📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
ธมฺมปท-อฏฺกถา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
มหาโมหตโมนทฺเธ ¶ ¶ ¶ , โลเก โลกนฺตทสฺสินา;
เยน สทฺธมฺมปชฺโชโต, ชาลิโต ชลิติทฺธินา.
ตสฺส ปาเท นมสฺสิตฺวา, สมฺพุทฺธสฺส สิรีมโต;
สทฺธมฺมฺจสฺส ปูเชตฺวา, กตฺวา สงฺฆสฺส จฺชลึ.
ตํ ตํ การณมาคมฺม, ธมฺมาธมฺเมสุ โกวิโท;
สมฺปตฺตสทฺธมฺมปโท, สตฺถา ธมฺมปทํ สุภํ.
เทเสสิ ¶ กรุณาเวค-สมุสฺสาหิตมานโส;
ยํ เว เทวมนุสฺสานํ, ปีติปาโมชฺชวฑฺฒนํ.
ปรมฺปราภตา ตสฺส, นิปุณา อตฺถวณฺณนา;
ยา ตมฺพปณฺณิทีปมฺหิ, ทีปภาสาย สณฺิตา.
น สาธยติ เสสานํ, สตฺตานํ หิตสมฺปทํ;
อปฺเปว นาม สาเธยฺย, สพฺพโลกสฺส สา หิตํ.
อิติ อาสีสมาเนน, ทนฺเตน สมจารินา;
กุมารกสฺสเปนาหํ, เถเรน ถิรเจตสา.
สทฺธมฺมฏฺิติกาเมน ¶ , สกฺกจฺจํ อภิยาจิโต;
ตํ ภาสํ อติวิตฺถาร-คตฺจ วจนกฺกมํ.
ปหายาโรปยิตฺวาน ¶ , ตนฺติภาสํ มโนรมํ;
คาถานํ พฺยฺชนปทํ, ยํ ตตฺถ น วิภาวิตํ.
เกวลํ ตํ วิภาเวตฺวา, เสสํ ตเมว อตฺถโต;
ภาสนฺตเรน ภาสิสฺสํ, อาวหนฺโต วิภาวินํ;
มนโส ปีติปาโมชฺชํ, อตฺถธมฺมูปนิสฺสิตนฺติ.
๑. ยมกวคฺโค
๑. จกฺขุปาลตฺเถรวตฺถุ
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ¶ ¶ ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ, จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ. –
อยํ ธมฺมเทสนา กตฺถ ภาสิตาติ? สาวตฺถิยํ. กํ อารพฺภาติ? จกฺขุปาลตฺเถรํ.
สาวตฺถิยํ กิร มหาสุวณฺโณ นาม กุฏุมฺพิโก อโหสิ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค อปุตฺตโก. โส เอกทิวสํ นฺหานติตฺถํ นฺหตฺวา นตฺวา อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สมฺปนฺนปตฺตสาขํ เอกํ วนปฺปตึ ทิสฺวา ‘‘อยํ มเหสกฺขาย เทวตาย ปริคฺคหิโต ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺส เหฏฺาภาคํ โสธาเปตฺวา ปาการปริกฺเขปํ การาเปตฺวา วาลุกํ โอกิราเปตฺวา ธชปฏากํ อุสฺสาเปตฺวา วนปฺปตึ อลงฺกริตฺวา อฺชลึ กริตฺวา ‘‘สเจ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลเภยฺยํ, ตุมฺหากํ มหาสกฺการํ กริสฺสามี’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา ปกฺกามิ.
อถสฺส น จิรสฺเสว ภริยาย กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา ¶ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา ตสฺส อาโรเจสิ. โส ตสฺสา คพฺภสฺส ปริหารมทาสิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ นามคฺคหณทิวเส ¶ เสฏฺิ อตฺตนา ปาลิตํ วนปฺปตึ นิสฺสาย ลทฺธตฺตา ตสฺส ปาโลติ นามํ อกาสิ. สา อปรภาเค อฺมฺปิ ปุตฺตํ ลภิ. ตสฺส จูฬปาโลติ นามํ กตฺวา อิตรสฺส มหาปาโลติ นามํ อกาสิ. เต วยปฺปตฺเต ฆรพนฺธเนน พนฺธึสุ. อปรภาเค มาตาปิตโร กาลมกํสุ. สพฺพมฺปิ วิภวํ อิตเรเยว วิจารึสุ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพนาคนฺตฺวา อนาถปิณฺฑิเกน มหาเสฏฺินา จตุปณฺณาสโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา การิเต เชตวนมหาวิหาเร วิหรติ มหาชนํ สคฺคมคฺเค จ โมกฺขมคฺเค จ ปติฏฺาปยมาโน. ตถาคโต หิ มาติปกฺขโต อสีติยา, ปิติปกฺขโต ¶ อสีติยาติ ทฺเวอสีติาติกุลสหสฺเสหิ การิเต นิคฺโรธมหาวิหาเร เอกเมว วสฺสาวาสํ วสิ, อนาถปิณฺฑิเกน การิเต เชตวนมหาวิหาเร เอกูนวีสติวสฺสานิ, วิสาขาย สตฺตวีสติโกฏิธนปริจฺจาเคน การิเต ปุพฺพาราเม ฉพฺพสฺสานีติ ทฺวินฺนํ กุลานํ คุณมหตฺตตํ ปฏิจฺจ สาวตฺถึ นิสฺสาย ปฺจวีสติวสฺสานิ วสฺสาวาสํ วสิ. อนาถปิณฺฑิโกปิ วิสาขาปิ มหาอุปาสิกา นิพทฺธํ ทิวสสฺส ทฺเว วาเร ตถาคตสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ, คจฺฉนฺตา จ ‘‘ทหรสามเณรา โน หตฺเถ โอโลเกสฺสนฺตี’’ติ ตุจฺฉหตฺถา น คตปุพฺพา. ปุเรภตฺตํ คจฺฉนฺตา ขาทนียโภชนียาทีนิ ¶ คเหตฺวาว คจฺฉนฺติ, ปจฺฉาภตฺตํ คจฺฉนฺตา ปฺจ เภสชฺชานิ อฏฺ จ ปานานิ. นิเวสเนสุ ปน เตสํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขุสหสฺสานํ นิจฺจํ ปฺตฺตาสนาเนว โหนฺติ. อนฺนปานเภสชฺเชสุ โย ยํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตํ ยถิจฺฉิตเมว สมฺปชฺชติ. เตสุ อนาถปิณฺฑิเกน เอกทิวสมฺปิ สตฺถา ปฺหํ น ปุจฺฉิตปุพฺโพ. โส กิร ‘‘ตถาคโต พุทฺธสุขุมาโล ขตฺติยสุขุมาโล, ‘พหูปกาโร เม, คหปตี’ติ มยฺหํ ธมฺมํ เทเสนฺโต กิลเมยฺยา’’ติ สตฺถริ อธิมตฺตสิเนเหน ปฺหํ น ปุจฺฉติ. สตฺถา ปน ตสฺมึ นิสินฺนมตฺเตเยว ‘‘อยํ เสฏฺิ มํ อรกฺขิตพฺพฏฺาเน รกฺขติ. อหฺหิ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อตฺตโน สีสํ ฉินฺทิตฺวา อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ อุปฺปาเฏตฺวา ปาณสมํ ปุตฺตทารํ ปริจฺจชิตฺวา ปารมิโย ปูเรนฺโต ปเรสํ ธมฺมเทสนตฺถเมว ปูเรสึ. เอส มํ อรกฺขิตพฺพฏฺาเน รกฺขตี’’ติ เอกํ ธมฺมเทสนํ กเถติเยว.
ตทา ¶ สาวตฺถิยํ สตฺต มนุสฺสโกฏิโย วสนฺติ. เตสุ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฺจโกฏิมตฺตา มนุสฺสา อริยสาวกา ชาตา, ทฺเวโกฏิมตฺตา มนุสฺสา ปุถุชฺชนา. เตสุ อริยสาวกานํ ทฺเวเยว กิจฺจานิ อเหสุํ – ปุเรภตฺตํ ทานํ เทนฺติ, ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลาทิหตฺถา วตฺถเภสชฺชปานกาทีนิ คาหาเปตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย คจฺฉนฺติ. อเถกทิวสํ มหาปาโล อริยสาวเก คนฺธมาลาทิหตฺเถ ¶ วิหารํ คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘อยํ มหาชโน กุหึ คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ธมฺมสฺสวนายา’’ติ สุตฺวา ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ.
พุทฺธา จ นาม ธมฺมํ เทเสนฺตา สรณสีลปพฺพชฺชาทีนํ อุปนิสฺสยํ โอโลเกตฺวา อชฺฌาสยวเสน ธมฺมํ เทเสนฺติ, ตสฺมา ตํ ทิวสํ สตฺถา ตสฺส อุปนิสฺสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อนุปุพฺพิกถํ กเถสิ. เสยฺยถิทํ – ทานกถํ, สีลกถํ, สคฺคกถํ, กามานํ อาทีนวํ, โอการํ สํกิเลสํ, เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาปาโล กุฏุมฺพิโก จินฺเตสิ – ‘‘ปรโลกํ คจฺฉนฺตํ ปุตฺตธีตโร วา ภาตโร วา โภคา วา นานุคจฺฉนฺติ, สรีรมฺปิ อตฺตนา ¶ สทฺธึ น คจฺฉติ, กึ เม ฆราวาเสน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส เทสนาปริโยสาเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ สตฺถา – ‘‘อตฺถิ เต โกจิ อาปุจฺฉิตพฺพยุตฺตโก าตี’’ติ อาห. ‘‘กนิฏฺภาตา เม อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ ตํ อาปุจฺฉาหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา กนิฏฺํ ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘ตาต, ยํ มยฺหํ อิมสฺมึ เคเห สวิฺาณกมฺปิ อวิฺาณกมฺปิ ธนํ กิฺจิ อตฺถิ, สพฺพํ ตํ ตว ภาโร, ปฏิปชฺชาหิ น’’นฺติ. ‘‘ตุมฺเห ปน กึ กริสฺสถา’’ติ อาห. ‘‘อหํ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ กเถสิ ภาติก, ตฺวํ เม มาตริ มตาย มาตา วิย, ปิตริ มเต ปิตา วิย ลทฺโธ, เคเห เต มหาวิภโว, สกฺกา เคหํ อชฺฌาวสนฺเตเหว ปฺุานิ กาตุํ ¶ , มา เอวํ กริตฺถา’’ติ. ‘‘ตาต, อหํ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ฆราวาเส วสิตุํ น สกฺโกมิ. สตฺถารา หิ อติสณฺหสุขุมํ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาโณ ธมฺโม เทสิโต, น สกฺกา โส อคารมชฺเฌ วสนฺเตน ปูเรตุํ ¶ , ปพฺพชิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘ภาติก, ตรุณาเยว ตาวตฺถ, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิสฺสถา’’ติ. ‘‘ตาต, มหลฺลกสฺส หิ อตฺตโน หตฺถปาทาปิ อนสฺสวา โหนฺติ, น อตฺตโน วเส วตฺตนฺติ, กิมงฺคํ ปน าตกา, สฺวาหํ ตว กถํ น กโรมิ, สมณปฏิปตฺตึเยว ปูเรสฺสามิ’’.
‘‘ชราชชฺชริตา โหนฺติ, หตฺถปาทา อนสฺสวา;
ยสฺส โส วิหตตฺถาโม, กถํ ธมฺมํ จริสฺสติ’’. –
ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, ตาตาติ ตสฺส วิรวนฺตสฺเสว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ลทฺธปพฺพชฺชูปสมฺปโท อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก ปฺจ วสฺสานิ วสิตฺวา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา สตฺถารมุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ สาสเน กติ ธุรานี’’ติ? ‘‘คนฺถธุรํ, วิปสฺสนาธุรนฺติ ทฺเวเยว ธุรานิ ภิกฺขู’’ติ. ‘‘กตมํ ปน, ภนฺเต, คนฺถธุรํ, กตมํ วิปสฺสนาธุร’’นฺติ? ‘‘อตฺตโน ปฺานุรูเปน เอกํ วา ทฺเว วา นิกาเย สกลํ วา ปน เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ตสฺส ธารณํ, กถนํ, วาจนนฺติ ¶ อิทํ คนฺถธุรํ นาม, สลฺลหุกวุตฺติโน ปน ปนฺตเสนาสนาภิรตสฺส อตฺตภาเว ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา สาตจฺจกิริยวเสน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตคฺคหณนฺติ อิทํ วิปสฺสนาธุรํ นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อหํ มหลฺลกกาเล ปพฺพชิโต คนฺถธุรํ ปูเรตุํ น สกฺขิสฺสามิ, วิปสฺสนาธุรํ ปน ปูเรสฺสามิ, กมฺมฏฺานํ เม กเถถา’’ติ. อถสฺส สตฺถา ยาว อรหตฺตํ กมฺมฏฺานํ กเถสิ.
โส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตนา สหคามิโน ภิกฺขู ปริเยสนฺโต สฏฺิ ภิกฺขู ลภิตฺวา เตหิ ¶ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา วีสโยชนสตมคฺคํ คนฺตฺวา เอกํ มหนฺตํ ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ตตฺถ สปริวาโร ปิณฺฑาย ปาวิสิ. มนุสฺสา วตฺตสมฺปนฺเน ภิกฺขู ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺตา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา นิสีทาเปตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กุหึ อยฺยา คจฺฉนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ยถาผาสุกฏฺานํ อุปาสกา’’ติ วุตฺเต ปณฺฑิตา มนุสฺสา ‘‘วสฺสาวาสํ เสนาสนํ ปริเยสนฺติ ภทนฺตา’’ติ ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สเจ อยฺยา อิมํ เตมาสํ อิธ วเสยฺยุํ, มยํ สรเณสุ ปติฏฺาย สีลานิ คณฺเหยฺยามา’’ติ อาหํสุ. เตปิ ‘‘มยํ อิมานิ กุลานิ นิสฺสาย ภวนิสฺสรณํ กริสฺสามา’’ติ อธิวาเสสุํ.
มนุสฺสา ¶ เตสํ ปฏิฺํ คเหตฺวา วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ สมฺปาเทตฺวา อทํสุ. เต นิพทฺธํ ตเมว คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺติ. อถ เน เอโก เวชฺโช อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, พหูนํ วสนฏฺาเน อผาสุกมฺปิ นาม โหติ, ตสฺมึ อุปฺปนฺเน มยฺหํ กเถยฺยาถ, เภสชฺชํ กริสฺสามี’’ติ ปวาเรสิ. เถโร วสฺสูปนายิกทิวเส เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ปุจฺฉิ, ‘‘อาวุโส ¶ , อิมํ เตมาสํ กติหิ อิริยาปเถหิ วีตินาเมสฺสถา’’ติ? ‘‘จตูหิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปเนตํ, อาวุโส, ปติรูปํ, นนุ อปฺปมตฺเตหิ ภวิตพฺพํ’’? ‘‘มยฺหิ ธรมานกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติกา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อาคตา, พุทฺธา จ นาม น สกฺกา ปมาเทน อาราเธตุํ, กลฺยาณชฺฌาสเยน เต โว อาราเธตพฺพา. ปมตฺตสฺส จ นาม จตฺตาโร อปายา สกเคหสทิสา, อปฺปมตฺตา โหถาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ตุมฺเห ปน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อหํ ตีหิ อิริยาปเถหิ วีตินาเมสฺสามิ, ปิฏฺึ น ปสาเรสฺสามิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ.
อถ เถรสฺส นิทฺทํ อโนกฺกมนฺตสฺส ปมมาเส อติกฺกนฺเต มชฺฌิมมาเส สมฺปตฺเต อกฺขิโรโค อุปฺปชฺชิ. ฉิทฺทฆฏโต อุทกธารา วิย อกฺขีหิ อสฺสุธารา ปคฺฆรนฺติ. โส สพฺพรตฺตึ สมณธมฺมํ กตฺวา อรุณุคฺคมเน คพฺภํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. ภิกฺขู ภิกฺขาจารเวลาย เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภิกฺขาจารเวลา, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. ‘‘เตน หิ, อาวุโส, คณฺหถ ปตฺตจีวร’’นฺติ. อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา นิกฺขมิ. ภิกฺขู ตสฺส อกฺขีหิ อสฺสูนิ ปคฺฆรนฺเต ทิสฺวา, ‘‘กิเมตํ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อกฺขีนิ เม, อาวุโส, วาตา วิชฺฌนฺตี’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, เวชฺเชน ปวาริตมฺหา, ตสฺส กเถมา’’ติ. ‘‘สาธาวุโส’’ติ ¶ เต เวชฺชสฺส กถยึสุ. โส เตลํ ปจิตฺวา เปเสสิ. เถโร นาสาย เตลํ อาสิฺจนฺโต นิสินฺนโกว อาสิฺจิตฺวา อนฺโตคามํ ปาวิสิ. เวชฺโช ตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อยฺยสฺส กิร อกฺขีนิ วาโต วิชฺฌตี’’ติ? ‘‘อาม, อุปาสกา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มยา เตลํ ปจิตฺวา เปสิตํ, นาสาย โว เตลํ อาสิตฺต’’นฺติ? ‘‘อาม, อุปาสกา’’ติ. ‘‘อิทานิ ¶ กีทิส’’นฺติ? ‘‘รุชฺชเตว อุปาสกา’’ติ. เวชฺโช ‘‘มยา เอกวาเรเนว วูปสมนสมตฺถํ เตลํ ปหิตํ, กึ นุ โข โรโค น วูปสนฺโต’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิสีทิตฺวา โว เตลํ อาสิตฺตํ, นิปชฺชิตฺวา’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ตุณฺหี อโหสิ, ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉิยมาโนปิ น กเถสิ. โส ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส ¶ วสนฏฺานํ โอโลเกสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ เถรํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานํ โอโลเกนฺโต จงฺกมนนิสีทนฏฺานเมว ทิสฺวา สยนฏฺานํ อทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, นิสินฺเนหิ โว อาสิตฺตํ, นิปนฺเนหี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ตุณฺหี อโหสิ. ‘‘มา, ภนฺเต, เอวํ กริตฺถ, สมณธมฺโม นาม สรีรํ ยาเปนฺเตน สกฺกา กาตุํ, นิปชฺชิตฺวา อาสิฺจถา’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. ‘‘คจฺฉ ตฺวํ ตาวาวุโส, มนฺเตตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ เวชฺชํ อุยฺโยเชสิ. เถรสฺส จ ตตฺถ เนว าตี, น สาโลหิตา อตฺถิ, เตน สทฺธึ มนฺเตยฺย? กรชกาเยน ปน สทฺธึ มนฺเตนฺโต ¶ ‘‘วเทหิ ตาว, อาวุโส ปาลิต, ตฺวํ กึ อกฺขีนิ โอโลเกสฺสสิ, อุทาหุ พุทฺธสาสนํ? อนมตคฺคสฺมิฺหิ สํสารวฏฺเฏ ตว อกฺขิกาณสฺส คณนา นาม นตฺถิ, อเนกานิ ปน พุทฺธสตานิ พุทฺธสหสฺสานิ อตีตานิ. เตสุ เต เอกพุทฺโธปิ น ปริจิณฺโณ, อิทานิ อิมํ อนฺโตวสฺสํ ตโย มาเส น นิปชฺชิสฺสามีติ เตมาสํ นิพทฺธวีริยํ กริสฺสามิ. ตสฺมา เต จกฺขูนิ นสฺสนฺตุ วา ภิชฺชนฺตุ วา, พุทฺธสาสนเมว ธาเรหิ, มา จกฺขูนี’’ติ ภูตกายํ โอวทนฺโต อิมา คาถาโย อภาสิ –
‘‘จกฺขูนิ หายนฺตุ มมายิตานิ,
โสตานิ หายนฺตุ ตเถว กาโย;
สพฺพมฺปิทํ หายตุ เทหนิสฺสิตํ,
กึ การณา ปาลิต ตฺวํ ปมชฺชสิ.
‘‘จกฺขูนิ ชีรนฺตุ มมายิตานิ,
โสตานิ ชีรนฺตุ ตเถว กาโย;
สพฺพมฺปิทํ ชีรตุ เทหนิสฺสิตํ,
กึ การณา ปาลิต ตฺวํ ปมชฺชสิ.
‘‘จกฺขูนิ ภิชฺชนฺตุ มมายิตานิ,
โสตานิ ภิชฺชนฺตุ ตเถว กาโย;
สพฺพมฺปิทํ ¶ ภิชฺชตุ เทหนิสฺสิตํ,
กึ การณา ปาลิต ตฺวํ ปมชฺชสี’’ติ.
เอวํ ¶ ¶ ตีหิ คาถาหิ อตฺตโน โอวาทํ ทตฺวา นิสินฺนโกว นตฺถุกมฺมํ กตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เวชฺโช ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, นตฺถุกมฺมํ กต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อุปาสกา’’ติ. ‘‘กีทิสํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘รุชฺชเตว อุปาสกา’’ติ. ‘‘นิสีทิตฺวา โว, ภนฺเต, นตฺถุกมฺมํ กตํ, นิปชฺชิตฺวา’’ติ. เถโร ตุณฺหี อโหสิ, ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉิยมาโนปิ น กิฺจิ กเถสิ. อถ นํ เวชฺโช, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห สปฺปายํ น กโรถ, อชฺชโต ปฏฺาย ‘อสุเกน เม เตลํ ปกฺก’นฺติ มา วทิตฺถ, อหมฺปิ ‘มยา โว เตลํ ปกฺก’นฺติ น วกฺขามี’’ติ อาห. โส เวชฺเชน ปจฺจกฺขาโต วิหารํ คนฺตฺวา ตฺวํ เวชฺเชนาปิ ปจฺจกฺขาโตสิ, อิริยาปถํ มา วิสฺสชฺชิ สมณาติ.
‘‘ปฏิกฺขิตฺโต ติกิจฺฉาย, เวชฺเชนาปิ วิวชฺชิโต;
นิยโต มจฺจุราชสฺส, กึ ปาลิต ปมชฺชสี’’ติ. –
อิมาย คาถาย อตฺตานํ โอวทิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. อถสฺส มชฺฌิมยาเม อติกฺกนฺเต อปุพฺพํ อจริมํ อกฺขีนิ เจว กิเลสา จ ภิชฺชึสุ. โส สุกฺขวิปสฺสโก อรหา หุตฺวา คพฺภํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ.
ภิกฺขู ภิกฺขาจารเวลาย อาคนฺตฺวา ‘‘ภิกฺขาจารกาโล, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. ‘‘กาโล, อาวุโส’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉถา’’ติ. ‘‘กึ ตุมฺเห ปน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อกฺขีนิ เม, อาวุโส, ปริหีนานี’’ติ. เต ตสฺส อกฺขีนิ โอโลเกตฺวา อสฺสุปุณฺณเนตฺตา หุตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มา จินฺตยิตฺถ, มยํ ¶ โว ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ เถรํ สมสฺสาเสตฺวา กตฺตพฺพยุตฺตกํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. มนุสฺสา เถรํ อทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อยฺโย กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ยาคุํ เปเสตฺวา สยํ ปิณฺฑปาตมาทาย คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ปาทมูเล ปริวตฺตมานา โรทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ โว ปฏิชคฺคิสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ปกฺกมึสุ.
ตโต ปฏฺาย นิพทฺธํ ยาคุภตฺตํ วิหารเมว เปเสนฺติ. เถโรปิ อิตเร สฏฺิ ภิกฺขู นิรนฺตรํ โอวทติ. เต ตสฺโสวาเท ตฺวา อุปกฏฺาย ปวารณาย สพฺเพว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ ¶ . เต วุฏฺวสฺสา จ ปน สตฺถารํ ทฏฺุกามา หุตฺวา เถรมาหํสุ, ‘‘ภนฺเต, สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ ¶ . เถโร เตสํ วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ทุพฺพโล, อนฺตรามคฺเค จ อมนุสฺสปริคฺคหิตา อฏวี อตฺถิ, มยิ เอเตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺเต สพฺเพ กิลมิสฺสนฺติ, ภิกฺขมฺปิ ลภิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, อิเม ปุเรตรเมว เปเสสฺสามี’’ติ. อถ เน อาห – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุรโต คจฺฉถา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห ปน ภนฺเต’’ติ? ‘‘อหํ ทุพฺพโล, อนฺตรามคฺเค จ อมนุสฺสปริคฺคหิตา อฏวี อตฺถิ, มยิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ คจฺฉนฺเต สพฺเพ กิลมิสฺสถ, ตุมฺเห ปุรโต คจฺฉถา’’ติ. ‘‘มา, ภนฺเต, เอวํ กริตฺถ, มยํ ตุมฺเหหิ สทฺธึเยว คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘มา โว, อาวุโส, เอวํ รุจฺจิตฺถ, เอวํ สนฺเต มยฺหํ อผาสุกํ ภวิสฺสติ, มยฺหํ กนิฏฺโ ปน ตุมฺเห ทิสฺวา ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺส มม จกฺขูนํ ¶ ปริหีนภาวํ อาโรเจยฺยาถ, โส มยฺหํ สนฺติกํ กฺจิเทว ปหิณิสฺสติ, เตน สทฺธึ อาคจฺฉิสฺสามิ, ตุมฺเห มม วจเนน ทสพลฺจ อสีติมหาเถเร จ วนฺทถา’’ติ เต อุยฺโยเชสิ.
เต เถรํ ขมาเปตฺวา อนฺโตคามํ ปวิสึสุ. มนุสฺสา เต ทิสฺวา นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ ทตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อยฺยานํ คมนากาโร ปฺายตี’’ติ? ‘‘อาม, อุปาสกา, สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ. เต ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา เตสํ คมนฉนฺทเมว ตฺวา อนุคนฺตฺวา ปริเทวิตฺวา นิวตฺตึสุ. เตปิ อนุปุพฺเพน เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารฺจ อสีติมหาเถเร จ เถรสฺส วจเนน วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส ยตฺถ เถรสฺส กนิฏฺโ วสติ, ตํ วีถึ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. กุฏุมฺพิโก เต สฺชานิตฺวา นิสีทาเปตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘ภาติกตฺเถโร เม, ภนฺเต, กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. โส ตํ สุตฺวาว เตสํ ปาทมูเล ปริวตฺเตนฺโต โรทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘เถโร อิโต กสฺสจิ อาคมนํ ปจฺจาสีสติ, ตสฺส คตกาเล เตน สทฺธึ อาคมิสฺสตี’’ติ. ‘‘อยํ เม, ภนฺเต, ภาคิเนยฺโย ปาลิโต นาม, เอตํ เปเสถา’’ติ. ‘‘เอวํ เปเสตุํ น สกฺกา, มคฺเค ปริปนฺโถ อตฺถิ, ตํ ปพฺพาเชตฺวา เปเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เอวํ กตฺวา เปเสถ, ภนฺเต’’ติ. อถ นํ ปพฺพาเชตฺวา อฑฺฒมาสมตฺตํ ปตฺตจีวรคฺคหณาทีนิ สิกฺขาเปตฺวา มคฺคํ อาจิกฺขิตฺวา ปหิณึสุ.
โส อนุปุพฺเพน ตํ คามํ ปตฺวา คามทฺวาเร เอกํ มหลฺลกํ ทิสฺวา, ‘‘อิมํ คามํ นิสฺสาย โกจิ อารฺโก วิหาโร อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก นาม ตตฺถ วสตี’’ติ? ‘‘ปาลิตตฺเถโร นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มคฺคํ เม อาจิกฺขถา’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺวํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เถรสฺส ภาคิเนยฺโยมฺหี’’ติ. อถ ¶ นํ คเหตฺวา วิหารํ ¶ เนสิ. โส เถรํ วนฺทิตฺวา อฑฺฒมาสมตฺตํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา เถรํ สมฺมา ปฏิชคฺคิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มาตุลกุฏุมฺพิโก เม ตุมฺหากํ ¶ อาคมนํ ปจฺจาสีสติ, เอถ, คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ อิมํ เม ยฏฺิโกฏึ คณฺหาหี’’ติ. โส ยฏฺิโกฏึ คเหตฺวา เถเรน สทฺธึ อนฺโตคามํ ปาวิสิ. มนุสฺสา เถรํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, คมนากาโร โว ปฺายตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อาม, อุปาสกา, คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ. เต นานปฺปกาเรน ยาจิตฺวา อลภนฺตา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา อุปฑฺฒปถํ คนฺตฺวา โรทิตฺวา นิวตฺตึสุ. สามเณโร เถรํ ยฏฺิโกฏิยา อาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฏวิยํ กฏฺนครํ นาม เถเรน อุปนิสฺสาย วุฏฺปุพฺพํ คามํ สมฺปาปุณิ, โส คามโต นิกฺขมิตฺวา อรฺเ คีตํ คายิตฺวา ทารูนิ อุทฺธรนฺติยา เอกิสฺสา อิตฺถิยา คีตสทฺทํ สุตฺวา สเร นิมิตฺตํ คณฺหิ. อิตฺถิสทฺโท วิย หิ อฺโ สทฺโท ปุริสานํ สกลสรีรํ ผริตฺวา าตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เตนาห ภควา –
‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกสทฺทมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺติ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อิตฺถิสทฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒).
สามเณโร ตตฺถ นิมิตฺตํ คเหตฺวา ยฏฺิโกฏึ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘ติฏฺถ ตาว, ภนฺเต, กิจฺจํ เม อตฺถี’’ติ ตสฺสา สนฺติกํ ¶ คโต. สา ตํ ทิสฺวา ตุณฺหี อโหสิ. โส ตาย สทฺธึ สีลวิปตฺตึ ปาปุณิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิทาเนว เอโก คีตสทฺโท สุยฺยิตฺถ. โส จ โข อิตฺถิยา สทฺโท ฉิชฺชิ, สามเณโรปิ จิรายติ, โส ตาย สทฺธึ สีลวิปตฺตึ ปตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ. โสปิ อตฺตโน กิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ อาห. อถ นํ เถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ปาโปชาโตสิ สามเณรา’’ติ. โส ตุณฺหี หุตฺวา เถเรน ปุนปฺปุนํ ปุฏฺโปิ น กิฺจิ กเถสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘ตาทิเสน ปาเปน มม ยฏฺิโกฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถี’’ติ. โส สํเวคปฺปตฺโต กาสายานิ อปเนตฺวา คิหินิยาเมน ปริทหิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ ปุพฺเพ สามเณโร, อิทานิ ปนมฺหิ คิหี ชาโต, ปพฺพชนฺโตปิ จ สฺวาหํ น สทฺธาย ปพฺพชิโต, มคฺคปริปนฺถภเยน ปพฺพชิโต, เอถ คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘อาวุโส, คิหิปาโปปิ สมณปาโปปิ ปาโปเยว, ตฺวํ สมณภาเว ตฺวาปิ สีลมตฺตํ ปูเรตุํ นาสกฺขิ, คิหี หุตฺวา กึ ¶ นาม กลฺยาณํ กริสฺสสิ, ตาทิเสน ปาเปน มม ยฏฺิโกฏิคฺคหณกิจฺจํ นตฺถี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, อมนุสฺสุปทฺทโว มคฺโค, ตุมฺเห จ อนฺธา อปริณายกา, กถํ อิธ วสิสฺสถา’’ติ? อถ นํ เถโร, ‘‘อาวุโส, ตฺวํ มา เอวํ จินฺตยิ, อิเธว เม นิปชฺชิตฺวา มรนฺตสฺสาปิ อปราปรํ ปริวตฺตนฺตสฺสาปิ ตยา สทฺธึ คมนํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘หนฺทาหํ ¶ หตจกฺขุสฺมิ, กนฺตารทฺธานมาคโต;
เสยฺยมาโน น คจฺฉามิ, นตฺถิ พาเล สหายตา.
‘‘หนฺทาหํ ¶ หตจกฺขุสฺมิ, กนฺตารทฺธานมาคโต;
มริสฺสามิ โน คมิสฺสามิ, นตฺถิ พาเล สหายตา’’ติ.
ตํ สุตฺวา อิตโร สํเวคชาโต ‘‘ภาริยํ วต เม สาหสิกํ อนนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กต’’นฺติ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต วนสณฺฑํ ปกฺขนฺทิตฺวา ตถา ปกฺกนฺโตว อโหสิ. เถรสฺสาปิ สีลเตเชน สฏฺิโยชนายามํ ปฺาสโยชนวิตฺถตํ ปนฺนรสโยชนพหลํ ชยสุมนปุปฺผวณฺณํ นิสีทนุฏฺหนกาเลสุ โอนมนุนฺนมนปกติกํ สกฺกสฺส เทวรฺโ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ านา จาเวตุกาโม’’ติ โอโลเกนฺโต ทิพฺเพน จกฺขุนา เถรํ อทฺทส. เตนาหุ โปราณา –
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธยิ;
ปาปครหี อยํ ปาโล, อาชีวํ ปริโสธยิ.
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธยิ;
ธมฺมครุโก อยํ ปาโล, นิสินฺโน สาสเน รโต’’ติ.
อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สจาหํ เอวรูปสฺส ปาปครหิโน ธมฺมครุกสฺส อยฺยสฺส สนฺติกํ น คมิสฺสามิ, มุทฺธา เม สตฺตธา ผเลยฺย, คมิสฺสามิ ตสฺส สนฺติก’’นฺติ. ตโต –
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, เทวรชฺชสิรินฺธโร;
ตงฺขเณน อาคนฺตฺวาน, จกฺขุปาลมุปาคมิ’’. –
อุปคนฺตฺวา ¶ จ ปน เถรสฺส อวิทูเร ปทสทฺทมกาสิ. อถ นํ เถโร ปุจฺฉิ – ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, อทฺธิโก’’ติ. ‘‘กุหึ ยาสิ อุปาสกา’’ติ ¶ ? ‘‘สาวตฺถิยํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยาหิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘อยฺโย ปน, ภนฺเต, กุหึ คมิสฺสตี’’ติ? ‘‘อหมฺปิ ตตฺเถว คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอกโตว คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อหํ, อาวุโส, ทุพฺพโล, มยา สทฺธึ คจฺฉนฺตสฺส ตว ปปฺโจ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘มยฺหํ อจฺจายิกํ นตฺถิ, อหมฺปิ อยฺเยน ¶ สทฺธึ คจฺฉนฺโต ทสสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ เอกํ ลภิสฺสามิ, เอกโตว คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ. เถโร ‘‘เอโส สปฺปุริโส ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘เตน หิ สทฺธึ คมิสฺสามิ, ยฏฺิโกฏึ คณฺห อุปาสกา’’ติ อาห. สกฺโก ตถา กตฺวา ปถวึ สงฺขิปนฺโต สายนฺหสมเย เชตวนํ สมฺปาเปสิ. เถโร สงฺขปณวาทิสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กตฺเถโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สาวตฺถิยํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ปุพฺเพ มยํ คมนกาเล จิเรน คมิมฺหา’’ติ. ‘‘อหํ อุชุมคฺคํ ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ตสฺมึ ขเณ เถโร ‘‘นายํ มนุสฺโส, เทวตา ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขสิ.
‘‘สหสฺสเนตฺโต เทวินฺโท, เทวรชฺชสิรินฺธโร;
สงฺขิปิตฺวาน ตํ มคฺคํ, ขิปฺปํ สาวตฺถิมาคมี’’ติ.
โส เถรํ เนตฺวา เถรสฺเสวตฺถาย กนิฏฺกุฏุมฺพิเกน การิตํ ¶ ปณฺณสาลํ เนตฺวา ผลเก นิสีทาเปตฺวา ปิยสหายกวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘สมฺม, จูฬปาลา’’ติ ปกฺโกสิ. ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ? ‘‘เถรสฺสาคตภาวํ ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, กึ ปน เถโร อาคโต’’ติ? ‘‘อาม, สมฺม, อิทานิ อหํ วิหารํ คนฺตฺวา เถรํ ตยา การิตปณฺณสาลาย นิสินฺนกํ ทิสฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. กุฏุมฺพิโกปิ วิหารํ คนฺตฺวา เถรํ ทิสฺวา ปาทมูเล ปริวตฺตนฺโต โรทิตฺวา ‘‘อิทํ ทิสฺวา อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปพฺพชิตุํ นาทาสิ’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ทฺเว ทาสทารเก ภุชิสฺเส กตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชตฺวา ‘‘อนฺโตคามโต ยาคุภตฺตาทีนิ อาหริตฺวา เถรํ อุปฏฺหถา’’ติ ปฏิยาเทสิ. สามเณรา วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา เถรํ อุปฏฺหึสุ.
อเถกทิวสํ ทิสาวาสิโน ภิกฺขู ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ เชตวนํ อาคนฺตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา อสีติมหาเถเร จ, วนฺทิตฺวา วิหารจาริกํ จรนฺตา จกฺขุปาลตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ ปตฺวา ‘‘อิทมฺปิ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สายํ ¶ ตทภิมุขา อเหสุํ. ตสฺมึ ขเณ มหาเมโฆ อุฏฺหิ. เต ‘‘อิทานิ อติสายนฺโห, เมโฆ จ อุฏฺิโต, ปาโตว คนฺตฺวา ปสฺสิสฺสามา’’ติ นิวตฺตึสุ. เทโว ปมยามํ วสฺสิตฺวา มชฺฌิมยาเม วิคโต. เถโร อารทฺธวีริโย อาจิณฺณจงฺกมโน, ตสฺมา ปจฺฉิมยาเม จงฺกมนํ โอตริ. ตทา จ ปน นววุฏฺาย ภูมิยา พหู อินฺทโคปกา ¶ อุฏฺหึสุ. เต เถเร จงฺกมนฺเต เยภุยฺเยน วิปชฺชึสุ. อนฺเตวาสิกา เถรสฺส จงฺกมนฏฺานํ กาลสฺเสว น สมฺมชฺชึสุ. อิตเร ภิกฺขู ‘‘เถรสฺส วสนฏฺานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อาคนฺตฺวา จงฺกมเน มตปาณเก ทิสฺวา ‘‘โก อิมสฺมึ จงฺกมตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อมฺหากํ อุปชฺฌาโย, ภนฺเต’’ติ. เต อุชฺฌายึสุ ‘‘ปสฺสถาวุโส, สมณสฺส กมฺมํ, สจกฺขุกกาเล นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโต ¶ กิฺจิ อกตฺวา อิทานิ จกฺขุวิกลกาเล ‘จงฺกมามี’ติ เอตฺตเก ปาณเก มาเรสิ ‘อตฺถํ กริสฺสามี’ติ อนตฺถํ กโรตี’’ติ.
อถ โข เต คนฺตฺวา ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ, ‘‘ภนฺเต, จกฺขุปาลตฺเถโร ‘จงฺกมามี’ติ พหู ปาณเก มาเรสี’’ติ. ‘‘กึ ปน โส ตุมฺเหหิ มาเรนฺโต ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘น ทิฏฺโ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยเถว ตุมฺเห ตํ น ปสฺสถ, ตเถว โสปิ เต ปาเณ น ปสฺสติ. ขีณาสวานํ มรณเจตนา นาม นตฺถิ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสเย สติ กสฺมา อนฺโธ ชาโต’’ติ? ‘‘อตฺตโน กตกมฺมวเสน, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เตน กต’’นฺติ? เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ –
อตีเต พาราณสิยํ กาสิรฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก เวชฺโช คามนิคเมสุ จริตฺวา เวชฺชกมฺมํ กโรนฺโต เอกํ จกฺขุทุพฺพลํ อิตฺถึ ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ เต อผาสุก’’นฺติ? ‘‘อกฺขีหิ น ปสฺสามี’’ติ. ‘‘เภสชฺชํ เต กริสฺสามี’’ติ? ‘‘กโรหิ, สามี’’ติ. ‘‘กึ เม ทสฺสสี’’ติ? ‘‘สเจ เม อกฺขีนิ ปากติกานิ กาตุํ สกฺขิสฺสสิ, อหํ เต สทฺธึ ปุตฺตธีตาหิ ทาสี ภวิสฺสามี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ เภสชฺชํ สํวิทหิ, เอกเภสชฺเชเนว อกฺขีนิ ปากติกานิ อเหสุํ. สา ¶ จินฺเตสิ – ‘‘อหเมตสฺส สปุตฺตธีตา ทาสี ภวิสฺสามี’’ติ ปฏิชานึ, ‘‘น โข ปน มํ สณฺเหน สมฺมาจาเรน สมุทาจริสฺสติ, วฺเจสฺสามิ น’’นฺติ. สา เวชฺเชนาคนฺตฺวา ‘‘กีทิสํ, ภทฺเท’’ติ ปุฏฺา ‘‘ปุพฺเพ เม อกฺขีนิ โถกํ รุชฺชึสุ, อิทานิ ปน อติเรกตรํ รุชฺชนฺตี’’ติ อาห. เวชฺโช ‘‘อยํ มํ วฺเจตฺวา กิฺจิ อทาตุกามา, น เม เอตาย ทินฺนาย ¶ ภติยา อตฺโถ, อิทาเนว นํ อนฺธํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เคหํ คนฺตฺวา ภริยาย เอตมตฺถํ อาจิกฺขิ. สา ตุณฺหี อโหสิ. โส เอกํ เภสชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภทฺเท, อิมํ เภสชฺชํ อฺเชหี’’ติ อฺชาเปสิ. อถสฺสา ทฺเว อกฺขีนิ ทีปสิขา วิย วิชฺฌายึสุ. โส เวชฺโช จกฺขุปาโล อโหสิ.
ภิกฺขเว, ตทา มม ปุตฺเตน กตกมฺมํ ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิ. ปาปกมฺมฺหิ นาเมตํ ธุรํ วหโต พลิพทฺทสฺส ปทํ จกฺกํ วิย อนุคจฺฉตีติ อิทํ วตฺถุํ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ปติฏฺาปิตมตฺติกํ สาสนํ ราชมุทฺทาย ลฺฉนฺโต วิย ธมฺมราชา อิมํ คาถมาห –
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ¶ ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ, จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ.
ตตฺถ มโนติ กามาวจรกุสลาทิเภทํ สพฺพมฺปิ จตุภูมิกจิตฺตํ. อิมสฺมึ ปน ปเท ตทา ตสฺส เวชฺชสฺส อุปฺปนฺนจิตฺตวเสน นิยมิยมานํ ววตฺถาปิยมานํ ¶ ปริจฺฉิชฺชิยมานํ โทมนสฺสสหคตํ ปฏิฆสมฺปยุตฺตจิตฺตเมว ลพฺภติ. ปุพฺพงฺคมาติ เตน ปมคามินา หุตฺวา สมนฺนาคตา. ธมฺมาติ คุณเทสนาปริยตฺตินิสฺสตฺตนิชฺชีววเสน จตฺตาโร ธมฺมา นาม. เตสุ –
‘‘น หิ ธมฺโม อธมฺโม จ, อุโภ สมวิปากิโน;
อธมฺโม นิรยํ เนติ, ธมฺโม ปาเปติ สุคฺคติ’’นฺติ. (เถรคา. ๓๐๔; ชา. ๑.๑๕.๓๘๖) –
อยํ คุณธมฺโม นาม. ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๔๒๐) อยํ เทสนาธมฺโม นาม. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ เคยฺย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๙) อยํ ปริยตฺติธมฺโม นาม. ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺติ, ขนฺธา โหนฺตี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๑) อยํ นิสฺสตฺตธมฺโม นาม, นิชฺชีวธมฺโมติปิ เอโส เอว. เตสุ อิมสฺมึ าเน นิสฺสตฺตนิชฺชีวธมฺโม อธิปฺเปโต. โส อตฺถโต ตโย อรูปิโน ขนฺธา เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธติ. เอเต หิ มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา นาม.
กถํ ¶ ปเนเตหิ สทฺธึ เอกวตฺถุโก เอการมฺมโณ อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโน มโน ปุพฺพงฺคโม นาม โหตีติ? อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน. ยถา หิ พหูสุ เอกโต คามฆาตาทีนิ กมฺมานิ กโรนฺเตสุ ‘‘โก เอเตสํ ปุพฺพงฺคโม’’ติ วุตฺเต โย เนสํ ปจฺจโย โหติ, ยํ นิสฺสาย เต ตํ กมฺมํ กโรนฺติ, โส ทตฺโต วา มิตฺโต วา เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ ¶ เวทิตพฺพํ. อิติ อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา. น หิ เต มเน อนุปฺปชฺชนฺเต อุปฺปชฺชิตุํ สกฺโกนฺติ, มโน ปน เอกจฺเจสุ เจตสิเกสุ อนุปชฺชนฺเตสุปิ อุปฺปชฺชติเยว. อธิปติวเสน ปน มโน เสฏฺโ เอเตสนฺติ มโนเสฏฺโ. ยถา หิ โจราทีนํ โจรเชฏฺกาทโย อธิปติโน เสฏฺา. ตถา เตสมฺปิ มโน อธิปติ มโนว เสฏฺา. ยถา ปน ทารุอาทีหิ ¶ นิปฺผนฺนานิ ตานิ ตานิ ภณฺฑานิ ทารุมยาทีนิ นาม โหนฺติ, ตถา เตปิ มนโต นิปฺผนฺนตฺตา มโนมยา นาม.
ปทุฏฺเนาติ อาคนฺตุเกหิ อภิชฺฌาทีหิ โทเสหิ ปทุฏฺเน. ปกติมโน หิ ภวงฺคจิตฺตํ, ตํ อปทุฏฺํ. ยถา หิ ปสนฺนํ อุทกํ อาคนฺตุเกหิ นีลาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺํ นีโลทกาทิเภทํ โหติ, น จ นวํ อุทกํ, นาปิ ปุริมํ ปสนฺนอุทกเมว, ตถา ตมฺปิ อาคนฺตุเกหิ อภิชฺฌาทีหิ โทเสหิ ปทุฏฺํ โหติ, น จ นวํ จิตฺตํ, นาปิ ปุริมํ ภวงฺคจิตฺตเมว, เตนาห ภควา – ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺ’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๙). เอวํ มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา โส ภาสมาโน จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตเมว ภาสติ, กโรนฺโต ติวิธํ กายทุจฺจริตเมว กโรติ, อภาสนฺโต อกโรนฺโต ตาย อภิชฺฌาทีหิ ปทุฏฺมานสตาย ติวิธํ มโนทุจฺจริตํ ปูเรติ. เอวมสฺส ทส อกุสลกมฺมปถา ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ.
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวตีติ ¶ ตโต ติวิธทุจฺจริตโต ตํ ปุคฺคลํ ทุกฺขํ อนฺเวติ, ทุจฺจริตานุภาเวน จตูสุ อปาเยสุ, มนุสฺเสสุ วา ตมตฺตภาวํ คจฺฉนฺตํ กายวตฺถุกมฺปิ อิตรมฺปีติ อิมินา ปริยาเยน กายิกเจตสิกํ วิปากทุกฺขํ อนุคจฺฉติ. ยถา กึ? จกฺกํว วหโต ปทนฺติ ธุเร ยุตฺตสฺส ธุรํ วหโต พลิพทฺทสฺส ปทํ จกฺกํ วิย. ยถา หิ โส เอกมฺปิ ทิวสํ ทฺเวปิ ปฺจปิ ทสปิ อฑฺฒมาสมฺปิ มาสมฺปิ วหนฺโต จกฺกํ นิวตฺเตตุํ ชหิตุํ น สกฺโกติ ¶ , อถ ขฺวสฺส ปุรโต อภิกฺกมนฺตสฺส ยุคํ คีวํ พาธติ, ปจฺฉโต ปฏิกฺกมนฺตสฺส จกฺกํ อูรุมํสํ ปฏิหนติ. อิเมหิ ทฺวีหิ อากาเรหิ พาธนฺตํ จกฺกํ ตสฺส ปทานุปทิกํ โหติ; ตเถว มนสา ปทุฏฺเน ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา ิตํ ปุคฺคลํ นิรยาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ คตคตฏฺาเน ทุจฺจริตมูลกํ กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ ทุกฺขมนุพนฺธตีติ.
คาถาปริโยสาเน ตึสสหสฺสา ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สมฺปตฺตปริภายปิ เทสนา สาตฺถิกา สผลา อโหสีติ.
จกฺขุปาลตฺเถรวตฺถุ ปมํ
๒. มฏฺกุณฺฑลีวตฺถุ
๒. มโนปุพฺพงฺคมา ¶ ธมฺมาติ ทุติยคาถาปิ ¶ สาวตฺถิยํเยว มฏฺกุณฺฑลึ อารพฺภ ภาสิตา.
สาวตฺถิยํ กิร อทินฺนปุพฺพโก นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. เตน กสฺสจิ กิฺจิ น ทินฺนปุพฺพํ, เตน ตํ ‘‘อทินฺนปุพฺพโก’’ตฺเวว สฺชานึสุ. ตสฺส เอกปุตฺตโก อโหสิ ปิโย มนาโป. อถสฺส ปิลนฺธนํ กาเรตุกาโม ‘‘สเจ สุวณฺณกาเร กาเรสฺสามิ, ภตฺตเวตนํ ทาตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว สุวณฺณํ โกฏฺเฏตฺวา มฏฺานิ กุณฺฑลานิ กตฺวา อทาสิ. เตนสฺส ปุตฺโต มฏฺกุณฺฑลีตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตสฺส โสฬสวสฺสิกกาเล ปณฺฑุโรโค อุทปาทิ. ตสฺส มาตา ปุตฺตํ โอโลเกตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, ปุตฺตสฺส เต โรโค อุปฺปนฺโน, ติกิจฺฉาเปหิ น’’นฺติ อาห. ‘‘โภติ สเจ เวชฺชํ อาเนสฺสามิ, ภตฺตเวตนํ ทาตพฺพํ ภวิสฺสติ; กึ ตฺวํ มม ธนจฺเฉทํ น โอโลเกสฺสสี’’ติ? ‘‘อถ นํ กึ กริสฺสสิ, พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘ยถา เม ธนจฺเฉโท น โหติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ. โส เวชฺชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อสุกโรคสฺส นาม ตุมฺเห กึ เภสชฺชํ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต ยํ วา ตํ วา รุกฺขตจาทึ อาจิกฺขนฺติ. โส ตมาหริตฺวา ปุตฺตสฺส เภสชฺชํ กโรติ. ตํ กโรนฺตสฺเสวสฺส โรโค พลวา อโหสิ, อเตกิจฺฉภาวํ อุปาคมิ. พฺราหฺมโณ ¶ ตสฺส ทุพฺพลภาวํ ตฺวา เอกํ เวชฺชํ ปกฺโกสิ. โส ตํ โอโลเกตฺวาว ‘‘อมฺหากํ เอกํ กิจฺจํ อตฺถิ, อฺํ เวชฺชํ ปกฺโกสิตฺวา ติกิจฺฉาเปหี’’ติ ตํ ¶ ปหาย นิกฺขมิ. พฺราหฺมโณ ตสฺส มรณสมยํ ตฺวา ‘‘อิมสฺส ทสฺสนตฺถาย อาคตา อนฺโตเคเห สาปเตยฺยํ ปสฺสิสฺสนฺติ, พหิ นํ กริสฺสามี’’ติ ปุตฺตํ นีหริตฺวา พหิอาฬินฺเท นิปชฺชาเปสิ.
ตํ ทิวสํ ภควา พลวปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย ปุพฺพพุทฺเธสุ กตาธิการานํ อุสฺสนฺนกุสลมูลานํ เวเนยฺยพนฺธวานํ ทสฺสนตฺถํ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ าณชาลํ ปตฺถริ. มฏฺกุณฺฑลี พหิอาฬินฺเท นิปนฺนากาเรเนว ตสฺส อนฺโต ปฺายิ. สตฺถา ตํ ทิสฺวา ตสฺส อนฺโตเคหา นีหริตฺวา ตตฺถ นิปชฺชาปิตภาวํ ตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข มยฺหํ เอตฺถ คตปจฺจเยน อตฺโถ’’ติ อุปธาเรนฺโต อิทํ อทฺทส – อยํ มาณโว มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา กาลํ กตฺวา ตาวตึสเทวโลเก ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติสฺสติ, อจฺฉราสหสฺสปริวาโร ภวิสฺสติ, พฺราหฺมโณปิ ตํ ฌาเปตฺวา โรทนฺโต อาฬาหเน วิจริสฺสติ. เทวปุตฺโต ติคาวุตปฺปมาณํ สฏฺิสกฏภาราลงฺการปฏิมณฺฑิตํ อจฺฉราสหสฺสปริวารํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘เกน นุ โข กมฺเมน มยา อยํ สิริสมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ โอโลเกตฺวา มยิ ¶ จิตฺตปฺปสาเทน ลทฺธภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ธนจฺเฉทภเยน มม เภสชฺชมกตฺวา อิทานิ อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ, วิปฺปการปฺปตฺตํ นํ กริสฺสามี’’ติ ปิตริ โรทนฺเต มฏฺกุณฺฑลิวณฺเณน อาคนฺตฺวา อาฬาหนสฺสาวิทูเร ¶ นิปชฺชิตฺวา โรทิสฺสติ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิสฺสติ. ‘‘อหํ เต ปุตฺโต มฏฺกุณฺฑลี’’ติ อาจิกฺขิสฺสติ. ‘‘กุหึ นิพฺพตฺโตสี’’ติ? ‘‘ตาวสึสภวเน’’ติ. ‘‘กึ กมฺมํ กตฺวา’’ติ วุตฺเต มยิ จิตฺตปฺปสาเทน นิพฺพตฺตภาวํ อาจิกฺขิสฺสติ. พฺราหฺมโณ ‘‘ตุมฺเหสุ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺโต นาม อตฺถี’’ติ มํ ปุจฺฉิสฺสติ. อถสฺสาหํ ‘‘เอตฺตกานิ สตานิ วา สหสฺสานิ วา สตสหสฺสานิ วาติ น สกฺกา คณนา ปริจฺฉินฺทิตุ’’นฺติ วตฺวา ธมฺมปเท คาถํ ภาสิสฺสามิ. คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, มฏฺ กุณฺฑลี โสตาปนฺโน ภวิสฺสติ. ตถา อทินฺนปุพฺพโก พฺราหฺมโณ. อิติ ¶ อิมํ กุลปุตฺตํ นิสฺสาย มหาธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตีติ ทิสฺวา ปุนทิวเส กตสรีรปฏิชคฺคโน มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา อนุปุพฺเพน พฺราหฺมณสฺส เคหทฺวารํ คโต.
ตสฺมึ ขเณ มฏฺกุณฺฑลี อนฺโตเคหาภิมุโข นิปนฺโน โหติ. อถสฺส สตฺถา อตฺตโน อปสฺสนภาวํ ตฺวา เอกํ รสฺมึ วิสฺสชฺเชสิ. มาณโว ‘‘กึ โอภาโส นาเมโส’’ติ ปริวตฺเตตฺวา นิปนฺโนว สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘อนฺธพาลปิตรํ นิสฺสาย เอวรูปํ พุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา กายเวยฺยาวฏิกํ วา กาตุํ ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ นาลตฺถํ, อิทานิ เม หตฺถาปิ อนธิปเตยฺยา, อฺํ กตฺตพฺพํ นตฺถี’’ติ มนเมว ปสาเทสิ. สตฺถา ‘‘อลํ เอตฺตเกน จิตฺตปฺปสาเทน อิมสฺสา’’ติ ปกฺกามิ. โส ตถาคเต จกฺขุปถํ วิชหนฺเตเยว ¶ ปสนฺนมโน กาลํ กตฺวา สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย เทวโลเก ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ.
พฺราหฺมโณปิสฺส สรีรํ ฌาเปตฺวา อาฬาหเน โรทนปรายโณ อโหสิ, เทวสิกํ อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ – ‘‘กหํ เอกปุตฺตก, กหํ เอกปุตฺตกา’’ติ. เทวปุตฺโตปิ อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา, ‘‘เกน เม กมฺเมน ลทฺธา’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘สตฺถริ มโนปสาเทนา’’ติ ตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ มม อผาสุกกาเล เภสชฺชมกาเรตฺวา อิทานิ อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ, วิปฺปการปฺปตฺตเมว นํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ มฏฺกุณฺฑลิวณฺเณน อาคนฺตฺวา อาฬาหนสฺสาวิทูเร พาหา ปคฺคยฺห โรทนฺโต อฏฺาสิ. พฺราหฺมโณ ตํ ทิสฺวา ‘‘อหํ ตาว ปุตฺตโสเกน โรทามิ, เอส กิมตฺถํ โรทติ, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อลงฺกโต ¶ มฏฺกุณฺฑลี,
มาลธารี หริจนฺทนุสฺสโท;
พาหา ปคฺคยฺห กนฺทสิ,
วนมชฺเฌ กึ ทุกฺขิโต ตุว’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๐๗; เป. ว. ๑๘๖);
โส ¶ มาณโว อาห –
‘‘โสวณฺณมโย ปภสฺสโร,
อุปฺปนฺโน รถปฺชโร มม;
ตสฺส จกฺกยุคํ น วินฺทามิ,
เตน ทุกฺเขน ชหามิ ชีวิต’’นฺติ. (ว. ๑๒๐๘; เป. ว. ๑๘๗);
อถ ¶ นํ พฺราหฺมโณ อาห –
‘‘โสวณฺณมยํ มณิมยํ,
โลหิตกมยํ อถ รูปิยมยํ;
อาจิกฺข เม ภทฺท มาณว,
จกฺกยุคํ ปฏิปาทยามิ เต’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๐๙; เป. ว. ๑๘๘);
ตํ สุตฺวา มาณโว ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ปุตฺตสฺส เภสชฺชมกตฺวา ปุตฺตปติรูปกํ มํ ทิสฺวา โรทนฺโต ‘สุวณฺณาทิมยํ รถจกฺกํ กโรมี’ติ วทติ, โหตุ นิคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘กีว มหนฺตํ เม จกฺกยุคํ กริสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘ยาว มหนฺตํ อากงฺขสิ, ตาว มหนฺตํ กริสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘จนฺทิมสูริเยหิ เม อตฺโถ, เต เม เทหี’’ติ ยาจนฺโต อาห –
‘‘โส มาณโว ตสฺส ปาวทิ,
จนฺทสูริยา อุภเยตฺถ ทิสฺสเร;
โสวณฺณมโย ¶ รโถ มม,
เตน จกฺกยุเคน โสภตี’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๐; เป. ว. ๑๘๙);
อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห –
‘‘พาโล โข ตฺวํ อสิ มาณว,
โย ตฺวํ ปตฺถยเส อปตฺถิยํ;
มฺามิ ตุวํ มริสฺสสิ,
น หิ ตฺวํ ลจฺฉสิ จนฺทสูริเย’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๑; เป. ว. ๑๙๐);
อถ ¶ นํ มาณโว อาห –
‘‘กึ ปน ปฺายมานสฺสตฺถาย โรทนฺโต พาโล โหติ, อุทาหุ อปฺายมานสฺสตฺถายา’’ติ วตฺวา –
‘‘คมนาคมนมฺปิ ¶ ทิสฺสติ,
วณฺณธาตุ อุภยตฺถ วีถิยา;
เปโต กาลกโต น ทิสฺสติ,
โก นิธ กนฺทตํ พาลฺยตโร’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๒; เป. ว. ๑๙๑);
ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ‘‘ยุตฺตํ เอส วทตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา –
‘‘สจฺจํ โข วเทสิ มาณว,
อหเมว กนฺทตํ พาลฺยตโร;
จนฺทํ วิย ทารโก รุทํ,
เปตํ กาลกตาภิปตฺถยิ’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๑๓; เป. ว. ๑๙๒) –
วตฺวา ¶ ตสฺส กถาย นิสฺโสโก หุตฺวา มาณวสฺส ถุตึ กโรนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;
วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.
‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;
โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.
‘‘สฺวาหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต;
น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณวา’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๔-๑๒๑๖; เป. ว. ๑๙๓-๑๙๕);
อถ ¶ นํ ‘‘โก นาม ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต –
‘‘เทวตานุสิ คนฺธพฺโพ, อทุ สกฺโก ปุรินฺทโท;
โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๑๗; เป. ว. ๑๙๖) –
อาห. อถสฺส มาณโว –
‘‘ยฺจ กนฺทสิ ยฺจ โรทสิ,
ปุตฺตํ อาฬาหเน สยํ ทหิตฺวา;
สฺวาหํ กุสลํ กริตฺวา กมฺมํ,
ติทสานํ สหพฺยตํ คโต’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๑๘; เป. ว. ๑๙๗) –
อาจิกฺขิ ¶ . อถ นํ พฺราหฺมโณ อาห –
‘‘อปฺปํ วา พหุํ วา นาทฺทสาม,
ทานํ ททนฺตสฺส สเก อคาเร;
อุโปสถกมฺมํ ¶ วา ตาทิสํ,
เกน กมฺเมน คโตสิ เทวโลก’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๒๑๙; เป. ว. ๑๙๘);
มาณโว อาห –
‘‘อาพาธิโกหํ ทุกฺขิโต คิลาโน,
อาตูรรูโปมฺหิ สเก นิเวสเน;
พุทฺธํ วิคตรชํ วิติณฺณกงฺขํ,
อทฺทกฺขึ สุคตํ อโนมปฺํ.
‘‘สฺวาหํ มุทิตธโน ปสนฺนจิตฺโต,
อฺชลึ อกรึ ตถาคตสฺส;
ตาหํ กุสลํ กริตฺวาน กมฺมํ,
ติทสานํ สหพฺยตํ คโต’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๐-๑๒๒๑; เป. ว. ๑๙๙-๒๐๐);
ตสฺมึ ¶ กเถนฺเตเยว พฺราหฺมณสฺส สกลสรีรํ ปีติยา ปริปูริ. โส ตํ ปีตึ ปเวเทนฺโต –
‘‘อจฺฉริยํ วต อพฺภุตํ วต,
อฺชลิกมฺมสฺส อยมีทิโส วิปาโก;
อหมฺปิ ปมุทิตมโน ปสนฺนจิตฺโต,
อชฺเชว พุทฺธํ สรณํ วชามี’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๒; เป. ว. ๒๐๑) –
อาห. อถ นํ มาณโว –
‘‘อชฺเชว พุทฺธํ สรณํ วชาหิ,
ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ ปสนฺนจิตฺโต;
ตเถว ¶ สิกฺขาปทานิ ปฺจ,
อขณฺฑผุลฺลานิ สมาทิยสฺสุ.
ปาณาติปาตา วิรมสฺสุ ขิปฺปํ,
โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยสฺสุ;
อมชฺชโป มา จ มุสา ภณาหิ,
สเกน ทาเรน จ โหหิ ตุฏฺโ’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๓-๑๒๒๔; เป. ว. ๒๐๒-๒๐๓) –
อาห ¶ . โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อตฺถกาโมสิ เม ยกฺข, หิตกาโมสิ เทวเต;
กโรมิ ตุยฺหํ วจนํ, ตฺวํสิ อาจริโย มม.
‘‘อุเปมิ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมฺจาปิ อนุตฺตรํ;
สงฺฆฺจ นรเทวสฺส, คจฺฉามิ สรณํ อหํ.
‘‘ปาณาติปาตา วิรมามิ ขิปฺปํ,
โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยามิ;
อมชฺชโป โน จ มุสา ภณามิ,
สเกน ทาเรน จ โหมิ ตุฏฺโ’’ติ. (วิ. ว. ๑๒๒๕-๑๒๒๗; เป. ว. ๒๐๔-๒๐๖);
อถ ¶ นํ เทวปุตฺโต, ‘‘พฺราหฺมณ, เต เคเห พหุํ ธนํ อตฺถิ, สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ทานํ เทหิ, ธมฺมํ สุณาหิ, ปฺหํ ปุจฺฉาหี’’ติ วตฺวา ตตฺเถว อนฺตรธายิ.
พฺราหฺมโณปิ เคหํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ภทฺเท, อหํ อชฺช สมณํ โคตมํ นิมนฺเตตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, สกฺการํ กโรหี’’ติ วตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ เนว อภิวาเทตฺวา น ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ ิโต, ‘‘โภ โคตม, อธิวาเสหิ อชฺชตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ อาห. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส สตฺถุ อธิวาสนํ วิทิตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา ¶ สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียฺจ ปฏิยาทาเปสิ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. พฺราหฺมโณ สกฺกจฺจํ ปริวิสิ, มหาชโน สนฺนิปติ. มิจฺฉาทิฏฺิเกน กิร ตถาคเต นิมนฺติเต ทฺเว ชนกายา สนฺนิปตนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิกา ‘‘อชฺช สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉนาย วิเหิยมานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปตนฺติ, สมฺมาทิฏฺิกา ‘‘อชฺช พุทฺธวิสยํ พุทฺธลีฬํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปตนฺติ. อถ โข พฺราหฺมโณ กตภตฺตกิจฺจํ ตถาคตมุปสงฺกมิตฺวา นีจาสเน นิสินฺโน ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘โภ โคตม, ตุมฺหากํ ทานํ อทตฺวา ปูชํ อกตฺวา ธมฺมํ อสุตฺวา อุโปสถวาสํ อวสิตฺวา เกวลํ มโนปสาทมตฺเตเนว สคฺเค นิพฺพตฺตา นาม โหนฺตี’’ติ? ‘‘พฺราหฺมณ, กสฺมา มํ ปุจฺฉสิ, นนุ เต ปุตฺเตน มฏฺกุณฺฑลินา มยิ มนํ ปสาเทตฺวา ¶ อตฺตโน สคฺเค นิพฺพตฺตภาโว กถิโต’’ติ? ‘‘กทา, โภ โคตมา’’ติ? นนุ ตฺวํ อชฺช สุสานํ คนฺตฺวา กนฺทนฺโต อวิทูเร พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺตํ เอกํ มาณวํ ทิสฺวา ‘‘อลงฺกโต มฏฺกุณฺฑลี, มาลธารี ¶ หริจนฺทนุสฺสโท’’ติ ทฺวีหิ ชเนหิ กถิตกถํ ปกาเสนฺโต สพฺพํ มฏฺกุณฺฑลิวตฺถุํ กเถสิ. เตเนเวตํ พุทฺธภาสิตํ นาม ชาตํ.
ตํ กเถตฺวา จ ปน ‘‘น โข, พฺราหฺมณ, เอกสตํ วา น ทฺเวสตํ, อถ โข มยิ มนํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตานํ คณนา นาม นตฺถี’’ติ อาห. อถ มหาชโน น นิพฺเพมติโก โหติ, อถสฺส อนิพฺเพมติกภาวํ วิทิตฺวา สตฺถา ‘‘มฏฺกุณฺฑลิเทวปุตฺโต วิมาเนเนว สทฺธึ อาคจฺฉตู’’ติ อธิฏฺาสิ. โส ติคาวุตปฺปมาเณเนว ทิพฺพาภรณปฏิมณฺฑิเตน อตฺตภาเวน อาคนฺตฺวา วิมานโต โอรุยฺห สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวํ อิมํ สมฺปตฺตึ กึ กมฺมํ กตฺวา ปฏิลภี’’ติ ปุจฺฉนฺโต –
‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา;
ปุจฺฉามิ ตํ เทว มหานุภาว, มนุสฺสภูโต กิมกาสิ ปฺุ’’นฺติ. –
คาถมาห. ‘‘เทวปุตฺโต อยํ เม, ภนฺเต, สมฺปตฺติ ตุมฺเหสุ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ลทฺธา’’ติ. ‘‘มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ลทฺธา เต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. มหาชโน เทวปุตฺตํ โอโลเกตฺวา ‘‘อจฺฉริยา วต, โภ, พุทฺธคุณา, อทินฺนปุพฺพกพฺราหฺมณสฺส นาม ปุตฺโต อฺํ ¶ กิฺจิ ปฺุํ อกตฺวา สตฺถริ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภี’’ติ ตุฏฺึ ปเวเทสิ.
อถ ¶ เนสํ กุสลากุสลกมฺมกรเณ มโนว ปุพฺพงฺคโม, มโนว เสฏฺโ. ปสนฺเนน หิ มเนน กตํ กมฺมํ เทวโลกํ มนุสฺสโลกํ คจฺฉนฺตํ ปุคฺคลํ ฉายาว น วิชหตีติ อิทํ วตฺถุํ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ปติฏฺาปิตมตฺติกํ สาสนํ ราชมุทฺทาย ลฺฉนฺโต วิย ธมฺมราชา อิมํ คาถมาห –
๒. ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา.
มนสา เจ ปสนฺเนน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ สุขมนฺเวติ, ฉายาว อนปายินี’’ติ.
ตตฺถ ¶ กิฺจาปิ มโนติ อวิเสเสน สพฺพมฺปิ จตุภูมิกจิตฺตํ วุจฺจติ, อิมสฺมึ ปน ปเท นิยมิยมานํ ววตฺถาปิยมานํ ปริจฺฉิชฺชิยมานํ อฏฺวิธํ กามาวจรกุสลจิตฺตํ ลพฺภติ. วตฺถุวเสน ปนาหริยมานํ ตโตปิ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตจิตฺตเมว ลพฺภติ. ปุพฺพงฺคมาติ เตน ปมคามินา หุตฺวา สมนฺนาคตา. ธมฺมาติ เวทนาทโย ตโย ขนฺธา. เอเต หิ อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน โสมนสฺสสมฺปยุตฺตมโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ มโนปุพฺพงฺคมา นาม. ยถา หิ พหูสุ เอกโต หุตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส จีวรทานาทีนิ วา อุฬารปูชาธมฺมสฺสวนาทีนิ วา มาลาคนฺธสกฺการกรณาทีนิ วา ปฺุานิ กโรนฺเตสุ ‘‘โก เอเตสํ ปุพฺพงฺคโม’’ติ วุตฺเต โย เตสํ ปจฺจโย โหติ, ยํ นิสฺสาย เต ตานิ ปฺุานิ กโรนฺติ, โส ติสฺโส วา ผุสฺโส วา เตสํ ปุพฺพงฺคโมติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. อิติ อุปฺปาทปจฺจยฏฺเน มโน ปุพฺพงฺคโม เอเตสนฺติ ¶ มโนปุพฺพงฺคมา. น หิ เต มเน อนุปฺปชฺชนฺเต อุปฺปชฺชิตุํ สกฺโกนฺติ, มโน ปน เอกจฺเจสุ เจตสิเกสุ อนุปฺปชฺชนฺเตสุปิ อุปฺปชฺชติเยว. เอวํ อธิปติวเสน ปน มโน เสฏฺโ เอเตสนฺติ มโนเสฏฺา. ยถา หิ คณาทีนํ อธิปติ ปุริโส คณเสฏฺโ เสณิเสฏฺโติ วุจฺจติ, ตถา เตสมฺปิ มโนว เสฏฺโ. ยถา ปน สุวณฺณาทีหิ นิปฺผาทิตานิ ภณฺฑานิ สุวณฺณมยาทีนิ นาม โหนฺติ, ตถา เอเตปิ มนโต นิปฺผนฺนตฺตา มโนมยา นาม.
ปสนฺเนนาติ อนภิชฺฌาทีหิ คุเณหิ ปสนฺเนน. ภาสติ วา กโรติ วาติ เอวรูเปน มเนน ภาสนฺโต จตุพฺพิธํ วจีสุจริตเมว ภาสติ, กโรนฺโต ติวิธํ กายสุจริตเมว กโรติ, อภาสนฺโต อกโรนฺโต ตาย อนภิชฺฌาทีหิ ปสนฺนมานสตาย ติวิธํ มโนสุจริตํ ปูเรติ. เอวมสฺส ทส กุสลกมฺมปถา ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ.
ตโต นํ สุขมนฺเวตีติ ตโต ติวิธสุจริตโต นํ ปุคฺคลํ สุข มนฺเวติ. อิธ เตภูมิกมฺปิ ¶ กุสลํ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา เตภูมิกสุจริตานุภาเวน สุคติภเว นิพฺพตฺตํ ปุคฺคลํ, ทุคฺคติยํ วา สุขานุภวนฏฺาเน ิตํ กายวตฺถุกมฺปิ อิตรวตฺถุกมฺปิ อวตฺถุกมฺปีติ กายิกเจตสิกํ วิปากสุขํ อนุคจฺฉติ, น วิชหตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยถา กึ? ฉายาว อนปายินีติ ยถา หิ ฉายา นาม สรีรปฺปฏิพทฺธา สรีเร คจฺฉนฺเต คจฺฉติ, ติฏฺนฺเต ติฏฺติ ¶ , นิสีทนฺเต นิสีทติ, น สกฺโกติ, ‘‘สณฺเหน วา ผรุเสน ¶ วา นิวตฺตาหี’’ติ วตฺวา วา โปเถตฺวา วา นิวตฺตาเปตุํ. กสฺมา? สรีรปฺปฏิพทฺธตฺตา. เอวเมว อิเมสํ ทสนฺนํ กุสลกมฺมปถานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณกุสลมูลิกํ กามาวจราทิเภทํ กายิกเจตสิกสุขํ คตคตฏฺาเน อนปายินี ฉายา วิย หุตฺวา น วิชหตีติ.
คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, มฏฺกุณฺฑลิเทวปุตฺโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, ตถา อทินฺนปุพฺพโก พฺราหฺมโณ. โส ตาวมหนฺตํ วิภวํ พุทฺธสาสเน วิปฺปกิรีติ.
มฏฺกุณฺฑลีวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อกฺโกจฺฉิ มนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิรายสฺมา ติสฺสตฺเถโร ภควโต ปิตุจฺฉาปุตฺโต อโหสิ, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตฺวา พุทฺธานํ อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ ปริภฺุชนฺโต ถูลสรีโร อาโกฏิตปจฺจาโกฏิเตหิ จีวเรหิ นิวาเสตฺวา เยภุยฺเยน วิหารมชฺเฌ อุปฏฺานสาลายํ นิสีทติ. ตถาคตํ ทสฺสนตฺถาย อาคตา อาคนฺตุกภิกฺขู ตํ ทิสฺวา ‘‘เอโก มหาเถโร ภวิสฺสตี’’ติ สฺาย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วตฺตํ อาปุจฺฉนฺติ, ปาทสมฺพาหนาทีนิ อาปุจฺฉนฺติ. โส ตุณฺหี อโหสิ. อถ นํ เอโก ทหรภิกฺขุ ‘‘กติวสฺสา ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วสฺสํ นตฺถิ, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตา มย’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาวุโส, ทุพฺพินีต, มหลฺลก ¶ , อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสิ, เอตฺตเก มหาเถเร ทิสฺวา สามีจิกมฺมมตฺตมฺปิ น กโรสิ, วตฺเต อาปุจฺฉิยมาเน ตุณฺหี โหสิ, กุกฺกุจฺจมตฺตมฺปิ เต นตฺถี’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. โส ขตฺติยมานํ ชเนตฺวา ‘‘ตุมฺเห กสฺส สนฺติกํ อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มํ ปน ‘โก เอโส’ติ สลฺลกฺเขถ, มูลเมว โว ฉินฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา รุทนฺโต ทุกฺขี ทุมฺมโน สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ ¶ . อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ ตฺวํ ติสฺส ทุกฺขี ทุมฺมโน อสฺสุมุโข โรทมาโน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. เตปิ ภิกฺขู ‘‘เอส คนฺตฺวา กิฺจิ อาโลฬํ กเรยฺยา’’ติ เตเนว ¶ สทฺธึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. โส สตฺถารา ปุจฺฉิโต ‘‘อิเม มํ, ภนฺเต, ภิกฺขู อกฺโกสนฺตี’’ติ อาห. ‘‘กหํ ปน ตฺวํ นิสินฺโนสี’’ติ? ‘‘วิหารมชฺเฌ อุปฏฺานสาลายํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิเม เต ภิกฺขู อาคจฺฉนฺตา ทิฏฺา’’ติ? ‘‘อาม, ทิฏฺา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ อุฏฺาย เต ปจฺจุคฺคมนํ กต’’นฺติ? ‘‘น กตํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ปริกฺขารคฺคหณํ อาปุจฺฉิต’’นฺติ? ‘‘นาปุจฺฉิตํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘วตฺตํ วา ปานียํ วา อาปุจฺฉิต’’นฺติ. ‘‘นาปุจฺฉิตํ ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาสนํ นีหริตฺวา อภิวาเทตฺวา ปาทสมฺพาหนํ กต’’นฺติ? ‘‘น กตํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ติสฺส มหลฺลกภิกฺขูนํ สพฺพํ เอตํ วตฺตํ กาตพฺพํ, เอตํ วตฺตํ อกโรนฺเตน วิหารมชฺเฌ นิสีทิตุํ น วฏฺฏติ, ตเวว โทโส, เอเต ภิกฺขู ขมาเปหี’’ติ? ‘‘เอเต มํ, ภนฺเต, อกฺโกสึสุ ¶ , นาหํ เอเต ขมาเปมี’’ติ. ‘‘ติสฺส มา เอวํ กริ, ตเวว โทโส, ขมาเปหิ เน’’ติ? ‘‘น ขมาเปมิ, ภนฺเต’’ติ. อถ สตฺถา ‘‘ทุพฺพโจ เอส, ภนฺเต’’ติ ภิกฺขูหิ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ทุพฺพโจ เอส, ปุพฺเพปิ เอส ทุพฺพโจเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘อิทานิ ตาวสฺส, ภนฺเต, ทุพฺพจภาโว อมฺเหหิ าโต, อตีเต เอส กึ อกาสี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ วตฺวา อตีตมาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พาราณสิรฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต เทวิโล นาม ตาปโส อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย จตฺตาโร มาเส นครมุปนิสฺสาย วสิตุกาโม หิมวนฺตโต อาคนฺตฺวา นครทฺวาเร ทารเก ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อิมํ นครํ สมฺปตฺตปพฺพชิตา กตฺถ วสนฺตี’’ติ? ‘‘กุมฺภการสาลายํ, ภนฺเต’’ติ. ตาปโส กุมฺภการสาลํ คนฺตฺวา ทฺวาเร ตฺวา ‘‘สเจ เต ภคฺคว อครุ, วเสยฺยาม เอกรตฺตึ สาลาย’’นฺติ อาห. กุมฺภกาโร ‘‘มยฺหํ รตฺตึ สาลายํ กิจฺจํ นตฺถิ, มหตี สาลา, ยถาสุขํ วสถ, ภนฺเต’’ติ สาลํ นิยฺยาเทสิ. ตสฺมึ ปวิสิตฺวา นิสินฺเน อปโรปิ นารโท นาม ตาปโส หิมวนฺตโต อาคนฺตฺวา กุมฺภการํ เอกรตฺติวาสํ ยาจิ. กุมฺภกาโร ‘‘ปมํ อาคโต อิมินา สทฺธึ เอกโต วสิตุกาโม ภเวยฺย วา โน วา, อตฺตานํ ปริโมเจสฺสามี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ‘‘สเจ, ภนฺเต, ปมํ อุปคโต โรเจสฺสติ, ตสฺส รุจิยา วสถา’’ติ อาห. โส ตมุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สเจ เต, อาจริย อครุ, มยฺเจตฺถ เอกรตฺตึ วเสยฺยามา’’ติ ยาจิ. ‘‘มหตี สาลา, ปวิสิตฺวา ¶ เอกมนฺเต วสาหี’’ติ วุตฺเต ปวิสิตฺวา ปุเรตรํ ปวิฏฺสฺส เทวิลสฺส อปรภาเค นิสีทิ. อุโภปิ สารณียกถํ กเถตฺวา นิปชฺชึสุ.
สยนกาเล ¶ นารโท เทวิลสฺส นิปชฺชนฏฺานฺจ ทฺวารฺจ สลฺลกฺเขตฺวา นิปชฺชิ. โส ปน เทวิโล นิปชฺชมาโน อตฺตโน นิปชฺชนฏฺาเน อนิปชฺชิตฺวา ทฺวารมชฺเฌ ติริยํ นิปชฺชิ. นารโท รตฺตึ นิกฺขมนฺโต ตสฺส ชฏาสุ อกฺกมิ. ‘‘โก มํ อกฺกมี’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘อาจริย, อห’’นฺติ อาห. ‘‘กูฏชฏิล, อรฺโต อาคนฺตฺวา มม ชฏาสุ อกฺกมสี’’ติ. ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ อิธ นิปนฺนภาวํ น ชานามิ, ขมถ เม’’ติ วตฺวา ตสฺส กนฺทนฺตสฺเสว พหิ นิกฺขมิ. อิตโร ‘‘อยํ ปวิสนฺโตปิ มํ อกฺกเมยฺยา’’ติ ปริวตฺเตตฺวา ปาทฏฺาเน สีสํ กตฺวา นิปชฺชิ. นารโทปิ ปวิสนฺโต ‘‘ปมํปาหํ อาจริเย อปรชฺฌึ, อิทานิสฺส ปาทปสฺเสน ปวิสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อาคจฺฉนฺโต คีวาย อกฺกมิ. ‘‘โก เอโส’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ, อาจริยา’’ติ วตฺวา ‘‘กูฏชฏิล, ปมํ มม ชฏาสุ อกฺกมิตฺวา อิทานิ คีวาย อกฺกมสิ, อภิสปิสฺสามิ ต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาจริย, มยฺหํ โทโส นตฺถิ, อหํ ตุมฺหากํ เอวํ นิปนฺนภาวํ น ชานามิ, ‘ปมมฺปิ เม อปรทฺธํ, อิทานิ ปาทปสฺเสน ¶ ปวิสิสฺสามี’ติ ปวิฏฺโมฺหิ, ขมถ เม’’ติ อาห. ‘‘กูฏชฏิล, อภิสปิสฺสามิ ต’’นฺติ. ‘‘มา เอวํ กริตฺถ อาจริยา’’ติ. โส ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา –
‘‘สหสฺสรํสี สตเตโช, สูริโย ตมวิโนทโน;
ปาโตทยนฺเต สูริเย, มุทฺธา เต ผลตุ สตฺตธา’’ติ. –
ตํ อภิสปิ เอว. นารโท, ‘‘อาจริย, มยฺหํ โทโส นตฺถีติ มม วทนฺตสฺเสว ตุมฺเห อภิสปถ, ยสฺส โทโส อตฺถิ, ตสฺส มุทฺธา ผลตุ, มา นิทฺโทสสฺสา’’ติ วตฺวา –
‘‘สหสฺสรํสี สตเตโช, สูริโย ตมวิโนทโน;
ปาโตทยนฺเต สูริเย, มุทฺธา เต ผลตุ สตฺตธา’’ติ. –
อภิสปิ. โส ปน มหานุภาโว อตีเต จตฺตาลีส, อนาคเต จตฺตาลีสาติ อสีติกปฺเป อนุสฺสรติ. ตสฺมา ‘‘กสฺส นุ โข อุปริ อภิสโป ปติสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อาจริยสฺสา’’ติ ตฺวา ตสฺมึ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อิทฺธิพเลน อรุณุคฺคมนํ นิวาเรติ.
นาครา ¶ อรุเณ อนุคฺคจฺฉนฺเต ราชทฺวารํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, ตยิ รชฺชํ กาเรนฺเต อรุโณ น อุฏฺหติ, อรุณํ โน อุฏฺาเปหี’’ติ กนฺทึสุ. ราชา อตฺตโน กายกมฺมาทีนิ โอโลเกนฺโต กิฺจิ อยุตฺตํ อทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ปพฺพชิตานํ วิวาเทน ภวิตพฺพ’’นฺติ ¶ ปริสงฺกมาโน ‘‘กจฺจิ อิมสฺมึ นคเร ปพฺพชิตา อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘หิยฺโย สายํ กุมฺภการสาลายํ อาคตา อตฺถิ เทวา’’ติ วุตฺเต ตํขณฺเว ราชา ¶ อุกฺกาหิ ธาริยมานาหิ ตตฺถ คนฺตฺวา นารทํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อาห –
‘‘กมฺมนฺตา นปฺปวตฺตนฺติ, ชมฺพุทีปสฺส นารท;
เกน โลโก ตโมภูโต, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
นารโท สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา อิมินา การเณน อหํ อิมินา อภิสปิโต, อถาหํ ‘‘มยฺหํ โทโส นตฺถิ, ยสฺส โทโส อตฺถิ, ตสฺเสว อุปริ อภิสโป ปตตู’’ติ วตฺวา อภิสปึ. อภิสปิตฺวา จ ปน ‘‘กสฺส นุ โข อุปริ อภิสโป ปติสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘สูริยุคฺคมนเวลาย อาจริยสฺส มุทฺธา สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา เอตสฺมึ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อรุณสฺส อุคฺคมนํ น เทมีติ. ‘‘กถํ ปน อสฺส, ภนฺเต, อนฺตราโย น ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘สเจ มํ ขมาเปยฺย, น ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ ขมาเปหี’’ติ วุตฺเต ‘‘เอโส, มหาราช, มํ ชฏาสุ จ คีวาย จ อกฺกมิ, นาหํ เอตํ กูฏชฏิลํ ขมาเปมี’’ติ. ‘‘ขมาเปหิ, ภนฺเต, มา เอวํ กริตฺถา’’ติ. ‘‘น ขมาเปมี’’ติ. ‘‘มุทฺธา เต สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ วุตฺเตปิ น ขมาเปติเยว. อถ นํ ราชา ‘‘น ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา ขมาเปสฺสสี’’ติ หตฺถปาทกุจฺฉิคีวาสุ คาหาเปตฺวา นารทสฺส ปาทมูเล โอนมาเปสิ. นารโทปิ ‘‘อุฏฺเหิ, อาจริย, ขมามิ เต’’ติ วตฺวา, ‘‘มหาราช, นายํ ยถามเนน ขมาเปติ, นครสฺส อวิทูเร ¶ เอโก สโร อตฺถิ, ตตฺถ นํ สีเส มตฺติกาปิณฺฑํ กตฺวา คลปฺปมาเณ อุทเก ปาเปหี’’ติ อาห. ราชา ตถา กาเรสิ. นารโท เทวิลํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อาจริย, มยา อิทฺธิยา วิสฺสฏฺาย สูริยสนฺตาเป อุฏฺหนฺเต อุทเก นิมุชฺชิตฺวา อฺเน าเนน อุตฺตริตฺวา คจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. ‘‘ตสฺส สูริยรํสีหิ สํผุฏฺมตฺโตว มตฺติกาปิณฺโฑ สตฺตธา ผลิ, โส นิมุชฺชิตฺวา อฺเน าเนน ปลายี’’ติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, ราชา อานนฺโท อโหสิ, เทวิโล ติสฺโส, นารโท อหเมวาติ เอวํ ตทาเปส ทุพฺพโจเยวา’’ติ ¶ วตฺวา ติสฺสตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ติสฺส, ภิกฺขุโน นาม ‘อสุเกนาหํ อกฺกุฏฺโ, อสุเกน ปหโฏ, อสุเกน ชิโต, อสุโก โข เม ภณฺฑํ อหาสี’ติ จินฺเตนฺตสฺส เวรํ นาม น วูปสมฺมติ, เอวํ ปน อนุปนยฺหนฺตสฺเสว อุปสมฺมตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อกฺโกจฺฉิ ¶ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;
เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติ.
‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;
เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมตี’’ติ.
