📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
ธมฺมปท-อฏฺกถา
(ทุติโย ภาโค)
๙. ปาปวคฺโค
๑. จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ
อภิตฺถเรถ ¶ ¶ ¶ กลฺยาเณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
วิปสฺสิทสพลสฺส กาลสฺมิฺหิ มหาเอกสาฏกพฺราหฺมโณ นาม อโหสิ, อยํ ปน เอตรหิ สาวตฺถิยํ จูเฬกสาฏโก นาม. ตสฺส หิ เอโก นิวาสนสาฏโก อโหสิ, พฺราหฺมณิยาปิ เอโก. อุภินฺนมฺปิ เอกเมว ปารุปนํ, พหิ คมนกาเล พฺราหฺมโณ วา พฺราหฺมณี วา ตํ ปารุปติ. อเถกทิวสํ ¶ วิหาเร ธมฺมสฺสวเน โฆสิเต พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘โภติ ธมฺมสฺสวนํ โฆสิตํ, กึ ทิวา ธมฺมสฺสวนํ คมิสฺสสิ, อุทาหุ รตฺตึ. ปารุปนสฺส หิ อภาเวน น สกฺกา อมฺเหหิ เอกโต คนฺตุ’’นฺติ. พฺราหฺมณี, ‘‘สามิ, อหํ ทิวา คมิสฺสามี’’ติ สาฏกํ ปารุปิตฺวา อคมาสิ. พฺราหฺมโณ ทิวสภาคํ เคเห วีตินาเมตฺวา รตฺตึ คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต นิสินฺโนว ธมฺมํ อสฺโสสิ. อถสฺส สรีรํ ผรมานา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส สตฺถารํ ปูชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘สเจ อิมํ สาฏกํ ¶ ทสฺสามิ, เนว พฺราหฺมณิยา, น มยฺหํ ปารุปนํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. อถสฺส มจฺเฉรจิตฺตานํ สหสฺสํ อุปฺปชฺชิ, ปุเนกํ สทฺธาจิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. ตํ ¶ อภิภวิตฺวา ปุน มจฺเฉรสหสฺสํ อุปฺปชฺชิ. อิติสฺส พลวมจฺเฉรํ พนฺธิตฺวา คณฺหนฺตํ วิย สทฺธาจิตฺตํ ปฏิพาหติเยว. ตสฺส ‘‘ทสฺสามิ, น ทสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺตสฺเสว ปมยาโม อปคโต, มชฺฌิมยาโม สมฺปตฺโต. ตสฺมิมฺปิ ทาตุํ นาสกฺขิ. ปจฺฉิมยาเม สมฺปตฺเต โส จินฺเตสิ – ‘‘มม สทฺธาจิตฺเตน มจฺเฉรจิตฺเตน จ สทฺธึ ยุชฺฌนฺตสฺเสว ทฺเว ยามา วีติวตฺตา, อิทํ มม เอตฺตกํ มจฺเฉรจิตฺตํ วฑฺฒมานํ จตูหิ อปาเยหิ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น ทสฺสติ, ทสฺสามิ น’’นฺติ. โส มจฺเฉรสหสฺสํ อภิภวิตฺวา สทฺธาจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา สาฏกํ อาทาย สตฺถุ ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺทมกาสิ.
ราชา ปเสนทิ โกสโล ธมฺมํ สุณนฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘ปุจฺฉถ นํ, กึ กิร เตน ชิต’’นฺติ อาห. โส ราชปุริเสหิ ปุจฺฉิโต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ทุกฺกรํ กตํ พฺราหฺมเณน, สงฺคหมสฺส กริสฺสามี’’ติ เอกํ สาฏกยุคํ ทาเปสิ. โส ตมฺปิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ปุน ราชา ทฺเว จตฺตาริ อฏฺ โสฬสาติ ทฺวิคุณํ กตฺวา ทาเปสิ. โส ตานิปิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. อถสฺส ราชา ทฺวตฺตึส ยุคานิ ทาเปสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘อตฺตโน อคฺคเหตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ วิสฺสชฺเชสิเยวา’’ติ วาทโมจนตฺถํ ตโต เอกํ ยุคํ อตฺตโน, เอกํ พฺราหฺมณิยาติ ทฺเว ยุคานิ คเหตฺวา ตึส ยุคานิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ราชา ปน ตสฺมึ สตฺตกฺขตฺตุมฺปิ ททนฺเต ปุน ทาตุกาโมเยว อโหสิ. ปุพฺเพ มหาเอกสาฏโก จตุสฏฺิยา สาฏกยุเคสุ ทฺเว อคฺคเหสิ, อยํ ปน ทฺวตฺตึสาย ¶ ลทฺธกาเล ทฺเว อคฺคเหสิ. ราชา ปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘ทุกฺกรํ ภเณ พฺราหฺมเณน กตํ, อนฺเตปุเร มม ทฺเว กมฺพลานิ อาหราเปยฺยาถา’’ติ. เต ตถา กรึสุ. ราชา สตสหสฺสคฺฆนเก ทฺเว กมฺพเล ทาเปสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘น อิเม มม สรีเร อุปโยคํ อรหนฺติ, พุทฺธสาสนสฺเสว เอเต อนุจฺฉวิกา’’ติ เอกํ กมฺพลํ อนฺโตคนฺธกุฏิยํ สตฺถุ สยนสฺส อุปริ วิตานํ กตฺวา พนฺธิ, เอกํ อตฺตโน ฆเร นิพทฺธํ ภฺุชนฺตสฺส ภิกฺขุโน ภตฺตกิจฺจฏฺาเน วิตานํ กตฺวา พนฺธิ. ราชา สายนฺหสมเย ¶ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ กมฺพลํ สฺชานิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เกน ปูชา กตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกสาฏเกนา’’ติ วุตฺเต ‘‘พฺราหฺมโณ มม ¶ ปสาทฏฺาเนเยว ปสีทตี’’ติ วตฺวา ‘‘จตฺตาโร หตฺถี จตฺตาโร อสฺเส จตฺตาริ กหาปณสหสฺสานิ จตสฺโส อิตฺถิโย จตสฺโส ทาสิโย จตฺตาโร ปุริเส จตุโร คามวเร’’ติ เอวํ ยาว สพฺพสตา จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา สพฺพจตุกฺกํ นาม อสฺส ทาเปสิ.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ จูเฬกสาฏกสฺส กมฺมํ, ตํมุหุตฺตเมว สพฺพจตุกฺกํ ลภิ, อิทานิ กเตน กลฺยาณกมฺเมน อชฺชเมว วิปาโก ทินฺโน’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, สจายํ เอกสาฏโก ปมยาเม มยฺหํ ทาตุํ อสกฺขิสฺส, สพฺพโสฬสกํ อลภิสฺส. สเจ มชฺฌิมยาเม อสกฺขิสฺส, สพฺพฏฺกํ อลภิสฺส ¶ . พลวปจฺฉิมยาเม ทินฺนตฺตา ปเนส สพฺพจตุกฺกํ ลภิ. กลฺยาณกมฺมํ กโรนฺเตน หิ อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ อหาเปตฺวา ตงฺขณฺเว กาตพฺพํ. ทนฺธํ กตํ กุสลฺหิ สมฺปตฺตึ ททมานํ ทนฺธเมว ททาติ, ตสฺมา จิตฺตุปฺปาทสมนนฺตรเมว กลฺยาณกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ, ปาปา จิตฺตํ นิวารเย;
ทนฺธฺหิ กโรโต ปฺุํ, ปาปสฺมึ รมตี มโน’’ติ.
ตตฺถ อภิตฺถเรถาติ ตุริตตุริตํ สีฆสีฆํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. คิหินา วา หิ ‘‘สลากภตฺตทานาทีสุ กิฺจิเทว กุสลํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน ยถา อฺเ โอกาสํ น ลภนฺติ, เอวํ ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํ. ปพฺพชิเตน วา อุปชฺฌายวตฺตาทีนิ กโรนฺเตน อฺสฺส โอกาสํ อทตฺวา ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํ. ปาปา จิตฺตนฺติ กายทุจฺจริตาทิปาปกมฺมโต วา อกุสลจิตฺตุปฺปาทโต วา สพฺพถาเมน จิตฺตํ นิวารเย. ทนฺธฺหิ กโรโตติ โย ปน ‘‘ทสฺสามิ, น ทสฺสามิ สมฺปชฺชิสฺสติ นุ โข เม, โน’’ติ เอวํ จิกฺขลฺลมคฺเคน คจฺฉนฺโต วิย ทนฺธํ ปฺุํ กโรติ, ตสฺส เอกสาฏกสฺส วิย ¶ มจฺเฉรสหสฺสํ ปาปํ โอกาสํ ลภติ. อถสฺส ปาปสฺมึ รมตี มโน, กุสลกมฺมกรณกาเลเยว หิ จิตฺตํ กุสเล รมติ, ตโต มุจฺจิตฺวา ปาปนินฺนเมว โหตีติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
จูเฬกสาฏกพฺราหฺมณวตฺถุ ปมํ.
๒. เสยฺยสกตฺเถรวตฺถุ
ปาปฺจ ¶ ปุริโสติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เสยฺยสกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ ลาฬุทายิตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก, อตฺตโน อนภิรตึ ตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ปมสงฺฆาทิเสสกมฺเม สมาทปิโต อุปฺปนฺนุปฺปนฺนาย อนภิรติยา ตํ กมฺมมกาสิ (ปารา. ๒๓๔). สตฺถา ตสฺส กิริยํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอวํ กิร ตฺวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ภาริยํ กมฺมํ อกาสิ, อนนุจฺฉวิกํ โมฆปุริสา’’ติ นานปฺปการโต ครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา ‘‘เอวรูปฺหิ กมฺมํ ทิฏฺธมฺเมปิ สมฺปราเยปิ ทุกฺขสํวตฺตนิกเมว โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปาปฺเจ ปุริโส กยิรา, น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ;
น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ, ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจ ปุริโส สกึ ปาปกมฺมํ กเรยฺย, ตงฺขเณเยว ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อิทํ อปฺปติรูปํ โอฬาริก’’นฺติ น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ. โยปิ ตมฺหิ ฉนฺโท ¶ วา รุจิ วา อุปฺปชฺเชยฺย, ตมฺปิ วิโนเทตฺวา น กยิราเถว. กึ การณา? ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย. ปาปสฺส หิ อุจฺจโย วุฑฺฒิ อิธโลเกปิ สมฺปราเยปิ ทุกฺขเมว อาวหตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เสยฺยสกตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ลาชเทวธีตาวตฺถุ
ปฺฺุเจติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาชเทวธีตรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ราชคเห สมุฏฺิตํ.
อายสฺมา ¶ หิ มหากสฺสโป ปิปฺปลิคุหายํ วิหรนฺโต ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส วุฏฺาย ทิพฺเพน จกฺขุนา ภิกฺขาจารฏฺานํ โอโลเกนฺโต เอกํ สาลิเขตฺตปาลิกํ อิตฺถึ สาลิสีสานิ คเหตฺวา ลาเช กุรุมานํ ทิสฺวา ‘‘สทฺธา นุ โข, อสฺสทฺธา’’ติ วีมํสิตฺวา ‘‘สทฺธา’’ติ ตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ นุ โข เม สงฺคหํ กาตุํ, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘วิสารทา กุลธีตา มม สงฺคหํ กริสฺสติ, กตฺวา จ ปน มหาสมฺปตฺตึ ลภิสฺสตี’’ติ ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย สาลิเขตฺตสมีเปเยว อฏฺาสิ. กุลธีตา เถรํ ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺตา ปฺจวณฺณาย ปีติยา ผุฏฺสรีรา ‘‘ติฏฺถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ลาเช อาทาย เวเคน คนฺตฺวา เถรสฺส ปตฺเต อากิริตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส ภาคินี อสฺส’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทนมกาสิ. สาปิ เถรํ วนฺทิตฺวา อตฺตนา ทินฺนทานํ อาวชฺชมานา นิวตฺติ. ตาย จ ปน เกทารมริยาทาย ¶ คมนมคฺเค เอกสฺมึ พิเล โฆรวิโส สปฺโป นิปชฺชิ. โส เถรสฺส กาสายปฏิจฺฉนฺนํ ชงฺฆํ ฑํสิตุํ นาสกฺขิ. อิตรา ทานํ อาวชฺชมานา นิวตฺตนฺตี ตํ ปเทสํ ปาปุณิ. สปฺโป พิลา นิกฺขมิตฺวา ตํ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว ปาเตสิ. สา ปสนฺนจิตฺเตน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน สุตฺตปฺปพุทฺธา วิย สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตน ติคาวุเตน อตฺตภาเวน นิพฺพตฺติ. สา ทฺวาทสโยชนิกํ เอกํ ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อจฺฉราสหสฺสปริวุตา ปุพฺพกมฺมปกาสนตฺถาย สุวณฺณลาชภริเตน โอลมฺพเกน สุวณฺณสรเกน ปฏิมณฺฑิเต วิมานทฺวาเร ิตา อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘กึ นุ โข เม กตฺวา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ ทิพฺเพน จกฺขุนา อุปธาเรนฺตี ‘‘อยฺยสฺส เม มหากสฺสปตฺเถรสฺส ทินฺนลาชนิสฺสนฺเทน สา ลทฺธา’’ติ อฺาสิ.
สา เอวํ ปริตฺตเกน กมฺเมน เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลภิตฺวา ‘‘น ทานิ มยา ปมชฺชิตุํ วฏฺฏติ, อยฺยสฺส วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ถาวรํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปาโตว กนกมยํ สมฺมชฺชนิฺเจว กจวรฉฑฺฑนกฺจ ปจฺฉึ ¶ อาทาย คนฺตฺวา เถรสฺส ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปสิ. เถโร ตํ ทิสฺวา ‘‘เกนจิ ทหเรน วา สามเณเรน วา วตฺตํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ สลฺลกฺเขสิ. สา ทุติยทิวเสปิ ตเถว อกาสิ, เถโรปิ ตเถว สลฺลกฺเขสิ. ตติยทิวเส ปน เถโร ตสฺสา สมฺมชฺชนิสทฺทํ ¶ สุตฺวา ตาลจฺฉิทฺทาทีหิ จ ปวิฏฺํ สรีโรภาสํ ทิสฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘โก เอส สมฺมชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ อุปฏฺายิกา ลาชเทวธีตา’’ติ. ‘‘นนุ มยฺหํ เอวํนามิกา อุปฏฺายิกา นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, สาลิเขตฺตํ รกฺขมานา ลาเช ทตฺวา ปสนฺนจิตฺตา นิวตฺตนฺตี สปฺเปน ทฏฺา กาลํ กตฺวา ตาวตึสเทวโลเก อุปฺปนฺนา, มยา อยฺยํ นิสฺสาย อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา, อิทานิปิ ตุมฺหากํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ‘สมฺปตฺตึ ถาวรํ กริสฺสามี’ติ อาคตามฺหิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘หิยฺโยปิ ปเรปิ ตยาเวตํ ¶ านํ สมฺมชฺชิตํ, ตยาว ปานียโภชนียํ อุปฏฺาปิต’’นฺติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อเปหิ เทวธีเต, ตยา กตํ วตฺตํ กตํว โหตุ, อิโต ปฏฺาย อิมํ านํ มา อาคมี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา มํ นาเสถ, ตุมฺหากํ วตฺตํ กตฺวา สมฺปตฺตึ เม ถิรํ กาตุํ เทถา’’ติ. ‘‘อเปหิ เทวธีเต, มา มํ อนาคเต จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา นิสินฺเนหิ ธมฺมกถิเกหิ ‘มหากสฺสปตฺเถรสฺส กิร เอกา เทวธีตา อาคนฺตฺวา วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปสี’ติ วตฺตพฺพตํ กริ, อิโต ปฏฺาย อิธ มา อาคมิ, ปฏิกฺกมา’’ติ. สา ‘‘มา มํ, ภนฺเต, นาเสถา’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจิเยว. เถโร ‘‘นายํ มม วจนํ สุณาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตุวํ ปมาณํ น ชานาสี’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. สา ตตฺถ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี อากาเส อุปฺปติตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห, ‘‘ภนฺเต, มยา ลทฺธสมฺปตฺตึ มา นาเสถ, ถาวรํ กาตุํ เทถา’’ติ โรทนฺตี อากาเส อฏฺาสิ.
สตฺถา เชตวเน คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ¶ ตสฺสา โรทิตสทฺทํ สุตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา เทวธีตาย สมฺมุเข นิสีทิตฺวา กเถนฺโต วิย ‘‘เทวธีเต มม ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส สํวรกรณเมว ภาโร, ปฺุตฺถิกานํ ปน ‘อยํ โน อตฺโถ’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปฺุกรณเมว ภาโร. ปฺุกรณฺหิ อิธ เจว สมฺปราเย จ สุขเมวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปฺฺุเจ ¶ ปุริโส กยิรา, กยิรา นํ ปุนปฺปุนํ;
ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ, สุโข ปฺุสฺส อุจฺจโย’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจ ปุริโส ปฺุํ กเรยฺย, ‘‘เอกวารํ เม ปฺุํ กตํ, อลํ เอตฺตาวตา’’ติ อโนรมิตฺวา ปุนปฺปุนํ กโรเถว. ตสฺส อกรณกฺขเณปิ ตมฺหิ ปฺุเ ฉนฺทํ รุจึ อุสฺสาหํ กโรเถว. กึ การณา? สุโข ปฺุสฺส อุจฺจโย. ปฺุสฺส หิ อุจฺจโย วุฑฺฒิ อิธโลกปรโลกสุขาวหนโต สุโขติ.
เทสนาวสาเน เทวธีตา ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก ิตาว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณีติ.
ลาชเทวธีตาวตฺถุ ตติยํ.
๔. อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ
ปาโปปิ ¶ ปสฺสตี ภทฺรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ.
อนาถปิณฺฑิโก ¶ หิ วิหารเมว อุทฺทิสฺส จตุปณฺณาสโกฏิธนํ พุทฺธสาสเน วิกิริตฺวา สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต เทวสิกํ ตีณิ มหาอุปฏฺานานิ คจฺฉติ, คจฺฉนฺโต จ ‘‘กึ นุ โข อาทาย อาคโตติ สามเณรา วา ทหรา วา หตฺถมฺปิ เม โอโลเกยฺยุ’’นฺติ ตุจฺฉหตฺโถ นาม น คตปุพฺโพ. ปาโตว คจฺฉนฺโต ยาคุํ คาหาเปตฺวาว คจฺฉติ, กตปาตราโส สปฺปินวนีตาทีนิ เภสชฺชานิ. สายนฺหสมเย มาลาคนฺธวิเลปนวตฺถาทีนิ คาหาเปตฺวา คจฺฉติ. เอวํ นิจฺจกาลเมว ทิวเส ทิวเส ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขติ. อปรภาเค ธนํ ปริกฺขยํ คจฺฉติ. โวหารูปชีวิโนปิสฺส หตฺถโต อฏฺารสโกฏิธนํ อิณํ คณฺหึสุ, กุลสนฺตกาปิสฺส อฏฺารสหิรฺโกฏิโย, นทีตีเร นิทหิตฺวา ปิตา อุทเกน กูเล ภินฺเน มหาสมุทฺทํ ปวิสึสุ. เอวมสฺส อนุปุพฺเพน ธนํ ปริกฺขยํ อคมาสิ. โส เอวํภูโตปิ สงฺฆสฺส ทานํ เทติเยว, ปณีตํ ปน กตฺวา ทาตุํ น สกฺโกติ.
โส เอกทิวสํ สตฺถารา ‘‘ทียติ ปน เต, คหปติ, กุเล ทาน’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ทียติ, ภนฺเต, ตฺจ โข กณาชกํ พิลงฺคทุติย’’นฺติ อาห. อถ นํ ¶ สตฺถา, ‘‘คหปติ, ‘ลูขํ ทานํ เทมี’ติ มา จินฺตยิ. จิตฺตสฺมิฺหิ ปณีเต พุทฺธาทีนํ ทินฺนทานํ ลูขํ นาม นตฺถิ, อปิจ ตฺวํ อฏฺนฺนํ อริยปุคฺคลานํ ทานํ เทสิ, อหํ ปน เวลามกาเล สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาทานํ ¶ ปวตฺตยมาโนปิ ติสรณคตมฺปิ กฺจิ นาลตฺถํ, ทกฺขิเณยฺยา นาม เอวํ ทุลฺลภา. ตสฺมา ‘ลูขํ เม ทาน’นฺติ มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา เวลามสุตฺตมสฺส (อ. นิ. ๙.๒๐) กเถสิ. อถสฺส ทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา เทวตา สตฺถริ เจว สตฺถุสาวเกสุ จ เคหํ ปวิสนฺเตสุ เตสํ เตเชน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี, ‘‘ยถา อิเม อิมํ เคหํ น ปวิสนฺติ, ตถา คหปตึ ปริภินฺทิสฺสามี’’ติ ตํ วตฺตุกามาปิ อิสฺสรกาเล กิฺจิ วตฺตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ ‘‘ปนายํ ทุคฺคโต คณฺหิสฺสติ เม วจน’’นฺติ รตฺติภาเค เสฏฺิสฺส สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. อถ เสฏฺิ นํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. อหํ เต มหาเสฏฺิ จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา เทวตา, ตุยฺหํ โอวาททานตฺถาย อาคตาติ. เตน หิ โอวเทหีติ. มหาเสฏฺิ ตยา ปจฺฉิมกาลํ อโนโลเกตฺวาว สมณสฺส โคตมสฺส สาสเน พหุํ ธนํ วิปฺปกิณฺณํ, อิทานิ ทุคฺคโต หุตฺวาปิ ตํ น มฺุจสิเยว, เอวํ วตฺตมาโน กติปาเหเนว ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ น ลภิสฺสสิ ¶ , กึ เต สมเณน โคตเมน, อติปริจฺจาคโต โอรมิตฺวา กมฺมนฺเต ปโยเชนฺโต กุฏุมฺพํ สณฺาเปหีติ. อยํ เม ตยา ทินฺนโอวาโทติ. อาม, เสฏฺีติ. คจฺฉ, นาหํ ตาทิสีนํ สเตนปิ สหสฺเสนปิ สตสหสฺเสนปิ ¶ สกฺกา กมฺเปตุํ, อยุตฺตํ เต วุตฺตํ, กํ ตยา มม เคเห วสมานาย, สีฆํ สีฆํ เม ฆรา นิกฺขมาหีติ. สา โสตาปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส วจนํ สุตฺวา าตุํ อสกฺโกนฺตี ทารเก อาทาย นิกฺขมิ, นิกฺขมิตฺวา จ ปน อฺตฺถ วสนฏฺานํ อลภมานา ‘‘เสฏฺึ ขมาเปตฺวา ตตฺเถว วสิสฺสามี’’ติ นครปริคฺคาหกํ เทวปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตนา กตาปราธํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอหิ, มํ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ขมาเปตฺวา วสนฏฺานํ ทาเปหี’’ติ อาห. โส ‘‘อยุตฺตํ ตยา วุตฺตํ, นาหํ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ อุสฺสหามี’’ติ ตํ ปฏิกฺขิปิ. สา จตุนฺนํ มหาราชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตหิปิ ปฏิกฺขิตฺตา สกฺกํ เทวราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา, ‘‘อหํ, เทว, วสนฏฺานํ อลภมานา ทารเก ¶ หตฺเถน คเหตฺวา อนาถา วิจรามิ, วสนฏฺานํ เม ทาเปหี’’ติ สุฏฺุตรํ ยาจิ.
อถ นํ โส ‘‘อหมฺปิ ตว การณา เสฏฺึ วตฺตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เอกํ ปน เต อุปายํ กเถสฺสามี’’ติ อาห. สาธุ, เทว, กเถหีติ. คจฺฉ, เสฏฺิโน อายุตฺตกเวสํ คเหตฺวา เสฏฺิสฺส หตฺถโต ปณฺณํ อาโรเปตฺวา โวหารูปชีวีหิ คหิตํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺตโน อานุภาเวน โสเธตฺวา ตุจฺฉคพฺเภ ปูเรตฺวา มหาสมุทฺทํ ¶ ปวิฏฺํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺถิ, อฺมฺปิ อสุกฏฺาเน นาม อสฺสามิกํ อฏฺารสโกฏิธนํ อตฺถิ, ตํ สพฺพํ สํหริตฺวา ตสฺส ตุจฺฉคพฺเภ ปูเรตฺวา ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา ขมาเปหีติ. สา ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วุตฺตนเยเนว ตํ สพฺพํ กตฺวา ปุน ตสฺส สิริคพฺภํ โอภาสยมานา อากาเส ตฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺเต อหํ เต จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา อนฺธพาลเทวตา, มยา อนฺธพาลตาย ยํ ตุมฺหากํ สนฺติเก กถิตํ, ตํ เม ขมถ. สกฺกสฺส หิ เม วจเนน จตุปณฺณาสโกฏิธนํ สํหริตฺวา ตุจฺฉคพฺภปูรณํ ทณฺฑกมฺมํ กตํ, วสนฏฺานํ อลภมานา กิลมามีติ. อนาถปิณฺฑิโก จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เทวตา ‘ทณฺฑกมฺมฺจ เม กต’นฺติ วทติ, อตฺตโน จ โทสํ ปฏิชานาติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส นํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. โส ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ตาย กตกมฺมํ สพฺพํ อาโรเจสิ. เทวตา สตฺถุ ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ มยา อนฺธพาลตาย ตุมฺหากํ คุเณ อชานิตฺวา ปาปกํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ เม ขมถา’’ติ สตฺถารํ ขมาเปตฺวา มหาเสฏฺึ ขมาเปสิ. สตฺถา กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากวเสน เสฏฺิฺเจว เทวตฺจ โอวทนฺโต ‘‘อิธ, คหปติ, ปาปปุคฺคโลปิ ยาว ปาปํ น ปจฺจติ, ตาว ภทฺรมฺปิ ปสฺสติ. ยทา ปนสฺส ปาปํ ปจฺจติ, ตทา ปาปเมว ปสฺสติ. ภทฺรปุคฺคโลปิ ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ, ตาว ปาปานิ ปสฺสติ. ยทา ปนสฺส ¶ ภทฺรํ ปจฺจติ, ตทา ภทฺรเมว ¶ ปสฺสตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;
ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ, อถ ปาโป ปาปานิ ปสฺสติ.
‘‘ภทฺโรปิ ปสฺสตี ปาปํ, ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ;
ยทา จ ปจฺจตี ภทฺรํ, อถ ภทฺโร ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปาโปติ กายทุจฺจริตาทินา ปาปกมฺเมน ยุตฺตปุคฺคโล. โสปิ หิ ปุริมสุจริตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ สุขํ อนุภวมาโน ภทฺรมฺปิ ปสฺสติ. ยาว ปาปํ น ปจฺจตีติ ยาวสฺส ตํ ปาปกมฺมํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ น เทติ. ยทา ปนสฺส ตํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ เทติ, อถ ทิฏฺธมฺเม วิวิธา กมฺมการณา, สมฺปราเย จ อปายทุกฺขํ อนุโภนฺโต โส ปาโป ปาปานิเยว ปสฺสติ. ทุติยคาถายปิ กายสุจริตาทินา ภทฺรกมฺเมน ยุตฺโต ภทฺโร. โสปิ หิ ปุริมทุจฺจริตานุภาเวน นิพฺพตฺตํ ทุกฺขํ อนุภวมาโน ปาปํ ปสฺสติ. ยาว ภทฺรํ น ปจฺจตีติ ยาวสฺส ตํ ภทฺรํ กมฺมํ ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา วิปากํ น เทติ. ยทา ปน ตํ วิปากํ เทติ, อถ ทิฏฺธมฺเม ลาภสกฺการาทิสุขํ, สมฺปราเย จ ทิพฺพสมฺปตฺติสุขํ อนุภวมาโน โส ภทฺโร ภทฺรานิเยว ปสฺสตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ สา เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อสฺตปริกฺขารภิกฺขุวตฺถุ
มาวมฺเถ ปาปสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อสฺตปริกฺขารํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ยํ กิฺจิ มฺจปีาทิเภทํ ปริกฺขารํ พหิ ปริภฺุชิตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑติ. ปริกฺขาโร ¶ วสฺเสนปิ อาตเปนปิ อุปจิกาทีหิปิ วินสฺสติ. โส ภิกฺขูหิ ‘‘นนุ, อาวุโส, ปริกฺขาโร นาม ปฏิสามิตพฺโพ’’ติ วุตฺเต ‘‘อปฺปกํ มยา กตํ, อาวุโส, เอตํ, น เอตสฺส จิตฺตํ อตฺถิ, น ปิตฺต’’นฺติ วตฺวา ตเถว กโรติ. ภิกฺขู ตสฺส กิริยํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ เอวํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส สตฺถารา ปุจฺฉิโตปิ ‘‘กึ เอตํ ภควา อปฺปกํ มยา กตํ, น ตสฺส จิตฺตํ อตฺถิ, นาสฺส ปิตฺต’’นฺติ ตเถว อวมฺนฺโต อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขูหิ เอวํ กาตุํ น วฏฺฏติ, ปาปกมฺมํ นาม ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ. อชฺโฌกาเส ปิตฺหิ วิวฏมุขํ ภาชนํ เทเว วสฺสนฺเต ¶ กิฺจาปิ เอกพินฺทุนา น ปูรติ, ปุนปฺปุนํ ¶ วสฺสนฺเต ปน ปูรเตว, เอวเมวํ ปาปํ กโรนฺโต ปุคฺคโล อนุปุพฺเพน มหนฺตํ ปาปราสึ กโรตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มาวมฺเถ ปาปสฺส, น มนฺทํ อาคมิสฺสติ;
อุทพินฺทุนิปาเตน, อุทกุมฺโภปิ ปูรติ;
พาโล ปูรติ ปาปสฺส, โถกํ โถกมฺปิ อาจิน’’นฺติ.
ตตฺถ มาวมฺเถาติ น อวชาเนยฺย. ปาปสฺสาติ ปาปํ. น มนฺทํ อาคมิสฺสตีติ ‘‘อปฺปมตฺตกํ เม ปาปกํ กตํ, กทา เอตํ วิปจฺจิสฺสตี’’ติ เอวํ ปาปํ นาวชาเนยฺยาติ อตฺโถ. อุทกุมฺโภปีติ เทเว วสฺสนฺเต มุขํ วิวริตฺวา ปิตํ ยํ กิฺจิ กุลาลภาชนํ ยถา ตํ เอเกกสฺสาปิ อุทกพินฺทุโน นิปาเตน อนุปุพฺเพน ปูรติ, เอวํ พาลปุคฺคโล โถกํ โถกมฺปิ ปาปํ อาจินนฺโต กโรนฺโต วฑฺเฒนฺโต ปาปสฺส ปูรติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. สตฺถาปิ ‘‘อชฺโฌกาเส เสยฺยํ สนฺถริตฺวา ปฏิปากติกํ อกโรนฺโต อิมํ นาม อาปตฺติมาปชฺชตี’’ติ (ปาจิ. ๑๐๘-๑๑๐) สิกฺขาปทํ ปฺาเปสีติ.
อสฺตปริกฺขารภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. พิฬาลปาทกเสฏฺิวตฺถุ
มาวมฺเถ ¶ ¶ ปฺุสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พิฬาลปาทกเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สาวตฺถิวาสิโน วคฺคพนฺธเนน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทนฺติ. อเถกทิวสํ สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต เอวมาห –
‘‘อุปาสกา อิเธกจฺโจ อตฺตนาว ทานํ เทติ, ปรํ น สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทํ ลภติ, โน ปริวารสมฺปทํ. เอกจฺโจ อตฺตนา ทานํ น เทติ, ปรํ สมาทเปติ. โส ¶ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปริวารสมฺปทํ ลภติ, โน โภคสมฺปทํ. เอกจฺโจ อตฺตนา จ น เทติ, ปรฺจ น สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เนว โภคสมฺปทํ ลภติ, น ปริวารสมฺปทํ, วิฆาสาโท หุตฺวา วิจรติ. เอกจฺโจ อตฺตนา จ เทติ, ปรฺจ สมาทเปติ. โส นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน โภคสมฺปทฺเจว ลภติ, ปริวารสมฺปทฺจา’’ติ.
อเถโก ปณฺฑิตปุริโส ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘อโห อจฺฉริยมิทํ การณํ, อหํ ทานิ อุภยสมฺปตฺติสํวตฺตนิกํ กมฺมํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุฏฺาย คมนกาเล อาห – ‘‘ภนฺเต, สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. กิตฺตเกหิ ปน เต ภิกฺขูหิ อตฺโถติ? สพฺพภิกฺขูหิ, ภนฺเตติ. สตฺถา อธิวาเสสิ ¶ . โสปิ คามํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, มยา สฺวาตนาย พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ นิมนฺติโต, โย ยตฺตกานํ ภิกฺขูนํ สกฺโกติ, โส ตตฺตกานํ ยาคุอาทีนํ อตฺถาย ตณฺฑุลาทีนิ เทตุ, เอกสฺมึ าเน ปจาเปตฺวา ทานํ ทสฺสามา’’ติ อุคฺโฆเสนฺโต วิจริ.
อถ นํ เอโก เสฏฺิ อตฺตโน อาปณทฺวารํ สมฺปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อตฺตโน ปโหนเก ภิกฺขู อนิมนฺเตตฺวา ปน สกลคามํ สมาทเปนฺโต วิจรตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตยา คหิตภาชนํ อาหรา’’ติ ตีหิ องฺคุลีหิ คเหตฺวา โถเก ตณฺฑุเล อทาสิ, ตถา มุคฺเค, ตถา มาเสติ. โส ตโต ปฏฺาย พิฬาลปาทกเสฏฺิ นาม ชาโต, สปฺปิผาณิตาทีนิ เทนฺโตปิ กรณฺฑํ กุเฏ ปกฺขิปิตฺวา เอกโต โกณํ กตฺวา พินฺทุํ พินฺทุํ ปคฺฆรายนฺโต โถกโถกเมว อทาสิ. อุปาสโก อวเสเสหิ ทินฺนํ เอกโต กตฺวา อิมินา ทินฺนํ วิสุํเยว อคฺคเหสิ. โส เสฏฺิ ตสฺส กิริยํ ¶ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอส มยา ทินฺนํ วิสุํ คณฺหาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต เอกํ จูฬุปฏฺากํ ปหิณิ ‘‘คจฺฉ, ยํ เอส กโรติ, ตํ ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ‘‘เสฏฺิสฺส มหปฺผลํ โหตู’’ติ ยาคุภตฺตปูวานํ อตฺถาย เอกํ ทฺเว ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา มุคฺคมาเสปิ เตลผาณิตาทิพินฺทูนิปิ สพฺพภาชเนสุ ปกฺขิปิ. จูฬุปฏฺาโก คนฺตฺวา เสฏฺิสฺส อาโรเจสิ ¶ . ตํ สุตฺวา เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เม โส ปริสมชฺเฌ อวณฺณํ ภาสิสฺสติ, มม นาเม คหิตมตฺเตเยว นํ ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ นิวาสนนฺตเร ฉุริกํ พนฺธิตฺวา ปุนทิวเส คนฺตฺวา ภตฺตคฺเค อฏฺาสิ. โส ปุริโส พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา ¶ ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา มหาชนํ สมาทเปตฺวา อิมํ ทานํ ทินฺนํ, ตตฺถ สมาทปิตมนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน พเลน พหูนิปิ โถกานิปิ ตณฺฑุลาทีนิ อทํสุ, เตสํ สพฺเพสํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ. ตํ สุตฺวา โส เสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ‘อสุเกน นาม อจฺฉราย คณฺหิตฺวา ตณฺฑุลาทีนิ ทินฺนานีติ มม นาเม คหิตมตฺเต อิมํ มาเรสฺสามี’ติ อาคโต, อยํ ปน สพฺพสงฺคาหิกํ กตฺวา ‘เยหิปิ นาฬิอาทีหิ มินิตฺวา ทินฺนํ, เยหิปิ อจฺฉราย คเหตฺวา ทินฺนํ, สพฺเพสํ มหปฺผลํ โหตู’ติ วทติ. สจาหํ เอวรูปํ น ขมาเปสฺสามิ, เทวทณฺโฑ มม มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ. โส ตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, สามี’’ติ อาห. ‘‘กึ อิท’’นฺติ จ เตน วุตฺเต สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตํ กิริยํ ทิสฺวา สตฺถา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ทานเวยฺยาวฏิกํ ปุจฺฉิ. โส อตีตทิวสโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอวํ กิร เสฏฺี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อุปาสก, ปฺุํ นาม ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ, มาทิสสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ¶ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ‘อปฺปก’นฺติ น อวมฺิตพฺพํ. ปณฺฑิตมนุสฺสา หิ ปฺุํ กโรนฺตา วิวฏภาชนํ วิย อุทเกน อนุกฺกเมน ปฺุเน ปูรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มาวมฺเถ ปฺุสฺส, น มนฺทํ อาคมิสฺสติ;
อุทพินฺทุนิปาเตน, อุทกุมฺโภปิ ปูรติ;
ธีโร ปูรติ ปฺุสฺส, โถกํ โถกมฺปิ อาจิน’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ปณฺฑิตมนุสฺโส ปฺุํ กตฺวา ‘‘อปฺปกมตฺตํ มยา กตํ, น มนฺทํ วิปากวเสน อาคมิสฺสติ, เอวํ ปริตฺตกํ กมฺมํ กหํ มํ ทกฺขิสฺสติ, อหํ วา ตํ กหํ ทกฺขิสฺสามิ, กทา เอตํ วิปจฺจิสฺสตี’’ติ เอวํ ปฺุํ มาวมฺเถ น อวชาเนยฺย. ยถา หิ นิรนฺตรํ อุทพินฺทุนิปาเตน วิวริตฺวา ปิตํ กุลาลภาชนํ ปูรติ, เอวํ ธีโร ปณฺฑิตปุริโส โถกํ โถกมฺปิ ปฺุํ อาจินนฺโต ปฺุสฺส ปูรตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ โส เสฏฺิ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
พิฬาลปาทกเสฏฺิวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. มหาธนวาณิชวตฺถุ
วาณิโชวาติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาธนวาณิชํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส กิร วาณิชสฺส เคเห ปฺจสตา โจรา โอตารํ คเวสมานา โอตารํ น ลภึสุ. อปเรน สมเยน วาณิโช ปฺจ สกฏสตานิ ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ – ‘‘อหํ อสุกฏฺานํ นาม วาณิชฺชตฺถาย คจฺฉามิ, เย, อยฺยา, ตํ านํ คนฺตุกามา, เต นิกฺขมนฺตุ, มคฺเค ภิกฺขาย น กิลมิสฺสนฺตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ปฺจสตา ภิกฺขู เตน สทฺธึ มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. เตปิ โจรา ‘‘โส กิร วาณิโช นิกฺขนฺโต’’ติ คนฺตฺวา อฏวิยํ อฏฺํสุ. วาณิโชปิ คนฺตฺวา อฏวิมุเข เอกสฺมึ คาเม วาสํ กตฺวา ทฺเว ตโยปิ ทิวเส โคณสกฏาทีนิ สํวิทหิ, เตสํ ปน ภิกฺขูนํ นิพทฺธํ ภิกฺขํ เทติเยว. โจรา ตสฺมึ อติจิรายนฺเต ‘‘คจฺฉ, ตสฺส นิกฺขมนทิวสํ ตฺวา เอหี’’ติ เอกํ ปุริสํ ปหิณึสุ. โส ตํ คามํ คนฺตฺวา เอกํ สหายกํ ปุจฺฉิ – ‘‘กทา วาณิโช นิกฺขมิสฺสตี’’ติ. โส ‘‘ทฺวีหตีหจฺจเยนา’’ติ วตฺวา ‘‘กิมตฺถํ ปน ปุจฺฉสี’’ติ อาห. อถสฺส โส ‘‘มยํ ปฺจสตา โจรา เอตสฺสตฺถาย อฏวิยํ ิตา’’ติ อาจิกฺขิ. อิตโร ‘‘เตน หิ คจฺฉ, สีฆํ นิกฺขมิสฺสตี’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา, ‘‘กึ ¶ นุ โข โจเร วาเรมิ, อุทาหุ วาณิช’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘กึ เม โจเรหิ, วาณิชํ นิสฺสาย ปฺจสตา ภิกฺขู ชีวนฺติ, วาณิชสฺส สฺํ ทสฺสามี’’ติ โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กทา คมิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตติยทิวเส’’ติ วุตฺเต มยฺหํ วจนํ กโรถ, อฏวิยํ กิร ตุมฺหากํ อตฺถาย ปฺจสตา โจรา ิตา, มา ตาว คมิตฺถาติ. ตฺวํ กถํ ชานาสีติ? เตสํ อนฺตเร มม สหาโย อตฺถิ, ตสฺส เม กถาย าตนฺติ. ‘‘เตน หิ ‘กึ เม เอตฺโต คเตนา’ติ นิวตฺติตฺวา เคหเมว คมิสฺสามี’’ติ อาห. ตสฺมึ จิรายนฺเต ปุน เตหิ โจเรหิ เปสิโต ปุริโส อาคนฺตฺวา ตํ สหายกํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘นิวตฺติตฺวา เคหเมว กิร คมิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา โจรานํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา โจรา ตโต นิกฺขมิตฺวา อิตรสฺมึ มคฺเค อฏฺํสุ, ตสฺมึ จิรยนฺเต ปุนปิ เต โจรา ตสฺส สนฺติกํ ปุริสํ เปเสสุํ. โส เตสํ ตตฺถ ิตภาวํ ตฺวา ปุน วาณิชสฺส อาโรเจสิ. วาณิโช ¶ ‘‘อิธาปิ เม เวกลฺลํ นตฺถิ, เอวํ สนฺเต ¶ เนว เอตฺโต คมิสฺสามิ, น อิโต, อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ ¶ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, โจรา กิร มํ วิลุมฺปิตุกามา มคฺเค ิตา, ‘ปุน นิวตฺติสฺสตี’ติ สุตฺวา อิตรสฺมึ มคฺเค ิตา, อหํ เอตฺโต วา อิโต วา อคนฺตฺวา โถกํ อิเธว ภวิสฺสามิ, ภทนฺตา อิเธว วสิตุกามา วสนฺตุ, คนฺตุกามา อตฺตโน รุจึ กโรนฺตู’’ติ. ภิกฺขู ‘‘เอวํ สนฺเต มยํ นิวตฺติสฺสามา’’ติ วาณิชํ อาปุจฺฉิตฺวา ปุนเทว สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, มหาธนวาณิเชน สทฺธึ น คมิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, มหาธนวาณิชสฺส วิลุมฺปนตฺถาย ทฺวีสุปิ มคฺเคสุ โจรา ปริยุฏฺึสุ, เตน โส ตตฺเถว ิโต, มยํ ปน ตํ อาปุจฺฉิตฺวา อาคตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มหาธนวาณิโช โจรานํ อตฺถิตาย มคฺคํ ปริวชฺชติ, ชีวิตุกาโม วิย ปุริโส หลาหลํ วิสํ ปริวชฺเชติ, ภิกฺขุนาปิ ‘ตโย ภวา โจเรหิ ปริยุฏฺิตมคฺคสทิสา’ติ ตฺวา ปาปํ ปริวชฺเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘วาณิโชว ภยํ มคฺคํ, อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน;
วิสํ ชีวิตุกาโมว, ปาปานิ ปริวชฺชเย’’ติ.
ตตฺถ ภยนฺติ ภายิตพฺพํ, โจเรหิ ปริยุฏฺิตตฺตา สปฺปฏิภยนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา มหาธนวาณิโช ¶ อปฺปสตฺโถ สปฺปฏิภยํ มคฺคํ, ยถา จ ชีวิตุกาโม หลาหลํ วิสํ ปริวชฺเชติ, เอวํ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อปฺปมตฺตกานิปิ ปาปานิ ปริวชฺเชยฺยาติ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
มหาธนวาณิชวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. กุกฺกุฏมิตฺตเนสาทวตฺถุ
ปาณิมฺหิ เจติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต กุกฺกุฏมิตฺตํ นาม เนสาทํ อารพฺภ กเถสิ.
ราชคเห ¶ กิร เอกา เสฏฺิธีตา วยปฺปตฺตา สตฺตภูมิกปาสาทสฺส อุปริ สิริคพฺเภ อารกฺขณตฺถาย ¶ เอกํ ปริจาริกํ ทตฺวา มาตาปิตูหิ วาสิยมานา เอกทิวสํ สายนฺหสมเย วาตปาเนน อนฺตรวีถึ โอโลเกนฺตี ปฺจ ปาสสตานิ ปฺจ สูลสตานิ อาทาย มิเค วธิตฺวา ชีวมานํ เอกํ กุกฺกุฏมิตฺตํ นาม เนสาทํ ปฺจ มิคสตานิ วธิตฺวา เตสํ มํเสน มหาสกฏํ ปูเรตฺวา สกฏธุเร นิสีทิตฺวา มํสวิกฺกิณนตฺถาย นครํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา ปริจาริกาย หตฺเถ ปณฺณาการํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉ, เอตสฺส ปณฺณาการํ ทตฺวา คมนกาลํ ตฺวา เอหี’’ติ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา ตสฺส ปณฺณาการํ ทตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กทา คมิสฺสสี’’ติ? โส ‘‘อชฺช มํสํ วิกฺกิณิตฺวา ปาโตว อสุกทฺวาเรน นาม ¶ นิกฺขมิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ อาห. สา เตน กถิตกถํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ตสฺสา อาโรเจสิ. เสฏฺิธีตา อตฺตนา คเหตพฺพยุตฺตกํ วตฺถาภรณชาตํ สํวิทหิตฺวา ปาโตว มลินวตฺถํ นิวาเสตฺวา กุฏํ อาทาย ทาสีหิ สทฺธึ อุทกติตฺถํ คจฺฉนฺตี วิย นิกฺขมิตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา ตสฺสาคมนํ โอโลเกนฺตี อฏฺาสิ. โสปิ ปาโตว สกฏํ ปาเชนฺโต นิกฺขมิ. สา ตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต ปายาสิ. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘อหํ ตํ ‘อสุกสฺส นาม ธีตา’ติ น ชานามิ, มา มํ อนุพนฺธิ, อมฺมา’’ติ อาห. น มํ ตฺวํ ปกฺโกสสิ, อหํ อตฺตโน ธมฺมตาย อาคจฺฉามิ, ตฺวํ ตุณฺหี หุตฺวา อตฺตโน สกฏํ ปาเชหีติ. โส ปุนปฺปุนํ ตํ นิวาเรติเยว. อถ นํ สา อาห – ‘‘สามิ, สิรี นาม อตฺตโน สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตี นิวาเรตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. โส ตสฺสา นิสฺสํสเยน อาคมนการณํ ตฺวา ตํ สกฏํ อาโรเปตฺวา อคมาสิ. ตสฺสา มาตาปิตโร อิโต จิโต จ ปริเยสาเปตฺวา อปสฺสนฺตา ‘‘มตา ภวิสฺสตี’’ติ มตกภตฺตํ กรึสุ. สาปิ เตน สทฺธึ สํวาสมนฺวาย ปฏิปาฏิยา สตฺต ปุตฺเต วิชายิตฺวา เต วยปฺปตฺเต ฆรพนฺธเนน พนฺธิ.
อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต กุกฺกุฏมิตฺตํ สปุตฺตํ สสุณิสํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ อุปธาเรนฺโต เตสํ ปนฺนรสนฺนมฺปิ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปาโตว ปตฺตจีวรํ อาทาย ตสฺส ปาสฏฺานํ อคมาสิ ¶ . ตํ ทิวสํ ปาเส พทฺโธ เอกมิโคปิ นาโหสิ. สตฺถา ¶ ตสฺส ปาสมูเล ปทวลฺชํ ทสฺเสตฺวา ปุรโต เอกสฺส คุมฺพสฺส เหฏฺา ฉายายํ นิสีทิ. กุกฺกุฏมิตฺโต ปาโตว ธนุํ อาทาย ปาสฏฺานํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ปาเส โอโลกยมาโน ปาเส พทฺธํ เอกมฺปิ มิคํ อทิสฺวา สตฺถุ ปทวลฺชํ อทฺทส. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โก มยฺหํ พทฺธมิเค โมเจนฺโต วิจรตี’’ติ. โส สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา คจฺฉนฺโต คุมฺพมูเล นิสินฺนํ สตฺถารํ ทิสฺวา, ‘‘อิมินา มม มิคา โมจิตา ภวิสฺสนฺติ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ ธนุํ อากฑฺฒิ. สตฺถา ธนุํ อากฑฺฒิตุํ ทตฺวา วิสฺสชฺเชตุํ นาทาสิ. โส สรํ วิสฺสชฺเชตุมฺปิ โอโรเปตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ผาสุกาหิ ภิชฺชนฺตีหิ ¶ วิย มุขโต เขเฬน ปคฺฆรนฺเตน กิลนฺตรูโป อฏฺาสิ. อถสฺส ปุตฺตา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ปิตา โน จิรายติ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ วตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ปิตุ สนฺติก’’นฺติ มาตรา เปสิตา ธนูนิ อาทาย คนฺตฺวา ปิตรํ ตถาิตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โน ปิตุ ปจฺจามิตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ สตฺตปิ ชนา ธนูนิ อากฑฺฒิตฺวา พุทฺธานุภาเวน ยถา เนสํ ปิตา ิโต, ตเถว อฏฺํสุ. อถ เนสํ มาตา ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺตาปิ จิรายนฺตี’’ติ วตฺวา สตฺตหิ สุณิสาหิ สทฺธึ คนฺตฺวา เต ตถาิเต ทิสฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อิเม ธนูนิ อากฑฺฒิตฺวา ิตา’’ติ โอโลเกนฺตี สตฺถารํ ทิสฺวา พาหา ปคฺคยฺห – ‘‘มา เม ปิตรํ นาเสถ, มา เม ปิตรํ นาเสถา’’ติ มหาสทฺทมกาสิ. กุกฺกุฏมิตฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นฏฺโ วตมฺหิ, สสุโร กิร เม เอส, อโห มยา ภาริยํ ¶ กมฺมํ กต’’นฺติ. ปุตฺตาวิสฺส ‘‘อยฺยโก กิร โน เอส, อโห ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ จินฺตยึสุ. กุกฺกุฏมิตฺโต ‘‘อยํ สสุโร เม’’ติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺเปสิ, ปุตฺตาปิสฺส ‘‘อยฺยโก โน’’ติ เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺเปสุํ. อถ เต เนสํ มาตา เสฏฺิธีตา ‘‘ขิปฺปํ ธนูนิ ฉฑฺเฑตฺวา ปิตรํ เม ขมาเปถา’’ติ อาห.
สตฺถา เตสํ มุทุจิตฺตตํ ตฺวา ธนุํ โอตาเรตุํ อทาสิ. เต สพฺเพ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ขมถ โน, ภนฺเต’’ติ ขมาเปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ เนสํ สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. เทสนาวสาเน กุกฺกุฏมิตฺโต สทฺธึ ปุตฺเตหิ เจว สุณิสาหิ จ อตฺตปฺจทสโม โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, กหํ คมิตฺถา’’ติ. กุกฺกุฏมิตฺตสฺส สนฺติกํ ¶ , อานนฺทาติ. ปาณาติปาตกมฺมสฺส โว, ภนฺเต, อการโก กโตติ. อามานนฺท, โส อตฺตปฺจทสโม อจลสทฺธาย ปติฏฺาย ตีสุ รตเนสุ นิกฺกงฺโข หุตฺวา ปาณาติปาตกมฺมสฺส อการโก ชาโตติ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘นนุ, ภนฺเต, ภริยาปิสฺส อตฺถี’’ติ. อาม, ภิกฺขเว, สา กุลเคเห กุมาริกา หุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺตาติ. ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กุกฺกุฏมิตฺตสฺส กิร ภริยา กุมาริกกาเล เอว โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา สตฺต ปุตฺเต ลภิ, สา เอตฺตกํ กาลํ สามิเกน ‘ธนุํ อาหร, สเร อาหร, สตฺตึ อาหร, สูลํ อาหร, ชาลํ อาหรา’ติ วุจฺจมานา ตานิ อทาสิ. โสปิ ตาย ทินฺนานิ อาทาย คนฺตฺวา ปาณาติปาตํ กโรติ, กึ นุ โข โสตาปนฺนาปิ ปาณาติปาตํ กโรนฺตี’’ติ. สตฺถา ¶ อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘น, ภิกฺขเว, โสตาปนฺนา ปาณาติปาตํ กโรนฺติ, สา ปน ‘สามิกสฺส วจนํ กโรมี’ติ ตถา อกาสิ. ‘อิทํ คเหตฺวา เอส คนฺตฺวา ปาณาติปาตํ กโรตู’ติ ตสฺสา จิตฺตํ นตฺถิ. ปาณิตลสฺมิฺหิ วเณ อสติ วิสํ คณฺหนฺตสฺส ตํ วิสํ อนุฑหิตุํ น สกฺโกติ, เอวเมวํ อกุสลเจตนาย อภาเวน ¶ ปาปํ อกโรนฺตสฺส ธนุอาทีนิ นีหริตฺวา ททโตปิ ปาปํ นาม น โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปาณิมฺหิ เจ วโณ นาสฺส, หเรยฺย ปาณินา วิสํ;
นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ, นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต’’ติ.
ตตฺถ นาสฺสาติ น ภเวยฺย. หเรยฺยาติ หริตุํ สกฺกุเณยฺย. กึ การณา? ยสฺมา นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ อวณฺหิ ปาณึ วิสํ อนฺเวตุํ น สกฺโกติ, เอวเมว ธนุอาทีนิ นีหริตฺวา เทนฺตสฺสาปิ อกุสลเจตนาย อภาเวน ปาปํ อกุพฺพโต ปาปํ นาม นตฺถิ, อวณํ ปาณึ วิสํ วิย นาสฺส จิตฺตํ ปาปํ อนุคจฺฉตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อปเรน สมเยน ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘โก นุ โข กุกฺกุฏมิตฺตสฺส สปุตฺตสฺส สสุณิสสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสโย, เกน การเณน เนสาทกุเล นิพฺพตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว ¶ , เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ ¶ วุตฺเต, ภิกฺขเว, อตีเต กสฺสปทสพลสฺส ธาตุเจติยํ สํวิทหนฺตา เอวมาหํสุ – ‘‘กึ นุ โข อิมสฺส เจติยสฺส มตฺติกา ภวิสฺสติ, กึ อุทก’’นฺติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘หริตาลมโนสิลา มตฺติกา ภวิสฺสติ, ติลเตลํ อุทก’’นฺติ. เต หริตาลมโนสิลา โกฏฺเฏตฺวา ติลเตเลน สํสนฺทิตฺวา อิฏฺกาย ฆเฏตฺวา สุวณฺเณน ขจิตฺวา อนฺโต จินึสุ, พหิมุเข ปน เอกคฺฆนสุวณฺณอิฏฺกาว อเหสุํ. เอเกกา สตสหสฺสคฺฆนิกา อโหสิ. เต ยาว ธาตุนิธานา เจติเย นิฏฺิเต จินฺตยึสุ – ‘‘ธาตุนิธานกาเล พหุนา ธเนน อตฺโถ, กํ นุ โข เชฏฺกํ กโรมา’’ติ.
อเถโก คามวาสิโก เสฏฺิ ‘‘อหํ เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ธาตุนิธาเน เอกํ หิรฺโกฏึ ปกฺขิปิ. ตํ ทิสฺวา รฏฺวาสิโน ‘‘อยํ นครเสฏฺิ ธนเมว สํหรติ, เอวรูเป เจติเย เชฏฺโก ภวิตุํ น สกฺโกติ, คามวาสี ปน โกฏิธนํ ปกฺขิปิตฺวา เชฏฺโก ชาโต’’ติ อุชฺฌายึสุ. โส เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อหํ ทฺเว โกฏิโย ทตฺวา เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ทฺเว โกฏิโย อทาสิ. อิตโร ‘‘อหเมว เชฏฺโก ภวิสฺสามี’’ติ ติสฺโส โกฏิโย อทาสิ. เอวํ วฑฺเฒตฺวา วฑฺเฒตฺวา นครวาสี อฏฺ โกฏิโย อทาสิ. คามวาสิโน ปน ¶ เคเห นวโกฏิธนเมว อตฺถิ, นครวาสิโน จตฺตาลีสโกฏิธนํ. ตสฺมา คามวาสี จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ นว โกฏิโย ทสฺสามิ, อยํ ‘ทส ¶ โกฏิโย ทสฺสามี’ติ วกฺขติ, อถ เม นิทฺธนภาโว ปฺายิสฺสตี’’ติ. โส เอวมาห – ‘‘อหํ เอตฺตกฺจ ธนํ ทสฺสามิ, สปุตฺตทาโร จ เจติยสฺส ทาโส ภวิสฺสามี’’ติ สตฺต ปุตฺเต สตฺต สุณิสาโย ภริยฺจ คเหตฺวา อตฺตนา สทฺธึ เจติยสฺส นิยฺยาเทสิ. รฏฺวาสิโน ‘‘ธนํ นาม สกฺกา อุปฺปาเทตุํ, อยํ ปน สปุตฺตทาโร อตฺตานํ นิยฺยาเทสิ, อยเมว เชฏฺโก โหตู’’ติ ตํ เชฏฺกํ กรึสุ. อิติ เต โสฬสปิ ชนา เจติยสฺส ทาสา อเหสุํ. รฏฺวาสิโน ปน เต ภุชิสฺเส อกํสุ. เอวํ สนฺเตปิ เจติยเมว ปฏิชคฺคิตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก วสนฺเตสุ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภริยา ตโต จวิตฺวา ราชคเห ¶ เสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา กุมาริกาว หุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อทิฏฺสจฺจสฺส ปน ปฏิสนฺธิ นาม ภาริยาติ ตสฺสา สามิโก สมฺปริวตฺตมาโน คนฺตฺวา เนสาทกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส สห ทสฺสเนเนว เสฏฺิธีตรํ ปุพฺพสิเนโห อชฺโฌตฺถริ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);
สา ปุพฺพสิเนเหเนว เนสาทกุลํ อคมาสิ. ปุตฺตาปิสฺสา เทวโลกา จวิตฺวา ตสฺสา เอว กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ, สุณิสาโยปิสฺสา ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺตา ¶ เตสํเยว เคหํ อคมํสุ. เอวํ เต สพฺเพปิ ตทา เจติยํ ปฏิชคฺคิตฺวา ตสฺส กมฺมสฺสานุภาเวน โสตาปตฺติผลํ ปตฺตาติ.
กุกฺกุฏมิตฺตเนสาทวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. โกกสุนขลุทฺทกวตฺถุ
โย อปฺปทุฏฺสฺสาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกํ นาม สุนขลุทฺทกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกทิวสํ ปุพฺพณฺหสมเย ธนุํ อาทาย สุนขปริวุโต อรฺํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา กุชฺฌิตฺวา ‘‘กาฬกณฺณิ เม ทิฏฺโ, อชฺช ¶ กิฺจิ น ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกามิ. เถโรปิ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปุน วิหารํ ปายาสิ. อิตโรปิ อรฺเ วิจริตฺวา กิฺจิ อลภิตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺโต ปุน เถรํ ทิสฺวา ‘‘อชฺชาหํ อิมํ กาฬกณฺณึ ทิสฺวา อรฺํ คโต กิฺจิ น ลภึ, อิทานิ เม ปุนปิ อภิมุโข ชาโต, สุนเขหิ นํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ สฺํ ทตฺวา สุนเข วิสฺสชฺเชสิ. เถโรปิ ‘‘มา เอวํ กริ อุปาสกา’’ติ ยาจิ. โส ‘‘อชฺชาหํ ตว สมฺมุขีภูตตฺตา กิฺจิ นาลตฺถํ, ปุนปิ เม สมฺมุขีภาวมาคโตสิ, ขาทาเปสฺสาเมว ต’’นฺติ วตฺวา สุนเข อุยฺโยเชสิ. เถโร เวเคน เอกํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา ปุริสปฺปมาเณ าเน นิสีทิ. สุนขา ¶ รุกฺขํ ¶ ปริวาเรสุํ. ลุทฺทโก คนฺตฺวา ‘‘รุกฺขํ อภิรุหโตปิ เต โมกฺโข นตฺถี’’ติ ตํ สรตุณฺเฑน ปาทตเล วิชฺฌิ. เถโร ‘‘มา เอวํ กโรหี’’ติ ตํ ยาจิเยว. อิตโร ตสฺส ยาจนํ อนาทิยิตฺวา ปุนปฺปุนํ วิชฺฌิเยว. เถโร เอกสฺมึ ปาทตเล วิชฺฌิยมาเน ตํ อุกฺขิปิตฺวา ทุติยํ ปาทํ โอลมฺพิตฺวา ตสฺมึ วิชฺฌิยมาเน ตมฺปิ อุกฺขิปติ, เอวมสฺส โส ยาจนํ อนาทิยิตฺวาว ทฺเวปิ ปาทตลานิ วิชฺฌิเยว. เถรสฺส สรีรํ อุกฺกาหิ อาทิตฺตํ วิย อโหสิ. โส เวทนานุวตฺติโก หุตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ นาสกฺขิ, ปารุตจีวรํ ภสฺสนฺตมฺปิ น สลฺลกฺเขสิ. ตํ ปตมานํ โกกํ สีสโต ปฏฺาย ปริกฺขิปนฺตเมว ปติ. สุนขา ‘‘เถโร ปติโต’’ติ สฺาย จีวรนฺตรํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน สามิกํ ลฺุชิตฺวา ขาทนฺตา อฏฺิมตฺตาวเสสํ กรึสุ. สุนขา จีวรนฺตรโต นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺํสุ.
อถ เนสํ เถโร เอกํ สุกฺขทณฺฑกํ ภฺชิตฺวา ขิปิ. สุนขา เถรํ ทิสฺวา ‘‘สามิโกว อมฺเหหิ ขาทิโต’’ติ ตฺวา อรฺํ ปวิสึสุ. เถโร กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทสิ ‘‘มม จีวรนฺตรํ ปวิสิตฺวา เอส นฏฺโ, อโรคํ นุ โข เม สีล’’นฺติ. โส รุกฺขา โอตริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา – ‘‘ภนฺเต, มม จีวรํ นิสฺสาย ¶ โส อุปาสโก นฏฺโ, กจฺจิ เม อโรคํ สีลํ, อตฺถิ เม สมณภาโว’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อโรคํ เต สีลํ, อตฺถิ เต สมณภาโว, โส อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโต, น เกวลฺจ อิทาเนว, อตีเตปิ อปฺปทุฏฺานํ ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อตีตํ อาหริ –
อตีเต กิเรโก เวชฺโช เวชฺชกมฺมตฺถาย คามํ วิจริตฺวา กิฺจิ กมฺมํ อลภิตฺวา ฉาตชฺฌตฺโต นิกฺขมิตฺวา คามทฺวาเร สมฺพหุเล กุมารเก กีฬนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม สปฺเปน ฑํสาเปตฺวา ติกิจฺฉิตฺวา อาหารํ ลภิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ รุกฺขพิเล สีสํ นิหริตฺวา นิปนฺนํ สปฺปํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘อมฺโภ, กุมารกา เอโส สาฬิกโปตโก, คณฺหถ น’’นฺติ อาห. อเถโก กุมารโก ¶ สปฺปํ คีวายํ ทฬฺหํ คเหตฺวา นีหริตฺวา ตสฺส สปฺปภาวํ ตฺวา วิรวนฺโต อวิทูเร ิตสฺส เวชฺชสฺส มตฺถเก ขิปิ. สปฺโป เวชฺชสฺส ขนฺธฏฺิกํ ปริกฺขิปิตฺวา ทฬฺหํ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ, เอวเมส โกโก สุนขลุทฺทโก ปุพฺเพปิ อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสิตฺวา วินาสํ ปตฺโตเยวาติ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;
ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ อปฺปทุฏฺสฺสาติ อตฺตโน วา สพฺพสตฺตานํ วา อทุฏฺสฺส. นรสฺสาติ สตฺตสฺส. ทุสฺสตีติ อปรชฺฌติ. สุทฺธสฺสาติ นิรปราธสฺเสว. โปสสฺสาติ อิทมฺปิ อปเรนากาเรน สตฺตาธิวจนเมว. อนงฺคณสฺสาติ นิกฺกิเลสสฺส. ปจฺเจตีติ ปติเอติ. ปฏิวาตนฺติ ยถา เอเกน ปุริเสน ปฏิวาเต ิตํ ปหริตุกามตาย ขิตฺโต สุขุโม รโชติ ตเมว ปุริสํ ปจฺเจติ, ตสฺเสว อุปริ ปตติ, เอวเมว โย ปุคฺคโล อปทุฏฺสฺส ปุริสสฺส ปาณิปฺปหราทีนิ ททนฺโต ปทุสฺสติ, ตเมว พาลํ ทิฏฺเว ธมฺเม, สมฺปราเย วา นิรยาทีสุ วิปจฺจมานํ ตํ ปาปํ วิปากทุกฺขวเสน ปจฺเจตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
โกกสุนขลุทฺทกวตฺถุ นวมํ.
๑๐. มณิการกุลูปกติสฺสตฺเถรวตฺถุ
คพฺภเมเกติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มณิการกุลูปกํ ติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เถโร เอกสฺส มณิการสฺส กุเล ทฺวาทส วสฺสานิ ภฺุชิ. ตสฺมึ กุเล ชยมฺปติกา มาตาปิตุฏฺาเน ตฺวา เถรํ ปฏิชคฺคึสุ. อเถกทิวสํ โส มณิกาโร เถรสฺส ปุรโต มํสํ ฉินฺทนฺโต นิสินฺโน โหติ. ตสฺมึ ขเณ ราชา ปเสนทิ โกสโล เอกํ มณิรตนํ ‘‘อิมํ ¶ โธวิตฺวา วิชฺฌิตฺวา ปหิณตู’’ติ เปเสสิ. มณิกาโร สโลหิเตเนว ¶ หตฺเถน ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา เปฬาย อุปริ เปตฺวา ¶ หตฺถโธวนตฺถํ อนฺโต ปาวิสิ. ตสฺมึ ปน เคเห โปสาวนิยโกฺจสกุโณ อตฺถิ. โส โลหิตคนฺเธน มํสสฺาย ตํ มณึ เถรสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว คิลิ. มณิกาโร อาคนฺตฺวา มณึ อปสฺสนฺโต ‘‘มณิ เกน คหิโต’’ติ ภริยฺจ ปุตฺตเก จ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘น คณฺหามา’’ติ วุตฺเต ‘‘เถเรน คหิโต ภวิสฺสตี’’ติ. จินฺเตตฺวา ภริยาย สทฺธึ มนฺเตสิ – ‘‘เถเรน มณิ คหิโต ภวิสฺสตี’’ติ. สา, สามิ, มา เอวํ อวจ, เอตฺตกํ กาลํ มยา เถรสฺส น กิฺจิ วชฺชํ ทิฏฺปุพฺพํ, น โส มณึ คณฺหาตีติ. มณิกาโร เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน มณิรตนํ ตุมฺเหหิ คหิต’’นฺติ. น คณฺหามิ, อุปาสกาติ. ภนฺเต, น อิธ อฺโ อตฺถิ, ตุมฺเหหิเยว คหิโต ภวิสฺสติ, เทถ เม มณิรตนนฺติ. โส ตสฺมึ อสมฺปฏิจฺฉนฺเต ปุน ภริยํ อาห – ‘‘เถเรเนว มณิ คหิโต, ปีเฬตฺวา นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. สา, สามิ, มา โน นาสยิ, วรํ อมฺเหหิ ทาสพฺยํ อุปคนฺตุํ, น จ เถรํ เอวรูปํ วตฺตุนฺติ. โส ‘‘สพฺเพว มยํ ทาสตฺตํ อุปคจฺฉนฺตา มณิมูลํ น อคฺฆามา’’ติ รชฺชุํ คเหตฺวา เถรสฺส สีสํ เวเตฺวา ทณฺเฑน ¶ ฆฏฺเฏสิ. เถรสฺส สีสโต จ กณฺณนาสาหิ จ โลหิตํ ปคฺฆริ, อกฺขีนิ นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ อเหสุํ, โส เวทนาปมตฺโต ภูมิยํ ปติ. โกฺโจ โลหิตคนฺเธนา คนฺตฺวา โลหิตํ ปิวิ. อถ นํ มณิกาโร เถเร อุปฺปนฺนโกธเวเคน ‘‘ตฺวํ กึ กโรสี’’ติ ปาเทน ปหริตฺวา ขิปิ. โส เอกปฺปหาเรเนว มริตฺวา อุตฺตาโน อโหสิ.
เถโร ตํ ทิสฺวา, อุปาสก, สีเส เวนํ ตาว เม สิถิลํ กตฺวา อิมํ โกฺจํ โอโลเกหิ ‘‘มโต วา, โน วา’’ติ. อถ นํ โส อาห – ‘‘เอโส วิย ตฺวมฺปิ มริสฺสสี’’ติ. อุปาสก, อิมินา โส มณิ คิลิโต, สเจ อยํ น อมริสฺสา, น เต อหํ มรนฺโตปิ มณึ อาจิกฺขิสฺสนฺติ. โส ตสฺส อุทรํ ผาเลตฺวา มณึ ทิสฺวา ปเวเธนฺโต สํวิคฺคมานโส เถรสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมถ, เม, ภนฺเต, อชานนฺเตน มยา กต’’นฺติ อาห. อุปาสก, เนว ตุยฺหํ โทโส อตฺถิ, น มยฺหํ, วฏฺฏสฺเสเวส โทโส, ขมามิ เตติ. ภนฺเต, สเจ เม ขมถ, ปกตินิยาเมเนว เม เคเห นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ คณฺหถาติ. ‘‘อุปาสก, น ทานาหํ อิโต ปฏฺาย ปเรสํ ¶ เคหสฺส อนฺโตฉทนํ ปวิสิสฺสามิ, อนฺโตเคหปเวสนสฺเสว หิ ¶ อยํ โทโส, อิโต ปฏฺาย ปาเทสุ อาวหนฺเตสุ เคหทฺวาเร ิโตว ภิกฺขํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ธุตงฺคํ สมาทาย อิมํ คาถมาห –
‘‘ปจฺจติ ¶ มุนิโน ภตฺตํ, โถกํ โถกํ กุเล กุเล;
ปิณฺฑิกาย จริสฺสามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมา’’ติ. (เถรคา. ๒๔๘) –
อิทฺจ ปน วตฺวา เถโร เตเนว พฺยาธินา น จิรสฺเสว ปรินิพฺพายิ. โกฺโจ มณิการสฺส ภริยาย กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. มณิกาโร กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. มณิการสฺส ภริยา เถเร มุทุจิตฺตตาย กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ภิกฺขู สตฺถารํ เตสํ อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ คพฺเภ นิพฺพตฺตนฺติ, เอกจฺเจ ปาปการิโน นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ, เอกจฺเจ กตกลฺยาณา เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, อนาสวา ปน ปรินิพฺพายนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘คพฺภเมเก อุปฺปชฺชนฺติ, นิรยํ ปาปกมฺมิโน;
สคฺคํ สุคติโน ยนฺติ, ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา’’ติ.
ตตฺถ คพฺภนฺติ อิธ มนุสฺสคพฺโภว อธิปฺเปโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มณิการกุลูปกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. ตโยชนวตฺถุ
น ¶ อนฺตลิกฺเขติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตโย ชเน อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถริ กิร เชตวเน วิหรนฺเต สมฺพหุลา ภิกฺขู สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉนฺตา เอกํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. คามวาสิโน เต สมฺปตฺเต อาทาย อาสนสาลาย นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ปิณฺฑปาตเวลํ อาคมยมานา ธมฺมํ สุณนฺตา นิสีทึสุ. ตสฺมึ ขเณ ภตฺตํ ¶ ปจิตฺวา สูปพฺยฺชนํ ธูปยมานาย เอกิสฺสา อิตฺถิยา ภาชนโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา ฉทนํ คณฺหิ. ตโต เอกํ ติณกรฬํ อุฏฺหิตฺวา ชลมานํ อากาสํ ปกฺขนฺทิ. ตสฺมึ ขเณ เอโก กาโก อากาเสน คจฺฉนฺโต ตตฺถ คีวํ ปเวเสตฺวา ติณวลฺลิเวิโต ฌายิตฺวา คามมชฺเฌ ปติ ¶ . ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา ‘‘อโห ภาริยํ กมฺมํ, ปสฺสถาวุโส, กาเกน ปตฺตํ วิปฺปการํ, อิมินา กตกมฺมํ อฺตฺร สตฺถารา โก ชานิสฺสติ, สตฺถารมสฺส กมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมึสุ.
อปเรสมฺปิ ภิกฺขูนํ สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย นาวํ อภิรุยฺห คจฺฉนฺตานํ นาวา สมุทฺเท นิจฺจลา อฏฺาสิ. มนุสฺสา ‘‘กาฬกณฺณินา เอตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ สลากํ วิจาเรสุํ. นาวิกสฺส จ ภริยา ปมวเย ิตา ทสฺสนียา ปาสาทิกา, สลากา ตสฺสา ปาปุณิ. ‘‘สลากํ ปุน วิจาเรถา’’ติ วตฺวา ยาวตติยํ วิจาเรสุํ, ติกฺขตฺตุมฺปิ ตสฺสา ¶ เอว ปาปุณิ. มนุสฺสา ‘‘กึ, สามี’’ติ นาวิกสฺส มุขํ โอโลเกสุํ. นาวิโก ‘‘น สกฺกา เอกิสฺสา อตฺถาย มหาชนํ นาเสตุํ, อุทเก นํ ขิปถา’’ติ อาห. สา คเหตฺวา อุทเก ขิปิยมานา มรณภยตชฺชิตา วิรวํ อกาสิ. ตํ สุตฺวา นาวิโก โก อตฺโถ อิมิสฺสา อาภรเณหิ นฏฺเหิ, สพฺพาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา เอกํ ปิโลติกํ นิวาสาเปตฺวา ฉฑฺเฑถ นํ, อหํ ปเนตํ อุทกปิฏฺเ ปฺลวมานํ ทฏฺุํ น สกฺขิสฺสามี ตสฺมา ยถา นํ อหํ น ปสฺสามิ, ตถา เอกํ วาลุกกุฏํ คีวาย พนฺธิตฺวา สมุทฺเท ขิปถาติ. เต ตถา กรึสุ. ตมฺปิ ปติตฏฺาเนเยว มจฺฉกจฺฉปา วิลุมฺปึสุ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘เปตฺวา สตฺถารํ โก อฺโ เอติสฺสา อิตฺถิยา กตกมฺมํ ชานิสฺสติ, สตฺถารํ ตสฺสา กมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ อิจฺฉิตฏฺานํ ปตฺวา นาวาโต โอรุยฺห ปกฺกมึสุ.
อปเรปิ สตฺต ภิกฺขู สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย คจฺฉนฺตา สายํ เอกํ วิหารํ ปวิสิตฺวา วสนฏฺานํ ปุจฺฉึสุ. เอกสฺมิฺจ เลเณ สตฺต มฺจา โหนฺติ. เตสํ ตเทว ลภิตฺวา ตตฺถ นิปนฺนานํ รตฺติภาเค กูฏาคารมตฺโต ปาสาโณ ปวฏฺฏมาโน อาคนฺตฺวา เลณทฺวารํ ปิทหิ. เนวาสิกา ภิกฺขู ‘‘มยํ อิมํ เลณํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ ปาปยิมฺหา, อยฺจ มหาปาสาโณ เลณทฺวารํ ปิทหนฺโต อฏฺาสิ, อปเนสฺสาม ¶ น’’นฺติ สมนฺตา สตฺตหิ คาเมหิ ¶ มนุสฺเส สนฺนิปาเตตฺวา วายมนฺตาปิ านา จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. อนฺโต ปวิฏฺภิกฺขูปิ วายมึสุเยว. เอวํ สนฺเตปิ สตฺตาหํ ปาสาณํ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. อาคนฺตุกา สตฺตาหํ ฉาตชฺฌตฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวึสุ. สตฺตเม ทิวเส ปาสาโณ สยเมว ปวฏฺฏิตฺวา อปคโต. ภิกฺขู นิกฺขมิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อิมํ ปาปํ อฺตฺร สตฺถารา โก ชานิสฺสติ, สตฺถารํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมึสุ. เต ปุริเมหิ สทฺธึ อนฺตรามคฺเค สมาคนฺตฺวา สพฺเพ เอกโตว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา สตฺถารา กตปฏิสนฺถารา อตฺตนา อตฺตนา ทิฏฺานุภูตานิ การณานิ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉึสุ.
สตฺถาปิ ¶ เตสํ ปฏิปาฏิยา เอวํ พฺยากาสิ – ‘‘ภิกฺขเว, โส ตาว กาโก อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุโภสิ. อตีตกาเล หิ พาราณสิยํ เอโก กสฺสโก อตฺตโน โคณํ ทเมนฺโต ทเมตุํ นาสกฺขิ. โส หิสฺส โคโณ โถกํ คนฺตฺวา นิปชฺชิ, โปเถตฺวา อุฏฺาปิโตปิ โถกํ คนฺตฺวา ปุนปิ ตเถว นิปชฺชิ. โส วายมิตฺวา ตํ ทเมตุํ อสกฺโกนฺโต โกธาภิภูโต หุตฺวา ‘อิโต ¶ ทานิ ปฏฺาย สุขํ นิปชฺชิสฺสสี’ติ ปลาลปิณฺฑํ วิย กโรนฺโต ปลาเลน ตสฺส คีวํ ปลิเวเตฺวา อคฺคิมทาสิ, โคโณ ตตฺเถว ฌายิตฺวา มโต. ตทา, ภิกฺขเว, เตน กาเกน ตํ ปาปกมฺมํ กตํ. โส ตสฺส วิปาเกน ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน สตฺตกฺขตฺตุํ กากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา เอวเมว อากาเส ฌายิตฺวาว มโต’’ติ.
สาปิ, ภิกฺขเว, อิตฺถี อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุโภสิ. สา หิ อตีเต พาราณสิยํ เอกสฺส คหปติกสฺส ภริยา อุทกหรณโกฏฺฏนปจนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ สหตฺเถเนว อกาสิ. ตสฺสา เอโก สุนโข ตํ เคเห สพฺพกิจฺจานิ กุรุมานํ โอโลเกนฺโตว นิสีทติ. เขตฺเต ภตฺตํ หรนฺติยา ทารุปณฺณาทีนํ วา อตฺถาย อรฺํ คจฺฉนฺติยา ตาย สทฺธึเยว คจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา ทหรมนุสฺสา ‘‘อมฺโภ นิกฺขนฺโต สุนขลุทฺทโก, อชฺช มยํ มํเสน ภฺุชิสฺสามา’’ติ อุปฺปณฺเฑนฺติ. สา เตสํ กถาย มงฺกุ หุตฺวา สุนขํ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหริตฺวา ปลาเปติ, สุนโข นิวตฺติตฺวา ปุน อนุพนฺธติ. โส กิรสฺสา ตติเย อตฺตภาเว ภตฺตา อโหสิ, ตสฺมา สิเนหํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกติ. กิฺจาปิ หิ อนมตคฺเค สํสาเร ชายา วา ปติ วา อภูตปุพฺพา นาม นตฺถิ, อวิทูเร ปน อตฺตภาเว าตเกสุ อธิมตฺโต สิเนโห ¶ โหติ, ตสฺมา ¶ โส สุนโข ตํ วิชหิตุํ น สกฺโกติ. สา ตสฺส กุชฺฌิตฺวา เขตฺตํ สามิกสฺส ยาคุํ หรมานา รชฺชุํ อุจฺฉงฺเค เปตฺวา อคมาสิ, สุนโข ตาเยว สทฺธึ คโต. สา สามิกสฺส ยาคุํ ทตฺวา ตุจฺฉกุฏํ อาทาย เอกํ อุทกฏฺานํ คนฺตฺวา กุฏํ วาลุกาย ปูเรตฺวา สมีเป โอโลเกตฺวา ิตสฺส สุนขสฺส สทฺทมกาสิ. สุนโข ‘‘จิรสฺสํ วต เม อชฺช มธุรกถา ลทฺธา’’ติ นงฺคุฏฺํ จาเลนฺโต ตํ อุปสงฺกมิ. สา ตํ คีวายํ ทฬฺหํ คเหตฺวา เอกาย รชฺชุโกฏิยา กุฏํ พนฺธิตฺวา เอกํ รชฺชุโกฏึ สุนขสฺส คีวายํ พนฺธิตฺวา กุฏํ อุทกาภิมุขํ ปวฏฺเฏสิ. สุนโข กุฏํ อนุพนฺธนฺโต อุทเก ปติตฺวา ตตฺเถว กาลมกาสิ. สา ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต วาลุกกุฏํ คีวายํ พนฺธิตฺวา อุทเก ปกฺขิตฺตา กาลมกาสีติ.
