสถ, นาหํ เทวทตฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตา, เอถ, มํ สตฺถุ สนฺติกํ เชตวนํ เนถาติ. ตา ตํ อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ ¶ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘ตสฺสา คิหิกาเล คพฺโภ ปติฏฺิโต’’ติ ชานนฺโตปิ ปรวาทโมจนตฺถํ ราชานํ ปเสนทิโกสลํ มหาอนาถปิณฺฑิกํ จูฬอนาถปิณฺฑิกํ วิสาขาอุปาสิกํ อฺานิ จ มหากุลานิ ปกฺโกสาเปตฺวา อุปาลิตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, อิมิสฺสา ทหราย ภิกฺขุนิยา จตุปริสมชฺเฌ กมฺมํ ปริโสเธหี’’ติ. เถโร รฺโ ปุรโต วิสาขํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตํ อธิกรณํ ปฏิจฺฉาเปสิ. สา สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา อนฺโตสาณิยํ ตสฺสา หตฺถปาทนาภิอุทรปริโยสานานิ ¶ โอโลเกตฺวา มาสทิวเส สมาเนตฺวา ‘‘คิหิภาเว อิมาย คพฺโภ ลทฺโธ’’ติ ตฺวา เถรสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถสฺสา เถโร ปริสมชฺเฌ ปริสุทฺธภาวํ ปติฏฺาเปสิ. สา อปเรน สมเยน ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ปาทมูเล ปตฺถิตปตฺถนํ มหานุภาวํ ปุตฺตํ วิชายิ.
อเถกทิวสํ ¶ ราชา ภิกฺขุนุปสฺสยสมีเปน คจฺฉนฺโต ทารกสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทว, เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา ปุตฺโต ชาโต, ตสฺเสส สทฺโท’’ติ วุตฺเต ตํ กุมารํ อตฺตโน ฆรํ เนตฺวา ธาตีนํ อทาสิ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส กสฺสโปติ นามํ กตฺวา กุมารปริหาเรน วฑฺฒิตตฺตา กุมารกสฺสโปติ สฺชานึสุ. โส กีฬามณฺฑเล ทารเก ปหริตฺวา ‘‘นิมฺมาตาปิติเกนมฺหา ปหฏา’’ติ วุตฺเต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘เทว, มํ ‘นิมฺมาตาปิติโก’ติ วทนฺติ, มาตรํ เม อาจิกฺขถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา รฺา ธาติโย ทสฺเสตฺวา ‘‘อิมา เต มาตโร’’ติ วุตฺเต ‘‘น เอตฺติกา เม มาตโร, เอกาย เม มาตรา ภวิตพฺพํ, ตํ เม อาจิกฺขถา’’ติ อาห. ราชา ‘‘น สกฺกา อิมํ วฺเจตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ตาต, ตว มาตา ภิกฺขุนี, ตฺวํ มยา ภิกฺขุนุปสฺสยา อานีโตติ. โส ตาวตเกเนว สมุปฺปนฺนสํเวโค หุตฺวา, ‘‘ตาต, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาห. ราชา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตํ มหนฺเตน สกฺกาเรน สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. โส ลทฺธูปสมฺปโท กุมารกสฺสปตฺเถโรติ ปฺายิ. โส สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วายมิตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ปุน กมฺมฏฺานํ วิเสเสตฺวา คเหสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อนฺธวเน วิหาสิ.
อถ นํ กสฺสปพุทฺธกาเล เอกโต สมณธมฺมํ กตฺวา อนาคามิผลํ ปตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตภิกฺขุ พฺรหฺมโลกโต อาคนฺตฺวา ปนฺนรส ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา ¶ ‘‘อิเม ปฺเห เปตฺวา สตฺถารํ อฺโ พฺยากาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, คจฺฉ, สตฺถุ สนฺติเก อิเมสํ อตฺถํ อุคฺคณฺหา’’ติ อุยฺโยเชสิ. โส ตถา กตฺวา ปฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส ปน นิกฺขนฺตทิวสโต ปฏฺาย ทฺวาทส วสฺสานิ มาตุภิกฺขุนิยา อกฺขีหิ อสฺสูนิ ปวตฺตึสุ. สา ปุตฺตวิโยคทุกฺขิตา อสฺสุตินฺเตเนว มุเขน ภิกฺขาย จรมานา อนฺตรวีถิยํ เถรํ ทิสฺวาว, ‘‘ปุตฺต ¶ , ปุตฺตา’’ติ วิรวนฺตี ตํ คณฺหิตุํ อุปธาวมานา ปริวตฺติตฺวา ปติ. สา ถเนหิ ขีรํ มฺุจนฺเตหิ อุฏฺหิตฺวา อลฺลจีวรา คนฺตฺวา เถรํ คณฺหิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สจายํ มม สนฺติกา มธุรวจนํ ลภิสฺสติ, วินสฺสิสฺสติ. ถทฺธเมว กตฺวา อิมาย สทฺธึ สลฺลปิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘กึ กโรนฺตี วิจรสิ, สิเนหมตฺตมฺปิ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกสี’’ติ. สา ‘‘อโห กกฺขฬา เถรสฺส ¶ กถา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ วเทสิ, ตาตา’’ติ วตฺวา ปุนปิ เตน ตเถว วุตฺตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมสฺส การณา ทฺวาทส วสฺสานิ อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกมิ, อยํ ปเนวํ ถทฺธหทโย, กึ เม อิมินา’’ติ ปุตฺตสิเนหํ ฉินฺทิตฺวา ตํทิวสเมว อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อปเรน สมเยน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเตน เอวํ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน กุมารกสฺสโป จ เถรี จ นาสิตา, สตฺถา ปน เตสํ ปติฏฺา ชาโต, อโห พุทฺธา นาม โลกานุกมฺปกา’’ติ ¶ . สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว อหํ อิเมสํ ปจฺจโย ปติฏฺา ชาโต, ปุพฺเพปิ เนสํ อหํ ปติฏฺา อโหสึเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘นิคฺโรธเมว เสเวยฺย, น สาขมุปสํวเส;
นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโย, ยฺเจ สาขสฺมิ ชีวิต’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๒; ๑.๑๐.๘๑) –
อิมํ นิคฺโรธชาตกํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ‘‘ตทา สาขมิโค เทวทตฺโต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสา, วารปฺปตฺตา มิคเธนุ เถรี อโหสิ, ปุตฺโต กุมารกสฺสโป, คพฺภินีมิคิยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา คโต นิคฺโรธมิคราชา ปน อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ปุตฺตสิเนหํ ฉินฺทิตฺวา เถริยา อตฺตนาว อตฺตโน ปติฏฺานกตภาวํ ปกาเสนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว, ยสฺมา ปรสฺส อตฺตนิ ิเตน สคฺคปรายเณน วา มคฺคปรายเณน วา ภวิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา อตฺตาว อตฺตโน นาโถ, ปโร กึ กริสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ, โก หิ นาโถ ปโร สิยา;
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน, นาถํ ลภติ ทุลฺลภ’’นฺติ.
ตตฺถ นาโถติ ปติฏฺา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อตฺตนิ ิเตน อตฺตสมฺปนฺเนน กุสลํ กตฺวา ¶ สคฺคํ วา ปาปุณิตุํ, มคฺคํ วา ภาเวตุํ, ผลํ วา สจฺฉิกาตุํ สกฺกา ¶ . ตสฺมา หิ อตฺตาว อตฺตโน ปติฏฺา โหติ, ปโร โก นาม กสฺส ปติฏฺา สิยา. อตฺตนา เอว หิ สุทนฺเตน นิพฺพิเสวเนน ¶ อรหตฺตผลสงฺขาตํ ทุลฺลภํ นาถํ ลภติ. อรหตฺตฺหิ สนฺธาย อิธ ‘‘นาถํ ลภติ ทุลฺลภ’’นฺติ วุตฺตํ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
กุมารกสฺสปมาตุเถรีวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. มหากาลอุปาสกวตฺถุ
อตฺตนา หิ กตํ ปาปนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหากาลํ นาม โสตาปนฺนอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร มาสสฺส อฏฺทิวเสสุ อุโปสถิโก หุตฺวา วิหาเร สพฺพรตฺตึ ธมฺมกถํ สุณาติ. อถ รตฺตึ โจรา เอกสฺมึ เคเห สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ภณฺฑกํ คเหตฺวา โลหภาชนสทฺเทน ปพุทฺเธหิ สามิเกหิ อนุพทฺธา คหิตภณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. สามิกาปิ เต อนุพนฺธึสุเยว, เต ทิสา ปกฺขนฺทึสุ. เอโก ปน วิหารมคฺคํ คเหตฺวา มหากาลสฺส รตฺตึ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปาโตว โปกฺขรณิตีเร มุขํ โธวนฺตสฺส ปุรโต ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. โจเร อนุพนฺธิตฺวา อาคตมนุสฺสา ภณฺฑิกํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ โน เคหสนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ภณฺฑิกํ หริตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต วิย วิจรสี’’ติ ¶ ตํ คเหตฺวา โปเถตฺวา มาเรตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา อคมึสุ. อถ นํ ปาโตว ปานียฆฏํ อาทาย คตา ทหรสามเณรา ทิสฺวา ‘‘วิหาเร ธมฺมกถํ สุตฺวา สยิตอุปาสโก อยุตฺตํ มรณํ ลภตี’’ติ วตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเว กาเลน อปฺปติรูปํ มรณํ ลทฺธํ, ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส ปน เตน ยุตฺตเมว ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถสิ –
อตีเต กิร พาราณสิรฺโ วิชิเต เอกสฺส ปจฺจนฺตคามสฺส อฏวิมุเข โจรา ปหรนฺติ. ราชา อฏวิมุเข เอกํ ราชภฏํ เปสิ, โส ภตึ คเหตฺวา มนุสฺเส โอรโต ปารํ เนติ, ปารโต โอรํ อาเนติ. อเถโก มนุสฺโส อภิรูปํ อตฺตโน ภริยํ จูฬยานกํ อาโรเปตฺวา ¶ ตํ านํ อคมาสิ. ราชภโฏ ตํ อิตฺถึ ทิสฺวาว สฺชาตสิเนโห เตน ‘‘อฏวึ โน ¶ , สามิ, อติกฺกาเมหี’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อิทานิ วิกาโล, ปาโตว อติกฺกาเมสฺสามี’’ติ อาห. โส สกาโล, สามิ, อิทาเนว โน เนหีติ. นิวตฺต, โภ, อมฺหากํเยว เคเห อาหาโร จ นิวาโส จ ภวิสฺสตีติ. โส เนว นิวตฺติตุํ อิจฺฉิ. อิตโร ปุริสานํ สฺํ ทตฺวา ยานกํ นิวตฺตาเปตฺวา อนิจฺฉนฺตสฺเสว ทฺวารโกฏฺเก นิวาสํ ทตฺวา อาหารํ ปฏิยาทาเปสิ. ตสฺส ปน เคเห เอกํ มณิรตนํ อตฺถิ. โส ตํ ตสฺส ยานกนฺตเร ปกฺขิปาเปตฺวา ปจฺจูสกาเล โจรานํ ปวิฏฺสทฺทํ กาเรสิ. อถสฺส ปุริสา ‘‘มณิรตนํ, สามิ, โจเรหิ หฏ’’นฺติ อาโรเจสุํ. โส คามทฺวาเรสุ อารกฺขํ เปตฺวา ‘‘อนฺโตคามโต นิกฺขมนฺเต วิจินถา’’ติ อาห. อิตโรปิ ปาโตว ยานกํ โยเชตฺวา ¶ ปายาสิ. อถสฺส ยานกํ โสเธนฺตา อตฺตนา ปิตํ มณิรตนํ ทิสฺวา สนฺตชฺเชตฺวา ‘‘ตฺวํ มณึ คเหตฺวา ปลายสี’’ติ โปเถตฺวา ‘‘คหิโต โน, สามิ, โจโร’’ติ คามโภชกสฺส ทสฺเสสุํ. โส ‘‘ภตกสฺส วต เม เคเห นิวาสํ ทตฺวา ภตฺตํ ทินฺนํ, มณึ คเหตฺวา คโต, คณฺหถ นํ ปาปปุริส’’นฺติ โปถาเปตฺวา มาเรตฺวา ฉฑฺฑาเปสิ. อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ. โส ตโต จุโต อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ทีฆรตฺตํ ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต ตเถว โปถิโต มรณํ ปาปุณิ.
เอวํ สตฺถา มหากาลสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, เอวํ อิเม สตฺเต อตฺตนา กตปาปกมฺมเมว จตูสุ อปาเยสุ อภิมตฺถตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ, อตฺตชํ อตฺตสมฺภวํ;
อภิมตฺถติ ทุมฺเมธํ, วชิรํวสฺมมยํ มณิ’’นฺติ.
ตตฺถ วชิรํวสฺมมยํ มณินฺติ วชิรํว อสฺมมยํ มณึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปาสาณมยํ ปาสาณสมฺภวํ วชิรํ ตเมว อสฺมมยํ มณึ อตฺตโน อุฏฺานฏฺานสงฺขาตํ ปาสาณมณึ ขาทิตฺวา ฉิทฺทํ ฉิทฺทํ ขณฺฑํ ขณฺฑํ กตฺวา อปริโภคํ กโรติ, เอวเมว อตฺตนา กตํ อตฺตนิ ชาตํ อตฺตสมฺภวํ ¶ ¶ ปาปํ ทุมฺเมธํ นิปฺปฺํ ปุคฺคลํ จตูสุ อปาเยสุ อภิมตฺถติ กนฺตติ วิทฺธํเสตีติ.
เทสนาวสาเน สมฺปตฺตภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหากาลอุปาสกวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. เทวทตฺตวตฺถุ
ยสฺส ¶ อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม ทุสฺสีลฺยการเณน วฑฺฒิตาย ตณฺหาย อชาตสตฺตุํ สงฺคณฺหิตฺวา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตตฺวา อชาตสตฺตุํ ปิตุวเธ สมาทเปตฺวา เตน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา นานปฺปกาเรน ตถาคตสฺส วธาย ปริสกฺกตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต นานปฺปกาเรน มยฺหํ วธาย ปริสกฺกตี’’ติ วตฺวา กุรุงฺคมิคชาตกาทีนิ (ชา. ๑.๒.๑๑๑-๒) กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อจฺจนฺตทุสฺสีลปุคฺคลํ นาม ทุสฺสีลฺยการณา อุปฺปนฺนา ตณฺหา มาลุวา วิย สาลํ ปริโยนนฺธิตฺวา สมฺภฺชมานา นิรยาทีสุ ปกฺขิปตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถามาห –
‘‘ยสฺส ¶ อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยํ, มาลุวา สาลมิโวตฺถตํ;
กโรติ โส ตถตฺตานํ, ยถา นํ อิจฺฉตี ทิโส’’ติ.
ตตฺถ อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยนฺติ เอกนฺตทุสฺสีลภาโว. คิหี วา ชาติโต ปฏฺาย ทส อกุสลกมฺมปเถ กโรนฺโต, ปพฺพชิโต วา อุปสมฺปนฺนทิวสโต ปฏฺาย ครุกาปตฺตึ อาปชฺชมาโน อจฺจนฺตทุสฺสีโล นาม. อิธ ปน โย ทฺวีสุ ตีสุ อตฺตภาเวสุ ทุสฺสีโล, เอตสฺส คติยา อาคตํ ทุสฺสีลภาวํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทุสฺสีลภาโวติ เจตฺถ ทุสฺสีลสฺส ฉ ¶ ทฺวารานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนา ตณฺหา เวทิตพฺพา. มาลุวา สาลมิโวตฺถตนฺติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ตํ ตณฺหาสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ ยถา นาม มาลุวา สาลํ โอตฺถรนฺตี เทเว วสฺสนฺเต ปตฺเตหิ อุทกํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สมฺภฺชนวเสน สพฺพตฺถกเมว ปริโยนนฺธติ, เอวํ อตฺตภาวํ โอตฺถตํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ. โส มาลุวาย สมฺภฺชิตฺวา ภูมิยํ ปาติยมาโน รุกฺโข วิย ตาย ทุสฺสีลฺยสงฺขาตาย ตณฺหาย สมฺภฺชิตฺวา อปาเยสุ ปาติยมาโน, ยถา นํ อนตฺถกาโม ทิโส อิจฺฉติ, ตถา อตฺตานํ กโรติ นามาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เทวทตฺตวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สงฺฆเภทปริสกฺกนวตฺถุ
สุกรานีติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สงฺฆเภทปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ เทวทตฺโต สงฺฆเภทาย ปริสกฺกนฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา เถโร สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. อทฺทสา โข มํ, ภนฺเต, เทวทตฺโต ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ. ทิสฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเค ทานาหํ, อาวุโส อานนฺท, อฺตฺเรว ภควตา อฺตฺร ภิกฺขุสงฺเฆน อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมฺจา’ติ. อชฺช ภควา เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสติ, อุโปสถฺจ กริสฺสติ สงฺฆกมฺมานิ จา’’ติ. เอวํ วุตฺเต สตฺถา –
‘‘สุกรํ สาธุนา สาธุ, สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ;
ปาปํ ปาเปน สุกรํ, ปาปมริเยหิ ทุกฺกร’’นฺติ. (อุทา. ๔๘) –
อิมํ ¶ อุทานํ อุทาเนตฺวา, ‘‘อานนฺท, อตฺตโน อหิตกมฺมํ นาม สุกรํ, หิตกมฺมเมว ทุกฺกร’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุกรานิ อสาธูนิ, อตฺตโน อหิตานิ จ;
ยํ เว หิตฺจ สาธฺุจ, ตํ เว ปรมทุกฺกร’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ยานิ กมฺมานิ อสาธูนิ สาวชฺชานิ อปายสํวตฺตนิกตฺตาเยว อตฺตโน อหิตานิ จ โหนฺติ, ตานิ สุกรานิ ¶ . ยํ ปน สุคติสํวตฺตนิกตฺตา อตฺตโน หิตฺจ อนวชฺชตฺเถน สาธฺุจ สุคติสํวตฺตนิกฺเจว นิพฺพานสํวตฺตนิกฺจ กมฺมํ, ตํ ปาจีนนินฺนาย คงฺคาย อุพฺพตฺเตตฺวา ปจฺฉามุขกรณํ วิย อติทุกฺกรนฺติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สงฺฆเภทปริสกฺกนวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. กาลตฺเถรวตฺถุ
โย ¶ สาสนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรกา อิตฺถี มาตุฏฺาเน ตฺวา ตํ เถรํ อุปฏฺหิ. ตสฺสา ปฏิวิสฺสกเคเห มนุสฺสา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘อโห พุทฺธา นาม อจฺฉริยา, อโห ธมฺมเทสนา มธุรา’’ติ ปสํสนฺติ. สา อิตฺถี เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ โสตุกามา’’ติ ตสฺส อาโรเจสิ. โส ‘‘ตตฺถ มา คมี’’ติ ตํ นิวาเรสิ. สา ปุนทิวเส ปุนทิวเสปีติ ยาวตติยํ เตน นิวาริยมานาปิ โสตุกามาว อโหสิ. กสฺมา โส ปเนตํ นิวาเรสีติ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา มยิ ภิชฺชิสฺสตี’’ติ. สา เอกทิวสํ ปาโตว ภุตฺตปาตราสา อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา, ‘‘อมฺม, สาธุกํ อยฺยํ ปริวิเสยฺยาสี’’ติ ธีตรํ อาณาเปตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ธีตาปิสฺสา ตํ ภิกฺขุํ อาคตกาเล ปริวิสิตฺวา ‘‘กุหึ มหาอุปาสิกา’’ติ วุตฺตา ‘‘ธมฺมสฺสวนาย ¶ วิหารํ คตา’’ติ อาห. โส ตํ ¶ สุตฺวาว กุจฺฉิยํ อุฏฺิเตน ฑาเหน สนฺตปฺปมาโน ‘‘อิทานิ สา มยิ ภินฺนา’’ติ เวเคน คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณมานํ ทิสฺวา สตฺถารํ อาห, ‘‘ภนฺเต, อยํ อิตฺถี ทนฺธา สุขุมํ ธมฺมกถํ น ชานาติ, อิมิสฺสา ขนฺธาทิปฏิสํยุตฺตํ สุขุมํ ธมฺมกถํ อกเถตฺวา ทานกถํ วา สีลกถํ วา กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สตฺถา ตสฺสชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ‘‘ตฺวํ ทุปฺปฺโ ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย พุทฺธานํ สาสนํ ปฏิกฺโกสสิ. อตฺตฆาตาเยว วายมสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย สาสนํ อรหตํ, อริยานํ ธมฺมชีวินํ;
ปฏิกฺโกสติ ทุมฺเมโธ, ทิฏฺึ นิสฺสาย ปาปิกํ;
ผลานิ กฏฺกสฺเสว, อตฺตฆาตาย ผลฺลตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ทุมฺเมโธ ปุคฺคโล อตฺตโน สกฺการหานิภเยน ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย ‘‘ธมฺมํ วา โสสฺสาม, ทานํ วา ทสฺสามา’’ติ วทนฺเต ปฏิกฺโกสนฺโต อรหตํ อริยานํ ธมฺมชีวินํ พุทฺธานํ สาสนํ ปฏิกฺโกสติ, ตสฺส ตํ ปฏิกฺโกสนํ สา จ ปาปิกา ทิฏฺิ เวฬุสงฺขาตสฺส กฏฺกสฺส ผลานิ วิย โหติ. ตสฺมา ยถา กฏฺโก ผลานิ คณฺหนฺโต อตฺตฆาตาย ผลฺลติ, อตฺตโน ฆาตตฺถเมว ผลติ, เอวํ โสปิ อตฺตฆาตาย ผลฺลตีติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ผลํ ¶ เว กทลึ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ. (จูฬว. ๓๓๕; อ. นิ. ๔.๖๘);
เทสนาวสาเน อุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
กาลตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. จูฬกาลอุปาสกวตฺถุ
อตฺตนา ¶ ¶ หิ กตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬกาลํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ มหากาลวตฺถุสฺมึ วุตฺตนเยเนว อุมงฺคโจรา สามิเกหิ อนุพทฺธา รตฺตึ วิหาเร ธมฺมกถํ สุตฺวา ปาโตว วิหารา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตสฺส ตสฺส อุปาสกสฺส ปุรโต ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ รตฺตึ โจรกมฺมํ กตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต วิย จรติ, คณฺหถ น’’นฺติ ตํ โปถยึสุ. กุมฺภทาสิโย อุทกติตฺถํ คจฺฉมานา ตํ ทิสฺวา ‘‘อเปถ, สามิ, นายํ เอวรูปํ กโรตี’’ติ ตํ โมเจสุํ. โส วิหารํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺหิ มนุสฺเสหิ นาสิโต, กุมฺภทาสิโย เม นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, จูฬกาลอุปาสโก กุมฺภทาสิโย เจว นิสฺสาย, อตฺตโน จ อกรณภาเวน ชีวิตํ ลภิ. อิเม หิ นาม สตฺตา อตฺตนา ปาปกมฺมํ กตฺวา นิรยาทีสุ อตฺตนาว กิลิสฺสนฺติ, กุสลํ กตฺวา ปน สุคติฺเจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตา อตฺตนาว วิสุชฺฌนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ, อตฺตนา สํกิลิสฺสติ;
อตฺตนา อกตํ ปาปํ, อตฺตนาว วิสุชฺฌติ;
สุทฺธี อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ, นาฺโ อฺํ วิโสธเย’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – เยน อตฺตนา อกุสลกมฺมํ กตํ โหติ, โส จตูสุ อปาเยสุ ทุกฺขํ อนุภวนฺโต ¶ อตฺตนาว สํกิลิสฺสติ. เยน ปน อตฺตนา อกตํ ปาปํ, โส สุคติฺเจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺโต อตฺตนาว วิสุชฺฌติ. กุสลกมฺมสงฺขาตา สุทฺธิ อกุสลกมฺมสงฺขาตา จ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ การกสตฺตานํ อตฺตนิเยว วิปจฺจติ. อฺโ ปุคฺคโล อฺํ ปุคฺคลํ น วิโสธเย เนว วิโสเธติ, น กิเลเสตีติ วุตฺตํ โหติ.
เทสนาวสาเน ¶ จูฬกาโล โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
จูฬกาลอุปาสกวตฺถุ นวมํ.
๑๐. อตฺตทตฺถตฺเถรวตฺถุ
อตฺตทตฺถนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตฺตทตฺถตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถารา หิ ปรินิพฺพานกาเล, ‘‘ภิกฺขเว, อหํ อิโต จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุตฺเต อุปฺปนฺนสํเวคา สตฺตสตา ปุถุชฺชนา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ อวิชหิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, กริสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยมานา วิจรนฺติ. อตฺตทตฺถตฺเถโร ปน จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสติ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, สตฺถริ ธรมาเนเยว อรหตฺตตฺถาย วายมิสฺสามี’’ติ. โส ภิกฺขูนํ สนฺติกํ น คจฺฉติ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘กสฺมา, อาวุโส, ตฺวํ เนว อมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉสิ, น กิฺจิ มนฺเตสี’’ติ วตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, เอวํ นาม กโรตี’’ติ อาโรจยึสุ. โส สตฺถาราปิ ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺเห กิร, ภนฺเต, จตุมาสจฺจเยน ¶ ปรินิพฺพายิสฺสถ, อหํ ตุมฺเหสุ ธรนฺเตสุเยว อรหตฺตปฺปตฺติยา วายมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ยสฺส มยิ สิเนโห อตฺถิ, เตน อตฺตทตฺเถน วิย ภวิตุํ วฏฺฏติ. น หิ คนฺธาทีหิ ปูเชนฺตา มํ ปูเชนฺติ, ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติยา ปน มํ ปูเชนฺติ. ตสฺมา อฺเนปิ อตฺตทตฺถสทิเสเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตทตฺถํ ปรตฺเถน, พหุนาปิ น หาปเย;
อตฺตทตฺถมภิฺาย, สทตฺถปสุโต สิยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – คิหิภูตา ตาว กากณิกมตฺตมฺปิ อตฺตโน อตฺถํ สหสฺสมตฺเตนาปิ ปรสฺส อตฺเถน ¶ น หาปเย. กากณิกมตฺเตนาปิ หิสฺส อตฺตทตฺโถว ขาทนียํ วา โภชนียํ วา นิปฺผาเทยฺย, น ปรตฺโถ. อิทํ ¶ ปน เอวํ อกเถตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน กถิตํ, ตสฺมา ‘‘อตฺตทตฺถํ น หาเปมี’’ติ ภิกฺขุนา นาม สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ เจติยปฏิสงฺขรณาทิกิจฺจํ วา อุปชฺฌายาทิวตฺตํ วา น หาเปตพฺพํ. อาภิสมาจาริกวตฺตฺหิ ปูเรนฺโตเยว อริยผลาทีนิ สจฺฉิกโรติ, ตสฺมา อยมฺปิ อตฺตทตฺโถว. โย ปน อจฺจารทฺธวิปสฺสโก ‘‘อชฺช วา สุเว วา’’ติ ปฏิเวธํ ปตฺถยมาโน วิจรติ, เตน อุปชฺฌายวตฺตาทีนิปิ หาเปตฺวา อตฺตโน กิจฺจเมว กาตพฺพํ. เอวรูปฺหิ อตฺตทตฺถมภิฺาย ‘‘อยํ เม อตฺตโน อตฺโถ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ¶ , สทตฺถปสุโต สิยาติ ตสฺมึ สเก อตฺเถ อุยฺยุตฺตปยุตฺโต ภเวยฺยาติ.
เทสนาวสาเน โส เถโร อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตภิกฺขูนมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อตฺตทตฺถตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.
อตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺวาทสโม วคฺโค.
๑๓. โลกวคฺโค
๑. ทหรภิกฺขุวตฺถุ
หีนํ ¶ ¶ ¶ ธมฺมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทหรภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
อฺตโร กิร เถโร ทหรภิกฺขุนา สทฺธึ ปาโตว วิสาขาย เคหํ อคมาสิ. วิสาขาย เคเห ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ ธุวยาคุ นิจฺจปฺตฺตา โหติ. เถโร ตตฺถ ยาคุํ ปิวิตฺวา ทหรภิกฺขุํ นิสีทาเปตฺวา สยํ อฺํ เคหํ อคมาสิ. เตน จ สมเยน วิสาขาย ปุตฺตสฺส ธีตา อยฺยิกาย าเน ตฺวา ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจํ กโรติ. สา ตสฺส ทหรสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวนฺตี จาฏิยํ อตฺตโน มุขนิมิตฺตํ ทิสฺวา หสิ, ทหโรปิ ตํ โอโลเกตฺวา หสิ. สา ตํ หสมานํ ทิสฺวา ‘‘ฉินฺนสีโส หสตี’’ติ อาห. อถ นํ ทหโร ‘‘ตฺวํ ฉินฺนสีสา, มาตาปิตโรปิ เต ฉินฺนสีสา’’ติ อกฺโกสิ. สา โรทมานา มหานเส อยฺยิกาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ อิทํ, อมฺมา’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สา ทหรสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มา กุชฺฌิ, น เอตํ ฉินฺนเกสนขสฺส ฉินฺนนิวาสนปารุปนสฺส ¶ มชฺเฌ ฉินฺนกปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตสฺส อยฺยสฺส อครุก’’นฺติ อาห. ทหโร อาม, อุปาสิเก, ตฺวํ มม ฉินฺนเกสาทิภาวํ ชานาสิ, อิมิสฺสา มํ ‘‘ฉินฺนสีโส’’ติ กตฺวา อกฺโกสิตุํ วฏฺฏิสฺสตีติ. วิสาขา เนว ทหรํ สฺาเปตุํ อสกฺขิ, นปิ ทาริกํ. ตสฺมึ ขเณ เถโร อาคนฺตฺวา ‘‘กิมิทํ อุปาสิเก’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ทหรํ โอวทนฺโต อาห – ‘‘อเปหิ, อาวุโส, นายํ ฉินฺนเกสนขวตฺถสฺส มชฺเฌ ฉินฺนกปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตสฺส อกฺโกโส, ตุณฺหี โหหี’’ติ. อาม, ภนฺเต, กึ ตุมฺเห อตฺตโน อุปฏฺายิกํ อตชฺเชตฺวา มํ ตชฺเชถ, มํ ‘‘ฉินฺนสีโส’’ติ อกฺโกสิตุํ วฏฺฏิสฺสตีติ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. วิสาขา อาทิโต ปฏฺาย ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส ทหรสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘มยา อิมํ ทหรํ อนุวตฺติตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา วิสาขํ อาห – ‘‘กึ ปน วิสาเข ตว ทาริกาย ฉินฺนเกสาทิมตฺตเกเนว มม สาวเก ¶ ฉินฺนสีเส กตฺวา อกฺโกสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ทหโร ตาวเทว อุฏฺาย อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ¶ , ‘‘ภนฺเต, เอตํ ปฺหํ ตุมฺเหว สุฏฺุ ชานาถ, อมฺหากํ อุปชฺฌาโย จ อุปาสิกา จ สุฏฺุ น ชานนฺตี’’ติ อาห. สตฺถา ทหรสฺส อตฺตโน อนุกุลภาวํ ตฺวา ‘‘กามคุณํ อารพฺภ หสนภาโว นาม หีโน ธมฺโม, หีนฺจ นาม ธมฺมํ เสวิตุํ ปมาเทน สทฺธึ สํวสิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หีนํ ¶ ธมฺมํ น เสเวยฺย, ปมาเทน น สํวเส;
มิจฺฉาทิฏฺึ น เสเวยฺย, น สิยา โลกวฑฺฒโน’’ติ.
ตตฺถ หีนํ ธมฺมนฺติ ปฺจกามคุณํ ธมฺมํ. โส หิ หีโน ธมฺโม น อนฺตมโส โอฏฺโคณาทีหิปิ ปฏิเสวิตพฺโพ. หีเนสุ จ นิรยาทีสุ าเนสุ นิพฺพตฺตาเปตีติ หีโน นาม, ตํ น เสเวยฺย. ปมาเทนาติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน ปมาเทนาปิ น สํวเส. น เสเวยฺยาติ มิจฺฉาทิฏฺิมฺปิ น คณฺเหยฺย. โลกวฑฺฒโนติ โย หิ เอวํ กโรติ, โส โลกวฑฺฒโน นาม โหติ. ตสฺมา เอวํ อกรเณน น สิยา โลกวฑฺฒโนติ.
เทสนาวสาเน โส ทหโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ทหรภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.
๒. สุทฺโธทนวตฺถุ
อุตฺติฏฺเติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต ปิตรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ปมคมเนน กปิลปุรํ คนฺตฺวา าตีหิ กตปจฺจุคฺคมโน นิคฺโรธารามํ ปตฺวา าตีนํ มานภินฺทนตฺถาย อากาเส รตนจงฺกมํ มาเปตฺวา ตตฺถ จงฺกมนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. าตี ปสนฺนจิตฺตา สุทฺโธทนมหาราชานํ อาทึ กตฺวา วนฺทึสุ. ตสฺมึ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. ตํ อารพฺภ มหาชเนน กถาย ¶ สมุฏฺาปิตาย ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มยฺหํ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิเยวา’’ติ ¶ วตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถสิ. ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปกฺกมนฺเตสุ าตีสุ เอโกปิ สตฺถารํ น นิมนฺเตสิ. ราชาปิ ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต มม เคหํ อนาคนฺตฺวา กหํ คมิสฺสตี’’ติ อนิมนฺเตตฺวาว อคมาสิ. คนฺตฺวา จ ปน เคเห วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ ยาคุอาทีนิ ปฏิยาทาเปตฺวา อาสนานิ ¶ ปฺาเปสิ. ปุนทิวเส สตฺถา ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต ‘‘กึ นุ โข อตีตพุทฺธา ปิตุ นครํ ปตฺวา อุชุกเมว าติกุลํ ปวิสึสุ, อุทาหุ ปฏิปาฏิยา ปิณฺฑาย จรึสู’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘ปฏิปาฏิยา จรึสู’’ติ ทิสฺวา ปมเคหโต ปฏฺาย ปิณฺฑาย จรนฺโต ปายาสิ. ราหุลมาตา ปาสาทตเล นิสินฺนาว ทิสฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา สาฏกํ สณฺาเปนฺโต เวเคน นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา – ‘‘ปุตฺต, กสฺมา มํ นาเสสิ, อติวิย เต ปิณฺฑาย จรนฺเตน ลชฺชา อุปฺปาทิตา, ยุตฺตํ นาม โว อิมสฺมึเยว นคเร สุวณฺณสิวิกาทีหิ วิจริตฺวา ปิณฺฑาย จริตุํ, กึ มํ ลชฺชาเปสี’’ติ? ‘‘นาหํ ตํ, มหาราช, ลชฺชาเปมิ, อตฺตโน ปน กุลวํสํ อนุวตฺตามี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ตาต, ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวนวํโส มม วํโส’’ติ? ‘‘เนโส, มหาราช, ตว วํโส, มม ปเนโส วํโส. อเนกานิ หิ พุทฺธสหสฺสานิ ปิณฺฑาย จริตฺวาว ชีวึสู’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;
ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
‘‘ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;
ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อุตฺติฏฺเติ อุฏฺหิตฺวา ปเรสํ ฆรทฺวาเร ตฺวา คเหตพฺพปิณฺเฑ. นปฺปมชฺเชยฺยาติ ปิณฺฑจาริกวตฺตฺหิ หาเปตฺวา ปณีตโภชนานิ ปริเยสนฺโต อุตฺติฏฺเ ปมชฺชติ นาม, สปทานํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ปน น ปมชฺชติ นาม. เอวํ กโรนฺโต อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย. ธมฺมนฺติ อเนสนํ ปหาย ¶ สปทานํ จรนฺโต ตเมว ภิกฺขาจริยธมฺมํ สุจริตํ จเร. สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมตํ, เอวํ ปเนตํ ภิกฺขาจริยธมฺมํ จรนฺโต ธมฺมจารี อิธ โลเก จตูหิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ. น นํ ทุจฺจริตนฺติ เวสิยาทิเภเท อโคจเร จรนฺโต ภิกฺขาจริยธมฺมํ ทุจฺจริตํ จรติ นาม. เอวํ อจริตฺวา ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร. เสสํ วุตฺตตฺถเมว.
เทสนาวสาเน ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สุทฺโธทนวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ปฺจสตวิปสฺสกภิกฺขุวตฺถุ
ยถา ¶ ปุพฺพุฬกนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต วิปสฺสเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา อปฺปวิเสสา ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหสฺสามา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค มรีจิกมฺมฏฺานํ ภาเวนฺตาว อาคมึสุ ¶ . เตสํ วิหารํ ปวิฏฺกฺขเณเยว เทโว วสฺสิ. เต ตตฺถ ตตฺถ ปมุเขสุ ตฺวา ธาราเวเคน อุฏฺหิตฺวา ภิชฺชนฺเต ปุพฺพฬเก ทิสฺวา ‘‘อยมฺปิ อตฺตภาโว อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนตฺเถน ปุพฺพุฬกสทิโสเยวา’’ติ อารมฺมณํ คณฺหึสุ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว เต ภิกฺขู โอโลเกตฺวา เตหิ สทฺธึ กเถนฺโต วิย โอภาสํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยถา ปุพฺพุฬกํ ปสฺเส, ยถา ปสฺเส มรีจิกํ;
เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ มรีจิกนฺติ มยูขํ. เต หิ ทูรโตว เคหสณฺานาทิวเสน อุปฏฺิตาปิ อุปคจฺฉนฺตานํ อคยฺหูปคา ริตฺตกา ตุจฺฉกาว. ตสฺมา ยถา อุปฺปชฺชิตฺวา ¶ ภิชฺชนตฺเถน ปุพฺพุฬกํ ริตฺตตุจฺฉาทิภาเวเนว ปสฺเสยฺย, เอวํ ขนฺธาทิโลกํ อเวกฺขนฺตํ มจฺจุราชา น ปสฺสตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู ิตฏฺาเนเยว อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.
ปฺจสตวิปสฺสกภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.
๔. อภยราชกุมารวตฺถุ
เอถ ปสฺสถิมํ โลกนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อภยราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส กิร ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคตสฺส ปิตา พิมฺพิสาโร ตุสฺสิตฺวา เอกํ นจฺจคีตกุสลํ ¶ นาฏกิตฺถึ ทตฺวา ¶ สตฺตาหํ รชฺชมทาสิ. โส สตฺตาหํ เคหา พหิ อนิกฺขนฺโตว รชฺชสิรึ อนุภวิตฺวา อฏฺเม ทิวเส นทีติตฺถํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา สนฺตติมหามตฺโต วิย ตสฺสา อิตฺถิยา นจฺจคีตํ ปสฺสนฺโต นิสีทิ. สาปิ ตงฺขณฺเว สนฺตติมหามตฺตสฺส นาฏกิตฺถี วิย สตฺถกวาตานํ วเสน กาลมกาสิ. กุมาโร ตสฺสา กาลกิริยาย อุปฺปนฺนโสโก ‘‘น เม อิมํ โสกํ เปตฺวา สตฺถารํ อฺโ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โสกํ เม นิพฺพาเปถา’’ติ อาห. สตฺถา ตํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘ตยา หิ, กุมาร, อิมิสฺสา อิตฺถิยา เอวเมว มตกาเล โรทนฺเตน ปวตฺติตานํ อสฺสูนํ อนมตคฺเค สํสาเร ปมาณํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ตาย เทสนาย โสกสฺส ตนุภาวํ ตฺวา, ‘‘กุมาร, มา โสจิ, พาลชนานํ สํสีทนฏฺานเมต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ, จิตฺตํ ราชรถูปมํ;
ยตฺถ พาลา วิสีทนฺติ, นตฺถิ สงฺโค วิชานต’’นฺติ.
ตตฺถ เต ปสฺสถาติ ราชกุมารเมว สนฺธายาห. อิมํ โลกนฺติ อิมํ ขนฺธโลกาทิสงฺขาตํ อตฺตภาวํ. จิตฺตนฺติ สตฺตรตนาทิวิจิตฺตํ ราชรถํ วิย วตฺถาลงฺการาทิจิตฺติตํ. ยตฺถ พาลาติ ยสฺมึ อตฺตภาเว พาลา เอวํ ¶ วิสีทนฺติ. วิชานตนฺติ วิชานนฺตานํ ปณฺฑิตานํ เอตฺถ ราคสงฺคาทีสุ เอโกปิ สงฺโค นตฺถีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ราชกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อภยราชกุมารวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. สมฺมชฺชนตฺเถรวตฺถุ
โย ¶ จ ปุพฺเพติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺมชฺชนตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ปาโต วา สายํ วาติ เวลํ ปมาณํ อกตฺวา อภิกฺขณํ สมฺมชฺชนฺโตว วิจรติ. โส เอกทิวสํ สมฺมชฺชนึ คเหตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส เรวตตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อยํ มหากุสีโต ชนสฺส สทฺธาเทยฺยํ ภฺุชิตฺวา อาคนฺตฺวา นิสีทติ, กึ นาเมตสฺส สมฺมชฺชนึ ¶ คเหตฺวา เอกํ านํ สมฺมชฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. เถโร ‘‘โอวาทมสฺส ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอหาวุโสติ. กึ, ภนฺเตติ? คจฺฉ นฺหตฺวา เอหีติ. โส ตถา อกาสิ. อถ นํ เถโร เอกมนฺตํ นิสีทาเปตฺวา โอวทนฺโต อาห – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขุนา นาม น สพฺพกาลํ สมฺมชฺชนฺเตน วิจริตุํ วฏฺฏติ, ปาโต เอว ปน สมฺมชฺชิตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺเตน อาคนฺตฺวา รตฺติฏฺาเน วา ทิวาฏฺาเน วา นิสินฺเนน ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายิตฺวา อตฺตภาเว ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา สายนฺเห อุฏฺาย สมฺมชฺชิตุํ วฏฺฏติ, นิจฺจกาลํ อสมฺมชฺชิตฺวา อตฺตโนปิ นาม โอกาโส กาตพฺโพ’’ติ. โส เถรสฺส โอวาเท ตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ ตํ านํ อุกฺลาปํ อโหสิ. อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส สมฺมชฺชนตฺเถร, ตํ ตํ านํ อุกฺลาปํ กสฺมา น สมฺมชฺชสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, มยา ปมาทกาเล เอวํ กตํ, อิทานามฺหิ อปฺปมตฺโต’’ติ. ภิกฺขู ‘‘อยํ เถโร อฺํ พฺยากโรตี’’ติ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต ปุพฺเพ ปมาทกาเล สมฺมชฺชนฺโต วิจริ, อิทานิ ปน มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต น สมฺมชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย ¶ ¶ จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล ปุพฺเพ วตฺตปฏิวตฺตกรเณน วา สชฺฌายาทีหิ วา ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต นปฺปมชฺชติ, โส อพฺภาทีหิ มุตฺโต จนฺโทว โอกาสโลกํ มคฺคาเณน อิมํ ขนฺธาทิโลกํ โอภาเสติ, เอกาโลกํ กโรตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สมฺมชฺชนตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ
ยสฺส ปาปนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต องฺคุลิมาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ องฺคุลิมาลสุตฺตนฺตวเสเนว (ม. นิ. ๒.๓๔๗ อาทโย) เวทิตพฺพํ.
เถโร ¶ ปน สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล รโหคโต ปฏิสลฺลีโน วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที. ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ. –
อาทินา นเยน อุทานํ อุทาเนตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต. ภิกฺขู ‘‘กหํ นุ โข, อาวุโส, เถโร อุปฺปนฺโน’’ติ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ? สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย ¶ สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, องฺคุลิมาลตฺเถรสฺส นิพฺพตฺตฏฺานกถายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปรินิพฺพุโต จ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอตฺตเก มนุสฺเส มาเรตฺวา ปรินิพฺพุโต’’ติ? ‘‘อาม, ภิกฺขเว, โส ปุพฺเพ เอกํ กลฺยาณมิตฺตํ อลภิตฺวา เอตฺตกํ ปาปมกาสิ, ปจฺฉา ปน กลฺยาณมิตฺตปจฺจยํ ลภิตฺวา อปฺปมตฺโต อโหสิ. เตนสฺส ตํ ปาปกมฺมํ กุสเลน ปิหิต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ¶ ปาปํ กตํ กมฺมํ, กุสเลน ปิธียติ;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ.
ตตฺถ กุสเลนาติ อรหตฺตมคฺคํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. เปสการธีตาวตฺถุ
อนฺธภูโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต เอกํ เปสการธีตรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ อาฬวิวาสิโน สตฺถริ อาฬวึ สมฺปตฺเต นิมนฺเตตฺวา ทานํ อทํสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อทฺธุวํ เม ชีวิตํ, ธุวํ เม มรณํ, อวสฺสํ มยา มริตพฺพเมว ¶ , มรณปริโยสานํ เม ชีวิตํ, ชีวิตเมว อนิยตํ, มรณํ นิยตนฺติ ¶ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวถ. เยสฺหิ มรณสฺสติ อภาวิตา, เต ปจฺฉิเม กาเล อาสีวิสํ ทิสฺวา ภีตอทณฺฑปุริโส วิย สนฺตาสปฺปตฺตา เภรวรวํ รวนฺตา กาลํ กโรนฺติ. เยสํ ปน มรณสฺสติ ภาวิตา, เต ทูรโตว อาสีวิสํ ทิสฺวา ทณฺฑเกน คเหตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา ิตปุริโส วิย ปจฺฉิเม กาเล น สนฺตสนฺติ, ตสฺมา มรณสฺสติ ภาเวตพฺพา’’ติ อาห. ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อวเสสชนา สกิจฺจปฺปสุตาว อเหสุํ. เอกา ปน โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา เปสการธีตา ‘‘อโห พุทฺธานํ กถา นาม อจฺฉริยา, มยา ปน มรณสฺสตึ ภาเวตุํ วฏฺฏตี’’ติ รตฺตินฺทิวํ มรณสฺสติเมว ภาเวสิ. สตฺถาปิ ตโต นิกฺขมิตฺวา เชตวนํ อคมาสิ. สาปิ กุมาริกา ตีณิ วสฺสานิ มรณสฺสตึ ภาเวสิเยว.
อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ กุมาริกํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโตปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อิมาย กุมาริกาย มม ธมฺมเทสนาย สุตทิวสโต ปฏฺาย ตีณิ วสฺสานิ มรณสฺสติ ภาวิตา, อิทานาหํ ตตฺถ คนฺตฺวา อิมํ กุมาริกํ จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา ตาย วิสฺสชฺเชนฺติยา ¶ จตูสุ าเนสุ สาธุการํ ทตฺวา อิมํ คาถํ ภาสิสฺสามิ. สา คาถาวสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสติ, ตํ นิสฺสาย มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เชตวนา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน อคฺคาฬววิหารํ อคมาสิ. อาฬวิวาสิโน ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ตํ วิหารํ คนฺตฺวา นิมนฺตยึสุ. ตทา สาปิ กุมาริกา สตฺถุ อาคมนํ สุตฺวา ‘‘อาคโต กิร มยฺหํ ปิตา, สามิ, อาจริโย ปุณฺณจนฺทมุโข มหาโคตมพุทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานสา ‘‘อิโต เม ติณฺณํ สํวจฺฉรานํ มตฺถเก สุวณฺณวณฺโณ สตฺถา ทิฏฺปุพฺโพ, อิทานิสฺส สุวณฺณวณฺณํ ¶ สรีรํ ทฏฺุํ มธุโรชฺจ วรธมฺมํ โสตุํ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ปิตา ปนสฺสา สาลํ คจฺฉนฺโต อาห – ‘‘อมฺม, ปรสนฺตโก เม สาฏโก อาโรปิโต, ตสฺส วิทตฺถิมตฺตํ อนิฏฺิตํ, ตํ อชฺช นิฏฺาเปสฺสามิ, สีฆํ เม ตสรํ วฏฺเฏตฺวา อาหเรยฺยาสี’’ติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สตฺถุ ธมฺมํ โสตุกามา, ปิตา จ มํ เอวํ อาห. กึ นุ โข สตฺถุ ธมฺมํ สุณามิ, อุทาหุ ปิตุ ตสรํ วฏฺเฏตฺวา หรามี’’ติ? อถสฺสา เอตทโหสิ ‘‘ปิตา มํ ตสเร อนาหริยมาเน โปเถยฺยปิ ปหเรยฺยปิ, ตสฺมา ตสรํ วฏฺเฏตฺวา ตสฺส ทตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ ปีเก นิสีทิตฺวา ตสรํ วฏฺเฏสิ.
อาฬวิวาสิโนปิ สตฺถารํ ปริวิสิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อนุโมทนตฺถาย อฏฺํสุ. สตฺถา ‘‘ยมหํ กุลธีตรํ นิสฺสาย ตึสโยชนมคฺคํ อาคโต, สา อชฺชาปิ โอกาสํ น ลภติ. ตาย ¶ โอกาเส ลทฺเธ อนุโมทนํ กริสฺสามี’’ติ ตุณฺหีภูโต อโหสิ. เอวํ ตุณฺหีภูตมฺปิ สตฺถารํ สเทวเก โลเก โกจิ กิฺจิ วตฺตุํ น วิสหติ. สาปิ โข กุมาริกา ตสรํ วฏฺเฏตฺวา ปจฺฉิยํ เปตฺวา ปิตุ สนฺติกํ คจฺฉมานา ปริสปริยนฺเต ตฺวา สตฺถารํ โอโลกยมานาว อฏฺาสิ. สตฺถาปิ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ตํ โอโลเกสิ. สา โอโลกิตากาเรเนว อฺาสิ – ‘‘สตฺถา เอวรูปาย ปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวาว มํ โอโลเกนฺโต มมาคมนํ ปจฺจาสีสติ, อตฺตโน สนฺติกํ อาคมนเมว ปจฺจาสีสตี’’ติ. สา ตสรปจฺฉึ เปตฺวา สตฺถุ ¶ สนฺติกํ อคมาสิ. กสฺมา ปน นํ สตฺถา โอโลเกสีติ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘เอสา เอตฺโตว คจฺฉมานา ปุถุชฺชนกาลกิริยํ ¶ กตฺวา อนิยตคติกา ภวิสฺสติ, มม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา คจฺฉมานา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา นิยตคติกา หุตฺวา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ. ตสฺสา กิร ตํ ทิวสํ มรณโต มุตฺติ นาม นตฺถิ. สา โอโลกิตสฺาเณเนว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ฉพฺพณฺณรํสีนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตถารูปาย ปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ตุณฺหีภูตํ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ิตกฺขเณเยว ตํ อาห – ‘‘กุมาริเก, กุโต อาคจฺฉสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตฺถ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘น ชานาสี’’ติ? ‘‘ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. อิติ นํ สตฺถา จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ. มหาชโน อุชฺฌายิ – ‘‘อมฺโภ, ปสฺสถ, อยํ เปสการธีตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สทฺธึ อิจฺฉิติจฺฉิตํ กเถสิ, นนุ นาม อิมาย ‘กุโต อาคจฺฉสี’ติ วุตฺเต ‘เปสการเคหโต’ติ วตฺตพฺพํ. ‘กหํ คจฺฉสี’ติ วุตฺเต ‘เปสการสาล’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา’’ติ.
สตฺถา มหาชนํ นิสฺสทฺทํ กตฺวา, ‘‘กุมาริเก, ตฺวํ กุโต อาคจฺฉสี’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา น ชานามีติ วเทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, ตุมฺเห มม เปสการเคหโต อาคตภาวํ ชานาถ, ‘‘กุโต อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉนฺตา ปน ‘‘กุโต อาคนฺตฺวา อิธ นิพฺพตฺตาสี’’ติ ปุจฺฉถ. อหํ ปน น ชานามิ ‘‘กุโต จ อาคนฺตฺวา อิธ นิพฺพตฺตามฺหี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, กุมาริเก, มยา ปุจฺฉิตปฺโหว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ปมํ สาธุการํ ¶ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘กตฺถ คมิสฺสสีติ ปุน ปุฏฺา กสฺมา ‘น ชานามี’ติ วเทสี’’ติ? ภนฺเต, ตุมฺเห มํ ตสรปจฺฉึ คเหตฺวา เปสการสาลํ คจฺฉนฺตึ ชานาถ, ‘‘อิโต คนฺตฺวา กตฺถ นิพฺพตฺติสฺสสี’’ติ ปุจฺฉถ. อหฺจ อิโต จุตา น ชานามิ ‘‘กตฺถ คนฺตฺวา นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ทุติยํ สาธุการํ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘อถ กสฺมา ‘น ชานาสี’ติ ปุฏฺา ‘ชานามี’ติ วเทสี’’ติ? ‘‘มรณภาวํ ชานามิ, ภนฺเต, ตสฺมา เอวํ วเทมี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ตติยํ ¶ สาธุการํ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘อถ กสฺมา ‘ชานาสี’ติ ปุฏฺา ‘น ชานามี’ติ วเทสี’’ติ. มม มรณภาวเมว อหํ ชานามิ, ภนฺเต, ‘‘รตฺตินฺทิวปุพฺพณฺหาทีสุ ปน อสุกกาเล นาม มริสฺสามี’’ติ น ¶ ชานามิ, ตสฺมา เอวํ วเทมีติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ จตุตฺถํ สาธุการํ ทตฺวา ปริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘เอตฺตกํ นาม ตุมฺเห อิมาย กถิตํ น ชานาถ, เกวลํ อุชฺฌายเถว. เยสฺหิ ปฺาจกฺขุ นตฺถิ, เต อนฺธา เอว ¶ . เยสํ ปฺาจกฺขุ อตฺถิ, เต เอว จกฺขุมนฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อนฺธภูโต อยํ โลโก, ตนุเกตฺถ วิปสฺสติ;
สกุโณ ชาลมุตฺโตว, อปฺโป สคฺคาย คจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ อนฺธภูโต อยํ โลโกติ อยํ โลกิยมหาชโน ปฺาจกฺขุโน อภาเวน อนฺธภูโต. ตนุเกตฺถาติ ตนุโก เอตฺถ, น พหุ ชโน อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสติ. ชาลมุตฺโตวาติ ยถา เฉเกน สากุณิเกน ชาเลน โอตฺถริตฺวา คยฺหมาเนสุ วฏฺฏเกสุ โกจิเทว ชาลโต มุจฺจติ. เสสา อนฺโตชาลเมว ปวิสนฺติ. ตถา มรณชาเลน โอตฺถเฏสุ สตฺเตสุ พหู อปายคามิโน โหนฺติ, อปฺโป โกจิเทว สตฺโต สคฺคาย คจฺฉติ, สุคตึ วา นิพฺพานํ วา ปาปุณาตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน กุมาริกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สาปิ ตสรปจฺฉึ คเหตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อคมาสิ, โสปิ นิสินฺนโกว นิทฺทายิ. ตสฺสา อสลฺลกฺเขตฺวาว ตสรปจฺฉึ อุปนาเมนฺติยา ตสรปจฺฉิ เวมโกฏิยํ ปฏิหฺิตฺวา สทฺทํ กุรุมานา ปติ. โส ปพุชฺฌิตฺวา คหิตนิมิตฺเตเนว เวมโกฏึ อากฑฺฒิ. เวมโกฏิ คนฺตฺวา ตํ ¶ กุมาริกํ อุเร ปหริ, สา ตตฺเถว กาลํ กตฺวา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. อถสฺสา ปิตา ตํ โอโลเกนฺโต สกลสรีเรน โลหิตมกฺขิเตน ปติตฺวา มตํ อทฺทส. อถสฺส มหาโสโก อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘น มม โสกํ อฺโ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ โรทนฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โสกํ เม นิพฺพาเปถา’’ติ อาห. สตฺถา ตํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘มา โสจิ, อุปาสก. อนมตคฺคสฺมิฺหิ สํสาเร ตว เอวเมว ธีตุ มรณกาเล ปคฺฆริตอสฺสุ จตุนฺนํ มหาสมุทฺทานํ อุทกโต อติเรกตร’’นฺติ วตฺวา อนมตคฺคกถํ ¶ กเถสิ ¶ . โส ตนุภูตโสโก สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณีติ.
เปสการธีตาวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. ตึสภิกฺขุวตฺถุ
หํสาทิจฺจปเถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตึส ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ตึสมตฺตา ทิสาวาสิกา ภิกฺขู สตฺถารํ อุปสงฺกมึสุ. อานนฺทตฺเถโร สตฺถุ วตฺตกรณเวลาย อาคนฺตฺวา เต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘สตฺถารา อิเมหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถาเร กเต วตฺตํ กริสฺสามี’’ติ ทฺวารโกฏฺเก ¶ อฏฺาสิ. สตฺถาปิ เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เตสํ สารณียธมฺมํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เต สพฺเพปิ อรหตฺตํ ปตฺวา อุปฺปติตฺวา อากาเสน อคมึสุ. อานนฺทตฺเถโร เตสุ จิรายนฺเตสุ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทาเนว ตึสมตฺตา ภิกฺขู อาคตา, เต กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘คตา, อานนฺทา’’ติ. ‘‘กตเรน มคฺเคน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อากาเสนานนฺทา’’ติ. ‘‘กึ ปน เต, ภนฺเต, ขีณาสวา’’ติ? ‘‘อามานนฺท, มม สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ. ตสฺมึ ปน ขเณ อากาเสน หํสา อาคมึสุ. สตฺถา ‘‘ยสฺส โข ปนานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา สุภาวิตา, โส หํสา วิย อากาเสน คจฺฉตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หํสาทิจฺจปเถ ยนฺติ, อากาเส ยนฺติ อิทฺธิยา;
นียนฺติ ธีรา โลกมฺหา, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – อิเม หํสา อาทิจฺจปเถ อากาเส คจฺฉนฺติ. เยสํ อิทฺธิปาทา สุภาวิตา, เตปิ อากาเส ยนฺติ อิทฺธิยา. ธีรา ปณฺฑิตา สวาหินึ มารํ เชตฺวา อิมมฺหา วฏฺฏโลกา นียนฺติ, นิพฺพานํ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ตึสภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. จิฺจมาณวิกาวตฺถุ
เอกํ ¶ ¶ ¶ ธมฺมนฺติ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จิฺจมาณวิกํ อารพฺภ กเถสิ.
ปมโพธิยฺหิ ทสพลสฺส ปุถุภูเตสุ สาวเกสุ อปฺปมาเณสุ เทวมนุสฺเสสุ อริยภูมึ โอกฺกนฺเตสุ ปตฺถเฏ คุณสมุทเย มหาลาภสกฺกาโร อุทปาทิ. ติตฺถิยา สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกสทิสา อเหสุํ หตลาภสกฺการา. เต อนฺตรวีถิยํ ตฺวา ‘‘กึ สมโณ โคตโมว พุทฺโธ, มยมฺปิ พุทฺธา, กึ ตสฺเสว ทินฺนํ มหปฺผลํ, อมฺหากมฺปิ ทินฺนํ มหปฺผลเมว, อมฺหากมฺปิ เทถ สกฺกโรถา’’ติ เอวํ มนุสฺเส วิฺาเปนฺตาปิ ลาภสกฺการํ อลภิตฺวา รโห สนฺนิปติตฺวา ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน สมณสฺส โคตมสฺส มนุสฺสานํ อนฺตเร อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสยฺยามา’’ติ จินฺตยึสุ.
ตทา สาวตฺถิยํ จิฺจมาณวิกา นาเมกา ปริพฺพาชิกา อุตฺตมรูปธรา โสภคฺคปฺปตฺตา เทวจฺฉรา วิย. อสฺสา สรีรโต รสฺมิโย นิจฺฉรนฺติ. อเถโก ขรมนฺตี เอวมาห – ‘‘จิฺจมาณวิกํ ปฏิจฺจ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสสฺสามา’’ติ. เต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ สา ติตฺถิยารามํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ, ติตฺถิยา ตาย สทฺธึ น กเถสุํ. สา ‘‘โก นุ โข เม โทโส’’ติ ยาวตติยํ ‘‘วนฺทามิ, อยฺยา’’ติ วตฺวา, ‘‘อยฺยา, โก นุ โข เม โทโส, กึ มยา สทฺธึ น กเถถา’’ติ อาห. ‘‘ภคินิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหยนฺตํ หตลาภสกฺกาเร ¶ กตฺวา วิจรนฺตํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, อยฺยา, กึ ปเนตฺถ มยา กตฺตพฺพ’’นฺติ. ‘‘สเจ ตฺวํ, ภคินิ, อมฺหากํ สุขมิจฺฉสิ, อตฺตานํ ปฏิจฺจ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสหี’’ติ.
สา ‘‘สาธุ, อยฺยา, มยฺหํเวโส ภาโร, มา จินฺตยิตฺถา’’ติ วตฺวา ปกฺกมิตฺวา อิตฺถิมายาสุ กุสลตาย ตโต ปฏฺาย สาวตฺถิวาสีนํ ธมฺมกถํ สุตฺวา เชตวนา นิกฺขมนสมเย อินฺทโคปกวณฺณํ ปฏํ ปารุปิตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เชตวนาภิมุขี คจฺฉติ. ‘‘อิมาย เวลาย กุหึ คจฺฉสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม คมนฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา เชตวนสมีเป ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว ‘‘อคฺควนฺทนํ วนฺทิสฺสามา’’ติ นครา นิกฺขมนฺเต อุปาสกชเน ¶ เชตวนสฺส อนฺโตวุฏฺา วิย หุตฺวา นครํ ปวิสติ. ‘‘กุหึ วุฏฺาสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม วุฏฺฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา มาสทฺธมาสจฺจเยน ปุจฺฉิยมานา เชตวเน สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยา วุฏฺามฺหีติ. ปุถุชฺชนานํ ¶ ‘‘สจฺจํ นุ โข เอตํ, โน’’ติ กงฺขํ อุปฺปาเทตฺวา เตมาสจตุมาสจฺจเยน ปิโลติกาหิ อุทรํ เวเตฺวา คพฺภินิวณฺณํ ทสฺเสตฺวา อุปริ รตฺตปฏํ ปารุปิตฺวา ‘‘สมณํ โคตมํ ปฏิจฺจ คพฺโภ อุปฺปนฺโน’’ติ อนฺธพาเล สทฺทหาเปตฺวา อฏฺนวมาสจฺจเยน อุทเร ทารุมณฺฑลิกํ พนฺธิตฺวา อุปริ ปฏํ ปารุปิตฺวา ¶ หตฺถปาทปิฏฺิโย โคหนุเกน โกฏฺฏาเปตฺวา อุสฺสเท ทสฺเสตฺวา กิลนฺตินฺทฺริยา หุตฺวา สายนฺหสมเย ตถาคเต อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺเต ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ปุรโต ตฺวา, ‘‘มหาสมณ, มหาชนสฺส ตาว ธมฺมํ เทเสสิ, มธุโร เต สทฺโท, สมฺผุสิตํ ทนฺตาวรณํ. อหํ ปน ตํ ปฏิจฺจ คพฺภํ ลภิตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา ชาตา, เนว เม สูติฆรํ ชานาสิ, สปฺปิเตลาทีนิ สยํ อกโรนฺโต อุปฏฺากานมฺปิ อฺตรํ โกสลราชานํ วา อนาถปิณฺฑิกํ วา วิสาขํ อุปาสิกํ วา ‘อิมิสฺสา จิฺจมาณวิกาย กตฺตพฺพยุตฺตกํ กโรหี’ติ น วเทสิ, อภิรมิตุํเยว ชานาสิ, คพฺภปริหารํ น ชานาสี’’ติ คูถปิณฺฑํ คเหตฺวา จนฺทมณฺฑลํ ทูเสตุํ วายมนฺตี วิย ปริสมชฺเฌ ตถาคตํ อกฺโกสิ. ตถาคโต ธมฺมกถํ เปตฺวา สีโห วิย อภินทนฺโต, ‘‘ภคินิ, ตยา กถิตสฺส ตถภาวํ วา วิตถภาวํ วา อหเมว จ ตฺวฺจ ชานามา’’ติ อาห. ‘‘อาม, มหาสมณ, ตยา จ มยา จ าตภาเวเนตํ ชาต’’นฺติ.
ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ‘‘จิฺจมาณวิกา ตถาคตํ อภูเตน อกฺโกสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อิทํ วตฺถุํ โสเธสฺสามี’’ติ จตูหิ เทวปุตฺเตหิ สทฺธึ อาคมิ. เทวปุตฺตา มูสิกโปตกา หุตฺวา ทารุมณฺฑลิกสฺส พนฺธนรชฺชุเก เอกปฺปหาเรเนว ฉินฺทึสุ, ปารุตปฏํ วาโต อุกฺขิปิ, ทารุมณฺฑลิกํ ปตมานํ ตสฺสา ปาทปิฏฺิยํ ปติ ¶ , อุโภ อคฺคปาทา ฉิชฺชึสุ. มนุสฺสา ‘‘ธี กาฬกณฺณิ, สมฺมาสมฺพุทฺธํ อกฺโกสี’’ติ สีเส เขฬํ ปาเตตฺวา เลฑฺฑุทณฺฑาทิหตฺตา เชตวนา นีหรึสุ. อถสฺสา ตถาคตสฺส จกฺขุปถํ อติกฺกนฺตกาเล มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา ¶ วิวรมทาสิ, อวีจิโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิ. สา กุลทตฺติยํ กมฺพลํ ปารุปมานา วิย คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. อฺติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ, ทสพลสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย วฑฺฒิ. ปุนทิวเส ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, จิฺจมาณวิกา เอวํ อุฬารคุณํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เอสา มํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา วินาสํ ปตฺตาเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘นาทฏฺา ปรโต โทสํ, อณุํ ถูลานิ สพฺพโส;
อิสฺสโร ปณเย ทณฺฑํ, สามํ อปฺปฏิเวกฺขิยา’’ติ. –
อิมํ ¶ ทฺวาทสนิปาเต มหาปทุมชาตกํ (ชา. ๑.๑๒.๑๐๖) วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ –
ตทา กิเรสา มหาปทุมกุมารสฺส โพธิสตฺตสฺส มาตุ สปตฺตี รฺโ อคฺคมเหสี หุตฺวา มหาสตฺตํ อสทฺธมฺเมน นิมนฺเตตฺวา ตสฺส มนํ อลภิตฺวา อตฺตนาว อตฺตนิ วิปฺปการํ กตฺวา คิลานาลยํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตว ปุตฺโต มํ อนิจฺฉนฺตึ อิมํ วิปฺปการํ ปาเปสี’’ติ ¶ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา กุทฺโธ มหาสตฺตํ โจรปปาเต ขิปิ. อถ นํ ปพฺพตกุจฺฉิยํ อธิวตฺถา เทวตา ปฏิคฺคเหตฺวา นาคราชสฺส ผณคพฺเภ ปติฏฺเปสิ. นาคราชา ตํ นาคภวนํ เนตฺวา อุปฑฺฒรชฺเชน สมฺมาเนสิ. โส ตตฺถ สํวจฺฉรํ วสิตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หิมวนฺตปฺปเทสํ ปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. อถ นํ เอโก วนจรโก ทิสฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ตฺวา มหาสตฺตํ รชฺเชน นิมนฺเตตฺวา เตน ‘‘มยฺหํ รชฺเชน กิจฺจํ นตฺถิ, ตฺวํ ปน ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา อคติคมนํ ปหาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรหี’’ติ โอวทิโต อุฏฺายาสนา โรทิตฺวา นครํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ กํ นิสฺสาย เอวํ อาจารสมฺปนฺเนน ปุตฺเตน วิโยคํ ปตฺโต’’ติ? ‘‘อคฺคมเหสึ นิสฺสาย, เทวา’’ติ. ราชา ตํ อุทฺธํปาทํ คเหตฺวา โจรปปาเต ขิปาเปตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตทา มหาปทุมกุมาโร สตฺถา อโหสิ, มาตุ สปตฺตี จิฺจมาณวิกาติ.
สตฺถา ¶ อิมมตฺถํ ปกาเสตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, เอกํ ธมฺมฺหิ สจฺจวจนํ ปหาย มุสาวาเท ปติฏฺิตานํ วิสฺสฏฺปรโลกานํ อกตฺตพฺพปาปกมฺมํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน;
วิติณฺณปรโลกสฺส, นตฺถิ ปาปํ อการิย’’นฺติ.
ตตฺถ เอกํ ธมฺมนฺติ สจฺจํ. มุสาวาทิสฺสาติ ยสฺส ทสสุ วจเนสุ เอกมฺปิ สจฺจํ นตฺถิ, เอวรูปสฺส มุสาวาทิโน ¶ . วิติณฺณปรโลกสฺสาติ วิสฺสฏฺปรโลกสฺส. เอวรูโป หิ มนุสฺสสมฺปตฺตึ เทวสมฺปตฺตึ อวสาเน นิพฺพานสมฺปตฺตินฺติ อิมา ติสฺโสปิ สมฺปตฺติโย น ปสฺสติ. นตฺถิ ปาปนฺติ ตสฺส เอวรูปสฺส อิทํ นาม ปาปํ อกตฺตพฺพนฺติ นตฺถิ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
จิฺจมาณวิกาวตฺถุ นวมํ.
๑๐. อสทิสทานวตฺถุ
น ¶ เว กทริยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อสทิสทานํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา จาริกํ จริตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เชตวนํ ปาวิสิ. ราชา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส อาคนฺตุกทานํ สชฺเชตฺวา ‘‘ทานํ เม ปสฺสนฺตู’’ติ นาคเร ปกฺโกสิ. นาครา อาคนฺตฺวา รฺโ ทานํ ทิสฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ สชฺเชตฺวา ‘‘อมฺหากมฺปิ ทานํ, เทโว, ปสฺสตู’’ติ รฺโ ปหิณึสุ. ราชา เตสํ ทานํ ทิสฺวา ‘‘อิเมหิ มม ทานโต อุตฺตริตรํ กตํ, ปุน ทานํ กริสฺสามี’’ติ ปุนทิวเสปิ ทานํ สชฺเชสิ. นาคราปิ ตํ ทิสฺวา ปุนทิวเส สชฺชยึสุ. เอวํ เนว ราชา นาคเร ปราเชตุํ สกฺโกติ, น ¶ นาครา ราชานํ. อถ ฉฏฺเ วาเร นาครา สตคุณํ สหสฺสคุณํ วฑฺเฒตฺวา ยถา น สกฺกา โหติ ‘‘อิทํ นาม อิเมสํ ทาเน นตฺถี’’ติ วตฺตุํ, เอวํ ทานํ สชฺชยึสุ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ อิเมสํ ทานโต อุตฺตริตรํ กาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, กึ เม ชีวิเตนา’’ติ อุปายํ จินฺเตนฺโต นิปชฺชิ. อถ นํ มลฺลิกา ¶ เทวี อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘กสฺมา, มหาราช, เอวํ นิปนฺโนสิ, เกน เต อินฺทฺริยานิ กิลนฺตานิ วิยา’’ติ ปุจฺฉิ. ราชา อาห – ‘‘น ทานิ ตฺวํ, เทวิ, ชานาสี’’ติ. ‘‘น ชานามิ, เทวา’’ติ. โส ตสฺสา ตมตฺถํ อาโรเจสิ.
อถ นํ มลฺลิกา อาห – ‘‘เทว, มา จินฺตยิ, กหํ ตยา ปถวิสฺสโร ราชา นาคเรหิ ปราชิยมาโน ทิฏฺปุพฺโพ วา สุตปุพฺโพ วา, อหํ เต ทานํ สํวิทหิสฺสามี’’ติ. อิติสฺส อสทิสทานํ สํวิทหิตุกามตาย เอวํ วตฺวา, มหาราช, สาลกลฺยาณิปทเรหิ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อนฺโต อาวฏฺเฏ นิสีทนมณฺฑปํ กาเรหิ, เสสา พหิอาวฏฺเฏ นิสีทิสฺสนฺติ. ปฺจ เสตจฺฉตฺตสตานิ กาเรหิ, ตานิ คเหตฺวา ปฺจสตา หตฺถี ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ มตฺถเก ธารยมานา สฺสนฺติ. อฏฺ วา ทส วา รตฺตสุวณฺณนาวาโย กาเรหิ, ตา มณฺฑปมชฺเฌ ภวิสฺสนฺติ. ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ อนฺตเร เอเกกา ขตฺติยธีตา นิสีทิตฺวา คนฺเธ ปิสิสฺสติ, เอเกกา ขตฺติยธีตา พีชนํ อาทาย ทฺเว ทฺเว ภิกฺขู พีชมานา สฺสติ, เสสา ขตฺติยธีตโร ปิเส ปิเส คนฺเธ หริตฺวา ¶ สุวณฺณนาวาสุ ปกฺขิปิสฺสนฺติ, ตาสุ เอกจฺจา ขตฺติยธีตโร นีลุปฺปลกลาเป คเหตฺวา สุวณฺณนาวาสุ ปกฺขิตฺตคนฺเธ อาโลเฬตฺวา วาสํ คาหาเปสฺสนฺติ. นาครานฺหิเนว ขตฺติยธีตโร อตฺถิ, น เสตจฺฉตฺตานิ, น หตฺถิโน จ. อิเมหิ การเณหิ นาครา ¶ ปราชิสฺสนฺติ, เอวํ กโรหิ, มหาราชาติ. ราชา ‘‘สาธุ, เทวิ, กลฺยาณํ เต กถิต’’นฺติ ตาย กถิตนิยาเมน สพฺพํ กาเรสิ. เอกสฺส ปน ภิกฺขุโน เอโก หตฺถิ นปฺปโหสิ. อถ ราชา มลฺลิกํ อาห – ‘‘ภทฺเท, เอกสฺส ภิกฺขุโน เอโก หตฺถิ นปฺปโหติ, กึ กริสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ, เทว, ปฺจ หตฺถิสตานิ นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, เทวิ, อวเสสา ทุฏฺหตฺถิโน, เต ภิกฺขู ทิสฺวาว เวรมฺภวาตา วิย จณฺฑา โหนฺตี’’ติ. ‘‘เทว, อหํ เอกสฺส ทุฏฺหตฺถิโปตกสฺส ฉตฺตํ คเหตฺวา ติฏฺนฏฺานํ ชานามี’’ติ. ‘‘กตฺถ นํ เปสฺสามา’’ติ? ‘‘อยฺยสฺส องฺคุลิมาลสฺส สนฺติเก’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. หตฺถิโปตโก วาลธึ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา อุโภ กณฺเณ ปาเตตฺวา อกฺขีนิ นิมิเลตฺวา อฏฺาสิ. มหาชโน ‘‘เอวรูปสฺส นาม จณฺฑหตฺถิโน อยมากาโร’’ติ หตฺถิเมว โอโลเกสิ.
ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ อิมสฺมึ ทานคฺเค กปฺปิยภณฺฑํ วา อกปฺปิยภณฺฑํ วา, สพฺพํ ตํ ตุมฺหากเมว ทมฺมี’’ติ อาห ¶ . ตสฺมึ ¶ ปน ทาเน เอกทิวเสเนว ปริจฺจตฺตํ จุทฺทสโกฏิธนํ โหติ. สตฺถุ ปน เสตจฺฉตฺตํ นิสีทนปลฺลงฺโก อาธารโก ปาทปีิกาติ จตฺตาริ อนคฺฆาเนว. ปุน เอวรูปํ กตฺวา พุทฺธานํ ทานํ นาม ทาตุํ สมตฺโถ นาโหสิ, เตเนว ตํ ‘‘อสทิสทาน’’นฺติ ปฺายิ. ตํ กิร สพฺพพุทฺธานํ เอกวารํ โหติเยว, สพฺเพสํ ปน อิตฺถีเยว สํวิทหติ. รฺโ ปน กาโฬ จ ชุณฺโห จาติ ทฺเว อมจฺจา อเหสุํ. เตสุ กาโฬ จินฺเตสิ – ‘‘อโห ราชกุลสฺส ปริหานิ, เอกทิวเสเนว จุทฺทสโกฏิธนํ ขยํ คจฺฉติ, อิเม อิมํ ทานํ ภฺุชิตฺวา คนฺตฺวา นิปนฺนา นิทฺทายิสฺสนฺติ, อโห นฏฺํ ราชกุล’’นฺติ. ชุณฺโห จินฺเตสิ – ‘‘อโห รฺโ ทานํ สุทินฺนํ. น หิ สกฺกา ราชภาเว อฏฺิเตน เอวรูปํ ทานํ ทาตุํ, สพฺพสตฺตานํ ปตฺตึ อเทนฺโต นาม นตฺถิ, อหํ ปนิทํ ทานํ อนุโมทามี’’ติ.
สตฺถุ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา อนุโมทนตฺถาย ปตฺตํ คณฺหิ. สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘รฺา มโหฆํ ปวตฺเตนฺเตน วิย มหาทานํ ทินฺนํ, อสกฺขิ นุ โข มหาชโน จิตฺตํ ปสาเทตุํ, อุทาหุ โน’’ติ. โส เตสํ อมจฺจานํ จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘สเจ รฺโ ทานานุจฺฉวิกํ อนุโมทนํ กริสฺสามิ, กาฬสฺส มุทฺธา สตฺตธา ผลิสฺสติ, ชุณฺโห โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ ตฺวา กาเฬ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ เอวรูปํ ทานํ ทตฺวา ิตสฺส รฺโ จตุปฺปทิกํ คาถเมว วตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คโต. ภิกฺขู ¶ องฺคุลิมาลํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘น กึ นุ โข, อาวุโส, ทุฏฺหตฺถึ ฉตฺตํ ธาเรตฺวา ิตํ ทิสฺวา ภายี’’ติ? ‘‘น ภายึ, อาวุโส’’ติ. เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘องฺคุลิมาโล, ภนฺเต, อฺํ พฺยากโรสี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว ¶ , องฺคุลิมาโล ภายติ. ขีณาสวอุสภานฺหิ อนฺตเร เชฏฺกอุสภา มม ปุตฺตสทิสา ภิกฺขู น ภายนฺตี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณวคฺเค อิมํ คาถมาห –
‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, มเหสึ วิชิตาวินํ;
อเนชํ นฺหาตกํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๒๒; สุ. นิ. ๖๕๑);
ราชาปิ โทมนสฺสปฺปตฺโต ‘‘เอวรูปาย นาม ปริสาย ทานํ ทตฺวา ิตสฺส มยฺหํ อนุจฺฉวิกํ อนุโมทนํ อกตฺวา คาถเมว วตฺวา สตฺถา อุฏฺายาสนา คโต. มยา สตฺถุ อนุจฺฉวิกํ ทานํ อกตฺวา อนนุจฺฉวิกํ กตํ ภวิสฺสติ ¶ , กปฺปิยภณฺฑํ อทตฺวา อกปฺปิยภณฺฑํ วา ทินฺนํ ภวิสฺสติ, สตฺถารา เม กุปิเตน ภวิตพฺพํ. เอวฺหิ อสทิสทานํ นาม, ทานานุรูปํ อนุโมทนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข เม, ภนฺเต, ทาตพฺพยุตฺตกํ ทานํ น ทินฺนํ, อุทาหุ ทานานุรูปํ กปฺปิยภณฺฑํ อทตฺวา อกปฺปิยภณฺฑเมว ทินฺน’’นฺติ. ‘‘กิเมตํ ¶ , มหาราชา’’ติ? ‘‘น เม ตุมฺเหหิ ทานานุจฺฉวิกา อนุโมทนา กตา’’ติ? ‘‘มหาราช, อนุจฺฉวิกเมว เต ทานํ ทินฺนํ. เอตฺหิ อสทิสทานํ นาม, เอกสฺส พุทฺธสฺส เอกวารเมว สกฺกา ทาตุํ, ปุน เอวรูปํ นาม ทานํ ทุทฺทท’’นฺติ. ‘‘อถ กสฺมา, ภนฺเต, เม ทานานุรูปํ อนุโมทนํ น กริตฺถา’’ติ? ‘‘ปริสาย อสุทฺธตฺตา, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, ปริสาย โทโส’’ติ? อถสฺส สตฺถา ทฺวินฺนมฺปิ อมจฺจานํ จิตฺตาจารํ อาโรเจตฺวา กาเฬ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อนุโมทนาย อกตภาวํ อาจิกฺขิ. ราชา ‘‘สจฺจํ กิร เต, กาฬ, เอวํ จินฺติต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตว สนฺตกํ อคฺคเหตฺวา มม ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ มยิ อตฺตโน สนฺตกํ เทนฺเต ตุยฺหํ กา ปีฬา. คจฺฉ, โภ, ยํ เต มยา ทินฺนํ, ตํ ทินฺนเมว โหตุ, รฏฺโต ปน เม นิกฺขมา’’ติ ตํ รฏฺา นีหริตฺวา ชุณฺหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร เต เอวํ จินฺติต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สาธุ, มาตุล, ปสนฺโนสฺมิ, ตฺวํ มม ปริชนํ คเหตฺวา มยา ทินฺนนิยาเมเนว สตฺต ทิวสานิ ทานํ เทหี’’ติ สตฺตาหํ รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘ปสฺสถ, ภนฺเต, พาลสฺส กรณํ, มยา เอวํ ทินฺนทาเน ปหารมทาสี’’ติ. สตฺถา ‘‘อาม, มหาราช, พาลา นาม ปรสฺส ทานํ อนภินนฺทิตฺวา ทุคฺคติปรายณา โหนฺติ, ธีรา ปน ปเรสมฺปิ ทานํ อนุโมทิตฺวา สคฺคปรายณา เอว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺติ, พาลา หเว นปฺปสํสนฺติ ทานํ;
ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน, เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติ.
ตตฺถ ¶ กทริยาติ ถทฺธมจฺฉริโน. พาลาติ อิธโลกปรโลกํ อชานนกา. ธีโรติ ปณฺฑิโต. สุขี ปรตฺถาติ เตเนว โส ทานานุโมทนปฺุเน ปรโลเก ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน สุขี โหตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ ชุณฺโห โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสิ, ชุณฺโหปิ โสตาปนฺโน หุตฺวา สตฺตาหํ รฺา ทินฺนนิยาเมเนว ทานํ อทาสีติ.
อสทิสทานวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. อนาถปิณฺฑกปุตฺตกาลวตฺถุ
ปถพฺยา เอกรชฺเชนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาลํ นาม อนาถปิณฺฑิกสฺส ปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ตถาวิธสฺส สทฺธาสมฺปนฺนสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา เนว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ, น เคหํ อาคตกาเล ทฏฺุํ, น ธมฺมํ โสตุํ, น สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กาตุํ อิจฺฉติ. ปิตรา ‘‘มา เอวํ, ตาต, กรี’’ติ วุตฺโตปิ ตสฺส วจนํ น สุณาติ. อถสฺส ปิตา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เอวรูปํ ทิฏฺึ คเหตฺวา วิจรนฺโต อวีจิปรายโณ ภวิสฺสติ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, ยํ มยิ ปสฺสนฺเต มม ปุตฺโต นิรยํ คจฺเฉยฺย. อิมสฺมึ โข ปน โลเก ธนทาเนน อภิชฺชนกสตฺโต นาม นตฺถิ, ธเนน นํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘ตาต, อุโปสถิโก หุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา เอหิ, กหาปณสตํ เต ¶ ทสฺสามี’’ติ. ทสฺสถ, ตาตาติ. ทสฺสามิ, ปุตฺตาติ. โส ยาวตติยํ ปฏิฺํ คเหตฺวา อุโปสถิโก หุตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ธมฺมสฺสวเนน ปนสฺส กิจฺจํ นตฺถิ, ยถาผาสุกฏฺาเน สยิตฺวา ปาโตว เคหํ อคมาสิ. อถสฺส ปิตา ‘‘ปุตฺโต เม อุโปสถิโก อโหสิ, สีฆมสฺส ยาคุอาทีนิ อาหรถา’’ติ วตฺวา ทาเปสิ. โส ‘‘กหาปเณ อคฺคเหตฺวา น ภฺุชิสฺสามี’’ติ อาหฏาหฏํ ปฏิกฺขิปิ. อถสฺส ปิตา ปีฬํ อสหนฺโต กหาปณภณฺฑํ ทาเปสิ. โส ตํ หตฺเถน คเหตฺวาว อาหารํ ปริภฺุชิ.
อถ ¶ นํ ปุนทิวเส เสฏฺิ, ‘‘ตาต, กหาปณสหสฺสํ เต ทสฺสามิ, สตฺถุ ปุรโต ตฺวา เอกํ ธมฺมปทํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ เปเสสิ. โสปิ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต ตฺวาว เอกเมว ปทํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปลายิตุกาโม อโหสิ. อถสฺส สตฺถา อสลฺลกฺขณาการํ อกาสิ. โส ตํ ปทํ อสลฺลกฺเขตฺวา อุปริปทํ อุคฺคณฺหิสฺสามีติ ตฺวา อสฺโสสิเยว ¶ . อุคฺคณฺหิสฺสามีติ สุณนฺโตว กิร สกฺกจฺจํ สุณาติ นาม. เอวฺจ กิร สุณนฺตานํ ธมฺโม โสตาปตฺติมคฺคาทโย เทติ. โสปิ อุคฺคณฺหิสฺสามีติ สุณาติ, สตฺถาปิสฺส อสลฺลกฺขณาการํ กโรติ. โส ‘‘อุปริปทํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ ตฺวา สุณนฺโตว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
โส ปุนทิวเส พุทฺธปฺปมุเขน ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึเยว สาวตฺถึ ปาวิสิ. มหาเสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช ¶ มม ปุตฺตสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺสปิ เอตทโหสิ – ‘‘อโห วต เม ปิตา อชฺช สตฺถุ สนฺติเก กหาปเณ น ทเทยฺย, กหาปณการณา มยฺหํ อุโปสถิกภาวํ ปฏิจฺฉาเทยฺยา’’ติ. สตฺถา ปนสฺส หิยฺโยว กหาปณสฺส การณา อุโปสถิกภาวํ อฺาสิ. มหาเสฏฺิ, พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ยาคุํ ทาเปตฺวา ปุตฺตสฺสปิ ทาเปสิ. โส นิสีทิตฺวา ตุณฺหีภูโตว ยาคุํ ปิวิ, ขาทนียํ ขาทิ, ภตฺตํ ภฺุชิ. มหาเสฏฺิ สตฺถุ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ปุตฺตสฺส ปุรโต สหสฺสภณฺฑิกํ ปาเปตฺวา, ‘‘ตาต, มยา เต ‘สหสฺสํ ทสฺสามี’ติ วตฺวา อุโปสถํ สมาทาเปตฺวา วิหารํ ปหิโต. อิทํ เต สหสฺส’’นฺติ อาห. โส สตฺถุ ปุรโต กหาปเณ ทิยฺยมาเน ทิสฺวา ลชฺชนฺโต ‘‘อลํ เม กหาปเณหี’’ติ วตฺวา, ‘‘คณฺห, ตาตา’’ติ วุจฺจมาโนปิ น คณฺหิ. อถสฺส ปิตา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช เม ปุตฺตสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ, มหาเสฏฺี’’ติ วุตฺเต ‘‘มยา เอส ปุริมทิวเส ‘กหาปณสตํ เต ทสฺสามี’ติ วตฺวา วิหารํ เปสิโต. ปุนทิวเส กหาปเณ อคฺคเหตฺวา ภฺุชิตุํ น อิจฺฉิ, อชฺช ปน ทิยฺยมาเนปิ กหาปเณ น อิจฺฉตี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อาม, มหาเสฏฺิ, อชฺช ตว ปุตฺตสฺส จกฺกวตฺติสมฺปตฺติโตปิ เทวโลกพฺรหฺมโลกสมฺปตฺตีหิปิ โสตาปตฺติผลเมว วร’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปถพฺยา เอกรชฺเชน, สคฺคสฺส คมเนน วา;
สพฺพโลกาธิปจฺเจน, โสตาปตฺติผลํ วร’’นฺติ.
ตตฺถ ปถพฺยา เอกรชฺเชนาติ จกฺกวตฺติรชฺเชน. สคฺคสฺส คมเนน วาติ ฉพฺพีสติวิธสฺส สคฺคสฺส ¶ อธิคมเนน. สพฺพโลกาธิปจฺเจนาติ น เอกสฺมึ เอตฺตเก ¶ โลเก นาคสุปณฺณเวมานิกเปเตหิ สทฺธึ, สพฺพสฺมึ โลเก อาธิปจฺเจน. โสตาปตฺติผลํ วรนฺติ ยสฺมา เอตฺตเก าเน ¶ รชฺชํ กาเรตฺวาปิ นิรยาทีหิ อมุตฺโตว โหติ, โสตาปนฺโน ปน ปิหิตาปายทฺวาโร หุตฺวา สพฺพทุพฺพโลปิ อฏฺเม ภเว น นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา โสตาปตฺติผลเมว วรํ อุตฺตมนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อนาถปิณฺฑกปุตฺตกาลวตฺถุ เอกาทสมํ.
โลกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เตรสโม วคฺโค.
๑๔. พุทฺธวคฺโค
๑. มารธีตรวตฺถุ
ยสฺส ¶ ¶ ¶ ชิตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โพธิมณฺเฑ วิหรนฺโต มารธีตโร อารพฺภ กเถสิ. เทสนํ ปน สาวตฺถิยํ สมุฏฺาเปตฺวา ปุน กุรุรฏฺเ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส กเถสิ.
กุรุรฏฺเ กิร มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส ธีตา มาคณฺฑิยาเยว นาม อโหสิ อุตฺตมรูปธรา. ตํ ปตฺถยมานา อเนกพฺราหฺมณมหาสาลา เจว ขตฺติยมหาสาลา จ ‘‘ธีตรํ โน เทตู’’ติ มาคณฺฑิยสฺส ปหิณึสุ. โสปิ ‘‘น ตุมฺเห มยฺหํ ธีตุ อนุจฺฉวิกา’’ติ สพฺเพ ปฏิกฺขิปเตว. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต พฺราหฺมณสฺส จ พฺราหฺมณิยา จ ติณฺณํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ อทฺทส. พฺราหฺมโณปิ พหิคาเม นิพทฺธํ อคฺคึ ปริจรติ. สตฺถา ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย ตํ านํ อคมาสิ. พฺราหฺมโณ สตฺถุ รูปสิรึ โอโลเกนฺโต ‘‘อิมสฺมึ โลเก อิมินา สทิโส ปุริโส นาม นตฺถิ, อยํ มยฺหํ ¶ ธีตุ อนุจฺฉวิโก, อิมสฺส เม ธีตรํ ทสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘สมณ, มม เอกา ธีตา อตฺถิ, อหํ ตสฺสา อนุจฺฉวิกํ ปุริสํ อปสฺสนฺโต ตํ น กสฺสจิ อทาสึ, ตฺวํ ปนสฺสา อนุจฺฉวิโก, อหํ เต ธีตรํ ปาทปริจาริกํ กตฺวา ทาตุกาโม, ยาว นํ อาเนมิ, ตาว อิเธว ติฏฺาหี’’ติ. สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา เนว อภินนฺทิ, น ปฏิกฺโกสิ.
พฺราหฺมโณปิ เคหํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘โภติ, อชฺช เม ธีตุ อนุจฺฉวิโก ปุริโส ทิฏฺโ, ตสฺส นํ ทสฺสามา’’ติ ธีตรํ อลงฺการาเปตฺวา อาทาย พฺราหฺมณิยา สทฺธึ ตํ านํ อคมาสิ. มหาชโนปิ กุตูหลชาโต นิกฺขมิ. สตฺถา พฺราหฺมเณน วุตฺตฏฺาเน อฏฺตฺวา ตตฺถ ปทเจติยํ ทสฺเสตฺวา อฺสฺมึ าเน อฏฺาสิ. พุทฺธานํ กิร ปทเจติยํ ‘‘อิทํ อสุโก นาม ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา อกฺกนฺตฏฺาเนเยว ปฺายติ, เสสฏฺาเน ตํ ปสฺสนฺโต นาม นตฺถิ. พฺราหฺมโณ อตฺตนา สทฺธึ ¶ คจฺฉมานาย พฺราหฺมณิยา ‘‘กหํ โส’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อิมสฺมึ าเน ติฏฺาหีติ ตํ อวจ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ปทวลฺชํ ทิสฺวา ‘‘อิทมสฺส ปท’’นฺติ ทสฺเสสิ. สา ลกฺขณมนฺตกุสลตาย ¶ ‘‘น อิทํ, พฺราหฺมณ, กามโภคิโน ปท’’นฺติ วตฺวา พฺราหฺมเณน, ‘‘โภติ, ตฺวํ อุทกปาติมฺหิ สุสุมารํ ปสฺสสิ, มยา โส สมโณ ทิฏฺโ ‘ธีตรํ เต ทสฺสามี’ติ วุตฺโต, เตนาปิ อธิวาสิต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘พฺราหฺมณ, กิฺจาปิ ตฺวํ เอวํ วเทสิ, อิทํ ปน นิกฺกิเลสสฺเสว ปท’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘รตฺตสฺส ¶ หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว,
ทุฏฺสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ;
มูฬฺหสฺส โหติ อวกฑฺฒิตํ ปทํ,
วิวฏฺฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๔๕; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวตีวตฺถุ);
อถ นํ พฺราหฺมโณ, ‘‘โภติ, มา วิรวิ, ตุณฺหีภูตาว เอหี’’ติ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โส ปุริโส’’ติ ตสฺสา ทสฺเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘สมณ, ธีตรํ เต ทสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘น เม ตว ธีตาย อตฺโถ’’ติ อวตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, เอกํ เต การณํ กเถสฺสามิ, สุณิสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถหิ, โภ สมณ, สุณิสฺสามี’’ติ วุตฺเต อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ.
ตตฺรายํ สงฺเขปกถา – มหาสตฺโต รชฺชสิรึ ปหาย กณฺฏกํ อารุยฺห ฉนฺนสหาโย อภินิกฺขมนฺโต นครทฺวาเร ิเตน มาเรน ‘‘สิทฺธตฺถ, นิวตฺต, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อหเมตํ, มาร, ชานามิ, น เม เตนตฺโถ’’ติ อาห. อถ กิมตฺถาย นิกฺขมสีติ? สพฺพฺุตฺาณตฺถายาติ. ‘‘เตน หิ สเจ อชฺชโต ปฏฺาย กามวิตกฺกาทีนํ เอกมฺปิ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสสิ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพ’’นฺติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย โอตาราเปกฺโข สตฺต วสฺสานิ มหาสตฺตํ อนุพนฺธิ.
สตฺถาปิ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปจฺจตฺตปุริสการํ นิสฺสาย โพธิมูเล สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทยมาโน ปฺจมสตฺตาเห อชปาลนิคฺโรธมูเล นิสีทิ. ตสฺมึ สมเย มาโร ‘‘อหํ ¶ เอตฺตกํ กาลํ อนุพนฺธิตฺวา โอตาราเปกฺโขปิ ¶ อิมสฺส กิฺจิ ขลิตํ นาทฺทสํ, อติกฺกนฺโต อิทานิ เอส มม วิสย’’นฺติ โทมนสฺสปฺปตฺโต มหามคฺเค นิสีทิ. อถสฺส ตณฺหา อรตี รคาติ อิมา ติสฺโส ธีตโร ‘‘ปิตา โน น ปฺายติ, กหํ นุ โข เอตรหี’’ติ โอโลกยมานา ตํ ตถา นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กสฺมา ¶ , ตาต, ทุกฺขี ทุมฺมโนสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ตาสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ตา อาหํสุ – ‘‘ตาต, มา จินฺตยิ, มยํ ตํ อตฺตโน วเส กตฺวา อาเนสฺสามา’’ติ. ‘‘น สกฺกา อมฺมา, เอส เกนจิ วเส กาตุนฺติ. ‘‘ตาต, มยํ อิตฺถิโย นาม อิทาเนว นํ ราคปาสาทีหิ พนฺธิตฺวา อาเนสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เนว ตาสํ วจนํ มนสากาสิ, น อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ.
ปุน มารธีตโร ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา, เกสฺจิ กุมาริกาสุ เปมํ โหติ, เกสฺจิ ปมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ มชฺฌิมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ ปจฺฉิมวเย ิตาสุ, นานปฺปกาเรหิ ตํ ปโลเภสฺสามา’’ติ เอเกกา กุมาริกวณฺณาทิวเสน สตํ สตํ อตฺตภาเว อภินิมฺมินิตฺวา กุมาริโย, อวิชาตา, สกึ วิชาตา, ทุวิชาตา, มชฺฌิมิตฺถิโย, มหลฺลกิตฺถิโย จ หุตฺวา ฉกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโตติ. อถ สตฺถา ¶ เอตฺตเกนปิ ตา อนุคจฺฉนฺติโย ‘‘อเปถ, กึ ทิสฺวา เอวํ วายมถ, เอวรูปํ นาม วีตราคานํ ปุรโต กาตุํ น วฏฺฏติ. ตถาคตสฺส ปน ราคาทโย ปหีนา. เกน ตํ การเณน อตฺตโน วสํ เนสฺสถา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยสฺส ชิตํ นาวชียติ,
ชิตํ ยสฺส โนยาติ โกจิ โลเก;
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ,
อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถ.
‘‘ยสฺส ¶ ชาลินี วิสตฺติกา,
ตณฺหา นตฺถิ กุหิฺจิ เนตเว;
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ,
อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถา’’ติ.
ตตฺถ ยสฺส ชิตํ นาวชียตีติ ยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เตน เตน มคฺเคน ชิตํ ราคาทิกิเลสชาตํ ปุน อสมุทาจรณโต นาวชียติ, ทุชฺชิตํ นาม น โหติ. โนยาตีติ น อุยฺยาติ, ยสฺส ชิตํ กิเลสชาตํ ราคาทีสุ โกจิ เอโก กิเลโสปิ โลเก ปจฺฉโต วตฺตี นาม ¶ น โหติ, นานุพนฺธตีติ อตฺโถ. อนนฺตโคจรนฺติ อนนฺตารมฺมณสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส วเสน อปริยนฺต โคจรํ. เกน ปเทนาติ ยสฺส หิ ราคปทาทีสุ เอกปทมฺปิ อตฺถิ, ตํ ตุมฺเห เตน ปเทน เนสฺสถ. พุทฺธสฺส ปน เอกปทมฺปิ ¶ นตฺถิ, ตํ อปทํ พุทฺธํ ตุมฺเห เกน ปเทน เนสฺสถ.
ทุติยคาถาย ตณฺหา นาเมสา สํสิพฺพิตปริโยนนฺธนฏฺเน ชาลมสฺสา อตฺถีติปิ ชาลการิกาติปิ ชาลูปมาติปิ ชาลินี. รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ วิสตฺตตาย วิสตฺตมนตาย วิสาหรตาย วิสปุปฺผตาย วิสผลตาย วิสปริโภคตาย วิสตฺติกา. สา เอวรูปา ตณฺหา ยสฺส กุหิฺจิ ภเว เนตุํ นตฺถิ, ตํ ตุมฺเห อปทํ พุทฺธํ เกน ปเทน เนสฺสถาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. มารธีตโรปิ ตตฺเถว อนฺตรธายึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘มาคณฺฑิย, อหํ ปุพฺเพ อิมา ติสฺโส มารธีตโร อทฺทสํ เสมฺหาทีหิ อปลิพุทฺเธน สุวณฺณกฺขนฺธสทิเสน อตฺตภาเวน สมนฺนาคตา, ตทาปิ เมถุนสฺมึ ฉนฺโท นาโหสิเยว. ตว ธีตุ สรีรํ ทฺวตฺตึสาการกุณปปริปูรํ พหิวิจิตฺโต วิย อสุจิฆโฏ. สเจ หิ มม ปาโท อสุจิมกฺขิโต ภเวยฺย, อยฺจ อุมฺมารฏฺาเน ติฏฺเยฺย, ตถาปิสฺสา สรีเร อหํ ปาเท น ผุเสยฺย’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทิสฺวาน ¶ ¶ ตณฺหํ อรตึ รคฺจ,
นาโหสิ ฉนฺโท อปิ เมถุนสฺมึ;
กิเมวิทํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ,
ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’’ติ. (สุ. นิ. ๘๔๑; มหานิ. ๗๐);
เทสนาวสาเน อุโภปิ ชยมฺปติกา อนาคามิผเล ปติฏฺหึสูติ.
มารธีตรวตฺถุ ปมํ.
๒. เทโวโรหณวตฺถุ
เย ¶ ฌานปสุตา ธีราติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สงฺกสฺสนครทฺวาเร พหู เทวมนุสฺเส อารพฺภ กเถสิ. เทสนา ปน ราชคเห สมุฏฺิตา.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ราชคหเสฏฺิ ปริสฺสยโมจนตฺถฺเจว ปมาเทน คลิตานํ อาภรณาทีนํ รกฺขณตฺถฺจ ชาลกรณฺฑกํ ปริกฺขิปาเปตฺวา คงฺคาย อุทกกีฬํ กีฬิ. อเถโก รตฺตจนฺทนรุกฺโข คงฺคาย อุปริตีเร ชาโต คงฺโคทเกน โธตมูโล ปติตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปาสาเณสุ สํภชฺชมาโน วิปฺปกิริ. ตโต เอกา ฆฏปฺปมาณา ฆฏิกา ปาสาเณหิ ฆํสิยมานา อุทกอูมีหิ โปถิยมานา มฏฺา หุตฺวา อนุปุพฺเพน วุยฺหมานา เสวาลปริโยนทฺธา อาคนฺตฺวา ตสฺส ชาเล ลคฺคิ. เสฏฺิ ‘‘กิเมต’’นฺติ วตฺวา ‘‘รุกฺขฆฏิกา’’ติ สุตฺวา ตํ อาหราเปตฺวา ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ อุปธารณตฺถํ วาสิกณฺเณน ตจฺฉาเปสิ. ตาวเทว อลตฺตกวณฺณํ รตฺตจนฺทนํ ¶ ปฺายิ. เสฏฺิ ปน เนว สมฺมาทิฏฺิ น มิจฺฉาทิฏฺิ, มชฺฌตฺตธาตุโก. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เคเห รตฺตจนฺทนํ พหุ, กึ นุ โข อิมินา กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก ‘มยํ อรหนฺโต มยํ อรหนฺโต’ติ วตฺตาโร พหู, อหํ เอกํ อรหนฺตมฺปิ น ปสฺสามิ. เคเห ภมํ โยเชตฺวา ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา สิกฺกาย เปตฺวา เวฬุปรมฺปราย สฏฺิหตฺถมตฺเต อากาเส โอลมฺพาเปตฺวา ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อิมํ อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วกฺขามิ. โย ตํ คเหสฺสติ, ตํ สปุตฺตทาโร สรณํ คมิสฺสามี’’ติ. โส จินฺติตนิยาเมเนว ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา เวฬุปรมฺปราย อุสฺสาเปตฺวา ‘‘โย อิมสฺมึ โลเก อรหา, โส อากาเสนาคนฺตฺวา อิมํ ปตฺตํ คณฺหาตู’’ติ อาห.
ฉ ¶ สตฺถาโร ‘‘อมฺหากํ เอส อนุจฺฉวิโก, อมฺหากเมว นํ เทหี’’ติ วทึสุ. โส ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหถา’’ติ อาห. อถ ฉฏฺเ ทิวเส นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อนฺเตวาสิเก เปเสสิ – ‘‘คจฺฉถ, เสฏฺึ เอวํ วเทถ – ‘อมฺหากํ อาจริยสฺเสว อนุจฺฉวิโกยํ, มา อปฺปมตฺตกสฺส การณา อากาเสนาคมนํ กริ, เทหิ กิร เม ตํ ปตฺต’’’นฺติ ¶ . เต คนฺตฺวา เสฏฺึ ตถา วทึสุ. เสฏฺิ ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหิตุํ สมตฺโถว คณฺหาตู’’ติ อาห. นาฏปุตฺโต สยํ คนฺตุกาโม อนฺเตวาสิกานํ สฺํ อทาสิ – ‘‘อหํ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิตฺวา อุปฺปติตุกาโม วิย ภวิสฺสามิ, ตุมฺเห มํ, ‘อาจริย, กึ กโรถ, ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนํ อรหตฺตคุณํ มหาชนสฺส มา ทสฺสยิตฺถา’ติ วตฺวา มํ หตฺเถสุ จ ปาเทสุ จ คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตา ภูมิยํ ปาเตยฺยาถา’’ติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา เสฏฺึ อาห, ‘‘มหาเสฏฺิ, มยฺหํ อยํ ปตฺโต อนุจฺฉวิโก, อฺเสํ นานุจฺฉวิโก, มา เต อปฺปมตฺตกสฺส การณา มม อากาเส อุปฺปตนํ ¶ รุจฺจิ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. ภนฺเต, อากาเส อุปฺปติตฺวาว คณฺหถาติ. ตโต นาฏปุตฺโต ‘‘เตน หิ อเปถ อเปถา’’ติ อนฺเตวาสิเก อปเนตฺวา ‘‘อากาเส อุปฺปติสฺสามี’’ติ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิ. อถ นํ อนฺเตวาสิกา, ‘‘อาจริย, กึ นาเมตํ กโรถ, ฉวสฺส ลามกสฺส ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนคุเณน มหาชนสฺส ทสฺสิเตน โก อตฺโถ’’ติ ตํ หตฺถปาเทสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ภูมิยํ ปาเตสุํ. โส เสฏฺึ อาห – ‘‘อิเม, มหาเสฏฺิ, อุปฺปติตุํ น เทนฺติ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. อุปฺปติตฺวา คณฺหถ, ภนฺเตติ. เอวํ ติตฺถิยา ฉ ทิวสานิ วายมิตฺวาปิ ตํ ปตฺตํ น ลภึสุเยว.
สตฺตเม ทิวเส อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส จ อายสฺมโต ปิณฺโฑลภารทฺวาชสฺส จ ‘‘ราชคเห ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ ตฺวา จีวรํ ปารุปนกาเล ¶ ธุตฺตกา กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อมฺโภ ปุพฺเพ ฉ สตฺถาโร โลเก ‘มยํ อรหนฺตมฺหา’ติ วิจรึสุ., ราชคหเสฏฺิโน ปน อชฺช สตฺตโม ทิวโส ปตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วทนฺตสฺส, เอโกปิ ‘อหํ อรหา’ติ อากาเส อุปฺปตนฺโต นตฺถิ. อชฺช โน โลเก อรหนฺตานํ นตฺถิภาโว าโต’’ติ. ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา ¶ มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมนฺตํ ปิณฺโฑลภารทฺวาชํ อาห – ‘‘สุตํ เต, อาวุโส ภารทฺวาช, อิเมสํ วจนํ, อิเม พุทฺธสฺส สาสนํ ปริคฺคณฺหนฺตา วิย วทนฺติ. ตฺวฺจ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, คจฺฉ ตํ ปตฺตํ อากาเสน คนฺตฺวา คณฺหาหี’’ติ. อาวุโส มหาโมคฺคลฺลาน, ตฺวํ อิทฺธิมนฺตานํ อคฺโค, ตฺวํ เอตํ คณฺหาหิ, ตยิ ปน อคฺคณฺหนฺเต อหํ คณฺหิสฺสามีติ. ‘‘คณฺหาวุโส’’ติ วุตฺเต อายสฺมา ปิณฺโฑลภารทฺวาโช อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย ติคาวุตํ ปิฏฺิปาสาณํ ปาทนฺเตน ปฏิจฺฉาเทนฺโต ตุลปิจุ วิย อากาเส อุฏฺาเปตฺวา ราชคหนครสฺส อุปริ สตฺตกฺขตฺตุํ อนุปริยายิ. โส ติคาวุตปมาณสฺส นครสฺส ปิธานํ วิย ปฺายิ. นครวาสิโน ‘‘ปาสาโณ โน อวตฺถริตฺวา คณฺหาตี’’ติ ภีตา สุปฺปาทีนิ มตฺถเก กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิลียึสุ ¶ . สตฺตเม วาเร เถโร ปิฏฺิปาสาณํ ภินฺทิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. มหาชโน เถรํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต ปิณฺโฑลภารทฺวาช, ตว ปาสาณํ ทฬฺหํ กตฺวา คณฺห, มา โน สพฺเพ นาสยี’’ติ. เถโร ปาสาณํ ปาทนฺเตน ขิปิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส คนฺตฺวา ยถาาเนเยว ปติฏฺาสิ. เถโร เสฏฺิสฺส เคหมตฺถเก อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เสฏฺิ อุเรน นิปชฺชิตฺวา ‘‘โอตรถ สามี’’ติ วตฺวา อากาสโต โอติณฺณํ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ปตฺตํ โอตาราเปตฺวา จตุมธุรปุณฺณํ กตฺวา เถรสฺส อทาสิ. เถโร ปตฺตํ คเหตฺวา วิหาราภิมุโข ปายาสิ. อถสฺส เย อรฺคตา วา สฺุาคารคตา วา ตํ ปาฏิหาริยํ นาทฺทสํสุ. เต สนฺนิปติตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากมฺปิ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสหี’’ติ เถรํ อนุพนฺธึสุ. โส เตสํ เตสํ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา วิหารํ อคมาสิ.
สตฺถา ¶ ตํ อนุพนฺธิตฺวา อุนฺนาเทนฺตสฺส มหาชนสฺส สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, กสฺเสโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปิณฺโฑลภารทฺวาเชน อากาเส อุปฺปติตฺวา จนฺทนปตฺโต คหิโต, ตสฺส สนฺติเก เอโส สทฺโท’’ติ สุตฺวา ภารทฺวาชํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา เอวํ กต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘กสฺมา เต, ภารทฺวาช, เอวํ กต’’นฺติ เถรํ ครหิตฺวา ตํ ปตฺตํ ขณฺฑาขณฺฑํ เภทาเปตฺวา ภิกฺขูนํ อฺชนปิสนตฺถาย ทาเปตฺวา ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ (จูฬว. ๒๕๒) ปฺาเปสิ.
ติตฺถิยา ¶ ¶ ‘‘สมโณ กิร โคตโม ตํ ปตฺตํ เภทาเปตฺวา ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปสี’’ติ สุตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺติ, สมโณปิ โคตโม ตํ รกฺขิสฺสเตว. อิทานิ อมฺเหหิ โอกาโส ลทฺโธ’’ติ นครวีถีสุ อาโรเจนฺตา วิจรึสุ ‘‘มยํ อตฺตโน คุณํ รกฺขนฺตา ปุพฺเพ ทารุมยปตฺตสฺส การณา อตฺตโน คุณํ มหาชนสฺส น ทสฺสยิมฺหา, สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ปตฺตกมตฺตสฺส การณา อตฺตโน คุณํ มหาชนสฺส ทสฺเสสุํ. สมโณ โคตโม อตฺตโน ปณฺฑิตตาย ปตฺตํ เภทาเปตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ, อิทานิ มยํ เตเนว สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ.
ราชา พิมฺพิสาโร ตํ กถํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ กิร, ภนฺเต, ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. อิทานิ ติตฺถิยา ‘‘ตุมฺเหหิ สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ วทนฺติ, กึ อิทานิ กริสฺสถาติ? ‘‘เตสุ กโรนฺเตสุ กริสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. นนุ ตุมฺเหหิ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ. นาหํ, มหาราช, อตฺตโน สิกฺขาปทํ ปฺาเปสึ, ตํ มเมว สาวกานํ ปฺตฺตนฺติ. ตุมฺเห เปตฺวา อฺตฺถ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ นาม โหติ, ภนฺเตติ. เตน หิ, มหาราช, ตเมเวตฺถ ปฏิปุจฺฉามิ, ‘‘อตฺถิ ปน เต, มหาราช, วิชิเต อุยฺยาน’’นฺติ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ เต, มหาราช, อุยฺยาเน มหาชโน อมฺพาทีนิ ขาเทยฺย, กิมสฺส กตฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ทณฺโฑ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปน ขาทิตุํ ลภสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, มยฺหํ ทณฺโฑ นตฺถิ, อหํ อตฺตโน สนฺตกํ ขาทิตุํ ลภามี’’ติ. ‘‘มหาราช, ยถา ตว ¶ ติโยชนสติเก รชฺเช อาณา ปวตฺตติ, อตฺตโน อุยฺยาเน อมฺพาทีนิ ขาทนฺตสฺส ทณฺโฑ นตฺถิ, อฺเสํ อตฺถิ, เอวํ มมปิ จกฺกวาฬโกฏิสตสหสฺเส อาณา ปวตฺตติ, อตฺตโน สิกฺขาปทปฺตฺติยา อติกฺกโม นาม นตฺถิ, อฺเสํ ปน อตฺถิ, กริสฺสามหํ ปาฏิหาริย’’นฺติ. ติตฺถิยา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิทานมฺหา นฏฺา, สมเณน กิร โคตเมน สาวกานํเยว ¶ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, น อตฺตโน. สยเมว กิร ปาฏิหาริยํ กตฺตุกาโม, กึ นุ โข กโรมา’’ติ มนฺตยึสุ.
ราชา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, กทา ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ. ‘‘อิโต จตุมาสจฺจเยน อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ กริสฺสถ, ภนฺเต’’ติ ¶ ? ‘‘สาวตฺถึ นิสฺสาย, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺมา ปน สตฺถา เอวํ ทูรฏฺานํ อปทิสี’’ติ? ‘‘ยสฺมา ตํ สพฺพพุทฺธานํ มหาปาฏิหาริยกรณฏฺานํ, อปิจ มหาชนสฺส สนฺนิปาตนตฺถายปิ ทูรฏฺานเมว อปทิสี’’ติ. ติตฺถิยา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิโต กิร จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สมโณ โคตโม สาวตฺถิยํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสติ, อิทานิ ตํ อมฺุจิตฺวาว อนุพนฺธิสฺสาม, มหาชโน อมฺเห ทิสฺวา ‘กึ อิท’นฺติ ปุจฺฉิสฺสติ. อถสฺส วกฺขาม ‘มยํ สมเณน โคตเมน สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’ติ วทิมฺหา. โส ปลายติ, มยมสฺส ปลายิตุํ อทตฺวา อนุพนฺธามา’’ติ. สตฺถา ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา นิกฺขมิ. ติตฺถิยาปิสฺส ปจฺฉโตว นิกฺขมิตฺวา ภตฺตกิจฺจฏฺาเน วสนฺติ. วสิตฏฺาเน ปุนทิวเส ปาตราสํ กโรนฺติ. เต มนุสฺเสหิ ‘‘กิมิท’’นฺติ ปุจฺฉิตา เหฏฺา จินฺติตนิยาเมเนว อาโรเจสุํ ¶ . มหาชโนปิ ‘‘ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อนุพนฺธิ.
สตฺถา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปาปุณิ. ติตฺถิยาปิ เตน สทฺธึเยว คนฺตฺวา อุปฏฺาเก สมาทเปตฺวา สตสหสฺสํ ลภิตฺวา ขทิรถมฺเภหิ มณฺฑปํ กาเรตฺวา นีลุปฺปเลหิ ฉาทาเปตฺวา ‘‘อิธ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ นิสีทึสุ. ราชา ปเสนทิ โกสโล สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ติตฺถิเยหิ มณฺฑโป การิโต, อหมฺปิ ตุมฺหากํ มณฺฑปํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, อตฺถิ มยฺหํ มณฺฑปการโก’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มํ เปตฺวา โก อฺโ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ? ‘‘สกฺโก, เทวราชา’’ติ. ‘‘กหํ ปน, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล, มหาราชา’’ติ. ติตฺถิยา ‘‘อมฺพรุกฺขมูเล กิร ปาฏิหาริยํ กริสฺสตี’’ติ สุตฺวา อตฺตโน อุปฏฺากานํ อาโรเจตฺวา โยชนพฺภนฺตเร าเน อนฺตมโส ตทหุชาตมฺปิ อมฺพโปตกํ อุปฺปาเฏตฺวา อรฺเ ขิปาเปสุํ.
สตฺถา อาสาฬฺหิปุณฺณมทิวเส อนฺโตนครํ ปาวิสิ. รฺโปิ อุยฺยานปาโล กณฺโฑ นาม เอกํ ปิงฺคลกิปิลฺลิเกหิ กตปตฺตปุฏสฺส อนฺตเร มหนฺตํ อมฺพปกฺกํ ทิสฺวา ตสฺส คนฺธรสโลเภน สมฺปตนฺเต วายเส ปลาเปตฺวา รฺโ ขาทนตฺถาย อาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ราชา อิมํ อมฺพํ ขาทิตฺวา มยฺหํ อฏฺ วา โสฬส วา กหาปเณ ทเทยฺย, ตํ เม เอกตฺตภาเวปิ ¶ ชีวิตวุตฺติยา นาลํ. สเจ ปนาหํ สตฺถุ อิมํ ¶ ทสฺสามิ, อวสฺสํ ตํ เม ทีฆกาลํ หิตาวหํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส ตํ อมฺพปกฺกํ สตฺถุ อุปนาเมสิ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกสิ ¶ . อถสฺส เถโร จตุมหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ นีหริตฺวา หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา อมฺพปกฺกํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตตฺเถว นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. เถโร จีวรํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. อถสฺส ตสฺมึ นิสินฺเน เถโร ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา อมฺพปกฺกํ มทฺทิตฺวา ปานกํ กตฺวา อทาสิ. สตฺถา อมฺพปานกํ ปิวิตฺวา กณฺฑํ อาห – ‘‘อิมํ อมฺพฏฺึ อิเธว ปํสุํ วิยูหิตฺวา โรเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อุปริ หตฺถํ โธวิ. หตฺเถ โธวิตมตฺเตเยว นงฺคลสีสมตฺตกฺขนฺโธ หุตฺวา อุพฺเพเธน ปณฺณาสหตฺโถ อมฺพรุกฺโข อุฏฺหิ. จตูสุ ทิสาสุ เอเกกา, อุทฺธํ เอกาติ ปฺจ มหาสาขา ปณฺณาสหตฺถา อเหสุํ. โส ตาวเทว ปุปฺผผลสฺฉนฺโน หุตฺวา เอเกกสฺมึ าเน ปริปกฺกอมฺพปิณฺฑิธโร อโหสิ. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตา ภิกฺขู อมฺพปกฺกานิ ขาทนฺตา เอว อาคมึสุ. ราชา ‘‘เอวรูโป กิร อมฺพรุกฺโข อุฏฺิโต’’ติ สุตฺวา ‘‘มา นํ โกจิ ฉินฺที’’ติ อารกฺขํ เปสิ. โส ปน กณฺเฑน โรปิตตฺตา กณฺฑมฺพรุกฺโขตฺเวว ปฺายิ. ธุตฺตกาปิ อมฺพปกฺกานิ ขาทิตฺวา ‘‘หเร ทุฏฺติตฺถิยา ‘สมโณ กิร โคตโม กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ปาฏิหาริยํ กริสฺสตี’ติ ตุมฺเหหิ โยชนพฺภนฺตเร ตทหุชาตาปิ อมฺพโปตกา ¶ อุปฺปาฏาปิตา, กณฺฑมฺโพ นาม อย’’นฺติ วตฺวา เต อุจฺฉิฏฺอมฺพฏฺีหิ ปหรึสุ.
สกฺโก วาตวลาหกํ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ ‘‘ติตฺถิยานํ มณฺฑปํ วาเตหิ อุปฺปาเฏตฺวา อุกฺการภูมิยํ ขิปาเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สูริยมฺปิ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ ‘‘สูริยมณฺฑลํ นิกฑฺฒนฺโต ตาเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ปุน วาตวลาหกํ อาณาเปสิ ‘‘วาตมณฺฑลํ อุฏฺาเปนฺโต ยาหี’’ติ. โส ตถา กโรนฺโต ติตฺถิยานํ ปคฺฆริตเสทสรีเร รโชวฏฺฏิยา โอกิริ. เต ตมฺพมตฺติกสทิสา อเหสุํ. วสฺสวลาหกมฺปิ อาณาเปสิ ‘‘มหนฺตานิ พินฺทูนิ ปาเตหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. อถ เนสํ กาโย กพรคาวิสทิโส อโหสิ. เต นิคณฺา ลชฺชมานา หุตฺวา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. เอวํ ปลายนฺเตสุ ปุราณกสฺสปสฺส อุปฏฺาโก เอโก กสฺสโก ‘‘อิทานิ เม อยฺยานํ ปาฏิหาริยกรณเวลา, คนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ โคเณ วิสฺสชฺเชตฺวา ปาโตว อาภตํ ยาคุกุฏฺเจว โยตฺตกฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปุราณํ ตถา ปลายนฺตํ ทิสฺวา, ภนฺเต ¶ , อชฺช ‘อยฺยานํ ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามี’ติ อาคจฺฉามิ, ตุมฺเห กหํ คจฺฉถา’’ติ. กึ เต ปาฏิหาริเยน, อิมํ กุฏฺจ ¶ โยตฺตฺจ เทหีติ. โส เตน ทินฺนํ กุฏฺจ โยตฺตฺจ อาทาย นทีตีรํ คนฺตฺวา กุฏํ โยตฺเตน อตฺตโน คีวาย พนฺธิตฺวา ลชฺชนฺโต กิฺจิ อกเถตฺวา รหเท ปติตฺวา อุทกปุพฺพุเฬ อุฏฺาเปนฺโต กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ.
สกฺโก ¶ อากาเส รตนจงฺกมํ มาเปสิ. ตสฺส เอกา โกฏิ ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อโหสิ, เอกา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ. สตฺถา สนฺนิปติตาย ฉตฺตึสโยชนิกาย ปริสาย วฑฺฒมานกจฺฉายาย ‘‘อิทานิ ปาฏิหาริยกรณเวลา’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ปมุเข อฏฺาสิ. อถ นํ ฆรณี นาม อิทฺธิมนฺตี เอกา อนาคามิอุปาสิกา อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มาทิสาย ธีตริ วิชฺชมานาย ตุมฺหากํ กิลมนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กถํ ตฺวํ กริสฺสสิ, ฆรณี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอกสฺมึ จกฺกวาฬคพฺเภ มหาปถวึ อุทกํ กตฺวา อุทกสกุณิกา วิย นิมุชฺชิตฺวา ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อตฺตานํ ทสฺเสสฺสามิ, ตถา ปจฺฉิมอุตฺตรทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, ตถา มชฺเฌ’’. มหาชโน มํ ทิสฺวา ‘‘กา เอสา’’ติ วุตฺเต วกฺขติ ‘‘ฆรณี นาเมสา, อยํ ตาว เอกิสฺสา อิตฺถิยา อานุภาโว, พุทฺธานุภาโว ปน กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ ¶ . เอวํ ติตฺถิยา ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตีติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ชานามิ เต ฆรณี เอวรูปํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺถภาวํ, น ปนายํ ตวตฺถาย พทฺโธ มาลาปุโฏ’’ติ วตฺวา ปฏิกฺขิปิ. สา ‘‘น เม สตฺถา อนุชานาติ, อทฺธา มยา อุตฺตริตรํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺโถ อฺโ อตฺถี’’ติ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถาปิ ‘‘เอวเมว เตสํ คุโณ ปากโฏ ภวิสฺสตีติ เอวํ ฉตฺตึสโยชนิกาย ปริสาย มชฺเฌ สีหนาทํ นทิสฺสตี’’ติ มฺมาโน อปเรปิ ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห กถํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ. เต ‘‘เอวฺจ เอวฺจ กริสฺสาม, ภนฺเต’’ติ สตฺถุ ปุรโต ิตาว สีหนาทํ นทึสุ. เตสุ กิร จูฬอนาถปิณฺฑิโก ‘‘มาทิเส อนาคามิอุปาสเก ปุตฺเต วิชฺชมาเน สตฺถุ กิลมนกิจฺจํ นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทฺวาทสโยชนิกํ พฺรหฺมตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา อิมิสฺสา ปริสาย มชฺเฌ มหาเมฆคชฺชิตสทิเสน สทฺเทน พฺรหฺมอปฺโผฏนํ นาม อปฺโผเฏสฺสามี’’ติ. มหาชโน ‘‘กึ นาเมโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จูฬอนาถปิณฺฑิกสฺส กิร ¶ พฺรหฺมอปฺโผฏนสทฺโท นามา’’ติ วกฺขติ. ติตฺถิยา ‘‘คหปติกสฺส กิร ตาว เอโส อานุภาโว, พุทฺธานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตีติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสปิ ตเถว วตฺวา ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ.
อเถกา ปฏิสมฺภิทปฺปตฺตา สตฺตวสฺสิกา ¶ จีรสามเณรี กิร นาม สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กถํ กริสฺสสิ จีเร’’ติ? ‘‘ภนฺเต, สิเนรฺุจ จกฺกวาฬปพฺพตฺจ หิมวนฺตฺจ อาหริตฺวา อิมสฺมึ าเน ปฏิปาฏิยา เปตฺวา อหํ หํสสกุณี วิย ตโต ตโต นิกฺขมิตฺวา อสชฺชมานา คมิสฺสามิ, มหาชโน มํ ทิสฺวา ‘กา เอสา’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘จีรสามเณรี’ติ วกฺขติ. ติตฺถิยา ‘สตฺตวสฺสิกาย ตาว สามเณริยา ¶ อยมานุภาโว, พุทฺธานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’ติ ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตี’’ติ. อิโต ปรํ เอวรูปานิ วจนานิ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพานิ. ตสฺสาปิ ภควา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ วตฺวา ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ. อเถโก ปฏิสมฺภิทปฺปตฺโต ขีณาสโว จุนฺทสามเณโร นาม ชาติยา สตฺตวสฺสิโก สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ ภควา ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ชมฺพุทีปสฺส ธชภูตํ มหาชมฺพุรุกฺขํ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลตฺวา มหาชมฺพุเปสิโย อาหริตฺวา อิมํ ปริสํ ขาทาเปสฺสามิ, ปาริจฺฉตฺตกกุสุมานิ จ อาหริตฺวา ตุมฺเห วนฺทิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺส ปาฏิหาริยกรณํ ปฏิกฺขิปิ.
อถ อุปฺปลวณฺณา เถรี สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมนฺตา ทฺวาทสโยชนิกํ ปริสํ ทสฺเสตฺวา อาวฏฺฏโต ฉตฺตึสโยชนาย ปริสาย ปริวุโต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา อาคนฺตฺวา ตุมฺเห วนฺทิสฺสามี’’ติ ¶ . สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสาปิ ปาฏิหาริยกรณํ ปฏิกฺขิปิ. อถ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สิเนรุปพฺพตราชานํ ทนฺตนฺตเร เปตฺวา มาสสาสปพีชํ วิย ขาทิสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘อิมํ มหาปถวึ กฏสารกํ วิย สํเวลฺลิตฺวา องฺคุลนฺตเร นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘มหาปถวึ กุลาลจกฺกํ วิย ปริวตฺเตตฺวา มหาชนํ ปถโวชํ ¶ ขาทาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘วามหตฺเถ ปถวึ กตฺวา อิเม สตฺเต ทกฺขิณหตฺเถน อฺสฺมึ ทีเป เปสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘สิเนรุํ ฉตฺตทณฺฑํ วิย กตฺวา มหาปถวึ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺสุปริ เปตฺวา ฉตฺตหตฺโถ ภิกฺขุ วิย เอกหตฺเถนาทาย อากาเส จงฺกมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสปิ ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ. โส ‘‘ชานาติ มฺเ สตฺถา มยา อุตฺตริตรํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺถ’’นฺติ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘นายํ โมคฺคลฺลานํ ตวตฺถาย พทฺโธ พาลาปุโฏ. อหฺหิ อสมธุโร, มม ธุรํ อฺโ วหิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. อนจฺฉริยเมตํ, ยํ อิทานิ มม ธุรํ วหิตุํ สมตฺโถ นาม ภเวยฺย. อเหตุกติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตกาเลปิ มม ธุรํ อฺโ วหิตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ¶ ปน, ภนฺเต’’ติ เถเรน ปุฏฺโ อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘ยโต ¶ ยโต ครุ ธุรํ, ยโต คมฺภีรวตฺตนี;
ตทาสฺสุ กณฺหํ ยฺุชนฺติ, สฺวาสฺสุ ตํ วหเต ธุร’’นฺติ. –
อิทํ กณฺหอุสภชาตกํ (ชา. ๑.๑.๒๙) วิตฺถาเรตฺวา ปุน ตเมว วตฺถุํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสนฺโต –
‘‘มนฺุเมว ภาเสยฺย, นามนฺุํ กุทาจนํ;
มนฺุํ ภาสมานสฺส, ครุํ ภารํ อุททฺธริ;
ธนฺจ นํ อลาเภสิ, เตน จตฺตมโน อหู’’ติ. –
อิทํ นนฺทิวิสาลชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. กเถตฺวา จ ปน สตฺถา รตนจงฺกมํ อภิรุหิ, ปุรโต ทฺวาทสโยชนิกา ปริสา อโหสิ ตถา ปจฺฉโต จ อุตฺตรโต จ ทกฺขิณโต จ. อุชุกํ ปน จตุวีสติโยชนิกาย ปริสาย มชฺเฌ ภควา ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ.