ตตฺถ อกฺโกจฺฉีติ อกฺโกสิ. อวธีติ ปหริ. อชินีติ ¶ กูฏสกฺขิโอตารเณน วา วาทปฏิวาเทน วา กรณุตฺตริยกรเณน วา อเชสิ. อหาสิ เมติ มม สนฺตกํ ปตฺตาทีสุ กิฺจิเทว อวหริ. เย จ ตนฺติ เย เกจิ เทวตา วา มนุสฺสา วา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา ตํ ‘‘อกฺโกจฺฉิ ม’’นฺติอาทิวตฺถุกํ โกธํ สกฏธุรํ วิย นทฺธินา ปูติมจฺฉาทีนิ วิย จ กุสาทีหิ ปุนปฺปุนํ เวเตฺวา อุปนยฺหนฺติ, เตสํ สกึ อุปฺปนฺนํ เวรํ น สมฺมตีติ วูปสมฺมติ. เย จ ตํ นุปนยฺหนฺตีติ อสติยา อมนสิการวเสน วา กมฺมปจฺจเวกฺขณาทิวเสน วา เย ตํ อกฺโกสาทิวตฺถุกํ โกธํ ตยาปิ โกจิ นิทฺโทโส ปุริมภเว อกฺกุฏฺโ ภวิสฺสติ, ปหโฏ ภวิสฺสติ, กูฏสกฺขึ โอตาเรตฺวา ชิโต ภวิสฺสติ, กสฺสจิ เต ปสยฺห กิฺจิ อจฺฉินฺนํ ภวิสฺสติ, ตสฺมา นิทฺโทโส หุตฺวาปิ อกฺโกสาทีนิ ปาปุณาสีติ เอวํ น อุปนยฺหนฺติ. เตสุ ปมาเทน อุปฺปนฺนมฺปิ เวรํ อิมินา อนุปนยฺหเนน นิรินฺธโน วิย ชาตเวโท วูปสมฺมตีติ.
เทสนาปริโยสาเน สตสหสฺสภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ¶ ปาปุณึสุ. ธมฺมเทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสิ. ทุพฺพโจปิ สุพฺพโจเยว ชาโตติ.
ติสฺสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. กาฬยกฺขินีวตฺถุ
น หิ เวเรนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ วฺฌิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก ¶ กิร กุฏุมฺพิกปุตฺโต ปิตริ กาลกเต เขตฺเต จ ฆเร จ สพฺพกมฺมานิ อตฺตนาว กโรนฺโต มาตรํ ปฏิชคฺคิ. อถสฺส มาตา ‘‘กุมาริกํ เต, ตาต, อาเนสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘อมฺม ¶ , มา เอวํ วเทถ, อหํ ยาวชีวํ ตุมฺเห ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, เขตฺเต จ ฆเร จ กิจฺจํ ตฺวเมว กโรสิ, เตน มยฺหํ จิตฺตสุขํ นาม น โหติ, อาเนสฺสามี’’ติ. โส ปุนปฺปุนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. สา เอกํ กุลํ คนฺตุกามา เคหา นิกฺขมิ. อถ นํ ปุตฺโต ‘‘กตรํ กุลํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อสุกกุลํ นามา’’ติ วุตฺเต ตตฺถ คมนํ ปฏิเสเธตฺวา อตฺตโน อภิรุจิตํ กุลํ อาจิกฺขิ. สา ตตฺถ คนฺตฺวา กุมาริกํ วาเรตฺวา ทิวสํ ววตฺถเปตฺวา ตํ อาเนตฺวา ตสฺส ฆเร อกาสิ. สา วฺฌา อโหสิ. อถ นํ มาตา, ปุตฺต, ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา กุมาริกํ อาณาเปสิ, สา อิทานิ วฺฌา ชาตา, อปุตฺตกฺจ นาม กุลํ วินสฺสติ ¶ , ปเวณี น ฆฏียติ, เตน อฺํ เต กุมาริกํ อาเนมีติ. เตน ‘‘อลํ, อมฺมา’’ติ วุจฺจมานาปิ ปุนปฺปุนํ กเถสิ. วฺฌิตฺถี ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ปุตฺตา นาม มาตาปิตูนํ วจนํ อติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, อิทานิ อฺํ วิชายินึ อิตฺถึ อาเนตฺวา มํ ทาสิโภเคน ภฺุชิสฺสติ. ยํนูนาหํ สยเมว เอกํ กุมาริกํ อาเนยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา เอกํ กุลํ คนฺตฺวา ตสฺสตฺถาย กุมาริกํ วาเรตฺวา ‘‘กึ นาเมตํ, อมฺม, วเทสี’’ติ เตหิ ปฏิกฺขิตฺตา ‘‘อหํ วฺฌา, อปุตฺตกํ นาม กุลํ วินสฺสติ, ตุมฺหากํ ปน ธีตา ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลภิตฺวา กุฏุมฺพิกสฺส สามินี ภวิสฺสติ, มยฺหํ สามิกสฺส นํ เทถา’’ติ ยาจิตฺวา สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา อาเนตฺวา สามิกสฺส ฆเร อกาสิ.
อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘สจายํ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลภิสฺสติ, อยเมว กุฏุมฺพสฺส สามินี ภวิสฺสติ. ยถา ทารกํ น ลภติ, ตเถว นํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ นํ สา อาห – ‘‘อมฺม, ยทา เต กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาติ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา คพฺเภ ปติฏฺิเต ตสฺสา อาโรเจสิ. อิตริสฺสา ปน สา สยเมว นิจฺจํ ยาคุภตฺตํ เทติ, อถสฺสา ¶ อาหาเรเนว สทฺธึ คพฺภปาตนเภสชฺชมทาสิ, คพฺโภ ปติ. ทุติยมฺปิ คพฺเภ ปติฏฺิเต อาโรเจสิ ¶ , อิตรา ทุติยมฺปิ ตเถว ปาเตสิ. อถ นํ ปฏิวิสฺสกิตฺถิโย ปุจฺฉึสุ – ‘‘กจฺจิ เต สปตฺติ อนฺตรายํ กโรตี’’ติ? สา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘อนฺธพาเล, กสฺมา เอวมกาสิ, อยํ ตว อิสฺสริยภเยน คพฺภสฺส ปาตนเภสชฺชํ โยเชตฺวา เทติ, เตน เต คพฺโภ ปตติ, มา ปุน เอวมกตฺถา’’ติ วุตฺตา ตติยวาเร น กเถสิ. อถ สา อิตริสฺสา อุทรํ ทิสฺวา ‘‘กสฺมา มยฺหํ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ น กเถสี’’ติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ มํ อาเนตฺวา วฺเจตฺวา ทฺเว วาเร คพฺภํ ปาเตสิ, กิมตฺถํ ตุยฺหํ กเถมี’’ติ วุตฺเต ‘‘นฏฺา ทานิมฺหี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺสา ปมาทํ โอโลเกนฺตี ปริณเต คพฺเภ โอกาสํ ลภิตฺวา เภสชฺชํ โยเชตฺวา อทาสิ. คพฺโภ ปริณตตฺตา ปติตุํ อสกฺโกนฺโต ติริยํ นิปติ, ขรา เวทนา อุปฺปชฺชิ, ชีวิตสํสยํ ปาปุณิ. สา ‘‘นาสิตมฺหิ ตยา, ตฺวเมว มํ อาเนตฺวา ตฺวเมว ตโยปิ วาเร ¶ ทารเก นาเสสิ, อิทานิ อหมฺปิ นสฺสามิ, อิโต ทานิ จุตา ยกฺขินี หุตฺวา ตว ทารเก ขาทิตุํ สมตฺถา หุตฺวา นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว ¶ เคเห มชฺชารี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตรมฺปิ สามิโก คเหตฺวา ‘‘ตยา เม กุลูปจฺเฉโท กโต’’ติ กปฺปรชณฺณุกาทีหิ สุโปถิตํ โปเถสิ. สา เตเนวาพาเธน กาลํ กตฺวา ตตฺเถว กุกฺกุฏี หุตฺวา นิพฺพตฺตา.
กุกฺกุฏี น จิรสฺเสว อณฺฑานิ วิชายิ, มชฺชารี อาคนฺตฺวา ตานิ อณฺฑานิ ขาทิ. ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ขาทิเยว. กุกฺกุฏี จินฺเตสิ – ‘‘ตโย วาเร มม อณฺฑานิ ขาทิตฺวา อิทานิ มมฺปิ ขาทิตุกามาสี’’ติ. ‘‘อิโต จุตา สปุตฺตกํ ตํ ขาทิตุํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ตโต จุตา อรฺเ ทีปินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตรา มิคี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา วิชาตกาเล ทีปินี อาคนฺตฺวา ตโย วาเร ปุตฺตเก ขาทิ. มิคี มรณกาเล ‘‘อยํ เม ติกฺขตฺตุํ ปุตฺตเก ขาทิตฺวา อิทานิ มมฺปิ ขาทิสฺสติ, อิโต ทานิ จุตา เอตํ สปุตฺตกํ ขาทิตุํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา อิโต จุตา ยกฺขินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ทีปินีปิ ตเถว ตโต จุตา สาวตฺถิยํ กุลธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สา วุทฺธิปฺปตฺตา ทฺวารคามเก ปติกุลํ อคมาสิ, อปรภาเค จ ปุตฺตํ วิชายิ. ยกฺขินีปิ ตสฺสา ปิยสหายิกาวณฺเณน อาคนฺตฺวา ‘‘กุหึ เม สหายิกา’’ติ ‘‘อนฺโตคพฺเภ วิชาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุตฺตํ นุ โข วิชาตา, อุทาหุ ธีตรนฺติ ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ คพฺภํ ปวิสิตฺวา ปสฺสนฺตี วิย ทารกํ คเหตฺวา ¶ ขาทิตฺวา คตา. ปุน ทุติยวาเรปิ ตเถว ขาทิ. ตติยวาเร อิตรา ครุภารา หุตฺวา สามิกํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘สามิ, อิมสฺมึ าเน เอกา ยกฺขินี มม ทฺเว ปุตฺเต ขาทิตฺวา คตา, อิทานิ ¶ มม กุลเคหํ คนฺตฺวา วิชายิสฺสามี’’ติ กุลเคหํ คนฺตฺวา วิชายิ.
ตทา สา ยกฺขินี อุทกวารํ คตา โหติ. เวสฺสวณสฺส หิ ยกฺขินิโย วาเรน อโนตตฺตทหโต สีสปรมฺปราย อุทกมาหรนฺติ. ตา จตุมาสจฺจเยนปิ ปฺจมาสจฺจเยนปิ มุจฺจนฺติ. อปรา ยกฺขินิโย กิลนฺตกายา ชีวิตกฺขยมฺปิ ปาปุณนฺติ. สา ปน อุทกวารโต มุตฺตมตฺตาว เวเคน ตํ ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘กุหึ เม สหายิกา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กุหึ นํ ปสฺสิสฺสสิ, ตสฺสา อิมสฺมึ าเน ชาตชาตทารเก ยกฺขินี อาคนฺตฺวา ขาทติ, ตสฺมา กุลเคหํ คตา’’ติ. สา ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา คจฺฉตุ, น เม มุจฺจิสฺสตี’’ติ เวรเวคสมุสฺสาหิตมานสา นคราภิมุขี ปกฺขนฺทิ. อิตราปิ นามคฺคหณทิวเส นํ ทารกํ นฺหาเปตฺวา นามํ กตฺวา, ‘‘สามิ, อิทานิ สกฆรํ คจฺฉามา’’ติ ปุตฺตมาทาย สามิเกน สทฺธึ วิหารมชฺเฌ คตมคฺเคน คจฺฉนฺตี ปุตฺตํ สามิกสฺส ทตฺวา วิหารโปกฺขรณิยา นฺหาตฺวา สามิเก นฺหายนฺเต ¶ อุตฺตริตฺวา ปุตฺตสฺส ถฺํ ปายมานา ิตา ยกฺขินึ อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา, ‘‘สามิ, เวเคน เอหิ, อยํ สา ยกฺขินี, เวเคน เอหิ, อยํ สา ยกฺขินี’’ติ อุจฺจาสทฺทํ กตฺวา ยาว ตสฺส อาคมนํ ¶ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี นิวตฺเตตฺวา อนฺโตวิหาราภิมุขี ปกฺขนฺทิ.
ตสฺมึ สมเย สตฺถา ปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสสิ. สา ปุตฺตํ ตถาคตสฺส ปาทปิฏฺเ นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ มยา เอส ทินฺโน, ปุตฺตสฺส เม ชีวิตํ เทถา’’ติ อาห. ทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺโถ สุมนเทโว นาม ยกฺขินิยา อนฺโต ปวิสิตุํ นาทาสิ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, อานนฺท, ตํ ยกฺขินึ ปกฺโกสาหี’’ติ อาห. เถโร ปกฺโกสิ. อิตรา ‘‘อยํ, ภนฺเต, อาคจฺฉตี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอตุ, มา สทฺทมกาสี’’ติ วตฺวา ตํ อาคนฺตฺวา ิตํ ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสิ, สเจ ตุมฺเห มาทิสสฺส พุทฺธสฺส สมฺมุขีภาวํ นาคมิสฺสถ, อหินกุลานํ วิย อจฺฉผนฺทนานํ วิย กาโกลูกานํ วิย จ กปฺปฏฺิติกํ โว เวรํ อภวิสฺส ¶ , กสฺมา เวรํ ปฏิเวรํ กโรถ. เวรฺหิ อเวเรน อุปสมฺมติ, โน เวเรนา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;
อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโน’’ติ.
ตตฺถ น หิ เวเรนาติ ยถา หิ เขฬสิงฺฆาณิกาทีหิ อสุจีหิ มกฺขิตํ านํ เตเหว อสุจีหิ โธวนฺตา สุทฺธํ ¶ นิคฺคนฺธํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, อถ โข ตํ านํ ภิยฺโยโสมตฺตาย อสุทฺธตรฺเจว ทุคฺคนฺธตรฺจ โหติ; เอวเมว อกฺโกสนฺตํ ปจฺจกฺโกสนฺโต ปหรนฺตํ ปฏิปหรนฺโต เวเรน เวรํ วูปสเมตุํ น สกฺโกติ, อถ โข ภิยฺโย ภิยฺโย เวรเมว กโรติ. อิติ เวรานิ นาม เวเรน กิสฺมิฺจิ กาเล น สมฺมนฺติ, อถ โข วฑฺฒนฺติเยว. อเวเรน จ สมฺมนฺตีติ ยถา ปน ตานิ เขฬาทีนิ อสุจีนิ วิปฺปสนฺเนน อุทเกน โธวิยมานานิ นสฺสนฺติ, ตํ านํ สุทฺธํ โหติ สุคนฺธํ; เอวเมว อเวเรน ขนฺติเมตฺโตทเกน โยนิโส มนสิกาเรน ปจฺจเวกฺขเณน เวรานิ วูปสมฺมนฺติ ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ อภาวํ คจฺฉนฺติ. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ เอส อเวเรน เวรูปสมนสงฺขาโต โปราณโก ธมฺโม; สพฺเพสํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวานํ คตมคฺโคติ.
คาถาปริโยสาเน ยกฺขินี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สมฺปตฺตปริสายปิ ธมฺมเทสนา สาตฺถิกา อโหสิ.
สตฺถา ¶ ตํ อิตฺถึ อาห – ‘‘เอติสฺสา ตว ปุตฺตํ เทหี’’ติ. ‘‘ภายามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มา ภายิ, นตฺถิ เต เอตํ นิสฺสาย ปริปนฺโถ’’ติ อาห. สา ตสฺสา ปุตฺตมทาสิ. สา ตํ จุมฺพิตฺวา อาลิงฺเคตฺวา ปุน มาตุเยว ทตฺวา โรทิตุํ อารภิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, อหํ ปุพฺเพ ยถา วา ตถา วา ชีวิกํ กปฺเปนฺตีปิ กุจฺฉิปูรํ นาลตฺถํ, อิทานิ กถํ ชีวิสฺสามี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘มา จินฺตยี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ตํ อิตฺถิมาห – ‘‘อิมํ เนตฺวา ¶ อตฺตโน เคเห นิวาสาเปตฺวา อคฺคยาคุภตฺเตหิ ปฏิชคฺคาหี’’ติ. สา ตํ เนตฺวา ปิฏฺิวํเส ปติฏฺาเปตฺวา อคฺคยาคุภตฺเตหิ ปฏิชคฺคิ, ตสฺสา วีหิปหรณกาเล มุสลคฺเคน มุทฺธํ ปหรนฺตํ วิย อุปฏฺาสิ. สา สหายิกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺโกมิ, อฺตฺถ มํ ปติฏฺาเปหี’’ติ วตฺวา มุสลสาลาย อุทกจาฏิยํ อุทฺธเน นิพฺพโกเส สงฺการกูเฏ คามทฺวาเร จาติ เอเตสุ าเนสุ ¶ ปติฏฺาปิตาปิ อิธ เม มุสเลน สีสํ ภินฺทนฺตํ วิย อุปฏฺาติ, อิธ ทารกา อุจฺฉิฏฺโทกํ โอตาเรนฺติ, อิธ สุนขา นิปชฺชนฺติ, อิธ ทารกา อสุจึ กโรนฺติ, อิธ กจวรํ ฉฑฺเฑนฺติ, อิธ คามทารกา ลกฺขโยคฺคํ กโรนฺตีติ สพฺพานิ ตานิ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ พหิคาเม วิวิตฺโตกาเส ปติฏฺาเปตฺวา ตตฺถ ตสฺสา อคฺคยาคุภตฺตาทีนิ หริตฺวา ปฏิชคฺคิ. สา ยกฺขินี เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เม สหายิกา อิทานิ พหูปการา, หนฺทาหํ กิฺจิ ปฏิคุณํ กโรมี’’ติ. สา ‘‘อิมสฺมึ สํวจฺฉเร สุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสติ, ถลฏฺาเน สสฺสํ กโรหิ, อิมสฺมึ สํวจฺฉเร ทุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสติ, นินฺนฏฺาเนเยว สสฺสํ กโรหี’’ติ สหายิกาย อาโรเจติ. เสสชเนหิ กตสสฺสํ อติอุทเกน วา อโนทเกน วา นสฺสติ, ตสฺสา อติวิย สมฺปชฺชติ. อถ นํ เสสชนา, ‘‘อมฺม, ตยา กตสสฺสํ เนว อจฺโจทเกน, น อนุทเกน นสฺสติ, สุพฺพุฏฺิทุพฺพุฏฺิภาวํ ตฺวา กมฺมํ กโรสิ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อมฺหากํ สหายิกา ยกฺขินี สุพฺพุฏฺิทุพฺพุฏฺิภาวํ ¶ อาจิกฺขติ, มยํ ตสฺสา วจเนน ถเลสุ นินฺเนสุ สสฺสานิ กโรม, เตน โน สมฺปชฺชติ. กึ น ปสฺสถ? นิพทฺธํ อมฺหากํ เคหโต ยาคุภตฺตาทีนิ หริยมานานิ, ตานิ เอติสฺสา หรียนฺติ, ตุมฺเหปิ เอติสฺสา อคฺคยาคุภตฺตาทีนิ หรถ, ตุมฺหากมฺปิ กมฺมนฺเต โอโลเกสฺสตี’’ติ. อถสฺสา สกลนครวาสิโน สกฺการํ กรึสุ. สาปิ ตโต ปฏฺาย สพฺเพสํ กมฺมนฺเต โอโลเกนฺตี ลาภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ มหาปริวารา. สา อปรภาเค อฏฺ สลากภตฺตานิ ปฏฺเปสิ. ตานิ ยาวชฺชกาลา ทียนฺติเยวาติ.
กาฬยกฺขินีวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. โกสมฺพกวตฺถุ
ปเร ¶ จ น วิชานนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสมฺพเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
โกสมฺพิยฺหิ โฆสิตาราเม ปฺจสตปฺจสตปริวารา ทฺเว ภิกฺขู วิหรึสุ วินยธโร จ ธมฺมกถิโก จ. เตสุ ธมฺมกถิโก เอกทิวสํ ¶ สรีรวลฺชํ กตฺวา อุทกโกฏฺเก อาจมนอุทกาวเสสํ ภาชเน เปตฺวาว นิกฺขมิ. ปจฺฉา วินยธโร ตตฺถ ¶ ปวิฏฺโ ตํ อุทกํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา อิตรํ ปุจฺฉิ, ‘‘อาวุโส, ตยา อุทกํ ปิต’’นฺติ? ‘‘อาม, อาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ปเนตฺถ อาปตฺติภาวํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, น ชานามี’’ติ. ‘‘โหติ, อาวุโส, เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ปฏิกริสฺสามิ น’’นฺติ. ‘‘สเจ ปน เต, อาวุโส, อสฺจิจฺจ อสฺสติยา กตํ, นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสิ. วินยธโรปิ อตฺตโน นิสฺสิตกานํ ‘‘อยํ ธมฺมกถิโก อาปตฺตึ อาปชฺชมาโนปิ น ชานาตี’’ติ อาโรเจสิ. เต ตสฺส นิสฺสิตเก ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาปิ อาปตฺติภาวํ น ชานาตี’’ติ อาหํสุ. เต คนฺตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส อาโรเจสุํ. โส เอวมาห – ‘‘อยํ วินยธโร ปุพฺเพ อนาปตฺตีติ วตฺวา อิทานิ อาปตฺตีติ วทติ, มุสาวาที เอโส’’ติ. เต คนฺตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย มุสาวาที’’ติ อาหํสุ. เต เอวํ อฺมฺํ กลหํ วฑฺฒยึสุ. กโต วินยธโร โอกาสํ ลภิตฺวา ธมฺมกถิกสฺส อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺเขปนียกมฺมมกาสิ. ตโต ปฏฺาย เตสํ ปจฺจยทายกา อุปฏฺากาปิ ทฺเว โกฏฺาสา อเหสุํ, โอวาทปฏิคฺคาหกา ภิกฺขุนิโยปิ อารกฺขเทวตาปิ ตาสํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา อากาสฏฺเทวตาปีติ ยาว พฺรหฺมโลกา สพฺเพปิ ปุถุชฺชนา ทฺเว ปกฺขา อเหสุํ. จาตุมหาราชิกํ อาทึ กตฺวา ยาว อกนิฏฺภาวนา ปน เอกนินฺนาทํ โกลาหลํ อคมาสิ.
อเถโก อฺตโร ภิกฺขุ ตถาคตมุปสงฺกมิตฺวา อุกฺเขปกานํ วินยธรอนฺเตวาสิกานํ ‘‘ธมฺมิเกเนวายํ วินยกมฺเมน อุกฺขิตฺโต’’ติ ลทฺธิฺจ, อุกฺขิตฺตานุวตฺตกานํ ¶ ธมฺมกถิกอนฺเตวาสิกานํ ปน ‘‘อธมฺมิเกเนว กมฺเมน อุกฺขิตฺโต’’ติ ลทฺธิฺจ, อุกฺเขปเกหิ วาริยมานานมฺปิ จ เตสํ ตํ อนุปริวาเรตฺวา วิจรณภาวฺจ อาโรเจสิ ภควา ‘‘สมคฺคา กิร โหนฺตู’’ติ ทฺเว วาเร เปเสตฺวา ‘‘น อิจฺฉนฺติ, ภนฺเต, สมคฺคา ภวิตุ’’นฺติ สุตฺวา ตติยวาเร ‘‘ภินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, ภินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อุกฺเขปกานํ อุกฺเขปเน, อิตเรสฺจ อาปตฺติยา อทสฺสเน อาทีนวํ กเถตฺวา ปุน เตสํ ตตฺเถว ¶ เอกสีมายํ อุโปสถาทีนิ ¶ อนุชานิตฺวา ภตฺตคฺคาทีสุ ภณฺฑนชาตานํ ‘‘อาสนนฺตริกาย นิสีทิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๔๕๖) ภตฺตคฺเค วตฺตํ ปฺาเปตฺวา ‘‘อิทานิปิ ภณฺฑนชาตาว วิหรนฺตี’’ติ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑน’’นฺติอาทีนิ วตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภณฺฑนกลหวิคฺคหวิวาทา นาเมเต อนตฺถการกา. กลหํ นิสฺสาย หิ ลฏุกิกาปิ สกุณิกา หตฺถินาคํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสี’’ติ ลฏุกิกชาตกํ (ชา. ๑.๕.๓๙ อาทโย) กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สมคฺคา โหถ, มา วิวทถ. วิวาทํ นิสฺสาย หิ อเนกสตสหสฺสา วฏฺฏกาปิ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา’’ติ วฏฺฏกชาตกํ (ชา. ๑.๑.๑๑๘) กเถสิ. เอวมฺปิ เตสุ ภควโต วจนํ อนาทิยนฺเตสุ อฺตเรน ธมฺมวาทินา ตถาคตสฺส วิเหสํ อนิจฺฉนฺเตน ‘‘อาคเมตุ, ภนฺเต ภควา, ธมฺมสามิ, อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต ภควา, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต ¶ วิหรตุ, มยเมว เตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ (มหาว. ๔๕๗; ม. นิ. ๓.๒๓๖) วุตฺเต อตีตํ อาหริ –
ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต นาม กาสิราชา อโหสิ. พฺรหฺมทตฺเตน ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ รชฺชํ อจฺฉินฺทิตฺวา อฺาตกเวเสน วสนฺตสฺส ปิตุโน มาริตภาวฺเจว ทีฆาวุกุมาเรน อตฺตโน ชีวิเต ทินฺเน ตโต ปฏฺาย เตสํ สมคฺคภาวฺจ กเถตฺวา ‘‘เตสฺหิ นาม, ภิกฺขเว, ราชูนํ อาทินฺนทณฺฑานํ อาทินฺนสตฺถานํ เอวรูปํ ขนฺติโสรจฺจํ ภวิสฺสติ. อิธ โข ตํ, ภิกฺขเว, โสเภถ, ยํ ตุมฺเห เอวํ สฺวาขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตา สมานา ขมา จ ภเวยฺยาถ โสรตา จา’’ติ โอวทิตฺวาปิ เนว เต สมคฺเค กาตุํ อสกฺขิ. โส ตาย อากิณฺณวิหารตาย อุกฺกณฺิโต ‘‘อหํ โข อิทานิ อากิณฺโณ ทุกฺขํ วิหรามิ, อิเม จ ภิกฺขู มม วจนํ น กโรนฺติ. ยํนูนาหํ เอกโกว คณมฺหา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ เอกโกว อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย พาลกโลณกคามํ คนฺตฺวา ตตฺถ ภคุตฺเถรสฺส เอกจาริกวตฺตํ กเถตฺวา ปาจินวํสมิคทาเย ติณฺณํ กุลปุตฺตานํ สามคฺคิยานิสํสํ กเถตฺวา เยน ¶ ปาลิเลยฺยกํ ¶ อตฺถิ, ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ปาลิเลยฺยกํ อุปนิสฺสาย รกฺขิตวนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล ปาลิเลยฺยเกน หตฺถินา อุปฏฺิยมาโน ผาสุกํ วสฺสาวาสํ วสิ.
โกสมฺพิวาสิโนปิ โข อุปาสกา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อปสฺสนฺตา ‘‘กุหึ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปาลิเลยฺยกวนสณฺฑํ คโต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อมฺเห สมคฺเค กาตุํ วายมิ, มยํ ปน น สมคฺคา อหุมฺหา’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุมฺเห สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึ สามคฺคึ กโรนฺเต สมคฺคา นาหุวตฺถา’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ‘‘มนุสฺสา อิเม ¶ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึ สามคฺคึ กโรนฺเตปิ สมคฺคา น ชาตา, มยํ อิเม นิสฺสาย สตฺถารํ ทฏฺุํ น ลภิมฺหา, อิเมสํ เนว อาสนํ ทสฺสาม, น อภิวาทนาทีนิ กริสฺสามา’’ติ ตโต ปฏฺาย เตสํ สามีจิมตฺตมฺปิ น กรึสุ. เต อปฺปาหารตาย สุสฺสมานา กติปาเหเนว อุชุกา หุตฺวา อฺมฺํ อจฺจยํ เทเสตฺวา ขมาเปตฺวา ‘‘อุปาสกา มยํ สมคฺคา ชาตา, ตุมฺเหปิ โน ปุริมสทิสา โหถา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ขมาปิโต ปน โว, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ. ‘‘น ขมาปิโต, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ สตฺถารํ ขมาเปถ, สตฺถุ ขมาปิตกาเล มยมฺปิ ตุมฺหากํ ปุริมสทิสา ภวิสฺสามา’’ติ. เต อนฺโตวสฺสภาเวน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ อวิสหนฺตา ทุกฺเขน ตํ อนฺโตวสฺสํ วีตินาเมสุํ. สตฺถา ปน เตน หตฺถินา อุปฏฺิยมาโน สุขํ วสิ. โสปิ หิ หตฺถินาโค คณํ ปหาย ผาสุวิหารตฺถาเยว ¶ ตํ วนสณฺฑํ ปาวิสิ.
ยถาห – ‘‘อหํ โข อากิณฺโณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถีนีหิ หตฺถิกลเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จสฺส เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, ยํนูนาหํ เอโกว คณมฺหา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ (มหาว. ๔๖๗; อุทา. ๓๕). อถ โข โส หตฺถินาโค ยูถา อปกฺกมฺม เยน ปาลิเลยฺยกํ รกฺขิตวนสณฺฑํ ภทฺทสาลมูลํ, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา โอโลเกนฺโต อฺํ กิฺจิ อทิสฺวา ภทฺทสาลมูลํ ปาเทเนว ปหรนฺโต ตจฺเฉตฺวา โสณฺฑาย สาขํ คเหตฺวา สมฺมชฺชิ. ตโต ปฏฺาย โสณฺฑาย ¶ ฆฏํ คเหตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปติ, อุณฺโหทเกน อตฺเถ สติ อุณฺโหทกํ ปฏิยาเทติ. กถํ? หตฺเถน กฏฺานิ ฆํสิตฺวา อคฺคึ สมฺปาเทติ, ตตฺถ ทารูนิ ปกฺขิปนฺโต อคฺคึ ชาเลตฺวา ตตฺถ ปาสาเณ ปกฺขิปิตฺวา ปจิตฺวา ทารุทณฺฑเกน ปวฏฺเฏตฺวา ปริจฺฉินฺนาย ขุทฺทกโสณฺฑิกาย ขิปติ, ตโต หตฺถํ โอตาเรตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ ชานิตฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทติ. สตฺถา ‘‘อุทกํ เต ตาปิตํ ปาลิเลยฺยกา’’ติ วตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา นฺหายติ ¶ . อถสฺส นานาวิธานิ ผลานิ อาหริตฺวา เทติ. ยทา ปน สตฺถา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, ตทา สตฺถุ ปตฺตจีวรมาทาย กุมฺเภ ปติฏฺเปตฺวา สตฺถารา สทฺธึเยว คจฺฉติ. สตฺถา คามูปจารํ ปตฺวา ‘‘ปาลิเลยฺยก อิโต ปฏฺาย ตยา คนฺตุํ น สกฺกา, อาหาร เม ปตฺตจีวร’’นฺติ อาหราเปตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โสปิ ยาว สตฺถุ นิกฺขมนา ตตฺเถว ตฺวา อาคมนกาเล ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปุริมนเยเนว ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วสนฏฺาเน โอตาเรตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สาขาย พีชติ, รตฺตึ วาฬมิคปริปนฺถนิวารณตฺถํ มหนฺตํ ทณฺฑํ โสณฺฑาย คเหตฺวา ‘‘สตฺถารํ รกฺขิสฺสามี’’ติ ยาว อรุณุคฺคมนา วนสณฺฑสฺส อนฺตรนฺตเรน วิจรติ, ตโต ¶ ปฏฺายเยว กิร โส วนสณฺโฑ ปาลิเลยฺยกรกฺขิตวนสณฺโฑ นาม ชาโต. อรุเณ อุคฺคเต มุโขทกทานํ อาทึ กตฺวา เตเนวูปาเยน สพฺพวตฺตานิ กโรติ.
อเถโก มกฺกโฏ ตํ หตฺถึ อุฏฺาย สมุฏฺาย ทิวเส ทิวเส ตถาคตสฺส อาภิสมาจาริกํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อหมฺปิ กิฺจิเทว กริสฺสามี’’ติ วิจรนฺโต เอกทิวสํ นิมฺมกฺขิกํ ทณฺฑกมธุํ ทิสฺวา ทณฺฑกํ ภฺชิตฺวา ทณฺฑเกเนว สทฺธึ มธุปฏลํ สตฺถุ สนฺติกํ อาหริตฺวา กทลิปตฺตํ ฉินฺทิตฺวา ตตฺถ เปตฺวา อทาสิ ¶ . สตฺถา คณฺหิ. มกฺกโฏ ‘‘กริสฺสติ นุ โข ปริโภคํ น กริสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺโต คเหตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข’’ติ จินฺเตตฺวา ทณฺฑโกฏิยํ คเหตฺวา ปริวตฺเตตฺวา อุปธาเรนฺโต อณฺฑกานิ ทิสฺวา ตานิ สณิกํ อปเนตฺวา ปุน อทาสิ. สตฺถา ปริโภคมกาสิ. โส ตุฏฺมานโส ตํ ตํ สาขํ คเหตฺวา นจฺจนฺโตว อฏฺาสิ. อถสฺส คหิตสาขาปิ อกฺกนฺตสาขาปิ ภิชฺชึสุ. โส เอกสฺมึ ขาณุมตฺถเก ปติตฺวา นิวิฏฺคตฺโต สตฺถริ ปสนฺเนเนว จิตฺเตน ¶ กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสปริวาโร มกฺกฏเทวปุตฺโต นาม อโหสิ.
ตถาคตสฺส ตตฺถ หตฺถินาเคน อุปฏฺิยมานสฺส วสนภาโว สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ. สาวตฺถินครโต ‘‘อนาถปิณฺฑิโก วิสาขา จ มหาอุปาสิกา’’ติเอวมาทีนิ มหากุลานิ อานนฺทตฺเถรสฺส สาสนํ ปหิณึสุ ‘‘สตฺถารํ โน, ภนฺเต, ทสฺเสถา’’ติ. ทิสาวาสิโนปิ ปฺจสตา ภิกฺขู วุฏฺวสฺสา อานนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘จิรสฺสุตา โน, อาวุโส อานนฺท, ภควโต สมฺมุขา ธมฺมี กถา, สาธุ มยํ, อาวุโส อานนฺท, ลเภยฺยาม ภควโต สมฺมุขา ธมฺมึ กถํ สวนายา’’ติ ยาจึสุ. เถโร เต ภิกฺขู อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘เตมาสํ เอกวิหาริโน ตถาคตสฺส สนฺติกํ เอตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุปสงฺกมิตุํ ¶ อยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา เต ภิกฺขู พหิ เปตฺวา เอกโกว สตฺถารํ อุปสงฺกมิ. ปาลิเลยฺยโก ตํ ทิสฺวา ทณฺฑมาทาย ปกฺขนฺทิ. สตฺถา โอโลเกตฺวา อเปหิ ‘‘อเปหิ ปาลิเลยฺยก, มา นิวารยิ, พุทฺธุปฏฺาโก เอโส’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ทณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ อาปุจฺฉิ. เถโร นาทาสิ. นาโค ‘‘สเจ อุคฺคหิตวตฺโต ภวิสฺสติ, สตฺถุ นิสีทนปาสาณผลเก อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. เถโร ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ เปสิ. วตฺตสมฺปนฺนา หิ ครูนํ อาสเน วา สยเน วา อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปนฺติ.
เถโร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘อานนฺท, เอโกว อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘กหํ ปเนเต’’ติ วตฺวา ¶ ‘‘ตุมฺหากํ จิตฺตํ อชานนฺโต พหิ เปตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปกฺโกสาหิ เน’’ติ อาห. เถโร ตถา อกาสิ. เต ภิกฺขู อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ, ‘‘ภนฺเต ภควา, หิ พุทฺธสุขุมาโล เจว ขตฺติยสุขุมาโล จ, ตุมฺเหหิ เตมาสํ เอกเกหิ ติฏฺนฺเตหิ นิสีทนฺเตหิ จ ทุกฺกรํ กตํ, วตฺตปฏิวตฺตการโกปิ มุโขทกาทิทายโกปิ นาโหสิ มฺเ’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ปาลิเลยฺยกหตฺถินา มม สพฺพกิจฺจานิ กตานิ. เอวรูปฺหิ สหายํ ลภนฺเตน ¶ เอกโตว วสิตุํ ยุตฺตํ, อลภนฺตสฺส เอกจาริกภาโวว ¶ เสยฺโย’’ติ วตฺวา อิมา นาควคฺเค ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ,
จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.
‘‘โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,
สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย,
เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค.
‘‘เอกสฺส จริตํ เสยฺโย,
นตฺถิ พาเล สหายตา;
เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา,
อปฺโปสฺสุกฺโก มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ. (มหาว. ๔๖๔; ม. นิ. ๓.๒๓๗; ธ. ป. ๓๒๘-๓๓๐; สุ. นิ. ๔๕-๔๖);
คาถาปริโยสาเน ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. อานนฺทตฺเถโรปิ อนาถปิณฺฑิกาทีหิ เปสิตสาสนํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อนาถปิณฺฑิกปฺปมุขา เต ปฺจ อริยสาวกโกฏิโย ตุมฺหากํ อาคมนํ ปจฺจาสีสนฺตี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เตน หิ คณฺหาหิ ปตฺตจีวร’’นฺติ ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา นิกฺขมิ. นาโค คนฺตฺวา คตมคฺเค ติริยํ อฏฺาสิ. ‘‘กึ กโรติ, ภนฺเต, นาโค’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขํ ทาตุํ ปจฺจาสีสติ, ทีฆรตฺตํ โข ปนายํ ¶ มยฺหํ อุปการโก, นาสฺส จิตฺตํ โกเปตุํ วฏฺฏติ, นิวตฺตถ, ภิกฺขเว’’ติ สตฺถา ภิกฺขู คเหตฺวา ¶ นิวตฺติ. หตฺถีปิ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา ปนสกทลิผลาทีนิ นานาผลานิ สํหริตฺวา ราสึ กตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขูนํ อทาสิ. ปฺจสตา ภิกฺขู สพฺพานิ เขเปตุํ นาสกฺขึสุ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สตฺถา ปตฺตจีวรํ คาเหตฺวา นิกฺขมิ. นาโค ภิกฺขูนํ อนฺตรนฺตเรน คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต ติริยํ อฏฺาสิ. ‘‘กึ กโรติ, ภนฺเต, นาโค’’ติ? ‘‘อยฺหิ ภิกฺขเว, ตุมฺเห เปเสตฺวา มํ นิวตฺเตตุกาโม’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ปาลิเลยฺยก, อิทํ ปน ¶ มม อนิวตฺตคมนํ, ตว อิมินา อตฺตภาเวน ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา มคฺคผลํ วา นตฺถิ, ติฏฺ ตฺว’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา นาโค มุเข โสณฺฑํ ปกฺขิปิตฺวา โรทนฺโต ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาสิ. โส หิ สตฺถารํ นิวตฺเตตุํ ลภนฺโต เตเนว นิยาเมน ยาวชีวํ ปฏิชคฺเคยฺย, สตฺถา ปน ตํ คามูปจารํ ปตฺวา ‘‘ปาลิเลยฺยก อิโต ปฏฺาย ตว อภูมิ, มนุสฺสาวาโส สปริปนฺโถ, ติฏฺ ตฺว’’นฺติ อาห. โส โรทมาโน ตตฺเถว ตฺวา สตฺถริ จกฺขุปถํ วิชหนฺเต หทเยน ผลิเตน กาลํ กตฺวา สตฺถริ ปสาเทน ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน อจฺฉราสหสฺสมชฺเฌ นิพฺพตฺติ, ปาลิเลยฺยกเทวปุตฺโตเยวสฺส นามํ อโหสิ.
สตฺถาปิ อนุปุพฺเพน เชตวนํ อคมาสิ. โกสมฺพกา ภิกฺขู ¶ ‘‘สตฺถา กิร สาวตฺถึ อาคโต’’ติ สุตฺวา สตฺถารํ ขมาเปตุํ ตตฺถ อคมํสุ. โกสลราชา ‘‘เต กิร โกสมฺพกา ภณฺฑนการกา ภิกฺขู อาคจฺฉนฺตี’’ติ สุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, เตสํ มม วิชิตํ ปวิสิตุํ น ทสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, สีลวนฺตา เอเต ภิกฺขู, เกวลํ อฺมฺํ วิวาเทน มม วจนํ น คณฺหึสุ, อิทานิ มํ ขมาเปตุํ อาคจฺฉนฺติ, อาคจฺฉนฺตุ มหาราชา’’ติ. อนาถปิณฺฑิโกปิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, เตสํ วิหารํ ปวิสิตุํ น ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ตเถว ภควตา ปฏิกฺขิตฺโต ตุณฺหี อโหสิ. สาวตฺถิยํ อนุปฺปตฺตานํ ปน เตสํ ภควา เอกมนฺเต วิวิตฺตํ การาเปตฺวา เสนาสนํ ทาเปสิ. อฺเ ภิกฺขู เตหิ สทฺธึ เนว เอกโต นิสีทนฺติ, น ติฏฺนฺติ, อาคตาคตา สตฺถารํ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘กตเมเต, ภนฺเต, ภณฺฑนการกา โกสมฺพกา ภิกฺขู’’ติ? สตฺถา ‘‘เอเต’’ติ ทสฺเสติ. ‘‘เอเต กิร เต, เอเต กิร เต’’ติ อาคตาคเตหิ องฺคุลิกา ทสฺสิยมานา ลชฺชาย สีสํ อุกฺขิปิตุํ อสกฺโกนฺตา ภควโต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ภควนฺตํ ขมาเปสุํ. สตฺถา ‘‘ภาริยํ โว, ภิกฺขเว, กตํ, ตุมฺเห หิ นาม มาทิสสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา มยิ สามคฺคึ กโรนฺเต มม วจนํ น กริตฺถ, โปราณกปณฺฑิตาปิ วชฺฌปฺปตฺตานํ มาตาปิตูนํ โอวาทํ ¶ สุตฺวา เตสุ ชีวิตา โวโรปิยมาเนสุปิ ตํ อนติกฺกมิตฺวา ปจฺฉา ทฺวีสุ รฏฺเสุ รชฺชํ การยึสู’’ติ วตฺวา ปุนเทว ¶ โกสมฺพิกชาตกํ (ชา. ๑.๙.๑๐ อาทโย) กเถตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ทีฆาวุกุมาโร มาตาปิตูสุ ¶ ชีวิตา โวโรปิยมาเนสุปิ เตสํ โอวาทํ อนติกฺกมิตฺวา ปจฺฉา พฺรหฺมทตฺตสฺส ธีตรํ ลภิตฺวา ทฺวีสุ กาสิโกสลรฏฺเสุ รชฺชํ กาเรสิ, ตุมฺเหหิ ปน มม วจนํ อกโรนฺเตหิ ภาริยํ กต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส;
เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคา’’ติ.
ตตฺถ ปเรติ ปณฺฑิเต เปตฺวา ตโต อฺเ ภณฺฑนการกา ปเร นาม. เต ตตฺถ สงฺฆมชฺเฌ โกลาหลํ กโรนฺตา ‘‘มยํ ยมามเส อุปรมาม วินสฺสาม สตตํ สมิตํ มจฺจุสนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ น วิชานนฺติ. เย จ ตตฺถ วิชานนฺตีติ เย ตตฺถ ปณฺฑิตา ‘‘มยํ มจฺจุสนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ วิชานนฺติ. ตโต สมฺมนฺติ เมธคาติ เอวฺหิ เต ชานนฺตา โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา เมธคานํ กลหานํ วูปสมาย ปฏิปชฺชนฺติ. อถ เนสํ ตาย ปฏิปตฺติยา เต เมธคา สมฺมนฺตีติ. อถ วา ปเร จาติ ปุพฺเพ มยา ‘‘มา, ภิกฺขเว, ภณฺฑน’’นฺติอาทีนิ วตฺวา โอวทิยมานาปิ มม โอวาทสฺส อปฏิคฺคหเณน อติกฺกมเนน อมามกา ¶ ปเร นาม. ‘‘มยํ ฉนฺทาทิวเสน มิจฺฉาคาหํ คเหตฺวา เอตฺถ สงฺฆมชฺเฌ ยมามเส ภณฺฑนาทีนํ วุทฺธิยา วายมามา’’ติ น วิชานนฺติ. อิทานิ ปน โยนิโส ปจฺจเวกฺขมานา ตตฺถ ตุมฺหากํ อนฺตเร เย จ ปณฺฑิตปุริสา ‘‘ปุพฺเพ มยํ ฉนฺทาทิวเสน วายมนฺตา อโยนิโส ปฏิปนฺนา’’ติ วิชานนฺติ, ตโต เตสํ สนฺติกา เต ปณฺฑิตปุริเส นิสฺสาย อิเม ทานิ กลหสงฺขาตา เมธคา สมฺมนฺตีติ อยเมตฺถ อตฺโถติ.
คาถาปริโยสาเน สมฺปตฺตภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺหึสูติ.
โกสมฺพกวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. มหากาฬตฺเถรวตฺถุ
สุภานุปสฺสินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เสตพฺยนครํ อุปนิสฺสาย สึสปาวเน วิหรนฺโต จูฬกาฬมหากาเฬ อารพฺภ กเถสิ.
เสตพฺยนครวาสิโน ¶ หิ จูฬกาโฬ, มชฺฌิมกาโฬ, มหากาโฬติ ตโย ภาตโร กุฏุมฺพิกา ¶ . เตสุ เชฏฺกนิฏฺา ทิสาสุ วิจริตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาหรนฺติ, มชฺฌิมกาโฬ อาภตํ วิกฺกิณาติ. อเถกสฺมึ สมเย เต อุโภปิ ภาตโร ¶ ปฺจหิ สกฏสเตหิ นานาภณฺฑํ คเหตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สาวตฺถิยา จ เชตวนสฺส จ อนฺตเร สกฏานิ โมจยึสุ. เตสุ มหากาโฬ สายนฺหสมเย มาลาคนฺธาทิหตฺเถ สาวตฺถิวาสิโน อริยสาวเก ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กุหึ อิเม คจฺฉนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา กนิฏฺํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ตาต, เตสุ สกเฏสุ อปฺปมตฺโต โหหิ, อหํ ธมฺมํ โสตุํ คจฺฉามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ. สตฺถา ตํ ทิสฺวา ตสฺส อชฺฌาสยวเสน อนุปุพฺพึ กถํ กเถนฺโต ทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตาทิวเสน (ม. นิ. ๑.๑๖๓ อาทโย) อเนกปริยาเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสฺจ กเถสิ. ตํ สุตฺวา มหากาโฬ ‘‘สพฺพํ กิร ปหาย คนฺตพฺพํ, ปรโลกํ คจฺฉนฺตํ เนว โภคา, น าตกา จ อนุคจฺฉนฺติ, กึ เม ฆราวาเสน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มหาชเน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺเต สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สตฺถารา ‘‘นตฺถิ เต โกจิ อปโลเกตพฺโพ’’ติ วุตฺเต, ‘‘กนิฏฺโ เม, ภนฺเต, อตฺถี’’ติ วตฺวา เตน หิ ‘‘อปโลเกหิ น’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา กนิฏฺํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, อิมํ สพฺพํ สาปเตยฺยํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห ¶ ปน กึ กริสฺสถ ภาติกา’’ติ? ‘‘อหํ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ตํ นานปฺปกาเรหิ ยาจิตฺวา นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘สาธุ, สามิ, ยถา อชฺฌาสยํ กโรถา’’ติ อาห. มหากาโฬ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. ‘‘อหํ ภาติกํ คเหตฺวาว อุปฺปพฺพชิสฺสามี’’ติ จูฬกาโฬปิ ปพฺพชิ. อปรภาเค มหากาโฬ อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สาสเน ธุรานิ ปุจฺฉิตฺวา สตฺถารา ทฺวีสุ ธุเรสุ กถิเตสุ ‘‘อหํ, ภนฺเต, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตตฺตา คนฺถธุรํ ปูเรตุํ น สกฺขิสฺสามิ, วิปสฺสนาธุรํ ปน ปูเรสฺสามี’’ติ ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา โสสานิกธุตงฺคํ สมาทาย ปมยามาติกฺกนฺเต สพฺเพสุ นิทฺทํ โอกฺกนฺเตสุ สุสานํ คนฺตฺวา ปจฺจูสกาเล สพฺเพสุ อนุฏฺิเตสุเยว วิหารํ อาคจฺฉติ.
อเถกา ¶ สุสานโคปิกา กาลี นาม ฉวฑาหิกา เถรสฺส ิตฏฺานํ นิสินฺนฏฺานํ จงฺกมิตฏฺานฺจ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข อิธาคจฺฉติ, ปริคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺโกนฺตี เอกทิวสํ สุสานกุฏิกายเมว ทีปํ ชาเลตฺวา ปุตฺตธีตโร อาทาย คนฺตฺวา เอกมนฺเต นิลียมานา มชฺฌิมยาเม เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘อยฺโย, โน, ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน วิหรตี’’ติ อาห. ‘‘อาม, อุปาสิเก’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สุสาเน วิหรนฺเตหิ ¶ นาม วตฺตํ อุคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เถโร ‘‘กึ ปน มยํ ตยา กถิตวตฺเต วตฺติสฺสามา’’ติ อวตฺวา ‘‘กึ กาตุํ วฏฺฏติ อุปาสิเก’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, โสสานิเกหิ นาม ¶ สุสาเน วสนภาโว สุสานโคปกานฺจ วิหาเร มหาเถรสฺส จ คามโภชกสฺส จ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เถโร กึ การณา’’ติ? ‘‘กตกมฺมา โจรา ธนสามิเกหิ ปทานุปทํ อนุพทฺธา สุสาเน ภณฺฑกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายนฺติ, อถ มนุสฺสา โสสานิกานํ ปริปนฺถํ กโรนฺติ, เอเตสํ ปน กถิเต ‘มยํ อิมสฺส ภทฺทนฺตสฺส เอตฺตกํ นาม กาลํ เอตฺถ วสนภาวํ ชานาม, อโจโร เอโส’ติ อุปทฺทวํ นิวาเรนฺติ. ตสฺมา เอเตสํ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
‘‘เถโร อฺํ กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, สุสาเน วสนฺเตน นาม อยฺเยน มจฺฉมํสติลปิฏฺเตลคุฬาทีนิ วชฺเชตพฺพานิ, ทิวา น นิทฺทายิตพฺพํ, กุสีเตน น ภวิตพฺพํ, อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพํ, อสเน อมายาวินา หุตฺวา กลฺยาณชฺฌาสเยน ภวิตพฺพํ, สายํ สพฺเพสุ สุตฺเตสุ วิหารโต อาคนฺตพฺพํ, ปจฺจูสกาเล สพฺเพสุ อนุฏฺิเตสุเยว วิหารํ คนฺตพฺพํ. สเจ, ภนฺเต, อยฺโย อิมสฺมึ าเน เอวํ วิหรนฺโต ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตุํ สกฺขิสฺสติ, สเจ มตสรีรํ อาเนตฺวา ฉฑฺเฑนฺติ, อหํ กมฺพลกูฏาคารํ อาโรเปตฺวา คนฺธมาลาทีหิ สกฺการํ กตฺวา สรีรกิจฺจํ กริสฺสามิ. โน เจ สกฺขิสฺสติ, จิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา สงฺกุนา อากฑฺฒิตฺวา พหิ ¶ ขิปิตฺวา ผรสุนา โกฏฺเฏตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ฌาเปสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ เถโร ‘‘สาธุ ภทฺเท, เอกํ ปน รูปารมฺมณํ ทิสฺวา มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ ปจฺจสฺโสสิ. เถโร ยถาชฺฌาสเยน สุสาเน สมณธมฺมํ กโรติ. จูฬกาฬตฺเถโร ¶ ปน อุฏฺาย สมุฏฺาย ฆราวาสํ จินฺเตติ, ปุตฺตทารํ อนุสฺสรติ. ‘‘ภาติโก เม อติภาริยํ กมฺมํ กโรตี’’ติ จินฺเตติ.
อเถกา กุลธีตา ตํมุหุตฺตสมุฏฺิเตน พฺยาธินา สายนฺหสมเย อมิลาตา อกิลนฺตา กาลมกาสิ. ตเมนํ าตกาทโย ทารุเตลาทีหิ สทฺธึ สายํ สุสานํ เนตฺวา สุสานโคปิกาย ‘‘อิมํ ฌาเปหี’’ติ ภตึ ทตฺวา นิยฺยาเทตฺวา ปกฺกมึสุ. สา ตสฺสา ปารุตวตฺถํ อปเนตฺวา ตํมุหุตฺตมตํ ปีณิตปีณิตํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ทิสฺวา, ‘‘อิมํ อยฺยสฺส ทสฺเสตุํ ปติรูปํ อารมฺมณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอวรูปํ นาม อารมฺมณํ อตฺถิ, โอโลเกถ อยฺยา’’ติ อาห. เถโร ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปารุปนํ นีหราเปตฺวา ปาทตลโต ยาว เกสคฺคา โอโลเกตฺวา ‘‘อติปีณิตเมตํ ¶ รูปํ สุวณฺณวณฺณํ อคฺคิมฺหิ นํ ปกฺขิปิตฺวา มหาชาลาหิ คหิตมตฺตกาเล มยฺหํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ วตฺวา สกฏฺานเมว คนฺตฺวา นิสีทิ. สา ตถา กตฺวา เถรสฺส อาโรเจสิ. เถโร คนฺตฺวา โอโลเกสิ. ชาลาย ปหฏปหฏฏฺานํ กพรคาวิยา วิย สรีรวณฺณํ อโหสิ, ปาทา นมิตฺวา โอลมฺพึสุ, หตฺถา ปฏิกุฏึสุ, อูรุนลาฏํ นิจฺจมฺมํ อโหสิ ¶ . เถโร ‘‘อิทํ สรีรํ อิทาเนว โอโลเกนฺตานํ อปริยนฺตกรํ หุตฺวา อิทาเนว ขยํ ปตฺตํ วยํ ปตฺต’’นฺติ รตฺติฏฺานํ คนฺตฺวา นิสีทิตฺวา ขยวยํ สมฺปสฺสมาโน –
‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ. (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖; ๒.๑๔๓; ชา. ๑.๑.๙๕) –
คาถํ วตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ตสฺมึ อรหตฺตํ ปตฺเต สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรมาโน เสตพฺยํ คนฺตฺวา สึสปาวนํ ปาวิสิ. จูฬกาฬสฺส ภริยาโย ‘‘สตฺถา กิร อนุปฺปตฺโต สึสปาวน’’นฺติ สุตฺวา ‘‘อมฺหากํ สามิกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ เปเสตฺวา สตฺถารํ นิมนฺตาเปสุํ. พุทฺธานํ ปน อปริจิณฺณฏฺาเน อาสนปฺตฺตึ อาจิกฺขนฺเตน เอเกน ภิกฺขุนา ปมตรํ คนฺตุํ วฏฺฏติ. พุทฺธานฺหิ มชฺฌิมฏฺาเน อาสนํ ปฺาเปตฺวา ตสฺส ทกฺขิณโต ¶ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส, วามโต ¶ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส, ตโต ปฏฺาย อุโภสุ ปสฺเสสุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาสนํ ปฺาเปตพฺพํ โหติ. ตสฺมา มหากาฬตฺเถโร จีวรปารุปนฏฺาเน ตฺวา, ‘‘จูฬกาฬ, ตฺวํ ปุรโต คนฺตฺวา อาสนปฺตฺตึ อาจิกฺขา’’ติ จูฬกาฬํ เปเสสิ. ตสฺส ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย เคหชนา เตน สทฺธึ ปริหาสํ กโรนฺตา นีจาสนานิ สงฺฆตฺเถรสฺส โกฏิยํ อตฺถรนฺติ, อุจฺจาสนานิ สงฺฆนวกสฺส โกฏิยํ. อิตโร ‘‘มา เอวํ กโรถ, นีจาสนานิ อุปริ มา ปฺาเปถ, อุจฺจาสนานิ อุปริ ปฺาเปถ, นีจาสนานิ เหฏฺา’’ติ อาห. อิตฺถิโย ตสฺส วจนํ อสุณนฺติโย วิย ‘‘ตฺวํ กึ กโรนฺโต วิจรสิ, กึ ตว อาสนานิ ปฺาเปตุํ น วฏฺฏติ, ตฺวํ กํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิโต, เกน ปพฺพชิโตสิ, กสฺมา อิธาคโตสี’’ติ วตฺวา นิวาสนปารุปนํ อจฺฉินฺทิตฺวา เสตกานิ นิวาเสตฺวา สีเส จ มาลาจุมฺพุฏกํ เปตฺวา, ‘‘คจฺฉ สตฺถารํ อาเนหิ, มยํ อาสนานิ ปฺาเปสฺสามา’’ติ ปหิณึสุ. น จิรํ ภิกฺขุภาเว ตฺวา อวสฺสิโกว อุปฺปพฺพชิตตฺตา ลชฺชิตุํ น ชานาติ, ตสฺมา โส เตน อากปฺเปน นิราสงฺโกว คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย อาคโต. ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปน ภตฺตกิจฺจาวสาเน มหากาฬสฺส ภริยาโย ‘‘อิมาหิ อตฺตโน สามิโก คหิโต, มยมฺปิ อมฺหากํ สามิกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ นิมนฺตยึสุ. ตทา ปน อาสนปฺาปนตฺถํ อฺโ ภิกฺขุ อคมาสิ. ตา ตสฺมึ ขเณ โอกาสํ อลภิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ อทํสุ. จูฬกาฬสฺส ปน ทฺเว ภริยาโย, มชฺฌิมกาฬสฺส ¶ จตสฺโส, มหากาฬสฺส ปน อฏฺ. ภิกฺขูปิ ภตฺตกิจฺจํ กาตุกามา นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกํสุ, พหิ คนฺตุกามา อุฏฺาย อคมํสุ. สตฺถา ปน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กริ. ตสฺส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตา อิตฺถิโย, ‘‘ภนฺเต, มหากาโฬ อมฺหากํ อนุโมทนํ กตฺวา อาคจฺฉิสฺสติ, ตุมฺเห ปุรโต คจฺฉถา’’ติ วทึสุ. สตฺถา ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปุรโต อคมาสิ. คามทฺวารํ ปตฺวา ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘กึ นาเมตํ สตฺถารา กตํ, ตฺวา นุ โข กตํ, อุทาหุ อชานิตฺวา. หิยฺโย จูฬกาฬสฺส ปุรโต คตตฺตา ปพฺพชฺชนฺตราโย ชาโต, อชฺช อฺสฺส ปุรโต คตตฺตา อนฺตราโย นาโหสิ. อิทานิ มหากาฬํ เปตฺวา อาคโต, สีลวา โข ปน ภิกฺขุ อาจารสมฺปนฺโน, กริสฺสติ นุ โข ตสฺส ปพฺพชฺชนฺตราย’’นฺติ. สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา ิโต ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิ ¶ . เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ‘‘กึ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, จูฬกาฬํ วิย มหากาฬํ สลฺลกฺเขถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’. ตสฺส หิ ทฺเว ปชาปติโย, อิมสฺส อฏฺ. ‘‘อฏฺหิ ปริกฺขิปิตฺวา คหิโต กึ กริสฺสติ, ภนฺเต’’ติ? สตฺถา ‘‘มา, ภิกฺขเว, เอวํ อวจุตฺถ, จูฬกาโฬ อุฏฺาย สมุฏฺาย สุภารมฺมณพหุโล วิหรติ, ปปาเต ิโต ทุพฺพลรุกฺขสทิโส. มยฺหํ ปน ปุตฺโต มหากาโฬ ¶ อสุภานุปสฺสี วิหรติ, ฆนเสลปพฺพโต วิย อจโล’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ, อินฺทฺริเยสุ อสํวุตํ;
โภชนมฺหิ จามตฺตฺุํ, กุสีตํ หีนวีริยํ;
ตํ เว ปสหติ มาโร, วาโต รุกฺขํว ทุพฺพลํ.
‘‘อสุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ, อินฺทฺริเยสุ สุสํวุตํ;
โภชนมฺหิ จ มตฺตฺุํ, สทฺธํ อารทฺธวีริยํ;
ตํ เว นปฺปสหตี มาโร, วาโต เสลํว ปพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตนฺติ สุตํ อนุปสฺสนฺตํ, อิฏฺารมฺมเณ มานสํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหรนฺตนฺติ อตฺโถ. โย หิ ปุคฺคโล นิมิตฺตคฺคาหํ อนุพฺยฺชนคฺคาหํ คณฺหนฺโต ‘‘นขา โสภนา’’ติ คณฺหาติ, ‘‘องฺคุลิโย โสภนา’’ติ คณฺหาติ, ‘‘หตฺถปาทา, ชงฺฆา, อูรุ, กฏิ, อุทรํ, ถนา, คีวา, โอฏฺา, ทนฺตา, มุขํ, นาสา, อกฺขีนิ, กณฺณา, ภมุกา, นลาฏํ, เกสา, โสภนา’’ติ คณฺหาติ, ‘‘เกสา, โลมา, นขา, ทนฺตา, ตโจ, โสภนา’’ติ ¶ คณฺหาติ, วณฺโณ สุโภ, สณฺานํ สุภนฺติ, อยํ สุภานุปสฺสี นาม. เอวํ ตํ สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ. อินฺทฺริเยสูติ ¶ จกฺขาทีสุ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ. อสํวุตนฺติ จกฺขุทฺวาราทีนิ อรกฺขนฺตํ. ปริเยสนมตฺตา ปฏิคฺคหณมตฺตา ปริโภคมตฺตาติ อิมิสฺสา มตฺตาย อชานนโต โภชนมฺหิ จามตฺตฺุํ. อปิจ ปจฺจเวกฺขณมตฺตา วิสฺสชฺชนมตฺตาติ อิมิสฺสาปิ มตฺตาย อชานนโต อมตฺตฺุํ, อิทํ โภชนํ ธมฺมิกํ, อิทํ อธมฺมิกนฺติปิ อชานนฺตํ. กามจฺฉนฺทพฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกวสิตาย กุสีตํ. หีนวีริยนฺติ นิพฺพีริยํ จตูสุ อิริยาปเถสุ วีริยกรณรหิตํ. ปสหตีติ อภิภวติ อชฺโฌตฺถรติ. วาโต รุกฺขํว ทุพฺพลนฺติ พลววาโต ฉินฺนปปาเต ชาตํ ทุพฺพลรุกฺขํ วิย. ยถา หิ โส วาโต ตสฺส ทุพฺพลรุกฺขสฺส ปุปฺผผลปลฺลวาทีนิปิ ปาเตติ, ขุทฺทกสาขาปิ ภฺชติ, มหาสาขาปิ ¶ ภฺชติ, สมูลกมฺปิ ตํ รุกฺขํ อุปฺปาเฏตฺวา อุทฺธํมูลํ อโธสาขํ กตฺวา คจฺฉติ, เอวเมว เอวรูปํ ปุคฺคลํ อนฺโต อุปฺปนฺโน กิเลสมาโร ปสหติ, พลววาโต ทุพฺพลรุกฺขสฺส ¶ ปุปฺผผลปลฺลวาทิปาตนํ วิย ขุทฺทานุขุทฺทกาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, ขุทฺทกสาขาภฺชนํ วิย นิสฺสคฺคิยาทิอาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, มหาสาขาภฺชนํ วิย เตรสสงฺฆาทิเสสาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, อุปฺปาเฏตฺวา อุทฺธํ, มูลกํ เหฏฺาสาขํ กตฺวา ปาตนํ วิย ปาราชิกาปตฺติอาปชฺชนมฺปิ กโรติ, สฺวากฺขาตสาสนา นีหริตฺวา กติปาเหเนว คิหิภาวํ ปาเปตีติ เอวํ เอวรูปํ ปุคฺคลํ กิเลสมาโร อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ อตฺโถ.
อสุภานุปสฺสินฺติ ทสสุ อสุเภสุ อฺตรํ อสุภํ ปสฺสนฺตํ ปฏิกูลมนสิกาเร ยุตฺตํ เกเส อสุภโต ปสฺสนฺตํ โลเม นเข ทนฺเต ตจํ วณฺณํ สณฺานํ อสุภโต ปสฺสนฺตํ. อินฺทฺริเยสูติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ. สุสํวุตนฺติ นิมิตฺตาทิคฺคาหรหิตํ ปิหิตทฺวารํ. อมตฺตฺุตาปฏิกฺเขเปน โภชนมฺหิ จ มตฺตฺุํ. สทฺธนฺติ กมฺมสฺส เจว ผลสฺส จ สทฺทหนลกฺขณาย โลกิกาย สทฺธาย เจว ตีสุ วตฺถูสุ อเวจฺจปฺปสาทสงฺขาตาย โลกุตฺตรสทฺธาย จ สมนฺนาคตํ. อารทฺธวีริยนฺติ ปคฺคหิตวีริยํ ปริปุณฺณวีริยํ. ตํ เวติ เอวรูปํ ตํ ปุคฺคลํ ยถา ทุพฺพลวาโต สณิกํ ปหรนฺโต เอกคฺฆนํ เสลํ จาเลตุํ น สกฺโกติ, ตถา ¶ อพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชมาโนปิ ทุพฺพลกิเลสมาโร นปฺปสหติ, โขเภตุํ วา จาเลตุํ วา น สกฺโกตีติ อตฺโถ.
ตาปิ โข ตสฺส ปุราณทุติยิกาโย เถรํ ปริวาเรตฺวา ‘‘ตฺวํ กํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิโต, อิทานิ คิหี ภวิสฺสสิ น ภวิสฺสสี’’ติอาทีนิ วตฺวา กาสาวํ นีหริตุกามา อเหสุํ. เถโร ตาสํ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา นิสินฺนาสนา วุฏฺาย อิทฺธิยา อุปฺปตฺติตฺวา กูฏาคารกณฺณิกํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา สตฺถริ คาถา ปริโยสาเปนฺเตเยว สตฺถุ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ อภิตฺถวนฺโต อากาสโต โอตริตฺวา ตถาคตสฺส ปาเท วนฺทิ.
คาถาปริโยสาเน ¶ สมฺปตฺตภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺหึสูติ.
มหากาฬตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. เทวทตฺตวตฺถุ
อนิกฺกสาโวติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราชคเห เทวทตฺตสฺส กาสาวลาภํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ทฺเว อคฺคสาวกา ปฺจสเต ปฺจสเต อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเร อาทาย สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา วนฺทิตฺวา เชตวนโต ราชคหํ อคมํสุ. ราชคหวาสิโน ทฺเวปิ ตโยปิ พหูปิ เอกโต หุตฺวา อาคนฺตุกทานํ อทํสุ. อเถกทิวสํ อายสฺมา สาริปุตฺโต อนุโมทนํ กโรนฺโต ¶ ‘‘อุปาสกา เอโก สยํ ทานํ เทติ, ปรํ น สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทํ ลภติ, โน ปริวารสมฺปทํ. เอโก สยํ น เทติ, ปรํ สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปริวารสมฺปทํ ลภติ, โน โภคสมฺปทํ. เอโก สยมฺปิ น เทติ, ปรมฺปิ น สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน กฺชิกมตฺตมฺปิ กุจฺฉิปูรํ น ลภติ, อนาโถ โหติ นิปฺปจฺจโย. เอโก สยมฺปิ เทติ, ปรมฺปิ สมาทเปติ, โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อตฺตภาวสเตปิ อตฺตภาวสหสฺเสปิ อตฺตภาวสตสหสฺเสปิ โภคสมฺปทฺเจว ปริวารสมฺปทฺจ ลภตี’’ติ เอวํ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตเมโก ปณฺฑิตปุริโส ธมฺมํ สุตฺวา ‘‘อจฺฉริยา วต โภ, อพฺภุตา วต โภ ธมฺมเทสนา, สุการณํ กถิตํ, มยา อิมาสํ ทฺวินฺนํ สมฺปตฺตีนํ นิปฺผาทกํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ เถรํ นิมนฺเตสิ. ‘‘กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อตฺโถ อุปาสกา’’ติ. ‘‘กิตฺตกา ปน โว, ภนฺเต, ปริวารา’’ติ? ‘‘สหสฺสมตฺตา อุปาสกา’’ติ. ‘‘สพฺเพหิ สทฺธึเยว สฺเว ภิกฺขํ คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เถโร อธิวาเสสิ’’. อุปาสโก นครวีถิยํ จรนฺโต – ‘‘อมฺมา, ตาตา, มยา ภิกฺขุสหสฺสํ นิมนฺติตํ, ตุมฺเห กิตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขํ ทาตุํ สกฺขิสฺสถ, ตุมฺเห กิตฺตกาน’’นฺติ สมาทเปสิ. มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน ปโหนกนิยาเมน ¶ – ‘‘มยํ ทสนฺนํ ทสฺสาม, มยํ วีสติยา, มยํ สตสฺสา’’ติ อาหํสุ. อุปาสโก – ‘‘เตน หิ เอกสฺมึ าเน สมาคมํ กตฺวา เอกโตว ปริวิสิสฺสาม ¶ , สพฺเพ ติลตณฺฑุลสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ สมาหรถา’’ติ เอกสฺมึ าเน สมาหราเปสิ.
อถสฺส ¶ เอโก กุฏุมฺพิโก สตสหสฺสคฺฆนิกํ คนฺธกาสาววตฺถํ ทตฺวา – ‘‘สเจ เต ทานวตฺตํ นปฺปโหติ, อิทํ วิสฺสชฺเชตฺวา ยํ อูนํ, ตํ ปูเรยฺยาสิ. สเจ ปโหติ, ยสฺสิจฺฉสิ, ตสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺยาสี’’ติ อาห. ตทา ตสฺส สพฺพํ ทานวตฺตํ ปโหสิ, กิฺจิ อูนํ นาม นาโหสิ. โส มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อิทํ, อยฺยา, กาสาวํ เอเกน กุฏุมฺพิเกน เอวํ นาม วตฺวา ทินฺนํ อติเรกํ ชาตํ, กสฺส นํ เทมา’’ติ. เอกจฺเจ ‘‘สาริปุตฺตตฺเถรสฺสา’’ติ อาหํสุ. เอกจฺเจ ‘‘เถโร สสฺสปากสมเย อาคนฺตฺวา คมนสีโล, เทวทตฺโต อมฺหากํ มงฺคลามงฺคเลสุ สหาโย อุทกมณิโก วิย นิจฺจํ ปติฏฺิโต, ตสฺส ตํ เทมา’’ติ อาหํสุ. สมฺพหุลิกาย กถายปิ ‘‘เทวทตฺตสฺส ทาตพฺพ’’นฺติ วตฺตาโร พหุตรา อเหสุํ, อถ นํ เทวทตฺตสฺส อทํสุ. โส ตํ ฉินฺทิตฺวา สิพฺพิตฺวา รชิตฺวา นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา วิจรติ. ตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ‘‘นยิทํ เทวทตฺตสฺส อนุจฺฉวิกํ, สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อนุจฺฉวิกํ. เทวทตฺโต อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา วิจรตี’’ติ วทึสุ. อเถโก ¶ ทิสาวาสิโก ภิกฺขุ ราชคหา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สตฺถารา ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉิโต อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนเวโส อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ วตฺถํ ธาเรติ, ปุพฺเพปิ ธาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิวาสี เอโก หตฺถิมารโก หตฺถึ มาเรตฺวา มาเรตฺวา ทนฺเต จ นเข จ อนฺตานิ จ ฆนมํสฺจ อาหริตฺวา วิกฺกิณนฺโต ชีวิตํ กปฺเปติ. อเถกสฺมึ อรฺเ อเนกสหสฺสา หตฺถิโน โคจรํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตา ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา ตโต ปฏฺาย คจฺฉมานา คมนาคมนกาเล ชณฺณุเกหิ นิปติตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺติ. เอกทิวสฺหิ หตฺถิมารโก ตํ กิริยํ ทิสฺวา – ‘‘อหํ อิเม กิจฺเฉน มาเรมิ, อิเม จ คมนาคมนกาเล ปจฺเจกพุทฺเธ วนฺทนฺติ, กึ นุ โข ทิสฺวา วนฺทนฺตี’’ติ จินฺเตนฺโต – ‘‘กาสาว’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา, ‘‘มยาปิ อิทานิ กาสาวํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ชาตสฺสรํ โอรุยฺห นฺหายนฺตสฺส ตีเร ปิเตสุ กาสาเวสุ จีวรํ เถเนตฺวา ¶ เตสํ หตฺถีนํ คมนาคมนมคฺเค สตฺตึ คเหตฺวา สสีสํ ปารุปิตฺวา นิสีทติ. หตฺถิโน ตํ ทิสฺวา – ‘‘ปจฺเจกพุทฺโธ’’ติ สฺาย วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺติ. โส เตสํ สพฺพปจฺฉโต คจฺฉนฺตํ สตฺติยา ปหริตฺวา มาเรตฺวา ทนฺตาทีนิ คเหตฺวา เสสํ ภูมิยํ ¶ นิขณิตฺวา คจฺฉติ. อปรภาเค โพธิสตฺโต ¶ หตฺถิโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา หตฺถิเชฏฺโก ยูถปติ อโหสิ. ตทาปิ โส ตเถว กโรติ. มหาปุริโส อตฺตโน ปริสาย ปริหานึ ตฺวา, ‘‘กุหึ อิเม หตฺถี คตา, มนฺทา ชาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘น ชานาม, สามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กุหิฺจิ คจฺฉนฺตา มํ อนาปุจฺฉิตฺวา น คมิสฺสนฺติ, ปริปนฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘เอกสฺมึ าเน กาสาวํ ปารุปิตฺวา นิสินฺนสฺส สนฺติกา ปริปนฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ ปริสงฺกิตฺวา, ‘‘ตํ ปริคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สพฺเพ หตฺถี ปุรโต เปเสตฺวา สยํ ปจฺฉโต วิลมฺพมาโน อาคจฺฉติ. โส เสสหตฺถีสุ วนฺทิตฺวา คเตสุ มหาปุริสํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา จีวรํ สํหริตฺวา สตฺตึ วิสฺสชฺชิ. มหาปุริโส สตึ อุปฺปฏฺเปตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปจฺฉโต ปฏิกฺกมิตฺวา สตฺตึ วิวชฺเชสิ. อถ นํ ‘‘อิมินา อิเม หตฺถี นาสิตา’’ติ คณฺหิตุํ ปกฺขนฺทิ. อิตโร เอกํ รุกฺขํ ปุรโต กตฺวา นิลียิ. อถ ‘‘นํ รุกฺเขน สทฺธึ โสณฺฑาย ปริกฺขิปิตฺวา คเหตฺวา ภูมิยํ โปเถสฺสามี’’ติ เตน นีหริตฺวา ทสฺสิตํ กาสาวํ ทิสฺวา – ‘‘สจาหํ อิมสฺมึ ทุพฺภิสฺสามิ, อเนกสหสฺเสสุ เม พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสเวสุ ลชฺชา นาม ภินฺนา ภวิสฺสตี’’ติ อธิวาเสตฺวา – ‘‘ตยา เม เอตฺตกา าตกา นาสิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สามี’’ติ. ‘‘กสฺมา เอวํ ภาริยกมฺมมกาสิ, อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ วีตราคานํ อนุจฺฉวิกํ วตฺถํ ปริทหิตฺวา เอวรูปํ กมฺมํ กโรนฺเตน ภาริยํ ตยา กต’’นฺติ. เอวฺจ ปน วตฺวา อุตฺตริปิ นํ นิคฺคณฺหนฺโต ‘‘อนิกฺกสาโว ¶ กาสาวํ…เป… ส เว กาสาวมรหตี’’ติ คาถํ วตฺวา – ‘‘อยุตฺตํ เต กต’’นฺติ วตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ตทา หตฺถิมารโก เทวทตฺโต อโหสิ, ตสฺส นิคฺคาหโก หตฺถินาโค อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา, ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ วตฺถํ ธาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อนิกฺกสาโว ¶ กาสาวํ, โย วตฺถํ ปริทหิสฺสติ;
อเปโต ทมสจฺเจน, น โส กาสาวมรหติ.
‘‘โย จ วนฺตกสาวสฺส, สีเลสุ สุสมาหิโต;
อุเปโต ทมสจฺเจน, ส เว กาสาวมรหตี’’ติ.
ฉทฺทนฺตชาตเกนาปิ (ชา. ๑.๑๖.๑๒๒-๑๒๓) จ อยมตฺโถ ทีเปตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ อนิกฺกสาโวติ ราคาทีหิ กสาเวหิ สกสาโว. ปริทหิสฺสตีติ นิวาสนปารุปนอตฺถรณวเสน ปริภฺุชิสฺสติ. ปริธสฺสตีติปิ ปาโ. อเปโต ทมสจฺเจนาติ อินฺทฺริยทเมน เจว ปรมตฺถสจฺจปกฺขิเกน วจีสจฺเจน จ อเปโต, วิยุตฺโต ปริจฺจตฺโถติ อตฺโถ. น โสติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล กาสาวํ ปริทหิตุํ นารหติ. วนฺตกสาวสฺสาติ จตูหิ มคฺเคหิ วนฺตกสาโว ฉฑฺฑิตกสาโว ปหีนกสาโว อสฺส. สีเลสูติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุ. สุสมาหิโตติ สุฏฺุ สมาหิโต สุฏฺิโต. อุเปโตติ อินฺทฺริยทเมน เจว วุตฺตปฺปกาเรน จ สจฺเจน อุปคโต. ส เวติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล ตํ คนฺธกาสาววตฺถํ อรหตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ โส ทิสาวาสิโก ภิกฺขุ โสตาปนฺโน อโหสิ, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.
เทวทตฺตวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อสาเร สารมติโนติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อคฺคสาวเกหิ นิเวทิตํ สฺจยสฺส อนาคมนํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อมฺหากฺหิ สตฺถา อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก อมรวติยา นาม นคเร สุเมโธ นาม พฺราหฺมณกุมาโร หุตฺวา สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา มาตาปิตูนํ ¶ อจฺจเยน อเนกโกฏิสงฺขฺยํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต ฌานาภิฺา นิพฺพตฺเตตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺโต ทีปงฺกรทสพลสฺส สุทสฺสนวิหารโต รมฺมวตีนครํ ปวิสนตฺถาย มคฺคํ โสธยมานํ ชนํ ทิสฺวา สยมฺปิ เอกํ ปเทสํ คเหตฺวา มคฺคํ โสเธติ. ตสฺมึ อโสธิเตเยว อาคตสฺส สตฺถุโน อตฺตานํ เสตุํ กตฺวา กลเล อชินจมฺมํ อตฺถริตฺวา ‘‘สตฺถา สสาวกสงฺโฆ กลลํ อนกฺกมิตฺวา มํ อกฺกมนฺโต คจฺฉตู’’ติ นิปนฺโน. สตฺถารา ตํ ทิสฺวาว ‘‘พุทฺธงฺกุโร เอส, อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ ¶ อสงฺขฺเยยฺยานํ ปริโยสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากโต. ตสฺส สตฺถุโน อปรภาเค ‘‘โกณฺฑฺโ มงฺคโล สุมโน เรวโต โสภิโต อโนมทสฺสี ปทุโม นารโท ปทุมุตฺตโร สุเมโธ สุชาโต ปิยทสฺสี อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี สิทฺธตฺโถ ติสฺโส ผุสฺโส วิปสฺสี สิขี เวสฺสภู กกุสนฺโธ โกณาคมโน กสฺสโป’’ติ โลกํ โอภาเสตฺวา อุปฺปนฺนานํ อิเมสมฺปิ เตวีสติยา ¶ พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ, ‘‘ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโย’’ติ สมตฺตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ิโต ปถวิกมฺปนานิ มหาทานานิ ทตฺวา ปุตฺตทารํ ปริจฺจชิตฺวา อายุปริโยสาเน ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ทส สหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ สนฺนิปติตฺวา –
‘‘กาโล เทว มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;
สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๗) –
วุตฺเต –
‘‘กาลํ เทสฺจ ทีปฺจ, กุลํ มาตรเมว จ;
อิเม ปฺจ วิโลเกตฺวา, อุปฺปชฺชติ มหายโส’’ติ. –
ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา ตโต จุโต สกฺยราชกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ทสมาสจฺจเยน มาตุกุจฺฉิโต วิชายิ. โสฬสวสฺสกาเล ตตฺถ มหาสมฺปตฺติยา ปริหริยมาโน อนุกฺกเมน ภทฺรโยพฺพนํ ปตฺวา ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ เทวโลกสิรึ ¶ วิย รชฺชสิรึ อนุภวนฺโต อุยฺยานกีฬาย คมนสมเย อนุกฺกเมน ชิณฺณพฺยาธิมตสงฺขาเต ตโย ¶ เทวทูเต ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค นิวตฺติตฺวา จตุตฺถวาเร ปพฺพชิตํ ทิสฺวา, ‘‘สาธุ ปพฺพชฺชา’’ติ ปพฺพชฺชาย รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวสํ เขเปตฺวา มงฺคลโปกฺขรณีตีเร นิสินฺโน กปฺปกเวสํ คเหตฺวา อาคเตน วิสฺสกมฺเมน เทวปุตฺเตน อลงฺกตปฏิยตฺโต ราหุลกุมารสฺส ชาตสาสนํ สุตฺวา ปุตฺตสิเนหสฺส พลวภาวํ ตฺวา, ‘‘ยาว อิทํ พนฺธนํ น วฑฺฒติ, ตาวเทว นํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สายํ นครํ ปวิสนฺโต –
‘‘นิพฺพุตา นูน สา มาตา, นิพฺพุโต นูน โส ปิตา;
นิพฺพุตา นูน สา นารี, ยสฺสายํ อีทิโส ปตี’’ติ. –
กิสาโคตมิยา นาม ปิตุจฺฉาธีตาย ภาสิตํ อิมํ คาถํ สุตฺวา, ‘‘อหํ อิมาย นิพฺพุตปทํ สาวิโต’’ติ มุตฺตาหารํ โอมฺุจิตฺวา ตสฺสา เปเสตฺวา อตฺตโน ภวนํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิสินฺโน นิทฺโทปคตานํ นาฏกิตฺถีนํ วิปฺปการํ ทิสฺวา นิพฺพินฺนหทโย ฉนฺนํ อุฏฺาเปตฺวา กณฺฑกํ อาหราเปตฺวา ตํ อารุยฺห ฉนฺนสหาโย ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ ปริวุโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ¶ อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา อนุกฺกเมน ราชคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปณฺฑวปพฺพตปพฺภาเร นิสินฺโน มคธรฺา รชฺเชน นิมนฺติยมาโน ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺวา อตฺตโน วิชิตํ อาคมนตฺถาย เตน คหิตปฏิฺโ อาฬารฺจ อุทกฺจ อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ สนฺติเก อธิคตวิเสสํ อนลงฺกริตฺวา ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหิตฺวา วิสาขปุณฺณมทิวเส ¶ ปาโตว สุชาตาย ทินฺนปายสํ ปริภฺุชิตฺวา เนรฺชราย นทิยา สุวณฺณปาตึ ปวาเหตฺวา เนรฺชราย นทิยา ตีเร มหาวนสณฺเฑ นานาสมาปตฺตีหิ ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย โสตฺติเยน ทินฺนํ ติณํ คเหตฺวา กาเฬน นาคราเชน อภิตฺถุตคุโณ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห ติณานิ สนฺถริตฺวา ‘‘น ตาวิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ, ยาว เม อนุปาทาย ¶ อาสเวหิ จิตฺตํ น มุจฺจิสฺสตี’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา สูริเย อนตฺถงฺคมิเตเยว มารพลํ วิธมิตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสาณํ, มชฺฌิมยาเม จุตูปปาตาณํ ปตฺวา ปจฺฉิมยามาวสาเน ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา อรุณุคฺคมเน ทสพลจตุเวสารชฺชาทิสพฺพคุณปฏิมณฺฑิตํ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วีตินาเมตฺวา อฏฺเม สตฺตาเห อชปาลนิคฺโรธมูเล นิสินฺโน ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขเณน อปฺโปสฺสุกฺกตํ อาปชฺชมาโน ทสสหสฺสจกฺกวาฬมหาพฺรหฺมปริวาเรน สหมฺปติพฺรหฺมุนา อายาจิตธมฺมเทสโน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตฺวา พฺรหฺมุโน อชฺเฌสนํ อธิวาเสตฺวา, ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ โอโลเกนฺโต อาฬารุทกานํ กาลกตภาวํ ตฺวา ปฺจวคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ พหูปการตํ อนุสฺสริตฺวา อุฏฺายาสนา กาสิปุรํ ¶ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อุปเกน สทฺธึ มนฺเตตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมทิวเส อิสิปตเน มิคทาเย ปฺจวคฺคิยานํ วสนฏฺานํ ปตฺวา เต อนนุจฺฉวิเกน สมุทาจาเรน สมุทาจรนฺเต สฺาเปตฺวา อฺาตโกณฺฑฺปฺปมุเข อฏฺารส พฺรหฺมโกฏิโย อมตปานํ ปาเยนฺโต ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา ตํ ทิวสเมว ยสกุลปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตํ รตฺติภาเค นิพฺพินฺทิตฺวา เคหํ ปหาย นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘เอหิ ยสา’’ติ ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมึเยว รตฺติภาเค โสตาปตฺติผลํ ปาเปตฺวา ปุนทิวเส อรหตฺตํ ปาเปตฺวา อปเรปิ ตสฺส สหายเก จตุปณฺณาส ชเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺตํ ปาเปสิ.
