📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

ธมฺมปท-อฏฺกถา

(ทุติโย ภาโค)

๙. ปาปวคฺโค

๑. จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ

อภิตฺถเรถ กลฺยาเณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

วิปสฺสิทสพลสฺส กาลสฺมิฺหิ มหาเอกสาฏกพฺราหฺมโณ นาม อโหสิ, อยํ ปน เอตรหิ สาวตฺถิยํ จูเฬกสาฏโก นาม. ตสฺส หิ เอโก นิวาสนสาฏโก อโหสิ, พฺราหฺมณิยาปิ เอโก. อุภินฺนมฺปิ เอกเมว ปารุปนํ, พหิ คมนกาเล พฺราหฺมโณ วา พฺราหฺมณี วา ตํ ปารุปติ. อเถกทิวสํ วิหาเร ธมฺมสฺสวเน โฆสิเต พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘โภติ ธมฺมสฺสวนํ โฆสิตํ, กึ ทิวา ธมฺมสฺสวนํ คมิสฺสสิ, อุทาหุ รตฺตึ. ปารุปนสฺส หิ อภาเวน น สกฺกา อมฺเหหิ เอกโต คนฺตุ’’นฺติ. พฺราหฺมณี, ‘‘สามิ, อหํ ทิวา คมิสฺสามี’’ติ สาฏกํ ปารุปิตฺวา อคมาสิ. พฺราหฺมโณ ทิวสภาคํ เคเห วีตินาเมตฺวา รตฺตึ คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต นิสินฺโนว ธมฺมํ อสฺโสสิ. อถสฺส สรีรํ ผรมานา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส สตฺถารํ ปูชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘สเจ อิมํ สาฏกํ ทสฺสามิ, เนว พฺราหฺมณิยา, น มยฺหํ ปารุปนํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. อถสฺส มจฺเฉรจิตฺตานํ สหสฺสํ อุปฺปชฺชิ, ปุเนกํ สทฺธาจิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. ตํ อภิภวิตฺวา ปุน มจฺเฉรสหสฺสํ อุปฺปชฺชิ. อิติสฺส พลวมจฺเฉรํ พนฺธิตฺวา คณฺหนฺตํ วิย สทฺธาจิตฺตํ ปฏิพาหติเยว. ตสฺส ‘‘ทสฺสามิ, น ทสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺตสฺเสว ปมยาโม อปคโต, มชฺฌิมยาโม สมฺปตฺโต. ตสฺมิมฺปิ ทาตุํ นาสกฺขิ. ปจฺฉิมยาเม สมฺปตฺเต โส จินฺเตสิ – ‘‘มม สทฺธาจิตฺเตน มจฺเฉรจิตฺเตน จ สทฺธึ ยุชฺฌนฺตสฺเสว ทฺเว ยามา วีติวตฺตา, อิทํ มม เอตฺตกํ มจฺเฉรจิตฺตํ วฑฺฒมานํ จตูหิ อปาเยหิ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น ทสฺสติ, ทสฺสามิ น’’นฺติ. โส มจฺเฉรสหสฺสํ อภิภวิตฺวา สทฺธาจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา สาฏกํ อาทาย สตฺถุ ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺทมกาสิ.

ราชา ปเสนทิ โกสโล ธมฺมํ สุณนฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘ปุจฺฉถ นํ, กึ กิร เตน ชิต’’นฺติ อาห. โส ราชปุริเสหิ ปุจฺฉิโต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ทุกฺกรํ กตํ พฺราหฺมเณน, สงฺคหมสฺส กริสฺสามี’’ติ เอกํ สาฏกยุคํ ทาเปสิ. โส ตมฺปิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ปุน ราชา ทฺเว จตฺตาริ อฏฺ โสฬสาติ ทฺวิคุณํ กตฺวา ทาเปสิ. โส ตานิปิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. อถสฺส ราชา ทฺวตฺตึส ยุคานิ ทาเปสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘อตฺตโน อคฺคเหตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ วิสฺสชฺเชสิเยวา’’ติ วาทโมจนตฺถํ ตโต เอกํ ยุคํ อตฺตโน, เอกํ พฺราหฺมณิยาติ ทฺเว ยุคานิ คเหตฺวา ตึส ยุคานิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ราชา ปน ตสฺมึ สตฺตกฺขตฺตุมฺปิ ททนฺเต ปุน ทาตุกาโมเยว อโหสิ. ปุพฺเพ มหาเอกสาฏโก จตุสฏฺิยา สาฏกยุเคสุ ทฺเว อคฺคเหสิ, อยํ ปน ทฺวตฺตึสาย ลทฺธกาเล ทฺเว อคฺคเหสิ. ราชา ปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘ทุกฺกรํ ภเณ พฺราหฺมเณน กตํ, อนฺเตปุเร มม ทฺเว กมฺพลานิ อาหราเปยฺยาถา’’ติ. เต ตถา กรึสุ. ราชา สตสหสฺสคฺฆนเก ทฺเว กมฺพเล ทาเปสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘น อิเม มม สรีเร อุปโยคํ อรหนฺติ, พุทฺธสาสนสฺเสว เอเต อนุจฺฉวิกา’’ติ เอกํ กมฺพลํ อนฺโตคนฺธกุฏิยํ สตฺถุ สยนสฺส อุปริ วิตานํ กตฺวา พนฺธิ, เอกํ อตฺตโน ฆเร นิพทฺธํ ภุฺชนฺตสฺส ภิกฺขุโน ภตฺตกิจฺจฏฺาเน วิตานํ กตฺวา พนฺธิ. ราชา สายนฺหสมเย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ กมฺพลํ สฺชานิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เกน ปูชา กตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกสาฏเกนา’’ติ วุตฺเต ‘‘พฺราหฺมโณ มม ปสาทฏฺาเนเยว ปสีทตี’’ติ วตฺวา ‘‘จตฺตาโร หตฺถี จตฺตาโร อสฺเส จตฺตาริ กหาปณสหสฺสานิ จตสฺโส อิตฺถิโย จตสฺโส ทาสิโย จตฺตาโร ปุริเส จตุโร คามวเร’’ติ เอวํ ยาว สพฺพสตา จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา สพฺพจตุกฺกํ นาม อสฺส ทาเปสิ.

ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ จูเฬกสาฏกสฺส กมฺมํ, ตํมุหุตฺตเมว สพฺพจตุกฺกํ ลภิ, อิทานิ กเตน กลฺยาณกมฺเมน อชฺชเมว วิปาโก ทินฺโน’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, สจายํ เอกสาฏโก ปมยาเม มยฺหํ ทาตุํ อสกฺขิสฺส, สพฺพโสฬสกํ อลภิสฺส. สเจ มชฺฌิมยาเม อสกฺขิสฺส, สพฺพฏฺกํ อลภิสฺส. พลวปจฺฉิมยาเม ทินฺนตฺตา ปเนส สพฺพจตุกฺกํ ลภิ. กลฺยาณกมฺมํ กโรนฺเตน หิ อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ อหาเปตฺวา ตงฺขณฺเว กาตพฺพํ. ทนฺธํ กตํ กุสลฺหิ สมฺปตฺตึ ททมานํ ทนฺธเมว ททาติ, ตสฺมา จิตฺตุปฺปาทสมนนฺตรเมว กลฺยาณกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๑๖.

‘‘อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ, ปาปา จิตฺตํ นิวารเย;

ทนฺธฺหิ กโรโต ปุฺํ, ปาปสฺมึ รมตี มโน’’ติ.

ตตฺถ อภิตฺถเรถาติ ตุริตตุริตํ สีฆสีฆํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. คิหินา วา หิ ‘‘สลากภตฺตทานาทีสุ กิฺจิเทว กุสลํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ยถา อฺเ โอกาสํ น ลภนฺติ, เอวํ ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํ. ปพฺพชิเตน วา อุปชฺฌายวตฺตาทีนิ กโรนฺเตน อฺสฺส โอกาสํ อทตฺวา ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํ. ปาปา จิตฺตนฺติ กายทุจฺจริตาทิปาปกมฺมโต วา อกุสลจิตฺตุปฺปาทโต วา สพฺพถาเมน จิตฺตํ นิวารเย. ทนฺธฺหิ กโรโตติ โย ปน ‘‘ทสฺสามิ, น ทสฺสามิ สมฺปชฺชิสฺสติ นุ โข เม, โน’’ติ เอวํ จิกฺขลฺลมคฺเคน คจฺฉนฺโต วิย ทนฺธํ ปุฺํ กโรติ, ตสฺส เอกสาฏกสฺส วิย มจฺเฉรสหสฺสํ ปาปํ โอกาสํ ลภติ. อถสฺส ปาปสฺมึ รมตี มโน, กุสลกมฺมกรณกาเลเยว หิ จิตฺตํ กุสเล รมติ, ตโต มุจฺจิตฺวา ปาปนินฺนเมว โหตีติ.

คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ ปมํ.

๒. เสยฺยสกตฺเถรวตฺถุ

ปาปฺจ ปุริโสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เสยฺยสกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส หิ ลาฬุทายิตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก, อตฺตโน อนภิรตึ ตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ปมสงฺฆาทิเสสกมฺเม สมาทปิโต อุปฺปนฺนุปฺปนฺนาย อนภิรติยา ตํ กมฺมมกาสิ (ปารา. ๒๓๔). สตฺถา ตสฺส กิริยํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอวํ กิร ตฺวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ภาริยํ กมฺมํ อกาสิ, อนนุจฺฉวิกํ โมฆปุริสา’’ติ นานปฺปการโต ครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา ‘‘เอวรูปฺหิ กมฺมํ ทิฏฺธมฺเมปิ สมฺปราเยปิ ทุกฺขสํวตฺตนิกเมว โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๑๗.

‘‘ปาปฺเจ ปุริโส กยิรา, น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ;

น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ, ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สเจ ปุริโส สกึ ปาปกมฺมํ กเรยฺย, ตงฺขเณเยว ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อิทํ อปฺปติรูปํ โอฬาริก’’นฺติ น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ. โยปิ ตมฺหิ ฉนฺโท วา รุจิ วา อุปฺปชฺเชยฺย, ตมฺปิ วิโนเทตฺวา น กยิราเถว. กึ การณา? ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย. ปาปสฺส หิ อุจฺจโย วุฑฺฒิ อิธโลเกปิ สมฺปราเยปิ ทุกฺขเมว อาวหตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

เสยฺยสกตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ลาชเทวธีตาวตฺถุ

ปุฺฺเจติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาชเทวธีตรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ราชคเห สมุฏฺิตํ.

อายสฺมา หิ มหากสฺสโป ปิปฺปลิคุหายํ วิหรนฺโต ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส วุฏฺาย ทิพฺเพน จกฺขุนา ภิกฺขาจารฏฺานํ โอโลเกนฺโต เอกํ สาลิเขตฺตปาลิกํ อิตฺถึ สาลิสีสานิ คเหตฺวา ลาเช กุรุมานํ ทิสฺวา ‘‘สทฺธา นุ โข, อสฺสทฺธา’’ติ วีมํสิตฺวา ‘‘สทฺธา’’ติ ตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ นุ โข เม สงฺคหํ กาตุํ, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘วิสารทา กุลธีตา มม สงฺคหํ กริสฺสติ, กตฺวา จ ปน มหาสมฺปตฺตึ ลภิสฺสตี’’ติ ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย สาลิเขตฺตสมีเปเยว อฏฺาสิ. กุลธีตา เถรํ ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺตา ปฺจวณฺณาย ปีติยา ผุฏฺสรีรา ‘‘ติฏฺถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ลาเช อาทาย เวเคน คนฺตฺวา เถรสฺส ปตฺเต อากิริตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส ภาคินี อสฺส’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนมกาสิ. สาปิ เถรํ วนฺทิตฺวา อตฺตนา ทินฺนทานํ อาวชฺชมานา นิวตฺติ. ตาย จ ปน เกทารมริยาทาย คมนมคฺเค เอกสฺมึ พิเล โฆรวิโส สปฺโป นิปชฺชิ. โส เถรสฺส กาสายปฏิจฺฉนฺนํ ชงฺฆํ ฑํสิตุํ นาสกฺขิ. อิตรา ทานํ อาวชฺชมานา นิวตฺตนฺตี ตํ ปเทสํ ปาปุณิ. สปฺโป พิลา นิกฺขมิตฺวา ตํ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว ปาเตสิ. สา ปสนฺนจิตฺเตน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน สุตฺตปฺปพุทฺธา วิย สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตน ติคาวุเตน อตฺตภาเวน นิพฺพตฺติ. สา ทฺวาทสโยชนิกํ เอกํ ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อจฺฉราสหสฺสปริวุตา ปุพฺพกมฺมปกาสนตฺถาย สุวณฺณลาชภริเตน โอลมฺพเกน สุวณฺณสรเกน ปฏิมณฺฑิเต วิมานทฺวาเร ิตา อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘กึ นุ โข เม กตฺวา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ ทิพฺเพน จกฺขุนา อุปธาเรนฺตี ‘‘อยฺยสฺส เม มหากสฺสปตฺเถรสฺส ทินฺนลาชนิสฺสนฺเทน สา ลทฺธา’’ติ อฺาสิ.

สา เอวํ ปริตฺตเกน กมฺเมน เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลภิตฺวา ‘‘น ทานิ มยา ปมชฺชิตุํ วฏฺฏติ, อยฺยสฺส วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ถาวรํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปาโตว กนกมยํ สมฺมชฺชนิฺเจว กจวรฉฑฺฑนกฺจ ปจฺฉึ อาทาย คนฺตฺวา เถรสฺส ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปสิ. เถโร ตํ ทิสฺวา ‘‘เกนจิ ทหเรน วา สามเณเรน วา วตฺตํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขสิ. สา ทุติยทิวเสปิ ตเถว อกาสิ, เถโรปิ ตเถว สลฺลกฺเขสิ. ตติยทิวเส ปน เถโร ตสฺสา สมฺมชฺชนิสทฺทํ สุตฺวา ตาลจฺฉิทฺทาทีหิ จ ปวิฏฺํ สรีโรภาสํ ทิสฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘โก เอส สมฺมชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ อุปฏฺายิกา ลาชเทวธีตา’’ติ. ‘‘นนุ มยฺหํ เอวํนามิกา อุปฏฺายิกา นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, สาลิเขตฺตํ รกฺขมานา ลาเช ทตฺวา ปสนฺนจิตฺตา นิวตฺตนฺตี สปฺเปน ทฏฺา กาลํ กตฺวา ตาวตึสเทวโลเก อุปฺปนฺนา, มยา อยฺยํ นิสฺสาย อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา, อิทานิปิ ตุมฺหากํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ‘สมฺปตฺตึ ถาวรํ กริสฺสามี’ติ อาคตามฺหิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘หิยฺโยปิ ปเรปิ ตยาเวตํ านํ สมฺมชฺชิตํ, ตยาว ปานียโภชนียํ อุปฏฺาปิต’’นฺติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อเปหิ เทวธีเต, ตยา กตํ วตฺตํ กตํว โหตุ, อิโต ปฏฺาย อิมํ านํ มา อาคมี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา มํ นาเสถ, ตุมฺหากํ วตฺตํ กตฺวา สมฺปตฺตึ เม ถิรํ กาตุํ เทถา’’ติ. ‘‘อเปหิ เทวธีเต, มา มํ อนาคเต จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา นิสินฺเนหิ ธมฺมกถิเกหิ ‘มหากสฺสปตฺเถรสฺส กิร เอกา เทวธีตา อาคนฺตฺวา วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปสี’ติ วตฺตพฺพตํ กริ, อิโต ปฏฺาย อิธ มา อาคมิ, ปฏิกฺกมา’’ติ. สา ‘‘มา มํ, ภนฺเต, นาเสถา’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจิเยว. เถโร ‘‘นายํ มม วจนํ สุณาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตุวํ ปมาณํ น ชานาสี’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. สา ตตฺถ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี อากาเส อุปฺปติตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห, ‘‘ภนฺเต, มยา ลทฺธสมฺปตฺตึ มา นาเสถ, ถาวรํ กาตุํ เทถา’’ติ โรทนฺตี อากาเส อฏฺาสิ.

สตฺถา เชตวเน คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ตสฺสา โรทิตสทฺทํ สุตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา เทวธีตาย สมฺมุเข นิสีทิตฺวา กเถนฺโต วิย ‘‘เทวธีเต มม ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส สํวรกรณเมว ภาโร, ปุฺตฺถิกานํ ปน ‘อยํ โน อตฺโถ’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปุฺกรณเมว ภาโร. ปุฺกรณฺหิ อิธ เจว สมฺปราเย จ สุขเมวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๑๘.

‘‘ปุฺฺเจ ปุริโส กยิรา, กยิรา นํ ปุนปฺปุนํ;

ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ, สุโข ปุฺสฺส อุจฺจโย’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สเจ ปุริโส ปุฺํ กเรยฺย, ‘‘เอกวารํ เม ปุฺํ กตํ, อลํ เอตฺตาวตา’’ติ อโนรมิตฺวา ปุนปฺปุนํ กโรเถว. ตสฺส อกรณกฺขเณปิ ตมฺหิ ปุฺเ ฉนฺทํ รุจึ อุสฺสาหํ กโรเถว. กึ การณา? สุโข ปุฺสฺส อุจฺจโย. ปุฺสฺส หิ อุจฺจโย วุฑฺฒิ อิธโลกปรโลกสุขาวหนโต สุโขติ.

เทสนาวสาเน เทวธีตา ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก ิตาว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณีติ.

ลาชเทวธีตาวตฺถุ ตติยํ.

๔. อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ

ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ.

อนาถปิณฺฑิโก หิ วิหารเมว อุทฺทิสฺส จตุปณฺณาสโกฏิธนํ พุทฺธสาสเน วิกิริตฺวา สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต เทวสิกํ ตีณิ มหาอุปฏฺานานิ คจฺฉติ, คจฺฉนฺโต จ ‘‘กึ นุ โข อาทาย อาคโตติ สามเณรา วา ทหรา วา หตฺถมฺปิ เม โอโลเกยฺยุ’’นฺติ ตุจฺฉหตฺโถ นาม น คตปุพฺโพ. ปาโตว คจฺฉนฺโต ยาคุํ คาหาเปตฺวาว คจฺฉติ, กตปาตราโส สปฺปินวนีตาทีนิ เภสชฺชานิ. สายนฺหสมเย มาลาคนฺธวิเลปนวตฺถาทีนิ คาหาเปตฺวา คจฺฉติ. เอวํ นิจฺจกาลเมว ทิวเส ทิวเส ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขติ. อปรภาเค ธนํ ปริกฺขยํ คจฺฉติ. โวหารูปชีวิโนปิสฺส หตฺถโต อฏฺารสโกฏิธนํ อิณํ คณฺหึสุ, กุลสนฺตกาปิสฺส อฏฺารสหิรฺโกฏิโย, นทีตีเร นิทหิตฺวา ปิตา อุทเกน กูเล ภินฺเน มหาสมุทฺทํ ปวิสึสุ. เอวมสฺส อนุปุพฺเพน ธนํ ปริกฺขยํ อคมาสิ. โส เอวํภูโตปิ สงฺฆสฺส ทานํ เทติเยว, ปณีตํ ปน กตฺวา ทาตุํ น สกฺโกติ.

โส เอกทิวสํ สตฺถารา ‘‘ทียติ ปน เต, คหปติ, กุเล ทาน’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ทียติ, ภนฺเต, ตฺจ โข กณาชกํ พิลงฺคทุติย’’นฺติ อาห. อถ นํ สตฺถา, ‘‘คหปติ, ‘ลูขํ ทานํ เทมี’ติ มา จินฺตยิ. จิตฺตสฺมิฺหิ ปณีเต พุทฺธาทีนํ ทินฺนทานํ ลูขํ นาม นตฺถิ, อปิจ ตฺวํ อฏฺนฺนํ อริยปุคฺคลานํ ทานํ เทสิ, อหํ ปน เวลามกาเล สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาทานํ ปวตฺตยมาโนปิ ติสรณคตมฺปิ กฺจิ นาลตฺถํ, ทกฺขิเณยฺยา นาม เอวํ ทุลฺลภา. ตสฺมา ‘ลูขํ เม ทาน’นฺติ มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา เวลามสุตฺตมสฺส (อ. นิ. ๙.๒๐) กเถสิ. อถสฺส ทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา เทวตา สตฺถริ เจว สตฺถุสาวเกสุ จ เคหํ ปวิสนฺเตสุ เตสํ เตเชน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี, ‘‘ยถา อิเม อิมํ เคหํ น ปวิสนฺติ, ตถา คหปตึ ปริภินฺทิสฺสามี’’ติ ตํ วตฺตุกามาปิ อิสฺสรกาเล กิฺจิ วตฺตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ ‘‘ปนายํ ทุคฺคโต คณฺหิสฺสติ เม วจน’’นฺติ รตฺติภาเค เสฏฺิสฺส สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. อถ เสฏฺิ นํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. อหํ เต มหาเสฏฺิ จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา เทวตา, ตุยฺหํ โอวาททานตฺถาย อาคตาติ. เตน หิ โอวเทหีติ. มหาเสฏฺิ ตยา ปจฺฉิมกาลํ อโนโลเกตฺวาว สมณสฺส โคตมสฺส สาสเน พหุํ ธนํ วิปฺปกิณฺณํ, อิทานิ ทุคฺคโต หุตฺวาปิ ตํ น มุฺจสิเยว, เอวํ วตฺตมาโน กติปาเหเนว ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ น ลภิสฺสสิ, กึ เต สมเณน โคตเมน, อติปริจฺจาคโต โอรมิตฺวา กมฺมนฺเต ปโยเชนฺโต กุฏุมฺพํ สณฺาเปหีติ. อยํ เม ตยา ทินฺนโอวาโทติ. อาม, เสฏฺีติ. คจฺฉ, นาหํ ตาทิสีนํ สเตนปิ สหสฺเสนปิ สตสหสฺเสนปิ สกฺกา กมฺเปตุํ, อยุตฺตํ เต วุตฺตํ, กํ ตยา มม เคเห วสมานาย, สีฆํ สีฆํ เม ฆรา นิกฺขมาหีติ. สา โสตาปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส วจนํ สุตฺวา าตุํ อสกฺโกนฺตี ทารเก อาทาย นิกฺขมิ, นิกฺขมิตฺวา จ ปน อฺตฺถ วสนฏฺานํ อลภมานา ‘‘เสฏฺึ ขมาเปตฺวา ตตฺเถว วสิสฺสามี’’ติ นครปริคฺคาหกํ เทวปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตนา กตาปราธํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอหิ, มํ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ขมาเปตฺวา วสนฏฺานํ ทาเปหี’’ติ อาห. โส ‘‘อยุตฺตํ ตยา วุตฺตํ, นาหํ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ อุสฺสหามี’’ติ ตํ ปฏิกฺขิปิ. สา จตุนฺนํ มหาราชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตหิปิ ปฏิกฺขิตฺตา สกฺกํ เทวราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘อหํ, เทว, วสนฏฺานํ อลภมานา ทารเก หตฺเถน คเหตฺวา อนาถา วิจรามิ, วสนฏฺานํ เม ทาเปหี’’ติ สุฏฺุตรํ ยาจิ.

อถ นํ โส ‘‘อหมฺปิ ตว การณา เสฏฺึ วตฺตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เอกํ ปน เต อุปายํ กเถสฺสามี’’ติ อาห. สาธุ, เทว, กเถหีติ. คจฺฉ, เสฏฺิโน อายุตฺตกเวสํ คเหตฺวา เสฏฺิสฺส หตฺถโต ปณฺณํ อาโรเปตฺวา โวหารูปชีวีหิ คหิตํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺตโน อานุภาเวน โสเธตฺวา ตุจฺฉคพฺเภ ปูเรตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิฏฺํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺถิ, อฺมฺปิ อสุกฏฺาเน นาม อสฺสามิกํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺถิ, ตํ สพฺพํ สํหริตฺวา ตสฺส ตุจฺฉคพฺเภ ปูเรตฺวา ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา ขมาเปหีติ. สา ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วุตฺตนเยเนว ตํ สพฺพํ กตฺวา ปุน ตสฺส สิริคพฺภํ โอภาสยมานา อากาเส ตฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺเต อหํ เต จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา อนฺธพาลเทวตา, มยา อนฺธพาลตาย ยํ ตุมฺหากํ สนฺติเก กถิตํ, ตํ เม ขมถ. สกฺกสฺส หิ เม วจเนน จตุปณฺณาสโกฏิธนํ สํหริตฺวา ตุจฺฉคพฺภปูรณํ ทณฺฑกมฺมํ กตํ, วสนฏฺานํ อลภมานา กิลมามีติ. อนาถปิณฺฑิโก จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เทวตา ‘ทณฺฑกมฺมฺจ เม กต’นฺติ วทติ, อตฺตโน จ โทสํ ปฏิชานาติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส นํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. โส ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ตาย กตกมฺมํ สพฺพํ อาโรเจสิ. เทวตา สตฺถุ ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ มยา อนฺธพาลตาย ตุมฺหากํ คุเณ อชานิตฺวา ปาปกํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ เม ขมถา’’ติ สตฺถารํ ขมาเปตฺวา มหาเสฏฺึ ขมาเปสิ. สตฺถา กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากวเสน เสฏฺิฺเจว เทวตฺจ โอวทนฺโต ‘‘อิธ, คหปติ, ปาปปุคฺคโลปิ ยาว ปาปํ น ปจฺจติ, ตาว ภทฺรมฺปิ ปสฺสติ. ยทา ปนสฺส ปาปํ ปจฺจติ, ตทา ปาปเมว ปสฺสติ. ภทฺรปุคฺคโลปิ ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ, ตาว ปาปานิ ปสฺสติ. ยทา ปนสฺส ภทฺรํ ปจฺจติ, ตทา ภทฺรเมว ปสฺสตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๑๙.

‘‘ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;

ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ, อถ ปาโป ปาปานิ ปสฺสติ.

๑๒๐.

‘‘ภทฺโรปิ ปสฺสตี ปาปํ, ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ;

ยทา จ ปจฺจตี ภทฺรํ, อถ ภทฺโร ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ ปาโปติ กายทุจฺจริตาทินา ปาปกมฺเมน ยุตฺตปุคฺคโล. โสปิ หิ ปุริมสุจริตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ สุขํ อนุภวมาโน ภทฺรมฺปิ ปสฺสติ. ยาว ปาปํ น ปจฺจตีติ ยาวสฺส ตํ ปาปกมฺมํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ น เทติ. ยทา ปนสฺส ตํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ เทติ, อถ ทิฏฺธมฺเม วิวิธา กมฺมการณา, สมฺปราเย จ อปายทุกฺขํ อนุโภนฺโต โส ปาโป ปาปานิเยว ปสฺสติ. ทุติยคาถายปิ กายสุจริตาทินา ภทฺรกมฺเมน ยุตฺโต ภทฺโร. โสปิ หิ ปุริมทุจฺจริตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ ทุกฺขํ อนุภวมาโน ปาปํ ปสฺสติ. ยาว ภทฺรํ น ปจฺจตีติ ยาวสฺส ตํ ภทฺรํ กมฺมํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ น เทติ. ยทา ปน ตํ วิปากํ เทติ, อถ ทิฏฺธมฺเม ลาภสกฺการาทิสุขํ, สมฺปราเย จ ทิพฺพสมฺปตฺติสุขํ อนุภวมาโน โส ภทฺโร ภทฺรานิเยว ปสฺสตีติ.

เทสนาวสาเน สา เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. อสฺตปริกฺขารภิกฺขุวตฺถุ

มาวมฺเถ ปาปสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อสฺตปริกฺขารํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ยํ กิฺจิ มฺจปีาทิเภทํ ปริกฺขารํ พหิ ปริภุฺชิตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑติ. ปริกฺขาโร วสฺเสนปิ อาตเปนปิ อุปจิกาทีหิปิ วินสฺสติ. โส ภิกฺขูหิ ‘‘นนุ, อาวุโส, ปริกฺขาโร นาม ปฏิสามิตพฺโพ’’ติ วุตฺเต ‘‘อปฺปกํ มยา กตํ, อาวุโส, เอตํ, น เอตสฺส จิตฺตํ อตฺถิ, น ปิตฺต’’นฺติ วตฺวา ตเถว กโรติ. ภิกฺขู ตสฺส กิริยํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส สตฺถารา ปุจฺฉิโตปิ ‘‘กึ เอตํ ภควา อปฺปกํ มยา กตํ, น ตสฺส จิตฺตํ อตฺถิ, นาสฺส ปิตฺต’’นฺติ ตเถว อวมฺนฺโต อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขูหิ เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ปาปกมฺมํ นาม ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ. อชฺโฌกาเส ปิตฺหิ วิวฏมุขํ ภาชนํ เทเว วสฺสนฺเต กิฺจาปิ เอกพินฺทุนา น ปูรติ, ปุนปฺปุนํ วสฺสนฺเต ปน ปูรเตว, เอวเมวํ ปาปํ กโรนฺโต ปุคฺคโล อนุปุพฺเพน มหนฺตํ ปาปราสึ กโรตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๒๑.

‘‘มาวมฺเถ ปาปสฺส, น มนฺทํ อาคมิสฺสติ;

อุทพินฺทุนิปาเตน, อุทกุมฺโภปิ ปูรติ;

พาโล ปูรติ ปาปสฺส, โถกํ โถกมฺปิ อาจิน’’นฺติ.

ตตฺถ มาวมฺเถาติ น อวชาเนยฺย. ปาปสฺสาติ ปาปํ. น มนฺทํ อาคมิสฺสตีติ ‘‘อปฺปมตฺตกํ เม ปาปกํ กตํ, กทา เอตํ วิปจฺจิสฺสตี’’ติ เอวํ ปาปํ นาวชาเนยฺยาติ อตฺโถ. อุทกุมฺโภปีติ เทเว วสฺสนฺเต มุขํ วิวริตฺวา ปิตํ ยํ กิฺจิ กุลาลภาชนํ ยถา ตํ เอเกกสฺสาปิ อุทกพินฺทุโน นิปาเตน อนุปุพฺเพน ปูรติ, เอวํ พาลปุคฺคโล โถกํ โถกมฺปิ ปาปํ อาจินนฺโต กโรนฺโต วฑฺเฒนฺโต ปาปสฺส ปูรติเยวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. สตฺถาปิ ‘‘อชฺโฌกาเส เสยฺยํ สนฺถริตฺวา ปฏิปากติกํ อกโรนฺโต อิมํ นาม อาปตฺติมาปชฺชตี’’ติ (ปาจิ. ๑๐๘-๑๑๐) สิกฺขาปทํ ปฺาเปสีติ.

อสฺตปริกฺขารภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. พิฬาลปาทกเสฏฺิวตฺถุ

มาวมฺเถ ปุฺสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พิฬาลปาทกเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย สาวตฺถิวาสิโน วคฺคพนฺธเนน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทนฺติ. อเถกทิวสํ สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต เอวมาห –

‘‘อุปาสกา อิเธกจฺโจ อตฺตนาว ทานํ เทติ, ปรํ น สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทํ ลภติ, โน ปริวารสมฺปทํ. เอกจฺโจ อตฺตนา ทานํ น เทติ, ปรํ สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปริวารสมฺปทํ ลภติ, โน โภคสมฺปทํ. เอกจฺโจ อตฺตนา จ น เทติ, ปรฺจ น สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เนว โภคสมฺปทํ ลภติ, น ปริวารสมฺปทํ, วิฆาสาโท หุตฺวา วิจรติ. เอกจฺโจ อตฺตนา จ เทติ, ปรฺจ สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทฺเจว ลภติ, ปริวารสมฺปทฺจา’’ติ.

อเถโก ปณฺฑิตปุริโส ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘อโห อจฺฉริยมิทํ การณํ, อหํ ทานิ อุภยสมฺปตฺติสํวตฺตนิกํ กมฺมํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุฏฺาย คมนกาเล อาห – ‘‘ภนฺเต, สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. กิตฺตเกหิ ปน เต ภิกฺขูหิ อตฺโถติ? สพฺพภิกฺขูหิ, ภนฺเตติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. โสปิ คามํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, มยา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ นิมนฺติโต, โย ยตฺตกานํ ภิกฺขูนํ สกฺโกติ, โส ตตฺตกานํ ยาคุอาทีนํ อตฺถาย ตณฺฑุลาทีนิ เทตุ, เอกสฺมึ าเน ปจาเปตฺวา ทานํ ทสฺสามา’’ติ อุคฺโฆเสนฺโต วิจริ.

อถ นํ เอโก เสฏฺิ อตฺตโน อาปณทฺวารํ สมฺปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อตฺตโน ปโหนเก ภิกฺขู อนิมนฺเตตฺวา ปน สกลคามํ สมาทเปนฺโต วิจรตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตยา คหิตภาชนํ อาหรา’’ติ ตีหิ องฺคุลีหิ คเหตฺวา โถเก ตณฺฑุเล อทาสิ, ตถา มุคฺเค, ตถา มาเสติ. โส ตโต ปฏฺาย พิฬาลปาทกเสฏฺิ นาม ชาโต, สปฺปิผาณิตาทีนิ เทนฺโตปิ กรณฺฑํ กุเฏ ปกฺขิปิตฺวา เอกโต โกณํ กตฺวา พินฺทุํ พินฺทุํ ปคฺฆรายนฺโต โถกโถกเมว อทาสิ. อุปาสโก อวเสเสหิ ทินฺนํ เอกโต กตฺวา อิมินา ทินฺนํ วิสุํเยว อคฺคเหสิ. โส เสฏฺิ ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอส มยา ทินฺนํ วิสุํ คณฺหาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต เอกํ จูฬุปฏฺากํ ปหิณิ ‘‘คจฺฉ, ยํ เอส กโรติ, ตํ ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ‘‘เสฏฺิสฺส มหปฺผลํ โหตู’’ติ ยาคุภตฺตปูวานํ อตฺถาย เอกํ ทฺเว ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา มุคฺคมาเสปิ เตลผาณิตาทิพินฺทูนิปิ สพฺพภาชเนสุ ปกฺขิปิ. จูฬุปฏฺาโก คนฺตฺวา เสฏฺิสฺส อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เม โส ปริสมชฺเฌ อวณฺณํ ภาสิสฺสติ, มม นาเม คหิตมตฺเตเยว นํ ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ นิวาสนนฺตเร ฉุริกํ พนฺธิตฺวา ปุนทิวเส คนฺตฺวา ภตฺตคฺเค อฏฺาสิ. โส ปุริโส พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา มหาชนํ สมาทเปตฺวา อิมํ ทานํ ทินฺนํ, ตตฺถ สมาทปิตมนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน พเลน พหูนิปิ โถกานิปิ ตณฺฑุลาทีนิ อทํสุ, เตสํ สพฺเพสํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ. ตํ สุตฺวา โส เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ‘อสุเกน นาม อจฺฉราย คณฺหิตฺวา ตณฺฑุลาทีนิ ทินฺนานีติ มม นาเม คหิตมตฺเต อิมํ มาเรสฺสามี’ติ อาคโต, อยํ ปน สพฺพสงฺคาหิกํ กตฺวา ‘เยหิปิ นาฬิอาทีหิ มินิตฺวา ทินฺนํ, เยหิปิ อจฺฉราย คเหตฺวา ทินฺนํ, สพฺเพสํ มหปฺผลํ โหตู’ติ วทติ. สจาหํ เอวรูปํ น ขมาเปสฺสามิ, เทวทณฺโฑ มม มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ. โส ตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, สามี’’ติ อาห. ‘‘กึ อิท’’นฺติ จ เตน วุตฺเต สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตํ กิริยํ ทิสฺวา สตฺถา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ทานเวยฺยาวฏิกํ ปุจฺฉิ. โส อตีตทิวสโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอวํ กิร เสฏฺี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อุปาสก, ปุฺํ นาม ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ, มาทิสสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ. ปณฺฑิตมนุสฺสา หิ ปุฺํ กโรนฺตา วิวฏภาชนํ วิย อุทเกน อนุกฺกเมน ปุฺเน ปูรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๒๒.

‘‘มาวมฺเถ ปุฺสฺส, น มนฺทํ อาคมิสฺสติ;

อุทพินฺทุนิปาเตน, อุทกุมฺโภปิ ปูรติ;

ธีโร ปูรติ ปุฺสฺส, โถกํ โถกมฺปิ อาจิน’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – ปณฺฑิตมนุสฺโส ปุฺํ กตฺวา ‘‘อปฺปกมตฺตํ มยา กตํ, น มนฺทํ วิปากวเสน อาคมิสฺสติ, เอวํ ปริตฺตกํ กมฺมํ กหํ มํ ทกฺขิสฺสติ, อหํ วา ตํ กหํ ทกฺขิสฺสามิ, กทา เอตํ วิปจฺจิสฺสตี’’ติ เอวํ ปุฺํ มาวมฺเถ น อวชาเนยฺย. ยถา หิ นิรนฺตรํ อุทพินฺทุนิปาเตน วิวริตฺวา ปิตํ กุลาลภาชนํ ปูรติ, เอวํ ธีโร ปณฺฑิตปุริโส โถกํ โถกมฺปิ ปุฺํ อาจินนฺโต ปุฺสฺส ปูรตีติ.

เทสนาวสาเน โส เสฏฺิ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

พิฬาลปาทกเสฏฺิวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. มหาธนวาณิชวตฺถุ

วาณิโชวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาธนวาณิชํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส กิร วาณิชสฺส เคเห ปฺจสตา โจรา โอตารํ คเวสมานา โอตารํ น ลภึสุ. อปเรน สมเยน วาณิโช ปฺจ สกฏสตานิ ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ – ‘‘อหํ อสุกฏฺานํ นาม วาณิชฺชตฺถาย คจฺฉามิ, เย, อยฺยา, ตํ านํ คนฺตุกามา, เต นิกฺขมนฺตุ, มคฺเค ภิกฺขาย น กิลมิสฺสนฺตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ปฺจสตา ภิกฺขู เตน สทฺธึ มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. เตปิ โจรา ‘‘โส กิร วาณิโช นิกฺขนฺโต’’ติ คนฺตฺวา อฏวิยํ อฏฺํสุ. วาณิโชปิ คนฺตฺวา อฏวิมุเข เอกสฺมึ คาเม วาสํ กตฺวา ทฺเว ตโยปิ ทิวเส โคณสกฏาทีนิ สํวิทหิ, เตสํ ปน ภิกฺขูนํ นิพทฺธํ ภิกฺขํ เทติเยว. โจรา ตสฺมึ อติจิรายนฺเต ‘‘คจฺฉ, ตสฺส นิกฺขมนทิวสํ ตฺวา เอหี’’ติ เอกํ ปุริสํ ปหิณึสุ. โส ตํ คามํ คนฺตฺวา เอกํ สหายกํ ปุจฺฉิ – ‘‘กทา วาณิโช นิกฺขมิสฺสตี’’ติ. โส ‘‘ทฺวีหตีหจฺจเยนา’’ติ วตฺวา ‘‘กิมตฺถํ ปน ปุจฺฉสี’’ติ อาห. อถสฺส โส ‘‘มยํ ปฺจสตา โจรา เอตสฺสตฺถาย อฏวิยํ ิตา’’ติ อาจิกฺขิ. อิตโร ‘‘เตน หิ คจฺฉ, สีฆํ นิกฺขมิสฺสตี’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา, ‘‘กึ นุ โข โจเร วาเรมิ, อุทาหุ วาณิช’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘กึ เม โจเรหิ, วาณิชํ นิสฺสาย ปฺจสตา ภิกฺขู ชีวนฺติ, วาณิชสฺส สฺํ ทสฺสามี’’ติ โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กทา คมิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตติยทิวเส’’ติ วุตฺเต มยฺหํ วจนํ กโรถ, อฏวิยํ กิร ตุมฺหากํ อตฺถาย ปฺจสตา โจรา ิตา, มา ตาว คมิตฺถาติ. ตฺวํ กถํ ชานาสีติ? เตสํ อนฺตเร มม สหาโย อตฺถิ, ตสฺส เม กถาย าตนฺติ. ‘‘เตน หิ ‘กึ เม เอตฺโต คเตนา’ติ นิวตฺติตฺวา เคหเมว คมิสฺสามี’’ติ อาห. ตสฺมึ จิรายนฺเต ปุน เตหิ โจเรหิ เปสิโต ปุริโส อาคนฺตฺวา ตํ สหายกํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘นิวตฺติตฺวา เคหเมว กิร คมิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา โจรานํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา โจรา ตโต นิกฺขมิตฺวา อิตรสฺมึ มคฺเค อฏฺํสุ, ตสฺมึ จิรยนฺเต ปุนปิ เต โจรา ตสฺส สนฺติกํ ปุริสํ เปเสสุํ. โส เตสํ ตตฺถ ิตภาวํ ตฺวา ปุน วาณิชสฺส อาโรเจสิ. วาณิโช ‘‘อิธาปิ เม เวกลฺลํ นตฺถิ, เอวํ สนฺเต เนว เอตฺโต คมิสฺสามิ, น อิโต, อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, โจรา กิร มํ วิลุมฺปิตุกามา มคฺเค ิตา, ‘ปุน นิวตฺติสฺสตี’ติ สุตฺวา อิตรสฺมึ มคฺเค ิตา, อหํ เอตฺโต วา อิโต วา อคนฺตฺวา โถกํ อิเธว ภวิสฺสามิ, ภทนฺตา อิเธว วสิตุกามา วสนฺตุ, คนฺตุกามา อตฺตโน รุจึ กโรนฺตู’’ติ. ภิกฺขู ‘‘เอวํ สนฺเต มยํ นิวตฺติสฺสามา’’ติ วาณิชํ อาปุจฺฉิตฺวา ปุนเทว สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, มหาธนวาณิเชน สทฺธึ น คมิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, มหาธนวาณิชสฺส วิลุมฺปนตฺถาย ทฺวีสุปิ มคฺเคสุ โจรา ปริยุฏฺึสุ, เตน โส ตตฺเถว ิโต, มยํ ปน ตํ อาปุจฺฉิตฺวา อาคตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มหาธนวาณิโช โจรานํ อตฺถิตาย มคฺคํ ปริวชฺชติ, ชีวิตุกาโม วิย ปุริโส หลาหลํ วิสํ ปริวชฺเชติ, ภิกฺขุนาปิ ‘ตโย ภวา โจเรหิ ปริยุฏฺิตมคฺคสทิสา’ติ ตฺวา ปาปํ ปริวชฺเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๒๓.

‘‘วาณิโชว ภยํ มคฺคํ, อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน;

วิสํ ชีวิตุกาโมว, ปาปานิ ปริวชฺชเย’’ติ.

ตตฺถ ภยนฺติ ภายิตพฺพํ, โจเรหิ ปริยุฏฺิตตฺตา สปฺปฏิภยนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา มหาธนวาณิโช อปฺปสตฺโถ สปฺปฏิภยํ มคฺคํ, ยถา จ ชีวิตุกาโม หลาหลํ วิสํ ปริวชฺเชติ, เอวํ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อปฺปมตฺตกานิปิ ปาปานิ ปริวชฺเชยฺยาติ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

มหาธนวาณิชวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. กุกฺกุฏมิตฺตเนสาทวตฺถุ

ปาณิมฺหิ เจติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต กุกฺกุฏมิตฺตํ นาม เนสาทํ อารพฺภ กเถสิ.

ราชคเห กิร เอกา เสฏฺิธีตา วยปฺปตฺตา สตฺตภูมิกปาสาทสฺส อุปริ สิริคพฺเภ อารกฺขณตฺถาย เอกํ ปริจาริกํ ทตฺวา มาตาปิตูหิ วาสิยมานา เอกทิวสํ สายนฺหสมเย วาตปาเนน อนฺตรวีถึ โอโลเกนฺตี ปฺจ ปาสสตานิ ปฺจ สูลสตานิ อาทาย มิเค วธิตฺวา ชีวมานํ เอกํ กุกฺกุฏมิตฺตํ นาม เนสาทํ ปฺจ มิคสตานิ วธิตฺวา เตสํ มํเสน มหาสกฏํ ปูเรตฺวา สกฏธุเร นิสีทิตฺวา มํสวิกฺกิณนตฺถาย นครํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา ปริจาริกาย หตฺเถ ปณฺณาการํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, เอตสฺส ปณฺณาการํ ทตฺวา คมนกาลํ ตฺวา เอหี’’ติ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา ตสฺส ปณฺณาการํ ทตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กทา คมิสฺสสี’’ติ? โส ‘‘อชฺช มํสํ วิกฺกิณิตฺวา ปาโตว อสุกทฺวาเรน นาม นิกฺขมิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ อาห. สา เตน กถิตกถํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ตสฺสา อาโรเจสิ. เสฏฺิธีตา อตฺตนา คเหตพฺพยุตฺตกํ วตฺถาภรณชาตํ สํวิทหิตฺวา ปาโตว มลินวตฺถํ นิวาเสตฺวา กุฏํ อาทาย ทาสีหิ สทฺธึ อุทกติตฺถํ คจฺฉนฺตี วิย นิกฺขมิตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา ตสฺสาคมนํ โอโลเกนฺตี อฏฺาสิ. โสปิ ปาโตว สกฏํ ปาเชนฺโต นิกฺขมิ. สา ตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต ปายาสิ. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘อหํ ตํ ‘อสุกสฺส นาม ธีตา’ติ น ชานามิ, มา มํ อนุพนฺธิ, อมฺมา’’ติ อาห. น มํ ตฺวํ ปกฺโกสสิ, อหํ อตฺตโน ธมฺมตาย อาคจฺฉามิ, ตฺวํ ตุณฺหี หุตฺวา อตฺตโน สกฏํ ปาเชหีติ. โส ปุนปฺปุนํ ตํ นิวาเรติเยว. อถ นํ สา อาห – ‘‘สามิ, สิรี นาม อตฺตโน สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตี นิวาเรตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. โส ตสฺสา นิสฺสํสเยน อาคมนการณํ ตฺวา ตํ สกฏํ อาโรเปตฺวา อคมาสิ. ตสฺสา มาตาปิตโร อิโต จิโต จ ปริเยสาเปตฺวา อปสฺสนฺตา ‘‘มตา ภวิสฺสตี’’ติ มตกภตฺตํ กรึสุ. สาปิ เตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย ปฏิปาฏิยา สตฺต ปุตฺเต วิชายิตฺวา เต วยปฺปตฺเต ฆรพนฺธเนน พนฺธิ.

อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต กุกฺกุฏมิตฺตํ สปุตฺตํ สสุณิสํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ อุปธาเรนฺโต เตสํ ปนฺนรสนฺนมฺปิ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปาโตว ปตฺตจีวรํ อาทาย ตสฺส ปาสฏฺานํ อคมาสิ. ตํ ทิวสํ ปาเส พทฺโธ เอกมิโคปิ นาโหสิ. สตฺถา ตสฺส ปาสมูเล ปทวลฺชํ ทสฺเสตฺวา ปุรโต เอกสฺส คุมฺพสฺส เหฏฺา ฉายายํ นิสีทิ. กุกฺกุฏมิตฺโต ปาโตว ธนุํ อาทาย ปาสฏฺานํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ปาเส โอโลกยมาโน ปาเส พทฺธํ เอกมฺปิ มิคํ อทิสฺวา สตฺถุ ปทวลฺชํ อทฺทส. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก มยฺหํ พทฺธมิเค โมเจนฺโต วิจรตี’’ติ. โส สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา คจฺฉนฺโต คุมฺพมูเล นิสินฺนํ สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘อิมินา มม มิคา โมจิตา ภวิสฺสนฺติ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ ธนุํ อากฑฺฒิ. สตฺถา ธนุํ อากฑฺฒิตุํ ทตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ นาทาสิ. โส สรํ วิสฺสชฺเชตุมฺปิ โอโรเปตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ผาสุกาหิ ภิชฺชนฺตีหิ วิย มุขโต เขเฬน ปคฺฆรนฺเตน กิลนฺตรูโป อฏฺาสิ. อถสฺส ปุตฺตา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ปิตา โน จิรายติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ วตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ปิตุ สนฺติก’’นฺติ มาตรา เปสิตา ธนูนิ อาทาย คนฺตฺวา ปิตรํ ตถาิตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โน ปิตุ ปจฺจามิตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ สตฺตปิ ชนา ธนูนิ อากฑฺฒิตฺวา พุทฺธานุภาเวน ยถา เนสํ ปิตา ิโต, ตเถว อฏฺํสุ. อถ เนสํ มาตา ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺตาปิ จิรายนฺตี’’ติ วตฺวา สตฺตหิ สุณิสาหิ สทฺธึ คนฺตฺวา เต ตถาิเต ทิสฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อิเม ธนูนิ อากฑฺฒิตฺวา ิตา’’ติ โอโลเกนฺตี สตฺถารํ ทิสฺวา พาหา ปคฺคยฺห – ‘‘มา เม ปิตรํ นาเสถ, มา เม ปิตรํ นาเสถา’’ติ มหาสทฺทมกาสิ. กุกฺกุฏมิตฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นฏฺโ วตมฺหิ, สสุโร กิร เม เอส, อโห มยา ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ. ปุตฺตาวิสฺส ‘‘อยฺยโก กิร โน เอส, อโห ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ จินฺตยึสุ. กุกฺกุฏมิตฺโต ‘‘อยํ สสุโร เม’’ติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺเปสิ, ปุตฺตาปิสฺส ‘‘อยฺยโก โน’’ติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺเปสุํ. อถ เต เนสํ มาตา เสฏฺิธีตา ‘‘ขิปฺปํ ธนูนิ ฉฑฺเฑตฺวา ปิตรํ เม ขมาเปถา’’ติ อาห.

สตฺถา เตสํ มุทุจิตฺตตํ ตฺวา ธนุํ โอตาเรตุํ อทาสิ. เต สพฺเพ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ขมถ โน, ภนฺเต’’ติ ขมาเปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ เนสํ สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. เทสนาวสาเน กุกฺกุฏมิตฺโต สทฺธึ ปุตฺเตหิ เจว สุณิสาหิ จ อตฺตปฺจทสโม โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, กหํ คมิตฺถา’’ติ. กุกฺกุฏมิตฺตสฺส สนฺติกํ, อานนฺทาติ. ปาณาติปาตกมฺมสฺส โว, ภนฺเต, อการโก กโตติ. อามานนฺท, โส อตฺตปฺจทสโม อจลสทฺธาย ปติฏฺาย ตีสุ รตเนสุ นิกฺกงฺโข หุตฺวา ปาณาติปาตกมฺมสฺส อการโก ชาโตติ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘นนุ, ภนฺเต, ภริยาปิสฺส อตฺถี’’ติ. อาม, ภิกฺขเว, สา กุลเคเห กุมาริกา หุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺตาติ. ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กุกฺกุฏมิตฺตสฺส กิร ภริยา กุมาริกกาเล เอว โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา สตฺต ปุตฺเต ลภิ, สา เอตฺตกํ กาลํ สามิเกน ‘ธนุํ อาหร, สเร อาหร, สตฺตึ อาหร, สูลํ อาหร, ชาลํ อาหรา’ติ วุจฺจมานา ตานิ อทาสิ. โสปิ ตาย ทินฺนานิ อาทาย คนฺตฺวา ปาณาติปาตํ กโรติ, กึ นุ โข โสตาปนฺนาปิ ปาณาติปาตํ กโรนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, โสตาปนฺนา ปาณาติปาตํ กโรนฺติ, สา ปน ‘สามิกสฺส วจนํ กโรมี’ติ ตถา อกาสิ. ‘อิทํ คเหตฺวา เอส คนฺตฺวา ปาณาติปาตํ กโรตู’ติ ตสฺสา จิตฺตํ นตฺถิ. ปาณิตลสฺมิฺหิ วเณ อสติ วิสํ คณฺหนฺตสฺส ตํ วิสํ อนุฑหิตุํ น สกฺโกติ, เอวเมวํ อกุสลเจตนาย อภาเวน ปาปํ อกโรนฺตสฺส ธนุอาทีนิ นีหริตฺวา ททโตปิ ปาปํ นาม น โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๒๔.

‘‘ปาณิมฺหิ เจ วโณ นาสฺส, หเรยฺย ปาณินา วิสํ;

นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ, นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต’’ติ.

ตตฺถ นาสฺสาติ น ภเวยฺย. หเรยฺยาติ หริตุํ สกฺกุเณยฺย. กึ การณา? ยสฺมา นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ อวณฺหิ ปาณึ วิสํ อนฺเวตุํ น สกฺโกติ, เอวเมว ธนุอาทีนิ นีหริตฺวา เทนฺตสฺสาปิ อกุสลเจตนาย อภาเวน ปาปํ อกุพฺพโต ปาปํ นาม นตฺถิ, อวณํ ปาณึ วิสํ วิย นาสฺส จิตฺตํ ปาปํ อนุคจฺฉตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อปเรน สมเยน ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘โก นุ โข กุกฺกุฏมิตฺตสฺส สปุตฺตสฺส สสุณิสสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสโย, เกน การเณน เนสาทกุเล นิพฺพตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อตีเต กสฺสปทสพลสฺส ธาตุเจติยํ สํวิทหนฺตา เอวมาหํสุ – ‘‘กึ นุ โข อิมสฺส เจติยสฺส มตฺติกา ภวิสฺสติ, กึ อุทก’’นฺติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘หริตาลมโนสิลา มตฺติกา ภวิสฺสติ, ติลเตลํ อุทก’’นฺติ. เต หริตาลมโนสิลา โกฏฺเฏตฺวา ติลเตเลน สํสนฺทิตฺวา อิฏฺกาย ฆเฏตฺวา สุวณฺเณน ขจิตฺวา อนฺโต จินึสุ, พหิมุเข ปน เอกคฺฆนสุวณฺณอิฏฺกาว อเหสุํ. เอเกกา สตสหสฺสคฺฆนิกา อโหสิ. เต ยาว ธาตุนิธานา เจติเย นิฏฺิเต จินฺตยึสุ – ‘‘ธาตุนิธานกาเล พหุนา ธเนน อตฺโถ, กํ นุ โข เชฏฺกํ กโรมา’’ติ.

อเถโก คามวาสิโก เสฏฺิ ‘‘อหํ เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ธาตุนิธาเน เอกํ หิรฺโกฏึ ปกฺขิปิ. ตํ ทิสฺวา รฏฺวาสิโน ‘‘อยํ นครเสฏฺิ ธนเมว สํหรติ, เอวรูเป เจติเย เชฏฺโก ภวิตุํ น สกฺโกติ, คามวาสี ปน โกฏิธนํ ปกฺขิปิตฺวา เชฏฺโก ชาโต’’ติ อุชฺฌายึสุ. โส เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อหํ ทฺเว โกฏิโย ทตฺวา เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ทฺเว โกฏิโย อทาสิ. อิตโร ‘‘อหเมว เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ติสฺโส โกฏิโย อทาสิ. เอวํ วฑฺเฒตฺวา วฑฺเฒตฺวา นครวาสี อฏฺ โกฏิโย อทาสิ. คามวาสิโน ปน เคเห นวโกฏิธนเมว อตฺถิ, นครวาสิโน จตฺตาลีสโกฏิธนํ. ตสฺมา คามวาสี จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ นว โกฏิโย ทสฺสามิ, อยํ ‘ทส โกฏิโย ทสฺสามี’ติ วกฺขติ, อถ เม นิทฺธนภาโว ปฺายิสฺสตี’’ติ. โส เอวมาห – ‘‘อหํ เอตฺตกฺจ ธนํ ทสฺสามิ, สปุตฺตทาโร จ เจติยสฺส ทาโส ภวิสฺสามี’’ติ สตฺต ปุตฺเต สตฺต สุณิสาโย ภริยฺจ คเหตฺวา อตฺตนา สทฺธึ เจติยสฺส นิยฺยาเทสิ. รฏฺวาสิโน ‘‘ธนํ นาม สกฺกา อุปฺปาเทตุํ, อยํ ปน สปุตฺตทาโร อตฺตานํ นิยฺยาเทสิ, อยเมว เชฏฺโก โหตู’’ติ ตํ เชฏฺกํ กรึสุ. อิติ เต โสฬสปิ ชนา เจติยสฺส ทาสา อเหสุํ. รฏฺวาสิโน ปน เต ภุชิสฺเส อกํสุ. เอวํ สนฺเตปิ เจติยเมว ปฏิชคฺคิตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก วสนฺเตสุ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภริยา ตโต จวิตฺวา ราชคเห เสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา กุมาริกาว หุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อทิฏฺสจฺจสฺส ปน ปฏิสนฺธิ นาม ภาริยาติ ตสฺสา สามิโก สมฺปริวตฺตมาโน คนฺตฺวา เนสาทกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส สห ทสฺสเนเนว เสฏฺิธีตรํ ปุพฺพสิเนโห อชฺโฌตฺถริ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;

เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);

สา ปุพฺพสิเนเหเนว เนสาทกุลํ อคมาสิ. ปุตฺตาปิสฺสา เทวโลกา จวิตฺวา ตสฺสา เอว กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ, สุณิสาโยปิสฺสา ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา เตสํเยว เคหํ อคมํสุ. เอวํ เต สพฺเพปิ ตทา เจติยํ ปฏิชคฺคิตฺวา ตสฺส กมฺมสฺสานุภาเวน โสตาปตฺติผลํ ปตฺตาติ.

กุกฺกุฏมิตฺตเนสาทวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. โกกสุนขลุทฺทกวตฺถุ

โย อปฺปทุฏฺสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกํ นาม สุนขลุทฺทกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เอกทิวสํ ปุพฺพณฺหสมเย ธนุํ อาทาย สุนขปริวุโต อรฺํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา กุชฺฌิตฺวา ‘‘กาฬกณฺณิ เม ทิฏฺโ, อชฺช กิฺจิ น ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกามิ. เถโรปิ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปุน วิหารํ ปายาสิ. อิตโรปิ อรฺเ วิจริตฺวา กิฺจิ อลภิตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺโต ปุน เถรํ ทิสฺวา ‘‘อชฺชาหํ อิมํ กาฬกณฺณึ ทิสฺวา อรฺํ คโต กิฺจิ น ลภึ, อิทานิ เม ปุนปิ อภิมุโข ชาโต, สุนเขหิ นํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ สฺํ ทตฺวา สุนเข วิสฺสชฺเชสิ. เถโรปิ ‘‘มา เอวํ กริ อุปาสกา’’ติ ยาจิ. โส ‘‘อชฺชาหํ ตว สมฺมุขีภูตตฺตา กิฺจิ นาลตฺถํ, ปุนปิ เม สมฺมุขีภาวมาคโตสิ, ขาทาเปสฺสาเมว ต’’นฺติ วตฺวา สุนเข อุยฺโยเชสิ. เถโร เวเคน เอกํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา ปุริสปฺปมาเณ าเน นิสีทิ. สุนขา รุกฺขํ ปริวาเรสุํ. ลุทฺทโก คนฺตฺวา ‘‘รุกฺขํ อภิรุหโตปิ เต โมกฺโข นตฺถี’’ติ ตํ สรตุณฺเฑน ปาทตเล วิชฺฌิ. เถโร ‘‘มา เอวํ กโรหี’’ติ ตํ ยาจิเยว. อิตโร ตสฺส ยาจนํ อนาทิยิตฺวา ปุนปฺปุนํ วิชฺฌิเยว. เถโร เอกสฺมึ ปาทตเล วิชฺฌิยมาเน ตํ อุกฺขิปิตฺวา ทุติยํ ปาทํ โอลมฺพิตฺวา ตสฺมึ วิชฺฌิยมาเน ตมฺปิ อุกฺขิปติ, เอวมสฺส โส ยาจนํ อนาทิยิตฺวาว ทฺเวปิ ปาทตลานิ วิชฺฌิเยว. เถรสฺส สรีรํ อุกฺกาหิ อาทิตฺตํ วิย อโหสิ. โส เวทนานุวตฺติโก หุตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ นาสกฺขิ, ปารุตจีวรํ ภสฺสนฺตมฺปิ น สลฺลกฺเขสิ. ตํ ปตมานํ โกกํ สีสโต ปฏฺาย ปริกฺขิปนฺตเมว ปติ. สุนขา ‘‘เถโร ปติโต’’ติ สฺาย จีวรนฺตรํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน สามิกํ ลุฺชิตฺวา ขาทนฺตา อฏฺิมตฺตาวเสสํ กรึสุ. สุนขา จีวรนฺตรโต นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺํสุ.

อถ เนสํ เถโร เอกํ สุกฺขทณฺฑกํ ภฺชิตฺวา ขิปิ. สุนขา เถรํ ทิสฺวา ‘‘สามิโกว อมฺเหหิ ขาทิโต’’ติ ตฺวา อรฺํ ปวิสึสุ. เถโร กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทสิ ‘‘มม จีวรนฺตรํ ปวิสิตฺวา เอส นฏฺโ, อโรคํ นุ โข เม สีล’’นฺติ. โส รุกฺขา โอตริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา – ‘‘ภนฺเต, มม จีวรํ นิสฺสาย โส อุปาสโก นฏฺโ, กจฺจิ เม อโรคํ สีลํ, อตฺถิ เม สมณภาโว’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อโรคํ เต สีลํ, อตฺถิ เต สมณภาโว, โส อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโต, น เกวลฺจ อิทาเนว, อตีเตปิ อปฺปทุฏฺานํ ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อตีตํ อาหริ –

อตีเต กิเรโก เวชฺโช เวชฺชกมฺมตฺถาย คามํ วิจริตฺวา กิฺจิ กมฺมํ อลภิตฺวา ฉาตชฺฌตฺโต นิกฺขมิตฺวา คามทฺวาเร สมฺพหุเล กุมารเก กีฬนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม สปฺเปน ฑํสาเปตฺวา ติกิจฺฉิตฺวา อาหารํ ลภิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ รุกฺขพิเล สีสํ นิหริตฺวา นิปนฺนํ สปฺปํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘อมฺโภ, กุมารกา เอโส สาฬิกโปตโก, คณฺหถ น’’นฺติ อาห. อเถโก กุมารโก สปฺปํ คีวายํ ทฬฺหํ คเหตฺวา นีหริตฺวา ตสฺส สปฺปภาวํ ตฺวา วิรวนฺโต อวิทูเร ิตสฺส เวชฺชสฺส มตฺถเก ขิปิ. สปฺโป เวชฺชสฺส ขนฺธฏฺิกํ ปริกฺขิปิตฺวา ทฬฺหํ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ, เอวเมส โกโก สุนขลุทฺทโก ปุพฺเพปิ อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโตเยวาติ.

สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๒๕.

‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;

ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.

ตตฺถ อปฺปทุฏฺสฺสาติ อตฺตโน วา สพฺพสตฺตานํ วา อทุฏฺสฺส. นรสฺสาติ สตฺตสฺส. ทุสฺสตีติ อปรชฺฌติ. สุทฺธสฺสาติ นิรปราธสฺเสว. โปสสฺสาติ อิทมฺปิ อปเรนากาเรน สตฺตาธิวจนเมว. อนงฺคณสฺสาติ นิกฺกิเลสสฺส. ปจฺเจตีติ ปติเอติ. ปฏิวาตนฺติ ยถา เอเกน ปุริเสน ปฏิวาเต ิตํ ปหริตุกามตาย ขิตฺโต สุขุโม รโชติ ตเมว ปุริสํ ปจฺเจติ, ตสฺเสว อุปริ ปตติ, เอวเมว โย ปุคฺคโล อปทุฏฺสฺส ปุริสสฺส ปาณิปฺปหราทีนิ ททนฺโต ปทุสฺสติ, ตเมว พาลํ ทิฏฺเว ธมฺเม, สมฺปราเย วา นิรยาทีสุ วิปจฺจมานํ ตํ ปาปํ วิปากทุกฺขวเสน ปจฺเจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

โกกสุนขลุทฺทกวตฺถุ นวมํ.

๑๐. มณิการกุลูปกติสฺสตฺเถรวตฺถุ

คพฺภเมเกติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มณิการกุลูปกํ ติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เถโร เอกสฺส มณิการสฺส กุเล ทฺวาทส วสฺสานิ ภุฺชิ. ตสฺมึ กุเล ชยมฺปติกา มาตาปิตุฏฺาเน ตฺวา เถรํ ปฏิชคฺคึสุ. อเถกทิวสํ โส มณิกาโร เถรสฺส ปุรโต มํสํ ฉินฺทนฺโต นิสินฺโน โหติ. ตสฺมึ ขเณ ราชา ปเสนทิ โกสโล เอกํ มณิรตนํ ‘‘อิมํ โธวิตฺวา วิชฺฌิตฺวา ปหิณตู’’ติ เปเสสิ. มณิกาโร สโลหิเตเนว หตฺเถน ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา เปฬาย อุปริ เปตฺวา หตฺถโธวนตฺถํ อนฺโต ปาวิสิ. ตสฺมึ ปน เคเห โปสาวนิยโกฺจสกุโณ อตฺถิ. โส โลหิตคนฺเธน มํสสฺาย ตํ มณึ เถรสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว คิลิ. มณิกาโร อาคนฺตฺวา มณึ อปสฺสนฺโต ‘‘มณิ เกน คหิโต’’ติ ภริยฺจ ปุตฺตเก จ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘น คณฺหามา’’ติ วุตฺเต ‘‘เถเรน คหิโต ภวิสฺสตี’’ติ. จินฺเตตฺวา ภริยาย สทฺธึ มนฺเตสิ – ‘‘เถเรน มณิ คหิโต ภวิสฺสตี’’ติ. สา, สามิ, มา เอวํ อวจ, เอตฺตกํ กาลํ มยา เถรสฺส น กิฺจิ วชฺชํ ทิฏฺปุพฺพํ, น โส มณึ คณฺหาตีติ. มณิกาโร เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน มณิรตนํ ตุมฺเหหิ คหิต’’นฺติ. น คณฺหามิ, อุปาสกาติ. ภนฺเต, น อิธ อฺโ อตฺถิ, ตุมฺเหหิเยว คหิโต ภวิสฺสติ, เทถ เม มณิรตนนฺติ. โส ตสฺมึ อสมฺปฏิจฺฉนฺเต ปุน ภริยํ อาห – ‘‘เถเรเนว มณิ คหิโต, ปีเฬตฺวา นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. สา, สามิ, มา โน นาสยิ, วรํ อมฺเหหิ ทาสพฺยํ อุปคนฺตุํ, น จ เถรํ เอวรูปํ วตฺตุนฺติ. โส ‘‘สพฺเพว มยํ ทาสตฺตํ อุปคจฺฉนฺตา มณิมูลํ น อคฺฆามา’’ติ รชฺชุํ คเหตฺวา เถรสฺส สีสํ เวเตฺวา ทณฺเฑน ฆฏฺเฏสิ. เถรสฺส สีสโต จ กณฺณนาสาหิ จ โลหิตํ ปคฺฆริ, อกฺขีนิ นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ อเหสุํ, โส เวทนาปมตฺโต ภูมิยํ ปติ. โกฺโจ โลหิตคนฺเธนา คนฺตฺวา โลหิตํ ปิวิ. อถ นํ มณิกาโร เถเร อุปฺปนฺนโกธเวเคน ‘‘ตฺวํ กึ กโรสี’’ติ ปาเทน ปหริตฺวา ขิปิ. โส เอกปฺปหาเรเนว มริตฺวา อุตฺตาโน อโหสิ.

เถโร ตํ ทิสฺวา, อุปาสก, สีเส เวนํ ตาว เม สิถิลํ กตฺวา อิมํ โกฺจํ โอโลเกหิ ‘‘มโต วา, โน วา’’ติ. อถ นํ โส อาห – ‘‘เอโส วิย ตฺวมฺปิ มริสฺสสี’’ติ. อุปาสก, อิมินา โส มณิ คิลิโต, สเจ อยํ น อมริสฺสา, น เต อหํ มรนฺโตปิ มณึ อาจิกฺขิสฺสนฺติ. โส ตสฺส อุทรํ ผาเลตฺวา มณึ ทิสฺวา ปเวเธนฺโต สํวิคฺคมานโส เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมถ, เม, ภนฺเต, อชานนฺเตน มยา กต’’นฺติ อาห. อุปาสก, เนว ตุยฺหํ โทโส อตฺถิ, น มยฺหํ, วฏฺฏสฺเสเวส โทโส, ขมามิ เตติ. ภนฺเต, สเจ เม ขมถ, ปกตินิยาเมเนว เม เคเห นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คณฺหถาติ. ‘‘อุปาสก, น ทานาหํ อิโต ปฏฺาย ปเรสํ เคหสฺส อนฺโตฉทนํ ปวิสิสฺสามิ, อนฺโตเคหปเวสนสฺเสว หิ อยํ โทโส, อิโต ปฏฺาย ปาเทสุ อาวหนฺเตสุ เคหทฺวาเร ิโตว ภิกฺขํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ธุตงฺคํ สมาทาย อิมํ คาถมาห –

‘‘ปจฺจติ มุนิโน ภตฺตํ, โถกํ โถกํ กุเล กุเล;

ปิณฺฑิกาย จริสฺสามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมา’’ติ. (เถรคา. ๒๔๘) –

อิทฺจ ปน วตฺวา เถโร เตเนว พฺยาธินา น จิรสฺเสว ปรินิพฺพายิ. โกฺโจ มณิการสฺส ภริยาย กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. มณิกาโร กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. มณิการสฺส ภริยา เถเร มุทุจิตฺตตาย กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ภิกฺขู สตฺถารํ เตสํ อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ คพฺเภ นิพฺพตฺตนฺติ, เอกจฺเจ ปาปการิโน นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ, เอกจฺเจ กตกลฺยาณา เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, อนาสวา ปน ปรินิพฺพายนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๒๖.

‘‘คพฺภเมเก อุปฺปชฺชนฺติ, นิรยํ ปาปกมฺมิโน;

สคฺคํ สุคติโน ยนฺติ, ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา’’ติ.

ตตฺถ คพฺภนฺติ อิธ มนุสฺสคพฺโภว อธิปฺเปโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มณิการกุลูปกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. ตโยชนวตฺถุ

อนฺตลิกฺเขติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตโย ชเน อารพฺภ กเถสิ.

สตฺถริ กิร เชตวเน วิหรนฺเต สมฺพหุลา ภิกฺขู สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉนฺตา เอกํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. คามวาสิโน เต สมฺปตฺเต อาทาย อาสนสาลาย นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ปิณฺฑปาตเวลํ อาคมยมานา ธมฺมํ สุณนฺตา นิสีทึสุ. ตสฺมึ ขเณ ภตฺตํ ปจิตฺวา สูปพฺยฺชนํ ธูปยมานาย เอกิสฺสา อิตฺถิยา ภาชนโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา ฉทนํ คณฺหิ. ตโต เอกํ ติณกรฬํ อุฏฺหิตฺวา ชลมานํ อากาสํ ปกฺขนฺทิ. ตสฺมึ ขเณ เอโก กาโก อากาเสน คจฺฉนฺโต ตตฺถ คีวํ ปเวเสตฺวา ติณวลฺลิเวิโต ฌายิตฺวา คามมชฺเฌ ปติ. ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา ‘‘อโห ภาริยํ กมฺมํ, ปสฺสถาวุโส, กาเกน ปตฺตํ วิปฺปการํ, อิมินา กตกมฺมํ อฺตฺร สตฺถารา โก ชานิสฺสติ, สตฺถารมสฺส กมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมึสุ.

อปเรสมฺปิ ภิกฺขูนํ สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย นาวํ อภิรุยฺห คจฺฉนฺตานํ นาวา สมุทฺเท นิจฺจลา อฏฺาสิ. มนุสฺสา ‘‘กาฬกณฺณินา เอตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ สลากํ วิจาเรสุํ. นาวิกสฺส จ ภริยา ปมวเย ิตา ทสฺสนียา ปาสาทิกา, สลากา ตสฺสา ปาปุณิ. ‘‘สลากํ ปุน วิจาเรถา’’ติ วตฺวา ยาวตติยํ วิจาเรสุํ, ติกฺขตฺตุมฺปิ ตสฺสา เอว ปาปุณิ. มนุสฺสา ‘‘กึ, สามี’’ติ นาวิกสฺส มุขํ โอโลเกสุํ. นาวิโก ‘‘น สกฺกา เอกิสฺสา อตฺถาย มหาชนํ นาเสตุํ, อุทเก นํ ขิปถา’’ติ อาห. สา คเหตฺวา อุทเก ขิปิยมานา มรณภยตชฺชิตา วิรวํ อกาสิ. ตํ สุตฺวา นาวิโก โก อตฺโถ อิมิสฺสา อาภรเณหิ นฏฺเหิ, สพฺพาภรณานิ โอมุฺจิตฺวา เอกํ ปิโลติกํ นิวาสาเปตฺวา ฉฑฺเฑถ นํ, อหํ ปเนตํ อุทกปิฏฺเ ปฺลวมานํ ทฏฺุํ น สกฺขิสฺสามี ตสฺมา ยถา นํ อหํ น ปสฺสามิ, ตถา เอกํ วาลุกกุฏํ คีวาย พนฺธิตฺวา สมุทฺเท ขิปถาติ. เต ตถา กรึสุ. ตมฺปิ ปติตฏฺาเนเยว มจฺฉกจฺฉปา วิลุมฺปึสุ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘เปตฺวา สตฺถารํ โก อฺโ เอติสฺสา อิตฺถิยา กตกมฺมํ ชานิสฺสติ, สตฺถารํ ตสฺสา กมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ อิจฺฉิตฏฺานํ ปตฺวา นาวาโต โอรุยฺห ปกฺกมึสุ.

อปเรปิ สตฺต ภิกฺขู สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย คจฺฉนฺตา สายํ เอกํ วิหารํ ปวิสิตฺวา วสนฏฺานํ ปุจฺฉึสุ. เอกสฺมิฺจ เลเณ สตฺต มฺจา โหนฺติ. เตสํ ตเทว ลภิตฺวา ตตฺถ นิปนฺนานํ รตฺติภาเค กูฏาคารมตฺโต ปาสาโณ ปวฏฺฏมาโน อาคนฺตฺวา เลณทฺวารํ ปิทหิ. เนวาสิกา ภิกฺขู ‘‘มยํ อิมํ เลณํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ ปาปยิมฺหา, อยฺจ มหาปาสาโณ เลณทฺวารํ ปิทหนฺโต อฏฺาสิ, อปเนสฺสาม น’’นฺติ สมนฺตา สตฺตหิ คาเมหิ มนุสฺเส สนฺนิปาเตตฺวา วายมนฺตาปิ านา จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. อนฺโต ปวิฏฺภิกฺขูปิ วายมึสุเยว. เอวํ สนฺเตปิ สตฺตาหํ ปาสาณํ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. อาคนฺตุกา สตฺตาหํ ฉาตชฺฌตฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวึสุ. สตฺตเม ทิวเส ปาสาโณ สยเมว ปวฏฺฏิตฺวา อปคโต. ภิกฺขู นิกฺขมิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อิมํ ปาปํ อฺตฺร สตฺถารา โก ชานิสฺสติ, สตฺถารํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมึสุ. เต ปุริเมหิ สทฺธึ อนฺตรามคฺเค สมาคนฺตฺวา สพฺเพ เอกโตว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา สตฺถารา กตปฏิสนฺถารา อตฺตนา อตฺตนา ทิฏฺานุภูตานิ การณานิ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉึสุ.

สตฺถาปิ เตสํ ปฏิปาฏิยา เอวํ พฺยากาสิ – ‘‘ภิกฺขเว, โส ตาว กาโก อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุโภสิ. อตีตกาเล หิ พาราณสิยํ เอโก กสฺสโก อตฺตโน โคณํ ทเมนฺโต ทเมตุํ นาสกฺขิ. โส หิสฺส โคโณ โถกํ คนฺตฺวา นิปชฺชิ, โปเถตฺวา อุฏฺาปิโตปิ โถกํ คนฺตฺวา ปุนปิ ตเถว นิปชฺชิ. โส วายมิตฺวา ตํ ทเมตุํ อสกฺโกนฺโต โกธาภิภูโต หุตฺวา ‘อิโต ทานิ ปฏฺาย สุขํ นิปชฺชิสฺสสี’ติ ปลาลปิณฺฑํ วิย กโรนฺโต ปลาเลน ตสฺส คีวํ ปลิเวเตฺวา อคฺคิมทาสิ, โคโณ ตตฺเถว ฌายิตฺวา มโต. ตทา, ภิกฺขเว, เตน กาเกน ตํ ปาปกมฺมํ กตํ. โส ตสฺส วิปาเกน ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน สตฺตกฺขตฺตุํ กากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา เอวเมว อากาเส ฌายิตฺวาว มโต’’ติ.

สาปิ, ภิกฺขเว, อิตฺถี อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุโภสิ. สา หิ อตีเต พาราณสิยํ เอกสฺส คหปติกสฺส ภริยา อุทกหรณโกฏฺฏนปจนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ สหตฺเถเนว อกาสิ. ตสฺสา เอโก สุนโข ตํ เคเห สพฺพกิจฺจานิ กุรุมานํ โอโลเกนฺโตว นิสีทติ. เขตฺเต ภตฺตํ หรนฺติยา ทารุปณฺณาทีนํ วา อตฺถาย อรฺํ คจฺฉนฺติยา ตาย สทฺธึเยว คจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา ทหรมนุสฺสา ‘‘อมฺโภ นิกฺขนฺโต สุนขลุทฺทโก, อชฺช มยํ มํเสน ภุฺชิสฺสามา’’ติ อุปฺปณฺเฑนฺติ. สา เตสํ กถาย มงฺกุ หุตฺวา สุนขํ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหริตฺวา ปลาเปติ, สุนโข นิวตฺติตฺวา ปุน อนุพนฺธติ. โส กิรสฺสา ตติเย อตฺตภาเว ภตฺตา อโหสิ, ตสฺมา สิเนหํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกติ. กิฺจาปิ หิ อนมตคฺเค สํสาเร ชายา วา ปติ วา อภูตปุพฺพา นาม นตฺถิ, อวิทูเร ปน อตฺตภาเว าตเกสุ อธิมตฺโต สิเนโห โหติ, ตสฺมา โส สุนโข ตํ วิชหิตุํ น สกฺโกติ. สา ตสฺส กุชฺฌิตฺวา เขตฺตํ สามิกสฺส ยาคุํ หรมานา รชฺชุํ อุจฺฉงฺเค เปตฺวา อคมาสิ, สุนโข ตาเยว สทฺธึ คโต. สา สามิกสฺส ยาคุํ ทตฺวา ตุจฺฉกุฏํ อาทาย เอกํ อุทกฏฺานํ คนฺตฺวา กุฏํ วาลุกาย ปูเรตฺวา สมีเป โอโลเกตฺวา ิตสฺส สุนขสฺส สทฺทมกาสิ. สุนโข ‘‘จิรสฺสํ วต เม อชฺช มธุรกถา ลทฺธา’’ติ นงฺคุฏฺํ จาเลนฺโต ตํ อุปสงฺกมิ. สา ตํ คีวายํ ทฬฺหํ คเหตฺวา เอกาย รชฺชุโกฏิยา กุฏํ พนฺธิตฺวา เอกํ รชฺชุโกฏึ สุนขสฺส คีวายํ พนฺธิตฺวา กุฏํ อุทกาภิมุขํ ปวฏฺเฏสิ. สุนโข กุฏํ อนุพนฺธนฺโต อุทเก ปติตฺวา ตตฺเถว กาลมกาสิ. สา ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต วาลุกกุฏํ คีวายํ พนฺธิตฺวา อุทเก ปกฺขิตฺตา กาลมกาสีติ.

ตุมฺเหหิปิ, ภิกฺขเว, อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุภูตํ. อตีตสฺมิฺหิ พาราณสิวาสิโน สตฺต โคปาลกทารกา เอกสฺมึ อฏวิปเทเส สตฺตาหวาเรน คาวิโย วิจรนฺตา เอกทิวสํ คาวิโย วิจาเรตฺวา อาคจฺฉนฺตา เอกํ มหาโคธํ ทิสฺวา อนุพนฺธึสุ. โคธา ปลายิตฺวา เอกํ วมฺมิกํ ปาวิสิ. ตสฺส ปน วมฺมิกสฺส สตฺต ฉิทฺทานิ, ทารกา ‘‘มยํ ทานิ คเหตุํ น สกฺขิสฺสาม, สฺเว อาคนฺตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ เอเกโก เอเกกํ สาขภงฺคมุฏฺึ อาทาย สตฺตปิ ชนา สตฺต ฉิทฺทานิ ปิทหิตฺวา ปกฺกมึสุ. เต ปุนทิวเส ตํ โคธํ อมนสิกตฺวา อฺสฺมึ ปเทเส คาวิโย วิจาเรตฺวา สตฺตเม ทิวเส คาวิโย อาทาย คจฺฉนฺตา ตํ วมฺมิกํ ทิสฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา ‘‘กา นุ โข ตสฺสา โคธาย ปวตฺตี’’ติ อตฺตนา อตฺตนา ปิทหิตานิ ฉิทฺทานิ วิวรึสุ. โคธา ชีวิเต นิราลยา หุตฺวา อฏฺิจมฺมาวเสสา ปเวธมานา นิกฺขมิ. เต ตํ ทิสฺวา อนุกมฺปํ กตฺวา ‘‘มา นํ มาเรถ, สตฺตาหํ ฉินฺนภตฺตา ชาตา’’ติ ตสฺสา ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘สุเขน คจฺฉาหี’’ติ วิสฺสชฺเชสุํ. เต โคธาย อมาริตตฺตา นิรเย ตาว น ปจฺจึสุ. เต ปน สตฺต ชนา เอกโต หุตฺวา จุทฺทสสุ อตฺตภาเวสุ สตฺต สตฺต ทิวสานิ ฉินฺนภตฺตา อเหสุํ. ตทา, ภิกฺขเว, ตุมฺเหหิ สตฺตหิ โคปาลเกหิ หุตฺวา ตํ กมฺมํ กตนฺติ. เอวํ สตฺถา เตหิ ปุฏฺปุฏฺํ ปฺหํ พฺยากาสิ.

อเถโก ภิกฺขุ สตฺถารํ อาห – ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ปาปกมฺมํ กตฺวา อากาเส อุปฺปติตสฺสปิ สมุทฺทํ ปกฺขนฺทสฺสาปิ ปพฺพตนฺตรํ ปวิฏฺสฺสาปิ โมกฺโข นตฺถี’’ติ. สตฺถา ‘‘เอวเมตํ, ภิกฺขเว, อากาสาทีสุปิ เอกปเทโสปิ นตฺถิ, ยตฺถ ิโต ปาปกมฺมโต มุจฺเจยฺยา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๒๗.

‘‘น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;

น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิโต มุจฺเจยฺย ปาปกมฺมา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สเจ หิ โกจิ ‘‘อิมินา อุปาเยน ปาปกมฺมโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ อนฺตลิกฺเข วา นิสีเทยฺย, จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีรํ มหาสมุทฺทํ วา ปวิเสยฺย, ปพฺพตนฺตเร วา นิสีเทยฺย, เนว ปาปกมฺมโต มุจฺเจยฺย. ปุรตฺถิมาทีสุ ชคติปเทเสสุ ปถวีภาเคสุ น โส วาลคฺคมตฺโตปิ โอกาโส อตฺถิ, ยตฺถ ิโต ปาปกมฺมโต มุจฺจิตุํ สกฺกุเณยฺยาติ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ตโยชนวตฺถุ เอกาทสมํ.

๑๒. สุปฺปพุทฺธสกฺยวตฺถุ

อนฺตลิกฺเขติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต สุปฺปพุทฺธํ สกฺกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ‘‘อยํ มม ธีตรํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขนฺโต จ, มม ปุตฺตํ ปพฺพาเชตฺวา ตสฺส เวริฏฺาเน ิโต จา’’ติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา เอกทิวสํ ‘‘น ทานิสฺส นิมนฺตนฏฺานํ คนฺตฺวา ภุฺชิตุํ ทสฺสามี’’ติ คมนมคฺคํ ปิทหิตฺวา อนฺตรวีถิยํ สุรํ ปิวนฺโต นิสีทิ. อถสฺส สตฺถริ ภิกฺขุสงฺฆปริวุเต ตํ านํ อาคเต ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ อาโรเจสุํ. โส อาห – ‘‘ปุรโต คจฺฉาติ ตสฺส วเทถ, นายํ มยา มหลฺลกตโร, นาสฺส มคฺคํ ทสฺสามี’’ติ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโนปิ ตเถว วตฺวา นิสีทิ. สตฺถา มาตุลสฺส สนฺติกา มคฺคํ อลภิตฺวา ตโต นิวตฺติ. โสปิ เอกํ จรปุริสํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ, ตสฺส กถํ สุตฺวา เอหี’’ติ. สตฺถาปิ นิวตฺตนฺโต สิตํ กตฺวา อานนฺทตฺเถเรน ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, สิตสฺส ปาตุกมฺมสฺส ปจฺจโย’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘ปสฺสสิ, อานนฺท, สุปฺปพุทฺธ’’นฺติ. ปสฺสามิ, ภนฺเตติ. ภาริยํ เตน กมฺมํ กตํ มาทิสสฺส พุทฺธสฺส มคฺคํ อเทนฺเตน, อิโต สตฺตเม ทิวเส เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูเล ปถวึ ปวิสิสฺสตีติ. จรปุริโส ตํ กถํ สุตฺวา สุปฺปพุทฺธสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ มม ภาคิเนยฺเยน นิวตฺตนฺเตน วุตฺต’’นฺติ ปุฏฺโ ยถาสุตํ อาโรเจสิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘น ทานิ มม ภาคิเนยฺยสฺส กถาย โทโส อตฺถิ, อทฺธา ยํ โส วทติ, ตํ ตเถว โหติ. เอวํ สนฺเตปิ นํ อิทานิ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามิ. โส หิ มํ ‘สตฺตเม ทิวเส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’ติ อนิยเมน อวตฺวา ‘เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูเล ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’’ติ อาห. ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺายาหํ ตํ านํ น คมิสฺสามิ, อถ นํ ตสฺมึ าเน ปถวึ อปวิสิตฺวา มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อตฺตโน อุปโภคชาตํ สพฺพํ สตฺตภูมิกปาสาทสฺส อุปริ อาโรเปตฺวา โสปานํ หราเปตฺวา ทฺวารํ ปิทหาเปตฺวา เอเกกสฺมึ ทฺวาเร ทฺเว ทฺเว มลฺเล เปตฺวา ‘‘สจาหํ ปมาเทน เหฏฺา โอโรหิตุกาโม โหมิ, นิวาเรยฺยาถ ม’’นฺติ วตฺวา สตฺตเม ปาสาทตเล สิริคพฺเภ นิสีทิ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สุปฺปพุทฺโธ น เกวลํ ปาสาทตเล เวหาสํ อุปฺปติตฺวา อากาเส วา นิสีทตุ, นาวาย วา สมุทฺทํ ปกฺขนฺทตุ, ปพฺพตนฺตรํ วา ปวิสตุ, พุทฺธานํ กถาย ทฺวิธาภาโว นาม นตฺถิ, มยา วุตฺตฏฺาเนเยว โส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๒๘.

‘‘น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;

น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิตํ นปฺปสเหยฺย มจฺจู’’ติ.

ตตฺถ ยตฺถ ิตํ นปฺปสเหยฺย, มจฺจูติ ยสฺมึ ปเทเส ิตํ มรณํ นปฺปสเหยฺย นาภิภเวยฺย, เกสคฺคมตฺโตปิ ปถวิปฺปเทโส นตฺถิ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สตฺตเม ทิวเส สตฺถุ ภิกฺขาจารมคฺคสฺส นิรุทฺธเวลาย เหฏฺาปาสาเท สุปฺปพุทฺธสฺส มงฺคลสฺโส อุทฺทาโม หุตฺวา ตํ ตํ ภิตฺตึ ปหริ. โส อุปริ นิสินฺโนวสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มงฺคลสฺโส อุทฺทาโม’’ติ. โส ปนสฺโส สุปฺปพุทฺธํ ทิสฺวาว สนฺนิสีทติ. อถ นํ โส คณฺหิตุกาโม หุตฺวา นิสินฺนฏฺานา อุฏฺาย ทฺวาราภิมุโข อโหสิ, ทฺวารานิ สยเมว วิวฏานิ, โสปานํ สกฏฺาเนเยว ิตํ. ทฺวาเร ิตา มลฺลา ตํ คีวายํ คเหตฺวา เหฏฺาภิมุขํ ขิปึสุ. เอเตนุปาเยน สตฺตสุปิ ตเลสุ ทฺวารานิ สยเมว วิวฏานิ, โสปานานิ ยถาาเน ิตานิ. ตตฺถ ตตฺถ มลฺลา ตํ คีวายเมว คเหตฺวา เหฏฺาภิมุขํ ขิปึสุ. อถ นํ เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูลํ สมฺปตฺตเมว มหาปถวี วิวรมานา ภิชฺชิตฺวา สมฺปฏิจฺฉิ, โส คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺตีติ.

สุปฺปพุทฺธสกฺยวตฺถุ ทฺวาทสมํ.

ปาปวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

นวโม วคฺโค.

๑๐. ทณฺฑวคฺโค

๑. ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ

สพฺเพ ตสนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺตรสวคฺคิเยหิ เสนาสเน ปฏิชคฺคิเต ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ‘‘นิกฺขมถ, มยํ มหลฺลกตรา, อมฺหากํ เอตํ ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา เตหิ ‘‘น มยํ ทสฺสาม, อมฺเหหิ ปมํ ปฏิชคฺคิต’’นฺติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ปหรึสุ. สตฺตรสวคฺคิยา มรณภยตชฺชิตา มหาวิรวํ วิรวึสุ. สตฺถา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นามา’’ติ อาโรจิเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิโต ปฏฺาย ภิกฺขุนา นาม เอวํ กตฺตพฺพํ, โย กโรติ, โส อิมํ นาม อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ ปหารทานสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๔๙ อาทโย) ปฺาเปตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ‘ยถา อหํ, ตเถว อฺเปิ ทณฺฑสฺส ตสนฺติ, มจฺจุโน ภายนฺตี’ติ ตฺวา ปโร น ปหริตพฺโพ, น ฆาเตตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๒๙.

‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน;

อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา, น หเนยฺย น ฆาตเย’’ติ.

ตตฺถ สพฺเพ ตสนฺตีติ สพฺเพปิ สตฺตา อตฺตนิ ทณฺเฑ ปตนฺเต ตสฺส ทณฺฑสฺส ตสนฺติ. มจฺจุโนติ มรณสฺสาปิ ภายนฺติเยว. อิมิสฺสา จ เทสนาย พฺยฺชนํ นิรวเสสํ, อตฺโถ ปน สาวเสโส. ยถา หิ รฺา ‘‘สพฺเพ สนฺนิปตนฺตู’’ติ เภริยา จราปิตายปิ ราชมหามตฺเต เปตฺวา เสสา สนฺนิปตนฺติ, เอวมิธ ‘‘สพฺเพ ตสนฺตี’’ติ วุตฺเตปิ หตฺถาชาเนยฺโย อสฺสาชาเนยฺโย อุสภาชาเนยฺโย ขีณาสโวติ อิเม จตฺตาโร เปตฺวา อวเสสาว ตสนฺตีติ เวทิตพฺพา. อิเมสุ หิ ขีณาสโว สกฺกายทิฏฺิยา ปหีนตฺตา มรณกสตฺตํ อปสฺสนฺโต น ภายติ, อิตเร ตโย สกฺกายทิฏฺิยา พลวตฺตา อตฺตโน ปฏิปกฺขภูตํ สตฺตํ อปสฺสนฺตา น ภายนฺตีติ. น หเนยฺย น ฆาตเยติ ยถา อหํ, เอวํ อฺเปิ สตฺตาติ เนว ปรํ ปหเรยฺย น ปหราเปยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.

๒. ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ

สพฺเพ ตสนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เตเยว เอกสฺมิฺหิ สมเย เตเนว การเณน ปุริมสิกฺขาปเท สตฺตรสวคฺคิเย ปหรึสุ. เตเนว การเณน เตสํ ตลสตฺติกํ อุคฺคิรึสุ. อิธาปิ สตฺถา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นามา’’ติ อาโรจิเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิโต ปฏฺาย ภิกฺขุนา นาม เอวํ กตฺตพฺพํ, โย กโรติ, โส อิมํ นาม อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ ตลสตฺติกสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๕๔ อาทโย) ปฺาเปตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ‘ยถา อหํ, ตเถว อฺเปิ ทณฺฑสฺส ตสนฺติ, ยถา จ มยฺหํ, ตเถว เนสํ ชีวิตํ ปิย’นฺติ ตฺวา ปโร น ปหริตพฺโพ น ฆาเฏตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๓๐.

‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพสํ ชีวิตํ ปิยํ;

อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา, น หเนยฺย น ฆาตเย’’ติ.

ตตฺถ สพฺเพสํ ชีวิตํ ปิยนฺติ ขีณาสวํ เปตฺวา เสสสตฺตานํ ชีวิตํ ปิยํ มธุรํ, ขีณาสโว ปน ชีวิเต วา มรเณ วา อุเปกฺขโกว โหติ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.

๓. สพฺพหุลกุมารกวตฺถุ

สุขกามานิ ภูตานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล กุมารเก อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต อนฺตรามคฺเค สมฺพหุเล กุมารเก เอกํ ฆรสปฺปชาติกํ อหึ ทณฺฑเกน ปหรนฺเต ทิสฺวา ‘‘กุมารกา กึ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหึ, ภนฺเต, ทณฺฑเกน ปหรามา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ การณา’’ติ ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฑํสนภเยน, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺเห ‘อตฺตโน สุขํ กริสฺสามา’ติ อิมํ ปหรนฺตา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สุขลาภิโน น ภวิสฺสถ. อตฺตโน สุขํ ปตฺเถนฺเตน หิ ปรํ ปหริตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๓๑.

‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน วิหึสติ;

อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต สุขํ.

๑๓๒.

‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน น หึสติ;

อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส ลภเต สุข’’นฺติ.

ตตฺถ โย ทณฺเฑนาติ โย ปุคฺคโล ทณฺเฑน วา เลฑฺฑุอาทีหิ วา วิเหเติ. เปจฺจ โส น ลภเต สุขนฺติ โส ปุคฺคโล ปรโลเก มนุสฺสสุขํ วา ทิพฺพสุขํ วา ปรมตฺถภูตํ วา นิพฺพานสุขํ น ลภติ. ทุติยคาถาย เปจฺจ โส ลภเตติ โส ปุคฺคโล ปรโลเก วุตฺตปฺปการํ ติวิธมฺปิ สุขํ ลภตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ เต กุมารกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.

สมฺพหุลกุมารกวตฺถุ ตติยํ.

๔. โกณฺฑธานตฺเถรวตฺถุ

มาโวจ ผรุสํ กฺจีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกณฺฑธานตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส กิร ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย เอกํ อิตฺถิรูปํ เถเรน สทฺธึเยว วิจรติ. ตํ เถโร น ปสฺสติ, มหาชโน ปน ปสฺสติ. อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย จรโตปิสฺส มนุสฺสา เอกํ ภิกฺขํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อยํ ตุมฺหากํ โหตุ, อยํ ปน ตุมฺหากํ สหายิกายา’’ติ วตฺวา ทุติยมฺปิ ททนฺติ.

กึ ตสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิร ทฺเว สหายกา ภิกฺขู เอกมาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตสทิสา อติวิย สมคฺคา อเหสุํ. ทีฆายุกพุทฺธกาเล จ อนุสํวจฺฉรํ วา อนุฉมาสํ วา ภิกฺขู อุโปสถตฺถาย สนฺนิปตนฺติ. ตสฺมา เตปิ ‘‘อุโปสถคฺคํ คมิสฺสามา’’ติ วสนฏฺานา นิกฺขมึสุ. เต เอกา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตเทวตา ทิสฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู อติวิย สมคฺคา, สกฺกา นุ โข อิเม ภินฺทิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน พาลตาย จินฺติตสมนนฺตรเมว อาคนฺตฺวา เตสุ เอเกน, ‘‘อาวุโส, มุหุตฺตํ อาคเมหิ, สรีรกิจฺเจนมฺหิ อตฺถิโก’’ติ วุตฺเต สา เทวตา เอกํ มนุสฺสิตฺถิวณฺณํ มาเปตฺวา เถรสฺส คจฺฉนฺตรํ ปวิสิตฺวา นิกฺขมนกาเล เอเกน หตฺเถน เกสกลาปํ, เอเกน นิวาสนํ สณฺาปยมานา ตสฺส ปิฏฺิโต นิกฺขมิ. โส ตํ น ปสฺสติ, ตมาคมยมาโน ปน ปุรโต ิตภิกฺขุ นิวตฺติตฺวา โอโลกยมาโน ตํ ตถา กตฺวา นิกฺขมนฺตํ ปสฺสิ. สา เตน ทิฏฺภาวํ ตฺวา อนฺตรธายิ. อิตโร ตํ ภิกฺขุํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล อาห – ‘‘อาวุโส, สีลํ เต ภินฺน’’นฺติ. ‘‘นตฺถาวุโส, มยฺหํ เอวรูป’’นฺติ. อิทาเนว เต มยา ปจฺฉโต นิกฺขมมานา ตรุณอิตฺถี อิทํ นาม กโรนฺตี ทิฏฺา, ตฺวํ ‘‘นตฺถิ มยฺหํ เอวรูป’’นฺติ กึ วเทสีติ. โส อสนิยา มตฺถเก อวตฺถโฏ วิย มา มํ, อาวุโส, นาเสหิ, นตฺถิ มยฺหํ เอวรูปนฺติ. อิตโร ‘‘มยา สามํ อกฺขีหิ ทิฏฺํ, กึ ตว สทฺทหิสฺสามี’’ติ ทณฺฑโก วิย ภิชฺชิตฺวา ปกฺกามิ, อุโปสถคฺเคปิ ‘‘นาหํ อิมินา สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสามี’’ติ นิสีทิ. อิตโร ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, สีเล อณุมตฺตมฺปิ กาฬํ นตฺถี’’ติ ภิกฺขูนํ กเถสิ. โสปิ ‘‘มยา สามํ ทิฏฺ’’นฺติ อาห. เทวตา ตํ เตน สทฺธึ อุโปสถํ กาตุํ อนิจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ภาริยํ มยา กมฺมํ กต’’นฺติ จินฺเตตฺวา – ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อยฺยสฺส สีลเภโท นตฺถิ, มยา ปน วีมํสนวเสเนตํ กตํ, กโรถ เตน สทฺธึ อุโปสถ’’นฺติ อาห. โส ตสฺสา อากาเส ตฺวา กเถนฺติยา สทฺทหิตฺวา อุโปสถํ อกาสิ, น ปน เถเร ปุพฺเพ วิย มุทุจิตฺโต อโหสิ. เอตฺตกํ เทวตาย ปุพฺพกมฺมํ.

อายุปริโยสาเน ปน เต เถรา ยถาสุขํ เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เทวตา อปีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิมนฺวาย สาสเน ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทํ ลภิ. ตสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ตํ อิตฺถิรูปํ ตเถว ปฺายิ. เตเนวสฺส โกณฺฑธานตฺเถโรติ นามํ กรึสุ. ตํ ตถาวิจรนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อนาถปิณฺฑิกํ อาหํสุ – ‘‘มหาเสฏฺิ, อิมํ ทุสฺสีลํ ตว วิหารา นีหร. อิมฺหิ นิสฺสาย เสสภิกฺขูนํ อยโส อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ. กึ ปน, ภนฺเต, สตฺถา วิหาเร นตฺถีติ? อตฺถิ อุปาสกาติ. เตน หิ, ภนฺเต, สตฺถาว ชานิสฺสตีติ. ภิกฺขู คนฺตฺวา วิสาขายปิ ตเถว กเถสุํ. สาปิ เนสํ ตเถว ปฏิวจนํ อทาสิ.

ภิกฺขูปิ เตหิ อสมฺปฏิจฺฉิตวจนา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘มหาราช, โกณฺฑธานตฺเถโร เอกํ อิตฺถึ คเหตฺวา วิจรนฺโต สพฺเพสํ อยสํ อุปฺปาเทสิ, ตํ ตุมฺหากํ วิชิตา นีหรถา’’ติ. ‘‘กหํ ปน โส, ภนฺเต’’ติ? ‘‘วิหาเร, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตรสฺมึ เสนาสเน วิหรตี’’ติ? ‘‘อสุกสฺมึ นามา’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, อหํ ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ โส สายนฺหสมเย วิหารํ คนฺตฺวา ตํ เสนาสนํ ปุริเสหิ ปริกฺขิปาเปตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานาภิมุโข อคมาสิ. เถโร มหาสทฺทํ สุตฺวา วิหารา นิกฺขมิตฺวา ปมุเข อฏฺาสิ. ตมฺปิสฺส อิตฺถิรูปํ ปิฏฺิปสฺเส ิตํ ราชา อทฺทส. เถโร รฺโ อาคมนํ ตฺวา วิหารํ อภิรุหิตฺวา นิสีทิ. ราชา เถรํ น วนฺทิ, ตมฺปิ อิตฺถึ นาทฺทส. โส ทฺวารนฺตเรปิ เหฏฺามฺเจปิ โอโลเกนฺโต อทิสฺวาว เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน เอกํ อิตฺถึ อทฺทสํ, กหํ สา’’ติ? ‘‘น ปสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘อิทานิ มยา ตุมฺหากํ ปิฏฺิปสฺเส ิตา ทิฏฺา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อหํ น ปสฺสามิ’’จฺเจวาห. ราชา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิโต ตาว นิกฺขมถา’’ติ อาห. เถเร นิกฺขมิตฺวา ปมุเข ิเต ปุน สา เถรสฺส ปิฏฺิปสฺเส อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ปุน อุปริตลํ อภิรุหิ, ตสฺส อาคตภาวํ ตฺวา เถโร นิสีทิ. ปุน ราชา ตํ สพฺพฏฺาเนสุ โอโลเกนฺโตปิ อทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, กหํ สา อิตฺถี’’ติ ปุน เถรํ ปุจฺฉิ. นาหํ ปสฺสามิ มหาราชาติ. ‘‘กึ กเถถ, ภนฺเต, มยา อิทาเนว ตุมฺหากํ ปิฏฺิปสฺเส ิตา ทิฏฺา’’ติ อาห. อาม, มหาราช, มหาชโนปิ ‘‘เม ปจฺฉโต ปจฺฉโต อิตฺถี วิจรตี’’ติ วทติ, อหํ ปน น ปสฺสามีติ. ราชา ‘‘ปฏิรูปเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ปุน เถรํ, ‘‘ภนฺเต, อิโต ตาว โอตรถา’’ติ วตฺวา เถเร โอตริตฺวา ปมุเข ิเต ปุน ตํ ตสฺส ปิฏฺิปสฺเส ิตํ ทิสฺวา อุปริตลํ อภิรุหิ. ปุน นาทฺทส. โส ปุน เถรํ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘น ปสฺสามิ’’จฺเจว วุตฺเต ‘‘ปฏิรูปกเมเวต’’นฺติ นิฏฺํ คนฺตฺวา เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, เอวรูเป สํกิเลเส ตุมฺหากํ ปิฏฺิโต วิจรนฺเต อฺโ โกจิ ตุมฺหากํ ภิกฺขํ น ทสฺสติ, นิพทฺธํ มม เคหํ ปวิสถ, อหเมว จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ เถรํ นิมนฺเตตฺวา ปกฺกามิ.

ภิกฺขู ‘‘ปสฺสถาวุโส, รฺโ ปาปกิริยํ, ‘เอตํ วิหารโต นีหรา’ติ วุตฺเต อาคนฺตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ นิมนฺเตตฺวา คโต’’ติ อุชฺฌายึสุ. ตมฺปิ เถรํ อาหํสุ – ‘‘อมฺโภ, ทุสฺสีล, อิทานิสิ ราชโกณฺโฑ ชาโต’’ติ. โสปิ ปุพฺเพ ภิกฺขู กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ตุมฺเห ทุสฺสีลา, ตุมฺเห โกณฺฑา, ตุมฺเห อิตฺถึ คเหตฺวา วิจรถา’’ติ อาห. เต คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, โกณฺฑธานตฺเถโร อมฺเหหิ วุตฺโต อมฺเห ‘ทุสฺสีลา’ติอาทีนิ วตฺวา อกฺโกสตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอวํ วเทสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘มยา สทฺธึ กถิตการณา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อิมินา สทฺธึ กสฺมา กเถถา’’ติ. ‘‘อิมสฺส ปจฺฉโต อิตฺถึ วิจรนฺตึ ทิสฺวา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิเม กิร ตยา สทฺธึ อิตฺถึ วิจรนฺตึ ทิสฺวา วทนฺติ, ตฺวํ กสฺมา กเถสิ, เอเต ตาว ทิสฺวา กเถนฺติ. ตฺวํ อทิสฺวาว อิเมหิ สทฺธึ กสฺมา กเถสิ, นนุ ปุพฺเพ ตเวว ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย อิทํ ชาตํ, อิทานิ กสฺมา ปุน ปาปิกํ ทิฏฺึ คณฺหาสี’’ติ. ภิกฺขู ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อิมินา ปุพฺเพ กต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. อถ เนสํ สตฺถา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อิทํ ปาปกมฺมํ นิสฺสาย ตฺวํ อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต, อิทานิ เต ปุน ตถารูปํ ปาปิกํ ทิฏฺึ คเหตุํ น ยุตฺตํ, มา ปุน ภิกฺขูหิ สทฺธึ กิฺจิ กเถหิ, นิสฺสทฺโท มุขวฏฺฏิยํ ฉินฺนกํสถาลสทิโส โหหิ, เอวํ กโรนฺโต นิพฺพานปฺปตฺโต นาม ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๓๓.

‘‘มาโวจ ผรุสํ กฺจิ, วุตฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตํ;

ทุกฺขา หิ สารมฺภกถา, ปฏิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตํ.

๑๓๔.

‘‘สเจ เนเรสิ อตฺตานํ, กํโส อุปหโต ยถา;

เอส ปตฺโตสิ นิพฺพานํ, สารมฺโภ เต น วิชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ มาโวจ ผรุสํ กฺจีติ กฺจิ เอกปุคฺคลมฺปิ ผรุสํ มา อวจ. วุตฺตาติ ตยา ปเร ‘‘ทุสฺสีลา’’ติ วุตฺตา, ตมฺปิ ตเถว ปฏิวเทยฺยุํ. สารมฺภกถาติ เอสา กรณุตฺตรา ยุคคฺคาหกถา นาม ทุกฺขา. ปฏิทณฺฑาติ กายทณฺฑาทีหิ ปรํ ปหรนฺตสฺส ตาทิสา ปฏิทณฺฑา จ ตว มตฺถเก ปเตยฺยุํ. สเจ เนเรสีติ สเจ อตฺตานํ นิจฺจลํ กาตุํ สกฺขิสฺสสิ. กํโส อุปหโต ยถาติ มุขวฏฺฏิยํ ฉินฺทิตฺวา ตลมตฺตํ กตฺวา ปิตกํสถาลํ วิย. ตฺหิ หตฺถปาเทหิ วา ทณฺฑเกน วา ปหฏมฺปิ สทฺทํ น กโรติ, เอส ปตฺโตสีติ สเจ เอวรูโป ภวิตุํ สกฺขิสฺสสิ, อิมํ ปฏิปทํ ปูรยมาโน อิทานิ อปฺปตฺโตปิ เอโส นิพฺพานปฺปตฺโต นาม. สารมฺโภ เต น วิชฺชตีติ เอวํ สนฺเต จ ปน ‘‘ตฺวํ ทุสฺสีโล, ตุมฺเห ทุสฺสีลา’’ติเอวมาทิโก อุตฺตรกรณวาจาลกฺขโณ สารมฺโภปิ เต น วิชฺชติ, น ภวิสฺสติเยวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, โกณฺฑธานตฺเถโรปิ สตฺถารา ทินฺนโอวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ, น จิรสฺเสว อากาเส อุปฺปติตฺวา ปมํ สลากํ คณฺหีติ.

โกณฺฑธานตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. อุโปสถิกอิตฺถีนํ วตฺถุ

ยถา ทณฺเฑนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต วิสาขาทีนํ อุปาสิกานํ อุโปสถกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิร เอกสฺมึ มหาอุโปสถทิวเส ปฺจสตมตฺตา อิตฺถิโย อุโปสถิกา หุตฺวา วิหารํ อคมึสุ. วิสาขา ตาสุ มหลฺลกิตฺถิโย อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ, ‘‘อมฺมา, กิมตฺถํ อุโปสถิกา ชาตตฺถา’’ติ. ตาหิ ‘‘ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปตฺเถตฺวา’’ติ วุตฺเต มชฺฌิมิตฺถิโย ปุจฺฉิ, ตาหิ ‘‘สปตฺติวาสา มุจฺจนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ตรุณิตฺถิโย ปุจฺฉิ, ตาหิ ‘‘ปมคพฺเภ ปุตฺตปฏิลาภตฺถายา’’ติ วุตฺเต กุมาริกาโย ปุจฺฉิ, ตาหิ ‘‘ตรุณภาเวเยว ปติกุลคมนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ตํ สพฺพมฺปิ ตาสํ กถํ สุตฺวา ตา อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิปาฏิยา อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘วิสาเข อิเมสํ สตฺตานํ ชาติอาทโย นาม ทณฺฑหตฺถกโคปาลกสทิสา, ชาติ ชราย สนฺติกํ, ชรา พฺยาธิโน สนฺติกํ, พฺยาธิ มรณสฺส สนฺติกํ เปเสตฺวา มรณํ กุาริยา ฉินฺทนฺตา วิย ชีวิตํ ฉินฺทติ, เอวํ สนฺเตปิ วิวฏฺฏํ ปตฺเถนฺตา นาม นตฺถิ, วฏฺฏเมว ปน ปตฺเถนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๓๕.

‘‘ยถา ทณฺเฑน โคปาโล, คาโว ปาเชติ โคจรํ;

เอวํ ชรา จ มจฺจุ จ, อายุํ ปาเชนฺติ ปาณิน’’นฺติ.

ตตฺถ ปาเชตีติ เฉโก โคปาโล เกทารนฺตรํ ปวิสนฺติโย คาโว ทณฺเฑน นิวาเรตฺวา เตเนว โปเถนฺโต สุลภติโณทกํ โคจรํ เนติ. อายุํ ปาเชนฺตีติ ชีวิตินฺทฺริยํ ฉินฺทนฺติ เขเปนฺติ. โคปาลโก วิย หิ ชรา จ มจฺจุ จ, โคคโณ วิย ชีวิตินฺทฺริยํ, โคจรภูมิ วิย มรณํ. ตตฺถ ชาติ ตาว สตฺตานํ ชีวิตินฺทฺริยํ ชราย สนฺติกํ เปเสสิ, ชรา พฺยาธิโน สนฺติกํ, พฺยาธิ มรณสฺส สนฺติกํ. ตเมว มรณํ กุาริยา เฉทํ วิย ฉินฺทิตฺวา คจฺฉตีติ อิทเมตฺถ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนํ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อุโปสถิกอิตฺถีนํ วตฺถุ ปฺจมํ.

๖. อชครเปตวตฺถุ

อถ ปาปานิ กมฺมานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชครเปตํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกูฏโต โอตรนฺโต ทิพฺเพน จกฺขุนา ปฺจวีสติโยชนิกํ อชครเปตํ นาม อทฺทส. ตสฺส สีสโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา ปริยนฺตํ คจฺฉนฺติ, ปริยนฺตโต อุฏฺหิตฺวา สีสํ คจฺฉนฺติ, อุภยโต อุฏฺหิตฺวา มชฺเฌ โอตรนฺติ. เถโร ตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. ลกฺขณตฺเถเรน สิตการณํ ปุฏฺโ ‘‘อกาโล, อาวุโส, อิมสฺส ปฺหสฺส เวยฺยากรณาย, สตฺถุ สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คตกาเล ลกฺขณตฺเถเรน ปุฏฺโ อาห – ‘‘ตตฺราหํ, อาวุโส, เอกํ เปตํ อทฺทสํ, ตสฺส เอวรูโป นาม อตฺตภาโว, อหํ ตํ ทิสฺวา ‘น วต เม เอวรูโป อตฺตภาโว ทิฏฺปุพฺโพ’ติ สิตํ ปาตฺวากาสิ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘จกฺขุภูตา วต, ภิกฺขเว, สาวกา วิหรนฺตี’’ติอาทีนิ (ปารา. ๒๒๘; สํ. นิ. ๒.๒๐๒) วทนฺโต เถรสฺส กถํ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘มยาปิ เอโส, ภิกฺขเว, เปโต โพธิมณฺเฑเยว ทิฏฺโ, ‘เย จ ปน เม วจนํ น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ ตํ อหิตาย อสฺสา’ติ น กเถสึ, อิทานิ โมคฺคลฺลานํ สกฺขึ ลภิตฺวา กเถมี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุฏฺโ พฺยากาสิ –

กสฺสปพุทฺธกาเล กิร สุมงฺคลเสฏฺิ นาม สุวณฺณิฏฺกาหิ ภูมึ สนฺถริตฺวา วีสติอุสภฏฺาเน ตตฺตเกเนว ธเนน วิหารํ กาเรตฺวา ตาวตฺตเกเนว วิหารมหํ กาเรสิ. โส เอกทิวสํ ปาโตว สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต นครทฺวาเร เอกิสฺสา สาลาย กาสาวํ สสีสํ ปารุปิตฺวา กลลมกฺขิเตหิ ปาเทหิ นิปนฺนํ เอกํ โจรํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กลลมกฺขิตปาโท รตฺตึ วิจริตฺวา ทิวา นิปนฺนมนุสฺโส ภวิสฺสตี’’ติ อาห. โจโร มุขํ วิวริตฺวา เสฏฺึ ทิสฺวา ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพ’’นฺติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา สตฺตกฺขตฺตุํ เขตฺตํ ฌาเปสิ, สตฺตกฺขตฺตุํ วเช คุนฺนํ ปาเท ฉินฺทิ, สตฺตกฺขตฺตุํ เคหํ ฌาเปสิ, โส เอตฺตเกนาปิ โกปํ นิพฺพาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ตสฺส จูฬูปฏฺาเกน สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ กตฺวา ‘‘กึ เต เสฏฺิโน ปิย’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘คนฺธกุฏิโต อฺํ ตสฺส ปิยตรํ นตฺถี’’ติ สุตฺวา ‘‘โหตุ, คนฺธกุฏึ ฌาเปตฺวา โกปํ นิพฺพาเปสฺสามี’’ติ สตฺถริ ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ ปานียปริโภชนียฆเฏ ภินฺทิตฺวา คนฺธกุฏิยํ อคฺคึ อทาสิ. เสฏฺิ ‘‘คนฺธกุฏิ กิร ฌายตี’’ติ สุตฺวา อาคจฺฉนฺโต ฌามกาเล อาคนฺตฺวา คนฺธกุฏึ ฌามํ โอโลเกนฺโต วาลคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ อกตฺวา วามพาหุํ สมฺชิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน มหาอปฺโผฏนํ อปฺโผเฏสิ. อถ นํ สมีเป ิตา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กสฺมา, สามิ, เอตฺตกํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา กตคนฺธกุฏิยา ฌามกาเล อปฺโผเฏสี’’ติ? โส อาห – ‘‘เอตฺตกํ เม, ตาตา, อคฺคิอาทีหิ อสาธารเณ พุทฺธสฺส สาสเน ธนํ นิทหิตุํ ลทฺธํ, ‘ปุนปิ เอตฺตกํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา สตฺถุ คนฺธกุฏึ กาตุํ ลภิสฺสามี’ติ ตุฏฺมานโส อปฺโผเฏสิ’’นฺติ. โส ปุน ตตฺตกํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา คนฺธกุฏึ กาเรตฺวา วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส สตฺถุโน ทานํ อทาสิ. ตํ ทิสฺวา โจโร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมํ อมาเรตฺวา มงฺกุกาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, โหตุ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ นิวาสนนฺตเร ฉุริกํ พนฺธิตฺวา สตฺตาหํ วิหาเร วิจรนฺโตปิ โอกาสํ น ลภิ. มหาเสฏฺิปิ สตฺต ทิวสานิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มม เอเกน ปุริเสน สตฺตกฺขตฺตุํ เขตฺตํ ฌาปิตํ, สตฺตกฺขตฺตุํ วเช คุนฺนํ ปาทา ฉินฺนา, สตฺตกฺขตฺตุํ เคหํ ฌาปิตํ, อิทานิ คนฺธกุฏิปิ เตเนว ฌาปิตา ภวิสฺสติ, อหํ อิมสฺมึ ทาเน ปมํ ปตฺตึ ตสฺส ทมฺมี’’ติ.

ตํ สุตฺวา โจโร ‘‘ภาริยํ วต เม กมฺมํ กตํ, เอวํ อปราธการเก มยิ อิมสฺส โกปมตฺตมฺปิ นตฺถิ, อิมสฺมิมฺปิ ทาเน มยฺหเมว ปมํ ปตฺตึ เทติ, อหํ อิมสฺมึ ทุพฺภามิ, เอวรูปํ เม ปุริสํ อขมาเปนฺตสฺส เทวทณฺโฑปิ เม มตฺถเก ปเตยฺยา’’ติ คนฺตฺวา เสฏฺิสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, สามี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, เอวํ อยุตฺตกํ กมฺมํ มยา กตํ, ตสฺส เม ขมาหี’’ติ อาห. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘ตยา เม อิทฺจิทฺจ กต’’นฺติ สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, มยา กต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘ตฺวํ มยา น ทิฏฺปุพฺโพ, กสฺมา เม กุชฺฌิตฺวา เอวมกาสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส เอกทิวสํ นครา นิกฺขนฺเตน เตน วุตฺตวจนํ สาเรตฺวา ‘‘อิมินา เม การเณน โกโป อุปฺปาทิโต’’ติ อาห. เสฏฺิ อตฺตนา วุตฺตํ สริตฺวา ‘‘อาม, ตาต, วุตฺตํ มยา, ตํ เม ขมาหี’’ติ โจรํ ขมาเปตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, ตาต, ขมามิ เต, คจฺฉ, ตาตา’’ติ อาห. สเจ เม, สามิ, ขมสิ, สปุตฺตทารํ มํ เคเห ทาสํ กโรหีติ. ตาต, ตฺวํ มยา เอตฺตเก กถิเต เอวรูปํ เฉทนํ อกาสิ, เคเห วสนฺเตน ปน สทฺธึ น สกฺกา กิฺจิ กเถตุํ, น เม ตยา เคเห วสนฺเตน กิจฺจํ อตฺถิ, ขมามิ เต, คจฺฉ, ตาตาติ. โจโร ตํ กมฺมํ กตฺวา อายุปริโยสาเน อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺโต ทีฆรตฺตํ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อิทานิ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต ปจฺจตีติ.

เอวํ สตฺถา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, พาลา นาม ปาปานิ กมฺมานิ กโรนฺตา น พุชฺฌนฺติ, ปจฺฉา ปน อตฺตนา กตกมฺเมหิ ฑยฺหมานา อตฺตนาว อตฺตโน ทาวคฺคิสทิสาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๓๖.

‘‘อถ ปาปานิ กมฺมานิ, กรํ พาโล น พุชฺฌติ;

เสหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ, อคฺคิฑฑฺโฒว ตปฺปตี’’ติ.

ตตฺถ อถ ปาปานีติ น เกวลํ พาโล โกธวเสน ปาปานิ กโรติ, กโรนฺโตปิ ปน น พุชฺฌตีติ อตฺโถ. ปาปํ กโรนฺโต จ ‘‘ปาปํ กโรมี’’ติ อพุชฺฌนโก นาม นตฺถิ. ‘‘อิมสฺส กมฺมสฺส เอวรูโป นาม วิปาโก’’ติ อชานนตาย ‘‘น พุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํ. เสหีติ โส เตหิ อตฺตโน สนฺตเกหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ นิปฺปฺโ ปุคฺคโล นิรเย นิพฺพตฺติตฺวา อคฺคิฑฑฺโฒว ตปฺปตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อชครเปตวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ

โย ทณฺเฑนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ติตฺถิยา สนฺนิปติตฺวา มนฺเตสุํ – ‘‘ชานาถาวุโส, ‘เกน การเณน สมณสฺส โคตมสฺส ลาภสกฺกาโร มหา หุตฺวา นิพฺพตฺโต’ติ. มยํ น ชานาม, ตุมฺเห ปน ชานาถาติ. อาม, ชานาม, มหาโมคฺคลฺลานํ นาม เอกํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน. โส หิ เทวโลกํ คนฺตฺวา เทวตาหิ กตกมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ กเถติ ‘อิทํ นาม กตฺวา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลภนฺตี’ติ. นิรเย นิพฺพตฺตานมฺปิ กมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ กเถติ ‘อิทํ นาม กตฺวา เอวรูปํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตี’ติ. มนุสฺสา ตสฺส กถํ สุตฺวา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ อภิหรนฺติ, สเจ ตํ มาเรตุํ สกฺขิสฺสาม, โส ลาภสกฺกาโร อมฺหากํ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ. เต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา ‘‘ยํกิฺจิ กตฺวา ตํ มาราเปสฺสามา’’ติ อตฺตโน อุปฏฺาเก สมาทเปตฺวา กหาปณสหสฺสํ ลภิตฺวา ปุริสฆาตกมฺมํ กตฺวา จรนฺเต โจเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร นาม กาฬสิลายํ วสติ, ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ มาเรถา’’ติ เตสํ กหาปเณ อทํสุ. โจรา ธนโลเภน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘เถรํ มาเรสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา ตสฺส วสนฏฺานํ ปริวาเรสุํ. เถโร เตหิ ปริกฺขิตฺตภาวํ ตฺวา กุฺจิกจฺฉิทฺเทน นิกฺขมิตฺวา ปกฺกามิ. เต โจรา ตํ ทิวสํ เถรํ อทิสฺวา ปุเนกทิวสํ คนฺตฺวา ปริกฺขิปึสุ. เถโร ตฺวา กณฺณิกามณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เอวํ เต ปมมาเสปิ มชฺฌิมมาเสปิ เถรํ คเหตุํ นาสกฺขึสุ. ปจฺฉิมมาเส ปน สมฺปตฺเต เถโร อตฺตนา กตกมฺมสฺส อากฑฺฒนภาวํ ตฺวา น อปคจฺฉิ. โจรา คนฺตฺวา เถรํ คเหตฺวา ตณฺฑุลกณมตฺตานิสฺส อฏฺีนิ กโรนฺตา ภินฺทึสุ. อถ นํ ‘‘มโต’’ติ สฺาย เอกสฺมึ คุมฺพปิฏฺเ ขิปิตฺวา ปกฺกมึสุ.

เถโร ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิตฺวาว ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อตฺตภาวํ ฌานเวเนน เวเตฺวา ถิรํ กตฺวา อากาเสน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ปรินิพฺพายิสฺสสิ, โมคฺคลฺลานา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตฺถ คนฺตฺวา’’ติ? ‘‘กาฬสิลาปเทสํ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ, โมคฺคลฺลาน, มยฺหํ ธมฺมํ กเถตฺวา ยาหิ. ตาทิสสฺส หิ เม สาวกสฺส อิทานิ ทสฺสนํ นตฺถีติ. โส ‘‘เอวํ กริสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อากาสํ อุปฺปติตฺวา ปรินิพฺพานทิวเส สาริปุตฺตตฺเถโร วิย นานปฺปการา อิทฺธิโย กตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กาฬสิลาฏวึ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิ. ‘‘เถรํ กิร โจรา มาเรสุ’’นฺติ อยมฺปิ กถา สกลชมฺพุทีเป ปตฺถริ. ราชา อชาตสตฺตุ โจเร ปริเยสนตฺถาย จรปุริเส ปโยเชสิ. เตสุปิ โจเรสุ สุราปาเน สุรํ ปิวนฺเตสุ เอโก เอกสฺส ปิฏฺึ ปหริตฺวา ปาเตสิ. โส ตํ สนฺเตชฺเชตฺวา ‘‘อมฺโภ ทุพฺพินีต, ตฺวํ กสฺมา เม ปิฏฺึ ปาเตสี’’ติ อาห. กึ ปน หเร ทุฏฺโจร, ตยา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปมํ ปหโฏติ? กึ ปน มยา ปหฏภาวํ ตฺวํ น ชานาสีติ? อิติ เนสํ ‘‘มยา ปหโฏ, มยา ปหโฏ’’ติ วทนฺตานํ วจนํ สุตฺวา เต จรปุริสา เต สพฺเพ โจเร คเหตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา โจเร ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเหหิ เถโร มาริโต’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกน ตุมฺเห อุยฺโยชิตา’’ติ? ‘‘นคฺคสมณเกหิ, เทวา’’ติ. ราชา ปฺจสเต นคฺคสมณเก คาหาเปตฺวา ปฺจสเตหิ โจเรหิ สทฺธึ ราชงฺคเณ นาภิปฺปมาเณสุ อาวาเฏสุ นิขณาเปตฺวา ปลาเลหิ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา อคฺคึ ทาเปสิ. อถ เนสํ ฌามภาวํ ตฺวา อยนงฺคเลหิ กสาเปตฺวา สพฺเพ ขณฺฑาขณฺฑิกํ การาเปสิ.

ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อตฺตโน อนนุรูปเมว มรณํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน อิมสฺเสว อตฺตภาวสฺส อนนุรูปํ มรณํ ปตฺโต, ปุพฺเพ ปน เตน กตสฺส กมฺมสฺส อนุรูปเมว มรณํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘กึ ปนสฺส, ภนฺเต, ปุพฺพกมฺม’’นฺติ ปุฏฺโ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ –

อตีเต กิร พาราณสิวาสี เอโก กุลปุตฺโต สยเมว โกฏฺฏนปจนาทีนิ กมฺมานิ กโรนฺโต มาตาปิตโร ปฏิชคฺคิ. อถสฺส มาตาปิตโร นํ, ‘‘ตาต, ตฺวํ เอกโกว เคเห จ อรฺเ จ กมฺมํ กโรนฺโต กิลมสิ, เอกํ เต กุมาริกํ อาเนสฺสามา’’ติ วตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, น มยฺหํ เอวรูปายตฺโถ, อหํ ยาว ตุมฺเห ชีวถ, ตาว โว สหตฺถา อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ เตน ปฏิกฺขิตฺตา ปุนปฺปุนํ ตํ ยาจิตฺวา กุมาริกํ อานยึสุ. สา กติปาหเมว เต อุปฏฺหิตฺวา ปจฺฉา เตสํ ทสฺสนมฺปิ อนิจฺฉนฺตี ‘‘น สกฺกา ตว มาตาปิตูหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุ’’นฺติ อุชฺฌายิตฺวา ตสฺมึ อตฺตโน กถํ อคฺคณฺหนฺเต ตสฺส พหิคตกาเล มกจิวากขณฺฑานิ จ ยาคุเผณฺจ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อากิริตฺวา เตนาคนฺตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุฏฺา อาห – ‘‘อิเมสํ อนฺธมหลฺลกานํ เอตํ กมฺมํ, สพฺพํ เคหํ กิลิฏฺํ กโรนฺตา วิจรนฺติ, น สกฺกา เอเตหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุ’’นฺติ. เอวํ ตาย นํ ปุนปฺปุนํ กถยมานาย เอวรูโปปิ ปูริตปารมี สตฺโต มาตาปิตูหิ สทฺธึ ภิชฺชิ. โส ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิ เนสํ กตฺตพฺพ’’นฺติ เต โภเชตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, อสุกฏฺาเน นาม ตุมฺหากํ าตกา อาคมนํ ปจฺจาสีสนฺติ, ตตฺถ คมิสฺสามา’’ติ เต ยานกํ อาโรเปตฺวา อาทาย คจฺฉนฺโต อฏวิมชฺฌํ ปตฺตกาเล, ‘‘ตาต, รสฺมิโย คณฺหาถ, คาโว ปโตทสฺาย คมิสฺสนฺติ, อิมสฺมึ าเน โจรา วสนฺติ, อหํ โอตรามี’’ติ ปิตุ หตฺเถ รสฺมิโย ทตฺวา โอตริตฺวา คจฺฉนฺโต สทฺทํ ปริวตฺเตตฺวา โจรานํ อุฏฺิตสทฺทมกาสิ. มาตาปิตโร สทฺทํ สุตฺวา ‘‘โจรา อุฏฺิตา’’ติ สฺาย, ‘‘ตาต, มยํ มหลฺลกา, ตฺวํ อตฺตานเมว รกฺขาหี’’ติ อาหํสุ. โส มาตาปิตโร ตถาวิรวนฺเตปิ โจรสทฺทํ กโรนฺโต โกฏฺเฏตฺวา มาเรตฺวา อฏวิยํ ขิปิตฺวา ปจฺจาคมิ.

สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน เอตฺตกํ กมฺมํ กตฺวา อเนกวสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต เอวเมว โกฏฺเฏตฺวา สํจุณฺณิโต มรณํ ปตฺโต. เอวํ โมคฺคลฺลาเนน อตฺตโน กมฺมานุรูปเมว มรณํ ลทฺธํ, ปฺจหิ โจรสเตหิ สทฺธึ ลภึสุ. อปฺปทุฏฺเสุ หิ ปทุสฺสนฺโต ทสหิ การเณหิ อนยพฺยสนํ ปาปุณาติเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๓๗.

‘‘โย ทณฺเฑน อทณฺเฑสุ, อปฺปทุฏฺเสุ ทุสฺสติ;

ทสนฺนมฺตรํ านํ, ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ.

๑๓๘.

‘‘เวทนํ ผรุสํ ชานึ, สรีรสฺส ว เภทนํ;

ครุกํ วาปิ อาพาธํ, จิตฺตกฺเขปํ ว ปาปุเณ.

๑๓๙.

‘‘ราชโต วา อุปสคฺคํ, อพฺภกฺขานํ ว ทารุณํ;

ปริกฺขยํ ว าตีนํ, โภคานํ ว ปภงฺคุรํ.

๑๔๐.

‘‘อถ วาสฺส อคารานิ, อคฺคิ ฑหติ ปาวโก;

กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ อทณฺเฑสูติ กายทณฺฑาทิรหิเตสุ ขีณาสเวสุ. อปฺปทุฏฺเสูติ ปเรสุ วา อตฺตนิ วา นิรปราเธสุ. ทสนฺนมฺตรํ านนฺติ ทสสุ ทุกฺขการเณสุ อฺตรํ การณํ. เวทนนฺติ สีสโรคาทิเภทํ ผรุสํ เวทนํ. ชานินฺติ กิจฺฉาธิคตสฺส ธนสฺส ชานึ. เภทนนฺติ หตฺถจฺเฉทาทิกํ สรีรเภทนํ. ครุกนฺติ ปกฺขหตเอกจกฺขุกปีสปฺปิกุณีภาวกุฏฺโรคาทิเภทํ ครุกาพาธํ วา. จิตฺตกฺเขปนฺติ อุมฺมาทํ. อุปสคฺคนฺติ ยสวิโลปเสนาปติฏฺานาทิอจฺฉินฺทนาทิกํ ราชโต อุปสคฺคํ วา. อพฺภกฺขานนฺติ อทิฏฺอสุตอจินฺติตปุพฺพํ ‘‘อิทํ สนฺธิจฺเฉทาทิกมฺมํ, อิทํ วา ราชาปราธิตกมฺมํ ตยา กต’’นฺติ เอวรูปํ ทารุณํ อพฺภกฺขานํ วา. ปริกฺขยํ ว าตีนนฺติ อตฺตโน อวสฺสโย ภวิตุํ สมตฺถานํ าตีนํ ปริกฺขยํ วา. ปภงฺคุรนฺติ ปภงฺคุภาวํ ปูติภาวํ. ยํ หิสฺส เคเห ธฺํ, ตํ ปูติภาวํ อาปชฺชติ, สุวณฺณํ องฺคารภาวํ, มุตฺตา กปฺปาสฏฺิภาวํ, กหาปณํ กปาลขณฺฑาทิภาวํ, ทฺวิปทจตุปฺปทา กาณกุณาทิภาวนฺติ อตฺโถ. อคฺคิ ฑหตีติ เอกสํวจฺฉเร ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อฺสฺมึ ฑาหเก อวิชฺชมาเนปิ อสนิอคฺคิ วา ปติตฺวา ฑหติ, อตฺตโนว ธมฺมตาย อุฏฺิโต ปาวโก วา ฑหติเยว. นิรยนฺติ ทิฏฺเว ธมฺเม อิเมสํ ทสนฺนํ านานํ อฺตรํ ปตฺวาปิ เอกํเสน สมฺปราเย ปตฺตพฺพํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. พหุภณฺฑิกภิกฺขุวตฺถุ

นคฺคจริยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พหุภณฺฑิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิวาสี กิเรโก กุฏุมฺพิโก ภริยาย กาลกตาย ปพฺพชิ. โส ปพฺพชนฺโต อตฺตโน ปริเวณฺจ อคฺคิสาลฺจ ภณฺฑคพฺภฺจ กาเรตฺวา สพฺพมฺปิ ภณฺฑคพฺภํ สปฺปิมธุเตลาทีหิ ปูเรตฺวา ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา จ ปน อตฺตโน ทาเส ปกฺโกสาเปตฺวา ยถารุจิกํ อาหารํ ปจาเปตฺวา ภุฺชติ. พหุภณฺโฑ จ พหุปริกฺขาโร จ อโหสิ. รตฺตึ อฺํ นิวาสนปารุปนํ โหติ, ทิวา อฺํ นิวาสนปารุปนํ โหติ, ทิวา อฺํ วิหารปจฺจนฺเต วสติ. ตสฺเสกทิวสํ จีวรปจฺจตฺถรณานิ สุกฺขาเปนฺตสฺส เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา ‘‘กสฺสิมานิ, อาวุโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มยฺห’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาวุโส, ภควตา ติจีวรานิ อนุฺาตานิ, ตฺวฺจ ปน เอวํ อปฺปิจฺฉสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวํ พหุปริกฺขาโร ชาโต’’ติ ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ อติพหุภณฺโฑ’’ติ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตํ ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต อาห – ‘‘กสฺมา ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, มยา อปฺปิจฺฉตาย ธมฺเม เทสิเต เอวํ พหุภณฺโฑ ชาโต’’ติ. โส ตาวตฺตเกเนว กุปิโต ‘‘อิมินา ทานิ นีหาเรน จริสฺสามี’’ติ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา ปริสมชฺเฌ เอกจีวโร อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อุปตฺถมฺภยมาโน นนุ ตฺวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ หิโรตฺตปฺปคเวสโก ทกรกฺขสกาเลปิ หิโรตฺตปฺปํ คเวสมาโน ทฺวาทส วสฺสานิ วิหาสิ, กสฺมา อิทานิ เอวํ ครุเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปหาย ิโตสีติ. โส สตฺถุ วจนํ สุตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา ตํ จีวรํ ปารุปิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ภิกฺขู ตสฺส อตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา อตีตํ อาหริตฺวา กเถสิ –

อตีเต กิร พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ โพธิสตฺโต ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส มหึสกุมาโรติ นามํ กรึสุ. ตสฺส กนิฏฺภาตา จนฺทกุมาโร นาม อโหสิ. เตสํ มาตริ กาลกตาย ราชา อฺํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สาปิ ปุตฺตํ วิชายิ, สูริยกุมาโรติสฺส นามํ กรึสุ. ตํ ทิสฺวา ราชา ตุฏฺโ ‘‘ปุตฺตสฺส เต วรํ ทมฺมี’’ติ อาห. สาปิ โข, ‘‘เทว, อิจฺฉิตกาเล คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ปุตฺตสฺส วยปฺปตฺตกาเล ราชานํ อาห – ‘‘เทเวน มยฺหํ ปุตฺตสฺส ชาตกาเล วโร ทินฺโน, อิทานิ เม ปุตฺตสฺส รชฺชํ เทหี’’ติ. ราชา ‘‘มม ทฺเว ปุตฺตา อคฺคิกฺขนฺธา วิย ชลนฺตา วิจรนฺติ, น สกฺกา ตสฺส รชฺชํ ทาตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวาปิ ตํ ปุนปฺปุนํ ยาจมานเมว ทิสฺวา ‘‘อยํ เม ปุตฺตานํ อนตฺถมฺปิ กเรยฺยา’’ติ ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาตา, อหํ สูริยกุมารสฺส ชาตกาเล วรํ อทาสึ, อิทานิสฺส มาตา รชฺชํ ยาจติ, อหํ ตสฺส น ทาตุกาโม, ตสฺส มาตา ตุมฺหากํ อนตฺถมฺปิ กเรยฺย, คจฺฉถ ตุมฺเห, อรฺเ วสิตฺวา มมจฺจเยนาคนฺตฺวา รชฺชํ คณฺหถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปาสาทา โอตรนฺเต ราชงฺคเณ กีฬมาโน สูริยกุมาโร ทิสฺวา ตํ การณํ ตฺวา เตหิ สทฺธึ นิกฺขมิ. เตสํ หิมวนฺตํ ปวิฏฺกาเล โพธิสตฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา สูริยกุมารํ อาห – ‘‘ตาต, เอตํ สรํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ อมฺหากมฺปิ ปทุมินิปณฺเณหิ อุทกํ อาหรา’’ติ. โส ปน สโร เวสฺสวณฺณสฺส สนฺติกา เอเกน ทกรกฺขเสน ลทฺโธ โหติ. เวสฺสวณฺโณ จ ตํ อาห – ‘‘เปตฺวา เทวธมฺมชานนเก เย จ อฺเ อิมํ สรํ โอตรนฺติ, เต ขาทิตุํ ลภสี’’ติ. ตโต ปฏฺาย โส ตํ สรํ โอติณฺโณติณฺเณ เทวธมฺเม ปุจฺฉิตฺวา อชานนฺเต ขาทติ, สูริยกุมาโรปิ ตํ สรํ อวีมํสิตฺวาว โอตริ, เตน จ ‘‘เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘เทวธมฺมา นาม จนฺทิมสูริยา’’ติ อาห. อถ นํ ‘‘ตฺวํ เทวธมฺเม น ชานาสี’’ติ อุทกํ ปเวเสตฺวา อตฺตโน ภวเน เปสิ. โพธิสตฺโตปิ ตํ จิรายนฺตํ ทิสฺวา จนฺทกุมารํ เปเสสิ. โสปิ เตน ‘‘เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘เทวธมฺมา นาม จตสฺโส ทิสา’’ติ อาห. ทกรกฺขโส ตมฺปิ อุทกํ ปเวเสตฺวา ตตฺเถว เปสิ.

โพธิสตฺโต ตสฺมิมฺปิ จิรายนฺเต ‘‘อนฺตราเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ สยํ คนฺตฺวา ทฺวินฺนมฺปิ โอตรณปทํเยว ทิสฺวา ‘‘อยํ สโร รกฺขสปริคฺคหิโต’’ติ ตฺวา ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา ธนุํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. รกฺขโส ตํ อโนตรนฺตํ ทิสฺวา วนกมฺมิกปุริสเวเสนาคนฺตฺวา อาห – ‘‘โภ ปุริส, ตฺวํ มคฺคกิลนฺโต, กสฺมา อิมํ สรํ โอตริตฺวา นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ภิสมุลาลํ ขาทิตฺวา ปุปฺผานิ ปิลนฺธิตฺวา น คจฺฉสี’’ติ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวาว ‘‘เอส โส ยกฺโข’’ติ ตฺวา ‘‘ตยา เม ภาตโร คหิตา’’ติ อาห. อาม, มยา คหิตาติ. กึ การณาติ? อหํ อิมํ สรํ โอติณฺโณติณฺเณ ลภามีติ. กึ ปน สพฺเพว ลภสีติ? เทวธมฺมชานนเก เปตฺวา อวเสเส ลภามีติ. อตฺถิ ปน เต เทวธมฺเมหิ อตฺโถติ? อาม, อตฺถีติ. อหํ กเถสฺสามีติ. เตน หิ กเถหีติ. น สกฺกา กิลิฏฺเน คตฺเตน กเถตุนฺติ. ยกฺโข โพธิสตฺตํ นฺหาเปตฺวา ปานียํ ปาเยตฺวา อลงฺกริตฺวา อลงฺกตมณฺฑปมชฺเฌ ปลฺลงฺกํ อาโรเปตฺวา สยมสฺส ปาทมูเล นิสีทิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘สกฺกจฺจํ สุณาหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา, สุกฺกธมฺมสมาหิตา;

สนฺโต สปฺปุริสา โลเก, เทวธมฺมาติ วุจฺจเร’’ติ. (ชา. ๑.๑.๖);

ยกฺโข อิมํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺโน โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ปณฺฑิต, อหํ เต ปสนฺโน, เอกํ ภาตรํ ทมฺมิ, กตรํ อาเนมี’’ติ? ‘‘กนิฏฺํ อาเนหี’’ติ. ปณฺฑิต, ตฺวํ เกวลํ เทวธมฺเม ชานาสิเยว, น ปน เตสุ วตฺตสีติ. กึ การณาติ? ยสฺมา เชฏฺํ เปตฺวา กนิฏฺํ อาหราเปนฺโต เชฏฺาปจายิกกมฺมํ น กโรสีติ, เทวธมฺเม จาหํ ยกฺข ชานามิ, เตสุ จ วตฺตามิ. มยฺหิ เอตํ นิสฺสาย อิมํ อรฺํ ปวิฏฺา. เอตสฺส หิ อตฺถาย อมฺหากํ ปิตรํ เอตสฺส มาตา รชฺชํ ยาจิ, อมฺหากํ ปน ปิตา ตํ วรํ อทตฺวา อมฺหากํ อนุรกฺขณตฺถาย อรฺเ วาสํ อนุชานิ, โส กุมาโร อนิวตฺติตฺวา อมฺเหหิ สทฺธึ อาคโต. ‘‘ตํ อรฺเ เอโก ยกฺโข ขาที’’ติ วุตฺเตปิ น โกจิ สทฺทหิสฺสติ. เตนาหํ ครหภยภีโต ตเมวาหราเปมีติ. ยกฺโข โพธิสตฺตสฺส ปสีทิตฺวา ‘‘สาธุ ปณฺฑิต, ตฺวเมว เทวธมฺเม ชานาสิ, เทวธมฺเมสุ จ วตฺตสี’’ติ ทฺเว ภาตโร อาเนตฺวา อทาสิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ยกฺขภาเว อาทีนวํ กเถตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. โส เตน สุสํวิหิตารกฺโข ตสฺมึ อรฺเ วสิตฺวา ปิตริ กาลกเต ยกฺขํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา จนฺทกุมารสฺส อุปรชฺชํ, สูริยกุมารสฺส เสนาปติฏฺานํ ทตฺวา ยกฺขสฺส รมณีเย าเน อายตนํ การาเปตฺวา ยถา โส ลาภคฺคปฺปตฺโต โหติ, ตถา อกาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา รกฺขโส พหุภณฺฑิกภิกฺขุ อโหสิ, สูริยกุมาโร อานนฺโท, จนฺทกุมาโร สาริปุตฺโต, มหึสกุมาโร ปน อหเมวา’’ติ. เอวํ สตฺถา ชาตกํ กเถตฺวา ‘‘เอวํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปุพฺเพ เทวธมฺเม คเวสมาโน หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺโน วิจริตฺวา อิทานิ จตุปริสมชฺเฌ อิมินา นีหาเรน ตฺวา มม ปุรโต ‘อปฺปิจฺโฉมฺหี’ติ วทนฺโต อยุตฺตํ อกาสิ. น หิ สาฏกปฏิกฺเขปาทิมตฺเตน สมโณ นาม โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๔๑.

‘‘น นคฺคจริยา น ชฏา น ปงฺกา, นานาสกา ถณฺฑิลสายิกา วา;

รโชชลฺลํ อุกฺกุฏิกปฺปธานํ, โสเธนฺติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺข’’นฺติ.

ตตฺถ นานาสกาติ น อนสกา, ภตฺตปฏิกฺเขปกาติ อตฺโถ. ถณฺฑิลสายิกาติ ภูมิสยนา. รโชชลฺลนฺติ กทฺทมเลปนากาเรน สรีเร สนฺนิหิตรโช. อุกฺกุฏิกปฺปธานนฺติ อุกฺกุฏิกภาเวน อารทฺธวีริยํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย หิ มจฺโจ ‘‘เอวํ อหํ โลกนิสฺสรณสงฺขาตํ สุทฺธึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อิเมสุ นคฺคจริยาทีสุ ยํ กิฺจิ สมาทาย วตฺเตยฺย, โส เกวลํ มิจฺฉาทสฺสนฺเจว วฑฺเฒยฺย, กิลมถสฺส จ ภาคี อสฺส. น หิ เอตานิ สุสมาทินฺนานิปิ อฏฺวตฺถุกาย กงฺขาย อวิติณฺณภาเวน อวิติณฺณกงฺขํ มจฺจํ โสเธนฺตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

พหุภณฺฑิกภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. สนฺตติมหามตฺตวตฺถุ

อลงฺกโต เจปีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สนฺตติมหามตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

โส หิ เอกสฺมึ กาเล รฺโ ปเสนทิโกสลสฺส ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วูปสเมตฺวา อาคโต. อถสฺส ราชา ตุฏฺโ สตฺต ทิวสานิ รชฺชํ ทตฺวา เอกํ นจฺจคีตกุสลํ อิตฺถึ อทาสิ. โส สตฺต ทิวสานิ สุรามทมตฺโต หุตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นฺหานติตฺถํ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทฺวารนฺตเร ทิสฺวา หตฺถิกฺขนฺธวรคโตว สีสํ จาเลตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. สตฺถา สิตํ กตฺวา ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, สิตปาตุกรเณ เหตู’’ติ อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ สิตการณํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘ปสฺสานนฺท, สนฺตติมหามตฺตํ, อชฺช สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโตว มม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺตตาลมตฺเต อากาเส นิสีทิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ. มหาชโน เถเรน สทฺธึ กเถนฺตสฺส สตฺถุ วจนํ อสฺโสสิ. ตตฺถ มิจฺฉาทิฏฺิกา จินฺตยึสุ – ‘‘ปสฺสถ สมณสฺส โคตมสฺส กิริยํ, มุขปฺปตฺตเมว ภาสติ, อชฺช กิร เอส เอวํ สุรามทมตฺโต ยถาลงฺกโตว เอตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อชฺเชว ตํ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามา’’ติ. สมฺมาทิฏฺิกา จินฺเตสุํ – ‘‘อโห พุทฺธานํ มหานุภาวตา, อชฺช พุทฺธลีฬฺเจว สนฺตติมหามตฺตลีฬฺจ ทฏฺุํ ลภิสฺสามา’’ติ.

สนฺตติมหามตฺโตปิ นฺหานติตฺเถ ทิวสภาคํ อุทกกีฬํ กีฬิตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา อาปานภูมิยํ นิสีทิ. สาปิ อิตฺถี รงฺคมชฺฌํ โอตริตฺวา นจฺจคีตํ ทสฺเสตุํ อารภิ. ตสฺสา สรีรลีฬาย ทสฺสนตฺถํ สตฺตาหํ อปฺปาหารตาย ตํ ทิวสํ นจฺจคีตํ ทสฺสยมานาย อนฺโตกุจฺฉิยํ สตฺถกวาตา สมุฏฺาย หทยมํสํ กนฺติตฺวา อคมํสุ. สา ตงฺขณฺเว มุเขน เจว อกฺขีหิ จ วิวเฏหิ กาลมกาสิ. สนฺตติมหามตฺโต ‘‘อุปธาเรถ น’’นฺติ วตฺวา ‘‘นิรุทฺธา, สามี’’ติ จ วุตฺตมตฺเตเยว พลวโสเกน อภิภูโต ตงฺขณฺเวสฺส สตฺตาหํ ปีตสุรา ตตฺตกปาเล อุทกพินฺทุ วิย ปริกฺขยํ อคมาสิ. โส ‘‘น เม อิมํ โสกํ อฺเ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสนฺติ อฺตฺร ตถาคเตนา’’ติ พลกายปริวุโต สายนฺหสมเย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, ‘เอวรูโป เม โสโก อุปฺปนฺโน, ตํ เม ตุมฺเห นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสถา’ติ อาคโตมฺหิ, ปฏิสรณํ เม โหถา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘โสกํ นิพฺพาเปตุํ สมตฺถสฺเสว สนฺติกํ อาคโตสิ. อิมิสฺสา หิ อิตฺถิยา อิมินาว อากาเรน มตกาเล ตว โรทนฺตสฺส ปคฺฆริตอสฺสูนิ จตุนฺนํ มหาสมุทฺทานํ อุทกโต อติเรกตรานี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘ยํ ปุพฺเพ ตํ วิโสเสหิ, ปจฺฉา เต มาหุ กิฺจนํ;

มชฺเฌ เจ โน คเหสฺสสิ, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ. (สุ. นิ. ๙๕๕, ๑๑๐๕; จูฬนิ. ชตุกณฺณิมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖๘);

คาถาปริโยสาเน สนฺตติมหามตฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกนฺโต ตสฺส อปฺปวตฺตนภาวํ ตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ปรินิพฺพานํ เม อนุชานาถา’’ติ. สตฺถา เตน กตกมฺมํ ชานนฺโตปิ ‘‘มุสาวาเทน นิคฺคณฺหนตฺถํ สนฺนิปติตา มิจฺฉาทิฏฺิกา โอกาสํ น ลภิสฺสนฺติ, ‘พุทฺธลีฬฺเจว สนฺตติมหามตฺตลีฬฺจ ปสฺสิสฺสามา’ติ สนฺนิปติตา สมฺมาทิฏฺิกา อิมินา กตกมฺมํ สุตฺวา ปุฺเสุ อาทรํ กริสฺสนฺตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เตน หิ ตยา กตกมฺมํ มยฺหํ กเถหิ, กเถนฺโต จ ภูมิยํ ิโต อกเถตฺวา สตฺตตาลมตฺเต อากาเส ิโต กเถหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกตาลปฺปมาณํ อุคฺคมฺม โอโรหิตฺวา ปุน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อุคฺคจฺฉนฺโต ปฏิปาฏิยา สตฺตตาลปฺปมาเณ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘‘สุณาถ เม, ภนฺเต, ปุพฺพกมฺม’’นฺติ วตฺวา อาห –

อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล อหํ พนฺธุมตินคเร เอกสฺมึ กุเล นิพฺพตฺติตฺวา จินฺเตสึ – ‘‘กึ นุ โข ปเรสํ เฉทํ วา ปีฬํ วา อกรณกมฺม’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ธมฺมโฆสกกมฺมํ ทิสฺวา ตโต ปฏฺาย ตํ กมฺมํ กโรนฺโต มหาชนํ สมาทเปตฺวา ‘‘ปุฺานิ กโรถ, อุโปสถทิวเสสุ อุโปสถํ สมาทิยถ, ทานํ เทถ, ธมฺมํ สุณาถ, พุทฺธรตนาทีหิ สทิสํ อฺํ นาม นตฺถิ, ติณฺณํ รตนานํ สกฺการํ กโรถา’’ติ อุคฺโฆเสนฺโต วิจรามิ. ตสฺส มยฺหํ สทฺทํ สุตฺวา พุทฺธปิตา พนฺธุมติมหาราชา มํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทว, ติณฺณํ รตนานํ คุณํ ปกาเสตฺวา มหาชนํ ปุฺกมฺเมสุ สมาทเปนฺโต วิจรามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กตฺถ นิสินฺโน วิจรสี’’ติ มํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปทสาว, เทวา’’ติ มยา วุตฺเต, ‘‘ตาต, น ตฺวํ เอวํ วิจริตุํ อรหสิ, อิมํ ปุปฺผทามํ ปิลนฺธิตฺวา อสฺสปิฏฺเ นิสินฺโนว วิจรา’’ติ มยฺหํ มุตฺตาทามสทิสํ ปุปฺผทามํ ทตฺวา ทนฺตํ อสฺสํ อทาสิ. อถ มํ รฺา ทินฺนปริหาเรน ตเถว อุคฺโฆเสตฺวา วิจรนฺตํ ปุน ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตเทว, เทวา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตาต, อสฺโสปิ เต นานุจฺฉวิโก, อิธ นิสีทิตฺวา วิจรา’’ติ จตุสินฺธวยุตฺตรถํ อทาสิ. ตติยวาเรปิ เม ราชา สทฺทํ สุตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตเทว, เทวา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตาต, รโถปิ เต นานุจฺฉวิโก’’ติ มยฺหํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหาปสาธนฺจ ทตฺวา เอกฺจ หตฺถึ อทาสิ. สฺวาหํ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต หตฺถิกฺขนฺเธ นิสินฺโน อสีติ วสฺสสหสฺสานิ ธมฺมโฆสกกมฺมํ อกาสึ, ตสฺส เม เอตฺตกํ กาลํ กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ. อิทํ มยา กตกมฺมนฺติ.

เอวํ โส อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา อากาเส นิสินฺโนว เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิ. สรีเร อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา มํสโลหิตํ ฌาเปสิ, สุมนปุปฺผานิ วิย ธาตุโย อวสิสฺสึสุ. สตฺถา สุทฺธวตฺถํ ปสาเรสิ, ธาตุโย ตตฺถ ปตึสุ. ตา ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา จตุมหาปเถ ถูปํ กาเรสิ ‘‘มหาชโน วนฺทิตฺวา ปุฺภาคี ภวิสฺสตี’’ติ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, สนฺตติมหามตฺโต คาถาวสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโตเยว อากาเส นิสีทิตฺวา ปรินิพฺพุโต, กึ นุ โข เอตํ ‘สมโณ’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ อุทาหุ พฺราหฺมโณ’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺตํ ‘สมโณ’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ, ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๔๒.

อลงฺกโต เจปิ สมํ จเรยฺย,

สนฺโต ทนฺโต นิยโต พฺรหฺมจารี;

สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,

โส พฺราหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกฺขู’’ติ.

ตตฺถ อลงฺกโตติ วตฺถาภรเณหิ ปฏิมณฺฑิโต. ตสฺสตฺโถ – วตฺถาลงฺการาทีหิ อลงฺกโต เจปิ ปุคฺคโล กายาทีหิ สมํ จเรยฺย, ราคาทิวูปสเมน สนฺโต อินฺทฺริยทมเนน ทนฺโต จตุมคฺคนิยเมน นิยโต เสฏฺจริยาย พฺรหฺมจารี กายทณฺฑาทีนํ โอโรปิตตาย สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ. โส เอวรูโป พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณติปิ สมิตปาปตฺตา สมโณติปิ ภินฺนกิเลสตฺตา ภิกฺขูติปิ วตฺตพฺโพเยวาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สนฺตติมหามตฺตวตฺถุ นวมํ.

๑๐. ปิโลติกติสฺสตฺเถรวตฺถุ

หิรีนิเสโธติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปิโลติกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย อานนฺทตฺเถโร เอกํ ปิโลติกขณฺฑนิวตฺถํ กปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตํ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘กึ เต เอวํ วิจริตฺวา ชีวนโต ปพฺพชฺชา น อุตฺตริตรา’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โก มํ ปพฺพาเชสฺสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ ตํ อาทาย คนฺตฺวา สหตฺถา นฺหาเปตฺวา กมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. ตฺจ ปน นิวตฺถปิโลติกขณฺฑํ ปสาเรตฺวา โอโลเกนฺโต ปริสฺสาวนกรณมตฺตมฺปิ คยฺหูปคํ กฺจิ ปเทสํ อทิสฺวา กปาเลน สทฺธึ เอกิสฺสา รุกฺขสาขาย เปสิ. โส ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท พุทฺธานํ อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ ปริภุฺชมาโน มหคฺฆานิ จีวรานิ อจฺฉาเทตฺวา วิจรนฺโต ถูลสรีโร หุตฺวา อุกฺกณฺิตฺวา ‘‘กึ เม ชนสฺส สทฺธาเทยฺยํ นิวาเสตฺวา วิจรเณน, อตฺตโน ปิโลติกเมว นิวาเสสฺสามี’’ติ ตํ านํ คนฺตฺวา ปิโลติกํ คเหตฺวา ‘‘อหิริก นิลฺลชฺช เอวรูปานํ วตฺถานํ อจฺฉาทนฏฺานํ ปหาย อิมํ ปิโลติกขณฺฑํ นิวาเสตฺวา กปาลหตฺโถ ภิกฺขาย จริตุํ คจฺฉสี’’ติ ตํ อารมฺมณํ กตฺวา อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ, โอวทนฺตสฺเสว ปนสฺส จิตฺตํ สนฺนิสีทิ. โส ตํ ปิโลติกํ ตตฺเถว ปฏิสาเมตฺวา นิวตฺติตฺวา วิหารเมว คโต. โส กติปาหจฺจเยน ปุนปิ อุกฺกณฺิตฺวา ตเถว วตฺวา นิวตฺติ, ปุนปิ ตเถวาติ. ตํ เอวํ อปราปรํ วิจรนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู ‘‘กหํ, อาวุโส, คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉนฺติ. โส ‘‘อาจริยสฺส สนฺติกํ คจฺฉามาวุโส’’ติ วตฺวา เอเตเนว นีหาเรน อตฺตโน ปิโลติกขณฺฑเมว อารมฺมณํ กตฺวา อตฺตานํ นิเสเธตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘กึ, อาวุโส, น ทานิ อาจริยสฺส สนฺติกํ คจฺฉสิ, นนุ อยํ เต วิจรณมคฺโค’’ติ. อาวุโส, อาจริเยน สทฺธึ สํสคฺเค สติ คโตมฺหิ, อิทานิ ปน เม ฉินฺโน สํสคฺโค, เตนสฺส สนฺติกํ น คจฺฉามีติ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, ปิโลติกตฺเถโร อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. กิมาห, ภิกฺขเวติ? อิทํ นาม, ภนฺเตติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต สํสคฺเค สติ อาจริยสฺส สนฺติกํ คโต, อิทานิ ปนสฺส สํสคฺโค ฉินฺโน, อตฺตนาว อตฺตานํ นิเสเธตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๔๓.

‘‘หิรีนิเสโธ ปุริโส, โกจิ โลกสฺมึ วิชฺชติ;

โย นิทฺทํ อปโพเธติ, อสฺโส ภทฺโร กสามิว.

๑๔๔.

‘‘อสฺโส ยถา ภทฺโร กสานิวิฏฺโ,

อาตาปิโน สํเวคิโน ภวาถ;

สทฺธาย สีเลน จ วีริเยน จ,

สมาธินา ธมฺมวินิจฺฉเยน จ;

สมฺปนฺนวิชฺชาจรณา ปติสฺสตา,

ชหิสฺสถ ทุกฺขมิทํ อนปฺปก’’นฺติ.

ตตฺถ อนฺโต อุปฺปนฺนํ อกุสลวิตกฺกํ หิริยา นิเสเธตีติ หิรีนิเสโธ. โกจิ โลกสฺมินฺติ เอวรูโป ปุคฺคโล ทุลฺลโภ, โกจิเทว โลกสฺมึ วิชฺชติ. โย นิทฺทนฺติ อปฺปมตฺโต สมณธมฺมํ กโรนฺโต อตฺตโน อุปฺปนฺนํ นิทฺทํ อปหรนฺโต พุชฺฌตีติ อปโพเธติ. กสามิวาติ ยถา ภทฺโร อสฺโส อตฺตนิ ปตมานํ กสํ อปหรติ, อตฺตนิ ปติตุํ น เทติ. โย เอวํ นิทฺทํ อปโพเธติ, โส ทุลฺลโภติ อตฺโถ.

ทุติยคาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – ‘‘ภิกฺขเว, ยถา ภทฺโร อสฺโส ปมาทมาคมฺม กสาย นิวิฏฺโ, อหมฺปิ นาม กสาย ปหโฏ’’ติ อปรภาเค อาตปฺปํ กโรติ, เอวํ ตุมฺเหปิ อาตาปิโน สํเวคิโน ภวถ, เอวํภูตา โลกิยโลกุตฺตราย ทุวิธาย สทฺธาย จ จตุปาริสุทฺธิสีเลน จ กายิกเจตสิกวีริเยน จ อฏฺสมาปตฺติสมาธินา จ การณาการณชานนลกฺขเณน ธมฺมวินิจฺฉเยน จ สมนฺนาคตา หุตฺวา ติสฺสนฺนํ วา อฏฺนฺนํ วา วิชฺชานํ, ปฺจทสนฺนฺจ จรณานํ สมฺปตฺติยา สมฺปนฺนวิชฺชาจรณา. อุปฏฺิตสติตาย ปติสฺสตา หุตฺวา อิทํ อนปฺปกํ วฏฺฏทุกฺขํ ปชหิสฺสถาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ปิโลติกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. สุขสามเณรวตฺถุ

อุทกฺหิ นยนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุขสามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.