ตํ ปาฬิโต ตาว เอวํ เวทิตพฺพํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖) – กตมํ ตถาคตสฺส ยมกปาฏิหาริเย าณํ? อิธํ ตถาคโต ยมกปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ, อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต ¶ อุทกธารา ปวตฺตติ ¶ . เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. ปุรตฺถิมกายโต, ปจฺฉิมกายโต; ปจฺฉิมกายโต, ปุรตฺถิมกายโต; ทกฺขิณอกฺขิโต, วามอกฺขิโต; วามอกฺขิโต, ทกฺขิณอกฺขิโต; ทกฺขิณกณฺณโสตโต, วามกณฺณโสตโต; วามกณฺณโสตโต, ทกฺขิณกณฺณโสตโต; ทกฺขิณนาสิกาโสตโต, วามนาสิกาโสตโต; วามนาสิกาโสตโต, ทกฺขิณนาสิกาโสตโต; ทกฺขิณอํสกูฏโต, วามอํสกูฏโต; วามอํสกูฏโต, ทกฺขิณอํสกูฏโต; ทกฺขิณหตฺถโต, วามหตฺถโต; วามหตฺถโต, ทกฺขิณหตฺถโต; ทกฺขิณปสฺสโต, วามปสฺสโต; วามปสฺสโต, ทกฺขิณปสฺสโต; ทกฺขิณปาทโต, วามปาทโต; วามปาทโต, ทกฺขิณปาทโต; องฺคุลงฺคุเลหิ, องฺคุลนฺตริกาหิ; องฺคุลนฺตริกาหิ, องฺคุลงฺคุเลหิ; เอเกกโลมกูปโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เอเกกโลมโต อุทกธารา ปวตฺตติ. เอเกกโลมโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เอเกกโลมกูปโต อุทกธารา ปวตฺตติ ฉนฺนํ วณฺณานํ นีลานํ ปีตกานํ โลหิตกานํ โอทาตานํ มฺเชฏฺานํ ปภสฺสรานํ. ภควา จงฺกมติ, พุทฺธนิมฺมิโต ติฏฺติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปติ…เป… นิมฺมิโต เสยฺยํ กปฺเปติ, ภควา จงฺกมติ วา ติฏฺติ วา นิสีทติ วา. อิทํ ตถาคตสฺส ยมกปาฏิหาริเย าณนฺติ.
อิทํ ¶ ปน ปาฏิหาริยํ ภควา ตสฺมึ จงฺกเม จงฺกมิตฺวา อกาสิ. ตสฺส เตโชกสิณสมาปตฺติวเสน อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อาโปกสิณสมาปตฺติวเสน เหฏฺิมกายโต ¶ อุทกธารา ปวตฺตติ. น ปน อุทกธาราย ปวตฺตนฏฺานโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อคฺคิกฺขนฺธสฺส ปวตฺตนฏฺานโต อุทกธารา ปวตฺตตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เหฏฺิมกายโต อุปริมกายโต’’ติ วุตฺตํ. เอเสว นโย สพฺพปเทสุ. อคฺคิกฺขนฺโธ ปเนตฺถ อุทกธาราย อสมฺมิสฺโส อโหสิ, ตถา อุทกธารา อคฺคิกฺขนฺเธน. อุภยมฺปิ กิร เจตํ ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคนฺตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปตติ. ‘‘ฉนฺนํ วณฺณาน’’นฺติ วุตฺตา ปนสฺส ฉพฺพณฺณรํสิโย ฆเฏหิ อาสิฺจมานํ วิลีนสุวณฺณํ วิย ยนฺตนาลิกโต นิกฺขนฺตสุวณฺณรสธารา วิย จ เอกจกฺกวาฬคพฺภโต อุคฺคนฺตฺวา พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ ปฏินิวตฺติตฺวา ¶ จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิเมว คณฺหึสุ. เอกจกฺกวาฬคพฺภํ วงฺกโคปานสิกํ วิย โพธิฆรํ อโหสิ เอกาโลกํ.
ตํทิวสํ สตฺถา จงฺกมิตฺวา ปาฏิหาริยํ กโรนฺโต อนฺตรนฺตรา มหาชนสฺส ธมฺมํ กเถสิ. กเถนฺโต จ ชนํ นิรสฺสาสํ อกตฺวา ตสฺส อสฺสาสวารํ เทติ. ตสฺมึ ขเณ มหาชโน สาธุการํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส สาธุการปวตฺตนกาเล สตฺถา ตาวมหติยา ปริสาย จิตฺตํ โอโลเกนฺโต เอเกกสฺส โสฬสนฺนํ อาการานํ วเสน จิตฺตาจารํ อฺาสิ. เอวํ ลหุกปริวตฺตํ พุทฺธานํ จิตฺตํ ¶ . โย โย ยสฺมิฺจ ธมฺเม ยสฺมิฺจ ปาฏิหีเร ปสนฺโน, ตสฺส ตสฺส อชฺฌาสยวเสเนว ธมฺมฺจ กเถสิ, ปาฏิหีรฺจ อกาสิ. เอวํ ธมฺเม เทสิยมาเน ปาฏิหีเร จ กริยมาเน มหาชนสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สตฺถา ปน ตสฺมึ สมาคเม อตฺตโน มนํ คเหตฺวา อฺํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. เตน ปุจฺฉิตํ ปฺหํ สตฺถา วิสฺสชฺเชสิ, สตฺถารา ปุจฺฉิตํ โส วิสฺสชฺเชสิ. ภควโต จงฺกมนกาเล นิมฺมิโต านาทีสุ อฺตรํ กปฺเปสิ, นิมฺมิตสฺส จงฺกมนกาเล ภควา านาทีสุ อฺตรํ กปฺเปสิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิมฺมิโต จงฺกมติ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ กโรนฺตสฺส สตฺถุ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ตสฺมึ สมาคเม วีสติยา ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.
สตฺถา ปาฏิหีรํ กโรนฺโตว ‘‘กตฺถ นุ โข อตีตพุทฺธา อิทํ ปาฏิหีรํ กตฺวา วสฺสํ อุเปนฺตี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘ตาวตึสภวเน วสฺสํ อุปคนฺตฺวา มาตุ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสนฺตี’’ติ ทิสฺวา ทกฺขิณปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ยุคนฺธรมตฺถเก เปตฺวา อิตรํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา สิเนรุมตฺถเก เปสิ. เอวํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสฏฺาเน ตโย ปทวารา อเหสุํ, ทฺเว ปาทฉิทฺทานิ. สตฺถา ปาทํ ปสาเรตฺวา อกฺกมีติ น สลฺลกฺเขตพฺพํ. ตสฺส หิ ปาทุกฺขิปนกาเลเยว ปพฺพตา ปาทมูลํ ¶ อาคนฺตฺวา สมฺปฏิจฺฉึสุ, สตฺถารา อกฺกมนกาเล เต ปพฺพตา อุฏฺาย สกฏฺาเนเยว อฏฺํสุ. สกฺโก สตฺถารํ ¶ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ปณฺฑุกมฺพลสิลาย มฺเ สตฺถา อิมํ วสฺสาวาสํ อุเปสฺสติ, พหูนฺจ เทวตานํ อุปกาโร ภวิสฺสติ, สตฺถริ ปเนตฺถ วสฺสาวาสํ อุปคเต อฺา เทวตา หตฺถมฺปิ เปตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. อยํ โข ¶ ปน ปณฺฑุกมฺพลสิลา ทีฆโต สฏฺิโยชนา, วิตฺถารโต ปณฺณาสโยชนา, ปุถุลโต ปนฺนรสโยชนา, สตฺถริ นิสินฺเนปิ ตุจฺฉํ ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อตฺตโน สงฺฆาฏึ สิลาสนํ ปฏิจฺฉาทยมานํ ขิปิ. สกฺโก จินฺเตสิ – ‘‘จีวรํ ตาว ปฏิจฺฉาทยมานํ ขิปิ, สยํ ปน ปริตฺตเก าเน นิสีทิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา นีจปีกํ มหาปํสุกูลิโก วิย ปณฺฑุกมฺพลสิลํ อนฺโตจีวรโภเคเยว กตฺวา นิสีทิ. มหาชโนปิ ตํขณฺเว สตฺถารํ โอโลเกนฺโต นาทฺทส, จนฺทสฺส อตฺถงฺคมิตกาโล วิย สูริยสฺส จ อตฺถงฺคมิตกาโล วิย อโหสิ. มหาชโน –
‘‘คโต นุ จิตฺตกูฏํ วา, เกลาสํ วา ยุคนฺธรํ;
น โน ทกฺเขมุ สมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภ’’นฺติ. –
อิมํ ¶ คาถํ วทนฺโต ปริเทวิ. อปเร ‘‘สตฺถา นาม ปวิเวกรโต, โส ‘เอวรูปาย เม ปริสาย เอวรูปํ ปาฏิหีรํ กต’นฺติ ลชฺชาย อฺํ รฏฺํ วา ชนปทํ วา คโต ภวิสฺสติ, น ทานิ ตํ ทกฺขิสฺสามา’’ติ ปริเทวนฺตา อิมํ คาถมาหํสุ –
‘‘ปวิเวกรโต ธีโร, นิมํ โลกํ ปุเนหิติ;
น โน ทกฺเขมุ สมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภ’’นฺติ.
เต มหาโมคฺคลฺลานํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ? โส สยํ ชานนฺโตปิ ‘‘ปเรสมฺปิ คุณา ปากฏา โหนฺตู’’ติ อชฺฌาสเยน ‘‘อนุรุทฺธํ ปุจฺฉถา’’ติ อาห. เต เถรํ ตถา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ? ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา มาตุ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตุํ คโตติ. ‘‘กทา อาคมิสฺสติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตโย มาเส อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตฺวา มหาปวารณทิวเส’’ติ. เต ‘‘สตฺถารํ อทิสฺวา น คมิสฺสามา’’ติ ตตฺเถว ขนฺธาวารํ พนฺธึสุ. อากาสเมว กิร เนสํ ฉทนํ อโหสิ. ตาย จ มหติยา ปริสาย สรีรนิฆํโส นาม น ปฺายิ, ปถวี วิวรํ อทาสิ, สพฺพตฺถ ปริสุทฺธเมว ภูมิตลํ อโหสิ.
สตฺถา ปมเมว โมคฺคลฺลานตฺเถรํ อโวจ – ‘‘โมคฺคลฺลาน, ตฺวํ เอติสฺสาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสยฺยาสิ, จูฬอนาถปิณฺฑิโก อาหารํ ทสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ¶ ตํ เตมาสํ จูฬอนาถปิณฺฑิโกว ตสฺสา ¶ ปริสาย ยาปนํ ยาคุภตฺตํ ¶ ขาทนียํ ตมฺพุลเตลคนฺธมาลาปิลนฺธนานิ จ อทาสิ. มหาโมคฺคลฺลาโน ธมฺมํ เทเสสิ, ปาฏิหาริยทสฺสนตฺถํ อาคตาคเตหิ ปุฏฺปฺเห จ วิสฺสชฺเชสิ. สตฺถารมฺปิ มาตุ อภิธมฺมเทสนตฺถํ ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ปริวารยึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตาวตึเส ยทา พุทฺโธ, สิลายํ ปณฺฑุกมฺพเล;
ปาริจฺฉตฺตกมูลมฺหิ, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม.
‘‘ทสสุ โลกธาตูสุ, สนฺนิปติตฺวาน เทวตา;
ปยิรุปาสนฺติ สมฺพุทฺธํ, วสนฺตํ นาคมุทฺธนิ.
‘‘น โกจิ เทโว วณฺเณน, สมฺพุทฺธสฺส วิโรจติ;
สพฺเพ เทเว อติกฺกมฺม, สมฺพุทฺโธว วิโรจตี’’ติ. (เป. ว. ๓๑๗-๓๑๙);
เอวํ สพฺพา เทวตา อตฺตโน สรีรปฺปภาย อภิภวิตฺวา นิสินฺนสฺส ปนสฺส มาตา ตุสิตวิมานโต อาคนฺตฺวา ทกฺขิณปสฺเส นิสีทิ. อินฺทโกปิ เทวปุตฺโต อาคนฺตฺวา ทกฺขิณปสฺเสเยว นิสีทิ, องฺกุโร วามปสฺเส นิสีทิ. โส มเหสกฺขาสุ เทวตาสุ สนฺนิปตนฺตีสุ อปคนฺตฺวา ทฺวาทสโยชนิเก าเน โอกาสํ ลภิ, อินฺทโก ตตฺเถว นิสีทิ. สตฺถา เต อุโภปิ โอโลเกตฺวา อตฺตโน สาสเน ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลานํ ทินฺนทานสฺส มหปฺผลภาวํ าเปตุกาโม เอวมาห – ‘‘องฺกุร, ตยา ทีฆมนฺตเร ทสวสฺสสหสฺสปริมาณกาเล ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา มหาทานํ ¶ ทินฺนํ, อิทานิ มม สมาคมํ อาคนฺตฺวา ทฺวาทสโยชนิเก าเน โอกาสํ ลภิ, กึ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ? วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘โอโลเกตฺวาน สมฺพุทฺโธ, องฺกุรฺจาปิ อินฺทกํ;
ทกฺขิเณยฺยํ สมฺภาเวนฺโต, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘มหาทานํ ¶ ตยา ทินฺนํ, องฺกุร ทีฆมนฺตเร;
อติทูเร นิสินฺโนสิ, อาคจฺฉ มม สนฺติเก’’ติ. (เป. ว. ๓๒๑-๓๒๒);
โส สทฺโธ ปถวีตลํ ปาปุณิ. สพฺพาปิ นํ สา ปริสา อสฺโสสิ. เอวํ วุตฺเต –
‘‘โจทิโต ¶ ภาวิตตฺเตน, องฺกุโร เอตมพฺรวิ;
กึ มยฺหํ เตน ทาเนน, ทกฺขิเณยฺเยน สฺุตํ.
‘‘อยํ โส อินฺทโก ยกฺโข, ทชฺชา ทานํ ปริตฺตกํ;
อติโรจติ อมฺเหหิ, จนฺโท ตาราคเณ ยถา’’ติ. (เป. ว. ๓๒๓-๓๒๔);
ตตฺถ ทชฺชาติ ทตฺวา. เอวํ วุตฺเต สตฺถา อินฺทกํ อาห – ‘‘อินฺทก, ตฺวํ มม ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺโน, กสฺมา อนปคนฺตฺวาว นิสีทสี’’ติ? โส ‘‘อหํ, ภนฺเต, สุเขตฺเต อปฺปกพีชํ วปนกสฺสโก วิย ทกฺขิเณยฺยสมฺปทํ อลตฺถ’’นฺติ ทกฺขิเณยฺยํ ปภาเวนฺโต อาห –
‘‘อุชฺชงฺคเล ยถา เขตฺเต, พีชํ พหุมฺปิ โรปิตํ;
น ผลํ วิปุลํ โหติ, นปิ โตเสติ กสฺสกํ.
‘‘ตเถว ทานํ พหุกํ, ทุสฺสีเลสุ ปติฏฺิตํ;
น ผลํ วิปุลํ โหติ, นปิ โตเสติ ทายกํ.
‘‘ยถาปิ ¶ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;
สมฺมา ธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํ.
‘‘ตเถว สีลวนฺเตสุ, คุณวนฺเตสุ ตาทิสุ;
อปฺปกมฺปิ กตํ การํ, ปฺุํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ. (เป. ว. ๓๒๕-๓๒๘);
กึ ปเนตสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? โส กิร อนุรุทฺธตฺเถรสฺส อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส อตฺตโน อาภตํ กฏจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิ. ตทา ตสฺส ปฺุํ องฺกุเรน ทสวสฺสสหสฺสานิ ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา ทินฺนทานโต มหปฺผลตรํ ชาตํ. ตสฺมา เอวมาห.
เอวํ วุตฺเต สตฺถา, ‘‘องฺกุร, ทานํ นาม วิเจยฺย ทาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ ตํ สุเขตฺเตสุ วุตฺตพีชํ วิย มหปฺผลํ โหติ. ตฺวํ ปน น ตถา อกาสิ, เตน เต ทานํ มหปฺผลํ น ชาต’’นฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต –
‘‘วิเจยฺย ¶ ¶ ทานํ ทาตพฺพํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ…เป….
‘‘วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ,
เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;
เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ,
พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขตฺเต’’ติ. (เป. ว. ๓๒๙-๓๓๐) –
วตฺวา อุตฺตริมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตราเคสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โทสโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตโทเสสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โมหโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตโมเหสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ ¶ เขตฺตานิ, อิจฺฉาโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วิคติจฺเฉสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.
เทสนาวสาเน องฺกุโร จ อินฺทโก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อถ สตฺถา เทวปริสาย มชฺเฌ นิสินฺโน มาตรํ อารพฺภ ‘‘กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมา’’ติ อภิธมฺมปิฏกํ ปฏฺเปสิ. เอวํ ตโย มาเส นิรนฺตรํ อภิธมฺมปิฏกํ กเถสิ. กเถนฺโต ปน ภิกฺขาจารเวลาย ‘‘ยาว มมาคมนา เอตฺตกํ นาม ธมฺมํ เทเสตู’’ติ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปตฺวา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา มหาสาลมาฬเก นิสินฺโน ภตฺตกิจฺจํ อกาสิ. สาริปุตฺตตฺเถโร ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถุ วตฺตํ กโรติ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน, ‘‘สาริปุตฺต ¶ , อชฺช มยา เอตฺตโก นาม ธมฺโม ภาสิโต, ตฺวํ อตฺตโน อนฺเตวาสิกานํ ภิกฺขูนํ วาเจหี’’ติ เถรสฺส กเถสิ. ยมกปาฏิหีเร กิร ปสีทิตฺวา ปฺจสตา กุลปุตฺตา เถรสฺส สนฺติเก ¶ ปพฺพชึสุ. เต สนฺธาย เถรํ ¶ เอวมาห. วตฺวา จ ปน เทวโลกํ คนฺตฺวา นิมฺมิตพุทฺเธน เทสิตฏฺานโต ปฏฺาย สยํ ธมฺมํ เทเสสิ. เถโรปิ คนฺตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสิ. เต สตฺถริ เทวโลเก วิหรนฺเตเยว สตฺตปกรณิกา อเหสุํ.
เต กิร กสฺสปพุทฺธกาเล ขุทฺทกวคฺคุลิโย หุตฺวา เอกสฺมึ ปพฺภาเร โอลมฺพนฺตา ทฺวินฺนํ เถรานํ จงฺกมิตฺวา อภิธมฺมํ สชฺฌายนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสุํ. เต ‘‘อิเม ขนฺธา นาม, อิมา ธาตุโย นามา’’ติ อชานิตฺวา สเร นิมิตฺตคหณมตฺเตเนว ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตา, เอกํ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จวิตฺวา สาวตฺถิยํ กุลฆเรสุ นิพฺพตฺตา. ยมกปาฏิหีเร อุปฺปนฺนปสาทา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สพฺพปมํ สตฺตปกรณิกา อเหสุํ. สตฺถาปิ เตเนว นีหาเรน ตํ เตมาสํ อภิธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน อสีติโกฏิสหสฺสานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, มหามายาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
สาปิ ¶ โข ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลา ปริสา ‘‘อิทานิ สตฺตเม ทิวเส มหาปวารณา ภวิสฺสตี’’ติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต สตฺถุ, โอโรหณทิวสํ สฺาตุํ วฏฺฏติ, น หิ มยํ สตฺถารํ อทิสฺวา คมิสฺสามา’’ติ. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘สาธาวุโส’’ติ วตฺวา ตตฺเถว ปถวิยํ นิมุคฺโค สิเนรุปาทํ คนฺตฺวา ‘‘มํ อภิรุหนฺตํ ปริสา ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺาย มณิรตเนน อาวุตํ ปณฺฑุกมฺพลสุตฺตํ วิย ปฺายมานรูโปว สิเนรุมชฺเฌน อภิรุหิ. มนุสฺสาปิ นํ ‘‘เอกโยชนํ อภิรุฬฺโห, ทฺวิโยชนํ อภิรุฬฺโห’’ติ โอโลกยึสุ. เถโรปิ สตฺถุ ปาเท สีเสน อุกฺขิปนฺโต วิย อภิรุหิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, ปริสา ตุมฺเห ทิสฺวาว คนฺตุกามา, กทา โอโรหิสฺสถา’’ติ. ‘‘กหํ ปน เต, โมคฺคลฺลาน, เชฏฺภาติโก สาริปุตฺโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สงฺกสฺสนคเร วสฺสํ อุปคโต’’ติ. โมคฺคลฺลาน, อหํ อิโต สตฺตเม ทิวเส มหาปวารณาย สงฺกสฺสนครทฺวาเร โอตริสฺสามิ, มํ ทฏฺุกามา ตตฺถ อาคจฺฉนฺตุ, สาวตฺถิโต สงฺกสฺสนครทฺวารํ ตึสโยชนานิ, เอตฺตเก มคฺเค กสฺสจิ ปาเถยฺยกิจฺจํ นตฺถิ, อุโปสถิกา หุตฺวา ธุรวิหารํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย ¶ คจฺฉนฺตา วิย อาคจฺเฉยฺยาถาติ เตสํ อาโรเจยฺยาสีติ. เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ คนฺตฺวา ตถา อาโรเจสิ.
สตฺถา ¶ วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา สกฺกสฺส อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช, มนุสฺสปถํ คมิสฺสามี’’ติ ¶ . สกฺโก สุวณฺณมยํ มณิมยํ รชตมยนฺติ ตีณิ โสปานานิ มาเปสิ. เตสํ ปาทา สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปติฏฺหึสุ, สีสานิ สิเนรุมุทฺธนิ. เตสุ ทกฺขิณปสฺเส สุวณฺณมยํ โสปานํ เทวตานํ อโหสิ, วามปสฺเส รชตมยํ โสปานํ มหาพฺรหฺมานํ อโหสิ, มชฺเฌ มณิมยํ โสปานํ ตถาคตสฺส อโหสิ. สตฺถาปิ สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา เทโวโรหณสมเย ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา อุทฺธํ โอโลเกสิ, ยาว พฺรหฺมโลกา เอกงฺคณา อเหสุํ. อโธ โอโลเกสิ, ยาว อวีจิโต เอกงฺคณํ อโหสิ. ทิสาวิทิสา โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสตสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. เทวา มนุสฺเส ปสฺสึสุ, มนุสฺสาปิ เทเว ปสฺสึสุ, สพฺเพ สมฺมุขาว ปสฺสึสุ.
ภควา ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ทิวสํ พุทฺธสิรึ โอโลเกตฺวา ฉตฺตึสโยชน ปริมณฺฑลาย ปริสาย เอโกปิ พุทฺธภาวํ อปตฺเถนฺโต นาม นตฺถิ. สุวณฺณโสปาเนน เทวา โอตรึสุ, รชตโสปาเนน มหาพฺรหฺมาโน โอตรึสุ, มณิโสปาเนน สมฺมาสมฺพุทฺโธ โอตริ. ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทาย ทกฺขิณปสฺเส ตฺวา สตฺถุ คนฺธพฺพมธุรทิพฺพวีณาย สทฺเทน ปูชํ กโรนฺโต โอตริ, มาตลิ, สงฺคาหโก วามปสฺเส ¶ ตฺวา ทิพฺพคนฺธมาลาปุปฺผํ คเหตฺวา นมสฺสมาโน ปูชํ กตฺวา โอตริ, มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สุยาโม วาลพีชนึ ธาเรสิ. สตฺถา อิมินา ปริวาเรน สทฺธึ โอตริตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปติฏฺหิ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ยสฺมา สาริปุตฺตตฺเถเรน ตถารูปาย พุทฺธสิริยา โอตรนฺโต สตฺถา อิโต ปุพฺเพ น ทิฏฺปุพฺโพ, ตสฺมา –
‘‘น เม ทิฏฺโ อิโต ปุพฺเพ, น สุโต อุท กสฺสจิ;
เอวํ วคฺคุวโท สตฺถา, ตุสิตา คณิมาคโต’’ติ. (สุ. นิ. ๙๖๑; มหานิ. ๑๙๐) –
อาทีหิ ¶ อตฺตโน ตุฏฺึ ปกาเสตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช สพฺเพปิ เทวมนุสฺสา ตุมฺหากํ ปิหยนฺติ, ปตฺเถนฺตี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา, ‘‘สาริปุตฺต, เอวรูเปหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา พุทฺธา เทวมนุสฺสานํ ปิยา โหนฺติเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘เย ฌานปสุตา ธีรา, เนกฺขมฺมูปสเม รตา;
เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ, สมฺพุทฺธานํ สตีมต’’นฺติ.
ตตฺถ เย ฌานปสุตาติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ อิเมสุ ทฺวีสุ ฌาเนสุ อาวชฺชนสมาปชฺชนอธิฏฺานวุฏฺานปจฺจเวกฺขเณหิ ¶ ยุตฺตปฺปยุตฺตา. เนกฺขมฺมูปสเม รตาติ ¶ เอตฺถ ปพฺพชฺชา เนกฺขมฺมนฺติ น คเหตพฺพา, กิเลสวูปสมนิพฺพานรตึ ปน สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เทวาปีติ เทวาปิ มนุสฺสาปิ เตสํ ปิหยนฺติ ปตฺเถนฺติ. สตีมตนฺติ เอวรูปคุณานํ เตสํ สติยา สมนฺนาคตานํ สมฺพุทฺธานํ. ‘‘อโห วต มยํ พุทฺธา ภเวยฺยามา’’ติ พุทฺธภาวํ อิจฺฉมานา ปิหยนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ตึสมตฺตานํ ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, เถรสฺส สทฺธิวิหาริกา ปฺจสตภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.
สพฺพพุทฺธานํ กิร อวิชหิตเมว ยมกปาฏิหีรํ กตฺวา เทวโลเก วสฺสํ วสิตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร โอตรณํ. ตตฺถ ปน ทกฺขิณปาทสฺส ปติฏฺิตฏฺานํ อจลเจติยฏฺานํ นาม โหติ. สตฺถา ตตฺถ ตฺวา ปุถุชฺชนาทีนํ วิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิ, ปุถุชฺชนา อตฺตโน วิสเย ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา โสตาปนฺนวิสเย ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขึสุ. ตถา สกทาคามิอาทีนํ วิสเย โสตาปนฺนาทโย, มหาโมคฺคลฺลานวิสเย เสสมหาสาวกา, สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วิสเย มหาโมคฺคลฺลาโน, พุทฺธวิสเย ¶ จ สาริปุตฺโตปิ วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขิเยว. โส ปาจีนทิสํ อาทึ กตฺวา สพฺพทิสา โอโลเกสิ, สพฺพตฺถ เอกงฺคณเมว อโหสิ. อฏฺสุ ทิสาสุ เทวมนุสฺสา อุทฺธํ ยาว พฺรหฺมโลกา เหฏฺา ภูมฏฺา จ ยกฺขนาคสุปณฺณา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิธ ตสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺเชตา นตฺถิ, เอตฺเถว อุปธาเรถา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา สาริปุตฺโต กิลมติ. กิฺจาปิ เหส –
‘‘เย ¶ จ สงฺขาตธมฺมาเส, เย จ เสขา ปุถู อิธ;
เตสํ เม นิปโก อิริยํ, ปุฏฺโ ปพฺรูหิ มาริสา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๔; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗) –
อิมํ พุทฺธวิสเย ปุฏฺปฺหํ สุตฺวา ‘สตฺถา มํ เสขาเสขานํ อาคมนปฏิปทํ ปุจฺฉตี’ติ ปฺเห นิกฺกงฺโข, ขนฺธาทีสุ ปน กตเรน นุ โข มุเขน อิมํ ปฏิปทํ กเถนฺโต ‘อหํ สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหิตุํ น สกฺขิสฺสามี’ติ มม อชฺฌาสเย กงฺขติ, โส มยา นเย อทินฺเน กเถตุํ น สกฺขิสฺสติ, นยมสฺส ทสฺสามีติ นยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภูตมิทํ, สาริปุตฺต, สมนุปสฺสสี’’ติ อาห. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘สาริปุตฺโต มม อชฺฌาสยํ คเหตฺวา กเถนฺโต ขนฺธวเสน ¶ กเถสฺสตี’’ติ. เถรสฺส สห นยทาเนน โส ปฺโห นยสเตน นยสหสฺเสน นยสตสหสฺเสน ¶ อุปฏฺาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวา ตํ ปฺหํ กเถสิ. เปตฺวา กิร สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปฺํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เตเนว กิร เถโร สตฺถุ ปุรโต ตฺวา สีหนาทํ นทิ – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สกลกปฺปมฺปิ เทเว วุฏฺเ ‘เอตฺตกานิ พินฺทูนิ มหาสมุทฺเท ปติตานิ, เอตฺตกานิ ภูมิยํ, เอตฺตกานิ ปพฺพเต’ติ คเณตฺวา เลขํ อาโรเปตุํ สมตฺโถ’’ติ. สตฺถาปิ นํ ‘‘ชานามิ, สาริปุตฺต, คเณตุํ สมตฺถภาว’’นฺติ อาห. ตสฺส อายสฺมโต ปฺาย อุปมา นาม นตฺถิ. เตเนวาห –
‘‘คงฺคาย วาลุกา ขีเย, อุทกํ ขีเย มหณฺณเว;
มหิยา มตฺติกา ขีเย, น ขีเย มม พุทฺธิยา’’ติ.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ หิ, ภนฺเต, พุทฺธิสมฺปนฺนโลกนาถ, มยา เอกสฺมึ ปฺเห วิสฺสชฺชิเต เอกํ วา วาลุกํ เอกํ วา อุทกพินฺทุํ เอกํ วา ปํสุขณฺฑํ อขิปิตฺวา ปฺหานํ สเตน วา สหสฺเสนวา สตสหสฺเสน วา วิสฺสชฺชิเต คงฺคาย วาลุกาทีสุ เอเกกํ เอกมนฺเต ขิเปยฺย, ขิปฺปตรํ คงฺคาทีสุ วาลุกาทโย ปริกฺขยํ คจฺเฉยฺยุํ, น ตฺเวว มม ปฺหานํ วิสฺสชฺชนนฺติ. เอวํ มหาปฺโปิ หิ ภิกฺขุ พุทฺธวิสเย ปฺหสฺส ¶ อนฺตํ วา โกฏึ วา อทิสฺวา สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวาว ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ยํ ปฺหํ ปุฏฺโ สพฺโพปิ ชโน กเถตุํ น สกฺขิ, ตํ ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต เอกโกว กเถสี’’ติ. สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘น อิทาเนว สาริปุตฺโต ยํ ปฺหํ มหาชโน วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขิ ¶ , ตํ วิสฺสชฺเชสิ, ปุพฺเพปิ อเนน วิสฺสชฺชิโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริตุํ –
‘‘ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ,
กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;
เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโ,
โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๙๙) –
อิมํ ชาตกํ วิตฺถาเรน กเถสีติ.
เทโวโรหณวตฺถุ ทุติยํ.
๓. เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ
กิจฺโฉ ¶ มนุสฺสปฏิลาโภติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา พาราณสิยํ อุปนิสฺสาย สตฺตสิรีสกรุกฺขมูเล วิหรนฺโต เอรกปตฺตํ นาม นาคราชํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ปุพฺเพ กสฺสปพุทฺธสาสเน ทหรภิกฺขุ หุตฺวา คงฺคาย นาวํ อภิรุยฺห คจฺฉนฺโต ¶ เอกสฺมึ เอรกคุมฺเพ เอรกปตฺตํ คเหตฺวา นาวาย เวคสา คจฺฉมานายปิ น มฺุจิ, เอรกปตฺตํ ฉิชฺชิตฺวา คตํ. โส ‘‘อปฺปมตฺตกํ เอต’’นฺติ อาปตฺตึ อเทเสตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อรฺเ สมณธมฺมํ กตฺวาปิ มรณกาเล เอรกปตฺเตน คีวาย คหิโต วิย อาปตฺตึ เทเสตุกาโมปิ อฺํ ภิกฺขุํ อปสฺสมาโน ‘‘อปริสุทฺธํ เม สีล’’นฺติ อุปฺปนฺนวิปฺปฏิสาโร ตโต จวิตฺวา เอกรุกฺขโทณิกนาวปฺปมาโณ นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เอรกปตฺโตตฺเววสฺส นามํ อโหสิ. โส นิพฺพตฺตกฺขเณเยว อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘เอตฺตกํ นาม กาลํ สมณธมฺมํ กตฺวา อเหตุกโยนิยํ มณฺฑูกภกฺขฏฺาเน นิพฺพตฺโตมฺหี’’ติ วิปฺปฏิสารี อโหสิ. โส อปรภาเค เอกํ ธีตรํ ลภิตฺวา มชฺเฌ คงฺคาย อุทกปิฏฺเ มหนฺตํ ผลํ อุกฺขิปิตฺวา ธีตรํ ตสฺมึ เปตฺวา นจฺจาเปตฺวา คายาเปสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อทฺธา อหํ อิธ อิมินา อุปาเยน พุทฺเธ อุปฺปนฺเน ตสฺส อุปฺปนฺนภาวํ สุณิสฺสามี’’ติ. โย เม คีตสฺส ปฏิคีตํ อาหรติ ¶ , ตสฺส มหนฺเตน นาคภวเนน สทฺธึ ธีตรํ ทสฺสามีติ อนฺวฑฺฒมาสํ อุโปสถทิวเส ตํ ธีตรํ ผเณ เปสิ. สา ตตฺถ ิตา นจฺจนฺตี –
‘‘กึสุ อธิปฺปตี ราชา, กึสุ ราชา รชฺชิสฺสโร;
กถํสุ วิรโช โหติ, กถํ พาโลติ วุจฺจตี’’ติ. –
อิมํ ¶ คีตํ คายติ.
สกลชมฺพุทีปวาสิโน ‘‘นาคมาณวิกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปฺาพเลน ปฏิคีตํ กตฺวา คายนฺติ. สา ตํ ปฏิกฺขิปติ. ตสฺสา อนฺวฑฺฒมาสํ ผเณ ตฺวา เอวํ คายนฺติยาว เอกํ พุทฺธนฺตรํ วีติวตฺตํ. อถ อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต เอรกปตฺตํ อาทึ กตฺวา อุตฺตรมาณวํ นาม อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อชฺช เอรกปตฺตสฺส ธีตรํ ผเณ เปตฺวา นจฺจาปนทิวโส, อยํ อุตฺตรมาณโว มยา ทินฺนํ ปฏิคีตํ คณฺหนฺโตว ¶ โสตาปนฺโน หุตฺวา ตํ อาทาย นาคราชสฺส สนฺติกํ คมิสฺสติ. โส ตํ สุตฺวา ‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’ติ ตฺวา มม สนฺติกํ อาคมิสฺสติ, อหํ ตสฺมึ อาคเต มหาสมาคเม คาถํ กเถสฺสามิ, คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ อทฺทส. โส ตตฺถ คนฺตฺวา พาราณสิโต อวิทูเร สตฺต สิรีสกรุกฺขา อตฺถิ, เตสุ เอกสฺส มูเล นิสีทิ. ชมฺพุทีปวาสิโน คีตปฏิคีตํ อาทาย สนฺนิปตึสุ. สตฺถา อวิทูเร าเน คจฺฉนฺตํ อุตฺตรมาณวํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ, อุตฺตรา’’ติ อาห. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อิโต ตาว เอหี’’ติ. อถ นํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ อาห ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ? ‘‘เอรกปตฺตสฺส ธีตุ คายนฏฺาน’’นฺติ. ‘‘ชานาสิ ปน คีตปฏิคีต’’นฺติ? ‘‘ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘วเทหิ ตาว น’’นฺติ? อถ นํ อตฺตโน ชานนนิยาเมเนว วทนฺตํ ‘‘น อุตฺตรํ เอตํ ปฏิคีตํ, อหํ เต ปฏิคีตํ ทสฺสามิ, อาทาย ¶ นํ คมิสฺสสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ. อถ นํ สตฺถา, อุตฺตร, ตฺวํ นาคมาณวิกาย คีตกาเล –
‘‘ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชา, รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโร;
อรชฺชํ วิรโช โหติ, รชฺชํ พาโลติ วุจฺจตี’’ติ. –
อิมํ ปฏิคีตํ คาเยยฺยาสีติ อาห.
มาณวิกาย ¶ คีตสฺส อตฺโถ – กึสุ อธิปฺปตี ราชาติ กึ อธิปฺปติ ราชา นาม โหติ? กึสุ ราชา รชฺชิสฺสโรติ กถํ ปน ราชา รชฺชิสฺสโร นาม โหติ? กถํสุ วิรโช โหตีติ กถํ นุ โข โส ราชา วิรโช นาม โหตีติ?
ปฏิคีตสฺส ปน อตฺโถ – ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชาติ โย ฉนฺนํ ทฺวารานํ อธิปฺปติ, เอกทฺวาเรปิ รูปาทีหิ อนภิภูโต, อยํ ราชา นาม. รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโรติ โย ปน เตสุ อารมฺมเณสุ รชฺชติ, โส รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโร นาม. อรชฺชนฺติ อรชฺชมาโน ปน วิรโช นาม โหติ. รชฺชนฺติ รชฺชมาโน พาโลติ วุจฺจตีติ.
เอวมสฺส สตฺถา ปฏิคีตํ ทตฺวา, อุตฺตร, ตยา อิมสฺมึ คีเต คายิเต อิมสฺส คีตสฺส อิมํ ปฏิคีตํ คายิสฺสติ –
‘‘เกนสฺสุ ¶ วุยฺหติ พาโล, กถํ นุทติ ปณฺฑิโต;
โยคกฺเขมี กถํ โหติ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
อถสฺส ตฺวํ อิทํ ปฏิคีตํ คาเยยฺยาสิ –
‘‘โอเฆน วุยฺหติ พาโล, โยคา นุทติ ปณฺฑิโต;
สพฺพโยควิสํยุตฺโต, โยคกฺเขมีติ วุจฺจตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ‘‘กาโมฆาทินา จตุพฺพิเธน โอเฆน พาโล วุยฺหติ, ตํ โอฆํ ปณฺฑิโต สมฺมปฺปธานสงฺขาเตน โยเคน ¶ นุทติ. โส สพฺเพหิ กามโยคาทีหิ วิสํยุตฺโต โยคกฺเขมี นาม วุจฺจตี’’ติ.
อุตฺตโร อิมํ ปฏิคีตํ คณฺหนฺโตว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. โส โสตาปนฺโน หุตฺวา ตํ คาถํ อาทาย คนฺตฺวา, ‘‘อมฺโภ, มยา คีตปฏิคีตํ อาหฏํ, โอกาสํ เม เทถา’’ติ วตฺวา นิรนฺตรํ ิตสฺส มหาชนสฺส ชณฺณุนา อกฺกมนฺโต อคมาสิ. นาคมาณวิกา ปิตุ ผเณ ตฺวา นจฺจมานา ‘‘กึสุ อธิปฺปตี ราชา’’ติ คีตํ คายติ? อุตฺตโร ‘‘ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชา’’ติ ปฏิคีตํ คายิ. ปุน นาคมาณวิกา ‘‘เกนสฺสุ วุยฺหตี’’ติ ตสฺส คีตํ คายติ? อถสฺสา ปฏิคีตํ คายนฺโต อุตฺตโร ‘‘โอเฆน วุยฺหตี’’ติ อิมํ คาถมาห. นาคราชา ตํ สุตฺวาว พุทฺธสฺส อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา ‘‘มยา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เอวรูปํ ปทํ นาม น สุตปุพฺพํ, อุปฺปนฺโน วต, โภ, โลเก ¶ พุทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานโส นงฺคุฏฺเน อุทกํ ปหริ, มหาวีจิโย อุฏฺหึสุ, อุโภ ตีรานิ ภิชฺชึสุ. อิโต จิโต จ อุสภมตฺเต าเน มนุสฺสา อุทเก นิมุชฺชึสุ. โส เอตฺตกํ มหาชนํ ผเณ เปตฺวา อุกฺขิปิตฺวา ถเล ปติฏฺเปสิ. โส อุตฺตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กหํ, สามิ, สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺโน, มหาราชา’’ติ. โส ‘‘เอหิ, สามิ, คจฺฉามา’’ติ อุตฺตเรน สทฺธึ อคมาสิ. มหาชโนปิ เตน สทฺธึเยว คโต. นาคราชา คนฺตฺวา ฉพฺพณฺณรํสีนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา โรทมาโน อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ อิทํ, มหาราชา’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส สาวโก หุตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ ¶ อกาสึ, โสปิ มํ สมณธมฺโม นิทฺธาเรตุํ นาสกฺขิ. อปฺปมตฺตกํ เอรกปตฺตฉินฺทนมตฺตํ นิสฺสาย อเหตุกปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อุเรน ปริสกฺกนฏฺาเน นิพฺพตฺโตสฺมิ, เอกํ พุทฺธนฺตรํ เนว มนุสฺสตฺตํ ลภามิ, น สทฺธมฺมสฺสวนํ, น ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส ทสฺสน’’นฺติ สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา, ‘‘มหาราช, มนุสฺสตฺตํ นาม ทุลฺลภเมว, ตถา สทฺธมฺมสฺสวนํ ¶ , ตถา พุทฺธุปฺปาโท, อิทํ กิจฺเฉน กสิเรน ลพฺภตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ, กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ;
กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ, กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – มหนฺเตน หิ วายาเมน มหนฺเตน กุสเลน ลทฺธตฺตา มนุสฺสตฺตปฏิลาโภ นาม กิจฺโฉ ทุลฺลโภ. นิรนฺตรํ กสิกมฺมาทีนิ กตฺวา ชีวิตวุตฺตึ ฆฏนโตปิ ปริตฺตฏฺายิตายปิ มจฺจานํ ชีวิตํ กิจฺฉํ. อเนเกสุปิ กปฺเปสุ ธมฺมเทสกสฺส ปุคฺคลสฺส ทุลฺลภตาย สทฺธมฺมสฺสวนมฺปิ กิจฺฉํ. มหนฺเตน วายาเมน อภินีหารสฺส สมิชฺฌนโต สมิทฺธาภินีหารสฺส จ อเนเกหิปิ กปฺปโกฏิสหสฺเสหิ ทุลฺลภุปฺปาทโต พุทฺธานํ อุปฺปาโทปิ กิจฺโฉเยว, อติวิย ทุลฺลโภติ.
เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. นาคราชาปิ ตํทิวสํ โสตาปตฺติผลํ ลเภยฺย, ติรจฺฉานคตตฺตา ปน นาลตฺถ. โส เยสุ ปฏิสนฺธิคหณตจชหนวิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมนสชาติยาเมถุนเสวนจุติสงฺขาเตสุ ¶ ปฺจสุ าเนสุ นาคสรีรเมว ¶ คเหตฺวา กิลมนฺติ, เตสุ อกิลมนภาวํ ปตฺวา มาณวรูเปเนว วิจริตุํ ลภตีติ.
เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ ตติยํ.
๔. อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ
สพฺพปาปสฺส อกรณนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
เถโร กิร ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถารา สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ มาตาปิตโร อายุปริจฺเฉโท โพธิ สาวกสนฺนิปาโต อคฺคสาวกสนฺนิปาโต อคฺคสาวกอุปฏฺาโกติ อิทํ สพฺพํ กถิตํ, อุโปสโถ ปน อกถิโต, กึ นุ โข เตสมฺปิ อยเมว อุโปสโถ, อฺโ’’ติ? โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. ยสฺมา ปน เตสํ พุทฺธานํ กาลเภโทว อโหสิ, น กถาเภโท. วิปสฺสี สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ สตฺตเม สตฺตเม สํวจฺฉเร อุโปสถํ อกาสิ. เอกทิวสํ ทินฺโนวาโทเยว ¶ หิสฺส สตฺตนฺนํ สํวจฺฉรานํ อลํ โหติ. สิขี เจว เวสฺสภู จ ฉฏฺเ ฉฏฺเ สํวจฺฉเร อุโปสถํ กรึสุ, กกุสนฺโธ โกณาคมโน จ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร. กสฺสปทสพโล ฉฏฺเ ฉฏฺเ มาเส อุโปสถํ อกาสิ. เอกทิวสํ ทินฺโนวาโท เอว หิสฺส ฉนฺนํ มาสานํ อลํ อโหสิ. ตสฺมา สตฺถา เตสํ อิมํ กาลเภทํ ¶ อาโรเจตฺวา ‘‘โอวาทคาถา ปน เนสํ อิมาเยวา’’ติ วตฺวา สพฺเพสํ เอกเมว อุโปสถํ อาวิ กโรนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา,
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี,
น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.
‘‘อนูปวาโท ¶ อนูปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพสฺส อกุสลกมฺมสฺส. อุปสมฺปทาติ อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา กุสลสฺส อุปฺปาทนฺเจว อุปฺปาทิตสฺส จ ภาวนา. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ ปฺจหิ นีวรเณหิ อตฺตโน จิตฺตสฺส โวทาปนํ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ สพฺพพุทฺธานํ อยมนุสิฏฺิ.
ขนฺตีติ ยา เอสา ติติกฺขาสงฺขาตา ขนฺตี นาม, อิทํ อิมสฺมึ สาสเน ปรมํ อุตฺตมํ ตโป. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธาติ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ อนุพุทฺธา จาติ อิเม ตโย พุทฺธา นิพฺพานํ อุตฺตมนฺตี วทนฺติ. น หิ ปพฺพชิโตติ ปาณิอาทีหิ ปรํ อปหนนฺโต วิเหเนฺโต ปรูปฆาตี ปพฺพชิโต นาม น โหติ. น สมโณติ วุตฺตนเยเนว ปรํ วิเหยนฺโต สมโณปิ น โหติเยว ¶ .
อนูปวาโทติ อนูปวาทนฺเจว อนูปวาทาปนฺจ. อนูปฆาโตติ อนูปฆาตนฺเจว อนูปฆาตาปนฺจ ¶ . ปาติโมกฺเขติ เชฏฺกสีเล. สํวโรติ ปิทหนํ. มตฺตฺุตาติ มตฺตฺุภาโว ปมาณชานนํ. ปนฺตนฺติ วิวิตฺตํ. อธิจิตฺเตติ อฏฺสมาปตฺติสงฺขาเต อธิจิตฺเต. อาโยโคติ ปโยคกรณํ. เอตนฺติ เอตํ สพฺเพสํ พุทฺธานํ สาสนํ. เอตฺถ หิ อนูปวาเทน วาจสิกํ สีลํ กถิตํ, อนูปฆาเตน กายิกสีลํ, ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติ สีลํ กถิตํ, อนูปฆาเตน กายิกสีลํ, ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสีลฺเจว อินฺทฺริยสํวรฺจ, มตฺตฺุตาย อาชีวปาริสุทฺธิ เจว ปจฺจยสนฺนิสิตสีลฺจ, ปนฺตเสนาสเนน สปฺปายเสนาสนํ, อธิจิตฺเตน อฏฺ สมาปตฺติโย. เอวํ อิมาย คาถาย ติสฺโสปิ สิกฺขา กถิตา เอว โหนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อนภิรตภิกฺขุวตฺถุ
น ¶ กหาปณวสฺเสนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนภิรตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ‘‘อสุกฏฺานํ นาม คนฺตฺวา อุทฺเทสํ อุคฺคณฺหาหี’’ติ อุปชฺฌาเยน เปสิโต ตตฺถ อคมาสิ. อถสฺส ปิตุโน โรโค อุปฺปชฺชิ. โส ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา ตํ ปกฺโกสิตุํ สมตฺถํ กฺจิ ¶ อลภิตฺวา ปุตฺตโสเกน วิปฺปลปนฺโตเยว อาสนฺนมรโณ หุตฺวา ‘‘อิทํ เม ปุตฺตสฺส ปตฺตจีวรมูลํ กเรยฺยาสี’’ติ กหาปณสตํ กนิฏฺสฺส หตฺเถ ทตฺวา กาลมกาสิ. โส ทหรสฺส อาคตกาเล ปาทมูเล นิปติตฺวา ปวฏฺเฏนฺโต โรทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปิตา เต วิปฺปลปนฺโตว กาลกโต, มยฺหํ ปน เตน กหาปณสตํ หตฺเถ ปิตํ, เตน กึ กโรมี’’ติ อาห. ทหโร ‘‘น เม กหาปเณหิ อตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา อปรภาเค จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม ปรกุเลสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิเตน, สกฺกา ตํ กหาปณสตํ นิสฺสาย ชีวิตุํ, วิพฺภมิสฺสามี’’ติ. โส อนภิรติยา ปีฬิโต วิสฺสฏฺสชฺฌายนกมฺมฏฺาโน ปณฺฑุโรคี วิย อโหสิ. อถ นํ ทหรสามเณรา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’’ติ วุตฺเต อาจริยุปชฺฌายานํ อาจิกฺขึสุ. อถ นํ เต สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา สตฺถุ ทสฺเสสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวมกาสิ, อตฺถิ ปน เต ¶ โกจิ ชีวิตปจฺจโย’’ติ อาห. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ เต อตฺถี’’ติ? ‘‘กหาปณสตํ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ กตฺถจิ ตาว สกฺขรา อาหร, คเณตฺวา ชานิสฺสาม ‘‘สกฺกา วา ตาวตฺตเกน ชีวิตุํ, โน วา’’ติ. โส สกฺขรา อาหริ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ปริโภคตฺถาย ตาว ปณฺณาสํ เปหิ, ทฺวินฺนํ โคณานํ อตฺถาย จตุวีสติ, เอตฺตกํ นาม พีชตฺถาย, ยุคนงฺคลตฺถาย, กุทฺทาลวาสิผรสุอตฺถายา’’ติ เอวํ คณิยมาเน ตํ กหาปณสตํ นปฺปโหติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ ตว กหาปณา อปฺปกา, กถํ เอเต นิสฺสาย ตณฺหํ ปูเรสฺสสิ, อตีเต กิร จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรตฺวา อปฺโผฏิตมตฺเตน ¶ ทฺวาทสโยชนฏฺาเน กฏิปฺปมาเณน รตนวสฺสํ วสฺสาเปตุํ สมตฺโถ ยาว ฉตฺตึส สกฺกา จวนฺติ, เอตฺตกํ กาลํ เทวรชฺชํ กาเรตฺวาปิ มรณกาเล ¶ ตณฺหํ อปูเรตฺวาว กาลมกาสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา มนฺธาตุชาตกํ (ชา. ๑.๓.๒๒) วิตฺถาเรตฺวา –
‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ, ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
สพฺเพว ทาสา มนฺธาตุ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ. –
อิมิสฺสา คาถาย อนนฺตรา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘น กหาปณวสฺเสน, ติตฺติ กาเมสุ วิชฺชติ;
อปฺปสฺสาทา ทุขา กามา, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต.
‘‘อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ, รตึ โส นาธิคจฺฉติ;
ตณฺหกฺขยรโต โหติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก’’ติ.
ตตฺถ กหาปณวสฺเสนาติ ยํ โส อปฺโผเฏตฺวา สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสาเปสิ, ตํ อิธ กหาปณวสฺสนฺติ วุตฺตํ. เตนปิ หิ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ ติตฺติ นาม นตฺถิ. เอวํ ทุปฺปูรา เอสา ตณฺหา. อปฺปสฺสาทาติ สุปินสทิสตาย ปริตฺตสุขา. ทุขาติ ทุกฺขกฺขนฺธาทีสุ อาคตทุกฺขวเสน ปน พหุทุกฺขาว. อิติ วิฺายาติ เอวเมเต กาเม ชานิตฺวา. อปิ ทิพฺเพสูติ สเจ หิ เทวานํ อุปกปฺปนกกาเมหิ นิมนฺเตยฺยาปิ อายสฺมา สมิทฺธิ ¶ วิย เอวมฺปิ เตสุ กาเมสุ รตึ น วินฺทติเยว. ตณฺหกฺขยรโตติ อรหตฺเต เจว นิพฺพาเน จ อภิรโต โหติ, ตํ ปตฺถยมาโน วิหรติ. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโกติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิตสฺส ธมฺมสฺส สวเนน ชาโต โยคาวจรภิกฺขูติ.
เทสนาวสาเน ¶ โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อนภิรตภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณวตฺถุ
พหุํ เว สรณํ ยนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วาลิกราสิมฺหิ นิสินฺนํ อคฺคิทตฺตํ นาม โกสลรฺโ ปุโรหิตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร มหาโกสลสฺส ปุโรหิโต อโหสิ. อถ นํ ปิตริ กาลกเต ราชา ปเสนทิ โกสโล ‘‘ปิตุ เม ปุโรหิโต’’ติ คารเวน ตสฺมึเยว าเน เปตฺวา ตสฺส อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตกาเล ปจฺจุคฺคมนํ กโรติ, ‘‘อาจริย, อิธ นิสีทถา’’ติ สมานาสนํ ทาเปสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา มยิ อติวิย คารวํ กโรติ, น โข ปน ราชูนํ นิจฺจกาลเมว สกฺกา จิตฺตํ คเหตุํ. สมานวเยเนว หิ สทฺธึ รชฺชสุขํ นาม สุขํ โหติ, อหฺจมฺหิ มหลฺลโก, ปพฺพชิตุํ เม ยุตฺต’’นฺติ. โส ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา สตฺตาเหน สพฺพํ อตฺตโน ¶ ธนํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา พาหิรกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตํ นิสฺสาย ทส ปุริสสหสฺสานิ อนุปพฺพชึสุ. โส เตหิ สทฺธึ องฺคมคธานฺจ กุรุรฏฺสฺส จ อนฺตเร วาสํ กปฺเปตฺวา อิมํ โอวาทํ เทติ, ‘‘ตาตา, ยสฺส กามวิตกฺกาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, โส นทิโต เอเกกํ วาลุกปุฏํ อุทฺธริตฺวา อิมสฺมึ โอกิรตู’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา กามวิตกฺกาทีนํ อุปฺปนฺนกาเล ตถา กรึสุ. อปเรน สมเยน มหาวาลุกราสิ อโหสิ, ตํ อหิฉตฺโต นาม นาคราชา ปฏิคฺคเหสิ. องฺคมคธวาสิโน เจว กุรุรฏฺวาสิโน จ มาเส มาเส เตสํ มหนฺตํ สกฺการํ อภิหริตฺวา ทานํ เทนฺติ. อถ เนสํ อคฺคิทตฺโต อิมํ โอวาทํ อทาสิ – ‘‘ปพฺพตํ สรณํ ยาถ, วนํ สรณํ ยาถ, อารามํ สรณํ ยาถ, รุกฺขํ สรณํ ยาถ, เอวํ สพฺพทุกฺขโต มุจฺจิสฺสถา’’ติ. อตฺตโน อนฺเตวาสิเกปิ อิมินา โอวาเทน โอวทิ.
โพธิสตฺโตปิ กตาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ตสฺมึ สมเย สาวตฺถึ นิสฺสาย เชตวเน วิหรนฺโต ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณํ สทฺธึ อนฺเตวาสิเกหิ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘สพฺเพปิ อิเม อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา’’ติ ตฺวา สายนฺหสมเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อาห – ‘‘โมคฺคลฺลาน, กึ ปสฺสสิ อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณํ มหาชนํ ¶ อติตฺเถ ปกฺขนฺทาเปนฺตํ, คจฺฉ เตสํ โอวาทํ เทหี’’ติ. ภนฺเต, พหู เอเต, เอกกสฺส มยฺหํ อวิสยฺหา. สเจ ¶ ตุมฺเหปิ อาคมิสฺสถ, วิสยฺหา ภวิสฺสนฺตีติ. โมคฺคลฺลาน, อหมฺปิ อาคมิสฺสามิ, ตฺวํ ปุรโต ยาหีติ. เถโร ปุรโต คจฺฉนฺโตว จินฺเตสิ – ‘‘เอเต พลวนฺโต เจว พหู จ. สเจ สพฺเพสํ สมาคมฏฺาเน กิฺจิ ¶ กเถสฺสามิ, สพฺเพปิ วคฺควคฺเคน อุฏฺเหยฺยุ’’นฺติ อตฺตโน อานุภาเวน ถูลผุสิตกํ เทวํ วุฏฺาเปสิ. เต ถูลผุสิตเกสุ ปตนฺเตสุ อุฏฺายุฏฺาย อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสึสุ. เถโร อคฺคิทตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปณฺณสาลทฺวาเร ตฺวา ‘‘อคฺคิทตฺตา’’ติ อาห. โส เถรสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘มํ อิมสฺมึ โลเก นาเมน อาลปิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, โก นุ โข มํ นาเมน อาลปตี’’ติ มานถทฺธตาย ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. ‘‘อหํ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘กึ วเทสี’’ติ? ‘‘อชฺช เม เอกรตฺตึ อิธ วสนฏฺานํ ตฺวํ อาจิกฺขาหี’’ติ. ‘‘อิธ วสนฏฺานํ นตฺถิ, เอกสฺส เอกาว ปณฺณสาลา’’ติ. ‘‘อคฺคิทตฺต, มนุสฺสา นาม มนุสฺสานํ, คาโว คุนฺนํ, ปพฺพชิตา ปพฺพชิตานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺติ, มา เอวํ กริ, เทหิ เม วสนฏฺาน’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘อาม, ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ. ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, กหํ เต ขาริภณฺฑํ, โก ปพฺพชิตปริกฺขาโร’’ติ. ‘‘อตฺถิ เม ปริกฺขาโร, วิสุํ ปน นํ คเหตฺวา วิจริตุํ ทุกฺขนฺติ อพฺภนฺตเรเนว นํ คเหตฺวา วิจรามิ, พฺราหฺมณา’’ติ. โส ‘‘ตํ คเหตฺวา วิจริสฺสสี’’ติ เถรสฺส กุชฺฌิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘อมฺเห, อคฺคิทตฺต, มา กุชฺฌิ, วสนฏฺานํ เม อาจิกฺขาหี’’ติ. นตฺถิ เอตฺถ วสนฏฺานนฺติ. เอตสฺมึ ปน วาลุกราสิมฺหิ โก วสตีติ. เอโก, นาคราชาติ. เอตํ เม เทหีติ. น สกฺกา ทาตุํ, ภาริยํ ¶ เอตสฺส กมฺมนฺติ. โหตุ, เทหิ เมติ. เตน หิ ตฺวํ เอว ชานาหีติ.
เถโร วาลุกราสิอภิมุโข ปายาสิ. นาคราชา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมโณ อิโต อาคจฺฉติ, น ชานาติ มฺเ มม อตฺถิภาวํ, ธูมายิตฺวา นํ มาเรสฺสามี’’ติ ธูมายิ. เถโร ‘‘อยํ นาคราชา ‘อหเมว ธูมายิตุํ สกฺโกมิ, อฺเ น สกฺโกนฺตี’ติ มฺเ สลฺลกฺเขตี’’ติ สยมฺปิ ธูมายิ. ทฺวินฺนมฺปิ สรีรโต อุคฺคตา ธูมา ยาว พฺรหฺมโลกา อุฏฺหึสุ. อุโภปิ ธูมา เถรํ อพาเธตฺวา นาคราชานเมว พาเธนฺติ. นาคราชา ธูมเวคํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต ปชฺชลิ. เถโรปิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา เตน สทฺธึเยว ปชฺชลิ. อคฺคิชาลา ยาว พฺรหฺมโลกา อุฏฺหึสุ. อุโภปิ เถรํ อพาเธตฺวา นาคราชานเมว พาธยึสุ. อถสฺส สกลสรีรํ อุกฺกาหิ ปทิตฺตํ วิย อโหสิ. อิสิคโณ โอโลเกตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นาคราชา, สมณํ ฌาเปติ, ภทฺทโก วต สมโณ อมฺหากํ วจนํ อสุตฺวา นฏฺโ’’ติ. เถโร นาคราชานํ ¶ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา วาลุกราสิมฺหิ นิสีทิ. นาคราชา วาลุกราสึ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา กูฏาคารกุจฺฉิปมาณํ ผณํ มาเปตฺวา เถรสฺส อุปริ ธาเรสิ.
อิสิคณา ¶ ปาโตว ‘‘สมณสฺส มตภาวํ วา อมตภาวํ วา ชานิสฺสามา’’ติ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ วาลุกราสิมตฺถเก นิสินฺนํ ทิสฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อภิตฺถวนฺตา อาหํสุ – ‘‘สมณ, กจฺจิ นาคราเชน น พาธิโต’’ติ. ‘‘กึ น ปสฺสถ มม อุปริผณํ ธาเรตฺวา ิต’’นฺติ? เต ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ, สมณสฺส เอวรูโป ¶ นาม นาคราชา ทมิโต’’ติ เถรํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา อาคโต. เถโร สตฺถารํ ทิสฺวา อุฏฺาย วนฺทิ. อถ นํ อิสโย อาหํสุ – ‘‘อยมฺปิ ตยา มหนฺตตโร’’ติ. เอโส ภควา สตฺถา, อหํ อิมสฺส สาวโกติ. สตฺถา วาลุกราสิมตฺถเก นิสีทิ, อิสิคโณ ‘‘อยํ ตาว สาวกสฺส อานุภาโว, อิมสฺส ปน อานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห สตฺถารํ อภิตฺถวิ. สตฺถา อคฺคิทตฺตํ อามนฺเตตฺวา อาห – ‘‘อคฺคิทตฺต, ตฺวํ ตว สาวกานฺจ อุปฏฺากานฺจ โอวาทํ ททมาโน กินฺติ วตฺวา เทสี’’ติ. ‘‘เอตํ ปพฺพตํ สรณํ คจฺฉถ, วนํ อารามํ รุกฺขํ สรณํ คจฺฉถ. เอตานิ หิ สรณํ คโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ เอวํ เตสํ โอวาทํ ทมฺมีติ. สตฺถา ‘‘น โข, อคฺคิทตฺต, เอตานิ สรณํ คโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ, พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ ปน สรณํ คนฺตฺวา สกลวฏฺฏทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘พหุํ เว สรณํ ยนฺติ, ปพฺพตานิ วนานิ จ;
อารามรุกฺขเจตฺยานิ, มนุสฺสา ภยตชฺชิตา.
‘‘เนตํ โข สรณํ เขมํ, เนตํ สรณมุตฺตมํ;
เนตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.
‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.
‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
อริยํ จฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
‘‘เอตํ ¶ ¶ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ พหุนฺติ พหุ. ปพฺพตานีติ ตตฺถ ตตฺถ อิสิคิลิเวปุลฺลเวภาราทิเก ปพฺพเต จ มหาวนโคสิงฺคสาลวนาทีนิ ¶ วนานิ จ เวฬุวนชีวกมฺพวนาทโย อาราเม จ อุเทนเจติยโคตมเจติยาทีนิ รุกฺขเจตฺยานิ จ เต เต มนุสฺสา เตน เตน ภเยน ตชฺชิตา ภยโต มุจฺจิตุกามา ปุตฺตลาภาทีนิ วา ปตฺถยมานา สรณํ ยนฺตีติ อตฺโถ. เนตํ สรณนฺติ เอตํ สพฺพมฺปิ สรณํ เนว เขมํ น อุตฺตมํ, น จ เอตํ ปฏิจฺจ ชาติอาทิธมฺเมสุ สตฺเตสุ เอโกปิ ชาติอาทิโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ อตฺโถ.
โย จาติ อิทํ อเขมํ อนุตฺตมํ สรณํ ทสฺเสตฺวา เขมํ อุตฺตมํ สรณํ ทสฺสนตฺถํ อารทฺธํ. ตสฺสตฺโถ – โย จ คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทิกํ พุทฺธธมฺมสงฺฆานุสฺสติกมฺมฏฺานํ นิสฺสาย เสฏฺวเสน พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ สรณํ คโต, ตสฺสปิ ตํ สรณคมนํ อฺติตฺถิยวนฺทนาทีหิ กุปฺปติ จลติ. ตสฺส ปน อจลภาวํ ทสฺเสตุํ มคฺเคน อาคตสรณเมว ปกาสนฺโต จตฺตาริ อริยสจฺจานิ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ อาห. โย หิ เอเตสํ สจฺจานํ ทสฺสนวเสน เอตานิ สรณํ ¶ คโต, เอตสฺส เอตํ สรณํ เขมฺจ อุตฺตมฺจ, โส จ ปุคฺคโล เอตํ สรณํ ปฏิจฺจ สกลสฺมาปิ วฏฺฏทุกฺขา ปมุจฺจติ, ตสฺมา เอตํ โข สรณํ เขมนฺติอาทิ วุตฺตํ.
เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต อิสโย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถาปิ จีวรคพฺภโต หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว, จรถ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อาห. เต ตงฺขเณเยว อฏฺปริกฺขารธรา วสฺสสฏฺิกเถรา วิย อเหสุํ. โส จ สพฺเพสมฺปิ องฺคมคธกุรุรฏฺวาสีนํ สกฺการํ อาทาย อาคมนทิวโส อโหสิ. เต สกฺการํ อาทาย อาคตา สพฺเพปิ เต อิสโย ปพฺพชิเต ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ อคฺคิทตฺตพฺราหฺมโณ มหา, อุทาหุ สมโณ โคตโม’’ติ จินฺเตตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อาคตตฺตา ‘‘อคฺคิทตฺโตว มหา’’ติ มฺึสุ. สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อคฺคิทตฺต, ปริสาย กงฺขํ ฉินฺทา’’ติ อาห. โส ‘‘อหมฺปิ เอตฺตกเมว ¶ ปจฺจาสีสามี’’ติ อิทฺธิพเลน สตฺตกฺขตฺตุํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุนปฺปุนํ โอรุยฺห สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา สาวกตฺตํ ปกาเสสีติ.
อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ
ทุลฺลโภติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
เถโร หิ เอกทิวสํ ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘หตฺถาชานีโย ¶ ฉทฺทนฺตกุเล วา อุโปสถกุเล วา อุปฺปชฺชติ, อสฺสาชานีโย สินฺธวกุเล วา วลาหกสฺสราชกุเล วา, อุสโภ โคอาชนีโย ทกฺขิณปเถติอาทีนิ วทนฺเตน สตฺถารา หตฺถิอาชานียาทีนํ อุปฺปตฺติฏฺานาทีนิ กถิตานิ, ปุริสาชานีโย ปน กหํ นุ โข อุปฺปชฺชตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา, ‘‘อานนฺท, ปุริสาชานีโย นาม สพฺพตฺถ นุปฺปชฺชติ, อุชุกโต ปน ติโยชนสตายาเม วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยสเต อาวฏฺฏโต นวโยชนสตปฺปมาเณ มชฺฌิมปเทสฏฺาเน อุปฺปชฺชติ. อุปฺปชฺชนฺโต จ ปน น ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา กุเล อุปฺปชฺชติ, ขตฺติยมหาสาลพฺราหฺมณมหาสาลกุลานํ ปน อฺตรสฺมึเยว อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทุลฺลโภ ปุริสาชฺโ, น โส สพฺพตฺถ ชายติ;
ยตฺถ โส ชายตี ธีโร, ตํ กุลํ สุขเมธตี’’ติ.
ตตฺถ ทุลฺลโภติ ปุริสาชฺโ หิ ทุลฺลโภ, น หตฺถิอาชานียาทโย วิย สุลโภ, โส สพฺพตฺถ ปจฺจนฺตเทเส วา นีจกุเล วา น ชายติ, มชฺฌิมเทเสปิ มหาชนสฺส อภิวาทนาทิสกฺการกรณฏฺาเน ขตฺติยพฺราหฺมณกุลานํ อฺตรสฺมึ กุเล ชายติ. เอวํ ชายมาโน ยตฺถ โส ชายติ ธีโร อุตฺตมปฺโ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ , ตํ กุลํ สุขเมธตีติ สุขปฺปตฺตเมว โหตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
สุโข ¶ ¶ พุทฺธานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ กถํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ปฺจสตภิกฺขู อุปฏฺานสาลายํ นิสินฺนา, ‘‘อาวุโส, กึ นุ โข อิมสฺมึ โลเก สุข’’นฺติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ? ตตฺถ เกจิ ‘‘รชฺชสุขสทิสํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ อาหํสุ. เกจิ กามสุขสทิสํ, เกจิ ‘‘สาลิมํสโภชนาทิสทิสํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, กึ กเถถ? อิทฺหิ สพฺพมฺปิ สุขํ วฏฺฏทุกฺขปริยาปนฺนเมว, อิมสฺมึ โลเก พุทฺธุปฺปาโท ธมฺมสฺสวนํ, สงฺฆสามคฺคี, สมฺโมทมานภาโวติ อิทเมว สุข’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท, สุขา สทฺธมฺมเทสนา;
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี, สมคฺคานํ ตโป สุโข’’ติ.
ตตฺถ พุทฺธานมุปฺปาโทติ ยสฺมา พุทฺธา อุปฺปชฺชมานา มหาชนํ ราคกนฺตาราทีหิ ตาเรนฺติ, ตสฺมา พุทฺธานํ อุปฺปาโท สุโข อุตฺตโม. ยสฺมา ¶ สทฺธมฺมเทสนํ อาคมฺม ชาติอาทิธมฺมา สตฺตา ชาติอาทีหิ มุจฺจนฺติ, ตสฺมา สทฺธมฺมเทสนา สุขา. สามคฺคีติ สมจิตฺตตา, สาปิ สุขา เอว. สมคฺคานํ ปน เอกจิตฺตานํ ยสฺมา พุทฺธวจนํ วา อุคฺคณฺหิตุํ ธุตงฺคานิ วา ปริหริตุํ สมณธมฺมํ วา กาตุํ สกฺกา, ตสฺมา สมคฺคานํ ตโป สุโขติ วุตฺตํ. เตเนวาห – ‘‘ยาวกีวฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สมคฺคา สนฺนิปติสฺสนฺติ, สมฺมคฺคา วุฏฺหิสฺสนฺติ, สมคฺคา สงฺฆกรณียานิ กริสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๓๖).
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยวตฺถุ
ปูชารเหติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา จาริกํ จรมาโน กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยํ อารพฺภ กเถสิ.
ตถาคโต สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค โตเทยฺยคามสฺส สมีเป มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อฺตรํ เทวฏฺานํ สมฺปาปุณิ. ตตฺร นิสินฺโน สุคโต ธมฺมภณฺฑาคาริกํ เปเสตฺวา อวิทูเร กสิกมฺมํ กโรนฺตํ พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปสิ ¶ . โส พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา ตถาคตํ อนภิวนฺทิตฺวา ตเมว เทวฏฺานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. สุคโตปิ ‘‘อิมํ ปเทสํ กินฺติ มฺสิ พฺราหฺมณา’’ติ อาห. อมฺหากํ ปเวณิยา อาคตเจติยฏฺานนฺติ วนฺทามิ, โภ โคตมาติ. ‘‘อิมํ านํ วนฺทนฺเตน ตยา สาธุ กตํ พฺราหฺมณา’’ติ สุคโต ตํ สมฺปหํเสสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘เกน นุ โข การเณน ภควา เอวํ สมฺปหํเสสี’’ติ สํสยํ สฺชเนสุํ. ตโต ตถาคโต เตสํ สํสยมปเนตุํ มชฺฌิมนิกาเย ฆฏิการสุตฺตนฺตํ (ม. นิ. ๒.๒๘๒ อาทโย) วตฺวา อิทฺธานุภาเวน กสฺสปทสพลสฺส โยชนุพฺเพธํ กนกเจติยํ อปรฺจ กนกเจติยํ อากาเส นิมฺมินิตฺวา มหาชนํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, เอวํวิธานํ ปูชารหานํ ปูชา ยุตฺตตราวา’’ติ วตฺวา มหาปรินิพฺพานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๒๐๖) ทสฺสิตนเยเนว พุทฺธาทิเก จตฺตาโร ถูปารเห ปกาเสตฺวา สรีรเจติยํ อุทฺทิสฺสเจติยํ ปริโภคเจติยนฺติ ตีณิ เจติยานิ วิเสสโต ปริทีเปตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปูชารเห ปูชยโต, พุทฺเธ ยทิ จ สาวเก;
ปปฺจสมติกฺกนฺเต, ติณฺณโสกปริทฺทเว.
‘‘เต ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;
น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติ. (อป. เถร ๑.๑๐.๑-๒);
ตตฺถ ปูชิตุํ อรหา ปูชารหา, ปูชิตุํ ยุตฺตาติ อตฺโถ. ปูชารเห ปูชยโตติ อภิวาทนาทีหิ จ จตูหิ จ ปจฺจเยหิ ¶ ปูเชนฺตสฺส. ปูชารเห ทสฺเสติ พุทฺเธติอาทินา. พุทฺเธติ สมฺมาสมฺพุทฺเธ. ยทีติ ยทิ วา, อถ วาติ อตฺโถ. ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺเธติ กถิตํ โหติ, สาวเก จ. ปปฺจสมติกฺกนฺเตติ สมติกฺกนฺตตณฺหาทิฏฺิมานปปฺเจ. ติณฺณโสกปริทฺทเวติ ¶ อติกฺกนฺตโสกปริทฺทเว ¶ , อิเม ทฺเว อติกฺกนฺเตติ อตฺโถ. เอเตหิ ปูชารหตฺตํ ทสฺสิตํ.
เตติ พุทฺธาทโย. ตาทิเสติ วุตฺตคหณวเสน. นิพฺพุเตติ ราคาทินิพฺพุติยา. นตฺถิ กุโตจิ ภวโต วา อารมฺมณโต วา เอเตสํ ภยนฺติ อกุโตภยา, เต อกุโตภเย. น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุนฺติ ปฺุํ คเณตุํ น สกฺกา. กถนฺติ เจ? อิเมตฺตมปิ เกนจีติ อิมํ เอตฺตกํ, อิมํ เอตฺตกนฺติ เกนจีติ อปิสทฺโท อิธ สมฺพนฺธิตพฺโพ, เกนจิ ปุคฺคเลน มาเนน วา. ตตฺถ ปุคฺคเลนาติ เตน พฺรหฺมาทินา. มาเนนาติ ติวิเธน มาเนน ตีรเณน ธารเณน ปูรเณน วา. ตีรณํ นาม อิทํ เอตฺตกนฺติ นยโต ตีรณํ. ธารณนฺติ ตุลาย ธารณํ. ปูรณํ นาม อฑฺฒปสตปตฺถนาฬิกาทิวเสน ปูรณํ. เกนจิ ปุคฺคเลน อิเมหิ ตีหิ มาเนหิ พุทฺธาทิเก ปูชยโต ปฺุํ วิปากวเสน คเณตุํ น สกฺกา ปริยนฺตรหิตโตติ ทฺวีสุ าเนสุ ปูชยโต กึ ทานํ ปมํ ธรมาเน พุทฺธาที ปูชยโต น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, ปุน เต ตาทิเส กิเลสปรินิพฺพานนิมิตฺเตน ขนฺธปรินิพฺพาเนน นิพฺพุเตปิ ปูชยโต น สกฺกา สงฺขาตุนฺติ เภทา ยุชฺชนฺติ. เตน หิ วิมานวตฺถุมฺหิ –
‘‘ติฏฺนฺเต ¶ นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ;
เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ. (วิ. ว. ๘๐๖);
เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปนฺโน อโหสีติ. โยชนิกํ กนกเจติยํ สตฺตาหมากาเสว อฏฺาสิ, มหนฺเตน สมาคโม จาโหสิ, สตฺตาหํ เจติยํ นานปฺปกาเรน ปูเชสุํ. ตโต ภินฺนลทฺธิกานํ ลทฺธิเภโท ชาโต, พุทฺธานุภาเวน ตํ เจติยํ สกฏฺานเมว คตํ, ตตฺเถว ตํขเณ มหนฺตํ ปาสาณเจติยํ อโหสิ. ตสฺมึ สมาคเม จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.
กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยวตฺถุ นวมํ.
พุทฺธวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
จุทฺทสโม วคฺโค.
ปมภาณวารํ นิฏฺิตํ.
๑๕. สุขวคฺโค
๑. าอาติกลหวูปสมนวตฺถุ
สุสุขํ ¶ ¶ ¶ วตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สกฺเกสุ วิหรนฺโต กลหวูปสมนตฺถํ าตเก อารพฺภ กเถสิ.
สากิยโกลิยา กิร กปิลวตฺถุนครสฺส จ โกลิยนครสฺส จ อนฺตเร โรหิณึ นาม นทึ เอเกเนว อาวรเณน พนฺธาเปตฺวา สสฺสานิ กโรนฺติ. อถ เชฏฺมูลมาเส สสฺเสสุ มิลายนฺเตสุ อุภยนครวาสิกานมฺปิ กมฺมการา สนฺนิปตึสุ. ตตฺถ โกลิยนครวาสิโน อาหํสุ – ‘‘อิทํ อุทกํ อุภยโต หริยมานํ เนว ตุมฺหากํ, น อมฺหากํ ปโหสฺสติ, อมฺหากํ ปน สสฺสํ เอกอุทเกเนว นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติ. อิตเรปิ อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเหสุ โกฏฺเก ปูเรตฺวา ิเตสุ มยํ รตฺตสุวณฺณนีลมณิกาฬกหาปเณ จ คเหตฺวา ปจฺฉิปสิพฺพกาทิหตฺถา น สกฺขิสฺสาม ตุมฺหากํ ฆรทฺวาเร วิจริตุํ, อมฺหากมฺปิ สสฺสํ เอกอุทเกเนว ¶ นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติ. น มยํ ทสฺสามาติ. มยมฺปิ น ทสฺสามาติ เอวํ กถํ วฑฺเฒตฺวา เอโก อุฏฺาย เอกสฺส ปหารํ อทาสิ, โสปิ อฺสฺสาติ เอวํ อฺมฺํ ปหริตฺวา ราชกุลานํ ชาตึ ฆฏฺเฏตฺวา กลหํ วฑฺฒยึสุ.
โกลิยกมฺมการา วทนฺติ – ‘‘ตุมฺเห กปิลวตฺถุวาสิเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย โสณสิงฺคาลาทโย วิย อตฺตโน ภคินีหิ สทฺธึ สํวสึสุ, เอเตสํ หตฺถิโน เจว อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ. สากิยกมฺมการาปิ วทนฺติ ‘‘ตุมฺเห อิทานิ กุฏฺิโน ทารเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย อนาถา นิคฺคติกา ติรจฺฉานา วิย โกลรุกฺเข วสึสุ, เอเตสํ หตฺถิโน จ อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ. เต คนฺตฺวา ตสฺมึ กมฺเม นิยุตฺตานํ อมจฺจานํ กถยึสุ, อมจฺจา ราชกุลานํ กเถสุํ. ตโต สากิยา ‘‘ภคินีหิ สทฺธึ สํวสิตกานํ ถามฺจ พลฺจ ทสฺเสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมึสุ. โกลิยาปิ ‘‘โกลรุกฺขวาสีนํ ถามฺจ พลฺจ ทสฺเสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมึสุ.
สตฺถาปิ ¶ ¶ ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต าตเก ทิสฺวา ‘‘มยิ อคจฺฉนฺเต อิเม นสฺสิสฺสนฺติ, มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกโกว อากาเสน คนฺตฺวา โรหิณินทิยา มชฺเฌ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. าตกา สตฺถารํ ทิสฺวา ¶ อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา วนฺทึสุ. อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กึ กลโห นาเมส, มหาราชา’’ติ? ‘‘น ชานาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก ทานิ ชานิสฺสตี’’ติ? เต ‘‘อุปราชา ชานิสฺสติ, เสนาปติ ชานิสฺสตี’’ติ อิมินา อุปาเยน ยาว ทาสกมฺมกเร ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อุทกกลโห’’ติ อาหํสุ. ‘‘อุทกํ กึ อคฺฆติ, มหาราชา’’ติ? ‘‘อปฺปคฺฆํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ขตฺติยา กึ อคฺฆนฺติ มหาราชา’’ติ? ‘‘ขตฺติยา นาม อนคฺฆา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อยุตฺตํ ตุมฺหากํ อปฺปมตฺตตํ อุทกํ นิสฺสาย อนคฺเฆ ขตฺติเย นาเสตุ’’นฺติ. เต ตุณฺหี อเหสุํ. อถ เต สตฺถา อามนฺเตตฺวา ‘‘กสฺมา มหาราชา เอวรูปํ กโรถ, มยิ อสนฺเต อชฺช โลหิตนที ปวตฺติสฺสติ, อยุตฺตํ โว กตํ, ตุมฺเห ปฺจหิ เวเรหิ สเวรา วิหรถ, อหํ อเวโร วิหรามิ. ตุมฺเห กิเลสาตุรา หุตฺวา วิหรถ, อหํ อนาตุโร. ตุมฺเห กามคุณปริเยสนุสฺสุกฺกา หุตฺวา วิหรถ, อหํ อนุสฺสุกฺโก วิหรามี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, เวริเนสุ อเวริโน,
เวริเนสุ มนุสฺเสสุ, วิหราม อเวริโน.
‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, อาตุเรสุ อนาตุรา;
อาตุเรสุ มนุสฺเสสุ, วิหราม อนาตุรา.
‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, อุสฺสุเกสุ อนุสฺสุกา;
อุสฺสุเกสุ มนุสฺเสสุ, วิหราม อนุสฺสุกา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สุสุขนฺติ สุฏฺุ สุขํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย คิหิโน สนฺธิจฺเฉทาทิวเสน, ปพฺพชิตา วา ปน เวชฺชกมฺมาทิวเสน ชีวิตวุตฺตึ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สุเขน ชีวามา’’ติ วทนฺติ, เตหิ มยเมว สุสุขํ วต ชีวาม, เย มยํ ปฺจหิ เวรีหิ เวริเนสุ มนุสฺเสสุ อเวริโน, กิเลสาตุเรสุ มนุสฺเสสุ นิกฺกิเลสตาย อนาตุรา, ปฺจกามคุณปริเยสเน อุสฺสุเกสุ ตาย ปริเยสนาย อภาเวน อนุสฺสุกาติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
าติกลหวูปสมนวตฺถุ ปมํ.
๒. มารวตฺถุ
สุสุขํ ¶ ¶ วต ชีวามาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปฺจสาลาย พฺราหฺมณคาเม วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ สตฺถา ปฺจสตานํ กุมาริกานํ โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตํ คามํ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. ตาปิ กุมาริกาโย เอกสฺมึ นกฺขตฺตทิวเส นทึ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺตา คามาภิมุขิโย ปายึสุ. สตฺถาปิ ตํ คามํ ปวิสิตฺวา ปิณฺฑาย จรติ. อถ มาโร สกลคามวาสีนํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา ¶ ยถา สตฺถา กฏจฺฉุภตฺตมตฺตมฺปิ น ลภติ, เอวํ กตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขมนฺตํ สตฺถารํ คามทฺวาเร ตฺวา อาห – ‘‘อปิ, สมณ, ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺถา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, ปาปิม, ตถา อกาสิ, ยถาหํ ปิณฺฑํ น ลเภยฺย’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ปุน ปวิสถา’’ติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สเจ ปุน ปวิสติ, สพฺเพสํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา อิมสฺส ปุรโต ปาณึ ปหริตฺวา หสฺสเกฬึ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺมึ ขเณ ตา กุมาริกาโย คามทฺวารํ ปตฺวา สตฺถารํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. มาโรปิ สตฺถารํ อาห – ‘‘อปิ, ภนฺเต, ปิณฺฑํ อลภมานา ชิฆจฺฉาทุกฺเขน ปีฬิตตฺถา’’ติ. สตฺถา ‘‘อชฺช มยํ, ปาปิม, กิฺจิ อลภิตฺวาปิ อาภสฺสรโลเก มหาพฺรหฺมาโน วิย ปีติสุเขเนว วีตินาเมสฺสามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, เยสํ โน นตฺถิ กิฺจนํ;
ปีติภกฺขา ภวิสฺสาม, เทวา อาภสฺสรา ยถา’’ติ.
ตตฺถ เยสํ โนติ เยสํ อมฺหากํ ปลิพุชฺฌนตฺเถน ราคาทีสุ กิฺจเนสุ เอกมฺปิ กิฺจนํ นตฺถิ. ปีติภกฺขาติ ยถา อาภสฺสรา เทวา ปีติภกฺขา หุตฺวา ปีติสุเขเนว วีตินาเมนฺติ, เอวํ มยมฺปิ, ปาปิม, กิฺจิ อลภิตฺวา ปีติภกฺขา ภวิสฺสามาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ ปฺจสตาปิ กุมาริกาโย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.
มารวตฺถุ ทุติยํ.
๓. โกสลรฺโ ปราชยวตฺถุ
ชยํ ¶ ¶ เวรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ ปราชยํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร กาสิกคามํ นิสฺสาย ภาคิเนยฺเยน อชาตสตฺตุนา สทฺธึ ยุชฺฌนฺโต เตน ตโย วาเร ปราชิโต ตติยวาเร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ขีรมุขมฺปิ ทารกํ ปราเชตุํ นาสกฺขึ, กึ เม ชีวิเตนา’’ติ. โส อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. อถสฺส สา ปวตฺติ สกลนครํ ปตฺถริ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, ราชา กิร กาสิกคามกํ นิสฺสาย ตโย วาเร ปราชิโต, โส อิทานิ ปราชิตฺวา อาคโต ‘ขีรมุขมฺปิ ทารกํ ปราเชตุํ นาสกฺขึ, กึ เม ชีวิเตนา’ติ อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปนฺโน’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ชินนฺโตปิ เวรํ ปสวติ, ปราชิโต ปน ทุกฺขํ เสติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ชยํ เวรํ ปสวติ, ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต;
อุปสนฺโต สุขํ เสติ, หิตฺวา ชยปราชย’’นฺติ.
ตตฺถ ชยนฺติ ปรํ ชินนฺโต เวรํ ปฏิลภติ. ปราชิโตติ ปเรน ปราชิโต ‘‘กทา นุ โข ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺึ ทฏฺุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ ทุกฺขํ เสติ สพฺพิริยาปเถสุ ¶ ทุกฺขเมว วิหรตีติ อตฺโถ. อุปสนฺโตติ อพฺภนฺตเร อุปสนฺตราคาทิกิเลโส ขีณาสโว ชยฺจ ปราชยฺจ หิตฺวา สุขํ เสติ, สพฺพิริยาปเถสุ สุขเมว วิหรตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
โกสลรฺโ ปราชยวตฺถุ ตติยํ.
๔. อฺตรกุลทาริกาวตฺถุ
นตฺถิ ราคสโมติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุลทาริกํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺสา ¶ ¶ กิร มาตาปิตโร อาวาหํ กตฺวา มงฺคลทิวเส สตฺถารํ นิมนฺตยึสุ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตตฺถ คนฺตฺวา นิสีทิ. สาปิ โข วธุกา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุทกปริสฺสาวนาทีนิ กโรนฺตี อปราปรํ สฺจรติ. สามิโกปิสฺสา ตํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตสฺส ราควเสน โอโลเกนฺตสฺส อนฺโต กิเลโส สมุทาจริ. โส อฺาณาภิภูโต เนว พุทฺธํ อุปฏฺหิ, น อสีติ มหาเถเร. หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘ตํ วธุกํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ปน จิตฺตํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺสชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ยถา ตํ อิตฺถึ น ปสฺสติ, เอวมกาสิ. โส อทิสฺวา สตฺถารํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส โอโลเกตฺวา ิตกาเล ‘‘กุมารก, น หิ ราคคฺคินา สทิโส อคฺคิ นาม ¶ , โทสกลินา สทิโส กลิ นาม, ขนฺธปริหรณทุกฺเขน สทิสํ ทุกฺขํ นาม อตฺถิ, นิพฺพานสุขสทิสํ สุขมฺปิ นตฺถิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ, นตฺถิ โทสสโม กลิ;
นตฺถิ ขนฺธสมา ทุกฺขา, นตฺถิ สนฺติปรํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ นตฺถิ ราคสโมติ ธูมํ วา ชาลํ วา องฺคารํ วา อทสฺเสตฺวา อนฺโตเยว ฌาเปตฺวา ภสฺมมุฏฺึ กาตุํ สมตฺโถ ราเคน สโม อฺโ อคฺคิ นาม นตฺถิ. กลีติ โทเสน สโม อปราโธปิ นตฺถิ. ขนฺธสมาติ ขนฺเธหิ สมา. ยถา ปริหริยมานา ขนฺธา ทุกฺขา, เอวํ อฺํ ทุกฺขํ นาม นตฺถิ. สนฺติปรนฺติ นิพฺพานโต อุตฺตรึ อฺํ สุขมฺปิ นตฺถิ. อฺฺหิ สุขํ สุขเมว, นิพฺพานํ ปรมสุขนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน กุมาริกา จ กุมารโก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตสฺมึ สมเย ภควา เตสํ อฺมฺํ ทสฺสนาการํ อกาสีติ.
อฺตรกุลทาริกาวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. เอกอุปาสกวตฺถุ
ชิฆจฺฉาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อาฬวิยํ วิหรนฺโต เอกํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ¶ ทิวเส สตฺถา เชตวเน คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ¶ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ¶ อาฬวิยํ เอกํ ทุคฺคตมนุสฺสํ ทิสฺวา ตสฺสูปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร อาฬวึ อคมาสิ. อาฬวิวาสิโน สตฺถารํ นิมนฺตยึสุ. โสปิ ทุคฺคตมนุสฺโส ‘‘สตฺถา กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ มนํ อกาสิ. ตํทิวสเมว จสฺส เอโก โคโณ ปลายิ. โส ‘‘กึ นุ โข โคณํ ปริเยสิสฺสามิ, อุทาหุ ธมฺมํ สุณามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โคณํ ปริเยสิตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ ปาโตว เคหา นิกฺขมิ. อาฬวิวาสิโนปิ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ปริวิสิตฺวา อนุโมทนตฺถาย ปตฺตํ คณฺหึสุ. สตฺถา ‘‘ยํ นิสฺสาย อหํ ตึสโยชนมคฺคํ อาคโต, โส โคณํ ปริเยสิตุํ อรฺํ ปวิฏฺโ, ตสฺมึ อาคเตเยว ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ ตุณฺหี อโหสิ.
โสปิ มนุสฺโส ทิวา โคณํ ทิสฺวา โคคเณ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘สเจปิ อฺํ นตฺถิ, สตฺถุ วนฺทนมตฺตมฺปิ กริสฺสามี’’ติ ชิฆจฺฉาปีฬิโตปิ เคหํ คมนาย มนํ อกตฺวา เวเคน สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส ิตกาเล ทานเวยฺยาวฏิกํ อาห – ‘‘อตฺถิ กิฺจิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อติริตฺตภตฺต’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, สพฺพํ อตฺถี’’ติ. เตน หิ ‘‘อิมํ ปริวิสาหี’’ติ. โส สตฺถารา วุตฺตฏฺาเนเยว ตํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุขาทนียโภชนีเยหิ สกฺกจฺจํ ปริวิสิ. โส ภุตฺตภตฺโต มุขํ วิกฺขาเลสิ. เปตฺวา กิร อิมํ านํ ตีสุ ปิฏเกสุ อฺตฺถ คตาคตสฺส ¶ ภตฺตวิจารณํ นาม นตฺถิ. ตสฺส ปสฺสทฺธทรถสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. อถสฺส สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ. โส เทสนาวสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถาปิ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. มหาชโน สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติ.
ภิกฺขู สตฺถารา สทฺธึ คจฺฉนฺตาเยว อุชฺฌายึสุ – ‘‘ปสฺสถาวุโส, สตฺถุ กมฺมํ, อฺเสุ ทิวเสสุ เอวรูปํ นตฺถิ, อชฺช ปเนกํ มนุสฺสํ ทิสฺวาว ยาคุอาทีนิ วิจาเรตฺวา ทาเปสี’’ติ. สตฺถา นิวตฺติตฺวา ิตโกว ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อหํ ตึสโยชนํ กนฺตารํ อาคจฺฉนฺโต ตสฺส อุปาสกสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อาคโต, โส อติวิย ชิฆจฺฉิโต, ปาโตว ปฏฺาย โคณํ ปริเยสนฺโต ¶ อรฺเ วิจริ. ‘ชิฆจฺฉทุกฺเขน ธมฺเม เทสิยมาเนปิ ปฏิวิชฺฌิตุํ น สกฺขิสฺสตี’ติ จินฺเตตฺวา เอวํ อกาสึ, ชิฆจฺฉาโรคสทิโส โรโค นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ชิฆจฺฉาปรมา โรคา, สงฺขารปรมา ทุขา;
เอตํ ตฺวา ยถาภูตํ, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ชิฆจฺฉาปรมา โรคาติ ยสฺมา อฺโ โรโค สกึ ติกิจฺฉิโต วินสฺสติ วา ตทงฺควเสน วา ปหียติ ¶ , ชิฆจฺฉา ปน นิจฺจกาลํ ติกิจฺฉิตพฺพาเยวาติ เสสโรคานํ อยํ ปรมา นาม. สงฺขาราติ ปฺจ ขนฺธา. เอตํ ตฺวาติ ชิฆจฺฉาสโม โรโค นตฺถิ, ขนฺธปริหรณสมํ ทุกฺขํ นาม นตฺถีติ เอตมตฺถํ ยถาภูตํ ตฺวา ปณฺฑิโต นิพฺพานํ สจฺฉิ กโรติ. นิพฺพานํ ปรมํ สุขนฺติ ตฺหิ สพฺพสุขานํ ปรมํ อุตฺตมํ สุขนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เอกอุปาสกวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปเสนทิโกสลวตฺถุ
อาโรคฺยปรมา ลาภาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราชานํ ปเสนทิโกสลํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ราชา ตณฺฑุลโทณสฺส โอทนํ ตทุปิเยน สูปพฺยฺชเนน ภฺุชติ. เอกทิวสํ ภุตฺตปาตราโส ภตฺตสมฺมทํ อวิโนเทตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กิลนฺตรูโป อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺตติ, นิทฺทาย อภิภูยมาโนปิ อุชุกํ นิปชฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ, มหาราช, อวิสฺสมิตฺวาว อาคโตสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ภุตฺตกาลโต ปฏฺาย เม มหาทุกฺขํ โหตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘มหาราช ¶ , อติพหุโภชนํ เอวํ ทุกฺขํ โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘มิทฺธี ¶ ยทา โหติ มหคฺฆโส จ,
นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;
มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ,
ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ. (ธ. ป. ๓๒๕); –
อิมาย คาถาย โอวทิตฺวา, ‘‘มหาราช, โภชนํ นาม มตฺตาย ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. มตฺตโภชิโน หิ สุขํ โหตี’’ติ อุตฺตริ โอวทนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มนุชสฺส ¶ สทา สตีมโต,
มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;
ตนุกสฺส ภวนฺติ เวทนา,
สณิกํ ชีรติ อายุปาลย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๔);
ราชา คาถํ อุคฺคณฺหิตุํ นาสกฺขิ, สมีเป ิตํ ปน ภาคิเนยฺยํ, สุทสฺสนํ นาม มาณวํ ‘‘อิมํ คาถํ อุคฺคณฺห, ตาตา’’ติ อาห. โส ตํ คาถํ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘รฺโ ภฺุชนฺตสฺส โอสานปิณฺฑกาเล อิมํ คาถํ วเทยฺยาสิ, ราชา อตฺถํ สลฺลกฺเขตฺวา ยํ ปิณฺฑํ ฉฑฺเฑสฺสติ, ตสฺมึ ปิณฺเฑ สิตฺถคณนาย รฺโ ภตฺตปจนกาเล ตตฺตเก ตณฺฑุเล หเรยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สายมฺปิ ปาโตปิ รฺโ ภฺุชนฺตสฺส โอสานปิณฺฑกาเล ตํ คาถํ อุทาหริตฺวา เตน ฉฑฺฑิตปิณฺเฑ สิตฺถคณนาย ตณฺฑุเล หาเปสิ. ราชาปิ ตสฺส คาถํ สุตฺวา สหสฺสํ สหสฺสํ ทาเปสิ ¶ . โส อปเรน สมเยน นาฬิโกทนปรมตาย สณฺหิตฺวา สุขปฺปตฺโต ตนุสรีโร อโหสิ.
อเถกทิวสํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อิทานิ เม สุขํ ชาตํ, มิคมฺปิ อสฺสมฺปิ อนุพนฺธิตฺวา คณฺหนสมตฺโถ ชาโตมฺหิ. ปุพฺเพ เม ภาคิเนยฺเยน สทฺธึ ยุทฺธเมว โหติ, อิทานิ วชีรกุมารึ นาม ธีตรํ ภาคิเนยฺยสฺส ทตฺวา โส คาโม ตสฺสาเยว นฺหานจุณฺณมูลํ กตฺวา ทินฺโน, เตน สทฺธึ วิคฺคโห วูปสนฺโต, อิมินาปิ เม การเณน สุขเมว ชาตํ. กุลสนฺตกํ ราชมณิรตนํ โน เคเห ปุริมทิวเส ¶ นฏฺํ, ตมฺปิ อิทานิ หตฺถปตฺตํ อาคตํ, อิมินาปิ เม การเณน สุขเมว ชาตํ. ตุมฺหากํ สาวเกหิ สทฺธึ วิสฺสาสํ อิจฺฉนฺเตน าติธีตาปิ โน เคเห กตา, อิมินาปิ เม การเณน สุขเมว ชาต’’นฺติ. สตฺถา ‘‘อาโรคฺยํ นาม, มหาราช, ปรโม ลาโภ, ยถาลทฺเธน สนฺตุฏฺภาวสทิสมฺปิ ธนํ, วิสฺสาสสทิโส จ ปรมา าติ, นิพฺพานสทิสฺจ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, สนฺตุฏฺิปรมํ ธนํ;
วิสฺสาสปรมา าติ, นิพฺพานปรมํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อาโรคฺยปรมา ลาภาติ อโรคภาวปรมา ลาภา. โรคิโน หิ วิชฺชมานาปิ ลาภา อลาภาเยว, ตสฺมา อโรคสฺส สพฺพลาภา อาคตาว โหนฺติ. เตเนตํ วุตฺตํ – ‘‘อาโรคฺยปรมา ลาภา’’ติ. สนฺตุฏฺิปรมํ ธนนฺติ คิหิโน วา ปพฺพชิตสฺส วา ยํ อตฺตนา ลทฺธํ ¶ อตฺตโน สนฺตกํ, เตเนว ตุสฺสนภาโว สนฺตุฏฺี นาม เสสธเนหิ ปรมํ ธนํ. วิสฺสาสปรมา าตีติ มาตา วา โหตุ ปิตา วา, เยน สทฺธึ วิสฺสาโส นตฺถิ, โส อฺาตโกว. เยน อฺาตเกน ปน สทฺธึ วิสฺสาโส อตฺถิ, โส อสมฺพนฺโธปิ ปรโม อุตฺตโม าติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วิสฺสาสปรมา าตี’’ติ. นิพฺพานสทิสํ ปน สุขํ นาม นตฺถิ, เตเนวาห – นิพฺพานปรมํ สุขนฺติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปเสนทิโกสลวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ติสฺสตฺเถรวตฺถุ
ปวิเวกรสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลิยํ วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถารา หิ, ‘‘ภิกฺขเว, อหํ อิโต จตูหิ มาเสหิ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุตฺเต สตฺถุ สนฺติเก สตฺต ภิกฺขุสตานิ สนฺตาสํ อาปชฺชึสุ, ขีณาสวานํ ¶ ธมฺมสํเวโค อุปฺปชฺชิ, ปุถุชฺชนา อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขึสุ. ภิกฺขู ¶ วคฺคา วคฺคา หุตฺวา ‘‘กึ นุ โข กริสฺสามา’’ติ มนฺเตนฺตา วิจรนฺติ. อเถโก ติสฺสตฺเถโร นาม ภิกฺขู ‘‘สตฺถา กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสติ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, สตฺถริ ธรมาเนเยว มยา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโกว วิหาสิ. ภิกฺขูนํ สนฺติเก คมนํ วา เกนจิ สทฺธึ กถาสลฺลาโป วา นตฺถิ. อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ติสฺส ตสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ. โส เตสํ กถํ น สุณาติ. เต ตสฺส ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหสุ ติสฺสตฺเถรสฺส สิเนโห นตฺถี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กสฺมา ติสฺส เอวํ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน อตฺตโน อธิปฺปาเย อาโรจิเต ‘‘สาธุ, ติสฺสา’’ติ สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มยิ สิเนโห ติสฺสสทิโสว โหตุ. คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กโรนฺตาปิ เนว มํ ปูเชนฺติ, ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชมานาเยว ปน มํ ปูเชนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปวิเวกรสํ ปิตฺวา, รสํ อุปสมสฺส จ;
นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป, ธมฺมปีติรสํ ปิว’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ปวิเวกรสนฺติ ปวิเวกโต อุปฺปนฺนํ รสํ, เอกีภาวสุขนฺติ อตฺโถ. ปิตฺวาติ ทุกฺขปริฺาทีนิ กโรนฺโต อารมฺมณโต สจฺฉิกิริยาวเสน ปิวิตฺวา. อุปสมสฺส ¶ จาติ กิเลสูปสมนิพฺพานสฺส จ รสํ ปิตฺวา. นิทฺทโร โหตีติ เตน อุภยรสปาเนน ขีณาสโว ภิกฺขุ อพฺภนฺตเร ราคทรถาทีนํ อภาเวน นิทฺทโร เจว นิปฺปาโป จ โหติ. รสํ ปิวนฺติ นววิธโลกุตฺตรธมฺมวเสน อุปฺปนฺนํ ปีติรสํ ปิวนฺโตปิ นิทฺทโร นิปฺปาโป จ โหติ.
เทสนาวสาเน ติสฺสตฺเถโร อรหตฺตํ ปาปุณิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ติสฺสตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. สกฺกวตฺถุ
สาหุ ¶ ทสฺสนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวคามเก วิหรนฺโต สกฺกํ อารพฺภ กเถสิ.
ตถาคตสฺส หิ อายุสงฺขาเร วิสฺสฏฺเ โลหิตปกฺขนฺทิกาพาธสฺส อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา สกฺโก เทวราชา ‘‘มยา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา คิลานุปฏฺานํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ติคาวุตปฺปมาณํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา หตฺเถหิ ปาเท ปริมชฺชิ. อถ นํ สตฺถา อาห ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, สกฺโก’’ติ. ‘‘กสฺมา อาคโตสี’’ติ? ‘‘ตุมฺเห คิลาเน อุปฏฺหิตุํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สกฺก, เทวานํ มนุสฺสคนฺโธ โยชนสตโต ปฏฺาย คเล พทฺธกุณปํ วิย โหติ ¶ , คจฺฉ ตฺวํ, อตฺถิ เม คิลานุปฏฺกา ภิกฺขู’’ติ. ‘‘ภนฺเต, จตุราสีติโยชนสหสฺสมตฺถเก ิโต ตุมฺหากํ สีลคนฺธํ ฆายิตฺวา อาคโต, อหเมว อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ โส สตฺถุ สรีรวฬฺชนภาชนํ อฺสฺส หตฺเถนาปิ ผุสิตุํ อทตฺวา สีเสเยว เปตฺวา นีหรนฺโต มุขสงฺโกจนมตฺตมฺปิ น อกาสิ, คนฺธภาชนํ ปริหรนฺโต วิย อโหสิ. เอวํ สตฺถารํ ปฏิชคฺคิตฺวา สตฺถุ ผาสุกกาเลเยว อคมาสิ.
ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห สตฺถริ สกฺกสฺส สิเนโห, เอวรูปํ นาม ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปหาย มุขสงฺโกจนมตฺตมฺปิ อกตฺวา คนฺธภาชนํ นีหรนฺโต วิย สตฺถุ สรีรวฬฺชนภาชนํ สีเสน นีหรนฺโต อุปฏฺานมกาสี’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา กึ วเทถ, ภิกฺขเว, อนจฺฉริยํ เอตํ, ยํ สกฺโก เทวราชา มยิ สิเนหํ กโรติ. อยํ สกฺโก หิ เทวราชา มํ นิสฺสาย ชรสกฺกภาวํ วิชหิตฺวา โสตาปนฺโน หุตฺวา ตรุณสกฺกสฺส ภาวํ ปตฺโต, อหํ หิสฺส ¶ มรณภยตชฺชิตสฺส ปฺจสิขคนฺธพฺพเทวปุตฺตํ ปุรโต กตฺวา อาคตกาเล อินฺทสาลคุหายํ เทวปริสาย มชฺเฌ นิสินฺนสฺส –
‘‘ปุจฺฉ วาสว มํ ปฺหํ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ;
ตสฺส ตสฺเสว ปฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๕๖) –
วตฺวา ¶ ตสฺส กงฺขํ วิโนเทนฺโต ธมฺมํ เทเสสึ. เทสนาวสาเน จุทฺทสนฺนํ ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, สกฺโกปิ ยถานิสินฺโนว โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตรุณสกฺโก ชาโต. เอวมสฺสาหํ พหูปกาโร. ตสฺส มยิ สิเนโห นาม อนจฺฉริโย. ภิกฺขเว, อริยานฺหิ ทสฺสนมฺปิ ¶ สุขํ, เตหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน สนฺนิวาโสปิ สุโข. พาเลหิ สทฺธึ ปน สพฺพเมตํ ทุกฺขนฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สาหุ ทสฺสนมริยานํ, สนฺนิวาโส สทา สุโข;
อทสฺสเนน พาลานํ, นิจฺจเมว สุขี สิยา.
‘‘พาลสงฺคตจารี หิ, ทีฆมทฺธาน โสจติ;
ทุกฺโข พาเลหิ สํวาโส, อมิตฺเตเนว สพฺพทา;
ธีโร จ สุขสํวาโส, าตีนํว สมาคโม’’.
ตสฺมา หิ –
‘‘ธีรฺจ ปฺฺจ พหุสฺสุตฺจ,โธรยฺหสีลํ วตวนฺตมริยํ;
ตํ ตาทิสํ สปฺปุริสํ สุเมธํ,ภเชถ นกฺขตฺตปถํ ว จนฺทิมา’’ติ.
ตตฺถ สาหูติ สุนฺทรํ ภทฺทกํ. สนฺนิวาโสติ น เกวลฺจ เตสํ ทสฺสนเมว, เตหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน นิสีทนาทิภาโวปิ เตสํ วตฺตปฏิวตฺตํ กาตุํ ลภนภาโวปิ สาธุเยว. พาลสงฺคตจารี หีติ โย พาเลน สหจารี. ทีฆมทฺธานนฺติ โส พาลสหาเยน ‘‘เอหิ สนฺธิจฺเฉทาทีนิ กโรมา’’ติ วุจฺจมาโน เตน สทฺธึ เอกจฺฉนฺโท หุตฺวา ตานิ กโรนฺโต หตฺถจฺเฉทาทีนิ ปตฺวา ทีฆมทฺธานํ โสจติ. สพฺพทาติ ยถา อสิหตฺเถน วา อมิตฺเตน อาสีวิสาทีหิ วา สทฺธึ เอกโต ¶ วาโส นาม นิจฺจํ ทุกฺโข, ตเถว พาเลหิ สทฺธินฺติ อตฺโถ. ธีโร จ สุขสํวาโสติ เอตฺถ ¶ สุโข สํวาโส เอเตนาติ สุขสํวาโส, ปณฺฑิเตน สทฺธึ เอกฏฺาเน สํวาโส สุโขติ อตฺโถ. กถํ? าตีนํว สมาคโมติ ยถาปิ าตีนํ สมาคโม สุโข, เอวํ สุโข.
ตสฺมา หีติ ยสฺมา พาเลหิ สทฺธึ สํวาโส ทุกฺโข, ปณฺฑิเตน สทฺธึ สุโข, ตสฺมา หิ ธิติสมฺปนฺนํ ธีรฺจ, โลกิยโลกุตฺตรปฺาสมฺปนฺนํ ปฺฺจ ¶ , อาคมาธิคมสมฺปนฺนํ พหุสฺสุตฺจ, อรหตฺตปาปนกสงฺขาตาย ธุรวหนสีลตาย โธรยฺหสีลํ, สีลวเตน เจว ธุตงฺควเตน จ วตวนฺตํ, กิเลเสหิ อารกตาย อริยํ, ตถารูปํ สปฺปุริสํ โสภนปฺหํ ยถา นิมฺมลํ นกฺขตฺตปถสงฺขาตํ อากาสํ จนฺทิมา ภชติ, เอวํ ภเชถ ปยิรุปาเสถาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สกฺกวตฺถุ อฏฺมํ.
สุขวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปนฺนรสโม วคฺโค.
๑๖. ปิยวคฺโค
๑. ตโยชนปพฺพชิตวตฺถุ
อโยเคติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตโย ปพฺพชิเต อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร เอกสฺมึ กุเล มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก อโหสิ ปิโย มนาโป. โส เอกทิวสํ เคเห นิมนฺติตานํ ภิกฺขูนํ อนุโมทนํ กโรนฺตานํ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา มาตาปิตโร ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เต นานุชานึสุ. ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ มาตาปิตูนํ อปสฺสนฺตานํเยว พหิ คนฺตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อถสฺส ปิตา พหิ นิกฺขมนฺโต ‘‘อิมํ รกฺเขยฺยาสี’’ติ มาตรํ ปฏิจฺฉาเปสิ, มาตา พหิ นิกฺขมนฺตี ปิตรํ ปฏิจฺฉาเปสิ. อถสฺส เอกทิวสํ ปิตริ พหิ คเต มาตา ‘‘ปุตฺตํ รกฺขิสฺสามี’’ติ เอกํ ทฺวารพาหํ นิสฺสาย เอกํ ปาเทหิ อุปฺปีเฬตฺวา ฉมาย นิสินฺนา สุตฺตํ กนฺตติ. โส ‘‘อิมํ วฺเจตฺวา คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, โถกํ ตาว อเปหิ, สรีรวลฺชํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาย ปาเท สมิฺชิเต นิกฺขมิตฺวา เวเคน วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ มํ, ภนฺเต’’ติ ¶ ยาจิตฺวา เตสํ สนฺติเก ปพฺพชิ.
อถสฺส ปิตา อาคนฺตฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กหํ เม ปุตฺโต’’ติ? ‘‘สามิ, อิมสฺมึ ปเทเส อโหสี’’ติ. โส ‘‘กหํ นุ โข เม ปุตฺโต’’ติ โอโลเกนฺโต ตํ อทิสฺวา ‘‘วิหารํ คโต ภวิสฺสตี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา ปุตฺตํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา, ‘‘ตาต, กึ มํ นาเสสี’’ติ วตฺวา ‘‘มม ปุตฺเต ปพฺพชิเต อหํ อิทานิ เคเห กึ กริสฺสามี’’ติ สยมฺปิ ภิกฺขู ยาจิตฺวา ปพฺพชิ. อถสฺส มาตาปิ ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺโต จ ปติ จ จิรายนฺติ, กจฺจิ วิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตา’’ติ เต โอโลเกนฺตี วิหารํ คนฺตฺวา อุโภปิ ปพฺพชิเต ทิสฺวา ‘‘อิเมสํ ปพฺพชิตกาเล มม เคเหน โก อตฺโถ’’ติ สยมฺปิ ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ. เต ปพฺพชิตฺวาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, วิหาเรปิ ภิกฺขุนิอุปสฺสเยปิ เอกโตว นิสีทิตฺวา สลฺลปนฺตา ทิวสํ วีตินาเมนฺติ. เตน ภิกฺขูปิ ภิกฺขูนิโยปิ อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ.
อเถกทิวสํ ¶ ¶ ภิกฺขู เนสํ กิริยํ สตฺถุํ อาโรเจสุํ. สตฺถา เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห เอวํ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวํ กโรถ? น หิ เอส ปพฺพชิตานํ โยโค’’ติ. ‘‘ภนฺเต, วินา ภวิตุํ น สกฺโกมา’’ติ. ‘‘ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย เอวํ กรณํ อยุตฺตํ. ปิยานฺหิ อทสฺสนํ, อปฺปิยานฺจ ทสฺสนํ ทุกฺขเมว. ตสฺมา สตฺเตสุ จ สงฺขาเรสุ จ กฺจิ ปิยํ วา อปฺปิยํ วา กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อโยเค ยฺุชมตฺตานํ, โยคสฺมิฺจ อโยชยํ;
อตฺถํ หิตฺวา ปิยคฺคาหี, ปิเหตตฺตานุโยคินํ.
‘‘มา ¶ ปิเยหิ สมาคฺฉิ, อปฺปิเยหิ กุทาจนํ;
ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ, อปฺปิยานฺจ ทสฺสนํ.
‘‘ตสฺมา ปิยํ น กยิราถ, ปิยาปาโย หิ ปาปโก;
คนฺถา เตสํ น วิชฺชนฺติ, เยสํ นตฺถิ ปิยาปฺปิย’’นฺติ.
ตตฺถ อโยเคติ อยฺุชิตพฺเพ อโยนิโสมนสิกาเร. เวสิยาโคจราทิเภทสฺส หิ ฉพฺพิธสฺส อโคจรสฺส เสวนํ อิธ อโยนิโสมนสิกาโร นาม, ตสฺมึ อโยนิโสมนสิกาเร อตฺตานํ ยฺุชนฺโตติ อตฺโถ. โยคสฺมินฺติ ตพฺพิปรีเต จ โยนิโสมนสิกาเร อยฺุชนฺโตติ อตฺโถ. อตฺถํ หิตฺวาติ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย อธิสีลาทิสิกฺขตฺตยํ อตฺโถ นาม, ตํ อตฺถํ หิตฺวา. ปิยคฺคาหีติ ปฺจกามคุณสงฺขาตํ ปิยเมว คณฺหนฺโต. ปิเหตตฺตานุโยคินนฺติ ตาย ปฏิปตฺติยา สาสนโต จุโต คิหิภาวํ ปตฺวา ปจฺฉา เย อตฺตานุโยคํ อนุยุตฺตา สีลาทีนิ สมฺปาเทตฺวา เทวมนุสฺสานํ สนฺติกา สกฺการํ ลภนฺติ, เตสํ ปิเหติ, ‘‘อโห วตาหมฺปิ เอวรูโป อสฺส’’นฺติ อิจฺฉตีติ อตฺโถ.
มา ปิเยหีติ ปิเยหิ สตฺเตหิ วา สงฺขาเรหิ วา กุทาจนํ เอกกฺขเณปิ น สมาคจฺเฉยฺย, ตถา อปฺปิเยหิ. กึ การณา? ปิยา นฺหิ วิโยควเสน อทสฺสนํ อปฺปิยานฺจ อุปสงฺกมนวเสน ทสฺสนํ นาม ทุกฺขํ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ อุภยมฺปิ ทุกฺขํ, ตสฺมา กฺจิ สตฺตํ วา สงฺขารํ วา ปิยํ นาม น กเรยฺย. ปิยาปาโย หีติ ปิเยหิ ¶ อปาโย วิโยโค ¶ . ปาปโกติ ลามโก. คนฺถา เตสํ น วิชฺชนฺตีติ เยสํ ปิยํ นตฺถิ, เตสํ อภิชฺฌากายคนฺโถ ¶ ปหียติ. เยสํ อปฺปิยํ นตฺถิ, เตสํ พฺยาปาโท กายคนฺโถ. เตสุ ปน ทฺวีสุ ปหีเนสุ เสสคนฺถา ปหีนา โหนฺติ. ตสฺมา ปิยํ วา อปฺปิยํ วา น กตฺตพฺพนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ. เตน ปน ตโย ชนา ‘‘มยํ วินา ภวิตุํ น สกฺโกมา’’ติ วิพฺภมิตฺวา เคหเมว อคมึสูติ.
ตโยชนปพฺพชิตวตฺถุ ปมํ.
๒. อฺตรกุฏุมฺพิกวตฺถุ
ปิยโต ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ อตฺตโน ปุตฺเต กาลกเต ปุตฺตโสกาภิภูโต อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ, ปุตฺตโสกํ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ. สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เอกํ ปจฺฉาสมณํ คเหตฺวา ตสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส สตฺถุ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘มยา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กาตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ สตฺถารํ ปเวเสตฺวา เคหมชฺเฌ อาสนํ ปฺาเปตฺวา สตฺถริ นิสินฺเน อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ โข, อุปาสก, ทุกฺขิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน ปุตฺตวิโยคทุกฺเข อาโรจิเต, ‘‘อุปาสก, มา จินฺตยิ, อิทํ มรณํ นาม น เอกสฺมึเยว ¶ าเน, น จ เอกสฺเสว โหติ, ยาวตา ปน ภวุปฺปตฺติ นาม อตฺถิ, สพฺพสตฺตานํ โหติเยว. เอกสงฺขาโรปิ นิจฺโจ นาม นตฺถิ. ตสฺมา ‘มรณธมฺมํ มตํ, ภิชฺชนธมฺมํ ภินฺน’นฺติ โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, น โสจิตพฺพํ. โปราณปณฺฑิตาปิ หิ ปุตฺตสฺส มตกาเล ‘มรณธมฺมํ มตํ, ภิชฺชนธมฺมํ ภินฺน’นฺติ โสกํ อกตฺวา มรณสฺสติเมว ภาวยึสู’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เก เอวมกํสุ, กทา จ อกํสุ, อาจิกฺขถ เม’’ติ ยาจิโต ตสฺสตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘อุรโคว ¶ ตจํ ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตนุํ;
เอวํ สรีเร นิพฺโภเค, เปเต กาลกเต สติ.
‘‘ฑยฺหมาโน ¶ น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;
ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. (ชา. ๑.๕.๑๙-๒๐) –
อิมํ ปฺจกนิปาเต อุรคชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘เอวํ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา ปิยปุตฺเต กาลกเต ยถา เอตรหิ ตฺวํ กมฺมนฺเต วิสฺสชฺเชตฺวา นิราหาโร โรทนฺโต วิจรสิ, ตถา อวิจริตฺวา มรณสฺสติภาวนาพเลน โสกํ อกตฺวา อาหารํ ปริภฺุชึสุ, กมฺมนฺตฺจ อธิฏฺหึสุ ¶ . ตสฺมา ‘ปิยปุตฺโต เม กาลกโต’ติ มา จินฺตยิ. อุปฺปชฺชมาโน หิ โสโก วา ภยํ วา ปิยเมว นิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปิยโต ชายตี โสโก, ปิยโต ชายตี ภยํ;
ปิยโต วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ ปิยโตติ วฏฺฏมูลโก หิ โสโก วา ภยํ วา อุปฺปชฺชมานํ ปิยเมว สตฺตํ วา สงฺขารํ วา นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ, ตโต ปน วิปฺปมุตฺตสฺส อุภยมฺเปตํ นตฺถีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อฺตรกุฏุมฺพิกวตฺถุ ทุติยํ.
๓. วิสาขาวตฺถุ
เปมโต ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสาขํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร ปุตฺตสฺส ธีตรํ สุทตฺตํ นาม กุมาริกํ อตฺตโน าเน เปตฺวา เคเห ภิกฺขุสงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กาเรสิ. สา อปเรน สมเยน กาลมกาสิ. สา ตสฺสา สรีรนิกฺเขปํ กาเรตฺวา โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ทุกฺขินี ทุมฺมนา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ¶ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ โข ตฺวํ, วิสาเข, ทุกฺขินี ทุมฺมนา อสฺสุมุขา ¶ โรทมานา นิสินฺนา’’ติ ¶ อาห. สา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ปิยา เม, ภนฺเต, สา กุมาริกา วตฺตสมฺปนฺนา, อิทานิ ตถารูปํ น ปสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กิตฺตกา ปน, วิสาเข, สาวตฺถิยํ มนุสฺสา’’ติ? ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิเยว เม กถิตํ สตฺต ชนโกฏิโย’’ติ. ‘‘สเจ ปนายํ เอตฺตโก ชโน ตว นตฺตาย สทิโส ภเวยฺย, อิจฺเฉยฺยาสิ น’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กติ ปน ชนา สาวตฺถิยํ เทวสิกํ กาลํ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘พหู, ภนฺเต’’ติ. ‘‘นนุ เอวํ, ภนฺเต, ตว อโสจนกาโล น ภเวยฺย, รตฺตินฺทิวํ โรทนฺตีเยว วิจเรยฺยาสี’’ติ. ‘‘โหตุ, ภนฺเต, าตํ มยา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เตน หิ มา โสจิ, โสโก วา ภยํ วา เปมโตว ชายตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เปมโต ชายตี โสโก, เปมโต ชายตี ภยํ;
เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ เปมโตติ ปุตฺตธีตาทีสุ กตํ เปมเมว นิสฺสาย โสโก ชายตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
วิสาขาวตฺถุ ตติยํ.
๔. ลิจฺฉวีวตฺถุ
รติยา ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลึ นิสฺสาย กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต ลิจฺฉวี อารพฺภ กเถสิ.
เต ¶ กิร เอกสฺมึ ฉณทิวเส อฺมฺํ อสทิเสหิ อลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อุยฺยานคมนตฺถาย นครา นิกฺขมึสุ. สตฺถา ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เต ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ลิจฺฉวโย, เยหิ เทวา ตาวตึสา น ทิฏฺปุพฺพา, เต อิเม โอโลเกนฺตู’’ติ วตฺวา นครํ ปาวิสิ. เตปิ อุยฺยานํ คจฺฉนฺตา เอกํ นครโสภินึ อิตฺถึ อาทาย คนฺตฺวา ตํ นิสฺสาย อิสฺสาภิภูตา อฺมฺํ ปหริตฺวา โลหิตํ ¶ นทึ วิย ปวตฺตยึสุ. อถ เน มฺเจนาทาย อุกฺขิปิตฺวา อาคมํสุ. สตฺถาปิ กตภตฺตกิจฺโจ นครา นิกฺขมิ. ภิกฺขูปิ ลิจฺฉวโย ตถา นียมาเน ทิสฺวา สตฺถารํ อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, ลิจฺฉวิราชาโน ¶ ปาโตว อลงฺกตปฏิยตฺตา เทวา วิย นครา นิกฺขมิตฺวา อิทานิ เอกํ อิตฺถึ นิสฺสาย อิมํ พฺยสนํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, โสโก วา ภยํ วา อุปฺปชฺชมานํ รตึ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘รติยา ชายตี โสโก, รติยา ชายตี ภยํ;
รติยา วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ รติยาติ ปฺจกามคุณรติโต, ตํ นิสฺสายาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ลิจฺฉวีวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อนิตฺถิคนฺธกุมารวตฺถุ
กามโตติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนิตฺถิคนฺธกุมารํ นาม อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร พฺรหฺมโลกา จุตสตฺโต สาวตฺถิยํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต ชาตทิวสโต ปฏฺาย อิตฺถิสมีปํ อุปคนฺตุํ น อิจฺฉติ, อิตฺถิยา คยฺหมาโน โรทติ. วตฺถจุมฺพฏเกน นํ คเหตฺวา ถฺํ ปาเยนฺติ. โส วยปฺปตฺโต มาตาปิตูหิ, ‘‘ตาต, อาวาหํ เต กริสฺสามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น เม อิตฺถิยา อตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโน ปฺจสเต สุวณฺณกาเร ปกฺโกสาเปตฺวา รตฺตสุวณฺณนิกฺขสหสฺสํ ทาเปตฺวา อติวิย ปาสาทิกํ ฆนโกฏฺฏิมํ อิตฺถิรูปํ กาเรตฺวา ปุน มาตาปิตูหิ, ‘‘ตาต, ตยิ อาวาหํ อกโรนฺเต กุลวํโส น ปติฏฺหิสฺสติ, กุมาริกํ เต อาเนสฺสามา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ สเจ เม เอวรูปํ กุมาริกํ อาเนสฺสถ, กริสฺสามิ โว วจน’’นฺติ ตํ สุวณฺณรูปกํ ทสฺเสติ. อถสฺส มาตาปิตโร อภิฺาเต พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต มหาปฺุโ, อวสฺสํ อิมินา สทฺธึ กตปฺุา ¶ กุมาริกา ภวิสฺสติ, คจฺฉถ อิมํ สุวณฺณรูปกํ คเหตฺวา เอวรูปํ กุมาริกํ อาหรถา’’ติ ปหิณึสุ. เต ‘‘สาธู’’ติ จาริกํ จรนฺตา มทฺทรฏฺเ สาคลนครํ คตา. ตสฺมิฺจ นคเร เอกา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อภิรูปา กุมาริกา อโหสิ, ตํ มาตาปิตโร สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺสูปริมตเล ¶ ¶ ปริวาเสสุํ. เตปิ โข พฺราหฺมณา ‘‘สเจ อิธ เอวรูปา กุมาริกา ภวิสฺสติ, อิมํ ทิสฺวา ‘อยํ อสุกสฺส กุลสฺส ธีตา วิย อภิรูปา’ติ วกฺขนฺตี’’ติ ตํ สุวณฺณรูปกํ ติตฺถมคฺเค เปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
อถสฺส กุมาริกาย ธาตี ตํ กุมาริกํ นฺหาเปตฺวา สยมฺปิ นฺหายิตุกามา หุตฺวา ติตฺถํ อาคตา ตํ รูปกํ ทิสฺวา ‘‘ธีตา เม’’ติ สฺาย ‘‘ทุพฺพินีตาสิ, อิทาเนวาหํ นฺหาเปตฺวา นิกฺขนฺตา, ตฺวํ มยา ปุเรตรํ อิธาคตาสี’’ติ หตฺเถน ปหริตฺวา ถทฺธภาวฺเจว นิพฺพิการตฺจ ตฺวา ‘‘อหํ เม, ธีตาติ สฺมกาสึ, กึ นาเมต’’นฺติ อาห. อถ นํ เต พฺราหฺมณา ‘‘เอวรูปา เต, อมฺม, ธีตา’’ติ ปุจฺฉึสุ. อยํ มม ธีตุ สนฺติเก กึ อคฺฆตีติ? เตน หิ เต ธีตรํ อมฺหากํ ทสฺเสหีติ. สา เตหิ สทฺธึ เคหํ คนฺตฺวา สามิกานํ อาโรเจสิ. เต พฺราหฺมเณหิ สทฺธึ กตปฏิสมฺโมทนา ธีตรํ โอตาเรตฺวา เหฏฺาปาสาเท สุวณฺณรูปกสฺส สนฺติเก เปสุํ. สุวณฺณรูปกํ นิปฺปภํ อโหสิ, กุมาริกา สปฺปภา อโหสิ. พฺราหฺมณา ตํ เตสํ ทตฺวา กุมาริกํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา คนฺตฺวา อนิตฺถิคนฺธกุมารสฺส มาตาปิตูนํ อาโรจยึสุ. เต ตุฏฺมานสา ‘‘คจฺฉถ, นํ สีฆํ อาเนถา’’ติ มหนฺเตน สกฺกาเรน ปหิณึสุ.