เอวํ โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา, ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริก’’นฺติ สฏฺิ ภิกฺขู ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ชเน ภทฺทวคฺคิยกุมาเร วิเนสิ. เตสุ สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน สพฺพุตฺตโม อนาคามี อโหสิ. เต สพฺเพปิ เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ ¶ อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย ¶ สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา คยาสีเส ¶ นิสีทาเปตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘) อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตน อรหนฺตสหสฺเสน ปริวุโต ‘‘พิมฺพิสารรฺโ ทินฺนํ ปฏิฺํ โมเจสฺสามี’’ติ ราชคหนครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยานํ คนฺตฺวา, ‘‘สตฺถา กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา ทฺวาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ สทฺธึ อาคตสฺส รฺโ มธุรธมฺมกถํ กเถนฺโต ราชานํ เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา เอกนหุตํ สรเณสุ ปติฏฺาเปตฺวา ปุนทิวเส สกฺเกน เทวราเชน มาณวกวณฺณํ คเหตฺวา อภิตฺถุตคุโณ ราชคหนครํ ปวิสิตฺวา ราชนิเวสเน กตภตฺตกิจฺโจ เวฬุวนารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ. ตตฺถ นํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา อุปสงฺกมึสุ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อนุปฺปนฺเนเยว หิ พุทฺเธ ราชคหโต อวิทูเร อุปติสฺสคาโม โกลิตคาโมติ ทฺเว พฺราหฺมณคามา อเหสุํ. เตสุ อุปติสฺสคาเม สาริยา นาม พฺราหฺมณิยา คพฺภสฺส ปติฏฺิตทิวเสเยว โกลิตคาเม โมคฺคลิยา นาม พฺราหฺมณิยาปิ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. ตานิ กิร ทฺเวปิ กุลานิ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อาพทฺธปฏิพทฺธสหายกาเนว อเหสุํ, ตาสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกทิวสเมว คพฺภปริหารํ อทํสุ. ตา อุโภปิ ทสมาสจฺเจเยน ปุตฺเต วิชายึสุ. นามคฺคหณทิวเส สาริยา พฺราหฺมณิยา ปุตฺตสฺส อุปติสฺสคามเก เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา อุปติสฺโสติ นามํ กรึสุ ¶ , อิตรสฺส โกลิตคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา โกลิโตติ นามํ กรึสุ. เต อุโภปิ วุฑฺฒิมนฺวาย สพฺพสิปฺปานํ ปารํ อคมํสุ. อุปติสฺสมาณวสฺส กีฬนตฺถาย นทึ วา อุยฺยานํ วา คมนกาเล ปฺจ สุวณฺณสิวิกสตานิ ปริวารานิ โหนฺติ, โกลิตมาณวสฺส ปฺจ อาชฺยุตฺตรถสตานิ. ทฺเวปิ ชนา ปฺจปฺจมาณวกสตปริวารา โหนฺติ. ราชคเห จ อนุสํวจฺฉรํ คิรคฺคสมชฺโช นาม อโหสิ. เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ เอกฏฺาเนเยว มฺจํ พนฺธนฺติ. ทฺเวปิ เอกโต นิสีทิตฺวา สมชฺชํ ปสฺสนฺตา หสิตพฺพฏฺาเน หสนฺติ, สํเวคฏฺาเน สํเวเชนฺติ, ทายํ ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทายํ เทนฺติ. เตสํ อิมินาว นิยาเมน เอกทิวสํ สมชฺชํ ปสฺสนฺตานํ ปริปากคตตฺตา าณสฺส ปุริมทิวเสสุ วิย หสิตพฺพฏฺาเน หาโส วา สํเวคฏฺาเน สํเวโค วา ทาตุํ ยุตฺตฏฺาเน ทานํ วา นาโหสิ ¶ . ทฺเวปิ ปน ชนา เอวํ จินฺตยึสุ – ‘‘กิเมตฺถ โอโลเกตพฺพํ อตฺถิ, สพฺเพปิเม อปฺปตฺเต วสฺสสเต อปฺปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺติ, อมฺเหหิ ปน เอกํ โมกฺขธมฺมํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อารมฺมณํ คเหตฺวา นิสีทึสุ. ตโต โกลิโต อุปติสฺสํ อาห – ‘‘สมฺม อุปติสฺส, น ตฺวํ อฺเสุ ทิวเสสุ วิย หฏฺปหฏฺโ, อิทานิ อนตฺตมนธาตุโกสิ, กึ เต สลฺลกฺขิต’’นฺติ? ‘‘สมฺม โกลิต, เอเตสํ โวโลกเน สาโร นตฺถิ ¶ ¶ , นิรตฺถกเมตํ, อตฺตโน โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิทํ จินฺตยนฺโต นิสินฺโนมฺหิ. ตฺวํ ปน กสฺมา อนตฺตมโนสีติ? โสปิ ตเถว อาห. อถสฺส อตฺตนา สทฺธึ เอกชฺฌาสยตํ ตฺวา อุปติสฺโส อาห – ‘‘อมฺหากํ อุภินฺนมฺปิ สุจินฺติกํ, โมกฺขธมฺมํ ปน คเวสนฺเตหิ เอกา ปพฺพชฺชา ลทฺธุํ วฏฺฏติ. กสฺส สนฺติเก ปพฺพชามา’’ติ?
เตน โข ปน สมเยน สฺจโย นาม ปริพฺพาชโก ราชคเห ปฏิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธึ. เต ‘‘ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ ปฺจมาณวกสตานิ ‘‘สิวิกาโย จ รเถ จ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ อุยฺโยเชตฺวา เอกาย สิวิกาย เอเกน รเถน คนฺตฺวา สฺจยสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สฺจโย อติเรกลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ. เต กติปาเหเนว สพฺพํ สฺจยสฺส สมยํ ปริมทฺทิตฺวา, ‘‘อาจริย, ตุมฺหากํ ชานนสมโย เอตฺตโกว, อุทาหุ อุตฺตริมฺปิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘เอตฺตโกว สพฺพํ ตุมฺเหหิ าต’’นฺติ วุตฺเต จินฺตยึสุ – ‘‘เอวํ สติ อิมสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยวาโส นิรตฺถโก, มยํ ยํ โมกฺขธมฺมํ คเวสิตุํ นิกฺขนฺตา, โส อิมสฺส สนฺติเก อุปฺปาเทตุํ น สกฺกา, มหา โข ปน ชมฺพุทีโป, คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา อทฺธา โมกฺขธมฺมเทสกํ กฺจิ อาจริยํ ลภิสฺสามา’’ติ. ตโต ปฏฺาย, ‘‘ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา สมณพฺราหฺมณา อตฺถี’’ติ วทนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา สากจฺฉํ กโรนฺติ. เตหิ ปุฏฺํ ปฺหํ อฺเ กเถตุํ ¶ น สกฺโกนฺติ, เต ปน เตสํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เอวํ สกลชมฺพุทีปํ ปริคฺคณฺหิตฺวา นิวตฺติตฺวา สกฏฺานเมว อาคนฺตฺวา, ‘‘สมฺม โกลิต, อมฺเหสุ โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อิตรสฺส อาโรเจตู’’ติ กติกํ อกํสุํ.
เอวํ เตสุ กติกํ กตฺวา วิหรนฺเตสุ สตฺถา วุตฺตานุกฺกเมน ราชคหํ ปตฺวา เวฬุวนํ ปฏิคฺคเหตฺวา เวฬุวเน วิหรติ. ตทา ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ ¶ พหุชนหิตายา’’ติ รตนตฺตยคุณปกาสนตฺถํ อุยฺโยชิตานํ เอกสฏฺิยา อรหนฺตานํ อนฺตเร ปฺจวคฺคิยานํ อพฺภนฺตโร อสฺสชิตฺเถโร ปฏินิวตฺติตฺวา ราชคหํ อาคโต, ปุนทิวเส ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตสฺมึ สมเย อุปติสฺสปริพฺพาชโกปิ ปาโตว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปริพฺพาชการามํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา เอวรูโป ปพฺพชิโต นาม น ทิฏฺปุพฺโพเยว, เย โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อยํ เตสํ ภิกฺขูนํ อฺตโร, ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺยํ – ‘กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข อิมํ ภิกฺขุํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ, อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ ปิณฺฑาย จรติ, ยํนูนาหํ อิมํ ¶ ภิกฺขุํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺเธยฺยํ, อตฺถิเกหิ อุปฺาตํ มคฺค’’นฺติ. โส เถรํ ลทฺธปิณฺฑปาตํ อฺตรํ โอกาสํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา นิสีทิตุกามตฺจสฺส ตฺวา อตฺตโน ¶ ปริพฺพาชกปีกํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ, โส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเนปิสฺส อตฺตโน กุณฺฑิกาย อุทกํ อทาสิ.
เอวํ อาจริยวตฺตํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺเจน เถเรน สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอวมาห – ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข ปน เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต, กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ปริพฺพาชกา นาม สาสนสฺส ปฏิปกฺขภูตา, อิมสฺส สาสนสฺส คมฺภีรตํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. อตฺตโน นวกภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อหํ โข, อาวุโส, นโว อจิรปพฺพชิโต, อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, น ตาวาหํ สกฺขิสฺสามิ วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติ. ปริพฺพาชโก – ‘‘อหํ อุปติสฺโส นาม, ตฺวํ ยถาสตฺติยา อปฺปํ วา พหุํ วา วท, เอตํ นยสเตน นยสหสฺเสน ปฏิวิชฺฌิตุํ มยฺหํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา อาห –
‘‘อปฺปํ วา พหุํ วา ภาสสฺสุ, อตฺถํเยว เม พฺรูหิ;
อตฺเถเนว เม อตฺโถ, กึ กาหสิ พฺยฺชนํ พหุ’’นฺติ. (มหาว. ๖๐);
เอวํ ¶ วุตฺเต เถโร – ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ (มหาว. ๖๐; อป. เถร ๑.๑.๒๘๖) คาถมาห. ปริพฺพาชโก ปมปททฺวยเมว สุตฺวา สหสฺสนยปฏิมณฺฑิเต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อิตรํ ปททฺวยํ ¶ โสตาปนฺนกาเล นิฏฺาเปสิ. โส โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปริวิเสเส อปฺปวตฺตนฺเต ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มา อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว โหตุ, กุหึ อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ตุมฺเห ปุรโต ยาถ, มยฺหํ เอโก สหายโก อตฺถิ, อมฺเหหิ จ อฺมฺํ กติกา กตา ‘อมฺเหสุ โย อมตํ ปมํ อธิคจฺฉติ, โส อิตรสฺส อาโรเจตู’ติ. อหํ ตํ ปฏิฺํ โมเจตฺวา สหายกํ คเหตฺวา ตุมฺหากํ คตมคฺเคเนว สตฺถุ สนฺติกํ อาคมิสฺสามีติ ปฺจปติฏฺิเตน เถรสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา ปริพฺพาชการามาภิมุโข อคมาสิ’’.
อถ โข โกลิตปริพฺพาชโก ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อชฺช มยฺหํ สหายกสฺส ¶ มุขวณฺโณ น อฺทิวเสสุ วิย, อทฺธา เตน อมตํ อธิคตํ ภวิสฺสตี’’ติ อมตาธิคมํ ปุจฺฉิ. โสปิสฺส ‘‘อามาวุโส, อมตํ อธิคต’’นฺติ ปฏิชานิตฺวา ตเมว คาถํ อภาสิ. คาถาปริโยสาเน โกลิโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิตฺวา อาห – ‘‘กุหึ กิร, สมฺม, อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน กิร, สมฺม, เอวํ โน อาจริเยน อสฺสชิตฺเถเรน กถิต’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, สมฺม, อายาม, สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. สาริปุตฺตตฺเถโร จ นาเมส สทาปิ อาจริยปูชโกว, ตสฺมา สหายํ เอวมาห – ‘‘สมฺม, อมฺเหหิ อธิคตํ อมตํ อมฺหากํ อาจริยสฺส สฺจยปริพฺพาชกสฺสาปิ กเถสฺสาม, พุชฺฌมาโน ¶ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต อมฺหากํ สทฺทหิตฺวา สตฺถุ, สนฺติกํ คมิสฺสติ, พุทฺธานํ เทสนํ สุตฺวา มคฺคผลปฏิเวธํ กริสฺสตี’’ติ. ตโต ทฺเวปิ ชนา สฺจยสฺส สนฺติกํ อคมํสุ.
สฺจโย เต ทิสฺวาว – ‘‘กึ, ตาตา, โกจิ โว อมตมคฺคเทสโก ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อาจริย, ลทฺโธ, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, ธมฺโม โลเก อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ โลเก อุปฺปนฺโน, ตุมฺเห ตุจฺเฉ อสาเร วิจรถ, ตสฺมา เอถ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ สกฺขิสฺสามี’’ติ ¶ . ‘‘กึ การณาหิ’’? ‘‘อหํ มหาชนสฺส อาจริโย หุตฺวา วิจรึ, วิจรนฺตสฺส เม อนฺเตวาสิกวาโส จาฏิยา อุทฺจนภาวปฺปตฺติ วิย โหติ, น สกฺขิสฺสามหํ อนฺเตวาสิกวาสํ วสิตุ’’นฺติ. ‘‘มา เอวํ กริตฺถ, อาจริยา’’ติ. ‘‘โหตุ, ตาตา, คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. อาจริย, โลเก พุทฺธสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย มหาชโน คนฺธมาลาทิหตฺโถ คนฺตฺวา ตเมว ปูเชสฺสติ, มยมฺปิ ตตฺเถว คมิสฺสาม. ‘‘ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘ตาตา, กึ นุ โข อิมสฺมึ โลเก ทนฺธา พหู, อุทาหุ ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘ทนฺธา, อาจริย, พหู, ปณฺฑิตา จ นาม กติปยา เอว โหนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ตาตา, ปณฺฑิตา ปณฺฑิตสฺส สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คมิสฺสนฺติ, ทนฺธา ทนฺธสฺส มม สนฺติกํ อาคมิสฺสนฺติ ¶ , คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ คมิสฺสามี’’ติ. เต ‘‘ปฺายิสฺสถ ตุมฺเห, อาจริยา’’ติ ปกฺกมึสุ. เตสุ คจฺฉนฺเตสุ สฺจยสฺส ปริสา ภิชฺชิ, ตสฺมึ ขเณ อาราโม ตุจฺโฉ อโหสิ. โส ตุจฺฉํ อารามํ ทิสฺวา อุณฺหํ โลหิตํ ฉฑฺเฑสิ. เตหิปิ สทฺธึ คจฺฉนฺเตสุ ปฺจสุ ปริพฺพาชกสเตสุ สฺจยสฺส อฑฺฒเตยฺยสตานิ นิวตฺตึสุ, อถ โข เต อตฺตโน อนฺเตวาสิเกหิ อฑฺฒเตยฺเยหิ ปริพฺพาชกสเตหิ สทฺธึ เวฬุวนํ อคมํสุ.
สตฺถา จตุปริสมชฺเฌ นิสินฺโน ธมฺมํ เทเสนฺโต เต ทูรโตว ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, ทฺเว สหายกา อาคจฺฉนฺติ โกลิโต จ อุปติสฺโส จ, เอตํ เม สาวกยุคํ ภวิสฺสติ อคฺคํ ภทฺทยุค’’นฺติ. เต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, นิสีทิตฺวา จ ปน ¶ ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ลเภยฺยาม มยํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติ. ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘สฺวากฺขาโต ธมฺโม, จรถ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ. สพฺเพปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสิกตฺเถรา วิย อเหสุํ.
อถ เนสํ ปริสาย จริตวเสน สตฺถา ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ. เปตฺวา ทฺเว อคฺคสาวเก อวเสสา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, อคฺคสาวกานํ ปน อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ น นิฏฺาสิ. กึ การณา? สาวกปารมิาณสฺส มหนฺตตาย. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตทิวสโต ¶ ¶ สตฺตเม ทิวเส มคธรฏฺเ กลฺลวาลคามกํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต ถินมิทฺเธ โอกฺกมนฺเต สตฺถารา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ตถาคเตน ทินฺนํ ธาตุกมฺมฏฺานํ สุณนฺโตว อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ปพฺพชิตทิวสโต อฑฺฒมาสํ อติกฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ตเมว ราชคหํ อุปนิสฺสาย สูกรขตเลเณ วิหรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺเต เทสิยมาเน สุตฺตานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตภตฺตํ ปริภฺุชนฺโต วิย สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. นนุ จายสฺมา มหาปฺโ, อถ กสฺมา มหาโมคฺคลฺลานโต จิรตเรน สาวกปารมิาณํ ปาปุณีติ? ปริกมฺมมหนฺตตาย. ยถา หิ ทุคฺคตมนุสฺสา ยตฺถ กตฺถจิ คนฺตุกามา ขิปฺปเมว นิกฺขมนฺติ, ราชูนํ ปน หตฺถิวาหนกปฺปนาทึ มหนฺตํ ปริกมฺมํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
ตํ ทิวสฺเว ปน สตฺถา วฑฺฒมานกจฺฉายาย เวฬุวเน สาวกสนฺนิปาตํ กตฺวา ทฺวินฺนํ เถรานํ อคฺคสาวกฏฺานํ ทตฺวา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ – ‘‘สตฺถา มุโขโลกเนน ภิกฺขํ เทติ, อคฺคสาวกฏฺานํ ททนฺเตน นาม ปมํ ปพฺพชิตานํ ปฺจวคฺคิยานํ ทาตุํ วฏฺฏติ, เอเต อโนโลเกนฺเตน ยสเถรปฺปมุขานํ ปฺจปณฺณาสภิกฺขูนํ ทาตุํ วฏฺฏติ, เอเต อโนโลเกนฺเตน ภทฺทวคฺคิยานํ ¶ ตึสชนานํ, เอเต อโนโลเกนฺเตน อุรุเวลกสฺสปาทีนํ เตภาติกานํ, เอเต ปน เอตฺตเก มหาเถเร ปหาย สพฺพปจฺฉา ปพฺพชิตานํ อคฺคสาวกฏฺานํ ททนฺเตน มุขํ โอโลเกตฺวา ทินฺน’’นฺติ. สตฺถา, ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิทํ นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, มุขํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขํ เทมิ, เอเตสํ ปน อตฺตนา อตฺตนา ปตฺถิตปตฺถิตเมว เทมิ. อฺาตโกณฺฑฺโ หิ เอกสฺมึ สสฺเส นว วาเร อคฺคสสฺสทานํ ททนฺโต อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถตฺวา นาทาสิ, อคฺคธมฺมํ ปน อรหตฺตํ สพฺพปมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ ปตฺเถตฺวา อทาสี’’ติ. ‘‘กทา ปน ภควา’’ติ? ‘‘สุณิสฺสถ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ, ภควา อตีตํ อาหริ –
ภิกฺขเว ¶ , อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี นาม ภควา โลเก อุทปาทิ. ตทา มหากาโฬ จูฬกาโฬติ ทฺเวภาติกา กุฏุมฺพิกา มหนฺตํ สาลิกฺเขตฺตํ ¶ วปาเปสุํ. อเถกทิวสํ จูฬกาโฬ สาลิกฺเขตฺตํ คนฺตฺวา เอกํ สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา ขาทิ, ตํ อติมธุรํ อโหสิ. โส พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส สาลิคพฺภทานํ ทาตุกาโม หุตฺวา เชฏฺภาติกํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภาติก, สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา พุทฺธานํ อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ปจาเปตฺวา ทานํ เทมา’’ติ อาห. ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา ทานํ นาม เนว อตีเต ภูตปุพฺพํ, น อนาคเตปิ ภวิสฺสติ, มา สสฺสํ นาสยี’’ติ; วุตฺโตปิ โส ปุนปฺปุนํ ยาจิเยว ¶ . อถ นํ ภาตา, ‘‘เตน หิ สาลิกฺเขตฺตํ ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา มม โกฏฺาสํ อนามสิตฺวา อตฺตโน โกฏฺาเส เขตฺเต ยํ อิจฺฉสิ, ตํ กโรหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ เขตฺตํ วิภชิตฺวา พหู มนุสฺเส หตฺถกมฺมํ ยาจิตฺวา สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา นิรุทเกน ขีเรน ปจาเปตฺวา สปฺปิมธุสกฺขราทีหิ โยเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน – ‘‘อิทํ, ภนฺเต, มม อคฺคทานํ อคฺคธมฺมสฺส สพฺพปมํ ปฏิเวธาย สํวตฺตตู’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนมกาสิ.
โส เขตฺตํ คนฺตฺวา โอโลเกนฺโต สกลกฺเขตฺตํ กณฺณิกพทฺเธหิ วิย สาลิสีเสหิ สฺฉนฺนํ ทิสฺวา ปฺจวิธปีตึ ปฏิลภิตฺวา, ‘‘ลาภา วต เม’’ติ จินฺเตตฺวา ปุถุกกาเล ปุถุกคฺคํ นาม อทาสิ, คามวาสีหิ สทฺธึ อคฺคสสฺสทานํ นาม อทาสิ, ลายเน ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, กลาปาทีสุ กลาปคฺคํ, ขลคฺคํ, ขลภณฺฑคฺคํ, โกฏฺคฺคนฺติ. เอวํ เอกสสฺเส นว วาเร อคฺคทานํ อทาสิ. ตสฺส สพฺพวาเรสุ คหิตคหิตฏฺานํ ปริปูริ, สสฺสํ อติเรกํ อุฏฺานสมฺปนฺนํ อโหสิ. ธมฺโม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติ. เตนาห ภควา –
‘‘ธมฺโม ¶ หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ,
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ,
น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒) –
‘‘เอวเมส ¶ วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล อคฺคธมฺมํ ปมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ ปตฺเถนฺโต นว วาเร อคฺคทานานิ อทาสิ. อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก ปน หํสวตีนคเร ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธกาเลปิ สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ตสฺส ภควโต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา อคฺคธมฺมสฺส ปมํ ปฏิวิชฺฌนตฺถเมว ¶ ปตฺถนํ เปสิ. อิติ อิมินา ปตฺถิตเมว มยา ทินฺนํ, นาหํ, ภิกฺขเว, มุขํ โอโลเกตฺวา เทมี’’ติ.
‘‘ยสกุลปุตฺตปฺปมุขา ปฺจปฺาส ชนา กึ กมฺมํ กรึสุ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอเตปิ เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก อรหตฺตํ ปตฺเถนฺตา พหุํ ปฺุกมฺมํ กตฺวา อปรภาเค อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ สหายกา หุตฺวา วคฺคพนฺธเนน ปฺุานิ กโรนฺตา อนาถมตสรีรานิ ปฏิชคฺคนฺตา วิจรึสุ. เต เอกทิวสํ สคพฺภํ อิตฺถึ กาลกตํ ทิสฺวา, ‘ฌาเปสฺสามา’ติ สุสานํ หรึสุ. เตสุ ปฺจ ชเน ‘ตุมฺเห ฌาเปถา’ติ สุสาเน เปตฺวา เสสา คามํ ปวิฏฺา. ยสทารโก ตํ มตสรีรํ สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ฌาเปนฺโต อสุภสฺํ ปฏิลภิ, อิตเรสมฺปิ จตุนฺนํ ชนานํ – ‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ สรีรํ ตตฺถ ตตฺถ วิทฺธํสิตจมฺมํ, กพรโครูปํ วิย อสุจึ ทุคฺคนฺธํ ปฏิกูล’นฺติ ¶ ทสฺเสสิ. เตปิ ตตฺถ อสุภสฺํ ปฏิลภึสุ. เต ปฺจปิ ชนา คามํ คนฺตฺวา เสสสหายกานํ กถยึสุ. ยโส ปน ทารโก เคหํ คนฺตฺวา มาตาปิตูนฺจ ภริยาย จ กเถสิ. เต สพฺเพปิ อสุภํ ภาวยึสุ. อิทเมเตสํ ปุพฺพกมฺมํ. เตเนว ยสสฺส อิตฺถาคาเร สุสานสฺา อุปฺปชฺชิ, ตาย จ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา สพฺเพสมฺปิ วิเสสาธิคโม นิพฺพตฺติ. เอวํ อิเมปิ อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา ทมฺมี’’ติ.
‘‘ภทฺทวคฺคิยสหายกา ปน กึ กมฺมํ กรึสุ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอเตปิ ปุพฺพพุทฺธานํ สนฺติเก อรหตฺตํ ปตฺเถตฺวา ปฺุานิ กตฺวา อปรภาเค อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตึส ธุตฺตา หุตฺวา ตุณฺฑิโลวาทํ สุตฺวา สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. เอวํ อิเมปิ อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา ทมฺมี’’ติ.
‘‘อุรุเวลกสฺสปาทโย ปน กึ กมฺมํ กรึสุ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เตปิ อรหตฺตเมว ปตฺเถตฺวา ปฺุานิ กรึสุ. อิโต หิ ทฺเวนวุติกปฺเป ติสฺโส ¶ ผุสฺโสติ ทฺเว พุทฺธา อุปฺปชฺชึสุ. ผุสฺสพุทฺธสฺส มหินฺโท นาม ราชา ปิตา อโหสิ. ตสฺมึ ปน สมฺโพธึ ปตฺเต รฺโ กนิฏฺปุตฺโต ปมอคฺคสาวโก ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยอคฺคสาวโก อโหสิ. ราชา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา – ‘เชฏฺปุตฺโต เม พุทฺโธ, กนิฏฺปุตฺโต ปมอคฺคสาวโก, ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยอคฺคสาวโก’ติ เต โอโลเกตฺวา, ‘มเมว พุทฺโธ, มเมว ธมฺโม, มเมว สงฺโฆ, นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’ติ ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ¶ , ‘ภนฺเต, อิทานิ เม นวุติวสฺสสหสฺสปริมาณสฺส อายุโน โกฏิยํ นิสีทิตฺวา นิทฺทายนกาโล วิย อฺเสํ เคหทฺวารํ อคนฺตฺวา ยาวาหํ ชีวามิ, ตาว เม จตฺตาโร ปจฺจเย อธิวาเสถา’ติ ¶ ปฏิฺํ คเหตฺวา นิพทฺธํ พุทฺธุปฏฺานํ กโรติ. รฺโ ปน อปเรปิ ตโต ปุตฺตา อเหสุํ. เตสุ เชฏฺสฺส ปฺจ โยธสตานิ ปริวารานิ, มชฺฌิมสฺส ตีณิ, กนิฏฺสฺส ทฺเว. เต ‘มยมฺปิ ภาติกํ โภเชสฺสามา’ติ ปิตรํ โอกาสํ ยาจิตฺวา อลภมานา ปุนปฺปุนํ ยาจนฺตาปิ อลภิตฺวา ปจฺจนฺเต กุปิเต ตสฺส วูปสมนตฺถาย เปสิตา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อาคมึสุ. อถ เน ปิตา อาลิงฺคิตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา, ‘วรํ โว, ตาตา, ทมฺมี’ติ อาห.
‘‘เต ‘สาธุ เทวา’ติ วรํ คหิตกํ กตฺวา ปุน กติปาหจฺจเยน ปิตรา ‘คณฺหถ, ตาตา, วร’นฺติ วุตฺตา, ‘‘เทว, อมฺหากํ อฺเน เกนจิ อตฺโถ นตฺถิ, อิโต ปฏฺาย มยํ ภาติกํ โภเชสฺสาม, อิมํ โน วรํ เทหี’’ติ อาหํสุ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘นิจฺจกาลํ อเทนฺโต สตฺต สํวจฺฉรานิ เทถ, เทวา’ติ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘เตน หิ ฉ ปฺจ จตฺตาริ ตีณิ ทฺเว เอกํ สํวจฺฉรํ เทถ, เทวา’ติ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘เตน หิ, เทว, สตฺต มาเส เทถา’ติ. ‘ฉ มาเส ปฺจ มาเส จตฺตาโร มาเส ตโย มาเส เทถ, เทวา’ติ. ‘น เทมิ, ตาตา’ติ. ‘โหตุ, เทว, เอเกกสฺส โน เอเกกํ มาสํ กตฺวา ตโย มาเส เทถา’ติ. ‘สาธุ, ตาตา, เตน หิ ตโย มาเส โภเชถา’ติ อาห. เต ตุฏฺา ราชานํ วนฺทิตฺวา สกฏฺานเมว คตา. เตสํ ปน ติณฺณมฺปิ เอโกว โกฏฺาคาริโก, เอโกว อายุตฺตโก, ตสฺส ทฺวาทสนหุตา ปุริสปริวารา. เต เต ปกฺโกสาเปตฺวา ¶ , ‘มยํ อิมํ เตมาสํ ทส สีลานิ คเหตฺวา ทฺเว กาสาวานิ ¶ นิวาเสตฺวา สตฺถารา สหวาสํ วสิสฺสาม, ตุมฺเห เอตฺตกํ นาม ทานวตฺตํ คเหตฺวา เทวสิกํ นวุติสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ โยธสหสฺสสฺส จ สพฺพํ ขาทนียโภชนียํ ปวตฺเตยฺยาถ. มยฺหิ อิโต ปฏฺาย น กิฺจิ วกฺขามา’ติ วทึสุ.
‘‘เต ตโยปิ ชนา ปริวารสหสฺสํ คเหตฺวา ทส สีลานิ สมาทาย กาสายวตฺถานิ นิวาเสตฺวา วิหาเรเยว วสึสุ. โกฏฺาคาริโก จ อายุตฺตโก จ เอกโต หุตฺวา ติณฺณํ ภาติกานํ โกฏฺาคาเรหิ วาเรน วาเรน ทานวตฺตํ คเหตฺวา ทานํ เทนฺติ, กมฺมการานํ ปน ปุตฺตา ยาคุภตฺตาทีนํ อตฺถาย โรทนฺติ. เต เตสํ ภิกฺขุสงฺเฆ อนาคเตเยว ยาคุภตฺตาทีนิ เทนฺติ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภตฺตกิจฺจาวสาเน กิฺจิ อติเรกํ น ภูตปุพฺพํ. เต ‘อปรภาเค ทารกานํ เทมา’ติ อตฺตนาปิ คเหตฺวา ขาทึสุ. มนฺุํ อาหารํ ทิสฺวา อธิวาเสตุํ นาสกฺขึสุ. เต ปน จตุราสีติสหสฺสา อเหสุํ. เต สงฺฆสฺส ทินฺนทานวตฺตํ ขาทิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสเย นิพฺพตฺตึสุ. เตภาติกา ปน ปุริสสหสฺเสน สทฺธึ กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวโลกา มนุสฺสโลกํ, มนุสฺสโลกา เทวโลกํ สํสรนฺตา ทฺเวนวุติกปฺเป เขเปสุํ. ‘เอวํ ¶ เต ตโย ภาตโร อรหตฺตํ ปตฺเถนฺตา ตทา กลฺยาณกมฺมํ กรึสุ. เต อตฺตนา ปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา ทมฺมี’’’ติ.
ตทา ปน ¶ เตสํ อายุตฺตโก พิมฺพิสาโร ราชา อโหสิ, โกฏฺาคาริโก วิสาโข อุปาสโก. ตโย ราชกุมารา ตโย ชฏิลา อเหสุํ. เตสํ กมฺมการา ตทา เปเตสุ นิพฺพตฺติตฺวา สุคติทุคฺคติวเสน สํสรนฺตา อิมสฺมึ กปฺเป จตฺตาริ พุทฺธนฺตรานิ เปตโลเกเยว นิพฺพตฺตึสุ. เต อิมสฺมึ กปฺเป สพฺพปมํ อุปฺปนฺนํ จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสายุกํ กกุสนฺธํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อมฺหากํ อาหารํ ลภนกาลํ อาจิกฺขถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘มม ตาว กาเล น ลภิสฺสถ, มม ปจฺฉโต มหาปถวิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย โกณาคมโน นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตํ ปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. เต ตตฺตกํ กาลํ เขเปตฺวา ตสฺมึ อุปฺปนฺเน ตํ ปุจฺฉึสุ. โสปิ ‘‘มม กาเล น ลภิสฺสถ, มม ปจฺฉโต มหาปถวิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย กสฺสโป นาม ¶ พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตํ ปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. เต ตตฺตกํ กาลํ เขเปตฺวา ตสฺมึ อุปฺปนฺเน ตํ ปุจฺฉึสุ. โสปิ ‘‘มม กาเล น ลภิสฺสถ, มม ปน ปจฺฉโต มหาปถวิยา โยชนมตฺตํ อภิรุฬฺหาย โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตทา ตุมฺหากํ าตโก พิมฺพิสาโร นาม ราชา ภวิสฺสติ, โส สตฺถุ ทานํ ทตฺวา ตุมฺหากํ ปตฺตึ ปาเปสฺสติ, ตทา ลภิสฺสถา’’ติ อาห. เตสํ เอกํ พุทฺธนฺตรํ สฺเวทิวสสทิสํ อโหสิ. เต ตถาคเต อุปฺปนฺเน พิมฺพิสารรฺา ปมทิวสํ ทาเน ทินฺเน ปตฺตึ อลภิตฺวา รตฺติภาเค เภรวสทฺทํ กตฺวา รฺโ อตฺตานํ ทสฺสยึสุ. โส ปุนทิวเส เวฬุวนํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ¶ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ.
สตฺถา, ‘‘มหาราช, อิโต ทฺเวนวุติกปฺปมตฺถเก ผุสฺสพุทฺธกาเล เอเต ตว าตกา, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทินฺนทานวตฺตํ ขาทิตฺวา เปตโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สํสรนฺตา กกุสนฺธาทโย พุทฺเธ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ อิทฺจิทฺจ วุตฺตา เอตฺตกํ กาลํ ตว ทานํ ปจฺจาสีสมานา หิยฺโย ตยา ทาเน ทินฺเน ปตฺตึ อลภมานา เอวมกํสู’’ติ อาห. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อิทานิปิ ทินฺเน ลภิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิโต เตสํ เปตานํ ทิพฺพอนฺนปานํ สมฺปชฺชตู’’ติ ปตฺตึ อทาสิ, เตสํ ตเถว นิพฺพตฺติ. ปุนทิวเส นคฺคา หุตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสุํ. ราชา ‘‘อชฺช, ภนฺเต, นคฺคา หุตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสุ’’นฺติ อาโรเจสิ. ‘‘วตฺถานิ เต น ทินฺนานิ, มหาราชา’’ติ. ราชาปิ ปุนทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส จีวรทานํ ทตฺวา, ‘‘อิโต เตสํ เปตานํ ทิพฺพวตฺถานิ โหนฺตู’’ติ ปาเปสิ. ตงฺขณฺเว เตสํ ทิพฺพวตฺถานิ อุปฺปชฺชึสุ. เต เปตตฺตภาวํ ¶ วิชหิตฺวา ทิพฺพตฺตภาเว สณฺหึสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๗.๑; เป. ว. ๑๔) ติโรกุฏฺฏานุโมทนํ อกาสิ. อนุโมทนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. อิติ สตฺถา เตภาติกชฏิลานํ วตฺถุํ กเถตฺวา อิมมฺปิ ธมฺมเทสนํ อาหริ.
อคฺคสาวกา ปน, ‘‘ภนฺเต, กึ กรึสู’’ติ? ‘‘อคฺคสาวกภาวาย ปตฺถนํ กรึสุ’’. อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส หิ กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยสฺส มตฺถเก สาริปุตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นาเมน สรทมาณโว ¶ นาม อโหสิ. โมคฺคลฺลาโน คหปติมหาสาลกุเล ¶ นิพฺพตฺติ, นาเมน สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโก นาม อโหสิ. เต อุโภปิ สหปํสุกีฬกา สหายกา อเหสุํ. เตสุ สรทมาณโว ปิตุ อจฺจเยน กุสลนฺตกํ มหาธนํ ปฏิปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิธโลกตฺตภาวเมว ชานามิ, โน ปรโลกตฺตภาวํ. ชาตสตฺตานฺจ มรณํ นาม ธุวํ, มยา เอกํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมคเวสนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สหายกํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สมฺม สิริวฑฺฒน, อหํ ปพฺพชิตฺวา โมกฺขธมฺมํ คเวสิสฺสามิ, ตฺวํ มยา สทฺธึ ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสิ, น สกฺขิสฺสสี’’ติ? ‘‘น สกฺขิสฺสามิ, สมฺม, ตฺวํเยว ปพฺพชาหี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ปรโลกํ คจฺฉนฺโต สหาเย วา าติมิตฺเต วา คเหตฺวา คโต นาม นตฺถิ, อตฺตนา กตํ อตฺตโนว โหตี’’ติ. ตโต รตนโกฏฺาคารํ วิวราเปตฺวา กปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ มหาทานํ ทตฺวา ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตสฺส เอโก ทฺเว ตโยติ เอวํ อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฏิลา อเหสุํ. โส ปฺจ อภิฺา, อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เตสํ ชฏิลานํ กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. เตปิ สพฺเพ ปฺจ อภิฺา อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสุํ.
เตน สมเยน อโนมทสฺสี นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุทปาทิ. นครํ จนฺทวตี นาม อโหสิ, ปิตา ยสวา นาม ขตฺติโย, มาตา ยโสธรา นาม เทวี, โพธิ อชฺชุนรุกฺโข, นิสโภ จ อโนโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นาม อุปฏฺาโก, สุนฺทรา จ สุมนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา อเหสุํ. อายุ วสฺสสตสหสฺสํ อโหสิ, สรีรํ อฏฺปฺาสหตฺถุพฺเพธํ ¶ , สรีรปฺปภา ทฺวาทสโยชนํ ผริ, ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร อโหสิ. โส เอกทิวสํ ปจฺจูสกาเล มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต สรทตาปสํ ทิสฺวา, ‘‘อชฺช มยฺหํ สรทตาปสสฺสํ สนฺติกํ คตปจฺจเยน ธมฺมเทสนา จ มหตี ภวิสฺสติ, โส จ อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถสฺสติ, ตสฺส สหายโก สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโก ทุติยสาวกฏฺานํ, เทสนาปริโยสาเน ¶ จสฺส ปริวารา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ, มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย อฺํ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สีโห วิย เอกจโร หุตฺวา สรทตาปสสฺส ¶ อนฺเตวาสิเกสุ ผลาผลตฺถาย คเตสุ ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว สรทตาปสสฺส อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ. สรทตาปโส พุทฺธานุภาวฺเจว สรีรนิปฺผตฺติฺจสฺส ทิสฺวา ลกฺขณมนฺเต สมฺมสิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต นาม อคารมชฺเฌ วสนฺโต ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชนฺโต โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท สพฺพฺุพุทฺโธ โหติ. อยํ ปุริโส นิสฺสํสยํ พุทฺโธ’’ติ ชานิตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อคฺคาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อคฺคาสเน. สรทตาปโสปิ อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ สมฺปตฺตา พุทฺธานฺเจว อาจริยสฺส จ นิสินฺนาสนํ โอโลเกตฺวา อาหํสุ – ‘‘อาจริย ¶ , มยํ ‘อิมสฺมึ โลเก ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร นตฺถี’ติ วิจราม, อยํ ปน ปุริโส ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร มฺเ’’ติ? ‘‘ตาตา, กึ วเทถ, สาสเปน สทฺธึ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธํ สิเนรุํ สมํ กาตุํ อิจฺฉถ, สพฺพฺุพุทฺเธน สทฺธึ มมํ อุปมํ มา กริตฺถ ปุตฺตกา’’ติ. อถ เต ตาปสา, ‘‘สจายํ อิตฺตรสตฺโต อภวิสฺส, อมฺหากํ อาจริโย น เอวรูปํ อุปมํ อาหริสฺส, ยาว มหา วตายํ ปุริโส’’ติ สพฺเพว ปาเทสุ นิปติตฺวา สิรสา วนฺทึสุ. อถ เน อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เทยฺยธมฺโม นตฺถิ, สตฺถา จ ภิกฺขาจารเวลายํ อิธาคโต, มยํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ เทยฺยธมฺมํ ทสฺสาม, ตุมฺเห ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ อาหราเปตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ. สตฺถารา ผลาผเล ปฏิคฺคหิตมตฺเต เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. โส ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. ตโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา นิสินฺเน สตฺถริ สพฺเพ อนฺเตวาสิเก ปกฺโกสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียกถํ กเถนฺโต นิสีทิ. สตฺถา ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ จินฺเตสิ. เต สตฺถุ จิตฺตํ ตฺวา สตสหสฺสขีณาสวปริวารา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ.
ตโต ¶ สรทตาปโส ¶ อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, พุทฺธานํ นิสินฺนาสนมฺปิ นีจํ, สมณสตสหสฺสานมฺปิ อาสนํ นตฺถิ, อชฺช ตุมฺเหหิ อุฬารํ พุทฺธสกฺการํ กาตุํ วฏฺฏติ, ปพฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติ. กถนกาโล ปปฺโจ วิย โหติ, อิทฺธิมโต ¶ ปน อิทฺธิวิสโย อจินฺเตยฺโยติ มุหุตฺตมตฺเตเนว เต ตาปสา วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธานํ โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปฺาเปสุํ. อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ, เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ อโหสิ. ‘‘กถํ เอกสฺมึ อสฺสมปเท ตาว มหนฺตานิ อาสนานิ ปฺตฺตานี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. อิทฺธิวิสโย เหส. เอวํ ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ สรทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อภิรุหถา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘นานาปุปฺผฺจ คนฺธฺจ, สมฺปาเทตฺวาน เอกโต;
ปุปฺผาสนํ ปฺาเปตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘อิทํ เม อาสนํ วีร, ปฺตฺตํ ตวนุจฺฉวึ;
มม จิตฺตํ ปสาเทนฺโต, นิสีท ปุปฺผมาสเน.
‘‘สตฺตรตฺตินฺทิวํ พุทฺโธ, นิสีทิ ปุปฺผมาสเน;
มม จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, หาสยิตฺวา สเทวเก’’ติ.
เอวํ นิสินฺเน สตฺถริ ทฺเว อคฺคสาวกา เสสภิกฺขู จ ¶ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทึสุ. สรทตาปโส มหนฺตํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส มตฺถเก ธาเรนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘ชฏิลานํ อยํ สกฺกาโร มหปฺผโล โหตู’’ติ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. สตฺถุ สมาปตฺตึ สมาปนฺนภาวํ ตฺวา ทฺเว อคฺคสาวกาปิ เสสภิกฺขูปิ สมาปตฺตึ สมาปชฺชึสุ. ตถาคเต สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺเน อนฺเตวาสิกา ภิกฺขาจารกาเล สมฺปตฺเต วนมูลผลาผลํ ปริภฺุชิตฺวา เสสกาเล พุทฺธานํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ. สรทตาปโส ปน ภิกฺขาจารมฺปิ อคนฺตฺวา ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธารยมาโนว สตฺตาหํ ปีติสุเขน วีตินาเมสิ. สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺนํ ปมอคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘นิสภ, สกฺการการกานํ ¶ ตาปสานํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ. เถโร จกฺกวตฺติรฺโ สนฺติกา ปฏิลทฺธมหาลาโภ มหาโยโธ วิย ตุฏฺมานโส สาวกปารมิาเณ ตฺวา ปุปฺผาสนานุโมทนํ อารภิ. ตสฺส เทสนาวสาเน ทุติยสาวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตฺวมฺปิ ภิกฺขุ ธมฺมํ เทเสหี’’ติ. อโนมตฺเถโร เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา ธมฺมํ กเถสิ. ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ เทสนาย เอกสฺสาปิ อภิสมโย นาโหสิ. อถ สตฺถา อปริมาเณ พุทฺธวิสเย ตฺวา ธมฺมเทสนํ อารภิ. เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา สรทตาปสํ สพฺเพปิ จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ ¶ , สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เตสํ ตาวเทว เกสมสฺสูนิ อนฺตรธายึสุ, อฏฺปริกฺขารา กาเย ปฏิมุกฺกาว อเหสุํ.
สรทตาปโส ‘‘กสฺมา อรหตฺตํ น ปตฺโต’’ติ? วิกฺขิตฺตจิตฺตตฺตา. โส กิร พุทฺธานํ ทุติยาสเน ¶ นิสีทิตฺวา สาวกปารมิาเณ ตฺวา ธมฺมํ เทสยโต อคฺคสาวกสฺส ธมฺมเทสนํ โสตุํ อารทฺธกาลโต ปฏฺาย, ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน อิมินา สาวเกน ปฏิลทฺธธุรํ ลเภยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. โส เตน ปริวิตกฺเกน มคฺคผลปฏิเวธํ กาตุํ นาสกฺขิ. ตถาคตํ ปน วนฺทิตฺวา สมฺมุเข ตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ อนนฺตราสเน นิสินฺโน ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สาสเน โก นาม โหตี’’ติ? ‘‘มยา ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกํ อนุปวตฺเตนฺโต สาวกปารมิาณสฺส โกฏิปฺปตฺโต โสฬส ปฺา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโต มยฺหํ สาสเน อคฺคสาวโก นิสโภ นาม เอโส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ยฺวายํ มยา สตฺตาหํ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรนฺเตน สกฺกาโร กโต, อหํ อิมสฺส ผเลน อฺํ สกฺกตฺตํ วา พฺรหฺมตฺตํ วา น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน อยํ นิสภตฺเถโร วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส อคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสินฺติ. สตฺถา ‘‘สมชฺฌิสฺสติ นุ โข อิมสฺส ปุริสสฺส ปตฺถนา’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา โอโลเกนฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา สมิชฺฌนภาวํ อทฺทส. ทิสฺวาน สรทตาปสํ อาห – ‘‘น เต อยํ ปตฺถนา โมฆา ภวิสฺสติ, อนาคเต ปน กปฺปสตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส มาตา มหามายา ¶ นาม เทวี ภวิสฺสติ, ปิตา สุทฺโธทโน นาม มหาราชา, ปุตฺโต ราหุโล นาม, อุปฏฺาโก อานนฺโท นาม, ทุติยอคฺคสาวโก โมคฺคลฺลาโน นาม, ตฺวํ ปนสฺส ปมอคฺคสาวโก ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต นาม ภวิสฺสสี’’ติ ¶ . เอวํ ตาปสํ พฺยากริตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อากาสํ ปกฺขนฺทิ.
สรทตาปโสปิ อนฺเตวาสิกตฺเถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สหายกสฺส สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิกสฺส สาสนํ เปเสสิ, ‘‘ภนฺเต, มม สหายกสฺส วเทถ, สหายเกน เต สรทตาปเสน อโนมทสฺสีพุทฺธสฺส ปาทมูเล อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมพุทฺธสฺส สาสเน ปมอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺถิตํ, ตฺวํ ทุติยอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถหี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา เถเรหิ ปุเรตรเมว เอกปสฺเสน คนฺตฺวา สิริวฑฺฒนสฺส นิเวสนทฺวาเร อฏฺาสิ. สิริวฑฺฒโน ‘‘จิรสฺสํ วต เม อยฺโย อาคโต’’ติ อาสเน นิสีทาเปตฺวา อตฺตนา นีจาสเน นิสินฺโน, ‘‘อนฺเตวาสิกปริสา ปน โว, ภนฺเต, น ปฺายตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สมฺม, อมฺหากํ อสฺสมํ อโนมทสฺสี พุทฺโธ อาคโต, มยํ ตสฺส อตฺตโน พเลน สกฺการํ อกริมฺหา, สตฺถา สพฺเพสํ ¶ ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน เปตฺวา มํ เสสา อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชึสุ. อหํ สตฺถุ ปมอคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ ทิสฺวา อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมพุทฺธสฺส นาม สาสเน ปมอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถสึ, ตฺวมฺปิ ตสฺส สาสเน ทุติยอคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺเถหี’’ติ. ‘‘มยฺหํ พุทฺเธหิ สทฺธึ ปริจโย นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘พุทฺเธหิ สทฺธึ กถนํ มยฺหํ ภาโร โหตุ, ตฺวํ มหนฺตํ สกฺการํ สชฺเชหี’’ติ.
สิริวฑฺฒโน ตสฺส วจนํ สุตฺวา อตฺตโน นิเวสนทฺวาเร ราชมาเนน อฏฺกรีสมตฺตํ านํ สมตลํ กาเรตฺวา วาลุกํ โอกิราเปตฺวา ¶ ลาชปฺจมานิปุปฺผานิ วิกิราเปตฺวา นีลุปฺปลจฺฉทนํ มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา เสสภิกฺขูนมฺปิ อาสนานิ ปฏิยาเทตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ สชฺเชตฺวา พุทฺธานํ นิมนฺตนตฺถาย สรทตาปสสฺส สฺํ อทาสิ. ตาปโส พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา ตสฺส นิเวสนํ อคมาสิ. สิริวฑฺฒโนปิ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตถาคตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา มณฺฑปํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสินฺนสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ ¶ ทตฺวา ปณีเตน โภชเนน ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ มหารเหหิ วตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, นายํ อารพฺโภ อปฺปมตฺตกฏฺานตฺถาย, อิมินาว นิยาเมน สตฺตาหํ อนุกมฺปํ กโรถา’’ติ อาห. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส เตเนว นิยาเมน สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต อาห – ‘‘ภนฺเต, มม สหาโย สรทตาปโส ยสฺส สตฺถุสฺส ปมอคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺเถสิ, อหมฺปิ ‘‘ตสฺเสว ทุติยอคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺเถมีติ.
สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา พฺยากาสิ – ‘‘ตฺวํ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตมพุทฺธสฺส ทุติยอคฺคสาวโก ภวิสฺสสี’’ติ. พุทฺธานํ พฺยากรณํ สุตฺวา สิริวฑฺฒโน หฏฺปหฏฺโ อโหสิ. สตฺถาปิ ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา สปริวาโร วิหารเมว คโต. ‘‘อยํ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตหิ ตทา ปตฺถิตปตฺถนา. เต ยถาปตฺถิตเมว ลภึสุ. นาหํ มุขํ โอโลเกตฺวา เทมี’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต ทฺเว อคฺคสาวกา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ อคาริยภูตา สมานา คิรคฺคสมชฺชํ ทสฺสนาย คตา’’ติ ยาว อสฺสชิตฺเถรสฺส สนฺติกา โสตาปตฺติผลปฏิเวธา สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุํ กเถตฺวา, ‘‘เต มยํ, ภนฺเต, อาจริยสฺส สฺจยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ตุมฺหากํ ปาทมูเล อาเนตุกามา ตสฺส ลทฺธิยา นิสฺสารภาวํ กเถตฺวา อิธาคมเน อานิสํสํ กถยิมฺหา. โส อิทานิ มยฺหํ อนฺเตวาสิกวาโส นาม จาฏิยา อุทฺจนภาวปฺปตฺติสทิโส, น สกฺขิสฺสามิ ¶ อนฺเตวาสิวาสํ วสิตุ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘อาจริย, อิทานิ มหาชโน คนฺธมาลาทิหตฺโถ คนฺตฺวา สตฺถารเมว ปูเชสฺสติ, ตุมฺเห กถํ ภวิสฺสถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ปน อิมสฺมึ โลเก ปณฺฑิตา พหู, อุทาหุ ทนฺธา’’ติ? ‘‘ทนฺธา’’ติ กถิเต ‘‘เตน หิ ปณฺฑิตา ปณฺฑิตสฺส สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คมิสฺสนฺติ, ทนฺธา ทนฺธสฺส มม สนฺติกํ อาคมิสฺสนฺติ, คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ วตฺวา ‘‘อาคนฺตุํ น อิจฺฉิ, ภนฺเต’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, สฺจโย อตฺตโน มิจฺฉาทิฏฺิตาย อสารํ สาโรติ, สารฺจ อสาโรติ คณฺหิ. ตุมฺเห ปน อตฺตโน ปณฺฑิตตาย สารฺจ สารโต, อสารฺจ อสารโต ตฺวา อสารํ ปหาย สารเมว คณฺหิตฺถา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อสาเร ¶ สารมติโน, สาเร จาสารทสฺสิโน;
เต สารํ นาธิคจฺฉนฺติ, มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา.
‘‘สารฺจ ¶ สารโต ตฺวา, อสารฺจ อสารโต;
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ, สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา’’ติ.
ตตฺถ อสาเร สารมติโนติ จตฺตาโร ปจฺจยา, ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ, ตสฺสา อุปนิสฺสยภูตา ธมฺมเทสนาติ อยํ อสาโร นาม, ตสฺมึ สารทิฏฺิโนติ อตฺโถ. สาเร จาสารทสฺสิโนติ ทสวตฺถุกา สมฺมาทิฏฺิ, ตสฺสา อุปนิสฺสยภูตา ธมฺมเทสนาติ อยํ สาโร นาม, ตสฺมึ ‘‘นายํ สาโร’’ติ อสารทสฺสิโน. เต สารนฺติ เต ปน ตํ มิจฺฉาทิฏฺิคฺคหณํ คเหตฺวา ิตา กามวิตกฺกาทีนํ วเสน มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา หุตฺวา สีลสารํ, สมาธิสารํ, ปฺาสารํ, วิมุตฺติสารํ, วิมุตฺติาณทสฺสนสารํ, ‘‘ปรมตฺถสารํ, นิพฺพานฺจ นาธิคจฺฉ’’นฺติ. สารฺจาติ ตเมว สีลสาราทิสารํ ‘‘สาโร นามาย’’นฺติ, วุตฺตปฺปการฺจ อสารํ ‘‘อสาโร อย’’นฺติ ตฺวา. เต สารนฺติ เต ปณฺฑิตา เอวํ สมฺมาทสฺสนํ คเหตฺวา ิตา เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทีนํ วเสน สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา หุตฺวา ตํ วุตฺตปฺปการํ สารํ อธิคจฺฉนฺตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. สนฺนิปติตานํ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. นนฺทตฺเถรวตฺถุ
ยถา ¶ ¶ อคารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ นนฺทํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถา หิ ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรนฺโต – ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนตฺวา ทสฺเสถา’’ติ สุทฺโธทนมหาราเชน เปสิตานํ สหสฺสสหสฺสปริวารานํ ทสนฺนํ ทูตานํ สพฺพปจฺฉโต คนฺตฺวา อรหตฺตปฺปตฺเตน กาฬุทายิตฺเถเรน คมนกาลํ ตฺวา มคฺควณฺณํ วณฺเณตฺวา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ¶ กปิลปุรํ นีโต าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ อตฺถุปฺปตฺตึ กตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ, ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา, ‘‘ธมฺมฺจเร’’ติ (ธ. ป. ๑๖๙) คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล, ราชานฺจ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปสิ. ภตฺตกิจฺจาวสาเน ปน ราหุลมาตุคุณกถํ นิสฺสาย จนฺทกินฺนรีชาตกํ (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) กเถตฺวา ตโต ตติยทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ ปวตฺตมาเนสุ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นนฺทกุมารสฺส หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา มงฺคลํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมนฺโต นนฺทกุมารสฺส หตฺถโต ปตฺตํ น คณฺหิ. โสปิ ตถาคตคารเวน ‘‘ปตฺตํ โว, ภนฺเต, คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ นาสกฺขิ. เอวํ ปน จินฺเตสิ – ‘‘โสปานสีเส ปตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺมิมฺปิ าเน น คณฺหิ. อิตโร ‘‘โสปานปาทมูเล คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น ¶ คณฺหิ. อิตโร ‘‘ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิ. กุมาโร นิวตฺติตุกาโม อรุจิยา คจฺฉนฺโต สตฺถุคารเวน ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ น สกฺโกติ. ‘‘อิธ คณฺหิสฺสติ, เอตฺถ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต คจฺฉติ.
ตสฺมึ ขเณ อฺา อิตฺถิโย ตํ ทิสฺวา ชนปทกลฺยาณิยา อาจิกฺขึสุ – ‘‘อยฺเย, ภควา นนฺทกุมารํ คเหตฺวา คโต, ตุมฺเหหิ ตํ วินา กริสฺสตี’’ติ. สา อุทกพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตเหว อฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ เวเคน คนฺตฺวา, ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. ตํ ตสฺสา วจนํ ตสฺส หทเย ติริยํ ปติตฺวา วิย ิตํ. สตฺถาปิสฺส หตฺถโต ปตฺตํ อคฺคณฺหิตฺวาว ตํ วิหารํ เนตฺวา, ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ นนฺทา’’ติอาห. โส พุทฺธคารเวน ‘‘น ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อวตฺวา, ‘‘อาม, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เตน หิ นนฺทํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาห. สตฺถา กปิลปุรํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสิ.
สตฺตเม ¶ ทิวเส ราหุลมาตา กุมารํ อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘ปสฺส, ตาต, เอตํ วีสติสหสฺสสมณปริวุตํ สุวณฺณวณฺณํ พฺรหฺมรูปิวณฺณํ สมณํ, อยํ เต ปิตา, เอตสฺส มหนฺตา นิธิกุมฺภิโย อเหสุํ. ตฺยาสฺส นิกฺขมนโต ปฏฺาย น ปสฺสาม, คจฺฉ นํ ทายชฺชํ ยาจสฺสุ – ‘อหํ ¶ , ตาต, กุมาโร, อภิเสกํ ปตฺวา จกฺกวตฺตี ภวิสฺสามิ, ธเนน เม อตฺโถ, ธนํ เม เทหิ. สามิโก หิ ปุตฺโต ปิตุสนฺตกสฺสา’’’ติ. กุมาโร ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวาว ปิตุสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา หฏฺจิตฺโต ‘‘สุขา เต, สมณ, ฉายา’’ติ วตฺวา อฺมฺปิ ¶ พหุํ อตฺตโน อนุรูปํ วทนฺโต อฏฺาสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. กุมาโรปิ ‘‘ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหิ, ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี’’ติ ภควนฺตํ อนุพนฺธิ. ภควาปิ กุมารํ น นิวตฺตาเปสิ. ปริชโนปิ ภควตา สทฺธึ คจฺฉนฺตํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อิติ โส ภควตา สทฺธึ อารามเมว อคมาสิ.
ตโต ภควา จินฺเตสิ – ‘‘ยํ อยํ ปิตุสนฺตกํ ธนํ อิจฺฉติ, ตํ วฏฺฏานุคตํ สวิฆาตํ, หนฺทสฺส โพธิตเล ปฏิลทฺธํ สตฺตวิธํ อริยธนํ เทมิ, โลกุตฺตรทายชฺชสฺส นํ สามิกํ กโรมี’’ติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชหี’’ติ. เถโร กุมารํ ปพฺพาเชสิ. ปพฺพชิเต จ ปน กุมาเร รฺโ อธิมตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชิ. ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ภควโต นิเวเทตฺวา, ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อยฺยา, มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชยฺยุ’’นฺติ วรํ ยาจิ. ภควา ตสฺส ตํ วรํ ทตฺวา ปุเนกทิวสํ ราชนิเวสเน กตปาตราโส เอกมนฺตํ นิสินฺเนน รฺา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘ปุตฺโต เต กาลกโต’ติ อาห. อหํ ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต ‘น มยฺหํ ปุตฺโต โพธึ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ปฏิกฺขิปิ’’นฺติ วุตฺเต – ‘‘อิทานิ กึ สทฺทหิสฺสถ, ปุพฺเพปิ อฏฺิกานิ ทสฺเสตฺวา, ‘ปุตฺโต เต มโต’ติ วุตฺเต น สทฺทหิตฺวา’’ติ อิมิสฺสา อตฺถุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) กเถสิ. คาถาปริโยสาเน ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. อิติ ภควา ปิตรํ ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ¶ ปุนเทว ราชคหํ คนฺตฺวา ตโต อนาถปิณฺฑิเกน สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย คหิตปฏิฺโ นิฏฺิเต เชตวเน วิหาเร ตตฺถ คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสิ.
เอวํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต อายสฺมา นนฺโท อุกฺกณฺิตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘‘อนภิรโต อหํ, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น ¶ สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติ. ภควา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, นนฺท, สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ เอวํ อาโรเจสิ ¶ – ‘อนภิรโต, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ, นนฺท, อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรสิ, น สกฺโกสิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสสี’’ติ? ‘‘สากิยานี มํ, ภนฺเต, ชนปทกลฺยาณี ฆรา นิกฺขมนฺตสฺส อฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ อปโลเกตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’ติ, โส โข อหํ, ภนฺเต, ตํ อนุสฺสรมาโน อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรามิ, น สกฺโกมิ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติ.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ พาหายํ คเหตฺวา อิทฺธิพเลน ตาวตึสเทวโลกํ อาเนนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ ฌามกฺเขตฺเต ฌามขาณุเก นิสินฺนํ ฉินฺนกณฺณนาสนงฺคุฏฺํ เอกํ ปลุฏฺมกฺกฏึ ทสฺเสตฺวา ตาวตึสภวเน สกฺกสฺส เทวรฺโ อุปฏฺานํ อาคตานิ กกุฏปาทานิ ปฺจ อจฺฉราสตานิ ทสฺเสสิ. กกุฏปาทานีติ ¶ รตฺตวณฺณตาย ปาเรวตปาทสทิสปาทานิ. ทสฺเสตฺวา จ ปนาห – ‘‘ตํ กึ มฺสิ, นนฺท, กตมา นุ โข อภิรูปตรา วา ทสฺสนียตรา วา ปาสาทิกตรา วา สากิยานี วา ชนปทกลฺยาณี, อิมานิ วา ปฺจ อจฺฉราสตานิ กกุฏปาทานี’’ติ? ตํ สุตฺวา อาห – ‘‘เสยฺยถาปิ สา, ภนฺเต, ฉินฺนกณฺณนาสนงฺคุฏฺา ปลุฏฺมกฺกฏี, เอวเมว โข, ภนฺเต, สากิยานี ชนปทกลฺยาณี, อิเมสํ ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ อุปนิธาย สงฺขฺยมฺปิ น อุเปติ, กลมฺปิ น อุเปติ, กลภาคมฺปิ น อุเปติ. อถ โข อิมาเนว ปฺจ อจฺฉราสตานิ อภิรูปตรานิ เจว ทสฺสนียตรานิ จ ปาสาทิกตรานิ จา’’ติ. ‘‘อภิรม, นนฺท, อภิรม, นนฺท, อหํ เต ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทาน’’นฺติ. ‘‘สเจ เม, ภนฺเต ภควา, ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทานํ, อภิรมิสฺสามหํ, ภนฺเต, ภควติ พฺรหฺมจริเย’’ติ.
อถ ¶ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ คเหตฺวา ตตฺถ อนฺตรหิโต เชตวเนเยว ปาตุรโหสิ. อสฺโสสุํ โข ภิกฺขู, ‘‘อายสฺมา กิร นนฺโท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุตฺโต อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรติ. ภควา กิรสฺส ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทาน’’นฺติ. อถ โข อายสฺมโต นนฺทสฺส สหายกา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ภตกวาเทน จ อุปกฺกิตกวาเทน จ สมุทาจรนฺติ, ‘‘ภตโก กิรายสฺมา นนฺโท, อุปกฺกิตโก กิรายสฺมา นนฺโท, อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรติ. ภควา กิรสฺส ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทาน’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา นนฺโท สหายกานํ ภิกฺขูนํ ¶ ภตกวาเทน จ อุปกฺกิตกวาเทน จ อฏฺฏิยมาโน หรายมาโน ชิคุจฺฉมาโน ¶ เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต น จิรสฺเสว ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ, ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร จ โข ปนายสฺมา นนฺโท อรหตํ อโหสิ.
อเถกา เทวตา รตฺติภาเค สกลํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อาโรเจสิ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, นนฺโท ภควโต ภาตา มาตุจฺฉาปุตฺโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ. ภควโตปิ โข าณํ อุทปาทิ ‘‘นนฺโท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ. โสปายสฺมา นนฺโท ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘ยํ เม, ภนฺเต, ภควา ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทานํ, มฺุจามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ. ‘‘มยาปิ โข เต, นนฺท, เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต ‘นนฺโท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ¶ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. เทวตาปิ เม เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘อายสฺมา, ภนฺเต, นนฺโท อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ. ยเทว โข เต, นนฺท, อนุปาทาย อาสเวหิ ¶ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, อถาหํ มุตฺโต เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ยสฺส นิตฺติณฺโณ ปงฺโก, มทฺทิโต กามกณฺฏโก;
โมหกฺขยํ อนุปฺปตฺโต, สุขทุกฺเขสุ น เวธตี ส ภิกฺขู’’ติ. (อุทา. ๒๒);
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อาวุโส นนฺท, ปุพฺเพ ตฺวํ ‘อุกฺกณฺิโตมี’ติ วเทสิ, อิทานิ เต กถ’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ เม, อาวุโส, คิหิภาวาย อาลโย’’ติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู – ‘‘อภูตํ อายสฺมา นนฺโท กเถติ, อฺํ พฺยากโรติ, อตีตทิวเสสุ ‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’ติ วตฺวา อิทานิ ‘นตฺถิ เม คิหิภาวาย อาลโย’ติ กเถตี’’ติ คนฺตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘ภิกฺขเว, อตีตทิวเสสุ นนฺทสฺส อตฺตภาโว ทุจฺฉนฺนเคหสทิโส อโหสิ, อิทานิ สุจฺฉนฺนเคหสทิโส ชาโต. อยฺหิ ทิพฺพจฺฉรานํ ¶ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ปพฺพชิตกิจฺจสฺส มตฺถกํ ปาเปตุํ ¶ วายมนฺโต ตํ กิจฺจํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยถา อคารํ ทุจฺฉนฺนํ, วุฏฺี สมติวิชฺฌติ;
เอวํ อภาวิตํ จิตฺตํ, ราโค สมติวิชฺฌติ.
‘‘ยถา อคารํ สุจฺฉนฺนํ, วุฏฺี น สมติวิชฺฌติ;
เอวํ สุภาวิตํ จิตฺตํ, ราโค น สมติวิชฺฌตี’’ติ.
ตตฺถ อคารนฺติ ยํกิฺจิ เคหํ. ทุจฺฉนฺนนฺติ วิรฬจฺฉนฺนํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ. สมติวิชฺฌตีติ วสฺสวุฏฺิ วินิวิชฺฌติ. อภาวิตนฺติ ตํ อคารํ วุฏฺิ วิย ภาวนาย รหิตตฺตา อภาวิตํ จิตฺตํ ราโค สมติ วิชฺฌติ. น เกวลํ ราโคว, โทสโมหมานาทโย สพฺพกิเลสา ตถารูปํ จิตฺตํ อติวิย วิชฺฌนฺติเยว. สุภาวิตนฺติ สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ สุภาวิตํ. เอวรูปํ จิตฺตํ สุจฺฉนฺนํ เคหํ วุฏฺิ วิย ราคาทโย กิเลสา อติวิชฺฌิตุํ น สกฺโกนฺตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. มหาชนสฺส เทสนา สาตฺถิกา อโหสิ.
อถ โข ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, พุทฺธา นาม อจฺฉริยา, ชนปทกลฺยาณึ นิสฺสาย อุกฺกณฺิโต นามายสฺมา นนฺโท ¶ สตฺถารา เทวจฺฉรา อามิสํ กตฺวา วินีโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ¶ , ปุพฺเพเปส มยา มาตุคาเมน ปโลเภตฺวา วินีโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิวาสี กปฺปโฏ นาม วาณิโช อโหสิ. ตสฺเสโก คทฺรโภ กุมฺภภารํ วหติ, เอกทิวเสน สตฺต โยชนานิ คจฺฉติ. โส เอกสฺมึ สมเย คทฺรภภารเกหิ สทฺธึ ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ยาว ภณฺฑสฺส วิสฺสชฺชนํ, ตาว คทฺรภํ จริตุํ วิสฺสชฺเชสิ. อถสฺส โส คทฺรโภ ปริขาปิฏฺเ จรมาโน เอกํ คทฺรภึ ทิสฺวา อุปสงฺกมิ. สา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺตี อาห – ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘พาราณสิโต’’ติ. ‘‘เกน กมฺเมนา’’ติ? ‘‘วาณิชฺชกมฺเมนา’’ติ. ‘‘กิตฺตกํ ภารํ วหสี’’ติ ¶ ? ‘‘กุมฺภภาร’’นฺติ? ‘‘เอตฺตกํ ภารํ วหนฺโต กติ โยชนานิ คจฺฉสี’’ติ? ‘‘สตฺต โยชนานี’’ติ. ‘‘คตคตฏฺาเน เต กาจิ ปาทปริกมฺมปิฏฺิปริกมฺมกรา อตฺถี’’ติ? ‘‘นตฺถี’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต มหาทุกฺขํ นาม อนุโภสี’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ หิ ติรจฺฉานคตานํ ปาทปริกมฺมาทิการกา นาม นตฺถิ, กามสํโยชนฆฏฺฏนตฺถาย ปน เอวรูปํ กถํ กเถสิ’’? โส ตสฺสา กถาย อุกฺกณฺิ. กปฺปโฏปิ ภณฺฑํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา – ‘‘เอหิ, ตาต, คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, นาหํ คมิสฺสามี’’ติ. อถ นํ ¶ ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา, ‘‘อนิจฺฉนฺตํ ปริภาเสตฺวา นํ เนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา คาถมาห –
‘‘ปโตทํ เต กริสฺสามิ, สาฬสงฺคุลิกณฺฏกํ;
สฺฉินฺทิสฺสามิ เต กายํ, เอวํ ชานาหิ คทฺรภา’’ติ.
ตํ สุตฺวา คทฺรโภ ‘‘เอวํ สนฺเต อหมฺปิ เต กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปโตทํ เม กริสฺสสิ, โสฬสงฺคุลิกณฺฏกํ;
ปุรโต ปติฏฺหิตฺวาน, อุทฺธริตฺวาน ปจฺฉโต;
ทนฺตํ เต ปาตยิสฺสามิ, เอวํ ชานาหิ กปฺปฏา’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา วาณิโช – ‘‘เกน นุ โข การเณน เอส เอวํ วทตี’’ติ จินฺเตตฺวา, อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ตํ คทฺรภึ ทิสฺวา, ‘‘อิมาเยส เอวํ สิกฺขาปิโต ภวิสฺสติ, ‘เอวรูปึ นาม เต คทฺรภึ อาเนสฺสามี’ติ มาตุคาเมน นํ ปโลเภตฺวา เนสฺสามี’’ติ อิมํ คาถมาห –
‘‘จตุปฺปทึ สงฺขมุขึ, นารึ สพฺพงฺคโสภินึ;
ภริยํ เต อานยิสฺสามิ, เอวํ ชานาหิ คทฺรภา’’ติ.
ตํ สุตฺวา ตุฏฺจิตฺโต คทฺรโภ อิมํ คาถมาห –
‘‘จตุปฺปทึ สงฺขมุขึ, นารึ สพฺพงฺคโสภินึ;
ภริยํ เม อานยิสฺสสิ, เอวํ ชานาหิ กปฺปฏ;
กปฺปฏ ภิยฺโย คมิสฺสามิ, โยชนานิ จตุทฺทสา’’ติ.
อถ ¶ ¶ นํ กปฺปโฏ, ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ คเหตฺวา สกฏฺานํ อคมาสิ. โส กติปาหจฺจเยน นํ อาห – ‘‘นนุ มํ ตุมฺเห ‘ภริยํ เต อานยิสฺสามี’ติ อโวจุตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, วุตฺตํ, นาหํ อตฺตโน กถํ ภินฺทิสฺสามิ, ภริยํ เต อาเนสฺสามิ, เวตนํ ปน ตุยฺหํ เอกกสฺเสว ทสฺสามิ, ตุยฺหํ เวตนํ ทุติยสฺส ปโหตุ วา มา วา, ตฺวเมว ชาเนยฺยาสิ. อุภินฺนํ ปน โว สํวาสมนฺวาย ปุตฺตา วิชายิสฺสนฺติ, เตหิปิ พหูหิ สทฺธึ ตุยฺหํ ตํ ปโหตุ วา มา วา, ตฺวเมว ชาเนยฺยาสี’’ติ. คทฺรโภ ตสฺมึ กเถนฺเตเยว อนเปกฺโข อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, คทฺรภี ชนปทกลฺยาณี อโหสิ, คทฺรโภ นนฺโท, วาณิโช อหเมว. เอวํ ปุพฺเพเปส มยา มาตุคาเมน ปโลเภตฺวา วินีโต’’ติ ชาตกํ นิฏฺาเปสีติ.
นนฺทตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
๑๐. จุนฺทสูกริกวตฺถุ
อิธ โสเจตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต จุนฺทสูกริกํ นาม ปุริสํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ สูกเร วธิตฺวา ขาทนฺโต จ วิกฺกิณนฺโต จ ชีวิกํ กปฺเปสิ. ฉาตกาเล สกเฏน วีหึ อาทาย ชนปทํ คนฺตฺวา เอกนาฬิทฺเวนาฬิมตฺเตน คามสูกรโปตเก ¶ กิณิตฺวา สกฏํ ปูเรตฺวา อาคนฺตฺวา ปจฺฉานิเวสเน วชํ วิย เอกํ านํ ปริกฺขิปิตฺวา ตตฺเถว เตสํ นิวาปํ โรเปตฺวา, เตสุ นานาคจฺเฉ จ สรีรมลฺจ ขาทิตฺวา วฑฺฒิเตสุ ยํ ยํ มาเรตุกาโม โหติ, ตํ ตํ อาฬาเน นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา สรีรมํสสฺส อุทฺธุมายิตฺวา พหลภาวตฺถํ จตุรสฺสมุคฺคเรน โปเถตฺวา, ‘‘พหลมํโส ชาโต’’ติ ตฺวา มุขํ วิวริตฺวา อนฺตเร ทณฺฑกํ ทตฺวา โลหถาลิยา ปกฺกุถิตํ อุณฺโหทกํ มุเข อาสิฺจติ. ตํ กุจฺฉึ ปวิสิตฺวา ปกฺกุถิตํ กรีสํ อาทาย อโธภาเคน นิกฺขมติ, ยาว โถกมฺปิ กรีสํ อตฺถิ, ตาว อาวิลํ หุตฺวา นิกฺขมติ, สุทฺเธ อุทเร อจฺฉํ อนาวิลํ หุตฺวา นิกฺขมติ. อถสฺส อวเสสํ อุทกํ ปิฏฺิยํ อาสิฺจติ. ตํ กาฬจมฺมํ อุปฺปาเฏตฺวา คจฺฉติ. ตโต ติณุกฺกาย โลมานิ ฌาเปตฺวา ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺทติ. ปคฺฆรณตํ โลหิตํ ภาชเนน ปฏิคฺคเหตฺวา มํสํ โลหิเตน มทฺทิตฺวา ปจิตฺวา ปุตฺตทารมชฺเฌ นิสินฺโน ขาทิตฺวา เสสํ วิกฺกิณาติ. ตสฺส อิมินาว นิยาเมน ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ ¶ . ตถาคเต ธุรวิหาเร วสนฺเต เอกทิวสมฺปิ ปุปฺผมุฏฺิมตฺเตน ปูชา วา กฏจฺฉุมตฺตํ ภิกฺขทานํ วา อฺํ วา กิฺจิ ปฺุํ นาม นาโหสิ. อถสฺส สรีเร โรโค อุปฺปชฺชิ, ชีวนฺตสฺเสว ¶ อวีจิมหานิรยสนฺตาโป อุปฏฺหิ. อวีจิสนฺตาโป นาม โยชนสเต ตฺวา โอโลเกนฺตสฺส อกฺขีนํ ภิชฺชนสมตฺโถ ปริฬาโห โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสายุตา;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๖๗; อ. นิ. ๓.๓๖);
นาคเสนตฺเถเรน ปนสฺส ปากติกคฺคิสนฺตาปโต อธิมตฺตตาย อยํ อุปมา วุตฺตา – ‘‘ยถา, มหาราช, กูฏาคารมตฺโต ปาสาโณปิ เนรยิกคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺโต ขเณน วิลยํ คจฺฉติ, นิพฺพตฺตสตฺตา ปเนตฺถ กมฺมพเลน ¶ มาตุกุจฺฉิคตา วิย น วิลียนฺตี’’ติ (มิ. ป. ๒.๔.๖). ตสฺส ตสฺมึ สนฺตาเป อุปฏฺิเต กมฺมสริกฺขโก อากาโร อุปฺปชฺชิ. เคหมชฺเฌเยว สูกรรวํ รวิตฺวา ชณฺณุเกหิ วิจรนฺโต ปุรตฺถิมวตฺถุมฺปิ ปจฺฉิมวตฺถุมฺปิ คจฺฉติ. อถสฺส เคหมานุสกา ตํ ทฬฺหํ คเหตฺวา มุขํ ปิทหนฺติ. กมฺมวิปาโก นาม น สกฺกา เกนจิ ปฏิพาหิตุํ. โส วิรวนฺโตว อิโต จิโต จ วิจรติ. สมนฺตา สตฺตสุ ฆเรสุ มนุสฺสา นิทฺทํ น ลภนฺติ. มรณภเยน ตชฺชิตสฺส ปน พหินิกฺขมนํ นิวาเรตุํ อสกฺโกนฺโต สพฺโพ เคหชโน ยถา อนฺโติโต พหิ วิจริตุํ น สกฺโกติ, ตถา เคหทฺวารานิ ถเกตฺวา พหิเคหํ ปริวาเรตฺวา รกฺขนฺโต อจฺฉติ. อิตโร อนฺโตเคเหเยว นิรยสนฺตาเปน วิรวนฺโต อิโต จิโต จ วิจรติ. เอวํ สตฺตทิวสานิ วิจริตฺวา อฏฺเม ทิวเส กาลํ กตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ. อวีจิมหานิรโย เทวทูตสุตฺเตน (ม. นิ. ๓.๒๖๑ อาทโย; อ. นิ. ๓.๓๖) วณฺเณตพฺโพติ.
ภิกฺขู ตสฺส ฆรทฺวาเรน คจฺฉนฺตา ¶ ตํ สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘สูกรสทฺโท’’ติ สฺิโน หุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺนา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, จุนฺทสูกริตสฺส เคหทฺวารํ ปิทหิตฺวา สูกรานํ มาริยมานานํ อชฺช สตฺตโม ทิวโส, เคเห กาจิ มงฺคลกิริยา ภวิสฺสติ มฺเ. เอตฺตเก นาม, ภนฺเต, สูกเร มาเรนฺตสฺส เอกมฺปิ เมตฺตจิตฺตํ วา การฺุํ วา นตฺถิ, น วต โน เอวรูโป กกฺขโฬ ผรุโส สตฺโต ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. สตฺถา – ‘‘น, ภิกฺขเว, โส อิเม สตฺตทิวเส สูกเร มาเรติ, กมฺมสริกฺขกํ ปนสฺส วิปากํ อุทปาทิ, ชีวนฺตสฺเสว อวีจิมหานิรยสนฺตาโป อุปฏฺาสิ. โส เตน สนฺตาเปน สตฺต ทิวสานิ สูกรรวํ ¶ รวนฺโต อนฺโตนิเวสเน วิจริตฺวา อชฺช กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิธ โลเก เอวํ โสจิตฺวา ปุน คนฺตฺวา โสจนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺโต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ปมตฺตา นาม คหฏฺา วา โหนฺตุ ปพฺพชิตา วา, อุภยตฺถ โสจนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ,
ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ;
โส โสจติ โส วิหฺติ;
ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปาปการีติ นานปฺปการสฺส ปาปกมฺมสฺส การโก ปุคฺคโล ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, กตํ ปาป’’นฺติ เอกํเสเนว มรณสมเย อิธ โสจติ, อิทมสฺส กมฺมโสจนํ. วิปากํ อนุภวนฺโต ปน เปจฺจ โสจติ. อิทมสฺส ปรโลเก วิปากโสจนํ. เอวํ โส อุภยตฺถ โสจติเยว. เตเนว การเณน ชีวมาโนเยว โส จุนฺทสูกริโกปิ โสจติ. ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺนฺติ ¶ อตฺตโน กิลิฏฺกมฺมํ ปสฺสิตฺวา นานปฺปการกํ วิลปนฺโต วิหฺตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
จุนฺทสูกริกวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. ธมฺมิกอุปาสกวตฺถุ
อิธ โมทตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมิกอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา ธมฺมิกอุปาสกา นาม อเหสุํ. เตสุ เอเกกสฺส ปฺจ ปฺจ อุปาสกสตานิ ปริวารา. โย เตสํ เชฏฺโก, ตสฺส สตฺต ปุตฺตา สตฺต ธีตโร. เตสุ เอเกกสฺส เอเกกา สลากยาคุ สลากภตฺตํ ปกฺขิกภตฺตํ นิมนฺตนภตฺตํ อุโปสถิกภตฺตํ อาคนฺตุกภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ วสฺสาวาสิกํ อโหสิ. เตปิ สพฺเพว อนุชาตปุตฺตา นาม อเหสุํ. อิติ จุทฺทสนฺนํ ปุตฺตานํ ภริยาย อุปาสกสฺสาติ โสฬส สลากยาคุอาทีนิ ปวตฺตนฺติ. อิติ โส สปุตฺตทาโร สีลวา ¶ กลฺยาณธมฺโม ทานสํวิภาครโต อโหสิ. อถสฺส อปรภาเค โรโค อุปฺปชฺชิ, อายุสงฺขาโร ปริหายิ. โส ธมฺมํ ¶ โสตุกาโม ‘‘อฏฺ วา เม โสฬส วา ภิกฺขู เปเสถา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ ปหิณิ. สตฺถา เปเสสิ. เต คนฺตฺวา ตสฺส มฺจํ ปริวาเรตฺวา ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ นิสินฺนา. ‘‘ภนฺเต, อยฺยานํ เม ทสฺสนํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสติ, ทุพฺพโลมฺหิ, เอกํ เม สุตฺตํ สชฺฌายถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กตรํ สุตฺตํ โสตุกาโม อุปาสกา’’ติ? ‘‘สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ สติปฏฺานสุตฺต’’นฺติ วุตฺเต – ‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ ¶ (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖) สุตฺตนฺตํ ปฏฺเปสุํ. ตสฺมึ ขเณ ฉหิ เทวโลเกหิ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา สหสฺสสินฺธวยุตฺตา ทิยฑฺฒโยชนสติกา ฉ รถา อาคมึสุ. เตสุ ิตา เทวตา ‘‘อมฺหากํ เทวโลกํ เนสฺสาม, อมฺหากํ เทวโลกํ เนสฺสาม, อมฺโภ มตฺติกภาชนํ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณภาชนํ คณฺหนฺโต วิย อมฺหากํ เทวโลเก อภิรมิตุํ อิธ นิพฺพตฺตาหิ, อมฺหากํ เทวโลเก อภิรมิตุํ อิธ นิพฺพตฺตาหี’’ติ วทึสุ. อุปาสโก ธมฺมสฺสวนนฺตรายํ อนิจฺฉนฺโต – ‘‘อาคเมถ อาคเมถา’’ติ อาห. ภิกฺขู ‘‘อมฺเห วาเรตี’’ติ สฺาย ตุณฺหี อเหสุํ.
อถสฺส ปุตฺตธีตโร ‘‘อมฺหากํ ปิตา ปุพฺเพ ธมฺมสฺสวเนน อติตฺโต อโหสิ, อิทานิ ปน ภิกฺขู ปกฺโกสาเปตฺวา สชฺฌายํ กาเรตฺวา สยเมว วาเรติ, มรณสฺส อภายนกสตฺโต นาม นตฺถี’’ติ วิรวึสุ. ภิกฺขู ‘‘อิทานิ อโนกาโส’’ติ อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ. อุปาสโก โถกํ วีตินาเมตฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา ปุตฺเต ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา กนฺทถา’’ติ? ‘‘ตาต, ตุมฺเห ภิกฺขู ปกฺโกสาเปตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตา สยเมว วารยิตฺถ, อถ มยํ ‘มรณสฺส อภายนกสตฺโต นาม นตฺถี’ติ กนฺทิมฺหา’’ติ ¶ . ‘‘อยฺยา ปน กุหิ’’นฺติ? ‘‘‘อโนกาโส’ติ อุฏฺายาสนา ปกฺกนฺตา, ตาตา’’ติ. ‘‘นาหํ, อยฺเยหิ สทฺธึ กเถมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อถ เกน สทฺธึ กเถถา’’ติ. ‘‘ฉหิ เทวโลเกหิ เทวตา ฉ รเถ อลงฺกริตฺวา อาทาย อากาเส ตฺวา ‘อมฺหาหิ เทวโลเก อภิรม, อมฺหากํ เทวโลเก อภิรมา’ติ สทฺทํ กโรนฺติ, ตาหิ สทฺธึ กเถมี’’ติ. ‘‘กุหึ, ตาต, รถา, น มยํ ปสฺสามา’’ติ? ‘‘อตฺถิ ปน มยฺหํ คนฺถิตานิ ปุปฺผานี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ตาตา’’ติ. ‘‘กตโร เทวโลโก รมณีโย’’ติ? ‘‘สพฺพโพธิสตฺตานํ พุทฺธมาตาปิตูนฺจ วสิตฏฺานํ ตุสิตภวนํ รมณียํ, ตาตา’’ติ. ‘‘เตน หิ ‘ตุสิตภวนโต อาคตรเถ ลคฺคตู’ติ ปุปฺผทามํ ขิปถา’’ติ. เต ขิปึสุ. ตํ รถธุเร ลคฺคิตฺวา อากาเส โอลมฺพิ. มหาชโน ตเทว ปสฺสติ, รถํ น ปสฺสติ. อุปาสโก ‘‘ปสฺสเถตํ ปุปฺผทาม’’นฺติ วตฺวา, ‘‘อาม, ปสฺสามา’’ติ วุตฺเต – ‘‘เอตํ ตุสิตภวนโต อาคตรเถ โอลมฺพติ, อหํ ตุสิตภวนํ คจฺฉามิ ¶ , ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถ, มม สนฺติเก นิพฺพตฺติตุกามา หุตฺวา มยา กตนิยาเมเนว ปฺุานิ กโรถา’’ติ วตฺวา กาลํ กตฺวา รเถ ปติฏฺาสิ.