ตุมฺเหหิปิ, ภิกฺขเว, อตฺตนา กตกมฺมเมว อนุภูตํ. อตีตสฺมิฺหิ พาราณสิวาสิโน สตฺต โคปาลกทารกา เอกสฺมึ อฏวิปเทเส สตฺตาหวาเรน คาวิโย วิจรนฺตา เอกทิวสํ คาวิโย ¶ วิจาเรตฺวา อาคจฺฉนฺตา เอกํ มหาโคธํ ทิสฺวา อนุพนฺธึสุ. โคธา ปลายิตฺวา เอกํ วมฺมิกํ ปาวิสิ. ตสฺส ปน วมฺมิกสฺส สตฺต ฉิทฺทานิ, ทารกา ‘‘มยํ ทานิ คเหตุํ น สกฺขิสฺสาม, สฺเว อาคนฺตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ เอเกโก เอเกกํ สาขภงฺคมุฏฺึ อาทาย สตฺตปิ ชนา สตฺต ฉิทฺทานิ ปิทหิตฺวา ปกฺกมึสุ ¶ . เต ปุนทิวเส ตํ โคธํ อมนสิกตฺวา อฺสฺมึ ปเทเส คาวิโย วิจาเรตฺวา สตฺตเม ทิวเส คาวิโย อาทาย คจฺฉนฺตา ตํ วมฺมิกํ ทิสฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา ‘‘กา นุ โข ตสฺสา โคธาย ปวตฺตี’’ติ อตฺตนา อตฺตนา ปิทหิตานิ ฉิทฺทานิ วิวรึสุ. โคธา ชีวิเต นิราลยา หุตฺวา อฏฺิจมฺมาวเสสา ปเวธมานา นิกฺขมิ. เต ตํ ทิสฺวา อนุกมฺปํ กตฺวา ‘‘มา นํ มาเรถ, สตฺตาหํ ฉินฺนภตฺตา ชาตา’’ติ ตสฺสา ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘สุเขน คจฺฉาหี’’ติ วิสฺสชฺเชสุํ. เต โคธาย อมาริตตฺตา นิรเย ตาว น ปจฺจึสุ. เต ปน สตฺต ชนา เอกโต หุตฺวา จุทฺทสสุ อตฺตภาเวสุ สตฺต สตฺต ทิวสานิ ฉินฺนภตฺตา อเหสุํ. ตทา, ภิกฺขเว, ตุมฺเหหิ สตฺตหิ โคปาลเกหิ หุตฺวา ตํ กมฺมํ กตนฺติ. เอวํ สตฺถา เตหิ ปุฏฺปุฏฺํ ปฺหํ พฺยากาสิ.
อเถโก ¶ ภิกฺขุ สตฺถารํ อาห – ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ปาปกมฺมํ กตฺวา อากาเส อุปฺปติตสฺสปิ สมุทฺทํ ปกฺขนฺทสฺสาปิ ปพฺพตนฺตรํ ปวิฏฺสฺสาปิ โมกฺโข นตฺถี’’ติ. สตฺถา ‘‘เอวเมตํ, ภิกฺขเว, อากาสาทีสุปิ เอกปเทโสปิ นตฺถิ, ยตฺถ ิโต ปาปกมฺมโต มุจฺเจยฺยา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;
น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิโต มุจฺเจยฺย ปาปกมฺมา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจ หิ โกจิ ‘‘อิมินา อุปาเยน ปาปกมฺมโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ อนฺตลิกฺเข วา นิสีเทยฺย, จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีรํ มหาสมุทฺทํ วา ปวิเสยฺย, ปพฺพตนฺตเร วา นิสีเทยฺย, เนว ปาปกมฺมโต มุจฺเจยฺย. ปุรตฺถิมาทีสุ ชคติปเทเสสุ ปถวีภาเคสุ น โส วาลคฺคมตฺโตปิ โอกาโส อตฺถิ, ยตฺถ ิโต ปาปกมฺมโต มุจฺจิตุํ สกฺกุเณยฺยาติ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, สมฺปตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ตโยชนวตฺถุ เอกาทสมํ.
๑๒. สุปฺปพุทฺธสกฺยวตฺถุ
น ¶ อนฺตลิกฺเขติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต สุปฺปพุทฺธํ สกฺกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ‘‘อยํ มม ธีตรํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขนฺโต จ, มม ปุตฺตํ ปพฺพาเชตฺวา ตสฺส เวริฏฺาเน ิโต จา’’ติ ¶ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา เอกทิวสํ ‘‘น ทานิสฺส นิมนฺตนฏฺานํ คนฺตฺวา ภฺุชิตุํ ทสฺสามี’’ติ คมนมคฺคํ ปิทหิตฺวา อนฺตรวีถิยํ สุรํ ปิวนฺโต นิสีทิ. อถสฺส สตฺถริ ภิกฺขุสงฺฆปริวุเต ตํ านํ อาคเต ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ อาโรเจสุํ ¶ . โส อาห – ‘‘ปุรโต คจฺฉาติ ตสฺส วเทถ, นายํ มยา มหลฺลกตโร, นาสฺส มคฺคํ ทสฺสามี’’ติ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโนปิ ตเถว วตฺวา นิสีทิ. สตฺถา มาตุลสฺส สนฺติกา มคฺคํ อลภิตฺวา ตโต นิวตฺติ. โสปิ เอกํ จรปุริสํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ, ตสฺส กถํ สุตฺวา เอหี’’ติ. สตฺถาปิ นิวตฺตนฺโต สิตํ กตฺวา อานนฺทตฺเถเรน ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, สิตสฺส ปาตุกมฺมสฺส ปจฺจโย’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘ปสฺสสิ, อานนฺท, สุปฺปพุทฺธ’’นฺติ. ปสฺสามิ, ภนฺเตติ. ภาริยํ เตน กมฺมํ กตํ มาทิสสฺส พุทฺธสฺส มคฺคํ อเทนฺเตน, อิโต สตฺตเม ทิวเส เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูเล ปถวึ ปวิสิสฺสตีติ. จรปุริโส ตํ กถํ สุตฺวา สุปฺปพุทฺธสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ มม ภาคิเนยฺเยน นิวตฺตนฺเตน วุตฺต’’นฺติ ปุฏฺโ ยถาสุตํ อาโรเจสิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘น ทานิ มม ภาคิเนยฺยสฺส กถาย โทโส อตฺถิ, อทฺธา ยํ โส วทติ, ตํ ตเถว โหติ. เอวํ สนฺเตปิ นํ อิทานิ ¶ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามิ. โส หิ มํ ‘สตฺตเม ทิวเส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’ติ อนิยเมน อวตฺวา ‘เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูเล ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’’ติ อาห. ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺายาหํ ตํ านํ น คมิสฺสามิ, อถ นํ ตสฺมึ าเน ปถวึ อปวิสิตฺวา มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อตฺตโน อุปโภคชาตํ สพฺพํ สตฺตภูมิกปาสาทสฺส อุปริ อาโรเปตฺวา โสปานํ หราเปตฺวา ทฺวารํ ปิทหาเปตฺวา เอเกกสฺมึ ทฺวาเร ทฺเว ทฺเว มลฺเล เปตฺวา ‘‘สจาหํ ปมาเทน เหฏฺา โอโรหิตุกาโม โหมิ, นิวาเรยฺยาถ ม’’นฺติ วตฺวา สตฺตเม ปาสาทตเล สิริคพฺเภ นิสีทิ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, สุปฺปพุทฺโธ น เกวลํ ปาสาทตเล เวหาสํ อุปฺปติตฺวา อากาเส วา นิสีทตุ, นาวาย วา สมุทฺทํ ปกฺขนฺทตุ, ปพฺพตนฺตรํ วา ปวิสตุ, พุทฺธานํ กถาย ทฺวิธาภาโว นาม นตฺถิ, มยา วุตฺตฏฺาเนเยว โส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;
น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิตํ นปฺปสเหยฺย มจฺจู’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยตฺถ ิตํ นปฺปสเหยฺย, มจฺจูติ ยสฺมึ ปเทเส ิตํ มรณํ นปฺปสเหยฺย นาภิภเวยฺย, เกสคฺคมตฺโตปิ ¶ ปถวิปฺปเทโส นตฺถิ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สตฺตเม ทิวเส สตฺถุ ภิกฺขาจารมคฺคสฺส นิรุทฺธเวลาย เหฏฺาปาสาเท สุปฺปพุทฺธสฺส มงฺคลสฺโส อุทฺทาโม หุตฺวา ตํ ตํ ภิตฺตึ ปหริ. โส อุปริ นิสินฺโนวสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มงฺคลสฺโส อุทฺทาโม’’ติ. โส ปนสฺโส สุปฺปพุทฺธํ ทิสฺวาว สนฺนิสีทติ. อถ นํ โส คณฺหิตุกาโม หุตฺวา นิสินฺนฏฺานา อุฏฺาย ทฺวาราภิมุโข อโหสิ, ทฺวารานิ สยเมว วิวฏานิ, โสปานํ สกฏฺาเนเยว ิตํ. ทฺวาเร ิตา มลฺลา ตํ คีวายํ คเหตฺวา เหฏฺาภิมุขํ ขิปึสุ. เอเตนุปาเยน สตฺตสุปิ ตเลสุ ทฺวารานิ สยเมว วิวฏานิ, โสปานานิ ยถาาเน ิตานิ. ตตฺถ ตตฺถ มลฺลา ตํ คีวายเมว คเหตฺวา เหฏฺาภิมุขํ ขิปึสุ. อถ นํ เหฏฺาปาสาเท โสปานปาทมูลํ สมฺปตฺตเมว มหาปถวี วิวรมานา ภิชฺชิตฺวา สมฺปฏิจฺฉิ, โส คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺตีติ.
สุปฺปพุทฺธสกฺยวตฺถุ ทฺวาทสมํ.
ปาปวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
นวโม วคฺโค.
๑๐. ทณฺฑวคฺโค
๑. ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ
สพฺเพ ¶ ¶ ¶ ตสนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺตรสวคฺคิเยหิ เสนาสเน ปฏิชคฺคิเต ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ‘‘นิกฺขมถ, มยํ มหลฺลกตรา, อมฺหากํ เอตํ ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา เตหิ ‘‘น มยํ ทสฺสาม, อมฺเหหิ ปมํ ปฏิชคฺคิต’’นฺติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ปหรึสุ. สตฺตรสวคฺคิยา มรณภยตชฺชิตา มหาวิรวํ วิรวึสุ. สตฺถา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นามา’’ติ อาโรจิเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิโต ปฏฺาย ภิกฺขุนา นาม เอวํ กตฺตพฺพํ, โย กโรติ, โส อิมํ นาม อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ ปหารทานสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๔๙ อาทโย) ปฺาเปตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ‘ยถา อหํ, ตเถว อฺเปิ ทณฺฑสฺส ตสนฺติ, มจฺจุโน ภายนฺตี’ติ ตฺวา ปโร น ปหริตพฺโพ, น ฆาเตตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน;
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา, น หเนยฺย น ฆาตเย’’ติ.
ตตฺถ ¶ สพฺเพ ตสนฺตีติ สพฺเพปิ สตฺตา อตฺตนิ ทณฺเฑ ปตนฺเต ตสฺส ทณฺฑสฺส ตสนฺติ. มจฺจุโนติ มรณสฺสาปิ ภายนฺติเยว. อิมิสฺสา จ เทสนาย พฺยฺชนํ นิรวเสสํ, อตฺโถ ปน สาวเสโส. ยถา หิ รฺา ‘‘สพฺเพ สนฺนิปตนฺตู’’ติ เภริยา จราปิตายปิ ราชมหามตฺเต เปตฺวา เสสา สนฺนิปตนฺติ, เอวมิธ ‘‘สพฺเพ ตสนฺตี’’ติ วุตฺเตปิ หตฺถาชาเนยฺโย อสฺสาชาเนยฺโย อุสภาชาเนยฺโย ขีณาสโวติ อิเม จตฺตาโร เปตฺวา อวเสสาว ตสนฺตีติ เวทิตพฺพา. อิเมสุ หิ ขีณาสโว สกฺกายทิฏฺิยา ปหีนตฺตา มรณกสตฺตํ อปสฺสนฺโต น ภายติ, อิตเร ตโย สกฺกายทิฏฺิยา ¶ พลวตฺตา อตฺตโน ปฏิปกฺขภูตํ สตฺตํ อปสฺสนฺตา น ภายนฺตีติ. น หเนยฺย น ฆาตเยติ ยถา อหํ ¶ , เอวํ อฺเปิ สตฺตาติ เนว ปรํ ปหเรยฺย น ปหราเปยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.
๒. ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ
สพฺเพ ตสนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เตเยว ¶ เอกสฺมิฺหิ สมเย เตเนว การเณน ปุริมสิกฺขาปเท สตฺตรสวคฺคิเย ปหรึสุ. เตเนว การเณน เตสํ ตลสตฺติกํ อุคฺคิรึสุ. อิธาปิ สตฺถา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิทํ นามา’’ติ อาโรจิเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิโต ปฏฺาย ภิกฺขุนา นาม เอวํ กตฺตพฺพํ, โย กโรติ, โส อิมํ นาม อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ ตลสตฺติกสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๔๕๔ อาทโย) ปฺาเปตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม ‘ยถา อหํ, ตเถว อฺเปิ ทณฺฑสฺส ตสนฺติ, ยถา จ มยฺหํ, ตเถว เนสํ ชีวิตํ ปิย’นฺติ ตฺวา ปโร น ปหริตพฺโพ น ฆาเฏตพฺโพ’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพสํ ชีวิตํ ปิยํ;
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา, น หเนยฺย น ฆาตเย’’ติ.
ตตฺถ สพฺเพสํ ชีวิตํ ปิยนฺติ ขีณาสวํ เปตฺวา เสสสตฺตานํ ชีวิตํ ปิยํ มธุรํ, ขีณาสโว ปน ชีวิเต วา มรเณ วา อุเปกฺขโกว โหติ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ฉพฺพคฺคิยภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. สพฺพหุลกุมารกวตฺถุ
สุขกามานิ ¶ ¶ ภูตานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล กุมารเก อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ¶ สมเย สตฺถา สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต อนฺตรามคฺเค สมฺพหุเล กุมารเก เอกํ ฆรสปฺปชาติกํ อหึ ทณฺฑเกน ปหรนฺเต ทิสฺวา ‘‘กุมารกา กึ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหึ, ภนฺเต, ทณฺฑเกน ปหรามา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ การณา’’ติ ปุน ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฑํสนภเยน, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺเห ‘อตฺตโน สุขํ กริสฺสามา’ติ อิมํ ปหรนฺตา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สุขลาภิโน น ภวิสฺสถ. อตฺตโน สุขํ ปตฺเถนฺเตน หิ ปรํ ปหริตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน วิหึสติ;
อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต สุขํ.
‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน น หึสติ;
อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส ลภเต สุข’’นฺติ.
ตตฺถ โย ทณฺเฑนาติ โย ปุคฺคโล ทณฺเฑน วา เลฑฺฑุอาทีหิ วา วิเหเติ. เปจฺจ โส น ลภเต สุขนฺติ โส ปุคฺคโล ปรโลเก มนุสฺสสุขํ วา ทิพฺพสุขํ วา ปรมตฺถภูตํ วา นิพฺพานสุขํ น ลภติ. ทุติยคาถาย เปจฺจ โส ลภเตติ โส ปุคฺคโล ปรโลเก วุตฺตปฺปการํ ติวิธมฺปิ สุขํ ลภตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ เต กุมารกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.
สมฺพหุลกุมารกวตฺถุ ตติยํ.
๔. โกณฺฑธานตฺเถรวตฺถุ
มาโวจ ¶ ผรุสํ กฺจีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกณฺฑธานตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส ¶ ¶ กิร ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย เอกํ อิตฺถิรูปํ เถเรน สทฺธึเยว วิจรติ. ตํ เถโร น ปสฺสติ, มหาชโน ปน ปสฺสติ. อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย จรโตปิสฺส มนุสฺสา เอกํ ภิกฺขํ ทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อยํ ตุมฺหากํ โหตุ, อยํ ปน ตุมฺหากํ สหายิกายา’’ติ วตฺวา ทุติยมฺปิ ททนฺติ.
กึ ตสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล กิร ทฺเว สหายกา ภิกฺขู เอกมาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตสทิสา อติวิย สมคฺคา อเหสุํ. ทีฆายุกพุทฺธกาเล จ อนุสํวจฺฉรํ วา อนุฉมาสํ วา ภิกฺขู อุโปสถตฺถาย สนฺนิปตนฺติ. ตสฺมา เตปิ ‘‘อุโปสถคฺคํ คมิสฺสามา’’ติ วสนฏฺานา นิกฺขมึสุ. เต เอกา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตเทวตา ทิสฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขู อติวิย สมคฺคา, สกฺกา นุ โข อิเม ภินฺทิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน พาลตาย จินฺติตสมนนฺตรเมว อาคนฺตฺวา เตสุ เอเกน, ‘‘อาวุโส, มุหุตฺตํ อาคเมหิ, สรีรกิจฺเจนมฺหิ อตฺถิโก’’ติ วุตฺเต สา เทวตา เอกํ มนุสฺสิตฺถิวณฺณํ ¶ มาเปตฺวา เถรสฺส คจฺฉนฺตรํ ปวิสิตฺวา นิกฺขมนกาเล เอเกน หตฺเถน เกสกลาปํ, เอเกน นิวาสนํ สณฺาปยมานา ตสฺส ปิฏฺิโต นิกฺขมิ. โส ตํ น ปสฺสติ, ตมาคมยมาโน ปน ปุรโต ิตภิกฺขุ นิวตฺติตฺวา โอโลกยมาโน ตํ ตถา กตฺวา นิกฺขมนฺตํ ปสฺสิ. สา เตน ทิฏฺภาวํ ตฺวา อนฺตรธายิ. อิตโร ตํ ภิกฺขุํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตกาเล อาห – ‘‘อาวุโส, สีลํ เต ภินฺน’’นฺติ. ‘‘นตฺถาวุโส, มยฺหํ เอวรูป’’นฺติ. อิทาเนว เต มยา ปจฺฉโต นิกฺขมมานา ตรุณอิตฺถี อิทํ นาม กโรนฺตี ทิฏฺา, ตฺวํ ‘‘นตฺถิ มยฺหํ เอวรูป’’นฺติ กึ วเทสีติ. โส อสนิยา มตฺถเก อวตฺถโฏ วิย มา มํ, อาวุโส, นาเสหิ, นตฺถิ มยฺหํ เอวรูปนฺติ. อิตโร ‘‘มยา สามํ อกฺขีหิ ทิฏฺํ, กึ ตว สทฺทหิสฺสามี’’ติ ทณฺฑโก วิย ภิชฺชิตฺวา ปกฺกามิ, อุโปสถคฺเคปิ ‘‘นาหํ อิมินา สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสามี’’ติ นิสีทิ. อิตโร ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, สีเล อณุมตฺตมฺปิ กาฬํ นตฺถี’’ติ ภิกฺขูนํ กเถสิ. โสปิ ‘‘มยา สามํ ทิฏฺ’’นฺติ อาห. เทวตา ตํ เตน สทฺธึ อุโปสถํ กาตุํ อนิจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ภาริยํ มยา กมฺมํ กต’’นฺติ จินฺเตตฺวา – ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อยฺยสฺส สีลเภโท นตฺถิ, มยา ปน วีมํสนวเสเนตํ กตํ, กโรถ เตน ¶ สทฺธึ อุโปสถ’’นฺติ อาห. โส ตสฺสา อากาเส ตฺวา กเถนฺติยา สทฺทหิตฺวา อุโปสถํ อกาสิ ¶ , น ปน เถเร ปุพฺเพ วิย มุทุจิตฺโต อโหสิ. เอตฺตกํ เทวตาย ปุพฺพกมฺมํ.
อายุปริโยสาเน ปน เต เถรา ยถาสุขํ เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เทวตา อปีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิมนฺวาย สาสเน ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทํ ลภิ. ตสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ตํ อิตฺถิรูปํ ¶ ตเถว ปฺายิ. เตเนวสฺส โกณฺฑธานตฺเถโรติ นามํ กรึสุ. ตํ ตถาวิจรนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อนาถปิณฺฑิกํ อาหํสุ – ‘‘มหาเสฏฺิ, อิมํ ทุสฺสีลํ ตว วิหารา นีหร. อิมฺหิ นิสฺสาย เสสภิกฺขูนํ อยโส อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ. กึ ปน, ภนฺเต, สตฺถา วิหาเร นตฺถีติ? อตฺถิ อุปาสกาติ. เตน หิ, ภนฺเต, สตฺถาว ชานิสฺสตีติ. ภิกฺขู คนฺตฺวา วิสาขายปิ ตเถว กเถสุํ. สาปิ เนสํ ตเถว ปฏิวจนํ อทาสิ.
ภิกฺขูปิ เตหิ อสมฺปฏิจฺฉิตวจนา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘มหาราช, โกณฺฑธานตฺเถโร เอกํ อิตฺถึ คเหตฺวา วิจรนฺโต สพฺเพสํ อยสํ อุปฺปาเทสิ, ตํ ตุมฺหากํ วิชิตา นีหรถา’’ติ. ‘‘กหํ ปน โส, ภนฺเต’’ติ? ‘‘วิหาเร, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตรสฺมึ เสนาสเน วิหรตี’’ติ? ‘‘อสุกสฺมึ นามา’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, อหํ ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ โส สายนฺหสมเย วิหารํ คนฺตฺวา ตํ เสนาสนํ ปุริเสหิ ปริกฺขิปาเปตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานาภิมุโข อคมาสิ. เถโร มหาสทฺทํ สุตฺวา วิหารา นิกฺขมิตฺวา ปมุเข อฏฺาสิ. ตมฺปิสฺส อิตฺถิรูปํ ¶ ปิฏฺิปสฺเส ิตํ ราชา อทฺทส. เถโร รฺโ อาคมนํ ตฺวา วิหารํ อภิรุหิตฺวา นิสีทิ. ราชา เถรํ น วนฺทิ, ตมฺปิ อิตฺถึ นาทฺทส. โส ทฺวารนฺตเรปิ เหฏฺามฺเจปิ โอโลเกนฺโต อทิสฺวาว เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน เอกํ อิตฺถึ อทฺทสํ, กหํ สา’’ติ? ‘‘น ปสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘อิทานิ มยา ตุมฺหากํ ปิฏฺิปสฺเส ิตา ทิฏฺา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อหํ น ปสฺสามิ’’จฺเจวาห. ราชา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิโต ตาว นิกฺขมถา’’ติ อาห. เถเร นิกฺขมิตฺวา ปมุเข ิเต ปุน สา เถรสฺส ปิฏฺิปสฺเส อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ปุน อุปริตลํ อภิรุหิ, ตสฺส อาคตภาวํ ตฺวา เถโร นิสีทิ. ปุน ราชา ตํ สพฺพฏฺาเนสุ โอโลเกนฺโตปิ อทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, กหํ สา อิตฺถี’’ติ ปุน เถรํ ¶ ปุจฺฉิ. นาหํ ปสฺสามิ มหาราชาติ. ‘‘กึ กเถถ, ภนฺเต, มยา อิทาเนว ตุมฺหากํ ปิฏฺิปสฺเส ิตา ทิฏฺา’’ติ อาห. อาม, มหาราช, มหาชโนปิ ‘‘เม ปจฺฉโต ปจฺฉโต อิตฺถี วิจรตี’’ติ วทติ, อหํ ปน น ปสฺสามีติ ¶ . ราชา ‘‘ปฏิรูปเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ปุน เถรํ, ‘‘ภนฺเต, อิโต ตาว โอตรถา’’ติ วตฺวา เถเร โอตริตฺวา ปมุเข ิเต ปุน ตํ ตสฺส ปิฏฺิปสฺเส ิตํ ทิสฺวา อุปริตลํ อภิรุหิ. ปุน นาทฺทส. โส ปุน เถรํ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘น ปสฺสามิ’’จฺเจว วุตฺเต ‘‘ปฏิรูปกเมเวต’’นฺติ นิฏฺํ คนฺตฺวา เถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต, เอวรูเป สํกิเลเส ตุมฺหากํ ปิฏฺิโต วิจรนฺเต อฺโ โกจิ ตุมฺหากํ ภิกฺขํ น ทสฺสติ, นิพทฺธํ มม เคหํ ปวิสถ, อหเมว จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ เถรํ นิมนฺเตตฺวา ปกฺกามิ.
ภิกฺขู ‘‘ปสฺสถาวุโส, รฺโ ปาปกิริยํ, ‘เอตํ วิหารโต นีหรา’ติ วุตฺเต อาคนฺตฺวา จตูหิ ¶ ปจฺจเยหิ นิมนฺเตตฺวา คโต’’ติ อุชฺฌายึสุ. ตมฺปิ เถรํ อาหํสุ – ‘‘อมฺโภ, ทุสฺสีล, อิทานิสิ ราชโกณฺโฑ ชาโต’’ติ. โสปิ ปุพฺเพ ภิกฺขู กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ตุมฺเห ทุสฺสีลา, ตุมฺเห โกณฺฑา, ตุมฺเห อิตฺถึ คเหตฺวา วิจรถา’’ติ อาห. เต คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, โกณฺฑธานตฺเถโร อมฺเหหิ วุตฺโต อมฺเห ‘ทุสฺสีลา’ติอาทีนิ วตฺวา อกฺโกสตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, เอวํ วเทสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘มยา สทฺธึ กถิตการณา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อิมินา สทฺธึ กสฺมา กเถถา’’ติ. ‘‘อิมสฺส ปจฺฉโต อิตฺถึ วิจรนฺตึ ทิสฺวา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิเม กิร ตยา สทฺธึ อิตฺถึ วิจรนฺตึ ทิสฺวา วทนฺติ, ตฺวํ กสฺมา กเถสิ ¶ , เอเต ตาว ทิสฺวา กเถนฺติ. ตฺวํ อทิสฺวาว อิเมหิ สทฺธึ กสฺมา กเถสิ, นนุ ปุพฺเพ ตเวว ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย อิทํ ชาตํ, อิทานิ กสฺมา ปุน ปาปิกํ ทิฏฺึ คณฺหาสี’’ติ. ภิกฺขู ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อิมินา ปุพฺเพ กต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. อถ เนสํ สตฺถา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อิทํ ปาปกมฺมํ นิสฺสาย ตฺวํ อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต, อิทานิ เต ปุน ตถารูปํ ปาปิกํ ทิฏฺึ คเหตุํ น ยุตฺตํ, มา ปุน ภิกฺขูหิ สทฺธึ กิฺจิ กเถหิ, นิสฺสทฺโท มุขวฏฺฏิยํ ฉินฺนกํสถาลสทิโส โหหิ, เอวํ กโรนฺโต นิพฺพานปฺปตฺโต นาม ภวิสฺสตี’’ติ ¶ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘มาโวจ ผรุสํ กฺจิ, วุตฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตํ;
ทุกฺขา หิ สารมฺภกถา, ปฏิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตํ.
‘‘สเจ เนเรสิ อตฺตานํ, กํโส อุปหโต ยถา;
เอส ปตฺโตสิ นิพฺพานํ, สารมฺโภ เต น วิชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ มาโวจ ผรุสํ กฺจีติ กฺจิ เอกปุคฺคลมฺปิ ผรุสํ มา อวจ. วุตฺตาติ ตยา ปเร ‘‘ทุสฺสีลา’’ติ วุตฺตา, ตมฺปิ ตเถว ปฏิวเทยฺยุํ. สารมฺภกถาติ เอสา กรณุตฺตรา ยุคคฺคาหกถา นาม ทุกฺขา. ปฏิทณฺฑาติ กายทณฺฑาทีหิ ¶ ปรํ ปหรนฺตสฺส ตาทิสา ปฏิทณฺฑา จ ตว มตฺถเก ปเตยฺยุํ. สเจ เนเรสีติ สเจ อตฺตานํ นิจฺจลํ กาตุํ สกฺขิสฺสสิ. กํโส อุปหโต ยถาติ มุขวฏฺฏิยํ ฉินฺทิตฺวา ตลมตฺตํ กตฺวา ปิตกํสถาลํ วิย. ตฺหิ หตฺถปาเทหิ วา ทณฺฑเกน วา ปหฏมฺปิ สทฺทํ น กโรติ, เอส ปตฺโตสีติ สเจ เอวรูโป ภวิตุํ สกฺขิสฺสสิ, อิมํ ปฏิปทํ ปูรยมาโน อิทานิ อปฺปตฺโตปิ เอโส นิพฺพานปฺปตฺโต นาม. สารมฺโภ เต น วิชฺชตีติ เอวํ สนฺเต จ ปน ‘‘ตฺวํ ทุสฺสีโล, ตุมฺเห ทุสฺสีลา’’ติเอวมาทิโก อุตฺตรกรณวาจาลกฺขโณ สารมฺโภปิ เต น วิชฺชติ, น ภวิสฺสติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ, โกณฺฑธานตฺเถโรปิ สตฺถารา ทินฺนโอวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ, น จิรสฺเสว อากาเส อุปฺปติตฺวา ปมํ สลากํ คณฺหีติ.
โกณฺฑธานตฺเถรวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อุโปสถิกอิตฺถีนํ วตฺถุ
ยถา ทณฺเฑนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต วิสาขาทีนํ อุปาสิกานํ อุโปสถกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ ¶ ¶ กิร เอกสฺมึ มหาอุโปสถทิวเส ปฺจสตมตฺตา อิตฺถิโย อุโปสถิกา หุตฺวา วิหารํ อคมึสุ. วิสาขา ตาสุ มหลฺลกิตฺถิโย อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ, ‘‘อมฺมา, กิมตฺถํ อุโปสถิกา ชาตตฺถา’’ติ. ตาหิ ‘‘ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปตฺเถตฺวา’’ติ วุตฺเต มชฺฌิมิตฺถิโย ปุจฺฉิ, ตาหิ ‘‘สปตฺติวาสา มุจฺจนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ตรุณิตฺถิโย ปุจฺฉิ, ตาหิ ‘‘ปมคพฺเภ ปุตฺตปฏิลาภตฺถายา’’ติ วุตฺเต กุมาริกาโย ปุจฺฉิ, ตาหิ ‘‘ตรุณภาเวเยว ปติกุลคมนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ตํ สพฺพมฺปิ ตาสํ กถํ สุตฺวา ตา อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิปาฏิยา อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘วิสาเข อิเมสํ สตฺตานํ ชาติอาทโย นาม ทณฺฑหตฺถกโคปาลกสทิสา, ชาติ ชราย สนฺติกํ, ชรา พฺยาธิโน สนฺติกํ, พฺยาธิ มรณสฺส สนฺติกํ เปเสตฺวา มรณํ กุาริยา ฉินฺทนฺตา วิย ชีวิตํ ฉินฺทติ, เอวํ สนฺเตปิ วิวฏฺฏํ ปตฺเถนฺตา นาม นตฺถิ, วฏฺฏเมว ปน ปตฺเถนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยถา ทณฺเฑน โคปาโล, คาโว ปาเชติ โคจรํ;
เอวํ ชรา จ มจฺจุ จ, อายุํ ปาเชนฺติ ปาณิน’’นฺติ.
ตตฺถ ปาเชตีติ เฉโก โคปาโล เกทารนฺตรํ ปวิสนฺติโย คาโว ทณฺเฑน นิวาเรตฺวา เตเนว โปเถนฺโต สุลภติโณทกํ ¶ โคจรํ เนติ. อายุํ ปาเชนฺตีติ ชีวิตินฺทฺริยํ ฉินฺทนฺติ เขเปนฺติ. โคปาลโก วิย หิ ชรา จ มจฺจุ จ, โคคโณ วิย ชีวิตินฺทฺริยํ, โคจรภูมิ วิย มรณํ. ตตฺถ ชาติ ตาว สตฺตานํ ชีวิตินฺทฺริยํ ชราย สนฺติกํ เปเสสิ, ชรา พฺยาธิโน สนฺติกํ ¶ , พฺยาธิ มรณสฺส สนฺติกํ. ตเมว มรณํ กุาริยา เฉทํ วิย ฉินฺทิตฺวา คจฺฉตีติ อิทเมตฺถ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนํ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อุโปสถิกอิตฺถีนํ วตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อชครเปตวตฺถุ
อถ ¶ ปาปานิ กมฺมานีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชครเปตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ลกฺขณตฺเถเรน สทฺธึ คิชฺฌกูฏโต โอตรนฺโต ทิพฺเพน จกฺขุนา ปฺจวีสติโยชนิกํ อชครเปตํ นาม อทฺทส. ตสฺส สีสโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา ปริยนฺตํ คจฺฉนฺติ, ปริยนฺตโต อุฏฺหิตฺวา สีสํ คจฺฉนฺติ, อุภยโต อุฏฺหิตฺวา มชฺเฌ โอตรนฺติ. เถโร ตํ ทิสฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. ลกฺขณตฺเถเรน สิตการณํ ปุฏฺโ ‘‘อกาโล, อาวุโส, อิมสฺส ปฺหสฺส เวยฺยากรณาย, สตฺถุ สนฺติเก มํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ ¶ วตฺวา ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คตกาเล ลกฺขณตฺเถเรน ปุฏฺโ อาห – ‘‘ตตฺราหํ, อาวุโส, เอกํ เปตํ อทฺทสํ, ตสฺส เอวรูโป นาม อตฺตภาโว, อหํ ตํ ทิสฺวา ‘น วต เม เอวรูโป อตฺตภาโว ทิฏฺปุพฺโพ’ติ สิตํ ปาตฺวากาสิ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘จกฺขุภูตา วต, ภิกฺขเว, สาวกา วิหรนฺตี’’ติอาทีนิ (ปารา. ๒๒๘; สํ. นิ. ๒.๒๐๒) วทนฺโต เถรสฺส กถํ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘มยาปิ เอโส, ภิกฺขเว, เปโต โพธิมณฺเฑเยว ทิฏฺโ, ‘เย จ ปน เม วจนํ น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ ตํ อหิตาย อสฺสา’ติ น กเถสึ, อิทานิ โมคฺคลฺลานํ สกฺขึ ลภิตฺวา กเถมี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ปุฏฺโ พฺยากาสิ –
กสฺสปพุทฺธกาเล กิร สุมงฺคลเสฏฺิ นาม สุวณฺณิฏฺกาหิ ภูมึ สนฺถริตฺวา วีสติอุสภฏฺาเน ตตฺตเกเนว ธเนน วิหารํ กาเรตฺวา ตาวตฺตเกเนว วิหารมหํ กาเรสิ. โส เอกทิวสํ ปาโตว สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต นครทฺวาเร เอกิสฺสา สาลาย กาสาวํ สสีสํ ปารุปิตฺวา กลลมกฺขิเตหิ ปาเทหิ นิปนฺนํ เอกํ โจรํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กลลมกฺขิตปาโท รตฺตึ วิจริตฺวา ทิวา นิปนฺนมนุสฺโส ภวิสฺสตี’’ติ อาห. โจโร มุขํ วิวริตฺวา เสฏฺึ ทิสฺวา ¶ ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพ’’นฺติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา สตฺตกฺขตฺตุํ เขตฺตํ ฌาเปสิ, สตฺตกฺขตฺตุํ วเช คุนฺนํ ปาเท ฉินฺทิ, สตฺตกฺขตฺตุํ เคหํ ฌาเปสิ, โส เอตฺตเกนาปิ โกปํ นิพฺพาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ตสฺส จูฬูปฏฺาเกน สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ กตฺวา ‘‘กึ ¶ ¶ เต เสฏฺิโน ปิย’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘คนฺธกุฏิโต อฺํ ตสฺส ปิยตรํ นตฺถี’’ติ สุตฺวา ‘‘โหตุ, คนฺธกุฏึ ฌาเปตฺวา โกปํ นิพฺพาเปสฺสามี’’ติ สตฺถริ ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ ปานียปริโภชนียฆเฏ ภินฺทิตฺวา คนฺธกุฏิยํ อคฺคึ อทาสิ. เสฏฺิ ‘‘คนฺธกุฏิ กิร ฌายตี’’ติ สุตฺวา อาคจฺฉนฺโต ฌามกาเล อาคนฺตฺวา คนฺธกุฏึ ฌามํ โอโลเกนฺโต วาลคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ อกตฺวา วามพาหุํ สมฺชิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน มหาอปฺโผฏนํ อปฺโผเฏสิ. อถ นํ สมีเป ิตา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กสฺมา, สามิ, เอตฺตกํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา กตคนฺธกุฏิยา ฌามกาเล อปฺโผเฏสี’’ติ? โส อาห – ‘‘เอตฺตกํ เม, ตาตา, อคฺคิอาทีหิ อสาธารเณ พุทฺธสฺส สาสเน ธนํ นิทหิตุํ ลทฺธํ, ‘ปุนปิ เอตฺตกํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา สตฺถุ คนฺธกุฏึ กาตุํ ลภิสฺสามี’ติ ตุฏฺมานโส อปฺโผเฏสิ’’นฺติ. โส ปุน ตตฺตกํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา คนฺธกุฏึ กาเรตฺวา วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส สตฺถุโน ทานํ อทาสิ. ตํ ทิสฺวา โจโร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมํ อมาเรตฺวา มงฺกุกาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, โหตุ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ นิวาสนนฺตเร ฉุริกํ พนฺธิตฺวา สตฺตาหํ วิหาเร วิจรนฺโตปิ โอกาสํ น ลภิ. มหาเสฏฺิปิ สตฺต ทิวสานิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มม เอเกน ปุริเสน สตฺตกฺขตฺตุํ ¶ เขตฺตํ ฌาปิตํ, สตฺตกฺขตฺตุํ วเช คุนฺนํ ปาทา ฉินฺนา, สตฺตกฺขตฺตุํ เคหํ ฌาปิตํ, อิทานิ คนฺธกุฏิปิ เตเนว ฌาปิตา ภวิสฺสติ, อหํ อิมสฺมึ ทาเน ปมํ ปตฺตึ ตสฺส ทมฺมี’’ติ.
ตํ สุตฺวา โจโร ‘‘ภาริยํ วต เม กมฺมํ กตํ, เอวํ อปราธการเก มยิ อิมสฺส โกปมตฺตมฺปิ นตฺถิ, อิมสฺมิมฺปิ ทาเน มยฺหเมว ปมํ ปตฺตึ เทติ, อหํ อิมสฺมึ ทุพฺภามิ, เอวรูปํ เม ปุริสํ อขมาเปนฺตสฺส เทวทณฺโฑปิ เม มตฺถเก ปเตยฺยา’’ติ คนฺตฺวา เสฏฺิสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, สามี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, เอวํ อยุตฺตกํ กมฺมํ มยา กตํ, ตสฺส เม ขมาหี’’ติ อาห. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘ตยา เม อิทฺจิทฺจ กต’’นฺติ สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, มยา กต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘ตฺวํ มยา น ทิฏฺปุพฺโพ, กสฺมา เม กุชฺฌิตฺวา เอวมกาสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส เอกทิวสํ นครา นิกฺขนฺเตน เตน วุตฺตวจนํ สาเรตฺวา ‘‘อิมินา เม การเณน โกโป อุปฺปาทิโต’’ติ อาห. เสฏฺิ อตฺตนา วุตฺตํ สริตฺวา ‘‘อาม, ตาต, วุตฺตํ มยา ¶ , ตํ เม ขมาหี’’ติ โจรํ ขมาเปตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, ตาต, ขมามิ เต, คจฺฉ, ตาตา’’ติ อาห. สเจ เม, สามิ, ขมสิ, สปุตฺตทารํ มํ เคเห ทาสํ กโรหีติ. ตาต, ตฺวํ มยา เอตฺตเก กถิเต เอวรูปํ เฉทนํ อกาสิ, เคเห ¶ วสนฺเตน ปน ¶ สทฺธึ น สกฺกา กิฺจิ กเถตุํ, น เม ตยา เคเห วสนฺเตน กิจฺจํ อตฺถิ, ขมามิ เต, คจฺฉ, ตาตาติ. โจโร ตํ กมฺมํ กตฺวา อายุปริโยสาเน อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺโต ทีฆรตฺตํ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อิทานิ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต ปจฺจตีติ.
เอวํ สตฺถา ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, พาลา นาม ปาปานิ กมฺมานิ กโรนฺตา น พุชฺฌนฺติ, ปจฺฉา ปน อตฺตนา กตกมฺเมหิ ฑยฺหมานา อตฺตนาว อตฺตโน ทาวคฺคิสทิสาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อถ ปาปานิ กมฺมานิ, กรํ พาโล น พุชฺฌติ;
เสหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ, อคฺคิฑฑฺโฒว ตปฺปตี’’ติ.
ตตฺถ อถ ปาปานีติ น เกวลํ พาโล โกธวเสน ปาปานิ กโรติ, กโรนฺโตปิ ปน น พุชฺฌตีติ อตฺโถ. ปาปํ กโรนฺโต จ ‘‘ปาปํ กโรมี’’ติ อพุชฺฌนโก นาม นตฺถิ. ‘‘อิมสฺส กมฺมสฺส เอวรูโป นาม วิปาโก’’ติ อชานนตาย ‘‘น พุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํ. เสหีติ โส เตหิ อตฺตโน สนฺตเกหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ นิปฺปฺโ ปุคฺคโล นิรเย นิพฺพตฺติตฺวา อคฺคิฑฑฺโฒว ตปฺปตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อชครเปตวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ
โย ¶ ทณฺเฑนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ติตฺถิยา สนฺนิปติตฺวา มนฺเตสุํ – ‘‘ชานาถาวุโส, ‘เกน การเณน สมณสฺส โคตมสฺส ลาภสกฺกาโร มหา หุตฺวา นิพฺพตฺโต’ติ ¶ . มยํ น ชานาม, ตุมฺเห ปน ชานาถาติ. อาม, ชานาม, มหาโมคฺคลฺลานํ นาม เอกํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน. โส หิ เทวโลกํ คนฺตฺวา เทวตาหิ กตกมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ กเถติ ‘อิทํ นาม กตฺวา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ¶ ลภนฺตี’ติ. นิรเย นิพฺพตฺตานมฺปิ กมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ กเถติ ‘อิทํ นาม กตฺวา เอวรูปํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตี’ติ. มนุสฺสา ตสฺส กถํ สุตฺวา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ อภิหรนฺติ, สเจ ตํ มาเรตุํ สกฺขิสฺสาม, โส ลาภสกฺกาโร อมฺหากํ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ. เต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา ‘‘ยํกิฺจิ กตฺวา ตํ มาราเปสฺสามา’’ติ อตฺตโน อุปฏฺาเก สมาทเปตฺวา กหาปณสหสฺสํ ลภิตฺวา ปุริสฆาตกมฺมํ กตฺวา จรนฺเต โจเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร นาม กาฬสิลายํ วสติ, ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ มาเรถา’’ติ เตสํ กหาปเณ อทํสุ. โจรา ธนโลเภน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘เถรํ มาเรสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา ตสฺส วสนฏฺานํ ปริวาเรสุํ. เถโร เตหิ ปริกฺขิตฺตภาวํ ตฺวา กฺุจิกจฺฉิทฺเทน นิกฺขมิตฺวา ปกฺกามิ. เต โจรา ตํ ทิวสํ เถรํ อทิสฺวา ปุเนกทิวสํ คนฺตฺวา ปริกฺขิปึสุ. เถโร ¶ ตฺวา กณฺณิกามณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เอวํ เต ปมมาเสปิ มชฺฌิมมาเสปิ เถรํ คเหตุํ นาสกฺขึสุ. ปจฺฉิมมาเส ปน สมฺปตฺเต เถโร อตฺตนา กตกมฺมสฺส อากฑฺฒนภาวํ ตฺวา น อปคจฺฉิ. โจรา คนฺตฺวา เถรํ คเหตฺวา ตณฺฑุลกณมตฺตานิสฺส อฏฺีนิ กโรนฺตา ภินฺทึสุ. อถ นํ ‘‘มโต’’ติ สฺาย เอกสฺมึ คุมฺพปิฏฺเ ขิปิตฺวา ปกฺกมึสุ.
เถโร ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิตฺวาว ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อตฺตภาวํ ฌานเวเนน เวเตฺวา ถิรํ กตฺวา อากาเสน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ปรินิพฺพายิสฺสสิ, โมคฺคลฺลานา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตฺถ คนฺตฺวา’’ติ? ‘‘กาฬสิลาปเทสํ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ, โมคฺคลฺลาน, มยฺหํ ธมฺมํ กเถตฺวา ยาหิ. ตาทิสสฺส หิ เม สาวกสฺส อิทานิ ทสฺสนํ นตฺถีติ. โส ‘‘เอวํ กริสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อากาสํ อุปฺปติตฺวา ปรินิพฺพานทิวเส สาริปุตฺตตฺเถโร วิย นานปฺปการา อิทฺธิโย กตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ¶ กาฬสิลาฏวึ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิ. ‘‘เถรํ กิร โจรา มาเรสุ’’นฺติ อยมฺปิ กถา สกลชมฺพุทีเป ปตฺถริ. ราชา อชาตสตฺตุ โจเร ปริเยสนตฺถาย จรปุริเส ปโยเชสิ. เตสุปิ โจเรสุ สุราปาเน สุรํ ปิวนฺเตสุ เอโก เอกสฺส ปิฏฺึ ปหริตฺวา ปาเตสิ. โส ตํ สนฺเตชฺเชตฺวา ‘‘อมฺโภ ทุพฺพินีต, ตฺวํ กสฺมา เม ปิฏฺึ ปาเตสี’’ติ ¶ อาห. กึ ปน หเร ทุฏฺโจร, ตยา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปมํ ปหโฏติ? กึ ปน มยา ปหฏภาวํ ตฺวํ น ชานาสีติ? อิติ เนสํ ‘‘มยา ปหโฏ, มยา ปหโฏ’’ติ วทนฺตานํ วจนํ สุตฺวา เต จรปุริสา เต สพฺเพ โจเร คเหตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา โจเร ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเหหิ เถโร มาริโต’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกน ตุมฺเห อุยฺโยชิตา’’ติ? ‘‘นคฺคสมณเกหิ, เทวา’’ติ. ราชา ปฺจสเต นคฺคสมณเก คาหาเปตฺวา ปฺจสเตหิ โจเรหิ สทฺธึ ราชงฺคเณ นาภิปฺปมาเณสุ อาวาเฏสุ นิขณาเปตฺวา ปลาเลหิ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา อคฺคึ ทาเปสิ ¶ . อถ เนสํ ฌามภาวํ ตฺวา อยนงฺคเลหิ กสาเปตฺวา สพฺเพ ขณฺฑาขณฺฑิกํ การาเปสิ.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อตฺตโน อนนุรูปเมว มรณํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน อิมสฺเสว อตฺตภาวสฺส อนนุรูปํ มรณํ ปตฺโต, ปุพฺเพ ปน เตน กตสฺส กมฺมสฺส อนุรูปเมว มรณํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘กึ ปนสฺส, ภนฺเต, ปุพฺพกมฺม’’นฺติ ปุฏฺโ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ –
อตีเต ¶ กิร พาราณสิวาสี เอโก กุลปุตฺโต สยเมว โกฏฺฏนปจนาทีนิ กมฺมานิ กโรนฺโต มาตาปิตโร ปฏิชคฺคิ. อถสฺส มาตาปิตโร นํ, ‘‘ตาต, ตฺวํ เอกโกว เคเห จ อรฺเ จ กมฺมํ กโรนฺโต กิลมสิ, เอกํ เต กุมาริกํ อาเนสฺสามา’’ติ วตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, น มยฺหํ เอวรูปายตฺโถ, อหํ ยาว ตุมฺเห ชีวถ, ตาว โว สหตฺถา อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ เตน ปฏิกฺขิตฺตา ปุนปฺปุนํ ตํ ยาจิตฺวา กุมาริกํ อานยึสุ. สา กติปาหเมว เต อุปฏฺหิตฺวา ปจฺฉา เตสํ ทสฺสนมฺปิ อนิจฺฉนฺตี ‘‘น สกฺกา ตว มาตาปิตูหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุ’’นฺติ อุชฺฌายิตฺวา ตสฺมึ ¶ อตฺตโน กถํ อคฺคณฺหนฺเต ตสฺส พหิคตกาเล มกจิวากขณฺฑานิ จ ยาคุเผณฺจ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อากิริตฺวา เตนาคนฺตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุฏฺา อาห – ‘‘อิเมสํ อนฺธมหลฺลกานํ เอตํ กมฺมํ, สพฺพํ เคหํ กิลิฏฺํ กโรนฺตา วิจรนฺติ, น สกฺกา เอเตหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุ’’นฺติ. เอวํ ตาย นํ ปุนปฺปุนํ กถยมานาย เอวรูโปปิ ปูริตปารมี สตฺโต มาตาปิตูหิ สทฺธึ ภิชฺชิ. โส ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิ เนสํ กตฺตพฺพ’’นฺติ เต โภเชตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, อสุกฏฺาเน นาม ตุมฺหากํ ¶ าตกา อาคมนํ ปจฺจาสีสนฺติ, ตตฺถ คมิสฺสามา’’ติ เต ยานกํ อาโรเปตฺวา อาทาย คจฺฉนฺโต อฏวิมชฺฌํ ปตฺตกาเล, ‘‘ตาต, รสฺมิโย คณฺหาถ, คาโว ปโตทสฺาย คมิสฺสนฺติ, อิมสฺมึ าเน โจรา วสนฺติ, อหํ โอตรามี’’ติ ปิตุ หตฺเถ รสฺมิโย ทตฺวา โอตริตฺวา คจฺฉนฺโต สทฺทํ ปริวตฺเตตฺวา โจรานํ อุฏฺิตสทฺทมกาสิ. มาตาปิตโร สทฺทํ สุตฺวา ‘‘โจรา อุฏฺิตา’’ติ สฺาย, ‘‘ตาต, มยํ มหลฺลกา, ตฺวํ อตฺตานเมว รกฺขาหี’’ติ อาหํสุ. โส มาตาปิตโร ตถาวิรวนฺเตปิ โจรสทฺทํ กโรนฺโต โกฏฺเฏตฺวา มาเรตฺวา อฏวิยํ ขิปิตฺวา ปจฺจาคมิ.
สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน เอตฺตกํ กมฺมํ กตฺวา อเนกวสฺสสตสหสฺสานิ ¶ นิรเย ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต เอวเมว โกฏฺเฏตฺวา สํจุณฺณิโต มรณํ ปตฺโต. เอวํ โมคฺคลฺลาเนน อตฺตโน กมฺมานุรูปเมว มรณํ ลทฺธํ, ปฺจหิ โจรสเตหิ สทฺธึ ลภึสุ. อปฺปทุฏฺเสุ หิ ปทุสฺสนฺโต ทสหิ การเณหิ อนยพฺยสนํ ปาปุณาติเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘โย ¶ ทณฺเฑน อทณฺเฑสุ, อปฺปทุฏฺเสุ ทุสฺสติ;
ทสนฺนมฺตรํ านํ, ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ.
‘‘เวทนํ ผรุสํ ชานึ, สรีรสฺส ว เภทนํ;
ครุกํ วาปิ อาพาธํ, จิตฺตกฺเขปํ ว ปาปุเณ.
‘‘ราชโต ¶ วา อุปสคฺคํ, อพฺภกฺขานํ ว ทารุณํ;
ปริกฺขยํ ว าตีนํ, โภคานํ ว ปภงฺคุรํ.
‘‘อถ วาสฺส อคารานิ, อคฺคิ ฑหติ ปาวโก;
กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ อทณฺเฑสูติ กายทณฺฑาทิรหิเตสุ ขีณาสเวสุ. อปฺปทุฏฺเสูติ ปเรสุ วา อตฺตนิ วา นิรปราเธสุ. ทสนฺนมฺตรํ านนฺติ ทสสุ ทุกฺขการเณสุ อฺตรํ การณํ. เวทนนฺติ สีสโรคาทิเภทํ ผรุสํ เวทนํ. ชานินฺติ กิจฺฉาธิคตสฺส ธนสฺส ชานึ. เภทนนฺติ หตฺถจฺเฉทาทิกํ สรีรเภทนํ. ครุกนฺติ ปกฺขหตเอกจกฺขุกปีสปฺปิกุณีภาวกุฏฺโรคาทิเภทํ ครุกาพาธํ วา. จิตฺตกฺเขปนฺติ อุมฺมาทํ. อุปสคฺคนฺติ ยสวิโลปเสนาปติฏฺานาทิอจฺฉินฺทนาทิกํ ราชโต อุปสคฺคํ วา. อพฺภกฺขานนฺติ ¶ อทิฏฺอสุตอจินฺติตปุพฺพํ ‘‘อิทํ สนฺธิจฺเฉทาทิกมฺมํ, อิทํ วา ราชาปราธิตกมฺมํ ตยา กต’’นฺติ เอวรูปํ ทารุณํ อพฺภกฺขานํ วา. ปริกฺขยํ ว าตีนนฺติ อตฺตโน อวสฺสโย ภวิตุํ สมตฺถานํ าตีนํ ปริกฺขยํ วา. ปภงฺคุรนฺติ ปภงฺคุภาวํ ปูติภาวํ. ยํ หิสฺส เคเห ธฺํ, ตํ ปูติภาวํ อาปชฺชติ, สุวณฺณํ องฺคารภาวํ, มุตฺตา กปฺปาสฏฺิภาวํ, กหาปณํ กปาลขณฺฑาทิภาวํ, ทฺวิปทจตุปฺปทา กาณกุณาทิภาวนฺติ อตฺโถ. อคฺคิ ฑหตีติ เอกสํวจฺฉเร ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อฺสฺมึ ฑาหเก อวิชฺชมาเนปิ อสนิอคฺคิ วา ปติตฺวา ฑหติ, อตฺตโนว ธมฺมตาย อุฏฺิโต ปาวโก วา ฑหติเยว. นิรยนฺติ ทิฏฺเว ธมฺเม อิเมสํ ¶ ทสนฺนํ านานํ อฺตรํ ปตฺวาปิ เอกํเสน สมฺปราเย ปตฺตพฺพํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. พหุภณฺฑิกภิกฺขุวตฺถุ
น ¶ นคฺคจริยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พหุภณฺฑิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิวาสี ¶ กิเรโก กุฏุมฺพิโก ภริยาย กาลกตาย ปพฺพชิ. โส ปพฺพชนฺโต อตฺตโน ปริเวณฺจ อคฺคิสาลฺจ ภณฺฑคพฺภฺจ กาเรตฺวา สพฺพมฺปิ ภณฺฑคพฺภํ สปฺปิมธุเตลาทีหิ ปูเรตฺวา ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา จ ปน อตฺตโน ทาเส ปกฺโกสาเปตฺวา ยถารุจิกํ อาหารํ ปจาเปตฺวา ภฺุชติ. พหุภณฺโฑ จ พหุปริกฺขาโร จ อโหสิ. รตฺตึ อฺํ นิวาสนปารุปนํ โหติ, ทิวา อฺํ นิวาสนปารุปนํ โหติ, ทิวา อฺํ วิหารปจฺจนฺเต วสติ. ตสฺเสกทิวสํ จีวรปจฺจตฺถรณานิ สุกฺขาเปนฺตสฺส เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา ‘‘กสฺสิมานิ, อาวุโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มยฺห’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘อาวุโส, ภควตา ติจีวรานิ อนฺุาตานิ, ตฺวฺจ ปน เอวํ อปฺปิจฺฉสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวํ พหุปริกฺขาโร ชาโต’’ติ ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘ภนฺเต ¶ , อยํ ภิกฺขุ อติพหุภณฺโฑ’’ติ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตํ ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต อาห – ‘‘กสฺมา ปน ตฺวํ, ภิกฺขุ, มยา อปฺปิจฺฉตาย ธมฺเม เทสิเต เอวํ พหุภณฺโฑ ชาโต’’ติ. โส ตาวตฺตเกเนว กุปิโต ‘‘อิมินา ทานิ นีหาเรน จริสฺสามี’’ติ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา ปริสมชฺเฌ เอกจีวโร อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อุปตฺถมฺภยมาโน นนุ ตฺวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ หิโรตฺตปฺปคเวสโก ทกรกฺขสกาเลปิ หิโรตฺตปฺปํ คเวสมาโน ทฺวาทส วสฺสานิ วิหาสิ, กสฺมา อิทานิ เอวํ ครุเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปหาย ิโตสีติ. โส สตฺถุ วจนํ สุตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา ตํ จีวรํ ปารุปิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ภิกฺขู ตสฺส อตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา อตีตํ อาหริตฺวา กเถสิ –
อตีเต ¶ กิร พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ โพธิสตฺโต ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส มหึสกุมาโรติ นามํ กรึสุ. ตสฺส กนิฏฺภาตา จนฺทกุมาโร นาม อโหสิ. เตสํ มาตริ กาลกตาย ราชา อฺํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สาปิ ปุตฺตํ วิชายิ, สูริยกุมาโรติสฺส นามํ กรึสุ. ตํ ทิสฺวา ราชา ตุฏฺโ ‘‘ปุตฺตสฺส เต วรํ ทมฺมี’’ติ อาห. สาปิ โข, ‘‘เทว, อิจฺฉิตกาเล คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ปุตฺตสฺส วยปฺปตฺตกาเล ¶ ราชานํ อาห – ‘‘เทเวน มยฺหํ ปุตฺตสฺส ชาตกาเล วโร ทินฺโน, อิทานิ เม ปุตฺตสฺส รชฺชํ เทหี’’ติ ¶ . ราชา ‘‘มม ทฺเว ปุตฺตา อคฺคิกฺขนฺธา วิย ชลนฺตา วิจรนฺติ, น สกฺกา ตสฺส รชฺชํ ทาตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวาปิ ตํ ปุนปฺปุนํ ยาจมานเมว ทิสฺวา ‘‘อยํ เม ปุตฺตานํ อนตฺถมฺปิ กเรยฺยา’’ติ ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาตา, อหํ สูริยกุมารสฺส ชาตกาเล วรํ อทาสึ, อิทานิสฺส มาตา รชฺชํ ยาจติ, อหํ ตสฺส น ทาตุกาโม, ตสฺส มาตา ตุมฺหากํ อนตฺถมฺปิ กเรยฺย, คจฺฉถ ตุมฺเห, อรฺเ วสิตฺวา มมจฺจเยนาคนฺตฺวา รชฺชํ คณฺหถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปาสาทา โอตรนฺเต ราชงฺคเณ กีฬมาโน สูริยกุมาโร ทิสฺวา ตํ การณํ ตฺวา เตหิ สทฺธึ นิกฺขมิ. เตสํ หิมวนฺตํ ปวิฏฺกาเล โพธิสตฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา สูริยกุมารํ อาห – ‘‘ตาต, เอตํ สรํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ อมฺหากมฺปิ ปทุมินิปณฺเณหิ อุทกํ อาหรา’’ติ. โส ปน สโร เวสฺสวณฺณสฺส สนฺติกา เอเกน ทกรกฺขเสน ลทฺโธ โหติ. เวสฺสวณฺโณ จ ตํ อาห – ‘‘เปตฺวา เทวธมฺมชานนเก เย จ อฺเ อิมํ สรํ โอตรนฺติ, เต ขาทิตุํ ลภสี’’ติ. ตโต ปฏฺาย โส ตํ สรํ โอติณฺโณติณฺเณ เทวธมฺเม ปุจฺฉิตฺวา อชานนฺเต ขาทติ, สูริยกุมาโรปิ ¶ ตํ สรํ อวีมํสิตฺวาว โอตริ, เตน จ ‘‘เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘เทวธมฺมา นาม จนฺทิมสูริยา’’ติ อาห. อถ นํ ‘‘ตฺวํ เทวธมฺเม น ชานาสี’’ติ อุทกํ ปเวเสตฺวา อตฺตโน ภวเน เปสิ. โพธิสตฺโตปิ ตํ จิรายนฺตํ ทิสฺวา จนฺทกุมารํ เปเสสิ. โสปิ เตน ‘‘เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘เทวธมฺมา นาม จตสฺโส ทิสา’’ติ อาห. ทกรกฺขโส ตมฺปิ อุทกํ ปเวเสตฺวา ตตฺเถว เปสิ.
โพธิสตฺโต ตสฺมิมฺปิ จิรายนฺเต ‘‘อนฺตราเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ สยํ คนฺตฺวา ทฺวินฺนมฺปิ โอตรณปทํเยว ทิสฺวา ‘‘อยํ สโร รกฺขสปริคฺคหิโต’’ติ ตฺวา ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา ธนุํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. รกฺขโส ตํ อโนตรนฺตํ ทิสฺวา วนกมฺมิกปุริสเวเสนาคนฺตฺวา อาห – ‘‘โภ ปุริส, ตฺวํ มคฺคกิลนฺโต, กสฺมา อิมํ สรํ โอตริตฺวา นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ภิสมุลาลํ ขาทิตฺวา ปุปฺผานิ ปิลนฺธิตฺวา น คจฺฉสี’’ติ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวาว ‘‘เอส โส ยกฺโข’’ติ ตฺวา ‘‘ตยา เม ภาตโร คหิตา’’ติ อาห. อาม, มยา คหิตาติ. กึ การณาติ? อหํ อิมํ สรํ โอติณฺโณติณฺเณ ลภามีติ ¶ . กึ ปน สพฺเพว ลภสีติ? เทวธมฺมชานนเก ¶ เปตฺวา อวเสเส ลภามีติ. อตฺถิ ปน เต เทวธมฺเมหิ อตฺโถติ? อาม, อตฺถีติ. อหํ กเถสฺสามีติ. เตน หิ กเถหีติ. น สกฺกา กิลิฏฺเน คตฺเตน กเถตุนฺติ. ยกฺโข โพธิสตฺตํ ¶ นฺหาเปตฺวา ปานียํ ปาเยตฺวา อลงฺกริตฺวา อลงฺกตมณฺฑปมชฺเฌ ปลฺลงฺกํ อาโรเปตฺวา สยมสฺส ปาทมูเล นิสีทิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘สกฺกจฺจํ สุณาหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา, สุกฺกธมฺมสมาหิตา;
สนฺโต สปฺปุริสา โลเก, เทวธมฺมาติ วุจฺจเร’’ติ. (ชา. ๑.๑.๖);
ยกฺโข อิมํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺโน โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ปณฺฑิต, อหํ เต ปสนฺโน, เอกํ ภาตรํ ทมฺมิ, กตรํ อาเนมี’’ติ? ‘‘กนิฏฺํ อาเนหี’’ติ. ปณฺฑิต, ตฺวํ เกวลํ เทวธมฺเม ชานาสิเยว, น ปน เตสุ วตฺตสีติ. กึ การณาติ? ยสฺมา เชฏฺํ เปตฺวา กนิฏฺํ อาหราเปนฺโต เชฏฺาปจายิกกมฺมํ น กโรสีติ, เทวธมฺเม จาหํ ยกฺข ชานามิ, เตสุ จ วตฺตามิ. มยฺหิ เอตํ นิสฺสาย อิมํ อรฺํ ปวิฏฺา. เอตสฺส หิ อตฺถาย อมฺหากํ ปิตรํ เอตสฺส มาตา รชฺชํ ยาจิ, อมฺหากํ ปน ปิตา ตํ วรํ อทตฺวา อมฺหากํ อนุรกฺขณตฺถาย อรฺเ วาสํ อนุชานิ, โส กุมาโร อนิวตฺติตฺวา อมฺเหหิ สทฺธึ อาคโต. ‘‘ตํ อรฺเ เอโก ยกฺโข ขาที’’ติ วุตฺเตปิ น โกจิ สทฺทหิสฺสติ. เตนาหํ ครหภยภีโต ตเมวาหราเปมีติ. ยกฺโข โพธิสตฺตสฺส ปสีทิตฺวา ‘‘สาธุ ปณฺฑิต, ตฺวเมว เทวธมฺเม ชานาสิ, เทวธมฺเมสุ จ วตฺตสี’’ติ ทฺเว ภาตโร อาเนตฺวา อทาสิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ยกฺขภาเว อาทีนวํ กเถตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. โส เตน สุสํวิหิตารกฺโข ตสฺมึ อรฺเ วสิตฺวา ปิตริ กาลกเต ยกฺขํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา ¶ รชฺชํ คเหตฺวา จนฺทกุมารสฺส อุปรชฺชํ, สูริยกุมารสฺส เสนาปติฏฺานํ ทตฺวา ยกฺขสฺส รมณีเย าเน อายตนํ การาเปตฺวา ยถา โส ลาภคฺคปฺปตฺโต โหติ, ตถา อกาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา รกฺขโส พหุภณฺฑิกภิกฺขุ อโหสิ, สูริยกุมาโร อานนฺโท, จนฺทกุมาโร สาริปุตฺโต, มหึสกุมาโร ปน อหเมวา’’ติ. เอวํ สตฺถา ชาตกํ กเถตฺวา ‘‘เอวํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปุพฺเพ เทวธมฺเม คเวสมาโน หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺโน วิจริตฺวา อิทานิ จตุปริสมชฺเฌ อิมินา นีหาเรน ตฺวา มม ปุรโต ‘อปฺปิจฺโฉมฺหี’ติ วทนฺโต อยุตฺตํ อกาสิ. น หิ สาฏกปฏิกฺเขปาทิมตฺเตน สมโณ นาม โหตี’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ นคฺคจริยา น ชฏา น ปงฺกา, นานาสกา ถณฺฑิลสายิกา วา;
รโชชลฺลํ อุกฺกุฏิกปฺปธานํ, โสเธนฺติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺข’’นฺติ.
ตตฺถ นานาสกาติ น อนสกา, ภตฺตปฏิกฺเขปกาติ อตฺโถ. ถณฺฑิลสายิกาติ ภูมิสยนา. รโชชลฺลนฺติ กทฺทมเลปนากาเรน สรีเร สนฺนิหิตรโช ¶ . อุกฺกุฏิกปฺปธานนฺติ อุกฺกุฏิกภาเวน อารทฺธวีริยํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย หิ มจฺโจ ‘‘เอวํ อหํ โลกนิสฺสรณสงฺขาตํ สุทฺธึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อิเมสุ นคฺคจริยาทีสุ ยํ กิฺจิ สมาทาย วตฺเตยฺย, โส เกวลํ มิจฺฉาทสฺสนฺเจว วฑฺเฒยฺย, กิลมถสฺส จ ภาคี อสฺส. น หิ เอตานิ สุสมาทินฺนานิปิ อฏฺวตฺถุกาย กงฺขาย อวิติณฺณภาเวน อวิติณฺณกงฺขํ มจฺจํ โสเธนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
พหุภณฺฑิกภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. สนฺตติมหามตฺตวตฺถุ
อลงฺกโต เจปีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สนฺตติมหามตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ เอกสฺมึ กาเล รฺโ ปเสนทิโกสลสฺส ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วูปสเมตฺวา อาคโต. อถสฺส ราชา ตุฏฺโ สตฺต ทิวสานิ รชฺชํ ทตฺวา เอกํ ¶ นจฺจคีตกุสลํ อิตฺถึ อทาสิ. โส สตฺต ทิวสานิ สุรามทมตฺโต หุตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นฺหานติตฺถํ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทฺวารนฺตเร ทิสฺวา หตฺถิกฺขนฺธวรคโตว สีสํ จาเลตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. สตฺถา สิตํ กตฺวา ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, สิตปาตุกรเณ เหตู’’ติ ¶ อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ สิตการณํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘ปสฺสานนฺท, สนฺตติมหามตฺตํ, อชฺช สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโตว มม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺตตาลมตฺเต อากาเส นิสีทิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ. มหาชโน เถเรน สทฺธึ กเถนฺตสฺส สตฺถุ วจนํ อสฺโสสิ. ตตฺถ มิจฺฉาทิฏฺิกา จินฺตยึสุ – ‘‘ปสฺสถ สมณสฺส โคตมสฺส กิริยํ, มุขปฺปตฺตเมว ภาสติ, อชฺช กิร เอส เอวํ สุรามทมตฺโต ยถาลงฺกโตว เอตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อชฺเชว ตํ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิสฺสามา’’ติ. สมฺมาทิฏฺิกา ¶ จินฺเตสุํ – ‘‘อโห พุทฺธานํ มหานุภาวตา, อชฺช พุทฺธลีฬฺเจว สนฺตติมหามตฺตลีฬฺจ ทฏฺุํ ลภิสฺสามา’’ติ.
สนฺตติมหามตฺโตปิ นฺหานติตฺเถ ทิวสภาคํ อุทกกีฬํ กีฬิตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา อาปานภูมิยํ นิสีทิ. สาปิ อิตฺถี รงฺคมชฺฌํ โอตริตฺวา นจฺจคีตํ ทสฺเสตุํ อารภิ. ตสฺสา สรีรลีฬาย ทสฺสนตฺถํ สตฺตาหํ อปฺปาหารตาย ตํ ทิวสํ นจฺจคีตํ ทสฺสยมานาย อนฺโตกุจฺฉิยํ สตฺถกวาตา สมุฏฺาย หทยมํสํ กนฺติตฺวา อคมํสุ. สา ตงฺขณฺเว มุเขน เจว อกฺขีหิ จ วิวเฏหิ กาลมกาสิ. สนฺตติมหามตฺโต ‘‘อุปธาเรถ น’’นฺติ วตฺวา ‘‘นิรุทฺธา, สามี’’ติ จ วุตฺตมตฺเตเยว ¶ พลวโสเกน อภิภูโต ตงฺขณฺเวสฺส สตฺตาหํ ปีตสุรา ตตฺตกปาเล อุทกพินฺทุ วิย ปริกฺขยํ อคมาสิ. โส ‘‘น เม อิมํ โสกํ อฺเ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสนฺติ อฺตฺร ตถาคเตนา’’ติ พลกายปริวุโต สายนฺหสมเย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, ‘เอวรูโป เม โสโก อุปฺปนฺโน, ตํ เม ตุมฺเห นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสถา’ติ อาคโตมฺหิ, ปฏิสรณํ เม โหถา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘โสกํ นิพฺพาเปตุํ สมตฺถสฺเสว สนฺติกํ อาคโตสิ. อิมิสฺสา หิ อิตฺถิยา อิมินาว อากาเรน มตกาเล ¶ ตว โรทนฺตสฺส ปคฺฆริตอสฺสูนิ จตุนฺนํ มหาสมุทฺทานํ อุทกโต อติเรกตรานี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยํ ปุพฺเพ ตํ วิโสเสหิ, ปจฺฉา เต มาหุ กิฺจนํ;
มชฺเฌ เจ โน คเหสฺสสิ, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ. (สุ. นิ. ๙๕๕, ๑๑๐๕; จูฬนิ. ชตุกณฺณิมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖๘);
คาถาปริโยสาเน สนฺตติมหามตฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกนฺโต ตสฺส อปฺปวตฺตนภาวํ ตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ปรินิพฺพานํ เม อนุชานาถา’’ติ. สตฺถา เตน กตกมฺมํ ชานนฺโตปิ ‘‘มุสาวาเทน นิคฺคณฺหนตฺถํ สนฺนิปติตา มิจฺฉาทิฏฺิกา โอกาสํ น ลภิสฺสนฺติ, ‘พุทฺธลีฬฺเจว สนฺตติมหามตฺตลีฬฺจ ปสฺสิสฺสามา’ติ สนฺนิปติตา สมฺมาทิฏฺิกา อิมินา กตกมฺมํ สุตฺวา ปฺุเสุ อาทรํ กริสฺสนฺตี’’ติ ¶ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เตน หิ ตยา กตกมฺมํ มยฺหํ กเถหิ, กเถนฺโต จ ภูมิยํ ิโต อกเถตฺวา สตฺตตาลมตฺเต อากาเส ิโต กเถหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกตาลปฺปมาณํ อุคฺคมฺม โอโรหิตฺวา ปุน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อุคฺคจฺฉนฺโต ปฏิปาฏิยา สตฺตตาลปฺปมาเณ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘‘สุณาถ เม, ภนฺเต, ปุพฺพกมฺม’’นฺติ วตฺวา อาห –
อิโต ¶ เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสีสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล อหํ พนฺธุมตินคเร เอกสฺมึ กุเล นิพฺพตฺติตฺวา จินฺเตสึ – ‘‘กึ นุ โข ปเรสํ เฉทํ วา ปีฬํ วา อกรณกมฺม’’นฺติ อุปธาเรนฺโต ธมฺมโฆสกกมฺมํ ทิสฺวา ตโต ปฏฺาย ตํ กมฺมํ กโรนฺโต มหาชนํ สมาทเปตฺวา ‘‘ปฺุานิ กโรถ, อุโปสถทิวเสสุ อุโปสถํ สมาทิยถ, ทานํ เทถ, ธมฺมํ สุณาถ, พุทฺธรตนาทีหิ สทิสํ อฺํ นาม นตฺถิ, ติณฺณํ รตนานํ สกฺการํ กโรถา’’ติ อุคฺโฆเสนฺโต วิจรามิ. ตสฺส มยฺหํ สทฺทํ สุตฺวา พุทฺธปิตา พนฺธุมติมหาราชา มํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทว, ติณฺณํ รตนานํ คุณํ ปกาเสตฺวา มหาชนํ ปฺุกมฺเมสุ สมาทเปนฺโต วิจรามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กตฺถ นิสินฺโน วิจรสี’’ติ มํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปทสาว, เทวา’’ติ ¶ มยา วุตฺเต, ‘‘ตาต, น ตฺวํ เอวํ วิจริตุํ อรหสิ, อิมํ ปุปฺผทามํ ปิลนฺธิตฺวา อสฺสปิฏฺเ นิสินฺโนว วิจรา’’ติ มยฺหํ มุตฺตาทามสทิสํ ปุปฺผทามํ ทตฺวา ทนฺตํ อสฺสํ อทาสิ. อถ มํ รฺา ทินฺนปริหาเรน ตเถว อุคฺโฆเสตฺวา ¶ วิจรนฺตํ ปุน ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตเทว, เทวา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตาต, อสฺโสปิ เต นานุจฺฉวิโก, อิธ นิสีทิตฺวา วิจรา’’ติ จตุสินฺธวยุตฺตรถํ อทาสิ. ตติยวาเรปิ เม ราชา สทฺทํ สุตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตเทว, เทวา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตาต, รโถปิ เต นานุจฺฉวิโก’’ติ มยฺหํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหาปสาธนฺจ ทตฺวา เอกฺจ หตฺถึ อทาสิ. สฺวาหํ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโต หตฺถิกฺขนฺเธ นิสินฺโน อสีติ วสฺสสหสฺสานิ ธมฺมโฆสกกมฺมํ อกาสึ, ตสฺส เม เอตฺตกํ กาลํ กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ. อิทํ มยา กตกมฺมนฺติ.
เอวํ โส อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา อากาเส นิสินฺโนว เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิ. สรีเร อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา มํสโลหิตํ ฌาเปสิ, สุมนปุปฺผานิ วิย ธาตุโย อวสิสฺสึสุ. สตฺถา สุทฺธวตฺถํ ปสาเรสิ, ธาตุโย ¶ ตตฺถ ปตึสุ. ตา ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา จตุมหาปเถ ถูปํ กาเรสิ ‘‘มหาชโน วนฺทิตฺวา ปฺุภาคี ภวิสฺสตี’’ติ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, สนฺตติมหามตฺโต คาถาวสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโตเยว อากาเส นิสีทิตฺวา ปรินิพฺพุโต, กึ นุ โข เอตํ ‘สมโณ’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ อุทาหุ พฺราหฺมโณ’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺตํ ‘สมโณ’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ, ‘พฺราหฺมโณ’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
อลงฺกโต เจปิ สมํ จเรยฺย,
สนฺโต ทนฺโต นิยโต พฺรหฺมจารี;
สพฺเพสุ ¶ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,
โส พฺราหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกฺขู’’ติ.
ตตฺถ อลงฺกโตติ วตฺถาภรเณหิ ปฏิมณฺฑิโต. ตสฺสตฺโถ – วตฺถาลงฺการาทีหิ อลงฺกโต เจปิ ปุคฺคโล กายาทีหิ สมํ จเรยฺย, ราคาทิวูปสเมน สนฺโต อินฺทฺริยทมเนน ทนฺโต จตุมคฺคนิยเมน นิยโต เสฏฺจริยาย ¶ พฺรหฺมจารี กายทณฺฑาทีนํ โอโรปิตตาย สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ. โส เอวรูโป พาหิตปาปตฺตา ¶ พฺราหฺมโณติปิ สมิตปาปตฺตา สมโณติปิ ภินฺนกิเลสตฺตา ภิกฺขูติปิ วตฺตพฺโพเยวาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สนฺตติมหามตฺตวตฺถุ นวมํ.
๑๐. ปิโลติกติสฺสตฺเถรวตฺถุ
หิรีนิเสโธติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปิโลติกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย อานนฺทตฺเถโร เอกํ ปิโลติกขณฺฑนิวตฺถํ กปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตํ ทารกํ ทิสฺวา ‘‘กึ เต เอวํ วิจริตฺวา ชีวนโต ปพฺพชฺชา น อุตฺตริตรา’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โก มํ ปพฺพาเชสฺสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ ตํ อาทาย คนฺตฺวา สหตฺถา นฺหาเปตฺวา กมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. ตฺจ ปน นิวตฺถปิโลติกขณฺฑํ ปสาเรตฺวา โอโลเกนฺโต ปริสฺสาวนกรณมตฺตมฺปิ คยฺหูปคํ กฺจิ ปเทสํ อทิสฺวา กปาเลน สทฺธึ เอกิสฺสา รุกฺขสาขาย เปสิ. โส ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท พุทฺธานํ อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ ปริภฺุชมาโน มหคฺฆานิ จีวรานิ อจฺฉาเทตฺวา วิจรนฺโต ถูลสรีโร หุตฺวา อุกฺกณฺิตฺวา ‘‘กึ เม ชนสฺส สทฺธาเทยฺยํ นิวาเสตฺวา วิจรเณน, อตฺตโน ปิโลติกเมว นิวาเสสฺสามี’’ติ ตํ านํ คนฺตฺวา ปิโลติกํ คเหตฺวา ‘‘อหิริก ¶ นิลฺลชฺช เอวรูปานํ วตฺถานํ อจฺฉาทนฏฺานํ ปหาย อิมํ ปิโลติกขณฺฑํ นิวาเสตฺวา กปาลหตฺโถ ภิกฺขาย จริตุํ คจฺฉสี’’ติ ตํ อารมฺมณํ กตฺวา อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ, โอวทนฺตสฺเสว ปนสฺส จิตฺตํ สนฺนิสีทิ. โส ตํ ปิโลติกํ ตตฺเถว ปฏิสาเมตฺวา นิวตฺติตฺวา วิหารเมว คโต. โส กติปาหจฺจเยน ปุนปิ อุกฺกณฺิตฺวา ตเถว วตฺวา นิวตฺติ, ปุนปิ ตเถวาติ. ตํ เอวํ อปราปรํ วิจรนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขู ¶ ‘‘กหํ ¶ , อาวุโส, คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉนฺติ. โส ‘‘อาจริยสฺส สนฺติกํ คจฺฉามาวุโส’’ติ วตฺวา เอเตเนว นีหาเรน อตฺตโน ปิโลติกขณฺฑเมว อารมฺมณํ กตฺวา อตฺตานํ นิเสเธตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘กึ, อาวุโส, น ทานิ อาจริยสฺส สนฺติกํ คจฺฉสิ, นนุ อยํ เต วิจรณมคฺโค’’ติ. อาวุโส, อาจริเยน สทฺธึ สํสคฺเค สติ คโตมฺหิ, อิทานิ ปน เม ฉินฺโน สํสคฺโค, เตนสฺส สนฺติกํ น คจฺฉามีติ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, ปิโลติกตฺเถโร อฺํ พฺยากโรตี’’ติ. กิมาห, ภิกฺขเวติ? อิทํ นาม, ภนฺเตติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต สํสคฺเค สติ อาจริยสฺส สนฺติกํ คโต, อิทานิ ปนสฺส สํสคฺโค ฉินฺโน, อตฺตนาว อตฺตานํ นิเสเธตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘หิรีนิเสโธ ปุริโส, โกจิ โลกสฺมึ วิชฺชติ;
โย นิทฺทํ อปโพเธติ, อสฺโส ภทฺโร กสามิว.
‘‘อสฺโส ¶ ยถา ภทฺโร กสานิวิฏฺโ,
อาตาปิโน สํเวคิโน ภวาถ;
สทฺธาย สีเลน จ วีริเยน จ,
สมาธินา ธมฺมวินิจฺฉเยน จ;
สมฺปนฺนวิชฺชาจรณา ปติสฺสตา,
ชหิสฺสถ ทุกฺขมิทํ อนปฺปก’’นฺติ.