กุมาโรปิ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘กฺจนรูปโตปิ กิร อภิรูปตรา ทาริกา อตฺถี’’ติ สวนวเสเนว สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สีฆํ อาเนนฺตู’’ติ ¶ อาห. สาปิ โข ยานํ อาโรเปตฺวา อานียมานา อติสุขุมาลตาย ยานุคฺฆาเตน สมุปฺปาทิตวาตโรคา อนฺตรามคฺเคเยว กาลมกาสิ. กุมาโรปิ ‘‘อาคตา’’ติ นิรนฺตรํ ปุจฺฉติ, ตสฺส อติสิเนเหน ปุจฺฉนฺตสฺส สหสาว อนาโรเจตฺวา กติปาหํ วิกฺเขปํ กตฺวา ตมตฺถํ อาโรจยึสุ. โส ‘‘ตถารูปาย นาม อิตฺถิยา สทฺธึ สมาคมํ นาลตฺถ’’นฺติ อุปฺปนฺนโทมนสฺโส ปพฺพเตน วิย โสกทุกฺเขน อชฺโฌตฺถโฏ ¶ อโหสิ. สตฺถา ตสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปิณฺฑาย จรนฺโต ตํ เคหทฺวารํ อคมาสิ. อถสฺส มาตาปิตโร สตฺถารํ อนฺโตเคหํ ปเวเสตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสึสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ‘‘กหํ อนิตฺถิคนฺธกุมาโร’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอโส, ภนฺเต, อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา อนฺโตคพฺเภ นิสินฺโน’’ติ. ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ. โส อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข, กุมาร, พลวโสโก อุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภนฺเต, ‘เอวรูปา นาม อิตฺถี อนฺตรามคฺเค กาลกตา’ติ สุตฺวา พลวโสโก อุปฺปนฺโน, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, กุมาร, กึ เต นิสฺสาย โสโก อุปฺปนฺโน’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กามํ นิสฺสาย, กุมาร, พลวโสโก อุปฺปนฺโน, โสโก วา ภยํ วา กามํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘กามโต ¶ ชายตี โสโก, กามโต ชายตี ภยํ;
กามโต วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ กามโตติ วตฺถุกามกิเลสกามโต, ทุวิธมฺเปตํ กามํ นิสฺสายาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน อนิตฺถิคนฺธกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
อนิตฺถิคนฺธกุมารวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ
ตณฺหาย ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร มิจฺฉาทิฏฺิโก เอกทิวสํ นทีตีรํ คนฺตฺวา เขตฺตํ โสเธติ. สตฺถา ตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส สตฺถารํ ทิสฺวาปิ สามีจิกมฺมํ อกตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. อถ นํ สตฺถา ปุเรตรํ อาลปิตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, กึ กโรสี’’ติ อาห. ‘‘เขตฺตํ, โภ โคตม, โสเธมี’’ติ. สตฺถา เอตฺตกเมว วตฺวา คโต. ปุนทิวเสปิ ตสฺส เขตฺตํ กสิตุํ อาคตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, กึ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เขตฺตํ กสามิ, โภ โคตมา’’ติ สุตฺวา ปกฺกามิ. ปุนทิวสาทีสุปิ ตเถว คนฺตฺวา ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘โภ โคตม, เขตฺตํ วปามิ นิทฺเทมิ รกฺขามี’’ติ ¶ สุตฺวา ปกฺกามิ. อถ นํ เอกทิวสํ พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘โภ โคตม, ตฺวํ มม เขตฺตโสธนทิวสโต ปฏฺาย อาคโต. สเจ เม สสฺสํ สมฺปชฺชิสฺสติ, ตุยฺหมฺปิ สํวิภาคํ กริสฺสามิ, ตุยฺหํ อทตฺวา สยํ น ขาทิสฺสามิ, อิโต ทานิ ปฏฺาย ตฺวํ มม สหาโย’’ติ.
อถสฺส อปเรน สมเยน สสฺสํ สมฺปชฺชิ ¶ , ตสฺส ‘‘สมฺปนฺนํ เม สสฺสํ, สฺเว ทานิ ลายาเปสฺสามี’’ติ ลายนตฺถํ กตฺตพฺพกิจฺจสฺส รตฺตึ มหาเมโฆ วสฺสิตฺวา สพฺพํ สสฺสํ หริ, เขตฺตํ ตจฺเฉตฺวา ปิตสทิสํ อโหสิ. สตฺถา ปน ปมทิวสํเยว ‘‘ตํ สสฺสํ น สมฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. พฺราหฺมโณ ปาโตว ‘‘เขตฺตํ โอโลเกสฺสามี’’ติ คโต ตุจฺฉํ เขตฺตํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนพลวโสโก จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม มม เขตฺตโสธนกาลโต ปฏฺาย อาคโต ¶ , อหมฺปิ นํ ‘อิมสฺมึ สสฺเส นิปฺผนฺเน ตุยฺหมฺปิ สํวิภาคํ กริสฺสามิ, ตุยฺหํ อทตฺวา สยํ น ขาทิสฺสามิ, อิโต ปฏฺาย ทานิ ตฺวํ มม สหาโย’ติ อวจํ. โสปิ เม มโนรโถ มตฺถกํ น ปาปุณี’’ติ อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. อถสฺส สตฺถา เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส สตฺถุ อาคมนํ สุตฺวา ‘‘สหายํ เม อาเนตฺวา อิธ นิสีทาเปถา’’ติ อาห. ปริชโน ตถา อกาสิ. สตฺถา นิสีทิตฺวา ‘‘กหํ พฺราหฺมโณ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คพฺเภ นิปนฺโน’’ติ วุตฺเต ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ อาห ‘‘กึ, พฺราหฺมณา’’ติ? โภ โคตม, ตุมฺเห มม เขตฺตโสธนทิวสโต ปฏฺาย อาคตา, อหมฺปิ ‘‘สสฺเส นิปฺผนฺเน ตุมฺหากํ สํวิภาคํ กริสฺสามี’’ติ อวจํ. โส เม มโนรโถ อนิปฺผนฺโน, เตน เม โสโก อุปฺปนฺโน, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทตีติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ชานาสิ ปน, พฺราหฺมณ, กึ เต นิสฺสาย โสโก อุปฺปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ชานามิ, โภ โคตม, ตฺวํ ปน ชานาสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, อุปฺปชฺชมาโน โสโก วา ภยํ วา ตณฺหํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ตณฺหาย ¶ ชายตี โสโก, ตณฺหาย ชายตี ภยํ;
ตณฺหาย วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ ตณฺหายาติ ฉทฺวาริกาย ตณฺหาย, เอตํ ตณฺหํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.
อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ปฺจสตทารกวตฺถุ
สีลทสฺสนสมฺปนฺนนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อนฺตรามคฺเค ปฺจสตทารเก อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ สตฺถา อสีติมหาเถเรหิ สทฺธึ ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เอกสฺมึ ฉณทิวเส ปฺจสเต ทารเก ปูวปจฺฉิโย อุกฺขิปาเปตฺวา นครา นิกฺขมฺม อุยฺยานํ คจฺฉนฺเต อทฺทส. เตปิ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ, เต เอกํ ภิกฺขุมฺปิ ‘‘ปูวํ คณฺหถา’’ติ ¶ น วทึสุ. สตฺถา เตสํ คตกาเล ภิกฺขู อาห – ‘‘ขาทิสฺสถ, ภิกฺขเว, ปูเว’’ติ. ‘‘กหํ ภนฺเต, ปูวา’’ติ? ‘‘กึ น ปสฺสถ เต ทารเก ปูวปจฺฉิโย อุกฺขิปาเปตฺวา อติกฺกนฺเต’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอวรูปา นาม ทารกา กสฺสจิ ปูวํ น เทนฺตี’’ติ. ‘‘ภิกฺขเว, กิฺจาปิ เอเต มํ วา ตุมฺเห วา ปูเวหิ น นิมนฺตยึสุ, ปูวสามิโก ปน ภิกฺขุ ปจฺฉโต อาคจฺฉติ, ปูเว ขาทิตฺวาว คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. พุทฺธานฺหิ ¶ เอกปุคฺคเลปิ อิสฺสา วา โทโส วา นตฺถิ, ตสฺมา อิมํ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย เอกสฺมึ รุกฺขมูเล ฉายาย นิสีทิ. ทารกา มหากสฺสปตฺเถรํ ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนหา ปีติเวเคน ปริปุณฺณสรีรา หุตฺวา ปจฺฉิโย โอตาเรตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปูเว ปจฺฉีหิ สทฺธึเยว อุกฺขิปิตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ เถรํ วทึสุ. อถ เน เถโร อาห – ‘‘เอส สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา รุกฺขมูเล นิสินฺโน, ตุมฺหากํ เทยฺยธมฺมํ อาทาย คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สํวิภาคํ กโรถา’’ติ. เต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ นิวตฺติตฺวา เถเรน สทฺธึเยว คนฺตฺวา ปูเว ทตฺวา โอโลกยมานา เอกมนฺเต ตฺวา ปริโภคาวสาเน อุทกํ อทํสุ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘ทารเกหิ มุโขโลกเนน ภิกฺขา ทินฺนา, สมฺมาสมฺพุทฺธํ วา มหาเถเร วา ปูเวหิ อนาปุจฺฉิตฺวา มหากสฺสปตฺเถรํ ทิสฺวา ปจฺฉีหิ สทฺธึเยว อาทาย อาคมึสู’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตน มหากสฺสเปน สทิโส ภิกฺขุ เทวมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เต จ ตสฺส จตุปจฺจเยน ปูชํ กโรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ, ธมฺมฏฺํ สจฺจเวทินํ;
อตฺตโน กมฺม กุพฺพานํ, ตํ ชโน กุรุเต ปิย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ¶ สีลทสฺสนสมฺปนฺนนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีเลน เจว มคฺคผลสมฺปยุตฺเตน จ สมฺมาทสฺสเนน สมฺปนฺนํ. ธมฺมฏฺนฺติ นววิธโลกุตฺตรธมฺเม ิตํ, สจฺฉิกตโลกุตฺตรธมฺมนฺติ อตฺโถ. สจฺจเวทินนฺติ จตุนฺนํ สจฺจานํ โสฬสหากาเรหิ สจฺฉิกตตฺตา สจฺจาเณน สจฺจเวทินํ. อตฺตโน กมฺม กุพฺพานนฺติ อตฺตโน กมฺมํ นาม ติสฺโส สิกฺขา, ตา ปูรยมานนฺติ อตฺโถ. ตํ ชโนติ ตํ ปุคฺคลํ โลกิยมหาชโน ปิยํ กโรติ, ทฏฺุกาโม วนฺทิตุกาโม ปจฺจเยน ปูเชตุกาโม โหติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต ทารกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.
ปฺจสตทารกวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. เอกอนาคามิตฺเถรวตฺถุ
ฉนฺทชาโตติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนาคามิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ตํ เถรํ สทฺธิวิหาริกา ปุจฺฉึสุ – ‘‘อตฺถิ ปน โว, ภนฺเต, วิเสสาธิคโม’’ติ. เถโร ‘‘อนาคามิผลํ นาม คหฏฺาปิ ปาปุณนฺติ, อรหตฺตํ ปตฺตกาเลเยว เตหิ สทฺธึ กเถสฺสามี’’ติ หรายมาโน กิฺจิ อกเถตฺวาว กาลกโต สุทฺธาวาสเทวโลเก นิพฺพตฺติ. อถสฺส สทฺธิวิหาริกา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา โรทนฺตาว เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ ¶ เน สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, โรทถา’’ติ อาห. ‘‘อุปชฺฌาโย โน, ภนฺเต, กาลกโต’’ติ. ‘‘โหตุ, ภิกฺขเว, มา จินฺตยิตฺถ, ธุวธมฺโม นาเมโส’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, มยมฺปิ ชานาม, อปิจ มยํ อุปชฺฌายํ วิเสสาธิคมํ ปุจฺฉิมฺหา, โส กิฺจิ อกเถตฺวาว กาลกโต, เตนมฺห ทุกฺขิตา’’ติ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, มา จินฺตยิตฺถ, อุปชฺฌาเยน โว อนาคามิผลํ ปตฺตํ, โส ‘คิหีเปตํ ปาปุณนฺติ, อรหตฺตํ ปตฺวาว เนสํ กเถสฺสามี’ติ หรายนฺโต ตุมฺหากํ กิฺจิ อกเถตฺวา กาลํ กตฺวา สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺโต, อสฺสาสถ, ภิกฺขเว, อุปชฺฌาโย โว กาเมสุ อปฺปฏิพทฺธจิตฺตตํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ฉนฺทชาโต ¶ อนกฺขาเต, มนสา จ ผุโฏ สิยา;
กาเมสุ จ อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต, อุทฺธํโสโตติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ฉนฺทชาโตติ กตฺตุกามตาวเสน ชาตฉนฺโท อุสฺสาหปตฺโต. อนกฺขาเตติ นิพฺพาเน. ตฺหิ ‘‘อสุเกน กตํ วา นีลาทีสุ เอวรูปํ วา’’ติ อวตฺตพฺพตาย อนกฺขาตํ นาม. มนสา จ ผุโฏ สิยาติ เหฏฺิเมหิ ตีหิ มคฺคผลจิตฺเตหิ ผุโฏ ปูริโต ภเวยฺย. อปฺปฏิพทฺธจิตฺโตติ อนาคามิมคฺควเสน กาเมสุ อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต. อุทฺธํโสโตติ เอวรูโป ภิกฺขุ อวิเหสุ ¶ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต ปฏฺาย ปฏิสนฺธิวเสน อกนิฏฺํ คจฺฉนฺโต อุทฺธํโสโตติ วุจฺจติ, ตาทิโส โว อุปชฺฌาโยติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
เอกอนาคามิตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. นนฺทิยวตฺถุ
จิรปฺปวาสินฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อิสิปตเน วิหรนฺโต นนฺทิยํ อารพฺภ กเถสิ.
พาราณสิยํ กิร สทฺธาสมฺปนฺนสฺส กุลสฺส นนฺทิโย นาม ปุตฺโต อโหสิ, โส มาตาปิตูนํ อนุรูโป สทฺธาสมฺปนฺโน สงฺฆุปฏฺาโก อโหสิ. อถสฺส มาตาปิตโร วยปฺปตฺตกาเล สมฺมุขเคหโต มาตุลธีตรํ เรวตึ นาม อาเนตุกามา อเหสุํ. สา ปน อสฺสทฺธา อทานสีลา, นนฺทิโย ตํ น อิจฺฉิ. อถสฺส มาตา เรวตึ อาห – ‘‘อมฺม, ตฺวํ อิมสฺมึ เคเห ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสชฺชนฏฺานํ อุปลิมฺปิตฺวา อาสนานิ ปฺาเปหิ, อาธารเก เปหิ, ภิกฺขูนํ อาคตกาเล ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทาเปตฺวา ธมฺมกรเณน ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา ภุตฺตกาเล ปตฺเต โธว, เอวํ เม ปุตฺตสฺส อาราธิตา ภวิสฺสสี’’ติ. สา ตถา อกาสิ. อถ นํ ‘‘โอวาทกฺขมา ชาตา’’ติ ปุตฺตสฺส อาโรเจตฺวา เตน สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิเต ทิวสํ เปตฺวา อาวาหํ กรึสุ ¶ .
อถ ¶ นํ นนฺทิโย อาห – ‘‘สเจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ มาตาปิตโร จ เม อุปฏฺหิสฺสสิ, เอวํ อิมสฺมึ เคเห วสิตุํ ลภิสฺสสิ, อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา กติปาหํ สทฺธา วิย หุตฺวา ภตฺตารํ อุปฏฺหนฺตี ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ. นนฺทิยสฺสาปิ มาตาปิตโร กาลมกํสุ, เคเห สพฺพิสฺสริยํ ตสฺสาเยว อโหสิ. นนฺทิโยปิ มาตาปิตูนํ กาลกิริยโต ปฏฺาย มหาทานปติ หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ปฏฺเปสิ. กปณทฺธิกาทีนมฺปิ เคหทฺวาเร ปากวตฺตํ ปฏฺเปสิ. โส อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อาวาสทาเน อานิสํสํ สลฺลกฺเขตฺวา อิสิปตเน มหาวิหาเร จตูหิ คพฺเภหิ ปฏิมณฺฑิตํ จตุสาลํ กาเรตฺวา มฺจปีาทีนิ อตฺถราเปตฺวา ตํ อาวาสํ นิยฺยาเทนฺโต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ตถาคตสฺส ทกฺขิโณทกํ อทาสิ. สตฺถุ หตฺเถ ทกฺขิโณทกปติฏฺาเนน สทฺธึเยว ตาวตึสเทวโลเก สพฺพทิสาสุ ทฺวาทสโยชนิโก อุทฺธํ โยชนสตุพฺเพโธ สตฺตรตนมโย นารีคณสมฺปนฺโน ทิพฺพปาสาโท อุคฺคจฺฉิ.
อเถกทิวเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร เทวจาริกํ คนฺตฺวา ตสฺส ปาสาทสฺส อวิทูเร ิโต อตฺตโน สนฺติเก อาคเต เทวปุตฺเต ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺเสโส อจฺฉราคณปริวุโต ทิพฺพปาสาโท นิพฺพตฺโต’’ติ. อถสฺส เทวปุตฺตา วิมานสามิกํ อาจิกฺขนฺตา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, เยน นนฺทิเยน นาม คหปติปุตฺเตน อิสิปตเน ¶ สตฺถุ วิหารํ กาเรตฺวา ทินฺโน, ตสฺสตฺถาย เอตํ วิมานํ นิพฺพตฺต’’นฺติ ¶ . อจฺฉราสงฺโฆปิ นํ ทิสฺวา ปาสาทโต โอโรหิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยํ ‘นนฺทิยสฺส ปริจาริกา ภวิสฺสามา’ติ อิธ นิพฺพตฺตา, ตํ ปน อปสฺสนฺตี อติวิย อุกฺกณฺิตมฺหา, มตฺติกปาตึ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณปาติคหณํ วิย มนุสฺสสมฺปตฺตึ ชหิตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺติคหณํ, อิธาคมนตฺถาย นํ วเทยฺยาถา’’ติ. เถโร ตโต อาคนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘นิพฺพตฺตติ นุ โข, ภนฺเต, มนุสฺสโลเก ิตานํเยว กตกลฺยาณานํ ทิพฺพสมฺปตฺตี’’ติ. ‘‘โมคฺคลฺลาน, นนุ เต เทวโลเก นนฺทิยสฺส นิพฺพตฺตา ทิพฺพสมฺปตฺติ สามํ ทิฏฺา, กสฺมา มํ ปุจฺฉสี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต, นิพฺพตฺตตี’’ติ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘โมคฺคลฺลานํ กึ นาเมตํ กเถสิ. ยถา หิ จิรปฺปวุฏฺํ ปุตฺตํ วา ภาตรํ วา วิปฺปวาสโต อาคจฺฉนฺตํ คามทฺวาเร ิโต โกจิเทว ¶ ทิสฺวา เวเคน เคหํ อาคนฺตฺวา ‘อสุโก นาม อาคโต’ติ อาโรเจยฺย, อถสฺส าตกา หฏฺปหฏฺา เวเคน นิกฺขมิตฺวา ‘อาคโตสิ, ตาต, อโรโคสิ, ตาตา’ติ ตํ อภินนฺเทยฺยุํ, เอวเมว อิธ กตกลฺยาณํ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา อิมํ โลกํ ชหิตฺวา ปรโลกํ คตํ ทสวิธํ ทิพฺพปณฺณาการํ อาทาย ‘อหํ ปุรโต ¶ , อหํ ปุรโต’ติ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เทวตา อภินนฺทนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘จิรปฺปวาสึ ปุริสํ, ทูรโต โสตฺถิมาคตํ;
าติมิตฺตา สุหชฺชา จ, อภินนฺทนฺติ อาคตํ.
‘‘ตเถว กตปฺุมฺปิ, อสฺมา โลกา ปรํ คตํ;
ปฺุานิ ปฏิคณฺหนฺติ, ปิยํ าตีว อาคต’’นฺติ.
ตตฺถ จิรปฺปวาสินฺติ จิรปฺปวุฏฺํ. ทูรโต โสตฺถิมาคตนฺติ วณิชฺชํ วา ราชโปริสํ วา กตฺวา ลทฺธลาภํ นิปฺผนฺนสมฺปตฺตึ อนุปทฺทเวน ทูรฏฺานโต อาคตํ. าติมิตฺตา สุหชฺชา จาติ กุลสมฺพนฺธวเสน าตี จ สนฺทิฏฺาทิภาเวน มิตฺตา จ สุหทยภาเวน สุหชฺชา จ. อภินนฺทนฺติ อาคตนฺติ นํ ทิสฺวา อาคตนฺติ วจนมตฺเตน วา อฺชลิกรณมตฺเตน วา เคหสมฺปตฺตํ ปน นานปฺปการปณฺณาการาภิหรณวเสน อภินนฺทนฺติ. ตเถวาติ เตเนวากาเรน กตปฺุมฺปิ ปุคฺคลํ อิมสฺมา โลกา ปรโลกํ คตํ ทิพฺพํ อายุวณฺณสุขยสอาธิปเตยฺยํ, ทิพฺพํ รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพนฺติ อิมํ ทสวิธํ ปณฺณาการํ อาทาย มาตาปิตุฏฺาเน ิตานิ ปฺุานิ อภินนฺทนฺตานิ ¶ ปฏิคฺคณฺหนฺติ. ปิยํ าตีวาติ อิธโลเก ปิยาตกํ อาคตํ เสสาตกา วิยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
นนฺทิยวตฺถุ นวมํ.
ปิยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
โสฬสโม วคฺโค.
๑๗. โกธวคฺโค
๑. โรหินีขตฺติยกฺาวตฺถุ
โกธํ ¶ ¶ ¶ ชเหติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต โรหินึ นาม ขตฺติยกฺํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมึ กิร สมเย อายสฺมา อนุรุทฺโธ ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ กปิลวตฺถุํ อคมาสิ. อถสฺส าตกา ‘‘เถโร อาคโต’’ติ สุตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ อคมํสุ เปตฺวา โรหินึ นาม เถรสฺส ภคินึ. เถโร าตเก ปุจฺฉิ ‘‘กหํ, โรหินี’’ติ? ‘‘เคเห, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กสฺมา อิธ นาคตา’’ติ? ‘‘สรีเร ตสฺสา ฉวิโรโค อุปฺปนฺโนติ ลชฺชาย นาคตา, ภนฺเต’’ติ. เถโร ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา ปฏกฺจุกํ ปฏิมฺุจิตฺวา อาคตํ เอวมาห – ‘‘โรหินิ, กสฺมา นาคตาสี’’ติ? ‘‘สรีเร เม, ภนฺเต, ฉวิโรโค อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ลชฺชาย นาคตามฺหี’’ติ. ‘‘กึ ปน เต ปฺุํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาสนสาลํ กาเรหี’’ติ. ‘‘กึ ¶ คเหตฺวา’’ติ? ‘‘กึ เต ปสาธนภณฺฑกํ นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ มูล’’นฺติ? ‘‘ทสสหสฺสมูลํ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา อาสนสาลํ กาเรหี’’ติ. ‘‘โก เม, ภนฺเต, กาเรสฺสตี’’ติ? เถโร สมีเป ิตาตเก โอโลเกตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ภาโร โหตู’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห ปน, ภนฺเต, กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘อหมฺปิ อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอติสฺสา ทพฺพสมฺภาเร อาหรถา’’ติ. เต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ อาหรึสุ.
เถโร อาสนสาลํ สํวิทหนฺโต โรหินึ อาห – ‘‘ทฺวิภูมิกํ อาสนสาลํ กาเรตฺวา อุปริ ปทรานํ ทินฺนกาลโต ปฏฺาย เหฏฺาสาลํ นิพทฺธํ สมฺมชฺชิตฺวา อาสนานิ ปฺาเปหิ, นิพทฺธํ ปานียฆเฏ อุปฏฺาเปหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ปสาธนภณฺฑกํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทฺวิภูมิกอาสนสาลํ กาเรตฺวา อุปริ ปทรานํ ทินฺนกาลโต ปฏฺาย เหฏฺาสาลํ สมฺมชฺชนาทีนิ อกาสิ. นิพทฺธํ ภิกฺขู นิสีทนฺติ. อถสฺสา อาสนสาลํ สมฺมชฺชนฺติยาว ฉวิโรโค มิลายิ. สา อาสนสาลาย นิฏฺิตาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อาสนสาลํ ปูเรตฺวา ¶ นิสินฺนสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ¶ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ อทาสิ. สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ ‘‘กสฺเสตํ ทาน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภคินิยา เม, ภนฺเต, โรหินิยา’’ติ. ‘‘สา ปน กห’’นฺติ? ‘‘เคเห, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ? สา อาคนฺตุํ น อิจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อนิจฺฉมานมฺปิ ปกฺโกสาเปสิเยว. อาคนฺตฺวา จ ปน วนฺทิตฺวา ¶ นิสินฺนํ อาห – ‘‘โรหินิ, กสฺมา นาคมิตฺถา’’ติ? ‘‘สรีเร เม, ภนฺเต, ฉวิโรโค อตฺถิ, เตน ลชฺชมานา นาคตามฺหี’’ติ. ‘‘ชานาสิ ปน กึ เต นิสฺสาย เอส อุปฺปนฺโน’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตว โกธํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน เอโส’’ติ. ‘‘กึ ปน เม, ภนฺเต, กต’’นฺติ? ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสี เอกิสฺสา รฺโ นาฏกิตฺถิยา อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘ทุกฺขมสฺสา อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มหากจฺฉุผลานิ อาหราเปตฺวา ตํ นาฏกิตฺถึ อตฺตโน สนฺติกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ยถา สา น ชานาติ, เอวมสฺสา สยเน เจว ปาวารโกชวาทีนฺจ อนฺตเรสุ กจฺฉุจุณฺณานิ ปาเปสิ, เกฬึ กุรุมานา วิย ตสฺสา สรีเรปิ โอกิริ. ตํ ขณํเยว ตสฺสา สรีรํ อุปฺปกฺกุปฺปกฺกํ คณฺฑาคณฺฑชาตํ อโหสิ. สา กณฺฑุวนฺตี คนฺตฺวา สยเน นิปชฺชิ, ตตฺราปิสฺสา กจฺฉุจุณฺเณหิ ขาทิยมานาย ขรตรา เวทนา อุปฺปชฺชิ. ตทา อคฺคมเหสี โรหินี อโหสีติ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา, ‘‘โรหินิ, ตทา ตยาเวตํ กมฺมํ กตํ. อปฺปมตฺตโกปิ หิ โกโธ วา อิสฺสา วา กาตุํ น ยุตฺตรูโป เอวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ,
สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย;
ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ,
อกิฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา’’ติ.
ตตฺถ ¶ โกธนฺติ สพฺพาการมฺปิ โกธํ นววิธมฺปิ มานํ ชเหยฺย. สํโยชนนฺติ กามราคสํโยชนาทิกํ ทสวิธมฺปิ สพฺพสํโยชนํ อติกฺกเมยฺย. อสชฺชมานนฺติ อลคฺคมานํ. โย หิ ‘‘มม รูปํ มม เวทนา’’ติอาทินา นเยน นามรูปํ ปฏิคฺคณฺหาติ, ตสฺมิฺจ ภิชฺชมาเน โสจติ วิหฺติ ¶ , อยํ นามรูปสฺมึ สชฺชติ นาม. เอวํ อคฺคณฺหนฺโต อวิหฺนฺโต น สชฺชติ นาม. ตํ ปุคฺคลํ เอวํ อสชฺชมานํ ราคาทีนํ อภาเวน อกิฺจนํ ¶ ทุกฺขา นาม นานุปตนฺตีติ อตฺโถ. เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ. โรหินีปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา, ตงฺขณฺเวสฺสา สรีรํ สุวณฺณวณฺณํ อโหสิ.
สา ตโต จุตา ตาวตึสภวเน จตุนฺนํ เทวปุตฺตานํ สีมนฺตเร นิพฺพตฺติตฺวา ปาสาทิกา รูปโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ. จตฺตาโรปิ เทวปุตฺตา ตํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนหา หุตฺวา ‘‘มม สีมาย อนฺโต นิพฺพตฺตา, มม สีมาย อนฺโต นิพฺพตฺตา’’ติ วิวทนฺตา สกฺกสฺส เทวรฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, อิมํ โน นิสฺสาย อฑฺโฑ อุปฺปนฺโน, ตํ วินิจฺฉินาถา’’ติ อาหํสุ. สกฺโกปิ ตํ โอโลเกตฺวาว อุปฺปนฺนสิเนโห หุตฺวา เอวมาห – ‘‘อิมาย โว ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย กถํ จิตฺตานิ อุปฺปนฺนานี’’ติ. อเถโก อาห – ‘‘มม ตาว อุปฺปนฺนจิตฺตํ สงฺคามเภริ วิย สนฺนิสีทิตุํ นาสกฺขี’’ติ. ทุติโย ‘‘มม จิตฺตํ ปพฺพตนที วิย สีฆํ ปวตฺตติเยวา’’ติ ¶ . ตติโย ‘‘มม อิมิสฺสา ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย กกฺกฏสฺส วิย อกฺขีนิ นิกฺขมึสู’’ติ. จตุตฺโถ ‘‘มม จิตฺตํ เจติเย อุสฺสาปิตธโช วิย นิจฺจลํ าตุํ นาสกฺขี’’ติ. อถ เน สกฺโก อาห – ‘‘ตาตา, ตุมฺหากํ ตาว จิตฺตานิ ปสยฺหรูปานิ, อหํ ปน อิมํ ลภนฺโต ชีวิสฺสามิ, อลภนฺตสฺส เม มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ. เทวปุตฺตา, ‘‘มหาราช, ตุมฺหากํ มรเณน อตฺโถ นตฺถี’’ติ ตํ สกฺกสฺส วิสฺสชฺเชตฺวา ปกฺกมึสุ. สา สกฺกสฺส ปิยา อโหสิ มนาปา. ‘‘อสุกกีฬํ นาม คจฺฉามา’’ติ วุตฺเต สกฺโก ตสฺสา วจนํ ปฏิกฺขิปิตุํ นาสกฺขีติ.
โรหินีขตฺติยกฺาวตฺถุ ปมํ.
๒. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ
โย เว อุปฺปติตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถารา ¶ หิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เสนาสเน อนฺุาเต ราชคหเสฏฺิอาทีหิ เสนาสเนสุ กริยมาเนสุ เอโก อาฬวิโก ภิกฺขุ อตฺตโน เสนาสนํ กโรนฺโต เอกํ มนาปรุกฺขํ ¶ ทิสฺวา ฉินฺทิตุํ อารภิ. ตตฺถ ปน นิพฺพตฺตา เอกา ตรุณปุตฺตา เทวตา ปุตฺตํ องฺเกนาทาย ิตา ยาจิ ‘‘มา เม, สามิ, วิมานํ ฉินฺทิ, น สกฺขิสฺสามิ ปุตฺตํ อาทาย อนาวาสา วิจริตุ’’นฺติ. โส ¶ ‘‘อหํ อฺตฺร อีทิสํ รุกฺขํ น ลภิสฺสามี’’ติ ตสฺสา วจนํ นาทิยิ. สา ‘‘อิมมฺปิ ตาว ทารกํ โอโลเกตฺวา โอรมิสฺสตี’’ติ ปุตฺตํ รุกฺขสาขาย เปสิ. โสปิ ภิกฺขุ อุกฺขิปิตํ ผรสุํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ทารกสฺส พาหุํ ฉินฺทิ, เทวตา อุปฺปนฺนพลวโกธา ‘‘ปหริตฺวา นํ มาเรสฺสามี’’ติ อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา เอวํ ตาว จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ภิกฺขุ สีลวา. สจาหํ อิมํ มาเรสฺสามิ, นิรยคามินี ภวิสฺสามิ. เสสเทวตาปิ อตฺตโน รุกฺขํ ฉินฺทนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘อสุกเทวตาย เอวํ นาม มาริโต ภิกฺขู’ติ มํ ปมาณํ กตฺวา ภิกฺขู มาเรสฺสนฺติ. อยฺจ สสามิโก ภิกฺขุ, สามิกสฺเสว นํ กเถสฺสามี’’ติ อุกฺขิตฺตหตฺเถ อปเนตฺวา โรทมานา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ เทวเต’’ติ อาห. สา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ เม สาวเกน อิทํ นาม กตํ, อหมฺปิ นํ มาเรตุกามา หุตฺวา อิทํ นาม จินฺเตตฺวา อมาเรตฺวาว อิธาคตา’’ติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ วิตฺถารโต อาโรเจสิ.
สตฺถา ตํ สุตฺวา ‘‘สาธุ, ¶ สาธุ เทวเต, สาธุ เต กตํ เอวํ อุคฺคตํ โกปํ ภนฺตํ รถํ วิย นิคฺคณฺหมานายา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย เว อุปฺปติตํ โกธํ, รถํ ภนฺตํว วารเย;
ตมหํ สารถึ พฺรูมิ, รสฺมิคฺคาโห อิตโร ชโน’’ติ.
ตตฺถ อุปฺปติตนฺติ อุปฺปนฺนํ. รถํ ภนฺตํ วาติ ยถา นาม เฉโก สารถิ อติเวเคน ธาวนฺตํ รถํ นิคฺคณฺหิตฺวา ยถิจฺฉกํ เปติ, เอวํ โย ปุคฺคโล อุปฺปนฺนํ โกธํ วารเย นิคฺคณฺหิตุํ สกฺโกติ. ตมหนฺติ ตํ อหํ สารถึ พฺรูมิ. อิตโร ชโนติ อิตโร ปน ราชอุปราชาทีนํ รถสารถิชโน รสฺมิคฺคาโห นาม โหติ, น อุตฺตมสารถีติ.
เทสนาวสาเน ¶ เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
เทวตา ปน โสตาปนฺนา หุตฺวาปิ โรทมานา อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ เทวเต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, วิมานํ เม นฏฺํ, อิทานิ กึ กริสฺสามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อลํ เทวเต, มา จินฺตยิ, อหํ เต วิมานํ ทสฺสามี’’ติ เชตวเน คนฺธกุฏิสมีเป ปุริมทิวเส จุตเทวตํ เอกํ รุกฺขํ อปทิสนฺโต ‘‘อมุกสฺมึ โอกาเส รุกฺโข วิวิตฺโต, ตตฺถ อุปคจฺฉา’’ติ อาห. สา ตตฺถ ¶ อุปคฺฉิ. ตโต ปฏฺาย ‘‘พุทฺธทตฺติยํ อิมิสฺสา วิมาน’’นฺติ มเหสกฺขเทวตาปิ อาคนฺตฺวา ¶ ตํ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. สตฺถา ตํ อตฺถุปฺปตฺตึ กตฺวา ภิกฺขูนํ ภูตคามสิกฺขาปทํ ปฺาเปสีติ.
อฺตรภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. อุตฺตราอุปาสิกาวตฺถุ
อกฺโกเธน ชิเน โกธนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อุตฺตราย เคเห กตภตฺตกิจฺโจ อุตฺตรํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายมนุปุพฺพี กถา – ราชคเห กิร สุมนเสฏฺึ นิสฺสาย ปุณฺโณ นาม ทลิทฺโท ภตึ กตฺวา ชีวติ. ตสฺส ภริยา จ อุตฺตรา นาม ธีตา จาติ ทฺเวเยว เคหมานุสกา. อเถกทิวสํ ‘‘สตฺตาหํ นกฺขตฺตํ กีฬิตพฺพ’’นฺติ ราชคเห โฆสนํ กรึสุ. ตํ สุตฺวา สุมนเสฏฺิ ปาโตว อาคตํ ปุณฺณํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ตาต, อมฺหากํ ปริชโน นกฺขตฺตํ กีฬิตุกาโม, ตฺวํ กึ นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสสิ, อุทาหุ ภตึ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘สามิ, นกฺขตฺตํ นาม สธนานํ โหติ, มม ปน เคเห สฺวาตนาย ยาคุตณฺฑุลมฺปิ นตฺถิ, กึ เม นกฺขตฺเตน, โคเณ ลภนฺโต กสิตุํ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ โคเณ คณฺหาหี’’ติ. โส พลวโคเณ จ นงฺคลฺจ คเหตฺวา, ‘‘ภทฺเท, นาครา นกฺขตฺตํ กีฬนฺติ, อหํ ทลิทฺทตาย ภตึ กาตุํ คมิสฺสามิ, มยฺหมฺปิ ตาว อชฺช ทฺวิคุณํ ¶ นิวาปํ ปจิตฺวา ภตฺตํ อาหเรยฺยาสี’’ติ ภริยํ วตฺวา เขตฺตํ อคมาสิ.
สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ¶ สตฺตาหํ นิโรธสมาปนฺโน ตํ ทิวสํ วุฏฺาย ‘‘กสฺส นุ โข อชฺช มยา สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอโลเกนฺโต ปุณฺณํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘สทฺโธ นุ โข เอส, สกฺขิสฺสติ วา เม สงฺคหํ กาตุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ตสฺส สทฺธภาวฺจ สงฺคหํ กาตุํ สมตฺถภาวฺจ ตปฺปจฺจยา จสฺส มหาสมฺปตฺติปฏิลาภฺจ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺส กสนฏฺานํ คนฺตฺวา อาวาฏตีเร เอกํ คุมฺพํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ.
ปุณฺโณ เถรํ ทิสฺวาว กสึ เปตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ทนฺตกฏฺเน อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ ทนฺตกฏฺํ กปฺปิยํ กตฺวา อทาสิ. อถสฺส เถโร ปตฺตฺจ ปริสฺสาวนฺจ นีหริตฺวา ¶ อทาสิ. โส ‘‘ปานีเยน อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ อาทาย ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปเรสํ ปจฺฉิมเคเห วสติ. สจสฺส เคหทฺวารํ คมิสฺสามิ, อิมสฺส ภริยา มํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสติ. ยาวสฺสา ภตฺตํ อาทาย มคฺคํ ปฏิปชฺชติ, ตาว อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ. โส ตตฺเถว โถกํ วีตินาเมตฺวา ตสฺส มคฺคารุฬฺหภาวํ ตฺวา อนฺโตนคราภิมุโข ปายาสิ.
สา อนฺตรามคฺเค เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อปฺเปกทาหํ เทยฺยธมฺเม สติ ¶ อยฺยํ น ปสฺสามิ, อปฺเปกทา เม อยฺยํ ปสฺสนฺติยา เทยฺยธมฺโม น โหติ. อชฺช ปน เม อยฺโย จ ทิฏฺโ, เทยฺยธมฺโม จายํ อตฺถิ, กริสฺสติ นุ โข เม สงฺคห’’นฺติ. สา ภตฺตภาชนํ โอโรเปตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา ทาสสฺส โว สงฺคหํ กโรถา’’ติ อาห. เถโร ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา ตาย เอเกน หตฺเถน ภาชนํ ธาเรตฺวา เอเกน หตฺเถน ตโต ภตฺตํ ททมานาย อุปฑฺฒภตฺเต ทินฺเน ‘‘อล’’นฺติ หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. สา, ‘‘ภนฺเต, เอโกว ปฏิวิโส, น สกฺกา ทฺวิธา กาตุํ. ตุมฺหากํ ทาสสฺส อิธโลกสงฺคหํ อกตฺวา ปรโลกสงฺคหํ กโรถ, นิรวเสสเมว ทาตุกามมฺหี’’ติ วตฺวา สพฺพเมว เถรสฺส ปตฺเต ปติฏฺเปตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺเสว ภาคี อสฺส’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา ิตโกว อนุโมทนํ กริตฺวา เอกสฺมึ อุทกผาสุกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกาสิ. สาปิ นิวตฺติตฺวา ตณฺฑุเล ปริเยสิตฺวา ภตฺตํ ปจิ. ปุณฺโณปิ อฑฺฒกรีสมตฺตฏฺานํ กสิตฺวา ชิฆจฺฉํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต โคเณ วิสฺสชฺเชตฺวา เอกรุกฺขจฺฉายํ ปวิสิตฺวา มคฺคํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ.
อถสฺส ¶ ภริยา ภตฺตํ อาทาย คจฺฉมานา ตํ ทิสฺวาว ‘‘เอส ชิฆจฺฉาย ปีฬิโต มํ โอโลเกนฺโต นิสินฺโน. สเจ มํ ¶ ‘อติวิย เช จิรายี’ติ ตชฺเชตฺวา ปโตทลฏฺิยา มํ ปหริสฺสติ, มยา กตกมฺมํ นิรตฺถกํ ภวิสฺสติ. ปฏิกจฺเจวสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาห – ‘‘สามิ, อชฺเชกทิวสํ จิตฺตํ ปสาเทหิ, มา มยา กตกมฺมํ นิรตฺถกํ กริ. อหฺหิ ปาโตว เต ภตฺตํ อาหรนฺตี อนฺตรามคฺเค ธมฺมเสนาปตึ ทิสฺวา ตว ภตฺตํ ตสฺส ทตฺวา ปุน คนฺตฺวา ภตฺตํ ปจิตฺวา อาคตา, ปสาเทหิ, สามิ, จิตฺต’’นฺติ. โส ‘‘กึ วเทสิ, ภทฺเท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปุน ตมตฺถํ สุตฺวา, ‘‘ภทฺเท, สาธุ วต เต กตํ มม ภตฺตํ อยฺยสฺส ททมานาย, มยาปิสฺส อชฺช ปาโตว ทนฺตกฏฺฺจ มุโขทกฺจ ทินฺน’’นฺติ ปสนฺนมานโส ตํ วจนํ อภินนฺทิตฺวา อุสฺสุเร ลทฺธภตฺตตาย กิลนฺตกาโย ตสฺสา องฺเก สีสํ กตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ.
อถสฺส ¶ ปาโตว กสิตฏฺานํ ปํสุจุณฺณํ อุปาทาย สพฺพํ รตฺตสุวณฺณํ กณิการปุปฺผราสิ วิย โสภมานํ อฏฺาสิ. โส ปพุทฺโธ โอโลเกตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, เอตํ กสิตฏฺานํ สพฺพํ มม สุวณฺณํ หุตฺวา ปฺายติ, กึ นุ โข เม อติอุสฺสุเร ลทฺธภตฺตตาย อกฺขีนิ ภมนฺตี’’ติ. ‘‘สามิ, มยฺหมฺปิ เอวเมว ปฺายตี’’ติ. โส อุฏฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา เอกปิณฺฑํ คเหตฺวา นงฺคลสีเส ปหริตฺวา สุวณฺณภาวํ ตฺวา ¶ ‘‘อโห อยฺยสฺส ธมฺมเสนาปติสฺส เม ทินฺนทาเนน อชฺเชว วิปาโก ทสฺสิโต, น โข ปน สกฺกา เอตฺตกํ ธนํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปริภฺุชิตุ’’นฺติ ภริยาย อาภตํ ภตฺตปาตึ สุวณฺณสฺส ปูเรตฺวา ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา กโตกาโส ปวิสิตฺวา ราชานํ อภิวาเทตฺวา ‘‘กึ, ตาตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘เทว, อชฺช มยา กสิตฏฺานํ สพฺพํ สุวณฺณภริตเมว หุตฺวา ิตํ, อิทํ สุวณฺณํ อาหราเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘ปุณฺโณ นาม อห’’นฺติ. ‘‘กึ ปน เต อชฺช กต’’นฺติ? ‘‘ธมฺมเสนาปติสฺส เม อชฺช ปาโตว ทนฺตกฏฺฺจ มุโขทกฺจ ทินฺนํ, ภริยายปิ เม มยฺหํ อาหรณภตฺตํ ตสฺเสว ทินฺน’’นฺติ.
ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘อชฺเชว กิร, โภ, ธมฺมเสนาปติสฺส ทินฺนทาเนน วิปาโก ทสฺสิโต’’ติ วตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พหูนิ สกฏสหสฺสานิ ปหิณิตฺวา สุวณฺณํ อาหราเปถา’’ติ. ราชา สกฏานิ ปหิณิ. ราชปุริเสสุ ‘‘รฺโ สนฺตก’’นฺติ คณฺหนฺเตสุ คหิตคหิตํ มตฺติกาว โหติ. เต คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ กินฺติ ¶ วตฺวา คหิต’’นฺติ. ปุฏฺา ‘‘ตุมฺหากํ สนฺตก’’นฺติ อาหํสุ. น มยฺหํ, ตาตา, สนฺตกํ, คจฺฉถ ‘‘ปุณฺณสฺส สนฺตก’’นฺติ ¶ วตฺวา คณฺหถาติ. เต ตถา กรึสุ, คหิตคหิตํ สุวณฺณเมว อโหสิ. สพฺพมฺปิ อาหริตฺวา ราชงฺคเณ ราสิมกํสุ, อสีติหตฺถุพฺเพโธ ราสิ อโหสิ. ราชา นาคเร สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘อิมสฺมึ นคเร อตฺถิ กสฺสจิ เอตฺตกํ สุวณฺณ’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ ปนสฺส ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘เสฏฺิฉตฺตํ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘พาหุธนเสฏฺิ นาม โหตู’’ติ มหนฺเตน โภเคน สทฺธึ ตสฺส เสฏฺิฉตฺตมทาสิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘มยํ, เทว, เอตฺตกํ กาลํ ปรกุเล วสิมฺหา, วสนฏฺานํ โน เทถา’’ติ. ‘‘เตน หิ ปสฺส, เอส คุมฺโพ ปฺายติ, เอตํ หราเปตฺวา เคหํ กาเรหี’’ติ ปุราณเสฏฺิสฺส เคหฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ตสฺมึ าเน กติปาเหเนว เคหํ การาเปตฺวา เคหปฺปเวสนมงฺคลฺจ ฉตฺตมงฺคลฺจ เอกโตว กโรนฺโต สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ อทาสิ. อถสฺส สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. ธมฺมกถาวสาเน ปุณฺณเสฏฺิ จ ภริยา จสฺส ธีตา จ อุตฺตราติ ตโย ชนา โสตาปนฺนา อเหสุํ.
อปรภาเค ¶ ราชคหเสฏฺิ ปุณฺณเสฏฺิโน ธีตรํ อตฺตโน ปุตฺตสฺส วาเรสิ. โส ‘‘นาหํ ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘มา เอวํ กโรตุ, เอตฺตกํ กาลํ อมฺเห นิสฺสาย วสนฺเตเนว ¶ เต สมฺปตฺติ ลทฺธา, เทตุ เม ปุตฺตสฺส ธีตร’’นฺติ วุตฺเต ‘‘โส มิจฺฉาทิฏฺิโก, มม ธีตา ตีหิ รตเนหิ วินา วตฺติตุํ น สกฺโกติ, เนวสฺส ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ พหู เสฏฺิคณาทโย กุลปุตฺตา ‘‘มา เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ ภินฺทิ, เทหิสฺส ธีตร’’นฺติ ยาจึสุ. โส เตสํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ ธีตรํ อทาสิ. สา ปติกุลํ คตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขุํ วา ภิกฺขุนึ วา อุปสงฺกมิตุํ ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ นาลตฺถ. เอวํ อฑฺฒติเยสุ มาเสสุ วีติวตฺเตสุ สนฺติเก ิตํ ปริจาริกํ ปุจฺฉิ – ‘‘อิทานิ กิตฺตกํ อนฺโตวสฺสสฺส อวสิฏฺ’’นฺติ? ‘‘อฑฺฒมาโส, อยฺเย’’ติ. สา ปิตุ สาสนํ ปหิณิ ‘‘กสฺมา มํ เอวรูเป พนฺธนาคาเร ปกฺขิปึสุ, วรํ เม ลกฺขณาหตํ กตฺวา ¶ ปเรสํ ทาสึ สาเวตุํ. เอวรูปสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกุลสฺส ทาตุํ น วฏฺฏติ. อาคตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขุทสฺสนาทีสุ เอกมฺปิ ปฺุํ กาตุํ น ลภามี’’ติ.
อถสฺสา ปิตา ‘‘ทุกฺขิตา วต เม ธีตา’’ติ อนตฺตมนตํ ปเวเทตฺวา ปฺจทส กหาปณสหสฺสานิ เปเสสิ ‘‘อิมสฺมึ นคเร สิริมา นาม คณิกา อตฺถิ, เทวสิกํ สหสฺสํ คณฺหาติ. อิเมหิ กหาปเณหิ ตํ อาเนตฺวา สามิกสฺส ปาทปริจาริกํ กตฺวา สยํ ปฺุานิ กโรตู’’ติ ¶ . สา สิริมํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สหายิเก อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อิมํ อฑฺฒมาสํ ตว สหายกํ ปริจราหี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. สา ตํ อาทาย สามิกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เตน สิริมํ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, อิมํ อฑฺฒมาสํ มม สหายิกา ตุมฺเห ปริจรตุ, อหํ ปน อิมํ อฑฺฒมาสํ ทานฺเจว ทาตุกามา ธมฺมฺจ โสตุกามา’’ติ อาห. โส ตํ อภิรูปํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
อุตฺตราปิ โข พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ อฑฺฒมาสํ อฺตฺถ อคนฺตฺวา อิเธว ภิกฺขา คเหตพฺพา’’ติ สตฺถุ ปฏิฺํ คเหตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย ยาว มหาปวารณา, ตาว สตฺถารํ อุปฏฺาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลภิสฺสามี’’ติ ตุฏฺมานสา ‘‘เอวํ ยาคุํ ปจถ, เอวํ ปูเว ปจถา’’ติ มหานเส สพฺพกิจฺจานิ สํวิทหนฺตี วิจรติ. อถสฺสา สามิโก ‘‘สฺเว ปวารณา ภวิสฺสตี’’ติ มหานสาภิมุโข วาตปาเน ตฺวา ‘‘กึ นุ โข กโรนฺตี สา อนฺธพาลา วิจรตี’’ติ โอโลเกนฺโต ตํ เสฏฺีธีตรํ เสทกิลินฺนํ ฉาริกาย โอกิณฺณํ องฺคารมสิมกฺขิตํ ตถา สํวิทหิตฺวา วิจรมานํ ทิสฺวา ‘‘อโห อนฺธพาลา เอวรูเป าเน อิมํ สิริสมฺปตฺตึ ¶ นานุภวติ, ‘มุณฺฑกสมเณ อุปฏฺหิสฺสามี’ติ ตุฏฺจิตฺตา วิจรตี’’ติ หสิตฺวา อปคฺฉิ.
ตสฺมึ อปคเต ¶ ตสฺส สนฺติเก ิตา สิริมา ‘‘กึ นุ โข โอโลเกตฺวา เอส หสี’’ติ เตเนว วาตปาเนน โอโลเกนฺตี อุตฺตรํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ โอโลเกตฺวา อิมินา หสิตํ, อทฺธา อิมสฺส เอตาย สทฺธึ สนฺถโว อตฺถี’’ติ จินฺเตสิ. สา กิร อฑฺฒมาสํ ตสฺมึ เคเห พาหิรกอิตฺถี หุตฺวา วสมานาปิ ตํ สมฺปตฺตึ อนุภวมานา อตฺตโน พาหิรกอิตฺถิภาวํ อชานิตฺวา ‘‘อหํ ฆรสามินี’’ติ สฺมกาสิ. สา ¶ อุตฺตราย อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘ทุกฺขมสฺสา อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ปาสาทา โอรุยฺห มหานสํ ปวิสิตฺวา ปูวปจนฏฺาเน ปกฺกุถิตํ สปฺปึ กฏจฺฉุนา อาทาย อุตฺตราภิมุขํ ปายาสิ. อุตฺตรา ตํ อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา ‘‘มม สหายิกาย มยฺหํ อุปกาโร กโต, จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโก, มม สหายิกาย คุโณว มหนฺโต. อหฺหิ เอตํ นิสฺสาย ทานฺจ ทาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลภึ. สเจ มม เอติสฺสา อุปริ โกโป อตฺถิ, อิทํ สปฺปิ มํ ทหตุ. สเจ นตฺถิ, มา ทหตู’’ติ ตํ เมตฺตาย ผริ. ตาย ตสฺสา มตฺถเก อาสิตฺตํ ปกฺกุถิตสปฺปิ สีตุทกํ วิย อโหสิ.
อถ นํ ‘‘อิทํ สีตลํ ¶ ภวิสฺสตี’’ติ กฏจฺฉุํ ปูเรตฺวา อาทาย อาคจฺฉนฺตึ อุตฺตราย ทาสิโย ทิสฺวา ‘‘อเปหิ ทุพฺพินีเต, น ตฺวํ อมฺหากํ อยฺยาย ปกฺกุถิตํ สปฺปึ อาสิฺจิตุํ อนุจฺฉวิกา’’ติ สนฺตชฺเชนฺติโย อิโต จิโต จ อุฏฺาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ โปเถตฺวา ภูมิยํ ปาเตสุํ. อุตฺตรา วาเรนฺตีปิ วาเรตุํ นาสกฺขิ. อถสฺสา อุปริ ิตา สพฺพา ทาสิโย ปฏิพาหิตฺวา ‘‘กิสฺส เต เอวรูปํ ภาริยํ กต’’นฺติ สิริมํ โอวทิตฺวา อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา สตปากเตเลน อพฺภฺชิ. ตสฺมึ ขเณ สา อตฺตโน พาหิรกิตฺถิภาวํ ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา ภาริยํ กมฺมํ กตํ สามิกสฺส หสนมตฺตการณา อิมิสฺสา อุปริ ปกฺกุถิตํ สปฺปึ อาสิฺจนฺติยา, อยํ ‘คณฺหถ น’นฺติ ทาสิโย น อาณาเปสิ. มํ วิเหนกาเลปิ สพฺพทาสิโย ปฏิพาหิตฺวา มยฺหํ กตฺตพฺพเมว อกาสิ. สจาหํ อิมํ น ขมาเปสฺสามิ, มุทฺธา เม สตฺตธา ผเลยฺยา’’ติ ตสฺสา ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘อยฺเย, ขมาหิ เม’’ติ อาห. อหํ สปิติกา ธีตา, ปิตริ ขมนฺเต ขมามีติ. โหตุ, อยฺเย, ปิตรํ เต ¶ ปุณฺณเสฏฺึ ขมาเปสฺสามีติ. ปุณฺโณ มม วฏฺฏชนกปิตา, วิวฏฺฏชนเก ปิตริ ขมนฺเต ปนาหํ ขมิสฺสามีติ. โก ปน เต วิวฏฺฏชนกปิตาติ? สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. มยฺหํ เตน สทฺธึ วิสฺสาโส นตฺถีติ. อหํ กริสฺสามิ, สตฺถา สฺเว ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย อิธาคมิสฺสติ, ตฺวํ ยถาลทฺธํ สกฺการํ คเหตฺวา อิเธว อาคนฺตฺวา ตํ ขมาเปหีติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ อุฏฺาย อตฺตโน ¶ เคหํ คนฺตฺวา ปฺจสตา ปริวาริตฺถิโย อาณาเปตฺวา นานาวิธานิ ขาทนียานิ เจว สูเปยฺยานิ จ สมฺปาเทตฺวา ปุนทิวเส ตํ สกฺการํ อาทาย ¶ อุตฺตราย เคหํ อาคนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปตุํ อวิสหนฺตี อฏฺาสิ. ตํ สพฺพํ คเหตฺวา อุตฺตราว สํวิทหิ. สิริมาปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน สทฺธึ ปริวาเรน สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิ.
อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘โก เต อปราโธ’’ติ? ภนฺเต, มยา หิยฺโย อิทํ นาม กตํ, อถ เม สหายิกา มํ วิเหยมานา ทาสิโย นิวาเรตฺวา มยฺหํ อุปการเมว อกาสิ. สาหํ อิมิสฺสา คุณํ ชานิตฺวา อิมํ ขมาเปสึ, อถ มํ เอสา ‘‘ตุมฺเหสุ ขมนฺเตสุ ขมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เอวํ กิร อุตฺตเร’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สีเส เม สหายิกาย ปกฺกุถิตสปฺปิ อาสิตฺต’’นฺติ. อถ ‘‘ตยา กึ จินฺติต’’นฺติ? ‘‘จกฺกวาฬํ ¶ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโก, มม สหายิกาย คุโณว มหนฺโต. อหฺหิ เอตํ นิสฺสาย ทานฺจ ทาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ อลตฺถํ, สเจ เม อิมิสฺสา อุปริ โกโป อตฺถิ, อิทํ มํ ทหตุ. โน เจ, มา ทหตู’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา อิมํ เมตฺตาย ผรึ, ภนฺเตติ. สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, อุตฺตเร, เอวํ โกธํ ชินิตุํ วฏฺฏติ. โกโธ หิ นาม อกฺโกเธน, อกฺโกสกปริภาสโก อนกฺโกสนฺเตน อปริภาสนฺเตน, ถทฺธมจฺฉรี อตฺตโน สนฺตกสฺส ทาเนน, มุสาวาที สจฺจวจเนน ชินิตพฺโพ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;
ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ.
ตตฺถ อกฺโกเธนาติ โกธโน หิ ปุคฺคโล อกฺโกเธน หุตฺวา ชินิตพฺโพ. อสาธุนฺติ อภทฺทโก ภทฺทเกน หุตฺวา ชินิตพฺโพ. กทริยนฺติ ถทฺธมจฺฉรี อตฺตโน สนฺตกสฺส จาคจิตฺเตน ชินิตพฺโพ. อลิกวาที สจฺจวจเนน ¶ ชินิตพฺโพ. ตสฺมา เอวมาห – ‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ…เป… สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ.
เทสนาวสาเน สิริมา สทฺธึ ปฺจสตาหิ อิตฺถีหิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.
อุตฺตราอุปาสิกาวตฺถุ ตติยํ.
๔. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรปฺหวตฺถุ
สจฺจํ ¶ ¶ ภเณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย เถโร เทวจาริกํ คนฺตฺวา มเหสกฺขาย เทวตาย วิมานทฺวาเร ตฺวา ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ิตํ เอวมาห – ‘‘เทวเต มหตี เต สมฺปตฺติ, กึ กมฺมํ กตฺวา อิมํ อลตฺถา’’ติ? ‘‘มา มํ, ภนฺเต, ปุจฺฉถา’’ติ. เทวตา กิร อตฺตโน ปริตฺตกมฺเมน ลชฺชมานา เอวํ วทติ. สา ปน เถเรน ‘‘กเถหิเยวา’’ติ วุจฺจมานา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา เนว ทานํ ทินฺนํ, น ปูชา กตา, น ธมฺโม สุโต, เกวลํ สจฺจมตฺตํ รกฺขิต’’นฺติ. เถโร อฺานิ วิมานทฺวารานิ ¶ คนฺตฺวา อาคตาคตา อปราปิ เทวธีตโร ปุจฺฉิ. ตาสุปิ ตเถว นิคุหิตฺวา เถรํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺตีสุ เอกา ตาว อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา เนว ทานาทีสุ กตํ นาม อตฺถิ, อหํ ปน กสฺสปพุทฺธกาเล ปรสฺส ทาสี อโหสึ, ตสฺสา เม สามิโก อติวิย จณฺโฑ ผรุโส, คหิตคฺคหิเตเนว กฏฺเน วา กลิงฺคเรน วา สีสํ ภินฺทติ. สาหํ อุปฺปนฺเน โกเป ‘เอส ตว สามิโก ลกฺขณาหตํ วา กาตุํ นาสาทีนิ วา ฉินฺทิตุํ อิสฺสโร, มา กุชฺฌี’ติ อตฺตานเมว ปริภาเสตฺวา โกปํ นาม น อกาสึ, เตน เม อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ. อปรา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, อุจฺฉุเขตฺตํ รกฺขมานา เอกสฺส ภิกฺขุโน อุจฺฉุยฏฺึ อทาสึ’’. อปรา เอกํ ติมฺพรุสกํ อทาสึ. อปรา เอกํ เอฬาลุกํ อทาสึ. อปรา เอกํ ผารุสกํ ¶ อทาสึ. อปรา เอกํ มูลมุฏฺึ. อปรา ‘‘นิมฺพมุฏฺิ’’นฺติอาทินา นเยน อตฺตนา อตฺตนา กตํ ปริตฺตทานํ อาโรเจตฺวา ‘‘อิมินา อิมินา การเณน อมฺเหหิ อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ อาหํสุ.
เถโร ตาหิ กตกมฺมํ สุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สกฺกา นุ โข, ภนฺเต, สจฺจกถนมตฺเตน, โกปนิพฺพาปนมตฺเตน, อติปริตฺตเกน ติมฺพรุสกาทิทานมตฺเตน ทิพฺพสมฺปตฺตึ ลทฺธุ’’นฺติ. ‘‘กสฺมา มํ, โมคฺคลฺลาน, ปุจฺฉสิ, นนุ เต เทวตาหิ อยํ อตฺโถ กถิโต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ลพฺภติ มฺเ เอตฺตเกน ทิพฺพสมฺปตฺตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘โมคฺคลฺลาน, สจฺจมตฺตํ กเถตฺวาปิ โกปมตฺตํ ชหิตฺวาปิ ปริตฺตกํ ทานํ ทตฺวาปิ เทวโลกํ คจฺฉติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สจฺจํ ¶ ¶ ภเณ น กุชฺเฌยฺย, ทชฺชา อปฺปมฺปิ ยาจิโต;
เอเตหิ ตีหิ าเนหิ, คจฺเฉ เทวาน สนฺติเก’’ติ.
ตตฺถ สจฺจํ ภเณติ สจฺจํ ทีเปยฺย โวหเรยฺย, สจฺเจ ปติฏฺเหยฺยาติ อตฺโถ. น กุชฺเฌยฺยาติ ปรสฺส น กุชฺเฌยฺย ¶ . ยาจิโตติ ยาจกา นาม สีลวนฺโต ปพฺพชิตา. เต หิ กิฺจาปิ ‘‘เทถา’’ติ อยาจิตฺวาว ฆรทฺวาเร ติฏฺนฺติ, อตฺถโต ปน ยาจนฺติเยว นาม. เอวํ สีลวนฺเตหิ ยาจิโต อปฺปสฺมึ เทยฺยธมฺเม วิชฺชมาเน อปฺปมตฺตกมฺปิ ทเทยฺย. เอเตหิ ตีหีติ เอเตสุ ตีสุ เอเกนาปิ การเณน เทวโลกํ คจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรปฺหวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. พุทฺธปิตุพฺราหฺมณวตฺถุ
อหึสกา เยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาเกตํ นิสฺสาย อฺชนวเน วิหรนฺโต ภิกฺขูหิ ปฏฺปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
ภควโต กิร ภิกฺขุสงฺฆปริวุตสฺส สาเกตํ ปิณฺฑาย ปวิสนกาเล เอโก สาเกตวาสี มหลฺลกพฺราหฺมโณ นครโต นิกฺขมนฺโต อนฺตรฆรทฺวาเร ทสพลํ ทิสฺวา ปาเทสุ นิปติตฺวา โคปฺผเกสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา, ‘‘ตาต, นนุ นาม ปุตฺเตหิ ชิณฺณกาเล มาตาปิตโร ปฏิชคฺคิตพฺพา, กสฺมา เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ อตฺตานํ น ทสฺเสสิ. มยา ตาว ทิฏฺโสิ, มาตรมฺปิ ปสฺสิตุํ เอหี’’ติ สตฺถารํ คเหตฺวา อตฺตโน เคหํ อคมาสิ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. พฺราหฺมณีปิ อาคนฺตฺวา สตฺถุ ¶ ปาเทสุ นิปติตฺวา, ‘‘ตาต, เอตฺตกํ กาลํ กุหึ คโตสิ, นนุ นาม มาตาปิตโร มหลฺลกกาเล อุปฏฺาตพฺพา’’ติ วตฺวา ปุตฺตธีตโร ‘‘เอถ ภาตรํ วนฺทถา’’ติ วนฺทาเปสิ. เต อุโภปิ ตุฏฺมานสา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิเธว นิพทฺธํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ‘‘พุทฺธา นาม เอกฏฺาเนเยว นิพทฺธํ ภิกฺขํ น คณฺหนฺตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เย โว นิมนฺเตตุํ อาคจฺฉนฺติ, เต อมฺหากํ สนฺติกํ ปหิเณยฺยาถา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ตโต ¶ ปฏฺาย นิมนฺเตตุํ อาคเต ‘‘คนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส อาโรเจยฺยาถา’’ติ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา ‘‘มยํ สฺวาตนาย สตฺถารํ นิมนฺเตมา’’ติ พฺราหฺมณํ ¶ วทนฺติ. พฺราหฺมโณ ปุนทิวเส อตฺตโน เคหโต ภตฺตภาชนสูเปยฺยภาชนานิ อาทาย สตฺถุ นิสีทนฏฺานํ คจฺฉติ. อฺตฺร ปน นิมนฺตเน อสติ สตฺถา พฺราหฺมณสฺเสว เคเห ภตฺตกิจฺจํ กโรติ. เต อุโภปิ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ นิจฺจกาลํ ตถาคตสฺส เทนฺตา ธมฺมกถํ สุณนฺตา อนาคามิผลํ ปาปุณึสุ.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, พฺราหฺมโณ ‘ตถาคตสฺส สุทฺโธทโน ปิตา, มหามายา มาตา’ติ ชานาติ, ชานนฺโตว สทฺธึ พฺราหฺมณิยา ตถาคตํ ‘อมฺหากํ ปุตฺโต’ติ วทติ, สตฺถาปิ ¶ ตเถว อธิวาเสติ. กึ นุ โข การณ’’นฺติ? สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อุโภปิ เต อตฺตโน ปุตฺตเมว ปุตฺโตติ วทนฺตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต, ภิกฺขเว, อยํ พฺราหฺมโณ นิรนฺตรํ ปฺจ ชาติสตานิ มยฺหํ ปิตา อโหสิ, ปฺจ ชาติสตานิ จูฬปิตา, ปฺจ ชาติสตานิ มหาปิตา. สาปิ เม พฺราหฺมณี นิรนฺตรเมว ปฺจ ชาติสตานิ มาตา อโหสิ, ปฺจ ชาติสตานิ จูฬมาตา, ปฺจ ชาติสตานิ มหามาตา. เอวาหํ ทิยฑฺฒชาติสหสฺสํ พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ สํวฑฺโฒ, ทิยฑฺฒชาติสหสฺสํ พฺราหฺมณิยา หตฺเถติ ตีณิ ชาติสหสฺสานิ เตสํ ปุตฺตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยสฺมึ มโน นิวิสติ, จิตฺตฺจาปิ ปสีทติ;
อทิฏฺปุพฺพเก โปเส, กามํ ตสฺมิมฺปิ วิสฺสเส. (ชา. ๑.๑.๖๘);
‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);
สตฺถา เตมาสเมว ตํ กุลํ นิสฺสาย วิหาสิ. เต อุโภปิ อรหตฺตํ สจฺฉิกตฺวา ปรินิพฺพายึสุ. อถ เนสํ มหาสกฺการํ กตฺวา อุโภปิ เอกกูฏาคารเมว อาโรเปตฺวา นีหรึสุ. สตฺถาปิ ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เตหิ สทฺธึเยว อาฬาหนํ อคมาสิ. ‘‘พุทฺธานํ กิร มาตาปิตโร’’ติ มหาชโน นิกฺขมิ. สตฺถาปิ อาฬาหนสมีเป เอกํ สาลํ ¶ ปวิสิตฺวา อฏฺาสิ. มนุสฺสา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ¶ เอกมนฺเต ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ‘มาตาปิตโร โว กาลกตา’ติ มา จินฺตยิตฺถา’’ติ สตฺถารา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺติ. สตฺถา เต ‘‘มา เอวํ อวจุตฺถา’’ติ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ปริสาย อาสยํ โอโลเกตฺวา ตงฺขณานุรูปํ ธมฺมํ เทเสนฺโต –
‘‘อปฺปํ ¶ วต ชีวิตํ อิทํ,
โอรํ วสฺสสตาปิ มิยฺยติ;
โย เจปิ อติจฺจ ชีวติ,
อถ โส ชรสาปิ มิยฺยตี’’ติ. (สุ. นิ. ๘๑๐; มหานิ. ๓๙) –
อิทํ ชราสุตฺตํ กเถสิ. เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภิกฺขู พฺราหฺมณสฺส จ พฺราหฺมณิยา จ ปรินิพฺพุตภาวํ อชานนฺตา, ‘‘ภนฺเต, เตสํ โก อภิสมฺปราโย’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, เอวรูปานํ อเสขมุนีนํ อภิสมฺปราโย นาม นตฺถิ. เอวรูปา หิ อจฺจุตํ อมตํ มหานิพฺพานเมว ปาปุณนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อหึสกา เย มุนโย, นิจฺจํ กาเยน สํวุตา;
เต ยนฺติ อจฺจุตํ านํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ.
ตตฺถ ¶ มุนโยติ โมเนยฺยปฏิปทาย มคฺคผลปตฺตา อเสขมุนโย. กาเยนาติ เทสนามตฺตเมเวตํ, ตีหิปิ ทฺวาเรหิ สุสํวุตาติ อตฺโถ. อจฺจุตนฺติ สสฺสตํ. านนฺติ อกุปฺปฏฺานํ ธุวฏฺานํ. ยตฺถาติ ยสฺมึ นิพฺพาเน คนฺตฺวา น โสจเร น โสจนฺติ น วิหฺนฺติ, ตํ านํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
พุทฺธปิตุพฺราหฺมณวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปุณฺณทาสีวตฺถุ
สทา ชาครมานานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา คิชฺฌกูเฏ วิหรนฺโต ปุณฺณํ นาม ราชคหเสฏฺิโน ทาสึ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺสา ¶ กิร เอกทิวสํ โกฏฺฏนตฺถาย พหุวีหึ อทํสุ. สา รตฺติมฺปิ ทีปํ ชาเลตฺวา วีหึ โกฏฺเฏนฺตี วิสฺสมนตฺถาย เสทตินฺเตน คตฺเตน พหิวาเต อฏฺาสิ. ตสฺมึ สมเย ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต ¶ ภิกฺขูนํ เสนาสนปฺาปโก ¶ อโหสิ. โส ธมฺมสฺสวนํ สุตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เสนาสนํ คจฺฉนฺตานํ ภิกฺขูนํ องฺคุลึ ชาเลตฺวา ปุรโต ปุรโต มคฺคเทสนตฺถาย คจฺฉนฺโต ภิกฺขูนํ อาโลกํ นิมฺมินิ. ปุณฺณา เตนาโลเกน ปพฺพเต วิจรนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อหํ ตาว อตฺตโน ทุกฺเขน อุปทฺทุตา อิมายปิ เวลาย นิทฺทํ น อุเปมิ, ภทฺทนฺตา กึ การณา น นิทฺทายนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อทฺธา กสฺสจิ ภิกฺขุโน อผาสุกํ วา ภวิสฺสติ, ทีฆชาติเกน วา อุปทฺทโว ภวิสฺสตี’’ติ สฺํ กตฺวา ปาโตว กุณฺฑกํ อาทาย อุทเกน เตเมตฺวา หตฺถตเล ปูวํ กตฺวา องฺคาเรสุ ปจิตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา ติตฺถมคฺเค ขาทิสฺสามีติ ฆฏํ อาทาย ติตฺถาภิมุขี ปายาสิ. สตฺถาปิ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุํ ตเมว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
สา สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ สตฺถริ ทิฏฺเปิ มม เทยฺยธมฺโม น โหติ, เทยฺยธมฺเม สติ สตฺถารํ น ปสฺสามิ, อิทานิ เม เทยฺยธมฺโม จ อตฺถิ, สตฺถา จ สมฺมุขีภูโต. สเจ ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา คณฺเหยฺย, ทเทยฺยาหํ อิมํ ปูว’’นฺติ ฆฏํ เอกมนฺเต นิกฺขิปิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต ¶ , อิมํ ลูขํ ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺตา มม สงฺคหํ กโรถา’’ติ อาห. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกตฺวา เตน นีหริตฺวา ทินฺนํ มหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา ปูวํ คณฺหิ. ปุณฺณาปิ ตํ สตฺถุ ปตฺเต ปติฏฺเปตฺวาว ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺโมเยว เม สมิชฺฌตู’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ ิตโกว อนุโมทนํ อกาสิ.
ปุณฺณาปิ จินฺเตสิ – ‘‘กิฺจาปิ เม สตฺถา สงฺคหํ กโรนฺโต ปูวํ คณฺหิ, น ปนิทํ ขาทิสฺสติ. อทฺธา ปุรโต กากสฺส วา สุนขสฺส วา ทตฺวา รฺโ วา ราชปุตฺตสฺส วา เคหํ คนฺตฺวา ปณีตโภชนํ ภฺุชิสฺสตี’’ติ. สตฺถาปิ ‘‘กึ นุ โข เอสา จินฺเตสี’’ติ ตสฺสา จิตฺตาจารํ ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกตฺวา นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. เถโร จีวรํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. สตฺถา พหินคเรเยว นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ อกาสิ. เทวตา สกลจกฺกวาฬคพฺเภ เทวมนุสฺสานํ อุปกปฺปนกํ โอชํ มธุปฏลํ วิย ปีเฬตฺวา ¶ ตตฺถ ปกฺขิปึสุ. ปุณฺณา จ โอโลเกนฺตี อฏฺาสิ. ภตฺตกิจฺจาวสาเน เถโร อุทกํ อทาสิ. สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ ปุณฺณํ อามนฺเตตฺวา ‘‘กสฺมา ตฺวํ ปุณฺเณ มม ¶ สาวเก ปริภวสี’’ติ อาห. น ปริภวามิ, ภนฺเตติ. อถ ตยา มม สาวเก โอโลเกตฺวา กึ กถิตนฺติ? ‘‘อหํ ตาว อิมินา ทุกฺขุปทฺทเวน นิทฺทํ น อุเปมิ, ภทฺทนฺตา กิมตฺถํ นิทฺทํ น อุเปนฺติ, อทฺธา กสฺสจิ อผาสุกํ วา ภวิสฺสติ, ทีฆชาติเกน วา อุปทฺทโว ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺตกํ มยา, ภนฺเต, จินฺติตนฺติ. สตฺถา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ปุณฺเณ ตฺวํ น ตาว ทุกฺขุปทฺทเวน นิทฺทายสิ, มม สาวกา สทา ชาคริยมนุยุตฺตตาย น นิทฺทายนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สทา ¶ ชาครมานานํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินํ;
นิพฺพานํ อธิมุตฺตานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา’’ติ.
ตตฺถ อโหรตฺตานุสิกฺขินนฺติ ทิวา จ รตฺติฺจ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขมานานํ. นิพฺพานํ อธิมุตฺตานนฺติ นิพฺพานชฺฌาสยานํ. อตฺถํ คจฺฉนฺตีติ เอวรูปานํ สพฺเพปิ อาสวา อตฺถํ วินาสํ นตฺถิภาวํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ยถาิตา ปุณฺณา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สตฺถา กุณฺฑกองฺคารปูเวน ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ทุกฺกรํ ¶ , อาวุโส, สมฺมาสมฺพุทฺเธน กตํ ปุณฺณาย ทินฺเนน กุณฺฑกองฺคารปูเวน ภตฺตกิจฺจํ กโรนฺเตนา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มยา อิมาย ทินฺนกุณฺฑกํ ปริภุตฺตเมวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘ภุตฺวา ติณปริฆาสํ, ภุตฺวา อาจามกุณฺฑกํ;
เอตํ เต โภชนํ อาสิ, กสฺมา ทานิ น ภฺุชสิ.
‘‘ยตฺถ โปสํ น ชานนฺติ, ชาติยา วินเยน วา;
พหุํ ตตฺถ มหาพฺรหฺเม, อปิ อาจามกุณฺฑกํ.
‘‘ตฺวฺจ ¶ โข มํ ปชานาสิ, ยาทิสายํ หยุตฺตโม;
ชานนฺโต ชานมาคมฺม, น เต ภกฺขามิ กุณฺฑก’’นฺติ. (ชา. ๑.๓.๑๐-๑๒) –
อิมํ กุณฺฑกสินฺธวโปตกชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ.
ปุณฺณทาสีวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. อตุลอุปาสกวตฺถุ
โปราณเมตนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตุลํ นาม อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ สาวตฺถิวาสี อุปาสโก ปฺจสตอุปาสกปริวาโร เอกทิวสํ ¶ เต อุปาสเก อาทาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ คนฺตฺวา เรวตตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสตุกาโม หุตฺวา เรวตตฺเถรํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. โส ปนายสฺมา ปฏิสลฺลานาราโม สีโห วิย เอกจาโร, ตสฺมา เตน สทฺธึ น กิฺจิ กเถสิ. โส ‘‘อยํ เถโร น กิฺจิ กเถสี’’ติ กุทฺโธ อุฏฺาย สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ ิโต เถเรน ‘‘เกนตฺเถน อาคตตฺถา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิเม อุปาสเก อาทาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย เรวตตฺเถรํ อุปสงฺกมึ, ตสฺส เม เถโร น กิฺจิ กเถสิ, สฺวาหํ ตสฺส กุชฺฌิตฺวา อิธาคโต, ธมฺมํ เม กเถถา’’ติ อาห. อถ เถโร ‘‘เตน หิ อุปาสกา นิสีทถา’’ติ วตฺวา พหุกํ กตฺวา อภิธมฺมกถํ กเถสิ. อุปาสโกปิ ‘‘อภิธมฺมกถา นาม อติสณฺหา, เถโร พหุํ อภิธมฺมเมว กเถสิ, อมฺหากํ อิมินา โก อตฺโถ’’ติ กุชฺฌิตฺวา ปริสํ อาทาย อานนฺทตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมาสิ.
เถเรนาปิ ‘‘กึ อุปาสกา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, มยํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย เรวตตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, ตสฺส สนฺติเก อาลาปสลฺลาปมตฺตมฺปิ อลภิตฺวา กุทฺธา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมิมฺหา, โสปิ โน อติสณฺหํ พหุํ อภิธมฺมเมว กเถสิ, ‘อิมินา อมฺหากํ โก อตฺโถ’ติ เอตสฺสาปิ กุชฺฌิตฺวา อิธาคมิมฺหา, กเถหิ โน, ภนฺเต, ธมฺมกถ’’นฺติ. เตน หิ นิสีทิตฺวา สุณาถาติ เถโร เตสํ สุวิฺเยฺยํ กตฺวา อปฺปกเมว ¶ ธมฺมํ กเถสิ. เต เถรสฺสปิ กุชฺฌิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กสฺมา ¶ อุปาสกา อาคตตฺถา’’ติ? ‘‘ธมฺมสฺสวนาย, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สุโต ปน โว ธมฺโม’’ติ? ‘‘ภนฺเต, มยํ อาทิโต เรวตตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, โส อมฺเหหิ สทฺธึ น กิฺจิ กเถสิ, ตสฺส กุชฺฌิตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, เตน โน พหุ อภิธมฺโม กถิโต, ตํ อสลฺลกฺเขตฺวา กุชฺฌิตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, เตน โน อปฺปมตฺตโกว ธมฺโม กถิโต, ตสฺสปิ กุชฺฌิตฺวา อิธาคตมฺหา’’ติ.
สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา, ‘‘อตุล, โปราณโต ปฏฺาย อาจิณฺณเมเวตํ, ตุณฺหีภูตมฺปิ พหุกถมฺปิ มนฺทกถมฺปิ ครหนฺติเยว. เอกนฺตํ ครหิตพฺโพเยว วา หิ ปสํสิตพฺโพเยว วา นตฺถิ ¶ . ราชาโนปิ เอกจฺเจ นินฺทนฺติ, เอกจฺเจ ปสํสนฺติ. มหาปถวิมฺปิ จนฺทิมสูริเยปิ อากาสาทโยปิ จตุปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตมฺปิ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอกจฺเจ ครหนฺติ, เอกจฺเจ ปสํสนฺติ. อนฺธพาลานฺหิ นินฺทา วา ปสํสา วา อปฺปมาณา, ปณฺฑิเตน ปน เมธาวินา นินฺทิโต นินฺทิโต นาม, ปสํสิโต จ ปสํสิโต นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘โปราณเมตํ ¶ อตุล, เนตํ อชฺชตนามิว;
นินฺทนฺติ ตุณฺหิมาสีนํ, นินฺทนฺติ พหุภาณินํ;
มิตภาณิมฺปิ นินฺทนฺติ, นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต.
‘‘น จาหุ น จ ภวิสฺสติ, น เจตรหิ วิชฺชติ;
เอกนฺตํ นินฺทิโต โปโส, เอกนฺตํ วา ปสํสิโต.
‘‘ยํ เจ วิฺู ปสํสนฺติ, อนุวิจฺจ สุเว สุเว;
อจฺฉิทฺทวุตฺตึ เมธาวึ, ปฺาสีลสมาหิตํ.
‘‘นิกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, โก ตํ นินฺทิตุมรหติ;
เทวาปิ นํ ปสํสนฺติ, พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต’’ติ.
ตตฺถ โปราณเมตนฺติ ปุราณกํ เอตํ. อตุลาติ ตํ อุปาสกํ นาเมน อาลปติ. เนตํ อชฺชตนามิวาติ อิทํ นินฺทนํ วา ปสํสนํ วา อชฺชตนํ ¶ อธุนา อุปฺปนฺนํ วิย น โหติ. ตุณฺหิมาสีนนฺติ กึ เอโส มูโค วิย พธิโร วิย กิฺจิ อชานนฺโต วิย ตุณฺหี หุตฺวา นิสินฺโนติ นินฺทนฺติ. พหุภาณินนฺติ กึ เอส วาตาหตตาลปณฺณํ วิย ตฏตฏายติ, อิมสฺส กถาปริยนฺโตเยว นตฺถีติ นินฺทนฺติ. มิตภาณิมฺปีติ กึ ¶ เอส สุวณฺณหิรฺํ วิย อตฺตโน วจนํ มฺมาโน เอกํ วา ทฺเว วา วตฺวา ตุณฺหี อโหสีติ นินฺทนฺติ. เอวํ สพฺพถาปิ อิมสฺมึ โลเก อนินฺทิโต นาม นตฺถีติ อตฺโถ. น จาหูติ อตีเตปิ นาโหสิ, อนาคเตปิ น ภวิสฺสติ.
ยํ เจ วิฺูติ พาลานํ นินฺทา วา ปสํสา วา อปฺปมาณา, ยํ ปน ปณฺฑิตา ทิวเส ทิวเส อนุวิจฺจ นินฺทการณํ วา ปสํสการณํ วา ชานิตฺวา ปสํสนฺติ, อจฺฉิทฺทาย วา สิกฺขาย ¶ อจฺฉิทฺทาย วา ชีวิตวุตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา อจฺฉิทฺทวุตฺตึ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวึ โลกิยโลกุตฺตรปฺาย เจว จตุปาริสุทฺธิสีเลน จ สมนฺนาคตตฺตา ปฺาสีลสมาหิตํ ปสํสนฺติ, ตํ สุวณฺณโทสวิรหิตํ ฆฏฺฏนมชฺชนกฺขมํ ชมฺโพนทนิกฺขํ วิย โก นินฺทิตุมรหตีติ อตฺโถ. เทวาปีติ เทวตาปิ ปณฺฑิตมนุสฺสาปิ ตํ ภิกฺขุํ อุปฏฺาย โถเมนฺติ ปสํสนฺติ. พฺรหฺมุนาปีติ น เกวลํ เทวมนุสฺเสหิ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ มหาพฺรหฺมุนาปิ เอส ปสํสิโตเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ อุปาสกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.
อตุลอุปาสกวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ
กายปฺปโกปนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เตสํ ฉพฺพคฺคิยานํ อุโภหิ หตฺเถหิ ยฏฺิโย คเหตฺวา กฏฺปาทุกา อารุยฺห ปิฏฺิปาสาเณ จงฺกมนฺตานํ ขฏขฏาติสทฺทํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, กึ สทฺโท นาเมโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ¶ ‘‘ฉพฺพคฺคิยานํ ปาทุกา อารุยฺห จงฺกมนฺตานํ ขฏขฏสทฺโท’’ติ สุตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา ‘‘ภิกฺขุนา นาม กายาทีนิ รกฺขิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘กายปฺปโกปํ รกฺเขยฺย, กาเยน สํวุโต สิยา;
กายทุจฺจริตํ หิตฺวา, กาเยน สุจริตํ จเร.
‘‘วจีปโกปํ รกฺเขยฺย, วาจาย สํวุโต สิยา;
วจีทุจฺจริตํ หิตฺวา, วาจาย สุจริตํ จเร.
‘‘มโนปโกปํ รกฺเขยฺย, มนสา สํวุโต สิยา;
มโนทุจฺจริตํ หิตฺวา, มนสา สุจริตํ จเร.
‘‘กาเยน ¶ สํวุตา ธีรา, อโถ วาจาย สํวุตา;
มนสา สํวุตา ธีรา, เต เว สุปริสํวุตา’’ติ.
ตตฺถ กายปฺปโกปนฺติ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ รกฺเขยฺย. กาเยน สํวุโตติ กายทฺวาเร ทุจฺจริตปเวสนํ นิวาเรตฺวา สํวุโต ปิหิตทฺวาโร สิยา. ยสฺมา ปน ¶ กายทุจฺจริตํ หิตฺวา กายสุจริตํ จรนฺโต อุภยมฺเปตํ กโรติ, ตสฺมา กายทุจฺจริตํ หิตฺวา, กาเยน สุจริตํ จเรติ วุตฺตํ. อนนฺตรคาถาสุปิ เอเสว นโย. กาเยน สํวุตา ธีราติ เย ปณฺฑิตา ปาณาติปาตาทีนิ อกโรนฺตา กาเยน, มุสาวาทาทีนิ อกโรนฺตา วาจาย, อภิชฺฌาทีนิ อสมุฏฺเปนฺตา มนสา สํวุตา, เต อิธ โลกสฺมึ สุสํวุตา สุรกฺขิตา สุโคปิตา สุปิหิตทฺวาราติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ อฏฺมํ.
โกธวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
สตฺตรสโม วคฺโค.
๑๘. มลวคฺโค
๑. โคฆาตกปุตฺตวตฺถุ
ปณฺฑุปลาโสว ¶ ¶ ¶ ทานิสีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โคฆาตกปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก โคฆาตโก คาโว วธิตฺวา วรมํสานิ คเหตฺวา ปจาเปตฺวา ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ นิสีทิตฺวา มํสฺจ ขาทติ, มูเลน จ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส เอวํ ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ โคฆาตกกมฺมํ กโรนฺโต ธุรวิหาเร วิหรนฺตสฺส สตฺถุ เอกทิวสมฺปิ กฏจฺฉุมตฺตมฺปิ ยาคุํ วา ภตฺตํ วา น อทาสิ. โส จ วินา มํเสน ภตฺตํ น ภฺุชติ. โส เอกทิวสํ ทิวสภาเค มํสํ วิกฺกิณิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปจิตุํ เอกํ มํสขณฺฑํ ภริยาย ทตฺวา นฺหายิตุํ อคมาสิ. อถสฺส สหายโก เคหํ คนฺตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘โถกํ เม วิกฺกิณิยมํสํ เทหิ, เคหํ ¶ เม ปาหุนโก อาคโต’’ติ. นตฺถิ วิกฺกิณิยมํสํ, สหายโก เต มํสํ วิกฺกิณิตฺวา อิทานิ นฺหายิตุํ คโตติ. มา เอวํ กริ, สเจ มํสขณฺฑํ อตฺถิ, เทหีติ. สหายกสฺส เต นิกฺขิตฺตมํสํ เปตฺวา อฺํ นตฺถีติ. โส ‘‘สหายกสฺส เม อตฺถาย ปิตมํสโต อฺํ มํสํ นตฺถิ, โส จ วินา มํเสน น ภฺุชติ, นายํ ทสฺสตี’’ติ สามํเยว ตํ มํสํ คเหตฺวา ปกฺกามิ.
โคฆาตโกปิ นฺหตฺวา อาคโต ตาย อตฺตโน ปกฺกปณฺเณน สทฺธึ วฑฺเฒตฺวา ภตฺเต อุปนีเต อาห ‘‘กหํ มํส’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, สามี’’ติ. นนุ อหํ ปจฺจนตฺถาย มํสํ ทตฺวา คโตติ. ตว สหายโก อาคนฺตฺวา ‘‘ปาหุนโก เม อาคโต, วิกฺกิณิยมํสํ เทหี’’ติ วตฺวา มยา ‘‘สหายกสฺส เต ปิตมํสโต อฺํ มํสํ นตฺถิ, โส จ วินา มํเสน น ภฺุชตี’’ติ วุตฺเตปิ พลกฺกาเรน ตํ มํสํ สามํเยว คเหตฺวา คโตติ. อหํ วินา มํเสน ภตฺตํ น ภฺุชามิ, หราหิ นนฺติ. กึ สกฺกา กาตุํ, ภฺุช, สามีติ. โส ‘‘นาหํ ภฺุชามี’’ติ ตํ ภตฺตํ หราเปตฺวา สตฺถํ อาทาย ปจฺฉาเคเห ิโต โคโณ อตฺถิ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา มุเข หตฺถํ ปกฺขิปิตฺวา ชิวฺหํ นีหริตฺวา สตฺเถน มูเล ¶ ฉินฺทิตฺวา อาทาย คนฺตฺวา องฺคาเรสุ ปจาเปตฺวา ภตฺตมตฺถเก ¶ เปตฺวา นิสินฺโน เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ ภฺุชิตฺวา เอกํ มํสขณฺฑํ มุเข เปสิ. ตงฺขณฺเวสฺส ¶ ชิวฺหา ฉิชฺชิตฺวา ภตฺตปาติยํ ปติ. ตงฺขณฺเว กมฺมสริกฺขกํ วิปากํ ลภิ. โสปิ โข โคโณ วิย โลหิตธาราย มุขโต ปคฺฆรนฺติยา อนฺโตเคหํ ปวิสิตฺวา ชณฺณุเกหิ วิจรนฺโต วิรวิ.
ตสฺมึ สมเย โคฆาตกสฺส ปุตฺโต ปิตรํ โอโลเกนฺโต สมีเป ิโต โหติ. อถ นํ มาตา อาห – ‘‘ปสฺส, ปุตฺต, อิมํ โคฆาตกํ โคณํ วิย เคหมชฺเฌ ชณฺณุเกหิ วิจริตฺวา วิรวนฺตํ, อิทํ ทุกฺขํ ตว มตฺถเก ปติสฺสติ, มมมฺปิ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน โสตฺถึ กโรนฺโต ปลายสฺสู’’ติ. โส มรณภยตชฺชิโต มาตรํ วนฺทิตฺวา ปลายิ, ปลายิตฺวา จ ปน ตกฺกสิลํ อคมาสิ. โคฆาตโกปิ โคโณ วิย เคหมชฺเฌ วิรวนฺโต วิจริตฺวา กาลกโต อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. โคโณปิ กาลมกาสิ. โคฆาตกปุตฺโตปิ ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สุวณฺณการกมฺมํ อุคฺคณฺหิ. อถสฺสาจริโย คามํ คจฺฉนฺโต ‘‘เอวรูปํ นาม อลงฺการํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. โสปิ ตถารูปํ อลงฺการํ อกาสิ. อถสฺสาจริโย อาคนฺตฺวา อลงฺการํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ยตฺถ กตฺถจิ คนฺตฺวา ชีวิตุํ สมตฺโถ’’ติ วยปฺปตฺตํ อตฺตโน ธีตรํ อทาสิ. โส ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒิ.
อถสฺส ปุตฺตา วยปฺปตฺตา สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค สาวตฺถิยํ คนฺตฺวา ตตฺถ ฆราวาสํ สณฺเปตฺวา วสนฺตา สทฺธา ปสนฺนา อเหสุํ. ปิตาปิ เนสํ ตกฺกสิลายํ กิฺจิ กุสลํ อกตฺวาว ชรํ ¶ ปาปุณิ. อถสฺส ปุตฺตา ‘‘ปิตา โน มหลฺลโก’’ติ อตฺตโน สนฺติกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ปิตุ อตฺถาย ทานํ ทสฺสามา’’ติ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺตยึสุ. เต ปุนทิวเส อนฺโตเคเห พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน สตฺถารํ อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺเหหิ อิทํ ปิตุ ชีวภตฺตํ ทินฺนํ, ปิตุ โน อนุโมทนํ กโรถา’’ติ. สตฺถา ตํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อุปาสก, ตฺวํ มหลฺลโก ปริปกฺกสรีโร ปณฺฑุปลาสสทิโส, ตว ปรโลกคมนาย กุสลปาเถยฺยํ นตฺถิ, อตฺตโน ปติฏฺํ กโรหิ, ปณฺฑิโต ภว, มา พาโล’’ติ อนุโมทนํ กโรนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ปณฺฑุปลาโสว ¶ ทานิสิ,
ยมปุริสาปิ จ เต อุปฏฺิตา;
อุยฺโยคมุเข จ ติฏฺสิ,
ปาเถยฺยมฺปิ จ เต น วิชฺชติ.
‘‘โส ¶ กโรหิ ทีปมตฺตโน,
ขิปฺปํ วายม ปณฺฑิโต ภว;
นิทฺธนฺตมโล อนงฺคโณ,
ทิพฺพํ อริยภูมึ อุเปหิสี’’ติ.
ตตฺถ ปณฺฑุปลาโสว ทานิสีติ, อุปาสก, ตฺวํ อิทานิ ฉิชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปติตปณฺฑุปลาโส วิย อโหสิ. ยมปุริสาติ ยมทูตา วุจฺจนฺติ, อิทํ ปน มรณเมว สนฺธาย วุตฺตํ, มรณํ เต ปจฺจุปฏฺิตนฺติ อตฺโถ. อุยฺโยคมุเขติ ปริหานิมุเข, อวุฑฺฒิมุเข จ ิโตสีติ อตฺโถ. ปาเถยฺยนฺติ คมิกสฺส ตณฺฑุลาทิปาเถยฺยํ ¶ วิย ปรโลกํ คจฺฉนฺตสฺส ตว กุสลปาเถยฺยมฺปิ นตฺถีติ อตฺโถ. โส กโรหีติ โส ตฺวํ สมุทฺเท นาวาย ภินฺนาย ทีปสงฺขาตํ ปติฏฺํ วิย อตฺตโน กุสลปติฏฺํ กโรหิ. กโรนฺโต จ ขิปฺปํ วายม, สีฆํ สีฆํ วีริยํ อารภ, อตฺตโน กุสลกมฺมปติฏฺกรเณน ปณฺฑิโต ภว. โย หิ มรณมุขํ อปฺปตฺวา กาตุํ สมตฺถกาเลว กุสลํ กโรติ, เอส ปณฺฑิโต นาม, ตาทิโส ภว, มา อนฺธพาโลติ อตฺโถ. ทิพฺพํ อริยภูมินฺติ เอวํ วีริยํ กโรนฺโต ราคาทีนํ มลานํ นีหฏตาย นิทฺธนฺตมโล องฺคณาภาเวน อนงฺคโณ นิกฺกิเลโส หุตฺวา ปฺจวิธํ สุทฺธาวาสภูมึ ปาปุณิสฺสสีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
เต ปุนทิวสตฺถายปิ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ สตฺถารํ อนุโมทนกาเล อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อิทมฺปิ อมฺหากํ ปิตุ ชีวภตฺตเมว, อิมสฺเสว อนุโมทนํ กโรถา’’ติ. สตฺถา ตสฺส อนุโมทนํ กโรนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
สมฺปยาโตสิ ยมสฺส สนฺติกํ;
วาโส เต นตฺถิ อนฺตรา,
ปาเถยฺยมฺปิ จ เต น วิชฺชติ.
‘‘โส กโรหิ ทีปมตฺตโน,
ขิปฺปํ วายม ปณฺฑิโต ภว;
นิทฺธนฺตมโล ¶ อนงฺคโณ,
น ปุน ชาติชรํ อุเปหิสี’’ติ.
ตตฺถ อุปนีตวโยติ อุปาติ นิปาตมตฺตํ, นีตวโยติ วิคตวโย อติกฺกนฺตวโย, ตฺวฺจสิ ทานิ ตโย วเย อติกฺกมิตฺวา มรณมุเข ิโตติ อตฺโถ. สมฺปยาโตสิ ยมสฺส สนฺติกนฺติ มรณมุขํ คนฺตุํ สชฺโช หุตฺวา ิโตสีติ อตฺโถ. วาโส เต นตฺถิ อนฺตราติ ยถา มคฺคํ คจฺฉนฺตา ตานิ ตานิ กิจฺจานิ กโรนฺตา อนฺตรามคฺเค วสนฺติ, น เอวํ ปรโลกํ คจฺฉนฺตา. น หิ สกฺกา ปรโลกํ คจฺฉนฺเตน ‘‘อธิวาเสถ กติปาหํ, ทานํ ตาว เทมิ, ธมฺมํ ตาว สุณามี’’ติอาทีนิ วตฺตุํ. อิโต ปน จวิตฺวา ปรโลเก นิพฺพตฺโตว โหติ. อิมมตฺถํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ปาเถยฺยนฺติ อิทํ กิฺจาปิ เหฏฺา วุตฺตเมว, อุปาสกสฺส ปน ปุนปฺปุนํ ทฬฺหีกรณตฺถํ อิธาปิ สตฺถารา กถิตํ. ชาติชรนฺติ เอตฺถ ¶ พฺยาธิมรณานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ. เหฏฺิมคาถาหิ จ อนาคามิมคฺโค กถิโต, อิธ อรหตฺตมคฺโค กถิโต. เอวํ สนฺเตปิ ยถา นาม รฺา อตฺตโน มุขปมาเณน กพฬํ วฑฺเฒตฺวา ปุตฺตสฺส อุปนีเต โส กุมาโร อตฺตโน มุขปมาเณเนว คณฺหาติ, เอวเมว สตฺถารา อุปริมคฺควเสน ธมฺเม เทสิเตปิ อุปาสโก อตฺตโน อุปนิสฺสยวเสน เหฏฺา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อิมิสฺสา อนุโมทนาย อวสาเน อนาคามิผลํ ปตฺโต. เสสปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
โคฆาตกปุตฺตวตฺถุ ปมํ.
๒. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ
อนุปุพฺเพนาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกทิวสํ ปาโตว นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขูนํ จีวรปารุปนฏฺาเน ภิกฺขู จีวรํ ปารุปนฺเต โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตํ ปน านํ วิรูฬฺหติณํ โหติ. อเถกสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ ปารุปนฺตสฺส จีวรกณฺโณ ติเณสุ ปวฏฺเฏนฺโต อุสฺสาวพินฺทูหิ เตมิ. พฺราหฺมโณ ‘‘อิมํ านํ ¶ อปฺปหริตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุนทิวเส กุทฺทาลํ อาทาย คนฺตฺวา ตํ านํ ตจฺเฉตฺวา ขลมณฺฑลสทิสํ อกาสิ. ปุนทิวเสปิ ตํ านํ อาคนฺตฺวา ภิกฺขูสุ จีวรํ ปารุปนฺเตสุ เอกสฺส ¶ จีวรกณฺณํ ภูมิยํ ปติตฺวา ปํสุมฺหิ ปวฏฺฏมานํ ทิสฺวา ‘‘อิธ วาลุกํ โอกิริตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา วาลุกํ อาหริตฺวา โอกิริ.
อเถกทิวสํ ปุเรภตฺตํ จณฺโฑ อาตโป อโหสิ, ตทาปิ ภิกฺขูนํ จีวรํ ปารุปนฺตานํ คตฺตโต เสเท มุจฺจนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิธ มยา มณฺฑปํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา มณฺฑปํ กาเรสิ. ปุนทิวเส ปาโตว วสฺสํ วสฺสิ, วทฺทลิกํ อโหสิ. ตทาปิ พฺราหฺมโณ ภิกฺขู โอโลเกนฺโตว ิโต ตินฺตจีวรเก ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘เอตฺถ มยา สาลํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ สาลํ กาเรตฺวา ‘‘อิทานิ สาลมหํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ¶ นิมนฺเตตฺวา อนฺโต จ พหิ จ ภิกฺขู นิสีทาเปตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนตฺถาย สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ ภิกฺขูนํ จีวรปารุปนกาเล อิมสฺมึ าเน โอโลเกนฺโต ิโต อิทฺจิทฺจ ทิสฺวา อิทฺจิทฺจ กาเรสิ’’นฺติ อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, ปณฺฑิตา นาม ขเณ ขเณ โถกํ กุสลํ กโรนฺตา อนุปุพฺเพน อตฺตโน อกุสลมลํ นีหรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อนุปุพฺเพน เมธาวี, โถกํ โถกํ ขเณ ขเณ;
กมฺมาโร รชตสฺเสว, นิทฺธเม มลมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ อนุปุพฺเพนาติ อนุปฏิปาฏิยา. เมธาวีติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต. ขเณ ขเณติ โอกาเส โอกาเส กุสลํ กโรนฺโต. กมฺมาโร รชตสฺเสวาติ ยถา สุวณฺณกาโร เอกวารเมว สุวณฺณํ ตาเปตฺวา โกฏฺเฏตฺวา มลํ นีหริตฺวา ปิลนฺธนวิกตึ กาตุํ น สกฺโกติ ¶ , ปุนปฺปุนํ ตาเปนฺโต โกฏฺเฏนฺโต ปน มลํ นีหรติ, ตโต อเนกวิธํ ปิลนฺธนวิกตึ กโรติ, เอวเมว ปุนปฺปุนํ กุสลํ กโรนฺโต ปณฺฑิโต อตฺตโน ราคาทิมลํ นิทฺธเมยฺย, เอวํ นิทฺธนฺตมโล นิกฺกิเลโสว โหตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺติ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อยสาว ¶ มลนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติสฺสตฺเถรํ นาม ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ติสฺสตฺเถโรติ ปฺายิ. โส อปรภาเค ชนปทวิหาเร วสฺสูปคโต อฏฺหตฺถกํ ถูลสาฏกํ ลภิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา ตํ อาทาย คนฺตฺวา ภคินิยา หตฺเถ เปสิ. สา ‘‘น เม เอโส สาฏโก ภาตุ อนุจฺฉวิโก’’ติ ตํ ติขิณาย วาสิยา ฉินฺทิตฺวา หีรหีรํ กตฺวา อุทุกฺขเล โกฏฺเฏตฺวา ปวิเสตฺวา โปเถตฺวา วฏฺเฏตฺวา สุขุมสุตฺตํ กนฺติตฺวา สาฏกํ วายาเปสิ. เถโรปิ สุตฺตฺเจว สูจิโย จ สํวิทหิตฺวา จีวรการเก ทหรสามเณเร สนฺนิปาเตตฺวา ภคินิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตํ ¶ เม สาฏกํ เทถ, จีวรํ กาเรสฺสามี’’ติ อาห. สา นวหตฺถํ สาฏกํ นีหริตฺวา กนิฏฺภาติกสฺส หตฺเถ เปสิ. โส ตํ คเหตฺวา วิตฺถาเรตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘มม สาฏโก ถูโล อฏฺหตฺโถ, อยํ สุขุโม นวหตฺโถ. นายํ มม สาฏโก, ตุมฺหากํ เอส, น เม อิมินา อตฺโถ, ตเมว เม เทถา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากเมว เอโส, คณฺหถ น’’นฺติ? โส เนว อิจฺฉิ. อถสฺส อตฺตนา กตกิจฺจํ สพฺพํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากเมเวส, คณฺหถ น’’นฺติ อทาสิ. โส ตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา จีวรกมฺมํ ปฏฺเปสิ.
อถสฺส ¶ ภคินี จีวรการานํ อตฺถาย ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปาเทสิ. จีวรสฺส นิฏฺิตทิวเส ปน อติเรกสกฺการํ กาเรสิ. โส จีวรํ โอโลเกตฺวา ตสฺมึ อุปฺปนฺนสิเนโห ‘‘สฺเว ทานิ นํ ปารุปิสฺสามี’’ติ สํหริตฺวา จีวรวํเส เปตฺวา ตํ รตฺตึ ภุตฺตาหารํ ชิราเปตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว จีวเร อูกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ภคินีปิสฺส กาลกิริยํ สุตฺวา ภิกฺขูนํ ปาเทสุ ปวตฺตมานา โรทิ. ภิกฺขู ตสฺส สรีรกิจฺจํ กตฺวา คิลานุปฏฺากสฺส อภาเวน สงฺฆสฺเสว ตํ ปาปุณาติ. ‘‘ภาเชสฺสาม น’’นฺติ ตํ จีวรํ นีหราเปสุํ. สา อูกา ‘‘อิเม มม สนฺตกํ วิลุมฺปนฺตี’’ติ วิรวนฺตี อิโต จิโต จ สนฺธาวิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ทิพฺพาย โสตธาตุยา ตํ สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, ติสฺสสฺส จีวรํ อภาเชตฺวา สตฺตาหํ นิกฺขิปิตุํ วเทหี’’ติ อาห. เถโร ตถา กาเรสิ. สาปิ สตฺตเม ทิวเส กาลํ กตฺวา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺติ. สตฺถา ¶ ‘‘อฏฺเม ทิวเส ติสฺสสฺส จีวรํ ภาเชตฺวา คณฺหถา’’ติ อาณาเปสิ. ภิกฺขู ตถา กรึสุ.
ภิกฺขู ¶ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กสฺมา นุ โข สตฺถา ติสฺสสฺส จีวรํ สตฺต ทิวเส ปาเปตฺวา อฏฺเม ทิวเส คณฺหิตุํ อนุชานี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ติสฺโส อตฺตโน จีวเร อูกา หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ตุมฺเหหิ ตสฺมึ ภาชิยมาเน ‘อิเม มม สนฺตกํ วิลุมฺปนฺตี’ติ วิรวนฺตี อิโต จิโต จ ธาวิ. สา ตุมฺเหหิ จีวเร คยฺหมาเน ตุมฺเหสุ มนํ ปทุสฺสิตฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺย, เตน จาหํ จีวรํ นิกฺขิปาเปสึ. อิทานิ ปน สา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺตา, เตน โว มยา จีวรคหณํ อนฺุาต’’นฺติ วตฺวา ปุน เตหิ ‘‘ภาริยา วต อยํ, ภนฺเต, ตณฺหา นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อิเมสํ สตฺตานํ ตณฺหา นาม ภาริยา. ยถา อยโต มลํ อุฏฺหิตฺวา อยเมว ขาทติ วินาเสติ อปริโภคํ กโรติ, เอวเมวายํ ตณฺหา อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชิตฺวา เต สตฺเต นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตาเปติ, วินาสํ ปาเปตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อยสาว มลํ สมุฏฺิตํ,
ตตุฏฺาย ตเมว ขาทติ;
เอวํ อติโธนจารินํ,
สานิ กมฺมานิ นยนฺติ ทุคฺคติ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อยสาวาติ อยโต สมุฏฺิตํ. ตตุฏฺายาติ ตโต อุฏฺาย. อติโธนจารินนฺติ โธนา วุจฺจติ จตฺตาโร ปจฺจเย ‘‘อิทมตฺถํ เอเต’’ติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนปฺา, ตํ อติกฺกมิตฺวา จรนฺโต อติโธนจารี นาม. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อยโต มลํ สมุฏฺาย ตโต สมุฏฺิตํ ตเมว ขาทติ, เอวเมวํ จตุปจฺจเย อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนฺตํ อติโธนจารินํ สานิ กมฺมานิ อตฺตนิ ิตตฺตา อตฺตโน สนฺตกาเนว ตานิ กมฺมานิ ทุคฺคตึ นยนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ติสฺสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. ลาลุทายิตฺเถรวตฺถุ
อสชฺฌายมลาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาลุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร ปฺจโกฏิมตฺตา อริยสาวกา วสนฺติ, ทฺเว โกฏิมตฺตา ปุถุชฺชนา วสนฺติ. เตสุ อริยสาวกา ปุเรภตฺตํ ¶ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สปฺปิเตลมธุผาณิตวตฺถาทีนิ คเหตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมกถํ สุณนฺติ. ธมฺมํ สุตฺวา คมนกาเล จ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ คุณกถํ กเถนฺติ. อุทายิตฺเถโร เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘เอเตสํ ตาว ธมฺมํ สุตฺวา ตุมฺเห เอวํ กเถถ, มม ธมฺมกถํ สุตฺวา กึ นุ โข น กเถสฺสถา’’ติ วทติ. มนุสฺสา ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘อยํ เอโก ธมฺมกถิโก ภวิสฺสติ, อิมสฺสปิ อมฺเหหิ ธมฺมกถํ โสตุํ วฏฺฏตี’’ติ เต เอกทิวสํ เถรํ ยาจิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช อมฺหากํ ธมฺมสฺสวนทิวโส’’ติ สงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อมฺหากํ ทิวา ธมฺมกถํ กเถยฺยาถา’’ติ อาหํสุ. โสปิ เตสํ อธิวาเสสิ.
เตหิ ธมฺมสฺสวนเวลาย อาคนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โน ธมฺมํ กเถถา’’ติ วุตฺเต ลาลุทายิตฺเถโร อาสเน นิสีทิตฺวา จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา ¶ จาเลนฺโต เอกมฺปิ ธมฺมปทํ อทิสฺวา ‘‘อหํ สรภฺํ ภณิสฺสามิ, อฺโ ธมฺมกถํ กเถตู’’ติ วตฺวา โอตริ. เต อฺเน ธมฺมกถํ กถาเปตฺวา สรภาณตฺถาย ปุน ตํ อาสนํ อาโรปยึสุ. โส ปุนปิ กิฺจิ อทิสฺวา ‘‘อหํ รตฺตึ กเถสฺสามิ, อฺโ สรภฺํ ภณตู’’ติ วตฺวา อาสนา โอตริ. เต อฺเน สรภฺํ ภณาเปตฺวา ปุน รตฺตึ เถรํ อานยึสุ. โส รตฺติมฺปิ กิฺจิ อทิสฺวา ‘‘อหํ ปจฺจูสกาเล กเถสฺสามิ, รตฺตึ อฺโ กเถตู’’ติ วตฺวา โอตริ. เต อฺเน รตฺตึ กถาเปตฺวา ¶ ปุน ปจฺจูเส ตํ อานยึสุ. โส ปุนปิ กิฺจิ นาทฺทส. มหาชโน เลฑฺฑุทณฺฑาทีนิ คเหตฺวา, ‘‘อนฺธพาล, ตฺวํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ วณฺเณ กถิยมาเน เอวฺเจวฺจ วเทสิ, อิทานิ กสฺมา น กเถสี’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา ปลายนฺตํ อนุพนฺธิ. โส ปลายนฺโต เอกิสฺสา วจฺจกุฏิยา ปติ.
มหาชโน กถํ สมุฏฺาเปสิ – ‘‘อชฺช ลาลุทายี สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ คุณกถาย ปวตฺตมานาย อุสฺสูยนฺโต อตฺตโน ธมฺมกถิกภาวํ ปกาเสตฺวา มนุสฺเสหิ สกฺการํ กตฺวา ‘ธมฺมํ สุโณมา’ติ วุตฺเต จตุกฺขตฺตุํ อาสเน นิสีทิตฺวา กเถตพฺพยุตฺตกํ กิฺจิ อปสฺสนฺโต ‘ตฺวํ อมฺหากํ ¶ อยฺเยหิ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานตฺเถเรหิ สทฺธึ ยุคคฺคาหํ คณฺหาสี’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทีนิ คเหตฺวา สนฺตชฺเชตฺวา ปลาปิยมาโน วจฺจกุฏิยา ปติโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เอโส คูถกูเป นิมุคฺโคเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘จตุปฺปโท อหํ สมฺม, ตฺวมฺปิ สมฺม จตุปฺปโท;
เอหิ สมฺม นิวตฺตสฺสุ, กึ นุ ภีโต ปลายสิ.
‘‘อสุจิปูติโลโมสิ, ทุคฺคนฺโธ วาสิ สูกร;
สเจ ยุชฺฌิตุกาโมสิ, ชยํ สมฺม ททามิ เต’’ติ. (ชา. ๑.๒.๕-๖) –
อิมํ ¶ ชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. ตทา สีโห สาริปุตฺโต อโหสิ, สูกโร ลาลุทายีติ. สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ลาลุทายินา อปฺปมตฺตโกว ธมฺโม อุคฺคหิโต, สชฺฌายํ ปน เนว ¶ อกาสิ, กิฺจิ ปริยตฺตึ อุคฺคเหตฺวา ตสฺสา อสชฺฌายกรณํ มลเมวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อสชฺฌายมลา มนฺตา, อนุฏฺานมลา ฆรา;
มลํ วณฺณสฺส โกสชฺชํ, ปมาโท รกฺขโต มล’’นฺติ.
ตตฺถ อสชฺฌายมลาติ ยากาจิ ปริยตฺติ วา สิปฺปํ วา ยสฺมา อสชฺฌายนฺตสฺส อนนุยฺุชนฺตสฺส วินสฺสติ วา นิรนฺตรํ วา น อุปฏฺาติ, ตสฺมา ‘‘อสชฺฌายมลา มนฺตา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ฆราวาสํ วสนฺตสฺส อุฏฺายุฏฺาย ชิณฺณปฏิสงฺขรณาทีนิ อกโรนฺตสฺส ฆรํ นาม วินสฺสติ, ตสฺมา ‘‘อนุฏฺานมลา ฆรา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา คิหิสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา โกสชฺชวเสน สรีรปฏิชคฺคนํ วา ปริกฺขารปฏิชคฺคนํ วา อกโรนฺตสฺส กาโย ทุพฺพณฺโณ โหติ, ตสฺมา ‘‘มลํ วณฺณสฺส โกสชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา คาโว รกฺขนฺตสฺส ปมาทวเสน นิทฺทายนฺตสฺส วา กีฬนฺตสฺส วา ตา คาโว อติตฺถปกฺขนฺทนาทินา ¶ วา วาฬมิคโจราทิอุปทฺทเวน วา ปเรสํ สาลิเขตฺตาทีนิ โอตริตฺวา ขาทนวเสน วินาสํ อาปชฺชนฺติ, สยมฺปิ ทณฺฑํ วา ปริภาสํ วา ปาปุณาติ, ปพฺพชิตํ วา ปน ฉ ทฺวารานิ อรกฺขนฺตํ ปมาทวเสน กิเลสา โอตริตฺวา สาสนา จาเวนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปมาโท รกฺขโต มล’’นฺติ วุตฺตํ. โส หิสฺส วินาสาวหเนน มลฏฺานิยตฺตา มลนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ลาลุทายิตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อฺตรกุลปุตฺตวตฺถุ
มลิตฺถิยา ทุจฺจริตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุลปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส กิร สมานชาติกํ กุลกุมาริกํ อาเนสุํ. สา อานีตทิวสโต ปฏฺาย อติจารินี อโหสิ. โส กุลปุตฺโต ตสฺสา อติจาเรน ลชฺชิโต กสฺสจิ สมฺมุขีภาวํ อุปคนฺตุํ อสกฺโกนฺโต ¶ พุทฺธุปฏฺานาทีนิ ¶ ปจฺฉินฺทิตฺวา กติปาหจฺจเยน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กึ, อุปาสก, น ทิสฺสสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘อุปาสก, ปุพฺเพปิ มยา ‘อิตฺถิโย นาม นทีอาทิสทิสา, ตาสุ ปณฺฑิเตน โกโธ น กาตพฺโพ’ติ วุตฺตํ, ตฺวํ ปน ภวปฏิจฺฉนฺนตฺตา น สลฺลกฺเขสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต –
‘‘ยถา นที จ ปนฺโถ จ, ปานาคารํ สภา ปปา;
เอวํ โลกิตฺถิโย นาม, เวลา ตาสํ น วิชฺชตี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๖๕; ๑.๑๒.๙) –
ชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘อุปาสก, อิตฺถิยา หิ อติจารินิภาโว มลํ, ทานํ เทนฺตสฺส มจฺเฉรํ มลํ, อิธโลกปรโลเกสุ สตฺตานํ อกุสลกมฺมํ วินาสนตฺเถน มลํ, อวิชฺชา ปน สพฺพมลานํ อุตฺตมมล’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘มลิตฺถิยา ทุจฺจริตํ, มจฺเฉรํ ททโต มลํ;
มลา เว ปาปกา ธมฺมา, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
‘‘ตโต มลา มลตรํ, อวิชฺชา ปรมํ มลํ;
เอตํ มลํ ปหนฺตฺวาน, นิมฺมลา โหถ ภิกฺขโว’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ ทุจฺจริตนฺติ อติจาโร. อติจารินิฺหิ อิตฺถึ สามิโกปิ เคหา นีหรติ, มาตาปิตูนํ สนฺติกํ คตมฺปิ ‘‘ตฺวํ กุลสฺส อคารวภูตา, อกฺขีหิปิ น ทฏฺพฺพา’’ติ ตํ นีหรนฺติ. สา อนาถา วิจรนฺตี มหาทุกฺขํ ปาปุณาติ. เตนสฺสา ทุจฺจริตํ ‘‘มล’’นฺติ วุตฺตํ. ททโตติ ทายกสฺส. ยสฺส หิ เขตฺตกสนกาเล ‘‘อิมสฺมึ เขตฺเต สมฺปนฺเน สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิปฺผนฺเน สสฺเสปิ มจฺเฉรํ อุปฺปชฺชิตฺวา จาคจิตฺตํ นิวาเรติ, โส มจฺเฉรวเสน จาคจิตฺเต อวิรูหนฺเต มนุสฺสสมฺปตฺตึ ทิพฺพสมฺปตฺตึ นิพฺพานสมฺปตฺตินฺติ ติสฺโส สมฺปตฺติโย น ลภติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘มจฺเฉรํ ททโต มล’’นฺติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ปาปกา ธมฺมาติ อกุสลธมฺมา ปน อิธโลเก จ ปรโลเก จ มลเมว.
ตโตติ เหฏฺา วุตฺตมลโต. มลตรนฺติ อติเรกมลํ โว กเถมีติ อตฺโถ. อวิชฺชาติ ¶ อฏฺวตฺถุกํ อฺาณเมว ปรมํ มลํ. ปหนฺตฺวานาติ ¶ เอตํ มลํ ชหิตฺวา, ภิกฺขเว, ตุมฺเห นิมฺมลา โหถาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อฺตรกุลปุตฺตวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. จูฬสาริวตฺถุ
สุชีวนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬสารึ นาม สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกทิวเส เวชฺชกมฺมํ กตฺวา ปณีตโภชนํ ลภิตฺวา อาทาย นิกฺขมนฺโต อนฺตรามคฺเค เถรํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ มยา เวชฺชกมฺมํ กตฺวา ลทฺธํ, ตุมฺเห อฺตฺถ เอวรูปํ โภชนํ น ลภิสฺสถ, อิมํ ภฺุชถ, อหํ เต เวชฺชกมฺมํ กตฺวา นิจฺจกาลํ เอวรูปํ อาหารํ อาหริสฺสามี’’ติ อาห. เถโร ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุณฺหีภูโตว ปกฺกามิ. ภิกฺขู วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อหิริโก นาม ปคพฺโภ กากสทิโส หุตฺวา เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ตฺวา สุขํ ชีวติ, หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺโน ปน ทุกฺขํ ชีวตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สุชีวํ ¶ อหิริเกน, กากสูเรน ธํสินา;
ปกฺขนฺทินา ปคพฺเภน, สํกิลิฏฺเน ชีวิตํ.
‘‘หิรีมตา ¶ จ ทุชฺชีวํ, นิจฺจํ สุจิคเวสินา;
อลีเนนาปฺปคพฺเภน, สุทฺธาชีเวน ปสฺสตา’’ติ.
ตตฺถ อหิริเกนาติ ฉินฺนหิโรตฺตปฺปเกน. เอวรูเปน หิ อมาตรเมว ‘‘มาตา เม’’ติ อปิตาทโย เอว จ ‘‘ปิตา เม’’ติอาทินา นเยน วตฺวา เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ปติฏฺาย สุเขน ชีวตุํ สกฺกา. กากสูเรนาติ สูรกากสทิเสน. ยถา หิ สูรกาโก กุลฆเรสุ ยาคุอาทีนิ คณฺหิตุกาโม ภิตฺติอาทีสุ นิสีทิตฺวา อตฺตโน โอโลกนภาวํ ตฺวา อโนโลเกนฺโต วิย อฺวิหิตโก วิย ¶ นิทฺทายนฺโต วิย จ หุตฺวา มนุสฺสานํ ปมาทํ สลฺลกฺเขตฺวา อนุปติตฺวา ‘‘สูสู’’ติ วทนฺเตสุเยว ภาชนโต มุขปูรํ คเหตฺวา ปลายติ, เอวเมวํ อหิริกปุคฺคโลปิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ คามํ ปวิสิตฺวา ยาคุภตฺตฏฺานาทีนิ ววตฺถเปติ. ตตฺถ ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาปนมตฺตํ อาทาย อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตา ยาคุํ ปิวิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺติ สชฺฌายนฺติ อาสนสาลํ สมฺมชฺชนฺติ. อยํ ปน อกตฺวา คามาภิมุโขว โหติ.
โส หิ ภิกฺขูหิ ‘‘ปสฺสถิม’’นฺติ โอโลกิยมาโนปิ อโนโลเกนฺโต วิย อฺวิหิโต วิย นิทฺทายนฺโต วิย คณฺิกํ ปฏิมฺุจนฺโต ¶ วิย จีวรํ สํวิทหนฺโต วิย หุตฺวา ‘‘อสุกํ นาม เม กมฺมํ อตฺถี’’ติ วทนฺโต อุฏฺายาสนา คามํ ปวิสิตฺวา ปาโตว ววตฺถปิตเคเหสุ อฺตรํ เคหํ อุปสงฺกมิตฺวา ฆรมานุสเกสุ โถกํ กวาฏํ ปิธาย ทฺวาเร นิสีทิตฺวา กนฺทนฺเตสุปิ เอเกน หตฺเถน กวาฏํ ปณาเมตฺวา อนฺโต ปวิสติ. อถ นํ ทิสฺวา อกามกาปิ อาสเน นิสีทาเปตฺวา ยาคุอาทีสุ ยํ อตฺถิ, ตํ เทนฺติ. โส ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา อวเสสํ ปตฺเตนาทาย ปกฺกมติ. อยํ กากสูโร นาม. เอวรูเปน อหิริเกน สุชีวนฺติ อตฺโถ.
ธํสินาติ ‘‘อสุกตฺเถโร นาม อปฺปิจฺโฉ’’ติอาทีนิ วทนฺเตสุ – ‘‘กึ ปน มยํ น อปฺปิจฺฉา’’ติอาทิวจเนน ปเรสํ คุณธํสนตาย ธํสินา. ตถารูปสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อยมฺปิ อปฺปิจฺฉตาทิคุเณ ยุตฺโต’’ติ มฺมานา มนุสฺสา ทาตพฺพํ มฺนฺติ. โส ปน ตโต ปฏฺาย วิฺูปุริสานํ ¶ จิตฺตํ อาราเธตุํ อสกฺโกนฺโต ตมฺหาปิ ลาภา ปริหายติ. เอวํ ธํสิปุคฺคโล อตฺตโนปิ ปรสฺสปิ ลาภํ นาเสติเยว.
ปกฺขนฺทินาติ ปกฺขนฺทจารินา. ปเรสํ กิจฺจานิปิ อตฺตโน กิจฺจานิ วิย ทสฺเสนฺโต ปาโตว ภิกฺขูสุ เจติยงฺคณาทีสุ วตฺตํ กตฺวา กมฺมฏฺานมนสิกาเรน โถกํ ¶ นิสีทิตฺวา อุฏฺาย คามํ ปวิสนฺเตสุ มุขํ โธวิตฺวา ปณฺฑุกาสาวปารุปนอกฺขิอฺชนสีสมกฺขนาทีหิ อตฺตภาวํ มณฺเฑตฺวา สมฺมชฺชนฺโต วิย ทฺเว ตโย สมฺมชฺชนิปหาเร ทตฺวา ทฺวารโกฏฺกาภิมุโข โหติ. มนุสฺสา ปาโตว ‘‘เจติยํ วนฺทิสฺสาม, มาลาปูชํ กริสฺสามา’’ติ ¶ อาคตา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ วิหาโร อิมํ ทหรํ นิสฺสาย ปฏิชคฺคนํ ลภติ, อิมํ มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ วตฺวา ตสฺส ทาตพฺพํ มฺนฺติ. เอวรูเปน ปกฺขนฺทินาปิ สุชีวํ. ปคพฺเภนาติ กายปาคพฺภิยาทีหิ สมนฺนาคเตน. สํกิลิฏฺเน ชีวิตนฺติ เอวํ ชีวิกํ กปฺเปตฺวา ชีวนฺเตน หิ ปุคฺคเลน สํกิลิฏฺเน หุตฺวา ชีวิตํ นาม โหติ, ตํ ทุชฺชีวิตํ ปาปเมวาติ อตฺโถ.
หิรีมตา จาติ หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺเนน ปุคฺคเลน ทุชฺชีวํ. โส หิ อมาตาทโยว ‘‘มาตา เม’’ติอาทีนิ อวตฺวา อธมฺมิเก ปจฺจเย คูถํ วิย ชิคุจฺฉนฺโต ธมฺเมน สเมน ปริเยสนฺโต สปทานํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ลูขํ ชีวิกํ ชีวตีติ อตฺโถ. สุจิคเวสินาติ สุจีนิ กายกมฺมาทีนิ คเวสนฺเตน. อลีเนนาติ ชีวิตวุตฺติมนลฺลีเนน. สุทฺธาชีเวน ปสฺสตาติ ¶ เอวรูโป หิ ปุคฺคโล สุทฺธาชีโว นาม โหติ. เตน เอวํ สุทฺธาชีเวน ตเมว สุทฺธาชีวํ สารโต ปสฺสตา ลูขชีวิตวเสน ทุชฺชีวํ โหตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
จูฬสาริวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ปฺจอุปาสกวตฺถุ
โย ปาณนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจ อุปาสเก อารพฺภ กเถสิ.
เตสุ หิ เอโก ปาณาติปาตาเวรมณิสิกฺขาปทเมว รกฺขติ, อิตเร อิตรานิ. เต เอกทิวสํ ‘‘อหํ ทุกฺกรํ กโรมิ, ทุกฺกรํ รกฺขามี’’ติ วิวาทาปนฺนา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ¶ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา เอกสีลมฺปิ กนิฏฺกํ อกตฺวา ‘‘สพฺพาเนว ทุรกฺขานี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘โย ปาณมติปาเตติ, มุสาวาทฺจ ภาสติ;
โลเก อทินฺนมาทิยติ, ปรทารฺจ คจฺฉติ.
‘‘สุราเมรยปานฺจ ¶ ¶ , โย นโร อนุยฺุชติ;
อิเธว เมโส โลกสฺมึ, มูลํ ขณติ อตฺตโน.
‘‘เอวํ โภ ปุริส ชานาหิ, ปาปธมฺมา อสฺตา;
มา ตํ โลโภ อธมฺโม จ, จิรํ ทุกฺขาย รนฺธยุ’’นฺติ.