อตีตสฺมิฺหิ พาราณสิเสฏฺิโน คนฺธกุมาโร นาม ปุตฺโต อโหสิ. ราชา ตสฺส ปิตริ กาลกเต ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สมสฺสาเสตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน ตสฺเสว เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ. โส ตโต ปฏฺาย คนฺธเสฏฺีติ ปฺายิ. อถสฺส ภณฺฑาคาริโก ธนคพฺภทฺวารํ วิวริตฺวา, ‘‘สามิ, อิทํ เต เอตฺตกํ ปิตุ ธนํ, เอตฺตกํ ปิตามหาทีน’’นฺติ นีหริตฺวา ทสฺเสสิ. โส ตํ ธนราสึ โอโลเกตฺวา อาห – ‘‘กึ ปน เต อิมํ ธนํ คเหตฺวา น คมึสู’’ติ. ‘‘สามิ, ธนํ คเหตฺวา คตา นาม นตฺถิ. อตฺตนา กตํ กุสลากุสลเมว หิ อาทาย สตฺตา คจฺฉนฺตี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘เต พาลตาย ธนํ สณฺาเปตฺวา ปหาย คตา, อหํ ปเนตํ คเหตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตนฺโต ‘‘ทานํ วา ทสฺสามิ, ปูชํ วา กริสฺสามี’’ติ อจินฺเตตฺวา ‘‘อิทํ สพฺพํ ขาทิตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. โส สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ผลิกมยํ นฺหานโกฏฺกํ กาเรสิ, สตสหสฺสํ ทตฺวา ผลิกมยเมว นฺหานผลกํ, สตสหสฺสํ ทตฺวา นิสีทนปลฺลงฺกํ, สตสหสฺสํ ทตฺวา โภชนปาตึ, สตสหสฺสเมว ทตฺวา โภชนฏฺาเน มณฺฑปํ การาเปสิ, สตสหสฺสํ ทตฺวา โภชนปาติยา อาสิตฺตกูปธานํ กาเรสิ, สตสหสฺเสเนว เคเห สีหปฺชรํ สณฺาเปสิ, อตฺตโน ปาตราสตฺถาย สหสฺสํ อทาสิ, สายมาสตฺถายปิ สหสฺสเมว. ปุณฺณมทิวเส ปน โภชนตฺถาย สตสหสฺสํ ทาเปสิ, ตํ ภตฺตํ ภุฺชนทิวเส สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา เภรึ จราเปสิ – ‘‘คนฺธเสฏฺิสฺส กิร ภตฺตภุฺชนาการํ โอโลเกนฺตู’’ติ.

มหาชโน มฺจาติมฺเจ พนฺธิตฺวา สนฺนิปติ. โสปิ สตสหสฺสคฺฆนเก นฺหานโกฏฺเก สตสหสฺสคฺฆนเก ผลเก นิสีทิตฺวา โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหตฺวา ตํ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา ตสฺมึ ปลฺลงฺเก นิสีทิ. อถสฺส ตสฺมึ อาสิตฺตกูปธาเน ตํ ปาตึ เปตฺวา สตสหสฺสคฺฆนกํ โภชนํ วฑฺเฒสุํ. โส นาฏกปริวุโต เอวรูปาย สมฺปตฺติยา ตํ โภชนํ ภุฺชติ. อปเรน สมเยน เอโก คามิกมนุสฺโส อตฺตโน ปริพฺพยาหรณตฺถํ ทารุอาทีนิ ยานเก ปกฺขิปิตฺวา นครํ คนฺตฺวา สหายกสฺส เคเห นิวาสํ คณฺหิ. ตทา ปน ปุณฺณมทิวโส โหติ. ‘‘คนฺธเสฏฺิโน ภุฺชนลีฬํ โอโลเกนฺตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปสิ. อถ นํ สหายโก อาห – ‘‘สมฺม, คนฺธเสฏฺิโน เต ภุฺชนลีฬํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ. ‘‘น ทิฏฺปุพฺพํ, สมฺมา’’ติ. ‘‘เตน หิ เอหิ, คจฺฉาม, อยํ นคเร เภรี จรติ, เอตสฺส มหาสมฺปตฺตึ ปสฺสามา’’ติ นครวาสี ชนปทวาสึ คเหตฺวา อคมาสิ. มหาชโนปิ มฺจาติมฺเจ อภิรุหิตฺวา ปสฺสติ. คามวาสี ภตฺตคนฺธํ ฆายิตฺวาว นครวาสึ อาห – ‘‘มยฺหํ เอตาย ปาติยา ภตฺตปิณฺเฑ ปิปาสา ชาตา’’ติ. สมฺม, มา เอตํ ปตฺถยิ, น สกฺกา ลทฺธุนฺติ. สมฺม, อลภนฺโต น ชีวิสฺสามีติ. โส ตํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต ปริสปริยนฺเต ตฺวา ‘‘ปณมามิ เต, สามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺทํ นิจฺฉาเรตฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺเต อหํ, สามีติ. ‘‘กิเมต’’นฺติ. ‘‘อยํ เอโก คามวาสี ตุมฺหากํ ปาติยํ ภตฺตปิณฺเฑ ปิปาสํ อุปาเทสิ, เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ ทาเปถา’’ติ. ‘‘น สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ. ‘‘กึ, สมฺม, สุตํ เต’’ติ? ‘‘สุตํ เม, อปิจ ลภนฺโต ชีวิสฺสามิ, อลภนฺตสฺส เม มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส ปุนปิ วิรวิ – ‘‘อยํ กิร, สามิ, อลภนฺโต มริสฺสติ, ชีวิตมสฺส เทถา’’ติ. อมฺโภ ภตฺตปิณฺโฑ นาม สตมฺปิ อคฺฆติ, สตทฺวยมฺปิ อคฺฆติ. โย โย ยาจติ, ตสฺส ตสฺส ททมาโน อหํ กึ ภุฺชิสฺสามีติ? สามิ, อยํ อลภนฺโต มริสฺสติ, ชีวิตมสฺส เทถาติ. น สกฺกาว มุธา ลทฺธุํ, ยทิ ปน อลภนฺโต น ชีวติ, ตีณิ สํวจฺฉรานิ มม เคเห ภตึ กโรตุ, เอวมสฺส ภตฺตปาตึ ทาเปสฺสามีติ. คามวาสี ตํ สุตฺวา ‘‘เอวํ โหตุ, สมฺมา’’ติ สหายกํ วตฺวา ปุตฺตทารํ ปหาย ‘‘ภตฺตปาติอตฺถาย ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กริสฺสามี’’ติ เสฏฺิสฺส เคหํ ปาวิสิ. โส ภตึ กโรนฺโต สพฺพกิจฺจานิ สกฺกจฺจํ อกาสิ. เคเห วา อรฺเ วา รตฺตึ วา ทิวา วา สพฺพานิ กตฺตพฺพกมฺมานิ กตาเนว ปฺายึสุ. ‘‘ภตฺตภติโก’’ติ จ วุตฺเต สกลนคเรปิ ปฺายิ. อถสฺส ทิวเส ปริปุณฺเณ ภตฺตเวยฺยาวฏิโก ‘‘ภตฺตภติกสฺส, สามิ, ทิวโส ปุณฺโณ, ทุกฺกรํ เตน กตํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กโรนฺเตน, เอกมฺปิ กมฺมํ น โกปิตปุพฺพ’’นฺติ อาห.

อถสฺส เสฏฺิ อตฺตโน สายปาตราสตฺถาย ทฺเว สหสฺสานิ, ตสฺส ปาตราสตฺถาย สหสฺสนฺติ ตีณิ สหสฺสานิ ทาเปตฺวา อาห – ‘‘อชฺช มยฺหํ กตฺตพฺพํ ปริหารํ ตสฺเสว กโรถา’’ติ. วตฺวา จ ปน เปตฺวา เอกํ จินฺตามณึ นาม ปิยภริยํ อวเสสชนมฺปิ ‘‘อชฺช ตเมว ปริวาเรถา’’ติ วตฺวา สพฺพสมฺปตฺตึ ตสฺส นิยฺยาเทสิ. โส เสฏฺิโน นฺหาโนทเกน ตสฺเสว โกฏฺเก ตสฺมึ ผลเก นิสินฺโน นฺหตฺวา ตสฺเสว นิวาสนสาฏเก นิวาเสตฺวา ตสฺเสว ปลฺลงฺเก นิสีทิ. เสฏฺิปิ นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘ภตฺตภติโก คนฺธเสฏฺิสฺส เคเห ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ปาตึ ลภิ, ตสฺส ภุฺชนสมฺปตฺตึ โอโลเกนฺตู’’ติ. มหาชโน มฺจาติมฺเจ อภิรุหิตฺวา ปสฺสติ, คามวาสิสฺส โอโลกิโตโลกิตฏฺานํ กมฺปนาการปฺปตฺตํ อโหสิ. นาฏกา ปริวาเรตฺวา อฏฺสุํ, ตสฺส ปุรโต ภตฺตปาตึ วฑฺเฒตฺวา ปยึสุ. อถสฺส หตฺถโธวนเวลาย คนฺธมาทเน เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ สตฺตเม ทิวเส สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘กตฺถ นุ โข อชฺช ภิกฺขาจารตฺถาย คจฺฉามี’’ติ อุปธาเรนฺโต ภตฺตภติกํ อทฺทส. อถ โส ‘‘อยํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ภตฺตปาตึ ลภิ, อตฺถิ นุ โข เอตสฺส สทฺธา, นตฺถี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อตฺถี’’ติ ตฺวา ‘‘สทฺธาปิ เอกจฺเจ สงฺคหํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, สกฺขิสฺสติ นุ โข เม สงฺคหํ กาตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ เจว มม จ สงฺคหกรณํ นิสฺสาย มหาสมฺปตฺตึ ลภิสฺสตี’’ติ ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปริสนฺตเรน คนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต ิตเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ.

โส ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปุพฺเพ อทินฺนภาเวน เอกิสฺสา ภตฺตปาติยา อตฺถาย ตีณิ สํวจฺฉรานิ ปรเคเห ภตึ อกาสึ, อิทานิ เม อิทํ ภตฺตํ เอกํ รตฺตินฺทิวํ รกฺเขยฺย, สเจ ปน นํ อยฺยสฺส ทสฺสามิ, อเนกานิปิ กปฺปโกฏิสหสฺสานิ รกฺขิสฺสติ, อยฺยสฺเสว นํ ทสฺสามี’’ติ. โส ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ลทฺธภตฺตปาติโต เอกปิณฺฑมฺปิ มุเข อฏฺเปตฺวา ตณฺหํ วิโนเทตฺวา สยเมว ปาตึ อุกฺขิปิตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปาตึ อฺสฺส หตฺเถ ทตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปาตึ วามหตฺเถน คเหตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน ตสฺส ปตฺเต ภตฺตํ อากิริ. ปจฺเจกพุทฺโธ ภตฺตสฺส อุปฑฺฒเสสกาเล ปตฺตํ หตฺเถน ปิทหิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘ภนฺเต, เอโกว ปฏิวิโส น สกฺกา ทฺวิธา กาตุํ, มา มํ อิธโลเกน สงฺคณฺหถ, ปรโลเกน สงฺคหเมว กโรถ, สาวเสสํ อกตฺวา นิรวเสสเมว ทสฺสามี’’ติ. อตฺตโน หิ โถกมฺปิ อนวเสเสตฺวา ทินฺนํ นิรวเสสทานํ นาม, ตํ มหปฺผลํ โหติ. โส ตถา กโรนฺโต สพฺพํ ทตฺวา ปุน วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, เอกํ ภตฺตปาตึ นิสฺสาย ตีณิ สํวจฺฉรานิ เม ปรเคเห ภตึ กโรนฺเตน ทุกฺขํ อนุภูตํ, อิทานิ เม นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สุขเมว โหตุ, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺเสว ภาคี อสฺส’’นฺติ. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘เอวํ โหตุ, จินฺตามณิ วิย เต สพฺพกามทโท มโนสงฺกปฺปา ปุณฺณจนฺโท วิย ปูเรนฺตู’’ติ อนุโมทนํ กโรนฺโต –

‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;

สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา.

‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิกํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;

สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, มณิ โชติรโส ยถา’’ติ. –

วตฺวา ‘‘อยํ มหาชโน ยาว คนฺธมาทนปพฺพตคมนา มํ ปสฺสนฺโต ติฏฺตู’’ติ อธิฏฺาย อากาเสน คนฺธมาทนํ อคมาสิ.

มหาชโนปิ นํ ปสฺสนฺโตว อฏฺาสิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ปิณฺฑปาตํ ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ วิภชิตฺวา อทาสิ. สพฺเพ อตฺตโน ปโหนกํ คณฺหึสุ. ‘‘อปฺโป ปิณฺฑปาโต กถํ ปโหสี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. จตฺตาริ หิ อจินฺเตยฺยานิ (อ. นิ. ๔.๗๗) วุตฺตานิ, ตตฺรายํ ปจฺเจกพุทฺธวิสโยติ. มหาชโน ปจฺเจกพุทฺธานํ ปิณฺฑปาตํ วิภชิตฺวา ทิยฺยมานํ ทิสฺวา สาธุการสหสฺสานิ ปวตฺเตสิ, อสนิสตนิปากสทฺโท วิย อโหสิ. ตํ สุตฺวา คนฺธเสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘ภตฺตภติโก มยา ทินฺนสมฺปตฺตึ ธาเรตุํ นาสกฺขิ มฺเ, เตนายํ มหาชโน ปริหาสํ กโรนฺโต สนฺนิปติโต นทตี’’ติ. โส ตปฺปวตฺติชานนตฺถํ มนุสฺเส เปเสสิ. เต อาคนฺตฺวา ‘‘สมฺปตฺติธารกา นาม, สามิ, เอวํ โหนฺตู’’ติ วตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. เสฏฺิ ตํ สุตฺวาว ปฺจวณฺณาย ปีติยา ผุฏฺสรีโร หุตฺวา ‘‘อโห ทุกฺกรํ เตน กตํ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ เอวรูปาย สมฺปตฺติยา ิโต กิฺจิ ทาตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา อิทํ นาม กต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, สามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘หนฺท, สหสฺสํ คเหตฺวา ตว ทาเน มยฺหมฺปิ ปตฺตึ เทหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. เสฏฺิปิสฺส สพฺพํ อตฺตโน สนฺตกํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อทาสิ.

จตสฺโส หิ สมฺปทา นาม – วตฺถุสมฺปทา, ปจฺจยสมฺปทา, เจตนาสมฺปทา, คุณาติเรกสมฺปทาติ. ตตฺถ นิโรธสมาปตฺติรโห อรหา วา อนาคามี วา ทกฺขิเณยฺโย วตฺถุสมฺปทา นาม. ปจฺจยานํ ธมฺเมน สเมน อุปฺปตฺติ ปจฺจยสมฺปทา นาม. ทานโต ปุพฺเพ ทานกาเล ปจฺฉา ภาเคติ ตีสุ กาเลสุ เจตนาย โสมนสฺสสหคตาณสมฺปยุตฺตภาโว เจตนาสมฺปทา นาม. ทกฺขิเณยฺยสฺส สมาปตฺติโต วุฏฺิตภาโว คุณาติเรกสมฺปทา นามาติ. อิมสฺส จ ขีณาสโว ปจฺเจกพุทฺโธ ทกฺขิเณยฺยา, ภตึ กตฺวา ลทฺธภาเวน ปจฺจโย ธมฺมโต อุปฺปนฺโน, ตีสุ กาเลสุ ปริสุทฺธา เจตนา, สมาปตฺติโต วุฏฺิตมตฺโต ปจฺเจกพุทฺโธ คุณาติเรโกติ จตสฺโสปิ สมฺปทา นิปฺผนฺนา. เอตาสํ อานุภาเวน ทิฏฺเว ธมฺเม มหาสมฺปตฺตึ ปาปุณนฺติ. ตสฺมา โส เสฏฺิโน สนฺติกา สมฺปตฺตึ ลภิ. อปรภาเค จ ราชาปิ อิมินา กตกมฺมํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา ปตฺตึ คเหตฺวา ตุฏฺมานโส มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ ทตฺวา เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ. ภตฺตภติกเสฏฺีติสฺส นามํ อกาสิ. โส คนฺธเสฏฺินา สทฺธึ สหาโย หุตฺวา เอกโต ขาทนฺโต ปิวนฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ สาริปุตฺตตฺเถรสฺสูปฏฺากกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถสฺส มาตา ลทฺธคพฺภปริหารา กติปาหจฺจเยน ‘‘อโห วตาหํ ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สตรสโภชนํ ทตฺวา กาสายวตฺถนิวตฺถา สุวณฺณสรกํ อาทาย อาสนปริยนฺเต นิสินฺนา เตสํ ภิกฺขูนํ อุจฺฉิฏฺาวเสสกํ ปริภุฺเชยฺย’’นฺติ โทหฬินี หุตฺวา ตเถว กตฺวา โทหฬํ ปฏิวิโนเทสิ. สา เสสมงฺคเลสุปิ ตถารูปเมว ทานํ ทตฺวา ปุตฺตํ วิชายิตฺวา นามคฺคหณทิวเส ‘‘ปุตฺตสฺส เม, ภนฺเต, สิกฺขาปทานิ เทถา’’ติ เถรํ อาห. เถโร ‘‘กิมสฺส นาม’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, ปุตฺตสฺส เม ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย อิมสฺมึ เคเห กสฺสจิ ทุกฺขํ นาม น ภูตปุพฺพํ, เตเนวสฺส สุขกุมาโรติ นามํ ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺเต ตเทวสฺส นามํ คเหตฺวา สิกฺขาปทานิ อทาสิ.

ตทา เอวฺจสฺส มาตุ ‘‘นาหํ มม ปุตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. สา ตสฺส กณฺณวิชฺฌนมงฺคลาทีสุปิ ตเถว ทานํ อทาสิ. กุมาโรปิ สตฺตวสฺสิกกาเล ‘‘อิจฺฉามหํ, อมฺม, เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตุ’’นฺติ อาห. สา ‘‘สาธุ, ตาต, นาหํ ตว อชฺฌาสยํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ เถรํ นิมนฺเตตฺวา โภเชตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปุตฺโต เม ปพฺพชิตุํ อิจฺฉติ, อิมาหํ สายนฺหสมเย วิหารํ อาเนสฺสามี’’ติ เถรํ อุยฺโยเชตฺวา าตเก สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม คิหิกาเล กตฺตพฺพํ กิจฺจํ อชฺเชว กริสฺสามา’’ติ วตฺวา ปุตฺตํ อลงฺกริตฺวา มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน วิหารํ เนตฺวา เถรสฺส นิยฺยาเทสิ. เถโรปิ ตํ, ‘‘ตาต, ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺกรา, สกฺขิสฺสสิ อภิรมิตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘กริสฺสามิ โว, ภนฺเต, โอวาท’’นฺติ วุตฺเต กมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. มาตาปิตโรปิสฺส ปพฺพชฺชาย สกฺการํ กโรนฺตา อนฺโตวิหาเรเยว สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตรสโภชนํ ทตฺวา สายํ อตฺตโน เคหํ อคมํสุ. อฏฺเม ทิวเส สาริปุตฺตตฺเถโร ภิกฺขุสงฺเฆ คามํ ปวิฏฺเ วิหาเร กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา สามเณรํ ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สามเณโร อนฺตรามคฺเค มาติกาทีนิ ทิสฺวา ปณฺฑิตสามเณโร วิย ปุจฺฉิ. เถโรปิ ตสฺส ตเถว พฺยากาสิ. สามเณโร ตานิ การณานิ สุตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คณฺเหยฺยาถ, อหํ นิวตฺเตยฺย’’นฺติ วตฺวา เถเรน ตสฺส อชฺฌาสยํ อภินฺทิตฺวา, ‘‘สามเณร, เทหิ มม ปตฺตจีวร’’นฺติ ปตฺตจีวเร คหิเต เถรํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตมาโน, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อาหารํ อาหรมาโน สตรสโภชนํ อาหเรยฺยาถา’’ติ อาห. กุโต ตํ ลภิสฺสามีติ? อตฺตโน ปุฺเน อลภนฺโต มม ปุฺเน ลภิสฺสถ, ภนฺเตติ. อถสฺส เถโร กุฺจิกํ ทตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โสปิ วิหารํ อาคนฺตฺวา เถรสฺส คพฺภํ วิวริตฺวา ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย อตฺตโน กาเย าณํ โอตาเรตฺวา นิสีทิ.

ตสฺส คุณเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ โอโลเกนฺโต สามเณรํ ทิสฺวา ‘‘สุขสามเณโร อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต, มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา จตฺตาโร มหาราเช ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, วิหารสฺสูปวเน ทุสฺสทฺทเก สกุเณ ปลาเปถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ตถา กตฺวา สามนฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ. จนฺทิมสูริเย ‘‘อตฺตโน วิมานานิ คเหตฺวา ติฏฺถา’’ติ อาณาเปสิ. เตปิ ตถา กรึสุ. สยมฺปิ อาวิฺฉนฏฺาเน อารกฺขํ คณฺหิ. วิหาโร สนฺนิสินฺโน นิรโว อโหสิ. สามเณโร เอกคฺคจิตฺเตน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ตีณิ มคฺคผลานิ ปาปุณิ. เถโร ‘‘สามเณเรน ‘สตรสโภชนํ อาหเรยฺยาถา’ติ วุตฺตํ, กสฺส นุ โข ฆเร สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต เอกํ อชฺฌาสยสมฺปนฺนํ อุปฏฺากตุลํ ทิสฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สาธุ โว กตํ อชฺช อิธาคจฺฉนฺเตหี’’ติ เตหิ ตุฏฺมานเสหิ ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ยาว ภตฺตกาลํ ธมฺมกถํ ยาจิโต เตสํ สารณียธมฺมกถํ กเถตฺวา กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. อถสฺส สตรสโภชนํ ทตฺวา ตํ อาทาย คนฺตุกามํ เถรํ ทิสฺวา ‘‘ภุฺชถ, ภนฺเต, อปรมฺปิ เต ทสฺสามา’’ติ เถรํ โภเชตฺวา ปุน ปตฺตปูรํ อทํสุ. เถโร ตํ อาทาย ‘‘สามเณโร เม ฉาโต’’ติ ตุริตตุริโต วิหารํ ปายาสิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปาโตว นิกฺขมิตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว อาวชฺเชสิ – ‘‘อชฺช สุขสามเณโร อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต, นิปฺผนฺนํ นุ โข ตสฺส กิจฺจ’’นฺติ. โส ติณฺณํเยว มคฺคผลานํ ปตฺตภาวํ ทิสฺวา อุตฺตริปิ อุปธาเรนฺโต ‘‘สกฺขิสฺสตายํ อชฺช อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ, สาริปุตฺโต ปน ‘สามเณโร เม ฉาโต’ติ เวเคน ภตฺตํ อาทาย นิกฺขมติ, สเจ อิมสฺมึ อรหตฺตํ อปฺปตฺเต ภตฺตํ อาหริสฺสติ, อิมสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสติ, มยา คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา อารกฺขํ คณฺหิ.

เถโรปิ ภตฺตํ อาหริ. อถ นํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ. ปฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน สามเณโร อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา เถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, สาริปุตฺต, สามเณรสฺส เต ภตฺตํ เทหี’’ติ อาห. เถโร คนฺตฺวา ทฺวารํ อาโกเฏสิ. สามเณโรปิ นิกฺขมิตฺวา อุปชฺฌายสฺส วตฺตํ กตฺวา ‘‘ภตฺตกิจฺจํ กโรหี’’ติ วุตฺเต เถรสฺส ภตฺเตน อนตฺถิกภาวํ ตฺวา สตฺตวสฺสิกกุมาโร ตงฺขณฺเว อรหตฺตํ ปตฺโต นีจาสนฏฺานํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปตฺตํ โธวิ. ตสฺมึ กาเล จตฺตาโร มหาราชาโน อารกฺขํ วิสฺสชฺเชสุํ. จนฺทิมสูริยาปิ วิมานานิ มุฺจึสุ. สกฺโกปิ อาวิฺฉนฏฺาเน อารกฺขํ วิสฺสชฺเชสิ. สูริโย นภมชฺฌํ อติกฺกนฺโตเยว ปฺายิ. ภิกฺขู ‘‘สายนฺโห ปฺายติ, สามเณเรน จ อิทาเนว ภตฺตกิจฺจํ กตํ, กึ นุ โข อชฺช ปุพฺพณฺโห พลวา ชาโต, สายนฺโห มนฺโท’’ติ วทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช ปุพฺพณฺโห พลวา ชาโต, สายนฺโห มนฺโท, สามเณเรน จ อิทาเนว ภตฺตกิจฺจํ กตํ, อถ จ ปน สูริโย นภมชฺฌํ อติกฺกนฺโตเยว ปฺายตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, เอวเมวํ โหติ ปุฺวนฺตานํ สมณธมฺมกรณกาเล. อชฺช หิ จตฺตาโร มหาราชาโน สามนฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ, จนฺทิมสูริยา วิมานานิ คเหตฺวา อฏฺํสุ, สกฺโก อาวิฺฉนเก อารกฺขํ คณฺหิ, อหมฺปิ ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คณฺหึ, อชฺช สุขสามเณโร มาติกาย อุทกํ หรนฺเต, อุสุกาเร อุสุํ อุชุํ กโรนฺเต, ตจฺฉเก จกฺกาทีนิ กโรนฺเต ทิสฺวา อตฺตานํ ทเมตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๕.

‘‘อุทกฺหิ นยนฺติ เนตฺติกา, อุสุการา นมยนฺติ เตชนํ;

ทารุํ นมยนฺติ ตจฺฉกา, อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา’’ติ.

ตตฺถ สุพฺพตาติ สุวทา, สุเขน โอวทิตพฺพา อนุสาสิตพฺพาติ อตฺโถ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สุขสามเณรวตฺถุ เอกาทสมํ.

ทณฺฑวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ทสโม วคฺโค.

๑๑. ชราวคฺโค

๑. วิสาขาย สหายิกานํ วตฺถุ

โก นุ หาโส กิมานนฺโทติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสาขาย สหายิกาโย อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา กุลปุตฺตา ‘‘เอวํ อิมา อปฺปมาทวิหารินิโย ภวิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตโน อตฺตโน ภริยาโย วิสาขํ มหาอุปาสิกํ สมฺปฏิจฺฉาเปสุํ. ตา อุยฺยานํ วา วิหารํ วา คจฺฉนฺติโย ตาย สทฺธึเยว คจฺฉนฺติ. ตา เอกสฺมึ กาเล ‘‘สตฺตาหํ สุราฉโณ ภวิสฺสตี’’ติ ฉเณ สงฺฆุฏฺเ อตฺตโน อตฺตโน สามิกานํ สุรํ ปฏิยาเทสุํ. เต สตฺตาหํ สุราฉณํ กีฬิตฺวา อฏฺเม ทิวเส กมฺมนฺตเภริยา นิกฺขนฺตาย กมฺมนฺเต อคมํสุ. ตาปิ อิตฺถิโย ‘‘มยํ สามิกานํ สมฺมุขา สุรํ ปาตุํ น ลภิมฺหา, อวเสสา สุรา จ อตฺถิ, อิทํ ยถา เต น ชานนฺติ, ตถา ปิวิสฺสามา’’ติ วิสาขาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อิจฺฉาม, อยฺเย, อุยฺยานํ ทฏฺุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สาธุ, อมฺมา, เตน หิ กตฺตพฺพกิจฺจานิ กตฺวา นิกฺขมถา’’ติ วุตฺเต ตาย สทฺธึ คนฺตฺวา ปฏิจฺฉนฺนากาเรน สุรํ นีหราเปตฺวา อุยฺยาเน ปิวิตฺวา มตฺตา วิจรึสุ. วิสาขาปิ ‘‘อยุตฺตํ อิมาหิ กตํ, อิทานิ มํ ‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวิกา วิสาขา สุรํ ปิวิตฺวา วิจรตี’ติ ติตฺถิยาปิ ครหิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตา อิตฺถิโย อาห – ‘‘อมฺมา อยุตฺตํ โว กตํ, มมปิ อยโส อุปฺปาทิโต, สามิกาปิ โว กุชฺฌิสฺสนฺติ, อิทานิ กึ กริสฺสถา’’ติ. คิลานาลยํ ทสฺสยิสฺสาม, อยฺเยติ. เตน หิ ปฺายิสฺสถ สเกน กมฺเมนาติ. ตา เคหํ คนฺตฺวา คิลานาลยํ กรึสุ. อถ ตาสํ สามิกา ‘‘อิตฺถนฺนามา จ อิตฺถนฺนามา จ กห’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คิลานา’’ติ สุตฺวา ‘‘อทฺธา เอตาหิ อวเสสสุรา ปีตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ตา โปเถตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปสุํ. ตา อปรสฺมิมฺปิ ฉณวาเร ตเถว สุรํ ปิวิตุกามา วิสาขํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อยฺเย, อุยฺยานํ โน เนหี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุพฺเพปิ เม ตุมฺเหหิ อยโส อุปฺปาทิโต, คจฺฉถ, น โว อหํ เนสฺสามี’’ติ ตาย ปฏิกฺขิตฺตา ‘‘อิทานิ เอวํ น กริสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา ปุน ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ, ‘‘อยฺเย, พุทฺธปูชํ กาตุกามามฺหา, วิหารํ โน เนหี’’ติ. อิทานิ อมฺมา ยุชฺชติ, คจฺฉถ, ปริวจฺฉํ กโรถาติ. ตา จงฺโกฏเกหิ คนฺธมาลาทีนิ คาหาเปตฺวา สุราปุณฺเณ มุฏฺิวารเก หตฺเถหิ โอลมฺเพตฺวา มหาปเฏ ปารุปิตฺวา วิสาขํ อุปสงฺกมิตฺวา ตาย สทฺธึ วิหารํ ปวิสมานา เอกมนฺตํ คนฺตฺวา มุฏฺิวารเกเหว สุรํ ปิวิตฺวา วารเก ฉฑฺเฑตฺวา ธมฺมสภายํ สตฺถุ ปุรโต นิสีทึสุ.

วิสาขา ‘‘อิมาสํ, ภนฺเต, ธมฺมํ กเถถา’’ติ อาห. ตาปิ มทเวเคน กมฺปมานสรีรา ‘‘อิจฺจาม, คายามา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสุํ. อเถกา มารกายิกา เทวตา ‘‘อิมาสํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส ปุรโต วิปฺปการํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาสํ สรีเร อธิมุจฺจิ. ตาสุ เอกจฺจา สตฺถุ ปุรโต ปาณึ ปหริตฺวา หสิตุํ, เอกจฺจา นจฺจิตุํ อารภึสุ. สตฺถา ‘‘กึ อิท’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา ‘‘น อิทานิ มารกายิกานํ โอตารํ ลภิตุํ ทสฺสามิ. น หิ มยา เอตฺตกํ กาลํ ปารมิโย ปูเรนฺเตน มารกายิกานํ โอตารลาภตฺถาย ปูริตา’’ติ ตา สํเวเชตุํ ภมุกโลมโต รสฺมิโย วิสฺสชฺเชสิ, ตาวเทว อนฺธการติมิสา อโหสิ. ตา ภีตา อเหสุํ มรณภยตชฺชิตา. เตน ตาสํ กุจฺฉิยํ สุรา ชีริ. สตฺถา นิสินฺนปลฺลงฺเก อนฺตรหิโต สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา อุณฺณาโลมโต รสฺมึ วิสฺสชฺเชสิ, ตงฺขณํเยว จนฺทสหสฺสุคฺคมนํ วิย อโหสิ. อถ สตฺถา ตา อิตฺถิโย อามนฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ มม สนฺติกํ อาคจฺฉมานาหิ ปมตฺตาหิ อาคนฺตุํ น วฏฺฏติ. ตุมฺหากฺหิ ปมาเทเนว มารกายิกา เทวตา โอตารํ ลภิตฺวา ตุมฺเห หสาทีนํ อกรณฏฺาเน หสาทีนิ การาเปสิ, อิทานิ ตุมฺเหหิ ราคาทีนํ อคฺคีนํ นิพฺพาปนตฺถาย อุสฺสาหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๖.

‘‘โก นุ หาโส กิมานนฺโท, นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ;

อนฺธกาเรน โอนทฺธา, ปทีปํ น คเวสถา’’ติ.

ตตฺถ อานนฺโทติ ตุฏฺิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมึ โลกสนฺนิวาเส ราคาทีหิ เอกาทสหิ อคฺคีหิ นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ โก นุ ตุมฺหากํ หาโส วา ตุฏฺิ วา? นนุ เอส อกตฺตพฺพรูโปเยว. อฏฺวตฺถุเกน หิ อวิชฺชานฺธกาเรน โอนทฺธา ตุมฺเห ตสฺเสว อนฺธการสฺส วิธมนตฺถาย กึ การณา าณปฺปทีปํ น คเวสถ น กโรถาติ.

เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ ตา อิตฺถิโย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.

สตฺถา ตาสํ อจลสทฺธาย ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา สิเนรุมตฺถกา โอตริตฺวา พุทฺธาสเน นิสีทิ. อถ นํ วิสาขา อาห – ‘‘ภนฺเต, สุรา นาเมสา ปาปิกา. เอวรูปา หิ นาม อิมา อิตฺถิโย ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส ปุรโต นิสีทิตฺวา อิริยาปถมตฺตมฺปิ สณฺาเปตุํ อสกฺโกนฺติโย อุฏฺาย ปาณึ ปหริตฺวา หสนคีตนจฺจาทีนิ อารภึสู’’ติ. สตฺถา ‘‘อาม, วิสาเข, ปาปิกา เอว เอสา สุรา นาม. เอตฺหิ นิสฺสาย อเนเก สตฺตา อนยพฺยสนํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ปเนสา, ภนฺเต, อุปฺปนฺนา’’ติ วุตฺเต ตสฺสา อุปฺปตฺตึ วิตฺถาเรน กเถตุํ อตีตํ อาหริตฺวา กุมฺภชาตกํ (ชา. ๑.๑๖.๓๓ อาทโย) กเถสีติ.

วิสาขาย สหายิกานํ วตฺถุ ปมํ.

๒. สิริมาวตฺถุ

ปสฺส จิตฺตกตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สิริมํ อารพฺภ กเถสิ.

สา กิร ราชคเห อภิรูปา คณิกา. เอกสฺมึ ปน อนฺโตวสฺเส สุมนเสฏฺิปุตฺตสฺส ภริยาย ปุณฺณกเสฏฺิสฺส ธีตาย อุตฺตราย นาม อุปาสิกาย อปรชฺฌิตฺวา ตํ ปสาเทตุกามา ตสฺสา เคเห ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ กตภตฺตกิจฺจํ สตฺถารํ ขมาเปตฺวา ตํ ทิวสํ ทสพลสฺส ภตฺตานุโมทนํ สุตฺวา –

‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;

ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ. (ชา. ๑.๒.๒; ธ. ป. ๒๒๓) –

คาถาปริโยสาเน โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารกถา ปน โกธวคฺเค อนุโมทนคาถาวณฺณนายเมว อาวิภวิสฺสติ. เอวํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา ปน สิริมา ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส มหาทานํ ทตฺวา สงฺฆสฺส อฏฺกภตฺตํ นิพทฺธํ ทาเปสิ. อาทิโต ปฏฺาย นิพทฺธํ อฏฺ ภิกฺขู เคหํ คจฺฉนฺติ. ‘‘สปฺปึ คณฺหถ, ขีรํ คณฺหถา’’ติอาทีนิ วตฺวา เตสํ ปตฺเต ปูเรติ. เอเกน ลทฺธํ ติณฺณมฺปิ จตุนฺนมฺปิ ปโหติ. เทวสิกํ โสฬสกหาปณปริพฺพเยน ปิณฺฑปาโต ทียติ. อเถกทิวสํ เอโก ภิกฺขุ ตสฺสา เคเห อฏฺกภตฺตํ ภุฺชิตฺวา ติโยชนมตฺถเก เอกํ วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ สายํ เถรุปฏฺาเน นิสินฺนํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อาวุโส, กหํ ภิกฺขํ คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ. สิริมาย อฏฺกภตฺตํ เม ภุตฺตนฺติ. มนาปํ กตฺวา เทติ, อาวุโสติ. ‘‘น สกฺกา ตสฺสา ภตฺตํ วณฺเณตุํ, อติวิย ปณีตํ กตฺวา เทติ, เอเกน ลทฺธํ ติณฺณมฺปิ จตุนฺนมฺปิ ปโหติ, ตสฺสา ปน เทยฺยธมฺมโตปิ ทสฺสนเมว อุตฺตริตรํ. สา หิ อิตฺถี เอวรูปา จ เอวรูปา จา’’ติ ตสฺสา คุเณ วณฺเณสิ.

อเถโก ภิกฺขุ ตสฺสา คุณกถํ สุตฺวา อทสฺสเนเนว สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘มยา คนฺตฺวา ตํ ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน วสฺสคฺคํ กเถตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ิติกํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สฺเว, อาวุโส, ตสฺมึ เคเห ตฺวํ สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา อฏฺกภตฺตํ ลภิสฺสสี’’ติ สุตฺวา ตงฺขณฺเว ปตฺตจีวรํ อาทาย ปกฺกนฺโตปิ ปาโตว อรุเณ อุคฺคเต สลากคฺคํ ปวิสิตฺวา ิโต สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา ตสฺสา เคเห อฏฺกภตฺตํ ลภิ. โย ปน ภิกฺขุ หิยฺโย ภุฺชิตฺวา ปกฺกามิ, ตสฺส คตเวลายเมว อสฺสา สรีเร โรโค อุปฺปชฺชิ. ตสฺมา สา อาภรณานิ โอมุฺจิตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺสา ทาสิโย อฏฺกภตฺตํ ลภิตฺวา อาคเต ภิกฺขู ทิสฺวา อาโรเจสุํ. สา สหตฺถา ปตฺเต คเหตฺวา นิสีทาเปตุํ วา ปริวิสิตุํ วา อสกฺโกนฺตี ทาสิโย อาณาเปสิ – ‘‘อมฺมา ปตฺเต คเหตฺวา, อยฺเย, นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา ขชฺชกํ ทตฺวา ภตฺตเวลาย ปตฺเต ปูเรตฺวา เทถา’’ติ. ตา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ภิกฺขู ปเวเสตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา ขชฺชกํ ทตฺวา ภตฺตเวลาย ภตฺตสฺส ปตฺเต ปูเรตฺวา ตสฺสา อาโรจยึสุ. สา ‘‘มํ ปริคฺคเหตฺวา เนถ, อยฺเย, วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาหิ ปริคฺคเหตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺติกํ นีตา เวธมาเนน สรีเรน ภิกฺขู วนฺทิ. โส ภิกฺขุ ตํ โอโลเกตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘คิลานาย ตาว เอวรูปา อยํ เอติสฺสา รูปโสภา, อโรคกาเล ปน สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตาย อิมิสฺสา กีทิสี รูปสมฺปตฺตี’’ติ. อถสฺส อเนกวสฺสโกฏิสนฺนิจิโต กิเลโส สมุทาจริ, โส อฺาณี หุตฺวา ภตฺตํ ภุฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต ปตฺตมาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ปิธาย เอกมนฺเต เปตฺวา จีวรํ ปตฺถริตฺวา นิปชฺชิ.

อถ นํ เอโก สหายโก ภิกฺขุ ยาจนฺโตปิ โภเชตุํ นาสกฺขิ. โส ฉินฺนภตฺโต อโหสิ. ตํ ทิวสเมว สายนฺหสมเย สิริมา กาลมกาสิ. ราชา สตฺถุ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘ภนฺเต, ชีวกสฺส กนิฏฺภคินี, สิริมา, กาลมกาสี’’ติ. สตฺถา ตํ สุตฺวา รฺโ สาสนํ ปหิณิ ‘‘สิริมาย ฌาปนกิจฺจํ นตฺถิ, อามกสุสาเน ตํ ยถา กากสุนขาทโย น ขาทนฺติ, ตถา นิปชฺชาเปตฺวา รกฺขาเปถา’’ติ. ราชาปิ ตถา อกาสิ. ปฏิปาฏิยา ตโย ทิวสา อติกฺกนฺตา, จตุตฺเถ ทิวเส สรีรํ อุทฺธุมายิ, นวหิ วณมุเขหิ ปุฬวา ปคฺฆรึสุ, สกลสรีรํ ภินฺนํ สาลิภตฺตจาฏิ วิย อโหสิ. ราชา นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘เปตฺวา เคหรกฺขเก ทารเก สิริมาย ทสฺสนตฺถํ อนาคจฺฉนฺตานํ อฏฺ กหาปณานิ ทณฺโฑ’’ติ. สตฺถุ สนฺติ กฺจ เปเสสิ – ‘‘พุทฺธปฺปมุโข กิร ภิกฺขุสงฺโฆ สิริมาย ทสฺสนตฺถํ อาคจฺฉตู’’ติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ – ‘‘สิริมาย ทสฺสนตฺถํ คมิสฺสามา’’ติ. โสปิ ทหรภิกฺขุ จตฺตาโร ทิวเส กสฺสจิ วจนํ อคฺคเหตฺวา ฉินฺนภตฺโตว นิปชฺชิ. ปตฺเต ภตฺตํ ปูติกํ ชาตํ, ปตฺเต มลํ อุฏฺหิ. อถ นํ โส สหายโก ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส, สตฺถา สิริมาย ทสฺสนตฺถํ คจฺฉตี’’ติ อาห. โส ตถา ฉาตชฺฌตฺโตปิ ‘‘สิริมา’’ติ วุตฺตปเทเยว สหสา อุฏฺหิตฺวา ‘‘กึ ภณสี’’ติ อาห. ‘‘สตฺถา สิริมํ ทฏฺุํ คจฺฉติ, ตฺวมฺปิ คมิสฺสสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, คมิสฺสามี’’ติ ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อคมาสิ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เอกปสฺเส อฏฺาสิ, ภิกฺขุนิสงฺโฆปิ ราชปริสาปิ อุปาสกปริสาปิ อุปาสิกาปริสาปิ เอเกกปสฺเส อฏฺํสุ.

สตฺถา ราชานํ ปุจฺฉิ – ‘‘กา เอสา, มหาราโช’’ติ. ภนฺเต, ชีวกสฺส ภคินี, สิริมา, นามาติ. สิริมา, เอสาติ. อาม, ภนฺเตติ. เตน หิ นคเร เภรึ จราเปหิ ‘‘สหสฺสํ ทตฺวา สิริมํ คณฺหนฺตู’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. เอโกปิ ‘ห’นฺติ วา ‘หุ’นฺติ วา วทนฺโต นาม นาโหสิ. ราชา สตฺถุ อาโรเจสิ – ‘‘น คณฺหนฺติ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ, มหาราช, อคฺฆํ โอหาเรหีติ. ราชา ‘‘ปฺจสตานิ ทตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปตฺวา กฺจิ คณฺหนกํ อทิสฺวา ‘‘อฑฺฒเตยฺยานิ สตานิ, ทฺเว สตานิ, สตํ, ปณฺณาสํ, ปฺจวีสติ กหาปเณ, ทส กหาปเณ, ปฺจ กหาปเณ, เอกํ กหาปณํ อฑฺฒํ, ปาทํ, มาสกํ, กากณิกํ ทตฺวา สิริมํ คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. โกจิ ตํ น อิจฺฉิ. ‘‘มุธาปิ คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. ‘ห’นฺติ วา ‘หุ’นฺติ วา วทนฺโต นาม นาโหสิ. ราชา ‘‘มุธาปิ, ภนฺเต, คณฺหนฺโต นาม นตฺถี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, มหาชนสฺส ปิยํ มาตุคามํ, อิมสฺมึเยว นคเร สหสฺสํ ทตฺวา ปุพฺเพ เอกทิวสํ ลภึสุ, อิทานิ มุธา คณฺหนฺโตปิ นตฺถิ, เอวรูปํ นาม รูปํ ขยวยปฺปตฺตํ, ปสฺสถ, ภิกฺขเว, อาตุรํ อตฺตภาว’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๗.

‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;

อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิตี’’ติ.

ตตฺถ จิตฺตกตนฺติ กตจิตฺตํ, วตฺถาภรณมาลาลตฺตกาทีหิ วิจิตฺตนฺติ อตฺโถ. พิมฺพนฺติ ทีฆาทิยุตฺตฏฺาเนสุ ทีฆาทีหิ องฺคปจฺจงฺเคหิ สณฺิตํ อตฺตภาวํ. อรุกายนฺติ นวนฺนํ วณมุขานํ วเสน อรุภูตํ กายํ. สมุสฺสิตนฺติ ตีหิ อฏฺิสเตหิ สมุสฺสิตํ. อาตุรนฺติ สพฺพกาลํ อิริยาปถาทีหิ ปริหริตพฺพตาย นิจฺจคิลานํ. พหุสงฺกปฺปนฺติ มหาชเนน พหุธา สงฺกปฺปิตํ. ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิตีติ ยสฺส ธุวภาโว วา ิติภาโว วา นตฺถิ, เอกนฺเตน เภทนวิกิรณวิทฺธํสนธมฺมเมเวตํ, อิมํ ปสฺสถาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, โสปิ ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.

สิริมาวตฺถุ ทุติยํ.

๓. อุตฺตราเถรีวตฺถุ

ปริชิณฺณมิทนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุตฺตราเถรึ นาม ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ.

เถรี กิร วีสวสฺสสติกา ชาติยา ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธปิณฺฑปาตา อนฺตรวีถิยํ เอกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปิณฺฑปาเตน อาปุจฺฉิตฺวา ตสฺส อปฏิกฺขิปิตฺวา คณฺหนฺตสฺส สพฺพํ ทตฺวา นิราหารา อโหสิ. เอวํ ทุติเยปิ ตติเยปิ ทิวเส ตสฺเสว ภิกฺขุโน ตสฺมึเยว าเน ภตฺตํ ทตฺวา นิราหารา อโหสิ, จตุตฺเถ ทิวเส ปน ปิณฺฑาย จรนฺตี เอกสฺมึ สมฺพาธฏฺาเน สตฺถารํ ทิสฺวา ปฏิกฺกมนฺตี โอลมฺพนฺตํ อตฺตโน จีวรกณฺณํ อกฺกมิตฺวา สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี ปริวตฺติตฺวา ปติ. สตฺถา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภคินิ, ปริชิณฺโณ เต อตฺตภาโว น จิรสฺเสว ภิชฺชิสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๘.

‘‘ปริชิณฺณมิทํ รูปํ, โรคนีฬํ ปภงฺคุรํ;

ภิชฺชติ ปูติสนฺเทโห, มรณนฺตฺหิ ชีวิต’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – ภคินิ อิทํ ตว สรีรสงฺขาตํ รูปํ มหลฺลกภาเวน ปริชิณฺณํ, ตฺจ โข สพฺพโรคานํ นิวาสฏฺานฏฺเน โรคนีฬํ, ยถา โข ปน ตรุโณปิ สิงฺคาโล ‘‘ชรสิงฺคาโล’’ติ วุจฺจติ, ตรุณาปิ คโฬจีลตา ‘‘ปูติลตา’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ตทหุชาตํ สุวณฺณวณฺณมฺปิ สมานํ นิจฺจํ ปคฺฆรณฏฺเน ปูติตาย ปภงฺคุรํ, โส เอส ปูติโก สมาโน ตว เทโห ภิชฺชติ, น จิรสฺเสว ภิชฺชิสฺสตีติ เวทิตพฺโพ. กึ การณา? มรณนฺตฺหิ ชีวิตํ ยสฺมา สพฺพสตฺตานํ ชีวิตํ มรณปริโยสานเมวาติ วุตฺตํ โหติ.

เทสนาวสาเน สา เถรี โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อุตฺตราเถรีวตฺถุ ตติยํ.

๔. สมฺพหุลอธิมานิกภิกฺขุวตฺถุ

ยานิมานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล อธิมานิเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

ปฺจสตา กิร ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘กิเลสานํ อสมุทาจาเรน ปพฺพชิตกิจฺจํ โน นิปฺผนฺนํ, อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามา’’ติ อาคมึสุ. สตฺถา เตสํ พหิทฺวารโกฏฺกํ ปตฺตกาเลเยว อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, เอเตสํ ภิกฺขูนํ ปวิสิตฺวา มยา ทิฏฺเน กมฺมํ นตฺถิ, อามกสุสานํ คนฺตฺวา ตโต อาคนฺตฺวา มํ ปสฺสนฺตู’’ติ. เถโร คนฺตฺวา เตสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เต ‘‘กึ อมฺหากํ อามกสุสาเนนา’’ติ อวตฺวาว ‘‘ทีฆทสฺสินา พุทฺเธน การณํ ทิฏฺํ ภวิสฺสตี’’ติ อามกสุสานํ คนฺตฺวา ตตฺถ กุณปานิ ปสฺสนฺตา เอกาหทฺวีหปติเตสุ กุณเปสุ อาฆาตํ ปฏิลภิตฺวา ตํ ขณํ ปติเตสุ อลฺลสรีเรสุ ราคํ อุปฺปาทยึสุ, ตสฺมึ ขเณ อตฺตโน สกิเลสภาวํ ชานึสุ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว โอภาสํ ผริตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ สมฺมุเข กเถนฺโต วิย ‘‘นปฺปติรูปํ นุ โข, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวรูปํ อฏฺิสงฺฆาตํ ทิสฺวา ราครตึ อุปฺปาเทตุ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๙.

‘‘ยานิมานิ อปตฺถานิ, อลาพูเนว สารเท;

กาโปตกานิ อฏฺีนิ, ตานิ ทิสฺวาน กา รตี’’ติ.

ตตฺถ อปตฺถานีติ ฉฑฺฑิตานิ. สารเทติ สรทกาเล วาตาตปปหตานิ ตตฺถ ตตฺถ วิปฺปกิณฺณอลาพูนิ วิย. กาโปตกานีติ กโปตกวณฺณานิ. ตานิ ทิสฺวานาติ ตานิ เอวรูปานิ อฏฺีนิ ทิสฺวา ตุมฺหากํ กา รติ, นนุ อปฺปมตฺตกมฺปิ กามรตึ กาตุํ น วฏฺฏติเยวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู ยถาิตาว อรหตฺตํ ปตฺวา ภควนฺตํ อภิตฺถวมานา อาคนฺตฺวา วนฺทึสูติ.

สมฺพหุลอธิมานิกภิกฺขุวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. ชนปทกลฺยาณี รูปนนฺทาเถรีวตฺถุ

อฏฺีนํ นครํ กตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ชนปทกลฺยาณึ รูปนนฺทาเถรึ อารพฺภ กเถสิ.

สา กิร เอกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เชฏฺภาติโก รชฺชสิรึ ปหาย ปพฺพชิตฺวา โลเก อคฺคปุคฺคโล พุทฺโธ ชาโต, ปุตฺโตปิสฺส ราหุลกุมาโร ปพฺพชิโต, ภตฺตาปิ เม ปพฺพชิโต, มาตาปิ เม ปพฺพชิตา, อหมฺปิ เอตฺตเก าติชเน ปพฺพชิเต เคเห กึ กริสฺสามิ, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. สา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ าติสิเนเหเนว, โน สทฺธาย, อภิรูปตาย ปน รูปนนฺทาติ ปฺายิ. ‘‘สตฺถา กิร ‘รูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, เวทนา… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ วเทตี’’ติ สุตฺวา สา เอวํ ทสฺสนีเย ปาสาทิเก มมปิ รูเป โทสํ กเถยฺยาติ สตฺถุ สมฺมุขีภาวํ น คจฺฉติ. สาวตฺถิวาสิโน ปาโตว ทานํ ทตฺวา สมาทินฺนุโปสถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธมาลาทิหตฺถา สายนฺหสมเย เชตวเน สนฺนิปติตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติ. ภิกฺขุนิสงฺโฆปิ สตฺถุ ธมฺมเทสนาย อุปฺปนฺนจฺฉนฺโท วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณาติ. ธมฺมํ สุตฺวา นครํ ปวิสนฺโต สตฺถุ คุณกถํ กเถนฺโตว ปวิสติ.

จตุปฺปมาณิเก หิ โลกสนฺนิวาเส อปฺปกาว เต สตฺตา, เยสํ ตถาคตํ ปสฺสนฺตานํ ปสาโท น อุปฺปชฺชติ. รูปปฺปมาณิกาปิ หิ ตถาคตสฺส ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ทิสฺวา ปสีทนฺติ, โฆสปฺปมาณิกาปิ อเนกานิ ชาติสตานิ นิสฺสาย ปวตฺตํ สตฺถุ คุณโฆสฺเจว อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ ธมฺมเทสนาโฆสฺจ สุตฺวา ปสีทนฺติ, ลูขปฺปมาณิกาปิสฺส จีวราทิลูขตํ ปฏิจฺจ ปสีทนฺติ, ธมฺมปฺปมาณิกาปิ ‘‘เอวรูปํ ทสพลสฺส สีลํ, เอวรูโป สมาธิ, เอวรูปา ปฺา, ภควา สีลาทีหิ คุเณหิ อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ ปสีทนฺติ. เตสํ ตถาคตสฺส คุณํ กเถนฺตานํ มุขํ นปฺปโหติ. รูปนนฺทา ภิกฺขุนีนฺเจว อุปาสิกานฺจ สนฺติกา ตถาคตสฺส คุณกถํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อติวิย เม ภาติกสฺส วณฺณํ กเถนฺติเยว. เอกทิวสมฺปิ เม รูเป โทสํ กเถนฺโต กิตฺตกํ กเถสฺสติ. ยํนูนาหํ ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ คนฺตฺวา อตฺตานํ อทสฺเสตฺวาว ตถาคตํ ปสฺสิตฺวา ธมฺมมสฺส สุณิตฺวา อาคจฺเฉยฺย’’นฺติ. สา ‘‘อหมฺปิ อชฺช ธมฺมสฺสวนํ คมิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุนีนํ อาโรเจสิ.

ภิกฺขุนิโย ‘‘จิรสฺสํ วต รูปนนฺทาย สตฺถุ อุปฏฺานํ คนฺตุกามตา อุปฺปนฺนา, อชฺช สตฺถา อิมํ นิสฺสาย วิจิตฺรธมฺมเทสนํ นานานยํ เทเสสฺสตี’’ติ ตุฏฺมานสา ตํ อาทาย นิกฺขมึสุ. สา นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย ‘‘อหํ อตฺตานํ เนว ทสฺเสสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ‘‘อชฺช รูปนนฺทา มยฺหํ อุปฏฺานํ อาคมิสฺสติ, กีทิสี นุ โข ตสฺสา ธมฺมเทสนา สปฺปายา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘รูปครุกา เอสา อตฺตภาเว พลวสิเนหา, กณฺฏเกน กณฺฏกุทฺธรณํ วิย รูเปเนวสฺสา รูปมทนิมฺมทนํ สปฺปาย’’นฺติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตสฺสา วิหารํ ปวิสนสมเย เอกํ ปน อภิรูปํ อิตฺถึ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ รตฺตวตฺถนิวตฺถํ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตํ พีชนึ คเหตฺวา อตฺตโน สนฺติเก ตฺวา พีชยมานํ อิทฺธิพเลน อภินิมฺมินิ. ตํ โข ปน อิตฺถึ สตฺถา เจว ปสฺสติ รูปนนฺทา จ. สา ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหารํ ปวิสิตฺวา ภิกฺขุนีนํ ปิฏฺิปสฺเส ตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ภิกฺขุนีนํ อนฺตเร นิสินฺนา ปาทนฺตโต ปฏฺาย สตฺถารํ โอโลเกนฺตี ลกฺขณวิจิตฺตํ อนุพฺยฺชนสมุชฺชลํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺตํ สตฺถุ สรีรํ ทิสฺวา ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ โอโลเกนฺตี สมีเป ิตํ อิตฺถิรูปํ อทฺทส. สา ตํ โอโลเกตฺวา อตฺตภาวํ โอโลเกนฺตี สุวณฺณราชหํสิยา ปุรโต กากีสทิสํ อตฺตานํ อวมฺิ. อิทฺธิมยรูปํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาเยว หิ ตสฺสา อกฺขีนิ ภมึสุ. สา ‘‘อโห อิมิสฺสา เกสา โสภนา, อโห นลาฏํ โสภน’’นฺติ สพฺเพสํ สารีรปฺปเทสานํ รูปสิริยา สมากฑฺฒิตจิตฺตา ตสฺมึ รูเป พลวสิเนหา อโหสิ.

สตฺถา ตสฺสา ตตฺถ อภิรตึ ตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโตว ตํ รูปํ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกภาวํ อติกฺกมิตฺวา วีสติวสฺสุทฺเทสิกํ กตฺวา ทสฺเสสิ. รูปนนฺทา โอโลเกตฺวา ‘‘น วติทํ รูปํ ปุริมสทิส’’นฺติ โถกํ วิรตฺตจิตฺตา อโหสิ. สตฺถา อนุกฺกเมเนว ตสฺสา อิตฺถิยา สกึ วิชาตวณฺณํ มชฺฌิมิตฺถิวณฺณํ ชราชิณฺณมหลฺลิกิตฺถิวณฺณฺจ ทสฺเสสิ. สาปิ อนุปุพฺเพเนว ‘‘อิทมฺปิ อนฺตรหิตํ, อิทมฺปิ อนฺตรหิต’’นฺติ ชราชิณฺณกาเล ตํ วิรชฺชมานา ขณฺฑทนฺตึ ปลิตสิรํ โอภคฺคํ โคปานสิวงฺกํ ทณฺฑปรายณํ ปเวธมานํ ทิสฺวา อติวิย วิรชฺชิ. อถ สตฺถา ตํ พฺยาธินา อภิภูตํ กตฺวา ทสฺเสสิ. สา ตงฺขณฺเว ทณฺฑฺจ ตาลวณฺฏฺจ ฉฑฺเฑตฺวา มหาวิรวํ วิรวมานา ภูมิยํ ปติตฺวา สเก มุตฺตกรีเส นิมุคฺคา อปราปรํ ปริวตฺติ. รูปนนฺทา ตมฺปิ ทิสฺวา อติวิย วิรชฺชิ. สตฺถาปิ ตสฺสา อิตฺถิยา มรณํ ทสฺเสสิ. สา ตงฺขณํเยว อุทฺธุมาตกภาวํ อาปชฺชิ, นวหิ วณมุเขหิ ปุพฺพวฏฺฏิโย เจว ปุฬวา จ ปคฺฆรึสุ, กากาทโย สนฺนิปติตฺวา วิลุมฺปึสุ. รูปนนฺทาปิ ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ อิตฺถี อิมสฺมึเยว าเน ชรํ ปตฺตา, พฺยาธึ ปตฺตา, มรณํ ปตฺตา, อิมสฺสาปิ เม อตฺตภาวสฺส เอวเมว ชราพฺยาธิมรณานิ อาคมิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตภาวํ อนิจฺจโต ปสฺสิ. อนิจฺจโต ทิฏฺตฺตา เอว ปน ทุกฺขโต อนตฺตโต ทิฏฺโเยว โหติ. อถสฺสา ตโย ภวา อาทิตฺตา เคหา วิย คีวาย พทฺธกุณปํ วิย จ อุปฏฺหึสุ, กมฺมฏฺานาภิมุขํ จิตฺตํ ปกฺขนฺทิ. สตฺถา ตาย อนิจฺจโต ทิฏฺภาวํ ตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ นุ โข สยเมว อตฺตโน ปติฏฺํ กาตุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘น สกฺขิสฺสติ, พหิทฺธา ปจฺจยํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺสา สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสนฺโต อาห –

‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส นนฺเท สมุสฺสยํ;

อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภิปตฺถิตํ.

‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิทํ;

ธาตุโต สุฺโต ปสฺส, มา โลกํ ปุนราคมิ;

ภเว ฉนฺทํ วิราเชตฺวา, อุปสนฺโต จริสฺสตี’’ติ. –

อิตฺถํ สุทํ ภควา นนฺทํ ภิกฺขุนึ อารพฺภ อิมา คาถาโย อภาสิตฺถาติ. นนฺทา เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อถสฺสา อุปริ ติณฺณํ มคฺคผลานํ วิปสฺสนาปริวาสตฺถาย สุฺตากมฺมฏฺานํ กเถตุํ, ‘‘นนฺเท, มา ‘อิมสฺมึ สรีเร สาโร อตฺถี’ติ สฺํ กริ. อปฺปมตฺตโกปิ หิ เอตฺถ สาโร นตฺถิ, ตีณิ อฏฺิสตานิ อุสฺสาเปตฺวา กตํ อฏฺินครเมต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๕๐.

‘‘อฏฺีนํ นครํ กตํ, มํสโลหิตเลปนํ;

ยตฺถ ชรา จ มจฺจุ จ, มาโน มกฺโข จ โอหิโต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยเถว หิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณาทีนํ โอทหนตฺถาย กฏฺานิ อุสฺสาเปตฺวา วลฺลีหิ พนฺธิตฺวา มตฺติกาย วิลิมฺเปตฺวา นครสงฺขาตํ พหิทฺธา เคหํ กโรนฺติ, เอวมิทํ อชฺฌตฺติกมฺปิ ตีณิ อฏฺิสตานิ อุสฺสาเปตฺวา นฺหารุวินทฺธํ มํสโลหิตเลปนํ ตจปฏิจฺฉนฺนํ ชีรณลกฺขณาย ชราย มรณลกฺขณสฺส มจฺจุโน อาโรหสมฺปทาทีนิ ปฏิจฺจ มฺนลกฺขณสฺส มานสฺส สุกตการณวินาสนลกฺขณสฺส มกฺขสฺส จ โอทหนตฺถาย นครํ กตํ. เอวรูโป เอว หิ เอตฺถ กายิกเจตสิโก อาพาโธ โอหิโต, อิโต อุทฺธํ กิฺจิ คยฺหูปคํ นตฺถีติ.

เทสนาวสาเน สา เถรี อรหตฺตํ ปาปุณิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ชนปทกลฺยาณี รูปนนฺทาเถรีวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. มลฺลิกาเทวีวตฺถุ

ชีรนฺติ เวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มลฺลิกํ เทวึ อารพฺภ กเถสิ.

สา กิร เอกทิวสํ นฺหานโกฏฺกํ ปวิฏฺา มุขํ โธวิตฺวา โอนตสรีรา ชงฺฆํ โธวิตุํ อารภิ. ตาย จ สทฺธึเยว ปวิฏฺโ เอโก วลฺลภสุนโข อตฺถิ. โส ตํ ตถา โอนตํ ทิสฺวา อสทฺธมฺมสนฺถวํ กาตุํ อารภิ. สา ผสฺสํ สาทิยนฺตี อฏฺาสิ. ราชาปิ อุปริปาสาเท วาตปาเนน โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ตโต อาคตกาเล ‘‘นสฺส, วสลิ, กสฺมา เอวรูปมกาสี’’ติ อาห. กึ มยา กตํ, เทวาติ. สุนเขน สทฺธึ สนฺถโวติ. นตฺเถตํ, เทวาติ. มยา สามํ ทิฏฺํ, นาหํ ตว สทฺทหิสฺสามิ, นสฺส, วสลีติ. ‘‘มหาราช, โย โกจิ อิมํ โกฏฺกํ ปวิฏฺโ อิมินา วาตปาเนน โอโลเกนฺตสฺส เอโกว ทฺวิธา ปฺายตี’’ติ อภูตํ กเถสิ. เทว, สเจ เม สทฺทหสิ, เอตํ โกฏฺกํ ปวิส, อหํ ตํ อิมินา วาตปาเนน โอโลเกสฺสามีติ. ราชา มูฬฺหธาตุโก ตสฺสา วจนํ สทฺทหิตฺวา โกฏฺกํ ปาวิสิ. สาปิ โข เทวี วาตปาเน ตฺวา โอโลเกนฺตี ‘‘อนฺธพาล, มหาราช, กึ นาเมตํ, อชิกาย สทฺธึ สนฺถวํ กโรสี’’ติ อาห. ‘‘นาหํ, ภทฺเท, เอวรูปํ กโรมี’’ติ จ วุตฺเตปิ ‘‘มยา สามํ ทิฏฺํ, นาหํ ตว สทฺทหิสฺสามี’’ติ อาห.

ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘อทฺธา อิมํ โกฏฺกํ ปวิฏฺโ เอโกว ทฺวิธา ปฺายตี’’ติ สทฺทหิ. มลฺลิกา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา อนฺธพาลตาย มยา วฺจิโต, ปาปํ เม กตํ, อยฺจ เม อภูเตน อพฺภาจิกฺขิโต, อิทํ เม กมฺมํ สตฺถาปิ ชานิสฺสติ, ทฺเว อคฺคสาวกาปิ อสีติ มหาสาวกาปิ ชานิสฺสนฺติ, อโห วต เม ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ. อยํ กิร รฺโ อสทิสทาเน สหายิกา อโหสิ. ตตฺถ จ เอกทิวสํ กตปริจฺจาโค ธนสฺส จุทฺทสโกฏิอคฺฆนโก อโหสิ. ตถาคตสฺส เสตจฺฉตฺตํ นิสีทนปลฺลงฺโก อาธารโก ปาทปีนฺติ อิมานิ ปน จตฺตาริ อนคฺฆาเนว อเหสุํ. สา มรณกาเล เอวรูปํ มหาปริจฺจาคํ นานุสฺสริตฺวา ตเทว ปาปกมฺมํ อนุสฺสรนฺตี กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. รฺโ ปน สา อติวิย ปิยา อโหสิ. โส พลวโสกาภิภูโต ตสฺสา สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา ‘‘นิพฺพตฺตฏฺานมสฺสา ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ยถา โส อาคตการณํ น สรติ, ตถา อกาสิ. โส สตฺถุ สนฺติเก สารณียธมฺมกถํ สุตฺวา เคหํ ปวิฏฺกาเล สริตฺวา ‘‘อหํ ภเณ มลฺลิกาย นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉิสฺสามีติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปมุฏฺโ, สฺเว ปุน ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ปุนทิวเสปิ อคมาสิ. สตฺถาปิ ปฏิปาฏิยา สตฺต ทิวสานิ ยถา โส น สรติ, ตถา อกาสิ. สาปิ สตฺตาหเมว นิรเย ปจฺจิตฺวา อฏฺเม ทิวเส ตโต จุตา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. กสฺมา ปนสฺส สตฺถา อสรณภาวํ อกาสีติ? สา กิร ตสฺส อติวิย ปิยา อโหสิ มนาปา, ตสฺมา ตสฺสา นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ สุตฺวา ‘‘สเจ เอวรูปา สทฺธาสมฺปนฺนา นิรเย นิพฺพตฺตา, ทานํ ทตฺวา กึ กริสฺสามี’’ติ มิจฺฉาทิฏฺึ คเหตฺวา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ เคเห ปวตฺตํ นิจฺจภตฺตํ หราเปตฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺย, เตนสฺส สตฺถา สตฺตาหํ อสรณภาวํ กตฺวา อฏฺเม ทิวเส ปิณฺฑาย จรนฺโต สยเมว ราชกุลทฺวารํ อคมาสิ.

ราชา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปตฺตํ อาทาย ปาสาทํ อภิรุหิตุํ อารภิ. สตฺถา ปน รถสาลาย นิสีทิตุํ อาการํ ทสฺเสสิ. ราชา สตฺถารํ ตตฺเถว นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชเกน ปฏิมาเนตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺโนว อหํ, ภนฺเต, มลฺลิกาย เทวิยา นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉิสฺสามีติ คนฺตฺวา ปมุฏฺโ, กตฺถ นุ โข สา, ภนฺเต, นิพฺพตฺตาติ. ตุสิตภวเน, มหาราชาติ, ภนฺเต, ตาย ตุสิตภวเน อนิพฺพตฺตนฺติยา โก อฺโ นิพฺพตฺติสฺสติ, ภนฺเต, นตฺถิ ตาย สทิสา อิตฺถี. ตสฺสา หิ นิสินฺนฏฺานาทีสุ ‘‘สฺเว ตถาคตสฺส อิทํ ทสฺสามิ, อิทํ กริสฺสามี’’ติ ทานสํวิธานํ เปตฺวา อฺํ กิจฺจเมว นตฺถิ, ภนฺเต, ตสฺสา ปรโลกํ คตกาลโต ปฏฺาย สรีรํ เม น วหตีติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราช, สพฺเพสํ ธุวธมฺโม อย’’นฺติ วตฺวา ‘‘อยํ, มหาราช, รโถ กสฺสา’’ติ ปุจฺฉิ. ตํ สุตฺวา ราชา สิรสฺมึ อฺชลึ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ปิตามหสฺส เม, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘อยํ กสฺสา’’ติ? ‘‘ปิตุ เม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อยํ ปน รโถ กสฺสา’’ติ? ‘‘มม, ภนฺเต’’ติ. เอวํ วุตฺเต สตฺถา, ‘‘มหาราช, ตว ปิตามหสฺส รโถ เตเนวากาเรน ตว ปิตุ รถํ น ปาปุณิ, ตว ปิตุ รโถ ตว รถํ น ปาปุณิ, เอวรูปสฺส นาม กฏฺกลิงฺครสฺสาปิ ชรา อาคจฺฉติ, กิมงฺคํ ปน อตฺตภาวสฺส. มหาราช, สปฺปุริสธมฺมสฺเสว หิ ชรา นตฺถิ, สตฺตา ปน อชีรกา นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๕๑.

‘‘ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา,

อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ;

สตฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ,

สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตี’’ติ.

ตตฺถ เวติ นิปาโต. สุจิตฺตาติ สตฺตหิ รตเนหิ อปเรหิ จ รถาลงฺกาเรหิ สุฏฺุ จิตฺติตา ราชูนํ รถาปิ ชีรนฺติ. สรีรมฺปีติ น เกวลํ รถา เอว, อิทํ สุปฺปฏิชคฺคิตํ สรีรมฺปิ ขณฺฑิจฺจาทีนิ ปาปุณนฺตํ ชรํ อุเปติ. สตฺจาติ พุทฺธาทีนํ ปน สนฺตานํ นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม จ กิฺจิ อุปฆาตํ น อุเปตีติ น ชรํ อุเปติ นาม. ปเวทยนฺตีติ เอวํ สนฺโต พุทฺธาทโย สพฺภิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ กเถนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มลฺลิกาเทวีวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. ลาฬุทายิตฺเถรวตฺถุ

อปฺปสฺสุตายนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาฬุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร มงฺคลํ กโรนฺตานํ เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๗.๑; เป. ว. ๑๔) นเยน อวมงฺคลํ กเถติ, อวมงฺคลํ กโรนฺตานํ เคหํ คนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏาทีสุ กเถตพฺเพสุ ‘‘ทานฺจ ธมฺมจริยา จา’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๕.๗; สุ. นิ. ๒๖๖) นเยน มงฺคลคาถา วา ‘‘ยํ กิฺจิ วิตฺตํ อิธ วา หุรํ วา’’ติ รตนสุตฺตํ (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) วา กเถติ. เอวํ เตสุ เตสุ าเนสุ ‘‘อฺํ กเถสฺสามี’’ติ อฺํ กเถนฺโตปิ ‘‘อฺํ กเถมี’’ติ น ชานาติ. ภิกฺขู ตสฺส กถํ สุตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘กึ, ภนฺเต, ลาฬุทายิสฺส มงฺคลามงฺคลฏฺาเนสุ คมเนน, อฺสฺมึ กเถตพฺเพ อฺเมว กเถตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส เอวํ กเถติ, ปุพฺเพปิ อฺสฺมึ กเถตพฺเพ อฺเมว กเถสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –

อตีเต กิร พาราณสิยํ อคฺคิทตฺตสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต โสมทตฺตกุมาโร นาม ราชานํ อุปฏฺหิ. โส รฺา ปิโย อโหสิ มนาโป. พฺราหฺมโณ ปน กสิกมฺมํ นิสฺสาย ชีวติ. ตสฺส ทฺเวเยว โคณา อเหสุํ. เตสุ เอโก มโต. พฺราหฺมโณ ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, โสมทตฺต, ราชานํ เม ยาจิตฺวา เอกํ โคณํ อาหรา’’ติ. โสมทตฺโต ‘‘สจาหํ ราชานํ ยาจิสฺสามิ, ลหุภาโว เม ปฺายิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเหเยว, ตาต, ราชานํ ยาจถา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ, ตาต, มํ คเหตฺวา ยาหี’’ติ วุตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ทนฺธปฺโ อภิกฺกมาทิวจนมตฺตมฺปิ น ชานาติ, อฺสฺมึ วตฺตพฺเพ อฺเมว วทติ, สิกฺขาเปตฺวา ปน นํ เนสฺสามี’’ติ. โส ตํ อาทาย พีรณตฺถมฺภกํ นาม สุสานํ คนฺตฺวา ติณกลาเป พนฺธิตฺวา ‘‘อยํ ราชา, อยํ อุปราชา, อยํ เสนาปตี’’ติ นามานิ กตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิตุ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ราชกุลํ คนฺตฺวา เอวํ อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ ปฏิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ นาม ราชา วตฺตพฺโพ, เอวํ นาม อุปราชา, ราชานํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา ‘ชยตุ ภวํ, มหาราชา’ติ วตฺวา เอวํ ตฺวา อิมํ คาถํ วตฺวา โคณํ ยาเจยฺยาถา’’ติ คาถํ อุคฺคณฺหาเปสิ –

‘‘ทฺเว เม โคณา มหาราช, เยหิ เขตฺตํ กสามเส;

เตสุ เอโก มโต เทว, ทุติยํ เทหิ ขตฺติยา’’ติ.

โส หิ สํวจฺฉรมตฺเตน ตํ คาถํ ปคุณํ กตฺวา ปคุณภาวํ ปุตฺตสฺส อาโรเจตฺวา ‘‘เตน หิ, ตาต, กฺจิเทว ปณฺณาการํ อาทาย อาคจฺฉถ, อหํ ปุริมตรํ คนฺตฺวา รฺโ สนฺติเก สฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ปณฺณาการํ คเหตฺวา โสมทตฺตสฺส รฺโ สนฺติเก ิตกาเล อุสฺสาหปฺปตฺโต ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา ตุฏฺจิตฺเตน กตปฏิสมฺโมทโน, ‘‘ตาต, จิรสฺสํ วต อาคตตฺถ, อิทมาสนํ นิสีทิตฺวา วทถ, เยนตฺโถ’’ติ วุตฺเต อิมํ คาถมาห –

‘‘ทฺเว เม โคณา มหาราช, เยหิ เขตฺตํ กสามเส;

เตสุ เอโก มโต เทว, ทุติยํ คณฺห ขตฺติยา’’ติ.

รฺา ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, ปุน วเทหี’’ติ วุตฺเตปิ ตเมว คาถํ อาห. ราชา เตน วิรชฺฌิตฺวา กถิตภาวํ ตฺวา สิตํ กตฺวา, ‘‘โสมทตฺต, ตุมฺหากํ เคเห พหู มฺเ โคณา’’ติ วตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ทินฺนา พหู ภวิสฺสนฺติ, เทวา’’ติ วุตฺเต โพธิสตฺตสฺส ตุสฺสิตฺวา พฺราหฺมณสฺส โสฬส โคเณ อลงฺการภณฺฑกํ นิวาสคามฺจสฺส พฺรหฺมเทยฺยํ ทตฺวา มหนฺเตน ยเสน พฺราหฺมณํ อุยฺโยเชสีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, พฺราหฺมโณ ลาฬุทายี, โสมทตฺโต ปน อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อตฺตโน อปฺปสฺสุตตาย อฺสฺมึ วตฺตพฺเพ อฺเมว วทติ. อปฺปสฺสุตปุริโส หิ พลิพทฺทสทิโส นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๕๒.

‘‘อปฺปสฺสุตายํ ปุริโส, พลิพทฺโทว ชีรติ;

มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺติ, ปฺา ตสฺส น วฑฺฒตี’’ติ.

ตตฺถ อปฺปสฺสุตายนฺติ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา ปณฺณาสกานํ. อถ วา ปน วคฺคานํ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา สุตฺตนฺตานํ วาปิ อภาเวน อปฺปสฺสุโต อยํ. กมฺมฏฺานํ ปน อุคฺคเหตฺวา อนุยุฺชนฺโต พหุสฺสุโตว. พลิพทฺโทว ชีรตีติ ยถา หิ พลิพทฺโท ชีรมาโน วฑฺฒมาโน เนว มาตุ, น ปิตุ, น เสสาตกานํ อตฺถาย วฑฺฒติ, อถ โข นิรตฺถกเมว ชีรติ, เอวเมวํ อยมฺปิ น อุปชฺฌายวตฺตํ กโรติ, น อาจริยวตฺตํ, น อาคนฺตุกวตฺตาทีนิ, น ภาวนารามตํ อนุยุฺชติ, นิรตฺถกเมว ชีรติ, มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺตีติ ยถา พลิพทฺทสฺส ‘‘ยุคนงฺคลาทีนิ วหิตุํ อสมตฺโถ เอโส’’ติ อรฺเ วิสฺสฏฺสฺส ตตฺเถว วิจรนฺตสฺส ขาทนฺตสฺส ปิวนฺตสฺส มํสานิ วฑฺฒนฺติ, เอวเมว อิมสฺสาปิ อุปชฺฌายาทีหิ วิสฺสฏฺสฺส สงฺฆํ นิสฺสาย จตฺตาโร ปจฺจเย ลภิตฺวา อุทฺธวิเรจนาทีนิ กตฺวา กายํ โปเสนฺตสฺส มํสานิ วฑฺฒนฺติ, ถูลสรีโร หุตฺวา วิจรติ. ปฺา ตสฺสาติ โลกิยโลกุตฺตรา ปนสฺส ปฺา เอกงฺคุลมตฺตาปิ น วฑฺฒติ, อรฺเ ปน คจฺฉลตาทีนิ วิย ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย ตณฺหา เจว นววิธมาโน จ วฑฺฒตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน มหาชโน โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณีติ.

ลาฬุทายิตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. อุทานวตฺถุ

อเนกชาติสํสารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน อุทานวเสน อุทาเนตฺวา อปรภาเค อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ กเถสิ.

โส หิ โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน สูริเย อนตฺถงฺคเตเยว มารพลํ วิทฺธํเสตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสปฏิจฺฉาทกํ ตมํ ปทาเลตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม สตฺเตสุ การุฺตํ ปฏิจฺจ ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา ตํ อนุโลมปฏิโลมวเสน สมฺมสนฺโต อรุณุคฺคมนเวลาย สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อเนเกหิ พุทฺธสตสหสฺเสหิ อวิชหิตํ อุทานํ อุทาเนนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๕๓.

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

๑๕๔.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;

วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ.

ตตฺถ คหการํ คเวสนฺโตติ อหํ อิมสฺส อตฺตภาวสงฺขาตสฺส เคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ คเวสนฺโต เยน าเณน สกฺกา ตํ ทฏฺุํ, ตสฺส โพธิาณสฺสตฺถาย ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาโร เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสํสารํ อเนกชาติสตสหสฺสสงฺขาตํ อิมํ สํสารวฏฺฏํ อนิพฺพิสํ ตํ าณํ อวินฺทนฺโต อลภนฺโตเยว สนฺธาวิสฺสํ สํสรึ, อปราปรํ อนุวิจรินฺติ อตฺโถ. ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนนฺติ อิทํ คหการกคเวสนสฺส การณวจนํ. ยสฺมา ชราพฺยาธิมรณมิสฺสิตาย ชาติ นาเมสา ปุนปฺปุนํ อุปคนฺตุํ ทุกฺขา, น จ สา ตสฺมึ อทิฏฺเ นิวตฺตติ. ตสฺมา ตํ คเวสนฺโต สนฺธาวิสฺสนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺโสีติ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเตน มยา อิทานิ ทิฏฺโสิ. ปุน เคหนฺติ ปุน อิมสฺมึ สํสารวฏฺเฏ อตฺตภาวสงฺขาตํ มม เคหํ น กาหสิ. สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคาติ ตว สพฺพา อวเสสา กิเลสผาสุกา มยา ภคฺคา. คหกูฏํ วิสงฺขตนฺติ อิมสฺส ตยา กตสฺส อตฺตภาวเคหสฺส อวิชฺชาสงฺขาตํ กณฺณิกมณฺฑลมฺปิ มยา วิทฺธํสิตํ. วิสงฺขารคตํ จิตฺตนฺติ อิทานิ มม จิตฺตํ วิสงฺขารํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสน คตํ อนุปวิฏฺํ. ตณฺหานํ ขยมชฺฌคาติ ตณฺหานํ ขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ อธิคโตสฺมีติ.

อุทานวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. มหาธนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ

อจริตฺวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อิสิปตเน มิคทาเย วิหรนฺโต มหาธนเสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร พาราณสิยํ อสีติโกฏิวิภเว กุเล นิพฺพตฺติ. อถสฺส มาตาปิตโร จินฺเตสุํ – ‘‘อมฺหากํ กุเล มหาโภคกฺขนฺโธ, ปุตฺตสฺส โน หตฺเถ เปตฺวา ยถาสุขํ ปริโภคํ กริสฺสาม, อฺเน กมฺเมน กิจฺจํ นตฺถี’’ติ. ตํ นจฺจคีตวาทิตมตฺตเมว สิกฺขาเปสุํ. ตสฺมึเยว นคเร อฺสฺมึ อสีติโกฏิวิภเว กุเล เอกา ธีตาปิ นิพฺพตฺติ. ตสฺสาปิ มาตาปิตโร ตเถว จินฺเตตฺวา ตํ นจฺจคีตวาทิตมตฺตเมว สิกฺขาเปสุํ. เตสํ วยปฺปตฺตานํ อาวาหวิวาโห อโหสิ. อถ เนสํ อปรภาเค มาตาปิตโร กาลมกํสุ. ทฺเวอสีติโกฏิธนํ เอกสฺมึเยว เคเห อโหสิ. เสฏฺิปุตฺโต ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ รฺโ อุปฏฺานํ คจฺฉติ. อถ ตสฺมึ นคเร ธุตฺตา จินฺเตสุํ – ‘‘สจายํ เสฏฺิปุตฺโต สุราโสณฺโฑ ภวิสฺสติ, อมฺหากํ ผาสุกํ ภวิสฺสติ, อุคฺคณฺหาเปม นํ สุราโสณฺฑภาว’’นฺติ. เต สุรํ อาทาย ขชฺชกมํเส เจว โลณสกฺขรา จ ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา มูลกนฺเท คเหตฺวา ตสฺส ราชกุลโต อาคจฺฉนฺตสฺส มคฺคํ โอโลกยมานา นิสีทิตฺวา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สุรํ ปิวิตฺวา โลณสกฺขรํ มุเข ขิปิตฺวา มูลกนฺทํ ฑํสิตฺวา ‘‘วสฺสสตํ ชีว สามิ, เสฏฺิปุตฺต, ตํ นิสฺสาย มยํ ขาทนปิวนสมตฺถา ภเวยฺยามา’’ติ อาหํสุ. โส เตสํ วจนํ สุตฺวา ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ จูฬูปฏฺากํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ เอเต ปิวนฺตี’’ติ. เอกํ ปานกํ, สามีติ. มนาปชาติกํ เอตนฺติ. สามิ, อิมสฺมึ ชีวโลเก อิมินา สทิสํ ปาตพฺพยุตฺตกํ นาม นตฺถีติ. โส ‘‘เอวํ สนฺเต มยาปิ ปาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โถกํ โถกํ อาหราเปตฺวา ปิวติ. อถสฺส นจิรสฺเสว เต ธุตฺตา ปิวนภาวํ ตฺวา ตํ ปริวารยึสุ. คจฺฉนฺเต กาเล ปริวาโร มหา อโหสิ. โส สเตนปิ สตทฺวเยนปิ สุรํ อาหราเปตฺวา ปิวนฺโต อิมินา อนุกฺกเมเนว นิสินฺนฏฺานาทีสุ กหาปณราสึ เปตฺวา สุรํ ปิวนฺโต ‘‘อิมินา มาลา อาหรถ, อิมินา คนฺเธ, อยํ ชโน ชุเต เฉโก, อยํ นจฺเจ, อยํ คีเต, อยํ วาทิเต. อิมสฺส สหสฺสํ เทถ, อิมสฺส ทฺเว สหสฺสานี’’ติ เอวํ วิกิรนฺโต นจิรสฺเสว อตฺตโน สนฺตกํ อสีติโกฏิธนํ เขเปตฺวา ‘‘ขีณํ เต, สามิ, ธน’’นฺติ วุตฺเต กึ ภริยาย เม สนฺตกํ นตฺถีติ. อตฺถิ, สามีติ. เตน หิ ตํ อาหรถาติ. ตมฺปิ ตเถว เขเปตฺวา อนุปุพฺเพน เขตฺตอารามุยฺยานโยคฺคาทิกมฺปิ อนฺตมโส ภาชนภณฺฑกมฺปิ อตฺถรณปาวุรณนิสีทนมฺปิ สพฺพํ อตฺตโน สนฺตกํ วิกฺกิณิตฺวา ขาทิ. อถ นํ มหลฺลกกาเล เยหิสฺส กุลสนฺตกํ เคหํ วิกฺกิณิตฺวา คหิตํ, เต ตํ เคหา นีหรึสุ. โส ภริยํ อาทาย ปรชนสฺส เคหภิตฺตึ นิสฺสาย วสนฺโต กปาลขณฺฑํ อาทาย ภิกฺขาย จริตฺวา ชนสฺส อุจฺฉิฏฺกํ ภุฺชิตุํ อารภิ.

อถ นํ เอกทิวสํ อาสนสาลาย ทฺวาเร ตฺวา ทหรสามเณเรหิ ทิยฺยมานํ อุจฺฉิฏฺกโภชนํ ปฏิคฺคณฺหนฺตํ ทิสฺวา สตฺถา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร สิตการณํ ปุจฺฉิ. สตฺถา สิตการณํ กเถนฺโต ‘‘ปสฺสานนฺท, อิมํ มหาธนเสฏฺิปุตฺตํ อิมสฺมึ นคเร ทฺเวอสีติโกฏิธนํ เขเปตฺวา ภริยํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตํ. สเจ หิ อยํ ปมวเย โภเค อเขเปตฺวา กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, อิมสฺมึเยว นคเร อคฺคเสฏฺิ อภวิสฺส. สเจ ปน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺส, อรหตฺตํ ปาปุณิสฺส, ภริยาปิสฺส อนาคามิผเล ปติฏฺหิสฺส. สเจ มชฺฌิมวเย โภเค อเขเปตฺวา กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, ทุติยเสฏฺิ อภวิสฺส, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนฺโต อนาคามี อภวิสฺส. ภริยาปิสฺส สกทาคามิผเล ปติฏฺหิสฺส. สเจ ปจฺฉิมวเย โภเค อเขเปตฺวา กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, ตติยเสฏฺิ อภวิสฺส, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนฺโตปิ สกทาคามี อภวิสฺส, ภริยาปิสฺส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺส. อิทานิ ปเนส คิหิโภคโตปิ ปริหีโน สามฺโตปิ. ปริหายิตฺวา จ ปน สุกฺขปลฺลเล โกฺจสกุโณ วิย ชาโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๕๕.

‘‘อจริตฺวา พฺรหฺมจริยํ, อลทฺธา โยพฺพเน ธนํ;

ชิณฺณโกฺจาว ฌายนฺติ, ขีณมจฺเฉว ปลฺลเล.

๑๕๖.

‘‘อจริตฺวา พฺรหฺมจริยํ, อลทฺธา โยพฺพเน ธนํ;

เสนฺติ จาปาติขีณาว, ปุราณานิ อนุตฺถุน’’นฺติ.

ตตฺถ อจริตฺวาติ พฺรหฺมจริยวาสํ อวสิตฺวา. โยพฺพเนติ อนุปฺปนฺเน วา โภเค อุปฺปาเทตุํ อุปฺปนฺเน วา โภเค รกฺขิตุํ สมตฺถกาเล ธนมฺปิ อลภิตฺวา. ขีณมจฺเฉติ เต เอวรูปา พาลา อุทกสฺส อภาวา ขีณมจฺเฉ ปลฺลเล ปริกฺขีณปตฺตา ชิณฺณโกฺจา วิย อวฌายนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปลฺลเล อุทกสฺส อภาโว วิย หิ อิเมสํ วสนฏฺานสฺส อภาโว, มจฺฉานํ ขีณภาโว วิย อิเมสํ โภคานํ อภาโว, ขีณปตฺตานํ โกฺจานํ อุปฺปติตฺวา คมนาภาโว วิย อิเมสํ อิทานิ ชลถลปถาทีหิ โภเค สณฺาเปตุํ อสมตฺถภาโว. ตสฺมา เต ขีณปตฺตา โกฺจา วิย เอตฺเถว พชฺฌิตฺวา อวฌายนฺตีติ. จาปาติขีณาวาติ จาปโต อติขีณา, จาปา วินิมุตฺตาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา จาปา วินิมุตฺตา สรา ยถาเวคํ คนฺตฺวา ปติตา, ตํ คเหตฺวา อุกฺขิปนฺเต อสติ ตตฺเถว อุปจิกานํ ภตฺตํ โหนฺติ, เอวํ อิเมปิ ตโย วเย อติกฺกนฺตา อิทานิ อตฺตานํ อุทฺธริตุํ อสมตฺถตาย มรณํ อุปคมิสฺสนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เสนฺติ จาปาติขีณาวา’’ติ. ปุราณานิ อนุตฺถุนนฺติ ‘‘อิติ อมฺเหหิ ขาทิตํ อิติ ปีต’’นฺติ ปุพฺเพ กตานิ ขาทิตปิวิตนจฺจคีตวาทิตาทีนิ อนุตฺถุนนฺตา โสจนฺตา อนุโสจนฺตา เสนฺตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มหาธนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ นวมํ.

ชราวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกาทสโม วคฺโค.

๑๒. อตฺตวคฺโค

๑. โพธิราชกุมารวตฺถุ

อตฺตานฺเจติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เภสกฬาวเน วิหรนฺโต โพธิราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ปถวีตเล อฺเหิ ปาสาเทหิ อสทิสรูปํ อากาเส อุปฺปตมานํ วิย โกกนุทํ นาม ปาสาทํ กาเรตฺวา วฑฺฒกึ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ ตยา อฺตฺถาปิ เอวรูโป ปาสาโท กตปุพฺโพ, อุทาหุ ปมสิปฺปเมว เต อิท’’นฺติ. ‘‘ปมสิปฺปเมว, เทวา’’ติ จ วุตฺเต จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อยํ อฺสฺสปิ เอวรูปํ ปาสาทํ กริสฺสติ, อยํ ปาสาโท อนจฺฉริโย ภวิสฺสติ. อิมํ มยา มาเรตุํ วา หตฺถปาเท วาสฺส ฉินฺทิตุํ อกฺขีนิ วา อุปฺปาเฏตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อฺสฺส ปาสาทํ น กริสฺสตี’’ติ. โส ตมตฺถํ อตฺตโน ปิยสหายกสฺส สฺชีวกปุตฺตสฺส นาม มาณวกสฺส กเถสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ เอส วฑฺฒกึ นาเสสฺสติ, อนคฺโฆ สิปฺปี, โส มยิ ปสฺสนฺเต มา นสฺสตุ, สฺมสฺส ทสฺสามี’’ติ. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาสาเท เต กมฺมํ นิฏฺิตํ, โน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นิฏฺิต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ราชกุมาโร ตํ นาเสตุกาโม อตฺตานํ รกฺเขยฺยาสี’’ติ อาห. วฑฺฒกีปิ ‘‘ภทฺทกํ เต, สามิ, กตํ มม อาโรเจนฺเตน, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ, สมฺม, อมฺหากํ ปาสาเท กมฺมํ นิฏฺิต’’นฺติ ราชกุมาเรน ปุฏฺโ ‘‘น ตาว, เทว, นิฏฺิตํ, พหุ อวสิฏฺ’’นฺติ อาห. กึ กมฺมํ นาม อวสิฏฺนฺติ? ปจฺฉา, เทว, อาจิกฺขิสฺสามิ, ทารูนิ ตาว อาหราเปถาติ. กึ ทารูนิ นามาติ? นิสฺสารานิ สุกฺขทารูนิ, เทวาติ. โส อาหราเปตฺวา อทาสิ. อถ นํ อาห – ‘‘เทว, เต อิโต ปฏฺาย มม สนฺติกํ นาคนฺตพฺพํ. กึ การณา? สุขุมกมฺมํ กโรนฺตสฺส หิ อฺเหิ สทฺธึ สลฺลปนฺตสฺส เม กมฺมวิกฺเขโป โหติ, อาหารเวลายํ ปน เม ภริยาว อาหารํ อาหริสฺสตี’’ติ. ราชกุมาโรปิ ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. โสปิ เอกสฺมึ คพฺเภ นิสีทิตฺวา ตานิ ทารูนิ ตจฺเฉตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทารสฺส อนฺโต นิสีทนโยคฺคํ ครุฬสกุณํ กตฺวา อาหารเวลาย ปน ภริยํ อาห – ‘‘เคเห วิชฺชมานกํ สพฺพํ วิกฺกิณิตฺวา หิรฺสุวณฺณํ คณฺหาหี’’ติ. ราชกุมาโรปิ วฑฺฒกิสฺส อนิกฺขมนตฺถาย เคหํ ปริกฺขิปิตฺวา อารกฺขํ เปสิ. วฑฺฒกีปิ สกุณสฺส นิฏฺิตกาเล ‘‘อชฺช สพฺเพปิ ทารเก คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ ภริยํ วตฺวา ภุตฺตปาตราโส ปุตฺตทารํ สกุณสฺส กุจฺฉิยํ นิสีทาเปตฺวา วาตปาเนน นิกฺขมิตฺวา ปลายิ. โส เตสํ, ‘‘เทว, วฑฺฒกี ปลายตี’’ติ กนฺทนฺตานํเยว คนฺตฺวา หิมวนฺเต โอตริตฺวา เอกํ นครํ มาเปตฺวา กฏฺวาหนราชา นาม ชาโต.

ราชกุมาโรปิ ‘‘ปาสาทมหํ กริสฺสามี’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปาสาเท จตุชฺชาติยคนฺเธหิ ปริภณฺฑิกํ กตฺวา ปมอุมฺมารโต ปฏฺาย เจลปฏิกํ ปตฺถริ. โส กิร อปุตฺตโก, ตสฺมา ‘‘สจาหํ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลจฺฉามิ, สตฺถา อิมํ อกฺกมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปตฺถริ. โส สตฺถริ อาคเต สตฺถารํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ อาห. สตฺถา น ปาวิสิ, โส ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ยาจิ. สตฺถา อปวิสิตฺวาว อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกสิ. เถโร โอโลกิตสฺาเยว วตฺถานํ อนกฺกมนภาวํ ตฺวา ตํ ‘‘สํหรตุ, ราชกุมาร, ทุสฺสานิ, น ภควา เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสติ, ปจฺฉิมชนตํ ตถาคโต โอโลเกตี’’ติ ทุสฺสานิ สํหราเปสิ. โส ทุสฺสานิ สํหริตฺวา สตฺถารํ อนฺโตนิเวสนํ ปเวสตฺวา ยาคุขชฺชเกน สมฺมาเนตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ ตุมฺหากํ อุปการโก ติกฺขตฺตุํ สรณํ คโต, กุจฺฉิคโต จ กิรมฺหิ เอกวารํ สรณํ คโต, ทุติยํ ตรุณทารกกาเล, ตติยํ วิฺุภาวํ ปตฺตกาเล. ตสฺส เม กสฺมา เจลปฏิกํ น อกฺกมิตฺถา’’ติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ, กุมาร, จินฺเตตฺวา เจลานิ อตฺถรี’’ติ? ‘‘สเจ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลจฺฉามิ, สตฺถา เม เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสตี’’ติ อิทํ จินฺเตตฺวา, ภนฺเตติ. เตเนวาหํ ตํ น อกฺกมินฺติ. ‘‘กึ ปนาหํ, ภนฺเต, ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา เนว ลจฺฉามี’’ติ? ‘‘อาม, กุมารา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ปุริมกอตฺตภาเว ชายาย สทฺธึ ปมาทํ อาปนฺนตฺตา’’ติ. ‘‘กสฺมึ กาเล, ภนฺเต’’ติ? อถสฺส สตฺถา อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ –

อตีเต กิร อเนกสตา มนุสฺสา มหติยา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทึสุ. นาวา สมุทฺทมชฺเฌ ภิชฺชิ. ทฺเว ชยมฺปติกา เอกํ ผลกํ คเหตฺวา อนฺตรทีปกํ ปวิสึสุ, เสสา สพฺเพ ตตฺเถว มรึสุ. ตสฺมึ โข ปน ทีปเก มหาสกุณสงฺโฆ วสติ. เต อฺํ ขาทิตพฺพกํ อทิสฺวา ฉาตชฺฌตฺตา สกุณอณฺฑานิ องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทึสุ, เตสุ อปฺปโหนฺเตสุ สกุณจฺฉาเป คเหตฺวา ขาทึสุ. เอวํ ปมวเยปิ มชฺฌิมวเยปิ ปจฺฉิมวเยปิ ขาทึสุเยว. เอกสฺมิมฺปิ วเย อปฺปมาทํ นาปชฺชึสุ, เอโกปิ จ เนสํ อปฺปมาทํ นาปชฺชิ.

สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสตฺวา ‘‘สเจ หิ ตฺวํ, กุมาร, ตทา เอกสฺมิมฺปิ วเย ภริยาย สทฺธึ อปฺปมาทํ อาปชฺชิสฺส, เอกสฺมิมฺปิ วเย ปุตฺโต วา ธีตา วา อุปฺปชฺเชยฺย. สเจ ปน โว เอโกปิ อปฺปมตฺโต อภวิสฺส, ตํ ปฏิจฺจ ปุตฺโต วา ธีตา วา อุปฺปชฺชิสฺส. กุมาร, อตฺตานฺหิ ปิยํ มฺมาเนน ตีสุปิ วเยสุ อปฺปมตฺเตน อตฺตา รกฺขิตพฺโพ, เอวํ อสกฺโกนฺเตน เอกวเยปิ รกฺขิตพฺโพเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๕๗.

‘‘อตฺตานฺเจ ปิยํ ชฺา, รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ;

ติณฺณํ อฺตรํ ยามํ, ปฏิชคฺเคยฺย ปณฺฑิโต’’ติ.

ตตฺถ ยามนฺติ สตฺถา อตฺตโน ธมฺมิสฺสรตาย เทสนากุสลตาย จ อิธ ติณฺณํ วยานํ อฺตรํ วยํ ยามนฺติ กตฺวา เทเสสิ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สเจ อตฺตานํ ปิยํ ชาเนยฺย, รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตนฺติ ยถา โส สุรกฺขิโต โหติ, เอวํ นํ รกฺเขยฺย. ตตฺถ สเจ คีหี สมาโน ‘‘อตฺตานํ รกฺขิสฺสามี’’ติ อุปริปาสาทตเล สุสํวุตํ คพฺภํ ปวิสิตฺวา สมฺปนฺนารกฺโข หุตฺวา วสนฺโตปิ, ปพฺพชิโต หุตฺวา สุสํวุเต ปิหิตทฺวารวาตปาเน เลเณ วิหรนฺโตปิ อตฺตานํ น รกฺขติเยว. คิหี ปน สมาโน ยถาพลํ ทานสีลาทีนิ ปุฺานิ กโรนฺโต, ปพฺพชิโต วา ปน วตฺตปฏิวตฺตปริยตฺติมนสิกาเรสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺโต อตฺตานํ รกฺขติ นาม. เอวํ ตีสุ วเยสุ อสกฺโกนฺโต อฺตรสฺมิมฺปิ วเย ปณฺฑิตปุริโส อตฺตานํ ปฏิชคฺคติเยว. สเจ หิ คิหิภูโต ปมวเย ขิฑฺฑาปสุตตาย กุสลํ กาตุํ น สกฺโกติ, มชฺฌิมวเย อปฺปมตฺเตน หุตฺวา กุสลํ กาตพฺพํ. สเจ มชฺฌิมวเย ปุตฺตทารํ โปเสนฺโต กุสลํ กาตุํ น สกฺโกติ, ปจฺฉิมวเย กาตพฺพเมว. เอวมฺปิ กโรนฺเตน อตฺตา ปฏิชคฺคิโตว โหติ. เอวํ อกโรนฺตสฺส ปน อตฺตา ปิโย นาม น โหติ, อปายปรายณเมว นํ กโรติ. สเจ ปน ปพฺพชิโต ปมวเย สชฺฌายํ กโรนฺโต ธาเรนฺโต วาเจนฺโต วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺโต ปมาทํ อาปชฺชติ, มชฺฌิมวเย อปฺปมตฺเตน สมณธมฺโม กาตพฺโพ. สเจ ปมวเย อุคฺคหิตปริยตฺติยา อฏฺกถํ วินิจฺฉยํ การณาการณฺจ ปุจฺฉนฺโต มชฺฌิมวเย ปมาทํ อาปชฺชติ, ปจฺฉิมวเย อปฺปมตฺเตน สมณธมฺโม กาตพฺโพเยว. เอวมฺปิ กโรนฺเตน อตฺตา ปฏิชคฺคิโตว โหติ. เอวํ อกโรนฺตสฺส ปน อตฺตา ปิโย นาม น โหติ, ปจฺฉานุตาเปเนว นํ ตาเปตีติ.

เทสนาวสาเน โพธิราชกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

โพธิราชกุมารวตฺถุ ปมํ.

๒. อุปนนฺทสกฺยปุตฺตตฺเถรวตฺถุ

อตฺตานเมว ปมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เถโร ธมฺมกถํ กเถตุํ เฉโก. ตสฺส อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ สุตฺวา พหู ภิกฺขุ ตํ ติจีวเรหิ ปูเชตฺวา ธุตงฺคานิ สมาทิยึสุ. เตหิ วิสฺสฏฺปริกฺขาเร โสเยว คณฺหิ. โส เอกสฺมึ อนฺโตวสฺเส อุปกฏฺเ ชนปทํ อคมาสิ. อถ นํ เอกสฺมึ วิหาเร ทหรสามเณรา ธมฺมกถิกเปเมน, ‘‘ภนฺเต, อิธ วสฺสํ อุเปถา’’ติ วทึสุ. ‘‘อิธ กิตฺตกํ วสฺสาวาสิกํ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘เอเกโก สาฏโก’’ติ วุตฺเต ตตฺถ อุปาหนา เปตฺวา อฺํ วิหารํ อคมาสิ. ทุติยํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทฺเว สาฏกา’’ติ วุตฺเต กตฺตรยฏฺึ เปสิ. ตติยํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตโย สาฏกา’’ติ วุตฺเต ตตฺถ อุทกตุมฺพํ เปสิ. จตุตฺถํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จตฺตาโร สาฏกา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ อิธ วสิสฺสามี’’ติ ตตฺถ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา คหฏฺานฺเจว ภิกฺขูนฺจ ธมฺมกถํ กเถสิ. เต นํ พหูหิ วตฺเถหิ เจว จีวเรหิ จ ปูเชสุํ. โส วุฏฺวสฺโส อิตเรสุปิ วิหาเรสุ สาสนํ เปเสตฺวา ‘‘มยา ปริกฺขารสฺส ปิตตฺตา วสฺสาวาสิกํ ลทฺธพฺพํ, ตํ เม ปหิณนฺตู’’ติ สพฺพํ อาหราเปตฺวา ยานกํ ปูเรตฺวา ปายาสิ.

อเถกสฺมึ วิหาเร ทฺเว ทหรภิกฺขู ทฺเว สาฏเก เอกฺจ กมฺพลํ ลภิตฺวา ‘‘ตุยฺหํ สาฏกา โหนฺตุ, มยฺหํ กมฺพโล’’ติ ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา มคฺคสมีเป นิสีทิตฺวา วิวทนฺติ. เต ตํ เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห โน ภาเชตฺวา เทถา’’ติ วทึสุ. ตุมฺเหเยว ภาเชถาติ. น สกฺโกม, ภนฺเต, ตุมฺเหเยว โน ภาเชตฺวา เทถาติ. เตน หิ มม วจเน สฺสถาติ. อาม, สฺสามาติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ เตสํ ทฺเว สาฏเก ทตฺวา ‘‘อยํ ธมฺมกถํ กเถนฺตานํ อมฺหากํ ปารุปนารโห’’ติ มหคฺฆํ กมฺพลํ อาทาย ปกฺกามิ. ทหรภิกฺขู วิปฺปฏิสาริโน หุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตุมฺหากํ สนฺตกํ คเหตฺวา ตุมฺเห วิปฺปฏิสาริโน กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –

อตีตสฺมึ อนุตีรจารี จ คมฺภีรจารี จาติ ทฺเว อุทฺทา มหนฺตํ โรหิตมจฺฉํ ลภิตฺวา ‘‘มยฺหํ สีสํ โหตุ, ตว นงฺคุฏฺ’’นฺติ วิวาทาปนฺนา ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา เอกํ สิงฺคาลํ ทิสฺวา อาหํสุ – ‘‘มาตุล, อิมํ โน ภาเชตฺวา เทหี’’ติ. อหํ รฺา วินิจฺฉยฏฺาเน ปิโต, ตตฺถ จิรํ นิสีทิตฺวา ชงฺฆวิหารตฺถาย อาคโตมฺหิ, อิทานิ เม โอกาโส นตฺถีติ. มาตุล, มา เอวํ กโรถ, ภาเชตฺวา เอว โน เทถาติ. มม วจเน สฺสถาติ. สฺสาม, มาตุลาติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ โส สีสํ ฉินฺทิตฺวา เอกมนฺเต อกาสิ, นงฺคุฏฺํ เอกมนฺเต. กตฺวา จ ปน, ‘‘ตาตา, เยน โว อนุตีเร จริตํ, โส นงฺคุฏฺํ คณฺหาตุ. เยน คมฺภีเร จริตํ, ตสฺส สีสํ โหตุ. อยํ ปน มชฺฌิโม ขณฺโฑ มม วินิจฺฉยธมฺเม ิตสฺส ภวิสฺสตี’’ติ เต สฺาเปนฺโต –

‘‘อนุตีรจาริ นงฺคุฏฺํ, สีสํ คมฺภีรจาริโน;

อจฺจายํ มชฺฌิโม ขณฺโฑ, ธมฺมฏฺสฺส ภวิสฺสตี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๓๓) –

อิมํ คาถํ วตฺวา มชฺฌิมขณฺฑํ อาทาย ปกฺกามิ. เตปิ วิปฺปฏิสาริโน ตํ โอโลเกตฺวา อฏฺํสุ.

สตฺถา อิมํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอวเมส อตีเตปิ ตุมฺเห วิปฺปฏิสาริโน อกาสิเยวา’’ติ เต ภิกฺขู สฺาเปตฺวา อุปนนฺทํ ครหนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว, ปรํ โอวทนฺเตน นาม ปมเมว อตฺตา ปติรูเป ปติฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๕๘.

‘‘อตฺตานเมว ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย;

อถฺมนุสาเสยฺย, น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ.

ตตฺถ ปติรูเป นิเวสเยติ อนุจฺฉวิเก คุเณ ปติฏฺาเปยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย อปฺปิจฺฉตาทิคุเณหิ วา อริยวํสปฏิปทาทีหิ วา ปรํ อนุสาสิตุกาโม, โส อตฺตานเมว ปมํ ตสฺมึ คุเณ ปติฏฺาเปยฺย. เอวํ ปติฏฺาเปตฺวา อถฺํ เตหิ คุเณหิ อนุสาเสยฺย. อตฺตานฺหิ ตตฺถ อนิเวเสตฺวา เกวลํ ปรเมว อนุสาสมาโน ปรโต นินฺทํ ลภิตฺวา กิลิสฺสติ นาม, ตตฺถ อตฺตานํ นิเวเสตฺวา อนุสาสมาโน ปรโต ปสํสํ ลภติ, ตสฺมา น กิลิสฺสติ นาม. เอวํ กโรนฺโต ปณฺฑิโต น กิลิสฺเสยฺยาติ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อุปนนฺทสกฺยปุตฺตตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ปธานิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ

อตฺตานฺเจติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปธานิกติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ปฺจสเต ภิกฺขู อาทาย อรฺเ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา, ‘‘อาวุโส, ธรมานกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก โว กมฺมฏฺานํ คหิตํ, อปฺปมตฺตาว สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ โอวทิตฺวา สยํ คนฺตฺวา นิปชฺชิตฺวา สุปติ. เต ภิกฺขู ปมยาเม จงฺกมิตฺวา มชฺฌิมยาเม วิหารํ ปวิสนฺติ. โส นิทฺทายิตฺวา ปพุทฺธกาเล เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ ตุมฺเห ‘นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายิสฺสามา’ติ อาคตา, สีฆํ นิกฺขมิตฺวา สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ วตฺวา สยํ คนฺตฺวา ตเถว สุปติ. อิตเร มชฺฌิมยาเม พหิ จงฺกมิตฺวา ปจฺฉิมยาเม วิหารํ ปวิสนฺติ. โส ปุนปิ ปพุชฺฌิตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เต วิหารา นีหริตฺวา สยํ ปุน คนฺตฺวา ตเถว สุปติ. ตสฺมึ นิจฺจกาลํ เอวํ กโรนฺเต เต ภิกฺขู สชฺฌายํ วา กมฺมฏฺานํ วา มนสิกาตุํ นาสกฺขึสุ, จิตฺตํ อฺถตฺตํ อคมาสิ. เต ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อติวิย อารทฺธวีริโย, ปริคฺคณฺหิสฺสาม น’’นฺติ ปริคฺคณฺหนฺตา ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘นฏฺมฺหา, อาวุโส, อาจริโย โน ตุจฺฉรวํ รวตี’’ติ วทึสุ. เตสํ อติวิย นิทฺทาย กิลมนฺตานํ เอกภิกฺขุปิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. เต วุฏฺวสฺสา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถารา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา หุตฺวา สมณธมฺมํ กริตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ตุมฺหากํ อนฺตรายมกาสิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต –

‘‘อมาตาปิตรสํวฑฺโฒ, อนาเจรกุเล วสํ;

นายํ กาลํ อกาลํ วา, อภิชานาติ กุกฺกุโฏ’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๑๙) –

อิมํ อกาลราวิกุกฺกุฏชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. ‘‘ตทา หิ โส กุกฺกุโฏ อยํ ปธานิกติสฺสตฺเถโร อโหสิ, อิเม ปฺจ สตา ภิกฺขู เต มาณวา อเหสุํ, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อหเมวา’’ติ สตฺถา อิมํ ชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ปรํ โอวทนฺเตน นาม อตฺตา สุทนฺโต กาตพฺโพ. เอวํ โอวทนฺโต หิ สุทนฺโต หุตฺวา ทเมติ นามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๕๙.

‘‘อตฺตานฺเจ ตถา กยิรา, ยถาฺมนุสาสติ;

สุทนฺโต วต ทเมถ, อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย หิ ภิกฺขุ ‘‘ปมยามาทีสุ จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปรํ โอวทติ, สยํ จงฺกมนาทีนิ อธิฏฺหนฺโต อตฺตานฺเจ ตถา กยิรา, ยถาฺมนุสาสติ, เอวํ สนฺเต สุทนฺโต วต ทเมถาติ เยน คุเณน ปรํ อนุสาสติ, เตน อตฺตนา สุทนฺโต หุตฺวา ทเมยฺย. อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโมติ อยฺหิ อตฺตา นาม ทุทฺทโม. ตสฺมา ยถา โส สุทนฺโต โหติ, ตถา ทเมตพฺโพติ.

เทสนาวสาเน ปฺจ สตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.

ปธานิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.

๔. กุมารกสฺสปมาตุเถรีวตฺถุ

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุมารกสฺสปตฺเถรสฺส มาตรํ อารพฺภ กเถสิ.

สา กิร ราชคหนคเร เสฏฺิธีตา วิฺุตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ สา ปุนปฺปุนํ ยาจมานาปิ มาตาปิตูนํ สนฺติกา ปพฺพชฺชํ อลภิตฺวา วยปฺปตฺตา ปติกุลํ คนฺตฺวา ปติเทวตา หุตฺวา อคารํ อชฺฌาวสิ. อถสฺสา น จิรสฺเสว กุจฺฉิสฺมึ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ อชานิตฺวาว สามิกํ อาราเธตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ โส มหนฺเตน สกฺกาเรน ภิกฺขุนุปสฺสยํ เนตฺวา อชานนฺโต เทวทตฺตปกฺขิกานํ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. อปเรน สมเยน ภิกฺขุนิโย ตสฺสา คพฺภินิภาวํ ตฺวา ตาหิ ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺตา นาหํ, อยฺเย, ชานามิ ‘‘กิเมตํ’’, สีลํ วต เม อโรคเมวาติ. ภิกฺขุนิโย ตํ เทวทตฺตสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุนี สทฺธาปพฺพชิตา, อิมิสฺสา มยํ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ชานาม, กาลํ น ชานาม, กึ ทานิ กโรมา’’ติ ปุจฺฉึสุ. เทวทตฺโต ‘‘มา มยฺหํ โอวาทการิกานํ ภิกฺขุนีนํ อยโส อุปฺปชฺชตู’’ติ เอตฺตกเมว จินฺเตตฺวา ‘‘อุปฺปพฺพาเชถ น’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา สา ทหรา มา มํ, อยฺเย, นาเสถ, นาหํ เทวทตฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตา, เอถ, มํ สตฺถุ สนฺติกํ เชตวนํ เนถาติ. ตา ตํ อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘ตสฺสา คิหิกาเล คพฺโภ ปติฏฺิโต’’ติ ชานนฺโตปิ ปรวาทโมจนตฺถํ ราชานํ ปเสนทิโกสลํ มหาอนาถปิณฺฑิกํ จูฬอนาถปิณฺฑิกํ วิสาขาอุปาสิกํ อฺานิ จ มหากุลานิ ปกฺโกสาเปตฺวา อุปาลิตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, อิมิสฺสา ทหราย ภิกฺขุนิยา จตุปริสมชฺเฌ กมฺมํ ปริโสเธหี’’ติ. เถโร รฺโ ปุรโต วิสาขํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตํ อธิกรณํ ปฏิจฺฉาเปสิ. สา สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา อนฺโตสาณิยํ ตสฺสา หตฺถปาทนาภิอุทรปริโยสานานิ โอโลเกตฺวา มาสทิวเส สมาเนตฺวา ‘‘คิหิภาเว อิมาย คพฺโภ ลทฺโธ’’ติ ตฺวา เถรสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถสฺสา เถโร ปริสมชฺเฌ ปริสุทฺธภาวํ ปติฏฺาเปสิ. สา อปเรน สมเยน ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ปาทมูเล ปตฺถิตปตฺถนํ มหานุภาวํ ปุตฺตํ วิชายิ.

อเถกทิวสํ ราชา ภิกฺขุนุปสฺสยสมีเปน คจฺฉนฺโต ทารกสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทว, เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา ปุตฺโต ชาโต, ตสฺเสส สทฺโท’’ติ วุตฺเต ตํ กุมารํ อตฺตโน ฆรํ เนตฺวา ธาตีนํ อทาสิ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส กสฺสโปติ นามํ กตฺวา กุมารปริหาเรน วฑฺฒิตตฺตา กุมารกสฺสโปติ สฺชานึสุ. โส กีฬามณฺฑเล ทารเก ปหริตฺวา ‘‘นิมฺมาตาปิติเกนมฺหา ปหฏา’’ติ วุตฺเต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘เทว, มํ ‘นิมฺมาตาปิติโก’ติ วทนฺติ, มาตรํ เม อาจิกฺขถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา รฺา ธาติโย ทสฺเสตฺวา ‘‘อิมา เต มาตโร’’ติ วุตฺเต ‘‘น เอตฺติกา เม มาตโร, เอกาย เม มาตรา ภวิตพฺพํ, ตํ เม อาจิกฺขถา’’ติ อาห. ราชา ‘‘น สกฺกา อิมํ วฺเจตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ตาต, ตว มาตา ภิกฺขุนี, ตฺวํ มยา ภิกฺขุนุปสฺสยา อานีโตติ. โส ตาวตเกเนว สมุปฺปนฺนสํเวโค หุตฺวา, ‘‘ตาต, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาห. ราชา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตํ มหนฺเตน สกฺกาเรน สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. โส ลทฺธูปสมฺปโท กุมารกสฺสปตฺเถโรติ ปฺายิ. โส สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วายมิตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ปุน กมฺมฏฺานํ วิเสเสตฺวา คเหสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อนฺธวเน วิหาสิ.

อถ นํ กสฺสปพุทฺธกาเล เอกโต สมณธมฺมํ กตฺวา อนาคามิผลํ ปตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตภิกฺขุ พฺรหฺมโลกโต อาคนฺตฺวา ปนฺนรส ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิเม ปฺเห เปตฺวา สตฺถารํ อฺโ พฺยากาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, คจฺฉ, สตฺถุ สนฺติเก อิเมสํ อตฺถํ อุคฺคณฺหา’’ติ อุยฺโยเชสิ. โส ตถา กตฺวา ปฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส ปน นิกฺขนฺตทิวสโต ปฏฺาย ทฺวาทส วสฺสานิ มาตุภิกฺขุนิยา อกฺขีหิ อสฺสูนิ ปวตฺตึสุ. สา ปุตฺตวิโยคทุกฺขิตา อสฺสุตินฺเตเนว มุเขน ภิกฺขาย จรมานา อนฺตรวีถิยํ เถรํ ทิสฺวาว, ‘‘ปุตฺต, ปุตฺตา’’ติ วิรวนฺตี ตํ คณฺหิตุํ อุปธาวมานา ปริวตฺติตฺวา ปติ. สา ถเนหิ ขีรํ มุฺจนฺเตหิ อุฏฺหิตฺวา อลฺลจีวรา คนฺตฺวา เถรํ คณฺหิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สจายํ มม สนฺติกา มธุรวจนํ ลภิสฺสติ, วินสฺสิสฺสติ. ถทฺธเมว กตฺวา อิมาย สทฺธึ สลฺลปิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘กึ กโรนฺตี วิจรสิ, สิเนหมตฺตมฺปิ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกสี’’ติ. สา ‘‘อโห กกฺขฬา เถรสฺส กถา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ วเทสิ, ตาตา’’ติ วตฺวา ปุนปิ เตน ตเถว วุตฺตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมสฺส การณา ทฺวาทส วสฺสานิ อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกมิ, อยํ ปเนวํ ถทฺธหทโย, กึ เม อิมินา’’ติ ปุตฺตสิเนหํ ฉินฺทิตฺวา ตํทิวสเมว อรหตฺตํ ปาปุณิ.

อปเรน สมเยน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเตน เอวํ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน กุมารกสฺสโป จ เถรี จ นาสิตา, สตฺถา ปน เตสํ ปติฏฺา ชาโต, อโห พุทฺธา นาม โลกานุกมฺปกา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว อหํ อิเมสํ ปจฺจโย ปติฏฺา ชาโต, ปุพฺเพปิ เนสํ อหํ ปติฏฺา อโหสึเยวา’’ติ วตฺวา –

‘‘นิคฺโรธเมว เสเวยฺย, น สาขมุปสํวเส;

นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโย, ยฺเจ สาขสฺมิ ชีวิต’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๒; ๑.๑๐.๘๑) –

อิมํ นิคฺโรธชาตกํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ‘‘ตทา สาขมิโค เทวทตฺโต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสา, วารปฺปตฺตา มิคเธนุ เถรี อโหสิ, ปุตฺโต กุมารกสฺสโป, คพฺภินีมิคิยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา คโต นิคฺโรธมิคราชา ปน อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ปุตฺตสิเนหํ ฉินฺทิตฺวา เถริยา อตฺตนาว อตฺตโน ปติฏฺานกตภาวํ ปกาเสนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว, ยสฺมา ปรสฺส อตฺตนิ ิเตน สคฺคปรายเณน วา มคฺคปรายเณน วา ภวิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา อตฺตาว อตฺตโน นาโถ, ปโร กึ กริสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๖๐.

‘‘อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ, โก หิ นาโถ ปโร สิยา;

อตฺตนา หิ สุทนฺเตน, นาถํ ลภติ ทุลฺลภ’’นฺติ.

ตตฺถ นาโถติ ปติฏฺา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อตฺตนิ ิเตน อตฺตสมฺปนฺเนน กุสลํ กตฺวา สคฺคํ วา ปาปุณิตุํ, มคฺคํ วา ภาเวตุํ, ผลํ วา สจฺฉิกาตุํ สกฺกา. ตสฺมา หิ อตฺตาว อตฺตโน ปติฏฺา โหติ, ปโร โก นาม กสฺส ปติฏฺา สิยา. อตฺตนา เอว หิ สุทนฺเตน นิพฺพิเสวเนน อรหตฺตผลสงฺขาตํ ทุลฺลภํ นาถํ ลภติ. อรหตฺตฺหิ สนฺธาย อิธ ‘‘นาถํ ลภติ ทุลฺลภ’’นฺติ วุตฺตํ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

กุมารกสฺสปมาตุเถรีวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. มหากาลอุปาสกวตฺถุ

อตฺตนา หิ กตํ ปาปนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหากาลํ นาม โสตาปนฺนอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร มาสสฺส อฏฺทิวเสสุ อุโปสถิโก หุตฺวา วิหาเร สพฺพรตฺตึ ธมฺมกถํ สุณาติ. อถ รตฺตึ โจรา เอกสฺมึ เคเห สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ภณฺฑกํ คเหตฺวา โลหภาชนสทฺเทน ปพุทฺเธหิ สามิเกหิ อนุพทฺธา คหิตภณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. สามิกาปิ เต อนุพนฺธึสุเยว, เต ทิสา ปกฺขนฺทึสุ. เอโก ปน วิหารมคฺคํ คเหตฺวา มหากาลสฺส รตฺตึ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปาโตว โปกฺขรณิตีเร มุขํ โธวนฺตสฺส ปุรโต ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. โจเร อนุพนฺธิตฺวา อาคตมนุสฺสา ภณฺฑิกํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ โน เคหสนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ภณฺฑิกํ หริตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต วิย วิจรสี’’ติ ตํ คเหตฺวา โปเถตฺวา มาเรตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา อคมึสุ. อถ นํ ปาโตว ปานียฆฏํ อาทาย คตา ทหรสามเณรา ทิสฺวา ‘‘วิหาเร ธมฺมกถํ สุตฺวา สยิตอุปาสโก อยุตฺตํ มรณํ ลภตี’’ติ วตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเว กาเลน อปฺปติรูปํ มรณํ ลทฺธํ, ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส ปน เตน ยุตฺตเมว ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถสิ –

อตีเต กิร พาราณสิรฺโ วิชิเต เอกสฺส ปจฺจนฺตคามสฺส อฏวิมุเข โจรา ปหรนฺติ. ราชา อฏวิมุเข เอกํ ราชภฏํ เปสิ, โส ภตึ คเหตฺวา มนุสฺเส โอรโต ปารํ เนติ, ปารโต โอรํ อาเนติ. อเถโก มนุสฺโส อภิรูปํ อตฺตโน ภริยํ จูฬยานกํ อาโรเปตฺวา ตํ านํ อคมาสิ. ราชภโฏ ตํ อิตฺถึ ทิสฺวาว สฺชาตสิเนโห เตน ‘‘อฏวึ โน, สามิ, อติกฺกาเมหี’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อิทานิ วิกาโล, ปาโตว อติกฺกาเมสฺสามี’’ติ อาห. โส สกาโล, สามิ, อิทาเนว โน เนหีติ. นิวตฺต, โภ, อมฺหากํเยว เคเห อาหาโร จ นิวาโส จ ภวิสฺสตีติ. โส เนว นิวตฺติตุํ อิจฺฉิ. อิตโร ปุริสานํ สฺํ ทตฺวา ยานกํ นิวตฺตาเปตฺวา อนิจฺฉนฺตสฺเสว ทฺวารโกฏฺเก นิวาสํ ทตฺวา อาหารํ ปฏิยาทาเปสิ. ตสฺส ปน เคเห เอกํ มณิรตนํ อตฺถิ. โส ตํ ตสฺส ยานกนฺตเร ปกฺขิปาเปตฺวา ปจฺจูสกาเล โจรานํ ปวิฏฺสทฺทํ กาเรสิ. อถสฺส ปุริสา ‘‘มณิรตนํ, สามิ, โจเรหิ หฏ’’นฺติ อาโรเจสุํ. โส คามทฺวาเรสุ อารกฺขํ เปตฺวา ‘‘อนฺโตคามโต นิกฺขมนฺเต วิจินถา’’ติ อาห. อิตโรปิ ปาโตว ยานกํ โยเชตฺวา ปายาสิ. อถสฺส ยานกํ โสเธนฺตา อตฺตนา ปิตํ มณิรตนํ ทิสฺวา สนฺตชฺเชตฺวา ‘‘ตฺวํ มณึ คเหตฺวา ปลายสี’’ติ โปเถตฺวา ‘‘คหิโต โน, สามิ, โจโร’’ติ คามโภชกสฺส ทสฺเสสุํ. โส ‘‘ภตกสฺส วต เม เคเห นิวาสํ ทตฺวา ภตฺตํ ทินฺนํ, มณึ คเหตฺวา คโต, คณฺหถ นํ ปาปปุริส’’นฺติ โปถาเปตฺวา มาเรตฺวา ฉฑฺฑาเปสิ. อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ. โส ตโต จุโต อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ทีฆรตฺตํ ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต ตเถว โปถิโต มรณํ ปาปุณิ.

เอวํ สตฺถา มหากาลสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, เอวํ อิเม สตฺเต อตฺตนา กตปาปกมฺมเมว จตูสุ อปาเยสุ อภิมตฺถตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๖๑.

‘‘อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ, อตฺตชํ อตฺตสมฺภวํ;

อภิมตฺถติ ทุมฺเมธํ, วชิรํวสฺมมยํ มณิ’’นฺติ.

ตตฺถ วชิรํวสฺมมยํ มณินฺติ วชิรํว อสฺมมยํ มณึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปาสาณมยํ ปาสาณสมฺภวํ วชิรํ ตเมว อสฺมมยํ มณึ อตฺตโน อุฏฺานฏฺานสงฺขาตํ ปาสาณมณึ ขาทิตฺวา ฉิทฺทํ ฉิทฺทํ ขณฺฑํ ขณฺฑํ กตฺวา อปริโภคํ กโรติ, เอวเมว อตฺตนา กตํ อตฺตนิ ชาตํ อตฺตสมฺภวํ ปาปํ ทุมฺเมธํ นิปฺปฺํ ปุคฺคลํ จตูสุ อปาเยสุ อภิมตฺถติ กนฺตติ วิทฺธํเสตีติ.

เทสนาวสาเน สมฺปตฺตภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มหากาลอุปาสกวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. เทวทตฺตวตฺถุ

ยสฺส อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม ทุสฺสีลฺยการเณน วฑฺฒิตาย ตณฺหาย อชาตสตฺตุํ สงฺคณฺหิตฺวา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตตฺวา อชาตสตฺตุํ ปิตุวเธ สมาทเปตฺวา เตน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา นานปฺปกาเรน ตถาคตสฺส วธาย ปริสกฺกตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต นานปฺปกาเรน มยฺหํ วธาย ปริสกฺกตี’’ติ วตฺวา กุรุงฺคมิคชาตกาทีนิ (ชา. ๑.๒.๑๑๑-๒) กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อจฺจนฺตทุสฺสีลปุคฺคลํ นาม ทุสฺสีลฺยการณา อุปฺปนฺนา ตณฺหา มาลุวา วิย สาลํ ปริโยนนฺธิตฺวา สมฺภฺชมานา นิรยาทีสุ ปกฺขิปตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถามาห –

๑๖๒.

‘‘ยสฺส อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยํ, มาลุวา สาลมิโวตฺถตํ;

กโรติ โส ตถตฺตานํ, ยถา นํ อิจฺฉตี ทิโส’’ติ.

ตตฺถ อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยนฺติ เอกนฺตทุสฺสีลภาโว. คิหี วา ชาติโต ปฏฺาย ทส อกุสลกมฺมปเถ กโรนฺโต, ปพฺพชิโต วา อุปสมฺปนฺนทิวสโต ปฏฺาย ครุกาปตฺตึ อาปชฺชมาโน อจฺจนฺตทุสฺสีโล นาม. อิธ ปน โย ทฺวีสุ ตีสุ อตฺตภาเวสุ ทุสฺสีโล, เอตสฺส คติยา อาคตํ ทุสฺสีลภาวํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทุสฺสีลภาโวติ เจตฺถ ทุสฺสีลสฺส ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนา ตณฺหา เวทิตพฺพา. มาลุวา สาลมิโวตฺถตนฺติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ตํ ตณฺหาสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ ยถา นาม มาลุวา สาลํ โอตฺถรนฺตี เทเว วสฺสนฺเต ปตฺเตหิ อุทกํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สมฺภฺชนวเสน สพฺพตฺถกเมว ปริโยนนฺธติ, เอวํ อตฺตภาวํ โอตฺถตํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ. โส มาลุวาย สมฺภฺชิตฺวา ภูมิยํ ปาติยมาโน รุกฺโข วิย ตาย ทุสฺสีลฺยสงฺขาตาย ตณฺหาย สมฺภฺชิตฺวา อปาเยสุ ปาติยมาโน, ยถา นํ อนตฺถกาโม ทิโส อิจฺฉติ, ตถา อตฺตานํ กโรติ นามาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

เทวทตฺตวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. สงฺฆเภทปริสกฺกนวตฺถุ

สุกรานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สงฺฆเภทปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ เทวทตฺโต สงฺฆเภทาย ปริสกฺกนฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา เถโร สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. อทฺทสา โข มํ, ภนฺเต, เทวทตฺโต ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ. ทิสฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเค ทานาหํ, อาวุโส อานนฺท, อฺตฺเรว ภควตา อฺตฺร ภิกฺขุสงฺเฆน อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมฺจา’ติ. อชฺช ภควา เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสติ, อุโปสถฺจ กริสฺสติ สงฺฆกมฺมานิ จา’’ติ. เอวํ วุตฺเต สตฺถา –

‘‘สุกรํ สาธุนา สาธุ, สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ;

ปาปํ ปาเปน สุกรํ, ปาปมริเยหิ ทุกฺกร’’นฺติ. (อุทา. ๔๘) –

อิมํ อุทานํ อุทาเนตฺวา, ‘‘อานนฺท, อตฺตโน อหิตกมฺมํ นาม สุกรํ, หิตกมฺมเมว ทุกฺกร’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๖๓.

‘‘สุกรานิ อสาธูนิ, อตฺตโน อหิตานิ จ;

ยํ เว หิตฺจ สาธุฺจ, ตํ เว ปรมทุกฺกร’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – ยานิ กมฺมานิ อสาธูนิ สาวชฺชานิ อปายสํวตฺตนิกตฺตาเยว อตฺตโน อหิตานิ จ โหนฺติ, ตานิ สุกรานิ. ยํ ปน สุคติสํวตฺตนิกตฺตา อตฺตโน หิตฺจ อนวชฺชตฺเถน สาธุฺจ สุคติสํวตฺตนิกฺเจว นิพฺพานสํวตฺตนิกฺจ กมฺมํ, ตํ ปาจีนนินฺนาย คงฺคาย อุพฺพตฺเตตฺวา ปจฺฉามุขกรณํ วิย อติทุกฺกรนฺติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สงฺฆเภทปริสกฺกนวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. กาลตฺเถรวตฺถุ

โย สาสนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิเรกา อิตฺถี มาตุฏฺาเน ตฺวา ตํ เถรํ อุปฏฺหิ. ตสฺสา ปฏิวิสฺสกเคเห มนุสฺสา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘อโห พุทฺธา นาม อจฺฉริยา, อโห ธมฺมเทสนา มธุรา’’ติ ปสํสนฺติ. สา อิตฺถี เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ โสตุกามา’’ติ ตสฺส อาโรเจสิ. โส ‘‘ตตฺถ มา คมี’’ติ ตํ นิวาเรสิ. สา ปุนทิวเส ปุนทิวเสปีติ ยาวตติยํ เตน นิวาริยมานาปิ โสตุกามาว อโหสิ. กสฺมา โส ปเนตํ นิวาเรสีติ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา มยิ ภิชฺชิสฺสตี’’ติ. สา เอกทิวสํ ปาโตว ภุตฺตปาตราสา อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา, ‘‘อมฺม, สาธุกํ อยฺยํ ปริวิเสยฺยาสี’’ติ ธีตรํ อาณาเปตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ธีตาปิสฺสา ตํ ภิกฺขุํ อาคตกาเล ปริวิสิตฺวา ‘‘กุหึ มหาอุปาสิกา’’ติ วุตฺตา ‘‘ธมฺมสฺสวนาย วิหารํ คตา’’ติ อาห. โส ตํ สุตฺวาว กุจฺฉิยํ อุฏฺิเตน ฑาเหน สนฺตปฺปมาโน ‘‘อิทานิ สา มยิ ภินฺนา’’ติ เวเคน คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณมานํ ทิสฺวา สตฺถารํ อาห, ‘‘ภนฺเต, อยํ อิตฺถี ทนฺธา สุขุมํ ธมฺมกถํ น ชานาติ, อิมิสฺสา ขนฺธาทิปฏิสํยุตฺตํ สุขุมํ ธมฺมกถํ อกเถตฺวา ทานกถํ วา สีลกถํ วา กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สตฺถา ตสฺสชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ‘‘ตฺวํ ทุปฺปฺโ ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย พุทฺธานํ สาสนํ ปฏิกฺโกสสิ. อตฺตฆาตาเยว วายมสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๖๔.

‘‘โย สาสนํ อรหตํ, อริยานํ ธมฺมชีวินํ;

ปฏิกฺโกสติ ทุมฺเมโธ, ทิฏฺึ นิสฺสาย ปาปิกํ;

ผลานิ กฏฺกสฺเสว, อตฺตฆาตาย ผลฺลตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ทุมฺเมโธ ปุคฺคโล อตฺตโน สกฺการหานิภเยน ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย ‘‘ธมฺมํ วา โสสฺสาม, ทานํ วา ทสฺสามา’’ติ วทนฺเต ปฏิกฺโกสนฺโต อรหตํ อริยานํ ธมฺมชีวินํ พุทฺธานํ สาสนํ ปฏิกฺโกสติ, ตสฺส ตํ ปฏิกฺโกสนํ สา จ ปาปิกา ทิฏฺิ เวฬุสงฺขาตสฺส กฏฺกสฺส ผลานิ วิย โหติ. ตสฺมา ยถา กฏฺโก ผลานิ คณฺหนฺโต อตฺตฆาตาย ผลฺลติ, อตฺตโน ฆาตตฺถเมว ผลติ, เอวํ โสปิ อตฺตฆาตาย ผลฺลตีติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ผลํ เว กทลึ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;

สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ. (จูฬว. ๓๓๕; อ. นิ. ๔.๖๘);

เทสนาวสาเน อุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

กาลตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. จูฬกาลอุปาสกวตฺถุ

อตฺตนา หิ กตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬกาลํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ มหากาลวตฺถุสฺมึ วุตฺตนเยเนว อุมงฺคโจรา สามิเกหิ อนุพทฺธา รตฺตึ วิหาเร ธมฺมกถํ สุตฺวา ปาโตว วิหารา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตสฺส ตสฺส อุปาสกสฺส ปุรโต ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ รตฺตึ โจรกมฺมํ กตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต วิย จรติ, คณฺหถ น’’นฺติ ตํ โปถยึสุ. กุมฺภทาสิโย อุทกติตฺถํ คจฺฉมานา ตํ ทิสฺวา ‘‘อเปถ, สามิ, นายํ เอวรูปํ กโรตี’’ติ ตํ โมเจสุํ. โส วิหารํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺหิ มนุสฺเสหิ นาสิโต, กุมฺภทาสิโย เม นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, จูฬกาลอุปาสโก กุมฺภทาสิโย เจว นิสฺสาย, อตฺตโน จ อกรณภาเวน ชีวิตํ ลภิ. อิเม หิ นาม สตฺตา อตฺตนา ปาปกมฺมํ กตฺวา นิรยาทีสุ อตฺตนาว กิลิสฺสนฺติ, กุสลํ กตฺวา ปน สุคติฺเจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตา อตฺตนาว วิสุชฺฌนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๖๕.

‘‘อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ, อตฺตนา สํกิลิสฺสติ;

อตฺตนา อกตํ ปาปํ, อตฺตนาว วิสุชฺฌติ;

สุทฺธี อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ, นาฺโ อฺํ วิโสธเย’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – เยน อตฺตนา อกุสลกมฺมํ กตํ โหติ, โส จตูสุ อปาเยสุ ทุกฺขํ อนุภวนฺโต อตฺตนาว สํกิลิสฺสติ. เยน ปน อตฺตนา อกตํ ปาปํ, โส สุคติฺเจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺโต อตฺตนาว วิสุชฺฌติ. กุสลกมฺมสงฺขาตา สุทฺธิ อกุสลกมฺมสงฺขาตา จ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ การกสตฺตานํ อตฺตนิเยว วิปจฺจติ. อฺโ ปุคฺคโล อฺํ ปุคฺคลํ น วิโสธเย เนว วิโสเธติ, น กิเลเสตีติ วุตฺตํ โหติ.

เทสนาวสาเน จูฬกาโล โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

จูฬกาลอุปาสกวตฺถุ นวมํ.

๑๐. อตฺตทตฺถตฺเถรวตฺถุ

อตฺตทตฺถนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตฺตทตฺถตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

สตฺถารา หิ ปรินิพฺพานกาเล, ‘‘ภิกฺขเว, อหํ อิโต จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุตฺเต อุปฺปนฺนสํเวคา สตฺตสตา ปุถุชฺชนา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ อวิชหิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, กริสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยมานา วิจรนฺติ. อตฺตทตฺถตฺเถโร ปน จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสติ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, สตฺถริ ธรมาเนเยว อรหตฺตตฺถาย วายมิสฺสามี’’ติ. โส ภิกฺขูนํ สนฺติกํ น คจฺฉติ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘กสฺมา, อาวุโส, ตฺวํ เนว อมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉสิ, น กิฺจิ มนฺเตสี’’ติ วตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, เอวํ นาม กโรตี’’ติ อาโรจยึสุ. โส สตฺถาราปิ ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺเห กิร, ภนฺเต, จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสถ, อหํ ตุมฺเหสุ ธรนฺเตสุเยว อรหตฺตปฺปตฺติยา วายมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ยสฺส มยิ สิเนโห อตฺถิ, เตน อตฺตทตฺเถน วิย ภวิตุํ วฏฺฏติ. น หิ คนฺธาทีหิ ปูเชนฺตา มํ ปูเชนฺติ, ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติยา ปน มํ ปูเชนฺติ. ตสฺมา อฺเนปิ อตฺตทตฺถสทิเสเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๖๖.

‘‘อตฺตทตฺถํ ปรตฺเถน, พหุนาปิ น หาปเย;

อตฺตทตฺถมภิฺาย, สทตฺถปสุโต สิยา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – คิหิภูตา ตาว กากณิกมตฺตมฺปิ อตฺตโน อตฺถํ สหสฺสมตฺเตนาปิ ปรสฺส อตฺเถน น หาปเย. กากณิกมตฺเตนาปิ หิสฺส อตฺตทตฺโถว ขาทนียํ วา โภชนียํ วา นิปฺผาเทยฺย, น ปรตฺโถ. อิทํ ปน เอวํ อกเถตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน กถิตํ, ตสฺมา ‘‘อตฺตทตฺถํ น หาเปมี’’ติ ภิกฺขุนา นาม สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ เจติยปฏิสงฺขรณาทิกิจฺจํ วา อุปชฺฌายาทิวตฺตํ วา น หาเปตพฺพํ. อาภิสมาจาริกวตฺตฺหิ ปูเรนฺโตเยว อริยผลาทีนิ สจฺฉิกโรติ, ตสฺมา อยมฺปิ อตฺตทตฺโถว. โย ปน อจฺจารทฺธวิปสฺสโก ‘‘อชฺช วา สุเว วา’’ติ ปฏิเวธํ ปตฺถยมาโน วิจรติ, เตน อุปชฺฌายวตฺตาทีนิปิ หาเปตฺวา อตฺตโน กิจฺจเมว กาตพฺพํ. เอวรูปฺหิ อตฺตทตฺถมภิฺาย ‘‘อยํ เม อตฺตโน อตฺโถ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา, สทตฺถปสุโต สิยาติ ตสฺมึ สเก อตฺเถ อุยฺยุตฺตปยุตฺโต ภเวยฺยาติ.

เทสนาวสาเน โส เถโร อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตภิกฺขูนมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อตฺตทตฺถตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.

อตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ทฺวาทสโม วคฺโค.

๑๓. โลกวคฺโค

๑. ทหรภิกฺขุวตฺถุ

หีนํ ธมฺมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทหรภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

อฺตโร กิร เถโร ทหรภิกฺขุนา สทฺธึ ปาโตว วิสาขาย เคหํ อคมาสิ. วิสาขาย เคเห ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ ธุวยาคุ นิจฺจปฺตฺตา โหติ. เถโร ตตฺถ ยาคุํ ปิวิตฺวา ทหรภิกฺขุํ นิสีทาเปตฺวา สยํ อฺํ เคหํ อคมาสิ. เตน จ สมเยน วิสาขาย ปุตฺตสฺส ธีตา อยฺยิกาย าเน ตฺวา ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจํ กโรติ. สา ตสฺส ทหรสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวนฺตี จาฏิยํ อตฺตโน มุขนิมิตฺตํ ทิสฺวา หสิ, ทหโรปิ ตํ โอโลเกตฺวา หสิ. สา ตํ หสมานํ ทิสฺวา ‘‘ฉินฺนสีโส หสตี’’ติ อาห. อถ นํ ทหโร ‘‘ตฺวํ ฉินฺนสีสา, มาตาปิตโรปิ เต ฉินฺนสีสา’’ติ อกฺโกสิ. สา โรทมานา มหานเส อยฺยิกาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ อิทํ, อมฺมา’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สา ทหรสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มา กุชฺฌิ, น เอตํ ฉินฺนเกสนขสฺส ฉินฺนนิวาสนปารุปนสฺส มชฺเฌ ฉินฺนกปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตสฺส อยฺยสฺส อครุก’’นฺติ อาห. ทหโร อาม, อุปาสิเก, ตฺวํ มม ฉินฺนเกสาทิภาวํ ชานาสิ, อิมิสฺสา มํ ‘‘ฉินฺนสีโส’’ติ กตฺวา อกฺโกสิตุํ วฏฺฏิสฺสตีติ. วิสาขา เนว ทหรํ สฺาเปตุํ อสกฺขิ, นปิ ทาริกํ. ตสฺมึ ขเณ เถโร อาคนฺตฺวา ‘‘กิมิทํ อุปาสิเก’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ทหรํ โอวทนฺโต อาห – ‘‘อเปหิ, อาวุโส, นายํ ฉินฺนเกสนขวตฺถสฺส มชฺเฌ ฉินฺนกปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตสฺส อกฺโกโส, ตุณฺหี โหหี’’ติ. อาม, ภนฺเต, กึ ตุมฺเห อตฺตโน อุปฏฺายิกํ อตชฺเชตฺวา มํ ตชฺเชถ, มํ ‘‘ฉินฺนสีโส’’ติ อกฺโกสิตุํ วฏฺฏิสฺสตีติ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. วิสาขา อาทิโต ปฏฺาย ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส ทหรสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘มยา อิมํ ทหรํ อนุวตฺติตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา วิสาขํ อาห – ‘‘กึ ปน วิสาเข ตว ทาริกาย ฉินฺนเกสาทิมตฺตเกเนว มม สาวเก ฉินฺนสีเส กตฺวา อกฺโกสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ทหโร ตาวเทว อุฏฺาย อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอตํ ปฺหํ ตุมฺเหว สุฏฺุ ชานาถ, อมฺหากํ อุปชฺฌาโย จ อุปาสิกา จ สุฏฺุ น ชานนฺตี’’ติ อาห. สตฺถา ทหรสฺส อตฺตโน อนุกุลภาวํ ตฺวา ‘‘กามคุณํ อารพฺภ หสนภาโว นาม หีโน ธมฺโม, หีนฺจ นาม ธมฺมํ เสวิตุํ ปมาเทน สทฺธึ สํวสิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๖๗.

‘‘หีนํ ธมฺมํ น เสเวยฺย, ปมาเทน น สํวเส;

มิจฺฉาทิฏฺึ น เสเวยฺย, น สิยา โลกวฑฺฒโน’’ติ.

ตตฺถ หีนํ ธมฺมนฺติ ปฺจกามคุณํ ธมฺมํ. โส หิ หีโน ธมฺโม น อนฺตมโส โอฏฺโคณาทีหิปิ ปฏิเสวิตพฺโพ. หีเนสุ จ นิรยาทีสุ าเนสุ นิพฺพตฺตาเปตีติ หีโน นาม, ตํ น เสเวยฺย. ปมาเทนาติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน ปมาเทนาปิ น สํวเส. น เสเวยฺยาติ มิจฺฉาทิฏฺิมฺปิ น คณฺเหยฺย. โลกวฑฺฒโนติ โย หิ เอวํ กโรติ, โส โลกวฑฺฒโน นาม โหติ. ตสฺมา เอวํ อกรเณน น สิยา โลกวฑฺฒโนติ.

เทสนาวสาเน โส ทหโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ทหรภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.

๒. สุทฺโธทนวตฺถุ

อุตฺติฏฺเติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต ปิตรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ปมคมเนน กปิลปุรํ คนฺตฺวา าตีหิ กตปจฺจุคฺคมโน นิคฺโรธารามํ ปตฺวา าตีนํ มานภินฺทนตฺถาย อากาเส รตนจงฺกมํ มาเปตฺวา ตตฺถ จงฺกมนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. าตี ปสนฺนจิตฺตา สุทฺโธทนมหาราชานํ อาทึ กตฺวา วนฺทึสุ. ตสฺมึ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. ตํ อารพฺภ มหาชเนน กถาย สมุฏฺาปิตาย ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มยฺหํ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิเยวา’’ติ วตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถสิ. ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปกฺกมนฺเตสุ าตีสุ เอโกปิ สตฺถารํ น นิมนฺเตสิ. ราชาปิ ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต มม เคหํ อนาคนฺตฺวา กหํ คมิสฺสตี’’ติ อนิมนฺเตตฺวาว อคมาสิ. คนฺตฺวา จ ปน เคเห วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ ยาคุอาทีนิ ปฏิยาทาเปตฺวา อาสนานิ ปฺาเปสิ. ปุนทิวเส สตฺถา ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต ‘‘กึ นุ โข อตีตพุทฺธา ปิตุ นครํ ปตฺวา อุชุกเมว าติกุลํ ปวิสึสุ, อุทาหุ ปฏิปาฏิยา ปิณฺฑาย จรึสู’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘ปฏิปาฏิยา จรึสู’’ติ ทิสฺวา ปมเคหโต ปฏฺาย ปิณฺฑาย จรนฺโต ปายาสิ. ราหุลมาตา ปาสาทตเล นิสินฺนาว ทิสฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา สาฏกํ สณฺาเปนฺโต เวเคน นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา – ‘‘ปุตฺต, กสฺมา มํ นาเสสิ, อติวิย เต ปิณฺฑาย จรนฺเตน ลชฺชา อุปฺปาทิตา, ยุตฺตํ นาม โว อิมสฺมึเยว นคเร สุวณฺณสิวิกาทีหิ วิจริตฺวา ปิณฺฑาย จริตุํ, กึ มํ ลชฺชาเปสี’’ติ? ‘‘นาหํ ตํ, มหาราช, ลชฺชาเปมิ, อตฺตโน ปน กุลวํสํ อนุวตฺตามี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ตาต, ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวนวํโส มม วํโส’’ติ? ‘‘เนโส, มหาราช, ตว วํโส, มม ปเนโส วํโส. อเนกานิ หิ พุทฺธสหสฺสานิ ปิณฺฑาย จริตฺวาว ชีวึสู’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๖๘.

‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

๑๖๙.

‘‘ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ.

ตตฺถ อุตฺติฏฺเติ อุฏฺหิตฺวา ปเรสํ ฆรทฺวาเร ตฺวา คเหตพฺพปิณฺเฑ. นปฺปมชฺเชยฺยาติ ปิณฺฑจาริกวตฺตฺหิ หาเปตฺวา ปณีตโภชนานิ ปริเยสนฺโต อุตฺติฏฺเ ปมชฺชติ นาม, สปทานํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ปน น ปมชฺชติ นาม. เอวํ กโรนฺโต อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย. ธมฺมนฺติ อเนสนํ ปหาย สปทานํ จรนฺโต ตเมว ภิกฺขาจริยธมฺมํ สุจริตํ จเร. สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมตํ, เอวํ ปเนตํ ภิกฺขาจริยธมฺมํ จรนฺโต ธมฺมจารี อิธ โลเก จตูหิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ. น นํ ทุจฺจริตนฺติ เวสิยาทิเภเท อโคจเร จรนฺโต ภิกฺขาจริยธมฺมํ ทุจฺจริตํ จรติ นาม. เอวํ อจริตฺวา ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร. เสสํ วุตฺตตฺถเมว.

เทสนาวสาเน ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สุทฺโธทนวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ปฺจสตวิปสฺสกภิกฺขุวตฺถุ

ยถา ปุพฺพุฬกนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต วิปสฺสเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา อปฺปวิเสสา ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหสฺสามา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค มรีจิกมฺมฏฺานํ ภาเวนฺตาว อาคมึสุ. เตสํ วิหารํ ปวิฏฺกฺขเณเยว เทโว วสฺสิ. เต ตตฺถ ตตฺถ ปมุเขสุ ตฺวา ธาราเวเคน อุฏฺหิตฺวา ภิชฺชนฺเต ปุพฺพฬเก ทิสฺวา ‘‘อยมฺปิ อตฺตภาโว อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนตฺเถน ปุพฺพุฬกสทิโสเยวา’’ติ อารมฺมณํ คณฺหึสุ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว เต ภิกฺขู โอโลเกตฺวา เตหิ สทฺธึ กเถนฺโต วิย โอภาสํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๐.

‘‘ยถา ปุพฺพุฬกํ ปสฺเส, ยถา ปสฺเส มรีจิกํ;

เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ มรีจิกนฺติ มยูขํ. เต หิ ทูรโตว เคหสณฺานาทิวเสน อุปฏฺิตาปิ อุปคจฺฉนฺตานํ อคยฺหูปคา ริตฺตกา ตุจฺฉกาว. ตสฺมา ยถา อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนตฺเถน ปุพฺพุฬกํ ริตฺตตุจฺฉาทิภาเวเนว ปสฺเสยฺย, เอวํ ขนฺธาทิโลกํ อเวกฺขนฺตํ มจฺจุราชา น ปสฺสตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู ิตฏฺาเนเยว อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.

ปฺจสตวิปสฺสกภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.

๔. อภยราชกุมารวตฺถุ

เอถ ปสฺสถิมํ โลกนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อภยราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส กิร ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคตสฺส ปิตา พิมฺพิสาโร ตุสฺสิตฺวา เอกํ นจฺจคีตกุสลํ นาฏกิตฺถึ ทตฺวา สตฺตาหํ รชฺชมทาสิ. โส สตฺตาหํ เคหา พหิ อนิกฺขนฺโตว รชฺชสิรึ อนุภวิตฺวา อฏฺเม ทิวเส นทีติตฺถํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา สนฺตติมหามตฺโต วิย ตสฺสา อิตฺถิยา นจฺจคีตํ ปสฺสนฺโต นิสีทิ. สาปิ ตงฺขณฺเว สนฺตติมหามตฺตสฺส นาฏกิตฺถี วิย สตฺถกวาตานํ วเสน กาลมกาสิ. กุมาโร ตสฺสา กาลกิริยาย อุปฺปนฺนโสโก ‘‘น เม อิมํ โสกํ เปตฺวา สตฺถารํ อฺโ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โสกํ เม นิพฺพาเปถา’’ติ อาห. สตฺถา ตํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘ตยา หิ, กุมาร, อิมิสฺสา อิตฺถิยา เอวเมว มตกาเล โรทนฺเตน ปวตฺติตานํ อสฺสูนํ อนมตคฺเค สํสาเร ปมาณํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ตาย เทสนาย โสกสฺส ตนุภาวํ ตฺวา, ‘‘กุมาร, มา โสจิ, พาลชนานํ สํสีทนฏฺานเมต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๑.

‘‘เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ, จิตฺตํ ราชรถูปมํ;

ยตฺถ พาลา วิสีทนฺติ, นตฺถิ สงฺโค วิชานต’’นฺติ.

ตตฺถ เต ปสฺสถาติ ราชกุมารเมว สนฺธายาห. อิมํ โลกนฺติ อิมํ ขนฺธโลกาทิสงฺขาตํ อตฺตภาวํ. จิตฺตนฺติ สตฺตรตนาทิวิจิตฺตํ ราชรถํ วิย วตฺถาลงฺการาทิจิตฺติตํ. ยตฺถ พาลาติ ยสฺมึ อตฺตภาเว พาลา เอวํ วิสีทนฺติ. วิชานตนฺติ วิชานนฺตานํ ปณฺฑิตานํ เอตฺถ ราคสงฺคาทีสุ เอโกปิ สงฺโค นตฺถีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ราชกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อภยราชกุมารวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. สมฺมชฺชนตฺเถรวตฺถุ

โย จ ปุพฺเพติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺมชฺชนตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ปาโต วา สายํ วาติ เวลํ ปมาณํ อกตฺวา อภิกฺขณํ สมฺมชฺชนฺโตว วิจรติ. โส เอกทิวสํ สมฺมชฺชนึ คเหตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส เรวตตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อยํ มหากุสีโต ชนสฺส สทฺธาเทยฺยํ ภุฺชิตฺวา อาคนฺตฺวา นิสีทติ, กึ นาเมตสฺส สมฺมชฺชนึ คเหตฺวา เอกํ านํ สมฺมชฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. เถโร ‘‘โอวาทมสฺส ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอหาวุโสติ. กึ, ภนฺเตติ? คจฺฉ นฺหตฺวา เอหีติ. โส ตถา อกาสิ. อถ นํ เถโร เอกมนฺตํ นิสีทาเปตฺวา โอวทนฺโต อาห – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขุนา นาม น สพฺพกาลํ สมฺมชฺชนฺเตน วิจริตุํ วฏฺฏติ, ปาโต เอว ปน สมฺมชฺชิตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺเตน อาคนฺตฺวา รตฺติฏฺาเน วา ทิวาฏฺาเน วา นิสินฺเนน ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายิตฺวา อตฺตภาเว ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา สายนฺเห อุฏฺาย สมฺมชฺชิตุํ วฏฺฏติ, นิจฺจกาลํ อสมฺมชฺชิตฺวา อตฺตโนปิ นาม โอกาโส กาตพฺโพ’’ติ. โส เถรสฺส โอวาเท ตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ ตํ านํ อุกฺลาปํ อโหสิ. อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส สมฺมชฺชนตฺเถร, ตํ ตํ านํ อุกฺลาปํ กสฺมา น สมฺมชฺชสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, มยา ปมาทกาเล เอวํ กตํ, อิทานามฺหิ อปฺปมตฺโต’’ติ. ภิกฺขู ‘‘อยํ เถโร อฺํ พฺยากโรตี’’ติ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต ปุพฺเพ ปมาทกาเล สมฺมชฺชนฺโต วิจริ, อิทานิ ปน มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต น สมฺมชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๒.

‘‘โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;

โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล ปุพฺเพ วตฺตปฏิวตฺตกรเณน วา สชฺฌายาทีหิ วา ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต นปฺปมชฺชติ, โส อพฺภาทีหิ มุตฺโต จนฺโทว โอกาสโลกํ มคฺคาเณน อิมํ ขนฺธาทิโลกํ โอภาเสติ, เอกาโลกํ กโรตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สมฺมชฺชนตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ

ยสฺส ปาปนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต องฺคุลิมาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ องฺคุลิมาลสุตฺตนฺตวเสเนว (ม. นิ. ๒.๓๔๗ อาทโย) เวทิตพฺพํ.

เถโร ปน สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล รโหคโต ปฏิสลฺลีโน วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที. ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;

โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ. –

อาทินา นเยน อุทานํ อุทาเนตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต. ภิกฺขู ‘‘กหํ นุ โข, อาวุโส, เถโร อุปฺปนฺโน’’ติ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ? สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, องฺคุลิมาลตฺเถรสฺส นิพฺพตฺตฏฺานกถายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปรินิพฺพุโต จ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอตฺตเก มนุสฺเส มาเรตฺวา ปรินิพฺพุโต’’ติ? ‘‘อาม, ภิกฺขเว, โส ปุพฺเพ เอกํ กลฺยาณมิตฺตํ อลภิตฺวา เอตฺตกํ ปาปมกาสิ, ปจฺฉา ปน กลฺยาณมิตฺตปจฺจยํ ลภิตฺวา อปฺปมตฺโต อโหสิ. เตนสฺส ตํ ปาปกมฺมํ กุสเลน ปิหิต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๓.

‘‘ยสฺส ปาปํ กตํ กมฺมํ, กุสเลน ปิธียติ;

โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ.

ตตฺถ กุสเลนาติ อรหตฺตมคฺคํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. เปสการธีตาวตฺถุ

อนฺธภูโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต เอกํ เปสการธีตรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ อาฬวิวาสิโน สตฺถริ อาฬวึ สมฺปตฺเต นิมนฺเตตฺวา ทานํ อทํสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อทฺธุวํ เม ชีวิตํ, ธุวํ เม มรณํ, อวสฺสํ มยา มริตพฺพเมว, มรณปริโยสานํ เม ชีวิตํ, ชีวิตเมว อนิยตํ, มรณํ นิยตนฺติ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวถ. เยสฺหิ มรณสฺสติ อภาวิตา, เต ปจฺฉิเม กาเล อาสีวิสํ ทิสฺวา ภีตอทณฺฑปุริโส วิย สนฺตาสปฺปตฺตา เภรวรวํ รวนฺตา กาลํ กโรนฺติ. เยสํ ปน มรณสฺสติ ภาวิตา, เต ทูรโตว อาสีวิสํ ทิสฺวา ทณฺฑเกน คเหตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา ิตปุริโส วิย ปจฺฉิเม กาเล น สนฺตสนฺติ, ตสฺมา มรณสฺสติ ภาเวตพฺพา’’ติ อาห. ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อวเสสชนา สกิจฺจปฺปสุตาว อเหสุํ. เอกา ปน โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา เปสการธีตา ‘‘อโห พุทฺธานํ กถา นาม อจฺฉริยา, มยา ปน มรณสฺสตึ ภาเวตุํ วฏฺฏตี’’ติ รตฺตินฺทิวํ มรณสฺสติเมว ภาเวสิ. สตฺถาปิ ตโต นิกฺขมิตฺวา เชตวนํ อคมาสิ. สาปิ กุมาริกา ตีณิ วสฺสานิ มรณสฺสตึ ภาเวสิเยว.

อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ กุมาริกํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโตปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อิมาย กุมาริกาย มม ธมฺมเทสนาย สุตทิวสโต ปฏฺาย ตีณิ วสฺสานิ มรณสฺสติ ภาวิตา, อิทานาหํ ตตฺถ คนฺตฺวา อิมํ กุมาริกํ จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา ตาย วิสฺสชฺเชนฺติยา จตูสุ าเนสุ สาธุการํ ทตฺวา อิมํ คาถํ ภาสิสฺสามิ. สา คาถาวสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสติ, ตํ นิสฺสาย มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เชตวนา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน อคฺคาฬววิหารํ อคมาสิ. อาฬวิวาสิโน ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ตํ วิหารํ คนฺตฺวา นิมนฺตยึสุ. ตทา สาปิ กุมาริกา สตฺถุ อาคมนํ สุตฺวา ‘‘อาคโต กิร มยฺหํ ปิตา, สามิ, อาจริโย ปุณฺณจนฺทมุโข มหาโคตมพุทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานสา ‘‘อิโต เม ติณฺณํ สํวจฺฉรานํ มตฺถเก สุวณฺณวณฺโณ สตฺถา ทิฏฺปุพฺโพ, อิทานิสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ทฏฺุํ มธุโรชฺจ วรธมฺมํ โสตุํ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ปิตา ปนสฺสา สาลํ คจฺฉนฺโต อาห – ‘‘อมฺม, ปรสนฺตโก เม สาฏโก อาโรปิโต, ตสฺส วิทตฺถิมตฺตํ อนิฏฺิตํ, ตํ อชฺช นิฏฺาเปสฺสามิ, สีฆํ เม ตสรํ วฏฺเฏตฺวา อาหเรยฺยาสี’’ติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สตฺถุ ธมฺมํ โสตุกามา, ปิตา จ มํ เอวํ อาห. กึ นุ โข สตฺถุ ธมฺมํ สุณามิ, อุทาหุ ปิตุ ตสรํ วฏฺเฏตฺวา หรามี’’ติ? อถสฺสา เอตทโหสิ ‘‘ปิตา มํ ตสเร อนาหริยมาเน โปเถยฺยปิ ปหเรยฺยปิ, ตสฺมา ตสรํ วฏฺเฏตฺวา ตสฺส ทตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ ปีเก นิสีทิตฺวา ตสรํ วฏฺเฏสิ.

อาฬวิวาสิโนปิ สตฺถารํ ปริวิสิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อนุโมทนตฺถาย อฏฺํสุ. สตฺถา ‘‘ยมหํ กุลธีตรํ นิสฺสาย ตึสโยชนมคฺคํ อาคโต, สา อชฺชาปิ โอกาสํ น ลภติ. ตาย โอกาเส ลทฺเธ อนุโมทนํ กริสฺสามี’’ติ ตุณฺหีภูโต อโหสิ. เอวํ ตุณฺหีภูตมฺปิ สตฺถารํ สเทวเก โลเก โกจิ กิฺจิ วตฺตุํ น วิสหติ. สาปิ โข กุมาริกา ตสรํ วฏฺเฏตฺวา ปจฺฉิยํ เปตฺวา ปิตุ สนฺติกํ คจฺฉมานา ปริสปริยนฺเต ตฺวา สตฺถารํ โอโลกยมานาว อฏฺาสิ. สตฺถาปิ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ตํ โอโลเกสิ. สา โอโลกิตากาเรเนว อฺาสิ – ‘‘สตฺถา เอวรูปาย ปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวาว มํ โอโลเกนฺโต มมาคมนํ ปจฺจาสีสติ, อตฺตโน สนฺติกํ อาคมนเมว ปจฺจาสีสตี’’ติ. สา ตสรปจฺฉึ เปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. กสฺมา ปน นํ สตฺถา โอโลเกสีติ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘เอสา เอตฺโตว คจฺฉมานา ปุถุชฺชนกาลกิริยํ กตฺวา อนิยตคติกา ภวิสฺสติ, มม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา คจฺฉมานา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา นิยตคติกา หุตฺวา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ. ตสฺสา กิร ตํ ทิวสํ มรณโต มุตฺติ นาม นตฺถิ. สา โอโลกิตสฺาเณเนว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ฉพฺพณฺณรํสีนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตถารูปาย ปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ตุณฺหีภูตํ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ิตกฺขเณเยว ตํ อาห – ‘‘กุมาริเก, กุโต อาคจฺฉสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตฺถ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘น ชานาสี’’ติ? ‘‘ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. อิติ นํ สตฺถา จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ. มหาชโน อุชฺฌายิ – ‘‘อมฺโภ, ปสฺสถ, อยํ เปสการธีตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สทฺธึ อิจฺฉิติจฺฉิตํ กเถสิ, นนุ นาม อิมาย ‘กุโต อาคจฺฉสี’ติ วุตฺเต ‘เปสการเคหโต’ติ วตฺตพฺพํ. ‘กหํ คจฺฉสี’ติ วุตฺเต ‘เปสการสาล’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา’’ติ.