ตตฺถ อนฺโต อุปฺปนฺนํ อกุสลวิตกฺกํ หิริยา นิเสเธตีติ หิรีนิเสโธ. โกจิ โลกสฺมินฺติ เอวรูโป ปุคฺคโล ทุลฺลโภ, โกจิเทว โลกสฺมึ วิชฺชติ. โย นิทฺทนฺติ อปฺปมตฺโต สมณธมฺมํ กโรนฺโต อตฺตโน อุปฺปนฺนํ นิทฺทํ อปหรนฺโต พุชฺฌตีติ อปโพเธติ. กสามิวาติ ยถา ภทฺโร อสฺโส อตฺตนิ ปตมานํ กสํ อปหรติ, อตฺตนิ ปติตุํ น เทติ. โย เอวํ นิทฺทํ อปโพเธติ, โส ทุลฺลโภติ อตฺโถ.
ทุติยคาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – ‘‘ภิกฺขเว, ยถา ภทฺโร อสฺโส ปมาทมาคมฺม กสาย นิวิฏฺโ, อหมฺปิ นาม กสาย ปหโฏ’’ติ อปรภาเค อาตปฺปํ กโรติ, เอวํ ตุมฺเหปิ อาตาปิโน สํเวคิโน ภวถ ¶ , เอวํภูตา โลกิยโลกุตฺตราย ทุวิธาย สทฺธาย จ จตุปาริสุทฺธิสีเลน จ กายิกเจตสิกวีริเยน จ อฏฺสมาปตฺติสมาธินา จ การณาการณชานนลกฺขเณน ¶ ธมฺมวินิจฺฉเยน จ สมนฺนาคตา หุตฺวา ติสฺสนฺนํ วา อฏฺนฺนํ วา วิชฺชานํ, ปฺจทสนฺนฺจ จรณานํ สมฺปตฺติยา สมฺปนฺนวิชฺชาจรณา ¶ . อุปฏฺิตสติตาย ปติสฺสตา หุตฺวา อิทํ อนปฺปกํ วฏฺฏทุกฺขํ ปชหิสฺสถาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปิโลติกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. สุขสามเณรวตฺถุ
อุทกฺหิ นยนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุขสามเณรํ อารพฺภ กเถสิ.
อตีตสฺมิฺหิ พาราณสิเสฏฺิโน คนฺธกุมาโร นาม ปุตฺโต อโหสิ. ราชา ตสฺส ปิตริ กาลกเต ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สมสฺสาเสตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน ตสฺเสว เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ. โส ตโต ปฏฺาย คนฺธเสฏฺีติ ปฺายิ. อถสฺส ภณฺฑาคาริโก ธนคพฺภทฺวารํ วิวริตฺวา, ‘‘สามิ, อิทํ เต เอตฺตกํ ปิตุ ธนํ, เอตฺตกํ ปิตามหาทีน’’นฺติ นีหริตฺวา ทสฺเสสิ. โส ตํ ธนราสึ โอโลเกตฺวา อาห – ‘‘กึ ปน เต อิมํ ธนํ คเหตฺวา น คมึสู’’ติ. ‘‘สามิ, ธนํ คเหตฺวา คตา นาม นตฺถิ. อตฺตนา กตํ กุสลากุสลเมว หิ อาทาย สตฺตา คจฺฉนฺตี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘เต พาลตาย ธนํ สณฺาเปตฺวา ปหาย คตา, อหํ ปเนตํ คเหตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตนฺโต ‘‘ทานํ วา ทสฺสามิ, ปูชํ ¶ วา กริสฺสามี’’ติ อจินฺเตตฺวา ‘‘อิทํ สพฺพํ ขาทิตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. โส สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ผลิกมยํ นฺหานโกฏฺกํ กาเรสิ, สตสหสฺสํ ทตฺวา ผลิกมยเมว นฺหานผลกํ, สตสหสฺสํ ทตฺวา นิสีทนปลฺลงฺกํ, สตสหสฺสํ ทตฺวา โภชนปาตึ, สตสหสฺสเมว ทตฺวา โภชนฏฺาเน มณฺฑปํ การาเปสิ, สตสหสฺสํ ทตฺวา โภชนปาติยา อาสิตฺตกูปธานํ กาเรสิ, สตสหสฺเสเนว เคเห ¶ สีหปฺชรํ สณฺาเปสิ, อตฺตโน ปาตราสตฺถาย สหสฺสํ อทาสิ, สายมาสตฺถายปิ สหสฺสเมว. ปุณฺณมทิวเส ปน โภชนตฺถาย สตสหสฺสํ ทาเปสิ, ตํ ภตฺตํ ภฺุชนทิวเส สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา เภรึ จราเปสิ – ‘‘คนฺธเสฏฺิสฺส กิร ภตฺตภฺุชนาการํ โอโลเกนฺตู’’ติ.
มหาชโน ¶ มฺจาติมฺเจ พนฺธิตฺวา สนฺนิปติ. โสปิ สตสหสฺสคฺฆนเก นฺหานโกฏฺเก สตสหสฺสคฺฆนเก ผลเก นิสีทิตฺวา โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหตฺวา ตํ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา ตสฺมึ ปลฺลงฺเก นิสีทิ. อถสฺส ตสฺมึ อาสิตฺตกูปธาเน ตํ ปาตึ เปตฺวา สตสหสฺสคฺฆนกํ โภชนํ วฑฺเฒสุํ. โส นาฏกปริวุโต เอวรูปาย สมฺปตฺติยา ตํ โภชนํ ภฺุชติ. อปเรน สมเยน เอโก คามิกมนุสฺโส อตฺตโน ปริพฺพยาหรณตฺถํ ทารุอาทีนิ ยานเก ปกฺขิปิตฺวา นครํ คนฺตฺวา สหายกสฺส เคเห นิวาสํ คณฺหิ. ตทา ปน ปุณฺณมทิวโส ¶ โหติ. ‘‘คนฺธเสฏฺิโน ภฺุชนลีฬํ โอโลเกนฺตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปสิ. อถ นํ สหายโก อาห – ‘‘สมฺม, คนฺธเสฏฺิโน เต ภฺุชนลีฬํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ. ‘‘น ทิฏฺปุพฺพํ, สมฺมา’’ติ. ‘‘เตน หิ เอหิ, คจฺฉาม, อยํ นคเร เภรี จรติ, เอตสฺส มหาสมฺปตฺตึ ปสฺสามา’’ติ นครวาสี ชนปทวาสึ คเหตฺวา อคมาสิ. มหาชโนปิ มฺจาติมฺเจ อภิรุหิตฺวา ปสฺสติ. คามวาสี ภตฺตคนฺธํ ฆายิตฺวาว นครวาสึ อาห – ‘‘มยฺหํ เอตาย ปาติยา ภตฺตปิณฺเฑ ปิปาสา ชาตา’’ติ. สมฺม, มา เอตํ ปตฺถยิ, น สกฺกา ลทฺธุนฺติ. สมฺม, อลภนฺโต น ชีวิสฺสามีติ. โส ตํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต ปริสปริยนฺเต ตฺวา ‘‘ปณมามิ เต, สามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺทํ นิจฺฉาเรตฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺเต อหํ, สามีติ. ‘‘กิเมต’’นฺติ. ‘‘อยํ เอโก คามวาสี ตุมฺหากํ ปาติยํ ภตฺตปิณฺเฑ ปิปาสํ อุปาเทสิ, เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ ทาเปถา’’ติ. ‘‘น สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ. ‘‘กึ, สมฺม, สุตํ เต’’ติ? ‘‘สุตํ เม, อปิจ ลภนฺโต ชีวิสฺสามิ, อลภนฺตสฺส เม มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส ปุนปิ วิรวิ – ‘‘อยํ กิร, สามิ, อลภนฺโต มริสฺสติ, ชีวิตมสฺส เทถา’’ติ. อมฺโภ ภตฺตปิณฺโฑ นาม สตมฺปิ อคฺฆติ, สตทฺวยมฺปิ อคฺฆติ. โย โย ยาจติ, ตสฺส ตสฺส ททมาโน อหํ ¶ กึ ภฺุชิสฺสามีติ? สามิ, อยํ อลภนฺโต มริสฺสติ, ชีวิตมสฺส เทถาติ. น สกฺกาว มุธา ลทฺธุํ, ยทิ ปน ¶ อลภนฺโต น ชีวติ, ตีณิ สํวจฺฉรานิ มม เคเห ภตึ กโรตุ, เอวมสฺส ภตฺตปาตึ ทาเปสฺสามีติ. คามวาสี ตํ สุตฺวา ‘‘เอวํ โหตุ, สมฺมา’’ติ สหายกํ วตฺวา ปุตฺตทารํ ปหาย ‘‘ภตฺตปาติอตฺถาย ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กริสฺสามี’’ติ เสฏฺิสฺส เคหํ ปาวิสิ. โส ภตึ กโรนฺโต สพฺพกิจฺจานิ สกฺกจฺจํ อกาสิ. เคเห วา อรฺเ วา รตฺตึ วา ทิวา วา สพฺพานิ กตฺตพฺพกมฺมานิ กตาเนว ปฺายึสุ. ‘‘ภตฺตภติโก’’ติ จ วุตฺเต สกลนคเรปิ ปฺายิ. อถสฺส ทิวเส ปริปุณฺเณ ภตฺตเวยฺยาวฏิโก ‘‘ภตฺตภติกสฺส, สามิ, ทิวโส ปุณฺโณ, ทุกฺกรํ เตน กตํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กโรนฺเตน, เอกมฺปิ กมฺมํ น โกปิตปุพฺพ’’นฺติ อาห.
อถสฺส เสฏฺิ อตฺตโน สายปาตราสตฺถาย ทฺเว สหสฺสานิ, ตสฺส ปาตราสตฺถาย สหสฺสนฺติ ตีณิ ¶ สหสฺสานิ ทาเปตฺวา อาห – ‘‘อชฺช มยฺหํ กตฺตพฺพํ ปริหารํ ตสฺเสว กโรถา’’ติ. วตฺวา จ ปน เปตฺวา เอกํ จินฺตามณึ นาม ปิยภริยํ อวเสสชนมฺปิ ‘‘อชฺช ตเมว ปริวาเรถา’’ติ วตฺวา สพฺพสมฺปตฺตึ ตสฺส นิยฺยาเทสิ. โส เสฏฺิโน นฺหาโนทเกน ตสฺเสว โกฏฺเก ตสฺมึ ผลเก นิสินฺโน นฺหตฺวา ตสฺเสว นิวาสนสาฏเก ¶ นิวาเสตฺวา ตสฺเสว ปลฺลงฺเก นิสีทิ. เสฏฺิปิ นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘ภตฺตภติโก คนฺธเสฏฺิสฺส เคเห ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ปาตึ ลภิ, ตสฺส ภฺุชนสมฺปตฺตึ โอโลเกนฺตู’’ติ. มหาชโน มฺจาติมฺเจ อภิรุหิตฺวา ปสฺสติ, คามวาสิสฺส โอโลกิโตโลกิตฏฺานํ กมฺปนาการปฺปตฺตํ อโหสิ. นาฏกา ปริวาเรตฺวา อฏฺสุํ, ตสฺส ปุรโต ภตฺตปาตึ วฑฺเฒตฺวา ปยึสุ. อถสฺส หตฺถโธวนเวลาย คนฺธมาทเน เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ สตฺตเม ทิวเส สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘กตฺถ นุ โข อชฺช ภิกฺขาจารตฺถาย คจฺฉามี’’ติ อุปธาเรนฺโต ภตฺตภติกํ อทฺทส. อถ โส ‘‘อยํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ภตฺตปาตึ ลภิ, อตฺถิ นุ โข เอตสฺส สทฺธา, นตฺถี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อตฺถี’’ติ ตฺวา ‘‘สทฺธาปิ เอกจฺเจ สงฺคหํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, สกฺขิสฺสติ นุ โข เม สงฺคหํ กาตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ เจว มม จ สงฺคหกรณํ นิสฺสาย มหาสมฺปตฺตึ ลภิสฺสตี’’ติ ¶ ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปริสนฺตเรน คนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต ิตเมว อตฺตานํ ทสฺเสสิ.
โส ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปุพฺเพ อทินฺนภาเวน เอกิสฺสา ภตฺตปาติยา อตฺถาย ตีณิ สํวจฺฉรานิ ปรเคเห ภตึ อกาสึ, อิทานิ เม อิทํ ภตฺตํ เอกํ รตฺตินฺทิวํ รกฺเขยฺย, สเจ ปน นํ อยฺยสฺส ทสฺสามิ, อเนกานิปิ กปฺปโกฏิสหสฺสานิ รกฺขิสฺสติ ¶ , อยฺยสฺเสว นํ ทสฺสามี’’ติ. โส ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภตึ กตฺวา ลทฺธภตฺตปาติโต เอกปิณฺฑมฺปิ มุเข อฏฺเปตฺวา ตณฺหํ วิโนเทตฺวา สยเมว ปาตึ อุกฺขิปิตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปาตึ อฺสฺส หตฺเถ ทตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปาตึ วามหตฺเถน คเหตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน ตสฺส ปตฺเต ภตฺตํ อากิริ. ปจฺเจกพุทฺโธ ภตฺตสฺส อุปฑฺฒเสสกาเล ปตฺตํ หตฺเถน ปิทหิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘ภนฺเต, เอโกว ปฏิวิโส น สกฺกา ทฺวิธา กาตุํ, มา มํ อิธโลเกน สงฺคณฺหถ, ปรโลเกน สงฺคหเมว กโรถ, สาวเสสํ อกตฺวา นิรวเสสเมว ทสฺสามี’’ติ. อตฺตโน หิ โถกมฺปิ อนวเสเสตฺวา ทินฺนํ นิรวเสสทานํ นาม, ตํ มหปฺผลํ โหติ. โส ตถา กโรนฺโต สพฺพํ ทตฺวา ปุน วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, เอกํ ภตฺตปาตึ นิสฺสาย ตีณิ สํวจฺฉรานิ เม ปรเคเห ภตึ กโรนฺเตน ทุกฺขํ อนุภูตํ, อิทานิ เม นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สุขเมว โหตุ, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺเสว ภาคี อสฺส’’นฺติ. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘เอวํ โหตุ, จินฺตามณิ วิย เต สพฺพกามทโท มโนสงฺกปฺปา ปุณฺณจนฺโท วิย ปูเรนฺตู’’ติ อนุโมทนํ กโรนฺโต –
‘‘อิจฺฉิตํ ¶ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา.
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิกํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, มณิ โชติรโส ยถา’’ติ. –
วตฺวา ¶ ‘‘อยํ มหาชโน ยาว คนฺธมาทนปพฺพตคมนา มํ ปสฺสนฺโต ติฏฺตู’’ติ อธิฏฺาย อากาเสน คนฺธมาทนํ อคมาสิ.
มหาชโนปิ ¶ นํ ปสฺสนฺโตว อฏฺาสิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ปิณฺฑปาตํ ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ วิภชิตฺวา อทาสิ. สพฺเพ อตฺตโน ปโหนกํ คณฺหึสุ. ‘‘อปฺโป ปิณฺฑปาโต กถํ ปโหสี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. จตฺตาริ หิ อจินฺเตยฺยานิ (อ. นิ. ๔.๗๗) วุตฺตานิ, ตตฺรายํ ปจฺเจกพุทฺธวิสโยติ. มหาชโน ปจฺเจกพุทฺธานํ ปิณฺฑปาตํ วิภชิตฺวา ทิยฺยมานํ ทิสฺวา สาธุการสหสฺสานิ ปวตฺเตสิ, อสนิสตนิปากสทฺโท วิย อโหสิ. ตํ สุตฺวา คนฺธเสฏฺิ จินฺเตสิ – ‘‘ภตฺตภติโก มยา ทินฺนสมฺปตฺตึ ธาเรตุํ นาสกฺขิ มฺเ, เตนายํ มหาชโน ปริหาสํ กโรนฺโต สนฺนิปติโต นทตี’’ติ. โส ตปฺปวตฺติชานนตฺถํ มนุสฺเส เปเสสิ. เต อาคนฺตฺวา ‘‘สมฺปตฺติธารกา นาม, สามิ, เอวํ โหนฺตู’’ติ วตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. เสฏฺิ ตํ สุตฺวาว ปฺจวณฺณาย ปีติยา ผุฏฺสรีโร หุตฺวา ‘‘อโห ทุกฺกรํ เตน กตํ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ เอวรูปาย สมฺปตฺติยา ิโต กิฺจิ ทาตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา อิทํ นาม กต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, สามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘หนฺท, สหสฺสํ คเหตฺวา ตว ทาเน มยฺหมฺปิ ปตฺตึ เทหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. เสฏฺิปิสฺส สพฺพํ อตฺตโน สนฺตกํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อทาสิ.
จตสฺโส หิ สมฺปทา นาม – วตฺถุสมฺปทา, ปจฺจยสมฺปทา, เจตนาสมฺปทา, คุณาติเรกสมฺปทาติ. ตตฺถ นิโรธสมาปตฺติรโห ¶ อรหา วา อนาคามี วา ทกฺขิเณยฺโย วตฺถุสมฺปทา นาม. ปจฺจยานํ ธมฺเมน สเมน อุปฺปตฺติ ปจฺจยสมฺปทา นาม. ทานโต ปุพฺเพ ทานกาเล ปจฺฉา ภาเคติ ตีสุ กาเลสุ เจตนาย โสมนสฺสสหคตาณสมฺปยุตฺตภาโว เจตนาสมฺปทา นาม. ทกฺขิเณยฺยสฺส สมาปตฺติโต วุฏฺิตภาโว คุณาติเรกสมฺปทา นามาติ. อิมสฺส จ ขีณาสโว ปจฺเจกพุทฺโธ ทกฺขิเณยฺยา, ภตึ กตฺวา ลทฺธภาเวน ปจฺจโย ธมฺมโต อุปฺปนฺโน, ตีสุ กาเลสุ ปริสุทฺธา เจตนา, สมาปตฺติโต วุฏฺิตมตฺโต ปจฺเจกพุทฺโธ คุณาติเรโกติ จตสฺโสปิ ¶ สมฺปทา นิปฺผนฺนา. เอตาสํ อานุภาเวน ทิฏฺเว ธมฺเม มหาสมฺปตฺตึ ปาปุณนฺติ. ตสฺมา โส เสฏฺิโน สนฺติกา สมฺปตฺตึ ลภิ. อปรภาเค ¶ จ ราชาปิ อิมินา กตกมฺมํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา ปตฺตึ คเหตฺวา ตุฏฺมานโส มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ ทตฺวา เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ. ภตฺตภติกเสฏฺีติสฺส นามํ อกาสิ. โส คนฺธเสฏฺินา สทฺธึ สหาโย หุตฺวา เอกโต ขาทนฺโต ปิวนฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ สาริปุตฺตตฺเถรสฺสูปฏฺากกุเล ¶ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถสฺส มาตา ลทฺธคพฺภปริหารา กติปาหจฺจเยน ‘‘อโห วตาหํ ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สตรสโภชนํ ทตฺวา กาสายวตฺถนิวตฺถา สุวณฺณสรกํ อาทาย อาสนปริยนฺเต นิสินฺนา เตสํ ภิกฺขูนํ อุจฺฉิฏฺาวเสสกํ ปริภฺุเชยฺย’’นฺติ โทหฬินี หุตฺวา ตเถว กตฺวา โทหฬํ ปฏิวิโนเทสิ. สา เสสมงฺคเลสุปิ ตถารูปเมว ทานํ ทตฺวา ปุตฺตํ วิชายิตฺวา นามคฺคหณทิวเส ‘‘ปุตฺตสฺส เม, ภนฺเต, สิกฺขาปทานิ เทถา’’ติ เถรํ อาห. เถโร ‘‘กิมสฺส นาม’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, ปุตฺตสฺส เม ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย อิมสฺมึ เคเห กสฺสจิ ทุกฺขํ นาม น ภูตปุพฺพํ, เตเนวสฺส สุขกุมาโรติ นามํ ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺเต ตเทวสฺส นามํ คเหตฺวา สิกฺขาปทานิ อทาสิ.
ตทา เอวฺจสฺส มาตุ ‘‘นาหํ มม ปุตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. สา ตสฺส กณฺณวิชฺฌนมงฺคลาทีสุปิ ตเถว ทานํ อทาสิ. กุมาโรปิ สตฺตวสฺสิกกาเล ‘‘อิจฺฉามหํ, อมฺม, เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตุ’’นฺติ อาห. สา ‘‘สาธุ, ตาต, นาหํ ตว อชฺฌาสยํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ เถรํ นิมนฺเตตฺวา โภเชตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปุตฺโต เม ปพฺพชิตุํ อิจฺฉติ, อิมาหํ สายนฺหสมเย วิหารํ อาเนสฺสามี’’ติ เถรํ อุยฺโยเชตฺวา าตเก สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม คิหิกาเล กตฺตพฺพํ กิจฺจํ อชฺเชว กริสฺสามา’’ติ วตฺวา ปุตฺตํ อลงฺกริตฺวา มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน วิหารํ เนตฺวา เถรสฺส นิยฺยาเทสิ. เถโรปิ ตํ, ‘‘ตาต, ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺกรา ¶ , สกฺขิสฺสสิ อภิรมิตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘กริสฺสามิ โว, ภนฺเต, โอวาท’’นฺติ วุตฺเต กมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. มาตาปิตโรปิสฺส ปพฺพชฺชาย สกฺการํ กโรนฺตา อนฺโตวิหาเรเยว สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตรสโภชนํ ทตฺวา สายํ อตฺตโน เคหํ อคมํสุ. อฏฺเม ทิวเส สาริปุตฺตตฺเถโร ภิกฺขุสงฺเฆ คามํ ปวิฏฺเ วิหาเร กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา สามเณรํ ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา ¶ คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สามเณโร อนฺตรามคฺเค มาติกาทีนิ ทิสฺวา ปณฺฑิตสามเณโร วิย ปุจฺฉิ. เถโรปิ ตสฺส ตเถว พฺยากาสิ. สามเณโร ตานิ การณานิ สุตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คณฺเหยฺยาถ, อหํ นิวตฺเตยฺย’’นฺติ วตฺวา เถเรน ตสฺส อชฺฌาสยํ อภินฺทิตฺวา, ‘‘สามเณร, เทหิ มม ปตฺตจีวร’’นฺติ ¶ ปตฺตจีวเร คหิเต เถรํ วนฺทิตฺวา นิวตฺตมาโน, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อาหารํ อาหรมาโน สตรสโภชนํ อาหเรยฺยาถา’’ติ อาห. กุโต ตํ ลภิสฺสามีติ? อตฺตโน ปฺุเน อลภนฺโต มม ปฺุเน ลภิสฺสถ, ภนฺเตติ. อถสฺส เถโร กฺุจิกํ ทตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โสปิ วิหารํ อาคนฺตฺวา เถรสฺส คพฺภํ วิวริตฺวา ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย อตฺตโน กาเย าณํ โอตาเรตฺวา นิสีทิ.
ตสฺส คุณเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ โอโลเกนฺโต สามเณรํ ทิสฺวา ‘‘สุขสามเณโร อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต, มยา ตตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา จตฺตาโร มหาราเช ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, วิหารสฺสูปวเน ทุสฺสทฺทเก ¶ สกุเณ ปลาเปถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ตถา กตฺวา สามนฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ. จนฺทิมสูริเย ‘‘อตฺตโน วิมานานิ คเหตฺวา ติฏฺถา’’ติ อาณาเปสิ. เตปิ ตถา กรึสุ. สยมฺปิ อาวิฺฉนฏฺาเน อารกฺขํ คณฺหิ. วิหาโร สนฺนิสินฺโน นิรโว อโหสิ. สามเณโร เอกคฺคจิตฺเตน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ตีณิ มคฺคผลานิ ปาปุณิ. เถโร ‘‘สามเณเรน ‘สตรสโภชนํ อาหเรยฺยาถา’ติ วุตฺตํ, กสฺส นุ โข ฆเร สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต เอกํ อชฺฌาสยสมฺปนฺนํ อุปฏฺากตุลํ ทิสฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สาธุ โว กตํ อชฺช อิธาคจฺฉนฺเตหี’’ติ เตหิ ตุฏฺมานเสหิ ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ยาว ภตฺตกาลํ ธมฺมกถํ ยาจิโต เตสํ สารณียธมฺมกถํ กเถตฺวา กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. อถสฺส สตรสโภชนํ ทตฺวา ตํ อาทาย คนฺตุกามํ เถรํ ทิสฺวา ‘‘ภฺุชถ, ภนฺเต, อปรมฺปิ เต ทสฺสามา’’ติ เถรํ โภเชตฺวา ปุน ปตฺตปูรํ อทํสุ. เถโร ตํ อาทาย ‘‘สามเณโร เม ฉาโต’’ติ ตุริตตุริโต ¶ วิหารํ ปายาสิ. ตํ ทิวสํ สตฺถา ปาโตว นิกฺขมิตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว อาวชฺเชสิ – ‘‘อชฺช สุขสามเณโร อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ ทตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ นิวตฺโต, นิปฺผนฺนํ นุ โข ตสฺส กิจฺจ’’นฺติ. โส ติณฺณํเยว มคฺคผลานํ ปตฺตภาวํ ทิสฺวา อุตฺตริปิ อุปธาเรนฺโต ‘‘สกฺขิสฺสตายํ อชฺช อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ ¶ , สาริปุตฺโต ปน ‘สามเณโร เม ฉาโต’ติ เวเคน ภตฺตํ อาทาย นิกฺขมติ, สเจ อิมสฺมึ อรหตฺตํ อปฺปตฺเต ภตฺตํ อาหริสฺสติ, อิมสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสติ, มยา คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา อารกฺขํ คณฺหิ.
เถโรปิ ภตฺตํ อาหริ. อถ นํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ. ปฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน สามเณโร อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา เถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, สาริปุตฺต, สามเณรสฺส ¶ เต ภตฺตํ เทหี’’ติ อาห. เถโร คนฺตฺวา ทฺวารํ อาโกเฏสิ. สามเณโรปิ นิกฺขมิตฺวา อุปชฺฌายสฺส วตฺตํ กตฺวา ‘‘ภตฺตกิจฺจํ กโรหี’’ติ วุตฺเต เถรสฺส ภตฺเตน อนตฺถิกภาวํ ตฺวา สตฺตวสฺสิกกุมาโร ตงฺขณฺเว อรหตฺตํ ปตฺโต นีจาสนฏฺานํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปตฺตํ โธวิ. ตสฺมึ กาเล จตฺตาโร มหาราชาโน อารกฺขํ วิสฺสชฺเชสุํ. จนฺทิมสูริยาปิ วิมานานิ มฺุจึสุ. สกฺโกปิ อาวิฺฉนฏฺาเน อารกฺขํ วิสฺสชฺเชสิ. สูริโย นภมชฺฌํ อติกฺกนฺโตเยว ปฺายิ. ภิกฺขู ‘‘สายนฺโห ปฺายติ, สามเณเรน จ อิทาเนว ภตฺตกิจฺจํ กตํ, กึ นุ โข อชฺช ปุพฺพณฺโห พลวา ชาโต, สายนฺโห มนฺโท’’ติ วทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช ปุพฺพณฺโห พลวา ชาโต, สายนฺโห มนฺโท, สามเณเรน ¶ จ อิทาเนว ภตฺตกิจฺจํ กตํ, อถ จ ปน สูริโย นภมชฺฌํ อติกฺกนฺโตเยว ปฺายตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, เอวเมวํ โหติ ปฺุวนฺตานํ สมณธมฺมกรณกาเล. อชฺช หิ จตฺตาโร มหาราชาโน สามนฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ, จนฺทิมสูริยา วิมานานิ คเหตฺวา อฏฺํสุ, สกฺโก อาวิฺฉนเก อารกฺขํ คณฺหิ, อหมฺปิ ทฺวารโกฏฺเก อารกฺขํ คณฺหึ, อชฺช สุขสามเณโร มาติกาย อุทกํ หรนฺเต, อุสุกาเร อุสุํ อุชุํ กโรนฺเต ¶ , ตจฺฉเก จกฺกาทีนิ กโรนฺเต ทิสฺวา อตฺตานํ ทเมตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุทกฺหิ นยนฺติ เนตฺติกา, อุสุการา นมยนฺติ เตชนํ;
ทารุํ นมยนฺติ ตจฺฉกา, อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา’’ติ.
ตตฺถ สุพฺพตาติ สุวทา, สุเขน โอวทิตพฺพา อนุสาสิตพฺพาติ อตฺโถ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สุขสามเณรวตฺถุ เอกาทสมํ.
ทณฺฑวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทสโม วคฺโค.
๑๑. ชราวคฺโค
๑. วิสาขาย สหายิกานํ วตฺถุ
โก ¶ ¶ ¶ นุ หาโส กิมานนฺโทติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสาขาย สหายิกาโย อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา กุลปุตฺตา ‘‘เอวํ อิมา อปฺปมาทวิหารินิโย ภวิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตโน อตฺตโน ภริยาโย วิสาขํ มหาอุปาสิกํ สมฺปฏิจฺฉาเปสุํ. ตา อุยฺยานํ วา วิหารํ วา คจฺฉนฺติโย ตาย สทฺธึเยว คจฺฉนฺติ. ตา เอกสฺมึ กาเล ‘‘สตฺตาหํ สุราฉโณ ภวิสฺสตี’’ติ ฉเณ สงฺฆุฏฺเ อตฺตโน อตฺตโน สามิกานํ สุรํ ปฏิยาเทสุํ. เต สตฺตาหํ สุราฉณํ กีฬิตฺวา อฏฺเม ทิวเส กมฺมนฺตเภริยา นิกฺขนฺตาย กมฺมนฺเต อคมํสุ. ตาปิ อิตฺถิโย ‘‘มยํ สามิกานํ สมฺมุขา สุรํ ปาตุํ น ลภิมฺหา, อวเสสา สุรา จ อตฺถิ, อิทํ ยถา เต น ชานนฺติ, ตถา ปิวิสฺสามา’’ติ วิสาขาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อิจฺฉาม, อยฺเย, อุยฺยานํ ทฏฺุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สาธุ, อมฺมา, เตน หิ กตฺตพฺพกิจฺจานิ กตฺวา นิกฺขมถา’’ติ วุตฺเต ตาย สทฺธึ คนฺตฺวา ปฏิจฺฉนฺนากาเรน ¶ สุรํ นีหราเปตฺวา อุยฺยาเน ปิวิตฺวา มตฺตา วิจรึสุ. วิสาขาปิ ‘‘อยุตฺตํ อิมาหิ กตํ, อิทานิ มํ ‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวิกา วิสาขา สุรํ ปิวิตฺวา วิจรตี’ติ ติตฺถิยาปิ ครหิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตา อิตฺถิโย อาห – ‘‘อมฺมา อยุตฺตํ โว กตํ, มมปิ อยโส อุปฺปาทิโต, สามิกาปิ โว กุชฺฌิสฺสนฺติ, อิทานิ กึ กริสฺสถา’’ติ. คิลานาลยํ ทสฺสยิสฺสาม, อยฺเยติ. เตน หิ ปฺายิสฺสถ สเกน กมฺเมนาติ. ตา เคหํ คนฺตฺวา คิลานาลยํ กรึสุ. อถ ตาสํ สามิกา ‘‘อิตฺถนฺนามา จ อิตฺถนฺนามา จ กห’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คิลานา’’ติ สุตฺวา ‘‘อทฺธา เอตาหิ อวเสสสุรา ปีตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ตา โปเถตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปสุํ. ตา อปรสฺมิมฺปิ ฉณวาเร ตเถว สุรํ ปิวิตุกามา วิสาขํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อยฺเย, อุยฺยานํ โน เนหี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุพฺเพปิ เม ตุมฺเหหิ อยโส อุปฺปาทิโต, คจฺฉถ, น โว อหํ เนสฺสามี’’ติ ตาย ปฏิกฺขิตฺตา ‘‘อิทานิ เอวํ น กริสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา ปุน ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ, ‘‘อยฺเย ¶ , พุทฺธปูชํ กาตุกามามฺหา, วิหารํ โน เนหี’’ติ. อิทานิ อมฺมา ยุชฺชติ, คจฺฉถ, ปริวจฺฉํ กโรถาติ. ตา จงฺโกฏเกหิ คนฺธมาลาทีนิ คาหาเปตฺวา สุราปุณฺเณ มุฏฺิวารเก ¶ หตฺเถหิ โอลมฺเพตฺวา มหาปเฏ ปารุปิตฺวา วิสาขํ อุปสงฺกมิตฺวา ตาย สทฺธึ วิหารํ ปวิสมานา เอกมนฺตํ คนฺตฺวา มุฏฺิวารเกเหว สุรํ ปิวิตฺวา วารเก ฉฑฺเฑตฺวา ธมฺมสภายํ สตฺถุ ปุรโต นิสีทึสุ ¶ .
วิสาขา ‘‘อิมาสํ, ภนฺเต, ธมฺมํ กเถถา’’ติ อาห. ตาปิ มทเวเคน กมฺปมานสรีรา ‘‘อิจฺจาม, คายามา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสุํ. อเถกา มารกายิกา เทวตา ‘‘อิมาสํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส ปุรโต วิปฺปการํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาสํ สรีเร อธิมุจฺจิ. ตาสุ เอกจฺจา สตฺถุ ปุรโต ปาณึ ปหริตฺวา หสิตุํ, เอกจฺจา นจฺจิตุํ อารภึสุ. สตฺถา ‘‘กึ อิท’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา ‘‘น อิทานิ มารกายิกานํ โอตารํ ลภิตุํ ทสฺสามิ. น หิ มยา เอตฺตกํ กาลํ ปารมิโย ปูเรนฺเตน มารกายิกานํ โอตารลาภตฺถาย ปูริตา’’ติ ตา สํเวเชตุํ ภมุกโลมโต รสฺมิโย วิสฺสชฺเชสิ, ตาวเทว อนฺธการติมิสา อโหสิ. ตา ภีตา อเหสุํ มรณภยตชฺชิตา. เตน ตาสํ กุจฺฉิยํ สุรา ชีริ. สตฺถา นิสินฺนปลฺลงฺเก อนฺตรหิโต สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา อุณฺณาโลมโต รสฺมึ วิสฺสชฺเชสิ, ตงฺขณํเยว จนฺทสหสฺสุคฺคมนํ วิย อโหสิ. อถ สตฺถา ตา อิตฺถิโย อามนฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ มม สนฺติกํ อาคจฺฉมานาหิ ปมตฺตาหิ อาคนฺตุํ น วฏฺฏติ. ตุมฺหากฺหิ ปมาเทเนว มารกายิกา เทวตา โอตารํ ลภิตฺวา ตุมฺเห หสาทีนํ อกรณฏฺาเน หสาทีนิ การาเปสิ, อิทานิ ตุมฺเหหิ ราคาทีนํ ¶ อคฺคีนํ นิพฺพาปนตฺถาย อุสฺสาหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โก นุ หาโส กิมานนฺโท, นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ;
อนฺธกาเรน โอนทฺธา, ปทีปํ น คเวสถา’’ติ.
ตตฺถ อานนฺโทติ ตุฏฺิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมึ โลกสนฺนิวาเส ราคาทีหิ เอกาทสหิ อคฺคีหิ นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ โก นุ ตุมฺหากํ หาโส วา ¶ ตุฏฺิ วา? นนุ เอส อกตฺตพฺพรูโปเยว. อฏฺวตฺถุเกน หิ อวิชฺชานฺธกาเรน โอนทฺธา ตุมฺเห ตสฺเสว อนฺธการสฺส วิธมนตฺถาย กึ การณา าณปฺปทีปํ น คเวสถ น กโรถาติ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ ตา อิตฺถิโย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.
สตฺถา ตาสํ อจลสทฺธาย ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา สิเนรุมตฺถกา โอตริตฺวา พุทฺธาสเน นิสีทิ. อถ นํ วิสาขา อาห – ‘‘ภนฺเต, สุรา นาเมสา ปาปิกา. เอวรูปา หิ นาม อิมา ¶ อิตฺถิโย ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส ปุรโต นิสีทิตฺวา อิริยาปถมตฺตมฺปิ สณฺาเปตุํ อสกฺโกนฺติโย อุฏฺาย ปาณึ ปหริตฺวา หสนคีตนจฺจาทีนิ อารภึสู’’ติ. สตฺถา ‘‘อาม, วิสาเข, ปาปิกา เอว เอสา สุรา นาม. เอตฺหิ นิสฺสาย อเนเก สตฺตา อนยพฺยสนํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ปเนสา, ภนฺเต, อุปฺปนฺนา’’ติ วุตฺเต ตสฺสา อุปฺปตฺตึ วิตฺถาเรน กเถตุํ อตีตํ อาหริตฺวา กุมฺภชาตกํ (ชา. ๑.๑๖.๓๓ อาทโย) กเถสีติ.
วิสาขาย สหายิกานํ วตฺถุ ปมํ.
๒. สิริมาวตฺถุ
ปสฺส ¶ จิตฺตกตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สิริมํ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร ราชคเห อภิรูปา คณิกา. เอกสฺมึ ปน อนฺโตวสฺเส สุมนเสฏฺิปุตฺตสฺส ภริยาย ปุณฺณกเสฏฺิสฺส ธีตาย อุตฺตราย นาม อุปาสิกาย อปรชฺฌิตฺวา ตํ ปสาเทตุกามา ตสฺสา เคเห ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ กตภตฺตกิจฺจํ สตฺถารํ ขมาเปตฺวา ตํ ทิวสํ ทสพลสฺส ภตฺตานุโมทนํ สุตฺวา –
‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;
ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ. (ชา. ๑.๒.๒; ธ. ป. ๒๒๓) –
คาถาปริโยสาเน ¶ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารกถา ปน โกธวคฺเค อนุโมทนคาถาวณฺณนายเมว อาวิภวิสฺสติ. เอวํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา ปน สิริมา ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส มหาทานํ ทตฺวา สงฺฆสฺส อฏฺกภตฺตํ นิพทฺธํ ทาเปสิ. อาทิโต ปฏฺาย นิพทฺธํ อฏฺ ภิกฺขู เคหํ คจฺฉนฺติ. ‘‘สปฺปึ คณฺหถ, ขีรํ คณฺหถา’’ติอาทีนิ วตฺวา เตสํ ปตฺเต ปูเรติ. เอเกน ลทฺธํ ติณฺณมฺปิ จตุนฺนมฺปิ ปโหติ. เทวสิกํ โสฬสกหาปณปริพฺพเยน ปิณฺฑปาโต ทียติ. อเถกทิวสํ เอโก ภิกฺขุ ตสฺสา เคเห อฏฺกภตฺตํ ภฺุชิตฺวา ติโยชนมตฺถเก เอกํ วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ สายํ เถรุปฏฺาเน นิสินฺนํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อาวุโส, กหํ ภิกฺขํ ¶ คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ. สิริมาย อฏฺกภตฺตํ เม ภุตฺตนฺติ. มนาปํ กตฺวา เทติ, อาวุโสติ. ‘‘น สกฺกา ตสฺสา ภตฺตํ วณฺเณตุํ, อติวิย ปณีตํ กตฺวา เทติ, เอเกน ¶ ลทฺธํ ติณฺณมฺปิ จตุนฺนมฺปิ ปโหติ, ตสฺสา ปน เทยฺยธมฺมโตปิ ทสฺสนเมว อุตฺตริตรํ. สา หิ อิตฺถี เอวรูปา จ เอวรูปา จา’’ติ ตสฺสา คุเณ วณฺเณสิ.
อเถโก ภิกฺขุ ตสฺสา คุณกถํ สุตฺวา อทสฺสเนเนว สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘มยา คนฺตฺวา ตํ ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน วสฺสคฺคํ กเถตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ิติกํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สฺเว, อาวุโส, ตสฺมึ เคเห ตฺวํ สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา อฏฺกภตฺตํ ลภิสฺสสี’’ติ สุตฺวา ตงฺขณฺเว ปตฺตจีวรํ อาทาย ปกฺกนฺโตปิ ปาโตว อรุเณ อุคฺคเต สลากคฺคํ ปวิสิตฺวา ิโต สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา ตสฺสา เคเห อฏฺกภตฺตํ ลภิ. โย ปน ภิกฺขุ หิยฺโย ภฺุชิตฺวา ปกฺกามิ, ตสฺส คตเวลายเมว อสฺสา สรีเร โรโค อุปฺปชฺชิ. ตสฺมา สา อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺสา ทาสิโย อฏฺกภตฺตํ ลภิตฺวา อาคเต ภิกฺขู ทิสฺวา อาโรเจสุํ. สา สหตฺถา ปตฺเต คเหตฺวา นิสีทาเปตุํ วา ปริวิสิตุํ วา อสกฺโกนฺตี ทาสิโย อาณาเปสิ – ‘‘อมฺมา ปตฺเต คเหตฺวา, อยฺเย, นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา ขชฺชกํ ทตฺวา ภตฺตเวลาย ¶ ปตฺเต ปูเรตฺวา เทถา’’ติ. ตา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ภิกฺขู ปเวเสตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา ขชฺชกํ ทตฺวา ภตฺตเวลาย ภตฺตสฺส ปตฺเต ปูเรตฺวา ตสฺสา อาโรจยึสุ. สา ‘‘มํ ปริคฺคเหตฺวา เนถ, อยฺเย, วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาหิ ปริคฺคเหตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺติกํ นีตา เวธมาเนน สรีเรน ภิกฺขู วนฺทิ. โส ภิกฺขุ ตํ โอโลเกตฺวา ¶ จินฺเตสิ – ‘‘คิลานาย ตาว เอวรูปา อยํ เอติสฺสา รูปโสภา, อโรคกาเล ปน สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตาย อิมิสฺสา กีทิสี รูปสมฺปตฺตี’’ติ. อถสฺส อเนกวสฺสโกฏิสนฺนิจิโต กิเลโส สมุทาจริ, โส อฺาณี หุตฺวา ภตฺตํ ภฺุชิตุํ อสกฺโกนฺโต ปตฺตมาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ปิธาย เอกมนฺเต เปตฺวา จีวรํ ปตฺถริตฺวา นิปชฺชิ.
อถ นํ เอโก สหายโก ภิกฺขุ ยาจนฺโตปิ โภเชตุํ นาสกฺขิ. โส ฉินฺนภตฺโต อโหสิ. ตํ ทิวสเมว สายนฺหสมเย สิริมา กาลมกาสิ. ราชา สตฺถุ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘ภนฺเต, ชีวกสฺส กนิฏฺภคินี, สิริมา, กาลมกาสี’’ติ. สตฺถา ตํ สุตฺวา รฺโ สาสนํ ปหิณิ ‘‘สิริมาย ฌาปนกิจฺจํ นตฺถิ, อามกสุสาเน ตํ ยถา กากสุนขาทโย น ขาทนฺติ, ตถา นิปชฺชาเปตฺวา รกฺขาเปถา’’ติ. ราชาปิ ตถา อกาสิ. ปฏิปาฏิยา ตโย ทิวสา อติกฺกนฺตา, จตุตฺเถ ทิวเส สรีรํ อุทฺธุมายิ, นวหิ วณมุเขหิ ปุฬวา ปคฺฆรึสุ ¶ , สกลสรีรํ ภินฺนํ สาลิภตฺตจาฏิ วิย อโหสิ. ราชา นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘เปตฺวา เคหรกฺขเก ทารเก สิริมาย ทสฺสนตฺถํ อนาคจฺฉนฺตานํ อฏฺ กหาปณานิ ทณฺโฑ’’ติ. สตฺถุ สนฺติ กฺจ เปเสสิ – ‘‘พุทฺธปฺปมุโข กิร ภิกฺขุสงฺโฆ สิริมาย ทสฺสนตฺถํ อาคจฺฉตู’’ติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ – ‘‘สิริมาย ทสฺสนตฺถํ คมิสฺสามา’’ติ. โสปิ ทหรภิกฺขุ จตฺตาโร ¶ ทิวเส กสฺสจิ วจนํ อคฺคเหตฺวา ฉินฺนภตฺโตว นิปชฺชิ. ปตฺเต ภตฺตํ ปูติกํ ชาตํ, ปตฺเต มลํ อุฏฺหิ. อถ นํ โส สหายโก ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส, สตฺถา สิริมาย ทสฺสนตฺถํ คจฺฉตี’’ติ อาห. โส ตถา ฉาตชฺฌตฺโตปิ ‘‘สิริมา’’ติ วุตฺตปเทเยว สหสา อุฏฺหิตฺวา ‘‘กึ ภณสี’’ติ อาห. ‘‘สตฺถา สิริมํ ทฏฺุํ คจฺฉติ, ตฺวมฺปิ คมิสฺสสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, คมิสฺสามี’’ติ ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อคมาสิ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เอกปสฺเส อฏฺาสิ, ภิกฺขุนิสงฺโฆปิ ราชปริสาปิ อุปาสกปริสาปิ อุปาสิกาปริสาปิ เอเกกปสฺเส อฏฺํสุ ¶ .
สตฺถา ราชานํ ปุจฺฉิ – ‘‘กา เอสา, มหาราโช’’ติ. ภนฺเต, ชีวกสฺส ภคินี, สิริมา, นามาติ. สิริมา, เอสาติ. อาม, ภนฺเตติ. เตน ¶ หิ นคเร เภรึ จราเปหิ ‘‘สหสฺสํ ทตฺวา สิริมํ คณฺหนฺตู’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. เอโกปิ ‘ห’นฺติ วา ‘หุ’นฺติ วา วทนฺโต นาม นาโหสิ. ราชา สตฺถุ อาโรเจสิ – ‘‘น คณฺหนฺติ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ, มหาราช, อคฺฆํ โอหาเรหีติ. ราชา ‘‘ปฺจสตานิ ทตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปตฺวา กฺจิ คณฺหนกํ อทิสฺวา ‘‘อฑฺฒเตยฺยานิ สตานิ, ทฺเว สตานิ, สตํ, ปณฺณาสํ, ปฺจวีสติ กหาปเณ, ทส กหาปเณ, ปฺจ กหาปเณ, เอกํ กหาปณํ อฑฺฒํ, ปาทํ, มาสกํ, กากณิกํ ทตฺวา สิริมํ คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. โกจิ ตํ น อิจฺฉิ. ‘‘มุธาปิ คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. ‘ห’นฺติ วา ‘หุ’นฺติ วา วทนฺโต นาม นาโหสิ. ราชา ‘‘มุธาปิ, ภนฺเต, คณฺหนฺโต นาม นตฺถี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, มหาชนสฺส ปิยํ มาตุคามํ, อิมสฺมึเยว นคเร สหสฺสํ ทตฺวา ปุพฺเพ เอกทิวสํ ลภึสุ, อิทานิ มุธา คณฺหนฺโตปิ นตฺถิ, เอวรูปํ นาม ¶ รูปํ ขยวยปฺปตฺตํ, ปสฺสถ, ภิกฺขเว, อาตุรํ อตฺตภาว’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิตี’’ติ.
ตตฺถ จิตฺตกตนฺติ กตจิตฺตํ, วตฺถาภรณมาลาลตฺตกาทีหิ วิจิตฺตนฺติ อตฺโถ. พิมฺพนฺติ ทีฆาทิยุตฺตฏฺาเนสุ ทีฆาทีหิ องฺคปจฺจงฺเคหิ สณฺิตํ อตฺตภาวํ. อรุกายนฺติ นวนฺนํ วณมุขานํ วเสน อรุภูตํ กายํ. สมุสฺสิตนฺติ ตีหิ อฏฺิสเตหิ สมุสฺสิตํ. อาตุรนฺติ สพฺพกาลํ อิริยาปถาทีหิ ปริหริตพฺพตาย นิจฺจคิลานํ. พหุสงฺกปฺปนฺติ มหาชเนน พหุธา สงฺกปฺปิตํ. ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิตีติ ยสฺส ธุวภาโว วา ิติภาโว วา นตฺถิ, เอกนฺเตน เภทนวิกิรณวิทฺธํสนธมฺมเมเวตํ, อิมํ ปสฺสถาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, โสปิ ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.
สิริมาวตฺถุ ทุติยํ.
๓. อุตฺตราเถรีวตฺถุ
ปริชิณฺณมิทนฺติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุตฺตราเถรึ นาม ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ.
เถรี กิร วีสวสฺสสติกา ชาติยา ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธปิณฺฑปาตา อนฺตรวีถิยํ เอกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปิณฺฑปาเตน อาปุจฺฉิตฺวา ตสฺส อปฏิกฺขิปิตฺวา คณฺหนฺตสฺส สพฺพํ ทตฺวา นิราหารา อโหสิ. เอวํ ทุติเยปิ ตติเยปิ ทิวเส ตสฺเสว ภิกฺขุโน ตสฺมึเยว าเน ภตฺตํ ทตฺวา นิราหารา อโหสิ, จตุตฺเถ ทิวเส ปน ปิณฺฑาย จรนฺตี เอกสฺมึ สมฺพาธฏฺาเน สตฺถารํ ทิสฺวา ปฏิกฺกมนฺตี โอลมฺพนฺตํ อตฺตโน จีวรกณฺณํ อกฺกมิตฺวา สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี ปริวตฺติตฺวา ปติ. สตฺถา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภคินิ, ปริชิณฺโณ เต อตฺตภาโว น จิรสฺเสว ภิชฺชิสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปริชิณฺณมิทํ รูปํ, โรคนีฬํ ปภงฺคุรํ;
ภิชฺชติ ปูติสนฺเทโห, มรณนฺตฺหิ ชีวิต’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ภคินิ อิทํ ตว สรีรสงฺขาตํ รูปํ มหลฺลกภาเวน ปริชิณฺณํ, ตฺจ โข สพฺพโรคานํ นิวาสฏฺานฏฺเน โรคนีฬํ, ยถา โข ปน ตรุโณปิ สิงฺคาโล ‘‘ชรสิงฺคาโล’’ติ วุจฺจติ, ตรุณาปิ คโฬจีลตา ‘‘ปูติลตา’’ติ ¶ วุจฺจติ, เอวํ ตทหุชาตํ สุวณฺณวณฺณมฺปิ สมานํ นิจฺจํ ปคฺฆรณฏฺเน ปูติตาย ปภงฺคุรํ, โส เอส ปูติโก สมาโน ตว เทโห ภิชฺชติ, น จิรสฺเสว ภิชฺชิสฺสตีติ เวทิตพฺโพ. กึ การณา? มรณนฺตฺหิ ชีวิตํ ยสฺมา สพฺพสตฺตานํ ชีวิตํ มรณปริโยสานเมวาติ วุตฺตํ โหติ.
เทสนาวสาเน สา เถรี โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อุตฺตราเถรีวตฺถุ ตติยํ.
๔. สมฺพหุลอธิมานิกภิกฺขุวตฺถุ
ยานิมานีติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล อธิมานิเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
ปฺจสตา กิร ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘กิเลสานํ อสมุทาจาเรน ปพฺพชิตกิจฺจํ โน นิปฺผนฺนํ, อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามา’’ติ อาคมึสุ. สตฺถา เตสํ พหิทฺวารโกฏฺกํ ปตฺตกาเลเยว อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, เอเตสํ ภิกฺขูนํ ปวิสิตฺวา มยา ทิฏฺเน กมฺมํ นตฺถิ, อามกสุสานํ ¶ คนฺตฺวา ตโต อาคนฺตฺวา มํ ปสฺสนฺตู’’ติ. เถโร คนฺตฺวา เตสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เต ‘‘กึ อมฺหากํ อามกสุสาเนนา’’ติ อวตฺวาว ‘‘ทีฆทสฺสินา พุทฺเธน การณํ ทิฏฺํ ภวิสฺสตี’’ติ อามกสุสานํ คนฺตฺวา ตตฺถ กุณปานิ ปสฺสนฺตา เอกาหทฺวีหปติเตสุ กุณเปสุ อาฆาตํ ปฏิลภิตฺวา ตํ ขณํ ปติเตสุ อลฺลสรีเรสุ ราคํ อุปฺปาทยึสุ, ตสฺมึ ขเณ อตฺตโน สกิเลสภาวํ ชานึสุ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว โอภาสํ ผริตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ สมฺมุเข กเถนฺโต วิย ‘‘นปฺปติรูปํ นุ โข, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวรูปํ อฏฺิสงฺฆาตํ ทิสฺวา ราครตึ อุปฺปาเทตุ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยานิมานิ อปตฺถานิ, อลาพูเนว สารเท;
กาโปตกานิ อฏฺีนิ, ตานิ ทิสฺวาน กา รตี’’ติ.
ตตฺถ อปตฺถานีติ ฉฑฺฑิตานิ. สารเทติ สรทกาเล วาตาตปปหตานิ ตตฺถ ตตฺถ วิปฺปกิณฺณอลาพูนิ วิย. กาโปตกานีติ กโปตกวณฺณานิ. ตานิ ทิสฺวานาติ ตานิ เอวรูปานิ อฏฺีนิ ทิสฺวา ตุมฺหากํ กา รติ, นนุ อปฺปมตฺตกมฺปิ กามรตึ กาตุํ น วฏฺฏติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู ยถาิตาว อรหตฺตํ ปตฺวา ภควนฺตํ อภิตฺถวมานา อาคนฺตฺวา วนฺทึสูติ.
สมฺพหุลอธิมานิกภิกฺขุวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. ชนปทกลฺยาณี รูปนนฺทาเถรีวตฺถุ
อฏฺีนํ ¶ ¶ ¶ นครํ กตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ชนปทกลฺยาณึ รูปนนฺทาเถรึ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร เอกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เชฏฺภาติโก รชฺชสิรึ ปหาย ปพฺพชิตฺวา โลเก อคฺคปุคฺคโล พุทฺโธ ชาโต, ปุตฺโตปิสฺส ราหุลกุมาโร ปพฺพชิโต, ภตฺตาปิ เม ปพฺพชิโต, มาตาปิ เม ปพฺพชิตา, อหมฺปิ เอตฺตเก าติชเน ปพฺพชิเต เคเห กึ กริสฺสามิ, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ. สา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ าติสิเนเหเนว, โน สทฺธาย, อภิรูปตาย ปน รูปนนฺทาติ ปฺายิ. ‘‘สตฺถา กิร ‘รูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, เวทนา… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ วเทตี’’ติ สุตฺวา สา เอวํ ทสฺสนีเย ปาสาทิเก มมปิ รูเป โทสํ กเถยฺยาติ สตฺถุ สมฺมุขีภาวํ น คจฺฉติ. สาวตฺถิวาสิโน ปาโตว ทานํ ทตฺวา สมาทินฺนุโปสถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธมาลาทิหตฺถา สายนฺหสมเย เชตวเน สนฺนิปติตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติ. ภิกฺขุนิสงฺโฆปิ สตฺถุ ธมฺมเทสนาย อุปฺปนฺนจฺฉนฺโท วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณาติ. ธมฺมํ สุตฺวา นครํ ปวิสนฺโต สตฺถุ คุณกถํ กเถนฺโตว ปวิสติ.
จตุปฺปมาณิเก หิ โลกสนฺนิวาเส อปฺปกาว เต สตฺตา, เยสํ ตถาคตํ ปสฺสนฺตานํ ปสาโท น อุปฺปชฺชติ. รูปปฺปมาณิกาปิ หิ ตถาคตสฺส ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ทิสฺวา ปสีทนฺติ, โฆสปฺปมาณิกาปิ ¶ อเนกานิ ชาติสตานิ นิสฺสาย ปวตฺตํ สตฺถุ คุณโฆสฺเจว อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ ธมฺมเทสนาโฆสฺจ สุตฺวา ปสีทนฺติ, ลูขปฺปมาณิกาปิสฺส จีวราทิลูขตํ ปฏิจฺจ ปสีทนฺติ, ธมฺมปฺปมาณิกาปิ ‘‘เอวรูปํ ทสพลสฺส สีลํ, เอวรูโป สมาธิ, เอวรูปา ปฺา, ภควา สีลาทีหิ คุเณหิ อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ ปสีทนฺติ. เตสํ ตถาคตสฺส คุณํ กเถนฺตานํ มุขํ นปฺปโหติ. รูปนนฺทา ภิกฺขุนีนฺเจว อุปาสิกานฺจ สนฺติกา ตถาคตสฺส คุณกถํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อติวิย เม ภาติกสฺส วณฺณํ กเถนฺติเยว. เอกทิวสมฺปิ เม รูเป โทสํ กเถนฺโต กิตฺตกํ กเถสฺสติ. ยํนูนาหํ ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ คนฺตฺวา อตฺตานํ อทสฺเสตฺวาว ตถาคตํ ปสฺสิตฺวา ธมฺมมสฺส สุณิตฺวา อาคจฺเฉยฺย’’นฺติ. สา ‘‘อหมฺปิ อชฺช ธมฺมสฺสวนํ คมิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุนีนํ ¶ อาโรเจสิ.
ภิกฺขุนิโย ¶ ‘‘จิรสฺสํ วต รูปนนฺทาย สตฺถุ อุปฏฺานํ คนฺตุกามตา อุปฺปนฺนา, อชฺช สตฺถา ¶ อิมํ นิสฺสาย วิจิตฺรธมฺมเทสนํ นานานยํ เทเสสฺสตี’’ติ ตุฏฺมานสา ตํ อาทาย นิกฺขมึสุ. สา นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย ‘‘อหํ อตฺตานํ เนว ทสฺเสสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ‘‘อชฺช รูปนนฺทา มยฺหํ อุปฏฺานํ อาคมิสฺสติ, กีทิสี นุ โข ตสฺสา ธมฺมเทสนา สปฺปายา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘รูปครุกา เอสา อตฺตภาเว พลวสิเนหา, กณฺฏเกน กณฺฏกุทฺธรณํ วิย รูเปเนวสฺสา รูปมทนิมฺมทนํ สปฺปาย’’นฺติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตสฺสา วิหารํ ปวิสนสมเย เอกํ ปน อภิรูปํ อิตฺถึ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ รตฺตวตฺถนิวตฺถํ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตํ พีชนึ คเหตฺวา อตฺตโน สนฺติเก ตฺวา พีชยมานํ อิทฺธิพเลน อภินิมฺมินิ. ตํ โข ปน อิตฺถึ สตฺถา เจว ปสฺสติ รูปนนฺทา จ. สา ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหารํ ปวิสิตฺวา ภิกฺขุนีนํ ปิฏฺิปสฺเส ตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ภิกฺขุนีนํ อนฺตเร นิสินฺนา ปาทนฺตโต ปฏฺาย สตฺถารํ โอโลเกนฺตี ลกฺขณวิจิตฺตํ อนุพฺยฺชนสมุชฺชลํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺตํ สตฺถุ สรีรํ ทิสฺวา ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ โอโลเกนฺตี สมีเป ิตํ อิตฺถิรูปํ อทฺทส ¶ . สา ตํ โอโลเกตฺวา อตฺตภาวํ โอโลเกนฺตี สุวณฺณราชหํสิยา ปุรโต กากีสทิสํ อตฺตานํ อวมฺิ. อิทฺธิมยรูปํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาเยว หิ ตสฺสา อกฺขีนิ ภมึสุ. สา ‘‘อโห อิมิสฺสา เกสา โสภนา, อโห นลาฏํ โสภน’’นฺติ สพฺเพสํ สารีรปฺปเทสานํ รูปสิริยา สมากฑฺฒิตจิตฺตา ตสฺมึ รูเป พลวสิเนหา อโหสิ.
สตฺถา ตสฺสา ตตฺถ อภิรตึ ตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโตว ตํ รูปํ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกภาวํ อติกฺกมิตฺวา วีสติวสฺสุทฺเทสิกํ กตฺวา ทสฺเสสิ. รูปนนฺทา โอโลเกตฺวา ‘‘น วติทํ รูปํ ปุริมสทิส’’นฺติ โถกํ วิรตฺตจิตฺตา อโหสิ. สตฺถา อนุกฺกเมเนว ตสฺสา อิตฺถิยา สกึ วิชาตวณฺณํ มชฺฌิมิตฺถิวณฺณํ ชราชิณฺณมหลฺลิกิตฺถิวณฺณฺจ ทสฺเสสิ. สาปิ อนุปุพฺเพเนว ‘‘อิทมฺปิ อนฺตรหิตํ, อิทมฺปิ อนฺตรหิต’’นฺติ ชราชิณฺณกาเล ตํ วิรชฺชมานา ขณฺฑทนฺตึ ปลิตสิรํ โอภคฺคํ โคปานสิวงฺกํ ทณฺฑปรายณํ ปเวธมานํ ทิสฺวา อติวิย วิรชฺชิ. อถ สตฺถา ตํ พฺยาธินา อภิภูตํ กตฺวา ทสฺเสสิ. สา ตงฺขณฺเว ทณฺฑฺจ ตาลวณฺฏฺจ ฉฑฺเฑตฺวา มหาวิรวํ ¶ วิรวมานา ภูมิยํ ปติตฺวา สเก มุตฺตกรีเส นิมุคฺคา อปราปรํ ปริวตฺติ. รูปนนฺทา ตมฺปิ ¶ ทิสฺวา อติวิย วิรชฺชิ. สตฺถาปิ ตสฺสา อิตฺถิยา มรณํ ทสฺเสสิ. สา ตงฺขณํเยว อุทฺธุมาตกภาวํ อาปชฺชิ, นวหิ วณมุเขหิ ปุพฺพวฏฺฏิโย เจว ปุฬวา จ ปคฺฆรึสุ, กากาทโย สนฺนิปติตฺวา วิลุมฺปึสุ. รูปนนฺทาปิ ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ อิตฺถี อิมสฺมึเยว าเน ชรํ ปตฺตา, พฺยาธึ ปตฺตา, มรณํ ปตฺตา, อิมสฺสาปิ เม อตฺตภาวสฺส เอวเมว ชราพฺยาธิมรณานิ อาคมิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตภาวํ อนิจฺจโต ปสฺสิ. อนิจฺจโต ทิฏฺตฺตา เอว ปน ทุกฺขโต อนตฺตโต ทิฏฺโเยว โหติ. อถสฺสา ตโย ภวา อาทิตฺตา เคหา วิย คีวาย พทฺธกุณปํ วิย จ ¶ อุปฏฺหึสุ, กมฺมฏฺานาภิมุขํ จิตฺตํ ปกฺขนฺทิ. สตฺถา ตาย อนิจฺจโต ทิฏฺภาวํ ตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสติ นุ โข สยเมว อตฺตโน ปติฏฺํ กาตุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘น สกฺขิสฺสติ, พหิทฺธา ปจฺจยํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺสา สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสนฺโต อาห –
‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส นนฺเท สมุสฺสยํ;
อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภิปตฺถิตํ.
‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิทํ;
ธาตุโต สฺุโต ปสฺส, มา โลกํ ปุนราคมิ;
ภเว ฉนฺทํ วิราเชตฺวา, อุปสนฺโต จริสฺสตี’’ติ. –
อิตฺถํ ¶ สุทํ ภควา นนฺทํ ภิกฺขุนึ อารพฺภ อิมา คาถาโย อภาสิตฺถาติ. นนฺทา เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อถสฺสา อุปริ ติณฺณํ มคฺคผลานํ วิปสฺสนาปริวาสตฺถาย สฺุตากมฺมฏฺานํ กเถตุํ, ‘‘นนฺเท, มา ‘อิมสฺมึ สรีเร สาโร อตฺถี’ติ สฺํ กริ. อปฺปมตฺตโกปิ หิ เอตฺถ สาโร นตฺถิ, ตีณิ อฏฺิสตานิ อุสฺสาเปตฺวา กตํ อฏฺินครเมต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อฏฺีนํ นครํ กตํ, มํสโลหิตเลปนํ;
ยตฺถ ชรา จ มจฺจุ จ, มาโน มกฺโข จ โอหิโต’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยเถว หิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณาทีนํ โอทหนตฺถาย กฏฺานิ อุสฺสาเปตฺวา วลฺลีหิ พนฺธิตฺวา มตฺติกาย วิลิมฺเปตฺวา นครสงฺขาตํ พหิทฺธา เคหํ ¶ กโรนฺติ, เอวมิทํ อชฺฌตฺติกมฺปิ ตีณิ อฏฺิสตานิ อุสฺสาเปตฺวา นฺหารุวินทฺธํ มํสโลหิตเลปนํ ตจปฏิจฺฉนฺนํ ชีรณลกฺขณาย ชราย มรณลกฺขณสฺส มจฺจุโน อาโรหสมฺปทาทีนิ ปฏิจฺจ มฺนลกฺขณสฺส มานสฺส สุกตการณวินาสนลกฺขณสฺส มกฺขสฺส จ โอทหนตฺถาย ¶ นครํ กตํ. เอวรูโป เอว หิ เอตฺถ กายิกเจตสิโก อาพาโธ โอหิโต, อิโต อุทฺธํ กิฺจิ คยฺหูปคํ นตฺถีติ.
เทสนาวสาเน สา เถรี อรหตฺตํ ปาปุณิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ชนปทกลฺยาณี รูปนนฺทาเถรีวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. มลฺลิกาเทวีวตฺถุ
ชีรนฺติ ¶ เวติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มลฺลิกํ เทวึ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร เอกทิวสํ นฺหานโกฏฺกํ ปวิฏฺา มุขํ โธวิตฺวา โอนตสรีรา ชงฺฆํ โธวิตุํ อารภิ. ตาย จ สทฺธึเยว ปวิฏฺโ เอโก วลฺลภสุนโข อตฺถิ. โส ตํ ตถา โอนตํ ทิสฺวา อสทฺธมฺมสนฺถวํ กาตุํ อารภิ. สา ผสฺสํ สาทิยนฺตี อฏฺาสิ. ราชาปิ อุปริปาสาเท วาตปาเนน โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ตโต อาคตกาเล ‘‘นสฺส, วสลิ, กสฺมา เอวรูปมกาสี’’ติ อาห. กึ มยา กตํ, เทวาติ. สุนเขน สทฺธึ สนฺถโวติ. นตฺเถตํ, เทวาติ. มยา สามํ ทิฏฺํ, นาหํ ตว สทฺทหิสฺสามิ, นสฺส, วสลีติ. ‘‘มหาราช, โย โกจิ อิมํ โกฏฺกํ ปวิฏฺโ อิมินา วาตปาเนน โอโลเกนฺตสฺส เอโกว ทฺวิธา ปฺายตี’’ติ อภูตํ กเถสิ. เทว, สเจ เม สทฺทหสิ, เอตํ โกฏฺกํ ปวิส, อหํ ตํ อิมินา วาตปาเนน ¶ โอโลเกสฺสามีติ. ราชา มูฬฺหธาตุโก ตสฺสา วจนํ สทฺทหิตฺวา โกฏฺกํ ปาวิสิ. สาปิ โข เทวี วาตปาเน ตฺวา โอโลเกนฺตี ‘‘อนฺธพาล, มหาราช, กึ นาเมตํ, อชิกาย สทฺธึ สนฺถวํ กโรสี’’ติ อาห. ‘‘นาหํ, ภทฺเท, เอวรูปํ กโรมี’’ติ จ วุตฺเตปิ ‘‘มยา สามํ ทิฏฺํ, นาหํ ตว สทฺทหิสฺสามี’’ติ อาห.
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา ‘‘อทฺธา อิมํ โกฏฺกํ ปวิฏฺโ เอโกว ทฺวิธา ปฺายตี’’ติ สทฺทหิ. มลฺลิกา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา อนฺธพาลตาย มยา วฺจิโต, ปาปํ เม กตํ, อยฺจ เม อภูเตน อพฺภาจิกฺขิโต, อิทํ เม กมฺมํ สตฺถาปิ ชานิสฺสติ, ทฺเว อคฺคสาวกาปิ อสีติ มหาสาวกาปิ ชานิสฺสนฺติ, อโห วต เม ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ. อยํ กิร รฺโ อสทิสทาเน สหายิกา อโหสิ. ตตฺถ จ เอกทิวสํ กตปริจฺจาโค ธนสฺส จุทฺทสโกฏิอคฺฆนโก อโหสิ. ตถาคตสฺส เสตจฺฉตฺตํ นิสีทนปลฺลงฺโก อาธารโก ปาทปีนฺติ อิมานิ ปน จตฺตาริ อนคฺฆาเนว อเหสุํ. สา มรณกาเล เอวรูปํ มหาปริจฺจาคํ นานุสฺสริตฺวา ตเทว ปาปกมฺมํ อนุสฺสรนฺตี กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. รฺโ ปน สา อติวิย ปิยา อโหสิ. โส พลวโสกาภิภูโต ตสฺสา สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา ‘‘นิพฺพตฺตฏฺานมสฺสา ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ยถา โส อาคตการณํ น สรติ, ตถา อกาสิ. โส สตฺถุ สนฺติเก สารณียธมฺมกถํ ¶ สุตฺวา เคหํ ปวิฏฺกาเล สริตฺวา ‘‘อหํ ภเณ มลฺลิกาย นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉิสฺสามีติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปมุฏฺโ, สฺเว ปุน ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ปุนทิวเสปิ อคมาสิ. สตฺถาปิ ปฏิปาฏิยา สตฺต ทิวสานิ ยถา โส น สรติ ¶ , ตถา อกาสิ. สาปิ สตฺตาหเมว นิรเย ปจฺจิตฺวา อฏฺเม ทิวเส ตโต จุตา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. กสฺมา ปนสฺส สตฺถา อสรณภาวํ อกาสีติ? สา กิร ตสฺส อติวิย ปิยา อโหสิ มนาปา, ตสฺมา ตสฺสา นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ สุตฺวา ‘‘สเจ เอวรูปา สทฺธาสมฺปนฺนา นิรเย นิพฺพตฺตา, ทานํ ทตฺวา กึ กริสฺสามี’’ติ มิจฺฉาทิฏฺึ คเหตฺวา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ เคเห ปวตฺตํ นิจฺจภตฺตํ หราเปตฺวา นิรเย นิพฺพตฺเตยฺย, เตนสฺส สตฺถา สตฺตาหํ อสรณภาวํ กตฺวา อฏฺเม ทิวเส ปิณฺฑาย จรนฺโต สยเมว ราชกุลทฺวารํ อคมาสิ.
ราชา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปตฺตํ อาทาย ปาสาทํ อภิรุหิตุํ อารภิ. สตฺถา ปน รถสาลาย นิสีทิตุํ อาการํ ทสฺเสสิ. ราชา สตฺถารํ ตตฺเถว นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชเกน ปฏิมาเนตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺโนว อหํ, ภนฺเต, มลฺลิกาย เทวิยา นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉิสฺสามีติ คนฺตฺวา ปมุฏฺโ, กตฺถ นุ โข สา, ภนฺเต, นิพฺพตฺตาติ. ตุสิตภวเน, มหาราชาติ, ภนฺเต, ตาย ตุสิตภวเน อนิพฺพตฺตนฺติยา โก อฺโ นิพฺพตฺติสฺสติ ¶ , ภนฺเต, นตฺถิ ตาย สทิสา อิตฺถี. ตสฺสา หิ นิสินฺนฏฺานาทีสุ ‘‘สฺเว ตถาคตสฺส ¶ อิทํ ทสฺสามิ, อิทํ กริสฺสามี’’ติ ทานสํวิธานํ เปตฺวา อฺํ กิจฺจเมว นตฺถิ, ภนฺเต, ตสฺสา ปรโลกํ คตกาลโต ปฏฺาย สรีรํ เม น วหตีติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราช, สพฺเพสํ ธุวธมฺโม อย’’นฺติ วตฺวา ‘‘อยํ, มหาราช, รโถ กสฺสา’’ติ ปุจฺฉิ. ตํ สุตฺวา ราชา สิรสฺมึ อฺชลึ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ปิตามหสฺส เม, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘อยํ กสฺสา’’ติ? ‘‘ปิตุ เม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อยํ ปน รโถ กสฺสา’’ติ? ‘‘มม, ภนฺเต’’ติ. เอวํ วุตฺเต สตฺถา, ‘‘มหาราช, ตว ปิตามหสฺส รโถ เตเนวากาเรน ตว ปิตุ รถํ น ปาปุณิ, ตว ปิตุ รโถ ตว รถํ น ปาปุณิ, เอวรูปสฺส นาม กฏฺกลิงฺครสฺสาปิ ชรา อาคจฺฉติ, กิมงฺคํ ปน อตฺตภาวสฺส. มหาราช, สปฺปุริสธมฺมสฺเสว หิ ชรา นตฺถิ, สตฺตา ปน อชีรกา นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา,
อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ;
สตฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ,
สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺตี’’ติ.
ตตฺถ เวติ นิปาโต. สุจิตฺตาติ สตฺตหิ รตเนหิ อปเรหิ จ รถาลงฺกาเรหิ สุฏฺุ จิตฺติตา ราชูนํ รถาปิ ชีรนฺติ. สรีรมฺปีติ น เกวลํ รถา เอว, อิทํ สุปฺปฏิชคฺคิตํ ¶ สรีรมฺปิ ขณฺฑิจฺจาทีนิ ¶ ปาปุณนฺตํ ชรํ อุเปติ. สตฺจาติ พุทฺธาทีนํ ปน สนฺตานํ นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม จ กิฺจิ อุปฆาตํ น อุเปตีติ น ชรํ อุเปติ นาม. ปเวทยนฺตีติ เอวํ สนฺโต พุทฺธาทโย สพฺภิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ กเถนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มลฺลิกาเทวีวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ลาฬุทายิตฺเถรวตฺถุ
อปฺปสฺสุตายนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาฬุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร มงฺคลํ กโรนฺตานํ เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๗.๑; เป. ว. ๑๔) นเยน อวมงฺคลํ กเถติ, อวมงฺคลํ กโรนฺตานํ เคหํ คนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏาทีสุ กเถตพฺเพสุ ‘‘ทานฺจ ธมฺมจริยา จา’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๕.๗; สุ. นิ. ๒๖๖) นเยน มงฺคลคาถา วา ‘‘ยํ กิฺจิ วิตฺตํ อิธ วา หุรํ วา’’ติ รตนสุตฺตํ (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) วา กเถติ. เอวํ เตสุ เตสุ าเนสุ ‘‘อฺํ กเถสฺสามี’’ติ อฺํ กเถนฺโตปิ ‘‘อฺํ กเถมี’’ติ น ชานาติ. ภิกฺขู ตสฺส กถํ สุตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ – ‘‘กึ, ภนฺเต, ลาฬุทายิสฺส มงฺคลามงฺคลฏฺาเนสุ คมเนน, อฺสฺมึ กเถตพฺเพ อฺเมว ¶ กเถตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส เอวํ กเถติ, ปุพฺเพปิ อฺสฺมึ กเถตพฺเพ อฺเมว กเถสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีเต กิร พาราณสิยํ อคฺคิทตฺตสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต โสมทตฺตกุมาโร นาม ราชานํ อุปฏฺหิ. โส รฺา ปิโย อโหสิ มนาโป. พฺราหฺมโณ ปน กสิกมฺมํ นิสฺสาย ชีวติ. ตสฺส ทฺเวเยว โคณา อเหสุํ. เตสุ เอโก มโต. พฺราหฺมโณ ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, โสมทตฺต, ราชานํ เม ยาจิตฺวา เอกํ โคณํ อาหรา’’ติ. โสมทตฺโต ‘‘สจาหํ ราชานํ ยาจิสฺสามิ, ลหุภาโว เม ปฺายิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเหเยว, ตาต, ราชานํ ยาจถา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ, ตาต, มํ คเหตฺวา ยาหี’’ติ วุตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ทนฺธปฺโ อภิกฺกมาทิวจนมตฺตมฺปิ น ชานาติ, อฺสฺมึ วตฺตพฺเพ อฺเมว วทติ, สิกฺขาเปตฺวา ปน นํ เนสฺสามี’’ติ. โส ตํ อาทาย พีรณตฺถมฺภกํ นาม สุสานํ คนฺตฺวา ติณกลาเป พนฺธิตฺวา ‘‘อยํ ¶ ราชา, อยํ อุปราชา, อยํ เสนาปตี’’ติ นามานิ กตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิตุ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ราชกุลํ คนฺตฺวา เอวํ อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ ปฏิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ นาม ราชา วตฺตพฺโพ, เอวํ นาม อุปราชา, ราชานํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา ‘ชยตุ ภวํ, มหาราชา’ติ วตฺวา เอวํ ตฺวา อิมํ ¶ คาถํ วตฺวา โคณํ ยาเจยฺยาถา’’ติ คาถํ อุคฺคณฺหาเปสิ –
‘‘ทฺเว เม โคณา มหาราช, เยหิ เขตฺตํ กสามเส;
เตสุ เอโก มโต เทว, ทุติยํ เทหิ ขตฺติยา’’ติ.
โส หิ สํวจฺฉรมตฺเตน ตํ คาถํ ปคุณํ กตฺวา ปคุณภาวํ ปุตฺตสฺส อาโรเจตฺวา ‘‘เตน หิ, ตาต, กฺจิเทว ปณฺณาการํ อาทาย อาคจฺฉถ, อหํ ¶ ปุริมตรํ คนฺตฺวา รฺโ สนฺติเก สฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ปณฺณาการํ คเหตฺวา โสมทตฺตสฺส รฺโ สนฺติเก ิตกาเล อุสฺสาหปฺปตฺโต ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา ตุฏฺจิตฺเตน กตปฏิสมฺโมทโน, ‘‘ตาต, จิรสฺสํ วต อาคตตฺถ, อิทมาสนํ นิสีทิตฺวา วทถ, เยนตฺโถ’’ติ วุตฺเต อิมํ คาถมาห –
‘‘ทฺเว เม โคณา มหาราช, เยหิ เขตฺตํ กสามเส;
เตสุ เอโก มโต เทว, ทุติยํ คณฺห ขตฺติยา’’ติ.
รฺา ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, ปุน วเทหี’’ติ วุตฺเตปิ ตเมว คาถํ อาห. ราชา เตน วิรชฺฌิตฺวา กถิตภาวํ ตฺวา สิตํ กตฺวา, ‘‘โสมทตฺต, ตุมฺหากํ เคเห พหู มฺเ โคณา’’ติ วตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ทินฺนา พหู ภวิสฺสนฺติ, เทวา’’ติ วุตฺเต โพธิสตฺตสฺส ตุสฺสิตฺวา พฺราหฺมณสฺส โสฬส โคเณ อลงฺการภณฺฑกํ นิวาสคามฺจสฺส พฺรหฺมเทยฺยํ ทตฺวา มหนฺเตน ยเสน พฺราหฺมณํ อุยฺโยเชสีติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, พฺราหฺมโณ ลาฬุทายี, โสมทตฺโต ปน อหเมวา’’ติ ชาตกํ ¶ สโมธาเนตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อตฺตโน อปฺปสฺสุตตาย อฺสฺมึ วตฺตพฺเพ อฺเมว วทติ. อปฺปสฺสุตปุริโส หิ พลิพทฺทสทิโส นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปฺปสฺสุตายํ ปุริโส, พลิพทฺโทว ชีรติ;
มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺติ, ปฺา ตสฺส น วฑฺฒตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อปฺปสฺสุตายนฺติ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา ปณฺณาสกานํ. อถ วา ปน วคฺคานํ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา สุตฺตนฺตานํ วาปิ อภาเวน อปฺปสฺสุโต อยํ. กมฺมฏฺานํ ปน อุคฺคเหตฺวา อนุยฺุชนฺโต พหุสฺสุโตว. พลิพทฺโทว ชีรตีติ ยถา หิ พลิพทฺโท ชีรมาโน วฑฺฒมาโน เนว มาตุ, น ปิตุ, น เสสาตกานํ อตฺถาย วฑฺฒติ, อถ โข นิรตฺถกเมว ชีรติ, เอวเมวํ อยมฺปิ น อุปชฺฌายวตฺตํ กโรติ, น อาจริยวตฺตํ, น อาคนฺตุกวตฺตาทีนิ, น ภาวนารามตํ อนุยฺุชติ, นิรตฺถกเมว ชีรติ, มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺตีติ ยถา พลิพทฺทสฺส ‘‘ยุคนงฺคลาทีนิ วหิตุํ อสมตฺโถ เอโส’’ติ อรฺเ วิสฺสฏฺสฺส ตตฺเถว วิจรนฺตสฺส ¶ ขาทนฺตสฺส ปิวนฺตสฺส มํสานิ วฑฺฒนฺติ, เอวเมว อิมสฺสาปิ อุปชฺฌายาทีหิ วิสฺสฏฺสฺส สงฺฆํ นิสฺสาย จตฺตาโร ปจฺจเย ลภิตฺวา อุทฺธวิเรจนาทีนิ กตฺวา กายํ โปเสนฺตสฺส ¶ มํสานิ วฑฺฒนฺติ, ถูลสรีโร หุตฺวา วิจรติ. ปฺา ตสฺสาติ โลกิยโลกุตฺตรา ปนสฺส ปฺา เอกงฺคุลมตฺตาปิ น วฑฺฒติ, อรฺเ ปน คจฺฉลตาทีนิ วิย ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย ตณฺหา เจว นววิธมาโน จ วฑฺฒตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน มหาชโน โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณีติ.
ลาฬุทายิตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. อุทานวตฺถุ
อเนกชาติสํสารนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน อุทานวเสน อุทาเนตฺวา อปรภาเค อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ กเถสิ.
โส หิ โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน สูริเย อนตฺถงฺคเตเยว มารพลํ วิทฺธํเสตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสปฏิจฺฉาทกํ ตมํ ปทาเลตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม สตฺเตสุ การฺุตํ ปฏิจฺจ ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา ตํ อนุโลมปฏิโลมวเสน สมฺมสนฺโต อรุณุคฺคมนเวลาย สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อเนเกหิ พุทฺธสตสหสฺเสหิ อวิชหิตํ อุทานํ อุทาเนนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.
‘‘คหการก ¶ ¶ ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ.
ตตฺถ คหการํ คเวสนฺโตติ อหํ อิมสฺส อตฺตภาวสงฺขาตสฺส เคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ คเวสนฺโต เยน าเณน สกฺกา ตํ ทฏฺุํ ¶ , ตสฺส โพธิาณสฺสตฺถาย ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาโร เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสํสารํ อเนกชาติสตสหสฺสสงฺขาตํ อิมํ สํสารวฏฺฏํ อนิพฺพิสํ ตํ าณํ อวินฺทนฺโต อลภนฺโตเยว สนฺธาวิสฺสํ สํสรึ, อปราปรํ อนุวิจรินฺติ อตฺโถ. ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนนฺติ อิทํ คหการกคเวสนสฺส การณวจนํ. ยสฺมา ชราพฺยาธิมรณมิสฺสิตาย ชาติ นาเมสา ปุนปฺปุนํ อุปคนฺตุํ ทุกฺขา, น จ สา ตสฺมึ อทิฏฺเ นิวตฺตติ. ตสฺมา ตํ คเวสนฺโต สนฺธาวิสฺสนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺโสีติ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเตน มยา อิทานิ ทิฏฺโสิ. ปุน เคหนฺติ ปุน อิมสฺมึ สํสารวฏฺเฏ อตฺตภาวสงฺขาตํ มม เคหํ น กาหสิ. สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคาติ ตว สพฺพา อวเสสา กิเลสผาสุกา มยา ภคฺคา. คหกูฏํ วิสงฺขตนฺติ อิมสฺส ตยา กตสฺส อตฺตภาวเคหสฺส อวิชฺชาสงฺขาตํ ¶ กณฺณิกมณฺฑลมฺปิ มยา วิทฺธํสิตํ. วิสงฺขารคตํ จิตฺตนฺติ อิทานิ มม จิตฺตํ วิสงฺขารํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสน คตํ อนุปวิฏฺํ. ตณฺหานํ ขยมชฺฌคาติ ตณฺหานํ ขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ อธิคโตสฺมีติ.
อุทานวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. มหาธนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ
อจริตฺวาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อิสิปตเน มิคทาเย วิหรนฺโต มหาธนเสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร พาราณสิยํ อสีติโกฏิวิภเว กุเล นิพฺพตฺติ. อถสฺส มาตาปิตโร จินฺเตสุํ – ‘‘อมฺหากํ กุเล มหาโภคกฺขนฺโธ, ปุตฺตสฺส โน หตฺเถ เปตฺวา ยถาสุขํ ปริโภคํ กริสฺสาม, อฺเน กมฺเมน กิจฺจํ นตฺถี’’ติ. ตํ นจฺจคีตวาทิตมตฺตเมว สิกฺขาเปสุํ. ตสฺมึเยว นคเร อฺสฺมึ อสีติโกฏิวิภเว กุเล เอกา ธีตาปิ นิพฺพตฺติ. ตสฺสาปิ มาตาปิตโร ตเถว จินฺเตตฺวา ตํ นจฺจคีตวาทิตมตฺตเมว สิกฺขาเปสุํ. เตสํ วยปฺปตฺตานํ อาวาหวิวาโห อโหสิ. อถ เนสํ อปรภาเค มาตาปิตโร กาลมกํสุ. ทฺเวอสีติโกฏิธนํ เอกสฺมึเยว ¶ เคเห อโหสิ. เสฏฺิปุตฺโต ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ รฺโ ¶ อุปฏฺานํ คจฺฉติ. อถ ตสฺมึ นคเร ธุตฺตา จินฺเตสุํ – ‘‘สจายํ เสฏฺิปุตฺโต สุราโสณฺโฑ ภวิสฺสติ, อมฺหากํ ผาสุกํ ภวิสฺสติ, อุคฺคณฺหาเปม นํ สุราโสณฺฑภาว’’นฺติ. เต สุรํ อาทาย ขชฺชกมํเส เจว โลณสกฺขรา ¶ จ ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา มูลกนฺเท คเหตฺวา ตสฺส ราชกุลโต อาคจฺฉนฺตสฺส มคฺคํ โอโลกยมานา นิสีทิตฺวา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สุรํ ปิวิตฺวา โลณสกฺขรํ มุเข ขิปิตฺวา มูลกนฺทํ ฑํสิตฺวา ‘‘วสฺสสตํ ชีว สามิ, เสฏฺิปุตฺต, ตํ นิสฺสาย มยํ ขาทนปิวนสมตฺถา ภเวยฺยามา’’ติ อาหํสุ. โส เตสํ วจนํ สุตฺวา ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ จูฬูปฏฺากํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ เอเต ปิวนฺตี’’ติ. เอกํ ปานกํ, สามีติ. มนาปชาติกํ เอตนฺติ. สามิ, อิมสฺมึ ชีวโลเก อิมินา สทิสํ ปาตพฺพยุตฺตกํ นาม นตฺถีติ. โส ‘‘เอวํ สนฺเต มยาปิ ปาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โถกํ โถกํ อาหราเปตฺวา ปิวติ. อถสฺส นจิรสฺเสว เต ธุตฺตา ปิวนภาวํ ตฺวา ตํ ปริวารยึสุ. คจฺฉนฺเต กาเล ปริวาโร มหา อโหสิ. โส สเตนปิ สตทฺวเยนปิ สุรํ อาหราเปตฺวา ปิวนฺโต อิมินา อนุกฺกเมเนว นิสินฺนฏฺานาทีสุ กหาปณราสึ เปตฺวา สุรํ ปิวนฺโต ‘‘อิมินา มาลา อาหรถ, อิมินา คนฺเธ, อยํ ชโน ชุเต เฉโก, อยํ นจฺเจ, อยํ คีเต, อยํ วาทิเต. อิมสฺส สหสฺสํ เทถ, อิมสฺส ทฺเว สหสฺสานี’’ติ เอวํ วิกิรนฺโต นจิรสฺเสว อตฺตโน สนฺตกํ อสีติโกฏิธนํ เขเปตฺวา ‘‘ขีณํ เต, สามิ, ธน’’นฺติ วุตฺเต กึ ภริยาย เม สนฺตกํ นตฺถีติ. อตฺถิ, สามีติ ¶ . เตน หิ ตํ อาหรถาติ. ตมฺปิ ตเถว เขเปตฺวา อนุปุพฺเพน เขตฺตอารามุยฺยานโยคฺคาทิกมฺปิ อนฺตมโส ภาชนภณฺฑกมฺปิ อตฺถรณปาวุรณนิสีทนมฺปิ สพฺพํ อตฺตโน สนฺตกํ วิกฺกิณิตฺวา ขาทิ. อถ นํ มหลฺลกกาเล เยหิสฺส กุลสนฺตกํ เคหํ วิกฺกิณิตฺวา คหิตํ, เต ตํ เคหา นีหรึสุ. โส ภริยํ อาทาย ปรชนสฺส เคหภิตฺตึ นิสฺสาย วสนฺโต กปาลขณฺฑํ อาทาย ภิกฺขาย จริตฺวา ชนสฺส อุจฺฉิฏฺกํ ภฺุชิตุํ อารภิ.
อถ นํ เอกทิวสํ อาสนสาลาย ทฺวาเร ตฺวา ทหรสามเณเรหิ ทิยฺยมานํ อุจฺฉิฏฺกโภชนํ ปฏิคฺคณฺหนฺตํ ทิสฺวา สตฺถา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อถ นํ อานนฺทตฺเถโร สิตการณํ ปุจฺฉิ. สตฺถา สิตการณํ กเถนฺโต ‘‘ปสฺสานนฺท, อิมํ มหาธนเสฏฺิปุตฺตํ อิมสฺมึ นคเร ทฺเวอสีติโกฏิธนํ ¶ เขเปตฺวา ภริยํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตํ. สเจ หิ อยํ ปมวเย โภเค อเขเปตฺวา กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, อิมสฺมึเยว นคเร อคฺคเสฏฺิ อภวิสฺส. สเจ ปน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺส, อรหตฺตํ ปาปุณิสฺส, ภริยาปิสฺส อนาคามิผเล ปติฏฺหิสฺส. สเจ มชฺฌิมวเย โภเค อเขเปตฺวา กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, ทุติยเสฏฺิ อภวิสฺส, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนฺโต อนาคามี อภวิสฺส. ภริยาปิสฺส สกทาคามิผเล ปติฏฺหิสฺส. สเจ ปจฺฉิมวเย โภเค อเขเปตฺวา กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, ตติยเสฏฺิ อภวิสฺส, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนฺโตปิ ¶ สกทาคามี อภวิสฺส ¶ , ภริยาปิสฺส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺส. อิทานิ ปเนส คิหิโภคโตปิ ปริหีโน สามฺโตปิ. ปริหายิตฺวา จ ปน สุกฺขปลฺลเล โกฺจสกุโณ วิย ชาโต’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อจริตฺวา พฺรหฺมจริยํ, อลทฺธา โยพฺพเน ธนํ;
ชิณฺณโกฺจาว ฌายนฺติ, ขีณมจฺเฉว ปลฺลเล.
‘‘อจริตฺวา พฺรหฺมจริยํ, อลทฺธา โยพฺพเน ธนํ;
เสนฺติ จาปาติขีณาว, ปุราณานิ อนุตฺถุน’’นฺติ.
ตตฺถ อจริตฺวาติ พฺรหฺมจริยวาสํ อวสิตฺวา. โยพฺพเนติ อนุปฺปนฺเน วา โภเค อุปฺปาเทตุํ อุปฺปนฺเน วา โภเค รกฺขิตุํ สมตฺถกาเล ธนมฺปิ อลภิตฺวา. ขีณมจฺเฉติ เต เอวรูปา พาลา อุทกสฺส อภาวา ขีณมจฺเฉ ปลฺลเล ปริกฺขีณปตฺตา ชิณฺณโกฺจา วิย อวฌายนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปลฺลเล อุทกสฺส อภาโว วิย หิ อิเมสํ วสนฏฺานสฺส อภาโว, มจฺฉานํ ขีณภาโว วิย อิเมสํ โภคานํ อภาโว, ขีณปตฺตานํ โกฺจานํ อุปฺปติตฺวา คมนาภาโว วิย อิเมสํ อิทานิ ชลถลปถาทีหิ โภเค สณฺาเปตุํ อสมตฺถภาโว. ตสฺมา เต ขีณปตฺตา โกฺจา วิย เอตฺเถว พชฺฌิตฺวา อวฌายนฺตีติ. จาปาติขีณาวาติ จาปโต อติขีณา, จาปา วินิมุตฺตาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา จาปา วินิมุตฺตา สรา ยถาเวคํ คนฺตฺวา ปติตา, ตํ คเหตฺวา อุกฺขิปนฺเต ¶ อสติ ตตฺเถว อุปจิกานํ ภตฺตํ โหนฺติ, เอวํ อิเมปิ ตโย ¶ วเย อติกฺกนฺตา อิทานิ อตฺตานํ อุทฺธริตุํ อสมตฺถตาย มรณํ อุปคมิสฺสนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เสนฺติ จาปาติขีณาวา’’ติ. ปุราณานิ อนุตฺถุนนฺติ ‘‘อิติ อมฺเหหิ ขาทิตํ อิติ ปีต’’นฺติ ปุพฺเพ กตานิ ขาทิตปิวิตนจฺจคีตวาทิตาทีนิ อนุตฺถุนนฺตา โสจนฺตา อนุโสจนฺตา เสนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาธนเสฏฺิปุตฺตวตฺถุ นวมํ.
ชราวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกาทสโม วคฺโค.
๑๒. อตฺตวคฺโค
๑. โพธิราชกุมารวตฺถุ
อตฺตานฺเจติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เภสกฬาวเน วิหรนฺโต โพธิราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ปถวีตเล อฺเหิ ปาสาเทหิ อสทิสรูปํ อากาเส อุปฺปตมานํ วิย โกกนุทํ นาม ปาสาทํ กาเรตฺวา วฑฺฒกึ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ ตยา อฺตฺถาปิ เอวรูโป ปาสาโท กตปุพฺโพ, อุทาหุ ปมสิปฺปเมว เต อิท’’นฺติ. ‘‘ปมสิปฺปเมว, เทวา’’ติ จ วุตฺเต จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อยํ อฺสฺสปิ เอวรูปํ ปาสาทํ กริสฺสติ, อยํ ปาสาโท อนจฺฉริโย ภวิสฺสติ. อิมํ มยา มาเรตุํ วา หตฺถปาเท วาสฺส ฉินฺทิตุํ อกฺขีนิ วา อุปฺปาเฏตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อฺสฺส ปาสาทํ น กริสฺสตี’’ติ. โส ตมตฺถํ อตฺตโน ปิยสหายกสฺส สฺชีวกปุตฺตสฺส นาม มาณวกสฺส กเถสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘นิสฺสํสยํ เอส วฑฺฒกึ นาเสสฺสติ, อนคฺโฆ สิปฺปี, โส มยิ ปสฺสนฺเต มา นสฺสตุ, สฺมสฺส ทสฺสามี’’ติ. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาสาเท เต กมฺมํ นิฏฺิตํ, โน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นิฏฺิต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ราชกุมาโร ตํ นาเสตุกาโม อตฺตานํ รกฺเขยฺยาสี’’ติ อาห ¶ . วฑฺฒกีปิ ‘‘ภทฺทกํ เต, สามิ, กตํ มม อาโรเจนฺเตน, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ, สมฺม, อมฺหากํ ปาสาเท กมฺมํ นิฏฺิต’’นฺติ ราชกุมาเรน ปุฏฺโ ‘‘น ตาว, เทว, นิฏฺิตํ, พหุ อวสิฏฺ’’นฺติ อาห. กึ กมฺมํ นาม อวสิฏฺนฺติ? ปจฺฉา, เทว, อาจิกฺขิสฺสามิ, ทารูนิ ตาว อาหราเปถาติ. กึ ทารูนิ นามาติ? นิสฺสารานิ สุกฺขทารูนิ, เทวาติ. โส อาหราเปตฺวา อทาสิ. อถ นํ อาห – ‘‘เทว, เต อิโต ปฏฺาย มม สนฺติกํ นาคนฺตพฺพํ. กึ การณา? สุขุมกมฺมํ กโรนฺตสฺส หิ อฺเหิ สทฺธึ สลฺลปนฺตสฺส เม กมฺมวิกฺเขโป โหติ, อาหารเวลายํ ปน เม ภริยาว อาหารํ อาหริสฺสตี’’ติ. ราชกุมาโรปิ ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. โสปิ เอกสฺมึ คพฺเภ นิสีทิตฺวา ตานิ ทารูนิ ตจฺเฉตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทารสฺส อนฺโต นิสีทนโยคฺคํ ครุฬสกุณํ กตฺวา อาหารเวลาย ปน ภริยํ อาห – ‘‘เคเห วิชฺชมานกํ สพฺพํ วิกฺกิณิตฺวา หิรฺสุวณฺณํ ¶ คณฺหาหี’’ติ. ราชกุมาโรปิ วฑฺฒกิสฺส อนิกฺขมนตฺถาย เคหํ ปริกฺขิปิตฺวา อารกฺขํ เปสิ. วฑฺฒกีปิ ¶ สกุณสฺส นิฏฺิตกาเล ‘‘อชฺช สพฺเพปิ ทารเก คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ ภริยํ วตฺวา ภุตฺตปาตราโส ปุตฺตทารํ สกุณสฺส กุจฺฉิยํ นิสีทาเปตฺวา วาตปาเนน นิกฺขมิตฺวา ปลายิ. โส เตสํ, ‘‘เทว, วฑฺฒกี ปลายตี’’ติ กนฺทนฺตานํเยว คนฺตฺวา หิมวนฺเต โอตริตฺวา เอกํ นครํ มาเปตฺวา กฏฺวาหนราชา นาม ชาโต.
ราชกุมาโรปิ ¶ ‘‘ปาสาทมหํ กริสฺสามี’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปาสาเท จตุชฺชาติยคนฺเธหิ ปริภณฺฑิกํ กตฺวา ปมอุมฺมารโต ปฏฺาย เจลปฏิกํ ปตฺถริ. โส กิร อปุตฺตโก, ตสฺมา ‘‘สจาหํ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลจฺฉามิ, สตฺถา อิมํ อกฺกมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปตฺถริ. โส สตฺถริ อาคเต สตฺถารํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ อาห. สตฺถา น ปาวิสิ, โส ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ยาจิ. สตฺถา อปวิสิตฺวาว อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกสิ. เถโร โอโลกิตสฺาเยว วตฺถานํ อนกฺกมนภาวํ ตฺวา ตํ ‘‘สํหรตุ, ราชกุมาร, ทุสฺสานิ, น ภควา เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสติ, ปจฺฉิมชนตํ ตถาคโต โอโลเกตี’’ติ ทุสฺสานิ สํหราเปสิ. โส ทุสฺสานิ สํหริตฺวา สตฺถารํ อนฺโตนิเวสนํ ปเวสตฺวา ยาคุขชฺชเกน สมฺมาเนตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ ตุมฺหากํ อุปการโก ติกฺขตฺตุํ สรณํ คโต, กุจฺฉิคโต จ กิรมฺหิ เอกวารํ สรณํ คโต, ทุติยํ ตรุณทารกกาเล, ตติยํ วิฺุภาวํ ปตฺตกาเล. ตสฺส เม กสฺมา เจลปฏิกํ น อกฺกมิตฺถา’’ติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ, กุมาร, จินฺเตตฺวา เจลานิ อตฺถรี’’ติ? ‘‘สเจ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา ลจฺฉามิ, สตฺถา เม เจลปฏิกํ อกฺกมิสฺสตี’’ติ อิทํ จินฺเตตฺวา, ภนฺเตติ. เตเนวาหํ ตํ น อกฺกมินฺติ. ‘‘กึ ปนาหํ, ภนฺเต, ปุตฺตํ ¶ วา ธีตรํ วา เนว ลจฺฉามี’’ติ? ‘‘อาม, กุมารา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ปุริมกอตฺตภาเว ชายาย สทฺธึ ปมาทํ อาปนฺนตฺตา’’ติ. ‘‘กสฺมึ กาเล, ภนฺเต’’ติ? อถสฺส สตฺถา อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ –
อตีเต กิร อเนกสตา มนุสฺสา มหติยา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทึสุ. นาวา สมุทฺทมชฺเฌ ภิชฺชิ. ทฺเว ชยมฺปติกา เอกํ ผลกํ คเหตฺวา อนฺตรทีปกํ ปวิสึสุ, เสสา สพฺเพ ตตฺเถว มรึสุ. ตสฺมึ โข ปน ทีปเก ¶ มหาสกุณสงฺโฆ วสติ. เต อฺํ ขาทิตพฺพกํ อทิสฺวา ฉาตชฺฌตฺตา สกุณอณฺฑานิ องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทึสุ, เตสุ อปฺปโหนฺเตสุ สกุณจฺฉาเป คเหตฺวา ขาทึสุ. เอวํ ปมวเยปิ มชฺฌิมวเยปิ ปจฺฉิมวเยปิ ขาทึสุเยว. เอกสฺมิมฺปิ วเย อปฺปมาทํ นาปชฺชึสุ, เอโกปิ จ เนสํ อปฺปมาทํ นาปชฺชิ.
สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสตฺวา ‘‘สเจ หิ ตฺวํ, กุมาร, ตทา เอกสฺมิมฺปิ วเย ภริยาย ¶ สทฺธึ อปฺปมาทํ อาปชฺชิสฺส, เอกสฺมิมฺปิ วเย ปุตฺโต วา ธีตา วา อุปฺปชฺเชยฺย. สเจ ปน โว เอโกปิ อปฺปมตฺโต อภวิสฺส, ตํ ปฏิจฺจ ปุตฺโต วา ธีตา วา อุปฺปชฺชิสฺส. กุมาร, อตฺตานฺหิ ปิยํ มฺมาเนน ตีสุปิ วเยสุ อปฺปมตฺเตน อตฺตา รกฺขิตพฺโพ, เอวํ อสกฺโกนฺเตน เอกวเยปิ รกฺขิตพฺโพเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตานฺเจ ปิยํ ชฺา, รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ;
ติณฺณํ อฺตรํ ยามํ, ปฏิชคฺเคยฺย ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยามนฺติ สตฺถา อตฺตโน ธมฺมิสฺสรตาย เทสนากุสลตาย จ อิธ ติณฺณํ วยานํ อฺตรํ วยํ ยามนฺติ กตฺวา เทเสสิ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สเจ อตฺตานํ ปิยํ ชาเนยฺย, รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตนฺติ ยถา โส สุรกฺขิโต โหติ, เอวํ นํ รกฺเขยฺย. ตตฺถ สเจ คีหี สมาโน ‘‘อตฺตานํ รกฺขิสฺสามี’’ติ อุปริปาสาทตเล สุสํวุตํ คพฺภํ ปวิสิตฺวา สมฺปนฺนารกฺโข หุตฺวา วสนฺโตปิ, ปพฺพชิโต หุตฺวา สุสํวุเต ปิหิตทฺวารวาตปาเน เลเณ วิหรนฺโตปิ อตฺตานํ น รกฺขติเยว. คิหี ปน สมาโน ยถาพลํ ทานสีลาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺโต, ปพฺพชิโต วา ปน วตฺตปฏิวตฺตปริยตฺติมนสิกาเรสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺโต อตฺตานํ รกฺขติ นาม. เอวํ ตีสุ วเยสุ อสกฺโกนฺโต อฺตรสฺมิมฺปิ วเย ปณฺฑิตปุริโส อตฺตานํ ปฏิชคฺคติเยว. สเจ หิ คิหิภูโต ปมวเย ขิฑฺฑาปสุตตาย กุสลํ กาตุํ น สกฺโกติ, มชฺฌิมวเย อปฺปมตฺเตน หุตฺวา กุสลํ กาตพฺพํ. สเจ มชฺฌิมวเย ปุตฺตทารํ โปเสนฺโต กุสลํ กาตุํ น สกฺโกติ, ปจฺฉิมวเย กาตพฺพเมว. เอวมฺปิ กโรนฺเตน อตฺตา ปฏิชคฺคิโตว โหติ. เอวํ อกโรนฺตสฺส ปน อตฺตา ปิโย นาม น โหติ, อปายปรายณเมว นํ กโรติ. สเจ ปน ¶ ปพฺพชิโต ปมวเย สชฺฌายํ กโรนฺโต ธาเรนฺโต วาเจนฺโต วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺโต ปมาทํ อาปชฺชติ, มชฺฌิมวเย อปฺปมตฺเตน สมณธมฺโม ¶ กาตพฺโพ. สเจ ปมวเย อุคฺคหิตปริยตฺติยา อฏฺกถํ วินิจฺฉยํ การณาการณฺจ ปุจฺฉนฺโต มชฺฌิมวเย ปมาทํ อาปชฺชติ, ปจฺฉิมวเย อปฺปมตฺเตน สมณธมฺโม กาตพฺโพเยว. เอวมฺปิ กโรนฺเตน อตฺตา ปฏิชคฺคิโตว โหติ. เอวํ อกโรนฺตสฺส ปน อตฺตา ปิโย นาม น โหติ, ปจฺฉานุตาเปเนว นํ ตาเปตีติ.
เทสนาวสาเน โพธิราชกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
โพธิราชกุมารวตฺถุ ปมํ.
๒. อุปนนฺทสกฺยปุตฺตตฺเถรวตฺถุ
อตฺตานเมว ¶ ปมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เถโร ธมฺมกถํ กเถตุํ เฉโก. ตสฺส อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ สุตฺวา พหู ภิกฺขุ ตํ ติจีวเรหิ ปูเชตฺวา ธุตงฺคานิ สมาทิยึสุ. เตหิ วิสฺสฏฺปริกฺขาเร โสเยว คณฺหิ. โส เอกสฺมึ อนฺโตวสฺเส อุปกฏฺเ ชนปทํ อคมาสิ. อถ นํ เอกสฺมึ วิหาเร ทหรสามเณรา ธมฺมกถิกเปเมน, ‘‘ภนฺเต, อิธ วสฺสํ อุเปถา’’ติ วทึสุ. ‘‘อิธ กิตฺตกํ วสฺสาวาสิกํ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘เอเกโก สาฏโก’’ติ วุตฺเต ตตฺถ อุปาหนา เปตฺวา อฺํ วิหารํ อคมาสิ ¶ . ทุติยํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทฺเว สาฏกา’’ติ วุตฺเต กตฺตรยฏฺึ เปสิ. ตติยํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตโย สาฏกา’’ติ วุตฺเต ตตฺถ อุทกตุมฺพํ เปสิ. จตุตฺถํ วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ กึ ลพฺภตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จตฺตาโร สาฏกา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ อิธ วสิสฺสามี’’ติ ตตฺถ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา คหฏฺานฺเจว ภิกฺขูนฺจ ธมฺมกถํ กเถสิ. เต นํ พหูหิ วตฺเถหิ เจว จีวเรหิ จ ปูเชสุํ. โส วุฏฺวสฺโส อิตเรสุปิ วิหาเรสุ สาสนํ เปเสตฺวา ‘‘มยา ปริกฺขารสฺส ปิตตฺตา วสฺสาวาสิกํ ลทฺธพฺพํ, ตํ เม ปหิณนฺตู’’ติ สพฺพํ อาหราเปตฺวา ยานกํ ปูเรตฺวา ปายาสิ.
อเถกสฺมึ ¶ วิหาเร ทฺเว ทหรภิกฺขู ทฺเว สาฏเก เอกฺจ กมฺพลํ ลภิตฺวา ‘‘ตุยฺหํ สาฏกา โหนฺตุ, มยฺหํ กมฺพโล’’ติ ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา มคฺคสมีเป นิสีทิตฺวา วิวทนฺติ. เต ตํ เถรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห โน ภาเชตฺวา เทถา’’ติ วทึสุ. ตุมฺเหเยว ภาเชถาติ. น สกฺโกม, ภนฺเต, ตุมฺเหเยว โน ภาเชตฺวา เทถาติ. เตน หิ มม วจเน สฺสถาติ. อาม, สฺสามาติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ เตสํ ทฺเว สาฏเก ทตฺวา ‘‘อยํ ธมฺมกถํ กเถนฺตานํ อมฺหากํ ปารุปนารโห’’ติ มหคฺฆํ กมฺพลํ อาทาย ปกฺกามิ. ทหรภิกฺขู วิปฺปฏิสาริโน หุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตุมฺหากํ สนฺตกํ ¶ คเหตฺวา ตุมฺเห วิปฺปฏิสาริโน กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ –
อตีตสฺมึ อนุตีรจารี จ คมฺภีรจารี จาติ ทฺเว อุทฺทา มหนฺตํ โรหิตมจฺฉํ ลภิตฺวา ‘‘มยฺหํ สีสํ โหตุ, ตว นงฺคุฏฺ’’นฺติ วิวาทาปนฺนา ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา เอกํ สิงฺคาลํ ทิสฺวา อาหํสุ – ‘‘มาตุล, อิมํ โน ภาเชตฺวา เทหี’’ติ. อหํ รฺา วินิจฺฉยฏฺาเน ปิโต, ตตฺถ จิรํ ¶ นิสีทิตฺวา ชงฺฆวิหารตฺถาย อาคโตมฺหิ, อิทานิ เม โอกาโส นตฺถีติ. มาตุล, มา เอวํ กโรถ, ภาเชตฺวา เอว โน เทถาติ. มม วจเน สฺสถาติ. สฺสาม, มาตุลาติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ โส สีสํ ฉินฺทิตฺวา เอกมนฺเต อกาสิ, นงฺคุฏฺํ เอกมนฺเต. กตฺวา จ ปน, ‘‘ตาตา, เยน โว อนุตีเร จริตํ, โส นงฺคุฏฺํ คณฺหาตุ. เยน คมฺภีเร จริตํ, ตสฺส สีสํ โหตุ. อยํ ปน มชฺฌิโม ขณฺโฑ มม วินิจฺฉยธมฺเม ิตสฺส ภวิสฺสตี’’ติ เต สฺาเปนฺโต –
‘‘อนุตีรจาริ นงฺคุฏฺํ, สีสํ คมฺภีรจาริโน;
อจฺจายํ มชฺฌิโม ขณฺโฑ, ธมฺมฏฺสฺส ภวิสฺสตี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๓๓) –
อิมํ คาถํ วตฺวา มชฺฌิมขณฺฑํ อาทาย ปกฺกามิ. เตปิ วิปฺปฏิสาริโน ตํ โอโลเกตฺวา อฏฺํสุ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอวเมส อตีเตปิ ตุมฺเห วิปฺปฏิสาริโน อกาสิเยวา’’ติ เต ภิกฺขู สฺาเปตฺวา อุปนนฺทํ ครหนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว ¶ , ปรํ โอวทนฺเตน นาม ปมเมว อตฺตา ปติรูเป ปติฏฺาเปตพฺโพ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตานเมว ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย;
อถฺมนุสาเสยฺย, น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปติรูเป นิเวสเยติ อนุจฺฉวิเก คุเณ ปติฏฺาเปยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย อปฺปิจฺฉตาทิคุเณหิ วา อริยวํสปฏิปทาทีหิ วา ปรํ อนุสาสิตุกาโม, โส อตฺตานเมว ปมํ ตสฺมึ คุเณ ปติฏฺาเปยฺย. เอวํ ปติฏฺาเปตฺวา อถฺํ เตหิ คุเณหิ อนุสาเสยฺย. อตฺตานฺหิ ตตฺถ อนิเวเสตฺวา เกวลํ ปรเมว อนุสาสมาโน ปรโต นินฺทํ ลภิตฺวา กิลิสฺสติ นาม, ตตฺถ อตฺตานํ นิเวเสตฺวา อนุสาสมาโน ปรโต ปสํสํ ลภติ, ตสฺมา น กิลิสฺสติ นาม. เอวํ กโรนฺโต ปณฺฑิโต น กิลิสฺเสยฺยาติ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อุปนนฺทสกฺยปุตฺตตฺเถรวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ปธานิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อตฺตานฺเจติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปธานิกติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ปฺจสเต ภิกฺขู อาทาย อรฺเ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา, ‘‘อาวุโส, ธรมานกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก โว กมฺมฏฺานํ คหิตํ, อปฺปมตฺตาว สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ โอวทิตฺวา สยํ คนฺตฺวา นิปชฺชิตฺวา สุปติ. เต ภิกฺขู ปมยาเม จงฺกมิตฺวา มชฺฌิมยาเม วิหารํ ปวิสนฺติ. โส นิทฺทายิตฺวา ปพุทฺธกาเล เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ ตุมฺเห ‘นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายิสฺสามา’ติ อาคตา, สีฆํ นิกฺขมิตฺวา ¶ สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ วตฺวา สยํ คนฺตฺวา ตเถว สุปติ. อิตเร มชฺฌิมยาเม พหิ จงฺกมิตฺวา ปจฺฉิมยาเม วิหารํ ปวิสนฺติ. โส ปุนปิ ปพุชฺฌิตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เต วิหารา นีหริตฺวา สยํ ปุน คนฺตฺวา ตเถว สุปติ. ตสฺมึ นิจฺจกาลํ เอวํ กโรนฺเต เต ภิกฺขู สชฺฌายํ วา กมฺมฏฺานํ ¶ วา มนสิกาตุํ นาสกฺขึสุ, จิตฺตํ อฺถตฺตํ อคมาสิ. เต ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อติวิย อารทฺธวีริโย, ปริคฺคณฺหิสฺสาม น’’นฺติ ปริคฺคณฺหนฺตา ตสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘นฏฺมฺหา, อาวุโส, อาจริโย โน ตุจฺฉรวํ รวตี’’ติ วทึสุ. เตสํ อติวิย นิทฺทาย กิลมนฺตานํ เอกภิกฺขุปิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. เต วุฏฺวสฺสา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถารา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตา หุตฺวา สมณธมฺมํ กริตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ตุมฺหากํ อนฺตรายมกาสิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต –
‘‘อมาตาปิตรสํวฑฺโฒ, อนาเจรกุเล วสํ;
นายํ กาลํ อกาลํ วา, อภิชานาติ กุกฺกุโฏ’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๑๙) –
อิมํ อกาลราวิกุกฺกุฏชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. ‘‘ตทา หิ โส กุกฺกุโฏ อยํ ปธานิกติสฺสตฺเถโร อโหสิ, อิเม ปฺจ สตา ภิกฺขู เต มาณวา อเหสุํ, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อหเมวา’’ติ สตฺถา อิมํ ชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ปรํ โอวทนฺเตน นาม อตฺตา สุทนฺโต กาตพฺโพ. เอวํ โอวทนฺโต หิ ¶ สุทนฺโต หุตฺวา ทเมติ นามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตานฺเจ ¶ ตถา กยิรา, ยถาฺมนุสาสติ;
สุทนฺโต วต ทเมถ, อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย หิ ภิกฺขุ ‘‘ปมยามาทีสุ จงฺกมิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปรํ โอวทติ, สยํ จงฺกมนาทีนิ อธิฏฺหนฺโต อตฺตานฺเจ ตถา กยิรา, ยถาฺมนุสาสติ, เอวํ สนฺเต สุทนฺโต วต ทเมถาติ เยน คุเณน ปรํ อนุสาสติ, เตน อตฺตนา สุทนฺโต หุตฺวา ทเมยฺย. อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโมติ อยฺหิ อตฺตา นาม ทุทฺทโม. ตสฺมา ยถา โส สุทนฺโต โหติ, ตถา ทเมตพฺโพติ.
เทสนาวสาเน ปฺจ สตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.
ปธานิกติสฺสตฺเถรวตฺถุ ตติยํ.
๔. กุมารกสฺสปมาตุเถรีวตฺถุ
อตฺตา ¶ หิ อตฺตโน นาโถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุมารกสฺสปตฺเถรสฺส มาตรํ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร ราชคหนคเร เสฏฺิธีตา วิฺุตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ สา ปุนปฺปุนํ ยาจมานาปิ มาตาปิตูนํ สนฺติกา ปพฺพชฺชํ อลภิตฺวา วยปฺปตฺตา ¶ ปติกุลํ คนฺตฺวา ปติเทวตา หุตฺวา อคารํ อชฺฌาวสิ. อถสฺสา น จิรสฺเสว กุจฺฉิสฺมึ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ อชานิตฺวาว สามิกํ อาราเธตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อถ นํ โส มหนฺเตน สกฺกาเรน ภิกฺขุนุปสฺสยํ เนตฺวา อชานนฺโต เทวทตฺตปกฺขิกานํ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. อปเรน สมเยน ภิกฺขุนิโย ตสฺสา คพฺภินิภาวํ ตฺวา ตาหิ ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺตา นาหํ, อยฺเย, ชานามิ ‘‘กิเมตํ’’, สีลํ วต เม อโรคเมวาติ. ภิกฺขุนิโย ตํ เทวทตฺตสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุนี สทฺธาปพฺพชิตา, อิมิสฺสา มยํ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ชานาม, กาลํ น ชานาม, กึ ทานิ กโรมา’’ติ ปุจฺฉึสุ. เทวทตฺโต ‘‘มา มยฺหํ โอวาทการิกานํ ภิกฺขุนีนํ อยโส อุปฺปชฺชตู’’ติ เอตฺตกเมว จินฺเตตฺวา ‘‘อุปฺปพฺพาเชถ น’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา สา ทหรา มา มํ, อยฺเย, นาเสถ, นาหํ เทวทตฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตา, เอถ, มํ สตฺถุ สนฺติกํ เชตวนํ เนถาติ. ตา ตํ อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ ¶ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘ตสฺสา คิหิกาเล คพฺโภ ปติฏฺิโต’’ติ ชานนฺโตปิ ปรวาทโมจนตฺถํ ราชานํ ปเสนทิโกสลํ มหาอนาถปิณฺฑิกํ จูฬอนาถปิณฺฑิกํ วิสาขาอุปาสิกํ อฺานิ จ มหากุลานิ ปกฺโกสาเปตฺวา อุปาลิตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, อิมิสฺสา ทหราย ภิกฺขุนิยา จตุปริสมชฺเฌ กมฺมํ ปริโสเธหี’’ติ. เถโร รฺโ ปุรโต วิสาขํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตํ อธิกรณํ ปฏิจฺฉาเปสิ. สา สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา อนฺโตสาณิยํ ตสฺสา หตฺถปาทนาภิอุทรปริโยสานานิ ¶ โอโลเกตฺวา มาสทิวเส สมาเนตฺวา ‘‘คิหิภาเว อิมาย คพฺโภ ลทฺโธ’’ติ ตฺวา เถรสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถสฺสา เถโร ปริสมชฺเฌ ปริสุทฺธภาวํ ปติฏฺาเปสิ. สา อปเรน สมเยน ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ปาทมูเล ปตฺถิตปตฺถนํ มหานุภาวํ ปุตฺตํ วิชายิ.
อเถกทิวสํ ¶ ราชา ภิกฺขุนุปสฺสยสมีเปน คจฺฉนฺโต ทารกสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘เทว, เอกิสฺสา ภิกฺขุนิยา ปุตฺโต ชาโต, ตสฺเสส สทฺโท’’ติ วุตฺเต ตํ กุมารํ อตฺตโน ฆรํ เนตฺวา ธาตีนํ อทาสิ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส กสฺสโปติ นามํ กตฺวา กุมารปริหาเรน วฑฺฒิตตฺตา กุมารกสฺสโปติ สฺชานึสุ. โส กีฬามณฺฑเล ทารเก ปหริตฺวา ‘‘นิมฺมาตาปิติเกนมฺหา ปหฏา’’ติ วุตฺเต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘เทว, มํ ‘นิมฺมาตาปิติโก’ติ วทนฺติ, มาตรํ เม อาจิกฺขถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา รฺา ธาติโย ทสฺเสตฺวา ‘‘อิมา เต มาตโร’’ติ วุตฺเต ‘‘น เอตฺติกา เม มาตโร, เอกาย เม มาตรา ภวิตพฺพํ, ตํ เม อาจิกฺขถา’’ติ อาห. ราชา ‘‘น สกฺกา อิมํ วฺเจตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา, ตาต, ตว มาตา ภิกฺขุนี, ตฺวํ มยา ภิกฺขุนุปสฺสยา อานีโตติ. โส ตาวตเกเนว สมุปฺปนฺนสํเวโค หุตฺวา, ‘‘ตาต, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาห. ราชา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตํ มหนฺเตน สกฺกาเรน สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. โส ลทฺธูปสมฺปโท กุมารกสฺสปตฺเถโรติ ปฺายิ. โส สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วายมิตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ปุน กมฺมฏฺานํ วิเสเสตฺวา คเหสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อนฺธวเน วิหาสิ.
อถ นํ กสฺสปพุทฺธกาเล เอกโต สมณธมฺมํ กตฺวา อนาคามิผลํ ปตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตภิกฺขุ พฺรหฺมโลกโต อาคนฺตฺวา ปนฺนรส ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา ¶ ‘‘อิเม ปฺเห เปตฺวา สตฺถารํ อฺโ พฺยากาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, คจฺฉ, สตฺถุ สนฺติเก อิเมสํ อตฺถํ อุคฺคณฺหา’’ติ อุยฺโยเชสิ. โส ตถา กตฺวา ปฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส ปน นิกฺขนฺตทิวสโต ปฏฺาย ทฺวาทส วสฺสานิ มาตุภิกฺขุนิยา อกฺขีหิ อสฺสูนิ ปวตฺตึสุ. สา ปุตฺตวิโยคทุกฺขิตา อสฺสุตินฺเตเนว มุเขน ภิกฺขาย จรมานา อนฺตรวีถิยํ เถรํ ทิสฺวาว, ‘‘ปุตฺต ¶ , ปุตฺตา’’ติ วิรวนฺตี ตํ คณฺหิตุํ อุปธาวมานา ปริวตฺติตฺวา ปติ. สา ถเนหิ ขีรํ มฺุจนฺเตหิ อุฏฺหิตฺวา อลฺลจีวรา คนฺตฺวา เถรํ คณฺหิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สจายํ มม สนฺติกา มธุรวจนํ ลภิสฺสติ, วินสฺสิสฺสติ. ถทฺธเมว กตฺวา อิมาย สทฺธึ สลฺลปิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘กึ กโรนฺตี วิจรสิ, สิเนหมตฺตมฺปิ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกสี’’ติ. สา ‘‘อโห กกฺขฬา เถรสฺส ¶ กถา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ วเทสิ, ตาตา’’ติ วตฺวา ปุนปิ เตน ตเถว วุตฺตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมสฺส การณา ทฺวาทส วสฺสานิ อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกมิ, อยํ ปเนวํ ถทฺธหทโย, กึ เม อิมินา’’ติ ปุตฺตสิเนหํ ฉินฺทิตฺวา ตํทิวสเมว อรหตฺตํ ปาปุณิ.
อปเรน สมเยน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเตน เอวํ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน กุมารกสฺสโป จ เถรี จ นาสิตา, สตฺถา ปน เตสํ ปติฏฺา ชาโต, อโห พุทฺธา นาม โลกานุกมฺปกา’’ติ ¶ . สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว อหํ อิเมสํ ปจฺจโย ปติฏฺา ชาโต, ปุพฺเพปิ เนสํ อหํ ปติฏฺา อโหสึเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘นิคฺโรธเมว เสเวยฺย, น สาขมุปสํวเส;
นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโย, ยฺเจ สาขสฺมิ ชีวิต’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๑๒; ๑.๑๐.๘๑) –
อิมํ นิคฺโรธชาตกํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ‘‘ตทา สาขมิโค เทวทตฺโต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสา, วารปฺปตฺตา มิคเธนุ เถรี อโหสิ, ปุตฺโต กุมารกสฺสโป, คพฺภินีมิคิยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา คโต นิคฺโรธมิคราชา ปน อหเมวา’’ติ ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ปุตฺตสิเนหํ ฉินฺทิตฺวา เถริยา อตฺตนาว อตฺตโน ปติฏฺานกตภาวํ ปกาเสนฺโต, ‘‘ภิกฺขเว, ยสฺมา ปรสฺส อตฺตนิ ิเตน สคฺคปรายเณน วา มคฺคปรายเณน วา ภวิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา อตฺตาว อตฺตโน นาโถ, ปโร กึ กริสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ, โก หิ นาโถ ปโร สิยา;
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน, นาถํ ลภติ ทุลฺลภ’’นฺติ.
ตตฺถ นาโถติ ปติฏฺา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อตฺตนิ ิเตน อตฺตสมฺปนฺเนน กุสลํ กตฺวา ¶ สคฺคํ วา ปาปุณิตุํ, มคฺคํ วา ภาเวตุํ, ผลํ วา สจฺฉิกาตุํ สกฺกา ¶ . ตสฺมา หิ อตฺตาว อตฺตโน ปติฏฺา โหติ, ปโร โก นาม กสฺส ปติฏฺา สิยา. อตฺตนา เอว หิ สุทนฺเตน นิพฺพิเสวเนน ¶ อรหตฺตผลสงฺขาตํ ทุลฺลภํ นาถํ ลภติ. อรหตฺตฺหิ สนฺธาย อิธ ‘‘นาถํ ลภติ ทุลฺลภ’’นฺติ วุตฺตํ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
กุมารกสฺสปมาตุเถรีวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. มหากาลอุปาสกวตฺถุ
อตฺตนา หิ กตํ ปาปนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหากาลํ นาม โสตาปนฺนอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร มาสสฺส อฏฺทิวเสสุ อุโปสถิโก หุตฺวา วิหาเร สพฺพรตฺตึ ธมฺมกถํ สุณาติ. อถ รตฺตึ โจรา เอกสฺมึ เคเห สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ภณฺฑกํ คเหตฺวา โลหภาชนสทฺเทน ปพุทฺเธหิ สามิเกหิ อนุพทฺธา คหิตภณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. สามิกาปิ เต อนุพนฺธึสุเยว, เต ทิสา ปกฺขนฺทึสุ. เอโก ปน วิหารมคฺคํ คเหตฺวา มหากาลสฺส รตฺตึ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปาโตว โปกฺขรณิตีเร มุขํ โธวนฺตสฺส ปุรโต ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. โจเร อนุพนฺธิตฺวา อาคตมนุสฺสา ภณฺฑิกํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ โน เคหสนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ภณฺฑิกํ หริตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต วิย วิจรสี’’ติ ¶ ตํ คเหตฺวา โปเถตฺวา มาเรตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา อคมึสุ. อถ นํ ปาโตว ปานียฆฏํ อาทาย คตา ทหรสามเณรา ทิสฺวา ‘‘วิหาเร ธมฺมกถํ สุตฺวา สยิตอุปาสโก อยุตฺตํ มรณํ ลภตี’’ติ วตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเว กาเลน อปฺปติรูปํ มรณํ ลทฺธํ, ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส ปน เตน ยุตฺตเมว ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถสิ –
อตีเต กิร พาราณสิรฺโ วิชิเต เอกสฺส ปจฺจนฺตคามสฺส อฏวิมุเข โจรา ปหรนฺติ. ราชา อฏวิมุเข เอกํ ราชภฏํ เปสิ, โส ภตึ คเหตฺวา มนุสฺเส โอรโต ปารํ เนติ, ปารโต โอรํ อาเนติ. อเถโก มนุสฺโส อภิรูปํ อตฺตโน ภริยํ จูฬยานกํ อาโรเปตฺวา ¶ ตํ านํ อคมาสิ. ราชภโฏ ตํ อิตฺถึ ทิสฺวาว สฺชาตสิเนโห เตน ‘‘อฏวึ โน ¶ , สามิ, อติกฺกาเมหี’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อิทานิ วิกาโล, ปาโตว อติกฺกาเมสฺสามี’’ติ อาห. โส สกาโล, สามิ, อิทาเนว โน เนหีติ. นิวตฺต, โภ, อมฺหากํเยว เคเห อาหาโร จ นิวาโส จ ภวิสฺสตีติ. โส เนว นิวตฺติตุํ อิจฺฉิ. อิตโร ปุริสานํ สฺํ ทตฺวา ยานกํ นิวตฺตาเปตฺวา อนิจฺฉนฺตสฺเสว ทฺวารโกฏฺเก นิวาสํ ทตฺวา อาหารํ ปฏิยาทาเปสิ. ตสฺส ปน เคเห เอกํ มณิรตนํ อตฺถิ. โส ตํ ตสฺส ยานกนฺตเร ปกฺขิปาเปตฺวา ปจฺจูสกาเล โจรานํ ปวิฏฺสทฺทํ กาเรสิ. อถสฺส ปุริสา ‘‘มณิรตนํ, สามิ, โจเรหิ หฏ’’นฺติ อาโรเจสุํ. โส คามทฺวาเรสุ อารกฺขํ เปตฺวา ‘‘อนฺโตคามโต นิกฺขมนฺเต วิจินถา’’ติ อาห. อิตโรปิ ปาโตว ยานกํ โยเชตฺวา ¶ ปายาสิ. อถสฺส ยานกํ โสเธนฺตา อตฺตนา ปิตํ มณิรตนํ ทิสฺวา สนฺตชฺเชตฺวา ‘‘ตฺวํ มณึ คเหตฺวา ปลายสี’’ติ โปเถตฺวา ‘‘คหิโต โน, สามิ, โจโร’’ติ คามโภชกสฺส ทสฺเสสุํ. โส ‘‘ภตกสฺส วต เม เคเห นิวาสํ ทตฺวา ภตฺตํ ทินฺนํ, มณึ คเหตฺวา คโต, คณฺหถ นํ ปาปปุริส’’นฺติ โปถาเปตฺวา มาเรตฺวา ฉฑฺฑาเปสิ. อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ. โส ตโต จุโต อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ทีฆรตฺตํ ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต ตเถว โปถิโต มรณํ ปาปุณิ.
เอวํ สตฺถา มหากาลสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, เอวํ อิเม สตฺเต อตฺตนา กตปาปกมฺมเมว จตูสุ อปาเยสุ อภิมตฺถตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ, อตฺตชํ อตฺตสมฺภวํ;
อภิมตฺถติ ทุมฺเมธํ, วชิรํวสฺมมยํ มณิ’’นฺติ.
ตตฺถ วชิรํวสฺมมยํ มณินฺติ วชิรํว อสฺมมยํ มณึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปาสาณมยํ ปาสาณสมฺภวํ วชิรํ ตเมว อสฺมมยํ มณึ อตฺตโน อุฏฺานฏฺานสงฺขาตํ ปาสาณมณึ ขาทิตฺวา ฉิทฺทํ ฉิทฺทํ ขณฺฑํ ขณฺฑํ กตฺวา อปริโภคํ กโรติ, เอวเมว อตฺตนา กตํ อตฺตนิ ชาตํ อตฺตสมฺภวํ ¶ ¶ ปาปํ ทุมฺเมธํ นิปฺปฺํ ปุคฺคลํ จตูสุ อปาเยสุ อภิมตฺถติ กนฺตติ วิทฺธํเสตีติ.
เทสนาวสาเน สมฺปตฺตภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหากาลอุปาสกวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. เทวทตฺตวตฺถุ
ยสฺส ¶ อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม ทุสฺสีลฺยการเณน วฑฺฒิตาย ตณฺหาย อชาตสตฺตุํ สงฺคณฺหิตฺวา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตตฺวา อชาตสตฺตุํ ปิตุวเธ สมาทเปตฺวา เตน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา นานปฺปกาเรน ตถาคตสฺส วธาย ปริสกฺกตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต นานปฺปกาเรน มยฺหํ วธาย ปริสกฺกตี’’ติ วตฺวา กุรุงฺคมิคชาตกาทีนิ (ชา. ๑.๒.๑๑๑-๒) กเถตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อจฺจนฺตทุสฺสีลปุคฺคลํ นาม ทุสฺสีลฺยการณา อุปฺปนฺนา ตณฺหา มาลุวา วิย สาลํ ปริโยนนฺธิตฺวา สมฺภฺชมานา นิรยาทีสุ ปกฺขิปตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถามาห –
‘‘ยสฺส ¶ อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยํ, มาลุวา สาลมิโวตฺถตํ;
กโรติ โส ตถตฺตานํ, ยถา นํ อิจฺฉตี ทิโส’’ติ.
ตตฺถ อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยนฺติ เอกนฺตทุสฺสีลภาโว. คิหี วา ชาติโต ปฏฺาย ทส อกุสลกมฺมปเถ กโรนฺโต, ปพฺพชิโต วา อุปสมฺปนฺนทิวสโต ปฏฺาย ครุกาปตฺตึ อาปชฺชมาโน อจฺจนฺตทุสฺสีโล นาม. อิธ ปน โย ทฺวีสุ ตีสุ อตฺตภาเวสุ ทุสฺสีโล, เอตสฺส คติยา อาคตํ ทุสฺสีลภาวํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทุสฺสีลภาโวติ เจตฺถ ทุสฺสีลสฺส ฉ ¶ ทฺวารานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนา ตณฺหา เวทิตพฺพา. มาลุวา สาลมิโวตฺถตนฺติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ตํ ตณฺหาสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ ยถา นาม มาลุวา สาลํ โอตฺถรนฺตี เทเว วสฺสนฺเต ปตฺเตหิ อุทกํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สมฺภฺชนวเสน สพฺพตฺถกเมว ปริโยนนฺธติ, เอวํ อตฺตภาวํ โอตฺถตํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ. โส มาลุวาย สมฺภฺชิตฺวา ภูมิยํ ปาติยมาโน รุกฺโข วิย ตาย ทุสฺสีลฺยสงฺขาตาย ตณฺหาย สมฺภฺชิตฺวา อปาเยสุ ปาติยมาโน, ยถา นํ อนตฺถกาโม ทิโส อิจฺฉติ, ตถา อตฺตานํ กโรติ นามาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เทวทตฺตวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. สงฺฆเภทปริสกฺกนวตฺถุ
สุกรานีติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สงฺฆเภทปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ เทวทตฺโต สงฺฆเภทาย ปริสกฺกนฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา เถโร สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. อทฺทสา โข มํ, ภนฺเต, เทวทตฺโต ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ. ทิสฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘อชฺชตคฺเค ทานาหํ, อาวุโส อานนฺท, อฺตฺเรว ภควตา อฺตฺร ภิกฺขุสงฺเฆน อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมฺจา’ติ. อชฺช ภควา เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสติ, อุโปสถฺจ กริสฺสติ สงฺฆกมฺมานิ จา’’ติ. เอวํ วุตฺเต สตฺถา –
‘‘สุกรํ สาธุนา สาธุ, สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ;
ปาปํ ปาเปน สุกรํ, ปาปมริเยหิ ทุกฺกร’’นฺติ. (อุทา. ๔๘) –
อิมํ ¶ อุทานํ อุทาเนตฺวา, ‘‘อานนฺท, อตฺตโน อหิตกมฺมํ นาม สุกรํ, หิตกมฺมเมว ทุกฺกร’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุกรานิ อสาธูนิ, อตฺตโน อหิตานิ จ;
ยํ เว หิตฺจ สาธฺุจ, ตํ เว ปรมทุกฺกร’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ยานิ กมฺมานิ อสาธูนิ สาวชฺชานิ อปายสํวตฺตนิกตฺตาเยว อตฺตโน อหิตานิ จ โหนฺติ, ตานิ สุกรานิ ¶ . ยํ ปน สุคติสํวตฺตนิกตฺตา อตฺตโน หิตฺจ อนวชฺชตฺเถน สาธฺุจ สุคติสํวตฺตนิกฺเจว นิพฺพานสํวตฺตนิกฺจ กมฺมํ, ตํ ปาจีนนินฺนาย คงฺคาย อุพฺพตฺเตตฺวา ปจฺฉามุขกรณํ วิย อติทุกฺกรนฺติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สงฺฆเภทปริสกฺกนวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. กาลตฺเถรวตฺถุ
โย ¶ สาสนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรกา อิตฺถี มาตุฏฺาเน ตฺวา ตํ เถรํ อุปฏฺหิ. ตสฺสา ปฏิวิสฺสกเคเห มนุสฺสา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘อโห พุทฺธา นาม อจฺฉริยา, อโห ธมฺมเทสนา มธุรา’’ติ ปสํสนฺติ. สา อิตฺถี เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺปิ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ โสตุกามา’’ติ ตสฺส อาโรเจสิ. โส ‘‘ตตฺถ มา คมี’’ติ ตํ นิวาเรสิ. สา ปุนทิวเส ปุนทิวเสปีติ ยาวตติยํ เตน นิวาริยมานาปิ โสตุกามาว อโหสิ. กสฺมา โส ปเนตํ นิวาเรสีติ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา มยิ ภิชฺชิสฺสตี’’ติ. สา เอกทิวสํ ปาโตว ภุตฺตปาตราสา อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา, ‘‘อมฺม, สาธุกํ อยฺยํ ปริวิเสยฺยาสี’’ติ ธีตรํ อาณาเปตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ธีตาปิสฺสา ตํ ภิกฺขุํ อาคตกาเล ปริวิสิตฺวา ‘‘กุหึ มหาอุปาสิกา’’ติ วุตฺตา ‘‘ธมฺมสฺสวนาย ¶ วิหารํ คตา’’ติ อาห. โส ตํ ¶ สุตฺวาว กุจฺฉิยํ อุฏฺิเตน ฑาเหน สนฺตปฺปมาโน ‘‘อิทานิ สา มยิ ภินฺนา’’ติ เวเคน คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณมานํ ทิสฺวา สตฺถารํ อาห, ‘‘ภนฺเต, อยํ อิตฺถี ทนฺธา สุขุมํ ธมฺมกถํ น ชานาติ, อิมิสฺสา ขนฺธาทิปฏิสํยุตฺตํ สุขุมํ ธมฺมกถํ อกเถตฺวา ทานกถํ วา สีลกถํ วา กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สตฺถา ตสฺสชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ‘‘ตฺวํ ทุปฺปฺโ ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย พุทฺธานํ สาสนํ ปฏิกฺโกสสิ. อตฺตฆาตาเยว วายมสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย สาสนํ อรหตํ, อริยานํ ธมฺมชีวินํ;
ปฏิกฺโกสติ ทุมฺเมโธ, ทิฏฺึ นิสฺสาย ปาปิกํ;
ผลานิ กฏฺกสฺเสว, อตฺตฆาตาย ผลฺลตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ทุมฺเมโธ ปุคฺคโล อตฺตโน สกฺการหานิภเยน ปาปิกํ ทิฏฺึ นิสฺสาย ‘‘ธมฺมํ วา โสสฺสาม, ทานํ วา ทสฺสามา’’ติ วทนฺเต ปฏิกฺโกสนฺโต อรหตํ อริยานํ ธมฺมชีวินํ พุทฺธานํ สาสนํ ปฏิกฺโกสติ, ตสฺส ตํ ปฏิกฺโกสนํ สา จ ปาปิกา ทิฏฺิ เวฬุสงฺขาตสฺส กฏฺกสฺส ผลานิ วิย โหติ. ตสฺมา ยถา กฏฺโก ผลานิ คณฺหนฺโต อตฺตฆาตาย ผลฺลติ, อตฺตโน ฆาตตฺถเมว ผลติ, เอวํ โสปิ อตฺตฆาตาย ผลฺลตีติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ผลํ ¶ เว กทลึ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;
สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ. (จูฬว. ๓๓๕; อ. นิ. ๔.๖๘);
เทสนาวสาเน อุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
กาลตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. จูฬกาลอุปาสกวตฺถุ
อตฺตนา ¶ ¶ หิ กตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬกาลํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ มหากาลวตฺถุสฺมึ วุตฺตนเยเนว อุมงฺคโจรา สามิเกหิ อนุพทฺธา รตฺตึ วิหาเร ธมฺมกถํ สุตฺวา ปาโตว วิหารา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตสฺส ตสฺส อุปาสกสฺส ปุรโต ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ รตฺตึ โจรกมฺมํ กตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต วิย จรติ, คณฺหถ น’’นฺติ ตํ โปถยึสุ. กุมฺภทาสิโย อุทกติตฺถํ คจฺฉมานา ตํ ทิสฺวา ‘‘อเปถ, สามิ, นายํ เอวรูปํ กโรตี’’ติ ตํ โมเจสุํ. โส วิหารํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหมฺหิ มนุสฺเสหิ นาสิโต, กุมฺภทาสิโย เม นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, จูฬกาลอุปาสโก กุมฺภทาสิโย เจว นิสฺสาย, อตฺตโน จ อกรณภาเวน ชีวิตํ ลภิ. อิเม หิ นาม สตฺตา อตฺตนา ปาปกมฺมํ กตฺวา นิรยาทีสุ อตฺตนาว กิลิสฺสนฺติ, กุสลํ กตฺวา ปน สุคติฺเจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺตา อตฺตนาว วิสุชฺฌนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ, อตฺตนา สํกิลิสฺสติ;
อตฺตนา อกตํ ปาปํ, อตฺตนาว วิสุชฺฌติ;
สุทฺธี อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ, นาฺโ อฺํ วิโสธเย’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – เยน อตฺตนา อกุสลกมฺมํ กตํ โหติ, โส จตูสุ อปาเยสุ ทุกฺขํ อนุภวนฺโต ¶ อตฺตนาว สํกิลิสฺสติ. เยน ปน อตฺตนา อกตํ ปาปํ, โส สุคติฺเจว นิพฺพานฺจ คจฺฉนฺโต อตฺตนาว วิสุชฺฌติ. กุสลกมฺมสงฺขาตา สุทฺธิ อกุสลกมฺมสงฺขาตา จ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ การกสตฺตานํ อตฺตนิเยว วิปจฺจติ. อฺโ ปุคฺคโล อฺํ ปุคฺคลํ น วิโสธเย เนว วิโสเธติ, น กิเลเสตีติ วุตฺตํ โหติ.
เทสนาวสาเน ¶ จูฬกาโล โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
จูฬกาลอุปาสกวตฺถุ นวมํ.
๑๐. อตฺตทตฺถตฺเถรวตฺถุ
อตฺตทตฺถนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตฺตทตฺถตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถารา หิ ปรินิพฺพานกาเล, ‘‘ภิกฺขเว, อหํ อิโต จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุตฺเต อุปฺปนฺนสํเวคา สตฺตสตา ปุถุชฺชนา ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ อวิชหิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, กริสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยมานา วิจรนฺติ. อตฺตทตฺถตฺเถโร ปน จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถา กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสติ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, สตฺถริ ธรมาเนเยว อรหตฺตตฺถาย วายมิสฺสามี’’ติ. โส ภิกฺขูนํ สนฺติกํ น คจฺฉติ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘กสฺมา, อาวุโส, ตฺวํ เนว อมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉสิ, น กิฺจิ มนฺเตสี’’ติ วตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, เอวํ นาม กโรตี’’ติ อาโรจยึสุ. โส สตฺถาราปิ ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺเห กิร, ภนฺเต, จตุมาสจฺจเยน ¶ ปรินิพฺพายิสฺสถ, อหํ ตุมฺเหสุ ธรนฺเตสุเยว อรหตฺตปฺปตฺติยา วายมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ยสฺส มยิ สิเนโห อตฺถิ, เตน อตฺตทตฺเถน วิย ภวิตุํ วฏฺฏติ. น หิ คนฺธาทีหิ ปูเชนฺตา มํ ปูเชนฺติ, ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติยา ปน มํ ปูเชนฺติ. ตสฺมา อฺเนปิ อตฺตทตฺถสทิเสเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อตฺตทตฺถํ ปรตฺเถน, พหุนาปิ น หาปเย;
อตฺตทตฺถมภิฺาย, สทตฺถปสุโต สิยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – คิหิภูตา ตาว กากณิกมตฺตมฺปิ อตฺตโน อตฺถํ สหสฺสมตฺเตนาปิ ปรสฺส อตฺเถน ¶ น หาปเย. กากณิกมตฺเตนาปิ หิสฺส อตฺตทตฺโถว ขาทนียํ วา โภชนียํ วา นิปฺผาเทยฺย, น ปรตฺโถ. อิทํ ¶ ปน เอวํ อกเถตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน กถิตํ, ตสฺมา ‘‘อตฺตทตฺถํ น หาเปมี’’ติ ภิกฺขุนา นาม สงฺฆสฺส อุปฺปนฺนํ เจติยปฏิสงฺขรณาทิกิจฺจํ วา อุปชฺฌายาทิวตฺตํ วา น หาเปตพฺพํ. อาภิสมาจาริกวตฺตฺหิ ปูเรนฺโตเยว อริยผลาทีนิ สจฺฉิกโรติ, ตสฺมา อยมฺปิ อตฺตทตฺโถว. โย ปน อจฺจารทฺธวิปสฺสโก ‘‘อชฺช วา สุเว วา’’ติ ปฏิเวธํ ปตฺถยมาโน วิจรติ, เตน อุปชฺฌายวตฺตาทีนิปิ หาเปตฺวา อตฺตโน กิจฺจเมว กาตพฺพํ. เอวรูปฺหิ อตฺตทตฺถมภิฺาย ‘‘อยํ เม อตฺตโน อตฺโถ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ¶ , สทตฺถปสุโต สิยาติ ตสฺมึ สเก อตฺเถ อุยฺยุตฺตปยุตฺโต ภเวยฺยาติ.
เทสนาวสาเน โส เถโร อรหตฺเต ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตภิกฺขูนมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อตฺตทตฺถตฺเถรวตฺถุ ทสมํ.
อตฺตวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺวาทสโม วคฺโค.
๑๓. โลกวคฺโค
๑. ทหรภิกฺขุวตฺถุ
หีนํ ¶ ¶ ¶ ธมฺมนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทหรภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
อฺตโร กิร เถโร ทหรภิกฺขุนา สทฺธึ ปาโตว วิสาขาย เคหํ อคมาสิ. วิสาขาย เคเห ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ ธุวยาคุ นิจฺจปฺตฺตา โหติ. เถโร ตตฺถ ยาคุํ ปิวิตฺวา ทหรภิกฺขุํ นิสีทาเปตฺวา สยํ อฺํ เคหํ อคมาสิ. เตน จ สมเยน วิสาขาย ปุตฺตสฺส ธีตา อยฺยิกาย าเน ตฺวา ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจํ กโรติ. สา ตสฺส ทหรสฺส อุทกํ ปริสฺสาเวนฺตี จาฏิยํ อตฺตโน มุขนิมิตฺตํ ทิสฺวา หสิ, ทหโรปิ ตํ โอโลเกตฺวา หสิ. สา ตํ หสมานํ ทิสฺวา ‘‘ฉินฺนสีโส หสตี’’ติ อาห. อถ นํ ทหโร ‘‘ตฺวํ ฉินฺนสีสา, มาตาปิตโรปิ เต ฉินฺนสีสา’’ติ อกฺโกสิ. สา โรทมานา มหานเส อยฺยิกาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ อิทํ, อมฺมา’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สา ทหรสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มา กุชฺฌิ, น เอตํ ฉินฺนเกสนขสฺส ฉินฺนนิวาสนปารุปนสฺส ¶ มชฺเฌ ฉินฺนกปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตสฺส อยฺยสฺส อครุก’’นฺติ อาห. ทหโร อาม, อุปาสิเก, ตฺวํ มม ฉินฺนเกสาทิภาวํ ชานาสิ, อิมิสฺสา มํ ‘‘ฉินฺนสีโส’’ติ กตฺวา อกฺโกสิตุํ วฏฺฏิสฺสตีติ. วิสาขา เนว ทหรํ สฺาเปตุํ อสกฺขิ, นปิ ทาริกํ. ตสฺมึ ขเณ เถโร อาคนฺตฺวา ‘‘กิมิทํ อุปาสิเก’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ทหรํ โอวทนฺโต อาห – ‘‘อเปหิ, อาวุโส, นายํ ฉินฺนเกสนขวตฺถสฺส มชฺเฌ ฉินฺนกปาลํ อาทาย ภิกฺขาย จรนฺตสฺส อกฺโกโส, ตุณฺหี โหหี’’ติ. อาม, ภนฺเต, กึ ตุมฺเห อตฺตโน อุปฏฺายิกํ อตชฺเชตฺวา มํ ตชฺเชถ, มํ ‘‘ฉินฺนสีโส’’ติ อกฺโกสิตุํ วฏฺฏิสฺสตีติ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิ. วิสาขา อาทิโต ปฏฺาย ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส ทหรสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘มยา อิมํ ทหรํ อนุวตฺติตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา วิสาขํ อาห – ‘‘กึ ปน วิสาเข ตว ทาริกาย ฉินฺนเกสาทิมตฺตเกเนว มม สาวเก ¶ ฉินฺนสีเส กตฺวา อกฺโกสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ทหโร ตาวเทว อุฏฺาย อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ¶ , ‘‘ภนฺเต, เอตํ ปฺหํ ตุมฺเหว สุฏฺุ ชานาถ, อมฺหากํ อุปชฺฌาโย จ อุปาสิกา จ สุฏฺุ น ชานนฺตี’’ติ อาห. สตฺถา ทหรสฺส อตฺตโน อนุกุลภาวํ ตฺวา ‘‘กามคุณํ อารพฺภ หสนภาโว นาม หีโน ธมฺโม, หีนฺจ นาม ธมฺมํ เสวิตุํ ปมาเทน สทฺธึ สํวสิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หีนํ ¶ ธมฺมํ น เสเวยฺย, ปมาเทน น สํวเส;
มิจฺฉาทิฏฺึ น เสเวยฺย, น สิยา โลกวฑฺฒโน’’ติ.
ตตฺถ หีนํ ธมฺมนฺติ ปฺจกามคุณํ ธมฺมํ. โส หิ หีโน ธมฺโม น อนฺตมโส โอฏฺโคณาทีหิปิ ปฏิเสวิตพฺโพ. หีเนสุ จ นิรยาทีสุ าเนสุ นิพฺพตฺตาเปตีติ หีโน นาม, ตํ น เสเวยฺย. ปมาเทนาติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน ปมาเทนาปิ น สํวเส. น เสเวยฺยาติ มิจฺฉาทิฏฺิมฺปิ น คณฺเหยฺย. โลกวฑฺฒโนติ โย หิ เอวํ กโรติ, โส โลกวฑฺฒโน นาม โหติ. ตสฺมา เอวํ อกรเณน น สิยา โลกวฑฺฒโนติ.
เทสนาวสาเน โส ทหโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ทหรภิกฺขุวตฺถุ ปมํ.
๒. สุทฺโธทนวตฺถุ
อุตฺติฏฺเติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต ปิตรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ปมคมเนน กปิลปุรํ คนฺตฺวา าตีหิ กตปจฺจุคฺคมโน นิคฺโรธารามํ ปตฺวา าตีนํ มานภินฺทนตฺถาย อากาเส รตนจงฺกมํ มาเปตฺวา ตตฺถ จงฺกมนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. าตี ปสนฺนจิตฺตา สุทฺโธทนมหาราชานํ อาทึ กตฺวา วนฺทึสุ. ตสฺมึ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. ตํ อารพฺภ มหาชเนน กถาย ¶ สมุฏฺาปิตาย ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มยฺหํ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิเยวา’’ติ ¶ วตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถสิ. ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปกฺกมนฺเตสุ าตีสุ เอโกปิ สตฺถารํ น นิมนฺเตสิ. ราชาปิ ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต มม เคหํ อนาคนฺตฺวา กหํ คมิสฺสตี’’ติ อนิมนฺเตตฺวาว อคมาสิ. คนฺตฺวา จ ปน เคเห วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ ยาคุอาทีนิ ปฏิยาทาเปตฺวา อาสนานิ ¶ ปฺาเปสิ. ปุนทิวเส สตฺถา ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต ‘‘กึ นุ โข อตีตพุทฺธา ปิตุ นครํ ปตฺวา อุชุกเมว าติกุลํ ปวิสึสุ, อุทาหุ ปฏิปาฏิยา ปิณฺฑาย จรึสู’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘ปฏิปาฏิยา จรึสู’’ติ ทิสฺวา ปมเคหโต ปฏฺาย ปิณฺฑาย จรนฺโต ปายาสิ. ราหุลมาตา ปาสาทตเล นิสินฺนาว ทิสฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา สาฏกํ สณฺาเปนฺโต เวเคน นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา – ‘‘ปุตฺต, กสฺมา มํ นาเสสิ, อติวิย เต ปิณฺฑาย จรนฺเตน ลชฺชา อุปฺปาทิตา, ยุตฺตํ นาม โว อิมสฺมึเยว นคเร สุวณฺณสิวิกาทีหิ วิจริตฺวา ปิณฺฑาย จริตุํ, กึ มํ ลชฺชาเปสี’’ติ? ‘‘นาหํ ตํ, มหาราช, ลชฺชาเปมิ, อตฺตโน ปน กุลวํสํ อนุวตฺตามี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ตาต, ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวนวํโส มม วํโส’’ติ? ‘‘เนโส, มหาราช, ตว วํโส, มม ปเนโส วํโส. อเนกานิ หิ พุทฺธสหสฺสานิ ปิณฺฑาย จริตฺวาว ชีวึสู’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;
ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
‘‘ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;
ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อุตฺติฏฺเติ อุฏฺหิตฺวา ปเรสํ ฆรทฺวาเร ตฺวา คเหตพฺพปิณฺเฑ. นปฺปมชฺเชยฺยาติ ปิณฺฑจาริกวตฺตฺหิ หาเปตฺวา ปณีตโภชนานิ ปริเยสนฺโต อุตฺติฏฺเ ปมชฺชติ นาม, สปทานํ ปิณฺฑาย จรนฺโต ปน น ปมชฺชติ นาม. เอวํ กโรนฺโต อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย. ธมฺมนฺติ อเนสนํ ปหาย ¶ สปทานํ จรนฺโต ตเมว ภิกฺขาจริยธมฺมํ สุจริตํ จเร. สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมตํ, เอวํ ปเนตํ ภิกฺขาจริยธมฺมํ จรนฺโต ธมฺมจารี อิธ โลเก จตูหิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อตฺโถ. น นํ ทุจฺจริตนฺติ เวสิยาทิเภเท อโคจเร จรนฺโต ภิกฺขาจริยธมฺมํ ทุจฺจริตํ จรติ นาม. เอวํ อจริตฺวา ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร. เสสํ วุตฺตตฺถเมว.
เทสนาวสาเน ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สุทฺโธทนวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ปฺจสตวิปสฺสกภิกฺขุวตฺถุ
ยถา ¶ ปุพฺพุฬกนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต วิปสฺสเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เต กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา อปฺปวิเสสา ‘‘วิเสเสตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหสฺสามา’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค มรีจิกมฺมฏฺานํ ภาเวนฺตาว อาคมึสุ ¶ . เตสํ วิหารํ ปวิฏฺกฺขเณเยว เทโว วสฺสิ. เต ตตฺถ ตตฺถ ปมุเขสุ ตฺวา ธาราเวเคน อุฏฺหิตฺวา ภิชฺชนฺเต ปุพฺพฬเก ทิสฺวา ‘‘อยมฺปิ อตฺตภาโว อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนตฺเถน ปุพฺพุฬกสทิโสเยวา’’ติ อารมฺมณํ คณฺหึสุ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว เต ภิกฺขู โอโลเกตฺวา เตหิ สทฺธึ กเถนฺโต วิย โอภาสํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยถา ปุพฺพุฬกํ ปสฺเส, ยถา ปสฺเส มรีจิกํ;
เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ มรีจิกนฺติ มยูขํ. เต หิ ทูรโตว เคหสณฺานาทิวเสน อุปฏฺิตาปิ อุปคจฺฉนฺตานํ อคยฺหูปคา ริตฺตกา ตุจฺฉกาว. ตสฺมา ยถา อุปฺปชฺชิตฺวา ¶ ภิชฺชนตฺเถน ปุพฺพุฬกํ ริตฺตตุจฺฉาทิภาเวเนว ปสฺเสยฺย, เอวํ ขนฺธาทิโลกํ อเวกฺขนฺตํ มจฺจุราชา น ปสฺสตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู ิตฏฺาเนเยว อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.
ปฺจสตวิปสฺสกภิกฺขุวตฺถุ ตติยํ.
๔. อภยราชกุมารวตฺถุ
เอถ ปสฺสถิมํ โลกนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อภยราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺส กิร ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคตสฺส ปิตา พิมฺพิสาโร ตุสฺสิตฺวา เอกํ นจฺจคีตกุสลํ ¶ นาฏกิตฺถึ ทตฺวา ¶ สตฺตาหํ รชฺชมทาสิ. โส สตฺตาหํ เคหา พหิ อนิกฺขนฺโตว รชฺชสิรึ อนุภวิตฺวา อฏฺเม ทิวเส นทีติตฺถํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา สนฺตติมหามตฺโต วิย ตสฺสา อิตฺถิยา นจฺจคีตํ ปสฺสนฺโต นิสีทิ. สาปิ ตงฺขณฺเว สนฺตติมหามตฺตสฺส นาฏกิตฺถี วิย สตฺถกวาตานํ วเสน กาลมกาสิ. กุมาโร ตสฺสา กาลกิริยาย อุปฺปนฺนโสโก ‘‘น เม อิมํ โสกํ เปตฺวา สตฺถารํ อฺโ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โสกํ เม นิพฺพาเปถา’’ติ อาห. สตฺถา ตํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘ตยา หิ, กุมาร, อิมิสฺสา อิตฺถิยา เอวเมว มตกาเล โรทนฺเตน ปวตฺติตานํ อสฺสูนํ อนมตคฺเค สํสาเร ปมาณํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ตาย เทสนาย โสกสฺส ตนุภาวํ ตฺวา, ‘‘กุมาร, มา โสจิ, พาลชนานํ สํสีทนฏฺานเมต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ, จิตฺตํ ราชรถูปมํ;
ยตฺถ พาลา วิสีทนฺติ, นตฺถิ สงฺโค วิชานต’’นฺติ.
ตตฺถ เต ปสฺสถาติ ราชกุมารเมว สนฺธายาห. อิมํ โลกนฺติ อิมํ ขนฺธโลกาทิสงฺขาตํ อตฺตภาวํ. จิตฺตนฺติ สตฺตรตนาทิวิจิตฺตํ ราชรถํ วิย วตฺถาลงฺการาทิจิตฺติตํ. ยตฺถ พาลาติ ยสฺมึ อตฺตภาเว พาลา เอวํ ¶ วิสีทนฺติ. วิชานตนฺติ วิชานนฺตานํ ปณฺฑิตานํ เอตฺถ ราคสงฺคาทีสุ เอโกปิ สงฺโค นตฺถีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ราชกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อภยราชกุมารวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. สมฺมชฺชนตฺเถรวตฺถุ
โย ¶ จ ปุพฺเพติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺมชฺชนตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ปาโต วา สายํ วาติ เวลํ ปมาณํ อกตฺวา อภิกฺขณํ สมฺมชฺชนฺโตว วิจรติ. โส เอกทิวสํ สมฺมชฺชนึ คเหตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส เรวตตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อยํ มหากุสีโต ชนสฺส สทฺธาเทยฺยํ ภฺุชิตฺวา อาคนฺตฺวา นิสีทติ, กึ นาเมตสฺส สมฺมชฺชนึ ¶ คเหตฺวา เอกํ านํ สมฺมชฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. เถโร ‘‘โอวาทมสฺส ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอหาวุโสติ. กึ, ภนฺเตติ? คจฺฉ นฺหตฺวา เอหีติ. โส ตถา อกาสิ. อถ นํ เถโร เอกมนฺตํ นิสีทาเปตฺวา โอวทนฺโต อาห – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขุนา นาม น สพฺพกาลํ สมฺมชฺชนฺเตน วิจริตุํ วฏฺฏติ, ปาโต เอว ปน สมฺมชฺชิตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺเตน อาคนฺตฺวา รตฺติฏฺาเน วา ทิวาฏฺาเน วา นิสินฺเนน ทฺวตฺตึสาการํ สชฺฌายิตฺวา อตฺตภาเว ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา สายนฺเห อุฏฺาย สมฺมชฺชิตุํ วฏฺฏติ, นิจฺจกาลํ อสมฺมชฺชิตฺวา อตฺตโนปิ นาม โอกาโส กาตพฺโพ’’ติ. โส เถรสฺส โอวาเท ตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ ตํ านํ อุกฺลาปํ อโหสิ. อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส สมฺมชฺชนตฺเถร, ตํ ตํ านํ อุกฺลาปํ กสฺมา น สมฺมชฺชสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, มยา ปมาทกาเล เอวํ กตํ, อิทานามฺหิ อปฺปมตฺโต’’ติ. ภิกฺขู ‘‘อยํ เถโร อฺํ พฺยากโรตี’’ติ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต ปุพฺเพ ปมาทกาเล สมฺมชฺชนฺโต วิจริ, อิทานิ ปน มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต น สมฺมชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย ¶ ¶ จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล ปุพฺเพ วตฺตปฏิวตฺตกรเณน วา สชฺฌายาทีหิ วา ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา มคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต นปฺปมชฺชติ, โส อพฺภาทีหิ มุตฺโต จนฺโทว โอกาสโลกํ มคฺคาเณน อิมํ ขนฺธาทิโลกํ โอภาเสติ, เอกาโลกํ กโรตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สมฺมชฺชนตฺเถรวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ
ยสฺส ปาปนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต องฺคุลิมาลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ องฺคุลิมาลสุตฺตนฺตวเสเนว (ม. นิ. ๒.๓๔๗ อาทโย) เวทิตพฺพํ.
เถโร ¶ ปน สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล รโหคโต ปฏิสลฺลีโน วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที. ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ. –
อาทินา นเยน อุทานํ อุทาเนตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต. ภิกฺขู ‘‘กหํ นุ โข, อาวุโส, เถโร อุปฺปนฺโน’’ติ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ? สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย ¶ สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, องฺคุลิมาลตฺเถรสฺส นิพฺพตฺตฏฺานกถายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ปรินิพฺพุโต จ, ภิกฺขเว, มม ปุตฺโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอตฺตเก มนุสฺเส มาเรตฺวา ปรินิพฺพุโต’’ติ? ‘‘อาม, ภิกฺขเว, โส ปุพฺเพ เอกํ กลฺยาณมิตฺตํ อลภิตฺวา เอตฺตกํ ปาปมกาสิ, ปจฺฉา ปน กลฺยาณมิตฺตปจฺจยํ ลภิตฺวา อปฺปมตฺโต อโหสิ. เตนสฺส ตํ ปาปกมฺมํ กุสเลน ปิหิต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยสฺส ¶ ปาปํ กตํ กมฺมํ, กุสเลน ปิธียติ;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา’’ติ.