ตตฺถ โย ปาณมติปาเตตีติ โย สาหตฺถิกาทีสุ ฉสุ ปโยเคสุ เอกปโยเคนาปิ ปรสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ อุปจฺฉินฺทติ. มุสาวาทนฺติ ปเรสํ อตฺถภฺชนกํ มุสาวาทฺจ ภาสติ. โลเก อทินฺนมาทิยตีติ อิมสฺมึ สตฺตโลเก เถยฺยาวหาราทีสุ เอเกนปิ อวหาเรน ปรปริคฺคหิตํ อาทิยติ. ปรทารฺจ คจฺฉตีติ ปรสฺส รกฺขิตโคปิเตสุ ภณฺเฑสุ อปรชฺฌนฺโต อุปฺปถจารํ จรติ. สุราเมรยปานนฺติ ยสฺส กสฺสจิ สุราย เจว เมรยสฺส จ ปานํ. อนุยฺุชตีติ เสวติ พหุลีกโรติ. มูลํ ขณตีติ ติฏฺตุ ปรโลโก, โส ปน ปุคฺคโล อิธ โลกสฺมึเยว เยน เขตฺตวตฺถุอาทินา มูเลน ปติฏฺเปยฺย, ตมฺปิ อฏฺเปตฺวา วา วิสฺสชฺเชตฺวา วา สุรํ ปิวนฺโต อตฺตโน มูลํ ขณติ, อนาโถ กปโณ หุตฺวา วิจรติ. เอวํ, โภติ ปฺจทุสฺสีลฺยกมฺมการกํ ปุคฺคลํ อาลปติ. ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมา. อสฺตาติ กายสฺตาทิรหิตา. อเจตสาติปิ ปาโ, อจิตฺตกาติ อตฺโถ. โลโภ อธมฺโม จาติ โลโภ เจว โทโส จ. อุภยมฺปิ เหตํ อกุสลเมว. จิรํ ทุกฺขาย รนฺธยุนฺติ จิรกาลํ นิรยทุกฺขาทีนํ อตฺถาย ¶ ตํ เอเต ธมฺมา มา รนฺเธนฺตุ มา มตฺเถนฺตูติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ปฺจ อุปาสกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ปฺจอุปาสกวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. ติสฺสทหรวตฺถุ
ททาติ ¶ เวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติสฺสทหรํ นาม อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน วิสาขาย อุปาสิกายาติ ปฺจนฺนํ อริยสาวกโกฏีนํ ทานํ นินฺทนฺโต วิจริ, อสทิสทานมฺปิ นินฺทิเยว. เตสํ เตสํ ทานคฺเค สีตลํ ลภิตฺวา ‘‘สีตล’’นฺติ นินฺทิ, อุณฺหํ ลภิตฺวา ‘‘อุณฺห’’นฺติ นินฺทิ. อปฺปํ เทนฺเตปิ ‘‘กึ อิเม อปฺปมตฺตกํ เทนฺตี’’ติ นินฺทิ, พหุํ เทนฺเตปิ ‘‘อิเมสํ เคเห ปนฏฺานํ มฺเ นตฺถิ, นนุ นาม ภิกฺขูนํ ยาปนมตฺตํ ทาตพฺพํ, เอตฺตกํ ยาคุภตฺตํ นิรตฺถกเมว วิสฺสชฺชตี’’ติ นินฺทิ. อตฺตโน ปน าตเก อารพฺภ ‘‘อโห อมฺหากํ าตกานํ เคหํ จตูหิ ทิสาหิ อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ โอปานภูต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปสํสํ ¶ ปวตฺเตสิ. โส ปเนกสฺส โทวาริกสฺส ปุตฺโต ชนปทํ วิจรนฺเตหิ วฑฺฒกีหิ สทฺธึ วิจรนฺโต สาวตฺถึ ปตฺวา ปพฺพชิโต. อถ นํ ภิกฺขู เอวํ มนุสฺสานํ ทานาทีนิ นินฺทนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปริคฺคณฺหิสฺสาม น’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อาวุโส, ตว าตกา กหํ วสนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อสุกคาเม นามา’’ติ สุตฺวาว กติปเย ทหเร เปเสสุํ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา คามวาสิเกหิ อาสนสาลาย นิสีทาเปตฺวา กตสกฺการา ปุจฺฉึสุ – ‘‘อิมมฺหา คามา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ติสฺโส นาม ทหโร อตฺถิ. ตสฺส กตเม าตกา’’ติ? มนุสฺสา ‘‘อิธ กุลเคหโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตทารโก นตฺถิ, กึ นุ โข อิเม วทนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอโก โทวาริกปุตฺโต วฑฺฒกีหิ สทฺธึ วิจริตฺวา ปพฺพชิโตติ สุโณม, ตํ สนฺธาย วเทถ มฺเ’’ติ อาหํสุ. ทหรภิกฺขู ติสฺสสฺส ตตฺถ อิสฺสราตกานํ อภาวํ ตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา ‘‘อการณเมว, ภนฺเต, ติสฺโส วิลปนฺโต วิจรตี’’ติ ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขูนํ อาโรเจสุํ. ภิกฺขูปิ ตํ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว วิกตฺเถนฺโต วิจรติ, ปุพฺเพปิ วิกตฺถโกว อโหสี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘พหุมฺปิ โส วิกตฺเถยฺย, อฺํ ชนปทํ คโต;
อนฺวาคนฺตฺวาน ทูเสยฺย, ภฺุช โภเค กฏาหกา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๒๕) –
อิมํ กฏาหชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, โย หิ ปุคฺคโล ปเรหิ อปฺปเก วา พหุเก วา ลูเข วา ปณีเต วา ทินฺเน อฺเสํ วา ทตฺวา อตฺตโน ¶ อทินฺเน มงฺกุ โหติ, ตสฺส ฌานํ ¶ วา ¶ วิปสฺสนํ วา มคฺคผลาทีนิ วา น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ททาติ เว ยถาสทฺธํ, ยถาปสาทนํ ชโน;
ตตฺถ โย จ มงฺกุ โหติ, ปเรสํ ปานโภชเน;
น โส ทิวา วา รตฺตึ วา, สมาธิมธิคจฺฉติ.
‘‘ยสฺส เจตํ สมุจฺฉินฺนํ, มูลฆจฺจํ สมูหตํ;
ส เว ทิวา วา รตฺตึ วา, สมาธิมธิคจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ ททาติ เว ยถาสทฺธนฺติ ลูขปณีตาทีสุ ยํกิฺจิ เทนฺโต ชโน ยถาสทฺธํ อตฺตโน สทฺธานุรูปเมว เทติ. ยถาปสาทนนฺติ เถรนวาทีสุ จสฺส ยสฺมึ ยสฺมึ ปสาโท อุปฺปชฺชติ, ตสฺส เทนฺโต ยถาปสาทนํ อตฺตโน ปสาทานุรูปเมว เทติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปรสฺส ทาเน ‘‘มยา อปฺปํ วา ลทฺธํ, ลูขํ วา ลทฺธ’’นฺติ มงฺกุภาวํ อาปชฺชติ. สมาธินฺติ โส ปุคฺคโล ทิวา วา รตฺตึ วา อุปจารปฺปนาวเสน วา มคฺคผลวเสน วา สมาธึ นาธิคจฺฉติ. ยสฺส เจตนฺติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส เอตํ เอเกสุ าเนสุ มงฺกุภาวสงฺขาตํ อกุสลํ สมุจฺฉินฺนํ มูลฆจฺจํ กตฺวา อรหตฺตมคฺคาเณน สมูหตํ, โส วุตฺตปฺปการํ สมาธึ อธิคจฺฉตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ติสฺสทหรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. ปฺจอุปาสกวตฺถุ
นตฺถิ ¶ ราคสโม อคฺคีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจ อุปาสเก อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร ธมฺมํ โสตุกามา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. พุทฺธานฺจ ‘‘อยํ ขตฺติโย, อยํ พฺราหฺมโณ, อยํ อฑฺโฒ, อยํ ทุคฺคโต, อิมสฺส อุฬารํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, อิมสฺส โน’’ติ จิตฺตํ น อุปฺปชฺชติ. ยํกิฺจิ อารพฺภ ธมฺมํ เทเสนฺโต ธมฺมคารวํ ¶ ปุรกฺขตฺวา อากาสคงฺคํ ¶ โอตาเรนฺโต วิย เทเสติ. เอวํ เทเสนฺตสฺส ปน ตถาคตสฺส สนฺติเก นิสินฺนานํ เตสํ เอโก นิสินฺนโกว นิทฺทายิ, เอโก องฺคุลิยา ภูมึ ลิขนฺโต นิสีทิ, เอโก เอกํ รุกฺขํ จาเลนฺโต นิสีทิ, เอโก อากาสํ อุลฺโลเกนฺโต นิสีทิ, เอโก ปน สกฺกจฺจํ ธมฺมํ อสฺโสสิ.
อานนฺทตฺเถโร สตฺถารํ พีชยมาโน เตสํ อาการํ โอโลเกนฺโต สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อิเมสํ มหาเมฆคชฺชิตํ คชฺชนฺตา วิย ธมฺมํ เทเสถ, เอเต ปน ตุมฺเหสุปิ ธมฺมํ กเถนฺเตสุ อิทฺจิทฺจ กโรนฺตา นิสินฺนา’’ติ. ‘‘อานนฺท, ตฺวํ เอเต น ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. เอเตสุ หิ โย เอส นิทฺทายนฺโต นิสินฺโน, เอส ปฺจ ชาติสตานิ สปฺปโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา โภเคสุ สีสํ เปตฺวา นิทฺทายิ, อิทานิปิสฺส นิทฺทาย ติตฺติ นตฺถิ, นาสฺส กณฺณํ ¶ มม สทฺโท ปวิสตีติ. กึ ปน, ภนฺเต, ปฏิปาฏิยา กเถถ, อุทาหุ อนฺตรนฺตราติ. อานนฺท, เอตสฺส หิ กาเลน มนุสฺสตฺตํ, กาเลน เทวตฺตํ, กาเลน นาคตฺตนฺติ เอวํ อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺชนฺตสฺส อุปปตฺติโย สพฺพฺุตฺาเณนาปิ น สกฺกา ปริจฺฉินฺทิตุํ. ปฏิปาฏิยา ปเนส ปฺจ ชาติสตานิ นาคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา นิทฺทายนฺโตปิ นิทฺทาย อติตฺโตเยว. องฺคุลิยา ภูมึ ลิขนฺโต นิสินฺนปุริโสปิ ปฺจ ชาติสตานิ คณฺฑุปฺปาทโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ภูมึ ขณิ, อิทานิปิ ภูมึ ขณนฺโตว มม สทฺทํ น สุณาติ. เอส รุกฺขํ จาเลนฺโต นิสินฺนปุริโสปิ ปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ มกฺกฏโยนิยํ นิพฺพตฺติ, อิทานิปิ ปุพฺพาจิณฺณวเสน รุกฺขํ จาเลติเยว, นาสฺส กณฺณํ มม สทฺโท ปวิสติ. เอส อากาสํ อุลฺโลเกตฺวา นิสินฺนปุริโสปิ ปฺจ ชาติสตานิ นกฺขตฺตปาโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อิทานิ ปุพฺพาจิณฺณวเสน อชฺชาปิ อากาสเมว อุลฺโลเกติ, นาสฺส กณฺณํ มม สทฺโท ปวิสติ. เอส สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺโต นิสินฺนปุริโส ปน ปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู มนฺตชฺฌายกพฺราหฺมโณ หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อิทานิปิ มนฺตํ สํสนฺทนฺโต วิย สกฺกจฺจํ สุณาตีติ.
‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ธมฺมเทสนา ฉวิอาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺติ, กสฺมา อิเม ตุมฺเหสุปิ ธมฺมํ เทเสนฺเตสุ สกฺกจฺจํ น สุณนฺตี’’ติ? ‘‘อานนฺท, มม ธมฺโม สุสฺสวนีโยติ สฺํ กโรสิ มฺเ’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ทุสฺสวนีโย’’ติ? ‘‘อาม, อานนฺทา’’ติ. ‘‘กสฺมา, ภนฺเต’’ติ ¶ ? ‘‘อานนฺท, พุทฺโธติ ¶ วา ธมฺโมติ วา สงฺโฆติ วา ปทํ อิเมหิ สตฺเตหิ อเนเกสุปิ กปฺปโกฏิสตสหสฺเสสุ อสุตปุพฺพํ. ยสฺมา อิมํ ธมฺมํ โสตุํ น สกฺโกนฺตา อนมตคฺเค สํสาเร อิเม สตฺตา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํเยว สุณนฺตา อาคตา, ตสฺมา ¶ สุราปานเกฬิมณฺฑลาทีสุ คายนฺตา นจฺจนฺตา วิจรนฺติ, ธมฺมํ โสตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. ‘‘กึ นิสฺสาย ปเนเต น สกฺโกนฺติ, ภนฺเต’’ติ?
อถสฺส สตฺถา, ‘‘อานนฺท, ราคํ นิสฺสาย โทสํ นิสฺสาย โมหํ นิสฺสาย ตณฺหํ นิสฺสาย น สกฺโกนฺติ. ราคคฺคิสทิโส อคฺคิ นาม นตฺถิ, โส ฉาริกมฺปิ อเสเสตฺวา สตฺเต ทหติ. กิฺจาปิ สตฺตสูริยปาตุภาวํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน กปฺปวินาสโก อคฺคิปิ กิฺจิ อนวเสเสตฺวาว โลกํ ทหติ, โส ปน อคฺคิ กทาจิเยว ทหติ. ราคคฺคิโน อทหนกาโล นาม นตฺถิ, ตสฺมา ราคสโม วา อคฺคิ โทสสโม วา คโห โมหสมํ วา ชาลํ ตณฺหาสมา วา นที นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ, นตฺถิ โทสสโม คโห;
นตฺถิ โมหสมํ ชาลํ, นตฺถิ ตณฺหาสมา นที’’ติ.
ตตฺถ ราคสโมติ ธูมาทีสุ กิฺจิ อทสฺเสตฺวา อนฺโตเยว อุฏฺาย ฌาปนวเสน ราเคน สโม อคฺคิ นาม นตฺถิ. โทสสโมติ ยกฺขคหอชครคหกุมฺภิลคหาทโย เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว คณฺหิตุํ สกฺโกนฺติ, โทสคโห ปน สพฺพตฺถ เอกนฺตเมว คณฺหาตีติ โทเสน สโม ¶ คโห นาม นตฺถิ. โมหสมนฺติ โอนนฺธนปริโยนนฺธนฏฺเน ปน โมหสมํ ชาลํ นาม นตฺถิ. ตณฺหาสมาติ คงฺคาทีนํ นทีนํ ปุณฺณกาโลปิ อูนกาโลปิ สุกฺขกาโลปิ ปฺายติ, ตณฺหาย ปน ปุณฺณกาโล วา สุกฺขกาโล วา นตฺถิ, นิจฺจํ อูนาว ปฺายตีติ ทุปฺปูรณฏฺเน ตณฺหาย สมา นที นาม นตฺถีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺโต อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ปฺจอุปาสกวตฺถุ นวมํ.
๑๐. เมณฺฑกเสฏฺิวตฺถุ
สุทสฺสํ ¶ วชฺชนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ภทฺทิยนครํ นิสฺสาย ชาติยาวเน วิหรนฺโต เมณฺฑกเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถา ¶ กิร องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรนฺโต เมณฺฑกเสฏฺิโน จ, ภริยาย จสฺส จนฺทปทุมาย, ปุตฺตสฺส จ ธนฺจยเสฏฺิโน, สุณิสาย จ สุมนเทวิยา, นตฺตาย จสฺส วิสาขาย, ทาสสฺส จ ปุณฺณสฺสาติ อิเมสํ โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ภทฺทิยนครํ คนฺตฺวา ชาติยาวเน วิหาสิ. เมณฺฑกเสฏฺิ สตฺถุ อาคมนํ อสฺโสสิ. กสฺมา ¶ ปเนส เมณฺฑกเสฏฺิ นาม ชาโตติ? ตสฺส กิร ปจฺฉิมเคเห อฏฺกรีสมตฺเต าเน หตฺถิอสฺสอุสภปมาณา สุวณฺณเมณฺฑกา ปถวึ ภินฺทิตฺวา ปิฏฺิยา ปิฏฺึ ปหรมานา อุฏฺหึสุ. เตสํ มุเขสุ ปฺจวณฺณานํ สุตฺตานํ เคณฺฑุกา ปกฺขิตฺตา โหนฺติ. สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีหิ วา วตฺถจฺฉาทนหิรฺสุวณฺณาทีหิ วา อตฺเถ สติ เตสํ มุขโต เคณฺฑุเก อปเนนฺติ, เอกสฺสาปิ เมณฺฑกสฺส มุขโต ชมฺพุทีปวาสีนํ ปโหนกํ สปฺปิเตลมธุผาณิตวตฺถจฺฉาทนหิรฺสุวณฺณํ นิกฺขมติ. ตโต ปฏฺาย เมณฺฑกเสฏฺีติ ปฺายิ.
กึ ปนสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? วิปสฺสีพุทฺธกาเล กิร เอส อวโรชสฺส นาม กุฏุมฺพิกสฺส ภาคิเนยฺโย มาตุเลน สมานนาโม อวโรโช นาม อโหสิ. อถสฺส มาตุโล สตฺถุ คนฺธกุฏึ กาตุํ อารภิ. โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘มาตุล, อุโภปิ สเหว กโรมา’’ติ วตฺวา ‘‘อหํ อฺเหิ สทฺธึ อสาธารณํ กตฺวา เอกโกว กริสฺสามี’’ติ เตน ปน ปฏิกฺขิตฺตกาเล ‘‘อิมสฺมึ าเน คนฺธกุฏิยา กตาย อิมสฺมึ นาม าเน กฺุชรสาลํ นาม ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อรฺโต ทพฺพสมฺภาเร อาหราเปตฺวา เอกํ ถมฺภํ สุวณฺณขจิตํ, เอกํ รชตขจิตํ, เอกํ มณิขจิตํ, เอกํ สตฺตรตนขจิตนฺติ เอวํ ตุลาสงฺฆาตทฺวารกวาฏวาตปานโคปานสีฉทนิฏฺกา สพฺพาปิ สุวณฺณาทิขจิตาว กาเรตฺวา คนฺธกุฏิยา สมฺมุขฏฺาเน ตถาคตสฺส สตฺตรตนมยํ กฺุชรสาลํ กาเรสิ. ตสฺสา อุปริ ฆนรตฺตสุวณฺณมยา กมฺพลา ปวาฬมยา สิขรถูปิกาโย อเหสุํ. กฺุชรสาลาย ¶ มชฺเฌ าเน ¶ รตนมณฺฑปํ กาเรตฺวา ธมฺมาสนํ ปติฏฺาเปสิ. ตสฺส ฆนรตฺตสุวณฺณมยา ปาทา อเหสุํ, ตถา จตสฺโส อฏนิโย. จตฺตาโร ปน สุวณฺณเมณฺฑเก การาเปตฺวา อาสนสฺส จตุนฺนํ ปาทานํ เหฏฺา เปสิ, ทฺเว เมณฺฑเก การาเปตฺวา ปาทปีกาย เหฏฺา เปสิ, ฉ สุวณฺณเมณฺฑเก การาเปตฺวา มณฺฑปํ ปริกฺขิเปนฺโต เปสิ. ธมฺมาสนํ ปมํ สุตฺตมเยหิ รชฺชุเกหิ วายาเปตฺวา มชฺเฌ สุวณฺณสุตฺตมเยหิ อุปริ มุตฺตมเยหิ สุตฺเตหิ วายาเปสิ. ตสฺส จนฺทนมโย อปสฺสโย อโหสิ. เอวํ กฺุชรสาลํ นิฏฺาเปตฺวา สาลามหํ กโรนฺโต อฏฺสฏฺีหิ ภิกฺขุสตสหสฺเสหิ สทฺธึ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา จตฺตาโร มาเส ทานํ ทตฺวา โอสานทิวเส ติจีวรํ อทาสิ. ตตฺถ สงฺฆนวกสฺส สตสหสฺสคฺฆนิกํ ปาปุณิ.
เอวํ ¶ วิปสฺสีพุทฺธกาเล ปฺุกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป พาราณสิยํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พาราณสิเสฏฺิ นาม อโหสิ. โส เอกทิวสํ ราชูปฏฺานํ คจฺฉนฺโต ปุโรหิตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, อาจริย, นกฺขตฺตมุหุตฺตํ, อุปธาเรถา’’ติ อาห. อาม, อุปธาเรมิ, กึ อฺํ อมฺหากํ กมฺมนฺติ. เตน หิ กีทิสํ ชนปทจาริตฺตนฺติ? เอกํ ภยํ ¶ ภวิสฺสตีติ. กึ ภยํ นามาติ? ฉาตกภยํ เสฏฺีติ. กทา ภวิสฺสตีติ? อิโต ติณฺณํ สํวจฺฉรานํ อจฺจเยนาติ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ พหุํ กสิกมฺมํ กาเรตฺวา เคเห วิชฺชมานธเนนาปิ ธฺเมว คเหตฺวา อฑฺฒเตรสานิ โกฏฺสตานิ กาเรตฺวา สพฺพโกฏฺเก วีหีหิ ปริปูเรสิ. โกฏฺเสุ อปฺปโหนฺเตสุ จาฏิอาทีนิ ปูเรตฺวา อวเสสํ ภูมิยํ อาวาเฏ กตฺวา นิขณิ. นิธานาวเสสํ มตฺติกาย สทฺธึ มทฺทิตฺวา ภิตฺติโย ลิมฺปาเปสิ.
โส อปเรน สมเยน ฉาตกภเย สมฺปตฺเต ยถานิกฺขิตฺตํ ธฺํ ปริภฺุชนฺโต โกฏฺเสุ จ จาฏิอาทีสุ จ นิกฺขิตฺตธฺเ ปริกฺขีเณ ปริชเน ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา ชีวนฺตา สุภิกฺขกาเล มม สนฺติกํ อาคนฺตุกามา อาคจฺฉถ, อนาคนฺตุกามา ตตฺถ ตตฺเถว ชีวถา’’ติ. เต โรทมานา อสฺสุมุขา หุตฺวา เสฏฺึ วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา สตฺตาหํ นิสีทิตฺวา ตถา อกํสุ. ตสฺส ปน สนฺติเก ¶ เวยฺยาวจฺจกโร เอโกว ปุณฺโณ นาม ทาโส โอหียิ, เตน สทฺธึ เสฏฺิชายา เสฏฺิปุตฺโต เสฏฺิสุณิสาติ ปฺเจว ชนา อเหสุํ. เต ภูมิยํ ¶ อาวาเฏสุ นิหิตธฺเปิ ปริกฺขีเณ ภิตฺติมตฺติกํ ปาเตตฺวา เตเมตฺวา ตโต ลทฺธธฺเน ยาปยึสุ. อถสฺส ชายา ฉาตเก อวตฺถรนฺเต มตฺติกาย ขียมานาย ภิตฺติปาเทสุ อวสิฏฺมตฺติกํ ปาเตตฺวา เตเมตฺวา อฑฺฒาฬฺหกมตฺตํ วีหึ ลภิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา เอกํ ตณฺฑุลนาฬึ คเหตฺวา ‘‘ฉาตกกาเล โจรา พหู โหนฺตี’’ติ โจรภเยน เอกสฺมึ กุเฏ ปกฺขิปิตฺวา ปิทหิตฺวา ภูมิยํ นิขณิตฺวา เปสิ. อถ นํ เสฏฺิ ราชูปฏฺานโต อาคนฺตฺวา อาห – ‘‘ภทฺเท, ฉาโตมฺหิ, อตฺถิ กิฺจี’’ติ. สา วิชฺชมานํ ‘‘นตฺถี’’ติ อวตฺวา ‘‘เอกา ตณฺฑุลนาฬิ อตฺถี’’ติ อาห. ‘‘กหํ สา’’ติ? ‘‘โจรภเยน เม นิขณิตฺวา ปิตา’’ติ. ‘‘เตน หิ นํ อุทฺธริตฺวา กิฺจิ ปจาหี’’ติ. ‘‘สเจ ยาคุํ ปจิสฺสามิ, ทฺเว วาเร ลภิสฺสติ. สเจ ภตฺตํ ปจิสฺสามิ, เอกวารเมว ลภิสฺสติ, กึ ปจามิ, สามี’’ติ อาห. ‘‘อมฺหากํ อฺโ ปจฺจโย นตฺถิ, ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา มริสฺสาม, ภตฺตเมว ปจาหี’’ติ. สา ภตฺตํ ปจิตฺวา ปฺจ โกฏฺาเส กตฺวา เสฏฺิโน โกฏฺาสํ วฑฺเฒตฺวา ปุรโต เปสิ.
ตสฺมึ ขเณ คนฺธมาทนปพฺพเต ปจฺเจกพุทฺโธ สมาปตฺติโต ¶ วุฏฺาติ. อนฺโตสมาปตฺติยํ กิร สมาปตฺติพเลน ชิฆจฺฉา น พาธติ. สมาปตฺติโต วุฏฺิตานํ ปน พลวตี หุตฺวา อุทรปฏลํ ¶ ฑยฺหนฺตี วิย อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา เต ลภนฏฺานํ โอโลเกตฺวา คจฺฉนฺติ. ตํ ทิวสฺจ เตสํ ทานํ ทตฺวา เสนาปติฏฺานาทีสุ อฺตรสมฺปตฺตึ ลภนฺติ. ตสฺมา โสปิ ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺโต ‘‘สกลชมฺพุทีเป ฉาตกภยํ อุปฺปนฺนํ, เสฏฺิเคเห จ ปฺจนฺนํ ชนานํ นาฬิโกทโนว ปกฺโก, สทฺธา นุ โข เอเต, สกฺขิสฺสนฺติ วา มม สงฺคหํ กาตุ’’นฺติ เตสํ สทฺธภาวฺจ สงฺคหํ กาตุํ สมตฺถภาวฺจ ทิสฺวา ปตฺตจีวรมาทาย มหาเสฏฺิสฺส ปุรโต ทฺวาเร ิตเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ‘‘ปุพฺเพปิ มยา ทานสฺส อทินฺนตฺตา เอวรูปํ ฉาตกํ ทิฏฺํ, อิทํ โข ปน ภตฺตํ มํ เอกทิวสเมว รกฺเขยฺย. อยฺยสฺส ปน ทินฺนํ อเนกาสุ กปฺปโกฏีสุ มม หิตสุขาวหํ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ ภตฺตปาตึ อปเนตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา เคหํ ปเวเสตฺวา อาสเน นิสินฺนสฺส ¶ ปาเท โธวิตฺวา สุวณฺณปาทปีเ เปตฺวา ภตฺตปาติมาทาย ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺเต โอกิริ. อุปฑฺฒาวเสเส ภตฺเต ปจฺเจกพุทฺโธ หตฺเถน ปตฺตํ ¶ ปิทหิ. อถ นํ, ‘‘ภนฺเต, เอกาย ตณฺฑุลนาฬิยา ปฺจนฺนํ ชนานํ ปกฺกโอทนสฺส อยํ เอโก โกฏฺาโส, อิมํ ทฺวิธา กาตุํ น สกฺกา. มา มยฺหํ อิธโลเก สงฺคหํ กโรถ, อหํ นิรวเสสํ ทาตุกาโมมฺหี’’ติ วตฺวา สพฺพํ ภตฺตมทาสิ. ทตฺวา จ ปน ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ‘‘มา, ภนฺเต, ปุน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เอวรูปํ ฉาตกภยํ อทฺทสํ, อิโต ปฏฺาย สกลชมฺพุทีปวาสีนํ พีชภตฺตํ ทาตุํ สมตฺโถ ภเวยฺยํ, สหตฺเถน กมฺมํ กตฺวา ชีวิกํ น กปฺเปยฺยํ, อฑฺฒเตรส โกฏฺสตานิ โสธาเปตฺวา สีสํ นฺหายิตฺวา เตสํ ทฺวาเร นิสีทิตฺวา อุทฺธํ โอโลกิตกฺขเณเยว เม รตฺตสาลิธารา ปติตฺวา สพฺพโกฏฺเ ปูเรยฺยุํ. นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน จ อยเมว ภริยา, อยเมว ปุตฺโต, อยเมว สุณิสา, อยเมว ทาโส โหตู’’ติ.
ภริยาปิสฺส ‘‘มม สามิเก ชิฆจฺฉาย ปีฬิยมาเน น สกฺกา มยา ภฺุชิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน โกฏฺาสํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ‘‘ภนฺเต, อิทานิ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เอวรูปํ ฉาตกภยํ น ปสฺเสยฺยํ, ภตฺตถาลิกํ ¶ ปุรโต กตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสีนํ ภตฺตํ เทนฺติยาปิ จ เม ยาว น อุฏฺหิสฺสามิ, ตาว คหิตคหิตฏฺานํ ปูริตเมว โหตุ. อยเมว สามิโก, อยเมว ปุตฺโต, อยเมว สุณิสา, อยเมว ทาโส โหตู’’ติ. ปุตฺโตปิสฺส อตฺตโน โกฏฺาสํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ‘‘ภนฺเต, อิโต ปฏฺาย เอวรูปํ ฉาตกภยํ น ปสฺเสยฺยํ, เอกฺจ เม สหสฺสถวิกํ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสีนํ กหาปณํ เทนฺตสฺสาปิ อยํ สหสฺสถวิกา ปริปุณฺณาว โหตุ, อิเมเยว มาตาปิตโร โหนฺตุ, อยํ ภริยา, อยํ ทาโส โหตู’’ติ.
สุณิสาปิสฺส ¶ อตฺตโน โกฏฺาสํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ‘‘อิโต ปฏฺาย เอวรูปํ ฉาตกภยํ น ปสฺเสยฺยํ, เอกฺจ เม ธฺปิฏกํ ปุรโต เปตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสีนํ พีชภตฺตํ เทนฺติยาปิ ขีณภาโว มา ปฺายิตฺถ, นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อิเมเยว สสุรา โหนฺตุ, อยเมว สามิโก, อยเมว ทาโส โหตู’’ติ. ทาโสปิ อตฺตโน โกฏฺาสํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ ¶ , ‘‘อิโต ปฏฺาย เอวรูปํ ฉาตกภยํ น ปสฺเสยฺยํ, สพฺเพ อิเม สามิกา โหนฺตุ, กสนฺตสฺส จ เม อิโต ติสฺโส, เอตฺโต ติสฺโส, มชฺเฌ เอกาติ ทารุอมฺพณมตฺตา สตฺต สตฺต สีตาโย คจฺฉนฺตู’’ติ. โส ตํ ทิวสํ เสนาปติฏฺานํ ปตฺเถตฺวา ลทฺธุํ สมตฺโถปิ สามิเกสุ ¶ สิเนเหน ‘‘อิเมเยว เม สามิกา โหนฺตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ สพฺเพสมฺปิ วจนาวสาเน ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา –
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา.
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, มณิ โชติรโส ยถา’’ติ. –
ปจฺเจกพุทฺธคาถาหิ อนุโมทนํ กตฺวา ‘‘มยา อิเมสํ จิตฺตํ ปสาเทตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ยาว คนฺธมาทนปพฺพตา อิเม มํ ปสฺสนฺตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ปกฺกามิ. เตปิ โอโลเกตฺวาว อฏฺํสุ. โส คนฺตฺวา ตํ ภตฺตํ ปฺจหิ ปจฺเจกพุทฺธสเตหิ สทฺธึ สํวิภชิ. ตํ ตสฺสานุภาเวน สพฺเพสมฺปิ ปโหติ. เต โอโลเกนฺตาเยว อฏฺํสุ.
อติกฺกนฺเต ปน มชฺฌนฺหิเก เสฏฺิภริยา อุกฺขลึ โธวิตฺวา ปิทหิตฺวา เปสิ. เสฏฺิปิ ชิฆจฺฉาย ปีฬิโต นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. โส สายนฺเห ปพุชฺฌิตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, อติวิย ฉาโตมฺหิ, อตฺถิ นุ โข อุกฺขลิยา ตเล ฌามกสิตฺถานี’’ติ. สา โธวิตฺวา อุกฺขลิยา ปิตภาวํ ชานนฺตีปิ ‘‘นตฺถี’’ติ อวตฺวา ‘‘อุกฺขลึ วิวริตฺวา อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ อุฏฺาย อุกฺขลิมูลํ คนฺตฺวา อุกฺขลึ วิวริ, ตาวเทว สุมนมกุลสทิสวณฺณสฺส ภตฺตสฺส ปูรา อุกฺขลิ ปิธานํ อุกฺขิปิตฺวา อฏฺาสิ. สา ตํ ทิสฺวาว ปีติยา ผุฏฺสรีรา เสฏฺึ อาห – ‘‘อุฏฺเหิ, สามิ, อหํ อุกฺขลึ โธวิตฺวา ปิทหึ, สา ปน สุมนมกุลสทิสวณฺณสฺส ภตฺตสฺส ¶ ปูรา, ปฺุานิ นาม กตฺตพฺพรูปานิ, ทานํ นาม กตฺตพฺพยุตฺตกํ. อุฏฺเหิ, สามิ, ภฺุชสฺสู’’ติ. สา ทฺวินฺนํ ปิตาปุตฺตานํ ภตฺตํ อทาสิ. เตสุ สุตฺวา ¶ อุฏฺิเตสุ สุณิสาย สทฺธึ นิสีทิตฺวา ภฺุชิตฺวา ปุณฺณสฺส ภตฺตํ อทาสิ. คหิตคหิตฏฺานํ น ขียติ, กฏจฺฉุนา สกึ คหิตฏฺานเมว ปฺายติ. ตํทิวสเมว โกฏฺาทโย ปุพฺเพ ปูริตนิยาเมเนว ปุน ปูรยึสุ. ‘‘เสฏฺิสฺส เคเห ภตฺตํ อุปฺปนฺนํ, พีชภตฺเตหิ อตฺถิกา อาคนฺตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ นคเร ¶ โฆสนํ กาเรสิ. มนุสฺสา ตสฺส เคหโต พีชภตฺตํ คณฺหึสุ. สกลชมฺพุทีปวาสิโน ตํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภึสุเยว.
โส ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภทฺทิยนคเร เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ. ภริยาปิสฺส มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา ตสฺเสว เคหํ อคมาสิ. ตสฺส ตํ ปุพฺพกมฺมํ นิสฺสาย ปจฺฉาเคเห ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการา เมณฺฑกา อุฏฺหึสุ. ปุตฺโตปิ เนสํ ปุตฺโตว, สุณิสา สุณิสาว, ทาโส ทาโสว อโหสิ. อเถกทิวสํ เสฏฺิ อตฺตโน ปฺุํ วีมํสิตุกาโม อฑฺฒเตรสานิ โกฏฺสตานิ โสธาเปตฺวา สีสํ นฺหาโต ทฺวาเร นิสีทิตฺวา อุทฺธํ โอโลเกสิ. สพฺพานิปิ วุตฺตปฺปการานํ ¶ รตฺตสาลีนํ ปูรยึสุ. โส เสสานมฺปิ ปฺุานิ วีมํสิตุกาโม ภริยฺจ ปุตฺตาทโย จ ‘‘ตุมฺหากมฺปิ ปฺุานิ วีมํสิสฺสถา’’ติ อาห.
อถสฺส ภริยา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว ตณฺฑุเล มินาเปตฺวา เตหิ ภตฺตํ ปจาเปตฺวา ทฺวารโกฏฺเก ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา สุวณฺณกฏจฺฉุํ อาทาย ‘‘ภตฺเตน อตฺถิกา อาคจฺฉนฺตู’’ติ โฆสาเปตฺวา อาคตาคตานํ อุปนีตภาชนานิ ปูเรตฺวา อทาสิ. สกลทิวสมฺปิ เทนฺติยา กฏจฺฉุนา คหิตฏฺานเมว ปฺายติ. ตสฺสา ปน ปุริมพุทฺธานมฺปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วามหตฺเถน อุกฺขลึ ทกฺขิณหตฺเถน กฏจฺฉุํ คเหตฺวา เอวเมว ปตฺเต ปูเรตฺวา ภตฺตสฺส ทินฺนตฺตา วามหตฺถตลํ ปูเรตฺวา ปทุมลกฺขณํ นิพฺพตฺติ, ทกฺขิณหตฺถตลํ ปูเรตฺวา จนฺทลกฺขณํ นิพฺพตฺติ. ยสฺมา ปน วามหตฺถโต ธมฺมกรณํ อาทาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา ททมานา อปราปรํ วิจริ, เตนสฺสา ทกฺขิณปาทตลํ ปูเรตฺวา จนฺทลกฺขณํ นิพฺพตฺติ, วามปาทตลํ ปูเรตฺวา ปทุมลกฺขณํ นิพฺพตฺติ. ตสฺสา อิมินา การเณน จนฺทปทุมาติ นามํ กรึสุ.
ปุตฺโตปิสฺส สีสํ นฺหาโต สหสฺสถวิกํ ¶ อาทาย ‘‘กหาปเณหิ อตฺถิกา อาคจฺฉนฺตู’’ติ วตฺวา อาคตาคตานํ คหิตภาชนานิ ปูเรตฺวา อทาสิ. ถวิกาย กหาปณสหสฺสํ อโหสิเยว. สุณิสาปิสฺส สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา วีหิปิฏกํ อาทาย อากาสงฺคเณ นิสินฺนา ‘‘พีชภตฺเตหิ อตฺถิกา อาคจฺฉนฺตู’’ติ วตฺวา อาคตาคตานํ คหิตภาชนานิ ปูเรตฺวา อทาสิ. ปิฏกํ ¶ ยถาปูริตเมว อโหสิ. ทาโสปิสฺส ¶ สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา สุวณฺณยุเคสุ สุวณฺณโยตฺเตหิ โคเณ โยเชตฺวา สุวณฺณปโตทยฏฺึ อาทาย ทฺวินฺนํ โคณานํ คนฺธปฺจงฺคุลิกานิ ทตฺวา วิสาเณสุ สุวณฺณโกสเก ปฏิมฺุจิตฺวา เขตฺตํ คนฺตฺวา ปาเชสิ. อิโต ติสฺโส, เอตฺโต ติสฺโส, มชฺเฌ เอกาติ สตฺต สีตา ภิชฺชิตฺวา อคมํสุ. ชมฺพุทีปวาสิโน ภตฺตพีชหิรฺสุวณฺณาทีสุ ยถารุจิตํ เสฏฺิเคหโตเยว คณฺหึสุ. อิเม ปฺจ มหาปฺุา.
เอวํ มหานุภาโว เสฏฺิ ‘‘สตฺถา กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา ‘‘สตฺถุ ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมนฺโต อนฺตรามคฺเค ติตฺถิเย ทิสฺวา เตหิ ‘‘กสฺมา ตํ, คหปติ, กิริยวาโท สมาโน อกิริยวาทสฺส สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คจฺฉสี’’ติ นิวาริยมาโนปิ เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ ¶ . อถสฺส สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. โส เทสนาวสาเน โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา สตฺถุ ติตฺถิเยหิ อวณฺณํ วตฺวา อตฺตโน นิวาริตภาวํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘คหปติ, อิเม สตฺตา นาม มหนฺตมฺปิ อตฺตโน โทสํ น ปสฺสนฺติ, อวิชฺชมานมฺปิ ปเรสํ โทสํ วิชฺชมานํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ภุสํ วิย โอปุนนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุทสฺสํ วชฺชมฺเสํ, อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ;
ปเรสฺหิ โส วชฺชานิ, โอปุนาติ ยถา ภุสํ;
อตฺตโน ปน ฉาเทติ, กลึว กิตวา สโ’’ติ.
ตตฺถ สุทสฺสํ วชฺชนฺติ ปรสฺส อณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ ขลิตํ สุทสฺสํ สุเขเนว ปสฺสิตุํ สกฺกา, อตฺตโน ปน อติมหนฺตมฺปิ ทุทฺทสํ. ปเรสํ หีติ เตเนว การเณน โส ปุคฺคโล สงฺฆมชฺฌาทีสุ ปเรสํ วชฺชานิ อุจฺจฏฺาเน เปตฺวา ภุสํ โอปุนนฺโต วิย โอปุนาติ. กลึว กิตวา สโติ เอตฺถ สกุเณสุ อปรชฺฌนภาเวน อตฺตภาโว กลิ นาม, สาขภงฺคาทิกํ ปฏิจฺฉาทนํ กิตวา นาม, สากุณิโก สโ นาม. ยถา สกุณลุทฺทโก สกุเณ คเหตฺวา มาเรตุกาโม กิตวา วิย ¶ อตฺตภาวํ ปฏิจฺฉาเทติ, เอวํ อตฺตโน วชฺชํ ฉาเทตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เมณฺฑกเสฏฺิวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. อุชฺฌานสฺิตฺเถรวตฺถุ
ปรวชฺชานุปสฺสิสฺสาติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุชฺฌานสฺึ นาม เอกํ เถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ‘‘อยํ เอวํ นิวาเสติ, เอวํ ปารุปตี’’ติ ภิกฺขูนํ อนฺตรเมว คเวสนฺโต วิจรติ. ภิกฺขู ‘‘อสุโก นาม, ภนฺเต, เถโร เอวํ กโรตี’’ติ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, วตฺตสีเส ตฺวา เอวํ โอวทนฺโต อนนุปวาโท. โย ปน นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิตาย ปเรสํ อนฺตรํ ปริเยสมาโน เอวํ วตฺวา วิจรติ, ตสฺส ฌานาทีสุ เอโกปิ วิเสโส นุปฺปชฺชติ, เกวลํ อาสวาเยว วฑฺฒนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อุชฺฌานสฺิโนติ เอวํ นิวาเสตพฺพํ เอวํ ปารุปิตพฺพนฺติ ปเรสํ อนฺตรคเวสิตาย อุชฺฌานพหุลสฺส ปุคฺคลสฺส ฌานาทีสุ เอกธมฺโมปิ น วฑฺฒติ, อถ โข อาสวาว ตสฺส วฑฺฒนฺติ. เตเนว การเณน โส อรหตฺตมคฺคสงฺขาตา อาสวกฺขยา อารา ทูรํ คโตว โหตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อุชฺฌานสฺิตฺเถรวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. สุภทฺทปริพฺพาชกวตฺถุ
อากาเสติ อิทํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ปรินิพฺพานมฺจเก นิปนฺโน สุภทฺทํ ปริพฺพาชกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร อตีเต กนิฏฺภาตริ เอกสฺมึ สสฺเส นวกฺขตฺตุํ อคฺคทานํ เทนฺเต ทานํ ทาตุํ อนิจฺฉนฺโต โอสกฺกิตฺวา อวสาเน อทาสิ. ตสฺมา ปมโพธิยมฺปิ มชฺฌิมโพธิยมฺปิ สตฺถารํ ทฏฺุํ นาลตฺถ. ปจฺฉิมโพธิยํ ปน สตฺถุ ปรินิพฺพานกาเล ‘‘อหํ ตีสุ ปฺเหสุ อตฺตโน กงฺขํ มหลฺลเก ¶ ปริพฺพาชเก ¶ ปุจฺฉิตฺวา สมณํ โคตมํ ‘ทหโร’ติ สฺาย น ปุจฺฉึ ¶ , ตสฺส จ ทานิ ปรินิพฺพานกาโล, ปจฺฉา เม สมณสฺส โคตมสฺส อปุจฺฉิตการณา วิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อานนฺทตฺเถเรน นิวาริยมาโนปิ สตฺถารา โอกาสํ กตฺวา, ‘‘อานนฺท, มา สุภทฺทํ นิวารยิ, ปุจฺฉตุ มํ ปฺห’’นฺติ วุตฺเต อนฺโตสาณึ ปวิสิตฺวา เหฏฺามฺจเก นิสินฺโน, ‘‘โภ สมณ, กึ นุ โข อากาเส ปทํ นาม อตฺถิ, อิโต พหิทฺธา สมโณ นาม อตฺถิ, สงฺขารา สสฺสตา นาม อตฺถี’’ติ อิเม ปฺเห ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา เตสํ อภาวํ อาจิกฺขนฺโต อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ –
‘‘อากาเสว ปทํ นตฺถิ, สมโณ นตฺถิ พาหิเร;
ปปฺจาภิรตา ปชา, นิปฺปปฺจา ตถาคตา.
‘‘อากาเสว ปทํ นตฺถิ, สมโณ นตฺถิ พาหิเร;
สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิ, นตฺถิ พุทฺธานมิฺชิต’’นฺติ.
ตตฺถ ปทนฺติ อิมสฺมึ อากาเส วณฺณสณฺานวเสน เอวรูปนฺติ ปฺาเปตพฺพํ กสฺสจิ ปทํ นาม นตฺถิ. พาหิเรติ มม สาสนโต พหิทฺธา มคฺคผลฏฺโ สมโณ นาม นตฺถิ. ปชาติ อยํ สตฺตโลกสงฺขาตา ปชา ตณฺหาทีสุ ปปฺเจสุเยวาภิรตา. นิปฺปปฺจาติ โพธิมูเลเยว สพฺพปปฺจานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา นิปฺปปฺจา ¶ ตถาคตา. สงฺขาราติ ปฺจกฺขนฺธา. เตสุ หิ เอโกปิ สสฺสโต นาม นตฺถิ. อิฺชิตนฺติ พุทฺธานํ ปน ตณฺหามานาทีสุ อิฺชิเตสุ เยน สงฺขารา สสฺสตาติ คณฺเหยฺย, ตํ เอกํ อิฺชิตมฺปิ นาม นตฺถีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน สุภทฺโท อนาคามิผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สุภทฺทปริพฺพาชกวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
มลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺารสโม วคฺโค.
๑๙. ธมฺมฏฺวคฺโค
๑. วินิจฺฉยมหามตฺตวตฺถุ
น ¶ ¶ ¶ เตน โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วินิจฺฉยมหามตฺเต อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ภิกฺขู สาวตฺถิยํ อุตฺตรทฺวารคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา นครมชฺเฌน วิหารํ อาคจฺฉนฺติ. ตสฺมึ ขเณ เมโฆ อุฏฺาย ปาวสฺสิ. เต สมฺมุขาคตํ วินิจฺฉยสาลํ ปวิสิตฺวา วินิจฺฉยมหามตฺเต ลฺชํ คเหตฺวา สามิเก อสามิเก กโรนฺเต ทิสฺวา ‘‘อโห อิเม อธมฺมิกา, มยํ ปน ‘อิเม ธมฺเมน วินิจฺฉยํ กโรนฺตี’ติ สฺิโน อหุมฺหา’’ติ จินฺเตตฺวา วสฺเส วิคเต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ฉนฺทาทิวสิกา หุตฺวา สาหเสน อตฺถํ วินิจฺฉินนฺตา ธมฺมฏฺา นาม โหนฺติ, อปราธํ ปน อนุวิชฺชิตฺวา ¶ อปราธานุรูปํ อสาหเสน วินิจฺฉยํ กโรนฺตา เอว ธมฺมฏฺา นาม โหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น เตน โหติ ธมฺมฏฺโ, เยนตฺถํ สาหสา นเย;
โย จ อตฺถํ อนตฺถฺจ, อุโภ นิจฺเฉยฺย ปณฺฑิโต.
‘‘อสาหเสน ธมฺเมน, สเมน นยตี ปเร;
ธมฺมสฺส คุตฺโต เมธาวี, ธมฺมฏฺโติ ปวุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ เตนาติ เอตฺตเกเนว การเณน. ธมฺมฏฺโติ ราชา หิ อตฺตโน กาตพฺเพ วินิจฺฉยธมฺเม ิโตปิ ธมฺมฏฺโ นาม น โหติ. เยนาติ เยน การเณน. อตฺถนฺติ โอติณฺณํ วินิจฺฉิตพฺพํ อตฺถํ. สาหสา นเยติ ฉนฺทาทีสุ ปติฏฺิโต สาหเสน มุสาวาเทน วินิจฺเฉยฺย. โย หิ ฉนฺเท ปติฏฺาย าตีติ วา มิตฺโตติ วา มุสา วตฺวา อสามิกเมว สามิกํ กโรติ, โทเส ปติฏฺาย อตฺตโน เวรีนํ มุสา วตฺวา สามิกเมว อสามิกํ กโรติ, โมเห ปติฏฺาย ลฺชํ คเหตฺวา ¶ วินิจฺฉยกาเล ¶ อฺวิหิโต วิย อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต มุสา วตฺวา ‘‘อิมินา ชิตํ, อยํ ปราชิโต’’ติ ¶ ปรํ นีหรติ, ภเย ปติฏฺาย กสฺสจิเทว อิสฺสรชาติกสฺส ปราชยํ ปาปุณนฺตสฺสาปิ ชยํ อาโรเปติ, อยํ สาหเสน อตฺถํ เนติ นาม. เอโส ธมฺมฏฺโ นาม น โหตีติ อตฺโถ. อตฺถํ อนตฺถฺจาติ ภูตฺจ อภูตฺจ การณํ. อุโภ นิจฺเฉยฺยาติ โย ปน ปณฺฑิโต อุโภ อตฺถานตฺเถ วินิจฺฉินิตฺวา วทติ. อสาหเสนาติ อมุสาวาเทน. ธมฺเมนาติ วินิจฺฉยธมฺเมน, น ฉนฺทาทิวเสน. สเมนาติ อปราธานุรูเปเนว ปเร นยติ, ชยํ วา ปราชยํ วา ปาเปติ. ธมฺมสฺส คุตฺโตติ โส ธมฺมคุตฺโต ธมฺมรกฺขิโต ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต เมธาวี วินิจฺฉยธมฺเม ิตตฺตา ธมฺมฏฺโติ ปวุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
วินิจฺฉยมหามตฺตวตฺถุ ปมํ.
๒. ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ
น เตน ปณฺฑิโต โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร วิหาเรปิ คาเมปิ ภตฺตคฺคํ อากุลํ กโรนฺตา ¶ วิจรนฺติ. อเถกทิวเส ภิกฺขู คาเม ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อาคเต ทหเร สามเณเร จ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กีทิสํ, อาวุโส, ภตฺตคฺค’’นฺติ? ภนฺเต, มา ปุจฺฉถ, ฉพฺพคฺคิยา ‘‘มยเมว วิยตฺตา, มยเมว ปณฺฑิตา, อิเม ปหริตฺวา สีเส กจวรํ อากิริตฺวา นีหริสฺสามา’’ติ วตฺวา อมฺเห ปิฏฺิยํ คเหตฺวา กจวรํ โอกิรนฺตา ภตฺตคฺคํ อากุลํ อกํสูติ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, พหุํ ภาสิตฺวา ปเร วิเหยมานํ ‘ปณฺฑิโต’ติ วทามิ, เขมินํ ปน อเวรีนํ อภยเมว ปณฺฑิโตติ วทามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น เตน ปณฺฑิโต โหติ, ยาวตา พหุ ภาสติ;
เขมี อเวรี อภโย, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยาวตาติ ยตฺตเกน การเณน สงฺฆมชฺฌาทีสุ พหุํ กเถติ, เตน ปณฺฑิโต นาม น โหติ ¶ . โย ปน สยํ เขมี ปฺจนฺนํ เวรานํ อภาเวน อเวรี นิพฺภโย ¶ , ยํ วา อาคมฺม มหาชนสฺส ภยํ น โหติ, โส ปณฺฑิโต นาม โหตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ ทุติยํ.
๓. เอกุทานขีณาสวตฺเถรวตฺถุ
น ตาวตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกุทานตฺเถรํ นาม ขีณาสวํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกโกว เอกสฺมึ วนสณฺเฑ วิหรติ, เอกเมวสฺส อุทานํ ปคุณํ –
‘‘อธิเจตโส อปฺปมชฺชโต,
มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต;
โสกา น ภวนฺติ ตาทิโน,
อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต’’ติ. (ปาจิ. ๑๕๓; อุทา. ๓๗);
โส กิร อุโปสถทิวเสสุ สยเมว ธมฺมสฺสวนํ โฆเสตฺวา อิมํ คาถํ วทติ. ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺโท วิย เทวตานํ สาธุการสทฺโท โหติ. อเถกสฺมึ อุโปสถทิวเส ปฺจปฺจสตปริวารา ทฺเว ติปิฏกธรา ภิกฺขู ตสฺส วสนฏฺานํ อคมํสุ. โส เต ทิสฺวาว ตุฏฺมานโส ‘‘สาธุ โว กตํ อิธ อาคจฺฉนฺเตหิ, อชฺช มยํ ¶ ตุมฺหากํ ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติ อาห. อตฺถิ ปน, อาวุโส, อิธ ธมฺมํ โสตุกามาติ. อตฺถิ, ภนฺเต, อยํ วนสณฺโฑ ธมฺมสฺสวนทิวเส เทวตานํ สาธุการสทฺเทน เอกนินฺนาโท โหตีติ. เตสุ เอโก ติปิฏกธโร ธมฺมํ โอสาเรสิ, เอโก กเถสิ. เอกเทวตาปิ สาธุการํ นาทาสิ. เต อาหํสุ – ‘‘ตฺวํ, อาวุโส, ธมฺมสฺสวนทิวเส อิมสฺมึ วนสณฺเฑ เทวตา มหนฺเตน สทฺเทน สาธุการํ เทนฺตีติ วเทสิ, กึ นาเมต’’นฺติ. ภนฺเต, อฺเสุ ทิวเสสุ สาธุการสทฺเทน เอกนินฺนาโท เอว โหติ, น อชฺช ปน ¶ ชานามิ ‘‘กิเมต’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, อาวุโส, ตฺวํ ตาว ธมฺมํ กเถหี’’ติ. โส ¶ พีชนึ คเหตฺวา อาสเน นิสินฺโน ตเมว คาถํ วเทสิ. เทวตา มหนฺเตน สทฺเทน สาธุการมทํสุ. อถ เนสํ ปริวารา ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘อิมสฺมึ วนสณฺเฑ เทวตา มุโขโลกเนน สาธุการํ ททนฺติ, ติปิฏกธรภิกฺขูสุ เอตฺตกํ ภณนฺเตสุปิ กิฺจิ ปสํสนมตฺตมฺปิ อวตฺวา เอเกน มหลฺลกตฺเถเรน เอกคาถาย กถิตาย มหาสทฺเทน สาธุการํ ททนฺตี’’ติ. เตปิ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ.
สตฺถา ¶ ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, โย พหุมฺปิ อุคฺคณฺหติ วา ภาสติ วา, ตํ ธมฺมธโรติ วทามิ. โย ปน เอกมฺปิ คาถํ อุคฺคณฺหิตฺวา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, อยํ ธมฺมธโร นามา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ตาวตา ธมฺมธโร, ยาวตา พหุ ภาสติ;
โย จ อปฺปมฺปิ สุตฺวาน, ธมฺมํ กาเยน ปสฺสติ;
ส เว ธมฺมธโร โหติ, โย ธมฺมํ นปฺปมชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ ยาวตาติ ยตฺตเกน อุคฺคหณธารณวาจนาทินา การเณน พหุํ ภาสติ, ตาวตฺตเกน ธมฺมธโร น โหติ, วํสานุรกฺขโก ปน ปเวณิปาลโก นาม โหติ. โย จ อปฺปมฺปีติ โย ปน อปฺปมตฺตกมฺปิ สุตฺวา ธมฺมมนฺวาย อตฺถมนฺวาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน หุตฺวา นามกาเยน ทุกฺขาทีนิ ปริชานนฺโต จตุสจฺจธมฺมํ ปสฺสติ, ส เว ธมฺมธโร โหติ. โย ธมฺมํ นปฺปมชฺชตีติ โยปิ อารทฺธวีริโย หุตฺวา อชฺช อชฺเชวาติ ปฏิเวธํ อากงฺขนฺโต ธมฺมํ นปฺปมชฺชติ, อยมฺปิ ธมฺมธโรเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เอกุทานขีณาสวตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
น ¶ เตน เถโร โส โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ¶ ¶ ตสฺมึ เถเร สตฺถุ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา ปกฺกนฺตมตฺเต ตึสมตฺตา อารฺิกา ภิกฺขู ตํ ปสฺสนฺตา เอว อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตสํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘อิโต คตํ เอกํ เถรํ ปสฺสถา’’ติ? ‘‘น ปสฺสาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นุ ทิฏฺโ โว’’ติ? ‘‘เอกํ, ภนฺเต, สามเณรํ ปสฺสิมฺหา’’ติ. ‘‘น โส, ภิกฺขเว, สามเณโร, เถโร เอว โส’’ติ? ‘‘อติวิย ขุทฺทโก, ภนฺเต’’ติ. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, มหลฺลกภาเวน เถราสเน นิสินฺนมตฺตเกน เถโรติ วทามิ. โย ปน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา มหาชนสฺส อหึสกภาเว ิโต, อยํ เถโร นามา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น เตน เถโร โส โหติ, เยนสฺส ปลิตํ สิโร;
ปริปกฺโก วโย ตสฺส, โมฆชิณฺโณติ วุจฺจติ.
‘‘ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, อหึสา สํยโม ทโม;
ส เว วนฺตมโล ธีโร, เถโร อิติ ปวุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปริปกฺโกติ ปริณโต, วุฑฺฒภาวํ ปตฺโตติ อตฺโถ. โมฆชิณฺโณติ อนฺโต เถรกรานํ ธมฺมานํ อภาเวน ตุจฺฉชิณฺโณ นาม. ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จาติ ยมฺหิ ปน ปุคฺคเล โสฬสหากาเรหิ ปฏิวิทฺธตฺตา จตุพฺพิธํ สจฺจํ, าเณน สจฺฉิกตตฺตา นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม จ อตฺถิ. อหึสาติ อหึสนภาโว. เทสนามตฺตเมตํ, ยมฺหิ ปน จตุพฺพิธาปิ อปฺปมฺาภาวนา อตฺถีติ อตฺโถ. สํยโม ทโมติ สีลฺเจว อินฺทฺริยสํวโร จ. วนฺตมโลติ มคฺคาเณน นีหฏมโล. ธีโรติ ธิติสมฺปนฺโน. เถโรติ โส อิเมหิ ถิรภาวการเกหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโรติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
น ¶ วากฺกรณมตฺเตนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ¶ สมเย ทหเร เจว สามเณเร จ อตฺตโน ธมฺมาจริยานเมว จีวรรชนาทีนิ เวยฺยาวจฺจานิ กโรนฺเต ทิสฺวา เอกจฺเจ เถรา จินฺตยึสุ – ‘‘มยมฺปิ พฺยฺชนสมเย กุสลา, อมฺหากเมว กิฺจิ นตฺถิ. ยํนูน ¶ มยํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺยาม, ‘ภนฺเต, มยํ พฺยฺชนสมเย กุสลา, อฺเสํ สนฺติเก ธมฺมํ อุคฺคณฺหิตฺวาปิ อิเมสํ สนฺติเก อโสเธตฺวา มา สชฺฌายิตฺถาติ ทหรสามเณเร อาณาเปถา’ติ. เอวฺหิ อมฺหากํ ลาภสกฺกาโร วฑฺฒิสฺสตี’’ติ. เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตถา วทึสุ.
สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมสฺมึ สาสเน ปเวณิวเสเนว เอวํ วตฺตุํ ลภติ, อิเม ปน ลาภสกฺกาเร นิสฺสิตาติ ตฺวา อหํ ตุมฺเห วากฺกรณมตฺเตน สาธุรูปาติ น วทามิ. ยสฺส ปเนเต อิสฺสาทโย ธมฺมา อรหตฺตมคฺเคน สมุจฺฉินฺนา, เอโส เอว สาธุรูโป’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น วากฺกรณมตฺเตน, วณฺณโปกฺขรตาย วา;
สาธุรูโป นโร โหติ, อิสฺสุกี มจฺฉรี สโ.
‘‘ยสฺส เจตํ สมุจฺฉินฺนํ, มูลฆจฺจํ สมูหตํ;
สวนฺตโทโส เมธาวี, สาธุรูโปติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ น วากฺกรณมตฺเตนาติ วจีกรณมตฺเตน สทฺทลกฺขณสมฺปนฺนวจนมตฺเตน. วณฺณโปกฺขรตาย วาติ สรีรวณฺณสฺส มนาปภาเวน วา. นโรติ เอตฺตเกเนว การเณน ปรลาภาทีสุ อิสฺสามนโก ปฺจวิเธน มจฺเฉเรน สมนฺนาคโต เกราฏิกภาเวน ¶ สโ นโร สาธุรูโป น โหติ. ยสฺส เจตนฺติ ยสฺส จ ปุคฺคลสฺเสตํ อิสฺสาทิโทสชาตํ อรหตฺตมคฺคาเณน สมูลกํ ฉินฺนํ, มูลฆาตํ กตฺวา สมูหตํ ¶ , โส วนฺตโทโส ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต สาธุรูโปติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. หตฺถกวตฺถุ
น ¶ มุณฺฑเกน สมโณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต หตฺถกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร วาทกฺขิตฺโต ‘‘ตุมฺเห อสุกเวลาย อสุกฏฺานํ นาม อาคจฺเฉยฺยาถ, วาทํ กริสฺสามา’’ติ วตฺวา ปุเรตรเมว ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘ปสฺสถ, ติตฺถิยา มม ภเยน นาคตา, เอโสว ปน เนสํ ปราชโย’’ติอาทีนิ วตฺวา วาทกฺขิตฺโต อฺเนฺํ ปฏิจรนฺโต วิจรติ. สตฺถา ‘‘หตฺถโก กิร เอวํ กโรตี’’ติ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ ¶ กิร ตฺวํ, หตฺถก, เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสิ? เอวรูปฺหิ มุสาวาทํ กโรนฺโต สีสมุณฺฑนาทิมตฺเตเนว สมโณ นาม น โหติ. โย ปน อณูนิ วา ถูลานิ วา ปาปานิ สเมตฺวา ิโต, อยเมว สมโณ’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น มุณฺฑเกน สมโณ, อพฺพโต อลิกํ ภณํ;
อิจฺฉาโลภสมาปนฺโน, สมโณ กึ ภวิสฺสติ.
‘‘โย จ สเมติ ปาปานิ, อณุํ ถูลานิ สพฺพโส;
สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ มุณฺฑเกนาติ สีสมุณฺฑนมตฺเตน. อพฺพโตติ สีลวเตน จ ธุตงฺควเตน จ วิรหิโต. อลิกํ ภณนฺติ มุสาวาทํ ภณนฺโต อสมฺปตฺเตสุ อารมฺมเณสุ อิจฺฉาย ปตฺเตสุ จ โลเภน สมนฺนาคโต สมโณ นาม กึ ภวิสฺสติ? สเมตีติ โย จ ปริตฺตานิ วา ¶ มหนฺตานิ วา ปาปานิ วูปสเมติ, โส เตสํ สมิตตฺตา สมโณติ ปวุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
หตฺถกวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ
น ¶ ¶ เตน ภิกฺขุ โส โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร พาหิรสมเย ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขํ จรนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก ภิกฺขาย จรเณน ‘ภิกฺขู’ติ วทติ, มมฺปิ ‘ภิกฺขู’ติ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘โภ โคตม, อหมฺปิ ภิกฺขํ จริตฺวา ชีวามิ, มมฺปิ ‘ภิกฺขู’ติ วเทหี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขนมตฺเตน ภิกฺขูติ วทามิ. น หิ วิสฺสํ ธมฺมํ สมาทาย วตฺตนฺโต ภิกฺขุ นาม โหติ. โย ปน สพฺพสงฺขาเรสุ สงฺขาย จรติ, โส ภิกฺขุ นามา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น เตน ภิกฺขุ โส โหติ, ยาวตา ภิกฺขเต ปเร;
วิสฺสํ ธมฺมํ สมาทาย, ภิกฺขุ โหติ น ตาวตา.
‘‘โยธ ปฺฺุจ ปาปฺจ, พาเหตฺวา พฺรหฺมจริยวา;
สงฺขาย โลเก จรติ, ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยาวตาติ ยตฺตเกน ปเร ภิกฺขเต, เตน ภิกฺขนมตฺเตน ภิกฺขุ นาม น โหติ. วิสฺสนฺติ วิสมํ ธมฺมํ, วิสฺสคนฺธํ วา กายกมฺมาทิกํ ธมฺมํ สมาทาย จรนฺโต ภิกฺขุ นาม น โหติ. โยธาติ โย อิธ สาสเน อุภยมฺเปตํ ปฺฺุจ ปาปฺจ มคฺคพฺรหฺมจริเยน พาเหตฺวา ปนุทิตฺวา พฺรหฺมจริยวา โหติ. สงฺขายาติ าเณน. โลเกติ ขนฺธาทิโลเก ‘‘อิเม อชฺฌตฺติกา ขนฺธา, อิเม พาหิรา’’ติ เอวํ สพฺเพปิ ธมฺเม ชานิตฺวา ¶ จรติ, โส เตน าเณน กิเลสานํ ภินฺนตฺตา ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. ติตฺถิยวตฺถุ
น ¶ โมเนนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติตฺถิเย อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร ภุตฺตฏฺาเนสุ มนุสฺสานํ ‘‘เขมํ โหตุ, สุขํ ¶ โหตุ, อายุ วฑฺฒตุ, อสุกฏฺาเน นาม กลลํ อตฺถิ, อสุกฏฺาเน นาม กณฺฏโก อตฺถิ, เอวรูปํ านํ คนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติอาทินา นเยน มงฺคลํ วตฺวา ปกฺกมนฺติ. ภิกฺขู ปน ปมโพธิยํ อนุโมทนาทีนํ อนนฺุาตกาเล ภตฺตคฺเค มนุสฺสานํ อนุโมทนํ อกตฺวา ปกฺกมนฺติ. มนุสฺสา ‘‘ติตฺถิยานํ สนฺติกา มงฺคลํ สุณาม, ภทฺทนฺตา ปน ตุณฺหีภูตา ปกฺกมนฺตี’’ติ อุชฺฌายึสุ. ภิกฺขู ตมตฺถํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อิโต ปฏฺาย ภตฺตคฺคาทีสุ ยถาสุขํ อนุโมทนํ กโรถ, อุปนิสินฺนกถํ กโรถ, ธมฺมํ กเถถา’’ติ อนุชานิ. เต ตถา กรึสุ. มนุสฺสา อนุโมทนาทีนิ สุณนฺตา อุสฺสาหปฺปตฺตา ภิกฺขู นิมนฺเตตฺวา สกฺการํ กโรนฺตา วิจรนฺติ. ติตฺถิยา ปน ‘‘มยํ มุนิโน โมนํ กโรม, สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ภตฺตคฺคาทีสุ มหากถํ กเถนฺตา วิจรนฺตี’’ติ อุชฺฌายึสุ.
สตฺถา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, ตุณฺหีภาวมตฺเตน ‘มุนี’ติ วทามิ. เอกจฺเจ หิ อชานนฺตา น ¶ กเถนฺติ, เอกจฺเจ อวิสารทตาย, เอกจฺเจ ‘มา โน อิมํ อติสยตฺถํ อฺเ ชานึสู’ติ มจฺเฉเรน. ตสฺมา โมนมตฺเตน มุนิ น โหติ, ปาปวูปสเมน ปน มุนิ นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น โมเนน มุนี โหติ, มูฬฺหรูโป อวิทฺทสุ;
โย จ ตุลํว ปคฺคยฺห, วรมาทาย ปณฺฑิโต.
‘‘ปาปานิ ¶ ปริวชฺเชติ, ส มุนี เตน โส มุนิ;
โย มุนาติ อุโภ โลเก, มุนิ เตน ปวุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ น โมเนนาติ กามฺหิ โมเนยฺยปฏิปทาสงฺขาเตน มคฺคาณโมเนน มุนิ นาม โหติ, อิธ ปน ตุณฺหีภาวํ สนฺธาย ‘‘โมเนนา’’ติ วุตฺตํ. มูฬฺหรูโปติ ตุจฺฉรูโป. อวิทฺทสูติ อวิฺู. เอวรูโป หิ ตุณฺหีภูโตปิ มุนิ นาม น โหติ. อถ วา โมเนน มุนิ นาม น โหติ, ตุจฺฉสภาโว ปน อวิฺู จ โหตีติ อตฺโถ. โย จ ตุลํว ปคยฺหาติ ยถา หิ ตุลํ ¶ คเหตฺวา ิโต อติเรกํ เจ โหติ, หรติ. อูนํ เจ โหติ ¶ , ปกฺขิปติ. เอวเมว โย อติเรกํ หรนฺโต วิย ปาปํ หรติ ปริวชฺเชติ, อูนเก ปกฺขิปนฺโต วิย กุสลํ ปริปูเรติ. เอวฺจ ปน กโรนฺโต สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสงฺขาตํ วรํ อุตฺตมเมว อาทาย ปาปานิ อกุสลกมฺมานิ ปริวชฺเชติ. ส มุนีติ โส มุนิ นามาติ อตฺโถ. เตน โส มุนีติ กสฺมา ปน โส มุนีติ เจ? ยํ เหฏฺา วุตฺตการณํ, เตน โส มุนีติ อตฺโถ. โส มุนาติ อุโภ โลเกติ โย ปุคฺคโล อิมสฺมึ ขนฺธาทิโลเก ตุลํ อาโรเปตฺวา มินนฺโต วิย ‘‘อิเม อชฺฌตฺติกา ขนฺธา, อิเม พาหิรา’’ติอาทินา นเยน อิเม อุโภ อตฺเถ มุนาติ. มุนิ เตน ปวุจฺจตีติ เตน การเณน มุนีติ วุจฺจติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ติตฺถิยวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. พาลิสิกวตฺถุ
น เตน อริโย โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อริยํ นาม พาลิสิกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ¶ สตฺถา ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา สาวตฺถิยา อุตฺตรทฺวารคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตโต อาคจฺฉติ. ตสฺมึ ขเณ โส พาลิสิโก พลิเสน มจฺเฉ คณฺหนฺโต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา พลิสยฏฺึ ฉฑฺเฑตฺวา อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส อวิทูเร ¶ าเน นิวตฺติตฺวา ิโต ‘‘ตฺวํ กึ นาโมสี’’ติ สาริปุตฺตตฺเถราทีนํ นามานิ ปุจฺฉิ. เตปิ ‘‘อหํ สาริปุตฺโต อหํ โมคฺคลฺลาโน’’ติ อตฺตโน อตฺตโน นามานิ กถยึสุ. พาลิสิโก จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา สพฺเพสํ นามานิ ปุจฺฉติ, มมมฺปิ นามํ ปุจฺฉิสฺสติ มฺเ’’ติ. สตฺถา ตสฺส อิจฺฉํ ตฺวา, ‘‘อุปาสก, ตฺวํ โก นาโมสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, อริโย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, อุปาสก, ตาทิสา ปาณาติปาติโน อริยา นาม โหนฺติ, อริยา ปน มหาชนสฺส อหึสนภาเว ิตา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น เตน อริโย โหติ, เยน ปาณานิ หึสติ;
อหึสา สพฺพปาณานํ, อริโยติ ปวุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อหึสาติ อหึสเนน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน หิ ปาณานิ หึสติ, น เตน การเณน อริโย โหติ. โย ปน สพฺพปาณานํ ปาณิอาทีหิ อหึสเนน เมตฺตาทิภาวนาย ปติฏฺิตตฺตา หึสโต อาราว ิโต, อยํ อริโยติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พาลิสิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
พาลิสิกวตฺถุ นวมํ.
๑๐. สมฺพหุลสีลาทิสมฺปนฺนภิกฺขุวตฺถุ
น สีลพฺพตมตฺเตนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล สีลาทิสมฺปนฺเน ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เตสุ กิร เอกจฺจานํ เอวํ อโหสิ – ‘‘มยํ สมฺปนฺนสีลา, มยํ ธุตงฺคธรา, มยํ พหุสฺสุตา, มยํ ปนฺตเสนาสนวาสิโน, มยํ ฌานลาภิโน, น อมฺหากํ อรหตฺตํ ทุลฺลภํ, อิจฺฉิตทิวเสเยว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามา’’ติ. เยปิ ตตฺถ อนาคามิโน, เตสมฺปิ เอตทโหสิ – ‘‘น อมฺหากํ อิทานิ อรหตฺตํ ทุลฺลภ’’นฺติ. เต สพฺเพปิ เอกทิวสํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา นิสินฺนา ‘‘อปิ นุ โข โว, ภิกฺขเว, ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ สตฺถารา ปุฏฺา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, มยํ เอวรูปา เอวรูปา จ, ตสฺมา ‘อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณเยว อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถมฺหา’ติ จินฺเตตฺวา วิหรามา’’ติ.
สตฺถา ¶ เตสํ วจนํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ปริสุทฺธสีลาทิมตฺตเกน วา อนาคามิสุขปฺปตฺตมตฺตเกน วา ‘อปฺปกํ โน ภวทุกฺข’นฺติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ, อาสวกฺขยํ ปน อปฺปตฺวา ‘สุขิโตมฺหี’ติ จิตฺตํ น อุปฺปาเทตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น สีลพฺพตมตฺเตน, พาหุสจฺเจน วา ปน;
อถ วา สมาธิลาเภน, วิวิตฺตสยเนน วา.
‘‘ผุสามิ ¶ เนกฺขมฺมสุขํ, อปุถุชฺชนเสวิตํ;
ภิกฺขุ วิสฺสาสมาปาทิ, อปฺปตฺโต อาสวกฺขย’’นฺติ.
ตตฺถ สีลพฺพตมตฺเตนาติ จตุปาริสุทฺธิสีลมตฺเตน วา เตรสธุตงฺคมตฺเตน วา. พาหุสจฺเจน วาติ ติณฺณํ ปิฏกานํ อุคฺคหิตมตฺเตน วา. สมาธิลาเภนาติ อฏฺสมาปตฺติยา ลาเภน. เนกฺขมฺมสุขนฺติ ¶ อนาคามิสุขํ. ตํ อนาคามิสุขํ ผุสามีติ เอตฺตกมตฺเตน วา. อปุถุชฺชนเสวิตนฺติ ปุถุชฺชเนหิ อเสวิตํ อริยเสวิตเมว. ภิกฺขูติ เตสํ อฺตรํ อาลปนฺโต อาห. วิสฺสาสมาปาทีติ วิสฺสาสํ น อาปชฺเชยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขุ อิมินา สมฺปนฺนสีลาทิภาวมตฺตเกเนว ‘‘มยฺหํ ภโว อปฺปโก ปริตฺตโก’’ติ อาสวกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ อปฺปตฺโต หุตฺวา ภิกฺขุ นาม วิสฺสาสํ นาปชฺเชยฺย. ยถา หิ อปฺปมตฺตโกปิ คูโถ ทุคฺคนฺโธ โหติ, เอวํ อปฺปมตฺตโกปิ ภโว ทุกฺโขติ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหํสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สมฺพหุลสีลาทิสมฺปนฺนภิกฺขุวตฺถุ ทสมํ.
ธมฺมฏฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกูนวีสติโม วคฺโค.
๒๐. มคฺควคฺโค
๑. ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ
มคฺคานฏฺงฺคิโกติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร สตฺถริ ชนปทจาริกํ จริตฺวา ปุน สาวตฺถึ อาคเต อุปฏฺานสาลาย นิสีทิตฺวา ‘‘อสุกคามโต อสุกคามสฺส มคฺโค สโม, อสุกคามสฺส มคฺโค วิสโม, สสกฺขโร, อสกฺขโร’’ติอาทินา นเยน อตฺตโน วิจริตมคฺคํ อารพฺภ มคฺคกถํ กเถสุํ. สตฺถา เตสํ อรหตฺตสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตํ านํ อาคนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, อยํ พาหิรกมคฺโค, ภิกฺขุนา นาม อริยมคฺเค กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวฺหิ กโรนฺโต ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘มคฺคานฏฺงฺคิโก ¶ เสฏฺโ, สจฺจานํ จตุโร ปทา;
วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานํ, ทฺวิปทานฺจ จกฺขุมา.
‘‘เอเสว มคฺโค นตฺถฺโ, ทสฺสนสฺส วิสุทฺธิยา;
เอตฺหิ ตุมฺเห ปฏิปชฺชถ, มารสฺเสตํ ปโมหนํ.
‘‘เอตฺหิ ตุมฺเห ปฏิปนฺนา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถ;
อกฺขาโต โว มยา มคฺโค, อฺาย สลฺลกนฺตนํ.
‘‘ตุมฺเหหิ กิจฺจมาตปฺปํ, อกฺขาตาโร ตถาคตา;
ปฏิปนฺนา ปโมกฺขนฺติ, ฌายิโน มารพนฺธนา’’ติ.
ตตฺถ ¶ มคฺคานฏฺงฺคิโกติ ชงฺฆมคฺคาทโย วา โหนฺตุ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตมคฺคา วา, เตสํ สพฺเพสมฺปิ มคฺคานํ สมฺมาทิฏฺิอาทีหิ อฏฺหิ องฺเคหิ มิจฺฉาทิฏฺิอาทีนํ อฏฺนฺนํ ปหานํ กโรนฺโต นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา จตูสุปิ สจฺเจสุ ทุกฺขปริชานนาทิกิจฺจํ สาธยมาโน อฏฺงฺคิโก มคฺโค เสฏฺโ ¶ อุตฺตโม. สจฺจานํ จตุโร ปทาติ ‘‘สจฺจํ ภเณ น กุชฺเฌยฺยา’’ติ ¶ (ธ. ป. ๒๒๔) อาคตํ วจีสจฺจํ วา โหตุ, ‘‘สจฺโจ พฺราหฺมโณ สจฺโจ ขตฺติโย’’ติอาทิเภทํ สมฺมุติสจฺจํ วา ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๔๔; ม. นิ. ๒.๑๘๗-๑๘๘) ทิฏฺิสจฺจํ วา ‘‘ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทิเภทํ ปรมตฺถสจฺจํ วา โหตุ, สพฺเพสมฺปิ อิเมสํ สจฺจานํ ปริชานิตพฺพฏฺเน สจฺฉิกาตพฺพฏฺเน ปหาตพฺพฏฺเน ภาเวตพฺพฏฺเน เอกปฏิเวธฏฺเน จ ตถปฏิเวธฏฺเน จ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติอาทโย จตุโร ปทา เสฏฺา นาม. วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานนฺติ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) วจนโต สพฺพธมฺมานํ นิพฺพานสงฺขาโต วิราโค เสฏฺโ. ทฺวิปทานฺจ จกฺขุมาติ สพฺเพสํ เทวมนุสฺสาทิเภทานํ ทฺวิปทานํ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา ตถาคโตว เสฏฺโ. จ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, อรูปธมฺเม สมฺปิณฺเฑติ. ตสฺมา อรูปธมฺมานมฺปิ ตถาคโต เสฏฺโ อุตฺตโม.
ทสฺสนสฺส วิสุทฺธิยาติ มคฺคผลทสฺสนสฺส วิสุทฺธตฺถํ โย มยา ‘‘เสฏฺโ’’ติ วุตฺโต, เอโสว มคฺโค, นตฺถฺโ. เอตฺหิ ตุมฺเหติ ตสฺมา ตุมฺเห เอตเมว ปฏิปชฺชถ. มารสฺเสตํ ปโมหนนฺติ เอตํ มารโมหนํ มารมนฺถนนฺติ ¶ วุจฺจติ. ทุกฺขสฺสนฺตนฺติ สกลสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ ปริจฺเฉทํ กริสฺสถาติ อตฺโถ. อฺาย สลฺลกนฺตนนฺติ ราคสลฺลาทีนํ กนฺตนํ นิมฺมถนํ อพฺพูหณํ เอตํ มคฺคํ, มยา วินา อนุสฺสวาทีหิ อตฺตปจฺจกฺขโต ตฺวาว อยํ มคฺโค อกฺขาโต, อิทานิ ตุมฺเหหิ กิเลสานํ อาตาปเนน ‘‘อาตปฺป’’นฺติ สงฺขํ คตํ ตสฺส อธิคมตฺถาย สมฺมปฺปธานวีริยํ กิจฺจํ กรณียํ. เกวลฺหิ อกฺขาตาโรว ตถาคตา. ตสฺมา เตหิ อกฺขาตวเสน เย ปฏิปนฺนา ทฺวีหิ ฌาเนหิ ฌายิโน, เต เตภูมกวฏฺฏสงฺขาตา มารพนฺธนา ปโมกฺขนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.
๒. อนิจฺจลกฺขณวตฺถุ
สพฺเพ ¶ ¶ ¶ สงฺขารา อนิจฺจาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คนฺตฺวา อรฺเ วายมนฺตาปิ อรหตฺตํ อปฺปตฺวา ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิสฺสามา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อาคมึสุ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข อิเมสํ สปฺปาย’’นฺติ วีมํสนฺโต ‘‘อิเม กสฺสปพุทฺธกาเล วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อนิจฺจลกฺขเณ อนุยฺุชึสุ, ตสฺมา อนิจฺจลกฺขเณเนว เตสํ เอกํ คาถํ เทเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, กามภวาทีสุ สพฺเพปิ สงฺขารา หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา เอวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;
อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ.
ตตฺถ สพฺเพ สงฺขาราติ กามภวาทีสุ อุปฺปนฺนา ขนฺธา ตตฺถ ตตฺเถว นิรุชฺฌนโต อนิจฺจาติ ยทา วิปสฺสนาปฺาย ปสฺสติ, อถ อิมสฺมึ ขนฺธปริหรณทุกฺเข นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทนฺโต ทุกฺขปริชานนาทิวเสน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ. เอส มคฺโค วิสุทฺธิยาติ วิสุทฺธตฺถาย โวทานตฺถาย เอส มคฺโคติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตปริสานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อนิจฺจลกฺขณวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ทุกฺขลกฺขณวตฺถุ
ทุติยคาถายปิ เอวรูปเมว วตฺถุ. ตทา หิ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ ทุกฺขลกฺขเณ กตาภิโยคภาวํ ตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สพฺเพปิ ขนฺธา ปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา เอวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพ ¶ ¶ สงฺขารา ทุกฺขาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;
อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ.
ตตฺถ ทุกฺขาติ ปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา. เสสํ ปุริมสทิสเมว.
ทุกฺขลกฺขณวตฺถุ ตติยํ.
๔. อนตฺตลกฺขณวตฺถุ
ตติยคาถายปิ เอเสว นโย. เกวลฺหิ เอตฺถ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ ปุพฺเพ อนตฺตลกฺขเณ อนุยุตฺตภาวํ ตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สพฺเพปิ ขนฺธา อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา เอวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพ ¶ ธมฺมา อนตฺตาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;
อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ.
ตตฺถ สพฺเพ ธมฺมาติ ปฺจกฺขนฺธา เอว อธิปฺเปตา. อนตฺตาติ ‘‘มา ชียนฺตุ มา มียนฺตู’’ติ วเส วตฺเตตุํ น สกฺกาติ อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา อตฺตสฺุา อสฺสามิกา อนิสฺสราติ อตฺโถ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
อนตฺตลกฺขณวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. ปธานกมฺมิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อุฏฺานกาลมฺหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปธานกมฺมิกติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิวาสิโน กิร ปฺจสตา กุลปุตฺตา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ อคมํสุ. เตสุ เอโก ตตฺเถว โอหียิ. อวเสสา อรฺเ สมณธมฺมํ กโรนฺตา อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามา’’ติ ปุน สาวตฺถึ อคมํสุ. เต สาวตฺถิโต โยชนมตฺเต ¶ เอกสฺมึ คามเก ปิณฺฑาย จรนฺเต ทิสฺวา เอโก อุปาสโก ยาคุภตฺตาทีหิ ปติมาเนตฺวา อนุโมทนํ สุตฺวา ปุนทิวสตฺถายปิ นิมนฺเตสิ. เต ตทเหว สาวตฺถึ ¶ คนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา สายนฺหสมเย ¶ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ อติวิย ตุฏฺึ ปเวทยมาโน ปฏิสนฺถารํ อกาสิ.
อถ เนสํ ตตฺถ โอหีโน สหายกภิกฺขุ จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถุ อิเมหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺตสฺส มุขํ นปฺปโหติ, มยฺหํ ปน มคฺคผลาภาเวน มยา สทฺธึ น กเถติ, อชฺเชว อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา มยา สทฺธึ กถาเปสฺสามี’’ติ. เตปิ ภิกฺขู, ‘‘ภนฺเต, มยํ อาคมนมคฺเค เอเกน อุปาสเกน สฺวาตนาย นิมนฺติตา, ตตฺถ ปาโตว คมิสฺสามา’’ติ สตฺถารํ อปโลเกสุํ. อถ เนสํ สหายโก ภิกฺขุ สพฺพรตฺตึ จงฺกมนฺโต นิทฺทาวเสน จงฺกมโกฏิยํ เอกสฺมึ ปาสาณผลเก ปติ, อูรุฏฺิ ภิชฺชิ. โส มหาสทฺเทน วิรวิ. ตสฺส เต สหายกา ภิกฺขู สทฺทํ สฺชานิตฺวา อิโต จิโต จ อุปธาวึสุ. เตสํ ทีปํ ชาเลตฺวา ตสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺตานํเยว อรุโณ อุฏฺหิ, เต ตํ คามํ คนฺตุํ โอกาสํ น ลภึสุ. อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กึ, ภิกฺขเว, ภิกฺขาจารคามํ น คมิตฺถา’’ติ. เต ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เอส ¶ อิทาเนว ตุมฺหากํ ลาภนฺตรายํ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘โย ปุพฺเพ กรณียานิ, ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ;
วรุณกฏฺภฺโชว, ส ปจฺฉา มนุตปฺปตี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๗๑) –
ชาตกํ วิตฺถาเรสิ. ตทา กิร เต ภิกฺขู ปฺจสตา มาณวกา อเหสุํ, กุสีตมาณวโก อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, อาจริโย ปน ตถาคโตว อโหสีติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, โย หิ อุฏฺานกาเล อุฏฺานํ น กโรติ, สํสนฺนสงฺกปฺโป โหติ, กุสีโต โส ฌานาทิเภทํ วิเสสํ นาธิคจฺฉตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุฏฺานกาลมฺหิ อนุฏฺหาโน,
ยุวา พลี อาลสิยํ อุเปโต;
สํสนฺนสงฺกปฺปมโน กุสีโต,
ปฺาย มคฺคํ อลโส น วินฺทตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อนุฏฺหาโนติ อนุฏฺหนฺโต อวายมนฺโต. ยุวา พลีติ ปมโยพฺพเน ิโต พลสมฺปนฺโนปิ หุตฺวา ¶ อลสภาเวน อุเปโต โหติ, ภุตฺวา สยติ. สํสนฺนสงฺกปฺปมโนติ ตีหิ มิจฺฉาวิตกฺเกหิ สุฏฺุ อวสนฺนสมฺมาสงฺกปฺปจิตฺโต. กุสีโตติ นิพฺพีริโย. อลโสติ มหาอลโส ปฺาย ทฏฺพฺพํ อริยมคฺคํ อปสฺสนฺโต น วินฺทติ, น ปฏิลภตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปธานกมฺมิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. สูกรเปตวตฺถุ
วาจานุรกฺขีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สูกรเปตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกูฏา โอโรหนฺโต เอกสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ. ‘‘โก นุ โข, อาวุโส, เหตุ สิตสฺส ปาตุกมฺมายา’’ติ ลกฺขณตฺเถเรน ปุฏฺโ ‘‘อกาโล, อาวุโส, อิมสฺส ปฺหสฺส, สตฺถุ สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา ลกฺขณตฺเถเรน ¶ สทฺธึเยว ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เวฬุวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ ลกฺขณตฺเถโร ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘อาวุโส, อหํ เอกํ เปตํ อทฺทสํ, ตสฺส ติคาวุตปฺปมาณํ สรีรํ, ตํ มนุสฺสสรีรสทิสํ. สีสํ ปน สูกรสฺส วิย, ตสฺส มุเข นงฺคุฏฺํ ชาตํ, ตโต ปุฬวา ปคฺฆรนฺติ. สฺวาหํ ‘น เม เอวรูโป สตฺโต ทิฏฺปุพฺโพ’ติ ตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘จกฺขุภูตา วต, ภิกฺขเว, มม สาวกา วิหรนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘อหมฺเปตํ สตฺตํ โพธิมณฺเฑเยว อทฺทสํ. ‘เย ปน เม น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ อหิตาย อสฺสา’ติ ปเรสํ อนุกมฺปาย น กเถสึ. อิทานิ โมคฺคลฺลานํ สกฺขึ กตฺวา กเถมิ. สจฺจํ, ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน อาหา’’ติ กเถสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ ¶ ปน, ภนฺเต, ตสฺส ปุพฺพกมฺม’’นฺติ. สตฺถา ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ อตีตํ อาหริตฺวา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถสิ.
กสฺสปพุทฺธกาเล กิร เอกสฺมึ คามกาวาเส ทฺเว เถรา สมคฺควาสํ วสึสุ. เตสุ เอโก สฏฺิวสฺโส, เอโก เอกูนสฏฺิวสฺโส ¶ . เอกูนสฏฺิวสฺโส อิตรสฺส ปตฺตจีวรํ อาทาย วิจริ, สามเณโร วิย สพฺพํ วตฺตปฏิวตฺตํ อกาสิ. เตสํ เอกมาตุกุจฺฉิยํ วุตฺถภาตูนํ วิย สมคฺควาสํ ¶ วสนฺตานํ วสนฏฺานํ เอโก ธมฺมกถิโก อาคมิ. ตทา จ ธมฺมสฺสวนทิวโส โหติ. เถรา นํ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘ธมฺมกถํ โน กเถหิ สปฺปุริสา’’ติ อาหํสุ. โส ธมฺมกถํ กเถสิ. เถรา ‘‘ธมฺมกถิโก โน ลทฺโธ’’ติ ตุฏฺจิตฺตา ปุนทิวเส ตํ อาทาย ธุรคามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ตตฺถ กตภตฺตกิจฺจา, ‘‘อาวุโส, หิยฺโย กถิตฏฺานโตว โถกํ ธมฺมํ กเถหี’’ติ มนุสฺสานํ ธมฺมํ กถาเปสุํ. มนุสฺสา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปุนทิวสตฺถายปิ นิมนฺตยึสุ. เอวํ สมนฺตา ภิกฺขาจารคาเมสุ ทฺเว ทฺเว ทิวเส ตํ อาทาย ปิณฺฑาย จรึสุ.
ธมฺมกถิโก จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ทฺเวปิ อติมุทุกา, มยา อุโภเปเต ปลาเปตฺวา อิมสฺมึ วิหาเร วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สายํ เถรูปฏฺานํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ อุฏฺาย คตกาเล นิวตฺติตฺวา มหาเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กิฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถหิ, อาวุโส’’ติ วุตฺเต โถกํ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กถา นาเมสา มหาสาวชฺชา’’ติ วตฺวา อกเถตฺวาว ปกฺกามิ. อนุเถรสฺสาปิ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตเถว อกาสิ. โส ทุติยทิวเส ตเถว กตฺวา ตติยทิวเส เตสํ อติวิย ¶ โกตุหเล อุปฺปนฺเน มหาเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กิฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, ตุมฺหากํ ปน สนฺติเก วตฺตุํ น วิสหามี’’ติ วตฺวา เถเรน ‘‘โหตุ, อาวุโส, กเถหี’’ติ นิปฺปีฬิโต อาห – ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อนุเถโร ตุมฺเหหิ สทฺธึ สํโภโค’’ติ. สปฺปุริส, กึ นาเมตํ กเถสิ, มยํ เอกมาตุกุจฺฉิยํ วุตฺถปุตฺตา วิย, อมฺเหสุ เอเกน ยํ ลทฺธํ, อิตเรนาปิ ลทฺธเมว โหติ. มยา เอตสฺส เอตฺตกํ กาลํ อคุโณ นาม น ทิฏฺปุพฺโพติ? เอวํ, ภนฺเตติ. อามาวุโสติ. ภนฺเต มํ อนุเถโร เอวมาห – ‘‘สปฺปุริส, ตฺวํ กุลปุตฺโต, อยํ มหาเถโร ลชฺชี เปสโลติ เอเตน สทฺธึ สํโภคํ กโรนฺโต ¶ อุปปริกฺขิตฺวา กเรยฺยาสี’’ติ เอวเมส มํ อาคตทิวสโต ปฏฺาย วทตีติ.
มหาเถโร ตํ สุตฺวาว กุทฺธมานโส ทณฺฑาภิหตํ กุลาลภาชนํ วิย ภิชฺชิ. อิตโรปิ อุฏฺาย อนุเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตเถว อโวจ, โสปิ ตเถว ภิชฺชิ. เตสุ กิฺจาปิ เอตฺตกํ กาลํ เอโกปิ วิสุํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺปุพฺโพ นาม นตฺถิ, ปุนทิวเส ปน วิสุํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา อนุเถโร ปุเรตรํ อาคนฺตฺวา อุปฏฺานสาลาย อฏฺาสิ, มหาเถโร ปจฺฉา อคมาสิ. ตํ ทิสฺวา อนุเถโร จินฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข อิมสฺส ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตพฺพํ, อุทาหุ โน’’ติ. โส ‘‘น ¶ อิทานิ ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวาปิ ‘‘โหตุ, น มยา เอวํ กตปุพฺพํ, มยา อตฺตโน วตฺตํ หาเปตุํ น วฏฺฏตี’’ติ จิตฺตํ มุทุกํ กตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปตฺตจีวรํ เทถา’’ติ อาห. อิตโร ‘‘คจฺฉ, ทุพฺพินีต, น ตฺวํ มม ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺตรูโป’’ติ อจฺฉรํ ปหริตฺวา เตนปิ ‘‘อาม, ภนฺเต, อหมฺปิ ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ น ปฏิคฺคณฺหามีติ ¶ จินฺเตสิ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาวุโส นวก, กึ ตฺวํ จินฺเตสิ, มม อิมสฺมึ วิหาเร โกจิ สงฺโค อตฺถี’’ติ อาห. อิตโรปิ ‘‘ตุมฺเห ปน, ภนฺเต, กึ เอวํ มฺถ ‘มม อิมสฺมึ วิหาเร โกจิ สงฺโค อตฺถี’ติ, เอโส เต วิหาโร’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย นิกฺขมิ. อิตโรปิ นิกฺขมิ. เต อุโภปิ เอกมคฺเคนาปิ อคนฺตฺวา เอโก ปจฺฉิมทฺวาเรน มคฺคํ คณฺหิ, เอโก ปุรตฺถิมทฺวาเรน. ธมฺมกถิโก, ‘‘ภนฺเต, มา เอวํ กโรถ, มา เอวํ กโรถา’’ติ วตฺวา ‘‘ติฏฺาวุโส’’ติ วุตฺเต นิวตฺติ. โส ปุนทิวเส ธุรคามํ ปวิฏฺโ มนุสฺเสหิ, ‘‘ภนฺเต, ภทฺทนฺตา กุหิ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาวุโส, มา ปุจฺฉถ, ตุมฺหากํ ¶ กุลุปกา หิยฺโย กลหํ กตฺวา นิกฺขมึสุ, อหํ ยาจนฺโตปิ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ อาห. เตสุ พาลา ตุณฺหี อเหสุํ. ปณฺฑิตา ปน ‘‘อมฺเหหิ เอตฺตกํ กาลํ ภทฺทนฺตานํ กิฺจิ ขลิตํ นาม น ทิฏฺปุพฺพํ, เตสํ ภยํ อิมํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺตา อเหสุํ.
เตปิ เถรา คตฏฺาเน จิตฺตสุขํ นาม น ลภึสุ. มหาเถโร จินฺเตสิ – ‘‘อโห นวกสฺส ภิกฺขุโน ภาริยํ กมฺมํ กตํ, มุหุตฺตํ ทิฏฺํ นาม อาคนฺตุกภิกฺขุํ อาห – ‘มหาเถเรน สทฺธึ สํโภคํ มา อกาสี’’’ติ. อิตโรปิ จินฺเตสิ – ‘‘อโห มหาเถรสฺส ภาริยํ กมฺมํ กตํ, มุหุตฺตํ ทิฏฺํ นาม อาคนฺตุกภิกฺขุํ อาห – ‘อิมินา สทฺธึ สํโภคํ มา อกาสี’’’ติ. เตสํ ¶ เนว สชฺฌาโย น มนสิกาโร อโหสิ. เต วสฺสสตจฺจเยน ปจฺฉิมทิสาย เอกํ วิหารํ อคมํสุ. เตสํ เอกเมว เสนาสนํ ปาปุณิ. มหาเถเร ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสินฺเน อิตโรปิ ปาวิสิ. มหาเถโร ตํ ทิสฺวาว สฺชานิตฺวา อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิ. อิตโรปิ มหาเถรํ สฺชานิตฺวา อสฺสุปุณฺเณหิ เนตฺเตหิ ‘‘กเถมิ นุ โข มา กเถมี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘น ตํ สทฺเธยฺยรูป’’นฺติ เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอตฺตกํ ¶ กาลํ ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจรึ, อปิ นุ โข เม กายทฺวาราทีสุ ตุมฺเหหิ กิฺจิ อสารุปฺปํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ. ‘‘น ทิฏฺปุพฺพํ, อาวุโส’’ติ. อถ กสฺมา ธมฺมกถิกํ อวจุตฺถ ‘‘มา เอเตน สทฺธึ สํโภคมกาสี’’ติ? ‘‘นาหํ, อาวุโส, เอวํ กเถมิ, ตยา กิร มม อนฺตเร เอวํ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘อหมฺปิ, ภนฺเต, น วทามี’’ติ. เต ตสฺมึ ขเณ ‘‘เตน อมฺเห ภินฺทิตุกาเมน เอวํ วุตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา อฺมฺํ อจฺจยํ เทสยึสุ. เต วสฺสสตํ จิตฺตสฺสาทํ อลภนฺตา ตํ ทิวสํ สมคฺคา หุตฺวา ‘‘อายาม, นํ ตโต วิหารา นิกฺกฑฺฒิสฺสามา’’ติ ปกฺกมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตํ วิหารํ อคมํสุ.
ธมฺมกถิโกปิ เถเร ทิสฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตุํ อุปคจฺฉิ. เถรา ‘‘น ตฺวํ อิมสฺมึ วิหาเร วสิตุํ ยุตฺตรูโป’’ติ อจฺฉรํ ปหรึสุ. โส สณฺาตุํ อสกฺโกนฺโต ตาวเทว นิกฺขมิตฺวา ¶ ปลายิ. อถ นํ วีสติ วสฺสสหสฺสานิ กโต สมณธมฺโม สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิ, ตโต จวิตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ ปจฺจิตฺวา อิทานิ คิชฺฌกูเฏ วุตฺตปฺปกาเรน อตฺตภาเวน ทุกฺขํ อนุโภตีติ.
สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ อาหริตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม กายาทีหิ อุปสนฺตรูเปน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘วาจานุรกฺขี ¶ มนสา สุสํวุโต,
กาเยน จ นากุสลํ กยิรา;
เอเต ตโย กมฺมปเถ วิโสธเย,
อาราธเย มคฺคมิสิปฺปเวทิต’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – จตุนฺนํ วจีทุจฺจริตานํ วชฺชเนน วาจานุรกฺขี อภิชฺฌาทีนํ อนุปฺปาทเนน มนสา จ สุฏฺุ สํวุโต ปาณาติปาตาทโย ปชหนฺโต กาเยน ¶ จ อกุสลํ น กยิรา. เอวํ เอเต ตโย กมฺมปเถ วิโสธเย. เอวํ วิโสเธนฺโต หิ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสเกหิ พุทฺธาทีหิ อิสีหิ ปเวทิตํ อฏฺงฺคิกมคฺคํ อาราเธยฺยาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สูกรเปตวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. โปฏฺิลตฺเถรวตฺถุ
โยคา เวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โปฏฺิลํ นาม เถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สตฺตนฺนมฺปิ พุทฺธานํ สาสเน เตปิฏโก ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ธมฺมํ วาเจสิ. สตฺถา จินฺเตสิ ¶ – ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน ‘อตฺตโน ทุกฺขนิสฺสรณํ กริสฺสามี’ติ จิตฺตมฺปิ นตฺถิ สํเวเชสฺสามิ น’’นฺติ. ตโต ปฏฺาย ตํ เถรํ อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตกาเล ‘‘เอหิ, ตุจฺฉโปฏฺิล, วนฺท, ตุจฺฉโปฏฺิล, นิสีท, ตุจฺฉโปฏฺิล, ยาหิ, ตุจฺฉโปฏฺิลา’’ติ วทติ. อุฏฺาย คตกาเลปิ ‘‘ตุจฺฉโปฏฺิโล คโต’’ติ วทติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สาฏฺกถานิ ตีณิ ¶ ปิฏกานิ ธาเรมิ, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อฏฺารส มหาคเณ ธมฺมํ วาเจมิ, อถ ปน มํ สตฺถา อภิกฺขณํ, ‘ตุจฺฉโปฏฺิลา’ติ วเทติ, อทฺธา มํ สตฺถา ฌานาทีนํ อภาเวน เอวํ วเทตี’’ติ. โส อุปฺปนฺนสํเวโค ‘‘ทานิ อรฺํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ สยเมว ปตฺตจีวรํ สํวิทหิตฺวา ปจฺจูสกาเล สพฺพปจฺฉา ธมฺมํ อุคฺคณฺหิตฺวา นิกฺขมนฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ นิกฺขมิ. ปริเวเณ นิสีทิตฺวา สชฺฌายนฺตา นํ ‘‘อาจริโย’’ติ น สลฺลกฺเขสุํ. โส วีสโยชนสตมคฺคํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อรฺาวาเส ตึส ภิกฺขู วสนฺติ, เต อุปสงฺกมิตฺวา สงฺฆตฺเถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อวสฺสโย เม โหถา’’ติ อาห. อาวุโส, ตฺวํ ธมฺมกถิโก, อมฺเหหิ นาม ¶ ตํ นิสฺสาย กิฺจิ ชานิตพฺพํ ภเวยฺย, กสฺมา เอวํ วเทสีติ? มา, ภนฺเต, เอวํ กโรถ, อวสฺสโย เม โหถาติ. เต ปน สพฺเพ ขีณาสวาว. อถ นํ มหาเถโร ‘‘อิมสฺส อุคฺคหํ นิสฺสาย มาโน อตฺถิเยวา’’ติ อนุเถรสฺส สนฺติกํ ปหิณิ. โสปิ นํ ตเถวาห. อิมินา ¶ นีหาเรน สพฺเพปิ ตํ เปเสนฺตา ทิวาฏฺาเน นิสีทิตฺวา สูจิกมฺมํ กโรนฺตสฺส สพฺพนวกสฺส สตฺตวสฺสิกสามเณรสฺส สนฺติกํ ปหิณึสุ. เอวมสฺส มานํ นีหรึสุ.
โส นิหตมาโน สามเณรสฺส สนฺติเก อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อวสฺสโย เม โหหิ สปฺปุริสา’’ติ อาห. อโห, อาจริย, กึ นาเมตํ กเถถ, ตุมฺเห มหลฺลกา พหุสฺสุตา, ตุมฺหากํ สนฺติเก มยา กิฺจิ การณํ ชานิตพฺพํ ภเวยฺยาติ. มา เอวํ กริ, สปฺปุริส, โหหิเยว เม อวสฺสโยติ. ภนฺเต, สเจปิ โอวาทกฺขมา ภวิสฺสถ, ภวิสฺสามิ โว อวสฺสโยติ. โหมิ, สปฺปุริส, อหํ ‘‘อคฺคึ ปวิสา’’ติ วุตฺเต อคฺคึ ปวิสามิเยวาติ. อถ นํ โส อวิทูเร เอกํ สรํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยถานิวตฺถปารุโตว อิมํ สรํ ปวิสถา’’ติ อาห. โส หิสฺส มหคฺฆานํ ทุปฏฺฏจีวรานํ นิวตฺถปารุตภาวํ ตฺวาปิ ‘‘โอวาทกฺขโม ¶ นุ โข’’ติ วีมํสนฺโต เอวมาห. เถโรปิ เอกวจเนเนว อุทกํ โอตริ. อถ นํ จีวรกณฺณานํ เตมิตกาเล ‘‘เอถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา เอกวจเนเนว อาคนฺตฺวา ิตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, เอกสฺมึ วมฺมิเก ฉ ฉิทฺทานิ, ตตฺถ เอเกน ฉิทฺเทน โคธา อนฺโต ปวิฏฺา, ตํ คณฺหิตุกาโม อิตรานิ ปฺจ ฉิทฺทานิ ถเกตฺวา ฉฏฺํ ภินฺทิตฺวา ปวิฏฺฉิทฺเทเนว คณฺหาติ, เอวํ ตุมฺเหปิ ฉทฺวาริเกสุ อารมฺมเณสุ เสสานิ ปฺจทฺวารานิ ปิธาย มโนทฺวาเร กมฺมํ ปฏฺเปถา’’ติ. พหุสฺสุตสฺส ภิกฺขุโน เอตฺตเกเนว ปทีปุชฺชลนํ วิย อโหสิ. โส ‘‘เอตฺตกเมว โหตุ สปฺปุริสา’’ติ กรชกาเย าณํ โอตาเรตฺวา สมณธมฺมํ อารภิ.
สตฺถา วีสโยชนสตมตฺถเก นิสินฺโนว ตํ ภิกฺขุํ โอโลเกตฺวา ‘‘ยเถวายํ ภิกฺขุ ภูริปฺโ ¶ , เอวเมวํ อเนน อตฺตานํ ปติฏฺาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เตน สทฺธึ กเถนฺโต วิย โอภาสํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยคา เว ชายตี ภูริ, อโยคา ภูริสงฺขโย;
เอตํ ทฺเวธาปถํ ตฺวา, ภวาย วิภวาย จ;
ตถาตฺตานํ นิเวเสยฺย, ยถา ภูริ ปวฑฺฒตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ โยคาติ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ โยนิโส มนสิการา. ภูรีติ ปถวีสมาย วิตฺถตาย ปฺาเยตํ นามํ. สงฺขโยติ วินาโส. เอตํ ทฺเวธาปถนฺติ เอตํ โยคฺจ อโยคฺจ. ภวาย วิภวาย จาติ วุทฺธิยา จ อวุทฺธิยา จ. ตถาติ ยถา อยํ ภูริสงฺขาตา ปฺา ปวฑฺฒติ, เอวํ อตฺตานํ นิเวเสยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โปฏฺิลตฺเถโร อรหตฺเต ปติฏฺหีติ.
โปฏฺิลตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. ปฺจมหลฺลกตฺเถรวตฺถุ
วนํ ฉินฺทถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล มหลฺลเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร คิหิกาเล สาวตฺถิยํ กุฏุมฺพิกา มหทฺธนา อฺมฺสหายกา เอกโต ปฺุานิ กโรนฺตา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘มยํ มหลฺลกา, กึ โน ฆราวาเสนา’’ติ สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชึสุ, มหลฺลกภาเวน ปน ธมฺมํ ปริยาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตา วิหารปริยนฺเต ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา เอกโตว วสึสุ. ปิณฺฑาย จรนฺตาปิ เยภุยฺเยน ปุตฺตทารสฺเสว ¶ เคหํ คนฺตฺวา ภฺุชึสุ. เตสุ เอกสฺส ปุราณทุติยิกา มธุรปาจิกา นาม, สา เตสํ สพฺเพสมฺปิ อุปการิกา อโหสิ. กสฺมา สพฺเพปิ อตฺตนา ลทฺธาหารํ คเหตฺวา ตสฺสา เอว เคเห นิสีทิตฺวา ภฺุชนฺติ? สาปิ เนสํ ยถาสนฺนิหิตํ สูปพฺยฺชนํ เทติ. สา อฺตราพาเธน ผุฏฺา กาลมกาสิ. อถ เต มหลฺลกตฺเถรา สหายกสฺส เถรสฺส ปณฺณสาลาย สนฺนิปติตฺวา อฺมฺํ คีวาสุ คเหตฺวา ‘‘มธุรปาจิกา อุปาสิกา กาลกตา’’ติ วิลปนฺตา โรทึสุ ¶ . ภิกฺขูหิ จ สมนฺตโต อุปธาวิตฺวา ‘‘กึ อิทํ, อาวุโส’’ติ ปุฏฺา, ‘‘ภนฺเต, สหายกสฺส โน ปุราณทุติยิกา กาลกตา, สา อมฺหากํ อติวิย อุปการิกา. อิทานิ กุโต ตถารูปึ ลภิสฺสามาติ อิมินา การเณน โรทามา’’ติ อาหํสุ.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เต กากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา สมุทฺทตีเร จรมานา สมุทฺทอูมิยา สมุทฺทํ ปเวเสตฺวา ¶ มาริตาย กากิยา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา ตํ นีหริสฺสามาติ มุขตุณฺฑเกหิ มหาสมุทฺทํ อุสฺสิฺจนฺตา กิลมึสู’’ติ อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘อปิ นุ หนุกา สนฺตา, มุขฺจ ปริสุสฺสติ;
โอรมาม น ปาเรม, ปูรเตว มโหทธี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๔๖);
อิมํ กากชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ราคโทสโมหวนํ นิสฺสาย ตุมฺเหหิ อิทํ ทุกฺขํ ปตฺตํ, ตํ วนํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ, เอวํ นิทฺทุกฺขา ภวิสฺสถา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘วนํ ฉินฺทถ มา รุกฺขํ, วนโต ชายเต ภยํ;
เฉตฺวา วนฺจ วนถฺจ, นิพฺพนา โหถ ภิกฺขโว.
‘‘ยาว หิ วนโถ น ฉิชฺชติ,
อณุมตฺโตปิ นรสฺส นาริสุ;
ปฏิพทฺธมโนว ตาว โส,
วจฺโฉ ขีรปโกว มาตรี’’ติ.
ตตฺถ ¶ มา รุกฺขนฺติ สตฺถารา หิ ‘‘วนํ ฉินฺทถา’’ติ วุตฺเต เตสํ อจิรปพฺพชิตานํ ‘‘สตฺถา อมฺเห วาสิอาทีนิ คเหตฺวา วนํ ฉินฺทาเปตี’’ติ รุกฺขํ ฉินฺทิตุกามตา อุปฺปชฺชิ. อถ เน ‘‘มยา ราคาทิกิเลสวนํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ, น รุกฺเข’’ติ ปฏิเสเธนฺโต ‘‘มา รุกฺข’’นฺติ อาห. วนโตติ ยถา ปากติกวนโต สีหาทิภยํ ชายติ, เอวํ ชาติอาทิภยมฺปิ กิเลสวนโต ชายตีติ อตฺโถ. วนฺจ วนถฺจาติ เอตฺถ มหนฺตา รุกฺขา วนํ ¶ นาม, ขุทฺทกา ตสฺมึ วเน ิตตฺตา วนถา นาม. ปุพฺพุปฺปตฺติกรุกฺขา วา วนํ นาม, อปราปรุปฺปตฺติกา วนถา นาม. เอวเมว มหนฺตมหนฺตา ภวากฑฺฒนกา กิเลสา วนํ นาม, ปวตฺติยํ วิปากทายกา วนถา นาม. ปุพฺพปฺปตฺติกา วนํ นาม, อปราปรุปฺปตฺติกา วนถา นาม. ตํ อุภยํ จตุตฺถมคฺคาเณน ฉินฺทิตพฺพํ. เตนาห – ‘‘เฉตฺวา วนฺจ วนถฺจ, นิพฺพนา โหถ ภิกฺขโว’’ติ. นิพฺพนา โหถาติ นิกฺกิเลสา โหถ. ยาว หิ วนโถติ ยาว เอส อณุมตฺโตปิ กิเลสวนโถ นรสฺส นารีสุ น ฉิชฺชติ ¶ , ตาว โส ขีรปโก วจฺโฉ มาตริ วิย ปฏิพทฺธมโน ลคฺคจิตฺโตว โหตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ ปฺจปิ เต มหลฺลกตฺเถรา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ปฺจมหลฺลกตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. สุวณฺณการตฺเถรวตฺถุ
อุจฺฉินฺทาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร สุวณฺณการปุตฺโต อภิรูโป สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. เถโร ‘‘ตรุณานํ ราโค อุสฺสนฺโน โหตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ราคปฏิฆาตาย อสุภกมฺมฏฺานํ อทาสิ. ตสฺส ปน ตํ อสปฺปายํ. ตสฺมา อรฺํ ปวิสิตฺวา เตมาสํ วายมนฺโต จิตฺเตกคฺคมตฺตมฺปิ อลภิตฺวา ปุน เถรสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา เถเรน ‘‘อุปฏฺิตํ เต, อาวุโส, กมฺมฏฺาน’’นฺติ วุตฺเต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถสฺส เถโร ‘‘กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชตีติ โวสานํ อาปชฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ปุน ตเทว กมฺมฏฺานํ สาธุกํ กเถตฺวา อทาสิ. โส ทุติยวาเรปิ กิฺจิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต อาคนฺตฺวา เถรสฺส อาโรเจสิ. อถสฺส เถโรปิ สการณํ สอุปมํ ¶ กตฺวา ตเทว กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ปุนปิ อาคนฺตฺวา กมฺมฏฺานสฺส อสมฺปชฺชนภาวํ กเถสิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘การโก ภิกฺขุ อตฺตนิ วิชฺชมาเน กามจฺฉนฺทาทโย วิชฺชมานาติ อวิชฺชมาเน อวิชฺชมานาติ ปชานาติ. อยํ ภิกฺขุ การโก, โน อการโก, ปฏิปนฺโน, โน อปฺปฏิปนฺโน, อหํ ปเนตสฺส อชฺฌาสยํ น ชานามิ, พุทฺธเวเนยฺโย เอโส ภวิสฺสตี’’ติ ตํ อาทาย สายนฺหสมเย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต ¶ , มม สทฺธิวิหาริโก, อิมสฺส มยา อิมินา การเณน อิทํ นาม กมฺมฏฺานํ ทินฺน’’นฺติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘อาสยานุสยาณํ นาเมตํ ปารมิโย ปูเรตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺตานํ พุทฺธานํเยว วิสโย’’ติ ¶ วตฺวา ‘‘กตรกุลา นุ โข เอส ปพฺพชิโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สุวณฺณการกุลา’’ติ ตฺวา อตีเต อตฺตภาเว โอโลเกนฺโต ตสฺส สุวณฺณการกุเลเยว ปฏิปาฏิยา นิพฺพตฺตานิ ปฺจ อตฺตภาวสตานิ ทิสฺวา ‘‘อิมินา ทหเรน ทีฆรตฺตํ สุวณฺณการกมฺมํ กโรนฺเตน กณิการปุปฺผปทุมปุปฺผาทีนิ กริสฺสามีติ รตฺตสุวณฺณเมว สมฺปริวตฺติตํ, ตสฺมา อิมสฺส อสุภปฏิกูลกมฺมฏฺานํ น วฏฺฏติ, มนาปเมวสฺส กมฺมฏฺานํ สปฺปาย’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘สาริปุตฺต, ตยา กมฺมฏฺานํ ทตฺวา จตฺตาโร มาเส กิลมิตํ ภิกฺขุํ อชฺช ปจฺฉาภตฺเตเยว อรหตฺตํ ปตฺตํ ปสฺสิสฺสสิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ เถรํ อุยฺโยเชตฺวา อิทฺธิยา จกฺกมตฺตํ ¶ สุวณฺณปทุมํ มาเปตฺวา ปตฺเตหิ เจว นาเลหิ จ อุทกพินฺทูนิ มฺุจนฺตํ วิย กตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อิมํ ปทุมํ อาทาย วิหารปจฺจนฺเต วาลุกราสิมฺหิ เปตฺวา สมฺมุขฏฺาเน ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘โลหิตกํ โลหิตก’นฺติ ปริกมฺมํ กโรหี’’ติ อทาสิ. ตสฺส สตฺถุหตฺถโต ปทุมํ คณฺหนฺตสฺเสว จิตฺตํ ปสีทิ. โส วิหารปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา วาลุกํ อุสฺสาเปตฺวา ตตฺถ ปทุมนาลํ ปเวเสตฺวา สมฺมุเข ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน ‘‘โลหิตกํ โลหิตก’’นฺติ ปริกมฺมํ อารภิ. อถสฺส ตงฺขณฺเว นีวรณานิ วิกฺขมฺภึสุ, อุปจารชฺฌานํ อุปฺปชฺชิ. ตทนนฺตรํ ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปฺจหากาเรหิ วสีภาวํ ปาเปตฺวา ยถานิสินฺโนว ทุติยชฺฌานาทีนิปิ ปตฺวา วสีภูโต จตุตฺถชฺฌาเนน ฌานกีฬํ กีฬนฺโต นิสีทิ.
สตฺถา ตสฺส ฌานานํ อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ นุ โข เอส อตฺตโน ธมฺมตาย อุตฺตริ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘น สกฺขิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตํ ปทุมํ มิลายตู’’ติ อธิฏฺหิ. ตํ หตฺเถหิ มทฺทิตปทุมํ มิลายนฺตํ วิย กาฬวณฺณํ อโหสิ. โส ฌานา วุฏฺาย ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘กึ นุ โข อิมํ ปทุมํ ชราย ปหฏํ ปฺายติ, อนุปาทิณฺณเกปิ เอวํ ชราย อภิภุยฺยมาเน อุปาทิณฺณเก กถาว นตฺถิ. อิทมฺปิ หิ ชรา อภิภวิสฺสตี’’ติ อนิจฺจลกฺขณํ ปสฺสิ ¶ . ตสฺมึ ปน ทิฏฺเ ทุกฺขลกฺขณฺจ อนตฺตลกฺขณฺจ ทิฏฺเมว โหติ. ตสฺส ตโย ภวา อาทิตฺตา วิย กณฺเฑ พทฺธกุณปา วิย จ ขายึสุ. ตสฺมึ ขเณ ตสฺส อวิทูเร กุมารกา เอกํ สรํ โอตริตฺวา กุมุทานิ ภฺชิตฺวา ถเล ราสึ กโรนฺติ. โส ชเล จ ถเล จ กุมุทานิ โอโลเกสิ. อถสฺส ชเล กุมุทานิ อภิรูปานิ อุทกปคฺฆรนฺตานิ วิย อุปฏฺหึสุ, อิตรานิ อคฺคคฺเคสุ ปริมิลาตานิ ¶ ¶ . โส ‘‘อนุปาทิณฺณกํ ชรา เอวํ ปหรติ, อุปาทิณฺณกํ กึ ปน น ปหริสฺสตี’’ติ สุฏฺุตรํ อนิจฺจลกฺขณาทีนิ อทฺทส. สตฺถา ‘‘ปากฏีภูตํ อิทานิ อิมสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฏฺาน’’นฺติ ตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺนโกว โอภาสํ มฺุจิ, โส ตสฺส มุขํ ปหริ. อถสฺส ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ โอโลเกนฺตสฺส สตฺถา อาคนฺตฺวา สมฺมุเข ิโต วิย อโหสิ. โส อุฏฺาย อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. อถสฺส สตฺถา สปฺปายํ สลฺลกฺเขตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุจฺฉินฺท สิเนหมตฺตโน, กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา;
สนฺติมคฺคเมว พฺรูหย, นิพฺพานํ สุคเตน เทสิต’’นฺติ.
ตตฺถ อุจฺฉินฺทาติ อรหตฺตมคฺเคน อุจฺฉินฺท. สารทิกนฺติ สรทกาเล นิพฺพตฺตํ. สนฺติมคฺคนฺติ นิพฺพานคามึ ¶ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ. พฺรูหยาติ วฑฺฒย. นิพฺพานฺหิ สุคเตน เทสิตํ, ตสฺมา ตสฺส มคฺคํ ภาเวหีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ.
สุวณฺณการตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
๑๐. มหาธนวาณิชวตฺถุ
อิธ วสฺสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาธนวาณิชํ นาม อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร พาราณสิโต กุสุมฺภรตฺตานํ วตฺถานํ ปฺจ สกฏสตานิ ปูเรตฺวา วณิชฺชาย สาวตฺถึ อาคโต นทีตีรํ ปตฺวา ‘‘สฺเว นทึ อุตฺตริสฺสามี’’ติ ตตฺเถว สกฏานิ โมเจตฺวา วสิ. รตฺตึ มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา วสฺสิ. นที สตฺตาหํ อุทกสฺส ปูรา อฏฺาสิ. นาคราปิ สตฺตาหํ นกฺขตฺตํ กีฬึสุ. กุสุมฺภรตฺเตหิ วตฺเถหิ กิจฺจํ น นิฏฺิตํ. วาณิโช จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ทูรํ อาคโต. สเจ ปุน คมิสฺสามิ, ปปฺโจ ภวิสฺสติ. อิเธว วสฺสฺจ เหมนฺตฺจ คิมฺหฺจ ¶ มม กมฺมํ กโรนฺโต วสิตฺวา อิมานิ วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ. สตฺถา นคเร ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา สิตํ ปาตุกริตฺวา อานนฺทตฺเถเรน สิตการณํ ปุฏฺโ อาห – ‘‘ทิฏฺโ ¶ เต, อานนฺท, มหาธนวาณิโช’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. โส อตฺตโน ชีวิตนฺตรายํ อชานิตฺวา ¶ อิมํ สํวจฺฉรํ อิเธว วสิตฺวา ภณฺฑํ วิกฺกิณิตุํ จิตฺตมกาสีติ. ‘‘กึ ปน ตสฺส, ภนฺเต, อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ? สตฺถา ‘‘อามานนฺท, สตฺตาหเมว ชีวิตฺวา โส มจฺจุมุเข ปติสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชฺา มรณํ สุเว;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา.
‘‘เอวํ วิหารึ อาตาปึ, อโหรตฺตมตนฺทิตํ;
ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ, สนฺโต อาจิกฺขเต มุนี’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๗๒);
คจฺฉามิสฺส, ภนฺเต, อาโรเจสฺสามีติ. วิสฺสตฺโถ คจฺฉานนฺทาติ. เถโร สกฏฏฺานํ คนฺตฺวา ภิกฺขาย จริ. วาณิโช เถรํ อาหาเรน ปติมาเนสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘กิตฺตกํ กาลํ อิธ วสิสฺสสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อหํ ทูรโต อาคโต’’. สเจ ปุน คมิสฺสามิ, ปปฺโจ ภวิสฺสติ, อิมํ สํวจฺฉรํ อิธ วสิตฺวา ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา คมิสฺสามีติ. อุปาสก, ทุชฺชาโน ชีวิตนฺตราโย, อปฺปมาทํ กาตุํ วฏฺฏตีติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘อาม, อุปาสก, สตฺตาหเมว เต ชีวิตํ ปวตฺติสฺสตีติ’’ ¶ . โส สํวิคฺคมานโส หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา อนุโมทนตฺถาย ปตฺตํ คณฺหิ. อถสฺส สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต, ‘‘อุปาสก, ปณฺฑิเตน นาม ‘อิเธว วสฺสาทีนิ วสิสฺสามิ, อิทฺจิทฺจ กมฺมํ ปโยเชสฺสามี’ติ จินฺเตตุํ น วฏฺฏติ, อตฺตโน ปน ชีวิตนฺตรายเมว จินฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ วสฺสํ วสิสฺสามิ, อิธ เหมนฺตคิมฺหิสุ;
อิติ พาโล วิจินฺเตติ, อนฺตรายํ น พุชฺฌตี’’ติ.
ตตฺถ อิธ วสฺสนฺติ อิมสฺมึ าเน อิทฺจิทฺจ กโรนฺโต จตุมาสํ วสฺสํ วสิสฺสามิ. เหมนฺตคิมฺหิสูติ เหมนฺตคิมฺเหสุปิ ‘‘จตฺตาโร มาเส อิทฺจิทฺจ กโรนฺโต อิเธว วสิสฺสามี’’ติ เอวํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ อชานนฺโต พาโล วิจินฺเตติ. อนฺตรายนฺติ ‘‘อสุกสฺมึ นาม กาเล วา เทเส วา วเย วา มริสฺสามี’’ติ อตฺตโน ชีวิตนฺตรายํ น พุชฺฌตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ โส วาณิโช โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสิ ¶ . วาณิโชปิ สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา ‘‘สีสโรโค วิย เม อุปฺปนฺโน’’ติ สยเน นิปชฺชิ, ตถานิปนฺโนว กาลํ กตฺวา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺติ.
มหาธนวาณิชวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. กิสาโคตมีวตฺถุ
ตํ ¶ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิสาโคตมึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ สหสฺสวคฺเค –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ อมตํ ปทํ;
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, ปสฺสโต อมตํ ปท’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๑๔) –
คาถาวณฺณนาย วิตฺถาเรตฺวา กถิตํ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘กิสาโคตมิ ลทฺธา เต เอกจฺฉรมตฺตา สิทฺธตฺถกา’’ติ อาห. ‘‘น ลทฺธา, ภนฺเต, สกลคาเม ชีวนฺเตหิ กิร มตกา เอว พหุตรา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวํ ‘มเมว ปุตฺโต มโต’ติ สลฺลกฺเขสิ, ธุวธมฺโม เอส สพฺพสตฺตานํ. มจฺจุราชา หิ สพฺพสตฺเต อปริปุณฺณชฺฌาสเย เอว มโหโฆ วิย ปริกฑฺฒมาโน อปายสมุทฺเท ปกฺขิปตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ตํ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตํ, พฺยาสตฺตมนสํ นรํ;
สุตฺตํ คามํ มโหโฆว, มจฺจุ อาทาย คจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ ตํ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตนฺติ ตํ รูปพลาทิสมฺปนฺเน ปุตฺเต จ ปสู จ ลภิตฺวา ‘‘มม ปุตฺตา ¶ อภิรูปา พลสมฺปนฺนา ปณฺฑิตา สพฺพกิจฺจสมตฺถา, มม โคณา อภิรูปา อโรคา มหาภารวหา, มม คาวี พหุขีรา’’ติ เอวํ ปุตฺเตหิ จ ปสูหิ จ สมฺมตฺตํ นรํ. พฺยาสตฺตมนสนฺติ หิรฺสุวณฺณาทีสุ วา ปตฺตจีวราทีสุ วา กิฺจิเทว ลภิตฺวา ตโต อุตฺตริตรํ ปตฺถนตาย อาสตฺตมานสํ วา, จกฺขุวิฺเยฺยาทีสุ อารมฺมเณสุ วุตฺตปฺปกาเรสุ วา ปริกฺขาเรสุ ยํ ยํ ลทฺธํ โหติ, ตตฺถ ตตฺเถว ลคฺคนตาย พฺยาสตฺตมานสํ ¶ วา. สุตฺตํ คามนฺติ นิทฺทํ อุปคตํ สตฺตนิกายํ. มโหโฆวาติ ยถา เอวรูปํ คามํ คมฺภีรวิตฺถโต มหนฺโต มหานทีนํ โอโฆ ¶ อนฺตมโส สุนขมฺปิ อเสเสตฺวา สพฺพํ อาทาย คจฺฉติ, เอวํ วุตฺตปฺปการํ นรํ มจฺจุ อาทาย คจฺฉตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน กิสาโคตมี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
กิสาโคตมีวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. ปฏาจาราวตฺถุ
น ¶ สนฺติ ปุตฺตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฏาจารํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ สหสฺสวคฺเค –
‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ อุทยพฺพยํ;
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, ปสฺสโต อุทยพฺพย’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๑๓) –
คาถาวณฺณนาย วิตฺถาเรตฺวา กถิตํ. ตทา ปน สตฺถา ปฏาจารํ ตนุภูตโสกํ ตฺวา ‘‘ปฏาจาเร ปุตฺตาทโย นาม ปรโลกํ คจฺฉนฺตสฺส ตาณํ วา เลณํ วา สรณํ วา ภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา วิชฺชมานาปิ เต น สนฺติเยว. ปณฺฑิเตน ปน สีลํ วิโสเธตฺวา อตฺตโน นิพฺพานคามิมคฺคเมว โสเธตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย, น ปิตา นาปิ พนฺธวา;
อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, นตฺถิ าตีสุ ตาณตา.
‘‘เอตมตฺถวสํ ตฺวา, ปณฺฑิโต สีลสํวุโต;
นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, ขิปฺปเมว วิโสธเย’’ติ.