สตฺถา มหาชนํ นิสฺสทฺทํ กตฺวา, ‘‘กุมาริเก, ตฺวํ กุโต อาคจฺฉสี’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา น ชานามีติ วเทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, ตุมฺเห มม เปสการเคหโต อาคตภาวํ ชานาถ, ‘‘กุโต อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉนฺตา ปน ‘‘กุโต อาคนฺตฺวา อิธ นิพฺพตฺตาสี’’ติ ปุจฺฉถ. อหํ ปน น ชานามิ ‘‘กุโต จ อาคนฺตฺวา อิธ นิพฺพตฺตามฺหี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, กุมาริเก, มยา ปุจฺฉิตปฺโหว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ปมํ สาธุการํ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘กตฺถ คมิสฺสสีติ ปุน ปุฏฺา กสฺมา ‘น ชานามี’ติ วเทสี’’ติ? ภนฺเต, ตุมฺเห มํ ตสรปจฺฉึ คเหตฺวา เปสการสาลํ คจฺฉนฺตึ ชานาถ, ‘‘อิโต คนฺตฺวา กตฺถ นิพฺพตฺติสฺสสี’’ติ ปุจฺฉถ. อหฺจ อิโต จุตา น ชานามิ ‘‘กตฺถ คนฺตฺวา นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ทุติยํ สาธุการํ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘อถ กสฺมา ‘น ชานาสี’ติ ปุฏฺา ‘ชานามี’ติ วเทสี’’ติ? ‘‘มรณภาวํ ชานามิ, ภนฺเต, ตสฺมา เอวํ วเทมี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ตติยํ สาธุการํ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘อถ กสฺมา ‘ชานาสี’ติ ปุฏฺา ‘น ชานามี’ติ วเทสี’’ติ. มม มรณภาวเมว อหํ ชานามิ, ภนฺเต, ‘‘รตฺตินฺทิวปุพฺพณฺหาทีสุ ปน อสุกกาเล นาม มริสฺสามี’’ติ น ชานามิ, ตสฺมา เอวํ วเทมีติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ จตุตฺถํ สาธุการํ ทตฺวา ปริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘เอตฺตกํ นาม ตุมฺเห อิมาย กถิตํ น ชานาถ, เกวลํ อุชฺฌายเถว. เยสฺหิ ปฺาจกฺขุ นตฺถิ, เต อนฺธา เอว. เยสํ ปฺาจกฺขุ อตฺถิ, เต เอว จกฺขุมนฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๔.

‘‘อนฺธภูโต อยํ โลโก, ตนุเกตฺถ วิปสฺสติ;

สกุโณ ชาลมุตฺโตว, อปฺโป สคฺคาย คจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ อนฺธภูโต อยํ โลโกติ อยํ โลกิยมหาชโน ปฺาจกฺขุโน อภาเวน อนฺธภูโต. ตนุเกตฺถาติ ตนุโก เอตฺถ, น พหุ ชโน อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสติ. ชาลมุตฺโตวาติ ยถา เฉเกน สากุณิเกน ชาเลน โอตฺถริตฺวา คยฺหมาเนสุ วฏฺฏเกสุ โกจิเทว ชาลโต มุจฺจติ. เสสา อนฺโตชาลเมว ปวิสนฺติ. ตถา มรณชาเลน โอตฺถเฏสุ สตฺเตสุ พหู อปายคามิโน โหนฺติ, อปฺโป โกจิเทว สตฺโต สคฺคาย คจฺฉติ, สุคตึ วา นิพฺพานํ วา ปาปุณาตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน กุมาริกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สาปิ ตสรปจฺฉึ คเหตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อคมาสิ, โสปิ นิสินฺนโกว นิทฺทายิ. ตสฺสา อสลฺลกฺเขตฺวาว ตสรปจฺฉึ อุปนาเมนฺติยา ตสรปจฺฉิ เวมโกฏิยํ ปฏิหฺิตฺวา สทฺทํ กุรุมานา ปติ. โส ปพุชฺฌิตฺวา คหิตนิมิตฺเตเนว เวมโกฏึ อากฑฺฒิ. เวมโกฏิ คนฺตฺวา ตํ กุมาริกํ อุเร ปหริ, สา ตตฺเถว กาลํ กตฺวา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. อถสฺสา ปิตา ตํ โอโลเกนฺโต สกลสรีเรน โลหิตมกฺขิเตน ปติตฺวา มตํ อทฺทส. อถสฺส มหาโสโก อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘น มม โสกํ อฺโ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ โรทนฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โสกํ เม นิพฺพาเปถา’’ติ อาห. สตฺถา ตํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘มา โสจิ, อุปาสก. อนมตคฺคสฺมิฺหิ สํสาเร ตว เอวเมว ธีตุ มรณกาเล ปคฺฆริตอสฺสุ จตุนฺนํ มหาสมุทฺทานํ อุทกโต อติเรกตร’’นฺติ วตฺวา อนมตคฺคกถํ กเถสิ. โส ตนุภูตโสโก สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณีติ.

เปสการธีตาวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. ตึสภิกฺขุวตฺถุ

หํสาทิจฺจปเถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตึส ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ตึสมตฺตา ทิสาวาสิกา ภิกฺขู สตฺถารํ อุปสงฺกมึสุ. อานนฺทตฺเถโร สตฺถุ วตฺตกรณเวลาย อาคนฺตฺวา เต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘สตฺถารา อิเมหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถาเร กเต วตฺตํ กริสฺสามี’’ติ ทฺวารโกฏฺเก อฏฺาสิ. สตฺถาปิ เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เตสํ สารณียธมฺมํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เต สพฺเพปิ อรหตฺตํ ปตฺวา อุปฺปติตฺวา อากาเสน อคมึสุ. อานนฺทตฺเถโร เตสุ จิรายนฺเตสุ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทาเนว ตึสมตฺตา ภิกฺขู อาคตา, เต กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘คตา, อานนฺทา’’ติ. ‘‘กตเรน มคฺเคน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อากาเสนานนฺทา’’ติ. ‘‘กึ ปน เต, ภนฺเต, ขีณาสวา’’ติ? ‘‘อามานนฺท, มม สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ. ตสฺมึ ปน ขเณ อากาเสน หํสา อาคมึสุ. สตฺถา ‘‘ยสฺส โข ปนานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา สุภาวิตา, โส หํสา วิย อากาเสน คจฺฉตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๕.

‘‘หํสาทิจฺจปเถ ยนฺติ, อากาเส ยนฺติ อิทฺธิยา;

นียนฺติ ธีรา โลกมฺหา, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – อิเม หํสา อาทิจฺจปเถ อากาเส คจฺฉนฺติ. เยสํ อิทฺธิปาทา สุภาวิตา, เตปิ อากาเส ยนฺติ อิทฺธิยา. ธีรา ปณฺฑิตา สวาหินึ มารํ เชตฺวา อิมมฺหา วฏฺฏโลกา นียนฺติ, นิพฺพานํ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ตึสภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. จิฺจมาณวิกาวตฺถุ

เอกํ ธมฺมนฺติ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จิฺจมาณวิกํ อารพฺภ กเถสิ.

ปมโพธิยฺหิ ทสพลสฺส ปุถุภูเตสุ สาวเกสุ อปฺปมาเณสุ เทวมนุสฺเสสุ อริยภูมึ โอกฺกนฺเตสุ ปตฺถเฏ คุณสมุทเย มหาลาภสกฺกาโร อุทปาทิ. ติตฺถิยา สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกสทิสา อเหสุํ หตลาภสกฺการา. เต อนฺตรวีถิยํ ตฺวา ‘‘กึ สมโณ โคตโมว พุทฺโธ, มยมฺปิ พุทฺธา, กึ ตสฺเสว ทินฺนํ มหปฺผลํ, อมฺหากมฺปิ ทินฺนํ มหปฺผลเมว, อมฺหากมฺปิ เทถ สกฺกโรถา’’ติ เอวํ มนุสฺเส วิฺาเปนฺตาปิ ลาภสกฺการํ อลภิตฺวา รโห สนฺนิปติตฺวา ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน สมณสฺส โคตมสฺส มนุสฺสานํ อนฺตเร อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสยฺยามา’’ติ จินฺตยึสุ.

ตทา สาวตฺถิยํ จิฺจมาณวิกา นาเมกา ปริพฺพาชิกา อุตฺตมรูปธรา โสภคฺคปฺปตฺตา เทวจฺฉรา วิย. อสฺสา สรีรโต รสฺมิโย นิจฺฉรนฺติ. อเถโก ขรมนฺตี เอวมาห – ‘‘จิฺจมาณวิกํ ปฏิจฺจ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสสฺสามา’’ติ. เต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ สา ติตฺถิยารามํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ, ติตฺถิยา ตาย สทฺธึ น กเถสุํ. สา ‘‘โก นุ โข เม โทโส’’ติ ยาวตติยํ ‘‘วนฺทามิ, อยฺยา’’ติ วตฺวา, ‘‘อยฺยา, โก นุ โข เม โทโส, กึ มยา สทฺธึ น กเถถา’’ติ อาห. ‘‘ภคินิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหยนฺตํ หตลาภสกฺกาเร กตฺวา วิจรนฺตํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, อยฺยา, กึ ปเนตฺถ มยา กตฺตพฺพ’’นฺติ. ‘‘สเจ ตฺวํ, ภคินิ, อมฺหากํ สุขมิจฺฉสิ, อตฺตานํ ปฏิจฺจ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสหี’’ติ.

สา ‘‘สาธุ, อยฺยา, มยฺหํเวโส ภาโร, มา จินฺตยิตฺถา’’ติ วตฺวา ปกฺกมิตฺวา อิตฺถิมายาสุ กุสลตาย ตโต ปฏฺาย สาวตฺถิวาสีนํ ธมฺมกถํ สุตฺวา เชตวนา นิกฺขมนสมเย อินฺทโคปกวณฺณํ ปฏํ ปารุปิตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เชตวนาภิมุขี คจฺฉติ. ‘‘อิมาย เวลาย กุหึ คจฺฉสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม คมนฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา เชตวนสมีเป ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว ‘‘อคฺควนฺทนํ วนฺทิสฺสามา’’ติ นครา นิกฺขมนฺเต อุปาสกชเน เชตวนสฺส อนฺโตวุฏฺา วิย หุตฺวา นครํ ปวิสติ. ‘‘กุหึ วุฏฺาสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม วุฏฺฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา มาสทฺธมาสจฺจเยน ปุจฺฉิยมานา เชตวเน สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยา วุฏฺามฺหีติ. ปุถุชฺชนานํ ‘‘สจฺจํ นุ โข เอตํ, โน’’ติ กงฺขํ อุปฺปาเทตฺวา เตมาสจตุมาสจฺจเยน ปิโลติกาหิ อุทรํ เวเตฺวา คพฺภินิวณฺณํ ทสฺเสตฺวา อุปริ รตฺตปฏํ ปารุปิตฺวา ‘‘สมณํ โคตมํ ปฏิจฺจ คพฺโภ อุปฺปนฺโน’’ติ อนฺธพาเล สทฺทหาเปตฺวา อฏฺนวมาสจฺจเยน อุทเร ทารุมณฺฑลิกํ พนฺธิตฺวา อุปริ ปฏํ ปารุปิตฺวา หตฺถปาทปิฏฺิโย โคหนุเกน โกฏฺฏาเปตฺวา อุสฺสเท ทสฺเสตฺวา กิลนฺตินฺทฺริยา หุตฺวา สายนฺหสมเย ตถาคเต อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺเต ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ปุรโต ตฺวา, ‘‘มหาสมณ, มหาชนสฺส ตาว ธมฺมํ เทเสสิ, มธุโร เต สทฺโท, สมฺผุสิตํ ทนฺตาวรณํ. อหํ ปน ตํ ปฏิจฺจ คพฺภํ ลภิตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา ชาตา, เนว เม สูติฆรํ ชานาสิ, สปฺปิเตลาทีนิ สยํ อกโรนฺโต อุปฏฺากานมฺปิ อฺตรํ โกสลราชานํ วา อนาถปิณฺฑิกํ วา วิสาขํ อุปาสิกํ วา ‘อิมิสฺสา จิฺจมาณวิกาย กตฺตพฺพยุตฺตกํ กโรหี’ติ น วเทสิ, อภิรมิตุํเยว ชานาสิ, คพฺภปริหารํ น ชานาสี’’ติ คูถปิณฺฑํ คเหตฺวา จนฺทมณฺฑลํ ทูเสตุํ วายมนฺตี วิย ปริสมชฺเฌ ตถาคตํ อกฺโกสิ. ตถาคโต ธมฺมกถํ เปตฺวา สีโห วิย อภินทนฺโต, ‘‘ภคินิ, ตยา กถิตสฺส ตถภาวํ วา วิตถภาวํ วา อหเมว จ ตฺวฺจ ชานามา’’ติ อาห. ‘‘อาม, มหาสมณ, ตยา จ มยา จ าตภาเวเนตํ ชาต’’นฺติ.

ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ‘‘จิฺจมาณวิกา ตถาคตํ อภูเตน อกฺโกสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อิทํ วตฺถุํ โสเธสฺสามี’’ติ จตูหิ เทวปุตฺเตหิ สทฺธึ อาคมิ. เทวปุตฺตา มูสิกโปตกา หุตฺวา ทารุมณฺฑลิกสฺส พนฺธนรชฺชุเก เอกปฺปหาเรเนว ฉินฺทึสุ, ปารุตปฏํ วาโต อุกฺขิปิ, ทารุมณฺฑลิกํ ปตมานํ ตสฺสา ปาทปิฏฺิยํ ปติ, อุโภ อคฺคปาทา ฉิชฺชึสุ. มนุสฺสา ‘‘ธี กาฬกณฺณิ, สมฺมาสมฺพุทฺธํ อกฺโกสี’’ติ สีเส เขฬํ ปาเตตฺวา เลฑฺฑุทณฺฑาทิหตฺตา เชตวนา นีหรึสุ. อถสฺสา ตถาคตสฺส จกฺขุปถํ อติกฺกนฺตกาเล มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา วิวรมทาสิ, อวีจิโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิ. สา กุลทตฺติยํ กมฺพลํ ปารุปมานา วิย คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. อฺติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ, ทสพลสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย วฑฺฒิ. ปุนทิวเส ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, จิฺจมาณวิกา เอวํ อุฬารคุณํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เอสา มํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา วินาสํ ปตฺตาเยวา’’ติ วตฺวา –

‘‘นาทฏฺา ปรโต โทสํ, อณุํ ถูลานิ สพฺพโส;

อิสฺสโร ปณเย ทณฺฑํ, สามํ อปฺปฏิเวกฺขิยา’’ติ. –

อิมํ ทฺวาทสนิปาเต มหาปทุมชาตกํ (ชา. ๑.๑๒.๑๐๖) วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ –

ตทา กิเรสา มหาปทุมกุมารสฺส โพธิสตฺตสฺส มาตุ สปตฺตี รฺโ อคฺคมเหสี หุตฺวา มหาสตฺตํ อสทฺธมฺเมน นิมนฺเตตฺวา ตสฺส มนํ อลภิตฺวา อตฺตนาว อตฺตนิ วิปฺปการํ กตฺวา คิลานาลยํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตว ปุตฺโต มํ อนิจฺฉนฺตึ อิมํ วิปฺปการํ ปาเปสี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา กุทฺโธ มหาสตฺตํ โจรปปาเต ขิปิ. อถ นํ ปพฺพตกุจฺฉิยํ อธิวตฺถา เทวตา ปฏิคฺคเหตฺวา นาคราชสฺส ผณคพฺเภ ปติฏฺเปสิ. นาคราชา ตํ นาคภวนํ เนตฺวา อุปฑฺฒรชฺเชน สมฺมาเนสิ. โส ตตฺถ สํวจฺฉรํ วสิตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หิมวนฺตปฺปเทสํ ปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. อถ นํ เอโก วนจรโก ทิสฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ตฺวา มหาสตฺตํ รชฺเชน นิมนฺเตตฺวา เตน ‘‘มยฺหํ รชฺเชน กิจฺจํ นตฺถิ, ตฺวํ ปน ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา อคติคมนํ ปหาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรหี’’ติ โอวทิโต อุฏฺายาสนา โรทิตฺวา นครํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ กํ นิสฺสาย เอวํ อาจารสมฺปนฺเนน ปุตฺเตน วิโยคํ ปตฺโต’’ติ? ‘‘อคฺคมเหสึ นิสฺสาย, เทวา’’ติ. ราชา ตํ อุทฺธํปาทํ คเหตฺวา โจรปปาเต ขิปาเปตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตทา มหาปทุมกุมาโร สตฺถา อโหสิ, มาตุ สปตฺตี จิฺจมาณวิกาติ.

สตฺถา อิมมตฺถํ ปกาเสตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, เอกํ ธมฺมฺหิ สจฺจวจนํ ปหาย มุสาวาเท ปติฏฺิตานํ วิสฺสฏฺปรโลกานํ อกตฺตพฺพปาปกมฺมํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๖.

‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน;

วิติณฺณปรโลกสฺส, นตฺถิ ปาปํ อการิย’’นฺติ.

ตตฺถ เอกํ ธมฺมนฺติ สจฺจํ. มุสาวาทิสฺสาติ ยสฺส ทสสุ วจเนสุ เอกมฺปิ สจฺจํ นตฺถิ, เอวรูปสฺส มุสาวาทิโน. วิติณฺณปรโลกสฺสาติ วิสฺสฏฺปรโลกสฺส. เอวรูโป หิ มนุสฺสสมฺปตฺตึ เทวสมฺปตฺตึ อวสาเน นิพฺพานสมฺปตฺตินฺติ อิมา ติสฺโสปิ สมฺปตฺติโย น ปสฺสติ. นตฺถิ ปาปนฺติ ตสฺส เอวรูปสฺส อิทํ นาม ปาปํ อกตฺตพฺพนฺติ นตฺถิ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

จิฺจมาณวิกาวตฺถุ นวมํ.

๑๐. อสทิสทานวตฺถุ

เว กทริยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อสทิสทานํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา จาริกํ จริตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เชตวนํ ปาวิสิ. ราชา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส อาคนฺตุกทานํ สชฺเชตฺวา ‘‘ทานํ เม ปสฺสนฺตู’’ติ นาคเร ปกฺโกสิ. นาครา อาคนฺตฺวา รฺโ ทานํ ทิสฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ สชฺเชตฺวา ‘‘อมฺหากมฺปิ ทานํ, เทโว, ปสฺสตู’’ติ รฺโ ปหิณึสุ. ราชา เตสํ ทานํ ทิสฺวา ‘‘อิเมหิ มม ทานโต อุตฺตริตรํ กตํ, ปุน ทานํ กริสฺสามี’’ติ ปุนทิวเสปิ ทานํ สชฺเชสิ. นาคราปิ ตํ ทิสฺวา ปุนทิวเส สชฺชยึสุ. เอวํ เนว ราชา นาคเร ปราเชตุํ สกฺโกติ, น นาครา ราชานํ. อถ ฉฏฺเ วาเร นาครา สตคุณํ สหสฺสคุณํ วฑฺเฒตฺวา ยถา น สกฺกา โหติ ‘‘อิทํ นาม อิเมสํ ทาเน นตฺถี’’ติ วตฺตุํ, เอวํ ทานํ สชฺชยึสุ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ อิเมสํ ทานโต อุตฺตริตรํ กาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, กึ เม ชีวิเตนา’’ติ อุปายํ จินฺเตนฺโต นิปชฺชิ. อถ นํ มลฺลิกา เทวี อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘กสฺมา, มหาราช, เอวํ นิปนฺโนสิ, เกน เต อินฺทฺริยานิ กิลนฺตานิ วิยา’’ติ ปุจฺฉิ. ราชา อาห – ‘‘น ทานิ ตฺวํ, เทวิ, ชานาสี’’ติ. ‘‘น ชานามิ, เทวา’’ติ. โส ตสฺสา ตมตฺถํ อาโรเจสิ.

อถ นํ มลฺลิกา อาห – ‘‘เทว, มา จินฺตยิ, กหํ ตยา ปถวิสฺสโร ราชา นาคเรหิ ปราชิยมาโน ทิฏฺปุพฺโพ วา สุตปุพฺโพ วา, อหํ เต ทานํ สํวิทหิสฺสามี’’ติ. อิติสฺส อสทิสทานํ สํวิทหิตุกามตาย เอวํ วตฺวา, มหาราช, สาลกลฺยาณิปทเรหิ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อนฺโต อาวฏฺเฏ นิสีทนมณฺฑปํ กาเรหิ, เสสา พหิอาวฏฺเฏ นิสีทิสฺสนฺติ. ปฺจ เสตจฺฉตฺตสตานิ กาเรหิ, ตานิ คเหตฺวา ปฺจสตา หตฺถี ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ มตฺถเก ธารยมานา สฺสนฺติ. อฏฺ วา ทส วา รตฺตสุวณฺณนาวาโย กาเรหิ, ตา มณฺฑปมชฺเฌ ภวิสฺสนฺติ. ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ อนฺตเร เอเกกา ขตฺติยธีตา นิสีทิตฺวา คนฺเธ ปิสิสฺสติ, เอเกกา ขตฺติยธีตา พีชนํ อาทาย ทฺเว ทฺเว ภิกฺขู พีชมานา สฺสติ, เสสา ขตฺติยธีตโร ปิเส ปิเส คนฺเธ หริตฺวา สุวณฺณนาวาสุ ปกฺขิปิสฺสนฺติ, ตาสุ เอกจฺจา ขตฺติยธีตโร นีลุปฺปลกลาเป คเหตฺวา สุวณฺณนาวาสุ ปกฺขิตฺตคนฺเธ อาโลเฬตฺวา วาสํ คาหาเปสฺสนฺติ. นาครานฺหิเนว ขตฺติยธีตโร อตฺถิ, น เสตจฺฉตฺตานิ, น หตฺถิโน จ. อิเมหิ การเณหิ นาครา ปราชิสฺสนฺติ, เอวํ กโรหิ, มหาราชาติ. ราชา ‘‘สาธุ, เทวิ, กลฺยาณํ เต กถิต’’นฺติ ตาย กถิตนิยาเมน สพฺพํ กาเรสิ. เอกสฺส ปน ภิกฺขุโน เอโก หตฺถิ นปฺปโหสิ. อถ ราชา มลฺลิกํ อาห – ‘‘ภทฺเท, เอกสฺส ภิกฺขุโน เอโก หตฺถิ นปฺปโหติ, กึ กริสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ, เทว, ปฺจ หตฺถิสตานิ นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, เทวิ, อวเสสา ทุฏฺหตฺถิโน, เต ภิกฺขู ทิสฺวาว เวรมฺภวาตา วิย จณฺฑา โหนฺตี’’ติ. ‘‘เทว, อหํ เอกสฺส ทุฏฺหตฺถิโปตกสฺส ฉตฺตํ คเหตฺวา ติฏฺนฏฺานํ ชานามี’’ติ. ‘‘กตฺถ นํ เปสฺสามา’’ติ? ‘‘อยฺยสฺส องฺคุลิมาลสฺส สนฺติเก’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. หตฺถิโปตโก วาลธึ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา อุโภ กณฺเณ ปาเตตฺวา อกฺขีนิ นิมิเลตฺวา อฏฺาสิ. มหาชโน ‘‘เอวรูปสฺส นาม จณฺฑหตฺถิโน อยมากาโร’’ติ หตฺถิเมว โอโลเกสิ.

ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ อิมสฺมึ ทานคฺเค กปฺปิยภณฺฑํ วา อกปฺปิยภณฺฑํ วา, สพฺพํ ตํ ตุมฺหากเมว ทมฺมี’’ติ อาห. ตสฺมึ ปน ทาเน เอกทิวเสเนว ปริจฺจตฺตํ จุทฺทสโกฏิธนํ โหติ. สตฺถุ ปน เสตจฺฉตฺตํ นิสีทนปลฺลงฺโก อาธารโก ปาทปีิกาติ จตฺตาริ อนคฺฆาเนว. ปุน เอวรูปํ กตฺวา พุทฺธานํ ทานํ นาม ทาตุํ สมตฺโถ นาโหสิ, เตเนว ตํ ‘‘อสทิสทาน’’นฺติ ปฺายิ. ตํ กิร สพฺพพุทฺธานํ เอกวารํ โหติเยว, สพฺเพสํ ปน อิตฺถีเยว สํวิทหติ. รฺโ ปน กาโฬ จ ชุณฺโห จาติ ทฺเว อมจฺจา อเหสุํ. เตสุ กาโฬ จินฺเตสิ – ‘‘อโห ราชกุลสฺส ปริหานิ, เอกทิวเสเนว จุทฺทสโกฏิธนํ ขยํ คจฺฉติ, อิเม อิมํ ทานํ ภุฺชิตฺวา คนฺตฺวา นิปนฺนา นิทฺทายิสฺสนฺติ, อโห นฏฺํ ราชกุล’’นฺติ. ชุณฺโห จินฺเตสิ – ‘‘อโห รฺโ ทานํ สุทินฺนํ. น หิ สกฺกา ราชภาเว อฏฺิเตน เอวรูปํ ทานํ ทาตุํ, สพฺพสตฺตานํ ปตฺตึ อเทนฺโต นาม นตฺถิ, อหํ ปนิทํ ทานํ อนุโมทามี’’ติ.

สตฺถุ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา อนุโมทนตฺถาย ปตฺตํ คณฺหิ. สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘รฺา มโหฆํ ปวตฺเตนฺเตน วิย มหาทานํ ทินฺนํ, อสกฺขิ นุ โข มหาชโน จิตฺตํ ปสาเทตุํ, อุทาหุ โน’’ติ. โส เตสํ อมจฺจานํ จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘สเจ รฺโ ทานานุจฺฉวิกํ อนุโมทนํ กริสฺสามิ, กาฬสฺส มุทฺธา สตฺตธา ผลิสฺสติ, ชุณฺโห โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ ตฺวา กาเฬ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ เอวรูปํ ทานํ ทตฺวา ิตสฺส รฺโ จตุปฺปทิกํ คาถเมว วตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คโต. ภิกฺขู องฺคุลิมาลํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘น กึ นุ โข, อาวุโส, ทุฏฺหตฺถึ ฉตฺตํ ธาเรตฺวา ิตํ ทิสฺวา ภายี’’ติ? ‘‘น ภายึ, อาวุโส’’ติ. เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘องฺคุลิมาโล, ภนฺเต, อฺํ พฺยากโรสี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, องฺคุลิมาโล ภายติ. ขีณาสวอุสภานฺหิ อนฺตเร เชฏฺกอุสภา มม ปุตฺตสทิสา ภิกฺขู น ภายนฺตี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณวคฺเค อิมํ คาถมาห –

‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, มเหสึ วิชิตาวินํ;

อเนชํ นฺหาตกํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๒๒; สุ. นิ. ๖๕๑);

ราชาปิ โทมนสฺสปฺปตฺโต ‘‘เอวรูปาย นาม ปริสาย ทานํ ทตฺวา ิตสฺส มยฺหํ อนุจฺฉวิกํ อนุโมทนํ อกตฺวา คาถเมว วตฺวา สตฺถา อุฏฺายาสนา คโต. มยา สตฺถุ อนุจฺฉวิกํ ทานํ อกตฺวา อนนุจฺฉวิกํ กตํ ภวิสฺสติ, กปฺปิยภณฺฑํ อทตฺวา อกปฺปิยภณฺฑํ วา ทินฺนํ ภวิสฺสติ, สตฺถารา เม กุปิเตน ภวิตพฺพํ. เอวฺหิ อสทิสทานํ นาม, ทานานุรูปํ อนุโมทนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข เม, ภนฺเต, ทาตพฺพยุตฺตกํ ทานํ น ทินฺนํ, อุทาหุ ทานานุรูปํ กปฺปิยภณฺฑํ อทตฺวา อกปฺปิยภณฺฑเมว ทินฺน’’นฺติ. ‘‘กิเมตํ, มหาราชา’’ติ? ‘‘น เม ตุมฺเหหิ ทานานุจฺฉวิกา อนุโมทนา กตา’’ติ? ‘‘มหาราช, อนุจฺฉวิกเมว เต ทานํ ทินฺนํ. เอตฺหิ อสทิสทานํ นาม, เอกสฺส พุทฺธสฺส เอกวารเมว สกฺกา ทาตุํ, ปุน เอวรูปํ นาม ทานํ ทุทฺทท’’นฺติ. ‘‘อถ กสฺมา, ภนฺเต, เม ทานานุรูปํ อนุโมทนํ น กริตฺถา’’ติ? ‘‘ปริสาย อสุทฺธตฺตา, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, ปริสาย โทโส’’ติ? อถสฺส สตฺถา ทฺวินฺนมฺปิ อมจฺจานํ จิตฺตาจารํ อาโรเจตฺวา กาเฬ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อนุโมทนาย อกตภาวํ อาจิกฺขิ. ราชา ‘‘สจฺจํ กิร เต, กาฬ, เอวํ จินฺติต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตว สนฺตกํ อคฺคเหตฺวา มม ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ มยิ อตฺตโน สนฺตกํ เทนฺเต ตุยฺหํ กา ปีฬา. คจฺฉ, โภ, ยํ เต มยา ทินฺนํ, ตํ ทินฺนเมว โหตุ, รฏฺโต ปน เม นิกฺขมา’’ติ ตํ รฏฺา นีหริตฺวา ชุณฺหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร เต เอวํ จินฺติต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สาธุ, มาตุล, ปสนฺโนสฺมิ, ตฺวํ มม ปริชนํ คเหตฺวา มยา ทินฺนนิยาเมเนว สตฺต ทิวสานิ ทานํ เทหี’’ติ สตฺตาหํ รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘ปสฺสถ, ภนฺเต, พาลสฺส กรณํ, มยา เอวํ ทินฺนทาเน ปหารมทาสี’’ติ. สตฺถา ‘‘อาม, มหาราช, พาลา นาม ปรสฺส ทานํ อนภินนฺทิตฺวา ทุคฺคติปรายณา โหนฺติ, ธีรา ปน ปเรสมฺปิ ทานํ อนุโมทิตฺวา สคฺคปรายณา เอว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๗.

‘‘น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺติ, พาลา หเว นปฺปสํสนฺติ ทานํ;

ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน, เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติ.

ตตฺถ กทริยาติ ถทฺธมจฺฉริโน. พาลาติ อิธโลกปรโลกํ อชานนกา. ธีโรติ ปณฺฑิโต. สุขี ปรตฺถาติ เตเนว โส ทานานุโมทนปุฺเน ปรโลเก ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน สุขี โหตีติ.

เทสนาวสาเน ชุณฺโห โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสิ, ชุณฺโหปิ โสตาปนฺโน หุตฺวา สตฺตาหํ รฺา ทินฺนนิยาเมเนว ทานํ อทาสีติ.

อสทิสทานวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. อนาถปิณฺฑกปุตฺตกาลวตฺถุ

ปถพฺยา เอกรชฺเชนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาลํ นาม อนาถปิณฺฑิกสฺส ปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ตถาวิธสฺส สทฺธาสมฺปนฺนสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา เนว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ, น เคหํ อาคตกาเล ทฏฺุํ, น ธมฺมํ โสตุํ, น สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กาตุํ อิจฺฉติ. ปิตรา ‘‘มา เอวํ, ตาต, กรี’’ติ วุตฺโตปิ ตสฺส วจนํ น สุณาติ. อถสฺส ปิตา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เอวรูปํ ทิฏฺึ คเหตฺวา วิจรนฺโต อวีจิปรายโณ ภวิสฺสติ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, ยํ มยิ ปสฺสนฺเต มม ปุตฺโต นิรยํ คจฺเฉยฺย. อิมสฺมึ โข ปน โลเก ธนทาเนน อภิชฺชนกสตฺโต นาม นตฺถิ, ธเนน นํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘ตาต, อุโปสถิโก หุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา เอหิ, กหาปณสตํ เต ทสฺสามี’’ติ. ทสฺสถ, ตาตาติ. ทสฺสามิ, ปุตฺตาติ. โส ยาวตติยํ ปฏิฺํ คเหตฺวา อุโปสถิโก หุตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ธมฺมสฺสวเนน ปนสฺส กิจฺจํ นตฺถิ, ยถาผาสุกฏฺาเน สยิตฺวา ปาโตว เคหํ อคมาสิ. อถสฺส ปิตา ‘‘ปุตฺโต เม อุโปสถิโก อโหสิ, สีฆมสฺส ยาคุอาทีนิ อาหรถา’’ติ วตฺวา ทาเปสิ. โส ‘‘กหาปเณ อคฺคเหตฺวา น ภุฺชิสฺสามี’’ติ อาหฏาหฏํ ปฏิกฺขิปิ. อถสฺส ปิตา ปีฬํ อสหนฺโต กหาปณภณฺฑํ ทาเปสิ. โส ตํ หตฺเถน คเหตฺวาว อาหารํ ปริภุฺชิ.

อถ นํ ปุนทิวเส เสฏฺิ, ‘‘ตาต, กหาปณสหสฺสํ เต ทสฺสามิ, สตฺถุ ปุรโต ตฺวา เอกํ ธมฺมปทํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ เปเสสิ. โสปิ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต ตฺวาว เอกเมว ปทํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปลายิตุกาโม อโหสิ. อถสฺส สตฺถา อสลฺลกฺขณาการํ อกาสิ. โส ตํ ปทํ อสลฺลกฺเขตฺวา อุปริปทํ อุคฺคณฺหิสฺสามีติ ตฺวา อสฺโสสิเยว. อุคฺคณฺหิสฺสามีติ สุณนฺโตว กิร สกฺกจฺจํ สุณาติ นาม. เอวฺจ กิร สุณนฺตานํ ธมฺโม โสตาปตฺติมคฺคาทโย เทติ. โสปิ อุคฺคณฺหิสฺสามีติ สุณาติ, สตฺถาปิสฺส อสลฺลกฺขณาการํ กโรติ. โส ‘‘อุปริปทํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ ตฺวา สุณนฺโตว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.

โส ปุนทิวเส พุทฺธปฺปมุเขน ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึเยว สาวตฺถึ ปาวิสิ. มหาเสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มม ปุตฺตสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺสปิ เอตทโหสิ – ‘‘อโห วต เม ปิตา อชฺช สตฺถุ สนฺติเก กหาปเณ น ทเทยฺย, กหาปณการณา มยฺหํ อุโปสถิกภาวํ ปฏิจฺฉาเทยฺยา’’ติ. สตฺถา ปนสฺส หิยฺโยว กหาปณสฺส การณา อุโปสถิกภาวํ อฺาสิ. มหาเสฏฺิ, พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ยาคุํ ทาเปตฺวา ปุตฺตสฺสปิ ทาเปสิ. โส นิสีทิตฺวา ตุณฺหีภูโตว ยาคุํ ปิวิ, ขาทนียํ ขาทิ, ภตฺตํ ภุฺชิ. มหาเสฏฺิ สตฺถุ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ปุตฺตสฺส ปุรโต สหสฺสภณฺฑิกํ ปาเปตฺวา, ‘‘ตาต, มยา เต ‘สหสฺสํ ทสฺสามี’ติ วตฺวา อุโปสถํ สมาทาเปตฺวา วิหารํ ปหิโต. อิทํ เต สหสฺส’’นฺติ อาห. โส สตฺถุ ปุรโต กหาปเณ ทิยฺยมาเน ทิสฺวา ลชฺชนฺโต ‘‘อลํ เม กหาปเณหี’’ติ วตฺวา, ‘‘คณฺห, ตาตา’’ติ วุจฺจมาโนปิ น คณฺหิ. อถสฺส ปิตา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช เม ปุตฺตสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ, มหาเสฏฺี’’ติ วุตฺเต ‘‘มยา เอส ปุริมทิวเส ‘กหาปณสตํ เต ทสฺสามี’ติ วตฺวา วิหารํ เปสิโต. ปุนทิวเส กหาปเณ อคฺคเหตฺวา ภุฺชิตุํ น อิจฺฉิ, อชฺช ปน ทิยฺยมาเนปิ กหาปเณ น อิจฺฉตี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อาม, มหาเสฏฺิ, อชฺช ตว ปุตฺตสฺส จกฺกวตฺติสมฺปตฺติโตปิ เทวโลกพฺรหฺมโลกสมฺปตฺตีหิปิ โสตาปตฺติผลเมว วร’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๗๘.

‘‘ปถพฺยา เอกรชฺเชน, สคฺคสฺส คมเนน วา;

สพฺพโลกาธิปจฺเจน, โสตาปตฺติผลํ วร’’นฺติ.

ตตฺถ ปถพฺยา เอกรชฺเชนาติ จกฺกวตฺติรชฺเชน. สคฺคสฺส คมเนน วาติ ฉพฺพีสติวิธสฺส สคฺคสฺส อธิคมเนน. สพฺพโลกาธิปจฺเจนาติ น เอกสฺมึ เอตฺตเก โลเก นาคสุปณฺณเวมานิกเปเตหิ สทฺธึ, สพฺพสฺมึ โลเก อาธิปจฺเจน. โสตาปตฺติผลํ วรนฺติ ยสฺมา เอตฺตเก าเน รชฺชํ กาเรตฺวาปิ นิรยาทีหิ อมุตฺโตว โหติ, โสตาปนฺโน ปน ปิหิตาปายทฺวาโร หุตฺวา สพฺพทุพฺพโลปิ อฏฺเม ภเว น นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา โสตาปตฺติผลเมว วรํ อุตฺตมนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อนาถปิณฺฑกปุตฺตกาลวตฺถุ เอกาทสมํ.

โลกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

เตรสโม วคฺโค.

๑๔. พุทฺธวคฺโค

๑. มารธีตรวตฺถุ

ยสฺส ชิตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โพธิมณฺเฑ วิหรนฺโต มารธีตโร อารพฺภ กเถสิ. เทสนํ ปน สาวตฺถิยํ สมุฏฺาเปตฺวา ปุน กุรุรฏฺเ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส กเถสิ.

กุรุรฏฺเ กิร มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส ธีตา มาคณฺฑิยาเยว นาม อโหสิ อุตฺตมรูปธรา. ตํ ปตฺถยมานา อเนกพฺราหฺมณมหาสาลา เจว ขตฺติยมหาสาลา จ ‘‘ธีตรํ โน เทตู’’ติ มาคณฺฑิยสฺส ปหิณึสุ. โสปิ ‘‘น ตุมฺเห มยฺหํ ธีตุ อนุจฺฉวิกา’’ติ สพฺเพ ปฏิกฺขิปเตว. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต พฺราหฺมณสฺส จ พฺราหฺมณิยา จ ติณฺณํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ อทฺทส. พฺราหฺมโณปิ พหิคาเม นิพทฺธํ อคฺคึ ปริจรติ. สตฺถา ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย ตํ านํ อคมาสิ. พฺราหฺมโณ สตฺถุ รูปสิรึ โอโลเกนฺโต ‘‘อิมสฺมึ โลเก อิมินา สทิโส ปุริโส นาม นตฺถิ, อยํ มยฺหํ ธีตุ อนุจฺฉวิโก, อิมสฺส เม ธีตรํ ทสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘สมณ, มม เอกา ธีตา อตฺถิ, อหํ ตสฺสา อนุจฺฉวิกํ ปุริสํ อปสฺสนฺโต ตํ น กสฺสจิ อทาสึ, ตฺวํ ปนสฺสา อนุจฺฉวิโก, อหํ เต ธีตรํ ปาทปริจาริกํ กตฺวา ทาตุกาโม, ยาว นํ อาเนมิ, ตาว อิเธว ติฏฺาหี’’ติ. สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา เนว อภินนฺทิ, น ปฏิกฺโกสิ.

พฺราหฺมโณปิ เคหํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘โภติ, อชฺช เม ธีตุ อนุจฺฉวิโก ปุริโส ทิฏฺโ, ตสฺส นํ ทสฺสามา’’ติ ธีตรํ อลงฺการาเปตฺวา อาทาย พฺราหฺมณิยา สทฺธึ ตํ านํ อคมาสิ. มหาชโนปิ กุตูหลชาโต นิกฺขมิ. สตฺถา พฺราหฺมเณน วุตฺตฏฺาเน อฏฺตฺวา ตตฺถ ปทเจติยํ ทสฺเสตฺวา อฺสฺมึ าเน อฏฺาสิ. พุทฺธานํ กิร ปทเจติยํ ‘‘อิทํ อสุโก นาม ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา อกฺกนฺตฏฺาเนเยว ปฺายติ, เสสฏฺาเน ตํ ปสฺสนฺโต นาม นตฺถิ. พฺราหฺมโณ อตฺตนา สทฺธึ คจฺฉมานาย พฺราหฺมณิยา ‘‘กหํ โส’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อิมสฺมึ าเน ติฏฺาหีติ ตํ อวจ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ปทวลฺชํ ทิสฺวา ‘‘อิทมสฺส ปท’’นฺติ ทสฺเสสิ. สา ลกฺขณมนฺตกุสลตาย ‘‘น อิทํ, พฺราหฺมณ, กามโภคิโน ปท’’นฺติ วตฺวา พฺราหฺมเณน, ‘‘โภติ, ตฺวํ อุทกปาติมฺหิ สุสุมารํ ปสฺสสิ, มยา โส สมโณ ทิฏฺโ ‘ธีตรํ เต ทสฺสามี’ติ วุตฺโต, เตนาปิ อธิวาสิต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘พฺราหฺมณ, กิฺจาปิ ตฺวํ เอวํ วเทสิ, อิทํ ปน นิกฺกิเลสสฺเสว ปท’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘รตฺตสฺส หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว,

ทุฏฺสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ;

มูฬฺหสฺส โหติ อวกฑฺฒิตํ ปทํ,

วิวฏฺฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๔๕; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวตีวตฺถุ);

อถ นํ พฺราหฺมโณ, ‘‘โภติ, มา วิรวิ, ตุณฺหีภูตาว เอหี’’ติ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โส ปุริโส’’ติ ตสฺสา ทสฺเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘สมณ, ธีตรํ เต ทสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘น เม ตว ธีตาย อตฺโถ’’ติ อวตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, เอกํ เต การณํ กเถสฺสามิ, สุณิสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถหิ, โภ สมณ, สุณิสฺสามี’’ติ วุตฺเต อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ.

ตตฺรายํ สงฺเขปกถา – มหาสตฺโต รชฺชสิรึ ปหาย กณฺฏกํ อารุยฺห ฉนฺนสหาโย อภินิกฺขมนฺโต นครทฺวาเร ิเตน มาเรน ‘‘สิทฺธตฺถ, นิวตฺต, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อหเมตํ, มาร, ชานามิ, น เม เตนตฺโถ’’ติ อาห. อถ กิมตฺถาย นิกฺขมสีติ? สพฺพฺุตฺาณตฺถายาติ. ‘‘เตน หิ สเจ อชฺชโต ปฏฺาย กามวิตกฺกาทีนํ เอกมฺปิ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสสิ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพ’’นฺติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย โอตาราเปกฺโข สตฺต วสฺสานิ มหาสตฺตํ อนุพนฺธิ.

สตฺถาปิ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปจฺจตฺตปุริสการํ นิสฺสาย โพธิมูเล สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทยมาโน ปฺจมสตฺตาเห อชปาลนิคฺโรธมูเล นิสีทิ. ตสฺมึ สมเย มาโร ‘‘อหํ เอตฺตกํ กาลํ อนุพนฺธิตฺวา โอตาราเปกฺโขปิ อิมสฺส กิฺจิ ขลิตํ นาทฺทสํ, อติกฺกนฺโต อิทานิ เอส มม วิสย’’นฺติ โทมนสฺสปฺปตฺโต มหามคฺเค นิสีทิ. อถสฺส ตณฺหา อรตี รคาติ อิมา ติสฺโส ธีตโร ‘‘ปิตา โน น ปฺายติ, กหํ นุ โข เอตรหี’’ติ โอโลกยมานา ตํ ตถา นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กสฺมา, ตาต, ทุกฺขี ทุมฺมโนสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ตาสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ตา อาหํสุ – ‘‘ตาต, มา จินฺตยิ, มยํ ตํ อตฺตโน วเส กตฺวา อาเนสฺสามา’’ติ. ‘‘น สกฺกา อมฺมา, เอส เกนจิ วเส กาตุนฺติ. ‘‘ตาต, มยํ อิตฺถิโย นาม อิทาเนว นํ ราคปาสาทีหิ พนฺธิตฺวา อาเนสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เนว ตาสํ วจนํ มนสากาสิ, น อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ.

ปุน มารธีตโร ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา, เกสฺจิ กุมาริกาสุ เปมํ โหติ, เกสฺจิ ปมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ มชฺฌิมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ ปจฺฉิมวเย ิตาสุ, นานปฺปกาเรหิ ตํ ปโลเภสฺสามา’’ติ เอเกกา กุมาริกวณฺณาทิวเสน สตํ สตํ อตฺตภาเว อภินิมฺมินิตฺวา กุมาริโย, อวิชาตา, สกึ วิชาตา, ทุวิชาตา, มชฺฌิมิตฺถิโย, มหลฺลกิตฺถิโย จ หุตฺวา ฉกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโตติ. อถ สตฺถา เอตฺตเกนปิ ตา อนุคจฺฉนฺติโย ‘‘อเปถ, กึ ทิสฺวา เอวํ วายมถ, เอวรูปํ นาม วีตราคานํ ปุรโต กาตุํ น วฏฺฏติ. ตถาคตสฺส ปน ราคาทโย ปหีนา. เกน ตํ การเณน อตฺตโน วสํ เนสฺสถา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๗๙.

‘‘ยสฺส ชิตํ นาวชียติ,

ชิตํ ยสฺส โนยาติ โกจิ โลเก;

ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ,

อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถ.

๑๘๐.

‘‘ยสฺส ชาลินี วิสตฺติกา,

ตณฺหา นตฺถิ กุหิฺจิ เนตเว;

ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ,

อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถา’’ติ.

ตตฺถ ยสฺส ชิตํ นาวชียตีติ ยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เตน เตน มคฺเคน ชิตํ ราคาทิกิเลสชาตํ ปุน อสมุทาจรณโต นาวชียติ, ทุชฺชิตํ นาม น โหติ. โนยาตีติ น อุยฺยาติ, ยสฺส ชิตํ กิเลสชาตํ ราคาทีสุ โกจิ เอโก กิเลโสปิ โลเก ปจฺฉโต วตฺตี นาม น โหติ, นานุพนฺธตีติ อตฺโถ. อนนฺตโคจรนฺติ อนนฺตารมฺมณสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส วเสน อปริยนฺต โคจรํ. เกน ปเทนาติ ยสฺส หิ ราคปทาทีสุ เอกปทมฺปิ อตฺถิ, ตํ ตุมฺเห เตน ปเทน เนสฺสถ. พุทฺธสฺส ปน เอกปทมฺปิ นตฺถิ, ตํ อปทํ พุทฺธํ ตุมฺเห เกน ปเทน เนสฺสถ.

ทุติยคาถาย ตณฺหา นาเมสา สํสิพฺพิตปริโยนนฺธนฏฺเน ชาลมสฺสา อตฺถีติปิ ชาลการิกาติปิ ชาลูปมาติปิ ชาลินี. รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ วิสตฺตตาย วิสตฺตมนตาย วิสาหรตาย วิสปุปฺผตาย วิสผลตาย วิสปริโภคตาย วิสตฺติกา. สา เอวรูปา ตณฺหา ยสฺส กุหิฺจิ ภเว เนตุํ นตฺถิ, ตํ ตุมฺเห อปทํ พุทฺธํ เกน ปเทน เนสฺสถาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. มารธีตโรปิ ตตฺเถว อนฺตรธายึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘มาคณฺฑิย, อหํ ปุพฺเพ อิมา ติสฺโส มารธีตโร อทฺทสํ เสมฺหาทีหิ อปลิพุทฺเธน สุวณฺณกฺขนฺธสทิเสน อตฺตภาเวน สมนฺนาคตา, ตทาปิ เมถุนสฺมึ ฉนฺโท นาโหสิเยว. ตว ธีตุ สรีรํ ทฺวตฺตึสาการกุณปปริปูรํ พหิวิจิตฺโต วิย อสุจิฆโฏ. สเจ หิ มม ปาโท อสุจิมกฺขิโต ภเวยฺย, อยฺจ อุมฺมารฏฺาเน ติฏฺเยฺย, ตถาปิสฺสา สรีเร อหํ ปาเท น ผุเสยฺย’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘ทิสฺวาน ตณฺหํ อรตึ รคฺจ,

นาโหสิ ฉนฺโท อปิ เมถุนสฺมึ;

กิเมวิทํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ,

ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’’ติ. (สุ. นิ. ๘๔๑; มหานิ. ๗๐);

เทสนาวสาเน อุโภปิ ชยมฺปติกา อนาคามิผเล ปติฏฺหึสูติ.

มารธีตรวตฺถุ ปมํ.

๒. เทโวโรหณวตฺถุ

เย ฌานปสุตา ธีราติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สงฺกสฺสนครทฺวาเร พหู เทวมนุสฺเส อารพฺภ กเถสิ. เทสนา ปน ราชคเห สมุฏฺิตา.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ราชคหเสฏฺิ ปริสฺสยโมจนตฺถฺเจว ปมาเทน คลิตานํ อาภรณาทีนํ รกฺขณตฺถฺจ ชาลกรณฺฑกํ ปริกฺขิปาเปตฺวา คงฺคาย อุทกกีฬํ กีฬิ. อเถโก รตฺตจนฺทนรุกฺโข คงฺคาย อุปริตีเร ชาโต คงฺโคทเกน โธตมูโล ปติตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปาสาเณสุ สํภชฺชมาโน วิปฺปกิริ. ตโต เอกา ฆฏปฺปมาณา ฆฏิกา ปาสาเณหิ ฆํสิยมานา อุทกอูมีหิ โปถิยมานา มฏฺา หุตฺวา อนุปุพฺเพน วุยฺหมานา เสวาลปริโยนทฺธา อาคนฺตฺวา ตสฺส ชาเล ลคฺคิ. เสฏฺิ ‘‘กิเมต’’นฺติ วตฺวา ‘‘รุกฺขฆฏิกา’’ติ สุตฺวา ตํ อาหราเปตฺวา ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ อุปธารณตฺถํ วาสิกณฺเณน ตจฺฉาเปสิ. ตาวเทว อลตฺตกวณฺณํ รตฺตจนฺทนํ ปฺายิ. เสฏฺิ ปน เนว สมฺมาทิฏฺิ น มิจฺฉาทิฏฺิ, มชฺฌตฺตธาตุโก. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เคเห รตฺตจนฺทนํ พหุ, กึ นุ โข อิมินา กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก ‘มยํ อรหนฺโต มยํ อรหนฺโต’ติ วตฺตาโร พหู, อหํ เอกํ อรหนฺตมฺปิ น ปสฺสามิ. เคเห ภมํ โยเชตฺวา ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา สิกฺกาย เปตฺวา เวฬุปรมฺปราย สฏฺิหตฺถมตฺเต อากาเส โอลมฺพาเปตฺวา ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อิมํ อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วกฺขามิ. โย ตํ คเหสฺสติ, ตํ สปุตฺตทาโร สรณํ คมิสฺสามี’’ติ. โส จินฺติตนิยาเมเนว ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา เวฬุปรมฺปราย อุสฺสาเปตฺวา ‘‘โย อิมสฺมึ โลเก อรหา, โส อากาเสนาคนฺตฺวา อิมํ ปตฺตํ คณฺหาตู’’ติ อาห.

สตฺถาโร ‘‘อมฺหากํ เอส อนุจฺฉวิโก, อมฺหากเมว นํ เทหี’’ติ วทึสุ. โส ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหถา’’ติ อาห. อถ ฉฏฺเ ทิวเส นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อนฺเตวาสิเก เปเสสิ – ‘‘คจฺฉถ, เสฏฺึ เอวํ วเทถ – ‘อมฺหากํ อาจริยสฺเสว อนุจฺฉวิโกยํ, มา อปฺปมตฺตกสฺส การณา อากาเสนาคมนํ กริ, เทหิ กิร เม ตํ ปตฺต’’’นฺติ. เต คนฺตฺวา เสฏฺึ ตถา วทึสุ. เสฏฺิ ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหิตุํ สมตฺโถว คณฺหาตู’’ติ อาห. นาฏปุตฺโต สยํ คนฺตุกาโม อนฺเตวาสิกานํ สฺํ อทาสิ – ‘‘อหํ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิตฺวา อุปฺปติตุกาโม วิย ภวิสฺสามิ, ตุมฺเห มํ, ‘อาจริย, กึ กโรถ, ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนํ อรหตฺตคุณํ มหาชนสฺส มา ทสฺสยิตฺถา’ติ วตฺวา มํ หตฺเถสุ จ ปาเทสุ จ คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตา ภูมิยํ ปาเตยฺยาถา’’ติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา เสฏฺึ อาห, ‘‘มหาเสฏฺิ, มยฺหํ อยํ ปตฺโต อนุจฺฉวิโก, อฺเสํ นานุจฺฉวิโก, มา เต อปฺปมตฺตกสฺส การณา มม อากาเส อุปฺปตนํ รุจฺจิ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. ภนฺเต, อากาเส อุปฺปติตฺวาว คณฺหถาติ. ตโต นาฏปุตฺโต ‘‘เตน หิ อเปถ อเปถา’’ติ อนฺเตวาสิเก อปเนตฺวา ‘‘อากาเส อุปฺปติสฺสามี’’ติ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิ. อถ นํ อนฺเตวาสิกา, ‘‘อาจริย, กึ นาเมตํ กโรถ, ฉวสฺส ลามกสฺส ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนคุเณน มหาชนสฺส ทสฺสิเตน โก อตฺโถ’’ติ ตํ หตฺถปาเทสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ภูมิยํ ปาเตสุํ. โส เสฏฺึ อาห – ‘‘อิเม, มหาเสฏฺิ, อุปฺปติตุํ น เทนฺติ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. อุปฺปติตฺวา คณฺหถ, ภนฺเตติ. เอวํ ติตฺถิยา ฉ ทิวสานิ วายมิตฺวาปิ ตํ ปตฺตํ น ลภึสุเยว.

สตฺตเม ทิวเส อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส จ อายสฺมโต ปิณฺโฑลภารทฺวาชสฺส จ ‘‘ราชคเห ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ ตฺวา จีวรํ ปารุปนกาเล ธุตฺตกา กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อมฺโภ ปุพฺเพ ฉ สตฺถาโร โลเก ‘มยํ อรหนฺตมฺหา’ติ วิจรึสุ., ราชคหเสฏฺิโน ปน อชฺช สตฺตโม ทิวโส ปตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วทนฺตสฺส, เอโกปิ ‘อหํ อรหา’ติ อากาเส อุปฺปตนฺโต นตฺถิ. อชฺช โน โลเก อรหนฺตานํ นตฺถิภาโว าโต’’ติ. ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมนฺตํ ปิณฺโฑลภารทฺวาชํ อาห – ‘‘สุตํ เต, อาวุโส ภารทฺวาช, อิเมสํ วจนํ, อิเม พุทฺธสฺส สาสนํ ปริคฺคณฺหนฺตา วิย วทนฺติ. ตฺวฺจ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, คจฺฉ ตํ ปตฺตํ อากาเสน คนฺตฺวา คณฺหาหี’’ติ. อาวุโส มหาโมคฺคลฺลาน, ตฺวํ อิทฺธิมนฺตานํ อคฺโค, ตฺวํ เอตํ คณฺหาหิ, ตยิ ปน อคฺคณฺหนฺเต อหํ คณฺหิสฺสามีติ. ‘‘คณฺหาวุโส’’ติ วุตฺเต อายสฺมา ปิณฺโฑลภารทฺวาโช อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย ติคาวุตํ ปิฏฺิปาสาณํ ปาทนฺเตน ปฏิจฺฉาเทนฺโต ตุลปิจุ วิย อากาเส อุฏฺาเปตฺวา ราชคหนครสฺส อุปริ สตฺตกฺขตฺตุํ อนุปริยายิ. โส ติคาวุตปมาณสฺส นครสฺส ปิธานํ วิย ปฺายิ. นครวาสิโน ‘‘ปาสาโณ โน อวตฺถริตฺวา คณฺหาตี’’ติ ภีตา สุปฺปาทีนิ มตฺถเก กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิลียึสุ. สตฺตเม วาเร เถโร ปิฏฺิปาสาณํ ภินฺทิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. มหาชโน เถรํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต ปิณฺโฑลภารทฺวาช, ตว ปาสาณํ ทฬฺหํ กตฺวา คณฺห, มา โน สพฺเพ นาสยี’’ติ. เถโร ปาสาณํ ปาทนฺเตน ขิปิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส คนฺตฺวา ยถาาเนเยว ปติฏฺาสิ. เถโร เสฏฺิสฺส เคหมตฺถเก อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เสฏฺิ อุเรน นิปชฺชิตฺวา ‘‘โอตรถ สามี’’ติ วตฺวา อากาสโต โอติณฺณํ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ปตฺตํ โอตาราเปตฺวา จตุมธุรปุณฺณํ กตฺวา เถรสฺส อทาสิ. เถโร ปตฺตํ คเหตฺวา วิหาราภิมุโข ปายาสิ. อถสฺส เย อรฺคตา วา สุฺาคารคตา วา ตํ ปาฏิหาริยํ นาทฺทสํสุ. เต สนฺนิปติตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากมฺปิ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสหี’’ติ เถรํ อนุพนฺธึสุ. โส เตสํ เตสํ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา วิหารํ อคมาสิ.

สตฺถา ตํ อนุพนฺธิตฺวา อุนฺนาเทนฺตสฺส มหาชนสฺส สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, กสฺเสโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปิณฺโฑลภารทฺวาเชน อากาเส อุปฺปติตฺวา จนฺทนปตฺโต คหิโต, ตสฺส สนฺติเก เอโส สทฺโท’’ติ สุตฺวา ภารทฺวาชํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา เอวํ กต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘กสฺมา เต, ภารทฺวาช, เอวํ กต’’นฺติ เถรํ ครหิตฺวา ตํ ปตฺตํ ขณฺฑาขณฺฑํ เภทาเปตฺวา ภิกฺขูนํ อฺชนปิสนตฺถาย ทาเปตฺวา ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ (จูฬว. ๒๕๒) ปฺาเปสิ.

ติตฺถิยา ‘‘สมโณ กิร โคตโม ตํ ปตฺตํ เภทาเปตฺวา ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปสี’’ติ สุตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺติ, สมโณปิ โคตโม ตํ รกฺขิสฺสเตว. อิทานิ อมฺเหหิ โอกาโส ลทฺโธ’’ติ นครวีถีสุ อาโรเจนฺตา วิจรึสุ ‘‘มยํ อตฺตโน คุณํ รกฺขนฺตา ปุพฺเพ ทารุมยปตฺตสฺส การณา อตฺตโน คุณํ มหาชนสฺส น ทสฺสยิมฺหา, สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ปตฺตกมตฺตสฺส การณา อตฺตโน คุณํ มหาชนสฺส ทสฺเสสุํ. สมโณ โคตโม อตฺตโน ปณฺฑิตตาย ปตฺตํ เภทาเปตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ, อิทานิ มยํ เตเนว สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ.

ราชา พิมฺพิสาโร ตํ กถํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ กิร, ภนฺเต, ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. อิทานิ ติตฺถิยา ‘‘ตุมฺเหหิ สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ วทนฺติ, กึ อิทานิ กริสฺสถาติ? ‘‘เตสุ กโรนฺเตสุ กริสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. นนุ ตุมฺเหหิ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ. นาหํ, มหาราช, อตฺตโน สิกฺขาปทํ ปฺาเปสึ, ตํ มเมว สาวกานํ ปฺตฺตนฺติ. ตุมฺเห เปตฺวา อฺตฺถ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ นาม โหติ, ภนฺเตติ. เตน หิ, มหาราช, ตเมเวตฺถ ปฏิปุจฺฉามิ, ‘‘อตฺถิ ปน เต, มหาราช, วิชิเต อุยฺยาน’’นฺติ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ เต, มหาราช, อุยฺยาเน มหาชโน อมฺพาทีนิ ขาเทยฺย, กิมสฺส กตฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ทณฺโฑ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปน ขาทิตุํ ลภสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, มยฺหํ ทณฺโฑ นตฺถิ, อหํ อตฺตโน สนฺตกํ ขาทิตุํ ลภามี’’ติ. ‘‘มหาราช, ยถา ตว ติโยชนสติเก รชฺเช อาณา ปวตฺตติ, อตฺตโน อุยฺยาเน อมฺพาทีนิ ขาทนฺตสฺส ทณฺโฑ นตฺถิ, อฺเสํ อตฺถิ, เอวํ มมปิ จกฺกวาฬโกฏิสตสหสฺเส อาณา ปวตฺตติ, อตฺตโน สิกฺขาปทปฺตฺติยา อติกฺกโม นาม นตฺถิ, อฺเสํ ปน อตฺถิ, กริสฺสามหํ ปาฏิหาริย’’นฺติ. ติตฺถิยา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิทานมฺหา นฏฺา, สมเณน กิร โคตเมน สาวกานํเยว สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, น อตฺตโน. สยเมว กิร ปาฏิหาริยํ กตฺตุกาโม, กึ นุ โข กโรมา’’ติ มนฺตยึสุ.

ราชา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, กทา ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ. ‘‘อิโต จตุมาสจฺจเยน อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ กริสฺสถ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘สาวตฺถึ นิสฺสาย, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺมา ปน สตฺถา เอวํ ทูรฏฺานํ อปทิสี’’ติ? ‘‘ยสฺมา ตํ สพฺพพุทฺธานํ มหาปาฏิหาริยกรณฏฺานํ, อปิจ มหาชนสฺส สนฺนิปาตนตฺถายปิ ทูรฏฺานเมว อปทิสี’’ติ. ติตฺถิยา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิโต กิร จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สมโณ โคตโม สาวตฺถิยํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสติ, อิทานิ ตํ อมุฺจิตฺวาว อนุพนฺธิสฺสาม, มหาชโน อมฺเห ทิสฺวา ‘กึ อิท’นฺติ ปุจฺฉิสฺสติ. อถสฺส วกฺขาม ‘มยํ สมเณน โคตเมน สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’ติ วทิมฺหา. โส ปลายติ, มยมสฺส ปลายิตุํ อทตฺวา อนุพนฺธามา’’ติ. สตฺถา ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา นิกฺขมิ. ติตฺถิยาปิสฺส ปจฺฉโตว นิกฺขมิตฺวา ภตฺตกิจฺจฏฺาเน วสนฺติ. วสิตฏฺาเน ปุนทิวเส ปาตราสํ กโรนฺติ. เต มนุสฺเสหิ ‘‘กิมิท’’นฺติ ปุจฺฉิตา เหฏฺา จินฺติตนิยาเมเนว อาโรเจสุํ. มหาชโนปิ ‘‘ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อนุพนฺธิ.

สตฺถา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปาปุณิ. ติตฺถิยาปิ เตน สทฺธึเยว คนฺตฺวา อุปฏฺาเก สมาทเปตฺวา สตสหสฺสํ ลภิตฺวา ขทิรถมฺเภหิ มณฺฑปํ กาเรตฺวา นีลุปฺปเลหิ ฉาทาเปตฺวา ‘‘อิธ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ นิสีทึสุ. ราชา ปเสนทิ โกสโล สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ติตฺถิเยหิ มณฺฑโป การิโต, อหมฺปิ ตุมฺหากํ มณฺฑปํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, อตฺถิ มยฺหํ มณฺฑปการโก’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มํ เปตฺวา โก อฺโ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ? ‘‘สกฺโก, เทวราชา’’ติ. ‘‘กหํ ปน, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล, มหาราชา’’ติ. ติตฺถิยา ‘‘อมฺพรุกฺขมูเล กิร ปาฏิหาริยํ กริสฺสตี’’ติ สุตฺวา อตฺตโน อุปฏฺากานํ อาโรเจตฺวา โยชนพฺภนฺตเร าเน อนฺตมโส ตทหุชาตมฺปิ อมฺพโปตกํ อุปฺปาเฏตฺวา อรฺเ ขิปาเปสุํ.

สตฺถา อาสาฬฺหิปุณฺณมทิวเส อนฺโตนครํ ปาวิสิ. รฺโปิ อุยฺยานปาโล กณฺโฑ นาม เอกํ ปิงฺคลกิปิลฺลิเกหิ กตปตฺตปุฏสฺส อนฺตเร มหนฺตํ อมฺพปกฺกํ ทิสฺวา ตสฺส คนฺธรสโลเภน สมฺปตนฺเต วายเส ปลาเปตฺวา รฺโ ขาทนตฺถาย อาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ราชา อิมํ อมฺพํ ขาทิตฺวา มยฺหํ อฏฺ วา โสฬส วา กหาปเณ ทเทยฺย, ตํ เม เอกตฺตภาเวปิ ชีวิตวุตฺติยา นาลํ. สเจ ปนาหํ สตฺถุ อิมํ ทสฺสามิ, อวสฺสํ ตํ เม ทีฆกาลํ หิตาวหํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส ตํ อมฺพปกฺกํ สตฺถุ อุปนาเมสิ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกสิ. อถสฺส เถโร จตุมหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ นีหริตฺวา หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา อมฺพปกฺกํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตตฺเถว นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. เถโร จีวรํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. อถสฺส ตสฺมึ นิสินฺเน เถโร ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา อมฺพปกฺกํ มทฺทิตฺวา ปานกํ กตฺวา อทาสิ. สตฺถา อมฺพปานกํ ปิวิตฺวา กณฺฑํ อาห – ‘‘อิมํ อมฺพฏฺึ อิเธว ปํสุํ วิยูหิตฺวา โรเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อุปริ หตฺถํ โธวิ. หตฺเถ โธวิตมตฺเตเยว นงฺคลสีสมตฺตกฺขนฺโธ หุตฺวา อุพฺเพเธน ปณฺณาสหตฺโถ อมฺพรุกฺโข อุฏฺหิ. จตูสุ ทิสาสุ เอเกกา, อุทฺธํ เอกาติ ปฺจ มหาสาขา ปณฺณาสหตฺถา อเหสุํ. โส ตาวเทว ปุปฺผผลสฺฉนฺโน หุตฺวา เอเกกสฺมึ าเน ปริปกฺกอมฺพปิณฺฑิธโร อโหสิ. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตา ภิกฺขู อมฺพปกฺกานิ ขาทนฺตา เอว อาคมึสุ. ราชา ‘‘เอวรูโป กิร อมฺพรุกฺโข อุฏฺิโต’’ติ สุตฺวา ‘‘มา นํ โกจิ ฉินฺที’’ติ อารกฺขํ เปสิ. โส ปน กณฺเฑน โรปิตตฺตา กณฺฑมฺพรุกฺโขตฺเวว ปฺายิ. ธุตฺตกาปิ อมฺพปกฺกานิ ขาทิตฺวา ‘‘หเร ทุฏฺติตฺถิยา ‘สมโณ กิร โคตโม กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ปาฏิหาริยํ กริสฺสตี’ติ ตุมฺเหหิ โยชนพฺภนฺตเร ตทหุชาตาปิ อมฺพโปตกา อุปฺปาฏาปิตา, กณฺฑมฺโพ นาม อย’’นฺติ วตฺวา เต อุจฺฉิฏฺอมฺพฏฺีหิ ปหรึสุ.

สกฺโก วาตวลาหกํ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ ‘‘ติตฺถิยานํ มณฺฑปํ วาเตหิ อุปฺปาเฏตฺวา อุกฺการภูมิยํ ขิปาเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สูริยมฺปิ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ ‘‘สูริยมณฺฑลํ นิกฑฺฒนฺโต ตาเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ปุน วาตวลาหกํ อาณาเปสิ ‘‘วาตมณฺฑลํ อุฏฺาเปนฺโต ยาหี’’ติ. โส ตถา กโรนฺโต ติตฺถิยานํ ปคฺฆริตเสทสรีเร รโชวฏฺฏิยา โอกิริ. เต ตมฺพมตฺติกสทิสา อเหสุํ. วสฺสวลาหกมฺปิ อาณาเปสิ ‘‘มหนฺตานิ พินฺทูนิ ปาเตหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. อถ เนสํ กาโย กพรคาวิสทิโส อโหสิ. เต นิคณฺา ลชฺชมานา หุตฺวา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. เอวํ ปลายนฺเตสุ ปุราณกสฺสปสฺส อุปฏฺาโก เอโก กสฺสโก ‘‘อิทานิ เม อยฺยานํ ปาฏิหาริยกรณเวลา, คนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ โคเณ วิสฺสชฺเชตฺวา ปาโตว อาภตํ ยาคุกุฏฺเจว โยตฺตกฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปุราณํ ตถา ปลายนฺตํ ทิสฺวา, ภนฺเต, อชฺช ‘อยฺยานํ ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามี’ติ อาคจฺฉามิ, ตุมฺเห กหํ คจฺฉถา’’ติ. กึ เต ปาฏิหาริเยน, อิมํ กุฏฺจ โยตฺตฺจ เทหีติ. โส เตน ทินฺนํ กุฏฺจ โยตฺตฺจ อาทาย นทีตีรํ คนฺตฺวา กุฏํ โยตฺเตน อตฺตโน คีวาย พนฺธิตฺวา ลชฺชนฺโต กิฺจิ อกเถตฺวา รหเท ปติตฺวา อุทกปุพฺพุเฬ อุฏฺาเปนฺโต กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ.

สกฺโก อากาเส รตนจงฺกมํ มาเปสิ. ตสฺส เอกา โกฏิ ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อโหสิ, เอกา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ. สตฺถา สนฺนิปติตาย ฉตฺตึสโยชนิกาย ปริสาย วฑฺฒมานกจฺฉายาย ‘‘อิทานิ ปาฏิหาริยกรณเวลา’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ปมุเข อฏฺาสิ. อถ นํ ฆรณี นาม อิทฺธิมนฺตี เอกา อนาคามิอุปาสิกา อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มาทิสาย ธีตริ วิชฺชมานาย ตุมฺหากํ กิลมนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กถํ ตฺวํ กริสฺสสิ, ฆรณี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอกสฺมึ จกฺกวาฬคพฺเภ มหาปถวึ อุทกํ กตฺวา อุทกสกุณิกา วิย นิมุชฺชิตฺวา ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อตฺตานํ ทสฺเสสฺสามิ, ตถา ปจฺฉิมอุตฺตรทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, ตถา มชฺเฌ’’. มหาชโน มํ ทิสฺวา ‘‘กา เอสา’’ติ วุตฺเต วกฺขติ ‘‘ฆรณี นาเมสา, อยํ ตาว เอกิสฺสา อิตฺถิยา อานุภาโว, พุทฺธานุภาโว ปน กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ. เอวํ ติตฺถิยา ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตีติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ชานามิ เต ฆรณี เอวรูปํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺถภาวํ, น ปนายํ ตวตฺถาย พทฺโธ มาลาปุโฏ’’ติ วตฺวา ปฏิกฺขิปิ. สา ‘‘น เม สตฺถา อนุชานาติ, อทฺธา มยา อุตฺตริตรํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺโถ อฺโ อตฺถี’’ติ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถาปิ ‘‘เอวเมว เตสํ คุโณ ปากโฏ ภวิสฺสตีติ เอวํ ฉตฺตึสโยชนิกาย ปริสาย มชฺเฌ สีหนาทํ นทิสฺสตี’’ติ มฺมาโน อปเรปิ ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห กถํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ. เต ‘‘เอวฺจ เอวฺจ กริสฺสาม, ภนฺเต’’ติ สตฺถุ ปุรโต ิตาว สีหนาทํ นทึสุ. เตสุ กิร จูฬอนาถปิณฺฑิโก ‘‘มาทิเส อนาคามิอุปาสเก ปุตฺเต วิชฺชมาเน สตฺถุ กิลมนกิจฺจํ นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทฺวาทสโยชนิกํ พฺรหฺมตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา อิมิสฺสา ปริสาย มชฺเฌ มหาเมฆคชฺชิตสทิเสน สทฺเทน พฺรหฺมอปฺโผฏนํ นาม อปฺโผเฏสฺสามี’’ติ. มหาชโน ‘‘กึ นาเมโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จูฬอนาถปิณฺฑิกสฺส กิร พฺรหฺมอปฺโผฏนสทฺโท นามา’’ติ วกฺขติ. ติตฺถิยา ‘‘คหปติกสฺส กิร ตาว เอโส อานุภาโว, พุทฺธานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตีติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสปิ ตเถว วตฺวา ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ.

อเถกา ปฏิสมฺภิทปฺปตฺตา สตฺตวสฺสิกา จีรสามเณรี กิร นาม สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กถํ กริสฺสสิ จีเร’’ติ? ‘‘ภนฺเต, สิเนรุฺจ จกฺกวาฬปพฺพตฺจ หิมวนฺตฺจ อาหริตฺวา อิมสฺมึ าเน ปฏิปาฏิยา เปตฺวา อหํ หํสสกุณี วิย ตโต ตโต นิกฺขมิตฺวา อสชฺชมานา คมิสฺสามิ, มหาชโน มํ ทิสฺวา ‘กา เอสา’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘จีรสามเณรี’ติ วกฺขติ. ติตฺถิยา ‘สตฺตวสฺสิกาย ตาว สามเณริยา อยมานุภาโว, พุทฺธานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’ติ ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตี’’ติ. อิโต ปรํ เอวรูปานิ วจนานิ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพานิ. ตสฺสาปิ ภควา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ วตฺวา ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ. อเถโก ปฏิสมฺภิทปฺปตฺโต ขีณาสโว จุนฺทสามเณโร นาม ชาติยา สตฺตวสฺสิโก สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ ภควา ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ชมฺพุทีปสฺส ธชภูตํ มหาชมฺพุรุกฺขํ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลตฺวา มหาชมฺพุเปสิโย อาหริตฺวา อิมํ ปริสํ ขาทาเปสฺสามิ, ปาริจฺฉตฺตกกุสุมานิ จ อาหริตฺวา ตุมฺเห วนฺทิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺส ปาฏิหาริยกรณํ ปฏิกฺขิปิ.

อถ อุปฺปลวณฺณา เถรี สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมนฺตา ทฺวาทสโยชนิกํ ปริสํ ทสฺเสตฺวา อาวฏฺฏโต ฉตฺตึสโยชนาย ปริสาย ปริวุโต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา อาคนฺตฺวา ตุมฺเห วนฺทิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสาปิ ปาฏิหาริยกรณํ ปฏิกฺขิปิ. อถ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สิเนรุปพฺพตราชานํ ทนฺตนฺตเร เปตฺวา มาสสาสปพีชํ วิย ขาทิสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘อิมํ มหาปถวึ กฏสารกํ วิย สํเวลฺลิตฺวา องฺคุลนฺตเร นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘มหาปถวึ กุลาลจกฺกํ วิย ปริวตฺเตตฺวา มหาชนํ ปถโวชํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘วามหตฺเถ ปถวึ กตฺวา อิเม สตฺเต ทกฺขิณหตฺเถน อฺสฺมึ ทีเป เปสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘สิเนรุํ ฉตฺตทณฺฑํ วิย กตฺวา มหาปถวึ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺสุปริ เปตฺวา ฉตฺตหตฺโถ ภิกฺขุ วิย เอกหตฺเถนาทาย อากาเส จงฺกมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสปิ ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ. โส ‘‘ชานาติ มฺเ สตฺถา มยา อุตฺตริตรํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺถ’’นฺติ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.

อถ นํ สตฺถา ‘‘นายํ โมคฺคลฺลานํ ตวตฺถาย พทฺโธ พาลาปุโฏ. อหฺหิ อสมธุโร, มม ธุรํ อฺโ วหิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. อนจฺฉริยเมตํ, ยํ อิทานิ มม ธุรํ วหิตุํ สมตฺโถ นาม ภเวยฺย. อเหตุกติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตกาเลปิ มม ธุรํ อฺโ วหิตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ปน, ภนฺเต’’ติ เถเรน ปุฏฺโ อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘ยโต ยโต ครุ ธุรํ, ยโต คมฺภีรวตฺตนี;

ตทาสฺสุ กณฺหํ ยุฺชนฺติ, สฺวาสฺสุ ตํ วหเต ธุร’’นฺติ. –

อิทํ กณฺหอุสภชาตกํ (ชา. ๑.๑.๒๙) วิตฺถาเรตฺวา ปุน ตเมว วตฺถุํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสนฺโต –

‘‘มนุฺเมว ภาเสยฺย, นามนุฺํ กุทาจนํ;

มนุฺํ ภาสมานสฺส, ครุํ ภารํ อุททฺธริ;

ธนฺจ นํ อลาเภสิ, เตน จตฺตมโน อหู’’ติ. –

อิทํ นนฺทิวิสาลชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. กเถตฺวา จ ปน สตฺถา รตนจงฺกมํ อภิรุหิ, ปุรโต ทฺวาทสโยชนิกา ปริสา อโหสิ ตถา ปจฺฉโต จ อุตฺตรโต จ ทกฺขิณโต จ. อุชุกํ ปน จตุวีสติโยชนิกาย ปริสาย มชฺเฌ ภควา ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ.

ตํ ปาฬิโต ตาว เอวํ เวทิตพฺพํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖) – กตมํ ตถาคตสฺส ยมกปาฏิหาริเย าณํ? อิธํ ตถาคโต ยมกปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ, อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. ปุรตฺถิมกายโต, ปจฺฉิมกายโต; ปจฺฉิมกายโต, ปุรตฺถิมกายโต; ทกฺขิณอกฺขิโต, วามอกฺขิโต; วามอกฺขิโต, ทกฺขิณอกฺขิโต; ทกฺขิณกณฺณโสตโต, วามกณฺณโสตโต; วามกณฺณโสตโต, ทกฺขิณกณฺณโสตโต; ทกฺขิณนาสิกาโสตโต, วามนาสิกาโสตโต; วามนาสิกาโสตโต, ทกฺขิณนาสิกาโสตโต; ทกฺขิณอํสกูฏโต, วามอํสกูฏโต; วามอํสกูฏโต, ทกฺขิณอํสกูฏโต; ทกฺขิณหตฺถโต, วามหตฺถโต; วามหตฺถโต, ทกฺขิณหตฺถโต; ทกฺขิณปสฺสโต, วามปสฺสโต; วามปสฺสโต, ทกฺขิณปสฺสโต; ทกฺขิณปาทโต, วามปาทโต; วามปาทโต, ทกฺขิณปาทโต; องฺคุลงฺคุเลหิ, องฺคุลนฺตริกาหิ; องฺคุลนฺตริกาหิ, องฺคุลงฺคุเลหิ; เอเกกโลมกูปโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เอเกกโลมโต อุทกธารา ปวตฺตติ. เอเกกโลมโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เอเกกโลมกูปโต อุทกธารา ปวตฺตติ ฉนฺนํ วณฺณานํ นีลานํ ปีตกานํ โลหิตกานํ โอทาตานํ มฺเชฏฺานํ ปภสฺสรานํ. ภควา จงฺกมติ, พุทฺธนิมฺมิโต ติฏฺติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปติ…เป… นิมฺมิโต เสยฺยํ กปฺเปติ, ภควา จงฺกมติ วา ติฏฺติ วา นิสีทติ วา. อิทํ ตถาคตสฺส ยมกปาฏิหาริเย าณนฺติ.

อิทํ ปน ปาฏิหาริยํ ภควา ตสฺมึ จงฺกเม จงฺกมิตฺวา อกาสิ. ตสฺส เตโชกสิณสมาปตฺติวเสน อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อาโปกสิณสมาปตฺติวเสน เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. น ปน อุทกธาราย ปวตฺตนฏฺานโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อคฺคิกฺขนฺธสฺส ปวตฺตนฏฺานโต อุทกธารา ปวตฺตตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เหฏฺิมกายโต อุปริมกายโต’’ติ วุตฺตํ. เอเสว นโย สพฺพปเทสุ. อคฺคิกฺขนฺโธ ปเนตฺถ อุทกธาราย อสมฺมิสฺโส อโหสิ, ตถา อุทกธารา อคฺคิกฺขนฺเธน. อุภยมฺปิ กิร เจตํ ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคนฺตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปตติ. ‘‘ฉนฺนํ วณฺณาน’’นฺติ วุตฺตา ปนสฺส ฉพฺพณฺณรํสิโย ฆเฏหิ อาสิฺจมานํ วิลีนสุวณฺณํ วิย ยนฺตนาลิกโต นิกฺขนฺตสุวณฺณรสธารา วิย จ เอกจกฺกวาฬคพฺภโต อุคฺคนฺตฺวา พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ ปฏินิวตฺติตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิเมว คณฺหึสุ. เอกจกฺกวาฬคพฺภํ วงฺกโคปานสิกํ วิย โพธิฆรํ อโหสิ เอกาโลกํ.

ตํทิวสํ สตฺถา จงฺกมิตฺวา ปาฏิหาริยํ กโรนฺโต อนฺตรนฺตรา มหาชนสฺส ธมฺมํ กเถสิ. กเถนฺโต จ ชนํ นิรสฺสาสํ อกตฺวา ตสฺส อสฺสาสวารํ เทติ. ตสฺมึ ขเณ มหาชโน สาธุการํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส สาธุการปวตฺตนกาเล สตฺถา ตาวมหติยา ปริสาย จิตฺตํ โอโลเกนฺโต เอเกกสฺส โสฬสนฺนํ อาการานํ วเสน จิตฺตาจารํ อฺาสิ. เอวํ ลหุกปริวตฺตํ พุทฺธานํ จิตฺตํ. โย โย ยสฺมิฺจ ธมฺเม ยสฺมิฺจ ปาฏิหีเร ปสนฺโน, ตสฺส ตสฺส อชฺฌาสยวเสเนว ธมฺมฺจ กเถสิ, ปาฏิหีรฺจ อกาสิ. เอวํ ธมฺเม เทสิยมาเน ปาฏิหีเร จ กริยมาเน มหาชนสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สตฺถา ปน ตสฺมึ สมาคเม อตฺตโน มนํ คเหตฺวา อฺํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. เตน ปุจฺฉิตํ ปฺหํ สตฺถา วิสฺสชฺเชสิ, สตฺถารา ปุจฺฉิตํ โส วิสฺสชฺเชสิ. ภควโต จงฺกมนกาเล นิมฺมิโต านาทีสุ อฺตรํ กปฺเปสิ, นิมฺมิตสฺส จงฺกมนกาเล ภควา านาทีสุ อฺตรํ กปฺเปสิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิมฺมิโต จงฺกมติ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ กโรนฺตสฺส สตฺถุ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ตสฺมึ สมาคเม วีสติยา ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.

สตฺถา ปาฏิหีรํ กโรนฺโตว ‘‘กตฺถ นุ โข อตีตพุทฺธา อิทํ ปาฏิหีรํ กตฺวา วสฺสํ อุเปนฺตี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘ตาวตึสภวเน วสฺสํ อุปคนฺตฺวา มาตุ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสนฺตี’’ติ ทิสฺวา ทกฺขิณปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ยุคนฺธรมตฺถเก เปตฺวา อิตรํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา สิเนรุมตฺถเก เปสิ. เอวํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสฏฺาเน ตโย ปทวารา อเหสุํ, ทฺเว ปาทฉิทฺทานิ. สตฺถา ปาทํ ปสาเรตฺวา อกฺกมีติ น สลฺลกฺเขตพฺพํ. ตสฺส หิ ปาทุกฺขิปนกาเลเยว ปพฺพตา ปาทมูลํ อาคนฺตฺวา สมฺปฏิจฺฉึสุ, สตฺถารา อกฺกมนกาเล เต ปพฺพตา อุฏฺาย สกฏฺาเนเยว อฏฺํสุ. สกฺโก สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ปณฺฑุกมฺพลสิลาย มฺเ สตฺถา อิมํ วสฺสาวาสํ อุเปสฺสติ, พหูนฺจ เทวตานํ อุปกาโร ภวิสฺสติ, สตฺถริ ปเนตฺถ วสฺสาวาสํ อุปคเต อฺา เทวตา หตฺถมฺปิ เปตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. อยํ โข ปน ปณฺฑุกมฺพลสิลา ทีฆโต สฏฺิโยชนา, วิตฺถารโต ปณฺณาสโยชนา, ปุถุลโต ปนฺนรสโยชนา, สตฺถริ นิสินฺเนปิ ตุจฺฉํ ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อตฺตโน สงฺฆาฏึ สิลาสนํ ปฏิจฺฉาทยมานํ ขิปิ. สกฺโก จินฺเตสิ – ‘‘จีวรํ ตาว ปฏิจฺฉาทยมานํ ขิปิ, สยํ ปน ปริตฺตเก าเน นิสีทิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา นีจปีกํ มหาปํสุกูลิโก วิย ปณฺฑุกมฺพลสิลํ อนฺโตจีวรโภเคเยว กตฺวา นิสีทิ. มหาชโนปิ ตํขณฺเว สตฺถารํ โอโลเกนฺโต นาทฺทส, จนฺทสฺส อตฺถงฺคมิตกาโล วิย สูริยสฺส จ อตฺถงฺคมิตกาโล วิย อโหสิ. มหาชโน –

‘‘คโต นุ จิตฺตกูฏํ วา, เกลาสํ วา ยุคนฺธรํ;

น โน ทกฺเขมุ สมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภ’’นฺติ. –

อิมํ คาถํ วทนฺโต ปริเทวิ. อปเร ‘‘สตฺถา นาม ปวิเวกรโต, โส ‘เอวรูปาย เม ปริสาย เอวรูปํ ปาฏิหีรํ กต’นฺติ ลชฺชาย อฺํ รฏฺํ วา ชนปทํ วา คโต ภวิสฺสติ, น ทานิ ตํ ทกฺขิสฺสามา’’ติ ปริเทวนฺตา อิมํ คาถมาหํสุ –

‘‘ปวิเวกรโต ธีโร, นิมํ โลกํ ปุเนหิติ;

น โน ทกฺเขมุ สมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภ’’นฺติ.

เต มหาโมคฺคลฺลานํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ? โส สยํ ชานนฺโตปิ ‘‘ปเรสมฺปิ คุณา ปากฏา โหนฺตู’’ติ อชฺฌาสเยน ‘‘อนุรุทฺธํ ปุจฺฉถา’’ติ อาห. เต เถรํ ตถา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ? ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา มาตุ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตุํ คโตติ. ‘‘กทา อาคมิสฺสติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตโย มาเส อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตฺวา มหาปวารณทิวเส’’ติ. เต ‘‘สตฺถารํ อทิสฺวา น คมิสฺสามา’’ติ ตตฺเถว ขนฺธาวารํ พนฺธึสุ. อากาสเมว กิร เนสํ ฉทนํ อโหสิ. ตาย จ มหติยา ปริสาย สรีรนิฆํโส นาม น ปฺายิ, ปถวี วิวรํ อทาสิ, สพฺพตฺถ ปริสุทฺธเมว ภูมิตลํ อโหสิ.

สตฺถา ปมเมว โมคฺคลฺลานตฺเถรํ อโวจ – ‘‘โมคฺคลฺลาน, ตฺวํ เอติสฺสาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสยฺยาสิ, จูฬอนาถปิณฺฑิโก อาหารํ ทสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ตํ เตมาสํ จูฬอนาถปิณฺฑิโกว ตสฺสา ปริสาย ยาปนํ ยาคุภตฺตํ ขาทนียํ ตมฺพุลเตลคนฺธมาลาปิลนฺธนานิ จ อทาสิ. มหาโมคฺคลฺลาโน ธมฺมํ เทเสสิ, ปาฏิหาริยทสฺสนตฺถํ อาคตาคเตหิ ปุฏฺปฺเห จ วิสฺสชฺเชสิ. สตฺถารมฺปิ มาตุ อภิธมฺมเทสนตฺถํ ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ปริวารยึสุ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ตาวตึเส ยทา พุทฺโธ, สิลายํ ปณฺฑุกมฺพเล;

ปาริจฺฉตฺตกมูลมฺหิ, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม.

‘‘ทสสุ โลกธาตูสุ, สนฺนิปติตฺวาน เทวตา;

ปยิรุปาสนฺติ สมฺพุทฺธํ, วสนฺตํ นาคมุทฺธนิ.

‘‘น โกจิ เทโว วณฺเณน, สมฺพุทฺธสฺส วิโรจติ;

สพฺเพ เทเว อติกฺกมฺม, สมฺพุทฺโธว วิโรจตี’’ติ. (เป. ว. ๓๑๗-๓๑๙);

เอวํ สพฺพา เทวตา อตฺตโน สรีรปฺปภาย อภิภวิตฺวา นิสินฺนสฺส ปนสฺส มาตา ตุสิตวิมานโต อาคนฺตฺวา ทกฺขิณปสฺเส นิสีทิ. อินฺทโกปิ เทวปุตฺโต อาคนฺตฺวา ทกฺขิณปสฺเสเยว นิสีทิ, องฺกุโร วามปสฺเส นิสีทิ. โส มเหสกฺขาสุ เทวตาสุ สนฺนิปตนฺตีสุ อปคนฺตฺวา ทฺวาทสโยชนิเก าเน โอกาสํ ลภิ, อินฺทโก ตตฺเถว นิสีทิ. สตฺถา เต อุโภปิ โอโลเกตฺวา อตฺตโน สาสเน ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลานํ ทินฺนทานสฺส มหปฺผลภาวํ าเปตุกาโม เอวมาห – ‘‘องฺกุร, ตยา ทีฆมนฺตเร ทสวสฺสสหสฺสปริมาณกาเล ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา มหาทานํ ทินฺนํ, อิทานิ มม สมาคมํ อาคนฺตฺวา ทฺวาทสโยชนิเก าเน โอกาสํ ลภิ, กึ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ? วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘โอโลเกตฺวาน สมฺพุทฺโธ, องฺกุรฺจาปิ อินฺทกํ;

ทกฺขิเณยฺยํ สมฺภาเวนฺโต, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘มหาทานํ ตยา ทินฺนํ, องฺกุร ทีฆมนฺตเร;

อติทูเร นิสินฺโนสิ, อาคจฺฉ มม สนฺติเก’’ติ. (เป. ว. ๓๒๑-๓๒๒);

โส สทฺโธ ปถวีตลํ ปาปุณิ. สพฺพาปิ นํ สา ปริสา อสฺโสสิ. เอวํ วุตฺเต –

‘‘โจทิโต ภาวิตตฺเตน, องฺกุโร เอตมพฺรวิ;

กึ มยฺหํ เตน ทาเนน, ทกฺขิเณยฺเยน สุฺตํ.

‘‘อยํ โส อินฺทโก ยกฺโข, ทชฺชา ทานํ ปริตฺตกํ;

อติโรจติ อมฺเหหิ, จนฺโท ตาราคเณ ยถา’’ติ. (เป. ว. ๓๒๓-๓๒๔);

ตตฺถ ทชฺชาติ ทตฺวา. เอวํ วุตฺเต สตฺถา อินฺทกํ อาห – ‘‘อินฺทก, ตฺวํ มม ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺโน, กสฺมา อนปคนฺตฺวาว นิสีทสี’’ติ? โส ‘‘อหํ, ภนฺเต, สุเขตฺเต อปฺปกพีชํ วปนกสฺสโก วิย ทกฺขิเณยฺยสมฺปทํ อลตฺถ’’นฺติ ทกฺขิเณยฺยํ ปภาเวนฺโต อาห –

‘‘อุชฺชงฺคเล ยถา เขตฺเต, พีชํ พหุมฺปิ โรปิตํ;

น ผลํ วิปุลํ โหติ, นปิ โตเสติ กสฺสกํ.

‘‘ตเถว ทานํ พหุกํ, ทุสฺสีเลสุ ปติฏฺิตํ;

น ผลํ วิปุลํ โหติ, นปิ โตเสติ ทายกํ.

‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;

สมฺมา ธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํ.

‘‘ตเถว สีลวนฺเตสุ, คุณวนฺเตสุ ตาทิสุ;

อปฺปกมฺปิ กตํ การํ, ปุฺํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ. (เป. ว. ๓๒๕-๓๒๘);

กึ ปเนตสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? โส กิร อนุรุทฺธตฺเถรสฺส อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส อตฺตโน อาภตํ กฏจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิ. ตทา ตสฺส ปุฺํ องฺกุเรน ทสวสฺสสหสฺสานิ ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา ทินฺนทานโต มหปฺผลตรํ ชาตํ. ตสฺมา เอวมาห.

เอวํ วุตฺเต สตฺถา, ‘‘องฺกุร, ทานํ นาม วิเจยฺย ทาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ ตํ สุเขตฺเตสุ วุตฺตพีชํ วิย มหปฺผลํ โหติ. ตฺวํ ปน น ตถา อกาสิ, เตน เต ทานํ มหปฺผลํ น ชาต’’นฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต –

‘‘วิเจยฺย ทานํ ทาตพฺพํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ…เป….

‘‘วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ,

เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;

เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ,

พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขตฺเต’’ติ. (เป. ว. ๓๒๙-๓๓๐) –

วตฺวา อุตฺตริมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา;

ตสฺมา หิ วีตราเคสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.

‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โทสโทสา อยํ ปชา;

ตสฺมา หิ วีตโทเสสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.

‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โมหโทสา อยํ ปชา;

ตสฺมา หิ วีตโมเหสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.

‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, อิจฺฉาโทสา อยํ ปชา;

ตสฺมา หิ วิคติจฺเฉสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.

เทสนาวสาเน องฺกุโร จ อินฺทโก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อถ สตฺถา เทวปริสาย มชฺเฌ นิสินฺโน มาตรํ อารพฺภ ‘‘กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมา’’ติ อภิธมฺมปิฏกํ ปฏฺเปสิ. เอวํ ตโย มาเส นิรนฺตรํ อภิธมฺมปิฏกํ กเถสิ. กเถนฺโต ปน ภิกฺขาจารเวลาย ‘‘ยาว มมาคมนา เอตฺตกํ นาม ธมฺมํ เทเสตู’’ติ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปตฺวา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา มหาสาลมาฬเก นิสินฺโน ภตฺตกิจฺจํ อกาสิ. สาริปุตฺตตฺเถโร ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถุ วตฺตํ กโรติ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน, ‘‘สาริปุตฺต, อชฺช มยา เอตฺตโก นาม ธมฺโม ภาสิโต, ตฺวํ อตฺตโน อนฺเตวาสิกานํ ภิกฺขูนํ วาเจหี’’ติ เถรสฺส กเถสิ. ยมกปาฏิหีเร กิร ปสีทิตฺวา ปฺจสตา กุลปุตฺตา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เต สนฺธาย เถรํ เอวมาห. วตฺวา จ ปน เทวโลกํ คนฺตฺวา นิมฺมิตพุทฺเธน เทสิตฏฺานโต ปฏฺาย สยํ ธมฺมํ เทเสสิ. เถโรปิ คนฺตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสิ. เต สตฺถริ เทวโลเก วิหรนฺเตเยว สตฺตปกรณิกา อเหสุํ.

เต กิร กสฺสปพุทฺธกาเล ขุทฺทกวคฺคุลิโย หุตฺวา เอกสฺมึ ปพฺภาเร โอลมฺพนฺตา ทฺวินฺนํ เถรานํ จงฺกมิตฺวา อภิธมฺมํ สชฺฌายนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสุํ. เต ‘‘อิเม ขนฺธา นาม, อิมา ธาตุโย นามา’’ติ อชานิตฺวา สเร นิมิตฺตคหณมตฺเตเนว ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตา, เอกํ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จวิตฺวา สาวตฺถิยํ กุลฆเรสุ นิพฺพตฺตา. ยมกปาฏิหีเร อุปฺปนฺนปสาทา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สพฺพปมํ สตฺตปกรณิกา อเหสุํ. สตฺถาปิ เตเนว นีหาเรน ตํ เตมาสํ อภิธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน อสีติโกฏิสหสฺสานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, มหามายาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

สาปิ โข ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลา ปริสา ‘‘อิทานิ สตฺตเม ทิวเส มหาปวารณา ภวิสฺสตี’’ติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต สตฺถุ, โอโรหณทิวสํ สฺาตุํ วฏฺฏติ, น หิ มยํ สตฺถารํ อทิสฺวา คมิสฺสามา’’ติ. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘สาธาวุโส’’ติ วตฺวา ตตฺเถว ปถวิยํ นิมุคฺโค สิเนรุปาทํ คนฺตฺวา ‘‘มํ อภิรุหนฺตํ ปริสา ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺาย มณิรตเนน อาวุตํ ปณฺฑุกมฺพลสุตฺตํ วิย ปฺายมานรูโปว สิเนรุมชฺเฌน อภิรุหิ. มนุสฺสาปิ นํ ‘‘เอกโยชนํ อภิรุฬฺโห, ทฺวิโยชนํ อภิรุฬฺโห’’ติ โอโลกยึสุ. เถโรปิ สตฺถุ ปาเท สีเสน อุกฺขิปนฺโต วิย อภิรุหิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, ปริสา ตุมฺเห ทิสฺวาว คนฺตุกามา, กทา โอโรหิสฺสถา’’ติ. ‘‘กหํ ปน เต, โมคฺคลฺลาน, เชฏฺภาติโก สาริปุตฺโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สงฺกสฺสนคเร วสฺสํ อุปคโต’’ติ. โมคฺคลฺลาน, อหํ อิโต สตฺตเม ทิวเส มหาปวารณาย สงฺกสฺสนครทฺวาเร โอตริสฺสามิ, มํ ทฏฺุกามา ตตฺถ อาคจฺฉนฺตุ, สาวตฺถิโต สงฺกสฺสนครทฺวารํ ตึสโยชนานิ, เอตฺตเก มคฺเค กสฺสจิ ปาเถยฺยกิจฺจํ นตฺถิ, อุโปสถิกา หุตฺวา ธุรวิหารํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย คจฺฉนฺตา วิย อาคจฺเฉยฺยาถาติ เตสํ อาโรเจยฺยาสีติ. เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ คนฺตฺวา ตถา อาโรเจสิ.

สตฺถา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา สกฺกสฺส อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช, มนุสฺสปถํ คมิสฺสามี’’ติ. สกฺโก สุวณฺณมยํ มณิมยํ รชตมยนฺติ ตีณิ โสปานานิ มาเปสิ. เตสํ ปาทา สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปติฏฺหึสุ, สีสานิ สิเนรุมุทฺธนิ. เตสุ ทกฺขิณปสฺเส สุวณฺณมยํ โสปานํ เทวตานํ อโหสิ, วามปสฺเส รชตมยํ โสปานํ มหาพฺรหฺมานํ อโหสิ, มชฺเฌ มณิมยํ โสปานํ ตถาคตสฺส อโหสิ. สตฺถาปิ สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา เทโวโรหณสมเย ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา อุทฺธํ โอโลเกสิ, ยาว พฺรหฺมโลกา เอกงฺคณา อเหสุํ. อโธ โอโลเกสิ, ยาว อวีจิโต เอกงฺคณํ อโหสิ. ทิสาวิทิสา โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสตสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. เทวา มนุสฺเส ปสฺสึสุ, มนุสฺสาปิ เทเว ปสฺสึสุ, สพฺเพ สมฺมุขาว ปสฺสึสุ.

ภควา ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ทิวสํ พุทฺธสิรึ โอโลเกตฺวา ฉตฺตึสโยชน ปริมณฺฑลาย ปริสาย เอโกปิ พุทฺธภาวํ อปตฺเถนฺโต นาม นตฺถิ. สุวณฺณโสปาเนน เทวา โอตรึสุ, รชตโสปาเนน มหาพฺรหฺมาโน โอตรึสุ, มณิโสปาเนน สมฺมาสมฺพุทฺโธ โอตริ. ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทาย ทกฺขิณปสฺเส ตฺวา สตฺถุ คนฺธพฺพมธุรทิพฺพวีณาย สทฺเทน ปูชํ กโรนฺโต โอตริ, มาตลิ, สงฺคาหโก วามปสฺเส ตฺวา ทิพฺพคนฺธมาลาปุปฺผํ คเหตฺวา นมสฺสมาโน ปูชํ กตฺวา โอตริ, มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สุยาโม วาลพีชนึ ธาเรสิ. สตฺถา อิมินา ปริวาเรน สทฺธึ โอตริตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปติฏฺหิ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ยสฺมา สาริปุตฺตตฺเถเรน ตถารูปาย พุทฺธสิริยา โอตรนฺโต สตฺถา อิโต ปุพฺเพ น ทิฏฺปุพฺโพ, ตสฺมา –

‘‘น เม ทิฏฺโ อิโต ปุพฺเพ, น สุโต อุท กสฺสจิ;

เอวํ วคฺคุวโท สตฺถา, ตุสิตา คณิมาคโต’’ติ. (สุ. นิ. ๙๖๑; มหานิ. ๑๙๐) –

อาทีหิ อตฺตโน ตุฏฺึ ปกาเสตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช สพฺเพปิ เทวมนุสฺสา ตุมฺหากํ ปิหยนฺติ, ปตฺเถนฺตี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา, ‘‘สาริปุตฺต, เอวรูเปหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา พุทฺธา เทวมนุสฺสานํ ปิยา โหนฺติเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๘๑.

‘‘เย ฌานปสุตา ธีรา, เนกฺขมฺมูปสเม รตา;

เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ, สมฺพุทฺธานํ สตีมต’’นฺติ.

ตตฺถ เย ฌานปสุตาติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ อิเมสุ ทฺวีสุ ฌาเนสุ อาวชฺชนสมาปชฺชนอธิฏฺานวุฏฺานปจฺจเวกฺขเณหิ ยุตฺตปฺปยุตฺตา. เนกฺขมฺมูปสเม รตาติ เอตฺถ ปพฺพชฺชา เนกฺขมฺมนฺติ น คเหตพฺพา, กิเลสวูปสมนิพฺพานรตึ ปน สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เทวาปีติ เทวาปิ มนุสฺสาปิ เตสํ ปิหยนฺติ ปตฺเถนฺติ. สตีมตนฺติ เอวรูปคุณานํ เตสํ สติยา สมนฺนาคตานํ สมฺพุทฺธานํ. ‘‘อโห วต มยํ พุทฺธา ภเวยฺยามา’’ติ พุทฺธภาวํ อิจฺฉมานา ปิหยนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ตึสมตฺตานํ ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, เถรสฺส สทฺธิวิหาริกา ปฺจสตภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.

สพฺพพุทฺธานํ กิร อวิชหิตเมว ยมกปาฏิหีรํ กตฺวา เทวโลเก วสฺสํ วสิตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร โอตรณํ. ตตฺถ ปน ทกฺขิณปาทสฺส ปติฏฺิตฏฺานํ อจลเจติยฏฺานํ นาม โหติ. สตฺถา ตตฺถ ตฺวา ปุถุชฺชนาทีนํ วิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิ, ปุถุชฺชนา อตฺตโน วิสเย ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา โสตาปนฺนวิสเย ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขึสุ. ตถา สกทาคามิอาทีนํ วิสเย โสตาปนฺนาทโย, มหาโมคฺคลฺลานวิสเย เสสมหาสาวกา, สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วิสเย มหาโมคฺคลฺลาโน, พุทฺธวิสเย จ สาริปุตฺโตปิ วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขิเยว. โส ปาจีนทิสํ อาทึ กตฺวา สพฺพทิสา โอโลเกสิ, สพฺพตฺถ เอกงฺคณเมว อโหสิ. อฏฺสุ ทิสาสุ เทวมนุสฺสา อุทฺธํ ยาว พฺรหฺมโลกา เหฏฺา ภูมฏฺา จ ยกฺขนาคสุปณฺณา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิธ ตสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺเชตา นตฺถิ, เอตฺเถว อุปธาเรถา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา สาริปุตฺโต กิลมติ. กิฺจาปิ เหส –

‘‘เย จ สงฺขาตธมฺมาเส, เย จ เสขา ปุถู อิธ;

เตสํ เม นิปโก อิริยํ, ปุฏฺโ ปพฺรูหิ มาริสา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๔; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗) –

อิมํ พุทฺธวิสเย ปุฏฺปฺหํ สุตฺวา ‘สตฺถา มํ เสขาเสขานํ อาคมนปฏิปทํ ปุจฺฉตี’ติ ปฺเห นิกฺกงฺโข, ขนฺธาทีสุ ปน กตเรน นุ โข มุเขน อิมํ ปฏิปทํ กเถนฺโต ‘อหํ สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหิตุํ น สกฺขิสฺสามี’ติ มม อชฺฌาสเย กงฺขติ, โส มยา นเย อทินฺเน กเถตุํ น สกฺขิสฺสติ, นยมสฺส ทสฺสามีติ นยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภูตมิทํ, สาริปุตฺต, สมนุปสฺสสี’’ติ อาห. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘สาริปุตฺโต มม อชฺฌาสยํ คเหตฺวา กเถนฺโต ขนฺธวเสน กเถสฺสตี’’ติ. เถรสฺส สห นยทาเนน โส ปฺโห นยสเตน นยสหสฺเสน นยสตสหสฺเสน อุปฏฺาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวา ตํ ปฺหํ กเถสิ. เปตฺวา กิร สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปฺํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เตเนว กิร เถโร สตฺถุ ปุรโต ตฺวา สีหนาทํ นทิ – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สกลกปฺปมฺปิ เทเว วุฏฺเ ‘เอตฺตกานิ พินฺทูนิ มหาสมุทฺเท ปติตานิ, เอตฺตกานิ ภูมิยํ, เอตฺตกานิ ปพฺพเต’ติ คเณตฺวา เลขํ อาโรเปตุํ สมตฺโถ’’ติ. สตฺถาปิ นํ ‘‘ชานามิ, สาริปุตฺต, คเณตุํ สมตฺถภาว’’นฺติ อาห. ตสฺส อายสฺมโต ปฺาย อุปมา นาม นตฺถิ. เตเนวาห –

‘‘คงฺคาย วาลุกา ขีเย, อุทกํ ขีเย มหณฺณเว;

มหิยา มตฺติกา ขีเย, น ขีเย มม พุทฺธิยา’’ติ.

อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ หิ, ภนฺเต, พุทฺธิสมฺปนฺนโลกนาถ, มยา เอกสฺมึ ปฺเห วิสฺสชฺชิเต เอกํ วา วาลุกํ เอกํ วา อุทกพินฺทุํ เอกํ วา ปํสุขณฺฑํ อขิปิตฺวา ปฺหานํ สเตน วา สหสฺเสนวา สตสหสฺเสน วา วิสฺสชฺชิเต คงฺคาย วาลุกาทีสุ เอเกกํ เอกมนฺเต ขิเปยฺย, ขิปฺปตรํ คงฺคาทีสุ วาลุกาทโย ปริกฺขยํ คจฺเฉยฺยุํ, น ตฺเวว มม ปฺหานํ วิสฺสชฺชนนฺติ. เอวํ มหาปฺโปิ หิ ภิกฺขุ พุทฺธวิสเย ปฺหสฺส อนฺตํ วา โกฏึ วา อทิสฺวา สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวาว ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ยํ ปฺหํ ปุฏฺโ สพฺโพปิ ชโน กเถตุํ น สกฺขิ, ตํ ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต เอกโกว กเถสี’’ติ. สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘น อิทาเนว สาริปุตฺโต ยํ ปฺหํ มหาชโน วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขิ, ตํ วิสฺสชฺเชสิ, ปุพฺเพปิ อเนน วิสฺสชฺชิโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริตุํ –

‘‘ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ,

กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;

เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโ,

โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๙๙) –

อิมํ ชาตกํ วิตฺถาเรน กเถสีติ.

เทโวโรหณวตฺถุ ทุติยํ.

๓. เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ

กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา พาราณสิยํ อุปนิสฺสาย สตฺตสิรีสกรุกฺขมูเล วิหรนฺโต เอรกปตฺตํ นาม นาคราชํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ปุพฺเพ กสฺสปพุทฺธสาสเน ทหรภิกฺขุ หุตฺวา คงฺคาย นาวํ อภิรุยฺห คจฺฉนฺโต เอกสฺมึ เอรกคุมฺเพ เอรกปตฺตํ คเหตฺวา นาวาย เวคสา คจฺฉมานายปิ น มุฺจิ, เอรกปตฺตํ ฉิชฺชิตฺวา คตํ. โส ‘‘อปฺปมตฺตกํ เอต’’นฺติ อาปตฺตึ อเทเสตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อรฺเ สมณธมฺมํ กตฺวาปิ มรณกาเล เอรกปตฺเตน คีวาย คหิโต วิย อาปตฺตึ เทเสตุกาโมปิ อฺํ ภิกฺขุํ อปสฺสมาโน ‘‘อปริสุทฺธํ เม สีล’’นฺติ อุปฺปนฺนวิปฺปฏิสาโร ตโต จวิตฺวา เอกรุกฺขโทณิกนาวปฺปมาโณ นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เอรกปตฺโตตฺเววสฺส นามํ อโหสิ. โส นิพฺพตฺตกฺขเณเยว อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘เอตฺตกํ นาม กาลํ สมณธมฺมํ กตฺวา อเหตุกโยนิยํ มณฺฑูกภกฺขฏฺาเน นิพฺพตฺโตมฺหี’’ติ วิปฺปฏิสารี อโหสิ. โส อปรภาเค เอกํ ธีตรํ ลภิตฺวา มชฺเฌ คงฺคาย อุทกปิฏฺเ มหนฺตํ ผลํ อุกฺขิปิตฺวา ธีตรํ ตสฺมึ เปตฺวา นจฺจาเปตฺวา คายาเปสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อทฺธา อหํ อิธ อิมินา อุปาเยน พุทฺเธ อุปฺปนฺเน ตสฺส อุปฺปนฺนภาวํ สุณิสฺสามี’’ติ. โย เม คีตสฺส ปฏิคีตํ อาหรติ, ตสฺส มหนฺเตน นาคภวเนน สทฺธึ ธีตรํ ทสฺสามีติ อนฺวฑฺฒมาสํ อุโปสถทิวเส ตํ ธีตรํ ผเณ เปสิ. สา ตตฺถ ิตา นจฺจนฺตี –

‘‘กึสุ อธิปฺปตี ราชา, กึสุ ราชา รชฺชิสฺสโร;

กถํสุ วิรโช โหติ, กถํ พาโลติ วุจฺจตี’’ติ. –

อิมํ คีตํ คายติ.

สกลชมฺพุทีปวาสิโน ‘‘นาคมาณวิกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปฺาพเลน ปฏิคีตํ กตฺวา คายนฺติ. สา ตํ ปฏิกฺขิปติ. ตสฺสา อนฺวฑฺฒมาสํ ผเณ ตฺวา เอวํ คายนฺติยาว เอกํ พุทฺธนฺตรํ วีติวตฺตํ. อถ อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต เอรกปตฺตํ อาทึ กตฺวา อุตฺตรมาณวํ นาม อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อชฺช เอรกปตฺตสฺส ธีตรํ ผเณ เปตฺวา นจฺจาปนทิวโส, อยํ อุตฺตรมาณโว มยา ทินฺนํ ปฏิคีตํ คณฺหนฺโตว โสตาปนฺโน หุตฺวา ตํ อาทาย นาคราชสฺส สนฺติกํ คมิสฺสติ. โส ตํ สุตฺวา ‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’ติ ตฺวา มม สนฺติกํ อาคมิสฺสติ, อหํ ตสฺมึ อาคเต มหาสมาคเม คาถํ กเถสฺสามิ, คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ อทฺทส. โส ตตฺถ คนฺตฺวา พาราณสิโต อวิทูเร สตฺต สิรีสกรุกฺขา อตฺถิ, เตสุ เอกสฺส มูเล นิสีทิ. ชมฺพุทีปวาสิโน คีตปฏิคีตํ อาทาย สนฺนิปตึสุ. สตฺถา อวิทูเร าเน คจฺฉนฺตํ อุตฺตรมาณวํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ, อุตฺตรา’’ติ อาห. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อิโต ตาว เอหี’’ติ. อถ นํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ อาห ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ? ‘‘เอรกปตฺตสฺส ธีตุ คายนฏฺาน’’นฺติ. ‘‘ชานาสิ ปน คีตปฏิคีต’’นฺติ? ‘‘ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘วเทหิ ตาว น’’นฺติ? อถ นํ อตฺตโน ชานนนิยาเมเนว วทนฺตํ ‘‘น อุตฺตรํ เอตํ ปฏิคีตํ, อหํ เต ปฏิคีตํ ทสฺสามิ, อาทาย นํ คมิสฺสสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ. อถ นํ สตฺถา, อุตฺตร, ตฺวํ นาคมาณวิกาย คีตกาเล –

‘‘ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชา, รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโร;

อรชฺชํ วิรโช โหติ, รชฺชํ พาโลติ วุจฺจตี’’ติ. –

อิมํ ปฏิคีตํ คาเยยฺยาสีติ อาห.

มาณวิกาย คีตสฺส อตฺโถ – กึสุ อธิปฺปตี ราชาติ กึ อธิปฺปติ ราชา นาม โหติ? กึสุ ราชา รชฺชิสฺสโรติ กถํ ปน ราชา รชฺชิสฺสโร นาม โหติ? กถํสุ วิรโช โหตีติ กถํ นุ โข โส ราชา วิรโช นาม โหตีติ?

ปฏิคีตสฺส ปน อตฺโถ – ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชาติ โย ฉนฺนํ ทฺวารานํ อธิปฺปติ, เอกทฺวาเรปิ รูปาทีหิ อนภิภูโต, อยํ ราชา นาม. รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโรติ โย ปน เตสุ อารมฺมเณสุ รชฺชติ, โส รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโร นาม. อรชฺชนฺติ อรชฺชมาโน ปน วิรโช นาม โหติ. รชฺชนฺติ รชฺชมาโน พาโลติ วุจฺจตีติ.

เอวมสฺส สตฺถา ปฏิคีตํ ทตฺวา, อุตฺตร, ตยา อิมสฺมึ คีเต คายิเต อิมสฺส คีตสฺส อิมํ ปฏิคีตํ คายิสฺสติ –

‘‘เกนสฺสุ วุยฺหติ พาโล, กถํ นุทติ ปณฺฑิโต;

โยคกฺเขมี กถํ โหติ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

อถสฺส ตฺวํ อิทํ ปฏิคีตํ คาเยยฺยาสิ –

‘‘โอเฆน วุยฺหติ พาโล, โยคา นุทติ ปณฺฑิโต;

สพฺพโยควิสํยุตฺโต, โยคกฺเขมีติ วุจฺจตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ‘‘กาโมฆาทินา จตุพฺพิเธน โอเฆน พาโล วุยฺหติ, ตํ โอฆํ ปณฺฑิโต สมฺมปฺปธานสงฺขาเตน โยเคน นุทติ. โส สพฺเพหิ กามโยคาทีหิ วิสํยุตฺโต โยคกฺเขมี นาม วุจฺจตี’’ติ.

อุตฺตโร อิมํ ปฏิคีตํ คณฺหนฺโตว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. โส โสตาปนฺโน หุตฺวา ตํ คาถํ อาทาย คนฺตฺวา, ‘‘อมฺโภ, มยา คีตปฏิคีตํ อาหฏํ, โอกาสํ เม เทถา’’ติ วตฺวา นิรนฺตรํ ิตสฺส มหาชนสฺส ชณฺณุนา อกฺกมนฺโต อคมาสิ. นาคมาณวิกา ปิตุ ผเณ ตฺวา นจฺจมานา ‘‘กึสุ อธิปฺปตี ราชา’’ติ คีตํ คายติ? อุตฺตโร ‘‘ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชา’’ติ ปฏิคีตํ คายิ. ปุน นาคมาณวิกา ‘‘เกนสฺสุ วุยฺหตี’’ติ ตสฺส คีตํ คายติ? อถสฺสา ปฏิคีตํ คายนฺโต อุตฺตโร ‘‘โอเฆน วุยฺหตี’’ติ อิมํ คาถมาห. นาคราชา ตํ สุตฺวาว พุทฺธสฺส อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา ‘‘มยา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เอวรูปํ ปทํ นาม น สุตปุพฺพํ, อุปฺปนฺโน วต, โภ, โลเก พุทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานโส นงฺคุฏฺเน อุทกํ ปหริ, มหาวีจิโย อุฏฺหึสุ, อุโภ ตีรานิ ภิชฺชึสุ. อิโต จิโต จ อุสภมตฺเต าเน มนุสฺสา อุทเก นิมุชฺชึสุ. โส เอตฺตกํ มหาชนํ ผเณ เปตฺวา อุกฺขิปิตฺวา ถเล ปติฏฺเปสิ. โส อุตฺตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กหํ, สามิ, สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺโน, มหาราชา’’ติ. โส ‘‘เอหิ, สามิ, คจฺฉามา’’ติ อุตฺตเรน สทฺธึ อคมาสิ. มหาชโนปิ เตน สทฺธึเยว คโต. นาคราชา คนฺตฺวา ฉพฺพณฺณรํสีนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา โรทมาโน อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ อิทํ, มหาราชา’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส สาวโก หุตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ อกาสึ, โสปิ มํ สมณธมฺโม นิทฺธาเรตุํ นาสกฺขิ. อปฺปมตฺตกํ เอรกปตฺตฉินฺทนมตฺตํ นิสฺสาย อเหตุกปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อุเรน ปริสกฺกนฏฺาเน นิพฺพตฺโตสฺมิ, เอกํ พุทฺธนฺตรํ เนว มนุสฺสตฺตํ ลภามิ, น สทฺธมฺมสฺสวนํ, น ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส ทสฺสน’’นฺติ สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา, ‘‘มหาราช, มนุสฺสตฺตํ นาม ทุลฺลภเมว, ตถา สทฺธมฺมสฺสวนํ, ตถา พุทฺธุปฺปาโท, อิทํ กิจฺเฉน กสิเรน ลพฺภตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๘๒.

‘‘กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ, กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ;

กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ, กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – มหนฺเตน หิ วายาเมน มหนฺเตน กุสเลน ลทฺธตฺตา มนุสฺสตฺตปฏิลาโภ นาม กิจฺโฉ ทุลฺลโภ. นิรนฺตรํ กสิกมฺมาทีนิ กตฺวา ชีวิตวุตฺตึ ฆฏนโตปิ ปริตฺตฏฺายิตายปิ มจฺจานํ ชีวิตํ กิจฺฉํ. อเนเกสุปิ กปฺเปสุ ธมฺมเทสกสฺส ปุคฺคลสฺส ทุลฺลภตาย สทฺธมฺมสฺสวนมฺปิ กิจฺฉํ. มหนฺเตน วายาเมน อภินีหารสฺส สมิชฺฌนโต สมิทฺธาภินีหารสฺส จ อเนเกหิปิ กปฺปโกฏิสหสฺเสหิ ทุลฺลภุปฺปาทโต พุทฺธานํ อุปฺปาโทปิ กิจฺโฉเยว, อติวิย ทุลฺลโภติ.

เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. นาคราชาปิ ตํทิวสํ โสตาปตฺติผลํ ลเภยฺย, ติรจฺฉานคตตฺตา ปน นาลตฺถ. โส เยสุ ปฏิสนฺธิคหณตจชหนวิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมนสชาติยาเมถุนเสวนจุติสงฺขาเตสุ ปฺจสุ าเนสุ นาคสรีรเมว คเหตฺวา กิลมนฺติ, เตสุ อกิลมนภาวํ ปตฺวา มาณวรูเปเนว วิจริตุํ ลภตีติ.

เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ ตติยํ.

๔. อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ

สพฺพปาปสฺส อกรณนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.

เถโร กิร ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถารา สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ มาตาปิตโร อายุปริจฺเฉโท โพธิ สาวกสนฺนิปาโต อคฺคสาวกสนฺนิปาโต อคฺคสาวกอุปฏฺาโกติ อิทํ สพฺพํ กถิตํ, อุโปสโถ ปน อกถิโต, กึ นุ โข เตสมฺปิ อยเมว อุโปสโถ, อฺโ’’ติ? โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. ยสฺมา ปน เตสํ พุทฺธานํ กาลเภโทว อโหสิ, น กถาเภโท. วิปสฺสี สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ สตฺตเม สตฺตเม สํวจฺฉเร อุโปสถํ อกาสิ. เอกทิวสํ ทินฺโนวาโทเยว หิสฺส สตฺตนฺนํ สํวจฺฉรานํ อลํ โหติ. สิขี เจว เวสฺสภู จ ฉฏฺเ ฉฏฺเ สํวจฺฉเร อุโปสถํ กรึสุ, กกุสนฺโธ โกณาคมโน จ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร. กสฺสปทสพโล ฉฏฺเ ฉฏฺเ มาเส อุโปสถํ อกาสิ. เอกทิวสํ ทินฺโนวาโท เอว หิสฺส ฉนฺนํ มาสานํ อลํ อโหสิ. ตสฺมา สตฺถา เตสํ อิมํ กาลเภทํ อาโรเจตฺวา ‘‘โอวาทคาถา ปน เนสํ อิมาเยวา’’ติ วตฺวา สพฺเพสํ เอกเมว อุโปสถํ อาวิ กโรนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๘๓.

‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;

สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.

๑๘๔.

‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา,

นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;

น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี,

น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.

๑๘๕.

‘‘อนูปวาโท อนูปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;

มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;

อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.

ตตฺถ สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพสฺส อกุสลกมฺมสฺส. อุปสมฺปทาติ อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา กุสลสฺส อุปฺปาทนฺเจว อุปฺปาทิตสฺส จ ภาวนา. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ ปฺจหิ นีวรเณหิ อตฺตโน จิตฺตสฺส โวทาปนํ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ สพฺพพุทฺธานํ อยมนุสิฏฺิ.

ขนฺตีติ ยา เอสา ติติกฺขาสงฺขาตา ขนฺตี นาม, อิทํ อิมสฺมึ สาสเน ปรมํ อุตฺตมํ ตโป. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธาติ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ อนุพุทฺธา จาติ อิเม ตโย พุทฺธา นิพฺพานํ อุตฺตมนฺตี วทนฺติ. น หิ ปพฺพชิโตติ ปาณิอาทีหิ ปรํ อปหนนฺโต วิเหเนฺโต ปรูปฆาตี ปพฺพชิโต นาม น โหติ. น สมโณติ วุตฺตนเยเนว ปรํ วิเหยนฺโต สมโณปิ น โหติเยว.

อนูปวาโทติ อนูปวาทนฺเจว อนูปวาทาปนฺจ. อนูปฆาโตติ อนูปฆาตนฺเจว อนูปฆาตาปนฺจ. ปาติโมกฺเขติ เชฏฺกสีเล. สํวโรติ ปิทหนํ. มตฺตฺุตาติ มตฺตฺุภาโว ปมาณชานนํ. ปนฺตนฺติ วิวิตฺตํ. อธิจิตฺเตติ อฏฺสมาปตฺติสงฺขาเต อธิจิตฺเต. อาโยโคติ ปโยคกรณํ. เอตนฺติ เอตํ สพฺเพสํ พุทฺธานํ สาสนํ. เอตฺถ หิ อนูปวาเทน วาจสิกํ สีลํ กถิตํ, อนูปฆาเตน กายิกสีลํ, ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติ สีลํ กถิตํ, อนูปฆาเตน กายิกสีลํ, ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสีลฺเจว อินฺทฺริยสํวรฺจ, มตฺตฺุตาย อาชีวปาริสุทฺธิ เจว ปจฺจยสนฺนิสิตสีลฺจ, ปนฺตเสนาสเนน สปฺปายเสนาสนํ, อธิจิตฺเตน อฏฺ สมาปตฺติโย. เอวํ อิมาย คาถาย ติสฺโสปิ สิกฺขา กถิตา เอว โหนฺตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. อนภิรตภิกฺขุวตฺถุ

กหาปณวสฺเสนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนภิรตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ‘‘อสุกฏฺานํ นาม คนฺตฺวา อุทฺเทสํ อุคฺคณฺหาหี’’ติ อุปชฺฌาเยน เปสิโต ตตฺถ อคมาสิ. อถสฺส ปิตุโน โรโค อุปฺปชฺชิ. โส ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา ตํ ปกฺโกสิตุํ สมตฺถํ กฺจิ อลภิตฺวา ปุตฺตโสเกน วิปฺปลปนฺโตเยว อาสนฺนมรโณ หุตฺวา ‘‘อิทํ เม ปุตฺตสฺส ปตฺตจีวรมูลํ กเรยฺยาสี’’ติ กหาปณสตํ กนิฏฺสฺส หตฺเถ ทตฺวา กาลมกาสิ. โส ทหรสฺส อาคตกาเล ปาทมูเล นิปติตฺวา ปวฏฺเฏนฺโต โรทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปิตา เต วิปฺปลปนฺโตว กาลกโต, มยฺหํ ปน เตน กหาปณสตํ หตฺเถ ปิตํ, เตน กึ กโรมี’’ติ อาห. ทหโร ‘‘น เม กหาปเณหิ อตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา อปรภาเค จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม ปรกุเลสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิเตน, สกฺกา ตํ กหาปณสตํ นิสฺสาย ชีวิตุํ, วิพฺภมิสฺสามี’’ติ. โส อนภิรติยา ปีฬิโต วิสฺสฏฺสชฺฌายนกมฺมฏฺาโน ปณฺฑุโรคี วิย อโหสิ. อถ นํ ทหรสามเณรา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’’ติ วุตฺเต อาจริยุปชฺฌายานํ อาจิกฺขึสุ. อถ นํ เต สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา สตฺถุ ทสฺเสสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวมกาสิ, อตฺถิ ปน เต โกจิ ชีวิตปจฺจโย’’ติ อาห. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ เต อตฺถี’’ติ? ‘‘กหาปณสตํ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ กตฺถจิ ตาว สกฺขรา อาหร, คเณตฺวา ชานิสฺสาม ‘‘สกฺกา วา ตาวตฺตเกน ชีวิตุํ, โน วา’’ติ. โส สกฺขรา อาหริ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ปริโภคตฺถาย ตาว ปณฺณาสํ เปหิ, ทฺวินฺนํ โคณานํ อตฺถาย จตุวีสติ, เอตฺตกํ นาม พีชตฺถาย, ยุคนงฺคลตฺถาย, กุทฺทาลวาสิผรสุอตฺถายา’’ติ เอวํ คณิยมาเน ตํ กหาปณสตํ นปฺปโหติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ ตว กหาปณา อปฺปกา, กถํ เอเต นิสฺสาย ตณฺหํ ปูเรสฺสสิ, อตีเต กิร จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรตฺวา อปฺโผฏิตมตฺเตน ทฺวาทสโยชนฏฺาเน กฏิปฺปมาเณน รตนวสฺสํ วสฺสาเปตุํ สมตฺโถ ยาว ฉตฺตึส สกฺกา จวนฺติ, เอตฺตกํ กาลํ เทวรชฺชํ กาเรตฺวาปิ มรณกาเล ตณฺหํ อปูเรตฺวาว กาลมกาสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา มนฺธาตุชาตกํ (ชา. ๑.๓.๒๒) วิตฺถาเรตฺวา –

‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ, ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;

สพฺเพว ทาสา มนฺธาตุ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ. –

อิมิสฺสา คาถาย อนนฺตรา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๘๖.

‘‘น กหาปณวสฺเสน, ติตฺติ กาเมสุ วิชฺชติ;

อปฺปสฺสาทา ทุขา กามา, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต.

๑๘๗.

‘‘อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ, รตึ โส นาธิคจฺฉติ;

ตณฺหกฺขยรโต โหติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก’’ติ.

ตตฺถ กหาปณวสฺเสนาติ ยํ โส อปฺโผเฏตฺวา สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสาเปสิ, ตํ อิธ กหาปณวสฺสนฺติ วุตฺตํ. เตนปิ หิ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ ติตฺติ นาม นตฺถิ. เอวํ ทุปฺปูรา เอสา ตณฺหา. อปฺปสฺสาทาติ สุปินสทิสตาย ปริตฺตสุขา. ทุขาติ ทุกฺขกฺขนฺธาทีสุ อาคตทุกฺขวเสน ปน พหุทุกฺขาว. อิติ วิฺายาติ เอวเมเต กาเม ชานิตฺวา. อปิ ทิพฺเพสูติ สเจ หิ เทวานํ อุปกปฺปนกกาเมหิ นิมนฺเตยฺยาปิ อายสฺมา สมิทฺธิ วิย เอวมฺปิ เตสุ กาเมสุ รตึ น วินฺทติเยว. ตณฺหกฺขยรโตติ อรหตฺเต เจว นิพฺพาเน จ อภิรโต โหติ, ตํ ปตฺถยมาโน วิหรติ. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโกติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิตสฺส ธมฺมสฺส สวเนน ชาโต โยคาวจรภิกฺขูติ.

เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อนภิรตภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณวตฺถุ

พหุํ เว สรณํ ยนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วาลิกราสิมฺหิ นิสินฺนํ อคฺคิทตฺตํ นาม โกสลรฺโ ปุโรหิตํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร มหาโกสลสฺส ปุโรหิโต อโหสิ. อถ นํ ปิตริ กาลกเต ราชา ปเสนทิ โกสโล ‘‘ปิตุ เม ปุโรหิโต’’ติ คารเวน ตสฺมึเยว าเน เปตฺวา ตสฺส อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตกาเล ปจฺจุคฺคมนํ กโรติ, ‘‘อาจริย, อิธ นิสีทถา’’ติ สมานาสนํ ทาเปสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา มยิ อติวิย คารวํ กโรติ, น โข ปน ราชูนํ นิจฺจกาลเมว สกฺกา จิตฺตํ คเหตุํ. สมานวเยเนว หิ สทฺธึ รชฺชสุขํ นาม สุขํ โหติ, อหฺจมฺหิ มหลฺลโก, ปพฺพชิตุํ เม ยุตฺต’’นฺติ. โส ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา สตฺตาเหน สพฺพํ อตฺตโน ธนํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา พาหิรกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตํ นิสฺสาย ทส ปุริสสหสฺสานิ อนุปพฺพชึสุ. โส เตหิ สทฺธึ องฺคมคธานฺจ กุรุรฏฺสฺส จ อนฺตเร วาสํ กปฺเปตฺวา อิมํ โอวาทํ เทติ, ‘‘ตาตา, ยสฺส กามวิตกฺกาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, โส นทิโต เอเกกํ วาลุกปุฏํ อุทฺธริตฺวา อิมสฺมึ โอกิรตู’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา กามวิตกฺกาทีนํ อุปฺปนฺนกาเล ตถา กรึสุ. อปเรน สมเยน มหาวาลุกราสิ อโหสิ, ตํ อหิฉตฺโต นาม นาคราชา ปฏิคฺคเหสิ. องฺคมคธวาสิโน เจว กุรุรฏฺวาสิโน จ มาเส มาเส เตสํ มหนฺตํ สกฺการํ อภิหริตฺวา ทานํ เทนฺติ. อถ เนสํ อคฺคิทตฺโต อิมํ โอวาทํ อทาสิ – ‘‘ปพฺพตํ สรณํ ยาถ, วนํ สรณํ ยาถ, อารามํ สรณํ ยาถ, รุกฺขํ สรณํ ยาถ, เอวํ สพฺพทุกฺขโต มุจฺจิสฺสถา’’ติ. อตฺตโน อนฺเตวาสิเกปิ อิมินา โอวาเทน โอวทิ.

โพธิสตฺโตปิ กตาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ตสฺมึ สมเย สาวตฺถึ นิสฺสาย เชตวเน วิหรนฺโต ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณํ สทฺธึ อนฺเตวาสิเกหิ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘สพฺเพปิ อิเม อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา’’ติ ตฺวา สายนฺหสมเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อาห – ‘‘โมคฺคลฺลาน, กึ ปสฺสสิ อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณํ มหาชนํ อติตฺเถ ปกฺขนฺทาเปนฺตํ, คจฺฉ เตสํ โอวาทํ เทหี’’ติ. ภนฺเต, พหู เอเต, เอกกสฺส มยฺหํ อวิสยฺหา. สเจ ตุมฺเหปิ อาคมิสฺสถ, วิสยฺหา ภวิสฺสนฺตีติ. โมคฺคลฺลาน, อหมฺปิ อาคมิสฺสามิ, ตฺวํ ปุรโต ยาหีติ. เถโร ปุรโต คจฺฉนฺโตว จินฺเตสิ – ‘‘เอเต พลวนฺโต เจว พหู จ. สเจ สพฺเพสํ สมาคมฏฺาเน กิฺจิ กเถสฺสามิ, สพฺเพปิ วคฺควคฺเคน อุฏฺเหยฺยุ’’นฺติ อตฺตโน อานุภาเวน ถูลผุสิตกํ เทวํ วุฏฺาเปสิ. เต ถูลผุสิตเกสุ ปตนฺเตสุ อุฏฺายุฏฺาย อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสึสุ. เถโร อคฺคิทตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปณฺณสาลทฺวาเร ตฺวา ‘‘อคฺคิทตฺตา’’ติ อาห. โส เถรสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘มํ อิมสฺมึ โลเก นาเมน อาลปิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, โก นุ โข มํ นาเมน อาลปตี’’ติ มานถทฺธตาย ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. ‘‘อหํ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘กึ วเทสี’’ติ? ‘‘อชฺช เม เอกรตฺตึ อิธ วสนฏฺานํ ตฺวํ อาจิกฺขาหี’’ติ. ‘‘อิธ วสนฏฺานํ นตฺถิ, เอกสฺส เอกาว ปณฺณสาลา’’ติ. ‘‘อคฺคิทตฺต, มนุสฺสา นาม มนุสฺสานํ, คาโว คุนฺนํ, ปพฺพชิตา ปพฺพชิตานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺติ, มา เอวํ กริ, เทหิ เม วสนฏฺาน’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘อาม, ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ. ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, กหํ เต ขาริภณฺฑํ, โก ปพฺพชิตปริกฺขาโร’’ติ. ‘‘อตฺถิ เม ปริกฺขาโร, วิสุํ ปน นํ คเหตฺวา วิจริตุํ ทุกฺขนฺติ อพฺภนฺตเรเนว นํ คเหตฺวา วิจรามิ, พฺราหฺมณา’’ติ. โส ‘‘ตํ คเหตฺวา วิจริสฺสสี’’ติ เถรสฺส กุชฺฌิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘อมฺเห, อคฺคิทตฺต, มา กุชฺฌิ, วสนฏฺานํ เม อาจิกฺขาหี’’ติ. นตฺถิ เอตฺถ วสนฏฺานนฺติ. เอตสฺมึ ปน วาลุกราสิมฺหิ โก วสตีติ. เอโก, นาคราชาติ. เอตํ เม เทหีติ. น สกฺกา ทาตุํ, ภาริยํ เอตสฺส กมฺมนฺติ. โหตุ, เทหิ เมติ. เตน หิ ตฺวํ เอว ชานาหีติ.

เถโร วาลุกราสิอภิมุโข ปายาสิ. นาคราชา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมโณ อิโต อาคจฺฉติ, น ชานาติ มฺเ มม อตฺถิภาวํ, ธูมายิตฺวา นํ มาเรสฺสามี’’ติ ธูมายิ. เถโร ‘‘อยํ นาคราชา ‘อหเมว ธูมายิตุํ สกฺโกมิ, อฺเ น สกฺโกนฺตี’ติ มฺเ สลฺลกฺเขตี’’ติ สยมฺปิ ธูมายิ. ทฺวินฺนมฺปิ สรีรโต อุคฺคตา ธูมา ยาว พฺรหฺมโลกา อุฏฺหึสุ. อุโภปิ ธูมา เถรํ อพาเธตฺวา นาคราชานเมว พาเธนฺติ. นาคราชา ธูมเวคํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต ปชฺชลิ. เถโรปิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา เตน สทฺธึเยว ปชฺชลิ. อคฺคิชาลา ยาว พฺรหฺมโลกา อุฏฺหึสุ. อุโภปิ เถรํ อพาเธตฺวา นาคราชานเมว พาธยึสุ. อถสฺส สกลสรีรํ อุกฺกาหิ ปทิตฺตํ วิย อโหสิ. อิสิคโณ โอโลเกตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นาคราชา, สมณํ ฌาเปติ, ภทฺทโก วต สมโณ อมฺหากํ วจนํ อสุตฺวา นฏฺโ’’ติ. เถโร นาคราชานํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา วาลุกราสิมฺหิ นิสีทิ. นาคราชา วาลุกราสึ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา กูฏาคารกุจฺฉิปมาณํ ผณํ มาเปตฺวา เถรสฺส อุปริ ธาเรสิ.

อิสิคณา ปาโตว ‘‘สมณสฺส มตภาวํ วา อมตภาวํ วา ชานิสฺสามา’’ติ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ วาลุกราสิมตฺถเก นิสินฺนํ ทิสฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อภิตฺถวนฺตา อาหํสุ – ‘‘สมณ, กจฺจิ นาคราเชน น พาธิโต’’ติ. ‘‘กึ น ปสฺสถ มม อุปริผณํ ธาเรตฺวา ิต’’นฺติ? เต ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ, สมณสฺส เอวรูโป นาม นาคราชา ทมิโต’’ติ เถรํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา อาคโต. เถโร สตฺถารํ ทิสฺวา อุฏฺาย วนฺทิ. อถ นํ อิสโย อาหํสุ – ‘‘อยมฺปิ ตยา มหนฺตตโร’’ติ. เอโส ภควา สตฺถา, อหํ อิมสฺส สาวโกติ. สตฺถา วาลุกราสิมตฺถเก นิสีทิ, อิสิคโณ ‘‘อยํ ตาว สาวกสฺส อานุภาโว, อิมสฺส ปน อานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห สตฺถารํ อภิตฺถวิ. สตฺถา อคฺคิทตฺตํ อามนฺเตตฺวา อาห – ‘‘อคฺคิทตฺต, ตฺวํ ตว สาวกานฺจ อุปฏฺากานฺจ โอวาทํ ททมาโน กินฺติ วตฺวา เทสี’’ติ. ‘‘เอตํ ปพฺพตํ สรณํ คจฺฉถ, วนํ อารามํ รุกฺขํ สรณํ คจฺฉถ. เอตานิ หิ สรณํ คโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ เอวํ เตสํ โอวาทํ ทมฺมีติ. สตฺถา ‘‘น โข, อคฺคิทตฺต, เอตานิ สรณํ คโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ, พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ ปน สรณํ คนฺตฺวา สกลวฏฺฏทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๘๘.

‘‘พหุํ เว สรณํ ยนฺติ, ปพฺพตานิ วนานิ จ;

อารามรุกฺขเจตฺยานิ, มนุสฺสา ภยตชฺชิตา.

๑๘๙.

‘‘เนตํ โข สรณํ เขมํ, เนตํ สรณมุตฺตมํ;

เนตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

๑๙๐.

‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;

จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.

๑๙๑.

‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;

อริยํ จฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.

๑๙๒.

‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;

เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ พหุนฺติ พหุ. ปพฺพตานีติ ตตฺถ ตตฺถ อิสิคิลิเวปุลฺลเวภาราทิเก ปพฺพเต จ มหาวนโคสิงฺคสาลวนาทีนิ วนานิ จ เวฬุวนชีวกมฺพวนาทโย อาราเม จ อุเทนเจติยโคตมเจติยาทีนิ รุกฺขเจตฺยานิ จ เต เต มนุสฺสา เตน เตน ภเยน ตชฺชิตา ภยโต มุจฺจิตุกามา ปุตฺตลาภาทีนิ วา ปตฺถยมานา สรณํ ยนฺตีติ อตฺโถ. เนตํ สรณนฺติ เอตํ สพฺพมฺปิ สรณํ เนว เขมํ น อุตฺตมํ, น จ เอตํ ปฏิจฺจ ชาติอาทิธมฺเมสุ สตฺเตสุ เอโกปิ ชาติอาทิโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ อตฺโถ.

โย จาติ อิทํ อเขมํ อนุตฺตมํ สรณํ ทสฺเสตฺวา เขมํ อุตฺตมํ สรณํ ทสฺสนตฺถํ อารทฺธํ. ตสฺสตฺโถ – โย จ คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทิกํ พุทฺธธมฺมสงฺฆานุสฺสติกมฺมฏฺานํ นิสฺสาย เสฏฺวเสน พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ สรณํ คโต, ตสฺสปิ ตํ สรณคมนํ อฺติตฺถิยวนฺทนาทีหิ กุปฺปติ จลติ. ตสฺส ปน อจลภาวํ ทสฺเสตุํ มคฺเคน อาคตสรณเมว ปกาสนฺโต จตฺตาริ อริยสจฺจานิ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ อาห. โย หิ เอเตสํ สจฺจานํ ทสฺสนวเสน เอตานิ สรณํ คโต, เอตสฺส เอตํ สรณํ เขมฺจ อุตฺตมฺจ, โส จ ปุคฺคโล เอตํ สรณํ ปฏิจฺจ สกลสฺมาปิ วฏฺฏทุกฺขา ปมุจฺจติ, ตสฺมา เอตํ โข สรณํ เขมนฺติอาทิ วุตฺตํ.

เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต อิสโย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถาปิ จีวรคพฺภโต หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว, จรถ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อาห. เต ตงฺขเณเยว อฏฺปริกฺขารธรา วสฺสสฏฺิกเถรา วิย อเหสุํ. โส จ สพฺเพสมฺปิ องฺคมคธกุรุรฏฺวาสีนํ สกฺการํ อาทาย อาคมนทิวโส อโหสิ. เต สกฺการํ อาทาย อาคตา สพฺเพปิ เต อิสโย ปพฺพชิเต ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ อคฺคิทตฺตพฺราหฺมโณ มหา, อุทาหุ สมโณ โคตโม’’ติ จินฺเตตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อาคตตฺตา ‘‘อคฺคิทตฺโตว มหา’’ติ มฺึสุ. สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อคฺคิทตฺต, ปริสาย กงฺขํ ฉินฺทา’’ติ อาห. โส ‘‘อหมฺปิ เอตฺตกเมว ปจฺจาสีสามี’’ติ อิทฺธิพเลน สตฺตกฺขตฺตุํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุนปฺปุนํ โอรุยฺห สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา สาวกตฺตํ ปกาเสสีติ.

อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ

ทุลฺลโภติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.

เถโร หิ เอกทิวสํ ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘หตฺถาชานีโย ฉทฺทนฺตกุเล วา อุโปสถกุเล วา อุปฺปชฺชติ, อสฺสาชานีโย สินฺธวกุเล วา วลาหกสฺสราชกุเล วา, อุสโภ โคอาชนีโย ทกฺขิณปเถติอาทีนิ วทนฺเตน สตฺถารา หตฺถิอาชานียาทีนํ อุปฺปตฺติฏฺานาทีนิ กถิตานิ, ปุริสาชานีโย ปน กหํ นุ โข อุปฺปชฺชตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา, ‘‘อานนฺท, ปุริสาชานีโย นาม สพฺพตฺถ นุปฺปชฺชติ, อุชุกโต ปน ติโยชนสตายาเม วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยสเต อาวฏฺฏโต นวโยชนสตปฺปมาเณ มชฺฌิมปเทสฏฺาเน อุปฺปชฺชติ. อุปฺปชฺชนฺโต จ ปน น ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา กุเล อุปฺปชฺชติ, ขตฺติยมหาสาลพฺราหฺมณมหาสาลกุลานํ ปน อฺตรสฺมึเยว อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๙๓.

‘‘ทุลฺลโภ ปุริสาชฺโ, น โส สพฺพตฺถ ชายติ;

ยตฺถ โส ชายตี ธีโร, ตํ กุลํ สุขเมธตี’’ติ.

ตตฺถ ทุลฺลโภติ ปุริสาชฺโ หิ ทุลฺลโภ, น หตฺถิอาชานียาทโย วิย สุลโภ, โส สพฺพตฺถ ปจฺจนฺตเทเส วา นีจกุเล วา น ชายติ, มชฺฌิมเทเสปิ มหาชนสฺส อภิวาทนาทิสกฺการกรณฏฺาเน ขตฺติยพฺราหฺมณกุลานํ อฺตรสฺมึ กุเล ชายติ. เอวํ ชายมาโน ยตฺถ โส ชายติ ธีโร อุตฺตมปฺโ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ตํ กุลํ สุขเมธตีติ สุขปฺปตฺตเมว โหตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ

สุโข พุทฺธานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ กถํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ ปฺจสตภิกฺขู อุปฏฺานสาลายํ นิสินฺนา, ‘‘อาวุโส, กึ นุ โข อิมสฺมึ โลเก สุข’’นฺติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ? ตตฺถ เกจิ ‘‘รชฺชสุขสทิสํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ อาหํสุ. เกจิ กามสุขสทิสํ, เกจิ ‘‘สาลิมํสโภชนาทิสทิสํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, กึ กเถถ? อิทฺหิ สพฺพมฺปิ สุขํ วฏฺฏทุกฺขปริยาปนฺนเมว, อิมสฺมึ โลเก พุทฺธุปฺปาโท ธมฺมสฺสวนํ, สงฺฆสามคฺคี, สมฺโมทมานภาโวติ อิทเมว สุข’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๙๔.

‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท, สุขา สทฺธมฺมเทสนา;

สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี, สมคฺคานํ ตโป สุโข’’ติ.

ตตฺถ พุทฺธานมุปฺปาโทติ ยสฺมา พุทฺธา อุปฺปชฺชมานา มหาชนํ ราคกนฺตาราทีหิ ตาเรนฺติ, ตสฺมา พุทฺธานํ อุปฺปาโท สุโข อุตฺตโม. ยสฺมา สทฺธมฺมเทสนํ อาคมฺม ชาติอาทิธมฺมา สตฺตา ชาติอาทีหิ มุจฺจนฺติ, ตสฺมา สทฺธมฺมเทสนา สุขา. สามคฺคีติ สมจิตฺตตา, สาปิ สุขา เอว. สมคฺคานํ ปน เอกจิตฺตานํ ยสฺมา พุทฺธวจนํ วา อุคฺคณฺหิตุํ ธุตงฺคานิ วา ปริหริตุํ สมณธมฺมํ วา กาตุํ สกฺกา, ตสฺมา สมคฺคานํ ตโป สุโขติ วุตฺตํ. เตเนวาห – ‘‘ยาวกีวฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สมคฺคา สนฺนิปติสฺสนฺติ, สมฺมคฺคา วุฏฺหิสฺสนฺติ, สมคฺคา สงฺฆกรณียานิ กริสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๓๖).

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยวตฺถุ

ปูชารเหติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา จาริกํ จรมาโน กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยํ อารพฺภ กเถสิ.

ตถาคโต สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค โตเทยฺยคามสฺส สมีเป มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อฺตรํ เทวฏฺานํ สมฺปาปุณิ. ตตฺร นิสินฺโน สุคโต ธมฺมภณฺฑาคาริกํ เปเสตฺวา อวิทูเร กสิกมฺมํ กโรนฺตํ พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปสิ. โส พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา ตถาคตํ อนภิวนฺทิตฺวา ตเมว เทวฏฺานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. สุคโตปิ ‘‘อิมํ ปเทสํ กินฺติ มฺสิ พฺราหฺมณา’’ติ อาห. อมฺหากํ ปเวณิยา อาคตเจติยฏฺานนฺติ วนฺทามิ, โภ โคตมาติ. ‘‘อิมํ านํ วนฺทนฺเตน ตยา สาธุ กตํ พฺราหฺมณา’’ติ สุคโต ตํ สมฺปหํเสสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘เกน นุ โข การเณน ภควา เอวํ สมฺปหํเสสี’’ติ สํสยํ สฺชเนสุํ. ตโต ตถาคโต เตสํ สํสยมปเนตุํ มชฺฌิมนิกาเย ฆฏิการสุตฺตนฺตํ (ม. นิ. ๒.๒๘๒ อาทโย) วตฺวา อิทฺธานุภาเวน กสฺสปทสพลสฺส โยชนุพฺเพธํ กนกเจติยํ อปรฺจ กนกเจติยํ อากาเส นิมฺมินิตฺวา มหาชนํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, เอวํวิธานํ ปูชารหานํ ปูชา ยุตฺตตราวา’’ติ วตฺวา มหาปรินิพฺพานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๒๐๖) ทสฺสิตนเยเนว พุทฺธาทิเก จตฺตาโร ถูปารเห ปกาเสตฺวา สรีรเจติยํ อุทฺทิสฺสเจติยํ ปริโภคเจติยนฺติ ตีณิ เจติยานิ วิเสสโต ปริทีเปตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๙๕.

‘‘ปูชารเห ปูชยโต, พุทฺเธ ยทิ จ สาวเก;

ปปฺจสมติกฺกนฺเต, ติณฺณโสกปริทฺทเว.

๑๙๖.

‘‘เต ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;

น สกฺกา ปุฺํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติ. (อป. เถร ๑.๑๐.๑-๒);

ตตฺถ ปูชิตุํ อรหา ปูชารหา, ปูชิตุํ ยุตฺตาติ อตฺโถ. ปูชารเห ปูชยโตติ อภิวาทนาทีหิ จ จตูหิ จ ปจฺจเยหิ ปูเชนฺตสฺส. ปูชารเห ทสฺเสติ พุทฺเธติอาทินา. พุทฺเธติ สมฺมาสมฺพุทฺเธ. ยทีติ ยทิ วา, อถ วาติ อตฺโถ. ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺเธติ กถิตํ โหติ, สาวเก จ. ปปฺจสมติกฺกนฺเตติ สมติกฺกนฺตตณฺหาทิฏฺิมานปปฺเจ. ติณฺณโสกปริทฺทเวติ อติกฺกนฺตโสกปริทฺทเว, อิเม ทฺเว อติกฺกนฺเตติ อตฺโถ. เอเตหิ ปูชารหตฺตํ ทสฺสิตํ.

เตติ พุทฺธาทโย. ตาทิเสติ วุตฺตคหณวเสน. นิพฺพุเตติ ราคาทินิพฺพุติยา. นตฺถิ กุโตจิ ภวโต วา อารมฺมณโต วา เอเตสํ ภยนฺติ อกุโตภยา, เต อกุโตภเย. น สกฺกา ปุฺํ สงฺขาตุนฺติ ปุฺํ คเณตุํ น สกฺกา. กถนฺติ เจ? อิเมตฺตมปิ เกนจีติ อิมํ เอตฺตกํ, อิมํ เอตฺตกนฺติ เกนจีติ อปิสทฺโท อิธ สมฺพนฺธิตพฺโพ, เกนจิ ปุคฺคเลน มาเนน วา. ตตฺถ ปุคฺคเลนาติ เตน พฺรหฺมาทินา. มาเนนาติ ติวิเธน มาเนน ตีรเณน ธารเณน ปูรเณน วา. ตีรณํ นาม อิทํ เอตฺตกนฺติ นยโต ตีรณํ. ธารณนฺติ ตุลาย ธารณํ. ปูรณํ นาม อฑฺฒปสตปตฺถนาฬิกาทิวเสน ปูรณํ. เกนจิ ปุคฺคเลน อิเมหิ ตีหิ มาเนหิ พุทฺธาทิเก ปูชยโต ปุฺํ วิปากวเสน คเณตุํ น สกฺกา ปริยนฺตรหิตโตติ ทฺวีสุ าเนสุ ปูชยโต กึ ทานํ ปมํ ธรมาเน พุทฺธาที ปูชยโต น สกฺกา ปุฺํ สงฺขาตุํ, ปุน เต ตาทิเส กิเลสปรินิพฺพานนิมิตฺเตน ขนฺธปรินิพฺพาเนน นิพฺพุเตปิ ปูชยโต น สกฺกา สงฺขาตุนฺติ เภทา ยุชฺชนฺติ. เตน หิ วิมานวตฺถุมฺหิ –

‘‘ติฏฺนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ;

เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ. (วิ. ว. ๘๐๖);

เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปนฺโน อโหสีติ. โยชนิกํ กนกเจติยํ สตฺตาหมากาเสว อฏฺาสิ, มหนฺเตน สมาคโม จาโหสิ, สตฺตาหํ เจติยํ นานปฺปกาเรน ปูเชสุํ. ตโต ภินฺนลทฺธิกานํ ลทฺธิเภโท ชาโต, พุทฺธานุภาเวน ตํ เจติยํ สกฏฺานเมว คตํ, ตตฺเถว ตํขเณ มหนฺตํ ปาสาณเจติยํ อโหสิ. ตสฺมึ สมาคเม จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยวตฺถุ นวมํ.

พุทฺธวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

จุทฺทสโม วคฺโค.

ปมภาณวารํ นิฏฺิตํ.

๑๕. สุขวคฺโค

๑. าอาติกลหวูปสมนวตฺถุ

สุสุขํ วตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สกฺเกสุ วิหรนฺโต กลหวูปสมนตฺถํ าตเก อารพฺภ กเถสิ.

สากิยโกลิยา กิร กปิลวตฺถุนครสฺส จ โกลิยนครสฺส จ อนฺตเร โรหิณึ นาม นทึ เอเกเนว อาวรเณน พนฺธาเปตฺวา สสฺสานิ กโรนฺติ. อถ เชฏฺมูลมาเส สสฺเสสุ มิลายนฺเตสุ อุภยนครวาสิกานมฺปิ กมฺมการา สนฺนิปตึสุ. ตตฺถ โกลิยนครวาสิโน อาหํสุ – ‘‘อิทํ อุทกํ อุภยโต หริยมานํ เนว ตุมฺหากํ, น อมฺหากํ ปโหสฺสติ, อมฺหากํ ปน สสฺสํ เอกอุทเกเนว นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติ. อิตเรปิ อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเหสุ โกฏฺเก ปูเรตฺวา ิเตสุ มยํ รตฺตสุวณฺณนีลมณิกาฬกหาปเณ จ คเหตฺวา ปจฺฉิปสิพฺพกาทิหตฺถา น สกฺขิสฺสาม ตุมฺหากํ ฆรทฺวาเร วิจริตุํ, อมฺหากมฺปิ สสฺสํ เอกอุทเกเนว นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติ. น มยํ ทสฺสามาติ. มยมฺปิ น ทสฺสามาติ เอวํ กถํ วฑฺเฒตฺวา เอโก อุฏฺาย เอกสฺส ปหารํ อทาสิ, โสปิ อฺสฺสาติ เอวํ อฺมฺํ ปหริตฺวา ราชกุลานํ ชาตึ ฆฏฺเฏตฺวา กลหํ วฑฺฒยึสุ.

โกลิยกมฺมการา วทนฺติ – ‘‘ตุมฺเห กปิลวตฺถุวาสิเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย โสณสิงฺคาลาทโย วิย อตฺตโน ภคินีหิ สทฺธึ สํวสึสุ, เอเตสํ หตฺถิโน เจว อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ. สากิยกมฺมการาปิ วทนฺติ ‘‘ตุมฺเห อิทานิ กุฏฺิโน ทารเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย อนาถา นิคฺคติกา ติรจฺฉานา วิย โกลรุกฺเข วสึสุ, เอเตสํ หตฺถิโน จ อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ. เต คนฺตฺวา ตสฺมึ กมฺเม นิยุตฺตานํ อมจฺจานํ กถยึสุ, อมจฺจา ราชกุลานํ กเถสุํ. ตโต สากิยา ‘‘ภคินีหิ สทฺธึ สํวสิตกานํ ถามฺจ พลฺจ ทสฺเสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมึสุ. โกลิยาปิ ‘‘โกลรุกฺขวาสีนํ ถามฺจ พลฺจ ทสฺเสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมึสุ.

สตฺถาปิ ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต าตเก ทิสฺวา ‘‘มยิ อคจฺฉนฺเต อิเม นสฺสิสฺสนฺติ, มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกโกว อากาเสน คนฺตฺวา โรหิณินทิยา มชฺเฌ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. าตกา สตฺถารํ ทิสฺวา อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา วนฺทึสุ. อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กึ กลโห นาเมส, มหาราชา’’ติ? ‘‘น ชานาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก ทานิ ชานิสฺสตี’’ติ? เต ‘‘อุปราชา ชานิสฺสติ, เสนาปติ ชานิสฺสตี’’ติ อิมินา อุปาเยน ยาว ทาสกมฺมกเร ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อุทกกลโห’’ติ อาหํสุ. ‘‘อุทกํ กึ อคฺฆติ, มหาราชา’’ติ? ‘‘อปฺปคฺฆํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ขตฺติยา กึ อคฺฆนฺติ มหาราชา’’ติ? ‘‘ขตฺติยา นาม อนคฺฆา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อยุตฺตํ ตุมฺหากํ อปฺปมตฺตตํ อุทกํ นิสฺสาย อนคฺเฆ ขตฺติเย นาเสตุ’’นฺติ. เต ตุณฺหี อเหสุํ. อถ เต สตฺถา อามนฺเตตฺวา ‘‘กสฺมา มหาราชา เอวรูปํ กโรถ, มยิ อสนฺเต อชฺช โลหิตนที ปวตฺติสฺสติ, อยุตฺตํ โว กตํ, ตุมฺเห ปฺจหิ เวเรหิ สเวรา วิหรถ, อหํ อเวโร วิหรามิ. ตุมฺเห กิเลสาตุรา หุตฺวา วิหรถ, อหํ อนาตุโร. ตุมฺเห กามคุณปริเยสนุสฺสุกฺกา หุตฺวา วิหรถ, อหํ อนุสฺสุกฺโก วิหรามี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๙๗.

‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, เวริเนสุ อเวริโน,

เวริเนสุ มนุสฺเสสุ, วิหราม อเวริโน.

๑๙๘.

‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, อาตุเรสุ อนาตุรา;

อาตุเรสุ มนุสฺเสสุ, วิหราม อนาตุรา.

๑๙๙.

‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, อุสฺสุเกสุ อนุสฺสุกา;

อุสฺสุเกสุ มนุสฺเสสุ, วิหราม อนุสฺสุกา’’ติ.

ตตฺถ สุสุขนฺติ สุฏฺุ สุขํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย คิหิโน สนฺธิจฺเฉทาทิวเสน, ปพฺพชิตา วา ปน เวชฺชกมฺมาทิวเสน ชีวิตวุตฺตึ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สุเขน ชีวามา’’ติ วทนฺติ, เตหิ มยเมว สุสุขํ วต ชีวาม, เย มยํ ปฺจหิ เวรีหิ เวริเนสุ มนุสฺเสสุ อเวริโน, กิเลสาตุเรสุ มนุสฺเสสุ นิกฺกิเลสตาย อนาตุรา, ปฺจกามคุณปริเยสเน อุสฺสุเกสุ ตาย ปริเยสนาย อภาเวน อนุสฺสุกาติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

าติกลหวูปสมนวตฺถุ ปมํ.

๒. มารวตฺถุ

สุสุขํ วต ชีวามาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปฺจสาลาย พฺราหฺมณคาเม วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ สตฺถา ปฺจสตานํ กุมาริกานํ โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตํ คามํ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. ตาปิ กุมาริกาโย เอกสฺมึ นกฺขตฺตทิวเส นทึ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺตา คามาภิมุขิโย ปายึสุ. สตฺถาปิ ตํ คามํ ปวิสิตฺวา ปิณฺฑาย จรติ. อถ มาโร สกลคามวาสีนํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา ยถา สตฺถา กฏจฺฉุภตฺตมตฺตมฺปิ น ลภติ, เอวํ กตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขมนฺตํ สตฺถารํ คามทฺวาเร ตฺวา อาห – ‘‘อปิ, สมณ, ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺถา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, ปาปิม, ตถา อกาสิ, ยถาหํ ปิณฺฑํ น ลเภยฺย’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ปุน ปวิสถา’’ติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สเจ ปุน ปวิสติ, สพฺเพสํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา อิมสฺส ปุรโต ปาณึ ปหริตฺวา หสฺสเกฬึ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺมึ ขเณ ตา กุมาริกาโย คามทฺวารํ ปตฺวา สตฺถารํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. มาโรปิ สตฺถารํ อาห – ‘‘อปิ, ภนฺเต, ปิณฺฑํ อลภมานา ชิฆจฺฉาทุกฺเขน ปีฬิตตฺถา’’ติ. สตฺถา ‘‘อชฺช มยํ, ปาปิม, กิฺจิ อลภิตฺวาปิ อาภสฺสรโลเก มหาพฺรหฺมาโน วิย ปีติสุเขเนว วีตินาเมสฺสามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๐๐.

‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, เยสํ โน นตฺถิ กิฺจนํ;

ปีติภกฺขา ภวิสฺสาม, เทวา อาภสฺสรา ยถา’’ติ.

ตตฺถ เยสํ โนติ เยสํ อมฺหากํ ปลิพุชฺฌนตฺเถน ราคาทีสุ กิฺจเนสุ เอกมฺปิ กิฺจนํ นตฺถิ. ปีติภกฺขาติ ยถา อาภสฺสรา เทวา ปีติภกฺขา หุตฺวา ปีติสุเขเนว วีตินาเมนฺติ, เอวํ มยมฺปิ, ปาปิม, กิฺจิ อลภิตฺวา ปีติภกฺขา ภวิสฺสามาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ กุมาริกาโย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.