ตตฺถ กุสเลนาติ อรหตฺตมคฺคํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
องฺคุลิมาลตฺเถรวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. เปสการธีตาวตฺถุ
อนฺธภูโตติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต เอกํ เปสการธีตรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ อาฬวิวาสิโน สตฺถริ อาฬวึ สมฺปตฺเต นิมนฺเตตฺวา ทานํ อทํสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อทฺธุวํ เม ชีวิตํ, ธุวํ เม มรณํ, อวสฺสํ มยา มริตพฺพเมว ¶ , มรณปริโยสานํ เม ชีวิตํ, ชีวิตเมว อนิยตํ, มรณํ นิยตนฺติ ¶ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวถ. เยสฺหิ มรณสฺสติ อภาวิตา, เต ปจฺฉิเม กาเล อาสีวิสํ ทิสฺวา ภีตอทณฺฑปุริโส วิย สนฺตาสปฺปตฺตา เภรวรวํ รวนฺตา กาลํ กโรนฺติ. เยสํ ปน มรณสฺสติ ภาวิตา, เต ทูรโตว อาสีวิสํ ทิสฺวา ทณฺฑเกน คเหตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา ิตปุริโส วิย ปจฺฉิเม กาเล น สนฺตสนฺติ, ตสฺมา มรณสฺสติ ภาเวตพฺพา’’ติ อาห. ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อวเสสชนา สกิจฺจปฺปสุตาว อเหสุํ. เอกา ปน โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา เปสการธีตา ‘‘อโห พุทฺธานํ กถา นาม อจฺฉริยา, มยา ปน มรณสฺสตึ ภาเวตุํ วฏฺฏตี’’ติ รตฺตินฺทิวํ มรณสฺสติเมว ภาเวสิ. สตฺถาปิ ตโต นิกฺขมิตฺวา เชตวนํ อคมาสิ. สาปิ กุมาริกา ตีณิ วสฺสานิ มรณสฺสตึ ภาเวสิเยว.
อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ กุมาริกํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโตปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อิมาย กุมาริกาย มม ธมฺมเทสนาย สุตทิวสโต ปฏฺาย ตีณิ วสฺสานิ มรณสฺสติ ภาวิตา, อิทานาหํ ตตฺถ คนฺตฺวา อิมํ กุมาริกํ จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา ตาย วิสฺสชฺเชนฺติยา ¶ จตูสุ าเนสุ สาธุการํ ทตฺวา อิมํ คาถํ ภาสิสฺสามิ. สา คาถาวสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสติ, ตํ นิสฺสาย มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เชตวนา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน อคฺคาฬววิหารํ อคมาสิ. อาฬวิวาสิโน ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ตํ วิหารํ คนฺตฺวา นิมนฺตยึสุ. ตทา สาปิ กุมาริกา สตฺถุ อาคมนํ สุตฺวา ‘‘อาคโต กิร มยฺหํ ปิตา, สามิ, อาจริโย ปุณฺณจนฺทมุโข มหาโคตมพุทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานสา ‘‘อิโต เม ติณฺณํ สํวจฺฉรานํ มตฺถเก สุวณฺณวณฺโณ สตฺถา ทิฏฺปุพฺโพ, อิทานิสฺส สุวณฺณวณฺณํ ¶ สรีรํ ทฏฺุํ มธุโรชฺจ วรธมฺมํ โสตุํ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ปิตา ปนสฺสา สาลํ คจฺฉนฺโต อาห – ‘‘อมฺม, ปรสนฺตโก เม สาฏโก อาโรปิโต, ตสฺส วิทตฺถิมตฺตํ อนิฏฺิตํ, ตํ อชฺช นิฏฺาเปสฺสามิ, สีฆํ เม ตสรํ วฏฺเฏตฺวา อาหเรยฺยาสี’’ติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สตฺถุ ธมฺมํ โสตุกามา, ปิตา จ มํ เอวํ อาห. กึ นุ โข สตฺถุ ธมฺมํ สุณามิ, อุทาหุ ปิตุ ตสรํ วฏฺเฏตฺวา หรามี’’ติ? อถสฺสา เอตทโหสิ ‘‘ปิตา มํ ตสเร อนาหริยมาเน โปเถยฺยปิ ปหเรยฺยปิ, ตสฺมา ตสรํ วฏฺเฏตฺวา ตสฺส ทตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ ปีเก นิสีทิตฺวา ตสรํ วฏฺเฏสิ.
อาฬวิวาสิโนปิ สตฺถารํ ปริวิสิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อนุโมทนตฺถาย อฏฺํสุ. สตฺถา ‘‘ยมหํ กุลธีตรํ นิสฺสาย ตึสโยชนมคฺคํ อาคโต, สา อชฺชาปิ โอกาสํ น ลภติ. ตาย ¶ โอกาเส ลทฺเธ อนุโมทนํ กริสฺสามี’’ติ ตุณฺหีภูโต อโหสิ. เอวํ ตุณฺหีภูตมฺปิ สตฺถารํ สเทวเก โลเก โกจิ กิฺจิ วตฺตุํ น วิสหติ. สาปิ โข กุมาริกา ตสรํ วฏฺเฏตฺวา ปจฺฉิยํ เปตฺวา ปิตุ สนฺติกํ คจฺฉมานา ปริสปริยนฺเต ตฺวา สตฺถารํ โอโลกยมานาว อฏฺาสิ. สตฺถาปิ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ตํ โอโลเกสิ. สา โอโลกิตากาเรเนว อฺาสิ – ‘‘สตฺถา เอวรูปาย ปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวาว มํ โอโลเกนฺโต มมาคมนํ ปจฺจาสีสติ, อตฺตโน สนฺติกํ อาคมนเมว ปจฺจาสีสตี’’ติ. สา ตสรปจฺฉึ เปตฺวา สตฺถุ ¶ สนฺติกํ อคมาสิ. กสฺมา ปน นํ สตฺถา โอโลเกสีติ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘เอสา เอตฺโตว คจฺฉมานา ปุถุชฺชนกาลกิริยํ ¶ กตฺวา อนิยตคติกา ภวิสฺสติ, มม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา คจฺฉมานา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา นิยตคติกา หุตฺวา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ. ตสฺสา กิร ตํ ทิวสํ มรณโต มุตฺติ นาม นตฺถิ. สา โอโลกิตสฺาเณเนว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ฉพฺพณฺณรํสีนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตถารูปาย ปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ตุณฺหีภูตํ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ิตกฺขเณเยว ตํ อาห – ‘‘กุมาริเก, กุโต อาคจฺฉสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตฺถ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘น ชานาสี’’ติ? ‘‘ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. อิติ นํ สตฺถา จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ. มหาชโน อุชฺฌายิ – ‘‘อมฺโภ, ปสฺสถ, อยํ เปสการธีตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สทฺธึ อิจฺฉิติจฺฉิตํ กเถสิ, นนุ นาม อิมาย ‘กุโต อาคจฺฉสี’ติ วุตฺเต ‘เปสการเคหโต’ติ วตฺตพฺพํ. ‘กหํ คจฺฉสี’ติ วุตฺเต ‘เปสการสาล’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา’’ติ.
สตฺถา มหาชนํ นิสฺสทฺทํ กตฺวา, ‘‘กุมาริเก, ตฺวํ กุโต อาคจฺฉสี’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา น ชานามีติ วเทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, ตุมฺเห มม เปสการเคหโต อาคตภาวํ ชานาถ, ‘‘กุโต อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉนฺตา ปน ‘‘กุโต อาคนฺตฺวา อิธ นิพฺพตฺตาสี’’ติ ปุจฺฉถ. อหํ ปน น ชานามิ ‘‘กุโต จ อาคนฺตฺวา อิธ นิพฺพตฺตามฺหี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, กุมาริเก, มยา ปุจฺฉิตปฺโหว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ปมํ สาธุการํ ¶ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘กตฺถ คมิสฺสสีติ ปุน ปุฏฺา กสฺมา ‘น ชานามี’ติ วเทสี’’ติ? ภนฺเต, ตุมฺเห มํ ตสรปจฺฉึ คเหตฺวา เปสการสาลํ คจฺฉนฺตึ ชานาถ, ‘‘อิโต คนฺตฺวา กตฺถ นิพฺพตฺติสฺสสี’’ติ ปุจฺฉถ. อหฺจ อิโต จุตา น ชานามิ ‘‘กตฺถ คนฺตฺวา นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ทุติยํ สาธุการํ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘อถ กสฺมา ‘น ชานาสี’ติ ปุฏฺา ‘ชานามี’ติ วเทสี’’ติ? ‘‘มรณภาวํ ชานามิ, ภนฺเต, ตสฺมา เอวํ วเทมี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ ตติยํ ¶ สาธุการํ ทตฺวา อุตฺตริมฺปิ ปุจฺฉิ – ‘‘อถ กสฺมา ‘ชานาสี’ติ ปุฏฺา ‘น ชานามี’ติ วเทสี’’ติ. มม มรณภาวเมว อหํ ชานามิ, ภนฺเต, ‘‘รตฺตินฺทิวปุพฺพณฺหาทีสุ ปน อสุกกาเล นาม มริสฺสามี’’ติ น ¶ ชานามิ, ตสฺมา เอวํ วเทมีติ. อถสฺสา สตฺถา ‘‘มยา ปุจฺฉิตปฺโหเยว ตยา วิสฺสชฺชิโต’’ติ จตุตฺถํ สาธุการํ ทตฺวา ปริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘เอตฺตกํ นาม ตุมฺเห อิมาย กถิตํ น ชานาถ, เกวลํ อุชฺฌายเถว. เยสฺหิ ปฺาจกฺขุ นตฺถิ, เต อนฺธา เอว ¶ . เยสํ ปฺาจกฺขุ อตฺถิ, เต เอว จกฺขุมนฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อนฺธภูโต อยํ โลโก, ตนุเกตฺถ วิปสฺสติ;
สกุโณ ชาลมุตฺโตว, อปฺโป สคฺคาย คจฺฉตี’’ติ.
ตตฺถ อนฺธภูโต อยํ โลโกติ อยํ โลกิยมหาชโน ปฺาจกฺขุโน อภาเวน อนฺธภูโต. ตนุเกตฺถาติ ตนุโก เอตฺถ, น พหุ ชโน อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสติ. ชาลมุตฺโตวาติ ยถา เฉเกน สากุณิเกน ชาเลน โอตฺถริตฺวา คยฺหมาเนสุ วฏฺฏเกสุ โกจิเทว ชาลโต มุจฺจติ. เสสา อนฺโตชาลเมว ปวิสนฺติ. ตถา มรณชาเลน โอตฺถเฏสุ สตฺเตสุ พหู อปายคามิโน โหนฺติ, อปฺโป โกจิเทว สตฺโต สคฺคาย คจฺฉติ, สุคตึ วา นิพฺพานํ วา ปาปุณาตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน กุมาริกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สาปิ ตสรปจฺฉึ คเหตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อคมาสิ, โสปิ นิสินฺนโกว นิทฺทายิ. ตสฺสา อสลฺลกฺเขตฺวาว ตสรปจฺฉึ อุปนาเมนฺติยา ตสรปจฺฉิ เวมโกฏิยํ ปฏิหฺิตฺวา สทฺทํ กุรุมานา ปติ. โส ปพุชฺฌิตฺวา คหิตนิมิตฺเตเนว เวมโกฏึ อากฑฺฒิ. เวมโกฏิ คนฺตฺวา ตํ ¶ กุมาริกํ อุเร ปหริ, สา ตตฺเถว กาลํ กตฺวา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. อถสฺสา ปิตา ตํ โอโลเกนฺโต สกลสรีเรน โลหิตมกฺขิเตน ปติตฺวา มตํ อทฺทส. อถสฺส มหาโสโก อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘น มม โสกํ อฺโ นิพฺพาเปตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ โรทนฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โสกํ เม นิพฺพาเปถา’’ติ อาห. สตฺถา ตํ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘มา โสจิ, อุปาสก. อนมตคฺคสฺมิฺหิ สํสาเร ตว เอวเมว ธีตุ มรณกาเล ปคฺฆริตอสฺสุ จตุนฺนํ มหาสมุทฺทานํ อุทกโต อติเรกตร’’นฺติ วตฺวา อนมตคฺคกถํ ¶ กเถสิ ¶ . โส ตนุภูตโสโก สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณีติ.
เปสการธีตาวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. ตึสภิกฺขุวตฺถุ
หํสาทิจฺจปเถติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตึส ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ตึสมตฺตา ทิสาวาสิกา ภิกฺขู สตฺถารํ อุปสงฺกมึสุ. อานนฺทตฺเถโร สตฺถุ วตฺตกรณเวลาย อาคนฺตฺวา เต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘สตฺถารา อิเมหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถาเร กเต วตฺตํ กริสฺสามี’’ติ ทฺวารโกฏฺเก ¶ อฏฺาสิ. สตฺถาปิ เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เตสํ สารณียธมฺมํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เต สพฺเพปิ อรหตฺตํ ปตฺวา อุปฺปติตฺวา อากาเสน อคมึสุ. อานนฺทตฺเถโร เตสุ จิรายนฺเตสุ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทาเนว ตึสมตฺตา ภิกฺขู อาคตา, เต กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘คตา, อานนฺทา’’ติ. ‘‘กตเรน มคฺเคน, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อากาเสนานนฺทา’’ติ. ‘‘กึ ปน เต, ภนฺเต, ขีณาสวา’’ติ? ‘‘อามานนฺท, มม สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา’’ติ. ตสฺมึ ปน ขเณ อากาเสน หํสา อาคมึสุ. สตฺถา ‘‘ยสฺส โข ปนานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา สุภาวิตา, โส หํสา วิย อากาเสน คจฺฉตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘หํสาทิจฺจปเถ ยนฺติ, อากาเส ยนฺติ อิทฺธิยา;
นียนฺติ ธีรา โลกมฺหา, เชตฺวา มารํ สวาหินิ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – อิเม หํสา อาทิจฺจปเถ อากาเส คจฺฉนฺติ. เยสํ อิทฺธิปาทา สุภาวิตา, เตปิ อากาเส ยนฺติ อิทฺธิยา. ธีรา ปณฺฑิตา สวาหินึ มารํ เชตฺวา อิมมฺหา วฏฺฏโลกา นียนฺติ, นิพฺพานํ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ตึสภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. จิฺจมาณวิกาวตฺถุ
เอกํ ¶ ¶ ¶ ธมฺมนฺติ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จิฺจมาณวิกํ อารพฺภ กเถสิ.
ปมโพธิยฺหิ ทสพลสฺส ปุถุภูเตสุ สาวเกสุ อปฺปมาเณสุ เทวมนุสฺเสสุ อริยภูมึ โอกฺกนฺเตสุ ปตฺถเฏ คุณสมุทเย มหาลาภสกฺกาโร อุทปาทิ. ติตฺถิยา สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกสทิสา อเหสุํ หตลาภสกฺการา. เต อนฺตรวีถิยํ ตฺวา ‘‘กึ สมโณ โคตโมว พุทฺโธ, มยมฺปิ พุทฺธา, กึ ตสฺเสว ทินฺนํ มหปฺผลํ, อมฺหากมฺปิ ทินฺนํ มหปฺผลเมว, อมฺหากมฺปิ เทถ สกฺกโรถา’’ติ เอวํ มนุสฺเส วิฺาเปนฺตาปิ ลาภสกฺการํ อลภิตฺวา รโห สนฺนิปติตฺวา ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน สมณสฺส โคตมสฺส มนุสฺสานํ อนฺตเร อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสยฺยามา’’ติ จินฺตยึสุ.
ตทา สาวตฺถิยํ จิฺจมาณวิกา นาเมกา ปริพฺพาชิกา อุตฺตมรูปธรา โสภคฺคปฺปตฺตา เทวจฺฉรา วิย. อสฺสา สรีรโต รสฺมิโย นิจฺฉรนฺติ. อเถโก ขรมนฺตี เอวมาห – ‘‘จิฺจมาณวิกํ ปฏิจฺจ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสสฺสามา’’ติ. เต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ สา ติตฺถิยารามํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ, ติตฺถิยา ตาย สทฺธึ น กเถสุํ. สา ‘‘โก นุ โข เม โทโส’’ติ ยาวตติยํ ‘‘วนฺทามิ, อยฺยา’’ติ วตฺวา, ‘‘อยฺยา, โก นุ โข เม โทโส, กึ มยา สทฺธึ น กเถถา’’ติ อาห. ‘‘ภคินิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหยนฺตํ หตลาภสกฺกาเร ¶ กตฺวา วิจรนฺตํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, อยฺยา, กึ ปเนตฺถ มยา กตฺตพฺพ’’นฺติ. ‘‘สเจ ตฺวํ, ภคินิ, อมฺหากํ สุขมิจฺฉสิ, อตฺตานํ ปฏิจฺจ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสหี’’ติ.
สา ‘‘สาธุ, อยฺยา, มยฺหํเวโส ภาโร, มา จินฺตยิตฺถา’’ติ วตฺวา ปกฺกมิตฺวา อิตฺถิมายาสุ กุสลตาย ตโต ปฏฺาย สาวตฺถิวาสีนํ ธมฺมกถํ สุตฺวา เชตวนา นิกฺขมนสมเย อินฺทโคปกวณฺณํ ปฏํ ปารุปิตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เชตวนาภิมุขี คจฺฉติ. ‘‘อิมาย เวลาย กุหึ คจฺฉสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม คมนฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา เชตวนสมีเป ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว ‘‘อคฺควนฺทนํ วนฺทิสฺสามา’’ติ นครา นิกฺขมนฺเต อุปาสกชเน ¶ เชตวนสฺส อนฺโตวุฏฺา วิย หุตฺวา นครํ ปวิสติ. ‘‘กุหึ วุฏฺาสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม วุฏฺฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา มาสทฺธมาสจฺจเยน ปุจฺฉิยมานา เชตวเน สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยา วุฏฺามฺหีติ. ปุถุชฺชนานํ ¶ ‘‘สจฺจํ นุ โข เอตํ, โน’’ติ กงฺขํ อุปฺปาเทตฺวา เตมาสจตุมาสจฺจเยน ปิโลติกาหิ อุทรํ เวเตฺวา คพฺภินิวณฺณํ ทสฺเสตฺวา อุปริ รตฺตปฏํ ปารุปิตฺวา ‘‘สมณํ โคตมํ ปฏิจฺจ คพฺโภ อุปฺปนฺโน’’ติ อนฺธพาเล สทฺทหาเปตฺวา อฏฺนวมาสจฺจเยน อุทเร ทารุมณฺฑลิกํ พนฺธิตฺวา อุปริ ปฏํ ปารุปิตฺวา ¶ หตฺถปาทปิฏฺิโย โคหนุเกน โกฏฺฏาเปตฺวา อุสฺสเท ทสฺเสตฺวา กิลนฺตินฺทฺริยา หุตฺวา สายนฺหสมเย ตถาคเต อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺเต ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ปุรโต ตฺวา, ‘‘มหาสมณ, มหาชนสฺส ตาว ธมฺมํ เทเสสิ, มธุโร เต สทฺโท, สมฺผุสิตํ ทนฺตาวรณํ. อหํ ปน ตํ ปฏิจฺจ คพฺภํ ลภิตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา ชาตา, เนว เม สูติฆรํ ชานาสิ, สปฺปิเตลาทีนิ สยํ อกโรนฺโต อุปฏฺากานมฺปิ อฺตรํ โกสลราชานํ วา อนาถปิณฺฑิกํ วา วิสาขํ อุปาสิกํ วา ‘อิมิสฺสา จิฺจมาณวิกาย กตฺตพฺพยุตฺตกํ กโรหี’ติ น วเทสิ, อภิรมิตุํเยว ชานาสิ, คพฺภปริหารํ น ชานาสี’’ติ คูถปิณฺฑํ คเหตฺวา จนฺทมณฺฑลํ ทูเสตุํ วายมนฺตี วิย ปริสมชฺเฌ ตถาคตํ อกฺโกสิ. ตถาคโต ธมฺมกถํ เปตฺวา สีโห วิย อภินทนฺโต, ‘‘ภคินิ, ตยา กถิตสฺส ตถภาวํ วา วิตถภาวํ วา อหเมว จ ตฺวฺจ ชานามา’’ติ อาห. ‘‘อาม, มหาสมณ, ตยา จ มยา จ าตภาเวเนตํ ชาต’’นฺติ.
ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ‘‘จิฺจมาณวิกา ตถาคตํ อภูเตน อกฺโกสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อิทํ วตฺถุํ โสเธสฺสามี’’ติ จตูหิ เทวปุตฺเตหิ สทฺธึ อาคมิ. เทวปุตฺตา มูสิกโปตกา หุตฺวา ทารุมณฺฑลิกสฺส พนฺธนรชฺชุเก เอกปฺปหาเรเนว ฉินฺทึสุ, ปารุตปฏํ วาโต อุกฺขิปิ, ทารุมณฺฑลิกํ ปตมานํ ตสฺสา ปาทปิฏฺิยํ ปติ ¶ , อุโภ อคฺคปาทา ฉิชฺชึสุ. มนุสฺสา ‘‘ธี กาฬกณฺณิ, สมฺมาสมฺพุทฺธํ อกฺโกสี’’ติ สีเส เขฬํ ปาเตตฺวา เลฑฺฑุทณฺฑาทิหตฺตา เชตวนา นีหรึสุ. อถสฺสา ตถาคตสฺส จกฺขุปถํ อติกฺกนฺตกาเล มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา ¶ วิวรมทาสิ, อวีจิโต อคฺคิชาลา อุฏฺหิ. สา กุลทตฺติยํ กมฺพลํ ปารุปมานา วิย คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. อฺติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ, ทสพลสฺส ภิยฺโยโสมตฺตาย วฑฺฒิ. ปุนทิวเส ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, จิฺจมาณวิกา เอวํ อุฬารคุณํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เอสา มํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา วินาสํ ปตฺตาเยวา’’ติ วตฺวา –
‘‘นาทฏฺา ปรโต โทสํ, อณุํ ถูลานิ สพฺพโส;
อิสฺสโร ปณเย ทณฺฑํ, สามํ อปฺปฏิเวกฺขิยา’’ติ. –
อิมํ ¶ ทฺวาทสนิปาเต มหาปทุมชาตกํ (ชา. ๑.๑๒.๑๐๖) วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ –
ตทา กิเรสา มหาปทุมกุมารสฺส โพธิสตฺตสฺส มาตุ สปตฺตี รฺโ อคฺคมเหสี หุตฺวา มหาสตฺตํ อสทฺธมฺเมน นิมนฺเตตฺวา ตสฺส มนํ อลภิตฺวา อตฺตนาว อตฺตนิ วิปฺปการํ กตฺวา คิลานาลยํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตว ปุตฺโต มํ อนิจฺฉนฺตึ อิมํ วิปฺปการํ ปาเปสี’’ติ ¶ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา กุทฺโธ มหาสตฺตํ โจรปปาเต ขิปิ. อถ นํ ปพฺพตกุจฺฉิยํ อธิวตฺถา เทวตา ปฏิคฺคเหตฺวา นาคราชสฺส ผณคพฺเภ ปติฏฺเปสิ. นาคราชา ตํ นาคภวนํ เนตฺวา อุปฑฺฒรชฺเชน สมฺมาเนสิ. โส ตตฺถ สํวจฺฉรํ วสิตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หิมวนฺตปฺปเทสํ ปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. อถ นํ เอโก วนจรโก ทิสฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ตฺวา มหาสตฺตํ รชฺเชน นิมนฺเตตฺวา เตน ‘‘มยฺหํ รชฺเชน กิจฺจํ นตฺถิ, ตฺวํ ปน ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา อคติคมนํ ปหาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรหี’’ติ โอวทิโต อุฏฺายาสนา โรทิตฺวา นครํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ กํ นิสฺสาย เอวํ อาจารสมฺปนฺเนน ปุตฺเตน วิโยคํ ปตฺโต’’ติ? ‘‘อคฺคมเหสึ นิสฺสาย, เทวา’’ติ. ราชา ตํ อุทฺธํปาทํ คเหตฺวา โจรปปาเต ขิปาเปตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตทา มหาปทุมกุมาโร สตฺถา อโหสิ, มาตุ สปตฺตี จิฺจมาณวิกาติ.
สตฺถา ¶ อิมมตฺถํ ปกาเสตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, เอกํ ธมฺมฺหิ สจฺจวจนํ ปหาย มุสาวาเท ปติฏฺิตานํ วิสฺสฏฺปรโลกานํ อกตฺตพฺพปาปกมฺมํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน;
วิติณฺณปรโลกสฺส, นตฺถิ ปาปํ อการิย’’นฺติ.
ตตฺถ เอกํ ธมฺมนฺติ สจฺจํ. มุสาวาทิสฺสาติ ยสฺส ทสสุ วจเนสุ เอกมฺปิ สจฺจํ นตฺถิ, เอวรูปสฺส มุสาวาทิโน ¶ . วิติณฺณปรโลกสฺสาติ วิสฺสฏฺปรโลกสฺส. เอวรูโป หิ มนุสฺสสมฺปตฺตึ เทวสมฺปตฺตึ อวสาเน นิพฺพานสมฺปตฺตินฺติ อิมา ติสฺโสปิ สมฺปตฺติโย น ปสฺสติ. นตฺถิ ปาปนฺติ ตสฺส เอวรูปสฺส อิทํ นาม ปาปํ อกตฺตพฺพนฺติ นตฺถิ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
จิฺจมาณวิกาวตฺถุ นวมํ.
๑๐. อสทิสทานวตฺถุ
น ¶ เว กทริยาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อสทิสทานํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา จาริกํ จริตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เชตวนํ ปาวิสิ. ราชา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส อาคนฺตุกทานํ สชฺเชตฺวา ‘‘ทานํ เม ปสฺสนฺตู’’ติ นาคเร ปกฺโกสิ. นาครา อาคนฺตฺวา รฺโ ทานํ ทิสฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ สชฺเชตฺวา ‘‘อมฺหากมฺปิ ทานํ, เทโว, ปสฺสตู’’ติ รฺโ ปหิณึสุ. ราชา เตสํ ทานํ ทิสฺวา ‘‘อิเมหิ มม ทานโต อุตฺตริตรํ กตํ, ปุน ทานํ กริสฺสามี’’ติ ปุนทิวเสปิ ทานํ สชฺเชสิ. นาคราปิ ตํ ทิสฺวา ปุนทิวเส สชฺชยึสุ. เอวํ เนว ราชา นาคเร ปราเชตุํ สกฺโกติ, น ¶ นาครา ราชานํ. อถ ฉฏฺเ วาเร นาครา สตคุณํ สหสฺสคุณํ วฑฺเฒตฺวา ยถา น สกฺกา โหติ ‘‘อิทํ นาม อิเมสํ ทาเน นตฺถี’’ติ วตฺตุํ, เอวํ ทานํ สชฺชยึสุ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ อิเมสํ ทานโต อุตฺตริตรํ กาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, กึ เม ชีวิเตนา’’ติ อุปายํ จินฺเตนฺโต นิปชฺชิ. อถ นํ มลฺลิกา ¶ เทวี อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘กสฺมา, มหาราช, เอวํ นิปนฺโนสิ, เกน เต อินฺทฺริยานิ กิลนฺตานิ วิยา’’ติ ปุจฺฉิ. ราชา อาห – ‘‘น ทานิ ตฺวํ, เทวิ, ชานาสี’’ติ. ‘‘น ชานามิ, เทวา’’ติ. โส ตสฺสา ตมตฺถํ อาโรเจสิ.
อถ นํ มลฺลิกา อาห – ‘‘เทว, มา จินฺตยิ, กหํ ตยา ปถวิสฺสโร ราชา นาคเรหิ ปราชิยมาโน ทิฏฺปุพฺโพ วา สุตปุพฺโพ วา, อหํ เต ทานํ สํวิทหิสฺสามี’’ติ. อิติสฺส อสทิสทานํ สํวิทหิตุกามตาย เอวํ วตฺวา, มหาราช, สาลกลฺยาณิปทเรหิ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อนฺโต อาวฏฺเฏ นิสีทนมณฺฑปํ กาเรหิ, เสสา พหิอาวฏฺเฏ นิสีทิสฺสนฺติ. ปฺจ เสตจฺฉตฺตสตานิ กาเรหิ, ตานิ คเหตฺวา ปฺจสตา หตฺถี ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ มตฺถเก ธารยมานา สฺสนฺติ. อฏฺ วา ทส วา รตฺตสุวณฺณนาวาโย กาเรหิ, ตา มณฺฑปมชฺเฌ ภวิสฺสนฺติ. ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ อนฺตเร เอเกกา ขตฺติยธีตา นิสีทิตฺวา คนฺเธ ปิสิสฺสติ, เอเกกา ขตฺติยธีตา พีชนํ อาทาย ทฺเว ทฺเว ภิกฺขู พีชมานา สฺสติ, เสสา ขตฺติยธีตโร ปิเส ปิเส คนฺเธ หริตฺวา ¶ สุวณฺณนาวาสุ ปกฺขิปิสฺสนฺติ, ตาสุ เอกจฺจา ขตฺติยธีตโร นีลุปฺปลกลาเป คเหตฺวา สุวณฺณนาวาสุ ปกฺขิตฺตคนฺเธ อาโลเฬตฺวา วาสํ คาหาเปสฺสนฺติ. นาครานฺหิเนว ขตฺติยธีตโร อตฺถิ, น เสตจฺฉตฺตานิ, น หตฺถิโน จ. อิเมหิ การเณหิ นาครา ¶ ปราชิสฺสนฺติ, เอวํ กโรหิ, มหาราชาติ. ราชา ‘‘สาธุ, เทวิ, กลฺยาณํ เต กถิต’’นฺติ ตาย กถิตนิยาเมน สพฺพํ กาเรสิ. เอกสฺส ปน ภิกฺขุโน เอโก หตฺถิ นปฺปโหสิ. อถ ราชา มลฺลิกํ อาห – ‘‘ภทฺเท, เอกสฺส ภิกฺขุโน เอโก หตฺถิ นปฺปโหติ, กึ กริสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ, เทว, ปฺจ หตฺถิสตานิ นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, เทวิ, อวเสสา ทุฏฺหตฺถิโน, เต ภิกฺขู ทิสฺวาว เวรมฺภวาตา วิย จณฺฑา โหนฺตี’’ติ. ‘‘เทว, อหํ เอกสฺส ทุฏฺหตฺถิโปตกสฺส ฉตฺตํ คเหตฺวา ติฏฺนฏฺานํ ชานามี’’ติ. ‘‘กตฺถ นํ เปสฺสามา’’ติ? ‘‘อยฺยสฺส องฺคุลิมาลสฺส สนฺติเก’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. หตฺถิโปตโก วาลธึ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา อุโภ กณฺเณ ปาเตตฺวา อกฺขีนิ นิมิเลตฺวา อฏฺาสิ. มหาชโน ‘‘เอวรูปสฺส นาม จณฺฑหตฺถิโน อยมากาโร’’ติ หตฺถิเมว โอโลเกสิ.
ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ อิมสฺมึ ทานคฺเค กปฺปิยภณฺฑํ วา อกปฺปิยภณฺฑํ วา, สพฺพํ ตํ ตุมฺหากเมว ทมฺมี’’ติ อาห ¶ . ตสฺมึ ¶ ปน ทาเน เอกทิวเสเนว ปริจฺจตฺตํ จุทฺทสโกฏิธนํ โหติ. สตฺถุ ปน เสตจฺฉตฺตํ นิสีทนปลฺลงฺโก อาธารโก ปาทปีิกาติ จตฺตาริ อนคฺฆาเนว. ปุน เอวรูปํ กตฺวา พุทฺธานํ ทานํ นาม ทาตุํ สมตฺโถ นาโหสิ, เตเนว ตํ ‘‘อสทิสทาน’’นฺติ ปฺายิ. ตํ กิร สพฺพพุทฺธานํ เอกวารํ โหติเยว, สพฺเพสํ ปน อิตฺถีเยว สํวิทหติ. รฺโ ปน กาโฬ จ ชุณฺโห จาติ ทฺเว อมจฺจา อเหสุํ. เตสุ กาโฬ จินฺเตสิ – ‘‘อโห ราชกุลสฺส ปริหานิ, เอกทิวเสเนว จุทฺทสโกฏิธนํ ขยํ คจฺฉติ, อิเม อิมํ ทานํ ภฺุชิตฺวา คนฺตฺวา นิปนฺนา นิทฺทายิสฺสนฺติ, อโห นฏฺํ ราชกุล’’นฺติ. ชุณฺโห จินฺเตสิ – ‘‘อโห รฺโ ทานํ สุทินฺนํ. น หิ สกฺกา ราชภาเว อฏฺิเตน เอวรูปํ ทานํ ทาตุํ, สพฺพสตฺตานํ ปตฺตึ อเทนฺโต นาม นตฺถิ, อหํ ปนิทํ ทานํ อนุโมทามี’’ติ.
สตฺถุ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา อนุโมทนตฺถาย ปตฺตํ คณฺหิ. สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘รฺา มโหฆํ ปวตฺเตนฺเตน วิย มหาทานํ ทินฺนํ, อสกฺขิ นุ โข มหาชโน จิตฺตํ ปสาเทตุํ, อุทาหุ โน’’ติ. โส เตสํ อมจฺจานํ จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘สเจ รฺโ ทานานุจฺฉวิกํ อนุโมทนํ กริสฺสามิ, กาฬสฺส มุทฺธา สตฺตธา ผลิสฺสติ, ชุณฺโห โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ ตฺวา กาเฬ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ เอวรูปํ ทานํ ทตฺวา ิตสฺส รฺโ จตุปฺปทิกํ คาถเมว วตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คโต. ภิกฺขู ¶ องฺคุลิมาลํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘น กึ นุ โข, อาวุโส, ทุฏฺหตฺถึ ฉตฺตํ ธาเรตฺวา ิตํ ทิสฺวา ภายี’’ติ? ‘‘น ภายึ, อาวุโส’’ติ. เต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘องฺคุลิมาโล, ภนฺเต, อฺํ พฺยากโรสี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว ¶ , องฺคุลิมาโล ภายติ. ขีณาสวอุสภานฺหิ อนฺตเร เชฏฺกอุสภา มม ปุตฺตสทิสา ภิกฺขู น ภายนฺตี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณวคฺเค อิมํ คาถมาห –
‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, มเหสึ วิชิตาวินํ;
อเนชํ นฺหาตกํ พุทฺธํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๒๒; สุ. นิ. ๖๕๑);
ราชาปิ โทมนสฺสปฺปตฺโต ‘‘เอวรูปาย นาม ปริสาย ทานํ ทตฺวา ิตสฺส มยฺหํ อนุจฺฉวิกํ อนุโมทนํ อกตฺวา คาถเมว วตฺวา สตฺถา อุฏฺายาสนา คโต. มยา สตฺถุ อนุจฺฉวิกํ ทานํ อกตฺวา อนนุจฺฉวิกํ กตํ ภวิสฺสติ ¶ , กปฺปิยภณฺฑํ อทตฺวา อกปฺปิยภณฺฑํ วา ทินฺนํ ภวิสฺสติ, สตฺถารา เม กุปิเตน ภวิตพฺพํ. เอวฺหิ อสทิสทานํ นาม, ทานานุรูปํ อนุโมทนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข เม, ภนฺเต, ทาตพฺพยุตฺตกํ ทานํ น ทินฺนํ, อุทาหุ ทานานุรูปํ กปฺปิยภณฺฑํ อทตฺวา อกปฺปิยภณฺฑเมว ทินฺน’’นฺติ. ‘‘กิเมตํ ¶ , มหาราชา’’ติ? ‘‘น เม ตุมฺเหหิ ทานานุจฺฉวิกา อนุโมทนา กตา’’ติ? ‘‘มหาราช, อนุจฺฉวิกเมว เต ทานํ ทินฺนํ. เอตฺหิ อสทิสทานํ นาม, เอกสฺส พุทฺธสฺส เอกวารเมว สกฺกา ทาตุํ, ปุน เอวรูปํ นาม ทานํ ทุทฺทท’’นฺติ. ‘‘อถ กสฺมา, ภนฺเต, เม ทานานุรูปํ อนุโมทนํ น กริตฺถา’’ติ? ‘‘ปริสาย อสุทฺธตฺตา, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, ปริสาย โทโส’’ติ? อถสฺส สตฺถา ทฺวินฺนมฺปิ อมจฺจานํ จิตฺตาจารํ อาโรเจตฺวา กาเฬ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อนุโมทนาย อกตภาวํ อาจิกฺขิ. ราชา ‘‘สจฺจํ กิร เต, กาฬ, เอวํ จินฺติต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตว สนฺตกํ อคฺคเหตฺวา มม ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ มยิ อตฺตโน สนฺตกํ เทนฺเต ตุยฺหํ กา ปีฬา. คจฺฉ, โภ, ยํ เต มยา ทินฺนํ, ตํ ทินฺนเมว โหตุ, รฏฺโต ปน เม นิกฺขมา’’ติ ตํ รฏฺา นีหริตฺวา ชุณฺหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร เต เอวํ จินฺติต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สาธุ, มาตุล, ปสนฺโนสฺมิ, ตฺวํ มม ปริชนํ คเหตฺวา มยา ทินฺนนิยาเมเนว สตฺต ทิวสานิ ทานํ เทหี’’ติ สตฺตาหํ รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘ปสฺสถ, ภนฺเต, พาลสฺส กรณํ, มยา เอวํ ทินฺนทาเน ปหารมทาสี’’ติ. สตฺถา ‘‘อาม, มหาราช, พาลา นาม ปรสฺส ทานํ อนภินนฺทิตฺวา ทุคฺคติปรายณา โหนฺติ, ธีรา ปน ปเรสมฺปิ ทานํ อนุโมทิตฺวา สคฺคปรายณา เอว โหนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘น ¶ เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺติ, พาลา หเว นปฺปสํสนฺติ ทานํ;
ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน, เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถา’’ติ.
ตตฺถ ¶ กทริยาติ ถทฺธมจฺฉริโน. พาลาติ อิธโลกปรโลกํ อชานนกา. ธีโรติ ปณฺฑิโต. สุขี ปรตฺถาติ เตเนว โส ทานานุโมทนปฺุเน ปรโลเก ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน สุขี โหตีติ.
เทสนาวสาเน ¶ ชุณฺโห โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสิ, ชุณฺโหปิ โสตาปนฺโน หุตฺวา สตฺตาหํ รฺา ทินฺนนิยาเมเนว ทานํ อทาสีติ.
อสทิสทานวตฺถุ ทสมํ.
๑๑. อนาถปิณฺฑกปุตฺตกาลวตฺถุ
ปถพฺยา เอกรชฺเชนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาลํ นาม อนาถปิณฺฑิกสฺส ปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ตถาวิธสฺส สทฺธาสมฺปนฺนสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา เนว สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตุํ, น เคหํ อาคตกาเล ทฏฺุํ, น ธมฺมํ โสตุํ, น สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กาตุํ อิจฺฉติ. ปิตรา ‘‘มา เอวํ, ตาต, กรี’’ติ วุตฺโตปิ ตสฺส วจนํ น สุณาติ. อถสฺส ปิตา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เอวรูปํ ทิฏฺึ คเหตฺวา วิจรนฺโต อวีจิปรายโณ ภวิสฺสติ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, ยํ มยิ ปสฺสนฺเต มม ปุตฺโต นิรยํ คจฺเฉยฺย. อิมสฺมึ โข ปน โลเก ธนทาเนน อภิชฺชนกสตฺโต นาม นตฺถิ, ธเนน นํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘ตาต, อุโปสถิโก หุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา เอหิ, กหาปณสตํ เต ¶ ทสฺสามี’’ติ. ทสฺสถ, ตาตาติ. ทสฺสามิ, ปุตฺตาติ. โส ยาวตติยํ ปฏิฺํ คเหตฺวา อุโปสถิโก หุตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ธมฺมสฺสวเนน ปนสฺส กิจฺจํ นตฺถิ, ยถาผาสุกฏฺาเน สยิตฺวา ปาโตว เคหํ อคมาสิ. อถสฺส ปิตา ‘‘ปุตฺโต เม อุโปสถิโก อโหสิ, สีฆมสฺส ยาคุอาทีนิ อาหรถา’’ติ วตฺวา ทาเปสิ. โส ‘‘กหาปเณ อคฺคเหตฺวา น ภฺุชิสฺสามี’’ติ อาหฏาหฏํ ปฏิกฺขิปิ. อถสฺส ปิตา ปีฬํ อสหนฺโต กหาปณภณฺฑํ ทาเปสิ. โส ตํ หตฺเถน คเหตฺวาว อาหารํ ปริภฺุชิ.
อถ ¶ นํ ปุนทิวเส เสฏฺิ, ‘‘ตาต, กหาปณสหสฺสํ เต ทสฺสามิ, สตฺถุ ปุรโต ตฺวา เอกํ ธมฺมปทํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ เปเสสิ. โสปิ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ปุรโต ตฺวาว เอกเมว ปทํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปลายิตุกาโม อโหสิ. อถสฺส สตฺถา อสลฺลกฺขณาการํ อกาสิ. โส ตํ ปทํ อสลฺลกฺเขตฺวา อุปริปทํ อุคฺคณฺหิสฺสามีติ ตฺวา อสฺโสสิเยว ¶ . อุคฺคณฺหิสฺสามีติ สุณนฺโตว กิร สกฺกจฺจํ สุณาติ นาม. เอวฺจ กิร สุณนฺตานํ ธมฺโม โสตาปตฺติมคฺคาทโย เทติ. โสปิ อุคฺคณฺหิสฺสามีติ สุณาติ, สตฺถาปิสฺส อสลฺลกฺขณาการํ กโรติ. โส ‘‘อุปริปทํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ ตฺวา สุณนฺโตว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
โส ปุนทิวเส พุทฺธปฺปมุเขน ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึเยว สาวตฺถึ ปาวิสิ. มหาเสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช ¶ มม ปุตฺตสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺสปิ เอตทโหสิ – ‘‘อโห วต เม ปิตา อชฺช สตฺถุ สนฺติเก กหาปเณ น ทเทยฺย, กหาปณการณา มยฺหํ อุโปสถิกภาวํ ปฏิจฺฉาเทยฺยา’’ติ. สตฺถา ปนสฺส หิยฺโยว กหาปณสฺส การณา อุโปสถิกภาวํ อฺาสิ. มหาเสฏฺิ, พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ยาคุํ ทาเปตฺวา ปุตฺตสฺสปิ ทาเปสิ. โส นิสีทิตฺวา ตุณฺหีภูโตว ยาคุํ ปิวิ, ขาทนียํ ขาทิ, ภตฺตํ ภฺุชิ. มหาเสฏฺิ สตฺถุ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ปุตฺตสฺส ปุรโต สหสฺสภณฺฑิกํ ปาเปตฺวา, ‘‘ตาต, มยา เต ‘สหสฺสํ ทสฺสามี’ติ วตฺวา อุโปสถํ สมาทาเปตฺวา วิหารํ ปหิโต. อิทํ เต สหสฺส’’นฺติ อาห. โส สตฺถุ ปุรโต กหาปเณ ทิยฺยมาเน ทิสฺวา ลชฺชนฺโต ‘‘อลํ เม กหาปเณหี’’ติ วตฺวา, ‘‘คณฺห, ตาตา’’ติ วุจฺจมาโนปิ น คณฺหิ. อถสฺส ปิตา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช เม ปุตฺตสฺส อากาโร รุจฺจตี’’ติ วตฺวา ‘‘กึ, มหาเสฏฺี’’ติ วุตฺเต ‘‘มยา เอส ปุริมทิวเส ‘กหาปณสตํ เต ทสฺสามี’ติ วตฺวา วิหารํ เปสิโต. ปุนทิวเส กหาปเณ อคฺคเหตฺวา ภฺุชิตุํ น อิจฺฉิ, อชฺช ปน ทิยฺยมาเนปิ กหาปเณ น อิจฺฉตี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อาม, มหาเสฏฺิ, อชฺช ตว ปุตฺตสฺส จกฺกวตฺติสมฺปตฺติโตปิ เทวโลกพฺรหฺมโลกสมฺปตฺตีหิปิ โสตาปตฺติผลเมว วร’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปถพฺยา เอกรชฺเชน, สคฺคสฺส คมเนน วา;
สพฺพโลกาธิปจฺเจน, โสตาปตฺติผลํ วร’’นฺติ.
ตตฺถ ปถพฺยา เอกรชฺเชนาติ จกฺกวตฺติรชฺเชน. สคฺคสฺส คมเนน วาติ ฉพฺพีสติวิธสฺส สคฺคสฺส ¶ อธิคมเนน. สพฺพโลกาธิปจฺเจนาติ น เอกสฺมึ เอตฺตเก ¶ โลเก นาคสุปณฺณเวมานิกเปเตหิ สทฺธึ, สพฺพสฺมึ โลเก อาธิปจฺเจน. โสตาปตฺติผลํ วรนฺติ ยสฺมา เอตฺตเก าเน ¶ รชฺชํ กาเรตฺวาปิ นิรยาทีหิ อมุตฺโตว โหติ, โสตาปนฺโน ปน ปิหิตาปายทฺวาโร หุตฺวา สพฺพทุพฺพโลปิ อฏฺเม ภเว น นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา โสตาปตฺติผลเมว วรํ อุตฺตมนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อนาถปิณฺฑกปุตฺตกาลวตฺถุ เอกาทสมํ.
โลกวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
เตรสโม วคฺโค.
๑๔. พุทฺธวคฺโค
๑. มารธีตรวตฺถุ
ยสฺส ¶ ¶ ¶ ชิตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โพธิมณฺเฑ วิหรนฺโต มารธีตโร อารพฺภ กเถสิ. เทสนํ ปน สาวตฺถิยํ สมุฏฺาเปตฺวา ปุน กุรุรฏฺเ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส กเถสิ.
กุรุรฏฺเ กิร มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส ธีตา มาคณฺฑิยาเยว นาม อโหสิ อุตฺตมรูปธรา. ตํ ปตฺถยมานา อเนกพฺราหฺมณมหาสาลา เจว ขตฺติยมหาสาลา จ ‘‘ธีตรํ โน เทตู’’ติ มาคณฺฑิยสฺส ปหิณึสุ. โสปิ ‘‘น ตุมฺเห มยฺหํ ธีตุ อนุจฺฉวิกา’’ติ สพฺเพ ปฏิกฺขิปเตว. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ มาคณฺฑิยพฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต พฺราหฺมณสฺส จ พฺราหฺมณิยา จ ติณฺณํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ อทฺทส. พฺราหฺมโณปิ พหิคาเม นิพทฺธํ อคฺคึ ปริจรติ. สตฺถา ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย ตํ านํ อคมาสิ. พฺราหฺมโณ สตฺถุ รูปสิรึ โอโลเกนฺโต ‘‘อิมสฺมึ โลเก อิมินา สทิโส ปุริโส นาม นตฺถิ, อยํ มยฺหํ ¶ ธีตุ อนุจฺฉวิโก, อิมสฺส เม ธีตรํ ทสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อาห – ‘‘สมณ, มม เอกา ธีตา อตฺถิ, อหํ ตสฺสา อนุจฺฉวิกํ ปุริสํ อปสฺสนฺโต ตํ น กสฺสจิ อทาสึ, ตฺวํ ปนสฺสา อนุจฺฉวิโก, อหํ เต ธีตรํ ปาทปริจาริกํ กตฺวา ทาตุกาโม, ยาว นํ อาเนมิ, ตาว อิเธว ติฏฺาหี’’ติ. สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา เนว อภินนฺทิ, น ปฏิกฺโกสิ.
พฺราหฺมโณปิ เคหํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘โภติ, อชฺช เม ธีตุ อนุจฺฉวิโก ปุริโส ทิฏฺโ, ตสฺส นํ ทสฺสามา’’ติ ธีตรํ อลงฺการาเปตฺวา อาทาย พฺราหฺมณิยา สทฺธึ ตํ านํ อคมาสิ. มหาชโนปิ กุตูหลชาโต นิกฺขมิ. สตฺถา พฺราหฺมเณน วุตฺตฏฺาเน อฏฺตฺวา ตตฺถ ปทเจติยํ ทสฺเสตฺวา อฺสฺมึ าเน อฏฺาสิ. พุทฺธานํ กิร ปทเจติยํ ‘‘อิทํ อสุโก นาม ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา อกฺกนฺตฏฺาเนเยว ปฺายติ, เสสฏฺาเน ตํ ปสฺสนฺโต นาม นตฺถิ. พฺราหฺมโณ อตฺตนา สทฺธึ ¶ คจฺฉมานาย พฺราหฺมณิยา ‘‘กหํ โส’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อิมสฺมึ าเน ติฏฺาหีติ ตํ อวจ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ปทวลฺชํ ทิสฺวา ‘‘อิทมสฺส ปท’’นฺติ ทสฺเสสิ. สา ลกฺขณมนฺตกุสลตาย ¶ ‘‘น อิทํ, พฺราหฺมณ, กามโภคิโน ปท’’นฺติ วตฺวา พฺราหฺมเณน, ‘‘โภติ, ตฺวํ อุทกปาติมฺหิ สุสุมารํ ปสฺสสิ, มยา โส สมโณ ทิฏฺโ ‘ธีตรํ เต ทสฺสามี’ติ วุตฺโต, เตนาปิ อธิวาสิต’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘พฺราหฺมณ, กิฺจาปิ ตฺวํ เอวํ วเทสิ, อิทํ ปน นิกฺกิเลสสฺเสว ปท’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘รตฺตสฺส ¶ หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว,
ทุฏฺสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ;
มูฬฺหสฺส โหติ อวกฑฺฒิตํ ปทํ,
วิวฏฺฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๔๕; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวตีวตฺถุ);
อถ นํ พฺราหฺมโณ, ‘‘โภติ, มา วิรวิ, ตุณฺหีภูตาว เอหี’’ติ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โส ปุริโส’’ติ ตสฺสา ทสฺเสตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘สมณ, ธีตรํ เต ทสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘น เม ตว ธีตาย อตฺโถ’’ติ อวตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, เอกํ เต การณํ กเถสฺสามิ, สุณิสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถหิ, โภ สมณ, สุณิสฺสามี’’ติ วุตฺเต อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย อตีตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ.
ตตฺรายํ สงฺเขปกถา – มหาสตฺโต รชฺชสิรึ ปหาย กณฺฏกํ อารุยฺห ฉนฺนสหาโย อภินิกฺขมนฺโต นครทฺวาเร ิเตน มาเรน ‘‘สิทฺธตฺถ, นิวตฺต, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อหเมตํ, มาร, ชานามิ, น เม เตนตฺโถ’’ติ อาห. อถ กิมตฺถาย นิกฺขมสีติ? สพฺพฺุตฺาณตฺถายาติ. ‘‘เตน หิ สเจ อชฺชโต ปฏฺาย กามวิตกฺกาทีนํ เอกมฺปิ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสสิ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพ’’นฺติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย โอตาราเปกฺโข สตฺต วสฺสานิ มหาสตฺตํ อนุพนฺธิ.
สตฺถาปิ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปจฺจตฺตปุริสการํ นิสฺสาย โพธิมูเล สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทยมาโน ปฺจมสตฺตาเห อชปาลนิคฺโรธมูเล นิสีทิ. ตสฺมึ สมเย มาโร ‘‘อหํ ¶ เอตฺตกํ กาลํ อนุพนฺธิตฺวา โอตาราเปกฺโขปิ ¶ อิมสฺส กิฺจิ ขลิตํ นาทฺทสํ, อติกฺกนฺโต อิทานิ เอส มม วิสย’’นฺติ โทมนสฺสปฺปตฺโต มหามคฺเค นิสีทิ. อถสฺส ตณฺหา อรตี รคาติ อิมา ติสฺโส ธีตโร ‘‘ปิตา โน น ปฺายติ, กหํ นุ โข เอตรหี’’ติ โอโลกยมานา ตํ ตถา นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กสฺมา ¶ , ตาต, ทุกฺขี ทุมฺมโนสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ตาสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ตา อาหํสุ – ‘‘ตาต, มา จินฺตยิ, มยํ ตํ อตฺตโน วเส กตฺวา อาเนสฺสามา’’ติ. ‘‘น สกฺกา อมฺมา, เอส เกนจิ วเส กาตุนฺติ. ‘‘ตาต, มยํ อิตฺถิโย นาม อิทาเนว นํ ราคปาสาทีหิ พนฺธิตฺวา อาเนสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เนว ตาสํ วจนํ มนสากาสิ, น อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ.
ปุน มารธีตโร ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา, เกสฺจิ กุมาริกาสุ เปมํ โหติ, เกสฺจิ ปมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ มชฺฌิมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ ปจฺฉิมวเย ิตาสุ, นานปฺปกาเรหิ ตํ ปโลเภสฺสามา’’ติ เอเกกา กุมาริกวณฺณาทิวเสน สตํ สตํ อตฺตภาเว อภินิมฺมินิตฺวา กุมาริโย, อวิชาตา, สกึ วิชาตา, ทุวิชาตา, มชฺฌิมิตฺถิโย, มหลฺลกิตฺถิโย จ หุตฺวา ฉกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโตติ. อถ สตฺถา ¶ เอตฺตเกนปิ ตา อนุคจฺฉนฺติโย ‘‘อเปถ, กึ ทิสฺวา เอวํ วายมถ, เอวรูปํ นาม วีตราคานํ ปุรโต กาตุํ น วฏฺฏติ. ตถาคตสฺส ปน ราคาทโย ปหีนา. เกน ตํ การเณน อตฺตโน วสํ เนสฺสถา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยสฺส ชิตํ นาวชียติ,
ชิตํ ยสฺส โนยาติ โกจิ โลเก;
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ,
อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถ.
‘‘ยสฺส ¶ ชาลินี วิสตฺติกา,
ตณฺหา นตฺถิ กุหิฺจิ เนตเว;
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ,
อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถา’’ติ.
ตตฺถ ยสฺส ชิตํ นาวชียตีติ ยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เตน เตน มคฺเคน ชิตํ ราคาทิกิเลสชาตํ ปุน อสมุทาจรณโต นาวชียติ, ทุชฺชิตํ นาม น โหติ. โนยาตีติ น อุยฺยาติ, ยสฺส ชิตํ กิเลสชาตํ ราคาทีสุ โกจิ เอโก กิเลโสปิ โลเก ปจฺฉโต วตฺตี นาม ¶ น โหติ, นานุพนฺธตีติ อตฺโถ. อนนฺตโคจรนฺติ อนนฺตารมฺมณสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส วเสน อปริยนฺต โคจรํ. เกน ปเทนาติ ยสฺส หิ ราคปทาทีสุ เอกปทมฺปิ อตฺถิ, ตํ ตุมฺเห เตน ปเทน เนสฺสถ. พุทฺธสฺส ปน เอกปทมฺปิ ¶ นตฺถิ, ตํ อปทํ พุทฺธํ ตุมฺเห เกน ปเทน เนสฺสถ.
ทุติยคาถาย ตณฺหา นาเมสา สํสิพฺพิตปริโยนนฺธนฏฺเน ชาลมสฺสา อตฺถีติปิ ชาลการิกาติปิ ชาลูปมาติปิ ชาลินี. รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ วิสตฺตตาย วิสตฺตมนตาย วิสาหรตาย วิสปุปฺผตาย วิสผลตาย วิสปริโภคตาย วิสตฺติกา. สา เอวรูปา ตณฺหา ยสฺส กุหิฺจิ ภเว เนตุํ นตฺถิ, ตํ ตุมฺเห อปทํ พุทฺธํ เกน ปเทน เนสฺสถาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. มารธีตโรปิ ตตฺเถว อนฺตรธายึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา, ‘‘มาคณฺฑิย, อหํ ปุพฺเพ อิมา ติสฺโส มารธีตโร อทฺทสํ เสมฺหาทีหิ อปลิพุทฺเธน สุวณฺณกฺขนฺธสทิเสน อตฺตภาเวน สมนฺนาคตา, ตทาปิ เมถุนสฺมึ ฉนฺโท นาโหสิเยว. ตว ธีตุ สรีรํ ทฺวตฺตึสาการกุณปปริปูรํ พหิวิจิตฺโต วิย อสุจิฆโฏ. สเจ หิ มม ปาโท อสุจิมกฺขิโต ภเวยฺย, อยฺจ อุมฺมารฏฺาเน ติฏฺเยฺย, ตถาปิสฺสา สรีเร อหํ ปาเท น ผุเสยฺย’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทิสฺวาน ¶ ¶ ตณฺหํ อรตึ รคฺจ,
นาโหสิ ฉนฺโท อปิ เมถุนสฺมึ;
กิเมวิทํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ,
ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’’ติ. (สุ. นิ. ๘๔๑; มหานิ. ๗๐);
เทสนาวสาเน อุโภปิ ชยมฺปติกา อนาคามิผเล ปติฏฺหึสูติ.
มารธีตรวตฺถุ ปมํ.
๒. เทโวโรหณวตฺถุ
เย ¶ ฌานปสุตา ธีราติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สงฺกสฺสนครทฺวาเร พหู เทวมนุสฺเส อารพฺภ กเถสิ. เทสนา ปน ราชคเห สมุฏฺิตา.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ราชคหเสฏฺิ ปริสฺสยโมจนตฺถฺเจว ปมาเทน คลิตานํ อาภรณาทีนํ รกฺขณตฺถฺจ ชาลกรณฺฑกํ ปริกฺขิปาเปตฺวา คงฺคาย อุทกกีฬํ กีฬิ. อเถโก รตฺตจนฺทนรุกฺโข คงฺคาย อุปริตีเร ชาโต คงฺโคทเกน โธตมูโล ปติตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปาสาเณสุ สํภชฺชมาโน วิปฺปกิริ. ตโต เอกา ฆฏปฺปมาณา ฆฏิกา ปาสาเณหิ ฆํสิยมานา อุทกอูมีหิ โปถิยมานา มฏฺา หุตฺวา อนุปุพฺเพน วุยฺหมานา เสวาลปริโยนทฺธา อาคนฺตฺวา ตสฺส ชาเล ลคฺคิ. เสฏฺิ ‘‘กิเมต’’นฺติ วตฺวา ‘‘รุกฺขฆฏิกา’’ติ สุตฺวา ตํ อาหราเปตฺวา ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ อุปธารณตฺถํ วาสิกณฺเณน ตจฺฉาเปสิ. ตาวเทว อลตฺตกวณฺณํ รตฺตจนฺทนํ ¶ ปฺายิ. เสฏฺิ ปน เนว สมฺมาทิฏฺิ น มิจฺฉาทิฏฺิ, มชฺฌตฺตธาตุโก. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เคเห รตฺตจนฺทนํ พหุ, กึ นุ โข อิมินา กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก ‘มยํ อรหนฺโต มยํ อรหนฺโต’ติ วตฺตาโร พหู, อหํ เอกํ อรหนฺตมฺปิ น ปสฺสามิ. เคเห ภมํ โยเชตฺวา ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา สิกฺกาย เปตฺวา เวฬุปรมฺปราย สฏฺิหตฺถมตฺเต อากาเส โอลมฺพาเปตฺวา ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อิมํ อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วกฺขามิ. โย ตํ คเหสฺสติ, ตํ สปุตฺตทาโร สรณํ คมิสฺสามี’’ติ. โส จินฺติตนิยาเมเนว ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา เวฬุปรมฺปราย อุสฺสาเปตฺวา ‘‘โย อิมสฺมึ โลเก อรหา, โส อากาเสนาคนฺตฺวา อิมํ ปตฺตํ คณฺหาตู’’ติ อาห.
ฉ ¶ สตฺถาโร ‘‘อมฺหากํ เอส อนุจฺฉวิโก, อมฺหากเมว นํ เทหี’’ติ วทึสุ. โส ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหถา’’ติ อาห. อถ ฉฏฺเ ทิวเส นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อนฺเตวาสิเก เปเสสิ – ‘‘คจฺฉถ, เสฏฺึ เอวํ วเทถ – ‘อมฺหากํ อาจริยสฺเสว อนุจฺฉวิโกยํ, มา อปฺปมตฺตกสฺส การณา อากาเสนาคมนํ กริ, เทหิ กิร เม ตํ ปตฺต’’’นฺติ ¶ . เต คนฺตฺวา เสฏฺึ ตถา วทึสุ. เสฏฺิ ‘‘อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหิตุํ สมตฺโถว คณฺหาตู’’ติ อาห. นาฏปุตฺโต สยํ คนฺตุกาโม อนฺเตวาสิกานํ สฺํ อทาสิ – ‘‘อหํ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิตฺวา อุปฺปติตุกาโม วิย ภวิสฺสามิ, ตุมฺเห มํ, ‘อาจริย, กึ กโรถ, ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนํ อรหตฺตคุณํ มหาชนสฺส มา ทสฺสยิตฺถา’ติ วตฺวา มํ หตฺเถสุ จ ปาเทสุ จ คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตา ภูมิยํ ปาเตยฺยาถา’’ติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา เสฏฺึ อาห, ‘‘มหาเสฏฺิ, มยฺหํ อยํ ปตฺโต อนุจฺฉวิโก, อฺเสํ นานุจฺฉวิโก, มา เต อปฺปมตฺตกสฺส การณา มม อากาเส อุปฺปตนํ ¶ รุจฺจิ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. ภนฺเต, อากาเส อุปฺปติตฺวาว คณฺหถาติ. ตโต นาฏปุตฺโต ‘‘เตน หิ อเปถ อเปถา’’ติ อนฺเตวาสิเก อปเนตฺวา ‘‘อากาเส อุปฺปติสฺสามี’’ติ เอกํ หตฺถฺจ ปาทฺจ อุกฺขิปิ. อถ นํ อนฺเตวาสิกา, ‘‘อาจริย, กึ นาเมตํ กโรถ, ฉวสฺส ลามกสฺส ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนคุเณน มหาชนสฺส ทสฺสิเตน โก อตฺโถ’’ติ ตํ หตฺถปาเทสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ภูมิยํ ปาเตสุํ. โส เสฏฺึ อาห – ‘‘อิเม, มหาเสฏฺิ, อุปฺปติตุํ น เทนฺติ, เทหิ เม ปตฺต’’นฺติ. อุปฺปติตฺวา คณฺหถ, ภนฺเตติ. เอวํ ติตฺถิยา ฉ ทิวสานิ วายมิตฺวาปิ ตํ ปตฺตํ น ลภึสุเยว.
สตฺตเม ทิวเส อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส จ อายสฺมโต ปิณฺโฑลภารทฺวาชสฺส จ ‘‘ราชคเห ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ ตฺวา จีวรํ ปารุปนกาเล ¶ ธุตฺตกา กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อมฺโภ ปุพฺเพ ฉ สตฺถาโร โลเก ‘มยํ อรหนฺตมฺหา’ติ วิจรึสุ., ราชคหเสฏฺิโน ปน อชฺช สตฺตโม ทิวโส ปตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ‘สเจ อรหา อตฺถิ, อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาตู’ติ วทนฺตสฺส, เอโกปิ ‘อหํ อรหา’ติ อากาเส อุปฺปตนฺโต นตฺถิ. อชฺช โน โลเก อรหนฺตานํ นตฺถิภาโว าโต’’ติ. ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา ¶ มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมนฺตํ ปิณฺโฑลภารทฺวาชํ อาห – ‘‘สุตํ เต, อาวุโส ภารทฺวาช, อิเมสํ วจนํ, อิเม พุทฺธสฺส สาสนํ ปริคฺคณฺหนฺตา วิย วทนฺติ. ตฺวฺจ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, คจฺฉ ตํ ปตฺตํ อากาเสน คนฺตฺวา คณฺหาหี’’ติ. อาวุโส มหาโมคฺคลฺลาน, ตฺวํ อิทฺธิมนฺตานํ อคฺโค, ตฺวํ เอตํ คณฺหาหิ, ตยิ ปน อคฺคณฺหนฺเต อหํ คณฺหิสฺสามีติ. ‘‘คณฺหาวุโส’’ติ วุตฺเต อายสฺมา ปิณฺโฑลภารทฺวาโช อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย ติคาวุตํ ปิฏฺิปาสาณํ ปาทนฺเตน ปฏิจฺฉาเทนฺโต ตุลปิจุ วิย อากาเส อุฏฺาเปตฺวา ราชคหนครสฺส อุปริ สตฺตกฺขตฺตุํ อนุปริยายิ. โส ติคาวุตปมาณสฺส นครสฺส ปิธานํ วิย ปฺายิ. นครวาสิโน ‘‘ปาสาโณ โน อวตฺถริตฺวา คณฺหาตี’’ติ ภีตา สุปฺปาทีนิ มตฺถเก กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิลียึสุ ¶ . สตฺตเม วาเร เถโร ปิฏฺิปาสาณํ ภินฺทิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. มหาชโน เถรํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต ปิณฺโฑลภารทฺวาช, ตว ปาสาณํ ทฬฺหํ กตฺวา คณฺห, มา โน สพฺเพ นาสยี’’ติ. เถโร ปาสาณํ ปาทนฺเตน ขิปิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส คนฺตฺวา ยถาาเนเยว ปติฏฺาสิ. เถโร เสฏฺิสฺส เคหมตฺถเก อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เสฏฺิ อุเรน นิปชฺชิตฺวา ‘‘โอตรถ สามี’’ติ วตฺวา อากาสโต โอติณฺณํ เถรํ นิสีทาเปตฺวา ปตฺตํ โอตาราเปตฺวา จตุมธุรปุณฺณํ กตฺวา เถรสฺส อทาสิ. เถโร ปตฺตํ คเหตฺวา วิหาราภิมุโข ปายาสิ. อถสฺส เย อรฺคตา วา สฺุาคารคตา วา ตํ ปาฏิหาริยํ นาทฺทสํสุ. เต สนฺนิปติตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากมฺปิ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสหี’’ติ เถรํ อนุพนฺธึสุ. โส เตสํ เตสํ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา วิหารํ อคมาสิ.
สตฺถา ¶ ตํ อนุพนฺธิตฺวา อุนฺนาเทนฺตสฺส มหาชนสฺส สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, กสฺเสโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปิณฺโฑลภารทฺวาเชน อากาเส อุปฺปติตฺวา จนฺทนปตฺโต คหิโต, ตสฺส สนฺติเก เอโส สทฺโท’’ติ สุตฺวา ภารทฺวาชํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตยา เอวํ กต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘กสฺมา เต, ภารทฺวาช, เอวํ กต’’นฺติ เถรํ ครหิตฺวา ตํ ปตฺตํ ขณฺฑาขณฺฑํ เภทาเปตฺวา ภิกฺขูนํ อฺชนปิสนตฺถาย ทาเปตฺวา ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ (จูฬว. ๒๕๒) ปฺาเปสิ.
ติตฺถิยา ¶ ¶ ‘‘สมโณ กิร โคตโม ตํ ปตฺตํ เภทาเปตฺวา ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปสี’’ติ สุตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺติ, สมโณปิ โคตโม ตํ รกฺขิสฺสเตว. อิทานิ อมฺเหหิ โอกาโส ลทฺโธ’’ติ นครวีถีสุ อาโรเจนฺตา วิจรึสุ ‘‘มยํ อตฺตโน คุณํ รกฺขนฺตา ปุพฺเพ ทารุมยปตฺตสฺส การณา อตฺตโน คุณํ มหาชนสฺส น ทสฺสยิมฺหา, สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ปตฺตกมตฺตสฺส การณา อตฺตโน คุณํ มหาชนสฺส ทสฺเสสุํ. สมโณ โคตโม อตฺตโน ปณฺฑิตตาย ปตฺตํ เภทาเปตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ, อิทานิ มยํ เตเนว สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ.
ราชา พิมฺพิสาโร ตํ กถํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ กิร, ภนฺเต, ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. อิทานิ ติตฺถิยา ‘‘ตุมฺเหหิ สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ วทนฺติ, กึ อิทานิ กริสฺสถาติ? ‘‘เตสุ กโรนฺเตสุ กริสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. นนุ ตุมฺเหหิ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ. นาหํ, มหาราช, อตฺตโน สิกฺขาปทํ ปฺาเปสึ, ตํ มเมว สาวกานํ ปฺตฺตนฺติ. ตุมฺเห เปตฺวา อฺตฺถ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ นาม โหติ, ภนฺเตติ. เตน หิ, มหาราช, ตเมเวตฺถ ปฏิปุจฺฉามิ, ‘‘อตฺถิ ปน เต, มหาราช, วิชิเต อุยฺยาน’’นฺติ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ เต, มหาราช, อุยฺยาเน มหาชโน อมฺพาทีนิ ขาเทยฺย, กิมสฺส กตฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ทณฺโฑ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปน ขาทิตุํ ลภสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, มยฺหํ ทณฺโฑ นตฺถิ, อหํ อตฺตโน สนฺตกํ ขาทิตุํ ลภามี’’ติ. ‘‘มหาราช, ยถา ตว ¶ ติโยชนสติเก รชฺเช อาณา ปวตฺตติ, อตฺตโน อุยฺยาเน อมฺพาทีนิ ขาทนฺตสฺส ทณฺโฑ นตฺถิ, อฺเสํ อตฺถิ, เอวํ มมปิ จกฺกวาฬโกฏิสตสหสฺเส อาณา ปวตฺตติ, อตฺตโน สิกฺขาปทปฺตฺติยา อติกฺกโม นาม นตฺถิ, อฺเสํ ปน อตฺถิ, กริสฺสามหํ ปาฏิหาริย’’นฺติ. ติตฺถิยา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิทานมฺหา นฏฺา, สมเณน กิร โคตเมน สาวกานํเยว ¶ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, น อตฺตโน. สยเมว กิร ปาฏิหาริยํ กตฺตุกาโม, กึ นุ โข กโรมา’’ติ มนฺตยึสุ.
ราชา สตฺถารํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, กทา ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ. ‘‘อิโต จตุมาสจฺจเยน อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ กริสฺสถ, ภนฺเต’’ติ ¶ ? ‘‘สาวตฺถึ นิสฺสาย, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺมา ปน สตฺถา เอวํ ทูรฏฺานํ อปทิสี’’ติ? ‘‘ยสฺมา ตํ สพฺพพุทฺธานํ มหาปาฏิหาริยกรณฏฺานํ, อปิจ มหาชนสฺส สนฺนิปาตนตฺถายปิ ทูรฏฺานเมว อปทิสี’’ติ. ติตฺถิยา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิโต กิร จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สมโณ โคตโม สาวตฺถิยํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสติ, อิทานิ ตํ อมฺุจิตฺวาว อนุพนฺธิสฺสาม, มหาชโน อมฺเห ทิสฺวา ‘กึ อิท’นฺติ ปุจฺฉิสฺสติ. อถสฺส วกฺขาม ‘มยํ สมเณน โคตเมน สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’ติ วทิมฺหา. โส ปลายติ, มยมสฺส ปลายิตุํ อทตฺวา อนุพนฺธามา’’ติ. สตฺถา ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา นิกฺขมิ. ติตฺถิยาปิสฺส ปจฺฉโตว นิกฺขมิตฺวา ภตฺตกิจฺจฏฺาเน วสนฺติ. วสิตฏฺาเน ปุนทิวเส ปาตราสํ กโรนฺติ. เต มนุสฺเสหิ ‘‘กิมิท’’นฺติ ปุจฺฉิตา เหฏฺา จินฺติตนิยาเมเนว อาโรเจสุํ ¶ . มหาชโนปิ ‘‘ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อนุพนฺธิ.
สตฺถา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปาปุณิ. ติตฺถิยาปิ เตน สทฺธึเยว คนฺตฺวา อุปฏฺาเก สมาทเปตฺวา สตสหสฺสํ ลภิตฺวา ขทิรถมฺเภหิ มณฺฑปํ กาเรตฺวา นีลุปฺปเลหิ ฉาทาเปตฺวา ‘‘อิธ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ นิสีทึสุ. ราชา ปเสนทิ โกสโล สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ติตฺถิเยหิ มณฺฑโป การิโต, อหมฺปิ ตุมฺหากํ มณฺฑปํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, อตฺถิ มยฺหํ มณฺฑปการโก’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มํ เปตฺวา โก อฺโ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ? ‘‘สกฺโก, เทวราชา’’ติ. ‘‘กหํ ปน, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล, มหาราชา’’ติ. ติตฺถิยา ‘‘อมฺพรุกฺขมูเล กิร ปาฏิหาริยํ กริสฺสตี’’ติ สุตฺวา อตฺตโน อุปฏฺากานํ อาโรเจตฺวา โยชนพฺภนฺตเร าเน อนฺตมโส ตทหุชาตมฺปิ อมฺพโปตกํ อุปฺปาเฏตฺวา อรฺเ ขิปาเปสุํ.
สตฺถา อาสาฬฺหิปุณฺณมทิวเส อนฺโตนครํ ปาวิสิ. รฺโปิ อุยฺยานปาโล กณฺโฑ นาม เอกํ ปิงฺคลกิปิลฺลิเกหิ กตปตฺตปุฏสฺส อนฺตเร มหนฺตํ อมฺพปกฺกํ ทิสฺวา ตสฺส คนฺธรสโลเภน สมฺปตนฺเต วายเส ปลาเปตฺวา รฺโ ขาทนตฺถาย อาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ราชา อิมํ อมฺพํ ขาทิตฺวา มยฺหํ อฏฺ วา โสฬส วา กหาปเณ ทเทยฺย, ตํ เม เอกตฺตภาเวปิ ¶ ชีวิตวุตฺติยา นาลํ. สเจ ปนาหํ สตฺถุ อิมํ ¶ ทสฺสามิ, อวสฺสํ ตํ เม ทีฆกาลํ หิตาวหํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส ตํ อมฺพปกฺกํ สตฺถุ อุปนาเมสิ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกสิ ¶ . อถสฺส เถโร จตุมหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ นีหริตฺวา หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา อมฺพปกฺกํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตตฺเถว นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. เถโร จีวรํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. อถสฺส ตสฺมึ นิสินฺเน เถโร ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา อมฺพปกฺกํ มทฺทิตฺวา ปานกํ กตฺวา อทาสิ. สตฺถา อมฺพปานกํ ปิวิตฺวา กณฺฑํ อาห – ‘‘อิมํ อมฺพฏฺึ อิเธว ปํสุํ วิยูหิตฺวา โรเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อุปริ หตฺถํ โธวิ. หตฺเถ โธวิตมตฺเตเยว นงฺคลสีสมตฺตกฺขนฺโธ หุตฺวา อุพฺเพเธน ปณฺณาสหตฺโถ อมฺพรุกฺโข อุฏฺหิ. จตูสุ ทิสาสุ เอเกกา, อุทฺธํ เอกาติ ปฺจ มหาสาขา ปณฺณาสหตฺถา อเหสุํ. โส ตาวเทว ปุปฺผผลสฺฉนฺโน หุตฺวา เอเกกสฺมึ าเน ปริปกฺกอมฺพปิณฺฑิธโร อโหสิ. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตา ภิกฺขู อมฺพปกฺกานิ ขาทนฺตา เอว อาคมึสุ. ราชา ‘‘เอวรูโป กิร อมฺพรุกฺโข อุฏฺิโต’’ติ สุตฺวา ‘‘มา นํ โกจิ ฉินฺที’’ติ อารกฺขํ เปสิ. โส ปน กณฺเฑน โรปิตตฺตา กณฺฑมฺพรุกฺโขตฺเวว ปฺายิ. ธุตฺตกาปิ อมฺพปกฺกานิ ขาทิตฺวา ‘‘หเร ทุฏฺติตฺถิยา ‘สมโณ กิร โคตโม กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ปาฏิหาริยํ กริสฺสตี’ติ ตุมฺเหหิ โยชนพฺภนฺตเร ตทหุชาตาปิ อมฺพโปตกา ¶ อุปฺปาฏาปิตา, กณฺฑมฺโพ นาม อย’’นฺติ วตฺวา เต อุจฺฉิฏฺอมฺพฏฺีหิ ปหรึสุ.
สกฺโก วาตวลาหกํ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ ‘‘ติตฺถิยานํ มณฺฑปํ วาเตหิ อุปฺปาเฏตฺวา อุกฺการภูมิยํ ขิปาเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สูริยมฺปิ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ ‘‘สูริยมณฺฑลํ นิกฑฺฒนฺโต ตาเปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ปุน วาตวลาหกํ อาณาเปสิ ‘‘วาตมณฺฑลํ อุฏฺาเปนฺโต ยาหี’’ติ. โส ตถา กโรนฺโต ติตฺถิยานํ ปคฺฆริตเสทสรีเร รโชวฏฺฏิยา โอกิริ. เต ตมฺพมตฺติกสทิสา อเหสุํ. วสฺสวลาหกมฺปิ อาณาเปสิ ‘‘มหนฺตานิ พินฺทูนิ ปาเตหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. อถ เนสํ กาโย กพรคาวิสทิโส อโหสิ. เต นิคณฺา ลชฺชมานา หุตฺวา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. เอวํ ปลายนฺเตสุ ปุราณกสฺสปสฺส อุปฏฺาโก เอโก กสฺสโก ‘‘อิทานิ เม อยฺยานํ ปาฏิหาริยกรณเวลา, คนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ โคเณ วิสฺสชฺเชตฺวา ปาโตว อาภตํ ยาคุกุฏฺเจว โยตฺตกฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปุราณํ ตถา ปลายนฺตํ ทิสฺวา, ภนฺเต ¶ , อชฺช ‘อยฺยานํ ปาฏิหาริยํ ปสฺสิสฺสามี’ติ อาคจฺฉามิ, ตุมฺเห กหํ คจฺฉถา’’ติ. กึ เต ปาฏิหาริเยน, อิมํ กุฏฺจ ¶ โยตฺตฺจ เทหีติ. โส เตน ทินฺนํ กุฏฺจ โยตฺตฺจ อาทาย นทีตีรํ คนฺตฺวา กุฏํ โยตฺเตน อตฺตโน คีวาย พนฺธิตฺวา ลชฺชนฺโต กิฺจิ อกเถตฺวา รหเท ปติตฺวา อุทกปุพฺพุเฬ อุฏฺาเปนฺโต กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ.
สกฺโก ¶ อากาเส รตนจงฺกมํ มาเปสิ. ตสฺส เอกา โกฏิ ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อโหสิ, เอกา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ. สตฺถา สนฺนิปติตาย ฉตฺตึสโยชนิกาย ปริสาย วฑฺฒมานกจฺฉายาย ‘‘อิทานิ ปาฏิหาริยกรณเวลา’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ปมุเข อฏฺาสิ. อถ นํ ฆรณี นาม อิทฺธิมนฺตี เอกา อนาคามิอุปาสิกา อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มาทิสาย ธีตริ วิชฺชมานาย ตุมฺหากํ กิลมนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กถํ ตฺวํ กริสฺสสิ, ฆรณี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอกสฺมึ จกฺกวาฬคพฺเภ มหาปถวึ อุทกํ กตฺวา อุทกสกุณิกา วิย นิมุชฺชิตฺวา ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อตฺตานํ ทสฺเสสฺสามิ, ตถา ปจฺฉิมอุตฺตรทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, ตถา มชฺเฌ’’. มหาชโน มํ ทิสฺวา ‘‘กา เอสา’’ติ วุตฺเต วกฺขติ ‘‘ฆรณี นาเมสา, อยํ ตาว เอกิสฺสา อิตฺถิยา อานุภาโว, พุทฺธานุภาโว ปน กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ ¶ . เอวํ ติตฺถิยา ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตีติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ชานามิ เต ฆรณี เอวรูปํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺถภาวํ, น ปนายํ ตวตฺถาย พทฺโธ มาลาปุโฏ’’ติ วตฺวา ปฏิกฺขิปิ. สา ‘‘น เม สตฺถา อนุชานาติ, อทฺธา มยา อุตฺตริตรํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺโถ อฺโ อตฺถี’’ติ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถาปิ ‘‘เอวเมว เตสํ คุโณ ปากโฏ ภวิสฺสตีติ เอวํ ฉตฺตึสโยชนิกาย ปริสาย มชฺเฌ สีหนาทํ นทิสฺสตี’’ติ มฺมาโน อปเรปิ ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห กถํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสถา’’ติ. เต ‘‘เอวฺจ เอวฺจ กริสฺสาม, ภนฺเต’’ติ สตฺถุ ปุรโต ิตาว สีหนาทํ นทึสุ. เตสุ กิร จูฬอนาถปิณฺฑิโก ‘‘มาทิเส อนาคามิอุปาสเก ปุตฺเต วิชฺชมาเน สตฺถุ กิลมนกิจฺจํ นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทฺวาทสโยชนิกํ พฺรหฺมตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา อิมิสฺสา ปริสาย มชฺเฌ มหาเมฆคชฺชิตสทิเสน สทฺเทน พฺรหฺมอปฺโผฏนํ นาม อปฺโผเฏสฺสามี’’ติ. มหาชโน ‘‘กึ นาเมโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จูฬอนาถปิณฺฑิกสฺส กิร ¶ พฺรหฺมอปฺโผฏนสทฺโท นามา’’ติ วกฺขติ. ติตฺถิยา ‘‘คหปติกสฺส กิร ตาว เอโส อานุภาโว, พุทฺธานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตีติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสปิ ตเถว วตฺวา ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ.