ตาวเทวสฺส ¶ ติคาวุตปฺปมาโณ สฏฺิสกฏภาราลงฺการปฏิมณฺฑิโต อตฺตภาโว นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสํ ปริวาเรสิ, ปฺจวีสติโยชนิกํ กนกวิมานํ ปาตุรโหสิ. เตปิ ภิกฺขู วิหารํ อนุปฺปตฺเต สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘สุตา, ภิกฺขเว, อุปาสเกน ธมฺมเทสนา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อนฺตราเยว ปน ‘อาคเมถา’ติ วาเรสิ. อถสฺส ปุตฺตธีตโร กนฺทึสุ ¶ . มยํ ‘อิทานิ อโนกาโส’ติ อุฏฺายาสนา นิกฺขนฺตา’’ติ. ‘‘น โส, ภิกฺขเว, ตุมฺเหหิ สทฺธึ กเถสิ, ฉหิ เทวโลเกหิ เทวตา ฉ รเถ อลงฺกริตฺวา อาหริตฺวา ตํ อุปาสกํ ปกฺโกสึสุ. โส ธมฺมเทสนาย อนฺตรายํ อนิจฺฉนฺโต ตาหิ สทฺธึ กเถสี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อิทานิ กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ? ‘‘ตุสิตภวเน, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิทานิ อิธ าติมชฺเฌ โมทมาโน วิจริตฺวา อิทาเนว คนฺตฺวา ปุน โมทนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา หิ คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา สพฺพตฺถ โมทนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ โมทติ เปจฺจ โมทติ,
กตปฺุโ อุภยตฺถ โมทติ;
โส โมทติ โส ปโมทติ,
ทิสฺวา กมฺมวิสุทฺธิมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ กตปฺุโติ นานปฺปการสฺส กุสลสฺส การโก ปุคฺคโล ‘‘อกตํ วต เม ปาปํ, กตํ เม กลฺยาณ’’นฺติ อิธ กมฺมโมทเนน, เปจฺจ วิปากโมทเนน โมทติ. เอวํ อุภยตฺถ โมทติ นาม. กมฺมวิสุทฺธินฺติ ธมฺมิกอุปาสโกปิ อตฺตโน กมฺมวิสุทฺธึ ปฺุกมฺมสมฺปตฺตึ ทิสฺวา กาลกิริยโต ปุพฺเพ อิธโลเกปิ โมทติ, กาลํ กตฺวา อิทานิ ปรโลเกปิ อติโมทติเยวาติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
ธมฺมิกอุปาสกวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. เทวทตฺตวตฺถุ
อิธ ¶ ¶ ¶ ตปฺปตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
เทวทตฺตสฺส วตฺถุ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ยาว ปถวิปฺปเวสนา เทวทตฺตํ อารพฺภ ภาสิตานิ สพฺพานิ ชาตกานิ วิตฺถาเรตฺวา กถิตํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – สตฺถริ อนุปิยํ นาม มลฺลานํ นิคโม อตฺถิ. ตํ นิสฺสาย อนุปิยมฺพวเน วิหรนฺเตเยว ตถาคตสฺส ลกฺขณปฏิคฺคหณทิวเสเยว อสีติสหสฺเสหิ าติกุเลหิ ‘‘ราชา วา โหตุ, พุทฺโธ วา, ขตฺติยปริวาโรว วิจริสฺสตี’’ติ อสีติสหสฺสปุตฺตา ปฏิฺาตา. เตสุ เยภุยฺเยน ปพฺพชิเตสุ ภทฺทิยํ นาม ราชานํ, อนุรุทฺธํ, อานนฺทํ, ภคุํ, กิมิลํ, เทวทตฺตนฺติ อิเม ฉ สกฺเย อปพฺพชนฺเต ทิสฺวา, ‘‘มยํ อตฺตโน ปุตฺเต ปพฺพาเชม, อิเม ฉ สกฺยา น าตกา มฺเ, กสฺมา น ปพฺพชนฺตี’’ติ? กถํ สมุฏฺาเปสุํ. อถ โข มหานาโม สกฺโย อนุรุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ตาต, อมฺหากํ กุลา ปพฺพชิโต นตฺถิ, ตฺวํ วา ปพฺพช, อหํ วา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. โส ปน สุขุมาโล โหติ สมฺปนฺนโภโค, ‘‘นตฺถี’’ติ วจนมฺปิ เตน น สุตปุพฺพํ. เอกทิวสฺหิ เตสุ ฉสุ ขตฺติเยสุ คุฬกีฬํ กีฬนฺเตสุ อนุรุทฺโธ ปูเวน ปราชิโต ปูวตฺถาย ปหิณิ, อถสฺส มาตา ปูเว สชฺเชตฺวา ปหิณิ ¶ . เต ขาทิตฺวา ปุน กีฬึสุ. ปุนปฺปุนํ ตสฺเสว ปราชโย โหติ. มาตา ปนสฺส ปหิเต ปหิเต ติกฺขตฺตุํ ปูเว ปหิณิตฺวา จตุตฺถวาเร ‘‘ปูวา นตฺถี’’ติ ปหิณิ. โส ‘‘นตฺถี’’ติ วจนสฺส อสุกปุพฺพตฺตา ‘‘เอสาเปกา ปูววิกติ ภวิสฺสตี’’ติ มฺมาโน ‘‘นตฺถิปูวํ เม อาหรถา’’ติ เปเสสิ. มาตา ปนสฺส ‘‘นตฺถิปูวํ กิร, อยฺเย, เทถา’’ติ วุตฺเต, ‘‘มม ปุตฺเตน ‘นตฺถี’ติ ปทํ น สุตปุพฺพํ, อิมินา ปน อุปาเยน นํ เอตมตฺถํ ชานาเปสฺสามี’’ติ ตุจฺฉํ สุวณฺณปาตึ อฺาย สุวณฺณปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา เปเสสิ. นครปริคฺคาหิกา เทวตา จินฺเตสุํ – ‘‘อนุรุทฺธสกฺเยน อนฺนภารกาเล อตฺตโน ภาคภตฺตํ อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ‘‘‘นตฺถี’ติ เม วจนสฺส สวนํ มา โหตุ, โภชนุปฺปตฺติฏฺานชานนํ มา ‘โหตู’ติ ปตฺถนา กตา, สจายํ ตุจฺฉปาตึ ปสฺสิสฺสติ, เทวสมาคมํ ปวิสิตุํ น ลภิสฺสาม, สีสมฺปิ โน สตฺตธา ผเลยฺยา’’ติ. อถ ¶ นํ ปาตึ ทิพฺพปูเวหิ ปุณฺณํ อกํสุ. กสฺสา คุฬมณฺฑเล เปตฺวา อุคฺฆาฏิตมตฺตาย ปูวคนฺโธ สกลนคเร ฉาเทตฺวา ิโต. ปูวขณฺฑํ มุเข ปิตมตฺตเมว สตฺตรสหรณีสหสฺสานิ อนุผริ.
โส จินฺเตสิ – ‘‘นาหํ มาตุ ปิโย, เอตฺตกํ เม กาลํ อิมํ นตฺถิปูวํ ¶ นาม น ปจิ, อิโต ปฏฺาย อฺํ ปูวํ นาม น ขาทิสฺสามี’’ติ, โส เคหํ คนฺตฺวาว มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม ¶ , ตุมฺหากํ อหํ ปิโย, อปฺปิโย’’ติ? ‘‘ตาต, เอกกฺขิโน อกฺขิ วิย จ หทยํ วิย จ อติวิย ปิโย เม อโหสี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา เอตฺตกํ กาลํ มยฺหํ นตฺถิ ปูวํ น ปจิตฺถ, อมฺมา’’ติ? สา จูฬูปฏฺากํ ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ กิฺจิ ปาติยํ, ตาตา’’ติ? ‘‘ปริปุณฺณา, อยฺเย, ปาติ ปูเวหิ, เอวรูปา ปูวา นาม เม น ทิฏฺปุพฺพา’’ติ อาโรเจสิ. สา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ปฺุวา กตาภินีหาโร ภวิสฺสติ, เทวตาหิ ปาตึ ปูเรตฺวา ปูวา ปหิตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘อถ นํ ปุตฺโต, อมฺม, อิโต ปฏฺายาหํ อฺํ ปูวํ นาม น ขาทิสฺสามิ, นตฺถิปูวเมว ปเจยฺยาสี’’ติ. สาปิสฺส ตโต ปฏฺาย ‘‘ปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติ วุตฺเต ตุจฺฉปาติเมว อฺาย ปาติยา ปฏิกุจฺฉิตฺวา เปเสสิ. ยาว อคารมชฺเฌ วสิ, ตาวสฺส เทวตาว ปูเว ปหิณึสุ.
โส เอตฺตกมฺปิ อชานนฺโต ปพฺพชฺชํ นาม กึ ชานิสฺสติ? ตสฺมา ‘‘กา เอสา ปพฺพชฺชา นามา’’ติ ภาตรํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โอหาริตเกสมสฺสุนา กาสายนิวตฺเถน กฏฺตฺถรเก วา พิทลมฺจเก วา นิปชฺชิตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺเตน วิหริตพฺพํ. เอสา ปพฺพชฺชา นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภาติก, อหํ สุขุมาโล. นาหํ สกฺขิสฺสามิ ปพฺพชิตุ’’นฺติ ¶ อาห. ‘‘เตน หิ, ตาต, กมฺมนฺตํ อุคฺคเหตฺวา ฆราวาสํ วส. น หิ สกฺกา อมฺเหสุ เอเกน อปพฺพชิตุ’’นฺติ. อถ นํ ‘‘โก เอส กมฺมนฺโต นามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภตฺตุฏฺานฏฺานมฺปิ อชานนฺโต กุลปุตฺโต กมฺมนฺตํ นาม กึ ชานิสฺสตี’’ติ? เอกทิวสฺหิ ติณฺณํ ขตฺติยานํ กถา อุทปาทิ – ‘‘ภตฺตํ นาม กุหึ อุฏฺหตี’’ติ? กิมิโล อาห – ‘‘โกฏฺเ อุฏฺหตี’’ติ. อถ นํ ภทฺทิโย ‘‘ตฺวํ ภตฺตสฺส อุฏฺานฏฺานํ น ชานาสิ, ภตฺตํ นาม อุกฺขลิยํ อุฏฺหตี’’ติ อาห. อนุรุทฺโธ ‘‘ตุมฺเห ทฺเวปิ น ชานาถ, ภตฺตํ นาม รตนมกุฬาย สุวณฺณปาติยํ อุฏฺหตี’’ติ อาห.
เตสุ ¶ กิร เอกทิวสํ กิมิโล โกฏฺโต วีหี โอตาริยมาเน ทิสฺวา, ‘‘เอเต โกฏฺเเยว ชาตา’’ติ สฺี อโหสิ. ภทฺทิโย เอกทิวสํ อุกฺขลิโต ภตฺตํ วฑฺฒิยมานํ ทิสฺวา ‘‘อุกฺขลิยฺเว อุปฺปนฺน’’นฺติ สฺี อโหสิ. อนุรุทฺเธน ปน เนว วีหี โกฏฺเฏนฺตา, น ภตฺตํ ปจนฺตา, น วฑฺเฒนฺตา ทิฏฺปุพฺพา, วฑฺเฒตฺวา ปน ปุรโต ปิตเมว ปสฺสติ. โส ภฺุชิตุกามกาเล ‘‘ภตฺตํ ปาติยํ อุฏฺหตี’’ติ สฺมกาสิ. เอวํ ตโยปิ เต ภตฺตุฏฺานฏฺานํ น ชานนฺติ. เตนายํ ‘‘โก เอส กมฺมนฺโต นามา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ปมํ เขตฺตํ กสาเปตพฺพ’’นฺติอาทิกํ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร กตฺตพฺพํ กิจฺจํ สุตฺวา, ‘‘กทา กมฺมนฺตานํ อนฺโต ปฺายิสฺสติ, กทา มยํ อปฺโปสฺสุกฺกา โภเค ภฺุชิสฺสามา’’ติ วตฺวา กมฺมนฺตานํ อปริยนฺตตาย อกฺขาตาย ‘‘เตน หิ ตฺวฺเว ฆราวาสํ วส, น มยฺหํ เอเตนตฺโถ’’ติ มาตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ¶ , ‘‘อนุชานาหิ มํ, อมฺม, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาย นานปฺปกาเรหิ ติกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา, ‘‘สเจ เต สหายโก ภทฺทิยราชา ปพฺพชิสฺสติ, เตน สทฺธึ ปพฺพชาหี’’ติ วุตฺเต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘มม โข, สมฺม, ปพฺพชฺชา ตว ปฏิพทฺธา’’ติ วตฺวา ตํ นานปฺปกาเรหิ สฺาเปตฺวา สตฺตเม ทิวเส อตฺตนา สทฺธึ ปพฺพชนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหิ.
ตโต ภทฺทิโย สกฺยราชา อนุรุทฺโธ อานนฺโท ภคุ กิมิโล เทวทตฺโตติ อิเม ฉ ขตฺติยา อุปาลิกปฺปกสตฺตมา เทวา วิย ทิพฺพสมฺปตฺตึ สตฺตาหํ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อุยฺยานํ คจฺฉนฺตา วิย จตุรงฺคินิยา เสนาย นิกฺขมิตฺวา ปรวิสยํ ปตฺวา ราชาณาย เสนํ นิวตฺตาเปตฺวา ปรวิสยํ โอกฺกมึสุ. ตตฺถ ฉ ขตฺติยา อตฺตโน อตฺตโน อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา, ‘‘หนฺท ภเณ, อุปาลิ, นิวตฺตสฺสุ, อลํ เต เอตฺตกํ ชีวิกายา’’ติ ตสฺส อทํสุ. โส เตสํ ปาทมูเล ปริวตฺติตฺวา ปริเทวิตฺวา เตสํ อาณํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต อุฏฺาย ตํ คเหตฺวา นิวตฺติ. เตสํ ทฺวิธา ชาตกาเล, วนํ อาโรทนปฺปตฺตํ วิย ปถวีกมฺปมานาการปฺปตฺตา วิย อโหสิ. อุปาลิ กปฺปโกปิ โถกํ คนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา ‘‘จณฺฑา โข สากิยา, ‘อิมินา กุมารา นิปฺปาติตา’ติ ฆาเตยฺยุมฺปิ มํ. อิเม หิ นาม สกฺยกุมารา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ปหาย อิมานิ อนคฺฆานิ อาภรณานิ เขฬปิณฺฑํ วิย ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิสฺสนฺติ, กิมงฺคํ ¶ ¶ ปนาห’’นฺติ ภณฺฑิกํ โอมฺุจิตฺวา ตานิ อาภรณานิ รุกฺเข ลคฺเคตฺวา ‘‘อตฺถิกา คณฺหนฺตู’’ติ วตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตหิ ‘‘กสฺมา นิวตฺโตสี’’ติ ปุฏฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ เต อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘มยํ, ภนฺเต, สากิยา นาม มานนิสฺสิตา, อยํ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ ปริจารโก, อิมํ ปมตรํ ปพฺพาเชถ, มยมสฺส อภิวาทนาทีนิ กริสฺสาม, เอวํ โน มาโน นิมฺมานายิสฺสตี’’ติ วตฺวา ตํ ปมตรํ ปพฺพาเชตฺวา ปจฺฉา สยํ ปพฺพชึสุ. เตสุ อายสฺมา ภทฺทิโย เตเนว อนฺตรวสฺเสน เตวิชฺโช อโหสิ. อายสฺมา อนุรุทฺโธ ทิพฺพจกฺขุโก หุตฺวา ปจฺฉา มหาวิตกฺกสุตฺตํ (อ. นิ. ๘.๓๐) สุตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อายสฺมา อานนฺโท โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ภคุตฺเถโร จ กิมิลตฺเถโร จ อปรภาเค วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เทวทตฺโต โปถุชฺชนิกํ อิทฺธึ ปตฺโต.
อปรภาเค สตฺถริ โกสมฺพิยํ วิหรนฺเต สสาวกสงฺฆสฺส ตถาคตสฺส มหนฺโต ลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺติ. วตฺถเภสชฺชาทิหตฺถา มนุสฺสา วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘กุหึ สตฺถา, กุหึ สาริปุตฺตตฺเถโร, กุหึ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร, กุหึ มหากสฺสปตฺเถโร, กุหึ ภทฺทิยตฺเถโร, กุหึ อนุรุทฺธตฺเถโร, กุหึ อานนฺทตฺเถโร, กุหึ ภคุตฺเถโร, กุหึ กิมิลตฺเถโร’’ติ อสีติมหาสาวกานํ นิสินฺนฏฺานํ ¶ โอโลเกนฺตา วิจรนฺติ. ‘‘เทวทตฺตตฺเถโร กุหึ นิสินฺโน วา, ิโต วา’’ติ ปุจฺฉนฺโต นาม นตฺถิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อหมฺปิ เอเตหิ สทฺธิฺเว ปพฺพชิโต, เอเตปิ ขตฺติยปพฺพชิตา, อหมฺปิ ขตฺติยปพฺพชิโต, ลาภสกฺการหตฺถา ¶ มนุสฺสา เอเตเยว ปริเยสนฺติ, มม นามํ คเหตาปิ นตฺถิ. เกน นุ โข สทฺธึ เอกโต หุตฺวา กํ ปสาเทตฺวา มม ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข ราชา พิมฺพิสาโร ปมทสฺสเนเนว เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, น สกฺกา เอเตน สทฺธึ เอกโต ภวิตุํ, โกสลรฺาปิ สทฺธึ น สกฺกา ภวิตุํ. อยํ โข ปน รฺโ ปุตฺโต อชาตสตฺตุ กุมาโร กสฺสจิ คุณโทเส น ชานาติ, เอเตน สทฺธึ เอกโต ภวิสฺสามี’’ติ. โส โกสมฺพิโต ราชคหํ คนฺตฺวา กุมารกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา จตฺตาโร อาสีวิเส จตูสุ หตฺถปาเทสุ เอกํ คีวาย ปิลนฺธิตฺวา ¶ เอกํ สีเส จุมฺพฏกํ กตฺวา เอกํ เอกํสํ กริตฺวา อิมาย อหิเมขลาย อากาสโต โอรุยฺห อชาตสตฺตุสฺส อุจฺฉงฺเค นิสีทิตฺวา เตน ภีเตน ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อหํ เทวทตฺโต’’ติ วตฺวา ตสฺส ภยวิโนทนตฺถํ ตํ อตฺตภาวํ ปฏิสํหริตฺวา สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธโร ปุรโต ตฺวา ตํ ปสาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตสิ. โส ลาภสกฺการาภิภูโต ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ ปาปกํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สห จิตฺตุปฺปาเทน อิทฺธิโต ปริหายิตฺวา สตฺถารํ เวฬุวนวิหาเร สราชิกาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺตํ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา อฺชลึ ปคฺคยฺห – ‘‘ภควา, ภนฺเต, เอตรหิ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก, อปฺโปสฺสุกฺโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยฺุชตุ, อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามิ, นิยฺยาเทถ เม ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติ ¶ วตฺวา สตฺถารา เขฬาสกวาเทน อปสาเทตฺวา ปฏิกฺขิตฺโต อนตฺตมโน อิมํ ปมํ ตถาคเต อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ปกฺกามิ.
อถสฺส ภควา ราชคเห ปกาสนียกมฺมํ กาเรสิ. โส ‘‘ปริจฺจตฺโต ทานิ อหํ สมเณน โคตเมน, อิทานิสฺส อนตฺถํ กริสฺสามี’’ติ อชาตสตฺตุํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ปุพฺเพ โข, กุมาร, มนุสฺสา ทีฆายุกา, เอตรหิ อปฺปายุกา. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ตฺวํ กุมาโรว สมาโน กาลํ กเรยฺยาสิ, เตน หิ ตฺวํ, กุมาร, ปิตรํ หนฺตฺวา ราชา โหหิ, อหํ ภควนฺตํ หนฺตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตสฺมึ รชฺเช ปติฏฺิเต ตถาคตสฺส วธาย ปุริเส ปโยเชตฺวา เตสุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา นิวตฺเตสุ สยํ คิชฺฌกูฏปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา, ‘‘อหเมว สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามี’’ติ สิลํ ปวิชฺฌิตฺวา รุหิรุปฺปาทกกมฺมํ กตฺวา อิมินาปิ อุปาเยน มาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ปุน นาฬาคิรึ วิสฺสชฺชาเปสิ. ตสฺมึ อาคจฺฉนฺเต อานนฺทตฺเถโร อตฺตโน ชีวิตํ สตฺถุ ปริจฺจชิตฺวา ปุรโต อฏฺาสิ. สตฺถา นาคํ ทเมตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อเนกสหสฺเสหิ อุปาสเกหิ อภิหฏํ มหาทานํ ปริภฺุชิตฺวา ตสฺมึ ¶ ทิวเส สนฺนิปติตานํ อฏฺารสโกฏิสงฺขาตานํ ราชคหวาสีนํ อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมเย ชาเต ‘‘อโห อายสฺมา อานนฺโท มหาคุโณ, ตถารูเป นาม หตฺถินาเค อาคจฺฉนฺเต อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ¶ ¶ สตฺถุ ปุรโตว อฏฺาสี’’ติ เถรสฺส คุณกถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มมตฺถาย ชีวิตํ ปริจฺจชิเยวา’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต จูฬหํส (ชา. ๑.๑๕.๑๓๓ อาทโย; ๒.๒๑.๑ อาทโย) – มหาหํส (ชา. ๒.๒๑.๘๙ อาทโย) – กกฺกฏกชาตกานิ (ชา. ๑.๓.๔๙ อาทโย) กเถสิ. เทวทตฺตสฺสาปิ กมฺมํ เนว ปากฏํ, ตถา รฺโ มาราปิตตฺตา, น วธกานํ ปโยชิตตฺตา น สิลาย ปวิทฺธตฺตา ปากฏํ อโหสิ, ยถา นาฬาคิริหตฺถิโน วิสฺสชฺชิตตฺตา. ตทา หิ มหาชโน ‘‘ราชาปิ เทวทตฺเตเนว มาราปิโต, วธโกปิ ปโยชิโต, สิลาปิ อปวิทฺธา. อิทานิ ปน เตน นาฬาคิริ วิสฺสชฺชาปิโต, เอวรูปํ นาม ปาปกํ คเหตฺวา ราชา วิจรตี’’ติ โกลาหลมกาสิ.
ราชา มหาชนสฺส กถํ สุตฺวา ปฺจ ถาลิปากสตานิ นีหราเปตฺวา น ปุน ตสฺสูปฏฺานํ อคมาสิ, นาคราปิสฺส กุลํ อุปคตสฺส ภิกฺขามตฺตมฺปิ น อทํสุ. โส ปริหีนลาภสกฺกาโร โกหฺเน ชีวิตุกาโม สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิตฺวา ภควโต ‘‘อลํ, เทวทตฺต, โย อิจฺฉติ, โส อารฺโก โหตู’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต กสฺสาวุโส, วจนํ โสภนํ, กึ ตถาคตสฺส อุทาหุ มม, อหฺหิ อุกฺกฏฺวเสน เอวํ วทามิ, ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ภิกฺขู ยาวชีวํ อารฺกา อสฺสุ, ปิณฺฑปาติกา, ปํสุกูลิกา, รุกฺขมูลิกา, มจฺฉมํสํ น ขาเทยฺยุ’’นฺติ. ‘‘โย ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, โส มยา สทฺธึ อาคจฺฉตู’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺส วจนํ ¶ สุตฺวา เอกจฺเจ นวกปพฺพชิตา มนฺทพุทฺธิโน ‘‘กลฺยาณํ เทวทตฺโต อาห, เอเตน สทฺธึ วิจริสฺสามา’’ติ เตน สทฺธึ เอกโต อเหสุํ. อิติ โส ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เตหิ ปฺจหิ วตฺถูหิ ลูขปฺปสนฺนํ ชนํ สฺาเปนฺโต กุเลสุ วิฺาเปตฺวา วิฺาเปตฺวา ภฺุชนฺโต สงฺฆเภทาย ปรกฺกมิ. โส ภควตา, ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, เทวทตฺต, สงฺฆเภทาย ปรกฺกมสิ จกฺกเภทายา’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ วตฺวา, ‘‘ครุโก โข, เทวทตฺต, สงฺฆเภโท’’ติอาทีหิ โอวทิโตปิ สตฺถุ วจนํ อนาทิยิตฺวา ปกฺกนฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อชฺชตคฺเค ทานาหํ, อาวุโส อานนฺท, อฺตฺเรว ภควตา, อฺตฺร, ภิกฺขุสงฺฆา อุโปสถํ กริสฺสามิ, สงฺฆกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อาห. เถโร ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสิ. ตํ วิทิตฺวา สตฺถา อุปฺปนฺนธมฺมสํเวโค หุตฺวา, ‘‘เทวทตฺโต ¶ สเทวกสฺส โลกสฺส อนตฺถนิสฺสิตํ อตฺตโน อวีจิมฺหิ ปจฺจนกกมฺมํ กโรตี’’ติ วิตกฺเกตฺวา –
‘‘สุกรานิ ¶ อสาธูนิ, อตฺตโน อหิตานิ จ;
ยํ เว หิตฺจ สาธฺุจ, ตํ เว ปรมทุกฺกร’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๖๓) –
อิมํ คาถํ วตฺวา ปุน อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สุกรํ สาธุนา สาธุ, สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ;
ปาปํ ปาเปน สุกรํ, ปาปมริเยหิ ทุกฺกร’’นฺติ. (อุทา. ๔๘; จูฬว. ๓๔๓);
อถ โข เทวทตฺโต อุโปสถทิวเส อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา, ‘‘ยสฺสิมานิ ปฺจ วตฺถูนิ ขมนฺติ ¶ , โส สลากํ คณฺหตู’’ติ วตฺวา ปฺจสเตหิ วชฺชิปุตฺตเกหิ นวเกหิ อปฺปกตฺูหิ สลากาย คหิตาย สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา เต ภิกฺขู อาทาย คยาสีสํ อคมาสิ. ตสฺส ตตฺถ คตภาวํ สุตฺวา สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ อานยนตฺถาย ทฺเว อคฺคสาวเก เปเสสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยา เจว อิทฺธิปาฏิหาริยานุสาสนิยา จ อนุสาสนฺตา เต อมตํ ปาเยตฺวา อาทาย อากาเสน อาคมึสุ. โกกาลิโกปิ โข ‘‘อุฏฺเหิ, อาวุโส เทวทตฺต, นีตา เต ภิกฺขู สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ, นนุ ตฺวํ มยา วุตฺโต ‘มา, อาวุโส, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน วิสฺสาสี’ติ. ปาปิจฺฉา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติ วตฺวา ชณฺณุเกน หทยมชฺเฌ ปหริ, ตสฺส ตตฺเถว อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคฺฉิ. อายสฺมนฺตํ ปน สาริปุตฺตํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ อากาเสน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต คมนกาเล อตฺตทุติโย คโต, อิทานิ มหาปริวาโร อาคจฺฉนฺโต โสภตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว สาริปุตฺโต โสภติ, ปุพฺเพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตกาเลปิ มยฺหํ ปุตฺโต มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต โสภิเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘โหติ สีลวตํ อตฺโถ, ปฏิสนฺถารวุตฺตินํ;
ลกฺขณํ ปสฺส อายนฺตํ, าติสงฺฆปุรกฺขตํ;
อถ ปสฺสสิมํ กาฬํ, สุวิหีนํว าติภี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๑) –
อิทํ ¶ ¶ ชาตกํ กเถสิ. ปุน ภิกฺขูหิ, ‘‘ภนฺเต, เทวทตฺโต กิร ทฺเว อคฺคสาวเก อุโภสุ ปสฺเสสุ นิสีทาเปตฺวา ‘พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสสฺสามี’ติ ตุมฺหากํ อนุกิริยํ กโรตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘น ¶ , ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มม อนุกิริยํ กาตุํ วายมิ, น ปน สกฺขี’’ติ วตฺวา –
‘‘อปิ วีรก ปสฺเสสิ, สกุณํ มฺชุภาณกํ;
มยูรคีวสงฺกาสํ, ปตึ มยฺหํ สวิฏฺกํ.
‘‘อุทกถลจรสฺส ปกฺขิโน,
นิจฺจํ อามกมจฺฉโภชิโน;
ตสฺสานุกรํ สวิฏฺโก,
เสวาเล ปลิคุณฺิโต มโต’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๐๗-๑๐๘) –
อาทินา ชาตกํ วตฺวา อปราปเรสุปิ ทิวเสสุ ตถานุรูปเมว กถํ อารพฺภ –
‘‘อจาริ วตายํ วิตุทํ วนานิ,
กฏฺงฺครุกฺเขสุ อสารเกสุ;
อถาสทา ขทิรํ ชาตสารํ,
ยตฺถพฺภิทา ครุโฬ อุตฺตมงฺค’’นฺติ. (ชา. ๑.๒.๑๒๐);
‘‘ลสี ¶ จ เต นิปฺผลิกา, มตฺถโก จ ปทาลิโต;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, อชฺช โข ตฺวํ วิโรจสี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๔๓) –
เอวมาทีนิ ชาตกานิ กเถสิ. ปุน ‘‘อกตฺู เทวทตฺโต’’ติ กถํ อารพฺภ –
‘‘อกรมฺหส เต กิจฺจํ, ยํ พลํ อหุวมฺหเส;
มิคราช นโม ตฺยตฺถุ, อปิ กิฺจิ ลภามเส.
‘‘มม โลหิตภกฺขสฺส, นิจฺจํ ลุทฺทานิ กุพฺพโต;
ทนฺตนฺตรคโต สนฺโต, ตํ พหุํ ยมฺปิ ชีวสี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๒๙-๓๐) –
อาทีนิ ¶ ชาตกานิ กเถสิ. ปุน วธาย ปริสกฺกนมสฺส อารพฺภ –
‘‘าตเมตํ กุรุงฺคสฺส, ยํ ตฺวํ เสปณฺณิ สิยฺยสิ;
อฺํ เสปณฺณิ คจฺฉามิ, น เม เต รุจฺจเต ผล’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๒๑) –
อาทีนิ ¶ ชาตกานิ กเถสิ. ปุนทิวเส ‘‘อุภโต ปริหีโน เทวทตฺโต ลาภสกฺการโต จ สามฺโต จา’’ติ กถาสุ ปวตฺตมานาสุ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต ปริหีโน, ปุพฺเพเปส ปริหีโนเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘อกฺขี ¶ ภินฺนา ปโฏ นฏฺโ, สขิเคเห จ ภณฺฑนํ;
อุภโต ปทุฏฺา กมฺมนฺตา, อุทกมฺหิ ถลมฺหิ จา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๙) –
อาทีนิ ชาตกานิ กเถสิ. เอวํ ราชคเห วิหรนฺโตว เทวทตฺตํ อารพฺภ พหูนิ ชาตกานิ กเถตฺวา ราชคหโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา เชตวเน วิหาเร วาสํ กปฺเปสิ. เทวทตฺโตปิ โข นว มาเส คิลาโน ปจฺฉิเม กาเล สตฺถารํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา อตฺตโน สาวเก อาห – ‘‘อหํ สตฺถารํ ทฏฺุกาโม, ตํ เม ทสฺเสถา’’ติ. ‘‘ตฺวํ สมตฺถกาเล สตฺถารา สทฺธึ เวรี หุตฺวา อจริ, น มยํ ตตฺถ เนสฺสามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘มา มํ นาเสถ, มยา สตฺถริ อาฆาโต กโต, สตฺถุ ปน มยิ เกสคฺคมตฺโตปิ อาฆาโต นตฺถิ’’. โส หิ ภควา –
‘‘วธเก เทวทตฺตมฺหิ, โจเร องฺคุลิมาลเก;
ธนปาเล ราหุเล จ, สพฺพตฺถ สมมานโส’’ติ. (อป. เถร ๑.๑.๕๘๕; มิ. ป. ๖.๖.๕) –
‘‘ทสฺเสถ เม ภควนฺต’’นฺติ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. อถ นํ เต มฺจเกนาทาย นิกฺขมึสุ. ตสฺส อาคมนํ สุตฺวา ภิกฺขู สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, เทวทตฺโต กิร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉตี’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, โส เตนตฺตภาเวน มํ ปสฺสิตุํ ลภิสฺสตี’’ติ. เทวทตฺโต กิร ปฺจนฺนํ วตฺถูนํ อายาจิตกาลโต ปฏฺาย ปุน พุทฺธํ ทฏฺุํ น ลภติ, อยํ ¶ ธมฺมตา. ‘‘อสุกฏฺานฺจ อสุกฏฺานฺจ อาคโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยํ อิจฺฉติ, ตํ กโรตุ, น โส มํ ปสฺสิตุํ ลภิสฺสตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิโต โยชนมตฺตํ อาคโต, อฑฺฒโยชนํ, คาวุตํ, เชตวนโปกฺขรณีสมีปํ อาคโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจปิ อนฺโตเชตวนํ ปวิสติ, เนว มํ ปสฺสิตุํ ¶ ลภิสฺสตี’’ติ. เทวทตฺตํ คเหตฺวา อาคตา เชตวนโปกฺขรณีตีเร มฺจํ โอตาเรตฺวา โปกฺขรณึ นฺหายิตุํ โอตรึสุ. เทวทตฺโตปิ โข มฺจโต วุฏฺาย อุโภ ปาเท ภูมิยํ เปตฺวา นิสีทิ. ปาทา ปถวึ ปวิสึสุ ¶ . โส อนุกฺกเมน ยาว โคปฺผกา, ยาว ชณฺณุกา, ยาว กฏิโต, ยาว ถนโต, ยาว คีวโต ปวิสิตฺวา หนุกฏฺิกสฺส ภูมิยํ ปวิฏฺกาเล –
‘‘อิเมหิ อฏฺีหิ ตมคฺคปุคฺคลํ,
เทวาติเทวํ นรทมฺมสารถึ;
สมนฺตจกฺขุํ สตปฺุลกฺขณํ,
ปาเณหิ พุทฺธํ สรณํ อุเปมี’’ติ. (มิ. ป. ๔.๑.๓) –
อิมํ คาถมาห. อิทํ กิร านํ ทิสฺวา ตถาคโต เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ. สเจ หิ น โส ปพฺพชิสฺส, คิหี หุตฺวา กมฺมฺจ ภาริยํ อกริสฺส, อายตึ ภวนิสฺสรณปจฺจยํ กาตุํ น สกฺขิสฺส, ปพฺพชิตฺวา จ ปน กิฺจาปิ กมฺมํ ภาริยํ กริสฺสติ, อายตึ ภวนิสฺสรณปจฺจยํ กาตุํ ¶ สกฺขิสฺสตีติ ตํ สตฺถา ปพฺพาเชสิ. โส หิ อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก อฏฺิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสติ, โส ปถวึ ปวิสิตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. นิจฺจเล พุทฺเธ อปรชฺฌภาเวน ปน นิจฺจโลว หุตฺวา ปจฺจตูติ โยชนสติเก อนฺโต อวีจิมฺหิ โยชนสตุพฺเพธเมวสฺส สรีรํ นิพฺพตฺติ. สีสํ ยาว กณฺณสกฺขลิโต อุปริ อยกปลฺลํ ปาวิสิ, ปาทา ยาว โคปฺผกา เหฏฺา อยปถวิยํ ปวิฏฺา, มหาตาลกฺขนฺธปริมาณํ อยสูลํ ปจฺฉิมภิตฺติโต นิกฺขมิตฺวา ปิฏฺิมชฺฌํ ภินฺทิตฺวา อุเรน นิกฺขมิตฺวา ปุริมภิตฺตึ ปาวิสิ, อปรํ ทกฺขิณภิตฺติโต นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ภินฺทิตฺวา วามปสฺเสน นิกฺขมิตฺวา อุตฺตรภิตฺตึ ปาวิสิ, อปรํ อุปริ กปลฺลโต นิกฺขมิตฺวา มตฺถกํ ภินฺทิตฺวา อโธภาเคน นิกฺขมิตฺวา อยปถวึ ปาวิสิ. เอวํ โส ตตฺถ นิจฺจโลว ปจฺจิ.
ภิกฺขู ‘‘เอตฺตกํ านํ เทวทตฺโต อาคจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทฏฺุํ อลภิตฺวาว ปถวึ ปวิฏฺโ’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มยิ อปรชฺฌิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ, ปุพฺเพปิ ปวิฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา หตฺถิราชกาเล มคฺคมูฬฺหํ ปุริสํ สมสฺสาเสตฺวา อตฺตโน ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา เขมนฺตํ ปาปิตสฺส ปุน ติกฺขตฺตุํ อาคนฺตฺวา อคฺคฏฺาเน มชฺฌิมฏฺาเน ¶ มูเลหิ เอวํ ทนฺเต ฉินฺทิตฺวา ตติยวาเร มหาปุริสสฺส จกฺขุปถํ อติกฺกมนฺตสฺส ตสฺส ปถวึ ปวิฏฺภาวํ ทีเปตุํ –
‘‘อกตฺุสฺส ¶ ¶ โปสสฺส, นิจฺจํ วิวรทสฺสิโน;
สพฺพํ เจ ปถวึ ทชฺชา, เนว นํ อภิราธเย’’ติ. (ชา. ๑.๑.๗๒; ๑.๙.๑๐๗) –
อิทํ ชาตกํ กเถตฺวา ปุนปิ ตเถว กถาย สมุฏฺิตาย ขนฺติวาทิภูเต อตฺตนิ อปรชฺฌิตฺวา กลาพุราชภูตสฺส ตสฺส ปถวึ ปวิฏฺภาวํ ทีเปตุํ ขนฺติวาทิชาตกฺจ (ชา. ๑.๔.๔๙ อาทโย), จูฬธมฺมปาลภูเต อตฺตนิ อปรชฺฌิตฺวา มหาปตาปราชภูตสฺส ตสฺส ปถวึ ปวิฏฺภาวํ ทีเปตุํ จูฬธมฺมปาลชาตกฺจ (ชา. ๑.๕.๔๔ อาทโย) กเถสิ.
ปถวึ ปวิฏฺเ ปน เทวทตฺเต มหาชโน หฏฺตุฏฺโ ธชปฏากกทลิโย อุสฺสาเปตฺวา ปุณฺณฆเฏ เปตฺวา ‘‘ลาภา วต โน’’ติ มหนฺตํ ฉณํ อนุโภติ. ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺเต มเต มหาชโน ตุสฺสติ, ปุพฺเพปิ ตุสฺสิเยวา’’ติ วตฺวา สพฺพชนสฺส อปฺปิเย จณฺเฑ ผรุเส พาราณสิยํ ปิงฺคลรฺเ นาม มเต มหาชนสฺส ตุฏฺภาวํ ทีเปตุํ –
‘‘สพฺโพ ชโน หึสิโต ปิงฺคเลน,
ตสฺมึ มเต ปจฺจยา เวทยนฺติ;
ปิโย นุ เต อาสิ อกณฺหเนตฺโต,
กสฺมา ตุวํ โรทสิ ทฺวารปาล.
‘‘น ¶ เม ปิโย อาสิ อกณฺหเนตฺโต,
ภายามิ ปจฺจาคมนาย ตสฺส;
อิโต คโต หึเสยฺย มจฺจุราชํ,
โส หึสิโต อาเนยฺย ปุน อิธา’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๙-๑๘๐) –
อิทํ ปิงฺคลชาตกํ กเถสิ. ภิกฺขู สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, เทวทตฺโต กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรเย, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิธ ตปฺปนฺโต วิจริตฺวา ปุน คนฺตฺวา ตปฺปนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘อาม, ภิกฺขเว, ปพฺพชิตา วา โหนฺตุ คหฏฺา วา, ปมาทวิหาริโน อุภยตฺถ ตปฺปนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ ¶ ¶ ตปฺปติ เปจฺจ ตปฺปติ, ปาปการี อุภยตฺถ ตปฺปติ;
ปาปํ เม กตนฺติ ตปฺปติ, ภิยฺโย ตปฺปติ ทุคฺคตึ คโต’’ติ.
ตตฺถ อิธ ตปฺปตีติ อิธ กมฺมตปฺปเนน โทมนสฺสมตฺเตน ตปฺปติ. เปจฺจาติ ปรโลเก ปน วิปากตปฺปเนน อติทารุเณน อปายทุกฺเขน ตปฺปติ. ปาปการีติ นานปฺปการสฺส ปาปสฺส กตฺตา. อุภยตฺถาติ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน ตปฺปเนน อุภยตฺถ ตปฺปติ นาม. ปาปํ เมติ โส หิ กมฺมตปฺปเนน กปฺปนฺโต ‘‘ปาปํ เม กต’’นฺติ ตปฺปติ. ตํ อปฺปมตฺตกํ ตปฺปนํ, วิปากตปฺปเนน ปน ตปฺปนฺโต ภิยฺโย ตปฺปติ ทุคฺคตึ คโต อติผรุเสน ตปฺปเนน อติวิย ตปฺปตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
เทวทตฺตวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
๑๓. สุมนาเทวีวตฺถุ
อิธ ¶ นนฺทตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุมนาเทวึ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยฺหิ เทวสิกํ อนาถปิณฺฑิกสฺส เคเห ทฺเว ภิกฺขูสหสฺสานิ ภฺุชนฺติ, ตถา วิสาขาย มหาอุปาสิกาย. สาวตฺถิยํ โย โย ทานํ ทาตุกาโม โหติ, โส โส เตสํ อุภินฺนํ โอกาสํ ลภิตฺวาว กโรติ. กึ การณา? ‘‘ตุมฺหากํ ทานคฺคํ อนาถปิณฺฑิโก วา วิสาขา วา อาคตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘นาคตา’’ติ วุตฺเต สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา กตทานมฺปิ ‘‘กึ ทานํ นาเมต’’นฺติ ครหนฺติ. อุโภปิ หิ เต ภิกฺขุสงฺฆสฺส รุจิฺจ อนุจฺฉวิกกิจฺจานิ จ อติวิย ชานนฺติ, เตสุ วิจาเรนฺเตสุ ภิกฺขู จิตฺตรูปํ ภฺุชนฺติ. ตสฺมา สพฺเพ ทานํ ทาตุกามา เต คเหตฺวาว คจฺฉนฺติ. อิติ เต อตฺตโน อตฺตโน ฆเร ภิกฺขู ปริวิสิตุํ น ลภนฺติ. ตโต วิสาขา, ‘‘โก นุ โข มม าเน ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺตี ปุตฺตสฺส ธีตรํ ทิสฺวา ตํ อตฺตโน าเน เปสิ. สา ตสฺสา นิเวสเน ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสติ. อนาถปิณฺฑิโกปิ มหาสุภทฺทํ นาม เชฏฺธีตรํ เปสิ. สา ภิกฺขูนํ ¶ เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺตี ธมฺมํ สุณนฺตี โสตาปนฺนา หุตฺวา ปติกุลํ อคมาสิ. ตโต จูฬสุภทฺทํ เปสิ. สาปิ ตเถว กโรนฺตี โสตาปนฺนา หุตฺวา ปติกุลํ คตา. อถ สุมนเทวึ นาม กนิฏฺธีตรํ เปสิ. สา ปน ธมฺมํ สุตฺวา สกทาคามิผลํ ปตฺวา กุมาริกาว หุตฺวา ตถารูเปน ¶ อผาสุเกน อาตุรา อาหารุปจฺเฉทํ กตฺวา ¶ ปิตรํ ทฏฺุกามา หุตฺวา ปกฺโกสาเปสิ. โส เอกสฺมึ ทานคฺเค ตสฺสา สาสนํ สุตฺวาว อาคนฺตฺวา, ‘‘กึ, อมฺม สุมเน’’ติ อาห. สาปิ นํ อาห – ‘‘กึ, ตาต กนิฏฺภาติกา’’ติ? ‘‘วิลปสิ อมฺมา’’ติ? ‘‘น วิลปามิ, กนิฏฺภาติกา’’ติ. ‘‘ภายสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘น ภายามิ, กนิฏฺภาติกา’’ติ. เอตฺตกํ วตฺวาเยว ปน สา กาลมกาสิ. โส โสตาปนฺโนปิ สมาโน เสฏฺิธีตริ อุปฺปนฺนโสกํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ธีตุ สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา โรทนฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กึ, คหปติ, ทุกฺขี ทุมฺมโน อสฺสุมุโข โรทมาโน อาคโตสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ธีตา เม, ภนฺเต, สุมนเทวี กาลกตา’’ติ อาห. ‘‘อถ กสฺมา โสจสิ, นนุ สพฺเพสํ เอกํสิกํ มรณ’’นฺติ? ‘‘ชานาเมตํ, ภนฺเต, เอวรูปา นาม เม หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา ธีตา, สา มรณกาเล สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตี วิลปมานา มตา, เตน เม อนปฺปกํ โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตาย กถิตํ มหาเสฏฺี’’ติ? ‘‘อหํ ตํ, ภนฺเต, ‘อมฺม, สุมเน’ติ อามนฺเตสึ. อถ มํ อาห – ‘กึ, ตาต, กนิฏฺภาติกา’ติ? ‘วิลปสิ, อมฺมา’ติ? ‘น วิลปามิ, กนิฏฺภาติกา’ติ. ‘ภายสิ, อมฺมา’ติ? ‘น ภายามิ กนิฏฺภาติกา’ติ. เอตฺตกํ วตฺวา กาลมกาสี’’ติ. อถ นํ ภควา อาห – ‘‘น เต มหาเสฏฺิ ธีตา วิลปตี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา ภนฺเต เอวมาหา’’ติ? ‘‘กนิฏฺตฺตาเยว ¶ . ธีตา หิ เต, คหปติ, มคฺคผเลหิ ตยา มหลฺลิกา. ตฺวฺหิ โสตาปนฺโน, ธีตา ปน เต สกทาคามินี. สา มคฺคผเลหิ ตยา มหลฺลิกตฺตา ตํ เอวมาหา’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอวํ, คหปตี’’ติ. ‘‘อิทานิ กุหึ นิพฺพตฺตา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตุสิตภวเน, คหปตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มม ธีตา อิธ าตกานํ อนฺตเร นนฺทมานา วิจริตฺวา อิโต คนฺตฺวาปิ นนฺทนฏฺาเนเยว นิพฺพตฺตา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อาม, คหปติ, อปฺปมตฺตา นาม คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา อิธ โลเก จ ปรโลเก จ นนฺทนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อิธ ¶ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทติ, กตปฺุโ อุภยตฺถ นนฺทติ;
ปฺุํ เม กตนฺติ นนฺทติ, ภิยฺโย นนฺทติ สุคฺคตึ คโต’’ติ.
ตตฺถ อิธาติ อิธ โลเก กมฺมนนฺทเนน นนฺทติ. เปจฺจาติ ปรโลเก วิปากนนฺทเนน นนฺทติ. กตปฺุโติ นานปฺปการสฺส ปฺุสฺส กตฺตา. อุภยตฺถาติ อิธ ‘‘กตํ เม กุสลํ, อกตํ เม ปาป’’นฺติ นนฺทติ, ปรตฺถ วิปากํ อนุภวนฺโต นนฺทติ. ปฺุํ เมติ อิธ นนฺทนฺโต ปน ‘‘ปฺุํ เม กต’’นฺติ โสมนสฺสมตฺเตเนว กมฺมนนฺทนํ อุปาทาย นนฺทติ. ภิยฺโยติ วิปากนนฺทเนน ปน สุคตึ คโต สตฺตปฺาสวสฺสโกฏิโย สฏฺิวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ตุสิตปุเร อติวิย นนฺทตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ ¶ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
สุมนาเทวีวตฺถุ เตรสมํ.
๑๔. ทฺเวสหายกภิกฺขุวตฺถุ
พหุมฺปิ เจติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว สหายเก อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิวาสิโน หิ ทฺเว กุลปุตฺตา สหายกา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา กาเม ปหาย สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปฺจ วสฺสานิ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก วสิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สาสเน ธุรํ ปุจฺฉิตฺวา วิปสฺสนาธุรฺจ คนฺถธุรฺจ วิตฺถารโต สุตฺวา เอโก ตาว ‘‘อหํ, ภนฺเต, มหลฺลกกาเล ปพฺพชิโต น สกฺขิสฺสามิ คนฺถธุรํ ปูเรตุํ, วิปสฺสนาธุรํ ปน ปูเรสฺสามี’’ติ ยาว อรหตฺตา วิปสฺสนาธุรํ กถาเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิตโร ปน ‘‘อหํ คนฺถธุรํ ปูเรสฺสามี’’ติ อนุกฺกเมน เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา คตคตฏฺาเน ธมฺมํ กเถติ, สรภฺํ ภณติ, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ธมฺมํ วาเจนฺโต วิจรติ. อฏฺารสนฺนํ มหาคณานํ อาจริโย อโหสิ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ¶ อิตรสฺส เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตสฺส โอวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ ¶ วทนฺติ. เถโร ‘‘คจฺฉถ, อาวุโส, มม วจเนน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อสีติ มหาเถเร วนฺทถ, สหายกตฺเถรมฺปิ เม ‘อมฺหากํ อาจริโย ตุมฺเห วนฺทตี’ติ วทถา’’ติ เปเสติ. เต ภิกฺขู วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารฺเจว อสีติ มหาเถเร จ วนฺทิตฺวา คนฺถิกตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อาจริโย ตุมฺเห วนฺทตี’’ติ วทนฺติ. อิตเรน จ ‘‘โก นาม โส’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตุมฺหากํ สหายกภิกฺขุ, ภนฺเต’’ติ วทนฺติ. เอวํ เถเร ปุนปฺปุนํ สาสนํ ปหิณนฺเต โส ภิกฺขุ โถกํ กาลํ สหิตฺวา อปรภาเค สหิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ตุมฺเห วนฺทตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘โก เอโส’’ติ วตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ สหายกภิกฺขู’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ปน ตุมฺเหหิ ตสฺส สนฺติเก อุคฺคหิตํ, กึ ทีฆนิกายาทีสุ อฺตโร นิกาโย, กึ ตีสุ ปิฏเกสุ เอกํ ปิฏก’’นฺติ วตฺวา ‘‘จตุปฺปทิกมฺปิ คาถํ น ชานาติ, ปํสุกูลํ คเหตฺวา ปพฺพชิตกาเลเยว อรฺํ ปวิฏฺโ, พหู วต อนฺเตวาสิเก ลภิ, ตสฺส อาคตกาเล มยา ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตสิ.
อถ อปรภาเค เถโร สตฺถารํ ทฏฺุํ อาคโต. สหายกสฺส เถรสฺส สนฺติเก ปตฺตจีวรํ เปตฺวา ¶ คนฺตฺวา สตฺถารฺเจว อสีติ มหาเถเร จ วนฺทิตฺวา สหายกสฺส วสนฏฺานํ ปจฺจาคมิ. อถสฺส โส วตฺตํ กาเรตฺวา สมปฺปมาณํ อาสนํ คเหตฺวา, ‘‘ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา ‘‘เอส เอวรูปํ มม ปุตฺตํ วิเหเตฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺยา’’ติ ตสฺมึ อนุกมฺปาย วิหารจาริกํ จรนฺโต วิย เตสํ นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. ตตฺถ ตตฺถ นิสีทนฺตา หิ ภิกฺขู พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวาว นิสีทนฺติ. เตน ¶ สตฺถา ปกติปฺตฺเตเยว อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ปน คนฺถิกภิกฺขุํ ปมชฺฌาเน ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ อกถิเต ทุติยชฺฌานํ อาทึ กตฺวา อฏฺสุปิ สมาปตฺตีสุ รูปารูเปสุ จ ปฺหํ ปุจฺฉิ. คนฺถิกตฺเถโร เอกมฺปิ กเถตุํ นาสกฺขิ. อิตโร ตํ สพฺพํ กเถสิ. อถ นํ โสตาปตฺติมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ. คนฺถิกตฺเถโร กเถตุํ นาสกฺขิ. ตโต ขีณาสวตฺเถรํ ปุจฺฉิ. เถโร กเถสิ. สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขู’’ติ อภินนฺทิตฺวา เสสมคฺเคสุปิ ปฏิปาฏิยา ¶ ปฺหํ ปุจฺฉิ. คนฺถิโก เอกมฺปิ กเถตุํ นาสกฺขิ, ขีณาสโว ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ กเถสิ. สตฺถา จตูสุปิ าเนสุ ตสฺส สาธุการํ อทาสิ. ตํ สุตฺวา ภุมฺมเทเว อาทึ กตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกา สพฺพา เทวตา เจว นาคสุปณฺณา จ สาธุการํ อทํสุ. ตํ สาธุการํ สุตฺวา ตสฺส อนฺเตวาสิกา เจว สทฺธิวิหาริโน จ สตฺถารํ อุชฺฌายึสุ – ‘‘กึ นาเมตํ สตฺถารา กตํ, กิฺจิ อชานนฺตสฺส มหลฺลกตฺเถรสฺส จตูสุ าเนสุ สาธุการํ อทาสิ, อมฺหากํ ปนาจริยสฺส สพฺพปริยตฺติธรสฺส ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปาโมกฺขสฺส ปสํสามตฺตมฺปิ น กรี’’ติ. อถ เน สตฺถา ‘‘กึ นาเมตํ, ภิกฺขเว, กเถถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ อตฺเถ อาโรจิเต, ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ อาจริโย มม สาสเน ภติยา คาโว รกฺขณสทิโส, มยฺหํ ปน ปุตฺโต ยถารุจิยา ปฺจ โครเส ปริภฺุชนกสามิสทิโส’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘พหุมฺปิ ¶ เจ สํหิต ภาสมาโน,
น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต;
โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ,
น ภาควา สามฺสฺส โหติ.
‘‘อปฺปมฺปิ เจ สํหิต ภาสมาโน,
ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารี;
ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ,
สมฺมปฺปชาโน สุวิมุตฺตจิตฺโต.
‘‘อนุปาทิยาโน ¶ อิธ วา หุรํ วา,
ส ภาควา สามฺสฺส โหตี’’ติ.
ตตฺถ สํหิตนฺติ เตปิฏกสฺส พุทฺธวจนสฺเสตํ นามํ. ตํ อาจริเย อุปสงฺกมิตฺวา อุคฺคณฺหิตฺวา พหุมฺปิ ปเรสํ ภาสมาโน วาเจนฺโต ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ยํ การเกน ปุคฺคเลน กตฺตพฺพํ, ตกฺกโร น โหติ. กุกฺกุฏสฺส ปกฺขปหรณมตฺตมฺปิ อนิจฺจาทิวเสน โยนิโสมนสิการํ นปฺปวตฺเตติ. เอโส ยถา นาม ทิวสํ ภติยา คาโว รกฺขนฺโต โคโป ปาโตว นิรวเสสํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สายํ คเหตฺวา สามิกานํ นิยฺยาเทตฺวา ทิวสภติมตฺตํ คณฺหาติ, ยถารุจิยา ปน ปฺจ โครเส ปริภฺุชิตุํ ¶ น ลภติ, เอวเมว เกวลํ อนฺเตวาสิกานํ สนฺติกา วตฺตปฏิวตฺตกรณมตฺตสฺส ภาคี โหติ, สามฺสฺส ปน ภาคี น โหติ. ยถา ปน โคปาลเกน นิยฺยาทิตานํ ¶ คุนฺนํ โครสํ สามิกาว ปริภฺุชนฺติ, ตถา เตน กถิตํ ธมฺมํ สุตฺวา การกปุคฺคลา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชิตฺวา เกจิ ปมชฺฌานาทีนิ ปาปุณนฺติ, เกจิ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคผลานิ ปาปุณนฺติ, โคณสามิกา โครสสฺเสว สามฺสฺส ภาคิโน โหนฺติ.
อิติ สตฺถา สีลสมฺปนฺนสฺส พหุสฺสุตสฺส ปมาทวิหาริโน อนิจฺจาทิวเสน โยนิโสมนสิกาเร ปมตฺตสฺส ภิกฺขุโน วเสน ปมํ คาถํ กเถสิ, น ทุสฺสีลสฺส. ทุติยคาถา ปน อปฺปสฺสุตสฺสปิ โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺตสฺส การกปุคฺคลสฺส วเสน กถิตา.
ตตฺถ อปฺปมฺปี เจติ โถกํ เอกวคฺคทฺวิวคฺคมตฺตมฺปิ. ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารีติ อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย นวโลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุรูปํ ธมฺมํ ปุพฺพภาคปฏิปทาสงฺขาตํ จตุปาริสุทฺธิสีลธุตงฺคอสุภกมฺมฏฺานาทิเภทํ จรนฺโต อนุธมฺมจารี โหติ. โส ‘‘อชฺช อชฺเชวา’’ติ ปฏิเวธํ อากงฺขนฺโต วิจรติ. โส อิมาย สมฺมาปฏิปตฺติยา ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ สมฺมา เหตุนา นเยน ปริชานิตพฺเพ ธมฺเม ปริชานนฺโต ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺตีนํ วเสน สุวิมุตฺตจิตฺโต, อนุปาทิยาโน อิธ วา หุรํ วาติ อิธโลกปรโลกปริยาปนฺนา วา อชฺฌตฺติกพาหิรา วา ขนฺธายตนธาตุโย จตูหิ อุปาทาเนหิ อนุปาทิยนฺโต มหาขีณาสโว มคฺคสงฺขาตสฺส สามฺสฺส วเสน อาคตสฺส ผลสามฺสฺส ¶ เจว ปฺจอเสกฺขธมฺมกฺขนฺธสฺส จ ภาควา โหตีติ รตนกูเฏน วิย อคารสฺส อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
ทฺเวสหายกภิกฺขุวตฺถุ จุทฺทสมํ.
ยมกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปโม วคฺโค.
๒. อปฺปมาทวคฺโค
๑. สามาวตีวตฺถุ
อปฺปมาโท ¶ ¶ ¶ อมตปทนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โกสมฺพึ อุปนิสฺสาย โฆสิตาราเม วิหรนฺโต สามาวติปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ, มาคณฺฑิยปฺปมุขานฺจ เอติสฺสา ปฺจนฺนํ าติสตานํ มรณพฺยสนํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต อลฺลกปฺปรฏฺเ อลฺลกปฺปราชา นาม, เวทีปกรฏฺเ เวทีปกราชา นามาติ อิเม ทฺเว ทหรกาลโต ปฏฺาย สหายกา หุตฺวา เอกาจริยกุเล สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปิตูนํ อจฺจเยน ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อายาเมน ทสทสโยชนิเก รฏฺเ ราชาโน อเหสุํ. เต กาเลน กาลํ สมาคนฺตฺวา เอกโต ติฏฺนฺตา นิสีทนฺตา นิปชฺชนฺตา มหาชนํ ชายมานฺจ ชียมานฺจ มียมานฺจ ทิสฺวา ‘‘ปรโลกํ คจฺฉนฺตํ อนุคจฺฉนฺโต นาม นตฺถิ, อนฺตมโส ¶ อตฺตโน สรีรมฺปิ นานุคจฺฉติ, สพฺพํ ปหาย คนฺตพฺพํ, กึ โน ฆราวาเสน, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ มนฺเตตฺวา รชฺชานิ ปุตฺตทารานํ นิยฺยาเทตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส วสนฺตา มนฺตยึสุ – ‘‘มยํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตา, น ชีวิตุํ อสกฺโกนฺตา. เต มยํ เอกฏฺาเน วสนฺตา อปพฺพชิตสทิสาเยว โหม, ตสฺมา วิสุํ วสิสฺสาม. ตฺวํ เอตสฺมึ ปพฺพเต วส, อหํ อิมสฺมึ ปพฺพเต วสิสฺสามิ. อนฺวฑฺฒมาสํ ปน อุโปสถทิวเส เอกโต ภวิสฺสามา’’ติ. อถ โข เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘เอวมฺปิ โน คณสงฺคณิกาว ภวิสฺสติ, ตฺวํ ปน ตว ปพฺพเต อคฺคึ ชาเลยฺยาสิ, อหํ มม ปพฺพเต อคฺคึ ชาเลสฺสามิ, ตาย สฺาย อตฺถิภาวํ ชานิสฺสามา’’ติ. เต ตถา กรึสุ.
อถ อปรภาเค เวทีปกตาปโส กาลํ กตฺวา มเหสกฺโข เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโต. ตโต อฑฺฒมาเส สมฺปตฺเต อคฺคึ อทิสฺวาว อิตโร ‘‘สหายโก เม กาลกโต’’ติ อฺาสิ. อิตโรปิ นิพฺพตฺตกฺขเณเยว อตฺตโน เทวสิรึ โอโลเกตฺวา กมฺมํ อุปธาเรนฺโต นิกฺขมนโต ปฏฺาย อตฺตโน ตปจริยํ ทิสฺวา ‘‘คนฺตฺวา มม สหายกํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ¶ ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มคฺคิกปุริโส วิย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ โส ¶ อาห – ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘มคฺคิกปุริโส ¶ อหํ, ภนฺเต, ทูรโตว อาคโตมฺหิ. กึ ปน, ภนฺเต, อยฺโย อิมสฺมึ าเน เอกโกว วสติ, อฺโปิ โกจิ อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ เม เอโก สหายโก’’ติ. ‘‘กุหึ โส’’ติ? ‘‘เอตสฺมึ ปพฺพเต วสติ, อุโปสถทิวเส ปน อคฺคึ น ชาเลติ, มโต นูน ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ‘‘อหํ โส, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กุหึ นิพฺพตฺโตสี’’ติ? ‘‘เทวโลเก มเหสกฺโข เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโตสฺมิ, ภนฺเต, ‘อยฺยํ ปสฺสิสฺสามี’ติ ปุน อาคโตมฺหิ. อปิ นุ โข อยฺยานํ อิมสฺมึ าเน วสนฺตานํ โกจิ อุปทฺทโว อตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, อาวุโส, หตฺถี นิสฺสาย กิลมามี’’ติ. ‘‘กึ โว, ภนฺเต, หตฺถี กโรนฺตี’’ติ? ‘‘สมฺมชฺชนฏฺาเน ลณฺฑํ ปาเตนฺติ, ปาเทหิ ภูมิยํ ปหริตฺวา ปํสุํ อุทฺธรนฺติ, สฺวาหํ ลณฺฑํ ฉฑฺเฑนฺโต ปํสุํ สมํ กโรนฺโต กิลมามี’’ติ. ‘‘กึ ปน เตสํ อนาคมนํ อิจฺฉถา’’ติ? ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ เตสํ อนาคมนํ กริสฺสามี’’ติ ตาปสสฺส หตฺถิกนฺตวีณฺเจว หตฺถิกนฺตมนฺตฺจ อทาสิ. ททนฺโต จ ปน วีณาย ติสฺโส ตนฺติโย ทสฺเสตฺวา ตโย มนฺเต อุคฺคณฺหาเปตฺวา ‘‘อิมํ ตนฺตึ ปหริตฺวา อิมสฺมึ มนฺเต วุตฺเต นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุมฺปิ อสกฺโกนฺตา หตฺถี ปลายนฺติ, อิมํ ตนฺตึ ปหริตฺวา อิมสฺมึ มนฺเต วุตฺเต นิวตฺติตฺวา ปจฺฉโต โอโลเกนฺตา โอโลเกนฺตา ปลายนฺติ, อิมํ ตนฺตึ ปหริตฺวา อิมสฺมึ มนฺเต วุตฺเต หตฺถิยูถปติ ปิฏฺึ อุปนาเมนฺโต อาคจฺฉตี’’ติ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘ยํ โว รุจฺจติ, ตํ กเรยฺยาถา’’ติ ¶ วตฺวา ตาปสํ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. ตาปโส ปลายนมนฺตํ วตฺวา ปลายนตนฺตึ ปหริตฺวา หตฺถี ปลาเปตฺวา วสิ.
ตสฺมึ สมเย โกสมฺพิยํ ปูรนฺตปฺโป นาม ราชา โหติ. โส เอกทิวสํ คพฺภินิยา เทวิยา สทฺธึ พาลสูริยตปํ ตปฺปมาโน อพฺโภกาสตเล นิสีทิ. เทวี รฺโ ปารุปนํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ รตฺตกมฺพลํ ปารุปิตฺวา นิสินฺนา รฺา สทฺธึ สมุลฺลปมานา รฺโ องฺคุลิโต สตสหสฺสคฺฆนิกํ ราชมุทฺทิกํ นีหริตฺวา อตฺตโน องฺคุลิยํ ปิลนฺธิ. ตสฺมึ สมเย หตฺถิลิงฺคสกุโณ อากาเสน คจฺฉนฺโต ทูรโต รตฺตกมฺพลปารุปนํ เทวึ ทิสฺวา ‘‘มํสเปสี’’ติ สฺาย ปกฺเข วิสฺสชฺเชตฺวา โอตริ. ราชา ¶ ตสฺส โอตรณสทฺเทน ภีโต อุฏฺาย อนฺโตนิเวสนํ ปาวิสิ. เทวี ครุคพฺภตาย เจว ภีรุกชาติกตาย จ เวเคน คนฺตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ โส สกุโณ อชฺฌปฺปตฺโต นขปฺชเร นิสีทาเปตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เต กิร สกุณา ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรนฺติ. ตสฺมา อากาเสน เนตฺวา ยถารุจิตฏฺาเน นิสีทิตฺวา มํสํ ขาทนฺติ. สาปิ เตน นียมานา มรณภยภีตา จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ วิรวิสฺสามิ, มนุสฺสสทฺโท นาม ติรจฺฉานคตานํ อุพฺเพชนีโย, ตํ สุตฺวา มํ ฉฑฺเฑสฺสติ. เอวํ สนฺเต ¶ สห คพฺเภน ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิสฺสามิ, ยสฺมึ ปน าเน นิสีทิตฺวา มํ ขาทิตุํ อารภิสฺสติ, ตตฺร นํ สทฺทํ กตฺวา ปลาเปสฺสามี’’ติ. สา อตฺตโน ปณฺฑิตตาย อธิวาเสสิ.
ตทา จ หิมวนฺตปเทเส โถกํ วฑฺฒิตฺวา มณฺฑปากาเรน ¶ ิโต เอโก มหานิคฺโรโธ โหติ. โส สกุโณ มิครูปาทีนิ ตตฺถ เนตฺวา ขาทติ, ตสฺมา ตมฺปิ ตตฺเถว เนตฺวา วิฏปพฺภนฺตเร เปตฺวา อาคตมคฺคํ โอโลเกสิ. อาคตมคฺโคโลกนํ กิร เตสํ ธมฺมตา. ตสฺมึ ขเณ เทวี, ‘‘อิทานิ อิมํ ปลาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา ปาณิสทฺทฺเจว มุขสทฺทฺจ กตฺวา ตํ ปลาเปสิ. อถสฺสา สูริยตฺถงฺคมนกาเล คพฺเภ กมฺมชวาตา จลึสุ. สพฺพทิสาสุ คชฺชนฺโต มหาเมโฆ อุฏฺหิ. สุเขธิตาย ราชมเหสิยา ‘‘มา ภายิ, อยฺเย’’ติ วจนมตฺตมฺปิ อลภมานาย ทุกฺขปเรตาย สพฺพรตฺตึ นิทฺทา นาม นาโหสิ. วิภาตาย ปน รตฺติยา วลาหกวิคโม จ อรุณุคฺคมนฺจ ตสฺสา คพฺภวุฏฺานฺจ เอกกฺขเณเยว อโหสิ. สา เมฆอุตฺุจ ปพฺพตอุตฺุจ อรุณอุตฺุจ คเหตฺวา ชาตตฺตา ปุตฺตสฺส อุเตโนติ นามํ อกาสิ.
อลฺลกปฺปตาปสสฺสปิ โข ตโต อวิทูเร วสนฏฺานํ โหติ. โส ปกติยาว วสฺสทิวเส สีตภเยน ผลาผลตฺถาย วนํ น ปวิสติ, ตํ รุกฺขมูลํ คนฺตฺวา สกุเณหิ ขาทิตมํสานํ อฏฺึ อาหริตฺวา โกฏฺเฏตฺวา รสํ กตฺวา ปิวติ. ตสฺมา ตํ ทิวสํ ‘‘อฏฺึ อาหริสฺสามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา รุกฺขมูเล อฏฺึ ปริเยเสนฺโต ¶ อุปริ ทารกสทฺทํ สุตฺวา อุลฺโลเกนฺโต เทวึ ทิสฺวา ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ‘‘มานุสิตฺถิมฺหี’’ติ. ‘‘กถํ อาคตาสี’’ติ? ‘‘หตฺถิลิงฺคสกุเณนานีตามฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘โอตราหี’’ติ อาห ¶ . ‘‘ชาติสมฺเภทโต ภายามิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘ขตฺติยามฺหี’’ติ. ‘‘อหมฺปิ ขตฺติโยเยวา’’ติ. ‘‘เตน หิ ขตฺติยมายํ กเถหี’’ติ. โส ขตฺติยมายํ กเถสิ. ‘‘เตน หิ อารุยฺห ปุตฺตํ เม โอตาเรหี’’ติ. โส เอเกน ปสฺเสน อภิรุหนมคฺคํ กตฺวา อภิรุหิตฺวา ทารกํ คณฺหิ. ‘‘มา มํ หตฺเถน ฉุปี’’ติ จ วุตฺเต ตํ อฉุปิตฺวาว ทารกํ โอตาเรสิ. เทวีปิ โอตริ. อถ นํ อสฺสมปทํ เนตฺวา สีลเภทํ อกตฺวาว อนุกมฺปาย ปฏิชคฺคิ, นิมฺมกฺขิกมธุํ อาหริตฺวา สยํชาตสาลึ อาหริตฺวา ยาคุํ ปจิตฺวา อทาสิ. เอวํ ตสฺมึ ปฏิชคฺคนฺเต สา อปรภาเค จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เนว อาคตมคฺคํ ชานามิ, น คมนมคฺคํ ชานามิ, อิมินาปิ เม สทฺธึ วิสฺสาสมตฺตมฺปิ นตฺถิ. สเจ ปนายํ อมฺเห ปหาย กตฺถจิ คมิสฺสติ, อุโภปิ อิเธว มรณํ ปาปุณิสฺสาม, ยํกิฺจิ กตฺวา อิมสฺส สีลํ ภินฺทิตฺวา ยถา มํ ¶ น มฺุจติ, ตถา ตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ นํ ทุนฺนิวตฺถทุปฺปารุตทสฺสเนน ปโลเภตฺวา สีลวินาสํ ปาเปสิ. ตโต ปฏฺาย ทฺเวปิ สมคฺควาสํ วสึสุ.
อเถกทิวสํ ตาปโส นกฺขตฺตโยคํ อุลฺโลเกนฺโต ปูรนฺตปฺปสฺส นกฺขตฺตมิลายนํ ทิสฺวา ‘‘ภทฺเท โกสมฺพิยํ ปูรนฺตปฺปราชา ¶ มโต’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา, อยฺย, เอวํ วเทสิ? กึ เต เตน สทฺธึ อาฆาโต อตฺถี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภทฺเท, นกฺขตฺตมิลายนมสฺส ทิสฺวา เอวํ วทามี’’ติ, สา ปโรทิ. อถ นํ ‘‘กสฺมา โรทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตาย ตสฺส อตฺตโน สามิกภาเว อกฺขาเต อาห – ‘‘มา, ภทฺเท, โรทิ, ชาตสฺส นาม นิยโต มจฺจู’’ติ. ‘‘ชานามิ, อยฺยา’’ติ วุตฺเต ‘‘อถ กสฺมา โรทสี’’ติ? ‘‘ปุตฺโต เม กุลสนฺตกสฺส รชฺชสฺส อนุจฺฉวิโก, ‘สเจ ตตฺร อภวิสฺส, เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาปยิสฺส. อิทานิ มหาชานิโก วต ชาโต’ติ โสเกน โรทามิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘โหตุ, ภทฺเท, มา จินฺตยิ, สจสฺส รชฺชํ ปตฺเถสิ, อหมสฺส รชฺชลภนาการํ กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส หตฺถิกนฺตวีณฺเจว หตฺถิกนฺตมนฺเต จ อทาสิ. ตทา อเนกานิ หตฺถิสหสฺสานิ อาคนฺตฺวา วฏรุกฺขมูเล นิสีทนฺติ. อถ นํ อาห – ‘‘หตฺถีสุ อนาคเตสุเยว รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา เตสุ อาคเตสุ อิมํ มนฺตํ วตฺวา อิมํ ตนฺตึ ปหร, สพฺเพ นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุมฺปิ อสกฺโกนฺตา ปลายิสฺสนฺติ, อถ โอตริตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. โส ตถา กตฺวา อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถ นํ ทุติยทิวเส อาห – ‘‘อชฺช อิมํ มนฺตํ วตฺวา อิมํ ตนฺตึ ปหเรยฺยาสิ ¶ , สพฺเพ นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺตา ปลายิสฺสนฺตี’’ติ. ตทาปิ ตถา กตฺวา อาคนฺตฺวา อาโรเจสิ ¶ . อถ นํ ตติยทิวเส อาห – ‘‘อชฺช อิมํ มนฺตํ วตฺวา อิมํ ตนฺตึ ปหเรยฺยาสิ, ยูถปติ ปิฏฺึ อุปนาเมนฺโต อาคมิสฺสตี’’ติ. ตทาปิ ตถา กตฺวา อาโรเจสิ.
อถสฺส มาตรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ภทฺเท, ปุตฺตสฺส เต สาสนํ วเทหิ, เอตฺโตว คนฺตฺวา ราชา ภวิสฺสตี’’ติ อาห. สา ปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ โกสมฺพิยํ ปูรนฺตปฺปรฺโ ปุตฺโต, มํ สคพฺภํ หตฺถิลิงฺคสกุโณ อาเนสี’’ติ วตฺวา เสนาปติอาทีนํ นามานิ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อสทฺทหนฺตานํ อิมํ ปิตุ ปารุปนกมฺพลฺเจว ปิลนฺธนมุทฺทิกฺจ ทสฺเสยฺยาสี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. กุมาโร ตาปสํ ‘‘อิทานิ กึ กโรมี’’ติ อาห. ‘‘รุกฺขสฺส เหฏฺิมสาขาย นิสีทิตฺวา อิมํ มนฺตํ วตฺวา อิมํ ตนฺตึ ปหร, เชฏฺกหตฺถี เต ปิฏฺึ อุปนาเปตฺวา อุปสงฺกมิสฺสติ, ตสฺส ปิฏฺิยํ นิสินฺโนว รฏฺํ คนฺตฺวา รชฺชํ คณฺหาหี’’ติ. โส มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ตถา กตฺวา อาคตสฺส หตฺถิโน ปิฏฺิยํ นิสีทิตฺวา กณฺเณ มนฺตยิ – ‘‘อหํ โกสมฺพิยํ ปูรนฺตปฺปรฺโ ปุตฺโต, เปตฺติกํ เม รชฺชํ คณฺหิตฺวา เทหิ สามี’’ติ. โส ตํ สุตฺวา ‘‘อเนกานิ ¶ หตฺถิสหสฺสานิ สนฺนิปตนฺตู’’ติ หตฺถิรวํ รวิ, อเนกานิ หตฺถิสหสฺสานิ สนฺนิปตึสุ. ปุน ‘‘ชิณฺณา หตฺถี ปฏิกฺกมนฺตู’’ติ หตฺถิรวํ รวิ, ชิณฺณา หตฺถี ปฏิกฺกมึสุ. ปุน ‘‘อติตรุณา หตฺถี นิวตฺตนฺตู’’ติ หตฺถิรวํ รวิ, เตปิ นิวตฺตึสุ. โส อเนเกหิ ยูถหตฺถิสหสฺเสเหว ปริวุโต ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ‘‘อหํ รฺโ ปุตฺโต, สมฺปตฺตึ ¶ ปตฺถยมานา มยา สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ อาห. ‘‘ตโต ปฏฺาย มนุสฺสานํ สงฺคหํ กโรนฺโต คนฺตฺวา นครํ ปริวาเรตฺวา ‘ยุทฺธํ วา เม เทตุ, รชฺชํ วา’’’ติ สาสนํ เปเสสิ. นาครา อาหํสุ – ‘‘มยํ ทฺเวปิ น ทสฺสาม. อมฺหากฺหิ เทวี ครุคพฺภา หตฺถิลิงฺคสกุเณน นีตา, ตสฺสา อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา มยํ น ชานาม. ยาว ตสฺสา ปวตฺตึ น สุณาม. ตาว เนว ยุทฺธํ ทสฺสาม, น รชฺช’’นฺติ. ตทา กิร ตํ ปเวณิรชฺชํ อโหสิ. ตโต กุมาโร ‘‘อหํ ตสฺสา ปุตฺโต’’ติ วตฺวา เสนาปติอาทีนํ นามานิ กเถตฺวา ตถาปิ อสทฺทหนฺตานํ กมฺพลฺจ มุทฺทิกฺจ ทสฺเสสิ. เต กมฺพลฺจ มุทฺทิกฺจ สฺชานิตฺวา นิกฺกงฺขา หุตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา ตํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. อยํ ตาว อุเตนสฺส อุปฺปตฺติ.
อลฺลกปฺปรฏฺเ ¶ ปน ทุพฺภิกฺเข ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต เอโก โกตุหลิโก นาม มนุสฺโส กาปึ นาม ตรุณปุตฺตฺจ กาฬึ นาม ภริยฺจ อาทาย ‘‘โกสมฺพึ คนฺตฺวา ชีวิสฺสามี’’ติ ปาเถยฺยํ คเหตฺวา นิกฺขมิ. ‘‘อหิวาตโรเคน มหาชเน มรนฺเต ทิสฺวา นิกฺขมี’’ติปิ วทนฺติเยว. เต คจฺฉนฺตา ปาเถยฺเย ปริกฺขีเณ ขุทาภิภูตา ทารกํ วหิตุํ นาสกฺขึสุ. อถ สามิโก ปชาปตึ อาห – ‘‘ภทฺเท, มยํ ชีวนฺตา ปุน ปุตฺตํ ลภิสฺสาม, ฉฑฺเฑตฺวา นํ คจฺฉามา’’ติ. มาตุ หทยํ นาม มุทุกํ โหติ. ตสฺมา สา อาห – ‘‘นาหํ ชีวนฺตเมว ปุตฺตํ ฉฑฺเฑตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘อถ กึ กโรมา’’ติ? ‘‘วาเรน นํ วหามา’’ติ. มาตา อตฺตโน วาเร ปุปฺผทามํ วิย นํ อุกฺขิปิตฺวา อุเร นิปชฺชาเปตฺวา ¶ องฺเกน วหิตฺวา ปิตุโน เทติ. ตสฺส ตํ คเหตฺวา คมนกาเล ฉาตกโตปิ พลวตรา เวทนา อุปฺปชฺชิ. โส ปุนปฺปุนํ อาห – ‘‘ภทฺเท, มยํ ชีวนฺตา ปุตฺตํ ลภิสฺสาม, ฉฑฺเฑม น’’นฺติ. สาปิ ปุนปฺปุนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปฏิวจนํ นาทาสิ. ทารโก วาเรน ปริวตฺติยมาโน กิลนฺโต ปิตุ หตฺเถ นิทฺทายิ. โส ตสฺส นิทฺทายนภาวํ ตฺวา มาตรํ ปุรโต กตฺวา เอกสฺส คจฺฉสฺส เหฏฺา ปณฺณสนฺถเร ตํ นิปชฺชาเปตฺวา ปายาสิ. มาตา นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺตี ปุตฺตํ อทิสฺวา, ‘‘สามิ, กุหึ เม ปุตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอกสฺส เม คจฺฉสฺส เหฏฺา นิปชฺชาปิโต’’ติ. ‘‘สามิ, มา มํ นาสยิ, ปุตฺตํ วินา ชีวิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อาเนหิ เม ปุตฺต’’นฺติ อุรํ ปหริตฺวา ปริเทวิ. อถ นํ นิวตฺติตฺวา อาเนสิ. ปุตฺโตปิ อนฺตรามคฺเค มโต โหติ. อิติ โส เอตฺตเก าเน ปุตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา ตสฺส นิสฺสนฺเทน ภวนฺตเร สตฺต วาเร ฉฑฺฑิโต. ‘‘ปาปกมฺมํ นาเมตํ อปฺปก’’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ.
เต ¶ คจฺฉนฺตา เอกํ โคปาลกุลํ ปาปุณึสุ. ตํ ทิวสฺจ โคปาลกสฺส เธนุมงฺคลํ โหติ. โคปาลกสฺส เคเห นิพทฺธํ เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ ภฺุชติ. โส ตํ โภเชตฺวา มงฺคลมกาสิ. พหุ ปายาโส ปฏิยตฺโต โหติ. โคปาลโก เต อาคเต ทิสฺวา, ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ สุตฺวา มุทุชาติโก กุลปุตฺโต เตสุ อนุกมฺปํ กตฺวา พหุเกน สปฺปินา ปายาสํ ทาเปสิ. ภริยา ‘‘สามิ, ตยิ ชีวนฺเต อหมฺปิ ชีวามิ นาม, ทีฆรตฺตํ อูโนทโรสิ, ยาวทตฺถํ ภฺุชาหี’’ติ สปฺปิฺจ ทธิฺจ ตทภิมุขฺเว กตฺวา อตฺตนา มนฺทสปฺปินา ¶ โถกเมว ภฺุชิ. อิตโร พหุํ ภฺุชิตฺวา สตฺตฏฺทิวเส ฉาตตาย อาหารตณฺหํ ฉินฺทิตุํ นาสกฺขิ. โคปาลโก เตสํ ปายาสํ ทาเปตฺวา สยํ ¶ ภฺุชิตุํ อารภิ. โกตุหลิโก ตํ โอโลเกนฺโต นิสีทิตฺวา เหฏฺาปีเ นิปนฺนาย สุนขิยา โคปาลเกน วฑฺเฒตฺวา ทิยฺยมานํ ปายาสปิณฺฑํ ทิสฺวา ‘‘ปฺุา วตายํ สุนขี, นิพทฺธํ เอวรูปํ โภชนํ ลภตี’’ติ จินฺเตสิ. โส รตฺติภาเค ตํ ปายาสํ ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํ กตฺวา ตสฺสา สุนขิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ.
อถสฺส ภริยา สรีรกิจฺจํ กตฺวา ตสฺมึเยว เคเห ภตึ กตฺวา ตณฺฑุลนาฬึ ลภิตฺวา ปจิตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา, ‘‘ทาสสฺส โว ปาปุณาตู’’ติ วตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา อิเธว วสิตุํ วฏฺฏติ, นิพทฺธํ, อยฺโย, อิธาคจฺฉติ, เทยฺยธมฺโม โหตุ วา, มา วา, เทวสิกํ วนฺทนฺตี เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺตี จิตฺตํ ปสาเทนฺตี พหุํ ปฺุํ ปสวิสฺสามี’’ติ. สา ตตฺเถว ภตึ กโรนฺตี วสิ. สาปิ สุนขี ฉฏฺเ วา สตฺตเม วา มาเส เอกเมว กุกฺกุรํ วิชายิ. โคปาลโก ตสฺส เอกเธนุยา ขีรํ ทาเปสิ. โส น จิรสฺเสว วฑฺฒิ. อถสฺส ปจฺเจกพุทฺโธ ภฺุชนฺโต นิพทฺธํ เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ เทติ. โส ภตฺตปิณฺฑํ นิสฺสาย ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนหมกาสิ. โคปาลโกปิ นิพทฺธํ ทฺเว วาเร ปจฺเจกพุทฺธสฺสุปฏฺานํ ยาติ. คจฺฉนฺโตปิ อนฺตรามคฺเค วาฬมิคฏฺาเน ทณฺเฑน คจฺเฉ จ ภูมิฺจ ปหริตฺวา ‘‘สุสู’’ติ ติกฺขตฺตุํ สทฺทํ กตฺวา วาฬมิเค ปลาเปติ. สุนโขปิ เตน สทฺธึ คจฺฉติ.
โส เอกทิวสํ ปจฺเจกพุทฺธํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ยทา เม โอกาโส น ภวิสฺสติ, ตทา อิมํ สุนขํ เปเสสฺสามิ, เตน สฺาเณน อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ. ตโต ปฏฺาย อโนกาสทิวเส, ‘‘คจฺฉ, ตาต, อยฺยํ อาเนหี’’ติ สุนขํ เปเสสิ. โส เอกวจเนเนว ปกฺขนฺทิตฺวา สามิกสฺส คจฺฉโปถนภูมิโปถนฏฺาเน ติกฺขตฺตุํ ภุสฺสิตฺวา เตน สทฺเทน วาฬมิคานํ ปลาตภาวํ ตฺวา ¶ ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ปณฺณสาลทฺวาเร ติกฺขตฺตุํ ภุสฺสิตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา เอกมนฺเต นิปชฺชติ, ปจฺเจกพุทฺเธ เวลํ สลฺลกฺเขตฺวา นิกฺขนฺเต ภุสฺสนฺโต ปุรโต คจฺฉติ. อนฺตรนฺตรา ปจฺเจกพุทฺโธ ¶ ตํ วีมํสนฺโต อฺํ มคฺคํ ปฏิปชฺชติ. อถสฺส ปุรโต ¶ ติริยํ ตฺวา ภุสฺสิตฺวา อิตรมคฺคเมว นํ อาโรเปติ. อเถกทิวสํ อฺํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา เตน ปุรโต ติริยํ ตฺวา วาริยมาโนปิ อนิวตฺติตฺวา สุนขํ ปาเทน ปหริตฺวา ปายาสิ. สุนโข ตสฺส อนิวตฺตนภาวํ ตฺวา นิวาสนกณฺเณ ฑํสิตฺวา อากฑฺฒนฺโต อิตรมคฺคเมว นํ อาโรเปสิ. เอวํ โส ตสฺมึ พลวสิเนหํ อุปฺปาเทสิ.
ตโต อปรภาเค ปจฺเจกพุทฺธสฺส จีวรํ ชีริ. อถสฺส โคปาลโก จีวรวตฺถานิ อทาสิ. ตเมนํ ปจฺเจกพุทฺโธ อาห – ‘‘อาวุโส, จีวรํ นาม เอกเกน กาตุํ ทุกฺกรํ, ผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา กาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘อิเธว, ภนฺเต, กโรถา’’ติ. ‘‘น สกฺกา, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มา จิรํ พหิ วสิตฺถา’’ติ. สุนโข เตสํ กถํ สุณนฺโตว อฏฺาสิ, ปจฺเจกพุทฺโธปิ ‘‘ติฏฺ, อุปาสกา’’ติ โคปาลกํ นิวตฺตาเปตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา คนฺธมาทนาภิมุโข ปายาสิ. สุนขสฺส ตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ¶ ทิสฺวา ภุกฺกริตฺวา ิตสฺส ตสฺมึ จกฺขุปถํ วิชหนฺเต หทยํ ผลิตฺวา มโต. ติรจฺฉานา กิร นาเมเต อุชุชาติกา โหนฺติ อกุฏิลา. มนุสฺสา ปน อฺํ หทเยน จินฺเตนฺติ, อฺํ มุเขน กเถนฺติ. เตเนวาห – ‘‘คหนฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ มนุสฺสา, อุตฺตานกฺเหตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ปสโว’’ติ (ม. นิ. ๒.๓).
อิติ โส ตาย อุชุจิตฺตตาย อกุฏิลตาย กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโต อจฺฉราสหสฺสปริวุโต มหาสมฺปตฺตึ อนุโภสิ. ตสฺส กณฺณมูเล มนฺตยนฺตสฺส สทฺโท โสฬสโยชนฏฺานํ ผรติ, ปกติกถาสทฺโท ปน สกลํ ทสโยชนสหสฺสํ เทวนครํ ฉาเทติ. เตเนวสฺส ‘‘โฆสกเทวปุตฺโต’’ติ นามํ อโหสิ. ‘‘กิสฺส ปเนส นิสฺสนฺโท’’ติ. ปจฺเจกพุทฺเธ เปเมน ภุกฺกรณสฺส นิสฺสนฺโท. โส ตตฺถ น จิรํ ตฺวา จวิ. เทวโลกโต หิ เทวปุตฺตา อายุกฺขเยน ปฺุกฺขเยน อาหารกฺขเยน โกเปนาติ จตูหิ การเณหิ จวนฺติ.
ตตฺถ เยน พหุํ ปฺุกมฺมํ กตํ โหติ, โส เทวโลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา อุปรูปริ นิพฺพตฺตติ. เอวํ อายุกฺขเยน จวติ นาม. เยน ปริตฺตํ ปฺุํ กตํ โหติ, ตสฺส ราชโกฏฺาคาเร ปกฺขิตฺตํ ติจตุนาฬิมตฺตํ ธฺํ วิย อนฺตราว ตํ ปฺุํขียติ, อนฺตราว กาลํ กโรติ ¶ . เอวํ ปฺุกฺขเยน จวติ นาม. อปโรปิ กามคุเณ ปริภฺุชมาโน สติสมฺโมเสน อาหารํ อปริภฺุชิตฺวา กิลนฺตกาโย กาลํ กโรติ. เอวํ อาหารกฺขเยน จวติ นาม. อปโรปิ ปรสฺส สมฺปตฺตึ อสหนฺโต ¶ กุชฺฌิตฺวา กาลํ กโรติ. เอวํ โกเปน จวติ นาม.