ตตฺถ ตาณายาติ ตาณภาวาย ปติฏฺานตฺถาย. พนฺธวาติ ปุตฺเต จ มาตาปิตโร จ เปตฺวา อวเสสา าติสุหชฺชา. อนฺตเกนาธิปนฺนสฺสาติ มรเณน อภิภูตสฺส. ปวตฺติยฺหิ ปุตฺตาทโย อนฺนปานาทิทาเนน ¶ เจว อุปฺปนฺนกิจฺจนิตฺถรเณน จ ตาณา หุตฺวาปิ มรณกาเล เกนจิ อุปาเยน ¶ มรณํ ¶ ปฏิพาหิตุํ อสมตฺถตาย ตาณตฺถาย เลณตฺถาย น สนฺติ นาม. เตเนว วุตฺตํ – ‘‘นตฺถิ าตีสุ ตาณตา’’ติ. เอตมตฺถวสนฺติ เอวํ เตสํ อฺมฺสฺส ตาณํ ภวิตุํ อสมตฺถภาวสงฺขาตํ การณํ ชานิตฺวา ปณฺฑิโต จตุปาริสุทฺธิสีเลน สํวุโต รกฺขิตโคปิโต หุตฺวา นิพฺพานคมนํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ สีฆํ สีฆํ วิโสเธยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ปฏาจารา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อฺเ จ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปฏาจาราวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
มคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
วีสติโม วคฺโค.
๒๑. ปกิณฺณกวคฺโค
๑. อตฺตโนปุพฺพกมฺมวตฺถุ
มตฺตาสุขปริจฺจาคาติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย เวสาลี อิทฺธา อโหสิ ผีตา พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา. ตตฺถ หิ วาเรน วาเรน รชฺชํ กาเรนฺตานํ ขตฺติยานํเยว สตฺตสตาธิกานิ สตฺตสหสฺสานิ สตฺต จ ขตฺติยา อเหสุํ. เตสํ วสนตฺถาย ตตฺตกาเยว ปาสาทา ตตฺตกาเนว กูฏาคารานิ อุยฺยาเน วิหารตฺถาย ตตฺตกาเยว อารามา จ โปกฺขรณิโย จ อเหสุํ. สา อปเรน สมเยน ทุพฺภิกฺขา อโหสิ ทุสฺสสฺสา. ตตฺถ ฉาตกภเยน ปมํ ทุคฺคตมนุสฺสา กาลมกํสุ. เตสํ เตสํ ตตฺถ ตตฺถ ฉฑฺฑิตานํ กุณปานํ คนฺเธน อมนุสฺสา นครํ ปวิสึสุ. อมนุสฺสูปทฺทเวน พหุตรา กาลมกํสุ. เตสํ ¶ กุณปคนฺธปฏิกฺกูลตาย สตฺตานํ อหิวาตโรโค อุปฺปชฺชิ. เอวํ ทุพฺภิกฺขภยํ อมนุสฺสภยํ โรคภยนฺติ ตีณิ ภยานิ อุปฺปชฺชึสุ.
นครวาสิโน สนฺนิปติตฺวา ราชานํ อาหํสุ – ‘‘มหาราช, อิมสฺมึ นคเร ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ, อิโต ปุพฺเพ ยาว สตฺตมา ราชปริวฏฺฏา เอวรูปํ ภยํ นาม น อุปฺปนฺนปุพฺพํ. อธมฺมิกราชูนฺหิ กาเล เอวรูปํ ภยํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ราชา สนฺถาคาเร สพฺเพสํ สนฺนิปาตํ กาเรตฺวา ‘‘สเจ เม อธมฺมิกภาโว อตฺถิ, ตํ วิจินถา’’ติ อาห. เวสาลิวาสิโน สพฺพํ ปเวณิ วิจินนฺตา รฺโ กฺจิ โทสํ อทิสฺวา, ‘‘มหาราช, นตฺถิ เต โทโส’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ นุ โข อิทํ อมฺหากํ ภยํ วูปสมํ คจฺเฉยฺยา’’ติ มนฺตยึสุ. ตตฺถ เอกจฺเจหิ ‘‘พลิกมฺเมน อายาจนาย มงฺคลกิริยายา’’ติ วุตฺเต สพฺพมฺปิ ตํ วิธึ กตฺวา ปฏิพาหิตุํ นาสกฺขึสุ. อถฺเ เอวมาหํสุ – ‘‘ฉ สตฺถาโร มหานุภาวา, เตสุ อิธาคตมตฺเตสุ ภยํ วูปสเมยฺยา’’ติ. อปเร ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน. โส หิ ภควา สพฺพสตฺตหิตาย ธมฺมํ เทเสติ, มหิทฺธิโก ¶ มหานุภาโว. ตสฺมึ อิธ อาคเต อิมานิ ¶ ภยานิ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ อาหํสุ. เตสํ วจนํ สพฺเพปิ อภินนฺทิตฺวา ‘‘กหํ นุ โข โส ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ อาหํสุ ¶ . ตทา ปน สตฺถา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย รฺโ พิมฺพิสารสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา เวฬุวเน วิหรติ. เตน จ สมเยน พิมฺพิสารสมาคเม พิมฺพิสาเรน สทฺธึ โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต มหาลิ นาม ลิจฺฉวี ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ.
เวสาลิวาสิโน มหนฺตํ ปณฺณาการํ สชฺเชตฺวา ราชานํ พิมฺพิสารํ สฺาเปตฺวา ‘‘สตฺถารํ อิธาเนถา’’ติ มหาลิฺเจว ลิจฺฉวึ ปุโรหิตปุตฺตฺจ ปหิณึสุ. เต คนฺตฺวา รฺโ ปณฺณาการํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ นิเวเทตฺวา, ‘‘มหาราช, สตฺถารํ อมฺหากํ นครํ เปเสถา’’ติ ยาจึสุ. ราชา ‘‘ตุมฺเหว ชานาถา’’ติ น สมฺปฏิจฺฉิ. เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ยาจึสุ – ‘‘ภนฺเต, เวสาลิยํ ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ, ตานิ ตุมฺเหสุ อาคเตสุ วูปสมิสฺสนฺติ, เอถ, ภนฺเต, คจฺฉามา’’ติ. สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา อาวชฺเชนฺโต ‘‘เวสาลิยํ รตนสุตฺเต (ขุ. ปา. ๖.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๒๒๔ อาทโย) วุตฺเต สา รกฺขา จกฺกวาฬานํ โกฏิสตสหสฺสํ ผริสฺสติ, สุตฺตปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ¶ ภวิสฺสติ, ตานิ จ ภยานิ วูปสมิสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา เตสํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิ.
ราชา พิมฺพิสาโร ‘‘สตฺถารา กิร เวสาลิคมนํ สมฺปฏิจฺฉิต’’นฺติ สุตฺวา นคเร โฆสนํ กาเรตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, เวสาลิคมนํ สมฺปฏิจฺฉิต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อาคเมถ, ตาว มคฺคํ ปฏิยาเทสฺสามี’’ติ วตฺวา ราชคหสฺส จ คงฺคาย จ อนฺตเร ปฺจโยชนภูมึ สมํ กาเรตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ ปติฏฺาเปตฺวา สตฺถุ คมนกาลํ อาโรเจสิ. สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ราชา โยชนนฺตเร ชณฺณุมตฺเตน โอธินา ปฺจวณฺณานิ ปุปฺผานิ โอกิราเปตฺวา ธชปฏากกทลีอาทีนิ อุสฺสาเปตฺวา ภควโต ฉตฺตาติฉตฺตํ กตฺวา ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน เอกเมกํ เสตจฺฉตฺตํ อุปริ ธาเรตฺวา สปริวาโร ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูชํ กโรนฺโต สตฺถารํ เอเกกสฺมึ วิหาเร วสาเปตฺวา มหาทานาทีนิ ทตฺวา ปฺจหิ ทิวเสหิ คงฺคาตีรํ ปาเปตฺวา ตตฺถ ¶ นาวํ อลงฺกโรนฺโต เวสาลิกานํ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘มคฺคํ ปฏิยาเทตฺวา สตฺถุ ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺตู’’ติ. เต ‘‘ทิคุณํ ปูชํ กริสฺสามา’’ติ เวสาลิยา จ คงฺคาย จ อนฺตเร ติโยชนภูมึ ¶ สมํ กาเรตฺวา ภควโต จตูหิ เสตจฺฉตฺเตหิ เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน ทฺวีหิ ทฺวีหิ เสตจฺฉตฺเตหิ ฉตฺตาติฉตฺตานิ สชฺเชตฺวา ปูชํ กุรุมานา อาคนฺตฺวา คงฺคาตีเร อฏฺํสุ. พิมฺพิสาโร ทฺเว นาวา สงฺฆาเฏตฺวา มณฺฑปํ กาเรตฺวา ปุปฺผทามาทีหิ อลงฺการาเปตฺวา สพฺพรตนมยํ พุทฺธาสนํ ปฺาเปสิ. ภควา ตสฺมึ นิสีทิ. ภิกฺขูปิ นาวํ อภิรุหิตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. ราชา อนุคจฺฉนฺโต คลปฺปมาณํ อุทกํ โอตริตฺวา ‘‘ยาว, ภนฺเต, ภควา ¶ อาคจฺฉติ, ตาวาหํ อิเธว คงฺคาตีเร วสิสฺสามี’’ติ วตฺวา นาวํ อุยฺโยเชตฺวา นิวตฺติ. สตฺถา โยชนมตฺตํ อทฺธานํ คงฺคาย คนฺตฺวา เวสาลิกานํ สีมํ ปาปุณิ.
ลิจฺฉวีราชาโน สตฺถารํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา คลปฺปมาณํ อุทกํ โอตริตฺวา นาวํ ตีรํ อุปเนตฺวา สตฺถารํ นาวาโต โอตารยึสุ. สตฺถารา โอตริตฺวา ตีเร อกฺกนฺตมตฺเตเยว มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. สพฺพตฺถ ชณฺณุปฺปมาณอูรุปฺปมาณกฏิปฺปมาณาทีนิ อุทกานิ สนฺทนฺตานิ สพฺพกุณปานิ คงฺคํ ปเวสยึสุ, ปริสุทฺโธ ภูมิภาโค อโหสิ. ลิจฺฉวีราชาโน สตฺถารํ โยชเน โยชเน วสาเปตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ทิคุณํ ปูชํ กโรนฺตา ตีหิ ทิวเสหิ ¶ เวสาลึ นยึสุ. สกฺโก เทวราชา เทวคณปริวุโต อาคมาสิ, มเหสกฺขานํ เทวานํ สนฺนิปาเตน อมนุสฺสา เยภุยฺเยน ปลายึสุ. สตฺถา สายํ นครทฺวาเร ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, อานนฺท, รตนสุตฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา ลิจฺฉวีกุมาเรหิ สทฺธึ วิจรนฺโต เวสาลิยา ติณฺณํ ปาการานํ อนฺตเร ปริตฺตํ กโรหี’’ติ.
เถโร สตฺถารา ทินฺนํ รตนสุตฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา สตฺถุ เสลมยปตฺเตน อุทกํ อาทาย นครทฺวาเร ิโต ปณิธานโต ปฏฺาย ตถาคตสฺส ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย ปฺจ มหาปริจฺจาเค โลกตฺถจริยา าตตฺถจริยา พุทฺธตฺถจริยาติ ติสฺโส จริยาโย ปจฺฉิมภเว คพฺภโวกฺกนฺตึ ชาตึ อภินิกฺขมนํ ปธานจริยํ โพธิปลฺลงฺเก มารวิชยํ สพฺพฺุตฺาณปฏิเวธํ ธมฺมจกฺกปวตฺตนํ ¶ นวโลกุตฺตรธมฺเมติ สพฺเพปิเม พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ติยามรตฺตึ ตีสุ ปาการนฺตเรสุ ปริตฺตํ กโรนฺโต วิจริ. เตน ‘‘ยํกิฺจี’’ติ วุตฺตมตฺเตเยว อุทฺธํ ขิตฺตอุทกํ อมนุสฺสานํ อุปริ ปติ. ‘‘ยานีธ ภูตานี’’ติ คาถากถนโต ปฏฺาย รชตวฏํสกา วิย อุทกพินฺทูนิ อากาเสน คนฺตฺวา คิลานมนุสฺสานํ อุปริ ปตึสุ. ตาวเทว วูปสนฺตโรคา มนุสฺสา อุฏฺายุฏฺาย เถรํ ปริวาเรสุํ ¶ . ‘‘ยํกิฺจี’’ติ วุตฺตปทโต ปฏฺาย ปน อุทกผุสิเตหิ ผุฏฺผุฏฺา สพฺเพ อปลายนฺตา สงฺการกูฏภิตฺติปเทสาทินิสฺสิตา อมนุสฺสา เตน เตน ทฺวาเรน ปลายึสุ. ทฺวารานิ อโนกาสานิ อเหสุํ. เต โอกาสํ อลภนฺตา ปาการํ ภินฺทิตฺวาปิ ปลายึสุ.
มหาชโน นครมชฺเฌ สนฺถาคารํ สพฺพคนฺเธหิ อุปลิมฺเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกาทิวิจิตฺตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา สตฺถารํ อาเนสิ. สตฺถา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ ลิจฺฉวีคโณปิ สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิ. สกฺโก เทวราชา เทวคณปริวุโต ปติรูเป โอกาเส อฏฺาสิ. เถโรปิ สกลนครํ อนุวิจริตฺวา วูปสนฺตโรเคน มหาชเนน สทฺธึ ¶ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา ปริสํ โอโลเกตฺวา ตเทว รตนสุตฺตํ อภาสิ. เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เอวํ ปุนทิวเสปีติ สตฺตาหํ ตเทว รตนสุตฺตํ เทเสตฺวา สพฺพภยานํ วูปสนฺตภาวํ ตฺวา ลิจฺฉวีคณํ อามนฺเตตฺวา เวสาลิโต นิกฺขมิ. ลิจฺฉวีราชาโน ทิคุณํ สกฺการํ กโรนฺตา ปุน ตีหิ ทิวเสหิ สตฺถารํ คงฺคาตีรํ นยึสุ.
คงฺคาย นิพฺพตฺตนาคราชาโน จินฺเตสุํ – ‘‘มนุสฺสา ตถาคตสฺส ¶ สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กโรมา’’ติ. เต สุวณฺณรชตมณิมยา นาวาโย มาเปตฺวา สุวณฺณรชตมณิมเย ปลฺลงฺเก ปฺาเปตฺวา ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ อุทกํ กริตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากมฺปิ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ อตฺตโน อตฺตโน นาวํ อภิรุหณตฺถาย สตฺถารํ ยาจึสุ. ‘‘มนุสฺสา จ นาคา จ ตถาคตสฺส ปูชํ กโรนฺติ, มยํ ปน กึ น กโรมา’’ติ ภูมฏฺกเทเวปิ อาทึ กตฺวา ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา สพฺเพ เทวา สกฺการํ กรึสุ. ตตฺถ นาคา โยชนิกานิ ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุกฺขิปึสุ. เอวํ เหฏฺา นาคา ¶ ภูมิตเล รุกฺขคจฺฉปพฺพตาทีสุ ภูมฏฺกา เทวตา, อนฺตลิกฺเข อากาสฏฺเทวาติ นาคภวนํ อาทึ กตฺวา จกฺกวาฬปริยนฺเตน ยาว พฺรหฺมโลกา ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุสฺสาปิตานิ อเหสุํ. ฉตฺตนฺตเรสุ ธชา, ธชนฺตเรสุ ปฏากา, เตสํ อนฺตรนฺตรา ปุปฺผทามวาสจุณฺณธุมาทีหิ สกฺกาโร อโหสิ. สพฺพลงฺการปฏิมณฺฑิตา เทวปุตฺตา ฉณเวสํ คเหตฺวา อุคฺโฆสยมานา อากาเส วิจรึสุ. ตโย เอว กิร สมาคมา มหนฺตา อเหสุํ – ยมกปาฏิหาริยสมาคโม เทโวโรหณสมาคโม อยํ คงฺโคโรหณสมาคโมติ.
ปรตีเร พิมฺพิสาโรปิ ลิจฺฉวีหิ กตสกฺการโต ทิคุณํ สกฺการํ สชฺเชตฺวา ¶ ภควโต อาคมนํ อุทิกฺขมาโน อฏฺาสิ. สตฺถา คงฺคาย อุโภสุ ปสฺเสสุ ราชูนํ มหนฺตํ ปริจฺจาคํ โอโลเกตฺวา นาคาทีนฺจ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา เอเกกาย นาวาย ปฺจปฺจภิกฺขุสตปริวารํ เอเกกํ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. โส เอเกกสฺส เสตจฺฉตฺตสฺส เจว กปฺปรุกฺขสฺส จ ปุปฺผทามสฺส จ เหฏฺา นาคคณปริวุโต นิสินฺโน โหติ. ภูมฏฺกเทวตาทีสุปิ เอเกกสฺมึ โอกาเส สปริวารํ เอเกกํ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. เอวํ สกลจกฺกวาฬคพฺเภ เอกาลงฺกาเร เอกุสฺสเว เอกฉเณเยว จ ชาเต สตฺถา นาคานมนุคฺคหํ กโรนฺโต เอกํ รตนนาวํ อภิรุหิ. ภิกฺขูสุปิ เอเกโก เอเกกเมว อภิรุหิ. นาคราชาโน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นาคภวนํ ปเวเสตฺวา สพฺพรตฺตึ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา ทุติยทิวเส ทิพฺเพน ขาทนีเยน โภชนีเยน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสึสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา สกลจกฺกวาฬเทวตาหิ ปูชิยมาโน ปฺจหิ นาวาสเตหิ คงฺคานทึ อติกฺกมิ.
ราชา ¶ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา สตฺถารํ นาวาโต โอตาเรตฺวา อาคมนกาเล ลิจฺฉวีติ กตสกฺการโต ทิคุณํ สกฺการํ กตฺวา ปุริมนเยเนว ปฺจหิ ทิวเสหิ ราชคหํ อภิเนสิ. ทุติยทิวเส ¶ ภิกฺขู ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห พุทฺธานํ มหานุภาโว, อโห สตฺถริ เทวมนุสฺสานํ ปสาโท, คงฺคาย นาม โอรโต ¶ จ ปารโต จ อฏฺโยชเน มคฺเค พุทฺธคเตน ปสาเทน ราชูหิ สมตลํ ภูมึ กตฺวา วาลุกา โอกิณฺณา, ชณฺณุมตฺเตน โอธินา นานาวณฺณานิ ปุปฺผานิ สนฺถตานิ, คงฺคาย อุทกํ นาคานุภาเวน ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ, ยาว อกนิฏฺภวนา ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุสฺสาปิตานิ, สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอกาลงฺการํ เอกุสฺสวํ วิย ชาต’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เอส ปูชาสกฺกาโร มยฺหํ พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน. อตีเต ปน อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ตกฺกสิลายํ สงฺโข นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต สุสีโม นาม มาณโว โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก เอกทิวสํ ปิตรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, ตาต, พาราณสึ คนฺตฺวา มนฺเต อชฺฌายิตุ’’นฺติ. อถ นํ ปิตา อาห – ‘‘เตน หิ, ตาต, อสุโก นาม พฺราหฺมโณ มม ¶ สหายโก, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อธียสฺสู’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คนฺตฺวา ตํ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา ปิตรา ปหิตภาวมาจิกฺขิ. อถ นํ โส ‘‘สหายกสฺส เม ปุตฺโต’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปฏิปสฺสทฺธทรถํ ภทฺทเกน ทิวเสน มนฺเต วาเจตุมารภิ. โส ลหฺุจ คณฺหนฺโต พหฺุจ คณฺหนฺโต อตฺตโน อุคฺคหิตุคฺคหิตํ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหเตลมิว อวินสฺสมานํ ธาเรนฺโต น จิรสฺเสว อาจริยสฺส สมฺมุขโต อุคฺคณฺหิตพฺพํ สพฺพํ อุคฺคณฺหิตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺโต อตฺตโน อุคฺคหิตสิปฺปสฺส อาทิมชฺฌเมว ปสฺสติ, โน ปริโยสานํ.
โส อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ อิมสฺส สิปฺปสฺส อาทิมชฺฌเมว ปสฺสามิ, โน ปริโยสาน’’นฺติ วตฺวา อาจริเยน ‘‘อหมฺปิ, ตาต, น ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อถ โก, อาจริย, ปริโยสานํ ชานาตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิเม, ตาต, อิสโย อิสิปตเน วิหรนฺติ, เต ชาเนยฺยุํ, เตสํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉสฺสู’’ติ อาจริเยน วุตฺเต ปจฺเจกพุทฺเธ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห กิร ปริโยสานํ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, ชานามา’’ติ. ‘‘เตน หิ เม อาจิกฺขถา’’ติ? ‘‘น มยํ อปพฺพชิตสฺส อาจิกฺขาม. สเจ เต ปริโยสาเนนตฺโถ ¶ , ปพฺพชสฺสู’’ติ ¶ . โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ¶ เตสํ สนฺติเก ปพฺพชิ. อถสฺส เต ‘‘อิทํ ตาว สิกฺขสฺสู’’ติ วตฺวา ‘‘เอวํ เต นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน อาภิสมาจาริกํ อาจิกฺขึสุ. โส ตตฺถ สิกฺขนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา นจิรสฺเสว ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา สกลพาราณสินคเร คคนตเล ปุณฺณจนฺโท วิย ปากโฏ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ, โส อปฺปายุกสํวตฺตนิกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา น จิรสฺเสว ปรินิพฺพายิ. อถสฺส ปจฺเจกพุทฺธา จ มหาชโน จ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย จ คเหตฺวา นครทฺวาเร ถูปํ กาเรสุํ.
สงฺโขปิ พฺราหฺมโณ ‘‘ปุตฺโต เม จิรํ คโต, ปวตฺติมสฺส ชานิสฺสามี’’ติ ตํ ทฏฺุกาโม ตกฺกสิลาโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อิเมสุ เอโกปิ เม ปุตฺตสฺส ปวตฺตึ ชานิสฺสตี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สุสีโม นาม มาณโว อิธาคมิ, อปิ นุ โข ตสฺส ปวตฺตึ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ชานาม, อสุกสฺส พฺราหฺมณสฺส สนฺติเก ตโย เวเท สชฺฌายิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉิกตฺวา ปรินิพฺพุโต, อยมสฺส ถูโป ปติฏฺาปิโต’’ติ. โส ภูมึ หตฺเถน ปหริตฺวา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ¶ ตํ เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา ติณานิ อุทฺธริตฺวา อุตฺตรสาฏเกน วาลุกํ อาหริตฺวา เจติยงฺคเณ อากิริตฺวา กมณฺฑลุโต อุทเกน ปริปฺโผสิตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา สาฏเกน ปฏากํ อาโรเปตฺวา ถูปสฺส อุปริ อตฺตโน ฉตฺตกํ พนฺธิตฺวา ปกฺกามิ.
สตฺถา อิทํ อตีตํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, อหํ สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสึ. มยา สุสีมสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส เจติยงฺคเณ ติณานิ อุทฺธฏานิ, ตสฺส เม กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺคํ วิหตขาณุกกณฺฏกํ กตฺวา สุทฺธํ สมตลํ กรึสุ. มยา ตตฺถ วาลุกา โอกิณฺณา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺเค วาลุกํ โอกิรึสุ. มยา ตตฺถ วนกุสุเมหิ ปูชา กตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺเค นานาวณฺณานิ ปุปฺผานิ โอกิณฺณานิ, เอกโยชนฏฺาเน คงฺคาย อุทกํ ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ. มยา ตตฺถ กมณฺฑลุอุทเกน ภูมิ ปริปฺโผสิตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน เวสาลิยํ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. มยา ตตฺถ ปฏากา, อาโรปิตา, ฉตฺตกฺจ พทฺธํ, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน ยาว อกนิฏฺภวนา ธชปฏากฉตฺตาติฉตฺตาทีหิ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอกุสฺสวํ วิย ¶ ชาตํ. อิติ โข, ภิกฺขเว, เอส ปูชาสกฺกาโร มยฺหํ เนว พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อตีเต ปน อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวนา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มตฺตาสุขปริจฺจาคา ¶ ¶ , ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ;
จเช มตฺตาสุขํ ธีโร, สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ มตฺตาสุขปริจฺจาคาติ มตฺตาสุขนฺติ ปมาณยุตฺตกํ ปริตฺตสุขํ วุจฺจติ, ตสฺส ปริจฺจาเคน. วิปุลํ สุขนฺติ อุฬารํ สุขํ นิพฺพานสุขํ วุจฺจติ, ตํ เจ ปสฺเสยฺยาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกฺหิ โภชนปาตึ สชฺชาเปตฺวา ภฺุชนฺตสฺส มตฺตาสุขํ นาม อุปฺปชฺชติ, ตํ ปน ปริจฺจชิตฺวา อุโปสถํ วา กโรนฺตสฺส ทานํ วา ททนฺตสฺส วิปุลํ อุฬารํ นิพฺพานสุขํ นาม นิพฺพตฺตติ. ตสฺมา สเจ เอวํ ตสฺส มตฺตาสุขสฺส ปริจฺจาคา วิปุลํ สุขํ ปสฺสติ, อเถตํ วิปุลํ สุขํ สมฺมา ปสฺสนฺโต ปณฺฑิโต ตํ มตฺตาสุขํ จเชยฺยาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อตฺตโนปุพฺพกมฺมวตฺถุ ปมํ.
๒. กุกฺกุฏอณฺฑขาทิกาวตฺถุ
ปรทุกฺขูปธาเนนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุกฺกุฏอณฺฑขาทิกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร ปณฺฑุรํ นาม เอโก คาโม, ตตฺเถโก เกวฏฺโฏ วสติ. โส สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต อจิรวติยํ กจฺฉปอณฺฑานิ ทิสฺวา ตานิ อาทาย สาวตฺถึ คนฺตฺวา เอกสฺมึ เคเห ปจาเปตฺวา ขาทนฺโต ตสฺมึ เคเห กุมาริกายปิ ¶ เอกํ อณฺฑํ อทาสิ. สา ตํ ขาทิตฺวา ตโต ปฏฺาย อฺํ ขาทนียํ นาม น อิจฺฉิ. อถสฺสา มาตา กุกฺกุฏิยา วิชาตฏฺานโต เอกํ อณฺฑํ คเหตฺวา อทาสิ. สา ตํ ขาทิตฺวา รสตณฺหาย พทฺธา ตโต ปฏฺาย สยเมว กุกฺกุฏิยา อณฺฑานิ คเหตฺวา ขาทติ. กุกฺกุฏี วิชาตวิชาตกาเล ตํ อตฺตโน อณฺฑานิ คเหตฺวา ¶ ขาทนฺตึ ทิสฺวา ตาย อุปทฺทุตา อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘อิโต ทานิ จุตา ยกฺขินี หุตฺวา ตว ชาตทารเก ขาทิตุํ สมตฺถา หุตฺวา นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว เคเห มชฺชารี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตราปิ กาลํ กตฺวา ตตฺเถว กุกฺกุฏี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. กุกฺกุฏี อณฺฑานิ วิชายิ, มชฺชารี อาคนฺตฺวา ตานิ ขาทิตฺวา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ขาทิเยว. กุกฺกุฏี ‘‘ตโย วาเร มม อณฺฑานิ ขาทิตฺวา อิทานิ มมฺปิ ขาทิตุกามาสิ ¶ , อิโต จุตา สปุตฺตกํ ตํ ขาทิตุํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ตโต จุตา ทีปินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตราปิ กาลํ กตฺวา มิคี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา วิชาตกาเล ทีปินี อาคนฺตฺวา ตํ สทฺธึ ปุตฺเตหิ ขาทิ. เอวํ ขาทนฺตา ปฺจสุ อตฺตภาวสเตสุ อฺมฺสฺส ทุกฺขํ อุปฺปาเทตฺวา อวสาเน เอกา ยกฺขินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เอกา สาวตฺถิยํ กุลธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิโต ปรํ ‘‘น หิ เวเรน เวรานี’’ติ (ธ. ป. ๕) คาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธ ปน สตฺถา ‘‘เวรฺหิ อเวเรน อุปสมฺมติ, โน เวเรนา’’ติ วตฺวา อุภินฺนมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปรทุกฺขูปธาเนน, อตฺตโน สุขมิจฺฉติ;
เวรสํสคฺคสํสฏฺโ, เวรา โส น ปริมุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปรทุกฺขูปธาเนนาติ ปรสฺมึ ทุกฺขูปธาเนน, ปรสฺส ทุกฺขุปฺปาทเนนาติ อตฺโถ. เวรสํสคฺคสํสฏฺโติ โย ปุคฺคโล อกฺโกสนปจฺจกฺโกสนปหรณปฏิหรณาทีนํ วเสน อฺมฺํ กเตน เวรสํสคฺเคน สํสฏฺโ. เวรา โส น ปริมุจฺจตีติ นิจฺจกาลํ เวรวเสน ทุกฺขเมว ปาปุณาตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ยกฺขินี สรเณสุ ปติฏฺาย ปฺจ สีลานิ สมาทิยิตฺวา เวรโต มุจฺจิ, อิตราปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
กุกฺกุฏอณฺฑขาทิกาวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ภทฺทิยภิกฺขุวตฺถุ
ยฺหิ ¶ กิจฺจนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ภทฺทิยํ นิสฺสาย ชาติยาวเน วิหรนฺโต ภทฺทิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร ปาทุกมณฺฑเน อุยฺยุตฺตา อเหสุํ. ยถาห – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภทฺทิยา ภิกฺขู อเนกวิหิตํ ปาทุกมณฺฑนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, ติณปาทุกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, มฺุชปาทุกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, ปพฺพชปาทุกํ หินฺตาลปาทุกํ กมลปาทุกํ กมฺพลปาทุกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, ริฺจนฺติ อุทฺเทสํ ปริปุจฺฉํ อธิสีลํ อธิจิตฺตํ อธิปฺ’’นฺติ ¶ (มหาว. ๒๕๑). ภิกฺขู เตสํ ตถากรณภาวํ ชานิตฺวา อุชฺฌายิตฺวา ¶ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา เต ภิกฺขู ครหิตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห อฺเน กิจฺเจน อาคตา อฺสฺมึเยว กิจฺเจ อุยฺยุตฺตา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยฺหิ กิจฺจํ อปวิทฺธํ, อกิจฺจํ ปน กรียติ;
อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ, เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา.
‘‘เยสฺจ สุสมารทฺธา, นิจฺจํ กายคตา สติ;
อกิจฺจํ เต น เสวนฺติ, กิจฺเจ สาตจฺจการิโน;
สตานํ สมฺปชานานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา’’ติ.
ตตฺถ ยฺหิ กิจฺจนฺติ ภิกฺขุโน หิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนํ อรฺาวาโส ธุตงฺคปริหรณํ ภาวนารามตาติ เอวมาทีนิ กิจฺจํ นาม. อิเมหิ ปน ยํ อตฺตโน กิจฺจํ, ตํ อปวิทฺธํ ฉฑฺฑิตํ. อกิจฺจนฺติ ภิกฺขุโน ฉตฺตมณฺฑนํ อุปาหนมณฺฑนํ ปาทุกปตฺตถาลกธมฺมกรณกายพนฺธนอํสพทฺธกมณฺฑนํ อกิจฺจํ นาม. เยหิ ตํ กยิรติ, เตสํ มานนฬํ อุกฺขิปิตฺวา จรเณน อุนฺนฬานํ สติโวสฺสคฺเคน ปมตฺตานํ จตฺตาโร อาสวา วฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ. สุสมารทฺธาติ สุปคฺคหิตา. กายคตา สตีติ กายานุปสฺสนาภาวนา. อกิจฺจนฺติ เต เอตํ ฉตฺตมณฺฑนาทิกํ อกิจฺจํ น เสวนฺติ น กโรนฺตีติ อตฺโถ. กิจฺเจติ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย กตฺตพฺเพ อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนาทิเก กรณีเย. สาตจฺจการิโนติ สตตการิโน อฏฺิตการิโน. เตสํ สติยา อวิปฺปวาเสน สตานํ ¶ สาตฺถกสมฺปชฺํ ¶ สปฺปายสมฺปชฺํ โคจรสมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ จตูหิ สมฺปชฺเหิ สมฺปชานานํ จตฺตาโรปิ อาสวา อตฺถํ คจฺฉนฺติ, ปริกฺขยํ อภาวํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ภทฺทิยวตฺถุ ตติยํ.
๔. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ
มาตรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ¶ สมฺพหุลา อาคนฺตุกา ภิกฺขู สตฺถารํ ทิวาฏฺาเน นิสินฺนํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ตสฺมึ ขเณ ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถโร ภควโต อวิทูเร อติกฺกมติ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตาจารํ ตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, อยํ ภิกฺขุ มาตาปิตโร หนฺตฺวา นิทฺทุกฺโข หุตฺวา ยาตี’’ติ วตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ ‘‘กึ นุ โข สตฺถา วทตี’’ติ อฺมฺํ มุขานิ โอโลเกตฺวา สํสยปกฺขนฺเทหิ, ‘‘ภนฺเต, กึ นาเมตํ วเทถา’’ติ วุตฺเต เตสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา, ราชาโน ทฺเว จ ขตฺติเย;
รฏฺํ สานุจรํ หนฺตฺวา, อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ’’ติ.
ตตฺถ ¶ สานุจรนฺติ อายสาธเกน อายุตฺตเกน สหิตํ. เอตฺถ หิ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริส’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๕๕-๕๗) วจนโต ตีสุ ภเวสุ สตฺตานํ ชนนโต ตณฺหา มาตา นาม. ‘‘อหํ อสุกสฺส นาม รฺโ วา ราชมหามตฺตสฺส วา ปุตฺโต’’ติ ปิตรํ นิสฺสาย อสฺมิมานสฺส อุปฺปชฺชนโต อสฺมิมาโน ปิตา นาม. โลโก วิย ราชานํ ยสฺมา สพฺพทิฏฺิคตานิ ทฺเว สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ภชนฺติ, ตสฺมา ทฺเว สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ทฺเว ขตฺติยราชาโน นาม. ทฺวาทสายตนานิ วิตฺถตฏฺเน รฏฺทิสตฺตา รฏฺํ นาม. อายสาธโก ¶ อายุตฺตกปุริโส วิย ตนฺนิสฺสิโต นนฺทิราโค อนุจโร นาม. อนีโฆติ นิทฺทุกฺโข. พฺราหฺมโณติ ขีณาสโว. เอเตสํ ตณฺหาทีนํ อรหตฺตมคฺคาณาสินา หตตฺตา ขีณาสโว นิทฺทุกฺโข หุตฺวา ยาตีติ อยเมตฺถตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.
ทุติยคาถายปิ วตฺถุ ปุริมสทิสเมว. ตทา หิ สตฺถา ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรเมว อารพฺภ กเถสิ. เตสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา, ราชาโน ทฺเว จ โสตฺถิเย;
เวยคฺฆปฺจมํ หนฺตฺวา, อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ’’ติ.
ตตฺถ ทฺเว จ โสตฺถิเยติ ทฺเว จ พฺราหฺมเณ. อิมิสฺสา คาถาย สตฺถา อตฺตโน ธมฺมิสฺสรตาย จ เทสนาวิธิกุสลตาย จ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ทฺเว พฺราหฺมณราชาโน ¶ จ กตฺวา กเถสิ. เวยคฺฆปฺจมนฺติ เอตฺถ พฺยคฺฆานุจริโต สปฺปฏิภโย ทุปฺปฏิปนฺโน มคฺโค เวยคฺโฆ นาม, วิจิกิจฺฉานีวรณมฺปิ ¶ เตน สทิสตาย เวยคฺฆํ นาม, ตํ ปฺจมํ อสฺสาติ นีวรณปฺจกํ เวยคฺฆปฺจมํ นาม. อิทฺจ เวยคฺฆปฺจมํ อรหตฺตมคฺคาณาสินา นิสฺเสสํ หนฺตฺวา อนีโฆว ยาติ พฺราหฺมโณติ อยเมตฺถตฺโถ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. ทารุสากฏิกปุตฺตวตฺถุ
สุปฺปพุทฺธนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ทารุสากฏิกสฺส ปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
ราชคหสฺมิฺหิ สมฺมาทิฏฺิกปุตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิกปุตฺโตติ ทฺเว ทารกา อภิกฺขณํ คุฬกีฬํ กีฬนฺติ. เตสุ สมฺมาทิฏฺิกปุตฺโต คุฬํ ขิปมาโน พุทฺธานุสฺสตึ อาวชฺเชตฺวา ‘‘นโม พุทฺธสฺสา’’ติ วตฺวา วตฺวา คุฬํ ขิปติ. อิตโร ติตฺถิยคุเณ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘นโม อรหนฺตาน’’นฺติ วตฺวา วตฺวา ขิปติ. เตสุ สมฺมาทิฏฺิกสฺส ¶ ปุตฺโต ชินาติ, อิตโร ปน ปราชยติ. โส ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ¶ เอวํ อนุสฺสริตฺวา เอวํ วตฺวา คุฬํ ขิปนฺโต มมํ ชินาติ, อหมฺปิ เอวรูปํ กริสฺสามี’’ติ พุทฺธานุสฺสติยํ ปริจยมกาสิ. อเถกทิวสํ ตสฺส ปิตา สกฏํ โยเชตฺวา ทารูนํ อตฺถาย คจฺฉนฺโต ตมฺปิ ทารกํ อาทาย คนฺตฺวา อฏวิยํ ทารูนํ สกฏํ ปูเรตฺวา อาคจฺฉนฺโต พหินคเร สุสานสามนฺเต อุทกผาสุกฏฺาเน โคเณ โมเจตฺวา ภตฺตวิสฺสคฺคมกาสิ. อถสฺส เต โคณา สายนฺหสมเย นครํ ปวิสนฺเตน โคคเณน สทฺธึ นครเมว ปวิสึสุ. สากฏิโกปิ โคเณ อนุพนฺธนฺโต นครํ ปวิสิตฺวา สายํ โคเณ ทิสฺวา อาทาย นิกฺขมนฺโต ทฺวารํ น สมฺปาปุณิ. ตสฺมิฺหิ อสมฺปตฺเตเยว ทฺวารํ ปิหิตํ.
อถสฺส ปุตฺโต เอกโกว รตฺติภาเค สกฏสฺส เหฏฺา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. ราชคหํ ปน ปกติยาปิ อมนุสฺสพหุลํ. อยฺจ สุสานสนฺติเก นิปนฺโน. ตตฺถ นํ ทฺเว อมนุสฺสา ปสฺสึสุ. เอโก สาสนสฺส ปฏิกณฺฑโก มิจฺฉาทิฏฺิโก, เอโก สมฺมาทิฏฺิโก. เตสุ มิจฺฉาทิฏฺิโก อาห – ‘‘อยํ โน ภกฺโข, อิมํ ขาทิสฺสามา’’ติ. อิตโร ‘‘อลํ มา เต รุจฺจี’’ติ นิวาเรติ. โส เตน นิวาริยมาโนปิ ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ทารกํ ปาเทสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิ. โส พุทฺธานุสฺสติยา ปริจิตตฺตา ¶ ตสฺมึ ขเณ ‘‘นโม พุทฺธสฺสา’’ติ อาห. อมนุสฺโส ¶ มหาภยภีโต ปฏิกฺกมิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ อิตโร ‘‘อมฺเหหิ อกิจฺจํ กตํ, ทณฺฑกมฺมํ ตสฺส กโรมา’’ติ วตฺวา ตํ รกฺขมาโน อฏฺาสิ. มิจฺฉาทิฏฺิโก นครํ ปวิสิตฺวา รฺโ โภชนปาตึ ปูเรตฺวา โภชนํ อาหริ. อถ นํ อุโภปิ ตสฺส มาตาปิตโร วิย หุตฺวา อุปฏฺาเปตฺวา โภเชตฺวา ‘‘อิมานิ อกฺขรานิ ราชาว ปสฺสตุ, มา อฺโ’’ติ ตํ ปวตฺตึ ปกาเสนฺตา ยกฺขานุภาเวน โภชนปาติยํ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา ปาตึ ทารุสกเฏ ปกฺขิปิตฺวา สพฺพรตฺตึ อารกฺขํ กตฺวา ปกฺกมึสุ.
ปุนทิวเส ‘‘ราชกุลโต โจเรหิ โภชนภณฺฑํ อวหฏ’’นฺติ โกลาหลํ กโรนฺตา ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา โอโลเกนฺตา ตตฺถ อปสฺสนฺตา นครา นิกฺขมิตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตา ทารุสกเฏ สุวณฺณปาตึ ทิสฺวา ‘‘อยํ โจโร’’ติ ตํ ทารกํ คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา อกฺขรานิ ทิสฺวา ‘‘กึ เอตํ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นาหํ ¶ , เทว, ชานามิ, มาตาปิตโร เม อาคนฺตฺวา รตฺตึ โภเชตฺวา รกฺขมานา อฏฺํสุ, อหมฺปิ มาตาปิตโร มํ รกฺขนฺตีติ นิพฺภโยว นิทฺทํ อุปคโต. เอตฺตกํ อหํ ชานามี’’ติ. อถสฺส มาตาปิตโรปิ ตํ านํ อาคมํสุ. ราชา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา เต ตโยปิ ชเน อาทาย ¶ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ อาโรเจตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, พุทฺธานุสฺสติ เอว รกฺขา โหติ, อุทาหุ ธมฺมานุสฺสติอาทโยปี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา, ‘‘มหาราช, น เกวลํ พุทฺธานุสฺสติเยว รกฺขา, เยสํ ปน ฉพฺพิเธน จิตฺตํ สุภาวิตํ, เตสํ อฺเน รกฺขาวรเณน วา มนฺโตสเธหิ วา กิจฺจํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ฉ านานิ ทสฺเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ.
‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ พุทฺธคตา สติ.
‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ ธมฺมคตา สติ.
‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ สงฺฆคตา สติ.
‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ กายคตา สติ.
‘‘สุปฺปพุทฺธํ ¶ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, อหึสาย รโต มโน.
‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, ภาวนาย รโต มโน’’ติ.
ตตฺถ สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺตีติ พุทฺธคตํ สตึ คเหตฺวา สุปนฺตา, คเหตฺวาเยว จ ปพุชฺฌนฺตา สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ นาม. สทา โคตมสาวกาติ โคตมโคตฺตสฺส พุทฺธสฺส สวนนฺเต ชาตตฺตา ตสฺเสว ¶ อนุสาสนิยา สวนตาย โคตมสาวกา. พุทฺธคตา สตีติ เยสํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทิปฺปเภเท พุทฺธคุเณ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา สติ นิจฺจกาลํ อตฺถิ, เต สทาปิ สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺตีติ อตฺโถ. ตถา อสกฺโกนฺตา ปน เอกทิวสํ ¶ ตีสุ กาเลสุ ทฺวีสุ กาเลสุ เอกสฺมิมฺปิ กาเล พุทฺธานุสฺสตึ มนสิ กโรนฺตา สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติเยว นาม. ธมฺมคตา สตีติ ‘‘สฺวาขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติอาทิปฺปเภเท ธมฺมคุเณ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา สติ. สงฺฆคตา สตีติ ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทิปฺปเภเท สงฺฆคุเณ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา สติ. กายคตา สตีติ ทฺวตฺตึสาการวเสน วา นวสิวถิกาวเสน วา จตุธาตุววตฺถานวเสน วา อชฺฌตฺตนีลกสิณาทิรูปชฺฌานวเสน วา อุปฺปชฺชมานา สติ. อหึสาย รโตติ ‘‘โส กรุณาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ (วิภ. ๖๔๒) เอวํ วุตฺตาย กรุณาภาวนาย รโต. ภาวนายาติ เมตฺตาภาวนาย. กิฺจาปิ เหฏฺา กรุณาภาวนาย วุตฺตตฺตา อิธ สพฺพาปิ อวเสสา ภาวนา นาม, อิธ ปน เมตฺตาภาวนาว อธิปฺเปตา. เสสํ ปมคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
เทสนาวสาเน ทารโก สทฺธึ มาตาปิตูหิ โสตาปตฺติผเล ¶ ปติฏฺหิ. ปจฺฉา ปน ปพฺพชิตฺวา สพฺเพปิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ทารุสากฏิกปุตฺตวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. วชฺชิปุตฺตกภิกฺขุวตฺถุ
ทุปฺปพฺพชฺชนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลึ นิสฺสาย มหาวเน วิหรนฺโต อฺตรํ วชฺชิปุตฺตกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – อฺตโร วชฺชิปุตฺตโก ภิกฺขุ เวสาลิยํ ¶ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ, เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยํ สพฺพรตฺติฉโณ โหติ. อถ โข โส ภิกฺขุ เวสาลิยา ตูริยตาฬิตวาทิตนิคฺโฆสสทฺทํ สุตฺวา ปริเทวมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เอกกา มยํ อรฺเ วิหราม,
อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;
เอตาทิสิกาย รตฺติยา,
โกสุ นามมฺเหหิ ปาปิโย’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๒๙);
โส ¶ กิร วชฺชิรฏฺเ ราชปุตฺโต วาเรน สมฺปตฺตํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต เวสาลิยํ จาตุมหาราชิเกหิ สทฺธึ เอกาพทฺธํ ¶ กตฺวา สกลนคเร ธชปฏากาทีหิ ปฏิมณฺฑิเต โกมุทิยา ปุณฺณมาย สพฺพรตฺตึ ฉณวาเร วตฺตมาเน เภริยาทีนํ ตูริยานํ ตาฬิตานํ นิคฺโฆสํ วีณาทีนฺจ วาทิตานํ สทฺทํ สุตฺวา ยานิ เวสาลิยํ สตฺต ราชสหสฺสานิ สตฺต ราชสตานิ สตฺต ราชาโน, ตตฺตกา เอว จ เนสํ อุปราชเสนาปติอาทโย, เตสุ อลงฺกตปฏิยตฺเตสุ นกฺขตฺตกีฬนตฺถาย วีถึ โอติณฺเณสุ สฏฺิหตฺเถ มหาจงฺกเม จงฺกมมาโน คคนมชฺเฌ ิตํ ปุณฺณจนฺทํ ทิสฺวา จงฺกมโกฏิยํ ผลกํ นิสฺสาย ิโต เวนาลงฺการวิรหิตตฺตา วเน ฉฑฺฑิตทารุกํ วิย อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข อฺโ อมฺเหหิ ลามกตโร’’ติ จินฺเตนฺโต ปกติยา อารฺกาทิคุณยุตฺโตปิ ตสฺมึ ขเณ อนภิรติยา ปีฬิโต เอวมาห. โส ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถาย เทวตาย ‘‘อิมํ ภิกฺขุํ สํเวเชสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน –
‘‘เอกโกว ตฺวํ อรฺเ วิหรสิ, อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;
ตสฺส เต พหุกา ปิหยนฺติ, เนรยิกา วิย สคฺคคามิน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๒๙) –
วุตฺตํ อิมํ คาถํ สุตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ฆราวาสสฺส ¶ ทุกฺขตํ ปกาเสตุกาโม ปฺจ ทุกฺขานิ สโมธาเนตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทุปฺปพฺพชฺชํ ทุรภิรมํ, ทุราวาสา ฆรา ทุขา;
ทุกฺโขสมานสํวาโส, ทุกฺขานุปติตทฺธคู;
ตสฺมา น จทฺธคู สิยา, น จ ทุกฺขานุปติโต สิยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ทุปฺปพฺพชฺชนฺติ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธฺเจว าติปริวฏฺฏฺจ ปหาย อิมสฺมึ สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชฺชํ นาม ทุกฺขํ. ทุรภิรมนฺติ เอวํ ปพฺพชิเตนาปิ ภิกฺขาจริยาย ชีวิตวุตฺตึ ฆเฏนฺเตน อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติปูรณวเสน อภิรมิตุํ ทุกฺขํ. ทุราวาสาติ ยสฺมา ปน ฆรํ อาวสนฺเตน ราชูนํ ราชกิจฺจํ, อิสฺสรานํ อิสฺสรกิจฺจํ วหิตพฺพํ, ปริชนา เจว ธมฺมิกา สมณพฺราหฺมณา จ สงฺคหิตพฺพา. เอวํ สนฺเตปิ ฆราวาโส ฉิทฺทฆโฏ วิย มหาสมุทฺโท วิย จ ทุปฺปูโร. ตสฺมา ฆราวาสา ¶ นาเมเต ทุราวาสา ทุกฺขา อาวสิตุํ, เตเนว การเณน ทุกฺขาติ อตฺโถ. ทุกฺโข สมานสํวาโสติ คิหิโน วา หิ เย ชาติโคตฺตกุลโภเคหิ ¶ ปพฺพชิตา วา สีลาจารพาหุสจฺจาทีหิ สมานาปิ หุตฺวา ‘‘โกสิ ตฺวํ, โกสฺมิ อห’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อธิกรณปสุตา โหนฺติ, เต อสมานา นาม, เตหิ สทฺธึ สํวาโส ทุกฺโขติ อตฺโถ. ทุกฺขานุปติตทฺธคูติ เย วฏฺฏสงฺขาตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺนตฺตา อทฺธคู, เต ทุกฺเข อนุปติตาว. ตสฺมา น จทฺธคูติ ยสฺมา ทุกฺขานุปติตภาโวปิ ทุกฺโข อทฺธคูภาโวปิ, ตสฺมา วฏฺฏสงฺขาตํ อทฺธานํ คมนตาย อทฺธคู น ภเวยฺย, วุตฺตปฺปกาเรน ทุกฺเขน อนุปติโตปิ น ภเวยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ ปฺจสุ าเนสุ ทสฺสิเต ทุกฺเข นิพฺพินฺทนฺโต ปฺโจรมฺภาคิยานิ ปฺจ อุทฺธมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปทาเลตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหีติ.
วชฺชิปุตฺตกภิกฺขุวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. จิตฺตคหปติวตฺถุ
สทฺโธติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จิตฺตคหปตึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ พาลวคฺเค ‘‘อสนฺตํ ภาวนมิจฺเฉยฺยา’’ติ ¶ คาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตํ. คาถาปิ ตตฺเถว วุตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๗๔) –
‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เอตสฺส ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺเสวายํ ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชติ, อุทาหุ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘อานนฺท, มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺสาปิ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺสาปิ ตสฺส อุปฺปชฺชเตว. อยฺหิ อุปาสโก สทฺโธ ปสนฺโน สมฺปนฺนสีโล, เอวรูโป ปุคฺคโล ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถวสฺส ลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺตตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สทฺโธ ¶ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโสโภคสมปฺปิโต;
ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๗๔);
ตตฺถ ¶ สทฺโธติ โลกิยโลกุตฺตรสทฺธาย สมนฺนาคโต. สีเลนาติ อาคาริยสีลํ, อนาคาริยสีลนฺติ ทุวิธํ สีลํ. เตสุ อิธ อาคาริยสีลํ อธิปฺเปตํ, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ยโสโภคสมปฺปิโตติ ยาทิโส อนาถปิณฺฑิกาทีนํ ปฺจอุปาสกสตปริวารสงฺขาโต อาคาริยยโส, ตาทิเสเนว ยเสน ธนธฺาทิโก เจว สตฺตวิธอริยธนสงฺขาโต จาติ ทุวิโธ โภโค, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ยํ ยํ ปเทสนฺติ ปุรตฺถิมาทีสุ ¶ ทิสาสุ เอวรูโป กุลปุตฺโต ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺถ เอวรูเปน ลาภสกฺกาเรน ปูชิโตว โหตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
จิตฺตคหปติวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. จูฬสุภทฺทาวตฺถุ
ทูเร สนฺโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส ธีตรํ จูฬสุภทฺทํ นาม อารพฺภ กเถสิ.
อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร ทหรกาลโต ปฏฺาย อุคฺคนครวาสี อุคฺโค นาม เสฏฺิปุตฺโต สหายโก อโหสิ. เต เอกาจริยกุเล สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺตา อฺมฺํ กติกํ กรึสุ ‘‘อมฺหากํ วยปฺปตฺตกาเล ปุตฺตธีตาสุ ชาตาสุ โย ปุตฺตสฺส ธีตรํ วาเรติ, เตน ตสฺส ธีตา ทาตพฺพา’’ติ. เต อุโภปิ วยปฺปตฺตา อตฺตโน อตฺตโน นคเร เสฏฺิฏฺาเน ปติฏฺหึสุ. อเถกสฺมึ สมเย อุคฺคเสฏฺิ วณิชฺชํ ปโยเชนฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ สาวตฺถึ อคมาสิ. อนาถปิณฺฑิโก อตฺตโน ธีตรํ จูฬสุภทฺทํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, ปิตา เต อุคฺคเสฏฺิ นาม อาคโต, ตสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ สพฺพํ ตว ภาโร’’ติ อาณาเปสิ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตสฺส อาคตทิวสโต ปฏฺาย สหตฺเถเนว สูปพฺยฺชนาทีนิ สมฺปาเทติ, มาลาคนฺธวิเลปนาทีนิ อภิสงฺขโรติ ¶ , โภชนกาเล ตสฺส นฺหาโนทกํ ปฏิยาทาเปตฺวา นฺหานกาลโต ปฏฺาย สพฺพกิจฺจานิ สาธุกํ กโรติ.
อุคฺคเสฏฺิ ¶ ¶ ตสฺสา อาจารสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต เอกทิวสํ อนาถปิณฺฑิเกน สทฺธึ สุขกถาย สนฺนิสินฺโน ‘‘มยํ ทหรกาเล เอวํ นาม กติกํ กริมฺหา’’ติ สาเรตฺวา จูฬสุภทฺทํ อตฺตโน ปุตฺตสฺสตฺถาย วาเรสิ. โส ปน ปกติยาว มิจฺฉาทิฏฺิโก. ตสฺมา ทสพลสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา สตฺถารา อุคฺคเสฏฺิสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อนฺุาโต ภริยาย สทฺธึ มนฺเตตฺวา ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ทิวสํ ววตฺถเปตฺวา ธีตรํ วิสาขํ ทตฺวา อุยฺโยเชนฺโต ธนฺจยเสฏฺิ วิย มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา สุภทฺทํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, สสุรกุเล วสนฺติยา นาม อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพ’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๕๙; ธ. ป. อฏฺ. ๑.๕๒ วิสาขาวตฺถุ) ธนฺจยเสฏฺินา วิสาขาย ทินฺนนเยเนว ทส โอวาเท ทตฺวา ‘‘สเจ เม คตฏฺาเน ธีตุ โทโส อุปฺปชฺชติ, ตุมฺเหหิ โสเธตพฺโพ’’ติ อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปาฏิโภเค คเหตฺวา ตสฺสา อุยฺโยชนทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ปุริมภเว ธีตรา กตานํ สุจริตานํ ผลวิภูตึ โลกสฺส ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต วิย มหนฺเตน สกฺกาเรน ธีตรํ อุยฺโยเชสิ. ตสฺสา อนุปุพฺเพน อุคฺคนครํ ปตฺตกาเล สสุรกุเลน สทฺธึ ¶ มหาชโน ปจฺจุคฺคมนมกาสิ.
สาปิ อตฺตโน สิริวิภวํ ปากฏํ กาตุํ วิสาขา วิย สกลนครสฺส อตฺตานํ ทสฺเสนฺตี รเถ ตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา นาคเรหิ เปสิเต ปณฺณากาเร คเหตฺวา อนุรูปวเสน เตสํ เตสํ เปเสนฺตี สกลนครํ อตฺตโน คุเณหิ เอกาพทฺธมกาสิ. มงฺคลทิวสาทีสุ ปนสฺสา สสุโร อเจลกานํ สกฺการํ กโรนฺโต ‘‘อาคนฺตฺวา อมฺหากํ สมเณ วนฺทตู’’ติ เปเสสิ. สา ลชฺชาย นคฺเค ปสฺสิตุํ อสกฺโกนฺตี คนฺตุํ น อิจฺฉติ. โส ปุนปฺปุนํ เปเสตฺวาปิ ตาย ปฏิกฺขิตฺโต กุชฺฌิตฺวา ‘‘นีหรถ น’’นฺติ อาห. สา ‘‘น สกฺกา มม อการเณน โทสํ อาโรเปตุ’’นฺติ กุฏุมฺพิเก ปกฺโกสาเปตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เต ตสฺสา นิทฺโทสภาวํ ตฺวา เสฏฺึ สฺาเปสุํ. โส ‘‘อยํ มม สมเณ อหิริกาติ น วนฺที’’ติ ภริยาย อาโรเจสิ. สา ‘‘กีทิสา นุ โข อิมิสฺสา สมณา, อติวิย เตสํ ปสํสตี’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห –
‘‘กีทิสา สมณา ตุยฺหํ, พาฬฺหํ โข เน ปสํสสิ;
กึสีลา กึสมาจารา, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิตา’’ติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๒๔);
อถสฺสา ¶ สุภทฺทา พุทฺธานฺเจว พุทฺธสาวกานฺจ คุเณ ปกาเสนฺตี –
‘‘สนฺตินฺทฺริยา ¶ สนฺตมานสา, สนฺตํ เตสํ คตํ ิตํ;
โอกฺขิตฺตจกฺขู มิตภาณี, ตาทิสา สมณา มม. (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๒๔);
‘‘กายกมฺมํ สุจิ เนสํ, วาจากมฺมํ อนาวิลํ;
มโนกมฺมํ สุวิสุทฺธํ, ตาทิสา สมณา มม.
‘‘วิมลา ¶ สงฺขมุตฺตาภา, สุทฺธา อนฺตรพาหิรา;
ปุณฺณา สุทฺเธหิ ธมฺเมหิ, ตาทิสา สมณา มม.
‘‘ลาเภน อุนฺนโต โลโก, อลาเภน จ โอนโต;
ลาภาลาเภน เอกฏฺา, ตาทิสา สมณา มม.
‘‘ยเสน อุนฺนโต โลโก, อยเสน จ โอนโต;
ยสายเสน เอกฏฺา, ตาทิสา สมณา มม.
‘‘ปสํสายุนฺนโต โลโก, นินฺทายาปิ จ โอนโต;
สมา นินฺทาปสํสาสุ, ตาทิสา สมณา มม.
‘‘สุเขน อุนฺนโต โลโก, ทุกฺเขนาปิ จ โอนโต;
อกมฺปา สุขทุกฺเขสุ, ตาทิสา สมณา มมา’’ติ. –
เอวมาทีหิ วจเนหิ สสฺสุํ โตเสสิ.
อถ นํ ‘‘สกฺกา ตว สมเณ อมฺหากมฺปิ ทสฺเสตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สกฺกา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ยถา มยํ เต ปสฺสาม, ตถา กโรหี’’ติ วุตฺเต สา ‘‘สาธู’’ติ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ สชฺเชตฺวา อุปริปาสาทตเล ตฺวา เชตวนาภิมุขี สกฺกจฺจํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา คนฺธวาสปุปฺผธุเมหิ ปูชํ กตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตมิ, อิมินา เม สฺาเณน สตฺถา นิมนฺติตภาวํ ชานาตู’’ติ ¶ สุมนปุปฺผานํ อฏฺ มุฏฺิโย อากาเส ขิปิ. ปุปฺผานิ คนฺตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ ¶ เทเสนฺตสฺส สตฺถุโน อุปริ มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ อนาถปิณฺฑิโกปิ ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺวาตนาย สตฺถารํ นิมนฺเตสิ. สตฺถา ‘‘อธิวุตฺถํ มยา, คหปติ, สฺวาตนาย ภตฺต’’นฺติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยา ปุเรตรํ อาคโต นตฺถิ, กสฺส นุ โข โว อธิวุตฺถ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘จูฬสุภทฺทาย, คหปติ, นิมนฺติโต’’ติ ¶ วตฺวา ‘‘นนุ, ภนฺเต, จูฬสุภทฺทา ทูเร วสติ อิโต วีสติโยชนสตมตฺถเก’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม คหปติ, ทูเร วสนฺตาปิ หิ สปฺปุริสา อภิมุเข ิตา วิย ปกาเสนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ, หิมวนฺโตว ปพฺพโต;
อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติ.
ตตฺถ สนฺโตติ ราคาทีนํ สนฺตตาย พุทฺธาทโย สนฺตา นาม. อิธ ปน ปุพฺพพุทฺเธสุ กตาธิการา อุสฺสนฺนกุสลมูลา ภาวิตภาวนา สตฺตา สนฺโตติ อธิปฺเปตา. ปกาเสนฺตีติ ทูเร ิตาปิ พุทฺธานํ าณปถํ อาคจฺฉนฺตา ปากฏา โหนฺติ. หิมวนฺโต วาติ ยถา หิ ติโยชนสหสฺสวิตฺถโต ปฺจโยชนสตุพฺเพโธ จตุราสีติยา ¶ กูฏสหสฺเสหิ ปฏิมณฺฑิโต หิมวนฺตปพฺพโต ทูเร ิตานมฺปิ อภิมุเข ิโต วิย ปกาเสติ, เอวํ ปกาเสนฺตีติ อตฺโถ. อสนฺเตตฺถาติ ทิฏฺธมฺมครุกา วิติณฺณปรโลกา อามิสจกฺขุกา ชีวิกตฺถาย ปพฺพชิตา พาลปุคฺคลา อสนฺโต นาม, เต เอตฺถ พุทฺธานํ ทกฺขิณสฺส ชาณุมณฺฑลสฺส สนฺติเก นิสินฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ น ปฺายนฺติ. รตฺตึ ขิตฺตาติ รตฺตึ จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร ขิตฺตสรา วิย ตถารูปสฺส อุปนิสฺสยภูตสฺส ปุพฺพเหตุโน อภาเวน น ปฺายนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สกฺโก เทวราชา ‘‘สตฺถารา สุภทฺทาย นิมนฺตนํ อธิวาสิต’’นฺติ ตฺวา วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อาณาเปสิ – ‘‘ปฺจ กูฏาคารสตานิ นิมฺมินิตฺวา สฺเว พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อุคฺคนครํ เนหี’’ติ. โส ปุนทิวเส ปฺจสตานิ กูฏาคารานิ นิมฺมินิตฺวา เชตวนทฺวาเร อฏฺาสิ. สตฺถา อุจฺจินิตฺวา วิสุทฺธขีณาสวานํเยว ปฺจสตานิ อาทาย สปริวาโร กูฏาคาเรสุ นิสีทิตฺวา อุคฺคนครํ อคมาสิ. อุคฺคเสฏฺิปิ สปริวาโร สุภทฺทาย ทินฺนนเยเนว ตถาคตสฺส อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺโต สตฺถารํ มหนฺเตน สิริวิภเวน ¶ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มาลาทีหิ มหนฺตํ สกฺการํ กโรนฺโต สปริวาโร สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วนฺทิตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ปุนปฺปุนํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ อทาสิ. สตฺถาปิสฺส สปฺปายํ สลฺลกฺเขตฺวา ¶ ธมฺมํ ¶ เทเสสิ. ตํ อาทึ กตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สตฺถา ‘‘จูฬสุภทฺทาย อนุคฺคหณตฺถํ ตฺวํ อิเธว โหหี’’ติ อนุรุทฺธตฺเถรํ นิวตฺตาเปตฺวา สาวตฺถิเมว อคมาสิ. ตโต ปฏฺาย ตํ นครํ สทฺธาสมฺปนฺนํ อโหสีติ.
จูฬสุภทฺทาวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. เอกวิหาริตฺเถรวตฺถุ
เอกาสนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกวิหาริตฺเถรํ นาม อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เถโร เอกโกว เสยฺยํ กปฺเปติ, เอกโกว นิสีทติ, เอกโกว จงฺกมติ, เอกโกว ติฏฺตีติ จตุปริสนฺตเร ปากโฏ อโหสิ. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘ภนฺเต, เอวรูโป นามายํ เถโร’’ติ ตถาคตสฺสาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ¶ ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘ภิกฺขุนา นาม ปวิวิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วิเวเก อานิสํสํ กเถตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอกาสนํ เอกเสยฺยํ, เอโก จรมตนฺทิโต;
เอโก ทมยมตฺตานํ, วนนฺเต รมิโต สิยา’’ติ.
ตตฺถ เอกาสนํ เอกเสยฺยนฺติ ภิกฺขุสหสฺสมชฺเฌปิ มูลกมฺมฏฺานํ อวิชหิตฺวา เตเนว มนสิกาเรน นิสินฺนสฺส อาสนํ เอกาสนํ นาม. โลหปาสาทสทิเสปิ จ ปาสาเท ภิกฺขุสหสฺสมชฺเฌปิ ปฺตฺเต วิจิตฺรปจฺจตฺถรณูปธาเน มหารเห สยเน สตึ อุปฏฺเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน มูลกมฺมฏฺานมนสิกาเรน นิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน เสยฺยา เอกเสยฺยา นาม. เอวรูปํ เอกาสนฺจ เอกเสยฺยฺจ ภเชถาติ อตฺโถ. อตนฺทิโตติ ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ชีวิตกปฺปเนน อกุสีโต หุตฺวา สพฺพีริยาปเถสุ เอกโกว จรนฺโตติ อตฺโถ. เอโก ทมยนฺติ รตฺติฏฺานาทีสุ ¶ กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชิตฺวา มคฺคผลาธิคมวเสน เอโกว หุตฺวา อตฺตานํ ทเมนฺโตติ อตฺโถ. วนนฺเต รมิโต สิยาติ เอวํ อตฺตานํ ทเมนฺโต อิตฺถิปุริสสทฺทาทีหิ ปวิวิตฺเต วนนฺเตเยว อภิรมิโต ภเวยฺย. น หิ สกฺกา อากิณฺณวิหารินา เอวํ อตฺตานํ ทเมตุนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ตโต ปฏฺาย มหาชโน เอกวิหาริกเมว ปตฺเถสีติ.
เอกวิหาริตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
ปกิณฺณกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกวีสติโม วคฺโค.
๒๒. นิรยวคฺโค
๑. สุนฺทรีปริพฺพาชิกาวตฺถุ
อภูตวาทีติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุนฺทรึ ปริพฺพาชิกํ อารพฺภ กเถสิ.
‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต’’ติ วตฺถุ วิตฺถารโต อุทาเน (อุทา. ๓๘) อาคตเมว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – ภควโต กิร ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปฺจนฺนํ มหานทีนํ มโหฆสทิเส ลาภสกฺกาเร อุปฺปนฺเน หตลาภสกฺการา อฺติตฺถิยา สูริยุคฺคมนกาเล ขชฺโชปนกา วิย นิปฺปภา หุตฺวา เอกโต สนฺนิปติตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย หตลาภสกฺการา, น โน โกจิ อตฺถิภาวมฺปิ ชานาติ, เกน นุ โข สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการมสฺส อนฺตรธาเปยฺยามา’’ติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘สุนฺทริยา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สกฺกุณิสฺสามา’’ติ. เต เอกทิวสํ สุนฺทรึ ติตฺถิยารามํ ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา ิตํ นาลปึสุ. สา ปุนปฺปุนํ ¶ สลฺลปนฺตีปิ ปฏิวจนํ อลภิตฺวา ‘‘อปิ ปนยฺยา, เกนจิ วิเหิตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ, ภคินิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหเตฺวา หตลาภสกฺกาเร กตฺวา วิจรนฺตํ น ปสฺสสี’’ติ? ‘‘มยา เอตฺถ กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ตฺวํ โขสิ, ภคินิ, อภิรูปา โสภคฺคปฺปตฺตา, สมณสฺส โคตมสฺส อยสํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ ตว กถํ คาหาเปตฺวา หตลาภสกฺการํ กโรหี’’ติ. สา ตํ สุตฺวา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปกฺกนฺตา ตโต ปฏฺาย มาลาคนฺธวิเลปนกปฺปูรกฏุกผลาทีนิ คเหตฺวา สายํ มหาชนสฺส สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นครํ ปวิสนกาเล เชตวนาภิมุขี คจฺฉติ, ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามิ, อหฺหิ เตน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสามี’’ติ วตฺวา อฺตรสฺมึ ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว เชตวนมคฺคํ โอตริตฺวา นคราภิมุขี อาคจฺฉนฺตี ‘‘กึ, สุนฺทริ, กหํ คตาสี’’ติ ปุฏฺา ‘‘สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ตํ กิเลสรติยา รมาเปตฺวา อาคตามฺหี’’ติ วทติ.
อถ ¶ ¶ เต กติปาหจฺจเยน ¶ ธุตฺตานํ กหาปเณ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ สุนฺทรึ มาเรตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส คนฺธกุฏิยา สมีเป มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา เอถา’’ติ วทึสุ. เต ตถา อกํสุ. ตโต ติตฺถิยา ‘‘สุนฺทรึ น ปสฺสามา’’ติ โกลาหลํ กตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘กหํ โว อาสงฺกา’’ติ วุตฺตา ‘‘อิเมสุ ทิวเสสุ เชตวเน วสติ, ตตฺถสฺสา ปวตฺตึ น ชานามา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นํ วิจินถา’’ติ รฺา อนฺุาตา อตฺตโน อุปฏฺาเก คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา วิจินนฺตา มาลากจวรนฺตเร ตํ ทิสฺวา มฺจกํ อาโรเปตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ‘สตฺถารา กตํ ปาปกมฺมํ ปฏิจฺฉาเทสฺสามา’ติ สุนฺทรึ มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปึสู’’ติ รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นครํ อาหิณฺฑถา’’ติ อาห. เต นครวีถีสุ ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปุน รฺโ นิเวสนทฺวารํ อาคมึสุ. ราชา สุนฺทริยา สรีรํ อามกสุสาเน อฏฺฏกํ อาโรเปตฺวา รกฺขาเปสิ. สาวตฺถิวาสิโน เปตฺวา อริยสาวเก เสสา เยภุยฺเยน ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อนฺโตนคเรปิ พหินคเรปิ ภิกฺขู ¶ อกฺโกสนฺตา วิจรนฺติ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘เตน หิ ตุมฺเหปิ เต มนุสฺเส เอวํ ปฏิโจเทถา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปติ,
โย วาปิ กตฺวา น กโรมิจาห;
อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ,
นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ.
ตตฺถ อภูตวาทีติ ปรสฺส โทสํ อทิสฺวาว มุสาวาทํ กตฺวา ตุจฺเฉน ปรํ อพฺภาจิกฺขนฺโต. กตฺวาติ โย วา ปน ปาปกมฺมํ กตฺวา ‘‘นาหํ เอตํ กโรมี’’ติ อาห. เปจฺจ สมา ภวนฺตีติ เต อุโภปิ ชนา ปรโลกํ คนฺตฺวา นิรยํ อุปคมเนน คติยา สมา ภวนฺติ. คติเยว เนสํ ปริจฺฉินฺนา, อายุ ปน เนสํ น ปริจฺฉินฺนํ. พหุกฺหิ ปาปกมฺมํ กตฺวา จิรํ นิรเย ปจฺจนฺติ, ปริตฺตํ กตฺวา อปฺปมตฺตกเมว กาลํ. ยสฺมา ปน เนสํ อุภินฺนมฺปิ ¶ ลามกเมว กมฺมํ, เตน วุตฺตํ – ‘‘นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ. ปรตฺถาติ อิมสฺส ปน ปทสฺส ปุรโต เปจฺจปเทน สมฺพนฺโธ. เปจฺจ ปรตฺถ อิโต คนฺตฺวา เต นิหีนกมฺมา ปรโลเก สมา ภวนฺตีติ อตฺโถ. เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ราชา ‘‘สุนฺทริยา อฺเหิ มาริตภาวํ ชานาถา’’ติ ปุริเส อุยฺโยเชสิ. อถ เต ธุตฺตา เตหิ ¶ กหาปเณหิ สุรํ ปิวนฺตา อฺมฺํ กลหํ กรึสุ. เอโก เอกํ อาห – ‘‘ตฺวํ สุนฺทรึ เอกปฺปหาเรเนว มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา ตโต ลทฺธกหาปเณหิ สุรํ ปิวสิ, โหตุ โหตู’’ติ. ราชปุริสา เต ธุตฺเต คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. อถ เน ราชา ‘‘ตุมฺเหหิ สา มาริตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกหิ มาราปิตา’’ติ? ‘‘อฺติตฺถิเยหิ, เทวา’’ติ. ราชา ติตฺถิเย ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ. เต ตเถว วทึสุ. เตน หิ คจฺฉถ ตุมฺเห เอวํ วทนฺตา นครํ อาหิณฺฑถ – ‘‘อยํ สุนฺทรี สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อาโรเปตุกาเมหิ อมฺเหหิ มาราปิตา, เนว สมณสฺส โคตมสฺส, น สาวกานํ โทโส อตฺถิ, อมฺหากเมว โทโส’’ติ. เต ตถา กรึสุ. พาลมหาชโน ตทา สทฺทหิ, ติตฺถิยาปิ ธุตฺตาปิ ปุริสวธทณฺฑํ ปาปุณึสุ. ตโต ปฏฺาย พุทฺธานํ สกฺกาโร มหา อโหสีติ.
สุนฺทรีปริพฺพาชิกาวตฺถุ ปมํ.
๒. ทุจฺจริตผลปีฬิตวตฺถุ
กาสาวกณฺาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ทุจฺจริตผลานุภาเวน ปีฬิเต สตฺเต อารพฺภ กเถสิ.
อายสฺมา หิ โมคฺคลฺลาโน ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกูฏา โอโรหนฺโต อฏฺิสงฺขลิกเปตาทีนํ อตฺตภาเว ทิสฺวา สิตํ กโรนฺโต ลกฺขณตฺเถเรน สิตการณํ ปุฏฺโ ‘‘อกาโล, อาวุโส, อิมสฺส ปฺหสฺส, ตถาคตสฺส สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ตถาคตสฺส สนฺติเก เถเรน ปุฏฺโ อฏฺิสงฺขลิกเปตาทีนํ ทิฏฺภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิธาหํ, อาวุโส, คิชฺฌกูฏา ปพฺพตา โอโรหนฺโต อทฺทสํ ภิกฺขุํ เวหาสํ ¶ คจฺฉนฺตํ, ตสฺส สงฺฆาฏิปิ อาทิตฺตา สมฺปชฺชลิตา สโชติภูตา…เป… กาโยปิ อาทิตฺโต’’ติอาทินา (ปารา. ๒๓๐; สํ. นิ. ๒.๒๑๘) นเยน สทฺธึ ปตฺตจีวรกายพนฺธนาทีหิ ฑยฺหมาเน ปฺจ สหธมฺมิเก อาโรเจสิ. สตฺถา เตสํ กสฺสปทสพลสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปพฺพชฺชาย อนุรูปํ กาตุํ อสกฺโกนฺตานํ ปาปภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ตสฺมึ ขเณ ตตฺถ นิสินฺนานํ พหูนํ ปาปภิกฺขูนํ ทุจฺจริตกมฺมสฺส วิปากํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กาสาวกณฺา พหโว, ปาปธมฺมา อสฺตา;
ปาปา ปาเปหิ กมฺเมหิ, นิรยํ เต อุปปชฺชเร’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ กาสาวกณฺาติ กาสาเวน ปลิเวิตกณฺา. ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมา. อสฺตาติ กายาทิสํยมรหิตา, ตถารูปา ปาปปุคฺคลา อตฺตนา กเตหิ อกุสลกมฺเมหิ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ, เต ตตฺถ ปจฺจิตฺวา ตโต จุตา วิปากาวเสเสน เปเตสุปิ เอวํ ปจฺจนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ทุจฺจริตผลปีฬิตวตฺถุ ทุติยํ.
๓. วคฺคุมุทาตีริยภิกฺขุวตฺถุ
เสยฺโย อโยคุโฬติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลึ อุปนิสฺสาย มหาวเน วิหรนฺโต วคฺคุมุทาตีริเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปาราชิเก (ปารา. ๑๙๓ อาทโย) อาคตเมว.
ตทา หิ สตฺถา เต ภิกฺขู ‘‘กึ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อุทรสฺสตฺถาย คิหีนํ อฺมฺสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสิตฺถา’’ติ วตฺวา เตหิ ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต เต ภิกฺขู อเนกปริยาเยน ครหิตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เสยฺโย ¶ อโยคุโฬ ภุตฺโต, ตตฺโต อคฺคิสิขูปโม;
ยฺเจ ภฺุเชยฺย ทุสฺสีโล, รฏฺปิณฺฑมสฺโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยฺเจ ภฺุเชยฺยาติ ยํ ทุสฺสีโล นิสฺสีลปุคฺคโล กายาทีหิ อสฺโต รฏฺวาสีหิ สทฺธาย ทินฺนํ รฏฺปิณฺฑํ ‘‘สมโณมฺหี’’ติ ปฏิชานนฺโต คเหตฺวา ภฺุเชยฺย, ตตฺโต อาทิตฺโต อคฺคิวณฺโณ อโยคุโฬว ภุตฺโต เสยฺโย สุนฺทรตโร. กึ การณา? ตปฺปจฺจยา หิ เอโกว อตฺตภาโว ฌาเยยฺย, ทุสฺสีโล ปน สทฺธาเทยฺยํ ภฺุชิตฺวา อเนกานิปิ ชาติสตานิ นิรเย ปจฺเจยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
วคฺคุมุทาตีริยภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.
๔. เขมกเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ
จตฺตาริ ¶ านานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส ภาคิเนยฺยํ เขมกํ นาม เสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร อภิรูโป อโหสิ, เยภุยฺเยน อิตฺถิโย ตํ ทิสฺวา ราคาภิภูตา สกภาเวน สณฺาตุํ นาสกฺขึสุ. โสปิ ปรทารกมฺมาภิรโตว อโหสิ. อถ นํ รตฺตึ ราชปุริสา คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา มหาเสฏฺิสฺส ลชฺชามีติ ตํ กิฺจิ อวตฺวา วิสฺสชฺชาเปสิ. โส ปน เนว วิรมิ ¶ . อถ นํ ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ราชปุริสา คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา วิสฺสชฺชาเปสิเยว. มหาเสฏฺิ, ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺส ธมฺมํ เทเสถา’’ติ อาห. สตฺถา ตสฺส สํเวคกถํ วตฺวา ปรทารเสวนาย โทสํ ทสฺเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘จตฺตาริ านานิ นโร ปมตฺโต,
อาปชฺชติ ปรทารูปเสวี;
อปฺุลาภํ น นิกามเสยฺยํ,
นินฺทํ ตตียํ นิรยํ จตุตฺถํ.
‘‘อปฺุลาโภ ¶ จ คตี จ ปาปิกา,
ภีตสฺส ภีตาย รตี จ โถกิกา;
ราชา จ ทณฺฑํ ครุกํ ปเณติ,
ตสฺมา นโร ปรทารํ น เสเว’’ติ.
ตตฺถ านานีติ ทุกฺขการณานิ. ปมตฺโตติ สติโวสฺสคฺเคน สมนฺนาคโต. อาปชฺชตีติ ปาปุณาติ. ปรทารูปเสวีติ ปรทารํ อุปเสวนฺโต อุปฺปถจารี. อปฺุลาภนฺติ อกุสลลาภํ. น นิกามเสยฺยนฺติ ยถา อิจฺฉติ, เอวํ เสยฺยํ อลภิตฺวา อนิจฺฉิตํ ปริตฺตกเมว กาลํ เสยฺยํ ลภติ. อปฺุลาโภ จาติ เอวํ ตสฺส อยฺจ อปฺุลาโภ, เตน จ อปฺุเน นิรยสงฺขาตา ปาปิกา คติ โหติ. รตี จ โถกิกาติ ยา ตสฺส ภีตสฺส ภีตาย อิตฺถิยา สทฺธึ รติ, สาปิ โถกิกา ปริตฺตา โหติ. ครุกนฺติ ราชา จ หตฺถจฺเฉทาทิวเสน ครุกํ ทณฺฑํ ¶ ปเณติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปรทารํ เสวนฺโต เอตานิ อปฺุาทีนิ ปาปุณาติ, ตสฺมา ปรทารํ น เสเวยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ เขมโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตโต ปฏฺาย มหาชโน สุขํ วีตินาเมสิ. กึ ปนสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? โส กิร กสฺสปพุทฺธกาเล อุตฺตมมลฺโล หุตฺวา ทฺเว สุวณฺณปฏากา ทสพลสฺส กฺจนถูเป อาโรเปตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ ‘‘เปตฺวา าติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา มํ ทิสฺวา รชฺชนฺตู’’ติ. อิทมสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ. เตน ตํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ทิสฺวา ปเรสํ อิตฺถิโย สกภาเวน สณฺาตุํ นาสกฺขึสูติ.
เขมกเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. ทุพฺพจภิกฺขุวตฺถุ
กุโส ยถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร ภิกฺขุ อสฺจิจฺจ เอกํ ติณํ ฉินฺทิตฺวา กุกฺกุจฺเจ อุปฺปนฺเน เอกํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส, โย ติณํ ฉินฺทติ, ตสฺส กึ โหตี’’ติ ตํ อตฺตนา กตภาวํ อาโรเจตฺวา ปุจฺฉิ. อถ นํ อิตโร ‘‘ตฺวํ ¶ ติณสฺส ฉินฺนการณา กิฺจิ โหตีติ สฺํ กโรสิ, น เอตฺถ กิฺจิ โหติ, เทเสตฺวา ปน มุจฺจตี’’ติ วตฺวา สยมฺปิ ¶ อุโภหิ หตฺเถหิ ติณํ ลฺุจิตฺวา อคฺคเหสิ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘กุโส ยถา ทุคฺคหิโต, หตฺถเมวานุกนฺตติ;
สามฺํ ทุปฺปรามฏฺํ, นิรยายุปกฑฺฒติ.
‘‘ยํ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมํ, สํกิลิฏฺฺจ ยํ วตํ;
สงฺกสฺสรํ พฺรหฺมจริยํ, น ตํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘กยิรา ¶ เจ กยิราเถนํ, ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม;
สิถิโล หิ ปริพฺพาโช, ภิยฺโย อากิรเต รช’’นฺติ.
ตตฺถ กุโสติ ยํ กิฺจิ ติขิณธารํ ติณํ อนฺตมโส ตาลปณฺณมฺปิ, ยถา โส กุโส เยน ทุคฺคหิโต, ตสฺส หตฺถํ อนุกนฺตติ ผาเลติ, เอวเมว สมณธมฺมสงฺขาตํ สามฺมฺปิ ขณฺฑสีลาทิตาย ทุปฺปรามฏฺํ นิรยายุปกฑฺฒติ, นิรเย นิพฺพตฺตาเปตีติ อตฺโถ. สิถิลนฺติ โอลียิตฺวา กรเณน สิถิลคาหํ กตฺวา กตํ ยํกิฺจิ กมฺมํ. สํกิลิฏฺนฺติ ¶ เวสิยาทิเกสุ อโคจเรสุ จรเณน สํกิลิฏฺํ. สงฺกสฺสรนฺติ สงฺกาหิ สริตพฺพํ, อุโปสถกิจฺจาทีสุ อฺตรกิจฺเจน สนฺนิปติตมฺปิ สงฺฆํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อิเม มม จริยํ ตฺวา มํ อุกฺขิปิตุกามาว สนฺนิปติตา’’ติ เอวํ อตฺตโน อาสงฺกาหิ สริตํ อุสฺสงฺกิตํ ปริสงฺกิตํ. น ตํ โหตีติ ตํ เอวรูปํ สมณธมฺมสงฺขาตํ พฺรหฺมจริยํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส มหปฺผลํ น โหติ, ตสฺส มหปฺผลาภาเวเนว ภิกฺขทายกานมฺปิสฺส น มหปฺผลํ โหตีติ อตฺโถ. กยิรา เจติ ตสฺมา ยํ กมฺมํ กเรยฺย, ตํ กเรยฺยาเถว. ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเมติ ถิรกตเมว กตฺวา อวตฺตสมาทาโน หุตฺวา เอนํ กยิรา. ปริพฺพาโชติ สิถิลภาเวน กโต ขณฺฑาทิภาวปฺปตฺโต สมณธมฺโม. ภิยฺโย อากิรเต รชนฺติ อพฺภนฺตเร วิชฺชมานํ ราครชาทึ เอวรูโป สมณธมฺโม อปเนตุํ น สกฺโกติ, อถ โข ตสฺส อุปริ อปรมฺปิ ราครชาทึ อากิรตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, โสปิ ภิกฺขุ สํวเร ตฺวา ปจฺฉา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณีติ.
ทุพฺพจภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อิสฺสาปกติตฺถิวตฺถุ
อกตนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อิสฺสาปกตํ อิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺสา กิร สามิโก เอกาย เคหทาสิยา สทฺธึ สนฺถวํ อกาสิ. สา อิสฺสาปกตา ตํ ทาสึ หตฺถปาเทสุ พนฺธิตฺวา ตสฺสา กณฺณนาสํ ฉินฺทิตฺวา เอกสฺมึ คุฬฺหคพฺเภ ปกฺขิปิตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา ตสฺส กมฺมสฺส อตฺตนา กตภาวํ ปฏิจฺฉาเทตุํ ‘‘เอหิ, อยฺย, วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ ¶ สุณิสฺสามา’’ติ สามิกํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตี นิสีทิ. อถสฺสา อาคนฺตุกาตกา เคหํ อาคนฺตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ทาสึ โมจยึสุ. สา วิหารํ คนฺตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ิตา ตมตฺถํ ทสพลสฺส อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ทุจฺจริตํ นาม ‘อิทํ เม อฺเ น ชานนฺตี’ติ อปฺปมตฺตกมฺปิ น กาตพฺพํ, อฺสฺมึ อชานนฺเตปิ สุจริตเมว กาตพฺพํ. ปฏิจฺฉาเทตฺวา กตมฺปิ หิ ทุจฺจริตํ นาม ปจฺฉานุตาปํ กโรติ, สุจริตํ ปาโมชฺชเมว ชเนตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย, ปจฺฉา ตปฺปติ ทุกฺกฏํ;
กตฺจ สุกตํ เสยฺโย, ยํ กตฺวา นานุตปฺปตี’’ติ.
ตตฺถ ทุกฺกฏนฺติ สาวชฺชํ อปายสํวตฺตนิกํ กมฺมํ อกตเมว เสยฺโย วรํ อุตฺตมํ. ปจฺฉา ตปฺปตีติ ¶ ตฺหิ อนุสฺสริตานุสฺสริตกาเล ตปฺปติเยว. สุกตนฺติ อนวชฺชํ ปน สุขทายกํ สุคติสํวตฺตนิกเมว กมฺมํ กตํ เสยฺโย. ยํ กตฺวาติ ยํ กมฺมํ กตฺวา ปจฺฉา อนุสฺสรณกาเล น ตปฺปติ นานุตปฺปติ, โสมนสฺสชาโตว โหติ, ตํ กมฺมํ วรนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน อุปาสโก จ สา จ อิตฺถี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตฺจ ปน ทาสึ ตตฺเถว ภุชิสฺสํ กตฺวา ธมฺมจารินึ กรึสูติ.
อิสฺสาปกติตฺถิวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
นครํ ¶ ยถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล อาคนฺตุเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร เอกสฺมึ ปจฺจนฺเต วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปมมาเส สุขํ วิหรึสุ. มชฺฌิมมาเส โจรา อาคนฺตฺวา เตสํ โคจรคามํ ปหริตฺวา กรมเร คเหตฺวา อคมํสุ. ตโต ปฏฺาย มนุสฺสา โจรานํ ปฏิพาหนตฺถาย ตํ ปจฺจนฺตนครํ อภิสงฺขโรนฺตา เต ภิกฺขู สกฺกจฺจํ อุปฏฺาตุํ โอกาสํ น ลภึสุ. เต อผาสุกํ วสฺสํ วสิตฺวา วุตฺถวสฺสา สตฺถุ ทสฺสนาย สาวตฺถึ ¶ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กึ, ภิกฺขเว ¶ , สุขํ วสิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ ปมมาสเมว สุขํ วสิมฺหา, มชฺฌิมมาเส โจรา คามํ ปหรึสุ, ตโต ปฏฺาย มนุสฺสา นครํ อภิสงฺขโรนฺตา สกฺกจฺจํ อุปฏฺาตุํ โอกาสํ น ลภึสุ. ตสฺมา อผาสุกํ วสฺสํ วสิมฺหา’’ติ วุตฺเต ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา จินฺตยิตฺถ, ผาสุวิหาโร นาม นิจฺจกาลํ ทุลฺลโภ, ภิกฺขุนา นาม ยถา เต มนุสฺสา นครํ โคปยึสุ, เอวํ อตฺตภาวเมว โคปยิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘นครํ ยถา ปจฺจนฺตํ, คุตฺตํ สนฺตรพาหิรํ;
เอวํ โคเปถ อตฺตานํ, ขโณ โว มา อุปจฺจคา;
ขณาตีตา หิ โสจนฺติ, นิรยมฺหิ สมปฺปิตา’’ติ.
ตตฺถ สนฺตรพาหิรนฺติ, ภิกฺขเว, ยถา เตหิ มนุสฺเสหิ ตํ ปจฺจนฺตนครํ ทฺวารปาการาทีนิ ถิรานิ กโรนฺเตหิ สอนฺตรํ, อฏฺฏาลกปริขาทีนิ ถิรานิ กโรนฺเตหิ สพาหิรนฺติ สนฺตรพาหิรํ สุคุตฺตํ กตํ, เอวํ ตุมฺเหปิ สตึ อุปฏฺเปตฺวา อชฺฌตฺติกานิ ฉ ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา ทฺวารรกฺขิกํ สตึ อวิสฺสชฺเชตฺวา ยถา คยฺหมานานิ พาหิรานิ ฉ อายตนานิ อชฺฌตฺติกานํ อุปฆาตาย สํวตฺตนฺติ, ตถา อคฺคหเณน ตานิปิ ถิรานิ กตฺวา ¶ เตสํ อปฺปเวสาย ทฺวารรกฺขิกํ สตึ อปฺปหาย วิจรนฺตา อตฺตานํ โคเปถาติ อตฺโถ. ขโณ โว มา อุปจฺจคาติ โย หิ เอวํ อตฺตานํ น โคเปติ, ตํ ปุคฺคลํ อยํ พุทฺธุปฺปาทขโณ มชฺฌิมเทเส อุปฺปตฺติขโณ สมฺมาทิฏฺิยา ปฏิลทฺธขโณ ฉนฺนํ อายตนานํ อเวกลฺลขโณติ สพฺโพปิ อยํ ขโณ ¶ อติกฺกมติ, โส ขโณ ตุมฺเห มา อติกฺกมตุ. ขณาตีตาติ เย หิ ตํ ขณํ อตีตา, เต จ ปุคฺคเล โส จ ขโณ อตีโต, เต นิรยมฺหิ สมปฺปิตา หุตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺติตฺวา โสจนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อุปฺปนฺนสํเวคา อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. นิคณฺวตฺถุ
อลชฺชิตาเยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต นิคณฺเ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ¶ ทิวเส ภิกฺขู นิคณฺเ ทิสฺวา กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, สพฺพโส อปฺปฏิจฺฉนฺเนหิ อเจลเกหิ อิเม นิคณฺา วรตรา, เย เอกํ ปุริมปสฺสมฺปิ ตาว ปฏิจฺฉาเทนฺติ, สหิริกา มฺเ เอเต’’ติ. ตํ สุตฺวา นิคณฺา ‘‘น มยํ เอเตน การเณน ปฏิจฺฉาเทม, ปํสุรชาทโย ¶ ปน ปุคฺคลา เอว, ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธา เอว, เต โน ภิกฺขาภาชเนสุ มา ปตึสูติ อิมินา การเณน ปฏิจฺฉาเทมา’’ติ วตฺวา เตหิ สทฺธึ วาทปฏิวาทวเสน พหุํ กถํ กเถสุํ. ภิกฺขู สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิสินฺนกาเล ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อลชฺชิตพฺเพน ลชฺชิตฺวา ลชฺชิตพฺเพน อลชฺชมานา นาม ทุคฺคติปรายณาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อลชฺชิตาเย ลชฺชนฺติ, ลชฺชิตาเย น ลชฺชเร;
มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ.
‘‘อภเย ภยทสฺสิโน, ภเย จาภยทสฺสิโน;
มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคติ’’นฺติ.
ตตฺถ อลชฺชิตาเยติ อลชฺชิตพฺเพน. ภิกฺขาภาชนฺหิ อลชฺชิตพฺพํ นาม, เต ปน ตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิจรนฺตา เตน ลชฺชนฺติ นาม. ลชฺชิตาเยติ อปฏิจฺฉนฺเนน หิริโกปีนงฺเคน ลชฺชิตพฺเพน. เต ปน ตํ อปฏิจฺฉาเทตฺวา วิจรนฺตา ¶ ลชฺชิตาเย น ลชฺชนฺติ นาม. เตน เตสํ อลชฺชิตพฺเพน ¶ ลชฺชิตํ ลชฺชิตพฺเพน อลชฺชิตํ ตุจฺฉคหณภาเวน จ อฺถาคหณภาเวน จ มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. ตํ สมาทิยิตฺวา วิจรนฺตา ปน เต มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา สตฺตา นิรยาทิเภทํ ทุคฺคตึ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อภเยติ ภิกฺขาภาชนํ นิสฺสาย ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสทุจฺจริตภยานํ อนุปฺปชฺชนโต ภิกฺขาภาชนํ อภยํ นาม, ภเยน ตํ ปฏิจฺฉาเทนฺตา ปน อภเย ภยทสฺสิโน นาม. หิริโกปีนงฺคํ ปน นิสฺสาย ราคาทีนํ อุปฺปชฺชนโต ตํ ภยํ นาม, ตสฺส อปฏิจฺฉาทเนน ภเย จาภยทสฺสิโน. ตสฺส ตํ อยถาคหณสฺส สมาทินฺนตฺตา มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา สตฺตา ทุคฺคหึ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู นิคณฺา สํวิคฺคมานสา ปพฺพชึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
นิคณฺวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. ติตฺถิยสาวกวตฺถุ
อวชฺเชติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติตฺถิยสาวเก อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย อฺติตฺถิยสาวกา อตฺตโน ปุตฺเต สมฺมาทิฏฺิกานํ อุปาสกานํ ปุตฺเตหิ สทฺธึ สปริวาเร กีฬมาเน ทิสฺวา เคหํ อาคตกาเล ‘‘น โว สมณา สกฺยปุตฺติยา วนฺทิตพฺพา, นาปิ เตสํ วิหารํ ปวิสิตพฺพ’’นฺติ สปถํ การยึสุ. เต เอกทิวสํ เชตวนวิหารสฺส พหิทฺวารโกฏฺกสามนฺเต กีฬนฺตา ปิปาสิตา อเหสุํ. อเถกํ อุปาสกทารกํ ‘‘ตฺวํ เอตฺถ คนฺตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา อมฺหากมฺปิ อาหราหี’’ติ ปหิณึสุ. โส วิหารํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวเมว ปานียํ ปิวิตฺวา คนฺตฺวา อิตเรปิ ปานียปิวนตฺถาย อิเธว เปเสหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. เต อาคนฺตฺวา ปานียํ ปิวึสุ. สตฺถา เต ปกฺโกสาเปตฺวา เตสํ สปฺปายํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา เต อจลสทฺเธ กตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. เต สกานิ เคหานิ คนฺตฺวา ตมตฺถํ มาตาปิตูนํ อาโรเจสุํ ¶ ¶ . อถ เนสํ มาตาปิตโร ‘‘ปุตฺตกา โน วิปนฺนทิฏฺิกา ชาตา’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺตา ปริเทวึสุ. อถ เตสํ เฉกา สมฺพหุลา ปฏิวิสฺสกา มนุสฺสา อาคนฺตฺวา โทมนสฺสวูปสมนตฺถาย ธมฺมํ กถยึสุ. เต เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิเม ทารเก สมณสฺส โคตมสฺเสว นิยฺยาเทสฺสามา’’ติ มหนฺเตน าติคเณน สทฺธึ วิหารํ นยึสุ. สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อวชฺเช วชฺชมติโน, วชฺเช จาวชฺชทสฺสิโน;
มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ.
‘‘วชฺชฺจ วชฺชโต ตฺวา, อวชฺชฺจ อวชฺชโต;
สมฺมาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ.
ตตฺถ อวชฺเชติ ทสวตฺถุกาย สมฺมาทิฏฺิยา, ตสฺสา อุปนิสฺสยภูเต ธมฺเม จ. วชฺชมติโนติ วชฺชํ อิทนฺติ อุปฺปนฺนมติโน. ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฏฺิยา ปน ตสฺสา อุปนิสฺสยภูเต ธมฺเม จ อวชฺชทสฺสิโน, เอติสฺสา อวชฺชํ วชฺชโต วชฺชฺจ อวชฺชโต ตฺวา ¶ คหณสงฺขาตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมาทินฺนตฺตา มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา สตฺตา ทุคฺคตึ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ทุติยคาถาย วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เทสนาวสาเน ¶ สพฺเพปิ เต ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺาย อปราปรํ ธมฺมํ สุณนฺตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.
ติตฺถิยสาวกวตฺถุ นวมํ.
นิรยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺวาวีสติโม วคฺโค.
๒๓. นาควคฺโค
๑. อตฺตทนฺตวตฺถุ
อหํ ¶ ¶ ¶ นาโค วาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โกสมฺพิยํ วิหรนฺโต อตฺตานํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อปฺปมาทวคฺคสฺส อาทิคาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺเหตํ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวติวตฺถุ) –
มาคณฺฑิยา ตาสํ กิฺจิ กาตุํ อสกฺกุณิตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺเสว กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ นาครานํ ลฺชํ ทตฺวา ‘‘สมณํ โคตมํ อนฺโตนครํ ปวิสิตฺวา จรนฺตํ ทาสกมฺมกรโปริเสหิ สทฺธึ อกฺโกเสตฺวา ปริภาเสตฺวา ปลาเปถา’’ติ อาณาเปสิ. มิจฺฉาทิฏฺิกา ตีสุ รตเนสุ อปฺปสนฺนา อนฺโตนครํ ปวิฏฺํ สตฺถารํ อนุพนฺธิตฺวา ‘‘โจโรสิ พาโลสิ มูฬฺโหสิ เถโนสิ โอฏฺโสิ โคโณสิ คทฺรโภสิ เนรยิโกสิ ติรจฺฉานคโตสิ, นตฺถิ ตุยฺหํ ¶ สุคติ, ทุคฺคติเยว ตุยฺหํ ปาฏิกงฺขา’’ติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ. ตํ สุตฺวา อายสฺมา อานนฺโท สตฺถารํ เอตทโวจ – ‘‘ภนฺเต, อิเม นาครา อมฺเห อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ, อิโต อฺตฺถ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘กุหึ, อานนฺทา’’ติ? ‘‘อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถ มนุสฺเสสุ อกฺโกสนฺเตสุ ปริภาสนฺเตสุ ปุน กตฺถ คมิสฺสามานนฺทา’’ติ. ‘‘ตโตปิ อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถ มนุสฺเสสุ อกฺโกสนฺเตสุ ปริภาสนฺเตสุ กุหึ คมิสฺสามานนฺทา’’ติ. ‘‘ตโตปิ อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อานนฺท, น เอวํ กาตุํ วฏฺฏติ, ยตฺถ อธิกรณํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺเถว ตสฺมึ วูปสนฺเต อฺตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏติ, เก ปน เต, อานนฺท, อกฺโกสนฺตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ทาสกมฺมกเร อุปาทาย สพฺเพ อกฺโกสนฺตี’’ติ. ‘‘อหํ, อานนฺท, สงฺคามํ โอติณฺณหตฺถิสทิโส. สงฺคามํ โอติณฺณหตฺถิโน หิ จตูหิ ทิสาหิ อาคเต สเร สหิตุํ ภาโร, ตเถว พหูหิ ทุสฺสีเลหิ กถิตกถานํ สหนํ นาม ¶ มยฺหํ ภาโร’’ติ วตฺวา อตฺตานํ อารพฺภ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อหํ นาโคว สงฺคาเม, จาปโต ปติตํ สรํ;
อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ, ทุสฺสีโล หิ พหุชฺชโน.
‘‘ทนฺตํ ¶ ¶ นยนฺติ สมิตึ, ทนฺตํ ราชาภิรูหติ;
ทนฺโต เสฏฺโ มนุสฺเสสุ, โยติวากฺยํ ติติกฺขติ.
‘‘วรมสฺสตรา ทนฺตา, อาชานียา จ สินฺธวา;
กฺุชรา จ มหานาคา, อตฺตทนฺโต ตโต วร’’นฺติ.
ตตฺถ นาโควาติ หตฺถี วิย. จาปโต ปติตนฺติ ธนุโต มุตฺตํ. อติวากฺยนฺติ อฏฺอนริยโวหารวเสน ปวตฺตํ วีติกฺกมวจนํ. ติติกฺขิสฺสนฺติ ยถา สงฺคามาวจโร สุทนฺโต มหานาโค ขโม สตฺติปหาราทีนิ จาปโต มุจฺจิตฺวา อตฺตนิ ปติเต สเร อวิหฺมาโน ติติกฺขติ, เอวเมว เอวรูปํ อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ, สหิสฺสามีติ อตฺโถ. ทุสฺสีโล หีติ อยฺหิ โลกิยมหาชโน พหุทุสฺสีโล อตฺตโน อตฺตโน รุจิวเสน วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา ฆฏฺเฏนฺโต จรติ, ตตฺถ อธิวาสนํ อชฺฌุเปกฺขนเมว มม ภาโร. สมิตินฺติ อุยฺยานกีฬมณฺฑลาทีสุ มหาชนมชฺฌํ คจฺฉนฺตา ¶ ทนฺตเมว โคณชาตึ วา อสฺสชาตึ วา ยาเน โยเชตฺวา นยนฺติ. ราชาติ ตถารูเปเหว วาหเนหิ คจฺฉนฺโต ราชาปิ ทนฺตเมว อภิรูหติ. มนุสฺเสสูติ มนุสฺเสสุปิ จตูหิ อริยมคฺเคหิ ทนฺโต นิพฺพิเสวโนว เสฏฺโ. โยติวากฺยนฺติ โย เอวรูปํ อติกฺกมวจนํ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานมฺปิ ติติกฺขติ น ปฏิปฺผรติ น วิหฺติ, เอวรูโป ทนฺโต เสฏฺโติ อตฺโถ.
อสฺสตราติ วฬวาย คทฺรเภน ชาตา. อาชานียาติ ยํ อสฺสทมสารถิ การณํ กาเรติ, ตสฺส ขิปฺปํ ชานนสมตฺถา. สินฺธวาติ สินฺธวรฏฺเ ชาตา อสฺสา. มหานาคาติ กฺุชรสงฺขาตา มหาหตฺถิโน. อตฺตทนฺโตติ เอเต อสฺสตรา จ สินฺธวา จ กฺุชรา จ ทนฺตาว วรํ, น อทนฺตา. โย ปน จตูหิ อริยมคฺเคหิ อตฺตโน ทนฺตตาย อตฺตทนฺโต นิพฺพิเสวโน, อยํ ตโตปิ วรํ, สพฺเพหิปิ เอเตหิ อุตฺตริตโรติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ลฺชํ คเหตฺวา วีถิสิงฺฆาฏกาทีสุ ตฺวา ¶ อกฺโกสนฺโต ปริภาสนฺโต สพฺโพปิ โส มหาชโน โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณีติ.
อตฺตทนฺตวตฺถุ ปมํ.
๒. หตฺถาจริยปุพฺพกภิกฺขุวตฺถุ
น ¶ ¶ หิ เอเตหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ หตฺถาจริยปุพฺพกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกทิวสํ อจิรวตีนทีตีเร หตฺถิทมกํ ‘‘เอกํ หตฺถึ ทเมสฺสามี’’ติ อตฺตนา อิจฺฉิตํ การณํ สิกฺขาเปตุํ อสกฺโกนฺตํ ทิสฺวา สมีเป ิเต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส, สเจ อยํ หตฺถาจริโย อิมํ หตฺถึ อสุกฏฺาเน นาม วิชฺเฌยฺย, ขิปฺปเมว อิมํ การณํ สิกฺขาเปยฺยา’’ติ. โส ตสฺส กถํ สุตฺวา ตถา กตฺวา ตํ หตฺถึ สุทนฺตํ ทเมสิ. เต ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา เอวํ วุตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต วิครหิตฺวา ‘‘กึ เต, โมฆปุริส, หตฺถิยาเนน วา อฺเน วา ทนฺเตน. น หิ เอเตหิ ยาเนหิ อคตปุพฺพํ านํ คนฺตุํ สมตฺถา ¶ นาม อตฺถิ, อตฺตนา ปน สุทนฺเตน สกฺกา อคตปุพฺพํ านํ คนฺตุํ, ตสฺมา อตฺตานเมว ทเมหิ, กึ เต เอเตสํ ทมเนนา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น หิ เอเตหิ ยาเนหิ, คจฺเฉยฺย อคตํ ทิสํ;
ยถาตฺตนา สุทนฺเตน, ทนฺโต ทนฺเตน คจฺฉตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยานิ ตานิ หตฺถิยานาทีนิ ยานานิ, น หิ เอเตหิ ยาเนหิ โกจิ ปุคฺคโล สุปินนฺเตนปิ อคตปุพฺพตฺตา ‘‘อคต’’นฺติ สงฺขาตํ นิพฺพานทิสํ ตถา คจฺเฉยฺย, ยถา ปุพฺพภาเค อินฺทฺริยทเมน อปรภาเค อริยมคฺคภาวนาย สุทนฺเตน ทนฺโต นิพฺพิเสวโน สปฺปฺโ ปุคฺคโล ตํ อคตปุพฺพํ ทิสํ คจฺฉติ, ทนฺตภูมึ ปาปุณาติ. ตสฺมา อตฺตทมนเมว ตโต วรนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
หตฺถาจริยปุพฺพกภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ปริชิณฺณพฺราหฺมณปุตฺตวตฺถุ
ธนปาโลติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อฺตรสฺส ปริชิณฺณพฺราหฺมณสฺส ปุตฺเต อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก พฺราหฺมโณ อฏฺสตสหสฺสวิภโว วยปฺปตฺตานํ จตุนฺนํ ปุตฺตานํ อาวาหํ กตฺวา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ อทาสิ. อถสฺส พฺราหฺมณิยา กาลกตาย ปุตฺตา สมฺมนฺตยึสุ – ‘‘สเจ อยํ อฺํ พฺราหฺมณึ อาเนสฺสติ, ตสฺสา กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตานํ วเสน กุลสนฺตกํ ภิชฺชิสฺสติ, หนฺท นํ มยํ สงฺคณฺหิสฺสามา’’ติ เต ตํ ปณีเตหิ ฆาสจฺฉาทนาทีหิ อุปฏฺหนฺตา หตฺถปาทสมฺพาหนาทีนิ กโรนฺตา อุปฏฺหิตฺวา เอกทิวสมสฺส ทิวา นิทฺทายิตฺวา วุฏฺิตสฺส หตฺถปาเท สมฺพาหนฺตา ปาฏิเยกฺกํ ฆราวาเส อาทีนวํ วตฺวา ‘‘มยํ ตุมฺเห อิมินา นีหาเรน ยาวชีวํ อุปฏฺหิสฺสาม, เสสธนมฺปิ โน เทถา’’ติ ยาจึสุ. พฺราหฺมโณ ปุน เอเกกสฺส สตสหสฺสํ ทตฺวา อตฺตโน นิวตฺถปารุปนมตฺตํ เปตฺวา สพฺพํ อุปโภคปริโภคํ จตฺตาโร โกฏฺาเส กตฺวา นิยฺยาเทสิ. ตํ เชฏฺปุตฺโต กติปาหํ อุปฏฺหิ. อถ นํ เอกทิวสํ นฺหตฺวา อาคจฺฉนฺตํ ทฺวารโกฏฺเก ¶ ตฺวา สุณฺหา เอวมาห – ‘‘กึ ตยา เชฏฺปุตฺตสฺส สตํ วา สหสฺสํ วา อติเรกํ ทินฺนํ อตฺถิ, นนุ สพฺเพสํ ทฺเว ทฺเว สตสหสฺสานิ ทินฺนานิ, กึ เสสปุตฺตานํ ฆรสฺส มคฺคํ น ชานาสี’’ติ. โสปิ ‘‘นสฺส วสลี’’ติ กุชฺฌิตฺวา อฺสฺส ฆรํ อคมาสิ. ตโตปิ กติปาหจฺจเยน อิมินาว อุปาเยน ปลาปิโต อฺสฺสาติ เอวํ เอกฆรมฺปิ ปเวสนํ อลภมาโน ปณฺฑรงฺคปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขาย จรนฺโต กาลานมจฺจเยน ชราชิณฺโณ ทุพฺโภชนทุกฺขเสยฺยาหิ มิลาตสรีโร ภิกฺขาย จรนฺโต อาคมฺม ปีิกาย นิปนฺโน นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺโน อตฺตานํ โอโลเกตฺวา ปุตฺเตสุ อตฺตโน ปติฏฺํ อปสฺสนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ กิร โคตโม อพฺภากุฏิโก อุตฺตานมุโข สุขสมฺภาโส ปฏิสนฺถารกุสโล, สกฺกา สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฏิสนฺถารํ ลภิตุ’’นฺติ. โส นิวาสนปารุปนํ สณฺาเปตฺวา ภิกฺขภาชนํ คเหตฺวา ทณฺฑมาทาย ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ (สํ. นิ. ๑.๒๐๐) –
อถ ¶ โข อฺตโร พฺราหฺมณมหาสาโล ลูโข ลูขปาวุรโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา เอกมนฺตํ นิสินฺเนน เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กินฺนุ ตฺวํ ¶ , พฺราหฺมณ, ลูโข ลูขปาวุรโณ’’ติ. อิธ เม, โภ โคตม, จตฺตาโร ปุตฺตา ¶ , เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ ฆรา นิกฺขาเมนฺตีติ. เตน หิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อิมา คาถาโย ปริยาปุณิตฺวา สภายํ มหาชนกาเย สนฺนิปติเต ปุตฺเตสุ จ สนฺนิสินฺเนสุ ภาสสฺสุ –
‘‘เยหิ ชาเตหิ นนฺทิสฺสํ, เยสฺจ ภวมิจฺฉิสํ;
เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ, สาว วาเรนฺติ สูกรํ.
‘‘อสนฺตา กิร มํ ชมฺมา, ตาต ตาตาติ ภาสเร;
รกฺขสา ปุตฺตรูเปน, เต ชหนฺติ วโยคตํ.
‘‘อสฺโสว ชิณฺโณ นิพฺโภโค, ขาทนา อปนียติ;
พาลกานํ ปิตา เถโร, ปราคาเรสุ ภิกฺขติ.
‘‘ทณฺโฑว กิร เม เสยฺโย, ยฺเจ ปุตฺตา อนสฺสวา;
จณฺฑมฺปิ โคณํ วาเรติ, อโถ จณฺฑมฺปิ กุกฺกุรํ.
‘‘อนฺธกาเร ปุเร โหติ, คมฺภีเร คาธเมธติ;
ทณฺฑสฺส อานุภาเวน, ขลิตฺวา ปติติฏฺตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๐๐);
โส ¶ ภควโต สนฺติเก ตา คาถาโย อุคฺคณฺหิตฺวา ตถารูเป พฺราหฺมณานํ สมาคมทิวเส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตสุ ปุตฺเตสุ ตํ สภํ โอคาหิตฺวา พฺราหฺมณานํ มชฺเฌ มหารเหสุ อาสเนสุ นิสินฺเนสุ ‘‘อยํ เม กาโล’’ติ สภาย มชฺเฌ ปวิสิตฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘อหํ, โภ, ตุมฺหากํ คาถาโย ภาสิตุกาโม, สุณิสฺสถา’’ติ วตฺวา ‘‘ภาสสฺสุ, พฺราหฺมณ, สุโณมา’’ติ วุตฺเต ิตโกว อภาสิ. เตน จ สมเยน มนุสฺสานํ วตฺตํ โหติ ‘‘โย มาตาปิตูนํ สนฺตกํ ขาทนฺโต มาตาปิตโร น โปเสติ, โส มาเรตพฺโพ’’ติ. ตสฺมา เต พฺราหฺมณปุตฺตา ปิตุ ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘ชีวิตํ โน, ตาต, เทถา’’ติ ยาจึสุ. โส ปิตุ หทยมุทุตาย ‘‘มา เม, โภ, ปุตฺตเก วินาสยิตฺถ, โปเสสฺสนฺติ ม’’นฺติ อาห. อถสฺส ปุตฺเต มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘สเจ, โภ ¶ , อชฺช ปฏฺาย ปิตรํ น สมฺมา ปฏิชคฺคิสฺสถ, ฆาเตสฺสาม โว’’ติ. เต ภีตา ปิตรํ ปีเ นิสีทาเปตฺวา สยํ อุกฺขิปิตฺวา เคหํ เนตฺวา ¶ สรีรํ เตเลน อพฺภฺชิตฺวา อุพฺพฏฺเฏตฺวา คนฺธจุณฺณาทีหิ นฺหาเปตฺวา พฺราหฺมณิโย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อชฺช ปฏฺาย อมฺหากํ ปิตรํ สมฺมา ปฏิชคฺคถ, สเจ ตุมฺเห ปมาทํ อาปชฺชิสฺสถ, นิคฺคณฺหิสฺสาม โว’’ติ วตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชสุํ.
พฺราหฺมโณ ¶ สุโภชนฺจ สุขเสยฺยฺจ อาคมฺม กติปาหจฺจเยน สฺชาตพโล ปีณินฺทฺริโย อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ เม สมฺปตฺติ สมณํ โคตมํ นิสฺสาย ลทฺธา’’ติ ปณฺณาการตฺถาย เอกํ ทุสฺสยุคํ อาทาย ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสินฺโน ตํ ทุสฺสยุคํ ภควโต ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นาม อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสาม, ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภวํ โคตโม อาจริโย อาจริยธน’’นฺติ อาห. ภควา ตสฺส อนุกมฺปาย ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน พฺราหฺมโณ สรเณสุ ปติฏฺาย เอวมาห – ‘‘โภ โคตม, มยฺหํ ปุตฺเตหิ จตฺตาริ ธุวภตฺตานิ ทินฺนานิ, ตโต อหํ ทฺเว ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กลฺยาณํ, พฺราหฺมณ, มยํ ปน รุจฺจนฏฺานเมว คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. พฺราหฺมโณ ฆรํ คนฺตฺวา ปุตฺเต อาห – ‘‘ตาตา, สมโณ โคตโม ¶ มยฺหํ สหาโย, ตสฺส เม ทฺเว ธุวภตฺตานิ ทินฺนานิ, ตุมฺเห ตสฺมึ สมฺปตฺเต มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ.
สตฺถา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย จรนฺโต เชฏฺปุตฺตสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. โส สตฺถารํ ทิสฺวา ปตฺตมาทาย ฆรํ ปเวเสตฺวา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา ปณีตโภชนมทาสิ. สตฺถา ปุนทิวเส อิตรสฺส อิตรสฺสาติ ปฏิปาฏิยา สพฺเพสํ ฆรานิ อคมาสิ. สพฺเพ เต ตเถว สกฺการํ อกํสุ. เอกทิวสํ เชฏฺปุตฺโต มงฺคเล ปจฺจุปฏฺิเต ปิตรํ อาห – ‘‘ตาต, กสฺส มงฺคลํ เทมา’’ติ? ‘‘นาหํ อฺเ ชานามิ, สมโณ โคตโม มยฺหํ สหาโย’’ติ. ‘‘เตน หิ ตํ สฺวาตนาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิมนฺเตถา’’ติ. พฺราหฺมโณ ตถา อกาสิ. สตฺถา ปุนทิวเส สปริวาโร ตสฺส เคหํ อคมาสิ. โส หริตุปลิตฺเต สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต เคเห พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา อปฺโปทกมธุปายเสน ¶ เจว ปณีเตน ขาทนีเยน จ ปริวิสิ. อนฺตราภตฺตสฺมึเยว พฺราหฺมณสฺส จตฺตาโร ปุตฺตา สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวา อาหํสุ – ‘‘โภ โคตม, มยํ อมฺหากํ ปิตรํ ปฏิชคฺคาม น ปมชฺชาม ¶ , ปสฺสถิมสฺส อตฺตภาว’’นฺติ.
สตฺถา ‘‘กลฺยาณํ โว กตํ, มาตาปิตุโปสนํ นาม โปราณกปณฺฑิตานํ อาจิณฺณเมวา’’ติ วตฺวา ‘‘ตสฺส นาคสฺส วิปฺปวาเสน, วิรูฬฺหา สลฺลกี จ กุฏชา จา’’ติ อิมํ เอกาทสนิปาเต มาตุโปสกนาคราชชาตกํ (จริยา. ๒.๑ อาทโย; ชา. ๑.๑๑.๑ อาทโย) วิตฺถาเรน กเถตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ธนปาโล นาม กฺุชโร,
กฏุกเภทโน ทุนฺนิวารโย;
พทฺโธ ¶ กพฬํ น ภฺุชติ,
สุมรติ นาควนสฺส กฺุชโร’’ติ.
ตตฺถ ธนปาโล นามาติ ตทา กาสิกรฺา หตฺถาจริยํ เปเสตฺวา รมณีเย นาควเน คาหาปิตสฺส หตฺถิโน เอตํ นามํ. กฏุกเภทโนติ ติขิณมโท. หตฺถีนฺหิ มทกาเล กณฺณจูฬิกา ปภิชฺชนฺติ, ปกติยาปิ หตฺถิโน ตสฺมึ กาเล องฺกุเส วา ¶ กุนฺตโตมเร วา น คเณนฺติ, จณฺฑา ภวนฺติ. โส ปน อติจณฺโฑเยว. เตน วุตฺตํ – กฏุกเภทโน ทุนฺนิวารโยติ. พทฺโธ กพฬํ น ภฺุชตีติ โส พทฺโธ หตฺถิสาลํ ปน เนตฺวา วิจิตฺรสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา กตคนฺธปริภณฺฑาย อุปริ พทฺธวิจิตฺรวิตานาย ภูมิยา ปิโต รฺา ราชารเหน นานคฺครเสน โภชเนน อุปฏฺาปิโตปิ กิฺจิ ภฺุชิตุํ น อิจฺฉิ, ตมตฺถํ สนฺธาย ‘‘พทฺโธ กพฬํ น ภฺุชตี’’ติ วุตฺตํ. สุมรติ นาควนสฺสาติ โส รมณียํ เม วสนฏฺานนฺติ นาควนํ สรติ. ‘‘มาตา ปน เม อรฺเ ปุตฺตวิโยเคน ทุกฺขปฺปตฺตา อโหสิ, มาตาปิตุอุปฏฺานธมฺโม น เม ปูรติ, กึ เม อิมินา โภชเนนา’’ติ ธมฺมิกํ มาตาปิตุอุปฏฺานธมฺมเมว สริ. ตํ ปน ยสฺมา ตสฺมึ นาควเนเยว ¶ ิโต สกฺกา ปูเรตุํ, เตน วุตฺตํ – สุมรติ นาควนสฺส กฺุชโรติ. สตฺถริ อิมํ อตฺตโน ปุพฺพจริยํ ¶ อาเนตฺวา กเถนฺเต กเถนฺเตเยว สพฺเพปิ เต อสฺสุธารา ปวตฺเตตฺวา มุทุหทยา โอหิตโสตา ภวึสุ. อถ เนสํ ภควา สปฺปายํ วิทิตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ.
เทสนาวสาเน สทฺธึ ปุตฺเตหิ เจว สุณิสาหิ จ พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.
ปริชิณฺณพฺราหฺมณปุตฺตวตฺถุ ตติยํ.
๔. ปเสนทิโกสลวตฺถุ
มิทฺธี ยทา โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราชานํ ปเสนทิโกสลํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ราชา ตณฺฑุลโทณสฺส โอทนํ ตทุปิเยน สูปพฺยฺชเนน ภฺุชติ. โส เอกทิวสํ ภุตฺตปาตราโส ภตฺตสมฺมทํ อวิโนเทตฺวาว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กิลนฺตรูโป อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺตติ, นิทฺทาย อภิภุยฺยมาโนปิ ¶ อุชุกํ นิปชฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต เอกมนฺตํ ¶ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ, มหาราช, อวิสฺสมิตฺวาว อาคโตสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ภุตฺตกาลโต ปฏฺาย เม มหาทุกฺขํ โหตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘มหาราช, อติพหุโภชนํ เอวํ ทุกฺขํ โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘มิทฺธี ยทา โหติ มหคฺฆโส จ,
นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;
มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ,
ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ.
ตตฺถ มิทฺธีติ ถินมิทฺธาภิภูโต. มหคฺฆโส จาติ มหาโภชโน อาหรหตฺถกอลํสาฏกตตฺรวฏฺฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกานํ อฺตโร วิย. นิวาปปุฏฺโติ กุณฺฑกาทินา สูกรภตฺเตน ปุฏฺโ. ฆรสูกโร หิ ทหรกาลโต ปฏฺาย โปสิยมาโน ถูลสรีรกาเล เคหา พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺโต เหฏฺามฺจาทีสุ สมฺปริวตฺติตฺวา ¶ อสฺสสนฺโต ปสฺสสนฺโต สยเตว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา ปุริโส มิทฺธี จ ¶ โหติ มหคฺฆโส จ, นิวาปปุฏฺโ มหาวราโห วิย จ อฺเน อิริยาปเถน ยาเปตุํ อสกฺโกนฺโต นิทฺทายนสีโล สมฺปริวตฺตสายี, ตทา โส ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ตีณิ ลกฺขณานิ มนสิกาตุํ น สกฺโกติ. เตสํ อมนสิการา มนฺทปฺโ ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ, คพฺภวาสโต น ปริมุจฺจตีติ. เทสนาวสาเน สตฺถา รฺโ อุปการวเสน –
‘‘มนุชสฺส สทา สตีมโต, มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;
ตนุกสฺส ภวนฺติ เวทนา, สณิกํ ชีรติ อายุ ปาลย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๔);
อิมํ คาถํ วตฺวา อุตฺตรมาณวํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา ‘‘อิมํ คาถํ รฺโ โภชนเวลาย ปเวเทยฺยาสิ, อิมินา อุปาเยน โภชนํ ปริหาเปยฺยาสี’’ติ อุปายํ อาจิกฺขิ, โส ตถา อกาสิ. ราชา อปเรน สมเยน นาฬิโกทนปรมตาย สณฺิโต สุสลฺลหุกสรีโร สุขปฺปตฺโต สตฺถริ อุปฺปนฺนวิสฺสาโส สตฺตาหํ อสทิสทานํ ปวตฺเตสิ. ทานานุโมทนาย มหาชโน มหนฺตํ วิเสสํ ปาปุณีติ.
ปเสนทิโกสลวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. สานุสามเณรวตฺถุ
อิทํ ¶ ¶ ปุเรติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สานุํ นาม สามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกิสฺสา อุปาสิกาย เอกปุตฺตโก อโหสิ. อถ นํ สา ทหรกาเลเยว ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สีลวา อโหสิ วตฺตสมฺปนฺโน, อาจริยุปชฺฌายอาคนฺตุกานํ วตฺตํ กตเมว โหติ. มาสสฺส อฏฺเม ทิวเส ปาโตว อุฏฺาย อุทกมาฬเก อุทกํ อุปฏฺาเปตฺวา ธมฺมสฺสวนคฺคํ สมฺมชฺชิตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา มธุรสฺสเรน ธมฺมสฺสวนํ โฆเสติ. ภิกฺขู ตสฺส ถามํ ตฺวา ¶ ‘‘สรภฺํ ภณ สามเณรา’’ติ อชฺเฌสนฺติ. โส ‘‘มยฺหํ หทยวาโต รุชติ, กาโย วา พาธตี’’ติ กิฺจิ ปจฺจาหารํ อกตฺวา ธมฺมาสนํ อภิรูหิตฺวา อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย สรภฺํ วตฺวา โอตรนฺโต ‘‘มยฺหํ มาตาปิตูนํ อิมสฺมึ สรภฺเ ปตฺตึ ทมฺมี’’ติ วทติ. ตสฺส มนุสฺสา มาตาปิตโร ปตฺติยา ทินฺนภาวํ ¶ น ชานนฺติ. อนนฺตรตฺตภาเว ปนสฺส มาตา ยกฺขินี หุตฺวา นิพฺพตฺตา, สา เทวตาหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ‘‘สามเณเรน ทินฺนปตฺตึ อนุโมทามิ, ตาตา’’ติ วทติ. ‘‘สีลสมฺปนฺโน จ นาม ภิกฺขุ สเทวกสฺส โลกสฺส ปิโย โหตี’’ติ ตสฺมึ สามเณเร เทวตา สลชฺชา สคารวา มหาพฺรหฺมานํ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย จ นํ มฺนฺติ. สามเณเร คารเวน ตฺจ ยกฺขินึ ครุกํ กตฺวา ปสฺสนฺติ. ตา ธมฺมสฺสวนยกฺขสมาคมาทีสุ ‘‘สานุมาตา สานุมาตา’’ติ ยกฺขินิยา อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ เทนฺติ. มเหสกฺขาปิ ยกฺขา ตํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมนฺติ, อาสนา วุฏฺหนฺติ.
อถ โข สามเณโร วุฑฺฒิมนฺวาย ปริปกฺกินฺทฺริโย อนภิรติยา ปีฬิโต อนภิรตึ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต ปรุฬฺหเกสนโข กิลิฏฺนิวาสนปารุปโน กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เอกโกว มาตุฆรํ อคมาสิ. อุปาสิกา ปุตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘กึ, ตาต, ตฺวํ ปุพฺเพ ¶ อาจริยุปชฺฌาเยหิ วา ทหรสามเณเรหิ วา สทฺธึ อิธาคจฺฉสิ, กสฺมา เอกโกว อชฺช อาคโตสี’’ติ? โส อุกฺกณฺิตภาวํ อาโรเจสิ. สา อุปาสิกา นานปฺปกาเรน ฆราวาเส อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ปุตฺตํ โอวทมานาปิ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘อปฺเปว นาม อตฺตโน ธมฺมตายปิ สลฺลกฺเขยฺยา’’ติ อนุยฺโยเชตฺวา ‘‘ติฏฺ, ตาต, ยาว เต ยาคุภตฺตํ สมฺปาเทมิ, ยาคุํ ปิวิตฺวา กตภตฺตกิจฺจสฺส เต มนาปานิ วตฺถานิ นีหริตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ สามเณโร. อุปาสิกา มุหุตฺเตเนว ยาคุขชฺชกํ ¶ สมฺปาเทตฺวา อทาสิ. อถ ‘‘ภตฺตํ สมฺปาเทสฺสามี’’ติ อวิทูเร นิสินฺนา ตณฺฑุเล โธวติ. ตสฺมึ สมเย สา ยกฺขินี ‘‘กหํ นุ โข สามเณโร, กจฺจิ ภิกฺขาหารํ ลภติ, โน’’ติ อาวชฺชมานา ตสฺส วิพฺภมิตุกามตาย นิสินฺนภาวํ ตฺวา ‘‘สามเณโร เม มเหสกฺขานํ เทวตานํ อนฺตเร ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺย, คจฺฉามิสฺส วิพฺภมเน อนฺตรายํ กริสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา ตสฺส สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา ¶ คีวํ ปริวตฺเตตฺวา เขเฬน ปคฺฆรนฺเตน ภูมิยํ ¶ นิปติ. อุปาสิกา ปุตฺตสฺส ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา เวเคน คนฺตฺวา ปุตฺตํ อาลิงฺเคตฺวา อูรูสุ นิปชฺชาเปสิ. สกลคามวาสิโน อาคนฺตฺวา พลิกมฺมาทีนิ กรึสุ. อุปาสิกา ปน ปริเทวมานา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;
ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.