อเถกา ปฏิสมฺภิทปฺปตฺตา สตฺตวสฺสิกา ¶ จีรสามเณรี กิร นาม สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กถํ กริสฺสสิ จีเร’’ติ? ‘‘ภนฺเต, สิเนรฺุจ จกฺกวาฬปพฺพตฺจ หิมวนฺตฺจ อาหริตฺวา อิมสฺมึ าเน ปฏิปาฏิยา เปตฺวา อหํ หํสสกุณี วิย ตโต ตโต นิกฺขมิตฺวา อสชฺชมานา คมิสฺสามิ, มหาชโน มํ ทิสฺวา ‘กา เอสา’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘จีรสามเณรี’ติ วกฺขติ. ติตฺถิยา ‘สตฺตวสฺสิกาย ตาว สามเณริยา ¶ อยมานุภาโว, พุทฺธานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’ติ ตุมฺเห อทิสฺวาว ปลายิสฺสนฺตี’’ติ. อิโต ปรํ เอวรูปานิ วจนานิ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพานิ. ตสฺสาปิ ภควา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ วตฺวา ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ. อเถโก ปฏิสมฺภิทปฺปตฺโต ขีณาสโว จุนฺทสามเณโร นาม ชาติยา สตฺตวสฺสิโก สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ ภควา ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ชมฺพุทีปสฺส ธชภูตํ มหาชมฺพุรุกฺขํ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลตฺวา มหาชมฺพุเปสิโย อาหริตฺวา อิมํ ปริสํ ขาทาเปสฺสามิ, ปาริจฺฉตฺตกกุสุมานิ จ อาหริตฺวา ตุมฺเห วนฺทิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺส ปาฏิหาริยกรณํ ปฏิกฺขิปิ.
อถ อุปฺปลวณฺณา เถรี สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สมนฺตา ทฺวาทสโยชนิกํ ปริสํ ทสฺเสตฺวา อาวฏฺฏโต ฉตฺตึสโยชนาย ปริสาย ปริวุโต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา อาคนฺตฺวา ตุมฺเห วนฺทิสฺสามี’’ติ ¶ . สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสาปิ ปาฏิหาริยกรณํ ปฏิกฺขิปิ. อถ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘กถํ กริสฺสสี’’ติ ปุฏฺโ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สิเนรุปพฺพตราชานํ ทนฺตนฺตเร เปตฺวา มาสสาสปพีชํ วิย ขาทิสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘อิมํ มหาปถวึ กฏสารกํ วิย สํเวลฺลิตฺวา องฺคุลนฺตเร นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘มหาปถวึ กุลาลจกฺกํ วิย ปริวตฺเตตฺวา มหาชนํ ปถโวชํ ¶ ขาทาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘วามหตฺเถ ปถวึ กตฺวา อิเม สตฺเต ทกฺขิณหตฺเถน อฺสฺมึ ทีเป เปสฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘สิเนรุํ ฉตฺตทณฺฑํ วิย กตฺวา มหาปถวึ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺสุปริ เปตฺวา ฉตฺตหตฺโถ ภิกฺขุ วิย เอกหตฺเถนาทาย อากาเส จงฺกมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘ชานามิ เต อานุภาว’’นฺติ ตสฺสปิ ปาฏิหาริยกรณํ นานุชานิ. โส ‘‘ชานาติ มฺเ สตฺถา มยา อุตฺตริตรํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺถ’’นฺติ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘นายํ โมคฺคลฺลานํ ตวตฺถาย พทฺโธ พาลาปุโฏ. อหฺหิ อสมธุโร, มม ธุรํ อฺโ วหิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. อนจฺฉริยเมตํ, ยํ อิทานิ มม ธุรํ วหิตุํ สมตฺโถ นาม ภเวยฺย. อเหตุกติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตกาเลปิ มม ธุรํ อฺโ วหิตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิเยวา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ¶ ปน, ภนฺเต’’ติ เถเรน ปุฏฺโ อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘ยโต ¶ ยโต ครุ ธุรํ, ยโต คมฺภีรวตฺตนี;
ตทาสฺสุ กณฺหํ ยฺุชนฺติ, สฺวาสฺสุ ตํ วหเต ธุร’’นฺติ. –
อิทํ กณฺหอุสภชาตกํ (ชา. ๑.๑.๒๙) วิตฺถาเรตฺวา ปุน ตเมว วตฺถุํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสนฺโต –
‘‘มนฺุเมว ภาเสยฺย, นามนฺุํ กุทาจนํ;
มนฺุํ ภาสมานสฺส, ครุํ ภารํ อุททฺธริ;
ธนฺจ นํ อลาเภสิ, เตน จตฺตมโน อหู’’ติ. –
อิทํ นนฺทิวิสาลชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. กเถตฺวา จ ปน สตฺถา รตนจงฺกมํ อภิรุหิ, ปุรโต ทฺวาทสโยชนิกา ปริสา อโหสิ ตถา ปจฺฉโต จ อุตฺตรโต จ ทกฺขิณโต จ. อุชุกํ ปน จตุวีสติโยชนิกาย ปริสาย มชฺเฌ ภควา ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ.
ตํ ปาฬิโต ตาว เอวํ เวทิตพฺพํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖) – กตมํ ตถาคตสฺส ยมกปาฏิหาริเย าณํ? อิธํ ตถาคโต ยมกปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ, อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต ¶ อุทกธารา ปวตฺตติ ¶ . เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. ปุรตฺถิมกายโต, ปจฺฉิมกายโต; ปจฺฉิมกายโต, ปุรตฺถิมกายโต; ทกฺขิณอกฺขิโต, วามอกฺขิโต; วามอกฺขิโต, ทกฺขิณอกฺขิโต; ทกฺขิณกณฺณโสตโต, วามกณฺณโสตโต; วามกณฺณโสตโต, ทกฺขิณกณฺณโสตโต; ทกฺขิณนาสิกาโสตโต, วามนาสิกาโสตโต; วามนาสิกาโสตโต, ทกฺขิณนาสิกาโสตโต; ทกฺขิณอํสกูฏโต, วามอํสกูฏโต; วามอํสกูฏโต, ทกฺขิณอํสกูฏโต; ทกฺขิณหตฺถโต, วามหตฺถโต; วามหตฺถโต, ทกฺขิณหตฺถโต; ทกฺขิณปสฺสโต, วามปสฺสโต; วามปสฺสโต, ทกฺขิณปสฺสโต; ทกฺขิณปาทโต, วามปาทโต; วามปาทโต, ทกฺขิณปาทโต; องฺคุลงฺคุเลหิ, องฺคุลนฺตริกาหิ; องฺคุลนฺตริกาหิ, องฺคุลงฺคุเลหิ; เอเกกโลมกูปโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เอเกกโลมโต อุทกธารา ปวตฺตติ. เอเกกโลมโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เอเกกโลมกูปโต อุทกธารา ปวตฺตติ ฉนฺนํ วณฺณานํ นีลานํ ปีตกานํ โลหิตกานํ โอทาตานํ มฺเชฏฺานํ ปภสฺสรานํ. ภควา จงฺกมติ, พุทฺธนิมฺมิโต ติฏฺติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปติ…เป… นิมฺมิโต เสยฺยํ กปฺเปติ, ภควา จงฺกมติ วา ติฏฺติ วา นิสีทติ วา. อิทํ ตถาคตสฺส ยมกปาฏิหาริเย าณนฺติ.
อิทํ ¶ ปน ปาฏิหาริยํ ภควา ตสฺมึ จงฺกเม จงฺกมิตฺวา อกาสิ. ตสฺส เตโชกสิณสมาปตฺติวเสน อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อาโปกสิณสมาปตฺติวเสน เหฏฺิมกายโต ¶ อุทกธารา ปวตฺตติ. น ปน อุทกธาราย ปวตฺตนฏฺานโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อคฺคิกฺขนฺธสฺส ปวตฺตนฏฺานโต อุทกธารา ปวตฺตตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เหฏฺิมกายโต อุปริมกายโต’’ติ วุตฺตํ. เอเสว นโย สพฺพปเทสุ. อคฺคิกฺขนฺโธ ปเนตฺถ อุทกธาราย อสมฺมิสฺโส อโหสิ, ตถา อุทกธารา อคฺคิกฺขนฺเธน. อุภยมฺปิ กิร เจตํ ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคนฺตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปตติ. ‘‘ฉนฺนํ วณฺณาน’’นฺติ วุตฺตา ปนสฺส ฉพฺพณฺณรํสิโย ฆเฏหิ อาสิฺจมานํ วิลีนสุวณฺณํ วิย ยนฺตนาลิกโต นิกฺขนฺตสุวณฺณรสธารา วิย จ เอกจกฺกวาฬคพฺภโต อุคฺคนฺตฺวา พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ ปฏินิวตฺติตฺวา ¶ จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิเมว คณฺหึสุ. เอกจกฺกวาฬคพฺภํ วงฺกโคปานสิกํ วิย โพธิฆรํ อโหสิ เอกาโลกํ.
ตํทิวสํ สตฺถา จงฺกมิตฺวา ปาฏิหาริยํ กโรนฺโต อนฺตรนฺตรา มหาชนสฺส ธมฺมํ กเถสิ. กเถนฺโต จ ชนํ นิรสฺสาสํ อกตฺวา ตสฺส อสฺสาสวารํ เทติ. ตสฺมึ ขเณ มหาชโน สาธุการํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส สาธุการปวตฺตนกาเล สตฺถา ตาวมหติยา ปริสาย จิตฺตํ โอโลเกนฺโต เอเกกสฺส โสฬสนฺนํ อาการานํ วเสน จิตฺตาจารํ อฺาสิ. เอวํ ลหุกปริวตฺตํ พุทฺธานํ จิตฺตํ ¶ . โย โย ยสฺมิฺจ ธมฺเม ยสฺมิฺจ ปาฏิหีเร ปสนฺโน, ตสฺส ตสฺส อชฺฌาสยวเสเนว ธมฺมฺจ กเถสิ, ปาฏิหีรฺจ อกาสิ. เอวํ ธมฺเม เทสิยมาเน ปาฏิหีเร จ กริยมาเน มหาชนสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สตฺถา ปน ตสฺมึ สมาคเม อตฺตโน มนํ คเหตฺวา อฺํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. เตน ปุจฺฉิตํ ปฺหํ สตฺถา วิสฺสชฺเชสิ, สตฺถารา ปุจฺฉิตํ โส วิสฺสชฺเชสิ. ภควโต จงฺกมนกาเล นิมฺมิโต านาทีสุ อฺตรํ กปฺเปสิ, นิมฺมิตสฺส จงฺกมนกาเล ภควา านาทีสุ อฺตรํ กปฺเปสิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิมฺมิโต จงฺกมติ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ กโรนฺตสฺส สตฺถุ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ตสฺมึ สมาคเม วีสติยา ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.
สตฺถา ปาฏิหีรํ กโรนฺโตว ‘‘กตฺถ นุ โข อตีตพุทฺธา อิทํ ปาฏิหีรํ กตฺวา วสฺสํ อุเปนฺตี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘ตาวตึสภวเน วสฺสํ อุปคนฺตฺวา มาตุ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสนฺตี’’ติ ทิสฺวา ทกฺขิณปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ยุคนฺธรมตฺถเก เปตฺวา อิตรํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา สิเนรุมตฺถเก เปสิ. เอวํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสฏฺาเน ตโย ปทวารา อเหสุํ, ทฺเว ปาทฉิทฺทานิ. สตฺถา ปาทํ ปสาเรตฺวา อกฺกมีติ น สลฺลกฺเขตพฺพํ. ตสฺส หิ ปาทุกฺขิปนกาเลเยว ปพฺพตา ปาทมูลํ ¶ อาคนฺตฺวา สมฺปฏิจฺฉึสุ, สตฺถารา อกฺกมนกาเล เต ปพฺพตา อุฏฺาย สกฏฺาเนเยว อฏฺํสุ. สกฺโก สตฺถารํ ¶ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ปณฺฑุกมฺพลสิลาย มฺเ สตฺถา อิมํ วสฺสาวาสํ อุเปสฺสติ, พหูนฺจ เทวตานํ อุปกาโร ภวิสฺสติ, สตฺถริ ปเนตฺถ วสฺสาวาสํ อุปคเต อฺา เทวตา หตฺถมฺปิ เปตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. อยํ โข ¶ ปน ปณฺฑุกมฺพลสิลา ทีฆโต สฏฺิโยชนา, วิตฺถารโต ปณฺณาสโยชนา, ปุถุลโต ปนฺนรสโยชนา, สตฺถริ นิสินฺเนปิ ตุจฺฉํ ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อตฺตโน สงฺฆาฏึ สิลาสนํ ปฏิจฺฉาทยมานํ ขิปิ. สกฺโก จินฺเตสิ – ‘‘จีวรํ ตาว ปฏิจฺฉาทยมานํ ขิปิ, สยํ ปน ปริตฺตเก าเน นิสีทิสฺสตี’’ติ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา นีจปีกํ มหาปํสุกูลิโก วิย ปณฺฑุกมฺพลสิลํ อนฺโตจีวรโภเคเยว กตฺวา นิสีทิ. มหาชโนปิ ตํขณฺเว สตฺถารํ โอโลเกนฺโต นาทฺทส, จนฺทสฺส อตฺถงฺคมิตกาโล วิย สูริยสฺส จ อตฺถงฺคมิตกาโล วิย อโหสิ. มหาชโน –
‘‘คโต นุ จิตฺตกูฏํ วา, เกลาสํ วา ยุคนฺธรํ;
น โน ทกฺเขมุ สมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภ’’นฺติ. –
อิมํ ¶ คาถํ วทนฺโต ปริเทวิ. อปเร ‘‘สตฺถา นาม ปวิเวกรโต, โส ‘เอวรูปาย เม ปริสาย เอวรูปํ ปาฏิหีรํ กต’นฺติ ลชฺชาย อฺํ รฏฺํ วา ชนปทํ วา คโต ภวิสฺสติ, น ทานิ ตํ ทกฺขิสฺสามา’’ติ ปริเทวนฺตา อิมํ คาถมาหํสุ –
‘‘ปวิเวกรโต ธีโร, นิมํ โลกํ ปุเนหิติ;
น โน ทกฺเขมุ สมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภ’’นฺติ.
เต มหาโมคฺคลฺลานํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ? โส สยํ ชานนฺโตปิ ‘‘ปเรสมฺปิ คุณา ปากฏา โหนฺตู’’ติ อชฺฌาสเยน ‘‘อนุรุทฺธํ ปุจฺฉถา’’ติ อาห. เต เถรํ ตถา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กหํ, ภนฺเต, สตฺถา’’ติ? ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา มาตุ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตุํ คโตติ. ‘‘กทา อาคมิสฺสติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ตโย มาเส อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตฺวา มหาปวารณทิวเส’’ติ. เต ‘‘สตฺถารํ อทิสฺวา น คมิสฺสามา’’ติ ตตฺเถว ขนฺธาวารํ พนฺธึสุ. อากาสเมว กิร เนสํ ฉทนํ อโหสิ. ตาย จ มหติยา ปริสาย สรีรนิฆํโส นาม น ปฺายิ, ปถวี วิวรํ อทาสิ, สพฺพตฺถ ปริสุทฺธเมว ภูมิตลํ อโหสิ.
สตฺถา ปมเมว โมคฺคลฺลานตฺเถรํ อโวจ – ‘‘โมคฺคลฺลาน, ตฺวํ เอติสฺสาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสยฺยาสิ, จูฬอนาถปิณฺฑิโก อาหารํ ทสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ¶ ตํ เตมาสํ จูฬอนาถปิณฺฑิโกว ตสฺสา ¶ ปริสาย ยาปนํ ยาคุภตฺตํ ¶ ขาทนียํ ตมฺพุลเตลคนฺธมาลาปิลนฺธนานิ จ อทาสิ. มหาโมคฺคลฺลาโน ธมฺมํ เทเสสิ, ปาฏิหาริยทสฺสนตฺถํ อาคตาคเตหิ ปุฏฺปฺเห จ วิสฺสชฺเชสิ. สตฺถารมฺปิ มาตุ อภิธมฺมเทสนตฺถํ ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสฺสํ อุปคตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ปริวารยึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตาวตึเส ยทา พุทฺโธ, สิลายํ ปณฺฑุกมฺพเล;
ปาริจฺฉตฺตกมูลมฺหิ, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม.
‘‘ทสสุ โลกธาตูสุ, สนฺนิปติตฺวาน เทวตา;
ปยิรุปาสนฺติ สมฺพุทฺธํ, วสนฺตํ นาคมุทฺธนิ.
‘‘น โกจิ เทโว วณฺเณน, สมฺพุทฺธสฺส วิโรจติ;
สพฺเพ เทเว อติกฺกมฺม, สมฺพุทฺโธว วิโรจตี’’ติ. (เป. ว. ๓๑๗-๓๑๙);
เอวํ สพฺพา เทวตา อตฺตโน สรีรปฺปภาย อภิภวิตฺวา นิสินฺนสฺส ปนสฺส มาตา ตุสิตวิมานโต อาคนฺตฺวา ทกฺขิณปสฺเส นิสีทิ. อินฺทโกปิ เทวปุตฺโต อาคนฺตฺวา ทกฺขิณปสฺเสเยว นิสีทิ, องฺกุโร วามปสฺเส นิสีทิ. โส มเหสกฺขาสุ เทวตาสุ สนฺนิปตนฺตีสุ อปคนฺตฺวา ทฺวาทสโยชนิเก าเน โอกาสํ ลภิ, อินฺทโก ตตฺเถว นิสีทิ. สตฺถา เต อุโภปิ โอโลเกตฺวา อตฺตโน สาสเน ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลานํ ทินฺนทานสฺส มหปฺผลภาวํ าเปตุกาโม เอวมาห – ‘‘องฺกุร, ตยา ทีฆมนฺตเร ทสวสฺสสหสฺสปริมาณกาเล ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา มหาทานํ ¶ ทินฺนํ, อิทานิ มม สมาคมํ อาคนฺตฺวา ทฺวาทสโยชนิเก าเน โอกาสํ ลภิ, กึ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ? วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘โอโลเกตฺวาน สมฺพุทฺโธ, องฺกุรฺจาปิ อินฺทกํ;
ทกฺขิเณยฺยํ สมฺภาเวนฺโต, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘มหาทานํ ¶ ตยา ทินฺนํ, องฺกุร ทีฆมนฺตเร;
อติทูเร นิสินฺโนสิ, อาคจฺฉ มม สนฺติเก’’ติ. (เป. ว. ๓๒๑-๓๒๒);
โส สทฺโธ ปถวีตลํ ปาปุณิ. สพฺพาปิ นํ สา ปริสา อสฺโสสิ. เอวํ วุตฺเต –
‘‘โจทิโต ¶ ภาวิตตฺเตน, องฺกุโร เอตมพฺรวิ;
กึ มยฺหํ เตน ทาเนน, ทกฺขิเณยฺเยน สฺุตํ.
‘‘อยํ โส อินฺทโก ยกฺโข, ทชฺชา ทานํ ปริตฺตกํ;
อติโรจติ อมฺเหหิ, จนฺโท ตาราคเณ ยถา’’ติ. (เป. ว. ๓๒๓-๓๒๔);
ตตฺถ ทชฺชาติ ทตฺวา. เอวํ วุตฺเต สตฺถา อินฺทกํ อาห – ‘‘อินฺทก, ตฺวํ มม ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺโน, กสฺมา อนปคนฺตฺวาว นิสีทสี’’ติ? โส ‘‘อหํ, ภนฺเต, สุเขตฺเต อปฺปกพีชํ วปนกสฺสโก วิย ทกฺขิเณยฺยสมฺปทํ อลตฺถ’’นฺติ ทกฺขิเณยฺยํ ปภาเวนฺโต อาห –
‘‘อุชฺชงฺคเล ยถา เขตฺเต, พีชํ พหุมฺปิ โรปิตํ;
น ผลํ วิปุลํ โหติ, นปิ โตเสติ กสฺสกํ.
‘‘ตเถว ทานํ พหุกํ, ทุสฺสีเลสุ ปติฏฺิตํ;
น ผลํ วิปุลํ โหติ, นปิ โตเสติ ทายกํ.
‘‘ยถาปิ ¶ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;
สมฺมา ธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํ.
‘‘ตเถว สีลวนฺเตสุ, คุณวนฺเตสุ ตาทิสุ;
อปฺปกมฺปิ กตํ การํ, ปฺุํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ. (เป. ว. ๓๒๕-๓๒๘);
กึ ปเนตสฺส ปุพฺพกมฺมนฺติ? โส กิร อนุรุทฺธตฺเถรสฺส อนฺโตคามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส อตฺตโน อาภตํ กฏจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิ. ตทา ตสฺส ปฺุํ องฺกุเรน ทสวสฺสสหสฺสานิ ทฺวาทสโยชนิกํ อุทฺธนปนฺตึ กตฺวา ทินฺนทานโต มหปฺผลตรํ ชาตํ. ตสฺมา เอวมาห.
เอวํ วุตฺเต สตฺถา, ‘‘องฺกุร, ทานํ นาม วิเจยฺย ทาตุํ วฏฺฏติ, เอวํ ตํ สุเขตฺเตสุ วุตฺตพีชํ วิย มหปฺผลํ โหติ. ตฺวํ ปน น ตถา อกาสิ, เตน เต ทานํ มหปฺผลํ น ชาต’’นฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต –
‘‘วิเจยฺย ¶ ¶ ทานํ ทาตพฺพํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ…เป….
‘‘วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ,
เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;
เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ,
พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขตฺเต’’ติ. (เป. ว. ๓๒๙-๓๓๐) –
วตฺวา อุตฺตริมฺปิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, ราคโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตราเคสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โทสโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตโทเสสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ เขตฺตานิ, โมหโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วีตโมเหสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผลํ.
‘‘ติณโทสานิ ¶ เขตฺตานิ, อิจฺฉาโทสา อยํ ปชา;
ตสฺมา หิ วิคติจฺเฉสุ, ทินฺนํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ.
เทสนาวสาเน องฺกุโร จ อินฺทโก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อถ สตฺถา เทวปริสาย มชฺเฌ นิสินฺโน มาตรํ อารพฺภ ‘‘กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมา’’ติ อภิธมฺมปิฏกํ ปฏฺเปสิ. เอวํ ตโย มาเส นิรนฺตรํ อภิธมฺมปิฏกํ กเถสิ. กเถนฺโต ปน ภิกฺขาจารเวลาย ‘‘ยาว มมาคมนา เอตฺตกํ นาม ธมฺมํ เทเสตู’’ติ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปตฺวา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา มหาสาลมาฬเก นิสินฺโน ภตฺตกิจฺจํ อกาสิ. สาริปุตฺตตฺเถโร ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถุ วตฺตํ กโรติ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน, ‘‘สาริปุตฺต ¶ , อชฺช มยา เอตฺตโก นาม ธมฺโม ภาสิโต, ตฺวํ อตฺตโน อนฺเตวาสิกานํ ภิกฺขูนํ วาเจหี’’ติ เถรสฺส กเถสิ. ยมกปาฏิหีเร กิร ปสีทิตฺวา ปฺจสตา กุลปุตฺตา เถรสฺส สนฺติเก ¶ ปพฺพชึสุ. เต สนฺธาย เถรํ ¶ เอวมาห. วตฺวา จ ปน เทวโลกํ คนฺตฺวา นิมฺมิตพุทฺเธน เทสิตฏฺานโต ปฏฺาย สยํ ธมฺมํ เทเสสิ. เถโรปิ คนฺตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสิ. เต สตฺถริ เทวโลเก วิหรนฺเตเยว สตฺตปกรณิกา อเหสุํ.
เต กิร กสฺสปพุทฺธกาเล ขุทฺทกวคฺคุลิโย หุตฺวา เอกสฺมึ ปพฺภาเร โอลมฺพนฺตา ทฺวินฺนํ เถรานํ จงฺกมิตฺวา อภิธมฺมํ สชฺฌายนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสุํ. เต ‘‘อิเม ขนฺธา นาม, อิมา ธาตุโย นามา’’ติ อชานิตฺวา สเร นิมิตฺตคหณมตฺเตเนว ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺตา, เอกํ พุทฺธนฺตรํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จวิตฺวา สาวตฺถิยํ กุลฆเรสุ นิพฺพตฺตา. ยมกปาฏิหีเร อุปฺปนฺนปสาทา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สพฺพปมํ สตฺตปกรณิกา อเหสุํ. สตฺถาปิ เตเนว นีหาเรน ตํ เตมาสํ อภิธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน อสีติโกฏิสหสฺสานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, มหามายาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
สาปิ ¶ โข ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลา ปริสา ‘‘อิทานิ สตฺตเม ทิวเส มหาปวารณา ภวิสฺสตี’’ติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต สตฺถุ, โอโรหณทิวสํ สฺาตุํ วฏฺฏติ, น หิ มยํ สตฺถารํ อทิสฺวา คมิสฺสามา’’ติ. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘สาธาวุโส’’ติ วตฺวา ตตฺเถว ปถวิยํ นิมุคฺโค สิเนรุปาทํ คนฺตฺวา ‘‘มํ อภิรุหนฺตํ ปริสา ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺาย มณิรตเนน อาวุตํ ปณฺฑุกมฺพลสุตฺตํ วิย ปฺายมานรูโปว สิเนรุมชฺเฌน อภิรุหิ. มนุสฺสาปิ นํ ‘‘เอกโยชนํ อภิรุฬฺโห, ทฺวิโยชนํ อภิรุฬฺโห’’ติ โอโลกยึสุ. เถโรปิ สตฺถุ ปาเท สีเสน อุกฺขิปนฺโต วิย อภิรุหิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, ปริสา ตุมฺเห ทิสฺวาว คนฺตุกามา, กทา โอโรหิสฺสถา’’ติ. ‘‘กหํ ปน เต, โมคฺคลฺลาน, เชฏฺภาติโก สาริปุตฺโต’’ติ. ‘‘ภนฺเต, สงฺกสฺสนคเร วสฺสํ อุปคโต’’ติ. โมคฺคลฺลาน, อหํ อิโต สตฺตเม ทิวเส มหาปวารณาย สงฺกสฺสนครทฺวาเร โอตริสฺสามิ, มํ ทฏฺุกามา ตตฺถ อาคจฺฉนฺตุ, สาวตฺถิโต สงฺกสฺสนครทฺวารํ ตึสโยชนานิ, เอตฺตเก มคฺเค กสฺสจิ ปาเถยฺยกิจฺจํ นตฺถิ, อุโปสถิกา หุตฺวา ธุรวิหารํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย ¶ คจฺฉนฺตา วิย อาคจฺเฉยฺยาถาติ เตสํ อาโรเจยฺยาสีติ. เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ คนฺตฺวา ตถา อาโรเจสิ.
สตฺถา ¶ วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา สกฺกสฺส อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช, มนุสฺสปถํ คมิสฺสามี’’ติ ¶ . สกฺโก สุวณฺณมยํ มณิมยํ รชตมยนฺติ ตีณิ โสปานานิ มาเปสิ. เตสํ ปาทา สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปติฏฺหึสุ, สีสานิ สิเนรุมุทฺธนิ. เตสุ ทกฺขิณปสฺเส สุวณฺณมยํ โสปานํ เทวตานํ อโหสิ, วามปสฺเส รชตมยํ โสปานํ มหาพฺรหฺมานํ อโหสิ, มชฺเฌ มณิมยํ โสปานํ ตถาคตสฺส อโหสิ. สตฺถาปิ สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา เทโวโรหณสมเย ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา อุทฺธํ โอโลเกสิ, ยาว พฺรหฺมโลกา เอกงฺคณา อเหสุํ. อโธ โอโลเกสิ, ยาว อวีจิโต เอกงฺคณํ อโหสิ. ทิสาวิทิสา โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสตสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. เทวา มนุสฺเส ปสฺสึสุ, มนุสฺสาปิ เทเว ปสฺสึสุ, สพฺเพ สมฺมุขาว ปสฺสึสุ.
ภควา ฉพฺพณฺณรํสิโย วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ทิวสํ พุทฺธสิรึ โอโลเกตฺวา ฉตฺตึสโยชน ปริมณฺฑลาย ปริสาย เอโกปิ พุทฺธภาวํ อปตฺเถนฺโต นาม นตฺถิ. สุวณฺณโสปาเนน เทวา โอตรึสุ, รชตโสปาเนน มหาพฺรหฺมาโน โอตรึสุ, มณิโสปาเนน สมฺมาสมฺพุทฺโธ โอตริ. ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต เพลุวปณฺฑุวีณํ อาทาย ทกฺขิณปสฺเส ตฺวา สตฺถุ คนฺธพฺพมธุรทิพฺพวีณาย สทฺเทน ปูชํ กโรนฺโต โอตริ, มาตลิ, สงฺคาหโก วามปสฺเส ¶ ตฺวา ทิพฺพคนฺธมาลาปุปฺผํ คเหตฺวา นมสฺสมาโน ปูชํ กตฺวา โอตริ, มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สุยาโม วาลพีชนึ ธาเรสิ. สตฺถา อิมินา ปริวาเรน สทฺธึ โอตริตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปติฏฺหิ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ยสฺมา สาริปุตฺตตฺเถเรน ตถารูปาย พุทฺธสิริยา โอตรนฺโต สตฺถา อิโต ปุพฺเพ น ทิฏฺปุพฺโพ, ตสฺมา –
‘‘น เม ทิฏฺโ อิโต ปุพฺเพ, น สุโต อุท กสฺสจิ;
เอวํ วคฺคุวโท สตฺถา, ตุสิตา คณิมาคโต’’ติ. (สุ. นิ. ๙๖๑; มหานิ. ๑๙๐) –
อาทีหิ ¶ อตฺตโน ตุฏฺึ ปกาเสตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อชฺช สพฺเพปิ เทวมนุสฺสา ตุมฺหากํ ปิหยนฺติ, ปตฺเถนฺตี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา, ‘‘สาริปุตฺต, เอวรูเปหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา พุทฺธา เทวมนุสฺสานํ ปิยา โหนฺติเยวา’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘เย ฌานปสุตา ธีรา, เนกฺขมฺมูปสเม รตา;
เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ, สมฺพุทฺธานํ สตีมต’’นฺติ.
ตตฺถ เย ฌานปสุตาติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ อิเมสุ ทฺวีสุ ฌาเนสุ อาวชฺชนสมาปชฺชนอธิฏฺานวุฏฺานปจฺจเวกฺขเณหิ ¶ ยุตฺตปฺปยุตฺตา. เนกฺขมฺมูปสเม รตาติ ¶ เอตฺถ ปพฺพชฺชา เนกฺขมฺมนฺติ น คเหตพฺพา, กิเลสวูปสมนิพฺพานรตึ ปน สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เทวาปีติ เทวาปิ มนุสฺสาปิ เตสํ ปิหยนฺติ ปตฺเถนฺติ. สตีมตนฺติ เอวรูปคุณานํ เตสํ สติยา สมนฺนาคตานํ สมฺพุทฺธานํ. ‘‘อโห วต มยํ พุทฺธา ภเวยฺยามา’’ติ พุทฺธภาวํ อิจฺฉมานา ปิหยนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ตึสมตฺตานํ ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, เถรสฺส สทฺธิวิหาริกา ปฺจสตภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.
สพฺพพุทฺธานํ กิร อวิชหิตเมว ยมกปาฏิหีรํ กตฺวา เทวโลเก วสฺสํ วสิตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร โอตรณํ. ตตฺถ ปน ทกฺขิณปาทสฺส ปติฏฺิตฏฺานํ อจลเจติยฏฺานํ นาม โหติ. สตฺถา ตตฺถ ตฺวา ปุถุชฺชนาทีนํ วิสเย ปฺหํ ปุจฺฉิ, ปุถุชฺชนา อตฺตโน วิสเย ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา โสตาปนฺนวิสเย ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขึสุ. ตถา สกทาคามิอาทีนํ วิสเย โสตาปนฺนาทโย, มหาโมคฺคลฺลานวิสเย เสสมหาสาวกา, สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วิสเย มหาโมคฺคลฺลาโน, พุทฺธวิสเย ¶ จ สาริปุตฺโตปิ วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขิเยว. โส ปาจีนทิสํ อาทึ กตฺวา สพฺพทิสา โอโลเกสิ, สพฺพตฺถ เอกงฺคณเมว อโหสิ. อฏฺสุ ทิสาสุ เทวมนุสฺสา อุทฺธํ ยาว พฺรหฺมโลกา เหฏฺา ภูมฏฺา จ ยกฺขนาคสุปณฺณา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิธ ตสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺเชตา นตฺถิ, เอตฺเถว อุปธาเรถา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา สาริปุตฺโต กิลมติ. กิฺจาปิ เหส –
‘‘เย ¶ จ สงฺขาตธมฺมาเส, เย จ เสขา ปุถู อิธ;
เตสํ เม นิปโก อิริยํ, ปุฏฺโ ปพฺรูหิ มาริสา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๔; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗) –
อิมํ พุทฺธวิสเย ปุฏฺปฺหํ สุตฺวา ‘สตฺถา มํ เสขาเสขานํ อาคมนปฏิปทํ ปุจฺฉตี’ติ ปฺเห นิกฺกงฺโข, ขนฺธาทีสุ ปน กตเรน นุ โข มุเขน อิมํ ปฏิปทํ กเถนฺโต ‘อหํ สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหิตุํ น สกฺขิสฺสามี’ติ มม อชฺฌาสเย กงฺขติ, โส มยา นเย อทินฺเน กเถตุํ น สกฺขิสฺสติ, นยมสฺส ทสฺสามีติ นยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภูตมิทํ, สาริปุตฺต, สมนุปสฺสสี’’ติ อาห. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘สาริปุตฺโต มม อชฺฌาสยํ คเหตฺวา กเถนฺโต ขนฺธวเสน ¶ กเถสฺสตี’’ติ. เถรสฺส สห นยทาเนน โส ปฺโห นยสเตน นยสหสฺเสน นยสตสหสฺเสน ¶ อุปฏฺาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวา ตํ ปฺหํ กเถสิ. เปตฺวา กิร สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปฺํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เตเนว กิร เถโร สตฺถุ ปุรโต ตฺวา สีหนาทํ นทิ – ‘‘อหํ, ภนฺเต, สกลกปฺปมฺปิ เทเว วุฏฺเ ‘เอตฺตกานิ พินฺทูนิ มหาสมุทฺเท ปติตานิ, เอตฺตกานิ ภูมิยํ, เอตฺตกานิ ปพฺพเต’ติ คเณตฺวา เลขํ อาโรเปตุํ สมตฺโถ’’ติ. สตฺถาปิ นํ ‘‘ชานามิ, สาริปุตฺต, คเณตุํ สมตฺถภาว’’นฺติ อาห. ตสฺส อายสฺมโต ปฺาย อุปมา นาม นตฺถิ. เตเนวาห –
‘‘คงฺคาย วาลุกา ขีเย, อุทกํ ขีเย มหณฺณเว;
มหิยา มตฺติกา ขีเย, น ขีเย มม พุทฺธิยา’’ติ.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ หิ, ภนฺเต, พุทฺธิสมฺปนฺนโลกนาถ, มยา เอกสฺมึ ปฺเห วิสฺสชฺชิเต เอกํ วา วาลุกํ เอกํ วา อุทกพินฺทุํ เอกํ วา ปํสุขณฺฑํ อขิปิตฺวา ปฺหานํ สเตน วา สหสฺเสนวา สตสหสฺเสน วา วิสฺสชฺชิเต คงฺคาย วาลุกาทีสุ เอเกกํ เอกมนฺเต ขิเปยฺย, ขิปฺปตรํ คงฺคาทีสุ วาลุกาทโย ปริกฺขยํ คจฺเฉยฺยุํ, น ตฺเวว มม ปฺหานํ วิสฺสชฺชนนฺติ. เอวํ มหาปฺโปิ หิ ภิกฺขุ พุทฺธวิสเย ปฺหสฺส ¶ อนฺตํ วา โกฏึ วา อทิสฺวา สตฺถารา ทินฺนนเย ตฺวาว ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ยํ ปฺหํ ปุฏฺโ สพฺโพปิ ชโน กเถตุํ น สกฺขิ, ตํ ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต เอกโกว กเถสี’’ติ. สตฺถา ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘น อิทาเนว สาริปุตฺโต ยํ ปฺหํ มหาชโน วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขิ ¶ , ตํ วิสฺสชฺเชสิ, ปุพฺเพปิ อเนน วิสฺสชฺชิโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริตุํ –
‘‘ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ,
กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;
เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโ,
โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๙๙) –
อิมํ ชาตกํ วิตฺถาเรน กเถสีติ.
เทโวโรหณวตฺถุ ทุติยํ.
๓. เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ
กิจฺโฉ ¶ มนุสฺสปฏิลาโภติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา พาราณสิยํ อุปนิสฺสาย สตฺตสิรีสกรุกฺขมูเล วิหรนฺโต เอรกปตฺตํ นาม นาคราชํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร ปุพฺเพ กสฺสปพุทฺธสาสเน ทหรภิกฺขุ หุตฺวา คงฺคาย นาวํ อภิรุยฺห คจฺฉนฺโต ¶ เอกสฺมึ เอรกคุมฺเพ เอรกปตฺตํ คเหตฺวา นาวาย เวคสา คจฺฉมานายปิ น มฺุจิ, เอรกปตฺตํ ฉิชฺชิตฺวา คตํ. โส ‘‘อปฺปมตฺตกํ เอต’’นฺติ อาปตฺตึ อเทเสตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อรฺเ สมณธมฺมํ กตฺวาปิ มรณกาเล เอรกปตฺเตน คีวาย คหิโต วิย อาปตฺตึ เทเสตุกาโมปิ อฺํ ภิกฺขุํ อปสฺสมาโน ‘‘อปริสุทฺธํ เม สีล’’นฺติ อุปฺปนฺนวิปฺปฏิสาโร ตโต จวิตฺวา เอกรุกฺขโทณิกนาวปฺปมาโณ นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เอรกปตฺโตตฺเววสฺส นามํ อโหสิ. โส นิพฺพตฺตกฺขเณเยว อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘เอตฺตกํ นาม กาลํ สมณธมฺมํ กตฺวา อเหตุกโยนิยํ มณฺฑูกภกฺขฏฺาเน นิพฺพตฺโตมฺหี’’ติ วิปฺปฏิสารี อโหสิ. โส อปรภาเค เอกํ ธีตรํ ลภิตฺวา มชฺเฌ คงฺคาย อุทกปิฏฺเ มหนฺตํ ผลํ อุกฺขิปิตฺวา ธีตรํ ตสฺมึ เปตฺวา นจฺจาเปตฺวา คายาเปสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อทฺธา อหํ อิธ อิมินา อุปาเยน พุทฺเธ อุปฺปนฺเน ตสฺส อุปฺปนฺนภาวํ สุณิสฺสามี’’ติ. โย เม คีตสฺส ปฏิคีตํ อาหรติ ¶ , ตสฺส มหนฺเตน นาคภวเนน สทฺธึ ธีตรํ ทสฺสามีติ อนฺวฑฺฒมาสํ อุโปสถทิวเส ตํ ธีตรํ ผเณ เปสิ. สา ตตฺถ ิตา นจฺจนฺตี –
‘‘กึสุ อธิปฺปตี ราชา, กึสุ ราชา รชฺชิสฺสโร;
กถํสุ วิรโช โหติ, กถํ พาโลติ วุจฺจตี’’ติ. –
อิมํ ¶ คีตํ คายติ.
สกลชมฺพุทีปวาสิโน ‘‘นาคมาณวิกํ คณฺหิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปฺาพเลน ปฏิคีตํ กตฺวา คายนฺติ. สา ตํ ปฏิกฺขิปติ. ตสฺสา อนฺวฑฺฒมาสํ ผเณ ตฺวา เอวํ คายนฺติยาว เอกํ พุทฺธนฺตรํ วีติวตฺตํ. อถ อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต เอรกปตฺตํ อาทึ กตฺวา อุตฺตรมาณวํ นาม อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อชฺช เอรกปตฺตสฺส ธีตรํ ผเณ เปตฺวา นจฺจาปนทิวโส, อยํ อุตฺตรมาณโว มยา ทินฺนํ ปฏิคีตํ คณฺหนฺโตว ¶ โสตาปนฺโน หุตฺวา ตํ อาทาย นาคราชสฺส สนฺติกํ คมิสฺสติ. โส ตํ สุตฺวา ‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’ติ ตฺวา มม สนฺติกํ อาคมิสฺสติ, อหํ ตสฺมึ อาคเต มหาสมาคเม คาถํ กเถสฺสามิ, คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ อทฺทส. โส ตตฺถ คนฺตฺวา พาราณสิโต อวิทูเร สตฺต สิรีสกรุกฺขา อตฺถิ, เตสุ เอกสฺส มูเล นิสีทิ. ชมฺพุทีปวาสิโน คีตปฏิคีตํ อาทาย สนฺนิปตึสุ. สตฺถา อวิทูเร าเน คจฺฉนฺตํ อุตฺตรมาณวํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ, อุตฺตรา’’ติ อาห. ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อิโต ตาว เอหี’’ติ. อถ นํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ อาห ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ? ‘‘เอรกปตฺตสฺส ธีตุ คายนฏฺาน’’นฺติ. ‘‘ชานาสิ ปน คีตปฏิคีต’’นฺติ? ‘‘ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘วเทหิ ตาว น’’นฺติ? อถ นํ อตฺตโน ชานนนิยาเมเนว วทนฺตํ ‘‘น อุตฺตรํ เอตํ ปฏิคีตํ, อหํ เต ปฏิคีตํ ทสฺสามิ, อาทาย ¶ นํ คมิสฺสสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ. อถ นํ สตฺถา, อุตฺตร, ตฺวํ นาคมาณวิกาย คีตกาเล –
‘‘ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชา, รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโร;
อรชฺชํ วิรโช โหติ, รชฺชํ พาโลติ วุจฺจตี’’ติ. –
อิมํ ปฏิคีตํ คาเยยฺยาสีติ อาห.
มาณวิกาย ¶ คีตสฺส อตฺโถ – กึสุ อธิปฺปตี ราชาติ กึ อธิปฺปติ ราชา นาม โหติ? กึสุ ราชา รชฺชิสฺสโรติ กถํ ปน ราชา รชฺชิสฺสโร นาม โหติ? กถํสุ วิรโช โหตีติ กถํ นุ โข โส ราชา วิรโช นาม โหตีติ?
ปฏิคีตสฺส ปน อตฺโถ – ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชาติ โย ฉนฺนํ ทฺวารานํ อธิปฺปติ, เอกทฺวาเรปิ รูปาทีหิ อนภิภูโต, อยํ ราชา นาม. รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโรติ โย ปน เตสุ อารมฺมเณสุ รชฺชติ, โส รชฺชมาโน รชฺชิสฺสโร นาม. อรชฺชนฺติ อรชฺชมาโน ปน วิรโช นาม โหติ. รชฺชนฺติ รชฺชมาโน พาโลติ วุจฺจตีติ.
เอวมสฺส สตฺถา ปฏิคีตํ ทตฺวา, อุตฺตร, ตยา อิมสฺมึ คีเต คายิเต อิมสฺส คีตสฺส อิมํ ปฏิคีตํ คายิสฺสติ –
‘‘เกนสฺสุ ¶ วุยฺหติ พาโล, กถํ นุทติ ปณฺฑิโต;
โยคกฺเขมี กถํ โหติ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.
อถสฺส ตฺวํ อิทํ ปฏิคีตํ คาเยยฺยาสิ –
‘‘โอเฆน วุยฺหติ พาโล, โยคา นุทติ ปณฺฑิโต;
สพฺพโยควิสํยุตฺโต, โยคกฺเขมีติ วุจฺจตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ‘‘กาโมฆาทินา จตุพฺพิเธน โอเฆน พาโล วุยฺหติ, ตํ โอฆํ ปณฺฑิโต สมฺมปฺปธานสงฺขาเตน โยเคน ¶ นุทติ. โส สพฺเพหิ กามโยคาทีหิ วิสํยุตฺโต โยคกฺเขมี นาม วุจฺจตี’’ติ.
อุตฺตโร อิมํ ปฏิคีตํ คณฺหนฺโตว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. โส โสตาปนฺโน หุตฺวา ตํ คาถํ อาทาย คนฺตฺวา, ‘‘อมฺโภ, มยา คีตปฏิคีตํ อาหฏํ, โอกาสํ เม เทถา’’ติ วตฺวา นิรนฺตรํ ิตสฺส มหาชนสฺส ชณฺณุนา อกฺกมนฺโต อคมาสิ. นาคมาณวิกา ปิตุ ผเณ ตฺวา นจฺจมานา ‘‘กึสุ อธิปฺปตี ราชา’’ติ คีตํ คายติ? อุตฺตโร ‘‘ฉทฺวาราธิปฺปตี ราชา’’ติ ปฏิคีตํ คายิ. ปุน นาคมาณวิกา ‘‘เกนสฺสุ วุยฺหตี’’ติ ตสฺส คีตํ คายติ? อถสฺสา ปฏิคีตํ คายนฺโต อุตฺตโร ‘‘โอเฆน วุยฺหตี’’ติ อิมํ คาถมาห. นาคราชา ตํ สุตฺวาว พุทฺธสฺส อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา ‘‘มยา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เอวรูปํ ปทํ นาม น สุตปุพฺพํ, อุปฺปนฺโน วต, โภ, โลเก ¶ พุทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานโส นงฺคุฏฺเน อุทกํ ปหริ, มหาวีจิโย อุฏฺหึสุ, อุโภ ตีรานิ ภิชฺชึสุ. อิโต จิโต จ อุสภมตฺเต าเน มนุสฺสา อุทเก นิมุชฺชึสุ. โส เอตฺตกํ มหาชนํ ผเณ เปตฺวา อุกฺขิปิตฺวา ถเล ปติฏฺเปสิ. โส อุตฺตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กหํ, สามิ, สตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺโน, มหาราชา’’ติ. โส ‘‘เอหิ, สามิ, คจฺฉามา’’ติ อุตฺตเรน สทฺธึ อคมาสิ. มหาชโนปิ เตน สทฺธึเยว คโต. นาคราชา คนฺตฺวา ฉพฺพณฺณรํสีนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา โรทมาโน อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ อิทํ, มหาราชา’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส สาวโก หุตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ ¶ อกาสึ, โสปิ มํ สมณธมฺโม นิทฺธาเรตุํ นาสกฺขิ. อปฺปมตฺตกํ เอรกปตฺตฉินฺทนมตฺตํ นิสฺสาย อเหตุกปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อุเรน ปริสกฺกนฏฺาเน นิพฺพตฺโตสฺมิ, เอกํ พุทฺธนฺตรํ เนว มนุสฺสตฺตํ ลภามิ, น สทฺธมฺมสฺสวนํ, น ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส ทสฺสน’’นฺติ สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา, ‘‘มหาราช, มนุสฺสตฺตํ นาม ทุลฺลภเมว, ตถา สทฺธมฺมสฺสวนํ ¶ , ตถา พุทฺธุปฺปาโท, อิทํ กิจฺเฉน กสิเรน ลพฺภตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ, กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ;
กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ, กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – มหนฺเตน หิ วายาเมน มหนฺเตน กุสเลน ลทฺธตฺตา มนุสฺสตฺตปฏิลาโภ นาม กิจฺโฉ ทุลฺลโภ. นิรนฺตรํ กสิกมฺมาทีนิ กตฺวา ชีวิตวุตฺตึ ฆฏนโตปิ ปริตฺตฏฺายิตายปิ มจฺจานํ ชีวิตํ กิจฺฉํ. อเนเกสุปิ กปฺเปสุ ธมฺมเทสกสฺส ปุคฺคลสฺส ทุลฺลภตาย สทฺธมฺมสฺสวนมฺปิ กิจฺฉํ. มหนฺเตน วายาเมน อภินีหารสฺส สมิชฺฌนโต สมิทฺธาภินีหารสฺส จ อเนเกหิปิ กปฺปโกฏิสหสฺเสหิ ทุลฺลภุปฺปาทโต พุทฺธานํ อุปฺปาโทปิ กิจฺโฉเยว, อติวิย ทุลฺลโภติ.
เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. นาคราชาปิ ตํทิวสํ โสตาปตฺติผลํ ลเภยฺย, ติรจฺฉานคตตฺตา ปน นาลตฺถ. โส เยสุ ปฏิสนฺธิคหณตจชหนวิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมนสชาติยาเมถุนเสวนจุติสงฺขาเตสุ ¶ ปฺจสุ าเนสุ นาคสรีรเมว ¶ คเหตฺวา กิลมนฺติ, เตสุ อกิลมนภาวํ ปตฺวา มาณวรูเปเนว วิจริตุํ ลภตีติ.
เอรกปตฺตนาคราชวตฺถุ ตติยํ.
๔. อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ
สพฺพปาปสฺส อกรณนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
เถโร กิร ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถารา สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ มาตาปิตโร อายุปริจฺเฉโท โพธิ สาวกสนฺนิปาโต อคฺคสาวกสนฺนิปาโต อคฺคสาวกอุปฏฺาโกติ อิทํ สพฺพํ กถิตํ, อุโปสโถ ปน อกถิโต, กึ นุ โข เตสมฺปิ อยเมว อุโปสโถ, อฺโ’’ติ? โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. ยสฺมา ปน เตสํ พุทฺธานํ กาลเภโทว อโหสิ, น กถาเภโท. วิปสฺสี สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ สตฺตเม สตฺตเม สํวจฺฉเร อุโปสถํ อกาสิ. เอกทิวสํ ทินฺโนวาโทเยว ¶ หิสฺส สตฺตนฺนํ สํวจฺฉรานํ อลํ โหติ. สิขี เจว เวสฺสภู จ ฉฏฺเ ฉฏฺเ สํวจฺฉเร อุโปสถํ กรึสุ, กกุสนฺโธ โกณาคมโน จ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร. กสฺสปทสพโล ฉฏฺเ ฉฏฺเ มาเส อุโปสถํ อกาสิ. เอกทิวสํ ทินฺโนวาโท เอว หิสฺส ฉนฺนํ มาสานํ อลํ อโหสิ. ตสฺมา สตฺถา เตสํ อิมํ กาลเภทํ ¶ อาโรเจตฺวา ‘‘โอวาทคาถา ปน เนสํ อิมาเยวา’’ติ วตฺวา สพฺเพสํ เอกเมว อุโปสถํ อาวิ กโรนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา,
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี,
น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.
‘‘อนูปวาโท ¶ อนูปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพสฺส อกุสลกมฺมสฺส. อุปสมฺปทาติ อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺคา กุสลสฺส อุปฺปาทนฺเจว อุปฺปาทิตสฺส จ ภาวนา. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ ปฺจหิ นีวรเณหิ อตฺตโน จิตฺตสฺส โวทาปนํ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ สพฺพพุทฺธานํ อยมนุสิฏฺิ.
ขนฺตีติ ยา เอสา ติติกฺขาสงฺขาตา ขนฺตี นาม, อิทํ อิมสฺมึ สาสเน ปรมํ อุตฺตมํ ตโป. นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธาติ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ อนุพุทฺธา จาติ อิเม ตโย พุทฺธา นิพฺพานํ อุตฺตมนฺตี วทนฺติ. น หิ ปพฺพชิโตติ ปาณิอาทีหิ ปรํ อปหนนฺโต วิเหเนฺโต ปรูปฆาตี ปพฺพชิโต นาม น โหติ. น สมโณติ วุตฺตนเยเนว ปรํ วิเหยนฺโต สมโณปิ น โหติเยว ¶ .
อนูปวาโทติ อนูปวาทนฺเจว อนูปวาทาปนฺจ. อนูปฆาโตติ อนูปฆาตนฺเจว อนูปฆาตาปนฺจ ¶ . ปาติโมกฺเขติ เชฏฺกสีเล. สํวโรติ ปิทหนํ. มตฺตฺุตาติ มตฺตฺุภาโว ปมาณชานนํ. ปนฺตนฺติ วิวิตฺตํ. อธิจิตฺเตติ อฏฺสมาปตฺติสงฺขาเต อธิจิตฺเต. อาโยโคติ ปโยคกรณํ. เอตนฺติ เอตํ สพฺเพสํ พุทฺธานํ สาสนํ. เอตฺถ หิ อนูปวาเทน วาจสิกํ สีลํ กถิตํ, อนูปฆาเตน กายิกสีลํ, ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติ สีลํ กถิตํ, อนูปฆาเตน กายิกสีลํ, ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสีลฺเจว อินฺทฺริยสํวรฺจ, มตฺตฺุตาย อาชีวปาริสุทฺธิ เจว ปจฺจยสนฺนิสิตสีลฺจ, ปนฺตเสนาสเนน สปฺปายเสนาสนํ, อธิจิตฺเตน อฏฺ สมาปตฺติโย. เอวํ อิมาย คาถาย ติสฺโสปิ สิกฺขา กถิตา เอว โหนฺตีติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อนภิรตภิกฺขุวตฺถุ
น ¶ กหาปณวสฺเสนาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนภิรตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ‘‘อสุกฏฺานํ นาม คนฺตฺวา อุทฺเทสํ อุคฺคณฺหาหี’’ติ อุปชฺฌาเยน เปสิโต ตตฺถ อคมาสิ. อถสฺส ปิตุโน โรโค อุปฺปชฺชิ. โส ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา ตํ ปกฺโกสิตุํ สมตฺถํ กฺจิ ¶ อลภิตฺวา ปุตฺตโสเกน วิปฺปลปนฺโตเยว อาสนฺนมรโณ หุตฺวา ‘‘อิทํ เม ปุตฺตสฺส ปตฺตจีวรมูลํ กเรยฺยาสี’’ติ กหาปณสตํ กนิฏฺสฺส หตฺเถ ทตฺวา กาลมกาสิ. โส ทหรสฺส อาคตกาเล ปาทมูเล นิปติตฺวา ปวฏฺเฏนฺโต โรทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ปิตา เต วิปฺปลปนฺโตว กาลกโต, มยฺหํ ปน เตน กหาปณสตํ หตฺเถ ปิตํ, เตน กึ กโรมี’’ติ อาห. ทหโร ‘‘น เม กหาปเณหิ อตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา อปรภาเค จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม ปรกุเลสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิเตน, สกฺกา ตํ กหาปณสตํ นิสฺสาย ชีวิตุํ, วิพฺภมิสฺสามี’’ติ. โส อนภิรติยา ปีฬิโต วิสฺสฏฺสชฺฌายนกมฺมฏฺาโน ปณฺฑุโรคี วิย อโหสิ. อถ นํ ทหรสามเณรา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’’ติ วุตฺเต อาจริยุปชฺฌายานํ อาจิกฺขึสุ. อถ นํ เต สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา สตฺถุ ทสฺเสสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวมกาสิ, อตฺถิ ปน เต ¶ โกจิ ชีวิตปจฺจโย’’ติ อาห. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ เต อตฺถี’’ติ? ‘‘กหาปณสตํ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ กตฺถจิ ตาว สกฺขรา อาหร, คเณตฺวา ชานิสฺสาม ‘‘สกฺกา วา ตาวตฺตเกน ชีวิตุํ, โน วา’’ติ. โส สกฺขรา อาหริ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘ปริโภคตฺถาย ตาว ปณฺณาสํ เปหิ, ทฺวินฺนํ โคณานํ อตฺถาย จตุวีสติ, เอตฺตกํ นาม พีชตฺถาย, ยุคนงฺคลตฺถาย, กุทฺทาลวาสิผรสุอตฺถายา’’ติ เอวํ คณิยมาเน ตํ กหาปณสตํ นปฺปโหติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ ตว กหาปณา อปฺปกา, กถํ เอเต นิสฺสาย ตณฺหํ ปูเรสฺสสิ, อตีเต กิร จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรตฺวา อปฺโผฏิตมตฺเตน ¶ ทฺวาทสโยชนฏฺาเน กฏิปฺปมาเณน รตนวสฺสํ วสฺสาเปตุํ สมตฺโถ ยาว ฉตฺตึส สกฺกา จวนฺติ, เอตฺตกํ กาลํ เทวรชฺชํ กาเรตฺวาปิ มรณกาเล ¶ ตณฺหํ อปูเรตฺวาว กาลมกาสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริตฺวา มนฺธาตุชาตกํ (ชา. ๑.๓.๒๒) วิตฺถาเรตฺวา –
‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ, ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
สพฺเพว ทาสา มนฺธาตุ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ. –
อิมิสฺสา คาถาย อนนฺตรา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘น กหาปณวสฺเสน, ติตฺติ กาเมสุ วิชฺชติ;
อปฺปสฺสาทา ทุขา กามา, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต.
‘‘อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ, รตึ โส นาธิคจฺฉติ;
ตณฺหกฺขยรโต โหติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก’’ติ.
ตตฺถ กหาปณวสฺเสนาติ ยํ โส อปฺโผเฏตฺวา สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสาเปสิ, ตํ อิธ กหาปณวสฺสนฺติ วุตฺตํ. เตนปิ หิ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ ติตฺติ นาม นตฺถิ. เอวํ ทุปฺปูรา เอสา ตณฺหา. อปฺปสฺสาทาติ สุปินสทิสตาย ปริตฺตสุขา. ทุขาติ ทุกฺขกฺขนฺธาทีสุ อาคตทุกฺขวเสน ปน พหุทุกฺขาว. อิติ วิฺายาติ เอวเมเต กาเม ชานิตฺวา. อปิ ทิพฺเพสูติ สเจ หิ เทวานํ อุปกปฺปนกกาเมหิ นิมนฺเตยฺยาปิ อายสฺมา สมิทฺธิ ¶ วิย เอวมฺปิ เตสุ กาเมสุ รตึ น วินฺทติเยว. ตณฺหกฺขยรโตติ อรหตฺเต เจว นิพฺพาเน จ อภิรโต โหติ, ตํ ปตฺถยมาโน วิหรติ. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโกติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิตสฺส ธมฺมสฺส สวเนน ชาโต โยคาวจรภิกฺขูติ.
เทสนาวสาเน ¶ โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อนภิรตภิกฺขุวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณวตฺถุ
พหุํ เว สรณํ ยนฺตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วาลิกราสิมฺหิ นิสินฺนํ อคฺคิทตฺตํ นาม โกสลรฺโ ปุโรหิตํ อารพฺภ กเถสิ.
โส ¶ กิร มหาโกสลสฺส ปุโรหิโต อโหสิ. อถ นํ ปิตริ กาลกเต ราชา ปเสนทิ โกสโล ‘‘ปิตุ เม ปุโรหิโต’’ติ คารเวน ตสฺมึเยว าเน เปตฺวา ตสฺส อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตกาเล ปจฺจุคฺคมนํ กโรติ, ‘‘อาจริย, อิธ นิสีทถา’’ติ สมานาสนํ ทาเปสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา มยิ อติวิย คารวํ กโรติ, น โข ปน ราชูนํ นิจฺจกาลเมว สกฺกา จิตฺตํ คเหตุํ. สมานวเยเนว หิ สทฺธึ รชฺชสุขํ นาม สุขํ โหติ, อหฺจมฺหิ มหลฺลโก, ปพฺพชิตุํ เม ยุตฺต’’นฺติ. โส ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา สตฺตาเหน สพฺพํ อตฺตโน ¶ ธนํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา พาหิรกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตํ นิสฺสาย ทส ปุริสสหสฺสานิ อนุปพฺพชึสุ. โส เตหิ สทฺธึ องฺคมคธานฺจ กุรุรฏฺสฺส จ อนฺตเร วาสํ กปฺเปตฺวา อิมํ โอวาทํ เทติ, ‘‘ตาตา, ยสฺส กามวิตกฺกาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, โส นทิโต เอเกกํ วาลุกปุฏํ อุทฺธริตฺวา อิมสฺมึ โอกิรตู’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา กามวิตกฺกาทีนํ อุปฺปนฺนกาเล ตถา กรึสุ. อปเรน สมเยน มหาวาลุกราสิ อโหสิ, ตํ อหิฉตฺโต นาม นาคราชา ปฏิคฺคเหสิ. องฺคมคธวาสิโน เจว กุรุรฏฺวาสิโน จ มาเส มาเส เตสํ มหนฺตํ สกฺการํ อภิหริตฺวา ทานํ เทนฺติ. อถ เนสํ อคฺคิทตฺโต อิมํ โอวาทํ อทาสิ – ‘‘ปพฺพตํ สรณํ ยาถ, วนํ สรณํ ยาถ, อารามํ สรณํ ยาถ, รุกฺขํ สรณํ ยาถ, เอวํ สพฺพทุกฺขโต มุจฺจิสฺสถา’’ติ. อตฺตโน อนฺเตวาสิเกปิ อิมินา โอวาเทน โอวทิ.
โพธิสตฺโตปิ กตาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ตสฺมึ สมเย สาวตฺถึ นิสฺสาย เชตวเน วิหรนฺโต ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณํ สทฺธึ อนฺเตวาสิเกหิ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘สพฺเพปิ อิเม อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา’’ติ ตฺวา สายนฺหสมเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อาห – ‘‘โมคฺคลฺลาน, กึ ปสฺสสิ อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณํ มหาชนํ ¶ อติตฺเถ ปกฺขนฺทาเปนฺตํ, คจฺฉ เตสํ โอวาทํ เทหี’’ติ. ภนฺเต, พหู เอเต, เอกกสฺส มยฺหํ อวิสยฺหา. สเจ ¶ ตุมฺเหปิ อาคมิสฺสถ, วิสยฺหา ภวิสฺสนฺตีติ. โมคฺคลฺลาน, อหมฺปิ อาคมิสฺสามิ, ตฺวํ ปุรโต ยาหีติ. เถโร ปุรโต คจฺฉนฺโตว จินฺเตสิ – ‘‘เอเต พลวนฺโต เจว พหู จ. สเจ สพฺเพสํ สมาคมฏฺาเน กิฺจิ ¶ กเถสฺสามิ, สพฺเพปิ วคฺควคฺเคน อุฏฺเหยฺยุ’’นฺติ อตฺตโน อานุภาเวน ถูลผุสิตกํ เทวํ วุฏฺาเปสิ. เต ถูลผุสิตเกสุ ปตนฺเตสุ อุฏฺายุฏฺาย อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสึสุ. เถโร อคฺคิทตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปณฺณสาลทฺวาเร ตฺวา ‘‘อคฺคิทตฺตา’’ติ อาห. โส เถรสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘มํ อิมสฺมึ โลเก นาเมน อาลปิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, โก นุ โข มํ นาเมน อาลปตี’’ติ มานถทฺธตาย ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. ‘‘อหํ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘กึ วเทสี’’ติ? ‘‘อชฺช เม เอกรตฺตึ อิธ วสนฏฺานํ ตฺวํ อาจิกฺขาหี’’ติ. ‘‘อิธ วสนฏฺานํ นตฺถิ, เอกสฺส เอกาว ปณฺณสาลา’’ติ. ‘‘อคฺคิทตฺต, มนุสฺสา นาม มนุสฺสานํ, คาโว คุนฺนํ, ปพฺพชิตา ปพฺพชิตานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺติ, มา เอวํ กริ, เทหิ เม วสนฏฺาน’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘อาม, ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ. ‘‘สเจ ปพฺพชิโต, กหํ เต ขาริภณฺฑํ, โก ปพฺพชิตปริกฺขาโร’’ติ. ‘‘อตฺถิ เม ปริกฺขาโร, วิสุํ ปน นํ คเหตฺวา วิจริตุํ ทุกฺขนฺติ อพฺภนฺตเรเนว นํ คเหตฺวา วิจรามิ, พฺราหฺมณา’’ติ. โส ‘‘ตํ คเหตฺวา วิจริสฺสสี’’ติ เถรสฺส กุชฺฌิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘อมฺเห, อคฺคิทตฺต, มา กุชฺฌิ, วสนฏฺานํ เม อาจิกฺขาหี’’ติ. นตฺถิ เอตฺถ วสนฏฺานนฺติ. เอตสฺมึ ปน วาลุกราสิมฺหิ โก วสตีติ. เอโก, นาคราชาติ. เอตํ เม เทหีติ. น สกฺกา ทาตุํ, ภาริยํ ¶ เอตสฺส กมฺมนฺติ. โหตุ, เทหิ เมติ. เตน หิ ตฺวํ เอว ชานาหีติ.
เถโร วาลุกราสิอภิมุโข ปายาสิ. นาคราชา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมโณ อิโต อาคจฺฉติ, น ชานาติ มฺเ มม อตฺถิภาวํ, ธูมายิตฺวา นํ มาเรสฺสามี’’ติ ธูมายิ. เถโร ‘‘อยํ นาคราชา ‘อหเมว ธูมายิตุํ สกฺโกมิ, อฺเ น สกฺโกนฺตี’ติ มฺเ สลฺลกฺเขตี’’ติ สยมฺปิ ธูมายิ. ทฺวินฺนมฺปิ สรีรโต อุคฺคตา ธูมา ยาว พฺรหฺมโลกา อุฏฺหึสุ. อุโภปิ ธูมา เถรํ อพาเธตฺวา นาคราชานเมว พาเธนฺติ. นาคราชา ธูมเวคํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต ปชฺชลิ. เถโรปิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา เตน สทฺธึเยว ปชฺชลิ. อคฺคิชาลา ยาว พฺรหฺมโลกา อุฏฺหึสุ. อุโภปิ เถรํ อพาเธตฺวา นาคราชานเมว พาธยึสุ. อถสฺส สกลสรีรํ อุกฺกาหิ ปทิตฺตํ วิย อโหสิ. อิสิคโณ โอโลเกตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นาคราชา, สมณํ ฌาเปติ, ภทฺทโก วต สมโณ อมฺหากํ วจนํ อสุตฺวา นฏฺโ’’ติ. เถโร นาคราชานํ ¶ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา วาลุกราสิมฺหิ นิสีทิ. นาคราชา วาลุกราสึ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา กูฏาคารกุจฺฉิปมาณํ ผณํ มาเปตฺวา เถรสฺส อุปริ ธาเรสิ.
อิสิคณา ¶ ปาโตว ‘‘สมณสฺส มตภาวํ วา อมตภาวํ วา ชานิสฺสามา’’ติ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ วาลุกราสิมตฺถเก นิสินฺนํ ทิสฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อภิตฺถวนฺตา อาหํสุ – ‘‘สมณ, กจฺจิ นาคราเชน น พาธิโต’’ติ. ‘‘กึ น ปสฺสถ มม อุปริผณํ ธาเรตฺวา ิต’’นฺติ? เต ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ, สมณสฺส เอวรูโป ¶ นาม นาคราชา ทมิโต’’ติ เถรํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา อาคโต. เถโร สตฺถารํ ทิสฺวา อุฏฺาย วนฺทิ. อถ นํ อิสโย อาหํสุ – ‘‘อยมฺปิ ตยา มหนฺตตโร’’ติ. เอโส ภควา สตฺถา, อหํ อิมสฺส สาวโกติ. สตฺถา วาลุกราสิมตฺถเก นิสีทิ, อิสิคโณ ‘‘อยํ ตาว สาวกสฺส อานุภาโว, อิมสฺส ปน อานุภาโว กีทิโส ภวิสฺสตี’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห สตฺถารํ อภิตฺถวิ. สตฺถา อคฺคิทตฺตํ อามนฺเตตฺวา อาห – ‘‘อคฺคิทตฺต, ตฺวํ ตว สาวกานฺจ อุปฏฺากานฺจ โอวาทํ ททมาโน กินฺติ วตฺวา เทสี’’ติ. ‘‘เอตํ ปพฺพตํ สรณํ คจฺฉถ, วนํ อารามํ รุกฺขํ สรณํ คจฺฉถ. เอตานิ หิ สรณํ คโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ เอวํ เตสํ โอวาทํ ทมฺมีติ. สตฺถา ‘‘น โข, อคฺคิทตฺต, เอตานิ สรณํ คโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ, พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ ปน สรณํ คนฺตฺวา สกลวฏฺฏทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘พหุํ เว สรณํ ยนฺติ, ปพฺพตานิ วนานิ จ;
อารามรุกฺขเจตฺยานิ, มนุสฺสา ภยตชฺชิตา.
‘‘เนตํ โข สรณํ เขมํ, เนตํ สรณมุตฺตมํ;
เนตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.
‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.
‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
อริยํ จฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
‘‘เอตํ ¶ ¶ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ พหุนฺติ พหุ. ปพฺพตานีติ ตตฺถ ตตฺถ อิสิคิลิเวปุลฺลเวภาราทิเก ปพฺพเต จ มหาวนโคสิงฺคสาลวนาทีนิ ¶ วนานิ จ เวฬุวนชีวกมฺพวนาทโย อาราเม จ อุเทนเจติยโคตมเจติยาทีนิ รุกฺขเจตฺยานิ จ เต เต มนุสฺสา เตน เตน ภเยน ตชฺชิตา ภยโต มุจฺจิตุกามา ปุตฺตลาภาทีนิ วา ปตฺถยมานา สรณํ ยนฺตีติ อตฺโถ. เนตํ สรณนฺติ เอตํ สพฺพมฺปิ สรณํ เนว เขมํ น อุตฺตมํ, น จ เอตํ ปฏิจฺจ ชาติอาทิธมฺเมสุ สตฺเตสุ เอโกปิ ชาติอาทิโต สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ อตฺโถ.
โย จาติ อิทํ อเขมํ อนุตฺตมํ สรณํ ทสฺเสตฺวา เขมํ อุตฺตมํ สรณํ ทสฺสนตฺถํ อารทฺธํ. ตสฺสตฺโถ – โย จ คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทิกํ พุทฺธธมฺมสงฺฆานุสฺสติกมฺมฏฺานํ นิสฺสาย เสฏฺวเสน พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ สรณํ คโต, ตสฺสปิ ตํ สรณคมนํ อฺติตฺถิยวนฺทนาทีหิ กุปฺปติ จลติ. ตสฺส ปน อจลภาวํ ทสฺเสตุํ มคฺเคน อาคตสรณเมว ปกาสนฺโต จตฺตาริ อริยสจฺจานิ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ อาห. โย หิ เอเตสํ สจฺจานํ ทสฺสนวเสน เอตานิ สรณํ ¶ คโต, เอตสฺส เอตํ สรณํ เขมฺจ อุตฺตมฺจ, โส จ ปุคฺคโล เอตํ สรณํ ปฏิจฺจ สกลสฺมาปิ วฏฺฏทุกฺขา ปมุจฺจติ, ตสฺมา เอตํ โข สรณํ เขมนฺติอาทิ วุตฺตํ.
เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต อิสโย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถาปิ จีวรคพฺภโต หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว, จรถ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อาห. เต ตงฺขเณเยว อฏฺปริกฺขารธรา วสฺสสฏฺิกเถรา วิย อเหสุํ. โส จ สพฺเพสมฺปิ องฺคมคธกุรุรฏฺวาสีนํ สกฺการํ อาทาย อาคมนทิวโส อโหสิ. เต สกฺการํ อาทาย อาคตา สพฺเพปิ เต อิสโย ปพฺพชิเต ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ อคฺคิทตฺตพฺราหฺมโณ มหา, อุทาหุ สมโณ โคตโม’’ติ จินฺเตตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อาคตตฺตา ‘‘อคฺคิทตฺโตว มหา’’ติ มฺึสุ. สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อคฺคิทตฺต, ปริสาย กงฺขํ ฉินฺทา’’ติ อาห. โส ‘‘อหมฺปิ เอตฺตกเมว ¶ ปจฺจาสีสามี’’ติ อิทฺธิพเลน สตฺตกฺขตฺตุํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุนปฺปุนํ โอรุยฺห สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา สาวกตฺตํ ปกาเสสีติ.
อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ
ทุลฺลโภติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
เถโร หิ เอกทิวสํ ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘หตฺถาชานีโย ¶ ฉทฺทนฺตกุเล วา อุโปสถกุเล วา อุปฺปชฺชติ, อสฺสาชานีโย สินฺธวกุเล วา วลาหกสฺสราชกุเล วา, อุสโภ โคอาชนีโย ทกฺขิณปเถติอาทีนิ วทนฺเตน สตฺถารา หตฺถิอาชานียาทีนํ อุปฺปตฺติฏฺานาทีนิ กถิตานิ, ปุริสาชานีโย ปน กหํ นุ โข อุปฺปชฺชตี’’ติ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา, ‘‘อานนฺท, ปุริสาชานีโย นาม สพฺพตฺถ นุปฺปชฺชติ, อุชุกโต ปน ติโยชนสตายาเม วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยสเต อาวฏฺฏโต นวโยชนสตปฺปมาเณ มชฺฌิมปเทสฏฺาเน อุปฺปชฺชติ. อุปฺปชฺชนฺโต จ ปน น ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา กุเล อุปฺปชฺชติ, ขตฺติยมหาสาลพฺราหฺมณมหาสาลกุลานํ ปน อฺตรสฺมึเยว อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ทุลฺลโภ ปุริสาชฺโ, น โส สพฺพตฺถ ชายติ;
ยตฺถ โส ชายตี ธีโร, ตํ กุลํ สุขเมธตี’’ติ.
ตตฺถ ทุลฺลโภติ ปุริสาชฺโ หิ ทุลฺลโภ, น หตฺถิอาชานียาทโย วิย สุลโภ, โส สพฺพตฺถ ปจฺจนฺตเทเส วา นีจกุเล วา น ชายติ, มชฺฌิมเทเสปิ มหาชนสฺส อภิวาทนาทิสกฺการกรณฏฺาเน ขตฺติยพฺราหฺมณกุลานํ อฺตรสฺมึ กุเล ชายติ. เอวํ ชายมาโน ยตฺถ โส ชายติ ธีโร อุตฺตมปฺโ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ , ตํ กุลํ สุขเมธตีติ สุขปฺปตฺตเมว โหตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
อานนฺทตฺเถรปฺหวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ
สุโข ¶ ¶ พุทฺธานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ กถํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ปฺจสตภิกฺขู อุปฏฺานสาลายํ นิสินฺนา, ‘‘อาวุโส, กึ นุ โข อิมสฺมึ โลเก สุข’’นฺติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ? ตตฺถ เกจิ ‘‘รชฺชสุขสทิสํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ อาหํสุ. เกจิ กามสุขสทิสํ, เกจิ ‘‘สาลิมํสโภชนาทิสทิสํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา เตสํ นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, กึ กเถถ? อิทฺหิ สพฺพมฺปิ สุขํ วฏฺฏทุกฺขปริยาปนฺนเมว, อิมสฺมึ โลเก พุทฺธุปฺปาโท ธมฺมสฺสวนํ, สงฺฆสามคฺคี, สมฺโมทมานภาโวติ อิทเมว สุข’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท, สุขา สทฺธมฺมเทสนา;
สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี, สมคฺคานํ ตโป สุโข’’ติ.
ตตฺถ พุทฺธานมุปฺปาโทติ ยสฺมา พุทฺธา อุปฺปชฺชมานา มหาชนํ ราคกนฺตาราทีหิ ตาเรนฺติ, ตสฺมา พุทฺธานํ อุปฺปาโท สุโข อุตฺตโม. ยสฺมา ¶ สทฺธมฺมเทสนํ อาคมฺม ชาติอาทิธมฺมา สตฺตา ชาติอาทีหิ มุจฺจนฺติ, ตสฺมา สทฺธมฺมเทสนา สุขา. สามคฺคีติ สมจิตฺตตา, สาปิ สุขา เอว. สมคฺคานํ ปน เอกจิตฺตานํ ยสฺมา พุทฺธวจนํ วา อุคฺคณฺหิตุํ ธุตงฺคานิ วา ปริหริตุํ สมณธมฺมํ วา กาตุํ สกฺกา, ตสฺมา สมคฺคานํ ตโป สุโขติ วุตฺตํ. เตเนวาห – ‘‘ยาวกีวฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สมคฺคา สนฺนิปติสฺสนฺติ, สมฺมคฺคา วุฏฺหิสฺสนฺติ, สมคฺคา สงฺฆกรณียานิ กริสฺสนฺติ, วุทฺธิเยว, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๓๖).
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยวตฺถุ
ปูชารเหติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา จาริกํ จรมาโน กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยํ อารพฺภ กเถสิ.
ตถาคโต สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค โตเทยฺยคามสฺส สมีเป มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อฺตรํ เทวฏฺานํ สมฺปาปุณิ. ตตฺร นิสินฺโน สุคโต ธมฺมภณฺฑาคาริกํ เปเสตฺวา อวิทูเร กสิกมฺมํ กโรนฺตํ พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปสิ ¶ . โส พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา ตถาคตํ อนภิวนฺทิตฺวา ตเมว เทวฏฺานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. สุคโตปิ ‘‘อิมํ ปเทสํ กินฺติ มฺสิ พฺราหฺมณา’’ติ อาห. อมฺหากํ ปเวณิยา อาคตเจติยฏฺานนฺติ วนฺทามิ, โภ โคตมาติ. ‘‘อิมํ านํ วนฺทนฺเตน ตยา สาธุ กตํ พฺราหฺมณา’’ติ สุคโต ตํ สมฺปหํเสสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘เกน นุ โข การเณน ภควา เอวํ สมฺปหํเสสี’’ติ สํสยํ สฺชเนสุํ. ตโต ตถาคโต เตสํ สํสยมปเนตุํ มชฺฌิมนิกาเย ฆฏิการสุตฺตนฺตํ (ม. นิ. ๒.๒๘๒ อาทโย) วตฺวา อิทฺธานุภาเวน กสฺสปทสพลสฺส โยชนุพฺเพธํ กนกเจติยํ อปรฺจ กนกเจติยํ อากาเส นิมฺมินิตฺวา มหาชนํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, เอวํวิธานํ ปูชารหานํ ปูชา ยุตฺตตราวา’’ติ วตฺวา มหาปรินิพฺพานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๒๐๖) ทสฺสิตนเยเนว พุทฺธาทิเก จตฺตาโร ถูปารเห ปกาเสตฺวา สรีรเจติยํ อุทฺทิสฺสเจติยํ ปริโภคเจติยนฺติ ตีณิ เจติยานิ วิเสสโต ปริทีเปตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปูชารเห ปูชยโต, พุทฺเธ ยทิ จ สาวเก;
ปปฺจสมติกฺกนฺเต, ติณฺณโสกปริทฺทเว.
‘‘เต ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;
น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติ. (อป. เถร ๑.๑๐.๑-๒);
ตตฺถ ปูชิตุํ อรหา ปูชารหา, ปูชิตุํ ยุตฺตาติ อตฺโถ. ปูชารเห ปูชยโตติ อภิวาทนาทีหิ จ จตูหิ จ ปจฺจเยหิ ¶ ปูเชนฺตสฺส. ปูชารเห ทสฺเสติ พุทฺเธติอาทินา. พุทฺเธติ สมฺมาสมฺพุทฺเธ. ยทีติ ยทิ วา, อถ วาติ อตฺโถ. ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺเธติ กถิตํ โหติ, สาวเก จ. ปปฺจสมติกฺกนฺเตติ สมติกฺกนฺตตณฺหาทิฏฺิมานปปฺเจ. ติณฺณโสกปริทฺทเวติ ¶ อติกฺกนฺตโสกปริทฺทเว ¶ , อิเม ทฺเว อติกฺกนฺเตติ อตฺโถ. เอเตหิ ปูชารหตฺตํ ทสฺสิตํ.