มารวตฺถุ ทุติยํ.

๓. โกสลรฺโ ปราชยวตฺถุ

ชยํ เวรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ ปราชยํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร กาสิกคามํ นิสฺสาย ภาคิเนยฺเยน อชาตสตฺตุนา สทฺธึ ยุชฺฌนฺโต เตน ตโย วาเร ปราชิโต ตติยวาเร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ขีรมุขมฺปิ ทารกํ ปราเชตุํ นาสกฺขึ, กึ เม ชีวิเตนา’’ติ. โส อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. อถสฺส สา ปวตฺติ สกลนครํ ปตฺถริ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, ราชา กิร กาสิกคามกํ นิสฺสาย ตโย วาเร ปราชิโต, โส อิทานิ ปราชิตฺวา อาคโต ‘ขีรมุขมฺปิ ทารกํ ปราเชตุํ นาสกฺขึ, กึ เม ชีวิเตนา’ติ อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปนฺโน’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ชินนฺโตปิ เวรํ ปสวติ, ปราชิโต ปน ทุกฺขํ เสติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๐๑.

‘‘ชยํ เวรํ ปสวติ, ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต;

อุปสนฺโต สุขํ เสติ, หิตฺวา ชยปราชย’’นฺติ.

ตตฺถ ชยนฺติ ปรํ ชินนฺโต เวรํ ปฏิลภติ. ปราชิโตติ ปเรน ปราชิโต ‘‘กทา นุ โข ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺึ ทฏฺุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ ทุกฺขํ เสติ สพฺพิริยาปเถสุ ทุกฺขเมว วิหรตีติ อตฺโถ. อุปสนฺโตติ อพฺภนฺตเร อุปสนฺตราคาทิกิเลโส ขีณาสโว ชยฺจ ปราชยฺจ หิตฺวา สุขํ เสติ, สพฺพิริยาปเถสุ สุขเมว วิหรตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

โกสลรฺโ ปราชยวตฺถุ ตติยํ.

๔. อฺตรกุลทาริกาวตฺถุ

นตฺถิ ราคสโมติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุลทาริกํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺสา กิร มาตาปิตโร อาวาหํ กตฺวา มงฺคลทิวเส สตฺถารํ นิมนฺตยึสุ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตตฺถ คนฺตฺวา นิสีทิ. สาปิ โข วธุกา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุทกปริสฺสาวนาทีนิ กโรนฺตี อปราปรํ สฺจรติ. สามิโกปิสฺสา ตํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตสฺส ราควเสน โอโลเกนฺตสฺส อนฺโต กิเลโส สมุทาจริ. โส อฺาณาภิภูโต เนว พุทฺธํ อุปฏฺหิ, น อสีติ มหาเถเร. หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘ตํ วธุกํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ปน จิตฺตํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺสชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ยถา ตํ อิตฺถึ น ปสฺสติ, เอวมกาสิ. โส อทิสฺวา สตฺถารํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส โอโลเกตฺวา ิตกาเล ‘‘กุมารก, น หิ ราคคฺคินา สทิโส อคฺคิ นาม, โทสกลินา สทิโส กลิ นาม, ขนฺธปริหรณทุกฺเขน สทิสํ ทุกฺขํ นาม อตฺถิ, นิพฺพานสุขสทิสํ สุขมฺปิ นตฺถิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๐๒.

‘‘นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ, นตฺถิ โทสสโม กลิ;

นตฺถิ ขนฺธสมา ทุกฺขา, นตฺถิ สนฺติปรํ สุข’’นฺติ.

ตตฺถ นตฺถิ ราคสโมติ ธูมํ วา ชาลํ วา องฺคารํ วา อทสฺเสตฺวา อนฺโตเยว ฌาเปตฺวา ภสฺมมุฏฺึ กาตุํ สมตฺโถ ราเคน สโม อฺโ อคฺคิ นาม นตฺถิ. กลีติ โทเสน สโม อปราโธปิ นตฺถิ. ขนฺธสมาติ ขนฺเธหิ สมา. ยถา ปริหริยมานา ขนฺธา ทุกฺขา, เอวํ อฺํ ทุกฺขํ นาม นตฺถิ. สนฺติปรนฺติ นิพฺพานโต อุตฺตรึ อฺํ สุขมฺปิ นตฺถิ. อฺฺหิ สุขํ สุขเมว, นิพฺพานํ ปรมสุขนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน กุมาริกา จ กุมารโก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตสฺมึ สมเย ภควา เตสํ อฺมฺํ ทสฺสนาการํ อกาสีติ.

อฺตรกุลทาริกาวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. เอกอุปาสกวตฺถุ

ชิฆจฺฉาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อาฬวิยํ วิหรนฺโต เอกํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ ทิวเส สตฺถา เชตวเน คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต อาฬวิยํ เอกํ ทุคฺคตมนุสฺสํ ทิสฺวา ตสฺสูปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร อาฬวึ อคมาสิ. อาฬวิวาสิโน สตฺถารํ นิมนฺตยึสุ. โสปิ ทุคฺคตมนุสฺโส ‘‘สตฺถา กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ มนํ อกาสิ. ตํทิวสเมว จสฺส เอโก โคโณ ปลายิ. โส ‘‘กึ นุ โข โคณํ ปริเยสิสฺสามิ, อุทาหุ ธมฺมํ สุณามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โคณํ ปริเยสิตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ ปาโตว เคหา นิกฺขมิ. อาฬวิวาสิโนปิ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ปริวิสิตฺวา อนุโมทนตฺถาย ปตฺตํ คณฺหึสุ. สตฺถา ‘‘ยํ นิสฺสาย อหํ ตึสโยชนมคฺคํ อาคโต, โส โคณํ ปริเยสิตุํ อรฺํ ปวิฏฺโ, ตสฺมึ อาคเตเยว ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ ตุณฺหี อโหสิ.

โสปิ มนุสฺโส ทิวา โคณํ ทิสฺวา โคคเณ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘สเจปิ อฺํ นตฺถิ, สตฺถุ วนฺทนมตฺตมฺปิ กริสฺสามี’’ติ ชิฆจฺฉาปีฬิโตปิ เคหํ คมนาย มนํ อกตฺวา เวเคน สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส ิตกาเล ทานเวยฺยาวฏิกํ อาห – ‘‘อตฺถิ กิฺจิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อติริตฺตภตฺต’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, สพฺพํ อตฺถี’’ติ. เตน หิ ‘‘อิมํ ปริวิสาหี’’ติ. โส สตฺถารา วุตฺตฏฺาเนเยว ตํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุขาทนียโภชนีเยหิ สกฺกจฺจํ ปริวิสิ. โส ภุตฺตภตฺโต มุขํ วิกฺขาเลสิ. เปตฺวา กิร อิมํ านํ ตีสุ ปิฏเกสุ อฺตฺถ คตาคตสฺส ภตฺตวิจารณํ นาม นตฺถิ. ตสฺส ปสฺสทฺธทรถสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. อถสฺส สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ. โส เทสนาวสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถาปิ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. มหาชโน สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติ.

ภิกฺขู สตฺถารา สทฺธึ คจฺฉนฺตาเยว อุชฺฌายึสุ – ‘‘ปสฺสถาวุโส, สตฺถุ กมฺมํ, อฺเสุ ทิวเสสุ เอวรูปํ นตฺถิ, อชฺช ปเนกํ มนุสฺสํ ทิสฺวาว ยาคุอาทีนิ วิจาเรตฺวา ทาเปสี’’ติ. สตฺถา นิวตฺติตฺวา ิตโกว ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อหํ ตึสโยชนํ กนฺตารํ อาคจฺฉนฺโต ตสฺส อุปาสกสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อาคโต, โส อติวิย ชิฆจฺฉิโต, ปาโตว ปฏฺาย โคณํ ปริเยสนฺโต อรฺเ วิจริ. ‘ชิฆจฺฉทุกฺเขน ธมฺเม เทสิยมาเนปิ ปฏิวิชฺฌิตุํ น สกฺขิสฺสตี’ติ จินฺเตตฺวา เอวํ อกาสึ, ชิฆจฺฉาโรคสทิโส โรโค นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๐๓.

‘‘ชิฆจฺฉาปรมา โรคา, สงฺขารปรมา ทุขา;

เอตํ ตฺวา ยถาภูตํ, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ.

ตตฺถ ชิฆจฺฉาปรมา โรคาติ ยสฺมา อฺโ โรโค สกึ ติกิจฺฉิโต วินสฺสติ วา ตทงฺควเสน วา ปหียติ, ชิฆจฺฉา ปน นิจฺจกาลํ ติกิจฺฉิตพฺพาเยวาติ เสสโรคานํ อยํ ปรมา นาม. สงฺขาราติ ปฺจ ขนฺธา. เอตํ ตฺวาติ ชิฆจฺฉาสโม โรโค นตฺถิ, ขนฺธปริหรณสมํ ทุกฺขํ นาม นตฺถีติ เอตมตฺถํ ยถาภูตํ ตฺวา ปณฺฑิโต นิพฺพานํ สจฺฉิ กโรติ. นิพฺพานํ ปรมํ สุขนฺติ ตฺหิ สพฺพสุขานํ ปรมํ อุตฺตมํ สุขนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

เอกอุปาสกวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. ปเสนทิโกสลวตฺถุ

อาโรคฺยปรมา ลาภาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราชานํ ปเสนทิโกสลํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ราชา ตณฺฑุลโทณสฺส โอทนํ ตทุปิเยน สูปพฺยฺชเนน ภุฺชติ. เอกทิวสํ ภุตฺตปาตราโส ภตฺตสมฺมทํ อวิโนเทตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กิลนฺตรูโป อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺตติ, นิทฺทาย อภิภูยมาโนปิ อุชุกํ นิปชฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ, มหาราช, อวิสฺสมิตฺวาว อาคโตสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ภุตฺตกาลโต ปฏฺาย เม มหาทุกฺขํ โหตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘มหาราช, อติพหุโภชนํ เอวํ ทุกฺขํ โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘มิทฺธี ยทา โหติ มหคฺฆโส จ,

นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;

มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ,

ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ. (ธ. ป. ๓๒๕); –

อิมาย คาถาย โอวทิตฺวา, ‘‘มหาราช, โภชนํ นาม มตฺตาย ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. มตฺตโภชิโน หิ สุขํ โหตี’’ติ อุตฺตริ โอวทนฺโต อิมํ คาถมาห –

‘‘มนุชสฺส สทา สตีมโต,

มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;

ตนุกสฺส ภวนฺติ เวทนา,

สณิกํ ชีรติ อายุปาลย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๔);

ราชา คาถํ อุคฺคณฺหิตุํ นาสกฺขิ, สมีเป ิตํ ปน ภาคิเนยฺยํ, สุทสฺสนํ นาม มาณวํ ‘‘อิมํ คาถํ อุคฺคณฺห, ตาตา’’ติ อาห. โส ตํ คาถํ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘รฺโ ภุฺชนฺตสฺส โอสานปิณฺฑกาเล อิมํ คาถํ วเทยฺยาสิ, ราชา อตฺถํ สลฺลกฺเขตฺวา ยํ ปิณฺฑํ ฉฑฺเฑสฺสติ, ตสฺมึ ปิณฺเฑ สิตฺถคณนาย รฺโ ภตฺตปจนกาเล ตตฺตเก ตณฺฑุเล หเรยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สายมฺปิ ปาโตปิ รฺโ ภุฺชนฺตสฺส โอสานปิณฺฑกาเล ตํ คาถํ อุทาหริตฺวา เตน ฉฑฺฑิตปิณฺเฑ สิตฺถคณนาย ตณฺฑุเล หาเปสิ. ราชาปิ ตสฺส คาถํ สุตฺวา สหสฺสํ สหสฺสํ ทาเปสิ. โส อปเรน สมเยน นาฬิโกทนปรมตาย สณฺหิตฺวา สุขปฺปตฺโต ตนุสรีโร อโหสิ.

อเถกทิวสํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อิทานิ เม สุขํ ชาตํ, มิคมฺปิ อสฺสมฺปิ อนุพนฺธิตฺวา คณฺหนสมตฺโถ ชาโตมฺหิ. ปุพฺเพ เม ภาคิเนยฺเยน สทฺธึ ยุทฺธเมว โหติ, อิทานิ วชีรกุมารึ นาม ธีตรํ ภาคิเนยฺยสฺส ทตฺวา โส คาโม ตสฺสาเยว นฺหานจุณฺณมูลํ กตฺวา ทินฺโน, เตน สทฺธึ วิคฺคโห วูปสนฺโต, อิมินาปิ เม การเณน สุขเมว ชาตํ. กุลสนฺตกํ ราชมณิรตนํ โน เคเห ปุริมทิวเส นฏฺํ, ตมฺปิ อิทานิ หตฺถปตฺตํ อาคตํ, อิมินาปิ เม การเณน สุขเมว ชาตํ. ตุมฺหากํ สาวเกหิ สทฺธึ วิสฺสาสํ อิจฺฉนฺเตน าติธีตาปิ โน เคเห กตา, อิมินาปิ เม การเณน สุขเมว ชาต’’นฺติ. สตฺถา ‘‘อาโรคฺยํ นาม, มหาราช, ปรโม ลาโภ, ยถาลทฺเธน สนฺตุฏฺภาวสทิสมฺปิ ธนํ, วิสฺสาสสทิโส จ ปรมา าติ, นิพฺพานสทิสฺจ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๐๔.

‘‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, สนฺตุฏฺิปรมํ ธนํ;

วิสฺสาสปรมา าติ, นิพฺพานปรมํ สุข’’นฺติ.

ตตฺถ อาโรคฺยปรมา ลาภาติ อโรคภาวปรมา ลาภา. โรคิโน หิ วิชฺชมานาปิ ลาภา อลาภาเยว, ตสฺมา อโรคสฺส สพฺพลาภา อาคตาว โหนฺติ. เตเนตํ วุตฺตํ – ‘‘อาโรคฺยปรมา ลาภา’’ติ. สนฺตุฏฺิปรมํ ธนนฺติ คิหิโน วา ปพฺพชิตสฺส วา ยํ อตฺตนา ลทฺธํ อตฺตโน สนฺตกํ, เตเนว ตุสฺสนภาโว สนฺตุฏฺี นาม เสสธเนหิ ปรมํ ธนํ. วิสฺสาสปรมา าตีติ มาตา วา โหตุ ปิตา วา, เยน สทฺธึ วิสฺสาโส นตฺถิ, โส อฺาตโกว. เยน อฺาตเกน ปน สทฺธึ วิสฺสาโส อตฺถิ, โส อสมฺพนฺโธปิ ปรโม อุตฺตโม าติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วิสฺสาสปรมา าตี’’ติ. นิพฺพานสทิสํ ปน สุขํ นาม นตฺถิ, เตเนวาห – นิพฺพานปรมํ สุขนฺติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ปเสนทิโกสลวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. ติสฺสตฺเถรวตฺถุ

ปวิเวกรสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลิยํ วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

สตฺถารา หิ, ‘‘ภิกฺขเว, อหํ อิโต จตูหิ มาเสหิ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุตฺเต สตฺถุ สนฺติเก สตฺต ภิกฺขุสตานิ สนฺตาสํ อาปชฺชึสุ, ขีณาสวานํ ธมฺมสํเวโค อุปฺปชฺชิ, ปุถุชฺชนา อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขึสุ. ภิกฺขู วคฺคา วคฺคา หุตฺวา ‘‘กึ นุ โข กริสฺสามา’’ติ มนฺเตนฺตา วิจรนฺติ. อเถโก ติสฺสตฺเถโร นาม ภิกฺขู ‘‘สตฺถา กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสติ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, สตฺถริ ธรมาเนเยว มยา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโกว วิหาสิ. ภิกฺขูนํ สนฺติเก คมนํ วา เกนจิ สทฺธึ กถาสลฺลาโป วา นตฺถิ. อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ติสฺส ตสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ. โส เตสํ กถํ น สุณาติ. เต ตสฺส ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหสุ ติสฺสตฺเถรสฺส สิเนโห นตฺถี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กสฺมา ติสฺส เอวํ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน อตฺตโน อธิปฺปาเย อาโรจิเต ‘‘สาธุ, ติสฺสา’’ติ สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มยิ สิเนโห ติสฺสสทิโสว โหตุ. คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กโรนฺตาปิ เนว มํ ปูเชนฺติ, ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชมานาเยว ปน มํ ปูเชนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๐๕.

‘‘ปวิเวกรสํ ปิตฺวา, รสํ อุปสมสฺส จ;

นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป, ธมฺมปีติรสํ ปิว’’นฺติ.

ตตฺถ ปวิเวกรสนฺติ ปวิเวกโต อุปฺปนฺนํ รสํ, เอกีภาวสุขนฺติ อตฺโถ. ปิตฺวาติ ทุกฺขปริฺาทีนิ กโรนฺโต อารมฺมณโต สจฺฉิกิริยาวเสน ปิวิตฺวา. อุปสมสฺส จาติ กิเลสูปสมนิพฺพานสฺส จ รสํ ปิตฺวา. นิทฺทโร โหตีติ เตน อุภยรสปาเนน ขีณาสโว ภิกฺขุ อพฺภนฺตเร ราคทรถาทีนํ อภาเวน นิทฺทโร เจว นิปฺปาโป จ โหติ. รสํ ปิวนฺติ นววิธโลกุตฺตรธมฺมวเสน อุปฺปนฺนํ ปีติรสํ ปิวนฺโตปิ นิทฺทโร นิปฺปาโป จ โหติ.

เทสนาวสาเน ติสฺสตฺเถโร อรหตฺตํ ปาปุณิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ติสฺสตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. สกฺกวตฺถุ

สาหุ ทสฺสนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวคามเก วิหรนฺโต สกฺกํ อารพฺภ กเถสิ.

ตถาคตสฺส หิ อายุสงฺขาเร วิสฺสฏฺเ โลหิตปกฺขนฺทิกาพาธสฺส อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา สกฺโก เทวราชา ‘‘มยา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา คิลานุปฏฺานํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ติคาวุตปฺปมาณํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา หตฺเถหิ ปาเท ปริมชฺชิ. อถ นํ สตฺถา อาห ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, สกฺโก’’ติ. ‘‘กสฺมา อาคโตสี’’ติ? ‘‘ตุมฺเห คิลาเน อุปฏฺหิตุํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สกฺก, เทวานํ มนุสฺสคนฺโธ โยชนสตโต ปฏฺาย คเล พทฺธกุณปํ วิย โหติ, คจฺฉ ตฺวํ, อตฺถิ เม คิลานุปฏฺกา ภิกฺขู’’ติ. ‘‘ภนฺเต, จตุราสีติโยชนสหสฺสมตฺถเก ิโต ตุมฺหากํ สีลคนฺธํ ฆายิตฺวา อาคโต, อหเมว อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ โส สตฺถุ สรีรวฬฺชนภาชนํ อฺสฺส หตฺเถนาปิ ผุสิตุํ อทตฺวา สีเสเยว เปตฺวา นีหรนฺโต มุขสงฺโกจนมตฺตมฺปิ น อกาสิ, คนฺธภาชนํ ปริหรนฺโต วิย อโหสิ. เอวํ สตฺถารํ ปฏิชคฺคิตฺวา สตฺถุ ผาสุกกาเลเยว อคมาสิ.

ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห สตฺถริ สกฺกสฺส สิเนโห, เอวรูปํ นาม ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปหาย มุขสงฺโกจนมตฺตมฺปิ อกตฺวา คนฺธภาชนํ นีหรนฺโต วิย สตฺถุ สรีรวฬฺชนภาชนํ สีเสน นีหรนฺโต อุปฏฺานมกาสี’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา กึ วเทถ, ภิกฺขเว, อนจฺฉริยํ เอตํ, ยํ สกฺโก เทวราชา มยิ สิเนหํ กโรติ. อยํ สกฺโก หิ เทวราชา มํ นิสฺสาย ชรสกฺกภาวํ วิชหิตฺวา โสตาปนฺโน หุตฺวา ตรุณสกฺกสฺส ภาวํ ปตฺโต, อหํ หิสฺส มรณภยตชฺชิตสฺส ปฺจสิขคนฺธพฺพเทวปุตฺตํ ปุรโต กตฺวา อาคตกาเล อินฺทสาลคุหายํ เทวปริสาย มชฺเฌ นิสินฺนสฺส –

‘‘ปุจฺฉ วาสว มํ ปฺหํ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ;

ตสฺส ตสฺเสว ปฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๕๖) –

วตฺวา ตสฺส กงฺขํ วิโนเทนฺโต ธมฺมํ เทเสสึ. เทสนาวสาเน จุทฺทสนฺนํ ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, สกฺโกปิ ยถานิสินฺโนว โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตรุณสกฺโก ชาโต. เอวมสฺสาหํ พหูปกาโร. ตสฺส มยิ สิเนโห นาม อนจฺฉริโย. ภิกฺขเว, อริยานฺหิ ทสฺสนมฺปิ สุขํ, เตหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน สนฺนิวาโสปิ สุโข. พาเลหิ สทฺธึ ปน สพฺพเมตํ ทุกฺขนฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๐๖.

‘‘สาหุ ทสฺสนมริยานํ, สนฺนิวาโส สทา สุโข;

อทสฺสเนน พาลานํ, นิจฺจเมว สุขี สิยา.

๒๐๗.

‘‘พาลสงฺคตจารี หิ, ทีฆมทฺธาน โสจติ;

ทุกฺโข พาเลหิ สํวาโส, อมิตฺเตเนว สพฺพทา;

ธีโร จ สุขสํวาโส, าตีนํว สมาคโม’’.

ตสฺมา หิ –

๒๐๘.

‘‘ธีรฺจ ปฺฺจ พหุสฺสุตฺจ,โธรยฺหสีลํ วตวนฺตมริยํ;

ตํ ตาทิสํ สปฺปุริสํ สุเมธํ,ภเชถ นกฺขตฺตปถํ ว จนฺทิมา’’ติ.

ตตฺถ สาหูติ สุนฺทรํ ภทฺทกํ. สนฺนิวาโสติ น เกวลฺจ เตสํ ทสฺสนเมว, เตหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน นิสีทนาทิภาโวปิ เตสํ วตฺตปฏิวตฺตํ กาตุํ ลภนภาโวปิ สาธุเยว. พาลสงฺคตจารี หีติ โย พาเลน สหจารี. ทีฆมทฺธานนฺติ โส พาลสหาเยน ‘‘เอหิ สนฺธิจฺเฉทาทีนิ กโรมา’’ติ วุจฺจมาโน เตน สทฺธึ เอกจฺฉนฺโท หุตฺวา ตานิ กโรนฺโต หตฺถจฺเฉทาทีนิ ปตฺวา ทีฆมทฺธานํ โสจติ. สพฺพทาติ ยถา อสิหตฺเถน วา อมิตฺเตน อาสีวิสาทีหิ วา สทฺธึ เอกโต วาโส นาม นิจฺจํ ทุกฺโข, ตเถว พาเลหิ สทฺธินฺติ อตฺโถ. ธีโร จ สุขสํวาโสติ เอตฺถ สุโข สํวาโส เอเตนาติ สุขสํวาโส, ปณฺฑิเตน สทฺธึ เอกฏฺาเน สํวาโส สุโขติ อตฺโถ. กถํ? าตีนํว สมาคโมติ ยถาปิ าตีนํ สมาคโม สุโข, เอวํ สุโข.

ตสฺมา หีติ ยสฺมา พาเลหิ สทฺธึ สํวาโส ทุกฺโข, ปณฺฑิเตน สทฺธึ สุโข, ตสฺมา หิ ธิติสมฺปนฺนํ ธีรฺจ, โลกิยโลกุตฺตรปฺาสมฺปนฺนํ ปฺฺจ, อาคมาธิคมสมฺปนฺนํ พหุสฺสุตฺจ, อรหตฺตปาปนกสงฺขาตาย ธุรวหนสีลตาย โธรยฺหสีลํ, สีลวเตน เจว ธุตงฺควเตน จ วตวนฺตํ, กิเลเสหิ อารกตาย อริยํ, ตถารูปํ สปฺปุริสํ โสภนปฺหํ ยถา นิมฺมลํ นกฺขตฺตปถสงฺขาตํ อากาสํ จนฺทิมา ภชติ, เอวํ ภเชถ ปยิรุปาเสถาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สกฺกวตฺถุ อฏฺมํ.

สุขวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปนฺนรสโม วคฺโค.

๑๖. ปิยวคฺโค

๑. ตโยชนปพฺพชิตวตฺถุ

อโยเคติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตโย ปพฺพชิเต อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิร เอกสฺมึ กุเล มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก อโหสิ ปิโย มนาโป. โส เอกทิวสํ เคเห นิมนฺติตานํ ภิกฺขูนํ อนุโมทนํ กโรนฺตานํ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา มาตาปิตโร ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เต นานุชานึสุ. ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ มาตาปิตูนํ อปสฺสนฺตานํเยว พหิ คนฺตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อถสฺส ปิตา พหิ นิกฺขมนฺโต ‘‘อิมํ รกฺเขยฺยาสี’’ติ มาตรํ ปฏิจฺฉาเปสิ, มาตา พหิ นิกฺขมนฺตี ปิตรํ ปฏิจฺฉาเปสิ. อถสฺส เอกทิวสํ ปิตริ พหิ คเต มาตา ‘‘ปุตฺตํ รกฺขิสฺสามี’’ติ เอกํ ทฺวารพาหํ นิสฺสาย เอกํ ปาเทหิ อุปฺปีเฬตฺวา ฉมาย นิสินฺนา สุตฺตํ กนฺตติ. โส ‘‘อิมํ วฺเจตฺวา คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, โถกํ ตาว อเปหิ, สรีรวลฺชํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาย ปาเท สมิฺชิเต นิกฺขมิตฺวา เวเคน วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ มํ, ภนฺเต’’ติ ยาจิตฺวา เตสํ สนฺติเก ปพฺพชิ.

อถสฺส ปิตา อาคนฺตฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กหํ เม ปุตฺโต’’ติ? ‘‘สามิ, อิมสฺมึ ปเทเส อโหสี’’ติ. โส ‘‘กหํ นุ โข เม ปุตฺโต’’ติ โอโลเกนฺโต ตํ อทิสฺวา ‘‘วิหารํ คโต ภวิสฺสตี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา ปุตฺตํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา, ‘‘ตาต, กึ มํ นาเสสี’’ติ วตฺวา ‘‘มม ปุตฺเต ปพฺพชิเต อหํ อิทานิ เคเห กึ กริสฺสามี’’ติ สยมฺปิ ภิกฺขู ยาจิตฺวา ปพฺพชิ. อถสฺส มาตาปิ ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺโต จ ปติ จ จิรายนฺติ, กจฺจิ วิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตา’’ติ เต โอโลเกนฺตี วิหารํ คนฺตฺวา อุโภปิ ปพฺพชิเต ทิสฺวา ‘‘อิเมสํ ปพฺพชิตกาเล มม เคเหน โก อตฺโถ’’ติ สยมฺปิ ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ. เต ปพฺพชิตฺวาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, วิหาเรปิ ภิกฺขุนิอุปสฺสเยปิ เอกโตว นิสีทิตฺวา สลฺลปนฺตา ทิวสํ วีตินาเมนฺติ. เตน ภิกฺขูปิ ภิกฺขูนิโยปิ อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ.

อเถกทิวสํ ภิกฺขู เนสํ กิริยํ สตฺถุํ อาโรเจสุํ. สตฺถา เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห เอวํ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวํ กโรถ? น หิ เอส ปพฺพชิตานํ โยโค’’ติ. ‘‘ภนฺเต, วินา ภวิตุํ น สกฺโกมา’’ติ. ‘‘ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย เอวํ กรณํ อยุตฺตํ. ปิยานฺหิ อทสฺสนํ, อปฺปิยานฺจ ทสฺสนํ ทุกฺขเมว. ตสฺมา สตฺเตสุ จ สงฺขาเรสุ จ กฺจิ ปิยํ วา อปฺปิยํ วา กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๐๙.

‘‘อโยเค ยุฺชมตฺตานํ, โยคสฺมิฺจ อโยชยํ;

อตฺถํ หิตฺวา ปิยคฺคาหี, ปิเหตตฺตานุโยคินํ.

๒๑๐.

‘‘มา ปิเยหิ สมาคฺฉิ, อปฺปิเยหิ กุทาจนํ;

ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ, อปฺปิยานฺจ ทสฺสนํ.

๒๑๑.

‘‘ตสฺมา ปิยํ น กยิราถ, ปิยาปาโย หิ ปาปโก;

คนฺถา เตสํ น วิชฺชนฺติ, เยสํ นตฺถิ ปิยาปฺปิย’’นฺติ.

ตตฺถ อโยเคติ อยุฺชิตพฺเพ อโยนิโสมนสิกาเร. เวสิยาโคจราทิเภทสฺส หิ ฉพฺพิธสฺส อโคจรสฺส เสวนํ อิธ อโยนิโสมนสิกาโร นาม, ตสฺมึ อโยนิโสมนสิกาเร อตฺตานํ ยุฺชนฺโตติ อตฺโถ. โยคสฺมินฺติ ตพฺพิปรีเต จ โยนิโสมนสิกาเร อยุฺชนฺโตติ อตฺโถ. อตฺถํ หิตฺวาติ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย อธิสีลาทิสิกฺขตฺตยํ อตฺโถ นาม, ตํ อตฺถํ หิตฺวา. ปิยคฺคาหีติ ปฺจกามคุณสงฺขาตํ ปิยเมว คณฺหนฺโต. ปิเหตตฺตานุโยคินนฺติ ตาย ปฏิปตฺติยา สาสนโต จุโต คิหิภาวํ ปตฺวา ปจฺฉา เย อตฺตานุโยคํ อนุยุตฺตา สีลาทีนิ สมฺปาเทตฺวา เทวมนุสฺสานํ สนฺติกา สกฺการํ ลภนฺติ, เตสํ ปิเหติ, ‘‘อโห วตาหมฺปิ เอวรูโป อสฺส’’นฺติ อิจฺฉตีติ อตฺโถ.

มา ปิเยหีติ ปิเยหิ สตฺเตหิ วา สงฺขาเรหิ วา กุทาจนํ เอกกฺขเณปิ น สมาคจฺเฉยฺย, ตถา อปฺปิเยหิ. กึ การณา? ปิยา นฺหิ วิโยควเสน อทสฺสนํ อปฺปิยานฺจ อุปสงฺกมนวเสน ทสฺสนํ นาม ทุกฺขํ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ อุภยมฺปิ ทุกฺขํ, ตสฺมา กฺจิ สตฺตํ วา สงฺขารํ วา ปิยํ นาม น กเรยฺย. ปิยาปาโย หีติ ปิเยหิ อปาโย วิโยโค. ปาปโกติ ลามโก. คนฺถา เตสํ น วิชฺชนฺตีติ เยสํ ปิยํ นตฺถิ, เตสํ อภิชฺฌากายคนฺโถ ปหียติ. เยสํ อปฺปิยํ นตฺถิ, เตสํ พฺยาปาโท กายคนฺโถ. เตสุ ปน ทฺวีสุ ปหีเนสุ เสสคนฺถา ปหีนา โหนฺติ. ตสฺมา ปิยํ วา อปฺปิยํ วา น กตฺตพฺพนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ. เตน ปน ตโย ชนา ‘‘มยํ วินา ภวิตุํ น สกฺโกมา’’ติ วิพฺภมิตฺวา เคหเมว อคมึสูติ.

ตโยชนปพฺพชิตวตฺถุ ปมํ.

๒. อฺตรกุฏุมฺพิกวตฺถุ

ปิยโต ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส หิ อตฺตโน ปุตฺเต กาลกเต ปุตฺตโสกาภิภูโต อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ, ปุตฺตโสกํ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ. สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เอกํ ปจฺฉาสมณํ คเหตฺวา ตสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส สตฺถุ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘มยา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กาตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ สตฺถารํ ปเวเสตฺวา เคหมชฺเฌ อาสนํ ปฺาเปตฺวา สตฺถริ นิสินฺเน อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ โข, อุปาสก, ทุกฺขิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน ปุตฺตวิโยคทุกฺเข อาโรจิเต, ‘‘อุปาสก, มา จินฺตยิ, อิทํ มรณํ นาม น เอกสฺมึเยว าเน, น จ เอกสฺเสว โหติ, ยาวตา ปน ภวุปฺปตฺติ นาม อตฺถิ, สพฺพสตฺตานํ โหติเยว. เอกสงฺขาโรปิ นิจฺโจ นาม นตฺถิ. ตสฺมา ‘มรณธมฺมํ มตํ, ภิชฺชนธมฺมํ ภินฺน’นฺติ โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, น โสจิตพฺพํ. โปราณปณฺฑิตาปิ หิ ปุตฺตสฺส มตกาเล ‘มรณธมฺมํ มตํ, ภิชฺชนธมฺมํ ภินฺน’นฺติ โสกํ อกตฺวา มรณสฺสติเมว ภาวยึสู’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เก เอวมกํสุ, กทา จ อกํสุ, อาจิกฺขถ เม’’ติ ยาจิโต ตสฺสตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘อุรโคว ตจํ ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตนุํ;

เอวํ สรีเร นิพฺโภเค, เปเต กาลกเต สติ.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. (ชา. ๑.๕.๑๙-๒๐) –

อิมํ ปฺจกนิปาเต อุรคชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘เอวํ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา ปิยปุตฺเต กาลกเต ยถา เอตรหิ ตฺวํ กมฺมนฺเต วิสฺสชฺเชตฺวา นิราหาโร โรทนฺโต วิจรสิ, ตถา อวิจริตฺวา มรณสฺสติภาวนาพเลน โสกํ อกตฺวา อาหารํ ปริภุฺชึสุ, กมฺมนฺตฺจ อธิฏฺหึสุ. ตสฺมา ‘ปิยปุตฺโต เม กาลกโต’ติ มา จินฺตยิ. อุปฺปชฺชมาโน หิ โสโก วา ภยํ วา ปิยเมว นิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๑๒.

‘‘ปิยโต ชายตี โสโก, ปิยโต ชายตี ภยํ;

ปิยโต วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ ปิยโตติ วฏฺฏมูลโก หิ โสโก วา ภยํ วา อุปฺปชฺชมานํ ปิยเมว สตฺตํ วา สงฺขารํ วา นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ, ตโต ปน วิปฺปมุตฺตสฺส อุภยมฺเปตํ นตฺถีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อฺตรกุฏุมฺพิกวตฺถุ ทุติยํ.

๓. วิสาขาวตฺถุ

เปมโต ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสาขํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ.

สา กิร ปุตฺตสฺส ธีตรํ สุทตฺตํ นาม กุมาริกํ อตฺตโน าเน เปตฺวา เคเห ภิกฺขุสงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กาเรสิ. สา อปเรน สมเยน กาลมกาสิ. สา ตสฺสา สรีรนิกฺเขปํ กาเรตฺวา โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ทุกฺขินี ทุมฺมนา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ โข ตฺวํ, วิสาเข, ทุกฺขินี ทุมฺมนา อสฺสุมุขา โรทมานา นิสินฺนา’’ติ อาห. สา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ปิยา เม, ภนฺเต, สา กุมาริกา วตฺตสมฺปนฺนา, อิทานิ ตถารูปํ น ปสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กิตฺตกา ปน, วิสาเข, สาวตฺถิยํ มนุสฺสา’’ติ? ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิเยว เม กถิตํ สตฺต ชนโกฏิโย’’ติ. ‘‘สเจ ปนายํ เอตฺตโก ชโน ตว นตฺตาย สทิโส ภเวยฺย, อิจฺเฉยฺยาสิ น’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กติ ปน ชนา สาวตฺถิยํ เทวสิกํ กาลํ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘พหู, ภนฺเต’’ติ. ‘‘นนุ เอวํ, ภนฺเต, ตว อโสจนกาโล น ภเวยฺย, รตฺตินฺทิวํ โรทนฺตีเยว วิจเรยฺยาสี’’ติ. ‘‘โหตุ, ภนฺเต, าตํ มยา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เตน หิ มา โสจิ, โสโก วา ภยํ วา เปมโตว ชายตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๑๓.

‘‘เปมโต ชายตี โสโก, เปมโต ชายตี ภยํ;

เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ เปมโตติ ปุตฺตธีตาทีสุ กตํ เปมเมว นิสฺสาย โสโก ชายตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

วิสาขาวตฺถุ ตติยํ.

๔. ลิจฺฉวีวตฺถุ

รติยา ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลึ นิสฺสาย กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต ลิจฺฉวี อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร เอกสฺมึ ฉณทิวเส อฺมฺํ อสทิเสหิ อลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อุยฺยานคมนตฺถาย นครา นิกฺขมึสุ. สตฺถา ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เต ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ลิจฺฉวโย, เยหิ เทวา ตาวตึสา น ทิฏฺปุพฺพา, เต อิเม โอโลเกนฺตู’’ติ วตฺวา นครํ ปาวิสิ. เตปิ อุยฺยานํ คจฺฉนฺตา เอกํ นครโสภินึ อิตฺถึ อาทาย คนฺตฺวา ตํ นิสฺสาย อิสฺสาภิภูตา อฺมฺํ ปหริตฺวา โลหิตํ นทึ วิย ปวตฺตยึสุ. อถ เน มฺเจนาทาย อุกฺขิปิตฺวา อาคมํสุ. สตฺถาปิ กตภตฺตกิจฺโจ นครา นิกฺขมิ. ภิกฺขูปิ ลิจฺฉวโย ตถา นียมาเน ทิสฺวา สตฺถารํ อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, ลิจฺฉวิราชาโน ปาโตว อลงฺกตปฏิยตฺตา เทวา วิย นครา นิกฺขมิตฺวา อิทานิ เอกํ อิตฺถึ นิสฺสาย อิมํ พฺยสนํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, โสโก วา ภยํ วา อุปฺปชฺชมานํ รตึ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๑๔.

‘‘รติยา ชายตี โสโก, รติยา ชายตี ภยํ;

รติยา วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ รติยาติ ปฺจกามคุณรติโต, ตํ นิสฺสายาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ลิจฺฉวีวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. อนิตฺถิคนฺธกุมารวตฺถุ

กามโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนิตฺถิคนฺธกุมารํ นาม อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร พฺรหฺมโลกา จุตสตฺโต สาวตฺถิยํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต ชาตทิวสโต ปฏฺาย อิตฺถิสมีปํ อุปคนฺตุํ น อิจฺฉติ, อิตฺถิยา คยฺหมาโน โรทติ. วตฺถจุมฺพฏเกน นํ คเหตฺวา ถฺํ ปาเยนฺติ. โส วยปฺปตฺโต มาตาปิตูหิ, ‘‘ตาต, อาวาหํ เต กริสฺสามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น เม อิตฺถิยา อตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโน ปฺจสเต สุวณฺณกาเร ปกฺโกสาเปตฺวา รตฺตสุวณฺณนิกฺขสหสฺสํ ทาเปตฺวา อติวิย ปาสาทิกํ ฆนโกฏฺฏิมํ อิตฺถิรูปํ กาเรตฺวา ปุน มาตาปิตูหิ, ‘‘ตาต, ตยิ อาวาหํ อกโรนฺเต กุลวํโส น ปติฏฺหิสฺสติ, กุมาริกํ เต อาเนสฺสามา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ สเจ เม เอวรูปํ กุมาริกํ อาเนสฺสถ, กริสฺสามิ โว วจน’’นฺติ ตํ สุวณฺณรูปกํ ทสฺเสติ. อถสฺส มาตาปิตโร อภิฺาเต พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต มหาปุฺโ, อวสฺสํ อิมินา สทฺธึ กตปุฺา กุมาริกา ภวิสฺสติ, คจฺฉถ อิมํ สุวณฺณรูปกํ คเหตฺวา เอวรูปํ กุมาริกํ อาหรถา’’ติ ปหิณึสุ. เต ‘‘สาธู’’ติ จาริกํ จรนฺตา มทฺทรฏฺเ สาคลนครํ คตา. ตสฺมิฺจ นคเร เอกา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อภิรูปา กุมาริกา อโหสิ, ตํ มาตาปิตโร สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺสูปริมตเล ปริวาเสสุํ. เตปิ โข พฺราหฺมณา ‘‘สเจ อิธ เอวรูปา กุมาริกา ภวิสฺสติ, อิมํ ทิสฺวา ‘อยํ อสุกสฺส กุลสฺส ธีตา วิย อภิรูปา’ติ วกฺขนฺตี’’ติ ตํ สุวณฺณรูปกํ ติตฺถมคฺเค เปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.

อถสฺส กุมาริกาย ธาตี ตํ กุมาริกํ นฺหาเปตฺวา สยมฺปิ นฺหายิตุกามา หุตฺวา ติตฺถํ อาคตา ตํ รูปกํ ทิสฺวา ‘‘ธีตา เม’’ติ สฺาย ‘‘ทุพฺพินีตาสิ, อิทาเนวาหํ นฺหาเปตฺวา นิกฺขนฺตา, ตฺวํ มยา ปุเรตรํ อิธาคตาสี’’ติ หตฺเถน ปหริตฺวา ถทฺธภาวฺเจว นิพฺพิการตฺจ ตฺวา ‘‘อหํ เม, ธีตาติ สฺมกาสึ, กึ นาเมต’’นฺติ อาห. อถ นํ เต พฺราหฺมณา ‘‘เอวรูปา เต, อมฺม, ธีตา’’ติ ปุจฺฉึสุ. อยํ มม ธีตุ สนฺติเก กึ อคฺฆตีติ? เตน หิ เต ธีตรํ อมฺหากํ ทสฺเสหีติ. สา เตหิ สทฺธึ เคหํ คนฺตฺวา สามิกานํ อาโรเจสิ. เต พฺราหฺมเณหิ สทฺธึ กตปฏิสมฺโมทนา ธีตรํ โอตาเรตฺวา เหฏฺาปาสาเท สุวณฺณรูปกสฺส สนฺติเก เปสุํ. สุวณฺณรูปกํ นิปฺปภํ อโหสิ, กุมาริกา สปฺปภา อโหสิ. พฺราหฺมณา ตํ เตสํ ทตฺวา กุมาริกํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา คนฺตฺวา อนิตฺถิคนฺธกุมารสฺส มาตาปิตูนํ อาโรจยึสุ. เต ตุฏฺมานสา ‘‘คจฺฉถ, นํ สีฆํ อาเนถา’’ติ มหนฺเตน สกฺกาเรน ปหิณึสุ.

กุมาโรปิ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘กฺจนรูปโตปิ กิร อภิรูปตรา ทาริกา อตฺถี’’ติ สวนวเสเนว สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สีฆํ อาเนนฺตู’’ติ อาห. สาปิ โข ยานํ อาโรเปตฺวา อานียมานา อติสุขุมาลตาย ยานุคฺฆาเตน สมุปฺปาทิตวาตโรคา อนฺตรามคฺเคเยว กาลมกาสิ. กุมาโรปิ ‘‘อาคตา’’ติ นิรนฺตรํ ปุจฺฉติ, ตสฺส อติสิเนเหน ปุจฺฉนฺตสฺส สหสาว อนาโรเจตฺวา กติปาหํ วิกฺเขปํ กตฺวา ตมตฺถํ อาโรจยึสุ. โส ‘‘ตถารูปาย นาม อิตฺถิยา สทฺธึ สมาคมํ นาลตฺถ’’นฺติ อุปฺปนฺนโทมนสฺโส ปพฺพเตน วิย โสกทุกฺเขน อชฺโฌตฺถโฏ อโหสิ. สตฺถา ตสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปิณฺฑาย จรนฺโต ตํ เคหทฺวารํ อคมาสิ. อถสฺส มาตาปิตโร สตฺถารํ อนฺโตเคหํ ปเวเสตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสึสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ‘‘กหํ อนิตฺถิคนฺธกุมาโร’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอโส, ภนฺเต, อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา อนฺโตคพฺเภ นิสินฺโน’’ติ. ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ. โส อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข, กุมาร, พลวโสโก อุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภนฺเต, ‘เอวรูปา นาม อิตฺถี อนฺตรามคฺเค กาลกตา’ติ สุตฺวา พลวโสโก อุปฺปนฺโน, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, กุมาร, กึ เต นิสฺสาย โสโก อุปฺปนฺโน’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กามํ นิสฺสาย, กุมาร, พลวโสโก อุปฺปนฺโน, โสโก วา ภยํ วา กามํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๑๕.

‘‘กามโต ชายตี โสโก, กามโต ชายตี ภยํ;

กามโต วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ กามโตติ วตฺถุกามกิเลสกามโต, ทุวิธมฺเปตํ กามํ นิสฺสายาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน อนิตฺถิคนฺธกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

อนิตฺถิคนฺธกุมารวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ

ตณฺหาย ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร มิจฺฉาทิฏฺิโก เอกทิวสํ นทีตีรํ คนฺตฺวา เขตฺตํ โสเธติ. สตฺถา ตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส สตฺถารํ ทิสฺวาปิ สามีจิกมฺมํ อกตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. อถ นํ สตฺถา ปุเรตรํ อาลปิตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, กึ กโรสี’’ติ อาห. ‘‘เขตฺตํ, โภ โคตม, โสเธมี’’ติ. สตฺถา เอตฺตกเมว วตฺวา คโต. ปุนทิวเสปิ ตสฺส เขตฺตํ กสิตุํ อาคตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, กึ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เขตฺตํ กสามิ, โภ โคตมา’’ติ สุตฺวา ปกฺกามิ. ปุนทิวสาทีสุปิ ตเถว คนฺตฺวา ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘โภ โคตม, เขตฺตํ วปามิ นิทฺเทมิ รกฺขามี’’ติ สุตฺวา ปกฺกามิ. อถ นํ เอกทิวสํ พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘โภ โคตม, ตฺวํ มม เขตฺตโสธนทิวสโต ปฏฺาย อาคโต. สเจ เม สสฺสํ สมฺปชฺชิสฺสติ, ตุยฺหมฺปิ สํวิภาคํ กริสฺสามิ, ตุยฺหํ อทตฺวา สยํ น ขาทิสฺสามิ, อิโต ทานิ ปฏฺาย ตฺวํ มม สหาโย’’ติ.

อถสฺส อปเรน สมเยน สสฺสํ สมฺปชฺชิ, ตสฺส ‘‘สมฺปนฺนํ เม สสฺสํ, สฺเว ทานิ ลายาเปสฺสามี’’ติ ลายนตฺถํ กตฺตพฺพกิจฺจสฺส รตฺตึ มหาเมโฆ วสฺสิตฺวา สพฺพํ สสฺสํ หริ, เขตฺตํ ตจฺเฉตฺวา ปิตสทิสํ อโหสิ. สตฺถา ปน ปมทิวสํเยว ‘‘ตํ สสฺสํ น สมฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. พฺราหฺมโณ ปาโตว ‘‘เขตฺตํ โอโลเกสฺสามี’’ติ คโต ตุจฺฉํ เขตฺตํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนพลวโสโก จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม มม เขตฺตโสธนกาลโต ปฏฺาย อาคโต, อหมฺปิ นํ ‘อิมสฺมึ สสฺเส นิปฺผนฺเน ตุยฺหมฺปิ สํวิภาคํ กริสฺสามิ, ตุยฺหํ อทตฺวา สยํ น ขาทิสฺสามิ, อิโต ปฏฺาย ทานิ ตฺวํ มม สหาโย’ติ อวจํ. โสปิ เม มโนรโถ มตฺถกํ น ปาปุณี’’ติ อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. อถสฺส สตฺถา เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส สตฺถุ อาคมนํ สุตฺวา ‘‘สหายํ เม อาเนตฺวา อิธ นิสีทาเปถา’’ติ อาห. ปริชโน ตถา อกาสิ. สตฺถา นิสีทิตฺวา ‘‘กหํ พฺราหฺมโณ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คพฺเภ นิปนฺโน’’ติ วุตฺเต ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ อาห ‘‘กึ, พฺราหฺมณา’’ติ? โภ โคตม, ตุมฺเห มม เขตฺตโสธนทิวสโต ปฏฺาย อาคตา, อหมฺปิ ‘‘สสฺเส นิปฺผนฺเน ตุมฺหากํ สํวิภาคํ กริสฺสามี’’ติ อวจํ. โส เม มโนรโถ อนิปฺผนฺโน, เตน เม โสโก อุปฺปนฺโน, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทตีติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ชานาสิ ปน, พฺราหฺมณ, กึ เต นิสฺสาย โสโก อุปฺปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ชานามิ, โภ โคตม, ตฺวํ ปน ชานาสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, อุปฺปชฺชมาโน โสโก วา ภยํ วา ตณฺหํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๑๖.

‘‘ตณฺหาย ชายตี โสโก, ตณฺหาย ชายตี ภยํ;

ตณฺหาย วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ ตณฺหายาติ ฉทฺวาริกาย ตณฺหาย, เอตํ ตณฺหํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.

อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. ปฺจสตทารกวตฺถุ

สีลทสฺสนสมฺปนฺนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อนฺตรามคฺเค ปฺจสตทารเก อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ สตฺถา อสีติมหาเถเรหิ สทฺธึ ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เอกสฺมึ ฉณทิวเส ปฺจสเต ทารเก ปูวปจฺฉิโย อุกฺขิปาเปตฺวา นครา นิกฺขมฺม อุยฺยานํ คจฺฉนฺเต อทฺทส. เตปิ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ, เต เอกํ ภิกฺขุมฺปิ ‘‘ปูวํ คณฺหถา’’ติ น วทึสุ. สตฺถา เตสํ คตกาเล ภิกฺขู อาห – ‘‘ขาทิสฺสถ, ภิกฺขเว, ปูเว’’ติ. ‘‘กหํ ภนฺเต, ปูวา’’ติ? ‘‘กึ น ปสฺสถ เต ทารเก ปูวปจฺฉิโย อุกฺขิปาเปตฺวา อติกฺกนฺเต’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอวรูปา นาม ทารกา กสฺสจิ ปูวํ น เทนฺตี’’ติ. ‘‘ภิกฺขเว, กิฺจาปิ เอเต มํ วา ตุมฺเห วา ปูเวหิ น นิมนฺตยึสุ, ปูวสามิโก ปน ภิกฺขุ ปจฺฉโต อาคจฺฉติ, ปูเว ขาทิตฺวาว คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. พุทฺธานฺหิ เอกปุคฺคเลปิ อิสฺสา วา โทโส วา นตฺถิ, ตสฺมา อิมํ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย เอกสฺมึ รุกฺขมูเล ฉายาย นิสีทิ. ทารกา มหากสฺสปตฺเถรํ ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนหา ปีติเวเคน ปริปุณฺณสรีรา หุตฺวา ปจฺฉิโย โอตาเรตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปูเว ปจฺฉีหิ สทฺธึเยว อุกฺขิปิตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ เถรํ วทึสุ. อถ เน เถโร อาห – ‘‘เอส สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา รุกฺขมูเล นิสินฺโน, ตุมฺหากํ เทยฺยธมฺมํ อาทาย คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สํวิภาคํ กโรถา’’ติ. เต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ นิวตฺติตฺวา เถเรน สทฺธึเยว คนฺตฺวา ปูเว ทตฺวา โอโลกยมานา เอกมนฺเต ตฺวา ปริโภคาวสาเน อุทกํ อทํสุ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘ทารเกหิ มุโขโลกเนน ภิกฺขา ทินฺนา, สมฺมาสมฺพุทฺธํ วา มหาเถเร วา ปูเวหิ อนาปุจฺฉิตฺวา มหากสฺสปตฺเถรํ ทิสฺวา ปจฺฉีหิ สทฺธึเยว อาทาย อาคมึสู’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตน มหากสฺสเปน สทิโส ภิกฺขุ เทวมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เต จ ตสฺส จตุปจฺจเยน ปูชํ กโรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๑๗.

‘‘สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ, ธมฺมฏฺํ สจฺจเวทินํ;

อตฺตโน กมฺม กุพฺพานํ, ตํ ชโน กุรุเต ปิย’’นฺติ.

ตตฺถ สีลทสฺสนสมฺปนฺนนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีเลน เจว มคฺคผลสมฺปยุตฺเตน จ สมฺมาทสฺสเนน สมฺปนฺนํ. ธมฺมฏฺนฺติ นววิธโลกุตฺตรธมฺเม ิตํ, สจฺฉิกตโลกุตฺตรธมฺมนฺติ อตฺโถ. สจฺจเวทินนฺติ จตุนฺนํ สจฺจานํ โสฬสหากาเรหิ สจฺฉิกตตฺตา สจฺจาเณน สจฺจเวทินํ. อตฺตโน กมฺม กุพฺพานนฺติ อตฺตโน กมฺมํ นาม ติสฺโส สิกฺขา, ตา ปูรยมานนฺติ อตฺโถ. ตํ ชโนติ ตํ ปุคฺคลํ โลกิยมหาชโน ปิยํ กโรติ, ทฏฺุกาโม วนฺทิตุกาโม ปจฺจเยน ปูเชตุกาโม โหติเยวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต ทารกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.

ปฺจสตทารกวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. เอกอนาคามิตฺเถรวตฺถุ

ฉนฺทชาโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนาคามิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ ตํ เถรํ สทฺธิวิหาริกา ปุจฺฉึสุ – ‘‘อตฺถิ ปน โว, ภนฺเต, วิเสสาธิคโม’’ติ. เถโร ‘‘อนาคามิผลํ นาม คหฏฺาปิ ปาปุณนฺติ, อรหตฺตํ ปตฺตกาเลเยว เตหิ สทฺธึ กเถสฺสามี’’ติ หรายมาโน กิฺจิ อกเถตฺวาว กาลกโต สุทฺธาวาสเทวโลเก นิพฺพตฺติ. อถสฺส สทฺธิวิหาริกา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา โรทนฺตาว เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ เน สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, โรทถา’’ติ อาห. ‘‘อุปชฺฌาโย โน, ภนฺเต, กาลกโต’’ติ. ‘‘โหตุ, ภิกฺขเว, มา จินฺตยิตฺถ, ธุวธมฺโม นาเมโส’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, มยมฺปิ ชานาม, อปิจ มยํ อุปชฺฌายํ วิเสสาธิคมํ ปุจฺฉิมฺหา, โส กิฺจิ อกเถตฺวาว กาลกโต, เตนมฺห ทุกฺขิตา’’ติ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, มา จินฺตยิตฺถ, อุปชฺฌาเยน โว อนาคามิผลํ ปตฺตํ, โส ‘คิหีเปตํ ปาปุณนฺติ, อรหตฺตํ ปตฺวาว เนสํ กเถสฺสามี’ติ หรายนฺโต ตุมฺหากํ กิฺจิ อกเถตฺวา กาลํ กตฺวา สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺโต, อสฺสาสถ, ภิกฺขเว, อุปชฺฌาโย โว กาเมสุ อปฺปฏิพทฺธจิตฺตตํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๑๘.

‘‘ฉนฺทชาโต อนกฺขาเต, มนสา จ ผุโฏ สิยา;

กาเมสุ จ อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต, อุทฺธํโสโตติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ฉนฺทชาโตติ กตฺตุกามตาวเสน ชาตฉนฺโท อุสฺสาหปตฺโต. อนกฺขาเตติ นิพฺพาเน. ตฺหิ ‘‘อสุเกน กตํ วา นีลาทีสุ เอวรูปํ วา’’ติ อวตฺตพฺพตาย อนกฺขาตํ นาม. มนสา จ ผุโฏ สิยาติ เหฏฺิเมหิ ตีหิ มคฺคผลจิตฺเตหิ ผุโฏ ปูริโต ภเวยฺย. อปฺปฏิพทฺธจิตฺโตติ อนาคามิมคฺควเสน กาเมสุ อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต. อุทฺธํโสโตติ เอวรูโป ภิกฺขุ อวิเหสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต ปฏฺาย ปฏิสนฺธิวเสน อกนิฏฺํ คจฺฉนฺโต อุทฺธํโสโตติ วุจฺจติ, ตาทิโส โว อุปชฺฌาโยติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

เอกอนาคามิตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. นนฺทิยวตฺถุ

จิรปฺปวาสินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อิสิปตเน วิหรนฺโต นนฺทิยํ อารพฺภ กเถสิ.

พาราณสิยํ กิร สทฺธาสมฺปนฺนสฺส กุลสฺส นนฺทิโย นาม ปุตฺโต อโหสิ, โส มาตาปิตูนํ อนุรูโป สทฺธาสมฺปนฺโน สงฺฆุปฏฺาโก อโหสิ. อถสฺส มาตาปิตโร วยปฺปตฺตกาเล สมฺมุขเคหโต มาตุลธีตรํ เรวตึ นาม อาเนตุกามา อเหสุํ. สา ปน อสฺสทฺธา อทานสีลา, นนฺทิโย ตํ น อิจฺฉิ. อถสฺส มาตา เรวตึ อาห – ‘‘อมฺม, ตฺวํ อิมสฺมึ เคเห ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสชฺชนฏฺานํ อุปลิมฺปิตฺวา อาสนานิ ปฺาเปหิ, อาธารเก เปหิ, ภิกฺขูนํ อาคตกาเล ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทาเปตฺวา ธมฺมกรเณน ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา ภุตฺตกาเล ปตฺเต โธว, เอวํ เม ปุตฺตสฺส อาราธิตา ภวิสฺสสี’’ติ. สา ตถา อกาสิ. อถ นํ ‘‘โอวาทกฺขมา ชาตา’’ติ ปุตฺตสฺส อาโรเจตฺวา เตน สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิเต ทิวสํ เปตฺวา อาวาหํ กรึสุ.

อถ นํ นนฺทิโย อาห – ‘‘สเจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ มาตาปิตโร จ เม อุปฏฺหิสฺสสิ, เอวํ อิมสฺมึ เคเห วสิตุํ ลภิสฺสสิ, อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา กติปาหํ สทฺธา วิย หุตฺวา ภตฺตารํ อุปฏฺหนฺตี ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ. นนฺทิยสฺสาปิ มาตาปิตโร กาลมกํสุ, เคเห สพฺพิสฺสริยํ ตสฺสาเยว อโหสิ. นนฺทิโยปิ มาตาปิตูนํ กาลกิริยโต ปฏฺาย มหาทานปติ หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ปฏฺเปสิ. กปณทฺธิกาทีนมฺปิ เคหทฺวาเร ปากวตฺตํ ปฏฺเปสิ. โส อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อาวาสทาเน อานิสํสํ สลฺลกฺเขตฺวา อิสิปตเน มหาวิหาเร จตูหิ คพฺเภหิ ปฏิมณฺฑิตํ จตุสาลํ กาเรตฺวา มฺจปีาทีนิ อตฺถราเปตฺวา ตํ อาวาสํ นิยฺยาเทนฺโต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ตถาคตสฺส ทกฺขิโณทกํ อทาสิ. สตฺถุ หตฺเถ ทกฺขิโณทกปติฏฺาเนน สทฺธึเยว ตาวตึสเทวโลเก สพฺพทิสาสุ ทฺวาทสโยชนิโก อุทฺธํ โยชนสตุพฺเพโธ สตฺตรตนมโย นารีคณสมฺปนฺโน ทิพฺพปาสาโท อุคฺคจฺฉิ.

อเถกทิวเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร เทวจาริกํ คนฺตฺวา ตสฺส ปาสาทสฺส อวิทูเร ิโต อตฺตโน สนฺติเก อาคเต เทวปุตฺเต ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺเสโส อจฺฉราคณปริวุโต ทิพฺพปาสาโท นิพฺพตฺโต’’ติ. อถสฺส เทวปุตฺตา วิมานสามิกํ อาจิกฺขนฺตา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, เยน นนฺทิเยน นาม คหปติปุตฺเตน อิสิปตเน สตฺถุ วิหารํ กาเรตฺวา ทินฺโน, ตสฺสตฺถาย เอตํ วิมานํ นิพฺพตฺต’’นฺติ. อจฺฉราสงฺโฆปิ นํ ทิสฺวา ปาสาทโต โอโรหิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยํ ‘นนฺทิยสฺส ปริจาริกา ภวิสฺสามา’ติ อิธ นิพฺพตฺตา, ตํ ปน อปสฺสนฺตี อติวิย อุกฺกณฺิตมฺหา, มตฺติกปาตึ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณปาติคหณํ วิย มนุสฺสสมฺปตฺตึ ชหิตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺติคหณํ, อิธาคมนตฺถาย นํ วเทยฺยาถา’’ติ. เถโร ตโต อาคนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘นิพฺพตฺตติ นุ โข, ภนฺเต, มนุสฺสโลเก ิตานํเยว กตกลฺยาณานํ ทิพฺพสมฺปตฺตี’’ติ. ‘‘โมคฺคลฺลาน, นนุ เต เทวโลเก นนฺทิยสฺส นิพฺพตฺตา ทิพฺพสมฺปตฺติ สามํ ทิฏฺา, กสฺมา มํ ปุจฺฉสี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต, นิพฺพตฺตตี’’ติ.

อถ นํ สตฺถา ‘‘โมคฺคลฺลานํ กึ นาเมตํ กเถสิ. ยถา หิ จิรปฺปวุฏฺํ ปุตฺตํ วา ภาตรํ วา วิปฺปวาสโต อาคจฺฉนฺตํ คามทฺวาเร ิโต โกจิเทว ทิสฺวา เวเคน เคหํ อาคนฺตฺวา ‘อสุโก นาม อาคโต’ติ อาโรเจยฺย, อถสฺส าตกา หฏฺปหฏฺา เวเคน นิกฺขมิตฺวา ‘อาคโตสิ, ตาต, อโรโคสิ, ตาตา’ติ ตํ อภินนฺเทยฺยุํ, เอวเมว อิธ กตกลฺยาณํ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา อิมํ โลกํ ชหิตฺวา ปรโลกํ คตํ ทสวิธํ ทิพฺพปณฺณาการํ อาทาย ‘อหํ ปุรโต, อหํ ปุรโต’ติ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เทวตา อภินนฺทนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๑๙.

‘‘จิรปฺปวาสึ ปุริสํ, ทูรโต โสตฺถิมาคตํ;

าติมิตฺตา สุหชฺชา จ, อภินนฺทนฺติ อาคตํ.

๒๒๐.

‘‘ตเถว กตปุฺมฺปิ, อสฺมา โลกา ปรํ คตํ;

ปุฺานิ ปฏิคณฺหนฺติ, ปิยํ าตีว อาคต’’นฺติ.

ตตฺถ จิรปฺปวาสินฺติ จิรปฺปวุฏฺํ. ทูรโต โสตฺถิมาคตนฺติ วณิชฺชํ วา ราชโปริสํ วา กตฺวา ลทฺธลาภํ นิปฺผนฺนสมฺปตฺตึ อนุปทฺทเวน ทูรฏฺานโต อาคตํ. าติมิตฺตา สุหชฺชา จาติ กุลสมฺพนฺธวเสน าตี จ สนฺทิฏฺาทิภาเวน มิตฺตา จ สุหทยภาเวน สุหชฺชา จ. อภินนฺทนฺติ อาคตนฺติ นํ ทิสฺวา อาคตนฺติ วจนมตฺเตน วา อฺชลิกรณมตฺเตน วา เคหสมฺปตฺตํ ปน นานปฺปการปณฺณาการาภิหรณวเสน อภินนฺทนฺติ. ตเถวาติ เตเนวากาเรน กตปุฺมฺปิ ปุคฺคลํ อิมสฺมา โลกา ปรโลกํ คตํ ทิพฺพํ อายุวณฺณสุขยสอาธิปเตยฺยํ, ทิพฺพํ รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพนฺติ อิมํ ทสวิธํ ปณฺณาการํ อาทาย มาตาปิตุฏฺาเน ิตานิ ปุฺานิ อภินนฺทนฺตานิ ปฏิคฺคณฺหนฺติ. ปิยํ าตีวาติ อิธโลเก ปิยาตกํ อาคตํ เสสาตกา วิยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

นนฺทิยวตฺถุ นวมํ.

ปิยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

โสฬสโม วคฺโค.

๑๗. โกธวคฺโค

๑. โรหินีขตฺติยกฺาวตฺถุ

โกธํ ชเหติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต โรหินึ นาม ขตฺติยกฺํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมึ กิร สมเย อายสฺมา อนุรุทฺโธ ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ กปิลวตฺถุํ อคมาสิ. อถสฺส าตกา ‘‘เถโร อาคโต’’ติ สุตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ อคมํสุ เปตฺวา โรหินึ นาม เถรสฺส ภคินึ. เถโร าตเก ปุจฺฉิ ‘‘กหํ, โรหินี’’ติ? ‘‘เคเห, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กสฺมา อิธ นาคตา’’ติ? ‘‘สรีเร ตสฺสา ฉวิโรโค อุปฺปนฺโนติ ลชฺชาย นาคตา, ภนฺเต’’ติ. เถโร ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา ปฏกฺจุกํ ปฏิมุฺจิตฺวา อาคตํ เอวมาห – ‘‘โรหินิ, กสฺมา นาคตาสี’’ติ? ‘‘สรีเร เม, ภนฺเต, ฉวิโรโค อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ลชฺชาย นาคตามฺหี’’ติ. ‘‘กึ ปน เต ปุฺํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาสนสาลํ กาเรหี’’ติ. ‘‘กึ คเหตฺวา’’ติ? ‘‘กึ เต ปสาธนภณฺฑกํ นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ มูล’’นฺติ? ‘‘ทสสหสฺสมูลํ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา อาสนสาลํ กาเรหี’’ติ. ‘‘โก เม, ภนฺเต, กาเรสฺสตี’’ติ? เถโร สมีเป ิตาตเก โอโลเกตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ภาโร โหตู’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห ปน, ภนฺเต, กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘อหมฺปิ อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอติสฺสา ทพฺพสมฺภาเร อาหรถา’’ติ. เต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ อาหรึสุ.

เถโร อาสนสาลํ สํวิทหนฺโต โรหินึ อาห – ‘‘ทฺวิภูมิกํ อาสนสาลํ กาเรตฺวา อุปริ ปทรานํ ทินฺนกาลโต ปฏฺาย เหฏฺาสาลํ นิพทฺธํ สมฺมชฺชิตฺวา อาสนานิ ปฺาเปหิ, นิพทฺธํ ปานียฆเฏ อุปฏฺาเปหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ปสาธนภณฺฑกํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทฺวิภูมิกอาสนสาลํ กาเรตฺวา อุปริ ปทรานํ ทินฺนกาลโต ปฏฺาย เหฏฺาสาลํ สมฺมชฺชนาทีนิ อกาสิ. นิพทฺธํ ภิกฺขู นิสีทนฺติ. อถสฺสา อาสนสาลํ สมฺมชฺชนฺติยาว ฉวิโรโค มิลายิ. สา อาสนสาลาย นิฏฺิตาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อาสนสาลํ ปูเรตฺวา นิสินฺนสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ อทาสิ. สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ ‘‘กสฺเสตํ ทาน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภคินิยา เม, ภนฺเต, โรหินิยา’’ติ. ‘‘สา ปน กห’’นฺติ? ‘‘เคเห, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ? สา อาคนฺตุํ น อิจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อนิจฺฉมานมฺปิ ปกฺโกสาเปสิเยว. อาคนฺตฺวา จ ปน วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ อาห – ‘‘โรหินิ, กสฺมา นาคมิตฺถา’’ติ? ‘‘สรีเร เม, ภนฺเต, ฉวิโรโค อตฺถิ, เตน ลชฺชมานา นาคตามฺหี’’ติ. ‘‘ชานาสิ ปน กึ เต นิสฺสาย เอส อุปฺปนฺโน’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตว โกธํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน เอโส’’ติ. ‘‘กึ ปน เม, ภนฺเต, กต’’นฺติ? ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสี เอกิสฺสา รฺโ นาฏกิตฺถิยา อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘ทุกฺขมสฺสา อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มหากจฺฉุผลานิ อาหราเปตฺวา ตํ นาฏกิตฺถึ อตฺตโน สนฺติกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ยถา สา น ชานาติ, เอวมสฺสา สยเน เจว ปาวารโกชวาทีนฺจ อนฺตเรสุ กจฺฉุจุณฺณานิ ปาเปสิ, เกฬึ กุรุมานา วิย ตสฺสา สรีเรปิ โอกิริ. ตํ ขณํเยว ตสฺสา สรีรํ อุปฺปกฺกุปฺปกฺกํ คณฺฑาคณฺฑชาตํ อโหสิ. สา กณฺฑุวนฺตี คนฺตฺวา สยเน นิปชฺชิ, ตตฺราปิสฺสา กจฺฉุจุณฺเณหิ ขาทิยมานาย ขรตรา เวทนา อุปฺปชฺชิ. ตทา อคฺคมเหสี โรหินี อโหสีติ.

สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา, ‘‘โรหินิ, ตทา ตยาเวตํ กมฺมํ กตํ. อปฺปมตฺตโกปิ หิ โกโธ วา อิสฺสา วา กาตุํ น ยุตฺตรูโป เอวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๒๑.

‘‘โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ,

สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย;

ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ,

อกิฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา’’ติ.

ตตฺถ โกธนฺติ สพฺพาการมฺปิ โกธํ นววิธมฺปิ มานํ ชเหยฺย. สํโยชนนฺติ กามราคสํโยชนาทิกํ ทสวิธมฺปิ สพฺพสํโยชนํ อติกฺกเมยฺย. อสชฺชมานนฺติ อลคฺคมานํ. โย หิ ‘‘มม รูปํ มม เวทนา’’ติอาทินา นเยน นามรูปํ ปฏิคฺคณฺหาติ, ตสฺมิฺจ ภิชฺชมาเน โสจติ วิหฺติ, อยํ นามรูปสฺมึ สชฺชติ นาม. เอวํ อคฺคณฺหนฺโต อวิหฺนฺโต น สชฺชติ นาม. ตํ ปุคฺคลํ เอวํ อสชฺชมานํ ราคาทีนํ อภาเวน อกิฺจนํ ทุกฺขา นาม นานุปตนฺตีติ อตฺโถ. เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ. โรหินีปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา, ตงฺขณฺเวสฺสา สรีรํ สุวณฺณวณฺณํ อโหสิ.

สา ตโต จุตา ตาวตึสภวเน จตุนฺนํ เทวปุตฺตานํ สีมนฺตเร นิพฺพตฺติตฺวา ปาสาทิกา รูปโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ. จตฺตาโรปิ เทวปุตฺตา ตํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนหา หุตฺวา ‘‘มม สีมาย อนฺโต นิพฺพตฺตา, มม สีมาย อนฺโต นิพฺพตฺตา’’ติ วิวทนฺตา สกฺกสฺส เทวรฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, อิมํ โน นิสฺสาย อฑฺโฑ อุปฺปนฺโน, ตํ วินิจฺฉินาถา’’ติ อาหํสุ. สกฺโกปิ ตํ โอโลเกตฺวาว อุปฺปนฺนสิเนโห หุตฺวา เอวมาห – ‘‘อิมาย โว ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย กถํ จิตฺตานิ อุปฺปนฺนานี’’ติ. อเถโก อาห – ‘‘มม ตาว อุปฺปนฺนจิตฺตํ สงฺคามเภริ วิย สนฺนิสีทิตุํ นาสกฺขี’’ติ. ทุติโย ‘‘มม จิตฺตํ ปพฺพตนที วิย สีฆํ ปวตฺตติเยวา’’ติ. ตติโย ‘‘มม อิมิสฺสา ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย กกฺกฏสฺส วิย อกฺขีนิ นิกฺขมึสู’’ติ. จตุตฺโถ ‘‘มม จิตฺตํ เจติเย อุสฺสาปิตธโช วิย นิจฺจลํ าตุํ นาสกฺขี’’ติ. อถ เน สกฺโก อาห – ‘‘ตาตา, ตุมฺหากํ ตาว จิตฺตานิ ปสยฺหรูปานิ, อหํ ปน อิมํ ลภนฺโต ชีวิสฺสามิ, อลภนฺตสฺส เม มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ. เทวปุตฺตา, ‘‘มหาราช, ตุมฺหากํ มรเณน อตฺโถ นตฺถี’’ติ ตํ สกฺกสฺส วิสฺสชฺเชตฺวา ปกฺกมึสุ. สา สกฺกสฺส ปิยา อโหสิ มนาปา. ‘‘อสุกกีฬํ นาม คจฺฉามา’’ติ วุตฺเต สกฺโก ตสฺสา วจนํ ปฏิกฺขิปิตุํ นาสกฺขีติ.

โรหินีขตฺติยกฺาวตฺถุ ปมํ.

๒. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ

โย เว อุปฺปติตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

สตฺถารา หิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เสนาสเน อนุฺาเต ราชคหเสฏฺิอาทีหิ เสนาสเนสุ กริยมาเนสุ เอโก อาฬวิโก ภิกฺขุ อตฺตโน เสนาสนํ กโรนฺโต เอกํ มนาปรุกฺขํ ทิสฺวา ฉินฺทิตุํ อารภิ. ตตฺถ ปน นิพฺพตฺตา เอกา ตรุณปุตฺตา เทวตา ปุตฺตํ องฺเกนาทาย ิตา ยาจิ ‘‘มา เม, สามิ, วิมานํ ฉินฺทิ, น สกฺขิสฺสามิ ปุตฺตํ อาทาย อนาวาสา วิจริตุ’’นฺติ. โส ‘‘อหํ อฺตฺร อีทิสํ รุกฺขํ น ลภิสฺสามี’’ติ ตสฺสา วจนํ นาทิยิ. สา ‘‘อิมมฺปิ ตาว ทารกํ โอโลเกตฺวา โอรมิสฺสตี’’ติ ปุตฺตํ รุกฺขสาขาย เปสิ. โสปิ ภิกฺขุ อุกฺขิปิตํ ผรสุํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ทารกสฺส พาหุํ ฉินฺทิ, เทวตา อุปฺปนฺนพลวโกธา ‘‘ปหริตฺวา นํ มาเรสฺสามี’’ติ อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา เอวํ ตาว จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ภิกฺขุ สีลวา. สจาหํ อิมํ มาเรสฺสามิ, นิรยคามินี ภวิสฺสามิ. เสสเทวตาปิ อตฺตโน รุกฺขํ ฉินฺทนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘อสุกเทวตาย เอวํ นาม มาริโต ภิกฺขู’ติ มํ ปมาณํ กตฺวา ภิกฺขู มาเรสฺสนฺติ. อยฺจ สสามิโก ภิกฺขุ, สามิกสฺเสว นํ กเถสฺสามี’’ติ อุกฺขิตฺตหตฺเถ อปเนตฺวา โรทมานา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ เทวเต’’ติ อาห. สา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ เม สาวเกน อิทํ นาม กตํ, อหมฺปิ นํ มาเรตุกามา หุตฺวา อิทํ นาม จินฺเตตฺวา อมาเรตฺวาว อิธาคตา’’ติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ วิตฺถารโต อาโรเจสิ.

สตฺถา ตํ สุตฺวา ‘‘สาธุ, สาธุ เทวเต, สาธุ เต กตํ เอวํ อุคฺคตํ โกปํ ภนฺตํ รถํ วิย นิคฺคณฺหมานายา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๒๒.

‘‘โย เว อุปฺปติตํ โกธํ, รถํ ภนฺตํว วารเย;

ตมหํ สารถึ พฺรูมิ, รสฺมิคฺคาโห อิตโร ชโน’’ติ.

ตตฺถ อุปฺปติตนฺติ อุปฺปนฺนํ. รถํ ภนฺตํ วาติ ยถา นาม เฉโก สารถิ อติเวเคน ธาวนฺตํ รถํ นิคฺคณฺหิตฺวา ยถิจฺฉกํ เปติ, เอวํ โย ปุคฺคโล อุปฺปนฺนํ โกธํ วารเย นิคฺคณฺหิตุํ สกฺโกติ. ตมหนฺติ ตํ อหํ สารถึ พฺรูมิ. อิตโร ชโนติ อิตโร ปน ราชอุปราชาทีนํ รถสารถิชโน รสฺมิคฺคาโห นาม โหติ, น อุตฺตมสารถีติ.

เทสนาวสาเน เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

เทวตา ปน โสตาปนฺนา หุตฺวาปิ โรทมานา อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ เทวเต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, วิมานํ เม นฏฺํ, อิทานิ กึ กริสฺสามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อลํ เทวเต, มา จินฺตยิ, อหํ เต วิมานํ ทสฺสามี’’ติ เชตวเน คนฺธกุฏิสมีเป ปุริมทิวเส จุตเทวตํ เอกํ รุกฺขํ อปทิสนฺโต ‘‘อมุกสฺมึ โอกาเส รุกฺโข วิวิตฺโต, ตตฺถ อุปคจฺฉา’’ติ อาห. สา ตตฺถ อุปคฺฉิ. ตโต ปฏฺาย ‘‘พุทฺธทตฺติยํ อิมิสฺสา วิมาน’’นฺติ มเหสกฺขเทวตาปิ อาคนฺตฺวา ตํ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. สตฺถา ตํ อตฺถุปฺปตฺตึ กตฺวา ภิกฺขูนํ ภูตคามสิกฺขาปทํ ปฺาเปสีติ.

อฺตรภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.

๓. อุตฺตราอุปาสิกาวตฺถุ

อกฺโกเธน ชิเน โกธนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อุตฺตราย เคเห กตภตฺตกิจฺโจ อุตฺตรํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ.

ตตฺรายมนุปุพฺพี กถา – ราชคเห กิร สุมนเสฏฺึ นิสฺสาย ปุณฺโณ นาม ทลิทฺโท ภตึ กตฺวา ชีวติ. ตสฺส ภริยา จ อุตฺตรา นาม ธีตา จาติ ทฺเวเยว เคหมานุสกา. อเถกทิวสํ ‘‘สตฺตาหํ นกฺขตฺตํ กีฬิตพฺพ’’นฺติ ราชคเห โฆสนํ กรึสุ. ตํ สุตฺวา สุมนเสฏฺิ ปาโตว อาคตํ ปุณฺณํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ตาต, อมฺหากํ ปริชโน นกฺขตฺตํ กีฬิตุกาโม, ตฺวํ กึ นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสสิ, อุทาหุ ภตึ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘สามิ, นกฺขตฺตํ นาม สธนานํ โหติ, มม ปน เคเห สฺวาตนาย ยาคุตณฺฑุลมฺปิ นตฺถิ, กึ เม นกฺขตฺเตน, โคเณ ลภนฺโต กสิตุํ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ โคเณ คณฺหาหี’’ติ. โส พลวโคเณ จ นงฺคลฺจ คเหตฺวา, ‘‘ภทฺเท, นาครา นกฺขตฺตํ กีฬนฺติ, อหํ ทลิทฺทตาย ภตึ กาตุํ คมิสฺสามิ, มยฺหมฺปิ ตาว อชฺช ทฺวิคุณํ นิวาปํ ปจิตฺวา ภตฺตํ อาหเรยฺยาสี’’ติ ภริยํ วตฺวา เขตฺตํ อคมาสิ.

สาริปุตฺตตฺเถโรปิ สตฺตาหํ นิโรธสมาปนฺโน ตํ ทิวสํ วุฏฺาย ‘‘กสฺส นุ โข อชฺช มยา สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอโลเกนฺโต ปุณฺณํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘สทฺโธ นุ โข เอส, สกฺขิสฺสติ วา เม สงฺคหํ กาตุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ตสฺส สทฺธภาวฺจ สงฺคหํ กาตุํ สมตฺถภาวฺจ ตปฺปจฺจยา จสฺส มหาสมฺปตฺติปฏิลาภฺจ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺส กสนฏฺานํ คนฺตฺวา อาวาฏตีเร เอกํ คุมฺพํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ.

ปุณฺโณ เถรํ ทิสฺวาว กสึ เปตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ทนฺตกฏฺเน อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ ทนฺตกฏฺํ กปฺปิยํ กตฺวา อทาสิ. อถสฺส เถโร ปตฺตฺจ ปริสฺสาวนฺจ นีหริตฺวา อทาสิ. โส ‘‘ปานีเยน อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ อาทาย ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปเรสํ ปจฺฉิมเคเห วสติ. สจสฺส เคหทฺวารํ คมิสฺสามิ, อิมสฺส ภริยา มํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสติ. ยาวสฺสา ภตฺตํ อาทาย มคฺคํ ปฏิปชฺชติ, ตาว อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ. โส ตตฺเถว โถกํ วีตินาเมตฺวา ตสฺส มคฺคารุฬฺหภาวํ ตฺวา อนฺโตนคราภิมุโข ปายาสิ.

สา อนฺตรามคฺเค เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อปฺเปกทาหํ เทยฺยธมฺเม สติ อยฺยํ น ปสฺสามิ, อปฺเปกทา เม อยฺยํ ปสฺสนฺติยา เทยฺยธมฺโม น โหติ. อชฺช ปน เม อยฺโย จ ทิฏฺโ, เทยฺยธมฺโม จายํ อตฺถิ, กริสฺสติ นุ โข เม สงฺคห’’นฺติ. สา ภตฺตภาชนํ โอโรเปตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา ทาสสฺส โว สงฺคหํ กโรถา’’ติ อาห. เถโร ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา ตาย เอเกน หตฺเถน ภาชนํ ธาเรตฺวา เอเกน หตฺเถน ตโต ภตฺตํ ททมานาย อุปฑฺฒภตฺเต ทินฺเน ‘‘อล’’นฺติ หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. สา, ‘‘ภนฺเต, เอโกว ปฏิวิโส, น สกฺกา ทฺวิธา กาตุํ. ตุมฺหากํ ทาสสฺส อิธโลกสงฺคหํ อกตฺวา ปรโลกสงฺคหํ กโรถ, นิรวเสสเมว ทาตุกามมฺหี’’ติ วตฺวา สพฺพเมว เถรสฺส ปตฺเต ปติฏฺเปตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺเสว ภาคี อสฺส’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา ิตโกว อนุโมทนํ กริตฺวา เอกสฺมึ อุทกผาสุกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกาสิ. สาปิ นิวตฺติตฺวา ตณฺฑุเล ปริเยสิตฺวา ภตฺตํ ปจิ. ปุณฺโณปิ อฑฺฒกรีสมตฺตฏฺานํ กสิตฺวา ชิฆจฺฉํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต โคเณ วิสฺสชฺเชตฺวา เอกรุกฺขจฺฉายํ ปวิสิตฺวา มคฺคํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ.

อถสฺส ภริยา ภตฺตํ อาทาย คจฺฉมานา ตํ ทิสฺวาว ‘‘เอส ชิฆจฺฉาย ปีฬิโต มํ โอโลเกนฺโต นิสินฺโน. สเจ มํ ‘อติวิย เช จิรายี’ติ ตชฺเชตฺวา ปโตทลฏฺิยา มํ ปหริสฺสติ, มยา กตกมฺมํ นิรตฺถกํ ภวิสฺสติ. ปฏิกจฺเจวสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาห – ‘‘สามิ, อชฺเชกทิวสํ จิตฺตํ ปสาเทหิ, มา มยา กตกมฺมํ นิรตฺถกํ กริ. อหฺหิ ปาโตว เต ภตฺตํ อาหรนฺตี อนฺตรามคฺเค ธมฺมเสนาปตึ ทิสฺวา ตว ภตฺตํ ตสฺส ทตฺวา ปุน คนฺตฺวา ภตฺตํ ปจิตฺวา อาคตา, ปสาเทหิ, สามิ, จิตฺต’’นฺติ. โส ‘‘กึ วเทสิ, ภทฺเท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปุน ตมตฺถํ สุตฺวา, ‘‘ภทฺเท, สาธุ วต เต กตํ มม ภตฺตํ อยฺยสฺส ททมานาย, มยาปิสฺส อชฺช ปาโตว ทนฺตกฏฺฺจ มุโขทกฺจ ทินฺน’’นฺติ ปสนฺนมานโส ตํ วจนํ อภินนฺทิตฺวา อุสฺสุเร ลทฺธภตฺตตาย กิลนฺตกาโย ตสฺสา องฺเก สีสํ กตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ.

อถสฺส ปาโตว กสิตฏฺานํ ปํสุจุณฺณํ อุปาทาย สพฺพํ รตฺตสุวณฺณํ กณิการปุปฺผราสิ วิย โสภมานํ อฏฺาสิ. โส ปพุทฺโธ โอโลเกตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, เอตํ กสิตฏฺานํ สพฺพํ มม สุวณฺณํ หุตฺวา ปฺายติ, กึ นุ โข เม อติอุสฺสุเร ลทฺธภตฺตตาย อกฺขีนิ ภมนฺตี’’ติ. ‘‘สามิ, มยฺหมฺปิ เอวเมว ปฺายตี’’ติ. โส อุฏฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา เอกปิณฺฑํ คเหตฺวา นงฺคลสีเส ปหริตฺวา สุวณฺณภาวํ ตฺวา ‘‘อโห อยฺยสฺส ธมฺมเสนาปติสฺส เม ทินฺนทาเนน อชฺเชว วิปาโก ทสฺสิโต, น โข ปน สกฺกา เอตฺตกํ ธนํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปริภุฺชิตุ’’นฺติ ภริยาย อาภตํ ภตฺตปาตึ สุวณฺณสฺส ปูเรตฺวา ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา กโตกาโส ปวิสิตฺวา ราชานํ อภิวาเทตฺวา ‘‘กึ, ตาตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘เทว, อชฺช มยา กสิตฏฺานํ สพฺพํ สุวณฺณภริตเมว หุตฺวา ิตํ, อิทํ สุวณฺณํ อาหราเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘ปุณฺโณ นาม อห’’นฺติ. ‘‘กึ ปน เต อชฺช กต’’นฺติ? ‘‘ธมฺมเสนาปติสฺส เม อชฺช ปาโตว ทนฺตกฏฺฺจ มุโขทกฺจ ทินฺนํ, ภริยายปิ เม มยฺหํ อาหรณภตฺตํ ตสฺเสว ทินฺน’’นฺติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘อชฺเชว กิร, โภ, ธมฺมเสนาปติสฺส ทินฺนทาเนน วิปาโก ทสฺสิโต’’ติ วตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พหูนิ สกฏสหสฺสานิ ปหิณิตฺวา สุวณฺณํ อาหราเปถา’’ติ. ราชา สกฏานิ ปหิณิ. ราชปุริเสสุ ‘‘รฺโ สนฺตก’’นฺติ คณฺหนฺเตสุ คหิตคหิตํ มตฺติกาว โหติ. เต คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ กินฺติ วตฺวา คหิต’’นฺติ. ปุฏฺา ‘‘ตุมฺหากํ สนฺตก’’นฺติ อาหํสุ. น มยฺหํ, ตาตา, สนฺตกํ, คจฺฉถ ‘‘ปุณฺณสฺส สนฺตก’’นฺติ วตฺวา คณฺหถาติ. เต ตถา กรึสุ, คหิตคหิตํ สุวณฺณเมว อโหสิ. สพฺพมฺปิ อาหริตฺวา ราชงฺคเณ ราสิมกํสุ, อสีติหตฺถุพฺเพโธ ราสิ อโหสิ. ราชา นาคเร สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘อิมสฺมึ นคเร อตฺถิ กสฺสจิ เอตฺตกํ สุวณฺณ’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ ปนสฺส ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘เสฏฺิฉตฺตํ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘พาหุธนเสฏฺิ นาม โหตู’’ติ มหนฺเตน โภเคน สทฺธึ ตสฺส เสฏฺิฉตฺตมทาสิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘มยํ, เทว, เอตฺตกํ กาลํ ปรกุเล วสิมฺหา, วสนฏฺานํ โน เทถา’’ติ. ‘‘เตน หิ ปสฺส, เอส คุมฺโพ ปฺายติ, เอตํ หราเปตฺวา เคหํ กาเรหี’’ติ ปุราณเสฏฺิสฺส เคหฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ตสฺมึ าเน กติปาเหเนว เคหํ การาเปตฺวา เคหปฺปเวสนมงฺคลฺจ ฉตฺตมงฺคลฺจ เอกโตว กโรนฺโต สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ อทาสิ. อถสฺส สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. ธมฺมกถาวสาเน ปุณฺณเสฏฺิ จ ภริยา จสฺส ธีตา จ อุตฺตราติ ตโย ชนา โสตาปนฺนา อเหสุํ.

อปรภาเค ราชคหเสฏฺิ ปุณฺณเสฏฺิโน ธีตรํ อตฺตโน ปุตฺตสฺส วาเรสิ. โส ‘‘นาหํ ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘มา เอวํ กโรตุ, เอตฺตกํ กาลํ อมฺเห นิสฺสาย วสนฺเตเนว เต สมฺปตฺติ ลทฺธา, เทตุ เม ปุตฺตสฺส ธีตร’’นฺติ วุตฺเต ‘‘โส มิจฺฉาทิฏฺิโก, มม ธีตา ตีหิ รตเนหิ วินา วตฺติตุํ น สกฺโกติ, เนวสฺส ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ พหู เสฏฺิคณาทโย กุลปุตฺตา ‘‘มา เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ ภินฺทิ, เทหิสฺส ธีตร’’นฺติ ยาจึสุ. โส เตสํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ ธีตรํ อทาสิ. สา ปติกุลํ คตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขุํ วา ภิกฺขุนึ วา อุปสงฺกมิตุํ ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ นาลตฺถ. เอวํ อฑฺฒติเยสุ มาเสสุ วีติวตฺเตสุ สนฺติเก ิตํ ปริจาริกํ ปุจฺฉิ – ‘‘อิทานิ กิตฺตกํ อนฺโตวสฺสสฺส อวสิฏฺ’’นฺติ? ‘‘อฑฺฒมาโส, อยฺเย’’ติ. สา ปิตุ สาสนํ ปหิณิ ‘‘กสฺมา มํ เอวรูเป พนฺธนาคาเร ปกฺขิปึสุ, วรํ เม ลกฺขณาหตํ กตฺวา ปเรสํ ทาสึ สาเวตุํ. เอวรูปสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกุลสฺส ทาตุํ น วฏฺฏติ. อาคตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขุทสฺสนาทีสุ เอกมฺปิ ปุฺํ กาตุํ น ลภามี’’ติ.

อถสฺสา ปิตา ‘‘ทุกฺขิตา วต เม ธีตา’’ติ อนตฺตมนตํ ปเวเทตฺวา ปฺจทส กหาปณสหสฺสานิ เปเสสิ ‘‘อิมสฺมึ นคเร สิริมา นาม คณิกา อตฺถิ, เทวสิกํ สหสฺสํ คณฺหาติ. อิเมหิ กหาปเณหิ ตํ อาเนตฺวา สามิกสฺส ปาทปริจาริกํ กตฺวา สยํ ปุฺานิ กโรตู’’ติ. สา สิริมํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สหายิเก อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อิมํ อฑฺฒมาสํ ตว สหายกํ ปริจราหี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. สา ตํ อาทาย สามิกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เตน สิริมํ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, อิมํ อฑฺฒมาสํ มม สหายิกา ตุมฺเห ปริจรตุ, อหํ ปน อิมํ อฑฺฒมาสํ ทานฺเจว ทาตุกามา ธมฺมฺจ โสตุกามา’’ติ อาห. โส ตํ อภิรูปํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

อุตฺตราปิ โข พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ อฑฺฒมาสํ อฺตฺถ อคนฺตฺวา อิเธว ภิกฺขา คเหตพฺพา’’ติ สตฺถุ ปฏิฺํ คเหตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย ยาว มหาปวารณา, ตาว สตฺถารํ อุปฏฺาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลภิสฺสามี’’ติ ตุฏฺมานสา ‘‘เอวํ ยาคุํ ปจถ, เอวํ ปูเว ปจถา’’ติ มหานเส สพฺพกิจฺจานิ สํวิทหนฺตี วิจรติ. อถสฺสา สามิโก ‘‘สฺเว ปวารณา ภวิสฺสตี’’ติ มหานสาภิมุโข วาตปาเน ตฺวา ‘‘กึ นุ โข กโรนฺตี สา อนฺธพาลา วิจรตี’’ติ โอโลเกนฺโต ตํ เสฏฺีธีตรํ เสทกิลินฺนํ ฉาริกาย โอกิณฺณํ องฺคารมสิมกฺขิตํ ตถา สํวิทหิตฺวา วิจรมานํ ทิสฺวา ‘‘อโห อนฺธพาลา เอวรูเป าเน อิมํ สิริสมฺปตฺตึ นานุภวติ, ‘มุณฺฑกสมเณ อุปฏฺหิสฺสามี’ติ ตุฏฺจิตฺตา วิจรตี’’ติ หสิตฺวา อปคฺฉิ.

ตสฺมึ อปคเต ตสฺส สนฺติเก ิตา สิริมา ‘‘กึ นุ โข โอโลเกตฺวา เอส หสี’’ติ เตเนว วาตปาเนน โอโลเกนฺตี อุตฺตรํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ โอโลเกตฺวา อิมินา หสิตํ, อทฺธา อิมสฺส เอตาย สทฺธึ สนฺถโว อตฺถี’’ติ จินฺเตสิ. สา กิร อฑฺฒมาสํ ตสฺมึ เคเห พาหิรกอิตฺถี หุตฺวา วสมานาปิ ตํ สมฺปตฺตึ อนุภวมานา อตฺตโน พาหิรกอิตฺถิภาวํ อชานิตฺวา ‘‘อหํ ฆรสามินี’’ติ สฺมกาสิ. สา อุตฺตราย อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘ทุกฺขมสฺสา อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ปาสาทา โอรุยฺห มหานสํ ปวิสิตฺวา ปูวปจนฏฺาเน ปกฺกุถิตํ สปฺปึ กฏจฺฉุนา อาทาย อุตฺตราภิมุขํ ปายาสิ. อุตฺตรา ตํ อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา ‘‘มม สหายิกาย มยฺหํ อุปกาโร กโต, จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโก, มม สหายิกาย คุโณว มหนฺโต. อหฺหิ เอตํ นิสฺสาย ทานฺจ ทาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลภึ. สเจ มม เอติสฺสา อุปริ โกโป อตฺถิ, อิทํ สปฺปิ มํ ทหตุ. สเจ นตฺถิ, มา ทหตู’’ติ ตํ เมตฺตาย ผริ. ตาย ตสฺสา มตฺถเก อาสิตฺตํ ปกฺกุถิตสปฺปิ สีตุทกํ วิย อโหสิ.

อถ นํ ‘‘อิทํ สีตลํ ภวิสฺสตี’’ติ กฏจฺฉุํ ปูเรตฺวา อาทาย อาคจฺฉนฺตึ อุตฺตราย ทาสิโย ทิสฺวา ‘‘อเปหิ ทุพฺพินีเต, น ตฺวํ อมฺหากํ อยฺยาย ปกฺกุถิตํ สปฺปึ อาสิฺจิตุํ อนุจฺฉวิกา’’ติ สนฺตชฺเชนฺติโย อิโต จิโต จ อุฏฺาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ โปเถตฺวา ภูมิยํ ปาเตสุํ. อุตฺตรา วาเรนฺตีปิ วาเรตุํ นาสกฺขิ. อถสฺสา อุปริ ิตา สพฺพา ทาสิโย ปฏิพาหิตฺวา ‘‘กิสฺส เต เอวรูปํ ภาริยํ กต’’นฺติ สิริมํ โอวทิตฺวา อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา สตปากเตเลน อพฺภฺชิ. ตสฺมึ ขเณ สา อตฺตโน พาหิรกิตฺถิภาวํ ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา ภาริยํ กมฺมํ กตํ สามิกสฺส หสนมตฺตการณา อิมิสฺสา อุปริ ปกฺกุถิตํ สปฺปึ อาสิฺจนฺติยา, อยํ ‘คณฺหถ น’นฺติ ทาสิโย น อาณาเปสิ. มํ วิเหนกาเลปิ สพฺพทาสิโย ปฏิพาหิตฺวา มยฺหํ กตฺตพฺพเมว อกาสิ. สจาหํ อิมํ น ขมาเปสฺสามิ, มุทฺธา เม สตฺตธา ผเลยฺยา’’ติ ตสฺสา ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘อยฺเย, ขมาหิ เม’’ติ อาห. อหํ สปิติกา ธีตา, ปิตริ ขมนฺเต ขมามีติ. โหตุ, อยฺเย, ปิตรํ เต ปุณฺณเสฏฺึ ขมาเปสฺสามีติ. ปุณฺโณ มม วฏฺฏชนกปิตา, วิวฏฺฏชนเก ปิตริ ขมนฺเต ปนาหํ ขมิสฺสามีติ. โก ปน เต วิวฏฺฏชนกปิตาติ? สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. มยฺหํ เตน สทฺธึ วิสฺสาโส นตฺถีติ. อหํ กริสฺสามิ, สตฺถา สฺเว ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย อิธาคมิสฺสติ, ตฺวํ ยถาลทฺธํ สกฺการํ คเหตฺวา อิเธว อาคนฺตฺวา ตํ ขมาเปหีติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ อุฏฺาย อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา ปฺจสตา ปริวาริตฺถิโย อาณาเปตฺวา นานาวิธานิ ขาทนียานิ เจว สูเปยฺยานิ จ สมฺปาเทตฺวา ปุนทิวเส ตํ สกฺการํ อาทาย อุตฺตราย เคหํ อาคนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปตุํ อวิสหนฺตี อฏฺาสิ. ตํ สพฺพํ คเหตฺวา อุตฺตราว สํวิทหิ. สิริมาปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน สทฺธึ ปริวาเรน สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิ.

อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘โก เต อปราโธ’’ติ? ภนฺเต, มยา หิยฺโย อิทํ นาม กตํ, อถ เม สหายิกา มํ วิเหยมานา ทาสิโย นิวาเรตฺวา มยฺหํ อุปการเมว อกาสิ. สาหํ อิมิสฺสา คุณํ ชานิตฺวา อิมํ ขมาเปสึ, อถ มํ เอสา ‘‘ตุมฺเหสุ ขมนฺเตสุ ขมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เอวํ กิร อุตฺตเร’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สีเส เม สหายิกาย ปกฺกุถิตสปฺปิ อาสิตฺต’’นฺติ. อถ ‘‘ตยา กึ จินฺติต’’นฺติ? ‘‘จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโก, มม สหายิกาย คุโณว มหนฺโต. อหฺหิ เอตํ นิสฺสาย ทานฺจ ทาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ อลตฺถํ, สเจ เม อิมิสฺสา อุปริ โกโป อตฺถิ, อิทํ มํ ทหตุ. โน เจ, มา ทหตู’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา อิมํ เมตฺตาย ผรึ, ภนฺเตติ. สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, อุตฺตเร, เอวํ โกธํ ชินิตุํ วฏฺฏติ. โกโธ หิ นาม อกฺโกเธน, อกฺโกสกปริภาสโก อนกฺโกสนฺเตน อปริภาสนฺเตน, ถทฺธมจฺฉรี อตฺตโน สนฺตกสฺส ทาเนน, มุสาวาที สจฺจวจเนน ชินิตพฺโพ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๒๓.

‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;

ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ.

ตตฺถ อกฺโกเธนาติ โกธโน หิ ปุคฺคโล อกฺโกเธน หุตฺวา ชินิตพฺโพ. อสาธุนฺติ อภทฺทโก ภทฺทเกน หุตฺวา ชินิตพฺโพ. กทริยนฺติ ถทฺธมจฺฉรี อตฺตโน สนฺตกสฺส จาคจิตฺเตน ชินิตพฺโพ. อลิกวาที สจฺจวจเนน ชินิตพฺโพ. ตสฺมา เอวมาห – ‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ…เป… สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ.

เทสนาวสาเน สิริมา สทฺธึ ปฺจสตาหิ อิตฺถีหิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.

อุตฺตราอุปาสิกาวตฺถุ ตติยํ.

๔. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรปฺหวตฺถุ

สจฺจํ ภเณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย เถโร เทวจาริกํ คนฺตฺวา มเหสกฺขาย เทวตาย วิมานทฺวาเร ตฺวา ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ิตํ เอวมาห – ‘‘เทวเต มหตี เต สมฺปตฺติ, กึ กมฺมํ กตฺวา อิมํ อลตฺถา’’ติ? ‘‘มา มํ, ภนฺเต, ปุจฺฉถา’’ติ. เทวตา กิร อตฺตโน ปริตฺตกมฺเมน ลชฺชมานา เอวํ วทติ. สา ปน เถเรน ‘‘กเถหิเยวา’’ติ วุจฺจมานา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา เนว ทานํ ทินฺนํ, น ปูชา กตา, น ธมฺโม สุโต, เกวลํ สจฺจมตฺตํ รกฺขิต’’นฺติ. เถโร อฺานิ วิมานทฺวารานิ คนฺตฺวา อาคตาคตา อปราปิ เทวธีตโร ปุจฺฉิ. ตาสุปิ ตเถว นิคุหิตฺวา เถรํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺตีสุ เอกา ตาว อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา เนว ทานาทีสุ กตํ นาม อตฺถิ, อหํ ปน กสฺสปพุทฺธกาเล ปรสฺส ทาสี อโหสึ, ตสฺสา เม สามิโก อติวิย จณฺโฑ ผรุโส, คหิตคฺคหิเตเนว กฏฺเน วา กลิงฺคเรน วา สีสํ ภินฺทติ. สาหํ อุปฺปนฺเน โกเป ‘เอส ตว สามิโก ลกฺขณาหตํ วา กาตุํ นาสาทีนิ วา ฉินฺทิตุํ อิสฺสโร, มา กุชฺฌี’ติ อตฺตานเมว ปริภาเสตฺวา โกปํ นาม น อกาสึ, เตน เม อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ. อปรา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, อุจฺฉุเขตฺตํ รกฺขมานา เอกสฺส ภิกฺขุโน อุจฺฉุยฏฺึ อทาสึ’’. อปรา เอกํ ติมฺพรุสกํ อทาสึ. อปรา เอกํ เอฬาลุกํ อทาสึ. อปรา เอกํ ผารุสกํ อทาสึ. อปรา เอกํ มูลมุฏฺึ. อปรา ‘‘นิมฺพมุฏฺิ’’นฺติอาทินา นเยน อตฺตนา อตฺตนา กตํ ปริตฺตทานํ อาโรเจตฺวา ‘‘อิมินา อิมินา การเณน อมฺเหหิ อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ อาหํสุ.

เถโร ตาหิ กตกมฺมํ สุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สกฺกา นุ โข, ภนฺเต, สจฺจกถนมตฺเตน, โกปนิพฺพาปนมตฺเตน, อติปริตฺตเกน ติมฺพรุสกาทิทานมตฺเตน ทิพฺพสมฺปตฺตึ ลทฺธุ’’นฺติ. ‘‘กสฺมา มํ, โมคฺคลฺลาน, ปุจฺฉสิ, นนุ เต เทวตาหิ อยํ อตฺโถ กถิโต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ลพฺภติ มฺเ เอตฺตเกน ทิพฺพสมฺปตฺตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘โมคฺคลฺลาน, สจฺจมตฺตํ กเถตฺวาปิ โกปมตฺตํ ชหิตฺวาปิ ปริตฺตกํ ทานํ ทตฺวาปิ เทวโลกํ คจฺฉติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๒๔.

‘‘สจฺจํ ภเณ น กุชฺเฌยฺย, ทชฺชา อปฺปมฺปิ ยาจิโต;

เอเตหิ ตีหิ าเนหิ, คจฺเฉ เทวาน สนฺติเก’’ติ.

ตตฺถ สจฺจํ ภเณติ สจฺจํ ทีเปยฺย โวหเรยฺย, สจฺเจ ปติฏฺเหยฺยาติ อตฺโถ. น กุชฺเฌยฺยาติ ปรสฺส น กุชฺเฌยฺย. ยาจิโตติ ยาจกา นาม สีลวนฺโต ปพฺพชิตา. เต หิ กิฺจาปิ ‘‘เทถา’’ติ อยาจิตฺวาว ฆรทฺวาเร ติฏฺนฺติ, อตฺถโต ปน ยาจนฺติเยว นาม. เอวํ สีลวนฺเตหิ ยาจิโต อปฺปสฺมึ เทยฺยธมฺเม วิชฺชมาเน อปฺปมตฺตกมฺปิ ทเทยฺย. เอเตหิ ตีหีติ เอเตสุ ตีสุ เอเกนาปิ การเณน เทวโลกํ คจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรปฺหวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. พุทฺธปิตุพฺราหฺมณวตฺถุ

อหึสกา เยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาเกตํ นิสฺสาย อฺชนวเน วิหรนฺโต ภิกฺขูหิ ปฏฺปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.

ภควโต กิร ภิกฺขุสงฺฆปริวุตสฺส สาเกตํ ปิณฺฑาย ปวิสนกาเล เอโก สาเกตวาสี มหลฺลกพฺราหฺมโณ นครโต นิกฺขมนฺโต อนฺตรฆรทฺวาเร ทสพลํ ทิสฺวา ปาเทสุ นิปติตฺวา โคปฺผเกสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา, ‘‘ตาต, นนุ นาม ปุตฺเตหิ ชิณฺณกาเล มาตาปิตโร ปฏิชคฺคิตพฺพา, กสฺมา เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ อตฺตานํ น ทสฺเสสิ. มยา ตาว ทิฏฺโสิ, มาตรมฺปิ ปสฺสิตุํ เอหี’’ติ สตฺถารํ คเหตฺวา อตฺตโน เคหํ อคมาสิ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. พฺราหฺมณีปิ อาคนฺตฺวา สตฺถุ ปาเทสุ นิปติตฺวา, ‘‘ตาต, เอตฺตกํ กาลํ กุหึ คโตสิ, นนุ นาม มาตาปิตโร มหลฺลกกาเล อุปฏฺาตพฺพา’’ติ วตฺวา ปุตฺตธีตโร ‘‘เอถ ภาตรํ วนฺทถา’’ติ วนฺทาเปสิ. เต อุโภปิ ตุฏฺมานสา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิเธว นิพทฺธํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ‘‘พุทฺธา นาม เอกฏฺาเนเยว นิพทฺธํ ภิกฺขํ น คณฺหนฺตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เย โว นิมนฺเตตุํ อาคจฺฉนฺติ, เต อมฺหากํ สนฺติกํ ปหิเณยฺยาถา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ตโต ปฏฺาย นิมนฺเตตุํ อาคเต ‘‘คนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส อาโรเจยฺยาถา’’ติ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา ‘‘มยํ สฺวาตนาย สตฺถารํ นิมนฺเตมา’’ติ พฺราหฺมณํ วทนฺติ. พฺราหฺมโณ ปุนทิวเส อตฺตโน เคหโต ภตฺตภาชนสูเปยฺยภาชนานิ อาทาย สตฺถุ นิสีทนฏฺานํ คจฺฉติ. อฺตฺร ปน นิมนฺตเน อสติ สตฺถา พฺราหฺมณสฺเสว เคเห ภตฺตกิจฺจํ กโรติ. เต อุโภปิ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ นิจฺจกาลํ ตถาคตสฺส เทนฺตา ธมฺมกถํ สุณนฺตา อนาคามิผลํ ปาปุณึสุ.

ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, พฺราหฺมโณ ‘ตถาคตสฺส สุทฺโธทโน ปิตา, มหามายา มาตา’ติ ชานาติ, ชานนฺโตว สทฺธึ พฺราหฺมณิยา ตถาคตํ ‘อมฺหากํ ปุตฺโต’ติ วทติ, สตฺถาปิ ตเถว อธิวาเสติ. กึ นุ โข การณ’’นฺติ? สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อุโภปิ เต อตฺตโน ปุตฺตเมว ปุตฺโตติ วทนฺตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต, ภิกฺขเว, อยํ พฺราหฺมโณ นิรนฺตรํ ปฺจ ชาติสตานิ มยฺหํ ปิตา อโหสิ, ปฺจ ชาติสตานิ จูฬปิตา, ปฺจ ชาติสตานิ มหาปิตา. สาปิ เม พฺราหฺมณี นิรนฺตรเมว ปฺจ ชาติสตานิ มาตา อโหสิ, ปฺจ ชาติสตานิ จูฬมาตา, ปฺจ ชาติสตานิ มหามาตา. เอวาหํ ทิยฑฺฒชาติสหสฺสํ พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ สํวฑฺโฒ, ทิยฑฺฒชาติสหสฺสํ พฺราหฺมณิยา หตฺเถติ ตีณิ ชาติสหสฺสานิ เตสํ ปุตฺตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

‘‘ยสฺมึ มโน นิวิสติ, จิตฺตฺจาปิ ปสีทติ;

อทิฏฺปุพฺพเก โปเส, กามํ ตสฺมิมฺปิ วิสฺสเส. (ชา. ๑.๑.๖๘);

‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;

เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);

สตฺถา เตมาสเมว ตํ กุลํ นิสฺสาย วิหาสิ. เต อุโภปิ อรหตฺตํ สจฺฉิกตฺวา ปรินิพฺพายึสุ. อถ เนสํ มหาสกฺการํ กตฺวา อุโภปิ เอกกูฏาคารเมว อาโรเปตฺวา นีหรึสุ. สตฺถาปิ ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เตหิ สทฺธึเยว อาฬาหนํ อคมาสิ. ‘‘พุทฺธานํ กิร มาตาปิตโร’’ติ มหาชโน นิกฺขมิ. สตฺถาปิ อาฬาหนสมีเป เอกํ สาลํ ปวิสิตฺวา อฏฺาสิ. มนุสฺสา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺเต ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ‘มาตาปิตโร โว กาลกตา’ติ มา จินฺตยิตฺถา’’ติ สตฺถารา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺติ. สตฺถา เต ‘‘มา เอวํ อวจุตฺถา’’ติ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ปริสาย อาสยํ โอโลเกตฺวา ตงฺขณานุรูปํ ธมฺมํ เทเสนฺโต –

‘‘อปฺปํ วต ชีวิตํ อิทํ,

โอรํ วสฺสสตาปิ มิยฺยติ;

โย เจปิ อติจฺจ ชีวติ,

อถ โส ชรสาปิ มิยฺยตี’’ติ. (สุ. นิ. ๘๑๐; มหานิ. ๓๙) –

อิทํ ชราสุตฺตํ กเถสิ. เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภิกฺขู พฺราหฺมณสฺส จ พฺราหฺมณิยา จ ปรินิพฺพุตภาวํ อชานนฺตา, ‘‘ภนฺเต, เตสํ โก อภิสมฺปราโย’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, เอวรูปานํ อเสขมุนีนํ อภิสมฺปราโย นาม นตฺถิ. เอวรูปา หิ อจฺจุตํ อมตํ มหานิพฺพานเมว ปาปุณนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๒๕.

‘‘อหึสกา เย มุนโย, นิจฺจํ กาเยน สํวุตา;

เต ยนฺติ อจฺจุตํ านํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ.

ตตฺถ มุนโยติ โมเนยฺยปฏิปทาย มคฺคผลปตฺตา อเสขมุนโย. กาเยนาติ เทสนามตฺตเมเวตํ, ตีหิปิ ทฺวาเรหิ สุสํวุตาติ อตฺโถ. อจฺจุตนฺติ สสฺสตํ. านนฺติ อกุปฺปฏฺานํ ธุวฏฺานํ. ยตฺถาติ ยสฺมึ นิพฺพาเน คนฺตฺวา น โสจเร น โสจนฺติ น วิหฺนฺติ, ตํ านํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

พุทฺธปิตุพฺราหฺมณวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. ปุณฺณทาสีวตฺถุ

สทา ชาครมานานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา คิชฺฌกูเฏ วิหรนฺโต ปุณฺณํ นาม ราชคหเสฏฺิโน ทาสึ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺสา กิร เอกทิวสํ โกฏฺฏนตฺถาย พหุวีหึ อทํสุ. สา รตฺติมฺปิ ทีปํ ชาเลตฺวา วีหึ โกฏฺเฏนฺตี วิสฺสมนตฺถาย เสทตินฺเตน คตฺเตน พหิวาเต อฏฺาสิ. ตสฺมึ สมเย ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต ภิกฺขูนํ เสนาสนปฺาปโก อโหสิ. โส ธมฺมสฺสวนํ สุตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เสนาสนํ คจฺฉนฺตานํ ภิกฺขูนํ องฺคุลึ ชาเลตฺวา ปุรโต ปุรโต มคฺคเทสนตฺถาย คจฺฉนฺโต ภิกฺขูนํ อาโลกํ นิมฺมินิ. ปุณฺณา เตนาโลเกน ปพฺพเต วิจรนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อหํ ตาว อตฺตโน ทุกฺเขน อุปทฺทุตา อิมายปิ เวลาย นิทฺทํ น อุเปมิ, ภทฺทนฺตา กึ การณา น นิทฺทายนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อทฺธา กสฺสจิ ภิกฺขุโน อผาสุกํ วา ภวิสฺสติ, ทีฆชาติเกน วา อุปทฺทโว ภวิสฺสตี’’ติ สฺํ กตฺวา ปาโตว กุณฺฑกํ อาทาย อุทเกน เตเมตฺวา หตฺถตเล ปูวํ กตฺวา องฺคาเรสุ ปจิตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา ติตฺถมคฺเค ขาทิสฺสามีติ ฆฏํ อาทาย ติตฺถาภิมุขี ปายาสิ. สตฺถาปิ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุํ ตเมว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.

สา สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ สตฺถริ ทิฏฺเปิ มม เทยฺยธมฺโม น โหติ, เทยฺยธมฺเม สติ สตฺถารํ น ปสฺสามิ, อิทานิ เม เทยฺยธมฺโม จ อตฺถิ, สตฺถา จ สมฺมุขีภูโต. สเจ ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา คณฺเหยฺย, ทเทยฺยาหํ อิมํ ปูว’’นฺติ ฆฏํ เอกมนฺเต นิกฺขิปิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ลูขํ ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺตา มม สงฺคหํ กโรถา’’ติ อาห. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกตฺวา เตน นีหริตฺวา ทินฺนํ มหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา ปูวํ คณฺหิ. ปุณฺณาปิ ตํ สตฺถุ ปตฺเต ปติฏฺเปตฺวาว ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺโมเยว เม สมิชฺฌตู’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ ิตโกว อนุโมทนํ อกาสิ.

ปุณฺณาปิ จินฺเตสิ – ‘‘กิฺจาปิ เม สตฺถา สงฺคหํ กโรนฺโต ปูวํ คณฺหิ, น ปนิทํ ขาทิสฺสติ. อทฺธา ปุรโต กากสฺส วา สุนขสฺส วา ทตฺวา รฺโ วา ราชปุตฺตสฺส วา เคหํ คนฺตฺวา ปณีตโภชนํ ภุฺชิสฺสตี’’ติ. สตฺถาปิ ‘‘กึ นุ โข เอสา จินฺเตสี’’ติ ตสฺสา จิตฺตาจารํ ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกตฺวา นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. เถโร จีวรํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. สตฺถา พหินคเรเยว นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ อกาสิ. เทวตา สกลจกฺกวาฬคพฺเภ เทวมนุสฺสานํ อุปกปฺปนกํ โอชํ มธุปฏลํ วิย ปีเฬตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปึสุ. ปุณฺณา จ โอโลเกนฺตี อฏฺาสิ. ภตฺตกิจฺจาวสาเน เถโร อุทกํ อทาสิ. สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ ปุณฺณํ อามนฺเตตฺวา ‘‘กสฺมา ตฺวํ ปุณฺเณ มม สาวเก ปริภวสี’’ติ อาห. น ปริภวามิ, ภนฺเตติ. อถ ตยา มม สาวเก โอโลเกตฺวา กึ กถิตนฺติ? ‘‘อหํ ตาว อิมินา ทุกฺขุปทฺทเวน นิทฺทํ น อุเปมิ, ภทฺทนฺตา กิมตฺถํ นิทฺทํ น อุเปนฺติ, อทฺธา กสฺสจิ อผาสุกํ วา ภวิสฺสติ, ทีฆชาติเกน วา อุปทฺทโว ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺตกํ มยา, ภนฺเต, จินฺติตนฺติ. สตฺถา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ปุณฺเณ ตฺวํ น ตาว ทุกฺขุปทฺทเวน นิทฺทายสิ, มม สาวกา สทา ชาคริยมนุยุตฺตตาย น นิทฺทายนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๒๖.

‘‘สทา ชาครมานานํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินํ;

นิพฺพานํ อธิมุตฺตานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา’’ติ.

ตตฺถ อโหรตฺตานุสิกฺขินนฺติ ทิวา จ รตฺติฺจ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขมานานํ. นิพฺพานํ อธิมุตฺตานนฺติ นิพฺพานชฺฌาสยานํ. อตฺถํ คจฺฉนฺตีติ เอวรูปานํ สพฺเพปิ อาสวา อตฺถํ วินาสํ นตฺถิภาวํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ยถาิตา ปุณฺณา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สตฺถา กุณฺฑกองฺคารปูเวน ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ทุกฺกรํ, อาวุโส, สมฺมาสมฺพุทฺเธน กตํ ปุณฺณาย ทินฺเนน กุณฺฑกองฺคารปูเวน ภตฺตกิจฺจํ กโรนฺเตนา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มยา อิมาย ทินฺนกุณฺฑกํ ปริภุตฺตเมวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘ภุตฺวา ติณปริฆาสํ, ภุตฺวา อาจามกุณฺฑกํ;

เอตํ เต โภชนํ อาสิ, กสฺมา ทานิ น ภุฺชสิ.

‘‘ยตฺถ โปสํ น ชานนฺติ, ชาติยา วินเยน วา;

พหุํ ตตฺถ มหาพฺรหฺเม, อปิ อาจามกุณฺฑกํ.

‘‘ตฺวฺจ โข มํ ปชานาสิ, ยาทิสายํ หยุตฺตโม;

ชานนฺโต ชานมาคมฺม, น เต ภกฺขามิ กุณฺฑก’’นฺติ. (ชา. ๑.๓.๑๐-๑๒) –

อิมํ กุณฺฑกสินฺธวโปตกชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ.

ปุณฺณทาสีวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. อตุลอุปาสกวตฺถุ

โปราณเมตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตุลํ นาม อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส หิ สาวตฺถิวาสี อุปาสโก ปฺจสตอุปาสกปริวาโร เอกทิวสํ เต อุปาสเก อาทาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ คนฺตฺวา เรวตตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสตุกาโม หุตฺวา เรวตตฺเถรํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. โส ปนายสฺมา ปฏิสลฺลานาราโม สีโห วิย เอกจาโร, ตสฺมา เตน สทฺธึ น กิฺจิ กเถสิ. โส ‘‘อยํ เถโร น กิฺจิ กเถสี’’ติ กุทฺโธ อุฏฺาย สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ ิโต เถเรน ‘‘เกนตฺเถน อาคตตฺถา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิเม อุปาสเก อาทาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย เรวตตฺเถรํ อุปสงฺกมึ, ตสฺส เม เถโร น กิฺจิ กเถสิ, สฺวาหํ ตสฺส กุชฺฌิตฺวา อิธาคโต, ธมฺมํ เม กเถถา’’ติ อาห. อถ เถโร ‘‘เตน หิ อุปาสกา นิสีทถา’’ติ วตฺวา พหุกํ กตฺวา อภิธมฺมกถํ กเถสิ. อุปาสโกปิ ‘‘อภิธมฺมกถา นาม อติสณฺหา, เถโร พหุํ อภิธมฺมเมว กเถสิ, อมฺหากํ อิมินา โก อตฺโถ’’ติ กุชฺฌิตฺวา ปริสํ อาทาย อานนฺทตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมาสิ.

เถเรนาปิ ‘‘กึ อุปาสกา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, มยํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย เรวตตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, ตสฺส สนฺติเก อาลาปสลฺลาปมตฺตมฺปิ อลภิตฺวา กุทฺธา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมิมฺหา, โสปิ โน อติสณฺหํ พหุํ อภิธมฺมเมว กเถสิ, ‘อิมินา อมฺหากํ โก อตฺโถ’ติ เอตสฺสาปิ กุชฺฌิตฺวา อิธาคมิมฺหา, กเถหิ โน, ภนฺเต, ธมฺมกถ’’นฺติ. เตน หิ นิสีทิตฺวา สุณาถาติ เถโร เตสํ สุวิฺเยฺยํ กตฺวา อปฺปกเมว ธมฺมํ กเถสิ. เต เถรสฺสปิ กุชฺฌิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กสฺมา อุปาสกา อาคตตฺถา’’ติ? ‘‘ธมฺมสฺสวนาย, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สุโต ปน โว ธมฺโม’’ติ? ‘‘ภนฺเต, มยํ อาทิโต เรวตตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, โส อมฺเหหิ สทฺธึ น กิฺจิ กเถสิ, ตสฺส กุชฺฌิตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, เตน โน พหุ อภิธมฺโม กถิโต, ตํ อสลฺลกฺเขตฺวา กุชฺฌิตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, เตน โน อปฺปมตฺตโกว ธมฺโม กถิโต, ตสฺสปิ กุชฺฌิตฺวา อิธาคตมฺหา’’ติ.

สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา, ‘‘อตุล, โปราณโต ปฏฺาย อาจิณฺณเมเวตํ, ตุณฺหีภูตมฺปิ พหุกถมฺปิ มนฺทกถมฺปิ ครหนฺติเยว. เอกนฺตํ ครหิตพฺโพเยว วา หิ ปสํสิตพฺโพเยว วา นตฺถิ. ราชาโนปิ เอกจฺเจ นินฺทนฺติ, เอกจฺเจ ปสํสนฺติ. มหาปถวิมฺปิ จนฺทิมสูริเยปิ อากาสาทโยปิ จตุปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตมฺปิ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอกจฺเจ ครหนฺติ, เอกจฺเจ ปสํสนฺติ. อนฺธพาลานฺหิ นินฺทา วา ปสํสา วา อปฺปมาณา, ปณฺฑิเตน ปน เมธาวินา นินฺทิโต นินฺทิโต นาม, ปสํสิโต จ ปสํสิโต นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๒๗.

‘‘โปราณเมตํ อตุล, เนตํ อชฺชตนามิว;

นินฺทนฺติ ตุณฺหิมาสีนํ, นินฺทนฺติ พหุภาณินํ;

มิตภาณิมฺปิ นินฺทนฺติ, นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต.

๒๒๘.

‘‘น จาหุ น จ ภวิสฺสติ, น เจตรหิ วิชฺชติ;

เอกนฺตํ นินฺทิโต โปโส, เอกนฺตํ วา ปสํสิโต.

๒๒๙.

‘‘ยํ เจ วิฺู ปสํสนฺติ, อนุวิจฺจ สุเว สุเว;

อจฺฉิทฺทวุตฺตึ เมธาวึ, ปฺาสีลสมาหิตํ.

๒๓๐.

‘‘นิกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, โก ตํ นินฺทิตุมรหติ;

เทวาปิ นํ ปสํสนฺติ, พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต’’ติ.

ตตฺถ โปราณเมตนฺติ ปุราณกํ เอตํ. อตุลาติ ตํ อุปาสกํ นาเมน อาลปติ. เนตํ อชฺชตนามิวาติ อิทํ นินฺทนํ วา ปสํสนํ วา อชฺชตนํ อธุนา อุปฺปนฺนํ วิย น โหติ. ตุณฺหิมาสีนนฺติ กึ เอโส มูโค วิย พธิโร วิย กิฺจิ อชานนฺโต วิย ตุณฺหี หุตฺวา นิสินฺโนติ นินฺทนฺติ. พหุภาณินนฺติ กึ เอส วาตาหตตาลปณฺณํ วิย ตฏตฏายติ, อิมสฺส กถาปริยนฺโตเยว นตฺถีติ นินฺทนฺติ. มิตภาณิมฺปีติ กึ เอส สุวณฺณหิรฺํ วิย อตฺตโน วจนํ มฺมาโน เอกํ วา ทฺเว วา วตฺวา ตุณฺหี อโหสีติ นินฺทนฺติ. เอวํ สพฺพถาปิ อิมสฺมึ โลเก อนินฺทิโต นาม นตฺถีติ อตฺโถ. น จาหูติ อตีเตปิ นาโหสิ, อนาคเตปิ น ภวิสฺสติ.

ยํ เจ วิฺูติ พาลานํ นินฺทา วา ปสํสา วา อปฺปมาณา, ยํ ปน ปณฺฑิตา ทิวเส ทิวเส อนุวิจฺจ นินฺทการณํ วา ปสํสการณํ วา ชานิตฺวา ปสํสนฺติ, อจฺฉิทฺทาย วา สิกฺขาย อจฺฉิทฺทาย วา ชีวิตวุตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา อจฺฉิทฺทวุตฺตึ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวึ โลกิยโลกุตฺตรปฺาย เจว จตุปาริสุทฺธิสีเลน จ สมนฺนาคตตฺตา ปฺาสีลสมาหิตํ ปสํสนฺติ, ตํ สุวณฺณโทสวิรหิตํ ฆฏฺฏนมชฺชนกฺขมํ ชมฺโพนทนิกฺขํ วิย โก นินฺทิตุมรหตีติ อตฺโถ. เทวาปีติ เทวตาปิ ปณฺฑิตมนุสฺสาปิ ตํ ภิกฺขุํ อุปฏฺาย โถเมนฺติ ปสํสนฺติ. พฺรหฺมุนาปีติ น เกวลํ เทวมนุสฺเสหิ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ มหาพฺรหฺมุนาปิ เอส ปสํสิโตเยวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ อุปาสกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.

อตุลอุปาสกวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ

กายปฺปโกปนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เตสํ ฉพฺพคฺคิยานํ อุโภหิ หตฺเถหิ ยฏฺิโย คเหตฺวา กฏฺปาทุกา อารุยฺห ปิฏฺิปาสาเณ จงฺกมนฺตานํ ขฏขฏาติสทฺทํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, กึ สทฺโท นาเมโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฉพฺพคฺคิยานํ ปาทุกา อารุยฺห จงฺกมนฺตานํ ขฏขฏสทฺโท’’ติ สุตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา ‘‘ภิกฺขุนา นาม กายาทีนิ รกฺขิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๒๓๑.

‘‘กายปฺปโกปํ รกฺเขยฺย, กาเยน สํวุโต สิยา;

กายทุจฺจริตํ หิตฺวา, กาเยน สุจริตํ จเร.

๒๓๒.

‘‘วจีปโกปํ รกฺเขยฺย, วาจาย สํวุโต สิยา;

วจีทุจฺจริตํ หิตฺวา, วาจาย สุจริตํ จเร.

๒๓๓.

‘‘มโนปโกปํ รกฺเขยฺย, มนสา สํวุโต สิยา;

มโนทุจฺจริตํ หิตฺวา, มนสา สุจริตํ จเร.

๒๓๔.

‘‘กาเยน สํวุตา ธีรา, อโถ วาจาย สํวุตา;

มนสา สํวุตา ธีรา, เต เว สุปริสํวุตา’’ติ.

ตตฺถ กายปฺปโกปนฺติ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ รกฺเขยฺย. กาเยน สํวุโตติ กายทฺวาเร ทุจฺจริตปเวสนํ นิวาเรตฺวา สํวุโต ปิหิตทฺวาโร สิยา. ยสฺมา ปน กายทุจฺจริตํ หิตฺวา กายสุจริตํ จรนฺโต อุภยมฺเปตํ กโรติ, ตสฺมา กายทุจฺจริตํ หิตฺวา, กาเยน สุจริตํ จเรติ วุตฺตํ. อนนฺตรคาถาสุปิ เอเสว นโย. กาเยน สํวุตา ธีราติ เย ปณฺฑิตา ปาณาติปาตาทีนิ อกโรนฺตา กาเยน, มุสาวาทาทีนิ อกโรนฺตา วาจาย, อภิชฺฌาทีนิ อสมุฏฺเปนฺตา มนสา สํวุตา, เต อิธ โลกสฺมึ สุสํวุตา สุรกฺขิตา สุโคปิตา สุปิหิตทฺวาราติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ อฏฺมํ.

โกธวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

สตฺตรสโม วคฺโค.

๑๘. มลวคฺโค

๑. โคฆาตกปุตฺตวตฺถุ

ปณฺฑุปลาโสว ทานิสีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โคฆาตกปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิเรโก โคฆาตโก คาโว วธิตฺวา วรมํสานิ คเหตฺวา ปจาเปตฺวา ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ นิสีทิตฺวา มํสฺจ ขาทติ, มูเลน จ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส เอวํ ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ โคฆาตกกมฺมํ กโรนฺโต ธุรวิหาเร วิหรนฺตสฺส สตฺถุ เอกทิวสมฺปิ กฏจฺฉุมตฺตมฺปิ ยาคุํ วา ภตฺตํ วา น อทาสิ. โส จ วินา มํเสน ภตฺตํ น ภุฺชติ. โส เอกทิวสํ ทิวสภาเค มํสํ วิกฺกิณิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปจิตุํ เอกํ มํสขณฺฑํ ภริยาย ทตฺวา นฺหายิตุํ อคมาสิ. อถสฺส สหายโก เคหํ คนฺตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘โถกํ เม วิกฺกิณิยมํสํ เทหิ, เคหํ เม ปาหุนโก อาคโต’’ติ. นตฺถิ วิกฺกิณิยมํสํ, สหายโก เต มํสํ วิกฺกิณิตฺวา อิทานิ นฺหายิตุํ คโตติ. มา เอวํ กริ, สเจ มํสขณฺฑํ อตฺถิ, เทหีติ. สหายกสฺส เต นิกฺขิตฺตมํสํ เปตฺวา อฺํ นตฺถีติ. โส ‘‘สหายกสฺส เม อตฺถาย ปิตมํสโต อฺํ มํสํ นตฺถิ, โส จ วินา มํเสน น ภุฺชติ, นายํ ทสฺสตี’’ติ สามํเยว ตํ มํสํ คเหตฺวา ปกฺกามิ.

โคฆาตโกปิ นฺหตฺวา อาคโต ตาย อตฺตโน ปกฺกปณฺเณน สทฺธึ วฑฺเฒตฺวา ภตฺเต อุปนีเต อาห ‘‘กหํ มํส’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, สามี’’ติ. นนุ อหํ ปจฺจนตฺถาย มํสํ ทตฺวา คโตติ. ตว สหายโก อาคนฺตฺวา ‘‘ปาหุนโก เม อาคโต, วิกฺกิณิยมํสํ เทหี’’ติ วตฺวา มยา ‘‘สหายกสฺส เต ปิตมํสโต อฺํ มํสํ นตฺถิ, โส จ วินา มํเสน น ภุฺชตี’’ติ วุตฺเตปิ พลกฺกาเรน ตํ มํสํ สามํเยว คเหตฺวา คโตติ. อหํ วินา มํเสน ภตฺตํ น ภุฺชามิ, หราหิ นนฺติ. กึ สกฺกา กาตุํ, ภุฺช, สามีติ. โส ‘‘นาหํ ภุฺชามี’’ติ ตํ ภตฺตํ หราเปตฺวา สตฺถํ อาทาย ปจฺฉาเคเห ิโต โคโณ อตฺถิ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา มุเข หตฺถํ ปกฺขิปิตฺวา ชิวฺหํ นีหริตฺวา สตฺเถน มูเล ฉินฺทิตฺวา อาทาย คนฺตฺวา องฺคาเรสุ ปจาเปตฺวา ภตฺตมตฺถเก เปตฺวา นิสินฺโน เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ ภุฺชิตฺวา เอกํ มํสขณฺฑํ มุเข เปสิ. ตงฺขณฺเวสฺส ชิวฺหา ฉิชฺชิตฺวา ภตฺตปาติยํ ปติ. ตงฺขณฺเว กมฺมสริกฺขกํ วิปากํ ลภิ. โสปิ โข โคโณ วิย โลหิตธาราย มุขโต ปคฺฆรนฺติยา อนฺโตเคหํ ปวิสิตฺวา ชณฺณุเกหิ วิจรนฺโต วิรวิ.

ตสฺมึ สมเย โคฆาตกสฺส ปุตฺโต ปิตรํ โอโลเกนฺโต สมีเป ิโต โหติ. อถ นํ มาตา อาห – ‘‘ปสฺส, ปุตฺต, อิมํ โคฆาตกํ โคณํ วิย เคหมชฺเฌ ชณฺณุเกหิ วิจริตฺวา วิรวนฺตํ, อิทํ ทุกฺขํ ตว มตฺถเก ปติสฺสติ, มมมฺปิ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน โสตฺถึ กโรนฺโต ปลายสฺสู’’ติ. โส มรณภยตชฺชิโต มาตรํ วนฺทิตฺวา ปลายิ, ปลายิตฺวา จ ปน ตกฺกสิลํ อคมาสิ. โคฆาตโกปิ โคโณ วิย เคหมชฺเฌ วิรวนฺโต วิจริตฺวา กาลกโต อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. โคโณปิ กาลมกาสิ. โคฆาตกปุตฺโตปิ ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สุวณฺณการกมฺมํ อุคฺคณฺหิ. อถสฺสาจริโย คามํ คจฺฉนฺโต ‘‘เอวรูปํ นาม อลงฺการํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. โสปิ ตถารูปํ อลงฺการํ อกาสิ. อถสฺสาจริโย อาคนฺตฺวา อลงฺการํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ยตฺถ กตฺถจิ คนฺตฺวา ชีวิตุํ สมตฺโถ’’ติ วยปฺปตฺตํ อตฺตโน ธีตรํ อทาสิ. โส ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒิ.

อถสฺส ปุตฺตา วยปฺปตฺตา สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค สาวตฺถิยํ คนฺตฺวา ตตฺถ ฆราวาสํ สณฺเปตฺวา วสนฺตา สทฺธา ปสนฺนา อเหสุํ. ปิตาปิ เนสํ ตกฺกสิลายํ กิฺจิ กุสลํ อกตฺวาว ชรํ ปาปุณิ. อถสฺส ปุตฺตา ‘‘ปิตา โน มหลฺลโก’’ติ อตฺตโน สนฺติกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ปิตุ อตฺถาย ทานํ ทสฺสามา’’ติ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺตยึสุ. เต ปุนทิวเส อนฺโตเคเห พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน สตฺถารํ อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺเหหิ อิทํ ปิตุ ชีวภตฺตํ ทินฺนํ, ปิตุ โน อนุโมทนํ กโรถา’’ติ. สตฺถา ตํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อุปาสก, ตฺวํ มหลฺลโก ปริปกฺกสรีโร ปณฺฑุปลาสสทิโส, ตว ปรโลกคมนาย กุสลปาเถยฺยํ นตฺถิ, อตฺตโน ปติฏฺํ กโรหิ, ปณฺฑิโต ภว, มา พาโล’’ติ อนุโมทนํ กโรนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๓๕.

‘‘ปณฺฑุปลาโสว ทานิสิ,

ยมปุริสาปิ จ เต อุปฏฺิตา;

อุยฺโยคมุเข จ ติฏฺสิ,

ปาเถยฺยมฺปิ จ เต น วิชฺชติ.

๒๓๖.

‘‘โส กโรหิ ทีปมตฺตโน,

ขิปฺปํ วายม ปณฺฑิโต ภว;

นิทฺธนฺตมโล อนงฺคโณ,

ทิพฺพํ อริยภูมึ อุเปหิสี’’ติ.

ตตฺถ ปณฺฑุปลาโสว ทานิสีติ, อุปาสก, ตฺวํ อิทานิ ฉิชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปติตปณฺฑุปลาโส วิย อโหสิ. ยมปุริสาติ ยมทูตา วุจฺจนฺติ, อิทํ ปน มรณเมว สนฺธาย วุตฺตํ, มรณํ เต ปจฺจุปฏฺิตนฺติ อตฺโถ. อุยฺโยคมุเขติ ปริหานิมุเข, อวุฑฺฒิมุเข จ ิโตสีติ อตฺโถ. ปาเถยฺยนฺติ คมิกสฺส ตณฺฑุลาทิปาเถยฺยํ วิย ปรโลกํ คจฺฉนฺตสฺส ตว กุสลปาเถยฺยมฺปิ นตฺถีติ อตฺโถ. โส กโรหีติ โส ตฺวํ สมุทฺเท นาวาย ภินฺนาย ทีปสงฺขาตํ ปติฏฺํ วิย อตฺตโน กุสลปติฏฺํ กโรหิ. กโรนฺโต จ ขิปฺปํ วายม, สีฆํ สีฆํ วีริยํ อารภ, อตฺตโน กุสลกมฺมปติฏฺกรเณน ปณฺฑิโต ภว. โย หิ มรณมุขํ อปฺปตฺวา กาตุํ สมตฺถกาเลว กุสลํ กโรติ, เอส ปณฺฑิโต นาม, ตาทิโส ภว, มา อนฺธพาโลติ อตฺโถ. ทิพฺพํ อริยภูมินฺติ เอวํ วีริยํ กโรนฺโต ราคาทีนํ มลานํ นีหฏตาย นิทฺธนฺตมโล องฺคณาภาเวน อนงฺคโณ นิกฺกิเลโส หุตฺวา ปฺจวิธํ สุทฺธาวาสภูมึ ปาปุณิสฺสสีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

เต ปุนทิวสตฺถายปิ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ สตฺถารํ อนุโมทนกาเล อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อิทมฺปิ อมฺหากํ ปิตุ ชีวภตฺตเมว, อิมสฺเสว อนุโมทนํ กโรถา’’ติ. สตฺถา ตสฺส อนุโมทนํ กโรนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๓๗.

‘‘อุปนีตวโย จ ทานิสิ,

สมฺปยาโตสิ ยมสฺส สนฺติกํ;

วาโส เต นตฺถิ อนฺตรา,

ปาเถยฺยมฺปิ จ เต น วิชฺชติ.

๒๓๘.

‘‘โส กโรหิ ทีปมตฺตโน,

ขิปฺปํ วายม ปณฺฑิโต ภว;

นิทฺธนฺตมโล อนงฺคโณ,

น ปุน ชาติชรํ อุเปหิสี’’ติ.

ตตฺถ อุปนีตวโยติ อุปาติ นิปาตมตฺตํ, นีตวโยติ วิคตวโย อติกฺกนฺตวโย, ตฺวฺจสิ ทานิ ตโย วเย อติกฺกมิตฺวา มรณมุเข ิโตติ อตฺโถ. สมฺปยาโตสิ ยมสฺส สนฺติกนฺติ มรณมุขํ คนฺตุํ สชฺโช หุตฺวา ิโตสีติ อตฺโถ. วาโส เต นตฺถิ อนฺตราติ ยถา มคฺคํ คจฺฉนฺตา ตานิ ตานิ กิจฺจานิ กโรนฺตา อนฺตรามคฺเค วสนฺติ, น เอวํ ปรโลกํ คจฺฉนฺตา. น หิ สกฺกา ปรโลกํ คจฺฉนฺเตน ‘‘อธิวาเสถ กติปาหํ, ทานํ ตาว เทมิ, ธมฺมํ ตาว สุณามี’’ติอาทีนิ วตฺตุํ. อิโต ปน จวิตฺวา ปรโลเก นิพฺพตฺโตว โหติ. อิมมตฺถํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ปาเถยฺยนฺติ อิทํ กิฺจาปิ เหฏฺา วุตฺตเมว, อุปาสกสฺส ปน ปุนปฺปุนํ ทฬฺหีกรณตฺถํ อิธาปิ สตฺถารา กถิตํ. ชาติชรนฺติ เอตฺถ พฺยาธิมรณานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ. เหฏฺิมคาถาหิ จ อนาคามิมคฺโค กถิโต, อิธ อรหตฺตมคฺโค กถิโต. เอวํ สนฺเตปิ ยถา นาม รฺา อตฺตโน มุขปมาเณน กพฬํ วฑฺเฒตฺวา ปุตฺตสฺส อุปนีเต โส กุมาโร อตฺตโน มุขปมาเณเนว คณฺหาติ, เอวเมว สตฺถารา อุปริมคฺควเสน ธมฺเม เทสิเตปิ อุปาสโก อตฺตโน อุปนิสฺสยวเสน เหฏฺา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อิมิสฺสา อนุโมทนาย อวสาเน อนาคามิผลํ ปตฺโต. เสสปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

โคฆาตกปุตฺตวตฺถุ ปมํ.

๒. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ

อนุปุพฺเพนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เอกทิวสํ ปาโตว นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขูนํ จีวรปารุปนฏฺาเน ภิกฺขู จีวรํ ปารุปนฺเต โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตํ ปน านํ วิรูฬฺหติณํ โหติ. อเถกสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ ปารุปนฺตสฺส จีวรกณฺโณ ติเณสุ ปวฏฺเฏนฺโต อุสฺสาวพินฺทูหิ เตมิ. พฺราหฺมโณ ‘‘อิมํ านํ อปฺปหริตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุนทิวเส กุทฺทาลํ อาทาย คนฺตฺวา ตํ านํ ตจฺเฉตฺวา ขลมณฺฑลสทิสํ อกาสิ. ปุนทิวเสปิ ตํ านํ อาคนฺตฺวา ภิกฺขูสุ จีวรํ ปารุปนฺเตสุ เอกสฺส จีวรกณฺณํ ภูมิยํ ปติตฺวา ปํสุมฺหิ ปวฏฺฏมานํ ทิสฺวา ‘‘อิธ วาลุกํ โอกิริตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา วาลุกํ อาหริตฺวา โอกิริ.

อเถกทิวสํ ปุเรภตฺตํ จณฺโฑ อาตโป อโหสิ, ตทาปิ ภิกฺขูนํ จีวรํ ปารุปนฺตานํ คตฺตโต เสเท มุจฺจนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิธ มยา มณฺฑปํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา มณฺฑปํ กาเรสิ. ปุนทิวเส ปาโตว วสฺสํ วสฺสิ, วทฺทลิกํ อโหสิ. ตทาปิ พฺราหฺมโณ ภิกฺขู โอโลเกนฺโตว ิโต ตินฺตจีวรเก ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘เอตฺถ มยา สาลํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ สาลํ กาเรตฺวา ‘‘อิทานิ สาลมหํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อนฺโต จ พหิ จ ภิกฺขู นิสีทาเปตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนตฺถาย สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ ภิกฺขูนํ จีวรปารุปนกาเล อิมสฺมึ าเน โอโลเกนฺโต ิโต อิทฺจิทฺจ ทิสฺวา อิทฺจิทฺจ กาเรสิ’’นฺติ อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, ปณฺฑิตา นาม ขเณ ขเณ โถกํ กุสลํ กโรนฺตา อนุปุพฺเพน อตฺตโน อกุสลมลํ นีหรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๓๙.

‘‘อนุปุพฺเพน เมธาวี, โถกํ โถกํ ขเณ ขเณ;

กมฺมาโร รชตสฺเสว, นิทฺธเม มลมตฺตโน’’ติ.

ตตฺถ อนุปุพฺเพนาติ อนุปฏิปาฏิยา. เมธาวีติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต. ขเณ ขเณติ โอกาเส โอกาเส กุสลํ กโรนฺโต. กมฺมาโร รชตสฺเสวาติ ยถา สุวณฺณกาโร เอกวารเมว สุวณฺณํ ตาเปตฺวา โกฏฺเฏตฺวา มลํ นีหริตฺวา ปิลนฺธนวิกตึ กาตุํ น สกฺโกติ, ปุนปฺปุนํ ตาเปนฺโต โกฏฺเฏนฺโต ปน มลํ นีหรติ, ตโต อเนกวิธํ ปิลนฺธนวิกตึ กโรติ, เอวเมว ปุนปฺปุนํ กุสลํ กโรนฺโต ปณฺฑิโต อตฺตโน ราคาทิมลํ นิทฺธเมยฺย, เอวํ นิทฺธนฺตมโล นิกฺกิเลโสว โหตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺติ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ติสฺสตฺเถรวตฺถุ

อยสาว มลนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติสฺสตฺเถรํ นาม ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ติสฺสตฺเถโรติ ปฺายิ. โส อปรภาเค ชนปทวิหาเร วสฺสูปคโต อฏฺหตฺถกํ ถูลสาฏกํ ลภิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา ตํ อาทาย คนฺตฺวา ภคินิยา หตฺเถ เปสิ. สา ‘‘น เม เอโส สาฏโก ภาตุ อนุจฺฉวิโก’’ติ ตํ ติขิณาย วาสิยา ฉินฺทิตฺวา หีรหีรํ กตฺวา อุทุกฺขเล โกฏฺเฏตฺวา ปวิเสตฺวา โปเถตฺวา วฏฺเฏตฺวา สุขุมสุตฺตํ กนฺติตฺวา สาฏกํ วายาเปสิ. เถโรปิ สุตฺตฺเจว สูจิโย จ สํวิทหิตฺวา จีวรการเก ทหรสามเณเร สนฺนิปาเตตฺวา ภคินิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตํ เม สาฏกํ เทถ, จีวรํ กาเรสฺสามี’’ติ อาห. สา นวหตฺถํ สาฏกํ นีหริตฺวา กนิฏฺภาติกสฺส หตฺเถ เปสิ. โส ตํ คเหตฺวา วิตฺถาเรตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘มม สาฏโก ถูโล อฏฺหตฺโถ, อยํ สุขุโม นวหตฺโถ. นายํ มม สาฏโก, ตุมฺหากํ เอส, น เม อิมินา อตฺโถ, ตเมว เม เทถา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากเมว เอโส, คณฺหถ น’’นฺติ? โส เนว อิจฺฉิ. อถสฺส อตฺตนา กตกิจฺจํ สพฺพํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากเมเวส, คณฺหถ น’’นฺติ อทาสิ. โส ตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา จีวรกมฺมํ ปฏฺเปสิ.

อถสฺส ภคินี จีวรการานํ อตฺถาย ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปาเทสิ. จีวรสฺส นิฏฺิตทิวเส ปน อติเรกสกฺการํ กาเรสิ. โส จีวรํ โอโลเกตฺวา ตสฺมึ อุปฺปนฺนสิเนโห ‘‘สฺเว ทานิ นํ ปารุปิสฺสามี’’ติ สํหริตฺวา จีวรวํเส เปตฺวา ตํ รตฺตึ ภุตฺตาหารํ ชิราเปตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว จีวเร อูกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ภคินีปิสฺส กาลกิริยํ สุตฺวา ภิกฺขูนํ ปาเทสุ ปวตฺตมานา โรทิ. ภิกฺขู ตสฺส สรีรกิจฺจํ กตฺวา คิลานุปฏฺากสฺส อภาเวน สงฺฆสฺเสว ตํ ปาปุณาติ. ‘‘ภาเชสฺสาม น’’นฺติ ตํ จีวรํ นีหราเปสุํ. สา อูกา ‘‘อิเม มม สนฺตกํ วิลุมฺปนฺตี’’ติ วิรวนฺตี อิโต จิโต จ สนฺธาวิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ทิพฺพาย โสตธาตุยา ตํ สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, ติสฺสสฺส จีวรํ อภาเชตฺวา สตฺตาหํ นิกฺขิปิตุํ วเทหี’’ติ อาห. เถโร ตถา กาเรสิ. สาปิ สตฺตเม ทิวเส กาลํ กตฺวา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺติ. สตฺถา ‘‘อฏฺเม ทิวเส ติสฺสสฺส จีวรํ ภาเชตฺวา คณฺหถา’’ติ อาณาเปสิ. ภิกฺขู ตถา กรึสุ.

ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กสฺมา นุ โข สตฺถา ติสฺสสฺส จีวรํ สตฺต ทิวเส ปาเปตฺวา อฏฺเม ทิวเส คณฺหิตุํ อนุชานี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ติสฺโส อตฺตโน จีวเร อูกา หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ตุมฺเหหิ ตสฺมึ ภาชิยมาเน ‘อิเม มม สนฺตกํ วิลุมฺปนฺตี’ติ วิรวนฺตี อิโต จิโต จ ธาวิ. สา ตุมฺเหหิ จีวเร คยฺหมาเน ตุมฺเหสุ มนํ ปทุสฺสิตฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺย, เตน จาหํ จีวรํ นิกฺขิปาเปสึ. อิทานิ ปน สา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺตา, เตน โว มยา จีวรคหณํ อนุฺาต’’นฺติ วตฺวา ปุน เตหิ ‘‘ภาริยา วต อยํ, ภนฺเต, ตณฺหา นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อิเมสํ สตฺตานํ ตณฺหา นาม ภาริยา. ยถา อยโต มลํ อุฏฺหิตฺวา อยเมว ขาทติ วินาเสติ อปริโภคํ กโรติ, เอวเมวายํ ตณฺหา อิเมสํ สตฺตานํ อพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชิตฺวา เต สตฺเต นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตาเปติ, วินาสํ ปาเปตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๔๐.

‘‘อยสาว มลํ สมุฏฺิตํ,

ตตุฏฺาย ตเมว ขาทติ;

เอวํ อติโธนจารินํ,

สานิ กมฺมานิ นยนฺติ ทุคฺคติ’’นฺติ.

ตตฺถ อยสาวาติ อยโต สมุฏฺิตํ. ตตุฏฺายาติ ตโต อุฏฺาย. อติโธนจารินนฺติ โธนา วุจฺจติ จตฺตาโร ปจฺจเย ‘‘อิทมตฺถํ เอเต’’ติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชนปฺา, ตํ อติกฺกมิตฺวา จรนฺโต อติโธนจารี นาม. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อยโต มลํ สมุฏฺาย ตโต สมุฏฺิตํ ตเมว ขาทติ, เอวเมวํ จตุปจฺจเย อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชนฺตํ อติโธนจารินํ สานิ กมฺมานิ อตฺตนิ ิตตฺตา อตฺตโน สนฺตกาเนว ตานิ กมฺมานิ ทุคฺคตึ นยนฺตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ติสฺสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.

๔. ลาลุทายิตฺเถรวตฺถุ

อสชฺฌายมลาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาลุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิร ปฺจโกฏิมตฺตา อริยสาวกา วสนฺติ, ทฺเว โกฏิมตฺตา ปุถุชฺชนา วสนฺติ. เตสุ อริยสาวกา ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สปฺปิเตลมธุผาณิตวตฺถาทีนิ คเหตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมกถํ สุณนฺติ. ธมฺมํ สุตฺวา คมนกาเล จ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ คุณกถํ กเถนฺติ. อุทายิตฺเถโร เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘เอเตสํ ตาว ธมฺมํ สุตฺวา ตุมฺเห เอวํ กเถถ, มม ธมฺมกถํ สุตฺวา กึ นุ โข น กเถสฺสถา’’ติ วทติ. มนุสฺสา ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘อยํ เอโก ธมฺมกถิโก ภวิสฺสติ, อิมสฺสปิ อมฺเหหิ ธมฺมกถํ โสตุํ วฏฺฏตี’’ติ เต เอกทิวสํ เถรํ ยาจิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช อมฺหากํ ธมฺมสฺสวนทิวโส’’ติ สงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อมฺหากํ ทิวา ธมฺมกถํ กเถยฺยาถา’’ติ อาหํสุ. โสปิ เตสํ อธิวาเสสิ.

เตหิ ธมฺมสฺสวนเวลาย อาคนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โน ธมฺมํ กเถถา’’ติ วุตฺเต ลาลุทายิตฺเถโร อาสเน นิสีทิตฺวา จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา จาเลนฺโต เอกมฺปิ ธมฺมปทํ อทิสฺวา ‘‘อหํ สรภฺํ ภณิสฺสามิ, อฺโ ธมฺมกถํ กเถตู’’ติ วตฺวา โอตริ. เต อฺเน ธมฺมกถํ กถาเปตฺวา สรภาณตฺถาย ปุน ตํ อาสนํ อาโรปยึสุ. โส ปุนปิ กิฺจิ อทิสฺวา ‘‘อหํ รตฺตึ กเถสฺสามิ, อฺโ สรภฺํ ภณตู’’ติ วตฺวา อาสนา โอตริ. เต อฺเน สรภฺํ ภณาเปตฺวา ปุน รตฺตึ เถรํ อานยึสุ. โส รตฺติมฺปิ กิฺจิ อทิสฺวา ‘‘อหํ ปจฺจูสกาเล กเถสฺสามิ, รตฺตึ อฺโ กเถตู’’ติ วตฺวา โอตริ. เต อฺเน รตฺตึ กถาเปตฺวา ปุน ปจฺจูเส ตํ อานยึสุ. โส ปุนปิ กิฺจิ นาทฺทส. มหาชโน เลฑฺฑุทณฺฑาทีนิ คเหตฺวา, ‘‘อนฺธพาล, ตฺวํ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ วณฺเณ กถิยมาเน เอวฺเจวฺจ วเทสิ, อิทานิ กสฺมา น กเถสี’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา ปลายนฺตํ อนุพนฺธิ. โส ปลายนฺโต เอกิสฺสา วจฺจกุฏิยา ปติ.

มหาชโน กถํ สมุฏฺาเปสิ – ‘‘อชฺช ลาลุทายี สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ คุณกถาย ปวตฺตมานาย อุสฺสูยนฺโต อตฺตโน ธมฺมกถิกภาวํ ปกาเสตฺวา มนุสฺเสหิ สกฺการํ กตฺวา ‘ธมฺมํ สุโณมา’ติ วุตฺเต จตุกฺขตฺตุํ อาสเน นิสีทิตฺวา กเถตพฺพยุตฺตกํ กิฺจิ อปสฺสนฺโต ‘ตฺวํ อมฺหากํ อยฺเยหิ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานตฺเถเรหิ สทฺธึ ยุคคฺคาหํ คณฺหาสี’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทีนิ คเหตฺวา สนฺตชฺเชตฺวา ปลาปิยมาโน วจฺจกุฏิยา ปติโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เอโส คูถกูเป นิมุคฺโคเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘จตุปฺปโท อหํ สมฺม, ตฺวมฺปิ สมฺม จตุปฺปโท;

เอหิ สมฺม นิวตฺตสฺสุ, กึ นุ ภีโต ปลายสิ.

‘‘อสุจิปูติโลโมสิ, ทุคฺคนฺโธ วาสิ สูกร;

สเจ ยุชฺฌิตุกาโมสิ, ชยํ สมฺม ททามิ เต’’ติ. (ชา. ๑.๒.๕-๖) –

อิมํ ชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. ตทา สีโห สาริปุตฺโต อโหสิ, สูกโร ลาลุทายีติ. สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ลาลุทายินา อปฺปมตฺตโกว ธมฺโม อุคฺคหิโต, สชฺฌายํ ปน เนว อกาสิ, กิฺจิ ปริยตฺตึ อุคฺคเหตฺวา ตสฺสา อสชฺฌายกรณํ มลเมวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๔๑.

‘‘อสชฺฌายมลา มนฺตา, อนุฏฺานมลา ฆรา;

มลํ วณฺณสฺส โกสชฺชํ, ปมาโท รกฺขโต มล’’นฺติ.

ตตฺถ อสชฺฌายมลาติ ยากาจิ ปริยตฺติ วา สิปฺปํ วา ยสฺมา อสชฺฌายนฺตสฺส อนนุยุฺชนฺตสฺส วินสฺสติ วา นิรนฺตรํ วา น อุปฏฺาติ, ตสฺมา ‘‘อสชฺฌายมลา มนฺตา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ฆราวาสํ วสนฺตสฺส อุฏฺายุฏฺาย ชิณฺณปฏิสงฺขรณาทีนิ อกโรนฺตสฺส ฆรํ นาม วินสฺสติ, ตสฺมา ‘‘อนุฏฺานมลา ฆรา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา คิหิสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา โกสชฺชวเสน สรีรปฏิชคฺคนํ วา ปริกฺขารปฏิชคฺคนํ วา อกโรนฺตสฺส กาโย ทุพฺพณฺโณ โหติ, ตสฺมา ‘‘มลํ วณฺณสฺส โกสชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา คาโว รกฺขนฺตสฺส ปมาทวเสน นิทฺทายนฺตสฺส วา กีฬนฺตสฺส วา ตา คาโว อติตฺถปกฺขนฺทนาทินา วา วาฬมิคโจราทิอุปทฺทเวน วา ปเรสํ สาลิเขตฺตาทีนิ โอตริตฺวา ขาทนวเสน วินาสํ อาปชฺชนฺติ, สยมฺปิ ทณฺฑํ วา ปริภาสํ วา ปาปุณาติ, ปพฺพชิตํ วา ปน ฉ ทฺวารานิ อรกฺขนฺตํ ปมาทวเสน กิเลสา โอตริตฺวา สาสนา จาเวนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปมาโท รกฺขโต มล’’นฺติ วุตฺตํ. โส หิสฺส วินาสาวหเนน มลฏฺานิยตฺตา มลนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ลาลุทายิตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. อฺตรกุลปุตฺตวตฺถุ

มลิตฺถิยา ทุจฺจริตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุลปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส กิร สมานชาติกํ กุลกุมาริกํ อาเนสุํ. สา อานีตทิวสโต ปฏฺาย อติจารินี อโหสิ. โส กุลปุตฺโต ตสฺสา อติจาเรน ลชฺชิโต กสฺสจิ สมฺมุขีภาวํ อุปคนฺตุํ อสกฺโกนฺโต พุทฺธุปฏฺานาทีนิ ปจฺฉินฺทิตฺวา กติปาหจฺจเยน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กึ, อุปาสก, น ทิสฺสสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘อุปาสก, ปุพฺเพปิ มยา ‘อิตฺถิโย นาม นทีอาทิสทิสา, ตาสุ ปณฺฑิเตน โกโธ น กาตพฺโพ’ติ วุตฺตํ, ตฺวํ ปน ภวปฏิจฺฉนฺนตฺตา น สลฺลกฺเขสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต –

‘‘ยถา นที จ ปนฺโถ จ, ปานาคารํ สภา ปปา;

เอวํ โลกิตฺถิโย นาม, เวลา ตาสํ น วิชฺชตี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๖๕; ๑.๑๒.๙) –

ชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘อุปาสก, อิตฺถิยา หิ อติจารินิภาโว มลํ, ทานํ เทนฺตสฺส มจฺเฉรํ มลํ, อิธโลกปรโลเกสุ สตฺตานํ อกุสลกมฺมํ วินาสนตฺเถน มลํ, อวิชฺชา ปน สพฺพมลานํ อุตฺตมมล’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๔๒.

‘‘มลิตฺถิยา ทุจฺจริตํ, มจฺเฉรํ ททโต มลํ;

มลา เว ปาปกา ธมฺมา, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

๒๔๓.

‘‘ตโต มลา มลตรํ, อวิชฺชา ปรมํ มลํ;

เอตํ มลํ ปหนฺตฺวาน, นิมฺมลา โหถ ภิกฺขโว’’ติ.

ตตฺถ ทุจฺจริตนฺติ อติจาโร. อติจารินิฺหิ อิตฺถึ สามิโกปิ เคหา นีหรติ, มาตาปิตูนํ สนฺติกํ คตมฺปิ ‘‘ตฺวํ กุลสฺส อคารวภูตา, อกฺขีหิปิ น ทฏฺพฺพา’’ติ ตํ นีหรนฺติ. สา อนาถา วิจรนฺตี มหาทุกฺขํ ปาปุณาติ. เตนสฺสา ทุจฺจริตํ ‘‘มล’’นฺติ วุตฺตํ. ททโตติ ทายกสฺส. ยสฺส หิ เขตฺตกสนกาเล ‘‘อิมสฺมึ เขตฺเต สมฺปนฺเน สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิปฺผนฺเน สสฺเสปิ มจฺเฉรํ อุปฺปชฺชิตฺวา จาคจิตฺตํ นิวาเรติ, โส มจฺเฉรวเสน จาคจิตฺเต อวิรูหนฺเต มนุสฺสสมฺปตฺตึ ทิพฺพสมฺปตฺตึ นิพฺพานสมฺปตฺตินฺติ ติสฺโส สมฺปตฺติโย น ลภติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘มจฺเฉรํ ททโต มล’’นฺติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ปาปกา ธมฺมาติ อกุสลธมฺมา ปน อิธโลเก จ ปรโลเก จ มลเมว.

ตโตติ เหฏฺา วุตฺตมลโต. มลตรนฺติ อติเรกมลํ โว กเถมีติ อตฺโถ. อวิชฺชาติ อฏฺวตฺถุกํ อฺาณเมว ปรมํ มลํ. ปหนฺตฺวานาติ เอตํ มลํ ชหิตฺวา, ภิกฺขเว, ตุมฺเห นิมฺมลา โหถาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อฺตรกุลปุตฺตวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. จูฬสาริวตฺถุ

สุชีวนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬสารึ นาม สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เอกทิวเส เวชฺชกมฺมํ กตฺวา ปณีตโภชนํ ลภิตฺวา อาทาย นิกฺขมนฺโต อนฺตรามคฺเค เถรํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ มยา เวชฺชกมฺมํ กตฺวา ลทฺธํ, ตุมฺเห อฺตฺถ เอวรูปํ โภชนํ น ลภิสฺสถ, อิมํ ภุฺชถ, อหํ เต เวชฺชกมฺมํ กตฺวา นิจฺจกาลํ เอวรูปํ อาหารํ อาหริสฺสามี’’ติ อาห. เถโร ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุณฺหีภูโตว ปกฺกามิ. ภิกฺขู วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อหิริโก นาม ปคพฺโภ กากสทิโส หุตฺวา เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ตฺวา สุขํ ชีวติ, หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺโน ปน ทุกฺขํ ชีวตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๔๔.

‘‘สุชีวํ อหิริเกน, กากสูเรน ธํสินา;

ปกฺขนฺทินา ปคพฺเภน, สํกิลิฏฺเน ชีวิตํ.

๒๔๕.

‘‘หิรีมตา จ ทุชฺชีวํ, นิจฺจํ สุจิคเวสินา;

อลีเนนาปฺปคพฺเภน, สุทฺธาชีเวน ปสฺสตา’’ติ.