‘‘อุโปสถํ อุปวสนฺติ, พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ เย;
น เตหิ ยกฺขา กีฬนฺติ, อิติ เม อรหตํ สุตํ;
สา ทานิ อชฺช ปสฺสามิ, ยกฺขา กีฬนฺติ สานุนา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
อุปาสิกาย วจนํ สุตฺวา –
‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;
ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.
‘‘อุโปสถํ อุปวสนฺติ, พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ เย;
น เตหิ ยกฺขา กีฬนฺติ, สาหุ เต อรหตํ สุต’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙) –
วตฺวา อาห –
‘‘สานุํ ปพุทฺธํ วชฺชาสิ, ยกฺขานํ วจนํ อิทํ;
มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห.
‘‘สเจ ¶ จ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสสิ กโรสิ วา;
น เต ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
เอวํ ¶ ปาปกํ กมฺมํ กตฺวา สกุณสฺส วิย อุปฺปติตฺวา ปลายโตปิ เต โมกฺโข นตฺถีติ วตฺวา สา ยกฺขินี สามเณรํ มฺุจิ. โส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา มาตรํ เกเส วิกิริย อสฺสสนฺตึ ปสฺสสนฺตึ โรทมานํ สกลคามวาสิโน จ สนฺนิปติเต ทิสฺวา อตฺตโน ยกฺเขน คหิตภาวํ อชานนฺโต ‘‘อหํ ปุพฺเพ ปีเ นิสินฺโน, มาตา เม อวิทูเร นิสีทิตฺวา ตณฺฑุเล โธวิ, อิทานิ ปนมฺหิ ภูมิยํ นิปนฺโน, กึ นุ โข เอต’’นฺติ นิปนฺนโกว มาตรํ อาห –
‘‘มตํ ¶ วา อมฺม โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;
ชีวนฺตํ อมฺม ปสฺสนฺตี, กสฺมา มํ อมฺม โรทสี’’ติ. (เถรคา. ๔๔; สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
อถสฺส มาตา วตฺถุกามกิเลสกาเม ปหาย ปพฺพชิตสฺส ปุน วิพฺภมนตฺถํ อาคมเน อาทีนวํ ทสฺเสนฺตี อาห –
‘‘มตํ วา ปุตฺต โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;
โย จ กาเม จชิตฺวาน, ปุนราคจฺฉเต อิธ;
ตํ วาปิ ปุตฺต โรทนฺติ, ปุน ชีวํ มโต หิ โส’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
เอวฺจ ¶ ปน วตฺวา ฆราวาสํ กุกฺกุฬสทิสฺเจว นรกสทิสฺจ กตฺวา ฆราวาเส อาทีนวํ ทสฺเสนฺตี ปุน อาห –
‘‘กุกฺกุฬา อุพฺภโต ตาต, กุกฺกุฬํ ปติตุมิจฺฉสิ;
นรกา อุพฺภโต ตาต, นรกํ ปติตุมิจฺฉสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
อถ นํ, ‘‘ปุตฺต, ภทฺทํ ตว โหตุ, มยา ปน ‘อยํ โน ปุตฺตโก ฑยฺหมาโน’ติ เคหา ภณฺฑํ ¶ วิย นีหริตฺวา พุทฺธสาสเน ปพฺพาชิโต, ฆราวาเส ปุน ฑยฺหิตุํ อิจฺฉสิ. อภิธาวถ ปริตฺตายถ โนติ อิมมตฺถํ กสฺส อุชฺฌาปยาม กํ นิชฺฌาปยามา’’ติ ทีเปตุํ อิมํ คาถมาห –
‘‘อภิธาวถ ภทฺทนฺเต, กสฺส อุชฺฌาปยามเส;
อาทิตฺตา นีหตํ ภณฺฑํ, ปุน ฑยฺหิตุมิจฺฉสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);
โส มาตริ กเถนฺติยา กเถนฺติยา สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘นตฺถิ มยฺหํ คิหิภาเวน อตฺโถ’’ติ อาห. อถสฺส มาตา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตุฏฺา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา ‘‘กติวสฺโสสิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปริปุณฺณวสฺสภาวํ ตฺวา ติจีวรํ ปฏิยาเทสิ. โส ปริปุณฺณปตฺตจีวโร อุปสมฺปทํ ลภิ. อถสฺส อจิรูปสมฺปนฺนสฺส สตฺถา จิตฺตนิคฺคเห อุสฺสาหํ ชเนนฺโต ‘‘จิตฺตํ ¶ นาเมตํ นานารมฺมเณสุ ทีฆรตฺตํ จาริกํ จรนฺตํ อนิคฺคณฺหนฺตสฺส โสตฺถิภาโว นาม นตฺถิ, ตสฺมา องฺกุเสน มตฺตหตฺถิโน วิย จิตฺตสฺส นิคฺคณฺหเน โยโค กรณีโย’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิทํ ¶ ปุเร จิตฺตมจาริ จาริกํ,
เยนิจฺฉกํ ยตฺถกามํ ยถาสุขํ;
ตทชฺชหํ นิคฺคเหสฺสามิ โยนิโส,
หตฺถิปฺปภินฺนํ วิย องฺกุสคฺคโห’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อิทํ จิตฺตํ นาม อิโต ปุพฺเพ รูปาทีสุ จ อารมฺมเณสุ ราคาทีนํ เยน การเณน อิจฺฉติ, ยตฺเถวสฺส กาโม อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วเสน ยตฺถ กามํ ยถารุจิ จรนฺตสฺส สุขํ โหติ, ตเถว วิจรณโต ยถาสุขํ ทีฆรตฺตํ จาริกํ จริ, ตํ อชฺช อหํ ปภินฺนํ มตฺตหตฺถึ หตฺถาจริยสงฺขาโต เฉโก องฺกุสคฺคโห องฺกุเสน วิย โยนิโสมนสิกาเรน นิคฺคเหสฺสามิ, นาสฺส วีติกฺกมิตุํ ทสฺสามีติ.
เทสนาวสาเน สานุนา สทฺธึ ธมฺมสฺสวนาย อุปสงฺกมนฺตานํ ¶ พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. โสปายสฺมา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา มหาธมฺมกถิโก หุตฺวา วีสวสฺสสตํ ตฺวา สกลชมฺพุทีปํ สงฺโขเภตฺวา ปรินิพฺพายีติ.
สานุสามเณรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปาเวยฺยกหตฺถิวตฺถุ
อปฺปมาทรตาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ ปาเวยฺยกํ นาม หตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร หตฺถี ตรุณกาเล มหาพโล หุตฺวา อปเรน สมเยน ชราวาตเวคพฺภาหโต หุตฺวา เอกํ มหนฺตํ สรํ โอรุยฺห กลเล ลคฺคิตฺวา อุตฺตริตุํ นาสกฺขิ. มหาชโน ตํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูโปปิ นาม หตฺถี อิมํ ทุพฺพลภาวํ ปตฺโต’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสิ. ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา หตฺถาจริยํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, อาจริย, ตํ หตฺถึ กลลโต อุทฺธราหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺมึ าเน สงฺคามสีสํ ทสฺเสตฺวา สงฺคามเภรึ อาโกฏาเปสิ. มานชาติโก หตฺถี เวเคนุฏฺาย ถเล ปติฏฺหิ. ภิกฺขู ตํ การณํ ทิสฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘เตน, ภิกฺขเว ¶ , หตฺถินา ¶ ปกติปงฺกทุคฺคโต อตฺตา อุทฺธโฏ, ตุมฺเห ปน กิเลสทุคฺเค ปกฺขนฺทา. ตสฺมา โยนิโส ปทหิตฺวา ตุมฺเหปิ ตโต อตฺตานํ อุทฺธรถา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปมาทรตา โหถ, สจิตฺตมนุรกฺขถ;
ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ, ปงฺเก สนฺโนว กฺุชโร’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมาทรตาติ สติยา อวิปฺปวาเส อภิรตา โหถ. สจิตฺตนฺติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ อตฺตโน จิตฺตํ ยถา วีติกฺกมํ น กโรติ, เอวํ รกฺขถ. ทุคฺคาติ ยถา โส ปงฺเก สนฺโน กฺุชโร หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายามํ กตฺวา ปงฺกทุคฺคโต อตฺตานํ อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺิโต, เอวํ ตุมฺเหปิ กิเลสทุคฺคโต อตฺตานํ อุทฺธรถ, นิพฺพานถเล ปติฏฺาเปถาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
ปาเวยฺยกหตฺถิวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
สเจ ลเภถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปาลิเลยฺยกํ นิสฺสาย รกฺขิตวนสณฺเฑ วิหรนฺโต สมฺพหุเล ¶ ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ¶ ยมกวคฺเค ‘‘ปเร จ น วิชานนฺตี’’ติ คาถาวณฺณนาย อาคตเมว. วุตฺตฺเหตํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๕ โกสมฺพกวตฺถุ) –
ตถาคตสฺส ตตฺถ หตฺถินาเคน อุปฏฺิยมานสฺส วสนภาโว สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ. สาวตฺถินครโต ‘‘อนาถปิณฺฑิโก วิสาขา มหาอุปาสิกา’’ติ เอวมาทีนิ มหากุลานิ อานนฺทตฺเถรสฺส สาสนํ ปหิณึสุ ‘‘สตฺถารํ โน, ภนฺเต, ทสฺเสถา’’ติ. ทิสาวาสิโนปิ ปฺจสตา ภิกฺขู วุฏฺวสฺสา อานนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘จิรสฺสุตา โน, อาวุโส อานนฺท, ภควโต สมฺมุขา ธมฺมี กถา, สาธุ มยํ, อาวุโส อานนฺท, ลเภยฺยาม ภควโต สมฺมุขา ธมฺมึ กถํ สวนายา’’ติ ยาจึสุ. เถโร เต ภิกฺขู อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘เตมาสํ ¶ เอกวิหาริโน ตถาคตสฺส สนฺติกํ เอตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุปสงฺกมนํ อยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา เต ภิกฺขู พหิ เปตฺวา เอกโกว สตฺถารํ อุปสงฺกมิ. ปาลิเลยฺยโก ตํ ทิสฺวา ทณฺฑมาทาย ปกฺขนฺทิ. ตํ สตฺถา โอโลเกตฺวา ‘‘อเปหิ, อเปหิ, ปาลิเลยฺยก, มา วารยิ, พุทฺธุปฏฺาโก เอโส’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ทณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ อาปุจฺฉิ. เถโร นาทาสิ. นาโค ‘‘สเจ อุคฺคหิตวตฺโต ภวิสฺสติ, สตฺถุ นิสีทนปาสาณผลเก อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. เถโร ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ เปสิ. วตฺตสมฺปนฺนา หิ ครูนํ อาสเน วา สยเน วา อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปนฺติ.
เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ¶ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘เอกโกว อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘กหํ ปน เต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ จิตฺตํ อชานนฺโต พหิ เปตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปกฺโกสาหิ เน’’ติ อาห. เถโร ตถา อกาสิ. สตฺถา เตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ, ‘‘ภนฺเต, ภควา พุทฺธสุขุมาโล เจว ขตฺติยสุขุมาโล จ, ตุมฺเหหิ เตมาสํ เอกเกหิ ติฏฺนฺเตหิ นิสีทนฺเตหิ จ ทุกฺกรํ กตํ, วตฺตปฏิวตฺตการโกปิ มุโขทกาทิทายโกปิ นาโหสิ มฺเ’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ปาลิเลยฺยกหตฺถินา มม สพฺพกิจฺจานิ กตานิ. เอวรูปฺหิ สหายํ ลภนฺเตน เอกโกว วสิตุํ ยุตฺตํ, อลภนฺตสฺส เอกจาริกภาโวว เสยฺโย’’ติ วตฺวา นาควคฺเค อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ,
จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.
‘‘โน ¶ เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย,
เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค.
นตฺถิ พาเล สหายตา;
เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา,
อปฺโปสฺสุกฺโก มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ.
ตตฺถ นิปกนฺติ เนปกฺกปฺาย สมนฺนาคตํ. สาธุวิหาริ ธีรนฺติ ภทฺทกวิหารึ ปณฺฑิตํ. ปริสฺสยานีติ ตาทิสํ เมตฺตาวิหารึ สหายํ ลภนฺโต สีหพฺยคฺฆาทโย ปากฏปริสฺสเย จ ราคภยโทสภยโมหภยาทโย ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเย จาติ สพฺเพว ปริสฺสเย อภิภวิตฺวา เตน สทฺธึ อตฺตมโน อุปฏฺิตสตี หุตฺวา จเรยฺย, วิหเรยฺยาติ อตฺโถ.
ราชาว รฏฺนฺติ รฏฺํ หิตฺวา คโต มหาชนกราชา วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วิชิตภูมิปเทโส ราชา ‘‘อิทํ รชฺชํ นาม มหนฺตํ ปมาทฏฺานํ, กึ เม รชฺเชน การิเตนา’’ติ วิชิตํ รฏฺํ ปหาย เอกโกว มหารฺํ ปวิสิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโกว จรติ, เอวํ เอกโกว จเรยฺยาติ. มาตงฺครฺเว นาโคติ ยถา จ ‘‘อหํ โข อากิณฺโณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ ¶ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, ยํนูนาหํ เอกโกว คณมฺหา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ (มหาว. ๔๖๗; อุทา. ๓๕) เอวํ ปฏิสฺจิกฺขิตฺวา คมนโต มาตงฺโคติ ลทฺธนาโม อิมสฺมึ อรฺเ อยํ หตฺถินาโค ยูถํ ปหาย สพฺพิริยาปเถสุ เอกโกว สุขํ จรติ, เอวมฺปิ เอโกว จเรยฺยาติ อตฺโถ.
เอกสฺสาติ ปพฺพชิตสฺส หิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย เอกีภาวาภิรตสฺส เอกกสฺเสว จริตํ เสยฺโย. นตฺถิ พาเล สหายตาติ จูฬสีลํ มชฺฌิมสีลํ มหาสีลํ ทส กถาวตฺถูนิ เตรส ธุตงฺคคุณานิ วิปสฺสนาาณํ จตฺตาโร มคฺคา จตฺตาริ ผลานิ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา อมตมหานิพฺพานนฺติ อยฺหิ สหายตา นาม. สา พาเล ¶ นิสฺสาย อธิคนฺตุํ ¶ น สกฺกาติ ¶ นตฺถิ พาเล สหายตา. เอโกติ อิมินา การเณน สพฺพิริยาปเถสุ เอกโกว จเรยฺย, อปฺปมตฺตกานิปิ น จ ปาปานิ กยิรา. ยถา โส อปฺโปสฺสุกฺโก นิราลโย อิมสฺมึ อรฺเ มาตงฺคนาโค อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺาเน สุขํ จรติ, เอวํ เอกโกว หุตฺวา จเรยฺย, อปฺปมตฺตกานิปิ น จ ปาปานิ กเรยฺยาติ อตฺโถ. ตสฺมา ตุมฺเหหิ ปติรูปํ สหายํ อลภนฺเตหิ เอกจารีเหว ภวิตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ อิมํ ธมฺมเทสนํ เทเสสิ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. มารวตฺถุ
อตฺถมฺหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา หิมวนฺตปเทเส อรฺกุฏิกายํ วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺมึ กิร กาเล ราชาโน มนุสฺเส ปีเฬตฺวา รชฺชํ กาเรนฺติ. อถ ภควา อธมฺมิกราชูนํ รชฺเช ทณฺฑกรณปีฬิเต มนุสฺเส ทิสฺวา การฺุเน เอวํ จินฺเตสิ ¶ – ‘‘สกฺกา นุ โข รชฺชํ กาเรตุํ อหนํ อฆาตยํ, อชินํ อชาปยํ, อโสจํ อโสจาปยํ ธมฺเมนา’’ติ, มาโร ปาปิมา ตํ ภควโต ปริวิตกฺกํ ตฺวา ‘‘สมโณ โคตโม ‘สกฺกา นุ โข รชฺชํ กาเรตุ’นฺติ จินฺเตสิ, อิทานิ รชฺชํ กาเรตุกาโม ภวิสฺสติ, รชฺชฺจ นาเมตํ ปมาทฏฺานํ, ตํ กาเรนฺเต สกฺกา โอกาสํ ลภิตุํ, คจฺฉามิ อุสฺสาหมสฺส ชเนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กาเรตุ, ภนฺเต, ภควา รชฺชํ, กาเรตุ สุคโต รชฺชํ อหนํ อฆาตยํ, อชินํ อชาปยํ, อโสจํ อโสจาปยํ ธมฺเมนา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ ปน เม ตฺวํ, ปาปิม, ปสฺสสิ, ยํ มํ ตฺวํ เอวํ วเทสี’’ติ วตฺวา ‘‘ภควตา โข, ภนฺเต, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา สุภาวิตา. อากงฺขมาโน หิ ภควา หิมวนฺตํ ปพฺพตราชํ ‘สุวณฺณ’นฺติ อธิมุจฺเจยฺย, ตฺจ สุวณฺณเมว อสฺส, อหมฺปิ โข ธเนน ธนกรณียํ กริสฺสามิ, ตุมฺเห ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสฺสถา’’ติ เตน วุตฺเต –
‘‘ปพฺพตสฺส ¶ สุวณฺณสฺส, ชาตรูปสฺส เกวโล;
ทฺวิตฺตาว นาลเมกสฺส, อิติ วิทฺวา สมฺจเร.
‘‘โย ¶ ¶ ทุกฺขมทกฺขิ ยโตนิทานํ,
กาเมสุ โส ชนฺตุ กถํ นเมยฺย;
อุปธึ วิทิตฺวา สงฺโคติ โลเก,
ตสฺเสว ชนฺตุ วินยาย สิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๖) –
อิมาหิ คาถาหิ สํเวเชตฺวา ‘‘อฺโ เอว โข, ปาปิม, ตว โอวาโท, อฺโ มม, ตยา สทฺธึ ธมฺมสํสนฺทนา นาม นตฺถิ, อหฺหิ เอวํ โอวทามี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อตฺถมฺหิ ชาตมฺหิ สุขา สหายา,
ตุฏฺี สุขา ยา อิตรีตเรน;
ปฺุํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ,
สพฺพสฺส ทุกฺขสฺส สุขํ ปหานํ.
‘‘สุขา มตฺเตยฺยตา โลเก,
อโถ เปตฺเตยฺยตา สุขา;
สุขา สามฺตา โลเก,
อโถ พฺรหฺมฺตา สุขา.
‘‘สุขํ ยาว ชราสีลํ, สุขา สทฺธา ปติฏฺิตา;
สุโข ปฺาย ปฏิลาโภ, ปาปานํ อกรณํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ อตฺถมฺหีติ ปพฺพชิตสฺสาปิ หิ จีวรกรณาทิเก วา อธิกรณวูปสมาทิเก วา คิหิโนปิ ¶ กสิกมฺมาทิเก วา พลวปกฺขสนฺนิสฺสิเตหิ อภิภวนาทิเก วา กิจฺเจ อุปฺปนฺเน เย ตํ กิจฺจํ นิปฺผาเทตุํ วา วูปสเมตุํ วา สกฺโกนฺติ, เอวรูปา สุขา สหายาติ อตฺโถ. ตุฏฺี สุขาติ ยสฺมา ปน คิหิโนปิ สเกน อสนฺตุฏฺา สนฺธิจฺเฉทาทีนิ อารภนฺติ, ปพฺพชิตาปิ นานปฺปการํ อเนสนํ. อิติ เต สุขํ น วินฺทนฺติเยว. ตสฺมา ยา อิตรีตเรน ปริตฺเตน วา วิปุเลน วา อตฺตโน สนฺตเกน สนฺตุฏฺิ, อยเมว สุขาติ อตฺโถ. ปฺุนฺติ มรณกาเล ปน ยถาชฺฌาสเยน ปตฺถริตฺวา กตปฺุกมฺมเมว ¶ สุขํ. สพฺพสฺสาติ สกลสฺสปิ ปน วฏฺฏทุกฺขสฺส ปหานสงฺขาตํ อรหตฺตเมว อิมสฺมึ โลเก สุขํ นาม.
มตฺเตยฺยตาติ ¶ มาตริ สมฺมา ปฏิปตฺติ. เปตฺเตยฺยตาติ ปิตริ สมฺมา ปฏิปตฺติ. อุภเยนปิ มาตาปิตูนํ อุปฏฺานเมว กถิตํ. มาตาปิตโร หิ ปุตฺตานํ อนุปฏฺหนภาวํ ตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ ภูมิยํ วา นิทหนฺติ, ปเรสํ วา วิสฺสชฺเชนฺติ, ‘‘มาตาปิตโร น อุปฏฺหนฺตี’’ติ เนสํ นินฺทาปิ วฑฺฒติ, กายสฺส เภทา คูถนิรเยปิ นิพฺพตฺตนฺติ. เย ปน มาตาปิตโร สกฺกจฺจํ อุปฏฺหนฺติ, เต ¶ เตสํ สนฺตกํ ธนมฺปิ ปาปุณนฺติ, ปสํสมฺปิ ลภนฺติ, กายสฺส เภทา สคฺเค นิพฺพตฺตนฺติ. ตสฺมา อุภยมฺเปตํ สุขนฺติ วุตฺตํ. สามฺตาติ ปพฺพชิเตสุ สมฺมา ปฏิปตฺติ. พฺรหฺมฺตาติ พาหิตปาเปสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกสุ สมฺมา ปฏิปตฺติเยว. อุภเยนปิ เตสํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฏิชคฺคนภาโว กถิโต, อิทมฺปิ โลเก สุขํ นาม กถิกํ.
สีลนฺติ มณิกุณฺฑลรตฺตวตฺถาทโย หิ อลงฺการา ตสฺมึ ตสฺมึ วเย ิตานํเยว โสภนฺติ. น ทหรานํ อลงฺกาโร มหลฺลกกาเล, มหลฺลกานํ วา อลงฺกาโร ทหรกาเล โสภติ, ‘‘อุมฺมตฺตโก เอส มฺเ’’ติ ครหุปฺปาทเนน ปน โทสเมว ชเนติ. ปฺจสีลทสสีลาทิเภทํ ปน สีลํ ทหรสฺสาปิ มหลฺลกสฺสาปิ สพฺพวเยสุ โสภติเยว, ‘‘อโห วตายํ สีลวา’’ติ ปสํสุปฺปาทเนน โสมนสฺสเมว อาวหติ. เตน วุตฺตํ – สุขํ ยาว ชรา สีลนฺติ. สทฺธา ปติฏฺิตาติ โลกิยโลกุตฺตรโต ทุวิธาปิ สทฺธา นิจฺจลา หุตฺวา ปติฏฺิตา. สุโข ปฺาย ปฏิลาโภติ โลกิยโลกุตฺตรปฺาย ปฏิลาโภ สุโข. ปาปานํ ¶ อกรณนฺติ เสตุฆาตวเสน ปน ปาปานํ อกรณํ อิมสฺมึ โลเก สุขนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.
มารวตฺถุ อฏฺมํ.
นาควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เตวีสติโม วคฺโค.
๒๔. ตณฺหาวคฺโค
๑. กปิลมจฺฉวตฺถุ
มนุชสฺสาติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กปิลมจฺฉํ อารพฺภ กเถสิ.
อตีเต กิร กสฺสปภควโต ปรินิพฺพุตกาเล ทฺเว กุลภาตโร นิกฺขมิตฺวา สาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสุ เชฏฺโ สาคโต นาม อโหสิ, กนิฏฺโ กปิโล นาม. มาตา ปน เนสํ สาธินี นาม, กนิฏฺภคินี ตาปนา นาม. ตาปิ ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชึสุ. เอวํ เตสุ ปพฺพชิเตสุ อุโภ ภาตโร อาจริยุปชฺฌายานํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา วิหรนฺตา เอกทิวสํ, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ สาสเน กติ ธุรานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คนฺถธุรํ วิปสฺสนาธุรฺจาติ ทฺเว ธุรานี’’ติ สุตฺวา เชฏฺโ ‘‘วิปสฺสนาธุรํ ¶ ปูเรสฺสามี’’ติ ปฺจ วสฺสานิ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก วสิตฺวา ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. กนิฏฺโ ‘‘อหํ ตาว ตรุโณ, วุฑฺฒกาเล วิปสฺสนาธุรํ ปูเรสฺสามี’’ติ คนฺถธุรํ ปฏฺเปตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคณฺหิ. ตสฺส ปริยตฺตึ นิสฺสาย มหาปริวาโร, ปริวารํ นิสฺสาย ลาโภ อุทปาทิ. โส พาหุสจฺจมเทน มตฺโต ลาภตณฺหาย อภิภูโต อติปณฺฑิตมานิตาย ปเรหิ วุตฺตํ กปฺปิยมฺปิ ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ วเทติ, อกปฺปิยมฺปิ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วเทติ, สาวชฺชมฺปิ ‘‘อนวชฺช’’นฺติ, อนวชฺชมฺปิ ‘‘สาวชฺช’’นฺติ. โส เปสเลหิ ภิกฺขูหิ ‘‘มา, อาวุโส กปิล, เอวํ อวจา’’ติ วตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ ทสฺเสตฺวา โอวทิยมาโนปิ ‘‘ตุมฺเห กึ ชานาถ, ริตฺตมุฏฺิสทิสา’’ติอาทีนิ วตฺวา ขุํเสนฺโต วมฺเภนฺโต จรติ. อถสฺส ภาตุ สาคตตฺเถรสฺสาปิ ภิกฺขู ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โสปิ นํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส กปิล, ตุมฺหาทิสานฺหิ สมฺมาปฏิปตฺติ สาสนสฺส อายุ นาม, ตสฺมา ปฏิปตฺตึ ปหาย กปฺปิยาทีนิ ปฏิพาหนฺโต มา เอวํ อวจา’’ติ โอวทิ. โส ตสฺสปิ วจนํ นาทิยิ. เอวํ สนฺเตปิ เถโร ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โอวทิตฺวา โอวาทํ อคณฺหนฺตํ ‘‘นายํ มม วจนํ กโรตี’’ติ ตฺวา ‘‘เตน, อาวุโส, ปฺายิสฺสสิ สเกน กมฺเมนา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ ¶ . ตโต ปฏฺาย นํ อฺเ เปสลา ภิกฺขู ฉฑฺฑยึสุ.
โส ¶ ¶ ทุราจาโร หุตฺวา ทุราจารปริวุโต วิหรนฺโต เอกทิวสํ อุโปสถคฺเค ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ พีชนึ อาทาย ธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘วตฺตติ, อาวุโส, เอตฺถ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โก อตฺโถ อิมสฺส ปฏิวจเนน ทินฺเนนา’’ติ ตุณฺหีภูเต ภิกฺขู ทิสฺวา, ‘‘อาวุโส, ธมฺโม วา วินโย วา นตฺถิ, ปาติโมกฺเขน สุเตน วา อสุเตน วา โก อตฺโถ’’ติ วตฺวา อาสนา วุฏฺหิ. เอวํ โส กสฺสปสฺส ภควโต ปริยตฺติสาสนํ โอสกฺกาเปสิ. สาคตตฺเถโรปิ ตทเหว ปรินิพฺพายิ. กปิโล อายุปริโยสาเน อวีจิมฺหิ มหานิรเย นิพฺพตฺติ. สาปิสฺส มาตา จ ภคินี จ ตสฺเสว ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชิตฺวา เปสเล ภิกฺขู อกฺโกสิตฺวา ปริภาสิตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺตึสุ.
ตสฺมึ ปน กาเล ปฺจสตา ปุริสา คามฆาตกาทีนิ กตฺวา โจริกาย ชีวนฺตา ชนปทมนุสฺเสหิ อนุพทฺธา ปลายมานา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ กิฺจิ ปฏิสรณํ อปสฺสนฺตา อฺตรํ อารฺิกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปฏิสรณํ โน, ภนฺเต, โหถา’’ติ วทึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺหากํ สีลสทิสํ ปฏิสรณํ นาม ¶ นตฺถิ, สพฺเพปิ ปฺจสีลานิ สมาทิยถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สีลานิ สมาทิยึสุ. อถ เน เถโร โอวทิ – ‘‘อิทานิ ตุมฺเห สีลวนฺตา, ชีวิตเหตุปิ โว เนว สีลํ อติกฺกมิตพฺพํ, น มโนปโทโส กาตพฺโพ’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ เน ชนปทมนุสฺสา ตํ านํ ปตฺวา อิโต จิโต จ ปริเยสมานา เต โจเร ทิสฺวา สพฺเพ เต ชีวิตา โวโรเปสุํ. เต กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ, โจรเชฏฺโก เชฏฺกเทวปุตฺโต อโหสิ.
เต อนุโลมปฏิโลมวเสน เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินครทฺวาเร ปฺจสตกุลิเก เกวฏฺฏคาเม นิพฺพตฺตึสุ. เชฏฺกเทวปุตฺโต เกวฏฺฏเชฏฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อิตเร อิตเรสุ. เอวํ เตสํ เอกทิวเสเยว ปฏิสนฺธิคหณฺจ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺจ อโหสิ. เกวฏฺฏเชฏฺโก ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺมึ คาเม อฺเปิ ทารกา อชฺช ชาตา’’ติ ปริเยสาเปตฺวา เตสํ ชาตภาวํ ตฺวา ‘‘เอเต มม ปุตฺตสฺส สหายกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ สพฺเพสํ โปสาวนิกํ ¶ ทาเปสิ. เต สพฺเพปิ สหปํสุกีฬกา สหายกา หุตฺวา อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺตา อเหสุํ. เตสํ เกวฏฺฏเชฏฺกปุตฺโตว ยสโต จ เตชโต จ อคฺคปุริโส อโหสิ.
กปิโลปิ ¶ เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน ตสฺมึ กาเล อจิรวติยา สุวณฺณวณฺโณ ทุคฺคนฺธมุโข มจฺโฉ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ เต สหายกา ‘‘มจฺเฉ พนฺธิสฺสามา’’ติ ชาลาทีนิ คเหตฺวา นทิยา ขิปึสุ. อถ เนสํ อนฺโตชาลํ โส มจฺโฉ ปาวิสิ ¶ . ตํ ทิสฺวา สพฺเพ เกวฏฺฏคามวาสิโน อุจฺจาสทฺทมกํสุ – ‘‘ปุตฺตา โน ปมํ มจฺเฉ พนฺธนฺตา สุวณฺณมจฺฉํ พนฺธึสุ, อิทานิ โน ราชา พหุธนํ ทสฺสตี’’ติ. เตปิ โข สหายกา มจฺฉํ นาวาย ปกฺขิปิตฺวา นาวํ อุกฺขิปิตฺวา รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. รฺาปิ ตํ ทิสฺวาว ‘‘กึ เอต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มจฺโฉ, เทวา’’ติ อาหํสุ. ราชา สุวณฺณวณฺณํ มจฺฉํ ทิสฺวา ‘‘สตฺถา เอตสฺส สุวณฺณวณฺณการณํ ชานิสฺสตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. มจฺเฉน มุเข วิวฏมตฺเตเยว สกลเชตวนํ อติวิย ทุคฺคนฺธํ อโหสิ. ราชา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, มจฺโฉ สุวณฺณวณฺโณ ชาโต, กสฺมา จสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายตี’’ติ?
อยํ, มหาราช, กสฺสปภควโต ปาวจเน กปิโล นาม ภิกฺขุ อโหสิ พหุสฺสุโต มหาปริวาโร ลาภตณฺหาย อภิภูโต อตฺตโน วจนํ อคณฺหนฺตานํ อกฺโกสกปริภาสโก, ตสฺส จ ภควโต สาสนํ โอสกฺกาเปสิ, โส เตน ¶ กมฺเมน อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วิปากาวเสเสน อิทานิ มจฺโฉ หุตฺวา ชาโต. ยํ ปน โส ทีฆรตฺตํ พุทฺธวจนํ วาเจสิ, พุทฺธสฺส จ คุณํ กเถสิ, ตสฺส นิสฺสนฺเทน อิมํ สุวณฺณวณฺณํ ปฏิลภิ. ยํ ภิกฺขูนํ อกฺโกสกปริภาสโก อโหสิ, เตนสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายติ. ‘‘กถาเปมิ นํ, มหาราชา’’ติ? ‘‘กถาเปถ, ภนฺเต’’ติ. อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘ตฺวํสิ กปิโล’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อหํ กปิโล’’ติ. ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรยโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เชฏฺภาติโก เต สาคโต กุหึ คโต’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มาตา ปน เต สาธินี กห’’นฺติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กนิฏฺภคินี จ เต ตาปนา กห’’นฺติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิทานิ ตฺวํ กหํ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรยเมว, ภนฺเต’’ติ วตฺวา วิปฺปฏิสาราภิภูโต นาวํ ¶ สีเสน ปหริตฺวา ตาวเทว กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. มหาชโน สํวิคฺโค อโหสิ โลมหฏฺชาโต.
อถ ภควา ตสฺมึ ขเณ สนฺนิปติตาย ปริสาย จิตฺตาจารํ โอโลเกตฺวา ตงฺขณานุรูปํ ธมฺมํ เทเสตุํ ‘‘ธมฺมจริยํ พฺรหฺมจริยํ, เอตทาหุ วสุตฺตม’’นฺติ สุตฺตนิปาเต (สุ. นิ. ๒๗๖) กปิลสุตฺตํ กเถตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘มนุชสฺส ¶ ปมตฺตจาริโน, ตณฺหา วฑฺฒติ มาลุวา วิย;
โส ปฺลวตี หุรา หุรํ, ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร.
‘‘ยํ ¶ เอสา สหเต ชมฺมี, ตณฺหา โลเก วิสตฺติกา;
โสกา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ, อภิวฏฺํว พีรณํ.
‘‘โย เจตํ สหเต ชมฺมึ, ตณฺหํ โลเก ทุรจฺจยํ;
โสกา ตมฺหา ปปตนฺติ, อุทพินฺทุว โปกฺขรา.
‘‘ตํ โว วทามิ ภทฺทํ โว, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;
ตณฺหาย มูลํ ขณถ, อุสีรตฺโถว พีรณํ;
มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุน’’นฺติ.
ตตฺถ ปมตฺตจาริโนติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน ปมาเทน ปมตฺตจาริสฺส ปุคฺคลสฺส เนว ฌานํ น วิปสฺสนา น มคฺคผลานิ วฑฺฒนฺติ. ยถา ปน รุกฺขํ สํสิพฺพนฺตี ปริโยนนฺธนฺตี ตสฺส วินาสาย มาลุวาลตา วฑฺฒติ ¶ , เอวมสฺส ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต ตณฺหา วฑฺฒตีติ อตฺโถ. โส ปฺลวตี หุรา หุรนฺติ โส ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล ภเว ภเว อุปฺลวติ ธาวติ. ยถา กึ วิยาติ? ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร, ยถา รุกฺขผลํ อิจฺฉนฺโต วานโร วนสฺมึ ธาวติ, ตสฺส ตสฺส รุกฺขสฺส สาขํ คณฺหาติ, ตํ มฺุจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ตมฺปิ มฺุจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ‘‘สาขํ อลภิตฺวา สนฺนิสินฺโน’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ, เอวเมว ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล หุรา หุรํ ธาวนฺโต ‘‘อารมฺมณํ อลภิตฺวา ตณฺหาย อปวตฺตํ ปตฺโต’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ.
ยนฺติ ¶ ยํ ปุคฺคลํ เอสา ลามกภาเวน ชมฺมี วิสาหารตาย วิสปุปฺผตาย วิสผลตาย วิสปริโภคตาย รูปาทีสุ วิสตฺตตาย อาสตฺตตาย วิสตฺติกาติ สงฺขฺยํ คตา ฉทฺวาริกตณฺหา อภิภวติ. ยถา นาม วสฺสาเน ปุนปฺปุนํ วสฺสนฺเตน เทเวน ¶ อภิวฏฺํ พีรณติณํ วฑฺฒติ, เอวํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อนฺโต วฏฺฏมูลกา โสกา อภิวฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ.
ทุรจฺจยนฺติ โย ปน ปุคฺคโล เอวํ วุตฺตปฺปการํ อติกฺกมิตุํ ปชหิตุํ ทุกฺกรตาย ทุรจฺจยํ ตณฺหํ สหติ อภิภวติ, ตมฺหา ปุคฺคลา วฏฺฏมูลกา โสกา ปปตนฺติ. ยถา นาม โปกฺขเร ปทุมปตฺเต ปติตํ อุทกพินฺทุ น ปติฏฺาติ, เอวํ น ปติฏฺหนฺตีติ อตฺโถ.
ตํ โว วทามีติ เตน การเณน อหํ ตุมฺเห วทามิ. ภทฺทํ โวติ ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, มา ¶ อหํ กปิโล วิย วินาสํ ปาปุณถาติ อตฺโถ. มูลนฺติ อิมิสฺสา ฉทฺวาริกตณฺหาย อรหตฺตมคฺคาเณน มูลํ ขณถ. กึ วิยาติ? อุสีรตฺโถว พีรณํ, ยถา อุสีเรน อตฺถิโก ปุริโส มหนฺเตน กุทาเลน พีรณํ ขณติ, เอวมสฺสา มูลํ ขณถาติ อตฺโถ. มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุนนฺติ มา ตุมฺเห นทีโสเต ชาตํ นฬํ มหาเวเคน อาคโต นทีโสโต วิย กิเลสมาโร มรณมาโร เทวปุตฺตมาโร จ ปุนปฺปุนํ ภฺชตูติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ เกวฏฺฏปุตฺตา สํเวคํ อาปชฺชิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ ปตฺถยมานา สตฺถุ สนฺติเก ¶ ปพฺพชิตฺวา น จิรสฺเสว ทุกฺขสฺสนฺตํ กตฺวา สตฺถารา สทฺธึ อาเนฺชวิหารสมาปตฺติธมฺมปริโภเคน เอกปริโภคา อเหสุนฺติ.
กปิลมจฺฉวตฺถุ ปมํ.
๒. สูกรโปติกาวตฺถุ
ยถาปิ มูเลติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต คูถสูกรโปติกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมึ ¶ กิร สมเย สตฺถา ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เอกํ สูกรโปติกํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. ตสฺส สิตํ กโรนฺตสฺส มุขวิวรนิคฺคตํ ทนฺโตภาสมณฺฑลํ ทิสฺวา อานนฺทตฺเถโร ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ สิตสฺส ปาตุกมฺมายา’’ติ สิตการณํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ปสฺสเสตํ, อานนฺท, สูกรโปติก’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. เอสา กกุสนฺธสฺส ภควโต สาสเน เอกาย อาสนสาลาย สามนฺตา กุกฺกุฏี อโหสิ. สา เอกสฺส โยคาวจรสฺส วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมโฆสํ สุตฺวา ตโต จุตา ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุพฺพรี นาม ราชธีตา อโหสิ. สา อปรภาเค สรีรวลฺชฏฺานํ ปวิฏฺา ปุฬวกราสึ ทิสฺวา ตตฺถ ¶ ปุฬวกสฺํ อุปฺปาเทตฺวา ปมํ ฌานํ ปฏิลภิ. สา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. ตโต จวิตฺวา ปุน คติวเสน อาลุลมานา อิทานิ สูกรโยนิยํ นิพฺพตฺติ, อิทํ การณํ ทิสฺวา มยา สิตํ ปาตุกตนฺติ. ตํ สุตฺวา อานนฺทตฺเถรปฺปมุขา ภิกฺขู มหนฺตํ สํเวคํ ปฏิลภึสุ. สตฺถา เตสํ สํเวคํ อุปฺปาเทตฺวา ภวตณฺหาย อาทีนวํ ปกาเสนฺโต อนฺตรวีถิยํ ิตโกว อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยถาปิ ¶ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห,
ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ;
เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต,
นิพฺพตฺตตี ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ.
‘‘ยสฺส ฉตฺตึสติ โสตา, มนาปสวนา ภุสา;
มหาวหนฺติ ทุทฺทิฏฺึ, สงฺกปฺปา ราคนิสฺสิตา.
‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา, ลตา อุปฺปชฺช ติฏฺติ;
ตฺจ ทิสฺวา ลตํ ชาตํ, มูลํ ปฺาย ฉินฺทถ.
‘‘สริตานิ สิเนหิตานิ จ,
โสมนสฺสานิ โหนฺติ ชนฺตุโน;
เต สาตสิตา สุเขสิโน,
เต เว ชาติชรูปคา นรา.
‘‘ตสิณาย ¶ ปุรกฺขตา ปชา,
ปริสปฺปนฺติ สโสว พนฺธิโต;
สํโยชนสงฺคสตฺตกา,
ทุกฺขมุเปนฺติ ปุนปฺปุนํ จิราย.
‘‘ตสิณาย ¶ ปุรกฺขตา ปชา,
ปริสปฺปนฺติ สโสว พนฺธิโต;
ตสฺมา ตสิณํ วิโนทเย,
อากงฺขนฺต วิราคมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ มูเลติ ยสฺส รุกฺขสฺส จตูสุ ทิสาสุ จตุธา เหฏฺา จ อุชุกเมว คเต ปฺจวิธมูเล เฉทนผาลนปาจนวิชฺฌนาทีนํ เกนจิ อุปทฺทเวน อนุปทฺทเว ถิรปตฺตตาย ทฬฺเห โส รุกฺโข อุปริจฺฉินฺโนปิ สาขานํ วเสน ปุนเทว รูหติ, เอวเมว ฉทฺวาริกาย ตณฺหาย อนุสเย ¶ อรหตฺตมคฺคาเณน อนุหเต อสมุจฺฉินฺเน ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ชาติอาทิเภทํ อิทํ ทุกฺขํ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตติเยวาติ อตฺโถ.
ยสฺสาติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ‘‘อิติ อชฺฌตฺติกสฺสูปาทาย อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานิ พาหิรสฺสูปาทาย อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานี’’ติ อิเมสํ ตณฺหาวิจริตานํ วเสน ฉตฺตึสติยา โสเตหิ สมนฺนาคตา มนาเปสุ รูปาทีสุ อาสวติ ปวตฺตตีติ มนาปสวนา ตณฺหา ภุสา พลวตี โหติ, ตํ ปุคฺคลํ วิปนฺนาณตาย ทุทฺทิฏฺึ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต มหนฺตภาเวน มหา หุตฺวา ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา อนิสฺสาย ราคนิสฺสิตา ¶ สงฺกปฺปา วหนฺตีติ อตฺโถ.
สวนฺติ สพฺพธิ โสตาติ อิเม ตณฺหาโสตา จกฺขุทฺวาราทีนํ วเสน สพฺเพสุ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ สวนโต, สพฺพาปิ รูปตณฺหา…เป… ธมฺมตณฺหาติ สพฺพภเวสุ วา สวนโต สพฺพธิ สวนฺติ นาม. ลตาติ ปลิเวนฏฺเน สํสิพฺพนฏฺเน จ ลตา วิยาติ ลตา. อุปฺปชฺช ติฏฺตีติ ฉหิ ทฺวาเรหิ อุปฺปชฺชิตฺวา รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ติฏฺติ. ตฺจ ทิสฺวาติ ตํ ปน ตณฺหาลตํ ‘‘เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ ชาตฏฺานวเสน ทิสฺวา. ปฺายาติ สตฺเถน วเน ชาตํ ลตํ วิย มคฺคปฺาย มูเล ฉินฺทถาติ อตฺโถ.
สริตานีติ ¶ อนุสฏานิ ปยาตานิ. สิเนหิตานีติ จีวราทีสุ ปวตฺตสิเนหวเสน สิเนหิตานิ จ, ตณฺหาสิเนหมกฺขิตานีติ อตฺโถ. โสมนสฺสานีติ ตณฺหาวสิกสฺส ชนฺตุโน เอวรูปานิ โสมนสฺสานิ ภวนฺติ. เต สาตสิตาติ เต ตณฺหาวสิกา ปุคฺคลา สาตนิสฺสิตา สุขนิสฺสิตา จ หุตฺวา สุเขสิโน สุขปริเยสิโน ภวนฺติ. เต เวติ เย เอวรูปา นรา, เต ชาติชราพฺยาธิมรณานิ อุปคจฺฉนฺติเยวาติ ชาติชรูปคา นาม โหนฺติ. ปชาติ อิเม สตฺตา ตาสกรเณน ตสิณาติ สงฺขฺยํ คตาย ตณฺหาย ปุรกฺขตา ปริวาริตา หุตฺวา.
พนฺธิโตติ ลุทฺเทน อรฺเ พทฺโธ สโส วิย ปริสปฺปนฺติ ภายนฺติ. สํโยชนสงฺคสตฺตกาติ ¶ ทสวิเธน สํโยชนสงฺเคน เจว สตฺตวิเธน ราคสงฺคาทินา จ สตฺตา พทฺธา ตสฺมึ วา ลคฺคา หุตฺวา. จิรายาติ จิรํ ทีฆมทฺธานํ ปุนปฺปุนํ ชาติอาทิกํ ทุกฺขํ อุปคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา ตสิณาย ปุรกฺขตา ปลิเวิตา สตฺตา, ตสฺมา อตฺตโน วิราคํ ราคาทิวิคมํ นิพฺพานํ ปตฺเถนฺโต อากงฺกมาโน ภิกฺขุ อรหตฺตมคฺเคเนตํ ตสิณํ วิโนทเย ปนุทิตฺวา นีหริตฺวา ฉฑฺเฑยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ.
สาปิ โข สูกรโปติกา ตโต จวิตฺวา สุวณฺณภูมิยํ ราชกุเล นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา พาราณสิยํ, ตโต จุตา สุปฺปารกปฏฺฏเน อสฺสวาณิชเคเห นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา กาวีรปฏฺฏเน นาวิกสฺส เคเห นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา อนุราธปุเร อิสฺสรกุลเคเห นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา ตสฺเสว ทกฺขิณทิสาย โภกฺกนฺตคาเม สุมนสฺส นาม กุฏุมฺพิกสฺส ธีตา นาเมน สุมนา เอว หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถสฺสา ปิตา ตสฺมึ คาเม ฉฑฺฑิเต ทีฆวาปิรฏฺํ คนฺตฺวา มหามุนิคาเม นาม วสิ. ตตฺถ นํ ทุฏฺคามณิรฺโ อมจฺโจ ลกุณฺฑกอติมฺพโร นาม เกนจิเทว กรณีเยน คโต ทิสฺวา มหนฺตํ มงฺคลํ กตฺวา อาทาย มหาปุณฺณคามํ คโต. อถ นํ โกฏิปพฺพตมหาวิหารวาสี มหาอนุรุทฺธตฺเถโร นาม ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ตสฺสา เคหทฺวาเร ิโต ทิสฺวา ภิกฺขูหิ สทฺธึ กเถสิ, ‘‘อาวุโส, สูกรโปติกา นาม ลกุณฺฑกอติมฺพรมหามตฺตสฺส ¶ ภริยภาวํ ปตฺตา, อโห อจฺฉริย’’นฺติ. สา ตํ กถํ สุตฺวา อตีตภเว ¶ อุคฺฆาเฏตฺวา ชาติสฺสราณํ ปฏิลภิ. ตงฺขณฺเว อุปฺปนฺนสํเวคา สามิกํ ยาจิตฺวา มหนฺเตน อิสฺสริเยน ปฺจพลกตฺเถรีนํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ติสฺสมหาวิหาเร มหาสติปฏฺานสุตฺตกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ปจฺฉา ทมิฬมทฺทเน กเต าตีนํ วสนฏฺานํ โภกฺกนฺตคามเมว คนฺตฺวา ตตฺถ วสนฺตี กลฺลมหาวิหาเร อาสีวิโสปมสุตฺตนฺตํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.
สา ปรินิพฺพานทิวเส ภิกฺขุภิกฺขุนีหิ ปุจฺฉิตา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส สพฺพํ อิมํ ปวตฺตึ นิรนฺตรํ กเถตฺวา สนฺนิปติตสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ มณฺฑลารามวาสินา ธมฺมปทภาณกมหาติสฺสตฺเถเรน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ‘‘อหํ ปุพฺเพ มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุตา กุกฺกุฏี หุตฺวา ตตฺถ เสนสฺส สนฺติกา สีสจฺเฉทํ ปตฺวา ราชคเห นิพฺพตฺตา, ปริพฺพาชิกาสุ ปพฺพชิตฺวา ปมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุตา เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺตา นจิรสฺเสว จวิตฺวา สูกรโยนึ คนฺตฺวา ตโต จุตา สุวณฺณภูมึ, ตโต จุตา พาราณสึ, ตโต จุตา สุปฺปารกปฏฺฏนํ, ตโต จุตา กาวีรปฏฺฏนํ, ตโต จุตา อนุราธปุรํ, ตโต จุตา โภกฺกนฺตคาม’’นฺติ เอวํ สมวิสเม เตรส อตฺตภาเว ปตฺวา ‘‘อิทานิ อุกฺกณฺิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา, สพฺเพปิ อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ วตฺวา จตสฺโส ปริสา สํเวเชตฺวา ปรินิพฺพายีติ.
สูกรโปติกาวตฺถุ ทุติยํ.
๓. วิพฺภนฺตภิกฺขุวตฺถุ
โย ¶ ¶ นิพฺพนโถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ วิพฺภนฺตกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร มหากสฺสปตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก หุตฺวา จตฺตาริ ฌานานิ อุปฺปาเทตฺวาปิ อตฺตโน มาตุลสฺส สุวณฺณการสฺส เคเห วิสภาคารมฺมณํ ทิสฺวา ตตฺถ ปฏิพทฺธจิตฺโต วิพฺภมิ. อถ นํ มนุสฺสา อลสภาเวน กมฺมํ กาตุํ อนิจฺฉนฺตํ เคหา นีหรึสุ. โส ปาปมิตฺตสํสคฺเคน โจรกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปนฺโต วิจริ. อถ นํ เอกทิวสํ คเหตฺวา ¶ ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก กสาหิ ตาเฬนฺตา อาฆาตนํ นยึสุ. เถโร ปิณฺฑาย จริตุํ ปวิสนฺโต ตํ ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นีหริยมานํ ทิสฺวา พนฺธนํ สิถิลํ กาเรตฺวา ‘‘ปุพฺเพ ตยา ปริจิตกมฺมฏฺานํ ปุน อาวชฺเชหี’’ติ อาห. โส เตน โอวาเทน สตุปฺปาทํ ลภิตฺวา ปุน จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสิ. อถ นํ ‘‘อาฆาตนํ เนตฺวา ฆาเตสฺสามา’’ติ สูเล อุตฺตาเสสุํ. โส น ภายติ น สนฺตสติ. อถสฺส ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ิตา มนุสฺสา อสิสตฺติโตมราทีนิ อาวุธานิ อุกฺขิปิตฺวาปิ ตํ อสนฺตสนฺตเมว ทิสฺวา ‘‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ ปุริสํ, อเนกสตานฺหิ อาวุธหตฺถานํ ปุริสานํ มชฺเฌ เนว ฉมฺภติ น เวธติ, อโห อจฺฉริย’’นฺติ อจฺฉริยพฺภุตชาตา มหานาทํ นทิตฺวา รฺโ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ราชา ตํ การณํ สุตฺวา ‘‘วิสฺสชฺเชถ น’’นฺติ อาห. สตฺถุ สนฺติกมฺปิ ¶ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรจยึสุ. สตฺถา โอภาสํ ผริตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย นิพฺพนโถ วนาธิมุตฺโต,
วนมุตฺโต วนเมว ธาวติ;
ตํ ปุคฺคลเมถ ปสฺสถ,
มุตฺโต พนฺธนเมว ธาวตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล คิหิภาเว อาลยสงฺขาตํ วนถํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิตตาย นิพฺพนโถ ทิพฺพวิหารสงฺขาเต ตโปวเน อธิมุตฺโต ฆราวาสพนฺธนสงฺขาตา ตณฺหาวนา มุตฺโต หุตฺวา ปุน ฆราวาสพนฺธนสงฺขาตํ ตณฺหาวนเมว ธาวติ, เอถ ตํ ปุคฺคลํ ปสฺสถ, เอโส ฆราวาสพนฺธนโต มุตฺโต ฆราวาสพนฺธนเมว ธาวตีติ.
อิมํ ¶ ปน เทสนํ สุตฺวา โส ราชปุริสานํ อนฺตเร สูลคฺเค นิสินฺโนว อุทยพฺพยํ ปฏฺเปตฺวา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา สมาปตฺติสุขํ อนุภวนฺโต เวหาสํ อุปฺปติตฺวา อากาเสเนว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สราชิกาย ปริสาย มชฺเฌเยว อรหตฺตํ ปาปุณีติ.
วิพฺภนฺตภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.
๔. พนฺธนาคารวตฺถุ
น ¶ ตํ ทฬฺหนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พนฺธนาคารํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมึ กิร กาเล พหู สนฺธิจฺเฉทกปนฺถฆาตกมนุสฺสฆาตเก โจเร ¶ อาเนตฺวา โกสลรฺโ ทสฺสยึสุ. เต ราชา อนฺทุพนฺธนรชฺชุพนฺธนสงฺขลิกพนฺธเนหิ พนฺธาเปสิ. ตึสมตฺตาปิ โข ชานปทา ภิกฺขู สตฺถารํ ทฏฺุกามา อาคนฺตฺวา ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส สาวตฺถึ ปิณฺฑาย จรนฺตา พนฺธนาคารํ คนฺตฺวา เต โจเร ทิสฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา สายนฺหสมเย ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช อมฺเหหิ ปิณฺฑาย จรนฺเตหิ พนฺธนาคาเร พหู โจรา อนฺทุพนฺธนาทีหิ พทฺธา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทิฏฺา, เต ตานิ พนฺธนานิ ฉินฺทิตฺวา ปลายิตุํ น สกฺโกนฺติ, อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, เตหิ พนฺธเนหิ ถิรตรํ อฺํ พนฺธนํ นามา’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, กึ พนฺธนานิ นาเมตานิ, ยํ ปเนตํ ธนธฺปุตฺตทาราทีสุ ตณฺหาสงฺขาตํ กิเลสพนฺธนํ, เอตํ เอเตหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน ถิรตรํ, เอวํ มหนฺตมฺปิ ปเนตํ ทุจฺฉินฺทนิยํ พนฺธนํ โปราณกปณฺฑิตา ฉินฺทิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ ทุคฺคตคหปติกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ปิตา กาลมกาสิ. โส ภตึ กตฺวา มาตรํ โปเสสิ. อถสฺส มาตา อนิจฺฉมานสฺเสว เอกํ กุลธีตรํ เคเห กตฺวา อปรภาเค กาลมกาสิ. ภริยายปิสฺส กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺหิ. โส คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ อชานนฺโตว, ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ ภตึ กตฺวา ชีว, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘สามิ, นนุ คพฺโภ ¶ เม ปติฏฺิโต, มยิ วิชาตาย ทารกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสสี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺสา วิชาตกาเล, ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ โสตฺถินา วิชาตา, อิทานิ อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาปุจฺฉิ. อถ นํ สา ‘‘ปุตฺตสฺส ¶ ตาว ถนปานโต อปคมนกาลํ อาคเมหี’’ติ วตฺวา ปุน คพฺภํ คณฺหิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา คนฺตุํ น สกฺกา, อิมิสฺสา อนาจิกฺขิตฺวาว ปลายิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ¶ ตสฺสา อนาจิกฺขิตฺวาว รตฺติภาเค อุฏฺาย ปลายิ. อถ นํ นครคุตฺติกา อคฺคเหสุํ. โส ‘‘อหํ, สามิ, มาตุโปสโก นาม, วิสฺสชฺเชถ ม’’นฺติ อตฺตานํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา เอกสฺมึ าเน วสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺาสมาปตฺติโย ลภิตฺวา ฌานกีฬาย กีฬนฺโต วิหาสิ. โส ตตฺถ วสนฺโตเยว ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม เม ทุจฺฉินฺทนิยํ ปุตฺตทารพนฺธนํ กิเลสพนฺธนํ ฉินฺน’’นฺติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา เตน อุทานิตํ อุทานํ ปกาเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา,
ยทายสํ ทารุชปพฺพชฺจ;
สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ,
ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา.
‘‘เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา,
โอหารินํ สิถิลํ ทุปฺปมฺุจํ;
เอตมฺปิ เฉตฺวาน ปริพฺพชนฺติ,
อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ธีราติ พุทฺธาทโย ปณฺฑิตปุริสา ยํ สงฺขลิกสงฺขาตํ อยสา นิพฺพตฺตํ อายสํ, อนฺทุพนฺธนสงฺขาตํ ทารุชํ, ยฺจ ปพฺพชติเณหิ วา อฺเหิ วา วากาทีหิ รชฺชุํ กตฺวา กตํ รชฺชุพนฺธนํ, ตํ อสิอาทีหิ ฉินฺทิตุํ สกฺกุเณยฺยภาเวน ถิรนฺติ น วทนฺตีติ อตฺโถ. สารตฺตรตฺตาติ สารตฺตา หุตฺวา รตฺตา, พหลตรราครตฺตาติ อตฺโถ. มณิกุณฺฑเลสูติ มณีสุ เจว กุณฺฑเลสุ จ, มณิวิจิตฺเตสุ วา กุณฺฑเลสุ. เอตํ ทฬฺหนฺติ เย มณิกุณฺฑเลสุ สารตฺตรตฺตา, เตสํ โส ราโค จ ยา ปุตฺตทาเรสุ อเปกฺขา ตณฺหา, เอตํ กิเลสมยํ พนฺธนฺจ ปณฺฑิตปุริสา ทฬฺหนฺติ วทนฺติ. โอหารินนฺติ อากฑฺฒิตฺวา จตูสุ อปาเยสุ ปาตนโต อวหรติ เหฏฺา หรตีติ โอหารินํ. สิถิลนฺติ พนฺธนฏฺาเน ฉวิจมฺมมํสานิ น ฉินฺทติ, โลหิตํ น นีหรติ, พนฺธนภาวมฺปิ อชานาเปตฺวา ถลปถชลปถาทีสุ กมฺมานิ กาตุํ เทตีติ สิถิลํ. ทุปฺปมฺุจนฺติ โลภวเสน หิ เอกวารมฺปิ อุปฺปนฺนํ กิเลสพนฺธนํ ทฏฺฏฺานโต กจฺฉโป ¶ วิย ทุมฺโมจิยํ ¶ โหตีติ ทุปฺปมฺุจํ. เอตมฺปิ เฉตฺวานาติ เอตํ ทฬฺหมฺปิ กิเลสพนฺธนํ าณขคฺเคน ฉินฺทิตฺวา อนเปกฺขิโน ¶ หุตฺวา กามสุขํ ปหาย ปริพฺพชนฺติ, ปกฺกมนฺติ ปพฺพชนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
พนฺธนาคารวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. เขมาเถรีวตฺถุ
เย ราครตฺตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เขมํ นาม รฺโ พิมฺพิสารสฺส อคฺคมเหสึ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร ปทุมุตฺตรปาทมูเล ปตฺถิตปตฺถนา อติวิย อภิรูปา ปาสาทิกา อโหสิ. ‘‘สตฺถา กิร รูปสฺส โทสํ กเถตี’’ติ สุตฺวา ปน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ น อิจฺฉิ. ราชา ตสฺสา รูปมทมตฺตภาวํ ตฺวา เวฬุวนวณฺณนาปฏิสํยุตฺตานิ คีตานิ กาเรตฺวา นฏาทีนํ ทาเปสิ. เตสํ ตานิ คายนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา ตสฺสา เวฬุวนํ อทิฏฺปุพฺพํ วิย อสุตปุพฺพํ วิย จ อโหสิ. สา ‘‘กตรํ อุยฺยานํ สนฺธาย คายถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทวี, ตุมฺหากํ เวฬุวนุยฺยานเมวา’’ติ วุตฺเต อุยฺยานํ คนฺตุกามา อโหสิ. สตฺถา ตสฺสา อาคมนํ ตฺวา ปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโตว ตาลวณฺฏํ อาทาย อตฺตโน ปสฺเส ตฺวา พีชมานํ อภิรูปํ อิตฺถึ นิมฺมินิ. เขมา, เทวีปิ ปวิสมานาว ตํ อิตฺถึ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ รูปสฺส โทสํ กเถตีติ วทนฺติ, อยฺจสฺส สนฺติเก อิตฺถี พีชยมานา ิตา, นาหํ อิมิสฺสา กลภาคมฺปิ ¶ อุเปมิ, น มยา อีทิสํ อิตฺถิรูปํ ทิฏฺปุพฺพํ, สตฺถารํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ มฺเ’’ติ จินฺเตตฺวา ตถาคตสฺส กถาสทฺทมฺปิ อนิสาเมตฺวา ตเมว อิตฺถึ โอโลกยมานา อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺสา ตสฺมึ รูเป อุปฺปนฺนพหุมานตํ ตฺวา ตํ รูปํ ปมวยาทิวเสน ทสฺเสตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ปริโยสาเน อฏฺิมตฺตาวสานํ กตฺวา ทสฺเสสิ. เขมา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปมฺปิ นาเมตํ รูปํ มุหุตฺเตเนว ขยวยํ สมฺปตฺตํ, นตฺถิ วต อิมสฺมึ รูเป สาโร’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตสฺสา จิตฺตาจารํ โอโลเกตฺวา, ‘‘เขเม, ตฺวํ ‘อิมสฺมึ รูเป สาโร อตฺถี’ติ จินฺเตสิ, ปสฺส ทานิสฺส อสารภาว’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อาตุรํ ¶ ¶ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส เขเม สมุสฺสยํ;
อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภิปตฺถิต’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๒.๓๕๔);
สา คาถาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘เขเม, อิเม สตฺตา ราครตฺตา โทสปทุฏฺา โมหมูฬฺหา อตฺตโน ตณฺหาโสตํ สมติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตตฺเถว ลคฺคนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ,
สยํ กตํ มกฺกฏโกว ชาลํ;
เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา,
อนเปกฺขิโน สพฺพทุกฺขํ ปหายา’’ติ.
ตตฺถ มกฺกฏโกว ชาลนฺติ ยถา นาม มกฺกฏโก สุตฺตชาลํ กตฺวา มชฺเฌ าเน นาภิมณฺฑเล นิปนฺโน ปริยนฺเต ปติตํ ปฏงฺคํ วา มกฺขิกํ วา เวเคน คนฺตฺวา วิชฺฌิตฺวา ตสฺส รสํ ปิวิตฺวา ปุน คนฺตฺวา ตสฺมึเยว ¶ าเน นิปชฺชติ, เอวเมว เย สตฺตา ราครตฺตา โทสปทุฏฺา โมหมูฬฺหา สยํกตํ ตณฺหาโสตํ อนุปตนฺติ, เต ตํ สมติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, เอวํ ทุรติกฺกมํ. เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีราติ ปณฺฑิตา เอตํ พนฺธนํ เฉตฺวา อนเปกฺขิโน นิราลยา หุตฺวา อรหตฺตมคฺเคน สพฺพทุกฺขํ ปหาย วชนฺติ, คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เขมา อรหตฺเต ปติฏฺหิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสิ. สตฺถา ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, เขมาย ปพฺพชิตุํ วา ปรินิพฺพายิตุํ วา วฏฺฏตี’’ติ. ภนฺเต, ปพฺพาเชถ นํ, อลํ ปรินิพฺพาเนนาติ. สา ปพฺพชิตฺวา อคฺคสาวิกา อโหสีติ.
เขมาเถรีวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อุคฺคเสนวตฺถุ
มฺุจ ปุเรติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อุคฺคเสนํ อารพฺภ กเถสิ.
ปฺจสตา ¶ กิร นฏา สํวจฺฉเร วา ฉมาเส วา ปตฺเต ราชคหํ คนฺตฺวา รฺโ สตฺตาหํ สมชฺชํ ¶ กตฺวา พหุํ หิรฺสุวณฺณํ ลภนฺติ, อนฺตรนฺตเร อุกฺเขปทายานํ ปริยนฺโต นตฺถิ. มหาชโน มฺจาติมฺจาทีสุ ตฺวา สมชฺชํ โอโลเกสิ. อเถกา ลงฺฆิกธีตา วํสํ อภิรุยฺห ตสฺส อุปริ ปริวตฺติตฺวา ตสฺส ปริยนฺเต อากาเส จงฺกมมานา นจฺจติ เจว คายติ จ. ตสฺมึ สมเย ¶ อุคฺคเสโน นาม เสฏฺิปุตฺโต สหายเกน สทฺธึ มฺจาติมฺเจ ิโต ตํ โอโลเกตฺวา ตสฺสา หตฺถปาทวิกฺเขปาทีสุ อุปฺปนฺนสิเนโห เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ตํ ลภนฺโต ชีวิสฺสามิ, อลภนฺตสฺส เม อิเธว มรณ’’นฺติ อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. มาตาปิตูหิ, ‘‘ตาต, กึ เต รุชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิโตปิ ‘‘ตํ เม นฏธีตรํ ลภนฺตสฺส ชีวิตํ อตฺถิ, อลภนฺตสฺส เม อิเธว มรณ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘ตาต, มา เอวํ กริ, อฺํ เต อมฺหากํ กุลสฺส จ โภคานฺจ อนุรูปํ กุมาริกํ อาเนสฺสามา’’ติ วุตฺเตปิ ตเถว วตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺส ปิตา พหุํ ยาจิตฺวาปิ ตํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ตสฺส สหายํ ปกฺโกสาเปตฺวา กหาปณสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อตฺตโน ธีตรํ มยฺหํ ปุตฺตสฺส เทตู’’ติ ปหิณิ. โส ‘‘นาหํ กหาปเณ คเหตฺวา เทมิ, สเจ ปน โส อิมํ อลภิตฺวา ชีวิตุํ น สกฺโกติ, เตน หิ อมฺเหหิ สทฺธึเยว วิจรตุ, ทสฺสามิสฺส ธีตร’’นฺติ อาห. มาตาปิตโร ปุตฺตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โส ‘‘อหํ เตหิ สทฺธึ วิจริสฺสามี’’ติ วตฺวา ยาจนฺตานมฺปิ เตสํ กถํ อนาทิยิตฺวา นิกฺขมิตฺวา นาฏกสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ตสฺส ธีตรํ ทตฺวา เตน สทฺธึเยว คามนิคมราชธานีสุ สิปฺปํ ทสฺเสนฺโต วิจริ.
สาปิ เตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย นจิรสฺเสว ปุตฺตํ ลภิตฺวา กีฬาปยมานา ‘‘สกฏโคปกสฺส ปุตฺต, ภณฺฑหารกสฺส ปุตฺต, กิฺจิ อชานกสฺส ปุตฺตา’’ติ วทติ. โสปิ เนสํ สกฏปริวตฺตกํ กตฺวา ิตฏฺาเน โคณานํ ติณํ อาหรติ, สิปฺปทสฺสนฏฺาเน ลทฺธภณฺฑกํ อุกฺขิปิตฺวา หรติ ¶ . ตเทว กิร สนฺธาย สา อิตฺถี ปุตฺตํ กีฬาปยมานา ตถา วทติ. โส อตฺตานํ อารพฺภ ตสฺสา คายนภาวํ ตฺวา ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘มํ สนฺธาย กเถสี’’ติ? ‘‘อาม, ตํ สนฺธายา’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต อหํ ปลายิสฺสามี’’ติ ¶ . สา ‘‘กึ ปน มยฺหํ ตยา ปลายิเตน วา อาคเตน วา’’ติ ปุนปฺปุนํ ตเทว คีตํ คายติ. สา กิร อตฺตโน รูปสมฺปตฺติฺเจว ธนลาภฺจ นิสฺสาย ตํ กิสฺมิฺจิ น มฺติ. โส ‘‘กึ นุ โข นิสฺสาย อิมิสฺสา อยํ มาโน’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘สิปฺปํ นิสฺสายา’’ติ ตฺวา ‘‘โหตุ, สิปฺปํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ สสุรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส ชานนกสิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา คามนิคมาทีสุ สิปฺปํ ทสฺเสนฺโต อนุปุพฺเพน ราชคหํ อาคนฺตฺวา ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส อุคฺคเสโน เสฏฺิปุตฺโต นครวาสีนํ สิปฺปํ ทสฺเสสฺสตี’’ติ อาโรจาเปสิ.
นครวาสิโน ¶ มฺจาติมฺจาทโย พนฺธาเปตฺวา สตฺตเม ทิวเส สนฺนิปตึสุ. โสปิ สฏฺิหตฺถํ วํสํ อภิรุยฺห ตสฺส มตฺถเก อฏฺาสิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สฺเว เสฏฺิปุตฺโต สิปฺปํ ทสฺเสสฺสามีติ วํสมตฺถเก สฺสติ, ตสฺส ทสฺสนตฺถํ มหาชโน สนฺนิปติสฺสติ. ตตฺร อหํ จตุปฺปทิกํ คาถํ เทเสสฺสามิ, ตํ สุตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, อุคฺคเสโนปิ อรหตฺเต ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. สตฺถา ปุนทิวเส กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อุคฺคเสโนปิ สตฺถริ อนฺโตนครํ อปวิฏฺเเยว อุนฺนาทนตฺถาย มหาชนสฺส องฺคุลิสฺํ ทตฺวา วํสมตฺถเก ¶ ปติฏฺาย อากาเสเยว สตฺต วาเร ปริวตฺติตฺวา โอรุยฺห วํสมตฺถเก อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา นครํ ปวิสนฺโต ยถา ตํ ปริสา น โอโลเกติ, เอวํ กตฺวา อตฺตานเมว โอโลกาเปสิ. อุคฺคเสโน ปริสํ โอโลเกตฺวา ‘‘น มํ ปริสา โอโลเกตี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต ‘‘อิทํ มยา สํวจฺฉเร กตฺตพฺพํ สิปฺปํ, สตฺถริ นครํ ปวิสนฺเต ปริสา มํ อโนโลเกตฺวา สตฺถารเมว โอโลเกติ, โมฆํ วต เม สิปฺปทสฺสนํ ชาต’’นฺติ จินฺเตสิ.
สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา มหาโมคฺคลฺลานํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, โมคฺคลฺลาน, เสฏฺิปุตฺตํ วเทหิ ‘สิปฺปํ กิร ทสฺเสตู’’’ติ อาห. เถโร คนฺตฺวา วํสสฺส เหฏฺา ิโต เสฏฺิปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิงฺฆ ¶ ปสฺส นฏปุตฺต, อุคฺคเสน มหพฺพล;
กโรหิ รงฺคํ ปริสาย, หาสยสฺสุ มหาชน’’นฺติ.
โส เถรสฺส กถํ สุตฺวา ตุฏฺมานโส หุตฺวา ‘‘สตฺถา มฺเ มม สิปฺปํ ปสฺสิตุกาโม’’ติ วํสมตฺถเก ิตโกว อิมํ คาถมาห –
‘‘อิงฺฆ ปสฺส มหาปฺ, โมคฺคลฺลาน มหิทฺธิก;
กโรมิ รงฺคํ ปริสาย, หาสยามิ มหาชน’’นฺติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา วํสมตฺถกโต เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเสว จุทฺทสกฺขตฺตุํ ปริวตฺติตฺวา โอรุยฺห วํสมตฺถเกว อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘อุคฺคเสน, ปณฺฑิเตน นาม อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ ¶ ขนฺเธสุ อาลยํ ปหาย ชาติอาทีหิ มุจฺจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘มฺุจ ปุเร มฺุจ ปจฺฉโต,
มชฺเฌ มฺุจ ภวสฺส ปารคู;
สพฺพตฺถ วิมุตฺตมานโส,
น ปุนํ ชาติชรํ อุเปหิสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ มฺุจ ปุเรติ อตีเตสุ ขนฺเธสุ อาลยํ นิกนฺตึ อชฺโฌสานํ ปตฺถนํ ปริยุฏฺานํ คาหํ ปรามาสํ ตณฺหํ มฺุจ. ปจฺฉโตติ อนาคเตสุปิ ขนฺเธสุ อาลยาทีนิ มฺุจ. มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุปิ ตานิ มฺุจ. ภวสฺส ปารคูติ เอวํ สนฺเต ติวิธสฺสาปิ ภวสฺส อภิฺาปริฺาปหานภาวนาสจฺฉิกิริยวเสน ปารคู ปารงฺคโต หุตฺวา ขนฺธธาตุอายตนาทิเภเท สพฺพสงฺขเต วิมุตฺตมานโส วิหรนฺโต ปุน ชาติชรามรณานิ น อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เสฏฺิปุตฺโตปิ วํสมตฺถเก ิตโกว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา วํสโต โอรุยฺห สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ สตฺถา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อาห. โส ตาวเทว อฏฺปริกฺขารธโร สฏฺิวสฺสิกตฺเถโร วิย อโหสิ. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส อุคฺคเสน, สฏฺิหตฺถสฺส เต วํสสฺส มตฺถกโต โอตรนฺตสฺส ภยํ นาม นาโหสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถิ เม, อาวุโส, ภย’’นฺติ วุตฺเต สตฺถุ อาโรเจสุํ, ‘‘ภนฺเต, อุคฺคเสโน ¶ ‘น ภายามี’ติ วทติ, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตน อุคฺคเสเนน สทิสา ฉินฺนสํโยชนา ภิกฺขู ภายนฺติ, น ตสนฺตี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณวคฺเค อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺพสํโยชนํ ¶ เฉตฺวา, โย เว น ปริตสฺสติ;
สงฺคาติคํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๙๗; สุ. นิ. ๖๒๖);
เทสนาวสาเน พหูนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ปุเนกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, เอวํ อรหตฺตูปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน นฏธีตรํ นิสฺสาย ¶ นเฏหิ สทฺธึ วิจรณการณํ, กึ อรหตฺตูปนิสฺสยการณ’’นฺติ? สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, อุภยมฺเปตํ อิมินา เอว กต’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสตุํ อตีตํ อาหริ.
อตีเต กิร กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติเย กริยมาเน พาราณสิวาสิโน กุลปุตฺตา พหุํ ขาทนียโภชนียํ ยานเกสุ อาโรเปตฺวา ‘‘หตฺถกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ เจติยฏฺานํ คจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค เอกํ เถรํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ปสฺสึสุ. อเถกา กุลธีตา เถรํ โอโลเกตฺวา สามิกํ อาห – ‘‘สามิ, อยฺโย, ปิณฺฑาย ปวิสติ, ยานเก จ โน พหุํ ขาทนียํ โภชนียํ, ปตฺตมสฺส อาหร, ภิกฺขํ ทสฺสามา’’ติ. โส ตํ ปตฺตํ อาหริตฺวา ขาทนียโภชนียสฺส ปูเรตฺวา เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺเปตฺวา อุโภปิ ปตฺถนํ กรึสุ, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺเสว ภาคิโน ภเวยฺยามา’’ติ. โสปิ เถโร ขีณาสโวว, ตสฺมา โอโลเกนฺโต เตสํ ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ตฺวา สิตํ อกาสิ. ตํ ทิสฺวา สา อิตฺถี สามิกํ อาห – ‘‘อมฺหากํ, อยฺโย, สิตํ กโรติ, เอโก นฏการโก ¶ ภวิสฺสตี’’ติ. สามิโกปิสฺสา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. อิทํ เตสํ ปุพฺพกมฺมํ. เต ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา สา อิตฺถี นฏเคเห นิพฺพตฺติ, ปุริโส เสฏฺิเคเห. โส ‘‘เอวํ, ภทฺเท, ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺสา ปฏิวจนสฺส ทินฺนตฺตา นเฏหิ สทฺธึ วิจริ. ขีณาสวตฺเถรสฺส ¶ ทินฺนปิณฺฑปาตํ นิสฺสาย อรหตฺตํ ปาปุณิ. สาปิ นฏธีตา ‘‘ยา เม สามิกสฺส คติ, มยฺหมฺปิ สา เอว คตี’’ติ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหีติ.
อุคฺคเสนวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตวตฺถุ
วิตกฺกมถิตสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร ทหรภิกฺขุ สลากคฺเค อตฺตโน ปตฺตสลากํ คเหตฺวา สลากยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปิวิ. ตตฺถ อุทกํ อลภิตฺวา อุทกตฺถาย เอกํ ฆรํ อคมาสิ. ตตฺถ ตํ เอกา กุมาริกา ทิสฺวาว อุปฺปนฺนสิเนหา, ‘‘ภนฺเต, ปุน ปานีเยน อตฺเถ สติ อิเธว อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย ยทา ปานียํ น ลภติ, ตทา ตตฺเถว คจฺฉติ. สาปิสฺส ¶ ปตฺตํ คเหตฺวา ปานียํ เทติ. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล ยาคุมฺปิ ทตฺวา ปุเนกทิวสํ ตตฺเถว นิสีทาเปตฺวา ภตฺตํ อทาสิ. สนฺติเก จสฺส นิสีทิตฺวา ¶ , ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ เคเห น กิฺจิ นตฺถิ นาม, เกวลํ มยํ วิจรณกมนุสฺสเมว น ลภามา’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสิ. โส กถิปาเหเนว ตสฺสา กถํ สุตฺวา อุกฺกณฺิ. อถ นํ เอกทิวสํ อาคนฺตุกา ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กสฺมา ตฺวํ, อาวุโส, กิโส อุปฺปณฺฑุปณฺฑุกชาโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหิ, อาวุโส’’ติ วุตฺเต อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติกํ นยึสุ. เตปิ นํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ตฺวํ มาทิสสฺส อารทฺธวีริยสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ‘โสตาปนฺโน’ติ วา ‘สกทาคามี’ติ วา อตฺตานํ อวทาเปตฺวา ‘อุกฺกณฺิโต’ติ วทาเปสิ, ภาริยํ เต กมฺมํ กต’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึ การณา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, เอกา มํ อิตฺถี เอวมาหา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขุ, อนจฺฉริยํ เอตํ ตสฺสา กิริยํ. สา หิ ปุพฺเพ สกลชมฺพุทีเป อคฺคธนุคฺคหปณฺฑิตํ ปหาย ตํมุหุตฺตทิฏฺเก เอกสฺมึ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ¶ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสี’’ติ วตฺวา ตสฺสตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ ภิกฺขูหิ ยาจิโต –
อตีเต จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตกาเล ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคเหตฺวา เตน ตุฏฺเน ทินฺนํ ธีตรํ อาทาย พาราณสึ คจฺฉนฺตสฺส เอกสฺมึ อฏวิมุเข เอกูนปฺาสาย กณฺเฑหิ เอกูนปฺาสโจเร มาเรตฺวา กณฺเฑสุ ขีเณสุ โจรเชฏฺกํ คเหตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา, ‘‘ภทฺเท, อสึ อาหรา’’ติ วุตฺเต ตาย ตงฺขณํ ทิฏฺโจเร สิเนหํ กตฺวา โจรสฺส หตฺเถ อสิถรุํ เปตฺวา โจเรน ธนุคฺคหปณฺฑิตสฺส มาริตภาวํ อาวิกตฺวา โจเรน จ ตํ อาทาย คจฺฉนฺเตน ‘‘มมฺปิ เอสา อฺํ ทิสฺวา อตฺตโน สามิกํ วิย มาราเปสฺสติ ¶ , กึ เม อิมายา’’ติ เอกํ นทึ ทิสฺวา โอริมตีเร ตํ เปตฺวา ตสฺสา ภณฺฑกํ อาทาย ‘‘ตฺวํ อิเธว โหหิ, ยาวาหํ ภณฺฑิกํ อุตฺตาเรมี’’ติ ตตฺเถว ตํ ปหาย คมนภาวฺจ อาวิกตฺวา –
‘‘สพฺพํ ภณฺฑํ สมาทาย, ปารํ ติณฺโณสิ พฺราหฺมณ;
ปจฺจาคจฺฉ ลหุํ ขิปฺปํ, มมฺปิ ตาเรหิ ทานิโต.
‘‘อสนฺถุตํ มํ จิรสนฺถุเตน,
นิมีนิ โภตี อทฺธุวํ ธุเวน;
มยาปิ โภตี นิมิเนยฺย อฺํ,
อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺสํ.
‘‘กายํ ¶ เอฬคลาคุมฺเพ, กโรติ อหุหาสิยํ;
นยีธ นจฺจํ วา คีตํ วา, ตาฬํ วา สุสมาหิตํ;
อนมฺหิกาเล สุโสณิ, กึ นุ ชคฺฆสิ โสภเน.
‘‘สิงฺคาล พาล ทุมฺเมธ, อปฺปปฺโสิ ชมฺพุก;
ชีโน มจฺฉฺจ เปสิฺจ, กปโณ วิย ฌายสิ.
‘‘สุทสฺสํ วชฺชมฺเสํ, อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ;
ชีนา ปติฺจ ชารฺจ, มฺเ ตฺวฺเว ฌายสิ.
‘‘เอวเมตํ ¶ มิคราช, ยถา ภาสสิ ชมฺพุก;
สา นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, ภตฺตุ เหสฺสํ วสานุคา.
‘‘โย หเร มตฺติกํ ถาลํ, กํสถาลมฺปิ โส หเร;
กตฺเจว ตยา ปาปํ, ปุนเปวํ กริสฺสสี’’ติ. (ชา. ๑.๕.๑๒๘-๑๓๔) –
อิมํ ปฺจกนิปาเต จูฬธนุคฺคหชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘ตทา จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต ตฺวํ อโหสิ, สา อิตฺถี เอตรหิ ¶ อยํ กุมาริกา, สิงฺคาลรูเปน อาคนฺตฺวา ตสฺสา นิคฺคหการโก สกฺโก เทวราชา อหเมวา’’ติ วตฺวา ‘‘เอวํ สา อิตฺถี ตํมุหุตฺตทิฏฺเก เอกสฺมึ สิเนเหน สกลชมฺพุทีเป อคฺคปณฺฑิตํ ชีวิตา โวโรเปสิ, ตํ อิตฺถึ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ ตว ตณฺหํ ฉินฺทิตฺวา วิหราหิ ภิกฺขู’’ติ ตํ โอวทิตฺวา อุตฺตริมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘วิตกฺกมถิตสฺส ชนฺตุโน,
ติพฺพราคสฺส สุภานุปสฺสิโน;
ภิยฺโย ตณฺหา ปวฑฺฒติ,
เอส โข ทฬฺหํ กโรติ พนฺธนํ.
‘‘วิตกฺกูปสเม จ โย รโต,
อสุภํ ภาวยเต สทา สโต;
เอส ¶ โข พฺยนฺติ กาหิติ,
เอส เฉจฺฉติ มารพนฺธน’’นฺติ.
ตตฺถ วิตกฺกมถิตสฺสาติ กามวิตกฺกาทีหิ วิตกฺเกหิ นิมฺมถิตสฺส. ติพฺพราคสฺสาติ พหลราคสฺส. สุภานุปสฺสิโนติ อิฏฺารมฺมเณ สุภนิมิตฺตคาหาทิวเสน วิสฺสฏฺมานสตาย สุภนฺติ อนุปสฺสนฺตสฺส. ตณฺหาติ เอวรูปสฺส ฌานาทีสุ เอกมฺปิ น วฑฺฒติ, อถ โข ฉทฺวาริกา ตณฺหาเยว ภิยฺโย วฑฺฒติ. เอส โขติ เอโส ปุคฺคโล ตณฺหาพนฺธนํ ทฬฺหํ สุถิรํ กโรติ. วิตกฺกูปสเมติ มิจฺฉาวิตกฺกาทีนํ วูปสมสงฺขาเต ทสสุ อสุเภสุ ปมชฺฌาเน. สทา สโตติ ¶ โย เอตฺถ อภิรโต หุตฺวา นิจฺจํ อุปฏฺิตสติตาย สโต ตํ อสุภฌานํ ภาเวติ. พฺยนฺติ กาหิตีติ เอส ¶ ภิกฺขุ ตีสุ ภเวสุ อุปฺปชฺชนกํ ตณฺหํ วิคตนฺตํ กริสฺสติ. มารพนฺธนนฺติ เอโส เตภูมกวฏฺฏสงฺขาตํ มารพนฺธนมฺปิ ฉินฺทิสฺสตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. มารวตฺถุ
นิฏฺงฺคโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ วิกาเล สมฺพหุลา เถรา เชตวนวิหารํ ปวิสิตฺวา ราหุลตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ อุฏฺาเปสุํ. โส อฺตฺถ วสนฏฺานํ อปสฺสนฺโต ตถาคตสฺส คนฺธกุฏิยา ปมุเข นิปชฺชิ. ตทา โส อายสฺมา อรหตฺตํ ปตฺโต อวสฺสิโกว โหติ. มาโร วสวตฺติภวเน ิโตเยว ตํ อายสฺมนฺตํ คนฺธกุฏิปมุเข นิปนฺนํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส รุชนกองฺคุลี พหิ นิปนฺโน, สยํ อนฺโตคนฺธกุฏิยํ นิปนฺโน, องฺคุลิยา ปีฬิยมานาย สยมฺปิ ¶ ปีฬิโต ภวิสฺสตี’’ติ. โส มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา อาคมฺม โสณฺฑาย เถรสฺส มตฺถกํ ปริกฺขิปิตฺวา มหนฺเตน สทฺเทน โกฺจนาทํ รวิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ตสฺส มารภาวํ ตฺวา, ‘‘มาร, ตาทิสานํ สตสหสฺเสนาปิ มม ปุตฺตสฺส ภยํ อุปฺปาเทตุํ น สกฺกา. ปุตฺโต หิ เม อสนฺตาสี วีตตณฺโห มหาวีริโย มหาปฺโ’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘นิฏฺงฺคโต ¶ อสนฺตาสี, วีตตณฺโห อนงฺคโณ;
อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ, อนฺติโมยํ สมุสฺสโย.
‘‘วีตตณฺโห อนาทาโน, นิรุตฺติปทโกวิโท;
อกฺขรานํ สนฺนิปาตํ, ชฺา ปุพฺพาปรานิ จ;
ส เว อนฺติมสารีโร,
มหาปฺโ มหาปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ นิฏฺงฺคโตติ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตานํ อรหตฺตํ นิฏฺํ นาม, ตํ คโต ปตฺโตติ อตฺโถ. อสนฺตาสีติ อพฺภนฺตเร ราคสนฺตาสาทีนํ อภาเวน อสนฺตสนโก. อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานีติ สพฺพานิปิ ภวคามีนิ สลฺลานิ อจฺฉินฺทิ. สมุสฺสโยติ อยํ เอตสฺส อนฺติโม เทโห.
อนาทาโนติ ขนฺธาทีสุ นิคฺคหโณ. นิรุตฺติปทโกวิโทติ นิรุตฺติยฺจ เสสปเทสุ จาติ จตูสุปิ ปฏิสมฺภิทาสุ เฉโกติ อตฺโถ. อกฺขรานํ สนฺนิปาตํ, ชฺา ปุพฺพาปรานิ จาติ อกฺขรานํ สนฺนิปาตสงฺขาตํ อกฺขรปิณฺฑฺจ ชานาติ, ปุพฺพกฺขเรน อปรกฺขรํ, อปรกฺขเรน ปุพฺพกฺขรฺจ ชานาติ. ปุพฺพกฺขเรน อปรกฺขรํ ชานาติ นาม – อาทิมฺหิ ปฺายมาเน มชฺฌปริโยสาเนสุ ¶ อปฺายมาเนสุปิ ‘‘อิเมสํ อกฺขรานํ อิทํ มชฺฌํ, อิทํ ปริโยสาน’’นฺติ ชานาติ. อปรกฺขเรน ปุพฺพกฺขรํ ชานาติ นาม – อนฺเต ปฺายมาเน อาทิมชฺเฌสุ อปฺายมาเนสุ ‘‘อิเมสํ อกฺขรานํ อิทํ มชฺฌํ, อยํ อาที’’ติ ชานาติ. มชฺเฌ ปฺายมาเนปิ ‘‘อิเมสํ อกฺขรานํ อยํ อาทิ, อยํ อนฺโต’’ติ ชานาติ. เอวํ มหาปฺโ. ส เว อนฺติมสารีโรติ เอส โกฏิยํ ิตสรีโร, มหนฺตานํ อตฺถธมฺมนิรุตฺติปฏิภานานํ สีลกฺขนฺธาทีนฺจ ปริคฺคาหิกาย ปฺาย สมนฺนาคตตฺตา มหาปฺโ, ‘‘วิมุตฺตจิตฺตตฺตา ขฺวาหํ, สาริปุตฺต, มหาปุริโสติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๗) วจนโต วิมุตฺตจิตฺตตาย จ มหาปุริโสติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. มาโรปิ ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ สมโณ โคตโม’’ติ ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
มารวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. อุปกาชีวกวตฺถุ
สพฺพาภิภูติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อนฺตรามคฺเค อุปกํ อาชีวกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ปตฺตสพฺพฺุตฺาโณ โพธิมณฺเฑ ¶ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ธมฺมจกฺกปวตฺตนตฺถํ พาราณสึ สนฺธาย อฏฺารสโยชนมคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค อุปกํ อาชีวกํ ¶ อทฺทส. โสปิ สตฺถารํ ทิสฺวา ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต, กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา ‘‘มยฺหํ อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมิ,
สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโต;
สพฺพฺชโห ตณฺหกฺขเย วิมุตฺโต,
สยํ อภิฺาย กมุทฺทิเสยฺย’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพาภิภูติ สพฺเพสํ เตภูมกธมฺมานํ อภิภวนโต สพฺพาภิภู. สพฺพวิทูติ วิทิตสพฺพจตุภูมกธมฺโม. สพฺเพสุ ธมฺเมสูติ สพฺเพสุปิ เตภูมกธมฺเมสุ ตณฺหาทิฏฺีหิ อนูปลิตฺโต. สพฺพฺชโหติ สพฺเพ เตภูมกธมฺเม ชหิตฺวา ิโต. ตณฺหกฺขเย วิมุตฺโตติ ตณฺหกฺขยนฺเต อุปฺปาทิเต ตณฺหกฺขยสงฺขาเต อรหตฺเต อเสขาย วิมุตฺติยา วิมุตฺโต. สยํ อภิฺายาติ อภิฺเยฺยาทิเภเท ธมฺเม สยเมว ชานิตฺวา. กมุทฺทิเสยฺยนฺติ ‘‘อยํ เม อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา’’ติ กํ นาม อุทฺทิเสยฺยนฺติ.
เทสนาวสาเน อุปโก อาชีวโก ตถาคตสฺส วจนํ เนวาภินนฺทิ, น ปฏิกฺโกสิ. สีสํ ปน จาเลตฺวา ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา เอกปทิกมคฺคํ คเหตฺวา อฺตรํ ลุทฺทกนิวาสนฏฺานํ อคมาสีติ.
อุปกาชีวกวตฺถุ นวมํ.
๑๐. สกฺกปฺหวตฺถุ
สพฺพทานนฺติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สกฺกํ เทวราชานํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ¶ สมเย ตาวตึสเทวโลเก เทวตา สนฺนิปติตฺวา จตฺตาโร ปฺเห สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กตรํ ทานํ นุ โข ทาเนสุ, กตโร รโส รเสสุ, กตรา รติ รตีสุ เชฏฺกา, ตณฺหกฺขโยว กสฺมา เชฏฺโกติ วุจฺจตี’’ติ? เต ปฺเห เอกา เทวตาปิ วินิจฺฉิตุํ นาสกฺขิ. เอโก ปน เทโว เอกํ เทวํ, โสปิ อปรนฺติ เอวํ อฺมฺํ ปุจฺฉนฺตา ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ วิจรึสุ. เอตฺตเกนาปิ กาเลน ปฺหานํ อตฺถํ อทิสฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา จตุนฺนํ มหาราชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาตา, มหาเทวตาสนฺนิปาโต’’ติ วุตฺเต ‘‘จตฺตาโร ปฺเห สมุฏฺาเปตฺวา วินิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺตา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคตมฺหา’’ติ. ‘‘กึ ปฺหํ นาเมตํ, ตาตา’’ติ. ‘‘ทานรสรตีสุ กตมา ทานรสรตี นุ โข เสฏฺา, ตณฺหกฺขโยว กสฺมา เสฏฺโ’’ติ อิเม ปฺเห วินิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺตา อาคตมฺหาติ. ตาตา, มยมฺปิ อิเมสํ อตฺเถ น ชานาม, อมฺหากํ ปน ราชา ชนสหสฺเสน จินฺติเต อตฺเถ จินฺเตตฺวา ตงฺขเณเนว ชานาติ, โส อมฺเหหิ ปฺาย จ ปฺุเน จ วิสิฏฺโ, เอถ, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉามาติ ตเมว เทวคณํ อาทาย สกฺกสฺส เทวรฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตนาปิ ‘‘กึ, ตาตา, มหนฺโต เทวสนฺนิปาโต’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ‘‘ตาตา, อิเมสํ ปฺหานํ อตฺถํ อฺโปิ ชานิตุํ น สกฺโกติ, พุทฺธวิสยา เหเต. สตฺถา ปเนตรหิ กหํ วิหรตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เชตวเน’’ติ สุตฺวา ‘‘เอถ, ตสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ เทวคเณน สทฺธึ รตฺติภาเค สกลํ เชตวนํ ¶ โอภาเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘กึ, มหาราช, มหตา เทวสงฺเฆน อาคโตสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, เทวคเณน อิเม นาม ปฺหา สมุฏฺาปิตา, อฺโ อิเมสํ อตฺถํ ชานิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อิเมสํ โน อตฺถํ ปกาเสถา’’ติ อาห.
สตฺถา ‘‘สาธุ มหาราช, มยา หิ ปารมิโย ปูเรตฺวา มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา ตุมฺหาทิสานํ กงฺขจฺเฉทนตฺถเมว สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธํ, ตยา ปุจฺฉิตปฺเหสุ หิ สพฺพทานานํ ธมฺมทานํ เสฏฺํ, สพฺพรสานํ ธมฺมรโส เสฏฺโ, สพฺพรตีนํ ธมฺมรติ เสฏฺา, ตณฺหกฺขโย ปน อรหตฺตํ สมฺปาปกตฺตา เสฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺพทานํ ¶ ธมฺมทานํ ชินาติ,
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;
สพฺพรตึ ¶ ธมฺมรติ ชินาติ,
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ.
ตตฺถ สพฺพทานํ ธมฺมทานนฺติ สเจปิ หิ จกฺกวาฬคพฺเภ ยาว พฺรหฺมโลกา นิรนฺตรํ กตฺวา สนฺนิสินฺนานํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวานํ กทลิคพฺภสทิสานิ จีวรานิ ทเทยฺย, ตสฺมึ สมาคเม จตุปฺปทิกาย คาถาย กตานุโมทนาว เสฏฺา. ตฺหิ ทานํ ตสฺสา คาถาย โสฬสึ กลํ นาคฺฆติ. เอวํ ธมฺมสฺส เทสนาปิ วาจนมฺปิ สวนมฺปิ มหนฺตํ. เยน จ ปุคฺคเลน พหูนํ ตํ ธมฺมสฺสวนํ การิตํ, ตสฺเสว อานิสํโส มหา. ตถารูปาย เอว ปริสาย ปณีตปิณฺฑปาตสฺส ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺนทานโตปิ สปฺปิเตลาทีนํ ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺนเภสชฺชทานโตปิ มหาวิหารสทิสานํ วิหารานฺจ โลหปาสาทสทิสานฺจ ¶ ปาสาทานํ อเนกานิ สตสหสฺสานิ กาเรตฺวา ทินฺนเสนาสนทานโตปิ อนาถปิณฺฑิกาทีหิ วิหาเร อารพฺภ กตปริจฺจาคโตปิ อนฺตมโส จตุปฺปทิกาย คาถาย อนุโมทนาวเสนาปิ ปวตฺติตํ ธมฺมทานเมว วรํ เสฏฺํ. กึ การณา? เอวรูปานิ หิ ปฺุานิ กโรนฺตา ธมฺมํ สุตฺวาว กโรนฺติ, โน อสุตฺวา. สเจ หิ อิเม สตฺตา ธมฺมํ น สุเณยฺยุํ, อุฬุงฺกมตฺตํ ยาคุมฺปิ กฏจฺฉุมตฺตํ ภตฺตมฺปิ น ทเทยฺยุํ. อิมินา การเณน สพฺพทาเนหิ ธมฺมทานเมว เสฏฺํ. อปิจ เปตฺวา พุทฺเธ จ ปจฺเจกพุทฺเธ จ สกลกปฺปํ เทเว วสฺสนฺเต อุทกพินฺทูนิ คเณตุํ สมตฺถาย ปฺาย สมนฺนาคตา สาริปุตฺตาทโยปิ อตฺตโน ธมฺมตาย โสตาปตฺติผลาทีนิ อธิคนฺตุํ นาสกฺขึสุ, อสฺสชิตฺเถราทีหิ กถิตธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกรึสุ, สตฺถุ ธมฺมเทสนาย สาวกปารมีาณํ สจฺฉิกรึสุ. อิมินาปิ การเณน, มหาราช, ธมฺมทานเมว เสฏฺํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาตี’’ติ.
สพฺเพ ปน คนฺธรสาทโยปิ รสา อุกฺกํสโต เทวตานํ สุธาโภชนรโสปิ สํสารวฏฺเฏ ปาเตตฺวา ทุกฺขานุภวนสฺเสว ปจฺจโย. โย ปเนส สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาโต จ นวโลกุตฺตรธมฺมสงฺขาโต จ ธมฺมรโส, อยเมว สพฺพรสานํ เสฏฺโ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาตี’’ติ ¶ . ยาเปสา ปุตฺตรติธีตุรติธนรติอิตฺถิรตินจฺจคีตวาทิตาทิรติปเภทา จ อเนกปฺปเภทา รตี, สาปิ สํสารวฏฺเฏ ปาเตตฺวา ทุกฺขานุภวนสฺเสว ปจฺจโย. ยา ปเนสา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส วา สุณนฺตสฺส วา วาเจนฺตสฺส วา ¶ อนฺโต อุปฺปชฺชมานา ปีติ อุทคฺคภาวํ ชเนติ, อสฺสูนิ ปวตฺเตติ, โลมหํสํ ชเนติ, สายํ สํสารวฏฺฏสฺส อนฺตํ กตฺวา อรหตฺตปริโยสานา โหติ. ตสฺมา สพฺพรตีนํ เอวรูปา ธมฺมรติเยว เสฏฺา. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาตี’’ติ ¶ ตณฺหกฺขโย ปน ตณฺหาย ขยนฺเต อุปฺปนฺนํ อรหตฺตํ สกลสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อภิภวนโต สพฺพเสฏฺเมว. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ.
เอวํ สตฺถริ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถํ กเถนฺเตเยว จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สกฺโกปิ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, เอวํเชฏฺเก นาม ธมฺมทาเน กิมตฺถํ อมฺหากํ ปตฺตึ น ทาเปถ, อิโต ปฏฺาย โน ภิกฺขุสงฺฆสฺส กเถตฺวา ปตฺตึ ทาเปถ, ภนฺเต’’ติ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อชฺชาทึ กตฺวา มหาธมฺมสฺสวนํ วา ปากติกธมฺมสฺสวนํ วา อุปนิสินฺนกถํ วา อนฺตมโส อนุโมทนมฺปิ กเถตฺวา สพฺพสตฺตานํ ปตฺตึ ทเทยฺยาถา’’ติ อาห.
สกฺกปฺหวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. อปุตฺตกเสฏฺิวตฺถุ
หนนฺติ โภคาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อปุตฺตกเสฏฺึ นาม อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส ¶ กิร กาลกิริยํ สุตฺวา ราชา ปเสนทิ โกสโล ‘‘อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ กสฺส ปาปุณาตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘รฺโ’’ติ สุตฺวา สตฺตหิ ทิวเสหิ ตสฺส เคหโต ธนํ ราชกุลํ อภิหราเปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวาทิวสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิธ, ภนฺเต, สาวตฺถิยํ เสฏฺิ, คหปติ, กาลกโต, ตมหํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชนฺเตปุรํ อภิหริตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ อาห. สพฺพํ สุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๑๓๐) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
โส ¶ กิร สุวณฺณปาติยา นานคฺครสโภชเน อุปนีเต ‘‘เอวรูปํ นาม มนุสฺสา ภฺุชนฺติ, กึ ตุมฺเห มยา สทฺธึ อิมสฺมึ เคเห เกฬึ กโรถา’’ติ โภชเน อุปฏฺิเต เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหริตฺวา ปลาเปตฺวา ‘‘อิทํ มนุสฺสานํ โภชน’’นฺติ กณาชกํ ภฺุชติ พิฬงฺคทุติยํ. วตฺถยานฉตฺเตสุปิ มนาเปสุ อุปฏฺาปิเตสุ เต มนุสฺเส เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหรนฺโต ปลาเปตฺวา สาณานิ ธาเรติ, ชชฺชรรถเกน ยาติ ปณฺณฉตฺตเกน ธาริยมาเนนาติ เอวํ รฺา อาโรจิเต สตฺถา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถสิ.
ภูตปุพฺพํ ¶ โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ตครสิขึ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสิ. ‘‘เทถ สมณสฺส ปิณฺฑ’’นฺติ วตฺวา โส อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ตสฺมึ กิร อสฺสทฺเธ พาเล เอวํ วตฺวา ปกฺกนฺเต ตสฺส ภริยา สทฺธา ปสนฺนา ‘‘จิรสฺสํ วต เม อิมสฺส มุขโต ‘เทหี’ติ วจนํ สุตํ, อชฺช มม มโนรถํ ปูเรนฺตี ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามี’’ติ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ปณีตโภชนสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. โสปิ นิวตฺตมาโน ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, สมณ, กิฺจิ เต ลทฺธ’’นฺติ ปตฺตํ คเหตฺวา ปณีตปิณฺฑปาตํ ทิสฺวา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา เอวํ ¶ จินฺเตสิ – ‘‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุเชยฺยุํ. เต หิ อิมํ ภฺุชิตฺวา มยฺหํ กมฺมํ กริสฺสนฺติ, อยํ ปน คนฺตฺวา ภฺุชิตฺวา นิทฺทายิสฺสติ, นฏฺโ เม โส ปิณฺฑปาโต’’ติ. โส ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตกํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสิ. โส กิรสฺส องฺคุลึ คเหตฺวา วิจรนฺโต ‘‘อิทํ มยฺหํ ปิตุสนฺตกํ ยานกํ, อยํ ตสฺส โคโณ’’ติอาทีนิ อาห. อถ นํ โส เสฏฺิ ‘‘อิทานิ ตาเวส เอวํ วเทติ, อิมสฺส ปน วุฑฺฒิปฺปตฺตกาเล อิมสฺมึ เคเห โภเค โก รกฺขิสฺสตี’’ติ ตํ อรฺํ เนตฺวา เอกสฺมึ คจฺฉมูเล คีวาย คเหตฺวา มูลกนฺทํ วิย คีวํ ผาเลตฺวา มาเรตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑสิ. อิทมสฺส ปุพฺพกมฺมํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ตครสิขึ ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสิ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน สตฺตกฺขตฺตุํ สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิ, ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา สตฺตกฺขตฺตุํ เสฏฺิตฺตํ กาเรสิ. ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ทตฺวา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ ‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุเชยฺยุ’นฺติ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน นาสฺสุฬาราย ภตฺตโภคาย ¶ จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬาราย ¶ วตฺถโภคาย, นาสฺสุฬาราย ยานโภคาย, นาสฺสุฬารานํ ปฺจนฺนํ กามคุณานํ โภคาย จิตฺตํ นมติ. ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสิ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺถ, ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิทํ สตฺตมํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชโกสํ ปเวเสติ. ตสฺส โข ปน, มหาราช, เสฏฺิสฺส คหปติสฺส ปุราณฺจ ปฺุํ ปริกฺขีณํ, นวฺจ ปฺุํ อนุปจิตํ. อชฺช ปน, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, มหาโรรุเว นิรเย ปจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๓๑).
ราชา สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ‘‘อโห, ภนฺเต, ภาริยํ กมฺมํ, เอตฺตเก นาม โภเค วิชฺชมาเน เนว อตฺตนา ปริภฺุชิ, น ตุมฺหาทิเส พุทฺเธ ธุรวิหาเร วิหรนฺเต ปฺุกมฺมํ อกาสี’’ติ อาห ¶ . สตฺถา ‘‘เอวเมตํ, มหาราช, ทุมฺเมธปุคฺคลา นาม โภเค ลภิตฺวา นิพฺพานํ น คเวสนฺติ, โภเค นิสฺสาย อุปฺปนฺนตณฺหา ปเนเต ทีฆรตฺตํ หนตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หนนฺติ โภคา ทุมฺเมธํ, โน จ ปารคเวสิโน;
โภคตณฺหาย ทุมฺเมโธ, หนฺติ อฺเว อตฺตน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ โน จ ปารคเวสิโนติ เย ปน นิพฺพานปารคเวสิโน ปุคฺคลา, น เต โภคา หนนฺติ. อฺเว อตฺตนนฺติ โภเค นิสฺสาย อุปฺปนฺนาย ตณฺหาย ทุปฺปฺโ ปุคฺคโล ปเร วิย อตฺตานเมว หนตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อปุตฺตกเสฏฺิวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. องฺกุรวตฺถุ
ติณโทสานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วิหรนฺโต องฺกุรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘เย ฌานปฺปสุตา ธีรา’’ติ (ธ. ป. ๑๘๑) คาถาย ¶ วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺเหตํ ตตฺถ อินฺทกํ อารพฺภ. โส กิร อนุรุทฺธตฺเถรสฺส อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส อตฺตโน อาภตํ กฏจฺฉุมตฺตกํ ภิกฺขํ ทาเปสิ. ตทสฺส ปฺุํ องฺกุเรน ทสวสฺสสหสฺสานิ ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา ทินฺนทานโต มหปฺผลตรํ ชาตํ. ตสฺมา เอวมาห. เอวํ วุตฺเต สตฺถา, ‘‘องฺกุร, ทานํ นาม วิเจยฺย ทาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ ตํ สุเขตฺเต สุวุตฺตพีชํ วิย มหปฺผลํ โหติ. ตฺวํ ปน ตถา นากาสิ, เตน เต ¶ ทานํ น มหปฺผลํ ชาต’’นฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต –
‘‘วิเจยฺย ทานํ ทาตพฺพํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;
วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ,
เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;
เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ,
พีชานิ วุตฺตานิ ยถาสุเขตฺเต’’ติ. (เป. ว. ๓๒๙) –
วตฺวา ¶ อุตฺตริมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตราเคสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โทสโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตโทเสสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โมหโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตโมเหสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, อิจฺฉาโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วิคติจฺเฉสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.
ตตฺถ ติณโทสานีติ สามากาทีนิ ติณานิ อุฏฺหนฺตานิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณานิ เขตฺตานิ ทูเสนฺติ, เตน ตานิ น พหุผลานิ โหนฺติ. เอวํ สตฺตานมฺปิ อนฺโต ราโค อุปฺปชฺชนฺโต สตฺเต ทูเสติ, เตน เตสุ ทินฺนํ มหปฺผลํ น โหติ ¶ . ขีณาสเวสุ ทินฺนํ ปน มหปฺผลํ โหติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ติณโทสานิ ¶ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตราเคสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ. –
เสสคาถาสุปิ เอเสว นโย.
เทสนาวสาเน องฺกุโร จ อินฺทโก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
องฺกุรวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
ตณฺหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุวีสติโม วคฺโค.
๒๕. ภิกฺขุวคฺโค
๑. ปฺจภิกฺขุวตฺถุ
จกฺขุนา ¶ ¶ ¶ สํวโรติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจ ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เตสุ กิร เอเกโก จกฺขุทฺวาราทีสุ ปฺจสุ ทฺวาเรสุ เอเกกเมว รกฺขิ. อเถกทิวสํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อหํ ทุรกฺขํ รกฺขามิ, อหํ ทุรกฺขํ รกฺขามี’’ติ วิวทิตฺวา ‘‘สตฺถารํ ปุจฺฉิตฺวา อิมมตฺถํ ชานิสฺสามา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ จกฺขุทฺวาราทีนิ รกฺขนฺตา อตฺตโน อตฺตโน รกฺขนทฺวารเมว ทุรกฺขนฺติ มฺาม, โก นุ โข อมฺเหสุ ทุรกฺขํ รกฺขตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา เอกํ ภิกฺขุมฺปิ อโนสาเทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สพฺพานิ เปตานิ ทุรกฺขาเนว, อปิ จ โข ปน ตุมฺเห น อิทาเนว ปฺจสุ าเนสุ อสํวุตา, ปุพฺเพปิ อสํวุตา, อสํวุตตฺตาเยว จ ปณฺฑิตานํ โอวาเท อวตฺติตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิตฺถา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา, ภนฺเต’’ติ เตหิ ยาจิโต อตีเต ตกฺกสิลชาตกสฺส วตฺถุํ วิตฺถาเรตฺวา รกฺขสีนํ ¶ วเสน ราชกุเล ชีวิตกฺขยํ ปตฺเต ปตฺตาภิเสเกน มหาสตฺเตน เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา ราชาสเน นิสินฺเนน อตฺตโน สิริสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘วีริยํ นาเมตํ สตฺเตหิ กตฺตพฺพเมวา’’ติ อุทานวเสน อุทานิตํ –
‘‘กุสลูปเทเส ธิติยา ทฬฺหาย จ,
อนิวตฺติตตฺตาภยภีรุตาย จ;
น รกฺขสีนํ วสมาคมิมฺหเส,
ส โสตฺถิภาโว มหตา ภเยน เม’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๒) –
อิมํ คาถํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตทาปิ ตุมฺเหว ปฺจ ชนา ตกฺกสิลายํ รชฺชคหณตฺถาย นิกฺขนฺตํ มหาสตฺตํ อาวุธหตฺถา ปริวาเรตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค รกฺขสีหิ จกฺขุทฺวาราทิวเสน อุปนีเตสุ รูปารมฺมณาทีสุ อสํวุตา ปณฺฑิตสฺส โอวาเท อวตฺติตฺวา โอลียนฺตา รกฺขสีหิ ขาทิตา ¶ ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิตฺถ. เตสุ ปน อารมฺมเณสุ สุสํวุโต ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธนฺตึ เทววณฺณึ ยกฺขินึ อนาทิยิตฺวา โสตฺถินา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา รชฺชํ ¶ ปตฺโต ราชา อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม สพฺพานิ ทฺวารานิ สํวริตพฺพานิ. เอตานิ หิ สํวรนฺโต เอว สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘จกฺขุนา ¶ สํวโร สาธุ, สาธุ โสเตน สํวโร;
ฆาเนน สํวโร สาธุ, สาธุ ชิวฺหาย สํวโร.
‘‘กาเยน สํวโร สาธุ, สาธุ วาจาย สํวโร;
มนสา สํวโร สาธุ, สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร;
สพฺพตฺถ สํวุโต ภิกฺขุ, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ จกฺขุนาติ ยทา หิ ภิกฺขุโน จกฺขุทฺวาเร รูปารมฺมณํ อาปาถมาคจฺฉติ, ตทา อิฏฺารมฺมเณ อรชฺชนฺตสฺส อนิฏฺารมฺมเณ อทุสฺสนฺตสฺส อสมเปกฺขเนน โมหํ อนุปฺปาเทนฺตสฺส ตสฺมึ ทฺวาเร สํวโร ถกนํ ปิทหนํ คุตฺติ กตา นาม โหติ. ตสฺส โส เอวรูโป จกฺขุนา สํวโร สาธุ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุปิ. จกฺขุทฺวาราทีสุเยว ปน สํวโร วา อสํวโร วา นุปฺปชฺชติ, ปรโต ปน ชวนวีถิยํ เอส ลพฺภติ. ตทา หิ อสํวโร อุปฺปชฺชนฺโต อสฺสทฺธา อกฺขนฺติ โกสชฺชํ มุฏฺสจฺจํ อฺาณนฺติ อกุสลวีถิยํ อยํ ปฺจวิโธ ลพฺภติ. สํวโร อุปฺปชฺชนฺโต สทฺธา ขนฺติ วีริยํ สติ าณนฺติ กุสลวีถิยํ อยํ ปฺจวิโธ ลพฺภติ.
กาเยน สํวโรติ เอตฺถ ปน ปสาทกาโยปิ โจปนกาโยปิ ลพฺภติ. อุภยมฺปิ ปเนตํ กายทฺวารเมว. ตตฺถ ปสาททฺวาเร สํวราสํวโร กถิโตว. โจปนทฺวาเรปิ ตํวตฺถุกา ปาณาติปาตอทินฺนาทานกาเมสุมิจฺฉาจารา. เตหิ ปน สทฺธึ อกุสลวีถิยํ อุปฺปชฺชนฺเตหิ ตํ ทฺวารํ อสํวุตํ โหติ, กุสลวีถิยํ อุปฺปชฺชนฺเตหิ ¶ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีหิ สํวุตํ. สาธุ วาจายาติ เอตฺถาปิ โจปนวาจาปิ วาจา. ตาย สทฺธึ อุปฺปชฺชนฺเตหิ มุสาวาทาทีหิ ตํ ทฺวารํ อสํวุตํ โหติ, มุสาวาทาเวรมณิอาทีหิ สํวุตํ. มนสา สํวโรติ เอตฺถาปิ ชวนมนโต อฺเน มเนน สทฺธึ อภิชฺฌาทโย นตฺถิ. มโนทฺวาเร ปน ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชมาเนหิ อภิชฺฌาทีหิ ตํ ทฺวารํ อสํวุตํ โหติ, อนภิชฺฌาทีหิ สํวุตํ โหติ. สาธุ สพฺพตฺถาติ เตสุ จกฺขุทฺวาราทีสุ สพฺเพสุปิ สํวโร สาธุ. เอตฺตาวตา หิ อฏฺ สํวรทฺวารานิ อฏฺ จ อสํวรทฺวารานิ ¶ กถิตานิ. เตสุ อฏฺสุ อสํวรทฺวาเรสุ ิโต ภิกฺขุ สกลวฏฺฏมูลกทุกฺขโต ¶ น มุจฺจติ, สํวรทฺวาเรสุ ปน ิโต สพฺพสฺมาปิ วฏฺฏมูลกทุกฺขา มุจฺจติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพตฺถ สํวุโต ภิกฺขุ, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
เทสนาวสาเน เต ปฺจ ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ปฺจภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.
๒. หํสฆาตกภิกฺขุวตฺถุ
หตฺถสํยโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ หํสฆาตกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิวาสิโน ¶ กิร ทฺเว สหายกา ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปทา เยภุยฺเยน เอกโต วิจรนฺติ. เต เอกทิวสํ อจิรวตึ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อาตเป ตปฺปมานา สารณียกถํ กเถนฺตา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ ทฺเว หํสา อากาเสน คจฺฉนฺติ. อเถโก ทหรภิกฺขุ สกฺขรํ คเหตฺวา ‘‘เอกสฺส หํสโปตกสฺส อกฺขึ ปหริสฺสามี’’ติ อาห, อิตโร ‘‘น สกฺขิสฺสามี’’ติ อาห. ติฏฺตุ อิมสฺมึ ปสฺเส อกฺขิ, ปรปสฺเส อกฺขึ ปหริสฺสามีติ. อิทมฺปิ น สกฺขิสฺสสิเยวาติ. ‘‘เตน หิ อุปธาเรหี’’ติ ทุติยํ สกฺขรํ คเหตฺวา หํสสฺส ปจฺฉาภาเค ขิปิ, หํโส สกฺขรสทฺทํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกสิ. อถ นํ อิตรํ วฏฺฏสกฺขรํ คเหตฺวา ปรปสฺเส อกฺขิมฺหิ ปหริตฺวา โอริมกฺขินา นิกฺขาเมสิ. หํโส วิรวนฺโต ปริวตฺติตฺวา เตสํ ปาทมูเลเยว ปติ. ตตฺถ ตตฺถ ิตา ภิกฺขู ทิสฺวา, ‘‘อาวุโส, พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา อนนุจฺฉวิกํ โว กตํ ปาณาติปาตํ กโรนฺเตหี’’ติ วตฺวา เต อาทาย คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ทสฺเสสุํ.
สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา ภิกฺขุ ปาณาติปาโต กโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ กสฺมา เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวมกาสิ, โปราณกปณฺฑิตา อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ อคารมชฺเฌ ¶ วสมานา อปฺปมตฺตเกสุปิ ¶ าเนสุ กุกฺกุจฺจํ กรึสุ ¶ , ตฺวํ ปน เอวรูเป พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา กุกฺกุจฺจมตฺตมฺปิ น อกาสี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต กุรุรฏฺเ อินฺทปตฺตนคเร ธนฺจเย รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน วิฺุตํ ปตฺโต ตกฺกสิลายํ สิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ปิตรา อุปรชฺเช ปติฏฺาปิโต อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปนฺโต กุรุธมฺเม วตฺติตฺถ. กุรุธมฺโม นาม ปฺจสีลานิ, ตานิ โพธิสตฺโต ปริสุทฺธานิ กตฺวา รกฺขิ. ยถา จ โพธิสตฺโต, เอวมสฺส มาตา อคฺคมเหสี กนิฏฺภาตา อุปราชา ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ รชฺชุคาหโก อมจฺโจ สารถิ เสฏฺิ โทณมาปโก มหามตฺโต โทวาริโก นครโสภินี วณฺณทาสีติ เอวเมเตสุ เอกาทสสุ ชเนสุ กุรุธมฺมํ รกฺขนฺเตสุ กลิงฺครฏฺเ ทนฺตปุรนคเร กลิงฺเค รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺมึ รฏฺเ เทโว น วสฺสิ. มหาสตฺตสฺส ปน อฺชนสนฺนิโภ นาม มงฺคลหตฺถี มหาปฺุโ โหติ. รฏฺวาสิโน ‘‘ตสฺมึ อานีเต เทโว วสฺสิสฺสตี’’ติ สฺาย รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ตสฺส หตฺถิสฺส อานยนตฺถาย พฺราหฺมเณ ปหิณิ. เต คนฺตฺวา มหาสตฺตํ หตฺถึ ยาจึสุ. สตฺถา เตสํ ยาจนการณํ ทสฺเสตุํ อาห –
‘‘ตว ¶ สทฺธฺจ สีลฺจ, วิทิตฺวาน ชนาธิป;
วณฺณํ อฺชนวณฺเณน, กลิงฺคสฺมึ นิมิมฺหเส’’ติ. (ชา. ๑.๓.๗๖) –
อิมํ ติกนิปาเต ชาตกํ กเถสิ. หตฺถิมฺหิ ปน อานีเตปิ เทเว อวสฺสนฺเต ‘‘โส ราชา กุรุธมฺมํ รกฺขติ, เตนสฺส รฏฺเ เทโว วสฺสตี’’ติ สฺาย ‘‘ยํ โส กุรุธมฺมํ รกฺขติ, ตํ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขิตฺวา อาเนถา’’ติ ปุน กาลิงฺโค พฺราหฺมเณ จ อมจฺเจ จ เปเสสิ. เตสุ คนฺตฺวา ยาจนฺเตสุ ราชานํ อาทึ กตฺวา สพฺเพปิ เต อตฺตโน อตฺตโน สีเลสุ กิฺจิ กุกฺกุจฺจมตฺตํ กตฺวา ‘‘อปริสุทฺธํ โน สีล’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวาปิ ‘‘น เอตฺตาวตา สีลเภโท โหตี’’ติ เตหิ ปุนปฺปุนํ ยาจิตา อตฺตโน อตฺตโน สีลานิ กถยึสุ. กาลิงฺโค สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปตฺวา อาภตํ ¶ กุรุธมฺมํ ทิสฺวาว สมาทาย สาธุกํ ปูเรสิ. ตสฺส รฏฺเ เทโว ปาวสฺสิ, รฏฺํ เขมํ สุภิกฺขํ อโหสิ. สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘คณิกา อุปฺปลวณฺณา, ปุณฺโณ โทวาริโก ตทา;
รชฺชุคาโห จ กจฺจาโน, โทณมาปโก จ โกลิโต.
‘‘สาริปุตฺโต ¶ ตทา เสฏฺี, อนุรุทฺโธ จ สารถี;
พฺราหฺมโณ กสฺสโป เถโร, อุปราชานนฺทปณฺฑิโต.
‘‘มเหสี ราหุลมาตา, มายาเทวี ชเนตฺติกา;
กุรุราชา โพธิสตฺโต, เอวํ ธาเรถ ชาตก’’นฺติ. –
ชาตกํ ¶ สโมธาเนตฺวา ‘‘ภิกฺขุ เอวํ ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา อปฺปมตฺตเกปิ กุกฺกุจฺเจ อุปฺปนฺเน อตฺตโน สีลเภเท อาสงฺกํ กรึสุ, ตฺวํ ปน มาทิสสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปาณาติปาตํ กโรนฺโต อติภาริยํ กมฺมมกาสิ, ภิกฺขุนา นาม หตฺเถหิ ปาเทหิ วาจาย จ สํยเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หตฺถสํยโต ปาทสํยโต,
วาจาสํยโต สํยตุตฺตโม;
อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต,
เอโก สนฺตุสิโต ตมาหุ ภิกฺขุ’’นฺติ.
ตตฺถ หตฺถสํยโตติ หตฺถกีฬาปนาทีนํ วา หตฺเถน ปเรสํ ปหรณาทีนํ วา อภาเวน หตฺถสํยโต. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. วาจาย ปน มุสาวาทาทีนํ อกรณโต วาจาย สํยโต. สํยตุตฺตโมติ สํยตตฺตภาโว, กายจลนสีสุกฺขิปนภมุกวิการาทีนํ อการโกติ อตฺโถ. อชฺฌตฺตรโตติ โคจรชฺฌตฺตสงฺขาตาย กมฺมฏฺานภาวนาย รโต. สมาหิโตติ สุฏฺุ ปิโต. เอโก สนฺตุสิโตติ เอกวิหารี หุตฺวา สุฏฺุ ตุสิโต วิปสฺสนาจารโต ปฏฺาย อตฺตโน อธิคเมน ตุฏฺมานโส. ปุถุชฺชนกลฺยาณกฺหิ อาทึ กตฺวา สพฺเพปิ เสขา อตฺตโน อธิคเมน สนฺตุสฺสนฺตีติ สนฺตุสิตา, อรหา ปน เอกนฺตสนฺตุสิโตว. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
หํสฆาตกภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. โกกาลิกวตฺถุ
โย ¶ ¶ ¶ มุขสํยโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติ สุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๑๘๑; สุ. นิ. โกกาลิกสุตฺต; อ. นิ. ๑๐.๘๙) อาคตเมว. อตฺโถปิสฺส อฏฺกถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
โกกาลิเก ปน ปทุมนิรเย อุปฺปนฺเน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห โกกาลิโก ภิกฺขุ อตฺตโน มุขํ นิสฺสาย วินาสํ ปตฺโต, ทฺเว อคฺคสาวเก อกฺโกสนฺตสฺเสว หิสฺส ปถวี วิวรํ อทาสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ โกกาลิโก ภิกฺขุ อตฺตโน มุขเมว นิสฺสาย นฏฺโ’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ โสตุกาเมหิ ภิกฺขูหิ ยาจิโต ตสฺส ปกาสนตฺถํ อตีตํ อาหริ.
อตีเต หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมึ สเร กจฺฉโป วสติ. ทฺเว หํสโปตกา โคจราย จรนฺตา เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ กตฺวา ทฬฺหวิสฺสาสิกา หุตฺวา เอกทิวสํ กจฺฉปํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘สมฺม, อมฺหากํ หิมวนฺเต จิตฺตกูฏปพฺพตตเล กฺจนคุหาย วสนฏฺานํ, รมณิโย ปเทโส, คจฺฉิสฺสสิ อมฺเหหิ สทฺธิ’’นฺติ. ‘‘สมฺม, อหํ กถํ คมิสฺสามี’’ติ? ‘‘มยํ ตํ เนสฺสาม, สเจ มุขํ รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘รกฺขิสฺสามิ, สมฺมา คเหตฺวา มํ คจฺฉถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เอกํ ทณฺฑกํ กจฺฉเปน ¶ ฑํสาเปตฺวา สยํ ตสฺส อุโภ โกฏิโย ฑํสิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทึสุ. ตํ ตถา หํเสหิ นียมานํ คามทารกา ทิสฺวา ‘‘ทฺเว หํสา กจฺฉปํ ทณฺเฑน หรนฺตี’’ติ อาหํสุ. กจฺฉโป ‘‘ยทิ มํ สหายกา เนนฺติ, ตุมฺหากํ เอตฺถ กึ โหติ ทุฏฺเจฏกา’’ติ วตฺตุกาโม หํสานํ สีฆเวคตาย พาราณสินคเร ราชนิเวสนสฺส อุปริภาคํ สมฺปตฺตกาเล ทฏฺฏฺานโต ทณฺฑกํ วิสฺสชฺเชตฺวา อากาสงฺคเณ ปติตฺวา ทฺเวธา ภิชฺชิ. สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘อวธี ¶ วต อตฺตานํ, กจฺฉโป พฺยาหรํ คิรํ;
สุคฺคหีตสฺมึ กฏฺสฺมึ, วาจาย สกิยาวธี.
‘‘เอตมฺปิ ¶ ทิสฺวา นรวีริยเสฏฺ,
วาจํ ปมฺุเจ กุสลํ นาติเวลํ;
ปสฺสสิ พหุภาเณน, กจฺฉปํ พฺยสนํ คต’’นฺติ. (ชา. ๑.๒.๑๒๙-๑๓๐);
อิมํ ทุกนิปาเต พหุภาณิชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม มุขสํยเตน สมจารินา อนุทฺธเตน นิพฺพุตจิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย ¶ มุขสํยโต ภิกฺขุ, มนฺตภาณี อนุทฺธโต;
อตฺถํ ธมฺมฺจ ทีเปติ, มธุรํ ตสฺส ภาสิต’’นฺติ.
ตตฺถ มุขสํยโตติ ทาสจณฺฑาลาทโยปิ ‘‘ตฺวํ ทุชฺชาโต, ตฺวํ ทุสฺสีโล’’ติอาทีนํ อวจนตาย มุเขน สํยโต. มนฺตภาณีติ มนฺตา วุจฺจติ ปฺา, ตาย ภณนสีโล. อนุทฺธโตติ นิพฺพุตจิตฺโต. อตฺถํ ธมฺมฺจ ทีเปตีติ ภาสิตตฺถฺเจว เทสนาธมฺมฺจ กเถติ. มธุรนฺติ เอวรูปสฺส ภิกฺขุโน ภาสิตํ มธุรํ นาม. โย ปน อตฺถเมว สมฺปาเทติ, น ปาฬึ, ปาฬึเยว สมฺปาเทติ, น อตฺถํ, อุภยํ วา ปน น สมฺปาเทติ, ตสฺส ภาสิตํ มธุรํ นาม น โหตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
โกกาลิกวตฺถุ ตติยํ.
๔. ธมฺมารามตฺเถรวตฺถุ
ธมฺมาราโมติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมารามตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถารา กิร ‘‘อิโต เม จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสตี’’ติ อาโรจิเต อเนกสหสฺสา ภิกฺขู สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา วิจรึสุ. ตตฺถ ปุถุชฺชนา ¶ ภิกฺขู อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขึสุ, ขีณาสวานํ ธมฺมสํเวโค อุปฺปชฺชิ. สพฺเพปิ ‘‘กึ นุ โข กริสฺสามา’’ติ วคฺคพนฺธเนน ¶ วิจรนฺติ. เอโก ปน ธมฺมาราโม นาม ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ น อุปสงฺกมติ. ภิกฺขูหิ ‘‘กึ, อาวุโส’’ติ วุจฺจมาโน ปฏิวจนมฺปิ อทตฺวา ‘‘สตฺถา ¶ กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสติ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, สตฺถริ ธรมาเนเยว วายมิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ เอกโกว วิหรนฺโต สตฺถารา เทสิตํ ธมฺมํ อาวชฺเชติ จินฺเตติ อนุสฺสรติ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, ธมฺมารามสฺส ตุมฺเหสุ สิเนหมตฺตมฺปิ นตฺถิ, ‘สตฺถา กิร ปรินิพฺพายิสฺสติ, กึ นุ โข กริสฺสามา’ติ อมฺเหหิ สทฺธึ สมฺมนฺตนมตฺตมฺปิ น กโรตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ตุมฺเห กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสถ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, ตุมฺเหสุ ธรนฺเตสุเยว วายมิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามีติ ตุมฺเหหิ เทสิตํ ธมฺมํ อาวชฺชามิ จินฺเตมิ อนุสฺสรามีติ.