เตติ พุทฺธาทโย. ตาทิเสติ วุตฺตคหณวเสน. นิพฺพุเตติ ราคาทินิพฺพุติยา. นตฺถิ กุโตจิ ภวโต วา อารมฺมณโต วา เอเตสํ ภยนฺติ อกุโตภยา, เต อกุโตภเย. น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุนฺติ ปฺุํ คเณตุํ น สกฺกา. กถนฺติ เจ? อิเมตฺตมปิ เกนจีติ อิมํ เอตฺตกํ, อิมํ เอตฺตกนฺติ เกนจีติ อปิสทฺโท อิธ สมฺพนฺธิตพฺโพ, เกนจิ ปุคฺคเลน มาเนน วา. ตตฺถ ปุคฺคเลนาติ เตน พฺรหฺมาทินา. มาเนนาติ ติวิเธน มาเนน ตีรเณน ธารเณน ปูรเณน วา. ตีรณํ นาม อิทํ เอตฺตกนฺติ นยโต ตีรณํ. ธารณนฺติ ตุลาย ธารณํ. ปูรณํ นาม อฑฺฒปสตปตฺถนาฬิกาทิวเสน ปูรณํ. เกนจิ ปุคฺคเลน อิเมหิ ตีหิ มาเนหิ พุทฺธาทิเก ปูชยโต ปฺุํ วิปากวเสน คเณตุํ น สกฺกา ปริยนฺตรหิตโตติ ทฺวีสุ าเนสุ ปูชยโต กึ ทานํ ปมํ ธรมาเน พุทฺธาที ปูชยโต น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, ปุน เต ตาทิเส กิเลสปรินิพฺพานนิมิตฺเตน ขนฺธปรินิพฺพาเนน นิพฺพุเตปิ ปูชยโต น สกฺกา สงฺขาตุนฺติ เภทา ยุชฺชนฺติ. เตน หิ วิมานวตฺถุมฺหิ –
‘‘ติฏฺนฺเต ¶ นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ;
เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ. (วิ. ว. ๘๐๖);
เทสนาวสาเน โส พฺราหฺมโณ โสตาปนฺโน อโหสีติ. โยชนิกํ กนกเจติยํ สตฺตาหมากาเสว อฏฺาสิ, มหนฺเตน สมาคโม จาโหสิ, สตฺตาหํ เจติยํ นานปฺปกาเรน ปูเชสุํ. ตโต ภินฺนลทฺธิกานํ ลทฺธิเภโท ชาโต, พุทฺธานุภาเวน ตํ เจติยํ สกฏฺานเมว คตํ, ตตฺเถว ตํขเณ มหนฺตํ ปาสาณเจติยํ อโหสิ. ตสฺมึ สมาคเม จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.
กสฺสปทสพลสฺส สุวณฺณเจติยวตฺถุ นวมํ.
พุทฺธวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
จุทฺทสโม วคฺโค.
ปมภาณวารํ นิฏฺิตํ.
๑๕. สุขวคฺโค
๑. าอาติกลหวูปสมนวตฺถุ
สุสุขํ ¶ ¶ ¶ วตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สกฺเกสุ วิหรนฺโต กลหวูปสมนตฺถํ าตเก อารพฺภ กเถสิ.
สากิยโกลิยา กิร กปิลวตฺถุนครสฺส จ โกลิยนครสฺส จ อนฺตเร โรหิณึ นาม นทึ เอเกเนว อาวรเณน พนฺธาเปตฺวา สสฺสานิ กโรนฺติ. อถ เชฏฺมูลมาเส สสฺเสสุ มิลายนฺเตสุ อุภยนครวาสิกานมฺปิ กมฺมการา สนฺนิปตึสุ. ตตฺถ โกลิยนครวาสิโน อาหํสุ – ‘‘อิทํ อุทกํ อุภยโต หริยมานํ เนว ตุมฺหากํ, น อมฺหากํ ปโหสฺสติ, อมฺหากํ ปน สสฺสํ เอกอุทเกเนว นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติ. อิตเรปิ อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเหสุ โกฏฺเก ปูเรตฺวา ิเตสุ มยํ รตฺตสุวณฺณนีลมณิกาฬกหาปเณ จ คเหตฺวา ปจฺฉิปสิพฺพกาทิหตฺถา น สกฺขิสฺสาม ตุมฺหากํ ฆรทฺวาเร วิจริตุํ, อมฺหากมฺปิ สสฺสํ เอกอุทเกเนว ¶ นิปฺผชฺชิสฺสติ, อิทํ อุทกํ อมฺหากํ เทถา’’ติ. น มยํ ทสฺสามาติ. มยมฺปิ น ทสฺสามาติ เอวํ กถํ วฑฺเฒตฺวา เอโก อุฏฺาย เอกสฺส ปหารํ อทาสิ, โสปิ อฺสฺสาติ เอวํ อฺมฺํ ปหริตฺวา ราชกุลานํ ชาตึ ฆฏฺเฏตฺวา กลหํ วฑฺฒยึสุ.
โกลิยกมฺมการา วทนฺติ – ‘‘ตุมฺเห กปิลวตฺถุวาสิเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย โสณสิงฺคาลาทโย วิย อตฺตโน ภคินีหิ สทฺธึ สํวสึสุ, เอเตสํ หตฺถิโน เจว อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ. สากิยกมฺมการาปิ วทนฺติ ‘‘ตุมฺเห อิทานิ กุฏฺิโน ทารเก คเหตฺวา คชฺชถ, เย อนาถา นิคฺคติกา ติรจฺฉานา วิย โกลรุกฺเข วสึสุ, เอเตสํ หตฺถิโน จ อสฺสา จ ผลกาวุธานิ จ อมฺหากํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ. เต คนฺตฺวา ตสฺมึ กมฺเม นิยุตฺตานํ อมจฺจานํ กถยึสุ, อมจฺจา ราชกุลานํ กเถสุํ. ตโต สากิยา ‘‘ภคินีหิ สทฺธึ สํวสิตกานํ ถามฺจ พลฺจ ทสฺเสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมึสุ. โกลิยาปิ ‘‘โกลรุกฺขวาสีนํ ถามฺจ พลฺจ ทสฺเสสฺสามา’’ติ ยุทฺธสชฺชา นิกฺขมึสุ.
สตฺถาปิ ¶ ¶ ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต าตเก ทิสฺวา ‘‘มยิ อคจฺฉนฺเต อิเม นสฺสิสฺสนฺติ, มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกโกว อากาเสน คนฺตฺวา โรหิณินทิยา มชฺเฌ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. าตกา สตฺถารํ ทิสฺวา ¶ อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา วนฺทึสุ. อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กึ กลโห นาเมส, มหาราชา’’ติ? ‘‘น ชานาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก ทานิ ชานิสฺสตี’’ติ? เต ‘‘อุปราชา ชานิสฺสติ, เสนาปติ ชานิสฺสตี’’ติ อิมินา อุปาเยน ยาว ทาสกมฺมกเร ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อุทกกลโห’’ติ อาหํสุ. ‘‘อุทกํ กึ อคฺฆติ, มหาราชา’’ติ? ‘‘อปฺปคฺฆํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ขตฺติยา กึ อคฺฆนฺติ มหาราชา’’ติ? ‘‘ขตฺติยา นาม อนคฺฆา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อยุตฺตํ ตุมฺหากํ อปฺปมตฺตตํ อุทกํ นิสฺสาย อนคฺเฆ ขตฺติเย นาเสตุ’’นฺติ. เต ตุณฺหี อเหสุํ. อถ เต สตฺถา อามนฺเตตฺวา ‘‘กสฺมา มหาราชา เอวรูปํ กโรถ, มยิ อสนฺเต อชฺช โลหิตนที ปวตฺติสฺสติ, อยุตฺตํ โว กตํ, ตุมฺเห ปฺจหิ เวเรหิ สเวรา วิหรถ, อหํ อเวโร วิหรามิ. ตุมฺเห กิเลสาตุรา หุตฺวา วิหรถ, อหํ อนาตุโร. ตุมฺเห กามคุณปริเยสนุสฺสุกฺกา หุตฺวา วิหรถ, อหํ อนุสฺสุกฺโก วิหรามี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, เวริเนสุ อเวริโน,
เวริเนสุ มนุสฺเสสุ, วิหราม อเวริโน.
‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, อาตุเรสุ อนาตุรา;
อาตุเรสุ มนุสฺเสสุ, วิหราม อนาตุรา.
‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, อุสฺสุเกสุ อนุสฺสุกา;
อุสฺสุเกสุ มนุสฺเสสุ, วิหราม อนุสฺสุกา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สุสุขนฺติ สุฏฺุ สุขํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย คิหิโน สนฺธิจฺเฉทาทิวเสน, ปพฺพชิตา วา ปน เวชฺชกมฺมาทิวเสน ชีวิตวุตฺตึ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สุเขน ชีวามา’’ติ วทนฺติ, เตหิ มยเมว สุสุขํ วต ชีวาม, เย มยํ ปฺจหิ เวรีหิ เวริเนสุ มนุสฺเสสุ อเวริโน, กิเลสาตุเรสุ มนุสฺเสสุ นิกฺกิเลสตาย อนาตุรา, ปฺจกามคุณปริเยสเน อุสฺสุเกสุ ตาย ปริเยสนาย อภาเวน อนุสฺสุกาติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
าติกลหวูปสมนวตฺถุ ปมํ.
๒. มารวตฺถุ
สุสุขํ ¶ ¶ วต ชีวามาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา ปฺจสาลาย พฺราหฺมณคาเม วิหรนฺโต มารํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ สตฺถา ปฺจสตานํ กุมาริกานํ โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตํ คามํ อุปนิสฺสาย วิหาสิ. ตาปิ กุมาริกาโย เอกสฺมึ นกฺขตฺตทิวเส นทึ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺตา คามาภิมุขิโย ปายึสุ. สตฺถาปิ ตํ คามํ ปวิสิตฺวา ปิณฺฑาย จรติ. อถ มาโร สกลคามวาสีนํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา ¶ ยถา สตฺถา กฏจฺฉุภตฺตมตฺตมฺปิ น ลภติ, เอวํ กตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขมนฺตํ สตฺถารํ คามทฺวาเร ตฺวา อาห – ‘‘อปิ, สมณ, ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺถา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, ปาปิม, ตถา อกาสิ, ยถาหํ ปิณฺฑํ น ลเภยฺย’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ปุน ปวิสถา’’ติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สเจ ปุน ปวิสติ, สพฺเพสํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา อิมสฺส ปุรโต ปาณึ ปหริตฺวา หสฺสเกฬึ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺมึ ขเณ ตา กุมาริกาโย คามทฺวารํ ปตฺวา สตฺถารํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. มาโรปิ สตฺถารํ อาห – ‘‘อปิ, ภนฺเต, ปิณฺฑํ อลภมานา ชิฆจฺฉาทุกฺเขน ปีฬิตตฺถา’’ติ. สตฺถา ‘‘อชฺช มยํ, ปาปิม, กิฺจิ อลภิตฺวาปิ อาภสฺสรโลเก มหาพฺรหฺมาโน วิย ปีติสุเขเนว วีตินาเมสฺสามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สุสุขํ วต ชีวาม, เยสํ โน นตฺถิ กิฺจนํ;
ปีติภกฺขา ภวิสฺสาม, เทวา อาภสฺสรา ยถา’’ติ.
ตตฺถ เยสํ โนติ เยสํ อมฺหากํ ปลิพุชฺฌนตฺเถน ราคาทีสุ กิฺจเนสุ เอกมฺปิ กิฺจนํ นตฺถิ. ปีติภกฺขาติ ยถา อาภสฺสรา เทวา ปีติภกฺขา หุตฺวา ปีติสุเขเนว วีตินาเมนฺติ, เอวํ มยมฺปิ, ปาปิม, กิฺจิ อลภิตฺวา ปีติภกฺขา ภวิสฺสามาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ ปฺจสตาปิ กุมาริกาโย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.
มารวตฺถุ ทุติยํ.
๓. โกสลรฺโ ปราชยวตฺถุ
ชยํ ¶ ¶ เวรนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ ปราชยํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร กาสิกคามํ นิสฺสาย ภาคิเนยฺเยน อชาตสตฺตุนา สทฺธึ ยุชฺฌนฺโต เตน ตโย วาเร ปราชิโต ตติยวาเร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ขีรมุขมฺปิ ทารกํ ปราเชตุํ นาสกฺขึ, กึ เม ชีวิเตนา’’ติ. โส อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. อถสฺส สา ปวตฺติ สกลนครํ ปตฺถริ. ภิกฺขู ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ภนฺเต, ราชา กิร กาสิกคามกํ นิสฺสาย ตโย วาเร ปราชิโต, โส อิทานิ ปราชิตฺวา อาคโต ‘ขีรมุขมฺปิ ทารกํ ปราเชตุํ นาสกฺขึ, กึ เม ชีวิเตนา’ติ อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปนฺโน’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, ชินนฺโตปิ เวรํ ปสวติ, ปราชิโต ปน ทุกฺขํ เสติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ชยํ เวรํ ปสวติ, ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต;
อุปสนฺโต สุขํ เสติ, หิตฺวา ชยปราชย’’นฺติ.
ตตฺถ ชยนฺติ ปรํ ชินนฺโต เวรํ ปฏิลภติ. ปราชิโตติ ปเรน ปราชิโต ‘‘กทา นุ โข ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺึ ทฏฺุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ ทุกฺขํ เสติ สพฺพิริยาปเถสุ ¶ ทุกฺขเมว วิหรตีติ อตฺโถ. อุปสนฺโตติ อพฺภนฺตเร อุปสนฺตราคาทิกิเลโส ขีณาสโว ชยฺจ ปราชยฺจ หิตฺวา สุขํ เสติ, สพฺพิริยาปเถสุ สุขเมว วิหรตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
โกสลรฺโ ปราชยวตฺถุ ตติยํ.
๔. อฺตรกุลทาริกาวตฺถุ
นตฺถิ ราคสโมติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุลทาริกํ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺสา ¶ ¶ กิร มาตาปิตโร อาวาหํ กตฺวา มงฺคลทิวเส สตฺถารํ นิมนฺตยึสุ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตตฺถ คนฺตฺวา นิสีทิ. สาปิ โข วธุกา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุทกปริสฺสาวนาทีนิ กโรนฺตี อปราปรํ สฺจรติ. สามิโกปิสฺสา ตํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตสฺส ราควเสน โอโลเกนฺตสฺส อนฺโต กิเลโส สมุทาจริ. โส อฺาณาภิภูโต เนว พุทฺธํ อุปฏฺหิ, น อสีติ มหาเถเร. หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘ตํ วธุกํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ปน จิตฺตํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺสชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ยถา ตํ อิตฺถึ น ปสฺสติ, เอวมกาสิ. โส อทิสฺวา สตฺถารํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส โอโลเกตฺวา ิตกาเล ‘‘กุมารก, น หิ ราคคฺคินา สทิโส อคฺคิ นาม ¶ , โทสกลินา สทิโส กลิ นาม, ขนฺธปริหรณทุกฺเขน สทิสํ ทุกฺขํ นาม อตฺถิ, นิพฺพานสุขสทิสํ สุขมฺปิ นตฺถิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ, นตฺถิ โทสสโม กลิ;
นตฺถิ ขนฺธสมา ทุกฺขา, นตฺถิ สนฺติปรํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ นตฺถิ ราคสโมติ ธูมํ วา ชาลํ วา องฺคารํ วา อทสฺเสตฺวา อนฺโตเยว ฌาเปตฺวา ภสฺมมุฏฺึ กาตุํ สมตฺโถ ราเคน สโม อฺโ อคฺคิ นาม นตฺถิ. กลีติ โทเสน สโม อปราโธปิ นตฺถิ. ขนฺธสมาติ ขนฺเธหิ สมา. ยถา ปริหริยมานา ขนฺธา ทุกฺขา, เอวํ อฺํ ทุกฺขํ นาม นตฺถิ. สนฺติปรนฺติ นิพฺพานโต อุตฺตรึ อฺํ สุขมฺปิ นตฺถิ. อฺฺหิ สุขํ สุขเมว, นิพฺพานํ ปรมสุขนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน กุมาริกา จ กุมารโก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตสฺมึ สมเย ภควา เตสํ อฺมฺํ ทสฺสนาการํ อกาสีติ.
อฺตรกุลทาริกาวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. เอกอุปาสกวตฺถุ
ชิฆจฺฉาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อาฬวิยํ วิหรนฺโต เอกํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ ¶ ทิวเส สตฺถา เชตวเน คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ¶ ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ¶ อาฬวิยํ เอกํ ทุคฺคตมนุสฺสํ ทิสฺวา ตสฺสูปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ตฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร อาฬวึ อคมาสิ. อาฬวิวาสิโน สตฺถารํ นิมนฺตยึสุ. โสปิ ทุคฺคตมนุสฺโส ‘‘สตฺถา กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา ‘‘สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ มนํ อกาสิ. ตํทิวสเมว จสฺส เอโก โคโณ ปลายิ. โส ‘‘กึ นุ โข โคณํ ปริเยสิสฺสามิ, อุทาหุ ธมฺมํ สุณามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โคณํ ปริเยสิตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ ปาโตว เคหา นิกฺขมิ. อาฬวิวาสิโนปิ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ปริวิสิตฺวา อนุโมทนตฺถาย ปตฺตํ คณฺหึสุ. สตฺถา ‘‘ยํ นิสฺสาย อหํ ตึสโยชนมคฺคํ อาคโต, โส โคณํ ปริเยสิตุํ อรฺํ ปวิฏฺโ, ตสฺมึ อาคเตเยว ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ ตุณฺหี อโหสิ.
โสปิ มนุสฺโส ทิวา โคณํ ทิสฺวา โคคเณ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘สเจปิ อฺํ นตฺถิ, สตฺถุ วนฺทนมตฺตมฺปิ กริสฺสามี’’ติ ชิฆจฺฉาปีฬิโตปิ เคหํ คมนาย มนํ อกตฺวา เวเคน สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส ิตกาเล ทานเวยฺยาวฏิกํ อาห – ‘‘อตฺถิ กิฺจิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อติริตฺตภตฺต’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, สพฺพํ อตฺถี’’ติ. เตน หิ ‘‘อิมํ ปริวิสาหี’’ติ. โส สตฺถารา วุตฺตฏฺาเนเยว ตํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุขาทนียโภชนีเยหิ สกฺกจฺจํ ปริวิสิ. โส ภุตฺตภตฺโต มุขํ วิกฺขาเลสิ. เปตฺวา กิร อิมํ านํ ตีสุ ปิฏเกสุ อฺตฺถ คตาคตสฺส ¶ ภตฺตวิจารณํ นาม นตฺถิ. ตสฺส ปสฺสทฺธทรถสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. อถสฺส สตฺถา อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ. โส เทสนาวสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถาปิ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. มหาชโน สตฺถารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติ.
ภิกฺขู สตฺถารา สทฺธึ คจฺฉนฺตาเยว อุชฺฌายึสุ – ‘‘ปสฺสถาวุโส, สตฺถุ กมฺมํ, อฺเสุ ทิวเสสุ เอวรูปํ นตฺถิ, อชฺช ปเนกํ มนุสฺสํ ทิสฺวาว ยาคุอาทีนิ วิจาเรตฺวา ทาเปสี’’ติ. สตฺถา นิวตฺติตฺวา ิตโกว ‘‘กึ กเถถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘อาม, ภิกฺขเว, อหํ ตึสโยชนํ กนฺตารํ อาคจฺฉนฺโต ตสฺส อุปาสกสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อาคโต, โส อติวิย ชิฆจฺฉิโต, ปาโตว ปฏฺาย โคณํ ปริเยสนฺโต ¶ อรฺเ วิจริ. ‘ชิฆจฺฉทุกฺเขน ธมฺเม เทสิยมาเนปิ ปฏิวิชฺฌิตุํ น สกฺขิสฺสตี’ติ จินฺเตตฺวา เอวํ อกาสึ, ชิฆจฺฉาโรคสทิโส โรโค นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ชิฆจฺฉาปรมา โรคา, สงฺขารปรมา ทุขา;
เอตํ ตฺวา ยถาภูตํ, นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ชิฆจฺฉาปรมา โรคาติ ยสฺมา อฺโ โรโค สกึ ติกิจฺฉิโต วินสฺสติ วา ตทงฺควเสน วา ปหียติ ¶ , ชิฆจฺฉา ปน นิจฺจกาลํ ติกิจฺฉิตพฺพาเยวาติ เสสโรคานํ อยํ ปรมา นาม. สงฺขาราติ ปฺจ ขนฺธา. เอตํ ตฺวาติ ชิฆจฺฉาสโม โรโค นตฺถิ, ขนฺธปริหรณสมํ ทุกฺขํ นาม นตฺถีติ เอตมตฺถํ ยถาภูตํ ตฺวา ปณฺฑิโต นิพฺพานํ สจฺฉิ กโรติ. นิพฺพานํ ปรมํ สุขนฺติ ตฺหิ สพฺพสุขานํ ปรมํ อุตฺตมํ สุขนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
เอกอุปาสกวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปเสนทิโกสลวตฺถุ
อาโรคฺยปรมา ลาภาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราชานํ ปเสนทิโกสลํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย ราชา ตณฺฑุลโทณสฺส โอทนํ ตทุปิเยน สูปพฺยฺชเนน ภฺุชติ. เอกทิวสํ ภุตฺตปาตราโส ภตฺตสมฺมทํ อวิโนเทตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กิลนฺตรูโป อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺตติ, นิทฺทาย อภิภูยมาโนปิ อุชุกํ นิปชฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ, มหาราช, อวิสฺสมิตฺวาว อาคโตสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ภุตฺตกาลโต ปฏฺาย เม มหาทุกฺขํ โหตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา, ‘‘มหาราช ¶ , อติพหุโภชนํ เอวํ ทุกฺขํ โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘มิทฺธี ¶ ยทา โหติ มหคฺฆโส จ,
นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;
มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ,
ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ. (ธ. ป. ๓๒๕); –
อิมาย คาถาย โอวทิตฺวา, ‘‘มหาราช, โภชนํ นาม มตฺตาย ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. มตฺตโภชิโน หิ สุขํ โหตี’’ติ อุตฺตริ โอวทนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มนุชสฺส ¶ สทา สตีมโต,
มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;
ตนุกสฺส ภวนฺติ เวทนา,
สณิกํ ชีรติ อายุปาลย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๔);
ราชา คาถํ อุคฺคณฺหิตุํ นาสกฺขิ, สมีเป ิตํ ปน ภาคิเนยฺยํ, สุทสฺสนํ นาม มาณวํ ‘‘อิมํ คาถํ อุคฺคณฺห, ตาตา’’ติ อาห. โส ตํ คาถํ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘รฺโ ภฺุชนฺตสฺส โอสานปิณฺฑกาเล อิมํ คาถํ วเทยฺยาสิ, ราชา อตฺถํ สลฺลกฺเขตฺวา ยํ ปิณฺฑํ ฉฑฺเฑสฺสติ, ตสฺมึ ปิณฺเฑ สิตฺถคณนาย รฺโ ภตฺตปจนกาเล ตตฺตเก ตณฺฑุเล หเรยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สายมฺปิ ปาโตปิ รฺโ ภฺุชนฺตสฺส โอสานปิณฺฑกาเล ตํ คาถํ อุทาหริตฺวา เตน ฉฑฺฑิตปิณฺเฑ สิตฺถคณนาย ตณฺฑุเล หาเปสิ. ราชาปิ ตสฺส คาถํ สุตฺวา สหสฺสํ สหสฺสํ ทาเปสิ ¶ . โส อปเรน สมเยน นาฬิโกทนปรมตาย สณฺหิตฺวา สุขปฺปตฺโต ตนุสรีโร อโหสิ.
อเถกทิวสํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อิทานิ เม สุขํ ชาตํ, มิคมฺปิ อสฺสมฺปิ อนุพนฺธิตฺวา คณฺหนสมตฺโถ ชาโตมฺหิ. ปุพฺเพ เม ภาคิเนยฺเยน สทฺธึ ยุทฺธเมว โหติ, อิทานิ วชีรกุมารึ นาม ธีตรํ ภาคิเนยฺยสฺส ทตฺวา โส คาโม ตสฺสาเยว นฺหานจุณฺณมูลํ กตฺวา ทินฺโน, เตน สทฺธึ วิคฺคโห วูปสนฺโต, อิมินาปิ เม การเณน สุขเมว ชาตํ. กุลสนฺตกํ ราชมณิรตนํ โน เคเห ปุริมทิวเส ¶ นฏฺํ, ตมฺปิ อิทานิ หตฺถปตฺตํ อาคตํ, อิมินาปิ เม การเณน สุขเมว ชาตํ. ตุมฺหากํ สาวเกหิ สทฺธึ วิสฺสาสํ อิจฺฉนฺเตน าติธีตาปิ โน เคเห กตา, อิมินาปิ เม การเณน สุขเมว ชาต’’นฺติ. สตฺถา ‘‘อาโรคฺยํ นาม, มหาราช, ปรโม ลาโภ, ยถาลทฺเธน สนฺตุฏฺภาวสทิสมฺปิ ธนํ, วิสฺสาสสทิโส จ ปรมา าติ, นิพฺพานสทิสฺจ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อาโรคฺยปรมา ลาภา, สนฺตุฏฺิปรมํ ธนํ;
วิสฺสาสปรมา าติ, นิพฺพานปรมํ สุข’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อาโรคฺยปรมา ลาภาติ อโรคภาวปรมา ลาภา. โรคิโน หิ วิชฺชมานาปิ ลาภา อลาภาเยว, ตสฺมา อโรคสฺส สพฺพลาภา อาคตาว โหนฺติ. เตเนตํ วุตฺตํ – ‘‘อาโรคฺยปรมา ลาภา’’ติ. สนฺตุฏฺิปรมํ ธนนฺติ คิหิโน วา ปพฺพชิตสฺส วา ยํ อตฺตนา ลทฺธํ ¶ อตฺตโน สนฺตกํ, เตเนว ตุสฺสนภาโว สนฺตุฏฺี นาม เสสธเนหิ ปรมํ ธนํ. วิสฺสาสปรมา าตีติ มาตา วา โหตุ ปิตา วา, เยน สทฺธึ วิสฺสาโส นตฺถิ, โส อฺาตโกว. เยน อฺาตเกน ปน สทฺธึ วิสฺสาโส อตฺถิ, โส อสมฺพนฺโธปิ ปรโม อุตฺตโม าติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วิสฺสาสปรมา าตี’’ติ. นิพฺพานสทิสํ ปน สุขํ นาม นตฺถิ, เตเนวาห – นิพฺพานปรมํ สุขนฺติ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ปเสนทิโกสลวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ติสฺสตฺเถรวตฺถุ
ปวิเวกรสนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลิยํ วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถารา หิ, ‘‘ภิกฺขเว, อหํ อิโต จตูหิ มาเสหิ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุตฺเต สตฺถุ สนฺติเก สตฺต ภิกฺขุสตานิ สนฺตาสํ อาปชฺชึสุ, ขีณาสวานํ ¶ ธมฺมสํเวโค อุปฺปชฺชิ, ปุถุชฺชนา อสฺสูนิ สนฺธาเรตุํ นาสกฺขึสุ. ภิกฺขู ¶ วคฺคา วคฺคา หุตฺวา ‘‘กึ นุ โข กริสฺสามา’’ติ มนฺเตนฺตา วิจรนฺติ. อเถโก ติสฺสตฺเถโร นาม ภิกฺขู ‘‘สตฺถา กิร จตุมาสจฺจเยน ปรินิพฺพายิสฺสติ, อหฺจมฺหิ อวีตราโค, สตฺถริ ธรมาเนเยว มยา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโกว วิหาสิ. ภิกฺขูนํ สนฺติเก คมนํ วา เกนจิ สทฺธึ กถาสลฺลาโป วา นตฺถิ. อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ติสฺส ตสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ. โส เตสํ กถํ น สุณาติ. เต ตสฺส ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหสุ ติสฺสตฺเถรสฺส สิเนโห นตฺถี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กสฺมา ติสฺส เอวํ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน อตฺตโน อธิปฺปาเย อาโรจิเต ‘‘สาธุ, ติสฺสา’’ติ สาธุการํ ทตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มยิ สิเนโห ติสฺสสทิโสว โหตุ. คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กโรนฺตาปิ เนว มํ ปูเชนฺติ, ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชมานาเยว ปน มํ ปูเชนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปวิเวกรสํ ปิตฺวา, รสํ อุปสมสฺส จ;
นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป, ธมฺมปีติรสํ ปิว’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ปวิเวกรสนฺติ ปวิเวกโต อุปฺปนฺนํ รสํ, เอกีภาวสุขนฺติ อตฺโถ. ปิตฺวาติ ทุกฺขปริฺาทีนิ กโรนฺโต อารมฺมณโต สจฺฉิกิริยาวเสน ปิวิตฺวา. อุปสมสฺส ¶ จาติ กิเลสูปสมนิพฺพานสฺส จ รสํ ปิตฺวา. นิทฺทโร โหตีติ เตน อุภยรสปาเนน ขีณาสโว ภิกฺขุ อพฺภนฺตเร ราคทรถาทีนํ อภาเวน นิทฺทโร เจว นิปฺปาโป จ โหติ. รสํ ปิวนฺติ นววิธโลกุตฺตรธมฺมวเสน อุปฺปนฺนํ ปีติรสํ ปิวนฺโตปิ นิทฺทโร นิปฺปาโป จ โหติ.
เทสนาวสาเน ติสฺสตฺเถโร อรหตฺตํ ปาปุณิ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
ติสฺสตฺเถรวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. สกฺกวตฺถุ
สาหุ ¶ ทสฺสนนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวคามเก วิหรนฺโต สกฺกํ อารพฺภ กเถสิ.
ตถาคตสฺส หิ อายุสงฺขาเร วิสฺสฏฺเ โลหิตปกฺขนฺทิกาพาธสฺส อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา สกฺโก เทวราชา ‘‘มยา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา คิลานุปฏฺานํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ติคาวุตปฺปมาณํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา หตฺเถหิ ปาเท ปริมชฺชิ. อถ นํ สตฺถา อาห ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, สกฺโก’’ติ. ‘‘กสฺมา อาคโตสี’’ติ? ‘‘ตุมฺเห คิลาเน อุปฏฺหิตุํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สกฺก, เทวานํ มนุสฺสคนฺโธ โยชนสตโต ปฏฺาย คเล พทฺธกุณปํ วิย โหติ ¶ , คจฺฉ ตฺวํ, อตฺถิ เม คิลานุปฏฺกา ภิกฺขู’’ติ. ‘‘ภนฺเต, จตุราสีติโยชนสหสฺสมตฺถเก ิโต ตุมฺหากํ สีลคนฺธํ ฆายิตฺวา อาคโต, อหเมว อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ โส สตฺถุ สรีรวฬฺชนภาชนํ อฺสฺส หตฺเถนาปิ ผุสิตุํ อทตฺวา สีเสเยว เปตฺวา นีหรนฺโต มุขสงฺโกจนมตฺตมฺปิ น อกาสิ, คนฺธภาชนํ ปริหรนฺโต วิย อโหสิ. เอวํ สตฺถารํ ปฏิชคฺคิตฺวา สตฺถุ ผาสุกกาเลเยว อคมาสิ.
ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห สตฺถริ สกฺกสฺส สิเนโห, เอวรูปํ นาม ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปหาย มุขสงฺโกจนมตฺตมฺปิ อกตฺวา คนฺธภาชนํ นีหรนฺโต วิย สตฺถุ สรีรวฬฺชนภาชนํ สีเสน นีหรนฺโต อุปฏฺานมกาสี’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา กึ วเทถ, ภิกฺขเว, อนจฺฉริยํ เอตํ, ยํ สกฺโก เทวราชา มยิ สิเนหํ กโรติ. อยํ สกฺโก หิ เทวราชา มํ นิสฺสาย ชรสกฺกภาวํ วิชหิตฺวา โสตาปนฺโน หุตฺวา ตรุณสกฺกสฺส ภาวํ ปตฺโต, อหํ หิสฺส ¶ มรณภยตชฺชิตสฺส ปฺจสิขคนฺธพฺพเทวปุตฺตํ ปุรโต กตฺวา อาคตกาเล อินฺทสาลคุหายํ เทวปริสาย มชฺเฌ นิสินฺนสฺส –
‘‘ปุจฺฉ วาสว มํ ปฺหํ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ;
ตสฺส ตสฺเสว ปฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๕๖) –
วตฺวา ¶ ตสฺส กงฺขํ วิโนเทนฺโต ธมฺมํ เทเสสึ. เทสนาวสาเน จุทฺทสนฺนํ ปาณโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, สกฺโกปิ ยถานิสินฺโนว โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ตรุณสกฺโก ชาโต. เอวมสฺสาหํ พหูปกาโร. ตสฺส มยิ สิเนโห นาม อนจฺฉริโย. ภิกฺขเว, อริยานฺหิ ทสฺสนมฺปิ ¶ สุขํ, เตหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน สนฺนิวาโสปิ สุโข. พาเลหิ สทฺธึ ปน สพฺพเมตํ ทุกฺขนฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘สาหุ ทสฺสนมริยานํ, สนฺนิวาโส สทา สุโข;
อทสฺสเนน พาลานํ, นิจฺจเมว สุขี สิยา.
‘‘พาลสงฺคตจารี หิ, ทีฆมทฺธาน โสจติ;
ทุกฺโข พาเลหิ สํวาโส, อมิตฺเตเนว สพฺพทา;
ธีโร จ สุขสํวาโส, าตีนํว สมาคโม’’.
ตสฺมา หิ –
‘‘ธีรฺจ ปฺฺจ พหุสฺสุตฺจ,โธรยฺหสีลํ วตวนฺตมริยํ;
ตํ ตาทิสํ สปฺปุริสํ สุเมธํ,ภเชถ นกฺขตฺตปถํ ว จนฺทิมา’’ติ.
ตตฺถ สาหูติ สุนฺทรํ ภทฺทกํ. สนฺนิวาโสติ น เกวลฺจ เตสํ ทสฺสนเมว, เตหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน นิสีทนาทิภาโวปิ เตสํ วตฺตปฏิวตฺตํ กาตุํ ลภนภาโวปิ สาธุเยว. พาลสงฺคตจารี หีติ โย พาเลน สหจารี. ทีฆมทฺธานนฺติ โส พาลสหาเยน ‘‘เอหิ สนฺธิจฺเฉทาทีนิ กโรมา’’ติ วุจฺจมาโน เตน สทฺธึ เอกจฺฉนฺโท หุตฺวา ตานิ กโรนฺโต หตฺถจฺเฉทาทีนิ ปตฺวา ทีฆมทฺธานํ โสจติ. สพฺพทาติ ยถา อสิหตฺเถน วา อมิตฺเตน อาสีวิสาทีหิ วา สทฺธึ เอกโต ¶ วาโส นาม นิจฺจํ ทุกฺโข, ตเถว พาเลหิ สทฺธินฺติ อตฺโถ. ธีโร จ สุขสํวาโสติ เอตฺถ ¶ สุโข สํวาโส เอเตนาติ สุขสํวาโส, ปณฺฑิเตน สทฺธึ เอกฏฺาเน สํวาโส สุโขติ อตฺโถ. กถํ? าตีนํว สมาคโมติ ยถาปิ าตีนํ สมาคโม สุโข, เอวํ สุโข.
ตสฺมา หีติ ยสฺมา พาเลหิ สทฺธึ สํวาโส ทุกฺโข, ปณฺฑิเตน สทฺธึ สุโข, ตสฺมา หิ ธิติสมฺปนฺนํ ธีรฺจ, โลกิยโลกุตฺตรปฺาสมฺปนฺนํ ปฺฺจ ¶ , อาคมาธิคมสมฺปนฺนํ พหุสฺสุตฺจ, อรหตฺตปาปนกสงฺขาตาย ธุรวหนสีลตาย โธรยฺหสีลํ, สีลวเตน เจว ธุตงฺควเตน จ วตวนฺตํ, กิเลเสหิ อารกตาย อริยํ, ตถารูปํ สปฺปุริสํ โสภนปฺหํ ยถา นิมฺมลํ นกฺขตฺตปถสงฺขาตํ อากาสํ จนฺทิมา ภชติ, เอวํ ภเชถ ปยิรุปาเสถาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
สกฺกวตฺถุ อฏฺมํ.
สุขวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ปนฺนรสโม วคฺโค.
๑๖. ปิยวคฺโค
๑. ตโยชนปพฺพชิตวตฺถุ
อโยเคติ ¶ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตโย ปพฺพชิเต อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิร เอกสฺมึ กุเล มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก อโหสิ ปิโย มนาโป. โส เอกทิวสํ เคเห นิมนฺติตานํ ภิกฺขูนํ อนุโมทนํ กโรนฺตานํ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา มาตาปิตโร ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เต นานุชานึสุ. ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ มาตาปิตูนํ อปสฺสนฺตานํเยว พหิ คนฺตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อถสฺส ปิตา พหิ นิกฺขมนฺโต ‘‘อิมํ รกฺเขยฺยาสี’’ติ มาตรํ ปฏิจฺฉาเปสิ, มาตา พหิ นิกฺขมนฺตี ปิตรํ ปฏิจฺฉาเปสิ. อถสฺส เอกทิวสํ ปิตริ พหิ คเต มาตา ‘‘ปุตฺตํ รกฺขิสฺสามี’’ติ เอกํ ทฺวารพาหํ นิสฺสาย เอกํ ปาเทหิ อุปฺปีเฬตฺวา ฉมาย นิสินฺนา สุตฺตํ กนฺตติ. โส ‘‘อิมํ วฺเจตฺวา คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘อมฺม, โถกํ ตาว อเปหิ, สรีรวลฺชํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาย ปาเท สมิฺชิเต นิกฺขมิตฺวา เวเคน วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ มํ, ภนฺเต’’ติ ¶ ยาจิตฺวา เตสํ สนฺติเก ปพฺพชิ.
อถสฺส ปิตา อาคนฺตฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กหํ เม ปุตฺโต’’ติ? ‘‘สามิ, อิมสฺมึ ปเทเส อโหสี’’ติ. โส ‘‘กหํ นุ โข เม ปุตฺโต’’ติ โอโลเกนฺโต ตํ อทิสฺวา ‘‘วิหารํ คโต ภวิสฺสตี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา ปุตฺตํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา, ‘‘ตาต, กึ มํ นาเสสี’’ติ วตฺวา ‘‘มม ปุตฺเต ปพฺพชิเต อหํ อิทานิ เคเห กึ กริสฺสามี’’ติ สยมฺปิ ภิกฺขู ยาจิตฺวา ปพฺพชิ. อถสฺส มาตาปิ ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺโต จ ปติ จ จิรายนฺติ, กจฺจิ วิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตา’’ติ เต โอโลเกนฺตี วิหารํ คนฺตฺวา อุโภปิ ปพฺพชิเต ทิสฺวา ‘‘อิเมสํ ปพฺพชิตกาเล มม เคเหน โก อตฺโถ’’ติ สยมฺปิ ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ. เต ปพฺพชิตฺวาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, วิหาเรปิ ภิกฺขุนิอุปสฺสเยปิ เอกโตว นิสีทิตฺวา สลฺลปนฺตา ทิวสํ วีตินาเมนฺติ. เตน ภิกฺขูปิ ภิกฺขูนิโยปิ อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ.
อเถกทิวสํ ¶ ¶ ภิกฺขู เนสํ กิริยํ สตฺถุํ อาโรเจสุํ. สตฺถา เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห เอวํ กโรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวํ กโรถ? น หิ เอส ปพฺพชิตานํ โยโค’’ติ. ‘‘ภนฺเต, วินา ภวิตุํ น สกฺโกมา’’ติ. ‘‘ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย เอวํ กรณํ อยุตฺตํ. ปิยานฺหิ อทสฺสนํ, อปฺปิยานฺจ ทสฺสนํ ทุกฺขเมว. ตสฺมา สตฺเตสุ จ สงฺขาเรสุ จ กฺจิ ปิยํ วา อปฺปิยํ วา กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘อโยเค ยฺุชมตฺตานํ, โยคสฺมิฺจ อโยชยํ;
อตฺถํ หิตฺวา ปิยคฺคาหี, ปิเหตตฺตานุโยคินํ.
‘‘มา ¶ ปิเยหิ สมาคฺฉิ, อปฺปิเยหิ กุทาจนํ;
ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ, อปฺปิยานฺจ ทสฺสนํ.
‘‘ตสฺมา ปิยํ น กยิราถ, ปิยาปาโย หิ ปาปโก;
คนฺถา เตสํ น วิชฺชนฺติ, เยสํ นตฺถิ ปิยาปฺปิย’’นฺติ.
ตตฺถ อโยเคติ อยฺุชิตพฺเพ อโยนิโสมนสิกาเร. เวสิยาโคจราทิเภทสฺส หิ ฉพฺพิธสฺส อโคจรสฺส เสวนํ อิธ อโยนิโสมนสิกาโร นาม, ตสฺมึ อโยนิโสมนสิกาเร อตฺตานํ ยฺุชนฺโตติ อตฺโถ. โยคสฺมินฺติ ตพฺพิปรีเต จ โยนิโสมนสิกาเร อยฺุชนฺโตติ อตฺโถ. อตฺถํ หิตฺวาติ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย อธิสีลาทิสิกฺขตฺตยํ อตฺโถ นาม, ตํ อตฺถํ หิตฺวา. ปิยคฺคาหีติ ปฺจกามคุณสงฺขาตํ ปิยเมว คณฺหนฺโต. ปิเหตตฺตานุโยคินนฺติ ตาย ปฏิปตฺติยา สาสนโต จุโต คิหิภาวํ ปตฺวา ปจฺฉา เย อตฺตานุโยคํ อนุยุตฺตา สีลาทีนิ สมฺปาเทตฺวา เทวมนุสฺสานํ สนฺติกา สกฺการํ ลภนฺติ, เตสํ ปิเหติ, ‘‘อโห วตาหมฺปิ เอวรูโป อสฺส’’นฺติ อิจฺฉตีติ อตฺโถ.
มา ปิเยหีติ ปิเยหิ สตฺเตหิ วา สงฺขาเรหิ วา กุทาจนํ เอกกฺขเณปิ น สมาคจฺเฉยฺย, ตถา อปฺปิเยหิ. กึ การณา? ปิยา นฺหิ วิโยควเสน อทสฺสนํ อปฺปิยานฺจ อุปสงฺกมนวเสน ทสฺสนํ นาม ทุกฺขํ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ อุภยมฺปิ ทุกฺขํ, ตสฺมา กฺจิ สตฺตํ วา สงฺขารํ วา ปิยํ นาม น กเรยฺย. ปิยาปาโย หีติ ปิเยหิ ¶ อปาโย วิโยโค ¶ . ปาปโกติ ลามโก. คนฺถา เตสํ น วิชฺชนฺตีติ เยสํ ปิยํ นตฺถิ, เตสํ อภิชฺฌากายคนฺโถ ¶ ปหียติ. เยสํ อปฺปิยํ นตฺถิ, เตสํ พฺยาปาโท กายคนฺโถ. เตสุ ปน ทฺวีสุ ปหีเนสุ เสสคนฺถา ปหีนา โหนฺติ. ตสฺมา ปิยํ วา อปฺปิยํ วา น กตฺตพฺพนฺติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ. เตน ปน ตโย ชนา ‘‘มยํ วินา ภวิตุํ น สกฺโกมา’’ติ วิพฺภมิตฺวา เคหเมว อคมึสูติ.
ตโยชนปพฺพชิตวตฺถุ ปมํ.
๒. อฺตรกุฏุมฺพิกวตฺถุ
ปิยโต ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ อตฺตโน ปุตฺเต กาลกเต ปุตฺตโสกาภิภูโต อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ, ปุตฺตโสกํ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ. สตฺถา ปจฺจูสกาเล โลกํ โวโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เอกํ ปจฺฉาสมณํ คเหตฺวา ตสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส สตฺถุ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘มยา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กาตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ สตฺถารํ ปเวเสตฺวา เคหมชฺเฌ อาสนํ ปฺาเปตฺวา สตฺถริ นิสินฺเน อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ โข, อุปาสก, ทุกฺขิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน ปุตฺตวิโยคทุกฺเข อาโรจิเต, ‘‘อุปาสก, มา จินฺตยิ, อิทํ มรณํ นาม น เอกสฺมึเยว ¶ าเน, น จ เอกสฺเสว โหติ, ยาวตา ปน ภวุปฺปตฺติ นาม อตฺถิ, สพฺพสตฺตานํ โหติเยว. เอกสงฺขาโรปิ นิจฺโจ นาม นตฺถิ. ตสฺมา ‘มรณธมฺมํ มตํ, ภิชฺชนธมฺมํ ภินฺน’นฺติ โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, น โสจิตพฺพํ. โปราณปณฺฑิตาปิ หิ ปุตฺตสฺส มตกาเล ‘มรณธมฺมํ มตํ, ภิชฺชนธมฺมํ ภินฺน’นฺติ โสกํ อกตฺวา มรณสฺสติเมว ภาวยึสู’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, เก เอวมกํสุ, กทา จ อกํสุ, อาจิกฺขถ เม’’ติ ยาจิโต ตสฺสตฺถสฺส ปกาสนตฺถํ อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘อุรโคว ¶ ตจํ ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตนุํ;
เอวํ สรีเร นิพฺโภเค, เปเต กาลกเต สติ.
‘‘ฑยฺหมาโน ¶ น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;
ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. (ชา. ๑.๕.๑๙-๒๐) –
อิมํ ปฺจกนิปาเต อุรคชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘เอวํ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา ปิยปุตฺเต กาลกเต ยถา เอตรหิ ตฺวํ กมฺมนฺเต วิสฺสชฺเชตฺวา นิราหาโร โรทนฺโต วิจรสิ, ตถา อวิจริตฺวา มรณสฺสติภาวนาพเลน โสกํ อกตฺวา อาหารํ ปริภฺุชึสุ, กมฺมนฺตฺจ อธิฏฺหึสุ ¶ . ตสฺมา ‘ปิยปุตฺโต เม กาลกโต’ติ มา จินฺตยิ. อุปฺปชฺชมาโน หิ โสโก วา ภยํ วา ปิยเมว นิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปิยโต ชายตี โสโก, ปิยโต ชายตี ภยํ;
ปิยโต วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ ปิยโตติ วฏฺฏมูลโก หิ โสโก วา ภยํ วา อุปฺปชฺชมานํ ปิยเมว สตฺตํ วา สงฺขารํ วา นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ, ตโต ปน วิปฺปมุตฺตสฺส อุภยมฺเปตํ นตฺถีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อฺตรกุฏุมฺพิกวตฺถุ ทุติยํ.
๓. วิสาขาวตฺถุ
เปมโต ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสาขํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ.
สา กิร ปุตฺตสฺส ธีตรํ สุทตฺตํ นาม กุมาริกํ อตฺตโน าเน เปตฺวา เคเห ภิกฺขุสงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจํ กาเรสิ. สา อปเรน สมเยน กาลมกาสิ. สา ตสฺสา สรีรนิกฺเขปํ กาเรตฺวา โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ทุกฺขินี ทุมฺมนา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ¶ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ โข ตฺวํ, วิสาเข, ทุกฺขินี ทุมฺมนา อสฺสุมุขา ¶ โรทมานา นิสินฺนา’’ติ ¶ อาห. สา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ปิยา เม, ภนฺเต, สา กุมาริกา วตฺตสมฺปนฺนา, อิทานิ ตถารูปํ น ปสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘กิตฺตกา ปน, วิสาเข, สาวตฺถิยํ มนุสฺสา’’ติ? ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิเยว เม กถิตํ สตฺต ชนโกฏิโย’’ติ. ‘‘สเจ ปนายํ เอตฺตโก ชโน ตว นตฺตาย สทิโส ภเวยฺย, อิจฺเฉยฺยาสิ น’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กติ ปน ชนา สาวตฺถิยํ เทวสิกํ กาลํ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘พหู, ภนฺเต’’ติ. ‘‘นนุ เอวํ, ภนฺเต, ตว อโสจนกาโล น ภเวยฺย, รตฺตินฺทิวํ โรทนฺตีเยว วิจเรยฺยาสี’’ติ. ‘‘โหตุ, ภนฺเต, าตํ มยา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เตน หิ มา โสจิ, โสโก วา ภยํ วา เปมโตว ชายตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘เปมโต ชายตี โสโก, เปมโต ชายตี ภยํ;
เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ เปมโตติ ปุตฺตธีตาทีสุ กตํ เปมเมว นิสฺสาย โสโก ชายตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
วิสาขาวตฺถุ ตติยํ.
๔. ลิจฺฉวีวตฺถุ
รติยา ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวสาลึ นิสฺสาย กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต ลิจฺฉวี อารพฺภ กเถสิ.
เต ¶ กิร เอกสฺมึ ฉณทิวเส อฺมฺํ อสทิเสหิ อลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อุยฺยานคมนตฺถาย นครา นิกฺขมึสุ. สตฺถา ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เต ทิสฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ลิจฺฉวโย, เยหิ เทวา ตาวตึสา น ทิฏฺปุพฺพา, เต อิเม โอโลเกนฺตู’’ติ วตฺวา นครํ ปาวิสิ. เตปิ อุยฺยานํ คจฺฉนฺตา เอกํ นครโสภินึ อิตฺถึ อาทาย คนฺตฺวา ตํ นิสฺสาย อิสฺสาภิภูตา อฺมฺํ ปหริตฺวา โลหิตํ ¶ นทึ วิย ปวตฺตยึสุ. อถ เน มฺเจนาทาย อุกฺขิปิตฺวา อาคมํสุ. สตฺถาปิ กตภตฺตกิจฺโจ นครา นิกฺขมิ. ภิกฺขูปิ ลิจฺฉวโย ตถา นียมาเน ทิสฺวา สตฺถารํ อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, ลิจฺฉวิราชาโน ¶ ปาโตว อลงฺกตปฏิยตฺตา เทวา วิย นครา นิกฺขมิตฺวา อิทานิ เอกํ อิตฺถึ นิสฺสาย อิมํ พฺยสนํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, โสโก วา ภยํ วา อุปฺปชฺชมานํ รตึ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘รติยา ชายตี โสโก, รติยา ชายตี ภยํ;
รติยา วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ รติยาติ ปฺจกามคุณรติโต, ตํ นิสฺสายาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ลิจฺฉวีวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. อนิตฺถิคนฺธกุมารวตฺถุ
กามโตติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนิตฺถิคนฺธกุมารํ นาม อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร พฺรหฺมโลกา จุตสตฺโต สาวตฺถิยํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต ชาตทิวสโต ปฏฺาย อิตฺถิสมีปํ อุปคนฺตุํ น อิจฺฉติ, อิตฺถิยา คยฺหมาโน โรทติ. วตฺถจุมฺพฏเกน นํ คเหตฺวา ถฺํ ปาเยนฺติ. โส วยปฺปตฺโต มาตาปิตูหิ, ‘‘ตาต, อาวาหํ เต กริสฺสามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น เม อิตฺถิยา อตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโน ปฺจสเต สุวณฺณกาเร ปกฺโกสาเปตฺวา รตฺตสุวณฺณนิกฺขสหสฺสํ ทาเปตฺวา อติวิย ปาสาทิกํ ฆนโกฏฺฏิมํ อิตฺถิรูปํ กาเรตฺวา ปุน มาตาปิตูหิ, ‘‘ตาต, ตยิ อาวาหํ อกโรนฺเต กุลวํโส น ปติฏฺหิสฺสติ, กุมาริกํ เต อาเนสฺสามา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ สเจ เม เอวรูปํ กุมาริกํ อาเนสฺสถ, กริสฺสามิ โว วจน’’นฺติ ตํ สุวณฺณรูปกํ ทสฺเสติ. อถสฺส มาตาปิตโร อภิฺาเต พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต มหาปฺุโ, อวสฺสํ อิมินา สทฺธึ กตปฺุา ¶ กุมาริกา ภวิสฺสติ, คจฺฉถ อิมํ สุวณฺณรูปกํ คเหตฺวา เอวรูปํ กุมาริกํ อาหรถา’’ติ ปหิณึสุ. เต ‘‘สาธู’’ติ จาริกํ จรนฺตา มทฺทรฏฺเ สาคลนครํ คตา. ตสฺมิฺจ นคเร เอกา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อภิรูปา กุมาริกา อโหสิ, ตํ มาตาปิตโร สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺสูปริมตเล ¶ ¶ ปริวาเสสุํ. เตปิ โข พฺราหฺมณา ‘‘สเจ อิธ เอวรูปา กุมาริกา ภวิสฺสติ, อิมํ ทิสฺวา ‘อยํ อสุกสฺส กุลสฺส ธีตา วิย อภิรูปา’ติ วกฺขนฺตี’’ติ ตํ สุวณฺณรูปกํ ติตฺถมคฺเค เปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
อถสฺส กุมาริกาย ธาตี ตํ กุมาริกํ นฺหาเปตฺวา สยมฺปิ นฺหายิตุกามา หุตฺวา ติตฺถํ อาคตา ตํ รูปกํ ทิสฺวา ‘‘ธีตา เม’’ติ สฺาย ‘‘ทุพฺพินีตาสิ, อิทาเนวาหํ นฺหาเปตฺวา นิกฺขนฺตา, ตฺวํ มยา ปุเรตรํ อิธาคตาสี’’ติ หตฺเถน ปหริตฺวา ถทฺธภาวฺเจว นิพฺพิการตฺจ ตฺวา ‘‘อหํ เม, ธีตาติ สฺมกาสึ, กึ นาเมต’’นฺติ อาห. อถ นํ เต พฺราหฺมณา ‘‘เอวรูปา เต, อมฺม, ธีตา’’ติ ปุจฺฉึสุ. อยํ มม ธีตุ สนฺติเก กึ อคฺฆตีติ? เตน หิ เต ธีตรํ อมฺหากํ ทสฺเสหีติ. สา เตหิ สทฺธึ เคหํ คนฺตฺวา สามิกานํ อาโรเจสิ. เต พฺราหฺมเณหิ สทฺธึ กตปฏิสมฺโมทนา ธีตรํ โอตาเรตฺวา เหฏฺาปาสาเท สุวณฺณรูปกสฺส สนฺติเก เปสุํ. สุวณฺณรูปกํ นิปฺปภํ อโหสิ, กุมาริกา สปฺปภา อโหสิ. พฺราหฺมณา ตํ เตสํ ทตฺวา กุมาริกํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา คนฺตฺวา อนิตฺถิคนฺธกุมารสฺส มาตาปิตูนํ อาโรจยึสุ. เต ตุฏฺมานสา ‘‘คจฺฉถ, นํ สีฆํ อาเนถา’’ติ มหนฺเตน สกฺกาเรน ปหิณึสุ.
กุมาโรปิ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘กฺจนรูปโตปิ กิร อภิรูปตรา ทาริกา อตฺถี’’ติ สวนวเสเนว สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สีฆํ อาเนนฺตู’’ติ ¶ อาห. สาปิ โข ยานํ อาโรเปตฺวา อานียมานา อติสุขุมาลตาย ยานุคฺฆาเตน สมุปฺปาทิตวาตโรคา อนฺตรามคฺเคเยว กาลมกาสิ. กุมาโรปิ ‘‘อาคตา’’ติ นิรนฺตรํ ปุจฺฉติ, ตสฺส อติสิเนเหน ปุจฺฉนฺตสฺส สหสาว อนาโรเจตฺวา กติปาหํ วิกฺเขปํ กตฺวา ตมตฺถํ อาโรจยึสุ. โส ‘‘ตถารูปาย นาม อิตฺถิยา สทฺธึ สมาคมํ นาลตฺถ’’นฺติ อุปฺปนฺนโทมนสฺโส ปพฺพเตน วิย โสกทุกฺเขน อชฺโฌตฺถโฏ ¶ อโหสิ. สตฺถา ตสฺสูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปิณฺฑาย จรนฺโต ตํ เคหทฺวารํ อคมาสิ. อถสฺส มาตาปิตโร สตฺถารํ อนฺโตเคหํ ปเวเสตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสึสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ‘‘กหํ อนิตฺถิคนฺธกุมาโร’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอโส, ภนฺเต, อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา อนฺโตคพฺเภ นิสินฺโน’’ติ. ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ. โส อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข, กุมาร, พลวโสโก อุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภนฺเต, ‘เอวรูปา นาม อิตฺถี อนฺตรามคฺเค กาลกตา’ติ สุตฺวา พลวโสโก อุปฺปนฺโน, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, กุมาร, กึ เต นิสฺสาย โสโก อุปฺปนฺโน’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กามํ นิสฺสาย, กุมาร, พลวโสโก อุปฺปนฺโน, โสโก วา ภยํ วา กามํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘กามโต ¶ ชายตี โสโก, กามโต ชายตี ภยํ;
กามโต วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ กามโตติ วตฺถุกามกิเลสกามโต, ทุวิธมฺเปตํ กามํ นิสฺสายาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน อนิตฺถิคนฺธกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
อนิตฺถิคนฺธกุมารวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ
ตณฺหาย ชายตีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร มิจฺฉาทิฏฺิโก เอกทิวสํ นทีตีรํ คนฺตฺวา เขตฺตํ โสเธติ. สตฺถา ตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส สตฺถารํ ทิสฺวาปิ สามีจิกมฺมํ อกตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. อถ นํ สตฺถา ปุเรตรํ อาลปิตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, กึ กโรสี’’ติ อาห. ‘‘เขตฺตํ, โภ โคตม, โสเธมี’’ติ. สตฺถา เอตฺตกเมว วตฺวา คโต. ปุนทิวเสปิ ตสฺส เขตฺตํ กสิตุํ อาคตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, กึ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เขตฺตํ กสามิ, โภ โคตมา’’ติ สุตฺวา ปกฺกามิ. ปุนทิวสาทีสุปิ ตเถว คนฺตฺวา ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘โภ โคตม, เขตฺตํ วปามิ นิทฺเทมิ รกฺขามี’’ติ ¶ สุตฺวา ปกฺกามิ. อถ นํ เอกทิวสํ พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘โภ โคตม, ตฺวํ มม เขตฺตโสธนทิวสโต ปฏฺาย อาคโต. สเจ เม สสฺสํ สมฺปชฺชิสฺสติ, ตุยฺหมฺปิ สํวิภาคํ กริสฺสามิ, ตุยฺหํ อทตฺวา สยํ น ขาทิสฺสามิ, อิโต ทานิ ปฏฺาย ตฺวํ มม สหาโย’’ติ.
อถสฺส อปเรน สมเยน สสฺสํ สมฺปชฺชิ ¶ , ตสฺส ‘‘สมฺปนฺนํ เม สสฺสํ, สฺเว ทานิ ลายาเปสฺสามี’’ติ ลายนตฺถํ กตฺตพฺพกิจฺจสฺส รตฺตึ มหาเมโฆ วสฺสิตฺวา สพฺพํ สสฺสํ หริ, เขตฺตํ ตจฺเฉตฺวา ปิตสทิสํ อโหสิ. สตฺถา ปน ปมทิวสํเยว ‘‘ตํ สสฺสํ น สมฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. พฺราหฺมโณ ปาโตว ‘‘เขตฺตํ โอโลเกสฺสามี’’ติ คโต ตุจฺฉํ เขตฺตํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนพลวโสโก จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม มม เขตฺตโสธนกาลโต ปฏฺาย อาคโต ¶ , อหมฺปิ นํ ‘อิมสฺมึ สสฺเส นิปฺผนฺเน ตุยฺหมฺปิ สํวิภาคํ กริสฺสามิ, ตุยฺหํ อทตฺวา สยํ น ขาทิสฺสามิ, อิโต ปฏฺาย ทานิ ตฺวํ มม สหาโย’ติ อวจํ. โสปิ เม มโนรโถ มตฺถกํ น ปาปุณี’’ติ อาหารูปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. อถสฺส สตฺถา เคหทฺวารํ อคมาสิ. โส สตฺถุ อาคมนํ สุตฺวา ‘‘สหายํ เม อาเนตฺวา อิธ นิสีทาเปถา’’ติ อาห. ปริชโน ตถา อกาสิ. สตฺถา นิสีทิตฺวา ‘‘กหํ พฺราหฺมโณ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คพฺเภ นิปนฺโน’’ติ วุตฺเต ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ อาห ‘‘กึ, พฺราหฺมณา’’ติ? โภ โคตม, ตุมฺเห มม เขตฺตโสธนทิวสโต ปฏฺาย อาคตา, อหมฺปิ ‘‘สสฺเส นิปฺผนฺเน ตุมฺหากํ สํวิภาคํ กริสฺสามี’’ติ อวจํ. โส เม มโนรโถ อนิปฺผนฺโน, เตน เม โสโก อุปฺปนฺโน, ภตฺตมฺปิ เม นจฺฉาเทตีติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ชานาสิ ปน, พฺราหฺมณ, กึ เต นิสฺสาย โสโก อุปฺปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ชานามิ, โภ โคตม, ตฺวํ ปน ชานาสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, อุปฺปชฺชมาโน โสโก วา ภยํ วา ตณฺหํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ตณฺหาย ¶ ชายตี โสโก, ตณฺหาย ชายตี ภยํ;
ตณฺหาย วิปฺปมุตฺตสฺส, นตฺถิ โสโก กุโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ ตณฺหายาติ ฉทฺวาริกาย ตณฺหาย, เอตํ ตณฺหํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.
อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. ปฺจสตทารกวตฺถุ
สีลทสฺสนสมฺปนฺนนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อนฺตรามคฺเค ปฺจสตทารเก อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ สตฺถา อสีติมหาเถเรหิ สทฺธึ ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เอกสฺมึ ฉณทิวเส ปฺจสเต ทารเก ปูวปจฺฉิโย อุกฺขิปาเปตฺวา นครา นิกฺขมฺม อุยฺยานํ คจฺฉนฺเต อทฺทส. เตปิ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ, เต เอกํ ภิกฺขุมฺปิ ‘‘ปูวํ คณฺหถา’’ติ ¶ น วทึสุ. สตฺถา เตสํ คตกาเล ภิกฺขู อาห – ‘‘ขาทิสฺสถ, ภิกฺขเว, ปูเว’’ติ. ‘‘กหํ ภนฺเต, ปูวา’’ติ? ‘‘กึ น ปสฺสถ เต ทารเก ปูวปจฺฉิโย อุกฺขิปาเปตฺวา อติกฺกนฺเต’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอวรูปา นาม ทารกา กสฺสจิ ปูวํ น เทนฺตี’’ติ. ‘‘ภิกฺขเว, กิฺจาปิ เอเต มํ วา ตุมฺเห วา ปูเวหิ น นิมนฺตยึสุ, ปูวสามิโก ปน ภิกฺขุ ปจฺฉโต อาคจฺฉติ, ปูเว ขาทิตฺวาว คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. พุทฺธานฺหิ ¶ เอกปุคฺคเลปิ อิสฺสา วา โทโส วา นตฺถิ, ตสฺมา อิมํ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย เอกสฺมึ รุกฺขมูเล ฉายาย นิสีทิ. ทารกา มหากสฺสปตฺเถรํ ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนหา ปีติเวเคน ปริปุณฺณสรีรา หุตฺวา ปจฺฉิโย โอตาเรตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปูเว ปจฺฉีหิ สทฺธึเยว อุกฺขิปิตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ เถรํ วทึสุ. อถ เน เถโร อาห – ‘‘เอส สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา รุกฺขมูเล นิสินฺโน, ตุมฺหากํ เทยฺยธมฺมํ อาทาย คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สํวิภาคํ กโรถา’’ติ. เต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ นิวตฺติตฺวา เถเรน สทฺธึเยว คนฺตฺวา ปูเว ทตฺวา โอโลกยมานา เอกมนฺเต ตฺวา ปริโภคาวสาเน อุทกํ อทํสุ. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ ‘‘ทารเกหิ มุโขโลกเนน ภิกฺขา ทินฺนา, สมฺมาสมฺพุทฺธํ วา มหาเถเร วา ปูเวหิ อนาปุจฺฉิตฺวา มหากสฺสปตฺเถรํ ทิสฺวา ปจฺฉีหิ สทฺธึเยว อาทาย อาคมึสู’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, มม ปุตฺเตน มหากสฺสเปน สทิโส ภิกฺขุ เทวมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เต จ ตสฺส จตุปจฺจเยน ปูชํ กโรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ, ธมฺมฏฺํ สจฺจเวทินํ;
อตฺตโน กมฺม กุพฺพานํ, ตํ ชโน กุรุเต ปิย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ¶ สีลทสฺสนสมฺปนฺนนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีเลน เจว มคฺคผลสมฺปยุตฺเตน จ สมฺมาทสฺสเนน สมฺปนฺนํ. ธมฺมฏฺนฺติ นววิธโลกุตฺตรธมฺเม ิตํ, สจฺฉิกตโลกุตฺตรธมฺมนฺติ อตฺโถ. สจฺจเวทินนฺติ จตุนฺนํ สจฺจานํ โสฬสหากาเรหิ สจฺฉิกตตฺตา สจฺจาเณน สจฺจเวทินํ. อตฺตโน กมฺม กุพฺพานนฺติ อตฺตโน กมฺมํ นาม ติสฺโส สิกฺขา, ตา ปูรยมานนฺติ อตฺโถ. ตํ ชโนติ ตํ ปุคฺคลํ โลกิยมหาชโน ปิยํ กโรติ, ทฏฺุกาโม วนฺทิตุกาโม ปจฺจเยน ปูเชตุกาโม โหติเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต ทารกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.
ปฺจสตทารกวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. เอกอนาคามิตฺเถรวตฺถุ
ฉนฺทชาโตติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนาคามิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ ตํ เถรํ สทฺธิวิหาริกา ปุจฺฉึสุ – ‘‘อตฺถิ ปน โว, ภนฺเต, วิเสสาธิคโม’’ติ. เถโร ‘‘อนาคามิผลํ นาม คหฏฺาปิ ปาปุณนฺติ, อรหตฺตํ ปตฺตกาเลเยว เตหิ สทฺธึ กเถสฺสามี’’ติ หรายมาโน กิฺจิ อกเถตฺวาว กาลกโต สุทฺธาวาสเทวโลเก นิพฺพตฺติ. อถสฺส สทฺธิวิหาริกา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา โรทนฺตาว เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ ¶ เน สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, โรทถา’’ติ อาห. ‘‘อุปชฺฌาโย โน, ภนฺเต, กาลกโต’’ติ. ‘‘โหตุ, ภิกฺขเว, มา จินฺตยิตฺถ, ธุวธมฺโม นาเมโส’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, มยมฺปิ ชานาม, อปิจ มยํ อุปชฺฌายํ วิเสสาธิคมํ ปุจฺฉิมฺหา, โส กิฺจิ อกเถตฺวาว กาลกโต, เตนมฺห ทุกฺขิตา’’ติ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, มา จินฺตยิตฺถ, อุปชฺฌาเยน โว อนาคามิผลํ ปตฺตํ, โส ‘คิหีเปตํ ปาปุณนฺติ, อรหตฺตํ ปตฺวาว เนสํ กเถสฺสามี’ติ หรายนฺโต ตุมฺหากํ กิฺจิ อกเถตฺวา กาลํ กตฺวา สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺโต, อสฺสาสถ, ภิกฺขเว, อุปชฺฌาโย โว กาเมสุ อปฺปฏิพทฺธจิตฺตตํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ฉนฺทชาโต ¶ อนกฺขาเต, มนสา จ ผุโฏ สิยา;
กาเมสุ จ อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต, อุทฺธํโสโตติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ฉนฺทชาโตติ กตฺตุกามตาวเสน ชาตฉนฺโท อุสฺสาหปตฺโต. อนกฺขาเตติ นิพฺพาเน. ตฺหิ ‘‘อสุเกน กตํ วา นีลาทีสุ เอวรูปํ วา’’ติ อวตฺตพฺพตาย อนกฺขาตํ นาม. มนสา จ ผุโฏ สิยาติ เหฏฺิเมหิ ตีหิ มคฺคผลจิตฺเตหิ ผุโฏ ปูริโต ภเวยฺย. อปฺปฏิพทฺธจิตฺโตติ อนาคามิมคฺควเสน กาเมสุ อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต. อุทฺธํโสโตติ เอวรูโป ภิกฺขุ อวิเหสุ ¶ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต ปฏฺาย ปฏิสนฺธิวเสน อกนิฏฺํ คจฺฉนฺโต อุทฺธํโสโตติ วุจฺจติ, ตาทิโส โว อุปชฺฌาโยติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
เอกอนาคามิตฺเถรวตฺถุ อฏฺมํ.
๙. นนฺทิยวตฺถุ
จิรปฺปวาสินฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อิสิปตเน วิหรนฺโต นนฺทิยํ อารพฺภ กเถสิ.
พาราณสิยํ กิร สทฺธาสมฺปนฺนสฺส กุลสฺส นนฺทิโย นาม ปุตฺโต อโหสิ, โส มาตาปิตูนํ อนุรูโป สทฺธาสมฺปนฺโน สงฺฆุปฏฺาโก อโหสิ. อถสฺส มาตาปิตโร วยปฺปตฺตกาเล สมฺมุขเคหโต มาตุลธีตรํ เรวตึ นาม อาเนตุกามา อเหสุํ. สา ปน อสฺสทฺธา อทานสีลา, นนฺทิโย ตํ น อิจฺฉิ. อถสฺส มาตา เรวตึ อาห – ‘‘อมฺม, ตฺวํ อิมสฺมึ เคเห ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสชฺชนฏฺานํ อุปลิมฺปิตฺวา อาสนานิ ปฺาเปหิ, อาธารเก เปหิ, ภิกฺขูนํ อาคตกาเล ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทาเปตฺวา ธมฺมกรเณน ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา ภุตฺตกาเล ปตฺเต โธว, เอวํ เม ปุตฺตสฺส อาราธิตา ภวิสฺสสี’’ติ. สา ตถา อกาสิ. อถ นํ ‘‘โอวาทกฺขมา ชาตา’’ติ ปุตฺตสฺส อาโรเจตฺวา เตน สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิเต ทิวสํ เปตฺวา อาวาหํ กรึสุ ¶ .
อถ ¶ นํ นนฺทิโย อาห – ‘‘สเจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ มาตาปิตโร จ เม อุปฏฺหิสฺสสิ, เอวํ อิมสฺมึ เคเห วสิตุํ ลภิสฺสสิ, อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา กติปาหํ สทฺธา วิย หุตฺวา ภตฺตารํ อุปฏฺหนฺตี ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ. นนฺทิยสฺสาปิ มาตาปิตโร กาลมกํสุ, เคเห สพฺพิสฺสริยํ ตสฺสาเยว อโหสิ. นนฺทิโยปิ มาตาปิตูนํ กาลกิริยโต ปฏฺาย มหาทานปติ หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ปฏฺเปสิ. กปณทฺธิกาทีนมฺปิ เคหทฺวาเร ปากวตฺตํ ปฏฺเปสิ. โส อปรภาเค สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อาวาสทาเน อานิสํสํ สลฺลกฺเขตฺวา อิสิปตเน มหาวิหาเร จตูหิ คพฺเภหิ ปฏิมณฺฑิตํ จตุสาลํ กาเรตฺวา มฺจปีาทีนิ อตฺถราเปตฺวา ตํ อาวาสํ นิยฺยาเทนฺโต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ตถาคตสฺส ทกฺขิโณทกํ อทาสิ. สตฺถุ หตฺเถ ทกฺขิโณทกปติฏฺาเนน สทฺธึเยว ตาวตึสเทวโลเก สพฺพทิสาสุ ทฺวาทสโยชนิโก อุทฺธํ โยชนสตุพฺเพโธ สตฺตรตนมโย นารีคณสมฺปนฺโน ทิพฺพปาสาโท อุคฺคจฺฉิ.
อเถกทิวเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร เทวจาริกํ คนฺตฺวา ตสฺส ปาสาทสฺส อวิทูเร ิโต อตฺตโน สนฺติเก อาคเต เทวปุตฺเต ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺเสโส อจฺฉราคณปริวุโต ทิพฺพปาสาโท นิพฺพตฺโต’’ติ. อถสฺส เทวปุตฺตา วิมานสามิกํ อาจิกฺขนฺตา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, เยน นนฺทิเยน นาม คหปติปุตฺเตน อิสิปตเน ¶ สตฺถุ วิหารํ กาเรตฺวา ทินฺโน, ตสฺสตฺถาย เอตํ วิมานํ นิพฺพตฺต’’นฺติ ¶ . อจฺฉราสงฺโฆปิ นํ ทิสฺวา ปาสาทโต โอโรหิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยํ ‘นนฺทิยสฺส ปริจาริกา ภวิสฺสามา’ติ อิธ นิพฺพตฺตา, ตํ ปน อปสฺสนฺตี อติวิย อุกฺกณฺิตมฺหา, มตฺติกปาตึ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณปาติคหณํ วิย มนุสฺสสมฺปตฺตึ ชหิตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺติคหณํ, อิธาคมนตฺถาย นํ วเทยฺยาถา’’ติ. เถโร ตโต อาคนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘นิพฺพตฺตติ นุ โข, ภนฺเต, มนุสฺสโลเก ิตานํเยว กตกลฺยาณานํ ทิพฺพสมฺปตฺตี’’ติ. ‘‘โมคฺคลฺลาน, นนุ เต เทวโลเก นนฺทิยสฺส นิพฺพตฺตา ทิพฺพสมฺปตฺติ สามํ ทิฏฺา, กสฺมา มํ ปุจฺฉสี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต, นิพฺพตฺตตี’’ติ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘โมคฺคลฺลานํ กึ นาเมตํ กเถสิ. ยถา หิ จิรปฺปวุฏฺํ ปุตฺตํ วา ภาตรํ วา วิปฺปวาสโต อาคจฺฉนฺตํ คามทฺวาเร ิโต โกจิเทว ¶ ทิสฺวา เวเคน เคหํ อาคนฺตฺวา ‘อสุโก นาม อาคโต’ติ อาโรเจยฺย, อถสฺส าตกา หฏฺปหฏฺา เวเคน นิกฺขมิตฺวา ‘อาคโตสิ, ตาต, อโรโคสิ, ตาตา’ติ ตํ อภินนฺเทยฺยุํ, เอวเมว อิธ กตกลฺยาณํ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา อิมํ โลกํ ชหิตฺวา ปรโลกํ คตํ ทสวิธํ ทิพฺพปณฺณาการํ อาทาย ‘อหํ ปุรโต ¶ , อหํ ปุรโต’ติ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เทวตา อภินนฺทนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘จิรปฺปวาสึ ปุริสํ, ทูรโต โสตฺถิมาคตํ;
าติมิตฺตา สุหชฺชา จ, อภินนฺทนฺติ อาคตํ.
‘‘ตเถว กตปฺุมฺปิ, อสฺมา โลกา ปรํ คตํ;
ปฺุานิ ปฏิคณฺหนฺติ, ปิยํ าตีว อาคต’’นฺติ.
ตตฺถ จิรปฺปวาสินฺติ จิรปฺปวุฏฺํ. ทูรโต โสตฺถิมาคตนฺติ วณิชฺชํ วา ราชโปริสํ วา กตฺวา ลทฺธลาภํ นิปฺผนฺนสมฺปตฺตึ อนุปทฺทเวน ทูรฏฺานโต อาคตํ. าติมิตฺตา สุหชฺชา จาติ กุลสมฺพนฺธวเสน าตี จ สนฺทิฏฺาทิภาเวน มิตฺตา จ สุหทยภาเวน สุหชฺชา จ. อภินนฺทนฺติ อาคตนฺติ นํ ทิสฺวา อาคตนฺติ วจนมตฺเตน วา อฺชลิกรณมตฺเตน วา เคหสมฺปตฺตํ ปน นานปฺปการปณฺณาการาภิหรณวเสน อภินนฺทนฺติ. ตเถวาติ เตเนวากาเรน กตปฺุมฺปิ ปุคฺคลํ อิมสฺมา โลกา ปรโลกํ คตํ ทิพฺพํ อายุวณฺณสุขยสอาธิปเตยฺยํ, ทิพฺพํ รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพนฺติ อิมํ ทสวิธํ ปณฺณาการํ อาทาย มาตาปิตุฏฺาเน ิตานิ ปฺุานิ อภินนฺทนฺตานิ ¶ ปฏิคฺคณฺหนฺติ. ปิยํ าตีวาติ อิธโลเก ปิยาตกํ อาคตํ เสสาตกา วิยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
นนฺทิยวตฺถุ นวมํ.
ปิยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
โสฬสโม วคฺโค.
๑๗. โกธวคฺโค
๑. โรหินีขตฺติยกฺาวตฺถุ
โกธํ ¶ ¶ ¶ ชเหติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต โรหินึ นาม ขตฺติยกฺํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมึ กิร สมเย อายสฺมา อนุรุทฺโธ ปฺจสเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ กปิลวตฺถุํ อคมาสิ. อถสฺส าตกา ‘‘เถโร อาคโต’’ติ สุตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ อคมํสุ เปตฺวา โรหินึ นาม เถรสฺส ภคินึ. เถโร าตเก ปุจฺฉิ ‘‘กหํ, โรหินี’’ติ? ‘‘เคเห, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กสฺมา อิธ นาคตา’’ติ? ‘‘สรีเร ตสฺสา ฉวิโรโค อุปฺปนฺโนติ ลชฺชาย นาคตา, ภนฺเต’’ติ. เถโร ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา ปฏกฺจุกํ ปฏิมฺุจิตฺวา อาคตํ เอวมาห – ‘‘โรหินิ, กสฺมา นาคตาสี’’ติ? ‘‘สรีเร เม, ภนฺเต, ฉวิโรโค อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ลชฺชาย นาคตามฺหี’’ติ. ‘‘กึ ปน เต ปฺุํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘กึ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาสนสาลํ กาเรหี’’ติ. ‘‘กึ ¶ คเหตฺวา’’ติ? ‘‘กึ เต ปสาธนภณฺฑกํ นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ มูล’’นฺติ? ‘‘ทสสหสฺสมูลํ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา อาสนสาลํ กาเรหี’’ติ. ‘‘โก เม, ภนฺเต, กาเรสฺสตี’’ติ? เถโร สมีเป ิตาตเก โอโลเกตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ภาโร โหตู’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห ปน, ภนฺเต, กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘อหมฺปิ อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอติสฺสา ทพฺพสมฺภาเร อาหรถา’’ติ. เต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ อาหรึสุ.
เถโร อาสนสาลํ สํวิทหนฺโต โรหินึ อาห – ‘‘ทฺวิภูมิกํ อาสนสาลํ กาเรตฺวา อุปริ ปทรานํ ทินฺนกาลโต ปฏฺาย เหฏฺาสาลํ นิพทฺธํ สมฺมชฺชิตฺวา อาสนานิ ปฺาเปหิ, นิพทฺธํ ปานียฆเฏ อุปฏฺาเปหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ปสาธนภณฺฑกํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทฺวิภูมิกอาสนสาลํ กาเรตฺวา อุปริ ปทรานํ ทินฺนกาลโต ปฏฺาย เหฏฺาสาลํ สมฺมชฺชนาทีนิ อกาสิ. นิพทฺธํ ภิกฺขู นิสีทนฺติ. อถสฺสา อาสนสาลํ สมฺมชฺชนฺติยาว ฉวิโรโค มิลายิ. สา อาสนสาลาย นิฏฺิตาย พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อาสนสาลํ ปูเรตฺวา ¶ นิสินฺนสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ¶ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ อทาสิ. สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ ‘‘กสฺเสตํ ทาน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภคินิยา เม, ภนฺเต, โรหินิยา’’ติ. ‘‘สา ปน กห’’นฺติ? ‘‘เคเห, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ปกฺโกสถ น’’นฺติ? สา อาคนฺตุํ น อิจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา อนิจฺฉมานมฺปิ ปกฺโกสาเปสิเยว. อาคนฺตฺวา จ ปน วนฺทิตฺวา ¶ นิสินฺนํ อาห – ‘‘โรหินิ, กสฺมา นาคมิตฺถา’’ติ? ‘‘สรีเร เม, ภนฺเต, ฉวิโรโค อตฺถิ, เตน ลชฺชมานา นาคตามฺหี’’ติ. ‘‘ชานาสิ ปน กึ เต นิสฺสาย เอส อุปฺปนฺโน’’ติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตว โกธํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน เอโส’’ติ. ‘‘กึ ปน เม, ภนฺเต, กต’’นฺติ? ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ. อถสฺสา สตฺถา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสี เอกิสฺสา รฺโ นาฏกิตฺถิยา อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘ทุกฺขมสฺสา อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มหากจฺฉุผลานิ อาหราเปตฺวา ตํ นาฏกิตฺถึ อตฺตโน สนฺติกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ยถา สา น ชานาติ, เอวมสฺสา สยเน เจว ปาวารโกชวาทีนฺจ อนฺตเรสุ กจฺฉุจุณฺณานิ ปาเปสิ, เกฬึ กุรุมานา วิย ตสฺสา สรีเรปิ โอกิริ. ตํ ขณํเยว ตสฺสา สรีรํ อุปฺปกฺกุปฺปกฺกํ คณฺฑาคณฺฑชาตํ อโหสิ. สา กณฺฑุวนฺตี คนฺตฺวา สยเน นิปชฺชิ, ตตฺราปิสฺสา กจฺฉุจุณฺเณหิ ขาทิยมานาย ขรตรา เวทนา อุปฺปชฺชิ. ตทา อคฺคมเหสี โรหินี อโหสีติ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา, ‘‘โรหินิ, ตทา ตยาเวตํ กมฺมํ กตํ. อปฺปมตฺตโกปิ หิ โกโธ วา อิสฺสา วา กาตุํ น ยุตฺตรูโป เอวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ,
สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย;
ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ,
อกิฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา’’ติ.