ตตฺถ อหิริเกนาติ ฉินฺนหิโรตฺตปฺปเกน. เอวรูเปน หิ อมาตรเมว ‘‘มาตา เม’’ติ อปิตาทโย เอว จ ‘‘ปิตา เม’’ติอาทินา นเยน วตฺวา เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ปติฏฺาย สุเขน ชีวตุํ สกฺกา. กากสูเรนาติ สูรกากสทิเสน. ยถา หิ สูรกาโก กุลฆเรสุ ยาคุอาทีนิ คณฺหิตุกาโม ภิตฺติอาทีสุ นิสีทิตฺวา อตฺตโน โอโลกนภาวํ ตฺวา อโนโลเกนฺโต วิย อฺวิหิตโก วิย นิทฺทายนฺโต วิย จ หุตฺวา มนุสฺสานํ ปมาทํ สลฺลกฺเขตฺวา อนุปติตฺวา ‘‘สูสู’’ติ วทนฺเตสุเยว ภาชนโต มุขปูรํ คเหตฺวา ปลายติ, เอวเมวํ อหิริกปุคฺคโลปิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ คามํ ปวิสิตฺวา ยาคุภตฺตฏฺานาทีนิ ววตฺถเปติ. ตตฺถ ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาปนมตฺตํ อาทาย อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตา ยาคุํ ปิวิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺติ สชฺฌายนฺติ อาสนสาลํ สมฺมชฺชนฺติ. อยํ ปน อกตฺวา คามาภิมุโขว โหติ.

โส หิ ภิกฺขูหิ ‘‘ปสฺสถิม’’นฺติ โอโลกิยมาโนปิ อโนโลเกนฺโต วิย อฺวิหิโต วิย นิทฺทายนฺโต วิย คณฺิกํ ปฏิมุฺจนฺโต วิย จีวรํ สํวิทหนฺโต วิย หุตฺวา ‘‘อสุกํ นาม เม กมฺมํ อตฺถี’’ติ วทนฺโต อุฏฺายาสนา คามํ ปวิสิตฺวา ปาโตว ววตฺถปิตเคเหสุ อฺตรํ เคหํ อุปสงฺกมิตฺวา ฆรมานุสเกสุ โถกํ กวาฏํ ปิธาย ทฺวาเร นิสีทิตฺวา กนฺทนฺเตสุปิ เอเกน หตฺเถน กวาฏํ ปณาเมตฺวา อนฺโต ปวิสติ. อถ นํ ทิสฺวา อกามกาปิ อาสเน นิสีทาเปตฺวา ยาคุอาทีสุ ยํ อตฺถิ, ตํ เทนฺติ. โส ยาวทตฺถํ ภุฺชิตฺวา อวเสสํ ปตฺเตนาทาย ปกฺกมติ. อยํ กากสูโร นาม. เอวรูเปน อหิริเกน สุชีวนฺติ อตฺโถ.

ธํสินาติ ‘‘อสุกตฺเถโร นาม อปฺปิจฺโฉ’’ติอาทีนิ วทนฺเตสุ – ‘‘กึ ปน มยํ น อปฺปิจฺฉา’’ติอาทิวจเนน ปเรสํ คุณธํสนตาย ธํสินา. ตถารูปสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อยมฺปิ อปฺปิจฺฉตาทิคุเณ ยุตฺโต’’ติ มฺมานา มนุสฺสา ทาตพฺพํ มฺนฺติ. โส ปน ตโต ปฏฺาย วิฺูปุริสานํ จิตฺตํ อาราเธตุํ อสกฺโกนฺโต ตมฺหาปิ ลาภา ปริหายติ. เอวํ ธํสิปุคฺคโล อตฺตโนปิ ปรสฺสปิ ลาภํ นาเสติเยว.

ปกฺขนฺทินาติ ปกฺขนฺทจารินา. ปเรสํ กิจฺจานิปิ อตฺตโน กิจฺจานิ วิย ทสฺเสนฺโต ปาโตว ภิกฺขูสุ เจติยงฺคณาทีสุ วตฺตํ กตฺวา กมฺมฏฺานมนสิกาเรน โถกํ นิสีทิตฺวา อุฏฺาย คามํ ปวิสนฺเตสุ มุขํ โธวิตฺวา ปณฺฑุกาสาวปารุปนอกฺขิอฺชนสีสมกฺขนาทีหิ อตฺตภาวํ มณฺเฑตฺวา สมฺมชฺชนฺโต วิย ทฺเว ตโย สมฺมชฺชนิปหาเร ทตฺวา ทฺวารโกฏฺกาภิมุโข โหติ. มนุสฺสา ปาโตว ‘‘เจติยํ วนฺทิสฺสาม, มาลาปูชํ กริสฺสามา’’ติ อาคตา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ วิหาโร อิมํ ทหรํ นิสฺสาย ปฏิชคฺคนํ ลภติ, อิมํ มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ วตฺวา ตสฺส ทาตพฺพํ มฺนฺติ. เอวรูเปน ปกฺขนฺทินาปิ สุชีวํ. ปคพฺเภนาติ กายปาคพฺภิยาทีหิ สมนฺนาคเตน. สํกิลิฏฺเน ชีวิตนฺติ เอวํ ชีวิกํ กปฺเปตฺวา ชีวนฺเตน หิ ปุคฺคเลน สํกิลิฏฺเน หุตฺวา ชีวิตํ นาม โหติ, ตํ ทุชฺชีวิตํ ปาปเมวาติ อตฺโถ.

หิรีมตา จาติ หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺเนน ปุคฺคเลน ทุชฺชีวํ. โส หิ อมาตาทโยว ‘‘มาตา เม’’ติอาทีนิ อวตฺวา อธมฺมิเก ปจฺจเย คูถํ วิย ชิคุจฺฉนฺโต ธมฺเมน สเมน ปริเยสนฺโต สปทานํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ลูขํ ชีวิกํ ชีวตีติ อตฺโถ. สุจิคเวสินาติ สุจีนิ กายกมฺมาทีนิ คเวสนฺเตน. อลีเนนาติ ชีวิตวุตฺติมนลฺลีเนน. สุทฺธาชีเวน ปสฺสตาติ เอวรูโป หิ ปุคฺคโล สุทฺธาชีโว นาม โหติ. เตน เอวํ สุทฺธาชีเวน ตเมว สุทฺธาชีวํ สารโต ปสฺสตา ลูขชีวิตวเสน ทุชฺชีวํ โหตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

จูฬสาริวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. ปฺจอุปาสกวตฺถุ

โย ปาณนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจ อุปาสเก อารพฺภ กเถสิ.

เตสุ หิ เอโก ปาณาติปาตาเวรมณิสิกฺขาปทเมว รกฺขติ, อิตเร อิตรานิ. เต เอกทิวสํ ‘‘อหํ ทุกฺกรํ กโรมิ, ทุกฺกรํ รกฺขามี’’ติ วิวาทาปนฺนา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา เอกสีลมฺปิ กนิฏฺกํ อกตฺวา ‘‘สพฺพาเนว ทุรกฺขานี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๔๖.

‘‘โย ปาณมติปาเตติ, มุสาวาทฺจ ภาสติ;

โลเก อทินฺนมาทิยติ, ปรทารฺจ คจฺฉติ.

๒๔๗.

‘‘สุราเมรยปานฺจ, โย นโร อนุยุฺชติ;

อิเธว เมโส โลกสฺมึ, มูลํ ขณติ อตฺตโน.

๒๔๘.

‘‘เอวํ โภ ปุริส ชานาหิ, ปาปธมฺมา อสฺตา;

มา ตํ โลโภ อธมฺโม จ, จิรํ ทุกฺขาย รนฺธยุ’’นฺติ.

ตตฺถ โย ปาณมติปาเตตีติ โย สาหตฺถิกาทีสุ ฉสุ ปโยเคสุ เอกปโยเคนาปิ ปรสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ อุปจฺฉินฺทติ. มุสาวาทนฺติ ปเรสํ อตฺถภฺชนกํ มุสาวาทฺจ ภาสติ. โลเก อทินฺนมาทิยตีติ อิมสฺมึ สตฺตโลเก เถยฺยาวหาราทีสุ เอเกนปิ อวหาเรน ปรปริคฺคหิตํ อาทิยติ. ปรทารฺจ คจฺฉตีติ ปรสฺส รกฺขิตโคปิเตสุ ภณฺเฑสุ อปรชฺฌนฺโต อุปฺปถจารํ จรติ. สุราเมรยปานนฺติ ยสฺส กสฺสจิ สุราย เจว เมรยสฺส จ ปานํ. อนุยุฺชตีติ เสวติ พหุลีกโรติ. มูลํ ขณตีติ ติฏฺตุ ปรโลโก, โส ปน ปุคฺคโล อิธ โลกสฺมึเยว เยน เขตฺตวตฺถุอาทินา มูเลน ปติฏฺเปยฺย, ตมฺปิ อฏฺเปตฺวา วา วิสฺสชฺเชตฺวา วา สุรํ ปิวนฺโต อตฺตโน มูลํ ขณติ, อนาโถ กปโณ หุตฺวา วิจรติ. เอวํ, โภติ ปฺจทุสฺสีลฺยกมฺมการกํ ปุคฺคลํ อาลปติ. ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมา. อสฺตาติ กายสฺตาทิรหิตา. อเจตสาติปิ ปาโ, อจิตฺตกาติ อตฺโถ. โลโภ อธมฺโม จาติ โลโภ เจว โทโส จ. อุภยมฺปิ เหตํ อกุสลเมว. จิรํ ทุกฺขาย รนฺธยุนฺติ จิรกาลํ นิรยทุกฺขาทีนํ อตฺถาย ตํ เอเต ธมฺมา มา รนฺเธนฺตุ มา มตฺเถนฺตูติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ปฺจ อุปาสกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ปฺจอุปาสกวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. ติสฺสทหรวตฺถุ

ททาติ เวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติสฺสทหรํ นาม อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน วิสาขาย อุปาสิกายาติ ปฺจนฺนํ อริยสาวกโกฏีนํ ทานํ นินฺทนฺโต วิจริ, อสทิสทานมฺปิ นินฺทิเยว. เตสํ เตสํ ทานคฺเค สีตลํ ลภิตฺวา ‘‘สีตล’’นฺติ นินฺทิ, อุณฺหํ ลภิตฺวา ‘‘อุณฺห’’นฺติ นินฺทิ. อปฺปํ เทนฺเตปิ ‘‘กึ อิเม อปฺปมตฺตกํ เทนฺตี’’ติ นินฺทิ, พหุํ เทนฺเตปิ ‘‘อิเมสํ เคเห ปนฏฺานํ มฺเ นตฺถิ, นนุ นาม ภิกฺขูนํ ยาปนมตฺตํ ทาตพฺพํ, เอตฺตกํ ยาคุภตฺตํ นิรตฺถกเมว วิสฺสชฺชตี’’ติ นินฺทิ. อตฺตโน ปน าตเก อารพฺภ ‘‘อโห อมฺหากํ าตกานํ เคหํ จตูหิ ทิสาหิ อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ โอปานภูต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปสํสํ ปวตฺเตสิ. โส ปเนกสฺส โทวาริกสฺส ปุตฺโต ชนปทํ วิจรนฺเตหิ วฑฺฒกีหิ สทฺธึ วิจรนฺโต สาวตฺถึ ปตฺวา ปพฺพชิโต. อถ นํ ภิกฺขู เอวํ มนุสฺสานํ ทานาทีนิ นินฺทนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปริคฺคณฺหิสฺสาม น’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อาวุโส, ตว าตกา กหํ วสนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อสุกคาเม นามา’’ติ สุตฺวาว กติปเย ทหเร เปเสสุํ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา คามวาสิเกหิ อาสนสาลาย นิสีทาเปตฺวา กตสกฺการา ปุจฺฉึสุ – ‘‘อิมมฺหา คามา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ติสฺโส นาม ทหโร อตฺถิ. ตสฺส กตเม าตกา’’ติ? มนุสฺสา ‘‘อิธ กุลเคหโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตทารโก นตฺถิ, กึ นุ โข อิเม วทนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอโก โทวาริกปุตฺโต วฑฺฒกีหิ สทฺธึ วิจริตฺวา ปพฺพชิโตติ สุโณม, ตํ สนฺธาย วเทถ มฺเ’’ติ อาหํสุ. ทหรภิกฺขู ติสฺสสฺส ตตฺถ อิสฺสราตกานํ อภาวํ ตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา ‘‘อการณเมว, ภนฺเต, ติสฺโส วิลปนฺโต วิจรตี’’ติ ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขูนํ อาโรเจสุํ. ภิกฺขูปิ ตํ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว วิกตฺเถนฺโต วิจรติ, ปุพฺเพปิ วิกตฺถโกว อโหสี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘พหุมฺปิ โส วิกตฺเถยฺย, อฺํ ชนปทํ คโต;

อนฺวาคนฺตฺวาน ทูเสยฺย, ภุฺช โภเค กฏาหกา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๒๕) –

อิมํ กฏาหชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, โย หิ ปุคฺคโล ปเรหิ อปฺปเก วา พหุเก วา ลูเข วา ปณีเต วา ทินฺเน อฺเสํ วา ทตฺวา อตฺตโน อทินฺเน มงฺกุ โหติ, ตสฺส ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา มคฺคผลาทีนิ วา น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๒๔๙.

‘‘ททาติ เว ยถาสทฺธํ, ยถาปสาทนํ ชโน;

ตตฺถ โย จ มงฺกุ โหติ, ปเรสํ ปานโภชเน;

น โส ทิวา วา รตฺตึ วา, สมาธิมธิคจฺฉติ.

๒๕๐.

‘‘ยสฺส เจตํ สมุจฺฉินฺนํ, มูลฆจฺจํ สมูหตํ;

ส เว ทิวา วา รตฺตึ วา, สมาธิมธิคจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ ททาติ เว ยถาสทฺธนฺติ ลูขปณีตาทีสุ ยํกิฺจิ เทนฺโต ชโน ยถาสทฺธํ อตฺตโน สทฺธานุรูปเมว เทติ. ยถาปสาทนนฺติ เถรนวาทีสุ จสฺส ยสฺมึ ยสฺมึ ปสาโท อุปฺปชฺชติ, ตสฺส เทนฺโต ยถาปสาทนํ อตฺตโน ปสาทานุรูปเมว เทติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปรสฺส ทาเน ‘‘มยา อปฺปํ วา ลทฺธํ, ลูขํ วา ลทฺธ’’นฺติ มงฺกุภาวํ อาปชฺชติ. สมาธินฺติ โส ปุคฺคโล ทิวา วา รตฺตึ วา อุปจารปฺปนาวเสน วา มคฺคผลวเสน วา สมาธึ นาธิคจฺฉติ. ยสฺส เจตนฺติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส เอตํ เอเกสุ าเนสุ มงฺกุภาวสงฺขาตํ อกุสลํ สมุจฺฉินฺนํ มูลฆจฺจํ กตฺวา อรหตฺตมคฺคาเณน สมูหตํ, โส วุตฺตปฺปการํ สมาธึ อธิคจฺฉตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ติสฺสทหรวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. ปฺจอุปาสกวตฺถุ

นตฺถิ ราคสโม อคฺคีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจ อุปาสเก อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร ธมฺมํ โสตุกามา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. พุทฺธานฺจ ‘‘อยํ ขตฺติโย, อยํ พฺราหฺมโณ, อยํ อฑฺโฒ, อยํ ทุคฺคโต, อิมสฺส อุฬารํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, อิมสฺส โน’’ติ จิตฺตํ น อุปฺปชฺชติ. ยํกิฺจิ อารพฺภ ธมฺมํ เทเสนฺโต ธมฺมคารวํ ปุรกฺขตฺวา อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย เทเสติ. เอวํ เทเสนฺตสฺส ปน ตถาคตสฺส สนฺติเก นิสินฺนานํ เตสํ เอโก นิสินฺนโกว นิทฺทายิ, เอโก องฺคุลิยา ภูมึ ลิขนฺโต นิสีทิ, เอโก เอกํ รุกฺขํ จาเลนฺโต นิสีทิ, เอโก อากาสํ อุลฺโลเกนฺโต นิสีทิ, เอโก ปน สกฺกจฺจํ ธมฺมํ อสฺโสสิ.

อานนฺทตฺเถโร สตฺถารํ พีชยมาโน เตสํ อาการํ โอโลเกนฺโต สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อิเมสํ มหาเมฆคชฺชิตํ คชฺชนฺตา วิย ธมฺมํ เทเสถ, เอเต ปน ตุมฺเหสุปิ ธมฺมํ กเถนฺเตสุ อิทฺจิทฺจ กโรนฺตา นิสินฺนา’’ติ. ‘‘อานนฺท, ตฺวํ เอเต น ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. เอเตสุ หิ โย เอส นิทฺทายนฺโต นิสินฺโน, เอส ปฺจ ชาติสตานิ สปฺปโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา โภเคสุ สีสํ เปตฺวา นิทฺทายิ, อิทานิปิสฺส นิทฺทาย ติตฺติ นตฺถิ, นาสฺส กณฺณํ มม สทฺโท ปวิสตีติ. กึ ปน, ภนฺเต, ปฏิปาฏิยา กเถถ, อุทาหุ อนฺตรนฺตราติ. อานนฺท, เอตสฺส หิ กาเลน มนุสฺสตฺตํ, กาเลน เทวตฺตํ, กาเลน นาคตฺตนฺติ เอวํ อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺชนฺตสฺส อุปปตฺติโย สพฺพฺุตฺาเณนาปิ น สกฺกา ปริจฺฉินฺทิตุํ. ปฏิปาฏิยา ปเนส ปฺจ ชาติสตานิ นาคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา นิทฺทายนฺโตปิ นิทฺทาย อติตฺโตเยว. องฺคุลิยา ภูมึ ลิขนฺโต นิสินฺนปุริโสปิ ปฺจ ชาติสตานิ คณฺฑุปฺปาทโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ภูมึ ขณิ, อิทานิปิ ภูมึ ขณนฺโตว มม สทฺทํ น สุณาติ. เอส รุกฺขํ จาเลนฺโต นิสินฺนปุริโสปิ ปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ มกฺกฏโยนิยํ นิพฺพตฺติ, อิทานิปิ ปุพฺพาจิณฺณวเสน รุกฺขํ จาเลติเยว, นาสฺส กณฺณํ มม สทฺโท ปวิสติ. เอส อากาสํ อุลฺโลเกตฺวา นิสินฺนปุริโสปิ ปฺจ ชาติสตานิ นกฺขตฺตปาโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อิทานิ ปุพฺพาจิณฺณวเสน อชฺชาปิ อากาสเมว อุลฺโลเกติ, นาสฺส กณฺณํ มม สทฺโท ปวิสติ. เอส สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺโต นิสินฺนปุริโส ปน ปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู มนฺตชฺฌายกพฺราหฺมโณ หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อิทานิปิ มนฺตํ สํสนฺทนฺโต วิย สกฺกจฺจํ สุณาตีติ.

‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ธมฺมเทสนา ฉวิอาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺติ, กสฺมา อิเม ตุมฺเหสุปิ ธมฺมํ เทเสนฺเตสุ สกฺกจฺจํ น สุณนฺตี’’ติ? ‘‘อานนฺท, มม ธมฺโม สุสฺสวนีโยติ สฺํ กโรสิ มฺเ’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ทุสฺสวนีโย’’ติ? ‘‘อาม, อานนฺทา’’ติ. ‘‘กสฺมา, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อานนฺท, พุทฺโธติ วา ธมฺโมติ วา สงฺโฆติ วา ปทํ อิเมหิ สตฺเตหิ อเนเกสุปิ กปฺปโกฏิสตสหสฺเสสุ อสุตปุพฺพํ. ยสฺมา อิมํ ธมฺมํ โสตุํ น สกฺโกนฺตา อนมตคฺเค สํสาเร อิเม สตฺตา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํเยว สุณนฺตา อาคตา, ตสฺมา สุราปานเกฬิมณฺฑลาทีสุ คายนฺตา นจฺจนฺตา วิจรนฺติ, ธมฺมํ โสตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. ‘‘กึ นิสฺสาย ปเนเต น สกฺโกนฺติ, ภนฺเต’’ติ?

อถสฺส สตฺถา, ‘‘อานนฺท, ราคํ นิสฺสาย โทสํ นิสฺสาย โมหํ นิสฺสาย ตณฺหํ นิสฺสาย น สกฺโกนฺติ. ราคคฺคิสทิโส อคฺคิ นาม นตฺถิ, โส ฉาริกมฺปิ อเสเสตฺวา สตฺเต ทหติ. กิฺจาปิ สตฺตสูริยปาตุภาวํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน กปฺปวินาสโก อคฺคิปิ กิฺจิ อนวเสเสตฺวาว โลกํ ทหติ, โส ปน อคฺคิ กทาจิเยว ทหติ. ราคคฺคิโน อทหนกาโล นาม นตฺถิ, ตสฺมา ราคสโม วา อคฺคิ โทสสโม วา คโห โมหสมํ วา ชาลํ ตณฺหาสมา วา นที นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๕๑.

‘‘นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ, นตฺถิ โทสสโม คโห;

นตฺถิ โมหสมํ ชาลํ, นตฺถิ ตณฺหาสมา นที’’ติ.

ตตฺถ ราคสโมติ ธูมาทีสุ กิฺจิ อทสฺเสตฺวา อนฺโตเยว อุฏฺาย ฌาปนวเสน ราเคน สโม อคฺคิ นาม นตฺถิ. โทสสโมติ ยกฺขคหอชครคหกุมฺภิลคหาทโย เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว คณฺหิตุํ สกฺโกนฺติ, โทสคโห ปน สพฺพตฺถ เอกนฺตเมว คณฺหาตีติ โทเสน สโม คโห นาม นตฺถิ. โมหสมนฺติ โอนนฺธนปริโยนนฺธนฏฺเน ปน โมหสมํ ชาลํ นาม นตฺถิ. ตณฺหาสมาติ คงฺคาทีนํ นทีนํ ปุณฺณกาโลปิ อูนกาโลปิ สุกฺขกาโลปิ ปฺายติ, ตณฺหาย ปน ปุณฺณกาโล วา สุกฺขกาโล วา นตฺถิ, นิจฺจํ อูนาว ปฺายตีติ ทุปฺปูรณฏฺเน ตณฺหาย สมา นที นาม นตฺถีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺโต อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ปฺจอุปาสกวตฺถุ นวมํ.

๑๐. เมณฺฑกเสฏฺิวตฺถุ

สุทสฺสํ วชฺชนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ภทฺทิยนครํ นิสฺสาย ชาติยาวเน วิหรนฺโต เมณฺฑกเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ.

สตฺถา กิร องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรนฺโต เมณฺฑกเสฏฺิโน จ, ภริยาย จสฺส จนฺทปทุมาย, ปุตฺตสฺส จ ธนฺจยเสฏฺิโน, สุณิสาย จ สุมนเทวิยา, นตฺตาย จสฺส วิสาขาย, ทาสสฺส จ ปุณฺณสฺสาติ อิเมสํ โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ภทฺทิยนครํ คนฺตฺวา ชาติยาวเน วิหาสิ. เมณฺฑกเสฏฺิ สตฺถุ อาคมนํ อสฺโสสิ. กสฺมา ปเนส เมณฺฑกเสฏฺิ นาม ชาโตติ? ตสฺส กิร ปจฺฉิมเคเห อฏฺกรีสมตฺเต าเน หตฺถิอสฺสอุสภปมาณา สุวณฺณเมณฺฑกา ปถวึ ภินฺทิตฺวา ปิฏฺิยา ปิฏฺึ ปหรมานา อุฏฺหึสุ. เตสํ มุเขสุ ปฺจวณฺณานํ สุตฺตานํ เคณฺฑุกา ปกฺขิตฺตา โหนฺติ. สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีหิ วา วตฺถจฺฉาทนหิรฺสุวณฺณาทีหิ วา อตฺเถ สติ เตสํ มุขโต เคณฺฑุเก อปเนนฺติ, เอกสฺสาปิ เมณฺฑกสฺส มุขโต ชมฺพุทีปวาสีนํ ปโหนกํ สปฺปิเตลมธุผาณิตวตฺถจฺฉาทนหิรฺสุวณฺณํ นิกฺขมติ. ตโต ปฏฺาย เมณฺฑกเสฏฺีติ ปฺายิ.

กึ ปนสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? วิปสฺสีพุทฺธกาเล กิร เอส อวโรชสฺส นาม กุฏุมฺพิกสฺส ภาคิเนยฺโย มาตุเลน สมานนาโม อวโรโช นาม อโหสิ. อถสฺส มาตุโล สตฺถุ คนฺธกุฏึ กาตุํ อารภิ. โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘มาตุล, อุโภปิ สเหว กโรมา’’ติ วตฺวา ‘‘อหํ อฺเหิ สทฺธึ อสาธารณํ กตฺวา เอกโกว กริสฺสามี’’ติ เตน ปน ปฏิกฺขิตฺตกาเล ‘‘อิมสฺมึ าเน คนฺธกุฏิยา กตาย อิมสฺมึ นาม าเน กุฺชรสาลํ นาม ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อรฺโต ทพฺพสมฺภาเร อาหราเปตฺวา เอกํ ถมฺภํ สุวณฺณขจิตํ, เอกํ รชตขจิตํ, เอกํ มณิขจิตํ, เอกํ สตฺตรตนขจิตนฺติ เอวํ ตุลาสงฺฆาตทฺวารกวาฏวาตปานโคปานสีฉทนิฏฺกา สพฺพาปิ สุวณฺณาทิขจิตาว กาเรตฺวา คนฺธกุฏิยา สมฺมุขฏฺาเน ตถาคตสฺส สตฺตรตนมยํ กุฺชรสาลํ กาเรสิ. ตสฺสา อุปริ ฆนรตฺตสุวณฺณมยา กมฺพลา ปวาฬมยา สิขรถูปิกาโย อเหสุํ. กุฺชรสาลาย มชฺเฌ าเน รตนมณฺฑปํ กาเรตฺวา ธมฺมาสนํ ปติฏฺาเปสิ. ตสฺส ฆนรตฺตสุวณฺณมยา ปาทา อเหสุํ, ตถา จตสฺโส อฏนิโย. จตฺตาโร ปน สุวณฺณเมณฺฑเก การาเปตฺวา อาสนสฺส จตุนฺนํ ปาทานํ เหฏฺา เปสิ, ทฺเว เมณฺฑเก การาเปตฺวา ปาทปีกาย เหฏฺา เปสิ, ฉ สุวณฺณเมณฺฑเก การาเปตฺวา มณฺฑปํ ปริกฺขิเปนฺโต เปสิ. ธมฺมาสนํ ปมํ สุตฺตมเยหิ รชฺชุเกหิ วายาเปตฺวา มชฺเฌ สุวณฺณสุตฺตมเยหิ อุปริ มุตฺตมเยหิ สุตฺเตหิ วายาเปสิ. ตสฺส จนฺทนมโย อปสฺสโย อโหสิ. เอวํ กุฺชรสาลํ นิฏฺาเปตฺวา สาลามหํ กโรนฺโต อฏฺสฏฺีหิ ภิกฺขุสตสหสฺเสหิ สทฺธึ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา จตฺตาโร มาเส ทานํ ทตฺวา โอสานทิวเส ติจีวรํ อทาสิ. ตตฺถ สงฺฆนวกสฺส สตสหสฺสคฺฆนิกํ ปาปุณิ.

เอวํ วิปสฺสีพุทฺธกาเล ปุฺกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป พาราณสิยํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พาราณสิเสฏฺิ นาม อโหสิ. โส เอกทิวสํ ราชูปฏฺานํ คจฺฉนฺโต ปุโรหิตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, อาจริย, นกฺขตฺตมุหุตฺตํ, อุปธาเรถา’’ติ อาห. อาม, อุปธาเรมิ, กึ อฺํ อมฺหากํ กมฺมนฺติ. เตน หิ กีทิสํ ชนปทจาริตฺตนฺติ? เอกํ ภยํ ภวิสฺสตีติ. กึ ภยํ นามาติ? ฉาตกภยํ เสฏฺีติ. กทา ภวิสฺสตีติ? อิโต ติณฺณํ สํวจฺฉรานํ อจฺจเยนาติ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ พหุํ กสิกมฺมํ กาเรตฺวา เคเห วิชฺชมานธเนนาปิ ธฺเมว คเหตฺวา อฑฺฒเตรสานิ โกฏฺสตานิ กาเรตฺวา สพฺพโกฏฺเก วีหีหิ ปริปูเรสิ. โกฏฺเสุ อปฺปโหนฺเตสุ จาฏิอาทีนิ ปูเรตฺวา อวเสสํ ภูมิยํ อาวาเฏ กตฺวา นิขณิ. นิธานาวเสสํ มตฺติกาย สทฺธึ มทฺทิตฺวา ภิตฺติโย ลิมฺปาเปสิ.

โส อปเรน สมเยน ฉาตกภเย สมฺปตฺเต ยถานิกฺขิตฺตํ ธฺํ ปริภุฺชนฺโต โกฏฺเสุ จ จาฏิอาทีสุ จ นิกฺขิตฺตธฺเ ปริกฺขีเณ ปริชเน ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา ชีวนฺตา สุภิกฺขกาเล มม สนฺติกํ อาคนฺตุกามา อาคจฺฉถ, อนาคนฺตุกามา ตตฺถ ตตฺเถว ชีวถา’’ติ. เต โรทมานา อสฺสุมุขา หุตฺวา เสฏฺึ วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา สตฺตาหํ นิสีทิตฺวา ตถา อกํสุ. ตสฺส ปน สนฺติเก เวยฺยาวจฺจกโร เอโกว ปุณฺโณ นาม ทาโส โอหียิ, เตน สทฺธึ เสฏฺิชายา เสฏฺิปุตฺโต เสฏฺิสุณิสาติ ปฺเจว ชนา อเหสุํ. เต ภูมิยํ อาวาเฏสุ นิหิตธฺเปิ ปริกฺขีเณ ภิตฺติมตฺติกํ ปาเตตฺวา เตเมตฺวา ตโต ลทฺธธฺเน ยาปยึสุ. อถสฺส ชายา ฉาตเก อวตฺถรนฺเต มตฺติกาย ขียมานาย ภิตฺติปาเทสุ อวสิฏฺมตฺติกํ ปาเตตฺวา เตเมตฺวา อฑฺฒาฬฺหกมตฺตํ วีหึ ลภิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา เอกํ ตณฺฑุลนาฬึ คเหตฺวา ‘‘ฉาตกกาเล โจรา พหู โหนฺตี’’ติ โจรภเยน เอกสฺมึ กุเฏ ปกฺขิปิตฺวา ปิทหิตฺวา ภูมิยํ นิขณิตฺวา เปสิ. อถ นํ เสฏฺิ ราชูปฏฺานโต อาคนฺตฺวา อาห – ‘‘ภทฺเท, ฉาโตมฺหิ, อตฺถิ กิฺจี’’ติ. สา วิชฺชมานํ ‘‘นตฺถี’’ติ อวตฺวา ‘‘เอกา ตณฺฑุลนาฬิ อตฺถี’’ติ อาห. ‘‘กหํ สา’’ติ? ‘‘โจรภเยน เม นิขณิตฺวา ปิตา’’ติ. ‘‘เตน หิ นํ อุทฺธริตฺวา กิฺจิ ปจาหี’’ติ. ‘‘สเจ ยาคุํ ปจิสฺสามิ, ทฺเว วาเร ลภิสฺสติ. สเจ ภตฺตํ ปจิสฺสามิ, เอกวารเมว ลภิสฺสติ, กึ ปจามิ, สามี’’ติ อาห. ‘‘อมฺหากํ อฺโ ปจฺจโย นตฺถิ, ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา มริสฺสาม, ภตฺตเมว ปจาหี’’ติ. สา ภตฺตํ ปจิตฺวา ปฺจ โกฏฺาเส กตฺวา เสฏฺิโน โกฏฺาสํ วฑฺเฒตฺวา ปุรโต เปสิ.

ตสฺมึ ขเณ คนฺธมาทนปพฺพเต ปจฺเจกพุทฺโธ สมาปตฺติโต วุฏฺาติ. อนฺโตสมาปตฺติยํ กิร สมาปตฺติพเลน ชิฆจฺฉา น พาธติ. สมาปตฺติโต วุฏฺิตานํ ปน พลวตี หุตฺวา อุทรปฏลํ ฑยฺหนฺตี วิย อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา เต ลภนฏฺานํ โอโลเกตฺวา คจฺฉนฺติ. ตํ ทิวสฺจ เตสํ ทานํ ทตฺวา เสนาปติฏฺานาทีสุ อฺตรสมฺปตฺตึ ลภนฺติ. ตสฺมา โสปิ ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺโต ‘‘สกลชมฺพุทีเป ฉาตกภยํ อุปฺปนฺนํ, เสฏฺิเคเห จ ปฺจนฺนํ ชนานํ นาฬิโกทโนว ปกฺโก, สทฺธา นุ โข เอเต, สกฺขิสฺสนฺติ วา มม สงฺคหํ กาตุ’’นฺติ เตสํ สทฺธภาวฺจ สงฺคหํ กาตุํ สมตฺถภาวฺจ ทิสฺวา ปตฺตจีวรมาทาย มหาเสฏฺิสฺส ปุรโต ทฺวาเร ิตเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ‘‘ปุพฺเพปิ มยา ทานสฺส อทินฺนตฺตา เอวรูปํ ฉาตกํ ทิฏฺํ, อิทํ โข ปน ภตฺตํ มํ เอกทิวสเมว รกฺเขยฺย. อยฺยสฺส ปน ทินฺนํ อเนกาสุ กปฺปโกฏีสุ มม หิตสุขาวหํ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ ภตฺตปาตึ อปเนตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา เคหํ ปเวเสตฺวา อาสเน นิสินฺนสฺส ปาเท โธวิตฺวา สุวณฺณปาทปีเ เปตฺวา ภตฺตปาติมาทาย ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺเต โอกิริ. อุปฑฺฒาวเสเส ภตฺเต ปจฺเจกพุทฺโธ หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. อถ นํ, ‘‘ภนฺเต, เอกาย ตณฺฑุลนาฬิยา ปฺจนฺนํ ชนานํ ปกฺกโอทนสฺส อยํ เอโก โกฏฺาโส, อิมํ ทฺวิธา กาตุํ น สกฺกา. มา มยฺหํ อิธโลเก สงฺคหํ กโรถ, อหํ นิรวเสสํ ทาตุกาโมมฺหี’’ติ วตฺวา สพฺพํ ภตฺตมทาสิ. ทตฺวา จ ปน ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ‘‘มา, ภนฺเต, ปุน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เอวรูปํ ฉาตกภยํ อทฺทสํ, อิโต ปฏฺาย สกลชมฺพุทีปวาสีนํ พีชภตฺตํ ทาตุํ สมตฺโถ ภเวยฺยํ, สหตฺเถน กมฺมํ กตฺวา ชีวิกํ น กปฺเปยฺยํ, อฑฺฒเตรส โกฏฺสตานิ โสธาเปตฺวา สีสํ นฺหายิตฺวา เตสํ ทฺวาเร นิสีทิตฺวา อุทฺธํ โอโลกิตกฺขเณเยว เม รตฺตสาลิธารา ปติตฺวา สพฺพโกฏฺเ ปูเรยฺยุํ. นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน จ อยเมว ภริยา, อยเมว ปุตฺโต, อยเมว สุณิสา, อยเมว ทาโส โหตู’’ติ.

ภริยาปิสฺส ‘‘มม สามิเก ชิฆจฺฉาย ปีฬิยมาเน น สกฺกา มยา ภุฺชิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน โกฏฺาสํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ‘‘ภนฺเต, อิทานิ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เอวรูปํ ฉาตกภยํ น ปสฺเสยฺยํ, ภตฺตถาลิกํ ปุรโต กตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสีนํ ภตฺตํ เทนฺติยาปิ จ เม ยาว น อุฏฺหิสฺสามิ, ตาว คหิตคหิตฏฺานํ ปูริตเมว โหตุ. อยเมว สามิโก, อยเมว ปุตฺโต, อยเมว สุณิสา, อยเมว ทาโส โหตู’’ติ. ปุตฺโตปิสฺส อตฺตโน โกฏฺาสํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ‘‘ภนฺเต, อิโต ปฏฺาย เอวรูปํ ฉาตกภยํ น ปสฺเสยฺยํ, เอกฺจ เม สหสฺสถวิกํ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสีนํ กหาปณํ เทนฺตสฺสาปิ อยํ สหสฺสถวิกา ปริปุณฺณาว โหตุ, อิเมเยว มาตาปิตโร โหนฺตุ, อยํ ภริยา, อยํ ทาโส โหตู’’ติ.

สุณิสาปิสฺส อตฺตโน โกฏฺาสํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ‘‘อิโต ปฏฺาย เอวรูปํ ฉาตกภยํ น ปสฺเสยฺยํ, เอกฺจ เม ธฺปิฏกํ ปุรโต เปตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสีนํ พีชภตฺตํ เทนฺติยาปิ ขีณภาโว มา ปฺายิตฺถ, นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อิเมเยว สสุรา โหนฺตุ, อยเมว สามิโก, อยเมว ทาโส โหตู’’ติ. ทาโสปิ อตฺตโน โกฏฺาสํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ‘‘อิโต ปฏฺาย เอวรูปํ ฉาตกภยํ น ปสฺเสยฺยํ, สพฺเพ อิเม สามิกา โหนฺตุ, กสนฺตสฺส จ เม อิโต ติสฺโส, เอตฺโต ติสฺโส, มชฺเฌ เอกาติ ทารุอมฺพณมตฺตา สตฺต สตฺต สีตาโย คจฺฉนฺตู’’ติ. โส ตํ ทิวสํ เสนาปติฏฺานํ ปตฺเถตฺวา ลทฺธุํ สมตฺโถปิ สามิเกสุ สิเนเหน ‘‘อิเมเยว เม สามิกา โหนฺตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ สพฺเพสมฺปิ วจนาวสาเน ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา –

‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;

สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา.

‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;

สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, มณิ โชติรโส ยถา’’ติ. –

ปจฺเจกพุทฺธคาถาหิ อนุโมทนํ กตฺวา ‘‘มยา อิเมสํ จิตฺตํ ปสาเทตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ยาว คนฺธมาทนปพฺพตา อิเม มํ ปสฺสนฺตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ปกฺกามิ. เตปิ โอโลเกตฺวาว อฏฺํสุ. โส คนฺตฺวา ตํ ภตฺตํ ปฺจหิ ปจฺเจกพุทฺธสเตหิ สทฺธึ สํวิภชิ. ตํ ตสฺสานุภาเวน สพฺเพสมฺปิ ปโหติ. เต โอโลเกนฺตาเยว อฏฺํสุ.

อติกฺกนฺเต ปน มชฺฌนฺหิเก เสฏฺิภริยา อุกฺขลึ โธวิตฺวา ปิทหิตฺวา เปสิ. เสฏฺิปิ ชิฆจฺฉาย ปีฬิโต นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. โส สายนฺเห ปพุชฺฌิตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, อติวิย ฉาโตมฺหิ, อตฺถิ นุ โข อุกฺขลิยา ตเล ฌามกสิตฺถานี’’ติ. สา โธวิตฺวา อุกฺขลิยา ปิตภาวํ ชานนฺตีปิ ‘‘นตฺถี’’ติ อวตฺวา ‘‘อุกฺขลึ วิวริตฺวา อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ อุฏฺาย อุกฺขลิมูลํ คนฺตฺวา อุกฺขลึ วิวริ, ตาวเทว สุมนมกุลสทิสวณฺณสฺส ภตฺตสฺส ปูรา อุกฺขลิ ปิธานํ อุกฺขิปิตฺวา อฏฺาสิ. สา ตํ ทิสฺวาว ปีติยา ผุฏฺสรีรา เสฏฺึ อาห – ‘‘อุฏฺเหิ, สามิ, อหํ อุกฺขลึ โธวิตฺวา ปิทหึ, สา ปน สุมนมกุลสทิสวณฺณสฺส ภตฺตสฺส ปูรา, ปุฺานิ นาม กตฺตพฺพรูปานิ, ทานํ นาม กตฺตพฺพยุตฺตกํ. อุฏฺเหิ, สามิ, ภุฺชสฺสู’’ติ. สา ทฺวินฺนํ ปิตาปุตฺตานํ ภตฺตํ อทาสิ. เตสุ สุตฺวา อุฏฺิเตสุ สุณิสาย สทฺธึ นิสีทิตฺวา ภุฺชิตฺวา ปุณฺณสฺส ภตฺตํ อทาสิ. คหิตคหิตฏฺานํ น ขียติ, กฏจฺฉุนา สกึ คหิตฏฺานเมว ปฺายติ. ตํทิวสเมว โกฏฺาทโย ปุพฺเพ ปูริตนิยาเมเนว ปุน ปูรยึสุ. ‘‘เสฏฺิสฺส เคเห ภตฺตํ อุปฺปนฺนํ, พีชภตฺเตหิ อตฺถิกา อาคนฺตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ นคเร โฆสนํ กาเรสิ. มนุสฺสา ตสฺส เคหโต พีชภตฺตํ คณฺหึสุ. สกลชมฺพุทีปวาสิโน ตํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภึสุเยว.

โส ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภทฺทิยนคเร เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ. ภริยาปิสฺส มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา ตสฺเสว เคหํ อคมาสิ. ตสฺส ตํ ปุพฺพกมฺมํ นิสฺสาย ปจฺฉาเคเห ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการา เมณฺฑกา อุฏฺหึสุ. ปุตฺโตปิ เนสํ ปุตฺโตว, สุณิสา สุณิสาว, ทาโส ทาโสว อโหสิ. อเถกทิวสํ เสฏฺิ อตฺตโน ปุฺํ วีมํสิตุกาโม อฑฺฒเตรสานิ โกฏฺสตานิ โสธาเปตฺวา สีสํ นฺหาโต ทฺวาเร นิสีทิตฺวา อุทฺธํ โอโลเกสิ. สพฺพานิปิ วุตฺตปฺปการานํ รตฺตสาลีนํ ปูรยึสุ. โส เสสานมฺปิ ปุฺานิ วีมํสิตุกาโม ภริยฺจ ปุตฺตาทโย จ ‘‘ตุมฺหากมฺปิ ปุฺานิ วีมํสิสฺสถา’’ติ อาห.

อถสฺส ภริยา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว ตณฺฑุเล มินาเปตฺวา เตหิ ภตฺตํ ปจาเปตฺวา ทฺวารโกฏฺเก ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา สุวณฺณกฏจฺฉุํ อาทาย ‘‘ภตฺเตน อตฺถิกา อาคจฺฉนฺตู’’ติ โฆสาเปตฺวา อาคตาคตานํ อุปนีตภาชนานิ ปูเรตฺวา อทาสิ. สกลทิวสมฺปิ เทนฺติยา กฏจฺฉุนา คหิตฏฺานเมว ปฺายติ. ตสฺสา ปน ปุริมพุทฺธานมฺปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วามหตฺเถน อุกฺขลึ ทกฺขิณหตฺเถน กฏจฺฉุํ คเหตฺวา เอวเมว ปตฺเต ปูเรตฺวา ภตฺตสฺส ทินฺนตฺตา วามหตฺถตลํ ปูเรตฺวา ปทุมลกฺขณํ นิพฺพตฺติ, ทกฺขิณหตฺถตลํ ปูเรตฺวา จนฺทลกฺขณํ นิพฺพตฺติ. ยสฺมา ปน วามหตฺถโต ธมฺมกรณํ อาทาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา ททมานา อปราปรํ วิจริ, เตนสฺสา ทกฺขิณปาทตลํ ปูเรตฺวา จนฺทลกฺขณํ นิพฺพตฺติ, วามปาทตลํ ปูเรตฺวา ปทุมลกฺขณํ นิพฺพตฺติ. ตสฺสา อิมินา การเณน จนฺทปทุมาติ นามํ กรึสุ.

ปุตฺโตปิสฺส สีสํ นฺหาโต สหสฺสถวิกํ อาทาย ‘‘กหาปเณหิ อตฺถิกา อาคจฺฉนฺตู’’ติ วตฺวา อาคตาคตานํ คหิตภาชนานิ ปูเรตฺวา อทาสิ. ถวิกาย กหาปณสหสฺสํ อโหสิเยว. สุณิสาปิสฺส สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา วีหิปิฏกํ อาทาย อากาสงฺคเณ นิสินฺนา ‘‘พีชภตฺเตหิ อตฺถิกา อาคจฺฉนฺตู’’ติ วตฺวา อาคตาคตานํ คหิตภาชนานิ ปูเรตฺวา อทาสิ. ปิฏกํ ยถาปูริตเมว อโหสิ. ทาโสปิสฺส สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา สุวณฺณยุเคสุ สุวณฺณโยตฺเตหิ โคเณ โยเชตฺวา สุวณฺณปโตทยฏฺึ อาทาย ทฺวินฺนํ โคณานํ คนฺธปฺจงฺคุลิกานิ ทตฺวา วิสาเณสุ สุวณฺณโกสเก ปฏิมุฺจิตฺวา เขตฺตํ คนฺตฺวา ปาเชสิ. อิโต ติสฺโส, เอตฺโต ติสฺโส, มชฺเฌ เอกาติ สตฺต สีตา ภิชฺชิตฺวา อคมํสุ. ชมฺพุทีปวาสิโน ภตฺตพีชหิรฺสุวณฺณาทีสุ ยถารุจิตํ เสฏฺิเคหโตเยว คณฺหึสุ. อิเม ปฺจ มหาปุฺา.

เอวํ มหานุภาโว เสฏฺิ ‘‘สตฺถา กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา ‘‘สตฺถุ ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมนฺโต อนฺตรามคฺเค ติตฺถิเย ทิสฺวา เตหิ ‘‘กสฺมา ตํ, คหปติ, กิริยวาโท สมาโน อกิริยวาทสฺส สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คจฺฉสี’’ติ นิวาริยมาโนปิ เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถสฺส สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. โส เทสนาวสาเน โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา สตฺถุ ติตฺถิเยหิ อวณฺณํ วตฺวา อตฺตโน นิวาริตภาวํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘คหปติ, อิเม สตฺตา นาม มหนฺตมฺปิ อตฺตโน โทสํ น ปสฺสนฺติ, อวิชฺชมานมฺปิ ปเรสํ โทสํ วิชฺชมานํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ภุสํ วิย โอปุนนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๕๒.

‘‘สุทสฺสํ วชฺชมฺเสํ, อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ;

ปเรสฺหิ โส วชฺชานิ, โอปุนาติ ยถา ภุสํ;

อตฺตโน ปน ฉาเทติ, กลึว กิตวา สโ’’ติ.

ตตฺถ สุทสฺสํ วชฺชนฺติ ปรสฺส อณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ ขลิตํ สุทสฺสํ สุเขเนว ปสฺสิตุํ สกฺกา, อตฺตโน ปน อติมหนฺตมฺปิ ทุทฺทสํ. ปเรสํ หีติ เตเนว การเณน โส ปุคฺคโล สงฺฆมชฺฌาทีสุ ปเรสํ วชฺชานิ อุจฺจฏฺาเน เปตฺวา ภุสํ โอปุนนฺโต วิย โอปุนาติ. กลึว กิตวา สโติ เอตฺถ สกุเณสุ อปรชฺฌนภาเวน อตฺตภาโว กลิ นาม, สาขภงฺคาทิกํ ปฏิจฺฉาทนํ กิตวา นาม, สากุณิโก สโ นาม. ยถา สกุณลุทฺทโก สกุเณ คเหตฺวา มาเรตุกาโม กิตวา วิย อตฺตภาวํ ปฏิจฺฉาเทติ, เอวํ อตฺตโน วชฺชํ ฉาเทตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

เมณฺฑกเสฏฺิวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. อุชฺฌานสฺิตฺเถรวตฺถุ

ปรวชฺชานุปสฺสิสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุชฺฌานสฺึ นาม เอกํ เถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ‘‘อยํ เอวํ นิวาเสติ, เอวํ ปารุปตี’’ติ ภิกฺขูนํ อนฺตรเมว คเวสนฺโต วิจรติ. ภิกฺขู ‘‘อสุโก นาม, ภนฺเต, เถโร เอวํ กโรตี’’ติ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, วตฺตสีเส ตฺวา เอวํ โอวทนฺโต อนนุปวาโท. โย ปน นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิตาย ปเรสํ อนฺตรํ ปริเยสมาโน เอวํ วตฺวา วิจรติ, ตสฺส ฌานาทีสุ เอโกปิ วิเสโส นุปฺปชฺชติ, เกวลํ อาสวาเยว วฑฺฒนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๕๓.

‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;

อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ.

ตตฺถ อุชฺฌานสฺิโนติ เอวํ นิวาเสตพฺพํ เอวํ ปารุปิตพฺพนฺติ ปเรสํ อนฺตรคเวสิตาย อุชฺฌานพหุลสฺส ปุคฺคลสฺส ฌานาทีสุ เอกธมฺโมปิ น วฑฺฒติ, อถ โข อาสวาว ตสฺส วฑฺฒนฺติ. เตเนว การเณน โส อรหตฺตมคฺคสงฺขาตา อาสวกฺขยา อารา ทูรํ คโตว โหตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อุชฺฌานสฺิตฺเถรวตฺถุ เอกาทสมํ.

๑๒. สุภทฺทปริพฺพาชกวตฺถุ

อากาเสติ อิทํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ปรินิพฺพานมฺจเก นิปนฺโน สุภทฺทํ ปริพฺพาชกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร อตีเต กนิฏฺภาตริ เอกสฺมึ สสฺเส นวกฺขตฺตุํ อคฺคทานํ เทนฺเต ทานํ ทาตุํ อนิจฺฉนฺโต โอสกฺกิตฺวา อวสาเน อทาสิ. ตสฺมา ปมโพธิยมฺปิ มชฺฌิมโพธิยมฺปิ สตฺถารํ ทฏฺุํ นาลตฺถ. ปจฺฉิมโพธิยํ ปน สตฺถุ ปรินิพฺพานกาเล ‘‘อหํ ตีสุ ปฺเหสุ อตฺตโน กงฺขํ มหลฺลเก ปริพฺพาชเก ปุจฺฉิตฺวา สมณํ โคตมํ ‘ทหโร’ติ สฺาย น ปุจฺฉึ, ตสฺส จ ทานิ ปรินิพฺพานกาโล, ปจฺฉา เม สมณสฺส โคตมสฺส อปุจฺฉิตการณา วิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อานนฺทตฺเถเรน นิวาริยมาโนปิ สตฺถารา โอกาสํ กตฺวา, ‘‘อานนฺท, มา สุภทฺทํ นิวารยิ, ปุจฺฉตุ มํ ปฺห’’นฺติ วุตฺเต อนฺโตสาณึ ปวิสิตฺวา เหฏฺามฺจเก นิสินฺโน, ‘‘โภ สมณ, กึ นุ โข อากาเส ปทํ นาม อตฺถิ, อิโต พหิทฺธา สมโณ นาม อตฺถิ, สงฺขารา สสฺสตา นาม อตฺถี’’ติ อิเม ปฺเห ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา เตสํ อภาวํ อาจิกฺขนฺโต อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ –

๒๕๔.

‘‘อากาเสว ปทํ นตฺถิ, สมโณ นตฺถิ พาหิเร;

ปปฺจาภิรตา ปชา, นิปฺปปฺจา ตถาคตา.

๒๕๕.

‘‘อากาเสว ปทํ นตฺถิ, สมโณ นตฺถิ พาหิเร;

สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิ, นตฺถิ พุทฺธานมิฺชิต’’นฺติ.

ตตฺถ ปทนฺติ อิมสฺมึ อากาเส วณฺณสณฺานวเสน เอวรูปนฺติ ปฺาเปตพฺพํ กสฺสจิ ปทํ นาม นตฺถิ. พาหิเรติ มม สาสนโต พหิทฺธา มคฺคผลฏฺโ สมโณ นาม นตฺถิ. ปชาติ อยํ สตฺตโลกสงฺขาตา ปชา ตณฺหาทีสุ ปปฺเจสุเยวาภิรตา. นิปฺปปฺจาติ โพธิมูเลเยว สพฺพปปฺจานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา นิปฺปปฺจา ตถาคตา. สงฺขาราติ ปฺจกฺขนฺธา. เตสุ หิ เอโกปิ สสฺสโต นาม นตฺถิ. อิฺชิตนฺติ พุทฺธานํ ปน ตณฺหามานาทีสุ อิฺชิเตสุ เยน สงฺขารา สสฺสตาติ คณฺเหยฺย, ตํ เอกํ อิฺชิตมฺปิ นาม นตฺถีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน สุภทฺโท อนาคามิผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สุภทฺทปริพฺพาชกวตฺถุ ทฺวาทสมํ.

มลวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

อฏฺารสโม วคฺโค.

๑๙. ธมฺมฏฺวคฺโค

๑. วินิจฺฉยมหามตฺตวตฺถุ

เตน โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วินิจฺฉยมหามตฺเต อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ ภิกฺขู สาวตฺถิยํ อุตฺตรทฺวารคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา นครมชฺเฌน วิหารํ อาคจฺฉนฺติ. ตสฺมึ ขเณ เมโฆ อุฏฺาย ปาวสฺสิ. เต สมฺมุขาคตํ วินิจฺฉยสาลํ ปวิสิตฺวา วินิจฺฉยมหามตฺเต ลฺชํ คเหตฺวา สามิเก อสามิเก กโรนฺเต ทิสฺวา ‘‘อโห อิเม อธมฺมิกา, มยํ ปน ‘อิเม ธมฺเมน วินิจฺฉยํ กโรนฺตี’ติ สฺิโน อหุมฺหา’’ติ จินฺเตตฺวา วสฺเส วิคเต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ฉนฺทาทิวสิกา หุตฺวา สาหเสน อตฺถํ วินิจฺฉินนฺตา ธมฺมฏฺา นาม โหนฺติ, อปราธํ ปน อนุวิชฺชิตฺวา อปราธานุรูปํ อสาหเสน วินิจฺฉยํ กโรนฺตา เอว ธมฺมฏฺา นาม โหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๕๖.

‘‘น เตน โหติ ธมฺมฏฺโ, เยนตฺถํ สาหสา นเย;

โย จ อตฺถํ อนตฺถฺจ, อุโภ นิจฺเฉยฺย ปณฺฑิโต.

๒๕๗.

‘‘อสาหเสน ธมฺเมน, สเมน นยตี ปเร;

ธมฺมสฺส คุตฺโต เมธาวี, ธมฺมฏฺโติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ เตนาติ เอตฺตเกเนว การเณน. ธมฺมฏฺโติ ราชา หิ อตฺตโน กาตพฺเพ วินิจฺฉยธมฺเม ิโตปิ ธมฺมฏฺโ นาม น โหติ. เยนาติ เยน การเณน. อตฺถนฺติ โอติณฺณํ วินิจฺฉิตพฺพํ อตฺถํ. สาหสา นเยติ ฉนฺทาทีสุ ปติฏฺิโต สาหเสน มุสาวาเทน วินิจฺเฉยฺย. โย หิ ฉนฺเท ปติฏฺาย าตีติ วา มิตฺโตติ วา มุสา วตฺวา อสามิกเมว สามิกํ กโรติ, โทเส ปติฏฺาย อตฺตโน เวรีนํ มุสา วตฺวา สามิกเมว อสามิกํ กโรติ, โมเห ปติฏฺาย ลฺชํ คเหตฺวา วินิจฺฉยกาเล อฺวิหิโต วิย อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต มุสา วตฺวา ‘‘อิมินา ชิตํ, อยํ ปราชิโต’’ติ ปรํ นีหรติ, ภเย ปติฏฺาย กสฺสจิเทว อิสฺสรชาติกสฺส ปราชยํ ปาปุณนฺตสฺสาปิ ชยํ อาโรเปติ, อยํ สาหเสน อตฺถํ เนติ นาม. เอโส ธมฺมฏฺโ นาม น โหตีติ อตฺโถ. อตฺถํ อนตฺถฺจาติ ภูตฺจ อภูตฺจ การณํ. อุโภ นิจฺเฉยฺยาติ โย ปน ปณฺฑิโต อุโภ อตฺถานตฺเถ วินิจฺฉินิตฺวา วทติ. อสาหเสนาติ อมุสาวาเทน. ธมฺเมนาติ วินิจฺฉยธมฺเมน, น ฉนฺทาทิวเสน. สเมนาติ อปราธานุรูเปเนว ปเร นยติ, ชยํ วา ปราชยํ วา ปาเปติ. ธมฺมสฺส คุตฺโตติ โส ธมฺมคุตฺโต ธมฺมรกฺขิโต ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต เมธาวี วินิจฺฉยธมฺเม ิตตฺตา ธมฺมฏฺโติ ปวุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

วินิจฺฉยมหามตฺตวตฺถุ ปมํ.

๒. ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ

น เตน ปณฺฑิโต โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร วิหาเรปิ คาเมปิ ภตฺตคฺคํ อากุลํ กโรนฺตา วิจรนฺติ. อเถกทิวเส ภิกฺขู คาเม ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อาคเต ทหเร สามเณเร จ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กีทิสํ, อาวุโส, ภตฺตคฺค’’นฺติ? ภนฺเต, มา ปุจฺฉถ, ฉพฺพคฺคิยา ‘‘มยเมว วิยตฺตา, มยเมว ปณฺฑิตา, อิเม ปหริตฺวา สีเส กจวรํ อากิริตฺวา นีหริสฺสามา’’ติ วตฺวา อมฺเห ปิฏฺิยํ คเหตฺวา กจวรํ โอกิรนฺตา ภตฺตคฺคํ อากุลํ อกํสูติ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, พหุํ ภาสิตฺวา ปเร วิเหยมานํ ‘ปณฺฑิโต’ติ วทามิ, เขมินํ ปน อเวรีนํ อภยเมว ปณฺฑิโตติ วทามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๕๘.

‘‘น เตน ปณฺฑิโต โหติ, ยาวตา พหุ ภาสติ;

เขมี อเวรี อภโย, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ยาวตาติ ยตฺตเกน การเณน สงฺฆมชฺฌาทีสุ พหุํ กเถติ, เตน ปณฺฑิโต นาม น โหติ. โย ปน สยํ เขมี ปฺจนฺนํ เวรานํ อภาเวน อเวรี นิพฺภโย, ยํ วา อาคมฺม มหาชนสฺส ภยํ น โหติ, โส ปณฺฑิโต นาม โหตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ ทุติยํ.

๓. เอกุทานขีณาสวตฺเถรวตฺถุ

น ตาวตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกุทานตฺเถรํ นาม ขีณาสวํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เอกโกว เอกสฺมึ วนสณฺเฑ วิหรติ, เอกเมวสฺส อุทานํ ปคุณํ –

‘‘อธิเจตโส อปฺปมชฺชโต,

มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต;

โสกา น ภวนฺติ ตาทิโน,

อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต’’ติ. (ปาจิ. ๑๕๓; อุทา. ๓๗);

โส กิร อุโปสถทิวเสสุ สยเมว ธมฺมสฺสวนํ โฆเสตฺวา อิมํ คาถํ วทติ. ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺโท วิย เทวตานํ สาธุการสทฺโท โหติ. อเถกสฺมึ อุโปสถทิวเส ปฺจปฺจสตปริวารา ทฺเว ติปิฏกธรา ภิกฺขู ตสฺส วสนฏฺานํ อคมํสุ. โส เต ทิสฺวาว ตุฏฺมานโส ‘‘สาธุ โว กตํ อิธ อาคจฺฉนฺเตหิ, อชฺช มยํ ตุมฺหากํ ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติ อาห. อตฺถิ ปน, อาวุโส, อิธ ธมฺมํ โสตุกามาติ. อตฺถิ, ภนฺเต, อยํ วนสณฺโฑ ธมฺมสฺสวนทิวเส เทวตานํ สาธุการสทฺเทน เอกนินฺนาโท โหตีติ. เตสุ เอโก ติปิฏกธโร ธมฺมํ โอสาเรสิ, เอโก กเถสิ. เอกเทวตาปิ สาธุการํ นาทาสิ. เต อาหํสุ – ‘‘ตฺวํ, อาวุโส, ธมฺมสฺสวนทิวเส อิมสฺมึ วนสณฺเฑ เทวตา มหนฺเตน สทฺเทน สาธุการํ เทนฺตีติ วเทสิ, กึ นาเมต’’นฺติ. ภนฺเต, อฺเสุ ทิวเสสุ สาธุการสทฺเทน เอกนินฺนาโท เอว โหติ, น อชฺช ปน ชานามิ ‘‘กิเมต’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, อาวุโส, ตฺวํ ตาว ธมฺมํ กเถหี’’ติ. โส พีชนึ คเหตฺวา อาสเน นิสินฺโน ตเมว คาถํ วเทสิ. เทวตา มหนฺเตน สทฺเทน สาธุการมทํสุ. อถ เนสํ ปริวารา ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘อิมสฺมึ วนสณฺเฑ เทวตา มุโขโลกเนน สาธุการํ ททนฺติ, ติปิฏกธรภิกฺขูสุ เอตฺตกํ ภณนฺเตสุปิ กิฺจิ ปสํสนมตฺตมฺปิ อวตฺวา เอเกน มหลฺลกตฺเถเรน เอกคาถาย กถิตาย มหาสทฺเทน สาธุการํ ททนฺตี’’ติ. เตปิ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ.

สตฺถา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, โย พหุมฺปิ อุคฺคณฺหติ วา ภาสติ วา, ตํ ธมฺมธโรติ วทามิ. โย ปน เอกมฺปิ คาถํ อุคฺคณฺหิตฺวา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, อยํ ธมฺมธโร นามา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๕๙.

‘‘น ตาวตา ธมฺมธโร, ยาวตา พหุ ภาสติ;

โย จ อปฺปมฺปิ สุตฺวาน, ธมฺมํ กาเยน ปสฺสติ;

ส เว ธมฺมธโร โหติ, โย ธมฺมํ นปฺปมชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ ยาวตาติ ยตฺตเกน อุคฺคหณธารณวาจนาทินา การเณน พหุํ ภาสติ, ตาวตฺตเกน ธมฺมธโร น โหติ, วํสานุรกฺขโก ปน ปเวณิปาลโก นาม โหติ. โย จ อปฺปมฺปีติ โย ปน อปฺปมตฺตกมฺปิ สุตฺวา ธมฺมมนฺวาย อตฺถมนฺวาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน หุตฺวา นามกาเยน ทุกฺขาทีนิ ปริชานนฺโต จตุสจฺจธมฺมํ ปสฺสติ, ส เว ธมฺมธโร โหติ. โย ธมฺมํ นปฺปมชฺชตีติ โยปิ อารทฺธวีริโย หุตฺวา อชฺช อชฺเชวาติ ปฏิเวธํ อากงฺขนฺโต ธมฺมํ นปฺปมชฺชติ, อยมฺปิ ธมฺมธโรเยวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

เอกุทานขีณาสวตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.

๔. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ

เตน เถโร โส โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ ตสฺมึ เถเร สตฺถุ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา ปกฺกนฺตมตฺเต ตึสมตฺตา อารฺิกา ภิกฺขู ตํ ปสฺสนฺตา เอว อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตสํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘อิโต คตํ เอกํ เถรํ ปสฺสถา’’ติ? ‘‘น ปสฺสาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นุ ทิฏฺโ โว’’ติ? ‘‘เอกํ, ภนฺเต, สามเณรํ ปสฺสิมฺหา’’ติ. ‘‘น โส, ภิกฺขเว, สามเณโร, เถโร เอว โส’’ติ? ‘‘อติวิย ขุทฺทโก, ภนฺเต’’ติ. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, มหลฺลกภาเวน เถราสเน นิสินฺนมตฺตเกน เถโรติ วทามิ. โย ปน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา มหาชนสฺส อหึสกภาเว ิโต, อยํ เถโร นามา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๖๐.

‘‘น เตน เถโร โส โหติ, เยนสฺส ปลิตํ สิโร;

ปริปกฺโก วโย ตสฺส, โมฆชิณฺโณติ วุจฺจติ.

๒๖๑.

‘‘ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, อหึสา สํยโม ทโม;

ส เว วนฺตมโล ธีโร, เถโร อิติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ปริปกฺโกติ ปริณโต, วุฑฺฒภาวํ ปตฺโตติ อตฺโถ. โมฆชิณฺโณติ อนฺโต เถรกรานํ ธมฺมานํ อภาเวน ตุจฺฉชิณฺโณ นาม. ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จาติ ยมฺหิ ปน ปุคฺคเล โสฬสหากาเรหิ ปฏิวิทฺธตฺตา จตุพฺพิธํ สจฺจํ, าเณน สจฺฉิกตตฺตา นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม จ อตฺถิ. อหึสาติ อหึสนภาโว. เทสนามตฺตเมตํ, ยมฺหิ ปน จตุพฺพิธาปิ อปฺปมฺาภาวนา อตฺถีติ อตฺโถ. สํยโม ทโมติ สีลฺเจว อินฺทฺริยสํวโร จ. วนฺตมโลติ มคฺคาเณน นีหฏมโล. ธีโรติ ธิติสมฺปนฺโน. เถโรติ โส อิเมหิ ถิรภาวการเกหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโรติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.

ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ

วากฺกรณมตฺเตนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ทหเร เจว สามเณเร จ อตฺตโน ธมฺมาจริยานเมว จีวรรชนาทีนิ เวยฺยาวจฺจานิ กโรนฺเต ทิสฺวา เอกจฺเจ เถรา จินฺตยึสุ – ‘‘มยมฺปิ พฺยฺชนสมเย กุสลา, อมฺหากเมว กิฺจิ นตฺถิ. ยํนูน มยํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺยาม, ‘ภนฺเต, มยํ พฺยฺชนสมเย กุสลา, อฺเสํ สนฺติเก ธมฺมํ อุคฺคณฺหิตฺวาปิ อิเมสํ สนฺติเก อโสเธตฺวา มา สชฺฌายิตฺถาติ ทหรสามเณเร อาณาเปถา’ติ. เอวฺหิ อมฺหากํ ลาภสกฺกาโร วฑฺฒิสฺสตี’’ติ. เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตถา วทึสุ.

สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมสฺมึ สาสเน ปเวณิวเสเนว เอวํ วตฺตุํ ลภติ, อิเม ปน ลาภสกฺกาเร นิสฺสิตาติ ตฺวา อหํ ตุมฺเห วากฺกรณมตฺเตน สาธุรูปาติ น วทามิ. ยสฺส ปเนเต อิสฺสาทโย ธมฺมา อรหตฺตมคฺเคน สมุจฺฉินฺนา, เอโส เอว สาธุรูโป’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๖๒.

‘‘น วากฺกรณมตฺเตน, วณฺณโปกฺขรตาย วา;

สาธุรูโป นโร โหติ, อิสฺสุกี มจฺฉรี สโ.

๒๖๓.

‘‘ยสฺส เจตํ สมุจฺฉินฺนํ, มูลฆจฺจํ สมูหตํ;

สวนฺตโทโส เมธาวี, สาธุรูโปติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ น วากฺกรณมตฺเตนาติ วจีกรณมตฺเตน สทฺทลกฺขณสมฺปนฺนวจนมตฺเตน. วณฺณโปกฺขรตาย วาติ สรีรวณฺณสฺส มนาปภาเวน วา. นโรติ เอตฺตเกเนว การเณน ปรลาภาทีสุ อิสฺสามนโก ปฺจวิเธน มจฺเฉเรน สมนฺนาคโต เกราฏิกภาเวน สโ นโร สาธุรูโป น โหติ. ยสฺส เจตนฺติ ยสฺส จ ปุคฺคลสฺเสตํ อิสฺสาทิโทสชาตํ อรหตฺตมคฺคาเณน สมูลกํ ฉินฺนํ, มูลฆาตํ กตฺวา สมูหตํ, โส วนฺตโทโส ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต สาธุรูโปติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. หตฺถกวตฺถุ

มุณฺฑเกน สมโณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต หตฺถกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร วาทกฺขิตฺโต ‘‘ตุมฺเห อสุกเวลาย อสุกฏฺานํ นาม อาคจฺเฉยฺยาถ, วาทํ กริสฺสามา’’ติ วตฺวา ปุเรตรเมว ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘ปสฺสถ, ติตฺถิยา มม ภเยน นาคตา, เอโสว ปน เนสํ ปราชโย’’ติอาทีนิ วตฺวา วาทกฺขิตฺโต อฺเนฺํ ปฏิจรนฺโต วิจรติ. สตฺถา ‘‘หตฺถโก กิร เอวํ กโรตี’’ติ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, หตฺถก, เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสิ? เอวรูปฺหิ มุสาวาทํ กโรนฺโต สีสมุณฺฑนาทิมตฺเตเนว สมโณ นาม น โหติ. โย ปน อณูนิ วา ถูลานิ วา ปาปานิ สเมตฺวา ิโต, อยเมว สมโณ’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๖๔.

‘‘น มุณฺฑเกน สมโณ, อพฺพโต อลิกํ ภณํ;

อิจฺฉาโลภสมาปนฺโน, สมโณ กึ ภวิสฺสติ.

๒๖๕.

‘‘โย จ สเมติ ปาปานิ, อณุํ ถูลานิ สพฺพโส;

สมิตตฺตา หิ ปาปานํ, สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ มุณฺฑเกนาติ สีสมุณฺฑนมตฺเตน. อพฺพโตติ สีลวเตน จ ธุตงฺควเตน จ วิรหิโต. อลิกํ ภณนฺติ มุสาวาทํ ภณนฺโต อสมฺปตฺเตสุ อารมฺมเณสุ อิจฺฉาย ปตฺเตสุ จ โลเภน สมนฺนาคโต สมโณ นาม กึ ภวิสฺสติ? สเมตีติ โย จ ปริตฺตานิ วา มหนฺตานิ วา ปาปานิ วูปสเมติ, โส เตสํ สมิตตฺตา สมโณติ ปวุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

หตฺถกวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ

เตน ภิกฺขุ โส โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร พาหิรสมเย ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขํ จรนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก ภิกฺขาย จรเณน ‘ภิกฺขู’ติ วทติ, มมฺปิ ‘ภิกฺขู’ติ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘โภ โคตม, อหมฺปิ ภิกฺขํ จริตฺวา ชีวามิ, มมฺปิ ‘ภิกฺขู’ติ วเทหี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, ภิกฺขนมตฺเตน ภิกฺขูติ วทามิ. น หิ วิสฺสํ ธมฺมํ สมาทาย วตฺตนฺโต ภิกฺขุ นาม โหติ. โย ปน สพฺพสงฺขาเรสุ สงฺขาย จรติ, โส ภิกฺขุ นามา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๖๖.

‘‘น เตน ภิกฺขุ โส โหติ, ยาวตา ภิกฺขเต ปเร;

วิสฺสํ ธมฺมํ สมาทาย, ภิกฺขุ โหติ น ตาวตา.

๒๖๗.

‘‘โยธ ปุฺฺจ ปาปฺจ, พาเหตฺวา พฺรหฺมจริยวา;

สงฺขาย โลเก จรติ, ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ยาวตาติ ยตฺตเกน ปเร ภิกฺขเต, เตน ภิกฺขนมตฺเตน ภิกฺขุ นาม น โหติ. วิสฺสนฺติ วิสมํ ธมฺมํ, วิสฺสคนฺธํ วา กายกมฺมาทิกํ ธมฺมํ สมาทาย จรนฺโต ภิกฺขุ นาม น โหติ. โยธาติ โย อิธ สาสเน อุภยมฺเปตํ ปุฺฺจ ปาปฺจ มคฺคพฺรหฺมจริเยน พาเหตฺวา ปนุทิตฺวา พฺรหฺมจริยวา โหติ. สงฺขายาติ าเณน. โลเกติ ขนฺธาทิโลเก ‘‘อิเม อชฺฌตฺติกา ขนฺธา, อิเม พาหิรา’’ติ เอวํ สพฺเพปิ ธมฺเม ชานิตฺวา จรติ, โส เตน าเณน กิเลสานํ ภินฺนตฺตา ‘‘ภิกฺขู’’ติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. ติตฺถิยวตฺถุ

โมเนนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติตฺถิเย อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร ภุตฺตฏฺาเนสุ มนุสฺสานํ ‘‘เขมํ โหตุ, สุขํ โหตุ, อายุ วฑฺฒตุ, อสุกฏฺาเน นาม กลลํ อตฺถิ, อสุกฏฺาเน นาม กณฺฏโก อตฺถิ, เอวรูปํ านํ คนฺตุํ น วฏฺฏตี’’ติอาทินา นเยน มงฺคลํ วตฺวา ปกฺกมนฺติ. ภิกฺขู ปน ปมโพธิยํ อนุโมทนาทีนํ อนนุฺาตกาเล ภตฺตคฺเค มนุสฺสานํ อนุโมทนํ อกตฺวา ปกฺกมนฺติ. มนุสฺสา ‘‘ติตฺถิยานํ สนฺติกา มงฺคลํ สุณาม, ภทฺทนฺตา ปน ตุณฺหีภูตา ปกฺกมนฺตี’’ติ อุชฺฌายึสุ. ภิกฺขู ตมตฺถํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อิโต ปฏฺาย ภตฺตคฺคาทีสุ ยถาสุขํ อนุโมทนํ กโรถ, อุปนิสินฺนกถํ กโรถ, ธมฺมํ กเถถา’’ติ อนุชานิ. เต ตถา กรึสุ. มนุสฺสา อนุโมทนาทีนิ สุณนฺตา อุสฺสาหปฺปตฺตา ภิกฺขู นิมนฺเตตฺวา สกฺการํ กโรนฺตา วิจรนฺติ. ติตฺถิยา ปน ‘‘มยํ มุนิโน โมนํ กโรม, สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ภตฺตคฺคาทีสุ มหากถํ กเถนฺตา วิจรนฺตี’’ติ อุชฺฌายึสุ.

สตฺถา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, ตุณฺหีภาวมตฺเตน ‘มุนี’ติ วทามิ. เอกจฺเจ หิ อชานนฺตา น กเถนฺติ, เอกจฺเจ อวิสารทตาย, เอกจฺเจ ‘มา โน อิมํ อติสยตฺถํ อฺเ ชานึสู’ติ มจฺเฉเรน. ตสฺมา โมนมตฺเตน มุนิ น โหติ, ปาปวูปสเมน ปน มุนิ นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๖๘.

‘‘น โมเนน มุนี โหติ, มูฬฺหรูโป อวิทฺทสุ;

โย จ ตุลํว ปคฺคยฺห, วรมาทาย ปณฺฑิโต.

๒๖๙.

‘‘ปาปานิ ปริวชฺเชติ, ส มุนี เตน โส มุนิ;

โย มุนาติ อุโภ โลเก, มุนิ เตน ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ น โมเนนาติ กามฺหิ โมเนยฺยปฏิปทาสงฺขาเตน มคฺคาณโมเนน มุนิ นาม โหติ, อิธ ปน ตุณฺหีภาวํ สนฺธาย ‘‘โมเนนา’’ติ วุตฺตํ. มูฬฺหรูโปติ ตุจฺฉรูโป. อวิทฺทสูติ อวิฺู. เอวรูโป หิ ตุณฺหีภูโตปิ มุนิ นาม น โหติ. อถ วา โมเนน มุนิ นาม น โหติ, ตุจฺฉสภาโว ปน อวิฺู จ โหตีติ อตฺโถ. โย จ ตุลํว ปคยฺหาติ ยถา หิ ตุลํ คเหตฺวา ิโต อติเรกํ เจ โหติ, หรติ. อูนํ เจ โหติ, ปกฺขิปติ. เอวเมว โย อติเรกํ หรนฺโต วิย ปาปํ หรติ ปริวชฺเชติ, อูนเก ปกฺขิปนฺโต วิย กุสลํ ปริปูเรติ. เอวฺจ ปน กโรนฺโต สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสงฺขาตํ วรํ อุตฺตมเมว อาทาย ปาปานิ อกุสลกมฺมานิ ปริวชฺเชติ. ส มุนีติ โส มุนิ นามาติ อตฺโถ. เตน โส มุนีติ กสฺมา ปน โส มุนีติ เจ? ยํ เหฏฺา วุตฺตการณํ, เตน โส มุนีติ อตฺโถ. โส มุนาติ อุโภ โลเกติ โย ปุคฺคโล อิมสฺมึ ขนฺธาทิโลเก ตุลํ อาโรเปตฺวา มินนฺโต วิย ‘‘อิเม อชฺฌตฺติกา ขนฺธา, อิเม พาหิรา’’ติอาทินา นเยน อิเม อุโภ อตฺเถ มุนาติ. มุนิ เตน ปวุจฺจตีติ เตน การเณน มุนีติ วุจฺจติเยวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ติตฺถิยวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. พาลิสิกวตฺถุ

น เตน อริโย โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อริยํ นาม พาลิสิกํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ สตฺถา ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา สาวตฺถิยา อุตฺตรทฺวารคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตโต อาคจฺฉติ. ตสฺมึ ขเณ โส พาลิสิโก พลิเสน มจฺเฉ คณฺหนฺโต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา พลิสยฏฺึ ฉฑฺเฑตฺวา อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส อวิทูเร าเน นิวตฺติตฺวา ิโต ‘‘ตฺวํ กึ นาโมสี’’ติ สาริปุตฺตตฺเถราทีนํ นามานิ ปุจฺฉิ. เตปิ ‘‘อหํ สาริปุตฺโต อหํ โมคฺคลฺลาโน’’ติ อตฺตโน อตฺตโน นามานิ กถยึสุ. พาลิสิโก จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา สพฺเพสํ นามานิ ปุจฺฉติ, มมมฺปิ นามํ ปุจฺฉิสฺสติ มฺเ’’ติ. สตฺถา ตสฺส อิจฺฉํ ตฺวา, ‘‘อุปาสก, ตฺวํ โก นาโมสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, อริโย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, อุปาสก, ตาทิสา ปาณาติปาติโน อริยา นาม โหนฺติ, อริยา ปน มหาชนสฺส อหึสนภาเว ิตา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๗๐.

‘‘น เตน อริโย โหติ, เยน ปาณานิ หึสติ;

อหึสา สพฺพปาณานํ, อริโยติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ อหึสาติ อหึสเนน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน หิ ปาณานิ หึสติ, น เตน การเณน อริโย โหติ. โย ปน สพฺพปาณานํ ปาณิอาทีหิ อหึสเนน เมตฺตาทิภาวนาย ปติฏฺิตตฺตา หึสโต อาราว ิโต, อยํ อริโยติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พาลิสิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

พาลิสิกวตฺถุ นวมํ.

๑๐. สมฺพหุลสีลาทิสมฺปนฺนภิกฺขุวตฺถุ

น สีลพฺพตมตฺเตนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล สีลาทิสมฺปนฺเน ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เตสุ กิร เอกจฺจานํ เอวํ อโหสิ – ‘‘มยํ สมฺปนฺนสีลา, มยํ ธุตงฺคธรา, มยํ พหุสฺสุตา, มยํ ปนฺตเสนาสนวาสิโน, มยํ ฌานลาภิโน, น อมฺหากํ อรหตฺตํ ทุลฺลภํ, อิจฺฉิตทิวเสเยว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามา’’ติ. เยปิ ตตฺถ อนาคามิโน, เตสมฺปิ เอตทโหสิ – ‘‘น อมฺหากํ อิทานิ อรหตฺตํ ทุลฺลภ’’นฺติ. เต สพฺเพปิ เอกทิวสํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนา ‘‘อปิ นุ โข โว, ภิกฺขเว, ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ สตฺถารา ปุฏฺา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, มยํ เอวรูปา เอวรูปา จ, ตสฺมา ‘อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณเยว อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถมฺหา’ติ จินฺเตตฺวา วิหรามา’’ติ.

สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ปริสุทฺธสีลาทิมตฺตเกน วา อนาคามิสุขปฺปตฺตมตฺตเกน วา ‘อปฺปกํ โน ภวทุกฺข’นฺติ วตฺตุํ น วฏฺฏติ, อาสวกฺขยํ ปน อปฺปตฺวา ‘สุขิโตมฺหี’ติ จิตฺตํ น อุปฺปาเทตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๗๑.

‘‘น สีลพฺพตมตฺเตน, พาหุสจฺเจน วา ปน;

อถ วา สมาธิลาเภน, วิวิตฺตสยเนน วา.

๒๗๒.

‘‘ผุสามิ เนกฺขมฺมสุขํ, อปุถุชฺชนเสวิตํ;

ภิกฺขุ วิสฺสาสมาปาทิ, อปฺปตฺโต อาสวกฺขย’’นฺติ.

ตตฺถ สีลพฺพตมตฺเตนาติ จตุปาริสุทฺธิสีลมตฺเตน วา เตรสธุตงฺคมตฺเตน วา. พาหุสจฺเจน วาติ ติณฺณํ ปิฏกานํ อุคฺคหิตมตฺเตน วา. สมาธิลาเภนาติ อฏฺสมาปตฺติยา ลาเภน. เนกฺขมฺมสุขนฺติ อนาคามิสุขํ. ตํ อนาคามิสุขํ ผุสามีติ เอตฺตกมตฺเตน วา. อปุถุชฺชนเสวิตนฺติ ปุถุชฺชเนหิ อเสวิตํ อริยเสวิตเมว. ภิกฺขูติ เตสํ อฺตรํ อาลปนฺโต อาห. วิสฺสาสมาปาทีติ วิสฺสาสํ น อาปชฺเชยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขุ อิมินา สมฺปนฺนสีลาทิภาวมตฺตเกเนว ‘‘มยฺหํ ภโว อปฺปโก ปริตฺตโก’’ติ อาสวกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ อปฺปตฺโต หุตฺวา ภิกฺขุ นาม วิสฺสาสํ นาปชฺเชยฺย. ยถา หิ อปฺปมตฺตโกปิ คูโถ ทุคฺคนฺโธ โหติ, เอวํ อปฺปมตฺตโกปิ ภโว ทุกฺโขติ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหํสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สมฺพหุลสีลาทิสมฺปนฺนภิกฺขุวตฺถุ ทสมํ.

ธมฺมฏฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกูนวีสติโม วคฺโค.

๒๐. มคฺควคฺโค

๑. ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ

มคฺคานฏฺงฺคิโกติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร สตฺถริ ชนปทจาริกํ จริตฺวา ปุน สาวตฺถึ อาคเต อุปฏฺานสาลาย นิสีทิตฺวา ‘‘อสุกคามโต อสุกคามสฺส มคฺโค สโม, อสุกคามสฺส มคฺโค วิสโม, สสกฺขโร, อสกฺขโร’’ติอาทินา นเยน อตฺตโน วิจริตมคฺคํ อารพฺภ มคฺคกถํ กเถสุํ. สตฺถา เตสํ อรหตฺตสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตํ านํ อาคนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, อยํ พาหิรกมคฺโค, ภิกฺขุนา นาม อริยมคฺเค กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, เอวฺหิ กโรนฺโต ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๗๓.

‘‘มคฺคานฏฺงฺคิโก เสฏฺโ, สจฺจานํ จตุโร ปทา;

วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานํ, ทฺวิปทานฺจ จกฺขุมา.

๒๗๔.

‘‘เอเสว มคฺโค นตฺถฺโ, ทสฺสนสฺส วิสุทฺธิยา;

เอตฺหิ ตุมฺเห ปฏิปชฺชถ, มารสฺเสตํ ปโมหนํ.

๒๗๕.

‘‘เอตฺหิ ตุมฺเห ปฏิปนฺนา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถ;

อกฺขาโต โว มยา มคฺโค, อฺาย สลฺลกนฺตนํ.

๒๗๖.

‘‘ตุมฺเหหิ กิจฺจมาตปฺปํ, อกฺขาตาโร ตถาคตา;

ปฏิปนฺนา ปโมกฺขนฺติ, ฌายิโน มารพนฺธนา’’ติ.

ตตฺถ มคฺคานฏฺงฺคิโกติ ชงฺฆมคฺคาทโย วา โหนฺตุ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตมคฺคา วา, เตสํ สพฺเพสมฺปิ มคฺคานํ สมฺมาทิฏฺิอาทีหิ อฏฺหิ องฺเคหิ มิจฺฉาทิฏฺิอาทีนํ อฏฺนฺนํ ปหานํ กโรนฺโต นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา จตูสุปิ สจฺเจสุ ทุกฺขปริชานนาทิกิจฺจํ สาธยมาโน อฏฺงฺคิโก มคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม. สจฺจานํ จตุโร ปทาติ ‘‘สจฺจํ ภเณ น กุชฺเฌยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๒๒๔) อาคตํ วจีสจฺจํ วา โหตุ, ‘‘สจฺโจ พฺราหฺมโณ สจฺโจ ขตฺติโย’’ติอาทิเภทํ สมฺมุติสจฺจํ วา ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๔๔; ม. นิ. ๒.๑๘๗-๑๘๘) ทิฏฺิสจฺจํ วา ‘‘ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทิเภทํ ปรมตฺถสจฺจํ วา โหตุ, สพฺเพสมฺปิ อิเมสํ สจฺจานํ ปริชานิตพฺพฏฺเน สจฺฉิกาตพฺพฏฺเน ปหาตพฺพฏฺเน ภาเวตพฺพฏฺเน เอกปฏิเวธฏฺเน จ ตถปฏิเวธฏฺเน จ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติอาทโย จตุโร ปทา เสฏฺา นาม. วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานนฺติ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) วจนโต สพฺพธมฺมานํ นิพฺพานสงฺขาโต วิราโค เสฏฺโ. ทฺวิปทานฺจ จกฺขุมาติ สพฺเพสํ เทวมนุสฺสาทิเภทานํ ทฺวิปทานํ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา ตถาคโตว เสฏฺโ. จ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, อรูปธมฺเม สมฺปิณฺเฑติ. ตสฺมา อรูปธมฺมานมฺปิ ตถาคโต เสฏฺโ อุตฺตโม.

ทสฺสนสฺส วิสุทฺธิยาติ มคฺคผลทสฺสนสฺส วิสุทฺธตฺถํ โย มยา ‘‘เสฏฺโ’’ติ วุตฺโต, เอโสว มคฺโค, นตฺถฺโ. เอตฺหิ ตุมฺเหติ ตสฺมา ตุมฺเห เอตเมว ปฏิปชฺชถ. มารสฺเสตํ ปโมหนนฺติ เอตํ มารโมหนํ มารมนฺถนนฺติ วุจฺจติ. ทุกฺขสฺสนฺตนฺติ สกลสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ ปริจฺเฉทํ กริสฺสถาติ อตฺโถ. อฺาย สลฺลกนฺตนนฺติ ราคสลฺลาทีนํ กนฺตนํ นิมฺมถนํ อพฺพูหณํ เอตํ มคฺคํ, มยา วินา อนุสฺสวาทีหิ อตฺตปจฺจกฺขโต ตฺวาว อยํ มคฺโค อกฺขาโต, อิทานิ ตุมฺเหหิ กิเลสานํ อาตาปเนน ‘‘อาตปฺป’’นฺติ สงฺขํ คตํ ตสฺส อธิคมตฺถาย สมฺมปฺปธานวีริยํ กิจฺจํ กรณียํ. เกวลฺหิ อกฺขาตาโรว ตถาคตา. ตสฺมา เตหิ อกฺขาตวเสน เย ปฏิปนฺนา ทฺวีหิ ฌาเนหิ ฌายิโน, เต เตภูมกวฏฺฏสงฺขาตา มารพนฺธนา ปโมกฺขนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.

๒. อนิจฺจลกฺขณวตฺถุ

สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คนฺตฺวา อรฺเ วายมนฺตาปิ อรหตฺตํ อปฺปตฺวา ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิสฺสามา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อาคมึสุ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข อิเมสํ สปฺปาย’’นฺติ วีมํสนฺโต ‘‘อิเม กสฺสปพุทฺธกาเล วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อนิจฺจลกฺขเณ อนุยุฺชึสุ, ตสฺมา อนิจฺจลกฺขเณเนว เตสํ เอกํ คาถํ เทเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, กามภวาทีสุ สพฺเพปิ สงฺขารา หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา เอวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๗๗.

‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;

อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ.

ตตฺถ สพฺเพ สงฺขาราติ กามภวาทีสุ อุปฺปนฺนา ขนฺธา ตตฺถ ตตฺเถว นิรุชฺฌนโต อนิจฺจาติ ยทา วิปสฺสนาปฺาย ปสฺสติ, อถ อิมสฺมึ ขนฺธปริหรณทุกฺเข นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทนฺโต ทุกฺขปริชานนาทิวเสน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ. เอส มคฺโค วิสุทฺธิยาติ วิสุทฺธตฺถาย โวทานตฺถาย เอส มคฺโคติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตปริสานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อนิจฺจลกฺขณวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ทุกฺขลกฺขณวตฺถุ

ทุติยคาถายปิ เอวรูปเมว วตฺถุ. ตทา หิ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ ทุกฺขลกฺขเณ กตาภิโยคภาวํ ตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สพฺเพปิ ขนฺธา ปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา เอวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๗๘.

‘‘สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;

อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ.

ตตฺถ ทุกฺขาติ ปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา. เสสํ ปุริมสทิสเมว.

ทุกฺขลกฺขณวตฺถุ ตติยํ.

๔. อนตฺตลกฺขณวตฺถุ

ตติยคาถายปิ เอเสว นโย. เกวลฺหิ เอตฺถ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ ปุพฺเพ อนตฺตลกฺขเณ อนุยุตฺตภาวํ ตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สพฺเพปิ ขนฺธา อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา เอวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๗๙.

‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;

อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ.

ตตฺถ สพฺเพ ธมฺมาติ ปฺจกฺขนฺธา เอว อธิปฺเปตา. อนตฺตาติ ‘‘มา ชียนฺตุ มา มียนฺตู’’ติ วเส วตฺเตตุํ น สกฺกาติ อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา อตฺตสุฺา อสฺสามิกา อนิสฺสราติ อตฺโถ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.

อนตฺตลกฺขณวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. ปธานกมฺมิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ

อุฏฺานกาลมฺหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปธานกมฺมิกติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิวาสิโน กิร ปฺจสตา กุลปุตฺตา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ อคมํสุ. เตสุ เอโก ตตฺเถว โอหียิ. อวเสสา อรฺเ สมณธมฺมํ กโรนฺตา อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามา’’ติ ปุน สาวตฺถึ อคมํสุ. เต สาวตฺถิโต โยชนมตฺเต เอกสฺมึ คามเก ปิณฺฑาย จรนฺเต ทิสฺวา เอโก อุปาสโก ยาคุภตฺตาทีหิ ปติมาเนตฺวา อนุโมทนํ สุตฺวา ปุนทิวสตฺถายปิ นิมนฺเตสิ. เต ตทเหว สาวตฺถึ คนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา สายนฺหสมเย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ อติวิย ตุฏฺึ ปเวทยมาโน ปฏิสนฺถารํ อกาสิ.

อถ เนสํ ตตฺถ โอหีโน สหายกภิกฺขุ จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถุ อิเมหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺตสฺส มุขํ นปฺปโหติ, มยฺหํ ปน มคฺคผลาภาเวน มยา สทฺธึ น กเถติ, อชฺเชว อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา มยา สทฺธึ กถาเปสฺสามี’’ติ. เตปิ ภิกฺขู, ‘‘ภนฺเต, มยํ อาคมนมคฺเค เอเกน อุปาสเกน สฺวาตนาย นิมนฺติตา, ตตฺถ ปาโตว คมิสฺสามา’’ติ สตฺถารํ อปโลเกสุํ. อถ เนสํ สหายโก ภิกฺขุ สพฺพรตฺตึ จงฺกมนฺโต นิทฺทาวเสน จงฺกมโกฏิยํ เอกสฺมึ ปาสาณผลเก ปติ, อูรุฏฺิ ภิชฺชิ. โส มหาสทฺเทน วิรวิ. ตสฺส เต สหายกา ภิกฺขู สทฺทํ สฺชานิตฺวา อิโต จิโต จ อุปธาวึสุ. เตสํ ทีปํ ชาเลตฺวา ตสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺตานํเยว อรุโณ อุฏฺหิ, เต ตํ คามํ คนฺตุํ โอกาสํ น ลภึสุ. อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กึ, ภิกฺขเว, ภิกฺขาจารคามํ น คมิตฺถา’’ติ. เต ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เอส อิทาเนว ตุมฺหากํ ลาภนฺตรายํ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘โย ปุพฺเพ กรณียานิ, ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ;

วรุณกฏฺภฺโชว, ส ปจฺฉา มนุตปฺปตี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๗๑) –

ชาตกํ วิตฺถาเรสิ. ตทา กิร เต ภิกฺขู ปฺจสตา มาณวกา อเหสุํ, กุสีตมาณวโก อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, อาจริโย ปน ตถาคโตว อโหสีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, โย หิ อุฏฺานกาเล อุฏฺานํ น กโรติ, สํสนฺนสงฺกปฺโป โหติ, กุสีโต โส ฌานาทิเภทํ วิเสสํ นาธิคจฺฉตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๘๐.

‘‘อุฏฺานกาลมฺหิ อนุฏฺหาโน,

ยุวา พลี อาลสิยํ อุเปโต;

สํสนฺนสงฺกปฺปมโน กุสีโต,

ปฺาย มคฺคํ อลโส น วินฺทตี’’ติ.

ตตฺถ อนุฏฺหาโนติ อนุฏฺหนฺโต อวายมนฺโต. ยุวา พลีติ ปมโยพฺพเน ิโต พลสมฺปนฺโนปิ หุตฺวา อลสภาเวน อุเปโต โหติ, ภุตฺวา สยติ. สํสนฺนสงฺกปฺปมโนติ ตีหิ มิจฺฉาวิตกฺเกหิ สุฏฺุ อวสนฺนสมฺมาสงฺกปฺปจิตฺโต. กุสีโตติ นิพฺพีริโย. อลโสติ มหาอลโส ปฺาย ทฏฺพฺพํ อริยมคฺคํ อปสฺสนฺโต น วินฺทติ, น ปฏิลภตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ปธานกมฺมิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. สูกรเปตวตฺถุ

วาจานุรกฺขีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สูกรเปตํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ ทิวเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกูฏา โอโรหนฺโต เอกสฺมึ ปเทเส สิตํ ปาตฺวากาสิ. ‘‘โก นุ โข, อาวุโส, เหตุ สิตสฺส ปาตุกมฺมายา’’ติ ลกฺขณตฺเถเรน ปุฏฺโ ‘‘อกาโล, อาวุโส, อิมสฺส ปฺหสฺส, สตฺถุ สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึเยว ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เวฬุวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ ลกฺขณตฺเถโร ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘อาวุโส, อหํ เอกํ เปตํ อทฺทสํ, ตสฺส ติคาวุตปฺปมาณํ สรีรํ, ตํ มนุสฺสสรีรสทิสํ. สีสํ ปน สูกรสฺส วิย, ตสฺส มุเข นงฺคุฏฺํ ชาตํ, ตโต ปุฬวา ปคฺฆรนฺติ. สฺวาหํ ‘น เม เอวรูโป สตฺโต ทิฏฺปุพฺโพ’ติ ตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘จกฺขุภูตา วต, ภิกฺขเว, มม สาวกา วิหรนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘อหมฺเปตํ สตฺตํ โพธิมณฺเฑเยว อทฺทสํ. ‘เย ปน เม น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ อหิตาย อสฺสา’ติ ปเรสํ อนุกมฺปาย น กเถสึ. อิทานิ โมคฺคลฺลานํ สกฺขึ กตฺวา กเถมิ. สจฺจํ, ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน อาหา’’ติ กเถสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ตสฺส ปุพฺพกมฺม’’นฺติ. สตฺถา ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ อตีตํ อาหริตฺวา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถสิ.

กสฺสปพุทฺธกาเล กิร เอกสฺมึ คามกาวาเส ทฺเว เถรา สมคฺควาสํ วสึสุ. เตสุ เอโก สฏฺิวสฺโส, เอโก เอกูนสฏฺิวสฺโส. เอกูนสฏฺิวสฺโส อิตรสฺส ปตฺตจีวรํ อาทาย วิจริ, สามเณโร วิย สพฺพํ วตฺตปฏิวตฺตํ อกาสิ. เตสํ เอกมาตุกุจฺฉิยํ วุตฺถภาตูนํ วิย สมคฺควาสํ วสนฺตานํ วสนฏฺานํ เอโก ธมฺมกถิโก อาคมิ. ตทา จ ธมฺมสฺสวนทิวโส โหติ. เถรา นํ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘ธมฺมกถํ โน กเถหิ สปฺปุริสา’’ติ อาหํสุ. โส ธมฺมกถํ กเถสิ. เถรา ‘‘ธมฺมกถิโก โน ลทฺโธ’’ติ ตุฏฺจิตฺตา ปุนทิวเส ตํ อาทาย ธุรคามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ตตฺถ กตภตฺตกิจฺจา, ‘‘อาวุโส, หิยฺโย กถิตฏฺานโตว โถกํ ธมฺมํ กเถหี’’ติ มนุสฺสานํ ธมฺมํ กถาเปสุํ. มนุสฺสา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปุนทิวสตฺถายปิ นิมนฺตยึสุ. เอวํ สมนฺตา ภิกฺขาจารคาเมสุ ทฺเว ทฺเว ทิวเส ตํ อาทาย ปิณฺฑาย จรึสุ.

ธมฺมกถิโก จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ทฺเวปิ อติมุทุกา, มยา อุโภเปเต ปลาเปตฺวา อิมสฺมึ วิหาเร วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สายํ เถรูปฏฺานํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ อุฏฺาย คตกาเล นิวตฺติตฺวา มหาเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กิฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถหิ, อาวุโส’’ติ วุตฺเต โถกํ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กถา นาเมสา มหาสาวชฺชา’’ติ วตฺวา อกเถตฺวาว ปกฺกามิ. อนุเถรสฺสาปิ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตเถว อกาสิ. โส ทุติยทิวเส ตเถว กตฺวา ตติยทิวเส เตสํ อติวิย โกตุหเล อุปฺปนฺเน มหาเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กิฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, ตุมฺหากํ ปน สนฺติเก วตฺตุํ น วิสหามี’’ติ วตฺวา เถเรน ‘‘โหตุ, อาวุโส, กเถหี’’ติ นิปฺปีฬิโต อาห – ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อนุเถโร ตุมฺเหหิ สทฺธึ สํโภโค’’ติ. สปฺปุริส, กึ นาเมตํ กเถสิ, มยํ เอกมาตุกุจฺฉิยํ วุตฺถปุตฺตา วิย, อมฺเหสุ เอเกน ยํ ลทฺธํ, อิตเรนาปิ ลทฺธเมว โหติ. มยา เอตสฺส เอตฺตกํ กาลํ อคุโณ นาม น ทิฏฺปุพฺโพติ? เอวํ, ภนฺเตติ. อามาวุโสติ. ภนฺเต มํ อนุเถโร เอวมาห – ‘‘สปฺปุริส, ตฺวํ กุลปุตฺโต, อยํ มหาเถโร ลชฺชี เปสโลติ เอเตน สทฺธึ สํโภคํ กโรนฺโต อุปปริกฺขิตฺวา กเรยฺยาสี’’ติ เอวเมส มํ อาคตทิวสโต ปฏฺาย วทตีติ.

มหาเถโร ตํ สุตฺวาว กุทฺธมานโส ทณฺฑาภิหตํ กุลาลภาชนํ วิย ภิชฺชิ. อิตโรปิ อุฏฺาย อนุเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตเถว อโวจ, โสปิ ตเถว ภิชฺชิ. เตสุ กิฺจาปิ เอตฺตกํ กาลํ เอโกปิ วิสุํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺปุพฺโพ นาม นตฺถิ, ปุนทิวเส ปน วิสุํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา อนุเถโร ปุเรตรํ อาคนฺตฺวา อุปฏฺานสาลาย อฏฺาสิ, มหาเถโร ปจฺฉา อคมาสิ. ตํ ทิสฺวา อนุเถโร จินฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข อิมสฺส ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตพฺพํ, อุทาหุ โน’’ติ. โส ‘‘น อิทานิ ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวาปิ ‘‘โหตุ, น มยา เอวํ กตปุพฺพํ, มยา อตฺตโน วตฺตํ หาเปตุํ น วฏฺฏตี’’ติ จิตฺตํ มุทุกํ กตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปตฺตจีวรํ เทถา’’ติ อาห. อิตโร ‘‘คจฺฉ, ทุพฺพินีต, น ตฺวํ มม ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺตรูโป’’ติ อจฺฉรํ ปหริตฺวา เตนปิ ‘‘อาม, ภนฺเต, อหมฺปิ ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ น ปฏิคฺคณฺหามีติ จินฺเตสิ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาวุโส นวก, กึ ตฺวํ จินฺเตสิ, มม อิมสฺมึ วิหาเร โกจิ สงฺโค อตฺถี’’ติ อาห. อิตโรปิ ‘‘ตุมฺเห ปน, ภนฺเต, กึ เอวํ มฺถ ‘มม อิมสฺมึ วิหาเร โกจิ สงฺโค อตฺถี’ติ, เอโส เต วิหาโร’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย นิกฺขมิ. อิตโรปิ นิกฺขมิ. เต อุโภปิ เอกมคฺเคนาปิ อคนฺตฺวา เอโก ปจฺฉิมทฺวาเรน มคฺคํ คณฺหิ, เอโก ปุรตฺถิมทฺวาเรน. ธมฺมกถิโก, ‘‘ภนฺเต, มา เอวํ กโรถ, มา เอวํ กโรถา’’ติ วตฺวา ‘‘ติฏฺาวุโส’’ติ วุตฺเต นิวตฺติ. โส ปุนทิวเส ธุรคามํ ปวิฏฺโ มนุสฺเสหิ, ‘‘ภนฺเต, ภทฺทนฺตา กุหิ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาวุโส, มา ปุจฺฉถ, ตุมฺหากํ กุลุปกา หิยฺโย กลหํ กตฺวา นิกฺขมึสุ, อหํ ยาจนฺโตปิ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ อาห. เตสุ พาลา ตุณฺหี อเหสุํ. ปณฺฑิตา ปน ‘‘อมฺเหหิ เอตฺตกํ กาลํ ภทฺทนฺตานํ กิฺจิ ขลิตํ นาม น ทิฏฺปุพฺพํ, เตสํ ภยํ อิมํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺตา อเหสุํ.

เตปิ เถรา คตฏฺาเน จิตฺตสุขํ นาม น ลภึสุ. มหาเถโร จินฺเตสิ – ‘‘อโห นวกสฺส ภิกฺขุโน ภาริยํ กมฺมํ กตํ, มุหุตฺตํ ทิฏฺํ นาม อาคนฺตุกภิกฺขุํ อาห – ‘มหาเถเรน สทฺธึ สํโภคํ มา อกาสี’’’ติ. อิตโรปิ จินฺเตสิ – ‘‘อโห มหาเถรสฺส ภาริยํ กมฺมํ กตํ, มุหุตฺตํ ทิฏฺํ นาม อาคนฺตุกภิกฺขุํ อาห – ‘อิมินา สทฺธึ สํโภคํ มา อกาสี’’’ติ. เตสํ เนว สชฺฌาโย น มนสิกาโร อโหสิ. เต วสฺสสตจฺจเยน ปจฺฉิมทิสาย เอกํ วิหารํ อคมํสุ. เตสํ เอกเมว เสนาสนํ ปาปุณิ. มหาเถเร ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสินฺเน อิตโรปิ ปาวิสิ. มหาเถโร ตํ ทิสฺวาว สฺชานิตฺวา อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิ. อิตโรปิ มหาเถรํ สฺชานิตฺวา อสฺสุปุณฺเณหิ เนตฺเตหิ ‘‘กเถมิ นุ โข มา กเถมี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘น ตํ สทฺเธยฺยรูป’’นฺติ เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอตฺตกํ กาลํ ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจรึ, อปิ นุ โข เม กายทฺวาราทีสุ ตุมฺเหหิ กิฺจิ อสารุปฺปํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ. ‘‘น ทิฏฺปุพฺพํ, อาวุโส’’ติ. อถ กสฺมา ธมฺมกถิกํ อวจุตฺถ ‘‘มา เอเตน สทฺธึ สํโภคมกาสี’’ติ? ‘‘นาหํ, อาวุโส, เอวํ กเถมิ, ตยา กิร มม อนฺตเร เอวํ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘อหมฺปิ, ภนฺเต, น วทามี’’ติ. เต ตสฺมึ ขเณ ‘‘เตน อมฺเห ภินฺทิตุกาเมน เอวํ วุตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา อฺมฺํ อจฺจยํ เทสยึสุ. เต วสฺสสตํ จิตฺตสฺสาทํ อลภนฺตา ตํ ทิวสํ สมคฺคา หุตฺวา ‘‘อายาม, นํ ตโต วิหารา นิกฺกฑฺฒิสฺสามา’’ติ ปกฺกมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตํ วิหารํ อคมํสุ.

ธมฺมกถิโกปิ เถเร ทิสฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตุํ อุปคจฺฉิ. เถรา ‘‘น ตฺวํ อิมสฺมึ วิหาเร วสิตุํ ยุตฺตรูโป’’ติ อจฺฉรํ ปหรึสุ. โส สณฺาตุํ อสกฺโกนฺโต ตาวเทว นิกฺขมิตฺวา ปลายิ. อถ นํ วีสติ วสฺสสหสฺสานิ กโต สมณธมฺโม สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิ, ตโต จวิตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ ปจฺจิตฺวา อิทานิ คิชฺฌกูเฏ วุตฺตปฺปกาเรน อตฺตภาเวน ทุกฺขํ อนุโภตีติ.

สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ อาหริตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม กายาทีหิ อุปสนฺตรูเปน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๘๑.

‘‘วาจานุรกฺขี มนสา สุสํวุโต,

กาเยน จ นากุสลํ กยิรา;

เอเต ตโย กมฺมปเถ วิโสธเย,

อาราธเย มคฺคมิสิปฺปเวทิต’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – จตุนฺนํ วจีทุจฺจริตานํ วชฺชเนน วาจานุรกฺขี อภิชฺฌาทีนํ อนุปฺปาทเนน มนสา จ สุฏฺุ สํวุโต ปาณาติปาตาทโย ปชหนฺโต กาเยน จ อกุสลํ น กยิรา. เอวํ เอเต ตโย กมฺมปเถ วิโสธเย. เอวํ วิโสเธนฺโต หิ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสเกหิ พุทฺธาทีหิ อิสีหิ ปเวทิตํ อฏฺงฺคิกมคฺคํ อาราเธยฺยาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สูกรเปตวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. โปฏฺิลตฺเถรวตฺถุ

โยคา เวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โปฏฺิลํ นาม เถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร สตฺตนฺนมฺปิ พุทฺธานํ สาสเน เตปิฏโก ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ธมฺมํ วาเจสิ. สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน ‘อตฺตโน ทุกฺขนิสฺสรณํ กริสฺสามี’ติ จิตฺตมฺปิ นตฺถิ สํเวเชสฺสามิ น’’นฺติ. ตโต ปฏฺาย ตํ เถรํ อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตกาเล ‘‘เอหิ, ตุจฺฉโปฏฺิล, วนฺท, ตุจฺฉโปฏฺิล, นิสีท, ตุจฺฉโปฏฺิล, ยาหิ, ตุจฺฉโปฏฺิลา’’ติ วทติ. อุฏฺาย คตกาเลปิ ‘‘ตุจฺฉโปฏฺิโล คโต’’ติ วทติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สาฏฺกถานิ ตีณิ ปิฏกานิ ธาเรมิ, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อฏฺารส มหาคเณ ธมฺมํ วาเจมิ, อถ ปน มํ สตฺถา อภิกฺขณํ, ‘ตุจฺฉโปฏฺิลา’ติ วเทติ, อทฺธา มํ สตฺถา ฌานาทีนํ อภาเวน เอวํ วเทตี’’ติ. โส อุปฺปนฺนสํเวโค ‘‘ทานิ อรฺํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ สยเมว ปตฺตจีวรํ สํวิทหิตฺวา ปจฺจูสกาเล สพฺพปจฺฉา ธมฺมํ อุคฺคณฺหิตฺวา นิกฺขมนฺเตน ภิกฺขุนา สทฺธึ นิกฺขมิ. ปริเวเณ นิสีทิตฺวา สชฺฌายนฺตา นํ ‘‘อาจริโย’’ติ น สลฺลกฺเขสุํ. โส วีสโยชนสตมคฺคํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อรฺาวาเส ตึส ภิกฺขู วสนฺติ, เต อุปสงฺกมิตฺวา สงฺฆตฺเถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อวสฺสโย เม โหถา’’ติ อาห. อาวุโส, ตฺวํ ธมฺมกถิโก, อมฺเหหิ นาม ตํ นิสฺสาย กิฺจิ ชานิตพฺพํ ภเวยฺย, กสฺมา เอวํ วเทสีติ? มา, ภนฺเต, เอวํ กโรถ, อวสฺสโย เม โหถาติ. เต ปน สพฺเพ ขีณาสวาว. อถ นํ มหาเถโร ‘‘อิมสฺส อุคฺคหํ นิสฺสาย มาโน อตฺถิเยวา’’ติ อนุเถรสฺส สนฺติกํ ปหิณิ. โสปิ นํ ตเถวาห. อิมินา นีหาเรน สพฺเพปิ ตํ เปเสนฺตา ทิวาฏฺาเน นิสีทิตฺวา สูจิกมฺมํ กโรนฺตสฺส สพฺพนวกสฺส สตฺตวสฺสิกสามเณรสฺส สนฺติกํ ปหิณึสุ. เอวมสฺส มานํ นีหรึสุ.

โส นิหตมาโน สามเณรสฺส สนฺติเก อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อวสฺสโย เม โหหิ สปฺปุริสา’’ติ อาห. อโห, อาจริย, กึ นาเมตํ กเถถ, ตุมฺเห มหลฺลกา พหุสฺสุตา, ตุมฺหากํ สนฺติเก มยา กิฺจิ การณํ ชานิตพฺพํ ภเวยฺยาติ. มา เอวํ กริ, สปฺปุริส, โหหิเยว เม อวสฺสโยติ. ภนฺเต, สเจปิ โอวาทกฺขมา ภวิสฺสถ, ภวิสฺสามิ โว อวสฺสโยติ. โหมิ, สปฺปุริส, อหํ ‘‘อคฺคึ ปวิสา’’ติ วุตฺเต อคฺคึ ปวิสามิเยวาติ. อถ นํ โส อวิทูเร เอกํ สรํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยถานิวตฺถปารุโตว อิมํ สรํ ปวิสถา’’ติ อาห. โส หิสฺส มหคฺฆานํ ทุปฏฺฏจีวรานํ นิวตฺถปารุตภาวํ ตฺวาปิ ‘‘โอวาทกฺขโม นุ โข’’ติ วีมํสนฺโต เอวมาห. เถโรปิ เอกวจเนเนว อุทกํ โอตริ. อถ นํ จีวรกณฺณานํ เตมิตกาเล ‘‘เอถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา เอกวจเนเนว อาคนฺตฺวา ิตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, เอกสฺมึ วมฺมิเก ฉ ฉิทฺทานิ, ตตฺถ เอเกน ฉิทฺเทน โคธา อนฺโต ปวิฏฺา, ตํ คณฺหิตุกาโม อิตรานิ ปฺจ ฉิทฺทานิ ถเกตฺวา ฉฏฺํ ภินฺทิตฺวา ปวิฏฺฉิทฺเทเนว คณฺหาติ, เอวํ ตุมฺเหปิ ฉทฺวาริเกสุ อารมฺมเณสุ เสสานิ ปฺจทฺวารานิ ปิธาย มโนทฺวาเร กมฺมํ ปฏฺเปถา’’ติ. พหุสฺสุตสฺส ภิกฺขุโน เอตฺตเกเนว ปทีปุชฺชลนํ วิย อโหสิ. โส ‘‘เอตฺตกเมว โหตุ สปฺปุริสา’’ติ กรชกาเย าณํ โอตาเรตฺวา สมณธมฺมํ อารภิ.

สตฺถา วีสโยชนสตมตฺถเก นิสินฺโนว ตํ ภิกฺขุํ โอโลเกตฺวา ‘‘ยเถวายํ ภิกฺขุ ภูริปฺโ, เอวเมวํ อเนน อตฺตานํ ปติฏฺาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เตน สทฺธึ กเถนฺโต วิย โอภาสํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๘๒.

‘‘โยคา เว ชายตี ภูริ, อโยคา ภูริสงฺขโย;

เอตํ ทฺเวธาปถํ ตฺวา, ภวาย วิภวาย จ;

ตถาตฺตานํ นิเวเสยฺย, ยถา ภูริ ปวฑฺฒตี’’ติ.

ตตฺถ โยคาติ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ โยนิโส มนสิการา. ภูรีติ ปถวีสมาย วิตฺถตาย ปฺาเยตํ นามํ. สงฺขโยติ วินาโส. เอตํ ทฺเวธาปถนฺติ เอตํ โยคฺจ อโยคฺจ. ภวาย วิภวาย จาติ วุทฺธิยา จ อวุทฺธิยา จ. ตถาติ ยถา อยํ ภูริสงฺขาตา ปฺา ปวฑฺฒติ, เอวํ อตฺตานํ นิเวเสยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โปฏฺิลตฺเถโร อรหตฺเต ปติฏฺหีติ.

โปฏฺิลตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. ปฺจมหลฺลกตฺเถรวตฺถุ

วนํ ฉินฺทถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล มหลฺลเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร คิหิกาเล สาวตฺถิยํ กุฏุมฺพิกา มหทฺธนา อฺมฺสหายกา เอกโต ปุฺานิ กโรนฺตา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘มยํ มหลฺลกา, กึ โน ฆราวาเสนา’’ติ สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชึสุ, มหลฺลกภาเวน ปน ธมฺมํ ปริยาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตา วิหารปริยนฺเต ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา เอกโตว วสึสุ. ปิณฺฑาย จรนฺตาปิ เยภุยฺเยน ปุตฺตทารสฺเสว เคหํ คนฺตฺวา ภุฺชึสุ. เตสุ เอกสฺส ปุราณทุติยิกา มธุรปาจิกา นาม, สา เตสํ สพฺเพสมฺปิ อุปการิกา อโหสิ. กสฺมา สพฺเพปิ อตฺตนา ลทฺธาหารํ คเหตฺวา ตสฺสา เอว เคเห นิสีทิตฺวา ภุฺชนฺติ? สาปิ เนสํ ยถาสนฺนิหิตํ สูปพฺยฺชนํ เทติ. สา อฺตราพาเธน ผุฏฺา กาลมกาสิ. อถ เต มหลฺลกตฺเถรา สหายกสฺส เถรสฺส ปณฺณสาลาย สนฺนิปติตฺวา อฺมฺํ คีวาสุ คเหตฺวา ‘‘มธุรปาจิกา อุปาสิกา กาลกตา’’ติ วิลปนฺตา โรทึสุ. ภิกฺขูหิ จ สมนฺตโต อุปธาวิตฺวา ‘‘กึ อิทํ, อาวุโส’’ติ ปุฏฺา, ‘‘ภนฺเต, สหายกสฺส โน ปุราณทุติยิกา กาลกตา, สา อมฺหากํ อติวิย อุปการิกา. อิทานิ กุโต ตถารูปึ ลภิสฺสามาติ อิมินา การเณน โรทามา’’ติ อาหํสุ.

ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เต กากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา สมุทฺทตีเร จรมานา สมุทฺทอูมิยา สมุทฺทํ ปเวเสตฺวา มาริตาย กากิยา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา ตํ นีหริสฺสามาติ มุขตุณฺฑเกหิ มหาสมุทฺทํ อุสฺสิฺจนฺตา กิลมึสู’’ติ อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘อปิ นุ หนุกา สนฺตา, มุขฺจ ปริสุสฺสติ;

โอรมาม น ปาเรม, ปูรเตว มโหทธี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๔๖);

อิมํ กากชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ราคโทสโมหวนํ นิสฺสาย ตุมฺเหหิ อิทํ ทุกฺขํ ปตฺตํ, ตํ วนํ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏติ, เอวํ นิทฺทุกฺขา ภวิสฺสถา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๘๓.

‘‘วนํ ฉินฺทถ มา รุกฺขํ, วนโต ชายเต ภยํ;

เฉตฺวา วนฺจ วนถฺจ, นิพฺพนา โหถ ภิกฺขโว.

๒๘๔.

‘‘ยาว หิ วนโถ น ฉิชฺชติ,

อณุมตฺโตปิ นรสฺส นาริสุ;

ปฏิพทฺธมโนว ตาว โส,

วจฺโฉ ขีรปโกว มาตรี’’ติ.

ตตฺถ มา รุกฺขนฺติ สตฺถารา หิ ‘‘วนํ ฉินฺทถา’’ติ วุตฺเต เตสํ อจิรปพฺพชิตานํ ‘‘สตฺถา อมฺเห วาสิอาทีนิ คเหตฺวา วนํ ฉินฺทาเปตี’’ติ รุกฺขํ ฉินฺทิตุกามตา อุปฺปชฺชิ. อถ เน ‘‘มยา ราคาทิกิเลสวนํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ, น รุกฺเข’’ติ ปฏิเสเธนฺโต ‘‘มา รุกฺข’’นฺติ อาห. วนโตติ ยถา ปากติกวนโต สีหาทิภยํ ชายติ, เอวํ ชาติอาทิภยมฺปิ กิเลสวนโต ชายตีติ อตฺโถ. วนฺจ วนถฺจาติ เอตฺถ มหนฺตา รุกฺขา วนํ นาม, ขุทฺทกา ตสฺมึ วเน ิตตฺตา วนถา นาม. ปุพฺพุปฺปตฺติกรุกฺขา วา วนํ นาม, อปราปรุปฺปตฺติกา วนถา นาม. เอวเมว มหนฺตมหนฺตา ภวากฑฺฒนกา กิเลสา วนํ นาม, ปวตฺติยํ วิปากทายกา วนถา นาม. ปุพฺพปฺปตฺติกา วนํ นาม, อปราปรุปฺปตฺติกา วนถา นาม. ตํ อุภยํ จตุตฺถมคฺคาเณน ฉินฺทิตพฺพํ. เตนาห – ‘‘เฉตฺวา วนฺจ วนถฺจ, นิพฺพนา โหถ ภิกฺขโว’’ติ. นิพฺพนา โหถาติ นิกฺกิเลสา โหถ. ยาว หิ วนโถติ ยาว เอส อณุมตฺโตปิ กิเลสวนโถ นรสฺส นารีสุ น ฉิชฺชติ, ตาว โส ขีรปโก วจฺโฉ มาตริ วิย ปฏิพทฺธมโน ลคฺคจิตฺโตว โหตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ปฺจปิ เต มหลฺลกตฺเถรา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ปฺจมหลฺลกตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. สุวณฺณการตฺเถรวตฺถุ

อุจฺฉินฺทาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร สุวณฺณการปุตฺโต อภิรูโป สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. เถโร ‘‘ตรุณานํ ราโค อุสฺสนฺโน โหตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ราคปฏิฆาตาย อสุภกมฺมฏฺานํ อทาสิ. ตสฺส ปน ตํ อสปฺปายํ. ตสฺมา อรฺํ ปวิสิตฺวา เตมาสํ วายมนฺโต จิตฺเตกคฺคมตฺตมฺปิ อลภิตฺวา ปุน เถรสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา เถเรน ‘‘อุปฏฺิตํ เต, อาวุโส, กมฺมฏฺาน’’นฺติ วุตฺเต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถสฺส เถโร ‘‘กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชตีติ โวสานํ อาปชฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ปุน ตเทว กมฺมฏฺานํ สาธุกํ กเถตฺวา อทาสิ. โส ทุติยวาเรปิ กิฺจิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต อาคนฺตฺวา เถรสฺส อาโรเจสิ. อถสฺส เถโรปิ สการณํ สอุปมํ กตฺวา ตเทว กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ปุนปิ อาคนฺตฺวา กมฺมฏฺานสฺส อสมฺปชฺชนภาวํ กเถสิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘การโก ภิกฺขุ อตฺตนิ วิชฺชมาเน กามจฺฉนฺทาทโย วิชฺชมานาติ อวิชฺชมาเน อวิชฺชมานาติ ปชานาติ. อยํ ภิกฺขุ การโก, โน อการโก, ปฏิปนฺโน, โน อปฺปฏิปนฺโน, อหํ ปเนตสฺส อชฺฌาสยํ น ชานามิ, พุทฺธเวเนยฺโย เอโส ภวิสฺสตี’’ติ ตํ อาทาย สายนฺหสมเย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, มม สทฺธิวิหาริโก, อิมสฺส มยา อิมินา การเณน อิทํ นาม กมฺมฏฺานํ ทินฺน’’นฺติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ.

อถ นํ สตฺถา ‘‘อาสยานุสยาณํ นาเมตํ ปารมิโย ปูเรตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺตานํ พุทฺธานํเยว วิสโย’’ติ วตฺวา ‘‘กตรกุลา นุ โข เอส ปพฺพชิโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สุวณฺณการกุลา’’ติ ตฺวา อตีเต อตฺตภาเว โอโลเกนฺโต ตสฺส สุวณฺณการกุเลเยว ปฏิปาฏิยา นิพฺพตฺตานิ ปฺจ อตฺตภาวสตานิ ทิสฺวา ‘‘อิมินา ทหเรน ทีฆรตฺตํ สุวณฺณการกมฺมํ กโรนฺเตน กณิการปุปฺผปทุมปุปฺผาทีนิ กริสฺสามีติ รตฺตสุวณฺณเมว สมฺปริวตฺติตํ, ตสฺมา อิมสฺส อสุภปฏิกูลกมฺมฏฺานํ น วฏฺฏติ, มนาปเมวสฺส กมฺมฏฺานํ สปฺปาย’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘สาริปุตฺต, ตยา กมฺมฏฺานํ ทตฺวา จตฺตาโร มาเส กิลมิตํ ภิกฺขุํ อชฺช ปจฺฉาภตฺเตเยว อรหตฺตํ ปตฺตํ ปสฺสิสฺสสิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ เถรํ อุยฺโยเชตฺวา อิทฺธิยา จกฺกมตฺตํ สุวณฺณปทุมํ มาเปตฺวา ปตฺเตหิ เจว นาเลหิ จ อุทกพินฺทูนิ มุฺจนฺตํ วิย กตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อิมํ ปทุมํ อาทาย วิหารปจฺจนฺเต วาลุกราสิมฺหิ เปตฺวา สมฺมุขฏฺาเน ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘โลหิตกํ โลหิตก’นฺติ ปริกมฺมํ กโรหี’’ติ อทาสิ. ตสฺส สตฺถุหตฺถโต ปทุมํ คณฺหนฺตสฺเสว จิตฺตํ ปสีทิ. โส วิหารปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา วาลุกํ อุสฺสาเปตฺวา ตตฺถ ปทุมนาลํ ปเวเสตฺวา สมฺมุเข ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน ‘‘โลหิตกํ โลหิตก’’นฺติ ปริกมฺมํ อารภิ. อถสฺส ตงฺขณฺเว นีวรณานิ วิกฺขมฺภึสุ, อุปจารชฺฌานํ อุปฺปชฺชิ. ตทนนฺตรํ ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปฺจหากาเรหิ วสีภาวํ ปาเปตฺวา ยถานิสินฺโนว ทุติยชฺฌานาทีนิปิ ปตฺวา วสีภูโต จตุตฺถชฺฌาเนน ฌานกีฬํ กีฬนฺโต นิสีทิ.

สตฺถา ตสฺส ฌานานํ อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ นุ โข เอส อตฺตโน ธมฺมตาย อุตฺตริ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘น สกฺขิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตํ ปทุมํ มิลายตู’’ติ อธิฏฺหิ. ตํ หตฺเถหิ มทฺทิตปทุมํ มิลายนฺตํ วิย กาฬวณฺณํ อโหสิ. โส ฌานา วุฏฺาย ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘กึ นุ โข อิมํ ปทุมํ ชราย ปหฏํ ปฺายติ, อนุปาทิณฺณเกปิ เอวํ ชราย อภิภุยฺยมาเน อุปาทิณฺณเก กถาว นตฺถิ. อิทมฺปิ หิ ชรา อภิภวิสฺสตี’’ติ อนิจฺจลกฺขณํ ปสฺสิ. ตสฺมึ ปน ทิฏฺเ ทุกฺขลกฺขณฺจ อนตฺตลกฺขณฺจ ทิฏฺเมว โหติ. ตสฺส ตโย ภวา อาทิตฺตา วิย กณฺเฑ พทฺธกุณปา วิย จ ขายึสุ. ตสฺมึ ขเณ ตสฺส อวิทูเร กุมารกา เอกํ สรํ โอตริตฺวา กุมุทานิ ภฺชิตฺวา ถเล ราสึ กโรนฺติ. โส ชเล จ ถเล จ กุมุทานิ โอโลเกสิ. อถสฺส ชเล กุมุทานิ อภิรูปานิ อุทกปคฺฆรนฺตานิ วิย อุปฏฺหึสุ, อิตรานิ อคฺคคฺเคสุ ปริมิลาตานิ. โส ‘‘อนุปาทิณฺณกํ ชรา เอวํ ปหรติ, อุปาทิณฺณกํ กึ ปน น ปหริสฺสตี’’ติ สุฏฺุตรํ อนิจฺจลกฺขณาทีนิ อทฺทส. สตฺถา ‘‘ปากฏีภูตํ อิทานิ อิมสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฏฺาน’’นฺติ ตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺนโกว โอภาสํ มุฺจิ, โส ตสฺส มุขํ ปหริ. อถสฺส ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ โอโลเกนฺตสฺส สตฺถา อาคนฺตฺวา สมฺมุเข ิโต วิย อโหสิ. โส อุฏฺาย อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. อถสฺส สตฺถา สปฺปายํ สลฺลกฺเขตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๘๕.

‘‘อุจฺฉินฺท สิเนหมตฺตโน, กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา;

สนฺติมคฺคเมว พฺรูหย, นิพฺพานํ สุคเตน เทสิต’’นฺติ.

ตตฺถ อุจฺฉินฺทาติ อรหตฺตมคฺเคน อุจฺฉินฺท. สารทิกนฺติ สรทกาเล นิพฺพตฺตํ. สนฺติมคฺคนฺติ นิพฺพานคามึ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ. พฺรูหยาติ วฑฺฒย. นิพฺพานฺหิ สุคเตน เทสิตํ, ตสฺมา ตสฺส มคฺคํ ภาเวหีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ.

สุวณฺณการตฺเถรวตฺถุ นวมํ.

๑๐. มหาธนวาณิชวตฺถุ

อิธ วสฺสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาธนวาณิชํ นาม อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร พาราณสิโต กุสุมฺภรตฺตานํ วตฺถานํ ปฺจ สกฏสตานิ ปูเรตฺวา วณิชฺชาย สาวตฺถึ อาคโต นทีตีรํ ปตฺวา ‘‘สฺเว นทึ อุตฺตริสฺสามี’’ติ ตตฺเถว สกฏานิ โมเจตฺวา วสิ. รตฺตึ มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา วสฺสิ. นที สตฺตาหํ อุทกสฺส ปูรา อฏฺาสิ. นาคราปิ สตฺตาหํ นกฺขตฺตํ กีฬึสุ. กุสุมฺภรตฺเตหิ วตฺเถหิ กิจฺจํ น นิฏฺิตํ. วาณิโช จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ทูรํ อาคโต. สเจ ปุน คมิสฺสามิ, ปปฺโจ ภวิสฺสติ. อิเธว วสฺสฺจ เหมนฺตฺจ คิมฺหฺจ มม กมฺมํ กโรนฺโต วสิตฺวา อิมานิ วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ. สตฺถา นคเร ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา สิตํ ปาตุกริตฺวา อานนฺทตฺเถเรน สิตการณํ ปุฏฺโ อาห – ‘‘ทิฏฺโ เต, อานนฺท, มหาธนวาณิโช’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. โส อตฺตโน ชีวิตนฺตรายํ อชานิตฺวา อิมํ สํวจฺฉรํ อิเธว วสิตฺวา ภณฺฑํ วิกฺกิณิตุํ จิตฺตมกาสีติ. ‘‘กึ ปน ตสฺส, ภนฺเต, อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ? สตฺถา ‘‘อามานนฺท, สตฺตาหเมว ชีวิตฺวา โส มจฺจุมุเข ปติสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

‘‘อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชฺา มรณํ สุเว;

น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา.

‘‘เอวํ วิหารึ อาตาปึ, อโหรตฺตมตนฺทิตํ;

ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ, สนฺโต อาจิกฺขเต มุนี’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๗๒);

คจฺฉามิสฺส, ภนฺเต, อาโรเจสฺสามีติ. วิสฺสตฺโถ คจฺฉานนฺทาติ. เถโร สกฏฏฺานํ คนฺตฺวา ภิกฺขาย จริ. วาณิโช เถรํ อาหาเรน ปติมาเนสิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘กิตฺตกํ กาลํ อิธ วสิสฺสสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อหํ ทูรโต อาคโต’’. สเจ ปุน คมิสฺสามิ, ปปฺโจ ภวิสฺสติ, อิมํ สํวจฺฉรํ อิธ วสิตฺวา ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา คมิสฺสามีติ. อุปาสก, ทุชฺชาโน ชีวิตนฺตราโย, อปฺปมาทํ กาตุํ วฏฺฏตีติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘อาม, อุปาสก, สตฺตาหเมว เต ชีวิตํ ปวตฺติสฺสตีติ’’. โส สํวิคฺคมานโส หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา อนุโมทนตฺถาย ปตฺตํ คณฺหิ. อถสฺส สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต, ‘‘อุปาสก, ปณฺฑิเตน นาม ‘อิเธว วสฺสาทีนิ วสิสฺสามิ, อิทฺจิทฺจ กมฺมํ ปโยเชสฺสามี’ติ จินฺเตตุํ น วฏฺฏติ, อตฺตโน ปน ชีวิตนฺตรายเมว จินฺเตตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๘๖.

‘‘อิธ วสฺสํ วสิสฺสามิ, อิธ เหมนฺตคิมฺหิสุ;

อิติ พาโล วิจินฺเตติ, อนฺตรายํ น พุชฺฌตี’’ติ.

ตตฺถ อิธ วสฺสนฺติ อิมสฺมึ าเน อิทฺจิทฺจ กโรนฺโต จตุมาสํ วสฺสํ วสิสฺสามิ. เหมนฺตคิมฺหิสูติ เหมนฺตคิมฺเหสุปิ ‘‘จตฺตาโร มาเส อิทฺจิทฺจ กโรนฺโต อิเธว วสิสฺสามี’’ติ เอวํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ อชานนฺโต พาโล วิจินฺเตติ. อนฺตรายนฺติ ‘‘อสุกสฺมึ นาม กาเล วา เทเส วา วเย วา มริสฺสามี’’ติ อตฺตโน ชีวิตนฺตรายํ น พุชฺฌตีติ.

เทสนาวสาเน โส วาณิโช โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสิ. วาณิโชปิ สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา ‘‘สีสโรโค วิย เม อุปฺปนฺโน’’ติ สยเน นิปชฺชิ, ตถานิปนฺโนว กาลํ กตฺวา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺติ.

มหาธนวาณิชวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. กิสาโคตมีวตฺถุ

ตํ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิสาโคตมึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ สหสฺสวคฺเค –

‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ อมตํ ปทํ;

เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, ปสฺสโต อมตํ ปท’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๑๔) –

คาถาวณฺณนาย วิตฺถาเรตฺวา กถิตํ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘กิสาโคตมิ ลทฺธา เต เอกจฺฉรมตฺตา สิทฺธตฺถกา’’ติ อาห. ‘‘น ลทฺธา, ภนฺเต, สกลคาเม ชีวนฺเตหิ กิร มตกา เอว พหุตรา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวํ ‘มเมว ปุตฺโต มโต’ติ สลฺลกฺเขสิ, ธุวธมฺโม เอส สพฺพสตฺตานํ. มจฺจุราชา หิ สพฺพสตฺเต อปริปุณฺณชฺฌาสเย เอว มโหโฆ วิย ปริกฑฺฒมาโน อปายสมุทฺเท ปกฺขิปตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๘๗.

‘‘ตํ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตํ, พฺยาสตฺตมนสํ นรํ;

สุตฺตํ คามํ มโหโฆว, มจฺจุ อาทาย คจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ ตํ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตนฺติ ตํ รูปพลาทิสมฺปนฺเน ปุตฺเต จ ปสู จ ลภิตฺวา ‘‘มม ปุตฺตา อภิรูปา พลสมฺปนฺนา ปณฺฑิตา สพฺพกิจฺจสมตฺถา, มม โคณา อภิรูปา อโรคา มหาภารวหา, มม คาวี พหุขีรา’’ติ เอวํ ปุตฺเตหิ จ ปสูหิ จ สมฺมตฺตํ นรํ. พฺยาสตฺตมนสนฺติ หิรฺสุวณฺณาทีสุ วา ปตฺตจีวราทีสุ วา กิฺจิเทว ลภิตฺวา ตโต อุตฺตริตรํ ปตฺถนตาย อาสตฺตมานสํ วา, จกฺขุวิฺเยฺยาทีสุ อารมฺมเณสุ วุตฺตปฺปกาเรสุ วา ปริกฺขาเรสุ ยํ ยํ ลทฺธํ โหติ, ตตฺถ ตตฺเถว ลคฺคนตาย พฺยาสตฺตมานสํ วา. สุตฺตํ คามนฺติ นิทฺทํ อุปคตํ สตฺตนิกายํ. มโหโฆวาติ ยถา เอวรูปํ คามํ คมฺภีรวิตฺถโต มหนฺโต มหานทีนํ โอโฆ อนฺตมโส สุนขมฺปิ อเสเสตฺวา สพฺพํ อาทาย คจฺฉติ, เอวํ วุตฺตปฺปการํ นรํ มจฺจุ อาทาย คจฺฉตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน กิสาโคตมี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

กิสาโคตมีวตฺถุ เอกาทสมํ.

๑๒. ปฏาจาราวตฺถุ

สนฺติ ปุตฺตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฏาจารํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ สหสฺสวคฺเค –

‘‘โย จ วสฺสสตํ ชีเว, อปสฺสํ อุทยพฺพยํ;

เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, ปสฺสโต อุทยพฺพย’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๑๓) –

คาถาวณฺณนาย วิตฺถาเรตฺวา กถิตํ. ตทา ปน สตฺถา ปฏาจารํ ตนุภูตโสกํ ตฺวา ‘‘ปฏาจาเร ปุตฺตาทโย นาม ปรโลกํ คจฺฉนฺตสฺส ตาณํ วา เลณํ วา สรณํ วา ภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา วิชฺชมานาปิ เต น สนฺติเยว. ปณฺฑิเตน ปน สีลํ วิโสเธตฺวา อตฺตโน นิพฺพานคามิมคฺคเมว โสเธตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๒๘๘.

‘‘น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย, น ปิตา นาปิ พนฺธวา;

อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, นตฺถิ าตีสุ ตาณตา.

๒๘๙.

‘‘เอตมตฺถวสํ ตฺวา, ปณฺฑิโต สีลสํวุโต;

นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, ขิปฺปเมว วิโสธเย’’ติ.

ตตฺถ ตาณายาติ ตาณภาวาย ปติฏฺานตฺถาย. พนฺธวาติ ปุตฺเต จ มาตาปิตโร จ เปตฺวา อวเสสา าติสุหชฺชา. อนฺตเกนาธิปนฺนสฺสาติ มรเณน อภิภูตสฺส. ปวตฺติยฺหิ ปุตฺตาทโย อนฺนปานาทิทาเนน เจว อุปฺปนฺนกิจฺจนิตฺถรเณน จ ตาณา หุตฺวาปิ มรณกาเล เกนจิ อุปาเยน มรณํ ปฏิพาหิตุํ อสมตฺถตาย ตาณตฺถาย เลณตฺถาย น สนฺติ นาม. เตเนว วุตฺตํ – ‘‘นตฺถิ าตีสุ ตาณตา’’ติ. เอตมตฺถวสนฺติ เอวํ เตสํ อฺมฺสฺส ตาณํ ภวิตุํ อสมตฺถภาวสงฺขาตํ การณํ ชานิตฺวา ปณฺฑิโต จตุปาริสุทฺธิสีเลน สํวุโต รกฺขิตโคปิโต หุตฺวา นิพฺพานคมนํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ สีฆํ สีฆํ วิโสเธยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ปฏาจารา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อฺเ จ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ปฏาจาราวตฺถุ ทฺวาทสมํ.

มคฺควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

วีสติโม วคฺโค.

๒๑. ปกิณฺณกวคฺโค

๑. อตฺตโนปุพฺพกมฺมวตฺถุ

มตฺตาสุขปริจฺจาคาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย เวสาลี อิทฺธา อโหสิ ผีตา พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา. ตตฺถ หิ วาเรน วาเรน รชฺชํ กาเรนฺตานํ ขตฺติยานํเยว สตฺตสตาธิกานิ สตฺตสหสฺสานิ สตฺต จ ขตฺติยา อเหสุํ. เตสํ วสนตฺถาย ตตฺตกาเยว ปาสาทา ตตฺตกาเนว กูฏาคารานิ อุยฺยาเน วิหารตฺถาย ตตฺตกาเยว อารามา จ โปกฺขรณิโย จ อเหสุํ. สา อปเรน สมเยน ทุพฺภิกฺขา อโหสิ ทุสฺสสฺสา. ตตฺถ ฉาตกภเยน ปมํ ทุคฺคตมนุสฺสา กาลมกํสุ. เตสํ เตสํ ตตฺถ ตตฺถ ฉฑฺฑิตานํ กุณปานํ คนฺเธน อมนุสฺสา นครํ ปวิสึสุ. อมนุสฺสูปทฺทเวน พหุตรา กาลมกํสุ. เตสํ กุณปคนฺธปฏิกฺกูลตาย สตฺตานํ อหิวาตโรโค อุปฺปชฺชิ. เอวํ ทุพฺภิกฺขภยํ อมนุสฺสภยํ โรคภยนฺติ ตีณิ ภยานิ อุปฺปชฺชึสุ.

นครวาสิโน สนฺนิปติตฺวา ราชานํ อาหํสุ – ‘‘มหาราช, อิมสฺมึ นคเร ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ, อิโต ปุพฺเพ ยาว สตฺตมา ราชปริวฏฺฏา เอวรูปํ ภยํ นาม น อุปฺปนฺนปุพฺพํ. อธมฺมิกราชูนฺหิ กาเล เอวรูปํ ภยํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ราชา สนฺถาคาเร สพฺเพสํ สนฺนิปาตํ กาเรตฺวา ‘‘สเจ เม อธมฺมิกภาโว อตฺถิ, ตํ วิจินถา’’ติ อาห. เวสาลิวาสิโน สพฺพํ ปเวณิ วิจินนฺตา รฺโ กฺจิ โทสํ อทิสฺวา, ‘‘มหาราช, นตฺถิ เต โทโส’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ นุ โข อิทํ อมฺหากํ ภยํ วูปสมํ คจฺเฉยฺยา’’ติ มนฺตยึสุ. ตตฺถ เอกจฺเจหิ ‘‘พลิกมฺเมน อายาจนาย มงฺคลกิริยายา’’ติ วุตฺเต สพฺพมฺปิ ตํ วิธึ กตฺวา ปฏิพาหิตุํ นาสกฺขึสุ. อถฺเ เอวมาหํสุ – ‘‘ฉ สตฺถาโร มหานุภาวา, เตสุ อิธาคตมตฺเตสุ ภยํ วูปสเมยฺยา’’ติ. อปเร ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน. โส หิ ภควา สพฺพสตฺตหิตาย ธมฺมํ เทเสติ, มหิทฺธิโก มหานุภาโว. ตสฺมึ อิธ อาคเต อิมานิ ภยานิ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ อาหํสุ. เตสํ วจนํ สพฺเพปิ อภินนฺทิตฺวา ‘‘กหํ นุ โข โส ภควา เอตรหิ วิหรตี’’ติ อาหํสุ. ตทา ปน สตฺถา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย รฺโ พิมฺพิสารสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา เวฬุวเน วิหรติ. เตน จ สมเยน พิมฺพิสารสมาคเม พิมฺพิสาเรน สทฺธึ โสตาปตฺติผลํ ปตฺโต มหาลิ นาม ลิจฺฉวี ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ.

เวสาลิวาสิโน มหนฺตํ ปณฺณาการํ สชฺเชตฺวา ราชานํ พิมฺพิสารํ สฺาเปตฺวา ‘‘สตฺถารํ อิธาเนถา’’ติ มหาลิฺเจว ลิจฺฉวึ ปุโรหิตปุตฺตฺจ ปหิณึสุ. เต คนฺตฺวา รฺโ ปณฺณาการํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ นิเวเทตฺวา, ‘‘มหาราช, สตฺถารํ อมฺหากํ นครํ เปเสถา’’ติ ยาจึสุ. ราชา ‘‘ตุมฺเหว ชานาถา’’ติ น สมฺปฏิจฺฉิ. เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ยาจึสุ – ‘‘ภนฺเต, เวสาลิยํ ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ, ตานิ ตุมฺเหสุ อาคเตสุ วูปสมิสฺสนฺติ, เอถ, ภนฺเต, คจฺฉามา’’ติ. สตฺถา เตสํ วจนํ สุตฺวา อาวชฺเชนฺโต ‘‘เวสาลิยํ รตนสุตฺเต (ขุ. ปา. ๖.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๒๒๔ อาทโย) วุตฺเต สา รกฺขา จกฺกวาฬานํ โกฏิสตสหสฺสํ ผริสฺสติ, สุตฺตปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, ตานิ จ ภยานิ วูปสมิสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา เตสํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิ.

ราชา พิมฺพิสาโร ‘‘สตฺถารา กิร เวสาลิคมนํ สมฺปฏิจฺฉิต’’นฺติ สุตฺวา นคเร โฆสนํ กาเรตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, เวสาลิคมนํ สมฺปฏิจฺฉิต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อาคเมถ, ตาว มคฺคํ ปฏิยาเทสฺสามี’’ติ วตฺวา ราชคหสฺส จ คงฺคาย จ อนฺตเร ปฺจโยชนภูมึ สมํ กาเรตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ ปติฏฺาเปตฺวา สตฺถุ คมนกาลํ อาโรเจสิ. สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ราชา โยชนนฺตเร ชณฺณุมตฺเตน โอธินา ปฺจวณฺณานิ ปุปฺผานิ โอกิราเปตฺวา ธชปฏากกทลีอาทีนิ อุสฺสาเปตฺวา ภควโต ฉตฺตาติฉตฺตํ กตฺวา ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน เอกเมกํ เสตจฺฉตฺตํ อุปริ ธาเรตฺวา สปริวาโร ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูชํ กโรนฺโต สตฺถารํ เอเกกสฺมึ วิหาเร วสาเปตฺวา มหาทานาทีนิ ทตฺวา ปฺจหิ ทิวเสหิ คงฺคาตีรํ ปาเปตฺวา ตตฺถ นาวํ อลงฺกโรนฺโต เวสาลิกานํ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘มคฺคํ ปฏิยาเทตฺวา สตฺถุ ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺตู’’ติ. เต ‘‘ทิคุณํ ปูชํ กริสฺสามา’’ติ เวสาลิยา จ คงฺคาย จ อนฺตเร ติโยชนภูมึ สมํ กาเรตฺวา ภควโต จตูหิ เสตจฺฉตฺเตหิ เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน ทฺวีหิ ทฺวีหิ เสตจฺฉตฺเตหิ ฉตฺตาติฉตฺตานิ สชฺเชตฺวา ปูชํ กุรุมานา อาคนฺตฺวา คงฺคาตีเร อฏฺํสุ. พิมฺพิสาโร ทฺเว นาวา สงฺฆาเฏตฺวา มณฺฑปํ กาเรตฺวา ปุปฺผทามาทีหิ อลงฺการาเปตฺวา สพฺพรตนมยํ พุทฺธาสนํ ปฺาเปสิ. ภควา ตสฺมึ นิสีทิ. ภิกฺขูปิ นาวํ อภิรุหิตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. ราชา อนุคจฺฉนฺโต คลปฺปมาณํ อุทกํ โอตริตฺวา ‘‘ยาว, ภนฺเต, ภควา อาคจฺฉติ, ตาวาหํ อิเธว คงฺคาตีเร วสิสฺสามี’’ติ วตฺวา นาวํ อุยฺโยเชตฺวา นิวตฺติ. สตฺถา โยชนมตฺตํ อทฺธานํ คงฺคาย คนฺตฺวา เวสาลิกานํ สีมํ ปาปุณิ.

ลิจฺฉวีราชาโน สตฺถารํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา คลปฺปมาณํ อุทกํ โอตริตฺวา นาวํ ตีรํ อุปเนตฺวา สตฺถารํ นาวาโต โอตารยึสุ. สตฺถารา โอตริตฺวา ตีเร อกฺกนฺตมตฺเตเยว มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. สพฺพตฺถ ชณฺณุปฺปมาณอูรุปฺปมาณกฏิปฺปมาณาทีนิ อุทกานิ สนฺทนฺตานิ สพฺพกุณปานิ คงฺคํ ปเวสยึสุ, ปริสุทฺโธ ภูมิภาโค อโหสิ. ลิจฺฉวีราชาโน สตฺถารํ โยชเน โยชเน วสาเปตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ทิคุณํ ปูชํ กโรนฺตา ตีหิ ทิวเสหิ เวสาลึ นยึสุ. สกฺโก เทวราชา เทวคณปริวุโต อาคมาสิ, มเหสกฺขานํ เทวานํ สนฺนิปาเตน อมนุสฺสา เยภุยฺเยน ปลายึสุ. สตฺถา สายํ นครทฺวาเร ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, อานนฺท, รตนสุตฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา ลิจฺฉวีกุมาเรหิ สทฺธึ วิจรนฺโต เวสาลิยา ติณฺณํ ปาการานํ อนฺตเร ปริตฺตํ กโรหี’’ติ.

เถโร สตฺถารา ทินฺนํ รตนสุตฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา สตฺถุ เสลมยปตฺเตน อุทกํ อาทาย นครทฺวาเร ิโต ปณิธานโต ปฏฺาย ตถาคตสฺส ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย ปฺจ มหาปริจฺจาเค โลกตฺถจริยา าตตฺถจริยา พุทฺธตฺถจริยาติ ติสฺโส จริยาโย ปจฺฉิมภเว คพฺภโวกฺกนฺตึ ชาตึ อภินิกฺขมนํ ปธานจริยํ โพธิปลฺลงฺเก มารวิชยํ สพฺพฺุตฺาณปฏิเวธํ ธมฺมจกฺกปวตฺตนํ นวโลกุตฺตรธมฺเมติ สพฺเพปิเม พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ติยามรตฺตึ ตีสุ ปาการนฺตเรสุ ปริตฺตํ กโรนฺโต วิจริ. เตน ‘‘ยํกิฺจี’’ติ วุตฺตมตฺเตเยว อุทฺธํ ขิตฺตอุทกํ อมนุสฺสานํ อุปริ ปติ. ‘‘ยานีธ ภูตานี’’ติ คาถากถนโต ปฏฺาย รชตวฏํสกา วิย อุทกพินฺทูนิ อากาเสน คนฺตฺวา คิลานมนุสฺสานํ อุปริ ปตึสุ. ตาวเทว วูปสนฺตโรคา มนุสฺสา อุฏฺายุฏฺาย เถรํ ปริวาเรสุํ. ‘‘ยํกิฺจี’’ติ วุตฺตปทโต ปฏฺาย ปน อุทกผุสิเตหิ ผุฏฺผุฏฺา สพฺเพ อปลายนฺตา สงฺการกูฏภิตฺติปเทสาทินิสฺสิตา อมนุสฺสา เตน เตน ทฺวาเรน ปลายึสุ. ทฺวารานิ อโนกาสานิ อเหสุํ. เต โอกาสํ อลภนฺตา ปาการํ ภินฺทิตฺวาปิ ปลายึสุ.

มหาชโน นครมชฺเฌ สนฺถาคารํ สพฺพคนฺเธหิ อุปลิมฺเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกาทิวิจิตฺตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา สตฺถารํ อาเนสิ. สตฺถา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ ลิจฺฉวีคโณปิ สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิ. สกฺโก เทวราชา เทวคณปริวุโต ปติรูเป โอกาเส อฏฺาสิ. เถโรปิ สกลนครํ อนุวิจริตฺวา วูปสนฺตโรเคน มหาชเนน สทฺธึ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา ปริสํ โอโลเกตฺวา ตเทว รตนสุตฺตํ อภาสิ. เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เอวํ ปุนทิวเสปีติ สตฺตาหํ ตเทว รตนสุตฺตํ เทเสตฺวา สพฺพภยานํ วูปสนฺตภาวํ ตฺวา ลิจฺฉวีคณํ อามนฺเตตฺวา เวสาลิโต นิกฺขมิ. ลิจฺฉวีราชาโน ทิคุณํ สกฺการํ กโรนฺตา ปุน ตีหิ ทิวเสหิ สตฺถารํ คงฺคาตีรํ นยึสุ.

คงฺคาย นิพฺพตฺตนาคราชาโน จินฺเตสุํ – ‘‘มนุสฺสา ตถาคตสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กโรมา’’ติ. เต สุวณฺณรชตมณิมยา นาวาโย มาเปตฺวา สุวณฺณรชตมณิมเย ปลฺลงฺเก ปฺาเปตฺวา ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ อุทกํ กริตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากมฺปิ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ อตฺตโน อตฺตโน นาวํ อภิรุหณตฺถาย สตฺถารํ ยาจึสุ. ‘‘มนุสฺสา จ นาคา จ ตถาคตสฺส ปูชํ กโรนฺติ, มยํ ปน กึ น กโรมา’’ติ ภูมฏฺกเทเวปิ อาทึ กตฺวา ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา สพฺเพ เทวา สกฺการํ กรึสุ. ตตฺถ นาคา โยชนิกานิ ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุกฺขิปึสุ. เอวํ เหฏฺา นาคา ภูมิตเล รุกฺขคจฺฉปพฺพตาทีสุ ภูมฏฺกา เทวตา, อนฺตลิกฺเข อากาสฏฺเทวาติ นาคภวนํ อาทึ กตฺวา จกฺกวาฬปริยนฺเตน ยาว พฺรหฺมโลกา ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุสฺสาปิตานิ อเหสุํ. ฉตฺตนฺตเรสุ ธชา, ธชนฺตเรสุ ปฏากา, เตสํ อนฺตรนฺตรา ปุปฺผทามวาสจุณฺณธุมาทีหิ สกฺกาโร อโหสิ. สพฺพลงฺการปฏิมณฺฑิตา เทวปุตฺตา ฉณเวสํ คเหตฺวา อุคฺโฆสยมานา อากาเส วิจรึสุ. ตโย เอว กิร สมาคมา มหนฺตา อเหสุํ – ยมกปาฏิหาริยสมาคโม เทโวโรหณสมาคโม อยํ คงฺโคโรหณสมาคโมติ.

ปรตีเร พิมฺพิสาโรปิ ลิจฺฉวีหิ กตสกฺการโต ทิคุณํ สกฺการํ สชฺเชตฺวา ภควโต อาคมนํ อุทิกฺขมาโน อฏฺาสิ. สตฺถา คงฺคาย อุโภสุ ปสฺเสสุ ราชูนํ มหนฺตํ ปริจฺจาคํ โอโลเกตฺวา นาคาทีนฺจ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา เอเกกาย นาวาย ปฺจปฺจภิกฺขุสตปริวารํ เอเกกํ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. โส เอเกกสฺส เสตจฺฉตฺตสฺส เจว กปฺปรุกฺขสฺส จ ปุปฺผทามสฺส จ เหฏฺา นาคคณปริวุโต นิสินฺโน โหติ. ภูมฏฺกเทวตาทีสุปิ เอเกกสฺมึ โอกาเส สปริวารํ เอเกกํ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. เอวํ สกลจกฺกวาฬคพฺเภ เอกาลงฺกาเร เอกุสฺสเว เอกฉเณเยว จ ชาเต สตฺถา นาคานมนุคฺคหํ กโรนฺโต เอกํ รตนนาวํ อภิรุหิ. ภิกฺขูสุปิ เอเกโก เอเกกเมว อภิรุหิ. นาคราชาโน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นาคภวนํ ปเวเสตฺวา สพฺพรตฺตึ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา ทุติยทิวเส ทิพฺเพน ขาทนีเยน โภชนีเยน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสึสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา สกลจกฺกวาฬเทวตาหิ ปูชิยมาโน ปฺจหิ นาวาสเตหิ คงฺคานทึ อติกฺกมิ.

ราชา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา สตฺถารํ นาวาโต โอตาเรตฺวา อาคมนกาเล ลิจฺฉวีติ กตสกฺการโต ทิคุณํ สกฺการํ กตฺวา ปุริมนเยเนว ปฺจหิ ทิวเสหิ ราชคหํ อภิเนสิ. ทุติยทิวเส ภิกฺขู ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห พุทฺธานํ มหานุภาโว, อโห สตฺถริ เทวมนุสฺสานํ ปสาโท, คงฺคาย นาม โอรโต จ ปารโต จ อฏฺโยชเน มคฺเค พุทฺธคเตน ปสาเทน ราชูหิ สมตลํ ภูมึ กตฺวา วาลุกา โอกิณฺณา, ชณฺณุมตฺเตน โอธินา นานาวณฺณานิ ปุปฺผานิ สนฺถตานิ, คงฺคาย อุทกํ นาคานุภาเวน ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ, ยาว อกนิฏฺภวนา ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุสฺสาปิตานิ, สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอกาลงฺการํ เอกุสฺสวํ วิย ชาต’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เอส ปูชาสกฺกาโร มยฺหํ พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน. อตีเต ปน อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต ตกฺกสิลายํ สงฺโข นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต สุสีโม นาม มาณโว โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก เอกทิวสํ ปิตรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, ตาต, พาราณสึ คนฺตฺวา มนฺเต อชฺฌายิตุ’’นฺติ. อถ นํ ปิตา อาห – ‘‘เตน หิ, ตาต, อสุโก นาม พฺราหฺมโณ มม สหายโก, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อธียสฺสู’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คนฺตฺวา ตํ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา ปิตรา ปหิตภาวมาจิกฺขิ. อถ นํ โส ‘‘สหายกสฺส เม ปุตฺโต’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปฏิปสฺสทฺธทรถํ ภทฺทเกน ทิวเสน มนฺเต วาเจตุมารภิ. โส ลหุฺจ คณฺหนฺโต พหุฺจ คณฺหนฺโต อตฺตโน อุคฺคหิตุคฺคหิตํ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหเตลมิว อวินสฺสมานํ ธาเรนฺโต น จิรสฺเสว อาจริยสฺส สมฺมุขโต อุคฺคณฺหิตพฺพํ สพฺพํ อุคฺคณฺหิตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺโต อตฺตโน อุคฺคหิตสิปฺปสฺส อาทิมชฺฌเมว ปสฺสติ, โน ปริโยสานํ.

โส อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ อิมสฺส สิปฺปสฺส อาทิมชฺฌเมว ปสฺสามิ, โน ปริโยสาน’’นฺติ วตฺวา อาจริเยน ‘‘อหมฺปิ, ตาต, น ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อถ โก, อาจริย, ปริโยสานํ ชานาตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิเม, ตาต, อิสโย อิสิปตเน วิหรนฺติ, เต ชาเนยฺยุํ, เตสํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉสฺสู’’ติ อาจริเยน วุตฺเต ปจฺเจกพุทฺเธ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห กิร ปริโยสานํ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, ชานามา’’ติ. ‘‘เตน หิ เม อาจิกฺขถา’’ติ? ‘‘น มยํ อปพฺพชิตสฺส อาจิกฺขาม. สเจ เต ปริโยสาเนนตฺโถ, ปพฺพชสฺสู’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เตสํ สนฺติเก ปพฺพชิ. อถสฺส เต ‘‘อิทํ ตาว สิกฺขสฺสู’’ติ วตฺวา ‘‘เอวํ เต นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน อาภิสมาจาริกํ อาจิกฺขึสุ. โส ตตฺถ สิกฺขนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา นจิรสฺเสว ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา สกลพาราณสินคเร คคนตเล ปุณฺณจนฺโท วิย ปากโฏ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ, โส อปฺปายุกสํวตฺตนิกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา น จิรสฺเสว ปรินิพฺพายิ. อถสฺส ปจฺเจกพุทฺธา จ มหาชโน จ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย จ คเหตฺวา นครทฺวาเร ถูปํ กาเรสุํ.

สงฺโขปิ พฺราหฺมโณ ‘‘ปุตฺโต เม จิรํ คโต, ปวตฺติมสฺส ชานิสฺสามี’’ติ ตํ ทฏฺุกาโม ตกฺกสิลาโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อิเมสุ เอโกปิ เม ปุตฺตสฺส ปวตฺตึ ชานิสฺสตี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สุสีโม นาม มาณโว อิธาคมิ, อปิ นุ โข ตสฺส ปวตฺตึ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ชานาม, อสุกสฺส พฺราหฺมณสฺส สนฺติเก ตโย เวเท สชฺฌายิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉิกตฺวา ปรินิพฺพุโต, อยมสฺส ถูโป ปติฏฺาปิโต’’ติ. โส ภูมึ หตฺเถน ปหริตฺวา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ตํ เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา ติณานิ อุทฺธริตฺวา อุตฺตรสาฏเกน วาลุกํ อาหริตฺวา เจติยงฺคเณ อากิริตฺวา กมณฺฑลุโต อุทเกน ปริปฺโผสิตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา สาฏเกน ปฏากํ อาโรเปตฺวา ถูปสฺส อุปริ อตฺตโน ฉตฺตกํ พนฺธิตฺวา ปกฺกามิ.

สตฺถา อิทํ อตีตํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, อหํ สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสึ. มยา สุสีมสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส เจติยงฺคเณ ติณานิ อุทฺธฏานิ, ตสฺส เม กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺคํ วิหตขาณุกกณฺฏกํ กตฺวา สุทฺธํ สมตลํ กรึสุ. มยา ตตฺถ วาลุกา โอกิณฺณา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺเค วาลุกํ โอกิรึสุ. มยา ตตฺถ วนกุสุเมหิ ปูชา กตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺเค นานาวณฺณานิ ปุปฺผานิ โอกิณฺณานิ, เอกโยชนฏฺาเน คงฺคาย อุทกํ ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ. มยา ตตฺถ กมณฺฑลุอุทเกน ภูมิ ปริปฺโผสิตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน เวสาลิยํ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. มยา ตตฺถ ปฏากา, อาโรปิตา, ฉตฺตกฺจ พทฺธํ, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน ยาว อกนิฏฺภวนา ธชปฏากฉตฺตาติฉตฺตาทีหิ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอกุสฺสวํ วิย ชาตํ. อิติ โข, ภิกฺขเว, เอส ปูชาสกฺกาโร มยฺหํ เนว พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อตีเต ปน อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวนา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๙๐.

‘‘มตฺตาสุขปริจฺจาคา, ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ;

จเช มตฺตาสุขํ ธีโร, สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุข’’นฺติ.

ตตฺถ มตฺตาสุขปริจฺจาคาติ มตฺตาสุขนฺติ ปมาณยุตฺตกํ ปริตฺตสุขํ วุจฺจติ, ตสฺส ปริจฺจาเคน. วิปุลํ สุขนฺติ อุฬารํ สุขํ นิพฺพานสุขํ วุจฺจติ, ตํ เจ ปสฺเสยฺยาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกฺหิ โภชนปาตึ สชฺชาเปตฺวา ภุฺชนฺตสฺส มตฺตาสุขํ นาม อุปฺปชฺชติ, ตํ ปน ปริจฺจชิตฺวา อุโปสถํ วา กโรนฺตสฺส ทานํ วา ททนฺตสฺส วิปุลํ อุฬารํ นิพฺพานสุขํ นาม นิพฺพตฺตติ. ตสฺมา สเจ เอวํ ตสฺส มตฺตาสุขสฺส ปริจฺจาคา วิปุลํ สุขํ ปสฺสติ, อเถตํ วิปุลํ สุขํ สมฺมา ปสฺสนฺโต ปณฺฑิโต ตํ มตฺตาสุขํ จเชยฺยาติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อตฺตโนปุพฺพกมฺมวตฺถุ ปมํ.

๒. กุกฺกุฏอณฺฑขาทิกาวตฺถุ

ปรทุกฺขูปธาเนนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุกฺกุฏอณฺฑขาทิกํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร ปณฺฑุรํ นาม เอโก คาโม, ตตฺเถโก เกวฏฺโฏ วสติ. โส สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต อจิรวติยํ กจฺฉปอณฺฑานิ ทิสฺวา ตานิ อาทาย สาวตฺถึ คนฺตฺวา เอกสฺมึ เคเห ปจาเปตฺวา ขาทนฺโต ตสฺมึ เคเห กุมาริกายปิ เอกํ อณฺฑํ อทาสิ. สา ตํ ขาทิตฺวา ตโต ปฏฺาย อฺํ ขาทนียํ นาม น อิจฺฉิ. อถสฺสา มาตา กุกฺกุฏิยา วิชาตฏฺานโต เอกํ อณฺฑํ คเหตฺวา อทาสิ. สา ตํ ขาทิตฺวา รสตณฺหาย พทฺธา ตโต ปฏฺาย สยเมว กุกฺกุฏิยา อณฺฑานิ คเหตฺวา ขาทติ. กุกฺกุฏี วิชาตวิชาตกาเล ตํ อตฺตโน อณฺฑานิ คเหตฺวา ขาทนฺตึ ทิสฺวา ตาย อุปทฺทุตา อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘อิโต ทานิ จุตา ยกฺขินี หุตฺวา ตว ชาตทารเก ขาทิตุํ สมตฺถา หุตฺวา นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว เคเห มชฺชารี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตราปิ กาลํ กตฺวา ตตฺเถว กุกฺกุฏี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. กุกฺกุฏี อณฺฑานิ วิชายิ, มชฺชารี อาคนฺตฺวา ตานิ ขาทิตฺวา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ขาทิเยว. กุกฺกุฏี ‘‘ตโย วาเร มม อณฺฑานิ ขาทิตฺวา อิทานิ มมฺปิ ขาทิตุกามาสิ, อิโต จุตา สปุตฺตกํ ตํ ขาทิตุํ ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ตโต จุตา ทีปินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิตราปิ กาลํ กตฺวา มิคี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา วิชาตกาเล ทีปินี อาคนฺตฺวา ตํ สทฺธึ ปุตฺเตหิ ขาทิ. เอวํ ขาทนฺตา ปฺจสุ อตฺตภาวสเตสุ อฺมฺสฺส ทุกฺขํ อุปฺปาเทตฺวา อวสาเน เอกา ยกฺขินี หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เอกา สาวตฺถิยํ กุลธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อิโต ปรํ ‘‘น หิ เวเรน เวรานี’’ติ (ธ. ป. ๕) คาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธ ปน สตฺถา ‘‘เวรฺหิ อเวเรน อุปสมฺมติ, โน เวเรนา’’ติ วตฺวา อุภินฺนมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๙๑.