อยํ ¶ ปน กามคุเณ ปริภฺุชนฺโต มุฏฺสฺสติ หุตฺวา อาหารกฺขเยน จวิ, จวิตฺวา จ ปน โกสมฺพิยํ นครโสภินิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สาปิ ชาตทิวเส ‘‘กึ เอต’’นฺติ ทาสึ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ปุตฺโต, อยฺเย’’ติ วุตฺเต – ‘‘หนฺท, เช, อิมํ ทารกํ กตฺตรสุปฺเป อาโรเปตฺวา สงฺการกูเฏ ฉฑฺเฑหี’’ติ ฉฑฺฑาเปสิ. นครโสภินิโย หิ ธีตรํ ปฏิชคฺคนฺติ, น ปุตฺตํ. ธีตรา หิ ตาสํ ปเวณี ฆฏียติ. ทารกํ กากาปิ สุนขาปิ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนหปฺปภวสฺส ภุกฺกรณสฺส นิสฺสนฺเทน เอโกปิ อุปคนฺตุํ น วิสหิ. ตสฺมึ ขเณ เอโก มนุสฺโส พหิ นิกฺขนฺโต ตํ กากสุนขสนฺนิปาตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ คนฺตฺวา ทารกํ ทิสฺวา ปุตฺตสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ เคหํ เนสิ. ตทา โกสมฺพกเสฏฺิ ราชกุลํ คจฺฉนฺโต ราชนิเวสนโต อาคจฺฉนฺตํ ปุโรหิตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ, อาจริย, อชฺช เต ติถิกรณนกฺขตฺตโยโค โอโลกิโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาเสฏฺิ, อมฺหากํ กึ อฺํ กิจฺจนฺติ? ชนปทสฺส กึ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘อฺํ นตฺถิ, อิมสฺมึ ปน นคเร อชฺช ชาตทารโก เชฏฺกเสฏฺิ ภวิสฺสตี’’ติ. ตทา เสฏฺิโน ภริยา ครุคพฺภา โหติ. ตสฺมา โส สีฆํ เคหํ ปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ ภเณ, ชานาหิ นํ วิชาตา วา, โน วา’’ติ. ‘‘น วิชายตี’’ติ สุตฺวา ราชานํ ทิสฺวาว เวเคน เคหํ คนฺตฺวา กาฬึ นาม ทาสึ ปกฺโกสิตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา, ‘‘คจฺฉ ¶ เช, อิมสฺมึ นคเร อุปธาเรตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา อชฺช ชาตทารกํ คณฺหิตฺวา เอหี’’ติ. สา อุปธาเรนฺตี ตํ เคหํ คนฺตฺวา ทารกํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ ทารโก กทา ชาโต’’ติ คหปตานึ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อชฺช ชาโต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อิมํ มยฺหํ เทหี’’ติ เอกกหาปณํ อาทึ กตฺวา มูลํ วฑฺเฒนฺตี สหสฺสํ ทตฺวา ตํ อาเนตฺวา เสฏฺิโน ทสฺเสสิ. เสฏฺิ ‘‘สเจ เม ธีตา วิชายิสฺสติ, ตาย นํ สทฺธึ นิเวเสตฺวา เสฏฺิฏฺานสฺส สามิกํ กริสฺสามิ. สเจ เม ปุตฺโต วิชายิสฺสติ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตํ เคเห กาเรสิ.
อถสฺส ¶ ภริยา กติปาหจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ. เสฏฺิ ‘‘อิมสฺมึ อสติ มม ปุตฺโตว เสฏฺิฏฺานํ ลภิสฺสติ, อิทาเนว ตํ มาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา กาฬึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘คจฺฉ, เช, วชโต คุนฺนํ นิกฺขมนเวลาย วชทฺวารมชฺเฌ อิมํ ติริยํ นิปชฺชาเปหิ, คาวิโย นํ มทฺทิตฺวา มาเรสฺสนฺติ, มทฺทิตามทฺทิตภาวํ ปนสฺส ตฺวา เอหี’’ติ อาห. สา คนฺตฺวา โคปาลเกน วชทฺวาเร วิวฏมตฺเตเยว ตํ ตถา นิปชฺชาเปสิ. โคคณเชฏฺโก อุสโภ อฺสฺมึ กาเล สพฺพปจฺฉา นิกฺขมนฺโตปิ ตํ ทิวสํ สพฺพปมํ นิกฺขมิตฺวา ทารกํ จตุนฺนํ ปาทานํ อนฺตเร กตฺวา อฏฺาสิ. อเนกสตคาวิโย อุสภสฺส ทฺเว ปสฺสานิ ฆํสนฺติโย นิกฺขมึสุ. โคปาลโกปิ ‘‘อยํ อุสโภ ปุพฺเพ สพฺพปจฺฉา นิกฺขมติ, อชฺช ปน สพฺพปมํ นิกฺขมิตฺวา ¶ วชทฺวารมชฺเฌ นิจฺจโลว ิโต, กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส เหฏฺา นิปนฺนํ ทารกํ ทิสฺวา ปุตฺตสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา, ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ เคหํ เนสิ.
กาฬี คนฺตฺวา เสฏฺินา ปุจฺฉิตา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘คจฺฉ, นํ ปุน สหสฺสํ ทตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺตา สหสฺสํ ทตฺวา ปุน อาเนตฺวา อทาสิ. อถ ¶ นํ อาห – ‘‘อมฺม, กาฬิ อิมสฺมึ นคเร ปฺจ สกฏสตานิ ปจฺจูสกาเล อุฏฺาย วาณิชฺชาย คจฺฉนฺติ, ตฺวํ อิมํ เนตฺวา จกฺกมคฺเค นิปชฺชาเปหิ, โคณา วา นํ มทฺทิสฺสนฺติ, จกฺกา วา ฉินฺทิสฺสนฺติ, ปวตฺตึ จสฺส ตฺวาว อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. สา ตํ เนตฺวา จกฺกมคฺเค นิปชฺชาเปสิ. ตทา สากฏิกเชฏฺโก ปุรโต อโหสิ. อถสฺส โคณา ตํ านํ ปตฺวา ธุรํ ฉฑฺเฑสุํ, ปุนปฺปุนํ อาโรเปตฺวา ปาชิยมานาปิ ปุรโต น คจฺฉึสุ. เอวํ ตสฺส เตหิ สทฺธึ วายมนฺตสฺเสว อรุณํ อุฏฺหิ. โส ‘‘กึ นาเมตํ โคณา กรึสู’’ติ มคฺคํ โอโลเกนฺโต ทารกํ ทิสฺวา, ‘‘ภาริยํ วต เม กมฺม’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานโส ตํ เคหํ เนสิ.
กาฬี คนฺตฺวา เสฏฺินา ปุจฺฉิตา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘คจฺฉ, นํ ปุน สหสฺสํ ทตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺตา ตถา อกาสิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘อิทานิ นํ อามกสุสานํ เนตฺวา คจฺฉนฺตเร นิปชฺชาเปหิ, ตตฺถ สุนขาทีหิ วา ขาทิโต, อมนุสฺเสหิ วา ปหโฏ มริสฺสติ, มาตามตภาวฺจสฺส ชานิตฺวาว อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. สา ตํ เนตฺวา ตตฺถ นิปชฺชาเปตฺวา เอกมนฺเต อฏฺาสิ. ตํ สุนโข วา กาโก วา อมนุสฺโส วา อุปสงฺกมิตุํ ¶ นาสกฺขิ. ‘‘นนุ จสฺส เนว มาตา น ปิตา น ภาติกาทีสุ โกจิ รกฺขิตา นาม อตฺถิ, โก ตํ รกฺขตี’’ติ? สุนขกาเล ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนเหน ปวตฺติตภุกฺกรณมตฺตเมว ตํ รกฺขติ. อเถโก อชปาลโก อเนกสหสฺสา อชา โคจรํ เนนฺโต สุสานปสฺเสน คจฺฉติ. เอกา อชา ปณฺณานิ ขาทมานา คจฺฉนฺตรํ ปวิฏฺา ทารกํ ทิสฺวา ชณฺณุเกหิ ตฺวา ทารกสฺส ถนํ อทาสิ, อชปาลเกน ‘‘เห เห’’ติ สทฺเท กเตปิ น นิกฺขมิ. โส ‘‘ยฏฺิยา นํ ปหริตฺวา นีหริสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตรํ ปวิฏฺโ ชณฺณุเกหิ ¶ ตฺวา ทารกํ ขีรํ ปายนฺตึ อชึ ทิสฺวา ทารเก ปุตฺตสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา, ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ อาทาย ปกฺกามิ.
กาฬี คนฺตฺวา เสฏฺินา ปุจฺฉิตา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘คจฺฉ, ตํ ปุน สหสฺสํ ทตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺตา ตถา อกาสิ. อถ นํ อาห – ‘‘อมฺม กาฬิ, อิมํ อาทาย โจรปปาตปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา ปปาเต ขิป, ปพฺพตกุจฺฉิยํ ปฏิหฺมาโน ขณฺฑาขณฺฑิโก หุตฺวา ภูมิยํ ปติสฺสติ, มตามตภาวฺจสฺส ตฺวาว อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. สา ตํ ตตฺถ เนตฺวา ปพฺพตมตฺถเก ¶ ตฺวา ขิปิ. ตํ โข ปน ปพฺพตกุจฺฉึ นิสฺสาย มหาเวฬุคุมฺโพ ปพฺพตานุสาเรเนว วฑฺฒิ, ตสฺส มตฺถกํ ฆนชาโต ชิฺชุกคุมฺโพ อวตฺถริ. ทารโก ปตนฺโต โกชวเก วิย ตสฺมึ ปติ. ตํ ทิวสฺจ นฬการเชฏฺกสฺส เวฬุพลิ ปตฺโต โหติ. โส ปุตฺเตน สทฺธึ คนฺตฺวา ตํ เวฬุคุมฺพํ ฉินฺทิตุํ อารภิ. ตสฺมึ จลนฺเต ทารโก สทฺทมกาสิ. โส ‘‘ทารกสทฺโท วิยา’’ติ เอเกน ปสฺเสน อภิรุหิตฺวา ตํ ทิสฺวา, ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ ตุฏฺจิตฺโต อาทาย คโต.
กาฬี เสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เตน ปุจฺฉิตา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘คจฺฉ, นํ ปุน สหสฺสํ ทตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺตา ตถา อกาสิ. เสฏฺิโน อิทฺจิทฺจ กโรนฺตสฺเสว ทารโก วฑฺฒิโต ‘‘โฆสโก’’ตฺเววสฺส นามํ อโหสิ. โส เสฏฺิโน อกฺขิมฺหิ กณฺฏโก วิย ขายิ, อุชุกํ ตํ โอโลเกตุมฺปิ น วิสติ. อถสฺส มารณูปายํ จินฺเตนฺโต อตฺตโน สหายกสฺส กุมฺภการสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กทา ตฺวํ อาวาปํ อาลิมฺเปสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา – ‘‘สฺเว’’ติ วุตฺเต, ‘‘เตน ¶ หิ อิทํ สหสฺสํ คเหตฺวา มม เอกํ ¶ กมฺมํ กโรหี’’ติ อาห. ‘‘กึ, สามี’’ติ? ‘‘เอโก เม อวชาตปุตฺโต อตฺถิ, ตํ ตว สนฺติกํ เปเสสฺสามิ, อถ นํ คเหตฺวา คพฺภํ ปเวเสตฺวา ติขิณาย วาสิยา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา จาฏิยํ ปกฺขิปิตฺวา อาวาเป ปเจยฺยาสิ, อิทํ เต สหสฺสํ สจฺจการสทิสํ. อุตฺตรึ ปน เต กตฺตพฺพยุตฺตกํ ปจฺฉา กริสฺสามี’’ติ. กุมฺภกาโร ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เสฏฺิ ปุนทิวเส โฆสกํ ปกฺโกสิตฺวา, ‘‘หิยฺโย มยา กุมฺภกาโร เอกํ กมฺมํ อาณตฺโต, เอหิ, ตฺวํ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวํ วเทหิ – ‘หิยฺโย กิร เม ปิตรา อาณตฺตํ กมฺมํ นิปฺผาเทหี’’’ติ ปหิณิ. โส ‘‘สาธู’’ติ อคมาสิ. ตํ ตตฺถ คจฺฉนฺตํ อิตโร เสฏฺิโน ปุตฺโต ทารเกหิ สทฺธึ คุฬํ กีฬนฺโต ทิสฺวา ตํ ปกฺโกสิตฺวา, ‘‘กุหึ คจฺฉสิ ภาติกา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปิตุ สาสนํ คเหตฺวา กุมฺภการสฺส สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ. อิเม มํ ทารกา พหุํ ลกฺขํ ชินึสุ, ตํ เม ปฏิชินิตฺวา เทหี’’ติ อาห. ‘‘อหํ ปิตุ ภายามี’’ติ. ‘‘มา ภายิ, ภาติก, อหํ ตํ สาสนํ หริสฺสามิ. พหูหิ ชิโต, ยาวาหํ อาคจฺฉามิ, ตาว เม ลกฺขํ ปฏิชินา’’ติ.
โฆสโก กิร คุฬกีฬาย เฉโก, เตน นํ เอวํ นิพนฺธิ. โสปิ ตํ ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา กุมฺภการํ วเทหิ – ‘ปิตรา กิร เม หิยฺโย เอกํ กมฺมํ อาณตฺตํ, ตํ นิปฺผาเทหี’’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตถา อวจ. อถ นํ กุมฺภกาโร เสฏฺินา วุตฺตนิยาเมเนว มาเรตฺวา อาวาเป ขิปิ. โฆสโกปิ ทิวสภาคํ กีฬิตฺวา สายนฺหสมเย เคหํ คนฺตฺวา ¶ ¶ ‘‘กึ, ตาต, น คโตสี’’ติ วุตฺเต อตฺตโน อคตการณฺจ กนิฏฺสฺส คตการณฺจ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ ‘‘อหํ ธี’’ติ มหาวิรวํ วิรวิตฺวา สกลสรีเร ปกฺกุถิตโลหิโต วิย หุตฺวา, ‘‘อมฺโภ, กุมฺภการ, มา มํ นาสยิ, มา มํ นาสยี’’ติ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. กุมฺภกาโร ตํ ตถา อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘สามิ, มา สทฺทํ กริ, กมฺมํ เต นิปฺผนฺน’’นฺติ อาห. โส ปพฺพเตน วิย มหนฺเตน โสเกน อวตฺถโฏ หุตฺวา อนปฺปกํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. ยถา ตํ อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสมาโน. เตนาห ภควา –
‘‘โย ¶ ทณฺเฑน อทณฺเฑสุ, อปฺปทุฏฺเสุ ทุสฺสติ;
ทสนฺนมฺตรํ านํ, ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ.
‘‘เวทนํ ผรุสํ ชานึ, สรีรสฺส จ เภทนํ;
ครุกํ วาปิ อาพาธํ, จิตฺตกฺเขปฺจ ปาปุเณ.
‘‘ราชโต วา อุปสคฺคํ, อพฺภกฺขานฺจ ทารุณํ;
ปริกฺขยฺจ าตีนํ, โภคานฺจ ปภงฺคุรํ.
‘‘อถ วาสฺส อคารานิ, อคฺคิ ฑหติ ปาวโก;
กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๓๗-๑๔๐);
เอวํ ¶ สนฺเตปิ ปุน นํ เสฏฺิ อุชุกํ โอโลเกตุํ น สกฺโกติ. ‘‘กินฺติ นํ มาเรยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต, ‘‘มม คามสเต อายุตฺตกสฺส สนฺติกํ เปเสตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ อุปายํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ เม อวชาตปุตฺโต, อิมํ มาเรตฺวา วจฺจกูเป ขิปตุ, เอวํ กเต อหํ มาตุลสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ ตสฺส ปณฺณํ ลิขิตฺวา, ‘‘ตาต โฆสก, อมฺหากํ คามสเต อายุตฺตโก อตฺถิ, อิมํ ปณฺณํ หริตฺวา ตสฺส เทหี’’ติ วตฺวา ปณฺณํ ตสฺส ทุสฺสนฺเต พนฺธิ. โส ปน อกฺขรสมยํ น ชานาติ. ทหรกาลโต ปฏฺาย หิ นํ มาราเปนฺโตว เสฏฺิ มาเรตุํ นาสกฺขิ, กึ อกฺขรสมยํ สิกฺขาเปสฺสติ? อิติ โส อตฺตโน มาราปนปณฺณเมว ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา นิกฺขมนฺโต อาห – ‘‘ปาเถยฺยํ เม, ตาต, นตฺถี’’ติ. ‘‘ปาเถยฺเยน เต กมฺมํ นตฺถิ, อนฺตรามคฺเค ‘อสุกคาเม นาม มมสหายโก เสฏฺิ อตฺถิ, ตสฺส ฆเร ปาตราสํ กตฺวา ปุรโต คจฺฉาหี’’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา นิกฺขนฺโต ตํ คามํ ปตฺวา เสฏฺิสฺส ฆรํ ¶ ปุจฺฉิตฺวา คนฺตฺวา เสฏฺิชายํ ปสฺสิ. ‘‘ตฺวํ กุโต อาคโตสี’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘อนฺโตนครโต’’ติ อาห. ‘‘กสฺส ปุตฺโตสี’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ สหายกเสฏฺิโน, อมฺมา’’ติ. ‘‘ตฺวํสิ โฆสโก นามา’’ติ? ‘‘อาม, อมฺมา’’ติ. ตสฺสา สห ทสฺสเนเนว ตสฺมึ ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ. เสฏฺิโน ปเนกา ธีตา อตฺถิ ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อภิรูปา ปาสาทิกา, ตํ รกฺขิตุํ เอกเมว เปสนการิกํ ทาสึ ทตฺวา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตเล สิริคพฺเภ วสาเปนฺติ. เสฏฺิธีตา ตสฺมึ ¶ ขเณ ตํ ทาสึ อนฺตราปณํ เปเสสิ. อถ นํ เสฏฺิชายา ทิสฺวา, ‘‘กุหึ คจฺฉสี’’ติ ¶ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อยฺยธีตาย เปสเนนา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิโต ตาว เอหิ, ติฏฺตุ เปสนํ, ปุตฺตสฺส เม ปีกํ อตฺถริตฺวา ปาเท โธวิตฺวา เตลํ มกฺขิตฺวา สยนํ อตฺถริตฺวา เทหิ, ปจฺฉา เปสนํ กริสฺสสี’’ติ อาห. สา ตถา อกาสิ.
อถ นํ จิเรนาคตํ เสฏฺิธีตา สนฺตชฺเชสิ. อถ นํ สา อาห – ‘‘มา เม กุชฺฌิ, เสฏฺิปุตฺโต โฆสโก อาคโต, ตสฺส อิทฺจิทฺจ กตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา อาคตามฺหี’’ติ. เสฏฺิธีตาย ‘‘เสฏฺิปุตฺโต โฆสโก’’ติ นามํ สุตฺวาว เปมํ ฉวิยาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ิตํ. โกตุหลกาลสฺมิฺหิ สา ตสฺส ปชาปตี หุตฺวา นาฬิโกทนํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส อทาสิ, ตสฺสานุภาเวนาคนฺตฺวา อิมสฺมึ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺตา. อิติ ตํ โส ปุพฺพสิเนโห อวตฺถริตฺวา คณฺหิ. เตนาห ภควา –
‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);
อถ นํ ปุจฺฉิ – ‘‘กุหึ โส, อมฺมา’’ติ? ‘‘สยเน นิปนฺโน นิทฺทายตี’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปนสฺส หตฺเถ กิฺจี’’ติ? ‘‘ทุสฺสนฺเต ปณฺณํ อตฺถี’’ติ. สา ‘‘กึ ปณฺณํ นุ โข เอต’’นฺติ ตสฺมึ นิทฺทายนฺเต มาตาปิตูนํ อฺวิหิตตาย อปสฺสนฺตานํ โอตริตฺวา สมีปํ คนฺตฺวา ตํ ปณฺณํ โมเจตฺวา อาทาย อตฺตโน คพฺภํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย วาตปานํ วิวริตฺวา อกฺขรสมเย กุสลตาย ปณฺณํ วาเจตฺวา, ‘‘อโห วต พาโล, อตฺตโน มรณปณฺณํ ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา ¶ วิจรติ, สเจ มยา น ทิฏฺํ อสฺส, นตฺถิสฺส ชีวิต’’นฺติ ตํ ปณฺณํ ผาเลตฺวา เสฏฺิสฺส วจเนน อปรํ ปณฺณํ ลิขิ – ‘‘อยํ มม ปุตฺโต โฆสโก นาม, คามสตโต ปณฺณาการํ อาหราเปตฺวา อิมสฺส ชนปทเสฏฺิโน ธีตรา สทฺธึ มงฺคลํ กตฺวา อตฺตโน วสนคามสฺส มชฺเฌ ทฺวิภูมกํ เคหํ กาเรตฺวา ปาการปริกฺเขเปน เจว ปุริสคุตฺติยา จ สุสํวิหิตารกฺขํ กโรตุ, มยฺหฺจ ‘อิทฺจิทฺจ มยา กต’นฺติ สาสนํ เปเสตุ, เอวํ กเต อหํ ¶ มาตุลสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ, ลิขิตฺวา จ ปน สงฺฆริตฺวา โอตริตฺวา ทุสฺสนฺเตเยวสฺส พนฺธิ.
โส ¶ ทิวสภาคํ นิทฺทายิตฺวา อุฏฺาย ภฺุชิตฺวา ปกฺกามิ. ปุนทิวเส ปาโตว ตํ คามํ คนฺตฺวา อายุตฺตกํ คามกิจฺจํ กโรนฺตํเยว ปสฺสิ. โส ตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปิตรา เม ตุมฺหากํ ปณฺณํ เปสิต’’นฺติ. ‘‘กึ ปณฺณํ, ตาต, อาหรา’’ติ ปณฺณํ คเหตฺวา วาเจตฺวา ตุฏฺมานโส ‘‘ปสฺสถ, โภ, มม สามิโน มยิ สิเนหํ กตฺวา เชฏฺปุตฺตสฺส เม มงฺคลํ กโรตู’’ติ มม สนฺติกํ ปหิณิ. ‘‘สีฆํ ทารุอาทีนิ อาหรถา’’ติ คหปติเก วตฺวา คามมชฺเฌ วุตฺตปการํ เคหํ การาเปตฺวา คามสตโต ปณฺณาการํ อาหราเปตฺวา ชนปทเสฏฺิโน สนฺติกา ธีตรํ อาเนตฺวา มงฺคลํ กตฺวา เสฏฺิสฺส สาสนํ ปหิณิ ‘‘อิทฺจิทฺจ มยา กต’’นฺติ.
ตํ สุตฺวา เสฏฺิโน ‘‘ยํ กาเรมิ, ตํ น โหติ; ยํ น กาเรมิ, ตเทว โหตี’’ติ มหนฺตํ โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ. ปุตฺตโสเกน สทฺธึ โส โสโก เอกโต หุตฺวา กุจฺฉิฑาหํ อุปฺปาเทตฺวา อติสารํ ชเนสิ. เสฏฺิธีตาปิ ‘‘สเจ โกจิ เสฏฺิโน สนฺติกา อาคจฺฉติ, มม อกเถตฺวา เสฏฺิปุตฺตสฺส ปมตรํ มา กถยิตฺถา’’ติ ¶ ชเน อาณาเปสิ. เสฏฺิปิ โข ‘‘ทานิ ตํ ทุฏฺปุตฺตํ มม สาปเตยฺยสฺส สามิกํ น กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกํ อายุตฺตกํ อาห – ‘‘มาตุล, ปุตฺตํ เม ทฏฺุกาโมมฺหิ, เอกํ ปาทมูลิกํ เปเสตฺวา มม ปุตฺตํ ปกฺโกสาเปหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ปณฺณํ ทตฺวา เอกํ ปุริสํ เปเสสิ. เสฏฺิธีตาปิ ตสฺส อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ิตภาวํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘กึ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘เสฏฺิ คิลาโน, ปุตฺตํ ปสฺสิตุํ ปกฺโกสาเปสิ, อยฺเย’’ติ. ‘‘กึ, ตาต, พลวา, ทุพฺพโล’’ติ? ‘‘พลวา ตาว, อาหารํ ภฺุชติเยว, อยฺเย’’ติ. สา เสฏฺิปุตฺตํ อชานาเปตฺวาว ตสฺส นิเวสนฺจ ปริพฺพยฺจ ทาเปตฺวา ‘‘มยา เปสิตกาเล คมิสฺสสิ, อจฺฉสฺสุ ตาวา’’ติ อาห. เสฏฺิ ปุน อายุตฺตกํ อวจ, ‘‘กึ, มาตุล, น เต มม ปุตฺตสฺส สนฺติกํ ปหิต’’นฺติ? ‘‘ปหิตํ, สามิ, คตปุริโส น ตาว เอตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ปุน อปรํ เปเสหี’’ติ. โส เปเสสิ. เสฏฺิธีตา ตสฺมิมฺปิ ตเถว ปฏิปชฺชิ. อถ เสฏฺิโน โรโค พลวา ชาโต, เอกํ ภาชนํ ปวิสติ, เอกํ นิกฺขมติ. ปุน เสฏฺิ อายุตฺตกํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, มาตุล, น เต มม ปุตฺตสฺส สนฺติกํ ปหิต’’นฺติ? ‘‘ปหิตํ, สามิ, คตปุริโส น ตาว ¶ เอตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ปุน อปรํ เปเสหี’’ติ. โส เปเสสิ. เสฏฺิธีตา ตติยวาเร อาคตมฺปิ ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. โส ‘‘พาฬฺหคิลาโน, อยฺเย, เสฏฺิ อาหารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา มจฺจุปรายโณ ชาโต, เอกํ ภาชนํ นิกฺขมติ ¶ , เอกํ ปวิสตี’’ติ อาห. เสฏฺิธีตา ‘‘อิทานิ คนฺตุํ กาโล’’ติ เสฏฺิปุตฺตสฺส ‘‘ปิตา เต กิร คิลาโน’’ติ อาโรเจตฺวา ‘‘กึ วเทสิ ภทฺเท’’ติ วุตฺเต ‘‘อผาสุกมสฺส, สามี’’ติ อาห. ‘‘อิทานิ กึ กาตพฺพ’’นฺติ. สามิ? ‘‘คามสตโต วุฏฺานกปณฺณาการํ ¶ อาทาย คนฺตฺวา ปสฺสิสฺสาม น’’นฺติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปณฺณาการํ อาหราเปตฺวา สกเฏหิ อาทาย ปกฺกามิ.
อถ นํ สา ‘‘ปิตา เต ทุพฺพโล, เอตฺตกํ ปณฺณาการํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตานํ ปปฺโจ ภวิสฺสติ, เอตํ นิวตฺตาเปหี’’ติ วตฺวา ตํ สพฺพํ อตฺตโน กุลเคหํ เปเสตฺวา ปุน ตํ อาห – ‘‘สามิ, ตฺวํ อตฺตโน ปิตุ ปาทปสฺเส ติฏฺเยฺยาสิ, อหํ อุสฺสีสกปสฺเส สฺสามี’’ติ. เคหํ ปวิสมานาเยว จ ‘‘เคหสฺส ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อารกฺขํ คณฺหถา’’ติ อตฺตโน ปุริเส อาณาเปสิ. ปวิฏฺกาเล ปน เสฏฺิปุตฺโต ปิตุ ปาทปสฺเส อฏฺาสิ, อิตรา อุสฺสีสกปสฺเส.
ตสฺมึ ขเณ เสฏฺิ อุตฺตานโก นิปนฺโน โหติ. อายุตฺตโก ปน ตสฺส ปาเท ปริมชฺชนฺโต ‘‘ปุตฺโต เต, สามิ, อาคโต’’ติ อาห. ‘‘กุหึ โส’’ติ? ‘‘เอส ปาทมูเล ิโต’’ติ. อถ นํ ทิสฺวา อายกมฺมิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘มม เคเห กิตฺตกํ ธน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, ธนสฺเสว จตฺตาลีสโกฏิโย, อุปโภคปริโภคภณฺฑานํ ปน วนคามกฺเขตฺตทฺวิปทจตุปฺปทยานวาหนานฺจ อยฺจ อยฺจ ปริจฺเฉโท’’ติ วุตฺเต, ‘‘อหํ เอตฺตกํ ธนํ มม ปุตฺตสฺส โฆสกสฺส น เทมี’’ติ วตฺตุกาโม ‘‘เทมี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา เสฏฺิธีตา ‘‘อยํ ปุน กเถนฺโต อฺํ กิฺจิ กเถยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา โสกาตุรา วิย เกเส วิกิริตฺวา โรทมานา ‘‘กึ นาเมตํ, ตาต, วเทถ, อิทมฺปิ นาม โว วจนํ สุโณม, อลกฺขิกา วตมฺหา’’ติ วตฺวา มตฺถเกน นํ อุรมชฺเฌ ปหรนฺตี ปติตฺวา ยถา ปุน วตฺตุํ น สกฺโกติ, ตถาสฺส อุรมชฺเฌ มตฺถเกน ฆํเสนฺตี อาโรทนํ ทสฺเสสิ. เสฏฺิ ตํขณฺเว กาลมกาสิ. ‘‘เสฏฺิ มโต’’ติ คนฺตฺวา ¶ ¶ อุเตนสฺส รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ตสฺส สรีรกิจฺจํ การาเปตฺวา, ‘‘อตฺถิ ปนสฺส ปุตฺโต วา ธีตา วา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, เทว, โฆสโก นาม ตสฺส ปุตฺโต, สพฺพํ สาปเตยฺยํ ตสฺส นิยฺยาเทตฺวาว มโต, เทวา’’ติ.
ราชา อปรภาเค เสฏฺิปุตฺตํ ปกฺโกสาเปสิ. ตสฺมิฺจ ทิวเส เทโว วสฺสิ. ราชงฺคเณ ตตฺถ ตตฺถ อุทกํ สณฺาติ. เสฏฺิปุตฺโต ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปายาสิ. ราชา วาตปานํ วิวริตฺวา ตํ อาคจฺฉนฺตํ โอโลเกนฺโต ราชงฺคเณ อุทกํ ลงฺฆิตฺวา อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ิตํ ‘‘ตฺวํ โฆสโก นาม, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, เทวา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปิตา เม ¶ มโตติ มา โสจิ, ตว เปตฺติกํ เสฏฺิฏฺานํ ตุยฺหเมว ทสฺสามี’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาตา’’ติ อุยฺโยเชสิ. ราชา คจฺฉนฺตฺจ นํ โอโลเกนฺโตว อฏฺาสิ. โส อาคมนกาเล ลงฺฆิตํ อุทกํ คมนกาเล โอตริตฺวา สณิกํ อคมาสิ. อถ นํ ราชา ตโตว ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘กึ นุ โข, ตาต, ตฺวํ มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต อุทกํ ลงฺฆิตฺวา อาคมฺม คจฺฉนฺโต โอตริตฺวา สณิกํ คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทว, อหํ ตสฺมึ ขเณ กุมารโก, กีฬนกาโล นาม, โส อิทานิ ปน เม เทเวน านนฺตรํ ปฏิสฺสุตํ. ตสฺมา ยถา ปุเร อจริตฺวา อิทานิ สนฺนิสินฺเนน หุตฺวา จริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ธิติมายํ ปุริโส, อิทาเนวสฺส านนฺตรํ ทสฺสามี’’ติ ปิตรา ภุตฺตํ โภคํ ทตฺวา สพฺพสเตน เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ.
โส รเถ ตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ อกาสิ. โอโลกิโตโลกิตฏฺานํ กมฺปติ. เสฏฺิธีตา กาฬิทาสิยา สทฺธึ มนฺตยมานา นิสินฺนา ¶ ‘‘อมฺม กาฬิ, ปุตฺตสฺส เต เอตฺติกา สมฺปตฺติ มํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนา’’ติ อาห. ‘‘กึ การณา, อมฺมา’’ติ? ‘‘อยฺหิ อตฺตโน มรณปณฺณํ ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา อมฺหากํ ฆรํ อาคโต, อถสฺส มยา ตํ ปณฺณํ ผาเลตฺวา มยา สทฺธึ มงฺคลกรณตฺถาย อฺํ ปณฺณํ ลิขิตฺวา เอตฺตกํ กาลํ ตตฺถ อารกฺโข กโต’’ติ. ‘‘อมฺม, ตฺวํ เอตฺตกํ ปสฺสสิ, อิมํ ปน เสฏฺิ ทหรกาลโต ปฏฺาย มาเรตุกาโม มาเรตุํ นาสกฺขิ, เกวลํ อิมํ นิสฺสาย พหุํ ธนํ ขียี’’ติ. ‘‘อมฺม, อติภาริยํ วต เสฏฺินา กต’’นฺติ. นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เคหํ ปวิสนฺตํ ปน นํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ เอตฺติกา สมฺปตฺติ มํ นิสฺสาย ¶ อุปฺปนฺนา’’ติ หสิตํ อกาสิ. อถ นํ เสฏฺิปุตฺโต ทิสฺวา, ‘‘กึ การณา หสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอกํ การณํ นิสฺสายา’’ติ. ‘‘กเถหิ น’’นฺติ? ‘‘สา น กเถสิ’’. โส ‘‘สเจ น กเถสฺสสิ, ทฺวิธา ตํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ตชฺเชตฺวา อสึ นิกฺกฑฺฒิ. สา ‘‘อยํ เอตฺติกา สมฺปตฺติ ตยา มํ นิสฺสาย ลทฺธาติ จินฺเตตฺวา หสิต’’นฺติ อาห. ‘‘ยทิ มม ปิตรา อตฺตโน สนฺตกํ มยฺหํ นิยฺยาทิตํ, ตฺวํ เอตฺถ กึ โหสี’’ติ? โส กิร เอตฺตกํ กาลํ กิฺจิ น ชานาติ, เตนสฺสา วจนํ น สทฺทหิ. อถสฺส สา ‘‘ตุมฺหากํ ปิตรา มรณปณฺณํ ทตฺวา เปสิตา, ตุมฺเห มยา อิทฺจิทฺจ กตฺวา รกฺขิตา’’ติ สพฺพํ กเถสิ. ‘‘ตฺวํ อภูตํ กเถสี’’ติ อสทฺทหนฺโต ‘‘มาตรํ กาฬึ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เอวํ กิร, อมฺมา’’ติ. ‘‘อาม, ตาต, ทหรกาลโต ปฏฺาย ตํ มาเรตุกาโม มาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ตํ นิสฺสาย พหุํ ธนํ ขียิ, สตฺตสุ าเนสุ ตฺวํ มรณโต มุตฺโต, อิทานิ โภคคามโต อาคมฺม ¶ สพฺพสเตน สทฺธึ เสฏฺิฏฺานํ ปตฺโต’’ติ. โส ตํ สุตฺวา ‘‘ภาริยํ วต กมฺมํ, เอวรูปา โข ปน มรณา มุตฺตสฺส มม ปมาทชีวิตํ ชีวิตุํ อยุตฺตํ, อปฺปมตฺโต ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เทวสิกํ สหสฺสํ ¶ วิสฺสชฺเชตฺวา อทฺธิกกปณาทีนํ ทานํ ปฏฺเปสิ. มิตฺโต นามสฺส กุฏุมฺพิโก ทานพฺยาวโฏ อโหสิ. อยํ โฆสกเสฏฺิโน อุปฺปตฺติ.
ตสฺมึ ปน กาเล ภทฺทวตีนคเร ภทฺทวติยเสฏฺิ นาม โฆสกเสฏฺิโน อทิฏฺปุพฺพสหายโก อโหสิ. ภทฺทวตีนครโต อาคตานํ วาณิชานํ สนฺติเก โฆสกเสฏฺิ ภทฺทวติยเสฏฺิโน สมฺปตฺติฺจ วยปฺปเทสฺจ สุตฺวา เตน สทฺธึ สหายกภาวํ อิจฺฉนฺโต ปณฺณาการํ เปเสสิ. ภทฺทวติยเสฏฺิปิ โกสมฺพิโต อาคตานํ วาณิชานํ สนฺติเก โฆสกเสฏฺิโน สมฺปตฺติฺจ วยปฺปเทสฺจ สุตฺวา เตน สทฺธึ สหายกภาวํ อิจฺฉนฺโต ปณฺณาการํ เปเสสิ. เอวํ เต อฺมฺํ อทิฏฺปุพฺพสหายกา หุตฺวา วสึสุ. อปรภาเค ภทฺทวติยเสฏฺิโน เคเห อหิวาตโรโค ปติโต. ตสฺมึ ปติเต ปมํ มกฺขิกา มรนฺติ, ตโต อนุกฺกเมเนว กีฏา มูสิกา กุกฺกุฏา สูกรา คาโว ทาสี ทาสา สพฺพปจฺฉา ฆรมานุสกาปิ มรนฺติ. เตสุ เย ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวา ปลายนฺติ, เต ชีวิตํ ลภนฺติ, ตทา ปน เสฏฺิ จ ภริยา จ ธีตา จสฺส ตถา ปลายิตฺวา ¶ โฆสกเสฏฺึ ปสฺสิตุํ ปตฺเถนฺตา โกสมฺพิมคฺคํ ¶ ปฏิปชฺชึสุ. เต อนฺตรามคฺเคเยว ขีณปาเถยฺยา วาตาตเปน เจว ขุปฺปิปาสาหิ จ กิลนฺตสรีรา กิจฺเฉน โกสมฺพึ ปตฺวา อุทกผาสุกฏฺาเน ตฺวา นฺหตฺวา นครทฺวาเร เอกํ สาลํ ปวิสึสุ.
ตโต เสฏฺิ ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, อิมินา นีหาเรน คจฺฉนฺตา วิชาตมาตุยาปิ อมนาปา โหนฺติ, สหายโก กิร เม อทฺธิกกปณาทีนํ เทวสิกํ สหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทานํ ทาเปสิ. ตตฺถ ธีตรํ เปเสตฺวา อาหารํ อาหราเปตฺวา เอกาหํ ทฺวีหํ อิเธว สรีรํ สนฺตปฺเปตฺวา สหายกํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. สา ‘‘สาธุ, สามี’’ติ. เต สาลายเมว วสึสุ. ปุนทิวเส กาเล อาโรจิเต กปณทฺธิกาทีสุ อาหารตฺถาย คจฺฉนฺเตสุ มาตาปิตโร, ‘‘อมฺม, คนฺตฺวา อมฺหากํ อาหารํ อาหรา’’ติ ธีตรํ เปสยึสุ. มหาโภคกุลสฺส ธีตา วิปตฺติยา อจฺฉินฺนลชฺชิตาย อลชฺชมานา ปาตึ คเหตฺวา กปณชเนน สทฺธึ อาหารตฺถาย คนฺตฺวา ‘‘กติ ปฏิวีเส คณฺหิสฺสสิ, อมฺมา’’ติ ปุฏฺา จ ปน ‘‘ตโย’’ติ อาห. อถสฺสา ตโย ปฏิวีเส อทาสิ. ตาย ภตฺเต อาหเฏ ตโยปิ เอกโต ภฺุชิตุํ นิสีทึสุ.
อถ มาตาธีตโร เสฏฺึ อาหํสุ – ‘‘สามิ, วิปตฺติ นาม มหากุลานมฺปิ อุปฺปชฺชติ, มา อมฺเห โอโลเกตฺวา ภฺุช, มา จินฺตยี’’ติ. อิติ นํ นานปฺปกาเรหิ ยาจิตฺวา โภเชสุํ. โส ภฺุชิตฺวา อาหารํ ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต อรุเณ อุคฺคจฺฉนฺเต กาลมกาสิ. มาตาธีตโร นานปฺปกาเรหิ ปริเทวิตฺวา โรทึสุ. กุมาริกา ปุนทิวเส โรทมานา อาหารตฺถาย คนฺตฺวา, ‘‘กติ ¶ ปฏิวีเส คณฺหิสฺสสี’’ติ ¶ วุตฺตา, ‘‘ทฺเว’’ติ วตฺวา อาหารํ อาหริตฺวา มาตรํ ยาจิตฺวา โภเชสิ. สาปิ ตาย ยาจิยมานา ภฺุชิตฺวา อาหารํ ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺตี ตํ ทิวสเมว กาลมกาสิ. กุมาริกา เอกิกาว โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา ตาย ทุกฺขุปฺปตฺติยา อติวิย สฺชาตฉาตกทุกฺขา ปุนทิวเส ยาจเกหิ สทฺธึ โรทนฺตี อาหารตฺถาย คนฺตฺวา, ‘‘กติ ปฏิวีเส คณฺหิสฺสสิ, อมฺมา’’ติ วุตฺตา ‘‘เอก’’นฺติ อาห. มิตฺตกุฏุมฺพิโก ตํ ตโย ทิวเส ภตฺตํ คณฺหนฺตึ สฺชานาติ, เตน ตํ ‘‘อเปหิ นสฺส, วสลิ, อชฺช ตว กุจฺฉิปฺปมาณํ อฺาสี’’ติ อาห. หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนา กุลธีตา ¶ ปจฺโจรสฺมึ สตฺติปหารํ วิย วเณ ขาโรทกเสจนกํ วิย จ ปตฺวา ‘‘กึ, สามี’’ติ อาห. ‘‘ตยา ปุเร ตโย โกฏฺาสา คหิตา, หิยฺโย ทฺเว, อชฺช เอกํ คณฺหาสิ. อชฺช เต อตฺตโน กุจฺฉิปฺปมาณํ าต’’นฺติ. ‘‘มา มํ, สามิ, ‘อตฺตโนว อตฺถาย คณฺหี’ติ มฺิตฺถา’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา เอวํ คณฺหี’’ติ? ‘‘ปุเร ตโย ชนา อหุมฺห, สามิ, หิยฺโย ทฺเว, อชฺช เอกิกาว ชาตามฺหี’’ติ. โส ‘‘เกน การเณนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ตาย กถิตํ สพฺพํ ปวตฺตึ สุตฺวา อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต สฺชาตพลวโทมนสฺโส หุตฺวา, ‘‘อมฺม, เอวํ สนฺเต มา จินฺตยิ, ตฺวํ ภทฺทวติยเสฏฺิโน ธีตา อชฺชกาลโต ปฏฺาย มม ธีตาเยว นามา’’ติ วตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา ฆรํ เนตฺวา อตฺตโน เชฏฺธีตุฏฺาเน เปสิ.
สา ทานคฺเค อุจฺจาสทฺทํ มหาสทฺทํ สุตฺวา, ‘‘ตาต, กสฺมา เอตํ ชนํ นิสฺสทฺทํ กตฺวา ทานํ น เทถา’’ติ อาห. ‘‘น สกฺกา กาตุํ, อมฺมา’’ติ. ‘‘สกฺกา, ตาตา’’ติ. ‘‘กถํ สกฺกา, อมฺมา’’ติ? ‘‘ตาต ทานคฺคํ ปริกฺขิปิตฺวา ¶ เอเกกสฺเสว ปเวสนปฺปมาเณน ทฺเว ทฺวารานิ โยเชตฺวา, ‘เอเกน ทฺวาเรน ปวิสิตฺวา เอเกน นิกฺขมถา’ติ วเทถ, เอวํ นิสฺสทฺทา หุตฺวาว คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ. โส ตํ สุตฺวา, ‘‘ภทฺทโกว, อมฺม, อุปาโย’’ติ ตถา กาเรสิ. สาปิ ปุพฺเพ สามา นาม. วติยา ปน การิตตฺตา สามาวตี นาม ชาตา. ตโต ปฏฺาย ทานคฺเค โกลาหลํ ปจฺฉินฺที. โฆสกเสฏฺิ ปุพฺเพ ตํ สทฺทํ สุณนฺโต ‘‘มยฺหํ ทานคฺเค สทฺโท’’ติ ตุสฺสติ. ทฺวีหตีหํ ปน สทฺทํ อสุณนฺโต มิตฺตกุฏุมฺพิกํ อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ทิยฺยติ กปณทฺธิกาทีนํ ทาน’’นฺติ? ‘‘อาม, สามี’’ติ. ‘‘อถ กึ ทฺวีหตีหํ สทฺโท น สุยฺยตี’’ติ? ‘‘ยถา นิสฺสทฺทา หุตฺวา คณฺหนฺติ, ตถา เม อุปาโย กโต’’ติ. ‘‘อถ ปุพฺเพว กสฺมา นากาสี’’ติ? ‘‘อชานนตาย, สามี’’ติ. ‘‘อิทานิ กถํ เต าโต’’ติ? ‘‘ธีตรา เม อกฺขาโต, สามี’’ติ. มยฺหํ อวิทิตา ‘‘ตว ธีตา นาม อตฺถี’’ติ. โส อหิวาตโรคุปฺปตฺติโต ปฏฺาย สพฺพํ ภทฺทวติยเสฏฺิโน ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ตสฺสา อตฺตโน เชฏฺธีตุฏฺาเน ปิตภาวํ อาโรเจสิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘เอวํ สนฺเต มม กสฺมา น กเถสิ, มม สหายกสฺส ¶ ธีตา มม ธีตา นามา’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, เสฏฺิโน ธีตาสี’’ติ? ‘‘อาม, ตาตา’’ติ. ‘‘เตน หิ มา จินฺตยิ, ตฺวํ มม ¶ ธีตาสี’’ติ ตํ สีเส จุมฺพิตฺวา ปริวารตฺถาย ตสฺสา ปฺจ อิตฺถิสตานิ ทตฺวา ตํ อตฺตโน เชฏฺธีตุฏฺาเน เปสิ.
อเถกทิวสํ ตสฺมึ นคเร นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ โหติ. ตสฺมึ ปน นกฺขตฺเต พหิ อนิกฺขมนกา กุลธีตโรปิ อตฺตโน ปริวาเรน สทฺธึ ปทสาว ¶ นทึ คนฺตฺวา นฺหายนฺติ. ตสฺมา ตํ ทิวสํ สามาวตีปิ ปฺจหิ อิตฺถิสเตหิ ปริวาริตา ราชงฺคเณเนว นฺหายิตุํ อคมาสิ. อุเตโน สีหปฺชเร ิโต ตํ ทิสฺวา ‘‘กสฺสิมา นาฏกิตฺถิโย’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น กสฺสจิ นาฏกิตฺถิโย, เทวา’’ติ. ‘‘อถ กสฺส ธีตโร’’ติ? ‘‘โฆสกเสฏฺิโน ธีตา เทว, สามาวตี นาเมสา’’ติ. โส ทิสฺวาว อุปฺปนฺนสิเนโห เสฏฺิโน สาสนํ ปาเหสิ – ‘‘ธีตรํ กิร เม เปเสตู’’ติ. ‘‘น เปเสมิ, เทวา’’ติ. ‘‘มา กิร เอวํ กโรตุ, เปเสตุเยวา’’ติ. ‘‘มยํ คหปติกา นาม กุมาริกานํ โปเถตฺวา วิเหเตฺวา กฑฺฒนภเยน น เทม, เทวา’’ติ. ราชา กุชฺฌิตฺวา เคหํ ลฺฉาเปตฺวา เสฏฺิฺจ ภริยฺจ หตฺเถ คเหตฺวา พหิ การาเปสิ. สามาวตี, นฺหายิตฺวา อาคนฺตฺวา เคหํ ปวิสิตุํ โอกาสํ อลภนฺตี, ‘‘กึ เอตํ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺม, ราชา ตว การณา ปหิณิ. อถ ‘น มยํ ทสฺสามา’ติ วุตฺเต ฆรํ ลฺฉาเปตฺวา อมฺเห พหิ การาเปสี’’ติ. ‘‘ตาต, ภาริยํ โว กมฺมํ กตํ, รฺา นาม ปหิเต ‘น, เทมา’ติ อวตฺวา ‘สเจ เม ธีตรํ สปริวารํ คณฺหถ, เทมา’ติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ตาตา’’ติ. ‘‘สาธุ, อมฺม, ตว รุจิยา สติ เอวํ กริสฺสามี’’ติ รฺโ ตถา สาสนํ ปาเหสิ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตํ สปริวารํ อาเนตฺวา อภิสิฺจิตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. เสสา ตสฺสาเยว ปริวาริตฺถิโย อเหสุํ. อยํ สามาวติยา อุปฺปตฺติ.
อุเตนสฺส ปน อปราปิ วาสุลทตฺตา นาม เทวี อโหสิ ¶ จณฺฑปชฺโชตสฺส ธีตา. อุชฺเชนิยฺหิ จณฺฑปชฺโชโต นาม ราชา อโหสิ. โส เอกทิวสํ อุยฺยานโต อาคจฺฉนฺโต อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา, ‘‘อตฺถิ นุ โข อฺสฺสปิ กสฺสจิ เอวรูปา สมฺปตฺตี’’ติ วตฺวา ตํ สุตฺวา มนุสฺเสหิ ‘‘กึ สมฺปตฺติ นาเมสา, โกสมฺพิยํ อุเตนสฺส รฺโ อติมหตี สมฺปตี’’ติ วุตฺเต ราชา อาห – ‘‘เตน หิ คณฺหิสฺสาม น’’นฺติ? ‘‘น สกฺกา โส คเหตุ’’นฺติ. ‘‘กิฺจิ กตฺวา คณฺหิสฺสามเยวา’’ติ? ‘‘น สกฺกา เทวา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘โส หตฺถิกนฺตํ นาม สิปฺปํ ชานาติ, มนฺตํ ¶ ปริวตฺเตตฺวา หตฺถิกนฺตวีณํ วาเทนฺโต นาเค ปลาเปติปิ คณฺหาติปิ. หตฺถิวาหนสมฺปนฺโน เตน สทิโส นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘น สกฺกา มยา โส คเหตุ’’นฺติ. ‘‘สเจ เต, เทว, เอกนฺเตน อยํ นิจฺฉโย, เตน หิ ทารุหตฺถึ กาเรตฺวา ¶ ตสฺสาสนฺนฏฺานํ เปเสหิ. โส หตฺถิวาหนํ วา อสฺสวาหนํ วา สุตฺวา ทูรมฺปิ คจฺฉติ. ตตฺถ นํ อาคตํ คเหตุํ สกฺกา ภวิสฺสตี’’ติ.
ราชา ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ ทารุมยํ ยนฺตหตฺถึ การาเปตฺวา พหิ ปิโลติกาหิ เวเตฺวา กตจิตฺตกมฺมํ กตฺวา ตสฺส วิชิเต อาสนฺนฏฺาเน เอกสฺมึ สรตีเร วิสฺสชฺชาเปสิ. หตฺถิโน อนฺโตกุจฺฉิยํ สฏฺิ ปุริสา อปราปรํ จงฺกมนฺติ, หตฺถิลณฺฑํ อาหริตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ฉฑฺเฑสุํ. เอโก วนจรโก หตฺถึ ทิสฺวา, ‘‘อมฺหากํ รฺโ อนุจฺฉวิโก’’ติ จินฺเตตฺวา, คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘เทว, มยา สพฺพเสโต เกลาสกูฏปฏิภาโค ตุมฺหากฺเว อนุจฺฉวิโก วรวารโณ ทิฏฺโ’’ติ. อุเตโน ตเมว มคฺคเทสกํ กตฺวา หตฺถึ อภิรุยฺห สปริวาโร นิกฺขมิ. ตสฺส อาคมนํ ตฺวา ¶ จรปุริสา คนฺตฺวา จณฺฑปชฺโชตสฺส อาโรเจสุํ. โส อาคนฺตฺวา มชฺเฌ ตุจฺฉํ กตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ พลกายํ ปโยเชสิ. อุเตโน ตสฺสาคมนํ อชานนฺโต หตฺถึ อนุพนฺธิ. อนฺโต ิตมนุสฺสา เวเคน ปลาเปสุํ. กฏฺหตฺถี รฺโ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา วีณํ วาเทนฺตสฺส ตนฺติสทฺทํ อสุณนฺโต วิย ปลายติเยว. ราชา หตฺถินาคํ ปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺโต อสฺสํ อารุยฺห อนุพนฺธิ. ตสฺมึ เวเคน อนุพนฺธนฺเต พลกาโย โอหียิ. ราชา เอกโกว อโหสิ. อถ นํ อุโภสุ ปสฺเสสุ ปยุตฺตา จณฺฑปชฺโชตสฺส ปุริสา คณฺหิตฺวา อตฺตโน รฺโ อทํสุ. อถสฺส พลกาโย อมิตฺตวสํ คตภาวํ ตฺวา พหินคเรว ขนฺธาวารํ นิเวเสตฺวา อจฺฉิ.
จณฺฑปชฺโชโตปิ อุเตนํ ชีวคฺคาหเมว คาหาเปตฺวา เอกสฺมึ โจรเคเห ปกฺขิปิตฺวา ทฺวารํ ปิทหาเปตฺวา ตโย ทิวเส ชยปานํ ปิวิ. อุเตโน ตติยทิวเส อารกฺขเก ปุจฺฉิ – ‘‘กหํ โว, ตาต, ราชา’’ติ? ‘‘‘ปจฺจามิตฺโต เม คหิโต’ติ ชยปานํ ปิวตี’’ติ. ‘‘กา นาเมสา มาตุคามสฺส วิย ตุมฺหากํ รฺโ กิริยา, นนุ ปฏิราชูนํ คเหตฺวา ¶ วิสฺสชฺเชตุํ วา มาเรตุํ วา วฏฺฏติ, อมฺเห ทุกฺขํ นิสีทาเปตฺวา ชยปานํ กิร ปิวตี’’ติ. เต คนฺตฺวา ตมตฺถํ รฺโ อาโรเจสุํ. โส อาคนฺตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ เอวํ วทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ ตํ วิสฺสชฺเชสฺสามิ, เอวรูโป กิร เต มนฺโต อตฺถิ, ตํ มยฺหํ ทสฺสสี’’ติ. ‘‘สาธุ ทสฺสามิ, คหณสมเย มํ วนฺทิตฺวา ตํ คณฺหาหิ. กึ ปน ตฺวํ วนฺทิสฺสสี’’ติ? ‘‘กฺยาหํ ตํ วนฺทิสฺสามิ, น วนฺทิสฺสามี’’ติ? ‘‘อหมฺปิ เต น ทสฺสามี’’ติ ¶ . ‘‘เอวํ สนฺเต ราชาณํ เต กริสฺสามี’’ติ. ‘‘กโรหิ, สรีรสฺส เม อิสฺสโร, น ปน จิตฺตสฺสา’’ติ. ราชา ตสฺส สูรคชฺชิตํ สุตฺวา, ‘‘กถํ นุ โข อิมํ มนฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อิมํ มนฺตํ อฺํ ชานาเปตุํ น สกฺกา, มม ธีตรํ เอตสฺส สนฺติเก ¶ อุคฺคณฺหาเปตฺวา อหํ ตสฺสา สนฺติเก คณฺหิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘อฺสฺส วนฺทิตฺวา คณฺหนฺตสฺส ทสฺสสี’’ติ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ อมฺหากํ ฆเร เอกา ขุชฺชา อตฺถิ ตสฺสา อนฺโตสาณิยํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนาย ตฺวํ พหิสาณิยํ ิโตว มนฺตํ วาเจหี’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, ขุชฺชา วา โหตุ ปีสปฺปิ วา, วนฺทนฺติยา ทสฺสามี’’ติ. ตโต ราชา คนฺตฺวา ธีตรํ วาสุลทตฺตํ อาห – ‘‘อมฺม, เอโก สงฺขกุฏฺี อนคฺฆมนฺตํ ชานาติ, ตํ อฺํ ชานาเปตุํ น สกฺกา. ตฺวํ อนฺโตสาณิยํ นิสีทิตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา มนฺตํ คณฺห, โส พหิสาณิยํ ตฺวา ตุยฺหํ วาเจสฺสติ. ตว สนฺติกา อหํ ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ.
เอวํ โส เตสํ อฺมฺํ สนฺถวกรณภเยน ธีตรํ ขุชฺชํ, อิตรํ สงฺขกุฏฺึ กตฺวา กเถสิ. โส ตสฺสา อนฺโตสาณิยํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนาย พหิ ิโต มนฺตํ วาเจสิ. อถ นํ เอกทิวสํ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานมฺปิ มนฺตปทํ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตึ ‘‘อเร ขุชฺเช อติพหโลฏฺกโปลํ เต มุขํ, เอวํ นาม วเทหี’’ติ อาห. ‘‘สา กุชฺฌิตฺวา อเร ทุฏฺสงฺขกุฏฺิ ¶ กึ วเทสิ, กึ มาทิสา ขุชฺชา นาม โหตี’’ติ? สาณิกณฺณํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘รฺโ ธีตา วาสุลทตฺตา นามาห’’นฺติ อาห. ‘‘ปิตา เต ตํ มยฺหํ กเถนฺโต ‘ขุชฺชา’ติ กเถสี’’ติ. ‘‘มยฺหมฺปิ กเถนฺโต ตํ สงฺขกุฏฺึ กตฺวา กเถสี’’ติ. เต อุโภปิ ‘‘เตน หิ อมฺหากํ สนฺถวกรณภเยน กถิตํ ภวิสฺสตี’’ติ อนฺโตสาณิยฺเว สนฺถวํ กรึสุ.
ตโต ปฏฺาย มนฺตคฺคหณํ วา สิปฺปคฺคหณํ วา นตฺถิ. ราชาปิ ธีตรํ นิจฺจํ ปุจฺฉติ – ‘‘สิปฺปํ คณฺหสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘คณฺหามิ, ตาตา’’ติ. อถ นํ เอกทิวสํ อุเตโน ¶ อาห – ‘‘ภทฺเท, สามิเกน กตฺตพฺพํ นาม เนว มาตาปิตโร น ภาตุภคินิโย กาตุํ สกฺโกนฺติ, สเจ มยฺหํ ชีวิตํ ทสฺสสิ, ปฺจ เต อิตฺถิสตานิ ปริวารํ ทตฺวา อคฺคมเหสิฏฺานํ ทสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ อิมสฺมึ วจเน ปติฏฺาตุํ สกฺขิสฺสถ, ทสฺสามิ โว ชีวิต’’นฺติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ภทฺเท’’ติ. สา ‘‘สาธุ, สามี’’ติ ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ โส ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, นิฏฺิตํ สิปฺป’’นฺติ? ‘‘น ตาว นิฏฺิตํ, ตาต, สิปฺป’’นฺติ. อถ นํ โส ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อมฺมา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ เอกํ ทฺวารฺจ เอกํ วาหนฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตาตา’’ติ. ‘‘อิทํ กึ, อมฺมา’’ติ? ‘‘ตาต, รตฺตึ กิร ตารกสฺาย มนฺตสฺส อุปจารตฺถาย เอกํ โอสธํ คเหตพฺพํ อตฺถิ. ตสฺมา อมฺหากํ เวลาย ¶ วา อเวลาย วา นิกฺขมนกาเล เอกํ ทฺวารฺเจว เอกํ วาหนฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เต อตฺตโน อภิรุจิตํ เอกํ ทฺวารํ หตฺถคตํ กรึสุ. รฺโ ปน ปฺจ วาหนานิ อเหสุํ. ภทฺทวตี นาม กเรณุกา ¶ เอกทิวสํ ปฺาส โยชนานิ คจฺฉติ, กาโก นาม ทาโส สฏฺิ โยชนานิ คจฺฉติ, เจลกฏฺิ จ มฺุจเกสี จาติ ทฺเว อสฺสา โยชนสตํ คจฺฉนฺติ, นาฬาคิริ หตฺถี วีสติ โยชนสตนฺติ.
โส กิร ราชา อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ เอกสฺส อิสฺสรสฺส อุปฏฺาโก อโหสิ. อเถกทิวสํ อิสฺสเร พหินครํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อาคจฺฉนฺเต เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ นครํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา สกลนครวาสีนํ มาเรน อาวฏฺฏิตตฺตา เอกํ ภิกฺขามฺปิ อลภิตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขมิ. อถ นํ นครทฺวารํ ปตฺตกาเล มาโร อฺาตกเวเสน อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อปิ, ภนฺเต, โว กิฺจิ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ปน เม ตฺวํ อลภนาการํ กรี’’ติ? ‘‘เตน หิ นิวตฺติตฺวา ปุน ปวิสถ, อิทานิ น กริสฺสามี’’ติ. ‘‘นาหํ ปุน นิวตฺติสฺสามี’’ติ. สเจ หิ นิวตฺเตยฺย, ปุน โส สกลนครวาสีนํ สรีเร อธิมฺุจิตฺวา ปาณึ ปหริตฺวา หสนเกฬึ กเรยฺย. ปจฺเจกพุทฺเธ อนิวตฺติตฺวา คเต มาโร ตตฺเถว อนฺตรธายิ. อถ โส อิสฺสโร ยถาโธเตเนว ปตฺเตน ¶ อาคจฺฉนฺตํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘อปิ, ภนฺเต, กิฺจิ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘จริตฺวา นิกฺขนฺตมฺหาวุโส’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยฺโย, มยา ปุจฺฉิตํ อกเถตฺวา อฺํ วทติ, น กิฺจิ ลทฺธํ ภวิสฺสตี’’ติ. อถสฺส ปตฺตํ โอโลเกนฺโต ตุจฺฉํ ทิสฺวา เคเห ภตฺตสฺส ¶ นิฏฺิตานิฏฺิตภาวํ อชานนตาย สูโร หุตฺวา ปตฺตํ คเหตุํ อวิสหนฺโต ‘‘โถกํ, ภนฺเต, อธิวาเสถา’’ติ วตฺวา เวเคน ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺหากํ ภตฺตํ นิฏฺิต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘นิฏฺิต’’นฺติ วุตฺเต ตํ อุปฏฺากํ อาห – ‘‘ตาต, อฺโ ตยา สมฺปนฺนเวคตโร นาม นตฺถิ, สีเฆน ชเวน ภทนฺตํ ปตฺวา ‘ปตฺตํ เม, ภนฺเต, เทถา’ติ วตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา เวเคน เอหี’’ติ. โส เอกวจเนเนว ปกฺขนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อาหริ. อิสฺสโรปิ อตฺตโน โภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ‘‘อิมํ สีฆํ คนฺตฺวา อยฺยสฺส สมฺปาเทหิ, อหํ เต อิโต ปตฺตึ ทมฺมี’’ติ อาห.
โสปิ ตํ คเหตฺวา ชเวน คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺตํ ทตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ‘เวลา อุปกฏฺา’ติ อหํ อติสีเฆน ชเวน อาคโต จ คโต จ, เอตสฺส เม ชวสฺส ผเลน โยชนานํ ปณฺณาสสฏฺิสตวีสสตคมนสมตฺถานิ ปฺจ วาหนานิ นิพฺพตฺตนฺตุ, อาคจฺฉนฺตสฺส จ เม คจฺฉนฺตสฺส จ สรีรํ สูริยเตเชน ตตฺถํ, ตสฺส เม ผเลน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อาณา สูริยเตชสทิสา โหตุ, อิมสฺมึ เม ปิณฺฑปาเต สามินา ปตฺติ ทินฺนา, ตสฺสา เม นิสฺสนฺเทน ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส ¶ ภาคี โหมี’’ติ อาห. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา –
‘‘อิจฺฉิตํ ¶ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติกถา; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑. ๑๙๒);
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, มณิโชติรโส ยถา’’ติ. –
อนุโมทนํ อกาสิ. ปจฺเจกพุทฺธานํ กิร อิธาว ทฺเว คาถา อนุโมทนคาถา นาม โหนฺติ. ตตฺถ โชติรโสติ สพฺพกามททํ มณิรตนํ วุจฺจติ. อิทํ ตสฺส ปุพฺพจริตํ. โส เอตรหิ จณฺฑปชฺโชโต อโหสิ. ตสฺส จ กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อิมานิ ปฺจ วาหนานิ นิพฺพตฺตึสุ. อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานกีฬาย นิกฺขมิ. อุเตโน ‘‘อชฺช ปลายิตพฺพ’’นฺติ มหนฺตามหนฺเต จมฺมปสิพฺพเก หิรฺสุวณฺณสฺส ปูเรตฺวา กเรณุกาปิฏฺเ เปตฺวา วาสุลทตฺตํ อาทาย ปลายิ. อนฺเตปุรปาลกา ปลายนฺตํ ตํ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘สีฆํ คจฺฉถา’’ติ พลํ ปหิณิ. อุเตโน ¶ พลสฺส ปกฺขนฺทภาวํ ตฺวา กหาปณปสิพฺพกํ โมเจตฺวา ปาเตสิ, มนุสฺสา กหาปเณ อุจฺจินิตฺวา ปุน ปกฺขนฺทึสุ. อิตโร สุวณฺณปสิพฺพกํ โมเจตฺวา ปาเตตฺวา เนสํ สุวณฺณโลเภน ปปฺเจนฺตานฺเว ¶ พหิ นิวุฏฺํ อตฺตโน ขนฺธาวารํ ปาปุณิ. อถ นํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว อตฺตโน พลกาโย ปริวาเรตฺวา นครํ ปเวเสสิ. โส ปตฺวาว วาสุลทตฺตํ อภิสิฺจิตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสีติ. อยํ วาสุลทตฺตาย อุปฺปตฺติ.
อปรา ปน มาคณฺฑิยา นาม รฺโ สนฺติกา อคฺคมเหสิฏฺานํ ลภิ. สา กิร กุรุรฏฺเ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส ธีตา. มาตาปิสฺสา มาคณฺฑิยาเยว นามํ. จูฬปิตาปิสฺสา มาคณฺฑิโยว, สา อภิรูปา อโหสิ เทวจฺฉรปฏิภาคา. ปิตา ปนสฺสา อนุจฺฉวิกํ สามิกํ อลภนฺโต มหนฺเตหิ มหนฺเตหิ กุเลหิ ยาจิโตปิ ‘‘น มยฺหํ ธีตุ ตุมฺเห อนุจฺฉวิกา’’ติ ตชฺเชตฺวา อุยฺโยเชสิ. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส สปชาปติกสฺส อนาคามิผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺส พหินิคเม อคฺคิปริจรณฏฺานํ อคมาสิ. โส ตถาคตสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อิมสฺมึ โลเก อิมินา ปุริเสน สทิโส อฺโ ปุริโส นาม นตฺถิ, อยํ มยฺหํ ธีตุ อนุจฺฉวิโก, อิมสฺส โปสาปนตฺถาย ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘สมณ, เอกา เม ธีตา อตฺถิ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ตสฺสา อนุจฺฉวิกํ ปุริสํ น ปสฺสามิ, ตุมฺเห ตสฺสา อนุจฺฉวิกา, สา จ ตุมฺหากฺเว อนุจฺฉวิกา. ตุมฺหากฺหิ ¶ ปาทปริจาริกา, ตสฺสา จ ภตฺตา ¶ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตํ โว อหํ ทสฺสามิ, ยาว มมาคมนา อิเธว ติฏฺถา’’ติ อาห. สตฺถา กิฺจิ อวตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. พฺราหฺมโณ เวเคน ฆรํ คนฺตฺวา, ‘‘โภติ, โภติ ธีตุ เม อนุจฺฉวิโก ปุริโส ทิฏฺโ, สีฆํ สีฆํ นํ อลงฺกโรหี’’ติ ตํ อลงฺการาเปตฺวา สทฺธึ พฺราหฺมณิยา อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ ปายาสิ. สกลนครํ สงฺขุภิ. อยํ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ มยฺหํ ธีตุ อนุจฺฉวิโก นตฺถี’’ติ กสฺสจิ อทตฺวา ‘‘อชฺช เม ธีตุ อนุจฺฉวิโก ทิฏฺโ’’ติ กิร วเทติ, ‘‘กีทิโส นุ โข โส ปุริโส, ปสฺสิสฺสาม น’’นฺติ มหาชโน เตเนว สทฺธึ นิกฺขมิ.
ตสฺมึ ¶ ธีตรํ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺเต สตฺถา เตน วุตฺตฏฺาเน อฏฺตฺวา ตตฺถ ปทเจติยํ ทสฺเสตฺวา คนฺตฺวา อฺสฺมึ าเน อฏฺาสิ. พุทฺธานฺหิ ปทเจติยํ อธิฏฺหิตฺวา อกฺกนฺตฏฺาเนเยว ปฺายติ, น อฺตฺถ. เยสฺจตฺถาย อธิฏฺิตํ โหติ, เตเยว นํ ปสฺสนฺติ. เตสํ ปน อทสฺสนกรณตฺถํ หตฺถิอาทโย วา อกฺกมนฺตุ, มหาเมโฆ วา ปวสฺสตุ, เวรมฺภวาตา วา ปหรนฺตุ, น ตํ โกจิ มกฺเขตุํ สกฺโกติ. อถ พฺราหฺมณี พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘กุหึ โส ปุริโส’’ติ. ‘‘‘อิมสฺมึ าเน ติฏฺาหี’ติ นํ อวจํ, กุหึ นุ โข โส คโต’’ติ อิโต จิโต โอโลเกนฺโต ปทเจติยํ ทิสฺวา ‘‘อยมสฺส ปทวลฺโช’’ติ ¶ อาห. พฺราหฺมณี สลกฺขณมนฺตานํ ติณฺณํ เวทานํ ปคุณตาย ลกฺขณมนฺเต ปริวตฺเตตฺวา ปทลกฺขณํ อุปธาเรตฺวา, ‘‘นยิทํ, พฺราหฺมณ, ปฺจกามคุณเสวิโน ปท’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘รตฺตสฺส หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว,
ทุฏฺสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ;
มูฬฺหสฺส โหติ อวกฑฺฒิตํ ปทํ,
วิวฏฺฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; วิสุทฺธิ. ๑.๔๕);
อถ นํ พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘‘โภติ ตฺวํ อุทกปาติยํ กุมฺภีลํ, เคหมชฺเฌ จ ปน โจรํ วิย มนฺเต ปสฺสนสีลา, ตุณฺหี โหหี’’ติ. พฺราหฺมณ, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ วเทหิ, นยิทํ ปฺจกามคุณเสวิโน ปทนฺติ. ตโต อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ โส ปุริโส’’ติ วตฺวา พฺราหฺมโณ คนฺตฺวา, ‘‘สมณ, ธีตรํ เม ตว โปสาปนตฺถาย เทมี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘ธีตรา เต มยฺหํ อตฺโถ อตฺถิ วา นตฺถิ วา’’ติ อวตฺวาว, ‘‘พฺราหฺมณ, เอกํ เต การณํ กเถมี’’ติ วตฺวา, ‘‘กเถหิ สมณา’’ติ วุตฺเต มหาภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อชปาลนิคฺโรธมูลา ¶ มาเรน อนุพทฺธภาวํ อชปาลนิคฺโรธมูเล จ ปน ‘‘อตีโต ทานิ เม เอส วิสย’’นฺติ ตสฺส โสกาตุรสฺส โสกวูปสมนตฺถํ อาคตาหิ มารธีตาหิ กุมาริกวณฺณาทิวเสน ¶ ปโยชิตํ ปโลภนํ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘ตทาปิ มยฺหํ ฉนฺโท นาโหสี’’ติ วตฺวา –
‘‘ทิสฺวาน ¶ ตณฺหํ อรตึ รคฺจ,
นาโหสิ ฉนฺโท อปิ เมถุนสฺมึ;
กิเมวิทํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ,
ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’’ติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; สุ. นิ. ๘๔๑) –
อิมํ คาถมาห. คาถาปริโยสาเน พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ อนาคามิผเล ปติฏฺหึสุ. มาคณฺฑิยาปิ โข ‘‘สจสฺส มยา อตฺโถ นตฺถิ, อนตฺถิกภาโวว วตฺตพฺโพ, อยํ ปน มํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ กโรติ, ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉติ, โหตุ, อตฺตโน ชาติกุลปเทสโภคยสวยสมฺปตฺตึ อาคมฺม ตถารูปํ ภตฺตารํ ลภิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ ชานิสฺสามี’’ติ สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิ. ‘‘กึ ปน สตฺถา ตาย อตฺตนิ อาฆาตุปฺปตฺตึ ชานาติ, โน’’ติ? ‘‘ชานาติเยว. ชานนฺโต กสฺมา คาถมาหา’’ติ? อิตเรสํ ทฺวินฺนํ วเสน. พุทฺธา หิ อาฆาตํ อคเณตฺวา มคฺคผลาธิคมารหานํ วเสน ธมฺมํ เทเสนฺติเยว. มาตาปิตโร ตํ เนตฺวา จูฬมาคณฺฑิยํ กนิฏฺํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. จูฬมาคณฺฑิโยปิ ¶ จินฺเตสิ – ‘‘มม ธีตา โอมกสตฺตสฺส น อนุจฺฉวิกา, เอกสฺส รฺโว อนุจฺฉวิกา’’ติ. ตํ อาทาย โกสมฺพึ คนฺตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา, ‘‘อิมํ อิตฺถิรตนํ เทวสฺส อนุจฺฉวิก’’นฺติ อุเตนสฺส รฺโ อทาสิ. โส ตํ ทิสฺวาว อุปฺปนฺนพลวสิเนโห อภิเสกํ กตฺวา ปฺจสตมาตุคามปริวารํ ทตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. อยํ มาคณฺฑิยาย อุปฺปตฺติ.
เอวมสฺส ทิยฑฺฒสหสฺสนาฏกิตฺถิปริวารา ติสฺโส อคฺคมเหสิโย อเหสุํ. ตสฺมึ โข ปน สมเย โฆสกเสฏฺิ กุกฺกุฏเสฏฺิ ปาวาริกเสฏฺีติ โกสมฺพิยํ ตโย เสฏฺิโน โหนฺติ. เต อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ปฺจสตตาปเส หิมวนฺตโต อาคนฺตฺวา นคเร ภิกฺขาย จรนฺเต ทิสฺวา ปสีทิตฺวา นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา จตฺตาโร มาเส อตฺตโน สนฺติเก วสาเปตฺวา ปุน วสฺสารตฺเต อาคมนตฺถาย ปฏิชานาเปตฺวา อุยฺโยเชสุํ. ตาปสาปิ ตโต ปฏฺาย อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา จตฺตาโร มาเส เตสํ สนฺติเก ¶ วสึสุ. เต อปรภาเค หิมวนฺตโต อาคจฺฉนฺตา ¶ อรฺายตเน เอกํ มหานิคฺโรธํ ทิสฺวา ตสฺส มูเล นิสีทึสุ. เตสุ เชฏฺกตาปโส จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา โอรมตฺติกา น ภวิสฺสติ, มเหสกฺเขเนเวตฺถ เทวราเชน ภวิตพฺพํ ¶ , สาธุ วต สจายํ อิสิคณสฺส ปานียํ ทเทยฺยา’’ติ. โสปิ ปานียํ อทาสิ. ตาปโส นฺหาโนทกํ จินฺเตสิ, ตมฺปิ อทาสิ. ตโต โภชนํ จินฺเตสิ, ตมฺปิ อทาสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ เทวราชา อมฺเหหิ จินฺติตํ จินฺติตํ สพฺพํ เทติ, อโห วต นํ ปสฺเสยฺยามา’’ติ. โส รุกฺขกฺขนฺธํ ปทาเลตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อถ นํ ตาปสา, ‘‘เทวราช, มหตี เต สมฺปตฺติ, กึ นุ โข กตฺวา อยํ เต ลทฺธา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘มา ปุจฺฉถ, อยฺยา’’ติ. ‘‘อาจิกฺข, เทวราชา’’ติ. โส อตฺตนา กตกมฺมสฺส ปริตฺตกตฺตา ลชฺชมาโน กเถตุํ น วิสหิ. เตหิ ปุนปฺปุนํ นิปฺปีฬิยมาโน ปน ‘‘เตน หิ สุณาถา’’ติ วตฺวา กเถสิ.
โส กิเรโก ทุคฺคตมนุสฺโส หุตฺวา ภตึ ปริเยสนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส สนฺติเก ภติกมฺมํ ลภิตฺวา ตํ นิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปสิ. อเถกสฺมึ อุโปสถทิวเส สมฺปตฺเต อนาถปิณฺฑิโก วิหารโต อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตสฺส ภติกสฺส อชฺชุโปสถทิวสภาโว เกนจิ กถิโต’’ติ? ‘‘น กถิโต, สามี’’ติ. ‘‘เตน หิสฺส สายมาสํ ปจถา’’ติ. อถสฺส ปตฺโถทนํ ปจึสุ. โส ทิวสํ อรฺเ กมฺมํ กตฺวา สายํ อาคนฺตฺวา ภตฺเต วฑฺเฒตฺวา ทินฺเน ‘‘ฉาโตมฺหี’’ติ สหสา อภฺุชิตฺวาว ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ อิมสฺมึ เคเห ‘ภตฺตํ เทถ, สูปํ เทถ, พฺยฺชนํ เทถา’ติ มหาโกลาหลํ อโหสิ, อชฺช เต สพฺเพ นิสฺสทฺทา นิปชฺชึสุ, มยฺหเมว เอกสฺสาหารํ วฑฺฒยึสุ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อวเสสา ภฺุชึสุ, น ภฺุชึสู’’ติ? ‘‘น ภฺุชึสุ, ตาตา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? อิมสฺมึ เคเห อุโปสถทิวเสสุ สายมาสํ ¶ น ภฺุชนฺติ, สพฺเพว อุโปสถิกา โหนฺติ. อนฺตมโส ถนปายิโนปิ ทารเก มุขํ วิกฺขาลาเปตฺวา จตุมธุรํ มุเข ปกฺขิปาเปตฺวา มหาเสฏฺิ อุโปสถิเก กาเรติ. คนฺธเตลปฺปทีเป ชาลนฺเต ขุทฺทกมหลฺลกทารกา สยนคตา ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายนฺติ. ตุยฺหํ ปน อุโปสถทิวสภาวํ กเถตุํ สตึ น กริมฺหา. ตสฺมา ตเวว ภตฺตํ ปกฺกํ, นํ ภฺุชสฺสูติ. สเจ อิทานิ อุโปสถิเกน ¶ ภวิตุํ วฏฺฏติ, อหมฺปิ ภเวยฺยนฺติ. ‘‘อิทํ เสฏฺิ ชานาตี’’ติ. ‘‘เตน หิ นํ ปุจฺฉถา’’ติ. เต คนฺตฺวา เสฏฺึ ปุจฺฉึสุ. โส เอวมาห – ‘‘อิทานิ ปน อภฺุชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺหนฺโต อุปฑฺฒํ อุโปสถกมฺมํ ลภิสฺสตี’’ติ. อิตโร ตํ สุตฺวา ตถา อกาสิ.
ตสฺส สกลทิวสํ กมฺมํ กตฺวา ฉาตสฺส สรีเร วาตา กุปฺปึสุ. โส โยตฺเตน อุรํ พนฺธิตฺวา โยตฺตโกฏิยํ คเหตฺวา ปริวตฺตติ. เสฏฺิ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา อุกฺกาหิ ธาริยมานาหิ จตุมธุรํ คาหาเปตฺวา ¶ ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา, ‘‘กึ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, วาตา เม กุปฺปิตา’’ติ. ‘‘เตน หิ อุฏฺาย อิทํ เภสชฺชํ ขาทาหี’’ติ. ‘‘ตุมฺเหปิ ขาทถ, สามี’’ติ. ‘‘อมฺหากํ อผาสุกํ นตฺถิ, ตฺวํ ขาทาหี’’ติ. ‘‘สามิ, อหํ อุโปสถกมฺมํ กโรนฺโต ¶ สกลํ กาตุํ นาสกฺขึ, อุปฑฺฒกมฺมมฺปิ เม วิกลํ มา อโหสี’’ติ น อิจฺฉิ. ‘‘มา เอวํ กริ, ตาตา’’ติ วุจฺจมาโนปิ อนิจฺฉิตฺวา อรุเณ อุฏฺหนฺเต มิลาตมาลา วิย กาลํ กตฺวา ตสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข เทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺมา อิมมตฺถํ กเถตฺวา ‘‘โส เสฏฺิ พุทฺธมามโก, ธมฺมมามโก, สงฺฆมามโก, ตํ นิสฺสาย กตสฺส อุปฑฺฒุโปสถกมฺมสฺส นิสฺสนฺเทเนสา สมฺปตฺติ มยา ลทฺธา’’ติ อาห.
‘‘พุทฺโธ’’ติ วจนํ สุตฺวาว ปฺจสตา ตาปสา อุฏฺาย เทวตาย อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘พุทฺโธติ วเทสิ, พุทฺโธติ วเทสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘พุทฺโธติ วทามิ, พุทฺโธติ วทามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิชานาเปตฺวา ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมิ’’นฺติ อุทานํ อุทาเนตฺวา ‘‘เทวเต อเนเกสุ กปฺปสตสหสฺเสสุ อสุตปุพฺพํ สทฺทํ ตยา สุณาปิตมฺหา’’ติ อาหํสุ. อถ อนฺเตวาสิโน อาจริยํ เอตทโวจุํ – ‘‘เตน หิ สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘ตาตา, ตโย เสฏฺิโน อมฺหากํ พหูปการา, สฺเว เตสํ นิเวสเน ภิกฺขํ คณฺหิตฺวา เตสมฺปิ อาจิกฺขิตฺวา คมิสฺสาม, อธิวาเสถ, ตาตา’’ติ. เต อธิวาสยึสุ. ปุนทิวเส เสฏฺิโน ยาคุภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ‘‘อชฺช โน อยฺยานํ อาคมนทิวโส’’ติ ตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา เต อาทาย นิเวสนํ คนฺตฺวา นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ อทํสุ. เต กตภตฺตกิจฺจา มหาเสฏฺิโน ‘‘มยํ คมิสฺสามา’’ติ วทึสุ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ จตฺตาโร ¶ วสฺสิเก มาเส อมฺหากํ คหิตาว ปฏิฺา, อิทานิ กุหึ คจฺฉถา’’ติ? ‘‘โลเก ¶ กิร พุทฺโธ อุปฺปนฺโน, ธมฺโม อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ อุปฺปนฺโน, ตสฺมา สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตสฺส สตฺถุโน สนฺติกํ ตุมฺหากฺเว คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘อฺเสมฺปิ อวาริตํ, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อาคเมถ, มยมฺปิ คมนปริวจฺฉํ กตฺวา คจฺฉามา’’ติ. ‘‘ตุมฺเหสุ ปริวจฺฉํ กโรนฺเตสุ อมฺหากํ ปปฺโจ โหติ, มยํ ปุรโต คจฺฉาม, ตุมฺเห ปจฺฉา อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา เต ปุเรตรํ คนฺตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา อภิตฺถวิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ เนสํ สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพปิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ วจนสมนนฺตรํเยว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา เอหิภิกฺขู อเหสุํ.
เตปิ โข ตโย เสฏฺิโน ปฺจหิ ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภตฺตจฺฉาทนสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ ทานูปกรณานิ อาทาย สาวตฺถึ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา กถาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ¶ ปติฏฺาย อทฺธมาสมตฺตมฺปิ ทานํ ททมานา สตฺถุ สนฺติเก วสิตฺวา โกสมฺพึ อาคมนตฺถาย สตฺถารํ ยาจิตฺวา สตฺถารา ปฏิฺํ ททนฺเตน ¶ ‘‘สฺุาคาเร โข คหปตโย ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อฺาตํ, ภนฺเต, อมฺเหหิ ปหิตสาสเนน อาคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา โกสมฺพึ คนฺตฺวา โฆสกเสฏฺิ โฆสิตารามํ, กุกฺกุฏเสฏฺิ กุกฺกุฏารามํ, ปาวาริกเสฏฺิ ปาวาริการามนฺติ ตโย มหาวิหาเร กาเรตฺวา สตฺถุ อาคมนตฺถาย สาสนํ ปหิณึสุ. สตฺถา เตสํ สาสนํ สุตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. เต ปจฺจุคฺคนฺตฺวา สตฺถารํ วิหารํ ปเวเสตฺวา วาเรน วาเรน ปฏิชคฺคนฺติ. สตฺถา เทวสิกํ เอเกกสฺมึ วิหาเร วสติ. ยสฺส วิหาเร วุฏฺโ โหติ, ตสฺเสว ฆรทฺวาเร ปิณฺฑาย จรติ. เตสํ ปน ติณฺณํ เสฏฺีนํ อุปฏฺาโก สุมโน นาม มาลากาโร อโหสิ. โส เต เสฏฺิโน เอวมาห – ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ทีฆรตฺตํ อุปการโก, สตฺถารํ โภเชตุกาโมมฺหิ, มยฺหมฺปิ เอกทิวสํ สตฺถารํ เทถา’’ติ. ‘‘เตน หิ ภเณ สฺเว โภเชหี’’ติ. ‘‘สาธุ, สามี’’ติ โส สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สกฺการํ ปฏิยาเทสิ.
ตทา ¶ ราชา สามาวติยา เทวสิกํ ปุปฺผมูเล อฏฺ กหาปเณ เทติ. ตสฺสา ขุชฺชุตฺตรา นาม ทาสี สุมนมาลาการสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา นิพทฺธํ ปุปฺผานิ คณฺหาติ. อถ นํ ตสฺมึ ทิวเส อาคตํ มาลากาโร อาห – ‘‘มยา สตฺถา นิมนฺติโต, อชฺช ปุปฺเผหิ สตฺถารํ ปูเชสฺสามิ, ติฏฺ ตาว, ตฺวํ ปริเวสนาย สหายิกา หุตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อวเสสานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา คมิสฺสสี’’ติ ¶ . สา ‘‘สาธู’’ติ อธิวาเสสิ. สุมโน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา อนุโมทนกรณตฺถาย ปตฺตํ อคฺคเหสิ. สตฺถา อนุโมทนธมฺมเทสนํ อารภิ. ขุชฺชุตฺตราปิ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุณนฺตีเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สา อฺเสุ ทิวเสสุ จตฺตาโร กหาปเณ อตฺตโน คเหตฺวา จตูหิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา คจฺฉติ, ตํ ทิวสํ อฏฺหิปิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา คตา. อถ นํ สามาวตี อาห – ‘‘กึ นุ โข, อมฺม, อชฺช อมฺหากํ รฺา ทฺวิคุณํ ปุปฺผมูลํ ทินฺน’’นฺติ? ‘‘โน, อยฺเย’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา พหูนิ ปุปฺผานี’’ติ? ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ อหํ จตฺตาโร กหาปเณ อตฺตโน คเหตฺวา จตูหิ ปุปฺผานิ อาหรามี’’ติ. ‘‘อชฺช กสฺมา น คณฺหี’’ติ? ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ธมฺมสฺส อธิคตตฺตา’’ติ. อถ นํ ‘‘อเร, ทุฏฺทาสิ เอตฺตกํ กาลํ ตยา คหิตกหาปเณ เม เทหี’’ติ อตชฺเชตฺวา, ‘‘อมฺม, ตยา ปิวิตํ อมตํ อมฺเหปิ ปาเยหี’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ มํ นฺหาเปหี’’ติ วุตฺเต โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหาเปตฺวา ทฺเว มฏฺสาฏเก ทาเปสิ. สา เอกํ นิวาเสตฺวา เอกํ เอกํสํ ปารุปิตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา เอกํ พีชนึ อาหราเปตฺวา อาสเน นิสีทิตฺวา จิตฺรพีชนึ อาทาย ปฺจ มาตุคามสตานิ อามนฺเตตฺวา ตาสํ สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว ธมฺมํ เทเสสิ. ตสฺสา ธมฺมกถํ สุตฺวา ตา สพฺพาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.