สตฺถา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อฺเนาปิ มยิ สิเนหวนฺเตน ภิกฺขุนา นาม ธมฺมารามสทิเสเนว ภวิตพฺพํ. น หิ มยฺหํ มาลาคนฺธาทีหิ ปูชํ กโรนฺตา มม ปูชํ กโรนฺติ นาม, ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชนฺตาเยว ปน มํ ปูเชนฺติ นามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ธมฺมาราโม ธมฺมรโต, ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ;
ธมฺมํ อนุสฺสรํ ภิกฺขุ, สทฺธมฺมา น ปริหายตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ นิวาสนฏฺเน สมถวิปสฺสนาธมฺโม อาราโม อสฺสาติ ธมฺมาราโม. ตสฺมึเยว ธมฺเม รโตติ ธมฺมรโต. ตสฺเสว ธมฺมสฺส ปุนปฺปุนํ วิจินฺตนตาย ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ, ตํ ธมฺมํ อาวชฺเชนฺโต มนสิกโรนฺโตติ อตฺโถ. อนุสฺสรนฺติ ตเมว ธมฺมํ อนุสฺสรนฺโต. สทฺธมฺมาติ เอวรูโป ภิกฺขุ สตฺตตึสเภทา โพธิปกฺขิยธมฺมา นววิธโลกุตฺตรธมฺมา จ น ปริหายตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ธมฺมารามตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. วิปกฺขเสวกภิกฺขุวตฺถุ
สลาภนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อฺตรํ วิปกฺขเสวกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส ¶ กิเรโก เทวทตฺตปกฺขิโก ภิกฺขุ สหาโย อโหสิ. โส ตํ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กุหึ คโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อสุกฏฺานํ นาม ปิณฺฑาย จริตุ’’นฺติ. ‘‘ลทฺโธ เต ปิณฺฑปาโต’’ติ? ‘‘อาม, ลทฺโธ’’ติ. ‘‘อิธ อมฺหากํ มหาลาภสกฺกาโร, กติปาหํ อิเธว โหหี’’ติ. โส ตสฺส วจเนน กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา สกฏฺานเมว อคมาสิ ¶ . อถ นํ ภิกฺขู ‘‘อยํ, ภนฺเต, เทวทตฺตสฺส อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ ปริภฺุชติ, เทวทตฺตสฺส ปกฺขิโก เอโส’’ติ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ เอวมกาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, อหํ ตตฺถ เอกํ ทหรํ นิสฺสาย กติปาหํ วสึ, น จ ปน เทวทตฺตสฺส ลทฺธึ โรเจมี’’ติ. อถ นํ ภควา ‘‘กิฺจาปิ ตฺวํ ลทฺธึ น โรเจสิ, ทิฏฺทิฏฺกานํเยว ปน ลทฺธึ โรเจนฺโต วิย วิจรสิ. น ตฺวํ อิทาเนว เอวํ กโรสิ, ปุพฺเพปิ เอวรูโปเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘อิทานิ ตาว, ภนฺเต, อมฺเหหิ สามํ ทิฏฺโ, ปุพฺเพ ปเนส เกสํ ลทฺธึ โรเจนฺโต วิย วิจริ, อาจิกฺขถ โน’’ติ ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘ปุราณโจราน วโจ นิสมฺม,
มหิฬามุโข โปถยมนฺวจารี;
สุสฺตานฺหิ วโจ นิสมฺม,
คชุตฺตโม สพฺพคุเณสุ อฏฺา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๒๖) –
อิมํ มหิฬามุขชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม สกลาเภเนว สนฺตุฏฺเน ภวิตพฺพํ, ปรลาภํ ปตฺเถตุํ น วฏฺฏติ. ปรลาภํ ปตฺเถนฺตสฺส หิ ฌานวิปสฺสนามคฺคผเลสุ เอกธมฺโมปิ นุปฺปชฺชติ, สกลาภสนฺตุฏฺสฺเสว ปน ฌานาทีนิ ¶ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สลาภํ นาติมฺเยฺย, นาฺเสํ ปิหยํ จเร;
อฺเสํ ปิหยํ ภิกฺขุ, สมาธึ นาธิคจฺฉติ.
‘‘อปฺปลาโภปิ ¶ เจ ภิกฺขุ, สลาภํ นาติมฺติ;
ตํ เว เทวา ปสํสนฺติ, สุทฺธาชีวึ อตนฺทิต’’นฺติ.
ตตฺถ สลาภนฺติ อตฺตโน อุปฺปชฺชนกลาภํ. สปทานจารฺหิ ปริวชฺเชตฺวา อเนสนาย ชีวิกํ ¶ กปฺเปนฺโต สลาภํ อติมฺติ หีเฬติ ชิคุจฺฉติ นาม. ตสฺมา เอวํ อกรเณน สลาภํ นาติมฺเยฺย. อฺเสํ ปิหยนฺติ อฺเสํ ลาภํ ปตฺเถนฺโต น จเรยฺยาติ อตฺโถ. สมาธึ นาธิคจฺฉตีติ อฺเสฺหิ ลาภํ ปิหยนฺโต เตสํ จีวราทิกรเณ อุสฺสุกฺกํ อาปนฺโน ภิกฺขุ อปฺปนาสมาธึ วา อุปจารสมาธึ วา นาธิคจฺฉติ. สลาภํ นาติมฺตีติ อปฺปลาโภปิ สมาโน อุจฺจนีจกุเล ปฏิปาฏิยา สปทานํ จรนฺโต ภิกฺขุ สลาภํ นาติมฺติ นาม. ตํ เวติ ตํ เอวรูปํ ภิกฺขุํ สารชีวิตตาย สุทฺธาชีวึ ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ชีวิตกปฺปเนน อกุสีตตาย อตนฺทิตํ เทวา ปสํสนฺติ โถเมนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
วิปกฺขเสวกภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปฺจคฺคทายกพฺราหฺมณวตฺถุ
สพฺพโสติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจคฺคทายกํ นาม พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สสฺเส เขตฺเต ิตกาเลเยว เขตฺตคฺคํ นาม เทติ, ขลกาเล ขลคฺคํ นาม เทติ, ขลภณฺฑกาเล ขลภณฺฑคฺคํ นาม เทติ, อุกฺขลิกกาเล กุมฺภคฺคํ นาม เทติ, ปาติยํ วฑฺฒิตกาเล ปาตคฺคํ นาม เทตีติ อิมานิ ปฺจ อคฺคทานานิ เทติ, สมฺปตฺตสฺส อทตฺวา นาม น ภฺุชติ. เตนสฺส ปฺจคฺคทายโกตฺเวว นามํ อโหสิ. สตฺถา ตสฺส จ พฺราหฺมณิยา จสฺส ติณฺณํ ผลานํ อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา พฺราหฺมณสฺส โภชนเวลายํ คนฺตฺวา ทฺวาเร อฏฺาสิ. โสปิ ทฺวารปมุเข อนฺโตเคหาภิมุโข นิสีทิตฺวา ภฺุชติ, สตฺถารํ ทฺวาเร ิตํ น ปสฺสติ. พฺราหฺมณี ปน ตํ ปริวิสมานา สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ปฺจสุ ¶ าเนสุ อคฺคํ ทตฺวา ภฺุชติ, อิทานิ จ สมโณ โคตโม อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ิโต. สเจ พฺราหฺมโณ เอตํ ทิสฺวา อตฺตโน ภตฺตํ หริตฺวา ทสฺสติ, ปุนปาหํ ปจิตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ. สา ‘‘เอวํ อยํ สมณํ โคตมํ น ปสฺสิสฺสตี’’ติ สตฺถุ ปิฏฺึ ทตฺวา ตสฺส ปจฺฉโต ตํ ปฏิจฺฉาเทนฺตี โอนมิตฺวา ปุณฺณจนฺทํ ปาณินา ปฏิจฺฉาเทนฺตี วิย อฏฺาสิ. ตถา ิตา เอว จ ปน ‘‘คโต นุ โข โน’’ติ สตฺถารํ อฑฺฒกฺขิเกน โอโลเกสิ. สตฺถา ตตฺเถว อฏฺาสิ. พฺราหฺมณสฺส ปน สวนภเยน ‘‘อติจฺฉถา’’ติ น วเทติ, โอสกฺกิตฺวา ปน สณิกเมว ‘‘อติจฺฉถา’’ติ อาห ¶ . สตฺถา ‘‘น คมิสฺสามี’’ติ สีสํ ¶ จาเลสิ. โลกครุนา พุทฺเธน ‘‘น คมิสฺสามี’’ติ สีเส จาลิเต สา สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี มหาหสิตํ หสิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา เคหาภิมุขํ โอภาสํ มฺุจิ. พฺราหฺมโณปิ ปิฏฺึ ทตฺวา นิสินฺโนเยว พฺราหฺมณิยา หสิตสทฺทํ สุตฺวา ฉพฺพณฺณานฺจ รสฺมีนํ โอภาสํ โอโลเกตฺวา สตฺถารํ อทฺทส. พุทฺธา หิ นาม คาเม วา อรฺเ วา เหตุสมฺปนฺนานํ อตฺตานํ อทสฺเสตฺวา น ปกฺกมนฺติ. พฺราหฺมโณปิ สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘โภติ นาสิโตมฺหิ ตยา, ราชปุตฺตํ อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ิตํ มยฺหํ อนาจิกฺขนฺติยา ภาริยํ เต กมฺมํ กต’’นฺติ วตฺวา อฑฺฒภุตฺตํ โภชนปาตึ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘โภ โคตม, อหํ ปฺจสุ าเนสุ อคฺคํ ทตฺวาว ภฺุชามิ, อิโต จ เม มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา เอโกว ภตฺตโกฏฺาโส ภุตฺโต, เอโก โกฏฺาโส อวสิฏฺโ, ปฏิคฺคณฺหิสฺสสิ เม อิทํ ภตฺต’’นฺติ. สตฺถา ‘‘น เม ตว อุจฺฉิฏฺภตฺเตน อตฺโถ’’ติ อวตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, อคฺคมฺปิ มยฺหเมว อนุจฺฉวิกํ, มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อฑฺฒภุตฺตภตฺตมฺปิ, จริมกภตฺตปิณฺโฑปิ มยฺหเมว อนุจฺฉวิโก. มยฺหิ, พฺราหฺมณ, ปรทตฺตูปชีวิเปตสทิสา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยทคฺคโต มชฺฌโต เสสโต วา,
ปิณฺฑํ ลเภถ ปรทตฺตูปชีวี;
นาลํ ถุตุํ โนปิ นิปจฺจวาที,
ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตี’’ติ. (สุ. นิ. ๒๑๙);
พฺราหฺมโณ ¶ ตํ สุตฺวาว ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา ‘‘อโห อจฺฉริยํ, ทีปสามิโก นาม ราชปุตฺโต ‘น เม ตว อุจฺฉิฏฺภตฺเตน อตฺโถ’ติ อวตฺวา เอวํ วกฺขตี’’ติ ทฺวาเร ิตโกว สตฺถารํ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘โภ โคตม ¶ , ตุมฺเห อตฺตโน สาวเก ภิกฺขูติ วทถ, กิตฺตาวตา ภิกฺขุ นาม โหตี’’ติ. สตฺถา ‘‘กถํรูปา นุ โข อิมสฺส ธมฺมเทสนา สปฺปายา’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อิเม ทฺเวปิ ชนา กสฺสปพุทฺธกาเล ‘นามรูป’นฺติ วทนฺตานํ กถํ สุณึสุ, นามรูปํ อวิสฺสชฺชิตฺวาว เนสํ ธมฺมํ เทเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ, ‘‘พฺราหฺมณ, นาเม จ รูเป จ อรชฺชนฺโต อสชฺชนฺโต อโสจนฺโต ภิกฺขุ นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺพโส นามรูปสฺมึ, ยสฺส นตฺถิ มมายิตํ;
อสตา จ น โสจติ, ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ สพฺพโสติ สพฺพสฺมิมฺปิ เวทนาทีนํ จตุนฺนํ, รูปกฺขนฺธสฺส จาติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ วเสน ¶ ปวตฺเต นามรูเป. มมายิตนฺติ ยสฺส อหนฺติ วา มมนฺติ วา คาโห นตฺถิ. อสตา จ น โสจตีติ ตสฺมิฺจ นามรูเป ขยวยํ ปตฺเต ‘‘มม รูปํ ขีณํ…เป… มม วิฺาณํ ขีณ’’นฺติ น โสจติ น วิหฺติ, ‘‘ขยวยธมฺมํ เม ขีณ’’นฺติ ปสฺสติ. ส เวติ โส เอวรูโป วิชฺชมาเนปิ นามรูเป มมายิตรหิโตปิ อสตาปิ เตน อโสจนฺโต ภิกฺขูติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ อุโภปิ ชยมฺปติกา อนาคามิผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ปฺจคฺคทายกพฺราหฺมณวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
เมตฺตาวิหารีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย อายสฺมนฺเต มหากจฺจาเน อวนฺติชนปเท กุรรฆรํ นิสฺสาย ปวตฺตปพฺพเต วิหรนฺเต โสโณ นาม โกฏิกณฺโณ อุปาสโก เถรสฺส ธมฺมกถาย ปสีทิตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตุกาโม ¶ เถเรน ‘‘ทุกฺกรํ โข, โสณ, ยาวชีวํ เอกภตฺตํ เอกเสยฺยํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ วตฺวา ทฺเว วาเร ปฏิกฺขิตฺโตปิ ปพฺพชฺชาย อติวิย อุสฺสาหชาโต ตติยวาเร เถรํ ยาจิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อปฺปภิกฺขุกตฺตา ทกฺขิณาปเถ ติณฺณํ วสฺสานํ อจฺจเยน ลทฺธูปสมฺปโท สตฺถารํ สมฺมุขา ทฏฺุกาโม หุตฺวา อุปชฺฌายํ อาปุจฺฉิตฺวา เตน ทินฺนํ สาสนํ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สตฺถารา เอกคนฺธกุฏิยํเยว อนฺุาตเสนาสโน พหุเทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส วีถินาเมตฺวา รตฺติภาเค คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา อตฺตโน ปตฺตเสนาสเน ตํ รตฺติภาคํ วีตินาเมตฺวา ปจฺจูสสมเย สตฺถารา อชฺฌิฏฺโ โสฬส อฏฺกวคฺคิกานิ ¶ (สุ. นิ. ๗๗๒ อาทโย) สพฺพาเนว สรภฺเน อภณิ. อถสฺส ภควา สรภฺปริโยสาเน อพฺภานุโมเทนฺโต – ‘‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขู’’ติ สาธุการํ อทาสิ. สตฺถารา ทินฺนสาธุการํ สุตฺวา ภูมฏฺกเทวา นาคา สุปณฺณาติ เอวํ ยาว พฺรหฺมโลกา เอกสาธุการเมว อโหสิ.
ตสฺมึ ¶ ขเณ เชตวนโต วีสโยชนสตมตฺถเก กุรรฆรนคเร เถรสฺส มาตุ มหาอุปาสิกาย เคเห อธิวตฺถา เทวตาปิ มหนฺเตน สทฺเทน สาธุการมทาสิ. อถ นํ อุปาสิกา อาห – ‘‘โก เอส สาธุการํ เทตี’’ติ? อหํ, ภคินีติ. โกสิ ตฺวนฺติ? ตว เคเห อธิวตฺถา, เทวตาติ. ตฺวํ อิโต ปุพฺเพ มยฺหํ สาธุการํ อทตฺวา อชฺช กสฺมา เทสีติ? นาหํ ตุยฺหํ สาธุการํ ทมฺมีติ. อถ กสฺส เต สาธุกาโร ทินฺโนติ? ตว ปุตฺตสฺส โกฏิกณฺณสฺส โสณตฺเถรสฺสาติ. กึ เม ปุตฺเตน กตนฺติ? ปุตฺโต เต อชฺช สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, สตฺถา ตว ปุตฺตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺโน สาธุการมทาสิ. เตนสฺส มยาปิ สาธุกาโร ทินฺโน. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส หิ สาธุการํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ภูมฏฺกเทเว อาทึ กตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกา เอกสาธุการเมว ชาตนฺติ. กึ ปน, สามิ, มม ปุตฺเตน สตฺถุ ธมฺโม กถิโต, สตฺถารา มม ปุตฺตสฺส กถิโตติ? ตว ปุตฺเตน สตฺถุ กถิโตติ. เอวํ เทวตาย กเถนฺติยาว อุปาสิกาย ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลสรีรํ ผริ.
อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘สเจ เม ปุตฺโต สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา สตฺถุ ธมฺมํ กเถตุํ สกฺขิ ¶ , มยฺหมฺปิ กเถตุํ สกฺขิสฺสติเยว ¶ . ปุตฺตสฺส อาคตกาเล ธมฺมสฺสวนํ กาเรตฺวา ธมฺมกถํ สุณิสฺสามี’’ติ. โสณตฺเถโรปิ โข สตฺถารา สาธุกาเร ทินฺเน ‘‘อยํ เม อุปชฺฌาเยน ทินฺนสาสนํ อาโรเจตุํ กาโล’’ติ ภควนฺตํ ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทํ อาทึ กตฺวา (มหาว. ๒๕๙) ปฺจ วเร ยาจิตฺวา กติปาหํ สตฺถุ สนฺติเกเยว วสิตฺวา ‘‘อุปชฺฌายํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา เชตวนา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ อคมาสิ.
เถโร ปุนทิวเส ตํ อาทาย ปิณฺฑาย จรนฺโต มาตุ อุปาสิกาย เคหทฺวารํ อคมาสิ. สาปิ ปุตฺตํ ทิสฺวา ตุฏฺมานสา วนฺทิตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ตาต, สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา สตฺถุ ธมฺมกถํ กเถสี’’ติ. ‘‘อุปาสิเก, ตุยฺหํ เกน อิทํ กถิต’’นฺติ? ‘‘ตาต, อิมสฺมึ เคเห อธิวตฺถา เทวตา มหนฺเตน สทฺเทน สาธุการํ ทตฺวา มยา ‘โก เอโส’ติ วุตฺเต ‘อห’นฺติ วตฺวา เอวฺจ เอวฺจ กเถสิ. ตํ สุตฺวา มยฺหํ เอตทโหสิ – ‘สเจ เม ปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมกถํ กเถสิ, มยฺหมฺปิ กเถตุํ สกฺขิสฺสตี’ติ. อถ นํ อาห – ‘ตาต, ยโต ตยา สตฺถุ สมฺมุขา ธมฺโม กถิโต, มยฺหมฺปิ กเถตุํ สกฺขิสฺสสิ เอว. อสุกทิวเส นาม ธมฺมสฺสวนํ กาเรตฺวา ตว ธมฺมํ สุณิสฺสามิ, ตาตา’’’ติ. โส อธิวาเสสิ. อุปาสิกา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ปูชํ กตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม ธมฺมกถํ สุณิสฺสามี’’ติ เอกเมว ทาสึ เคหรกฺขิกํ เปตฺวา ¶ สพฺพํ ปริชนํ อาทาย อนฺโตนคเร ธมฺมสฺสวนตฺถาย ¶ การิเต มณฺฑเป อลงฺกตธมฺมาสนํ อภิรุยฺห ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ปุตฺตสฺส ธมฺมกถํ โสตุํ อคมาสิ.
ตสฺมึ ปน กาเล นวสตา โจรา ตสฺสา อุปาสิกาย เคเห โอตารํ โอโลเกนฺตา วิจรนฺติ. ตสฺสา ปน เคหํ สตฺตหิ ปากาเรหิ ปริกฺขิตฺตํ สตฺตทฺวารโกฏฺกยุตฺตํ, ตตฺถ เตสุ เตสุ าเนสุ จณฺฑสุนเข พนฺธิตฺวา ปยึสุ. อนฺโตเคเห ฉทนสฺส อุทกปาตฏฺาเน ปน ปริขํ ขณิตฺวา ติปุนา ปูรยึสุ. ตํ ทิวา อาตเปน วิลีนํ ปกฺกุถิตํ วิย ติฏฺติ, รตฺตึ กินํ กกฺขฬํ หุตฺวา ติฏฺติ. ตสฺสานนฺตรา มหนฺตานิ อยสงฺฆาฏกานิ นิรนฺตรํ ภูมิยํ โอทหึสุ. อิติ อิมฺจารกฺขํ อุปาสิกาย จ อนฺโตเคเห ิตภาวํ ปฏิจฺจ เต โจรา โอกาสํ อลภนฺตา ตํ ทิวสํ ตสฺสา คตภาวํ ตฺวา อุมงฺคํ ภินฺทิตฺวา ติปุปริขาย ¶ จ อยสงฺฆาฏกานฺจ เหฏฺาภาเคเนว เคหํ ปวิสิตฺวา โจรเชฏฺกํ ตสฺสา สนฺติกํ ปหิณึสุ ‘‘สเจ สา อมฺหากํ อิธ ปวิฏฺภาวํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา เคหาภิมุขี อาคจฺฉติ, อสินา นํ ปหริตฺวา มาเรถา’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สนฺติเก อฏฺาสิ.
โจราปิ อนฺโตเคเห ทีปํ ชาเลตฺวา กหาปณคพฺภทฺวารํ วิวรึสุ. สา ทาสี โจเร ทิสฺวา อุปาสิกาย สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อยฺเย, พหู โจรา เคหํ ปวิสิตฺวา กหาปณคพฺภทฺวารํ วิวรึสู’’ติ อาโรเจสิ. ‘‘โจรา อตฺตนา ทิฏฺกหาปเณ หรนฺตุ, อหํ มม ปุตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุณามิ, มา เม ธมฺมสฺส อนฺตรายํ กริ, เคหํ คจฺฉา’’ติ ตํ ปหิณิ. โจราปิ กหาปณคพฺภํ ตุจฺฉํ กตฺวา ¶ รชตคพฺภํ วิวรึสุ. สา ปุนปิ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อุปาสิกาปิ ‘‘โจรา อตฺตนา อิจฺฉิตํ หรนฺตุ, มา เม อนฺตรายํ กรี’’ติ ปุน ตํ ปหิณิ. โจรา รชตคพฺภมฺปิ ตุจฺฉํ กตฺวา สุวณฺณคพฺภํ วิวรึสุ. สา ปุนปิ คนฺตฺวา อุปาสิกาย ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ อุปาสิกา อามนฺเตตฺวา, ‘‘โภติ เช ตฺวํ อเนกวารํ มม สนฺติกํ อาคตา, ‘โจรา ยถารุจิตํ หรนฺตุ, อหํ มม ปุตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุณามิ, มา เม อนฺตรายํ กรี’ติ มยา วุตฺตาปิ มม กถํ อนาทิยิตฺวา ปุนปฺปุนํ อาคจฺฉสิเยว. สเจ อิทานิ ตฺวํ อาคจฺฉิสฺสสิ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพํ, เคหเมว คจฺฉา’’ติ ปหิณิ.
โจรเชฏฺโก ตสฺสา กถํ สุตฺวา ‘‘เอวรูปาย อิตฺถิยา สนฺตกํ หรนฺตานํ อสนิ ปติตฺวา มตฺถกํ ภินฺเทยฺยา’’ติ โจรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สีฆํ อุปาสิกาย สนฺตกํ ปฏิปากติกํ กโรถา’’ติ อาห. เต กหาปเณหิ กหาปณคพฺภํ, รชตสุวณฺเณหิ รชตสุวณฺณคพฺเภ ปุน ปูรยึสุ. ธมฺมตา กิเรสา, ยํ ธมฺโม ธมฺมจารินํ รกฺขติ. เตเนวาห –
‘‘ธมฺโม ¶ หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ,
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ,
น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒);
โจราปิ คนฺตฺวา ธมฺมสฺสวนฏฺาเน อฏฺํสุ. เถโรปิ ธมฺมํ กเถตฺวา วิภาตาย รตฺติยา อาสนา โอตริ. ตสฺมึ ขเณ โจรเชฏฺโก อุปาสิกาย ¶ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, อยฺเย’’ติ อาห. ‘‘กึ อิทํ, ตาตา’’ติ? ‘‘อหฺหิ ตุมฺเหสุ ¶ อาฆาตํ กตฺวา ตุมฺเห มาเรตุกาโม อฏฺาสิ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ เต, ตาต, ขมามี’’ติ. เสสโจราปิ ตเถว วตฺวา, ‘‘ตาตา, ขมามี’’ติ วุตฺเต อาหํสุ – ‘‘อยฺเย, สเจ โน ขมถ, ปุตฺตสฺส โว สนฺติเก อมฺหากํ ปพฺพชฺชํ ทาเปถา’’ติ. สา ปุตฺตํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ตาต, อิเม โจรา มม คุเณสุ ตุมฺหากฺจ ธมฺมกถาย ปสนฺนา ปพฺพชฺชํ ยาจนฺติ, ปพฺพาเชถ เน’’ติ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เตหิ นิวตฺถวตฺถานํ ทสานิ ฉินฺทาเปตฺวา ตมฺพมตฺติกาย รชาเปตฺวา เต ปพฺพาเชตฺวา สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. อุปสมฺปนฺนกาเล จ เนสํ เอเกกสฺส วิสุํ วิสุํ กมฺมฏฺานมทาสิ. เต นวสตา ภิกฺขู วิสุํ วิสุํ นวสตกมฺมฏฺานานิ คเหตฺวา เอกํ ปพฺพตํ อภิรุยฺห ตสฺส ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กรึสุ.
สตฺถา วีสโยชนสตมตฺถเก เชตวนมหาวิหาเร นิสินฺโนว เต ภิกฺขู โอโลเกตฺวา เตสํ จริยวเสน ธมฺมเทสนํ ววตฺถาเปตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา สมฺมุเข นิสีทิตฺวา กเถนฺโต วิย อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘เมตฺตาวิหารี โย ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;
อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุขํ.
‘‘สิฺจ ภิกฺขุ อิมํ นาวํ, สิตฺตา เต ลหุเมสฺสติ;
เฉตฺวา ราคฺจ โทสฺจ, ตโต นิพฺพานเมหิสิ.
‘‘ปฺจ ฉินฺเท ปฺจ ชเห, ปฺจ จุตฺตริ ภาวเย;
ปฺจสงฺคาติโค ภิกฺขุ, โอฆติณฺโณติ วุจฺจติ.
มา เต กามคุเณ รเมสฺสุ จิตฺตํ;
มา โลหคุฬํ คิลี ปมตฺโต,
มา กนฺที ทุกฺขมิทนฺติ ทยฺหมาโน.
‘‘นตฺถิ ¶ ฌานํ อปฺสฺส, ปฺา นตฺถิ อฌายโต;
ยมฺหิ ฌานฺจ ปฺา จ, ส เว นิพฺพานสนฺติเก.
‘‘สฺุาคารํ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต.
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํ.
‘‘ตตฺรายมาทิ ภวติ, อิธ ปฺสฺส ภิกฺขุโน;
อินฺทฺริยคุตฺติ สนฺตุฏฺิ, ปาติโมกฺเข จ สํวโร.
‘‘มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณ, สุทฺธาชีเว อตนฺทิเต;
ปฏิสนฺถารวุตฺยสฺส, อาจารกุสโล สิยา;
ตโต ปาโมชฺชพหุโล, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ เมตฺตาวิหารีติ เมตฺตากมฺมฏฺาเน กมฺมํ กโรนฺโตปิ เมตฺตาวเสน ติกจตุกฺกชฺฌาเน นิพฺพตฺเตตฺวา ิโตปิ เมตฺตาวิหารีเยว นาม. ปสนฺโนติ โย ปน พุทฺธสาสเน ปสนฺโน โหติ, ปสาทํ โรเจติเยวาติ อตฺโถ. ปทํ สนฺตนฺติ นิพฺพานสฺเสตํ นามํ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ สนฺตํ โกฏฺาสํ สพฺพสงฺขารานํ อุปสนฺตตาย สงฺขารูปสมํ, ปรมสุขตาย สุขนฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ อธิคจฺฉติ, วินฺทติเยวาติ อตฺโถ.
สิฺจ ภิกฺขุ อิมํ นาวนฺติ ภิกฺขุ อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ นาวํ มิจฺฉาวิตกฺโกทกํ ฉฑฺเฑนฺโต สิฺจ. สิตฺตา เต ลหุเมสฺสตีติ ยถา หิ มหาสมุทฺเท อุทกสฺเสว ภริตา นาวา ฉิทฺทานิ ¶ ปิทหิตฺวา อุทกสฺส สิตฺตตาย สิตฺตา สลฺลหุกา หุตฺวา มหาสมุทฺเท อโนสีทิตฺวา สีฆํ สุปฏฺฏนํ คจฺฉติ, เอวํ ตวาปิ อยํ มิจฺฉาวิตกฺโกทกภริตา อตฺตภาวนาวา จกฺขุทฺวาราทิฉิทฺทานิ สํวเรน ปิทหิตฺวา อุปฺปนฺนสฺส มิจฺฉาวิตกฺโกทกสฺส สิตฺตตาย สิตฺตา สลฺลหุกา สํสารวฏฺเฏ อโนสีทิตฺวา สีฆํ นิพฺพานํ คมิสฺสติ. เฉตฺวาติ ราคโทสพนฺธนานิ ฉินฺท. เอตานิ หิ ฉินฺทิตฺวา อรหตฺตปฺปตฺโต ตโต อปรภาเค อนุปาทิเสสนิพฺพานเมว เอหิสิ, คมิสฺสสีติ อตฺโถ.
ปฺจ ¶ ฉินฺเทติ ¶ เหฏฺาอปายสมฺปาปกานิ ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ ปาเท พทฺธรชฺชุํ ปุริโส สตฺเถน วิย เหฏฺามคฺคตฺตเยน ฉินฺเทยฺย. ปฺจ ชเหติ อุปริเทวโลกสมฺปาปกานิ ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ ปุริโส คีวาย พทฺธรชฺชุกํ วิย อรหตฺตมคฺเคน ชเหยฺย ปชเหยฺย, ฉินฺเทยฺยาติ อตฺโถ. ปฺจ จุตฺตริ ภาวเยติ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ ปหานตฺถาย สทฺธาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ อุตฺตริ ภาเวยฺย. ปฺจสงฺคาติโคติ เอวํ สนฺเต ปฺจนฺนํ ราคโทสโมหมานทิฏฺิสงฺคานํ อติกฺกมเนน ปฺจสงฺคาติโค ภิกฺขุ โอฆติณฺโณติ วุจฺจติ, จตฺตาโร โอเฆ ติณฺโณเยวาติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
ฌาย ภิกฺขูติ ภิกฺขุ ตฺวํ ทฺวินฺนํ ฌานานํ วเสน ฌาย เจว, กายกมฺมาทีสุ จ อปฺปมตฺตวิหาริตาย มา ปมชฺชิ. รเมสฺสูติ ปฺจวิเธ จ กามคุเณ เต จิตฺตํ มา รเมสฺสุ. มา โลหคุฬนฺติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน หิ ปมาเทน ปมตฺตา นิรเย ตตฺตํ โลหคุฬํ คิลนฺติ, เตน ตํ วทามิ ‘‘มา ปมตฺโต หุตฺวา โลหคุฬํ คิลิ, มา นิรเย ฑยฺหมาโน ‘ทุกฺขมิท’นฺติ กนฺที’’ติ อตฺโถ.
นตฺถิ ฌานนฺติ ฌานุปฺปาทิกาย วายามปฺาย อปฺสฺส ฌานํ นาม นตฺถิ. ปฺา นตฺถีติ ¶ อฌายนฺตสฺส ‘‘สมาหิโต ภิกฺขุ ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตลกฺขณา ปฺา นตฺถิ. ยมฺหิ ฌานฺจ ปฺา จาติ ยมฺหิ ปุคฺคเล อิทํ อุภยมฺปิ อตฺถิ, โส นิพฺพานสฺส สนฺติเก ิโตเยวาติ อตฺโถ.
สฺุาคารํ ปวิฏฺสฺสาติ กิสฺมิฺจิเทว วิวิตฺโตกาเส กมฺมฏฺานํ อวิชหิตฺวา กมฺมฏฺานมนสิกาเรน นิสินฺนสฺส. สนฺตจิตฺตสฺสาติ นิพฺพุตจิตฺตสฺส. สมฺมาติ เหตุนา การเณน ธมฺมํ วิปสฺสนฺตสฺส วิปสฺสนาสงฺขาตา อมานุสี รติ อฏฺสมาปตฺติสงฺขาตา ทิพฺพาปิ รติ โหติ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ.
ยโต ¶ ยโต สมฺมสตีติ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ กมฺมํ กโรนฺโต เยน เยนากาเรน, ปุเรภตฺตาทีสุ วา กาเลสุ ยสฺมึ ยสฺมึ อตฺตนา อภิรุจิเต กาเล, อภิรุจิเต วา กมฺมฏฺาเน กมฺมํ กโรนฺโต สมฺมสติ. อุทยพฺพยนฺติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ปฺจวีสติยา ลกฺขเณหิ อุทยํ ¶ , ปฺจวีสติยา เอว จ ลกฺขเณหิ วยํ. ปีติปาโมชฺชนฺติ เอวํ ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ สมฺมสนฺโต ธมฺมปีตึ ธมฺมปาโมชฺชฺจ ลภติ. อมตนฺติ ตํ สปฺปจฺจเย นามรูเป ปากเฏ หุตฺวา อุปฏฺหนฺเต อุปฺปนฺนํ ปีติปาโมชฺชํ อมตนิพฺพานสมฺปาปกตฺตา ¶ วิชานตํ ปณฺฑิตานํ อมตเมวาติ อตฺโถ.
ตตฺรายมาทิ ภวตีติ ตตฺร อยํ อาทิ, อิทํ ปุพฺพฏฺานํ โหติ. อิธ ปฺสฺสาติ อิมสฺมึ สาสเน ปณฺฑิตภิกฺขุโน. อิทานิ ‘‘ตํ อาที’’ติ วุตฺตํ ปุพฺพฏฺานํ ทสฺเสนฺโต อินฺทฺริยคุตฺตีติอาทิมาห. จตุปาริสุทฺธิสีลฺหิ ปุพฺพฏฺานํ นาม. ตตฺถ อินฺทฺริยคุตฺตีติ อินฺทฺริยสํวโร. สนฺตุฏฺีติ จตุปจฺจยสนฺโตโส. เตน อาชีวปาริสุทฺธิ เจว ปจฺจยสนฺนิสฺสิตฺจ สีลํ กถิตํ. ปาติโมกฺเขติ ปาติโมกฺขสงฺขาเต เชฏฺกสีเล ปริปูรการิตา กถิตา.
มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณติ วิสฺสฏฺกมฺมนฺเต อปติรูปสหาเย วชฺเชตฺวา สาธุชีวิตาย สุทฺธาชีเว ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ชีวิกกปฺปนาย อกุสีเต อตนฺทิเต กลฺยาณมิตฺเต ภชสฺสุ, เสวสฺสูติ อตฺโถ. ปฏิสนฺถารวุตฺยสฺสาติ อามิสปฏิสนฺถาเรน จ ธมฺมปฏิสนฺถาเรน จ สมฺปนฺนวุตฺติตาย ปฏิสนฺถารวุตฺติ อสฺส, ปฏิสนฺถารสฺส การกา ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อาจารกุสโลติ สีลมฺปิ อาจาโร, วตฺตปฏิวตฺตมฺปิ อาจาโร. ตตฺถ กุสโล สิยา, เฉโก ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ตโต ปาโมชฺชพหุโลติ ตโต ปฏิสนฺถารวุตฺติโต จ อาจารโกสลฺลโต จ อุปฺปนฺเนน ธมฺมปาโมชฺเชน ปาโมชฺชพหุโล หุตฺวา ตํ สกลสฺสาปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ กริสฺสตีติ อตฺโถ.
เอวํ สตฺถารา เทสิตาสุ อิมาสุ คาถาสุ เอกเมกิสฺสาย คาถาย ปริโยสาเน เอกเมกํ ภิกฺขุสตํ นิสินฺนนิสินฺนฏฺาเนเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อากาเสเนว วีสโยชนสติกํ ¶ กนฺตารํ อติกฺกมิตฺวา ตถาคตสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ วณฺเณนฺตา โถเมนฺตา ปาเท วนฺทึสูติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ
วสฺสิกา ¶ ¶ วิย ปุปฺผานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ สมณธมฺมํ กโรนฺตา ปาโตว ปุปฺผิตานิ วสฺสิกปุปฺผานิ สายํ วณฺฏโต มุจฺจนฺตานิ ทิสฺวา ‘‘ปุปฺผานํ วณฺเฏหิ มุจฺจนโต มยํ ปมตรํ ราคาทีหิ มุจฺจิสฺสามา’’ติ วายมึสุ. สตฺถา เต ภิกฺขู โอโลเกตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม วณฺฏโต มุจฺจนปุปฺเผน วิย ทุกฺขโต มุจฺจิตุํ วายมิตพฺพเมวา’’ติ วตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว อาโลกํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘วสฺสิกา วิย ปุปฺผานิ, มทฺทวานิ ปมฺุจติ;
เอวํ ราคฺจ โทสฺจ, วิปฺปมฺุเจถ ภิกฺขโว’’ติ.
ตตฺถ วสฺสิกาติ สุมนา. มทฺทวานีติ มิลาตานิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วสฺสิกา หิยฺโย ปุปฺผิตปุปฺผานิ ¶ ปุนทิวเส ปุราณภูตานิ มฺุจติ, วณฺฏโต วิสฺสชฺเชติ, เอวํ ตุมฺเหปิ ราคาทโย โทเส วิปฺปมฺุเจถาติ.
เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. สนฺตกายตฺเถรวตฺถุ
สนฺตกาโยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สนฺตกายตฺเถรํ นาม อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส กิร หตฺถปาทกุกฺกุจฺจํ นาม นาโหสิ, กายวิชมฺภนรหิโต สนฺตอตฺตภาโวว อโหสิ. โส กิร สีหโยนิโต อาคโต เถโร. สีหา กิร เอกทิวสํ โคจรํ คเหตฺวา รชตสุวณฺณมณิปวาฬคุหานํ อฺตรํ ปวิสิตฺวา มโนสิลาตเล หริตาลจุณฺเณสุ สตฺตาหํ นิปชฺชิตฺวา ¶ สตฺตเม ทิวเส อุฏฺาย นิปนฺนฏฺานํ โอโลเกตฺวา สเจ นงฺคุฏฺสฺส วา กณฺณานํ วา หตฺถปาทานํ วา จลิตตฺตา มโนสิลาหริตาลจุณฺณานํ วิปฺปกิณฺณตํ ปสฺสนฺติ, ‘‘น เต อิทํ ชาติยา วา โคตฺตสฺส วา ปติรูป’’นฺติ ¶ ปุน สตฺตาหํ นิราหารา นิปชฺชนฺติ, จุณฺณานํ ปน วิปฺปกิณฺณภาเว อสติ ‘‘อิทํ ¶ เต ชาติโคตฺตานํ อนุจฺฉวิก’’นฺติ อาสยา นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภิตฺวา ทิสา อนุวิโลเกตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมนฺติ. เอวรูปาย สีหโยนิยา อาคโต อยํ ภิกฺขุ. ตสฺส กายสมาจารํ ทิสฺวา ภิกฺขู สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘น โน, ภนฺเต, สนฺตกายตฺเถรสทิโส ภิกฺขุ ทิฏฺปุพฺโพ. อิมสฺส หิ นิสินฺนฏฺาเน หตฺถจลนํ วา ปาทจลนํ วา กายวิชมฺภิตา วา นตฺถี’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม สนฺตกายตฺเถเรน วิย กายาทีหิ อุปสนฺเตเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สนฺตกาโย สนฺตวาโจ, สนฺตวา สุสมาหิโต;
วนฺตโลกามิโส ภิกฺขุ, อุปสนฺโตติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ สนฺตกาโยติ ปาณาติปาตาทีนํ อภาเวน สนฺตกาโย, มุสาวาทาทีนํ อภาเวน สนฺตวาโจ, อภิชฺฌาทีนํ อภาเวน สนฺตวา, กายาทีนํ ติณฺณมฺปิ สุฏฺุ สมาหิตตฺตา สุสมาหิโต, จตูหิ มคฺเคหิ โลกามิสสฺส วนฺตตาย วนฺตโลกามิโส ภิกฺขุ อพฺภนฺตเร ราคาทีนํ อุปสนฺตตาย อุปสนฺโตติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส เถโร อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สนฺตกายตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
๑๐. นงฺคลกุลตฺเถรวตฺถุ
อตฺตนา ¶ โจทยตฺตานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต นงฺคลกุลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร ทุคฺคตมนุสฺโส ปเรสํ ภตึ กตฺวา ชีวติ, ตํ เอโก ภิกฺขุ ปิโลติกขณฺฑนิวตฺถํ นงฺคลํ อุกฺขิปิตฺวา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เอวมาห – ‘‘กึ ปน เต เอวํ ชีวนโต ปพฺพชิตุํ น วร’’นฺติ. โก มํ, ภนฺเต, เอวํ ชีวนฺตํ ปพฺพาเชสฺสตีติ? สเจ ปพฺพชิสฺสสิ ¶ , อหํ ตํ ปพฺพาเชสฺสามีติ. สาธุ ภนฺเต ¶ , สเจ มํ ปพฺพาเชสฺสถ, ปพฺพชิสฺสามีติ. อถ นํ โส เถโร เชตวนํ เนตฺวา สหตฺเถน, นฺหาเปตฺวา มาฬเก เปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา นิวตฺถปิโลติกขณฺเฑน สทฺธึ นงฺคลํ มาฬกสีมายเมว รุกฺขสาขายํ ปาเปสิ. โส อุปสมฺปนฺนกาเลปิ นงฺคลกุลตฺเถโรตฺเวว ปฺายิ. โส พุทฺธานํ อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ นิสฺสาย ชีวนฺโต อุกฺกณฺิตฺวา อุกฺกณฺิตํ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘น ทานิ สทฺธาเทยฺยานิ กาสายานิ ปริทหิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ ตํ รุกฺขมูลํ คนฺตฺวา อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘อหิริก, นิลฺลชฺช, อิทํ นิวาเสตฺวา วิพฺภมิตฺวา ภตึ กตฺวา ชีวิตุกาโม ชาโต’’ติ. ตสฺเสวํ อตฺตานํ โอวทนฺตสฺเสว จิตฺตํ ตนุกภาวํ คตํ. โส นิวตฺติตฺวา ปุน กติปาหจฺจเยน ¶ อุกฺกณฺิตฺวา ตเถว อตฺตานํ โอวทิ, ปุนสฺส จิตฺตํ นิวตฺติ. โส อิมินาว นีหาเรน อุกฺกณฺิตอุกฺกณฺิตกาเล ตตฺถ คนฺตฺวา อตฺตานํ โอวทิ. อถ นํ ภิกฺขู ตตฺถ อภิณฺหํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อาวุโส, นงฺคลตฺเถร กสฺมา เอตฺถ คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘อาจริยสฺส สนฺติกํ คจฺฉามิ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ภิกฺขู เตน สทฺธึ เกฬึ กโรนฺตา อาหํสุ – ‘‘อาวุโส นงฺคลตฺเถร, ตว วิจรณมคฺโค อวฬฺโช วิย ชาโต, อาจริยสฺส สนฺติกํ น คจฺฉสิ มฺเ’’ติ. อาม, ภนฺเต, มยํ สํสคฺเค สติ อคมิมฺหา, อิทานิ ปน โส สํสคฺโค ฉินฺโน, เตน น คจฺฉามาติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘เอส อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต อตฺตนาว อตฺตานํ โจเทตฺวา ปพฺพชิตกิจฺจสฺส มตฺถกํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อตฺตนา โจทยตฺตานํ, ปฏิมํเสถ อตฺตนา;
โส อตฺตคุตฺโต สติมา, สุขํ ภิกฺขุ วิหาหิสิ.
‘‘อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ, โก หิ นาโถ ปโร สิยา;
อตฺตา หิ อตฺตโน คติ;
ตสฺมา สํยมมตฺตานํ, อสฺสํ ภทฺรํว วาณิโช’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ โจทยตฺตานนฺติ อตฺตนาว อตฺตานํ โจทย สารย. ปฏิมํเสถาติ อตฺตนาว อตฺตานํ ปริวีมํสถ. โสติ โส ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอวํ สนฺเต อตฺตนาว คุตฺตตาย อตฺตคุตฺโต, อุปฏฺิตสติตาย สติมา หุตฺวา สพฺพิริยาปเถสุ สุขํ วิหริสฺสสีติ อตฺโถ.
นาโถติ ¶ อวสฺสโย ปติฏฺา. โก หิ นาโถ ปโรติ ยสฺมา ปรสฺส อตฺตภาเว ปติฏฺาย กุสลํ วา กตฺวา สคฺคปรายเณน มคฺคํ วา ภาเวตฺวา สจฺฉิกตผเลน ภวิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา โก หิ นาม ปโร นาโถ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา อตฺตาว อตฺตโน คติ ปติฏฺา สรณํ, ตสฺมา ยถา ภทฺรํ อสฺสาชานียํ นิสฺสาย ลาภํ ปตฺถยนฺโต วาณิโช ตสฺส วิสมฏฺานจารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ นหาเปนฺโต โภเชนฺโต สํยเมติ ปฏิชคฺคติ, เอวํ ตฺวมฺปิ อนุปฺปนฺนสฺส อกุสลสฺส อุปฺปาทํ นิวาเรนฺโต สติสมฺโมเสน อุปฺปนฺนํ อกุสลํ ปชหนฺโต อตฺตานํ สํยม โคปย, เอวํ สนฺเต ปมชฺฌานํ อาทึ กตฺวา โลกิยโลกุตฺตรวิเสสํ อธิคมิสฺสสีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
นงฺคลกุลตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ
ปาโมชฺชพหุโลติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต วกฺกลิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิรายสฺมา สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ตถาคตํ ทิสฺวา สตฺถุ สรีรสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา สรีรสมฺปตฺติทสฺสเนน อติตฺโต ‘‘เอวาหํ นิจฺจกาลํ ตถาคตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ยตฺถ ิเตน สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตุํ, ตตฺถ ิโต สชฺฌายกมฺมฏฺานมนสิการาทีนิ ปหาย สตฺถารํ โอโลเกนฺโตว วิจรติ. สตฺถา ตสฺส าณปริปากํ อาคเมนฺโต กิฺจิ อวตฺวา ‘‘อิทานิสฺส าณํ ปริปากํ คต’’นฺติ ตฺวา ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ¶ ปูติกาเยน ทิฏฺเน, โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติ. โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗) วตฺวา โอวทิ. โส เอวํ โอวทิโตปิ สตฺถุ ทสฺสนํ ปหาย เนว อฺตฺถ คนฺตุํ สกฺโกติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘นายํ ภิกฺขุ สํเวคํ อลภิตฺวา พุชฺฌิสฺสตี’’ติ อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ราชคหํ คนฺตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส ‘‘อเปหิ, วกฺกลิ, อเปหิ, วกฺกลี’’ติ ปณาเมสิ. โส ‘‘น มํ สตฺถา อาลปตี’’ติ เตมาสํ สตฺถุ สมฺมุเข าตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ มยฺหํ ชีวิเตน, ปพฺพตา อตฺตานํ ปาเตสฺสามี’’ติ คิชฺฌกูฏํ อภิรุหิ.
สตฺถา ตสฺส กิลมนภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ มม สนฺติกา อสฺสาสํ อลภนฺโต มคฺคผลานํ ¶ อุปนิสฺสยํ นาเสยฺยา’’ติ อตฺตานํ ทสฺเสตุํ โอภาสํ มฺุจิ. อถสฺส สตฺถุ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ตาวมหนฺโตปิ โสโก ปหียิ. สตฺถา สุกฺขตฬากํ โอเฆน ปูเรนฺโต วิย เถรสฺส พลวปีติปาโมชฺชํ อุปฺปาเทตุํ อิมํ คาถมาห –
‘‘ปาโมชฺชพหุโล ¶ ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;
อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ปกติยาปิ ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ พุทฺธสาสเน ปสาทํ โรเจติ, โส เอวํ ปสนฺโน พุทฺธสาสเน สนฺตํ ปทํ สงฺขารูปสมํ สุขนฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ อธิคจฺเฉยฺยาติ. อิมฺจ ปน คาถํ วตฺวา สตฺถา วกฺกลิตฺเถรสฺส หตฺถํ ปสาเรตฺวา –
‘‘เอหิ วกฺกลิ มา ภายิ, โอโลเกหิ ตถาคตํ;
อหํ ตํ อุทฺธริสฺสามิ, ปงฺเก สนฺนํว กฺุชรํ.
‘‘เอหิ วกฺกลิ มา ภายิ, โอโลเกหิ ตถาคตํ;
อหํ ตํ โมจยิสฺสามิ, ราหุคฺคหํว สูริยํ.
‘‘เอหิ วกฺกลิ มา ภายิ, โอโลเกหิ ตถาคตํ;
อหํ ตํ โมจยิสฺสามิ, ราหุคฺคหํว จนฺทิม’’นฺติ. –
อิมา คาถา อภาสิ. โส ‘‘ทสพโล เม ทิฏฺโ, เอหีติ จ อวฺหานมฺปิ ลทฺธ’’นฺติ พลวปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กุโต นุ โข คนฺตพฺพ’’นฺติ คมนมคฺคํ อปสฺสนฺโต ทสพลสฺส สมฺมุเข อากาเส อุปฺปติตฺวา ปมปาเท ปพฺพเต ¶ ิเตเยว สตฺถารา วุตฺตคาถา อาวชฺเชนฺโต อากาเสเยว ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ตถาคตํ วนฺทมาโนว โอตริตฺวา สตฺถุ สนฺติเก อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อปรภาเค สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.
วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. สุมนสามเณรวตฺถุ
โย ¶ ¶ หเวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต สุมนสามเณรํ อารพฺภ กเถสิ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา –
ปทุมุตฺตรพุทฺธกาลสฺมิฺหิ เอโก กุลปุตฺโต สตฺถารา จตุปริสมชฺเฌ เอกํ ภิกฺขุํ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตํ สมฺปตฺตึ ปตฺถยมาโน สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ เปสิ. สตฺถา กปฺปสตสหสฺสํ โอโลเกนฺโต ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ วิทิตฺวา ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตมพุทฺธสาสเน ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค อนุรุทฺโธ นาม ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. โส ตํ พฺยากรณํ สุตฺวา สฺเว ปตฺตพฺพํ วิย ตํ สมฺปตฺตึ มฺมาโน ปรินิพฺพุเต สตฺถริ ภิกฺขู ทิพฺพจกฺขุปริกมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา สตฺตโยชนิกํ กฺจนถูปํ ปริกฺขิปิตฺวา อเนกานิ ทีปรุกฺขสหสฺสานิ กาเรตฺวา ทีปปูชํ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวมนุสฺเสสุ กปฺปสตสหสฺสานิ สํสริตฺวา อิมสฺมึ กปฺเป พาราณสิยํ ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺโต สุมนเสฏฺึ นิสฺสาย ตสฺส ติณหารโก หุตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. อนฺนภาโรติสฺส นามํ อโหสิ. สุมนเสฏฺีปิ ตสฺมึ นคเร นิจฺจกาลํ มหาทานํ เทติ.
อเถกทิวสํ อุปริฏฺโ นาม ปจฺเจกพุทฺโธ คนฺธมาทเน นิโรธสมาปตฺติโต ¶ วุฏฺาย ‘‘กสฺส นุ โข อชฺช อนุคฺคหํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อชฺช มยา อนฺนภารสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทานิ จ โส อฏวิโต ติณํ อาทาย เคหํ อาคมิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อิทฺธิยา คนฺตฺวา อนฺนภารสฺส สมฺมุเข ปจฺจุฏฺาสิ. อนฺนภาโร ตํ ตุจฺฉปตฺตหตฺถํ ทิสฺวา ‘‘อปิ ¶ , ภนฺเต, ภิกฺขํ ลภิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ลภิสฺสาม มหาปฺุา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, โถกํ อาคเมถา’’ติ ติณกาชํ ฉฑฺเฑตฺวา เวเคน เคหํ คนฺตฺวา, ‘‘ภทฺเท, มยฺหํ ปิตภาคภตฺตํ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ ภริยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถิ, สามี’’ติ วุตฺเต เวเคน ปจฺจาคนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺตํ อาทาย ‘‘มยฺหํ ทาตุกามตาย สติ เทยฺยธมฺโม น โหติ, เทยฺยธมฺเม สติ ปฏิคฺคาหกํ น ลภามิ. อชฺช ปน เม ปฏิคฺคาหโก จ ทิฏฺโ, เทยฺยธมฺโม จ อตฺถิ, ลาภา วต เม’’ติ เคหํ คนฺตฺวา ภตฺตํ ปตฺเต ปกฺขิปาเปตฺวา ปจฺจาหริตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ ปติฏฺเปตฺวา –
‘‘อิมินา ¶ ปน ทาเนน, มา เม ทาลิทฺทิยํ อหุ;
นตฺถีติ วจนํ นาม, มา อโหสิ ภวาภเว. –
ภนฺเต เอวรูปา ทุชฺชีวิตา มุจฺเจยฺยํ, นตฺถีติ ปทเมว น สุเณยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ เปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘เอวํ โหตุ มหาปฺุา’’ติ วตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ.
สุมนเสฏฺิโนปิ ฉตฺเต อธิวตฺถา เทวตา ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ, อุปริฏฺเ สุปติฏฺิต’’นฺติ ¶ วตฺวา ติกฺขตฺตุํ สาธุการมทาสิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘กึ มํ เอตฺตกํ กาลํ ทานํ ททมานํ น ปสฺสสี’’ติ อาห. นาหํ ตว ทานํ อารพฺภ สาธุการํ เทมิ, อนฺนภาเรน ปน อุปริฏฺสฺส ทินฺนปิณฺฑปาเต ปสีทิตฺวา มยา เอส สาธุกาโร ปวตฺติโตติ. โส ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ทานํ ททนฺโต เทวตํ สาธุการํ ทาเปตุํ นาสกฺขึ, อนฺนภาโร มํ นิสฺสาย ชีวนฺโต เอกปิณฺฑปาเตเนว สาธุการํ ทาเปสิ, ตสฺส ทาเน อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ตํ ปิณฺฑปาตํ มม สนฺตกํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อชฺช ตยา กสฺสจิ กิฺจิ ทินฺน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สามิ, อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส เม อชฺช ภาคภตฺตํ ทินฺน’’นฺติ. ‘‘หนฺท, โภ, กหาปณํ คเหตฺวา เอตํ มยฺหํ ปิณฺฑปาตํ เทหี’’ติ? ‘‘น เทมิ, สามี’’ติ. โส ยาว สหสฺสํ วฑฺเฒสิ, อิตโร สหสฺเสนาปิ นาทาสิ. อถ นํ ‘‘โหตุ, โภ, ยทิ ปิณฺฑปาตํ น เทสิ, สหสฺสํ คเหตฺวา ปตฺตึ เม เทหี’’ติ อาห. โส ‘‘อยฺเยน สทฺธึ มนฺเตตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ เวเคน ปจฺเจกพุทฺธํ สมฺปาปุณิตฺวา, ‘‘ภนฺเต สุมนเสฏฺิ, สหสฺสํ ทตฺวา ตุมฺหากํ ปิณฺฑปาเต ปตฺตึ ยาจติ, กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ.
อถสฺส ¶ โส อุปมํ อาหริ ‘‘เสยฺยถาปิ, ปณฺฑิต, กุลสติเก คาเม เอกสฺมึ ฆเร ทีปํ ชาเลยฺย, เสสา อตฺตโน เตเลน วฏฺฏึ เตเมตฺวา ชาลาเปตฺวา คณฺเหยฺยุํ, ปุริมปทีปสฺส ¶ ปภา อตฺถีติ วตฺตพฺพา นตฺถี’’ติ. อติเรกตรา, ภนฺเต, ปภา โหตีติ. เอวเมวํ ปณฺฑิต อุฬุงฺกยาคุ วา โหตุ, กฏจฺฉุภิกฺขา วา, อตฺตโน ปิณฺฑปาเต ปเรสํ ปตฺตึ เทนฺตสฺส ยตฺตกานํ เทติ, ตตฺตกํ วฑฺฒติ. ตฺวฺหิ เอกเมว ปิณฺฑปาตํ อทาสิ, เสฏฺิสฺส ปน ปตฺติยา ทินฺนาย ทฺเว ปิณฺฑปาตา โหนฺติ เอโก ตว, เอโก ตสฺสาติ.
โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตํ อภิวาเทตฺวา เสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘คณฺห, สามิ, ปตฺติ’’นฺติ อาห. เตน หิ อิเม กหาปเณ คณฺหาติ. นาหํ ปิณฺฑปาตํ วิกฺกิณามิ, สทฺธาย เต ปตฺตึ ทมฺมีติ. ‘‘ตฺวํ สทฺธาย เทสิ, อหมฺปิ ตว คุเณ ปูเชมิ, คณฺห, ตาต, อิโต ปฏฺาย ¶ จ ปน มา สหตฺถา กมฺมมกาสิ, วีถิยํ ฆรํ มาเปตฺวา วส. เยน จ เต อตฺโถ โหติ, สพฺพํ มม สนฺติกา คณฺหาหี’’ติ อาห. นิโรธา วุฏฺิตสฺส ปน ทินฺนปิณฺฑปาโต ตทเหว วิปากํ เทติ. ตสฺมา ราชาปิ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา อนฺนภารํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปตฺตึ คเหตฺวา มหนฺตํ โภคํ ทตฺวา ตสฺส เสฏฺิฏฺานํ ทาเปสิ.
โส สุมนเสฏฺิสฺส สหายโก หุตฺวา ยาวชีวํ ปฺุานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต ¶ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร อมิโตทนสฺส สกฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อนุรุทฺโธติสฺส นามํ อกํสุ. โส มหานามสกฺกสฺส กนิฏฺภาตา, สตฺถุ จูฬปิตุ ปุตฺโต ปรมสุขุมาโล มหาปฺุโ อโหสิ. เอกทิวสํ กิร ฉสุ ขตฺติเยสุ ปูเว ลกฺขํ กตฺวา คุเฬหิ กีฬนฺเตสุ อนุรุทฺโธ ปราชิโต ปูวานํ อตฺถาย มาตุ สนฺติกํ ปหิณิ. สา มหนฺตํ สุวณฺณถาลํ ปูเรตฺวา ปูเว เปเสสิ. ปูเว ขาทิตฺวา ปุน กีฬนฺโต ปราชิโต ตเถว ปหิณิ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ ปูเวสุ อาหเฏสุ จตุตฺเถ วาเร มาตา ‘‘อิทานิ ปูวา นตฺถี’’ติ ปหิณิ. ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘นตฺถี’’ติ ปทสฺส อสุตปุพฺพตาย ‘‘นตฺถิปูวา นาม อิทานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ สฺํ กตฺวา ‘‘คจฺฉ นตฺถิปูเว อาหรา’’ติ เปเสสิ. อถสฺส ¶ มาตา ‘‘นตฺถิปูเว กิร, อยฺเย, เทถา’’ติ วุตฺเต ‘‘มม ปุตฺเตน นตฺถีติ ปทํ น สุตปุพฺพํ, กถํ นุ โข นตฺถิภาวํ ชานาเปยฺย’’นฺติ สุวณฺณปาตึ โธวิตฺวา อปราย สุวณฺณปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา ‘‘หนฺท, ตาต, อิมํ มม ปุตฺตสฺส เทหี’’ติ ปหิณิ. ตสฺมึ ขเณ นครปริคฺคาหิกา เทวตา ‘‘อมฺหากํ สามินา อนฺนภารกาเล อุปริฏฺสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ภาคภตฺตํ ¶ ทตฺวา ‘นตฺถีติ ปทเมว น สุเณยฺย’นฺติ ปตฺถนา นาม ปิตา. สเจ มยํ ตมตฺถํ ตฺวา อชฺฌุเปกฺเขยฺยาม, มุทฺธาปิ โน สตฺตธา ผเลยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา ทิพฺพปูเวหิ ปาตึ ปูรยึสุ. โส ปุริโส ปาตึ อาหริตฺวา ตสฺส สนฺติเก เปตฺวา วิวริ. เตสํ คนฺโธ สกลนครํ ผริ. ปูโว ปน มุเข ปิตมตฺโตว สตฺตรสหรณิสหสฺสานิ ผริตฺวา อฏฺาสิ.
อนุรุทฺโธปิ จินฺเตสิ – ‘‘น มํ มฺเ อิโต ปุพฺเพ มาตา ปิยายติ. น หิ เม อฺทา ตาย นตฺถิปูวา นาม ปกฺกปุพฺพา’’ติ. โส คนฺตฺวา มาตรํ เอวมาห – ‘‘อมฺม, นาหํ ตว ปิโย’’ติ. ตาต, กึ วเทสิ, มม อกฺขีหิปิ หทยมํสโตปิ ตฺวํ ปิยตโรติ. สจาหํ, อมฺม, ตว ปิโย, กสฺมา มม ปุพฺเพ เอวรูเป นตฺถิปูเว นาม น อทาสีติ. สา ตํ ปุริสํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตาต, กิฺจิ ปาติยํ อโหสี’’ติ. อาม, อยฺเย, ปูวานํ ปาติ ปริปุณฺณา อโหสิ, น เม เอวรูปา ทิฏฺปุพฺพาติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘ปุตฺโต เม กตปฺุโ, เทวตาหิสฺส ทิพฺพปูวา ปหิตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. โสปิ มาตรํ อาห – ‘‘อมฺม, น มยา เอวรูปา ¶ ปูวา ขาทิตปุพฺพา, อิโต ปฏฺาย เม นตฺถิปูวเมว ปเจยฺยาสี’’ติ. สา ตโต ปฏฺาย เตน ‘‘ปูเว ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติ วุตฺตกาเล สุวณฺณปาตึ โธวิตฺวา อฺาย ปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา ¶ ปหิณติ, เทวตา ปาตึ ปูเรนฺติ. เอวํ โส อคารมชฺเฌ วสนฺโต นตฺถีติ ปทสฺส อตฺถํ อชานิตฺวา ทิพฺพปูเวเยว ปริภฺุชิ.
สตฺถุ ปน ปริวารตฺถํ กุลปฏิปาฏิยา สากิยกุมาเรสุ ปพฺพชนฺเตสุ มหานาเมน สกฺเกน, ‘‘ตาต, อมฺหากํ กุลา โกจิ ปพฺพชิโต นตฺถิ, ตยา วา ปพฺพชิตพฺพํ, มยา วา’’ติ วุตฺเต โส อาห – ‘‘อหํ อติสุขุมาโล ปพฺพชิตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ. เตน หิ กมฺมนฺตํ อุคฺคณฺห, อหํ ปพฺพชิสฺสามีติ. โก เอส กมฺมนฺโต นามาติ? โส หิ ภตฺตสฺส อุฏฺานฏฺานมฺปิ น ชานาติ, กมฺมนฺตํ กิเมว ชานิสฺสติ, ตสฺมา เอวมาห. เอกทิวสฺหิ ¶ อนุรุทฺโธ ภทฺทิโย กิมิโลติ ตโย ชนา ‘‘ภตฺตํ นาม กหํ อุฏฺาตี’’ติ มนฺตยึสุ. เตสุ กิมิโล ‘‘โกฏฺเสุ อุฏฺาตี’’ติ อาห. โส กิเรกทิวสํ วีหี โกฏฺมฺหิ ปกฺขิปนฺเต อทฺทส, ตสฺมา ‘‘โกฏฺเ ภตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ สฺาย เอวมาห. อถ นํ ภทฺทิโย ‘‘ตฺวํ น ชานาสี’’ติ วตฺวา ‘‘ภตฺตํ นาม อุกฺขลิยํ อุฏฺาตี’’ติ อาห. โส กิเรกทิวสํ อุกฺขลิโต ภตฺตํ วฑฺเฒนฺเต ทิสฺวา ‘‘เอตฺเถเวตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ สฺมกาสิ, ตสฺมา เอวมาห. อนุรุทฺโธ เต อุโภปิ ‘‘ตุมฺเห น ชานาถา’’ติ วตฺวา ‘‘ภตฺตํ นาม รตนุพฺเพธมกุฬาย ¶ มหาสุวณฺณปาติยํ อุฏฺาตี’’ติ อาห. เตน กิร เนว วีหึ โกฏฺเฏนฺตา, น ภตฺตํ ปจนฺตา ทิฏฺปุพฺพา, สุวณฺณปาติยํ วฑฺเฒตฺวา ปุรโต ปิตภตฺตเมว ปสฺสติ, ตสฺมา ‘‘ปาติยํเยเวตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ สฺมกาสิ, ตสฺมา เอวมาห. เอวํ ภตฺตุฏฺานฏฺานมฺปิ อชานนฺโต มหาปฺุโ กุลปุตฺโต กมฺมนฺเต กึ ชานิสฺสติ.
โส ‘‘เอหิ โข เต, อนุรุทฺธ, ฆราวาสตฺถํ อนุสาสิสฺสามิ, ปมํ เขตฺตํ กสาเปตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน ภาตรา วุตฺตานํ กมฺมนฺตานํ อปริยนฺตภาวํ สุตฺวา ‘‘น เม ฆราวาเสน อตฺโถ’’ติ มาตรํ อาปุจฺฉิตฺวา ภทฺทิยปมุเขหิ ปฺจหิ สากิยกุมาเรหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา อนุปิยมฺพวเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ ปน สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺโน อนุปุพฺเพน ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉิกตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา เอกาสเน นิสินฺโนว หตฺถตเล ปิตอามลกานิ วิย สหสฺสโลกธาตุโย โอโลกนสมตฺโถ หุตฺวา –
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;
เตวิชฺโช อิทฺธิปตฺโตมฺหิ, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (เถรคา. ๓๓๒, ๕๖๒) –
อุทานํ ¶ อุทาเนตฺวา ‘‘กึ นุ โข เม กตฺวา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ โอโลเกนฺโต ‘‘ปทุมุตฺตรปาทมูเล ปตฺถนํ เปสิ’’นฺติ ตฺวา ปุน ‘‘สํสาเร สํสรนฺโต อสุกสฺมึ นาม กาเล พาราณสิยํ สุมนเสฏฺึ นิสฺสาย ชีวนฺโต อนฺนภาโร นาม อโหสิ’’นฺติปิ ตฺวา –
‘‘อนฺนภาโร ¶ ปุเร อาสึ, ทลิทฺโท ติณหารโก;
ปิณฺฑปาโต มยา ทินฺโน, อุปริฏฺสฺส ตาทิโน’’ติ. –
อาห ¶ . อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โย โส ตทา มยา อุปริฏฺสฺส ทินฺนปิณฺฑปาตโต กหาปเณ ทตฺวา ปตฺตึ อคฺคเหสิ, มม สหายโก สุมนเสฏฺิ กหํ นุ โข โส เอตรหิ นิพฺพตฺโต’’ติ. อถ นํ ‘‘วิฺฌาฏวิยํ ปพฺพตปาเท มุณฺฑนิคโม นาม อตฺถิ, ตตฺถ มหามุณฺฑสฺส นาม อุปาสกสฺส มหาสุมโน จูฬสุมโนติ ทฺเว ปุตฺตา, เตสุ โส จูฬสุมโน หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ อทฺทส. ทิสฺวา จ ปน จินฺเตสิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข ตตฺถ มยิ คเต อุปกาโร, นตฺถี’’ติ. โส อุปธาเรนฺโต อิทํ อทฺทส ‘‘โส ตตฺถ มยิ คเต สตฺตวสฺสิโกว นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสติ, ขุรคฺเคเยว จ อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ. ทิสฺวา จ ปน อุปกฏฺเ อนฺโตวสฺเส อากาเสน คนฺตฺวา คามทฺวาเร โอตริ. มหามุณฺโฑ ปน อุปาสโก เถรสฺส ปุพฺเพปิ วิสฺสาสิโก เอว. โส เถรํ ปิณฺฑปาตกาเล จีวรํ ปารุปนฺตํ ทิสฺวา ปุตฺตํ มหาสุมนํ อาห – ‘‘ตาต, อยฺโย, เม อนุรุทฺธตฺเถโร อาคโต, ยาวสฺส อฺโ โกจิ ปตฺตํ น คณฺหาติ, ตาวสฺส คนฺตฺวา ปตฺตํ คณฺห, อหํ อาสนํ ปฺาเปสฺสามี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. อุปาสโก เถรํ อนฺโตนิเวสเน สกฺกจฺจํ ปริวิสิตฺวา เตมาสํ วสนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหิ, เถโรปิ อธิวาเสสิ.
อถ นํ เอกทิวสํ ปฏิชคฺคนฺโต วิย ¶ เตมาสํ ปฏิชคฺคิตฺวา มหาปวารณาย ติจีวรฺเจว คุฬเตลตณฺฑุลาทีนิ จ อาหริตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘อลํ, อุปาสก, น เม อิมินา อตฺโถ’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, วสฺสาวาสิกลาโภ นาเมส, คณฺหถ น’’นฺติ? ‘‘น คณฺหามิ, อุปาสกา’’ติ. ‘‘กิมตฺถํ น คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘มยฺหํ สนฺติเก กปฺปิยการโก สามเณโรปิ นตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มม ปุตฺโต มหาสุมโน สามเณโร ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘น เม, อุปาสก, มหาสุมเนนตฺโถ’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, จูฬสุมนํ ปพฺพาเชถา’’ติ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา จูฬสุมนํ ปพฺพาเชสิ. โส ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เถโร เตน สทฺธึ อฑฺฒมาสมตฺตํ ตตฺเถว วสิตฺวา ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ตสฺส าตเก อาปุจฺฉิตฺวา อากาเสเนว คนฺตฺวา หิมวนฺตปเทเส อรฺกุฏิกาย โอตริ.
เถโร ¶ ปน ปกติยาปิ อารทฺธวีริโย, ตสฺส ตตฺถ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ จงฺกมนฺตสฺส อุทรวาโต สมุฏฺหิ. อถ นํ กิลนฺตรูปํ ทิสฺวา สามเณโร ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, กึ โว รุชฺชตี’’ติ? ‘‘อุทรวาโต เม สมุฏฺิโต’’ติ ¶ . ‘‘อฺทาปิ สมุฏฺิตปุพฺโพ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘เกน ผาสุกํ โหติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อโนตตฺตโต ปานีเย ลทฺเธ ผาสุกํ โหติ, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อาหรามี’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสสิ สามเณรา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ อโนตตฺเต ปนฺนโค นาม นาคราชา มํ ชานาติ, ตสฺส อาจิกฺขิตฺวา เภสชฺชตฺถาย เอกํ ปานียวารกํ อาหราติ. โส สาธูติ อุปชฺฌายํ วนฺทิตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปฺจโยชนสตํ านํ อคมาสิ ¶ . ตํ ทิวสํ ปน นาคราชา นาคนาฏกปริวุโต อุทกกีฬํ กีฬิตุกาโม โหติ. โส สามเณรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว กุชฺฌิ, ‘‘อยํ มุณฺฑกสมโณ อตฺตโน ปาทปํสุํ มม มตฺถเก โอกิรนฺโต วิจรติ, อโนตตฺเต ปานียตฺถาย อาคโต ภวิสฺสติ, น ทานิสฺส ปานียํ ทสฺสามี’’ติ ปณฺณาสโยชนิกํ อโนตตฺตทหํ มหาปาติยา อุกฺขลึ ปิทหนฺโต วิย ผเณน ปิทหิตฺวา นิปชฺชิ. สามเณโร นาคราชสฺส อาการํ โอโลเกตฺวาว ‘‘กุทฺโธ อย’’นฺติ ตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุโณหิ เม นาคราช, อุคฺคเตช มหพฺพล;
เทหิ เม ปานียฆฏํ, เภสชฺชตฺถมฺหิ อาคโต’’ติ.
ตํ สุตฺวา นาคราชา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปุรตฺถิมสฺมึ ทิสาภาเค, คงฺคา นาม มหานที;
มหาสมุทฺทมปฺเปติ, ตโต ตฺวํ ปานียํ หรา’’ติ.
ตํ สุตฺวา สามเณโร ‘‘อยํ นาคราชา อตฺตโน อิจฺฉาย น ทสฺสติ, อหํ พลกฺการํ กตฺวา อานุภาวํ ชานาเปตฺวา อิมํ อภิภวิตฺวาว ปานียํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘มหาราช ¶ , อุปชฺฌาโย มํ อโนตตฺตโตว ปานียํ อาหราเปติ, เตนาหํ อิทเมว หริสฺสามิ, อเปหิ, มา มํ วาเรหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิโตว ปานียํ หาสฺสํ, อิมินาวมฺหิ อตฺถิโก;
ยทิ เต ถามพลํ อตฺถิ, นาคราช นิวารยา’’ติ.
อถ ¶ นํ นาคราชา อาห –
‘‘สามเณร สเจ อตฺถิ, ตว วิกฺกม โปริสํ;
อภินนฺทามิ เต วาจํ, หรสฺสุ ปานียํ มมา’’ติ.
อถ ¶ นํ สามเณโร ‘‘เอวํ, มหาราช, หรามี’’ติ วตฺวา ‘‘ยทิ สกฺโกนฺโต หราหี’’ติ วุตฺเต – ‘‘เตน หิ สุฏฺุ ชานสฺสู’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ คเหตฺวา ‘‘พุทฺธสาสนสฺส อานุภาวํ ทสฺเสตฺวา มยา ปานียํ หริตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อากาสฏฺเทวตานํ ตาว สนฺติกํ อคมาสิ. ตา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา อฏฺํสุ. ‘‘เอตสฺมึ อโนตตฺตทหปิฏฺเ ปนฺนคนาคราเชน สทฺธึ มม สงฺคาโม ภวิสฺสติ, ตตฺถ คนฺตฺวา ชยปราชยํ โอโลเกถา’’ติ อาห. โส เอเตเนว นีหาเรน จตฺตาโร โลกปาเล สกฺกสุยามสนฺตุสิตปรนิมฺมิตวสวตฺตี จ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตโต ปรํ ปฏิปาฏิยา ยาว พฺรหฺมโลกํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตตฺถ พฺรหฺเมหิ อาคนฺตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา ิเตหิ ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ ปุฏฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เอวํ โส อสฺเ จ อรูปิพฺรหฺมาโน จ เปตฺวา สพฺพตฺถ มุหุตฺเตเนว อาหิณฺฑิตฺวา อาโรเจสิ. ตสฺส วจนํ สุตฺวา สพฺพาปิ เทวตา อโนตตฺตทหปิฏฺเ นาฬิยํ ปกฺขิตฺตานิ ปิฏฺจุณฺณานิ วิย อากาสํ นิรนฺตรํ ปูเรตฺวา สนฺนิปตึสุ. สนฺนิปติเต เทวสงฺเฆ สามเณโร อากาเส ตฺวา นาคราชํ อาห –
‘‘สุโณหิ เม นาคราช, อุคฺคเตช มหพฺพล;
เทหิ เม ปานียฆฏํ, เภสชฺชตฺถมฺหิ อาคโต’’ติ.
อถ นํ นาโค อาห –
‘‘สามเณร สเจ อตฺถิ, ตว วิกฺกม โปริสํ;
อภินนฺทามิ เต วาจํ, หรสฺสุ ปานียํ มมา’’ติ.
โส ติกฺขตฺตุํ นาคราชสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา อากาเส ิตโกว ทฺวาทสโยชนิกํ พฺรหฺมตฺตภาวํ มาเปตฺวา อากาสโต โอรุยฺห นาคราชสฺส ผเณ อกฺกมิตฺวา อโธมุขํ นิปฺปีเฬสิ, ตาวเทว พลวตา ปุริเสน อกฺกนฺตอลฺลจมฺมํ วิย นาคราชสฺส ผเณ อกฺกนฺตมตฺเต โอคลิตฺวา ทพฺพิมตฺตา ผณปุฏกา อเหสุํ. นาคราชสฺส ผเณหิ มุตฺตมุตฺตฏฺานโต ตาลกฺขนฺธปมาณา ¶ อุทกวฏฺฏิโย อุคฺคฺฉึสุ. สามเณโร อากาเสเยว ปานียวารกํ ¶ ปูเรสิ. เทวสงฺโฆ สาธุการมทาสิ. อถ นาคราชา ¶ ลชฺชิตฺวา สามเณรสฺส กุชฺฌิ, ชยกุสุมวณฺณานิสฺส อกฺขีนิ อเหสุํ. โส ‘‘อยํ มํ เทวสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา ปานียํ คเหตฺวา ลชฺชาเปสิ, เอตํ คเหตฺวา มุเข หตฺถํ ปกฺขิปิตฺวา หทยมํสํ วาสฺส มทฺทามิ, ปาเท วา นํ คเหตฺวา ปารคงฺคายํ ขิปามี’’ติ เวเคน อนุพนฺธิ. อนุพนฺธนฺโตปิ นํ ปาปุณิตุํ นาสกฺขิเยว. สามเณโร คนฺตฺวา อุปชฺฌายสฺส หตฺเถ ปานียํ เปตฺวา ‘‘ปิวถ, ภนฺเต’’ติ อาห. นาคราชาปิ ปจฺฉโต อาคนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต อนุรุทฺธ, สามเณโร มยา อทินฺนเมว ปานียํ คเหตฺวา อาคโต, มา ปิวิตฺถา’’ติ อาห. เอวํ กิร สามเณราติ. ‘‘ปิวถ, ภนฺเต, อิมินา เม ทินฺนํ ปานียํ อาหฏ’’นฺติ อาห. เถโร ‘‘ขีณาสวสามเณรสฺส มุสากถนํ นาม นตฺถี’’ติ ตฺวา ปานียํ ปิวิ. ตงฺขณฺเวสฺส อาพาโธ ปฏิปสฺสมฺภิ. ปุน นาโค เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, สามเณเรนมฺหิ สพฺพํ เทวคณํ สนฺนิปาเตตฺวา ลชฺชาปิโต, อหมสฺส หทยํ วา ผาเลสฺสามิ, ปาเท วา นํ คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิปิสฺสามี’’ติ. มหาราช, สามเณโร มหานุภาโว, ตุมฺเห สามเณเรน สทฺธึ สงฺคาเมตุํ น สกฺขิสฺสถ ¶ , ขมาเปตฺวา นํ คจฺฉถาติ. โส สยมฺปิ สามเณรสฺส อานุภาวํ ชานาติเยว, ลชฺชาย ปน อนุพนฺธิตฺวา อาคโต. อถ นํ เถรสฺส วจเนน ขมาเปตฺวา เตน สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ กตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อโนตตฺตอุทเกน อตฺเถ สติ ตุมฺหากํ อาคมนกิจฺจํ นตฺถิ, มยฺหํ ปหิเณยฺยาถ, อหเมว อาหริตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
เถโรปิ สามเณรํ อาทาย ปายาสิ. สตฺถา เถรสฺส อาคมนภาวํ ตฺวา มิคารมาตุปาสาเท เถรสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. ภิกฺขูปิ เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสุํ. อเถกจฺเจ สามเณรํ สีเสปิ กณฺเณสุปิ พาหายมฺปิ คเหตฺวา สฺจาเลตฺวา ‘‘กึ, สามเณร จูฬกนิฏฺ, น อุกฺกณฺิโตสี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ กิริยํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ภาริยํ วติเมสํ ภิกฺขูนํ กมฺมํ อาสีวิสํ คีวาย คณฺหนฺตา วิย สามเณรํ คณฺหนฺติ, นาสฺส อานุภาวํ ชานนฺติ, อชฺช มยา สุมนสามเณรสฺส คุณํ ปากฏํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, อโนตตฺตอุทเกนมฺหิ ปาเท โธวิตุกาโม ¶ , สามเณรานํ ฆฏํ ทตฺวา ปานียํ อาหราเปหี’’ติ. เถโร วิหาเร ปฺจมตฺตานิ ¶ สามเณรสตานิ สนฺนิปาเตสิ. เตสุ สุมนสามเณโร สพฺพนวโก อโหสิ. เถโร สพฺพมหลฺลกํ สามเณรํ อาห – ‘‘สามเณร, สตฺถา อโนกตฺตทหอุทเกน ปาเท โธวิตุกาโม, ฆฏํ อาทาย คนฺตฺวา ปานียํ อาหรา’’ติ. โส ‘‘น สกฺโกมิ, ภนฺเต’’ติ น อิจฺฉิ. เถโร เสเสปิ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉิ, เตปิ ตเถว วตฺวา ปฏิกฺขิปึสุ. ‘‘กึ ปเนตฺถ ขีณาสวสามเณรา นตฺถี’’ติ? อตฺถิ, เต ปน ‘‘นายํ อมฺหากํ พทฺโธ ¶ มาลาปุโฏ, สุมนสามเณรสฺเสว พทฺโธ’’ติ น อิจฺฉึสุ, ปุถุชฺชนา ปน อตฺตโน อสมตฺถตาเยว น อิจฺฉึสุ. ปริโยสาเน ปน สุมนสฺส วาเร สมฺปตฺเต, ‘‘สามเณร, สตฺถา อโนตตฺตทหอุทเกน ปาเท โธวิตุกาโม, กุฏํ อาทาย กิร อุทกํ อาหรา’’ติ อาห. โส ‘‘สตฺถริ อาหราเปนฺเต อาหริสฺสามี’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อโนตตฺตโต กิร มํ อุทกํ อาหาราเปถา’’ติ อาห. ‘‘อาม, สุมนา’’ติ. โส วิสาขาย การิเตสุ ฆนสุวณฺณโกฏฺฏิเมสุ เสนาสนกุเฏสุ เอกํ สฏฺิกุฏอุทกคณฺหนกํ มหาฆฏํ หตฺเถน คเหตฺวา ‘‘อิมินา เม อุกฺขิปิตฺวา อํสกูเฏ ปิเตน อตฺโถ นตฺถี’’ติ โอลมฺพกํ กตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา หิมวนฺตาภิมุโข ปกฺขนฺทิ.
นาคราชา สามเณรํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา กุฏํ ¶ อํสกูเฏน อาทาย, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห มาทิเส ทาเส วิชฺชมาเน กสฺมา สยํ อาคตา, อุทเกนตฺเถ สติ กสฺมา สาสนมตฺตมฺปิ น ปหิณถา’’ติ กุเฏน อุทกํ อาทาย สยํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘ปุรโต โหถ, ภนฺเต, อหเมว อาหริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ติฏฺถ ตุมฺเห, มหาราช, อหเมว สมฺมาสมฺพุทฺเธน อาณตฺโต’’ติ นาคราชานํ นิวตฺตาเปตฺวา กุฏํ มุขวฏฺฏิยํ หตฺเถน คเหตฺวา อากาเสนาคฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาคจฺฉนฺตํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, สามเณรสฺส ลีลํ, อากาเส หํสราชา วิย โสภตี’’ติ อาห. โสปิ ปานียฆฏํ เปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กติวสฺโสสิ ตฺวํ, สุมนา’’ติ? ‘‘สตฺตวสฺโสมฺหิ, ภนฺเตติ. ‘‘เตน หิ, สุมน, อชฺช ปฏฺาย ภิกฺขุ โหหี’’ติ วตฺวา ทายชฺชอุปสมฺปทํ อทาสิ. ทฺเวเยว ¶ กิร สามเณรา สตฺตวสฺสิกา อุปสมฺปทํ ลภึสุ – อยฺจ สุมโน โสปาโก จาติ.
เอวํ ตสฺมึ อุปสมฺปนฺเน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อจฺฉริยํ อาวุโส, เอวรูโป หิ นาม ทหรสามเณรสฺส อานุภาโว โหติ, น โน อิโต ปุพฺเพ เอวรูโป อานุภาโว ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มม สาสเน ทหโรปิ สมฺมา ปฏิปนฺโน เอวรูปํ ¶ สมฺปตฺตึ ลภติเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย หเว ทหโร ภิกฺขุ, ยฺุชติ พุทฺธสาสเน;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยฺุชตีติ ฆฏติ วายมติ. ปภาเสตีติ โส ภิกฺขุ อตฺตโน อรหตฺตมคฺคาเณน อพฺภาทีหิ มุตฺโต จนฺทิมา วิย โลกํ ขนฺธาทิเภทํ โลกํ โอภาเสติ, เอกาโลกํ กโรตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สุมนสามเณรวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
ภิกฺขุวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจวีสติโม วคฺโค.
๒๖. พฺราหฺมณวคฺโค
๑. ปสาทพหุลพฺราหฺมณวตฺถุ
ฉินฺท ¶ ¶ ¶ โสตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปสาทพหุลํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร พฺราหฺมโณ ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต อตฺตโน เคเห โสฬสมตฺตานํ ภิกฺขูนํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปตฺวา ภิกฺขูนํ อาคตเวลาย ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘อาคจฺฉนฺตุ โภนฺโต อรหนฺโต, นิสีทนฺตุ โภนฺโต อรหนฺโต’’ติ ยํกิฺจิ วทนฺโต อรหนฺตวาทปฏิสํยุตฺตเมว วทติ. เตสุ ปุถุชฺชนา ‘‘อยํ อมฺเหสุ อรหนฺตสฺี’’ติ จินฺตยึสุ, ขีณาสวา ‘‘อยํ โน ขีณาสวภาวํ ชานาตี’’ติ. เอวํ เต สพฺเพปิ กุกฺกุจฺจายนฺตา ตสฺส เคหํ นาคมึสุ. โส ทุกฺขี ทุมฺมโน ‘‘กินฺนุ โข, อยฺยา, นาคจฺฉนฺตี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘กึ เอตํ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ตสฺมึ อตฺเถ อาโรจิเต ‘‘สาทิยถ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อรหนฺตวาท’’นฺติ อาห. ‘‘น สาทิยาม มยํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต มนุสฺสานํ เอตํ ปสาทภฺํ, อนาปตฺติ ¶ , ภิกฺขเว, ปสาทภฺเ, อปิ จ โข ปน พฺราหฺมณสฺส อรหนฺเตสุ อธิมตฺตํ เปมํ, ตสฺมา ตุมฺเหหิปิ ตณฺหาโสตํ เฉตฺวา อรหตฺตเมว ปตฺตุํ ยุตฺต’’นฺติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ฉินฺท โสตํ ปรกฺกมฺม, กาเม ปนุท พฺราหฺมณ;
สงฺขารานํ ขยํ ตฺวา, อกตฺูสิ พฺราหฺมณา’’ติ.
ตตฺถ ปรกฺกมฺมาติ ตณฺหาโสตํ นาม น อปฺปมตฺตเกน วายาเมน ฉินฺทิตุํ สกฺกา, ตสฺมา าณสมฺปยุตฺเตน มหนฺเตน ปรกฺกเมน ปรกฺกมิตฺวา ตํ โสตํ ฉินฺท. อุโภปิ กาเม ปนุท นีหร. พฺราหฺมณาติ ขีณาสวานํ อาลปนเมตํ. สงฺขารานนฺติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ขยํ ชานิตฺวา. อกตฺูติ เอวํ สนฺเต ตฺวํ สุวณฺณาทีสุ เกนจิ อกตสฺส นิพฺพานสฺส ชานนโต อกตฺู นาม โหสีติ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปสาทพหุลพฺราหฺมณวตฺถุ ปมํ.
๒. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
ยทา ¶ ทฺวเยสูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ¶ ตึสมตฺตา ทิสาวาสิกา ภิกฺขู อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สาริปุตฺตตฺเถโร เตสํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ิตโกว อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ทฺเว ธมฺมาติ วุจฺจนฺติ, กตเม นุ โข ทฺเว ธมฺมา’’ติ? อถ นํ สตฺถา ‘‘ทฺเว ธมฺมาติ โข, สาริปุตฺต, สมถวิปสฺสนา วุจฺจนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยทา ทฺวเยสุ ธมฺเมสุ, ปารคู โหติ พฺราหฺมโณ;
อถสฺส สพฺเพ สํโยคา, อตฺถํ คจฺฉนฺติ ชานโต’’ติ.
ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล ทฺวิธา ิเตสุ สมถวิปสฺสนาธมฺเมสุ อภิฺาปารคาทิวเสน อยํ ขีณาสโว ปารคู โหติ, อถสฺส วฏฺฏสฺมึ สํโยชนสมตฺถา สพฺเพ กามโยคาทโย สํโยคา เอวํ ชานนฺตสฺส อตฺถํ ปริกฺขยํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. มารวตฺถุ
ยสฺส ปารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิเรกสฺมึ ทิวเส อฺตโร ปุริโส วิย หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต ¶ , ปารํ ปารนฺติ วุจฺจติ, กินฺนุ โข เอตํ ปารํ นามา’’ติ. สตฺถา ‘‘มาโร อย’’นฺติ วิทิตฺวา, ‘‘ปาปิม, กึ ตว ปาเรน, ตฺหิ วีตราเคหิ ปตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ปารํ อปารํ วา, ปาราปารํ น วิชฺชติ;
วีตทฺทรํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ปารนฺติ อชฺฌตฺติกานิ ฉ อายตนานิ. อปารนฺติ พาหิรานิ ฉ อายตนานิ. ปาราปารนฺติ ตทุภยํ. น วิชฺชตีติ ยสฺส สพฺพมฺเปตํ ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา คหณาภาเวน นตฺถิ, ตํ กิเลสทรถานํ วิคเมน วีตทฺทรํ สพฺพกิเลเสหิ วิสํยุตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มารวตฺถุ ตติยํ.
๔. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ
ฌายินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา อตฺตโน สาวเก, ‘พฺราหฺมณา’ติ ¶ วทติ, อหฺจมฺหิ ชาติโคตฺเตน พฺราหฺมโณ, มมฺปิ นุ โข เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘นาหํ ชาติโคตฺตมตฺเตน พฺราหฺมณํ วทามิ, อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ อนุปฺปตฺตเมว ปเนวํ วทามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ฌายึ วิรชมาสีนํ, กตกิจฺจมนาสวํ;
อุตฺตมตฺถมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ฌายินฺติ ทุวิเธน ฌาเนน ฌายนฺตํ กามรเชน วิรชํ วเน เอกกมาสีนํ จตูหิ มคฺเคหิ โสฬสนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตา กตกิจฺจํ อาสวานํ อภาเวน อนาสวํ อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ อนุปฺปตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อานนฺทตฺเถรวตฺถุ
ทิวา ¶ ตปตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา มิคารมาตุปาสาเท วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ปเสนทิ โกสโล กิร มหาปวารณาย สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต ¶ คนฺธมาลาทีนิ อาทาย วิหารํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ กาฬุทายิตฺเถโร ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน โหติ, นามเมว ปนสฺเสตํ, สรีรํ สุวณฺณวณฺณํ. ตสฺมึ ปน ขเณ จนฺโท อุคฺคจฺฉติ, สูริโย อตฺถเมติ. อานนฺทตฺเถโร อตฺถเมนฺตสฺส จ สูริยสฺส อุคฺคจฺฉนฺตสฺส จ จนฺทสฺส โอภาสํ โอโลเกนฺโต รฺโ สรีโรภาสํ เถรสฺส สรีโรภาสํ ตถาคตสฺส จ สรีโรภาสํ โอโลเกสิ. ตตฺถ สพฺโพภาเส อติกฺกมิตฺวา สตฺถาว วิโรจติ. เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช มม อิเม โอภาเส โอโลเกนฺตสฺส ตุมฺหากเมว โอภาโส รุจฺจติ. ตุมฺหากฺหิ สรีรํ สพฺโพภาเส อติกฺกมิตฺวา วิโรจตี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา, ‘‘อานนฺท, สูริโย นาม ทิวา วิโรจติ, จนฺโท รตฺตึ, ราชา อลงฺกตกาเลเยว, ขีณาสเว คณสงฺคณิกํ ปหาย อนฺโตสมาปตฺติยํเยว วิโรจติ, พุทฺธา ปน รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ปฺจวิเธน เตเชน วิโรจนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ, รตฺติมาภาติ จนฺทิมา;
สนฺนทฺโธ ขตฺติโย ตปติ, ฌายี ตปติ พฺราหฺมโณ;
อถ สพฺพมโหรตฺตึ, พุทฺโธ ตปติ เตชสา’’ติ.
ตตฺถ ทิวา ตปตีติ ทิวา วิโรจติ, รตฺตึ ปนสฺส คตมคฺโคปิ น ปฺายติ. จนฺทิมาติ จนฺโทปิ ¶ อพฺภาทีหิ วิมุตฺโต รตฺติเมว วิโรจติ, โน ทิวา. สนฺนทฺโธติ สุวณฺณมณิวิจิตฺเตหิ สพฺพาภรเณหิ ปฏิมณฺฑิโต จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริกฺขิตฺโตว ราชา วิโรจติ, น อฺาตกเวเสน ิโต. ฌายีติ ขีณาสโว ปน คณํ วิโนเทตฺวา ฌายนฺโตว วิโรจติ. เตชสาติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน สีลเตเชน ทุสฺสีลฺยเตชํ, คุณเตเชน นิคฺคุณเตชํ, ปฺาเตเชน ¶ ทุปฺปฺเตชํ, ปฺุเตเชน ¶ อปฺุเตชํ, ธมฺมเตเชน อธมฺมเตชํ ปริยาทิยิตฺวา อิมินา ปฺจวิเธน เตชสา นิจฺจกาลเมว วิโรจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อานนฺทตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อฺตรพฺราหฺมณปพฺพชิตวตฺถุ
พาหิตปาโปติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณปพฺพชิตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร พฺราหฺมโณ พาหิรกปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก ‘ปพฺพชิตา’ติ วทติ, อหฺจมฺหิ ¶ ปพฺพชิโต, มมฺปิ โข เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘นาหํ เอตฺตเกน ‘ปพฺพชิโต’ติ วทามิ, กิเลสมลานํ ปน ปพฺพาชิตตฺตา ปพฺพชิโต นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘พาหิตปาโปติ พฺราหฺมโณ, สมจริยา สมโณติ วุจฺจติ;
ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ปพฺพชิโตติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ สมจริยาติ สพฺพากุสลานิ สเมตฺวา จรเณน. ตสฺมาติ ยสฺมา พาหิตปาปตาย พฺราหฺมโณ, อกุสลานิ สเมตฺวา จรเณน สมโณติ วุจฺจติ, ตสฺมา โย อตฺตโน ราคาทิมลํ ปพฺพาชยนฺโต วิโนเทนฺโต จรติ, โสปิ เตน ปพฺพาชเนน ปพฺพชิโตติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมณปพฺพชิโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อฺตรพฺราหฺมณปพฺพชิตวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
น ¶ ¶ พฺราหฺมณสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมึ กิร าเน สมฺพหุลา มนุสฺสา ‘‘อโห อมฺหากํ ¶ , อยฺโย, ขนฺติพเลน สมนฺนาคโต, อฺเสุ อกฺโกสนฺเตสุ วา ปหรนฺเตสุ วา โกปมตฺตมฺปิ นตฺถี’’ติ เถรสฺส คุเณ กถยึสุ. อเถโก มิจฺฉาทิฏฺิโก พฺราหฺมโณ ‘‘โก เอส น กุชฺฌตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺหากํ เถโร’’ติ. ‘‘นํ กุชฺฌาเปนฺโต น ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘นตฺเถตํ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘เตน หิ อหํ นํ กุชฺฌาเปสฺสามี’’ติ? ‘‘สเจ สกฺโกสิ, กุชฺฌาเปหี’’ติ. โส ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิสฺส กตฺตพฺพ’’นฺติ เถรํ ภิกฺขาย ปวิฏฺํ ทิสฺวา ปจฺฉาภาเคน คนฺตฺวา ปิฏฺิมชฺเฌ มหนฺตํ ปาณิปฺปหารมทาสิ. เถโร ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ อโนโลเกตฺวาว คโต. พฺราหฺมณสฺส สกลสรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘อโห คุณสมฺปนฺโน, อยฺโย’’ติ เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมถ เม, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘กึ เอต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ วีมํสนตฺถาย ตุมฺเห ปหริ’’นฺติ อาห. ‘‘โหตุ ขมามิ เต’’ติ. ‘‘สเจ เม, ภนฺเต, ขมถ, มม เคเหเยว นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ เถรสฺส ปตฺตํ คณฺหิ, เถโรปิ ปตฺตํ อทาสิ. พฺราหฺมโณ เถรํ เคหํ เนตฺวา ปริวิสิ.
มนุสฺสา กุชฺฌิตฺวา ‘‘อิมินา อมฺหากํ นิรปราโธ อยฺโย ปหโฏ, ทณฺเฑนปิสฺส โมกฺโข นตฺถิ, เอตฺเถว นํ มาเรสฺสามา’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทิหตฺถา พฺราหฺมณสฺส เคหทฺวาเร อฏฺํสุ. เถโร อุฏฺาย คจฺฉนฺโต พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ ปตฺตํ อทาสิ. มนุสฺสา ตํ เถเรน สทฺธึ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ คเหตฺวา พฺราหฺมณํ นิวตฺเตถา’’ติ อาหํสุ. กึ เอตํ อุปาสกาติ? พฺราหฺมเณน ¶ ตุมฺเห ปหฏา, มยมสฺส กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามาติ. กึ ปน ตุมฺเห อิมินา ปหฏา, อุทาหุ อหนฺติ? ตุมฺเห, ภนฺเตติ. ‘‘มํ เอส ปหริตฺวา ขมาเปสิ, คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ มนุสฺเส อุยฺโยเชตฺวา พฺราหฺมณํ นิวตฺตาเปตฺวา เถโร วิหารเมว คโต. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘กึ นาเมตํ สาริปุตฺตตฺเถโร เยน พฺราหฺมเณน ปหโฏ, ตสฺเสว เคเห นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คเหตฺวา อาคโต. เถรสฺส ปหฏกาลโต ปฏฺาย อิทานิ โส กสฺส ลชฺชิสฺสติ, อวเสเส โปเถนฺโต วิจริสฺสตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ¶ ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณํ ปหรนฺโต นาม นตฺถิ, คิหิพฺราหฺมเณน ปน สมณพฺราหฺมโณ ปหโฏ ภวิสฺสติ, โกโธ นาเมส อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาตํ คจฺฉตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘น ¶ พฺราหฺมณสฺส ปหเรยฺย, นาสฺส มฺุเจถ พฺราหฺมโณ;
ธี พฺราหฺมณสฺส หนฺตารํ, ตโต ธี ยสฺส มฺุจติ.
‘‘น พฺราหฺมณสฺเสตทกิฺจิ เสยฺโย, ยทา นิเสโธ มนโส ปิเยหิ;
ยโต ยโต หึสมโน นิวตฺตติ, ตโต ตโต สมฺมติเมว ทุกฺข’’นฺติ.
ตตฺถ ปหเรยฺยาติ ‘‘ขีณาสวพฺราหฺมโณหมสฺมี’’ติ ชานนฺโต ขีณาสวสฺส วา อฺตรสฺส วา ชาติพฺราหฺมณสฺส ¶ น ปหเรยฺย. นาสฺส มฺุเจถาติ โสปิ ปหโฏ ขีณาสวพฺราหฺมโณ อสฺส ปหริตฺวา ิตสฺส เวรํ น มฺุเจถ, ตสฺมึ โกปํ น กเรยฺยาติ อตฺโถ. ธี พฺราหฺมณสฺสาติ ขีณาสวพฺราหฺมณสฺส หนฺตารํ ครหามิ. ตโต ธีติ โย ปน ตํ ปหรนฺตํ ปฏิปหรนฺโต ตสฺส อุปริ เวรํ มฺุจติ, ตํ ตโตปิ ครหามิเยว.
เอตทกิฺจิ เสยฺโยติ ยํ ขีณาสวสฺส อกฺโกสนฺตํ วา อปจฺจกฺโกสนํ, ปหรนฺตํ วา อปฺปฏิปหรณํ, เอตํ ตสฺส ขีณาสวพฺราหฺมณสฺส น กิฺจิ เสยฺโย, อปฺปมตฺตกํ เสยฺโย น โหติ, อธิมตฺตเมว เสยฺโยติ อตฺโถ. ยทา นิเสโธ มนโส ปิเยหีติ โกธนสฺส หิ โกธุปฺปาโทว มนโส ปิโย นาม. โกโธ หิ ปเนส มาตาปิตูสุปิ พุทฺธาทีสุปิ อปรชฺฌติ. ตสฺมา โย อสฺส เตหิ มนโส นิเสโธ โกธวเสน อุปฺปชฺชมานสฺส จิตฺตสฺส นิคฺคโห, เอตํ น กิฺจิ เสยฺโยติ อตฺโถ. หึสมโนติ โกธมโน. โส ตสฺส ยโต ยโต วตฺถุโต อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺโต นิวตฺตติ ¶ ¶ . ตโต ตโตติ ตโต ตโต วตฺถุโต สกลมฺปิ วฏฺฏทุกฺขํ นิวตฺตติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. มหาปชาปติโคตมีวตฺถุ
ยสฺส กาเยน วาจายาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาปชาปตึ โคตมึ อารพฺภ กเถสิ.
ภควตา ¶ หิ อนุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมึ ปฺตฺเต อฏฺ ครุธมฺเม มณฺฑนกชาติโย ปุริโส สุรภิปุปฺผทามํ วิย สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สปริวารา มหาปชาปติ โคตมี อุปสมฺปทํ ลภิ, อฺโ ตสฺสา อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา นตฺถิ. เอวํ ลทฺธูปสมฺปทํ เถรึ อารพฺภ อปเรน สมเยน กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘มหาปชาปติยา โคตมิยา อาจริยุปชฺฌายา น ปฺายนฺติ, สหตฺเถเนว กาสายานิ คณฺหี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ภิกฺขุนิโย กุกฺกุจฺจายนฺติโย ตาย สทฺธึ เนว อุโปสถํ น ปวารณํ กโรนฺติ, ตา คนฺตฺวา ตถาคตสฺสปิ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตาสํ กถํ สุตฺวา ‘‘มยา มหาปชาปติยา โคตมิยา อฏฺ ครุธมฺมา ทินฺนา, อหเมวสฺสาจริโย, อหเมว อุปชฺฌาโย. กายทุจฺจริตาทิวิรหิเตสุ ขีณาสเวสุ กุกฺกุจฺจํ นาม น กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ¶ กาเยน วาจาย, มนสา นตฺถิ ทุกฺกฏํ;
สํวุตํ ตีหิ าเนหิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ทุกฺกฏนฺติ สาวชฺชํ ทุกฺขุทฺรยํ อปายสํวตฺตนิกํ กมฺมํ. ตีหิ าเนหีติ เอเตหิ กายาทีหิ ตีหิ การเณหิ กายทุจฺจริตาทิปเวสนิวารณตฺถาย ทฺวารํ ปิหิตํ, ตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาปชาปติโคตมีวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
ยมฺหาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิรายสฺมา อสฺสชิตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ‘‘ยสฺสํ ทิสายํ เถโร วสตี’’ติ สุณาติ, ตโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ตโตว สีสํ กตฺวา นิปชฺชติ. ภิกฺขู ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิโก สาริปุตฺโต, อชฺชาปิ ทิสา นมสฺสมาโน วิจรตี’’ติ ตมตฺถํ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา เถรํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, สาริปุตฺต, ทิสา นมสฺสนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ¶ , ‘‘ภนฺเต, มม ทิสา นมสฺสนภาวํ วา อนมสฺสนภาวํ วา ¶ ตุมฺเหว ชานาถา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต ทิสา นมสฺสติ, อสฺสชิตฺเถรสฺส ปน สนฺติกา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺตตาย อตฺตโน อาจริยํ นมสฺสติ. ยฺหิ อาจริยํ นิสฺสาย ภิกฺขุ ธมฺมํ วิชานาติ, เตน โส พฺราหฺมเณน อคฺคิ วิย สกฺกจฺจํ นมสฺสิตพฺโพเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยมฺหา ธมฺมํ วิชาเนยฺย, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;
สกฺกจฺจํ ตํ นมสฺเสยฺย, อคฺคิหุตฺตํว พฺราหฺมโณ’’ติ.
ตตฺถ อคฺคิหุตฺตํวาติ ยถา พฺราหฺมโณ อคฺคิหุตฺตํ สมฺมา ปริจรเณน เจว อฺชลิกมฺมาทีหิ จ สกฺกจฺจํ นมสฺสติ, เอวํ ยมฺหา อาจริยา ตถาคตปเวทิตํ ธมฺมํ วิชาเนยฺย, ตํ สกฺกจฺจํ นมสฺเสยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
๑๐. ชฏิลพฺราหฺมณวตฺถุ
น ชฏาหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ชฏิลพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ ¶ กิร ‘‘อหํ มาติโต จ ปิติโต จ สุชาโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต. สเจ สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก พฺราหฺมณาติ วทติ, มมฺปิ นุ โข ตถา วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, ชฏามตฺเตน, น ชาติโคตฺตมตฺเตน พฺราหฺมณํ วทามิ, ปฏิวิทฺธสจฺจเมว ปนาหํ พฺราหฺมโณติ วทามี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ชฏาหิ น โคตฺเตน, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ;
ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, โส สุจี โส จ พฺราหฺมโณ’’ติ.
ตตฺถ ¶ สจฺจนฺติ ยสฺมึ ปุคฺคเล จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหากาเรหิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิตํ สจฺจาณฺเจว นววิโธ จ โลกุตฺตรธมฺโม อตฺถิ, โส สุจิ, โส พฺราหฺมโณ จาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ชฏิลพฺราหฺมณวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. กุหกพฺราหฺมณวตฺถุ
กึ เตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต เอกํ วคฺคุลิวตํ กุหกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร เวสาลินครทฺวาเร เอกํ กกุธรุกฺขํ อารุยฺห ทฺวีหิ ปาเทหิ รุกฺขสาขํ คณฺหิตฺวา อโธสิโร โอลมฺพนฺโต ‘‘กปิลานํ เม สตํ เทถ, กหาปเณ เทถ, ปริจาริกํ เทถ, โน เจ ทสฺสถ, อิโต ปติตฺวา มรนฺโต นครํ อนครํ กริสฺสามี’’ติ วทติ. ตถาคตสฺส ภิกฺขุสงฺฆปริวุตสฺส นครํ ปวิสนกาเล ภิกฺขู ตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา นิกฺขมนกาเลปิ นํ ตเถว โอลมฺพนฺตํ ปสฺสึสุ. นาคราปิ ‘‘อยํ ปาโตว ปฏฺาย เอวํ โอลมฺพนฺโต ปติตฺวา มรนฺโต นครํ อนครํ กเรยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา นครวินาสภีตา ‘‘ยํ โส ยาจติ, สพฺพํ เทมา’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อทํสุ. โส โอตริตฺวา สพฺพํ คเหตฺวา อคมาสิ. ภิกฺขู วิหารูปจาเร ตํ คาวึ วิย วิรวิตฺวา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ‘‘ลทฺธํ เต ¶ , พฺราหฺมณ, ยถาปตฺถิต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ลทฺธํ เม’’ติ สุตฺวา อนฺโตวิหารํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โส กุหกโจโร, ปุพฺเพปิ กุหกโจโรเยว อโหสิ. อิทานิ ปเนส ¶ พาลชนํ วฺเจติ, ตทา ปน ปณฺฑิเต วฺเจตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตมาหริ.
อตีเต เอกํ กาสิกคามํ นิสฺสาย เอโก กุหกตาปโส วาสํ กปฺเปสิ. ตํ เอกํ กุลํ ปฏิชคฺคิ. ทิวา อุปฺปนฺนขาทนียโภชนียโต อตฺตโน ปุตฺตานํ วิย ตสฺสปิ เอกํ โกฏฺาสํ เทติ, สายํ อุปฺปนฺนโกฏฺาสํ เปตฺวา ทุติยทิวเส เทติ. อเถกทิวสํ สายํ โคธมํสํ ลภิตฺวา สาธุกํ ปจิตฺวา ตโต โกฏฺาสํ เปตฺวา ทุติยทิวเส ตสฺส อทํสุ. ตาปโส มํสํ ขาทิตฺวาว รสตณฺหาย พทฺโธ ‘‘กึ มํสํ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โคธมํส’’นฺติ สุตฺวา ภิกฺขาย จริตฺวา สปฺปิทธิกฏุกภณฺฑาทีนิ ¶ คเหตฺวา ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ เปสิ. ปณฺณสาลาย ปน อวิทูเร เอกสฺมึ วมฺมิเก โคธราชา วิหรติ. โส กาเลน กาลํ ตาปสํ วนฺทิตุํ อาคจฺฉติ. ตํทิวสํ ปเนส ‘‘ตํ วธิสฺสามี’’ติ ทณฺฑํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ตสฺส วมฺมิกสฺส อวิทูเร าเน นิทฺทายนฺโต วิย นิสีทิ. โคธราชา วมฺมิกโต นิกฺขมิตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโตว อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘น เม อชฺช อาจริยสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ ตโตว นิวตฺติ. ตาปโส ตสฺส นิวตฺตนภาวํ ตฺวา ตสฺส ¶ มารณตฺถาย ทณฺฑํ ขิปิ, ทณฺโฑ วิรชฺฌิตฺวา คโต. โคธราชาปิ ธมฺมิกํ ปวิสิตฺวา ตโต สีสํ นีหริตฺวา อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺโต ตาปสํ อาห –
‘‘สมณํ ตํ มฺมาโน, อุปคจฺฉิมสฺตํ;
โส มํ ทณฺเฑน ปาหาสิ, ยถา อสมโณ ตถา.
‘‘กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธ, กึ เต อชินสาฏิยา;
อพฺภนฺตรํ เต คหนํ, พาหิรํ ปริมชฺชสี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๙๗-๙๘);
อถ นํ ตาปโส อตฺตโน สนฺตเกน ปโลเภตุํ เอวมาห –
‘‘เอหิ โคธ นิวตฺตสฺสุ, ภฺุช สาลีนโมทนํ;
เตลํ โลณฺจ เม อตฺถิ, ปหูตํ มยฺห ปิปฺผลี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๙๙);
ตํ ¶ สุตฺวา โคธราชา ‘‘ยถา ยถา ตฺวํ กเถสิ, ตถา ตถา เม ปลายิตุกามตาว โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอส ภิยฺโย ปเวกฺขามิ, วมฺมิกํ สตโปริสํ;
เตลํ โลณฺจ กิตฺเตสิ, อหิตํ มยฺห ปิปฺผลี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๐๐);
เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อหํ เอตฺตกํ กาลํ ตยิ สมณสฺํ อกาสึ, อิทานิ ปน เต มํ ปหริตุกามตาย ทณฺโฑ ขิตฺโต, ตสฺส ขิตฺตกาเลเยว อสมโณ ¶ ชาโต. กึ ตาทิสสฺส ทุปฺปฺสฺส ปุคฺคลสฺส ชฏาหิ, กึ สขุเรน อชินจมฺเมน. อพฺภนฺตรฺหิ เต คหนํ, เกวลํ พาหิรเมว ปริมชฺชสี’’ติ อาห. สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา เอส กุหโก ตาปโส ¶ อโหสิ, โคธราชา ปน อหเมวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ตทา โคธปณฺฑิเตน ตสฺส นิคฺคหิตการณํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธ, กึ เต อชินสาฏิยา;
อพฺภนฺตรํ เต คหนํ, พาหิรํ ปริมชฺชสี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๙๘);
ตตฺถ กึ เต ชฏาหีติ อมฺโภ ทุปฺปฺ ตว พทฺธาหิปิ อิมาหิ ชฏาหิ สขุราย นิวตฺถายปิ อิมาย อชินจมฺมสาฏิกาย จ กิมตฺโถติ. อพฺภนฺตรนฺติ อพฺภนฺตรฺหิ เต ราคาทิกิเลสคหนํ, เกวลํ หตฺถิลณฺฑํ อสฺสลณฺฑํ วิย มฏฺํ พาหิรํ ปริมชฺชสีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
กุหกพฺราหฺมณวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. กิสาโคตมีวตฺถุ
ปํสุกูลธรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต วิหรนฺโต กิสาโคตมึ อารพฺภ กเถสิ.
ตทา ¶ กิร สกฺโก ปมยามาวสาเน เทวปริสาย สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺเต สารณียธมฺมกถํ สุณนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ กิสาโคตมี ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา สกฺกํ ทิสฺวา นิวตฺติ. โส ตํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตนฺตึ ทิสฺวา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘กา นาเมสา ¶ , ภนฺเต, อาคจฺฉมานาว ตุมฺเห ทิสฺวา นิวตฺตตี’’ติ? สตฺถา ‘‘กิสาโคตมี นาเมสา, มหาราช, มม ธีตา ปํสุกูลิกตฺเถรีนํ อคฺคา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปํสุกูลธรํ ชนฺตุํ, กิสํ ธมนิสนฺถตํ;
เอกํ วนสฺมึ ฌายนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ กิสนฺติ ปํสุกูลิกา หิ อตฺตโน อนุรูปํ ปฏิปทํ ปูเรนฺตา อปฺปมํสโลหิตา เจว โหนฺติ ¶ ธมนิสนฺถตคตฺตา จ, ตสฺมา เอวมาห. เอกํ วนสฺมินฺติ วิวิตฺตฏฺาเน เอกกํ วนสฺมึ ฌายนฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
กิสาโคตมีวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
๑๓. เอกพฺราหฺมณวตฺถุ
น ¶ จาหนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก พฺราหฺมณาติ วทติ อหฺจมฺหิ พฺราหฺมณโยนิยํ นิพฺพตฺโต, มมฺปิ นุ โข เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณโยนิยํ นิพฺพตฺตมตฺเตเนวํ วทามิ, โย ปน อกิฺจโน อคหโณ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมิ, โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ;
โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน;
อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ โยนิชนฺติ โยนิยํ ชาตํ. มตฺติสมฺภวนฺติ พฺราหฺมณิยา มาตุ สนฺตเก อุทรสฺมึ สมฺภูตํ. โภวาทีติ โส ปน อามนฺตนาทีสุ ‘‘โภ, โภ’’ติ วตฺวา วิจรนฺโต โภวาทิ นาม โหติ, สเจ ราคาทีหิ ¶ กิฺจเนหิ สกิฺจโน. อหํ ปน ราคาทีหิ อกิฺจนํ จตูหิ อุปาทาเนหิ อนาทานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
เอกพฺราหฺมณวตฺถุ เตรสมํ.
๑๔. อุคฺคเสนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ
สพฺพสํโยชนนฺติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อุคฺคเสนํ นาม เสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘มฺุจ ปุเร มฺุจ ปจฺฉโต’’ติ (ธ. ป. ๓๔๘) คาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตเมว.
ตทา หิ สตฺถา, ‘‘ภนฺเต, อุคฺคเสโน ‘น ภายามี’ติ วทติ, อภูเตน มฺเ อฺํ พฺยากโรตี’’ติ ภิกฺขูหิ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสทิสา ฉินฺนสํโยชนา น ภายนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺพสํโยชนํ เฉตฺวา, โย เว น ปริตสฺสติ;
สงฺคาติคํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพสํโยชนนฺติ ทสวิธสํโยชนํ. น ปริตสฺสตีติ ตณฺหาย น ภายติ. ตมหนฺติ ตํ อหํ ราคาทีนํ สงฺคานํ อตีตตฺตา สงฺคาติคํ, จตุนฺนมฺปิ โยคานํ อภาเวน วิสํยุตฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อุคฺคเสนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ จุทฺทสมํ.
๑๕. ทฺเวพฺราหฺมณวตฺถุ
เฉตฺวา ¶ นทฺธินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว พฺราหฺมเณ อารพฺภ กเถสิ.
เตสุ ¶ กิเรกสฺส จูฬโรหิโต นาม โคโณ อโหสิ, เอกสฺส มหาโรหิโต นาม. เต เอกทิวสํ ‘‘ตว โคโณ พลวา, มม โคโณ พลวา’’ติ วิวทิตฺวา ‘‘กึ โน วิวาเทน, ปาเชตฺวา ชานิสฺสามา’’ติ อจิรวตีตีเร สกฏํ วาลุกาย ปูเรตฺวา โคเณ โยชยึสุ. ตสฺมึ ขเณ ภิกฺขูปิ นฺหายิตุํ ตตฺถ คตา โหนฺติ. พฺราหฺมณา โคเณ ปาเชสุํ. สกฏํ นิจฺจลํ อฏฺาสิ, นทฺธิวรตฺตา ปน ฉิชฺชึสุ. ภิกฺขู ทิสฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ สตฺถุ อาโรจยึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว ¶ , พาหิรา เอตา นทฺธิวรตฺตา, โย โกจิ เอตา ฉินฺทเตว, ภิกฺขุนา ปน อชฺฌตฺติกํ โกธนทฺธิฺเจว ตณฺหาวรตฺตฺจ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เฉตฺวา นทฺธึ วรตฺตฺจ, สนฺทานํ สหนุกฺกมํ;
อุกฺขิตฺตปลิฆํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ นทฺธินฺติ นยฺหนภาเวน ปวตฺตํ โกธํ. วรตฺตนฺติ พนฺธนภาเวน ปวตฺตํ ตณฺหํ. สนฺทานํ สหนุกฺกมนฺติ อนุสยานุกฺกมสหิตํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิสนฺทานํ, อิทํ สพฺพมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ิตํ อวิชฺชาปลิฆสฺส อุกฺขิตฺตตฺตา อุกฺขิตฺตปลิฆํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตฺตา พุทฺธํ ตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ทฺเวพฺราหฺมณวตฺถุ ปนฺนรสมํ.
๑๖. อกฺโกสกภารทฺวาชวตฺถุ
อกฺโกสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อกฺโกสกภารทฺวาชํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส หิ ภาตุ ภารทฺวาชสฺส ธนฺชานี นาม พฺราหฺมณี โสตาปนฺนา อโหสิ. สา ขีปิตฺวาปิ กาสิตฺวาปิ ปกฺขลิตฺวาปิ ‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. สา เอกทิวสํ พฺราหฺมณปริเวสนาย ¶ ปวตฺตมานาย ปกฺขลิตฺวา ตเถว มหาสทฺเทน อุทานํ อุทาเนสิ. พฺราหฺมโณ กุชฺฌิตฺวา ‘‘เอวเมวายํ วสลี ยตฺถ วา ตตฺถ วา ปกฺขลิตฺวา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติ ¶ วตฺวา ‘‘อิทานิ เต, วสลิ, คนฺตฺวา ตสฺส สตฺถุโน วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ สา ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, นาหํ ตํ ปสฺสามิ, โย ตสฺส ภควโต วาทํ อาโรเปยฺย, อปิ จ คนฺตฺวา ตํ ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉสฺสู’’ติ อาห. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อวนฺทิตฺวาว เอกมนฺตํ ิโต ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กึสุ ¶ เฉตฺวา สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;
กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๗);
อถสฺส ปฺหํ พฺยากโรนฺโต สตฺถา อิมํ คาถมาห –
‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;
โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ;
วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๗);
โส ¶ สตฺถริ ปสีทิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถสฺส กนิฏฺโ อกฺโกสกภารทฺวาโช ‘‘ภาตา กิร เม ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา กุทฺโธ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสิ. โสปิ สตฺถารา อติถีนํ ขาทนียาทิทานโอปมฺเมน สฺตฺโต สตฺถริ ปสนฺโน ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อปเรปิสฺส สุนฺทริกภารทฺวาโช พิลิงฺคกภารทฺวาโชติ ทฺเว กนิฏฺภาตโร สตฺถารํ อกฺโกสนฺตาว สตฺถารา วินีตา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.
อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, อจฺฉริยา วต พุทฺธคุณา, จตูสุ นาม ภาติเกสุ อกฺโกสนฺเตสุ สตฺถา กิฺจิ อวตฺวา เตสํเยว ปติฏฺา ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, อหํ มม ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา ทุฏฺเสุ อทุสฺสนฺโต มหาชนสฺส ปติฏฺา โหมิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อกฺโกสํ วธพนฺธฺจ, อทุฏฺโ โย ติติกฺขติ;
ขนฺตีพลํ พลานีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อทุฏฺโติ เอตํ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสฺจ ปาณิอาทีหิ โปถนฺจ อนฺทุพนฺธนาทีหิ พนฺธนฺจ โย อกุทฺธมานโส หุตฺวา อธิวาเสติ ¶ , ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา ขนฺติพลํ, ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา อนีกภูเตน เตเนว ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา พลานีกํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อกฺโกสกภารทฺวาชวตฺถุ โสฬสมํ.
๑๗. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อกฺโกธนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ตทา กิร เถโร ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย จรนฺโต นาลกคาเม มาตุ ฆรทฺวารํ อคมาสิ. อถ นํ สา นิสีทาเปตฺวา ปริวิสมานา อกฺโกสิ – ‘‘อมฺโภ, อุจฺฉิฏฺขาทก อุจฺฉิฏฺกฺชิยํ อลภิตฺวา ปรฆเรสุ อุฬุงฺกปิฏฺเน ฆฏฺฏิตกฺชิยํ ปริภฺุชิตุํ อสีติโกฏิธนํ ปหาย ปพฺพชิโตสิ, นาสิตมฺหา ตยา, ภฺุชาหิ ทานี’’ติ. ภิกฺขูนมฺปิ ภตฺตํ ททมานา ¶ ‘‘ตุมฺเหหิ มม ปุตฺโต อตฺตโน จูฬุปฏฺาโก กโต, อิทานิ ภฺุชถา’’ติ วเทติ. เถโร ภิกฺขํ คเหตฺวา วิหารเมว อคมาสิ. อถายสฺมา ราหุโล สตฺถารํ ปิณฺฑปาเตน อาปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ราหุล, กหํ คมิตฺถา’’ติ? ‘‘อยฺยิกาย คามํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน เต อยฺยิกาย อุปชฺฌาโย วุตฺโต’’ติ? ‘‘อยฺยิกาย เม, ภนฺเต, อุปชฺฌาโย อกฺกุฏฺโ’’ติ. ‘‘กินฺติ วตฺวา’’ติ? ‘‘อิทํ นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อุปชฺฌาเยน ปน เต กึ วุตฺต’’นฺติ? ‘‘น กิฺจิ, ภนฺเต’’ติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, อจฺฉริยา วต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส คุณา, เอวํนามสฺส มาตริ อกฺโกสนฺติยา โกธมตฺตมฺปิ นาโหสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม อกฺโกธนาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อกฺโกธนํ วตวนฺตํ, สีลวนฺตํ อนุสฺสทํ;
ทนฺตํ อนฺติมสารีรํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ วตวนฺตนฺติ ธุตวเตน, สมนฺนาคตํ จตุปาริสุทฺธิสีเลน สีลวนฺตํ, ตณฺหาอุสฺสทาภาเวน อนุสฺสทํ ¶ , ฉฬินฺทฺริยทมเนน ทนฺตํ, โกฏิยํ ิเตน อตฺตภาเวน อนฺติมสรีรํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ สตฺตรสมํ.
๑๘. อุปฺปลวณฺณาเถรีวตฺถุ
วาริ โปกฺขรปตฺเตวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปฺปลวณฺณเถรึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘มธุวา มฺติ พาโล’’ติ คาถาวณฺณนาย (ธ. ป. ๖๙) วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๖๙) –
อปเรน สมเยน มหาชโน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘ขีณาสวาปิ มฺเ กามสุขํ สาทิยนฺติ, กามํ เสวนฺติ, กึ น เสวิสฺสนฺติ. น เหเต โกฬาปรุกฺขา, น จ วมฺมิกา, อลฺลมํสสรีราว, ตสฺมา เอเตปิ กามสุขํ สาทิยนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ขีณาสวา กามสุขํ สาทิยนฺติ, น กามํ เสวนฺติ. ยถา หิ ปทุมปตฺเต ปติตํ อุทกพินฺทุ น ลิมฺปติ น สณฺาติ, วินิวตฺติตฺวา ปน ปตเตว. ยถา จ อารคฺเค สาสโป น อุปลิมฺปติ น สณฺาติ, วินิวตฺติตฺวา ปตเตว, เอวํ ขีณาสวสฺส ¶ จิตฺเต ทุวิโธปิ กาโม น ลิมฺปติ น สณฺาตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘วาริ โปกฺขรปตฺเตว, อารคฺเคริว สาสโป;
โย น ลิมฺปติ กาเมสุ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ โย น ลิมฺปตีติ เอวเมวํ โย อพฺภนฺตเร ทุวิเธปิ กาเม น อุปลิมฺปติ, ตสฺมึ กาเม น สณฺาติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อุปฺปลวณฺณาเถรีวตฺถุ อฏฺารสมํ.
๑๙. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ
โย ¶ ¶ ทุกฺขสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส กิเรโก ทาโส อปฺตฺเต สิกฺขาปเท ปลายิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. พฺราหฺมโณ ตํ โอโลเกนฺโต อทิสฺวา เอกทิวสํ สตฺถารา สทฺธึ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทฺวารนฺตเร ทิสฺวา จีวรํ ทฬฺหํ อคฺคเหสิ. สตฺถา นิวตฺติตฺวา ‘‘กึ อิทํ, พฺราหฺมณา’’ติ ปุจฺฉิ. ทาโส เม, โภ โคตมาติ ¶ . ปนฺนภาโร เอส, พฺราหฺมณาติ. ‘‘ปนฺนภาโร’’ติ จ วุตฺเต พฺราหฺมโณ ‘‘อรหา’’ติ สลฺลกฺเขสิ. ตสฺมา ปุนปิ เตน ‘‘เอวํ, โภ โคตมา’’ติ วุตฺเต สตฺถา ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ปนฺนภาโร’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย ทุกฺขสฺส ปชานาติ, อิเธว ขยมตฺตโน;
ปนฺนภารํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ทุกฺขสฺสาติ ขนฺธทุกฺขสฺส. ปนฺนภารนฺติ โอหิตขนฺธภารํ จตูหิ โยเคหิ สพฺพกิเลเสหิ วา วิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ เอกูนวีสติมํ.
๒๐. เขมาภิกฺขุนีวตฺถุ
คมฺภีรปฺนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา คิชฺฌกูเฏ วิหรนฺโต เขมํ นาม ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ปมยามสมนนฺตเร สกฺโก เทวราชา ปริสาย สทฺธึ อาคนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียธมฺมกถํ สุณนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ เขมา ภิกฺขุนี ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา สกฺกํ ทิสฺวา ¶ อากาเส ิตาว สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. สกฺโก ตํ ทิสฺวา ‘‘โก ¶ เอสา, ภนฺเต, อาคจฺฉมานา อากาเส ิตาว สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตี’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘เอสา, มหาราช, มม ธีตา เขมา นาม มหาปฺา มคฺคามคฺคโกวิทา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘คมฺภีรปฺํ เมธาวึ, มคฺคามคฺคสฺส โกวิทํ;
อุตฺตมตฺถมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ คพฺภีรปฺนฺติ คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย ปฺาย สมนฺนาคตํ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตํ เมธาวึ ‘‘อยํ ทุคฺคติยา มคฺโค, อยํ สุคติยา มคฺโค, อยํ นิพฺพานสฺส มคฺโค, อยํ อมคฺโค’’ติ เอวํ มคฺเค จ อมคฺเค จ เฉกตาย มคฺคามคฺคสฺส โกวิทํ อรหตฺตสงฺขาตํ อุตฺตมตฺถํ อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เขมาภิกฺขุนิวตฺถุ วีสติมํ.
๒๑. ปพฺภารวาสีติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อสํสฏฺนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปพฺภารวาสีติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ¶ ปวิสิตฺวา สปฺปายํ เสนาสนํ โอโลเกนฺโต เอกํ เลณปพฺภารํ ปาปุณิ, สมฺปตฺตกฺขเณเยวสฺส จิตฺตํ เอกคฺคตํ ลภิ. โส ‘‘อหํ อิธ วสนฺโต ปพฺพชิตกิจฺจํ นิปฺผาเทตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. เลเณปิ อธิวตฺถา เทวตา ‘‘สีลวา ภิกฺขุ อาคโต, อิมินา สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุํ ทุกฺขํ. อยํ ปน อิธ เอกรตฺติเมว วสิตฺวา ปกฺกมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุตฺเต อาทาย นิกฺขมิ. เถโร ปุนทิวเส ปาโตว โคจรคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ นํ เอกา อุปาสิกา ทิสฺวาว ปุตฺตสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา อตฺตานํ นิสฺสาย เตมาสํ วสนตฺถาย ยาจิ. โสปิ ‘‘สกฺกา มยา อิมํ นิสฺสาย ¶ ภวนิสฺสรณํ กาตุ’’นฺติ อธิวาเสตฺวา ตเมว เลณํ อคมาสิ. เทวตา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา เกนจิ นิมนฺติโต ภวิสฺสติ, สฺเว วา ปรสุเว วา คมิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ.
เอวํ ¶ อฑฺฒมาสมตฺเต อติกฺกนฺเต ‘‘อยํ อิเธว มฺเ อนฺโตวสฺสํ วสิสฺสติ, สีลวตา ปน สทฺธึ เอกฏฺาเน ปุตฺตเกหิ สทฺธึ วสิตุํ ทุกฺกรํ, อิมฺจ ‘นิกฺขมา’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, อตฺถิ นุ โข อิมสฺส สีเล ขลิต’’นฺติ ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺตี อุปสมฺปทมาฬกโต ปฏฺาย ตสฺส สีเล ขลิตํ อทิสฺวา ‘‘ปริสุทฺธมสฺส สีลํ, กิฺจิเทวสฺส กตฺวา อยสํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ตสฺส อุปฏฺากกุเล อุปาสิกาย เชฏฺปุตฺตสฺส สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา คีวํ ปริวตฺเตสิ. ตสฺส อกฺขีนิ นิกฺขมึสุ, มุขโต เขโฬ ปคฺฆริ. อุปาสิกา ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วิรวิ. อถ นํ เทวตา อทิสฺสมานรูปา ¶ เอวมาห – ‘‘มยา เอส คหิโต, พลิกมฺเมนปิ เม อตฺโถ นตฺถิ, ตุมฺหากํ ปน กุลูปกํ เถรํ ลฏฺิมธุกํ ยาจิตฺวา เตน เตลํ ปจิตฺวา อิมสฺส นตฺถุกมฺมํ เทถ, เอวาหํ อิมํ มฺุจิสฺสามี’’ติ. นสฺสตุ วา เอส มรตุ วา, น สกฺขิสฺสามหํ อยฺยํ ลฏฺิมธุกํ ยาจิตุนฺติ. สเจ ลฏฺิมธุกํ ยาจิตุํ น สกฺโกถ, นาสิกายสฺส หิงฺคุจุณฺณํ ปกฺขิปิตุํ วเทถาติ. อิทมฺปิ วตฺตุํ น สกฺโกมาติ. เตน หิสฺส ปาทโธวนอุทกํ อาทาย สีเส อาสิฺจถาติ. อุปาสิกา ‘‘สกฺกา อิทํ กาตุ’’นฺติ เวลาย อาคตํ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา อนฺตรภตฺเต นิสินฺนสฺส ปาเท โธวิตฺวา อุทกํ คเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ อุทกํ ทารกสฺส สีเส อาสิฺจามา’’ติ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘เตน หิ อาสิฺจถา’’ติ วุตฺเต ตถา อกาสิ. สา เทวตา ตาวเทว ตํ มฺุจิตฺวา คนฺตฺวา เลณทฺวาเร อฏฺาสิ.
เถโรปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน อุฏฺายาสนา อวิสฺสฏฺกมฺมฏฺานตาย ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายนฺโตว ปกฺกามิ. อถ นํ เลณทฺวารํ ปตฺตกาเล สา เทวตา ‘‘มหาเวชฺช มา อิธ ปวิสา’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ตฺวา ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ อาห. อหํ อิธ ¶ อธิวตฺถา เทวตาติ. เถโร ‘‘อตฺถิ นุ โข มยา เวชฺชกมฺมสฺส กตฏฺาน’’นฺติ อุปสมฺปทมาฬกโต ปฏฺาย โอโลเกนฺโต อตฺตโน สีเล ติลกํ วา กาฬกํ วา อทิสฺวา ¶ ‘‘อหํ มยา เวชฺชกมฺมสฺส กตฏฺานํ น ปสฺสามิ, กสฺมา เอวํ วเทสี’’ติ อาห. น ปสฺสสีติ. อาม, น ปสฺสามีติ? อาจิกฺขามิ เตติ. อาม, อาจิกฺขาหีติ. ติฏฺตุ ตาว ทูเร กตํ, อชฺเชว ตยา อมนุสฺสคหิตสฺส อุปฏฺากปุตฺตสฺส ปาทโธวนอุทกํ สีเส อาสิตฺตํ, นาสิตฺตนฺติ? อาม, อาสิตฺตนฺติ. กึ เอตํ น ปสฺสสีติ? เอตํ สนฺธาย ตฺวํ วเทสีติ? อาม, เอตํ สนฺธาย วทามีติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อโห วต เม สมฺมา ปณิหิโต อตฺตา, สาสนสฺส อนุรูปํ วต เม จริตํ, เทวตาปิ มม จตุปาริสุทฺธิสีเล ติลกํ วา กาฬกํ วา อทิสฺวา ทารกสฺส สีเส อาสิตฺตปาทโธวนมตฺตํ อทฺทสา’’ติ ตสฺส สีลํ อารพฺภ พลวปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ตํ วิกฺขมฺเภตฺวา ปาทุทฺธารมฺปิ อกตฺวา ¶ ตตฺเถว อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘มาทิสํ ปริสุทฺธํ สมณํ ทูเสตฺวา มา อิธ วนสณฺเฑ วสิ, ตฺวเมว นิกฺขมาหี’’ติ เทวตํ โอวทนฺโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘วิสุทฺโธ ¶ วต เม วาโส, นิมฺมลํ มํ ตปสฺสินํ;
มา ตฺวํ วิสุทฺธํ ทูเสสิ, นิกฺขม ปวนา ตุว’’นฺติ.
โส ตตฺเถว เตมาสํ วสิตฺวา วุตฺถวสฺโส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภิกฺขูหิ ‘‘กึ, อาวุโส, ปพฺพชิตกิจฺจํ เต มตฺถกํ ปาปิต’’นฺติ ปุฏฺโ ตสฺมึ เลเณ วสฺสูปคมนโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขูนํ อาโรเจตฺวา, ‘‘อาวุโส, ตฺวํ เทวตาย เอวํ วุจฺจมาโน น กุชฺฌี’’ติ วุตฺเต ‘‘น กุชฺฌิ’’นฺติ อาห. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ, ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ อฺํ พฺยากโรติ, เทวตาย อิทํ นาม วุจฺจมาโนปิ น กุชฺฌินฺติ วทตี’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘เนว, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต กุชฺฌติ, เอตสฺส คิหีหิ วา ปพฺพชิเตหิ วา สํสคฺโค นาม นตฺถิ, อสํสฏฺโ เอส อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อสํสฏฺํ คหฏฺเหิ, อนาคาเรหิ จูภยํ;
อโนกสาริมปฺปิจฺฉํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อสํสฏฺนฺติ ทสฺสนสวนสมุลฺลปนปริโภคกายสํสคฺคานํ อภาเวน อสํสฏฺํ. อุภยนฺติ ¶ คิหีหิ จ อนาคาเรหิ จาติ อุภเยหิปิ อสํสฏฺํ ¶ . อโนกสารินฺติ อนาลยจารึ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปพฺภารวาสีติสฺสตฺเถรวตฺถุ เอกวีสติมํ.
๒๒. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ
นิธาย ทณฺฑนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วายมนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามี’’ติ ตโต นิกฺขมิ. อถ นํ เอกสฺมึ คาเม เอกา อิตฺถี สามิเกน สทฺธึ กลหํ กตฺวา ตสฺมึ พหิ นิกฺขนฺเต ‘‘กุลฆรํ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปนฺนา อนฺตรามคฺเค ทิสฺวา ‘‘อิมํ เถรํ นิสฺสาย คมิสฺสามี’’ติ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. เถโร ปน ตํ น ปสฺสติ. อถสฺสา สามิโก เคหํ อาคโต ตํ อทิสฺวา ‘‘กุลคามํ คตา ภวิสฺสตี’’ติ อนุพนฺธนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘น สกฺกา อิมาย เอกิกาย อิมํ อฏวึ ปฏิปชฺชิตุํ, กํ นุ โข นิสฺสาย คจฺฉตี’’ติ โอโลเกนฺโต เถรํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อิมํ ¶ คณฺหิตฺวา นิกฺขนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา เถรํ สนฺตชฺเชสิ. อถ นํ สา อิตฺถี ‘‘เนว มํ เอส ภทนฺโต ปสฺสติ, น อาลปติ, มา นํ กิฺจิ อวจา’’ติ อาห. โส ‘‘กึ ปน ตฺวํ อตฺตานํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ มม อาจิกฺขิสฺสสิ, ตุยฺหเมว อนุจฺฉวิกํ อิมสฺส กริสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนโกโธ อิตฺถิยา อาฆาเตน เถรํ โปเถตฺวา ตํ อาทาย นิวตฺติ. เถรสฺส สกลสรีรํ สฺชาตคณฺฑํ อโหสิ. อถสฺส วิหารํ คตกาเล ภิกฺขู สรีรํ สมฺพาหนฺตา คณฺเฑ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. โส เตสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส, ตสฺมึ ปุริเส เอวํ ปหรนฺเต ตฺวํ กึ อวจ, กึ วา เต โกโธ อุปฺปนฺโน’’ติ. ‘‘น เม, อาวุโส, โกโธ อุปฺปชฺชี’’ติ วุตฺเต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอส ภิกฺขุ ‘โกโธ เต ¶ อุปฺปชฺชตี’ติ วุจฺจมาโน ‘น เม, อาวุโส, โกโธ อุปฺปชฺชตี’ติ อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม นิหิตทณฺฑา, เต ปหรนฺเตสุปิ โกธํ น กโรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘นิธาย ทณฺฑํ ภูเตสุ, ตเสสุ ถาวเรสุ จ;
โย น หนฺติ น ฆาเตติ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ นิธายาติ นิกฺขิปิตฺวา โอโรเปตฺวา. ตเสสุ ถาวเรสุ จาติ ตณฺหาตาเสน ตเสสุ, ตณฺหาอภาเวน ถิรตาย ¶ ถาวเรสุ จ. โย น หนฺตีติ โย เอวํ สพฺพสตฺเตสุ วิคตปฏิฆตาย นิกฺขิตฺตทณฺโฑ เนว กฺจิ สยํ หนติ, น อฺเ ฆาเตติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อฺตรภิกฺขุวตฺถุ พาวีสติมํ.
๒๓. สามเณรานํ วตฺถุ
อวิรุทฺธนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จตฺตาโร สามเณเร อารพฺภ กเถสิ.
เอกา กิร พฺราหฺมณี จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ อุทฺเทสภตฺตํ สชฺเชตฺวา พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา จตฺตาโร มหลฺลกพฺราหฺมเณ อุทฺทิสาเปตฺวา อาเนหี’’ติ. โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘จตฺตาโร เม พฺราหฺมเณ อุทฺทิสิตฺวา เทถา’’ติ อาห. ตสฺส สํกิจฺโจ ปณฺฑิโต โสปาโก เรวโตติ สตฺตวสฺสิกา จตฺตาโร ขีณาสวสามเณรา ปาปุณึสุ. พฺราหฺมณี มหารหานิ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ิตา สามเณเร ทิสฺวาว กุปิตา อุทฺธเน ปกฺขิตฺตโลณํ วิย ตฏตฏายมานา ‘‘ตฺวํ วิหารํ คนฺตฺวา อตฺตโน นตฺตุมตฺเตปิ อปฺปโหนฺเต ¶ จตฺตาโร กุมารเก คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ วตฺวา เตสํ เตสุ อาสเนสุ นิสีทิตุํ อทตฺวา นีจปีกานิ อตฺถริตฺวา ‘‘เอเตสุ นิสีทถา’’ติ วตฺวา ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, มหลฺลเก โอโลเกตฺวา อาเนหี’’ติ ¶ อาห. พฺราหฺมโณ วิหารํ คนฺตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ ทิสฺวา ‘‘เอถ, อมฺหากํ เคหํ คมิสฺสามา’’ติ อาเนสิ. เถโร อาคนฺตฺวา สามเณเร ทิสฺวา ‘‘อิเมหิ พฺราหฺมเณหิ ภตฺตํ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ลทฺธ’’นฺติ วุตฺเต จตุนฺนเมว ภตฺตสฺส ปฏิยตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘อาหร เม ปตฺต’’นฺติ ปตฺตํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. พฺราหฺมณีปิ ‘‘กึ อิมินา วุตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอเตสํ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อาหร เม ปตฺต’’นฺติ อตฺตโน ปตฺตํ คเหตฺวา คโต, น ภฺุชิตุกาโม ภวิสฺสติ, สีฆํ คนฺตฺวา อฺํ โอโลเกตฺวา อาเนหีติ. พฺราหฺมโณ คนฺตฺวา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ ทิสฺวา ตเถว วตฺวา อาเนสิ. โสปิ สามเณเร ทิสฺวา ตเถว วตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. อถ นํ พฺราหฺมณี อาห – ‘‘เอเต น ภฺุชิตุกามา, พฺราหฺมณวาทกํ คนฺตฺวา เอกํ มหลฺลกพฺราหฺมณํ อาเนหี’’ติ.
สามเณราปิ ปาโตว ปฏฺาย กิฺจิ อลภมานา ชิฆจฺฉาย ปีฬิตา นิสีทึสุ. อถ เนสํ คุณเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺเชนฺโต เตสํ ปาโตว ปฏฺาย นิสินฺนานํ กิลนฺตภาวํ ตฺวา ‘‘มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ ชราชิณฺโณ มหลฺลกพฺราหฺมโณ หุตฺวา ตสฺมึ พฺราหฺมณวาทเก พฺราหฺมณานํ อคฺคาสเน นิสีทิ. พฺราหฺมโณ ตํ ทิสฺวา ¶ ‘‘อิทานิ เม พฺราหฺมณี อตฺตมนา ภวิสฺสตี’’ติ เอหิ เคหํ คมิสฺสามา’’ติ ตํ อาทาย เคหํ อคมาสิ. พฺราหฺมณี ตํ ทิสฺวาว ตุฏฺจิตฺตา ทฺวีสุ อาสเนสุ อตฺถรณํ เอกสฺมึเยว อตฺถริตฺวา, ‘‘อยฺย, อิธ นิสีทาหี’’ติ อาห. สกฺโก เคหํ ปวิสิตฺวา จตฺตาโร สามเณเร ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา เตสํ อาสนปริยนฺเต ภูมิยํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. อถ นํ ทิสฺวา พฺราหฺมณี พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘อโห เต อานีโต พฺราหฺมโณ, เอตมฺปิ อุมฺมตฺตกํ คเหตฺวา อาคโตสิ, อตฺตโน นตฺตุมตฺเต วนฺทนฺโต ¶ วิจรติ, กึ อิมินา, นีหราหิ น’’นฺติ. โส ขนฺเธปิ หตฺเถปิ กจฺฉายปิ คเหตฺวา นิกฺกฑฺฒิยมาโน อุฏฺาตุมฺปิ น อิจฺฉติ. อถ นํ พฺราหฺมณี ‘‘เอหิ, พฺราหฺมณ, ตฺวํ เอกสฺมึ หตฺเถ คณฺห, อหํ เอกสฺมึ หตฺเถ คณฺหิสฺสามี’’ติ อุโภปิ ทฺวีสุ หตฺเถสุ คเหตฺวา ปิฏฺิยํ โปเถนฺตา เคหทฺวารโต พหิ อกํสุ. สกฺโกปิ นิสินฺนฏฺาเนเยว นิสินฺโน หตฺถํ ปริวตฺเตสิ. เต นิวตฺติตฺวา ตํ นิสินฺนเมว ทิสฺวา ภีตรวํ รวนฺตา วิสฺสชฺเชสุํ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก อตฺตโน สกฺกภาวํ ชานาเปสิ. อถ เนสํ อาหารํ อทํสุ. ปฺจปิ ชนา ¶ อาหารํ คเหตฺวา เอโก กณฺณิกามณฺฑลํ วินิวิชฺฌิตฺวา, เอโก ฉทนสฺส ปุริมภาคํ, เอโก ปจฺฉิมภาคํ, เอโก ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา, สกฺโกปิ เอเกน าเนน นิกฺขมีติ เอวํ ปฺจธา อคมํสุ ¶ . ตโต ปฏฺาย จ ปน ตํ เคหํ ปฺจฉิทฺทเคหํ กิร นาม ชาตํ.
สามเณเรปิ วิหารํ คตกาเล ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส, กีทิส’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. มา โน ปุจฺฉิตฺถ, อมฺหากํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย พฺราหฺมณี โกธาภิภูตา ปฺตฺตาสเนสุ โน นิสีทิตุมฺปิ อทตฺวา ‘‘สีฆํ สีฆํ มหลฺลกพฺราหฺมณํ อาเนหี’’ติ อาห. อมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาคนฺตฺวา อมฺเห ทิสฺวา ‘‘อิเมสํ นิสินฺนพฺราหฺมณานํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปตฺตํ อาหราเปตฺวา นิกฺขมิ. ‘‘อฺํ มหลฺลกํ พฺราหฺมณํ อาเนสี’’ติ วุตฺเต พฺราหฺมโณ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อาเนสิ, โสปิ อมฺเห ทิสฺวา ตเถว วตฺวา ปกฺกามิ. อถ พฺราหฺมณี ‘‘น เอเต ภฺุชิตุกามา, คจฺฉ พฺราหฺมณวาทกโต เอกํ มหลฺลกพฺราหฺมณํ อาเนหี’’ติ พฺราหฺมณํ ปหิณิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา พฺราหฺมณเวเสน อาคตํ สกฺกํ อาเนสิ, ตสฺส อาคตกาเล อมฺหากํ อาหารํ อทํสูติ. เอวํ กโรนฺตานํ ปน เตสํ ตุมฺเห น กุชฺฌิตฺถาติ? น กุชฺฌิมฺหาติ. ภิกฺขู ตํ สุตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, อิเม ‘น กุชฺฌิมฺหา’ติ อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺตี’’ติ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม วิรุทฺเธสุปิ น วิรุชฺฌนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อวิรุทฺธํ ¶ วิรุทฺเธสุ, อตฺตทณฺเฑสุ นิพฺพุตํ;
สาทาเนสุ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อวิรุทฺธนฺติ อาฆาตวเสน วิรุทฺเธสุปิ โลกิยมหาชเนสุ อาฆาตาภาเวน อวิรุทฺธํ. หตฺถคเต ทณฺเฑ วา สตฺเถ วา อวิชฺชมาเนปิ ปเรสํ ปหารทานโต อวิรตตฺตา อตฺตทณฺเฑสุ ชเนสุ นิพฺพุตํ นิกฺขิตฺตทณฺฑํ, ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อหํ มมนฺติ คหิตตฺตา สาทาเนสุ ตสฺส คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สามเณรานํ วตฺถุ เตวีสติมํ.
๒๔. มหาปนฺถกตฺเถรวตฺถุ
ยสฺส ¶ ราโค จาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหาปนฺถกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หายสฺมา จูฬปนฺถกํ จตูหิ มาเสหิ เอกํ คาถํ ปคุณํ กาตุํ อสกฺโกนฺตํ ‘‘ตฺวํ สาสเน อภพฺโพ, คิหิโภคาปิ ปริหีโน, กึ เต อิธ วาเสน, อิโต นิกฺขมา’’ติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิตฺวา ทฺวารํ ถเกสิ. ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, มหาปนฺถกตฺเถเรน อิทํ นาม กตํ ¶ , ขีณาสวานมฺปิ มฺเ โกโธ อุปฺปชฺชตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ขีณาสวานํ ราคาทโย กิเลสา อตฺถิ, มม ปุตฺเตน อตฺถปุเรกฺขารตาย เจว ธมฺมปุเรกฺขารตาย จ กต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ราโค จ โทโส จ, มาโน มกฺโข จ ปาติโต;
สาสโปริว อารคฺคา, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อารคฺคาติ ยสฺเสเต ราคาทโย กิเลสา, อยฺจ ปรคุณมกฺขนลกฺขโณ มกฺโข อารคฺคา สาสโป วิย ปาติโต, ยถา สาสโป อารคฺเค น สนฺติฏฺติ, เอวํ จิตฺเต น สนฺติฏฺติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาปนฺถกตฺเถรวตฺถุ จตุวีสติมํ.
๒๕. ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรวตฺถุ
อกกฺกสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิรายสฺมา ‘‘เอหิ, วสลิ, ยาหิ, วสลี’’ติอาทีนิ วทนฺโต ¶ คิหีปิ ปพฺพชิเตปิ วสลิวาเทเนว สมุทาจรติ. อเถกทิวสํ สมฺพหุลา ภิกฺขู สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, ปิลินฺทวจฺโฉ ภิกฺขู วสลิวาเทน สมุทาจรตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ¶ ปิลินฺทวจฺฉ ภิกฺขู วสลิวาเทน สมุทาจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ตสฺสายสฺมโต ปุพฺเพนิวาสํ มนสิกริตฺวา ‘‘มา โข ตุมฺเห, ภิกฺขเว, วจฺฉสฺส ภิกฺขุโน อุชฺฌายิตฺถ, น, ภิกฺขเว, วจฺโฉ โทสนฺตโร ภิกฺขู วสลิวาเทน สมุทาจรติ, วจฺฉสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺจ ชาติสตานิ อพฺโพกิณฺณานิ สพฺพานิ ตานิ พฺราหฺมณกุเล ปจฺจาชาตานิ, โส ตสฺส ทีฆรตฺตํ วสลิวาโท สมุทาจิณฺโณ, ขีณาสวสฺส นาม กกฺกสํ ผรุสํ ปเรสํ มมฺมฆฏฺฏนวจนเมว นตฺถิ. อาจิณฺณวเสน หิ มม ปุตฺโต เอวํ กเถตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อกกฺกสํ วิฺาปนึ, คิรํ สจฺจมุทีรเย;
ยาย นาภิสเช กฺจิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อกกฺกสนฺติ อผรุสํ. วิฺาปนินฺติ อตฺถวิฺาปนึ. สจฺจนฺติ ภูตตฺถํ. นาภิสเชติ ยาย คิราย อฺํ กุชฺฌาปนวเสน น ลคฺคาเปยฺย, ขีณาสโว นาม เอวรูปเมว คิรํ ภาเสยฺย, ตสฺมา ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรวตฺถุ ปฺจวีสติมํ.
๒๖. อฺตรตฺเถรวตฺถุ
โยธ ¶ ทีฆนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก มิจฺฉาทิฏฺิโก พฺราหฺมโณ สรีรคนฺธคหณภเยน อุตฺตรสาฏกํ อปเนตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา เคหทฺวาราภิมุโข นิสีทิ. อเถโก ขีณาสโว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คจฺฉนฺโต ตํ สาฏกํ ทิสฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกตฺวา กฺจิ อปสฺสนฺโต ‘‘นิสฺสามิโก อย’’นฺติ ปํสุกูลํ อธิฏฺหิตฺวา คณฺหิ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ทิสฺวา อกฺโกสนฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มุณฺฑก ¶ , สมณ, มม สาฏกํ คณฺหสี’’ติ อาห. ตเวโส, พฺราหฺมณาติ. อาม, สมณาติ. ‘‘มยา ¶ กฺจิ อปสฺสนฺเตน ปํสุกูลสฺาย คหิโต, คณฺห น’’นฺติ ตสฺส ทตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถสฺส วจนํ สุตฺวา ภิกฺขู เตน สทฺธึ เกฬึ กโรนฺตา ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สาฏโก ทีโฆ รสฺโส ถูโล สณฺโห’’ติ. อาวุโส, ทีโฆ วา โหตุ รสฺโส วา ถูโล วา สณฺโห วา, นตฺถิ มยฺหํ ตสฺมึ อาลโย, ปํสุกูลสฺาย นํ คณฺหินฺติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘เอส, ภนฺเต, ภิกฺขุ อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘ภูตํ, ภิกฺขเว, เอส กเถติ, ขีณาสวา นาม ปเรสํ สนฺตกํ น คณฺหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ ¶ ทีฆํ ว รสฺสํ วา, อณุํ ถูลํ สุภาสุภํ;
โลเก อทินฺนํ นาทิยติ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – สาฏกาภรณาทีสุ ทีฆํ วา รสฺสํ วา มณิมุตฺตาทีสุ อณุํ วา ถูลํ วา มหคฺฆอปฺปคฺฆวเสน สุภํ วา อสุภํ วา โย ปุคฺคโล อิมสฺมึ โลเก ปรปริคฺคหิตํ นาทิยติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อฺตรตฺเถรวตฺถุ ฉพฺพีสติมํ.
๒๗. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อาสา ยสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เถโร กิร ปฺจภิกฺขุสตปริวาโร ชนปเท เอกํ วิหารํ คนฺตฺวา วสฺสํ อุปคฺฉิ. มนุสฺสา เถรํ ทิสฺวา พหุํ วสฺสาวาสิกํ ปฏิสฺสุณึสุ. เถโร ปวาเรตฺวา สพฺพสฺมึ วสฺสาวาสิเก อสมฺปตฺเตเยว สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต ภิกฺขู อาห – ‘‘ทหรานฺเจว สามเณรานฺจ มนุสฺเสหิ วสฺสาวาสิเก อาหเฏ คเหตฺวา เปเสยฺยาถ, เปตฺวา วา สาสนํ ปหิเณยฺยาถา’’ติ. เอวํ วตฺวา จ ปน สตฺถุ ¶ สนฺติกํ อคมาสิ. ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อชฺชาปิ มฺเ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ตณฺหา อตฺถิเยว. ตถา ¶ หิ มนุสฺเสหิ วสฺสาวาสิเก ทินฺเน อตฺตโน สทฺธิวิหาริกานํ ‘วสฺสาวาสิกํ เปเสยฺยาถ ¶ , เปตฺวา วา สาสนํ ปหิเณยฺยาถา’ติ ภิกฺขูนํ วตฺวา อาคโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสฺส ตณฺหา อตฺถิ, มนุสฺสานํ ปน ปฺุโต ทหรสามเณรานฺจ ธมฺมิกลาภโต ปริหานิ มา อโหสีติ เตเนวํ กถิต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อาสา ยสฺส น วิชฺชนฺติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ;
นิราสาสํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อาสาติ ตณฺหา. นิราสาสนฺติ นิตฺตณฺหํ. วิสํยุตฺตนฺติ สพฺพกิเลเสหิ วิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ สตฺตวีสติมํ.
๒๘. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ
ยสฺสาลยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปุริมสทิสเมว. อิธ ปน สตฺถา โมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ¶ นิตฺตณฺหภาวํ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺสาลยา น วิชฺชนฺติ, อฺาย อกถํกถี;
อมโตคธมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อาลยาติ ตณฺหา. อฺาย อกถํกถีติ อฏฺ วตฺถูนิ ยถาภูตํ ชานิตฺวา อฏฺวตฺถุกาย วิจิกิจฺฉาย นิพฺพิจิกิจฺโฉ. อมโตคธมนุปฺปตฺตนฺติ อมตํ นิพฺพานํ โอคาเหตฺวา อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ อฏฺวีสติมํ.
๒๙. เรวตตฺเถรวตฺถุ
โยธ ¶ ¶ ปฺฺุจาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต เรวตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ’’ติ (ธ. ป. ๙๘) คาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๙๘) –
ปุน เอกทิวสํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห สามเณรสฺส ลาโภ, อโห ปฺุํ, เยน เอกเกน ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจกูฏาคารสตานิ กตานี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มยฺหํ ปุตฺตสฺส ¶ เนว ปฺุํ อตฺถิ, น ปาปํ, อุภยมสฺส ปหีน’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ ปฺฺุจ ปาปฺจ, อุโภ สงฺคมุปจฺจคา;
อโสกํ วิรชํ สุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ อุโภติ ทฺเวปิ ปฺุานิ จ ปาปานิ จ ฉฑฺเฑตฺวาติ อตฺโถ. สงฺคนฺติ ราคาทิเภทํ สงฺคํ. อุปจฺจคาติ อติกฺกนฺโต. วฏฺฏมูลกโสกาภาเวน อโสกํ อพฺภนฺตเร ราครชาทีนํ อภาเวน วิรชํ นิรุปกฺกิเลสตาย สุทฺธํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เรวตตฺเถรวตฺถุ เอกูนตึสติมํ.
๓๐. จนฺทาภตฺเถรวตฺถุ
จนฺทํ วาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จนฺทาภตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา – อตีเต เอโก พาราณสิวาสี วาณิโช ‘‘ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา จนฺทนํ อาหริสฺสามี’’ติ พหูนิ วตฺถาภรณาทีนิ คเหตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา คามทฺวาเร นิวาสํ คเหตฺวา อฏวิยํ โคปาลทารเก ปุจฺฉิ – ‘‘อิมสฺมึ คาเม ปพฺพตปาทกมฺมิโก ¶ ¶ โกจิ ¶ มนุสฺโส อตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ. ‘‘โก นาเมโส’’ติ? ‘‘อสุโก นามา’’ติ. ‘‘ภริยาย ปนสฺส ปุตฺตานํ วา กึนาม’’นฺติ? ‘‘อิทฺจิทฺจา’’ติ. ‘‘กหํ ปนสฺส าเน เคห’’นฺติ? ‘‘อสุกฏฺาเน นามา’’ติ. โส เตหิ ทินฺนสฺาย สุขยานเก นิสีทิตฺวา ตสฺส เคหทฺวารํ คนฺตฺวา ยานา โอรุยฺห เคหํ ปวิสิตฺวา ‘‘อสุกนาเม’’ติ ตํ อิตฺถึ ปกฺโกสิ. สา ‘‘เอโก โน าตโก ภวิสฺสตี’’ติ เวเคนาคนฺตฺวา อาสนํ ปฺาเปสิ. โส ตตฺถ นิสีทิตฺวา นามํ วตฺวา ‘‘มม สหาโย กห’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อรฺํ คโต, สามี’’ติ. ‘‘มม ปุตฺโต อสุโก นาม, มม ธีตา อสุกา นาม กห’’นฺติ สพฺเพสํ นามํ กิตฺเตนฺโตว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมานิ เนสํ วตฺถาภรณานิ ทเทยฺยาสิ, สหายสฺสาปิ เม อฏวิโต อาคตกาเล อิทํ วตฺถาภรณํ ทเทยฺยาสี’’ติ อทาสิ. สา ตสฺส อุฬารํ สกฺการํ กตฺวา สามิกสฺส อาคตกาเล ‘‘สามิ, อิมินา อาคตกาลโต ปฏฺาย สพฺเพสํ นามํ วตฺวา อิทฺจิทฺจ ทินฺน’’นฺติ อาห. โสปิสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ กริ.
อถ นํ สายํ สยเน นิสินฺโน ปุจฺฉิ – ‘‘สมฺม, ปพฺพตปาเท จรนฺเตน เต กึ พหุํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ? ‘‘อฺํ น ปสฺสามิ, รตฺตสาขา ¶ ปน เม พหู รุกฺขา ทิฏฺา’’ติ. ‘‘พหู รุกฺขา’’ติ? ‘‘อาม, พหู’’ติ. เตน หิ เต อมฺหากํ ทสฺเสหีติ เตน สทฺธึ คนฺตฺวา รตฺตจนฺทนรุกฺเข ฉินฺทิตฺวา ปฺจ สกฏสตานิ ปูเรตฺวา อาคจฺฉนฺโต ตํ อาห – ‘‘สมฺม, พาราณสิยํ อสุกฏฺาเน นาม มม เคหํ, กาเลน กาลํ มม สนฺติกํ อาคจฺเฉยฺยาสิ, อฺเน จ เม ปณฺณากาเรน อตฺโถ นตฺถิ, รตฺตสาขรุกฺเข เอว อาหเรยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา กาเลน กาลํ ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต รตฺตจนฺทนเมว อาหรติ, โสปิสฺส พหุธนํ เทติ.
ตโต อปเรน สมเยน ปรินิพฺพุเต กสฺสปทสพเล ปติฏฺิเต กฺจนถูเป โส ปุริโส พหุํ จนฺทนํ อาทาย พาราณสึ อคมาสิ. อถสฺส โส สหายโก วาณิโช พหุํ จนฺทนํ ปิสาเปตฺวา ปาตึ ปูเรตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, ยาว ภตฺตํ ปจติ, ตาว เจติยกรณฏฺานํ คนฺตฺวา อาคมิสฺสามา’’ติ ตํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา จนฺทนปูชํ อกาสิ. โสปิสฺส ปจฺจนฺตวาสี สหายโก เจติยกุจฺฉิยํ จนฺทเนน จนฺทมณฺฑลํ อกาสิ. เอตฺตกเมวสฺส ปุพฺพกมฺมํ.
โส ¶ ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตตฺถ เขเปตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส นาภิมณฺฑลโต จนฺทมณฺฑลสทิสา ปภา อุฏฺหิ, เตนสฺส จนฺทาโภตฺเวว นามํ กรึสุ. เจติเย กิรสฺส จนฺทมณฺฑลกรณนิสฺสนฺโท ¶ เอส. พฺราหฺมณา ¶ จินฺตยึสุ – ‘‘สกฺกา อมฺเหหิ อิมํ คเหตฺวา โลกํ ขาทิตุ’’นฺติ. ตํ ยาเน นิสีทาเปตฺวา ‘‘โย อิมสฺส สรีรํ หตฺเถน ปรามสติ, โส เอวรูปํ นาม อิสฺสริยสมฺปตฺตึ ลภตี’’ติ วตฺวา วิจรึสุ. สตํ วา สหสฺสํ วา ททมานา เอว ตสฺส สรีรํ หตฺเถน ผุสิตุํ ลภนฺติ. เต เอวํ อนุวิจรนฺตา สาวตฺถึ อนุปฺปตฺตา นครสฺส จ วิหารสฺส จ อนฺตรา นิวาสํ คณฺหึสุ. สาวตฺถิยมฺปิ ปฺจโกฏิมตฺตา อริยสาวกา ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลวตฺถเภสชฺชาทิหตฺถา ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺติ. พฺราหฺมณา เต ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนายาติ. เอถ ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสถ, อมฺหากํ จนฺทาภสฺส พฺราหฺมณสฺส อานุภาวสทิโส อานุภาโว นตฺถิ. เอตสฺส หิ สรีรํ ผุสนฺตา อิทํ นาม ลภนฺติ, เอถ ปสฺสถ นนฺติ. ตุมฺหากํ จนฺทาภสฺส พฺราหฺมณสฺส โก อานุภาโว นาม, อมฺหากํ สตฺถาเยว มหานุภาโวติ. เต อฺมฺํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา จนฺทาภสฺส วา อมฺหากํ วา สตฺถุ อานุภาวํ ¶ ชานิสฺสามา’’ติ ตํ คเหตฺวา วิหารํ อคมํสุ.
สตฺถา ตสฺมึ อตฺตโน สนฺติกํ อุปสงฺกมนฺเตเยว จนฺทาภาย อนฺตรธานํ อกาสิ. โส สตฺถุ สนฺติเก องฺคารปจฺฉิยํ กาโก วิย อโหสิ. อถ นํ เอกมนฺตํ นยึสุ, อาภา ปฏิปากติกา อโหสิ. ปุน สตฺถุ สนฺติกํ อานยึสุ, อาภา ตเถว อนฺตรธายิ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ คนฺตฺวา อนฺตรธายมานํ อาภํ ทิสฺวา จนฺทาโภ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อาภาย อนฺตรธานมนฺตํ ชานาติ มฺเ’’ติ. โส สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นุ โข อาภาย อนฺตรธานมนฺตํ ชานาถา’’ติ? อาม, ชานามีติ. เตน หิ เม เทถาติ. น สกฺกา อปพฺพชิตสฺส ทาตุนฺติ. โส พฺราหฺมเณ อาห – ‘‘เอตสฺมึ มนฺเต คหิเต อหํ สกลชมฺพุทีเป เชฏฺโก ภวิสฺสามิ, ตุมฺเห เอตฺเถว โหถ, อหํ ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว มนฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. โส สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา อุปสมฺปชฺชิ. อถสฺส ทฺวตฺตึสาการํ ¶ อาจิกฺขิ. โส ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. อิทํ มนฺตสฺส ปริกมฺมํ สชฺฌายิตุํ วฏฺฏตีติ. พฺราหฺมณาปิ อนฺตรนฺตรา อาคนฺตฺวา ‘‘คหิโต เต มนฺโต’’ติ ปุจฺฉนฺติ. น ตาว คณฺหามีติ. โส กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปตฺวา พฺราหฺมเณหิ อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิตกาเล ‘‘ยาถ ตุมฺเห, อิทานาหํ อนาคมนธมฺโม ชาโต’’ติ อาห. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘ขีณาสโว อิทานิ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต จนฺทาโภ, ภูตเมเวส กเถตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘จนฺทํว ¶ วิมลํ สุทฺธํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;
นนฺทีภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ วิมลนฺติ อพฺภาทิมลรหิตํ. สุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. วิปฺปสนฺนนฺติ ปสนฺนจิตฺตํ. อนาวิลนฺติ กิเลสาวิลตฺตรหิตํ. นนฺทีภวปริกฺขีณนฺติ ตีสุ ภเวสุ ปริกฺขีณตณฺหํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
จนฺทาภตฺเถรวตฺถุ ตึสติมํ.
๓๑. สีวลิตฺเถรวตฺถุ
โย อิมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา กุณฺฑโกลิยํ นิสฺสาย กุณฺฑธานวเน วิหรนฺโต สีวลิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สุปฺปวาสา นาม โกลิยธีตา สตฺตวสฺสานิ คพฺภํ ธาเรตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ กฏุกาหิ เวทนาหิ ผุฏฺา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา, โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ¶ ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ. สุปฺปฏิปนฺโน วต ตสฺส ภควโต สาวกสงฺโฆ, โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน. สุสุขํ วต ตํ นิพฺพานํ, ยถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’ติ (อุทา. ๑๘) อิเมหิ ตีหิ วิตกฺเกหิ ตํ ¶ ทุกฺขํ อธิวาเสนฺตี สามิกํ สตฺถุ สนฺติกํ เปเสตฺวา เตน ตสฺสา วจเนน สตฺถุ วนฺทนาย อาโรจิตาย ‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา, อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ สตฺถารา วุตฺตกฺขเณเยว สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ อทาสิ. ปุตฺโตปิสฺสา ชาตทิวสโต ปฏฺาย ธมฺมกรณํ อาทาย สงฺฆสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวสิ. โส อปรภาเค นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ปสฺสถาวุโส, เอวรูโป นาม อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน ภิกฺขุ เอตฺตกํ กาลํ มาตุกุจฺฉิสฺมึ ทุกฺขํ อนุโภสิ, กิมงฺคํ ปน อฺเ, พหุํ วต อิมินา ทุกฺขํ นิตฺถิณฺณ’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต เอตฺตกา ทุกฺขา มุจฺจิตฺวา อิทานิ นิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา วิหรตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยมํ ¶ ¶ ปลิปถํ ทุคฺคํ, สํสารํ โมหมจฺจคา;
ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, อเนโช อกถํกถี;
อนุปาทาย นิพฺพุโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ภิกฺขุ อิมํ ราคปลิปถฺเจว กิเลสทุคฺคฺจ สํสารวฏฺฏฺจ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อปฺปฏิวิชฺฌนกโมหฺจ อตีโต, จตฺตาโร โอเฆ ติณฺโณ หุตฺวา ปารํ อนุปฺปตฺโต, ทุวิเธน ฌาเนน ฌายี, ตณฺหาย อภาเวน อเนโช, กถํกถาย อภาเวน อกถํกถี, อุปาทานานํ อภาเวน อนุปาทิยิตฺวา กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุโต, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สีวลิตฺเถรวตฺถุ เอกตึสติมํ.
๓๒. สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรวตฺถุ
โยธ ¶ กาเมติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก กุลปุตฺโต สุนฺทรสมุทฺทกุมาโร นาม จตฺตาลีสโกฏิวิภเว มหากุเล นิพฺพตฺโต. โส เอกทิวสํ ¶ ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลาทิหตฺถํ มหาชนํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย เชตวนํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา เตน สทฺธึ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ. สตฺถา ตสฺส อาสยํ วิทิตฺวา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. โส ‘‘น สกฺกา อคารํ อชฺฌาวสนฺเตน สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุ’’นฺติ สตฺถุ ธมฺมกถํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาย ชาตุสฺสาโห ปริสาย ปกฺกนฺตาย สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ‘‘มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ตถาคตา น ปพฺพาเชนฺตี’’ติ สุตฺวา เคหํ คนฺตฺวา รฏฺปาลกุลปุตฺตาทโย วิย มหนฺเตน วายาเมน มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ‘‘กึ เม อิธ วาเสนา’’ติ ตโต นิกฺขมิตฺวา ราชคหํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺโต วีตินาเมสิ.
อเถกทิวสํ สาวตฺถิยํ ตสฺส ¶ มาตาปิตโร เอกสฺมึ ฉณทิวเส มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน ตสฺส สหายกกุมารเก กีฬมาเน ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตสฺส อิทํ ทุลฺลภํ ชาต’’นฺติ ปริเทวึสุ. ตสฺมึ ขเณ เอกา คณิกา ตํ กุลํ คนฺตฺวา ตสฺส มาตรํ โรทมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, กึ การณา โรทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุตฺตํ อนุสฺสริตฺวา โรทามี’’ติ. ‘‘กหํ ปน โส, อมฺมา’’ติ? ‘‘ภิกฺขูสุ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘กึ อุปฺปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘วฏฺฏติ, น ปน อิจฺฉติ, อิโต นิกฺขมิตฺวา ราชคหํ คโต’’ติ. ‘‘สจาหํ ตํ อุปฺปพฺพาเชยฺยํ, กึ เม กเรยฺยาถา’’ติ? ‘‘อิมสฺส เต กุลสฺส กุฏุมฺพสามินึ ¶ กเรยฺยามา’’ติ. เตน หิ เม ปริพฺพยํ เทถาติ ปริพฺพยํ คเหตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ราชคหํ คนฺตฺวา ตสฺส ปิณฺฑาย จรณวีถึ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺเถกํ นิวาสเคหํ คเหตฺวา ปาโตว ปณีตํ อาหารํ ปฏิยาเทตฺวา เถรสฺส ปิณฺฑาย ปวิฏฺกาเล ภิกฺขํ ทตฺวา กติปาหจฺจเยน, ‘‘ภนฺเต, อิเธว นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กโรถา’’ติ ปตฺตํ คณฺหิ. โส ปตฺตมทาสิ.
อถ ¶ นํ ปณีเตน อาหาเรน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิเธว ปิณฺฑาย จริตุํ ผาสุก’’นฺติ วตฺวา กติปาหํ อาลินฺเท นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา ทารเก ปูเวหิ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘เอถ ตุมฺเห เถรสฺส อาคตกาเล มยิ วาเรนฺติยาปิ อิธาคนฺตฺวา รชํ อุฏฺาเปยฺยาถา’’ติ อาห. เต ปุนทิวเส เถรสฺส โภชนเวลาย ตาย วาริยมานาปิ รชํ อุฏฺาเปสุํ. สา ปุนทิวเส, ‘‘ภนฺเต, ทารกา วาริยมานาปิ มม วจนํ อสุณิตฺวา อิธ รชํ อุฏฺาเปนฺติ, อนฺโตเคเห นิสีทถา’’ติ อนฺโต นิสีทาเปตฺวา กติปาหํ โภเชสิ. ปุน ทารเก สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘ตุมฺเห มยา วาริยมานาปิ เถรสฺส โภชนกาเล มหาสทฺทํ กเรยฺยาถา’’ติ อาห. เต ตถา กรึสุ. สา ปุนทิวเส, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน อติวิย มหาสทฺโท โหติ, ทารกา มยา วาริยมานาปิ วจนํ น คณฺหนฺติ, อุปริปาสาเทเยว นิสีทถา’’ติ วตฺวา เถเรน อธิวาสิเต เถรํ ปุรโต กตฺวา ปาสาทํ อภิรุหนฺตี ทฺวารานิ ปิทหมานาว ปาสาทํ อภิรุหิ. เถโร อุกฺกฏฺสปทานจาริโก สมาโนปิ รสตณฺหาย พทฺโธ ตสฺสา วจเนน สตฺตภูมิกํ ปาสาทํ อภิรุหิ.
สา เถรํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘จตฺตาลีสาย ขลุ, สมฺม, ปุณฺณมุข าเนหิ อิตฺถี ปุริสํ อจฺจาวทติ ¶ วิชมฺภติ วินมติ คิลสติ วิลชฺชติ นเขน นขํ ฆฏฺเฏติ, ปาเทน ปาทํ อกฺกมติ, กฏฺเน ปถวึ วิลิขติ, ทารกํ อุลฺลงฺเฆติ โอลงฺเฆติ, กีฬติ กีฬาเปติ, จุมฺพติ จุมฺพาเปติ, ภฺุชติ ภฺุชาเปติ, ททาติ อายาจติ, กตมนุกโรติ, อุจฺจํ ภาสติ, นีจํ ภาสติ, อวิจฺจํ ภาสติ, วิวิจฺจํ ภาสติ, นจฺเจน คีเตน วาทิเตน โรทิเตน วิลสิเตน วิภูสิเตน ชคฺฆติ, เปกฺขติ, กฏึ จาเลติ, คุยฺหภณฺฑกํ จาเลติ, อูรุํ วิวรติ, อูรุํ ปิทหติ, ถนํ ทสฺเสติ, กจฺฉํ ทสฺเสติ, นาภึ ทสฺเสติ, อกฺขึ นิขณติ, ภมุกํ ¶ อุกฺขิปติ, โอฏฺํ ปลิขติ, ชิวฺหํ นิลฺลาเลติ, ทุสฺสํ มฺุจติ, ทุสฺสํ พนฺธติ, สิรสํ มฺุจติ, สิรสํ พนฺธตี’’ติ (ชา. ๒.๒๑.๓๐๐) เอวํ อาคตํ อิตฺถิกุตฺตํ อิตฺถิลีลํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส ปุรโต ิตา อิมํ คาถมาห –
‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, ปาทุการุยฺห เวสิยา;
ตุวมฺปิ ทหโร มม, อหมฺปิ ทหรา ตว;
อุโภปิ ปพฺพชิสฺสาม, ชิณฺณา ทณฺฑปรายณา’’ติ. (เถรคา. ๔๕๙, ๔๖๒);
เถรสฺส ¶ ‘‘อโห วต เม ภาริยํ อนุปธาเรตฺวา กตกมฺม’’นฺติ มหาสํเวโค อุทปาทิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก เชตวเน นิสินฺโนว ตํ ¶ การณํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย สิตสฺส ปาตุกมฺมายา’’ติ. อานนฺท, ราชคหนคเร สตฺตภูมิกปาสาทตเล สุนฺทรสมุทฺทสฺส จ ภิกฺขุโน คณิกาย จ สงฺคาโม วตฺตตีติ. กสฺส นุ โข, ภนฺเต, ชโย ภวิสฺสติ, กสฺส ปราชโยติ? สตฺถา, ‘‘อานนฺท, สุนฺทรสมุทฺทสฺส ชโย ภวิสฺสติ, คณิกาย ปราชโย’’ติ เถรสฺส ชยํ ปกาเสตฺวา ตตฺถ นิสินฺนโกว โอภาสํ ผริตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อุโภปิ กาเม นิรเปกฺโข ปชหา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ กาเม ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;
กามภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล อิธ โลเก อุโภปิ กาเม หิตฺวา อนาคาโร หุตฺวา ปริพฺพชติ, ตํ ปริกฺขีณกามฺเจว ปริกฺขีณภวฺจ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส เถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อิทฺธิพเลน เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา กณฺณิกามณฺฑลํ วินิวิชฺฌิตฺวา สตฺถุ สรีรํ โถเมนฺโตเยว อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิ. ธมฺมสภายมฺปิ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, ชิวฺหาวิฺเยฺยํ รสํ นิสฺสาย มนํ นฏฺโ สุนฺทรสมุทฺทตฺเถโร, สตฺถา ปนสฺส อวสฺสโย ชาโต’’ติ. สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปาหํ เอตสฺส รสตณฺหาย พทฺธมนสฺส อวสฺสโย ชาโตเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต ตสฺสตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ อตีตํ อาหริตฺวา –
อาวาเสหิ วา สนฺถเวหิ วา;
วาตมิคํ คหนนิสฺสิตํ,
วสมาเนสิ รเสหิ สฺชโย’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๔) –
เอกกนิปาเต ¶ อิมํ วาตมิคชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘ตทา สุนฺทรสมุทฺโท วาตมิโค อโหสิ, อิมํ ปน คาถํ วตฺวา ตสฺส วิสฺสชฺชาเปตา รฺโ มหามจฺโจ อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนสีติ.
สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรวตฺถุ พตฺตึสติมํ.
๓๓. ชฏิลตฺเถรวตฺถุ
โยธ ตณฺหนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ชฏิลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา – อตีเต กิร พาราณสิยํ ทฺเว ภาตโร กุฏุมฺพิกา มหนฺตํ อุจฺฉุเขตฺตํ กาเรสุํ. อเถกทิวสํ กนิฏฺภาตา อุจฺฉุเขตฺตํ คนฺตฺวา ‘‘เอกํ เชฏฺภาติกสฺส ทสฺสามิ, เอกํ มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ ทฺเว อุจฺฉุยฏฺิโย รสสฺส อนิกฺขมนตฺถาย ฉินฺนฏฺาเน พนฺธิตฺวา คณฺหิ. ตทา กิร อุจฺฉูนํ ยนฺเตน ปีฬนกิจฺจํ นตฺถิ, อคฺเค วา มูเล วา ฉินฺทิตฺวา อุกฺขิตฺตกาเล ธมฺมกรณโต อุทกํ วิย สยเมว รโส นิกฺขมติ. ตสฺส ปน เขตฺตโต อุจฺฉุยฏฺิโย คเหตฺวา อาคมนกาเล ¶ คนฺธมาทเน ปจฺเจกพุทฺโธ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘กสฺส นุ โข อชฺช อนุคฺคหํ กริสฺสามี’’ติ อุปธาเรนฺโต ตํ อตฺตโน าณชาเล ปวิฏฺํ ทิสฺวา สงฺคหํ กาตุํ สมตฺถภาวฺจ ตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย อิทฺธิยา อาคนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต อฏฺาสิ. โส ตํ ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺโต อุตฺตรสาฏกํ อุจฺจตเร ภูมิปเทเส อตฺถริตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิธ นิสีทถา’’ติ ปจฺเจกพุทฺธํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘ปตฺตํ อุปนาเมถา’’ติ อุจฺฉุยฏฺิยา พนฺธนฏฺานํ โมเจตฺวา ปตฺตสฺส อุปริ อกาสิ, รโส โอตริตฺวา ปตฺตํ ปูเรสิ. ปจฺเจกพุทฺเธน ตสฺมึ รเส ปีเต ‘‘สาธุกํ วต เม อยฺเยน รโส ปีโต. สเจ เม เชฏฺภาติโก มูลํ อาหราเปสฺสติ, มูลํ ทสฺสามิ. สเจ ปตฺตึ อาหราเปสฺสติ, ปตฺตึ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปตฺตํ เม อุปนาเมถา’’ติ ทุติยมฺปิ อุจฺฉุยฏฺึ โมเจตฺวา รสํ อทาสิ. ‘‘ภาตา เม อุจฺฉุเขตฺตโต อฺํ อุจฺฉุํ อาหริตฺวา ขาทิสฺสตี’’ติ เอตฺตกมฺปิ กิรสฺส วฺจนจิตฺตํ นาโหสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ปน ปมํ อุจฺฉุรสสฺส ปีตตฺตา ตํ อุจฺฉุรสํ ¶ อฺเหิปิ สทฺธึ สํวิภชิตุกาโม หุตฺวา คเหตฺวาว นิสีทิ ¶ . โส ตสฺส อาการํ ตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โย อยํ มยา ทินฺโน อคฺครโส, อิมสฺส นิสฺสนฺเทน เทวมนุสฺเสสุ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ปริโยสาเน ตุมฺเหหิ ปตฺตธมฺมเมว ปาปุเณยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิสฺส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา ‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺห’’นฺติ ทฺวีหิ คาถาหิ อนุโมทนํ กตฺวา ยถา โส ปสฺสติ, เอวํ อธิฏฺหิตฺวา อากาเสน ¶ คนฺธมาทนํ คนฺตฺวา ปฺจนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธสตานํ ตํ รสํ อทาสิ.
โส ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ภาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ คโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘อุจฺฉุเขตฺตํ โอโลเกตุํ คโตมฺหี’’ติ. ‘‘กึ ตาทิเสน อุจฺฉุเขตฺตํ คเตน, นนุ นาม เอกํ วา ทฺเว วา อุจฺฉุยฏฺิโย อาทาย อาคนฺตพฺพํ ภเวยฺยา’’ติ ภาตรา วุตฺโต – ‘‘อาม, ภาติก, ทฺเว เม อุจฺฉุยฏฺิโย คหิตา, เอกํ ปน ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา มม อุจฺฉุยฏฺิโต รสํ ทตฺวา ‘มูลํ วา ปตฺตึ วา ทสฺสามี’ติ ตุมฺหากมฺปิ เม อุจฺฉุยฏฺิโต รโส ทินฺโน, กึ นุ โข ตสฺส มูลํ คณฺหิสฺสถ, อุทาหุ ปตฺติ’’นฺติ อาห. ‘‘กึ ปน ปจฺเจกพุทฺเธน กต’’นฺติ? ‘‘มม อุจฺฉุยฏฺิโต รสํ ปิวิตฺวา ตุมฺหากํ อุจฺฉุยฏฺิโต รสํ อาทาย อากาเสน คนฺธมาทนํ คนฺตฺวา ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ อทาสี’’ติ. โส ตสฺมึ กเถนฺเตเยว นิรนฺตรํ ปีติยา ผุฏฺสรีโร หุตฺวา ‘‘เตน เม ปจฺเจกพุทฺเธน ทิฏฺธมฺมสฺเสว อธิคโม ภเวยฺยา’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. เอวํ กนิฏฺเน ติสฺโส สมฺปตฺติโย ปตฺถิตา, เชฏฺเน ปน เอกปเทเนว อรหตฺตํ ปตฺถิตนฺติ อิทํ เตสํ ปุพฺพกมฺมํ.
เต ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เขปยึสุ. เตสํ เทวโลเก ิตกาเลเยว วิปสฺสี สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิ. เตปิ เทวโลกโต จวิตฺวา พนฺธุมติยา เอกสฺมึ กุลเคเห เชฏฺโ เชฏฺโว, กนิฏฺโ กนิฏฺโว หุตฺวา ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ. เตสุ เชฏฺสฺส เสโนติ นามํ อกํสุ, กนิฏฺสฺส อปราชิโตติ ¶ . เตสุ วยปฺปตฺตกาเล กุฏุมฺพํ สณฺาเปตฺวา วิหรนฺเตสุ ‘‘พุทฺธรตนํ โลเก อุปฺปนฺนํ, ธมฺมรตนํ, สงฺฆรตนํ, ทานานิ เทถ, ปฺุานิ กโรถ, อชฺช อฏฺมี, อชฺช จาตุทฺทสี, อชฺช ปนฺนรสี, อุโปสถํ กโรถ, ธมฺมํ ¶ สุณาถา’’ติ ธมฺมโฆสกสฺส พนฺธุมตีนคเร โฆสนํ สุตฺวา มหาชนํ ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เสนกุฏุมฺพิโก ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนายา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ เตหิ สทฺธึเยว คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ.
สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. โส สตฺถุ ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหชาโต สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อตฺถิ ปน เต อปโลเกตพฺพา ¶ าตกา’’ติ ปุจฺฉิ. อตฺถิ, ภนฺเตติ. เตน หิ อปโลเกตฺวา เอหีติ. โส กนิฏฺสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ยํ อิมสฺมึ กุเล สาปเตยฺยํ, ตํ สพฺพํ ตว โหตู’’ติ อาห. ตุมฺเห ปน, สามีติ. อหํ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามีติ. สามิ กึ วเทถ, อหํ มาตริ มตาย มาตรํ วิย, ปิตริ มเต ปิตรํ วิย ตุมฺเห อลตฺถํ, อิทํ กุลํ มหาโภคํ, เคเห ิเตเนว สกฺกา ปฺุานิ กาตุํ, มา เอวํ กริตฺถาติ. มยา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺโม สุโต, น สกฺกา ตํ อคารมชฺเฌ ิเตน ปูเรตุํ, ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, ตฺวํ นิวตฺตาหีติ. เอวํ โส กนิฏฺํ นิวตฺตาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. กนิฏฺโปิ ‘‘ภาตุ ปพฺพชิตสกฺการํ กริสฺสามี’’ติ สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ภาตรํ ¶ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ อตฺตโน ภวนิสฺสรณํ กตํ, อหํ ปน ปฺจหิ กามคุเณหิ พทฺโธ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตุํ น สกฺโกมิ, มยฺหํ เคเห ิตสฺเสว อนุจฺฉวิกํ มหนฺตํ ปฺุกมฺมํ อาจิกฺขถา’’ติ. อถ นํ เถโร ‘‘สาธุ สาธุ, ปณฺฑิต, สตฺถุ คนฺธกุฏึ กโรหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นานาทารูนิ อาหราเปตฺวา ถมฺภาทีนํ อตฺถาย ตจฺฉาเปตฺวา เอกํ สุวณฺณขจิตํ, เอกํ รชตขจิตํ, เอกํ มณิขจิตนฺติ สพฺพานิ สตฺตรตนขจิตานิ กาเรตฺวา เตหิ คนฺธกุฏึ กาเรตฺวา สตฺตรตนขจิตาเหว ฉทนิฏฺกาหิ ฉาทาเปสิ. คนฺธกุฏิยา กรณกาเลเยว ปน ตํ อตฺตนา สมานนามโก อปราชิโตเยว นาม ภาคิเนยฺโย อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหมฺปิ กริสฺสามิ, มยฺหมฺปิ ปตฺตึ เทถ มาตุลา’’ติ อาห. น เทมิ, ตาต, อฺเหิ อสาธารณํ กริสฺสามีติ. โส พหุมฺปิ ยาจิตฺวา ปตฺตึ อลภมาโน ‘‘คนฺธกุฏิยา ปุรโต กฺุชรสาลํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺตรตนมยํ กฺุชรสาลํ กาเรสิ. โส อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เมณฺฑกเสฏฺิ หุตฺวา นิพฺพตฺติ.
คนฺธกุฏิยํ ¶ ปน สตฺตรตนมยานิ ตีณิ มหาวาตปานานิ อเหสุํ. เตสํ อภิมุเข เหฏฺา สุธาปริกมฺมกตา ติสฺโส โปกฺขรณิโย กาเรตฺวา จตุชฺชาติกคนฺโธทกสฺส ปูเรตฺวา อปราชิโต, คหปติ, ปฺจวณฺณานิ กุสุมานิ โรปาเปสิ ตถาคตสฺส อนฺโต นิสินฺนกาเล วาตเวเคน สมุฏฺิตาหิ เรณุวฏฺฏีหิ สรีรสฺส โอกิรณตฺถํ. คนฺธกุฏิถูปิกาย กปลฺลํ รตฺตสุวณฺณมยํ อโหสิ, ปวาฬมยา สิขรา, เหฏฺา มณิมยา ฉทนิฏฺกา. อิติ สา นจฺจนฺโต วิย โมโร โสภมานา อฏฺาสิ. สตฺตสุ ปน รตเนสุ โกฏฺเฏตพฺพยุตฺตกํ โกฏฺเฏตฺวา อิตรํ สกลเมว ¶ คเหตฺวา ชณฺณุมตฺเตน โอธินา คนฺธกุฏึ ปริกฺขิปิตฺวา ปริเวณํ ปูเรสิ.
เอวํ คนฺธกุฏึ นิฏฺาเปตฺวา อปราชิโต, คหปติ, ภาติกตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, นิฏฺิตา คนฺธกุฏิ, ปริโภคมสฺสา ปจฺจาสีสามิ, ปริโภเคน กิร มหนฺตํ ปฺุํ โหตี’’ติ ¶ . โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมินา กิร โว กุฏุมฺพิเกน คนฺธกุฏิ การิตา, อิทานิ ปน ปริโภคํ ปจฺจาสีสตี’’ติ อาห. สตฺถา อุฏฺายาสนา คนฺธกุฏิอภิมุขํ คนฺตฺวา คนฺธกุฏึ ปริกฺขิปิตฺวา ปริกฺขิตฺตรตนราสึ โอโลเกนฺโต ทฺวารโกฏฺเก อฏฺาสิ. อถ นํ กุฏุมฺพิโก ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ อาห. สตฺถา ตตฺเถว ตฺวา ตติยวาเร ตสฺส ภาติกตฺเถรํ โอโลเกสิ. โส โอโลกิตากาเรเนว ตฺวา กนิฏฺภาตรํ อาห – ‘‘เอหิ, ตาต, ‘มเมว รกฺขา ภวิสฺสติ, ตุมฺเห ยถาสุขํ วสถา’ติ สตฺถารํ วเทหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา สตฺถารํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยถา มนุสฺสา รุกฺขมูเล ปวิสิตฺวา อนเปกฺขา ปกฺกมนฺติ, ยถา วา นทึ ตริตฺวา อุฬุมฺปํ อนเปกฺขา ปริจฺจชนฺติ, เอวํ อนเปกฺขา หุตฺวา ตุมฺเห วสถา’’ติ อาห. กิมตฺถํ ปน สตฺถา อฏฺาสิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘พุทฺธานํ สนฺติกํ ปุเรภตฺตมฺปิ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ พหู อาคจฺฉนฺติ, เตสุ รตนานิ อาทาย ปกฺกมนฺเตสุ น สกฺกา อมฺเหหิ วาเรตุํ, ปริเวณมฺหิ เอตฺตเก รตเน โวกิณฺเณ อตฺตโน อุปฏฺาเก หรนฺเตปิ น วาเรตีติ กุฏุมฺพิโก มยิ อาฆาตํ กตฺวา อปายูปโค ภเวยฺยา’’ติ อิมินา การเณน อฏฺาสิ. เตน ปน ¶ , ‘‘ภนฺเต, มเมว รกฺขา ภวิสฺสติ, ตุมฺเห วสถา’’ติ วุตฺเต ปาวิสิ.
กุฏุมฺพิโก ¶ สมนฺตา รกฺขํ เปตฺวา มนุสฺเส อาห – ‘‘ตาตา, อุจฺฉงฺเคน วา ปจฺฉิปสิพฺพเกหิ วา อาทาย คจฺฉนฺเต วาเรยฺยาถ, หตฺเถน คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ปน มา วารยิตฺถา’’ติ. อนฺโตนคเรปิ อาโรจาเปสิ ‘‘มยา คนฺธกุฏิปริเวเณ สตฺต รตนานิ โอกิณฺณานิ, สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา คจฺฉนฺตา ทุคฺคตมนุสฺสา อุโภ หตฺเถ ปูเรตฺวา คณฺหนฺตุ, สุขิตาปิ เอเกน คณฺหนฺตู’’ติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘สทฺธา ตาว ธมฺมํ โสตุกามา คมิสฺสนฺติเยว, อสฺสทฺธาปิ ปน ธนโลเภน คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ทุกฺขโต มุจฺจิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา ชนสงฺคหตฺถาย เอวํ อาโรจาเปสิ. มหาชโน เตน วุตฺตนิยาเมเนว รตนานิ คณฺหิ. สกึ โอกิณฺณรตเนสุ ขีเณสุ ยาวตติยํ ชณฺณุมตฺเตน โอธินา โอกิราเปสิเยว. สตฺถุ ปน ปาทมูเล ติปุสมตฺตํ อนคฺฆํ มณิรตนํ เปสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สตฺถุ สรีรโต สุวณฺณวณฺณาย ปภาย สทฺธึ มณิปภํ โอโลเกนฺตานํ ติตฺติ นาม น ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา เอวมกาสิ. มหาชโนปิ อติตฺโตว โอโลเกสิ.
อเถกทิวสํ เอโก มิจฺฉาทิฏฺิกพฺราหฺมโณ ‘‘สตฺถุ กิร ปาทมูเล มหคฺฆํ มณิรตนํ นิกฺขิตฺตํ, หริสฺสามิ น’’นฺติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ อาคตสฺส มหาชนสฺส อนฺตเรน ปาวิสิ. กุฏุมฺพิโก ตสฺส ปวิสนากาเรเนว ¶ ‘‘มณึ คณฺหิตุกาโม’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อโห วต น คณฺเหยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. โสปิ สตฺถารํ วนฺทนฺโต วิย ปาทมูเล หตฺถํ อุปนาเมตฺวา มณึ คเหตฺวา ¶ โอวฏฺฏิกาย กตฺวา ปกฺกามิ. กุฏุมฺพิโก ตสฺมึ จิตฺตํ ปสาเทตุํ นาสกฺขิ. โส ธมฺมกถาวสาเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา ติกฺขตฺตุํ คนฺธกุฏึ ปริกฺขิปิตฺวา ชณฺณุมตฺเตน โอธินา สตฺต รตนานิ โอกิณฺณานิ, ตานิ เม คณฺหนฺเตสุ อาฆาโต นาม นาโหสิ, จิตฺตํ ภิยฺโย ภิยฺโย ปสีทิเยว. อชฺช ปน ‘อโห วตายํ พฺราหฺมโณ มณึ น คณฺเหยฺยา’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺมึ มณึ อาทาย คเต จิตฺตํ ปสาเทตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘นนุ, อุปาสก, อตฺตโน สนฺตกํ ปเรหิ อนาหรณียํ กาตุํ สกฺโกสี’’ติ นยํ อทาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา มม สนฺตกํ ทสิกสุตฺตมตฺตมฺปิ มํ อภิภวิตฺวา อเนกสตาปิ ราชาโน วา โจรา วา คณฺหิตุํ สมตฺถา นาม มา โหนฺตุ, อคฺคินาปิ มม สนฺตกํ มา ฑยฺหตุ, อุทเกนปิ มา วุยฺหตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ ¶ . สตฺถาปิสฺส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ อกาสิ. โส คนฺธกุฏิมหํ กโรนฺโต อฏฺสฏฺิยา ภิกฺขุสตสหสฺสานํ อนฺโตวิหาเรเยว นว มาเส มหาทานํ ทตฺวา ทานปริโยสาเน สพฺเพสํ ติจีวรํ อทาสิ. สงฺฆนวกสฺส จีวรสาฏกา สหสฺสคฺฆนกา อเหสุํ.
โส เอวํ ยาวตายุกํ ปฺุานิ กริตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอตฺตกํ กาลํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ ¶ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห เอกสฺมึ เสฏฺิกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อฑฺฒมาสาธิเก นว มาเส มาตุกุจฺฉิยํ วสิ. ชาตทิวเส ปนสฺส สกลนคเร สพฺพาวุธานิ ปชฺชลึสุ, สพฺเพสํ กายรูฬฺหานิ อาภรณานิปิ ปชฺชลิตานิ วิย โอภาสํ มฺุจึสุ, นครํ เอกปชฺโชตํ อโหสิ. เสฏฺิปิ ปาโตว ราชูปฏฺานํ อคมาสิ. อถ นํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘อชฺช สพฺพาวุธานิ ปชฺชลึสุ, นครํ เอกปชฺโชตํ ชาตํ, ชานาสิ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ? ‘‘ชานามิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ, เสฏฺี’’ติ? ‘‘มม เคเห ตุมฺหากํ ทาโส ชาโต, ตสฺส ปฺุเตเชเนวํ อโหสี’’ติ. ‘‘กึ นุ โข โจโร ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘นตฺเถตํ, เทว, ปฺุวา สตฺโต กตาภินีหาโร’’ติ. ‘‘เตน หิ นํ สมฺมา โปเสตุํ วฏฺฏติ, อิทมสฺส ขีรมูลํ โหตู’’ติ เทวสิกํ สหสฺสํ ปฏฺเปสิ. อถสฺส นามคหณทิวเส สกลนครสฺส เอกปชฺโชตภูตตฺตา โชติโกตฺเวว นามํ กรึสุ.
อถสฺส วยปฺปตฺตกาเล เคหกรณตฺถาย ภูมิตเล โสธิยมาเน สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ อุปธารยมาโน ‘‘โชติกสฺส เคหฏฺานํ คณฺหนฺตี’’ติ ตฺวา ‘‘นายํ เอเตหิ กตเคเห วสิสฺสติ, มยาเปตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วฑฺฒกีเวเสน ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘กึ กโรถา’’ติ อาห. ‘‘โชติกสฺส เคหฏฺานํ คณฺหามา’’ติ. ‘‘อเปถ, นายํ ตุมฺเหหิ กตเคเห วสิสฺสตี’’ติ วตฺวา โสฬสกรีสมตฺตํ ¶ ภูมิปเทสํ โอโลเกสิ, โส ตาวเทว กสิณมณฺฑลํ ¶ วิย สโม อโหสิ. ปุน ‘‘อิมสฺมึ าเน ปถวึ ภินฺทิตฺวา สตฺตรตนมโย สตฺตภูมิกปาสาโท อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ, ตาวเทว ตถารูโป ปาสาโท อุฏฺหิ. ปุน ‘‘อิมํ ปริกฺขิปิตฺวา สตฺตรตนมยา สตฺต ปาการา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ, ตถารูปา ปาการา อุฏฺหึสุ. อถ ‘‘เนสํ ปริยนฺเต กปฺปรุกฺขา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตตฺวา ¶ โอโลเกสิ, ตถารูปา กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ‘‘ปาสาทสฺส จตูสุ กณฺเณสุ จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ, สพฺพํ ตเถว อโหสิ. นิธิกุมฺภีสุ ปน เอกา โยชนิกา อโหสิ, เอกา ติคาวุติกา, เอกา อฑฺฒโยชนิกา, เอกา คาวุตปฺปมาณา. โพธิสตฺตสฺส นิพฺพตฺตนิธิกุมฺภีนํ ปน เอกมุขปฺปมาณํ อโหสิ, เหฏฺา ปถวีปริยนฺตาว อเหสุํ. โชติกสฺส นิพฺพตฺตนิธิกุมฺภีนํ มุขปริมาณํ น กถิตํ, สพฺพา มุขฉินฺนตาลผลํ วิย ปริปุณฺณาว อุฏฺหึสุ. ปาสาทสฺส จตูสุ กณฺเณสุ ตรุณตาลกฺขนฺธปฺปมาณา จตสฺโส สุวณฺณมยา อุจฺฉุยฏฺิโย นิพฺพตฺตึสุ. ตาสํ มณิมยานิ ปตฺตานิ, โสวณฺณมยานิ ขนฺธานิ อเหสุํ. ปุพฺพกมฺมสฺส ทสฺสนตฺถํ กิเรตานิ, นิพฺพตฺตึสุ.
สตฺตสุ ทฺวารโกฏฺเกสุ สตฺต ยกฺขา อารกฺขํ คณฺหึสุ. ปเม ทฺวารโกฏฺเก ยมโกฬี นาม ยกฺโข อตฺตโน ปริวาเรน ยกฺขสหสฺเสน สทฺธึ อารกฺขํ คณฺหิ, ทุติเย ¶ อุปฺปโล นาม อตฺตโน ปริวารยกฺขานํ ทฺวีหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, ตติเย วชิโร นาม ตีหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, จตุตฺเถ วชิรพาหุ นาม จตูหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, ปฺจเม กสกนฺโท นาม ปฺจหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, ฉฏฺเ กฏตฺโถ นาม ฉหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, สตฺตเม ทิสามุโข นาม สตฺตหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ อารกฺขํ คณฺหิ. เอวํ ปาสาทสฺส อนฺโต จ พหิ จ คาฬฺหรกฺขา อโหสิ. ‘‘โชติกสฺส กิร สตฺตรตนมโย สตฺตภูมิกปาสาโท อุฏฺิโต, สตฺต ปาการา สตฺตทฺวารโกฏฺกา จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย อุฏฺิตา’’ติ สุตฺวา พิมฺพิสาโร ราชา เสฏฺิจฺฉตฺตํ ปหิณิ. โส โชติกเสฏฺิ นาม อโหสิ.
เตน ปน สทฺธึ กตปฺุกมฺมา อิตฺถี อุตฺตรกุรูสุ นิพฺพตฺติ. อถ นํ เทวตา ตโต อาเนตฺวา สิริคพฺเภ นิสีทาเปสุํ. สา อาคจฺฉมานา เอกํ ตณฺฑุลนาฬึ ตโย จ โชติปาสาเณ คณฺหิ. เตสํ ยาวชีวํ ตาเยว ตณฺฑุลนาฬิยา ภตฺตํ อโหสิ. สเจ กิร เต สกฏสตมฺปิ ตณฺฑุลานํ ปูเรตุกามา โหนฺติ, สา ตณฺฑุลนาฬิ นาฬิเยว หุตฺวา ติฏฺติ. ภตฺตปจนกาเล ตณฺฑุเล อุกฺขลิยํ ปกฺขิปิตฺวา เตสํ ปาสาณานํ ¶ อุปริ เปติ, ปาสาณา ตาวเทว ปชฺชลิตฺวา ภตฺเต ปกฺกมตฺเต นิพฺพายนฺติ. เตเนว สฺาเณน ภตฺตสฺส ปกฺกภาวํ ชานนฺติ. สูเปยฺยาทิปจนกาเลปิ เอเสว นโย. เอวํ เตสํ โชติปาสาเณหิ อาหาโร ปจฺจติ. มณิอาโลเกน ¶ จ วสนฺติ, อคฺคิสฺส วา ทีปสฺส ¶ วา โอภาสํ เนว ชานึสุ. ‘‘โชติกสฺส กิร เอวรูปา สมฺปตฺตี’’ติ สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ. มหาชโน ยานาทีนิ โยเชตฺวา ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉติ. โชติกเสฏฺิ อาคตาคตานํ อุตฺตรกุรุตณฺฑุลานํ ภตฺตํ ปจาเปตฺวา ทาเปสิ. ‘‘กปฺปรุกฺเขหิ วตฺถานิ คณฺหนฺตุ, อาภรณานิ คณฺหนฺตู’’ติ อาณาเปสิ. ‘‘คาวุติกนิธิกุมฺภิยา มุขํ วิวราเปตฺวา ยาปนมตฺตํ ธนํ คณฺหนฺตู’’ติ อาณาเปสิ. สกลชมฺพุทีปวาสิเกสุ ธนํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเตสุ นิธิกุมฺภิยา องฺคุลิมตฺตมฺปิ อูนํ นาโหสิ. คนฺธกุฏิปริเวเณ วาลุกํ กตฺวา โอกิณฺณรตนานํ กิรสฺส เอโส นิสฺสนฺโท.
เอวํ มหาชเน วตฺถาภรณานิ เจว ธนฺจ ยทิจฺฉกํ อาทาย คจฺฉนฺเต พิมฺพิสาโร ตสฺส ปาสาทํ ทฏฺุกาโมปิ มหาชเน อาคจฺฉนฺเต โอกาสํ นาลตฺถ. อปรภาเค ยทิจฺฉกํ อาทาย คตตฺตา มนุสฺเสสุ มนฺทีภูเตสุ ราชา โชติกสฺส ปิตรํ อาห – ‘‘ตว ปุตฺตสฺส ปาสาทํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ปุตฺตสฺส กเถสิ – ‘‘ตาต, ราชา เต ปาสาทํ ทฏฺุกาโม’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, อาคจฺฉตู’’ติ. ราชา มหนฺเตน ปริวาเรน ตตฺถ อคมาสิ. ปมทฺวารโกฏฺเก สมฺมชฺชิตฺวา กจวรฉฑฺฑิกา ทาสี รฺโ หตฺถํ อทาสิ, ราชา ‘‘เสฏฺิชายา’’ติ สฺาย ลชฺชมาโน ตสฺสา พาหาย หตฺถํ น เปสิ. เอวํ เสสทฺวารโกฏฺเกสุปิ ¶ ทาสิโย ‘‘เสฏฺิภริยาโย’’ติ มฺมาโน ตาสํ พาหาย หตฺถํ น เปสิ. โชติโก อาคนฺตฺวา ราชานํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปจฺฉโต หุตฺวา ‘‘ปุรโต ยาถ, เทวา’’ติ อาห. รฺโ มณิปถวี สตโปริสปปาโต วิย หุตฺวา อุปฏฺหิ. โส ‘‘อิมินา มม คหณตฺถาย โอปาโต ขณิโต’’ติ มฺมาโน ปาทํ นิกฺขิปิตุํ น วิสหิ. โชติโก ‘‘นายํ, เทว, โอปาโต, มม ปจฺฉโต อาคจฺฉถา’’ติ ปุรโต อโหสิ. ราชา เตน อกฺกนฺตกาเล ภูมึ อกฺกมิตฺวา เหฏฺิมตลโต ¶ ปฏฺาย ปาสาทํ โอโลเกนฺโต วิจริ. ตทา อชาตสตฺตุกุมาโรปิ ปิตุ องฺคุลึ คเหตฺวา วิจรนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อโห อนฺธพาโล มม ปิตา, คหปติเก นาม สตฺตรตนมเย ปาสาเท วสนฺเต เอส ราชา หุตฺวา ทารุมเย เคเห วสติ, อหํ ทานิ ราชา หุตฺวา อิมสฺส อิมสฺมึ ปาสาเท วสิตุํ น ทสฺสามี’’ติ.
รฺโปิ อุปริมตลานิ อภิรุหนฺตสฺเสว ปาตราสเวลา ชาตา. โส เสฏฺึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘มหาเสฏฺิ, อิเธว ปาตราสํ ภฺุชิสฺสามา’’ติ. ชานามิ, เทว, สชฺชิโต เทวสฺสาหาโรติ. โส โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหตฺวา รตนมเย เสฏฺิสฺส นิสีทนมณฺฑเป ปฺตฺเต ตสฺเสว นิสีทนปลฺลงฺเก นิสีทิ. อถสฺส หตฺถโธวนูทกํ ทตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา กิลินฺนปายาสํ วฑฺเฒตฺวา ปุรโต ปยึสุ. ราชา ‘‘โภชน’’นฺติ สฺาย ภฺุชิตุํ อารภิ. เสฏฺิ ¶ ‘‘นยิทํ, เทว, โภชนํ, กิลินฺนปายาโส ¶ เอโส’’ติ อฺิสฺสา สุวณฺณปาติยา โภชนํ วฑฺเฒตฺวา ปุริมปาติยํ ปยึสุ. ตโต อุฏฺิตอุตุนา กิร ตํ ภฺุชิตุํ สุขํ โหติ. ราชา มธุรโภชนํ ภฺุชนฺโต ปมาณํ น อฺาสิ. อถ นํ เสฏฺิ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘อลํ, เทว, เอตฺตกเมว โหตุ, อิโต อุตฺตรึ ชิราเปตุํ น สกฺกา’’ติ อาห. อถ นํ ราชา อาห – ‘‘กึ, คหปติ, ครุกํ กตฺวา กเถสิ อตฺตโน ภตฺต’’นฺติ? เทว, นตฺเถตํ, ตุมฺหากํ สพฺพสฺสาปิ หิ พลกายสฺส อิทเมว ภตฺตํ อิทํ สุเปยฺยํ. อปิ จ โข อหํ อยสสฺส ภายามีติ. กึ การณาติ? สเจ เทวสฺส กายาลสิยมตฺตํ ภเวยฺย, ‘‘หิยฺโย รฺา เสฏฺิสฺส เคเห ภตฺตํ ภุตฺตํ, เสฏฺินา กิฺจิ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ วจนสฺส ภายามิ, เทวาติ. เตน หิ ภตฺตํ หร, อุทกํ อาหราติ. รฺโ ภตฺตกิจฺจาวสาเน สพฺโพ ราชปริวาโร ตเทว ภตฺตํ ปริภฺุชิ.
ราชา สุขกถาย นิสินฺโน เสฏฺึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘กึ อิมสฺมึ เคเห เสฏฺิภริยา นตฺถี’’ติ อาห? ‘‘อาม อตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘กหํ สา’’ติ? ‘‘สิริคพฺเภ นิสินฺนา, เทวสฺส อาคตภาวํ น ชานาตี’’ติ. กิฺจาปิ หิ ปาโตว ราชา สปริวาโร อาคโต, สา ปนสฺส อาคตภาวํ น ชานาเตว. ตโต เสฏฺิ ‘‘ราชา เม ภริยํ ทฏฺุกาโม’’ติ ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ราชา อาคโต, กึ ตว ราชานํ ทฏฺุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. สา ¶ นิปนฺนกาว ¶ ‘‘โก เอส, สามิ, ราชา นามา’’ติ วตฺวา ‘‘ราชา นาม อมฺหากํ อิสฺสโร’’ติ วุตฺเต อนตฺตมนตํ ปเวเทนฺตี ‘‘ทุกฺกฏานิ วต โน ปฺุกมฺมานิ, เยสํ โน อิสฺสโรปิ อตฺถิ. อสฺสทฺธาย นาม ปฺุกมฺมานิ กตฺวา มยํ สมฺปตฺตึ ปาปุณิตฺวา อฺสฺส อิสฺสริยฏฺาเน นิพฺพตฺตมฺหา. อทฺธา อมฺเหหิ อสทฺทหิตฺวา ทานํ ทินฺนํ ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ผล’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึ ทานิ กโรมิ, สามี’’ติ อาห. ตาลวณฺฏํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ พีชาหีติ. ตสฺสา ตาลวณฺฏํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ พีเชนฺติยา รฺโ เวนสฺส คนฺธวาโต อกฺขีนิ ปหริ, อถสฺสา อกฺขีหิ อสฺสุธารา ปวตฺตึสุ. ตํ ทิสฺวา ราชา เสฏฺึ อาห – ‘‘มหาเสฏฺิ, มาตุคาโม นาม อปฺปพุทฺธิโก, ‘ราชา เม สามิกสฺส สมฺปตฺตึ คณฺเหยฺยา’ติ ภเยน โรทติ มฺเ, อสฺสาเสหิ นํ ‘น เม ตว สมฺปตฺติยา อตฺโถ’’’ติ. น เอสา, เทว, โรทตีติ. อถ กึ เอตนฺติ? ตุมฺหากํ เวนคนฺเธนสฺสา อสฺสูนิ ปวตฺตึสุ. อยฺหิ ทีโปภาสํ วา อคฺคิโอภาสํ วา อทิสฺวา มณิอาโลเกเนว ภฺุชติ จ นิสีทติ จ นิปชฺชติ จ, เทโว ปน ทีปาโลเกน นิสินฺโน ภวิสฺสตีติ? อาม, เสฏฺีติ. เตน หิ, เทว, อชฺช ปฏฺาย มณิอาโลเกน นิสีทถาติ มหนฺตํ ติปุสมตฺตํ อนคฺฆํ มณิรตนํ อทาสิ. ราชา เคหํ โอโลเกตฺวา ‘‘มหตี วต โชติกสฺส สมฺปตฺตี’’ติ วตฺวา อคมาสิ. อยํ ตาว โชติกสฺส อุปฺปตฺติ.
อิทานิ ¶ ¶ ชฏิลสฺส อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา – พาราณสิยฺหิ เอกา เสฏฺิธีตา อภิรูปา อโหสิ, ตํ ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกกาเล รกฺขณตฺถาย เอกํ ทาสึ ทตฺวา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตเล สิริคพฺเภ วาสยึสุ. ตํ เอกทิวสํ วาตปานํ วิวริตฺวา พหิ โอโลกยมานํ อากาเสน คจฺฉนฺโต เอโก วิชฺชาธโร ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห วาตปาเนน ปวิสิตฺวา ตาย สทฺธึ สนฺถวมกาสิ. สา เตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย น จิรสฺเสว คพฺภํ ปฏิลภิ. อถ นํ สา ทาสี ทิสฺวา, ‘‘อมฺม, กึ อิท’’นฺติ วตฺวา ‘‘โหตุ มา กสฺสจิ อาจิกฺขี’’ติ ตาย วุตฺตา ภเยน ตุณฺหี อโหสิ. สาปิ ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิตฺวา นวภาชนํ อาหราเปตฺวา ตตฺถ ตํ ทารกํ นิปชฺชาเปตฺวา ตํ ภาชนํ ปิทหิตฺวา อุปริ ปุปฺผทามานิ เปตฺวา ‘‘อิมํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวา คงฺคาย ¶ วิสฺสชฺเชหิ, ‘กึ อิท’นฺติ จ ปุฏฺา ‘อยฺยาย เม พลิกมฺม’นฺติ วเทยฺยาสี’’ติ ทาสึ อาณาเปสิ. สา ตถา อกาสิ.
เหฏฺาคงฺคายมฺปิ ทฺเว อิตฺถิโย นฺหายมานา ตํ ภาชนํ อุทเกนาหริยมานํ ทิสฺวา เอกา ‘‘มยฺเหตํ ภาชน’’นฺติ อาห. เอกา ‘‘ยํ เอตสฺส อนฺโต, ตํ มยฺห’’นฺติ วตฺวา ภาชเน สมฺปตฺเต ตํ อาทาย ถเล เปตฺวา วิวริตฺวา ทารกํ ทิสฺวา เอกา ‘‘มม ภาชนนฺติ วุตฺตตาย ทารโก มเมว โหตี’’ติ อาห. เอกา ‘‘ยํ ภาชนสฺส อนฺโต, ตํ มเมว โหตูติ วุตฺตตาย มม ทารโก’’ติ อาห. ตา ¶ วิวทมานา วินิจฺฉยฏฺานํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา อมจฺเจสุ วินิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺเตสุ รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา ตาสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘ตฺวํ ทารกํ คณฺห, ตฺวํ ภาชนํ คณฺหา’’ติ อาห. ยาย ปน ทารโก ลทฺโธ, สา มหากจฺจานตฺเถรสฺส อุปฏฺายิกา อโหสิ. ตสฺมา สา ทารกํ ‘‘อิมํ เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ โปเสสิ. ตสฺส ชาตทิวเส คพฺภมลสฺส โธวิตฺวา อนปนีตตาย เกสา ชฏิตา หุตฺวา อฏฺํสุ, เตนสฺส ชฏิโลตฺเวว นามํ กรึสุ. ตสฺส ปทสา วิจรณกาเล เถโร ตํ เคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อุปาสิกา เถรํ นิสีทาเปตฺวา อาหารมทาสิ. เถโร ทารกํ ทิสฺวา ‘‘กึ อุปาสิเก ทารโก ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, อิมาหํ ทารกํ ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพาเชสฺสามีติ โปเสสึ, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ อทาสิ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ อาทาย ตํ คจฺฉนฺโต ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺส คิหิสมฺปตฺตึ อนุภวิตุํ ปฺุกมฺม’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘มหาปฺุโ สตฺโต มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสติ, ทหโร เอส ตาว, าณมฺปิสฺส ปริปากํ น คจฺฉตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ อาทาย ตกฺกสิลายํ เอกสฺส อุปฏฺากสฺส เคหํ อคมาสิ.
โส เถรํ วนฺทิตฺวา ิโต ตํ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘ทารโก โว, ภนฺเต, ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. อาม, อุปาสก, ปพฺพชิสฺสติ, ทหโร ตาว, ตเวว สนฺติเก โหตูติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตํ ¶ ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปฏิชคฺคิ. ตสฺส ปน เคเห ทฺวาทส วสฺสานิ ภณฺฑกํ อุสฺสนฺนํ โหติ. โส คามนฺตรํ คจฺฉนฺโต สพฺพมฺปิ ตํ ภณฺฑํ ¶ อาปณํ หริตฺวา ทารกํ อาปเณ นิสีทาเปตฺวา ตสฺส ตสฺส ภณฺฑกสฺส มูลํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิทฺจ อิทฺจ เอตฺตกํ นาม ¶ ธนํ คเหตฺวา ทเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตํทิวสํ นครปริคฺคาหิกา เทวตา อนฺตมโส มริจชีรกมตฺเตนาปิ อตฺถิเก ตสฺเสว อาปณาภิมุเข กรึสุ. โส ทฺวาทส วสฺสานิ อุสฺสนฺนํ ภณฺฑกํ เอกทิวเสเนว วิกฺกิณิ. กุฏุมฺพิโก อาคนฺตฺวา อาปเณ กิฺจิ อทิสฺวา ‘‘สพฺพํ เต, ตาต, ภณฺฑกํ นาสิต’’นฺติ อาห. น นาเสมิ, สพฺพํ ตุมฺเหหิ วุตฺตนเยเนว วิกฺกิณึ, อิทํ อสุกสฺส มูลํ, อิทํ อสุกสฺสาติ. กุฏุมฺพิโก ปสีทิตฺวา ‘‘อนคฺโฆ ปุริโส, ยตฺถ กตฺถจิ ชีวิตุํ สมตฺโถ’’ติ อตฺตโน เคเห วยปฺปตฺตํ ธีตรํ ตสฺส ทตฺวา ‘‘เคหมสฺส กโรถา’’ติ ปุริเส อาณาเปตฺวา นิฏฺิเต เคเห ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห อตฺตโน เคเห วสถา’’ติ อาห.
อถสฺส เคหปวิสนกาเล เอเกน ปาเทน อุมฺมาเร อกฺกนฺตมตฺเต เคหสฺส ปจฺฉิมภาเค ภูมึ ภินฺทิตฺวา อสีติหตฺโถ สุวณฺณปพฺพโต อุฏฺหิ. ราชา ‘‘ชฏิลกุมารสฺส กิร เคเห ภูมึ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณปพฺพโต อุฏฺิโต’’ติ สุตฺวาว ตสฺส เสฏฺิจฺฉตฺตํ เปเสสิ. โส ชฏิลเสฏฺิ นาม อโหสิ. ตสฺส ตโย ปุตฺตา อเหสุํ. โส เตสํ วยปฺปตฺตกาเล ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สเจ อมฺเหหิ สมานโภคํ เสฏฺิกุลํ ภวิสฺสติ, ปพฺพชิตุํ ทสฺสนฺติ. โน เจ, น ทสฺสนฺติ. อตฺถิ นุ โข ชมฺพุทีเป อมฺเหหิ สมานโภคํ กุล’’นฺติ วีมํสนตฺถาย สุวณฺณมยํ อิฏฺกํ สุวณฺณมยํ ปโตทลฏฺึ สุวณฺณมยํ ปาทุกฺจ การาเปตฺวา ปุริสานํ หตฺเถ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, อิมานิ อาทาย กิฺจิเทว โอโลกยมานา วิย ชมฺพุทีปตเล วิจริตฺวา ¶ อมฺเหหิ สมานโภคสฺส เสฏฺิกุลสฺส อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ ปหิณิ.
เต จาริกํ จรนฺตา ภทฺทิยนครํ ปาปุณึสุ. อถ เน เมณฺฑกเสฏฺิ ทิสฺวา, ‘‘ตาตา, กึ กโรนฺตา วิจรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ โอโลเกนฺตา วิจรามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิเมสํ อิมานิ คเหตฺวา กิฺจิเทว โอโลเกตุํ วิจรณกิจฺจํ นตฺถิ, รฏฺํ ปริคฺคณฺหมานา วิจรนฺตี’’ติ ตฺวา, ‘‘ตาตา, อมฺหากํ ปจฺฉิมเคหํ ปวิสิตฺวา โอโลเกถา’’ติ อาห. เต ตตฺถ อฏฺกรีสมตฺเต าเน หตฺถิอสฺสอุสภปฺปมาเณ ปิฏฺิยา ปิฏฺึ อาหจฺจ ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺิเต เหฏฺา วุตฺตปฺปกาเร สุวณฺณเมณฺฑเก ทิสฺวา เตสํ อนฺตรนฺตรา ¶ วิจริตฺวา นิกฺขมึสุ. อถ เน เสฏฺิ, ‘‘ตาตา, ยํ โอโลเกนฺตา วิจรถ, ทิฏฺโ โว โส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปสฺสาม, สามี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ คจฺฉถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ตโตว คนฺตฺวา อตฺตโน เสฏฺินา ‘‘กึ, ตาตา, ทิฏฺํ โว อมฺหากํ สมานโภคํ เสฏฺิกุล’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ กึ อตฺถิ, ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกเสฏฺิโน เอวรูโป ¶ นาม วิภโว’’ติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ อตฺตมโน หุตฺวา ‘‘เอกํ ตาว เสฏฺิกุลํ ลทฺธํ, อปรมฺปิ นุ โข อตฺถี’’ติ สตสหสฺสคฺฆนิกํ กมฺพลํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, อฺมฺปิ. เสฏฺิกุลํ วิจินถา’’ติ ปหิณิ.
เต ราชคหํ คนฺตฺวา โชติกเสฏฺิสฺส เคหโต อวิทูเร ทารุราสึ กตฺวา อคฺคึ ทตฺวา อฏฺํสุ. ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุฏฺกาเล จ ‘‘เอกํ โน มหคฺฆกมฺพลํ วิกฺกิณนฺตานํ กยิโก นตฺถิ, คเหตฺวา วิจรนฺตาปิ โจรานํ ภายาม, เตน ตํ ฌาเปตฺวา คมิสฺสามา’’ติ วทึสุ. อถ เน โชติกเสฏฺิ ทิสฺวา ‘‘อิเม กึ กโรนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กึ อคฺฆนโก กมฺพโล’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สตสหสฺสคฺฆนโก’’ติ วุตฺเต สตสหสฺสํ ทาเปตฺวา ¶ ‘‘ทฺวารโกฏฺกํ สมฺมชฺชิตฺวา กจวรฉฑฺฑิกาย ทาสิยา เทถา’’ติ เตสํเยว หตฺเถ ปหิณิ. สา กมฺพลํ คเหตฺวา โรทมานา สามิกสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘กึ มํ, สามิ, อปราเธ สติ ปหริตุํ น วฏฺฏติ, กสฺมา เม เอวรูปํ ถูลกมฺพลํ ปหิณิตฺถ, กถาหํ อิมํ นิวาเสสฺสามิ วา ปารุปิสฺสามิ วา’’ติ. นาหํ ตว เอตทตฺถาย ปหิณึ, เอตํ ปน ปลิเวเตฺวา ตว สยนปาทมูเล เปตฺวา นิปชฺชนกาเล คนฺโธทเกน โธตานํ ปาทานํ ปฺุฉนตฺถาย เต ปหิณึ, กึ เอตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกสีติ. สา ‘‘เอตํ ปน กาตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ คเหตฺวา อคมาสิ. เต จ ปุริสา ตํ การณํ ทิสฺวา อตฺตโน เสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาตา, ทิฏฺํ โว เสฏฺิกุล’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, กึ ตุมฺหากํ อตฺถิ, ราชคหนคเร โชติกเสฏฺิสฺส เอวรูปา นาม สมฺปตฺตี’’ติ สพฺพํ เคหสมฺปตฺตึ อาโรเจตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. เสฏฺิ เตสํ วจนํ สุตฺวา ตุฏฺมานโส ‘‘อิทานิ ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามี’’ติ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปพฺพชิตุกาโมมฺหิ, เทวา’’ติ อาห. สาธุ, มหาเสฏฺิ, ปพฺพชาหีติ ¶ . โส เคหํ คนฺตฺวา ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา สุวณฺณทณฺฑํ วชิรกุทฺทาลํ เชฏฺปุตฺตสฺส หตฺเถ เปตฺวา, ‘‘ตาต, ปจฺฉิมเคเห สุวณฺณปพฺพตโต สุวณฺณปิณฺฑํ อุทฺธราหี’’ติ อาห. โส กุทฺทาลํ อาทาย คนฺตฺวา สุวณฺณปพฺพตํ ปหริ, ปิฏฺิปาสาเณ ปหฏกาโล วิย อโหสิ. ตสฺส หตฺถโต กุทฺทาลํ คเหตฺวา มชฺฌิมปุตฺตสฺส หตฺเถ ทตฺวา ปหิณิ, ตสฺสปิ สุวณฺณปพฺพตํ ปหรนฺตสฺส ปิฏฺิปาสาเณ ปหฏกาโล วิย อโหสิ. อถ ¶ นํ กนิฏฺปุตฺตสฺส หตฺเถ ทตฺวา ปหิณิ, ตสฺส ตํ คเหตฺวา ปหรนฺตสฺส โกฏฺเฏตฺวา ราสิกตาย มตฺติกาย ปหฏกาโล วิย อโหสิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘เอหิ, ตาต, อลํ เอตฺตเกนา’’ติ วตฺวา อิตเร ทฺเว เชฏฺภาติเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อยํ สุวณฺณปพฺพโต น ตุมฺหากํ นิพฺพตฺโต, มยฺหฺจ กนิฏฺสฺส จ นิพฺพตฺโต, อิมินา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ อาห. กสฺมา ปน โส เตสเมว นิพฺพตฺตติ, กสฺมา จ ชฏิโล ชาตกาเล อุทเก ปาติโตติ? อตฺตโน กตกมฺเมเนว.
กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ¶ หิ เจติเย กริยมาเน เอโก ขีณาสโว เจติยฏฺานํ คนฺตฺวา โอโลเกตฺวา, ‘‘ตาตา, กสฺมา เจติยสฺส อุตฺตเรน มุขํ น อุฏฺหตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สุวณฺณํ นปฺปโหตี’’ติ อาหํสุ. อหํ อนฺโตคามํ ปวิสิตฺวา สมาทเปสฺสามิ, ตุมฺเห อาทเรน กมฺมํ กโรถาติ. โส เอวํ วตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมา, ตาตา, ตุมฺหากํ เจติยสฺส เอกสฺมึ มุเข สุวณฺณํ นปฺปโหติ, สุวณฺณํ ชานาถา’’ติ มหาชนํ สมาทเปนฺโต สุวณฺณการกุลํ อคมาสิ. สุวณฺณกาโรปิ ตงฺขเณเยว ภริยาย สทฺธึ กลหํ กโรนฺโต นิสินฺโน โหติ. อถ นํ เถโร ‘‘เจติเย ตุมฺเหหิ คหิตมุขสฺส สุวณฺณํ นปฺปโหติ, ตํ ชานิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. โส ภริยาย โกเปน ‘‘ตว สตฺถารํ อุทเก ขิปิตฺวา คจฺฉา’’ติ อาห. อถ นํ สา ‘‘อติสาหสิกกมฺมํ เต กตํ, มม กุทฺเธน เต อหเมว อกฺโกสิตพฺพา วา ปหริตพฺพา วา, กสฺมา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ พุทฺเธสุ เวรมกาสี’’ติ อาห. สุวณฺณกาโร ตาวเทว ¶ สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘ขมถ เม, ภนฺเต’’ติ วตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิ. ตาต, อหํ ตยา น กิฺจิ วุตฺโต, สตฺถารํ ขมาเปหีติ. กินฺติ กตฺวา ขมาเปมิ, ภนฺเตติ. สุวณฺณปุปฺผานํ ตโย ¶ กุมฺเภ กตฺวา อนฺโตธาตุนิธาเน ปกฺขิปิตฺวา อลฺลวตฺโถ อลฺลเกโส หุตฺวา ขมาเปหิ, ตาตาติ.
โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา สุวณฺณปุปฺผานิ กโรนฺโต ตีสุ ปุตฺเตสุ เชฏฺปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอหิ, ตาต, อหํ สตฺถารํ เวรวจเนน อวจํ, ตสฺมา อิมานิ ปุปฺผานิ กตฺวา ธาตุนิธาเน ปกฺขิปิตฺวา ขมาเปสฺสามิ, ตฺวมฺปิ โข เม สหาโย โหหี’’ติ อาห. โส ‘‘น ตฺวํ มยา เวรวจนํ วทาปิโต, ตฺวํเยว กโรหี’’ติ กาตุํ น อิจฺฉิ. มชฺฌิมปุตฺตํ ปกฺโกสิตฺวา ตเถวาห, โสปิ ตเถว วตฺวา กาตุํ น อิจฺฉิ. กนิฏฺํ ปกฺโกสิตฺวา ตเถวาห, โส ‘‘ปิตุ อุปฺปนฺนกิจฺจํ นาม ปุตฺตสฺส ภาโร’’ติ วตฺวา ปิตุสหาโย หุตฺวา ปุปฺผานิ อกาสิ. สุวณฺณกาโร วิทตฺถิปฺปมาณานํ ปุปฺผานํ ตโย กุมฺเภ นิฏฺาเปตฺวา ธาตุนิธาเน ปกฺขิปิตฺวา อลฺลวตฺโถ อลฺลเกโส สตฺถารํ ขมาเปสิ. อิติ โส สตฺตกฺขตฺตุํ ชาตกาเล อุทเก ปาตนํ ลภิ. อยํ ปนสฺส โกฏิยํ ิโต อตฺตภาโว. อิธาปิ ตสฺเสว นิสฺสนฺเทน อุทเก ปาติโต. เย ปนสฺส ทฺเว เชฏฺภาติกา ปุตฺตา สุวณฺณปุปฺผานํ กรณกาเล สหายา ภวิตุํ น อิจฺฉึสุ, เตสํ เตน การเณน สุวณฺณปพฺพโต น นิพฺพตฺติ, ชฏิลสฺส เจว กนิฏฺปุตฺตสฺส จ เอกโต กตภาเวน นิพฺพตฺติ. อิติ ¶ โส ปุตฺเต อนุสาสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา อปเรน สมเยน ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺส ปุตฺตานํ เคหทฺวารํ อคมาสิ, เต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อฑฺฒมาสํ ภิกฺขาทานํ อทํสุ.
ภิกฺขู ¶ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อชฺชาปิ เต, อาวุโส ชฏิล, อสีติหตฺเถ สุวณฺณปพฺพเต จ ปุตฺเตสุ จ ตณฺหา อตฺถี’’ติ. ‘‘น เม, อาวุโส, เอเตสุ ตณฺหา วา มาโน วา อตฺถี’’ติ. เต ‘‘อยํ ชฏิลตฺเถโร อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ วทึสุ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสฺส เตสุ ตณฺหา วา มาโน วา อตฺถี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ ตณฺหํ ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;
ตณฺหาภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – โย อิธ โลเก ฉทฺวาริกํ ตณฺหํ วา มานํ วา ชหิตฺวา ฆราวาเสน อนตฺถิโก อนาคาโร หุตฺวา ปริพฺพชติ, ตณฺหาย เจว ภวสฺส จ ปริกฺขีณตฺตา ตณฺหาภวปริกฺขีณํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ชฏิลตฺเถรวตฺถุ เตตฺตึสติมํ.
๓๔. โชติกตฺเถรวตฺถุ
โยธ ตณฺหนฺติ ปุน อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต โชติกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
อชาตสตฺตุกุมาโร หิ เทวทตฺเตน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ปิตรํ ฆาเตตฺวา รชฺเช ปติฏฺิโต ‘‘โชติกเสฏฺิสฺส มหาปาสาทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ¶ ยุทฺธสชฺโช นิกฺขมิตฺวา มณิปากาเร สปริวารสฺส อตฺตโน ฉายํ ทิสฺวา ‘‘คหปติโก ยุทฺธสชฺโช หุตฺวา พลํ อาทาย นิกฺขนฺโต’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา อุปคนฺตุํ น วิสหิ. เสฏฺิปิ ตํ ทิวสํ อุโปสถิโก หุตฺวา ปาโตว ภุตฺตปาตราโส วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต นิสินฺโน โหติ. ปเม ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คเหตฺวา ิโต ปน ยมโกฬิ นาม ยกฺโข ตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ สปริวารํ วิทฺธํเสตฺวา ทิสาวิทิสาสุ อนุพนฺธิ. ราชา วิหารเมว อคมาสิ.
อถ นํ เสฏฺิ ทิสฺวาว ‘‘กึ, เทวา’’ติ วตฺวา อุฏฺายาสนา อฏฺาสิ. คหปติ, กึ ตฺวํ ¶ ตว ปุริเส ‘‘มยา สทฺธึ ยุชฺฌถา’’ติ อาณาเปตฺวา อิธาคมฺม ธมฺมํ สุณนฺโต วิย นิสินฺโนติ. กึ ปน เทโว มม เคหํ คณฺหิตุํ คโตติ? อาม, คโตมฺหีติ. มม อนิจฺฉาย มม เคหํ คณฺหิตุํ ราชสหสฺสมฺปิ น สกฺโกติ, เทวาติ. โส ‘‘กึ ปน ตฺวํ ราชา ภวิสฺสสี’’ติ กุชฺฌิ. นาหํ ราชา, มม สนฺตกํ ปน ทสิกสุตฺตมฺปิ มม อนิจฺฉาย ราชูหิ วา โจเรหิ วา คเหตุํ น สกฺกาติ. กึ ปนาหํ ตว รุจิยา คณฺหิสฺสามีติ? เตน หิ, เทว, อิมา เม ทสสุ องฺคุลีสุ วีสติ มุทฺทิกา, อิมาหํ ตุมฺหากํ น เทมิ. สเจ สกฺโกถ, คณฺหถาติ ¶ . โส ปน ราชา ภูมิยํ อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อุลฺลงฺฆนฺโต อฏฺารสหตฺถํ านํ อภิรุหติ, ตฺวา อุลฺลงฺฆนฺโต อสีติหตฺถํ ¶ านํ อภิรุหติ. เอวํมหาพโล สมาโนปิ อิโต จิโต จ ปริวตฺเตนฺโต เอกํ มุทฺทิกมฺปิ กฑฺฒิตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘สาฏกํ ปตฺถร, เทวา’’ติ วตฺวา องฺคุลิโย อุชุกา อกาสิ, วีสติปิ มุทฺทิกา นิกฺขมึสุ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘เอวํ, เทว, มม สนฺตกํ มม อนิจฺฉาย น สกฺกา คณฺหิตุ’’นฺติ วตฺวา รฺโ กิริยาย อุปฺปนฺนสํเวโค ‘‘ปพฺพชิตุํ เม อนุชาน, เทวา’’ติ อาห. โส ‘‘อิมสฺมึ ปพฺพชิเต สุขํ ปาสาทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกวจเนเนว ‘‘ตฺวํ ปพฺพชาหี’’ติ อาห. โส สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา โชติกตฺเถโร นาม อโหสิ. ตสฺส อรหตฺตํ ปตฺตกฺขเณเยว สพฺพาปิ สา สมฺปตฺติ อนฺตรธายิ, ตมฺปิสฺส สตุลกายึ นาม ภริยํ เทวตา อุตฺตรกุรุเมว นยึสุ.
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ตํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อาวุโส โชติก, ตสฺมึ ปน เต ปาสาเท วา อิตฺถิยา วา ตณฺหา อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถาวุโส’’ติ วุตฺเต สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘นตฺเถว, ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสฺส ตสฺมึ ตณฺหา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โยธ ¶ ตณฺหํ ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;
ตณฺหาภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
อิมิสฺสา คาถายตฺโถ เหฏฺา ชฏิลตฺเถรวตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
โชติกตฺเถรวตฺถุ จตุตึสติมํ.
๓๕. นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ
หิตฺวาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ นฏปุตฺตกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกํ นฏกีฬํ กีฬยมาโน วิจรนฺโต สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺมึ พุทฺธปฺปมุเขน ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ¶ ปิณฺฑาย ปวิสนฺเต ภิกฺขู เอกํ นฏปุตฺตํ กีฬนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อาวุโส, เอส ตยา กีฬิตกีฬิตํ กีฬติ, อตฺถิ นุ โข เต เอตฺถ สิเนโห’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต สพฺพโยเค อติกฺกนฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หิตฺวา มานุสกํ โยคํ, ทิพฺพํ โยคํ อุปจฺจคา;
สพฺพโยควิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ มานุสกํ โยคนฺติ มานุสกํ อายฺุเจว ปฺจ กามคุเณ จ. ทิพฺพโยเคปิ เอเสว นโย. อุปจฺจคาติ โย มานุสกํ โยคํ หิตฺวา ทิพฺพํ โยคํ อติกฺกนฺโต, ตํ สพฺเพหิ จตูหิปิ โยเคหิ วิสํยุตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ ปฺจตึสติมํ.
๓๖. นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ
หิตฺวา รติฺจาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ นฏปุตฺตกํเยว อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปุริมสทิสเมว. อิธ ปน สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต รติฺจ อรติฺจ ปหาย ิโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หิตฺวา รติฺจ อรติฺจ, สีติภูตํ นิรูปธึ;
สพฺพโลกาภิภุํ วีรํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ รตินฺติ ปฺจกามคุณรตึ. อรตินฺติ อรฺวาเส อุกฺกณฺิตตฺตํ. สีติภูตนฺติ นิพฺพุตํ. นิรูปธินฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. วีรนฺติ ตํ เอวรูปํ สพฺพํ ขนฺธโลกํ อภิภวิตฺวา ิตํ วีริยวนฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ ฉตฺตึสติมํ.
๓๗. วงฺคีสตฺเถรวตฺถุ
จุตึ ¶ ¶ โย เวทีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วงฺคีสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ราชคเห กิเรโก พฺราหฺมโณ วงฺคีโส นาม มตมนุสฺสานํ สีสํ อาโกเฏตฺวา ‘‘อิทํ นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ, อิทํ ติรจฺฉานโยนิยํ, อิทํ เปตฺติวิสเย, อิทํ มนุสฺสโลเก, อิทํ เทวโลเก นิพฺพตฺตสฺส สีส’’นฺติ ชานาติ. พฺราหฺมณา ‘‘สกฺกา อิมํ นิสฺสาย โลกํ ขาทิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตํ ทฺเว รตฺตวตฺถานิ ปริทหาเปตฺวา อาทาย ชนปทํ จรนฺตา มนุสฺเส วทนฺติ ‘‘เอโส วงฺคีโส นาม พฺราหฺมโณ มตมนุสฺสานํ สีสํ อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาติ, อตฺตโน าตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉถา’’ติ. มนุสฺสา ยถาพลํ ทสปิ กหาปเณ วีสติปิ สตมฺปิ ทตฺวา าตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉนฺติ. เต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนสฺส อวิทูเร นิวาสํ คณฺหึสุ. เต ภุตฺตปาตราสา มหาชนํ คนฺธมาลาทิหตฺถํ ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิหารํ ธมฺมสฺสวนายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสถ, อมฺหากํ วงฺคีสพฺราหฺมเณน สทิโส นาม นตฺถิ, มตมนุสฺสานํ สีสํ อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาติ, าตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉถา’’ติ อาหํสุ. เต ‘‘วงฺคีโส กึ ชานาติ ¶ , อมฺหากํ สตฺถารา สทิโส นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิตเรหิปิ ‘‘วงฺคีสสทิโส นตฺถี’’ติ วุตฺเต กถํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘เอถ, ทานิ โว วงฺคีสสฺส วา อมฺหากํ วา สตฺถุ ชานนภาวํ ชานิสฺสามา’’ติ เต อาทาย วิหารํ อคมํสุ. สตฺถา เตสํ อาคมนภาวํ ตฺวา นิรเย ติรจฺฉานโยนิยํ มนุสฺสโลเก เทวโลเกติ จตูสุ าเนสุ นิพฺพตฺตานํ จตฺตาริ สีสานิ, ขีณาสวสีสฺจาติ ปฺจ สีสานิ อาหราเปตฺวา ปฏิปาฏิยา เปตฺวา อาคตกาเล วงฺคีสํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตฺวํ กิร สีสํ อาโกเฏตฺวา มตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘อิทํ กสฺส สีส’’นฺติ? โส ตํ อาโกเฏตฺวา ‘‘นิรเย นิพฺพตฺตสฺสา’’ติ อาห. อถสฺส สตฺถา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สาธุการํ ทตฺวา ¶ อิตรานิปิ ตีณิ สีสานิ ปุจฺฉิตฺวา เตน อวิรชฺฌิตฺวา วุตฺตวุตฺตกฺขเณ ตเถว ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ปฺจมํ สีสํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิทํ กสฺส สีส’’นฺติ ปุจฺฉิ, โส ตมฺปิ อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ น ชานาติ.
อถ ¶ นํ สตฺถา ‘‘กึ, วงฺคีส, น ชานาสี’’ติ วตฺวา, ‘‘อาม, น ชานามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ ชานามี’’ติ อาห. อถ นํ วงฺคีโส ยาจิ ‘‘เทถ เม อิมํ มนฺต’’นฺติ. น สกฺกา อปพฺพชิตสฺส ทาตุนฺติ. โส ‘‘อิมสฺมึ มนฺเต คหิเต สกลชมฺพุทีเป อหํ เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เต พฺราหฺมเณ ‘‘ตุมฺเห ตตฺเถว กติปาหํ วสถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท วงฺคีสตฺเถโร นาม อโหสิ. อถสฺส สตฺถา ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ‘‘มนฺตสฺส ปริกมฺมํ สชฺฌายาหี’’ติ ¶ อาห. โส ตํ สชฺฌายนฺโต อนฺตรนฺตรา พฺราหฺมเณหิ ‘‘คหิโต เต มนฺโต’’ติ ปุจฺฉิยมาโน ‘‘อาคเมถ ตาว, คณฺหามี’’ติ วตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปตฺวา ปุน พฺราหฺมเณหิ ปุฏฺโ ‘‘อภพฺโพ ทานาหํ, อาวุโส, คนฺตุ’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูเตน อฺํ พฺยากโรตี’’ติ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘มา, ภิกฺขเว, เอวํ อวจุตฺถ, อิทานิ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต จุติปฏิสนฺธิกุสโล ชาโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ, อุปปตฺติฺจ สพฺพโส;
อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
‘‘ยสฺส คตึ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา;
ขีณาสวํ อรหนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ โย เวทีติ โย สตฺตานํ สพฺพากาเรน จุติฺจ ปฏิสนฺธิฺจ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ตมหํ อลคฺคตาย อสตฺตํ, ปฏิปตฺติยา สุฏฺุ คตตฺตา สุคตํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตาย พุทฺธํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. ยสฺสาติ ยสฺเสเต เทวาทโย คตึ น ชานนฺติ, ตมหํ อาสวานํ ขีณตาย ขีณาสวํ, กิเลเสหิ อารกตฺตา อรหนฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
วงฺคีสตฺเถรวตฺถุ สตฺตตึสติมํ.
๓๘. ธมฺมทินฺนตฺเถรีวตฺถุ
ยสฺสาติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ธมฺมทินฺนํ นาม ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ตสฺสา คิหิกาเล สามิโก วิสาโข อุปาสโก สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อนาคามิผลํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา สพฺพํ สาปเตยฺยํ ธมฺมทินฺนํ ปฏิจฺฉาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตโต ปุพฺเพ อาคจฺฉนฺโต ธมฺมทินฺนํ วาตปาเนน โอโลเกนฺตึ ทิสฺวา สิตํ กโรติ. ตํ ทิวสํ ปน วาตปาเนน ิตํ อโนโลเกนฺโตว อคมาสิ. สา ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘โหตุ, โภชนกาเล ชานิสฺสามี’’ติ โภชนเวลาย ภตฺตํ อุปนาเมสิ. โส อฺเสุ ทิวเสสุ ‘‘เอหิ, เอกโต ภฺุชามา’’ติ วทติ, ตํ ทิวสํ ปน ตุณฺหีภูโตว ภฺุชิ. สา ‘‘เกนจิเทว การเณน กุปิโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. อถ นํ วิสาโข สุขนิสินฺนเวลาย ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ธมฺมทินฺเน อิมสฺมึ เคเห สพฺพํ สาปเตยฺยํ ปฏิจฺฉาหี’’ติ อาห. สา ‘‘กุทฺธา นาม สาปเตยฺยํ น ปฏิจฺฉาเปนฺติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเห ปน, สามี’’ติ อาห. อหํ อิโต ปฏฺาย น กิฺจิ วิจาเรมีติ. ตุมฺเหหิ ฉฑฺฑิตํ เขฬํ โก ปฏิจฺฉิสฺสติ, เอวํ สนฺเต มม ปพฺพชฺชํ อนุชานาถาติ. โส ‘‘สาธุ, ภทฺเท’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน ตํ ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. สา ลทฺธูปสมฺปทา ธมฺมทินฺนตฺเถรี นาม อโหสิ.
สา ปวิเวกกามตาย ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ ชนปทํ คนฺตฺวา ตตฺถ วิหรนฺตี น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘อิทานิ มํ นิสฺสาย าติชนา ¶ ปฺุานิ กริสฺสนฺตี’’ติ ปุนเทว ราชคหํ ปจฺจาคฺฉิ. อุปาสโก ตสฺสา อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘เกน นุ โข การเณน อาคตา’’ติ ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ คนฺตฺวา เถรึ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘อุกฺกณฺิตา นุ โขสิ, อยฺเยติ วตฺตุํ อปฺปติรูปํ, ปฺหเมกํ นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โสตาปตฺติมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ, สา ตํ วิสฺสชฺเชสิ. อุปาสโก เตเนว อุปาเยน เสสมคฺเคสุปิ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา อติกฺกมฺม ปฺหสฺส ปุฏฺกาเล ตาย ‘‘อจฺจยาสิ, อาวุโส, วิสาขา’’ติ วตฺวา ‘‘อากงฺขมาโน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ วุตฺเต เถรึ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา สตฺถุ สนฺติกํ ¶ คนฺตฺวา ตํ กถาสลฺลาปํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘สุกถิตํ มม ธีตาย ธมฺมทินฺนาย, อหมฺเปตํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต เอวเมว วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ¶ ปุเร จ ปจฺฉา จ, มชฺเฌ จ นตฺถิ กิฺจนํ;
อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตตฺถ ปุเรติ อตีเตสุ ขนฺเธสุ. ปจฺฉาติ อนาคเตสุ ขนฺเธสุ. มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ขนฺเธสุ. นตฺถิ กิฺจนนฺติ ยสฺเสเตสุ าเนสุ ตณฺหาคาหสงฺขาตํ ¶ กิฺจนํ นตฺถิ, ตมหํ ราคกิฺจนาทีหิ อกิฺจนํ กสฺสจิ คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ธมฺมทินฺนตฺเถรีวตฺถุ อฏฺตึสติมํ.
๓๙. องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ
อุสภนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต องฺคุลิมาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺตี’’ติ (ธ. ป. ๑๗๗) คาถาวณฺณนาย วุตฺตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –
ภิกฺขู องฺคุลิมาลํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส องฺคุลิมาล, ทุฏฺหตฺถึ ฉตฺตํ ธาเรตฺวา ิตํ ทิสฺวา ภายี’’ติ? ‘‘น ภายึ, อาวุโส’’ติ. เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘องฺคุลิมาโล, ภนฺเต, อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต องฺคุลิมาโล ภายติ. ขีณาสวอุสภานฺหิ อนฺตเร เชฏฺกอุสภา มม ปุตฺตสทิสา ภิกฺขู น ภายนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, มเหสึ วิชิตาวินํ;
อเนชํ นฺหาตกํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – อจฺฉมฺภิตฏฺเน อุสภสทิสตาย อุสภํ อุตฺตมฏฺเน ปวรํ วีริยสมฺปตฺติยา วีรํ ¶ มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสิตตฺตา มเหสึ ติณฺณํ มารานํ วิชิตตฺตา วิชิตาวินํ นฺหาตกิเลสตาย นฺหาตกํ จตุสจฺจพุทฺธตาย พุทฺธํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ เอกูนจตฺตาลีสํ.
๔๐. เทวหิตพฺราหฺมณวตฺถุ
ปุพฺเพนิวาสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวหิตพฺราหฺมณสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ภควา วาตโรเคน อาพาธิโก หุตฺวา อุปวาณตฺเถรํ อุณฺโหทกตฺถาย เทวหิตพฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ ปหิณิ. โส คนฺตฺวา สตฺถุ อาพาธิกภาวํ อาจิกฺขิตฺวา อุณฺโหทกํ ยาจิ, ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ตุฏฺมานโส หุตฺวา ‘‘ลาภา วต เม, ยํ มม สนฺติกํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุณฺโหทกสฺสตฺถาย สาวกํ ปหิณี’’ติ อุณฺโหทกสฺส กาชํ ปุริเสน คาหาเปตฺวา ผาณิตสฺส จ ปุฏํ อุปวาณตฺเถรสฺส ปาทาสิ. เถโร ตํ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา อุณฺโหทเกน ผาณิตํ อาโลเฬตฺวา ภควโต ปาทาสิ, ตสฺส ตงฺขเณเยว โส อาพาโธ ปฏิปสฺสมฺภิ. พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ ¶ – ‘‘กสฺส นุ โข เทยฺยธมฺโม ทินฺโน มหปฺผโล โหติ, สตฺถารํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กตฺถ ทชฺชา เทยฺยธมฺมํ, กตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;
กถฺหิ ยชมานสฺส, กถํ อิชฺฌติ ทกฺขิณา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๙๙);
อถสฺส สตฺถา ‘‘เอวรูปสฺส พฺราหฺมณสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ โหตี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณํ ปกาเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ¶ โย เวทิ, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;
อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ; (สํ. นิ. ๑.๑๙๙);
สพฺพโวสิตโวสานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ปุพฺเพนิวาสํ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ฉพฺพีสติเทวโลกเภทํ สคฺคฺจ จตุพฺพิธํ อปายฺจ ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสติ, อโถ ชาติกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปตฺโต, อภิฺเยฺยํ ¶ ธมฺมํ อภิชานิตฺวา ปริฺเยฺยํ ปริชานิตฺวา ปหาตพฺพํ ปหาย สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกตฺวา โวสิโก นิฏฺานํ ปตฺโต, วุสิตโวสานํ วา ปตฺโต, อาสวกฺขยปฺาย โมนภาวํ ปตฺตตฺตา มุนิ, ตมหํ สพฺเพสํ กิเลสานํ โวสานํ อรหตฺตมคฺคาณํ พฺรหฺมจริยวาสํ วุตฺถภาเวน สพฺพโวสิตโวสานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. พฺราหฺมโณปิ ปสนฺนมานโส สรเณสุ ปติฏฺาย อุปาสกตฺตํ ปเวเทสีติ.
เทวหิตพฺราหฺมณวตฺถุ จตฺตาลีสํ.
พฺราหฺมณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉพฺพีสติโม วคฺโค.
นิคมนกถา
เอตฺตาวตา ¶ ¶ สพฺพปเม ยมกวคฺเค จุทฺทส วตฺถูนิ, อปฺปมาทวคฺเค นว, จิตฺตวคฺเค นว, ปุปฺผวคฺเค ทฺวาทส, พาลวคฺเค ปนฺนรส, ปณฺฑิตวคฺเค เอกาทส, อรหนฺตวคฺเค ทส, สหสฺสวคฺเค จุทฺทส, ปาปวคฺเค ทฺวาทส, ทณฺฑวคฺเค เอกาทส, ชราวคฺเค นว, อตฺตวคฺเค ทส, โลกวคฺเค เอกาทส, พุทฺธวคฺเค นว, สุขวคฺเค อฏฺ, ปิยวคฺเค นว, โกธวคฺเค อฏฺ, มลวคฺเค ทฺวาทส, ธมฺมฏฺวคฺเค ทส, มคฺควคฺเค ทฺวาทส, ปกิณฺณกวคฺเค นว, นิรยวคฺเค นว, นาควคฺเค อฏฺ, ตณฺหาวคฺเค ทฺวาทส, ภิกฺขุวคฺเค ทฺวาทส, พฺราหฺมณวคฺเค จตฺตาลีสาติ ปฺจาธิกานิ ตีณิ วตฺถุสตานิ ปกาเสตฺวา นาติสงฺเขปนาติวิตฺถารวเสน อุปรจิตา ทฺวาสตฺตติภาณวารปมาณา ธมฺมปทสฺส อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตาติ.
ปตฺตํ ¶ ธมฺมปทํ เยน, ธมฺมราเชนนุตฺตรํ;
คาถา ธมฺมปเท เตน, ภาสิตา ยา มเหสินา.
สเตวีสา จตุสฺสตา, จตุสจฺจวิภาวินา;
สตตฺตยฺหิ วตฺถูนํ, ปฺจาธิกา สมุฏฺิตา.
วิหาเร อธิราเชน, การิตมฺหิ กตฺุนา;
ปาสาเท สิริกูฏสฺส, รฺโ วิหรตา มยา.
อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ, อตฺถาย จ หิตาย จ;
โลกสฺส โลกนาถสฺส, สทฺธมฺมฏฺิติกมฺยตา.
ตาสํ อฏฺกถํ เอตํ, กโรนฺเตน สุนิมฺมลํ;
ทฺวาสตฺตติปมาณาย, ภาณวาเรหิ ปาฬิยา.
ยํ ¶ ปตฺตํ กุสลํ เตน, กุสลา สพฺพปาณินํ;
สพฺเพ อิชฺฌนฺตุ สงฺกปฺปา, ลภนฺตุ มธุรํ ผลนฺติ.
ปรมวิสุทฺธสทฺธาพุทฺธิวีริยปฏิมณฺฑิเตน สีลาจารชฺชวมทฺทวาทิคุณสมุทยสมุทิเตน สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺเถน ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ติปิฏกปริยตฺติปฺปเภเท สาฏฺกเถ สตฺถุสาสเน อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวน มหาเวยฺยากรเณน กรณสมฺปตฺติชนิตสุขวินิคฺคตมธุโรทารวจนลาวณฺณยุตฺเตน ยุตฺตมุตฺตวาทินา วาทีวเรน ¶ มหากวินา ¶ ปภินฺนปฏิสมฺภิทาปริวาเร ฉฬภิฺาปฏิสมฺภิทาทิปฺปเภทคุณปฏิมณฺฑิเต อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม สุปฺปติฏฺิตพุทฺธีนํ เถรวํสปฺปทีปานํ เถรานํ มหาวิหารวาสีนํ วํสาลงฺการภูเตน วิปุลวิสุทฺธพุทฺธินา พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตายํ ธมฺมปทฏฺกถา –
ตาว ติฏฺตุ โลกสฺมึ, โลกนิตฺถรเณสินํ;
ทสฺเสนฺตี กุลปุตฺตานํ, นยํ สทฺธาทิพุทฺธิยา.
ยาว พุทฺโธติ นามมฺปิ, สุทฺธจิตฺตสฺส ตาทิโน;
โลกมฺหิ โลกเชฏฺสฺส, ปวตฺตติ มเหสิโนติ.
อิติ เตวีสาธิกจตุสตคาถาปฺจาธิกติสตวตฺถุปฏิมณฺฑิตา
ฉพฺพีสติวคฺคสมนฺนาคตา ธมฺมปทวณฺณนา สมตฺตา.
ธมฺมปท-อฏฺกถา สพฺพากาเรน นิฏฺิตา.