‘‘ปรทุกฺขูปธาเนน, อตฺตโน สุขมิจฺฉติ;

เวรสํสคฺคสํสฏฺโ, เวรา โส น ปริมุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ปรทุกฺขูปธาเนนาติ ปรสฺมึ ทุกฺขูปธาเนน, ปรสฺส ทุกฺขุปฺปาทเนนาติ อตฺโถ. เวรสํสคฺคสํสฏฺโติ โย ปุคฺคโล อกฺโกสนปจฺจกฺโกสนปหรณปฏิหรณาทีนํ วเสน อฺมฺํ กเตน เวรสํสคฺเคน สํสฏฺโ. เวรา โส น ปริมุจฺจตีติ นิจฺจกาลํ เวรวเสน ทุกฺขเมว ปาปุณาตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ยกฺขินี สรเณสุ ปติฏฺาย ปฺจ สีลานิ สมาทิยิตฺวา เวรโต มุจฺจิ, อิตราปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

กุกฺกุฏอณฺฑขาทิกาวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ภทฺทิยภิกฺขุวตฺถุ

ยฺหิ กิจฺจนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ภทฺทิยํ นิสฺสาย ชาติยาวเน วิหรนฺโต ภทฺทิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร ปาทุกมณฺฑเน อุยฺยุตฺตา อเหสุํ. ยถาห – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภทฺทิยา ภิกฺขู อเนกวิหิตํ ปาทุกมณฺฑนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, ติณปาทุกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, มุฺชปาทุกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, ปพฺพชปาทุกํ หินฺตาลปาทุกํ กมลปาทุกํ กมฺพลปาทุกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, ริฺจนฺติ อุทฺเทสํ ปริปุจฺฉํ อธิสีลํ อธิจิตฺตํ อธิปฺ’’นฺติ (มหาว. ๒๕๑). ภิกฺขู เตสํ ตถากรณภาวํ ชานิตฺวา อุชฺฌายิตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา เต ภิกฺขู ครหิตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห อฺเน กิจฺเจน อาคตา อฺสฺมึเยว กิจฺเจ อุยฺยุตฺตา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๒๙๒.

‘‘ยฺหิ กิจฺจํ อปวิทฺธํ, อกิจฺจํ ปน กรียติ;

อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ, เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา.

๒๙๓.

‘‘เยสฺจ สุสมารทฺธา, นิจฺจํ กายคตา สติ;

อกิจฺจํ เต น เสวนฺติ, กิจฺเจ สาตจฺจการิโน;

สตานํ สมฺปชานานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา’’ติ.

ตตฺถ ยฺหิ กิจฺจนฺติ ภิกฺขุโน หิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนํ อรฺาวาโส ธุตงฺคปริหรณํ ภาวนารามตาติ เอวมาทีนิ กิจฺจํ นาม. อิเมหิ ปน ยํ อตฺตโน กิจฺจํ, ตํ อปวิทฺธํ ฉฑฺฑิตํ. อกิจฺจนฺติ ภิกฺขุโน ฉตฺตมณฺฑนํ อุปาหนมณฺฑนํ ปาทุกปตฺตถาลกธมฺมกรณกายพนฺธนอํสพทฺธกมณฺฑนํ อกิจฺจํ นาม. เยหิ ตํ กยิรติ, เตสํ มานนฬํ อุกฺขิปิตฺวา จรเณน อุนฺนฬานํ สติโวสฺสคฺเคน ปมตฺตานํ จตฺตาโร อาสวา วฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ. สุสมารทฺธาติ สุปคฺคหิตา. กายคตา สตีติ กายานุปสฺสนาภาวนา. อกิจฺจนฺติ เต เอตํ ฉตฺตมณฺฑนาทิกํ อกิจฺจํ น เสวนฺติ น กโรนฺตีติ อตฺโถ. กิจฺเจติ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย กตฺตพฺเพ อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนาทิเก กรณีเย. สาตจฺจการิโนติ สตตการิโน อฏฺิตการิโน. เตสํ สติยา อวิปฺปวาเสน สตานํ สาตฺถกสมฺปชฺํ สปฺปายสมฺปชฺํ โคจรสมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ จตูหิ สมฺปชฺเหิ สมฺปชานานํ จตฺตาโรปิ อาสวา อตฺถํ คจฺฉนฺติ, ปริกฺขยํ อภาวํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ภทฺทิยวตฺถุ ตติยํ.

๔. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ

มาตรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ สมฺพหุลา อาคนฺตุกา ภิกฺขู สตฺถารํ ทิวาฏฺาเน นิสินฺนํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ตสฺมึ ขเณ ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถโร ภควโต อวิทูเร อติกฺกมติ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตาจารํ ตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, อยํ ภิกฺขุ มาตาปิตโร หนฺตฺวา นิทฺทุกฺโข หุตฺวา ยาตี’’ติ วตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ ‘‘กึ นุ โข สตฺถา วทตี’’ติ อฺมฺํ มุขานิ โอโลเกตฺวา สํสยปกฺขนฺเทหิ, ‘‘ภนฺเต, กึ นาเมตํ วเทถา’’ติ วุตฺเต เตสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๙๔.

‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา, ราชาโน ทฺเว จ ขตฺติเย;

รฏฺํ สานุจรํ หนฺตฺวา, อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ’’ติ.

ตตฺถ สานุจรนฺติ อายสาธเกน อายุตฺตเกน สหิตํ. เอตฺถ หิ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริส’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๕๕-๕๗) วจนโต ตีสุ ภเวสุ สตฺตานํ ชนนโต ตณฺหา มาตา นาม. ‘‘อหํ อสุกสฺส นาม รฺโ วา ราชมหามตฺตสฺส วา ปุตฺโต’’ติ ปิตรํ นิสฺสาย อสฺมิมานสฺส อุปฺปชฺชนโต อสฺมิมาโน ปิตา นาม. โลโก วิย ราชานํ ยสฺมา สพฺพทิฏฺิคตานิ ทฺเว สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ภชนฺติ, ตสฺมา ทฺเว สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ทฺเว ขตฺติยราชาโน นาม. ทฺวาทสายตนานิ วิตฺถตฏฺเน รฏฺทิสตฺตา รฏฺํ นาม. อายสาธโก อายุตฺตกปุริโส วิย ตนฺนิสฺสิโต นนฺทิราโค อนุจโร นาม. อนีโฆติ นิทฺทุกฺโข. พฺราหฺมโณติ ขีณาสโว. เอเตสํ ตณฺหาทีนํ อรหตฺตมคฺคาณาสินา หตตฺตา ขีณาสโว นิทฺทุกฺโข หุตฺวา ยาตีติ อยเมตฺถตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.

ทุติยคาถายปิ วตฺถุ ปุริมสทิสเมว. ตทา หิ สตฺถา ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรเมว อารพฺภ กเถสิ. เตสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๙๕.

‘‘มาตรํ ปิตรํ หนฺตฺวา, ราชาโน ทฺเว จ โสตฺถิเย;

เวยคฺฆปฺจมํ หนฺตฺวา, อนีโฆ ยาติ พฺราหฺมโณ’’ติ.

ตตฺถ ทฺเว จ โสตฺถิเยติ ทฺเว จ พฺราหฺมเณ. อิมิสฺสา คาถาย สตฺถา อตฺตโน ธมฺมิสฺสรตาย จ เทสนาวิธิกุสลตาย จ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ทฺเว พฺราหฺมณราชาโน จ กตฺวา กเถสิ. เวยคฺฆปฺจมนฺติ เอตฺถ พฺยคฺฆานุจริโต สปฺปฏิภโย ทุปฺปฏิปนฺโน มคฺโค เวยคฺโฆ นาม, วิจิกิจฺฉานีวรณมฺปิ เตน สทิสตาย เวยคฺฆํ นาม, ตํ ปฺจมํ อสฺสาติ นีวรณปฺจกํ เวยคฺฆปฺจมํ นาม. อิทฺจ เวยคฺฆปฺจมํ อรหตฺตมคฺคาณาสินา นิสฺเสสํ หนฺตฺวา อนีโฆว ยาติ พฺราหฺมโณติ อยเมตฺถตฺโถ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.

ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. ทารุสากฏิกปุตฺตวตฺถุ

สุปฺปพุทฺธนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ทารุสากฏิกสฺส ปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

ราชคหสฺมิฺหิ สมฺมาทิฏฺิกปุตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิกปุตฺโตติ ทฺเว ทารกา อภิกฺขณํ คุฬกีฬํ กีฬนฺติ. เตสุ สมฺมาทิฏฺิกปุตฺโต คุฬํ ขิปมาโน พุทฺธานุสฺสตึ อาวชฺเชตฺวา ‘‘นโม พุทฺธสฺสา’’ติ วตฺวา วตฺวา คุฬํ ขิปติ. อิตโร ติตฺถิยคุเณ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘นโม อรหนฺตาน’’นฺติ วตฺวา วตฺวา ขิปติ. เตสุ สมฺมาทิฏฺิกสฺส ปุตฺโต ชินาติ, อิตโร ปน ปราชยติ. โส ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เอวํ อนุสฺสริตฺวา เอวํ วตฺวา คุฬํ ขิปนฺโต มมํ ชินาติ, อหมฺปิ เอวรูปํ กริสฺสามี’’ติ พุทฺธานุสฺสติยํ ปริจยมกาสิ. อเถกทิวสํ ตสฺส ปิตา สกฏํ โยเชตฺวา ทารูนํ อตฺถาย คจฺฉนฺโต ตมฺปิ ทารกํ อาทาย คนฺตฺวา อฏวิยํ ทารูนํ สกฏํ ปูเรตฺวา อาคจฺฉนฺโต พหินคเร สุสานสามนฺเต อุทกผาสุกฏฺาเน โคเณ โมเจตฺวา ภตฺตวิสฺสคฺคมกาสิ. อถสฺส เต โคณา สายนฺหสมเย นครํ ปวิสนฺเตน โคคเณน สทฺธึ นครเมว ปวิสึสุ. สากฏิโกปิ โคเณ อนุพนฺธนฺโต นครํ ปวิสิตฺวา สายํ โคเณ ทิสฺวา อาทาย นิกฺขมนฺโต ทฺวารํ น สมฺปาปุณิ. ตสฺมิฺหิ อสมฺปตฺเตเยว ทฺวารํ ปิหิตํ.

อถสฺส ปุตฺโต เอกโกว รตฺติภาเค สกฏสฺส เหฏฺา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. ราชคหํ ปน ปกติยาปิ อมนุสฺสพหุลํ. อยฺจ สุสานสนฺติเก นิปนฺโน. ตตฺถ นํ ทฺเว อมนุสฺสา ปสฺสึสุ. เอโก สาสนสฺส ปฏิกณฺฑโก มิจฺฉาทิฏฺิโก, เอโก สมฺมาทิฏฺิโก. เตสุ มิจฺฉาทิฏฺิโก อาห – ‘‘อยํ โน ภกฺโข, อิมํ ขาทิสฺสามา’’ติ. อิตโร ‘‘อลํ มา เต รุจฺจี’’ติ นิวาเรติ. โส เตน นิวาริยมาโนปิ ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ทารกํ ปาเทสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิ. โส พุทฺธานุสฺสติยา ปริจิตตฺตา ตสฺมึ ขเณ ‘‘นโม พุทฺธสฺสา’’ติ อาห. อมนุสฺโส มหาภยภีโต ปฏิกฺกมิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ อิตโร ‘‘อมฺเหหิ อกิจฺจํ กตํ, ทณฺฑกมฺมํ ตสฺส กโรมา’’ติ วตฺวา ตํ รกฺขมาโน อฏฺาสิ. มิจฺฉาทิฏฺิโก นครํ ปวิสิตฺวา รฺโ โภชนปาตึ ปูเรตฺวา โภชนํ อาหริ. อถ นํ อุโภปิ ตสฺส มาตาปิตโร วิย หุตฺวา อุปฏฺาเปตฺวา โภเชตฺวา ‘‘อิมานิ อกฺขรานิ ราชาว ปสฺสตุ, มา อฺโ’’ติ ตํ ปวตฺตึ ปกาเสนฺตา ยกฺขานุภาเวน โภชนปาติยํ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา ปาตึ ทารุสกเฏ ปกฺขิปิตฺวา สพฺพรตฺตึ อารกฺขํ กตฺวา ปกฺกมึสุ.

ปุนทิวเส ‘‘ราชกุลโต โจเรหิ โภชนภณฺฑํ อวหฏ’’นฺติ โกลาหลํ กโรนฺตา ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา โอโลเกนฺตา ตตฺถ อปสฺสนฺตา นครา นิกฺขมิตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตา ทารุสกเฏ สุวณฺณปาตึ ทิสฺวา ‘‘อยํ โจโร’’ติ ตํ ทารกํ คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา อกฺขรานิ ทิสฺวา ‘‘กึ เอตํ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นาหํ, เทว, ชานามิ, มาตาปิตโร เม อาคนฺตฺวา รตฺตึ โภเชตฺวา รกฺขมานา อฏฺํสุ, อหมฺปิ มาตาปิตโร มํ รกฺขนฺตีติ นิพฺภโยว นิทฺทํ อุปคโต. เอตฺตกํ อหํ ชานามี’’ติ. อถสฺส มาตาปิตโรปิ ตํ านํ อาคมํสุ. ราชา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา เต ตโยปิ ชเน อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ อาโรเจตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, พุทฺธานุสฺสติ เอว รกฺขา โหติ, อุทาหุ ธมฺมานุสฺสติอาทโยปี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา, ‘‘มหาราช, น เกวลํ พุทฺธานุสฺสติเยว รกฺขา, เยสํ ปน ฉพฺพิเธน จิตฺตํ สุภาวิตํ, เตสํ อฺเน รกฺขาวรเณน วา มนฺโตสเธหิ วา กิจฺจํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ฉ านานิ ทสฺเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ.

๒๙๖.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ พุทฺธคตา สติ.

๒๙๗.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ ธมฺมคตา สติ.

๒๙๘.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ สงฺฆคตา สติ.

๒๙๙.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, นิจฺจํ กายคตา สติ.

๓๐๐.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, อหึสาย รโต มโน.

๓๐๑.

‘‘สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา;

เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ, ภาวนาย รโต มโน’’ติ.

ตตฺถ สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺตีติ พุทฺธคตํ สตึ คเหตฺวา สุปนฺตา, คเหตฺวาเยว จ ปพุชฺฌนฺตา สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ นาม. สทา โคตมสาวกาติ โคตมโคตฺตสฺส พุทฺธสฺส สวนนฺเต ชาตตฺตา ตสฺเสว อนุสาสนิยา สวนตาย โคตมสาวกา. พุทฺธคตา สตีติ เยสํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทิปฺปเภเท พุทฺธคุเณ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา สติ นิจฺจกาลํ อตฺถิ, เต สทาปิ สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺตีติ อตฺโถ. ตถา อสกฺโกนฺตา ปน เอกทิวสํ ตีสุ กาเลสุ ทฺวีสุ กาเลสุ เอกสฺมิมฺปิ กาเล พุทฺธานุสฺสตึ มนสิ กโรนฺตา สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติเยว นาม. ธมฺมคตา สตีติ ‘‘สฺวาขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติอาทิปฺปเภเท ธมฺมคุเณ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา สติ. สงฺฆคตา สตีติ ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทิปฺปเภเท สงฺฆคุเณ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานา สติ. กายคตา สตีติ ทฺวตฺตึสาการวเสน วา นวสิวถิกาวเสน วา จตุธาตุววตฺถานวเสน วา อชฺฌตฺตนีลกสิณาทิรูปชฺฌานวเสน วา อุปฺปชฺชมานา สติ. อหึสาย รโตติ ‘‘โส กรุณาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ (วิภ. ๖๔๒) เอวํ วุตฺตาย กรุณาภาวนาย รโต. ภาวนายาติ เมตฺตาภาวนาย. กิฺจาปิ เหฏฺา กรุณาภาวนาย วุตฺตตฺตา อิธ สพฺพาปิ อวเสสา ภาวนา นาม, อิธ ปน เมตฺตาภาวนาว อธิปฺเปตา. เสสํ ปมคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

เทสนาวสาเน ทารโก สทฺธึ มาตาปิตูหิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ปจฺฉา ปน ปพฺพชิตฺวา สพฺเพปิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ทารุสากฏิกปุตฺตวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. วชฺชิปุตฺตกภิกฺขุวตฺถุ

ทุปฺปพฺพชฺชนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลึ นิสฺสาย มหาวเน วิหรนฺโต อฺตรํ วชฺชิปุตฺตกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – อฺตโร วชฺชิปุตฺตโก ภิกฺขุ เวสาลิยํ วิหรติ อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ, เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยํ สพฺพรตฺติฉโณ โหติ. อถ โข โส ภิกฺขุ เวสาลิยา ตูริยตาฬิตวาทิตนิคฺโฆสสทฺทํ สุตฺวา ปริเทวมาโน ตายํ เวลายํ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘เอกกา มยํ อรฺเ วิหราม,

อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;

เอตาทิสิกาย รตฺติยา,

โกสุ นามมฺเหหิ ปาปิโย’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๒๙);

โส กิร วชฺชิรฏฺเ ราชปุตฺโต วาเรน สมฺปตฺตํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต เวสาลิยํ จาตุมหาราชิเกหิ สทฺธึ เอกาพทฺธํ กตฺวา สกลนคเร ธชปฏากาทีหิ ปฏิมณฺฑิเต โกมุทิยา ปุณฺณมาย สพฺพรตฺตึ ฉณวาเร วตฺตมาเน เภริยาทีนํ ตูริยานํ ตาฬิตานํ นิคฺโฆสํ วีณาทีนฺจ วาทิตานํ สทฺทํ สุตฺวา ยานิ เวสาลิยํ สตฺต ราชสหสฺสานิ สตฺต ราชสตานิ สตฺต ราชาโน, ตตฺตกา เอว จ เนสํ อุปราชเสนาปติอาทโย, เตสุ อลงฺกตปฏิยตฺเตสุ นกฺขตฺตกีฬนตฺถาย วีถึ โอติณฺเณสุ สฏฺิหตฺเถ มหาจงฺกเม จงฺกมมาโน คคนมชฺเฌ ิตํ ปุณฺณจนฺทํ ทิสฺวา จงฺกมโกฏิยํ ผลกํ นิสฺสาย ิโต เวนาลงฺการวิรหิตตฺตา วเน ฉฑฺฑิตทารุกํ วิย อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข อฺโ อมฺเหหิ ลามกตโร’’ติ จินฺเตนฺโต ปกติยา อารฺกาทิคุณยุตฺโตปิ ตสฺมึ ขเณ อนภิรติยา ปีฬิโต เอวมาห. โส ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถาย เทวตาย ‘‘อิมํ ภิกฺขุํ สํเวเชสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน –

‘‘เอกโกว ตฺวํ อรฺเ วิหรสิ, อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;

ตสฺส เต พหุกา ปิหยนฺติ, เนรยิกา วิย สคฺคคามิน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๒๙) –

วุตฺตํ อิมํ คาถํ สุตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ฆราวาสสฺส ทุกฺขตํ ปกาเสตุกาโม ปฺจ ทุกฺขานิ สโมธาเนตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐๒.

‘‘ทุปฺปพฺพชฺชํ ทุรภิรมํ, ทุราวาสา ฆรา ทุขา;

ทุกฺโขสมานสํวาโส, ทุกฺขานุปติตทฺธคู;

ตสฺมา น จทฺธคู สิยา, น จ ทุกฺขานุปติโต สิยา’’ติ.

ตตฺถ ทุปฺปพฺพชฺชนฺติ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธฺเจว าติปริวฏฺฏฺจ ปหาย อิมสฺมึ สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชฺชํ นาม ทุกฺขํ. ทุรภิรมนฺติ เอวํ ปพฺพชิเตนาปิ ภิกฺขาจริยาย ชีวิตวุตฺตึ ฆเฏนฺเตน อปริมาณสีลกฺขนฺธโคปนธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติปูรณวเสน อภิรมิตุํ ทุกฺขํ. ทุราวาสาติ ยสฺมา ปน ฆรํ อาวสนฺเตน ราชูนํ ราชกิจฺจํ, อิสฺสรานํ อิสฺสรกิจฺจํ วหิตพฺพํ, ปริชนา เจว ธมฺมิกา สมณพฺราหฺมณา จ สงฺคหิตพฺพา. เอวํ สนฺเตปิ ฆราวาโส ฉิทฺทฆโฏ วิย มหาสมุทฺโท วิย จ ทุปฺปูโร. ตสฺมา ฆราวาสา นาเมเต ทุราวาสา ทุกฺขา อาวสิตุํ, เตเนว การเณน ทุกฺขาติ อตฺโถ. ทุกฺโข สมานสํวาโสติ คิหิโน วา หิ เย ชาติโคตฺตกุลโภเคหิ ปพฺพชิตา วา สีลาจารพาหุสจฺจาทีหิ สมานาปิ หุตฺวา ‘‘โกสิ ตฺวํ, โกสฺมิ อห’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อธิกรณปสุตา โหนฺติ, เต อสมานา นาม, เตหิ สทฺธึ สํวาโส ทุกฺโขติ อตฺโถ. ทุกฺขานุปติตทฺธคูติ เย วฏฺฏสงฺขาตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺนตฺตา อทฺธคู, เต ทุกฺเข อนุปติตาว. ตสฺมา น จทฺธคูติ ยสฺมา ทุกฺขานุปติตภาโวปิ ทุกฺโข อทฺธคูภาโวปิ, ตสฺมา วฏฺฏสงฺขาตํ อทฺธานํ คมนตาย อทฺธคู น ภเวยฺย, วุตฺตปฺปกาเรน ทุกฺเขน อนุปติโตปิ น ภเวยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ ปฺจสุ าเนสุ ทสฺสิเต ทุกฺเข นิพฺพินฺทนฺโต ปฺโจรมฺภาคิยานิ ปฺจ อุทฺธมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปทาเลตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหีติ.

วชฺชิปุตฺตกภิกฺขุวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. จิตฺตคหปติวตฺถุ

สทฺโธติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จิตฺตคหปตึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ พาลวคฺเค ‘‘อสนฺตํ ภาวนมิจฺเฉยฺยา’’ติ คาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตํ. คาถาปิ ตตฺเถว วุตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๗๔) –

‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เอตสฺส ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺเสวายํ ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชติ, อุทาหุ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘อานนฺท, มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺสาปิ อฺตฺถ คจฺฉนฺตสฺสาปิ ตสฺส อุปฺปชฺชเตว. อยฺหิ อุปาสโก สทฺโธ ปสนฺโน สมฺปนฺนสีโล, เอวรูโป ปุคฺคโล ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถวสฺส ลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺตตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐๓.

‘‘สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโสโภคสมปฺปิโต;

ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๗๔);

ตตฺถ สทฺโธติ โลกิยโลกุตฺตรสทฺธาย สมนฺนาคโต. สีเลนาติ อาคาริยสีลํ, อนาคาริยสีลนฺติ ทุวิธํ สีลํ. เตสุ อิธ อาคาริยสีลํ อธิปฺเปตํ, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ยโสโภคสมปฺปิโตติ ยาทิโส อนาถปิณฺฑิกาทีนํ ปฺจอุปาสกสตปริวารสงฺขาโต อาคาริยยโส, ตาทิเสเนว ยเสน ธนธฺาทิโก เจว สตฺตวิธอริยธนสงฺขาโต จาติ ทุวิโธ โภโค, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ยํ ยํ ปเทสนฺติ ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุ เอวรูโป กุลปุตฺโต ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺถ เอวรูเปน ลาภสกฺกาเรน ปูชิโตว โหตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

จิตฺตคหปติวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. จูฬสุภทฺทาวตฺถุ

ทูเร สนฺโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส ธีตรํ จูฬสุภทฺทํ นาม อารพฺภ กเถสิ.

อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร ทหรกาลโต ปฏฺาย อุคฺคนครวาสี อุคฺโค นาม เสฏฺิปุตฺโต สหายโก อโหสิ. เต เอกาจริยกุเล สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺตา อฺมฺํ กติกํ กรึสุ ‘‘อมฺหากํ วยปฺปตฺตกาเล ปุตฺตธีตาสุ ชาตาสุ โย ปุตฺตสฺส ธีตรํ วาเรติ, เตน ตสฺส ธีตา ทาตพฺพา’’ติ. เต อุโภปิ วยปฺปตฺตา อตฺตโน อตฺตโน นคเร เสฏฺิฏฺาเน ปติฏฺหึสุ. อเถกสฺมึ สมเย อุคฺคเสฏฺิ วณิชฺชํ ปโยเชนฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ สาวตฺถึ อคมาสิ. อนาถปิณฺฑิโก อตฺตโน ธีตรํ จูฬสุภทฺทํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, ปิตา เต อุคฺคเสฏฺิ นาม อาคโต, ตสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ สพฺพํ ตว ภาโร’’ติ อาณาเปสิ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตสฺส อาคตทิวสโต ปฏฺาย สหตฺเถเนว สูปพฺยฺชนาทีนิ สมฺปาเทติ, มาลาคนฺธวิเลปนาทีนิ อภิสงฺขโรติ, โภชนกาเล ตสฺส นฺหาโนทกํ ปฏิยาทาเปตฺวา นฺหานกาลโต ปฏฺาย สพฺพกิจฺจานิ สาธุกํ กโรติ.

อุคฺคเสฏฺิ ตสฺสา อาจารสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต เอกทิวสํ อนาถปิณฺฑิเกน สทฺธึ สุขกถาย สนฺนิสินฺโน ‘‘มยํ ทหรกาเล เอวํ นาม กติกํ กริมฺหา’’ติ สาเรตฺวา จูฬสุภทฺทํ อตฺตโน ปุตฺตสฺสตฺถาย วาเรสิ. โส ปน ปกติยาว มิจฺฉาทิฏฺิโก. ตสฺมา ทสพลสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา สตฺถารา อุคฺคเสฏฺิสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อนุฺาโต ภริยาย สทฺธึ มนฺเตตฺวา ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ทิวสํ ววตฺถเปตฺวา ธีตรํ วิสาขํ ทตฺวา อุยฺโยเชนฺโต ธนฺจยเสฏฺิ วิย มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา สุภทฺทํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, สสุรกุเล วสนฺติยา นาม อนฺโตอคฺคิ พหิ น นีหริตพฺโพ’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๕๙; ธ. ป. อฏฺ. ๑.๕๒ วิสาขาวตฺถุ) ธนฺจยเสฏฺินา วิสาขาย ทินฺนนเยเนว ทส โอวาเท ทตฺวา ‘‘สเจ เม คตฏฺาเน ธีตุ โทโส อุปฺปชฺชติ, ตุมฺเหหิ โสเธตพฺโพ’’ติ อฏฺ กุฏุมฺพิเก ปาฏิโภเค คเหตฺวา ตสฺสา อุยฺโยชนทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ปุริมภเว ธีตรา กตานํ สุจริตานํ ผลวิภูตึ โลกสฺส ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต วิย มหนฺเตน สกฺกาเรน ธีตรํ อุยฺโยเชสิ. ตสฺสา อนุปุพฺเพน อุคฺคนครํ ปตฺตกาเล สสุรกุเลน สทฺธึ มหาชโน ปจฺจุคฺคมนมกาสิ.

สาปิ อตฺตโน สิริวิภวํ ปากฏํ กาตุํ วิสาขา วิย สกลนครสฺส อตฺตานํ ทสฺเสนฺตี รเถ ตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา นาคเรหิ เปสิเต ปณฺณากาเร คเหตฺวา อนุรูปวเสน เตสํ เตสํ เปเสนฺตี สกลนครํ อตฺตโน คุเณหิ เอกาพทฺธมกาสิ. มงฺคลทิวสาทีสุ ปนสฺสา สสุโร อเจลกานํ สกฺการํ กโรนฺโต ‘‘อาคนฺตฺวา อมฺหากํ สมเณ วนฺทตู’’ติ เปเสสิ. สา ลชฺชาย นคฺเค ปสฺสิตุํ อสกฺโกนฺตี คนฺตุํ น อิจฺฉติ. โส ปุนปฺปุนํ เปเสตฺวาปิ ตาย ปฏิกฺขิตฺโต กุชฺฌิตฺวา ‘‘นีหรถ น’’นฺติ อาห. สา ‘‘น สกฺกา มม อการเณน โทสํ อาโรเปตุ’’นฺติ กุฏุมฺพิเก ปกฺโกสาเปตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เต ตสฺสา นิทฺโทสภาวํ ตฺวา เสฏฺึ สฺาเปสุํ. โส ‘‘อยํ มม สมเณ อหิริกาติ น วนฺที’’ติ ภริยาย อาโรเจสิ. สา ‘‘กีทิสา นุ โข อิมิสฺสา สมณา, อติวิย เตสํ ปสํสตี’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห –

‘‘กีทิสา สมณา ตุยฺหํ, พาฬฺหํ โข เน ปสํสสิ;

กึสีลา กึสมาจารา, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิตา’’ติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๒๔);

อถสฺสา สุภทฺทา พุทฺธานฺเจว พุทฺธสาวกานฺจ คุเณ ปกาเสนฺตี –

‘‘สนฺตินฺทฺริยา สนฺตมานสา, สนฺตํ เตสํ คตํ ิตํ;

โอกฺขิตฺตจกฺขู มิตภาณี, ตาทิสา สมณา มม. (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๒๔);

‘‘กายกมฺมํ สุจิ เนสํ, วาจากมฺมํ อนาวิลํ;

มโนกมฺมํ สุวิสุทฺธํ, ตาทิสา สมณา มม.

‘‘วิมลา สงฺขมุตฺตาภา, สุทฺธา อนฺตรพาหิรา;

ปุณฺณา สุทฺเธหิ ธมฺเมหิ, ตาทิสา สมณา มม.

‘‘ลาเภน อุนฺนโต โลโก, อลาเภน จ โอนโต;

ลาภาลาเภน เอกฏฺา, ตาทิสา สมณา มม.

‘‘ยเสน อุนฺนโต โลโก, อยเสน จ โอนโต;

ยสายเสน เอกฏฺา, ตาทิสา สมณา มม.

‘‘ปสํสายุนฺนโต โลโก, นินฺทายาปิ จ โอนโต;

สมา นินฺทาปสํสาสุ, ตาทิสา สมณา มม.

‘‘สุเขน อุนฺนโต โลโก, ทุกฺเขนาปิ จ โอนโต;

อกมฺปา สุขทุกฺเขสุ, ตาทิสา สมณา มมา’’ติ. –

เอวมาทีหิ วจเนหิ สสฺสุํ โตเสสิ.

อถ นํ ‘‘สกฺกา ตว สมเณ อมฺหากมฺปิ ทสฺเสตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สกฺกา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ยถา มยํ เต ปสฺสาม, ตถา กโรหี’’ติ วุตฺเต สา ‘‘สาธู’’ติ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ สชฺเชตฺวา อุปริปาสาทตเล ตฺวา เชตวนาภิมุขี สกฺกจฺจํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา คนฺธวาสปุปฺผธุเมหิ ปูชํ กตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตมิ, อิมินา เม สฺาเณน สตฺถา นิมนฺติตภาวํ ชานาตู’’ติ สุมนปุปฺผานํ อฏฺ มุฏฺิโย อากาเส ขิปิ. ปุปฺผานิ คนฺตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สตฺถุโน อุปริ มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ อนาถปิณฺฑิโกปิ ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺวาตนาย สตฺถารํ นิมนฺเตสิ. สตฺถา ‘‘อธิวุตฺถํ มยา, คหปติ, สฺวาตนาย ภตฺต’’นฺติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยา ปุเรตรํ อาคโต นตฺถิ, กสฺส นุ โข โว อธิวุตฺถ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘จูฬสุภทฺทาย, คหปติ, นิมนฺติโต’’ติ วตฺวา ‘‘นนุ, ภนฺเต, จูฬสุภทฺทา ทูเร วสติ อิโต วีสติโยชนสตมตฺถเก’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม คหปติ, ทูเร วสนฺตาปิ หิ สปฺปุริสา อภิมุเข ิตา วิย ปกาเสนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐๔.

‘‘ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ, หิมวนฺโตว ปพฺพโต;

อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติ.

ตตฺถ สนฺโตติ ราคาทีนํ สนฺตตาย พุทฺธาทโย สนฺตา นาม. อิธ ปน ปุพฺพพุทฺเธสุ กตาธิการา อุสฺสนฺนกุสลมูลา ภาวิตภาวนา สตฺตา สนฺโตติ อธิปฺเปตา. ปกาเสนฺตีติ ทูเร ิตาปิ พุทฺธานํ าณปถํ อาคจฺฉนฺตา ปากฏา โหนฺติ. หิมวนฺโต วาติ ยถา หิ ติโยชนสหสฺสวิตฺถโต ปฺจโยชนสตุพฺเพโธ จตุราสีติยา กูฏสหสฺเสหิ ปฏิมณฺฑิโต หิมวนฺตปพฺพโต ทูเร ิตานมฺปิ อภิมุเข ิโต วิย ปกาเสติ, เอวํ ปกาเสนฺตีติ อตฺโถ. อสนฺเตตฺถาติ ทิฏฺธมฺมครุกา วิติณฺณปรโลกา อามิสจกฺขุกา ชีวิกตฺถาย ปพฺพชิตา พาลปุคฺคลา อสนฺโต นาม, เต เอตฺถ พุทฺธานํ ทกฺขิณสฺส ชาณุมณฺฑลสฺส สนฺติเก นิสินฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ น ปฺายนฺติ. รตฺตึ ขิตฺตาติ รตฺตึ จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร ขิตฺตสรา วิย ตถารูปสฺส อุปนิสฺสยภูตสฺส ปุพฺพเหตุโน อภาเวน น ปฺายนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สกฺโก เทวราชา ‘‘สตฺถารา สุภทฺทาย นิมนฺตนํ อธิวาสิต’’นฺติ ตฺวา วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อาณาเปสิ – ‘‘ปฺจ กูฏาคารสตานิ นิมฺมินิตฺวา สฺเว พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อุคฺคนครํ เนหี’’ติ. โส ปุนทิวเส ปฺจสตานิ กูฏาคารานิ นิมฺมินิตฺวา เชตวนทฺวาเร อฏฺาสิ. สตฺถา อุจฺจินิตฺวา วิสุทฺธขีณาสวานํเยว ปฺจสตานิ อาทาย สปริวาโร กูฏาคาเรสุ นิสีทิตฺวา อุคฺคนครํ อคมาสิ. อุคฺคเสฏฺิปิ สปริวาโร สุภทฺทาย ทินฺนนเยเนว ตถาคตสฺส อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺโต สตฺถารํ มหนฺเตน สิริวิภเวน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มาลาทีหิ มหนฺตํ สกฺการํ กโรนฺโต สปริวาโร สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วนฺทิตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ปุนปฺปุนํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ อทาสิ. สตฺถาปิสฺส สปฺปายํ สลฺลกฺเขตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ อาทึ กตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สตฺถา ‘‘จูฬสุภทฺทาย อนุคฺคหณตฺถํ ตฺวํ อิเธว โหหี’’ติ อนุรุทฺธตฺเถรํ นิวตฺตาเปตฺวา สาวตฺถิเมว อคมาสิ. ตโต ปฏฺาย ตํ นครํ สทฺธาสมฺปนฺนํ อโหสีติ.

จูฬสุภทฺทาวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. เอกวิหาริตฺเถรวตฺถุ

เอกาสนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกวิหาริตฺเถรํ นาม อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เถโร เอกโกว เสยฺยํ กปฺเปติ, เอกโกว นิสีทติ, เอกโกว จงฺกมติ, เอกโกว ติฏฺตีติ จตุปริสนฺตเร ปากโฏ อโหสิ. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘ภนฺเต, เอวรูโป นามายํ เถโร’’ติ ตถาคตสฺสาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘ภิกฺขุนา นาม ปวิวิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วิเวเก อานิสํสํ กเถตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐๕.

‘‘เอกาสนํ เอกเสยฺยํ, เอโก จรมตนฺทิโต;

เอโก ทมยมตฺตานํ, วนนฺเต รมิโต สิยา’’ติ.

ตตฺถ เอกาสนํ เอกเสยฺยนฺติ ภิกฺขุสหสฺสมชฺเฌปิ มูลกมฺมฏฺานํ อวิชหิตฺวา เตเนว มนสิกาเรน นิสินฺนสฺส อาสนํ เอกาสนํ นาม. โลหปาสาทสทิเสปิ จ ปาสาเท ภิกฺขุสหสฺสมชฺเฌปิ ปฺตฺเต วิจิตฺรปจฺจตฺถรณูปธาเน มหารเห สยเน สตึ อุปฏฺเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน มูลกมฺมฏฺานมนสิกาเรน นิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน เสยฺยา เอกเสยฺยา นาม. เอวรูปํ เอกาสนฺจ เอกเสยฺยฺจ ภเชถาติ อตฺโถ. อตนฺทิโตติ ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ชีวิตกปฺปเนน อกุสีโต หุตฺวา สพฺพีริยาปเถสุ เอกโกว จรนฺโตติ อตฺโถ. เอโก ทมยนฺติ รตฺติฏฺานาทีสุ กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชิตฺวา มคฺคผลาธิคมวเสน เอโกว หุตฺวา อตฺตานํ ทเมนฺโตติ อตฺโถ. วนนฺเต รมิโต สิยาติ เอวํ อตฺตานํ ทเมนฺโต อิตฺถิปุริสสทฺทาทีหิ ปวิวิตฺเต วนนฺเตเยว อภิรมิโต ภเวยฺย. น หิ สกฺกา อากิณฺณวิหารินา เอวํ อตฺตานํ ทเมตุนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ตโต ปฏฺาย มหาชโน เอกวิหาริกเมว ปตฺเถสีติ.

เอกวิหาริตฺเถรวตฺถุ นวมํ.

ปกิณฺณกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกวีสติโม วคฺโค.

๒๒. นิรยวคฺโค

๑. สุนฺทรีปริพฺพาชิกาวตฺถุ

อภูตวาทีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุนฺทรึ ปริพฺพาชิกํ อารพฺภ กเถสิ.

‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต’’ติ วตฺถุ วิตฺถารโต อุทาเน (อุทา. ๓๘) อาคตเมว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – ภควโต กิร ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปฺจนฺนํ มหานทีนํ มโหฆสทิเส ลาภสกฺกาเร อุปฺปนฺเน หตลาภสกฺการา อฺติตฺถิยา สูริยุคฺคมนกาเล ขชฺโชปนกา วิย นิปฺปภา หุตฺวา เอกโต สนฺนิปติตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย หตลาภสกฺการา, น โน โกจิ อตฺถิภาวมฺปิ ชานาติ, เกน นุ โข สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการมสฺส อนฺตรธาเปยฺยามา’’ติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘สุนฺทริยา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สกฺกุณิสฺสามา’’ติ. เต เอกทิวสํ สุนฺทรึ ติตฺถิยารามํ ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา ิตํ นาลปึสุ. สา ปุนปฺปุนํ สลฺลปนฺตีปิ ปฏิวจนํ อลภิตฺวา ‘‘อปิ ปนยฺยา, เกนจิ วิเหิตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ, ภคินิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหเตฺวา หตลาภสกฺกาเร กตฺวา วิจรนฺตํ น ปสฺสสี’’ติ? ‘‘มยา เอตฺถ กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ตฺวํ โขสิ, ภคินิ, อภิรูปา โสภคฺคปฺปตฺตา, สมณสฺส โคตมสฺส อยสํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ ตว กถํ คาหาเปตฺวา หตลาภสกฺการํ กโรหี’’ติ. สา ตํ สุตฺวา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปกฺกนฺตา ตโต ปฏฺาย มาลาคนฺธวิเลปนกปฺปูรกฏุกผลาทีนิ คเหตฺวา สายํ มหาชนสฺส สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นครํ ปวิสนกาเล เชตวนาภิมุขี คจฺฉติ, ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามิ, อหฺหิ เตน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสามี’’ติ วตฺวา อฺตรสฺมึ ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว เชตวนมคฺคํ โอตริตฺวา นคราภิมุขี อาคจฺฉนฺตี ‘‘กึ, สุนฺทริ, กหํ คตาสี’’ติ ปุฏฺา ‘‘สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ตํ กิเลสรติยา รมาเปตฺวา อาคตามฺหี’’ติ วทติ.

อถ เต กติปาหจฺจเยน ธุตฺตานํ กหาปเณ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ สุนฺทรึ มาเรตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส คนฺธกุฏิยา สมีเป มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา เอถา’’ติ วทึสุ. เต ตถา อกํสุ. ตโต ติตฺถิยา ‘‘สุนฺทรึ น ปสฺสามา’’ติ โกลาหลํ กตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘กหํ โว อาสงฺกา’’ติ วุตฺตา ‘‘อิเมสุ ทิวเสสุ เชตวเน วสติ, ตตฺถสฺสา ปวตฺตึ น ชานามา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นํ วิจินถา’’ติ รฺา อนุฺาตา อตฺตโน อุปฏฺาเก คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา วิจินนฺตา มาลากจวรนฺตเร ตํ ทิสฺวา มฺจกํ อาโรเปตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ‘สตฺถารา กตํ ปาปกมฺมํ ปฏิจฺฉาเทสฺสามา’ติ สุนฺทรึ มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปึสู’’ติ รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นครํ อาหิณฺฑถา’’ติ อาห. เต นครวีถีสุ ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปุน รฺโ นิเวสนทฺวารํ อาคมึสุ. ราชา สุนฺทริยา สรีรํ อามกสุสาเน อฏฺฏกํ อาโรเปตฺวา รกฺขาเปสิ. สาวตฺถิวาสิโน เปตฺวา อริยสาวเก เสสา เยภุยฺเยน ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อนฺโตนคเรปิ พหินคเรปิ ภิกฺขู อกฺโกสนฺตา วิจรนฺติ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘เตน หิ ตุมฺเหปิ เต มนุสฺเส เอวํ ปฏิโจเทถา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐๖.

‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปติ,

โย วาปิ กตฺวา น กโรมิจาห;

อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ,

นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ.

ตตฺถ อภูตวาทีติ ปรสฺส โทสํ อทิสฺวาว มุสาวาทํ กตฺวา ตุจฺเฉน ปรํ อพฺภาจิกฺขนฺโต. กตฺวาติ โย วา ปน ปาปกมฺมํ กตฺวา ‘‘นาหํ เอตํ กโรมี’’ติ อาห. เปจฺจ สมา ภวนฺตีติ เต อุโภปิ ชนา ปรโลกํ คนฺตฺวา นิรยํ อุปคมเนน คติยา สมา ภวนฺติ. คติเยว เนสํ ปริจฺฉินฺนา, อายุ ปน เนสํ น ปริจฺฉินฺนํ. พหุกฺหิ ปาปกมฺมํ กตฺวา จิรํ นิรเย ปจฺจนฺติ, ปริตฺตํ กตฺวา อปฺปมตฺตกเมว กาลํ. ยสฺมา ปน เนสํ อุภินฺนมฺปิ ลามกเมว กมฺมํ, เตน วุตฺตํ – ‘‘นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ. ปรตฺถาติ อิมสฺส ปน ปทสฺส ปุรโต เปจฺจปเทน สมฺพนฺโธ. เปจฺจ ปรตฺถ อิโต คนฺตฺวา เต นิหีนกมฺมา ปรโลเก สมา ภวนฺตีติ อตฺโถ. เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ราชา ‘‘สุนฺทริยา อฺเหิ มาริตภาวํ ชานาถา’’ติ ปุริเส อุยฺโยเชสิ. อถ เต ธุตฺตา เตหิ กหาปเณหิ สุรํ ปิวนฺตา อฺมฺํ กลหํ กรึสุ. เอโก เอกํ อาห – ‘‘ตฺวํ สุนฺทรึ เอกปฺปหาเรเนว มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา ตโต ลทฺธกหาปเณหิ สุรํ ปิวสิ, โหตุ โหตู’’ติ. ราชปุริสา เต ธุตฺเต คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. อถ เน ราชา ‘‘ตุมฺเหหิ สา มาริตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกหิ มาราปิตา’’ติ? ‘‘อฺติตฺถิเยหิ, เทวา’’ติ. ราชา ติตฺถิเย ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ. เต ตเถว วทึสุ. เตน หิ คจฺฉถ ตุมฺเห เอวํ วทนฺตา นครํ อาหิณฺฑถ – ‘‘อยํ สุนฺทรี สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อาโรเปตุกาเมหิ อมฺเหหิ มาราปิตา, เนว สมณสฺส โคตมสฺส, น สาวกานํ โทโส อตฺถิ, อมฺหากเมว โทโส’’ติ. เต ตถา กรึสุ. พาลมหาชโน ตทา สทฺทหิ, ติตฺถิยาปิ ธุตฺตาปิ ปุริสวธทณฺฑํ ปาปุณึสุ. ตโต ปฏฺาย พุทฺธานํ สกฺกาโร มหา อโหสีติ.

สุนฺทรีปริพฺพาชิกาวตฺถุ ปมํ.

๒. ทุจฺจริตผลปีฬิตวตฺถุ

กาสาวกณฺาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ทุจฺจริตผลานุภาเวน ปีฬิเต สตฺเต อารพฺภ กเถสิ.

อายสฺมา หิ โมคฺคลฺลาโน ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกูฏา โอโรหนฺโต อฏฺิสงฺขลิกเปตาทีนํ อตฺตภาเว ทิสฺวา สิตํ กโรนฺโต ลกฺขณตฺเถเรน สิตการณํ ปุฏฺโ ‘‘อกาโล, อาวุโส, อิมสฺส ปฺหสฺส, ตถาคตสฺส สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ตถาคตสฺส สนฺติเก เถเรน ปุฏฺโ อฏฺิสงฺขลิกเปตาทีนํ ทิฏฺภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิธาหํ, อาวุโส, คิชฺฌกูฏา ปพฺพตา โอโรหนฺโต อทฺทสํ ภิกฺขุํ เวหาสํ คจฺฉนฺตํ, ตสฺส สงฺฆาฏิปิ อาทิตฺตา สมฺปชฺชลิตา สโชติภูตา…เป… กาโยปิ อาทิตฺโต’’ติอาทินา (ปารา. ๒๓๐; สํ. นิ. ๒.๒๑๘) นเยน สทฺธึ ปตฺตจีวรกายพนฺธนาทีหิ ฑยฺหมาเน ปฺจ สหธมฺมิเก อาโรเจสิ. สตฺถา เตสํ กสฺสปทสพลสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปพฺพชฺชาย อนุรูปํ กาตุํ อสกฺโกนฺตานํ ปาปภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ตสฺมึ ขเณ ตตฺถ นิสินฺนานํ พหูนํ ปาปภิกฺขูนํ ทุจฺจริตกมฺมสฺส วิปากํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๓๐๗.

‘‘กาสาวกณฺา พหโว, ปาปธมฺมา อสฺตา;

ปาปา ปาเปหิ กมฺเมหิ, นิรยํ เต อุปปชฺชเร’’ติ.

ตตฺถ กาสาวกณฺาติ กาสาเวน ปลิเวิตกณฺา. ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมา. อสฺตาติ กายาทิสํยมรหิตา, ตถารูปา ปาปปุคฺคลา อตฺตนา กเตหิ อกุสลกมฺเมหิ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ, เต ตตฺถ ปจฺจิตฺวา ตโต จุตา วิปากาวเสเสน เปเตสุปิ เอวํ ปจฺจนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ทุจฺจริตผลปีฬิตวตฺถุ ทุติยํ.

๓. วคฺคุมุทาตีริยภิกฺขุวตฺถุ

เสยฺโย อโยคุโฬติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลึ อุปนิสฺสาย มหาวเน วิหรนฺโต วคฺคุมุทาตีริเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปาราชิเก (ปารา. ๑๙๓ อาทโย) อาคตเมว.

ตทา หิ สตฺถา เต ภิกฺขู ‘‘กึ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อุทรสฺสตฺถาย คิหีนํ อฺมฺสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสิตฺถา’’ติ วตฺวา เตหิ ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต เต ภิกฺขู อเนกปริยาเยน ครหิตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐๘.

‘‘เสยฺโย อโยคุโฬ ภุตฺโต, ตตฺโต อคฺคิสิขูปโม;

ยฺเจ ภุฺเชยฺย ทุสฺสีโล, รฏฺปิณฺฑมสฺโต’’ติ.

ตตฺถ ยฺเจ ภุฺเชยฺยาติ ยํ ทุสฺสีโล นิสฺสีลปุคฺคโล กายาทีหิ อสฺโต รฏฺวาสีหิ สทฺธาย ทินฺนํ รฏฺปิณฺฑํ ‘‘สมโณมฺหี’’ติ ปฏิชานนฺโต คเหตฺวา ภุฺเชยฺย, ตตฺโต อาทิตฺโต อคฺคิวณฺโณ อโยคุโฬว ภุตฺโต เสยฺโย สุนฺทรตโร. กึ การณา? ตปฺปจฺจยา หิ เอโกว อตฺตภาโว ฌาเยยฺย, ทุสฺสีโล ปน สทฺธาเทยฺยํ ภุฺชิตฺวา อเนกานิปิ ชาติสตานิ นิรเย ปจฺเจยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

วคฺคุมุทาตีริยภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.

๔. เขมกเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ

จตฺตาริ านานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส ภาคิเนยฺยํ เขมกํ นาม เสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร อภิรูโป อโหสิ, เยภุยฺเยน อิตฺถิโย ตํ ทิสฺวา ราคาภิภูตา สกภาเวน สณฺาตุํ นาสกฺขึสุ. โสปิ ปรทารกมฺมาภิรโตว อโหสิ. อถ นํ รตฺตึ ราชปุริสา คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา มหาเสฏฺิสฺส ลชฺชามีติ ตํ กิฺจิ อวตฺวา วิสฺสชฺชาเปสิ. โส ปน เนว วิรมิ. อถ นํ ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ราชปุริสา คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา วิสฺสชฺชาเปสิเยว. มหาเสฏฺิ, ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺส ธมฺมํ เทเสถา’’ติ อาห. สตฺถา ตสฺส สํเวคกถํ วตฺวา ปรทารเสวนาย โทสํ ทสฺเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๐๙.

‘‘จตฺตาริ านานิ นโร ปมตฺโต,

อาปชฺชติ ปรทารูปเสวี;

อปุฺลาภํ น นิกามเสยฺยํ,

นินฺทํ ตตียํ นิรยํ จตุตฺถํ.

๓๑๐.

‘‘อปุฺลาโภ จ คตี จ ปาปิกา,

ภีตสฺส ภีตาย รตี จ โถกิกา;

ราชา จ ทณฺฑํ ครุกํ ปเณติ,

ตสฺมา นโร ปรทารํ น เสเว’’ติ.

ตตฺถ านานีติ ทุกฺขการณานิ. ปมตฺโตติ สติโวสฺสคฺเคน สมนฺนาคโต. อาปชฺชตีติ ปาปุณาติ. ปรทารูปเสวีติ ปรทารํ อุปเสวนฺโต อุปฺปถจารี. อปุฺลาภนฺติ อกุสลลาภํ. น นิกามเสยฺยนฺติ ยถา อิจฺฉติ, เอวํ เสยฺยํ อลภิตฺวา อนิจฺฉิตํ ปริตฺตกเมว กาลํ เสยฺยํ ลภติ. อปุฺลาโภ จาติ เอวํ ตสฺส อยฺจ อปุฺลาโภ, เตน จ อปุฺเน นิรยสงฺขาตา ปาปิกา คติ โหติ. รตี จ โถกิกาติ ยา ตสฺส ภีตสฺส ภีตาย อิตฺถิยา สทฺธึ รติ, สาปิ โถกิกา ปริตฺตา โหติ. ครุกนฺติ ราชา จ หตฺถจฺเฉทาทิวเสน ครุกํ ทณฺฑํ ปเณติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปรทารํ เสวนฺโต เอตานิ อปุฺาทีนิ ปาปุณาติ, ตสฺมา ปรทารํ น เสเวยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เขมโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตโต ปฏฺาย มหาชโน สุขํ วีตินาเมสิ. กึ ปนสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? โส กิร กสฺสปพุทฺธกาเล อุตฺตมมลฺโล หุตฺวา ทฺเว สุวณฺณปฏากา ทสพลสฺส กฺจนถูเป อาโรเปตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ ‘‘เปตฺวา าติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา มํ ทิสฺวา รชฺชนฺตู’’ติ. อิทมสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ. เตน ตํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ทิสฺวา ปเรสํ อิตฺถิโย สกภาเวน สณฺาตุํ นาสกฺขึสูติ.

เขมกเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. ทุพฺพจภิกฺขุวตฺถุ

กุโส ยถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร ภิกฺขุ อสฺจิจฺจ เอกํ ติณํ ฉินฺทิตฺวา กุกฺกุจฺเจ อุปฺปนฺเน เอกํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส, โย ติณํ ฉินฺทติ, ตสฺส กึ โหตี’’ติ ตํ อตฺตนา กตภาวํ อาโรเจตฺวา ปุจฺฉิ. อถ นํ อิตโร ‘‘ตฺวํ ติณสฺส ฉินฺนการณา กิฺจิ โหตีติ สฺํ กโรสิ, น เอตฺถ กิฺจิ โหติ, เทเสตฺวา ปน มุจฺจตี’’ติ วตฺวา สยมฺปิ อุโภหิ หตฺเถหิ ติณํ ลุฺจิตฺวา อคฺคเหสิ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๑๑.

‘‘กุโส ยถา ทุคฺคหิโต, หตฺถเมวานุกนฺตติ;

สามฺํ ทุปฺปรามฏฺํ, นิรยายุปกฑฺฒติ.

๓๑๒.

‘‘ยํ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมํ, สํกิลิฏฺฺจ ยํ วตํ;

สงฺกสฺสรํ พฺรหฺมจริยํ, น ตํ โหติ มหปฺผลํ.

๓๑๓.

‘‘กยิรา เจ กยิราเถนํ, ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม;

สิถิโล หิ ปริพฺพาโช, ภิยฺโย อากิรเต รช’’นฺติ.

ตตฺถ กุโสติ ยํ กิฺจิ ติขิณธารํ ติณํ อนฺตมโส ตาลปณฺณมฺปิ, ยถา โส กุโส เยน ทุคฺคหิโต, ตสฺส หตฺถํ อนุกนฺตติ ผาเลติ, เอวเมว สมณธมฺมสงฺขาตํ สามฺมฺปิ ขณฺฑสีลาทิตาย ทุปฺปรามฏฺํ นิรยายุปกฑฺฒติ, นิรเย นิพฺพตฺตาเปตีติ อตฺโถ. สิถิลนฺติ โอลียิตฺวา กรเณน สิถิลคาหํ กตฺวา กตํ ยํกิฺจิ กมฺมํ. สํกิลิฏฺนฺติ เวสิยาทิเกสุ อโคจเรสุ จรเณน สํกิลิฏฺํ. สงฺกสฺสรนฺติ สงฺกาหิ สริตพฺพํ, อุโปสถกิจฺจาทีสุ อฺตรกิจฺเจน สนฺนิปติตมฺปิ สงฺฆํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อิเม มม จริยํ ตฺวา มํ อุกฺขิปิตุกามาว สนฺนิปติตา’’ติ เอวํ อตฺตโน อาสงฺกาหิ สริตํ อุสฺสงฺกิตํ ปริสงฺกิตํ. น ตํ โหตีติ ตํ เอวรูปํ สมณธมฺมสงฺขาตํ พฺรหฺมจริยํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส มหปฺผลํ น โหติ, ตสฺส มหปฺผลาภาเวเนว ภิกฺขทายกานมฺปิสฺส น มหปฺผลํ โหตีติ อตฺโถ. กยิรา เจติ ตสฺมา ยํ กมฺมํ กเรยฺย, ตํ กเรยฺยาเถว. ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเมติ ถิรกตเมว กตฺวา อวตฺตสมาทาโน หุตฺวา เอนํ กยิรา. ปริพฺพาโชติ สิถิลภาเวน กโต ขณฺฑาทิภาวปฺปตฺโต สมณธมฺโม. ภิยฺโย อากิรเต รชนฺติ อพฺภนฺตเร วิชฺชมานํ ราครชาทึ เอวรูโป สมณธมฺโม อปเนตุํ น สกฺโกติ, อถ โข ตสฺส อุปริ อปรมฺปิ ราครชาทึ อากิรตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, โสปิ ภิกฺขุ สํวเร ตฺวา ปจฺฉา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณีติ.

ทุพฺพจภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. อิสฺสาปกติตฺถิวตฺถุ

อกตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อิสฺสาปกตํ อิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺสา กิร สามิโก เอกาย เคหทาสิยา สทฺธึ สนฺถวํ อกาสิ. สา อิสฺสาปกตา ตํ ทาสึ หตฺถปาเทสุ พนฺธิตฺวา ตสฺสา กณฺณนาสํ ฉินฺทิตฺวา เอกสฺมึ คุฬฺหคพฺเภ ปกฺขิปิตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา ตสฺส กมฺมสฺส อตฺตนา กตภาวํ ปฏิจฺฉาเทตุํ ‘‘เอหิ, อยฺย, วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติ สามิกํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตี นิสีทิ. อถสฺสา อาคนฺตุกาตกา เคหํ อาคนฺตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ทาสึ โมจยึสุ. สา วิหารํ คนฺตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ิตา ตมตฺถํ ทสพลสฺส อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ทุจฺจริตํ นาม ‘อิทํ เม อฺเ น ชานนฺตี’ติ อปฺปมตฺตกมฺปิ น กาตพฺพํ, อฺสฺมึ อชานนฺเตปิ สุจริตเมว กาตพฺพํ. ปฏิจฺฉาเทตฺวา กตมฺปิ หิ ทุจฺจริตํ นาม ปจฺฉานุตาปํ กโรติ, สุจริตํ ปาโมชฺชเมว ชเนตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๑๔.

‘‘อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย, ปจฺฉา ตปฺปติ ทุกฺกฏํ;

กตฺจ สุกตํ เสยฺโย, ยํ กตฺวา นานุตปฺปตี’’ติ.

ตตฺถ ทุกฺกฏนฺติ สาวชฺชํ อปายสํวตฺตนิกํ กมฺมํ อกตเมว เสยฺโย วรํ อุตฺตมํ. ปจฺฉา ตปฺปตีติ ตฺหิ อนุสฺสริตานุสฺสริตกาเล ตปฺปติเยว. สุกตนฺติ อนวชฺชํ ปน สุขทายกํ สุคติสํวตฺตนิกเมว กมฺมํ กตํ เสยฺโย. ยํ กตฺวาติ ยํ กมฺมํ กตฺวา ปจฺฉา อนุสฺสรณกาเล น ตปฺปติ นานุตปฺปติ, โสมนสฺสชาโตว โหติ, ตํ กมฺมํ วรนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน อุปาสโก จ สา จ อิตฺถี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตฺจ ปน ทาสึ ตตฺเถว ภุชิสฺสํ กตฺวา ธมฺมจารินึ กรึสูติ.

อิสฺสาปกติตฺถิวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ

นครํ ยถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล อาคนฺตุเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร เอกสฺมึ ปจฺจนฺเต วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปมมาเส สุขํ วิหรึสุ. มชฺฌิมมาเส โจรา อาคนฺตฺวา เตสํ โคจรคามํ ปหริตฺวา กรมเร คเหตฺวา อคมํสุ. ตโต ปฏฺาย มนุสฺสา โจรานํ ปฏิพาหนตฺถาย ตํ ปจฺจนฺตนครํ อภิสงฺขโรนฺตา เต ภิกฺขู สกฺกจฺจํ อุปฏฺาตุํ โอกาสํ น ลภึสุ. เต อผาสุกํ วสฺสํ วสิตฺวา วุตฺถวสฺสา สตฺถุ ทสฺสนาย สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กึ, ภิกฺขเว, สุขํ วสิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ ปมมาสเมว สุขํ วสิมฺหา, มชฺฌิมมาเส โจรา คามํ ปหรึสุ, ตโต ปฏฺาย มนุสฺสา นครํ อภิสงฺขโรนฺตา สกฺกจฺจํ อุปฏฺาตุํ โอกาสํ น ลภึสุ. ตสฺมา อผาสุกํ วสฺสํ วสิมฺหา’’ติ วุตฺเต ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา จินฺตยิตฺถ, ผาสุวิหาโร นาม นิจฺจกาลํ ทุลฺลโภ, ภิกฺขุนา นาม ยถา เต มนุสฺสา นครํ โคปยึสุ, เอวํ อตฺตภาวเมว โคปยิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๑๕.

‘‘นครํ ยถา ปจฺจนฺตํ, คุตฺตํ สนฺตรพาหิรํ;

เอวํ โคเปถ อตฺตานํ, ขโณ โว มา อุปจฺจคา;

ขณาตีตา หิ โสจนฺติ, นิรยมฺหิ สมปฺปิตา’’ติ.

ตตฺถ สนฺตรพาหิรนฺติ, ภิกฺขเว, ยถา เตหิ มนุสฺเสหิ ตํ ปจฺจนฺตนครํ ทฺวารปาการาทีนิ ถิรานิ กโรนฺเตหิ สอนฺตรํ, อฏฺฏาลกปริขาทีนิ ถิรานิ กโรนฺเตหิ สพาหิรนฺติ สนฺตรพาหิรํ สุคุตฺตํ กตํ, เอวํ ตุมฺเหปิ สตึ อุปฏฺเปตฺวา อชฺฌตฺติกานิ ฉ ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา ทฺวารรกฺขิกํ สตึ อวิสฺสชฺเชตฺวา ยถา คยฺหมานานิ พาหิรานิ ฉ อายตนานิ อชฺฌตฺติกานํ อุปฆาตาย สํวตฺตนฺติ, ตถา อคฺคหเณน ตานิปิ ถิรานิ กตฺวา เตสํ อปฺปเวสาย ทฺวารรกฺขิกํ สตึ อปฺปหาย วิจรนฺตา อตฺตานํ โคเปถาติ อตฺโถ. ขโณ โว มา อุปจฺจคาติ โย หิ เอวํ อตฺตานํ น โคเปติ, ตํ ปุคฺคลํ อยํ พุทฺธุปฺปาทขโณ มชฺฌิมเทเส อุปฺปตฺติขโณ สมฺมาทิฏฺิยา ปฏิลทฺธขโณ ฉนฺนํ อายตนานํ อเวกลฺลขโณติ สพฺโพปิ อยํ ขโณ อติกฺกมติ, โส ขโณ ตุมฺเห มา อติกฺกมตุ. ขณาตีตาติ เย หิ ตํ ขณํ อตีตา, เต จ ปุคฺคเล โส จ ขโณ อตีโต, เต นิรยมฺหิ สมปฺปิตา หุตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺติตฺวา โสจนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อุปฺปนฺนสํเวคา อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.

สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. นิคณฺวตฺถุ

อลชฺชิตาเยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต นิคณฺเ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ภิกฺขู นิคณฺเ ทิสฺวา กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, สพฺพโส อปฺปฏิจฺฉนฺเนหิ อเจลเกหิ อิเม นิคณฺา วรตรา, เย เอกํ ปุริมปสฺสมฺปิ ตาว ปฏิจฺฉาเทนฺติ, สหิริกา มฺเ เอเต’’ติ. ตํ สุตฺวา นิคณฺา ‘‘น มยํ เอเตน การเณน ปฏิจฺฉาเทม, ปํสุรชาทโย ปน ปุคฺคลา เอว, ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธา เอว, เต โน ภิกฺขาภาชเนสุ มา ปตึสูติ อิมินา การเณน ปฏิจฺฉาเทมา’’ติ วตฺวา เตหิ สทฺธึ วาทปฏิวาทวเสน พหุํ กถํ กเถสุํ. ภิกฺขู สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิสินฺนกาเล ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อลชฺชิตพฺเพน ลชฺชิตฺวา ลชฺชิตพฺเพน อลชฺชมานา นาม ทุคฺคติปรายณาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๑๖.

‘‘อลชฺชิตาเย ลชฺชนฺติ, ลชฺชิตาเย น ลชฺชเร;

มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ.

๓๑๗.

‘‘อภเย ภยทสฺสิโน, ภเย จาภยทสฺสิโน;

มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคติ’’นฺติ.

ตตฺถ อลชฺชิตาเยติ อลชฺชิตพฺเพน. ภิกฺขาภาชนฺหิ อลชฺชิตพฺพํ นาม, เต ปน ตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิจรนฺตา เตน ลชฺชนฺติ นาม. ลชฺชิตาเยติ อปฏิจฺฉนฺเนน หิริโกปีนงฺเคน ลชฺชิตพฺเพน. เต ปน ตํ อปฏิจฺฉาเทตฺวา วิจรนฺตา ลชฺชิตาเย น ลชฺชนฺติ นาม. เตน เตสํ อลชฺชิตพฺเพน ลชฺชิตํ ลชฺชิตพฺเพน อลชฺชิตํ ตุจฺฉคหณภาเวน จ อฺถาคหณภาเวน จ มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ. ตํ สมาทิยิตฺวา วิจรนฺตา ปน เต มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา สตฺตา นิรยาทิเภทํ ทุคฺคตึ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อภเยติ ภิกฺขาภาชนํ นิสฺสาย ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสทุจฺจริตภยานํ อนุปฺปชฺชนโต ภิกฺขาภาชนํ อภยํ นาม, ภเยน ตํ ปฏิจฺฉาเทนฺตา ปน อภเย ภยทสฺสิโน นาม. หิริโกปีนงฺคํ ปน นิสฺสาย ราคาทีนํ อุปฺปชฺชนโต ตํ ภยํ นาม, ตสฺส อปฏิจฺฉาทเนน ภเย จาภยทสฺสิโน. ตสฺส ตํ อยถาคหณสฺส สมาทินฺนตฺตา มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา สตฺตา ทุคฺคหึ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู นิคณฺา สํวิคฺคมานสา ปพฺพชึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

นิคณฺวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. ติตฺถิยสาวกวตฺถุ

อวชฺเชติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติตฺถิยสาวเก อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย อฺติตฺถิยสาวกา อตฺตโน ปุตฺเต สมฺมาทิฏฺิกานํ อุปาสกานํ ปุตฺเตหิ สทฺธึ สปริวาเร กีฬมาเน ทิสฺวา เคหํ อาคตกาเล ‘‘น โว สมณา สกฺยปุตฺติยา วนฺทิตพฺพา, นาปิ เตสํ วิหารํ ปวิสิตพฺพ’’นฺติ สปถํ การยึสุ. เต เอกทิวสํ เชตวนวิหารสฺส พหิทฺวารโกฏฺกสามนฺเต กีฬนฺตา ปิปาสิตา อเหสุํ. อเถกํ อุปาสกทารกํ ‘‘ตฺวํ เอตฺถ คนฺตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา อมฺหากมฺปิ อาหราหี’’ติ ปหิณึสุ. โส วิหารํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ตฺวเมว ปานียํ ปิวิตฺวา คนฺตฺวา อิตเรปิ ปานียปิวนตฺถาย อิเธว เปเสหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. เต อาคนฺตฺวา ปานียํ ปิวึสุ. สตฺถา เต ปกฺโกสาเปตฺวา เตสํ สปฺปายํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา เต อจลสทฺเธ กตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. เต สกานิ เคหานิ คนฺตฺวา ตมตฺถํ มาตาปิตูนํ อาโรเจสุํ. อถ เนสํ มาตาปิตโร ‘‘ปุตฺตกา โน วิปนฺนทิฏฺิกา ชาตา’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺตา ปริเทวึสุ. อถ เตสํ เฉกา สมฺพหุลา ปฏิวิสฺสกา มนุสฺสา อาคนฺตฺวา โทมนสฺสวูปสมนตฺถาย ธมฺมํ กถยึสุ. เต เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิเม ทารเก สมณสฺส โคตมสฺเสว นิยฺยาเทสฺสามา’’ติ มหนฺเตน าติคเณน สทฺธึ วิหารํ นยึสุ. สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๑๘.

‘‘อวชฺเช วชฺชมติโน, วชฺเช จาวชฺชทสฺสิโน;

มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ.

๓๑๙.

‘‘วชฺชฺจ วชฺชโต ตฺวา, อวชฺชฺจ อวชฺชโต;

สมฺมาทิฏฺิสมาทานา, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ.

ตตฺถ อวชฺเชติ ทสวตฺถุกาย สมฺมาทิฏฺิยา, ตสฺสา อุปนิสฺสยภูเต ธมฺเม จ. วชฺชมติโนติ วชฺชํ อิทนฺติ อุปฺปนฺนมติโน. ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฏฺิยา ปน ตสฺสา อุปนิสฺสยภูเต ธมฺเม จ อวชฺชทสฺสิโน, เอติสฺสา อวชฺชํ วชฺชโต วชฺชฺจ อวชฺชโต ตฺวา คหณสงฺขาตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมาทินฺนตฺตา มิจฺฉาทิฏฺิสมาทานา สตฺตา ทุคฺคตึ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ทุติยคาถาย วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺาย อปราปรํ ธมฺมํ สุณนฺตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.

ติตฺถิยสาวกวตฺถุ นวมํ.

นิรยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ทฺวาวีสติโม วคฺโค.

๒๓. นาควคฺโค

๑. อตฺตทนฺตวตฺถุ

อหํ นาโค วาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โกสมฺพิยํ วิหรนฺโต อตฺตานํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อปฺปมาทวคฺคสฺส อาทิคาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺเหตํ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวติวตฺถุ) –

มาคณฺฑิยา ตาสํ กิฺจิ กาตุํ อสกฺกุณิตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺเสว กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ นาครานํ ลฺชํ ทตฺวา ‘‘สมณํ โคตมํ อนฺโตนครํ ปวิสิตฺวา จรนฺตํ ทาสกมฺมกรโปริเสหิ สทฺธึ อกฺโกเสตฺวา ปริภาเสตฺวา ปลาเปถา’’ติ อาณาเปสิ. มิจฺฉาทิฏฺิกา ตีสุ รตเนสุ อปฺปสนฺนา อนฺโตนครํ ปวิฏฺํ สตฺถารํ อนุพนฺธิตฺวา ‘‘โจโรสิ พาโลสิ มูฬฺโหสิ เถโนสิ โอฏฺโสิ โคโณสิ คทฺรโภสิ เนรยิโกสิ ติรจฺฉานคโตสิ, นตฺถิ ตุยฺหํ สุคติ, ทุคฺคติเยว ตุยฺหํ ปาฏิกงฺขา’’ติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ. ตํ สุตฺวา อายสฺมา อานนฺโท สตฺถารํ เอตทโวจ – ‘‘ภนฺเต, อิเม นาครา อมฺเห อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ, อิโต อฺตฺถ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘กุหึ, อานนฺทา’’ติ? ‘‘อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถ มนุสฺเสสุ อกฺโกสนฺเตสุ ปริภาสนฺเตสุ ปุน กตฺถ คมิสฺสามานนฺทา’’ติ. ‘‘ตโตปิ อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตตฺถ มนุสฺเสสุ อกฺโกสนฺเตสุ ปริภาสนฺเตสุ กุหึ คมิสฺสามานนฺทา’’ติ. ‘‘ตโตปิ อฺํ นครํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อานนฺท, น เอวํ กาตุํ วฏฺฏติ, ยตฺถ อธิกรณํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺเถว ตสฺมึ วูปสนฺเต อฺตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏติ, เก ปน เต, อานนฺท, อกฺโกสนฺตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ทาสกมฺมกเร อุปาทาย สพฺเพ อกฺโกสนฺตี’’ติ. ‘‘อหํ, อานนฺท, สงฺคามํ โอติณฺณหตฺถิสทิโส. สงฺคามํ โอติณฺณหตฺถิโน หิ จตูหิ ทิสาหิ อาคเต สเร สหิตุํ ภาโร, ตเถว พหูหิ ทุสฺสีเลหิ กถิตกถานํ สหนํ นาม มยฺหํ ภาโร’’ติ วตฺวา อตฺตานํ อารพฺภ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๒๐.

‘‘อหํ นาโคว สงฺคาเม, จาปโต ปติตํ สรํ;

อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ, ทุสฺสีโล หิ พหุชฺชโน.

๓๒๑.

‘‘ทนฺตํ นยนฺติ สมิตึ, ทนฺตํ ราชาภิรูหติ;

ทนฺโต เสฏฺโ มนุสฺเสสุ, โยติวากฺยํ ติติกฺขติ.

๓๒๒.

‘‘วรมสฺสตรา ทนฺตา, อาชานียา จ สินฺธวา;

กุฺชรา จ มหานาคา, อตฺตทนฺโต ตโต วร’’นฺติ.

ตตฺถ นาโควาติ หตฺถี วิย. จาปโต ปติตนฺติ ธนุโต มุตฺตํ. อติวากฺยนฺติ อฏฺอนริยโวหารวเสน ปวตฺตํ วีติกฺกมวจนํ. ติติกฺขิสฺสนฺติ ยถา สงฺคามาวจโร สุทนฺโต มหานาโค ขโม สตฺติปหาราทีนิ จาปโต มุจฺจิตฺวา อตฺตนิ ปติเต สเร อวิหฺมาโน ติติกฺขติ, เอวเมว เอวรูปํ อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ, สหิสฺสามีติ อตฺโถ. ทุสฺสีโล หีติ อยฺหิ โลกิยมหาชโน พหุทุสฺสีโล อตฺตโน อตฺตโน รุจิวเสน วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา ฆฏฺเฏนฺโต จรติ, ตตฺถ อธิวาสนํ อชฺฌุเปกฺขนเมว มม ภาโร. สมิตินฺติ อุยฺยานกีฬมณฺฑลาทีสุ มหาชนมชฺฌํ คจฺฉนฺตา ทนฺตเมว โคณชาตึ วา อสฺสชาตึ วา ยาเน โยเชตฺวา นยนฺติ. ราชาติ ตถารูเปเหว วาหเนหิ คจฺฉนฺโต ราชาปิ ทนฺตเมว อภิรูหติ. มนุสฺเสสูติ มนุสฺเสสุปิ จตูหิ อริยมคฺเคหิ ทนฺโต นิพฺพิเสวโนว เสฏฺโ. โยติวากฺยนฺติ โย เอวรูปํ อติกฺกมวจนํ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานมฺปิ ติติกฺขติ น ปฏิปฺผรติ น วิหฺติ, เอวรูโป ทนฺโต เสฏฺโติ อตฺโถ.

อสฺสตราติ วฬวาย คทฺรเภน ชาตา. อาชานียาติ ยํ อสฺสทมสารถิ การณํ กาเรติ, ตสฺส ขิปฺปํ ชานนสมตฺถา. สินฺธวาติ สินฺธวรฏฺเ ชาตา อสฺสา. มหานาคาติ กุฺชรสงฺขาตา มหาหตฺถิโน. อตฺตทนฺโตติ เอเต อสฺสตรา จ สินฺธวา จ กุฺชรา จ ทนฺตาว วรํ, น อทนฺตา. โย ปน จตูหิ อริยมคฺเคหิ อตฺตโน ทนฺตตาย อตฺตทนฺโต นิพฺพิเสวโน, อยํ ตโตปิ วรํ, สพฺเพหิปิ เอเตหิ อุตฺตริตโรติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ลฺชํ คเหตฺวา วีถิสิงฺฆาฏกาทีสุ ตฺวา อกฺโกสนฺโต ปริภาสนฺโต สพฺโพปิ โส มหาชโน โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณีติ.

อตฺตทนฺตวตฺถุ ปมํ.

๒. หตฺถาจริยปุพฺพกภิกฺขุวตฺถุ

หิ เอเตหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ หตฺถาจริยปุพฺพกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เอกทิวสํ อจิรวตีนทีตีเร หตฺถิทมกํ ‘‘เอกํ หตฺถึ ทเมสฺสามี’’ติ อตฺตนา อิจฺฉิตํ การณํ สิกฺขาเปตุํ อสกฺโกนฺตํ ทิสฺวา สมีเป ิเต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส, สเจ อยํ หตฺถาจริโย อิมํ หตฺถึ อสุกฏฺาเน นาม วิชฺเฌยฺย, ขิปฺปเมว อิมํ การณํ สิกฺขาเปยฺยา’’ติ. โส ตสฺส กถํ สุตฺวา ตถา กตฺวา ตํ หตฺถึ สุทนฺตํ ทเมสิ. เต ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา เอวํ วุตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต วิครหิตฺวา ‘‘กึ เต, โมฆปุริส, หตฺถิยาเนน วา อฺเน วา ทนฺเตน. น หิ เอเตหิ ยาเนหิ อคตปุพฺพํ านํ คนฺตุํ สมตฺถา นาม อตฺถิ, อตฺตนา ปน สุทนฺเตน สกฺกา อคตปุพฺพํ านํ คนฺตุํ, ตสฺมา อตฺตานเมว ทเมหิ, กึ เต เอเตสํ ทมเนนา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๒๓.

‘‘น หิ เอเตหิ ยาเนหิ, คจฺเฉยฺย อคตํ ทิสํ;

ยถาตฺตนา สุทนฺเตน, ทนฺโต ทนฺเตน คจฺฉตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยานิ ตานิ หตฺถิยานาทีนิ ยานานิ, น หิ เอเตหิ ยาเนหิ โกจิ ปุคฺคโล สุปินนฺเตนปิ อคตปุพฺพตฺตา ‘‘อคต’’นฺติ สงฺขาตํ นิพฺพานทิสํ ตถา คจฺเฉยฺย, ยถา ปุพฺพภาเค อินฺทฺริยทเมน อปรภาเค อริยมคฺคภาวนาย สุทนฺเตน ทนฺโต นิพฺพิเสวโน สปฺปฺโ ปุคฺคโล ตํ อคตปุพฺพํ ทิสํ คจฺฉติ, ทนฺตภูมึ ปาปุณาติ. ตสฺมา อตฺตทมนเมว ตโต วรนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

หตฺถาจริยปุพฺพกภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.

๓. ปริชิณฺณพฺราหฺมณปุตฺตวตฺถุ

ธนปาโลติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต อฺตรสฺส ปริชิณฺณพฺราหฺมณสฺส ปุตฺเต อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิเรโก พฺราหฺมโณ อฏฺสตสหสฺสวิภโว วยปฺปตฺตานํ จตุนฺนํ ปุตฺตานํ อาวาหํ กตฺวา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ อทาสิ. อถสฺส พฺราหฺมณิยา กาลกตาย ปุตฺตา สมฺมนฺตยึสุ – ‘‘สเจ อยํ อฺํ พฺราหฺมณึ อาเนสฺสติ, ตสฺสา กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตานํ วเสน กุลสนฺตกํ ภิชฺชิสฺสติ, หนฺท นํ มยํ สงฺคณฺหิสฺสามา’’ติ เต ตํ ปณีเตหิ ฆาสจฺฉาทนาทีหิ อุปฏฺหนฺตา หตฺถปาทสมฺพาหนาทีนิ กโรนฺตา อุปฏฺหิตฺวา เอกทิวสมสฺส ทิวา นิทฺทายิตฺวา วุฏฺิตสฺส หตฺถปาเท สมฺพาหนฺตา ปาฏิเยกฺกํ ฆราวาเส อาทีนวํ วตฺวา ‘‘มยํ ตุมฺเห อิมินา นีหาเรน ยาวชีวํ อุปฏฺหิสฺสาม, เสสธนมฺปิ โน เทถา’’ติ ยาจึสุ. พฺราหฺมโณ ปุน เอเกกสฺส สตสหสฺสํ ทตฺวา อตฺตโน นิวตฺถปารุปนมตฺตํ เปตฺวา สพฺพํ อุปโภคปริโภคํ จตฺตาโร โกฏฺาเส กตฺวา นิยฺยาเทสิ. ตํ เชฏฺปุตฺโต กติปาหํ อุปฏฺหิ. อถ นํ เอกทิวสํ นฺหตฺวา อาคจฺฉนฺตํ ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา สุณฺหา เอวมาห – ‘‘กึ ตยา เชฏฺปุตฺตสฺส สตํ วา สหสฺสํ วา อติเรกํ ทินฺนํ อตฺถิ, นนุ สพฺเพสํ ทฺเว ทฺเว สตสหสฺสานิ ทินฺนานิ, กึ เสสปุตฺตานํ ฆรสฺส มคฺคํ น ชานาสี’’ติ. โสปิ ‘‘นสฺส วสลี’’ติ กุชฺฌิตฺวา อฺสฺส ฆรํ อคมาสิ. ตโตปิ กติปาหจฺจเยน อิมินาว อุปาเยน ปลาปิโต อฺสฺสาติ เอวํ เอกฆรมฺปิ ปเวสนํ อลภมาโน ปณฺฑรงฺคปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ภิกฺขาย จรนฺโต กาลานมจฺจเยน ชราชิณฺโณ ทุพฺโภชนทุกฺขเสยฺยาหิ มิลาตสรีโร ภิกฺขาย จรนฺโต อาคมฺม ปีิกาย นิปนฺโน นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺโน อตฺตานํ โอโลเกตฺวา ปุตฺเตสุ อตฺตโน ปติฏฺํ อปสฺสนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ กิร โคตโม อพฺภากุฏิโก อุตฺตานมุโข สุขสมฺภาโส ปฏิสนฺถารกุสโล, สกฺกา สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฏิสนฺถารํ ลภิตุ’’นฺติ. โส นิวาสนปารุปนํ สณฺาเปตฺวา ภิกฺขภาชนํ คเหตฺวา ทณฺฑมาทาย ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ (สํ. นิ. ๑.๒๐๐) –

อถ โข อฺตโร พฺราหฺมณมหาสาโล ลูโข ลูขปาวุรโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา เอกมนฺตํ นิสินฺเนน เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กินฺนุ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ลูโข ลูขปาวุรโณ’’ติ. อิธ เม, โภ โคตม, จตฺตาโร ปุตฺตา, เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ ฆรา นิกฺขาเมนฺตีติ. เตน หิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อิมา คาถาโย ปริยาปุณิตฺวา สภายํ มหาชนกาเย สนฺนิปติเต ปุตฺเตสุ จ สนฺนิสินฺเนสุ ภาสสฺสุ –

‘‘เยหิ ชาเตหิ นนฺทิสฺสํ, เยสฺจ ภวมิจฺฉิสํ;

เต มํ ทาเรหิ สํปุจฺฉ, สาว วาเรนฺติ สูกรํ.

‘‘อสนฺตา กิร มํ ชมฺมา, ตาต ตาตาติ ภาสเร;

รกฺขสา ปุตฺตรูเปน, เต ชหนฺติ วโยคตํ.

‘‘อสฺโสว ชิณฺโณ นิพฺโภโค, ขาทนา อปนียติ;

พาลกานํ ปิตา เถโร, ปราคาเรสุ ภิกฺขติ.

‘‘ทณฺโฑว กิร เม เสยฺโย, ยฺเจ ปุตฺตา อนสฺสวา;

จณฺฑมฺปิ โคณํ วาเรติ, อโถ จณฺฑมฺปิ กุกฺกุรํ.

‘‘อนฺธกาเร ปุเร โหติ, คมฺภีเร คาธเมธติ;

ทณฺฑสฺส อานุภาเวน, ขลิตฺวา ปติติฏฺตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๐๐);

โส ภควโต สนฺติเก ตา คาถาโย อุคฺคณฺหิตฺวา ตถารูเป พฺราหฺมณานํ สมาคมทิวเส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตสุ ปุตฺเตสุ ตํ สภํ โอคาหิตฺวา พฺราหฺมณานํ มชฺเฌ มหารเหสุ อาสเนสุ นิสินฺเนสุ ‘‘อยํ เม กาโล’’ติ สภาย มชฺเฌ ปวิสิตฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘อหํ, โภ, ตุมฺหากํ คาถาโย ภาสิตุกาโม, สุณิสฺสถา’’ติ วตฺวา ‘‘ภาสสฺสุ, พฺราหฺมณ, สุโณมา’’ติ วุตฺเต ิตโกว อภาสิ. เตน จ สมเยน มนุสฺสานํ วตฺตํ โหติ ‘‘โย มาตาปิตูนํ สนฺตกํ ขาทนฺโต มาตาปิตโร น โปเสติ, โส มาเรตพฺโพ’’ติ. ตสฺมา เต พฺราหฺมณปุตฺตา ปิตุ ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘ชีวิตํ โน, ตาต, เทถา’’ติ ยาจึสุ. โส ปิตุ หทยมุทุตาย ‘‘มา เม, โภ, ปุตฺตเก วินาสยิตฺถ, โปเสสฺสนฺติ ม’’นฺติ อาห. อถสฺส ปุตฺเต มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘สเจ, โภ, อชฺช ปฏฺาย ปิตรํ น สมฺมา ปฏิชคฺคิสฺสถ, ฆาเตสฺสาม โว’’ติ. เต ภีตา ปิตรํ ปีเ นิสีทาเปตฺวา สยํ อุกฺขิปิตฺวา เคหํ เนตฺวา สรีรํ เตเลน อพฺภฺชิตฺวา อุพฺพฏฺเฏตฺวา คนฺธจุณฺณาทีหิ นฺหาเปตฺวา พฺราหฺมณิโย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อชฺช ปฏฺาย อมฺหากํ ปิตรํ สมฺมา ปฏิชคฺคถ, สเจ ตุมฺเห ปมาทํ อาปชฺชิสฺสถ, นิคฺคณฺหิสฺสาม โว’’ติ วตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชสุํ.

พฺราหฺมโณ สุโภชนฺจ สุขเสยฺยฺจ อาคมฺม กติปาหจฺจเยน สฺชาตพโล ปีณินฺทฺริโย อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ เม สมฺปตฺติ สมณํ โคตมํ นิสฺสาย ลทฺธา’’ติ ปณฺณาการตฺถาย เอกํ ทุสฺสยุคํ อาทาย ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสินฺโน ตํ ทุสฺสยุคํ ภควโต ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นาม อาจริยสฺส อาจริยธนํ ปริเยสาม, ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภวํ โคตโม อาจริโย อาจริยธน’’นฺติ อาห. ภควา ตสฺส อนุกมฺปาย ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน พฺราหฺมโณ สรเณสุ ปติฏฺาย เอวมาห – ‘‘โภ โคตม, มยฺหํ ปุตฺเตหิ จตฺตาริ ธุวภตฺตานิ ทินฺนานิ, ตโต อหํ ทฺเว ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กลฺยาณํ, พฺราหฺมณ, มยํ ปน รุจฺจนฏฺานเมว คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. พฺราหฺมโณ ฆรํ คนฺตฺวา ปุตฺเต อาห – ‘‘ตาตา, สมโณ โคตโม มยฺหํ สหาโย, ตสฺส เม ทฺเว ธุวภตฺตานิ ทินฺนานิ, ตุมฺเห ตสฺมึ สมฺปตฺเต มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ.

สตฺถา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย จรนฺโต เชฏฺปุตฺตสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. โส สตฺถารํ ทิสฺวา ปตฺตมาทาย ฆรํ ปเวเสตฺวา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา ปณีตโภชนมทาสิ. สตฺถา ปุนทิวเส อิตรสฺส อิตรสฺสาติ ปฏิปาฏิยา สพฺเพสํ ฆรานิ อคมาสิ. สพฺเพ เต ตเถว สกฺการํ อกํสุ. เอกทิวสํ เชฏฺปุตฺโต มงฺคเล ปจฺจุปฏฺิเต ปิตรํ อาห – ‘‘ตาต, กสฺส มงฺคลํ เทมา’’ติ? ‘‘นาหํ อฺเ ชานามิ, สมโณ โคตโม มยฺหํ สหาโย’’ติ. ‘‘เตน หิ ตํ สฺวาตนาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ นิมนฺเตถา’’ติ. พฺราหฺมโณ ตถา อกาสิ. สตฺถา ปุนทิวเส สปริวาโร ตสฺส เคหํ อคมาสิ. โส หริตุปลิตฺเต สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต เคเห พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา อปฺโปทกมธุปายเสน เจว ปณีเตน ขาทนีเยน จ ปริวิสิ. อนฺตราภตฺตสฺมึเยว พฺราหฺมณสฺส จตฺตาโร ปุตฺตา สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวา อาหํสุ – ‘‘โภ โคตม, มยํ อมฺหากํ ปิตรํ ปฏิชคฺคาม น ปมชฺชาม, ปสฺสถิมสฺส อตฺตภาว’’นฺติ.

สตฺถา ‘‘กลฺยาณํ โว กตํ, มาตาปิตุโปสนํ นาม โปราณกปณฺฑิตานํ อาจิณฺณเมวา’’ติ วตฺวา ‘‘ตสฺส นาคสฺส วิปฺปวาเสน, วิรูฬฺหา สลฺลกี จ กุฏชา จา’’ติ อิมํ เอกาทสนิปาเต มาตุโปสกนาคราชชาตกํ (จริยา. ๒.๑ อาทโย; ชา. ๑.๑๑.๑ อาทโย) วิตฺถาเรน กเถตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –

๓๒๔.

‘‘ธนปาโล นาม กุฺชโร,

กฏุกเภทโน ทุนฺนิวารโย;

พทฺโธ กพฬํ น ภุฺชติ,

สุมรติ นาควนสฺส กุฺชโร’’ติ.

ตตฺถ ธนปาโล นามาติ ตทา กาสิกรฺา หตฺถาจริยํ เปเสตฺวา รมณีเย นาควเน คาหาปิตสฺส หตฺถิโน เอตํ นามํ. กฏุกเภทโนติ ติขิณมโท. หตฺถีนฺหิ มทกาเล กณฺณจูฬิกา ปภิชฺชนฺติ, ปกติยาปิ หตฺถิโน ตสฺมึ กาเล องฺกุเส วา กุนฺตโตมเร วา น คเณนฺติ, จณฺฑา ภวนฺติ. โส ปน อติจณฺโฑเยว. เตน วุตฺตํ – กฏุกเภทโน ทุนฺนิวารโยติ. พทฺโธ กพฬํ น ภุฺชตีติ โส พทฺโธ หตฺถิสาลํ ปน เนตฺวา วิจิตฺรสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา กตคนฺธปริภณฺฑาย อุปริ พทฺธวิจิตฺรวิตานาย ภูมิยา ปิโต รฺา ราชารเหน นานคฺครเสน โภชเนน อุปฏฺาปิโตปิ กิฺจิ ภุฺชิตุํ น อิจฺฉิ, ตมตฺถํ สนฺธาย ‘‘พทฺโธ กพฬํ น ภุฺชตี’’ติ วุตฺตํ. สุมรติ นาควนสฺสาติ โส รมณียํ เม วสนฏฺานนฺติ นาควนํ สรติ. ‘‘มาตา ปน เม อรฺเ ปุตฺตวิโยเคน ทุกฺขปฺปตฺตา อโหสิ, มาตาปิตุอุปฏฺานธมฺโม น เม ปูรติ, กึ เม อิมินา โภชเนนา’’ติ ธมฺมิกํ มาตาปิตุอุปฏฺานธมฺมเมว สริ. ตํ ปน ยสฺมา ตสฺมึ นาควเนเยว ิโต สกฺกา ปูเรตุํ, เตน วุตฺตํ – สุมรติ นาควนสฺส กุฺชโรติ. สตฺถริ อิมํ อตฺตโน ปุพฺพจริยํ อาเนตฺวา กเถนฺเต กเถนฺเตเยว สพฺเพปิ เต อสฺสุธารา ปวตฺเตตฺวา มุทุหทยา โอหิตโสตา ภวึสุ. อถ เนสํ ภควา สปฺปายํ วิทิตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ.

เทสนาวสาเน สทฺธึ ปุตฺเตหิ เจว สุณิสาหิ จ พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.

ปริชิณฺณพฺราหฺมณปุตฺตวตฺถุ ตติยํ.

๔. ปเสนทิโกสลวตฺถุ

มิทฺธี ยทา โหตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราชานํ ปเสนทิโกสลํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ราชา ตณฺฑุลโทณสฺส โอทนํ ตทุปิเยน สูปพฺยฺชเนน ภุฺชติ. โส เอกทิวสํ ภุตฺตปาตราโส ภตฺตสมฺมทํ อวิโนเทตฺวาว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กิลนฺตรูโป อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺตติ, นิทฺทาย อภิภุยฺยมาโนปิ อุชุกํ นิปชฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ, มหาราช, อวิสฺสมิตฺวาว อาคโตสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ภุตฺตกาลโต ปฏฺาย เม มหาทุกฺขํ โหตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘มหาราช, อติพหุโภชนํ เอวํ ทุกฺขํ โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๒๕.

‘‘มิทฺธี ยทา โหติ มหคฺฆโส จ,

นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;

มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ,

ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ.

ตตฺถ มิทฺธีติ ถินมิทฺธาภิภูโต. มหคฺฆโส จาติ มหาโภชโน อาหรหตฺถกอลํสาฏกตตฺรวฏฺฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกานํ อฺตโร วิย. นิวาปปุฏฺโติ กุณฺฑกาทินา สูกรภตฺเตน ปุฏฺโ. ฆรสูกโร หิ ทหรกาลโต ปฏฺาย โปสิยมาโน ถูลสรีรกาเล เคหา พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺโต เหฏฺามฺจาทีสุ สมฺปริวตฺติตฺวา อสฺสสนฺโต ปสฺสสนฺโต สยเตว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา ปุริโส มิทฺธี จ โหติ มหคฺฆโส จ, นิวาปปุฏฺโ มหาวราโห วิย จ อฺเน อิริยาปเถน ยาเปตุํ อสกฺโกนฺโต นิทฺทายนสีโล สมฺปริวตฺตสายี, ตทา โส ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ตีณิ ลกฺขณานิ มนสิกาตุํ น สกฺโกติ. เตสํ อมนสิการา มนฺทปฺโ ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ, คพฺภวาสโต น ปริมุจฺจตีติ. เทสนาวสาเน สตฺถา รฺโ อุปการวเสน –

‘‘มนุชสฺส สทา สตีมโต, มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;

ตนุกสฺส ภวนฺติ เวทนา, สณิกํ ชีรติ อายุ ปาลย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๔);

อิมํ คาถํ วตฺวา อุตฺตรมาณวํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา ‘‘อิมํ คาถํ รฺโ โภชนเวลาย ปเวเทยฺยาสิ, อิมินา อุปาเยน โภชนํ ปริหาเปยฺยาสี’’ติ อุปายํ อาจิกฺขิ, โส ตถา อกาสิ. ราชา อปเรน สมเยน นาฬิโกทนปรมตาย สณฺิโต สุสลฺลหุกสรีโร สุขปฺปตฺโต สตฺถริ อุปฺปนฺนวิสฺสาโส สตฺตาหํ อสทิสทานํ ปวตฺเตสิ. ทานานุโมทนาย มหาชโน มหนฺตํ วิเสสํ ปาปุณีติ.

ปเสนทิโกสลวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. สานุสามเณรวตฺถุ

อิทํ ปุเรติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สานุํ นาม สามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เอกิสฺสา อุปาสิกาย เอกปุตฺตโก อโหสิ. อถ นํ สา ทหรกาเลเยว ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สีลวา อโหสิ วตฺตสมฺปนฺโน, อาจริยุปชฺฌายอาคนฺตุกานํ วตฺตํ กตเมว โหติ. มาสสฺส อฏฺเม ทิวเส ปาโตว อุฏฺาย อุทกมาฬเก อุทกํ อุปฏฺาเปตฺวา ธมฺมสฺสวนคฺคํ สมฺมชฺชิตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา มธุรสฺสเรน ธมฺมสฺสวนํ โฆเสติ. ภิกฺขู ตสฺส ถามํ ตฺวา ‘‘สรภฺํ ภณ สามเณรา’’ติ อชฺเฌสนฺติ. โส ‘‘มยฺหํ หทยวาโต รุชติ, กาโย วา พาธตี’’ติ กิฺจิ ปจฺจาหารํ อกตฺวา ธมฺมาสนํ อภิรูหิตฺวา อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย สรภฺํ วตฺวา โอตรนฺโต ‘‘มยฺหํ มาตาปิตูนํ อิมสฺมึ สรภฺเ ปตฺตึ ทมฺมี’’ติ วทติ. ตสฺส มนุสฺสา มาตาปิตโร ปตฺติยา ทินฺนภาวํ น ชานนฺติ. อนนฺตรตฺตภาเว ปนสฺส มาตา ยกฺขินี หุตฺวา นิพฺพตฺตา, สา เทวตาหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ‘‘สามเณเรน ทินฺนปตฺตึ อนุโมทามิ, ตาตา’’ติ วทติ. ‘‘สีลสมฺปนฺโน จ นาม ภิกฺขุ สเทวกสฺส โลกสฺส ปิโย โหตี’’ติ ตสฺมึ สามเณเร เทวตา สลชฺชา สคารวา มหาพฺรหฺมานํ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย จ นํ มฺนฺติ. สามเณเร คารเวน ตฺจ ยกฺขินึ ครุกํ กตฺวา ปสฺสนฺติ. ตา ธมฺมสฺสวนยกฺขสมาคมาทีสุ ‘‘สานุมาตา สานุมาตา’’ติ ยกฺขินิยา อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ เทนฺติ. มเหสกฺขาปิ ยกฺขา ตํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมนฺติ, อาสนา วุฏฺหนฺติ.

อถ โข สามเณโร วุฑฺฒิมนฺวาย ปริปกฺกินฺทฺริโย อนภิรติยา ปีฬิโต อนภิรตึ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต ปรุฬฺหเกสนโข กิลิฏฺนิวาสนปารุปโน กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เอกโกว มาตุฆรํ อคมาสิ. อุปาสิกา ปุตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘กึ, ตาต, ตฺวํ ปุพฺเพ อาจริยุปชฺฌาเยหิ วา ทหรสามเณเรหิ วา สทฺธึ อิธาคจฺฉสิ, กสฺมา เอกโกว อชฺช อาคโตสี’’ติ? โส อุกฺกณฺิตภาวํ อาโรเจสิ. สา อุปาสิกา นานปฺปกาเรน ฆราวาเส อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ปุตฺตํ โอวทมานาปิ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘อปฺเปว นาม อตฺตโน ธมฺมตายปิ สลฺลกฺเขยฺยา’’ติ อนุยฺโยเชตฺวา ‘‘ติฏฺ, ตาต, ยาว เต ยาคุภตฺตํ สมฺปาเทมิ, ยาคุํ ปิวิตฺวา กตภตฺตกิจฺจสฺส เต มนาปานิ วตฺถานิ นีหริตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ สามเณโร. อุปาสิกา มุหุตฺเตเนว ยาคุขชฺชกํ สมฺปาเทตฺวา อทาสิ. อถ ‘‘ภตฺตํ สมฺปาเทสฺสามี’’ติ อวิทูเร นิสินฺนา ตณฺฑุเล โธวติ. ตสฺมึ สมเย สา ยกฺขินี ‘‘กหํ นุ โข สามเณโร, กจฺจิ ภิกฺขาหารํ ลภติ, โน’’ติ อาวชฺชมานา ตสฺส วิพฺภมิตุกามตาย นิสินฺนภาวํ ตฺวา ‘‘สามเณโร เม มเหสกฺขานํ เทวตานํ อนฺตเร ลชฺชํ อุปฺปาเทยฺย, คจฺฉามิสฺส วิพฺภมเน อนฺตรายํ กริสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา ตสฺส สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา คีวํ ปริวตฺเตตฺวา เขเฬน ปคฺฆรนฺเตน ภูมิยํ นิปติ. อุปาสิกา ปุตฺตสฺส ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา เวเคน คนฺตฺวา ปุตฺตํ อาลิงฺเคตฺวา อูรูสุ นิปชฺชาเปสิ. สกลคามวาสิโน อาคนฺตฺวา พลิกมฺมาทีนิ กรึสุ. อุปาสิกา ปน ปริเทวมานา อิมา คาถา อภาสิ –

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.

‘‘อุโปสถํ อุปวสนฺติ, พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ เย;

น เตหิ ยกฺขา กีฬนฺติ, อิติ เม อรหตํ สุตํ;

สา ทานิ อชฺช ปสฺสามิ, ยกฺขา กีฬนฺติ สานุนา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);

อุปาสิกาย วจนํ สุตฺวา –

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.

‘‘อุโปสถํ อุปวสนฺติ, พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ เย;

น เตหิ ยกฺขา กีฬนฺติ, สาหุ เต อรหตํ สุต’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙) –

วตฺวา อาห –

‘‘สานุํ ปพุทฺธํ วชฺชาสิ, ยกฺขานํ วจนํ อิทํ;

มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห.

‘‘สเจ จ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสสิ กโรสิ วา;

น เต ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);

เอวํ ปาปกํ กมฺมํ กตฺวา สกุณสฺส วิย อุปฺปติตฺวา ปลายโตปิ เต โมกฺโข นตฺถีติ วตฺวา สา ยกฺขินี สามเณรํ มุฺจิ. โส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา มาตรํ เกเส วิกิริย อสฺสสนฺตึ ปสฺสสนฺตึ โรทมานํ สกลคามวาสิโน จ สนฺนิปติเต ทิสฺวา อตฺตโน ยกฺเขน คหิตภาวํ อชานนฺโต ‘‘อหํ ปุพฺเพ ปีเ นิสินฺโน, มาตา เม อวิทูเร นิสีทิตฺวา ตณฺฑุเล โธวิ, อิทานิ ปนมฺหิ ภูมิยํ นิปนฺโน, กึ นุ โข เอต’’นฺติ นิปนฺนโกว มาตรํ อาห –

‘‘มตํ วา อมฺม โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;

ชีวนฺตํ อมฺม ปสฺสนฺตี, กสฺมา มํ อมฺม โรทสี’’ติ. (เถรคา. ๔๔; สํ. นิ. ๑.๒๓๙);

อถสฺส มาตา วตฺถุกามกิเลสกาเม ปหาย ปพฺพชิตสฺส ปุน วิพฺภมนตฺถํ อาคมเน อาทีนวํ ทสฺเสนฺตี อาห –

‘‘มตํ วา ปุตฺต โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;

โย จ กาเม จชิตฺวาน, ปุนราคจฺฉเต อิธ;

ตํ วาปิ ปุตฺต โรทนฺติ, ปุน ชีวํ มโต หิ โส’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);

เอวฺจ ปน วตฺวา ฆราวาสํ กุกฺกุฬสทิสฺเจว นรกสทิสฺจ กตฺวา ฆราวาเส อาทีนวํ ทสฺเสนฺตี ปุน อาห –

‘‘กุกฺกุฬา อุพฺภโต ตาต, กุกฺกุฬํ ปติตุมิจฺฉสิ;

นรกา อุพฺภโต ตาต, นรกํ ปติตุมิจฺฉสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);

อถ นํ, ‘‘ปุตฺต, ภทฺทํ ตว โหตุ, มยา ปน ‘อยํ โน ปุตฺตโก ฑยฺหมาโน’ติ เคหา ภณฺฑํ วิย นีหริตฺวา พุทฺธสาสเน ปพฺพาชิโต, ฆราวาเส ปุน ฑยฺหิตุํ อิจฺฉสิ. อภิธาวถ ปริตฺตายถ โนติ อิมมตฺถํ กสฺส อุชฺฌาปยาม กํ นิชฺฌาปยามา’’ติ ทีเปตุํ อิมํ คาถมาห –

‘‘อภิธาวถ ภทฺทนฺเต, กสฺส อุชฺฌาปยามเส;

อาทิตฺตา นีหตํ ภณฺฑํ, ปุน ฑยฺหิตุมิจฺฉสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙);

โส มาตริ กเถนฺติยา กเถนฺติยา สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘นตฺถิ มยฺหํ คิหิภาเวน อตฺโถ’’ติ อาห. อถสฺส มาตา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตุฏฺา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา ‘‘กติวสฺโสสิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปริปุณฺณวสฺสภาวํ ตฺวา ติจีวรํ ปฏิยาเทสิ. โส ปริปุณฺณปตฺตจีวโร อุปสมฺปทํ ลภิ. อถสฺส อจิรูปสมฺปนฺนสฺส สตฺถา จิตฺตนิคฺคเห อุสฺสาหํ ชเนนฺโต ‘‘จิตฺตํ นาเมตํ นานารมฺมเณสุ ทีฆรตฺตํ จาริกํ จรนฺตํ อนิคฺคณฺหนฺตสฺส โสตฺถิภาโว นาม นตฺถิ, ตสฺมา องฺกุเสน มตฺตหตฺถิโน วิย จิตฺตสฺส นิคฺคณฺหเน โยโค กรณีโย’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๒๖.

‘‘อิทํ ปุเร จิตฺตมจาริ จาริกํ,

เยนิจฺฉกํ ยตฺถกามํ ยถาสุขํ;

ตทชฺชหํ นิคฺคเหสฺสามิ โยนิโส,

หตฺถิปฺปภินฺนํ วิย องฺกุสคฺคโห’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อิทํ จิตฺตํ นาม อิโต ปุพฺเพ รูปาทีสุ จ อารมฺมเณสุ ราคาทีนํ เยน การเณน อิจฺฉติ, ยตฺเถวสฺส กาโม อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วเสน ยตฺถ กามํ ยถารุจิ จรนฺตสฺส สุขํ โหติ, ตเถว วิจรณโต ยถาสุขํ ทีฆรตฺตํ จาริกํ จริ, ตํ อชฺช อหํ ปภินฺนํ มตฺตหตฺถึ หตฺถาจริยสงฺขาโต เฉโก องฺกุสคฺคโห องฺกุเสน วิย โยนิโสมนสิกาเรน นิคฺคเหสฺสามิ, นาสฺส วีติกฺกมิตุํ ทสฺสามีติ.

เทสนาวสาเน สานุนา สทฺธึ ธมฺมสฺสวนาย อุปสงฺกมนฺตานํ พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. โสปายสฺมา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา มหาธมฺมกถิโก หุตฺวา วีสวสฺสสตํ ตฺวา สกลชมฺพุทีปํ สงฺโขเภตฺวา ปรินิพฺพายีติ.

สานุสามเณรวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. ปาเวยฺยกหตฺถิวตฺถุ

อปฺปมาทรตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ ปาเวยฺยกํ นาม หตฺถึ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร หตฺถี ตรุณกาเล มหาพโล หุตฺวา อปเรน สมเยน ชราวาตเวคพฺภาหโต หุตฺวา เอกํ มหนฺตํ สรํ โอรุยฺห กลเล ลคฺคิตฺวา อุตฺตริตุํ นาสกฺขิ. มหาชโน ตํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูโปปิ นาม หตฺถี อิมํ ทุพฺพลภาวํ ปตฺโต’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสิ. ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา หตฺถาจริยํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, อาจริย, ตํ หตฺถึ กลลโต อุทฺธราหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺมึ าเน สงฺคามสีสํ ทสฺเสตฺวา สงฺคามเภรึ อาโกฏาเปสิ. มานชาติโก หตฺถี เวเคนุฏฺาย ถเล ปติฏฺหิ. ภิกฺขู ตํ การณํ ทิสฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘เตน, ภิกฺขเว, หตฺถินา ปกติปงฺกทุคฺคโต อตฺตา อุทฺธโฏ, ตุมฺเห ปน กิเลสทุคฺเค ปกฺขนฺทา. ตสฺมา โยนิโส ปทหิตฺวา ตุมฺเหปิ ตโต อตฺตานํ อุทฺธรถา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๒๗.

‘‘อปฺปมาทรตา โหถ, สจิตฺตมนุรกฺขถ;

ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ, ปงฺเก สนฺโนว กุฺชโร’’ติ.

ตตฺถ อปฺปมาทรตาติ สติยา อวิปฺปวาเส อภิรตา โหถ. สจิตฺตนฺติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ อตฺตโน จิตฺตํ ยถา วีติกฺกมํ น กโรติ, เอวํ รกฺขถ. ทุคฺคาติ ยถา โส ปงฺเก สนฺโน กุฺชโร หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายามํ กตฺวา ปงฺกทุคฺคโต อตฺตานํ อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺิโต, เอวํ ตุมฺเหปิ กิเลสทุคฺคโต อตฺตานํ อุทฺธรถ, นิพฺพานถเล ปติฏฺาเปถาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.

ปาเวยฺยกหตฺถิวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ

สเจ ลเภถาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปาลิเลยฺยกํ นิสฺสาย รกฺขิตวนสณฺเฑ วิหรนฺโต สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ยมกวคฺเค ‘‘ปเร จ น วิชานนฺตี’’ติ คาถาวณฺณนาย อาคตเมว. วุตฺตฺเหตํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๕ โกสมฺพกวตฺถุ) –

ตถาคตสฺส ตตฺถ หตฺถินาเคน อุปฏฺิยมานสฺส วสนภาโว สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ. สาวตฺถินครโต ‘‘อนาถปิณฺฑิโก วิสาขา มหาอุปาสิกา’’ติ เอวมาทีนิ มหากุลานิ อานนฺทตฺเถรสฺส สาสนํ ปหิณึสุ ‘‘สตฺถารํ โน, ภนฺเต, ทสฺเสถา’’ติ. ทิสาวาสิโนปิ ปฺจสตา ภิกฺขู วุฏฺวสฺสา อานนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘จิรสฺสุตา โน, อาวุโส อานนฺท, ภควโต สมฺมุขา ธมฺมี กถา, สาธุ มยํ, อาวุโส อานนฺท, ลเภยฺยาม ภควโต สมฺมุขา ธมฺมึ กถํ สวนายา’’ติ ยาจึสุ. เถโร เต ภิกฺขู อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘เตมาสํ เอกวิหาริโน ตถาคตสฺส สนฺติกํ เอตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุปสงฺกมนํ อยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา เต ภิกฺขู พหิ เปตฺวา เอกโกว สตฺถารํ อุปสงฺกมิ. ปาลิเลยฺยโก ตํ ทิสฺวา ทณฺฑมาทาย ปกฺขนฺทิ. ตํ สตฺถา โอโลเกตฺวา ‘‘อเปหิ, อเปหิ, ปาลิเลยฺยก, มา วารยิ, พุทฺธุปฏฺาโก เอโส’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ทณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณํ อาปุจฺฉิ. เถโร นาทาสิ. นาโค ‘‘สเจ อุคฺคหิตวตฺโต ภวิสฺสติ, สตฺถุ นิสีทนปาสาณผลเก อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. เถโร ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ เปสิ. วตฺตสมฺปนฺนา หิ ครูนํ อาสเน วา สยเน วา อตฺตโน ปริกฺขารํ น เปนฺติ.

เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘เอกโกว อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘กหํ ปน เต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ จิตฺตํ อชานนฺโต พหิ เปตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปกฺโกสาหิ เน’’ติ อาห. เถโร ตถา อกาสิ. สตฺถา เตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เตหิ ภิกฺขูหิ, ‘‘ภนฺเต, ภควา พุทฺธสุขุมาโล เจว ขตฺติยสุขุมาโล จ, ตุมฺเหหิ เตมาสํ เอกเกหิ ติฏฺนฺเตหิ นิสีทนฺเตหิ จ ทุกฺกรํ กตํ, วตฺตปฏิวตฺตการโกปิ มุโขทกาทิทายโกปิ นาโหสิ มฺเ’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ปาลิเลยฺยกหตฺถินา มม สพฺพกิจฺจานิ กตานิ. เอวรูปฺหิ สหายํ ลภนฺเตน เอกโกว วสิตุํ ยุตฺตํ, อลภนฺตสฺส เอกจาริกภาโวว เสยฺโย’’ติ วตฺวา นาควคฺเค อิมา คาถา อภาสิ –

๓๒๘.

‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,

สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;

อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ,

จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.

๓๒๙.

‘‘โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ,

สทฺธึจรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;

ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย,

เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค.

๓๓๐.

‘‘เอกสฺส จริตํ เสยฺโย,

นตฺถิ พาเล สหายตา;

เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา,

อปฺโปสฺสุกฺโก มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ.

ตตฺถ นิปกนฺติ เนปกฺกปฺาย สมนฺนาคตํ. สาธุวิหาริ ธีรนฺติ ภทฺทกวิหารึ ปณฺฑิตํ. ปริสฺสยานีติ ตาทิสํ เมตฺตาวิหารึ สหายํ ลภนฺโต สีหพฺยคฺฆาทโย ปากฏปริสฺสเย จ ราคภยโทสภยโมหภยาทโย ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเย จาติ สพฺเพว ปริสฺสเย อภิภวิตฺวา เตน สทฺธึ อตฺตมโน อุปฏฺิตสตี หุตฺวา จเรยฺย, วิหเรยฺยาติ อตฺโถ.

ราชาว รฏฺนฺติ รฏฺํ หิตฺวา คโต มหาชนกราชา วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วิชิตภูมิปเทโส ราชา ‘‘อิทํ รชฺชํ นาม มหนฺตํ ปมาทฏฺานํ, กึ เม รชฺเชน การิเตนา’’ติ วิชิตํ รฏฺํ ปหาย เอกโกว มหารฺํ ปวิสิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโกว จรติ, เอวํ เอกโกว จเรยฺยาติ. มาตงฺครฺเว นาโคติ ยถา จ ‘‘อหํ โข อากิณฺโณ วิหรามิ หตฺถีหิ หตฺถินีหิ หตฺถิกฬเภหิ หตฺถิจฺฉาเปหิ, ฉินฺนคฺคานิ เจว ติณานิ ขาทามิ, โอภคฺโคภคฺคฺจ เม สาขาภงฺคํ ขาทนฺติ, อาวิลานิ จ ปานียานิ ปิวามิ, โอคาหา จ เม อุตฺติณฺณสฺส หตฺถินิโย กายํ อุปนิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, ยํนูนาหํ เอกโกว คณมฺหา วูปกฏฺโ วิหเรยฺย’’นฺติ (มหาว. ๔๖๗; อุทา. ๓๕) เอวํ ปฏิสฺจิกฺขิตฺวา คมนโต มาตงฺโคติ ลทฺธนาโม อิมสฺมึ อรฺเ อยํ หตฺถินาโค ยูถํ ปหาย สพฺพิริยาปเถสุ เอกโกว สุขํ จรติ, เอวมฺปิ เอโกว จเรยฺยาติ อตฺโถ.

เอกสฺสาติ ปพฺพชิตสฺส หิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย เอกีภาวาภิรตสฺส เอกกสฺเสว จริตํ เสยฺโย. นตฺถิ พาเล สหายตาติ จูฬสีลํ มชฺฌิมสีลํ มหาสีลํ ทส กถาวตฺถูนิ เตรส ธุตงฺคคุณานิ วิปสฺสนาาณํ จตฺตาโร มคฺคา จตฺตาริ ผลานิ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา อมตมหานิพฺพานนฺติ อยฺหิ สหายตา นาม. สา พาเล นิสฺสาย อธิคนฺตุํ น สกฺกาติ นตฺถิ พาเล สหายตา. เอโกติ อิมินา การเณน สพฺพิริยาปเถสุ เอกโกว จเรยฺย, อปฺปมตฺตกานิปิ น จ ปาปานิ กยิรา. ยถา โส อปฺโปสฺสุกฺโก นิราลโย อิมสฺมึ อรฺเ มาตงฺคนาโค อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺาเน สุขํ จรติ, เอวํ เอกโกว หุตฺวา จเรยฺย, อปฺปมตฺตกานิปิ น จ ปาปานิ กเรยฺยาติ อตฺโถ. ตสฺมา ตุมฺเหหิ ปติรูปํ สหายํ อลภนฺเตหิ เอกจารีเหว ภวิตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ อิมํ ธมฺมเทสนํ เทเสสิ.

เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.

สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. มารวตฺถุ

อตฺถมฺหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา หิมวนฺตปเทเส อรฺกุฏิกายํ วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺมึ กิร กาเล ราชาโน มนุสฺเส ปีเฬตฺวา รชฺชํ กาเรนฺติ. อถ ภควา อธมฺมิกราชูนํ รชฺเช ทณฺฑกรณปีฬิเต มนุสฺเส ทิสฺวา การุฺเน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘สกฺกา นุ โข รชฺชํ กาเรตุํ อหนํ อฆาตยํ, อชินํ อชาปยํ, อโสจํ อโสจาปยํ ธมฺเมนา’’ติ, มาโร ปาปิมา ตํ ภควโต ปริวิตกฺกํ ตฺวา ‘‘สมโณ โคตโม ‘สกฺกา นุ โข รชฺชํ กาเรตุ’นฺติ จินฺเตสิ, อิทานิ รชฺชํ กาเรตุกาโม ภวิสฺสติ, รชฺชฺจ นาเมตํ ปมาทฏฺานํ, ตํ กาเรนฺเต สกฺกา โอกาสํ ลภิตุํ, คจฺฉามิ อุสฺสาหมสฺส ชเนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กาเรตุ, ภนฺเต, ภควา รชฺชํ, กาเรตุ สุคโต รชฺชํ อหนํ อฆาตยํ, อชินํ อชาปยํ, อโสจํ อโสจาปยํ ธมฺเมนา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ ปน เม ตฺวํ, ปาปิม, ปสฺสสิ, ยํ มํ ตฺวํ เอวํ วเทสี’’ติ วตฺวา ‘‘ภควตา โข, ภนฺเต, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา สุภาวิตา. อากงฺขมาโน หิ ภควา หิมวนฺตํ ปพฺพตราชํ ‘สุวณฺณ’นฺติ อธิมุจฺเจยฺย, ตฺจ สุวณฺณเมว อสฺส, อหมฺปิ โข ธเนน ธนกรณียํ กริสฺสามิ, ตุมฺเห ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสฺสถา’’ติ เตน วุตฺเต –

‘‘ปพฺพตสฺส สุวณฺณสฺส, ชาตรูปสฺส เกวโล;

ทฺวิตฺตาว นาลเมกสฺส, อิติ วิทฺวา สมฺจเร.

‘‘โย ทุกฺขมทกฺขิ ยโตนิทานํ,

กาเมสุ โส ชนฺตุ กถํ นเมยฺย;

อุปธึ วิทิตฺวา สงฺโคติ โลเก,

ตสฺเสว ชนฺตุ วินยาย สิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๖) –

อิมาหิ คาถาหิ สํเวเชตฺวา ‘‘อฺโ เอว โข, ปาปิม, ตว โอวาโท, อฺโ มม, ตยา สทฺธึ ธมฺมสํสนฺทนา นาม นตฺถิ, อหฺหิ เอวํ โอวทามี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๓๓๑.

‘‘อตฺถมฺหิ ชาตมฺหิ สุขา สหายา,

ตุฏฺี สุขา ยา อิตรีตเรน;

ปุฺํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ,

สพฺพสฺส ทุกฺขสฺส สุขํ ปหานํ.

๓๓๒.

‘‘สุขา มตฺเตยฺยตา โลเก,

อโถ เปตฺเตยฺยตา สุขา;

สุขา สามฺตา โลเก,

อโถ พฺรหฺมฺตา สุขา.

๓๓๓.

‘‘สุขํ ยาว ชราสีลํ, สุขา สทฺธา ปติฏฺิตา;

สุโข ปฺาย ปฏิลาโภ, ปาปานํ อกรณํ สุข’’นฺติ.

ตตฺถ อตฺถมฺหีติ ปพฺพชิตสฺสาปิ หิ จีวรกรณาทิเก วา อธิกรณวูปสมาทิเก วา คิหิโนปิ กสิกมฺมาทิเก วา พลวปกฺขสนฺนิสฺสิเตหิ อภิภวนาทิเก วา กิจฺเจ อุปฺปนฺเน เย ตํ กิจฺจํ นิปฺผาเทตุํ วา วูปสเมตุํ วา สกฺโกนฺติ, เอวรูปา สุขา สหายาติ อตฺโถ. ตุฏฺี สุขาติ ยสฺมา ปน คิหิโนปิ สเกน อสนฺตุฏฺา สนฺธิจฺเฉทาทีนิ อารภนฺติ, ปพฺพชิตาปิ นานปฺปการํ อเนสนํ. อิติ เต สุขํ น วินฺทนฺติเยว. ตสฺมา ยา อิตรีตเรน ปริตฺเตน วา วิปุเลน วา อตฺตโน สนฺตเกน สนฺตุฏฺิ, อยเมว สุขาติ อตฺโถ. ปุฺนฺติ มรณกาเล ปน ยถาชฺฌาสเยน ปตฺถริตฺวา กตปุฺกมฺมเมว สุขํ. สพฺพสฺสาติ สกลสฺสปิ ปน วฏฺฏทุกฺขสฺส ปหานสงฺขาตํ อรหตฺตเมว อิมสฺมึ โลเก สุขํ นาม.

มตฺเตยฺยตาติ มาตริ สมฺมา ปฏิปตฺติ. เปตฺเตยฺยตาติ ปิตริ สมฺมา ปฏิปตฺติ. อุภเยนปิ มาตาปิตูนํ อุปฏฺานเมว กถิตํ. มาตาปิตโร หิ ปุตฺตานํ อนุปฏฺหนภาวํ ตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ ภูมิยํ วา นิทหนฺติ, ปเรสํ วา วิสฺสชฺเชนฺติ, ‘‘มาตาปิตโร น อุปฏฺหนฺตี’’ติ เนสํ นินฺทาปิ วฑฺฒติ, กายสฺส เภทา คูถนิรเยปิ นิพฺพตฺตนฺติ. เย ปน มาตาปิตโร สกฺกจฺจํ อุปฏฺหนฺติ, เต เตสํ สนฺตกํ ธนมฺปิ ปาปุณนฺติ, ปสํสมฺปิ ลภนฺติ, กายสฺส เภทา สคฺเค นิพฺพตฺตนฺติ. ตสฺมา อุภยมฺเปตํ สุขนฺติ วุตฺตํ. สามฺตาติ ปพฺพชิเตสุ สมฺมา ปฏิปตฺติ. พฺรหฺมฺตาติ พาหิตปาเปสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกสุ สมฺมา ปฏิปตฺติเยว. อุภเยนปิ เตสํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปฏิชคฺคนภาโว กถิโต, อิทมฺปิ โลเก สุขํ นาม กถิกํ.

สีลนฺติ มณิกุณฺฑลรตฺตวตฺถาทโย หิ อลงฺการา ตสฺมึ ตสฺมึ วเย ิตานํเยว โสภนฺติ. น ทหรานํ อลงฺกาโร มหลฺลกกาเล, มหลฺลกานํ วา อลงฺกาโร ทหรกาเล โสภติ, ‘‘อุมฺมตฺตโก เอส มฺเ’’ติ ครหุปฺปาทเนน ปน โทสเมว ชเนติ. ปฺจสีลทสสีลาทิเภทํ ปน สีลํ ทหรสฺสาปิ มหลฺลกสฺสาปิ สพฺพวเยสุ โสภติเยว, ‘‘อโห วตายํ สีลวา’’ติ ปสํสุปฺปาทเนน โสมนสฺสเมว อาวหติ. เตน วุตฺตํ – สุขํ ยาว ชรา สีลนฺติ. สทฺธา ปติฏฺิตาติ โลกิยโลกุตฺตรโต ทุวิธาปิ สทฺธา นิจฺจลา หุตฺวา ปติฏฺิตา. สุโข ปฺาย ปฏิลาโภติ โลกิยโลกุตฺตรปฺาย ปฏิลาโภ สุโข. ปาปานํ อกรณนฺติ เสตุฆาตวเสน ปน ปาปานํ อกรณํ อิมสฺมึ โลเก สุขนฺติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

มารวตฺถุ อฏฺมํ.

นาควคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

เตวีสติโม วคฺโค.

๒๔. ตณฺหาวคฺโค

๑. กปิลมจฺฉวตฺถุ

มนุชสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กปิลมจฺฉํ อารพฺภ กเถสิ.

อตีเต กิร กสฺสปภควโต ปรินิพฺพุตกาเล ทฺเว กุลภาตโร นิกฺขมิตฺวา สาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสุ เชฏฺโ สาคโต นาม อโหสิ, กนิฏฺโ กปิโล นาม. มาตา ปน เนสํ สาธินี นาม, กนิฏฺภคินี ตาปนา นาม. ตาปิ ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชึสุ. เอวํ เตสุ ปพฺพชิเตสุ อุโภ ภาตโร อาจริยุปชฺฌายานํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา วิหรนฺตา เอกทิวสํ, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ สาสเน กติ ธุรานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คนฺถธุรํ วิปสฺสนาธุรฺจาติ ทฺเว ธุรานี’’ติ สุตฺวา เชฏฺโ ‘‘วิปสฺสนาธุรํ ปูเรสฺสามี’’ติ ปฺจ วสฺสานิ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก วสิตฺวา ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. กนิฏฺโ ‘‘อหํ ตาว ตรุโณ, วุฑฺฒกาเล วิปสฺสนาธุรํ ปูเรสฺสามี’’ติ คนฺถธุรํ ปฏฺเปตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคณฺหิ. ตสฺส ปริยตฺตึ นิสฺสาย มหาปริวาโร, ปริวารํ นิสฺสาย ลาโภ อุทปาทิ. โส พาหุสจฺจมเทน มตฺโต ลาภตณฺหาย อภิภูโต อติปณฺฑิตมานิตาย ปเรหิ วุตฺตํ กปฺปิยมฺปิ ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ วเทติ, อกปฺปิยมฺปิ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ วเทติ, สาวชฺชมฺปิ ‘‘อนวชฺช’’นฺติ, อนวชฺชมฺปิ ‘‘สาวชฺช’’นฺติ. โส เปสเลหิ ภิกฺขูหิ ‘‘มา, อาวุโส กปิล, เอวํ อวจา’’ติ วตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ ทสฺเสตฺวา โอวทิยมาโนปิ ‘‘ตุมฺเห กึ ชานาถ, ริตฺตมุฏฺิสทิสา’’ติอาทีนิ วตฺวา ขุํเสนฺโต วมฺเภนฺโต จรติ. อถสฺส ภาตุ สาคตตฺเถรสฺสาปิ ภิกฺขู ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โสปิ นํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส กปิล, ตุมฺหาทิสานฺหิ สมฺมาปฏิปตฺติ สาสนสฺส อายุ นาม, ตสฺมา ปฏิปตฺตึ ปหาย กปฺปิยาทีนิ ปฏิพาหนฺโต มา เอวํ อวจา’’ติ โอวทิ. โส ตสฺสปิ วจนํ นาทิยิ. เอวํ สนฺเตปิ เถโร ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โอวทิตฺวา โอวาทํ อคณฺหนฺตํ ‘‘นายํ มม วจนํ กโรตี’’ติ ตฺวา ‘‘เตน, อาวุโส, ปฺายิสฺสสิ สเกน กมฺเมนา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตโต ปฏฺาย นํ อฺเ เปสลา ภิกฺขู ฉฑฺฑยึสุ.

โส ทุราจาโร หุตฺวา ทุราจารปริวุโต วิหรนฺโต เอกทิวสํ อุโปสถคฺเค ‘‘ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ พีชนึ อาทาย ธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘วตฺตติ, อาวุโส, เอตฺถ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โก อตฺโถ อิมสฺส ปฏิวจเนน ทินฺเนนา’’ติ ตุณฺหีภูเต ภิกฺขู ทิสฺวา, ‘‘อาวุโส, ธมฺโม วา วินโย วา นตฺถิ, ปาติโมกฺเขน สุเตน วา อสุเตน วา โก อตฺโถ’’ติ วตฺวา อาสนา วุฏฺหิ. เอวํ โส กสฺสปสฺส ภควโต ปริยตฺติสาสนํ โอสกฺกาเปสิ. สาคตตฺเถโรปิ ตทเหว ปรินิพฺพายิ. กปิโล อายุปริโยสาเน อวีจิมฺหิ มหานิรเย นิพฺพตฺติ. สาปิสฺส มาตา จ ภคินี จ ตสฺเสว ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชิตฺวา เปสเล ภิกฺขู อกฺโกสิตฺวา ปริภาสิตฺวา ตตฺเถว นิพฺพตฺตึสุ.

ตสฺมึ ปน กาเล ปฺจสตา ปุริสา คามฆาตกาทีนิ กตฺวา โจริกาย ชีวนฺตา ชนปทมนุสฺเสหิ อนุพทฺธา ปลายมานา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ กิฺจิ ปฏิสรณํ อปสฺสนฺตา อฺตรํ อารฺิกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปฏิสรณํ โน, ภนฺเต, โหถา’’ติ วทึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺหากํ สีลสทิสํ ปฏิสรณํ นาม นตฺถิ, สพฺเพปิ ปฺจสีลานิ สมาทิยถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สีลานิ สมาทิยึสุ. อถ เน เถโร โอวทิ – ‘‘อิทานิ ตุมฺเห สีลวนฺตา, ชีวิตเหตุปิ โว เนว สีลํ อติกฺกมิตพฺพํ, น มโนปโทโส กาตพฺโพ’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ เน ชนปทมนุสฺสา ตํ านํ ปตฺวา อิโต จิโต จ ปริเยสมานา เต โจเร ทิสฺวา สพฺเพ เต ชีวิตา โวโรเปสุํ. เต กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ, โจรเชฏฺโก เชฏฺกเทวปุตฺโต อโหสิ.

เต อนุโลมปฏิโลมวเสน เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินครทฺวาเร ปฺจสตกุลิเก เกวฏฺฏคาเม นิพฺพตฺตึสุ. เชฏฺกเทวปุตฺโต เกวฏฺฏเชฏฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อิตเร อิตเรสุ. เอวํ เตสํ เอกทิวเสเยว ปฏิสนฺธิคหณฺจ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺจ อโหสิ. เกวฏฺฏเชฏฺโก ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺมึ คาเม อฺเปิ ทารกา อชฺช ชาตา’’ติ ปริเยสาเปตฺวา เตสํ ชาตภาวํ ตฺวา ‘‘เอเต มม ปุตฺตสฺส สหายกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ สพฺเพสํ โปสาวนิกํ ทาเปสิ. เต สพฺเพปิ สหปํสุกีฬกา สหายกา หุตฺวา อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺตา อเหสุํ. เตสํ เกวฏฺฏเชฏฺกปุตฺโตว ยสโต จ เตชโต จ อคฺคปุริโส อโหสิ.

กปิโลปิ เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน ตสฺมึ กาเล อจิรวติยา สุวณฺณวณฺโณ ทุคฺคนฺธมุโข มจฺโฉ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ เต สหายกา ‘‘มจฺเฉ พนฺธิสฺสามา’’ติ ชาลาทีนิ คเหตฺวา นทิยา ขิปึสุ. อถ เนสํ อนฺโตชาลํ โส มจฺโฉ ปาวิสิ. ตํ ทิสฺวา สพฺเพ เกวฏฺฏคามวาสิโน อุจฺจาสทฺทมกํสุ – ‘‘ปุตฺตา โน ปมํ มจฺเฉ พนฺธนฺตา สุวณฺณมจฺฉํ พนฺธึสุ, อิทานิ โน ราชา พหุธนํ ทสฺสตี’’ติ. เตปิ โข สหายกา มจฺฉํ นาวาย ปกฺขิปิตฺวา นาวํ อุกฺขิปิตฺวา รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. รฺาปิ ตํ ทิสฺวาว ‘‘กึ เอต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มจฺโฉ, เทวา’’ติ อาหํสุ. ราชา สุวณฺณวณฺณํ มจฺฉํ ทิสฺวา ‘‘สตฺถา เอตสฺส สุวณฺณวณฺณการณํ ชานิสฺสตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. มจฺเฉน มุเข วิวฏมตฺเตเยว สกลเชตวนํ อติวิย ทุคฺคนฺธํ อโหสิ. ราชา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, มจฺโฉ สุวณฺณวณฺโณ ชาโต, กสฺมา จสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายตี’’ติ?

อยํ, มหาราช, กสฺสปภควโต ปาวจเน กปิโล นาม ภิกฺขุ อโหสิ พหุสฺสุโต มหาปริวาโร ลาภตณฺหาย อภิภูโต อตฺตโน วจนํ อคณฺหนฺตานํ อกฺโกสกปริภาสโก, ตสฺส จ ภควโต สาสนํ โอสกฺกาเปสิ, โส เตน กมฺเมน อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วิปากาวเสเสน อิทานิ มจฺโฉ หุตฺวา ชาโต. ยํ ปน โส ทีฆรตฺตํ พุทฺธวจนํ วาเจสิ, พุทฺธสฺส จ คุณํ กเถสิ, ตสฺส นิสฺสนฺเทน อิมํ สุวณฺณวณฺณํ ปฏิลภิ. ยํ ภิกฺขูนํ อกฺโกสกปริภาสโก อโหสิ, เตนสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายติ. ‘‘กถาเปมิ นํ, มหาราชา’’ติ? ‘‘กถาเปถ, ภนฺเต’’ติ. อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘ตฺวํสิ กปิโล’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อหํ กปิโล’’ติ. ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรยโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เชฏฺภาติโก เต สาคโต กุหึ คโต’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มาตา ปน เต สาธินี กห’’นฺติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กนิฏฺภคินี จ เต ตาปนา กห’’นฺติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิทานิ ตฺวํ กหํ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรยเมว, ภนฺเต’’ติ วตฺวา วิปฺปฏิสาราภิภูโต นาวํ สีเสน ปหริตฺวา ตาวเทว กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. มหาชโน สํวิคฺโค อโหสิ โลมหฏฺชาโต.

อถ ภควา ตสฺมึ ขเณ สนฺนิปติตาย ปริสาย จิตฺตาจารํ โอโลเกตฺวา ตงฺขณานุรูปํ ธมฺมํ เทเสตุํ ‘‘ธมฺมจริยํ พฺรหฺมจริยํ, เอตทาหุ วสุตฺตม’’นฺติ สุตฺตนิปาเต (สุ. นิ. ๒๗๖) กปิลสุตฺตํ กเถตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๓๓๔.

‘‘มนุชสฺส ปมตฺตจาริโน, ตณฺหา วฑฺฒติ มาลุวา วิย;

โส ปฺลวตี หุรา หุรํ, ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร.

๓๓๕.

‘‘ยํ เอสา สหเต ชมฺมี, ตณฺหา โลเก วิสตฺติกา;

โสกา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ, อภิวฏฺํว พีรณํ.

๓๓๖.

‘‘โย เจตํ สหเต ชมฺมึ, ตณฺหํ โลเก ทุรจฺจยํ;

โสกา ตมฺหา ปปตนฺติ, อุทพินฺทุว โปกฺขรา.

๓๓๗.

‘‘ตํ โว วทามิ ภทฺทํ โว, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;

ตณฺหาย มูลํ ขณถ, อุสีรตฺโถว พีรณํ;

มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุน’’นฺติ.

ตตฺถ ปมตฺตจาริโนติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน ปมาเทน ปมตฺตจาริสฺส ปุคฺคลสฺส เนว ฌานํ น วิปสฺสนา น มคฺคผลานิ วฑฺฒนฺติ. ยถา ปน รุกฺขํ สํสิพฺพนฺตี ปริโยนนฺธนฺตี ตสฺส วินาสาย มาลุวาลตา วฑฺฒติ, เอวมสฺส ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต ตณฺหา วฑฺฒตีติ อตฺโถ. โส ปฺลวตี หุรา หุรนฺติ โส ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล ภเว ภเว อุปฺลวติ ธาวติ. ยถา กึ วิยาติ? ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร, ยถา รุกฺขผลํ อิจฺฉนฺโต วานโร วนสฺมึ ธาวติ, ตสฺส ตสฺส รุกฺขสฺส สาขํ คณฺหาติ, ตํ มุฺจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ตมฺปิ มุฺจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ‘‘สาขํ อลภิตฺวา สนฺนิสินฺโน’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ, เอวเมว ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล หุรา หุรํ ธาวนฺโต ‘‘อารมฺมณํ อลภิตฺวา ตณฺหาย อปวตฺตํ ปตฺโต’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ.

นฺติ ยํ ปุคฺคลํ เอสา ลามกภาเวน ชมฺมี วิสาหารตาย วิสปุปฺผตาย วิสผลตาย วิสปริโภคตาย รูปาทีสุ วิสตฺตตาย อาสตฺตตาย วิสตฺติกาติ สงฺขฺยํ คตา ฉทฺวาริกตณฺหา อภิภวติ. ยถา นาม วสฺสาเน ปุนปฺปุนํ วสฺสนฺเตน เทเวน อภิวฏฺํ พีรณติณํ วฑฺฒติ, เอวํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อนฺโต วฏฺฏมูลกา โสกา อภิวฑฺฒนฺตีติ อตฺโถ.

ทุรจฺจยนฺติ โย ปน ปุคฺคโล เอวํ วุตฺตปฺปการํ อติกฺกมิตุํ ปชหิตุํ ทุกฺกรตาย ทุรจฺจยํ ตณฺหํ สหติ อภิภวติ, ตมฺหา ปุคฺคลา วฏฺฏมูลกา โสกา ปปตนฺติ. ยถา นาม โปกฺขเร ปทุมปตฺเต ปติตํ อุทกพินฺทุ น ปติฏฺาติ, เอวํ น ปติฏฺหนฺตีติ อตฺโถ.

ตํ โว วทามีติ เตน การเณน อหํ ตุมฺเห วทามิ. ภทฺทํ โวติ ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, มา อหํ กปิโล วิย วินาสํ ปาปุณถาติ อตฺโถ. มูลนฺติ อิมิสฺสา ฉทฺวาริกตณฺหาย อรหตฺตมคฺคาเณน มูลํ ขณถ. กึ วิยาติ? อุสีรตฺโถว พีรณํ, ยถา อุสีเรน อตฺถิโก ปุริโส มหนฺเตน กุทาเลน พีรณํ ขณติ, เอวมสฺสา มูลํ ขณถาติ อตฺโถ. มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุนนฺติ มา ตุมฺเห นทีโสเต ชาตํ นฬํ มหาเวเคน อาคโต นทีโสโต วิย กิเลสมาโร มรณมาโร เทวปุตฺตมาโร จ ปุนปฺปุนํ ภฺชตูติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ เกวฏฺฏปุตฺตา สํเวคํ อาปชฺชิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ ปตฺถยมานา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา น จิรสฺเสว ทุกฺขสฺสนฺตํ กตฺวา สตฺถารา สทฺธึ อาเนฺชวิหารสมาปตฺติธมฺมปริโภเคน เอกปริโภคา อเหสุนฺติ.

กปิลมจฺฉวตฺถุ ปมํ.

๒. สูกรโปติกาวตฺถุ

ยถาปิ มูเลติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต คูถสูกรโปติกํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมึ กิร สมเย สตฺถา ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เอกํ สูกรโปติกํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. ตสฺส สิตํ กโรนฺตสฺส มุขวิวรนิคฺคตํ ทนฺโตภาสมณฺฑลํ ทิสฺวา อานนฺทตฺเถโร ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ สิตสฺส ปาตุกมฺมายา’’ติ สิตการณํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ปสฺสเสตํ, อานนฺท, สูกรโปติก’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. เอสา กกุสนฺธสฺส ภควโต สาสเน เอกาย อาสนสาลาย สามนฺตา กุกฺกุฏี อโหสิ. สา เอกสฺส โยคาวจรสฺส วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมโฆสํ สุตฺวา ตโต จุตา ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุพฺพรี นาม ราชธีตา อโหสิ. สา อปรภาเค สรีรวลฺชฏฺานํ ปวิฏฺา ปุฬวกราสึ ทิสฺวา ตตฺถ ปุฬวกสฺํ อุปฺปาเทตฺวา ปมํ ฌานํ ปฏิลภิ. สา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. ตโต จวิตฺวา ปุน คติวเสน อาลุลมานา อิทานิ สูกรโยนิยํ นิพฺพตฺติ, อิทํ การณํ ทิสฺวา มยา สิตํ ปาตุกตนฺติ. ตํ สุตฺวา อานนฺทตฺเถรปฺปมุขา ภิกฺขู มหนฺตํ สํเวคํ ปฏิลภึสุ. สตฺถา เตสํ สํเวคํ อุปฺปาเทตฺวา ภวตณฺหาย อาทีนวํ ปกาเสนฺโต อนฺตรวีถิยํ ิตโกว อิมา คาถา อภาสิ –

๓๓๘.

‘‘ยถาปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห,

ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ;

เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต,

นิพฺพตฺตตี ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ.

๓๓๙.

‘‘ยสฺส ฉตฺตึสติ โสตา, มนาปสวนา ภุสา;

มหาวหนฺติ ทุทฺทิฏฺึ, สงฺกปฺปา ราคนิสฺสิตา.

๓๔๐.

‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา, ลตา อุปฺปชฺช ติฏฺติ;

ตฺจ ทิสฺวา ลตํ ชาตํ, มูลํ ปฺาย ฉินฺทถ.

๓๔๑.

‘‘สริตานิ สิเนหิตานิ จ,

โสมนสฺสานิ โหนฺติ ชนฺตุโน;

เต สาตสิตา สุเขสิโน,

เต เว ชาติชรูปคา นรา.

๓๔๒.

‘‘ตสิณาย ปุรกฺขตา ปชา,

ปริสปฺปนฺติ สโสว พนฺธิโต;

สํโยชนสงฺคสตฺตกา,

ทุกฺขมุเปนฺติ ปุนปฺปุนํ จิราย.

๓๔๓.

‘‘ตสิณาย ปุรกฺขตา ปชา,

ปริสปฺปนฺติ สโสว พนฺธิโต;

ตสฺมา ตสิณํ วิโนทเย,

อากงฺขนฺต วิราคมตฺตโน’’ติ.

ตตฺถ มูเลติ ยสฺส รุกฺขสฺส จตูสุ ทิสาสุ จตุธา เหฏฺา จ อุชุกเมว คเต ปฺจวิธมูเล เฉทนผาลนปาจนวิชฺฌนาทีนํ เกนจิ อุปทฺทเวน อนุปทฺทเว ถิรปตฺตตาย ทฬฺเห โส รุกฺโข อุปริจฺฉินฺโนปิ สาขานํ วเสน ปุนเทว รูหติ, เอวเมว ฉทฺวาริกาย ตณฺหาย อนุสเย อรหตฺตมคฺคาเณน อนุหเต อสมุจฺฉินฺเน ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ชาติอาทิเภทํ อิทํ ทุกฺขํ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตติเยวาติ อตฺโถ.

ยสฺสาติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ‘‘อิติ อชฺฌตฺติกสฺสูปาทาย อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานิ พาหิรสฺสูปาทาย อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานี’’ติ อิเมสํ ตณฺหาวิจริตานํ วเสน ฉตฺตึสติยา โสเตหิ สมนฺนาคตา มนาเปสุ รูปาทีสุ อาสวติ ปวตฺตตีติ มนาปสวนา ตณฺหา ภุสา พลวตี โหติ, ตํ ปุคฺคลํ วิปนฺนาณตาย ทุทฺทิฏฺึ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต มหนฺตภาเวน มหา หุตฺวา ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา อนิสฺสาย ราคนิสฺสิตา สงฺกปฺปา วหนฺตีติ อตฺโถ.

สวนฺติ สพฺพธิ โสตาติ อิเม ตณฺหาโสตา จกฺขุทฺวาราทีนํ วเสน สพฺเพสุ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ สวนโต, สพฺพาปิ รูปตณฺหา…เป… ธมฺมตณฺหาติ สพฺพภเวสุ วา สวนโต สพฺพธิ สวนฺติ นาม. ลตาติ ปลิเวนฏฺเน สํสิพฺพนฏฺเน จ ลตา วิยาติ ลตา. อุปฺปชฺช ติฏฺตีติ ฉหิ ทฺวาเรหิ อุปฺปชฺชิตฺวา รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ติฏฺติ. ตฺจ ทิสฺวาติ ตํ ปน ตณฺหาลตํ ‘‘เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ ชาตฏฺานวเสน ทิสฺวา. ปฺายาติ สตฺเถน วเน ชาตํ ลตํ วิย มคฺคปฺาย มูเล ฉินฺทถาติ อตฺโถ.

สริตานีติ อนุสฏานิ ปยาตานิ. สิเนหิตานีติ จีวราทีสุ ปวตฺตสิเนหวเสน สิเนหิตานิ จ, ตณฺหาสิเนหมกฺขิตานีติ อตฺโถ. โสมนสฺสานีติ ตณฺหาวสิกสฺส ชนฺตุโน เอวรูปานิ โสมนสฺสานิ ภวนฺติ. เต สาตสิตาติ เต ตณฺหาวสิกา ปุคฺคลา สาตนิสฺสิตา สุขนิสฺสิตา จ หุตฺวา สุเขสิโน สุขปริเยสิโน ภวนฺติ. เต เวติ เย เอวรูปา นรา, เต ชาติชราพฺยาธิมรณานิ อุปคจฺฉนฺติเยวาติ ชาติชรูปคา นาม โหนฺติ. ปชาติ อิเม สตฺตา ตาสกรเณน ตสิณาติ สงฺขฺยํ คตาย ตณฺหาย ปุรกฺขตา ปริวาริตา หุตฺวา.

พนฺธิโตติ ลุทฺเทน อรฺเ พทฺโธ สโส วิย ปริสปฺปนฺติ ภายนฺติ. สํโยชนสงฺคสตฺตกาติ ทสวิเธน สํโยชนสงฺเคน เจว สตฺตวิเธน ราคสงฺคาทินา จ สตฺตา พทฺธา ตสฺมึ วา ลคฺคา หุตฺวา. จิรายาติ จิรํ ทีฆมทฺธานํ ปุนปฺปุนํ ชาติอาทิกํ ทุกฺขํ อุปคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา ตสิณาย ปุรกฺขตา ปลิเวิตา สตฺตา, ตสฺมา อตฺตโน วิราคํ ราคาทิวิคมํ นิพฺพานํ ปตฺเถนฺโต อากงฺกมาโน ภิกฺขุ อรหตฺตมคฺเคเนตํ ตสิณํ วิโนทเย ปนุทิตฺวา นีหริตฺวา ฉฑฺเฑยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ.

สาปิ โข สูกรโปติกา ตโต จวิตฺวา สุวณฺณภูมิยํ ราชกุเล นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา พาราณสิยํ, ตโต จุตา สุปฺปารกปฏฺฏเน อสฺสวาณิชเคเห นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา กาวีรปฏฺฏเน นาวิกสฺส เคเห นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา อนุราธปุเร อิสฺสรกุลเคเห นิพฺพตฺติ, ตโต จุตา ตสฺเสว ทกฺขิณทิสาย โภกฺกนฺตคาเม สุมนสฺส นาม กุฏุมฺพิกสฺส ธีตา นาเมน สุมนา เอว หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถสฺสา ปิตา ตสฺมึ คาเม ฉฑฺฑิเต ทีฆวาปิรฏฺํ คนฺตฺวา มหามุนิคาเม นาม วสิ. ตตฺถ นํ ทุฏฺคามณิรฺโ อมจฺโจ ลกุณฺฑกอติมฺพโร นาม เกนจิเทว กรณีเยน คโต ทิสฺวา มหนฺตํ มงฺคลํ กตฺวา อาทาย มหาปุณฺณคามํ คโต. อถ นํ โกฏิปพฺพตมหาวิหารวาสี มหาอนุรุทฺธตฺเถโร นาม ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ตสฺสา เคหทฺวาเร ิโต ทิสฺวา ภิกฺขูหิ สทฺธึ กเถสิ, ‘‘อาวุโส, สูกรโปติกา นาม ลกุณฺฑกอติมฺพรมหามตฺตสฺส ภริยภาวํ ปตฺตา, อโห อจฺฉริย’’นฺติ. สา ตํ กถํ สุตฺวา อตีตภเว อุคฺฆาเฏตฺวา ชาติสฺสราณํ ปฏิลภิ. ตงฺขณฺเว อุปฺปนฺนสํเวคา สามิกํ ยาจิตฺวา มหนฺเตน อิสฺสริเยน ปฺจพลกตฺเถรีนํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ติสฺสมหาวิหาเร มหาสติปฏฺานสุตฺตกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ปจฺฉา ทมิฬมทฺทเน กเต าตีนํ วสนฏฺานํ โภกฺกนฺตคามเมว คนฺตฺวา ตตฺถ วสนฺตี กลฺลมหาวิหาเร อาสีวิโสปมสุตฺตนฺตํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.

สา ปรินิพฺพานทิวเส ภิกฺขุภิกฺขุนีหิ ปุจฺฉิตา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส สพฺพํ อิมํ ปวตฺตึ นิรนฺตรํ กเถตฺวา สนฺนิปติตสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ มณฺฑลารามวาสินา ธมฺมปทภาณกมหาติสฺสตฺเถเรน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ‘‘อหํ ปุพฺเพ มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุตา กุกฺกุฏี หุตฺวา ตตฺถ เสนสฺส สนฺติกา สีสจฺเฉทํ ปตฺวา ราชคเห นิพฺพตฺตา, ปริพฺพาชิกาสุ ปพฺพชิตฺวา ปมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุตา เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺตา นจิรสฺเสว จวิตฺวา สูกรโยนึ คนฺตฺวา ตโต จุตา สุวณฺณภูมึ, ตโต จุตา พาราณสึ, ตโต จุตา สุปฺปารกปฏฺฏนํ, ตโต จุตา กาวีรปฏฺฏนํ, ตโต จุตา อนุราธปุรํ, ตโต จุตา โภกฺกนฺตคาม’’นฺติ เอวํ สมวิสเม เตรส อตฺตภาเว ปตฺวา ‘‘อิทานิ อุกฺกณฺิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา, สพฺเพปิ อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ วตฺวา จตสฺโส ปริสา สํเวเชตฺวา ปรินิพฺพายีติ.

สูกรโปติกาวตฺถุ ทุติยํ.

๓. วิพฺภนฺตภิกฺขุวตฺถุ

โย นิพฺพนโถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ วิพฺภนฺตกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร มหากสฺสปตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก หุตฺวา จตฺตาริ ฌานานิ อุปฺปาเทตฺวาปิ อตฺตโน มาตุลสฺส สุวณฺณการสฺส เคเห วิสภาคารมฺมณํ ทิสฺวา ตตฺถ ปฏิพทฺธจิตฺโต วิพฺภมิ. อถ นํ มนุสฺสา อลสภาเวน กมฺมํ กาตุํ อนิจฺฉนฺตํ เคหา นีหรึสุ. โส ปาปมิตฺตสํสคฺเคน โจรกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปนฺโต วิจริ. อถ นํ เอกทิวสํ คเหตฺวา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก กสาหิ ตาเฬนฺตา อาฆาตนํ นยึสุ. เถโร ปิณฺฑาย จริตุํ ปวิสนฺโต ตํ ทกฺขิเณน ทฺวาเรน นีหริยมานํ ทิสฺวา พนฺธนํ สิถิลํ กาเรตฺวา ‘‘ปุพฺเพ ตยา ปริจิตกมฺมฏฺานํ ปุน อาวชฺเชหี’’ติ อาห. โส เตน โอวาเทน สตุปฺปาทํ ลภิตฺวา ปุน จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสิ. อถ นํ ‘‘อาฆาตนํ เนตฺวา ฆาเตสฺสามา’’ติ สูเล อุตฺตาเสสุํ. โส น ภายติ น สนฺตสติ. อถสฺส ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ิตา มนุสฺสา อสิสตฺติโตมราทีนิ อาวุธานิ อุกฺขิปิตฺวาปิ ตํ อสนฺตสนฺตเมว ทิสฺวา ‘‘ปสฺสถ, โภ, อิมํ ปุริสํ, อเนกสตานฺหิ อาวุธหตฺถานํ ปุริสานํ มชฺเฌ เนว ฉมฺภติ น เวธติ, อโห อจฺฉริย’’นฺติ อจฺฉริยพฺภุตชาตา มหานาทํ นทิตฺวา รฺโ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ราชา ตํ การณํ สุตฺวา ‘‘วิสฺสชฺเชถ น’’นฺติ อาห. สตฺถุ สนฺติกมฺปิ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรจยึสุ. สตฺถา โอภาสํ ผริตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๓๔๔.

‘‘โย นิพฺพนโถ วนาธิมุตฺโต,

วนมุตฺโต วนเมว ธาวติ;

ตํ ปุคฺคลเมถ ปสฺสถ,

มุตฺโต พนฺธนเมว ธาวตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล คิหิภาเว อาลยสงฺขาตํ วนถํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิตตาย นิพฺพนโถ ทิพฺพวิหารสงฺขาเต ตโปวเน อธิมุตฺโต ฆราวาสพนฺธนสงฺขาตา ตณฺหาวนา มุตฺโต หุตฺวา ปุน ฆราวาสพนฺธนสงฺขาตํ ตณฺหาวนเมว ธาวติ, เอถ ตํ ปุคฺคลํ ปสฺสถ, เอโส ฆราวาสพนฺธนโต มุตฺโต ฆราวาสพนฺธนเมว ธาวตีติ.

อิมํ ปน เทสนํ สุตฺวา โส ราชปุริสานํ อนฺตเร สูลคฺเค นิสินฺโนว อุทยพฺพยํ ปฏฺเปตฺวา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา สมาปตฺติสุขํ อนุภวนฺโต เวหาสํ อุปฺปติตฺวา อากาเสเนว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สราชิกาย ปริสาย มชฺเฌเยว อรหตฺตํ ปาปุณีติ.

วิพฺภนฺตภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.

๔. พนฺธนาคารวตฺถุ

ตํ ทฬฺหนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พนฺธนาคารํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมึ กิร กาเล พหู สนฺธิจฺเฉทกปนฺถฆาตกมนุสฺสฆาตเก โจเร อาเนตฺวา โกสลรฺโ ทสฺสยึสุ. เต ราชา อนฺทุพนฺธนรชฺชุพนฺธนสงฺขลิกพนฺธเนหิ พนฺธาเปสิ. ตึสมตฺตาปิ โข ชานปทา ภิกฺขู สตฺถารํ ทฏฺุกามา อาคนฺตฺวา ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส สาวตฺถึ ปิณฺฑาย จรนฺตา พนฺธนาคารํ คนฺตฺวา เต โจเร ทิสฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา สายนฺหสมเย ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช อมฺเหหิ ปิณฺฑาย จรนฺเตหิ พนฺธนาคาเร พหู โจรา อนฺทุพนฺธนาทีหิ พทฺธา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทิฏฺา, เต ตานิ พนฺธนานิ ฉินฺทิตฺวา ปลายิตุํ น สกฺโกนฺติ, อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, เตหิ พนฺธเนหิ ถิรตรํ อฺํ พนฺธนํ นามา’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, กึ พนฺธนานิ นาเมตานิ, ยํ ปเนตํ ธนธฺปุตฺตทาราทีสุ ตณฺหาสงฺขาตํ กิเลสพนฺธนํ, เอตํ เอเตหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน ถิรตรํ, เอวํ มหนฺตมฺปิ ปเนตํ ทุจฺฉินฺทนิยํ พนฺธนํ โปราณกปณฺฑิตา ฉินฺทิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ ทุคฺคตคหปติกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ปิตา กาลมกาสิ. โส ภตึ กตฺวา มาตรํ โปเสสิ. อถสฺส มาตา อนิจฺฉมานสฺเสว เอกํ กุลธีตรํ เคเห กตฺวา อปรภาเค กาลมกาสิ. ภริยายปิสฺส กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺหิ. โส คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ อชานนฺโตว, ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ ภตึ กตฺวา ชีว, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘สามิ, นนุ คพฺโภ เม ปติฏฺิโต, มยิ วิชาตาย ทารกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสสี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺสา วิชาตกาเล, ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ โสตฺถินา วิชาตา, อิทานิ อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาปุจฺฉิ. อถ นํ สา ‘‘ปุตฺตสฺส ตาว ถนปานโต อปคมนกาลํ อาคเมหี’’ติ วตฺวา ปุน คพฺภํ คณฺหิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา คนฺตุํ น สกฺกา, อิมิสฺสา อนาจิกฺขิตฺวาว ปลายิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ตสฺสา อนาจิกฺขิตฺวาว รตฺติภาเค อุฏฺาย ปลายิ. อถ นํ นครคุตฺติกา อคฺคเหสุํ. โส ‘‘อหํ, สามิ, มาตุโปสโก นาม, วิสฺสชฺเชถ ม’’นฺติ อตฺตานํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา เอกสฺมึ าเน วสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺาสมาปตฺติโย ลภิตฺวา ฌานกีฬาย กีฬนฺโต วิหาสิ. โส ตตฺถ วสนฺโตเยว ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม เม ทุจฺฉินฺทนิยํ ปุตฺตทารพนฺธนํ กิเลสพนฺธนํ ฉินฺน’’นฺติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.

สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา เตน อุทานิตํ อุทานํ ปกาเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๔๕.

‘‘น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา,

ยทายสํ ทารุชปพฺพชฺจ;

สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ,

ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา.

๓๔๖.

‘‘เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา,

โอหารินํ สิถิลํ ทุปฺปมุฺจํ;

เอตมฺปิ เฉตฺวาน ปริพฺพชนฺติ,

อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติ.

ตตฺถ ธีราติ พุทฺธาทโย ปณฺฑิตปุริสา ยํ สงฺขลิกสงฺขาตํ อยสา นิพฺพตฺตํ อายสํ, อนฺทุพนฺธนสงฺขาตํ ทารุชํ, ยฺจ ปพฺพชติเณหิ วา อฺเหิ วา วากาทีหิ รชฺชุํ กตฺวา กตํ รชฺชุพนฺธนํ, ตํ อสิอาทีหิ ฉินฺทิตุํ สกฺกุเณยฺยภาเวน ถิรนฺติ น วทนฺตีติ อตฺโถ. สารตฺตรตฺตาติ สารตฺตา หุตฺวา รตฺตา, พหลตรราครตฺตาติ อตฺโถ. มณิกุณฺฑเลสูติ มณีสุ เจว กุณฺฑเลสุ จ, มณิวิจิตฺเตสุ วา กุณฺฑเลสุ. เอตํ ทฬฺหนฺติ เย มณิกุณฺฑเลสุ สารตฺตรตฺตา, เตสํ โส ราโค จ ยา ปุตฺตทาเรสุ อเปกฺขา ตณฺหา, เอตํ กิเลสมยํ พนฺธนฺจ ปณฺฑิตปุริสา ทฬฺหนฺติ วทนฺติ. โอหารินนฺติ อากฑฺฒิตฺวา จตูสุ อปาเยสุ ปาตนโต อวหรติ เหฏฺา หรตีติ โอหารินํ. สิถิลนฺติ พนฺธนฏฺาเน ฉวิจมฺมมํสานิ น ฉินฺทติ, โลหิตํ น นีหรติ, พนฺธนภาวมฺปิ อชานาเปตฺวา ถลปถชลปถาทีสุ กมฺมานิ กาตุํ เทตีติ สิถิลํ. ทุปฺปมุฺจนฺติ โลภวเสน หิ เอกวารมฺปิ อุปฺปนฺนํ กิเลสพนฺธนํ ทฏฺฏฺานโต กจฺฉโป วิย ทุมฺโมจิยํ โหตีติ ทุปฺปมุฺจํ. เอตมฺปิ เฉตฺวานาติ เอตํ ทฬฺหมฺปิ กิเลสพนฺธนํ าณขคฺเคน ฉินฺทิตฺวา อนเปกฺขิโน หุตฺวา กามสุขํ ปหาย ปริพฺพชนฺติ, ปกฺกมนฺติ ปพฺพชนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

พนฺธนาคารวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. เขมาเถรีวตฺถุ

เย ราครตฺตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เขมํ นาม รฺโ พิมฺพิสารสฺส อคฺคมเหสึ อารพฺภ กเถสิ.

สา กิร ปทุมุตฺตรปาทมูเล ปตฺถิตปตฺถนา อติวิย อภิรูปา ปาสาทิกา อโหสิ. ‘‘สตฺถา กิร รูปสฺส โทสํ กเถตี’’ติ สุตฺวา ปน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ น อิจฺฉิ. ราชา ตสฺสา รูปมทมตฺตภาวํ ตฺวา เวฬุวนวณฺณนาปฏิสํยุตฺตานิ คีตานิ กาเรตฺวา นฏาทีนํ ทาเปสิ. เตสํ ตานิ คายนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา ตสฺสา เวฬุวนํ อทิฏฺปุพฺพํ วิย อสุตปุพฺพํ วิย จ อโหสิ. สา ‘‘กตรํ อุยฺยานํ สนฺธาย คายถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทวี, ตุมฺหากํ เวฬุวนุยฺยานเมวา’’ติ วุตฺเต อุยฺยานํ คนฺตุกามา อโหสิ. สตฺถา ตสฺสา อาคมนํ ตฺวา ปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโตว ตาลวณฺฏํ อาทาย อตฺตโน ปสฺเส ตฺวา พีชมานํ อภิรูปํ อิตฺถึ นิมฺมินิ. เขมา, เทวีปิ ปวิสมานาว ตํ อิตฺถึ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ รูปสฺส โทสํ กเถตีติ วทนฺติ, อยฺจสฺส สนฺติเก อิตฺถี พีชยมานา ิตา, นาหํ อิมิสฺสา กลภาคมฺปิ อุเปมิ, น มยา อีทิสํ อิตฺถิรูปํ ทิฏฺปุพฺพํ, สตฺถารํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ มฺเ’’ติ จินฺเตตฺวา ตถาคตสฺส กถาสทฺทมฺปิ อนิสาเมตฺวา ตเมว อิตฺถึ โอโลกยมานา อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺสา ตสฺมึ รูเป อุปฺปนฺนพหุมานตํ ตฺวา ตํ รูปํ ปมวยาทิวเสน ทสฺเสตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ปริโยสาเน อฏฺิมตฺตาวสานํ กตฺวา ทสฺเสสิ. เขมา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปมฺปิ นาเมตํ รูปํ มุหุตฺเตเนว ขยวยํ สมฺปตฺตํ, นตฺถิ วต อิมสฺมึ รูเป สาโร’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตสฺสา จิตฺตาจารํ โอโลเกตฺวา, ‘‘เขเม, ตฺวํ ‘อิมสฺมึ รูเป สาโร อตฺถี’ติ จินฺเตสิ, ปสฺส ทานิสฺส อสารภาว’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส เขเม สมุสฺสยํ;

อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภิปตฺถิต’’นฺติ. (อป. เถรี ๒.๒.๓๕๔);

สา คาถาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘เขเม, อิเม สตฺตา ราครตฺตา โทสปทุฏฺา โมหมูฬฺหา อตฺตโน ตณฺหาโสตํ สมติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตตฺเถว ลคฺคนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๓๔๗.