ตา ¶ สพฺพาปิ ขุชฺชุตฺตรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘อมฺม ¶ , อชฺชโต ปฏฺาย ตฺวํ กิลิฏฺกมฺมํ มา กริ, อมฺหากํ มาตุฏฺาเน จ อาจริยฏฺาเน จ ตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา อมฺหากํ กเถหี’’ติ วทึสุ. สา ตถา กโรนฺตี อปรภาเค ติปิฏกธรา ชาตา. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวิกานํ อุปาสิกานํ พหุสฺสุตานํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ขุชฺชุตฺตรา’’ติ เอตทคฺเค เปสิ. ตาปิ โข ปฺจสตา อิตฺถิโย ตํ เอวมาหํสุ – ‘‘อมฺม, สตฺถารํ ทฏฺุกามามฺหา, ตํ โน ทสฺเสหิ, คนฺธมาลาทีหิ ¶ ตํ ปูเชสฺสามา’’ติ. ‘‘อยฺเย, ราชกุลํ นาม ภาริยํ, ตุมฺเห คเหตฺวา พหิ คนฺตุํ น สกฺกา’’ติ. ‘‘อมฺม, โน มา นาเสหิ, ทสฺเสเหว อมฺหากํ สตฺถาร’’นฺติ. ‘‘เตน หิ ตุมฺหากํ วสนคพฺภานํ ภิตฺตีสุ ยตฺตเกน โอโลเกตุํ สกฺกา โหติ, ตตฺตกํ ฉิทฺทํ กตฺวา คนฺธมาลาทีนิ อาหราเปตฺวา สตฺถารํ ติณฺณํ เสฏฺีนํ ฆรทฺวารํ คจฺฉนฺตํ ตุมฺเห เตสุ เตสุ าเนสุ ตฺวา โอโลเกถ เจว, หตฺเถ จ ปสาเรตฺวา วนฺทถ, ปูเชถ จา’’ติ. ตา ตถา กตฺวา สตฺถารํ คจฺฉนฺตฺจ อาคจฺฉนฺตฺจ โอโลเกตฺวา วนฺทึสุ เจว ปูเชสฺุจ.
อเถกทิวสํ มาคณฺฑิยา อตฺตโน ปาสาทตลโต นิกฺขมิตฺวา จงฺกมมานา ตาสํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา คพฺเภสุ ฉิทฺทํ ทิสฺวา, ‘‘อิทํ กิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ตาหิ ตสฺสา สตฺถริ อาฆาตพทฺธภาวํ อชานนฺตีหิ ‘‘สตฺถา ¶ อิมํ นครํ อาคโต, มยํ เอตฺถ ตฺวา สตฺถารํ วนฺทาม เจว ปูเชม จา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาคโต นาม อิมํ นครํ สมโณ โคตโม, อิทานิสฺส กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามิ, อิมาปิ ตสฺส อุปฏฺายิกา, อิมาสมฺปิ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช, สามาวติมิสฺสิกานํ พหิทฺธา ปตฺถนา อตฺถิ, กติปาเหเนว เต ชีวิตํ มาเรสฺสนฺตี’’ติ. ราชา ‘‘น ตา เอวรูปํ กริสฺสนฺตี’’ติ น สทฺทหิ. ปุนปฺปุนํ วุตฺเตปิ น สทฺทหิ เอว. อถ นํ เอวํ ติกฺขตฺตุํ วุตฺเตปิ อสทฺทหนฺตํ ‘‘สเจ เม น สทฺทหสิ, ตาสํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา อุปจาเรหิ, มหาราชา’’ติ อาห. ราชา คนฺตฺวา คพฺเภสุ ฉิทฺทํ ทิสฺวา, ‘‘อิทํ กิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ตสฺมึ อตฺเถ อาโรจิเต ตาสํ อกุชฺฌิตฺวา, กิฺจิ อวตฺวาว ฉิทฺทานิ ปิทหาเปตฺวา สพฺพคพฺเภสุ อุทฺธจฺฉิทฺทกวาตปานานิ กาเรสิ. อุทฺธจฺฉิทฺทกวาตปานานิ กิร ตสฺมึ กาเล อุปฺปนฺนานิ. มาคณฺฑิยา ตาสํ กิฺจิ กาตุํ อสกฺกุณิตฺวา, ‘‘สมณสฺส โคตมสฺเสว กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ นาครานํ ลฺชํ ทตฺวา, ‘‘สมณํ โคตมํ อนฺโตนครํ ปวิสิตฺวา วิจรนฺตํ ทาสกมฺมกรโปริเสหิ อกฺโกเสตฺวา ปริภาเสตฺวา ปลาเปถา’’ติ อาณาเปสิ. มิจฺฉาทิฏฺิกา ตีสุ รตเนสุ อปฺปสนฺนา อนฺโตนครํ ปวิฏฺํ สตฺถารํ อนุพนฺธิตฺวา ¶ , ‘‘โจโรสิ ¶ , พาโลสิ, มูฬฺโหสิ, โอฏฺโสิ, โคโณสิ, คทฺรโภสิ, เนรยิโกสิ, ติรจฺฉานคโตสิ, นตฺถิ ตุยฺหํ สุคติ, ทุคฺคติเยว ตุยฺหํ ปาฏิกงฺขา’’ติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ.
ตํ ¶ สุตฺวา อายสฺมา อานนฺโท สตฺถารํ เอตทโวจ – ‘‘ภนฺเต, อิเม นาครา อมฺเห อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ, อิโต อฺตฺถ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘กุหึ, อานนฺโทติ’’? ‘‘อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถ มนุสฺเสสุ อกฺโกสนฺเตสุ ปุน กตฺถ คมิสฺสาม, อานนฺโท’’ติ? ‘‘ตโตปิ อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถาปิ มนุสฺเสสุ อกฺโกสนฺเตสุ กุหึ คมิสฺสามา’’ติ? ‘‘ตโตปิ อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อานนฺท, เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ยตฺถ อธิกรณํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺเถว ตสฺมึ วูปสนฺเต อฺตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏติ. เก ปน เต, อานนฺท, อกฺโกสนฺตี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, ทาสกมฺมกเร อุปาทาย สพฺเพ อกฺโกสนฺตี’’ติ. ‘‘อหํ, อานนฺท, สงฺคามํ โอติณฺณหตฺถิสทิโส, สงฺคามํ โอติณฺณหตฺถิโน หิ จตูหิ ทิสาหิ อาคเต สเร สหิตุํ ภาโร, ตเถว พหูหิ ทุสฺสีเลหิ กถิตกถานํ สหนํ นาม มยฺหํ ภาโร’’ติ วตฺวา อตฺตานํ อารพฺภ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา นาควคฺเค ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘อหํ นาโคว สงฺคาเม, จาปโต ปติตํ สรํ;
อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ, ทุสฺสีโล หิ พหุชฺชโน.
‘‘ทนฺตํ ¶ นยนฺติ สมิตึ, ทนฺตํ ราชาภิรูหติ;
ทนฺโต เสฏฺโ มนุสฺเสสุ, โยติวากฺยํ ติติกฺขติ.
‘‘วรมสฺสตรา ทนฺตา, อาชานียา จ สินฺธวา;
กฺุชรา จ มหานาคา, อตฺตทนฺโต ตโต วร’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๒๐-๓๒๒);
ธมฺมกถา สมฺปตฺตมหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสิ. เอวํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มา จินฺตยิ, อานนฺท, เอเต สตฺตาหมตฺตเมว อกฺโกสิสฺสนฺติ, อฏฺเม ทิวเส ตุณฺหี ภวิสฺสนฺติ, พุทฺธานฺหิ อุปฺปนฺนํ อธิกรณํ สตฺตาหโต อุตฺตริ น คจฺฉติ. มาคณฺฑิยา สตฺถารํ อกฺโกสาเปตฺวา ปลาเปตุํ อสกฺโกนฺตี, ‘‘กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อิมา เอตสฺส อุปตฺถมฺภภูตา, เอตาสมฺปิ พฺยสนํ กริสฺสามี’’ติ เอกทิวสํ รฺโ สุราปานฏฺาเน อุปฏฺานํ กโรนฺตี จูฬปิตุ สาสนํ ปหิณิ ‘‘อตฺโถ เม กิร กุกฺกุเฏหิ ¶ , อฏฺ มตกุกฺกุเฏ, อฏฺ สชีวกุกฺกุเฏ จ คเหตฺวา อาคจฺฉตุ, อาคนฺตฺวา จ โสปานมตฺถเก ตฺวา อาคตภาวํ นิเวเทตฺวา ‘ปวิสตู’ติ วุตฺเตปิ อปวิสิตฺวา ปมํ อฏฺ สชีวกุกฺกุเฏ ปหิณตุ, ‘ปจฺฉา อิตเร’’’ติ. จูฬาปฏฺากสฺส จ ‘‘มม วจนํ กเรยฺยาสี’’ติ ลฺชํ อทาสิ. มาคณฺฑิโย อาคนฺตฺวา, รฺโ นิเวทาเปตฺวา, ‘‘ปวิสตู’’ติ วุตฺเต, ‘‘รฺโ อาปานภูมึ น ปวิสิสฺสามี’’ติ อาห. อิตรา จูฬุปฏฺากํ ¶ ปหิณิ ¶ – ‘‘คจฺฉ, ตาต, มม จูฬปิตุ สนฺติก’’นฺติ. โส คนฺตฺวา เตน ทินฺเน อฏฺ สชีวกุกฺกุเฏ อาเนตฺวา, ‘‘เทว, ปุโรหิเตน ปณฺณากาโร ปหิโต’’ติ อาห. ราชา ‘‘ภทฺทโก วต โน อุตฺตริภงฺโค อุปฺปนฺโน, โก นุ โข ปเจยฺยา’’ติ อาห. มาคณฺฑิยา, ‘‘มหาราช, สามาวติปฺปมุขา ปฺจสตา อิตฺถิโย นิกฺกมฺมิกา วิจรนฺติ, ตาสํ เปเสหิ, ตา ปจิตฺวา อาหริสฺสนฺตี’’ติ อาห. ราชา ‘‘คจฺฉ, ตาสํ ทตฺวา อฺสฺส กิร หตฺเถ อทตฺวา สยเมว มาเรตฺวา ปจนฺตู’’ติ เปเสสิ. จูฬุปฏฺาโก ‘‘สาธุ เทวา’’ติ คนฺตฺวา ตถา วตฺวา ตาหิ ‘‘มยํ ปาณาติปาตํ น กโรมา’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต อาคนฺตฺวา ตมตฺถํ รฺโ อาโรเจสิ. มาคณฺฑิยา ‘‘ทิฏฺํ เต, มหาราช, อิทานิ ตาสํ ปาณาติปาตสฺส กรณํ วา อกรณํ วา ชานิสฺสสิ, ‘สมณสฺส โคตมสฺส ปจิตฺวา เปเสนฺตู’ติ วเทหิ เทวา’’ติ อาห. ราชา ตถา วตฺวา เปเสสิ. อิตโร เต คเหตฺวา คจฺฉนฺโต วิย หุตฺวา คนฺตฺวา เต กุกฺกุเฏ ปุโรหิตสฺส ทตฺวา มตกุกฺกุเฏ ตาสํ สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘อิเม กิร กุกฺกุเฏ ปจิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ ปหิณถา’’ติ อาห. ตา, ‘‘สามิ, อาหร, อิทํ นาม อมฺหากํ กิจฺจ’’นฺติ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา คณฺหึสุ. โส รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กึ, ตาตา’’ติ ปุฏฺโ, ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส ปจิตฺวา เปเสถาติ วุตฺตมตฺเตเยว ปฏิมคฺคํ อาคนฺตฺวา คณฺหึสู’’ติ อาจิกฺขิ. มาคณฺฑิยา ‘‘ปสฺส, มหาราช, น ตา ตุมฺหาทิสานํ กโรนฺติ, พหิทฺธา ปตฺถนา ตาสํ อตฺถีติ วุตฺเต น สทฺทหสี’’ติ อาห. ราชา ตํ สุตฺวาปิ อธิวาเสตฺวา ¶ ตุณฺหีเยว อโหสิ. มาคณฺฑิยา ‘‘กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ.
ตทา ปน ราชา ‘‘สามาวติยา วาสุลทตฺตาย มาคณฺฑิยาย จา’’ติ ติสฺสนฺนมฺปิ เอตาสํ ปาสาทตเล วาเรน วาเรน สตฺตาหํ สตฺตาหํ วีตินาเมติ ¶ . อถ นํ ‘‘สฺเว วา ปรสุเว วา สามาวติยา ปาสาทตลํ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวา มาคณฺฑิยา จูฬปิตุ สาสนํ ปหิณิ – ‘‘อคเทน กิร ทาา โธวิตฺวา เอกํ สปฺปํ เปเสตู’’ติ. โส ตถา กตฺวา เปเสสิ. ราชา อตฺตโน คมนฏฺานํ หตฺถิกนฺตวีณํ อาทายเยว คจฺฉติ, ตสฺสา โปกฺขเร เอกํ ฉิทฺทํ อตฺถิ. มาคณฺฑิยา เตน ฉิทฺเทน สปฺปํ ปเวเสตฺวา ฉิทฺทํ มาลาคุเฬน ถเกสิ. สปฺโป ทฺวีหตีหํ อนฺโตวีณายเมว อโหสิ. มาคณฺฑิยา รฺโ คมนทิวเส ‘‘อชฺช กตริสฺสิตฺถิยา ปาสาทํ คมิสฺสสิ เทวา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สามาวติยา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อชฺช มยา, มหาราช, อมนาโป สุปิโน ทิฏฺโ. น สกฺกา ตตฺถ คนฺตุํ, เทวา’’ติ? ‘‘คจฺฉาเมวา’’ติ. สา ยาว ตติยํ วาเรตฺวา, ‘‘เอวํ สนฺเต อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ คมิสฺสามิ, เทวา’’ติ วตฺวา นิวตฺติยมานาปิ อนิวตฺติตฺวา, ‘‘น ชานามิ, กึ ภวิสฺสติ เทวา’’ติ รฺา สทฺธึเยว อคมาสิ.
ราชา สามาวติมิสฺสิกาหิ ทินฺนานิ วตฺถปุปฺผคนฺธาภรณานิ ธาเรตฺวา สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา วีณํ ¶ อุสฺสีสเก เปตฺวา สยเน นิปชฺชิ. มาคณฺฑิยา อปราปรํ วิจรนฺตี วิย หุตฺวา วีณาฉิทฺทโต ปุปฺผคุฬํ อปเนสิ. สปฺโป ทฺวีหตีหํ นิราหาโร เตน ฉิทฺเทน นิกฺขมิตฺวา ปสฺสสนฺโต ผณํ กตฺวา สยนปิฏฺเ นิปชฺชิ ¶ . มาคณฺฑิยา ตํ ทิสฺวา, ‘‘ธี ธี, เทว, สปฺโป’’ติ มหาสทฺทํ กตฺวา ราชานฺจ ตา จ อกฺโกสนฺตี, ‘‘อยํ อนฺธพาลราชา อลกฺขิโก มยฺหํ วจนํ น สุณาติ, อิมาปิ นิสฺสิรีกา ทุพฺพินีตา, กึ นาม รฺโ สนฺติกา น ลภนฺติ, กึ นุ ตุมฺเห อิมสฺมึ มเตเยว สุขํ ชีวิสฺสถ, ชีวนฺเต ทุกฺขํ ชีวถ, ‘อชฺช มยา ปาปสุปิโน ทิฏฺโ, สามาวติยา ปาสาทํ คนฺตุํ น วฏฺฏตี’ติ วาเรนฺติยาปิ เม วจนํ น สุณสิ, เทวา’’ติ อาห. ราชา สปฺปํ ทิสฺวา มรณภยตชฺชิโต ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม อิมา กริสฺสนฺติ, อโห ปาปา, อหํ อิมาสํ ปาปภาวํ อาจิกฺขนฺติยาปิ อิมิสฺสา วจนํ น สทฺทหึ, ปมํ อตฺตโน คพฺเภสุ ฉิทฺทานิ กตฺวา นิสินฺนา, ปุน มยา เปสิเต กุกฺกุเฏ ปฏิปหิณึสุ, อชฺช สยเน สปฺปํ วิสฺสชฺชึสู’’ติ โกเธน สมฺปชฺชลิโต วิย อโหสิ.
สามาวตีปิ ¶ ปฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ โอวาทํ อทาสิ – ‘‘อมฺมา, อมฺหากํ อฺํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, นรินฺเท จ เทวิยา จ อตฺตนิ จ สมเมว เมตฺตจิตฺตํ ปวตฺเตถ, มา กสฺสจิ โกปํ กริตฺถา’’ติ. ราชา สหสฺสถามํ สิงฺคธนุํ อาทาย ชิยํ โปเถตฺวา วิสปีตํ สรํ สนฺนยฺหิตฺวา สามาวตึ ธุเร กตฺวา สพฺพา ¶ ตา ปฏิปาฏิยา ปาเปตฺวา สามาวติยา อุเร สรํ วิสฺสชฺเชสิ. โส ตสฺสา เมตฺตานุภาเวน ปฏินิวตฺติตฺวา อาคตมคฺคาภิมุโขว หุตฺวา รฺโ หทยํ ปวิสนฺโต วิย อฏฺาสิ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘มยา ขิตฺโต สโร สิลมฺปิ วินิวิชฺฌิตฺวา คจฺฉติ, อากาเส ปฏิหนนกฏฺานํ นตฺถิ, อถ จ ปเนส นิวตฺติตฺวา มม หทยาภิมุโข ชาโต, อยฺหิ นาม นิสฺสตฺโต นิชฺชีโว สโรปิ เอติสฺสา คุณํ ชานาติ, อหํ มนุสฺสภูโตปิ น ชานามี’’ติ, โส ธนุํ ฉฑฺเฑตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห สามาวติยา ปาทมูเล อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สมฺมุยฺหามิ ปมุยฺหามิ, สพฺพา มุยฺหนฺติ เม ทิสา;
สามาวติ มํ ตายสฺสุ, ตฺวฺจ เม สรณํ ภวา’’ติ.
สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘สาธุ, เทว, มํ สรณํ คจฺฉา’’ติ อวตฺวา, ‘‘ยมหํ, มหาราช, สรณํ คตา, ตเมว ตฺวมฺปิ สรณํ คจฺฉาหี’’ติ อิทํ วตฺวา สามาวตี สมฺมาสมฺพุทฺธสาวิกา –
‘‘มา ¶ มํ ตฺวํ สรณํ คจฺฉ, ยมหํ สรณํ คตา;
เอส พุทฺโธ มหาราช, เอส พุทฺโธ อนุตฺตโร;
สรณํ คจฺฉ ตํ พุทฺธํ, ตฺวฺจ เม สรณํ ภวา’’ติ. –
อาห ¶ . ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘อิทานาหํ อติเรกตรํ ภายามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอส ภิยฺโย ปมุยฺหามิ, สพฺพา มุยฺหนฺติ เม ทิสา;
สามาวติ มํ ตายสฺสุ, ตฺวฺจ เม สรณํ ภวา’’ติ.
อถ นํ สา ปุริมนเยเนว ปุน ปฏิกฺขิปิตฺวา, ‘‘เตน หิ ตฺวฺจ สรณํ คจฺฉามิ, สตฺถารฺจ สรณํ คจฺฉามิ, วรฺจ เต ทมฺมี’’ติ วุตฺเต, ‘‘วโร คหิโต โหตุ, มหาราชา’’ติ อาห. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สรณํ คนฺตฺวา นิมนฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ¶ สามาวตึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อุฏฺเหิ, วรํ คณฺหา’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, มยฺหํ หิรฺาทีหิ อตฺโถ นตฺถิ, อิมํ ปน เม วรํ เทหิ, ตถา กโรหิ, ยถา สตฺถา นิพทฺธํ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อิธาคจฺฉติ, ธมฺมํ สุณิสฺสามี’’ติ. ราชา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิพทฺธํ อิธาคจฺฉถ, สามาวติมิสฺสิกา ‘ธมฺมํ สุณิสฺสามา’ติ วทนฺตี’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, พุทฺธานํ นาม เอกสฺมึ าเน นิพทฺธํ คนฺตุํ น วฏฺฏติ, มหาชโน สตฺถารํ อาคมนตฺถาย ปจฺจาสีสตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เอกํ ภิกฺขุํ อาณาเปถา’’ติ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อาณาเปสิ. โส ตโต ปฏฺาย ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อาทาย นิพทฺธํ ราชกุลํ คจฺฉติ. ตาปิ เทวิโย นิพทฺธํ เถรํ สปริวารํ โภเชนฺติ, ธมฺมํ สุณนฺติ. ตา เอกทิวสํ เถรสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสีทิตฺวา, ปฺจหิ อุตฺตราสงฺคสเตหิ ธมฺมปูชํ อกํสุ ¶ . เอเกโก อุตฺตราสงฺโค ปฺจ สตานิ ปฺจ สตานิ อคฺฆติ.
ตา เอกวตฺถา ทิสฺวา ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘กุหึ โว อุตฺตราสงฺโค’’ติ. ‘‘อยฺยสฺส โน ทินฺนา’’ติ. ‘‘เตน สพฺเพ คหิตา’’ติ? ‘‘อาม, คหิตา’’ติ. ราชา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ตาหิ อุตฺตราสงฺคานํ ทินฺนภาวํ ปุจฺฉิตฺวา ตาหิ ทินฺนภาวฺจ เถเรน คหิตภาวฺจ สุตฺวา, ‘‘นนุ, ภนฺเต, อติพหูนิ วตฺถานิ, เอตฺตเกหิ กึ กริสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺหากํ ปโหนกานิ วตฺถานิ คณฺหิตฺวา เสสานิ ชิณฺณจีวริกานํ ภิกฺขูนํ ทสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เต อตฺตโน ชิณฺณจีวรานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ชิณฺณตรจีวริกานํ ทสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เต ¶ อตฺตโน ชิณฺณตรจีวรานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ปจฺจตฺถรณานิ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘ปุราณปจฺจตฺถรณานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ภูมตฺถรณานิ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘ปุราณภูมตฺถรณานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ปาทปฺุฉนานิ กริสฺสนฺติ, มหาราชา’’ติ. ‘‘ปุราณปาทปฺุฉนานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ขณฺฑาขณฺฑิกํ โกฏฺเฏตฺวา มตฺติกาย มทฺทิตฺวา ภิตฺตึ ลิมฺปิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอตฺตกานิ กตฺวาปิ อยฺยานํ ทินฺนานิ น นสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ราชา ปสนฺโน อปรานิปิ ปฺจ วตฺถสตานิ อาหราเปตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล ปาเปสิ. เถโร กิร ปฺจสตคฺฆนกาเนว วตฺถานิ ปฺจสตภาเคน ¶ ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนานิ ปฺจสตกฺขตฺตุํ ลภิ, สหสฺสคฺฆนกานิ สหสฺสภาเคน ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนานิ ¶ สหสฺสกฺขตฺตุํ ลภิ, สตสหสฺสคฺฆนกานิ สตสหสฺสภาเคน ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนานิ สตสหสฺสกฺขตฺตุํ ลภิ. เอกํ ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ ทสาติอาทินา นเยน ลทฺธานํ ปน คณนา นาม นตฺถิ. ตถาคเต กิร ปรินิพฺพุเต เถโร สกลชมฺพุทีปํ วิจริตฺวา สพฺพวิหาเรสุ ภิกฺขูนํ อตฺตโน สนฺตกาเนว ปตฺตจีวรานิ อทาสิ.
ตทา มาคณฺฑิยาปิ ‘‘ยมหํ กโรมิ. ตํ ตถา อหุตฺวา อฺถาว โหติ, อิทานิ กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ รฺเ อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺเต จูฬปิตุ สาสนํ ปหิณิ – ‘‘สามาวติยา ปาสาทํ คนฺตฺวา, ทุสฺสโกฏฺาคารานิ จ เตลโกฏฺาคารานิ จ วิวราเปตฺวา, ทุสฺสานิ เตลจาฏีสุ เตเมตฺวา เตเมตฺวา ถมฺเภ เวเตฺวา ตา สพฺพาปิ เอกโต กตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา พหิ ยนฺตกํ ทตฺวา ทณฺฑทีปิกาหิ เคเห อคฺคึ ททมาโน โอตริตฺวา คจฺฉตู’’ติ. โส ปาสาทํ อภิรุยฺห โกฏฺาคารานิ ¶ วิวริตฺวา วตฺถานิ เตลจาฏีสุ เตเมตฺวา เตเมตฺวา ถมฺเภ เวเตุํ อารภิ. อถ นํ สามาวติปฺปมุขา อิตฺถิโย ‘‘กึ เอตํ จูฬปิตา’’ติ วทนฺติโย อุปสงฺกมึสุ. ‘‘อมฺมา, ราชา ทฬฺหิกมฺมตฺถาย อิเม ถมฺเภ เตลปิโลติกาหิ เวาเปติ, ราชเคเห นาม สุยุตฺตํ ทุยุตฺตํ ทุชฺชานํ, มา เม สนฺติเก โหถ, อมฺมา’’ติ เอวํ วตฺวา ตา อาคตา คพฺเภ ปเวเสตฺวา ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา พหิ ยนฺตกํ ทตฺวา อาทิโต ปฏฺาย อคฺคึ เทนฺโต โอตริ. สามาวตี ตาสํ โอวาทํ อทาสิ – ‘‘อมฺหากํ อนมตคฺเค สํสาเร วิจรนฺตีนํ เอวเมว อคฺคินา ฌายมานานํ อตฺตภาวานํ ปริจฺเฉโท พุทฺธาเณนปิ น สุกโร, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ. ตา เคเห ฌายนฺเต เวทนาปริคฺคหกมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺติโย กาจิ ทุติยผลํ, กาจิ ตติยผลํ ปาปุณึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘อิธ, ภนฺเต, รฺโ อุเตนสฺส อุยฺยานคตสฺส อนฺเตปุรํ ทฑฺฒํ, ปฺจ จ อิตฺถิสตานิ กาลกตานิ ¶ สามาวติปฺปมุขานิ. ตาสํ, ภนฺเต, อุปาสิกานํ กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’ติ? สนฺเตตฺถ, ภิกฺขเว, อุปาสิกาโย โสตาปนฺนา ¶ , สนฺติ สกทาคามิโย, สนฺติ อนาคามิโย, สพฺพา ตา, ภิกฺขเว ¶ , อุปาสิกาโย อนิปฺผลา กาลกตา’’ติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘โมหสมฺพนฺธโน โลโก, ภพฺพรูโปว ทิสฺสติ;
อุปธีพนฺธโน พาโล, ตมสา ปริวาริโต;
สสฺสโตริว ขายติ, ปสฺสโต นตฺถิ กิฺจน’’นฺติ. (อุทา. ๗๐);
เอวฺจ ปน วตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สตฺตา นาม วฏฺเฏ วิจรนฺตา นิจฺจกาลํ อปฺปมตฺตา หุตฺวา ปฺุกมฺมเมว น กโรนฺติ, ปมาทิโน หุตฺวา ปาปกมฺมมฺปิ กโรนฺติ. ตสฺมา วฏฺเฏ วิจรนฺตา สุขมฺปิ ทุกฺขมฺปิ อนุภวนฺตี’’ติ ธมฺมํ เทเสสิ.
ราชา ‘‘สามาวติยา เคหํ กิร ฌายตี’’ติ สุตฺวา เวเคนาคจฺฉนฺโตปิ อทฑฺเฒ สมฺปาปุณิตุํ นาสกฺขิ. อาคนฺตฺวา ปน เคหํ นิพฺพาเปนฺโต อุปฺปนฺนพลวโทมนสฺโส อมจฺจคณปริวุโต นิสีทิตฺวา สามาวติยา คุเณ อนุสฺสรนฺโต, ‘‘กสฺส นุ โข อิทํ กมฺม’’นฺติ จินฺเตตฺวา – ‘‘มาคณฺฑิยาย การิตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา, ‘‘ตาเสตฺวา ปุจฺฉิยมานา น กเถสฺสติ, สณิกํ อุปาเยน ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อมจฺเจ ¶ อาห – ‘‘อมฺโภ, อหํ อิโต ปุพฺเพ อุฏฺาย สมุฏฺาย อาสงฺกิตปริสงฺกิโตว โหมิ, สามาวตี เม นิจฺจํ โอตารเมว คเวสติ, อิทานิ ปน เม จิตฺตํ นิพฺพุตํ ภวิสฺสติ, สุเขน จ วสิตุํ ลภิสฺสามี’’ติ, เต ‘‘เกน นุ โข, เทว, อิทํ กต’’นฺติ อาหํสุ. ‘‘มยิ สิเนเหน เกนจิ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ. มาคณฺฑิยาปิ สมีเป ิตา ตํ สุตฺวา, ‘‘นาฺโ โกจิ กาตุํ สกฺขิสฺสติ, มยา กตํ, เทว, อหํ จูฬปิตรํ อาณาเปตฺวา กาเรสิ’’นฺติ อาห. ‘‘ตํ เปตฺวา อฺโ มยิ สิเนโห สตฺโต นาม นตฺถิ, ปสนฺโนสฺมิ, วรํ เต ทมฺมิ, อตฺตโน าติคณํ ปกฺโกสาเปหี’’ติ. สา าตกานํ สาสนํ ปหิณิ – ‘‘ราชา เม ปสนฺโน วรํ เทติ, สีฆํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ. ราชา อาคตาคตานํ มหนฺตํ สกฺการํ กาเรสิ. ตํ ทิสฺวา ตสฺสา อฺาตกาปิ ลฺชํ ทตฺวา ‘‘มยํ มาคณฺฑิยาย าตกา’’ติ อาคจฺฉึสุ. ราชา เต สพฺเพ คาหาเปตฺวา ราชงฺคเณ นาภิปฺปมาเณ อาวาเฏ ขณาเปตฺวา เต ตตฺถ นิสีทาเปตฺวา ปํสูหิ ปูเรตฺวา อุปริ ปลาเล วิกิราเปตฺวา อคฺคึ ทาเปสิ. จมฺมสฺส ทฑฺฒกาเล อยนงฺคเลน ¶ กสาเปตฺวา ขณฺฑาขณฺฑํ หีราหีรํ กาเรสิ. มาคณฺฑิยาย ¶ สรีรโตปิ ติขิเณน ¶ สตฺเถน ฆนฆนฏฺาเนสุ มํสํ อุปฺปาเฏตฺวา เตลกปาลํ อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา ปูเว วิย ปจาเปตฺวา ตเมว ขาทาเปสิ.
ธมฺมสภายมฺปิ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อนนุจฺฉวิกํ วต, อาวุโส, เอวรูปาย สทฺธาย ปสนฺนาย อุปาสิกาย เอวรูปํ มรณ’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเว สามาวติปฺปมุขานํ อิตฺถีนํ เอตํ อยุตฺตํ สมฺปตฺตํ. ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส ปน ยุตฺตเมว เอตาหิ ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘กึ, ภนฺเต, เอตาหิ ปุพฺเพ กตํ, ตํ อาจิกฺขถา’’ติ เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ราชเคเห นิพทฺธํ อฏฺ ปจฺเจกพุทฺธา ภฺุชนฺติ. ปฺจสตา อิตฺถิโย เต อุปฏฺหนฺติ. เตสุ สตฺต ปจฺเจกพุทฺธา หิมวนฺตํ คจฺฉนฺติ, เอโก นทีตีเร เอกํ ติณคหนํ อตฺถิ, ตตฺถ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. อเถกทิวสํ ราชา ปจฺเจกพุทฺเธสุ คเตสุ ตา อิตฺถิโย อาทาย นทิยํ อุทกกีฬํ ¶ กีฬิตุํ คโต. ตตฺถ ตา อิตฺถิโย ทิวสภาคํ อุทเก กีฬิตฺวา อุตฺตริตฺวา สีตปีฬิตา อคฺคึ วิสิพฺเพตุกามา ‘‘อมฺหากํ อคฺคิกรณฏฺานํ โอโลเกถา’’ติ อปราปรํ วิจรนฺติโย ตํ ติณคหนํ ทิสฺวา, ‘‘ติณราสี’’ติ สฺาย ตํ ปริวาเรตฺวา ิตา อคฺคึ อทํสุ. ติเณสุ ฌายิตฺวา ปตนฺเตสุ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา, ‘‘นฏฺามฺหา, อมฺหากํ รฺโ ปจฺเจกพุทฺโธ ฌายติ, ราชา ตฺวา อมฺเห นาเสสฺสติ, สุทฑฺฒํ นํ กริสฺสามา’’ติ สพฺพา ตา อิตฺถิโย อิโต จิโต จ ทารูนิ อาหริตฺวา ตสฺส อุปริ ทารุราสึ กรึสุ. มหาทารุราสิ อโหสิ. อถ นํ อาลิมฺเปตฺวา, ‘‘อิทานิ ฌายิสฺสตี’’ติ ปกฺกมึสุ. ตา ปมํ อสฺเจตนิกา หุตฺวา กมฺมุนา น พชฺฌึสุ, อิทานิ ปจฺฉา สฺเจตนาย กมฺมุนา พชฺฌึสุ. ปจฺเจกพุทฺธํ ปน อนฺโตสมาปตฺติยํ สกฏสหสฺเสหิ ทารูนิ อาหริตฺวา อาลิมฺเปนฺตาปิ อุสฺมาการมตฺตมฺปิ คเหตุํ น สกฺโกนฺติ. ตสฺมา โส สตฺตเม ทิวเส อุฏฺาย ยถาสุขํ อคมาสิ. ตา ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต อิมินาว นิยาเมน เคเห ฌายมาเน ฌายึสุ. อิทํ เอตาสํ ปุพฺพกมฺมนฺติ.
เอวํ ¶ วุตฺเต ภิกฺขู สตฺถารํ ปฏิปุจฺฉึสุ – ‘‘ขุชฺชุตฺตรา ปน, ภนฺเต, เกน กมฺเมน ขุชฺชา ชาตา, เกน กมฺเมน มหาปฺา, เกน กมฺเมน โสตาปตฺติผลํ อธิคตา, เกน กมฺเมน ปเรสํ เปสนการิตา ¶ ชาตา’’ติ? ภิกฺขเว, ตสฺเสว รฺโ พาราณสิยํ รชฺชํ กรณกาเล สฺเวว ¶ ปจฺเจกพุทฺโธ โถกํ ขุชฺชธาตุโก อโหสิ. อเถกา อุปฏฺายิกา อิตฺถี กมฺพลํ ปารุปิตฺวา สุวณฺณสรณํ คเหตฺวา, ‘‘อมฺหากํ ปจฺเจกพุทฺโธ เอวฺจ เอวฺจ วิจรตี’’ติ ขุชฺชา หุตฺวา ตสฺส วิจรณาการํ ทสฺเสสิ. ตสฺส นิสฺสนฺเทน ขุชฺชา ชาตา. เต ปน ปจฺเจกพุทฺเธ ปมทิวเส ราชเคเห นิสีทาเปตฺวา ปตฺเต คาหาเปตฺวา ปายาสสฺส ปูเรตฺวา ทาเปสิ. อุณฺหปายาสสฺส ปูเร ปตฺเต ปจฺเจกพุทฺธา ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา คณฺหนฺติ. สา อิตฺถี เต ตถา กโรนฺเต ทิสฺวา อตฺตโน สนฺตกานิ อฏฺ ทนฺตวลยานิ ทตฺวา, ‘‘อิธ เปตฺวา คณฺหถา’’ติ อาห. เตสุ ตถา กตฺวา ตํ โอโลเกตฺวา ิเตสุ เตสํ อธิปฺปายํ ตฺวา, ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, อมฺหากํ เอเตหิ อตฺโถ. ตุมฺหากฺเว เอตานิ ปริจฺจตฺตานิ, คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาห. เต คเหตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมํสุ. อชฺชตนาปิ ตานิ วลยานิ อโรคาเนว. สา ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อิทานิ ติปิฏกธรา มหาปฺา ชาตา. ปจฺเจกพุทฺธานํ กตอุปฏฺานสฺส นิสฺสนฺเทน ปน โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา. อิทมสฺสา พุทฺธนฺตเร ปุพฺพกมฺมํ.
กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปน เอกา พาราณสิเสฏฺิโน ธีตา วฑฺฒมานกจฺฉายาย อาทาสํ คเหตฺวา อตฺตานํ อลงฺกโรนฺตี นิสีทิ. อถสฺสา วิสฺสาสิกา เอกา ขีณาสวา ¶ ภิกฺขุนี ตํ ทฏฺุํ อคมาสิ. ภิกฺขุนิโย หิ ขีณาสวาปิ สายนฺหสมเย อุปฏฺากกุลานิ ทฏฺุกามา โหนฺติ. ตสฺมึ ปน ขเณ เสฏฺิธีตาย สนฺติเก กาจิ เปสนการิกา นตฺถิ, สา ‘‘วนฺทามิ, อยฺเย, เอตํ ตาว เม ปสาธนเปฬกํ คเหตฺวา เทถา’’ติ อาห. เถรี จินฺเตสิ – ‘‘สจสฺสา อิมํ คณฺหิตฺวา น ทสฺสามิ, มยิ อาฆาตํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ. สเจ ปน ทสฺสามิ, ปรสฺส เปสนการิกา หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสติ. นิรยสนฺตาปโต โข ปน ปรสฺส เปสนภาโวว เสยฺโย’’ติ. ‘‘สา อนุทยํ ปฏิจฺจ ตํ คเหตฺวา ตสฺสา อทาสิ. ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ปเรสํ เปสนการิกา ชาตา’’ติ.
อถ ¶ ปุเนกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘สามาวติปฺปมุขา ปฺจสตา อิตฺถิโย เคเห อคฺคินา ฌายึสุ, มาคณฺฑิยาย าตกา อุปริ ปลาลคฺคึ ทตฺวา อยนงฺคเลหิ ภินฺนา, มาคณฺฑิยา ปกฺกุถิตเตเล ปกฺกา, เก นุ โข เอตฺถ ชีวนฺติ นาม, เก มตา นามา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, เย เกจิ ปมตฺตา, เต วสฺสสตํ ชีวนฺตาปิ มตาเยว นาม. เย อปฺปมตฺตา, เต มตาปิ ชีวนฺติเยว. ตสฺมา มาคณฺฑิยา ชีวนฺตีปิ มตาเยว นาม, สามาวติปฺปมุขา ปฺจสตา อิตฺถิโย มตาปิ ชีวนฺติเยว นาม. น หิ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา มรนฺติ นามา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อปฺปมาโท ¶ ¶ อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ;
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ, เย ปมตฺตา ยถา มตา.
‘‘เอวํ วิเสสโต ตฺวา, อปฺปมาทมฺหิ ปณฺฑิตา;
อปฺปมาเท ปโมทนฺติ, อริยานํ โคจเร รตา.
‘‘เต ฌายิโน สาตติกา, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา;
ผุสนฺติ ธีรา นิพฺพานํ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตร’’นฺติ.
ตตฺถ อปฺปมาโทติ ปทํ มหนฺตํ อตฺถํ ทีเปติ, มหนฺตํ อตฺถํ คเหตฺวา ติฏฺติ. สกลมฺปิ หิ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาหริตฺวา กถิยมานํ อปฺปมาทปทเมว โอตรติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ชงฺคลานํ ปาณานํ ปทชาตานิ, สพฺพานิ ตานิ หตฺถิปเท สโมธานํ คจฺฉนฺติ, หตฺถิปทํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ ยทิทํ มหนฺตตฺเตน. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพเต อปฺปมาทมูลกา อปฺปมาทสโมสรณา, อปฺปมาโท เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๔๐).
โส ปเนส อตฺถโต สติยา อวิปฺปวาโส นาม. นิจฺจํ อุปฏฺิตาย สติยา เจตํ นามํ. อมตปทนฺติ อมตํ วุจฺจติ นิพฺพานํ. ตฺหิ อชาตตฺตา นุ ชียติ น มียติ, ตสฺมา อมตนฺติ วุจฺจติ. ปชฺชนฺติ อิมินาติ ปทํ, อมตํ ¶ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. อมตสฺส ปทํ อมตปทํ, อมตสฺส อธิคมูปาโยติ วุตฺตํ โหติ, ปมาโทติ ปมชฺชนภาโว, มุฏฺสฺสติสงฺขาตสฺส สติยา โวสคฺคสฺเสตํ นามํ. มจฺจุโนติ ¶ มรณสฺส. ปทนฺติ อุปาโย มคฺโค. ปมตฺโต หิ ชาตึ นาติวตฺตติ, ชาโต ชียติ เจว มียติ จาติ ปมาโท มจฺจุโน ปทํ นาม โหติ, มรณํ อุเปติ. อปฺปมตฺตา น มียนฺตีติ สติยา สมนฺนาคตา หิ อปฺปมตฺตา น มรนฺติ. อชรา อมรา โหนฺตีติ น สลฺลกฺเขตพฺพํ. น หิ โกจิ สตฺโต อชโร อมโร นาม อตฺถิ, ปมตฺตสฺส ปน วฏฺฏํ นาม อปริจฺฉินฺนํ, อปฺปมตฺตสฺส ปริจฺฉินฺนํ. ตสฺมา ปมตฺตา ชาติอาทีหิ อปริมุตฺตตฺตา ชีวนฺตาปิ มตาเยว นาม. อปฺปมตฺตา ปน อปฺปมาทลกฺขณํ วฑฺเฒตฺวา ขิปฺปํ มคฺคผลานิ สจฺฉิกตฺวา ทุติยตติยอตฺตภาเวสุ น นิพฺพตฺตนฺติ. ตสฺมา เต ชีวนฺตาปิ มตาปิ น มียนฺติเยว นาม. เย ปมตฺตา ยถา มตาติ เย ปน สตฺตา ปมตฺตา, เต ปมาทมรเณน มตตฺตา, ยถา หิ ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉเทน มตา ทารุกฺขนฺธสทิสา อปคตวิฺาณา ¶ , ตเถว โหนฺติ. เตสมฺปิ หิ มตานํ วิย คหฏฺานํ ตาว ‘‘ทานํ ทสฺสาม, สีลํ รกฺขิสฺสาม, อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ เอกจิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชติ, ปพฺพชิตานมฺปิ ‘‘อาจริยุปชฺฌายวตฺตาทีนิ ปูเรสฺสาม, ธุตงฺคานิ สมาทิยิสฺสาม, ภาวนํ วฑฺเฒสฺสามา’’ติ น อุปฺปชฺชตีติ มเตน เต กึ นานากรณาว โหนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เย ปมตฺตา ยถา มตา’’ติ.
เอวํ วิเสสโต ตฺวาติ ปมตฺตสฺส วฏฺฏโต นิสฺสรณํ นตฺถิ, อปฺปมตฺตสฺส อตฺถีติ เอวํ ¶ วิเสสโตว ชานิตฺวา. เก ปเนตํ วิเสสํ ชานนฺตีติ? อปฺปมาทมฺหิ ปณฺฑิตาติ เย ปณฺฑิตา เมธาวิโน สปฺปฺา อตฺตโน อปฺปมาเท ตฺวา อปฺปมาทํ วฑฺเฒนฺติ, เต เอวํ วิเสสการณํ ชานนฺติ. อปฺปมาเท ปโมทนฺตีติ เต เอวํ ตฺวา ตสฺมึ อตฺตโน อปฺปมาเท ปโมทนฺติ, ปหํสิตมุขา ตุฏฺปหฏฺา โหนฺติ. อริยานํ โคจเร รตาติ เต เอวํ อปฺปมาเท ปโมทนฺตา ตํ อปฺปมาทํ วฑฺเฒตฺวา อริยานํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ โคจรสงฺขาเต จตุสติปฏฺานาทิเภเท สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม นววิธโลกุตฺตรธมฺเม จ รตา นิรตา, อภิรตา โหนฺตีติ อตฺโถ.
เต ¶ ฌายิโนติ เต อปฺปมตฺตา ปณฺฑิตา อฏฺสมาปตฺติสงฺขาเตน อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน วิปสฺสนามคฺคผลสงฺขาเตน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จาติ ทุวิเธนปิ ฌาเนน ฌายิโน. สาตติกาติ อภินิกฺขมนกาลโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา สตตํ ปวตฺตกายิกเจตสิกวีริยา. นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมาติ ยํ ตํ ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ, น ตํ อปาปุณิตฺวา วีริยสฺส สณฺานํ ภวิสฺสตีติ เอวรูเปน วีริเยน อนฺตรา อโนสกฺกิตฺวา นิจฺจปฺปวตฺเตน ทฬฺหปรกฺกเมน สมนฺนาคตา. ผุสนฺตีติ เอตฺถ ทฺเว ผุสนา าณผุสนา จ, วิปากผุสนา จ. ตตฺถ จตฺตาโร มคฺคา าณผุสนา นาม, จตฺตาริ ผลานิ วิปากผุสนา นาม. เตสุ อิธ วิปากผุสนา อธิปฺเปตา. อริยผเลน นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺโต ¶ ธีรา ปณฺฑิตา ตาย วิปากผุสนาย ผุสนฺติ, นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ. โยคกฺเขมํ อนุตฺตรนฺติ เย จตฺตาโร โยคา มหาชนํ วฏฺเฏ โอสีทาเปนฺติ, เตหิ เขมํ นิพฺภยํ สพฺเพหิ โลกิยโลกุตฺตรธมฺเมหิ เสฏฺตฺตา อนุตฺตรนฺติ.
เทสนาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
สามาวตีวตฺถุ ปมํ.
๒. กุมฺภโฆสกเสฏฺิวตฺถุ
อุฏฺานวโตติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต กุมฺภโฆสกํ อารพฺภ กเถสิ. ราชคหนครสฺมิฺหิ ราชคหเสฏฺิโน เคเห อหิวาตโรโค อุปฺปชฺชิ, ตสฺมึ อุปฺปนฺเน มกฺขิกา อาทึ กตฺวา ยาว คาวา ปมํ ติรจฺฉานคตา มรนฺติ, ตโต ทาสกมฺมกโร, สพฺพปจฺฉา เคหสามิกา, ตสฺมา โส โรโค สพฺพปจฺฉา เสฏฺิฺจ ชายฺจ คณฺหิ. เต โรเคน ผุฏฺา ปุตฺตํ สนฺติเก ิตํ โอโลเกตฺวา อสฺสุปุณฺเณหิ เนตฺเตหิ ตํ อาหํสุ – ‘‘ตาต, อิมสฺมึ กิร โรเค อุปฺปนฺเน ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวา ปลายนฺตาว ชีวิตํ ลภนฺติ, ตฺวํ อมฺเห อโนโลเกตฺวา ปลายิตฺวา ชีวนฺโต ปุนาคนฺตฺวา อมฺหากํ อสุกฏฺาเน นาม จตฺตาลีส ธนโกฏิโย ¶ นิทหิตฺวา ปิตา, ตา อุทฺธริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปยฺยาสี’’ติ. โส ¶ เตสํ วจนํ สุตฺวา รุทมาโน มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา มรณภยภีโต ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวา ปลายิตฺวา ปพฺพตคหนํ คนฺตฺวา ทฺวาทส วสฺสานิ ตตฺถ วสิตฺวา มาตาปิตุวสนฏฺานํ ปจฺจาคฺฉิ.
อถ นํ ทหรกาเล คนฺตฺวา ปรูฬฺหเกสมสฺสุกาเล อาคตตฺตา น โกจิ สฺชานิ. โส มาตาปิตูหิ ทินฺนสฺาวเสน ธนฏฺานํ คนฺตฺวา ธนสฺส อโรคภาวํ ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มํ น โกจิ สฺชานาติ, สจาหํ ธนํ อุทฺธริตฺวา วลฺชิสฺสามิ, ‘เอเกน ทุคฺคเตน นิธิ อุทฺธโฏ’ติ มํ คเหตฺวา วิเหเยฺยุํ, ยํนูนาหํ ภตึ กตฺวา ชีเวยฺย’’นฺติ. อเถกํ ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา, ‘‘อตฺถิ โกจิ ภตเกน อตฺถิโก’’ติ ปุจฺฉนฺโต ภตกวีถึ ปาปุณิ. อถ นํ ภตกา ทิสฺวา, ‘‘สเจ อมฺหากํ เอกํ กมฺมํ กริสฺสสิ, ภตฺตเวตนํ เต ทสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘กึ กมฺมํ นามา’’ติ? ‘‘ปโพธนโจทนกมฺมํ. สเจ อุสฺสหสิ, ปาโตว อุฏฺาย ‘ตาตา, อุฏฺหถ, สกฏานิ สนฺนยฺหถ, โคเณ โยเชถ, หตฺถิอสฺสานํ ติณตฺถาย คมนเวลา; อมฺมา, ตุมฺเหปิ อุฏฺหถ, ยาคุํ ปจถ, ภตฺตํ ปจถา’ติ วิจริตฺวา อาโรเจหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. อถสฺส วสนตฺถาย เอกํ ฆรํ อทํสุ. โส เทวสิกํ ตํ กมฺมํ อกาสิ.
อถสฺส เอกทิวสํ ราชา พิมฺพิสาโร สทฺทมสฺโสสิ. โส ปน สพฺพรวฺู อโหสิ. ตสฺมา ‘‘มหาธนสฺส ปุริสสฺเสส สทฺโท’’ติ อาห. อถสฺส สนฺติเก ิตา เอกา ปริจาริกา ‘‘ราชา ยํ วา ¶ ตํ วา น กเถสฺสติ, อิทํ มยา าตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘คจฺฉ, ตาต, เอตํ ชานาหี’’ติ เอกํ ปุริสํ ปหิณิ. โส เวเคน คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา, ‘‘เอโก ภตกานํ ภติการโก กปณมนุสฺโส เอโส’’ติ อาโรเจสิ. ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุณฺหี หุตฺวา ทุติยทิวเสปิ ตติยทิวเสปิ ตํ ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ตเถว อาห. สาปิ ปริจาริกา ¶ ตเถว จินฺเตตฺวา ปุนปฺปุนํ เปเสตฺวา, ‘‘กปณมนุสฺโส เอโส’’ติ วุตฺเต จินฺเตสิ – ‘‘ราชา ‘กปณมนุสฺโส เอโส’ติ วจนํ สุตฺวาปิ น สทฺทหติ, ปุนปฺปุนํ ‘มหาธนสฺส ปุริสสฺเสส สทฺโท’ติ วทติ, ภวิตพฺพเมตฺถ การเณน, ยถาสภาวโต เอตํ าตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา ราชานํ อาห, ‘‘เทว ¶ , อหํ สหสฺสํ ลภมานา ธีตรํ อาทาย คนฺตฺวา เอตํ ธนํ ราชกุลํ ปเวเสสฺสามี’’ติ. ราชา ตสฺสา สหสฺสํ ทาเปสิ.
สา ตํ คเหตฺวา ธีตรํ เอกํ มลินธาตุกํ วตฺถํ นิวาสาเปตฺวา ตาย สทฺธึ ราชเคหโต นิกฺขมิตฺวา มคฺคปฏิปนฺนา วิย ภตกวีถึ คนฺตฺวา เอกํ ฆรํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺม, มยํ มคฺคปฏิปนฺนา, เอกาหทฺวีหํ อิธ วิสฺสมิตฺวา คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘อมฺม, พหูนิ ฆรมานุสกานิ, น สกฺกา อิธ วสิตุํ, เอตํ กุมฺภโฆสกสฺส เคหํ ตุจฺฉํ, ตตฺถ คจฺฉถา’’ติ. สา ตตฺถ คนฺตฺวา, ‘‘สามิ, มยํ มคฺคปฏิปนฺนกา, เอกาหทฺวีหํ อิธ วสิสฺสามา’’ติ วตฺวา เตน ปุนปฺปุนํ ปฏิกฺขิตฺตาปิ, ‘‘สามิ, อชฺเชกทิวสมตฺตํ วสิตฺวา ปาโตว คมิสฺสามา’’ติ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉิ. สา ตตฺเถว วสิตฺวา ปุนทิวเส ตสฺส อรฺคมนเวลาย, ‘‘สามิ, ตว นิวาปํ ทตฺวา ยาหิ ¶ , อาหารํ เต ปจิสฺสามี’’ติ วตฺวา, ‘‘อลํ, อมฺม, อหเมว ปจิตฺวา ภฺุชิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ปุนปฺปุนํ นิพนฺธิตฺวา เตน ทินฺเน คหิตมตฺตเกเยว กตฺวา อนฺตราปณโต ภาชนานิ เจว ปริสุทฺธตณฺฑุลาทีนิ จ อาหราเปตฺวา ราชกุเล ปจนนิยาเมน สุปริสุทฺธํ โอทนํ, สาธุรสานิ จ ทฺเว ตีณิ สูปพฺยฺชนานิ ปจิตฺวา ตสฺส อรฺโต อาคตสฺส อทาสิ. อถ นํ ภฺุชิตฺวา มุทุจิตฺตตํ อาปนฺนํ ตฺวา, ‘‘สามิ, กิลนฺตมฺห, เอกาหทฺวีหํ อิเธว โหมา’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
อถสฺส สายมฺปิ ปุนทิวเสปิ มธุรภตฺตํ ปจิตฺวา อทาสิ. อถ มุทุจิตฺตตํ ตสฺส ตฺวา ‘‘สามิ, กติปาหํ อิเธว วสิสฺสามา’’ติ. ตตฺถ วสมานา ติขิเณน สตฺเถน ตสฺส มฺจวาณํ เหฏฺาอฏนิยํ ตหํ ตหํ ฉินฺทิ. มฺโจ ตสฺมึ อาคนฺตฺวา นิสินฺนมตฺเตเยว เหฏฺา โอลมฺพิ. โส ‘‘กสฺมา อยํ มฺโจ เอวํ ฉิชฺชิตฺวา คโต’’ติ อาห. ‘‘สามิ, ทหรทารเก วาเรตุํ น สกฺโกมิ, เอตฺเถว สนฺนิปตนฺตี’’ติ. ‘‘อมฺม, อิทํ เม ทุกฺขํ ตุมฺเห นิสฺสาย ชาตํ. อหฺหิ ปุพฺเพ กตฺถจิ คจฺฉนฺโต ทฺวารํ ปิทหิตฺวา คจฺฉามี’’ติ. ‘‘กึ กโรมิ, ตาต, วาเรตุํ น สกฺโกมี’’ติ. สา อิมินาว นิยาเมน ทฺเว ตโย ทิวเส ฉินฺทิตฺวา เตน อุชฺฌายิตฺวา ขียิตฺวา วุจฺจมานาปิ ตเถว วตฺวา ปุน เอกํ ทฺเว รชฺชุเก เปตฺวา เสเส ฉินฺทิ. ตํ ทิวสํ ¶ ตสฺมึ นิสินฺนมตฺเตเยว สพฺพํ วาณํ ภูมิยํ ปติ, สีสํ ชณฺณุเกหิ สทฺธึ เอกโต อโหสิ, โส อุฏฺาย, ‘‘กึ กโรมิ, อิทานิ กุหึ คมิสฺสามิ ¶ , นิปชฺชนมฺจสฺสปิ ตุมฺเหหิ อสามิโก ¶ วิย กโตมฺหี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, กึ กโรมิ, ปฏิวิสฺสกทารเก วาเรตุํ น สกฺโกมิ, โหตุ, มา จินฺตยิ, อิมาย นาม เวลาย กุหึ คมิสฺสสี’’ติ ธีตรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, ตว ภาติกสฺส นิปชฺชโนกาสํ กโรหี’’ติ อาห. สา เอกปสฺเส สยิตฺวา ‘‘อิธาคจฺฉ, สามี’’ติ อาห. อิตโรปิ นํ ‘‘คจฺฉ, ตาต, ภคินิยา สทฺธึ นิปชฺชา’’ติ วเทสิ. โส ตาย สทฺธึ เอกมฺเจ นิปชฺชิตฺวา ตํ ทิวสฺเว สนฺถวํ อกาสิ, กุมาริกา ปโรทิ. อถ นํ มาตา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อมฺม, โรทสี’’ติ? ‘‘อมฺม, อิทํ นาม ชาต’’นฺติ. ‘‘โหตุ, อมฺม, กึ สกฺกา กาตุํ, ตยาปิ เอกํ ภตฺตารํ อิมินาเปกํ ปาทปริจาริกํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ตํ ชามาตรํ อกาสิ. เต สมคฺควาสํ วสึสุ.
สา กติปาหจฺจเยน รฺโ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘ภตกวีถิยํ ฉณํ กโรนฺตุ. ยสฺส ปน ฆเร ฉโณ น กรียติ, ตสฺส เอตฺตโก นาม ทณฺโฑติ โฆสนํ กาเรตู’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. อถ นํ สสฺสุ อาห – ‘‘ตาต, ภตกวีถิยํ ราชาณาย ฉโณ กตฺตพฺโพ ชาโต, กึ กโรมา’’ติ? ‘‘อมฺม, อหํ ภตึ กโรนฺโตปิ ชีวิตุํ น สกฺโกมิ, กึ กริสฺสามี’’ติ? ‘‘ตาต, ฆราวาสํ วสนฺตา นาม อิณมฺปิ คณฺหนฺติ, รฺโ ¶ อาณา อกาตุํ น ลพฺภา. อิณโต นาม เยน เกนจิ อุปาเยน มุจฺจิตุํ สกฺกา, คจฺฉ, กุโตจิ เอกํ วา ทฺเว วา กหาปเณ อาหรา’’ติ อาห. โส อุชฺฌายนฺโต ขียนฺโต คนฺตฺวา จตฺตาลีสโกฏิธนฏฺานโต เอกเมว กหาปณํ อาหริ. สา ตํ กหาปณํ รฺโ เปเสตฺวา อตฺตโน กหาปเณน ฉณํ กตฺวา ปุน กติปาหจฺจเยน ตเถว สาสนํ ปหิณิ. ปุน ราชา ตเถว ‘‘ฉณํ กโรนฺตุ, อกโรนฺตานํ เอตฺตโก ทณฺโฑ’’ติ อาณาเปสิ. ปุนปิ โส ตาย ตเถว วตฺวา นิปฺปีฬิยมาโน คนฺตฺวา ตโย กหาปเณ อาหริ. สา เตปิ กหาปเณ รฺโ เปเสตฺวา ปุน กติปาหจฺจเยน ตเถว สาสนํ ปหิณิ – ‘‘อิทานิ ปุริเส เปเสตฺวา อิมํ ปกฺโกสาเปตู’’ติ. ราชา เปเสสิ. ปุริสา คนฺตฺวา, ‘‘กุมฺภโฆสโก นาม กตโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปริเยสนฺตา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ, โภ ราชา, ตํ ปกฺโกสตี’’ติ อาหํสุ. โส ภีโต ‘‘น มํ ราชา ชานาตี’’ติอาทีนิ วตฺวา คนฺตุํ น อิจฺฉิ. อถ นํ พลกฺกาเรน หตฺถาทีสุ คเหตฺวา ¶ อากฑฺฒึสุ. สา อิตฺถี เต ทิสฺวา, ‘‘อเร, ทุพฺพินีตา, ตุมฺเห มม ชามาตรํ หตฺถาทีสุ คเหตุํ อนนุจฺฉวิกา’’ติ ตชฺเชตฺวา, ‘‘เอหิ, ตาต, มา ภายิ, ราชานํ ทิสฺวา ตว หตฺถาทิคาหกานํ หตฺเถเยว ฉินฺทาเปสฺสามี’’ติ ธีตรํ อาทาย ปุรโต หุตฺวา ราชเคหํ ปตฺวา เวสํ ปริวตฺเตตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อิตรมฺปิ ปริกฑฺฒิตฺวา อานยึสุเยว.
อถ นํ วนฺทิตฺวา ิตํ ราชา อาห – ‘‘ตฺวํ กุมฺภโฆสโก นามา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ ¶ . ‘‘กึ การณา มหาธนํ วฺเจตฺวา ขาทสี’’ติ ¶ ? ‘‘กุโต เม, เทว, ธนํ ภตึ กตฺวา ชีวนฺตสฺสา’’ติ? ‘‘มา เอวํ กริ, กึ อมฺเห วฺเจสี’’ติ? ‘‘น วฺเจมิ, เทว, นตฺถิ เม ธน’’นฺติ. อถสฺส ราชา เต กหาปเณ ทสฺเสตฺวา, ‘‘อิเม กสฺส กหาปณา’’ติ อาห. โส สฺชานิตฺวา, ‘‘อโห พาโลมฺหิ, กถํ นุ โข อิเม รฺโ หตฺถํ ปตฺตา’’ติ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ตา ทฺเวปิ ปฏิมณฺฑิตปสาธนา คพฺภทฺวารมูเล ิตา ทิสฺวา, ‘‘ภาริยํ วติทํ กมฺมํ, อิมาหิ รฺา ปโยชิตาหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตสิ. อถ นํ ราชา ‘‘วเทหิ, โภ, กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ อาห. ‘‘นิสฺสโย เม นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘มาทิโส นิสฺสโย ภวิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘กลฺยาณํ, เทว, สเจ เม เทโว อวสฺสโย โหตี’’ติ. ‘‘โหมิ, โภ, กิตฺตกํ เต ธน’’นฺติ? ‘‘จตฺตาลีสโกฏิโย, เทวา’’ติ. ‘‘กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สกฏานิ เทวา’’ติ? ราชา อเนกสตานิ สกฏานิ โยชาเปตฺวา ปหิณิตฺวา ตํ ธนํ อาหราเปตฺวา ราชงฺคเณ ราสึ การาเปตฺวา ราชคหวาสิโน สนฺนิปาตาเปตฺวา, ‘‘อตฺถิ กสฺสจิ อิมสฺมึ นคเร ‘‘เอตฺตกํ ธน’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ ปนสฺส กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สกฺการํ, เทวา’’ติ วุตฺเต มหนฺเตน สกฺกาเรน ตํ เสฏฺิฏฺาเน เปตฺวา ธีตรํ ตสฺเสว ทตฺวา เตน สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปสฺสถิมํ ปุริสํ, เอวรูโป ธิติมา นาม นตฺถิ, จตฺตาลีสโกฏิวิภโว โหนฺโตปิ อุปฺปิลาวิตาการํ วา อสฺมิมานมตฺตํ วา น กโรติ, กปโณ วิย ปิโลติกํ ¶ นิวาเสตฺวา ภตกวีถิยํ ภตึ กตฺวา ชีวนฺโต มยา อิมินา นาม อุปาเยน าโต. ชานิตฺวา จ ปน ปกฺโกสาเปตฺวา สธนภาวํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา ตํ ธนํ อาหราเปตฺวา ¶ เสฏฺิฏฺาเน ปิโต, ธีตา จสฺส มยา ทินฺนา. ภนฺเต, มยา จ เอวรูโป ธิติมา น ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ อาห.
ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘เอวํ ชีวนฺตสฺส ชีวิกํ ธมฺมิกชีวิกํ นาม, มหาราช, โจริกาทิกมฺมํ ปน อิธโลเก เจว ปีเฬติ หึเสติ, ปรโลเก จ, ตโตนิทานํ สุขํ นาม นตฺถิ. ปุริสสฺส หิ ธนปาริชฺุกาเล กสึ วา ภตึ วา กตฺวา ชีวิกเมว ธมฺมิกชีวิกํ นาม. เอวรูปสฺส หิ วีริยสมฺปนฺนสฺส สติสมฺปนฺนสฺส กายวาจาหิ ปริสุทฺธกมฺมสฺส ปฺาย นิสมฺมการิโน กายาทีหิ สฺตสฺส ธมฺมชีวิกํ ชีวนฺตสฺส สติอวิปฺปวาเส ิตสฺส อิสฺสริยํ วฑฺฒติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุฏฺานวโต สตีมโต,
สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน;
สฺตสฺส ¶ ธมฺมชีวิโน,
อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒตี’’ติ.
ตตฺถ อุฏฺานวโตติ อุฏฺานวีริยวนฺตสฺส. สติมโตติ สติสมฺปนฺนสฺส. สุจิกมฺมสฺสาติ นิทฺโทเสหิ นิรปราเธหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตสฺส. นิสมฺมการิโนติ เอวฺเจ ภวิสฺสติ, เอวํ กริสฺสามีติ วา, อิมสฺมึ กมฺเม เอวํ กเต อิทํ นาม ภวิสฺสตีติ วา เอวํ นิทานํ สลฺลกฺเขตฺวา โรคติกิจฺฉนํ ¶ วิย สพฺพกมฺมานิ นิสาเมตฺวา อุปธาเรตฺวา กโรนฺตสฺส. สฺตสฺสาติ กายาทีหิ สฺตสฺส นิจฺฉิทฺทสฺส. ธมฺมชีวิโนติ อคาริกสฺส ตุลากูฏาทีนิ วชฺเชตฺวา กสิโครกฺขาทีหิ, อนคาริกสฺส เวชฺชกมฺมทูตกมฺมาทีนิ วชฺเชตฺวา ธมฺเมน สเมน ภิกฺขาจริยาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส. อปฺปมตฺตสฺสาติ อวิปฺปวุตฺถสติโน. ยโสภิวฑฺฒตีติ อิสฺสริยโภคสมฺปนฺนสงฺขาโต เจว กิตฺติวณฺณภณนสงฺขาโต จ ยโส อภิวฑฺฒตีติ.
คาถาปริโยสาเน กุมฺภโฆสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. เอวํ มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
กุมฺภโฆสกเสฏฺิวตฺถุ ทุติยํ.
๓. จูฬปนฺถกตฺเถรวตฺถุ
อุฏฺาเนนปฺปมาเทนาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต จูฬปนฺถกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ราชคเห กิร ธนเสฏฺิกุลสฺส ธีตา วยปฺปตฺตกาเล มาตาปิตูหิ สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตเล อติวิย รกฺขิยมานา โยพฺพนมทมตฺตตาย ปุริสโลลา หุตฺวา อตฺตโน ¶ ทาเสเนว สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา, ‘‘อฺเปิ เม อิทํ กมฺมํ ชาเนยฺยุ’’นฺติ ภีตา เอวมาห – ‘‘อมฺเหหิ อิมสฺมึ าเน น สกฺกา วสิตุํ. สเจ เม มาตาปิตโร อิมํ โทสํ ชานิสฺสนฺติ, ขณฺฑาขณฺฑิกํ มํ กริสฺสนฺติ. วิเทสํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ. เต หตฺถสารํ คเหตฺวา อคฺคทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา, ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา อฺเหิ อชานนฏฺานํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ อุโภปิ อคมํสุ. เตสํ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ สํวาสมนฺวาย ตสฺสา กุจฺฉิสฺมึ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา คพฺภปริปากํ อาคมฺม เตน สทฺธึ มนฺเตสิ, ‘‘คพฺโภ เม ปริปากํ คโต, าติพนฺธุวิรหิเต ¶ าเน คพฺภวุฏฺานํ นาม อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ ทุกฺขาวหํ, กุลเคหเมว คจฺฉามา’’ติ. โส ‘‘สจาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, ชีวิตํ เม นตฺถี’’ติ ภเยน ‘‘อชฺช คจฺฉาม, สฺเว คจฺฉามา’’ติ ทิวเส อติกฺกาเมสิ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พาโล อตฺตโน โทสมหนฺตตาย คนฺตุํ น อุสฺสหติ, มาตาปิตโร นาม เอกนฺตหิตาว, อยํ คจฺฉตุ วา, มา วา, อหํ คมิสฺสามี’’ติ. สา ตสฺมึ เคหา นิกฺขนฺเต เคหปริกฺขารํ ปฏิสาเมตฺวา อตฺตโน กุลฆรํ คตภาวํ อนนฺตรเคหวาสีนํ อาโรเจตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
โสปิ ฆรํ อาคนฺตฺวา ตํ อทิสฺวา ปฏิวิสฺสเก ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘สา กุลฆรํ คตา’’ติ สุตฺวา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา อนฺตรามคฺเค สมฺปาปุณิ. ตสฺสาปิ ตตฺเถว คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. โส ‘‘กึ อิทํ, ภทฺเท’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, เม เอโก ปุตฺโต ชาโต’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสามา’’ติ? ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ กุลฆรํ คจฺเฉยฺยาม, ตํ กมฺมํ อนฺตรามคฺเคว นิปฺผนฺนํ, ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสาม, นิวตฺติสฺสามา’’ติ ทฺเวปิ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิวตฺตึสุ. ตสฺส จ ทารกสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ปนฺถโกติ นามํ กรึสุ. ตสฺสา นจิรสฺเสว อปโรปิ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สพฺพํ ¶ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. ตสฺสปิ ทารกสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ปมชาตสฺส มหาปนฺถโกติ นามํ กตฺวา อิตรสฺส จูฬปนฺถโกติ นามํ กรึสุ. เต ทฺเวปิ ทารเก คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. เตสํ ตตฺถ วสนฺตานํ มหาปนฺถกทารโก อฺเ ทารเก ‘‘จูฬปิตา มหาปิตาติ, อยฺยโก อยฺยิกา’’ติ จ วทนฺเต สุตฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, อฺเ ทารกา ‘อยฺยโก อยฺยิกา’ติปิ, ‘มหาปิตา จูฬปิตา’ติปิ วทนฺติ, กจฺจิ อมฺหากฺเว าตกา นตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, ตาต, อมฺหากํ เอตฺถ าตกา นตฺถิ. ราชคหนคเร ปน โว ธนเสฏฺิ นาม อยฺยโก, ตตฺถ อมฺหากํ พหู าตกา’’ติ. ‘‘กสฺมา ตตฺถ น คจฺฉถ, อมฺมา’’ติ? สา อตฺตโน อคมนการณํ ปุตฺตสฺส อกเถตฺวา ปุตฺเตสุ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตสุ สามิกํ อาห – ‘‘อิเม ทารกา ¶ มํ อติวิย กิลเมนฺติ, กึ โน มาตาปิตโร ทิสฺวา มํสํ ขาทิสฺสนฺติ, เอหิ, ทารกานํ อยฺยกกุลํ ทสฺเสสฺสามา’’ติ? ‘‘อหํ สมฺมุขา ภวิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เต ปน นยิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ เยน เกนจิ อุปาเยน ทารกานํ อยฺยกกุลเมว ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ. ทฺเวปิ ชนา ทารเก อาทาย อนุปุพฺเพน ราชคหํ ปตฺวา นครทฺวาเร เอกิสฺสา สาลาย ปวิสิตฺวา ทารกมาตา ทฺเว ทารเก คเหตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ มาตาปิตูนํ อาโรจาเปสิ. เต ตํ สาสนํ สุตฺวา, ‘‘สํสาเร วิจรนฺตานํ น ปุตฺโต น ธีตา ภูตปุพฺพา นาม นตฺถิ, เต อมฺหากํ มหาปราธิกา, น สกฺกา เตหิ อมฺหากํ จกฺขุปเถ าตุํ, เอตฺตกํ นาม ธนํ คเหตฺวา ทฺเวปิ ชนา ผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา ชีวนฺตุ, ทารเก ปน อิธ เปเสนฺตู’’ติ ธนํ ทตฺวา ทูตํ ปาเหสุํ.
เตหิ ¶ เปสิตํ ธนํ คเหตฺวา ทารเก อาคตทูตานฺเว หตฺเถ ทตฺวา ปหิณึสุ. ทารกา อยฺยกกุเล วฑฺฒนฺติ. เตสุ จูฬปนฺถโก อติทหโร, มหาปนฺถโก ปน อยฺยเกน สทฺธึ ทสพลสฺส ธมฺมกถํ โสตุํ คจฺฉติ. ตสฺส นิจฺจํ สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺตสฺส ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. โส อยฺยกํ อาห – ‘‘สเจ มํ อนุชาเนยฺยาถ, อหํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ ¶ . ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, สกลสฺส โลกสฺสปิ เม ปพฺพชฺชาโต ตว ปพฺพชฺชา ภทฺทิกา. สเจ สกฺโกสิ ปพฺพชาหี’’ติ. ตํ ¶ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘กึ, คหปติ, ทารโก เต ลทฺโธ’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภนฺเต, อยํ เม นตฺตา ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชิตุกาโม’’ติ อาห. สตฺถา อฺตรํ ปิณฺฑปาตจาริกํ ภิกฺขุํ ‘‘อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติ อาณาเปสิ. เถโร ตสฺส ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส พหุํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริปุณฺณวสฺโส อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา โยนิโสมนสิกาเรน กมฺมฏฺานํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส ฌานสุเขน ผลสุเขน วีตินาเมนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สกฺกา นุ โข อิทํ สุขํ จูฬปนฺถกสฺส ทาตุ’’นฺติ! ตโต อยฺยกเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘มหาเสฏฺิ, สเจ อนุชาเนยฺยาถ, อหํ จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชยฺย’’นฺติ. ‘‘ปพฺพาเชถ, ภนฺเต’’ติ. เสฏฺิ กิร สาสเน จ สุปฺปสนฺโน, ‘‘กตรธีตาย โว เอเต ปุตฺตา’’ติ ปุจฺฉิยมาโน จ ‘‘ปลาตธีตายา’’ติ วตฺตุํ ลชฺชติ, ตสฺมา สุเขเนว เตสํ ปพฺพชฺชํ อนุชานิ. เถโร จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชตฺวา ¶ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. โส ปพฺพชิตฺวาว ทนฺโธ อโหสิ.
‘‘ปทฺมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ,
ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ,
ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๓; อ. นิ. ๕.๑๙๕) –
อิมํ เอกํ คาถํ จตูหิ มาเสหิ อุคฺคณฺหิตุํ นาสกฺขิ. โส กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปพฺพชิตฺวา ปฺวา หุตฺวา อฺตรสฺส ทนฺธภิกฺขุโน อุทฺเทสคฺคหณกาเล ปริหาสเกฬึ อกาสิ. โส ภิกฺขุ เตน ปริหาเสน ลชฺชิโต เนว อุทฺเทสํ คณฺหิ, น สชฺฌายมกาสิ. เตน กมฺเมน อยํ ปพฺพชิตฺวาว ทนฺโธ ชาโต, คหิตคหิตํ ปทํ อุปรูปริปทํ คณฺหนฺตสฺส นสฺสติ. ตสฺส อิมเมว คาถํ อุคฺคเหตุํ วายมนฺตสฺส จตฺตาโร มาสา อติกฺกนฺตา. อถ นํ มหาปนฺถโก, ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ อิมสฺมึ สาสเน อภพฺโพ, จตูหิ มาเสหิ เอกํ คาถมฺปิ คณฺหิตุํ ¶ น สกฺโกสิ, ปพฺพชิตกิจฺจํ ปน กถํ มตฺถกํ ปาเปสฺสสิ, นิกฺขม อิโต’’ติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิ. จูฬปนฺถโก พุทฺธสาสเน สิเนเหน คิหิภาวํ น ปตฺเถติ.
ตสฺมิฺจ กาเล มหาปนฺถโก ภตฺตุทฺเทสโก อโหสิ. ชีวโก โกมารภจฺโจ พหุํ มาลาคนฺธวิเลปนํ อาทาย อตฺตโน อมฺพวนํ ¶ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อุฏฺายาสนา ทสพลํ วนฺทิตฺวา มหาปนฺถกํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘กิตฺตกา ¶ , ภนฺเต, สตฺถุ สนฺติเก ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานี’’ติ. ‘‘สฺเว, ภนฺเต, พุทฺธปฺปมุขานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อาทาย อมฺหากํ นิเวสเน ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. ‘‘อุปาสก, จูฬปนฺถโก นาม ภิกฺขุ ทนฺโธ อวิรุฬฺหิธมฺโม, ตํ เปตฺวา เสสานํ นิมนฺตนํ สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ เถโร อาห. ตํ สุตฺวา จูฬปนฺถโก จินฺเตสิ – ‘‘เถโร เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ นิมนฺตนํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต มํ พาหิรํ กตฺวา สมฺปฏิจฺฉติ, นิสฺสํสยํ มยฺหํ ภาติกสฺส มยิ จิตฺตํ ภินฺนํ ภวิสฺสติ, กึ ทานิ มยฺหํ อิมินา สาสเนน, คิหี หุตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺโต ชีวิสฺสามี’’ติ? โส ปุนทิวเส ปาโตว วิพฺภมิตุํ ปายาสิ.
สตฺถา ปจฺจูสกาเลเยว โลกํ โวโลเกนฺโต อิมํ การณํ ทิสฺวา ปมตรํ คนฺตฺวา จูฬปนฺถกสฺส คมนมคฺเค ทฺวารโกฏฺเก จงฺกมนฺโต อฏฺาสิ. จูฬปนฺถโก คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กุหึ ปน ตฺวํ, จูฬปนฺถก, อิมาย เวลาย คจฺฉสี’’ติ อาห. ‘‘ภาตา มํ, ภนฺเต, นิกฺกฑฺฒติ, เตนาหํ วิพฺภมิตุํ คจฺฉามี’’ติ. ‘‘จูฬปนฺถก, ตว ปพฺพชฺชา นาม มม สนฺตกา, ภาตรา นิกฺกฑฺฒิโต กสฺมา มม สนฺติกํ นาคฺฉิ, เอหิ, กึ เต คิหิภาเวน, มม สนฺติเก ภวิสฺสสี’’ติ จกฺกงฺกิตตเลน ปาณินา ตํ สิรสิ ปรามสิตฺวา อาทาย คนฺตฺวา คนฺธกุฏิปฺปมุเข นิสีทาเปตฺวา, ‘‘จูฬปนฺถก, ปุรตฺถาภิมุโข หุตฺวา อิมํ ปิโลติกํ ‘รโชหรณํ รโชหรณ’นฺติ ปริมชฺชนฺโต อิเธว โหหี’’ติ อิทฺธิยา อภิสงฺขตํ ปริสุทฺธํ ¶ ปิโลติกํ ทตฺวา กาเล อาโรจิเต ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ชีวกสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. จูฬปนฺถโกปิ สูริยํ โอโลเกนฺโต ตํ ปิโลติกํ ‘‘รโชหรณํ รโชหรณ’’นฺติ ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ. ตสฺส ตํ ปิโลติกขณฺฑํ ปริมชฺชนฺตสฺส กิลิฏฺํ อโหสิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ ปิโลติกขณฺฑํ อติวิย ปริสุทฺธํ, อิมํ ปน อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปุริมปกตึ วิชหิตฺวา เอวํ กิลิฏฺํ ชาตํ, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ ขยวยํ ปฏฺเปนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒสิ. สตฺถา ‘‘จูฬปนฺถกสฺส จิตฺตํ วิปสฺสนํ อารุฬฺห’’นฺติ ตฺวา, ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ ปิโลติกขณฺฑเมว สํกิลิฏฺํ ‘รชํ รช’นฺติ ¶ มา สฺํ กริ, อพฺภนฺตเร ปน เต ราครชาทโย อตฺถิ, เต หราหี’’ติ ¶ วตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุรโต นิสินฺโน วิย ปฺายมานรูโป หุตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ,
ราคสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชฺชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว,
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.
‘‘โทโส รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ,
โทสสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว,
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.
‘‘โมโห รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ,
โมหสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว,
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน’’ติ. (มหานิ. ๒๐๙);
คาถาปริโยสาเน ¶ จูฬปนฺถโก สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สห ปฏิสมฺภิทาหิเยวสฺส ตีณิ ปิฏกานิ อาคมึสุ.
โส กิร ปุพฺเพ ราชา หุตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต นลาฏโต เสเท มุจฺจนฺเต ปริสุทฺเธน สาฏเกน นลาฏนฺตํ ปฺุฉิ, สาฏโก กิลิฏฺโ อโหสิ. โส ‘‘อิมํ สรีรํ นิสฺสาย เอวรูโป ปริสุทฺโธ สาฏโก ปกตึ ชหิตฺวา กิลิฏฺโ ชาโต, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. เต การเณนสฺส รโชหรณเมว ปจฺจโย ชาโต.
ชีวโกปิ โข โกมารภจฺโจ ทสพลสฺส ทกฺขิโณทกํ อุปนาเมสิ. สตฺถา ‘‘นนุ, ชีวก, วิหาเร ภิกฺขู อตฺถี’’ติ หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. มหาปนฺถโก ‘‘นนุ, ภนฺเต, วิหาเร ภิกฺขู นตฺถี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อตฺถิ, ชีวกา’’ติ อาห. ชีวโก ‘‘เตน หิ ภเณ คจฺฉ, วิหาเร ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ตฺวฺเว ชานาหี’’ติ ปุริสํ เปเสสิ. ตสฺมึ ¶ ขเณ จูฬปนฺถโก ‘‘มยฺหํ ภาติโก ‘วิหาเร ภิกฺขู นตฺถี’ติ ภณติ ¶ , วิหาเร ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวมสฺส ปกาเสสฺสามี’’ติ สกลํ อมฺพวนํ ภิกฺขูนฺเว ปูเรสิ. เอกจฺเจ ภิกฺขู จีวรกมฺมํ กโรนฺติ, เอกจฺเจ รชนกมฺมํ กโรนฺติ, เอกจฺเจ สชฺฌายํ กโรนฺติ. เอวํ อฺมฺอสทิสํ ภิกฺขุสหสฺสํ มาเปสิ. โส ปุริโส วิหาเร พหู ภิกฺขู ทิสฺวา นิวตฺติตฺวา, ‘‘อยฺย, สกลํ อมฺพวนํ ภิกฺขูหิ ปริปุณฺณ’’นฺติ ชีวกสฺส อาโรเจสิ. เถโรปิ โข ตตฺเถว –
‘‘สหสฺสกฺขตฺตุมตฺตานํ ¶ , นิมฺมินิตฺวาน ปนฺถโก;
นิสีทมฺพวเน รมฺเม, ยาว กาลปฺปเวทนา’’ติ.
อถ สตฺถา ตํ ปุริสํ อาห – ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา ‘สตฺถา จูฬปนฺถกํ นาม ปกฺโกสตี’ติ วเทหี’’ติ. เตน คนฺตฺวา ตถา วุตฺเต, ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก, อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ มุขสหสฺสํ อุฏฺหิ. โส ปุริโส ปุน คนฺตฺวา, ‘‘สพฺเพปิ กิร, ภนฺเต, จูฬปนฺถกาเยว นามา’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา โย ‘อหํ จูฬปนฺถโก’ติ ปมํ วทติ, ตํ หตฺเถ คณฺห, อวเสสา อนฺตรธายิสฺสนฺตี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ตาวเทว สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู อนฺตรธายึสุ. เถโรปิ เตน ปุริเสน สทฺธึ อคมาสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ชีวกํ อามนฺเตสิ – ‘‘ชีวก, จูฬปนฺถกสฺส ปตฺตํ คณฺหาหิ, อยํ เต อนุโมทนํ กริสฺสตี’’ติ. ชีวโก ตถา อกาสิ. เถโร สีหนาทํ นทนฺโต ตรุณสีโห วิย ตีหิ ปิฏเกหิ สงฺโขเภตฺวา อนุโมทนมกาสิ. สตฺถา อุฏฺายาสนา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขูหิ วตฺเต ทสฺสิเต คนฺธกุฏิปฺปมุเข ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สุคโตวาทํ ทตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อุยฺโยเชตฺวา สุรภิคนฺธวาสิตํ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ อุปคโต. อถ สายนฺหสมเย ภิกฺขู อิโต จิโต จ สโมสริตฺวา รตฺตกมฺพลสาณิยา ปริกฺขิตฺตา วิย ¶ นิสีทิตฺวา สตฺถุ คุณกถํ อารภึสุ, ‘‘อาวุโส, มหาปนฺถโก จูฬปนฺถกสฺส อชฺฌาสยํ อชานนฺโต จตูหิ มาเสหิ เอกํ คาถํ อุคฺคณฺหาเปตุํ น สกฺโกติ, ‘ทนฺโธ อย’นฺติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อตฺตโน อนุตฺตรธมฺมราชตาย เอกสฺมึเยวสฺส อนฺตรภตฺเต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อทาสิ, ตีณิ ปิฏกานิ สห ปฏิสมฺภิทาหิเยว อาคตานิ, อโห พุทฺธานํ พลํ นาม มหนฺต’’นฺติ.
อถ ¶ ภควา ธมฺมสภายํ อิมํ กถาปวตฺตึ ตฺวา, ‘‘อชฺช มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ พุทฺธเสยฺยาย อุฏฺาย สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา วิชฺชุลตํ วิย กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา รตฺตกมฺพลสทิสํ สุคตมหาจีวรํ ปารุปิตฺวา สุรภิคนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม มตฺตวรวารณสีหวิชมฺภิตวิลาเสน ¶ อนนฺตาย พุทฺธลีฬาย ธมฺมสภํ คนฺตฺวา อลงฺกตมณฺฑลมาฬมชฺเฌ สุปฺตฺตวรพุทฺธาสนํ อภิรุยฺห ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺโต อณฺณวกุจฺฉึ โขภยมาโน ยุคนฺธรมตฺถเก พาลสูริโย วิย อาสนมชฺเฌ นิสีทิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปน อาคตมตฺเต ภิกฺขุสงฺโฆ กถํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. สตฺถา มุทุเกน เมตฺตจิตฺเตน ¶ ปริสํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อยํ ปริสา อติวิย โสภติ, เอกสฺสปิ หตฺถกุกฺกุจฺจํ วา ปาทกุกฺกุจฺจํ วา อุกฺกาสิตสทฺโท วา ขิปิตสทฺโท วา นตฺถิ, สพฺเพปิ อิเม พุทฺธคารเวน สคารวา, พุทฺธเตเชน ตชฺชิตา. มยิ อายุกปฺปมฺปิ อกเถตฺวา นิสินฺเน ปมํ กถํ สมุฏฺาเปตฺวา น กเถสฺสนฺติ. กถาสมุฏฺาปนวตฺตํ นาม มยาว ชานิตพฺพํ, อหเมว ปมํ กเถสฺสามี’’ติ มธุเรน พฺรหฺมสฺสเรน ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, จูฬปนฺถโก อิทาเนว ทนฺโธ, ปุพฺเพปิ ทนฺโธเยว. น เกวลฺจสฺสาหํ อิทาเนว อวสฺสโย ชาโต, ปุพฺเพปิ อวสฺสโย อโหสิเมว. ปุพฺเพ ปนาหํ อิมํ โลกิยกุฏุมฺพสฺส สามิกํ อกาสึ, อิทานิ โลกุตฺตรกุฏุมฺพสฺสา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ วิตฺถารโต โสตุกาเมหิ ภิกฺขูหิ อายาจิโต อตีตํ อาหริ –
‘‘อตีเต, ภิกฺขเว, พาราณสินครวาสี เอโก มาณโว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สิปฺปุคฺคหณตฺถาย ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส ธมฺมนฺเตวาสิโก หุตฺวา ปฺจนฺนํ มาณวกสตานํ อนฺตเร อติวิย อาจริยสฺส อุปการโก อโหสิ, ปาทปริกมฺมาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ กโรติ. ทนฺธตาย ปน กิฺจิ อุคฺคณฺหิตุํ น สกฺโก’’ติ. อาจริโย ‘‘อยํ มม พหูปกาโร, สิกฺขาเปสฺสามิ น’’นฺติ วายมนฺโตปิ กิฺจิ สิกฺขาเปตุํ ¶ น สกฺโกติ. โส จิรํ วสิตฺวา เอกคาถมฺปิ อุคฺคณฺหิตุํ อสกฺโกนฺโต อุกฺกณฺิตฺวา ‘‘คมิสฺสามี’’ติ อาจริยํ อาปุจฺฉิ. อาจริโย จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มยฺหํ อุปการโก, ปณฺฑิตภาวมสฺส ปจฺจาสีสามิ, น นํ กาตุํ สกฺโกมิ ¶ , อวสฺสํ มยา อิมสฺส ปจฺจุปกาโร กาตพฺโพ, เอกมสฺส มนฺตํ พนฺธิตฺวา ทสฺสามี’’ติ โส ตํ อรฺํ เนตฺวา ‘‘ฆฏฺเฏสิ ฆฏฺเฏสิ, กึ การณา ฆฏฺเฏสิ? อหมฺปิ ตํ ชานามิ ชานามี’’ติ อิมํ มนฺตํ พนฺธิตฺวา อุคฺคณฺหาเปนฺโต อเนกสตกฺขตฺตุํ ปริวตฺตาเปตฺวา, ‘‘ปฺายติ เต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ปฺายตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ทนฺเธน นาม วายามํ กตฺวา ปคุณํ กตํ สิปฺปํ น ปลายตี’’ติ จินฺเตตฺวา มคฺคปริพฺพยํ ทตฺวา, ‘‘คจฺฉ, อิมํ มนฺตํ นิสฺสาย ชีวิสฺสสิ, อปลายนตฺถาย ปนสฺส นิจฺจํ สชฺฌายํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ตํ อุยฺโยเชสิ. อถสฺส มาตา พาราณสิยํ สมฺปตฺตกาเล ‘‘ปุตฺโต เม สิปฺปํ สิกฺขิตฺวา อาคโต’’ติ มหาสกฺการสมฺมานํ อกาสิ.