ตตฺถ ¶ โกธนฺติ สพฺพาการมฺปิ โกธํ นววิธมฺปิ มานํ ชเหยฺย. สํโยชนนฺติ กามราคสํโยชนาทิกํ ทสวิธมฺปิ สพฺพสํโยชนํ อติกฺกเมยฺย. อสชฺชมานนฺติ อลคฺคมานํ. โย หิ ‘‘มม รูปํ มม เวทนา’’ติอาทินา นเยน นามรูปํ ปฏิคฺคณฺหาติ, ตสฺมิฺจ ภิชฺชมาเน โสจติ วิหฺติ ¶ , อยํ นามรูปสฺมึ สชฺชติ นาม. เอวํ อคฺคณฺหนฺโต อวิหฺนฺโต น สชฺชติ นาม. ตํ ปุคฺคลํ เอวํ อสชฺชมานํ ราคาทีนํ อภาเวน อกิฺจนํ ¶ ทุกฺขา นาม นานุปตนฺตีติ อตฺโถ. เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ. โรหินีปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา, ตงฺขณฺเวสฺสา สรีรํ สุวณฺณวณฺณํ อโหสิ.
สา ตโต จุตา ตาวตึสภวเน จตุนฺนํ เทวปุตฺตานํ สีมนฺตเร นิพฺพตฺติตฺวา ปาสาทิกา รูปโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ. จตฺตาโรปิ เทวปุตฺตา ตํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนหา หุตฺวา ‘‘มม สีมาย อนฺโต นิพฺพตฺตา, มม สีมาย อนฺโต นิพฺพตฺตา’’ติ วิวทนฺตา สกฺกสฺส เทวรฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘เทว, อิมํ โน นิสฺสาย อฑฺโฑ อุปฺปนฺโน, ตํ วินิจฺฉินาถา’’ติ อาหํสุ. สกฺโกปิ ตํ โอโลเกตฺวาว อุปฺปนฺนสิเนโห หุตฺวา เอวมาห – ‘‘อิมาย โว ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย กถํ จิตฺตานิ อุปฺปนฺนานี’’ติ. อเถโก อาห – ‘‘มม ตาว อุปฺปนฺนจิตฺตํ สงฺคามเภริ วิย สนฺนิสีทิตุํ นาสกฺขี’’ติ. ทุติโย ‘‘มม จิตฺตํ ปพฺพตนที วิย สีฆํ ปวตฺตติเยวา’’ติ ¶ . ตติโย ‘‘มม อิมิสฺสา ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย กกฺกฏสฺส วิย อกฺขีนิ นิกฺขมึสู’’ติ. จตุตฺโถ ‘‘มม จิตฺตํ เจติเย อุสฺสาปิตธโช วิย นิจฺจลํ าตุํ นาสกฺขี’’ติ. อถ เน สกฺโก อาห – ‘‘ตาตา, ตุมฺหากํ ตาว จิตฺตานิ ปสยฺหรูปานิ, อหํ ปน อิมํ ลภนฺโต ชีวิสฺสามิ, อลภนฺตสฺส เม มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ. เทวปุตฺตา, ‘‘มหาราช, ตุมฺหากํ มรเณน อตฺโถ นตฺถี’’ติ ตํ สกฺกสฺส วิสฺสชฺเชตฺวา ปกฺกมึสุ. สา สกฺกสฺส ปิยา อโหสิ มนาปา. ‘‘อสุกกีฬํ นาม คจฺฉามา’’ติ วุตฺเต สกฺโก ตสฺสา วจนํ ปฏิกฺขิปิตุํ นาสกฺขีติ.
โรหินีขตฺติยกฺาวตฺถุ ปมํ.
๒. อฺตรภิกฺขุวตฺถุ
โย เว อุปฺปติตนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
สตฺถารา ¶ หิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เสนาสเน อนฺุาเต ราชคหเสฏฺิอาทีหิ เสนาสเนสุ กริยมาเนสุ เอโก อาฬวิโก ภิกฺขุ อตฺตโน เสนาสนํ กโรนฺโต เอกํ มนาปรุกฺขํ ¶ ทิสฺวา ฉินฺทิตุํ อารภิ. ตตฺถ ปน นิพฺพตฺตา เอกา ตรุณปุตฺตา เทวตา ปุตฺตํ องฺเกนาทาย ิตา ยาจิ ‘‘มา เม, สามิ, วิมานํ ฉินฺทิ, น สกฺขิสฺสามิ ปุตฺตํ อาทาย อนาวาสา วิจริตุ’’นฺติ. โส ¶ ‘‘อหํ อฺตฺร อีทิสํ รุกฺขํ น ลภิสฺสามี’’ติ ตสฺสา วจนํ นาทิยิ. สา ‘‘อิมมฺปิ ตาว ทารกํ โอโลเกตฺวา โอรมิสฺสตี’’ติ ปุตฺตํ รุกฺขสาขาย เปสิ. โสปิ ภิกฺขุ อุกฺขิปิตํ ผรสุํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ทารกสฺส พาหุํ ฉินฺทิ, เทวตา อุปฺปนฺนพลวโกธา ‘‘ปหริตฺวา นํ มาเรสฺสามี’’ติ อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา เอวํ ตาว จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ภิกฺขุ สีลวา. สจาหํ อิมํ มาเรสฺสามิ, นิรยคามินี ภวิสฺสามิ. เสสเทวตาปิ อตฺตโน รุกฺขํ ฉินฺทนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘อสุกเทวตาย เอวํ นาม มาริโต ภิกฺขู’ติ มํ ปมาณํ กตฺวา ภิกฺขู มาเรสฺสนฺติ. อยฺจ สสามิโก ภิกฺขุ, สามิกสฺเสว นํ กเถสฺสามี’’ติ อุกฺขิตฺตหตฺเถ อปเนตฺวา โรทมานา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ เทวเต’’ติ อาห. สา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ เม สาวเกน อิทํ นาม กตํ, อหมฺปิ นํ มาเรตุกามา หุตฺวา อิทํ นาม จินฺเตตฺวา อมาเรตฺวาว อิธาคตา’’ติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ วิตฺถารโต อาโรเจสิ.
สตฺถา ตํ สุตฺวา ‘‘สาธุ, ¶ สาธุ เทวเต, สาธุ เต กตํ เอวํ อุคฺคตํ โกปํ ภนฺตํ รถํ วิย นิคฺคณฺหมานายา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โย เว อุปฺปติตํ โกธํ, รถํ ภนฺตํว วารเย;
ตมหํ สารถึ พฺรูมิ, รสฺมิคฺคาโห อิตโร ชโน’’ติ.
ตตฺถ อุปฺปติตนฺติ อุปฺปนฺนํ. รถํ ภนฺตํ วาติ ยถา นาม เฉโก สารถิ อติเวเคน ธาวนฺตํ รถํ นิคฺคณฺหิตฺวา ยถิจฺฉกํ เปติ, เอวํ โย ปุคฺคโล อุปฺปนฺนํ โกธํ วารเย นิคฺคณฺหิตุํ สกฺโกติ. ตมหนฺติ ตํ อหํ สารถึ พฺรูมิ. อิตโร ชโนติ อิตโร ปน ราชอุปราชาทีนํ รถสารถิชโน รสฺมิคฺคาโห นาม โหติ, น อุตฺตมสารถีติ.
เทสนาวสาเน ¶ เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
เทวตา ปน โสตาปนฺนา หุตฺวาปิ โรทมานา อฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ เทวเต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, วิมานํ เม นฏฺํ, อิทานิ กึ กริสฺสามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อลํ เทวเต, มา จินฺตยิ, อหํ เต วิมานํ ทสฺสามี’’ติ เชตวเน คนฺธกุฏิสมีเป ปุริมทิวเส จุตเทวตํ เอกํ รุกฺขํ อปทิสนฺโต ‘‘อมุกสฺมึ โอกาเส รุกฺโข วิวิตฺโต, ตตฺถ อุปคจฺฉา’’ติ อาห. สา ตตฺถ ¶ อุปคฺฉิ. ตโต ปฏฺาย ‘‘พุทฺธทตฺติยํ อิมิสฺสา วิมาน’’นฺติ มเหสกฺขเทวตาปิ อาคนฺตฺวา ¶ ตํ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. สตฺถา ตํ อตฺถุปฺปตฺตึ กตฺวา ภิกฺขูนํ ภูตคามสิกฺขาปทํ ปฺาเปสีติ.
อฺตรภิกฺขุวตฺถุ ทุติยํ.
๓. อุตฺตราอุปาสิกาวตฺถุ
อกฺโกเธน ชิเน โกธนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อุตฺตราย เคเห กตภตฺตกิจฺโจ อุตฺตรํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺรายมนุปุพฺพี กถา – ราชคเห กิร สุมนเสฏฺึ นิสฺสาย ปุณฺโณ นาม ทลิทฺโท ภตึ กตฺวา ชีวติ. ตสฺส ภริยา จ อุตฺตรา นาม ธีตา จาติ ทฺเวเยว เคหมานุสกา. อเถกทิวสํ ‘‘สตฺตาหํ นกฺขตฺตํ กีฬิตพฺพ’’นฺติ ราชคเห โฆสนํ กรึสุ. ตํ สุตฺวา สุมนเสฏฺิ ปาโตว อาคตํ ปุณฺณํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ตาต, อมฺหากํ ปริชโน นกฺขตฺตํ กีฬิตุกาโม, ตฺวํ กึ นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสสิ, อุทาหุ ภตึ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘สามิ, นกฺขตฺตํ นาม สธนานํ โหติ, มม ปน เคเห สฺวาตนาย ยาคุตณฺฑุลมฺปิ นตฺถิ, กึ เม นกฺขตฺเตน, โคเณ ลภนฺโต กสิตุํ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ โคเณ คณฺหาหี’’ติ. โส พลวโคเณ จ นงฺคลฺจ คเหตฺวา, ‘‘ภทฺเท, นาครา นกฺขตฺตํ กีฬนฺติ, อหํ ทลิทฺทตาย ภตึ กาตุํ คมิสฺสามิ, มยฺหมฺปิ ตาว อชฺช ทฺวิคุณํ ¶ นิวาปํ ปจิตฺวา ภตฺตํ อาหเรยฺยาสี’’ติ ภริยํ วตฺวา เขตฺตํ อคมาสิ.
สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ¶ สตฺตาหํ นิโรธสมาปนฺโน ตํ ทิวสํ วุฏฺาย ‘‘กสฺส นุ โข อชฺช มยา สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอโลเกนฺโต ปุณฺณํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘สทฺโธ นุ โข เอส, สกฺขิสฺสติ วา เม สงฺคหํ กาตุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ตสฺส สทฺธภาวฺจ สงฺคหํ กาตุํ สมตฺถภาวฺจ ตปฺปจฺจยา จสฺส มหาสมฺปตฺติปฏิลาภฺจ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺส กสนฏฺานํ คนฺตฺวา อาวาฏตีเร เอกํ คุมฺพํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ.
ปุณฺโณ เถรํ ทิสฺวาว กสึ เปตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ทนฺตกฏฺเน อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ ทนฺตกฏฺํ กปฺปิยํ กตฺวา อทาสิ. อถสฺส เถโร ปตฺตฺจ ปริสฺสาวนฺจ นีหริตฺวา ¶ อทาสิ. โส ‘‘ปานีเยน อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ อาทาย ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปเรสํ ปจฺฉิมเคเห วสติ. สจสฺส เคหทฺวารํ คมิสฺสามิ, อิมสฺส ภริยา มํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสติ. ยาวสฺสา ภตฺตํ อาทาย มคฺคํ ปฏิปชฺชติ, ตาว อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ. โส ตตฺเถว โถกํ วีตินาเมตฺวา ตสฺส มคฺคารุฬฺหภาวํ ตฺวา อนฺโตนคราภิมุโข ปายาสิ.
สา อนฺตรามคฺเค เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อปฺเปกทาหํ เทยฺยธมฺเม สติ ¶ อยฺยํ น ปสฺสามิ, อปฺเปกทา เม อยฺยํ ปสฺสนฺติยา เทยฺยธมฺโม น โหติ. อชฺช ปน เม อยฺโย จ ทิฏฺโ, เทยฺยธมฺโม จายํ อตฺถิ, กริสฺสติ นุ โข เม สงฺคห’’นฺติ. สา ภตฺตภาชนํ โอโรเปตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิทํ ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา ทาสสฺส โว สงฺคหํ กโรถา’’ติ อาห. เถโร ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา ตาย เอเกน หตฺเถน ภาชนํ ธาเรตฺวา เอเกน หตฺเถน ตโต ภตฺตํ ททมานาย อุปฑฺฒภตฺเต ทินฺเน ‘‘อล’’นฺติ หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. สา, ‘‘ภนฺเต, เอโกว ปฏิวิโส, น สกฺกา ทฺวิธา กาตุํ. ตุมฺหากํ ทาสสฺส อิธโลกสงฺคหํ อกตฺวา ปรโลกสงฺคหํ กโรถ, นิรวเสสเมว ทาตุกามมฺหี’’ติ วตฺวา สพฺพเมว เถรสฺส ปตฺเต ปติฏฺเปตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺเสว ภาคี อสฺส’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา ิตโกว อนุโมทนํ กริตฺวา เอกสฺมึ อุทกผาสุกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกาสิ. สาปิ นิวตฺติตฺวา ตณฺฑุเล ปริเยสิตฺวา ภตฺตํ ปจิ. ปุณฺโณปิ อฑฺฒกรีสมตฺตฏฺานํ กสิตฺวา ชิฆจฺฉํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต โคเณ วิสฺสชฺเชตฺวา เอกรุกฺขจฺฉายํ ปวิสิตฺวา มคฺคํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ.
อถสฺส ¶ ภริยา ภตฺตํ อาทาย คจฺฉมานา ตํ ทิสฺวาว ‘‘เอส ชิฆจฺฉาย ปีฬิโต มํ โอโลเกนฺโต นิสินฺโน. สเจ มํ ¶ ‘อติวิย เช จิรายี’ติ ตชฺเชตฺวา ปโตทลฏฺิยา มํ ปหริสฺสติ, มยา กตกมฺมํ นิรตฺถกํ ภวิสฺสติ. ปฏิกจฺเจวสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาห – ‘‘สามิ, อชฺเชกทิวสํ จิตฺตํ ปสาเทหิ, มา มยา กตกมฺมํ นิรตฺถกํ กริ. อหฺหิ ปาโตว เต ภตฺตํ อาหรนฺตี อนฺตรามคฺเค ธมฺมเสนาปตึ ทิสฺวา ตว ภตฺตํ ตสฺส ทตฺวา ปุน คนฺตฺวา ภตฺตํ ปจิตฺวา อาคตา, ปสาเทหิ, สามิ, จิตฺต’’นฺติ. โส ‘‘กึ วเทสิ, ภทฺเท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปุน ตมตฺถํ สุตฺวา, ‘‘ภทฺเท, สาธุ วต เต กตํ มม ภตฺตํ อยฺยสฺส ททมานาย, มยาปิสฺส อชฺช ปาโตว ทนฺตกฏฺฺจ มุโขทกฺจ ทินฺน’’นฺติ ปสนฺนมานโส ตํ วจนํ อภินนฺทิตฺวา อุสฺสุเร ลทฺธภตฺตตาย กิลนฺตกาโย ตสฺสา องฺเก สีสํ กตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ.
อถสฺส ¶ ปาโตว กสิตฏฺานํ ปํสุจุณฺณํ อุปาทาย สพฺพํ รตฺตสุวณฺณํ กณิการปุปฺผราสิ วิย โสภมานํ อฏฺาสิ. โส ปพุทฺโธ โอโลเกตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, เอตํ กสิตฏฺานํ สพฺพํ มม สุวณฺณํ หุตฺวา ปฺายติ, กึ นุ โข เม อติอุสฺสุเร ลทฺธภตฺตตาย อกฺขีนิ ภมนฺตี’’ติ. ‘‘สามิ, มยฺหมฺปิ เอวเมว ปฺายตี’’ติ. โส อุฏฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา เอกปิณฺฑํ คเหตฺวา นงฺคลสีเส ปหริตฺวา สุวณฺณภาวํ ตฺวา ¶ ‘‘อโห อยฺยสฺส ธมฺมเสนาปติสฺส เม ทินฺนทาเนน อชฺเชว วิปาโก ทสฺสิโต, น โข ปน สกฺกา เอตฺตกํ ธนํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปริภฺุชิตุ’’นฺติ ภริยาย อาภตํ ภตฺตปาตึ สุวณฺณสฺส ปูเรตฺวา ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา กโตกาโส ปวิสิตฺวา ราชานํ อภิวาเทตฺวา ‘‘กึ, ตาตา’’ติ วุตฺเต, ‘‘เทว, อชฺช มยา กสิตฏฺานํ สพฺพํ สุวณฺณภริตเมว หุตฺวา ิตํ, อิทํ สุวณฺณํ อาหราเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘ปุณฺโณ นาม อห’’นฺติ. ‘‘กึ ปน เต อชฺช กต’’นฺติ? ‘‘ธมฺมเสนาปติสฺส เม อชฺช ปาโตว ทนฺตกฏฺฺจ มุโขทกฺจ ทินฺนํ, ภริยายปิ เม มยฺหํ อาหรณภตฺตํ ตสฺเสว ทินฺน’’นฺติ.
ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘อชฺเชว กิร, โภ, ธมฺมเสนาปติสฺส ทินฺนทาเนน วิปาโก ทสฺสิโต’’ติ วตฺวา, ‘‘ตาต, กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พหูนิ สกฏสหสฺสานิ ปหิณิตฺวา สุวณฺณํ อาหราเปถา’’ติ. ราชา สกฏานิ ปหิณิ. ราชปุริเสสุ ‘‘รฺโ สนฺตก’’นฺติ คณฺหนฺเตสุ คหิตคหิตํ มตฺติกาว โหติ. เต คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ กินฺติ ¶ วตฺวา คหิต’’นฺติ. ปุฏฺา ‘‘ตุมฺหากํ สนฺตก’’นฺติ อาหํสุ. น มยฺหํ, ตาตา, สนฺตกํ, คจฺฉถ ‘‘ปุณฺณสฺส สนฺตก’’นฺติ ¶ วตฺวา คณฺหถาติ. เต ตถา กรึสุ, คหิตคหิตํ สุวณฺณเมว อโหสิ. สพฺพมฺปิ อาหริตฺวา ราชงฺคเณ ราสิมกํสุ, อสีติหตฺถุพฺเพโธ ราสิ อโหสิ. ราชา นาคเร สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘อิมสฺมึ นคเร อตฺถิ กสฺสจิ เอตฺตกํ สุวณฺณ’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ ปนสฺส ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘เสฏฺิฉตฺตํ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘พาหุธนเสฏฺิ นาม โหตู’’ติ มหนฺเตน โภเคน สทฺธึ ตสฺส เสฏฺิฉตฺตมทาสิ. อถ นํ โส อาห – ‘‘มยํ, เทว, เอตฺตกํ กาลํ ปรกุเล วสิมฺหา, วสนฏฺานํ โน เทถา’’ติ. ‘‘เตน หิ ปสฺส, เอส คุมฺโพ ปฺายติ, เอตํ หราเปตฺวา เคหํ กาเรหี’’ติ ปุราณเสฏฺิสฺส เคหฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ตสฺมึ าเน กติปาเหเนว เคหํ การาเปตฺวา เคหปฺปเวสนมงฺคลฺจ ฉตฺตมงฺคลฺจ เอกโตว กโรนฺโต สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ อทาสิ. อถสฺส สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. ธมฺมกถาวสาเน ปุณฺณเสฏฺิ จ ภริยา จสฺส ธีตา จ อุตฺตราติ ตโย ชนา โสตาปนฺนา อเหสุํ.
อปรภาเค ¶ ราชคหเสฏฺิ ปุณฺณเสฏฺิโน ธีตรํ อตฺตโน ปุตฺตสฺส วาเรสิ. โส ‘‘นาหํ ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘มา เอวํ กโรตุ, เอตฺตกํ กาลํ อมฺเห นิสฺสาย วสนฺเตเนว ¶ เต สมฺปตฺติ ลทฺธา, เทตุ เม ปุตฺตสฺส ธีตร’’นฺติ วุตฺเต ‘‘โส มิจฺฉาทิฏฺิโก, มม ธีตา ตีหิ รตเนหิ วินา วตฺติตุํ น สกฺโกติ, เนวสฺส ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ พหู เสฏฺิคณาทโย กุลปุตฺตา ‘‘มา เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ ภินฺทิ, เทหิสฺส ธีตร’’นฺติ ยาจึสุ. โส เตสํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ ธีตรํ อทาสิ. สา ปติกุลํ คตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขุํ วา ภิกฺขุนึ วา อุปสงฺกมิตุํ ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ นาลตฺถ. เอวํ อฑฺฒติเยสุ มาเสสุ วีติวตฺเตสุ สนฺติเก ิตํ ปริจาริกํ ปุจฺฉิ – ‘‘อิทานิ กิตฺตกํ อนฺโตวสฺสสฺส อวสิฏฺ’’นฺติ? ‘‘อฑฺฒมาโส, อยฺเย’’ติ. สา ปิตุ สาสนํ ปหิณิ ‘‘กสฺมา มํ เอวรูเป พนฺธนาคาเร ปกฺขิปึสุ, วรํ เม ลกฺขณาหตํ กตฺวา ¶ ปเรสํ ทาสึ สาเวตุํ. เอวรูปสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกุลสฺส ทาตุํ น วฏฺฏติ. อาคตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขุทสฺสนาทีสุ เอกมฺปิ ปฺุํ กาตุํ น ลภามี’’ติ.
อถสฺสา ปิตา ‘‘ทุกฺขิตา วต เม ธีตา’’ติ อนตฺตมนตํ ปเวเทตฺวา ปฺจทส กหาปณสหสฺสานิ เปเสสิ ‘‘อิมสฺมึ นคเร สิริมา นาม คณิกา อตฺถิ, เทวสิกํ สหสฺสํ คณฺหาติ. อิเมหิ กหาปเณหิ ตํ อาเนตฺวา สามิกสฺส ปาทปริจาริกํ กตฺวา สยํ ปฺุานิ กโรตู’’ติ ¶ . สา สิริมํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สหายิเก อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อิมํ อฑฺฒมาสํ ตว สหายกํ ปริจราหี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. สา ตํ อาทาย สามิกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เตน สิริมํ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วุตฺเต, ‘‘สามิ, อิมํ อฑฺฒมาสํ มม สหายิกา ตุมฺเห ปริจรตุ, อหํ ปน อิมํ อฑฺฒมาสํ ทานฺเจว ทาตุกามา ธมฺมฺจ โสตุกามา’’ติ อาห. โส ตํ อภิรูปํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
อุตฺตราปิ โข พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ อฑฺฒมาสํ อฺตฺถ อคนฺตฺวา อิเธว ภิกฺขา คเหตพฺพา’’ติ สตฺถุ ปฏิฺํ คเหตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย ยาว มหาปวารณา, ตาว สตฺถารํ อุปฏฺาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลภิสฺสามี’’ติ ตุฏฺมานสา ‘‘เอวํ ยาคุํ ปจถ, เอวํ ปูเว ปจถา’’ติ มหานเส สพฺพกิจฺจานิ สํวิทหนฺตี วิจรติ. อถสฺสา สามิโก ‘‘สฺเว ปวารณา ภวิสฺสตี’’ติ มหานสาภิมุโข วาตปาเน ตฺวา ‘‘กึ นุ โข กโรนฺตี สา อนฺธพาลา วิจรตี’’ติ โอโลเกนฺโต ตํ เสฏฺีธีตรํ เสทกิลินฺนํ ฉาริกาย โอกิณฺณํ องฺคารมสิมกฺขิตํ ตถา สํวิทหิตฺวา วิจรมานํ ทิสฺวา ‘‘อโห อนฺธพาลา เอวรูเป าเน อิมํ สิริสมฺปตฺตึ ¶ นานุภวติ, ‘มุณฺฑกสมเณ อุปฏฺหิสฺสามี’ติ ตุฏฺจิตฺตา วิจรตี’’ติ หสิตฺวา อปคฺฉิ.
ตสฺมึ อปคเต ¶ ตสฺส สนฺติเก ิตา สิริมา ‘‘กึ นุ โข โอโลเกตฺวา เอส หสี’’ติ เตเนว วาตปาเนน โอโลเกนฺตี อุตฺตรํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ โอโลเกตฺวา อิมินา หสิตํ, อทฺธา อิมสฺส เอตาย สทฺธึ สนฺถโว อตฺถี’’ติ จินฺเตสิ. สา กิร อฑฺฒมาสํ ตสฺมึ เคเห พาหิรกอิตฺถี หุตฺวา วสมานาปิ ตํ สมฺปตฺตึ อนุภวมานา อตฺตโน พาหิรกอิตฺถิภาวํ อชานิตฺวา ‘‘อหํ ฆรสามินี’’ติ สฺมกาสิ. สา ¶ อุตฺตราย อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘ทุกฺขมสฺสา อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ปาสาทา โอรุยฺห มหานสํ ปวิสิตฺวา ปูวปจนฏฺาเน ปกฺกุถิตํ สปฺปึ กฏจฺฉุนา อาทาย อุตฺตราภิมุขํ ปายาสิ. อุตฺตรา ตํ อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา ‘‘มม สหายิกาย มยฺหํ อุปกาโร กโต, จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโก, มม สหายิกาย คุโณว มหนฺโต. อหฺหิ เอตํ นิสฺสาย ทานฺจ ทาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลภึ. สเจ มม เอติสฺสา อุปริ โกโป อตฺถิ, อิทํ สปฺปิ มํ ทหตุ. สเจ นตฺถิ, มา ทหตู’’ติ ตํ เมตฺตาย ผริ. ตาย ตสฺสา มตฺถเก อาสิตฺตํ ปกฺกุถิตสปฺปิ สีตุทกํ วิย อโหสิ.
อถ นํ ‘‘อิทํ สีตลํ ¶ ภวิสฺสตี’’ติ กฏจฺฉุํ ปูเรตฺวา อาทาย อาคจฺฉนฺตึ อุตฺตราย ทาสิโย ทิสฺวา ‘‘อเปหิ ทุพฺพินีเต, น ตฺวํ อมฺหากํ อยฺยาย ปกฺกุถิตํ สปฺปึ อาสิฺจิตุํ อนุจฺฉวิกา’’ติ สนฺตชฺเชนฺติโย อิโต จิโต จ อุฏฺาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ โปเถตฺวา ภูมิยํ ปาเตสุํ. อุตฺตรา วาเรนฺตีปิ วาเรตุํ นาสกฺขิ. อถสฺสา อุปริ ิตา สพฺพา ทาสิโย ปฏิพาหิตฺวา ‘‘กิสฺส เต เอวรูปํ ภาริยํ กต’’นฺติ สิริมํ โอวทิตฺวา อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา สตปากเตเลน อพฺภฺชิ. ตสฺมึ ขเณ สา อตฺตโน พาหิรกิตฺถิภาวํ ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา ภาริยํ กมฺมํ กตํ สามิกสฺส หสนมตฺตการณา อิมิสฺสา อุปริ ปกฺกุถิตํ สปฺปึ อาสิฺจนฺติยา, อยํ ‘คณฺหถ น’นฺติ ทาสิโย น อาณาเปสิ. มํ วิเหนกาเลปิ สพฺพทาสิโย ปฏิพาหิตฺวา มยฺหํ กตฺตพฺพเมว อกาสิ. สจาหํ อิมํ น ขมาเปสฺสามิ, มุทฺธา เม สตฺตธา ผเลยฺยา’’ติ ตสฺสา ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘อยฺเย, ขมาหิ เม’’ติ อาห. อหํ สปิติกา ธีตา, ปิตริ ขมนฺเต ขมามีติ. โหตุ, อยฺเย, ปิตรํ เต ¶ ปุณฺณเสฏฺึ ขมาเปสฺสามีติ. ปุณฺโณ มม วฏฺฏชนกปิตา, วิวฏฺฏชนเก ปิตริ ขมนฺเต ปนาหํ ขมิสฺสามีติ. โก ปน เต วิวฏฺฏชนกปิตาติ? สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. มยฺหํ เตน สทฺธึ วิสฺสาโส นตฺถีติ. อหํ กริสฺสามิ, สตฺถา สฺเว ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย อิธาคมิสฺสติ, ตฺวํ ยถาลทฺธํ สกฺการํ คเหตฺวา อิเธว อาคนฺตฺวา ตํ ขมาเปหีติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ อุฏฺาย อตฺตโน ¶ เคหํ คนฺตฺวา ปฺจสตา ปริวาริตฺถิโย อาณาเปตฺวา นานาวิธานิ ขาทนียานิ เจว สูเปยฺยานิ จ สมฺปาเทตฺวา ปุนทิวเส ตํ สกฺการํ อาทาย ¶ อุตฺตราย เคหํ อาคนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปตุํ อวิสหนฺตี อฏฺาสิ. ตํ สพฺพํ คเหตฺวา อุตฺตราว สํวิทหิ. สิริมาปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน สทฺธึ ปริวาเรน สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิ.
อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ – ‘‘โก เต อปราโธ’’ติ? ภนฺเต, มยา หิยฺโย อิทํ นาม กตํ, อถ เม สหายิกา มํ วิเหยมานา ทาสิโย นิวาเรตฺวา มยฺหํ อุปการเมว อกาสิ. สาหํ อิมิสฺสา คุณํ ชานิตฺวา อิมํ ขมาเปสึ, อถ มํ เอสา ‘‘ตุมฺเหสุ ขมนฺเตสุ ขมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เอวํ กิร อุตฺตเร’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สีเส เม สหายิกาย ปกฺกุถิตสปฺปิ อาสิตฺต’’นฺติ. อถ ‘‘ตยา กึ จินฺติต’’นฺติ? ‘‘จกฺกวาฬํ ¶ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโก, มม สหายิกาย คุโณว มหนฺโต. อหฺหิ เอตํ นิสฺสาย ทานฺจ ทาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ อลตฺถํ, สเจ เม อิมิสฺสา อุปริ โกโป อตฺถิ, อิทํ มํ ทหตุ. โน เจ, มา ทหตู’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา อิมํ เมตฺตาย ผรึ, ภนฺเตติ. สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, อุตฺตเร, เอวํ โกธํ ชินิตุํ วฏฺฏติ. โกโธ หิ นาม อกฺโกเธน, อกฺโกสกปริภาสโก อนกฺโกสนฺเตน อปริภาสนฺเตน, ถทฺธมจฺฉรี อตฺตโน สนฺตกสฺส ทาเนน, มุสาวาที สจฺจวจเนน ชินิตพฺโพ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;
ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ.
ตตฺถ อกฺโกเธนาติ โกธโน หิ ปุคฺคโล อกฺโกเธน หุตฺวา ชินิตพฺโพ. อสาธุนฺติ อภทฺทโก ภทฺทเกน หุตฺวา ชินิตพฺโพ. กทริยนฺติ ถทฺธมจฺฉรี อตฺตโน สนฺตกสฺส จาคจิตฺเตน ชินิตพฺโพ. อลิกวาที สจฺจวจเนน ¶ ชินิตพฺโพ. ตสฺมา เอวมาห – ‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ…เป… สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ.
เทสนาวสาเน สิริมา สทฺธึ ปฺจสตาหิ อิตฺถีหิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.
อุตฺตราอุปาสิกาวตฺถุ ตติยํ.
๔. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรปฺหวตฺถุ
สจฺจํ ¶ ¶ ภเณติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย เถโร เทวจาริกํ คนฺตฺวา มเหสกฺขาย เทวตาย วิมานทฺวาเร ตฺวา ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ิตํ เอวมาห – ‘‘เทวเต มหตี เต สมฺปตฺติ, กึ กมฺมํ กตฺวา อิมํ อลตฺถา’’ติ? ‘‘มา มํ, ภนฺเต, ปุจฺฉถา’’ติ. เทวตา กิร อตฺตโน ปริตฺตกมฺเมน ลชฺชมานา เอวํ วทติ. สา ปน เถเรน ‘‘กเถหิเยวา’’ติ วุจฺจมานา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา เนว ทานํ ทินฺนํ, น ปูชา กตา, น ธมฺโม สุโต, เกวลํ สจฺจมตฺตํ รกฺขิต’’นฺติ. เถโร อฺานิ วิมานทฺวารานิ ¶ คนฺตฺวา อาคตาคตา อปราปิ เทวธีตโร ปุจฺฉิ. ตาสุปิ ตเถว นิคุหิตฺวา เถรํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺตีสุ เอกา ตาว อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา เนว ทานาทีสุ กตํ นาม อตฺถิ, อหํ ปน กสฺสปพุทฺธกาเล ปรสฺส ทาสี อโหสึ, ตสฺสา เม สามิโก อติวิย จณฺโฑ ผรุโส, คหิตคฺคหิเตเนว กฏฺเน วา กลิงฺคเรน วา สีสํ ภินฺทติ. สาหํ อุปฺปนฺเน โกเป ‘เอส ตว สามิโก ลกฺขณาหตํ วา กาตุํ นาสาทีนิ วา ฉินฺทิตุํ อิสฺสโร, มา กุชฺฌี’ติ อตฺตานเมว ปริภาเสตฺวา โกปํ นาม น อกาสึ, เตน เม อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ. อปรา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, อุจฺฉุเขตฺตํ รกฺขมานา เอกสฺส ภิกฺขุโน อุจฺฉุยฏฺึ อทาสึ’’. อปรา เอกํ ติมฺพรุสกํ อทาสึ. อปรา เอกํ เอฬาลุกํ อทาสึ. อปรา เอกํ ผารุสกํ ¶ อทาสึ. อปรา เอกํ มูลมุฏฺึ. อปรา ‘‘นิมฺพมุฏฺิ’’นฺติอาทินา นเยน อตฺตนา อตฺตนา กตํ ปริตฺตทานํ อาโรเจตฺวา ‘‘อิมินา อิมินา การเณน อมฺเหหิ อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ อาหํสุ.
เถโร ตาหิ กตกมฺมํ สุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สกฺกา นุ โข, ภนฺเต, สจฺจกถนมตฺเตน, โกปนิพฺพาปนมตฺเตน, อติปริตฺตเกน ติมฺพรุสกาทิทานมตฺเตน ทิพฺพสมฺปตฺตึ ลทฺธุ’’นฺติ. ‘‘กสฺมา มํ, โมคฺคลฺลาน, ปุจฺฉสิ, นนุ เต เทวตาหิ อยํ อตฺโถ กถิโต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ลพฺภติ มฺเ เอตฺตเกน ทิพฺพสมฺปตฺตี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘โมคฺคลฺลาน, สจฺจมตฺตํ กเถตฺวาปิ โกปมตฺตํ ชหิตฺวาปิ ปริตฺตกํ ทานํ ทตฺวาปิ เทวโลกํ คจฺฉติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สจฺจํ ¶ ¶ ภเณ น กุชฺเฌยฺย, ทชฺชา อปฺปมฺปิ ยาจิโต;
เอเตหิ ตีหิ าเนหิ, คจฺเฉ เทวาน สนฺติเก’’ติ.
ตตฺถ สจฺจํ ภเณติ สจฺจํ ทีเปยฺย โวหเรยฺย, สจฺเจ ปติฏฺเหยฺยาติ อตฺโถ. น กุชฺเฌยฺยาติ ปรสฺส น กุชฺเฌยฺย ¶ . ยาจิโตติ ยาจกา นาม สีลวนฺโต ปพฺพชิตา. เต หิ กิฺจาปิ ‘‘เทถา’’ติ อยาจิตฺวาว ฆรทฺวาเร ติฏฺนฺติ, อตฺถโต ปน ยาจนฺติเยว นาม. เอวํ สีลวนฺเตหิ ยาจิโต อปฺปสฺมึ เทยฺยธมฺเม วิชฺชมาเน อปฺปมตฺตกมฺปิ ทเทยฺย. เอเตหิ ตีหีติ เอเตสุ ตีสุ เอเกนาปิ การเณน เทวโลกํ คจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรปฺหวตฺถุ จตุตฺถํ.
๕. พุทฺธปิตุพฺราหฺมณวตฺถุ
อหึสกา เยติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา สาเกตํ นิสฺสาย อฺชนวเน วิหรนฺโต ภิกฺขูหิ ปฏฺปฺหํ อารพฺภ กเถสิ.
ภควโต กิร ภิกฺขุสงฺฆปริวุตสฺส สาเกตํ ปิณฺฑาย ปวิสนกาเล เอโก สาเกตวาสี มหลฺลกพฺราหฺมโณ นครโต นิกฺขมนฺโต อนฺตรฆรทฺวาเร ทสพลํ ทิสฺวา ปาเทสุ นิปติตฺวา โคปฺผเกสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา, ‘‘ตาต, นนุ นาม ปุตฺเตหิ ชิณฺณกาเล มาตาปิตโร ปฏิชคฺคิตพฺพา, กสฺมา เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ อตฺตานํ น ทสฺเสสิ. มยา ตาว ทิฏฺโสิ, มาตรมฺปิ ปสฺสิตุํ เอหี’’ติ สตฺถารํ คเหตฺวา อตฺตโน เคหํ อคมาสิ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. พฺราหฺมณีปิ อาคนฺตฺวา สตฺถุ ¶ ปาเทสุ นิปติตฺวา, ‘‘ตาต, เอตฺตกํ กาลํ กุหึ คโตสิ, นนุ นาม มาตาปิตโร มหลฺลกกาเล อุปฏฺาตพฺพา’’ติ วตฺวา ปุตฺตธีตโร ‘‘เอถ ภาตรํ วนฺทถา’’ติ วนฺทาเปสิ. เต อุโภปิ ตุฏฺมานสา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิเธว นิพทฺธํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ‘‘พุทฺธา นาม เอกฏฺาเนเยว นิพทฺธํ ภิกฺขํ น คณฺหนฺตี’’ติ วุตฺเต, ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เย โว นิมนฺเตตุํ อาคจฺฉนฺติ, เต อมฺหากํ สนฺติกํ ปหิเณยฺยาถา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ตโต ¶ ปฏฺาย นิมนฺเตตุํ อาคเต ‘‘คนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส อาโรเจยฺยาถา’’ติ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา ‘‘มยํ สฺวาตนาย สตฺถารํ นิมนฺเตมา’’ติ พฺราหฺมณํ ¶ วทนฺติ. พฺราหฺมโณ ปุนทิวเส อตฺตโน เคหโต ภตฺตภาชนสูเปยฺยภาชนานิ อาทาย สตฺถุ นิสีทนฏฺานํ คจฺฉติ. อฺตฺร ปน นิมนฺตเน อสติ สตฺถา พฺราหฺมณสฺเสว เคเห ภตฺตกิจฺจํ กโรติ. เต อุโภปิ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ นิจฺจกาลํ ตถาคตสฺส เทนฺตา ธมฺมกถํ สุณนฺตา อนาคามิผลํ ปาปุณึสุ.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, พฺราหฺมโณ ‘ตถาคตสฺส สุทฺโธทโน ปิตา, มหามายา มาตา’ติ ชานาติ, ชานนฺโตว สทฺธึ พฺราหฺมณิยา ตถาคตํ ‘อมฺหากํ ปุตฺโต’ติ วทติ, สตฺถาปิ ¶ ตเถว อธิวาเสติ. กึ นุ โข การณ’’นฺติ? สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา, ‘‘ภิกฺขเว, อุโภปิ เต อตฺตโน ปุตฺตเมว ปุตฺโตติ วทนฺตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต, ภิกฺขเว, อยํ พฺราหฺมโณ นิรนฺตรํ ปฺจ ชาติสตานิ มยฺหํ ปิตา อโหสิ, ปฺจ ชาติสตานิ จูฬปิตา, ปฺจ ชาติสตานิ มหาปิตา. สาปิ เม พฺราหฺมณี นิรนฺตรเมว ปฺจ ชาติสตานิ มาตา อโหสิ, ปฺจ ชาติสตานิ จูฬมาตา, ปฺจ ชาติสตานิ มหามาตา. เอวาหํ ทิยฑฺฒชาติสหสฺสํ พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ สํวฑฺโฒ, ทิยฑฺฒชาติสหสฺสํ พฺราหฺมณิยา หตฺเถติ ตีณิ ชาติสหสฺสานิ เตสํ ปุตฺตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ยสฺมึ มโน นิวิสติ, จิตฺตฺจาปิ ปสีทติ;
อทิฏฺปุพฺพเก โปเส, กามํ ตสฺมิมฺปิ วิสฺสเส. (ชา. ๑.๑.๖๘);
‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);
สตฺถา เตมาสเมว ตํ กุลํ นิสฺสาย วิหาสิ. เต อุโภปิ อรหตฺตํ สจฺฉิกตฺวา ปรินิพฺพายึสุ. อถ เนสํ มหาสกฺการํ กตฺวา อุโภปิ เอกกูฏาคารเมว อาโรเปตฺวา นีหรึสุ. สตฺถาปิ ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร เตหิ สทฺธึเยว อาฬาหนํ อคมาสิ. ‘‘พุทฺธานํ กิร มาตาปิตโร’’ติ มหาชโน นิกฺขมิ. สตฺถาปิ อาฬาหนสมีเป เอกํ สาลํ ¶ ปวิสิตฺวา อฏฺาสิ. มนุสฺสา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ¶ เอกมนฺเต ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ‘มาตาปิตโร โว กาลกตา’ติ มา จินฺตยิตฺถา’’ติ สตฺถารา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺติ. สตฺถา เต ‘‘มา เอวํ อวจุตฺถา’’ติ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ปริสาย อาสยํ โอโลเกตฺวา ตงฺขณานุรูปํ ธมฺมํ เทเสนฺโต –
‘‘อปฺปํ ¶ วต ชีวิตํ อิทํ,
โอรํ วสฺสสตาปิ มิยฺยติ;
โย เจปิ อติจฺจ ชีวติ,
อถ โส ชรสาปิ มิยฺยตี’’ติ. (สุ. นิ. ๘๑๐; มหานิ. ๓๙) –
อิทํ ชราสุตฺตํ กเถสิ. เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภิกฺขู พฺราหฺมณสฺส จ พฺราหฺมณิยา จ ปรินิพฺพุตภาวํ อชานนฺตา, ‘‘ภนฺเต, เตสํ โก อภิสมฺปราโย’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา, ‘‘ภิกฺขเว, เอวรูปานํ อเสขมุนีนํ อภิสมฺปราโย นาม นตฺถิ. เอวรูปา หิ อจฺจุตํ อมตํ มหานิพฺพานเมว ปาปุณนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อหึสกา เย มุนโย, นิจฺจํ กาเยน สํวุตา;
เต ยนฺติ อจฺจุตํ านํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ.
ตตฺถ ¶ มุนโยติ โมเนยฺยปฏิปทาย มคฺคผลปตฺตา อเสขมุนโย. กาเยนาติ เทสนามตฺตเมเวตํ, ตีหิปิ ทฺวาเรหิ สุสํวุตาติ อตฺโถ. อจฺจุตนฺติ สสฺสตํ. านนฺติ อกุปฺปฏฺานํ ธุวฏฺานํ. ยตฺถาติ ยสฺมึ นิพฺพาเน คนฺตฺวา น โสจเร น โสจนฺติ น วิหฺนฺติ, ตํ านํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
พุทฺธปิตุพฺราหฺมณวตฺถุ ปฺจมํ.
๖. ปุณฺณทาสีวตฺถุ
สทา ชาครมานานนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา คิชฺฌกูเฏ วิหรนฺโต ปุณฺณํ นาม ราชคหเสฏฺิโน ทาสึ อารพฺภ กเถสิ.
ตสฺสา ¶ กิร เอกทิวสํ โกฏฺฏนตฺถาย พหุวีหึ อทํสุ. สา รตฺติมฺปิ ทีปํ ชาเลตฺวา วีหึ โกฏฺเฏนฺตี วิสฺสมนตฺถาย เสทตินฺเตน คตฺเตน พหิวาเต อฏฺาสิ. ตสฺมึ สมเย ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต ¶ ภิกฺขูนํ เสนาสนปฺาปโก ¶ อโหสิ. โส ธมฺมสฺสวนํ สุตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เสนาสนํ คจฺฉนฺตานํ ภิกฺขูนํ องฺคุลึ ชาเลตฺวา ปุรโต ปุรโต มคฺคเทสนตฺถาย คจฺฉนฺโต ภิกฺขูนํ อาโลกํ นิมฺมินิ. ปุณฺณา เตนาโลเกน ปพฺพเต วิจรนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อหํ ตาว อตฺตโน ทุกฺเขน อุปทฺทุตา อิมายปิ เวลาย นิทฺทํ น อุเปมิ, ภทฺทนฺตา กึ การณา น นิทฺทายนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อทฺธา กสฺสจิ ภิกฺขุโน อผาสุกํ วา ภวิสฺสติ, ทีฆชาติเกน วา อุปทฺทโว ภวิสฺสตี’’ติ สฺํ กตฺวา ปาโตว กุณฺฑกํ อาทาย อุทเกน เตเมตฺวา หตฺถตเล ปูวํ กตฺวา องฺคาเรสุ ปจิตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา ติตฺถมคฺเค ขาทิสฺสามีติ ฆฏํ อาทาย ติตฺถาภิมุขี ปายาสิ. สตฺถาปิ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุํ ตเมว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
สา สตฺถารํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ สตฺถริ ทิฏฺเปิ มม เทยฺยธมฺโม น โหติ, เทยฺยธมฺเม สติ สตฺถารํ น ปสฺสามิ, อิทานิ เม เทยฺยธมฺโม จ อตฺถิ, สตฺถา จ สมฺมุขีภูโต. สเจ ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา คณฺเหยฺย, ทเทยฺยาหํ อิมํ ปูว’’นฺติ ฆฏํ เอกมนฺเต นิกฺขิปิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต ¶ , อิมํ ลูขํ ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺตา มม สงฺคหํ กโรถา’’ติ อาห. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกตฺวา เตน นีหริตฺวา ทินฺนํ มหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา ปูวํ คณฺหิ. ปุณฺณาปิ ตํ สตฺถุ ปตฺเต ปติฏฺเปตฺวาว ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺโมเยว เม สมิชฺฌตู’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ ิตโกว อนุโมทนํ อกาสิ.
ปุณฺณาปิ จินฺเตสิ – ‘‘กิฺจาปิ เม สตฺถา สงฺคหํ กโรนฺโต ปูวํ คณฺหิ, น ปนิทํ ขาทิสฺสติ. อทฺธา ปุรโต กากสฺส วา สุนขสฺส วา ทตฺวา รฺโ วา ราชปุตฺตสฺส วา เคหํ คนฺตฺวา ปณีตโภชนํ ภฺุชิสฺสตี’’ติ. สตฺถาปิ ‘‘กึ นุ โข เอสา จินฺเตสี’’ติ ตสฺสา จิตฺตาจารํ ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกตฺวา นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. เถโร จีวรํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. สตฺถา พหินคเรเยว นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ อกาสิ. เทวตา สกลจกฺกวาฬคพฺเภ เทวมนุสฺสานํ อุปกปฺปนกํ โอชํ มธุปฏลํ วิย ปีเฬตฺวา ¶ ตตฺถ ปกฺขิปึสุ. ปุณฺณา จ โอโลเกนฺตี อฏฺาสิ. ภตฺตกิจฺจาวสาเน เถโร อุทกํ อทาสิ. สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ ปุณฺณํ อามนฺเตตฺวา ‘‘กสฺมา ตฺวํ ปุณฺเณ มม ¶ สาวเก ปริภวสี’’ติ อาห. น ปริภวามิ, ภนฺเตติ. อถ ตยา มม สาวเก โอโลเกตฺวา กึ กถิตนฺติ? ‘‘อหํ ตาว อิมินา ทุกฺขุปทฺทเวน นิทฺทํ น อุเปมิ, ภทฺทนฺตา กิมตฺถํ นิทฺทํ น อุเปนฺติ, อทฺธา กสฺสจิ อผาสุกํ วา ภวิสฺสติ, ทีฆชาติเกน วา อุปทฺทโว ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺตกํ มยา, ภนฺเต, จินฺติตนฺติ. สตฺถา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ปุณฺเณ ตฺวํ น ตาว ทุกฺขุปทฺทเวน นิทฺทายสิ, มม สาวกา สทา ชาคริยมนุยุตฺตตาย น นิทฺทายนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สทา ¶ ชาครมานานํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินํ;
นิพฺพานํ อธิมุตฺตานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา’’ติ.
ตตฺถ อโหรตฺตานุสิกฺขินนฺติ ทิวา จ รตฺติฺจ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขมานานํ. นิพฺพานํ อธิมุตฺตานนฺติ นิพฺพานชฺฌาสยานํ. อตฺถํ คจฺฉนฺตีติ เอวรูปานํ สพฺเพปิ อาสวา อตฺถํ วินาสํ นตฺถิภาวํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ยถาิตา ปุณฺณา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
สตฺถา กุณฺฑกองฺคารปูเวน ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘ทุกฺกรํ ¶ , อาวุโส, สมฺมาสมฺพุทฺเธน กตํ ปุณฺณาย ทินฺเนน กุณฺฑกองฺคารปูเวน ภตฺตกิจฺจํ กโรนฺเตนา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มยา อิมาย ทินฺนกุณฺฑกํ ปริภุตฺตเมวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘ภุตฺวา ติณปริฆาสํ, ภุตฺวา อาจามกุณฺฑกํ;
เอตํ เต โภชนํ อาสิ, กสฺมา ทานิ น ภฺุชสิ.
‘‘ยตฺถ โปสํ น ชานนฺติ, ชาติยา วินเยน วา;
พหุํ ตตฺถ มหาพฺรหฺเม, อปิ อาจามกุณฺฑกํ.
‘‘ตฺวฺจ ¶ โข มํ ปชานาสิ, ยาทิสายํ หยุตฺตโม;
ชานนฺโต ชานมาคมฺม, น เต ภกฺขามิ กุณฺฑก’’นฺติ. (ชา. ๑.๓.๑๐-๑๒) –
อิมํ กุณฺฑกสินฺธวโปตกชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ.
ปุณฺณทาสีวตฺถุ ฉฏฺํ.
๗. อตุลอุปาสกวตฺถุ
โปราณเมตนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตุลํ นาม อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ.
โส หิ สาวตฺถิวาสี อุปาสโก ปฺจสตอุปาสกปริวาโร เอกทิวสํ ¶ เต อุปาสเก อาทาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ คนฺตฺวา เรวตตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสตุกาโม หุตฺวา เรวตตฺเถรํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. โส ปนายสฺมา ปฏิสลฺลานาราโม สีโห วิย เอกจาโร, ตสฺมา เตน สทฺธึ น กิฺจิ กเถสิ. โส ‘‘อยํ เถโร น กิฺจิ กเถสี’’ติ กุทฺโธ อุฏฺาย สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ ิโต เถเรน ‘‘เกนตฺเถน อาคตตฺถา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิเม อุปาสเก อาทาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย เรวตตฺเถรํ อุปสงฺกมึ, ตสฺส เม เถโร น กิฺจิ กเถสิ, สฺวาหํ ตสฺส กุชฺฌิตฺวา อิธาคโต, ธมฺมํ เม กเถถา’’ติ อาห. อถ เถโร ‘‘เตน หิ อุปาสกา นิสีทถา’’ติ วตฺวา พหุกํ กตฺวา อภิธมฺมกถํ กเถสิ. อุปาสโกปิ ‘‘อภิธมฺมกถา นาม อติสณฺหา, เถโร พหุํ อภิธมฺมเมว กเถสิ, อมฺหากํ อิมินา โก อตฺโถ’’ติ กุชฺฌิตฺวา ปริสํ อาทาย อานนฺทตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมาสิ.
เถเรนาปิ ‘‘กึ อุปาสกา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภนฺเต, มยํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย เรวตตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, ตสฺส สนฺติเก อาลาปสลฺลาปมตฺตมฺปิ อลภิตฺวา กุทฺธา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติกํ อคมิมฺหา, โสปิ โน อติสณฺหํ พหุํ อภิธมฺมเมว กเถสิ, ‘อิมินา อมฺหากํ โก อตฺโถ’ติ เอตสฺสาปิ กุชฺฌิตฺวา อิธาคมิมฺหา, กเถหิ โน, ภนฺเต, ธมฺมกถ’’นฺติ. เตน หิ นิสีทิตฺวา สุณาถาติ เถโร เตสํ สุวิฺเยฺยํ กตฺวา อปฺปกเมว ¶ ธมฺมํ กเถสิ. เต เถรสฺสปิ กุชฺฌิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อถ เน สตฺถา อาห – ‘‘กสฺมา ¶ อุปาสกา อาคตตฺถา’’ติ? ‘‘ธมฺมสฺสวนาย, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สุโต ปน โว ธมฺโม’’ติ? ‘‘ภนฺเต, มยํ อาทิโต เรวตตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, โส อมฺเหหิ สทฺธึ น กิฺจิ กเถสิ, ตสฺส กุชฺฌิตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, เตน โน พหุ อภิธมฺโม กถิโต, ตํ อสลฺลกฺเขตฺวา กุชฺฌิตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิมฺหา, เตน โน อปฺปมตฺตโกว ธมฺโม กถิโต, ตสฺสปิ กุชฺฌิตฺวา อิธาคตมฺหา’’ติ.
สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา, ‘‘อตุล, โปราณโต ปฏฺาย อาจิณฺณเมเวตํ, ตุณฺหีภูตมฺปิ พหุกถมฺปิ มนฺทกถมฺปิ ครหนฺติเยว. เอกนฺตํ ครหิตพฺโพเยว วา หิ ปสํสิตพฺโพเยว วา นตฺถิ ¶ . ราชาโนปิ เอกจฺเจ นินฺทนฺติ, เอกจฺเจ ปสํสนฺติ. มหาปถวิมฺปิ จนฺทิมสูริเยปิ อากาสาทโยปิ จตุปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตมฺปิ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอกจฺเจ ครหนฺติ, เอกจฺเจ ปสํสนฺติ. อนฺธพาลานฺหิ นินฺทา วา ปสํสา วา อปฺปมาณา, ปณฺฑิเตน ปน เมธาวินา นินฺทิโต นินฺทิโต นาม, ปสํสิโต จ ปสํสิโต นาม โหตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘โปราณเมตํ ¶ อตุล, เนตํ อชฺชตนามิว;
นินฺทนฺติ ตุณฺหิมาสีนํ, นินฺทนฺติ พหุภาณินํ;
มิตภาณิมฺปิ นินฺทนฺติ, นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต.
‘‘น จาหุ น จ ภวิสฺสติ, น เจตรหิ วิชฺชติ;
เอกนฺตํ นินฺทิโต โปโส, เอกนฺตํ วา ปสํสิโต.
‘‘ยํ เจ วิฺู ปสํสนฺติ, อนุวิจฺจ สุเว สุเว;
อจฺฉิทฺทวุตฺตึ เมธาวึ, ปฺาสีลสมาหิตํ.
‘‘นิกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, โก ตํ นินฺทิตุมรหติ;
เทวาปิ นํ ปสํสนฺติ, พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต’’ติ.
ตตฺถ โปราณเมตนฺติ ปุราณกํ เอตํ. อตุลาติ ตํ อุปาสกํ นาเมน อาลปติ. เนตํ อชฺชตนามิวาติ อิทํ นินฺทนํ วา ปสํสนํ วา อชฺชตนํ ¶ อธุนา อุปฺปนฺนํ วิย น โหติ. ตุณฺหิมาสีนนฺติ กึ เอโส มูโค วิย พธิโร วิย กิฺจิ อชานนฺโต วิย ตุณฺหี หุตฺวา นิสินฺโนติ นินฺทนฺติ. พหุภาณินนฺติ กึ เอส วาตาหตตาลปณฺณํ วิย ตฏตฏายติ, อิมสฺส กถาปริยนฺโตเยว นตฺถีติ นินฺทนฺติ. มิตภาณิมฺปีติ กึ ¶ เอส สุวณฺณหิรฺํ วิย อตฺตโน วจนํ มฺมาโน เอกํ วา ทฺเว วา วตฺวา ตุณฺหี อโหสีติ นินฺทนฺติ. เอวํ สพฺพถาปิ อิมสฺมึ โลเก อนินฺทิโต นาม นตฺถีติ อตฺโถ. น จาหูติ อตีเตปิ นาโหสิ, อนาคเตปิ น ภวิสฺสติ.
ยํ เจ วิฺูติ พาลานํ นินฺทา วา ปสํสา วา อปฺปมาณา, ยํ ปน ปณฺฑิตา ทิวเส ทิวเส อนุวิจฺจ นินฺทการณํ วา ปสํสการณํ วา ชานิตฺวา ปสํสนฺติ, อจฺฉิทฺทาย วา สิกฺขาย ¶ อจฺฉิทฺทาย วา ชีวิตวุตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา อจฺฉิทฺทวุตฺตึ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวึ โลกิยโลกุตฺตรปฺาย เจว จตุปาริสุทฺธิสีเลน จ สมนฺนาคตตฺตา ปฺาสีลสมาหิตํ ปสํสนฺติ, ตํ สุวณฺณโทสวิรหิตํ ฆฏฺฏนมชฺชนกฺขมํ ชมฺโพนทนิกฺขํ วิย โก นินฺทิตุมรหตีติ อตฺโถ. เทวาปีติ เทวตาปิ ปณฺฑิตมนุสฺสาปิ ตํ ภิกฺขุํ อุปฏฺาย โถเมนฺติ ปสํสนฺติ. พฺรหฺมุนาปีติ น เกวลํ เทวมนุสฺเสหิ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ มหาพฺรหฺมุนาปิ เอส ปสํสิโตเยวาติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ปฺจสตาปิ อุปาสกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.
อตุลอุปาสกวตฺถุ สตฺตมํ.
๘. ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ
กายปฺปโกปนฺติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ.
เอกทิวสฺหิ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เตสํ ฉพฺพคฺคิยานํ อุโภหิ หตฺเถหิ ยฏฺิโย คเหตฺวา กฏฺปาทุกา อารุยฺห ปิฏฺิปาสาเณ จงฺกมนฺตานํ ขฏขฏาติสทฺทํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, กึ สทฺโท นาเมโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ¶ ‘‘ฉพฺพคฺคิยานํ ปาทุกา อารุยฺห จงฺกมนฺตานํ ขฏขฏสทฺโท’’ติ สุตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา ‘‘ภิกฺขุนา นาม กายาทีนิ รกฺขิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘กายปฺปโกปํ รกฺเขยฺย, กาเยน สํวุโต สิยา;
กายทุจฺจริตํ หิตฺวา, กาเยน สุจริตํ จเร.
‘‘วจีปโกปํ รกฺเขยฺย, วาจาย สํวุโต สิยา;
วจีทุจฺจริตํ หิตฺวา, วาจาย สุจริตํ จเร.
‘‘มโนปโกปํ รกฺเขยฺย, มนสา สํวุโต สิยา;
มโนทุจฺจริตํ หิตฺวา, มนสา สุจริตํ จเร.
‘‘กาเยน ¶ สํวุตา ธีรา, อโถ วาจาย สํวุตา;
มนสา สํวุตา ธีรา, เต เว สุปริสํวุตา’’ติ.
ตตฺถ กายปฺปโกปนฺติ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ รกฺเขยฺย. กาเยน สํวุโตติ กายทฺวาเร ทุจฺจริตปเวสนํ นิวาเรตฺวา สํวุโต ปิหิตทฺวาโร สิยา. ยสฺมา ปน ¶ กายทุจฺจริตํ หิตฺวา กายสุจริตํ จรนฺโต อุภยมฺเปตํ กโรติ, ตสฺมา กายทุจฺจริตํ หิตฺวา, กาเยน สุจริตํ จเรติ วุตฺตํ. อนนฺตรคาถาสุปิ เอเสว นโย. กาเยน สํวุตา ธีราติ เย ปณฺฑิตา ปาณาติปาตาทีนิ อกโรนฺตา กาเยน, มุสาวาทาทีนิ อกโรนฺตา วาจาย, อภิชฺฌาทีนิ อสมุฏฺเปนฺตา มนสา สํวุตา, เต อิธ โลกสฺมึ สุสํวุตา สุรกฺขิตา สุโคปิตา สุปิหิตทฺวาราติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสูติ.
ฉพฺพคฺคิยวตฺถุ อฏฺมํ.
โกธวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
สตฺตรสโม วคฺโค.
๑๘. มลวคฺโค
๑. โคฆาตกปุตฺตวตฺถุ
ปณฺฑุปลาโสว ¶ ¶ ¶ ทานิสีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โคฆาตกปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
สาวตฺถิยํ กิเรโก โคฆาตโก คาโว วธิตฺวา วรมํสานิ คเหตฺวา ปจาเปตฺวา ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ นิสีทิตฺวา มํสฺจ ขาทติ, มูเลน จ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส เอวํ ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ โคฆาตกกมฺมํ กโรนฺโต ธุรวิหาเร วิหรนฺตสฺส สตฺถุ เอกทิวสมฺปิ กฏจฺฉุมตฺตมฺปิ ยาคุํ วา ภตฺตํ วา น อทาสิ. โส จ วินา มํเสน ภตฺตํ น ภฺุชติ. โส เอกทิวสํ ทิวสภาเค มํสํ วิกฺกิณิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปจิตุํ เอกํ มํสขณฺฑํ ภริยาย ทตฺวา นฺหายิตุํ อคมาสิ. อถสฺส สหายโก เคหํ คนฺตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘โถกํ เม วิกฺกิณิยมํสํ เทหิ, เคหํ ¶ เม ปาหุนโก อาคโต’’ติ. นตฺถิ วิกฺกิณิยมํสํ, สหายโก เต มํสํ วิกฺกิณิตฺวา อิทานิ นฺหายิตุํ คโตติ. มา เอวํ กริ, สเจ มํสขณฺฑํ อตฺถิ, เทหีติ. สหายกสฺส เต นิกฺขิตฺตมํสํ เปตฺวา อฺํ นตฺถีติ. โส ‘‘สหายกสฺส เม อตฺถาย ปิตมํสโต อฺํ มํสํ นตฺถิ, โส จ วินา มํเสน น ภฺุชติ, นายํ ทสฺสตี’’ติ สามํเยว ตํ มํสํ คเหตฺวา ปกฺกามิ.
โคฆาตโกปิ นฺหตฺวา อาคโต ตาย อตฺตโน ปกฺกปณฺเณน สทฺธึ วฑฺเฒตฺวา ภตฺเต อุปนีเต อาห ‘‘กหํ มํส’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, สามี’’ติ. นนุ อหํ ปจฺจนตฺถาย มํสํ ทตฺวา คโตติ. ตว สหายโก อาคนฺตฺวา ‘‘ปาหุนโก เม อาคโต, วิกฺกิณิยมํสํ เทหี’’ติ วตฺวา มยา ‘‘สหายกสฺส เต ปิตมํสโต อฺํ มํสํ นตฺถิ, โส จ วินา มํเสน น ภฺุชตี’’ติ วุตฺเตปิ พลกฺกาเรน ตํ มํสํ สามํเยว คเหตฺวา คโตติ. อหํ วินา มํเสน ภตฺตํ น ภฺุชามิ, หราหิ นนฺติ. กึ สกฺกา กาตุํ, ภฺุช, สามีติ. โส ‘‘นาหํ ภฺุชามี’’ติ ตํ ภตฺตํ หราเปตฺวา สตฺถํ อาทาย ปจฺฉาเคเห ิโต โคโณ อตฺถิ, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา มุเข หตฺถํ ปกฺขิปิตฺวา ชิวฺหํ นีหริตฺวา สตฺเถน มูเล ¶ ฉินฺทิตฺวา อาทาย คนฺตฺวา องฺคาเรสุ ปจาเปตฺวา ภตฺตมตฺถเก ¶ เปตฺวา นิสินฺโน เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ ภฺุชิตฺวา เอกํ มํสขณฺฑํ มุเข เปสิ. ตงฺขณฺเวสฺส ¶ ชิวฺหา ฉิชฺชิตฺวา ภตฺตปาติยํ ปติ. ตงฺขณฺเว กมฺมสริกฺขกํ วิปากํ ลภิ. โสปิ โข โคโณ วิย โลหิตธาราย มุขโต ปคฺฆรนฺติยา อนฺโตเคหํ ปวิสิตฺวา ชณฺณุเกหิ วิจรนฺโต วิรวิ.
ตสฺมึ สมเย โคฆาตกสฺส ปุตฺโต ปิตรํ โอโลเกนฺโต สมีเป ิโต โหติ. อถ นํ มาตา อาห – ‘‘ปสฺส, ปุตฺต, อิมํ โคฆาตกํ โคณํ วิย เคหมชฺเฌ ชณฺณุเกหิ วิจริตฺวา วิรวนฺตํ, อิทํ ทุกฺขํ ตว มตฺถเก ปติสฺสติ, มมมฺปิ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน โสตฺถึ กโรนฺโต ปลายสฺสู’’ติ. โส มรณภยตชฺชิโต มาตรํ วนฺทิตฺวา ปลายิ, ปลายิตฺวา จ ปน ตกฺกสิลํ อคมาสิ. โคฆาตโกปิ โคโณ วิย เคหมชฺเฌ วิรวนฺโต วิจริตฺวา กาลกโต อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. โคโณปิ กาลมกาสิ. โคฆาตกปุตฺโตปิ ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สุวณฺณการกมฺมํ อุคฺคณฺหิ. อถสฺสาจริโย คามํ คจฺฉนฺโต ‘‘เอวรูปํ นาม อลงฺการํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. โสปิ ตถารูปํ อลงฺการํ อกาสิ. อถสฺสาจริโย อาคนฺตฺวา อลงฺการํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ยตฺถ กตฺถจิ คนฺตฺวา ชีวิตุํ สมตฺโถ’’ติ วยปฺปตฺตํ อตฺตโน ธีตรํ อทาสิ. โส ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒิ.
อถสฺส ปุตฺตา วยปฺปตฺตา สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค สาวตฺถิยํ คนฺตฺวา ตตฺถ ฆราวาสํ สณฺเปตฺวา วสนฺตา สทฺธา ปสนฺนา อเหสุํ. ปิตาปิ เนสํ ตกฺกสิลายํ กิฺจิ กุสลํ อกตฺวาว ชรํ ¶ ปาปุณิ. อถสฺส ปุตฺตา ‘‘ปิตา โน มหลฺลโก’’ติ อตฺตโน สนฺติกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ปิตุ อตฺถาย ทานํ ทสฺสามา’’ติ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺตยึสุ. เต ปุนทิวเส อนฺโตเคเห พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน สตฺถารํ อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺเหหิ อิทํ ปิตุ ชีวภตฺตํ ทินฺนํ, ปิตุ โน อนุโมทนํ กโรถา’’ติ. สตฺถา ตํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘อุปาสก, ตฺวํ มหลฺลโก ปริปกฺกสรีโร ปณฺฑุปลาสสทิโส, ตว ปรโลกคมนาย กุสลปาเถยฺยํ นตฺถิ, อตฺตโน ปติฏฺํ กโรหิ, ปณฺฑิโต ภว, มา พาโล’’ติ อนุโมทนํ กโรนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ปณฺฑุปลาโสว ¶ ทานิสิ,
ยมปุริสาปิ จ เต อุปฏฺิตา;
อุยฺโยคมุเข จ ติฏฺสิ,
ปาเถยฺยมฺปิ จ เต น วิชฺชติ.
‘‘โส ¶ กโรหิ ทีปมตฺตโน,
ขิปฺปํ วายม ปณฺฑิโต ภว;
นิทฺธนฺตมโล อนงฺคโณ,
ทิพฺพํ อริยภูมึ อุเปหิสี’’ติ.
ตตฺถ ปณฺฑุปลาโสว ทานิสีติ, อุปาสก, ตฺวํ อิทานิ ฉิชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปติตปณฺฑุปลาโส วิย อโหสิ. ยมปุริสาติ ยมทูตา วุจฺจนฺติ, อิทํ ปน มรณเมว สนฺธาย วุตฺตํ, มรณํ เต ปจฺจุปฏฺิตนฺติ อตฺโถ. อุยฺโยคมุเขติ ปริหานิมุเข, อวุฑฺฒิมุเข จ ิโตสีติ อตฺโถ. ปาเถยฺยนฺติ คมิกสฺส ตณฺฑุลาทิปาเถยฺยํ ¶ วิย ปรโลกํ คจฺฉนฺตสฺส ตว กุสลปาเถยฺยมฺปิ นตฺถีติ อตฺโถ. โส กโรหีติ โส ตฺวํ สมุทฺเท นาวาย ภินฺนาย ทีปสงฺขาตํ ปติฏฺํ วิย อตฺตโน กุสลปติฏฺํ กโรหิ. กโรนฺโต จ ขิปฺปํ วายม, สีฆํ สีฆํ วีริยํ อารภ, อตฺตโน กุสลกมฺมปติฏฺกรเณน ปณฺฑิโต ภว. โย หิ มรณมุขํ อปฺปตฺวา กาตุํ สมตฺถกาเลว กุสลํ กโรติ, เอส ปณฺฑิโต นาม, ตาทิโส ภว, มา อนฺธพาโลติ อตฺโถ. ทิพฺพํ อริยภูมินฺติ เอวํ วีริยํ กโรนฺโต ราคาทีนํ มลานํ นีหฏตาย นิทฺธนฺตมโล องฺคณาภาเวน อนงฺคโณ นิกฺกิเลโส หุตฺวา ปฺจวิธํ สุทฺธาวาสภูมึ ปาปุณิสฺสสีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตานมฺปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
เต ปุนทิวสตฺถายปิ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ สตฺถารํ อนุโมทนกาเล อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อิทมฺปิ อมฺหากํ ปิตุ ชีวภตฺตเมว, อิมสฺเสว อนุโมทนํ กโรถา’’ติ. สตฺถา ตสฺส อนุโมทนํ กโรนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
สมฺปยาโตสิ ยมสฺส สนฺติกํ;
วาโส เต นตฺถิ อนฺตรา,
ปาเถยฺยมฺปิ จ เต น วิชฺชติ.
‘‘โส กโรหิ ทีปมตฺตโน,
ขิปฺปํ วายม ปณฺฑิโต ภว;
นิทฺธนฺตมโล ¶ อนงฺคโณ,
น ปุน ชาติชรํ อุเปหิสี’’ติ.
ตตฺถ อุปนีตวโยติ อุปาติ นิปาตมตฺตํ, นีตวโยติ วิคตวโย อติกฺกนฺตวโย, ตฺวฺจสิ ทานิ ตโย วเย อติกฺกมิตฺวา มรณมุเข ิโตติ อตฺโถ. สมฺปยาโตสิ ยมสฺส สนฺติกนฺติ มรณมุขํ คนฺตุํ สชฺโช หุตฺวา ิโตสีติ อตฺโถ. วาโส เต นตฺถิ อนฺตราติ ยถา มคฺคํ คจฺฉนฺตา ตานิ ตานิ กิจฺจานิ กโรนฺตา อนฺตรามคฺเค วสนฺติ, น เอวํ ปรโลกํ คจฺฉนฺตา. น หิ สกฺกา ปรโลกํ คจฺฉนฺเตน ‘‘อธิวาเสถ กติปาหํ, ทานํ ตาว เทมิ, ธมฺมํ ตาว สุณามี’’ติอาทีนิ วตฺตุํ. อิโต ปน จวิตฺวา ปรโลเก นิพฺพตฺโตว โหติ. อิมมตฺถํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ปาเถยฺยนฺติ อิทํ กิฺจาปิ เหฏฺา วุตฺตเมว, อุปาสกสฺส ปน ปุนปฺปุนํ ทฬฺหีกรณตฺถํ อิธาปิ สตฺถารา กถิตํ. ชาติชรนฺติ เอตฺถ ¶ พฺยาธิมรณานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ. เหฏฺิมคาถาหิ จ อนาคามิมคฺโค กถิโต, อิธ อรหตฺตมคฺโค กถิโต. เอวํ สนฺเตปิ ยถา นาม รฺา อตฺตโน มุขปมาเณน กพฬํ วฑฺเฒตฺวา ปุตฺตสฺส อุปนีเต โส กุมาโร อตฺตโน มุขปมาเณเนว คณฺหาติ, เอวเมว สตฺถารา อุปริมคฺควเสน ธมฺเม เทสิเตปิ อุปาสโก อตฺตโน อุปนิสฺสยวเสน เหฏฺา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อิมิสฺสา อนุโมทนาย อวสาเน อนาคามิผลํ ปตฺโต. เสสปริสายปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
โคฆาตกปุตฺตวตฺถุ ปมํ.
๒. อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ
อนุปุพฺเพนาติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ.
โส กิร เอกทิวสํ ปาโตว นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขูนํ จีวรปารุปนฏฺาเน ภิกฺขู จีวรํ ปารุปนฺเต โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตํ ปน านํ วิรูฬฺหติณํ โหติ. อเถกสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ ปารุปนฺตสฺส จีวรกณฺโณ ติเณสุ ปวฏฺเฏนฺโต อุสฺสาวพินฺทูหิ เตมิ. พฺราหฺมโณ ‘‘อิมํ านํ ¶ อปฺปหริตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุนทิวเส กุทฺทาลํ อาทาย คนฺตฺวา ตํ านํ ตจฺเฉตฺวา ขลมณฺฑลสทิสํ อกาสิ. ปุนทิวเสปิ ตํ านํ อาคนฺตฺวา ภิกฺขูสุ จีวรํ ปารุปนฺเตสุ เอกสฺส ¶ จีวรกณฺณํ ภูมิยํ ปติตฺวา ปํสุมฺหิ ปวฏฺฏมานํ ทิสฺวา ‘‘อิธ วาลุกํ โอกิริตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา วาลุกํ อาหริตฺวา โอกิริ.
อเถกทิวสํ ปุเรภตฺตํ จณฺโฑ อาตโป อโหสิ, ตทาปิ ภิกฺขูนํ จีวรํ ปารุปนฺตานํ คตฺตโต เสเท มุจฺจนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิธ มยา มณฺฑปํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา มณฺฑปํ กาเรสิ. ปุนทิวเส ปาโตว วสฺสํ วสฺสิ, วทฺทลิกํ อโหสิ. ตทาปิ พฺราหฺมโณ ภิกฺขู โอโลเกนฺโตว ิโต ตินฺตจีวรเก ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘เอตฺถ มยา สาลํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ สาลํ กาเรตฺวา ‘‘อิทานิ สาลมหํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ¶ นิมนฺเตตฺวา อนฺโต จ พหิ จ ภิกฺขู นิสีทาเปตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนตฺถาย สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อหํ ภิกฺขูนํ จีวรปารุปนกาเล อิมสฺมึ าเน โอโลเกนฺโต ิโต อิทฺจิทฺจ ทิสฺวา อิทฺจิทฺจ กาเรสิ’’นฺติ อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา, ‘‘พฺราหฺมณ, ปณฺฑิตา นาม ขเณ ขเณ โถกํ กุสลํ กโรนฺตา อนุปุพฺเพน อตฺตโน อกุสลมลํ นีหรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อนุปุพฺเพน เมธาวี, โถกํ โถกํ ขเณ ขเณ;
กมฺมาโร รชตสฺเสว, นิทฺธเม มลมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ อนุปุพฺเพนาติ อนุปฏิปาฏิยา. เมธาวีติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต. ขเณ ขเณติ โอกาเส โอกาเส กุสลํ กโรนฺโต. กมฺมาโร รชตสฺเสวาติ ยถา สุวณฺณกาโร เอกวารเมว สุวณฺณํ ตาเปตฺวา โกฏฺเฏตฺวา มลํ นีหริตฺวา ปิลนฺธนวิกตึ กาตุํ น สกฺโกติ ¶ , ปุนปฺปุนํ ตาเปนฺโต โกฏฺเฏนฺโต ปน มลํ นีหรติ, ตโต อเนกวิธํ ปิลนฺธนวิกตึ กโรติ, เอวเมว ปุนปฺปุนํ กุสลํ กโรนฺโต ปณฺฑิโต อตฺตโน ราคาทิมลํ นิทฺธเมยฺย, เอวํ นิทฺธนฺตมโล นิกฺกิเลโสว โหตีติ อตฺโถ.
เทสนาวสาเน ¶ พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺติ, มหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา อโหสีติ.
อฺตรพฺราหฺมณวตฺถุ ทุติยํ.
๓. ติสฺสตฺเถรวตฺถุ
อยสาว ¶ มลนฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ติสฺสตฺเถรํ นาม ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.
เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ติสฺสตฺเถโรติ ปฺายิ. โส อปรภาเค ชนปทวิหาเร วสฺสูปคโต อฏฺหตฺถกํ ถูลสาฏกํ ลภิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา ตํ อาทาย คนฺตฺวา ภคินิยา หตฺเถ เปสิ. สา ‘‘น เม เอโส สาฏโก ภาตุ อนุจฺฉวิโก’’ติ ตํ ติขิณาย วาสิยา ฉินฺทิตฺวา หีรหีรํ กตฺวา อุทุกฺขเล โกฏฺเฏตฺวา ปวิเสตฺวา โปเถตฺวา วฏฺเฏตฺวา สุขุมสุตฺตํ กนฺติตฺวา สาฏกํ วายาเปสิ. เถโรปิ สุตฺตฺเจว สูจิโย จ สํวิทหิตฺวา จีวรการเก ทหรสามเณเร สนฺนิปาเตตฺวา ภคินิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตํ ¶ เม สาฏกํ เทถ, จีวรํ กาเรสฺสามี’’ติ อาห. สา นวหตฺถํ สาฏกํ นีหริตฺวา กนิฏฺภาติกสฺส หตฺเถ เปสิ. โส ตํ คเหตฺวา วิตฺถาเรตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘มม สาฏโก ถูโล อฏฺหตฺโถ, อยํ สุขุโม นวหตฺโถ. นายํ มม สาฏโก, ตุมฺหากํ เอส, น เม อิมินา อตฺโถ, ตเมว เม เทถา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากเมว เอโส, คณฺหถ น’’นฺติ? โส เนว อิจฺฉิ. อถสฺส อตฺตนา กตกิจฺจํ สพฺพํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากเมเวส, คณฺหถ น’’นฺติ อทาสิ. โส ตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา จีวรกมฺมํ ปฏฺเปสิ.
อถสฺส ¶ ภคินี จีวรการานํ อตฺถาย ยาคุภตฺตาทีนิ สมฺปาเทสิ. จีวรสฺส นิฏฺิตทิวเส ปน อติเรกสกฺการํ กาเรสิ. โส จีวรํ โอโลเกตฺวา ตสฺมึ อุปฺปนฺนสิเนโห ‘‘สฺเว ทานิ นํ ปารุปิสฺสามี’’ติ สํหริตฺวา จีวรวํเส เปตฺวา ตํ รตฺตึ ภุตฺตาหารํ ชิราเปตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํ กตฺวา ตสฺมึเยว จีวเร อูกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ภคินีปิสฺส กาลกิริยํ สุตฺวา ภิกฺขูนํ ปาเทสุ ปวตฺตมานา โรทิ. ภิกฺขู ตสฺส สรีรกิจฺจํ กตฺวา คิลานุปฏฺากสฺส อภาเวน สงฺฆสฺเสว ตํ ปาปุณาติ. ‘‘ภาเชสฺสาม น’’นฺติ ตํ จีวรํ นีหราเปสุํ. สา อูกา ‘‘อิเม มม สนฺตกํ วิลุมฺปนฺตี’’ติ วิรวนฺตี อิโต จิโต จ สนฺธาวิ. สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ทิพฺพาย โสตธาตุยา ตํ สทฺทํ สุตฺวา, ‘‘อานนฺท, ติสฺสสฺส จีวรํ อภาเชตฺวา สตฺตาหํ นิกฺขิปิตุํ วเทหี’’ติ อาห. เถโร ตถา กาเรสิ. สาปิ สตฺตเม ทิวเส กาลํ กตฺวา ตุสิตวิมาเน นิพฺพตฺติ. สตฺถา ¶ ‘‘อฏฺเม ทิวเส ติสฺสสฺส จีวรํ ภาเชตฺวา คณฺหถา’’ติ อาณาเปสิ. ภิกฺขู ตถา กรึสุ.
ภิกฺขู ¶ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กสฺมา นุ โข สตฺถา ติสฺสสฺส จีวรํ สตฺต ทิวเส ปาเปตฺวา อฏฺเม ทิวเส คณฺหิตุํ อนุชานี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, ติสฺโส อตฺตโน จีวเร อูกา หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ตุมฺเหหิ ตสฺมึ ภาชิยมาเน ‘อิเม มม สนฺตกํ วิลุมฺปนฺตี’ติ วิรวนฺตี อ