‘‘เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ,

สยํ กตํ มกฺกฏโกว ชาลํ;

เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา,

อนเปกฺขิโน สพฺพทุกฺขํ ปหายา’’ติ.

ตตฺถ มกฺกฏโกว ชาลนฺติ ยถา นาม มกฺกฏโก สุตฺตชาลํ กตฺวา มชฺเฌ าเน นาภิมณฺฑเล นิปนฺโน ปริยนฺเต ปติตํ ปฏงฺคํ วา มกฺขิกํ วา เวเคน คนฺตฺวา วิชฺฌิตฺวา ตสฺส รสํ ปิวิตฺวา ปุน คนฺตฺวา ตสฺมึเยว าเน นิปชฺชติ, เอวเมว เย สตฺตา ราครตฺตา โทสปทุฏฺา โมหมูฬฺหา สยํกตํ ตณฺหาโสตํ อนุปตนฺติ, เต ตํ สมติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, เอวํ ทุรติกฺกมํ. เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีราติ ปณฺฑิตา เอตํ พนฺธนํ เฉตฺวา อนเปกฺขิโน นิราลยา หุตฺวา อรหตฺตมคฺเคน สพฺพทุกฺขํ ปหาย วชนฺติ, คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน เขมา อรหตฺเต ปติฏฺหิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสิ. สตฺถา ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, เขมาย ปพฺพชิตุํ วา ปรินิพฺพายิตุํ วา วฏฺฏตี’’ติ. ภนฺเต, ปพฺพาเชถ นํ, อลํ ปรินิพฺพาเนนาติ. สา ปพฺพชิตฺวา อคฺคสาวิกา อโหสีติ.

เขมาเถรีวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. อุคฺคเสนวตฺถุ

มุฺจ ปุเรติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อุคฺคเสนํ อารพฺภ กเถสิ.

ปฺจสตา กิร นฏา สํวจฺฉเร วา ฉมาเส วา ปตฺเต ราชคหํ คนฺตฺวา รฺโ สตฺตาหํ สมชฺชํ กตฺวา พหุํ หิรฺสุวณฺณํ ลภนฺติ, อนฺตรนฺตเร อุกฺเขปทายานํ ปริยนฺโต นตฺถิ. มหาชโน มฺจาติมฺจาทีสุ ตฺวา สมชฺชํ โอโลเกสิ. อเถกา ลงฺฆิกธีตา วํสํ อภิรุยฺห ตสฺส อุปริ ปริวตฺติตฺวา ตสฺส ปริยนฺเต อากาเส จงฺกมมานา นจฺจติ เจว คายติ จ. ตสฺมึ สมเย อุคฺคเสโน นาม เสฏฺิปุตฺโต สหายเกน สทฺธึ มฺจาติมฺเจ ิโต ตํ โอโลเกตฺวา ตสฺสา หตฺถปาทวิกฺเขปาทีสุ อุปฺปนฺนสิเนโห เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ตํ ลภนฺโต ชีวิสฺสามิ, อลภนฺตสฺส เม อิเธว มรณ’’นฺติ อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. มาตาปิตูหิ, ‘‘ตาต, กึ เต รุชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิโตปิ ‘‘ตํ เม นฏธีตรํ ลภนฺตสฺส ชีวิตํ อตฺถิ, อลภนฺตสฺส เม อิเธว มรณ’’นฺติ วตฺวา, ‘‘ตาต, มา เอวํ กริ, อฺํ เต อมฺหากํ กุลสฺส จ โภคานฺจ อนุรูปํ กุมาริกํ อาเนสฺสามา’’ติ วุตฺเตปิ ตเถว วตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺส ปิตา พหุํ ยาจิตฺวาปิ ตํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ตสฺส สหายํ ปกฺโกสาเปตฺวา กหาปณสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อตฺตโน ธีตรํ มยฺหํ ปุตฺตสฺส เทตู’’ติ ปหิณิ. โส ‘‘นาหํ กหาปเณ คเหตฺวา เทมิ, สเจ ปน โส อิมํ อลภิตฺวา ชีวิตุํ น สกฺโกติ, เตน หิ อมฺเหหิ สทฺธึเยว วิจรตุ, ทสฺสามิสฺส ธีตร’’นฺติ อาห. มาตาปิตโร ปุตฺตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โส ‘‘อหํ เตหิ สทฺธึ วิจริสฺสามี’’ติ วตฺวา ยาจนฺตานมฺปิ เตสํ กถํ อนาทิยิตฺวา นิกฺขมิตฺวา นาฏกสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ตสฺส ธีตรํ ทตฺวา เตน สทฺธึเยว คามนิคมราชธานีสุ สิปฺปํ ทสฺเสนฺโต วิจริ.

สาปิ เตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย นจิรสฺเสว ปุตฺตํ ลภิตฺวา กีฬาปยมานา ‘‘สกฏโคปกสฺส ปุตฺต, ภณฺฑหารกสฺส ปุตฺต, กิฺจิ อชานกสฺส ปุตฺตา’’ติ วทติ. โสปิ เนสํ สกฏปริวตฺตกํ กตฺวา ิตฏฺาเน โคณานํ ติณํ อาหรติ, สิปฺปทสฺสนฏฺาเน ลทฺธภณฺฑกํ อุกฺขิปิตฺวา หรติ. ตเทว กิร สนฺธาย สา อิตฺถี ปุตฺตํ กีฬาปยมานา ตถา วทติ. โส อตฺตานํ อารพฺภ ตสฺสา คายนภาวํ ตฺวา ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘มํ สนฺธาย กเถสี’’ติ? ‘‘อาม, ตํ สนฺธายา’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต อหํ ปลายิสฺสามี’’ติ. สา ‘‘กึ ปน มยฺหํ ตยา ปลายิเตน วา อาคเตน วา’’ติ ปุนปฺปุนํ ตเทว คีตํ คายติ. สา กิร อตฺตโน รูปสมฺปตฺติฺเจว ธนลาภฺจ นิสฺสาย ตํ กิสฺมิฺจิ น มฺติ. โส ‘‘กึ นุ โข นิสฺสาย อิมิสฺสา อยํ มาโน’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘สิปฺปํ นิสฺสายา’’ติ ตฺวา ‘‘โหตุ, สิปฺปํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ สสุรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส ชานนกสิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา คามนิคมาทีสุ สิปฺปํ ทสฺเสนฺโต อนุปุพฺเพน ราชคหํ อาคนฺตฺวา ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส อุคฺคเสโน เสฏฺิปุตฺโต นครวาสีนํ สิปฺปํ ทสฺเสสฺสตี’’ติ อาโรจาเปสิ.

นครวาสิโน มฺจาติมฺจาทโย พนฺธาเปตฺวา สตฺตเม ทิวเส สนฺนิปตึสุ. โสปิ สฏฺิหตฺถํ วํสํ อภิรุยฺห ตสฺส มตฺถเก อฏฺาสิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สฺเว เสฏฺิปุตฺโต สิปฺปํ ทสฺเสสฺสามีติ วํสมตฺถเก สฺสติ, ตสฺส ทสฺสนตฺถํ มหาชโน สนฺนิปติสฺสติ. ตตฺร อหํ จตุปฺปทิกํ คาถํ เทเสสฺสามิ, ตํ สุตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, อุคฺคเสโนปิ อรหตฺเต ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. สตฺถา ปุนทิวเส กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อุคฺคเสโนปิ สตฺถริ อนฺโตนครํ อปวิฏฺเเยว อุนฺนาทนตฺถาย มหาชนสฺส องฺคุลิสฺํ ทตฺวา วํสมตฺถเก ปติฏฺาย อากาเสเยว สตฺต วาเร ปริวตฺติตฺวา โอรุยฺห วํสมตฺถเก อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา นครํ ปวิสนฺโต ยถา ตํ ปริสา น โอโลเกติ, เอวํ กตฺวา อตฺตานเมว โอโลกาเปสิ. อุคฺคเสโน ปริสํ โอโลเกตฺวา ‘‘น มํ ปริสา โอโลเกตี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต ‘‘อิทํ มยา สํวจฺฉเร กตฺตพฺพํ สิปฺปํ, สตฺถริ นครํ ปวิสนฺเต ปริสา มํ อโนโลเกตฺวา สตฺถารเมว โอโลเกติ, โมฆํ วต เม สิปฺปทสฺสนํ ชาต’’นฺติ จินฺเตสิ.

สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา มหาโมคฺคลฺลานํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, โมคฺคลฺลาน, เสฏฺิปุตฺตํ วเทหิ ‘สิปฺปํ กิร ทสฺเสตู’’’ติ อาห. เถโร คนฺตฺวา วํสสฺส เหฏฺา ิโต เสฏฺิปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘อิงฺฆ ปสฺส นฏปุตฺต, อุคฺคเสน มหพฺพล;

กโรหิ รงฺคํ ปริสาย, หาสยสฺสุ มหาชน’’นฺติ.

โส เถรสฺส กถํ สุตฺวา ตุฏฺมานโส หุตฺวา ‘‘สตฺถา มฺเ มม สิปฺปํ ปสฺสิตุกาโม’’ติ วํสมตฺถเก ิตโกว อิมํ คาถมาห –

‘‘อิงฺฆ ปสฺส มหาปฺ, โมคฺคลฺลาน มหิทฺธิก;

กโรมิ รงฺคํ ปริสาย, หาสยามิ มหาชน’’นฺติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา วํสมตฺถกโต เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเสว จุทฺทสกฺขตฺตุํ ปริวตฺติตฺวา โอรุยฺห วํสมตฺถเกว อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘อุคฺคเสน, ปณฺฑิเตน นาม อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ ขนฺเธสุ อาลยํ ปหาย ชาติอาทีหิ มุจฺจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๔๘.

‘‘มุฺจ ปุเร มุฺจ ปจฺฉโต,

มชฺเฌ มุฺจ ภวสฺส ปารคู;

สพฺพตฺถ วิมุตฺตมานโส,

น ปุนํ ชาติชรํ อุเปหิสี’’ติ.

ตตฺถ มุฺจ ปุเรติ อตีเตสุ ขนฺเธสุ อาลยํ นิกนฺตึ อชฺโฌสานํ ปตฺถนํ ปริยุฏฺานํ คาหํ ปรามาสํ ตณฺหํ มุฺจ. ปจฺฉโตติ อนาคเตสุปิ ขนฺเธสุ อาลยาทีนิ มุฺจ. มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุปิ ตานิ มุฺจ. ภวสฺส ปารคูติ เอวํ สนฺเต ติวิธสฺสาปิ ภวสฺส อภิฺาปริฺาปหานภาวนาสจฺฉิกิริยวเสน ปารคู ปารงฺคโต หุตฺวา ขนฺธธาตุอายตนาทิเภเท สพฺพสงฺขเต วิมุตฺตมานโส วิหรนฺโต ปุน ชาติชรามรณานิ น อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เสฏฺิปุตฺโตปิ วํสมตฺถเก ิตโกว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา วํสโต โอรุยฺห สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ สตฺถา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อาห. โส ตาวเทว อฏฺปริกฺขารธโร สฏฺิวสฺสิกตฺเถโร วิย อโหสิ. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส อุคฺคเสน, สฏฺิหตฺถสฺส เต วํสสฺส มตฺถกโต โอตรนฺตสฺส ภยํ นาม นาโหสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถิ เม, อาวุโส, ภย’’นฺติ วุตฺเต สตฺถุ อาโรเจสุํ, ‘‘ภนฺเต, อุคฺคเสโน ‘น ภายามี’ติ วทติ, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตน อุคฺคเสเนน สทิสา ฉินฺนสํโยชนา ภิกฺขู ภายนฺติ, น ตสนฺตี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณวคฺเค อิมํ คาถมาห –

‘‘สพฺพสํโยชนํ เฉตฺวา, โย เว น ปริตสฺสติ;

สงฺคาติคํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๙๗; สุ. นิ. ๖๒๖);

เทสนาวสาเน พหูนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ปุเนกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, เอวํ อรหตฺตูปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน นฏธีตรํ นิสฺสาย นเฏหิ สทฺธึ วิจรณการณํ, กึ อรหตฺตูปนิสฺสยการณ’’นฺติ? สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, อุภยมฺเปตํ อิมินา เอว กต’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสตุํ อตีตํ อาหริ.

อตีเต กิร กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติเย กริยมาเน พาราณสิวาสิโน กุลปุตฺตา พหุํ ขาทนียโภชนียํ ยานเกสุ อาโรเปตฺวา ‘‘หตฺถกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ เจติยฏฺานํ คจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค เอกํ เถรํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ปสฺสึสุ. อเถกา กุลธีตา เถรํ โอโลเกตฺวา สามิกํ อาห – ‘‘สามิ, อยฺโย, ปิณฺฑาย ปวิสติ, ยานเก จ โน พหุํ ขาทนียํ โภชนียํ, ปตฺตมสฺส อาหร, ภิกฺขํ ทสฺสามา’’ติ. โส ตํ ปตฺตํ อาหริตฺวา ขาทนียโภชนียสฺส ปูเรตฺวา เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺเปตฺวา อุโภปิ ปตฺถนํ กรึสุ, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺเสว ภาคิโน ภเวยฺยามา’’ติ. โสปิ เถโร ขีณาสโวว, ตสฺมา โอโลเกนฺโต เตสํ ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ตฺวา สิตํ อกาสิ. ตํ ทิสฺวา สา อิตฺถี สามิกํ อาห – ‘‘อมฺหากํ, อยฺโย, สิตํ กโรติ, เอโก นฏการโก ภวิสฺสตี’’ติ. สามิโกปิสฺสา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. อิทํ เตสํ ปุพฺพกมฺมํ. เต ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา สา อิตฺถี นฏเคเห นิพฺพตฺติ, ปุริโส เสฏฺิเคเห. โส ‘‘เอวํ, ภทฺเท, ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺสา ปฏิวจนสฺส ทินฺนตฺตา นเฏหิ สทฺธึ วิจริ. ขีณาสวตฺเถรสฺส ทินฺนปิณฺฑปาตํ นิสฺสาย อรหตฺตํ ปาปุณิ. สาปิ นฏธีตา ‘‘ยา เม สามิกสฺส คติ, มยฺหมฺปิ สา เอว คตี’’ติ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหีติ.

อุคฺคเสนวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตวตฺถุ

วิตกฺกมถิตสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตํ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร ทหรภิกฺขุ สลากคฺเค อตฺตโน ปตฺตสลากํ คเหตฺวา สลากยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปิวิ. ตตฺถ อุทกํ อลภิตฺวา อุทกตฺถาย เอกํ ฆรํ อคมาสิ. ตตฺถ ตํ เอกา กุมาริกา ทิสฺวาว อุปฺปนฺนสิเนหา, ‘‘ภนฺเต, ปุน ปานีเยน อตฺเถ สติ อิเธว อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย ยทา ปานียํ น ลภติ, ตทา ตตฺเถว คจฺฉติ. สาปิสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ปานียํ เทติ. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล ยาคุมฺปิ ทตฺวา ปุเนกทิวสํ ตตฺเถว นิสีทาเปตฺวา ภตฺตํ อทาสิ. สนฺติเก จสฺส นิสีทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ เคเห น กิฺจิ นตฺถิ นาม, เกวลํ มยํ วิจรณกมนุสฺสเมว น ลภามา’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสิ. โส กถิปาเหเนว ตสฺสา กถํ สุตฺวา อุกฺกณฺิ. อถ นํ เอกทิวสํ อาคนฺตุกา ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กสฺมา ตฺวํ, อาวุโส, กิโส อุปฺปณฺฑุปณฺฑุกชาโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหิ, อาวุโส’’ติ วุตฺเต อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติกํ นยึสุ. เตปิ นํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ตฺวํ มาทิสสฺส อารทฺธวีริยสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ‘โสตาปนฺโน’ติ วา ‘สกทาคามี’ติ วา อตฺตานํ อวทาเปตฺวา ‘อุกฺกณฺิโต’ติ วทาเปสิ, ภาริยํ เต กมฺมํ กต’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึ การณา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, เอกา มํ อิตฺถี เอวมาหา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขุ, อนจฺฉริยํ เอตํ ตสฺสา กิริยํ. สา หิ ปุพฺเพ สกลชมฺพุทีเป อคฺคธนุคฺคหปณฺฑิตํ ปหาย ตํมุหุตฺตทิฏฺเก เอกสฺมึ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสี’’ติ วตฺวา ตสฺสตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ ภิกฺขูหิ ยาจิโต –

อตีเต จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตกาเล ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคเหตฺวา เตน ตุฏฺเน ทินฺนํ ธีตรํ อาทาย พาราณสึ คจฺฉนฺตสฺส เอกสฺมึ อฏวิมุเข เอกูนปฺาสาย กณฺเฑหิ เอกูนปฺาสโจเร มาเรตฺวา กณฺเฑสุ ขีเณสุ โจรเชฏฺกํ คเหตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา, ‘‘ภทฺเท, อสึ อาหรา’’ติ วุตฺเต ตาย ตงฺขณํ ทิฏฺโจเร สิเนหํ กตฺวา โจรสฺส หตฺเถ อสิถรุํ เปตฺวา โจเรน ธนุคฺคหปณฺฑิตสฺส มาริตภาวํ อาวิกตฺวา โจเรน จ ตํ อาทาย คจฺฉนฺเตน ‘‘มมฺปิ เอสา อฺํ ทิสฺวา อตฺตโน สามิกํ วิย มาราเปสฺสติ, กึ เม อิมายา’’ติ เอกํ นทึ ทิสฺวา โอริมตีเร ตํ เปตฺวา ตสฺสา ภณฺฑกํ อาทาย ‘‘ตฺวํ อิเธว โหหิ, ยาวาหํ ภณฺฑิกํ อุตฺตาเรมี’’ติ ตตฺเถว ตํ ปหาย คมนภาวฺจ อาวิกตฺวา –

‘‘สพฺพํ ภณฺฑํ สมาทาย, ปารํ ติณฺโณสิ พฺราหฺมณ;

ปจฺจาคจฺฉ ลหุํ ขิปฺปํ, มมฺปิ ตาเรหิ ทานิโต.

‘‘อสนฺถุตํ มํ จิรสนฺถุเตน,

นิมีนิ โภตี อทฺธุวํ ธุเวน;

มยาปิ โภตี นิมิเนยฺย อฺํ,

อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺสํ.

‘‘กายํ เอฬคลาคุมฺเพ, กโรติ อหุหาสิยํ;

นยีธ นจฺจํ วา คีตํ วา, ตาฬํ วา สุสมาหิตํ;

อนมฺหิกาเล สุโสณิ, กึ นุ ชคฺฆสิ โสภเน.

‘‘สิงฺคาล พาล ทุมฺเมธ, อปฺปปฺโสิ ชมฺพุก;

ชีโน มจฺฉฺจ เปสิฺจ, กปโณ วิย ฌายสิ.

‘‘สุทสฺสํ วชฺชมฺเสํ, อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ;

ชีนา ปติฺจ ชารฺจ, มฺเ ตฺวฺเว ฌายสิ.

‘‘เอวเมตํ มิคราช, ยถา ภาสสิ ชมฺพุก;

สา นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, ภตฺตุ เหสฺสํ วสานุคา.

‘‘โย หเร มตฺติกํ ถาลํ, กํสถาลมฺปิ โส หเร;

กตฺเจว ตยา ปาปํ, ปุนเปวํ กริสฺสสี’’ติ. (ชา. ๑.๕.๑๒๘-๑๓๔) –

อิมํ ปฺจกนิปาเต จูฬธนุคฺคหชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘ตทา จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต ตฺวํ อโหสิ, สา อิตฺถี เอตรหิ อยํ กุมาริกา, สิงฺคาลรูเปน อาคนฺตฺวา ตสฺสา นิคฺคหการโก สกฺโก เทวราชา อหเมวา’’ติ วตฺวา ‘‘เอวํ สา อิตฺถี ตํมุหุตฺตทิฏฺเก เอกสฺมึ สิเนเหน สกลชมฺพุทีเป อคฺคปณฺฑิตํ ชีวิตา โวโรเปสิ, ตํ อิตฺถึ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ ตว ตณฺหํ ฉินฺทิตฺวา วิหราหิ ภิกฺขู’’ติ ตํ โอวทิตฺวา อุตฺตริมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๓๔๙.

‘‘วิตกฺกมถิตสฺส ชนฺตุโน,

ติพฺพราคสฺส สุภานุปสฺสิโน;

ภิยฺโย ตณฺหา ปวฑฺฒติ,

เอส โข ทฬฺหํ กโรติ พนฺธนํ.

๓๕๐.

‘‘วิตกฺกูปสเม จ โย รโต,

อสุภํ ภาวยเต สทา สโต;

เอส โข พฺยนฺติ กาหิติ,

เอส เฉจฺฉติ มารพนฺธน’’นฺติ.

ตตฺถ วิตกฺกมถิตสฺสาติ กามวิตกฺกาทีหิ วิตกฺเกหิ นิมฺมถิตสฺส. ติพฺพราคสฺสาติ พหลราคสฺส. สุภานุปสฺสิโนติ อิฏฺารมฺมเณ สุภนิมิตฺตคาหาทิวเสน วิสฺสฏฺมานสตาย สุภนฺติ อนุปสฺสนฺตสฺส. ตณฺหาติ เอวรูปสฺส ฌานาทีสุ เอกมฺปิ น วฑฺฒติ, อถ โข ฉทฺวาริกา ตณฺหาเยว ภิยฺโย วฑฺฒติ. เอส โขติ เอโส ปุคฺคโล ตณฺหาพนฺธนํ ทฬฺหํ สุถิรํ กโรติ. วิตกฺกูปสเมติ มิจฺฉาวิตกฺกาทีนํ วูปสมสงฺขาเต ทสสุ อสุเภสุ ปมชฺฌาเน. สทา สโตติ โย เอตฺถ อภิรโต หุตฺวา นิจฺจํ อุปฏฺิตสติตาย สโต ตํ อสุภฌานํ ภาเวติ. พฺยนฺติ กาหิตีติ เอส ภิกฺขุ ตีสุ ภเวสุ อุปฺปชฺชนกํ ตณฺหํ วิคตนฺตํ กริสฺสติ. มารพนฺธนนฺติ เอโส เตภูมกวฏฺฏสงฺขาตํ มารพนฺธนมฺปิ ฉินฺทิสฺสตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

จูฬธนุคฺคหปณฺฑิตวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. มารวตฺถุ

นิฏฺงฺคโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ วิกาเล สมฺพหุลา เถรา เชตวนวิหารํ ปวิสิตฺวา ราหุลตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ อุฏฺาเปสุํ. โส อฺตฺถ วสนฏฺานํ อปสฺสนฺโต ตถาคตสฺส คนฺธกุฏิยา ปมุเข นิปชฺชิ. ตทา โส อายสฺมา อรหตฺตํ ปตฺโต อวสฺสิโกว โหติ. มาโร วสวตฺติภวเน ิโตเยว ตํ อายสฺมนฺตํ คนฺธกุฏิปมุเข นิปนฺนํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส รุชนกองฺคุลี พหิ นิปนฺโน, สยํ อนฺโตคนฺธกุฏิยํ นิปนฺโน, องฺคุลิยา ปีฬิยมานาย สยมฺปิ ปีฬิโต ภวิสฺสตี’’ติ. โส มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา อาคมฺม โสณฺฑาย เถรสฺส มตฺถกํ ปริกฺขิปิตฺวา มหนฺเตน สทฺเทน โกฺจนาทํ รวิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ตสฺส มารภาวํ ตฺวา, ‘‘มาร, ตาทิสานํ สตสหสฺเสนาปิ มม ปุตฺตสฺส ภยํ อุปฺปาเทตุํ น สกฺกา. ปุตฺโต หิ เม อสนฺตาสี วีตตณฺโห มหาวีริโย มหาปฺโ’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๓๕๑.

‘‘นิฏฺงฺคโต อสนฺตาสี, วีตตณฺโห อนงฺคโณ;

อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ, อนฺติโมยํ สมุสฺสโย.

๓๕๒.

‘‘วีตตณฺโห อนาทาโน, นิรุตฺติปทโกวิโท;

อกฺขรานํ สนฺนิปาตํ, ชฺา ปุพฺพาปรานิ จ;

ส เว อนฺติมสารีโร,

มหาปฺโ มหาปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ นิฏฺงฺคโตติ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตานํ อรหตฺตํ นิฏฺํ นาม, ตํ คโต ปตฺโตติ อตฺโถ. อสนฺตาสีติ อพฺภนฺตเร ราคสนฺตาสาทีนํ อภาเวน อสนฺตสนโก. อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานีติ สพฺพานิปิ ภวคามีนิ สลฺลานิ อจฺฉินฺทิ. สมุสฺสโยติ อยํ เอตสฺส อนฺติโม เทโห.

อนาทาโนติ ขนฺธาทีสุ นิคฺคหโณ. นิรุตฺติปทโกวิโทติ นิรุตฺติยฺจ เสสปเทสุ จาติ จตูสุปิ ปฏิสมฺภิทาสุ เฉโกติ อตฺโถ. อกฺขรานํ สนฺนิปาตํ, ชฺา ปุพฺพาปรานิ จาติ อกฺขรานํ สนฺนิปาตสงฺขาตํ อกฺขรปิณฺฑฺจ ชานาติ, ปุพฺพกฺขเรน อปรกฺขรํ, อปรกฺขเรน ปุพฺพกฺขรฺจ ชานาติ. ปุพฺพกฺขเรน อปรกฺขรํ ชานาติ นาม – อาทิมฺหิ ปฺายมาเน มชฺฌปริโยสาเนสุ อปฺายมาเนสุปิ ‘‘อิเมสํ อกฺขรานํ อิทํ มชฺฌํ, อิทํ ปริโยสาน’’นฺติ ชานาติ. อปรกฺขเรน ปุพฺพกฺขรํ ชานาติ นาม – อนฺเต ปฺายมาเน อาทิมชฺเฌสุ อปฺายมาเนสุ ‘‘อิเมสํ อกฺขรานํ อิทํ มชฺฌํ, อยํ อาที’’ติ ชานาติ. มชฺเฌ ปฺายมาเนปิ ‘‘อิเมสํ อกฺขรานํ อยํ อาทิ, อยํ อนฺโต’’ติ ชานาติ. เอวํ มหาปฺโ. ส เว อนฺติมสารีโรติ เอส โกฏิยํ ิตสรีโร, มหนฺตานํ อตฺถธมฺมนิรุตฺติปฏิภานานํ สีลกฺขนฺธาทีนฺจ ปริคฺคาหิกาย ปฺาย สมนฺนาคตตฺตา มหาปฺโ, ‘‘วิมุตฺตจิตฺตตฺตา ขฺวาหํ, สาริปุตฺต, มหาปุริโสติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๗) วจนโต วิมุตฺตจิตฺตตาย จ มหาปุริโสติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. มาโรปิ ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ สมโณ โคตโม’’ติ ตตฺเถวนฺตรธายีติ.

มารวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. อุปกาชีวกวตฺถุ

สพฺพาภิภูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อนฺตรามคฺเค อุปกํ อาชีวกํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ปตฺตสพฺพฺุตฺาโณ โพธิมณฺเฑ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ธมฺมจกฺกปวตฺตนตฺถํ พาราณสึ สนฺธาย อฏฺารสโยชนมคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค อุปกํ อาชีวกํ อทฺทส. โสปิ สตฺถารํ ทิสฺวา ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต, กํสิ ตฺวํ, อาวุโส, อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต, โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา ‘‘มยฺหํ อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๕๓.

‘‘สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมิ,

สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโต;

สพฺพฺชโห ตณฺหกฺขเย วิมุตฺโต,

สยํ อภิฺาย กมุทฺทิเสยฺย’’นฺติ.

ตตฺถ สพฺพาภิภูติ สพฺเพสํ เตภูมกธมฺมานํ อภิภวนโต สพฺพาภิภู. สพฺพวิทูติ วิทิตสพฺพจตุภูมกธมฺโม. สพฺเพสุ ธมฺเมสูติ สพฺเพสุปิ เตภูมกธมฺเมสุ ตณฺหาทิฏฺีหิ อนูปลิตฺโต. สพฺพฺชโหติ สพฺเพ เตภูมกธมฺเม ชหิตฺวา ิโต. ตณฺหกฺขเย วิมุตฺโตติ ตณฺหกฺขยนฺเต อุปฺปาทิเต ตณฺหกฺขยสงฺขาเต อรหตฺเต อเสขาย วิมุตฺติยา วิมุตฺโต. สยํ อภิฺายาติ อภิฺเยฺยาทิเภเท ธมฺเม สยเมว ชานิตฺวา. กมุทฺทิเสยฺยนฺติ ‘‘อยํ เม อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา’’ติ กํ นาม อุทฺทิเสยฺยนฺติ.

เทสนาวสาเน อุปโก อาชีวโก ตถาคตสฺส วจนํ เนวาภินนฺทิ, น ปฏิกฺโกสิ. สีสํ ปน จาเลตฺวา ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา เอกปทิกมคฺคํ คเหตฺวา อฺตรํ ลุทฺทกนิวาสนฏฺานํ อคมาสีติ.

อุปกาชีวกวตฺถุ นวมํ.

๑๐. สกฺกปฺหวตฺถุ

สพฺพทานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สกฺกํ เทวราชานํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ตาวตึสเทวโลเก เทวตา สนฺนิปติตฺวา จตฺตาโร ปฺเห สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กตรํ ทานํ นุ โข ทาเนสุ, กตโร รโส รเสสุ, กตรา รติ รตีสุ เชฏฺกา, ตณฺหกฺขโยว กสฺมา เชฏฺโกติ วุจฺจตี’’ติ? เต ปฺเห เอกา เทวตาปิ วินิจฺฉิตุํ นาสกฺขิ. เอโก ปน เทโว เอกํ เทวํ, โสปิ อปรนฺติ เอวํ อฺมฺํ ปุจฺฉนฺตา ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ วิจรึสุ. เอตฺตเกนาปิ กาเลน ปฺหานํ อตฺถํ อทิสฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา จตุนฺนํ มหาราชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาตา, มหาเทวตาสนฺนิปาโต’’ติ วุตฺเต ‘‘จตฺตาโร ปฺเห สมุฏฺาเปตฺวา วินิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺตา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคตมฺหา’’ติ. ‘‘กึ ปฺหํ นาเมตํ, ตาตา’’ติ. ‘‘ทานรสรตีสุ กตมา ทานรสรตี นุ โข เสฏฺา, ตณฺหกฺขโยว กสฺมา เสฏฺโ’’ติ อิเม ปฺเห วินิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺตา อาคตมฺหาติ. ตาตา, มยมฺปิ อิเมสํ อตฺเถ น ชานาม, อมฺหากํ ปน ราชา ชนสหสฺเสน จินฺติเต อตฺเถ จินฺเตตฺวา ตงฺขเณเนว ชานาติ, โส อมฺเหหิ ปฺาย จ ปุฺเน จ วิสิฏฺโ, เอถ, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉามาติ ตเมว เทวคณํ อาทาย สกฺกสฺส เทวรฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตนาปิ ‘‘กึ, ตาตา, มหนฺโต เทวสนฺนิปาโต’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ‘‘ตาตา, อิเมสํ ปฺหานํ อตฺถํ อฺโปิ ชานิตุํ น สกฺโกติ, พุทฺธวิสยา เหเต. สตฺถา ปเนตรหิ กหํ วิหรตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เชตวเน’’ติ สุตฺวา ‘‘เอถ, ตสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ เทวคเณน สทฺธึ รตฺติภาเค สกลํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘กึ, มหาราช, มหตา เทวสงฺเฆน อาคโตสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, เทวคเณน อิเม นาม ปฺหา สมุฏฺาปิตา, อฺโ อิเมสํ อตฺถํ ชานิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อิเมสํ โน อตฺถํ ปกาเสถา’’ติ อาห.

สตฺถา ‘‘สาธุ มหาราช, มยา หิ ปารมิโย ปูเรตฺวา มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา ตุมฺหาทิสานํ กงฺขจฺเฉทนตฺถเมว สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธํ, ตยา ปุจฺฉิตปฺเหสุ หิ สพฺพทานานํ ธมฺมทานํ เสฏฺํ, สพฺพรสานํ ธมฺมรโส เสฏฺโ, สพฺพรตีนํ ธมฺมรติ เสฏฺา, ตณฺหกฺขโย ปน อรหตฺตํ สมฺปาปกตฺตา เสฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๕๔.

‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ,

สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;

สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ,

ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ.

ตตฺถ สพฺพทานํ ธมฺมทานนฺติ สเจปิ หิ จกฺกวาฬคพฺเภ ยาว พฺรหฺมโลกา นิรนฺตรํ กตฺวา สนฺนิสินฺนานํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวานํ กทลิคพฺภสทิสานิ จีวรานิ ทเทยฺย, ตสฺมึ สมาคเม จตุปฺปทิกาย คาถาย กตานุโมทนาว เสฏฺา. ตฺหิ ทานํ ตสฺสา คาถาย โสฬสึ กลํ นาคฺฆติ. เอวํ ธมฺมสฺส เทสนาปิ วาจนมฺปิ สวนมฺปิ มหนฺตํ. เยน จ ปุคฺคเลน พหูนํ ตํ ธมฺมสฺสวนํ การิตํ, ตสฺเสว อานิสํโส มหา. ตถารูปาย เอว ปริสาย ปณีตปิณฺฑปาตสฺส ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺนทานโตปิ สปฺปิเตลาทีนํ ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺนเภสชฺชทานโตปิ มหาวิหารสทิสานํ วิหารานฺจ โลหปาสาทสทิสานฺจ ปาสาทานํ อเนกานิ สตสหสฺสานิ กาเรตฺวา ทินฺนเสนาสนทานโตปิ อนาถปิณฺฑิกาทีหิ วิหาเร อารพฺภ กตปริจฺจาคโตปิ อนฺตมโส จตุปฺปทิกาย คาถาย อนุโมทนาวเสนาปิ ปวตฺติตํ ธมฺมทานเมว วรํ เสฏฺํ. กึ การณา? เอวรูปานิ หิ ปุฺานิ กโรนฺตา ธมฺมํ สุตฺวาว กโรนฺติ, โน อสุตฺวา. สเจ หิ อิเม สตฺตา ธมฺมํ น สุเณยฺยุํ, อุฬุงฺกมตฺตํ ยาคุมฺปิ กฏจฺฉุมตฺตํ ภตฺตมฺปิ น ทเทยฺยุํ. อิมินา การเณน สพฺพทาเนหิ ธมฺมทานเมว เสฏฺํ. อปิจ เปตฺวา พุทฺเธ จ ปจฺเจกพุทฺเธ จ สกลกปฺปํ เทเว วสฺสนฺเต อุทกพินฺทูนิ คเณตุํ สมตฺถาย ปฺาย สมนฺนาคตา สาริปุตฺตาทโยปิ อตฺตโน ธมฺมตาย โสตาปตฺติผลาทีนิ อธิคนฺตุํ นาสกฺขึสุ, อสฺสชิตฺเถราทีหิ กถิตธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกรึสุ, สตฺถุ ธมฺมเทสนาย สาวกปารมีาณํ สจฺฉิกรึสุ. อิมินาปิ การเณน, มหาราช, ธมฺมทานเมว เสฏฺํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาตี’’ติ.

สพฺเพ ปน คนฺธรสาทโยปิ รสา อุกฺกํสโต เทวตานํ สุธาโภชนรโสปิ สํสารวฏฺเฏ ปาเตตฺวา ทุกฺขานุภวนสฺเสว ปจฺจโย. โย ปเนส สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาโต จ นวโลกุตฺตรธมฺมสงฺขาโต จ ธมฺมรโส, อยเมว สพฺพรสานํ เสฏฺโ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาตี’’ติ. ยาเปสา ปุตฺตรติธีตุรติธนรติอิตฺถิรตินจฺจคีตวาทิตาทิรติปเภทา จ อเนกปฺปเภทา รตี, สาปิ สํสารวฏฺเฏ ปาเตตฺวา ทุกฺขานุภวนสฺเสว ปจฺจโย. ยา ปเนสา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส วา สุณนฺตสฺส วา วาเจนฺตสฺส วา อนฺโต อุปฺปชฺชมานา ปีติ อุทคฺคภาวํ ชเนติ, อสฺสูนิ ปวตฺเตติ, โลมหํสํ ชเนติ, สายํ สํสารวฏฺฏสฺส อนฺตํ กตฺวา อรหตฺตปริโยสานา โหติ. ตสฺมา สพฺพรตีนํ เอวรูปา ธมฺมรติเยว เสฏฺา. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาตี’’ติ ตณฺหกฺขโย ปน ตณฺหาย ขยนฺเต อุปฺปนฺนํ อรหตฺตํ สกลสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อภิภวนโต สพฺพเสฏฺเมว. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ.

เอวํ สตฺถริ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถํ กเถนฺเตเยว จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สกฺโกปิ สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, เอวํเชฏฺเก นาม ธมฺมทาเน กิมตฺถํ อมฺหากํ ปตฺตึ น ทาเปถ, อิโต ปฏฺาย โน ภิกฺขุสงฺฆสฺส กเถตฺวา ปตฺตึ ทาเปถ, ภนฺเต’’ติ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อชฺชาทึ กตฺวา มหาธมฺมสฺสวนํ วา ปากติกธมฺมสฺสวนํ วา อุปนิสินฺนกถํ วา อนฺตมโส อนุโมทนมฺปิ กเถตฺวา สพฺพสตฺตานํ ปตฺตึ ทเทยฺยาถา’’ติ อาห.

สกฺกปฺหวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. อปุตฺตกเสฏฺิวตฺถุ

หนนฺติ โภคาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อปุตฺตกเสฏฺึ นาม อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส กิร กาลกิริยํ สุตฺวา ราชา ปเสนทิ โกสโล ‘‘อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ กสฺส ปาปุณาตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘รฺโ’’ติ สุตฺวา สตฺตหิ ทิวเสหิ ตสฺส เคหโต ธนํ ราชกุลํ อภิหราเปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวาทิวสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิธ, ภนฺเต, สาวตฺถิยํ เสฏฺิ, คหปติ, กาลกโต, ตมหํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชนฺเตปุรํ อภิหริตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ อาห. สพฺพํ สุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๑๓๐) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

โส กิร สุวณฺณปาติยา นานคฺครสโภชเน อุปนีเต ‘‘เอวรูปํ นาม มนุสฺสา ภุฺชนฺติ, กึ ตุมฺเห มยา สทฺธึ อิมสฺมึ เคเห เกฬึ กโรถา’’ติ โภชเน อุปฏฺิเต เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหริตฺวา ปลาเปตฺวา ‘‘อิทํ มนุสฺสานํ โภชน’’นฺติ กณาชกํ ภุฺชติ พิฬงฺคทุติยํ. วตฺถยานฉตฺเตสุปิ มนาเปสุ อุปฏฺาปิเตสุ เต มนุสฺเส เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหรนฺโต ปลาเปตฺวา สาณานิ ธาเรติ, ชชฺชรรถเกน ยาติ ปณฺณฉตฺตเกน ธาริยมาเนนาติ เอวํ รฺา อาโรจิเต สตฺถา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถสิ.

ภูตปุพฺพํ โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ตครสิขึ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสิ. ‘‘เทถ สมณสฺส ปิณฺฑ’’นฺติ วตฺวา โส อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ตสฺมึ กิร อสฺสทฺเธ พาเล เอวํ วตฺวา ปกฺกนฺเต ตสฺส ภริยา สทฺธา ปสนฺนา ‘‘จิรสฺสํ วต เม อิมสฺส มุขโต ‘เทหี’ติ วจนํ สุตํ, อชฺช มม มโนรถํ ปูเรนฺตี ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามี’’ติ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ปณีตโภชนสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. โสปิ นิวตฺตมาโน ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, สมณ, กิฺจิ เต ลทฺธ’’นฺติ ปตฺตํ คเหตฺวา ปณีตปิณฺฑปาตํ ทิสฺวา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภุฺเชยฺยุํ. เต หิ อิมํ ภุฺชิตฺวา มยฺหํ กมฺมํ กริสฺสนฺติ, อยํ ปน คนฺตฺวา ภุฺชิตฺวา นิทฺทายิสฺสติ, นฏฺโ เม โส ปิณฺฑปาโต’’ติ. โส ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตกํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสิ. โส กิรสฺส องฺคุลึ คเหตฺวา วิจรนฺโต ‘‘อิทํ มยฺหํ ปิตุสนฺตกํ ยานกํ, อยํ ตสฺส โคโณ’’ติอาทีนิ อาห. อถ นํ โส เสฏฺิ ‘‘อิทานิ ตาเวส เอวํ วเทติ, อิมสฺส ปน วุฑฺฒิปฺปตฺตกาเล อิมสฺมึ เคเห โภเค โก รกฺขิสฺสตี’’ติ ตํ อรฺํ เนตฺวา เอกสฺมึ คจฺฉมูเล คีวาย คเหตฺวา มูลกนฺทํ วิย คีวํ ผาเลตฺวา มาเรตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑสิ. อิทมสฺส ปุพฺพกมฺมํ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ตครสิขึ ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสิ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน สตฺตกฺขตฺตุํ สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิ, ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา สตฺตกฺขตฺตุํ เสฏฺิตฺตํ กาเรสิ. ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ทตฺวา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ ‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภุฺเชยฺยุ’นฺติ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน นาสฺสุฬาราย ภตฺตโภคาย จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬาราย วตฺถโภคาย, นาสฺสุฬาราย ยานโภคาย, นาสฺสุฬารานํ ปฺจนฺนํ กามคุณานํ โภคาย จิตฺตํ นมติ. ยํ โข โส, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, ภาตุ จ ปน เอกปุตฺตํ สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตา โวโรเปสิ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺถ, ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิทํ สตฺตมํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชโกสํ ปเวเสติ. ตสฺส โข ปน, มหาราช, เสฏฺิสฺส คหปติสฺส ปุราณฺจ ปุฺํ ปริกฺขีณํ, นวฺจ ปุฺํ อนุปจิตํ. อชฺช ปน, มหาราช, เสฏฺิ, คหปติ, มหาโรรุเว นิรเย ปจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๓๑).

ราชา สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ‘‘อโห, ภนฺเต, ภาริยํ กมฺมํ, เอตฺตเก นาม โภเค วิชฺชมาเน เนว อตฺตนา ปริภุฺชิ, น ตุมฺหาทิเส พุทฺเธ ธุรวิหาเร วิหรนฺเต ปุฺกมฺมํ อกาสี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอวเมตํ, มหาราช, ทุมฺเมธปุคฺคลา นาม โภเค ลภิตฺวา นิพฺพานํ น คเวสนฺติ, โภเค นิสฺสาย อุปฺปนฺนตณฺหา ปเนเต ทีฆรตฺตํ หนตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๕๕.

‘‘หนนฺติ โภคา ทุมฺเมธํ, โน จ ปารคเวสิโน;

โภคตณฺหาย ทุมฺเมโธ, หนฺติ อฺเว อตฺตน’’นฺติ.

ตตฺถ โน จ ปารคเวสิโนติ เย ปน นิพฺพานปารคเวสิโน ปุคฺคลา, น เต โภคา หนนฺติ. อฺเว อตฺตนนฺติ โภเค นิสฺสาย อุปฺปนฺนาย ตณฺหาย ทุปฺปฺโ ปุคฺคโล ปเร วิย อตฺตานเมว หนตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อปุตฺตกเสฏฺิวตฺถุ เอกาทสมํ.

๑๒. องฺกุรวตฺถุ

ติณโทสานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วิหรนฺโต องฺกุรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘เย ฌานปฺปสุตา ธีรา’’ติ (ธ. ป. ๑๘๑) คาถาย วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺเหตํ ตตฺถ อินฺทกํ อารพฺภ. โส กิร อนุรุทฺธตฺเถรสฺส อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส อตฺตโน อาภตํ กฏจฺฉุมตฺตกํ ภิกฺขํ ทาเปสิ. ตทสฺส ปุฺํ องฺกุเรน ทสวสฺสสหสฺสานิ ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา ทินฺนทานโต มหปฺผลตรํ ชาตํ. ตสฺมา เอวมาห. เอวํ วุตฺเต สตฺถา, ‘‘องฺกุร, ทานํ นาม วิเจยฺย ทาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ ตํ สุเขตฺเต สุวุตฺตพีชํ วิย มหปฺผลํ โหติ. ตฺวํ ปน ตถา นากาสิ, เตน เต ทานํ น มหปฺผลํ ชาต’’นฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต –

‘‘วิเจยฺย ทานํ ทาตพฺพํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;

วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ,

เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;

เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ,

พีชานิ วุตฺตานิ ยถาสุเขตฺเต’’ติ. (เป. ว. ๓๒๙) –

วตฺวา อุตฺตริมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๕๖.

‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา;

ตสฺมา หิ วีตราเคสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.

๓๕๗.

‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โทสโทสา อยํ ปชา;

ตสฺมา หิ วีตโทเสสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.

๓๕๘.

‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โมหโทสา อยํ ปชา;

ตสฺมา หิ วีตโมเหสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.

๓๕๙.

‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, อิจฺฉาโทสา อยํ ปชา;

ตสฺมา หิ วิคติจฺเฉสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.

ตตฺถ ติณโทสานีติ สามากาทีนิ ติณานิ อุฏฺหนฺตานิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณานิ เขตฺตานิ ทูเสนฺติ, เตน ตานิ น พหุผลานิ โหนฺติ. เอวํ สตฺตานมฺปิ อนฺโต ราโค อุปฺปชฺชนฺโต สตฺเต ทูเสติ, เตน เตสุ ทินฺนํ มหปฺผลํ น โหติ. ขีณาสเวสุ ทินฺนํ ปน มหปฺผลํ โหติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา;

ตสฺมา หิ วีตราเคสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ. –

เสสคาถาสุปิ เอเสว นโย.

เทสนาวสาเน องฺกุโร จ อินฺทโก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

องฺกุรวตฺถุ ทฺวาทสมํ.

ตณฺหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุวีสติโม วคฺโค.

๒๕. ภิกฺขุวคฺโค

๑. ปฺจภิกฺขุวตฺถุ

จกฺขุนา สํวโรติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจ ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เตสุ กิร เอเกโก จกฺขุทฺวาราทีสุ ปฺจสุ ทฺวาเรสุ เอเกกเมว รกฺขิ. อเถกทิวสํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อหํ ทุรกฺขํ รกฺขามิ, อหํ ทุรกฺขํ รกฺขามี’’ติ วิวทิตฺวา ‘‘สตฺถารํ ปุจฺฉิตฺวา อิมมตฺถํ ชานิสฺสามา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยํ จกฺขุทฺวาราทีนิ รกฺขนฺตา อตฺตโน อตฺตโน รกฺขนทฺวารเมว ทุรกฺขนฺติ มฺาม, โก นุ โข อมฺเหสุ ทุรกฺขํ รกฺขตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา เอกํ ภิกฺขุมฺปิ อโนสาเทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สพฺพานิ เปตานิ ทุรกฺขาเนว, อปิ จ โข ปน ตุมฺเห น อิทาเนว ปฺจสุ าเนสุ อสํวุตา, ปุพฺเพปิ อสํวุตา, อสํวุตตฺตาเยว จ ปณฺฑิตานํ โอวาเท อวตฺติตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิตฺถา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา, ภนฺเต’’ติ เตหิ ยาจิโต อตีเต ตกฺกสิลชาตกสฺส วตฺถุํ วิตฺถาเรตฺวา รกฺขสีนํ วเสน ราชกุเล ชีวิตกฺขยํ ปตฺเต ปตฺตาภิเสเกน มหาสตฺเตน เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา ราชาสเน นิสินฺเนน อตฺตโน สิริสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘วีริยํ นาเมตํ สตฺเตหิ กตฺตพฺพเมวา’’ติ อุทานวเสน อุทานิตํ –

‘‘กุสลูปเทเส ธิติยา ทฬฺหาย จ,

อนิวตฺติตตฺตาภยภีรุตาย จ;

น รกฺขสีนํ วสมาคมิมฺหเส,

ส โสตฺถิภาโว มหตา ภเยน เม’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๓๒) –

อิมํ คาถํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตทาปิ ตุมฺเหว ปฺจ ชนา ตกฺกสิลายํ รชฺชคหณตฺถาย นิกฺขนฺตํ มหาสตฺตํ อาวุธหตฺถา ปริวาเรตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค รกฺขสีหิ จกฺขุทฺวาราทิวเสน อุปนีเตสุ รูปารมฺมณาทีสุ อสํวุตา ปณฺฑิตสฺส โอวาเท อวตฺติตฺวา โอลียนฺตา รกฺขสีหิ ขาทิตา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิตฺถ. เตสุ ปน อารมฺมเณสุ สุสํวุโต ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธนฺตึ เทววณฺณึ ยกฺขินึ อนาทิยิตฺวา โสตฺถินา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา รชฺชํ ปตฺโต ราชา อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม สพฺพานิ ทฺวารานิ สํวริตพฺพานิ. เอตานิ หิ สํวรนฺโต เอว สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๖๐.

‘‘จกฺขุนา สํวโร สาธุ, สาธุ โสเตน สํวโร;

ฆาเนน สํวโร สาธุ, สาธุ ชิวฺหาย สํวโร.

๓๖๑.

‘‘กาเยน สํวโร สาธุ, สาธุ วาจาย สํวโร;

มนสา สํวโร สาธุ, สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร;

สพฺพตฺถ สํวุโต ภิกฺขุ, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ จกฺขุนาติ ยทา หิ ภิกฺขุโน จกฺขุทฺวาเร รูปารมฺมณํ อาปาถมาคจฺฉติ, ตทา อิฏฺารมฺมเณ อรชฺชนฺตสฺส อนิฏฺารมฺมเณ อทุสฺสนฺตสฺส อสมเปกฺขเนน โมหํ อนุปฺปาเทนฺตสฺส ตสฺมึ ทฺวาเร สํวโร ถกนํ ปิทหนํ คุตฺติ กตา นาม โหติ. ตสฺส โส เอวรูโป จกฺขุนา สํวโร สาธุ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุปิ. จกฺขุทฺวาราทีสุเยว ปน สํวโร วา อสํวโร วา นุปฺปชฺชติ, ปรโต ปน ชวนวีถิยํ เอส ลพฺภติ. ตทา หิ อสํวโร อุปฺปชฺชนฺโต อสฺสทฺธา อกฺขนฺติ โกสชฺชํ มุฏฺสจฺจํ อฺาณนฺติ อกุสลวีถิยํ อยํ ปฺจวิโธ ลพฺภติ. สํวโร อุปฺปชฺชนฺโต สทฺธา ขนฺติ วีริยํ สติ าณนฺติ กุสลวีถิยํ อยํ ปฺจวิโธ ลพฺภติ.

กาเยน สํวโรติ เอตฺถ ปน ปสาทกาโยปิ โจปนกาโยปิ ลพฺภติ. อุภยมฺปิ ปเนตํ กายทฺวารเมว. ตตฺถ ปสาททฺวาเร สํวราสํวโร กถิโตว. โจปนทฺวาเรปิ ตํวตฺถุกา ปาณาติปาตอทินฺนาทานกาเมสุมิจฺฉาจารา. เตหิ ปน สทฺธึ อกุสลวีถิยํ อุปฺปชฺชนฺเตหิ ตํ ทฺวารํ อสํวุตํ โหติ, กุสลวีถิยํ อุปฺปชฺชนฺเตหิ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีหิ สํวุตํ. สาธุ วาจายาติ เอตฺถาปิ โจปนวาจาปิ วาจา. ตาย สทฺธึ อุปฺปชฺชนฺเตหิ มุสาวาทาทีหิ ตํ ทฺวารํ อสํวุตํ โหติ, มุสาวาทาเวรมณิอาทีหิ สํวุตํ. มนสา สํวโรติ เอตฺถาปิ ชวนมนโต อฺเน มเนน สทฺธึ อภิชฺฌาทโย นตฺถิ. มโนทฺวาเร ปน ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชมาเนหิ อภิชฺฌาทีหิ ตํ ทฺวารํ อสํวุตํ โหติ, อนภิชฺฌาทีหิ สํวุตํ โหติ. สาธุ สพฺพตฺถาติ เตสุ จกฺขุทฺวาราทีสุ สพฺเพสุปิ สํวโร สาธุ. เอตฺตาวตา หิ อฏฺ สํวรทฺวารานิ อฏฺ จ อสํวรทฺวารานิ กถิตานิ. เตสุ อฏฺสุ อสํวรทฺวาเรสุ ิโต ภิกฺขุ สกลวฏฺฏมูลกทุกฺขโต น มุจฺจติ, สํวรทฺวาเรสุ ปน ิโต สพฺพสฺมาปิ วฏฺฏมูลกทุกฺขา มุจฺจติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพตฺถ สํวุโต ภิกฺขุ, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

เทสนาวสาเน เต ปฺจ ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ปฺจภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.

๒. หํสฆาตกภิกฺขุวตฺถุ

หตฺถสํยโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ หํสฆาตกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิวาสิโน กิร ทฺเว สหายกา ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปทา เยภุยฺเยน เอกโต วิจรนฺติ. เต เอกทิวสํ อจิรวตึ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อาตเป ตปฺปมานา สารณียกถํ กเถนฺตา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ ทฺเว หํสา อากาเสน คจฺฉนฺติ. อเถโก ทหรภิกฺขุ สกฺขรํ คเหตฺวา ‘‘เอกสฺส หํสโปตกสฺส อกฺขึ ปหริสฺสามี’’ติ อาห, อิตโร ‘‘น สกฺขิสฺสามี’’ติ อาห. ติฏฺตุ อิมสฺมึ ปสฺเส อกฺขิ, ปรปสฺเส อกฺขึ ปหริสฺสามีติ. อิทมฺปิ น สกฺขิสฺสสิเยวาติ. ‘‘เตน หิ อุปธาเรหี’’ติ ทุติยํ สกฺขรํ คเหตฺวา หํสสฺส ปจฺฉาภาเค ขิปิ, หํโส สกฺขรสทฺทํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกสิ. อถ นํ อิตรํ วฏฺฏสกฺขรํ คเหตฺวา ปรปสฺเส อกฺขิมฺหิ ปหริตฺวา โอริมกฺขินา นิกฺขาเมสิ. หํโส วิรวนฺโต ปริวตฺติตฺวา เตสํ ปาทมูเลเยว ปติ. ตตฺถ ตตฺถ ิตา ภิกฺขู ทิสฺวา, ‘‘อาวุโส, พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา อนนุจฺฉวิกํ โว กตํ ปาณาติปาตํ กโรนฺเตหี’’ติ วตฺวา เต อาทาย คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ทสฺเสสุํ.

สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา ภิกฺขุ ปาณาติปาโต กโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ กสฺมา เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวมกาสิ, โปราณกปณฺฑิตา อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ อคารมชฺเฌ วสมานา อปฺปมตฺตเกสุปิ าเนสุ กุกฺกุจฺจํ กรึสุ, ตฺวํ ปน เอวรูเป พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา กุกฺกุจฺจมตฺตมฺปิ น อกาสี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต กุรุรฏฺเ อินฺทปตฺตนคเร ธนฺจเย รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน วิฺุตํ ปตฺโต ตกฺกสิลายํ สิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ปิตรา อุปรชฺเช ปติฏฺาปิโต อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปนฺโต กุรุธมฺเม วตฺติตฺถ. กุรุธมฺโม นาม ปฺจสีลานิ, ตานิ โพธิสตฺโต ปริสุทฺธานิ กตฺวา รกฺขิ. ยถา จ โพธิสตฺโต, เอวมสฺส มาตา อคฺคมเหสี กนิฏฺภาตา อุปราชา ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ รชฺชุคาหโก อมจฺโจ สารถิ เสฏฺิ โทณมาปโก มหามตฺโต โทวาริโก นครโสภินี วณฺณทาสีติ เอวเมเตสุ เอกาทสสุ ชเนสุ กุรุธมฺมํ รกฺขนฺเตสุ กลิงฺครฏฺเ ทนฺตปุรนคเร กลิงฺเค รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺมึ รฏฺเ เทโว น วสฺสิ. มหาสตฺตสฺส ปน อฺชนสนฺนิโภ นาม มงฺคลหตฺถี มหาปุฺโ โหติ. รฏฺวาสิโน ‘‘ตสฺมึ อานีเต เทโว วสฺสิสฺสตี’’ติ สฺาย รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ตสฺส หตฺถิสฺส อานยนตฺถาย พฺราหฺมเณ ปหิณิ. เต คนฺตฺวา มหาสตฺตํ หตฺถึ ยาจึสุ. สตฺถา เตสํ ยาจนการณํ ทสฺเสตุํ อาห –

‘‘ตว สทฺธฺจ สีลฺจ, วิทิตฺวาน ชนาธิป;

วณฺณํ อฺชนวณฺเณน, กลิงฺคสฺมึ นิมิมฺหเส’’ติ. (ชา. ๑.๓.๗๖) –

อิมํ ติกนิปาเต ชาตกํ กเถสิ. หตฺถิมฺหิ ปน อานีเตปิ เทเว อวสฺสนฺเต ‘‘โส ราชา กุรุธมฺมํ รกฺขติ, เตนสฺส รฏฺเ เทโว วสฺสตี’’ติ สฺาย ‘‘ยํ โส กุรุธมฺมํ รกฺขติ, ตํ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขิตฺวา อาเนถา’’ติ ปุน กาลิงฺโค พฺราหฺมเณ จ อมจฺเจ จ เปเสสิ. เตสุ คนฺตฺวา ยาจนฺเตสุ ราชานํ อาทึ กตฺวา สพฺเพปิ เต อตฺตโน อตฺตโน สีเลสุ กิฺจิ กุกฺกุจฺจมตฺตํ กตฺวา ‘‘อปริสุทฺธํ โน สีล’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวาปิ ‘‘น เอตฺตาวตา สีลเภโท โหตี’’ติ เตหิ ปุนปฺปุนํ ยาจิตา อตฺตโน อตฺตโน สีลานิ กถยึสุ. กาลิงฺโค สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปตฺวา อาภตํ กุรุธมฺมํ ทิสฺวาว สมาทาย สาธุกํ ปูเรสิ. ตสฺส รฏฺเ เทโว ปาวสฺสิ, รฏฺํ เขมํ สุภิกฺขํ อโหสิ. สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘คณิกา อุปฺปลวณฺณา, ปุณฺโณ โทวาริโก ตทา;

รชฺชุคาโห จ กจฺจาโน, โทณมาปโก จ โกลิโต.

‘‘สาริปุตฺโต ตทา เสฏฺี, อนุรุทฺโธ จ สารถี;

พฺราหฺมโณ กสฺสโป เถโร, อุปราชานนฺทปณฺฑิโต.

‘‘มเหสี ราหุลมาตา, มายาเทวี ชเนตฺติกา;

กุรุราชา โพธิสตฺโต, เอวํ ธาเรถ ชาตก’’นฺติ. –

ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ‘‘ภิกฺขุ เอวํ ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา อปฺปมตฺตเกปิ กุกฺกุจฺเจ อุปฺปนฺเน อตฺตโน สีลเภเท อาสงฺกํ กรึสุ, ตฺวํ ปน มาทิสสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปาณาติปาตํ กโรนฺโต อติภาริยํ กมฺมมกาสิ, ภิกฺขุนา นาม หตฺเถหิ ปาเทหิ วาจาย จ สํยเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๖๒.

‘‘หตฺถสํยโต ปาทสํยโต,

วาจาสํยโต สํยตุตฺตโม;

อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต,

เอโก สนฺตุสิโต ตมาหุ ภิกฺขุ’’นฺติ.

ตตฺถ หตฺถสํยโตติ หตฺถกีฬาปนาทีนํ วา หตฺเถน ปเรสํ ปหรณาทีนํ วา อภาเวน หตฺถสํยโต. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. วาจาย ปน มุสาวาทาทีนํ อกรณโต วาจาย สํยโต. สํยตุตฺตโมติ สํยตตฺตภาโว, กายจลนสีสุกฺขิปนภมุกวิการาทีนํ อการโกติ อตฺโถ. อชฺฌตฺตรโตติ โคจรชฺฌตฺตสงฺขาตาย กมฺมฏฺานภาวนาย รโต. สมาหิโตติ สุฏฺุ ปิโต. เอโก สนฺตุสิโตติ เอกวิหารี หุตฺวา สุฏฺุ ตุสิโต วิปสฺสนาจารโต ปฏฺาย อตฺตโน อธิคเมน ตุฏฺมานโส. ปุถุชฺชนกลฺยาณกฺหิ อาทึ กตฺวา สพฺเพปิ เสขา อตฺตโน อธิคเมน สนฺตุสฺสนฺตีติ สนฺตุสิตา, อรหา ปน เอกนฺตสนฺตุสิโตว. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

หํสฆาตกภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.

๓. โกกาลิกวตฺถุ

โย มุขสํยโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติ สุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๑๘๑; สุ. นิ. โกกาลิกสุตฺต; อ. นิ. ๑๐.๘๙) อาคตเมว. อตฺโถปิสฺส อฏฺกถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

โกกาลิเก ปน ปทุมนิรเย อุปฺปนฺเน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห โกกาลิโก ภิกฺขุ อตฺตโน มุขํ นิสฺสาย วินาสํ ปตฺโต, ทฺเว อคฺคสาวเก อกฺโกสนฺตสฺเสว หิสฺส ปถวี วิวรํ อทาสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ โกกาลิโก ภิกฺขุ อตฺตโน มุขเมว นิสฺสาย นฏฺโ’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ โสตุกาเมหิ ภิกฺขูหิ ยาจิโต ตสฺส ปกาสนตฺถํ อตีตํ อาหริ.

อตีเต หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมึ สเร กจฺฉโป วสติ. ทฺเว หํสโปตกา โคจราย จรนฺตา เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ กตฺวา ทฬฺหวิสฺสาสิกา หุตฺวา เอกทิวสํ กจฺฉปํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘สมฺม, อมฺหากํ หิมวนฺเต จิตฺตกูฏปพฺพตตเล กฺจนคุหาย วสนฏฺานํ, รมณิโย ปเทโส, คจฺฉิสฺสสิ อมฺเหหิ สทฺธิ’’นฺติ. ‘‘สมฺม, อหํ กถํ คมิสฺสามี’’ติ? ‘‘มยํ ตํ เนสฺสาม, สเจ มุขํ รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘รกฺขิสฺสามิ, สมฺมา คเหตฺวา มํ คจฺฉถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เอกํ ทณฺฑกํ กจฺฉเปน ฑํสาเปตฺวา สยํ ตสฺส อุโภ โกฏิโย ฑํสิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทึสุ. ตํ ตถา หํเสหิ นียมานํ คามทารกา ทิสฺวา ‘‘ทฺเว หํสา กจฺฉปํ ทณฺเฑน หรนฺตี’’ติ อาหํสุ. กจฺฉโป ‘‘ยทิ มํ สหายกา เนนฺติ, ตุมฺหากํ เอตฺถ กึ โหติ ทุฏฺเจฏกา’’ติ วตฺตุกาโม หํสานํ สีฆเวคตาย พาราณสินคเร ราชนิเวสนสฺส อุปริภาคํ สมฺปตฺตกาเล ทฏฺฏฺานโต ทณฺฑกํ วิสฺสชฺเชตฺวา อากาสงฺคเณ ปติตฺวา ทฺเวธา ภิชฺชิ. สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘อวธี วต อตฺตานํ, กจฺฉโป พฺยาหรํ คิรํ;

สุคฺคหีตสฺมึ กฏฺสฺมึ, วาจาย สกิยาวธี.

‘‘เอตมฺปิ ทิสฺวา นรวีริยเสฏฺ,

วาจํ ปมุฺเจ กุสลํ นาติเวลํ;

ปสฺสสิ พหุภาเณน, กจฺฉปํ พฺยสนํ คต’’นฺติ. (ชา. ๑.๒.๑๒๙-๑๓๐);

อิมํ ทุกนิปาเต พหุภาณิชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม มุขสํยเตน สมจารินา อนุทฺธเตน นิพฺพุตจิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๖๓.

‘‘โย มุขสํยโต ภิกฺขุ, มนฺตภาณี อนุทฺธโต;

อตฺถํ ธมฺมฺจ ทีเปติ, มธุรํ ตสฺส ภาสิต’’นฺติ.

ตตฺถ มุขสํยโตติ ทาสจณฺฑาลาทโยปิ ‘‘ตฺวํ ทุชฺชาโต, ตฺวํ ทุสฺสีโล’’ติอาทีนํ อวจนตาย มุเขน สํยโต. มนฺตภาณีติ มนฺตา วุจฺจติ ปฺา, ตาย ภณนสีโล. อนุทฺธโตติ นิพฺพุตจิตฺโต. อตฺถํ ธมฺมฺจ ทีเปตีติ ภาสิตตฺถฺเจว เทสนาธมฺมฺจ กเถติ. มธุรนฺติ เอวรูปสฺส ภิกฺขุโน ภาสิตํ มธุรํ นาม. โย ปน อตฺถเมว สมฺปาเทติ, น ปาฬึ, ปาฬึเยว สมฺปาเทติ, น อตฺถํ, อุภยํ วา ปน น สมฺปาเทติ, ตสฺส ภาสิตํ มธุรํ นาม น โหตีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

โกกาลิกวตฺถุ ตติยํ.

๔. ธมฺมารามตฺเถรวตฺถุ

ธมฺมาราโมติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมารามตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

สตฺถารา กิร ‘‘อิโต เม จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสตี’’ติ อาโรจิเต อเนกสหสฺสา ภิกฺขู สตฺถารํ ปริวาเรตฺวา วิจรึสุ. ตตฺถ ปุถุชฺชนา ภิกฺขู อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขึสุ, ขีณาสวานํ ธมฺมสํเวโค อุปฺปชฺชิ. สพฺเพปิ ‘‘กึ นุ โข กริสฺสามา’’ติ วคฺคพนฺธเนน วิจรนฺติ. เอโก ปน ธมฺมาราโม นาม ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ น อุปสงฺกมติ. ภิกฺขูหิ ‘‘กึ, อาวุโส’’ติ วุจฺจมาโน ปฏิวจนมฺปิ อทตฺวา ‘‘สตฺถา กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสติ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, สตฺถริ ธรมาเนเยว วายมิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ เอกโกว วิหรนฺโต สตฺถารา เทสิตํ ธมฺมํ อาวชฺเชติ จินฺเตติ อนุสฺสรติ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, ธมฺมารามสฺส ตุมฺเหสุ สิเนหมตฺตมฺปิ นตฺถิ, ‘สตฺถา กิร ปรินิพฺพายิสฺสติ, กึ นุ โข กริสฺสามา’ติ อมฺเหหิ สทฺธึ สมฺมนฺตนมตฺตมฺปิ น กโรตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ตุมฺเห กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสถ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, ตุมฺเหสุ ธรนฺเตสุเยว วายมิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามีติ ตุมฺเหหิ เทสิตํ ธมฺมํ อาวชฺชามิ จินฺเตมิ อนุสฺสรามีติ.

สตฺถา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อฺเนาปิ มยิ สิเนหวนฺเตน ภิกฺขุนา นาม ธมฺมารามสทิเสเนว ภวิตพฺพํ. น หิ มยฺหํ มาลาคนฺธาทีหิ ปูชํ กโรนฺตา มม ปูชํ กโรนฺติ นาม, ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชนฺตาเยว ปน มํ ปูเชนฺติ นามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๖๔.

‘‘ธมฺมาราโม ธมฺมรโต, ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ;

ธมฺมํ อนุสฺสรํ ภิกฺขุ, สทฺธมฺมา น ปริหายตี’’ติ.

ตตฺถ นิวาสนฏฺเน สมถวิปสฺสนาธมฺโม อาราโม อสฺสาติ ธมฺมาราโม. ตสฺมึเยว ธมฺเม รโตติ ธมฺมรโต. ตสฺเสว ธมฺมสฺส ปุนปฺปุนํ วิจินฺตนตาย ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ, ตํ ธมฺมํ อาวชฺเชนฺโต มนสิกโรนฺโตติ อตฺโถ. อนุสฺสรนฺติ ตเมว ธมฺมํ อนุสฺสรนฺโต. สทฺธมฺมาติ เอวรูโป ภิกฺขุ สตฺตตึสเภทา โพธิปกฺขิยธมฺมา นววิธโลกุตฺตรธมฺมา จ น ปริหายตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ธมฺมารามตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. วิปกฺขเสวกภิกฺขุวตฺถุ

สลาภนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อฺตรํ วิปกฺขเสวกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส กิเรโก เทวทตฺตปกฺขิโก ภิกฺขุ สหาโย อโหสิ. โส ตํ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กุหึ คโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อสุกฏฺานํ นาม ปิณฺฑาย จริตุ’’นฺติ. ‘‘ลทฺโธ เต ปิณฺฑปาโต’’ติ? ‘‘อาม, ลทฺโธ’’ติ. ‘‘อิธ อมฺหากํ มหาลาภสกฺกาโร, กติปาหํ อิเธว โหหี’’ติ. โส ตสฺส วจเนน กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา สกฏฺานเมว อคมาสิ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘อยํ, ภนฺเต, เทวทตฺตสฺส อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ ปริภุฺชติ, เทวทตฺตสฺส ปกฺขิโก เอโส’’ติ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ เอวมกาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, อหํ ตตฺถ เอกํ ทหรํ นิสฺสาย กติปาหํ วสึ, น จ ปน เทวทตฺตสฺส ลทฺธึ โรเจมี’’ติ. อถ นํ ภควา ‘‘กิฺจาปิ ตฺวํ ลทฺธึ น โรเจสิ, ทิฏฺทิฏฺกานํเยว ปน ลทฺธึ โรเจนฺโต วิย วิจรสิ. น ตฺวํ อิทาเนว เอวํ กโรสิ, ปุพฺเพปิ เอวรูโปเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘อิทานิ ตาว, ภนฺเต, อมฺเหหิ สามํ ทิฏฺโ, ปุพฺเพ ปเนส เกสํ ลทฺธึ โรเจนฺโต วิย วิจริ, อาจิกฺขถ โน’’ติ ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘ปุราณโจราน วโจ นิสมฺม,

มหิฬามุโข โปถยมนฺวจารี;

สุสฺตานฺหิ วโจ นิสมฺม,

คชุตฺตโม สพฺพคุเณสุ อฏฺา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๒๖) –

อิมํ มหิฬามุขชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม สกลาเภเนว สนฺตุฏฺเน ภวิตพฺพํ, ปรลาภํ ปตฺเถตุํ น วฏฺฏติ. ปรลาภํ ปตฺเถนฺตสฺส หิ ฌานวิปสฺสนามคฺคผเลสุ เอกธมฺโมปิ นุปฺปชฺชติ, สกลาภสนฺตุฏฺสฺเสว ปน ฌานาทีนิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๖๕.

‘‘สลาภํ นาติมฺเยฺย, นาฺเสํ ปิหยํ จเร;

อฺเสํ ปิหยํ ภิกฺขุ, สมาธึ นาธิคจฺฉติ.

๓๖๖.

‘‘อปฺปลาโภปิ เจ ภิกฺขุ, สลาภํ นาติมฺติ;

ตํ เว เทวา ปสํสนฺติ, สุทฺธาชีวึ อตนฺทิต’’นฺติ.

ตตฺถ สลาภนฺติ อตฺตโน อุปฺปชฺชนกลาภํ. สปทานจารฺหิ ปริวชฺเชตฺวา อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปนฺโต สลาภํ อติมฺติ หีเฬติ ชิคุจฺฉติ นาม. ตสฺมา เอวํ อกรเณน สลาภํ นาติมฺเยฺย. อฺเสํ ปิหยนฺติ อฺเสํ ลาภํ ปตฺเถนฺโต น จเรยฺยาติ อตฺโถ. สมาธึ นาธิคจฺฉตีติ อฺเสฺหิ ลาภํ ปิหยนฺโต เตสํ จีวราทิกรเณ อุสฺสุกฺกํ อาปนฺโน ภิกฺขุ อปฺปนาสมาธึ วา อุปจารสมาธึ วา นาธิคจฺฉติ. สลาภํ นาติมฺตีติ อปฺปลาโภปิ สมาโน อุจฺจนีจกุเล ปฏิปาฏิยา สปทานํ จรนฺโต ภิกฺขุ สลาภํ นาติมฺติ นาม. ตํ เวติ ตํ เอวรูปํ ภิกฺขุํ สารชีวิตตาย สุทฺธาชีวึ ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ชีวิตกปฺปเนน อกุสีตตาย อตนฺทิตํ เทวา ปสํสนฺติ โถเมนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

วิปกฺขเสวกภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. ปฺจคฺคทายกพฺราหฺมณวตฺถุ

สพฺพโสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจคฺคทายกํ นาม พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร สสฺเส เขตฺเต ิตกาเลเยว เขตฺตคฺคํ นาม เทติ, ขลกาเล ขลคฺคํ นาม เทติ, ขลภณฺฑกาเล ขลภณฺฑคฺคํ นาม เทติ, อุกฺขลิกกาเล กุมฺภคฺคํ นาม เทติ, ปาติยํ วฑฺฒิตกาเล ปาตคฺคํ นาม เทตีติ อิมานิ ปฺจ อคฺคทานานิ เทติ, สมฺปตฺตสฺส อทตฺวา นาม น ภุฺชติ. เตนสฺส ปฺจคฺคทายโกตฺเวว นามํ อโหสิ. สตฺถา ตสฺส จ พฺราหฺมณิยา จสฺส ติณฺณํ ผลานํ อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา พฺราหฺมณสฺส โภชนเวลายํ คนฺตฺวา ทฺวาเร อฏฺาสิ. โสปิ ทฺวารปมุเข อนฺโตเคหาภิมุโข นิสีทิตฺวา ภุฺชติ, สตฺถารํ ทฺวาเร ิตํ น ปสฺสติ. พฺราหฺมณี ปน ตํ ปริวิสมานา สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ปฺจสุ าเนสุ อคฺคํ ทตฺวา ภุฺชติ, อิทานิ จ สมโณ โคตโม อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ิโต. สเจ พฺราหฺมโณ เอตํ ทิสฺวา อตฺตโน ภตฺตํ หริตฺวา ทสฺสติ, ปุนปาหํ ปจิตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ. สา ‘‘เอวํ อยํ สมณํ โคตมํ น ปสฺสิสฺสตี’’ติ สตฺถุ ปิฏฺึ ทตฺวา ตสฺส ปจฺฉโต ตํ ปฏิจฺฉาเทนฺตี โอนมิตฺวา ปุณฺณจนฺทํ ปาณินา ปฏิจฺฉาเทนฺตี วิย อฏฺาสิ. ตถา ิตา เอว จ ปน ‘‘คโต นุ โข โน’’ติ สตฺถารํ อฑฺฒกฺขิเกน โอโลเกสิ. สตฺถา ตตฺเถว อฏฺาสิ. พฺราหฺมณสฺส ปน สวนภเยน ‘‘อติจฺฉถา’’ติ น วเทติ, โอสกฺกิตฺวา ปน สณิกเมว ‘‘อติจฺฉถา’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘น คมิสฺสามี’’ติ สีสํ จาเลสิ. โลกครุนา พุทฺเธน ‘‘น คมิสฺสามี’’ติ สีเส จาลิเต สา สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี มหาหสิตํ หสิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา เคหาภิมุขํ โอภาสํ มุฺจิ. พฺราหฺมโณปิ ปิฏฺึ ทตฺวา นิสินฺโนเยว พฺราหฺมณิยา หสิตสทฺทํ สุตฺวา ฉพฺพณฺณานฺจ รสฺมีนํ โอภาสํ โอโลเกตฺวา สตฺถารํ อทฺทส. พุทฺธา หิ นาม คาเม วา อรฺเ วา เหตุสมฺปนฺนานํ อตฺตานํ อทสฺเสตฺวา น ปกฺกมนฺติ. พฺราหฺมโณปิ สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘โภติ นาสิโตมฺหิ ตยา, ราชปุตฺตํ อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ิตํ มยฺหํ อนาจิกฺขนฺติยา ภาริยํ เต กมฺมํ กต’’นฺติ วตฺวา อฑฺฒภุตฺตํ โภชนปาตึ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘โภ โคตม, อหํ ปฺจสุ าเนสุ อคฺคํ ทตฺวาว ภุฺชามิ, อิโต จ เม มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา เอโกว ภตฺตโกฏฺาโส ภุตฺโต, เอโก โกฏฺาโส อวสิฏฺโ, ปฏิคฺคณฺหิสฺสสิ เม อิทํ ภตฺต’’นฺติ. สตฺถา ‘‘น เม ตว อุจฺฉิฏฺภตฺเตน อตฺโถ’’ติ อวตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, อคฺคมฺปิ มยฺหเมว อนุจฺฉวิกํ, มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อฑฺฒภุตฺตภตฺตมฺปิ, จริมกภตฺตปิณฺโฑปิ มยฺหเมว อนุจฺฉวิโก. มยฺหิ, พฺราหฺมณ, ปรทตฺตูปชีวิเปตสทิสา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘ยทคฺคโต มชฺฌโต เสสโต วา,

ปิณฺฑํ ลเภถ ปรทตฺตูปชีวี;

นาลํ ถุตุํ โนปิ นิปจฺจวาที,

ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตี’’ติ. (สุ. นิ. ๒๑๙);

พฺราหฺมโณ ตํ สุตฺวาว ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา ‘‘อโห อจฺฉริยํ, ทีปสามิโก นาม ราชปุตฺโต ‘น เม ตว อุจฺฉิฏฺภตฺเตน อตฺโถ’ติ อวตฺวา เอวํ วกฺขตี’’ติ ทฺวาเร ิตโกว สตฺถารํ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘โภ โคตม, ตุมฺเห อตฺตโน สาวเก ภิกฺขูติ วทถ, กิตฺตาวตา ภิกฺขุ นาม โหตี’’ติ. สตฺถา ‘‘กถํรูปา นุ โข อิมสฺส ธมฺมเทสนา สปฺปายา’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อิเม ทฺเวปิ ชนา กสฺสปพุทฺธกาเล ‘นามรูป’นฺติ วทนฺตานํ กถํ สุณึสุ, นามรูปํ อวิสฺสชฺชิตฺวาว เนสํ ธมฺมํ เทเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ, ‘‘พฺราหฺมณ, นาเม จ รูเป จ อรชฺชนฺโต อสชฺชนฺโต อโสจนฺโต ภิกฺขุ นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๖๗.

‘‘สพฺพโส นามรูปสฺมึ, ยสฺส นตฺถิ มมายิตํ;

อสตา จ น โสจติ, ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ สพฺพโสติ สพฺพสฺมิมฺปิ เวทนาทีนํ จตุนฺนํ, รูปกฺขนฺธสฺส จาติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ วเสน ปวตฺเต นามรูเป. มมายิตนฺติ ยสฺส อหนฺติ วา มมนฺติ วา คาโห นตฺถิ. อสตา จ น โสจตีติ ตสฺมิฺจ นามรูเป ขยวยํ ปตฺเต ‘‘มม รูปํ ขีณํ…เป… มม วิฺาณํ ขีณ’’นฺติ น โสจติ น วิหฺติ, ‘‘ขยวยธมฺมํ เม ขีณ’’นฺติ ปสฺสติ. ส เวติ โส เอวรูโป วิชฺชมาเนปิ นามรูเป มมายิตรหิโตปิ อสตาปิ เตน อโสจนฺโต ภิกฺขูติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน อุโภปิ ชยมฺปติกา อนาคามิผเล ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ปฺจคฺคทายกพฺราหฺมณวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ

เมตฺตาวิหารีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย อายสฺมนฺเต มหากจฺจาเน อวนฺติชนปเท กุรรฆรํ นิสฺสาย ปวตฺตปพฺพเต วิหรนฺเต โสโณ นาม โกฏิกณฺโณ อุปาสโก เถรสฺส ธมฺมกถาย ปสีทิตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตุกาโม เถเรน ‘‘ทุกฺกรํ โข, โสณ, ยาวชีวํ เอกภตฺตํ เอกเสยฺยํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ วตฺวา ทฺเว วาเร ปฏิกฺขิตฺโตปิ ปพฺพชฺชาย อติวิย อุสฺสาหชาโต ตติยวาเร เถรํ ยาจิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อปฺปภิกฺขุกตฺตา ทกฺขิณาปเถ ติณฺณํ วสฺสานํ อจฺจเยน ลทฺธูปสมฺปโท สตฺถารํ สมฺมุขา ทฏฺุกาโม หุตฺวา อุปชฺฌายํ อาปุจฺฉิตฺวา เตน ทินฺนํ สาสนํ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สตฺถารา เอกคนฺธกุฏิยํเยว อนุฺาตเสนาสโน พหุเทว รตฺตึ อชฺโฌกาเส วีถินาเมตฺวา รตฺติภาเค คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา อตฺตโน ปตฺตเสนาสเน ตํ รตฺติภาคํ วีตินาเมตฺวา ปจฺจูสสมเย สตฺถารา อชฺฌิฏฺโ โสฬส อฏฺกวคฺคิกานิ (สุ. นิ. ๗๗๒ อาทโย) สพฺพาเนว สรภฺเน อภณิ. อถสฺส ภควา สรภฺปริโยสาเน อพฺภานุโมเทนฺโต – ‘‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขู’’ติ สาธุการํ อทาสิ. สตฺถารา ทินฺนสาธุการํ สุตฺวา ภูมฏฺกเทวา นาคา สุปณฺณาติ เอวํ ยาว พฺรหฺมโลกา เอกสาธุการเมว อโหสิ.

ตสฺมึ ขเณ เชตวนโต วีสโยชนสตมตฺถเก กุรรฆรนคเร เถรสฺส มาตุ มหาอุปาสิกาย เคเห อธิวตฺถา เทวตาปิ มหนฺเตน สทฺเทน สาธุการมทาสิ. อถ นํ อุปาสิกา อาห – ‘‘โก เอส สาธุการํ เทตี’’ติ? อหํ, ภคินีติ. โกสิ ตฺวนฺติ? ตว เคเห อธิวตฺถา, เทวตาติ. ตฺวํ อิโต ปุพฺเพ มยฺหํ สาธุการํ อทตฺวา อชฺช กสฺมา เทสีติ? นาหํ ตุยฺหํ สาธุการํ ทมฺมีติ. อถ กสฺส เต สาธุกาโร ทินฺโนติ? ตว ปุตฺตสฺส โกฏิกณฺณสฺส โสณตฺเถรสฺสาติ. กึ เม ปุตฺเตน กตนฺติ? ปุตฺโต เต อชฺช สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, สตฺถา ตว ปุตฺตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺโน สาธุการมทาสิ. เตนสฺส มยาปิ สาธุกาโร ทินฺโน. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส หิ สาธุการํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ภูมฏฺกเทเว อาทึ กตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกา เอกสาธุการเมว ชาตนฺติ. กึ ปน, สามิ, มม ปุตฺเตน สตฺถุ ธมฺโม กถิโต, สตฺถารา มม ปุตฺตสฺส กถิโตติ? ตว ปุตฺเตน สตฺถุ กถิโตติ. เอวํ เทวตาย กเถนฺติยาว อุปาสิกาย ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลสรีรํ ผริ.

อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘สเจ เม ปุตฺโต สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา สตฺถุ ธมฺมํ กเถตุํ สกฺขิ, มยฺหมฺปิ กเถตุํ สกฺขิสฺสติเยว. ปุตฺตสฺส อาคตกาเล ธมฺมสฺสวนํ กาเรตฺวา ธมฺมกถํ สุณิสฺสามี’’ติ. โสณตฺเถโรปิ โข สตฺถารา สาธุกาเร ทินฺเน ‘‘อยํ เม อุปชฺฌาเยน ทินฺนสาสนํ อาโรเจตุํ กาโล’’ติ ภควนฺตํ ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทํ อาทึ กตฺวา (มหาว. ๒๕๙) ปฺจ วเร ยาจิตฺวา กติปาหํ สตฺถุ สนฺติเกเยว วสิตฺวา ‘‘อุปชฺฌายํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา เชตวนา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ อคมาสิ.

เถโร ปุนทิวเส ตํ อาทาย ปิณฺฑาย จรนฺโต มาตุ อุปาสิกาย เคหทฺวารํ อคมาสิ. สาปิ ปุตฺตํ ทิสฺวา ตุฏฺมานสา วนฺทิตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ตาต, สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา สตฺถุ ธมฺมกถํ กเถสี’’ติ. ‘‘อุปาสิเก, ตุยฺหํ เกน อิทํ กถิต’’นฺติ? ‘‘ตาต, อิมสฺมึ เคเห อธิวตฺถา เทวตา มหนฺเตน สทฺเทน สาธุการํ ทตฺวา มยา ‘โก เอโส’ติ วุตฺเต ‘อห’นฺติ วตฺวา เอวฺจ เอวฺจ กเถสิ. ตํ สุตฺวา มยฺหํ เอตทโหสิ – ‘สเจ เม ปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมกถํ กเถสิ, มยฺหมฺปิ กเถตุํ สกฺขิสฺสตี’ติ. อถ นํ อาห – ‘ตาต, ยโต ตยา สตฺถุ สมฺมุขา ธมฺโม กถิโต, มยฺหมฺปิ กเถตุํ สกฺขิสฺสสิ เอว. อสุกทิวเส นาม ธมฺมสฺสวนํ กาเรตฺวา ตว ธมฺมํ สุณิสฺสามิ, ตาตา’’’ติ. โส อธิวาเสสิ. อุปาสิกา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ปูชํ กตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม ธมฺมกถํ สุณิสฺสามี’’ติ เอกเมว ทาสึ เคหรกฺขิกํ เปตฺวา สพฺพํ ปริชนํ อาทาย อนฺโตนคเร ธมฺมสฺสวนตฺถาย การิเต มณฺฑเป อลงฺกตธมฺมาสนํ อภิรุยฺห ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ปุตฺตสฺส ธมฺมกถํ โสตุํ อคมาสิ.

ตสฺมึ ปน กาเล นวสตา โจรา ตสฺสา อุปาสิกาย เคเห โอตารํ โอโลเกนฺตา วิจรนฺติ. ตสฺสา ปน เคหํ สตฺตหิ ปากาเรหิ ปริกฺขิตฺตํ สตฺตทฺวารโกฏฺกยุตฺตํ, ตตฺถ เตสุ เตสุ าเนสุ จณฺฑสุนเข พนฺธิตฺวา ปยึสุ. อนฺโตเคเห ฉทนสฺส อุทกปาตฏฺาเน ปน ปริขํ ขณิตฺวา ติปุนา ปูรยึสุ. ตํ ทิวา อาตเปน วิลีนํ ปกฺกุถิตํ วิย ติฏฺติ, รตฺตึ กินํ กกฺขฬํ หุตฺวา ติฏฺติ. ตสฺสานนฺตรา มหนฺตานิ อยสงฺฆาฏกานิ นิรนฺตรํ ภูมิยํ โอทหึสุ. อิติ อิมฺจารกฺขํ อุปาสิกาย จ อนฺโตเคเห ิตภาวํ ปฏิจฺจ เต โจรา โอกาสํ อลภนฺตา ตํ ทิวสํ ตสฺสา คตภาวํ ตฺวา อุมงฺคํ ภินฺทิตฺวา ติปุปริขาย จ อยสงฺฆาฏกานฺจ เหฏฺาภาเคเนว เคหํ ปวิสิตฺวา โจรเชฏฺกํ ตสฺสา สนฺติกํ ปหิณึสุ ‘‘สเจ สา อมฺหากํ อิธ ปวิฏฺภาวํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา เคหาภิมุขี อาคจฺฉติ, อสินา นํ ปหริตฺวา มาเรถา’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สนฺติเก อฏฺาสิ.

โจราปิ อนฺโตเคเห ทีปํ ชาเลตฺวา กหาปณคพฺภทฺวารํ วิวรึสุ. สา ทาสี โจเร ทิสฺวา อุปาสิกาย สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘อยฺเย, พหู โจรา เคหํ ปวิสิตฺวา กหาปณคพฺภทฺวารํ วิวรึสู’’ติ อาโรเจสิ. ‘‘โจรา อตฺตนา ทิฏฺกหาปเณ หรนฺตุ, อหํ มม ปุตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุณามิ, มา เม ธมฺมสฺส อนฺตรายํ กริ, เคหํ คจฺฉา’’ติ ตํ ปหิณิ. โจราปิ กหาปณคพฺภํ ตุจฺฉํ กตฺวา รชตคพฺภํ วิวรึสุ. สา ปุนปิ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อุปาสิกาปิ ‘‘โจรา อตฺตนา อิจฺฉิตํ หรนฺตุ, มา เม อนฺตรายํ กรี’’ติ ปุน ตํ ปหิณิ. โจรา รชตคพฺภมฺปิ ตุจฺฉํ กตฺวา สุวณฺณคพฺภํ วิวรึสุ. สา ปุนปิ คนฺตฺวา อุปาสิกาย ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ อุปาสิกา อามนฺเตตฺวา, ‘‘โภติ เช ตฺวํ อเนกวารํ มม สนฺติกํ อาคตา, ‘โจรา ยถารุจิตํ หรนฺตุ, อหํ มม ปุตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุณามิ, มา เม อนฺตรายํ กรี’ติ มยา วุตฺตาปิ มม กถํ อนาทิยิตฺวา ปุนปฺปุนํ อาคจฺฉสิเยว. สเจ อิทานิ ตฺวํ อาคจฺฉิสฺสสิ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพํ, เคหเมว คจฺฉา’’ติ ปหิณิ.

โจรเชฏฺโก ตสฺสา กถํ สุตฺวา ‘‘เอวรูปาย อิตฺถิยา สนฺตกํ หรนฺตานํ อสนิ ปติตฺวา มตฺถกํ ภินฺเทยฺยา’’ติ โจรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สีฆํ อุปาสิกาย สนฺตกํ ปฏิปากติกํ กโรถา’’ติ อาห. เต กหาปเณหิ กหาปณคพฺภํ, รชตสุวณฺเณหิ รชตสุวณฺณคพฺเภ ปุน ปูรยึสุ. ธมฺมตา กิเรสา, ยํ ธมฺโม ธมฺมจารินํ รกฺขติ. เตเนวาห –

‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ,

ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;

เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ,

น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒);

โจราปิ คนฺตฺวา ธมฺมสฺสวนฏฺาเน อฏฺํสุ. เถโรปิ ธมฺมํ กเถตฺวา วิภาตาย รตฺติยา อาสนา โอตริ. ตสฺมึ ขเณ โจรเชฏฺโก อุปาสิกาย ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, อยฺเย’’ติ อาห. ‘‘กึ อิทํ, ตาตา’’ติ? ‘‘อหฺหิ ตุมฺเหสุ อาฆาตํ กตฺวา ตุมฺเห มาเรตุกาโม อฏฺาสิ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ เต, ตาต, ขมามี’’ติ. เสสโจราปิ ตเถว วตฺวา, ‘‘ตาตา, ขมามี’’ติ วุตฺเต อาหํสุ – ‘‘อยฺเย, สเจ โน ขมถ, ปุตฺตสฺส โว สนฺติเก อมฺหากํ ปพฺพชฺชํ ทาเปถา’’ติ. สา ปุตฺตํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ตาต, อิเม โจรา มม คุเณสุ ตุมฺหากฺจ ธมฺมกถาย ปสนฺนา ปพฺพชฺชํ ยาจนฺติ, ปพฺพาเชถ เน’’ติ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เตหิ นิวตฺถวตฺถานํ ทสานิ ฉินฺทาเปตฺวา ตมฺพมตฺติกาย รชาเปตฺวา เต ปพฺพาเชตฺวา สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. อุปสมฺปนฺนกาเล จ เนสํ เอเกกสฺส วิสุํ วิสุํ กมฺมฏฺานมทาสิ. เต นวสตา ภิกฺขู วิสุํ วิสุํ นวสตกมฺมฏฺานานิ คเหตฺวา เอกํ ปพฺพตํ อภิรุยฺห ตสฺส ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กรึสุ.

สตฺถา วีสโยชนสตมตฺถเก เชตวนมหาวิหาเร นิสินฺโนว เต ภิกฺขู โอโลเกตฺวา เตสํ จริยวเสน ธมฺมเทสนํ ววตฺถาเปตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา สมฺมุเข นิสีทิตฺวา กเถนฺโต วิย อิมา คาถา อภาสิ –

๓๖๘.

‘‘เมตฺตาวิหารี โย ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;

อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุขํ.

๓๖๙.

‘‘สิฺจ ภิกฺขุ อิมํ นาวํ, สิตฺตา เต ลหุเมสฺสติ;

เฉตฺวา ราคฺจ โทสฺจ, ตโต นิพฺพานเมหิสิ.

๓๗๐.

‘‘ปฺจ ฉินฺเท ปฺจ ชเห, ปฺจ จุตฺตริ ภาวเย;

ปฺจสงฺคาติโค ภิกฺขุ, โอฆติณฺโณติ วุจฺจติ.

๓๗๑.

‘‘ฌาย ภิกฺขุ มา ปมาโท,

มา เต กามคุเณ รเมสฺสุ จิตฺตํ;

มา โลหคุฬํ คิลี ปมตฺโต,

มา กนฺที ทุกฺขมิทนฺติ ทยฺหมาโน.

๓๗๒.

‘‘นตฺถิ ฌานํ อปฺสฺส, ปฺา นตฺถิ อฌายโต;

ยมฺหิ ฌานฺจ ปฺา จ, ส เว นิพฺพานสนฺติเก.

๓๗๓.

‘‘สุฺาคารํ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;

อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต.

๓๗๔.

‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํ.

๓๗๕.

‘‘ตตฺรายมาทิ ภวติ, อิธ ปฺสฺส ภิกฺขุโน;

อินฺทฺริยคุตฺติ สนฺตุฏฺิ, ปาติโมกฺเข จ สํวโร.

๓๗๖.

‘‘มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณ, สุทฺธาชีเว อตนฺทิเต;

ปฏิสนฺถารวุตฺยสฺส, อาจารกุสโล สิยา;

ตโต ปาโมชฺชพหุโล, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ เมตฺตาวิหารีติ เมตฺตากมฺมฏฺาเน กมฺมํ กโรนฺโตปิ เมตฺตาวเสน ติกจตุกฺกชฺฌาเน นิพฺพตฺเตตฺวา ิโตปิ เมตฺตาวิหารีเยว นาม. ปสนฺโนติ โย ปน พุทฺธสาสเน ปสนฺโน โหติ, ปสาทํ โรเจติเยวาติ อตฺโถ. ปทํ สนฺตนฺติ นิพฺพานสฺเสตํ นามํ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ สนฺตํ โกฏฺาสํ สพฺพสงฺขารานํ อุปสนฺตตาย สงฺขารูปสมํ, ปรมสุขตาย สุขนฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ อธิคจฺฉติ, วินฺทติเยวาติ อตฺโถ.

สิฺจ ภิกฺขุ อิมํ นาวนฺติ ภิกฺขุ อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ นาวํ มิจฺฉาวิตกฺโกทกํ ฉฑฺเฑนฺโต สิฺจ. สิตฺตา เต ลหุเมสฺสตีติ ยถา หิ มหาสมุทฺเท อุทกสฺเสว ภริตา นาวา ฉิทฺทานิ ปิทหิตฺวา อุทกสฺส สิตฺตตาย สิตฺตา สลฺลหุกา หุตฺวา มหาสมุทฺเท อโนสีทิตฺวา สีฆํ สุปฏฺฏนํ คจฺฉติ, เอวํ ตวาปิ อยํ มิจฺฉาวิตกฺโกทกภริตา อตฺตภาวนาวา จกฺขุทฺวาราทิฉิทฺทานิ สํวเรน ปิทหิตฺวา อุปฺปนฺนสฺส มิจฺฉาวิตกฺโกทกสฺส สิตฺตตาย สิตฺตา สลฺลหุกา สํสารวฏฺเฏ อโนสีทิตฺวา สีฆํ นิพฺพานํ คมิสฺสติ. เฉตฺวาติ ราคโทสพนฺธนานิ ฉินฺท. เอตานิ หิ ฉินฺทิตฺวา อรหตฺตปฺปตฺโต ตโต อปรภาเค อนุปาทิเสสนิพฺพานเมว เอหิสิ, คมิสฺสสีติ อตฺโถ.

ปฺจ ฉินฺเทติ เหฏฺาอปายสมฺปาปกานิ ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ ปาเท พทฺธรชฺชุํ ปุริโส สตฺเถน วิย เหฏฺามคฺคตฺตเยน ฉินฺเทยฺย. ปฺจ ชเหติ อุปริเทวโลกสมฺปาปกานิ ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ ปุริโส คีวาย พทฺธรชฺชุกํ วิย อรหตฺตมคฺเคน ชเหยฺย ปชเหยฺย, ฉินฺเทยฺยาติ อตฺโถ. ปฺจ จุตฺตริ ภาวเยติ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ ปหานตฺถาย สทฺธาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ อุตฺตริ ภาเวยฺย. ปฺจสงฺคาติโคติ เอวํ สนฺเต ปฺจนฺนํ ราคโทสโมหมานทิฏฺิสงฺคานํ อติกฺกมเนน ปฺจสงฺคาติโค ภิกฺขุ โอฆติณฺโณติ วุจฺจติ, จตฺตาโร โอเฆ ติณฺโณเยวาติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

ฌาย ภิกฺขูติ ภิกฺขุ ตฺวํ ทฺวินฺนํ ฌานานํ วเสน ฌาย เจว, กายกมฺมาทีสุ จ อปฺปมตฺตวิหาริตาย มา ปมชฺชิ. รเมสฺสูติ ปฺจวิเธ จ กามคุเณ เต จิตฺตํ มา รเมสฺสุ. มา โลหคุฬนฺติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน หิ ปมาเทน ปมตฺตา นิรเย ตตฺตํ โลหคุฬํ คิลนฺติ, เตน ตํ วทามิ ‘‘มา ปมตฺโต หุตฺวา โลหคุฬํ คิลิ, มา นิรเย ฑยฺหมาโน ‘ทุกฺขมิท’นฺติ กนฺที’’ติ อตฺโถ.

นตฺถิ ฌานนฺติ ฌานุปฺปาทิกาย วายามปฺาย อปฺสฺส ฌานํ นาม นตฺถิ. ปฺา นตฺถีติ อฌายนฺตสฺส ‘‘สมาหิโต ภิกฺขุ ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตลกฺขณา ปฺา นตฺถิ. ยมฺหิ ฌานฺจ ปฺา จาติ ยมฺหิ ปุคฺคเล อิทํ อุภยมฺปิ อตฺถิ, โส นิพฺพานสฺส สนฺติเก ิโตเยวาติ อตฺโถ.

สุฺาคารํ ปวิฏฺสฺสาติ กิสฺมิฺจิเทว วิวิตฺโตกาเส กมฺมฏฺานํ อวิชหิตฺวา กมฺมฏฺานมนสิกาเรน นิสินฺนสฺส. สนฺตจิตฺตสฺสาติ นิพฺพุตจิตฺตสฺส. สมฺมาติ เหตุนา การเณน ธมฺมํ วิปสฺสนฺตสฺส วิปสฺสนาสงฺขาตา อมานุสี รติ อฏฺสมาปตฺติสงฺขาตา ทิพฺพาปิ รติ โหติ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ.

ยโต ยโต สมฺมสตีติ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ กมฺมํ กโรนฺโต เยน เยนากาเรน, ปุเรภตฺตาทีสุ วา กาเลสุ ยสฺมึ ยสฺมึ อตฺตนา อภิรุจิเต กาเล, อภิรุจิเต วา กมฺมฏฺาเน กมฺมํ กโรนฺโต สมฺมสติ. อุทยพฺพยนฺติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ปฺจวีสติยา ลกฺขเณหิ อุทยํ, ปฺจวีสติยา เอว จ ลกฺขเณหิ วยํ. ปีติปาโมชฺชนฺติ เอวํ ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ สมฺมสนฺโต ธมฺมปีตึ ธมฺมปาโมชฺชฺจ ลภติ. อมตนฺติ ตํ สปฺปจฺจเย นามรูเป ปากเฏ หุตฺวา อุปฏฺหนฺเต อุปฺปนฺนํ ปีติปาโมชฺชํ อมตนิพฺพานสมฺปาปกตฺตา วิชานตํ ปณฺฑิตานํ อมตเมวาติ อตฺโถ.

ตตฺรายมาทิ ภวตีติ ตตฺร อยํ อาทิ, อิทํ ปุพฺพฏฺานํ โหติ. อิธ ปฺสฺสาติ อิมสฺมึ สาสเน ปณฺฑิตภิกฺขุโน. อิทานิ ‘‘ตํ อาที’’ติ วุตฺตํ ปุพฺพฏฺานํ ทสฺเสนฺโต อินฺทฺริยคุตฺตีติอาทิมาห. จตุปาริสุทฺธิสีลฺหิ ปุพฺพฏฺานํ นาม. ตตฺถ อินฺทฺริยคุตฺตีติ อินฺทฺริยสํวโร. สนฺตุฏฺีติ จตุปจฺจยสนฺโตโส. เตน อาชีวปาริสุทฺธิ เจว ปจฺจยสนฺนิสฺสิตฺจ สีลํ กถิตํ. ปาติโมกฺเขติ ปาติโมกฺขสงฺขาเต เชฏฺกสีเล ปริปูรการิตา กถิตา.

มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณติ วิสฺสฏฺกมฺมนฺเต อปติรูปสหาเย วชฺเชตฺวา สาธุชีวิตาย สุทฺธาชีเว ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ชีวิกกปฺปนาย อกุสีเต อตนฺทิเต กลฺยาณมิตฺเต ภชสฺสุ, เสวสฺสูติ อตฺโถ. ปฏิสนฺถารวุตฺยสฺสาติ อามิสปฏิสนฺถาเรน จ ธมฺมปฏิสนฺถาเรน จ สมฺปนฺนวุตฺติตาย ปฏิสนฺถารวุตฺติ อสฺส, ปฏิสนฺถารสฺส การกา ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อาจารกุสโลติ สีลมฺปิ อาจาโร, วตฺตปฏิวตฺตมฺปิ อาจาโร. ตตฺถ กุสโล สิยา, เฉโก ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ตโต ปาโมชฺชพหุโลติ ตโต ปฏิสนฺถารวุตฺติโต จ อาจารโกสลฺลโต จ อุปฺปนฺเนน ธมฺมปาโมชฺเชน ปาโมชฺชพหุโล หุตฺวา ตํ สกลสฺสาปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ กริสฺสตีติ อตฺโถ.

เอวํ สตฺถารา เทสิตาสุ อิมาสุ คาถาสุ เอกเมกิสฺสาย คาถาย ปริโยสาเน เอกเมกํ ภิกฺขุสตํ นิสินฺนนิสินฺนฏฺาเนเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อากาเสเนว วีสโยชนสติกํ กนฺตารํ อติกฺกมิตฺวา ตถาคตสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ วณฺเณนฺตา โถเมนฺตา ปาเท วนฺทึสูติ.

สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ

วสฺสิกา วิย ปุปฺผานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ สมณธมฺมํ กโรนฺตา ปาโตว ปุปฺผิตานิ วสฺสิกปุปฺผานิ สายํ วณฺฏโต มุจฺจนฺตานิ ทิสฺวา ‘‘ปุปฺผานํ วณฺเฏหิ มุจฺจนโต มยํ ปมตรํ ราคาทีหิ มุจฺจิสฺสามา’’ติ วายมึสุ. สตฺถา เต ภิกฺขู โอโลเกตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม วณฺฏโต มุจฺจนปุปฺเผน วิย ทุกฺขโต มุจฺจิตุํ วายมิตพฺพเมวา’’ติ วตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว อาโลกํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๗๗.

‘‘วสฺสิกา วิย ปุปฺผานิ, มทฺทวานิ ปมุฺจติ;

เอวํ ราคฺจ โทสฺจ, วิปฺปมุฺเจถ ภิกฺขโว’’ติ.

ตตฺถ วสฺสิกาติ สุมนา. มทฺทวานีติ มิลาตานิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วสฺสิกา หิยฺโย ปุปฺผิตปุปฺผานิ ปุนทิวเส ปุราณภูตานิ มุฺจติ, วณฺฏโต วิสฺสชฺเชติ, เอวํ ตุมฺเหปิ ราคาทโย โทเส วิปฺปมุฺเจถาติ.

เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.

ปฺจสตภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. สนฺตกายตฺเถรวตฺถุ

สนฺตกาโยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สนฺตกายตฺเถรํ นาม อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส กิร หตฺถปาทกุกฺกุจฺจํ นาม นาโหสิ, กายวิชมฺภนรหิโต สนฺตอตฺตภาโวว อโหสิ. โส กิร สีหโยนิโต อาคโต เถโร. สีหา กิร เอกทิวสํ โคจรํ คเหตฺวา รชตสุวณฺณมณิปวาฬคุหานํ อฺตรํ ปวิสิตฺวา มโนสิลาตเล หริตาลจุณฺเณสุ สตฺตาหํ นิปชฺชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส อุฏฺาย นิปนฺนฏฺานํ โอโลเกตฺวา สเจ นงฺคุฏฺสฺส วา กณฺณานํ วา หตฺถปาทานํ วา จลิตตฺตา มโนสิลาหริตาลจุณฺณานํ วิปฺปกิณฺณตํ ปสฺสนฺติ, ‘‘น เต อิทํ ชาติยา วา โคตฺตสฺส วา ปติรูป’’นฺติ ปุน สตฺตาหํ นิราหารา นิปชฺชนฺติ, จุณฺณานํ ปน วิปฺปกิณฺณภาเว อสติ ‘‘อิทํ เต ชาติโคตฺตานํ อนุจฺฉวิก’’นฺติ อาสยา นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภิตฺวา ทิสา อนุวิโลเกตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมนฺติ. เอวรูปาย สีหโยนิยา อาคโต อยํ ภิกฺขุ. ตสฺส กายสมาจารํ ทิสฺวา ภิกฺขู สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘น โน, ภนฺเต, สนฺตกายตฺเถรสทิโส ภิกฺขุ ทิฏฺปุพฺโพ. อิมสฺส หิ นิสินฺนฏฺาเน หตฺถจลนํ วา ปาทจลนํ วา กายวิชมฺภิตา วา นตฺถี’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม สนฺตกายตฺเถเรน วิย กายาทีหิ อุปสนฺเตเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๗๘.

‘‘สนฺตกาโย สนฺตวาโจ, สนฺตวา สุสมาหิโต;

วนฺตโลกามิโส ภิกฺขุ, อุปสนฺโตติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ สนฺตกาโยติ ปาณาติปาตาทีนํ อภาเวน สนฺตกาโย, มุสาวาทาทีนํ อภาเวน สนฺตวาโจ, อภิชฺฌาทีนํ อภาเวน สนฺตวา, กายาทีนํ ติณฺณมฺปิ สุฏฺุ สมาหิตตฺตา สุสมาหิโต, จตูหิ มคฺเคหิ โลกามิสสฺส วนฺตตาย วนฺตโลกามิโส ภิกฺขุ อพฺภนฺตเร ราคาทีนํ อุปสนฺตตาย อุปสนฺโตติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส เถโร อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

สนฺตกายตฺเถรวตฺถุ นวมํ.

๑๐. นงฺคลกุลตฺเถรวตฺถุ

อตฺตนา โจทยตฺตานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต นงฺคลกุลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร ทุคฺคตมนุสฺโส ปเรสํ ภตึ กตฺวา ชีวติ, ตํ เอโก ภิกฺขุ ปิโลติกขณฺฑนิวตฺถํ นงฺคลํ อุกฺขิปิตฺวา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เอวมาห – ‘‘กึ ปน เต เอวํ ชีวนโต ปพฺพชิตุํ น วร’’นฺติ. โก มํ, ภนฺเต, เอวํ ชีวนฺตํ ปพฺพาเชสฺสตีติ? สเจ ปพฺพชิสฺสสิ, อหํ ตํ ปพฺพาเชสฺสามีติ. สาธุ ภนฺเต, สเจ มํ ปพฺพาเชสฺสถ, ปพฺพชิสฺสามีติ. อถ นํ โส เถโร เชตวนํ เนตฺวา สหตฺเถน, นฺหาเปตฺวา มาฬเก เปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา นิวตฺถปิโลติกขณฺเฑน สทฺธึ นงฺคลํ มาฬกสีมายเมว รุกฺขสาขายํ ปาเปสิ. โส อุปสมฺปนฺนกาเลปิ นงฺคลกุลตฺเถโรตฺเวว ปฺายิ. โส พุทฺธานํ อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ นิสฺสาย ชีวนฺโต อุกฺกณฺิตฺวา อุกฺกณฺิตํ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘น ทานิ สทฺธาเทยฺยานิ กาสายานิ ปริทหิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ ตํ รุกฺขมูลํ คนฺตฺวา อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘อหิริก, นิลฺลชฺช, อิทํ นิวาเสตฺวา วิพฺภมิตฺวา ภตึ กตฺวา ชีวิตุกาโม ชาโต’’ติ. ตสฺเสวํ อตฺตานํ โอวทนฺตสฺเสว จิตฺตํ ตนุกภาวํ คตํ. โส นิวตฺติตฺวา ปุน กติปาหจฺจเยน อุกฺกณฺิตฺวา ตเถว อตฺตานํ โอวทิ, ปุนสฺส จิตฺตํ นิวตฺติ. โส อิมินาว นีหาเรน อุกฺกณฺิตอุกฺกณฺิตกาเล ตตฺถ คนฺตฺวา อตฺตานํ โอวทิ. อถ นํ ภิกฺขู ตตฺถ อภิณฺหํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อาวุโส, นงฺคลตฺเถร กสฺมา เอตฺถ คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘อาจริยสฺส สนฺติกํ คจฺฉามิ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ.

ภิกฺขู เตน สทฺธึ เกฬึ กโรนฺตา อาหํสุ – ‘‘อาวุโส นงฺคลตฺเถร, ตว วิจรณมคฺโค อวฬฺโช วิย ชาโต, อาจริยสฺส สนฺติกํ น คจฺฉสิ มฺเ’’ติ. อาม, ภนฺเต, มยํ สํสคฺเค สติ อคมิมฺหา, อิทานิ ปน โส สํสคฺโค ฉินฺโน, เตน น คจฺฉามาติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘เอส อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต อตฺตนาว อตฺตานํ โจเทตฺวา ปพฺพชิตกิจฺจสฺส มตฺถกํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๗๙.

‘‘อตฺตนา โจทยตฺตานํ, ปฏิมํเสถ อตฺตนา;

โส อตฺตคุตฺโต สติมา, สุขํ ภิกฺขุ วิหาหิสิ.

๓๘๐.

‘‘อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ, โก หิ นาโถ ปโร สิยา;

อตฺตา หิ อตฺตโน คติ;

ตสฺมา สํยมมตฺตานํ, อสฺสํ ภทฺรํว วาณิโช’’ติ.

ตตฺถ โจทยตฺตานนฺติ อตฺตนาว อตฺตานํ โจทย สารย. ปฏิมํเสถาติ อตฺตนาว อตฺตานํ ปริวีมํสถ. โสติ โส ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอวํ สนฺเต อตฺตนาว คุตฺตตาย อตฺตคุตฺโต, อุปฏฺิตสติตาย สติมา หุตฺวา สพฺพิริยาปเถสุ สุขํ วิหริสฺสสีติ อตฺโถ.

นาโถติ อวสฺสโย ปติฏฺา. โก หิ นาโถ ปโรติ ยสฺมา ปรสฺส อตฺตภาเว ปติฏฺาย กุสลํ วา กตฺวา สคฺคปรายเณน มคฺคํ วา ภาเวตฺวา สจฺฉิกตผเลน ภวิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา โก หิ นาม ปโร นาโถ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา อตฺตาว อตฺตโน คติ ปติฏฺา สรณํ, ตสฺมา ยถา ภทฺรํ อสฺสาชานียํ นิสฺสาย ลาภํ ปตฺถยนฺโต วาณิโช ตสฺส วิสมฏฺานจารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ นหาเปนฺโต โภเชนฺโต สํยเมติ ปฏิชคฺคติ, เอวํ ตฺวมฺปิ อนุปฺปนฺนสฺส อกุสลสฺส อุปฺปาทํ นิวาเรนฺโต สติสมฺโมเสน อุปฺปนฺนํ อกุสลํ ปชหนฺโต อตฺตานํ สํยม โคปย, เอวํ สนฺเต ปมชฺฌานํ อาทึ กตฺวา โลกิยโลกุตฺตรวิเสสํ อธิคมิสฺสสีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

นงฺคลกุลตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ

ปาโมชฺชพหุโลติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต วกฺกลิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิรายสฺมา สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ตถาคตํ ทิสฺวา สตฺถุ สรีรสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา สรีรสมฺปตฺติทสฺสเนน อติตฺโต ‘‘เอวาหํ นิจฺจกาลํ ตถาคตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ยตฺถ ิเตน สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตุํ, ตตฺถ ิโต สชฺฌายกมฺมฏฺานมนสิการาทีนิ ปหาย สตฺถารํ โอโลเกนฺโตว วิจรติ. สตฺถา ตสฺส าณปริปากํ อาคเมนฺโต กิฺจิ อวตฺวา ‘‘อิทานิสฺส าณํ ปริปากํ คต’’นฺติ ตฺวา ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน, โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติ. โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗) วตฺวา โอวทิ. โส เอวํ โอวทิโตปิ สตฺถุ ทสฺสนํ ปหาย เนว อฺตฺถ คนฺตุํ สกฺโกติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘นายํ ภิกฺขุ สํเวคํ อลภิตฺวา พุชฺฌิสฺสตี’’ติ อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ราชคหํ คนฺตฺวา วสฺสูปนายิกทิวเส ‘‘อเปหิ, วกฺกลิ, อเปหิ, วกฺกลี’’ติ ปณาเมสิ. โส ‘‘น มํ สตฺถา อาลปตี’’ติ เตมาสํ สตฺถุ สมฺมุเข าตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ มยฺหํ ชีวิเตน, ปพฺพตา อตฺตานํ ปาเตสฺสามี’’ติ คิชฺฌกูฏํ อภิรุหิ.

สตฺถา ตสฺส กิลมนภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ มม สนฺติกา อสฺสาสํ อลภนฺโต มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ นาเสยฺยา’’ติ อตฺตานํ ทสฺเสตุํ โอภาสํ มุฺจิ. อถสฺส สตฺถุ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ตาวมหนฺโตปิ โสโก ปหียิ. สตฺถา สุกฺขตฬากํ โอเฆน ปูเรนฺโต วิย เถรสฺส พลวปีติปาโมชฺชํ อุปฺปาเทตุํ อิมํ คาถมาห –

๓๘๑.

‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;

อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – ปกติยาปิ ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ พุทฺธสาสเน ปสาทํ โรเจติ, โส เอวํ ปสนฺโน พุทฺธสาสเน สนฺตํ ปทํ สงฺขารูปสมํ สุขนฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ อธิคจฺเฉยฺยาติ. อิมฺจ ปน คาถํ วตฺวา สตฺถา วกฺกลิตฺเถรสฺส หตฺถํ ปสาเรตฺวา –

‘‘เอหิ วกฺกลิ มา ภายิ, โอโลเกหิ ตถาคตํ;

อหํ ตํ อุทฺธริสฺสามิ, ปงฺเก สนฺนํว กุฺชรํ.

‘‘เอหิ วกฺกลิ มา ภายิ, โอโลเกหิ ตถาคตํ;

อหํ ตํ โมจยิสฺสามิ, ราหุคฺคหํว สูริยํ.

‘‘เอหิ วกฺกลิ มา ภายิ, โอโลเกหิ ตถาคตํ;

อหํ ตํ โมจยิสฺสามิ, ราหุคฺคหํว จนฺทิม’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ. โส ‘‘ทสพโล เม ทิฏฺโ, เอหีติ จ อวฺหานมฺปิ ลทฺธ’’นฺติ พลวปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กุโต นุ โข คนฺตพฺพ’’นฺติ คมนมคฺคํ อปสฺสนฺโต ทสพลสฺส สมฺมุเข อากาเส อุปฺปติตฺวา ปมปาเท ปพฺพเต ิเตเยว สตฺถารา วุตฺตคาถา อาวชฺเชนฺโต อากาเสเยว ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ตถาคตํ วนฺทมาโนว โอตริตฺวา สตฺถุ สนฺติเก อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อปรภาเค สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.

วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ เอกาทสมํ.

๑๒. สุมนสามเณรวตฺถุ

โย หเวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต สุมนสามเณรํ อารพฺภ กเถสิ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา –

ปทุมุตฺตรพุทฺธกาลสฺมิฺหิ เอโก กุลปุตฺโต สตฺถารา จตุปริสมชฺเฌ เอกํ ภิกฺขุํ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตํ สมฺปตฺตึ ปตฺถยมาโน สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ เปสิ. สตฺถา กปฺปสตสหสฺสํ โอโลเกนฺโต ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ วิทิตฺวา ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตมพุทฺธสาสเน ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค อนุรุทฺโธ นาม ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. โส ตํ พฺยากรณํ สุตฺวา สฺเว ปตฺตพฺพํ วิย ตํ สมฺปตฺตึ มฺมาโน ปรินิพฺพุเต สตฺถริ ภิกฺขู ทิพฺพจกฺขุปริกมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา สตฺตโยชนิกํ กฺจนถูปํ ปริกฺขิปิตฺวา อเนกานิ ทีปรุกฺขสหสฺสานิ กาเรตฺวา ทีปปูชํ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวมนุสฺเสสุ กปฺปสตสหสฺสานิ สํสริตฺวา อิมสฺมึ กปฺเป พาราณสิยํ ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺโต สุมนเสฏฺึ นิสฺสาย ตสฺส ติณหารโก หุตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. อนฺนภาโรติสฺส นามํ อโหสิ. สุมนเสฏฺีปิ ตสฺมึ นคเร นิจฺจกาลํ มหาทานํ เทติ.

อเถกทิวสํ อุปริฏฺโ นาม ปจฺเจกพุทฺโธ คนฺธมาทเน นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘กสฺส นุ โข อชฺช อนุคฺคหํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อชฺช มยา อนฺนภารสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทานิ จ โส อฏวิโต ติณํ อาทาย เคหํ อาคมิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อิทฺธิยา คนฺตฺวา อนฺนภารสฺส สมฺมุเข ปจฺจุฏฺาสิ. อนฺนภาโร ตํ ตุจฺฉปตฺตหตฺถํ ทิสฺวา ‘‘อปิ, ภนฺเต, ภิกฺขํ ลภิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ลภิสฺสาม มหาปุฺา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, โถกํ อาคเมถา’’ติ ติณกาชํ ฉฑฺเฑตฺวา เวเคน เคหํ คนฺตฺวา, ‘‘ภทฺเท, มยฺหํ ปิตภาคภตฺตํ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ ภริยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถิ, สามี’’ติ วุตฺเต เวเคน ปจฺจาคนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺตํ อาทาย ‘‘มยฺหํ ทาตุกามตาย สติ เทยฺยธมฺโม น โหติ, เทยฺยธมฺเม สติ ปฏิคฺคาหกํ น ลภามิ. อชฺช ปน เม ปฏิคฺคาหโก จ ทิฏฺโ, เทยฺยธมฺโม จ อตฺถิ, ลาภา วต เม’’ติ เคหํ คนฺตฺวา ภตฺตํ ปตฺเต ปกฺขิปาเปตฺวา ปจฺจาหริตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ ปติฏฺเปตฺวา –

‘‘อิมินา ปน ทาเนน, มา เม ทาลิทฺทิยํ อหุ;

นตฺถีติ วจนํ นาม, มา อโหสิ ภวาภเว. –

ภนฺเต เอวรูปา ทุชฺชีวิตา มุจฺเจยฺยํ, นตฺถีติ ปทเมว น สุเณยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ เปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘เอวํ โหตุ มหาปุฺา’’ติ วตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ.

สุมนเสฏฺิโนปิ ฉตฺเต อธิวตฺถา เทวตา ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ, อุปริฏฺเ สุปติฏฺิต’’นฺติ วตฺวา ติกฺขตฺตุํ สาธุการมทาสิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘กึ มํ เอตฺตกํ กาลํ ทานํ ททมานํ น ปสฺสสี’’ติ อาห. นาหํ ตว ทานํ อารพฺภ สาธุการํ เทมิ, อนฺนภาเรน ปน อุปริฏฺสฺส ทินฺนปิณฺฑปาเต ปสีทิตฺวา มยา เอส สาธุกาโร ปวตฺติโตติ. โส ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ทานํ ททนฺโต เทวตํ สาธุการํ ทาเปตุํ นาสกฺขึ, อนฺนภาโร มํ นิสฺสาย ชีวนฺโต เอกปิณฺฑปาเตเนว สาธุการํ ทาเปสิ, ตสฺส ทาเน อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ตํ ปิณฺฑปาตํ มม สนฺตกํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อชฺช ตยา กสฺสจิ กิฺจิ ทินฺน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สามิ, อุปริฏฺปจฺเจกพุทฺธสฺส เม อชฺช ภาคภตฺตํ ทินฺน’’นฺติ. ‘‘หนฺท, โภ, กหาปณํ คเหตฺวา เอตํ มยฺหํ ปิณฺฑปาตํ เทหี’’ติ? ‘‘น เทมิ, สามี’’ติ. โส ยาว สหสฺสํ วฑฺเฒสิ, อิตโร สหสฺเสนาปิ นาทาสิ. อถ นํ ‘‘โหตุ, โภ, ยทิ ปิณฺฑปาตํ น เทสิ, สหสฺสํ คเหตฺวา ปตฺตึ เม เทหี’’ติ อาห. โส ‘‘อยฺเยน สทฺธึ มนฺเตตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ เวเคน ปจฺเจกพุทฺธํ สมฺปาปุณิตฺวา, ‘‘ภนฺเต สุมนเสฏฺิ, สหสฺสํ ทตฺวา ตุมฺหากํ ปิณฺฑปาเต ปตฺตึ ยาจติ, กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ.

อถสฺส โส อุปมํ อาหริ ‘‘เสยฺยถาปิ, ปณฺฑิต, กุลสติเก คาเม เอกสฺมึ ฆเร ทีปํ ชาเลยฺย, เสสา อตฺตโน เตเลน วฏฺฏึ เตเมตฺวา ชาลาเปตฺวา คณฺเหยฺยุํ, ปุริมปทีปสฺส ปภา อตฺถีติ วตฺตพฺพา นตฺถี’’ติ. อติเรกตรา, ภนฺเต, ปภา โหตีติ. เอวเมวํ ปณฺฑิต อุฬุงฺกยาคุ วา โหตุ, กฏจฺฉุภิกฺขา วา, อตฺตโน ปิณฺฑปาเต ปเรสํ ปตฺตึ เทนฺตสฺส ยตฺตกานํ เทติ, ตตฺตกํ วฑฺฒติ. ตฺวฺหิ เอกเมว ปิณฺฑปาตํ อทาสิ, เสฏฺิสฺส ปน ปตฺติยา ทินฺนาย ทฺเว ปิณฺฑปาตา โหนฺติ เอโก ตว, เอโก ตสฺสาติ.

โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตํ อภิวาเทตฺวา เสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘คณฺห, สามิ, ปตฺติ’’นฺติ อาห. เตน หิ อิเม กหาปเณ คณฺหาติ. นาหํ ปิณฺฑปาตํ วิกฺกิณามิ, สทฺธาย เต ปตฺตึ ทมฺมีติ. ‘‘ตฺวํ สทฺธาย เทสิ, อหมฺปิ ตว คุเณ ปูเชมิ, คณฺห, ตาต, อิโต ปฏฺาย จ ปน มา สหตฺถา กมฺมมกาสิ, วีถิยํ ฆรํ มาเปตฺวา วส. เยน จ เต อตฺโถ โหติ, สพฺพํ มม สนฺติกา คณฺหาหี’’ติ อาห. นิโรธา วุฏฺิตสฺส ปน ทินฺนปิณฺฑปาโต ตทเหว วิปากํ เทติ. ตสฺมา ราชาปิ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา อนฺนภารํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปตฺตึ คเหตฺวา มหนฺตํ โภคํ ทตฺวา ตสฺส เสฏฺิฏฺานํ ทาเปสิ.

โส สุมนเสฏฺิสฺส สหายโก หุตฺวา ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร อมิโตทนสฺส สกฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อนุรุทฺโธติสฺส นามํ อกํสุ. โส มหานามสกฺกสฺส กนิฏฺภาตา, สตฺถุ จูฬปิตุ ปุตฺโต ปรมสุขุมาโล มหาปุฺโ อโหสิ. เอกทิวสํ กิร ฉสุ ขตฺติเยสุ ปูเว ลกฺขํ กตฺวา คุเฬหิ กีฬนฺเตสุ อนุรุทฺโธ ปราชิโต ปูวานํ อตฺถาย มาตุ สนฺติกํ ปหิณิ. สา มหนฺตํ สุวณฺณถาลํ ปูเรตฺวา ปูเว เปเสสิ. ปูเว ขาทิตฺวา ปุน กีฬนฺโต ปราชิโต ตเถว ปหิณิ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ ปูเวสุ อาหเฏสุ จตุตฺเถ วาเร มาตา ‘‘อิทานิ ปูวา นตฺถี’’ติ ปหิณิ. ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘นตฺถี’’ติ ปทสฺส อสุตปุพฺพตาย ‘‘นตฺถิปูวา นาม อิทานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ สฺํ กตฺวา ‘‘คจฺฉ นตฺถิปูเว อาหรา’’ติ เปเสสิ. อถสฺส มาตา ‘‘นตฺถิปูเว กิร, อยฺเย, เทถา’’ติ วุตฺเต ‘‘มม ปุตฺเตน นตฺถีติ ปทํ น สุตปุพฺพํ, กถํ นุ โข นตฺถิภาวํ ชานาเปยฺย’’นฺติ สุวณฺณปาตึ โธวิตฺวา อปราย สุวณฺณปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา ‘‘หนฺท, ตาต, อิมํ มม ปุตฺตสฺส เทหี’’ติ ปหิณิ. ตสฺมึ ขเณ นครปริคฺคาหิกา เทวตา ‘‘อมฺหากํ สามินา อนฺนภารกาเล อุปริฏฺสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ภาคภตฺตํ ทตฺวา ‘นตฺถีติ ปทเมว น สุเณยฺย’นฺติ ปตฺถนา นาม ปิตา. สเจ มยํ ตมตฺถํ ตฺวา อชฺฌุเปกฺเขยฺยาม, มุทฺธาปิ โน สตฺตธา ผเลยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา ทิพฺพปูเวหิ ปาตึ ปูรยึสุ. โส ปุริโส ปาตึ อาหริตฺวา ตสฺส สนฺติเก เปตฺวา วิวริ. เตสํ คนฺโธ สกลนครํ ผริ. ปูโว ปน มุเข ปิตมตฺโตว สตฺตรสหรณิสหสฺสานิ ผริตฺวา อฏฺาสิ.

อนุรุทฺโธปิ จินฺเตสิ – ‘‘น มํ มฺเ อิโต ปุพฺเพ มาตา ปิยายติ. น หิ เม อฺทา ตาย นตฺถิปูวา นาม ปกฺกปุพฺพา’’ติ. โส คนฺตฺวา มาตรํ เอวมาห – ‘‘อมฺม, นาหํ ตว ปิโย’’ติ. ตาต, กึ วเทสิ, มม อกฺขีหิปิ หทยมํสโตปิ ตฺวํ ปิยตโรติ. สจาหํ, อมฺม, ตว ปิโย, กสฺมา มม ปุพฺเพ เอวรูเป นตฺถิปูเว นาม น อทาสีติ. สา ตํ ปุริสํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตาต, กิฺจิ ปาติยํ อโหสี’’ติ. อาม, อยฺเย, ปูวานํ ปาติ ปริปุณฺณา อโหสิ, น เม เอวรูปา ทิฏฺปุพฺพาติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘ปุตฺโต เม กตปุฺโ, เทวตาหิสฺส ทิพฺพปูวา ปหิตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. โสปิ มาตรํ อาห – ‘‘อมฺม, น มยา เอวรูปา ปูวา ขาทิตปุพฺพา, อิโต ปฏฺาย เม นตฺถิปูวเมว ปเจยฺยาสี’’ติ. สา ตโต ปฏฺาย เตน ‘‘ปูเว ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติ วุตฺตกาเล สุวณฺณปาตึ โธวิตฺวา อฺาย ปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา ปหิณติ, เทวตา ปาตึ ปูเรนฺติ. เอวํ โส อคารมชฺเฌ วสนฺโต นตฺถีติ ปทสฺส อตฺถํ อชานิตฺวา ทิพฺพปูเวเยว ปริภุฺชิ.

สตฺถุ ปน ปริวารตฺถํ กุลปฏิปาฏิยา สากิยกุมาเรสุ ปพฺพชนฺเตสุ มหานาเมน สกฺเกน, ‘‘ตาต, อมฺหากํ กุลา โกจิ ปพฺพชิโต นตฺถิ, ตยา วา ปพฺพชิตพฺพํ, มยา วา’’ติ วุตฺเต โส อาห – ‘‘อหํ อติสุขุมาโล ปพฺพชิตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ. เตน หิ กมฺมนฺตํ อุคฺคณฺห, อหํ ปพฺพชิสฺสามีติ. โก เอส กมฺมนฺโต นามาติ? โส หิ ภตฺตสฺส อุฏฺานฏฺานมฺปิ น ชานาติ, กมฺมนฺตํ กิเมว ชานิสฺสติ, ตสฺมา เอวมาห. เอกทิวสฺหิ อนุรุทฺโธ ภทฺทิโย กิมิโลติ ตโย ชนา ‘‘ภตฺตํ นาม กหํ อุฏฺาตี’’ติ มนฺตยึสุ. เตสุ กิมิโล ‘‘โกฏฺเสุ อุฏฺาตี’’ติ อาห. โส กิเรกทิวสํ วีหี โกฏฺมฺหิ ปกฺขิปนฺเต อทฺทส, ตสฺมา ‘‘โกฏฺเ ภตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ สฺาย เอวมาห. อถ นํ ภทฺทิโย ‘‘ตฺวํ น ชานาสี’’ติ วตฺวา ‘‘ภตฺตํ นาม อุกฺขลิยํ อุฏฺาตี’’ติ อาห. โส กิเรกทิวสํ อุกฺขลิโต ภตฺตํ วฑฺเฒนฺเต ทิสฺวา ‘‘เอตฺเถเวตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ สฺมกาสิ, ตสฺมา เอวมาห. อนุรุทฺโธ เต อุโภปิ ‘‘ตุมฺเห น ชานาถา’’ติ วตฺวา ‘‘ภตฺตํ นาม รตนุพฺเพธมกุฬาย มหาสุวณฺณปาติยํ อุฏฺาตี’’ติ อาห. เตน กิร เนว วีหึ โกฏฺเฏนฺตา, น ภตฺตํ ปจนฺตา ทิฏฺปุพฺพา, สุวณฺณปาติยํ วฑฺเฒตฺวา ปุรโต ปิตภตฺตเมว ปสฺสติ, ตสฺมา ‘‘ปาติยํเยเวตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ สฺมกาสิ, ตสฺมา เอวมาห. เอวํ ภตฺตุฏฺานฏฺานมฺปิ อชานนฺโต มหาปุฺโ กุลปุตฺโต กมฺมนฺเต กึ ชานิสฺสติ.

โส ‘‘เอหิ โข เต, อนุรุทฺธ, ฆราวาสตฺถํ อนุสาสิสฺสามิ, ปมํ เขตฺตํ กสาเปตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน ภาตรา วุตฺตานํ กมฺมนฺตานํ อปริยนฺตภาวํ สุตฺวา ‘‘น เม ฆราวาเสน อตฺโถ’’ติ มาตรํ อาปุจฺฉิตฺวา ภทฺทิยปมุเขหิ ปฺจหิ สากิยกุมาเรหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา อนุปิยมฺพวเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ ปน สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺโน อนุปุพฺเพน ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉิกตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา เอกาสเน นิสินฺโนว หตฺถตเล ปิตอามลกานิ วิย สหสฺสโลกธาตุโย โอโลกนสมตฺโถ หุตฺวา –

‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

เตวิชฺโช อิทฺธิปตฺโตมฺหิ, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (เถรคา. ๓๓๒, ๕๖๒) –

อุทานํ อุทาเนตฺวา ‘‘กึ นุ โข เม กตฺวา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ โอโลเกนฺโต ‘‘ปทุมุตฺตรปาทมูเล ปตฺถนํ เปสิ’’นฺติ ตฺวา ปุน ‘‘สํสาเร สํสรนฺโต อสุกสฺมึ นาม กาเล พาราณสิยํ สุมนเสฏฺึ นิสฺสาย ชีวนฺโต อนฺนภาโร นาม อโหสิ’’นฺติปิ ตฺวา –

‘‘อนฺนภาโร ปุเร อาสึ, ทลิทฺโท ติณหารโก;

ปิณฺฑปาโต มยา ทินฺโน, อุปริฏฺสฺส ตาทิโน’’ติ. –

อาห. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โย โส ตทา มยา อุปริฏฺสฺส ทินฺนปิณฺฑปาตโต กหาปเณ ทตฺวา ปตฺตึ อคฺคเหสิ, มม สหายโก สุมนเสฏฺิ กหํ นุ โข โส เอตรหิ นิพฺพตฺโต’’ติ. อถ นํ ‘‘วิฺฌาฏวิยํ ปพฺพตปาเท มุณฺฑนิคโม นาม อตฺถิ, ตตฺถ มหามุณฺฑสฺส นาม อุปาสกสฺส มหาสุมโน จูฬสุมโนติ ทฺเว ปุตฺตา, เตสุ โส จูฬสุมโน หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ อทฺทส. ทิสฺวา จ ปน จินฺเตสิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข ตตฺถ มยิ คเต อุปกาโร, นตฺถี’’ติ. โส อุปธาเรนฺโต อิทํ อทฺทส ‘‘โส ตตฺถ มยิ คเต สตฺตวสฺสิโกว นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสติ, ขุรคฺเคเยว จ อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ. ทิสฺวา จ ปน อุปกฏฺเ อนฺโตวสฺเส อากาเสน คนฺตฺวา คามทฺวาเร โอตริ. มหามุณฺโฑ ปน อุปาสโก เถรสฺส ปุพฺเพปิ วิสฺสาสิโก เอว. โส เถรํ ปิณฺฑปาตกาเล จีวรํ ปารุปนฺตํ ทิสฺวา ปุตฺตํ มหาสุมนํ อาห – ‘‘ตาต, อยฺโย, เม อนุรุทฺธตฺเถโร อาคโต, ยาวสฺส อฺโ โกจิ ปตฺตํ น คณฺหาติ, ตาวสฺส คนฺตฺวา ปตฺตํ คณฺห, อหํ อาสนํ ปฺาเปสฺสามี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. อุปาสโก เถรํ อนฺโตนิเวสเน สกฺกจฺจํ ปริวิสิตฺวา เตมาสํ วสนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหิ, เถโรปิ อธิวาเสสิ.

อถ นํ เอกทิวสํ ปฏิชคฺคนฺโต วิย เตมาสํ ปฏิชคฺคิตฺวา มหาปวารณาย ติจีวรฺเจว คุฬเตลตณฺฑุลาทีนิ จ อาหริตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘อลํ, อุปาสก, น เม อิมินา อตฺโถ’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, วสฺสาวาสิกลาโภ นาเมส, คณฺหถ น’’นฺติ? ‘‘น คณฺหามิ, อุปาสกา’’ติ. ‘‘กิมตฺถํ น คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘มยฺหํ สนฺติเก กปฺปิยการโก สามเณโรปิ นตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มม ปุตฺโต มหาสุมโน สามเณโร ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘น เม, อุปาสก, มหาสุมเนนตฺโถ’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, จูฬสุมนํ ปพฺพาเชถา’’ติ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา จูฬสุมนํ ปพฺพาเชสิ. โส ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เถโร เตน สทฺธึ อฑฺฒมาสมตฺตํ ตตฺเถว วสิตฺวา ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ตสฺส าตเก อาปุจฺฉิตฺวา อากาเสเนว คนฺตฺวา หิมวนฺตปเทเส อรฺกุฏิกาย โอตริ.

เถโร ปน ปกติยาปิ อารทฺธวีริโย, ตสฺส ตตฺถ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ จงฺกมนฺตสฺส อุทรวาโต สมุฏฺหิ. อถ นํ กิลนฺตรูปํ ทิสฺวา สามเณโร ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, กึ โว รุชฺชตี’’ติ? ‘‘อุทรวาโต เม สมุฏฺิโต’’ติ. ‘‘อฺทาปิ สมุฏฺิตปุพฺโพ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘เกน ผาสุกํ โหติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อโนตตฺตโต ปานีเย ลทฺเธ ผาสุกํ โหติ, อาวุโส’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อาหรามี’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสสิ สามเณรา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ อโนตตฺเต ปนฺนโค นาม นาคราชา มํ ชานาติ, ตสฺส อาจิกฺขิตฺวา เภสชฺชตฺถาย เอกํ ปานียวารกํ อาหราติ. โส สาธูติ อุปชฺฌายํ วนฺทิตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปฺจโยชนสตํ านํ อคมาสิ. ตํ ทิวสํ ปน นาคราชา นาคนาฏกปริวุโต อุทกกีฬํ กีฬิตุกาโม โหติ. โส สามเณรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว กุชฺฌิ, ‘‘อยํ มุณฺฑกสมโณ อตฺตโน ปาทปํสุํ มม มตฺถเก โอกิรนฺโต วิจรติ, อโนตตฺเต ปานียตฺถาย อาคโต ภวิสฺสติ, น ทานิสฺส ปานียํ ทสฺสามี’’ติ ปณฺณาสโยชนิกํ อโนตตฺตทหํ มหาปาติยา อุกฺขลึ ปิทหนฺโต วิย ผเณน ปิทหิตฺวา นิปชฺชิ. สามเณโร นาคราชสฺส อาการํ โอโลเกตฺวาว ‘‘กุทฺโธ อย’’นฺติ ตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘สุโณหิ เม นาคราช, อุคฺคเตช มหพฺพล;

เทหิ เม ปานียฆฏํ, เภสชฺชตฺถมฺหิ อาคโต’’ติ.

ตํ สุตฺวา นาคราชา อิมํ คาถมาห –

‘‘ปุรตฺถิมสฺมึ ทิสาภาเค, คงฺคา นาม มหานที;

มหาสมุทฺทมปฺเปติ, ตโต ตฺวํ ปานียํ หรา’’ติ.

ตํ สุตฺวา สามเณโร ‘‘อยํ นาคราชา อตฺตโน อิจฺฉาย น ทสฺสติ, อหํ พลกฺการํ กตฺวา อานุภาวํ ชานาเปตฺวา อิมํ อภิภวิตฺวาว ปานียํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘มหาราช, อุปชฺฌาโย มํ อโนตตฺตโตว ปานียํ อาหราเปติ, เตนาหํ อิทเมว หริสฺสามิ, อเปหิ, มา มํ วาเรหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘อิโตว ปานียํ หาสฺสํ, อิมินาวมฺหิ อตฺถิโก;

ยทิ เต ถามพลํ อตฺถิ, นาคราช นิวารยา’’ติ.

อถ นํ นาคราชา อาห –

‘‘สามเณร สเจ อตฺถิ, ตว วิกฺกม โปริสํ;

อภินนฺทามิ เต วาจํ, หรสฺสุ ปานียํ มมา’’ติ.

อถ นํ สามเณโร ‘‘เอวํ, มหาราช, หรามี’’ติ วตฺวา ‘‘ยทิ สกฺโกนฺโต หราหี’’ติ วุตฺเต – ‘‘เตน หิ สุฏฺุ ชานสฺสู’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ คเหตฺวา ‘‘พุทฺธสาสนสฺส อานุภาวํ ทสฺเสตฺวา มยา ปานียํ หริตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อากาสฏฺเทวตานํ ตาว สนฺติกํ อคมาสิ. ตา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา อฏฺํสุ. ‘‘เอตสฺมึ อโนตตฺตทหปิฏฺเ ปนฺนคนาคราเชน สทฺธึ มม สงฺคาโม ภวิสฺสติ, ตตฺถ คนฺตฺวา ชยปราชยํ โอโลเกถา’’ติ อาห. โส เอเตเนว นีหาเรน จตฺตาโร โลกปาเล สกฺกสุยามสนฺตุสิตปรนิมฺมิตวสวตฺตี จ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตโต ปรํ ปฏิปาฏิยา ยาว พฺรหฺมโลกํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตตฺถ พฺรหฺเมหิ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ิเตหิ ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ ปุฏฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เอวํ โส อสฺเ จ อรูปิพฺรหฺมาโน จ เปตฺวา สพฺพตฺถ มุหุตฺเตเนว อาหิณฺฑิตฺวา อาโรเจสิ. ตสฺส วจนํ สุตฺวา สพฺพาปิ เทวตา อโนตตฺตทหปิฏฺเ นาฬิยํ ปกฺขิตฺตานิ ปิฏฺจุณฺณานิ วิย อากาสํ นิรนฺตรํ ปูเรตฺวา สนฺนิปตึสุ. สนฺนิปติเต เทวสงฺเฆ สามเณโร อากาเส ตฺวา นาคราชํ อาห –

‘‘สุโณหิ เม นาคราช, อุคฺคเตช มหพฺพล;

เทหิ เม ปานียฆฏํ, เภสชฺชตฺถมฺหิ อาคโต’’ติ.

อถ นํ นาโค อาห –

‘‘สามเณร สเจ อตฺถิ, ตว วิกฺกม โปริสํ;

อภินนฺทามิ เต วาจํ, หรสฺสุ ปานียํ มมา’’ติ.

โส ติกฺขตฺตุํ นาคราชสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา อากาเส ิตโกว ทฺวาทสโยชนิกํ พฺรหฺมตฺตภาวํ มาเปตฺวา อากาสโต โอรุยฺห นาคราชสฺส ผเณ อกฺกมิตฺวา อโธมุขํ นิปฺปีเฬสิ, ตาวเทว พลวตา ปุริเสน อกฺกนฺตอลฺลจมฺมํ วิย นาคราชสฺส ผเณ อกฺกนฺตมตฺเต โอคลิตฺวา ทพฺพิมตฺตา ผณปุฏกา อเหสุํ. นาคราชสฺส ผเณหิ มุตฺตมุตฺตฏฺานโต ตาลกฺขนฺธปมาณา อุทกวฏฺฏิโย อุคฺคฺฉึสุ. สามเณโร อากาเสเยว ปานียวารกํ ปูเรสิ. เทวสงฺโฆ สาธุการมทาสิ. อถ นาคราชา ลชฺชิตฺวา สามเณรสฺส กุชฺฌิ, ชยกุสุมวณฺณานิสฺส อกฺขีนิ อเหสุํ. โส ‘‘อยํ มํ เทวสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา ปานียํ คเหตฺวา ลชฺชาเปสิ, เอตํ คเหตฺวา มุเข หตฺถํ ปกฺขิปิตฺวา หทยมํสํ วาสฺส มทฺทามิ, ปาเท วา นํ คเหตฺวา ปารคงฺคายํ ขิปามี’’ติ เวเคน อนุพนฺธิ. อนุพนฺธนฺโตปิ นํ ปาปุณิตุํ นาสกฺขิเยว. สามเณโร คนฺตฺวา อุปชฺฌายสฺส หตฺเถ ปานียํ เปตฺวา ‘‘ปิวถ, ภนฺเต’’ติ อาห. นาคราชาปิ ปจฺฉโต อาคนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต อนุรุทฺธ, สามเณโร มยา อทินฺนเมว ปานียํ คเหตฺวา อาคโต, มา ปิวิตฺถา’’ติ อาห. เอวํ กิร สามเณราติ. ‘‘ปิวถ, ภนฺเต, อิมินา เม ทินฺนํ ปานียํ อาหฏ’’นฺติ อาห. เถโร ‘‘ขีณาสวสามเณรสฺส มุสากถนํ นาม นตฺถี’’ติ ตฺวา ปานียํ ปิวิ. ตงฺขณฺเวสฺส อาพาโธ ปฏิปสฺสมฺภิ. ปุน นาโค เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, สามเณเรนมฺหิ สพฺพํ เทวคณํ สนฺนิปาเตตฺวา ลชฺชาปิโต, อหมสฺส หทยํ วา ผาเลสฺสามิ, ปาเท วา นํ คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิปิสฺสามี’’ติ. มหาราช, สามเณโร มหานุภาโว, ตุมฺเห สามเณเรน สทฺธึ สงฺคาเมตุํ น สกฺขิสฺสถ, ขมาเปตฺวา นํ คจฺฉถาติ. โส สยมฺปิ สามเณรสฺส อานุภาวํ ชานาติเยว, ลชฺชาย ปน อนุพนฺธิตฺวา อาคโต. อถ นํ เถรสฺส วจเนน ขมาเปตฺวา เตน สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ กตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อโนตตฺตอุทเกน อตฺเถ สติ ตุมฺหากํ อาคมนกิจฺจํ นตฺถิ, มยฺหํ ปหิเณยฺยาถ, อหเมว อาหริตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.

เถโรปิ สามเณรํ อาทาย ปายาสิ. สตฺถา เถรสฺส อาคมนภาวํ ตฺวา มิคารมาตุปาสาเท เถรสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. ภิกฺขูปิ เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสุํ. อเถกจฺเจ สามเณรํ สีเสปิ กณฺเณสุปิ พาหายมฺปิ คเหตฺวา สฺจาเลตฺวา ‘‘กึ, สามเณร จูฬกนิฏฺ, น อุกฺกณฺิโตสี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ กิริยํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ภาริยํ วติเมสํ ภิกฺขูนํ กมฺมํ อาสีวิสํ คีวาย คณฺหนฺตา วิย สามเณรํ คณฺหนฺติ, นาสฺส อานุภาวํ ชานนฺติ, อชฺช มยา สุมนสามเณรสฺส คุณํ ปากฏํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, อโนตตฺตอุทเกนมฺหิ ปาเท โธวิตุกาโม, สามเณรานํ ฆฏํ ทตฺวา ปานียํ อาหราเปหี’’ติ. เถโร วิหาเร ปฺจมตฺตานิ สามเณรสตานิ สนฺนิปาเตสิ. เตสุ สุมนสามเณโร สพฺพนวโก อโหสิ. เถโร สพฺพมหลฺลกํ สามเณรํ อาห – ‘‘สามเณร, สตฺถา อโนกตฺตทหอุทเกน ปาเท โธวิตุกาโม, ฆฏํ อาทาย คนฺตฺวา ปานียํ อาหรา’’ติ. โส ‘‘น สกฺโกมิ, ภนฺเต’’ติ น อิจฺฉิ. เถโร เสเสปิ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉิ, เตปิ ตเถว วตฺวา ปฏิกฺขิปึสุ. ‘‘กึ ปเนตฺถ ขีณาสวสามเณรา นตฺถี’’ติ? อตฺถิ, เต ปน ‘‘นายํ อมฺหากํ พทฺโธ มาลาปุโฏ, สุมนสามเณรสฺเสว พทฺโธ’’ติ น อิจฺฉึสุ, ปุถุชฺชนา ปน อตฺตโน อสมตฺถตาเยว น อิจฺฉึสุ. ปริโยสาเน ปน สุมนสฺส วาเร สมฺปตฺเต, ‘‘สามเณร, สตฺถา อโนตตฺตทหอุทเกน ปาเท โธวิตุกาโม, กุฏํ อาทาย กิร อุทกํ อาหรา’’ติ อาห. โส ‘‘สตฺถริ อาหราเปนฺเต อาหริสฺสามี’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อโนตตฺตโต กิร มํ อุทกํ อาหาราเปถา’’ติ อาห. ‘‘อาม, สุมนา’’ติ. โส วิสาขาย การิเตสุ ฆนสุวณฺณโกฏฺฏิเมสุ เสนาสนกุเฏสุ เอกํ สฏฺิกุฏอุทกคณฺหนกํ มหาฆฏํ หตฺเถน คเหตฺวา ‘‘อิมินา เม อุกฺขิปิตฺวา อํสกูเฏ ปิเตน อตฺโถ นตฺถี’’ติ โอลมฺพกํ กตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา หิมวนฺตาภิมุโข ปกฺขนฺทิ.

นาคราชา สามเณรํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา กุฏํ อํสกูเฏน อาทาย, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห มาทิเส ทาเส วิชฺชมาเน กสฺมา สยํ อาคตา, อุทเกนตฺเถ สติ กสฺมา สาสนมตฺตมฺปิ น ปหิณถา’’ติ กุเฏน อุทกํ อาทาย สยํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘ปุรโต โหถ, ภนฺเต, อหเมว อาหริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ติฏฺถ ตุมฺเห, มหาราช, อหเมว สมฺมาสมฺพุทฺเธน อาณตฺโต’’ติ นาคราชานํ นิวตฺตาเปตฺวา กุฏํ มุขวฏฺฏิยํ หตฺเถน คเหตฺวา อากาเสนาคฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาคจฺฉนฺตํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, สามเณรสฺส ลีลํ, อากาเส หํสราชา วิย โสภตี’’ติ อาห. โสปิ ปานียฆฏํ เปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กติวสฺโสสิ ตฺวํ, สุมนา’’ติ? ‘‘สตฺตวสฺโสมฺหิ, ภนฺเตติ. ‘‘เตน หิ, สุมน, อชฺช ปฏฺาย ภิกฺขุ โหหี’’ติ วตฺวา ทายชฺชอุปสมฺปทํ อทาสิ. ทฺเวเยว กิร สามเณรา สตฺตวสฺสิกา อุปสมฺปทํ ลภึสุ – อยฺจ สุมโน โสปาโก จาติ.

เอวํ ตสฺมึ อุปสมฺปนฺเน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อจฺฉริยํ อาวุโส, เอวรูโป หิ นาม ทหรสามเณรสฺส อานุภาโว โหติ, น โน อิโต ปุพฺเพ เอวรูโป อานุภาโว ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มม สาสเน ทหโรปิ สมฺมา ปฏิปนฺโน เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลภติเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๓๘๒.

‘‘โย หเว ทหโร ภิกฺขุ, ยุฺชติ พุทฺธสาสเน;

โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ.

ตตฺถ ยุฺชตีติ ฆฏติ วายมติ. ปภาเสตีติ โส ภิกฺขุ อตฺตโน อรหตฺตมคฺคาเณน อพฺภาทีหิ มุตฺโต จนฺทิมา วิย โลกํ ขนฺธาทิเภทํ โลกํ โอภาเสติ, เอกาโลกํ กโรตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สุมนสามเณรวตฺถุ ทฺวาทสมํ.

ภิกฺขุวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจวีสติโม วคฺโค.

๒๖. พฺราหฺมณวคฺโค

๑. ปสาทพหุลพฺราหฺมณวตฺถุ

ฉินฺท โสตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปสาทพหุลํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร พฺราหฺมโณ ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต อตฺตโน เคเห โสฬสมตฺตานํ ภิกฺขูนํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปตฺวา ภิกฺขูนํ อาคตเวลาย ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘อาคจฺฉนฺตุ โภนฺโต อรหนฺโต, นิสีทนฺตุ โภนฺโต อรหนฺโต’’ติ ยํกิฺจิ วทนฺโต อรหนฺตวาทปฏิสํยุตฺตเมว วทติ. เตสุ ปุถุชฺชนา ‘‘อยํ อมฺเหสุ อรหนฺตสฺี’’ติ จินฺตยึสุ, ขีณาสวา ‘‘อยํ โน ขีณาสวภาวํ ชานาตี’’ติ. เอวํ เต สพฺเพปิ กุกฺกุจฺจายนฺตา ตสฺส เคหํ นาคมึสุ. โส ทุกฺขี ทุมฺมโน ‘‘กินฺนุ โข, อยฺยา, นาคจฺฉนฺตี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘กึ เอตํ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ตสฺมึ อตฺเถ อาโรจิเต ‘‘สาทิยถ ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อรหนฺตวาท’’นฺติ อาห. ‘‘น สาทิยาม มยํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต มนุสฺสานํ เอตํ ปสาทภฺํ, อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปสาทภฺเ, อปิ จ โข ปน พฺราหฺมณสฺส อรหนฺเตสุ อธิมตฺตํ เปมํ, ตสฺมา ตุมฺเหหิปิ ตณฺหาโสตํ เฉตฺวา อรหตฺตเมว ปตฺตุํ ยุตฺต’’นฺติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๓๘๓.

‘‘ฉินฺท โสตํ ปรกฺกมฺม, กาเม ปนุท พฺราหฺมณ;

สงฺขารานํ ขยํ ตฺวา, อกตฺูสิ พฺราหฺมณา’’ติ.

ตตฺถ ปรกฺกมฺมาติ ตณฺหาโสตํ นาม น อปฺปมตฺตเกน วายาเมน ฉินฺทิตุํ สกฺกา, ตสฺมา าณสมฺปยุตฺเตน มหนฺเตน ปรกฺกเมน ปรกฺกมิตฺวา ตํ โสตํ ฉินฺท. อุโภปิ กาเม ปนุท นีหร. พฺราหฺมณาติ ขีณาสวานํ อาลปนเมตํ. สงฺขารานนฺติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ขยํ ชานิตฺวา. อกตฺูติ เอวํ สนฺเต ตฺวํ สุวณฺณาทีสุ เกนจิ อกตสฺส นิพฺพานสฺส ชานนโต อกตฺู นาม โหสีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ปสาทพหุลพฺราหฺมณวตฺถุ ปมํ.

๒. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ

ยทา ทฺวเยสูติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ ตึสมตฺตา ทิสาวาสิกา ภิกฺขู อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สาริปุตฺตตฺเถโร เตสํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ิตโกว อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ทฺเว ธมฺมาติ วุจฺจนฺติ, กตเม นุ โข ทฺเว ธมฺมา’’ติ? อถ นํ สตฺถา ‘‘ทฺเว ธมฺมาติ โข, สาริปุตฺต, สมถวิปสฺสนา วุจฺจนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๘๔.

‘‘ยทา ทฺวเยสุ ธมฺเมสุ, ปารคู โหติ พฺราหฺมโณ;

อถสฺส สพฺเพ สํโยคา, อตฺถํ คจฺฉนฺติ ชานโต’’ติ.

ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล ทฺวิธา ิเตสุ สมถวิปสฺสนาธมฺเมสุ อภิฺาปารคาทิวเสน อยํ ขีณาสโว ปารคู โหติ, อถสฺส วฏฺฏสฺมึ สํโยชนสมตฺถา สพฺเพ กามโยคาทโย สํโยคา เอวํ ชานนฺตสฺส อตฺถํ ปริกฺขยํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.

สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.

๓. มารวตฺถุ

ยสฺส ปารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิเรกสฺมึ ทิวเส อฺตโร ปุริโส วิย หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, ปารํ ปารนฺติ วุจฺจติ, กินฺนุ โข เอตํ ปารํ นามา’’ติ. สตฺถา ‘‘มาโร อย’’นฺติ วิทิตฺวา, ‘‘ปาปิม, กึ ตว ปาเรน, ตฺหิ วีตราเคหิ ปตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๘๕.

‘‘ยสฺส ปารํ อปารํ วา, ปาราปารํ น วิชฺชติ;

วีตทฺทรํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ ปารนฺติ อชฺฌตฺติกานิ ฉ อายตนานิ. อปารนฺติ พาหิรานิ ฉ อายตนานิ. ปาราปารนฺติ ตทุภยํ. น วิชฺชตีติ ยสฺส สพฺพมฺเปตํ ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา คหณาภาเวน นตฺถิ, ตํ กิเลสทรถานํ วิคเมน วีตทฺทรํ สพฺพกิเลเสหิ วิสํยุตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มารวตฺถุ ตติยํ.

๔. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ

ฌายินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา อตฺตโน สาวเก, ‘พฺราหฺมณา’ติ วทติ, อหฺจมฺหิ ชาติโคตฺเตน พฺราหฺมโณ, มมฺปิ นุ โข เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘นาหํ ชาติโคตฺตมตฺเตน พฺราหฺมณํ วทามิ, อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ อนุปฺปตฺตเมว ปเนวํ วทามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๘๖.

‘‘ฌายึ วิรชมาสีนํ, กตกิจฺจมนาสวํ;

อุตฺตมตฺถมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ ฌายินฺติ ทุวิเธน ฌาเนน ฌายนฺตํ กามรเชน วิรชํ วเน เอกกมาสีนํ จตูหิ มคฺเคหิ โสฬสนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตา กตกิจฺจํ อาสวานํ อภาเวน อนาสวํ อุตฺตมตฺถํ อรหตฺตํ อนุปฺปตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ จตุตฺถํ.

๕. อานนฺทตฺเถรวตฺถุ

ทิวา ตปตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา มิคารมาตุปาสาเท วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

ปเสนทิ โกสโล กิร มหาปวารณาย สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต คนฺธมาลาทีนิ อาทาย วิหารํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ กาฬุทายิตฺเถโร ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน โหติ, นามเมว ปนสฺเสตํ, สรีรํ สุวณฺณวณฺณํ. ตสฺมึ ปน ขเณ จนฺโท อุคฺคจฺฉติ, สูริโย อตฺถเมติ. อานนฺทตฺเถโร อตฺถเมนฺตสฺส จ สูริยสฺส อุคฺคจฺฉนฺตสฺส จ จนฺทสฺส โอภาสํ โอโลเกนฺโต รฺโ สรีโรภาสํ เถรสฺส สรีโรภาสํ ตถาคตสฺส จ สรีโรภาสํ โอโลเกสิ. ตตฺถ สพฺโพภาเส อติกฺกมิตฺวา สตฺถาว วิโรจติ. เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช มม อิเม โอภาเส โอโลเกนฺตสฺส ตุมฺหากเมว โอภาโส รุจฺจติ. ตุมฺหากฺหิ สรีรํ สพฺโพภาเส อติกฺกมิตฺวา วิโรจตี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา, ‘‘อานนฺท, สูริโย นาม ทิวา วิโรจติ, จนฺโท รตฺตึ, ราชา อลงฺกตกาเลเยว, ขีณาสเว คณสงฺคณิกํ ปหาย อนฺโตสมาปตฺติยํเยว วิโรจติ, พุทฺธา ปน รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ปฺจวิเธน เตเชน วิโรจนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๘๗.

‘‘ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ, รตฺติมาภาติ จนฺทิมา;

สนฺนทฺโธ ขตฺติโย ตปติ, ฌายี ตปติ พฺราหฺมโณ;

อถ สพฺพมโหรตฺตึ, พุทฺโธ ตปติ เตชสา’’ติ.

ตตฺถ ทิวา ตปตีติ ทิวา วิโรจติ, รตฺตึ ปนสฺส คตมคฺโคปิ น ปฺายติ. จนฺทิมาติ จนฺโทปิ อพฺภาทีหิ วิมุตฺโต รตฺติเมว วิโรจติ, โน ทิวา. สนฺนทฺโธติ สุวณฺณมณิวิจิตฺเตหิ สพฺพาภรเณหิ ปฏิมณฺฑิโต จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริกฺขิตฺโตว ราชา วิโรจติ, น อฺาตกเวเสน ิโต. ฌายีติ ขีณาสโว ปน คณํ วิโนเทตฺวา ฌายนฺโตว วิโรจติ. เตชสาติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน สีลเตเชน ทุสฺสีลฺยเตชํ, คุณเตเชน นิคฺคุณเตชํ, ปฺาเตเชน ทุปฺปฺเตชํ, ปุฺเตเชน อปุฺเตชํ, ธมฺมเตเชน อธมฺมเตชํ ปริยาทิยิตฺวา อิมินา ปฺจวิเธน เตชสา นิจฺจกาลเมว วิโรจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อานนฺทตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.

๖. อฺตรพฺราหฺมณปพฺพชิตวตฺถุ

พาหิตปาโปติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณปพฺพชิตํ อารพฺภ กเถสิ.

เอโก กิร พฺราหฺมโณ พาหิรกปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก ‘ปพฺพชิตา’ติ วทติ, อหฺจมฺหิ ปพฺพชิโต, มมฺปิ โข เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘นาหํ เอตฺตเกน ‘ปพฺพชิโต’ติ วทามิ, กิเลสมลานํ ปน ปพฺพาชิตตฺตา ปพฺพชิโต นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๘๘.

‘‘พาหิตปาโปติ พฺราหฺมโณ, สมจริยา สมโณติ วุจฺจติ;

ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ปพฺพชิโตติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ สมจริยาติ สพฺพากุสลานิ สเมตฺวา จรเณน. ตสฺมาติ ยสฺมา พาหิตปาปตาย พฺราหฺมโณ, อกุสลานิ สเมตฺวา จรเณน สมโณติ วุจฺจติ, ตสฺมา โย อตฺตโน ราคาทิมลํ ปพฺพาชยนฺโต วิโนเทนฺโต จรติ, โสปิ เตน ปพฺพาชเนน ปพฺพชิโตติ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมณปพฺพชิโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อฺตรพฺราหฺมณปพฺพชิตวตฺถุ ฉฏฺํ.

๗. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ

พฺราหฺมณสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมึ กิร าเน สมฺพหุลา มนุสฺสา ‘‘อโห อมฺหากํ, อยฺโย, ขนฺติพเลน สมนฺนาคโต, อฺเสุ อกฺโกสนฺเตสุ วา ปหรนฺเตสุ วา โกปมตฺตมฺปิ นตฺถี’’ติ เถรสฺส คุเณ กถยึสุ. อเถโก มิจฺฉาทิฏฺิโก พฺราหฺมโณ ‘‘โก เอส น กุชฺฌตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺหากํ เถโร’’ติ. ‘‘นํ กุชฺฌาเปนฺโต น ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘นตฺเถตํ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘เตน หิ อหํ นํ กุชฺฌาเปสฺสามี’’ติ? ‘‘สเจ สกฺโกสิ, กุชฺฌาเปหี’’ติ. โส ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิสฺส กตฺตพฺพ’’นฺติ เถรํ ภิกฺขาย ปวิฏฺํ ทิสฺวา ปจฺฉาภาเคน คนฺตฺวา ปิฏฺิมชฺเฌ มหนฺตํ ปาณิปฺปหารมทาสิ. เถโร ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ อโนโลเกตฺวาว คโต. พฺราหฺมณสฺส สกลสรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘อโห คุณสมฺปนฺโน, อยฺโย’’ติ เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมถ เม, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘กึ เอต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ วีมํสนตฺถาย ตุมฺเห ปหริ’’นฺติ อาห. ‘‘โหตุ ขมามิ เต’’ติ. ‘‘สเจ เม, ภนฺเต, ขมถ, มม เคเหเยว นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ เถรสฺส ปตฺตํ คณฺหิ, เถโรปิ ปตฺตํ อทาสิ. พฺราหฺมโณ เถรํ เคหํ เนตฺวา ปริวิสิ.

มนุสฺสา กุชฺฌิตฺวา ‘‘อิมินา อมฺหากํ นิรปราโธ อยฺโย ปหโฏ, ทณฺเฑนปิสฺส โมกฺโข นตฺถิ, เอตฺเถว นํ มาเรสฺสามา’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทิหตฺถา พฺราหฺมณสฺส เคหทฺวาเร อฏฺํสุ. เถโร อุฏฺาย คจฺฉนฺโต พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ ปตฺตํ อทาสิ. มนุสฺสา ตํ เถเรน สทฺธึ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ คเหตฺวา พฺราหฺมณํ นิวตฺเตถา’’ติ อาหํสุ. กึ เอตํ อุปาสกาติ? พฺราหฺมเณน ตุมฺเห ปหฏา, มยมสฺส กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามาติ. กึ ปน ตุมฺเห อิมินา ปหฏา, อุทาหุ อหนฺติ? ตุมฺเห, ภนฺเตติ. ‘‘มํ เอส ปหริตฺวา ขมาเปสิ, คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ มนุสฺเส อุยฺโยเชตฺวา พฺราหฺมณํ นิวตฺตาเปตฺวา เถโร วิหารเมว คโต. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘กึ นาเมตํ สาริปุตฺตตฺเถโร เยน พฺราหฺมเณน ปหโฏ, ตสฺเสว เคเห นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คเหตฺวา อาคโต. เถรสฺส ปหฏกาลโต ปฏฺาย อิทานิ โส กสฺส ลชฺชิสฺสติ, อวเสเส โปเถนฺโต วิจริสฺสตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณํ ปหรนฺโต นาม นตฺถิ, คิหิพฺราหฺมเณน ปน สมณพฺราหฺมโณ ปหโฏ ภวิสฺสติ, โกโธ นาเมส อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาตํ คจฺฉตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๓๘๙.

‘‘น พฺราหฺมณสฺส ปหเรยฺย, นาสฺส มุฺเจถ พฺราหฺมโณ;

ธี พฺราหฺมณสฺส หนฺตารํ, ตโต ธี ยสฺส มุฺจติ.

๓๙๐.

‘‘น พฺราหฺมณสฺเสตทกิฺจิ เสยฺโย, ยทา นิเสโธ มนโส ปิเยหิ;

ยโต ยโต หึสมโน นิวตฺตติ, ตโต ตโต สมฺมติเมว ทุกฺข’’นฺติ.

ตตฺถ ปหเรยฺยาติ ‘‘ขีณาสวพฺราหฺมโณหมสฺมี’’ติ ชานนฺโต ขีณาสวสฺส วา อฺตรสฺส วา ชาติพฺราหฺมณสฺส น ปหเรยฺย. นาสฺส มุฺเจถาติ โสปิ ปหโฏ ขีณาสวพฺราหฺมโณ อสฺส ปหริตฺวา ิตสฺส เวรํ น มุฺเจถ, ตสฺมึ โกปํ น กเรยฺยาติ อตฺโถ. ธี พฺราหฺมณสฺสาติ ขีณาสวพฺราหฺมณสฺส หนฺตารํ ครหามิ. ตโต ธีติ โย ปน ตํ ปหรนฺตํ ปฏิปหรนฺโต ตสฺส อุปริ เวรํ มุฺจติ, ตํ ตโตปิ ครหามิเยว.

เอตทกิฺจิ เสยฺโยติ ยํ ขีณาสวสฺส อกฺโกสนฺตํ วา อปจฺจกฺโกสนํ, ปหรนฺตํ วา อปฺปฏิปหรณํ, เอตํ ตสฺส ขีณาสวพฺราหฺมณสฺส น กิฺจิ เสยฺโย, อปฺปมตฺตกํ เสยฺโย น โหติ, อธิมตฺตเมว เสยฺโยติ อตฺโถ. ยทา นิเสโธ มนโส ปิเยหีติ โกธนสฺส หิ โกธุปฺปาโทว มนโส ปิโย นาม. โกโธ หิ ปเนส มาตาปิตูสุปิ พุทฺธาทีสุปิ อปรชฺฌติ. ตสฺมา โย อสฺส เตหิ มนโส นิเสโธ โกธวเสน อุปฺปชฺชมานสฺส จิตฺตสฺส นิคฺคโห, เอตํ น กิฺจิ เสยฺโยติ อตฺโถ. หึสมโนติ โกธมโน. โส ตสฺส ยโต ยโต วตฺถุโต อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺโต นิวตฺตติ. ตโต ตโตติ ตโต ตโต วตฺถุโต สกลมฺปิ วฏฺฏทุกฺขํ นิวตฺตติเยวาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.

๘. มหาปชาปติโคตมีวตฺถุ

ยสฺส กาเยน วาจายาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาปชาปตึ โคตมึ อารพฺภ กเถสิ.

ภควตา หิ อนุปฺปนฺเน วตฺถุสฺมึ ปฺตฺเต อฏฺ ครุธมฺเม มณฺฑนกชาติโย ปุริโส สุรภิปุปฺผทามํ วิย สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สปริวารา มหาปชาปติ โคตมี อุปสมฺปทํ ลภิ, อฺโ ตสฺสา อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา นตฺถิ. เอวํ ลทฺธูปสมฺปทํ เถรึ อารพฺภ อปเรน สมเยน กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘มหาปชาปติยา โคตมิยา อาจริยุปชฺฌายา น ปฺายนฺติ, สหตฺเถเนว กาสายานิ คณฺหี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ภิกฺขุนิโย กุกฺกุจฺจายนฺติโย ตาย สทฺธึ เนว อุโปสถํ น ปวารณํ กโรนฺติ, ตา คนฺตฺวา ตถาคตสฺสปิ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตาสํ กถํ สุตฺวา ‘‘มยา มหาปชาปติยา โคตมิยา อฏฺ ครุธมฺมา ทินฺนา, อหเมวสฺสาจริโย, อหเมว อุปชฺฌาโย. กายทุจฺจริตาทิวิรหิเตสุ ขีณาสเวสุ กุกฺกุจฺจํ นาม น กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๓๙๑.

‘‘ยสฺส กาเยน วาจาย, มนสา นตฺถิ ทุกฺกฏํ;

สํวุตํ ตีหิ าเนหิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ ทุกฺกฏนฺติ สาวชฺชํ ทุกฺขุทฺรยํ อปายสํวตฺตนิกํ กมฺมํ. ตีหิ าเนหีติ เอเตหิ กายาทีหิ ตีหิ การเณหิ กายทุจฺจริตาทิปเวสนิวารณตฺถาย ทฺวารํ ปิหิตํ, ตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มหาปชาปติโคตมีวตฺถุ อฏฺมํ.

๙. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ

ยมฺหาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิรายสฺมา อสฺสชิตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ‘‘ยสฺสํ ทิสายํ เถโร วสตี’’ติ สุณาติ, ตโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ตโตว สีสํ กตฺวา นิปชฺชติ. ภิกฺขู ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิโก สาริปุตฺโต, อชฺชาปิ ทิสา นมสฺสมาโน วิจรตี’’ติ ตมตฺถํ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา เถรํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, สาริปุตฺต, ทิสา นมสฺสนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มม ทิสา นมสฺสนภาวํ วา อนมสฺสนภาวํ วา ตุมฺเหว ชานาถา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต ทิสา นมสฺสติ, อสฺสชิตฺเถรสฺส ปน สนฺติกา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺตตาย อตฺตโน อาจริยํ นมสฺสติ. ยฺหิ อาจริยํ นิสฺสาย ภิกฺขุ ธมฺมํ วิชานาติ, เตน โส พฺราหฺมเณน อคฺคิ วิย สกฺกจฺจํ นมสฺสิตพฺโพเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๓๙๒.

‘‘ยมฺหา ธมฺมํ วิชาเนยฺย, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;

สกฺกจฺจํ ตํ นมสฺเสยฺย, อคฺคิหุตฺตํว พฺราหฺมโณ’’ติ.

ตตฺถ อคฺคิหุตฺตํวาติ ยถา พฺราหฺมโณ อคฺคิหุตฺตํ สมฺมา ปริจรเณน เจว อฺชลิกมฺมาทีหิ จ สกฺกจฺจํ นมสฺสติ, เอวํ ยมฺหา อาจริยา ตถาคตปเวทิตํ ธมฺมํ วิชาเนยฺย, ตํ สกฺกจฺจํ นมสฺเสยฺยาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ นวมํ.

๑๐. ชฏิลพฺราหฺมณวตฺถุ

น ชฏาหีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ชฏิลพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ‘‘อหํ มาติโต จ ปิติโต จ สุชาโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต. สเจ สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก พฺราหฺมณาติ วทติ, มมฺปิ นุ โข ตถา วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, ชฏามตฺเตน, น ชาติโคตฺตมตฺเตน พฺราหฺมณํ วทามิ, ปฏิวิทฺธสจฺจเมว ปนาหํ พฺราหฺมโณติ วทามี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๓๙๓.

‘‘น ชฏาหิ น โคตฺเตน, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ;

ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, โส สุจี โส จ พฺราหฺมโณ’’ติ.

ตตฺถ สจฺจนฺติ ยสฺมึ ปุคฺคเล จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหากาเรหิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิตํ สจฺจาณฺเจว นววิโธ จ โลกุตฺตรธมฺโม อตฺถิ, โส สุจิ, โส พฺราหฺมโณ จาติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ชฏิลพฺราหฺมณวตฺถุ ทสมํ.

๑๑. กุหกพฺราหฺมณวตฺถุ

กึ เตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต เอกํ วคฺคุลิวตํ กุหกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เวสาลินครทฺวาเร เอกํ กกุธรุกฺขํ อารุยฺห ทฺวีหิ ปาเทหิ รุกฺขสาขํ คณฺหิตฺวา อโธสิโร โอลมฺพนฺโต ‘‘กปิลานํ เม สตํ เทถ, กหาปเณ เทถ, ปริจาริกํ เทถ, โน เจ ทสฺสถ, อิโต ปติตฺวา มรนฺโต นครํ อนครํ กริสฺสามี’’ติ วทติ. ตถาคตสฺส ภิกฺขุสงฺฆปริวุตสฺส นครํ ปวิสนกาเล ภิกฺขู ตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา นิกฺขมนกาเลปิ นํ ตเถว โอลมฺพนฺตํ ปสฺสึสุ. นาคราปิ ‘‘อยํ ปาโตว ปฏฺาย เอวํ โอลมฺพนฺโต ปติตฺวา มรนฺโต นครํ อนครํ กเรยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา นครวินาสภีตา ‘‘ยํ โส ยาจติ, สพฺพํ เทมา’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อทํสุ. โส โอตริตฺวา สพฺพํ คเหตฺวา อคมาสิ. ภิกฺขู วิหารูปจาเร ตํ คาวึ วิย วิรวิตฺวา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ‘‘ลทฺธํ เต, พฺราหฺมณ, ยถาปตฺถิต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ลทฺธํ เม’’ติ สุตฺวา อนฺโตวิหารํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โส กุหกโจโร, ปุพฺเพปิ กุหกโจโรเยว อโหสิ. อิทานิ ปเนส พาลชนํ วฺเจติ, ตทา ปน ปณฺฑิเต วฺเจตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตมาหริ.

อตีเต เอกํ กาสิกคามํ นิสฺสาย เอโก กุหกตาปโส วาสํ กปฺเปสิ. ตํ เอกํ กุลํ ปฏิชคฺคิ. ทิวา อุปฺปนฺนขาทนียโภชนียโต อตฺตโน ปุตฺตานํ วิย ตสฺสปิ เอกํ โกฏฺาสํ เทติ, สายํ อุปฺปนฺนโกฏฺาสํ เปตฺวา ทุติยทิวเส เทติ. อเถกทิวสํ สายํ โคธมํสํ ลภิตฺวา สาธุกํ ปจิตฺวา ตโต โกฏฺาสํ เปตฺวา ทุติยทิวเส ตสฺส อทํสุ. ตาปโส มํสํ ขาทิตฺวาว รสตณฺหาย พทฺโธ ‘‘กึ มํสํ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โคธมํส’’นฺติ สุตฺวา ภิกฺขาย จริตฺวา สปฺปิทธิกฏุกภณฺฑาทีนิ คเหตฺวา ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ เปสิ. ปณฺณสาลาย ปน อวิทูเร เอกสฺมึ วมฺมิเก โคธราชา วิหรติ. โส กาเลน กาลํ ตาปสํ วนฺทิตุํ อาคจฺฉติ. ตํทิวสํ ปเนส ‘‘ตํ วธิสฺสามี’’ติ ทณฺฑํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ตสฺส วมฺมิกสฺส อวิทูเร าเน นิทฺทายนฺโต วิย นิสีทิ. โคธราชา วมฺมิกโต นิกฺขมิตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโตว อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘น เม อชฺช อาจริยสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ ตโตว นิวตฺติ. ตาปโส ตสฺส นิวตฺตนภาวํ ตฺวา ตสฺส มารณตฺถาย ทณฺฑํ ขิปิ, ทณฺโฑ วิรชฺฌิตฺวา คโต. โคธราชาปิ ธมฺมิกํ ปวิสิตฺวา ตโต สีสํ นีหริตฺวา อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺโต ตาปสํ อาห –

‘‘สมณํ ตํ มฺมาโน, อุปคจฺฉิมสฺตํ;

โส มํ ทณฺเฑน ปาหาสิ, ยถา อสมโณ ตถา.

‘‘กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธ, กึ เต อชินสาฏิยา;

อพฺภนฺตรํ เต คหนํ, พาหิรํ ปริมชฺชสี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๙๗-๙๘);

อถ นํ ตาปโส อตฺตโน สนฺตเกน ปโลเภตุํ เอวมาห –

‘‘เอหิ โคธ นิวตฺตสฺสุ, ภุฺช สาลีนโมทนํ;

เตลํ โลณฺจ เม อตฺถิ, ปหูตํ มยฺห ปิปฺผลี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๙๙);

ตํ สุตฺวา โคธราชา ‘‘ยถา ยถา ตฺวํ กเถสิ, ตถา ตถา เม ปลายิตุกามตาว โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘เอส ภิยฺโย ปเวกฺขามิ, วมฺมิกํ สตโปริสํ;

เตลํ โลณฺจ กิตฺเตสิ, อหิตํ มยฺห ปิปฺผลี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๐๐);

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อหํ เอตฺตกํ กาลํ ตยิ สมณสฺํ อกาสึ, อิทานิ ปน เต มํ ปหริตุกามตาย ทณฺโฑ ขิตฺโต, ตสฺส ขิตฺตกาเลเยว อสมโณ ชาโต. กึ ตาทิสสฺส ทุปฺปฺสฺส ปุคฺคลสฺส ชฏาหิ, กึ สขุเรน อชินจมฺเมน. อพฺภนฺตรฺหิ เต คหนํ, เกวลํ พาหิรเมว ปริมชฺชสี’’ติ อาห. สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา เอส กุหโก ตาปโส อโหสิ, โคธราชา ปน อหเมวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ตทา โคธปณฺฑิเตน ตสฺส นิคฺคหิตการณํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๓๙๔.

‘‘กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธ, กึ เต อชินสาฏิยา;

อพฺภนฺตรํ เต คหนํ, พาหิรํ ปริมชฺชสี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๙๘);

ตตฺถ กึ เต ชฏาหีติ อมฺโภ ทุปฺปฺ ตว พทฺธาหิปิ อิมาหิ ชฏาหิ สขุราย นิวตฺถายปิ อิมาย อชินจมฺมสาฏิกาย จ กิมตฺโถติ. อพฺภนฺตรนฺติ อพฺภนฺตรฺหิ เต ราคาทิกิเลสคหนํ, เกวลํ หตฺถิลณฺฑํ อสฺสลณฺฑํ วิย มฏฺํ พาหิรํ ปริมชฺชสีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

กุหกพฺราหฺมณวตฺถุ เอกาทสมํ.

๑๒. กิสาโคตมีวตฺถุ

ปํสุกูลธรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต วิหรนฺโต กิสาโคตมึ อารพฺภ กเถสิ.

ตทา กิร สกฺโก ปมยามาวสาเน เทวปริสาย สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺเต สารณียธมฺมกถํ สุณนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ กิสาโคตมี ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา สกฺกํ ทิสฺวา นิวตฺติ. โส ตํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตนฺตึ ทิสฺวา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘กา นาเมสา, ภนฺเต, อาคจฺฉมานาว ตุมฺเห ทิสฺวา นิวตฺตตี’’ติ? สตฺถา ‘‘กิสาโคตมี นาเมสา, มหาราช, มม ธีตา ปํสุกูลิกตฺเถรีนํ อคฺคา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๙๕.

‘‘ปํสุกูลธรํ ชนฺตุํ, กิสํ ธมนิสนฺถตํ;

เอกํ วนสฺมึ ฌายนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ กิสนฺติ ปํสุกูลิกา หิ อตฺตโน อนุรูปํ ปฏิปทํ ปูเรนฺตา อปฺปมํสโลหิตา เจว โหนฺติ ธมนิสนฺถตคตฺตา จ, ตสฺมา เอวมาห. เอกํ วนสฺมินฺติ วิวิตฺตฏฺาเน เอกกํ วนสฺมึ ฌายนฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

กิสาโคตมีวตฺถุ ทฺวาทสมํ.

๑๓. เอกพฺราหฺมณวตฺถุ

จาหนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร ‘‘สมโณ โคตโม อตฺตโน สาวเก พฺราหฺมณาติ วทติ อหฺจมฺหิ พฺราหฺมณโยนิยํ นิพฺพตฺโต, มมฺปิ นุ โข เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณโยนิยํ นิพฺพตฺตมตฺเตเนวํ วทามิ, โย ปน อกิฺจโน อคหโณ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๙๖.

‘‘น จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมิ, โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ;

โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน;

อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ โยนิชนฺติ โยนิยํ ชาตํ. มตฺติสมฺภวนฺติ พฺราหฺมณิยา มาตุ สนฺตเก อุทรสฺมึ สมฺภูตํ. โภวาทีติ โส ปน อามนฺตนาทีสุ ‘‘โภ, โภ’’ติ วตฺวา วิจรนฺโต โภวาทิ นาม โหติ, สเจ ราคาทีหิ กิฺจเนหิ สกิฺจโน. อหํ ปน ราคาทีหิ อกิฺจนํ จตูหิ อุปาทาเนหิ อนาทานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

เอกพฺราหฺมณวตฺถุ เตรสมํ.

๑๔. อุคฺคเสนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ

สพฺพสํโยชนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อุคฺคเสนํ นาม เสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘มุฺจ ปุเร มุฺจ ปจฺฉโต’’ติ (ธ. ป. ๓๔๘) คาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตเมว.

ตทา หิ สตฺถา, ‘‘ภนฺเต, อุคฺคเสโน ‘น ภายามี’ติ วทติ, อภูเตน มฺเ อฺํ พฺยากโรตี’’ติ ภิกฺขูหิ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสทิสา ฉินฺนสํโยชนา น ภายนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๙๗.

‘‘สพฺพสํโยชนํ เฉตฺวา, โย เว น ปริตสฺสติ;

สงฺคาติคํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ สพฺพสํโยชนนฺติ ทสวิธสํโยชนํ. น ปริตสฺสตีติ ตณฺหาย น ภายติ. ตมหนฺติ ตํ อหํ ราคาทีนํ สงฺคานํ อตีตตฺตา สงฺคาติคํ, จตุนฺนมฺปิ โยคานํ อภาเวน วิสํยุตฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อุคฺคเสนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ จุทฺทสมํ.

๑๕. ทฺเวพฺราหฺมณวตฺถุ

เฉตฺวา นทฺธินฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว พฺราหฺมเณ อารพฺภ กเถสิ.

เตสุ กิเรกสฺส จูฬโรหิโต นาม โคโณ อโหสิ, เอกสฺส มหาโรหิโต นาม. เต เอกทิวสํ ‘‘ตว โคโณ พลวา, มม โคโณ พลวา’’ติ วิวทิตฺวา ‘‘กึ โน วิวาเทน, ปาเชตฺวา ชานิสฺสามา’’ติ อจิรวตีตีเร สกฏํ วาลุกาย ปูเรตฺวา โคเณ โยชยึสุ. ตสฺมึ ขเณ ภิกฺขูปิ นฺหายิตุํ ตตฺถ คตา โหนฺติ. พฺราหฺมณา โคเณ ปาเชสุํ. สกฏํ นิจฺจลํ อฏฺาสิ, นทฺธิวรตฺตา ปน ฉิชฺชึสุ. ภิกฺขู ทิสฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ สตฺถุ อาโรจยึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, พาหิรา เอตา นทฺธิวรตฺตา, โย โกจิ เอตา ฉินฺทเตว, ภิกฺขุนา ปน อชฺฌตฺติกํ โกธนทฺธิฺเจว ตณฺหาวรตฺตฺจ ฉินฺทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๙๘.

‘‘เฉตฺวา นทฺธึ วรตฺตฺจ, สนฺทานํ สหนุกฺกมํ;

อุกฺขิตฺตปลิฆํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ นทฺธินฺติ นยฺหนภาเวน ปวตฺตํ โกธํ. วรตฺตนฺติ พนฺธนภาเวน ปวตฺตํ ตณฺหํ. สนฺทานํ สหนุกฺกมนฺติ อนุสยานุกฺกมสหิตํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิสนฺทานํ, อิทํ สพฺพมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ิตํ อวิชฺชาปลิฆสฺส อุกฺขิตฺตตฺตา อุกฺขิตฺตปลิฆํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตฺตา พุทฺธํ ตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

ทฺเวพฺราหฺมณวตฺถุ ปนฺนรสมํ.

๑๖. อกฺโกสกภารทฺวาชวตฺถุ

อกฺโกสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อกฺโกสกภารทฺวาชํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส หิ ภาตุ ภารทฺวาชสฺส ธนฺชานี นาม พฺราหฺมณี โสตาปนฺนา อโหสิ. สา ขีปิตฺวาปิ กาสิตฺวาปิ ปกฺขลิตฺวาปิ ‘‘นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. สา เอกทิวสํ พฺราหฺมณปริเวสนาย ปวตฺตมานาย ปกฺขลิตฺวา ตเถว มหาสทฺเทน อุทานํ อุทาเนสิ. พฺราหฺมโณ กุชฺฌิตฺวา ‘‘เอวเมวายํ วสลี ยตฺถ วา ตตฺถ วา ปกฺขลิตฺวา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติ วตฺวา ‘‘อิทานิ เต, วสลิ, คนฺตฺวา ตสฺส สตฺถุโน วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ สา ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, นาหํ ตํ ปสฺสามิ, โย ตสฺส ภควโต วาทํ อาโรเปยฺย, อปิ จ คนฺตฺวา ตํ ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉสฺสู’’ติ อาห. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อวนฺทิตฺวาว เอกมนฺตํ ิโต ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –

‘‘กึสุ เฉตฺวา สุขํ เสติ, กึสุ เฉตฺวา น โสจติ;

กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส, วธํ โรเจสิ โคตมา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๗);

อถสฺส ปฺหํ พฺยากโรนฺโต สตฺถา อิมํ คาถมาห –

‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;

โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ;

วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๗);

โส สตฺถริ ปสีทิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถสฺส กนิฏฺโ อกฺโกสกภารทฺวาโช ‘‘ภาตา กิร เม ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา กุทฺโธ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสิ. โสปิ สตฺถารา อติถีนํ ขาทนียาทิทานโอปมฺเมน สฺตฺโต สตฺถริ ปสนฺโน ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อปเรปิสฺส สุนฺทริกภารทฺวาโช พิลิงฺคกภารทฺวาโชติ ทฺเว กนิฏฺภาตโร สตฺถารํ อกฺโกสนฺตาว สตฺถารา วินีตา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.

อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, อจฺฉริยา วต พุทฺธคุณา, จตูสุ นาม ภาติเกสุ อกฺโกสนฺเตสุ สตฺถา กิฺจิ อวตฺวา เตสํเยว ปติฏฺา ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, อหํ มม ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา ทุฏฺเสุ อทุสฺสนฺโต มหาชนสฺส ปติฏฺา โหมิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๙๙.

‘‘อกฺโกสํ วธพนฺธฺจ, อทุฏฺโ โย ติติกฺขติ;

ขนฺตีพลํ พลานีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ อทุฏฺโติ เอตํ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสฺจ ปาณิอาทีหิ โปถนฺจ อนฺทุพนฺธนาทีหิ พนฺธนฺจ โย อกุทฺธมานโส หุตฺวา อธิวาเสติ, ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา ขนฺติพลํ, ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา อนีกภูเตน เตเนว ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา พลานีกํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อกฺโกสกภารทฺวาชวตฺถุ โสฬสมํ.

๑๗. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ

อกฺโกธนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

ตทา กิร เถโร ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย จรนฺโต นาลกคาเม มาตุ ฆรทฺวารํ อคมาสิ. อถ นํ สา นิสีทาเปตฺวา ปริวิสมานา อกฺโกสิ – ‘‘อมฺโภ, อุจฺฉิฏฺขาทก อุจฺฉิฏฺกฺชิยํ อลภิตฺวา ปรฆเรสุ อุฬุงฺกปิฏฺเน ฆฏฺฏิตกฺชิยํ ปริภุฺชิตุํ อสีติโกฏิธนํ ปหาย ปพฺพชิโตสิ, นาสิตมฺหา ตยา, ภุฺชาหิ ทานี’’ติ. ภิกฺขูนมฺปิ ภตฺตํ ททมานา ‘‘ตุมฺเหหิ มม ปุตฺโต อตฺตโน จูฬุปฏฺาโก กโต, อิทานิ ภุฺชถา’’ติ วเทติ. เถโร ภิกฺขํ คเหตฺวา วิหารเมว อคมาสิ. อถายสฺมา ราหุโล สตฺถารํ ปิณฺฑปาเตน อาปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ราหุล, กหํ คมิตฺถา’’ติ? ‘‘อยฺยิกาย คามํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน เต อยฺยิกาย อุปชฺฌาโย วุตฺโต’’ติ? ‘‘อยฺยิกาย เม, ภนฺเต, อุปชฺฌาโย อกฺกุฏฺโ’’ติ. ‘‘กินฺติ วตฺวา’’ติ? ‘‘อิทํ นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อุปชฺฌาเยน ปน เต กึ วุตฺต’’นฺติ? ‘‘น กิฺจิ, ภนฺเต’’ติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, อจฺฉริยา วต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส คุณา, เอวํนามสฺส มาตริ อกฺโกสนฺติยา โกธมตฺตมฺปิ นาโหสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม อกฺโกธนาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๐๐.

‘‘อกฺโกธนํ วตวนฺตํ, สีลวนฺตํ อนุสฺสทํ;

ทนฺตํ อนฺติมสารีรํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ วตวนฺตนฺติ ธุตวเตน, สมนฺนาคตํ จตุปาริสุทฺธิสีเลน สีลวนฺตํ, ตณฺหาอุสฺสทาภาเวน อนุสฺสทํ , ฉฬินฺทฺริยทมเนน ทนฺตํ, โกฏิยํ ิเตน อตฺตภาเวน อนฺติมสรีรํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ สตฺตรสมํ.

๑๘. อุปฺปลวณฺณาเถรีวตฺถุ

วาริ โปกฺขรปตฺเตวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปฺปลวณฺณเถรึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘มธุวา มฺติ พาโล’’ติ คาถาวณฺณนาย (ธ. ป. ๖๙) วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๖๙) –

อปเรน สมเยน มหาชโน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘ขีณาสวาปิ มฺเ กามสุขํ สาทิยนฺติ, กามํ เสวนฺติ, กึ น เสวิสฺสนฺติ. น เหเต โกฬาปรุกฺขา, น จ วมฺมิกา, อลฺลมํสสรีราว, ตสฺมา เอเตปิ กามสุขํ สาทิยนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ขีณาสวา กามสุขํ สาทิยนฺติ, น กามํ เสวนฺติ. ยถา หิ ปทุมปตฺเต ปติตํ อุทกพินฺทุ น ลิมฺปติ น สณฺาติ, วินิวตฺติตฺวา ปน ปตเตว. ยถา จ อารคฺเค สาสโป น อุปลิมฺปติ น สณฺาติ, วินิวตฺติตฺวา ปตเตว, เอวํ ขีณาสวสฺส จิตฺเต ทุวิโธปิ กาโม น ลิมฺปติ น สณฺาตี’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๔๐๑.

‘‘วาริ โปกฺขรปตฺเตว, อารคฺเคริว สาสโป;

โย น ลิมฺปติ กาเมสุ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ โย น ลิมฺปตีติ เอวเมวํ โย อพฺภนฺตเร ทุวิเธปิ กาเม น อุปลิมฺปติ, ตสฺมึ กาเม น สณฺาติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อุปฺปลวณฺณาเถรีวตฺถุ อฏฺารสมํ.

๑๙. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ

โย ทุกฺขสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.

ตสฺส กิเรโก ทาโส อปฺตฺเต สิกฺขาปเท ปลายิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. พฺราหฺมโณ ตํ โอโลเกนฺโต อทิสฺวา เอกทิวสํ สตฺถารา สทฺธึ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทฺวารนฺตเร ทิสฺวา จีวรํ ทฬฺหํ อคฺคเหสิ. สตฺถา นิวตฺติตฺวา ‘‘กึ อิทํ, พฺราหฺมณา’’ติ ปุจฺฉิ. ทาโส เม, โภ โคตมาติ. ปนฺนภาโร เอส, พฺราหฺมณาติ. ‘‘ปนฺนภาโร’’ติ จ วุตฺเต พฺราหฺมโณ ‘‘อรหา’’ติ สลฺลกฺเขสิ. ตสฺมา ปุนปิ เตน ‘‘เอวํ, โภ โคตมา’’ติ วุตฺเต สตฺถา ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ปนฺนภาโร’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๐๒.

‘‘โย ทุกฺขสฺส ปชานาติ, อิเธว ขยมตฺตโน;

ปนฺนภารํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ ทุกฺขสฺสาติ ขนฺธทุกฺขสฺส. ปนฺนภารนฺติ โอหิตขนฺธภารํ จตูหิ โยเคหิ สพฺพกิเลเสหิ วา วิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.

อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ เอกูนวีสติมํ.

๒๐. เขมาภิกฺขุนีวตฺถุ

คมฺภีรปฺนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา คิชฺฌกูเฏ วิหรนฺโต เขมํ นาม ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ ปมยามสมนนฺตเร สกฺโก เทวราชา ปริสาย สทฺธึ อาคนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียธมฺมกถํ สุณนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ เขมา ภิกฺขุนี ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา สกฺกํ ทิสฺวา อากาเส ิตาว สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. สกฺโก ตํ ทิสฺวา ‘‘โก เอสา, ภนฺเต, อาคจฺฉมานา อากาเส ิตาว สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘เอสา, มหาราช, มม ธีตา เขมา นาม มหาปฺา มคฺคามคฺคโกวิทา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๐๓.

‘‘คมฺภีรปฺํ เมธาวึ, มคฺคามคฺคสฺส โกวิทํ;

อุตฺตมตฺถมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ คพฺภีรปฺนฺติ คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย ปฺาย สมนฺนาคตํ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตํ เมธาวึ ‘‘อยํ ทุคฺคติยา มคฺโค, อยํ สุคติยา มคฺโค, อยํ นิพฺพานสฺส มคฺโค, อยํ อมคฺโค’’ติ เอวํ มคฺเค จ อมคฺเค จ เฉกตาย มคฺคามคฺคสฺส โกวิทํ อรหตฺตสงฺขาตํ อุตฺตมตฺถํ อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

เขมาภิกฺขุนิวตฺถุ วีสติมํ.

๒๑. ปพฺภารวาสีติสฺสตฺเถรวตฺถุ

อสํสฏฺนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปพฺภารวาสีติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา สปฺปายํ เสนาสนํ โอโลเกนฺโต เอกํ เลณปพฺภารํ ปาปุณิ, สมฺปตฺตกฺขเณเยวสฺส จิตฺตํ เอกคฺคตํ ลภิ. โส ‘‘อหํ อิธ วสนฺโต ปพฺพชิตกิจฺจํ นิปฺผาเทตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. เลเณปิ อธิวตฺถา เทวตา ‘‘สีลวา ภิกฺขุ อาคโต, อิมินา สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุํ ทุกฺขํ. อยํ ปน อิธ เอกรตฺติเมว วสิตฺวา ปกฺกมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุตฺเต อาทาย นิกฺขมิ. เถโร ปุนทิวเส ปาโตว โคจรคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ นํ เอกา อุปาสิกา ทิสฺวาว ปุตฺตสิเนหํ ปฏิลภิตฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา อตฺตานํ นิสฺสาย เตมาสํ วสนตฺถาย ยาจิ. โสปิ ‘‘สกฺกา มยา อิมํ นิสฺสาย ภวนิสฺสรณํ กาตุ’’นฺติ อธิวาเสตฺวา ตเมว เลณํ อคมาสิ. เทวตา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา เกนจิ นิมนฺติโต ภวิสฺสติ, สฺเว วา ปรสุเว วา คมิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ.

เอวํ อฑฺฒมาสมตฺเต อติกฺกนฺเต ‘‘อยํ อิเธว มฺเ อนฺโตวสฺสํ วสิสฺสติ, สีลวตา ปน สทฺธึ เอกฏฺาเน ปุตฺตเกหิ สทฺธึ วสิตุํ ทุกฺกรํ, อิมฺจ ‘นิกฺขมา’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, อตฺถิ นุ โข อิมสฺส สีเล ขลิต’’นฺติ ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺตี อุปสมฺปทมาฬกโต ปฏฺาย ตสฺส สีเล ขลิตํ อทิสฺวา ‘‘ปริสุทฺธมสฺส สีลํ, กิฺจิเทวสฺส กตฺวา อยสํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ตสฺส อุปฏฺากกุเล อุปาสิกาย เชฏฺปุตฺตสฺส สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา คีวํ ปริวตฺเตสิ. ตสฺส อกฺขีนิ นิกฺขมึสุ, มุขโต เขโฬ ปคฺฆริ. อุปาสิกา ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วิรวิ. อถ นํ เทวตา อทิสฺสมานรูปา เอวมาห – ‘‘มยา เอส คหิโต, พลิกมฺเมนปิ เม อตฺโถ นตฺถิ, ตุมฺหากํ ปน กุลูปกํ เถรํ ลฏฺิมธุกํ ยาจิตฺวา เตน เตลํ ปจิตฺวา อิมสฺส นตฺถุกมฺมํ เทถ, เอวาหํ อิมํ มุฺจิสฺสามี’’ติ. นสฺสตุ วา เอส มรตุ วา, น สกฺขิสฺสามหํ อยฺยํ ลฏฺิมธุกํ ยาจิตุนฺติ. สเจ ลฏฺิมธุกํ ยาจิตุํ น สกฺโกถ, นาสิกายสฺส หิงฺคุจุณฺณํ ปกฺขิปิตุํ วเทถาติ. อิทมฺปิ วตฺตุํ น สกฺโกมาติ. เตน หิสฺส ปาทโธวนอุทกํ อาทาย สีเส อาสิฺจถาติ. อุปาสิกา ‘‘สกฺกา อิทํ กาตุ’’นฺติ เวลาย อาคตํ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา อนฺตรภตฺเต นิสินฺนสฺส ปาเท โธวิตฺวา อุทกํ คเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ อุทกํ ทารกสฺส สีเส อาสิฺจามา’’ติ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘เตน หิ อาสิฺจถา’’ติ วุตฺเต ตถา อกาสิ. สา เทวตา ตาวเทว ตํ มุฺจิตฺวา คนฺตฺวา เลณทฺวาเร อฏฺาสิ.

เถโรปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน อุฏฺายาสนา อวิสฺสฏฺกมฺมฏฺานตาย ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายนฺโตว ปกฺกามิ. อถ นํ เลณทฺวารํ ปตฺตกาเล สา เทวตา ‘‘มหาเวชฺช มา อิธ ปวิสา’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ตฺวา ‘‘กาสิ ตฺว’’นฺติ อาห. อหํ อิธ อธิวตฺถา เทวตาติ. เถโร ‘‘อตฺถิ นุ โข มยา เวชฺชกมฺมสฺส กตฏฺาน’’นฺติ อุปสมฺปทมาฬกโต ปฏฺาย โอโลเกนฺโต อตฺตโน สีเล ติลกํ วา กาฬกํ วา อทิสฺวา ‘‘อหํ มยา เวชฺชกมฺมสฺส กตฏฺานํ น ปสฺสามิ, กสฺมา เอวํ วเทสี’’ติ อาห. น ปสฺสสีติ. อาม, น ปสฺสามีติ? อาจิกฺขามิ เตติ. อาม, อาจิกฺขาหีติ. ติฏฺตุ ตาว ทูเร กตํ, อชฺเชว ตยา อมนุสฺสคหิตสฺส อุปฏฺากปุตฺตสฺส ปาทโธวนอุทกํ สีเส อาสิตฺตํ, นาสิตฺตนฺติ? อาม, อาสิตฺตนฺติ. กึ เอตํ น ปสฺสสีติ? เอตํ สนฺธาย ตฺวํ วเทสีติ? อาม, เอตํ สนฺธาย วทามีติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อโห วต เม สมฺมา ปณิหิโต อตฺตา, สาสนสฺส อนุรูปํ วต เม จริตํ, เทวตาปิ มม จตุปาริสุทฺธิสีเล ติลกํ วา กาฬกํ วา อทิสฺวา ทารกสฺส สีเส อาสิตฺตปาทโธวนมตฺตํ อทฺทสา’’ติ ตสฺส สีลํ อารพฺภ พลวปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ตํ วิกฺขมฺเภตฺวา ปาทุทฺธารมฺปิ อกตฺวา ตตฺเถว อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘มาทิสํ ปริสุทฺธํ สมณํ ทูเสตฺวา มา อิธ วนสณฺเฑ วสิ, ตฺวเมว นิกฺขมาหี’’ติ เทวตํ โอวทนฺโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘วิสุทฺโธ วต เม วาโส, นิมฺมลํ มํ ตปสฺสินํ;

มา ตฺวํ วิสุทฺธํ ทูเสสิ, นิกฺขม ปวนา ตุว’’นฺติ.

โส ตตฺเถว เตมาสํ วสิตฺวา วุตฺถวสฺโส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภิกฺขูหิ ‘‘กึ, อาวุโส, ปพฺพชิตกิจฺจํ เต มตฺถกํ ปาปิต’’นฺติ ปุฏฺโ ตสฺมึ เลเณ วสฺสูปคมนโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขูนํ อาโรเจตฺวา, ‘‘อาวุโส, ตฺวํ เทวตาย เอวํ วุจฺจมาโน น กุชฺฌี’’ติ วุตฺเต ‘‘น กุชฺฌิ’’นฺติ อาห. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ, ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ อฺํ พฺยากโรติ, เทวตาย อิทํ นาม วุจฺจมาโนปิ น กุชฺฌินฺติ วทตี’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘เนว, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต กุชฺฌติ, เอตสฺส คิหีหิ วา ปพฺพชิเตหิ วา สํสคฺโค นาม นตฺถิ, อสํสฏฺโ เอส อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๔๐๔.

‘‘อสํสฏฺํ คหฏฺเหิ, อนาคาเรหิ จูภยํ;

อโนกสาริมปฺปิจฺฉํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ อสํสฏฺนฺติ ทสฺสนสวนสมุลฺลปนปริโภคกายสํสคฺคานํ อภาเวน อสํสฏฺํ. อุภยนฺติ คิหีหิ จ อนาคาเรหิ จาติ อุภเยหิปิ อสํสฏฺํ. อโนกสารินฺติ อนาลยจารึ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ปพฺภารวาสีติสฺสตฺเถรวตฺถุ เอกวีสติมํ.

๒๒. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ

นิธาย ทณฺฑนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วายมนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามี’’ติ ตโต นิกฺขมิ. อถ นํ เอกสฺมึ คาเม เอกา อิตฺถี สามิเกน สทฺธึ กลหํ กตฺวา ตสฺมึ พหิ นิกฺขนฺเต ‘‘กุลฆรํ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปนฺนา อนฺตรามคฺเค ทิสฺวา ‘‘อิมํ เถรํ นิสฺสาย คมิสฺสามี’’ติ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. เถโร ปน ตํ น ปสฺสติ. อถสฺสา สามิโก เคหํ อาคโต ตํ อทิสฺวา ‘‘กุลคามํ คตา ภวิสฺสตี’’ติ อนุพนฺธนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘น สกฺกา อิมาย เอกิกาย อิมํ อฏวึ ปฏิปชฺชิตุํ, กํ นุ โข นิสฺสาย คจฺฉตี’’ติ โอโลเกนฺโต เถรํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อิมํ คณฺหิตฺวา นิกฺขนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา เถรํ สนฺตชฺเชสิ. อถ นํ สา อิตฺถี ‘‘เนว มํ เอส ภทนฺโต ปสฺสติ, น อาลปติ, มา นํ กิฺจิ อวจา’’ติ อาห. โส ‘‘กึ ปน ตฺวํ อตฺตานํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ มม อาจิกฺขิสฺสสิ, ตุยฺหเมว อนุจฺฉวิกํ อิมสฺส กริสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนโกโธ อิตฺถิยา อาฆาเตน เถรํ โปเถตฺวา ตํ อาทาย นิวตฺติ. เถรสฺส สกลสรีรํ สฺชาตคณฺฑํ อโหสิ. อถสฺส วิหารํ คตกาเล ภิกฺขู สรีรํ สมฺพาหนฺตา คณฺเฑ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. โส เตสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส, ตสฺมึ ปุริเส เอวํ ปหรนฺเต ตฺวํ กึ อวจ, กึ วา เต โกโธ อุปฺปนฺโน’’ติ. ‘‘น เม, อาวุโส, โกโธ อุปฺปชฺชี’’ติ วุตฺเต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เอส ภิกฺขุ ‘โกโธ เต อุปฺปชฺชตี’ติ วุจฺจมาโน ‘น เม, อาวุโส, โกโธ อุปฺปชฺชตี’ติ อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม นิหิตทณฺฑา, เต ปหรนฺเตสุปิ โกธํ น กโรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๐๕.

‘‘นิธาย ทณฺฑํ ภูเตสุ, ตเสสุ ถาวเรสุ จ;

โย น หนฺติ น ฆาเตติ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ นิธายาติ นิกฺขิปิตฺวา โอโรเปตฺวา. ตเสสุ ถาวเรสุ จาติ ตณฺหาตาเสน ตเสสุ, ตณฺหาอภาเวน ถิรตาย ถาวเรสุ จ. โย น หนฺตีติ โย เอวํ สพฺพสตฺเตสุ วิคตปฏิฆตาย นิกฺขิตฺตทณฺโฑ เนว กฺจิ สยํ หนติ, น อฺเ ฆาเตติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อฺตรภิกฺขุวตฺถุ พาวีสติมํ.

๒๓. สามเณรานํ วตฺถุ

อวิรุทฺธนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จตฺตาโร สามเณเร อารพฺภ กเถสิ.

เอกา กิร พฺราหฺมณี จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ อุทฺเทสภตฺตํ สชฺเชตฺวา พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา จตฺตาโร มหลฺลกพฺราหฺมเณ อุทฺทิสาเปตฺวา อาเนหี’’ติ. โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘จตฺตาโร เม พฺราหฺมเณ อุทฺทิสิตฺวา เทถา’’ติ อาห. ตสฺส สํกิจฺโจ ปณฺฑิโต โสปาโก เรวโตติ สตฺตวสฺสิกา จตฺตาโร ขีณาสวสามเณรา ปาปุณึสุ. พฺราหฺมณี มหารหานิ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ิตา สามเณเร ทิสฺวาว กุปิตา อุทฺธเน ปกฺขิตฺตโลณํ วิย ตฏตฏายมานา ‘‘ตฺวํ วิหารํ คนฺตฺวา อตฺตโน นตฺตุมตฺเตปิ อปฺปโหนฺเต จตฺตาโร กุมารเก คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ วตฺวา เตสํ เตสุ อาสเนสุ นิสีทิตุํ อทตฺวา นีจปีกานิ อตฺถริตฺวา ‘‘เอเตสุ นิสีทถา’’ติ วตฺวา ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, มหลฺลเก โอโลเกตฺวา อาเนหี’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ วิหารํ คนฺตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ ทิสฺวา ‘‘เอถ, อมฺหากํ เคหํ คมิสฺสามา’’ติ อาเนสิ. เถโร อาคนฺตฺวา สามเณเร ทิสฺวา ‘‘อิเมหิ พฺราหฺมเณหิ ภตฺตํ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ลทฺธ’’นฺติ วุตฺเต จตุนฺนเมว ภตฺตสฺส ปฏิยตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘อาหร เม ปตฺต’’นฺติ ปตฺตํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. พฺราหฺมณีปิ ‘‘กึ อิมินา วุตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอเตสํ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อาหร เม ปตฺต’’นฺติ อตฺตโน ปตฺตํ คเหตฺวา คโต, น ภุฺชิตุกาโม ภวิสฺสติ, สีฆํ คนฺตฺวา อฺํ โอโลเกตฺวา อาเนหีติ. พฺราหฺมโณ คนฺตฺวา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ ทิสฺวา ตเถว วตฺวา อาเนสิ. โสปิ สามเณเร ทิสฺวา ตเถว วตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. อถ นํ พฺราหฺมณี อาห – ‘‘เอเต น ภุฺชิตุกามา, พฺราหฺมณวาทกํ คนฺตฺวา เอกํ มหลฺลกพฺราหฺมณํ อาเนหี’’ติ.

สามเณราปิ ปาโตว ปฏฺาย กิฺจิ อลภมานา ชิฆจฺฉาย ปีฬิตา นิสีทึสุ. อถ เนสํ คุณเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺเชนฺโต เตสํ ปาโตว ปฏฺาย นิสินฺนานํ กิลนฺตภาวํ ตฺวา ‘‘มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ ชราชิณฺโณ มหลฺลกพฺราหฺมโณ หุตฺวา ตสฺมึ พฺราหฺมณวาทเก พฺราหฺมณานํ อคฺคาสเน นิสีทิ. พฺราหฺมโณ ตํ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ เม พฺราหฺมณี อตฺตมนา ภวิสฺสตี’’ติ เอหิ เคหํ คมิสฺสามา’’ติ ตํ อาทาย เคหํ อคมาสิ. พฺราหฺมณี ตํ ทิสฺวาว ตุฏฺจิตฺตา ทฺวีสุ อาสเนสุ อตฺถรณํ เอกสฺมึเยว อตฺถริตฺวา, ‘‘อยฺย, อิธ นิสีทาหี’’ติ อาห. สกฺโก เคหํ ปวิสิตฺวา จตฺตาโร สามเณเร ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา เตสํ อาสนปริยนฺเต ภูมิยํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. อถ นํ ทิสฺวา พฺราหฺมณี พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘อโห เต อานีโต พฺราหฺมโณ, เอตมฺปิ อุมฺมตฺตกํ คเหตฺวา อาคโตสิ, อตฺตโน นตฺตุมตฺเต วนฺทนฺโต วิจรติ, กึ อิมินา, นีหราหิ น’’นฺติ. โส ขนฺเธปิ หตฺเถปิ กจฺฉายปิ คเหตฺวา นิกฺกฑฺฒิยมาโน อุฏฺาตุมฺปิ น อิจฺฉติ. อถ นํ พฺราหฺมณี ‘‘เอหิ, พฺราหฺมณ, ตฺวํ เอกสฺมึ หตฺเถ คณฺห, อหํ เอกสฺมึ หตฺเถ คณฺหิสฺสามี’’ติ อุโภปิ ทฺวีสุ หตฺเถสุ คเหตฺวา ปิฏฺิยํ โปเถนฺตา เคหทฺวารโต พหิ อกํสุ. สกฺโกปิ นิสินฺนฏฺาเนเยว นิสินฺโน หตฺถํ ปริวตฺเตสิ. เต นิวตฺติตฺวา ตํ นิสินฺนเมว ทิสฺวา ภีตรวํ รวนฺตา วิสฺสชฺเชสุํ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก อตฺตโน สกฺกภาวํ ชานาเปสิ. อถ เนสํ อาหารํ อทํสุ. ปฺจปิ ชนา อาหารํ คเหตฺวา เอโก กณฺณิกามณฺฑลํ วินิวิชฺฌิตฺวา, เอโก ฉทนสฺส ปุริมภาคํ, เอโก ปจฺฉิมภาคํ, เอโก ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา, สกฺโกปิ เอเกน าเนน นิกฺขมีติ เอวํ ปฺจธา อคมํสุ. ตโต ปฏฺาย จ ปน ตํ เคหํ ปฺจฉิทฺทเคหํ กิร นาม ชาตํ.

สามเณเรปิ วิหารํ คตกาเล ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส, กีทิส’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. มา โน ปุจฺฉิตฺถ, อมฺหากํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย พฺราหฺมณี โกธาภิภูตา ปฺตฺตาสเนสุ โน นิสีทิตุมฺปิ อทตฺวา ‘‘สีฆํ สีฆํ มหลฺลกพฺราหฺมณํ อาเนหี’’ติ อาห. อมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาคนฺตฺวา อมฺเห ทิสฺวา ‘‘อิเมสํ นิสินฺนพฺราหฺมณานํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปตฺตํ อาหราเปตฺวา นิกฺขมิ. ‘‘อฺํ มหลฺลกํ พฺราหฺมณํ อาเนสี’’ติ วุตฺเต พฺราหฺมโณ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อาเนสิ, โสปิ อมฺเห ทิสฺวา ตเถว วตฺวา ปกฺกามิ. อถ พฺราหฺมณี ‘‘น เอเต ภุฺชิตุกามา, คจฺฉ พฺราหฺมณวาทกโต เอกํ มหลฺลกพฺราหฺมณํ อาเนหี’’ติ พฺราหฺมณํ ปหิณิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา พฺราหฺมณเวเสน อาคตํ สกฺกํ อาเนสิ, ตสฺส อาคตกาเล อมฺหากํ อาหารํ อทํสูติ. เอวํ กโรนฺตานํ ปน เตสํ ตุมฺเห น กุชฺฌิตฺถาติ? น กุชฺฌิมฺหาติ. ภิกฺขู ตํ สุตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, อิเม ‘น กุชฺฌิมฺหา’ติ อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺตี’’ติ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, ขีณาสวา นาม วิรุทฺเธสุปิ น วิรุชฺฌนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๐๖.

‘‘อวิรุทฺธํ วิรุทฺเธสุ, อตฺตทณฺเฑสุ นิพฺพุตํ;

สาทาเนสุ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ อวิรุทฺธนฺติ อาฆาตวเสน วิรุทฺเธสุปิ โลกิยมหาชเนสุ อาฆาตาภาเวน อวิรุทฺธํ. หตฺถคเต ทณฺเฑ วา สตฺเถ วา อวิชฺชมาเนปิ ปเรสํ ปหารทานโต อวิรตตฺตา อตฺตทณฺเฑสุ ชเนสุ นิพฺพุตํ นิกฺขิตฺตทณฺฑํ, ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อหํ มมนฺติ คหิตตฺตา สาทาเนสุ ตสฺส คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สามเณรานํ วตฺถุ เตวีสติมํ.

๒๔. มหาปนฺถกตฺเถรวตฺถุ

ยสฺส ราโค จาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหาปนฺถกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส หายสฺมา จูฬปนฺถกํ จตูหิ มาเสหิ เอกํ คาถํ ปคุณํ กาตุํ อสกฺโกนฺตํ ‘‘ตฺวํ สาสเน อภพฺโพ, คิหิโภคาปิ ปริหีโน, กึ เต อิธ วาเสน, อิโต นิกฺขมา’’ติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิตฺวา ทฺวารํ ถเกสิ. ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, มหาปนฺถกตฺเถเรน อิทํ นาม กตํ, ขีณาสวานมฺปิ มฺเ โกโธ อุปฺปชฺชตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ขีณาสวานํ ราคาทโย กิเลสา อตฺถิ, มม ปุตฺเตน อตฺถปุเรกฺขารตาย เจว ธมฺมปุเรกฺขารตาย จ กต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๐๗.

‘‘ยสฺส ราโค จ โทโส จ, มาโน มกฺโข จ ปาติโต;

สาสโปริว อารคฺคา, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ อารคฺคาติ ยสฺเสเต ราคาทโย กิเลสา, อยฺจ ปรคุณมกฺขนลกฺขโณ มกฺโข อารคฺคา สาสโป วิย ปาติโต, ยถา สาสโป อารคฺเค น สนฺติฏฺติ, เอวํ จิตฺเต น สนฺติฏฺติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มหาปนฺถกตฺเถรวตฺถุ จตุวีสติมํ.

๒๕. ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรวตฺถุ

อกกฺกสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิรายสฺมา ‘‘เอหิ, วสลิ, ยาหิ, วสลี’’ติอาทีนิ วทนฺโต คิหีปิ ปพฺพชิเตปิ วสลิวาเทเนว สมุทาจรติ. อเถกทิวสํ สมฺพหุลา ภิกฺขู สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, ปิลินฺทวจฺโฉ ภิกฺขู วสลิวาเทน สมุทาจรตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ปิลินฺทวจฺฉ ภิกฺขู วสลิวาเทน สมุทาจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ตสฺสายสฺมโต ปุพฺเพนิวาสํ มนสิกริตฺวา ‘‘มา โข ตุมฺเห, ภิกฺขเว, วจฺฉสฺส ภิกฺขุโน อุชฺฌายิตฺถ, น, ภิกฺขเว, วจฺโฉ โทสนฺตโร ภิกฺขู วสลิวาเทน สมุทาจรติ, วจฺฉสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺจ ชาติสตานิ อพฺโพกิณฺณานิ สพฺพานิ ตานิ พฺราหฺมณกุเล ปจฺจาชาตานิ, โส ตสฺส ทีฆรตฺตํ วสลิวาโท สมุทาจิณฺโณ, ขีณาสวสฺส นาม กกฺกสํ ผรุสํ ปเรสํ มมฺมฆฏฺฏนวจนเมว นตฺถิ. อาจิณฺณวเสน หิ มม ปุตฺโต เอวํ กเถตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๐๘.

‘‘อกกฺกสํ วิฺาปนึ, คิรํ สจฺจมุทีรเย;

ยาย นาภิสเช กฺจิ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ อกกฺกสนฺติ อผรุสํ. วิฺาปนินฺติ อตฺถวิฺาปนึ. สจฺจนฺติ ภูตตฺถํ. นาภิสเชติ ยาย คิราย อฺํ กุชฺฌาปนวเสน น ลคฺคาเปยฺย, ขีณาสโว นาม เอวรูปเมว คิรํ ภาเสยฺย, ตสฺมา ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรวตฺถุ ปฺจวีสติมํ.

๒๖. อฺตรตฺเถรวตฺถุ

โยธ ทีฆนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิเรโก มิจฺฉาทิฏฺิโก พฺราหฺมโณ สรีรคนฺธคหณภเยน อุตฺตรสาฏกํ อปเนตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา เคหทฺวาราภิมุโข นิสีทิ. อเถโก ขีณาสโว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คจฺฉนฺโต ตํ สาฏกํ ทิสฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกตฺวา กฺจิ อปสฺสนฺโต ‘‘นิสฺสามิโก อย’’นฺติ ปํสุกูลํ อธิฏฺหิตฺวา คณฺหิ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ทิสฺวา อกฺโกสนฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มุณฺฑก, สมณ, มม สาฏกํ คณฺหสี’’ติ อาห. ตเวโส, พฺราหฺมณาติ. อาม, สมณาติ. ‘‘มยา กฺจิ อปสฺสนฺเตน ปํสุกูลสฺาย คหิโต, คณฺห น’’นฺติ ตสฺส ทตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถสฺส วจนํ สุตฺวา ภิกฺขู เตน สทฺธึ เกฬึ กโรนฺตา ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สาฏโก ทีโฆ รสฺโส ถูโล สณฺโห’’ติ. อาวุโส, ทีโฆ วา โหตุ รสฺโส วา ถูโล วา สณฺโห วา, นตฺถิ มยฺหํ ตสฺมึ อาลโย, ปํสุกูลสฺาย นํ คณฺหินฺติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘เอส, ภนฺเต, ภิกฺขุ อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘ภูตํ, ภิกฺขเว, เอส กเถติ, ขีณาสวา นาม ปเรสํ สนฺตกํ น คณฺหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๐๙.

‘‘โยธ ทีฆํ ว รสฺสํ วา, อณุํ ถูลํ สุภาสุภํ;

โลเก อทินฺนํ นาทิยติ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – สาฏกาภรณาทีสุ ทีฆํ วา รสฺสํ วา มณิมุตฺตาทีสุ อณุํ วา ถูลํ วา มหคฺฆอปฺปคฺฆวเสน สุภํ วา อสุภํ วา โย ปุคฺคโล อิมสฺมึ โลเก ปรปริคฺคหิตํ นาทิยติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

อฺตรตฺเถรวตฺถุ ฉพฺพีสติมํ.

๒๗. สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ

อาสา ยสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เถโร กิร ปฺจภิกฺขุสตปริวาโร ชนปเท เอกํ วิหารํ คนฺตฺวา วสฺสํ อุปคฺฉิ. มนุสฺสา เถรํ ทิสฺวา พหุํ วสฺสาวาสิกํ ปฏิสฺสุณึสุ. เถโร ปวาเรตฺวา สพฺพสฺมึ วสฺสาวาสิเก อสมฺปตฺเตเยว สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต ภิกฺขู อาห – ‘‘ทหรานฺเจว สามเณรานฺจ มนุสฺเสหิ วสฺสาวาสิเก อาหเฏ คเหตฺวา เปเสยฺยาถ, เปตฺวา วา สาสนํ ปหิเณยฺยาถา’’ติ. เอวํ วตฺวา จ ปน สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อชฺชาปิ มฺเ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ตณฺหา อตฺถิเยว. ตถา หิ มนุสฺเสหิ วสฺสาวาสิเก ทินฺเน อตฺตโน สทฺธิวิหาริกานํ ‘วสฺสาวาสิกํ เปเสยฺยาถ, เปตฺวา วา สาสนํ ปหิเณยฺยาถา’ติ ภิกฺขูนํ วตฺวา อาคโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสฺส ตณฺหา อตฺถิ, มนุสฺสานํ ปน ปุฺโต ทหรสามเณรานฺจ ธมฺมิกลาภโต ปริหานิ มา อโหสีติ เตเนวํ กถิต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑๐.

‘‘อาสา ยสฺส น วิชฺชนฺติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ;

นิราสาสํ วิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ อาสาติ ตณฺหา. นิราสาสนฺติ นิตฺตณฺหํ. วิสํยุตฺตนฺติ สพฺพกิเลเสหิ วิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ สตฺตวีสติมํ.

๒๘. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ

ยสฺสาลยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปุริมสทิสเมว. อิธ ปน สตฺถา โมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส นิตฺตณฺหภาวํ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑๑.

‘‘ยสฺสาลยา น วิชฺชนฺติ, อฺาย อกถํกถี;

อมโตคธมนุปฺปตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ อาลยาติ ตณฺหา. อฺาย อกถํกถีติ อฏฺ วตฺถูนิ ยถาภูตํ ชานิตฺวา อฏฺวตฺถุกาย วิจิกิจฺฉาย นิพฺพิจิกิจฺโฉ. อมโตคธมนุปฺปตฺตนฺติ อมตํ นิพฺพานํ โอคาเหตฺวา อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ อฏฺวีสติมํ.

๒๙. เรวตตฺเถรวตฺถุ

โยธ ปุฺฺจาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต เรวตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ’’ติ (ธ. ป. ๙๘) คาถาวณฺณนาย วิตฺถาริตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๙๘) –

ปุน เอกทิวสํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห สามเณรสฺส ลาโภ, อโห ปุฺํ, เยน เอกเกน ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจกูฏาคารสตานิ กตานี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มยฺหํ ปุตฺตสฺส เนว ปุฺํ อตฺถิ, น ปาปํ, อุภยมสฺส ปหีน’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑๒.

‘‘โยธ ปุฺฺจ ปาปฺจ, อุโภ สงฺคมุปจฺจคา;

อโสกํ วิรชํ สุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ อุโภติ ทฺเวปิ ปุฺานิ จ ปาปานิ จ ฉฑฺเฑตฺวาติ อตฺโถ. สงฺคนฺติ ราคาทิเภทํ สงฺคํ. อุปจฺจคาติ อติกฺกนฺโต. วฏฺฏมูลกโสกาภาเวน อโสกํ อพฺภนฺตเร ราครชาทีนํ อภาเวน วิรชํ นิรุปกฺกิเลสตาย สุทฺธํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

เรวตตฺเถรวตฺถุ เอกูนตึสติมํ.

๓๐. จนฺทาภตฺเถรวตฺถุ

จนฺทํ วาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จนฺทาภตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา – อตีเต เอโก พาราณสิวาสี วาณิโช ‘‘ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา จนฺทนํ อาหริสฺสามี’’ติ พหูนิ วตฺถาภรณาทีนิ คเหตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา คามทฺวาเร นิวาสํ คเหตฺวา อฏวิยํ โคปาลทารเก ปุจฺฉิ – ‘‘อิมสฺมึ คาเม ปพฺพตปาทกมฺมิโก โกจิ มนุสฺโส อตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ. ‘‘โก นาเมโส’’ติ? ‘‘อสุโก นามา’’ติ. ‘‘ภริยาย ปนสฺส ปุตฺตานํ วา กึนาม’’นฺติ? ‘‘อิทฺจิทฺจา’’ติ. ‘‘กหํ ปนสฺส าเน เคห’’นฺติ? ‘‘อสุกฏฺาเน นามา’’ติ. โส เตหิ ทินฺนสฺาย สุขยานเก นิสีทิตฺวา ตสฺส เคหทฺวารํ คนฺตฺวา ยานา โอรุยฺห เคหํ ปวิสิตฺวา ‘‘อสุกนาเม’’ติ ตํ อิตฺถึ ปกฺโกสิ. สา ‘‘เอโก โน าตโก ภวิสฺสตี’’ติ เวเคนาคนฺตฺวา อาสนํ ปฺาเปสิ. โส ตตฺถ นิสีทิตฺวา นามํ วตฺวา ‘‘มม สหาโย กห’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อรฺํ คโต, สามี’’ติ. ‘‘มม ปุตฺโต อสุโก นาม, มม ธีตา อสุกา นาม กห’’นฺติ สพฺเพสํ นามํ กิตฺเตนฺโตว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมานิ เนสํ วตฺถาภรณานิ ทเทยฺยาสิ, สหายสฺสาปิ เม อฏวิโต อาคตกาเล อิทํ วตฺถาภรณํ ทเทยฺยาสี’’ติ อทาสิ. สา ตสฺส อุฬารํ สกฺการํ กตฺวา สามิกสฺส อาคตกาเล ‘‘สามิ, อิมินา อาคตกาลโต ปฏฺาย สพฺเพสํ นามํ วตฺวา อิทฺจิทฺจ ทินฺน’’นฺติ อาห. โสปิสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ กริ.

อถ นํ สายํ สยเน นิสินฺโน ปุจฺฉิ – ‘‘สมฺม, ปพฺพตปาเท จรนฺเตน เต กึ พหุํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ? ‘‘อฺํ น ปสฺสามิ, รตฺตสาขา ปน เม พหู รุกฺขา ทิฏฺา’’ติ. ‘‘พหู รุกฺขา’’ติ? ‘‘อาม, พหู’’ติ. เตน หิ เต อมฺหากํ ทสฺเสหีติ เตน สทฺธึ คนฺตฺวา รตฺตจนฺทนรุกฺเข ฉินฺทิตฺวา ปฺจ สกฏสตานิ ปูเรตฺวา อาคจฺฉนฺโต ตํ อาห – ‘‘สมฺม, พาราณสิยํ อสุกฏฺาเน นาม มม เคหํ, กาเลน กาลํ มม สนฺติกํ อาคจฺเฉยฺยาสิ, อฺเน จ เม ปณฺณากาเรน อตฺโถ นตฺถิ, รตฺตสาขรุกฺเข เอว อาหเรยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา กาเลน กาลํ ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต รตฺตจนฺทนเมว อาหรติ, โสปิสฺส พหุธนํ เทติ.

ตโต อปเรน สมเยน ปรินิพฺพุเต กสฺสปทสพเล ปติฏฺิเต กฺจนถูเป โส ปุริโส พหุํ จนฺทนํ อาทาย พาราณสึ อคมาสิ. อถสฺส โส สหายโก วาณิโช พหุํ จนฺทนํ ปิสาเปตฺวา ปาตึ ปูเรตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, ยาว ภตฺตํ ปจติ, ตาว เจติยกรณฏฺานํ คนฺตฺวา อาคมิสฺสามา’’ติ ตํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา จนฺทนปูชํ อกาสิ. โสปิสฺส ปจฺจนฺตวาสี สหายโก เจติยกุจฺฉิยํ จนฺทเนน จนฺทมณฺฑลํ อกาสิ. เอตฺตกเมวสฺส ปุพฺพกมฺมํ.

โส ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตตฺถ เขเปตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส นาภิมณฺฑลโต จนฺทมณฺฑลสทิสา ปภา อุฏฺหิ, เตนสฺส จนฺทาโภตฺเวว นามํ กรึสุ. เจติเย กิรสฺส จนฺทมณฺฑลกรณนิสฺสนฺโท เอส. พฺราหฺมณา จินฺตยึสุ – ‘‘สกฺกา อมฺเหหิ อิมํ คเหตฺวา โลกํ ขาทิตุ’’นฺติ. ตํ ยาเน นิสีทาเปตฺวา ‘‘โย อิมสฺส สรีรํ หตฺเถน ปรามสติ, โส เอวรูปํ นาม อิสฺสริยสมฺปตฺตึ ลภตี’’ติ วตฺวา วิจรึสุ. สตํ วา สหสฺสํ วา ททมานา เอว ตสฺส สรีรํ หตฺเถน ผุสิตุํ ลภนฺติ. เต เอวํ อนุวิจรนฺตา สาวตฺถึ อนุปฺปตฺตา นครสฺส จ วิหารสฺส จ อนฺตรา นิวาสํ คณฺหึสุ. สาวตฺถิยมฺปิ ปฺจโกฏิมตฺตา อริยสาวกา ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลวตฺถเภสชฺชาทิหตฺถา ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺติ. พฺราหฺมณา เต ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนายาติ. เอถ ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสถ, อมฺหากํ จนฺทาภสฺส พฺราหฺมณสฺส อานุภาวสทิโส อานุภาโว นตฺถิ. เอตสฺส หิ สรีรํ ผุสนฺตา อิทํ นาม ลภนฺติ, เอถ ปสฺสถ นนฺติ. ตุมฺหากํ จนฺทาภสฺส พฺราหฺมณสฺส โก อานุภาโว นาม, อมฺหากํ สตฺถาเยว มหานุภาโวติ. เต อฺมฺํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา จนฺทาภสฺส วา อมฺหากํ วา สตฺถุ อานุภาวํ ชานิสฺสามา’’ติ ตํ คเหตฺวา วิหารํ อคมํสุ.

สตฺถา ตสฺมึ อตฺตโน สนฺติกํ อุปสงฺกมนฺเตเยว จนฺทาภาย อนฺตรธานํ อกาสิ. โส สตฺถุ สนฺติเก องฺคารปจฺฉิยํ กาโก วิย อโหสิ. อถ นํ เอกมนฺตํ นยึสุ, อาภา ปฏิปากติกา อโหสิ. ปุน สตฺถุ สนฺติกํ อานยึสุ, อาภา ตเถว อนฺตรธายิ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ คนฺตฺวา อนฺตรธายมานํ อาภํ ทิสฺวา จนฺทาโภ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อาภาย อนฺตรธานมนฺตํ ชานาติ มฺเ’’ติ. โส สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นุ โข อาภาย อนฺตรธานมนฺตํ ชานาถา’’ติ? อาม, ชานามีติ. เตน หิ เม เทถาติ. น สกฺกา อปพฺพชิตสฺส ทาตุนฺติ. โส พฺราหฺมเณ อาห – ‘‘เอตสฺมึ มนฺเต คหิเต อหํ สกลชมฺพุทีเป เชฏฺโก ภวิสฺสามิ, ตุมฺเห เอตฺเถว โหถ, อหํ ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว มนฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. โส สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา อุปสมฺปชฺชิ. อถสฺส ทฺวตฺตึสาการํ อาจิกฺขิ. โส ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. อิทํ มนฺตสฺส ปริกมฺมํ สชฺฌายิตุํ วฏฺฏตีติ. พฺราหฺมณาปิ อนฺตรนฺตรา อาคนฺตฺวา ‘‘คหิโต เต มนฺโต’’ติ ปุจฺฉนฺติ. น ตาว คณฺหามีติ. โส กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปตฺวา พฺราหฺมเณหิ อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิตกาเล ‘‘ยาถ ตุมฺเห, อิทานาหํ อนาคมนธมฺโม ชาโต’’ติ อาห. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘ขีณาสโว อิทานิ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต จนฺทาโภ, ภูตเมเวส กเถตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑๓.

‘‘จนฺทํว วิมลํ สุทฺธํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

นนฺทีภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ วิมลนฺติ อพฺภาทิมลรหิตํ. สุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. วิปฺปสนฺนนฺติ ปสนฺนจิตฺตํ. อนาวิลนฺติ กิเลสาวิลตฺตรหิตํ. นนฺทีภวปริกฺขีณนฺติ ตีสุ ภเวสุ ปริกฺขีณตณฺหํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

จนฺทาภตฺเถรวตฺถุ ตึสติมํ.

๓๑. สีวลิตฺเถรวตฺถุ

โย อิมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา กุณฺฑโกลิยํ นิสฺสาย กุณฺฑธานวเน วิหรนฺโต สีวลิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย สุปฺปวาสา นาม โกลิยธีตา สตฺตวสฺสานิ คพฺภํ ธาเรตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา ทุกฺขาหิ ติพฺพาหิ กฏุกาหิ เวทนาหิ ผุฏฺา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา, โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ. สุปฺปฏิปนฺโน วต ตสฺส ภควโต สาวกสงฺโฆ, โย อิมสฺส เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน. สุสุขํ วต ตํ นิพฺพานํ, ยถิทํ เอวรูปํ ทุกฺขํ น สํวิชฺชตี’’ติ (อุทา. ๑๘) อิเมหิ ตีหิ วิตกฺเกหิ ตํ ทุกฺขํ อธิวาเสนฺตี สามิกํ สตฺถุ สนฺติกํ เปเสตฺวา เตน ตสฺสา วจเนน สตฺถุ วนฺทนาย อาโรจิตาย ‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา, อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ สตฺถารา วุตฺตกฺขเณเยว สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ อทาสิ. ปุตฺโตปิสฺสา ชาตทิวสโต ปฏฺาย ธมฺมกรณํ อาทาย สงฺฆสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวสิ. โส อปรภาเค นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต อรหตฺตํ ปาปุณิ.

อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ปสฺสถาวุโส, เอวรูโป นาม อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน ภิกฺขุ เอตฺตกํ กาลํ มาตุกุจฺฉิสฺมึ ทุกฺขํ อนุโภสิ, กิมงฺคํ ปน อฺเ, พหุํ วต อิมินา ทุกฺขํ นิตฺถิณฺณ’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต เอตฺตกา ทุกฺขา มุจฺจิตฺวา อิทานิ นิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา วิหรตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑๔.

‘‘โยมํ ปลิปถํ ทุคฺคํ, สํสารํ โมหมจฺจคา;

ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, อเนโช อกถํกถี;

อนุปาทาย นิพฺพุโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ภิกฺขุ อิมํ ราคปลิปถฺเจว กิเลสทุคฺคฺจ สํสารวฏฺฏฺจ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อปฺปฏิวิชฺฌนกโมหฺจ อตีโต, จตฺตาโร โอเฆ ติณฺโณ หุตฺวา ปารํ อนุปฺปตฺโต, ทุวิเธน ฌาเนน ฌายี, ตณฺหาย อภาเวน อเนโช, กถํกถาย อภาเวน อกถํกถี, อุปาทานานํ อภาเวน อนุปาทิยิตฺวา กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุโต, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

สีวลิตฺเถรวตฺถุ เอกตึสติมํ.

๓๒. สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรวตฺถุ

โยธ กาเมติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

สาวตฺถิยํ กิเรโก กุลปุตฺโต สุนฺทรสมุทฺทกุมาโร นาม จตฺตาลีสโกฏิวิภเว มหากุเล นิพฺพตฺโต. โส เอกทิวสํ ปจฺฉาภตฺตํ คนฺธมาลาทิหตฺถํ มหาชนํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย เชตวนํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา เตน สทฺธึ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ. สตฺถา ตสฺส อาสยํ วิทิตฺวา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. โส ‘‘น สกฺกา อคารํ อชฺฌาวสนฺเตน สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุ’’นฺติ สตฺถุ ธมฺมกถํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาย ชาตุสฺสาโห ปริสาย ปกฺกนฺตาย สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ‘‘มาตาปิตูหิ อนนุฺาตํ ตถาคตา น ปพฺพาเชนฺตี’’ติ สุตฺวา เคหํ คนฺตฺวา รฏฺปาลกุลปุตฺตาทโย วิย มหนฺเตน วายาเมน มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ‘‘กึ เม อิธ วาเสนา’’ติ ตโต นิกฺขมิตฺวา ราชคหํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺโต วีตินาเมสิ.

อเถกทิวสํ สาวตฺถิยํ ตสฺส มาตาปิตโร เอกสฺมึ ฉณทิวเส มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน ตสฺส สหายกกุมารเก กีฬมาเน ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตสฺส อิทํ ทุลฺลภํ ชาต’’นฺติ ปริเทวึสุ. ตสฺมึ ขเณ เอกา คณิกา ตํ กุลํ คนฺตฺวา ตสฺส มาตรํ โรทมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, กึ การณา โรทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุตฺตํ อนุสฺสริตฺวา โรทามี’’ติ. ‘‘กหํ ปน โส, อมฺมา’’ติ? ‘‘ภิกฺขูสุ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘กึ อุปฺปพฺพาเชตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘วฏฺฏติ, น ปน อิจฺฉติ, อิโต นิกฺขมิตฺวา ราชคหํ คโต’’ติ. ‘‘สจาหํ ตํ อุปฺปพฺพาเชยฺยํ, กึ เม กเรยฺยาถา’’ติ? ‘‘อิมสฺส เต กุลสฺส กุฏุมฺพสามินึ กเรยฺยามา’’ติ. เตน หิ เม ปริพฺพยํ เทถาติ ปริพฺพยํ คเหตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ราชคหํ คนฺตฺวา ตสฺส ปิณฺฑาย จรณวีถึ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺเถกํ นิวาสเคหํ คเหตฺวา ปาโตว ปณีตํ อาหารํ ปฏิยาเทตฺวา เถรสฺส ปิณฺฑาย ปวิฏฺกาเล ภิกฺขํ ทตฺวา กติปาหจฺจเยน, ‘‘ภนฺเต, อิเธว นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กโรถา’’ติ ปตฺตํ คณฺหิ. โส ปตฺตมทาสิ.

อถ นํ ปณีเตน อาหาเรน ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิเธว ปิณฺฑาย จริตุํ ผาสุก’’นฺติ วตฺวา กติปาหํ อาลินฺเท นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา ทารเก ปูเวหิ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘เอถ ตุมฺเห เถรสฺส อาคตกาเล มยิ วาเรนฺติยาปิ อิธาคนฺตฺวา รชํ อุฏฺาเปยฺยาถา’’ติ อาห. เต ปุนทิวเส เถรสฺส โภชนเวลาย ตาย วาริยมานาปิ รชํ อุฏฺาเปสุํ. สา ปุนทิวเส, ‘‘ภนฺเต, ทารกา วาริยมานาปิ มม วจนํ อสุณิตฺวา อิธ รชํ อุฏฺาเปนฺติ, อนฺโตเคเห นิสีทถา’’ติ อนฺโต นิสีทาเปตฺวา กติปาหํ โภเชสิ. ปุน ทารเก สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘ตุมฺเห มยา วาริยมานาปิ เถรสฺส โภชนกาเล มหาสทฺทํ กเรยฺยาถา’’ติ อาห. เต ตถา กรึสุ. สา ปุนทิวเส, ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน อติวิย มหาสทฺโท โหติ, ทารกา มยา วาริยมานาปิ วจนํ น คณฺหนฺติ, อุปริปาสาเทเยว นิสีทถา’’ติ วตฺวา เถเรน อธิวาสิเต เถรํ ปุรโต กตฺวา ปาสาทํ อภิรุหนฺตี ทฺวารานิ ปิทหมานาว ปาสาทํ อภิรุหิ. เถโร อุกฺกฏฺสปทานจาริโก สมาโนปิ รสตณฺหาย พทฺโธ ตสฺสา วจเนน สตฺตภูมิกํ ปาสาทํ อภิรุหิ.

สา เถรํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘จตฺตาลีสาย ขลุ, สมฺม, ปุณฺณมุข าเนหิ อิตฺถี ปุริสํ อจฺจาวทติ วิชมฺภติ วินมติ คิลสติ วิลชฺชติ นเขน นขํ ฆฏฺเฏติ, ปาเทน ปาทํ อกฺกมติ, กฏฺเน ปถวึ วิลิขติ, ทารกํ อุลฺลงฺเฆติ โอลงฺเฆติ, กีฬติ กีฬาเปติ, จุมฺพติ จุมฺพาเปติ, ภุฺชติ ภุฺชาเปติ, ททาติ อายาจติ, กตมนุกโรติ, อุจฺจํ ภาสติ, นีจํ ภาสติ, อวิจฺจํ ภาสติ, วิวิจฺจํ ภาสติ, นจฺเจน คีเตน วาทิเตน โรทิเตน วิลสิเตน วิภูสิเตน ชคฺฆติ, เปกฺขติ, กฏึ จาเลติ, คุยฺหภณฺฑกํ จาเลติ, อูรุํ วิวรติ, อูรุํ ปิทหติ, ถนํ ทสฺเสติ, กจฺฉํ ทสฺเสติ, นาภึ ทสฺเสติ, อกฺขึ นิขณติ, ภมุกํ อุกฺขิปติ, โอฏฺํ ปลิขติ, ชิวฺหํ นิลฺลาเลติ, ทุสฺสํ มุฺจติ, ทุสฺสํ พนฺธติ, สิรสํ มุฺจติ, สิรสํ พนฺธตี’’ติ (ชา. ๒.๒๑.๓๐๐) เอวํ อาคตํ อิตฺถิกุตฺตํ อิตฺถิลีลํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส ปุรโต ิตา อิมํ คาถมาห –

‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, ปาทุการุยฺห เวสิยา;

ตุวมฺปิ ทหโร มม, อหมฺปิ ทหรา ตว;

อุโภปิ ปพฺพชิสฺสาม, ชิณฺณา ทณฺฑปรายณา’’ติ. (เถรคา. ๔๕๙, ๔๖๒);

เถรสฺส ‘‘อโห วต เม ภาริยํ อนุปธาเรตฺวา กตกมฺม’’นฺติ มหาสํเวโค อุทปาทิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก เชตวเน นิสินฺโนว ตํ การณํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย สิตสฺส ปาตุกมฺมายา’’ติ. อานนฺท, ราชคหนคเร สตฺตภูมิกปาสาทตเล สุนฺทรสมุทฺทสฺส จ ภิกฺขุโน คณิกาย จ สงฺคาโม วตฺตตีติ. กสฺส นุ โข, ภนฺเต, ชโย ภวิสฺสติ, กสฺส ปราชโยติ? สตฺถา, ‘‘อานนฺท, สุนฺทรสมุทฺทสฺส ชโย ภวิสฺสติ, คณิกาย ปราชโย’’ติ เถรสฺส ชยํ ปกาเสตฺวา ตตฺถ นิสินฺนโกว โอภาสํ ผริตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อุโภปิ กาเม นิรเปกฺโข ปชหา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑๕.

‘‘โยธ กาเม ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;

กามภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล อิธ โลเก อุโภปิ กาเม หิตฺวา อนาคาโร หุตฺวา ปริพฺพชติ, ตํ ปริกฺขีณกามฺเจว ปริกฺขีณภวฺจ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน โส เถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อิทฺธิพเลน เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา กณฺณิกามณฺฑลํ วินิวิชฺฌิตฺวา สตฺถุ สรีรํ โถเมนฺโตเยว อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิ. ธมฺมสภายมฺปิ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, ชิวฺหาวิฺเยฺยํ รสํ นิสฺสาย มนํ นฏฺโ สุนฺทรสมุทฺทตฺเถโร, สตฺถา ปนสฺส อวสฺสโย ชาโต’’ติ. สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปาหํ เอตสฺส รสตณฺหาย พทฺธมนสฺส อวสฺสโย ชาโตเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต ตสฺสตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ อตีตํ อาหริตฺวา –

‘‘น กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิโย,

อาวาเสหิ วา สนฺถเวหิ วา;

วาตมิคํ คหนนิสฺสิตํ,

วสมาเนสิ รเสหิ สฺชโย’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๔) –

เอกกนิปาเต อิมํ วาตมิคชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘ตทา สุนฺทรสมุทฺโท วาตมิโค อโหสิ, อิมํ ปน คาถํ วตฺวา ตสฺส วิสฺสชฺชาเปตา รฺโ มหามจฺโจ อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนสีติ.

สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรวตฺถุ พตฺตึสติมํ.

๓๓. ชฏิลตฺเถรวตฺถุ

โยธ ตณฺหนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ชฏิลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา – อตีเต กิร พาราณสิยํ ทฺเว ภาตโร กุฏุมฺพิกา มหนฺตํ อุจฺฉุเขตฺตํ กาเรสุํ. อเถกทิวสํ กนิฏฺภาตา อุจฺฉุเขตฺตํ คนฺตฺวา ‘‘เอกํ เชฏฺภาติกสฺส ทสฺสามิ, เอกํ มยฺหํ ภวิสฺสตี’’ติ ทฺเว อุจฺฉุยฏฺิโย รสสฺส อนิกฺขมนตฺถาย ฉินฺนฏฺาเน พนฺธิตฺวา คณฺหิ. ตทา กิร อุจฺฉูนํ ยนฺเตน ปีฬนกิจฺจํ นตฺถิ, อคฺเค วา มูเล วา ฉินฺทิตฺวา อุกฺขิตฺตกาเล ธมฺมกรณโต อุทกํ วิย สยเมว รโส นิกฺขมติ. ตสฺส ปน เขตฺตโต อุจฺฉุยฏฺิโย คเหตฺวา อาคมนกาเล คนฺธมาทเน ปจฺเจกพุทฺโธ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘กสฺส นุ โข อชฺช อนุคฺคหํ กริสฺสามี’’ติ อุปธาเรนฺโต ตํ อตฺตโน าณชาเล ปวิฏฺํ ทิสฺวา สงฺคหํ กาตุํ สมตฺถภาวฺจ ตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย อิทฺธิยา อาคนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต อฏฺาสิ. โส ตํ ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺโต อุตฺตรสาฏกํ อุจฺจตเร ภูมิปเทเส อตฺถริตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิธ นิสีทถา’’ติ ปจฺเจกพุทฺธํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘ปตฺตํ อุปนาเมถา’’ติ อุจฺฉุยฏฺิยา พนฺธนฏฺานํ โมเจตฺวา ปตฺตสฺส อุปริ อกาสิ, รโส โอตริตฺวา ปตฺตํ ปูเรสิ. ปจฺเจกพุทฺเธน ตสฺมึ รเส ปีเต ‘‘สาธุกํ วต เม อยฺเยน รโส ปีโต. สเจ เม เชฏฺภาติโก มูลํ อาหราเปสฺสติ, มูลํ ทสฺสามิ. สเจ ปตฺตึ อาหราเปสฺสติ, ปตฺตึ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปตฺตํ เม อุปนาเมถา’’ติ ทุติยมฺปิ อุจฺฉุยฏฺึ โมเจตฺวา รสํ อทาสิ. ‘‘ภาตา เม อุจฺฉุเขตฺตโต อฺํ อุจฺฉุํ อาหริตฺวา ขาทิสฺสตี’’ติ เอตฺตกมฺปิ กิรสฺส วฺจนจิตฺตํ นาโหสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ปน ปมํ อุจฺฉุรสสฺส ปีตตฺตา ตํ อุจฺฉุรสํ อฺเหิปิ สทฺธึ สํวิภชิตุกาโม หุตฺวา คเหตฺวาว นิสีทิ. โส ตสฺส อาการํ ตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โย อยํ มยา ทินฺโน อคฺครโส, อิมสฺส นิสฺสนฺเทน เทวมนุสฺเสสุ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ปริโยสาเน ตุมฺเหหิ ปตฺตธมฺมเมว ปาปุเณยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิสฺส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา ‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺห’’นฺติ ทฺวีหิ คาถาหิ อนุโมทนํ กตฺวา ยถา โส ปสฺสติ, เอวํ อธิฏฺหิตฺวา อากาเสน คนฺธมาทนํ คนฺตฺวา ปฺจนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธสตานํ ตํ รสํ อทาสิ.

โส ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ภาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ คโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘อุจฺฉุเขตฺตํ โอโลเกตุํ คโตมฺหี’’ติ. ‘‘กึ ตาทิเสน อุจฺฉุเขตฺตํ คเตน, นนุ นาม เอกํ วา ทฺเว วา อุจฺฉุยฏฺิโย อาทาย อาคนฺตพฺพํ ภเวยฺยา’’ติ ภาตรา วุตฺโต – ‘‘อาม, ภาติก, ทฺเว เม อุจฺฉุยฏฺิโย คหิตา, เอกํ ปน ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา มม อุจฺฉุยฏฺิโต รสํ ทตฺวา ‘มูลํ วา ปตฺตึ วา ทสฺสามี’ติ ตุมฺหากมฺปิ เม อุจฺฉุยฏฺิโต รโส ทินฺโน, กึ นุ โข ตสฺส มูลํ คณฺหิสฺสถ, อุทาหุ ปตฺติ’’นฺติ อาห. ‘‘กึ ปน ปจฺเจกพุทฺเธน กต’’นฺติ? ‘‘มม อุจฺฉุยฏฺิโต รสํ ปิวิตฺวา ตุมฺหากํ อุจฺฉุยฏฺิโต รสํ อาทาย อากาเสน คนฺธมาทนํ คนฺตฺวา ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ อทาสี’’ติ. โส ตสฺมึ กเถนฺเตเยว นิรนฺตรํ ปีติยา ผุฏฺสรีโร หุตฺวา ‘‘เตน เม ปจฺเจกพุทฺเธน ทิฏฺธมฺมสฺเสว อธิคโม ภเวยฺยา’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. เอวํ กนิฏฺเน ติสฺโส สมฺปตฺติโย ปตฺถิตา, เชฏฺเน ปน เอกปเทเนว อรหตฺตํ ปตฺถิตนฺติ อิทํ เตสํ ปุพฺพกมฺมํ.

เต ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เขปยึสุ. เตสํ เทวโลเก ิตกาเลเยว วิปสฺสี สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิ. เตปิ เทวโลกโต จวิตฺวา พนฺธุมติยา เอกสฺมึ กุลเคเห เชฏฺโ เชฏฺโว, กนิฏฺโ กนิฏฺโว หุตฺวา ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ. เตสุ เชฏฺสฺส เสโนติ นามํ อกํสุ, กนิฏฺสฺส อปราชิโตติ. เตสุ วยปฺปตฺตกาเล กุฏุมฺพํ สณฺาเปตฺวา วิหรนฺเตสุ ‘‘พุทฺธรตนํ โลเก อุปฺปนฺนํ, ธมฺมรตนํ, สงฺฆรตนํ, ทานานิ เทถ, ปุฺานิ กโรถ, อชฺช อฏฺมี, อชฺช จาตุทฺทสี, อชฺช ปนฺนรสี, อุโปสถํ กโรถ, ธมฺมํ สุณาถา’’ติ ธมฺมโฆสกสฺส พนฺธุมตีนคเร โฆสนํ สุตฺวา มหาชนํ ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เสนกุฏุมฺพิโก ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสฺสวนายา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ เตหิ สทฺธึเยว คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิ.

สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. โส สตฺถุ ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหชาโต สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อตฺถิ ปน เต อปโลเกตพฺพา าตกา’’ติ ปุจฺฉิ. อตฺถิ, ภนฺเตติ. เตน หิ อปโลเกตฺวา เอหีติ. โส กนิฏฺสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ยํ อิมสฺมึ กุเล สาปเตยฺยํ, ตํ สพฺพํ ตว โหตู’’ติ อาห. ตุมฺเห ปน, สามีติ. อหํ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามีติ. สามิ กึ วเทถ, อหํ มาตริ มตาย มาตรํ วิย, ปิตริ มเต ปิตรํ วิย ตุมฺเห อลตฺถํ, อิทํ กุลํ มหาโภคํ, เคเห ิเตเนว สกฺกา ปุฺานิ กาตุํ, มา เอวํ กริตฺถาติ. มยา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺโม สุโต, น สกฺกา ตํ อคารมชฺเฌ ิเตน ปูเรตุํ, ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, ตฺวํ นิวตฺตาหีติ. เอวํ โส กนิฏฺํ นิวตฺตาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. กนิฏฺโปิ ‘‘ภาตุ ปพฺพชิตสกฺการํ กริสฺสามี’’ติ สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ภาตรํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ อตฺตโน ภวนิสฺสรณํ กตํ, อหํ ปน ปฺจหิ กามคุเณหิ พทฺโธ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตุํ น สกฺโกมิ, มยฺหํ เคเห ิตสฺเสว อนุจฺฉวิกํ มหนฺตํ ปุฺกมฺมํ อาจิกฺขถา’’ติ. อถ นํ เถโร ‘‘สาธุ สาธุ, ปณฺฑิต, สตฺถุ คนฺธกุฏึ กโรหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นานาทารูนิ อาหราเปตฺวา ถมฺภาทีนํ อตฺถาย ตจฺฉาเปตฺวา เอกํ สุวณฺณขจิตํ, เอกํ รชตขจิตํ, เอกํ มณิขจิตนฺติ สพฺพานิ สตฺตรตนขจิตานิ กาเรตฺวา เตหิ คนฺธกุฏึ กาเรตฺวา สตฺตรตนขจิตาเหว ฉทนิฏฺกาหิ ฉาทาเปสิ. คนฺธกุฏิยา กรณกาเลเยว ปน ตํ อตฺตนา สมานนามโก อปราชิโตเยว นาม ภาคิเนยฺโย อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหมฺปิ กริสฺสามิ, มยฺหมฺปิ ปตฺตึ เทถ มาตุลา’’ติ อาห. น เทมิ, ตาต, อฺเหิ อสาธารณํ กริสฺสามีติ. โส พหุมฺปิ ยาจิตฺวา ปตฺตึ อลภมาโน ‘‘คนฺธกุฏิยา ปุรโต กุฺชรสาลํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ สตฺตรตนมยํ กุฺชรสาลํ กาเรสิ. โส อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เมณฺฑกเสฏฺิ หุตฺวา นิพฺพตฺติ.

คนฺธกุฏิยํ ปน สตฺตรตนมยานิ ตีณิ มหาวาตปานานิ อเหสุํ. เตสํ อภิมุเข เหฏฺา สุธาปริกมฺมกตา ติสฺโส โปกฺขรณิโย กาเรตฺวา จตุชฺชาติกคนฺโธทกสฺส ปูเรตฺวา อปราชิโต, คหปติ, ปฺจวณฺณานิ กุสุมานิ โรปาเปสิ ตถาคตสฺส อนฺโต นิสินฺนกาเล วาตเวเคน สมุฏฺิตาหิ เรณุวฏฺฏีหิ สรีรสฺส โอกิรณตฺถํ. คนฺธกุฏิถูปิกาย กปลฺลํ รตฺตสุวณฺณมยํ อโหสิ, ปวาฬมยา สิขรา, เหฏฺา มณิมยา ฉทนิฏฺกา. อิติ สา นจฺจนฺโต วิย โมโร โสภมานา อฏฺาสิ. สตฺตสุ ปน รตเนสุ โกฏฺเฏตพฺพยุตฺตกํ โกฏฺเฏตฺวา อิตรํ สกลเมว คเหตฺวา ชณฺณุมตฺเตน โอธินา คนฺธกุฏึ ปริกฺขิปิตฺวา ปริเวณํ ปูเรสิ.

เอวํ คนฺธกุฏึ นิฏฺาเปตฺวา อปราชิโต, คหปติ, ภาติกตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, นิฏฺิตา คนฺธกุฏิ, ปริโภคมสฺสา ปจฺจาสีสามิ, ปริโภเคน กิร มหนฺตํ ปุฺํ โหตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมินา กิร โว กุฏุมฺพิเกน คนฺธกุฏิ การิตา, อิทานิ ปน ปริโภคํ ปจฺจาสีสตี’’ติ อาห. สตฺถา อุฏฺายาสนา คนฺธกุฏิอภิมุขํ คนฺตฺวา คนฺธกุฏึ ปริกฺขิปิตฺวา ปริกฺขิตฺตรตนราสึ โอโลเกนฺโต ทฺวารโกฏฺเก อฏฺาสิ. อถ นํ กุฏุมฺพิโก ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ อาห. สตฺถา ตตฺเถว ตฺวา ตติยวาเร ตสฺส ภาติกตฺเถรํ โอโลเกสิ. โส โอโลกิตากาเรเนว ตฺวา กนิฏฺภาตรํ อาห – ‘‘เอหิ, ตาต, ‘มเมว รกฺขา ภวิสฺสติ, ตุมฺเห ยถาสุขํ วสถา’ติ สตฺถารํ วเทหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา สตฺถารํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยถา มนุสฺสา รุกฺขมูเล ปวิสิตฺวา อนเปกฺขา ปกฺกมนฺติ, ยถา วา นทึ ตริตฺวา อุฬุมฺปํ อนเปกฺขา ปริจฺจชนฺติ, เอวํ อนเปกฺขา หุตฺวา ตุมฺเห วสถา’’ติ อาห. กิมตฺถํ ปน สตฺถา อฏฺาสิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘พุทฺธานํ สนฺติกํ ปุเรภตฺตมฺปิ ปจฺฉาภตฺตมฺปิ พหู อาคจฺฉนฺติ, เตสุ รตนานิ อาทาย ปกฺกมนฺเตสุ น สกฺกา อมฺเหหิ วาเรตุํ, ปริเวณมฺหิ เอตฺตเก รตเน โวกิณฺเณ อตฺตโน อุปฏฺาเก หรนฺเตปิ น วาเรตีติ กุฏุมฺพิโก มยิ อาฆาตํ กตฺวา อปายูปโค ภเวยฺยา’’ติ อิมินา การเณน อฏฺาสิ. เตน ปน, ‘‘ภนฺเต, มเมว รกฺขา ภวิสฺสติ, ตุมฺเห วสถา’’ติ วุตฺเต ปาวิสิ.

กุฏุมฺพิโก สมนฺตา รกฺขํ เปตฺวา มนุสฺเส อาห – ‘‘ตาตา, อุจฺฉงฺเคน วา ปจฺฉิปสิพฺพเกหิ วา อาทาย คจฺฉนฺเต วาเรยฺยาถ, หตฺเถน คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ปน มา วารยิตฺถา’’ติ. อนฺโตนคเรปิ อาโรจาเปสิ ‘‘มยา คนฺธกุฏิปริเวเณ สตฺต รตนานิ โอกิณฺณานิ, สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา คจฺฉนฺตา ทุคฺคตมนุสฺสา อุโภ หตฺเถ ปูเรตฺวา คณฺหนฺตุ, สุขิตาปิ เอเกน คณฺหนฺตู’’ติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘สทฺธา ตาว ธมฺมํ โสตุกามา คมิสฺสนฺติเยว, อสฺสทฺธาปิ ปน ธนโลเภน คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ทุกฺขโต มุจฺจิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา ชนสงฺคหตฺถาย เอวํ อาโรจาเปสิ. มหาชโน เตน วุตฺตนิยาเมเนว รตนานิ คณฺหิ. สกึ โอกิณฺณรตเนสุ ขีเณสุ ยาวตติยํ ชณฺณุมตฺเตน โอธินา โอกิราเปสิเยว. สตฺถุ ปน ปาทมูเล ติปุสมตฺตํ อนคฺฆํ มณิรตนํ เปสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สตฺถุ สรีรโต สุวณฺณวณฺณาย ปภาย สทฺธึ มณิปภํ โอโลเกนฺตานํ ติตฺติ นาม น ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา เอวมกาสิ. มหาชโนปิ อติตฺโตว โอโลเกสิ.

อเถกทิวสํ เอโก มิจฺฉาทิฏฺิกพฺราหฺมโณ ‘‘สตฺถุ กิร ปาทมูเล มหคฺฆํ มณิรตนํ นิกฺขิตฺตํ, หริสฺสามิ น’’นฺติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ อาคตสฺส มหาชนสฺส อนฺตเรน ปาวิสิ. กุฏุมฺพิโก ตสฺส ปวิสนากาเรเนว ‘‘มณึ คณฺหิตุกาโม’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อโห วต น คณฺเหยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. โสปิ สตฺถารํ วนฺทนฺโต วิย ปาทมูเล หตฺถํ อุปนาเมตฺวา มณึ คเหตฺวา โอวฏฺฏิกาย กตฺวา ปกฺกามิ. กุฏุมฺพิโก ตสฺมึ จิตฺตํ ปสาเทตุํ นาสกฺขิ. โส ธมฺมกถาวสาเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา ติกฺขตฺตุํ คนฺธกุฏึ ปริกฺขิปิตฺวา ชณฺณุมตฺเตน โอธินา สตฺต รตนานิ โอกิณฺณานิ, ตานิ เม คณฺหนฺเตสุ อาฆาโต นาม นาโหสิ, จิตฺตํ ภิยฺโย ภิยฺโย ปสีทิเยว. อชฺช ปน ‘อโห วตายํ พฺราหฺมโณ มณึ น คณฺเหยฺยา’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺมึ มณึ อาทาย คเต จิตฺตํ ปสาเทตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘นนุ, อุปาสก, อตฺตโน สนฺตกํ ปเรหิ อนาหรณียํ กาตุํ สกฺโกสี’’ติ นยํ อทาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา มม สนฺตกํ ทสิกสุตฺตมตฺตมฺปิ มํ อภิภวิตฺวา อเนกสตาปิ ราชาโน วา โจรา วา คณฺหิตุํ สมตฺถา นาม มา โหนฺตุ, อคฺคินาปิ มม สนฺตกํ มา ฑยฺหตุ, อุทเกนปิ มา วุยฺหตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถาปิสฺส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ อกาสิ. โส คนฺธกุฏิมหํ กโรนฺโต อฏฺสฏฺิยา ภิกฺขุสตสหสฺสานํ อนฺโตวิหาเรเยว นว มาเส มหาทานํ ทตฺวา ทานปริโยสาเน สพฺเพสํ ติจีวรํ อทาสิ. สงฺฆนวกสฺส จีวรสาฏกา สหสฺสคฺฆนกา อเหสุํ.

โส เอวํ ยาวตายุกํ ปุฺานิ กริตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอตฺตกํ กาลํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห เอกสฺมึ เสฏฺิกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อฑฺฒมาสาธิเก นว มาเส มาตุกุจฺฉิยํ วสิ. ชาตทิวเส ปนสฺส สกลนคเร สพฺพาวุธานิ ปชฺชลึสุ, สพฺเพสํ กายรูฬฺหานิ อาภรณานิปิ ปชฺชลิตานิ วิย โอภาสํ มุฺจึสุ, นครํ เอกปชฺโชตํ อโหสิ. เสฏฺิปิ ปาโตว ราชูปฏฺานํ อคมาสิ. อถ นํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘อชฺช สพฺพาวุธานิ ปชฺชลึสุ, นครํ เอกปชฺโชตํ ชาตํ, ชานาสิ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ? ‘‘ชานามิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ, เสฏฺี’’ติ? ‘‘มม เคเห ตุมฺหากํ ทาโส ชาโต, ตสฺส ปุฺเตเชเนวํ อโหสี’’ติ. ‘‘กึ นุ โข โจโร ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘นตฺเถตํ, เทว, ปุฺวา สตฺโต กตาภินีหาโร’’ติ. ‘‘เตน หิ นํ สมฺมา โปเสตุํ วฏฺฏติ, อิทมสฺส ขีรมูลํ โหตู’’ติ เทวสิกํ สหสฺสํ ปฏฺเปสิ. อถสฺส นามคหณทิวเส สกลนครสฺส เอกปชฺโชตภูตตฺตา โชติโกตฺเวว นามํ กรึสุ.

อถสฺส วยปฺปตฺตกาเล เคหกรณตฺถาย ภูมิตเล โสธิยมาเน สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ อุปธารยมาโน ‘‘โชติกสฺส เคหฏฺานํ คณฺหนฺตี’’ติ ตฺวา ‘‘นายํ เอเตหิ กตเคเห วสิสฺสติ, มยาเปตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ วฑฺฒกีเวเสน ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘กึ กโรถา’’ติ อาห. ‘‘โชติกสฺส เคหฏฺานํ คณฺหามา’’ติ. ‘‘อเปถ, นายํ ตุมฺเหหิ กตเคเห วสิสฺสตี’’ติ วตฺวา โสฬสกรีสมตฺตํ ภูมิปเทสํ โอโลเกสิ, โส ตาวเทว กสิณมณฺฑลํ วิย สโม อโหสิ. ปุน ‘‘อิมสฺมึ าเน ปถวึ ภินฺทิตฺวา สตฺตรตนมโย สตฺตภูมิกปาสาโท อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ, ตาวเทว ตถารูโป ปาสาโท อุฏฺหิ. ปุน ‘‘อิมํ ปริกฺขิปิตฺวา สตฺตรตนมยา สตฺต ปาการา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ, ตถารูปา ปาการา อุฏฺหึสุ. อถ ‘‘เนสํ ปริยนฺเต กปฺปรุกฺขา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ, ตถารูปา กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ‘‘ปาสาทสฺส จตูสุ กณฺเณสุ จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ, สพฺพํ ตเถว อโหสิ. นิธิกุมฺภีสุ ปน เอกา โยชนิกา อโหสิ, เอกา ติคาวุติกา, เอกา อฑฺฒโยชนิกา, เอกา คาวุตปฺปมาณา. โพธิสตฺตสฺส นิพฺพตฺตนิธิกุมฺภีนํ ปน เอกมุขปฺปมาณํ อโหสิ, เหฏฺา ปถวีปริยนฺตาว อเหสุํ. โชติกสฺส นิพฺพตฺตนิธิกุมฺภีนํ มุขปริมาณํ น กถิตํ, สพฺพา มุขฉินฺนตาลผลํ วิย ปริปุณฺณาว อุฏฺหึสุ. ปาสาทสฺส จตูสุ กณฺเณสุ ตรุณตาลกฺขนฺธปฺปมาณา จตสฺโส สุวณฺณมยา อุจฺฉุยฏฺิโย นิพฺพตฺตึสุ. ตาสํ มณิมยานิ ปตฺตานิ, โสวณฺณมยานิ ขนฺธานิ อเหสุํ. ปุพฺพกมฺมสฺส ทสฺสนตฺถํ กิเรตานิ, นิพฺพตฺตึสุ.

สตฺตสุ ทฺวารโกฏฺเกสุ สตฺต ยกฺขา อารกฺขํ คณฺหึสุ. ปเม ทฺวารโกฏฺเก ยมโกฬี นาม ยกฺโข อตฺตโน ปริวาเรน ยกฺขสหสฺเสน สทฺธึ อารกฺขํ คณฺหิ, ทุติเย อุปฺปโล นาม อตฺตโน ปริวารยกฺขานํ ทฺวีหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, ตติเย วชิโร นาม ตีหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, จตุตฺเถ วชิรพาหุ นาม จตูหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, ปฺจเม กสกนฺโท นาม ปฺจหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, ฉฏฺเ กฏตฺโถ นาม ฉหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ, สตฺตเม ทิสามุโข นาม สตฺตหิ สหสฺเสหิ สทฺธึ อารกฺขํ คณฺหิ. เอวํ ปาสาทสฺส อนฺโต จ พหิ จ คาฬฺหรกฺขา อโหสิ. ‘‘โชติกสฺส กิร สตฺตรตนมโย สตฺตภูมิกปาสาโท อุฏฺิโต, สตฺต ปาการา สตฺตทฺวารโกฏฺกา จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย อุฏฺิตา’’ติ สุตฺวา พิมฺพิสาโร ราชา เสฏฺิจฺฉตฺตํ ปหิณิ. โส โชติกเสฏฺิ นาม อโหสิ.

เตน ปน สทฺธึ กตปุฺกมฺมา อิตฺถี อุตฺตรกุรูสุ นิพฺพตฺติ. อถ นํ เทวตา ตโต อาเนตฺวา สิริคพฺเภ นิสีทาเปสุํ. สา อาคจฺฉมานา เอกํ ตณฺฑุลนาฬึ ตโย จ โชติปาสาเณ คณฺหิ. เตสํ ยาวชีวํ ตาเยว ตณฺฑุลนาฬิยา ภตฺตํ อโหสิ. สเจ กิร เต สกฏสตมฺปิ ตณฺฑุลานํ ปูเรตุกามา โหนฺติ, สา ตณฺฑุลนาฬิ นาฬิเยว หุตฺวา ติฏฺติ. ภตฺตปจนกาเล ตณฺฑุเล อุกฺขลิยํ ปกฺขิปิตฺวา เตสํ ปาสาณานํ อุปริ เปติ, ปาสาณา ตาวเทว ปชฺชลิตฺวา ภตฺเต ปกฺกมตฺเต นิพฺพายนฺติ. เตเนว สฺาเณน ภตฺตสฺส ปกฺกภาวํ ชานนฺติ. สูเปยฺยาทิปจนกาเลปิ เอเสว นโย. เอวํ เตสํ โชติปาสาเณหิ อาหาโร ปจฺจติ. มณิอาโลเกน จ วสนฺติ, อคฺคิสฺส วา ทีปสฺส วา โอภาสํ เนว ชานึสุ. ‘‘โชติกสฺส กิร เอวรูปา สมฺปตฺตี’’ติ สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ. มหาชโน ยานาทีนิ โยเชตฺวา ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉติ. โชติกเสฏฺิ อาคตาคตานํ อุตฺตรกุรุตณฺฑุลานํ ภตฺตํ ปจาเปตฺวา ทาเปสิ. ‘‘กปฺปรุกฺเขหิ วตฺถานิ คณฺหนฺตุ, อาภรณานิ คณฺหนฺตู’’ติ อาณาเปสิ. ‘‘คาวุติกนิธิกุมฺภิยา มุขํ วิวราเปตฺวา ยาปนมตฺตํ ธนํ คณฺหนฺตู’’ติ อาณาเปสิ. สกลชมฺพุทีปวาสิเกสุ ธนํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเตสุ นิธิกุมฺภิยา องฺคุลิมตฺตมฺปิ อูนํ นาโหสิ. คนฺธกุฏิปริเวเณ วาลุกํ กตฺวา โอกิณฺณรตนานํ กิรสฺส เอโส นิสฺสนฺโท.

เอวํ มหาชเน วตฺถาภรณานิ เจว ธนฺจ ยทิจฺฉกํ อาทาย คจฺฉนฺเต พิมฺพิสาโร ตสฺส ปาสาทํ ทฏฺุกาโมปิ มหาชเน อาคจฺฉนฺเต โอกาสํ นาลตฺถ. อปรภาเค ยทิจฺฉกํ อาทาย คตตฺตา มนุสฺเสสุ มนฺทีภูเตสุ ราชา โชติกสฺส ปิตรํ อาห – ‘‘ตว ปุตฺตสฺส ปาสาทํ ทฏฺุกามมฺหา’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ปุตฺตสฺส กเถสิ – ‘‘ตาต, ราชา เต ปาสาทํ ทฏฺุกาโม’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, อาคจฺฉตู’’ติ. ราชา มหนฺเตน ปริวาเรน ตตฺถ อคมาสิ. ปมทฺวารโกฏฺเก สมฺมชฺชิตฺวา กจวรฉฑฺฑิกา ทาสี รฺโ หตฺถํ อทาสิ, ราชา ‘‘เสฏฺิชายา’’ติ สฺาย ลชฺชมาโน ตสฺสา พาหาย หตฺถํ น เปสิ. เอวํ เสสทฺวารโกฏฺเกสุปิ ทาสิโย ‘‘เสฏฺิภริยาโย’’ติ มฺมาโน ตาสํ พาหาย หตฺถํ น เปสิ. โชติโก อาคนฺตฺวา ราชานํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปจฺฉโต หุตฺวา ‘‘ปุรโต ยาถ, เทวา’’ติ อาห. รฺโ มณิปถวี สตโปริสปปาโต วิย หุตฺวา อุปฏฺหิ. โส ‘‘อิมินา มม คหณตฺถาย โอปาโต ขณิโต’’ติ มฺมาโน ปาทํ นิกฺขิปิตุํ น วิสหิ. โชติโก ‘‘นายํ, เทว, โอปาโต, มม ปจฺฉโต อาคจฺฉถา’’ติ ปุรโต อโหสิ. ราชา เตน อกฺกนฺตกาเล ภูมึ อกฺกมิตฺวา เหฏฺิมตลโต ปฏฺาย ปาสาทํ โอโลเกนฺโต วิจริ. ตทา อชาตสตฺตุกุมาโรปิ ปิตุ องฺคุลึ คเหตฺวา วิจรนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อโห อนฺธพาโล มม ปิตา, คหปติเก นาม สตฺตรตนมเย ปาสาเท วสนฺเต เอส ราชา หุตฺวา ทารุมเย เคเห วสติ, อหํ ทานิ ราชา หุตฺวา อิมสฺส อิมสฺมึ ปาสาเท วสิตุํ น ทสฺสามี’’ติ.

รฺโปิ อุปริมตลานิ อภิรุหนฺตสฺเสว ปาตราสเวลา ชาตา. โส เสฏฺึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘มหาเสฏฺิ, อิเธว ปาตราสํ ภุฺชิสฺสามา’’ติ. ชานามิ, เทว, สชฺชิโต เทวสฺสาหาโรติ. โส โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหตฺวา รตนมเย เสฏฺิสฺส นิสีทนมณฺฑเป ปฺตฺเต ตสฺเสว นิสีทนปลฺลงฺเก นิสีทิ. อถสฺส หตฺถโธวนูทกํ ทตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา กิลินฺนปายาสํ วฑฺเฒตฺวา ปุรโต ปยึสุ. ราชา ‘‘โภชน’’นฺติ สฺาย ภุฺชิตุํ อารภิ. เสฏฺิ ‘‘นยิทํ, เทว, โภชนํ, กิลินฺนปายาโส เอโส’’ติ อฺิสฺสา สุวณฺณปาติยา โภชนํ วฑฺเฒตฺวา ปุริมปาติยํ ปยึสุ. ตโต อุฏฺิตอุตุนา กิร ตํ ภุฺชิตุํ สุขํ โหติ. ราชา มธุรโภชนํ ภุฺชนฺโต ปมาณํ น อฺาสิ. อถ นํ เสฏฺิ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘อลํ, เทว, เอตฺตกเมว โหตุ, อิโต อุตฺตรึ ชิราเปตุํ น สกฺกา’’ติ อาห. อถ นํ ราชา อาห – ‘‘กึ, คหปติ, ครุกํ กตฺวา กเถสิ อตฺตโน ภตฺต’’นฺติ? เทว, นตฺเถตํ, ตุมฺหากํ สพฺพสฺสาปิ หิ พลกายสฺส อิทเมว ภตฺตํ อิทํ สุเปยฺยํ. อปิ จ โข อหํ อยสสฺส ภายามีติ. กึ การณาติ? สเจ เทวสฺส กายาลสิยมตฺตํ ภเวยฺย, ‘‘หิยฺโย รฺา เสฏฺิสฺส เคเห ภตฺตํ ภุตฺตํ, เสฏฺินา กิฺจิ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ วจนสฺส ภายามิ, เทวาติ. เตน หิ ภตฺตํ หร, อุทกํ อาหราติ. รฺโ ภตฺตกิจฺจาวสาเน สพฺโพ ราชปริวาโร ตเทว ภตฺตํ ปริภุฺชิ.

ราชา สุขกถาย นิสินฺโน เสฏฺึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘กึ อิมสฺมึ เคเห เสฏฺิภริยา นตฺถี’’ติ อาห? ‘‘อาม อตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘กหํ สา’’ติ? ‘‘สิริคพฺเภ นิสินฺนา, เทวสฺส อาคตภาวํ น ชานาตี’’ติ. กิฺจาปิ หิ ปาโตว ราชา สปริวาโร อาคโต, สา ปนสฺส อาคตภาวํ น ชานาเตว. ตโต เสฏฺิ ‘‘ราชา เม ภริยํ ทฏฺุกาโม’’ติ ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ราชา อาคโต, กึ ตว ราชานํ ทฏฺุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. สา นิปนฺนกาว ‘‘โก เอส, สามิ, ราชา นามา’’ติ วตฺวา ‘‘ราชา นาม อมฺหากํ อิสฺสโร’’ติ วุตฺเต อนตฺตมนตํ ปเวเทนฺตี ‘‘ทุกฺกฏานิ วต โน ปุฺกมฺมานิ, เยสํ โน อิสฺสโรปิ อตฺถิ. อสฺสทฺธาย นาม ปุฺกมฺมานิ กตฺวา มยํ สมฺปตฺตึ ปาปุณิตฺวา อฺสฺส อิสฺสริยฏฺาเน นิพฺพตฺตมฺหา. อทฺธา อมฺเหหิ อสทฺทหิตฺวา ทานํ ทินฺนํ ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ผล’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึ ทานิ กโรมิ, สามี’’ติ อาห. ตาลวณฺฏํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ พีชาหีติ. ตสฺสา ตาลวณฺฏํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ พีเชนฺติยา รฺโ เวนสฺส คนฺธวาโต อกฺขีนิ ปหริ, อถสฺสา อกฺขีหิ อสฺสุธารา ปวตฺตึสุ. ตํ ทิสฺวา ราชา เสฏฺึ อาห – ‘‘มหาเสฏฺิ, มาตุคาโม นาม อปฺปพุทฺธิโก, ‘ราชา เม สามิกสฺส สมฺปตฺตึ คณฺเหยฺยา’ติ ภเยน โรทติ มฺเ, อสฺสาเสหิ นํ ‘น เม ตว สมฺปตฺติยา อตฺโถ’’’ติ. น เอสา, เทว, โรทตีติ. อถ กึ เอตนฺติ? ตุมฺหากํ เวนคนฺเธนสฺสา อสฺสูนิ ปวตฺตึสุ. อยฺหิ ทีโปภาสํ วา อคฺคิโอภาสํ วา อทิสฺวา มณิอาโลเกเนว ภุฺชติ จ นิสีทติ จ นิปชฺชติ จ, เทโว ปน ทีปาโลเกน นิสินฺโน ภวิสฺสตีติ? อาม, เสฏฺีติ. เตน หิ, เทว, อชฺช ปฏฺาย มณิอาโลเกน นิสีทถาติ มหนฺตํ ติปุสมตฺตํ อนคฺฆํ มณิรตนํ อทาสิ. ราชา เคหํ โอโลเกตฺวา ‘‘มหตี วต โชติกสฺส สมฺปตฺตี’’ติ วตฺวา อคมาสิ. อยํ ตาว โชติกสฺส อุปฺปตฺติ.

อิทานิ ชฏิลสฺส อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา – พาราณสิยฺหิ เอกา เสฏฺิธีตา อภิรูปา อโหสิ, ตํ ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกกาเล รกฺขณตฺถาย เอกํ ทาสึ ทตฺวา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตเล สิริคพฺเภ วาสยึสุ. ตํ เอกทิวสํ วาตปานํ วิวริตฺวา พหิ โอโลกยมานํ อากาเสน คจฺฉนฺโต เอโก วิชฺชาธโร ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห วาตปาเนน ปวิสิตฺวา ตาย สทฺธึ สนฺถวมกาสิ. สา เตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย น จิรสฺเสว คพฺภํ ปฏิลภิ. อถ นํ สา ทาสี ทิสฺวา, ‘‘อมฺม, กึ อิท’’นฺติ วตฺวา ‘‘โหตุ มา กสฺสจิ อาจิกฺขี’’ติ ตาย วุตฺตา ภเยน ตุณฺหี อโหสิ. สาปิ ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิตฺวา นวภาชนํ อาหราเปตฺวา ตตฺถ ตํ ทารกํ นิปชฺชาเปตฺวา ตํ ภาชนํ ปิทหิตฺวา อุปริ ปุปฺผทามานิ เปตฺวา ‘‘อิมํ สีเสน อุกฺขิปิตฺวา คงฺคาย วิสฺสชฺเชหิ, ‘กึ อิท’นฺติ จ ปุฏฺา ‘อยฺยาย เม พลิกมฺม’นฺติ วเทยฺยาสี’’ติ ทาสึ อาณาเปสิ. สา ตถา อกาสิ.

เหฏฺาคงฺคายมฺปิ ทฺเว อิตฺถิโย นฺหายมานา ตํ ภาชนํ อุทเกนาหริยมานํ ทิสฺวา เอกา ‘‘มยฺเหตํ ภาชน’’นฺติ อาห. เอกา ‘‘ยํ เอตสฺส อนฺโต, ตํ มยฺห’’นฺติ วตฺวา ภาชเน สมฺปตฺเต ตํ อาทาย ถเล เปตฺวา วิวริตฺวา ทารกํ ทิสฺวา เอกา ‘‘มม ภาชนนฺติ วุตฺตตาย ทารโก มเมว โหตี’’ติ อาห. เอกา ‘‘ยํ ภาชนสฺส อนฺโต, ตํ มเมว โหตูติ วุตฺตตาย มม ทารโก’’ติ อาห. ตา วิวทมานา วินิจฺฉยฏฺานํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา อมจฺเจสุ วินิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺเตสุ รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา ตาสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘ตฺวํ ทารกํ คณฺห, ตฺวํ ภาชนํ คณฺหา’’ติ อาห. ยาย ปน ทารโก ลทฺโธ, สา มหากจฺจานตฺเถรสฺส อุปฏฺายิกา อโหสิ. ตสฺมา สา ทารกํ ‘‘อิมํ เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ โปเสสิ. ตสฺส ชาตทิวเส คพฺภมลสฺส โธวิตฺวา อนปนีตตาย เกสา ชฏิตา หุตฺวา อฏฺํสุ, เตนสฺส ชฏิโลตฺเวว นามํ กรึสุ. ตสฺส ปทสา วิจรณกาเล เถโร ตํ เคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อุปาสิกา เถรํ นิสีทาเปตฺวา อาหารมทาสิ. เถโร ทารกํ ทิสฺวา ‘‘กึ อุปาสิเก ทารโก ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, อิมาหํ ทารกํ ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพาเชสฺสามีติ โปเสสึ, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ อทาสิ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ อาทาย ตํ คจฺฉนฺโต ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺส คิหิสมฺปตฺตึ อนุภวิตุํ ปุฺกมฺม’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘มหาปุฺโ สตฺโต มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสติ, ทหโร เอส ตาว, าณมฺปิสฺส ปริปากํ น คจฺฉตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ อาทาย ตกฺกสิลายํ เอกสฺส อุปฏฺากสฺส เคหํ อคมาสิ.

โส เถรํ วนฺทิตฺวา ิโต ตํ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘ทารโก โว, ภนฺเต, ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิ. อาม, อุปาสก, ปพฺพชิสฺสติ, ทหโร ตาว, ตเวว สนฺติเก โหตูติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตํ ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปฏิชคฺคิ. ตสฺส ปน เคเห ทฺวาทส วสฺสานิ ภณฺฑกํ อุสฺสนฺนํ โหติ. โส คามนฺตรํ คจฺฉนฺโต สพฺพมฺปิ ตํ ภณฺฑํ อาปณํ หริตฺวา ทารกํ อาปเณ นิสีทาเปตฺวา ตสฺส ตสฺส ภณฺฑกสฺส มูลํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิทฺจ อิทฺจ เอตฺตกํ นาม ธนํ คเหตฺวา ทเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตํทิวสํ นครปริคฺคาหิกา เทวตา อนฺตมโส มริจชีรกมตฺเตนาปิ อตฺถิเก ตสฺเสว อาปณาภิมุเข กรึสุ. โส ทฺวาทส วสฺสานิ อุสฺสนฺนํ ภณฺฑกํ เอกทิวเสเนว วิกฺกิณิ. กุฏุมฺพิโก อาคนฺตฺวา อาปเณ กิฺจิ อทิสฺวา ‘‘สพฺพํ เต, ตาต, ภณฺฑกํ นาสิต’’นฺติ อาห. น นาเสมิ, สพฺพํ ตุมฺเหหิ วุตฺตนเยเนว วิกฺกิณึ, อิทํ อสุกสฺส มูลํ, อิทํ อสุกสฺสาติ. กุฏุมฺพิโก ปสีทิตฺวา ‘‘อนคฺโฆ ปุริโส, ยตฺถ กตฺถจิ ชีวิตุํ สมตฺโถ’’ติ อตฺตโน เคเห วยปฺปตฺตํ ธีตรํ ตสฺส ทตฺวา ‘‘เคหมสฺส กโรถา’’ติ ปุริเส อาณาเปตฺวา นิฏฺิเต เคเห ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห อตฺตโน เคเห วสถา’’ติ อาห.

อถสฺส เคหปวิสนกาเล เอเกน ปาเทน อุมฺมาเร อกฺกนฺตมตฺเต เคหสฺส ปจฺฉิมภาเค ภูมึ ภินฺทิตฺวา อสีติหตฺโถ สุวณฺณปพฺพโต อุฏฺหิ. ราชา ‘‘ชฏิลกุมารสฺส กิร เคเห ภูมึ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณปพฺพโต อุฏฺิโต’’ติ สุตฺวาว ตสฺส เสฏฺิจฺฉตฺตํ เปเสสิ. โส ชฏิลเสฏฺิ นาม อโหสิ. ตสฺส ตโย ปุตฺตา อเหสุํ. โส เตสํ วยปฺปตฺตกาเล ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สเจ อมฺเหหิ สมานโภคํ เสฏฺิกุลํ ภวิสฺสติ, ปพฺพชิตุํ ทสฺสนฺติ. โน เจ, น ทสฺสนฺติ. อตฺถิ นุ โข ชมฺพุทีเป อมฺเหหิ สมานโภคํ กุล’’นฺติ วีมํสนตฺถาย สุวณฺณมยํ อิฏฺกํ สุวณฺณมยํ ปโตทลฏฺึ สุวณฺณมยํ ปาทุกฺจ การาเปตฺวา ปุริสานํ หตฺเถ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, อิมานิ อาทาย กิฺจิเทว โอโลกยมานา วิย ชมฺพุทีปตเล วิจริตฺวา อมฺเหหิ สมานโภคสฺส เสฏฺิกุลสฺส อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ ปหิณิ.

เต จาริกํ จรนฺตา ภทฺทิยนครํ ปาปุณึสุ. อถ เน เมณฺฑกเสฏฺิ ทิสฺวา, ‘‘ตาตา, กึ กโรนฺตา วิจรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ โอโลเกนฺตา วิจรามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิเมสํ อิมานิ คเหตฺวา กิฺจิเทว โอโลเกตุํ วิจรณกิจฺจํ นตฺถิ, รฏฺํ ปริคฺคณฺหมานา วิจรนฺตี’’ติ ตฺวา, ‘‘ตาตา, อมฺหากํ ปจฺฉิมเคหํ ปวิสิตฺวา โอโลเกถา’’ติ อาห. เต ตตฺถ อฏฺกรีสมตฺเต าเน หตฺถิอสฺสอุสภปฺปมาเณ ปิฏฺิยา ปิฏฺึ อาหจฺจ ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺิเต เหฏฺา วุตฺตปฺปกาเร สุวณฺณเมณฺฑเก ทิสฺวา เตสํ อนฺตรนฺตรา วิจริตฺวา นิกฺขมึสุ. อถ เน เสฏฺิ, ‘‘ตาตา, ยํ โอโลเกนฺตา วิจรถ, ทิฏฺโ โว โส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปสฺสาม, สามี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ คจฺฉถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ตโตว คนฺตฺวา อตฺตโน เสฏฺินา ‘‘กึ, ตาตา, ทิฏฺํ โว อมฺหากํ สมานโภคํ เสฏฺิกุล’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ กึ อตฺถิ, ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกเสฏฺิโน เอวรูโป นาม วิภโว’’ติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ อตฺตมโน หุตฺวา ‘‘เอกํ ตาว เสฏฺิกุลํ ลทฺธํ, อปรมฺปิ นุ โข อตฺถี’’ติ สตสหสฺสคฺฆนิกํ กมฺพลํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, อฺมฺปิ. เสฏฺิกุลํ วิจินถา’’ติ ปหิณิ.

เต ราชคหํ คนฺตฺวา โชติกเสฏฺิสฺส เคหโต อวิทูเร ทารุราสึ กตฺวา อคฺคึ ทตฺวา อฏฺํสุ. ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุฏฺกาเล จ ‘‘เอกํ โน มหคฺฆกมฺพลํ วิกฺกิณนฺตานํ กยิโก นตฺถิ, คเหตฺวา วิจรนฺตาปิ โจรานํ ภายาม, เตน ตํ ฌาเปตฺวา คมิสฺสามา’’ติ วทึสุ. อถ เน โชติกเสฏฺิ ทิสฺวา ‘‘อิเม กึ กโรนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กึ อคฺฆนโก กมฺพโล’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สตสหสฺสคฺฆนโก’’ติ วุตฺเต สตสหสฺสํ ทาเปตฺวา ‘‘ทฺวารโกฏฺกํ สมฺมชฺชิตฺวา กจวรฉฑฺฑิกาย ทาสิยา เทถา’’ติ เตสํเยว หตฺเถ ปหิณิ. สา กมฺพลํ คเหตฺวา โรทมานา สามิกสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘กึ มํ, สามิ, อปราเธ สติ ปหริตุํ น วฏฺฏติ, กสฺมา เม เอวรูปํ ถูลกมฺพลํ ปหิณิตฺถ, กถาหํ อิมํ นิวาเสสฺสามิ วา ปารุปิสฺสามิ วา’’ติ. นาหํ ตว เอตทตฺถาย ปหิณึ, เอตํ ปน ปลิเวเตฺวา ตว สยนปาทมูเล เปตฺวา นิปชฺชนกาเล คนฺโธทเกน โธตานํ ปาทานํ ปุฺฉนตฺถาย เต ปหิณึ, กึ เอตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกสีติ. สา ‘‘เอตํ ปน กาตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ คเหตฺวา อคมาสิ. เต จ ปุริสา ตํ การณํ ทิสฺวา อตฺตโน เสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาตา, ทิฏฺํ โว เสฏฺิกุล’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, กึ ตุมฺหากํ อตฺถิ, ราชคหนคเร โชติกเสฏฺิสฺส เอวรูปา นาม สมฺปตฺตี’’ติ สพฺพํ เคหสมฺปตฺตึ อาโรเจตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. เสฏฺิ เตสํ วจนํ สุตฺวา ตุฏฺมานโส ‘‘อิทานิ ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามี’’ติ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปพฺพชิตุกาโมมฺหิ, เทวา’’ติ อาห. สาธุ, มหาเสฏฺิ, ปพฺพชาหีติ. โส เคหํ คนฺตฺวา ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา สุวณฺณทณฺฑํ วชิรกุทฺทาลํ เชฏฺปุตฺตสฺส หตฺเถ เปตฺวา, ‘‘ตาต, ปจฺฉิมเคเห สุวณฺณปพฺพตโต สุวณฺณปิณฺฑํ อุทฺธราหี’’ติ อาห. โส กุทฺทาลํ อาทาย คนฺตฺวา สุวณฺณปพฺพตํ ปหริ, ปิฏฺิปาสาเณ ปหฏกาโล วิย อโหสิ. ตสฺส หตฺถโต กุทฺทาลํ คเหตฺวา มชฺฌิมปุตฺตสฺส หตฺเถ ทตฺวา ปหิณิ, ตสฺสปิ สุวณฺณปพฺพตํ ปหรนฺตสฺส ปิฏฺิปาสาเณ ปหฏกาโล วิย อโหสิ. อถ นํ กนิฏฺปุตฺตสฺส หตฺเถ ทตฺวา ปหิณิ, ตสฺส ตํ คเหตฺวา ปหรนฺตสฺส โกฏฺเฏตฺวา ราสิกตาย มตฺติกาย ปหฏกาโล วิย อโหสิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘เอหิ, ตาต, อลํ เอตฺตเกนา’’ติ วตฺวา อิตเร ทฺเว เชฏฺภาติเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อยํ สุวณฺณปพฺพโต น ตุมฺหากํ นิพฺพตฺโต, มยฺหฺจ กนิฏฺสฺส จ นิพฺพตฺโต, อิมินา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ปริภุฺชถา’’ติ อาห. กสฺมา ปน โส เตสเมว นิพฺพตฺตติ, กสฺมา จ ชฏิโล ชาตกาเล อุทเก ปาติโตติ? อตฺตโน กตกมฺเมเนว.

กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส หิ เจติเย กริยมาเน เอโก ขีณาสโว เจติยฏฺานํ คนฺตฺวา โอโลเกตฺวา, ‘‘ตาตา, กสฺมา เจติยสฺส อุตฺตเรน มุขํ น อุฏฺหตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สุวณฺณํ นปฺปโหตี’’ติ อาหํสุ. อหํ อนฺโตคามํ ปวิสิตฺวา สมาทเปสฺสามิ, ตุมฺเห อาทเรน กมฺมํ กโรถาติ. โส เอวํ วตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมา, ตาตา, ตุมฺหากํ เจติยสฺส เอกสฺมึ มุเข สุวณฺณํ นปฺปโหติ, สุวณฺณํ ชานาถา’’ติ มหาชนํ สมาทเปนฺโต สุวณฺณการกุลํ อคมาสิ. สุวณฺณกาโรปิ ตงฺขเณเยว ภริยาย สทฺธึ กลหํ กโรนฺโต นิสินฺโน โหติ. อถ นํ เถโร ‘‘เจติเย ตุมฺเหหิ คหิตมุขสฺส สุวณฺณํ นปฺปโหติ, ตํ ชานิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. โส ภริยาย โกเปน ‘‘ตว สตฺถารํ อุทเก ขิปิตฺวา คจฺฉา’’ติ อาห. อถ นํ สา ‘‘อติสาหสิกกมฺมํ เต กตํ, มม กุทฺเธน เต อหเมว อกฺโกสิตพฺพา วา ปหริตพฺพา วา, กสฺมา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ พุทฺเธสุ เวรมกาสี’’ติ อาห. สุวณฺณกาโร ตาวเทว สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘ขมถ เม, ภนฺเต’’ติ วตฺวา เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิ. ตาต, อหํ ตยา น กิฺจิ วุตฺโต, สตฺถารํ ขมาเปหีติ. กินฺติ กตฺวา ขมาเปมิ, ภนฺเตติ. สุวณฺณปุปฺผานํ ตโย กุมฺเภ กตฺวา อนฺโตธาตุนิธาเน ปกฺขิปิตฺวา อลฺลวตฺโถ อลฺลเกโส หุตฺวา ขมาเปหิ, ตาตาติ.

โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา สุวณฺณปุปฺผานิ กโรนฺโต ตีสุ ปุตฺเตสุ เชฏฺปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอหิ, ตาต, อหํ สตฺถารํ เวรวจเนน อวจํ, ตสฺมา อิมานิ ปุปฺผานิ กตฺวา ธาตุนิธาเน ปกฺขิปิตฺวา ขมาเปสฺสามิ, ตฺวมฺปิ โข เม สหาโย โหหี’’ติ อาห. โส ‘‘น ตฺวํ มยา เวรวจนํ วทาปิโต, ตฺวํเยว กโรหี’’ติ กาตุํ น อิจฺฉิ. มชฺฌิมปุตฺตํ ปกฺโกสิตฺวา ตเถวาห, โสปิ ตเถว วตฺวา กาตุํ น อิจฺฉิ. กนิฏฺํ ปกฺโกสิตฺวา ตเถวาห, โส ‘‘ปิตุ อุปฺปนฺนกิจฺจํ นาม ปุตฺตสฺส ภาโร’’ติ วตฺวา ปิตุสหาโย หุตฺวา ปุปฺผานิ อกาสิ. สุวณฺณกาโร วิทตฺถิปฺปมาณานํ ปุปฺผานํ ตโย กุมฺเภ นิฏฺาเปตฺวา ธาตุนิธาเน ปกฺขิปิตฺวา อลฺลวตฺโถ อลฺลเกโส สตฺถารํ ขมาเปสิ. อิติ โส สตฺตกฺขตฺตุํ ชาตกาเล อุทเก ปาตนํ ลภิ. อยํ ปนสฺส โกฏิยํ ิโต อตฺตภาโว. อิธาปิ ตสฺเสว นิสฺสนฺเทน อุทเก ปาติโต. เย ปนสฺส ทฺเว เชฏฺภาติกา ปุตฺตา สุวณฺณปุปฺผานํ กรณกาเล สหายา ภวิตุํ น อิจฺฉึสุ, เตสํ เตน การเณน สุวณฺณปพฺพโต น นิพฺพตฺติ, ชฏิลสฺส เจว กนิฏฺปุตฺตสฺส จ เอกโต กตภาเวน นิพฺพตฺติ. อิติ โส ปุตฺเต อนุสาสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา อปเรน สมเยน ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺส ปุตฺตานํ เคหทฺวารํ อคมาสิ, เต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อฑฺฒมาสํ ภิกฺขาทานํ อทํสุ.

ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อชฺชาปิ เต, อาวุโส ชฏิล, อสีติหตฺเถ สุวณฺณปพฺพเต จ ปุตฺเตสุ จ ตณฺหา อตฺถี’’ติ. ‘‘น เม, อาวุโส, เอเตสุ ตณฺหา วา มาโน วา อตฺถี’’ติ. เต ‘‘อยํ ชฏิลตฺเถโร อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ วทึสุ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสฺส เตสุ ตณฺหา วา มาโน วา อตฺถี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๔๑๖.

‘‘โยธ ตณฺหํ ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;

ตณฺหาภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – โย อิธ โลเก ฉทฺวาริกํ ตณฺหํ วา มานํ วา ชหิตฺวา ฆราวาเสน อนตฺถิโก อนาคาโร หุตฺวา ปริพฺพชติ, ตณฺหาย เจว ภวสฺส จ ปริกฺขีณตฺตา ตณฺหาภวปริกฺขีณํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ชฏิลตฺเถรวตฺถุ เตตฺตึสติมํ.

๓๔. โชติกตฺเถรวตฺถุ

โยธ ตณฺหนฺติ ปุน อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต โชติกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

อชาตสตฺตุกุมาโร หิ เทวทตฺเตน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ปิตรํ ฆาเตตฺวา รชฺเช ปติฏฺิโต ‘‘โชติกเสฏฺิสฺส มหาปาสาทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ยุทฺธสชฺโช นิกฺขมิตฺวา มณิปากาเร สปริวารสฺส อตฺตโน ฉายํ ทิสฺวา ‘‘คหปติโก ยุทฺธสชฺโช หุตฺวา พลํ อาทาย นิกฺขนฺโต’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา อุปคนฺตุํ น วิสหิ. เสฏฺิปิ ตํ ทิวสํ อุโปสถิโก หุตฺวา ปาโตว ภุตฺตปาตราโส วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต นิสินฺโน โหติ. ปเม ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คเหตฺวา ิโต ปน ยมโกฬิ นาม ยกฺโข ตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ สปริวารํ วิทฺธํเสตฺวา ทิสาวิทิสาสุ อนุพนฺธิ. ราชา วิหารเมว อคมาสิ.

อถ นํ เสฏฺิ ทิสฺวาว ‘‘กึ, เทวา’’ติ วตฺวา อุฏฺายาสนา อฏฺาสิ. คหปติ, กึ ตฺวํ ตว ปุริเส ‘‘มยา สทฺธึ ยุชฺฌถา’’ติ อาณาเปตฺวา อิธาคมฺม ธมฺมํ สุณนฺโต วิย นิสินฺโนติ. กึ ปน เทโว มม เคหํ คณฺหิตุํ คโตติ? อาม, คโตมฺหีติ. มม อนิจฺฉาย มม เคหํ คณฺหิตุํ ราชสหสฺสมฺปิ น สกฺโกติ, เทวาติ. โส ‘‘กึ ปน ตฺวํ ราชา ภวิสฺสสี’’ติ กุชฺฌิ. นาหํ ราชา, มม สนฺตกํ ปน ทสิกสุตฺตมฺปิ มม อนิจฺฉาย ราชูหิ วา โจเรหิ วา คเหตุํ น สกฺกาติ. กึ ปนาหํ ตว รุจิยา คณฺหิสฺสามีติ? เตน หิ, เทว, อิมา เม ทสสุ องฺคุลีสุ วีสติ มุทฺทิกา, อิมาหํ ตุมฺหากํ น เทมิ. สเจ สกฺโกถ, คณฺหถาติ. โส ปน ราชา ภูมิยํ อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อุลฺลงฺฆนฺโต อฏฺารสหตฺถํ านํ อภิรุหติ, ตฺวา อุลฺลงฺฆนฺโต อสีติหตฺถํ านํ อภิรุหติ. เอวํมหาพโล สมาโนปิ อิโต จิโต จ ปริวตฺเตนฺโต เอกํ มุทฺทิกมฺปิ กฑฺฒิตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘สาฏกํ ปตฺถร, เทวา’’ติ วตฺวา องฺคุลิโย อุชุกา อกาสิ, วีสติปิ มุทฺทิกา นิกฺขมึสุ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘เอวํ, เทว, มม สนฺตกํ มม อนิจฺฉาย น สกฺกา คณฺหิตุ’’นฺติ วตฺวา รฺโ กิริยาย อุปฺปนฺนสํเวโค ‘‘ปพฺพชิตุํ เม อนุชาน, เทวา’’ติ อาห. โส ‘‘อิมสฺมึ ปพฺพชิเต สุขํ ปาสาทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกวจเนเนว ‘‘ตฺวํ ปพฺพชาหี’’ติ อาห. โส สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา โชติกตฺเถโร นาม อโหสิ. ตสฺส อรหตฺตํ ปตฺตกฺขเณเยว สพฺพาปิ สา สมฺปตฺติ อนฺตรธายิ, ตมฺปิสฺส สตุลกายึ นาม ภริยํ เทวตา อุตฺตรกุรุเมว นยึสุ.

อเถกทิวสํ ภิกฺขู ตํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อาวุโส โชติก, ตสฺมึ ปน เต ปาสาเท วา อิตฺถิยา วา ตณฺหา อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถาวุโส’’ติ วุตฺเต สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘นตฺเถว, ภิกฺขเว, มม ปุตฺตสฺส ตสฺมึ ตณฺหา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑๖.

‘‘โยธ ตณฺหํ ปหนฺตฺวาน, อนาคาโร ปริพฺพเช;

ตณฺหาภวปริกฺขีณํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

อิมิสฺสา คาถายตฺโถ เหฏฺา ชฏิลตฺเถรวตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

โชติกตฺเถรวตฺถุ จตุตึสติมํ.

๓๕. นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ

หิตฺวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ นฏปุตฺตกํ อารพฺภ กเถสิ.

โส กิร เอกํ นฏกีฬํ กีฬยมาโน วิจรนฺโต สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺมึ พุทฺธปฺปมุเขน ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปิณฺฑาย ปวิสนฺเต ภิกฺขู เอกํ นฏปุตฺตํ กีฬนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘อาวุโส, เอส ตยา กีฬิตกีฬิตํ กีฬติ, อตฺถิ นุ โข เต เอตฺถ สิเนโห’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูตํ วตฺวา อฺํ พฺยากโรตี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต สพฺพโยเค อติกฺกนฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑๗.

‘‘หิตฺวา มานุสกํ โยคํ, ทิพฺพํ โยคํ อุปจฺจคา;

สพฺพโยควิสํยุตฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ มานุสกํ โยคนฺติ มานุสกํ อายุฺเจว ปฺจ กามคุเณ จ. ทิพฺพโยเคปิ เอเสว นโย. อุปจฺจคาติ โย มานุสกํ โยคํ หิตฺวา ทิพฺพํ โยคํ อติกฺกนฺโต, ตํ สพฺเพหิ จตูหิปิ โยเคหิ วิสํยุตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ ปฺจตึสติมํ.

๓๖. นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ

หิตฺวา รติฺจาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ นฏปุตฺตกํเยว อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปุริมสทิสเมว. อิธ ปน สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต รติฺจ อรติฺจ ปหาย ิโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑๘.

‘‘หิตฺวา รติฺจ อรติฺจ, สีติภูตํ นิรูปธึ;

สพฺพโลกาภิภุํ วีรํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ รตินฺติ ปฺจกามคุณรตึ. อรตินฺติ อรฺวาเส อุกฺกณฺิตตฺตํ. สีติภูตนฺติ นิพฺพุตํ. นิรูปธินฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. วีรนฺติ ตํ เอวรูปํ สพฺพํ ขนฺธโลกํ อภิภวิตฺวา ิตํ วีริยวนฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

นฏปุตฺตกตฺเถรวตฺถุ ฉตฺตึสติมํ.

๓๗. วงฺคีสตฺเถรวตฺถุ

จุตึ โย เวทีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วงฺคีสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

ราชคเห กิเรโก พฺราหฺมโณ วงฺคีโส นาม มตมนุสฺสานํ สีสํ อาโกเฏตฺวา ‘‘อิทํ นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ, อิทํ ติรจฺฉานโยนิยํ, อิทํ เปตฺติวิสเย, อิทํ มนุสฺสโลเก, อิทํ เทวโลเก นิพฺพตฺตสฺส สีส’’นฺติ ชานาติ. พฺราหฺมณา ‘‘สกฺกา อิมํ นิสฺสาย โลกํ ขาทิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตํ ทฺเว รตฺตวตฺถานิ ปริทหาเปตฺวา อาทาย ชนปทํ จรนฺตา มนุสฺเส วทนฺติ ‘‘เอโส วงฺคีโส นาม พฺราหฺมโณ มตมนุสฺสานํ สีสํ อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาติ, อตฺตโน าตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉถา’’ติ. มนุสฺสา ยถาพลํ ทสปิ กหาปเณ วีสติปิ สตมฺปิ ทตฺวา าตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉนฺติ. เต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนสฺส อวิทูเร นิวาสํ คณฺหึสุ. เต ภุตฺตปาตราสา มหาชนํ คนฺธมาลาทิหตฺถํ ธมฺมสฺสวนาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิหารํ ธมฺมสฺสวนายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสถ, อมฺหากํ วงฺคีสพฺราหฺมเณน สทิโส นาม นตฺถิ, มตมนุสฺสานํ สีสํ อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาติ, าตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉถา’’ติ อาหํสุ. เต ‘‘วงฺคีโส กึ ชานาติ, อมฺหากํ สตฺถารา สทิโส นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิตเรหิปิ ‘‘วงฺคีสสทิโส นตฺถี’’ติ วุตฺเต กถํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘เอถ, ทานิ โว วงฺคีสสฺส วา อมฺหากํ วา สตฺถุ ชานนภาวํ ชานิสฺสามา’’ติ เต อาทาย วิหารํ อคมํสุ. สตฺถา เตสํ อาคมนภาวํ ตฺวา นิรเย ติรจฺฉานโยนิยํ มนุสฺสโลเก เทวโลเกติ จตูสุ าเนสุ นิพฺพตฺตานํ จตฺตาริ สีสานิ, ขีณาสวสีสฺจาติ ปฺจ สีสานิ อาหราเปตฺวา ปฏิปาฏิยา เปตฺวา อาคตกาเล วงฺคีสํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตฺวํ กิร สีสํ อาโกเฏตฺวา มตกานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘อิทํ กสฺส สีส’’นฺติ? โส ตํ อาโกเฏตฺวา ‘‘นิรเย นิพฺพตฺตสฺสา’’ติ อาห. อถสฺส สตฺถา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สาธุการํ ทตฺวา อิตรานิปิ ตีณิ สีสานิ ปุจฺฉิตฺวา เตน อวิรชฺฌิตฺวา วุตฺตวุตฺตกฺขเณ ตเถว ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ปฺจมํ สีสํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิทํ กสฺส สีส’’นฺติ ปุจฺฉิ, โส ตมฺปิ อาโกเฏตฺวา นิพฺพตฺตฏฺานํ น ชานาติ.

อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ, วงฺคีส, น ชานาสี’’ติ วตฺวา, ‘‘อาม, น ชานามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ ชานามี’’ติ อาห. อถ นํ วงฺคีโส ยาจิ ‘‘เทถ เม อิมํ มนฺต’’นฺติ. น สกฺกา อปพฺพชิตสฺส ทาตุนฺติ. โส ‘‘อิมสฺมึ มนฺเต คหิเต สกลชมฺพุทีเป อหํ เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เต พฺราหฺมเณ ‘‘ตุมฺเห ตตฺเถว กติปาหํ วสถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท วงฺคีสตฺเถโร นาม อโหสิ. อถสฺส สตฺถา ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ‘‘มนฺตสฺส ปริกมฺมํ สชฺฌายาหี’’ติ อาห. โส ตํ สชฺฌายนฺโต อนฺตรนฺตรา พฺราหฺมเณหิ ‘‘คหิโต เต มนฺโต’’ติ ปุจฺฉิยมาโน ‘‘อาคเมถ ตาว, คณฺหามี’’ติ วตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปตฺวา ปุน พฺราหฺมเณหิ ปุฏฺโ ‘‘อภพฺโพ ทานาหํ, อาวุโส, คนฺตุ’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘อยํ, ภนฺเต, อภูเตน อฺํ พฺยากโรตี’’ติ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘มา, ภิกฺขเว, เอวํ อวจุตฺถ, อิทานิ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต จุติปฏิสนฺธิกุสโล ชาโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๔๑๙.

‘‘จุตึ โย เวทิ สตฺตานํ, อุปปตฺติฺจ สพฺพโส;

อสตฺตํ สุคตํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.

๔๒๐.

‘‘ยสฺส คตึ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา;

ขีณาสวํ อรหนฺตํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ โย เวทีติ โย สตฺตานํ สพฺพากาเรน จุติฺจ ปฏิสนฺธิฺจ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ตมหํ อลคฺคตาย อสตฺตํ, ปฏิปตฺติยา สุฏฺุ คตตฺตา สุคตํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตาย พุทฺธํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ. ยสฺสาติ ยสฺเสเต เทวาทโย คตึ น ชานนฺติ, ตมหํ อาสวานํ ขีณตาย ขีณาสวํ, กิเลเสหิ อารกตฺตา อรหนฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

วงฺคีสตฺเถรวตฺถุ สตฺตตึสติมํ.

๓๘. ธมฺมทินฺนตฺเถรีวตฺถุ

ยสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ธมฺมทินฺนํ นาม ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ.

เอกทิวสฺหิ ตสฺสา คิหิกาเล สามิโก วิสาโข อุปาสโก สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อนาคามิผลํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา สพฺพํ สาปเตยฺยํ ธมฺมทินฺนํ ปฏิจฺฉาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตโต ปุพฺเพ อาคจฺฉนฺโต ธมฺมทินฺนํ วาตปาเนน โอโลเกนฺตึ ทิสฺวา สิตํ กโรติ. ตํ ทิวสํ ปน วาตปาเนน ิตํ อโนโลเกนฺโตว อคมาสิ. สา ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘โหตุ, โภชนกาเล ชานิสฺสามี’’ติ โภชนเวลาย ภตฺตํ อุปนาเมสิ. โส อฺเสุ ทิวเสสุ ‘‘เอหิ, เอกโต ภุฺชามา’’ติ วทติ, ตํ ทิวสํ ปน ตุณฺหีภูโตว ภุฺชิ. สา ‘‘เกนจิเทว การเณน กุปิโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. อถ นํ วิสาโข สุขนิสินฺนเวลาย ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ธมฺมทินฺเน อิมสฺมึ เคเห สพฺพํ สาปเตยฺยํ ปฏิจฺฉาหี’’ติ อาห. สา ‘‘กุทฺธา นาม สาปเตยฺยํ น ปฏิจฺฉาเปนฺติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเห ปน, สามี’’ติ อาห. อหํ อิโต ปฏฺาย น กิฺจิ วิจาเรมีติ. ตุมฺเหหิ ฉฑฺฑิตํ เขฬํ โก ปฏิจฺฉิสฺสติ, เอวํ สนฺเต มม ปพฺพชฺชํ อนุชานาถาติ. โส ‘‘สาธุ, ภทฺเท’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน ตํ ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. สา ลทฺธูปสมฺปทา ธมฺมทินฺนตฺเถรี นาม อโหสิ.

สา ปวิเวกกามตาย ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ ชนปทํ คนฺตฺวา ตตฺถ วิหรนฺตี น จิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘อิทานิ มํ นิสฺสาย าติชนา ปุฺานิ กริสฺสนฺตี’’ติ ปุนเทว ราชคหํ ปจฺจาคฺฉิ. อุปาสโก ตสฺสา อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘เกน นุ โข การเณน อาคตา’’ติ ภิกฺขุนีอุปสฺสยํ คนฺตฺวา เถรึ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘อุกฺกณฺิตา นุ โขสิ, อยฺเยติ วตฺตุํ อปฺปติรูปํ, ปฺหเมกํ นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โสตาปตฺติมคฺเค ปฺหํ ปุจฺฉิ, สา ตํ วิสฺสชฺเชสิ. อุปาสโก เตเนว อุปาเยน เสสมคฺเคสุปิ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา อติกฺกมฺม ปฺหสฺส ปุฏฺกาเล ตาย ‘‘อจฺจยาสิ, อาวุโส, วิสาขา’’ติ วตฺวา ‘‘อากงฺขมาโน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ วุตฺเต เถรึ วนฺทิตฺวา อุฏฺายาสนา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ กถาสลฺลาปํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘สุกถิตํ มม ธีตาย ธมฺมทินฺนาย, อหมฺเปตํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต เอวเมว วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๔๒๑.

‘‘ยสฺส ปุเร จ ปจฺฉา จ, มชฺเฌ จ นตฺถิ กิฺจนํ;

อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตตฺถ ปุเรติ อตีเตสุ ขนฺเธสุ. ปจฺฉาติ อนาคเตสุ ขนฺเธสุ. มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ขนฺเธสุ. นตฺถิ กิฺจนนฺติ ยสฺเสเตสุ าเนสุ ตณฺหาคาหสงฺขาตํ กิฺจนํ นตฺถิ, ตมหํ ราคกิฺจนาทีหิ อกิฺจนํ กสฺสจิ คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

ธมฺมทินฺนตฺเถรีวตฺถุ อฏฺตึสติมํ.

๓๙. องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ

อุสภนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต องฺคุลิมาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ‘‘น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺตี’’ติ (ธ. ป. ๑๗๗) คาถาวณฺณนาย วุตฺตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –

ภิกฺขู องฺคุลิมาลํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส องฺคุลิมาล, ทุฏฺหตฺถึ ฉตฺตํ ธาเรตฺวา ิตํ ทิสฺวา ภายี’’ติ? ‘‘น ภายึ, อาวุโส’’ติ. เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘องฺคุลิมาโล, ภนฺเต, อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต องฺคุลิมาโล ภายติ. ขีณาสวอุสภานฺหิ อนฺตเร เชฏฺกอุสภา มม ปุตฺตสทิสา ภิกฺขู น ภายนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๒๒.

‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, มเหสึ วิชิตาวินํ;

อเนชํ นฺหาตกํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – อจฺฉมฺภิตฏฺเน อุสภสทิสตาย อุสภํ อุตฺตมฏฺเน ปวรํ วีริยสมฺปตฺติยา วีรํ มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสิตตฺตา มเหสึ ติณฺณํ มารานํ วิชิตตฺตา วิชิตาวินํ นฺหาตกิเลสตาย นฺหาตกํ จตุสจฺจพุทฺธตาย พุทฺธํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.

องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ เอกูนจตฺตาลีสํ.

๔๐. เทวหิตพฺราหฺมณวตฺถุ

ปุพฺเพนิวาสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวหิตพฺราหฺมณสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ภควา วาตโรเคน อาพาธิโก หุตฺวา อุปวาณตฺเถรํ อุณฺโหทกตฺถาย เทวหิตพฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ ปหิณิ. โส คนฺตฺวา สตฺถุ อาพาธิกภาวํ อาจิกฺขิตฺวา อุณฺโหทกํ ยาจิ, ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ตุฏฺมานโส หุตฺวา ‘‘ลาภา วต เม, ยํ มม สนฺติกํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุณฺโหทกสฺสตฺถาย สาวกํ ปหิณี’’ติ อุณฺโหทกสฺส กาชํ ปุริเสน คาหาเปตฺวา ผาณิตสฺส จ ปุฏํ อุปวาณตฺเถรสฺส ปาทาสิ. เถโร ตํ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา อุณฺโหทเกน ผาณิตํ อาโลเฬตฺวา ภควโต ปาทาสิ, ตสฺส ตงฺขเณเยว โส อาพาโธ ปฏิปสฺสมฺภิ. พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘กสฺส นุ โข เทยฺยธมฺโม ทินฺโน มหปฺผโล โหติ, สตฺถารํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –

‘‘กตฺถ ทชฺชา เทยฺยธมฺมํ, กตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;

กถฺหิ ยชมานสฺส, กถํ อิชฺฌติ ทกฺขิณา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๙๙);

อถสฺส สตฺถา ‘‘เอวรูปสฺส พฺราหฺมณสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ โหตี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณํ ปกาเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๔๒๓.

‘‘ปุพฺเพนิวาสํ โย เวทิ, สคฺคาปายฺจ ปสฺสติ;

อโถ ชาติกฺขยํ ปตฺโต, อภิฺาโวสิโต มุนิ; (สํ. นิ. ๑.๑๙๙);

สพฺพโวสิตโวสานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุพฺเพนิวาสํ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ฉพฺพีสติเทวโลกเภทํ สคฺคฺจ จตุพฺพิธํ อปายฺจ ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสติ, อโถ ชาติกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปตฺโต, อภิฺเยฺยํ ธมฺมํ อภิชานิตฺวา ปริฺเยฺยํ ปริชานิตฺวา ปหาตพฺพํ ปหาย สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกตฺวา โวสิโก นิฏฺานํ ปตฺโต, วุสิตโวสานํ วา ปตฺโต, อาสวกฺขยปฺาย โมนภาวํ ปตฺตตฺตา มุนิ, ตมหํ สพฺเพสํ กิเลสานํ โวสานํ อรหตฺตมคฺคาณํ พฺรหฺมจริยวาสํ วุตฺถภาเวน สพฺพโวสิตโวสานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ.

เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. พฺราหฺมโณปิ ปสนฺนมานโส สรเณสุ ปติฏฺาย อุปาสกตฺตํ ปเวเทสีติ.

เทวหิตพฺราหฺมณวตฺถุ จตฺตาลีสํ.

พฺราหฺมณวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ฉพฺพีสติโม วคฺโค.

นิคมนกถา

เอตฺตาวตา สพฺพปเม ยมกวคฺเค จุทฺทส วตฺถูนิ, อปฺปมาทวคฺเค นว, จิตฺตวคฺเค นว, ปุปฺผวคฺเค ทฺวาทส, พาลวคฺเค ปนฺนรส, ปณฺฑิตวคฺเค เอกาทส, อรหนฺตวคฺเค ทส, สหสฺสวคฺเค จุทฺทส, ปาปวคฺเค ทฺวาทส, ทณฺฑวคฺเค เอกาทส, ชราวคฺเค นว, อตฺตวคฺเค ทส, โลกวคฺเค เอกาทส, พุทฺธวคฺเค นว, สุขวคฺเค อฏฺ, ปิยวคฺเค นว, โกธวคฺเค อฏฺ, มลวคฺเค ทฺวาทส, ธมฺมฏฺวคฺเค ทส, มคฺควคฺเค ทฺวาทส, ปกิณฺณกวคฺเค นว, นิรยวคฺเค นว, นาควคฺเค อฏฺ, ตณฺหาวคฺเค ทฺวาทส, ภิกฺขุวคฺเค ทฺวาทส, พฺราหฺมณวคฺเค จตฺตาลีสาติ ปฺจาธิกานิ ตีณิ วตฺถุสตานิ ปกาเสตฺวา นาติสงฺเขปนาติวิตฺถารวเสน อุปรจิตา ทฺวาสตฺตติภาณวารปมาณา ธมฺมปทสฺส อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตาติ.

ปตฺตํ ธมฺมปทํ เยน, ธมฺมราเชนนุตฺตรํ;

คาถา ธมฺมปเท เตน, ภาสิตา ยา มเหสินา.

สเตวีสา จตุสฺสตา, จตุสจฺจวิภาวินา;

สตตฺตยฺหิ วตฺถูนํ, ปฺจาธิกา สมุฏฺิตา.

วิหาเร อธิราเชน, การิตมฺหิ กตฺุนา;

ปาสาเท สิริกูฏสฺส, รฺโ วิหรตา มยา.

อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ, อตฺถาย จ หิตาย จ;

โลกสฺส โลกนาถสฺส, สทฺธมฺมฏฺิติกมฺยตา.

ตาสํ อฏฺกถํ เอตํ, กโรนฺเตน สุนิมฺมลํ;

ทฺวาสตฺตติปมาณาย, ภาณวาเรหิ ปาฬิยา.

ยํ ปตฺตํ กุสลํ เตน, กุสลา สพฺพปาณินํ;

สพฺเพ อิชฺฌนฺตุ สงฺกปฺปา, ลภนฺตุ มธุรํ ผลนฺติ.

ปรมวิสุทฺธสทฺธาพุทฺธิวีริยปฏิมณฺฑิเตน สีลาจารชฺชวมทฺทวาทิคุณสมุทยสมุทิเตน สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺเถน ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ติปิฏกปริยตฺติปฺปเภเท สาฏฺกเถ สตฺถุสาสเน อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวน มหาเวยฺยากรเณน กรณสมฺปตฺติชนิตสุขวินิคฺคตมธุโรทารวจนลาวณฺณยุตฺเตน ยุตฺตมุตฺตวาทินา วาทีวเรน มหากวินา ปภินฺนปฏิสมฺภิทาปริวาเร ฉฬภิฺาปฏิสมฺภิทาทิปฺปเภทคุณปฏิมณฺฑิเต อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม สุปฺปติฏฺิตพุทฺธีนํ เถรวํสปฺปทีปานํ เถรานํ มหาวิหารวาสีนํ วํสาลงฺการภูเตน วิปุลวิสุทฺธพุทฺธินา พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตายํ ธมฺมปทฏฺกถา

ตาว ติฏฺตุ โลกสฺมึ, โลกนิตฺถรเณสินํ;

ทสฺเสนฺตี กุลปุตฺตานํ, นยํ สทฺธาทิพุทฺธิยา.

ยาว พุทฺโธติ นามมฺปิ, สุทฺธจิตฺตสฺส ตาทิโน;

โลกมฺหิ โลกเชฏฺสฺส, ปวตฺตติ มเหสิโนติ.

อิติ เตวีสาธิกจตุสตคาถาปฺจาธิกติสตวตฺถุปฏิมณฺฑิตา

ฉพฺพีสติวคฺคสมนฺนาคตา ธมฺมปทวณฺณนา สมตฺตา.

ธมฺมปท-อฏฺกถา สพฺพากาเรน นิฏฺิตา.