ตทา ¶ พาราณสิราชา ‘‘อตฺถิ นุ โข เม กายกมฺมาทีสุ โกจิ โทโส’’ติ ปจฺจเวกฺขนฺโต อตฺตโน อรุจฺจนกํ กิฺจิ กมฺมํ อทิสฺวา ‘‘อตฺตโน วชฺชํ นาม อตฺตโน น ปฺายติ, ปเรสํ ปฺายติ, นาครานํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สายํ อฺาตกเวเสน นิกฺขมิตฺวา, ‘‘สายมาสํ ภฺุชิตฺวา นิสินฺนมนุสฺสานํ กถาสลฺลาโป นาม นานปฺปการโก โหติ, ‘สจาหํ อธมฺเมน รชฺชํ กาเรมิ, ปาเปน อธมฺมิเกน รฺา ทณฺฑพลิอาทีหิ หตมฺหา’ติ วกฺขนฺติ. ‘สเจ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรมิ, ทีฆายุโก โหตุ โน ราชา’ติอาทีนิ ¶ วตฺวา มม คุณํ กเถสฺสนฺตี’’ติ เตสํ เตสํ เคหานํ ภิตฺติอนุสาเรเนว วิจรติ.
ตสฺมึ ขเณ อุมงฺคโจรา ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร อุมงฺคํ ภินฺทนฺติ เอกอุมงฺเคเนว ทฺเว เคหานิ ปวิสนตฺถาย. ราชา เต ทิสฺวา เคหจฺฉายาย อฏฺาสิ. เตสํ อุมงฺคํ ภินฺทิตฺวา เคหํ ปวิสิตฺวา ภณฺฑกํ โอโลกิตกาเล มาณโว ปพุชฺฌิตฺวา ตํ มนฺตํ สชฺฌายนฺโต ‘‘ฆฏฺเฏสิ ฆฏฺเฏสิ, กึ การณา ฆฏฺเฏสิ? อหมฺปิ ตํ ชานามิ ชานามี’’ติ อาห. เต ตํ สุตฺวา, ‘‘อิมินา กิรมฺหา าตา, อิทานิ โน นาเสสฺสตี’’ติ นิวตฺถวตฺถานิปิ ฉฑฺเฑตฺวา ภีตา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. ราชา เต ปลายนฺเต ทิสฺวา อิตรสฺส จ มนฺตสชฺฌายนสทฺทํ สุตฺวา เคหฺเว ววตฺถเปตฺวา นาครานํ ปริคฺคณฺหิตฺวา นิเวสนํ ปาวิสิ. โส วิภาตาย ปน รตฺติยา ปาโตเวกํ ปุริสํ ปกฺโกสิตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉ ภเณ, อสุกวีถิยํ นาม ยสฺมึ เคเห อุมงฺโค ภินฺโน, ตตฺถ ตกฺกสิลโต สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคตมาณโว อตฺถิ, ตํ อาเนหี’’ติ. โส ¶ คนฺตฺวา ‘‘ราชา ตํ ปกฺโกสตี’’ติ วตฺวา มาณวํ อาเนสิ. อถ นํ ราชา อาห – ‘‘ตฺวํ, ตาต, ตกฺกสิลโต สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคตมาณโว’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘อมฺหากมฺปิ ตํ สิปฺปํ เทหี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทว, สมานาสเน นิสีทิตฺวา คณฺหาหี’’ติ. ราชาปิ ตถา กตฺวา มนฺตํ คเหตฺวา ‘‘อยํ เต ¶ อาจริยภาโค’’ติ สหสฺสํ อทาสิ.
ตทา เสนาปติ รฺโ กปฺปกํ อาห – ‘‘กทา รฺโ มสฺสุํ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘สฺเว วา ปรสุเว วา’’ติ. โส ตสฺส สหสฺสํ ทตฺวา ‘‘กิจฺจํ เม อตฺถี’’ติ วตฺวา, ‘‘กึ, สามี’’ติ วุตฺเต ‘‘รฺโ มสฺสุกมฺมํ กโรนฺโต วิย หุตฺวา ขุรํ อติวิย ปหํสิตฺวา คลนาฬึ ฉินฺท, ตฺวํ เสนาปติ ภวิสฺสสิ, อหํ ราชา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รฺโ มสฺสุกมฺมกรณทิวเส คนฺโธทเกน มสฺสุํ เตเมตฺวา ขุรํ ปหํสิตฺวา นลาฏนฺเต คเหตฺวา, ‘‘ขุโร โถกํ กุณฺธาโร, เอกปฺปหาเรเนว คลนาฬึ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุน เอกมนฺตํ ตฺวา ขุรํ ปหํสิ. ตสฺมึ ขเณ ราชา อตฺตโน มนฺตํ สริตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺโต ‘‘ฆฏฺเฏสิ ฆฏฺเฏสิ, กึ การณา ¶ ฆฏฺเฏสิ? อหมฺปิ ตํ ชานามิ ชานามี’’ติ อาห. นฺหาปิตสฺส นลาฏโต เสทา มุจฺจึสุ. โส ‘‘ชานาติ มม การณํ ราชา’’ติ ภีโต ขุรํ ภูมิยํ ขิปิตฺวา ปาทมูเล อุเรน นิปชฺชิ. ราชาโน นาม เฉกา โหนฺติ, เตน ตํ เอวมาห – ‘‘อเร, ทุฏฺ, นฺหาปิต, ‘น มํ ราชา ชานาตี’ติ สฺํ กโรสี’’ติ. ‘‘อภยํ เม เทหิ, เทวา’’ติ. ‘‘โหตุ, มา ภายิ, กเถหี’’ติ. เสนาปติ เม, เทว, สหสฺสํ ทตฺวา, ‘‘รฺโ มสฺสุํ กโรนฺโต วิย คลนาฬึ ฉินฺท, อหํ ราชา หุตฺวา ตํ เสนาปตึ กริสฺสามี’’ติ อาหาติ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘อาจริยํ เม นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ จินฺเตตฺวา เสนาปตึ ¶ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อมฺโภ, เสนาปติ, กึ นาม ตยา มม สนฺติกา น ลทฺธํ, อิทานิ ตํ ทฏฺุํ น สกฺโกมิ, มม รฏฺา นิกฺขมาหี’’ติ ตํ รฏฺา ปพฺพาเชตฺวา อาจริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘อาจริย, ตํ นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กริตฺวา ตสฺส เสนาปติฏฺานํ อทาสิ. ‘‘โส ตทา จูฬปนฺถโก อโหสิ, สตฺถา ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย’’ติ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา, ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ปุพฺเพปิ จูฬปนฺถโก ทนฺโธเยว อโหสิ, ตทาปิสฺสาหํ อวสฺสโย หุตฺวา ตํ โลกิยกุฏุมฺเพ ¶ ปติฏฺาเปสิ’’นฺติ วตฺวา ปุน เอกทิวสํ ‘‘อโห สตฺถา จูฬปนฺถกสฺส อวสฺสโย ชาโต’’ติ กถาย สมุฏฺิตาย จูฬเสฏฺิชาตเก อตีตวตฺถุํ กเถตฺวา –
‘‘อปฺปเกนาปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;
สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคึว สนฺธม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๔) –
คาถํ วตฺวา, ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนวาหํ อิมสฺส อวสฺสโย ชาโต, ปุพฺเพปิ อวสฺสโย อโหสิเมว. ปุพฺเพ ปนาหํ อิมํ โลกิยกุฏุมฺพสฺส สามิกํ อกาสึ, อิทานิ โลกุตฺตรกุฏุมฺพสฺส. ตทา หิ จูฬนฺเตวาสิโก จูฬปนฺถโก อโหสิ, จูฬเสฏฺิ ปน ปณฺฑิโต พฺยตฺโต นกฺขตฺตโกวิโท อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนสิ.
ปุเนกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, จูฬปนฺถโก จตูหิ มาเสหิ จตุปฺปทํ คาถํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโตปิ วีริยํ อโนสฺสชฺชิตฺวาว อรหตฺเต ปติฏฺิโต ¶ , อิทานิ โลกุตฺตรธมฺมกุฏุมฺพสฺส สามิโก ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มม สาสเน อารทฺธวีริโย ภิกฺขุ โลกุตฺตรธมฺมสฺส สามิโก โหติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุฏฺาเนนปฺปมาเทน ¶ , สํยเมน ทเมน จ;
ทีปํ กยิราถ เมธาวี, ยํ โอโฆ นาภิกีรตี’’ติ.
ตตฺถ ทีปํ กยิราถาติ วีริยสงฺขาเตน อุฏฺาเนน, สติยา อวิปฺปวาสาการสงฺขาเตน อปฺปมาเทน, จตุปาริสุทฺธิสีลสงฺขาเตน สํยเมน, อินฺทฺริยทเมน จาติ อิเมหิ การณภูเตหิ จตูหิ ธมฺเมหิ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต เมธาวี อิมสฺมึ อติวิย ทุลฺลภปติฏฺตาย อติคมฺภีเร สํสารสาคเร อตฺตโน ปติฏฺานภูตํ อรหตฺตผลํ ทีปํ กยิราถ กเรยฺย, กาตุํ สกฺกุเณยฺยาติ อตฺโถ. กีทิสํ? ยํ โอโฆ นาภิกีรตีติ ยํ จตุพฺพิโธปิ กิเลโสโฆ อภิกิริตุํ วิทฺธํเสตุํ น สกฺโกติ. น หิ สกฺกา อรหตฺตํ โอเฆน อภิกิริตุนฺติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. เอวํ เทสนา สมฺปตฺตปริสาย สาตฺถิกา ชาตาติ.
จูฬปนฺถกตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. พาลนกฺขตฺตสงฺฆุฏฺวตฺถุ
ปมาทมนุยฺุชนฺตีติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พาลนกฺขตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สาวตฺถิยํ พาลนกฺขตฺตํ นาม สงฺฆุฏฺํ. ตสฺมึ นกฺขตฺเต พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา ฉาริกาย เจว โคมเยน จ สรีรํ มกฺเขตฺวา สตฺตาหํ อสพฺภํ ภณนฺตา วิจรนฺติ. กิฺจิ าติ สุหชฺชํ วา ปพฺพชิตํ วา ทิสฺวา ลชฺชนฺตา นาม นตฺถิ. ทฺวาเร ทฺวาเร ตฺวา อสพฺภํ ภณนฺติ. มนุสฺสา เตสํ อสพฺภํ โสตุํ อสกฺโกนฺตา ยถาพลํ อฑฺฒํ วา ปาทํ วา กหาปณํ วา เปเสนฺติ. เต เตสํ ทฺวาเร ลทฺธํ ลทฺธํ คเหตฺวา ปกฺกมนฺติ. ตทา ปน สาวตฺถิยํ ปฺจ โกฏิมตฺตา อริยสาวกา วสนฺติ, เต สตฺถุ สนฺติกํ สาสนํ เปสยึสุ – ‘‘ภควา, ภนฺเต, สตฺตาหํ ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ นครํ อปฺปวิสิตฺวา วิหาเรเยว โหตู’’ติ. ตฺจ ปน สตฺตาหํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วิหาเรเยว ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ปหิณึสุ, สยมฺปิ เคหา น นิกฺขมึสุ. เต นกฺขตฺเต ปน ปริโยสิเต อฏฺเม ทิวเส พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา มหาทานํ ทตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา, ‘‘ภนฺเต, อติทุกฺเขน โน สตฺต ทิวสานิ อติกฺกนฺตานิ, พาลานํ อสพฺภานิ สุณนฺตานํ ¶ กณฺณา ภิชฺชนาการปฺปตฺตา โหนฺติ, โกจิ กสฺสจิ ¶ น ลชฺชติ, เตน มยํ ตุมฺหากํ อนฺโตนครํ ปวิสิตุํ นาทมฺห, มยมฺปิ เคหโต น นิกฺขมิมฺหา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘พาลานํ ทุมฺเมธานํ กิริยา นาม เอวรูปา โหติ, เมธาวิโน ปน ธนสารํ วิย อปฺปมาทํ รกฺขิตฺวา อมตมหานิพฺพานสมฺปตฺตึ ปาปุณนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปมาทมนุยฺุชนฺติ, พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา;
อปฺปมาทฺจ เมธาวี, ธนํ เสฏฺํว รกฺขติ.
‘‘มา ¶ ปมาทมนุยฺุเชถ, มา กามรติสนฺถวํ;
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต, ปปฺโปติ วิปุลํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ พาลาติ พาลฺเยน สมนฺนาคตา อิธโลกปรโลกตฺถํ อชานนฺตา. ทุมฺเมธิโนติ นิปฺปฺา. เต ปมาเท อาทีนวํ อปสฺสนฺตา ปมาทํ อนุยฺุชนฺติ ปวตฺเตนฺติ, ปมาเทน กาลํ วีตินาเมนฺติ. เมธาวีติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต ปน ปณฺฑิโต กุลวํสาคตํ เสฏฺํ อุตฺตมํ สตฺตรตนธนํ วิย อปฺปมาทํ รกฺขติ. ยถา หิ อุตฺตมํ ธนํ นิสฺสาย ‘‘กามคุณสมฺปตฺตึ ปาปุณิสฺสาม, ปุตฺตทารํ โปเสสฺสาม, ปรโลกคมนมคฺคํ โสเธสฺสามา’’ติ ธเน อานิสํสํ ปสฺสนฺตา ตํ รกฺขนฺติ, เอวํ ปณฺฑิโตปิ อปฺปมตฺโต ‘‘ปมชฺฌานาทีนิ ¶ ปฏิลภิสฺสามิ, มคฺคผลาทีนิ ปาปุณิสฺสามิ, ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺา สมฺปาเทสฺสามี’’ติ อปฺปมาเท อานิสํสํ ปสฺสนฺโต ธนํ เสฏฺํว อปฺปมาทํ รกฺขตีติ อตฺโถ. มา ปมาทนฺติ ตสฺมา ตุมฺเห มา ปมาทมนุยฺุเชถ มา ปมาเทน กาลํ วีตินามยิตฺถ. มา กามรติสนฺถวนฺติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ รติสงฺขาตํ ตณฺหาสนฺถวมฺปิ มา อนุยฺุเชถ มา จินฺตยิตฺถ มา ปฏิลภิตฺถ. อปฺปมตฺโต หีติ อุปฏฺิตสฺสติตาย หิ อปฺปมตฺโต ฌายนฺโต ปุคฺคโล วิปุลํ อุฬารํ นิพฺพานสุขํ ปาปุณาตีติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
พาลนกฺขตฺตสงฺฆุฏฺวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ
ปมาทํ ¶ อปฺปมาเทนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหากสฺสปตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส เถโร ปิปฺผลิคุหายํ วิหรนฺโต ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ปมตฺเต จ อปฺปมตฺเต จ อุทกปถวีปพฺพตาทีสุ จวนเก อุปปชฺชนเก จ สตฺเต ¶ ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺโต นิสีทิ. สตฺถา เชตวเน นิสินฺนโกว ¶ ‘‘เกน นุ โข วิหาเรน อชฺช มม ปุตฺโต กสฺสโป วิหรตี’’ติ ทิพฺเพน จกฺขุนา อุปธาเรนฺโต ‘‘สตฺตานํ จุตูปปาตํ โอโลเกนฺโต วิหรตี’’ติ ตฺวา ‘‘สตฺตานํ จุตูปปาโต นาม พุทฺธาเณนปิ อปริจฺฉินฺโน, มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา มาตาปิตโร อชานาเปตฺวา จวนสตฺตานํ ปริจฺเฉโท กาตุํ น สกฺกา, เต ชานิตุํ ตว อวิสโย, กสฺสป, อปฺปมตฺตโก ตว วิสโย, สพฺพโส ปน จวนฺเต จ อุปปชฺชนฺเต จ ชานิตุํ ปสฺสิตุํ พุทฺธานเมว วิสโย’’ติ วตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา สมฺมุเข นิสินฺโน วิย หุตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปมาทํ อปฺปมาเทน, ยทา นุทติ ปณฺฑิโต;
ปฺาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินึ ปชํ;
ปพฺพตฏฺโว ภูมฏฺเ, ธีโร พาเล อเวกฺขตี’’ติ.
ตตฺถ นุทตีติ ยถา นาม โปกฺขรณึ ปวิสนฺตํ นโวทกํ ปุราโณทกํ โขเภตฺวา ตสฺโสกาสํ อทตฺวา ตํ อตฺตโน มตฺถกมตฺถเกน ปลายนฺตํ นุทติ นีหรติ, เอวเมว ปณฺฑิโต อปฺปมาทลกฺขณํ พฺรูเหนฺโต ปมาทสฺโสกาสํ อทตฺวา ยทา อปฺปมาทเวเคน ตํ นุทติ นีหรติ, อถ โส ปนุนฺนปมาโท อจฺจุคฺคตตฺเถน ปริสุทฺธํ ทิพฺพจกฺขุสงฺขาตํ ปฺาปาสาทํ ตสฺส อนุจฺฉวิกํ ปฏิปทํ ปูเรนฺโต ตาย ปฏิปทาย นิสฺเสณิยา ปาสาทํ วิย อารุยฺห ปหีนโสกสลฺลตาย อโสโก, อปฺปหีนโสกสลฺลตาย โสกินึ ปชํ สตฺตนิกายํ จวมานฺเจว อุปปชฺชมานฺจ ทิพฺพจกฺขุนา อเวกฺขติ ปสฺสติ. ยถา กึ? ปพฺพตฏฺโว ¶ ภูมฏฺเติ ปพฺพตมุทฺธนิ ิโต ภูมิยํ ิเต, อุปริปาสาเท วา ปน ิโต ปาสาทปริเวเณ ิเต อกิจฺเฉน อเวกฺขติ, ตถา โสปิ ธีโร ปณฺฑิโต มหาขีณาสโว อสมุจฺฉินฺนวฏฺฏพีเช พาเล จวนฺเต จ อุปปชฺชนฺเต จ อกิจฺเฉน อเวกฺขตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ สจฺฉิกรึสูติ.
มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปมตฺตาปมตฺตทฺเวสหายกวตฺถุ
อปฺปมตฺโต ¶ ปมตฺเตสูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว สหายเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อารฺกวิหารํ ปวิสึสุ. เตสุ เอโก กิร กาลสฺเสว ทารูนิ อาหริตฺวา องฺคารกปลฺลํ สชฺเชตฺวา ทหรสามเณเรหิ สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมยามํ วิสิพฺพมาโน นิสีทติ. เอโก อปฺปมตฺโต สมณธมฺมํ กโรนฺโต อิตรํ โอวทติ, ‘‘อาวุโส, มา เอวํ กริ, ปมตฺตสฺส หิ จตฺตาโร อปายา สกฆรสทิสา. พุทฺธา นาม สาเยฺเยน อาราเธตุํ น สกฺกา’’ติ โส ตสฺโสวาทํ น สุณาติ. อิตโร ‘‘นายํ วจนกฺขโม’’ติ ตํ อวตฺวา อปฺปมตฺโตว สมณธมฺมมกาสิ. อลสตฺเถโรปิ ¶ ปมยาเม วิสิพฺเพตฺวา อิตรสฺส จงฺกมิตฺวา คพฺภํ ปวิฏฺกาเล ปวิสิตฺวา, ‘‘มหากุสีต, ตฺวํ นิปชฺชิตฺวา สยนตฺถาย อรฺํ ปวิฏฺโสิ, กึ พุทฺธานํ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อุฏฺาย สมณธมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิตฺวา สุปติ. อิตโรปิ มชฺฌิมยาเม วิสฺสมิตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปจฺจุฏฺาย สมณธมฺมํ กโรติ. โส เอวํ อปฺปมตฺโต วิหรนฺโต น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิตโร ปมาเทเนว กาลํ วีตินาเมสิ. เต วุฏฺวสฺสา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา, ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา สมณธมฺมํ กริตฺถ, กจฺจิ โว ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ปมํ ปมตฺโต ภิกฺขุ อาห – ‘‘กุโต, ภนฺเต, เอตสฺส อปฺปมาโท, คตกาลโต ปฏฺาย นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโต กาลํ วีตินาเมสี’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปน ภิกฺขู’’ติ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, กาลสฺเสว ทารูนิ อาหริตฺวา องฺคารกปลฺลํ สชฺเชตฺวา ปมยาเม วิสิพฺเพนฺโต นิสีทิตฺวา อนิทฺทายนฺโตว กาลํ วีตินาเมสิ’’นฺติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวํ ปมตฺโต กาลํ วีตินาเมตฺวา ‘อปฺปมตฺโตมฺหี’ติ วทสิ, อปฺปมตฺตํ ปน ปมตฺตํ กโรสี’’ติ อาห. ปุน ปมาเท โทเส, อปฺปมาเท อานิสํเส ปกาเสตุํ, ‘‘ตฺวํ มม ปุตฺตสฺส ¶ สนฺติเก ชวจฺฉินฺโน ทุพฺพลสฺโส วิย, เอส ปน ตว สนฺติเก สีฆชวสฺโส วิยา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปมตฺโต ¶ ¶ ปมตฺเตสุ, สุตฺเตสุ พหุชาคโร;
อพลสฺสํว สีฆสฺโส, หิตฺวา ยาติ สุเมธโส’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมตฺโตติ สติเวปุลฺลปฺปตฺตตาย อปฺปมาทสมฺปนฺเน ขีณาสโว. ปมตฺเตสูติ สติโวสคฺเค ิเตสุ สตฺเตสุ. สุตฺเตสูติ สติชาคริยาภาเวน สพฺพิริยาปเถสุ นิทฺทายนฺเตสุ. พหุชาคโรติ มหนฺเต สติเวปุลฺเล ชาคริเย ิโต. อพลสฺสํวาติ กุณฺปาทํ ฉินฺนชวํ ทุพฺพลสฺสํ สีฆชโว สินฺธวาชานีโย วิย. สุเมธโสติ อุตฺตมปฺโ. ตถารูปํ ปุคฺคลํ อาคเมนปิ อธิคเมนปิ หิตฺวา ยาติ. มนฺทปฺสฺมิฺหิ เอกํ สุตฺตํ คเหตุํ วายมนฺเตเยว สุเมธโส เอกํ วคฺคํ คณฺหาติ, เอวํ ตาว อาคเมน หิตฺวา ยาติ. มนฺทปฺเ ปน รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ กาตุํ วายมนฺเตเยว กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา สชฺฌายนฺเตเยว จ สุเมธโส ปุพฺพภาเคปิ ปเรน กตํ รตฺติฏฺานํ วา ทิวาฏฺานํ วา ปวิสิตฺวา กมฺมฏฺานํ สมฺมสนฺโต สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา เนว โลกุตฺตรธมฺเม หตฺถคเต ¶ กโรติ, เอวํ อธิคเมนปิ หิตฺวา ยาติ. วฏฺเฏ ปน นํ หิตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา วฏฺฏโต นิสฺสรนฺโต ยาติเยวาติ.
คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปมตฺตาปมตฺตทฺเวสหายกวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. มฆวตฺถุ
อปฺปมาเทน มฆวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลิยํ อุปนิสฺสาย กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต สกฺกํ เทวราชานํ อารพฺภ กเถสิ.
เวสาลิยฺหิ มหาลิ นาม ลิจฺฉวี วสติ, โส ตถาคตสฺส สกฺกปฺหสุตฺตนฺตเทสนํ (ที. นิ. ๒.๓๔๔ อาทโย) สุตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ สกฺกสมฺปตฺตึ มหตึ กตฺวา กเถสิ, ‘ทิสฺวา นุ โข กเถสิ, อุทาหุ อทิสฺวา. ชานาติ นุ โข สกฺกํ, อุทาหุ โน’ติ ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตสิ. อถ โข, มหาลิ, ลิจฺฉวี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข, มหาลิ, ลิจฺฉวี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทิฏฺโ ¶ โข, ภนฺเต, ภควตา สกฺโก เทวานมินฺโท’’ติ? ‘‘ทิฏฺโ โข เม ¶ , มหาลิ, สกฺโก เทวานมินฺโท’’ติ. ‘‘โส หิ นุน, ภนฺเต, สกฺกปติรูปโก ภวิสฺสติ ¶ . ทุทฺทโส หิ, ภนฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท’’ติ. ‘‘สกฺกฺจ ขฺวาหํ, มหาลิ, ปชานามิ สกฺกกรเณ จ ธมฺเม, เยสํ ธมฺมานํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคา, ตฺจ ปชานามิ’’.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน มโฆ นาม มาณโว อโหสิ, ตสฺมา ‘‘มฆวา’’ติ วุจฺจติ.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน ปุเร ทานํ อทาสิ, ตสฺมา ‘‘ปุรินฺทโท’’ติ วุจฺจติ.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน สกฺกจฺจํ ทานํ อทาสิ, ตสฺมา ‘‘สกฺโก’’ติ วุจฺจติ.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท ปุพฺเพ มนุสฺสภูโต สมาโน อาวสถํ อทาสิ, ตสฺมา ‘‘วาสโว’’ติ วุจฺจติ.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท สหสฺสมฺปิ อตฺถํ มุหุตฺเตน จินฺเตติ, ตสฺมา ‘‘สหสฺสกฺโข’’ติ วุจฺจติ.
สกฺกสฺส, มหาลิ, เทวานมินฺทสฺส สุชา นาม อสุรกฺา, ปชาปติ, ตสฺมา ‘‘สุชมฺปตี’’ติ วุจฺจติ.
สกฺโก, มหาลิ, เทวานมินฺโท เทวานํ ตาวตึสานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ, ตสฺมา ‘‘เทวานมินฺโท’’ติ วุจฺจติ.
สกฺกสฺส, มหาลิ, เทวานมินฺทสฺส ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส สตฺต วตปทานิ สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ อเหสุํ, เยสํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ ¶ อชฺฌคา. กตมานิ สตฺต วตปทานิ? ยาวชีวํ มาตาเปตฺติภโร อสฺสํ, ยาวชีวํ กุเล เชฏฺาปจายี อสฺสํ, ยาวชีวํ สณฺหวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ อปิสุณวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา อคารํ อชฺฌาวเสยฺยํ, มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต อสฺสํ. ยาวชีวํ ¶ สจฺจวาโจ อสฺสํ, ยาวชีวํ อกฺโกธโน อสฺสํ, ‘‘สเจปิ เม โกโธ อุปฺปชฺเชยฺย, ขิปฺปเมว น ปฏิวิเนยฺย’’นฺติ. สกฺกสฺส, มหาลิ, เทวานมินฺทสฺส ปุพฺเพ มนุสฺสภูตสฺส อิมานิ ¶ สตฺต วตปทานิ สมตฺตานิ สมาทินฺนานิ อเหสุํ, เยสํ สมาทินฺนตฺตา สกฺโก สกฺกตฺตํ อชฺฌคาติ.
‘‘มาตาเปตฺติภรํ ชนฺตุํ, กุเล เชฏฺาปจายินํ;
สณฺหํ สขิลสมฺภาสํ, เปสุเณยฺยปฺปหายินํ.
‘‘มจฺเฉรวินเย ยุตฺตํ, สจฺจํ โกธาภิภุํ นรํ;
ตํ เว เทวา ตาวตึสา, อาหุ สปฺปุริโส อิตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๗) –
อิทํ, มหาลิ, สกฺเกน มฆมาณวกาเล กตกมฺมนฺติ วตฺวา ปุน เตน ‘‘กถํ, ภนฺเต, มฆมาณโว ปฏิปชฺชี’’ติ? ตสฺส ปฏิปตฺตึ วิตฺถารโต โสตุกาเมน ปุฏฺโ ‘‘เตน หิ, มหาลิ, สุณาหี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต มคธรฏฺเ มจลคาเม มโฆ นาม มาณโว ¶ คามกมฺมกรณฏฺานํ คนฺตฺวา อตฺตโน ิตฏฺานํ ปาทนฺเตน ปํสุํ วิยูหิตฺวา รมณียํ กตฺวา อฏฺาสิ. อปโร ตํ พาหุนา ปหริตฺวา ตโต อปเนตฺวา สยํ ตตฺถ อฏฺาสิ. โส ตสฺส อกุชฺฌิตฺวาว อฺํ านํ รมณียํ กตฺวา ิโต. ตโตปิ นํ อฺโ อาคนฺตฺวา พาหุนา ปหริตฺวา อปเนตฺวา สยํ อฏฺาสิ. โส ตสฺสปิ อกุชฺฌิตฺวาว อฺํ านํ รมณียํ กตฺวา ิโต, อิติ ตํ เคหโต นิกฺขนฺตา นิกฺขนฺตา ปุริสา พาหุนา ปหริตฺวา ิติตฏฺานโต อปเนสุํ. โส ‘‘สพฺเพเปเต มํ นิสฺสาย สุขิตา ชาตา, อิมินา กมฺเมน มยฺหํ สุขทายเกน ปฺุกมฺเมน ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ปุนทิวเส กุทาลํ อาทาย ขลมณฺฑลมตฺตํ านํ รมณียํ อกาสิ. สพฺเพ คนฺตฺวา ตตฺเถว อฏฺํสุ. อถ เนสํ สีตสมเย อคฺคึ กตฺวา อทาสิ, คิมฺหกาเล อุทกํ. ตโต ‘‘รมณียํ านํ นาม สพฺเพสํ ปิยํ, กสฺสจิ อปฺปิยํ นาม นตฺถิ, อิโต ปฏฺาย มยา มคฺคํ สมํ กโรนฺเตน วิจริตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ปาโตว นิกฺขมิตฺวา, มคฺคํ สมํ กโรนฺโต ฉินฺทิตฺวา, หริตพฺพยุตฺตกา รุกฺขสาขา หรนฺโต วิจรติ. อถ นํ อปโร ทิสฺวา อาห – ‘‘สมฺม, กึ กโรสี’’ติ? ‘‘มยฺหํ สคฺคคามินํ มคฺคํ กโรมิ, สมฺมา’’ติ. ‘‘เตน หิ อหมฺปิ เต สหาโย โหมี’’ติ. ‘‘โหหิ, สมฺม, สคฺโค นาม พหูนมฺปิ มนาโป สุขพหุโล’’ติ. ตโต ปฏฺาย ทฺเว ชนา ¶ อเหสุํ. เต ทิสฺวา ¶ ตเถว ปุจฺฉิตฺวา จ สุตฺวา จ อปโรปิ ¶ เตสํ สหาโย ชาโต, เอวํ อปโรปิ อปโรปีติ สพฺเพปิ เตตฺตึส ชนา ชาตา. เต สพฺเพปิ กุทาลาทิหตฺถา มคฺคํ สมํ กโรนฺตา เอกโยชนทฺวิโยชนมตฺตฏฺานํ คจฺฉนฺติ.
เต ทิสฺวา คามโภชโก จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มนุสฺสา อโยเค ยุตฺตา, สเจ อิเม อรฺโต มจฺฉมํสาทีนิ วา อาหเรยฺยุํ. สุรํ วา กตฺวา ปิเวยฺยุํ, อฺํ วา ตาทิสํ กมฺมํ กเรยฺยุํ, อหมฺปิ กิฺจิ กิฺจิ ลเภยฺย’’นฺติ. อถ เน ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ กโรนฺตา วิจรถา’’ติ? ‘‘สคฺคมคฺคํ, สามี’’ติ. ‘‘ฆราวาสํ วสนฺเตหิ นาม เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ, อรฺโต มจฺฉมํสาทีนิ อาหริตุํ, สุรํ กตฺวา ปาตุํ, นานปฺปกาเร จ กมฺมนฺเต กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เต ตสฺส วจนํ ปฏิกฺขิปึสุ, เอวํ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานาปิ ปฏิกฺขิปึสุเยว. โส กุชฺฌิตฺวา ‘‘นาเสสฺสามิ เน’’ติ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘โจเร เต, เทว, วคฺคพนฺธเนน วิจรนฺเต ปสฺสามี’’ติ วตฺวา, ‘‘คจฺฉ, เต คเหตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺเต ตถา กตฺวา สพฺเพ เต พนฺธิตฺวา อาเนตฺวา รฺโ ทสฺเสสิ. ราชา อวีมํสิตฺวาว ‘‘หตฺถินา มทฺทาเปถา’’ติ อาณาเปสิ. มโฆ เสสานํ โอวาทมทาสิ – ‘‘สมฺมา, เปตฺวา เมตฺตํ อฺโ อมฺหากํ อวสฺสโย นตฺถิ, ตุมฺเห กตฺถจิ โกปํ อกตฺวา รฺเ จ คามโภชเก จ มทฺทนหตฺถิมฺหิ จ อตฺตนิ จ เมตฺตจิตฺเตน สมจิตฺตาว โหถา’’ติ. เต ตถา กรึสุ. อถ เนสํ เมตฺตานุภาเวน หตฺถี อุปฺปสงฺกมิตุมฺปิ น วิสหิ. ราชา ตมตฺถํ สุตฺวา พหู ¶ มนุสฺเส ทิสฺวา มทฺทิตุํ น วิสหิสฺสติ? ‘‘คจฺฉถ, เน กิลฺเชน ปฏิจฺฉาเทตฺวา มทฺทาเปถา’’ติ อาห. เต กิลฺเชน ปฏิจฺฉาเทตฺวา มทฺทิตุํ เปสิยมาโนปิ หตฺถี ทูรโตว ปฏิกฺกมิ.
ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘การเณเนตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ เต ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตาตา, มํ นิสฺสาย ตุมฺเห กึ น ลภถา’’ติ? ‘‘กึ นาเมตํ, เทวา’’ติ? ‘‘ตุมฺเห กิร วคฺคพนฺธเนน โจรา หุตฺวา อรฺเ วิจรถา’’ติ? ‘‘โก เอวมาห, เทวา’’ติ? ‘‘คามโภชโก, ตาตา’’ติ. ‘‘น มยํ, เทว, โจรา, มยํ ปน อตฺตโน สคฺคมคฺคํ โสเธนฺตา อิทฺจิทฺจ กโรม, คามโภชโก อมฺเห อกุสลกิริยาย นิโยเชตฺวา อตฺตโน วจนํ อกโรนฺเต นาเสตุกาโม กุชฺฌิตฺวา เอวมาหา’’ติ. อถ ราชา เตสํ กถํ สุตฺวา โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา, ‘‘ตาตา, อยํ ติรจฺฉาโน ตุมฺหากํ ¶ คุเณ ชานาติ, อหํ มนุสฺสภูโต ชานิตุํ นาสกฺขึ, ขมถ เม’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา สปุตฺตทารํ คามโภชกํ เตสํ ทาสํ, หตฺถึ อาโรหนิยํ, ตฺจ คามํ ยถาสุขํ ปริโภคํ กตฺวา อทาสิ. เต ‘‘อิเธว โน กตปฺุสฺสานิสํโส ทิฏฺโ’’ติ ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานสา หุตฺวา ตํ หตฺถึ วาเรน วาเรน อภิรุยฺห คจฺฉนฺตา มนฺตยึสุ ¶ ‘‘อิทานิ อมฺเหหิ ¶ อติเรกตรํ ปฺุํ กาตพฺพํ, กึ กโรม? จตุมหาปเถ ถาวรํ กตฺวา มหาชนสฺส วิสฺสมนสาลํ กริสฺสามา’’ติ. เต วฑฺฒกึ ปกฺโกสาเปตฺวา สาลํ ปฏฺเปสุํ. มาตุคาเมสุ ปน วิคตจฺฉนฺทตาย ตสฺสา สาลาย มาตุคามานํ ปตฺตึ นาทํสุ.
มฆสฺส ปน เคเห นนฺทา, จิตฺตา, สุธมฺมา, สุชาติ จตสฺโส อิตฺถิโย โหนฺติ. ตาสุ สุธมฺมา วฑฺฒกินา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา, ‘‘ภาติก, อิมิสฺสา สาลาย มํ เชฏฺิกํ กโรหี’’ติ วตฺวา ลฺชํ อทาสิ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปมเมว กณฺณิกตฺถาย รุกฺขํ สุกฺขาเปตฺวา ตจฺเฉตฺวา วิชฺฌิตฺวา กณฺณิกํ นิฏฺาเปตฺวา, ‘‘สุธมฺมา นาม อยํ สาลา’’ติ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา วตฺเถน ปลิเวเตฺวา เปสิ. อถ เน วฑฺฒกี สาลํ นิฏฺาเปตฺวา กณฺณิกาโรปนทิวเส ‘‘อโห, อยฺยา, เอกํ กรณียํ น สริมฺหา’’ติ อาห. ‘‘กึ นาม, โภ’’ติ? ‘‘กณฺณิก’’นฺติ. ‘‘โหตุ ตํ อาหริสฺสามา’’ติ. ‘‘อิทานิ ฉินฺนรุกฺเขน กาตุํ น สกฺกา, ปุพฺเพเยว ตํ ฉินฺทิตฺวา ตจฺเฉตฺวา วิชฺฌิตฺวา ปิตกณฺณิกา ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘สเจ กสฺสจิ เคเห นิฏฺาเปตฺวา ปิตา วิกฺกายิกกณฺณิกา ¶ อตฺถิ, สา ปริเยสิตพฺพา’’ติ. เต ปริเยสนฺตา สุธมฺมาย เคเห ทิสฺวา สหสฺสํ ทตฺวาปิ มูเลน น ลภึสุ. ‘‘สเจ มํ สาลาย ปตฺตึ กโรถ, ทสฺสามี’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘มยํ มาตุคามานํ ปตฺตึ น ทมฺมา’’ติ อาหํสุ.
อถ เน วฑฺฒกี อาห – ‘‘อยฺยา, ตุมฺเห กึ กเถถ, เปตฺวา พฺรหฺมโลกํ อฺํ มาตุคามรหิตฏฺานํ นาม นตฺถิ, คณฺหถ กณฺณิกํ. เอวํ สนฺเต อมฺหากํ กมฺมํ นิฏฺํ คมิสฺสตี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ กณฺณิกํ คเหตฺวา สาลํ นิฏฺาเปตฺวา ติธา วิภชึสุ. เอกสฺมึ โกฏฺาเส อิสฺสรานํ วสนฏฺานํ กรึสุ, เอกสฺมึ ทุคฺคตานํ, เอกสฺมึ คิลานานํ. เตตฺตึส ชนา เตตฺตึส ผลกานิ ปฺเปตฺวา หตฺถิสฺส สฺํ อทํสุ – ‘‘อาคนฺตุโก อาคนฺตฺวา ยสฺส อตฺถตผลเก นิสีทติ, ตํ คเหตฺวา ผลกสามิกสฺเสว ¶ เคเห ปติฏฺเปหิ, ตสฺส ปาทปริกมฺมปิฏฺิปริกมฺมปานียขาทนียโภชนียสยนานิ สพฺพานิ ผลกสามิกสฺเสว ภาโร ภวิสฺสตี’’ติ. หตฺถี อาคตาคตํ คเหตฺวา ผลกสามิกสฺเสว ฆรํ เนติ. โส ตสฺส ตํ ทิวสํ กตฺตพฺพํ กโรติ. มโฆ สาลาย อวิทูเร โกวิฬารรุกฺขํ โรเปตฺวา ตสฺส มูเล ปาสาณผลกํ อตฺถริ. สาลํ ปวิฏฺปวิฏฺา ชนา กณฺณิกํ โอโลเกตฺวา อกฺขรานิ วาเจตฺวา, ‘‘สุธมฺมา นาเมสา สาลา’’ติ วทนฺติ. เตตฺตึสชนานํ นามํ น ปฺายติ. นนฺทา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม สาลํ กโรนฺตา อมฺเห อปตฺติกา กรึสุ, สุธมฺมา ¶ ปน อตฺตโน พฺยตฺตตาย กณฺณิกํ กตฺวา ปตฺติกา ชาตา, มยาปิ กิฺจิ กาตุํ วฏฺฏติ, กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ? อถสฺสา เอตทโหสิ ¶ – ‘‘สาลํ อาคตาคตานํ ปานียฺเจว นฺหาโนทกฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, โปกฺขรณึ ขณาเปสฺสามี’’ติ. สา โปกฺขรณึ กาเรสิ. จิตฺตา จินฺเตสิ – ‘‘สุธมฺมาย กณฺณิกา ทินฺนา, นนฺทาย โปกฺขรณี การิตา, มยาปิ กิฺจิ กาตุํ วฏฺฏติ, กึ นุ โข กริสฺสามี’’ติ? อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘สาลํ อาคตาคเตหิ ปานียํ ปิวิตฺวา นฺหตฺวา คมนกาเลปิ มาลํ ปิลนฺธิตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏติ, ปุปฺผารามํ การาเปสฺสามี’’ติ. สา รมณียํ ปุปฺผารามํ กาเรสิ. เยภุยฺเยน ตสฺมึ อาราเม ‘‘อสุโก นาม ปุปฺผูปคผลูปครุกฺโข นตฺถี’’ติ นาโหสิ.
สุชา ปน ‘‘อหํ มฆสฺส มาตุลธีตา เจว ปาทปริจาริกา จ, เอเตน กตํ กมฺมํ มยฺหเมว, มยา กตํ เอตสฺเสวา’’ติ จินฺเตตฺวา, กิฺจิ อกตฺวา อตฺตภาวเมว มณฺฑยมานา กาลํ วีตินาเมสิ. มโฆปิ มาตาปิตุอุปฏฺานํ กุเล เชฏฺาปจายนกมฺมํ สจฺจวาจํ อผรุสวาจํ อปิ, สุณวาจํ มจฺเฉรวินยํ อกฺโกธนนฺติ อิมานิ สตฺต วตปทานิ ปูเรตฺวา –
‘‘มาตาเปตฺติภรํ ¶ ชนฺตุํ, กุเล เชฏฺาปจายินํ;
สณฺหํ สขิลสมฺภาสํ, เปสุเณยฺยปฺปหายินํ.
‘‘มจฺเฉรวินเย ยุตฺตํ, สจฺจํ โกธาภิภุํ นรํ;
ตํ เว เทวา ตาวตึสา, อาหุ ‘สปฺปุริโส’อิตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๗) –
เอวํ ปสํสิยภาวํ อาปชฺชิตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ตาวตึสภวเน สกฺโก เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เตปิสฺส สหายกา ตตฺเถว ¶ นิพฺพตฺตึสุ, วฑฺฒกี วิสฺสกมฺมเทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา ตาวตึสภวเน อสุรา วสนฺติ. เต ‘‘อภินวา เทวปุตฺตา นิพฺพตฺตา’’ติ ทิพฺพปานํ สชฺชยึสุ. สกฺโก อตฺตโน ปริสาย กสฺสจิ อปิวนตฺถาย สฺมทาสิ. อสุรา ทิพฺพปานํ ปิวิตฺวา มชฺชึสุ. สกฺโก ‘‘กึ เม อิเมหิ สาธารเณน รชฺเชนา’’ติ อตฺตโน ปริสาย สฺํ ทตฺวา เต ปาเทสุ คาหาเปตฺวา มหาสมุทฺเท ขิปาเปสิ. เต อวํสิรา สมุทฺเท ปตึสุ. อถ เนสํ ปฺุานุภาเวน สิเนรุโน เหฏฺิมตเล อสุรวิมานํ นาม นิพฺพตฺติ, จิตฺตปาฏลิ นาม นิพฺพตฺติ.
เทวาสุรสงฺคาเม ปน อสุเรสุ ปราชิเตสุ ทสโยชนสหสฺสํ ตาวตึสเทวนครํ นาม นิพฺพตฺติ. ตสฺส ปน นครสฺส ปาจีนปจฺฉิมทฺวารานํ อนฺตรา ทสโยชนสหสฺสํ โหติ, ตถา ทกฺขิณุตฺตรทฺวารานํ. ตํ โข ปน นครํ ทฺวารสหสฺสยุตฺตํ อโหสิ อารามโปกฺขรณิปฏิมณฺฑิตํ. ตสฺส ¶ มชฺเฌ สาลาย ¶ นิสฺสนฺเทน ติโยชนสตุพฺเพเธหิ ธเชหิ ปฏิมณฺฑิโต สตฺตรตนมโย สตฺตโยชนสตุพฺเพโธ เวชยนฺโต นาม ปาสาโท อุคฺคฺฉิ. สุวณฺณยฏฺีสุ มณิธชา อเหสุํ, มณิยฏฺีสุ สุวณฺณธชา; ปวาฬยฏฺีสุ มุตฺตธชา, มุตฺตยฏฺีสุ ปวาฬธชา; สตฺตรตนมยาสุ ยฏฺีสุ สตฺตรตนธชา, มชฺเฌ ิโต ธโช ติโยชนสตุพฺเพโธ อโหสิ. อิติ สาลาย นิสฺสนฺเทน โยชนสหสฺสุพฺเพโธ ปาสาโท สตฺตรตนมโยว หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โกวิฬารรุกฺขสฺส นิสฺสนฺเทน สมนฺตา ติโยชนสตปริมณฺฑโล ปาริจฺฉตฺตโก นิพฺพตฺติ, ปาสาณผลกสฺส นิสฺสนฺเทน ปาริจฺฉตฺตกมูเล ทีฆโต สฏฺิโยชนา ปุถุลโต ปณฺณาสโยชนา พหลโต ปฺจทสโยชนา ชยสุมนรตฺตกมฺพลวณฺณา ปณฺฑุกมฺพลสิลา นิพฺพตฺติ. ตตฺถ นิสินฺนกาเล อุปฑฺฒกาโย ปวิสติ, อุฏฺิตกาเล อูนํ ปริปูรติ.
หตฺถี ปน เอราวโณ นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เทวโลกสฺมิฺหิ ติรจฺฉานคตา น โหนฺติ. ตสฺมา โส อุยฺยานกีฬาย นิกฺขมนกาเล อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสติโก เอราวโณ นาม หตฺถี อโหสิ. โส เตตฺตึสชนานํ อตฺถาย เตตฺตึส กุมฺเภ มาเปสิ ¶ อาวฏฺเฏน ติคาวุตอฑฺฒโยชนปฺปมาเณ, สพฺเพสํ มชฺเฌ สกฺกสฺส อตฺถาย สุทสฺสนํ นาม ตึสโยชนิกํ กุมฺภํ มาเปสิ. ตสฺส อุปริ ทฺวาทสโยชนิโก รตนมณฺฑโป ¶ โหติ. ตตฺถ อนฺตรนฺตรา สตฺตรตนมยา โยชนุพฺเพธา ธชา อุฏฺหนฺติ. ปริยนฺเต กิงฺกิณิกชาลํ โอลมฺพติ. ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปฺจงฺคิกตูริยสทฺทสํมิสฺโส ทิพฺพคีตสทฺโท วิย รโว นิจฺฉรติ. มณฺฑปมชฺเฌ สกฺกสฺสตฺถาย โยชนิโก มณิปลฺลงฺโก ปฺตฺโต โหติ, ตตฺถ สกฺโก นิสีทิ. เตตฺตึส เทวปุตฺตา อตฺตโน กุมฺเภ รตนปลฺลงฺเก นิสีทึสุ. เตตฺตึสาย กุมฺภานํ เอเกกสฺมึ กุมฺเภ สตฺต สตฺต ทนฺเต มาเปสิ. เตสุ เอเกโก ปณฺณาสโยชนายาโม, เอเกกสฺมิฺเจตฺถ ทนฺเต สตฺต สตฺต โปกฺขรณิโย โหนฺติ, เอเกกาย โปกฺขรณิยา สตฺต สตฺต ปทุมินีคจฺฉานิ, เอเกกสฺมึ คจฺเฉ สตฺต สตฺต ปุปฺผานิ โหนฺติ, เอเกกสฺมึ ปุปฺเผ สตฺต สตฺต ปตฺตานิ, เอเกกสฺมึ ปตฺเต สตฺต สตฺต เทวธีตโร นจฺจนฺติ. เอวํ สมนฺตา ปณฺณาสโยชนาเนสุ หตฺถิทนฺเตสุเยว นฏสมชฺชา โหนฺติ. เอวํ มหนฺตํ ยสํ อนุภวนฺโต สกฺโก เทวราชา วิจรติ.
สุธมฺมาปิ กาลํ กตฺวา คนฺตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺติ. ตสฺสา สุธมฺมา นาม นว โยชนสติกา เทวสภา นิพฺพตฺติ. ตโต รมณียตรํ กิร อฺํ านํ นาม นตฺถิ ¶ , มาสสฺส อฏฺ ทิวเส ธมฺมสฺสวนํ ตตฺเถว โหติ. ยาวชฺชตนา อฺตรํ รมณียํ านํ ทิสฺวา, ‘‘สุธมฺมา เทวสภา วิยา’’ติ วทนฺติ. นนฺทาปิ กาลํ กตฺวา คนฺตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺติ, ตสฺสา ปฺจโยชนสติกา นนฺทา นาม โปกฺขรณี นิพฺพตฺติ. จิตฺตาปิ กาลํ กตฺวา คนฺตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺติ ¶ , ตสฺสาปิ ปฺจโยชนสติกํ จิตฺตลตาวนํ นาม นิพฺพตฺติ, ตตฺถ อุปฺปนฺนปุพฺพนิมิตฺเต เทวปุตฺเต เนตฺวา โมหยมานา วิจรนฺติ. สุชา ปน กาลํ กตฺวา เอกิสฺสา คิริกนฺทราย เอกา พกสกุณิกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สกฺโก อตฺตโน ปริจาริกา โอโลเกนฺโต ‘‘สุธมฺมา อิเธว นิพฺพตฺตา, ตถา นนฺทา จ จิตฺตา จ, สุชา นุ โข กุหึ นิพฺพตฺตา’’ติ จินฺเตนฺโต ตํ ตตฺถ นิพฺพตฺตํ ทิสฺวา, ‘‘พาลา กิฺจิ ปฺุํ อกตฺวา อิทานิ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตา, อิทานิ ปน ตํ ปฺุํ กาเรตฺวา อิธาเนตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา อฺาตกเวเสน ตสฺสา ¶ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘กึ กโรนฺตี อิธ วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โก ปน ตฺวํ, สามี’’ติ? ‘‘อหํ เต สามิโก มโฆ’’ติ. ‘‘กุหึ นิพฺพตฺโตสิ, สามี’’ติ? ‘‘อหํ ตาวตึสเทวโลเก นิพฺพตฺโต’’. ‘‘ตว สหายิกานํ ปน นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, สามี’’ติ. ‘‘ตาปิ มเมว สนฺติเก นิพฺพตฺตา, ปสฺสิสฺสสิ ตา สหายิกา’’ติ. ‘‘กถาหํ ตตฺถ คมิสฺสามี’’ติ? สกฺโก ‘‘อหํ ตํ ตตฺถ เนสฺสามี’’ติ วตฺวา หตฺถตเล เปตฺวา เทวโลกํ เนตฺวา นนฺทาย โปกฺขรณิยา ตีเร วิสฺสชฺเชตฺวา อิตราสํ ติสฺสนฺนํ อาโรเจสิ – ‘‘ตุมฺหากํ สหายิกํ สุชํ ปสฺสิสฺสถา’’ติ. ‘‘กุหึ สา, เทวา’’ติ ¶ ? ‘‘นนฺทาย โปกฺขรณิยา ตีเร ิตา’’ติ อาห. ตา ติสฺโสปิ คนฺตฺวา, ‘‘อโห อยฺยาย เอวรูปํ อตฺตภาวมณฺฑนสฺส ผลํ, อิทานิสฺสา ตุณฺฑํ ปสฺสถ, ปาเท ปสฺสถ, ชงฺฆา ปสฺสถ, โสภติ วตสฺสา อตฺตภาโว’’ติ เกฬึ กตฺวา ปกฺกมึสุ.
ปุน สกฺโก ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ทิฏฺา เต สหายิกา’’ติ วตฺวา ‘‘ทิฏฺา มํ อุปฺปณฺเฑตฺวา คตา, ตตฺเถว มํ เนหี’’ติ วุตฺเต ตํ ตตฺเถว เนตฺวา อุทเก วิสฺสชฺเชตฺวา, ‘‘ทิฏฺา เต ตาสํ สมฺปตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ทิฏฺา, เทวา’’ติ? ‘‘ตยาปิ ตตฺถ นิพฺพตฺตนูปายํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘มยา ทินฺนํ โอวาทํ รกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘รกฺขิสฺสามิ, เทวา’’ติ. อถสฺสา ปฺจ สีลานิ ทตฺวา, ‘‘อปฺปมตฺตา รกฺขาหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สา ตโต ปฏฺาย สยํมตมจฺฉเกเยว ปริเยสิตฺวา ขาทติ. สกฺโก กติปาหจฺจเยน ตสฺสา วีมํสนตฺถาย คนฺตฺวา, วาลุกาปิฏฺเ มตมจฺฉโก วิย หุตฺวา อุตฺตาโน นิปชฺชิ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘มตมจฺฉโก’’ติ สฺาย อคฺคเหสิ. มจฺโฉ คิลนกาเล นงฺคุฏฺํ จาเลสิ. สา ‘‘สชีวมจฺฉโก’’ติ อุทเก วิสฺสชฺเชสิ. โส โถกํ วีตินาเมตฺวา ปุน ตสฺสา ปุรโต อุตฺตาโน หุตฺวา นิปชฺชิ. ปุน สา ‘‘มตมจฺฉโก’’ติ สฺาย คเหตฺวา คิลนกาเล อคฺคนงฺคุฏฺํ จาเลสิ. ตํ ทิสฺวา ‘‘สชีวมจฺโฉ’’ติ วิสฺสชฺเชสิ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ วีมํสิตฺวา ‘‘สาธุกํ สีลํ รกฺขตี’’ติ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา ‘‘อหํ ตว วีมํสนตฺถาย อาคโต, สาธุกํ สีลํ รกฺขสิ, เอวํ รกฺขมานา ¶ น จิรสฺเสว มม สนฺติเก นิพฺพตฺติสฺสสิ, อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
สา ¶ ¶ ตโต ปฏฺาย ปน สยํมตมจฺฉํ ลภติ วา, น วา. อลภมานา กติปาหจฺจเยเนว สุสฺสิตฺวา กาลํ กตฺวา ตสฺส สีลสฺส ผเลน พาราณสิยํ กุมฺภการสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถสฺสา ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกกาเล สกฺโก ‘‘กุหึ นุ โข สา นิพฺพตฺตา’’ติ อาวชฺเชนฺโต ทิสฺวา, ‘‘อิทานิ มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอฬาลุกวณฺเณน ปฺายมาเนหิ สตฺตหิ รตเนหิ ยานกํ ปูเรตฺวา ตํ ปาเชนฺโต พาราณสึ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, เอฬาลุกานิ คณฺหถ คณฺหถา’’ติ อุคฺโฆเสนฺโต วีถึ ปฏิปชฺชิ. มุคฺคมาสาทีนิ คเหตฺวา อาคเต ปน ‘‘มูเลน น เทมี’’ติ วตฺวา, ‘‘กถํ เทสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘สีลรกฺขิกาย อิตฺถิยา ทมฺมี’’ติ อาห. ‘‘สีลํ นาม, สามิ, กีทิสํ, กึ กาฬํ, อุทาหุ นีลาทิวณฺณ’’นฺติ? ‘‘ตุมฺเห ‘สีลํ กีทิส’นฺติปิ น ชานาถ, กิเมว นํ รกฺขิสฺสถ, สีลรกฺขิกาย ปน ทสฺสามี’’ติ. ‘‘สามิ, เอสา กุมฺภการสฺส ธีตา ‘สีลํ รกฺขามี’ติ วิจรติ, เอติสฺสา เทหี’’ติ. สาปิ นํ ‘‘เตน หิ มยฺหํ เทหิ, สามี’’ติ อาห. ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ อวิชหิตปฺจสีลา’’ติ. ‘‘ตุยฺหเมเวตานิ ¶ มยา อานีตานี’’ติ ยานกํ ปาเชนฺโต ตสฺสา ฆรํ คนฺตฺวา อฺเหิ อนาหริยํ กตฺวา เอฬาลุกวณฺเณน เทวทตฺติยํ ธนํ ทตฺวา อตฺตานํ ชานาเปตฺวา, ‘‘อิทํ เต ชีวิตวุตฺติยา ธนํ, ปฺจสีลานิ อขณฺฑาทีนิ กตฺวา รกฺขาหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
สาปิ ตโต จวิตฺวา อสุรภวเน อสุรเชฏฺกสฺส ธีตา หุตฺวา สกฺกสฺส เวริฆเร นิพฺพตฺติ. ทฺวีสุ ปน อตฺตภาเวสุ สีลสฺส สุรกฺขิตตฺตา อภิรูปา อโหสิ สุวณฺณวณฺณา อสาธารณาย รูปสิริยา สมนฺนาคตา. เวปจิตฺติอสุรินฺโท อาคตาคตานํ อสุรานํ ‘‘ตุมฺเห มม ธีตุ อนุจฺฉวิกา น โหถา’’ติ ตํ กสฺสจิ อทตฺวา, ‘‘มม ธีตา อตฺตนาว อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ สามิกํ คเหสฺสตี’’ติ อสุรพลํ สนฺนิปาตาเปตฺวา, ‘‘ตุยฺหํ อนุจฺฉวิกํ สามิกํ คณฺหา’’ติ ตสฺสา, หตฺเถ ปุปฺผทามํ อทาสิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก ตสฺสา นิพฺพตฺตฏฺานํ โอโลเกนฺโต ตํ ปวตฺตึ ตฺวา, ‘‘อิทานิ มยา คนฺตฺวา ตํ อาเนตุํ วฏฺฏตี’’ติ มหลฺลกอสุรวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต อฏฺาสิ. สาปิ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตี ตํ ทิฏฺมตฺตาว ปุพฺพสนฺนิวาสวเสน อุปฺปนฺเนน เปเมน มโหเฆเนว อชฺโฌตฺถฏหทยา หุตฺวา, ‘‘เอโส เม สามิโก’’ติ ตสฺส อุปริ ปุปฺผทามํ ขิปิ ¶ . อสุรา ‘‘อมฺหากํ ราชา เอตฺตกํ กาลํ ธีตุ อนุจฺฉวิกํ อลภิตฺวา อิทานิ ลภิ, อยเมวสฺส ธีตุ ปิตามหโต มหลฺลโก อนุจฺฉวิโก’’ติ ลชฺชมานา ¶ อปกฺกมึสุ. สกฺโกปิ ตํ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘สกฺโกหมสฺมี’’ติ นทิตฺวา อากาเส ปกฺขนฺทิ. อสุรา ‘‘วฺจิตมฺหา ชรสกฺเกนา’’ติ ตํ อนุพนฺธึสุ. มาตลิ, สงฺคาหโก เวชยนฺตรถํ อาหริตฺวา อนฺตรามคฺเค อฏฺาสิ. สกฺโก ตํ ตตฺถ อาโรเปตฺวา เทวนคราภิมุโข ปายาสิ. อถสฺส สิปฺปลิวนํ สมฺปตฺตกาเล รถสทฺทํ สุตฺวา ภีตา ครุฬโปตกา ¶ วิรวึสุ. เตสํ สทฺทํ สุตฺวา สกฺโก มาตลึ ปุจฺฉิ – ‘‘เก เอเต วิรวนฺตี’’ติ? ‘‘ครุฬโปตกา, เทวา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘รถสทฺทํ สุตฺวา มรณภเยนา’’ติ. ‘‘มํ เอกํ นิสฺสาย เอตฺตโก ทิโช รถเวเคน วิจุณฺณิโต มา นสฺสิ, นิวตฺเตหิ รถ’’นฺติ. โสปิ สินฺธวสหสฺสสฺส ทณฺฑกสฺํ ทตฺวา รถํ นิวตฺเตสิ. ตํ ทิสฺวา อสุรา ‘‘ชรสกฺโก อสุรปุรโต ปฏฺาย ปลายนฺโต อิทานิ รถํ นิวตฺเตสิ, อทฺธา เตน อุปตฺถมฺโภ ลทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ นิวตฺเตตฺวา อาคมนมคฺเคเนว อสุรปุรํ ปวิสิตฺวา ปุน สีสํ น อุกฺขิปึสุ.
สกฺโกปิ สุชํ อสุรกฺํ เทวนครํ เนตฺวา อฑฺฒเตยฺยานํ อจฺฉราโกฏีนํ เชฏฺิกฏฺาเน เปสิ. สา สกฺกํ วรํ ยาจิ – ‘‘มหาราช, มม อิมสฺมึ เทวโลเก มาตาปิตโร วา ภาติกภคินิโย วา นตฺถิ, ยตฺถ ยตฺถ คจฺฉสิ, ตตฺถ ตตฺถ มํ คเหตฺวาว ¶ คจฺเฉยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ตสฺสา ปฏิฺํ อทาสิ. ตโต ปฏฺาย จิตฺตปาฏลิยา ปุปฺผิตาย อสุรา ‘‘อมฺหากํ นิพฺพตฺตฏฺาเน ทิพฺพปาริจฺฉตฺตกสฺส ปุปฺผนกาโล’’ติ ยุทฺธตฺถาย สคฺคํ อภิรุหนฺติ. สกฺโก เหฏฺาสมุทฺเท นาคานํ อารกฺขํ อทาสิ, ตโต สุปณฺณานํ, ตโต กุมฺภณฺฑานํ, ตโต ยกฺขานํ. ตโต จตุนฺนํ มหาราชานํ. สพฺพูปริ ปน อุปทฺทวนิวตฺตนตฺถาย เทวนครทฺวาเรสุ วชิรหตฺถา อินฺทปฏิมา เปสิ. อสุรา นาคาทโย ชินิตฺวา อาคตาปิ อินฺทปฏิมา ทูรโต ทิสฺวา ‘‘สกฺโก นิกฺขนฺโต’’ติ ปลายนฺติ. เอวํ, มหาลิ, มโฆ มาณโว อปฺปมาทปฏิปทํ ปฏิปชฺชิ. เอวํ อปฺปมตฺโต ปเนส เอวรูปํ อิสฺสริยํ ปตฺวา ทฺวีสุ เทวโลเกสุ รชฺชํ กาเรสิ. อปฺปมาโท นาเมส พุทฺธาทีหิ ปสตฺโถ. อปฺปมาทฺหิ นิสฺสาย สพฺเพสมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรานํ วิเสสานํ อธิคโม โหตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปมาเทน ¶ มฆวา, เทวานํ เสฏฺตํ คโต;
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ, ปมาโท ครหิโต สทา’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมาเทนาติ มจลคาเม ภูมิปฺปเทสโสธนํ อาทึ กตฺวา กเตน อปฺปมาเทน. มฆวาติ อิทานิ ‘‘มฆวา’’ติปฺาโต มโฆ มาณโว ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ ราชภาเวน เทวานํ เสฏฺตํ คโต. ปสํสนฺตีติ พุทฺธาทโย ปณฺฑิตา อปฺปมาทเมว โถเมนฺติ ¶ วณฺณยนฺติ. กึ การณา? สพฺเพสํ โลกิยโลกุตฺตรานํ วิเสสานํ ปฏิลาภการณตฺตา. ปมาโท ครหิโต สทาติ ปมาโท ปน เตหิ อริเยหิ นิจฺจํ ครหิโต นินฺทิโต. กึ การณา? สพฺพวิปตฺตีนํ มูลภาวโต. มนุสฺสโทภคฺคํ วา หิ อปายุปฺปตฺติ วา สพฺพา ปมาทมูลิกาเยวาติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ มหาลิ ลิจฺฉวี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ พหู โสตาปนฺนาทโย ชาตาติ.
มฆวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ
อปฺปมาทรโต ภิกฺขูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สตฺถุ สนฺติเก ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ ปตฺตุํ นาสกฺขิ. โส ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปสฺสามี’’ติ ตโต นิกฺขมิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มหนฺตํ ทาวคฺคึ อุฏฺิตํ ทิสฺวา เวเคน เอกํ มุณฺฑปพฺพตมตฺถกํ อภิรุยฺห นิสินฺโน อรฺํ ¶ ฑยฺหมานํ อคฺคึ ทิสฺวา อารมฺมณํ คณฺหิ – ‘‘ยถา อยํ อคฺคิ มหนฺตานิ จ ขุทฺทกานิ จ อุปาทานานิ ฑหนฺโต คจฺฉติ, เอวํ อริยมคฺคาณคฺคินาปิ มหนฺตานิ จ ขุทฺทกานิ จ สํโยชนานิ ฑหนฺเตน คนฺตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ตสฺส จิตฺตาจารํ ตฺวา, ‘‘เอวเมว, ภิกฺขุ, มหนฺตานิปิ ขุทฺทกานิปิ อุปาทานานิ วิย อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชมานานิ อณุํถูลานิ สํโยชนานิ, ตานิ ¶ าณคฺคินา ฌาเปตฺวา อภพฺพุปฺปตฺติกานิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน อภิมุเข นิสินฺโน วิย ปฺายมาโน อิมํ โอภาสคาถมาห –
‘‘อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ, ปมาเท ภยทสฺสิ วา;
สํโยชนํ อณุํ ถูลํ, ฑหํ อคฺคีว คจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ อปฺปมาทรโตติ อปฺปมาเท รโต อภิรโต, อปฺปมาเทน วีตินาเมนฺโตติ อตฺโถ. ปมาเท ภยทสฺสิ วาติ นิรยุปฺปตฺติอาทิกํ ปมาเท ภยํ ภยโต ปสฺสนฺโต, ตาสํ วา อุปฺปตฺตีนํ มูลตฺตา ปมาทํ ภยโต ปสฺสนฺโต. สํโยชนนฺติ วฏฺฏทุกฺเขน สทฺธึ โยชนํ พนฺธนํ ปชานํ วฏฺเฏ โอสีทาปนสมตฺถํ ทสวิธํ สํโยชนํ. อณุํ ถูลนฺติ มหนฺตฺจ ขุทฺทกฺจ. ฑหํ อคฺคีว คจฺฉตีติ ยถา อยํ อคฺคี เอตํ มหนฺตฺจ ¶ ขุทฺทกฺจ อุปาทานํ ฑหนฺโตว คจฺฉติ. เอวเมโส ¶ อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ อปฺปมาทาธิคเตน าณคฺคินา เอตํ สํโยชนํ ฑหนฺโต อภพฺพุปฺปตฺติกํ กโรนฺโต คจฺฉตีติ อตฺโถ.
คาถาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ ยถานิสินฺโนว สพฺพสํโยชนานิ ฌาเปตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา ตถาคตสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ โถเมตฺวา วณฺเณตฺวา วนฺทมาโนว ปกฺกามีติ.
อฺตรภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. นิคมวาสิติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อปฺปมาทรโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต นิคมวาสิติสฺสตฺเถรํ นาม อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สาวตฺถิโต อวิทูเร นิคมคาเม ชาตสํวฑฺโฒ เอโก กุลปุตฺโต สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ‘‘นิคมวาสิติสฺสตฺเถโร นาม อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อารทฺธวีริโย’’ติ ปฺายิ. โส นิพทฺธํ าติคาเมเยว ปิณฺฑาย วิจรติ. อนาถปิณฺฑิกาทีสุ มหาทานานิ กโรนฺเตสุ, ปเสนทิโกสเล อสทิสทานํ กโรนฺเตปิ ¶ สาวตฺถึ นาคจฺฉติ. ภิกฺขู ‘‘อยํ นิคมวาสิติสฺสตฺเถโร อุฏฺาย สมุฏฺาย าติสํสฏฺโ วิหรติ, อนาถปิณฺฑิกาทีสุ มหาทานาทีนิ กโรนฺเตสุ, ปเสนทิโกสเล อสทิสทานํ กโรนฺเตปิ เนว อาคจฺฉตี’’ติ กถํ สมุฏฺาเปตฺวา ¶ สตฺถุ อาโรจยึสุ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, มยฺหํ าติสํสคฺโค, อหํ เอเต มนุสฺเส นิสฺสาย อชฺโฌหรณียมตฺตํ อาหารํ ลภามิ ลูเข วา ปณีเต วา. ยาปนมตฺเต ลทฺเธ ปุน กึ อาหารปริเยสเนนาติ น คจฺฉามิ, าตีหิ ปน เม สํสคฺโค นาม นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต สตฺถา ปกติยาปิ ตสฺส อชฺฌาสยํ วิชานนฺโต – ‘‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขู’’ติ ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ ภิกฺขุ, ยํ ตฺวํ มาทิสํ อาจริยํ ลภิตฺวา อปฺปิจฺโฉ อโหสิ. อยฺหิ อปฺปิจฺฉตา นาม มม ตนฺติ, มม ปเวณี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ –
อตีเต หิมวนฺเต คงฺคาตีเร เอกสฺมึ อุทุมฺพรวเน อเนกสหสฺสา สุวา วสึสุ. ตตฺเรโก สุวราชา ¶ อตฺตโน นิวาสรุกฺขสฺส ผเลสุ ขีเณสุ ยํ ยเทว อวสิฏฺํ โหติ องฺกุโร วา ปตฺตํ วา ตโจ วา, ตํ ตํ ขาทิตฺวา คงฺคายํ ปานียํ ปิวิตฺวา ปรมปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ หุตฺวา อฺตฺถ น คจฺฉติ. ตสฺส อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺภาวคุเณน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ. สกฺโก อาวชฺชมาโน ตํ ทิสฺวา ตสฺส วีมํสนตฺถํ อตฺตโน อานุภาเวน ตํ รุกฺขํ สุกฺขาเปสิ. รุกฺโข โอภคฺโค ขาณุมตฺโต ฉิทฺทาวฉิทฺโทว หุตฺวา วาเต ปหรนฺเต อาโกฏิโต วิย สทฺทํ นิจฺฉาเรนฺโต อฏฺาสิ. ตสฺส ฉิทฺเทหิ จุณฺณานิ นิกฺขมนฺติ. สุวราชา ¶ ตานิ ขาทิตฺวา คงฺคายํ ปานียํ ปิวิตฺวา อฺตฺถ อคนฺตฺวา วาตาตปํ อคเณตฺวา อุทุมฺพรขาณุมตฺถเก นิสีทติ. สกฺโก ตสฺส ปรมปฺปิจฺฉภาวํ ตฺวา, ‘‘มิตฺตธมฺมคุณํ กถาเปตฺวา วรมสฺส ทตฺวา อุทุมฺพรํ อมตผลํ กตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ เอโก หํสราชา หุตฺวา สุชํ อสุรกฺํ ปุรโต กตฺวา อุทุมฺพรวนํ คนฺตฺวา อวิทูเร เอกสฺส รุกฺขสฺส สาขาย นิสีทิตฺวา เตน สทฺธึ กเถนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สนฺติ รุกฺขา หริปตฺตา, ทุมาเนกผลา พหู;
กสฺมา นุ สุกฺเข โกฬาเป, สุวสฺส นิรโต มโน’’ติ. (ชา. ๑.๙.๓๐);
สพฺพํ ¶ สุวชาตกํ นวกนิปาเต อาคตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. อฏฺุปฺปตฺติเยว หิ ตตฺถ จ อิธ จ นานา, เสสํ ตาทิสเมว. สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ตทา สกฺโก อานนฺโท อโหสิ, สุวราชา อหเมวา’’ติ วตฺวา, ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, อปฺปิจฺฉตา นาเมสา มม ตนฺติ, มม ปเวณี, อนจฺฉริยา มม ปุตฺตสฺส นิคมวาสิติสฺสสฺส มาทิสํ อาจริยํ ลภิตฺวา อปฺปิจฺฉตา, ภิกฺขุนา นาม นิคมวาสิติสฺเสน วิย อปฺปิจฺเฉเนว ภวิตพฺพํ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ อภพฺโพ สมถวิปสฺสนาธมฺเมหิ วา มคฺคผเลหิ วา ปริหานาย, อฺทตฺถุ นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ, ปมาเท ภยทสฺสิ วา;
อภพฺโพ ปริหานาย, นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก’’ติ.
ตตฺถ อภพฺโพ ปริหานายาติ โส เอวรูโป ภิกฺขุ สมถวิปสฺสนาธมฺเมหิ วา มคฺคผเลหิ วา ปริหานาย ¶ อภพฺโพ, นาปิ ปตฺเตหิ ปริหายติ, น อปฺปตฺตานิ น ปาปุณาติ. นิพฺพานสฺเสว สนฺติเกติ กิเลสปรินิพฺพานสฺสปิ อนุปาทาปรินิพฺพานสฺสาปิ สนฺติเกเยวาติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ นิคมวาสิติสฺสตฺเถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
นิคมวาสิติสฺสตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
อปฺปมาทวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา. ทุติโย วคฺโค.
๓. จิตฺตวคฺโค
๑. เมฆิยตฺเถรวตฺถุ
ผนฺทนํ ¶ ¶ ¶ จปลํ จิตฺตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา จาลิกาย ปพฺพเต วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ เมฆิยํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส วตฺถุํ วิภาวนตฺถํ สพฺพํ เมฆิยสุตฺตนฺตํ (อุทา. ๓๑) วิตฺถาเรตพฺพํ. สตฺถา ปน ตีหิ วิตกฺเกหิ อนฺวาสตฺตตาย ตสฺมึ อมฺพวเน ปธานํ อนุยฺุชิตุํ อสกฺกุณิตฺวา อาคตํ เมฆิยตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อติภาริยํ เต, เมฆิย, กตํ ‘อาคเมหิ ตาว, เมฆิย, เอกโกมฺหิ ยาว อฺโปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตี’ติ มํ ยาจนฺตํ เอกกํ ปหาย คจฺฉนฺเตน ภิกฺขุนา นาม เอวํ จิตฺตวสิเกน ภวิตุํ น วฏฺฏติ, จิตฺตํ นาเมตํ ลหุกํ, ตํ อตฺตโน วเส วตฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ผนฺทนํ จปลํ จิตฺตํ, ทูรกฺขํ ทุนฺนิวารยํ;
อุชุํ กโรติ เมธาวี, อุสุกาโรว เตชนํ.
‘‘วาริโชว ถเล ขิตฺโต, โอกโมกตอุพฺภโต;
ปริปฺผนฺทติทํ จิตฺตํ, มารเธยฺยํ ปหาตเว’’ติ.
ตตฺถ ¶ ผนฺทนนฺติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ วิปฺผนฺทมานํ. จปลนฺติ เอกอิริยาปเถน อสณฺหนฺโต คามทารโก วิย เอกสฺมึ อารมฺมเณ อสณฺหนโต จปลํ. จิตฺตนฺติ วิฺาณํ, ภูมิวตฺถุอารมฺมณกิริยาทิวิจิตฺตตาย ปเนตํ ‘‘จิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ทูรกฺขนฺติ กิฏฺสมฺพาเธ าเน กิฏฺขาทกโคณํ วิย เอเกกสฺมึ สปฺปายารมฺมเณเยว ทุฏฺปนโต ทูรกฺขํ. ทุนฺนิวารยนฺติ วิสภาคารมฺมณํ คจฺฉนฺตํ ปฏิเสเธตุํ ทุกฺขตฺตา ทุนฺนิวารยํ. อุสุกาโรว เตชนนฺติ ยถา นาม อุสุกาโร อรฺโต เอกํ วงฺกทณฺฑกํ อาหริตฺวา นิตฺตจํ กตฺวา กฺชิยเตเลน มกฺเขตฺวา องฺคารกปลฺเล ตาเปตฺวา รุกฺขาลเก อุปฺปีเฬตฺวา นิวงฺกํ อุชุํ วาลวิชฺฌนโยคฺคํ กโรติ, กตฺวา จ ¶ ปน ราชราชมหามตฺตานํ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ ลภติ, เอวเมว ¶ เมธาวี ปณฺฑิโต วิฺู ปุริโส ผนฺทนาทิสภาวเมตํ จิตฺตํ ธุตงฺคารฺาวาสวเสน, นิตฺตจํ อปคตโอฬาริกกิเลสํ กตฺวา สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา กายิกเจตสิกวีริเยน ตาเปตฺวา สมถวิปสฺสนาลเก อุปฺปีเฬตฺวา อุชุํ อกุฏิลํ นิพฺพิเสวนํ กโรติ, กตฺวา จ ปน สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา มหนฺตํ อวิชฺชกฺขนฺธํ ปทาเลตฺวา, ‘‘ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺา, นว โลกุตฺตรธมฺเม’’ติ อิมํ วิเสสํ หตฺถคตเมว กตฺวา อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ ¶ ลภติ.
วาริโชวาติ มจฺโฉ วิย, ถเล ขิตฺโตติ หตฺเถน วา ปาเทน วา ชาลาทีนํ วา อฺตเรน ถเล ฉฑฺฑิโต. โอกโมกตอุพฺภโตติ ‘‘โอกปุณฺเณหิ จีวเรหี’’ติ เอตฺถ (มหาว. ๓๐๖) อุทกํ โอกํ, ‘‘โอกํ ปหาย อนิเกตสารี’’ติ เอตฺถ (สุ. นิ. ๘๕๐) อาลโย, เอตฺถ อุภยมฺปิ ลพฺภติ. ‘‘โอกโมกตอุพฺภโต’’ติ หิ เอตฺถ โอกโมกโตติ อุทกสงฺขาตา อาลยาติ อยมตฺโถ. อุพฺภโตติ อุทฺธโฏ. ปริปฺผนฺทติทํ จิตฺตนฺติ ยถา โส อุทกาลยโต อุพฺภโต ถเล ขิตฺโต มจฺโฉ อุทกํ อลภนฺโต ปริปฺผนฺทติ, เอวมิทํ ปฺจกามคุณาลยาภิรตํ จิตฺตํ ตโต อุทฺธริตฺวา มารเธยฺยสงฺขาตํ วฏฺฏํ ปหาตุํ วิปสฺสนากมฺมฏฺาเน ขิตฺตํ กายิกเจตสิกวีริเยน สนฺตาปิยมานํ ปริปฺผนฺทติ, สณฺาตุํ น สกฺโกติ. เอวํ สนฺเตปิ ธุรํ อนิกฺขิปิตฺวา เมธาวี ปุคฺคโล ตํ วุตฺตนเยเนว อุชุํ กมฺมนิยํ กโรตีติ อตฺโถ. อปโร นโย – อิทํ มารเธยฺยํ กิเลสวฏฺฏํ อวิชหิตฺวา ิตํ จิตฺตํ โส วาริโช วิย ปริปฺผนฺทติ, ตสฺมา มารเธยฺยํ ปหาตเว, เยน กิเลสวฏฺฏสงฺขาเตน มารเธยฺเยเนว ปริปฺผนฺทติ, ตํ ปหาตพฺพนฺติ.
คาถาปริโยสาเน เมฆิยตฺเถโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย ชาตาติ.
เมฆิยตฺเถรวตฺถุ ปมํ.
๒. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ
ทุนฺนิคฺคหสฺส ¶ ลหุโนติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โกสลรฺโ ¶ กิร วิชิเต ปพฺพตปาเท มาติกคาโม นาม เอโก ฆนวาโส คาโม อโหสิ. อเถกทิวสํ สฏฺิมตฺตา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา ตํ ¶ คามํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. อถ เน โย ตสฺส คามสฺส สามิโก มาติโก นาม, ตสฺส มาตา ทิสฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา นานคฺครเสน ยาคุภตฺเตน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กตฺถ คนฺตุกามา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ยถา ผาสุกฏฺานํ มหาอุปาสิเก’’ติ. สา ‘‘วสฺสาวาสฏฺานํ, อยฺยา, ปริเยสนฺติ มฺเ’’ติ ตฺวา ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘สเจ, อยฺยา, อิมํ เตมาสํ อิธ วสิสฺสนฺติ, อหํ ตีณิ สรณานิ, ปฺจ สีลานิ คเหตฺวา อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ภิกฺขู ‘‘มยํ อิมํ นิสฺสาย ภิกฺขาย อกิลมนฺตา ภวนิสฺสรณํ กาตุํ สกฺขิสฺสามา’’ติ อธิวาสยึสุ. สา เตสํ วสนฏฺานํ วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา อทาสิ.
เต ตตฺเถว วสนฺตา เอกทิวสํ สนฺนิปติตฺวา อฺมฺํ โอวทึสุ, ‘‘อาวุโส, อมฺเหหิ ปมาทจารํ จริตุํ น วฏฺฏติ. อมฺหากฺหิ สกเคหํ วิย อฏฺ มหานิรยา วิวฏทฺวาราเยว, ธรมานกพุทฺธสฺส โข ปน สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา มยํ อาคตา, พุทฺธา จ นาม ปทานุปทิกํ วิจรนฺเตนาปิ สเน อาราเธตุํ น สกฺกา, ยถาชฺฌาสเยเนว อาราเธตุํ สกฺกา, อปฺปมตฺตา โหถ, ทฺวีหิ เอกฏฺาเน น าตพฺพํ, น นิสีทิตพฺพํ, สายํ โข ปน เถรูปฏฺานกาเล ปาโตว ภิกฺขาจารกาเล เอกโต ภวิสฺสาม, เสสกาเล ทฺเว เอกโต น ภวิสฺสาม, อปิจ โข ปน อผาสุเกน ภิกฺขุนา ¶ อาคนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ฆณฺฑิยา ปหตาย ฆณฺฑิสฺาย อาคนฺตฺวา ตสฺส เภสชฺชํ กริสฺสามา’’ติ.
เตสุ เอวํ กติกํ กตฺวา วิหรนฺเตสุ เอกทิวสํ สา อุปาสิกา สปฺปิเตลผาณิตาทีนิ คาหาเปตฺวา ทาสทาสิกมฺมกราทีหิ ปริวุตา สายนฺหสมเย ตํ วิหารํ คนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ภิกฺขู อทิสฺวา, ‘‘กหํ นุ โข, อยฺยา, คตา’’ติ ปุริเส ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ นิสินฺนา ภวิสฺสนฺติ, อยฺเย’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ นุ โข กตฺวา ทฏฺุํ ¶ สกฺขิสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส กติกวตฺตํ ชานนมนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘ฆณฺฑิยา ปหตาย สนฺนิปติสฺสนฺติ, อยฺเย’’ติ. สา จ ฆณฺฑึ ปหราเปสิ. ภิกฺขู ฆณฺฑิสทฺทํ สุตฺวา, ‘‘กสฺสจิ อผาสุกํ ภวิสฺสตี’’ติ สกสกฏฺาเนหิ นิกฺขมิตฺวา วิหารมชฺเฌ สนฺนิปตึสุ. ทฺเวปิ ชนา เอกมคฺเคนาคตา นาม นตฺถิ. อุปาสิกา เอเกกฏฺานโต เอเกกเมว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘มม ปุตฺเตหิ อฺมฺํ กลโห กโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กลหํ นุ โข, ภนฺเต, กริตฺถา’’ติ? ‘‘น กโรม, มหาอุปาสิเก’’ติ. ‘‘สเจ โว, ภนฺเต, กลโห นตฺถิ, อถ กสฺมา ยถา อมฺหากํ เคหํ อาคจฺฉนฺตา สพฺเพ เอกโตว อาคจฺฉถ, เอวํ อนาคนฺตฺวา เอเกกฏฺานโต เอเกกาว อาคตา’’ติ? ‘‘มหาอุปาสิเก, เอเกกสฺมึ าเน นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กริมฺหา’’ติ. ‘‘โก เอส ¶ , ภนฺเต, สมณธมฺโม นามา’’ติ? ‘‘ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ กโรม, อตฺตภาเว จ ขยวยํ ปฏฺเปม, มหาอุปาสิเก’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ กาตุํ, อตฺตภาเว จ ขยวยํ ปฏฺเปตุํ ตุมฺหากเมว วฏฺฏติ, อุทาหุ อมฺหากมฺปีติ, กสฺสจิปิ ¶ อวาริโต เอส ธมฺโม, มหาอุปาสิเก’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มยฺหมฺปิ ทฺวตฺตึสาการํ เทถ, อตฺตภาเว จ ขยวยปฏฺปนํ อาจิกฺขถา’’ติ. ‘‘เตน หิ อุคฺคณฺห, มหาอุปาสิเก’’ติ สพฺพํ อุคฺคณฺหาเปสุํ.
สา ตโต ปฏฺาย ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ กตฺวา อตฺตนิ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ ปุเรตรเมว ตโย มคฺเค, ตีณิ จ ผลานิ ปาปุณิ. มคฺเคเนว จสฺสา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา โลกิยอภิฺา จ อาคมึสุ. สา มคฺคผลสุขโต วุฏฺาย ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกตฺวา, ‘‘กทา นุ โข มม ปุตฺเตหิ อยํ ธมฺโม อธิคโต’’ติ อุปธาเรนฺตี สพฺเพปิเม สราคา สโทสา สโมหา ฌานวิปสฺสนามตฺตมฺปิ เตสํ นตฺถิ, ‘‘กึ นุ โข มยฺหํ ปุตฺตานํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสโย อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อาวชฺเชตฺวา, ‘‘อตฺถี’’ติ ทิสฺวา, ‘‘เสนาสนสปฺปายํ นุ โข อตฺถิ, นตฺถี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ตมฺปิ ทิสฺวา, ‘‘ปุคฺคลสปฺปายํ นุ โข ลภนฺติ, น ลภนฺตี’’ติ อาวชฺเชสิ, ปุคฺคลสปฺปายมฺปิ ทิสฺวา, ‘‘อาหารสปฺปายํ นุ โข ลภนฺติ, น ลภนฺตี’’ติ อุปธาเรนฺตี ‘‘อาหารสปฺปายํ เนสํ นตฺถี’’ติ ทิสฺวา ตโต ปฏฺาย นานาวิธํ ยาคุํ, อเนกปฺปการํ ขชฺชกํ, นานคฺครสฺจ โภชนํ สมฺปาเทตฺวา เคเห ภิกฺขู นิสีทาเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต ¶ , ตุมฺหากํ ยํ ยํ รุจฺจติ, ตํ ตํ คเหตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ นิยฺยาเทสิ. เต ยถารุจิ ยาคุอาทีนิ คเหตฺวา ปริภฺุชนฺติ. เตสํ สปฺปายาหารํ ลภนฺตานํ จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ.
เต เอกคฺเคน จิตฺเตน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺตยึสุ – ‘‘อโห มหาอุปาสิกา อมฺหากํ ปติฏฺา ชาตา, สเจ มยํ สปฺปายาหารํ น ลภิมฺห, น โน มคฺคผลปฏิเวโธ อภวิสฺส, อิทานิ วุฏฺวสฺสา ปวาเรตฺวา สตฺถุ ¶ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ. เต ‘‘สตฺถารํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ มหาอุปาสิกํ อาปุจฺฉึสุ. ‘‘มหาอุปาสิกา สาธุ, อยฺยา’’ติ. เต อนุคนฺตฺวา ปุนปิ, ‘‘ภนฺเต, อมฺเห โอโลเกยฺยาถา’’ติ พหูนิ ปิยวจนานิ วตฺวา ปฏินิวตฺติ. เตปิ โข ภิกฺขู สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิตฺถา’’ติ วุตฺเต ‘‘ขมนียํ, ภนฺเต, ยาปนียํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน ปน เนว กิลมิมฺห. อมฺหากฺหิ มาติกมาตา นาเมกา อุปาสิกา จิตฺตาจารํ ตฺวา, ‘อโห วต โน เอวรูปํ นาม ¶ อาหารํ ปฏิยาเทยฺยา’ติ จินฺติเต ยถาจินฺติตํ อาหารํ ปฏิยาเทตฺวา อทาสี’’ติ ตสฺสา คุณกถํ กถยึสุ.
อฺตโร ภิกฺขุ ตสฺสา คุณกถํ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตุกาโม หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตํ คามํ คมิสฺสามี’’ติ สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา เชตวนโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตํ คามํ ปตฺวา วิหารํ ปวิสนทิวเสเยว จินฺเตสิ – ‘‘อยํ กิร อุปาสิกา จินฺติตจินฺติตํ ชานาติ, อหฺจ มคฺคกิลนฺโต วิหารํ ปฏิชคฺคิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อโห วต เม วิหารปฏิชคฺคกํ มนุสฺสํ เปเสยฺยา’’ติ. อุปาสิกา เคเห นิสินฺนาว อาวชฺเชนฺตี ตมตฺถํ ตฺวา, ‘‘คจฺฉ, วิหารํ ปฏิชคฺคิตฺวา เอหี’’ติ มนุสฺสํ เปเสสิ. อิตโรปิ ปานียํ ปิวิตุกาโม ‘‘อโห วต เม สกฺขรปานกํ กตฺวา เปเสยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสิกา ตมฺปิ เปเสสิ. โส ปุนทิวเส ‘‘ปาโตว สินิทฺธยาคุํ เม สอุตฺตริภงฺคํ เปเสตู’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสิกา ตถา อกาสิ ¶ . โส ยาคุํ ปิวิตฺวา, ‘‘อโห วต เม เอวรูปํ ขชฺชกํ เปเสยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสิกา ตมฺปิ เปเสสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อุปาสิกา มยา สพฺพํ จินฺติตจินฺติตํ เปเสสิ, อหํ ¶ เอตํ ทฏฺุกาโม, อโห วต เม นานคฺครสโภชนํ คาหาเปตฺวา สยเมว อาคจฺเฉยฺยา’’ติ. อุปาสิกา ‘‘มม ปุตฺโต มํ ทฏฺุกาโม, อาคมนํ เม ปจฺจาสีสตี’’ติ โภชนํ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ตสฺส อทาสิ. โส กตภตฺตกิจฺโจ ‘‘มาติกมาตา นาม ตฺวํ, มหาอุปาสิเก’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ตาตา’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปรจิตฺตํ ชานาสี’’ติ? ‘‘กึ มํ ปุจฺฉสิ, ตาตา’’ติ? ‘‘มยา จินฺติตจินฺติตํ สพฺพมกาสิ, เตน ตํ ปุจฺฉามี’’ติ. ‘‘ปรจิตฺตชานนกภิกฺขู พหู, ตาตา’’ติ? ‘‘นาหํ อฺเ ปุจฺฉามิ, ตุวํ ปุจฺฉามิ, อุปาสิเก’’ติ. เอวํ สนฺเตปิ อุปาสิกา ‘‘ปรจิตฺตํ ชานามี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปรจิตฺตํ ชานนฺตา นาม เอวํ กโรนฺติ ปุตฺตา’’ติ อาห. โส ‘‘ภาริยํ วติทํ กมฺมํ, ปุถุชฺชนา นาม โสภนมฺปิ อโสภนมฺปิ จินฺเตนฺติ, สจาหํ กิฺจิ อยุตฺตํ จินฺตยิสฺสามิ, สห ภณฺฑเกน โจรํ จูฬาย คณฺหนฺตี วิย มํ วิปฺปการํ ปาเปยฺย, มยา อิโต ปลายิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อุปาสิเก, อหํ คมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กหํ, อยฺยา’’ติ? ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ, อุปาสิเก’’ติ. ‘‘วสถ ตาว, ภนฺเต, อิธา’’ติ. ‘‘น วสิสฺสามิ, อุปาสิเก, คมิสฺสาเมวา’’ติ นิกฺขมิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ ภิกฺขุ น ตฺวํ ตตฺถ วสสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, น สกฺกา ตตฺถ วสิตุ’’นฺติ. ‘‘กึ การณา ภิกฺขู’’ติ? ‘‘ภนฺเต, สา อุปาสิกา จินฺติตจินฺติตํ สพฺพํ ชานาติ, ปุถุชฺชนา จ นาม โสภนมฺปิ อโสภนมฺปิ จินฺเตนฺติ, สจาหํ กิฺจิ อยุตฺตํ จินฺเตสฺสามิ, สห ภณฺฑเกน โจรํ จูฬาย คณฺหนฺตี วิย มํ วิปฺปการํ ปาเปสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ¶ อาคโตมฺหีติ. ‘‘ภิกฺขุ, ตตฺเถว ตยา วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ , ‘‘น สกฺโกมิ, ภนฺเต, นาหํ ตตฺถ วสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอกเมว รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตว จิตฺตเมว รกฺข, จิตฺตํ นาเมตํ ทุรกฺขํ, ตฺวํ อตฺตโน จิตฺตเมว นิคฺคณฺห, มา อฺํ กิฺจิ จินฺตยิ, จิตฺตํ นาเมตํ ทุนฺนิคฺคห’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน, ยตฺถกามนิปาติโน;
จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ, จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวห’’นฺติ.
ตตฺถ จิตฺตํ นาเมตํ ทุกฺเขน นิคฺคยฺหตีติ ทุนฺนิคฺคหํ. ลหุํ อุปฺปชฺชติ จ นิรุชฺฌติ จาติ ลหุ. ตสฺส ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน. ยตฺถกามนิปาติโนติ ยตฺถ กตฺถจิเทว นิปตนสีลสฺส. เอตฺหิ ลภิตพฺพฏฺานํ วา อลภิตพฺพฏฺานํ วา ยุตฺตฏฺานํ วา อยุตฺตฏฺานํ วา น ชานาติ, เนว ชาตึ ¶ โอโลเกติ, น โคตฺตํ, น วยํ. ยตฺถ ยตฺถ อิจฺฉติ, ตตฺถ ตตฺเถว นิปตตีติ ‘‘ยตฺถกามนิปาตี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺส เอวรูปสฺส จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ จตูหิ อริยมคฺเคหิ ทนฺตภาโว ยถา นิพฺพิเสวนํ โหติ, ตถา กตภาโว สาธุ. กึ การณา? อิทฺหิ จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ นิพฺพิเสวนํ กตํ มคฺคผลสุขํ ปรมตฺถนิพฺพานสุขฺจ อาวหตีติ.
เทสนาปริโยสาเน สมฺปตฺตปริสาย พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ, มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ชาตาติ.
สตฺถา ตสฺส ¶ ภิกฺขุโน อิมํ โอวาทํ ทตฺวา, ‘‘คจฺฉ, ภิกฺขุ, อฺํ กิฺจิ อจินฺตยิตฺวา ตตฺเถว วสาหี’’ติ ปหิณิ. โส ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติกา โอวาทํ ลภิตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. กิฺจิ พหิทฺธา จินฺตนํ นาม น จินฺเตสิ. มหาอุปาสิกาปิ ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺตี เถรํ ทิสฺวา, ‘‘อิทานิ โอวาททายกํ อาจริยํ ลภิตฺวา ปุนาคโต มม ปุตฺโต’’ติ อตฺตโน าเณเนว ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตสฺส สปฺปายาหารํ ปฏิยาเทตฺวา อทาสิ. โส สปฺปายโภชนํ เสวิตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปตฺวา มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต ‘‘อโห มหาอุปาสิกา มยฺหํ ปติฏฺา ชาตา, อหํ อิมํ นิสฺสาย ภวนิสฺสรณํ ปตฺโตมฺหี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อิมสฺมึ ตาว เม อตฺตภาเว ปติฏฺา ชาตา, สํสาเร ปน เม สํสรนฺตสฺส อฺเสุปิ อตฺตภาเวสุ อยํ ปติฏฺา ภูตปุพฺพา, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต เอกูนอตฺตภาวสตํ อนุสฺสริ. สาปิ เอกูนอตฺตภาวสเต ตสฺส ปาทปริจาริกา อฺเสุ ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ตํ ชีวิตา โวโรเปสิ. เถโร ¶ ตสฺสา เอตฺตกํ อคุณํ ทิสฺวา, ‘‘อโห มยํ มหาอุปาสิกา ภาริยํ กมฺมํ อกาสี’’ติ จินฺเตสิ.
มหาอุปาสิกาปิ เคเห นิสินฺนาว ‘‘กึ นุ โข มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺตกํ ปตฺตํ, โน’’ติ อุปธารยมานา ตสฺส อรหตฺตปตฺตึ ตฺวา อุตฺตริ อุปธาริยมานา, ‘‘มม ปุตฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา อโห วต เม อยํ อุปาสิกา มหตี ปติฏฺา ชาตา’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อตีเตปิ นุ โข เม อยํ ปติฏฺา ภูตปุพฺพา, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต เอกูนอตฺตภาวสตํ อนุสฺสริ, ‘‘อหํ โข ปน เอกูนอตฺตภาวสเต อฺเหิ สทฺธึ เอกโต ¶ หุตฺวา เอตํ ชีวิตา โวโรเปสึ, อยํ เม เอตฺตกํ อคุณํ ¶ ทิสฺวา ‘อโห ภาริยํ กมฺมํ กตํ อุปาสิกายา’’ติ จินฺเตสิ. ‘‘อตฺถิ นุ โข เอวํ สํสาเร สํสรนฺติยา มม ปุตฺตสฺส อุปกาโร กตปุพฺโพ’’ติ อุปธารยมานา ตโต อุตฺตรึ สตมํ อตฺตภาวํ อนุสฺสริตฺวา สตเม อตฺตภาเว มยา เอตสฺส ปาทปริจาริกาย หุตฺวา เอตสฺมึ ชีวิตา โวโรปนฏฺาเน ชีวิตทานํ ทินฺนํ, อโห มยา มม ปุตฺตสฺส มหาอุปกาโร กตปุพฺโพ’’ติ เคเห นิสินฺนาว อุตฺตรึ วิเสเสตฺวา ‘‘อุปธาเรถา’’ติ อาห. โส ทิพฺพาย โสตธาตุยา สทฺทํ สุตฺวา วิเสเสตฺวา สตมํ อตฺตภาวํ อนุสฺสริตฺวา ตตฺถ ตาย อตฺตโน ชีวิตสฺส ทินฺนภาวํ ทิสฺวา, ‘‘อโห มม อิมาย มหาอุปาสิกาย อุปกาโร กตปุพฺโพ’’ติ อตฺตมโน หุตฺวา ตสฺสา ตตฺเถว จตูสุ มคฺคผเลสุ ปฺหํ กเถตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ.
อฺตรภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. อฺตรอุกฺกณฺิตภิกฺขุวตฺถุ
สุทุทฺทสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อฺตรํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถริ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต เอโก เสฏฺิปุตฺโต อตฺตโน กุลูปคตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, เอกํ เม ทุกฺขโต มุจฺจนการณํ กเถถา’’ติ ¶ อาห. ‘‘สาธาวุโส, สเจสิ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, สลากภตฺตํ เทหิ, ปกฺขิกภตฺตํ เทหิ, วสฺสาวาสิกํ เทหิ, จีวราทโย ปจฺจเย เทหิ, อตฺตโน สาปเตยฺยํ ตโย โกฏฺาเส กตฺวา เอเกน กมฺมนฺตํ ปโยเชหิ, เอเกน ปุตฺตทารํ โปเสหิ, เอกํ พุทฺธสาสเน เทหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ¶ วุตฺตปฏิปาฏิยา สพฺพํ กตฺวา ปุน เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตโต อุตฺตรึ อฺํ กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาวุโส, ตีณิ สรณานิ คณฺห, ปฺจ สีลานิ คณฺหาหี’’ติ. ตานิปิ ปฏิคฺคเหตฺวา ตโต อุตฺตรึ ปุจฺฉิ. ‘‘เตน หิ ทส สีลานิ คณฺหาหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ คณฺหิ. โส เอวํ อนุปุพฺเพน ปฺุกมฺมสฺส กตตฺตา อนุปุพฺพเสฏฺิปุตฺโต นาม ชาโต. ตโต ‘‘อุตฺตริมฺปิ กตฺตพฺพํ อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ ปุน ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เตน หิ ปพฺพชาหี’’ติ วุตฺโต นิกฺขมิตฺวา ¶ ปพฺพชิ. ตสฺเสโก อาภิธมฺมิกภิกฺขุ อาจริโย อโหสิ. เอโก วินยธโร อุปชฺฌาโย. ตสฺส ลทฺธูปสมฺปทสฺส อาจริโย อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล อภิธมฺเม ปฺหํ กเถสิ – ‘‘พุทฺธสาสเน นาม อิทํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทํ น วฏฺฏตี’’ติ. อุปชฺฌาโยปิสฺส อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล วินเย ปฺหํ กเถสิ – ‘‘พุทฺธสาสเน นาม อิทํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทํ น วฏฺฏติ, อิทํ กปฺปติ, อิทํ น กปฺปตี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อโห ภาริยํ อิทํ กมฺมํ, อหํ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม ปพฺพชิโต, อิธ จ มม หตฺถปสารณฏฺานมฺปิ น ปฺายติ, เคเห ¶ ตฺวาว ทุกฺขา มุจฺจิตุํ สกฺกา, มยา คิหินา ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย อุกฺกณฺิโต อนภิรโต ทฺวตฺตึสากาเร สชฺฌายํ น กโรติ, อุทฺเทสํ น คณฺหาติ, กิโส ลูโข ธมนิสนฺถตคตฺโต อาลสฺสิยาภิภูโต กจฺฉุปริกิณฺโณ อโหสิ.
อถ นํ ทหรสามเณรา, ‘‘อาวุโส, กึ ตฺวํ ิตฏฺาเน ิโตว นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺโนว อโหสิ, ปณฺฑุโรคาภิภูโต กิโส ลูโข ธมนิสนฺถตคตฺโต อาลสฺสิยาภิภูโต กจฺฉุปริกิณฺโณ, กึ เต กต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? โส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. เต ตสฺส อาจริยุปชฺฌายานํ อาจิกฺขึสุ. อาจริยุปชฺฌายา ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ. สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อาคตตฺถา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สาสเน อุกฺกณฺิโต’’ติ. ‘‘เอวํ กิร ภิกฺขู’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโมว ปพฺพชิโต, ตสฺส เม อาจริโย อภิธมฺมกถํ กเถสิ, อุปชฺฌาโย วินยกถํ กเถสิ, สฺวาหํ ‘อิธ เม หตฺถปสารณฏฺานมฺปิ นตฺถิ, คิหินา หุตฺวา สกฺกา ทุกฺขา มุจฺจิตุํ, คิหิ ภวิสฺสามี’ติ สนฺนิฏฺานมกาสึ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอกเมว รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสิ, อวเสสานํ รกฺขนกิจฺจํ นตฺถี’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตว จิตฺตเมว รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ อตฺตโน จิตฺตเมว รกฺขาหิ, สกฺกา ทุกฺขา มุจฺจิตุ’’นฺติ อิมํ โอวาทํ ทตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุทุทฺทสํ ¶ สุนิปุณํ, ยตฺถกามนิปาตินํ;
จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวี, จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวห’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ สุทุทฺทสนฺติ ¶ สุฏฺุ ทุทฺทสํ. สุนิปุณนฺติ สุฏฺุ นิปุณํ ปรมสณฺหํ. ยตฺถกามนิปาตินนฺติ ชาติอาทีนิ อโนโลเกตฺวา ลภิตพฺพาลภิตพฺพยุตฺตายุตฺตฏฺาเนสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิปตนสีลํ. จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวีติ อนฺธพาโล ทุมฺเมโธ อตฺตโน จิตฺตํ รกฺขิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, จิตฺตวสิโก หุตฺวา อนยพฺยสนํ ปาปุณาติ. เมธาวี ปน ปณฺฑิโตว จิตฺตํ รกฺขิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตฺวมฺปิ จิตฺตเมว โคเปหิ. อิทฺหิ จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ มคฺคผลนิพฺพานสุขานิ อาวหตีติ.
เทสนาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ, เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.
อฺตรอุกฺกณฺิตภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.
๔. สงฺฆรกฺขิตภาคิเนยฺยตฺเถรวตฺถุ
ทูรงฺคมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต สงฺฆรกฺขิตํ นาม ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ลทฺธูปสมฺปโท สงฺฆรกฺขิตตฺเถโร นาม หุตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส ¶ กนิฏฺภคินี ปุตฺตํ ลภิตฺวา เถรสฺส นามํ อกาสิ. โส ภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิโต นาม หุตฺวา วยปฺปตฺโต เถรสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท อฺตรสฺมึ คามการาเม วสฺสํ อุปคนฺตฺวา, ‘‘เอกํ สตฺตหตฺถํ, เอกํ อฏฺหตฺถ’’นฺติ ทฺเว วสฺสาวาสิกสาฏเก ลภิตฺวา อฏฺหตฺถํ ‘‘อุปชฺฌายสฺส เม ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สตฺตหตฺถํ มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา วุฏฺวสฺโส ‘‘อุปชฺฌายํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ปิณฺฑาย จรนฺโต อาคนฺตฺวา เถเร วิหารํ อนาคเตเยว วิหารํ ปวิสิตฺวา เถรสฺส ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ปาโททกํ อุปฏฺเปตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. อถสฺสาคมนภาวํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปตฺตจีวรํ ¶ ปฏิคฺคเหตฺวา, ‘‘นิสีทถ, ภนฺเต’’ติ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ตาลวณฺฏํ อาทาย ¶ พีชิตฺวา ปานียํ ทตฺวา ปาเท โธวิตฺวา ตํ สาฏกํ อาเนตฺวา ปาทมูเล เปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ปริภฺุชถา’’ติ วตฺวา พีชยมาโน อฏฺาสิ.
อถ นํ เถโร อาห – ‘‘สงฺฆรกฺขิต, มยฺหํ จีวรํ ปริปุณฺณํ, ตฺวเมว ปริภฺุชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มยา ลทฺธกาลโต ปฏฺาย อยํ ตุมฺหากเมว สลฺลกฺขิโต, ปริโภคํ กโรถา’’ติ. ‘‘โหตุ, สงฺฆรกฺขิต, ปริปุณฺณํ เม จีวรํ, ตฺวเมว ปริภฺุชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา เอวํ กโรถ, ตุมฺเหหิ ปริภุตฺเต มยฺหํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ. อถ นํ ตสฺส ปุนปฺปุนํ กเถนฺตสฺสปิ ¶ เถโร น อิจฺฉิเยว.
เอวํ โส พีชยมาโน ิโตว จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เถรสฺส คิหิกาเล ภาคิเนยฺโย, ปพฺพชิตกาเล สทฺธิวิหาริโก, เอวมฺปิ มยา สทฺธึ อุปชฺฌาโย ปริโภคํ น กตฺตุกาโม. อิมสฺมึ มยา สทฺธึ ปริโภคํ อกโรนฺเต กึ เม สมณภาเวน, คิหิ ภวิสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ทุสฺสณฺาปิโต ฆราวาโส, กึ นุ โข กตฺวา คิหิภูโต ชีวิสฺสามี’’ติ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อฏฺหตฺถสาฏกํ วิกฺกิณิตฺวา เอกํ เอฬิกํ คณฺหิสฺสามิ, เอฬิกา นาม ขิปฺปํ วิชายติ, สฺวาหํ วิชาตํ วิชาตํ วิกฺกิณิตฺวา มูลํ กริสฺสามิ, มูเล พหู กตฺวา เอกํ ปชาปตึ อาเนสฺสามิ, สา เอกํ ปุตฺตํ วิชายิสฺสติ. อถสฺส มม มาตุลสฺส นามํ กตฺวา จูฬยานเก นิสีทาเปตฺวา มม ปุตฺตฺจ ภริยฺจ อาทาย มาตุลํ วนฺทิตุํ อาคมิสฺสามิ, อาคจฺฉนฺเต อนฺตรามคฺเค มม ภริยํ เอวํ วกฺขามิ – ‘อาเนหิ ตาว เม ปุตฺตํ วหิสฺสามิน’นฺติ. สา ‘กึ เต ปุตฺเตน, เอหิ, อิมํ ยานกํ ปาเชหี’ติ วตฺวา ปุตฺตํ คเหตฺวา, ‘อหํ เนสฺสามิ น’นฺติ เนตฺวา สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี จกฺกปเถ ฉฑฺเฑสฺสติ. อถสฺส สรีรํ อภิรุหิตฺวา จกฺกํ คมิสฺสติ, อถ นํ ‘ตฺวํ มม ปุตฺตํ เนว มยฺหํ อทาสิ, นํ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิ นาสิโตสฺมิ ตยา’ติ วตฺวา ปโตทยฏฺิยา ปิฏฺิยํ ปหริสฺสามี’’ติ.
โส เอวํ จินฺเตนฺโตว ตฺวา ¶ พีชยมาโน เถรสฺส สีเส ตาลวณฺเฏน ปหริ. เถโร ‘‘กึ นุ โข อหํ สงฺฆรกฺขิเตน สีเส ปหโต’’ติ ¶ อุปธาเรนฺโต เตน จินฺติตจินฺติตํ สพฺพํ ตฺวา, ‘‘สงฺฆรกฺขิต, มาตุคามสฺส ปหารํ ทาตุํ นาสกฺขิ, โก เอตฺถ มหลฺลกตฺเถรสฺส โทโส’’ติ อาห. โส ‘‘อโห นฏฺโมฺหิ, าตํ กิร เม อุปชฺฌาเยน จินฺติตจินฺติตํ, กึ เม สมณภาเวนา’’ติ ตาลวณฺฏํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิตุํ อารทฺโธ.
อถ นํ ทหรา จ สามเณรา จ อนุพนฺธิตฺวา อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ. สตฺถา เต ¶ ภิกฺขู ทิสฺวาว ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อาคตตฺถ, เอโก โว ภิกฺขุ ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, อิมํ ทหรํ อุกฺกณฺิตฺวา ปลายนฺตํ คเหตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคตมฺหา’’ติ. ‘‘เอวํ กิร ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กิมตฺถํ เต ภิกฺขุ เอวํ ภาริยํ กมฺมํ กตํ, นนุ ตฺวํ อารทฺธวีริยสฺส เอกสฺส พุทฺธสฺส ปุตฺโต, มาทิสสฺส นาม พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ ทเมตฺวา โสตาปนฺโนติ วา สกทาคามีติ วา อนาคามีติ วา อรหาติ วา วทาเปตุํ นาสกฺขิ, กิมตฺถํ เอวํ ภาริยํ กมฺมมกาสี’’ติ? ‘‘อุกฺกณฺิโตสฺมิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ? โส เอวํ วสฺสาวาสิกสาฏกานํ ลทฺธทิวสโต ปฏฺาย ยาว เถรสฺส ตาลวณฺเฏน ปหารา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา, ‘‘อิมินา การเณน ปลาโตสฺมิ, ภนฺเต’’ติ ¶ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, มา จินฺตยิ จิตฺตํ นาเมตํ ทูเร โหนฺตมฺปิ อารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉนกชาติกํ, ราคโทสโมหพนฺธนา มุจฺจนตฺถาย วายมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทูรงฺคมํ เอกจรํ, อสรีรํ คุหาสยํ;
เย จิตฺตํ สํยเมสฺสนฺติ, โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา’’ติ.
ตตฺถ ทูรงฺคมนฺติ จิตฺตสฺส หิ มกฺกฏสุตฺตมตฺตกมฺปิ ปุรตฺถิมาทิทิสาภาเคน คมนาคมนํ นาม นตฺถิ, ทูเร สนฺตมฺปิ ปน อารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉตีติ ทูรงฺคมํ นาม ชาตํ. สตฺตฏฺจิตฺตานิ ปน เอกโต กณฺณิกพทฺธานิ เอกกฺขเณ อุปฺปชฺชิตุํ สมตฺถานิ นาม นตฺถิ. อุปฺปตฺติกาเล เอเกกเมว จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ นิรุทฺเธ ปุน เอเกกเมว อุปฺปชฺชตีติ เอกจรํ นาม ชาตํ. จิตฺตสฺส สรีรสณฺานํ วา นีลาทิปฺปกาโร วณฺณเภโท วา นตฺถีติ อสรีรํ นาม ชาตํ. คุหา นาม จตุมหาภูตคุหา, อิทฺจ หทยรูปํ นิสฺสาย ปวตฺตตีติ คุหาสยํ ¶ นาม ชาตํ. เย จิตฺตนฺติ เย เกจิ ปุริสา วา อิตฺถิโย วา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา อนุปฺปชฺชนกกิเลสสฺส อุปฺปชฺชิตุํ อเทนฺตา สติสมฺโมเสน อุปฺปนฺนกิเลสํ ปชหนฺตา จิตฺตํ สํยเมสฺสนฺติ สํยตํ อวิกฺขิตฺตํ กริสฺสนฺติ. โมกฺขนฺติ มารพนฺธนาติ ¶ สพฺเพเต กิเลสพนฺธนาภาเวน มารพนฺธนสงฺขาตา เตภูมกวฏฺฏา มุจฺจิสฺสนฺตีติ.
เทสนาปริโยสาเน ภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิตตฺเถโร โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย ชาตา, มหาชนสฺส สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สงฺฆรกฺขิตภาคิเนยฺยตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. จิตฺตหตฺถตฺเถรวตฺถุ
อนวฏฺิตจิตฺตสฺสาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต จิตฺตหตฺถตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต นฏฺโคณํ ปริเยสนฺโต อรฺํ ปวิสิตฺวา มชฺฌนฺหิเก กาเล โคณํ ทิสฺวา โคยูเถ วิสฺสชฺเชตฺวา, ‘‘อวสฺสํ อยฺยานํ สนฺติเก อาหารมตฺตํ ลภิสฺสามี’’ติ ขุปฺปิปาสาปีฬิโต วิหารํ ปวิสิตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตสฺมึ โข ปน สมเย ภิกฺขูนํ อวกฺการปาติยํ ภุตฺตาวเสสกํ ภตฺตํ โหติ, เต ตํ ฉาตกปีฬิตํ ทิสฺวา, ‘‘อิโต ภตฺตํ คเหตฺวา ภฺุชาหี’’ติ วทึสุ. พุทฺธกาเล จ ปน อเนกสูปพฺยฺชนํ ภตฺตํ อุปฺปชฺชติ, โส ตโต ยาปนมตฺตํ ¶ คเหตฺวา ภฺุชิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา ภิกฺขู วนฺทิตฺวา, ‘‘กึ, ภนฺเต, อชฺช, อยฺยา, นิมนฺตนฏฺานํ อคมํสู’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นตฺถิ, อุปาสก, ภิกฺขู อิมินาว นีหาเรน นิพทฺธํ ลภนฺตี’’ติ. โส ‘‘มยํ อุฏฺาย สมุฏฺาย รตฺตินฺทิวํ นิพทฺธํ กมฺมํ กโรนฺตาปิ เอวํ มธุรพฺยฺชนํ ภตฺตํ น ลภาม, อิเม กิร นิพทฺธํ ภฺุชนฺติ, กึ เม คิหิภาเวน, ภิกฺขุ ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘สาธุ อุปาสกา’’ติ ปพฺพาเชสุํ.
โส ¶ ลทฺธูปสมฺปโท สพฺพปฺปการํ วตฺตปฏิวตฺตํ อกาสิ. โส พุทฺธานํ อุปฺปนฺเนน ลาภสกฺกาเรน กติปาหจฺจเยน ถูลสรีโร อโหสิ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม ภิกฺขาย จริตฺวา ชีวิเตน, คิหี ภวิสฺสามี’’ติ. โส วิพฺภมิตฺวา เคหํ ปาวิสิ. ตสฺส เคเห กมฺมํ กโรนฺตสฺส กติปาเหเนว สรีรํ มิลายิ. ตโต ‘‘กึ เม อิมินา ทุกฺเขน, สมโณ ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน คนฺตฺวา ปพฺพชิ. โส กติปาหํ วีตินาเมตฺวา ปุน อุกฺกณฺิตฺวา วิพฺภมิ, ปพฺพชิตกาเล ปน ภิกฺขูนํ อุปการโก โหติ. โส กติปาเหเนว ปุนปิ อุกฺกณฺิตฺวา, ‘‘กึ เม คิหิภาเวน, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ ภิกฺขู อุปการวเสน ปุน ปพฺพาชยึสุ. เอวํ โส อิมินา นิยาเมเนว ฉกฺขตฺตุํ ปพฺพชิตฺวา อุปฺปพฺพชิโต. ตสฺส ภิกฺขู ‘‘เอส จิตฺตวสิโก หุตฺวา วิจรตี’’ติ จิตฺตหตฺถตฺเถโรติ นามํ กรึสุ.
ตสฺเสวํ อปราปรํ วิจรนฺตสฺเสว ภริยา คพฺภินี อโหสิ. โส สตฺตเม วาเร อรฺโต กสิภณฺฑมาทาย ¶ เคหํ คนฺตฺวา ภณฺฑกํ เปตฺวา ‘‘อตฺตโน กาสาวํ คณฺหิสฺสามี’’ติ คพฺภํ ปาวิสิ ¶ . ตสฺมึ ขเณ ตสฺส ภริยา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายติ. ตสฺสา นิวตฺถสาฏโก อปคโต โหติ, มุขโต จ ลาลา ปคฺฆรติ, นาสา ฆุรฆุรายติ, มุขํ วิวฏฺฏํ, ทนฺตํ ฆํสติ, สา ตสฺส อุทฺธุมาตกสรีรํ วิย อุปฏฺาสิ. โส ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อิท’’นฺติ สฺํ ลภิตฺวา, ‘‘อหํ เอตฺตกํ กาลํ ปพฺพชิตฺวา อิมํ นิสฺสาย ภิกฺขุภาเว สณฺาตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ กาสายโกฏิยํ คเหตฺวา อุทเร พนฺธิตฺวา เคหา นิกฺขมิ.
อถสฺส อนนฺตรเคเห ิตา สสฺสุ ตํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ ปฏิอุกฺกณฺิโต ภวิสฺสติ, อิทาเนว อรฺโต อาคนฺตฺวา กาสาวํ อุทเร พนฺธิตฺวาว เคหา นิกฺขนฺโต วิหาราภิมุโข คจฺฉติ, กึ นุ โข’’ติ เคหํ ปวิสิตฺวา นิทฺทายมานํ ธีตรํ ปสฺสิตฺวา ‘‘อิมํ ทิสฺวา โส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา คโต’’ติ ตฺวา ธีตรํ ปหริตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ กาฬกณฺณิ, สามิโก เต ตํ นิทฺทายมานํ ทิสฺวา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา คโต, นตฺถิ โส อิโต ปฏฺาย ตุยฺห’’นฺติ อาห. ‘‘อเปหิ อเปหิ, อมฺม, กุโต ตสฺส คมนํ อตฺถิ, กติปาเหเนว ปุนาคมิสฺสตี’’ติ อาห. โสปิ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺข’’นฺติ วตฺวา ¶ คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโตว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. โส ¶ คนฺตฺวา ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ‘‘น สกฺขิสฺสาม มํยํ ตํ ปพฺพาเชตุํ, กุโต ตุยฺหํ สมณภาโว, สตฺถกนิสานปาสาณสทิสํ ตว สีส’’นฺติ. ‘‘ภนฺเต, อิทานิ มํ อนุกมฺปาย เอกวารํ ปพฺพาเชถา’’ติ. เต ตํ อุปการวเสน ปพฺพาชยึสุ. โส กติปาเหเนว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
เตปิ นํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส จิตฺตหตฺถ, ตว คมนสมยํ ตฺวเมว ชาเนยฺยาสิ, อิมสฺมึ วาเร เต จิรายิต’’นฺติ. ‘‘ภนฺเต, สํสคฺคสฺส อตฺถิภาวกาเล คตมฺหา, โส โน สํสคฺโค ฉินฺโน, อิทานิ อคมนธมฺมา ชาตมฺหา’’ติ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ อมฺเหหิ เอวํ วุตฺโต เอวํ นาม กเถสิ, อฺํ พฺยากโรติ, อภูตํ วทตี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต อตฺตโน อนวฏฺิตจิตฺตกาเล สทฺธมฺมํ อชานนกาเล คมนาคมนํ อกาสิ, อิทานิสฺส ปฺฺุจ ปาปฺจ ปหีน’’นฺติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อาห –
‘‘อนวฏฺิตจิตฺตสฺส, สทฺธมฺมํ อวิชานโต;
ปริปฺลวปสาทสฺส, ปฺา น ปริปูรติ.
‘‘อนวสฺสุตจิตฺตสฺส, อนนฺวาหตเจตโส;
ปฺุปาปปหีนสฺส, นตฺถิ ชาครโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อนวฏฺิตจิตฺตสฺสาติ จิตฺตํ นาเมตํ กสฺสจิ นิพทฺธํ วา ถาวรํ วา นตฺถิ. โย ปน ปุคฺคโล อสฺสปิฏฺเ ¶ ปิตกุมฺภณฺฑํ วิย จ ถุสราสิมฺหิ โกฏฺฏิตขาณุโก วิย จ ขลฺลาฏสีเส ปิตกทมฺพปุปฺผํ วิย จ น กตฺถจิ สณฺาติ, กทาจิ พุทฺธสาวโก โหติ, กทาจิ อาชีวโก, กทาจิ นิคณฺโ, กทาจิ ตาปโส. เอวรูโป ปุคฺคโล อนวฏฺิตจิตฺโต นาม. ตสฺส อนวฏฺิตจิตฺตสฺส. สทฺธมฺมํ อวิชานโตติ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมเภทํ อิมํ สทฺธมฺมํ อวิชานนฺตสฺส ปริตฺตสทฺธตาย วา อุปฺลวสทฺธตาย วา ปริปฺลวปสาทสฺส กามาวจรรูปาวจราทิเภทา ปฺา น ปริปูรติ. กามาวจรายปิ อปริปูรยมานาย กุโตว รูปาวจรารูปาวจรโลกุตฺตรปฺา ปริปูริสฺสตีติ ทีเปติ. อนวสฺสุตจิตฺตสฺสาติ ราเคน อตินฺตจิตฺตสฺส. อนนฺวาหตเจตโสติ ‘‘อาหตจิตฺโต ขิลชาโต’’ติ ¶ (ที. นิ. ๓.๓๑๙; วิภ. ๙๔๑; ม. นิ. ๑.๑๘๕) อาคตฏฺาเน โทเสน จิตฺตสฺส ปหตภาโว วุตฺโต, อิธ ปน โทเสน อปฺปฏิหตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. ปฺุปาปปหีนสฺสาติ จตุตฺถมคฺเคน ปหีนปฺุสฺส เจว ปหีนปาปสฺส จ ขีณาสวสฺส. นตฺถิ ชาครโต ภยนฺติ ขีณาสวสฺส ชาครนฺตสฺเสว อภยภาโว กถิโต วิย. โส ปน สทฺธาทีหิ ปฺจหิ ชาครธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา ชาคโร ¶ นาม. ตสฺมา ตสฺส ชาครนฺตสฺสาปิ อชาครนฺตสฺสาปิ กิเลสภยํ นตฺถิ กิเลสานํ อปจฺฉาวตฺตนโต. น หิ ตํ กิเลสา อนุพนฺธนฺติ เตน เตน มคฺเคน ปหีนานํ กิเลสานํ ปุน อนุปคมนโต. เตเนวาห – ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉติ, สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตี’’ติ (จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๗).
เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา สผลา อโหสิ.
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ภาริยา วติเม, อาวุโส, กิเลสา นาม, เอวรูปสฺส อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสายสมฺปนฺโน กุลปุตฺโต กิเลเสหิ อาโลฬิโต สตฺตวาเร คิหี หุตฺวา สตฺตวาเร ปพฺพชิโต’’ติ. สตฺถา เตสํ ตํ กถาปวตฺตึ สุตฺวา ตงฺขณานุรูเปน คมเนน ธมฺมสภํ คนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสินฺโน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต เอวเมว, ภิกฺขเว, กิเลสา นาม ภาริยา, สเจ เอเต รูปิโน หุตฺวา กตฺถจิ ปกฺขิปิตุํ สกฺกา ภเวยฺยุํ, จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโกติ โอกาโส เนสํ น ภเวยฺย, มาทิสมฺปิ นาเมเต ปฺาสมฺปนฺนํ ปุริสาชาเนยฺยํ อาโลเฬนฺติ, อวเสเสสุ กา กถา? ‘‘อหฺหิ อฑฺฒนาฬิมตฺตํ วรกโจรกํ ¶ กุณฺกุทาลฺจ นิสฺสาย ¶ ฉ วาเร ปพฺพชิตฺวา อุปฺปพฺพชิตปุพฺโพ’’ติ. ‘‘กทา, ภนฺเต, กทา สุคตา’’ติ? ‘‘สุณิสฺสถ, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ สุณาถา’’ติ อตีตํ อาหริ –
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต กุทาลปณฺฑิโต นาม พาหิรกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฏฺ มาเส หิมวนฺเต วสิตฺวา วสฺสารตฺตสมเย ภูมิยา ตินฺตาย ‘‘เคเห เม อฑฺฒนาฬิมตฺโต วรกโจรโก จ กุณฺกุทาลโก ¶ จ อตฺถิ, วรกโจรกพีชํ มา นสฺสี’’ติ อุปฺปพฺพชิตฺวา เอกํ านํ กุทาเลน กสิตฺวา ตํ พีชํ วปิตฺวา วตึ กตฺวา ปกฺกกาเล อุทฺธริตฺวา นาฬิมตฺตพีชํ เปตฺวา เสสํ ขาทิ. โส ‘‘กึ เม ทานิ เคเหน, ปุน อฏฺ มาเส ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. อิมินาว นีหาเรน นาฬิมตฺตํ วรกโจรกฺจ กุณฺกุทาลฺจ นิสฺสาย สตฺตวาเร คิหี หุตฺวา สตฺตวาเร ปพฺพชิตฺวา สตฺตเม ปน วาเร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ฉ วาเร อิมํ กุณฺกุทาลํ นิสฺสาย คิหี หุตฺวา ปพฺพชิโต, กตฺถจิเทว นํ ฉฑฺเฑสฺสามี’’ติ. โส คงฺคาย ตีรํ คนฺตฺวา, ‘‘ปติตฏฺานํ ปสฺสนฺโต โอตริตฺวา คณฺเหยฺยํ, ยถาสฺส ปติตฏฺานํ น ปสฺสามิ, ตถา นํ ฉฑฺเฑสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นาฬิมตฺตํ พีชํ ปิโลติกาย พนฺธิตฺวา ปิโลติกํ กุทาลผลเก พนฺธิตฺวา กุทาลํ อคฺคทณฺฑเก คเหตฺวา คงฺคาย ตีเร ิโต อกฺขีนิ นิมีเลตฺวา อุปริสีเส ติกฺขตฺตุํ อาวิชฺฌิตฺวา คงฺคายํ ขิปิตฺวา ¶ นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต ปติตฏฺานํ อทิสฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ สทฺทมกาสิ.
ตสฺมึ ขเณ พาราณสิราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคนฺตฺวา นทีตีเร ขนฺธาวารํ นิวาเสตฺวา นฺหานตฺถาย นทึ โอติณฺโณ ตํ สทฺทํ อสฺโสสิ. ราชูนฺจ นาม ‘‘ชิตํ เม’’ติ สทฺโท อมนาโป โหติ, โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อหํ อิทานิ อมิตฺตมทฺทนํ กตฺวา ‘ชิตํ เม’ติ อาคโต, ตฺวํ ปน ‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’ติ วิรวสิ, กึ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. กุทาลปณฺฑิโต ‘‘ตฺวํ พาหิรกโจเร ชินิ, ตยา ชิตํ ปุน อวชิตเมว โหติ, มยา ปน อชฺฌตฺติโก โลภโจโร ชิโต, โส ปุน มํ น ชินิสฺสติ, ตสฺเสว ชโย สาธู’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ, ยํ ชิตํ อวชียติ;
ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ, ยํ ชิตํ นาวชียตี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๗๐);
ตํ ขณํเยว จ คงฺคํ โอโลเกนฺโต อาโปกสิณํ นิพฺพตฺเตตฺวา อธิคตวิเสโส อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. ราชา มหาปุริสสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สทฺธึ พลกาเยน ¶ ปพฺพชิ. โยชนมตฺตา ปริสา อโหสิ. อปโรปิ สามนฺตราชา ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา, ‘‘ตสฺส รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา ตถา สมิทฺธํ นครํ ¶ สฺุํ ทิสฺวา, ‘‘เอวรูปํ นครํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิโต ราชา โอรเก าเน น ปพฺพชิสฺสติ, มยาปิ ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา มหาปุริสํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สปริวาโร ปพฺพชิ. เอเตเนว นีหาเรน สตฺต ราชาโน ปพฺพชึสุ. สตฺตโยชนิโก อสฺสโม อโหสิ. สตฺต ราชาโน โภเค ¶ ฉฑฺเฑตฺวา เอตฺตกํ ชนํ คเหตฺวา ปพฺพชึสุ. มหาปุริโส พฺรหฺมจริยวาสํ วสิตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ตทา กุทาลปณฺฑิโต อโหสึ, กิเลสา นาเมเต เอวํ ภาริยา’’ติ อาห.
จิตฺตหตฺถตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ
กุมฺภูปมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อารทฺธวิปสฺสเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา, ‘‘สมณธมฺมํ กริสฺสามา’’ติ โยชนสตมคฺคํ คนฺตฺวา เอกํ มหาวาสคามํ อคมํสุ. อถ เต มนุสฺสา ทิสฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ปณีเตหิ ยาคุภตฺตาทีหิ ปริวิสิตฺวา, ‘‘กหํ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ยถาผาสุกฏฺาน’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, อิมํ เตมาสํ อิเธว วสถ, มยมฺปิ ตุมฺหากํ สนฺติเก สรเณสุ ปติฏฺาย ปฺจ สีลานิ รกฺขิสฺสามา’’ติ ยาจิตฺวา เตสํ อธิวาสนํ วิทิตฺวา, ‘‘อวิทูเร าเน มหนฺโต วนสณฺโฑ อตฺถิ, เอตฺถ วสถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสุํ. ภิกฺขู ตํ วนสณฺฑํ ปวิสึสุ. ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ‘‘สีลวนฺโต, อยฺยา, อิมํ วนสณฺฑํ ¶ อนุปฺปตฺตา, อยุตฺตํ โข ปน อสฺมากํ อยฺเยสุ อิธ วสนฺเตสุ ปุตฺตทาเร คเหตฺวา รุกฺเข อภิรุยฺห วสิตุ’’นฺติ รุกฺขโต โอตริตฺวา ภูมิยํ นิสีทิตฺวา จินฺตยึสุ, ‘‘อยฺยา, อิมสฺมึ าเน อชฺเชกรตฺตึ วสิตฺวา อทฺธา สฺเว คมิสฺสนฺตี’’ติ. ภิกฺขูปิ ปุนทิวเส อนฺโตคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปุน ตเมว วนสณฺฑํ อาคมึสุ. เทวตา ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ ¶ สฺวาตนาย เกนจิ นิมนฺติโต ภวิสฺสติ, ตสฺมา ปุนาคจฺฉติ ¶ , อชฺช คมนํ น ภวิสฺสติ, สฺเว คมิสฺสติ มฺเ’’ติ อิมินา อุปาเยน อฑฺฒมาสมตฺตํ ภูมิยเมว อจฺฉึสุ.
ตโต จินฺตยึสุ – ‘‘ภทนฺตา อิมํ เตมาสํ อิเธว มฺเ วสิสฺสนฺติ, อิเธว โข ปน อิเมสุ วสนฺเตสุ อมฺหากํ รุกฺเข อภิรุหิตฺวา นิสีทิตุมฺปิ น ยุตฺตํ, เตมาสํ ปุตฺตทาเร คเหตฺวา ภูมิยํ นิสีทนฏฺานานิปิ ทุกฺขานิ, กิฺจิ กตฺวา อิเม ภิกฺขู ปลาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตา เตสุ เตสุ รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ เจว จงฺกมนโกฏีสุ จ ฉินฺนสีสานิ กพนฺธานิ ทสฺเสตุํ อมนุสฺสสทฺทฺจ ภาเวตุํ อารภึสุ. ภิกฺขูนํ ขิปิตกาสาทโย โรคา ปวตฺตึสุ. เต อฺมฺํ ‘‘ตุยฺหํ, อาวุโส, กึ รุชฺชตี’’ติ ปุจฺฉนฺตา, ‘‘มยฺหํ ขิปิตโรโค, มยฺหํ กาโส’’ติ วตฺวา, ‘‘อาวุโส, อหํ อชฺช จงฺกมนโกฏิยํ ฉินฺนสีสํ อทฺทสํ, อหํ รตฺติฏฺาเน กพนฺธํ อทฺทสํ ¶ , อหํ ทิวาฏฺาเน อมนุสฺสสทฺทํ อสฺโสสึ, ปริวชฺเชตพฺพยุตฺตกมิทํ านํ, อมฺหากํ อิธ อผาสุกํ อโหสิ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กึ, ภิกฺขเว, ตสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺขิสฺสถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อมฺหากํ ตสฺมึ าเน วสนฺตานํ เอวรูปานิ เภรวารมฺมณานิ อุปฏฺหนฺติ, เอวรูปํ อผาสุกํ โหติ, เตน มยํ ‘วชฺเชตพฺพยุตฺตกมิทํ าน’นฺติ ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคตา’’ติ. ‘‘ภิกฺขเว, ตตฺเถว ตุมฺหากํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘น สกฺกา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห อาวุธํ อคฺคเหตฺวา คตา, อิทานิ อาวุธํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ. ‘‘กตราวุธํ, ภนฺเต’’ติ? สตฺถา ‘‘อหํ อาวุธํ โว ทสฺสามิ, มยา ทินฺนํ อาวุธํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ วตฺวา –
‘‘กรณียมตฺถกุสเลน, ยนฺต สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ;
สกฺโก อุชู จ สุหุชู จ, สุวโจ จสฺส มุทุ อนติมานี’’ติ. (ขุ. ปา. ๙.๑; สุ. นิ. ๑๔๓) –
สกลํ เมตฺตสุตฺตํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อิมํ ตุมฺเห พหิ วิหารสฺส วนสณฺฑโต ปฏฺาย สชฺฌายนฺตา อนฺโตวิหารํ ปวิเสยฺยาถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตํ านํ ปตฺวา พหิวิหาเร คณสชฺฌายํ กตฺวา สชฺฌายมานา วนสณฺฑํ ปวิสึสุ. สกลวนสณฺเฑ เทวตา เมตฺตจิตฺตํ ปฏิลภิตฺวา เตสํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ ¶ อาปุจฺฉึสุ, หตฺถปาทสมฺพาหนํ ¶ อาปุจฺฉึสุ, เตสํ ตตฺถ ตตฺถ อารกฺขํ สํวิทหึสุ, ปกฺกธูปนเตลํ ¶ วิย สนฺนิสินฺนา อเหสุํ. กตฺถจิ อมนุสฺสสทฺโท นาม นาโหสิ. เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. เต รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ นิสินฺนา วิปสฺสนาย จิตฺตํ โอตาเรตฺวา อตฺตนิ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา, ‘‘อยํ อตฺตภาโว นาม ภิชฺชนกฏฺเน อถาวรฏฺเน กุลาลภาชนสทิโส’’ติ วิปสฺสนํ วฑฺฒยึสุ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ คนฺธกุฏิยา นิสินฺโนว เตสํ วิปสฺสนาย อารทฺธภาวํ ตฺวา เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา, ‘‘เอวเมว, ภิกฺขเว, อยํ อตฺตภาโว นาม ภิชฺชนกฏฺเน อถาวรฏฺเน กุลาลภาชนสทิโส เอวา’’ติ วตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา โยชนสเต ิโตปิ อภิมุเข นิสินฺโน วิย ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา ทิสฺสมาเนน รูเปน อิมํ คาถมาห –
‘‘กุมฺภูปมํ กายมึม วิทิตฺวา, นครูปมํ จิตฺตมิทํ เปตฺวา;
โยเธถ มารํ ปฺาวุเธน, ชิตฺจ รกฺเข อนิเวสโน สิยา’’ติ.
ตตฺถ กุมฺภูปมนฺติ อพลทุพฺพลฏฺเน อนทฺธนิยตาวกาลิกฏฺเน อิมํ เกสาทิสมูหสงฺขาตํ ¶ กายํ กุมฺภูปมํ กุลาลภาชนสทิสํ วิทิตฺวา. นครูปมํ จิตฺตมิทํ เปตฺวาติ นครํ นาม พหิทฺธา ถิรํ โหติ, คมฺภีรปริขํ ปาการปริกฺขิตฺตํ ทฺวารฏฺฏาลกยุตฺตํ, อนฺโตสุวิภตฺตวีถิจตุกฺกสิงฺฆาฏกสมฺปนฺนํ อนฺตราปณํ, ตํ ‘‘วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ พหิทฺธา โจรา อาคนฺตฺวา ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตา ปพฺพตํ อาสชฺช ปฏิหตา วิย คจฺฉนฺติ, เอวเมว ปณฺฑิโต กุลปุตฺโต อตฺตโน วิปสฺสนาจิตฺตํ ถิรํ นครสทิสํ กตฺวา เปตฺวา นคเร ิโต เอกโตธาราทินานปฺปการาวุเธน โจรคณํ วิย วิปสฺสนามเยน จ อริยมคฺคมเยน จ ปฺาวุเธน ตํตํมคฺควชฺฌํ กิเลสมารํ ปฏิพาหนฺโต ตํ ตํ กิเลสมารํ โยเธถ, ปหเรยฺยาถาติ อตฺโถ. ชิตฺจ รกฺเขติ ชิตฺจ อุปฺปาทิตํ ตรุณวิปสฺสนํ อาวาสสปฺปายอุตุสปฺปายโภชนสปฺปายปุคฺคลสปฺปายธมฺมสฺสวนสปฺปายาทีนิ อาเสวนฺโต อนฺตรนฺตรา สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย สุทฺธจิตฺเตน สงฺขาเร สมฺมสนฺโต รกฺเขยฺย.
อนิเวสโน ¶ สิยาติ อนาลโย ภเวยฺย. ยถา นาม โยโธ สงฺคามสีเส พลโกฏฺกํ กตฺวา อมิตฺเตหิ สทฺธึ ยุชฺฌนฺโต ฉาโต วา ปิปาสิโต ¶ วา หุตฺวา สนฺนาเห วา สิถิเล อาวุเธ วา ปติเต พลโกฏฺกํ ปวิสิตฺวา วิสฺสมิตฺวา ภฺุชิตฺวา ปิวิตฺวา สนฺนหิตฺวา อาวุธํ คเหตฺวา ปุน นิกฺขมิตฺวา ยุชฺฌนฺโต ปรเสนํ มทฺทติ, อชิตํ ชินาติ, ชิตํ รกฺขติ. โส หิ สเจ พลโกฏฺเก ิโต เอวํ วิสฺสมนฺโต ตํ อสฺสาเทนฺโต อจฺเฉยฺย, รชฺชํ ปรหตฺถคตํ กเรยฺย, เอวเมว, ภิกฺขุ, ปฏิลทฺธํ ตรุณวิปสฺสนํ ปุนปฺปุนํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ¶ สุทฺธจิตฺเตน สงฺขาเร สมฺมสนฺโต รกฺขิตุํ สกฺโกติ, อุตฺตริมคฺคผลปฏิลาเภน กิเลสมารํ ชินาติ. สเจ ปน โส สมาปตฺติเมว อสฺสาเทติ, สุทฺธจิตฺเตน ปุนปฺปุนํ สงฺขาเร น สมฺมสติ, มคฺคผลปฏิเวธํ กาตุํ น สกฺโกติ. ตสฺมา รกฺขิตพฺพยุตฺตกํ รกฺขนฺโต อนิเวสโน สิยา, สมาปตฺตึ นิเวสนํ กตฺวา ตตฺถ น นิเวเสยฺย, อาลยํ น กเรยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘อทฺธา ตุมฺเหปิ เอวํ กโรถา’’ติ เอวํ สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสิ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺนาเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ตถาคตสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ วณฺณยนฺตา โถเมนฺตา วนฺทนฺตาว อาคจฺฉึสูติ.
ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ปูติคตฺตติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อจิรํ ¶ วตยํ กาโยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปูติคตฺตติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิโต, โส ลทฺธูปสมฺปโท ติสฺสตฺเถโร นาม อโหสิ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ตสฺส สรีเร โรโค อุทปาทิ. สาสปมตฺติโย ปิฬกา อุฏฺหึสุ. ตา อนุปุพฺเพน มุคฺคมตฺตา กลายมตฺตา โกลฏฺิมตฺตา อามลกมตฺตา เพฬุวสลาฏุมตฺตา เพฬุวมตฺตา หุตฺวา ปภิชฺชึสุ, สกลสรีรํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ อโหสิ. ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโรตฺเววสฺส นามํ อุทปาทิ. อถสฺส อปรภาเค อฏฺีนิ ภิชฺชึสุ. โส อปฺปฏิชคฺคิโย ¶ อโหสิ. นิวาสนปารุปนํ ปุพฺพโลหิตมกฺขิตํ ชาลปูวสทิสํ อโหสิ. สทฺธิวิหาริกาทโย ปฏิชคฺคิตุํ อสกฺโกนฺตา ฉฑฺฑยึสุ. โส อนาโถ หุตฺวา นิปชฺชิ.
พุทฺธานฺจ นาม ทฺเว วาเร โลกโวโลกนํ อวิชหิตํ โหติ. ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิโต ปฏฺาย คนฺธกุฏิอภิมุขํ าณํ กตฺวา โอโลเกนฺติ, สายํ โอโลเกนฺตา คนฺธกุฏิโต ปฏฺาย พาหิราภิมุขํ าณํ กตฺวา โอโลเกนฺติ. ตสฺมึ ปน สมเย ภควโต าณชาลสฺส อนฺโต ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโร ปฺายิ. สตฺถา ตสฺส ภิกฺขุโน อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ สทฺธิวิหาริกาทีหิ ฉฑฺฑิโต, อิทานิสฺส มํ เปตฺวา อฺํ ปฏิสรณํ ¶ นตฺถี’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา วิหารจาริกํ จรมาโน วิย อคฺคิสาลํ คนฺตฺวา อุกฺขลึ โธวิตฺวา อุทกํ ทตฺวา อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ อาคมยมาโน อคฺคิสาลายเมว อฏฺาสิ. ตตฺตภาวํ ชานิตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน นิปนฺนมฺจโกฏิยํ ¶ คณฺหิ, ตทา ภิกฺขู ‘‘อเปถ, ภนฺเต, มยํ คณฺหิสฺสามา’’ติ มฺจกํ คเหตฺวา อคฺคิสาลํ อานยึสุ. สตฺถา อมฺพณํ อาหราเปตฺวา อุณฺโหทกํ อาสิฺจิตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ ตสฺส ปารุปนํ คาหาเปตฺวา อุณฺโหทเก มทฺทาเปตฺวา มนฺทาตเป วิสฺสชฺชาเปสิ. อถสฺส สนฺติเก ตฺวา สรีรํ อุณฺโหทเกน เตเมตฺวา ฆํสิตฺวา นฺหาเปสิ, ตสฺส นหานปริโยสาเน ปารุปนํ สุกฺขิ. อถ นํ ตํ นิวาสาเปตฺวา นิวตฺถกาสาวํ อุทเก มทฺทาเปตฺวา อาตเป วิสฺสชฺชาเปสิ. อถสฺส คตฺเต อุทเก ฉินฺนมตฺเต ตมฺปิ สุกฺขิ. โส เอกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา สลฺลหุกสรีโร เอกคฺคจิตฺโต มฺจเก นิปชฺชิ. สตฺถา ตสฺส อุสฺสีสเก ตฺวา, ‘‘ภิกฺขุ อยํ ตว กาโย อเปตวิฺาโณ นิรุปกาโร หุตฺวา กลิงฺครํ วิย ปถวิยํ เสสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อจิรํ วตยํ กาโย, ปถวึ อธิเสสฺสติ;
ฉุทฺโธ อเปตวิฺาโณ, นิรตฺถํว กลิงฺคร’’นฺติ.
ตตฺถ อจิรํ วตาติ ภิกฺขุ น จิรสฺเสว อยํ กาโย ปถวึ อธิเสสฺสติ, อิมิสฺสา ปกติสยเนน สยิตาย ปถวิยา อุปริ สยิสฺสติ ¶ . ฉุทฺโธติ อปวิทฺโธ, อปคตวิฺาณตาย ¶ ตุจฺโฉ หุตฺวา เสสฺสตีติ ทสฺเสติ. ยถา กึ? นิรตฺถํว กลิงฺครํ นิรุปการํ นิรตฺถกํ กฏฺขณฺฑํ วิย. ทพฺพสมฺภารตฺถิกา หิ มนุสฺสา อรฺํ ปวิสิตฺวา อุชุกํ อุชุกสณฺาเนน วงฺกํ วงฺกสณฺาเนน ฉินฺทิตฺวา ทพฺพสมฺภารํ คณฺหนฺติ, อวเสสํ ปน สุสิรฺจ ปูติกฺจ อสารกฺจ คณฺิชาตฺจ ฉินฺทิตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑนฺติ. อฺเ ทพฺพสมฺภารตฺถิกา อาคนฺตฺวา ตํ คเหตาโร นาม นตฺถิ, โอโลเกตฺวา อตฺตโน อุปการกเมว คณฺหนฺติ, อิตรํ ปถวีคตเมว โหติ. ตํ ปน เตน เตน อุปาเยน มฺจปฏิปาทกํ วา ปาทกถลิกํ วา ผลกปีํ วา กาตุํ สกฺกาปิ ภเวยฺย. อิมสฺมึ ปน อตฺตภาเว ทฺวตฺตึสาย โกฏฺาเสสุ เอกโกฏฺาโสปิ มฺจปฏิปาทกาทิวเสน อฺเน วา อุปการมุเขน คยฺหูปโค นาม นตฺถิ, เกวลํ นิรตฺถํว กลิงฺครํ อยํ กาโย อปคตวิฺาโณ กติปาเหเนว ปถวิยํ เสสฺสตีติ.
เทสนาวสาเน ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโร สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย ¶ อเหสุํ. เถโรปิ อรหตฺตํ ปตฺวาว ปรินิพฺพายิ. สตฺถา ตสฺส สรีรกิจฺจํ การาเปตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ การาเปสิ. ภิกฺขู สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, ปูติคตฺตติสฺสตฺเถโร กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘ปรินิพฺพุโต, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอวรูปสฺส ปน อรหตฺตูปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน กึ การณา คตฺตํ ปุติกํ ชาตํ, กึ การณา อฏฺีนิ ภินฺนานิ, กิมสฺส การณํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยภาวํ ปตฺต’’นฺติ? ‘‘ภิกฺขเว, สพฺพเมตํ เอตสฺส อตฺตนา กตกมฺเมเนว นิพฺพตฺต’’นฺติ. ‘‘กึ ปน เตน, ภนฺเต, กต’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ อตีตํ อาหริ –
อยํ ¶ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล สากุณิโก หุตฺวา พหู สกุเณ วธิตฺวา อิสฺสรชนํ อุปฏฺหิ. เตสํ ทินฺนาวเสเส วิกฺกิณาติ, ‘‘วิกฺกิตาวเสสา มาเรตฺวา ปิตา ปูติกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ยถา อุปฺปติตุํ น สกฺโกนฺติ, ตถา เตสํ ชงฺฆฏฺีนิ จ ปกฺขฏฺีนิ จ ภินฺทิตฺวา ราสึ กตฺวา เปติ, เต ปุนทิวเส วิกฺกิณาติ. อติพหูนํ ปน ลทฺธกาเล อตฺตโนปิ อตฺถาย ปจาเปติ. ตสฺเสกทิวสํ รสโภชเน ปกฺเก เอโก ขีณาสโว ปิณฺฑาย จรนฺโต เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. โส เถรํ ทิสฺวา ¶ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ‘‘มยา พหู ปาณา มาเรตฺวา ขาทิตา, อยฺโย จ เม เคหทฺวาเร ิโต, อนฺโตเคเห จ รสโภชนํ สํวิชฺชติ, ปิณฺฑปาตมสฺส ทสฺสามี’’ติ ตสฺส ปตฺตํ อาทาย ปูเรตฺวา รสปิณฺฑปาตํ ทตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส มตฺถกํ ปาปุเณยฺย’’นฺติ อาห. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ อกาสิ. ‘‘ภิกฺขเว, ตทา กตกมฺมวเสเนตํ ติสฺสสฺส นิปฺผนฺนํ, สกุณานํ อฏฺิเภทนนิสฺสนฺเทน ติสฺสสฺส คตฺตฺจ ปูติกํ ชาตํ, อฏฺีนิ จ ภินฺนานิ, ขีณาสวสฺส รสปิณฺฑปาตทานนิสฺสนฺเทน อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ.
ปูติคตฺตติสฺสตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. นนฺทโคปาลกวตฺถุ
ทิโส ทิสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โกสลชนปเท นนฺทโคปาลกํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน นนฺโท นาม ¶ โคปาลโก โคยูถํ รกฺขติ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค. โส กิร ยถา เกณิโย ชฏิโล ปพฺพชฺชาเวเสน, เอวํ โคปาลกตฺเตน ราชพลึ ปริหรนฺโต อตฺตโน กุฏุมฺพํ รกฺขติ. โส กาเลน กาลํ ปฺจ โครเส อาทาย ¶ อนาถปิณฺฑิกสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ ปสฺสติ, ธมฺมํ สุณาติ, อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคมนตฺถาย สตฺถารํ ยาจติ. สตฺถา ตสฺส าณปริปากํ อาคมยมาโน อาคนฺตฺวา ปริปกฺกภาวํ ตฺวา เอกทิวสํ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรนฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม ตสฺส วสนฏฺานาสนฺเน อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. นนฺโท สตฺถุ สนฺติกํ อคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺถาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปณีตํ ปฺจโครสทานํ อทาสิ. สตฺตเม ทิวเส สตฺถา อนุโมทนํ กตฺวา ทานกถาทิเภทํ อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน นนฺทโคปาลโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ อนุคจฺฉนฺโต ทูรํ คนฺตฺวา, ‘‘ติฏฺ, อุปาสกา’’ติ นิวตฺติยมาโน วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. อถ นํ เอโก ลุทฺทโก วิชฺฌิตฺวา มาเรสิ. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตา ภิกฺขู นํ ทิสฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ ¶ อาหํสุ – ‘‘นนฺโท, ภนฺเต, โคปาลโก ตุมฺหากํ อิธาคตตฺตา มหาทานํ ทตฺวา อนุคนฺตฺวา นิวตฺเตนฺโต มาริโต, สเจ ตุมฺเห นาคจฺฉิสฺสถ, นาสฺส มรณํ อภวิสฺสา’’ติ. สตฺถา ¶ , ‘‘ภิกฺขเว, มยิ อาคเตปิ อนาคเตปิ ตสฺส จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสา จ คจฺฉนฺตสฺสาปิ มรณโต มุจฺจนูปาโย นาม นตฺถิ. ยฺหิ เนว โจรา, น เวริโน กโรนฺติ, ตํ อิเมสํ สตฺตานํ อนฺโตปทุฏฺํ มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตเมว กโรตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทิโส ทิสํ ยํ ตํ กยิรา, เวรี วา ปน เวรินํ;
มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ, ปาปิโย นํ ตโต กเร’’ติ.
ตตฺถ ทิโส ทิสนฺติ โจโร โจรํ. ‘‘ทิสฺวา’’ติ ปาเสโส. ยํ ตํ กยิราติ ยํ ตํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอโก เอกสฺส มิตฺตทุพฺภี โจโร ปุตฺตทารเขตฺตวตฺถุ โคมหึสาทีสุ อปรชฺฌนฺโต ยสฺส อปรชฺฌติ, ตมฺปิ ตเถว อตฺตนิ อปรชฺฌนฺตํ โจรํ ทิสฺวา, เวริ วา ปน เกนจิเทว การเณน พทฺธเวรํ เวรึ ทิสฺวา อตฺตโน กกฺขฬตาย ทารุณตาย ยํ ตํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย, ปุตฺตทารํ วา ปีเฬยฺย, เขตฺตาทีนิ วา นาเสยฺย, ชีวิตา วา ปน นํ โวโรเปยฺย, ทสสุ อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาปิตตฺตา มิจฺฉาปหิณิตํ จิตฺตํ ปาปิโย นํ ตโต กเร ตํ ปุริสํ ตโต ปาปตรํ กเรยฺย. วุตฺตปฺปกาเรหิ, ทิโส ทิสสฺส วา เวรี เวริโน วา อิมสฺมึเยว ¶ อตฺตภาเว ทุกฺขํ วา อุปฺปาเทยฺย, ชีวิตกฺขยํ วา กเรยฺย. อิทํ ปน อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาปิตํ จิตฺตํ ทิฏฺเว ธมฺเม อนยพฺยสนํ ปาเปติ, อตฺตภาวสตสหสฺเสสุปิ จตูสุ อปาเยสุ ขิปิตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทตีติ.
เทสนาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. มหาชนสฺส สาตฺถิกา เทสนา ชาตา. อุปาสเกน ปน ภวนฺตเร กตกมฺมํ ภิกฺขูหิ น ปุจฺฉิตํ, ตสฺมา สตฺถารา น กถิตนฺติ.
นนฺทโคปาลกวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. โสเรยฺยตฺเถรวตฺถุ
น ¶ ตํ มาตา ปิตา กยิราติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต โสเรยฺยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
วตฺถุ โสเรยฺยนคเร สมุฏฺิตํ, สาวตฺถิยํ นิฏฺาเปสิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต โสเรยฺยนคเร โสเรยฺยเสฏฺิปุตฺโต เอเกน สหายเกน สทฺธึ สุขยานเก นิสีทิตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นฺหานตฺถาย นครา นิกฺขมิ. ตสฺมึ ขเณ มหากจฺจายนตฺเถโร โสเรยฺยนครํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุกาโม หุตฺวา พหินคเร สงฺฆาฏึ ปารุปติ. เถรสฺส จ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ. โสเรยฺยเสฏฺิปุตฺโต ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อโห วต อยํ วา เถโร มม ภริยา ภเวยฺย, มม วา ภริยาย สรีรวณฺโณ เอตสฺส สรีรวณฺโณ ¶ วิย ภเวยฺยา’’ติ. ตสฺส จินฺติตมตฺเตเยว ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุรโหสิ. โส ลชฺชมาโน ยานกา โอรุยฺห ปลายิ. ปริชโน ตํ อสฺชานนฺโต ‘‘กิเมต’’นฺติ อาห. สาปิ ตกฺกสิลมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สหายโกปิสฺสา อิโต จิโต จ วิจริตฺวาปิ นาทฺทส. สพฺเพ นฺหายิตฺวา เคหํ อคมึสุ. ‘‘กหํ เสฏฺิปุตฺโต’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘นฺหตฺวา อาคโต ภวิสฺสตีติ มฺิมฺหา’’ติ วทึสุ. อถสฺส มาตาปิตโร ตตฺถ ตตฺถ ปริเยสิตฺวา อปสฺสนฺตา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา, ‘‘มโต ภวิสฺสตี’’ติ มตกภตฺตํ อทํสุ. สา เอกํ ตกฺกสิลคามึ สตฺถวาหํ ทิสฺวา ยานกสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิ.
อถ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา, ‘‘อมฺหากํ ยานกสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุคจฺฉติ, มยํ ‘กสฺเสสา ทาริกา’ติ ตํ น ชานามา’’ติ วทึสุ. สาปิ ‘‘ตุมฺเห อตฺตโน ยานกํ ปาเชถ, อหํ ปทสา คมิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตี องฺคุลิมุทฺทิกํ ทตฺวา เอกสฺมึ ยานเก โอกาสํ กาเรสิ. มนุสฺสา จินฺตยึสุ – ‘‘ตกฺกสิลนคเร อมฺหากํ เสฏฺิปุตฺตสฺส ภริยา นตฺถิ, ตสฺส อาจิกฺขิสฺสาม, มหาปณฺณากาโร โน ภวิสฺสตี’’ติ. เต เคหํ คนฺตฺวา, ‘‘สามิ, อมฺเหหิ ตุมฺหากํ ¶ เอกํ อิตฺถิรตนํ อานีต’’นฺติ อาหํสุ. โส ตํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อตฺตโน วยานุรูปํ ¶ อภิรูปํ ปาสาทิกํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห เคเห อกาสิ. ปุริสา หิ อิตฺถิโย, อิตฺถิโย ¶ วา ปุริสา อภูตปุพฺพา นาม นตฺถิ. ปุริสา หิ ปรสฺส ทาเรสุ อติจริตฺวา กาลํ กตฺวา พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา มนุสฺสชาตึ อาคจฺฉนฺตา อตฺตภาวสเต อิตฺถิภาวํ อาปชฺชนฺติ.
อานนฺทตฺเถโรปิ กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตปารมี อริยสาวโก สํสาเร สํสรนฺโต เอกสฺมึ อตฺตภาเว กมฺมารกุเล นิพฺพตฺโต. ปรทารกมฺมํ กตฺวา นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน จุทฺทสสุ อตฺตภาเวสุ ปุริสสฺส ปาทปริจาริกา อิตฺถี อโหสิ, สตฺตสุ อตฺตภาเวสุ พีชุทฺธรณํ ปาปุณิ. อิตฺถิโย ปน ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา อิตฺถิภาเว ฉนฺทํ วิราเชตฺวา, ‘‘อิทํ โน ปฺุํ ปุริสตฺตภาวปฏิลาภาย สํวตฺตตู’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺหิตฺวา กาลํ กตฺวา ปุริสตฺตภาวํ ปฏิลภนฺติ, ปติเทวตา หุตฺวา สามิเก สมฺมาปฏิปตฺติวเสนาปิ ปุริสตฺตภาวํ ปฏิลภนฺเตว.
อยํ ปน เสฏฺิปุตฺโต เถเร อโยนิโส จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อิตฺถิภาวํ ปฏิลภิ. ตกฺกสิลายํ เสฏฺิปุตฺเตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย ปน ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ ลภิตฺวา ตสฺส ปทสา คมนกาเล อปรมฺปิ ปุตฺตํ ปฏิลภิ. เอวมสฺสา กุจฺฉิยํ วุตฺถา ทฺเว, โสเรยฺยนคเร ตํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺตา ทฺเวติ จตฺตาโร ปุตฺตา อเหสุํ. ตสฺมึ กาเล โสเรยฺยนครโต ตสฺสา สหายโก เสฏฺิปุตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ตกฺกสิลํ ¶ คนฺตฺวา สุขยานเก นิสินฺโน นครํ ปาวิสิ. อถ นํ สา อุปริปาสาทตเล วาตปานํ วิวริตฺวา อนฺตรวีถึ โอโลกยมานา ิตา ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ทาสึ เปเสตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ อกาสิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อิโต ปุพฺเพ อมฺเหหิ น ทิฏฺปุพฺพา, อถ จ ปน โน มหนฺตํ สกฺการํ กโรสิ, ชานาสิ ตฺวํ อมฺเห’’ติ. ‘‘อาม, สามิ, ชานามิ, นนุ ตุมฺเห โสเรยฺยนครวาสิโน’’ติ? ‘‘อาม, ภทฺเท’’ติ. สา มาตาปิตูนฺจ ภริยาย จ ปุตฺตานฺจ อโรคภาวํ ปุจฺฉิ. อิตโร ‘‘อาม, ภทฺเท, อโรคา’’ติ วตฺวา ‘‘ชานาสิ ตฺวํ เอเต’’ติ อาห. ‘‘อาม สามิ, ชานามิ. เตสํ เอโก ปุตฺโต อตฺถิ, โส กหํ, สามี’’ติ? ‘‘ภทฺเท, มา เอตํ กเถหิ, มยํ เตน สทฺธึ เอกทิวสํ สุขยานเก นิสีทิตฺวา นฺหายิตุํ นิกฺขนฺตา เนวสฺส คตึ ชานาม, อิโต จิโต จ วิจริตฺวา ตํ อทิสฺวา มาตาปิตูนํ ¶ อาโรจยิมฺหา, เตปิสฺส โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา เปตกิจฺจํ กิรึสู’’ติ. ‘‘อหํ โส, สามี’’ติ. ‘‘อเปหิ, ภทฺเท, กึ กเถสิ มยฺหํ สหาโย เทวกุมาโร วิย เอโก ปุริโส’’ติ? ‘‘โหตุ, สามิ, อหํ โส’’ติ. ‘‘อถ อิทํ กึ นามา’’ติ? ‘‘ตํ ทิวสํ เต อยฺโย มหากจฺจายนตฺเถโร ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘อาม, ทิฏฺโ’’ติ. อหํ อยฺยํ ¶ มหากจฺจายนตฺเถรํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อโห วต อยํ วา เถโร มม ภริยา ภเวยฺย ¶ , เอตสฺส วา สรีรวณฺโณ วิย มม ภริยาย สรีรวณฺโณ ภเวยฺยา’’ติ จินฺเตสึ. จินฺติตกฺขเณเยว เม ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวิ. อถาหํ ลชฺชมานา กสฺสจิ กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺกุณิตฺวา ตโต ปลายิตฺวา อิธาคตา, สามีติ.
‘‘อโห วต เต ภาริยํ กมฺมํ กตํ, กสฺมา มยฺหํ นาจิกฺขิ, อปิจ ปน เต เถโร ขมาปิโต’’ติ? ‘‘น ขมาปิโต, สามิ. ชานาสิ ปน ตฺวํ กหํ เถโร’’ติ? ‘‘อิมเมว นครํ อุปนิสฺสาย วิหรตี’’ติ. ‘‘สเจ ปิณฺฑาย จรนฺโต อิธาคจฺเฉยฺย, อหํ มม อยฺยสฺส ภิกฺขาหารํ ทเทยฺยํ, สามี’’ติ. ‘‘เตน หิ สีฆํ สกฺการํ กโรหิ, อมฺหากํ อยฺยํ ขมาเปสฺสามา’’ติ โส เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน, ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. ‘‘นนุ ตฺวํ, เสฏฺิปุตฺต, อาคนฺตุโกสี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา อมฺหากํ อาคนฺตุกภาวํ ปุจฺฉถ, สฺเว เม ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ, เคเหปิ เถรสฺส มหาสกฺกาโร ปฏิยตฺโต. เถโร ปุนทิวเส ตํ เคหทฺวารํ อคมาสิ. อถ นํ นิสีทาเปตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา เสฏฺิปุตฺโต ตํ อิตฺถึ คเหตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ สหายิกาย ขมถา’’ติ อาห. ‘‘กิเมต’’นฺติ? ‘‘อยํ, ภนฺเต, ปุพฺเพ มยฺหํ ปิยสหายโก หุตฺวา ตุมฺเห โอโลเกตฺวา เอวํ นาม จินฺเตสิ, อถสฺส ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวิ, ขมถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ อุฏฺหถ, ขมามิ โว อห’’นฺติ. เถเรน ¶ ‘‘ขมามี’’ติ วุตฺตมตฺเตเยว อิตฺถิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, ปุริสลิงฺคํ ปาตุภวิ.
ปุริสลิงฺเค ปาตุภูตมตฺเตเยว ตํ ตกฺกสิลาย เสฏฺิปุตฺโต อาห – ‘‘สมฺม สหายก, อิเม ทฺเว ทารกา ตว กุจฺฉิยํ วุตฺถตฺตา มํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺตตฺตา อุภินฺนมฺปิโน ปุตฺตา เอว, อิเธว วสิสฺสาม, มา อุกฺกณฺี’’ติ. ‘‘สมฺม, อหํ เอเกนตฺตภาเวน ปมํ ปุริโส หุตฺวา อิตฺถิภาวํ ปตฺวา ปุน ¶ ปุริโส ชาโตติ วิปฺปการปฺปตฺโต, ปมํ มํ ปฏิจฺจ ทฺเว ปุตฺตา นิพฺพตฺตา, อิทานิ เม กุจฺฉิโต ทฺเว ปุตฺตา นิกฺขนฺตา, สฺวาหํ เอเกนตฺตภาเวน วิปฺปการปฺปตฺโต, ปุน ‘เคเห วสิสฺสตี’ติ สฺํ มา กริ, อหํ มม อยฺยสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามิ. อิเม ทฺเว ทารกา ตว ภาราติ, อิเมสุ มา ปมชฺชี’’ติ วตฺวา ปุตฺเต สีเส ปริจุมฺพิตฺวา ปริมชฺชิตฺวา อุเร นิปชฺชาเปตฺวา ปิตุ นิยฺยาเทตฺวา นิกฺขมิตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เถโรปิ นํ ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตฺวา คณฺหิตฺวาว จาริกํ จรมาโน อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อคมาสิ. ตสฺส โสเรยฺยตฺเถโรติ นามํ อโหสิ. ชนปทวาสิโน ตํ ปวตฺตึ ตฺวา สงฺขุภิตฺวา โกตูหลชาตา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉึสุ ¶ – ‘‘เอวํ กิร, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, อาวุโส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอวรูปมฺปิ การณํ นาม โหติ’’? ‘‘ตุมฺหากํ กุจฺฉิยํ กิร ทฺเว ปุตฺตา นิพฺพตฺตา, ตุมฺเห ปฏิจฺจ ¶ ทฺเว ชาตา, เตสํ โว กตเรสุ พลวสิเนโห โหตี’’ติ? ‘‘กุจฺฉิยํ วุตฺถเกสุ, อาวุโส’’ติ. อาคตาคตา นิพทฺธํ ตเถว ปุจฺฉึสุ.
เถโร ‘‘กุจฺฉิยํ วุตฺตเกสุ เอว สิเนโห พลวา’’ติ ปุนปฺปุนํ กเถนฺโต หรายมาโน เอโกว นิสีทติ, เอโกว ติฏฺติ. โส เอวํ เอกตฺตูปคโต อตฺตภาเว ขยวยํ สมุฏฺาเปตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ อาคตาคตา ปุจฺฉนฺติ – ‘‘ภนฺเต, เอวํ กิร นาม อโหสี’’ติ? ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘กตเรสุ สิเนโห พลวา’’ติ? ‘‘มยฺหํ กตฺถจิ สิเนโห นาม นตฺถี’’ติ. ภิกฺขู ‘‘อยํ อภูตํ กเถสิ, ปุริมทิวเสสุ ‘กุจฺฉิยํ วุตฺถปุตฺเตสุ สิเนโห พลวา’ติ วตฺวา อิทานิ ‘มยฺหํ กตฺถจิ สิเนโห นตฺถี’ติ วทติ, อฺํ พฺยากโรติ, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต อฺํ พฺยากโรติ, มม ปุตฺตสฺส สมฺมาปณิหิเตน จิตฺเตน มคฺคสฺส ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย น กตฺถจิ สิเนโห ชาโต, ยํ สมฺปตฺตึ เนว มาตา, น ปิตา กาตุํ สกฺโกติ, ตํ อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตเร ปวตฺตํ สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตเมว เทตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ ตํ มาตา ปิตา กยิรา, อฺเ วาปิ จ าตกา;
สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ.
ตตฺถน ตนฺติ ตํ การณํ เนว มาตา กเรยฺย, น ปิตา, น อฺเ าตกา. สมฺมาปณิหิตนฺติ ทสสุ กุสลกมฺมปเถสุ สมฺมา ปิตํ. เสยฺยโส ¶ นํ ตโต กเรติ ตโต การณโต เสยฺยโส นํ วรตรํ อุตฺตริตรํ กเรยฺย, กโรตีติ อตฺโถ. มาตาปิตโร หิ ปุตฺตานํ ธนํ ททมานา เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว กมฺมํ อกตฺวา สุเขน ชีวิกกปฺปนํ ธนํ ทาตุํ สกฺโกนฺติ. วิสาขาย มาตาปิตโรปิ ตาว มหทฺธนา มหาโภคา, ตสฺสา เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว สุเขน ชีวิกกปฺปนํ ธนํ อทํสุ. จตูสุ ปน ทีเปสุ จกฺกวตฺติสิรึ ทาตุํ สมตฺถา มาตาปิตโรปิ นาม ปุตฺตานํ นตฺถิ, ปเคว ทิพฺพสมฺปตฺตึ วา ปมชฺฌานาทิสมฺปตฺตึ วา, โลกุตฺตรสมฺปตฺติทาเน กถาว นตฺถิ, สมฺมาปณิหิตํ ปน จิตฺตํ สพฺพมฺเปตํ สมฺปตฺตึ ทาตุํ สกฺโกติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปตฺตา. เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.
โสเรยฺยตฺเถรวตฺถุ นวมํ.
จิตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ตติโย วคฺโค.
๔. ปุปฺผวคฺโค
๑. ปถวิกถาปสุตปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ
โก ¶ ¶ ¶ อิมํ ปถวึ วิเจสฺสตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปถวิกถาปสุเต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร ภควตา สทฺธึ ชนปทจาริกํ จริตฺวา เชตวนํ อาคนฺตฺวา สายนฺหสมเย อุปฏฺานสาลายํ สนฺนิสินฺนา อตฺตนา คตคตฏฺาเนสุ ‘‘อสุกคามโต อสุกคามคมนฏฺาเน สมํ วิสมํ กทฺทมพหุลํ สกฺขรพหุลํ กาฬมตฺติกํ ตมฺพมตฺติก’’นฺติ ปถวิกถํ กเถสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา, ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺเหหิ วิจริตฏฺาเน ปถวิกถายา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, เอสา พาหิรปถวี นาม, ตุมฺเหหิ อชฺฌุตฺติกปถวิยํ ปริกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘โก อิมํ ปถวึ วิเจสฺสติ,
ยมโลกฺจ อิมํ สเทวกํ;
โก ธมฺมปทํ สุเทสิตํ,
กุสโล ปุปฺผมิว ปเจสฺสติ.
‘‘เสโข ¶ ปถวึ วิเจสฺสติ,
ยมโลกฺจ อิมํ สเทวกํ;
เสโข ธมฺมปทํ สุเทสิตํ,
กุสโล ปุปฺผมิว ปเจสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ โก อิมนฺติ โก อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ ปถวึ. วิเจสฺสตีติ อตฺตโน าเณน วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ, ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, สจฺฉิกริสฺสตีติ อตฺโถ. ยมโลกฺจาติ จตุพฺพิธํ อปายโลกฺจ. อิมํ สเทวกนฺติ อิมํ มนุสฺสโลกฺจ เทวโลเกน สทฺธึ โก วิเจสฺสติ ¶ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสตีติ ปุจฺฉิ. โก ธมฺมปทํ สุเทสิตนฺติ ยถาสภาวโต กถิตตฺตา สุเทสิตํ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาตํ ธมฺมปทํ กุสโล มาลากาโร ปุปฺผํ วิจินนฺโต วิย โก ¶ ปเจสฺสติ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ อุปปริกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ, สจฺฉิกริสฺสตีติ อตฺโถ. เสโขติ อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขาติ อิมา ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขนโต โสตาปตฺติมคฺคฏฺํ อาทึ กตฺวา ยาว อรหตฺตมคฺคฏฺา สตฺตวิโธ เสโข อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ ปถวึ อรหตฺตมคฺเคน ตโต ฉนฺทราคํ อปกฑฺฒนฺโต วิเจสฺสติ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ ¶ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสติ. ยมโลกฺจาติ ตํ ยถาวุตฺตปการํ ยมโลกฺจ อิมํ มนุสฺสโลกฺจ สห เทเวหิ สเทวกํ สฺเวว วิเจสฺสติ วิจินิสฺสติ วิชานิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสติ. เสโขติ สฺเวว สตฺตวิโธ เสโข, ยถา นาม กุสโล มาลากาโร ปุปฺผารามํ ปวิสิตฺวา ตรุณมกุฬานิ จ ปาณกวิทฺธานิ จ มิลาตานิ จ คณฺิกชาตานิ จ ปุปฺผานิ วชฺเชตฺวา โสภนานิ สุชาตสุชาตาเนว ปุปฺผานิ วิจินาติ, เอวเมว อิมํ สุกถิตํ สุนิทฺทิฏฺํ โพธิปกฺขิยธมฺมปทมฺปิ ปฺาย ปเจสฺสติ วิจินิสฺสติ อุปปริกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ สจฺฉิกริสฺสตีติ สตฺถา สยเมว ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ปถวิกถาปสุตปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.
๒. มรีจิกมฺมฏฺานิกตฺเถรวตฺถุ
เผณูปมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อฺตรํ มรีจิกมฺมฏฺานิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา, ‘‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏตฺวา วายมิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มรีจึ ทิสฺวา, ‘‘ยถา อยํ คิมฺหสมเย อุฏฺิตา มรีจิ ทูเร ิตานํ รูปคตา วิย ปฺายติ, สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตานํ เนว ปฺายติ, อยํ อตฺตภาโวปิ อุปฺปาทวยฏฺเน เอวรูโป’’ติ มรีจิกมฺมฏฺานํ ภาเวนฺโต อาคนฺตฺวา ¶ มคฺคกิลนฺโต อจิรวติยํ นฺหายิตฺวา เอกสฺมึ ¶ จณฺฑโสตตีเร รุกฺขฉายาย นิสินฺโน อุทกเวคาภิฆาเตน อุฏฺหิตฺวา มหนฺเต มหนฺเต เผณปิณฺเฑ ภิชฺชมาเน ทิสฺวา, ‘‘อยํ อตฺตภาโวปิ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิช